วังสวาท
ตอนที่32
ผมใช้ชีวิตอยู่ที่นี้มาเดือนนึงแล้วสินะ ตอนนี้ผมท้อง6เดือนแล้ว เพิ่งไปหาหมอมาเมื่อวันก่อน หมอบอกว่าเด็กแข็งแรงเหมือนเดิม อีก3เดือนแล้วสินะที่ผมจะได้เจอหน้าลูก
“อีกไม่นานนะลูก เราจะได้เจอกันแล้ว”
ผมพูดพลางลบหน้าท้องตัวเองไปด้วย ตอนนี้หน้าท้องผมโตมากขึ้นเยอะ ทำให้มีอาการปวดหลังบ้าง
“กลับมาแล้วครับ”
เสียงวินดังมาพร้อมเสียงเปิดประตูห้อง วินเดินเข้ามานั่งที่โซฟาข้างผมล้มตัวนอนบนตักผม ผมสะบัดเล็กน้อยแต่วินก็ไม่สนใจนอนต่อ
“พ่อคิดถึงลูกกับแม่มากเลย ลูกคิดถึงพ่อไหมครับ”
วินพูดไปด้วยลูบหน้าท้องไปด้วย จนผมรู้สึกถึงเจ้าตัวเล็กในท้องถีบเบาๆ
“เพชรได้ยินไหม ลูกถีบด้วย ลูกต้องแข็งแรงมากเลย”
วินพูดจบเงยหน้าขึ้นมาดูผม ผมยิ้มให้วินนิดๆไม่ตอบอะไร ตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา หลังจากเลิกงานวินจะรีบกลับบ้านแล้วมานอนตักผมแล้วคุยกับลูกทุกวัน เขาสามารถพูดกับเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในท้องผมได้เยอะแยะ เล่าเรื่องนู้นเรื่องนี้ให้ฟัง บางครั้งผมก็อดจะคิดไม่ได้ว่าเขาก็อยากให้ผมรับรู้เหมือนกัน
“ลุกขึ้นเถอะ ฉันหิวแล้ว”
ผมพูดจบวินก็ลุกขึ้นทันที แล้วเราสองคนก็ไปกินอาหารที่ผมจัดไว้ทุกวัน กิจวัตรแบบนี้เป็นไปได้หนึ่งเดือนแล้ว เรากินข้าวเช้า ข้าวเย็นด้วยกันทุกวัน เราสองคนกินไปเงียบๆไม่พูดอะไรมากมาย ผมกลับไม่รู้สึกอึดอัด บางทีความเงียบก็ดีในตอนนี้
“เพชรไม่ต้องล้างหรอก เดี๋ยววินล้างจานเอง”
วินพูดจบผมก็เดินไปเปิดทีวีดูแทน จริงๆวินจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดอาทิตย์ละครั้ง เขาไม่อยากให้ผมทำอะไร แต่เรื่องล้างจานผมดองเอาไว้ไม่ได้จริงๆ เลยล้างเองทุกวันจนชิน มีบางวันวินช่วยบ้าง หรือเขาอยากจะล้างเองผมก็ไม่ขัด ดีซะอีกไม่เหนื่อย
“อ๊อด !!”
มีเสียงออดดังขึ้นที่ประตูผมเลยเดินไปประตูเจอพี่หยก พี่ก้อง และน้องพียืนยิ้มอยู่
“เข้ามาสิครับ”
ผมเชิญทั้งสามคนเข้ามาในห้องก่อน ตลอดเวลาที่ผมอยู่ที่นี้พี่หยกจะมาหาผมบ่อยมาก เพราะเราสองคนว่างเหมือนกัน พี่หยกเลยมาช่วยแนะนำเรื่องเลี้ยงลูกบ้าง
“น้าเพชรครับ วันนี้คุณพ่อซื้อของเล่นให้น้องพีใหม่ด้วย”
น้องพีหันมาโม้ของเล่นใหม่กับผมทันที
“ไหนครับ วู้ว แปลงร่างได้ด้วย”
ของเล่นที่ว่าเป็นหุ่นยนต์ทรานฟอร์เมอร์ ที่สามารถแปลงร่างจากรถเป็นหุ่นยนต์ได้
“ใช่ครับ ทรานฟอร์เมอร์ไงครับ”
น้องพีเอียงคอมองผม สงสัยคิดว่าผมไม่รู้จัก ฮ่าๆ
“ครับผม”
ผมยิ้มให้น้องพี ผมกับน้องพีและพี่หยกนั่งเล่นกันหน้าทีวีไปเรื่อยๆ หันไปอีกก็เจอพี่ก้องกับวินยืนคุยกันที่ระเบียง
“น้องเพชรกับวินเป็นไงบ้าง”
พี่หยกหันมาถามผม เพราะตอนนี้น้องพีไปสนใจการ์ตูนแทนของเล่นแล้ว
“ก็เรื่อยๆครับ”
ผมตอบพร้อมยิ้มให้พี่หยกอ่อนๆ
“วินดูรักและแคร์น้องเพชรมากเลยนะ พี่รู้จักกับวินมานาน วินไม่เคยแคร์ใครขนาดนี้มาก่อนเลย”
“เหรอครับ”
ผมตอบแค่นั้นไม่รู้จะตอบอะไรดีเหมือนกัน
“พี่ไม่รู้หรอกนะว่าเพชรกับวินมีปัญหาอะไรกัน แต่ถ้าเพื่อเจ้าตัวเล็กแล้ว พี่ว่าควรทำให้เจ้าตัวเล็กมีความสุขที่สุดนะ”
พี่หยกพูดพร้อมยิ้มให้ผมอย่างเอ็นดู
“เพชรไม่รู้สิครับ เพชรไม่รู้จะตอบยังไงดีเหมือนกัน”
พี่ตองพี่หยกไปอย่างสับสน ทุกครั้งที่วินทำดีด้วยผมรู้สึกดีนะ แต่บางครั้งภาพในอดีตวันวานที่เขาเคยทำร้ายผมมันกลับเวียนเข้ามาในหัวผมอีก แล้วอีกอย่างผมก็ไม่สามารถตอบได้จริงๆว่าลืมพี่อาทิตย์ได้แล้วหรือยัง
“แล้วเวลาจะพิสูจน์ทุกอย่างเอง พี่ขออย่างเดียวเพชรอย่าปิดกั้นตัวเองก็พอ”
ผมยิ้มรับคำพูดพี่หยก
“คุณแม่ครับกลับกันเถอะ พีง่วงแล้ว”
น้องพีดังขึ้นพร้อมตาปรือเต็มที่ สงสัยจะง่วงแล้วจริงๆ
“ก้อง กลับกันเถอะ น้องพีง่วงแล้ว”
พี่หยกเรียกพี่ก้องที่ยืนอยู่ที่ระเบียง
“อื้มๆ น้องพีง่วงแล้วหรอครับ”
พี่ก้องรับคำแล้วเดินมาอุ้มน้องพีทันที
“น้องพีง่วงแล้วครับคุณพ่อ”
น้องพีพูดจบซบตรงไหล่พี่ก้องทันที ผมยิ้มให้กับน้องพีอย่างเอ็นดู อีกไม่นานแล้วสินะลูกของผมก็จะได้เจอกันแล้ว
“พี่ไปก่อนนะเพชร”
พี่หยกหันมายิ้มกับผมแล้วเดินออกจาห้องไปพร้อมพี่ก้องที่อุ้มน้องพีออกตามไป เมื่อทั้งสองเดินออกแล้วผมเลยเดินเข้าห้องไปอาบน้ำ ผมปล่อยให้ความคิดทุกอย่างไหลไปกับสายน้ำ อีกไม่นานก็เช้าแล้วเพชร
...
วันนี้ก็เป็นอย่างเช่นทุกวัน วินไปทำงานแล้วผมนั่งดูทีวีไปเรื่อยๆ โทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น
“กริ๊ง !!”
ผมมองเบอร์ที่หน้าจออย่างแปลกใจ
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีเพชร สบายดีไหม”
พี่อาทิตย์ เสียงพี่อาทิตย์ ผมดีใจจนยิ้มกว้างออกมา
“พี่อาทิตย์ใช่ไหม พี่อาทิตย์ใช่ไหม”
ผมพยายามควบคุมตัวเองๆม่ให้เสียงสั่น
“พี่เองเพชร เป็นไงบ้าง เรายังไม่ตอบพี่เลย”
“เพชรสบายดีครับ พี่อาทิตย์ละ”
ผมถามอย่างดีใจ พี่อาทิตย์ติดต่อกลับมาหาผมในรอบ3เดือน
“พี่สบายดีครับ เป็นไงเราท้องกี่เดือนแล้ว”
คำถามพี่อาทิตย์ทำเอาผมจี๊ดในใจ
“6เดือนแล้วครับ”
“เป็นไงพี่วินดูแลเพชรดีไหม”
“ก็ ดีมั้งครับ ฮ่าๆ”
ผมพยายามหัวเราะกลบเกลื่อนเพราะไม่รู้จะตอบยังไงดี
“เอ๊ะ! ยังไง ช่างเถอะ เพชรสบายดีพี่ก็ดีใจแล้ว อีก3เดือนพี่กลับไทย เพชรคงคลอดพอดี พี่ได้ไปดูหน้าหลานด้วย แล้วเจอกันนะครับ”
“ครับ เพชรจะรอนะครับ”
ผมยิ้มอย่างดีใจ พี่อาทิตย์จะกลับมาแล้ว พี่อาทิตย์วางสายไปตั้งนานแล้วแต่ผมยังถือโทรศัพท์ไว้อย่างนั้น ความรู้สึกดีใจมันบอกไม่ถูกจริงๆ ไม่นานนักก็มีเสียงมาปลุกผมจากภวังค์
“กรี๊ง !”
ผมมองโทรศัพท์รอบนี้วินโทรมา ชื่อที่เมมไว้บนหน้าจอทำเอาผมชะงัก นี้คือความจริงที่ผมเป็นอยู่สินะ
“ฮัลโหล”
“ฮัลโหลเพชร ทำอะไรอยู่รับสายช้าจังเลย”
“เอ่อ พอดีฉันเข้าห้องน้ำหน่ะ”
“อ๋อ ฉันจะโทรมาบอกวันนี้ไม่ต้องรอกินข้าวนะ ฉันจะไปกินกับลูกค้า อาจจะกลับดึกหน่อย”
“โอเค”
“เอ่อ วินคิดถึงเพชรและลูกนะ แล้วจะรีบกลับ”
“อื้ม”
“แค่นี้นะ”
“อื้ม”
วินวางสายไปแล้ว ผมยังถือโทรศัพท์ไว้อย่างนั้น วินคือคนที่ผมอยู่ด้วยตอนนี้สินะ เขาคือพ่อของลูกผมสินะ
…………………………………………………………………………….
เป็นอีกวันที่ผมต้องกินข้าวตอนเย็นคนเดียว มันเป็นแบบนี้มาอาทิตย์นึงแล้ว วินกลับบ้านช้าทุกวัน ไม่ต่ำกว่า3ทุ่ม เขาบอกว่าไปกินข้าวกับลูกค้าบ้าง มีประชุมบ้าง แรกๆผมก็ไม่คิดอะไรหรอกบางทีเขาอาจจะทำงานหนัก แต่วันนี้5ทุ่มแล้ว วินก็ยังไม่กลับ อะไรจะดึกขนาดนั้น กินข้าวอะไรกันถึงดึกขนาดนี้
“กริ๊ง !!”
เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น ผมมองเบอร์แปลกอีกแล้วที่โทรมา
“ฮัลโหล”
“หึหึ นังหน้าโง่ ผัวแกอยู่ใครก็ไม่รู้ที่ผับXOX ถ้าไม่อยากหน้าโง่ก็รีบมาดูกับตาตัวเองซะ จะได้เลิกโง่สักที”
ผมไม่ทันตอบอีกฝ่ายก็วางสายไป พอโทรกลับไปอีกฝ่ายก็ปิดเครื่องแล้ว
“อะไรกัน”
ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆ ผมพยายามบอกตัวเองใจเย็นๆ แต่ใจผมกลับไม่เย็นลงเลย ไหนบอกว่าหยุดแล้ว เลิกเจ้าชู้แล้วไง นี้เหรอคำพูดของผู้ชายอย่างนายอาชวิน ผมต้องไปให้เห็นกับตา ผมไม่สนใจหรอกว่ามันเป็นแผนหรืออะไรรึเปล่า ก็ดีเหมือนกันจะรู้ได้กันไปว่าเป็นไง
ผมแต่งตัวใหม่แล้วเดินออกมาหน้าคอนโดโบกแท็กซี่ไปที่ผับนั้นทันที ผมเข้าไปในผับอย่างง่ายดาย ง่ายดายเกินไป ทำไมการ์ดไม่ถาม ไม่สงสัยอะไรเลย
ผมมองพยายามมองหาวินในผับ ผับที่นี้ค่อนข้างหรู คนที่มาก็ค่อนข้างมีระดับ ผมยืนอยู่ได้ไม่นานก็มีเด็กเสิร์ฟเอาน็ตมาให้แล้วหายไปกับกลุ่มคนทันที
**ผัวแกอยู่ชั้น2 ห้อง202 ไปดูสินังโง่**
สำนวนแบบนี้ คำพูดแบบนี้มีอยู่คนเดียว คุณหญิงนีรนุช ผมยิ้มขึ้นทันที ไม่จบใช่ไหม ได้ เล่นเกมส์กับแกสักหน่อย อยากรู้เหมือนกันว่าผมจะเจออะไร ผมมองดูตามถามเดินเหมือนทุกอย่างจงใจเกินไป ดูจัดฉากเกินไปทางที่เดินไปชั้นสองว่างมาก คนกลับไปอยู่ที่อีกฝั่งแน่น ทุกอย่างดูจงใจเกินไป ผมเลี่ยงเดินเข้าห้องน้ำไปก่อน ผมเข้ามาในห้องน้ำผู้หญิงแทนห้องน้ำผู้ชาย สภาพผมตอนนี้เข้าห้องน้ำชายคงแปลกไป ผมยืนมองตัวเองในกระจกแล้วครุ่นคิด คิดสิคิด อย่าเอาความโมโหมาบังตาแกเพชร
“แกรู้ไหม นังหวานโดนจ้างให้ไปมอมเหล้าแล้วยั่วลูกคุณหญิงด้วยละแก”
ผมได้ยินอย่างนั้นเลยขยับเข้าไปยืนใกล้แล้วมองผู้หญิงสิงคนที่กำลังแต่งหน้ากันอยู่พูดคุยกัน
“ตายจริง คุณอาชวินะเหรอ เป็นฉันนะไม่ต้องจ้างหรอก ฟรีก็เอา แหม๋ทั้งหล่อ ล่ำ บ้านรวยซะขนาดนั้น”
“แต่เท่าที่ฉันได้ยินมาคุณอาชวินไรนั้นมีเมียแล้วนะแก”
“แกไปเอาข้าวมาจากไหน”
“ก็เวลาที่คุณแกพาลูกค้ามาเลี้ยงที่นี้ ลูกค้าจะอ๊อฟเด็กให้แกก็ไม่เอาบอแกว่ามีเมียแล้ว แถมรีบกลับอีก เล่นเอาพวกที่จ้องอยู่อารมณ์เสียเชียว”
“ฮ่าๆ ไม่น่าเชื่อเนอะ ว่าเสืออย่างคุณวินจะถอดเขี้ยวเล็บจริงๆ”
“ไม่แน่หรอกแก ถ้าคืนนี้นังหวานทำสำเร็จ รับทรัพย์ก้อนโตแถมยังได้กินผุ้ชายลห่อๆอีก โอ้ย อิจฉา”
“แต่นังคุณหญิงก็แปลก จ้างคนมายั่วลูกตัวเอง”
“ก็ได้ข่าวมาไงแกว่าปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้”
ผมฟังแค่นั้นแล้วยิ้มมุมปากเดินออกจากห้องน้ำทันที ผมเลยเดินไปตามทางที่คุณหญิงจัดฉากไว้ แกล้งบีบน้ำตาร้องไห้ ทำหน้าเสียใจหน่อยจะได้สมจริง ผมเดินมาเรื่อยๆมาหยุดที่หน้าห้อง203 ผมสอดส่องสายตาหาคุณหญิง เชื่อสิคุณหญิงอยู่แถวนี้แน่ ผมเลยเปิดประตูไปนิดเดียว ยังไม่เห็นคนในห้องด้วยซ้ำแล้วปิด แกล้งทำหน้าเสียใจ เดินลงบันไดไป ยังไม่ทันจะลงถึงชั้นหนึ่ง ผมก็เดินกลับเข้าไปอีก แล้วก็อย่างที่คิดจริงๆ
ผมเจอคุณหญิงยืนยิ้มสะใจอยู่หน้าประตู คงคิดว่าผมเป็นนางเอก รับไม่ได้ ไม่กล้าเปิดดูละสิ ผมนึกขึ้นได้ว่าห้อง203กับห้อง204 มันมีประตูเชื่อมกันได้เพราะวินเคยพาผมมาที่นี้ตอนที่ผมเล่นละครว่ารักเขา ผมเลยอาศัยความมืดในผับเดินเข้าไปในห้อง204 ที่อยู่ไม่ไกลจากบันไดนัก โชคดีของผมจริงๆที่ไม่ต้องผ่านนังคุณหญิงนั้น
ผมเปิดประตูเข้าไปในห้อง204ก็เจอ ผู้ชายกับผู้หญิง2คู่กำลังนัวเนียกัน
“ว๊าย !!”
ผู้หญิง2คนนั้นดังขึ้นผมเลยรีบพูดก่อน
“ขอใช้ประตูเชื่อมหน่อยนะ”
ผมเลยเดินเข้าไปเปิดประตูเชื่อมทันที ทั้ง2คู่เลยไม่สนใจผม เมื่อเปิดเข้าไปในห้องผมก็เจอกับวินที่โดนปลดกระดุมเสื้อหมดแล้ว
...