ทนมองไม่ได้....ทนมองต่อไปไม่ได้จริงๆ
การทำ ECT ที่หลายคนบอกว่าผู้ป่วยจะเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ แต่สำหรับเขา...มันเป็นการทำให้ญาติที่เฝ้ามองด้วยความเป็นห่วงอยู่หน้าประตูนี้เหมือนตายทั้งเป็น ร่างของคนรักชักกระตุกไปทั้งตัวจากการโดนช็อตด้วยไฟฟ้าในปริมาณที่จำกัด แม้จะมีการป้องกันไม่ให้ได้รับบาดเจ็บจากการชัก แต่เห็นแล้วก็ยังน่าเป็นห่วงอยู่ดี
หนึ่งนาทีมันเนิ่นนานเหมือนเป็นปีสำหรับเขา เป็นการรักษาที่ใช้เวลาไม่นาน แต่เห็นแล้วทรมานหัวใจ ชงโคถูกเข็นออกมาจากห้อง ยังคงไม่ได้สติเพราะยาสลบ พ่อของชงโค ม๊า เตี่ย และเขารีบเดินตามไป คงต้องรออีกสักพักกว่ายาสลบจะหมดฤทธิ์
“ยังไม่อยากให้คาดหวังกันมาก เพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่จะไม่ดีขึ้นในการทำครั้งแรกหรอกครับ ต่อจากนี้ก็รบกวนให้ญาติดูแลอย่างใกล้ชิดด้วย แล้วถ้าหากผู้ป่วยฟื้นแล้วให้แจ้งผมด้วยนะครับ เราต้องทดสอบผลการรักษา ขอตัวครับ”
“ขอบคุณมากครับหมอ”
กลับมาเป็นหมอเพี้ยนเหมือนเดิม แม้มองผ่านกระจกจะเห็นเสี้ยวหน้าด้านข้างของหมอที่ใส่หน้ากากสไปเดอร์แมนแล้ว แต่ก็ยังไม่ใช่คนที่เขารู้จักอยู่ดี ที่จริงก็ไม่ใช่คนหน้าตาขี้เหร่เสียหน่อย ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องปิดหน้าตัวเองไว้ด้วย
ชงโคถูกพากลับมาที่ห้องแล้ว เตี่ยกับม๊าและพ่อของชงโคยืนยันว่าจะอยู่รอจนกว่าชงโคจะฟื้นถึงจะยอมกลับไปทำงาน เขาก็เช่นกัน ถ้าหากคนๆ นี้ยังไม่ยอมตื่น ก็คงกลับไปที่โรงพยาบาลอย่างสบายใจไม่ได้
“พวกเราไปหากาแฟดื่มนะ ลื้อจะเอาอะไรไหม” เตี่ยถามขึ้น
“ซื้อเค้กมาให้อั๊วด้วย ลาเต้เย็นแก้วใหญ่ๆ ด้วยนะ อั๊วยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เที่ยง”
เสร็จจากการเข้าดูอาจารย์หมอผ่าตัดกระเพาะให้สุนัข เขาก็รีบมาที่นี่ทันที ข้าวยังไม่ได้ตกถึงท้องสักเม็ด แต่เพราะความเป็นห่วงมีมากกว่า ถึงได้รีบมา
“ม๊าว่าลื้อไปหาอะไรกินก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยกลับมา หนูชงโคคงยังไม่ตื่นตอนนี้หรอก ยังไงพวกม๊าจะรีบกลับมาเฝ้าเอง”
เพราะความหิวถึงได้เชื่อฟังคำของม๊า แต่เขาไปไม่นานหรอก ไปซื้อข้าวกล่องที่โรงอาหารของโรงพยาบาลแล้วจะรีบขึ้นมา
เดี๋ยวเฮียมานะชงโคเขาลงไปซื้อข้าว เลือกอาหารเมนูง่ายๆ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องรอนาน ก่อนจะรีบขึ้นมา โล่งใจที่ยังไม่ตื่น เพราะไม่อยากให้ตื่นขึ้นมาแล้วไม่พบใคร
กินข้าวเสร็จ เขาก็มานั่งประจำตำแหน่งเดิม เก้าอี้ข้างๆ เตียงของชงโคเป็นที่ประจำสำหรับเขาไปแล้วเพราะคนน่ารักของเขาไม่ยอมออกจากโรงพยาบาลเสียที อาการบาดเจ็บทางกายจากอุบัติเหตุก็หายดีแล้ว แต่อาการทางใจกลับไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น ซ้ำยังดูเหมือนจะเป็นหนักกว่าเดิม ถึงชงโคไม่บอกเขาก็ดูออก...
ทั้งรอยยิ้ม ทั้งแววตา ทำไมจะไม่รู้ล่ะว่า...กำลังทุกข์ใจ ในเมื่อเขาคือคนที่อยู่ข้างๆ คือคนที่รักและห่วงใยชงโคไม่แพ้ใคร
แต่ก็ไม่รู้...จะพูดยังไงให้รู้สึกดีขึ้น เพราะเขาก็แค่คนบ้า ทำตัวตลกไปวันๆ ...ที่จริงก็แค่หวังจะได้ยินเสียงหัวเราะ หวังจะได้เห็นรอยยิ้ม หวังจะได้เห็นชงโคสบายใจ แต่ทำไปเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกว่ามัน...ยังไม่พอ
เขาเผลอหลับไป รู้สึกตัวอีกที คนที่เขากุมมือไว้ตลอดกลับไม่อยู่บนเตียงเสียแล้ว
หันมองรอบตัวไม่เห็นใคร ทั้งเตี่ย ม๊า และพ่อของชงโค
หายไปไหน…เด็กน้อยของเขาหายไปไหน!
ในห้องน้ำก็ไม่มี โทรถามม๊า ก็บอกแค่ว่าตอนที่เข้ามาในห้องเห็นว่าเขาอยู่กับชงโคแล้ว พวกท่านก็ไปหาที่คุยกันที่ร้านกาแฟ เขาวางสาย รู้สึกไม่ดีเลย วิ่งออกจากห้อง เจอนางพยาบาลกำลังออกจากห้องผู้ป่วยอีกห้องก็ตรงเข้าไปถาม
“ผู้ป่วยห้องนี้ พอจะทราบไหมครับว่าเขาไปที่ไหน เห็นบ้างรึเปล่า!”
“เอ่อ...ประมาณสิบนาทีก่อนถามทางไปดาดฟ้านะคะ คงจะไปที่นั่นน่ะค่ะ”
ไปดาดฟ้า...ไปทำไมไม่รู้เหตุผล ไม่รู้ความต้องการของชงโค แต่เขาก็ใจไม่ดีเลย กดลิฟธ์ก็รอไม่ไหว ถึงต้องวิ่งขึ้นบันไดเป็นยี่สิบสามสิบขั้น เหนื่อยแทบขาดใจ แข้งขาอ่อนแรงแค่ไหนก็หยุดวิ่งไม่ได้
ม๊าโทรเข้ามา เขารับสายแล้วบอกไปเจอกันที่ดาดฟ้า เสียงร้อนรนของม๊าตอบกลับมา ก่อนจะวางสายไป เขาขึ้นมาถึงแล้ว แค่เปิดประตูออกไป หัวใจแทบหยุดเต้น
กำลังจะทำอะไร...“ชงโค!!! ลงมา! เฮียบอกให้ลงมา! ได้ยินไหม!”
ไม่ได้ยินเหรอ...บอกให้ลงมาไง ไปยืนตรงนั้นทำไม“ขอร้อง อย่าทำแบบนี้ อย่าทิ้งเฮียไว้ ขอร้องชงโค...”
อยากเข้าไปคว้าตัวมากอดไว้ แต่เขาก็เข้าไปใกล้มากกว่านี้ไม่ได้
ชงโคยืนโงนเงน ใบหน้าที่เคยมีเลือดฝาดซีดสนิท น้ำตาไหลอาบแก้มไม่ขาดสาย หันมองมาทางเขาเล็กน้อย แล้วก็มองเมินไปอย่างไม่สนใจ
“ผมเหนื่อยแล้ว...ไม่อยากคิดอะไรอีกแล้ว”
เสียงแผ่วเบาของชงโคแต่กลับดังก้องภายในหัวของเขา
“ลงมา! ถ้าไม่ลงมาจะโกรธจริงๆ แล้วนะ! บอกให้ลงมาไง!”
แม้จะตะโกนเท่าไหร่ แต่เสียงของเขาก็เหมือนจะส่งไปไม่ถึง หัวใจดวงนั้น...ไม่มีเขาอยู่แล้วเหรอ ถึงใจร้าย จะทิ้งกันได้ลงคออย่างนี้
“ชงโค!!!!” เสียงพ่อของชงโคดังขึ้นใกล้ๆ เขาหันไปมองก็เห็นพ่อเข่าทรุดลงไปกับพื้น ใบหน้าซีดเผือด จ้องมองลูกชายตัวเองราวกับจะขาดใจ “ทำไมทำแบบนี้ลูก ลงมาเถอะนะ ลงมาได้แล้ว มันอันตรายนะลูก หนูกลัวความสูงไม่ใช่เหรอ...ชงโค ชงโค”
“อย่าร้องไห้เลยครับ...อย่าเสียใจเพราะผมอีกเลย แม่ทำให้คุณเสียใจมามากพอแล้ว พวกเราทำให้คุณต้องทรมาน คุณถูกทรยศ ถูกผลักภาระให้ต้องรับผิดชอบ...”
“ไม่ใช่ภาระ! ลูกไม่ใช่ภาระ! ลูกคือชีวิตของพ่อ คือทุกอย่าง...”
“แต่ผมก็คือความเจ็บปวดของคุณเหมือนกัน...ผมควรจะตามแม่ไปตั้งนานแล้ว...ผมไม่ได้เกิดมาเพราะความรักเลย ผมเป็นความผิดพลาดของแม่ เป็นภาระที่ทำให้แม่ทุกข์ใจ เป็นตัวไร้ประโยชน์ที่รั้งพ่อให้อยู่กับแม่ไม่ได้...ผม...ควรจะอยู่ต่อไปเหรอครับ”
เป็นคำถามที่มาพร้อมกับรอยยิ้มเศร้าสร้อย ม๊ากอดเตี่ยแล้วร้องไห้ออกมา ในขณะที่เขาสั่นเทาไปทั้งตัว มือกำแน่น เล็บจิกฝ่ามือจนรู้สึกเจ็บ แต่ความเจ็บนี้ก็เทียบไม่ได้กับหัวใจที่กำลังปวดแปลบ
“ลืมไปแล้วใช่ไหม! ทุกคนที่รัก ทุกคนที่คอยเป็นกำลังใจให้ ลืมไปหมดแล้วเหรอ! เราผ่านมันไปด้วยกันไม่ได้ใช่ไหมชงโค!” เขาตะโกนออกไป หวังจะให้ส่งไปถึงแม้เพียงสักนิดก็ยังดี “มองสิ! มองให้เต็มตา ว่ายังมีใครเหลืออยู่ตรงนี้บ้าง พวกเราทุกคน ไม่สำคัญกับชงโคเลยเหรอ”
“ผมขอโทษ”
“ไม่รับเว้ย! ไม่อยากให้ใครเสียใจเพราะตัวเองอีกก็ลงมา! ยืนอยู่ตรงนั้นมันเท่รึไงวะ!”
โกรธไปหมด โกรธทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ โกรธเหตุและผล โกรธแม้กระทั่งตัวเองที่เอาแต่ร้องไห้อย่างน่าสมเพช ความรักไม่พอจะรั้งไว้เลยรึไง...ความสำคัญยังมีไม่พอใช่ไหม...ถึงได้ทำอย่างนี้ ไม่คิดที่จะอยู่ต่อไปเพื่อเขาเลยเหรอ...
“อย่าโกรธได้ไหม ผมขอโทษ...”
“บอกให้ลงมา! โง่รึไงถึงฟังไม่รู้เรื่อง”
“ทำไมเฮียต้องตะคอกด้วย! ผมลงไปไม่ได้” ชงโคตอบกลับมา “ผมก้าวขาไม่ออก...ผมเพิ่งเห็นว่ามันสูงเกินไป”
เขาแทบจะหัวเราะออกมา แต่เห็นสีหน้าหวาดกลัวของชงโคแล้วก็อดยิ้มไม่ได้จริงๆ
กลับมาแล้ว...“งั้นก็อยู่ตรงนั้น...พวกเราจะไปรับ” เขาบอก เห็นชงโคพยักหน้าแล้วก็เดินเข้าไปพยุงพ่อให้ยืนขึ้น ท่านหันมาพยักหน้าให้เขา “ไปกันครับพ่อ...คราวนี้...เราจะไม่ปล่อยเขาไปอีกแล้วครับ”
เขากับพ่อของชงโคเดินเข้าไปใกล้ๆ ยื่นมือออกไปให้ชงโคได้จับไว้ ในขณะที่ชงโคก็ยื่นมือออกมาจับมือเขาไว้แน่นด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็จับมือของพ่อไว้
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น...เขาก็จะไม่ยอมปล่อยมือของคนๆ นี้ไปเด็ดขาด“ผมขอโทษ”
“ลูกไม่ใช่ความผิดพลาด แต่เป็นความภูมิใจของพ่อ เพราะมีชงโค...พ่อถึงมีชีวิตอยู่ได้ เพราะฉะนั้น...อย่าทำแบบนี้อีกนะลูก”
อ้อมกอดไหนก็ปลอบโยนได้ไม่เท่าอ้อมกอดของพ่อ ความยิ่งใหญ่ของคนที่แม้ไม่ใช่ผู้ให้กำเนิดก็รักเท่าชีวิต ความห่วงใยที่แม้ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขก็ยังมากล้นไม่แพ้ใคร
คนที่ปลอบชงโคได้ดีที่สุดในตอนนี้...ไม่ใช่เขา แต่คือคนเป็นพ่อต่างหาก
เขาน่ะ...รอได้อยู่แล้ว เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่ อ้อมกอดของเขาก็พร้อมจะโอบตัวชงโคไว้เสมอ
ขอให้ฝันร้ายนี้...ผ่านพ้นไปเสียที.........................................To be continue..................................................
ขอบคุณสำหรับทุกๆ ความคิดเห็นค่ะ

แล้วพบกันใหม่ในตอนต่อไป
http://ask.fm/TCHONG_K << ถามได้ค่ะ ไว้ดึกๆ มาตอบนะ
เรากำลังจะเคลียร์ให้ชงโคนะคะ มีอะไรงงๆ สับสน ก็...อืม...ละไว้นะ
โบแมวที่ใครๆ มีบางคนอยากอ่านจะให้เป็นตอน special ละกันนะคะ ^^