ตอนที่ 29Special Inside: ทองคำเอก
“ไอ้เหี้ยโปรดดดดด มึงหลอกกู!!!”
ดู! ดูมัน! ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อีก! มันทำอะไรกับชีวิตผมบ้างมันรู้ตัวไหมวะ!
“กูหลอกมึง? ยังไง?” ไอ้โปรดถาม ท่าทางโคตรหน้าถีบ มันนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา มีเดลคอยถือที่เขี่ยบุหรี่ให้อยู่ข้างๆ อีกมือถือแฟ้มเอกสารตรวจงานของมันเหมือนปกติ
“ไหนมึงบอกว่ามุกที่ฝังให้ จะทำให้ชงโครู้สึกดีไงวะ เหี้ยแม่ง กูเข้าได้ไม่ถึงครึ่ง น้องร้องไห้ซะงั้น แถมเลือดยังออกเยอะด้วย!”
ไอ้โปรดทำหน้านิ่ง แต่แววตาเหมือนกำลังวิเคราะห์ ก่อนมันจะถามผมด้วยท่าทีสบายๆ ว่า “ครั้งแรกป่ะ?”
“เออดิ”
“ไหนตอนที่กูฝังให้ มึงบอกว่ามึงได้แอ้มน้องมานานแล้วไง มึงให้ความเท็จกับหมอ หมอก็ให้คำแนะนำไม่ตรงเหตุดิวะ แล้วอย่างงี้จะมาว่ากูหลอก เดี๋ยวกูถีบหน้าให้ -*-”
ก็ใครจะไปกล้าบอกล่ะว่าคบกันมาจะเป็นเดือนแล้วยังไม่ได้ทำอะไรมากกว่ากอดจูบ เสียเหลี่ยมกันพอดี ไอ้โปรดมันได้น้องมหาตั้งแต่ยังไม่คบด้วยซ้ำอ่ะ!
“ข้องใจเหี้ยไรไอ้ทอง ทำมาอินโนเซ้นไอ้ห่า แฟนมึงก็ไม่ใช่ผู้ชายคนแรกที่มึงเสียบซะหน่อย เรื่องแค่นี้ทำไมไม่รู้ว่าครั้งแรกมันก็ต้องเจ็บอยู่แล้ว เลือดออกน่ะเรื่องธรรมดา น้องปลื้มตอนโดนครั้งแรกก็เลือดออก”
มันก็จริง แต่ชงโคไม่เหมือนคนอื่นที่ผมเคยนอนด้วยนี่นา
“ก็ตอนนั้นตกใจอ่ะ ชงโคร้องไห้กูก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว”
“กาก”
อยากลุกขึ้นถีบมันจริงๆ แต่ติดที่ว่าลูกน้องมันยืนเป็นแบ็คอยู่ข้างหลัง วันนี้ไม่ได้พกปืนมาด้วย เพราะฉะนั้น...ไม่สู้
“เออๆ กูกากก็ได้วะ ว่าแต่ตอนนี้มึงว่างป่ะ เอาออกให้กูเม็ดหนึ่งดิ”
ไอ้โปรดแสยะยิ้ม ใบหน้าที่ใครๆ ก็บอกว่าหล่ออย่างนั้นอย่างนี้ ดูเลวขึ้นมาทันที “กูไม่ว่าง”
“ต้องว่าง กูไม่มีเวลาแล้วนะ เรื่องนี้มันมีชีวิตลูกผู้ชายของกูเป็นเดิมพันเลยนะมึง!”
ผมพูดตามตรงว่าผมเสียเซลฟ์ไปเยอะเหมือนกัน เป็นครั้งแรกที่ทำเรือล่มปากอ่าวอย่างนั้น มันเหมือนกำลังบินอยู่กลางอากาศอยู่ดีๆ ก็โดนมือแม่นปืนสอยร่วงให้ตกลงมา แต่ ณ ตอนนั้นคือ น้องเจ็บ น้องร้องไห้ ผมก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว จะมาห่วงความรู้สึกตัวเองตอนนั้นมันใช้ได้ที่ไหน ชงโคน่ะสำคัญกับผมมากนะ อยากให้น้องมีความสุขไปด้วยกัน
“คุณชายครับ ช่วยคุณทองหน่อยเถอะครับ เดี๋ยวเรื่องเข้าประชุมกับคุณเทพ ผมไปให้เองครับ” เดลนี่สมกับชื่อมาโปรดมากกว่าไอ้หล่อเลวตรงหน้าผมนี่เสียอีก แต่ไอ้โปรดที่ไม่ค่อยฟังใครมันก็ฟังเดลเกือบทุกเรื่องนั่นแหละครับ เห็นว่าดูแลกันมาตั้งแต่เด็กๆ เดลก็เหมือนพี่ชายของมัน
“เออๆ ก็ได้ แล้วมึงจะเอาออกเม็ดไหน แม่งงง กว่ากูจะฝังให้ได้ ต้องยอมจับของสกปรกอยู่นานเลยนะเว้ย แถมยังต้องทนฟังเสียงแหกปากอย่างกับวัวถูกเชือดของมึงอีก ไม่มีจะสำนึกบุญคุณกูมั่งเลย มาถึงก็ว่ากูหลอกปาวๆ”
ไอ้โปรด ไอ้เพื่อนเลว น้องชายของผมนี่สะอาดกว่าหนังหน้ามันอีกนะครับ แล้วอะไรนะ!! เสียงนักร้องนำที่ทำให้คนกรี๊ดกันมาแล้วทั้งฮอลอย่างผมนี่เหมือนวัวถูกเชือดเหรอ! ถ้าอย่างนั้นไอ้เพลงบัวลอยหลงคีย์ของมันนี่ไม่เหมือนเสียงช้างตอนตกมันไงวะ! หึย! คิดแล้วมันขึ้น!!!
“เม็ดสุดท้ายใกล้โคน กูสัญญากับชงโคแล้วว่าจะเอาออกเม็ดเดียว” ตอนนี้คงต้องยอมพูดดีๆ กับมันไปก่อน
“แล้วทำไมต้องรีบ รออีกสักสองสามวันไม่ได้ไงวะ”
“กูอยากให้หายก่อนอาทิตย์ถัดไป เพราะอาทิตย์หน้าชงโคไปรับน้อง กลับมาจะได้จัดเลย”
“มึงนี่หมกมุ่นนะ”
“น้อยกว่ามึงล่ะ”
จริงนะครับ ถ้าเทียบกันแล้วไอ้โปรดนี่ถึงว่าหมกมุ่นกว่าผมอีก เวลามันว่างอ่ะ โทรนัดมากินเหล้าไม่ค่อยจะมาหรอก นอนกกน้องมหาทั้งวันทั้งคืน -_-
ไอ้โปรดยักไหล่ ท่าทางไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของผม มันหันไปสั่งให้เดลเตรียมอุปกรณ์ไว้ให้พร้อม ข้างๆ ห้องทำงานของมันเป็นห้องปลอดเชื้อที่สั่งทำขึ้นเป็นพิเศษครับ ผมเคยถามแล้วว่าทำขึ้นมาทำไม แต่มันก็ไม่ตอบ ไอ้โปรดมันความลับเยอะ ถามอะไรไม่ค่อยบอก แต่มันก็เป็นเพื่อนที่ดีครับ ถึงท่าทางจะใจร้าย แต่ความจริงเวลาขอให้มันช่วยอะไร มันก็ไม่ปฏิเสธเลย ถึงจะชอบพูดจาทำร้ายจิตใจก่อนก็เถอะ
“เอาออกตรงโคนมันก็ไม่มีผลอะไร ต่อให้มึงทำอีกน้องก็จะเจ็บอีก จะเอาออกทั้งหมดเลยไหมล่ะ”
“ไม่ว่ะ ไหนๆ ก็ทำแล้ว” ที่จริงผมได้ยินคนที่ทำเขาพูดกันว่าตอนเอาออกนี่โคตรเจ็บ เจ็บกว่าตอนฝังอีก ผมเลยรู้สึกป๊อดขึ้นมา
“งั้นคราวหน้าเวลาจะทำ ก็มอมเบียร์น้องสักสามสี่แก้ว ให้พอมึนๆ เวลาทำจะได้ไม่เจ็บ แต่ก็เสี่ยงว่าเลือดจะออกง่ายกว่าตอนปกติ ที่จริงกูว่าถ้ามึงใจไม่แข็ง ก็อย่าทำเลยว่ะ เข้าได้เกือบครึ่งแบบนั้น เป็นกูแม่งแทงพรวดเข้าไปให้มิด จะได้เสร็จๆ กันไป เสียเวลาทำตัวเป็นพระเอกแล้วมานั่งกลุ้มใจทีหลังอย่างมึงนี่ ไม่ใช่แนวกู -_-”
“ถ้าทำอย่างนั้นแล้วน้องเกิดสลบขึ้นมาจะทำไงวะ”
“กลัวไร กูเรียนหมอ”
ในปฐพีนี้ผมไม่เคยนึกหมั่นไส้ใครเท่ามันมาก่อนเลย!! อยากล็อคคอตีเข่าเอาหัวโหม่งซะให้เข็ด
“มึงไปอาบน้ำแล้วไปรอกูที่ห้องเดิม เดี๋ยวกูตามไป” ไอ้โปรดบอกแค่นั้น ก็เดินออกไป เห็นมันกดโทรศัพท์โทรหาใครสักคน แต่ผมเดาว่าคงเป็นแฟนมัน ไอ้นี่เห็นอย่างนี้รายงานตัวตลอดแหละครับว่าจะกลับกี่โมง ตอนนี้อยู่ที่ไหนกับใคร
“คุณทองเชิญทางนี้ครับ ผมเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้แล้ว”
“ขอบคุณครับเดล”
เพื่อจะได้ครอบครองสิ่งที่สำคัญ ผมต้องแลกครับ!! แลกกับความเจ็บปวดในครั้งนี้! ชงโค! คราวหน้าเฮียไม่พลาดแน่!! สู้ตายโว้ยยย!
Special Inside: End
.
.
.
ถึงพี่ทองจะบอกว่าให้นอนไปก่อน แต่ผมก็นอนไม่หลับ พลิกตัวไปมาอยู่บนที่นอนมาได้สักครึ่งชั่วโมงแล้ว เพราะใจมันคอยพะวงอยู่กับคนที่ตอนนี้ยังไม่กลับมาสักที
จะตีสามแล้วนะพี่...ไปทำอะไรอยู่ที่ไหนเหรอ?
แกร๊ก!
ผมเกร็งตัวขึ้นเล็กน้อย แล้วแกล้งหลับตาลง ได้ยินเสียงคนเดินมาใกล้ๆ ก่อนจะได้กลิ่นครีมอาบน้ำไม่คุ้นจมูก เตียงฝั่งที่ผมนอนอยู่ยวบลงเล็กน้อย ฝ่ามืออุ่นลูบเบาๆ ลงบนศีรษะ ปัดเส้นผมที่ปรกหน้าผาก แล้วความรู้สึกอุ่นวาบเมื่อถูกริมฝีปากสัมผัสก็เกิดขึ้น
ผมจับมือคนๆ นั้นไว้ ก่อนจะค่อยๆ ลืมตา หน้าซีดๆ ของพี่ทองเด่นชัดอยู่ตรงหน้า พร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยน
“ทำให้ตื่นเหรอ นอนต่อเถอะนะ”
‘พี่ไปไหนมา’
“ไปทำธุระมานิดหน่อย”
‘ธุระอะไร เสื้อผ้าก็ไม่ใช่ชุดเดิม ไปอาบน้ำห้องใครมาเหรอ’
รู้สึกไม่ดีเลย เห็นอย่างนี้แล้วอดคิดไม่ได้จริงๆ ว่าเขาไปนอนกับคนอื่นมา
พี่ทองหัวเราะ เขาบีบแก้มผม แล้วก้มลงมาจุ๊บที่ริมฝีปาก “คิดมาก”
‘ไม่ให้คิดก็บอกสิ ทำอย่างนี้ผมไม่ชอบนะ’
“ไปหาไอ้โปรดมา”
ผมเอียงคอมองอย่างสงสัย สบสายตาที่มีแต่ความจริงใจแล้วก็โล่งอก
“เฮียไปเอาออกมาแล้วนะ หนึ่งเม็ดตามสัญญา”
ถึงว่า...หน้าตาซีดเซียว
‘เจ็บรึเปล่า’
“เท่ามดกัด”
‘มดคงตัวโตเท่ายักษ์’
ผมยิ้มกว้าง ในขณะที่พี่ทองหัวเราะเบาๆ ผมขยับที่ให้เขาลงมานอนข้างๆ กัน พี่ทองก็นอนลงข้างๆ อย่างว่าง่าย แต่เวลาที่เขาขยับเขยื้อนร่างกายแต่ละทีก็ดูลำบากมากเหมือนกัน
“ไม่รีบนอนเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ตื่นไปเรียนไม่ทัน” พี่ทองลูบแก้มผมเล่น เราหนุนหมอนใบเดียวกัน ก่อนผมจะย้ายมานอนเกยบนตัวเขาแทน ขาข้างหนึ่งของผมพาดไปบนขาของพี่ทองโดยเลี่ยงไม่ให้โดนจุดสำคัญ มือก็วาดโอบตัวเขาไว้ ในขณะที่ใบหน้าก็แนบอยู่บนอกกว้างของเขา
“นอนท่านี้มันสบายรึไงหืม นอนดีๆ สิ”
ไม่สบาย แต่อุ่นมาก
“ฮื้อออ” ผมร้องท้วงเมื่อพี่ทองล้วงมือเข้ามาในกางเกงทางด้านหลัง
“ยังเจ็บอยู่ไหม”
ผมส่ายหน้า แม้จะยังรู้สึกเจ็บอยู่นิดๆ แต่ก็ดีขึ้นมากแล้ว
พี่ทองคลึงนิ้วอยู่รอบๆ ช่องทางนั้นเบาๆ ก่อนจะสอดนิ้วเข้ามา ผมเกร็งตัวเล็กน้อย จิกเล็บลงบนไหล่ของพี่ทองแล้วปรือตามองเขา เห็นรอยยิ้มพึงพอใจนั้นแล้วก็ไม่อยากขัดใจ
“พรุ่งนี้จะไปยังไง เอารถเฮียไปใช้ก่อนป่ะ”
ผมพยักหน้า กัดริมฝีปาก พลางส่ายสะโพกไปมาตามจังหวะชักเข้าชักออกของนิ้ว รู้สึกตึงนิดๆ เสียดหน่อยๆ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไร ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่าหากตัวเองเกร็งมากๆ เข้า ก็จะเจ็บซะเอง ถึงได้พยายามทำให้ตัวเองผ่อนคลาย ไม่ฝืนไปกับสัมผัสน่าอายพวกนี้
“เก่งมาก เด็กดีของเฮีย”
รู้สึกร้อนวูบไปทั่วผิวหน้า แต่ผมก็ยังยิ้มให้กับพี่ทอง
หลงผม...รักผม...ให้เท่ากับที่ผม...ทั้งหลงทั้งรักพี่นะครับ ผมจะไม่ทำตัวน่าเบื่อ จะไม่ทำให้พี่ผิดหวัง อยากเป็นคนรักที่ให้พี่ได้ทุกอย่าง ให้สมกับที่พี่...อดทนและเห็นค่าความรู้สึกของผมมาตลอด
.
.
.
“หายไปไหนมา! แม่แกที่ตายไปคงจะรู้สึกดีหรอกนะที่ลูกสุดที่รักทำตัวเหลียวไหลอย่างนี้!”
ผมเพิ่งกลับจากมหาลัย ขับรถเข้ามาจอดในบ้านก็เจอกับ...พ่อ ที่ยืนรออยู่ตรงทางขึ้นบันได รู้สึกไม่ได้เจอมานานมากแล้ว เขาดูแก่ลง ริ้วรอยบนใบหน้าเพิ่มมากขึ้นไปตามอายุ มีผมหงอกขึ้นแซมมากกว่าครั้งสุดท้ายที่ผมเจอมาก แต่ความเผด็จการและสายตาเย็นชานั้น...ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย
“คบกับผู้ชาย ทำตัวงามหน้า บ้านช่องไม่กลับ เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาคงไปนอนกับมันมาล่ะสิท่า” เขามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตาดูถูกเหยียดหยาม แต่ผมก็ทำได้เพียงแค่ยืนนิ่ง ไม่ตอบโต้อะไร
เขา...ไม่มีตัวตนอยู่บนโลกของผมมานานแล้ว ทุกอย่างระหว่างผมกับเขา...มันเปลี่ยนแปลงตั้งแต่แม่จากไป ไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีก
อ่า...เหมือนเดิม ในความทรงจำของผม...มันก็ไม่ชัดเจนมากนักหรอก ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าพ่อเคยยิ้มให้ผมบ้างรึเปล่า เคยกอดผมบ้างไหม เคยไปงานโรงเรียนของผม เคยทำอะไรดีๆ ร่วมกันหรือไม่...ผม...จำไม่ได้เลย มีแต่ความเย็นชา มีแต่ผู้ชายที่ไม่เคยหลั่งน้ำตาให้กับการจากไปของแม่... มีแค่เท่านั้นจริงๆ ที่ผมจำได้
“ฉันเตือนแกไว้นะชงโค ตราบใดที่แกยังใช้นามสกุลของฉัน อย่าทำให้ฉันขายหน้าเป็นอันขาด!” เขาชี้หน้าผม ดูโกรธจัดกับความเมินเฉยที่ได้รับจากผม แต่น่าหัวเราะนะ...เขาต่างหากล่ะที่ใช้นามสกุลของคุณตา...เขาต่างหากล่ะที่เป็นคนนอก...ไม่ใช่ผม
‘ยังจะมีอะไรให้ขายอีกเหรอครับ แค่คุณเอาเมียใหม่เข้ามาอยู่ในบ้านทั้งๆ ที่แม่ของผมเพิ่งตายไปไม่ถึงเดือน แค่นี้ก็อายเขาไปทั่วแล้ว’
“แก!”
เขาเข้าใจภาษามือ แน่นอนว่าเขาก็เหมือนบิ้วที่ช่วงแรกๆ พยายามจะสื่อสารกับผม แต่ผมก็ไม่ได้สนใจเขา แค่ช่วงแรกๆ เท่านั้น...ที่เขายังแสดงละครว่ายังเป็นพ่อที่ดี แต่หลังจากนั้น คงเพราะความแข็งกระด้างของผม ความเมินเฉยและไม่สนใจในตัวตนของเขา ระหว่างเราจึงถึงจุดที่ไม่สามารถทำดีต่อกันได้อีก
“แกมันก็รักแต่แม่ของแก ฟังแต่แม่ของแก ไม่เคยเลยที่จะสนใจคนเป็นพ่ออย่างฉัน”
‘แม่ให้ชีวิตกับผมถึงสองครั้ง ให้ทุกอย่างกับผม ทำไมผมต้องสนใจคนที่จะช่วงชิงทุกอย่างไปจากผมด้วย คุณเอาแม่ไปจากผม แล้วจะมาเรียกร้องอะไรอีกเหรอครับ’
“แกหมายความว่ายังไง แกจำอะไรได้อย่างงั้นเหรอ”
ผมแค่แสยะยิ้ม มองหน้าเขาอย่างท้าทาย ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมไม่เคยพูดเรื่องนี้กับเขาเลยสักครั้ง ยิ่งคดีของแม่ที่หายเข้ากลีบเมฆไปยิ่งทำให้ผมรู้สึกไม่ปลอดภัย แต่ตอนนี้...มันเปลี่ยนไปแล้วครับพ่อ มีนายตำรวจที่เขาสามารถช่วยผมได้ และมีคนที่จะปกป้องผมได้อยู่ข้างๆ เพราะฉะนั้น...ผมไม่กลัวหรอกนะ
“เอาเถอะ วันนี้ฉันไม่ได้ตั้งใจจะมาทะเลาะด้วย แค่เอาของฝากมาให้ แกก็อย่าเหลวไหลนักล่ะ”
ผมไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เขาจึงทำท่าหงุดหงิดเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจ แล้วเดินเข้ามาใกล้ ยื่นมือมาเหมือนจะลูบศีรษะผม แต่ผมก็ก้าวถอยหลังออกมาซะก่อน เขาชะงักมือไว้แค่นั้น
“แกคงเกลียดฉันมากสินะ แต่ฉันอยากเตือนอะไรแกหน่อยนะว่า สิ่งที่แกคิดว่ามันเป็นความจริง อาจจะไม่จริงเสมอไป อาจเป็นแค่สิ่งที่สร้างขึ้นมาเอง หรืออาจจะเป็นแค่เรื่องโกหกของใครสักคน ฉันดีใจที่แกเลือกจะเก็บภาพที่ดีของแม่แกไว้ เขาเป็นแม่ที่ดีสำหรับแก แต่ไม่ใช่...เมียที่ดีสำหรับฉัน และความจริง...มันจะทำให้แกเจ็บปวดมากกว่านี้ชงโค”
‘ไม่มีอะไรเจ็บปวดไปมากกว่าการทีแม่จากผมไปอีกแล้ว คุณกลับไปเถอะครับ แล้วอย่ามาที่นี่อีก เราจะเจอกันอีกครั้งในวันเปิดพินัยกรรม เชิญครับ’
เขามองหน้าผมอีกครั้ง นิ่งนานราวกับจะสำรวจให้ถี่ถ้วน ก่อนจะเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรอีก
ผมทรุดตัวนั่งลงบันไดขั้นแรก รู้สึกไร้เรี่ยวแรงราวกับพลังงานถูกสูบไปจนเกือบหมด ความสับสน ภาพความทรงจำ ตีกันวุ่นอยู่ในหัว...วุ่นวายจนผมไม่สามารถแยกได้ว่าอันไหนเรื่องจริง หรืออันไหนคือความคิดที่ประดิษฐ์ขึ้นมาเอง เขาอาจจะพูดถูก...ว่าผมเลือกที่จะเก็บภาพที่ดีของแม่ไว้ มีแต่รอยยิ้ม มีแต่ความอบอุ่นเท่านั้นที่ผมจำได้ ไม่เคยมีภาพที่แม่ดุด่าผม ไม่เคยมี...ภาพเหล่านั้นเลย ราวกับจู่ๆ ก็ถูกลบหายไป...เหลือไว้แต่สิ่งที่ผมเลือกที่จะจดจำ
ปวดหัว...ผมปวดหัวจังเลยครับแม่
ทำไมถึงรู้สึกแย่อย่างนี้...ได้ยินแต่เสียงกรีดร้อง...ได้ยินแต่เสียงร่ำไห้...ได้ยินแต่เสียงผู้ชายคนหนึ่งร้องเรียกหา...เสียงของความเจ็บปวด...ทุรนทุราย ไขว่คว้าหาความช่วยเหลือ แต่ยื่นไปจนสุดแขนก็มีแต่เพียงความว่างเปล่า แม้จะกรีดร้องออกมาสุดเสียงก็ไม่มีใครได้ยิน
มัน...ทรมานเกินไป
.
.
.
“ตื่นแล้วเหรอ...ดื่มน้ำหน่อยไหม” แค่เพียงลืมตา ใบหน้าของพี่ทองก็ปรากฎอยู่ตรงหน้า เขายิ้มให้อย่างอ่อนโยน แม้ว่าสีหน้าจะมีแต่ความกังวล
ผมพยักหน้า ก่อนจะกวาดตามองไปรอบๆ ห้องโทนสีอ่อนที่ไม่คุ้นตา
“พ่อของชงโคพามาที่นี่ แล้วก็เรียกเฮียมาน่ะ” พี่ทองบอก ก่อนจะถือแก้วน้ำเข้ามาใกล้ ผมอ้าปากรับหลอดดูดแล้วดูดน้ำไปเพียงเล็กน้อย
‘เขาโทรหาพี่เหรอ’
พี่ทองพยักหน้า “เอาเบอร์ชงโคโทรมา เขาบอกว่าชงโคไม่สบายมาก อ้วกแล้วก็สลบไป ให้มาที่โรงพยาบาล เฮียก็เลยรีบมา”
‘แล้วงานล่ะ’
“ไม่เป็นไรหรอก ฝากไอ้โนไว้แล้ว ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง ให้เฮียไปตามหมอมาไหม”
ผมส่ายหน้า ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง แค่เห็นหน้าพี่ทองก็รู้สึกอุ่นใจมากแล้ว เขามองหน้าผม แล้วดึงผมเข้าไปกอดไว้ มือที่ใหญ่กว่ามือผมหนึ่งเท่าตัวก็ลูบศีรษะของผมเบาๆ
“หมอบอกว่าเด็กคนนี้เครียดมากเกินไป เพราะฉะนั้นตอนนี้บอกมาหน่อยซิ ว่าเครียดอะไรนักหนา”
‘เปล่า’
“ไม่ไว้ใจกันเหรอ”
ผมไว้ใจ...แต่ก็...ไม่พร้อมที่จะพูดออกมา เพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่อยากนึกถึง
“ชงโคเคยบอกเฮียว่าไม่มีพ่อ...ทำไมถึงบอกอย่างนั้น”
‘เขาไม่ใช่พ่อของผม... ผมเกลียดเขา เกลียดมาก’
“แต่เขาเป็นห่วงชงโคมากนะ”
‘พี่คงเข้าใจผิด เขาคงกำลังแสดงละครว่าเป็นพ่อของผมอยู่ล่ะสิ’
“เขามีความจำเป็นอะไรต้องแสดงละครต่อหน้าเฮียล่ะ? เขาบอกด้วยนะว่าเป็นแฟนลูกของเขาก็ช่วยดูแลลูกของเขาให้ดีๆ หน่อย ไม่ใช่ปล่อยให้ป่วยอย่างนี้ มองเฮียตาขวางด้วย”
พี่ทองก้มลงมองหน้าผม เขายิ้มแล้วจูบหน้าผากผมหนึ่งที “ถ้าหากชงโคอยากรู้ว่าใครรู้สึกยังไง อย่าเอาอคติไปปิดกั้น ลดทิฐิลงบ้าง แล้วลองมองเขาจากมุมอื่น เฮียไม่รู้หรอกนะว่าระหว่างชงโคกับพ่อมีเรื่องอะไรกัน แต่ไม่มีพ่อคนไหนในโลกหรอกที่จะไม่รักลูก”
‘ไม่คุยเรื่องนี้ได้ไหม ผมปวดหัว’
“ดื้อเหมือนกันแฮะ เอาเถอะ นอนพักได้ละ”
ผมค่อยๆ นอนลงตามที่พี่ทองบอก ในขณะที่เขานั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง แล้วจับมือผมเอาไปแนบกับแก้มของตัวเอง
“มีกันอย่างนี้...อย่าทำเหมือนตัวเองไม่มีใคร เฮียจับมือชงโคไว้แล้ว ไม่มีวันจะปล่อยให้เจอเรื่องแย่ๆ อยู่คนเดียว เป็นห่วงมากเลยนะ รู้ไหม”
รู้...ผมรู้ครับพี่ ถ้าผมพร้อมมากกว่านี้...ผมจะให้พี่ได้รู้ทุกอย่าง...ทุกอย่างที่เกี่ยวกับผม และขอโทษที่ให้พี่เข้ามามากกว่านี้ไม่ได้...ในเมื่อประตูที่ถูกปิดไว้ แม้แต่ผมก็ยังหากุญแจเปิดเข้าไปไม่เจอ
“ไม่ไปรับน้องได้รึเปล่า ไม่สบายอย่างนี้ ไม่อยากให้ไปไหนเลย”
‘อีกตั้งสองวัน ถึงวันนั้นผมก็หายแล้ว’
“แน่ใจนะ”
ผมพยักหน้า แต่พี่ทองทำหน้าไม่เชื่อ ผมเลยบีบจมูกเขาจนเขาร้องให้ปล่อย
“ชอบรังแกคนไม่มีทางสู้ รู้ว่าเขายอมก็ทำเขาเจ็บตลอด”
‘แล้วทำไมไม่สู้ล่ะ ไม่พอใจก็ทำคืนได้นี่’
“ม๊าบอกว่าคนไม่เคารพเมียจะไม่เจริญ”
ผมหัวเราะออกมาทันที ม๊าของพี่ทองนี่บางทีก็ชอบสอนอะไรเพี๊ยนๆ ให้ลูกชายตัวเอง แล้วพี่ทองเขาน่ารักนะครับ เชื่อม๊าทุกอย่าง ถึงจะดูเกรียนๆ ใส่ม๊าไปบ้าง แต่เขาก็กลัวม๊าคนเดียว ได้ยินว่าตอนเด็กๆ โดนม๊าเขกหัวบ่อยๆ โตมาถึงได้ไม่ค่อยเต็มอย่างนี้
แกร๊ก!
เสียงลูกบิดประตูถูกไขเข้ามา ก่อนพี่หมอโปรด พี่ปลื้ม และผู้ชายที่อายุคงพอๆ กับพ่อของผมเดินเข้ามาในห้อง
“มาโปรด เดินห่างๆ น้องหน่อยไม่ได้หรือไง จะสิงกันอยู่แล้ว” เสียงเข้มๆ กับตาดุๆ มองไปทางพี่หมอที่แค่ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจก่อนจะโอบไหล่พี่ปลื้มให้เข้าไปใกล้กว่าเดิม
“บอกให้เดินห่างๆ”
“ลุงบอกให้ห่างน้องหน่อยนี่ ไมใช่น้องปลื้ม ไปตรวจแฟนของเพื่อนผมได้ละ มัวมาขัดขวางคนอื่นเขาอยู่ได้ ทำงานครับทำงาน ทั้งค่าห้องค่ารักษาแพงขนาดนี้ ก็ตรวจเขาดีๆ หน่อย”
“พี่โปรด! เงียบนะ!”
ผมหันมองหน้าพี่ทองที่ยักไหล่กลับมาให้ ก่อนพี่ปลื้มจะเดินเข้ามาใกล้ๆ เตียงแล้วถามไถ่อาการของผม
“เป็นไงบ้าง ชงโคดีขึ้นรึยังครับพี่ทอง”
“น้องบอกว่าดีขึ้นแล้วครับ แต่ให้ลุงหมอตรวจดูให้ละเอียดอีกทีดีกว่านะครับ”
“พ่อครับ มาตรวจน้องได้แล้ว อย่าไปเถียงกับพี่โปรดเลย ไร้สาระ”
พี่ทองหัวเราะสะใจใส่พี่หมอ ก่อนจะโดนพี่หมอล็อคคอเดินออกไปนอกห้อง ในห้องเลยเหลือแต่ผม พี่ปลื้ม แล้วก็ลุงหมอที่เป็นพ่อของพี่ปลื้ม
“เดี๋ยวรอพยาบาลเข้ามาวัดความดัน ว่าแต่เราน่ะเคยมีประวัติรักษาด้านจิตเวชด้วยใช่ไหม”
ผมพยักหน้าเป็นคำตอบ ลุงหมอบอกให้พี่ปลื้มออกไปรอนอกห้อง รอจนพี่ปลื้มออกไปแล้วก็หันมาพูดกับผม
“ยังกินยาอยู่หรือเปล่า”
ผมส่ายหน้า ผมหยุดรับยาจากโรงพยาบาลมาหลายปีแล้ว เพราะผลการตรวจเช็คแต่ละเดือนก็ออกมาเป็นปกติ จิตแพทย์ประจำตัวผมเลยงดให้ยา และมันนานมากแล้วที่ผมไม่เคยได้กลับไปที่โรงพยาบาลนั้นอีกเลย รู้ข่าวมาว่าคุณหมอท่านนั้นเกิดอุบัติเหตุรถชนเสียชีวิตไปแล้วด้วย
“ลุงแนะนำให้เรากลับไปตรวจอีกครั้งนะ อาการตอนนี้ลุงรักษาให้ได้แค่ปลายเหตุเท่านั้น อาจจะยุ่งยากเพราะหมอที่เคยรักษาเราเขาเสียชีวิตไปแล้ว แต่ไว้ลุงจะหาจิตแพทย์เก่งๆ ให้ ลุงรู้จักอยู่หลายคน ช่วงนี้ก็อย่าเครียดให้มาก มันไม่เป็นผลดีต่อร่างกาย”
ผมยกมือไหว้ขอบคุณลุงหมอ ผมรู้ดีว่าผมยังไม่หายขาด แต่ผมก็ไม่อยากอยู่โรงพยาบาลไปตลอดชีวิต เมื่อผมสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ คุณหมอจึงอนุญาตให้กลับมาอยู่ที่บ้านได้ ช่วงแรกๆ ผมกินยาตลอด แต่เพราะอาการดีขึ้นและผลการตรวจเช็คสภาพจิตใจเป็นปกติแล้วผมจึงไม่ไปพบคุณหมออีกเลย ประกอบกับที่คุณหมอก็งดให้ยาด้วย ผมเลยเข้าใจเอาเองว่า ‘หายดี’
“พฤติกรรมบำบัดช่วยได้นะ การได้เห็นสิ่งแปลกใหม่ ได้อยู่กับคนที่รัก ได้ทำอะไรดีๆ ร่วมกัน สร้างความทรงจำที่น่าประทับใจ มันจะช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้น การมัวแต่พะวงถึงเรื่องที่ผ่านมา เฝ้าคิดซ้ำๆ ถึงมัน ไม่ได้ช่วยให้เกิดประโยชน์อะไร ลุงหวังว่าเราจะหายดี และกลับมาพูดได้อีกครั้ง พยายามเข้านะ ถ้าอยากให้คนที่นั่งเฝ้าข้างเตียง ได้ยินเสียงของเรา เขาคงอยากได้ยินคำว่ารัก จากปากเราสักครั้งเหมือนกัน”
ผมยิ้ม รู้สึกอุ่นใจขึ้นเมื่อนึกถึงพี่ทอง เขาจะยิ้มกว้างขนาดไหน จะมีความสุขมากขนาดไหนกันนะ...หากว่าผมบอกว่าผมรักเขาและเขาเป็นคนสำคัญสำหรับผมมากกว่าใครๆ
ลุงหมอรอจนพยาบาลเข้ามาวัดความดันผม จดรายละเอียดลงในแผ่นชาร์ต บอกให้ผมหายไวๆ แล้วเดินออกจากห้องไป มองข้างหลังแล้วรู้สึกว่ายิ่งใหญ่จริงๆ คนเป็นหมอ...คงไม่ใช่แค่ต้องรักษาร่างกายของคนไข้ให้หายดี...แต่ยังต้องรักษาสภาพจิตใจด้วย
เสียงพูดคุยกันดังอยู่นอกห้อง ก่อนพี่ทองจะเดินนำพี่หมอกับพี่ปลื้มเข้ามา
“น้องมหาอยู่ได้ แต่มึงอ่ะ กลับไปเลย ไม่ต้อนรับ” พี่ทองบอก พลางกันไม่ให้พี่หมอมายืนข้างเตียงผม
“ไอ้ขี้หวง ความหล่อสู้กูไม่ได้เลยกลัวว่าน้องจะหวั่นไหวล่ะสิ”
“พี่โปรดครับ พูดอย่างนี้ไม่ดีเลยนะ” พี่ปลื้มว่าเสียงดุ
“น้องก็เข้าข้างแต่ไอ้ทองอ่ะ พี่จะพูดจะทำอะไรก็ผิดทุกที”
“ถ้าจะเพ้อเจ้อก็ออกไปข้างนอกเลยนะครับ รบกวนชงโค”
“เออ ไปก็ได้วะ”
พี่หมอโปรดเหมือนจะโกรธจริงจัง แต่พี่ปลื้มก็ไม่ได้สนใจ หันมาจัดผ้าห่มให้ผม แล้วบอกพี่ทองให้ดูแลผมดีๆ บอกผมให้หายเร็วๆ ก่อนจะเดินตามพี่หมอออกไป
“ไอ้โปรด ไอ้งี่เง่าเอ้ย”
‘พี่ก็งี่เง่าเหมือนกันนั่นแหละ ทำไมต้องไปยั่วพี่หมอ เขาอุตส่าห์มาเยี่ยมผม’
“ชงโคเข้าข้างมันอ่ะ!”
‘ไม่ได้เข้าข้าง แต่พี่ก็ไม่น่าทำอย่างนี้นะ มันเสียมารยาท’
“กับไอ้โปรดไม่ต้องมีมารยาทหรอก”
‘งั้นก็ออกไปครับ ผมไม่อยากอยู่กับคนไม่มีมารยาท’
“เฮียขอโทษ อย่าโกรธเฮียเลยนะ เฮียแค่แกล้งมันเล่น ไม่คิดว่าจะไปสะกิดต่อมงี่เง่าของมันเข้า”
‘พี่หมอเขาก็คงมีเรื่องให้คิดมาก ต่อไปก็อย่าทำอย่างนี้อีกนะครับ’
“แหม ดูจะเข้าอกเข้าใจดีเหลือเกินนะ โอ้ยยยย อย่าดึงแก้มสิ”
คนอย่างพี่น่ะ บิดให้เนื้อหลุดก็ไม่สำนึกเลยสินะว่าทำตัวไม่ดี อยากเขกหัวเหมือนที่ม๊าทำกับเขาอยู่หรอก แต่กลัวว่าจะลามปามมากไป
“นอนครับนอน จะห้าทุ่มแล้ว คนป่วยนอนดึกไม่ดี”
เห็นไหม แป๊บเดียวก็กลับมาทำหน้าทะเล้นอีกแล้ว เขาไม่สำนึกจริงๆ ด้วย แต่เอาเถอะ ผมนอนพักผ่อนก่อนล่ะครับ รู้สึกว่าวันนี้เหนื่อยกว่าทุกวันเลย
............................................To be continue.....................................
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นเลย อ่านทุกความคิดเห็น ว่าแต่มุกห้าเม็ดนี่ทำไมถึงฮือฮากันนัก!! บอกเรามานะ!! ฮ่าๆๆๆ
ดูแลตัวเองด้วยค่ะทุกคน