เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน ฝึกให้ชิน
“เอาออกทำไม”
ถามอะไรแบบนั้นล่ะ ถึงแม้เส้นผมจะปรกตาขนาดไหน นัทก็จะไม่ติดกิ๊บเป็ดเหลืองแบบนี้ออกไปนอกโรงงานเด็ดขาด นัทก็รู้จักอายชาวบ้านเขาเหมือนกัน
นัทเงยหน้าขึ้นและมองไปที่คนที่ยืนอยู่ข้างรถ และเกิดความสงสัย พี่ฟ้าถามนัทเหรอ เหมือนพูดลอย ๆ แล้วมันยังไงล่ะ ไม่เข้าใจ
คุณรัชชานนท์เลขาหน้าเฉย ขึ้นรถไปเรียบร้อยและนัทก็เปิดประตูรถเพื่อขึ้นไปนั่งข้างคนขับ จัดการยกมือขึ้นปัดไปที่เส้นผมที่ปรกหน้าปรกตาของตัวเองสองสามครั้ง เพื่อให้สภาพไม่น่าเกลียดจนเกินไป
คุณรัชชานนท์เปลี่ยนจากชุดนอนเป็นชุดลำลองง่าย ๆ แต่งกายดูดีที่สุดในโลกแม้จะแค่ไปกินข้าวต้มที่ถนนใหญ่
ส่วนลูกชายเจ้าของโรงงานกลายร่างเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นที่แต่งตัวแสนจะธรรมดา ด้วยเสื้อผ้าใส่สบาย ง่าย ๆ แต่มันน่ามองมากสำหรับใครบางคน ไม่ใช่เด็กชายเป็ดเน่าอายุห้าขวบ แต่กลายเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่น หน้าตาน่ารัก ผิวขาวเนียน และดวงตากลมโต ไม่ได้ดูหล่อเหลาจนคนเหลียวมอง แต่ก็ไม่ใช่ว่าธรรมดาจนไม่มีใครสนใจ
ไม่มีใครพูดอะไร นัทจับไปที่เข็มขัดนิรภัยที่คาดเอาไว้และเอนหลังพิงกับเบาะนั่ง นั่งมองทิวทัศน์สองข้างทางและคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
นึกถึงสมัยที่เป็นเด็ก ๆ แล้วพ่อขับรถไปส่งที่โรงเรียนพร้อมยัยหนิง ตอนนั้นนั่งอยู่เบาหลังและแม่ก็จะวุ่นวายกับการป้อนข้าวให้กับลูกชายและลูกสาวสองคนที่อยู่ในชั้นประถมต้น
นานแล้วนะ นานจนเกือบลืมเลย พอขึ้นมัธยมก็ไปโรงเรียนพร้อมกับเพื่อน ๆ ไม่ยอมให้พ่อแม่ไปส่ง เพื่อนไปโรงเรียนยังไงก็จะไปอย่างนั้น จะให้คนขับรถมารับมาส่งมันก็ไม่ใช่เรื่อง พาลจะโดนล้อว่าเป็นลูกแหง่ ลูกคุณหนู ซึ่งนัทไม่ชอบเลยที่ถูกเรียกแบบนั้น
นัทไม่ได้สบายจนทำอะไรไม่เป็น พ่อไม่ได้เลี้ยงดูให้นัทเป็นลูกคุณหนูแสนสบาย แต่พ่อให้รู้จักดูแลตัวเอง สมัยมัธยม กิจการเริ่มไปได้ดี พ่อไม่ค่อยมีเวลา และแม่ก็ต้องไปช่วยพ่อบริหารโรงงาน ช่วงนั้นจำได้ว่านัทต้องไปรับไปส่งยัยหนิง จนยัยหนิงโตเป็นสาวและมีแฟน ถึงไม่ยอมให้ไปรับอีก ยัยหนิงตัวร้าย เด็กสาวท่าทางเรียบร้อย หัวอ่อน แต่ใครจะรู้ว่านั่นมันเป็นภาพพจน์ที่ยัยหนิงสร้างขึ้นเพื่อตบตาทุกคน ร้ายกาจที่สุด เป็นน้องสาวที่เอาแต่ใจกับพี่ชายที่สุด ถ้าอยากจะทำอะไร ยืนยันอยากจะทำอะไรไม่มีทางห้ามได้เด็ดขาด เป็นเด็กผู้หญิงแท้ ๆ แต่เอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์เป็นน้องสาวที่นัทภาคภูมิใจจริง ๆ
เข้าเรียนมหาวิทยาลัย นัทไปอยู่หอพัก ใช้ชีวิตเองคนเดียว ลำบากที่ต้องทำทุกอย่างเอง แต่อยู่ไปนาน ๆ ปรับตัวได้ก็สนุกสนาน
อยู่กับเพื่อน เที่ยวบ้าง ติวบ้าง โดดเรียนบ้างแต่ก็ไม่ได้บ่อยจนประคองตัวเองไม่ได้
เลือกเรียนวิชากฎหมาย เพราะถูกหาว่าคอยจะสงสารคนอื่นไปทั่ว เลยกลัวว่าความสงสารมันจะมากับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง อยากใช้ความถูกต้องนำทางให้กับชีวิต พ่อไม่ได้ห้าม แม้จะไม่ได้เลือกเรียนบริหาร ขอแค่มีความรับผิดชอบก็พอ
พ่อกับแม่มีเหตุผลมากพอที่จะไม่บังคับหรือฝืนใจบางอย่างจนเกินไป พักหลัง ๆ มา กิจการของครอบครัวเรายิ่งเจริญรุ่งเรืองและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เราก็เลยคุยกันน้อยลงเรื่อย ๆ จนตอนหลังพ่อบอกว่าอยากให้ยัยหนิงแต่งงาน แต่งงานกับลูกชายของลูกน้องเก่าพ่อ
“พี่นัทชอบคุณรัชชานนท์เหรอ”
คำถามนั้นมันชวนให้สะอึก และนัทก็อายเกินกว่าจะยอมรับ พยายามปฏิเสธและเลี่ยงไม่ยอมตอบคำถาม
“บ้าแล้วหนิง นัทจะไปชอบผู้ชายด้วยกันได้ไง”
ใช้วิธีการเดินหนี แต่ยัยหนิงไม่เคยยอม ถ้าต้องการจะรู้ยังไงก็ต้องรู้ให้ได้
“พี่นัท หนิงไม่ได้หูหนวกตาบอดนะ หนิงรู้ตั้งนานแล้วว่าคนที่พี่นัทชอบ จะมาแต่งงานกับหนิง”
ยัยหนิงพูดไปหัวเราะไป ไม่เห็นว่าจะตลกตรงไหน แต่น้องสาวที่ชอบการบังคับพี่ชายเป็นที่สุดก็หัวเราะร่าอย่างมีความสุข
เท่าที่นัทรู้ คือพ่ออยากให้ครอบครัวเราห่างไกลความเสี่ยงเรื่องผู้ที่จะมาสืบทอดกิจการต่อในยุคถัดไป พ่อต้องการใครสักคนที่มีศักยภาพมากพอที่จะช่วยให้กิจการเจริญเติบโตต่อไปได้ พ่อจึงเลือกพี่ฟ้า พ่อของพี่ฟ้าเคยเป็นลูกน้องเก่าพ่อนัท เมื่อนานมาแล้ว และครอบครัวพี่ฟ้าก็ไปประกอบกิจการเล็ก ๆ จนภายหลังเติบโตเป็นโรงงานขนาดย่อมๆ
พิษเศรษฐกิจพักหลัง ๆ ทำให้ภาวะการขาดทุนเกิดขึ้นที่โรงงานและพ่อก็เป็นคนช่วยเรื่องสภาพคล่องของโรงงานพ่อพี่ฟ้า
ไป ๆ มา ๆ ไม่รู้พ่อพี่ฟ้ากับพ่อนัทคุยกันยังไง เลยจะให้สองฝ่ายเกี่ยวดองกัน และยัยหนิงก็ไม่ปฏิเสธคำขอของพ่อเลย
“ถ้าหนิงแต่งแล้วพี่นัทก็สวมรอยเลย สมัยนี้เขาไม่ถือกันแล้ว”
เป็นการลองเชิงที่นัทได้แต่นิ่งเงียบและไม่ตอบอะไร
“หนิงรู้นะว่าพี่นัทชอบคุณรัชชานนท์ แล้วคุณรัชชานนท์ก็มีแฟนอยู่แล้วด้วย ชื่อนุชา”
ยัยหนิงสืบมาหมดแล้วจริง ๆ จะแปลกอะไร ถ้ายัยหนิงจะรู้ว่านัทแอบชอบพี่ฟ้าอยู่ลึก ๆ แต่นัทใช้วิธีการปฏิเสธ เพราะเรื่องบางอย่างไม่เห็นมีเหตุผลอะไรที่ต้องยอมรับ เงียบ ๆ ไปคงดีกว่า นิ่งเงียบ ตอบอะไรไม่ได้ และยัยหนิงก็หัวเราะทำเหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องสนุกสนานในชีวิต
“จะมาเป็นสามีหนิงทั้งทีจะไม่ให้หนิงตามสืบเลยเหรอ ยิ่งรู้ว่าเป็นคนเดียวกับที่พี่นัทชอบด้วยนะ หนิงยิ่งต้องแต่ง ไอ้ประเภทที่ว่าจะไม่ยอมแต่ง ดื้อรั้นแบบไม่เข้าท่านะ หนิงไม่ทำหรอก แต่ง ๆ ไปซะก็จบ แล้วหนิงก็จะคุยกับคุณรัชชานนท์ด้วยว่าหนิงรู้นะว่าเขาเป็นอะไรแบบไหน”
นั่นแหละยัยหนิง
“พี่นัทก็จะได้เห็นหน้าเค้าบ่อยๆ ไงดีมั้ยล่ะ”
ดีที่ไหน หนิงไม่รู้หรอกว่าพี่ฟ้าเกลียดนัทจะตาย เห็นหน้าไปก็ไม่มีประโยชน์
“คิดดีแล้วเหรอหนิง”
ทักท้วงไปก็เท่านั้น เพราะยัยหนิงตัวร้าย ผู้หญิงเรียบร้อยที่เหมือนคล้อยตามพ่อแม่ไปทุกอย่าง แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่เลย
ยัยหนิงฉลาดมาก ฉลาดและชอบที่จะถือไพ่เหนือกว่าคนอื่น
“คุณรัชชานนท์ทำอะไรหนิงไม่ได้หรอก แต่งงานคืนแรก หนิงจะหนีเที่ยวให้ดู พี่นัทคอยดูแล้วกัน คราวนี้แหละชีวิตจะได้เป็นของหนิงจริง ๆ หนิงล่ะมีความสุขที่สุดในโลกเลย”
ยัยหนิงเห็นพี่ฟ้าเป็นทางผ่านที่จะช่วยปลดพันธนาการจากความเป็นห่วงของพ่อกับแม่ ก็เลยยอมแต่งแบบไม่มีการขัดขืน
“แฟนหนิงด่าหนิงใหญ่เลย แต่ก็นั่นแหละ หนิงจะทำ แล้วยังไงล่ะ ต้องรับให้ได้สิ เป็นแฟนหนิงต้องอดทน”
น้องสาวผู้แสนจะเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ แท้จริงร้ายกาจเหลือเกิน หลังแต่งงาน ยัยหนิงยิ่งร้ายกาจขึ้นเรื่อย ๆ
พ่อกับแม่ไม่ค่อยได้กลับบ้าน ยัยหนิงก็ไปอยู่คอนโดกับแฟน โดยที่พ่อกับแม่ไม่รู้ แต่คนที่รู้คือพี่ฟ้า
ส่วนนัทหนีมาอยู่ที่โรงงาน ไม่ยอมกลับบ้าน ไม่ใช่ไม่อยากกลับ แต่ไม่กล้าเจอ เจอหน้ากันแล้วอยู่ด้วยกันสองคนท่ามกลางบรรยากาศชวนอึดอัดแบบนั้นจะอยู่ได้ยังไง ยังไงก็อยู่ไม่ได้ เลยหนีมาอยู่ที่โรงงาน อยู่ไปอยู่มาก็เลยเหมือนจะชิน
“อยู่คนเดียวเหงาแย่ ชีวิตก็แสนจะน่าเบื่อ แต่พี่นัทเป็นพี่ชายต้องเสียสละเพื่อหนิงสิ ให้หนิงใช้ชีวิตเที่ยวเล่นก่อนนะ แล้วหนิงพร้อมเมื่อไหร่จะเข้าไปช่วยงาน ของใช้พวกนี้หนิงซื้อให้พี่นัทนะ ก็มันน่ารักดีออกเป็ดสีเหลือง พี่นัทต้องใช้ หนิงไม่สนหรอกว่าพี่นัทจะชอบหรือไม่ชอบ เพราะหนิงชอบพี่นัทก็ต้องชอบรู้มั้ยพี่นัท ชีวิตจะได้มีสีสันบ้างไง”
ชีวิตก็เลยมีสีสันมาพักใหญ่ เพราะความต้องการของยัยหนิงคนเดียว ทั้งของใช้ที่ไม่น่าจะซื้อมาให้ผู้ชายใช้ ยัยหนิงก็ซื้อมา
กิ๊บติดผมบ้าบออะไรพวกนี้อีก อุตส่าห์ซื้อมาให้ และสุดท้ายนัทก็หยิบมาใช้ ทั้งที่ไม่อยากใช้เท่าไหร่ แต่มองซ้ายมองขวาไม่มีจริง ๆ ก็เลยจำเป็นต้องใช้ อยู่คนเดียวแบบนี้มาพักใหญ่จนเกือบชินแล้ว และอยู่ดีๆ พ่อก็ส่งพี่ฟ้ามาเป็นเลขานัทเฉยเลย
พี่ฟ้าไม่เต็มใจ นัทรู้อยู่ก่อนแล้ว รู้ตั้งนานแล้วว่าพี่ฟ้าไม่เคยเต็มใจ เรามีคดีเก่ากันอยู่หลายเรื่อง เหตุการณ์ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะย้อนวนไปวนมาอยู่ที่เดิมตลอด และนัทก็เข้าไปรับรู้โดยไม่ได้ตั้งใจถึงสองครั้งสองหน จะแปลกอะไรที่ฟ้าเกลียดนัท เพราะนัทไปรู้เรื่องที่พี่ฟ้าไม่อยากให้ใครรู้ ส่วนหนึ่งก็เพราะนัททำตัวเองด้วย คิดและทำอะไรโง่ ๆ หลังจากเราต้องมาเกี่ยวดองกัน
ถ้าพี่ฟ้าจะเกลียดเพราะการกระทำที่ไร้หัวคิดของนัท จะแปลกอะไร นัทก็มีส่วนที่ทำให้พี่ฟ้าเกลียดเพิ่มขึ้นด้วย จะว่าไปนัทก็ทำตัวเองแท้ ๆ จะไปโทษใครได้ แล้วตอนนี้ล่ะ เราได้รู้จักกันมากขึ้น แม้เพียงไม่นาน แต่พี่ฟ้ายังเกลียดนัทมากมายเหมือนเมื่อก่อนมั้ย
พี่ฟ้ายังเกลียดนัทมากมายเหมือนเมื่อก่อนอยู่มั้ย
“ร้านนี้แหละครับ”
จอดรถหน้าร้านข้าวต้มเรียบร้อย แม้เป็นร้านข้าวต้มโต้รุ่งข้างทาง แต่ก็ดูสะอาดสะอ้าน น่าเข้า ลงจากรถ ในเวลาหกโมงกว่า ๆ ที่ฟ้ายังไม่สาง เดินมาหาที่นั่ง เพื่อสั่งอาหาร และก็พบว่าโต๊ะข้าง ๆ มีชายหนุ่มสองคนนั่งกินอาหารอยู่
“กินข้าวต้มหรือจะสั่งแบบกับข้าวครับ”
หยิบเมนูมาดูและฟ้าก็เอ่ยถามคนที่เดินมานั่งด้วยกันอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ข้าวต้มกุ้งครับ”
รับออเดอร์เรียบร้อยและฟ้าก็ลุกขึ้นเดินไปบอกเจ้าของร้าน กลับมานั่งที่ และนั่งมองหน้าของคนที่เหมือนทำตัวไม่ถูก และเหลียวมองไปทั่วทั้งร้าน
“ไม่ได้ติดหรูใช่มั้ยครับ....น้องนัท”
ประเด็นมันไม่ใช่ว่าติดหรูหรือไม่หรูหรอก แต่มันอยู่ที่คำว่า .....น้องนัท......
ไม่ใช่คุณนัท แต่เป็นน้องนัท อยากจะยิ้มให้แก้มระเบิด แต่นัทก็ก้มหน้าก้มตาลง เพราะเหมือนกับว่าจะควบคุมใบหน้าของตัวเองไม่ได้
กลัวจะยิ้มออกมา กลัวจะเผลอยิ้มออกมา
“กระเพราปลาหมึกครับ กับผัดบวบ”
ออเดอร์จากลูกค้าที่สั่งทำให้ฟ้าหันไปมอง
อ๋อ ผัดบวบ เมื่อคืนก่อนก็สั่งมากิน รสชาติใช้ได้ แต่ไม่ได้สั่งกระเพราปลาหมึก คิด ๆ ดูแล้วก็น่าลองกินอยู่เหมือนกัน
“ซื้อกับข้าวไว้เผื่อกินตอนกลางวันมั้ยครับ น้องนัท”
อ่า... กับข้าวไว้กินตอนกลางวันเหรอ ก็...แล้วแต่พี่ฟ้า อะไรก็ได้ นัทกินได้หมด ไม่เรื่องมาก
“ครับ”
ตอบรับ และหันหน้าหนีไปทางอื่น เพราะเหมือนว่าตัวเองกำลังจะยิ้ม
กำลังจะยิ้มเพราะคำว่า ....น้องนัท....แค่การเรียกชื่อแบบง่าย ๆ แต่นัทรู้สึกดีที่ใครบางคนเรียกแบบนั้น
“ต่อไปถ้าอยู่ในเวลาทำงาน ผมจะเรียกคุณว่าคุณรัชชานนท์แล้วกันนะ แต่ถ้านอกเวลางานผมขอเรียกว่า....คุณฟ้า”
ไม่กล้าเรียกว่าพี่ฟ้าตรง ๆ ทั้งที่ก็เรียกไปหลายครั้ง
“พี่ฟ้าไม่ใช่คุณฟ้า”
อ่า พี่ฟ้า...ก็พี่ฟ้า
พยักหน้ารับ และคนที่เอ่ยบอกก็ทำหน้านิ่งไร้ความรู้สึกเหมือนเดิม
ยังไงล่ะพี่ฟ้า เหมือนจะไม่อยากให้เรียก แต่ก็ยอมให้เรียกอย่างนั้นเหรอ หรือยังไง
“นัทก็เรียกพี่ว่า พี่ฟ้า แต่ถ้าเวลางานจะเรียกว่าคุณรัชชานนนท์ก็โอเค ไม่มีปัญหาอะไร”
อธิบายได้หน้าตาเฉย และนัทก็พยักหน้า
“พี่ฟ้า”
เรียกชื่อนี้ออกมา และนัทก็ทันได้สบตากับคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ทำไมรู้สึกเหมือนพี่ฟ้าอยากจะยิ้ม แต่ฝืนและเก็กหน้าไม่ยอมยิ้ม
ทำไมรู้สึกอย่างนั้น ทำไมรู้สึกว่าพี่ฟ้าก็กำลังวางฟอร์มอยู่เหมือนกัน วางฟอร์มเหมือนที่นัททำ
“นัทเรียกพี่ฟ้าทำไมครับ”
ทำไมเหรอ
ทำไม
ทำไมกันล่ะ เรียก....ทำไม
“เปล่าครับ...ก็ลองเรียกดูเฉย ๆ จะได้ชินเร็ว ๆ”
ตอบกลับแบบไม่ได้คิดอะไร แต่เรียกรอยยิ้มเล็ก ๆ ของคนที่กำลังพยายามปั้นหน้าได้ไม่ยาก นัทไม่ทันสังเกตเห็นว่าใครบางคนก็แอบลอบยิ้มอย่างพอใจกับคำพูดที่นัทพูด
“น้องนัท”
“ครับ”
นัทรีบขานรับ และเงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียก เพราะอยากรู้ว่าอีกฝ่ายเรียกทำไม
“เปล่าครับไม่มีอะไร...ก็แค่ลองเรียกดูเฉย ๆ จะได้ชินเร็ว ๆไม่มีอะไรครับ.....พี่ฟ้าก็....พยายามเรียกบ่อย ๆ จะได้ชินเหมือนกัน”
TBC.
Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน
และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง