พิมพ์หน้านี้ - @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: aa_mm ที่ 01-05-2014 22:31:46

หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 01-05-2014 22:31:46
 
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
หัวข้อ: รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosukeสารบัญหน้าแรกปรับปรุงให้เข้าแต่ละกระทู้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 01-05-2014 22:35:23

รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ภาค บุ้ง -มีน
             หน้าที่ 1.....ตอน พี่บุ้ง//งานเข้าแล้วนะ// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2692979#msg2692979) หรืองานจะเข้ากูจริงๆ// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2693383#msg2693383)อย่าคิดมาก//  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2693390#msg2693390)ไม่อยากซวย  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2693809#msg2693809)
           หน้าที่ 2.....ตอน  กินไปงั้นๆ// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.30)งอนๆง้อๆ // (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2693843#msg2693843)การพนัน // (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2694152#msg2694152)อคติ//  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2694158#msg2694158) อากาศ// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2694480#msg2694480) แฟนเก่าบุ้งแต่แฟนใหม่มีน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2694482#msg2694482)
           หน้าที่ 3.....ตอน ลูกน้องควาย // (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2694834#msg2694834)เหตุการณ์ซ้ำ ๆ ที่มีนรับไม่ไหว//  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2695117#msg2695117)ปวดใจ//  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2695195#msg2695195)กำลังใจ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2695197#msg2695197)
           หน้าที่ 4.....ตอน ต้องทำใจ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2695363#msg2695363)
           หน้าที่ 5.....ตอน ผู้จัดการ//  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2695610#msg2695610)มีนคอแป๊บ//  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2695631#msg2695631)สิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2695841#msg2695841)
           หน้าที่ 6.....ตอน เรื่องของมีน//  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2696037#msg2696037)เรื่องที่บุ้งไม่เคยรู้//  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2696103#msg2696103)อาการของโรคซึมเศร้า  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2696242#msg2696242)
           หน้าที่ 7.....ตอน เด็กป่วย//  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2696404#msg2696404) แซว (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2696488#msg2696488)
           หน้าที่ 8.....ตอน ประโยชน์ของวิทยุสื่อสาร // (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2696666#msg2696666)คลิป  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2696831#msg2696831)
           หน้าที่ 10...ตอน เพลง // (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2697111#msg2697111) อยากได้ซีดีหนังเป็นเหตุ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2697157#msg2697157)
           หน้าที่ 17...ตอน งานเลี้ยงส่ง  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2699265#msg2699265)
           หน้าที่ 18...ตอน ก่อนจะเช้า  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2699548#msg2699548)
           หน้าที่ 20...ตอน วิธีการหลีกเลี่ยงการดักฟัง//  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2699993#msg2699993)แนะนำพนักงานใหม่ จบภาคบุ้งกับเมืองมีน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2700031#msg2700031)
           หน้าที่ 42...ตอน ภาคพิเศษ พี่บุ้งใจดี (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2709962#msg2709962)

-----------------------------------------------------------------------------------------


รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke ภาค วิเชียร-เฮีย
                             หน้าที่ 9.......ตอน เรื่องลับ ๆ ของหนุ่มนักพนัน// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2696956#msg2696956)เมื่อวิเชียรมุ้งมิ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2697034#msg2697034)
                        หน้าที่ 12.....ตอน เมื่อวิเชียรหิว  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2697691#msg2697691)
                        หน้าที่ 13.....ตอน อย่าทำให้วิเชียรโกรธ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.360)
                        หน้าที่ 22.....ตอน ก่อนท้องฟ้าจะสดใส (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.630)
                        หน้าที่ 23.....ตอน เรียนรู้กันและกัน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.660)
                        หน้าที่ 28.....ตอน ของเล่นใหม่ของวิเชียร (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.810)
                        หน้าที่ 44.....ตอน ภาคพิเศษเมื่อวิเชียรเศร้า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2710811#msg2710811) 

-------------------------------------------------------------------------------------------


รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ภาค วิโรจน์-คุณกฤษดา
                         หน้าที่ 13.....ตอน ทำไมต้องเกลียดพวกผมวะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2698380#msg2698380)
                     หน้าที่ 14.....ตอน อย่าเรื่องมากน่าคบกับผมซะเถอะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2698430#msg2698430)
                     หน้าที่ 15.....ตอน ปฏิกิริยาแรก// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2698621#msg2698621)คนชอบบังคับ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2698827#msg2698827)
                     หน้าที่ 16.....ตอน อ้นของพีท พีทของอ้น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2699005#msg2699005)
                     หน้าที่ 36.....ตอน ภาคพิเศษไปซื้อของกัน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2706353#msg2706353)
                     หน้าที่ 48.....ตอน ภาคพิเศษไม่ธรรมดา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2713145#msg2713145)

-----------------------------------------------------------------------------------------


รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ภาค อำนาจ-น้องพู่
                         หน้าที่ 19.....ตอน แล้วกูจะไปรู้ได้ไงวะ// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2699791#msg2699791)เห็นว่างอยู่ขอจีบได้ป่ะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2699946#msg2699946)
                     หน้าที่ 26.....ตอน เข้าใจไม่ตรงกัน// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2702326#msg2702326)โลกใบนี้สีชมพู (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2702410#msg2702410)
                     หน้าที่ 27.....ตอน อินเลิฟ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2702688#msg2702688)
                     หน้าที่ 29.....ตอน ไม่แน่จริง// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2703342#msg2703342)บ่อยครั้งที่เราทะเลาะกัน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2703466#msg2703466)
                     หน้าที่ 30.....ตอน หุงข้าว (จบภาคอำนาจ-พู่) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2703621#msg2703621)

-------------------------------------------------------------------------------------------


รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ภาค สุรชาติ-ยูกิ
                         หน้าที่ 21.....ตอน ประวัติส่วนตัว// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2700161#msg2700161)พื้นที่อันตราย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2700234#msg2700234)
                     หน้าที่ 22.....ตอน ลูกจ้างคนใหม่// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2700357#msg2700357)ตกลงยังไง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2700410#msg2700410)
                     หน้าที่ 23.....ตอน ไม่ได้เร่งแต่ก็อยากให้ไว// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2701092#msg2701092)ขาเสือกมากันครบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2701158#msg2701158)
                     หน้าที่ 24.....ตอน มาถ่ายรูปกัน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2701736#msg2701736)
                     หน้าที่ 27.....ตอน วางมัดจำ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2702560#msg2702560)
                     หน้าที่ 28.....ตอน ก่อนเข้าบ้าน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2702865#msg2702865)
                     หน้าที่ 30.....ตอน อยากเป็นอะไร// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2703647#msg2703647)ยูกิผู้ไม่ยอมแพ้// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2703797#msg2703797)ก่อนกลับ (จบภาค) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2703887#msg2703887)

-------------------------------------------------------------------------------------------


รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ภาค โยธิน-บัวลอย
                          หน้าที่ 31.....ตอน เด็กเกรียน// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2704027#msg2704027)ขอโทษ// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2704054#msg2704054)เรื่องของโยธิน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2704119#msg2704119)
                      หน้าที่ 32.....ตอน เพราะรักออกแบบไม่ได้// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2704196#msg2704196)ระวังรถของมึงให้ดี// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2704267#msg2704267)เลือนลาง// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2704376#msg2704376)เรื่องมันเพิ่งจะเริ่ม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2704468#msg2704468)
                      หน้าที่ 33.....ตอน แมวกับปลาย่าง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2704683#msg2704683)
                      หน้าที่ 34.....ตอน ความรู้สึกของโยธิน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2705527#msg2705527)
                      หน้าที่ 35.....ตอน เฮ ๆ ฮา ๆ// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2705650#msg2705650)ฝากเลี้ยง// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2706071#msg2706071)ใกล้กันมากขึ้นพูดกันมากขึ้น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.phptopic=41970.msg2706163#msg2706163)
                      หน้าที่ 36.....ตอน เรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวต้องแยกกัน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2706312#msg2706312)
                      หน้าที่ 37.....ตอน จริงจังจริงใจ// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2706956#msg2706956)ถ้าแบกไว้แล้วหนักก็วางลงซะบ้าง// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2707022#msg2707022)ปิ่นโตเถานั้น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2707264#msg2707264)
                      หน้าที่ 38.....ตอน ข้าวเช้าวันนี้ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2707893#msg2707893)
                      หน้าที่ 39.....ตอน ข้าวเช้าแห่งความเงียบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2708428#msg2708428)
                      หน้าที่ 40.....ตอน การเจรจาเป็นผล// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2708753#msg2708753)อะไรกันวะเนี่ย// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2709028#msg2709028)เหตุผลในการลาออก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2709225#msg2709225)
                      หน้าที่ 41.....ตอน ตำแหน่งของวิเชียร (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2709483#msg2709483)
                      หน้าที่ 42.....ตอน ผู้ดูแล// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2709873#msg2709873)เราเป็นรูมเมทกัน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2710187#msg2710187)
                      หน้าที่ 43.....ตอน เด็กอนุบาล// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2710267#msg2710267)จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2710552#msg2710552)งอน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2710739#msg2710739)
                      หน้าที่ 44.....ตอน กลับมาแล้ว// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2710977#msg2710977)  กรุณาอย่าไปนอนที่โซฟา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2711182#msg2711182)
                      หน้าที่ 45.....ตอน ง่วงนอน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2711648#msg2711648)                       
                      หน้าที่ 46.....ตอน เช้าแล้วครับ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2711981#msg2711981)
                      หน้าที่ 47.....ตอน เบื่อจะพูด// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2712670#msg2712670) งอนอะไร (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2712681#msg2712681) 
-------------------------------------------------------------------------------------------


รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ เรื่องเล่าในแผนกขนส่ง
                           หน้าที่ 25.....ตอน ปัญหาทุกข์ใจของสมาคมแม่บ้านแผนกขนส่ง// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2701828#msg2701828)ไม่ใช่เรื่องบนเตียง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2701915#msg2701915)
                       หน้าที่ 31.....ตอน ทั้งแค้นทั้งเห็นใจตกลงมันยังไงกันวะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2703997#msg2703997)

-------------------------------------------------------------------------------------------

❤❤❤ ❤❤❤ ❤❤❤ ❤❤❤ ❤❤❤❤❤❤ ❤❤❤  ❤❤❤ ❤❤❤ ❤❤❤❤❤❤ ❤❤❤ 



สารบัญนิยายเรื่องอื่น ๆ

01. - รักเกิดในแผนกขนส่ง (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.0) 02.  - รักเกิดในร้านก๋วยเตี๋ยว (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=4159.0) 03.   - รักเกิดในอู่ซ่อมรถ (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45186.0)

04. - ก็แค่ผู้ชายหยอกล้อกัน (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2531.0) 05.  - เพราะเรากัดกัน (ผูกพัน) (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=1539.0) 06.   - เพราะรัก(แน่เหรอ) ครับผม (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=7407.0)

07. - running..... (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0) 08.  - สวัสดี (ยังไม่จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=8912.0) 09.   - เรื่องอื่น ๆ ใน Thaiboys ลองค้นดู (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=4686.0)


พูดคุยกัน ❤❤  Aoikyosuke Fanpage❤❤  (https://www.facebook.com/pages/Aoikyosuke-%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%94/187318631478330)
หัวข้อ: Re: รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke ตอน พี่บุ้ง
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 01-05-2014 22:36:13

เรื่องของหัวหน้าแผนกจัดซื้อ by aoikyosuke ไอศูรย์-จุมพล
                            หน้าที่ 48.....ตอน เมื่อของหมด (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2713323#msg2713323)
                       หน้าที่ 49.....ตอน จุมพลก็คือจุมพล// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2713413#msg2713413)มนุษย์ที่ชื่อจุมพล// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2713657#msg2713657)เหนื่อยเกินไป (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2713674#msg2713674)
                       หน้าที่ 50.....ตอน คุณเห็นผมเป็นอะไร// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2714221#msg2714221) เมื่อจุมพลเสียศูนย์// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2714283#msg2714283) สิ่งที่อยู่ในใจจุมพล (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2714423#msg2714423)
                                               ก่อนจะเป็นเด็กติดเกมส์// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2714469#msg2714469)กรุณาอธิบาย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2714545#msg2714545)
                       หน้าที่ 51.....ตอน อยากจะนอนก็นอนไม่หลับ// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2715003#msg2715003)เอาคืน// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2715100#msg2715100)หนีเสือปะพญาจระเข้ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2715178#msg2715178)
                       หน้าที่ 52.....ตอน เริ่มคุ้นเคย// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2715383#msg2715383)ทีใครทีมัน// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2716004#msg2716004)รอ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2716233#msg2716233)
                       หน้าที่ 53.....ตอน ศึกชิมคุกกี้// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2716753#msg2716753)ไม่เข้าใจ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2716915#msg2716915)
                       หน้าที่ 54.....ตอน สับสน// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2717070#msg2717070)ภาคพิเศษ ของขวัญวันเด็ก// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2717238#msg2717238)ไม่ให้อภัยตลอดชีวิต (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2717714#msg2717714)
                       หน้าที่ 55.....ตอน รักกันตลอดไป// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2717946#msg2717946)จาก// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2718044#msg2718044)คิดถึง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2718142#msg2718142)
                       หน้าที่ 56.....ตอน ภาคพิเศษ เมื่อครั้งเรายังเป็นเด็ก// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2718581#msg2718581)วิธีปรับความเข้าใจ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2718648#msg2718648)
                       หน้าที่ 57.....ตอน 365 วันมุ้งมิ้ง// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2718939#msg2718939)ความหึงหวง (จบภาค) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2719237#msg2719237)
                       หน้าที่ 95.....ตอน ภาคพิเศษ คุณไอศุรย์เป็นคนเย็นชา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2828336#msg2828336)
                       หน้าที่ 96.....ตอน ภาคพิเศษ ไม่พูดแล้วจะรู้มั้ย// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2843118#msg2843118)ภาคพิเศษจุมพลเป็นคนเพ้อเจ้อ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2855507#msg2855507)

-------------------------------------------------------------------------------------------



เรื่องของนายกับคุณเลขา by aoikyosuke คุณนัทกับคุณรัชชานนท์
                          หน้าที่ 58.....ตอน เรื่องของฟ้า// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2719927#msg2719927)มัดจำ// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.new#new)เมื่อยหน้า// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2720031#msg2720031)ไม่ประทับใจตั้งแต่แรกพบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2720079#msg2720079)
                       หน้าที่ 59.....ตอน ชีวิตเจ้าของโรงงาน// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2720253#msg2720253)งานของเลขา// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2720253#msg2720253)อาหารยามดึก// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2720530#msg2720530)เป็ดน้อยนัท (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2720624#msg2720624)
                       หน้าที่ 60.....ตอน อุบัติเหตุป้องกันได้ถ้าไม่ประมาท// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2720908#msg2720908)หน้าที่ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2720963#msg2720963)
                       หน้าที่ 61.....ตอน ของฝากจากคุณรัชชานนท// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2721242#msg2721242)เบื้องหลังสิ่งที่เห็น// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2721498#msg2721498)กลับมาทำไม// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2721579#msg2721579)อาหารมื้อดึก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2721617#msg2721617)
                       หน้าที่ 62.....ตอน เมื่อย//เรื่องที่เราเกลียดกัน// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2721748#msg2721748)เมื่อคุณนัทโกรธ// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2722078#msg2722078)แล้วจะหลับยังไง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2722088#msg2722088)
                       หน้าที่ 63.....ตอน เพราะคุณนัทเคยขอเอาไว้// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2722475#msg2722475)อยากได้แต่ไม่อยากได้// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2722494#msg2722494)คุณรัชชานนท์ก็งอนเป็น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2722809#msg2722809)
                       หน้าที่ 64.....ตอน ฝึกให้ชิน// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2723127#msg2723127)ไม่เก็กก็ได้ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2723336#msg2723336)
                       หน้าที่ 65.....ตอน หาเพื่อน// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2723492#msg2723492)ไม่เข้าใจ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2723640#msg2723640)
                       หน้าที่ 66.....ตอน เตือนแล้วต้องฟัง// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2723735#msg2723735)รันเพื่อนรัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2723875#msg2723875)
                       หน้าที่ 67.....ตอน หยั่งเชิง// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2724215#msg2724215)ทำแบบนี้เท่ากับฆ่ากันทางอ้อม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2724293#msg2724293)
                       หน้าที่ 68.....ตอน แผนของนัทคือเขียนจดหมายลาตาย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2724506#msg2724506)
                       หน้าที่ 69.....ตอน ทำอะไรไว้ต้องรับผิดชอบ// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2724702#msg2724702)ตกลงสัญญา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2724906#msg2724906)
                       หน้าที่ 71.....ตอน นัทของพี่ฟ้า// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2725600#msg2725600)
                       หน้าที่ 72.....ตอน ความกังวล// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2726193#msg2726193)ขี้เกียจอาบน้ำ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2726490#msg2726490)
                       หน้าที่ 73.....ตอน สมัครงาน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2726800#msg2726800)
                       หน้าที่ 74.....ตอน ไม่เชื่อ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2727222#msg2727222)
                       หน้าที่ 75.....ตอน ยิ้ม ๆ// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2727802#msg2727802)ฝึก// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2727862#msg2727862)ก่อนวันหยุดยาว (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2727876#msg2727876)
------------------------------------------------------------------------------------------

ปล.ด้วยรักและคิดถึง
                       หน้าที่ 76.....ตอน รอ// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2729435#msg2729435)ศัตรู// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2729457#msg2729457)ความทรงจำ// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2729492#msg2729492)ความรู้สึกของหยก// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2729519#msg2729519)ลูกชายของน้าขจร// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2729538#msg2729538)ข่าว// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2729564#msg2729564)เด็กฝาก// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2729570#msg2729570)ใคร (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2729576#msg2729576)
                    หน้าที่ 77.....ตอน การเอาคืนของโจ้// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2729590#msg2729590)ฉายาโจ้หน้าโง่// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2729700#msg2729700)แค่แวะมาหาเฉยๆ// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2729703#msg2729703)เรื่องเก่าในความทรงจำ// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2729705#msg2729705)โลกของเรา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2729707#msg2729707)
                                             อย่าทอดทิ้งคนที่รอ// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2729712#msg2729712)เรื่องของโจ้กับนิว// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php
topic=41970.msg2729713#msg2729713)ปราม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2730007#msg2730007)
                    หน้าที่ 78.....ตอน เตือน// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2730124#msg2730124)ห้าม// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2730179#msg2730179)ตัวช่วยในการอ่านหนังสือ// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2730494#msg2730494)วิธีรักษาอาการตาแดง// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2730508#msg2730508)หนุ่มสก๊อยซ้อนท้าย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2730510#msg2730510)
                    หน้าที่ 79.....ตอน ข้อผิดพลาดในชีวิต// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2730787#msg2730787)เรื่องของหยกกับเธอคนนั้น// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2730790#msg2730790)ไม่ใช่คนเรื่องมาก// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2730995#msg2730995)คนในความทรงจำ// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2730999#msg2730999)
                                             เพราะไม่รู้ว่ารัก// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2731079#msg2731079)สเปคของหยก// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2731109#msg2731109)ไม่รู้ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2731115#msg2731115)
                    หน้าที่ 80.....ตอน พูดไม่คิด// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2731558#msg2731558)(นิว-โจ้)ทะเลาะ// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2731561#msg2731561)(นิว-โจ้)น่าจะบอกตั้งแต่แรก// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2732068#msg2732068)(นิว-โจ้)อยากรู้เหมือนกัน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2732075#msg2732075)
                    หน้าที่ 81.....ตอน (นิว-โจ้)ให้ด่าฟรี// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2732556#msg2732556)(นิว-โจ้)เบื่อแห้ว// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2732667#msg2732667)หยุด// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2732683#msg2732683)(นิว-โจ้)โจ้งอน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2733345#msg2733345)(นิว-โจ้)นิวงอน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2733751#msg2733751)
                    หน้าที่ 82.....ตอน ฝัน// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2733778#msg2733778)ใช่// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2733808#msg2733808)เรื่องธรรมดา// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2734113#msg2734113)(นิว-โจ้)มือใหม่หัดง้อ// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2734204#msg2734204)
                    หน้าที่ 83.....ตอน (นิว-โจ้) หลง// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2734407#msg2734407)(นิว-โจ้) หวั่นไหว// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2734444#msg2734444)(นิว-โจ้)สบายใจ// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2734815#msg2734815)(นิว-โจ้)ตกลงนอนกี่โมง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2734941#msg2734941)
                    หน้าที่ 84.....ตอน (นิว-โจ้) นิวชอบพูดจาบ้า ๆ// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2735076#msg2735076)ถ้าหยกต้องรอ// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2736522#msg2736522)สอนไม่รู้จักจำ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2736915#msg2736915)
                    หน้าที่ 85.....ตอน (นิว-โจ้)ข้ามผ่านวันเวลา// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2737125#msg2737125)(นิว-โจ้)ชม// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2737917#msg2737917)(นิว-โจ้)อีกไกลแค่ไหน// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2738349#msg2738349)(นิว-โจ้)คนแพ้ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2738351#msg2738351)
                    หน้าที่ 8ุ6.....ตอน (นิว-โจ้)ตั้งใจอ่านหนังสือ// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2738661#msg2738661)(นิว-โจ้)โปรดอ่านฉลากก่อนกินยา// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2738676#msg2738676)(นิว-โจ้)มึงไม่ใช่นิว (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2739255#msg2739255)
                    หน้าที่ 8ุ7.....ตอน (นิว-โจ้)เพิ่งเข้าใจ// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2739714#msg2739714)(นิว-โจ้)ควันหลง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2740575#msg2740575)
                    หน้าที่ 8ุ8.....ตอน (นิว-โจ้)คุยกันมากขึ้นเข้าใจกันมากขึ้น// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2741468#msg2741468)(นิว-โจ้)จบภาคนิวกับโจ้// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2742645#msg2742645)หยกคือทุกสิ่ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2742648#msg2742648)
                    หน้าที่ 8ุ9.....ตอน เขียน// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2743055#msg2743055)ก่อนจะไม่ได้เจอกันอีก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2746061#msg2746061)
                    หน้าที่ 90.....ตอน รักคงยังไม่พอ// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2746294#msg2746294)พอแล้วการรอคอย (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2747417#msg2747417)
                    หน้าที่ 91.....ตอน ภาคพิเศษนิว-โจ้ บ่น บ่น บ่น// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2746294#msg2746294)ภาคพิเศษนิว-โจ้ ง้อ ง้อ ง้อ (จบภาคพิเศษนิวโจ้) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2747649#msg2747649)
                                            ภาคพิเศษ เรื่องที่ทำให้น้าขจรครุ่นคิด// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2747688#msg2747688)ภาคพิเศษ ครอบครัวเล็ก ๆ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2747704#msg2747704)
                                            ภาคพิเศษ เรื่องของตองคนที่ไม่มีบทในเรื่องนี้// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2747715#msg2747715)ภาคพิเศษสิ้นสุดการรอคอย (จบบริบูรณ์) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2747718#msg2747718)

------------------------------------------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke ตอน พี่บุ้ง
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 01-05-2014 22:54:52
พรุ่งนี้ก็เช้า  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke ตอน พี่บุ้ง
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 01-05-2014 23:10:41
 :mc4:
หัวข้อ: Re: รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke ตอน พี่บุ้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 01-05-2014 23:27:52
 :mc4:   ว้ายเรื่องใหม่ขิองคุณเท็น
หัวข้อ: รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke ภาคบุ้ง-มีน ตอน งานเข้าแล้วนะมึง
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 01-05-2014 23:42:02


รักเกิดในแผนกขนส่ง.....ตอน พี่บุ้ง

คนอย่างพี่บุ้งนะ ถ้าคนชอบคือชอบเลย แต่ถ้าเกลียดนะแม่งเกลียดเอาตายเลยเหมือนกัน

มันเป็นความจริง
คนอย่างพี่บุ้ง ถ้าใครจะชอบก็คือชอบเลย แต่ถ้าเกลียดแม่งก็คือเกลียดไปเลย

พี่บุ้งไม่เคยปฏิเสธ ไม่เคยอธิบาย ยืนยันมุ่งมั่นที่จะเป็นอย่างที่เป็น

“คนเราจะให้ใครเขามาเข้าใจเราทั้งโลกวะ สนใจคนอื่นมากไปแล้วได้อะไร คนอยากให้เราเป็นอย่างที่เขาต้องการ แล้วเป็นเหี้ยอะไรเราต้องทำตาม พวกมันเป็นพ่อแม่เราหรือไง”

ใช่
คนอย่างพี่บุ้ง ถ้าใครชอบ ก็คือชอบไปเลย แต่ถ้าใครเกลียดก็คงจะเกลียดไปเลย

มันก็จริง
พี่บุ้งไม่เคยโลกสวย ด่าคือด่า ด่าก็ด่าให้เละตายกันไปข้าง กูไม่ปราณี แต่กูก็ไม่ซ้ำใคร

เหมือนจะไร้คุณธรรม แต่ก็โคตรมีคุณธรรม

“มึงบ้าหรือไงไอ้สัด ถ้าของส่งไม่ทันขึ้นมาหมาที่ไหนจะรับผิดชอบ แดกเหล้ากูไม่ว่า แต่แดกแล้วไม่มีปัญญามาทำงาน แล้วมาสร้างปัญหาให้กู มึงก็พักงานไปนอนอยู่บ้านแล้วกัน”

พี่บุ้งไม่ปราณี

ยืนด่าลูกน้องที่เมาค้างจนมาส่งของตอนเช้าไม่ได้ และก็เป็นหน้าที่ของพี่แกที่ต้องไปส่งเอง

ส่วนคนมาส่งไม่ได้ พี่บุ้งให้ไปนอนพักผ่อนอยู่ที่บ้าน

เป็นที่รู้กันคำว่าพักงานมันก็ไม่ต่างอะไรจากไล่ออก


ใบเตือนสามครั้งก็เกินพอแล้ว

ใบที่สี่คงไม่มีอีกต่อไป

“โหดสัส”

สิ่งที่นักศึกษาฝึกงานอย่างเมืองมีนได้ยิน มันฟังดูน่าตกใจ
แต่ตั้งแต่เข้ามาฝึกงาน สิ่งที่จำได้ นอกจากเรื่องงานแล้วก็คงเป็นเรื่องกิตติศัพท์ความโหดของพี่บุ้ง หัวหน้าแผนกส่งของ

คำพูดลอยลมที่ได้ยินมันกระทบหูคนฟัง
และคนฟังก็ไม่มีคำพูดอะไรออกมา นอกจากรู้สึกหลอนอยู่เหมือนกัน

แม่ง โคตรดุเลยว่ะ ทั้งดุทั้งโหดยิ่งกว่าหมา พี่ว้ากที่มหาลัยไม่ได้ครึ่งเลยจริง ๆ

“อยากฝึกงานต่อจนจบน้องก็แค่อย่าไปข้องเกี่ยวกับพี่บุ้งเขาก็พอ”



มันก็คงจริง อย่าไปข้องเกี่ยวด้วยคงจะดีกว่า

พี่บุ้ง เป็นหัวหน้างานแผนกขนส่ง คุมคนงานส่วนขนส่งทั้งหมด สายงานขนส่งที่หนักหนาสาหัส ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องรับทั้งหมด มีแต่ผู้ชายในแผนก สารพัดคน สารพัดปัญหาไม่เว้นแต่ละวัน

เรื่องเดิม ๆ
กินเหล้า การพนัน ตบเมีย ทิ้งลูก หนี้สิน
ปัญหาของคนที่พี่บุ้งต้องคอยไกล่เกลี่ย ทั้งเรื่องส่วนตัวของลูกน้องและเรื่องทั้งหมดไม่เคยจบ มันลามมาที่โรงงานเสมอ

กินเหล้าไม่จ่าย มาทวงถึงโรงงาน
เป็นหนี้โต๊ะบอล โดนตามฆ่า และมาตามเอาจากที่โรงงาน
ตบเมีย เมียมายืนร้องไห้หน้าโรงงาน
ทิ้งลูก ปัญหาเดิม ที่ได้ฟังมาแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากมองและทำใจ

หนี้สิน ที่หยิบยืมกันแล้วไม่เคยคืน จนมีเรื่องให้ทะเลาะเบาะแว้งกันตลอดเวลาระหว่างลูกน้องด้วยกัน

ร้อยแปดปัญหา
กว่าจะจบแต่ละวัน

เหนื่อยมาทั้งวัน
เหนื่อยทุกวัน ทุกวัน ทุกวัน

แต่ก็ยังทำ

เหนื่อยกับคนทั้งวัน

“บุ้ง”

คนที่ซบหน้าอยู่บนโต๊ะทำงานเงยหน้าขึ้นมา และใครบางคนก็เดินมาตบไหล่เบา ๆ

“บุ้งเป็นคนดีนะ ช่วยทุกคนไปซะทุกเรื่อง”

ไม่ได้ยิ้มตอบรับไม่ได้ปฏิเสธ แต่แค่พยักหน้า

“คนเรามีความสงสารได้ แต่ต้องมีอุเบกขา บุ้งช่วยได้เท่าที่บุ้งมีแรงช่วย ผมคิดว่าไม่ค่อยดีถ้าบุ้งช่วยคนอื่นแล้วต้องมานั่งเป็นทุกข์อยู่ตลอด ว่าทำไมพวกเขายังต้องมาเจอเรื่องซ้ำ ๆ บุ้งควรประมาณตัวเองว่าบุ้งช่วยได้แค่นี้ และปล่อยวางมันบ้าง บุ้งไม่ใช่พระเจ้า บุ้งบันดาลความสุขให้ใครไม่ได้”

ฟัง
และพยักหน้าตาม
พยักหน้าอย่างหงอยเหงา

“กรณีของวันนี้ ผมคิดว่าบุ้งทำถูกแล้ว ผมไม่เห็นเหตุผลที่บุ้งจะต้องเป็นคนรับปัญหาทั้งหมดไว้คนเดียว ผมรู้บุ้งไม่อยากทำ แต่บุ้งเป็นหัวหน้าคน ถ้าบุ้งไม่แสดงอะไรให้รู้บ้าง บุ้งก็คุมคนลำบาก”

ใช่
ลำบาก

ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอยู่ทุกวันนี้เพื่ออะไร
ทำงานจริง ๆ หรือคอยช่วยเหลือคนอื่นเงียบๆ
ช่วยแบบที่ไม่คิดว่าจะมีใครเห็นค่า ในสายตาของลูกน้องคงไม่ใช่คนดีเท่าไหร่ และโหดร้ายไปหมดทุกเรื่อง

แต่มันก็เท่านั้นจะให้อธิบายอะไรกับเรื่องทุกอย่าง

“ทำงานมาเจ็ดปี คุณเคยพักร้อนบ้างหรือเปล่า”

ไม่เคยหรอก
พักร้อน ไม่เคยพักและไม่คิดว่าจะพักด้วยในเมื่อปัญหามันมีมาทุกวัน.

“ผมไม่มีเวลา”

ไม่มีเวลาหรือไม่คิดจะให้เวลากับตัวเอง

“คุณเก่งมากนะ กลางคืนเก็บศพ กลางวันทำงาน ถ้าลูกน้องคุณทำได้แบบคุณบ้างก็คงดี”

เป็นคำชมที่บุ้งหัวเราะออกมาเสียงเบา

“จนบางทีผมคิดว่าคุณเก็บศพเป็นงานประจำ และมาทำงานที่โรงงานฆ่าเวลาก่อนรอไปเก็บศพหรือเปล่า”

เป็นคำแซวที่ทำให้บุ้งหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น

“คุณเลขาก็พูดเกินไป เดี๋ยวยังไงผมขอนอนซักตื่นค่อยไปเข้าเวร”

เป็นอันรู้กัน และคุณเลขารัชชานนท์ก็พยักหน้ารับและลุกขึ้นเดินออกจากห้องพักพนักงานส่งของ

ก้าวขาเดินเรื่อย ๆ และยิ้มออกมาเมื่อเห็นหน้าของคนที่ยืนทำหน้ามุ่ยอยู่ข้างรถ

“พี่ฟ้า บุ้งเขาเป็นไงมั่ง”

ก็ไม่เป็นไง

“พี่ว่าเขาก็ทำใจได้ในระดับหนึ่ง”

รอบตัวของคุณนัทมีลูกน้อง ลูกน้องที่ฟ้าอยากมั่นใจว่าแต่ละคนที่อยู่รอบๆ ตัวคุณนัทจะไม่สร้างปัญหาให้ในเวลาที่ฟ้าไม่ได้ทำหน้าที่เลขาอีกต่อไปแล้ว

“บุ้งเขามีปัญหาอยู่หนึ่งอย่าง คือเขาไม่ค่อยอธิบายเหตุผลอะไรกับใคร หลาย ๆ ครั้งเขาก็ปล่อยให้คนตีความสิ่งที่เขาเป็นโดยไม่คิดจะแก้ต่างให้ตัวเอง”

เรื่องนั้นนัทก็พอรู้บ้างพี่ฟ้า

เขามาทำงานกับเรา เขาไม่ได้เพิ่งมา เขาอยู่มาถึงขนาดนี้มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลย

และบางทีในข้อเสียก็คงเป็นข้อดีก็ได้

“แต่เพราะเขาเป็นแบบนี้ มันเป็นผลดีในเรื่องงาน เพราะถ้าเขาสั่ง นั่นแปลว่าจะมีคนทำตาม”

มันก็มีทั้งดีและไม่ดี
ในความไม่ดีก็มีดีอยู่ในนั้น

“....นัทสบายใจได้ เรื่องสายงานขนส่ง นัทไม่ต้องกลัวใคร บุ้งเขาทำงานให้ได้สบายใจหายห่วง”

อืม
มันก็ดี

“ดีที่เขาอยู่กับเรา”

นัทยิ้มรับกับคุณเลขารัชชานนท์
การทำงานไม่ใช่ทำแต่งาน ต้องรู้จักบริหารคนให้เป็น ใช้คนให้เป็น ใช้อย่างรู้ค่า ไม่ปล่อยทิ้งปล่อยขว้าง และให้มูลค่ากับเขา ให้ความสำคัญกับเขาอย่างสม่ำเสมอ

นัทพยายามเรียนรู้ โดยมีคุณเลขารัชชานนท์คอยช่วยเหลือ
ช่วยเหลือจนนัทใกล้จะยืนได้ด้วยขาของตัวเองแล้ว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“นี่พวกผมยังคิดกันอยู่เลยว่า ระหว่างให้เลือกระหว่างอยู่กับสาวกับเลือกอยู่กับศพ สงสัยพี่บุ้งจะเลือกอยู่กับศพมากกว่า”

มันเป็นคำแซวของลูกน้องที่ทำให้บุ้งยิ้มออกมาอย่างขำ ๆ

“ก็ศพไม่เคยตามจิก ตามหึงหวง แล้วก็ไม่ต้องเอาใจนี่หว่า ขนาดปักเข็มฉีดฟอร์มาลีนเข้าไปหนัก ๆ ยังไม่งี่เง่าโวยวายร้องออกมาซักแอะ”

ร้องออกมาซักแอะก็คงไม่ใช่แล้วแหละ

พูดไปยิ้มไประหว่างเปลี่ยนจากชุดพนักงานเป็นชุดมูลนิธิเพื่อเข้าเวรในเวลากลางคืน

“ผมก็อยากจะไปทำแบบพี่ทำบ้างเหมือนกัน แต่ไม่ไหว บอกตรงๆ ว่าใจไม่แข็งพอพี่ กลัวมีคนตามกลับบ้าน”

นิวกำลังยัดเสื้อลงในกระเป๋าและเตรียมตัวกลับบ้าน
เพราะวันนี้เป็นวันหยุด นัดกับ…..ใครบางคนไว้…
ไม่ได้นัดกับมันโดยตรง แต่บอกแล้วว่าจะกลับไปอาบน้ำให้ไอ้กุปปี้ ลูกชายไอ้โจ้มัน ขืนผิดสัญญาไปถึงช้า แม่งก็มางอนไม่พูดกับกูอีก

“มันเป็นความใฝ่ฝันตั้งแต่สมัยเรียนของพี่แล้ว ยังไงโตขึ้นต้องเป็นอาสาสมัครให้ได้ ตอนแรก ๆ เข้าไปก็กลัว แต่อยู่ไปอยู่มา มันก็ชิน”

ชินกับการเก็บศพเนี่ยนะ
ไม่ใช่มั้ง

“ผมคงทำใจให้ชินยากพี่…ยังไงผมกลับก่อนพี่”

นิวเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้ว และหันกลับมายกมือไหว้หัวหน้างาน

ที่ใครหลายคนอาจมองว่าดุ โหด และพูดจาไม่ค่อยเข้าหูคนเท่าไหร่

แต่ถ้าได้ลองรู้จักกันจริงๆ พี่บุ้งจัดว่าเป็นคนที่คบได้คนหนึ่งเลยทีเดียว

“เออ กลับดี ๆ เว้ย โชคดี”

โบกไม้โบกมือให้และบุ้งก็ก้าวขาออกจากห้องพักพนักงานเมื่อเลยเวลาเลิกงานมาพักใหญ่

เดินไปสตาร์ทมอร์เตอร์ไซด์ที่จอดไว้ที่โรงจอดรถ และก็เห็นว่ามีพนักงานของโรงงานคนหนึ่งนั่งอยู่ในมุมมืด

“ดึกป่านนี้ไม่กลับบ้านวะ”

ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา
นอกจากอาการสะดุ้งของคนที่นั่งอยู่

“เฮ้ย มึงเป็นผีเปล่าเนี่ย คงไม่ใช่ว่าตามกูอยู่หรอกนะ”

แกล้งพูดไป และคนที่นั่งอยู่ก็หันกลับมามองอย่างช้า ๆ

“หันมาดี ๆ นะไม่ต้องเสือกทำหัวหลุดใส่กูด้วย กูกลัว”
แกล้งพูด และคนที่หันกลับมาก็ไม่ได้ทำหัวหลุดใส่

แต่..........

เป็น.....

“อ้าวไอ้เหี้ย สันดาน”

โดนด่า และคนที่หันมาก็นิ่วหน้าใส่และยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา

“มาแนวรันทดเลยเชียวมึง”

บุ้งถึงกับส่ายหน้า และเสียบกุญแจรถ สตาร์ทมอร์เตอร์ไซด์และเตรียมจะขับออกไป

“........พี่ผ่านถนนใหญ่ ไปลงหน้าถนนด้วยกันมั้ยน้อง...”

เอ่ยถามและไอ้น้องคนนั้น
จำได้ว่าพอเห็นหน้าแว่บ ๆ

อ๋อ
เด็กฝึกงาน ที่มากับเพื่อนที่ขี่มอร์เตอร์ไซด์มาทุกวัน
แล้ววันนี้ไม่เห็นเพื่อนมันมา สงสัยจะหยุด

“...ไปพี่ ผมไปด้วย”

ไม่ต้องให้ถามซ้ำ
และคนที่กำลังนั่งร้องไห้ก็เดินมาซ้อนท้ายบุ้งทันที

แค่อาศัยรถไปลงหน้าถนนใหญ่

และบุ้งก็บิดคันเร่งขับออกมาตามทาง ขับมาเรื่อย ๆ
และเมื่อมองที่กระจกข้างก็เห็นว่าเด็กฝึกงานที่ติดรถออกมาด้วยกำลังใช้มือขยี้ตาไปมาไม่ยอมหยุด

สภาพอย่างนี้คงไม่มีอะไรมาก
เรื่องรัก ๆ ใคร่ๆ ของวัยรุ่น

พอผ่านไปซักพัก เดี๋ยวมันก็รู้ว่าไอ้เรื่องพวกนั้น บางทีมันก็ไม่ได้จำเป็นอะไรเลย ถ้าชีวิตมีอะไรให้ทำมากกว่ามานั่งคิดเรื่องปวดหัว รัก ๆ ใคร่ ๆ กับใครซักคน

ต่อไปพอมันเห็นความเป็นจริงบนโลกนี้มากขึ้น

มันก็จะเริ่มรู้ .....บางทีความรักอาจไม่ใช่สิ่งจำเป็นอะไรเลย....

รถมอร์เตอร์ไซด์มาจอดที่ป้ายรถเมล์หน้าถนนใหญ่

และคนซ้อนก็ลงมายืนเรียบร้อย
ยกมือไหว้รุ่นพี่ที่เป็นหัวหน้าแผนกขนส่งในโรงงานที่เข้าไปฝึกงานและฝ่ายนั้นก็พยักหน้าให้ก่อนจะตบที่ไหล่ของเมืองมีนเบาๆ สองสามครั้งและพูดบางอย่างให้ฟัง

“เออ กลับบ้านดี ๆ น้อง ชีวิตคนเรามันก็แบบนี้แหละมีทุกข์มีสุข ปน ๆ กันไปอย่าคิดอะไรมาก พรุ่งนี้ก็เช้า”

พรุ่งนี้ก็เช้าเหรอ
พรุ่งนี้ก็เช้า

รถมอร์เตอร์ไซด์แล่นผ่านไปแล้วและนักศึกษาฝึกงานอย่างเมืองมีนก็มองตาม

มองตาม
และก็ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเริ่มมีรอยยิ้มเล็ก ๆ จุดขึ้นที่มุมปาก
ทั้งที่เพิ่งจะมีเรื่องให้ต้องทุกข์ใจ
เรื่อง............การจากไปอย่างไม่มีวันกลับ...ของเพื่อนคนสำคัญ

การพลัดพราก
ที่ไม่อยากจะพบเจอ
..........แต่ต้องยอมรับมัน..........

พรุ่งนี้ก็เช้า
ใช่ พรุ่งนี้ก็เช้า
เมืองมีนก้มหน้ากลับลงมา เช็ดน้ำตาอีกครั้ง

และหันไปมองถนนใหญ่ที่คนขับมอร์เตอร์ไซด์มาส่งขับจากไปแล้ว

……..ไม่รู้ว่ายังไงหรอกนะ......... แต่ที่ใคร ๆ บอกว่าพี่บุ้งร้าย โหด และดุ จนไม่มีใครกล้าอะไรด้วย

เมืองมีนคงต้องคิดใหม่

......ไม่เคยคิดจะข้องเกี่ยวด้วยหรอกนะ......
แต่ฝ่ามือที่แตะเบาๆ ที่ไหล่และยิ้มเหมือนให้กำลังใจนั้นมันก็ทำให้รู้สึกดีได้ไม่น้อย

“พี่บุ้งเหรอ.....”

พูดชื่อของคนที่มาส่งออกมาเบา ๆ
และเมืองมีนก็รู้สึกว่าตัวเองเริ่มยิ้มได้อีกครั้ง
ยิ้มได้.........หลังจากที่จมอยู่กับความทุกข์มานานพักใหญ่

ยิ้มได้
เพียงเพราะคำพูดเรียบง่ายของคน ๆ นั้น

“เออมันก็จริงวะ.....พรุ่งนี้ก็เช้าแล้วโว้ย เล้ง....กูจะอยู่ดูพรุ่งนี้เช้าแทนมึงนะเล้ง....กูจะอยู่ดูพรุ่งนี้เช้าแทนมึงทุก ๆ วัน”


TBC.



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



รักเกิดในแผนกขนส่ง.....ตอน งานเข้าแล้วนะมึง

“เอ้ย....ไปกินข้าวได้แล้วมึงเหี้ยมีน”

พากเพียรเดินเรื่อยมาถึงเครื่องถ่ายเอกสารและก็เห็นเพื่อนกำลังถ่ายเอกสารอย่างขะมักเขม้น

“เออ เดี๋ยวกูตามไป”

คนที่กำลังถ่ายเอกสารตอบกลับและพากเพียรก็พยักหน้าให้

“เอาเหมือนเดิมป่าวมึง”

เออ เหมือนเดิมแหละ

“ไม่เอาข้าวเยอะแล้วนะ กูแสบ ๆ ท้องว่ะ สงสัยโรคเก่าจะมาเยือน”

บอกเพื่อนและพากเพียรก็พยักหน้าให้

ที่จริงอยู่กันคนละคณะ แต่มาเจอกันที่นี่
ไอ้มีนมันตามมาทีหลัง จำหน้ากันไม่ได้ แต่เห็นเข็มกับหัวเข็มขัด มันก็ไม่ยากที่จะรู้ว่ามาจากสถาบันเดียวกัน

ไม่ได้สนิทกัน ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน
เพิ่งจะมารู้จักกันที่นี่

แต่ก็ดี ยังไงก็ยังถือว่ามีเพื่อน แม้จะทำกันคนละแผนก แต่ยังไงก็เด็กฝึกงานเหมือนกัน สถาบันเดียวกัน

เลยกลายเป็นเพื่อนกันไปโดยปริยาย

“เออมีน วันนี้พี่กูมาส่ง ขากลับมึงกลับพร้อมกูป่าว”

หันไปถามเพื่อนที่กำลังถ่ายเอกสารอยู่แล้วก็เห็นว่าไอ้มีนยืนเหม่ออีกแล้ว

เหี้ยนี่ก็เหม่อจัง
แม่งคิดอะไรอยู่วะ
อะไรก็ดีหรอก เสียอย่างเดียว แม่งชอบเหม่อ ยืนเอ๋อเรื่อย

“ไอ้มีนนนนนนนน”

เอ้อ
ถึงกับสะดุ้งและเมืองมีนก็หันไปมองเพื่อนที่เอ่ยถามบางอย่าง

“ห๊ะ”

เออ เรียกจนคอกูจะแตกแล้วมั้ง เพิ่งได้ยินว่ากูเรียกเหรอวะ

“มึงถ่ายเอกสารมึงไปเห้อะ”

อ่อ
อืม
ก็เร่งอยู่ เรียกแค่นี้เหรอวะ อะไรของแม่งวะ ไม่เห็นเข้าใจเลย

ส่ายหน้าและหยิบกระดาษแผ่นถัดไปขึ้นมาเปิดหน้าถัดไปและวางใส่เครื่องถ่ายเอกสาร

ที่จริงไม่ได้ตั้งใจจะมาฝึกที่นี่
ตั้งใจจะไปฝึกที่ที่เล้งแนะนำเอาไว้ วางแผนเอาไว้ว่าจะไปด้วยกัน

แต่ก็ไม่ได้ไป
เพราะคนที่จะไปด้วยกัน ไม่อยู่แล้ว

เล้งมัน..........ไม่.......อยู่แล้ว

ก้มหน้าลงอีกครั้ง
และเรื่องราวเก่า ๆ ในหัวก็ไหลเรื่อยเข้ามา
มันไม่น่าอายุสั้นขนาดนั้น ไม่น่า..........

แต่มันก็เท่านั้น คนเรามีใครจะอยู่ค้ำฟ้า แต่สิ่งที่ไม่เข้าใจทำไมต้องเป็นไอ้เล้งด้วยวะ

ทำไมต้องเป็นมึงด้วยวะเล้ง

ทำไมต้องเป็น........มึง..........ด้วย

เสียใจ เป็นใครก็ต้องเสียใจ สิ่งสำคัญ เพื่อนคนสำคัญ
มันเร็วเกินไป

แบบนี้มันเร็วเกินไป
กูจะทำใจได้ยังไง
กูไม่มีทางทำใจได้หรอกวะ

ก้มหน้านิ่ง และในหัวก็ยังคิดวนเวียนแต่เรื่องเดิม ๆ ซ้ำไปซ้ำมา

ความเจ็บปวดของการสูญเสีย
เสียคนสำคัญไป

“.........................”

ได้แต่ยืนนิ่งอยู่หน้าเครื่องถ่ายเอกสาร และถอนหายใจเฮือกใหญ่

มาฝึกงาน
มาทำงาน
แม้อยากจะเศร้าเท่าไหร่ แต่ชีวิตก็ต้องไปต่ออยู่ดี

อีกครั้งที่เมืองมีนพยายามสลัดความคิดในหัวออกไปให้หมด และก็เงยหน้าขึ้นเมื่อมีคนมายืนอยู่ข้าง ๆ

“เฮ้ย น้อง ไปไหนกันหมด พี่เอาบิลค่าน้ำมันกับค่าทางด่วนมาเบิก”

อ่า...........
พี่บุ้ง

“อ๋อ พักพี่ เขาพักกลางวันกันหมดแล้ว”

อ้าวเหรอ
พักกลางวันกันหมดแล้ว

แล้วนี่ใคร อะไรยังไง

“พักหมดแล้วอะไรน้อง ยังเหลือน้องยืนอยู่นี่อีกคน”

มันก็ใช่พี่ แต่ว่า.......

“ผมยังทำงานไม่เสร็จ”

งานอะไรวะ
ถ่ายเอกสารกองเท่าภูเขาเนี่ยนะ มึงถ่ายทั้งวันจนถึงปีหน้าก็ไม่เสร็จหรอกไอ้น้องเอ้ย

“ไปกินข้าวก่อนไม่ดีกว่าเหรอน้อง เร่งเหรอ”

เร่งหรือเปล่าก็ไม่รู้
เขาให้มาถ่ายผมก็มา เห็นบอกว่าด่วนทุกอัน ผมก็ไม่ได้ถามว่าด่วนขนาดไหน

“พี่เขาจะเอาด่วน”

ด่วนอะไรวะ

บุ้งหยิบเอกสารมาดูและก็ขมวดคิ้วมุ่น นี่ด่วนเหรอ นี่เรียกด่วนแล้วเหรอ

“ไปกินข้าวเหอะ เชื่อพี่”

ไปกินข้าว
แต่ว่ามัน..........ด่วน...ไม่ใช่เหรอครับ กองนี้
“แต่ว่า...........”

เอ้าไอ้นี่
มึงนึกว่ากูโกหกหรือไงวะ ด่วนเหี้ยอะไร แม่งก็พูดว่าด่วนทุกอันแหละ มันเอกสารเก่าเก็บ เขาก็ให้มึงมาถ่ายไปงั้นแหละ สงสัยกลัวมึงว่างงานมั้ง

“เฮ้ยน้องนี่ยังไงเนี่ยะ ไม่เชื่อพี่เหรอ”

เอ่อ

ไม่
ไม่ใช่ไม่เชื่อพี่ แต่.........พี่ยังไงอ่ะ คือแบบว่า อยู่ดีๆ พี่ก็โผล่มา บอกว่าจะเอาบิลมาเบิก เสร็จแล้วพี่ก็มาบอกว่าให้ผมเลิกถ่ายเอกสารก่อน

“แต่ว่า........”

กำลังจะอ้าปากพูด แล้วเมืองมีนก็ถึงกับเอ๋อหนักกว่าเดิม เมื่อพี่บุ้งหัวหน้าแผนกขนส่ง กำลังทำหน้าเหมือนโกรธคนทั้งโลกแล้วมาลงที่กูซะงั้น

แถมยังออกอาการกระฟัดกระเฟียดใส่อีก

เฮ้ยยยยยยยยยย กูยังไงล่ะ กูทำอะไรผิดวะเนี่ย กูตั้งใจทำงานอยู่นะเฮ้ย

“บอกให้ไปกินข้าว”

เอ้ออออออออ

ก็
ก็ได้ครับพี่ ผมก็ไม่ใช่ว่าจะดื้อไม่ยอมไป

แต่พี่เล่นตะคอกซะผมไปไม่เป็นเลย ผม........ยังไม่ได้ทำอะไรไม่ดีเลยนะเฮ้ย

“เอ้า ยังไม่ไปอีก เหี้ย พูดยากจังวะน้อง”
อ้าวเฮ้ย แล้วมาเหี้ยอะไรใส่กูเนี่ยะ
เต็มหน้ากูเลย

กู........ไม่....

เมืองมีนยังงง แต่บุ้งจัดการดึงเอกสารจากเครื่องถ่ายเอกสารออกมาเรียบร้อยและวางเอกสารทั้งปึกใส่ตะกร้าเอาไว้

เท่านั้นไม่พอ ยังดึงแขนให้เด็กฝึกงานอย่างเมืองมีนเดินตามมาด้วย

“พอ ๆ เลิก ๆ ไม่ต้องถ่ายแล้ว เวลากินข้าวก็ต้องกินข้าว”

มันก็ใช่อยู่
แต่.........

ไม่รู้ยังไง
ไม่รู้อะไรเลย
เมืองมีนเดินออกมาจากออฟฟิศอย่างมึนงง
เดินตามหลังหัวหน้าแผนกขนส่งที่มีกิตติศัพท์เรื่องความ ดุ โหด และพูดจาไม่ค่อยเข้าหูใครเท่าไหร่นัก

เดินตามมาด้วยความไม่เข้าใจ

และก็ยิ่งงงหนัก มากขึ้นเมื่อพี่บุ้งหันมามองและขมวดคิ้วใส่

“นี่เรียกว่าโรงอาหาร รู้จักใช่มั้ย โรงอาหารเขาเอาไว้กินอาหารตอนพักกลางวัน ช่วงนี้คนเยอะ ถ้าหิวจนตาลายวันหลังก็ห่อข้าวมากินเอง จะได้ไม่ต้องแย่งกับใคร”

ครับพี่

คือพี่ครับ ผมรู้จักโรงอาหารและมากินข้าวที่โรงอาหารเป็นปกติครับพี่ ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้จักโรงอาหาร แล้วนี่พี่พาผมมาเพื่อจะบอกว่าให้ผมมากินข้าวที่โรงอาหารใช่มั้ย

“กินเสร็จแล้วค่อยไปถ่ายเอกสารต่อ”

ครับพี่

พี่บุ้งเดินจากไปแล้ว

แต่เมืองมีนยังงง
เดินเอื่อย ๆ เข้าไปหาเพื่อนที่เงยหน้ามาเห็นพอดี และพากเพียรก็ยกมือเรียกเพื่อนที่เดินให้เข้ามานั่งด้วยกัน

“นี่ข้าวมึง”

ดึงจานข้าวของตัวเองมา และเมืองมีนก็เงยหน้ามองเพื่อนก่อนจะเอ่ยปากถามอะไรบางอย่าง

“มึงรู้จักพี่บุ้งเปล่าวะ พี่บุ้งหัวหน้าแผนกขนส่ง”

พี่บุ้งเหรอ
รู้ดิ

“เหี้ย พี่แม่งโหดเกิ๊น”

เออ กูก็ว่างั้น

“แม่งพากูมาส่งโรงอาหารเฉยเลยว่ะ”

อ่า
พากเพียรกำลังตักข้าวเข้าปาก แต่ก็ชะงักค้างเพราะสิ่งที่เพื่อนพูด

พามึงมาส่งถึงโรงอาหารเลยเหรอวะ
มึง........
คือกูก็ไม่ได้อยากจะอะไรมากหรอกนะ
แต่กูได้ยินเรื่องพี่แกมาเยอะมาก คือมันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของกูหรอก แล้วพี่แกก็ไม่ได้มีผลอะไรกับการประเมินผ่านงานของกูด้วย

แต่ยังไงดีวะ
กูก็ไม่อยากพูดให้มึงเสียกำลังใจเท่าไหร่หรอกนะ

“ยินดีด้วยวะมีน........กูว่า.....ท่าทางงานจะเข้ามึงแล้วแบบเต็ม ๆ เลยว่ะ”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke ตอน งานเข้าแล้วนะมึง 02/05/57
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-05-2014 03:43:10
ไม่ได้เรื่องของคุณ aoikyosuke มานานมากแล้วน่ะเนี่ย ดีใจที่มีเรืองใหม่มาให้ได้อ่านกัน
หัวข้อ: Re: @@@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke ตอน งานเข้าแล้วนะมึง 02/05/57
เริ่มหัวข้อโดย: Teddysdeath ที่ 02-05-2014 05:01:34
 :mc4:ชื่อนี้รับประกันความสนุก
หัวข้อ: Re: @@@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke ตอน งานเข้าแล้วนะมึง 02/05/57
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 02-05-2014 07:35:49
ติดตามๆจร้า
หัวข้อ: Re: @@@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke ตอน งานเข้าแล้วนะมึง 02/05/57
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 02-05-2014 09:40:18
เป็นแฟนนิยายอีกคนที่ติดตามผลงานมานาน ชอบในความเรียบง่ายแต่น่าจดจำ  :mew1:
หัวข้อ: Re: @@@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke ตอน งานเข้าแล้วนะมึง 02/05/57
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 02-05-2014 11:09:35
 o13 o13 o13 o13 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @@@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke ตอน งานเข้าแล้วนะมึง 02/05/57
เริ่มหัวข้อโดย: Yarkrak ที่ 02-05-2014 11:16:48
 :mc4: :mc4: :mc4:
ฉลอง
หัวข้อ: Re: @@@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke ตอน งานเข้าแล้วนะมึง 02/05/57
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 02-05-2014 11:44:09
งานเข้ามีน เข้ายังไง มาบอกด้วยนะ
หัวข้อ: Re: @@@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke ตอน งานเข้าแล้วนะมึง 02/05/57
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 02-05-2014 13:46:45
aoikyosuke ไม่ได้อ่านผลงานจากชื่อนี้นานมากแล้วววว ชื่อคนเขียนการันตีความสนุกไปเกินครึ่ง
ติดตามๆ แบบนี้ต้องติดตามเลยฮะ
หัวข้อ: รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke ตอน หรืองานจะเข้ากูจริง ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 02-05-2014 15:19:15


รักเกิดในแผนกขนส่ง.....ตอน หรืองานจะเข้ากูจริง ๆ


“ทำไมดรอปเรียนไปวะ”

ทำไมถึงดรอปเหรอ

“ไปบวชมา”

ไปบวชเนี่ยนะ
เอาใหม่อีกทีดิ๊ คือกูฟังผิด หรือกูฟังผิด หรือกูฟังผิด
หรือกู เอ้อ ก็ถูกแล้วนี่หว่า

“พูดเป็นเล่น”

เหมือนพูดเล่นเหรอ
ไม่ได้พูดเล่น

“ไม่อยากสึกหรอก แต่อยู่ต่อไม่ไหว แม่ไปขอให้สึกทุกวัน”

โห
อะไรยังไงทำไมขนาดนั้นวะนั่น
“เอาจริงดิ”

ก็จริงดิ

“แล้วไปบวชทำไมวะ ตั้งสองปี”

ก็.........

“.......เผื่ออะไรมันจะดีขึ้นมั้ง...”

เป็นคำตอบที่แบบว่า กูเกือบจะเข้าใจแล้วเชียว แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่ะ

“ไม่ห่วงเรียน ไม่ห่วงอะไรเลยเหรอ”

ตอนนั้นเหรอ
ไม่ห่วงอะไรทั้งนั้นแหละ

“...ไม่อ่ะ....ช่วงนั้นบวชหนีสงสาร....”

เป็นไงวะ บวชหนีสงสาร
“สงสารใครวะ”

สงสารใครล่ะ

“ก็สงสารตัวเองนี่แหละ”

ซ้าธุเถิดหลวงพี่เอ้ยยยย

“...แล้วสงสารตัวเองทำไมวะ มีอะไรให้สงสาร ชีวิตแม่งรันทดขนาดนั้นเลยเรอะ”

ก็........

“อือ”

ตอบกลับง่าย ๆ และเมืองมีนก็เขี่ยข้าวไปมา
กินไม่ลง
เบื่อ
ไม่อยากกิน แสบท้องด้วย สงสัยจะเป็นเพราะโรคเครียดกำเริบ
ไม่ได้อยากเครียดหรอก
แต่มันห้ามได้ที่ไหนกัน ใครมันจะอยากเป็นแบบนี้

“ไม่กินไข่ดาวเหรอวะ ไม่อร่อยเหรอ”

ไม่รู้
มันดูไม่ค่อยน่ากิน กินหรือไม่กิน มันก็เท่านั้น กินเสร็จก็ไปกองรวมกันในท้องหมด รสชาติอะไรมันก็ไม่ได้หลงเหลืออยู่หรอก มันก็แค่อาหาร กิน ๆ ไปให้อิ่มก็พอแล้วมั้ง

“เอาป่ะ”

เงยหน้าขึ้นถามเพื่อน ที่ความจริงเป็นรุ่นน้องมากกว่า
ที่จริงก็ควรจะเรียนจบไปได้ตั้งนานแล้ว แต่ที่ไม่จบก็เพราะ
ไม่อยากกลับมาเรียน ไม่อยากกลับมา........เพราะไม่อยากเห็นภาพเก่าๆ ของคนที่ไม่อยู่แล้ว

“เออ ไม่กินก็มา”

พากเพียรยื่นจานข้าวให้กับคนที่นั่งหน้าหงอยซึมเศร้าทั้งวันและมีนก็ใช้ช้อนตักไข่ดาวจากในจานส่งให้เพื่อนทันที

“ไม่กินแล้วจะสั่งไข่ดาวมาทำไมวะ วันหลังก็บอกสิว่าไม่เอาไข่ดาว”

ก็........

“อือ”

พากเพียรเคี้ยวข้าวไปเรื่อย ๆ มองหน้าเพื่อนที่ยังเขี่ยข้าวไปมาแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า

“เคยมีใครบอกเปล่าวะ หน้ามึงนี่ยิ่งกว่าคนไม่มีความสุขอีกว่ะ”

มีคนบอกแบบนี้เยอะแยะ
แต่ก็เฉย ๆ อยากจะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ เวลามีความทุกข์ก็ใช่ว่าคนที่พูดแบบนั้นจะมาใส่ใจหรือช่วยบรรเทาให้ซะหน่อย
“หน้าเหมือนคนแบกโลกไว้ตลอดเวลาใช่ป่ะ”

ใช่เลย

“เออ เออ แบบนั้นเลยว่ะ”

มีนไม่ได้ทำอะไรมากก็แค่ส่ายหน้า และก็อมยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก และยังเขี่ยข้าวต่อไปเรื่อย ๆ ไม่ตักกินซะที

“เอาจริง ๆ นี่ไม่หิวเหรอวะ”

ก็ไม่ใช่ว่าหิวอะไรหรอก
กินไปงั้นๆ ตามหน้าที่ให้ท้องมีอะไรย่อย ดีกว่าปล่อยให้น้ำย่อยออกมากัดกระเพาะซะเปล่า ๆ

“สมัยบวชอยู่ ฉันท์วันละมื้อเอง เฉย ๆ ว่ะ ชินแล้วมั้ง”

แต่ตอนนี้มึงไม่ได้บวชอยู่ป่าววะ

“อามิตตาพุทธครับหลวงพี่”

เป็นคำแซวที่ได้ฟังแล้วทำให้มีนหัวเราะออกมาเสียงเบาและก็ส่ายหน้าให้กับเพื่อนรวมฝึกงานที่อายุห่างกันเกือบสองปี

“เออ วันนี้เดี๋ยวพี่ชายมารับ กลับด้วยกันป่าว”

ไม่ดีกว่าว่ะ
ไม่อยากรบกวน

“มิน่าเมื่อเช้าไม่เห็นมึงเอามอร์ไซด์มา”

ของแบบนี้มันก็ต้องมีกันบ้าง
พากเพียรแอบลอบยิ้มน้อย ๆ ยิ้มอย่างคนมีความสุข และมีนก็ได้แต่มองตาม มองแล้วก็ยิ้มให้กับคนที่ดูท่าทางมีความสุขดี

ก็ดีแล้ว
ทำอะไรมีความสุขก็ทำไปเถอะ
ไม่เดือดร้อนใครก็ทำ

“แล้วไม่กลับพร้อมกันแล้วกลับไงวะ ถนนใหญ่แม่งอย่างไกล”

ก็....

“เดินเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็ถึง”

โห้
ดูว่างเนอะ ไม่ไปไหนบ้างหรือไงวะ

“จะรีบกลับไปทำวัตรเย็นเหรอครับ”

ไม่ใช่แล้ว

“เอาพระเอาเจ้ามาล้อ บาปนะเฮ้ย”

ก็ไม่ได้เอามาล้อ แต่ดูมึงปลงเหลือเกิน ไม่กลับไปบวชอีกรอบล่ะว่ะ

“ไม่ได้รีบกลับไปทำวัตรเย็น แต่จะรีบกลับไปสวดมนต์เย็นต่างหากล่ะ”
ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยย

มุกนี่แม่งฮาจริงว่ะ

พากเพียรถึงกับหัวเราะดังลั่น เมื่อเงยหน้ามามองเพื่อนที่ตบมุกฝังเข้าให้

“จะบ้าเรอะ ไม่ได้เป็นพระโว้ย เล่นไม่เลิก จะกลับบ้านไปเล่นเกมส์มั่งดิ”

เล่นได้ด้วยเร้อ

“ปลูกผัก หรือแคนดี้ครัชล่ะหลวงพี่”

ตลกมากไปแล้วมึง

“เอาจริง ๆ ป่ะ”

กล้าถามก็กล้าตอบล่ะวะ

พากเพียรพยักหน้าเป็นคำตอบว่าอยากรู้จริง ๆ
คนที่อยากจะตอบก็เลยรีบตอบ

“ยิงเพชรว่ะ....โคตรติด”

เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย

ไม่ใช่แค่หัวเราะลั่น คราวนี้พากเพียรถึงกับขำแบบไม่หยุดจริงๆ กับคำตอบที่ได้รับ

“ปัญญาอ่อนชิบหาย”

เออ ปัญญาอ่อนจริง
เล่นไปงั้นๆ ไม่มีอะไรทำ เลยเล่นแก้เซ็ง

“คอมไม่ได้ใช้มาชาติกว่า เปิดมาซอฟแวร์ก็ตกรุ่น ไม่รู้จะไปอัพเดทอะไรทำไม ทำมาก็ไม่ได้ใช้อยู่ดี”

ลักษณะโคตรน่าไปอยู่ในป่าในเขาจริง ๆ เลยว่ะคนอย่างมึงนี่

“ถ้าไม่ไปเป็นพระก็ไปเป็นทาซานก็ได้นะเฮ้ย”

ก็แค่คำแซวเรื่อยเปื่อย แต่คนที่นั่งทำหน้าเซ็งโลกและยังใช้ช้อนเขี่ยข้าวไปมาก็เงยหน้ามาตอบคำถามทันที

“เอาจริง ๆ ทาซานไม่ใช่ไอดอลว่ะ ขอเลือกเป็นเมาคลีล่าสัตว์ เมาคลีล่าสัตว์ ดูจะเข้าท่ากว่า”

หน้าแม่งเบื่อโลกมาก สภาพเหมือนคนปลงแล้วและสละสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต

แต่ขออย่าให้ชงเหอะ ตบกูทุกมุกขำจนแทบอยากกระอักเลือดตาย

“มึงนี่ฮาเหี้ย ๆ แบบไม่ธรรมดาเลยเหมือนกันนะเนี่ย”

“......เกือบดีใจแล้วนะ แต่คล้ายๆ เหมือนโดนด่าเลยว่ะ”

ตอบกลับโคตรทันใจเลย

พากเพียรหัวเราะกับสิ่งที่เพื่อนตอบ และก้มหน้าก้มตาตักไข่ดาวที่เพื่อนยกให้เข้าปาก

เคี้ยวข้าว และก็เงยหน้ามองหน้าเพื่อนที่ยังเขี่ยข้าวไปเรื่อย ๆ
ไม่ยอมกินซะที

“กินซะทีเหอะวะ เขี่ยขนาดนั้นคนขายเขาก็คงคิดว่าไม่อร่อยเลยกินไม่หมดกันพอดี”

ฟังที่เพื่อนบอก และมีนก็ตักข้าวเข้าปาก เคี้ยวข้าว
และนึกถึงสิ่งที่เพื่อนบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้

“ตกลงงานจะเข้ากูจริง ๆ เหรอวะ”

เข้าหรือเปล่ากูไม่รู้หรอก แต่ที่แน่ ๆ เดี๋ยวต้องรีบเข้างานรอบบ่ายแล้ว รีบ ๆ กินให้เร็วก็คงดี

“ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น มึงก็สวดมนต์สิวะ แล้วก็แผ่เมตตา”

นั่นมันคำแนะนำเหรอวะ แต่แนะนำแบบนี้ก็ดีนะจะได้ไม่ต้องคิดอะไรมากจริง ๆ

“...แผ่เมตตาให้พี่บุ้งอ่ะนะ”

“เปล่า...แผ่เมตตาให้มึง”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke ตอน หรืองานจะเข้ากูจริง ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 02-05-2014 15:20:13
“นี่ไม่ใช้บิลค้างเก่านะครับ บิลเคลียร์วันต่อวัน แล้วเบิกบัตรเติมน้ำมันด้วย เบอร์13 วิ่งต่างจังหวัดโซนเหนือ ผมสำรองจ่ายไปก่อน ใช้บิลนี้”

นั่นพี่บุ้ง
พี่บุ้งหัวหน้าแผนกขนส่ง
เมื่อก่อนไม่ได้สนใจอะไรมากเวลาที่พี่บุ้งมาเบิกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของแผนก

เรียกว่าไม่มีในสารบบความคิดเลยก็ว่าได้
แต่ตั้งแต่ผ่านไปได้ยินพี่แกยืนด่าลูกน้องเมื่อวาน เมืองมีนก็เลยจำหน้าพี่บุ้งได้ทันที

มันผิดกันราวฟ้ากับเหว
สำหรับแผนกขนส่ง พี่บุ้งโหดสัส ด่าแบบเอาตาย
แต่พอมาแผนกการเงิน ที่นาน ๆ จะมีคนจากแผนกอื่นหลุดเข้ามาซักที ดูเหมือนจะมีแต่คนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ และชอบใจที่พี่บุ้งแวะเวียนมา

“บุ้ง วันนี้ไปเก็บศพป่ะ”

“ใจคอจะให้ผมเก็บแต่ศพเนอะ ให้ผมไปจับงูเหลือม ทุบกำแพงช่วยหมาช่วยแมวบ้างก็ได้ม้างงงง”

พี่บุ้งพูดเรื่อย ๆ แต่เรียกเสียงหัวเราะให้กับสาว ๆ ในแผนกได้ไม่น้อย

เออว่ะ
แม่ง พอเข้ามาในแผนกที่มีแต่สาวน้อยสาวใหญ่ หว่านเสน่ห์ใส่ให้หมดทุกคนเลยมั้งนั่น

“บุ้งว่าง ๆ แวะมาอีกนะ คนแถวนี้เขาคิดถึง”

“มาคิดถึงอะไรพ้มมมมม พอมีดาราเกาหลีมาอยู่ในแผนกเข้าหน่อยก็ลืมผมกันหมดแล้ว”

ไม่รู้ว่าพูดถึงใคร
เหม่อลอย และไม่ได้ใส่ใจ

แต่เมื่อเสียงแซวของพี่ๆ แผนกการเงินพูดชื่อตัวเองขึ้นมา มีนก็เลยถึงได้รู้ว่าคนที่ถูกพูดถึงหมายถึงใคร

“น้องมีน เดี๋ยวอีกหน่อยก็ไปแล้ว แวะมาให้อยากแล้วก็จากไป”

อ่า
ดาราเกาหลีที่ว่า หมายถึงกูเนี่ยนะ
ไม่ใช่แล้วม้าง

“พี่ผมไม่ได้เกาหลีพี่”

รีบชิงพูดออกมาด้วยความเก้อเขิน และถึงกับไปต่อไม่เป็น ถ่ายเอกสารอยู่ดี ๆ ก็มีอันถูกดึงเข้าไปร่วมด้วย
ไม่รู้จะทำหน้ายังไง แค่รู้สึกว่าขัดเขินกับการถูกแซวถูกล้อ และเมืองมีนก็ได้แต่หัวเราะและยิ้มอย่างอาย ๆ อยู่หน้าเครื่องถ่ายเอกสารคนเดียว

“มีนมันหล่ออ่ะ นี่ดีนะมีนมาแผนกพี่ ถ้าส่งไปอยู่กับบุ้งนี่สงสัยโดนบุ้งด่าทั้งวัน”

จะไปด่าอะไรม้านนนนนนนน

“เห็นผมเป็นคนยังไงเนี่ยะ เสียหายหมด….ไม่อยู่แล้วไปก่อนครับ อู้นานแล้ว”

บุ้งจัดการเรียงเอกสารการเบิกเข้าแฟ้มและลุกขึ้นเดินมาที่เครื่องถ่ายเอกสารที่มีนกำลังถ่ายเอกสารอยู่ และมีนก็หลีกทางให้บุ้งถ่ายเอกสารที่ต้องการ

“รบกวนหน่อยน้อง ย่ออันนี้ให้อยู่ใบเดียวกันได้ป่ะ”

ย่อเหรอ

“ทำไงอ่ะพี่ ผมทำไม่เป็น”

ทำไม่เป็นเหรอ

“ก็........กดอันนี้น้อง แล้วก็เลือกเปอร์เซ็นต์ว่าเท่าไหร่ แล้วก็กดปุ่มสีเขียวได้เลย เลือกก่อนก็ดีว่าจะใช้กระดาษจากตรงไหน”

มองตาม
และก็พยักหน้ารับกับสิ่งที่บุ้งสอน ตั้งอกตั้งใจฟังเป็นอย่างดี
และ...........

“จำได้ป่าวน้อง”

มันก็ไม่ได้ยากอะไรเท่าไหร่หรอก ให้ทำก็พอทำได้อยู่

“จำได้ครับพี่”

รับคำ และบุ้งก็หยิบเอกสารการเบิกที่ย่อแล้วใส่เข้าแฟ้ม

ก่อนจะเอ่ยขอบใจคนที่ไม่ได้ช่วยอะไรแค่ยืนอยู่นิ่ง ๆ และฟังสิ่งที่บุ้งสอนเท่านั้น

“ขอบใจมากน้อง....”

อ่า

ขอบใจกูทำไมวะ กูยังไม่ได้ช่วยอะไรเลย
แค่ยืนฟังสิ่งที่พี่แกสอนเท่านั้น แล้วจะขอบใจกูทำไมวะเนี่ย
กูสิต้องขอบใจพี่แกมากกว่า

“.....ครับ”

รับคำและมีนก็หยิบเอกสารขึ้นมาเพื่อจะถ่ายเอกสารใบถัดไป
แต่ก็มาชะงักกับคำพูดบางอย่างของบุ้งที่ปิดแฟ้มและเงยหน้าขึ้นมาพูดอะไรบางอย่าง

“ทำงานให้สนุกจะเป็นสุขเมื่อทำงานนะน้อง แต่หน้าน้องดูเบื่องานมาก ถ้าพี่เป็นนายจ้างนะ พี่คงไม่พิจารณาให้น้องผ่านว่ะ ฝึกงานไม่ใช่คิดว่ามาฝึกเล่น ๆ เอาแค่ผ่านนะน้อง ถ้าคิดได้แค่นั้น น้องกลับบ้านนอนเหอะ ดีแล้วแหละที่น้องไม่ได้ฝึกแผนกพี่ เพราะถ้าน้องฝึก บอกตรง ๆ นะพี่คงประเมินให้น้องผ่านไม่ได้จริง ๆ”



TBC.
หัวข้อ: Re: @@@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke ตอน หรืองานจะเข้ากูจริง ๆ 02/05/57 ใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 02-05-2014 15:25:14
แผนกขนส่งบุกเล้าแล้ว 5555555
ชอบทุกคนในแผนกจริงๆ
หัวข้อ: รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke ตอน อย่าคิดมาก
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 02-05-2014 15:32:43


รักเกิดในแผนกขนส่ง.....ตอน อย่าคิดมาก


งานเข้าอย่างที่ไอ้เพียรมันเคยบอกไว้จริง ๆ นั่นแหละ
ดูท่าทางแล้วพี่บุ้งหัวหน้าแผนกขนส่งคงไม่ถูกชะตากูซักเท่าไหร่หรอก

ไม่งั้นคงไม่มาพูดอะไรแบบนั้นใส่หน้าแล้วก็เดินจากไปปล่อยให้กูยืนหน้าชาอยู่หน้าเครื่องถ่ายเอกสารอยู่ตั้งเป็นชั่วโมง

นี่กะมาเล่น และตั้งใจให้กูอยู่ยากเลยว่างั้น
มันก็คงจะจริงอย่างที่พนักงานขับรถหลายๆ คนพูดนั่นแหละ
อย่าไปยุ่งด้วยดีที่สุด อยู่ให้ห่าง ๆ เข้าไว้ดีที่สุด

แต่กูมันซวยเอง
ที่อยู่ดีๆ พี่บุ้งแม่งก็ให้ความสนใจจนมายืนด่าถึงที่

สงสัยจะอยู่ยากแล้วโรงงานนี้

เมืองมีนกำลังจัดเอกสารให้เป็นชุด เลือกและจัดเรียงเข้าแฟ้มตามวันที่ในแต่ละเดือน

ไม่อยากจะคิด
แต่มันก็อดคิดไม่ได้

คนเรานี่พอบทมันจะซวยก็ซวยได้ง่าย ๆ เหมือนกันนะ
อยู่ดี ๆ กูก็ไม่รู้เลยว่าไปเหยียบตาปลาพี่บุ้งตอนไหน

อยู่ลำบากแน่กูงานนี้

“น้องมีน เอาการ์ดเติมน้ำมันกับการ์ดทางด่วนไปให้พี่บุ้งหน่อย พี่บุ้งคนที่เพิ่งมาเมื่อกี้ ที่ตัวสูง ๆ หน้าดุ ๆ น่ะ”

อ่า
นี่สินะงานเข้าของจริง
กูไม่ยุ่งกับแม่ง แต่แม่งก็มีเหตุให้ต้องไปยุ่งไปข้องเกี่ยวกันได้อีก

เจริญจริงๆ ชีวิตกู

มีนรับซองสีน้ำตาลที่ภายในบรรจุบัตรเติมน้ำมันและบัตรทางด่วนเอาไว้ มองแล้วก็นึกเห็นใจในโชคชะตาตัวเอง

“ไปที่แผนกขนส่งเลยใช่มั้ยครับ”

เอ่ยถามด้วยความสงสัย และพี่สาวที่ฝากของก็พยักหน้าและส่งยิ้มให้ทันที

“อ่อ...ครับ งั้นเดี๋ยวผมมา เอกสารชุดนี้ผมเรียงแล้วนะครับพี่ อย่าเพิ่งรวมนะครับเดี๋ยวมันจะปนกัน”

วางมือจากงานที่ไม่มีความสำคัญของตัวเอง และมีนก็เดินออกไปจากแผนก ท่ามกลางสายตาของพี่สาวในออฟฟิศหลายคนที่มองตามและยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

“น้องมีนคะ ถ้าพี่บุ้งเขาพูดอะไรน้องมีนไม่ต้องไปสนใจนะ พี่บุ้งเขาเป็นแบบนั้นแหละ จริง ๆ เขาไม่มีอะไร”

นั่นคือสิ่งที่ผมต้องเรียนรู้ไว้ใช่มั้ยครับ
บางครั้งผมก็คงต้องเรียนรู้มันเอาไว้จริง ๆนั่นแหละวะ

........ก็ได้ ผมจะพยายามไม่คิดอะไรก็ได้.......ถ้าผมทำได้นะ
ผมจะเอาตัวรอดจากคำพูดโหดสัสของพี่บุ้งมาให้ได้แล้วกันครับ

“งั้นเดี๋ยวผมมานะครับ”

“จ้า......น้องเกาหลีของพี่ สู้เขานะน้องมีน อย่าไปสนใจพี่บุ้งมัน”

พี่ครับ ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไรแล้วนะ แล้วถ้าพวกพี่จะพากันพูดย้ำหลายรอบให้ผมหลอนขนาดนั้น
ทำไมพวกพี่ไม่ไปส่งบัตรเองวะ ทำแบบนี้เหมือนแกล้งกูเลยโว้ย แม่งลักษณะนี้ แกล้งส่งกูไปให้ไอ้พี่บุ้งฆ่าทิ้งชัด ๆ

เศร้าซะให้พอชีวิตเด็กฝึกงานอย่างกู

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke ตอน อย่าคิดมาก
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 02-05-2014 15:33:47
“เอ่อ พี่ครับคือว่า....”

อยู่ในระยะห่าง รักษามารยาทสุดฤทธิ์ พูดด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรสุด ๆ แต่ไม่ทันได้พูดอะไรต่อ คนที่กำลังยืนจดเอกสารอะไรบางอย่างอยู่บริเวณทางเข้าก็ไล่ให้มีนไปยืนตรงอื่นทันที

“เฮ้ยน้อง หลบไป อย่ายืนเกะกะ รถจะเข้าแล้ว ไอ้เชียร วิเชียรโว้ยยยยยยยยยย วอ. เรียกให้เบอร์ 14 เข้าก่อน ไอ้เชียรรรรรรรร กูเรียกไม่ได้ยินไงวะ มัวแต่คุยห่าอะไรกันนักหนา เรียกเบอร์ 14 เข้าก่อนโว้ย”

แล้วนี่........คือแบบว่า....บิลน้ำมัน...เขาฝากมา

“พี่...พี่ครับ”

เรียกไปก็ไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะได้ยินหรือสนใจ
เพราะเสียงบริเวณลานจอดรถดังเกินไป และเสียงพูดของเมืองมีนเบาเกินไปจนคนที่กำลังยุ่งยังไม่มีโอกาสได้ถามเมืองมีนว่ามาที่แผนกขนส่งทำไม

แล้วคราวนี้ก็เลยต้องถอยห่างออกมาจากบริเวณลานจอดรถ ยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่หน้าออฟฟิศของแผนกขนส่งเพราะไม่รู้จะทำยังไงต่อ

จะเข้าไปนั่งรอในออฟฟิศแผนกขนส่งก็ไม่ได้เพราะไม่มีใครอยู่ในนั้น

มีนก็เลยได้แต่ยืนมองการทำงานของแผนกขนส่งด้วยท่าทางเก้อเขินเต็มที

“14 เข้า แล้วเวียนหมุนไปออกซ้าย 13 เข้าต่อขึ้นของแล้วออกเลยเวลาโหลดแล้ว เร็ว ๆ สิวะ”

เสียงการพูดคุยกันผ่านวิทยุสื่อสารดังเป็นระยะ พร้อมกับการประสานงานที่รวดเร็วระหว่างรถของแผนกขนส่งกับเช็คเกอร์ที่เตรียมขึ้นสินค้าจำพวกเคมีทางการเกษตร

ศูนย์กลางการควบคุมอยู่ที่ใครบางคนที่กำลังวิ่งไปโบกให้รถเข้าเทียบ และตะโกนสั่งงานเสียงดังฟังชัด

จนเมืองมีนรู้สึกว่าเสียงพูดของตัวเองมันช่างเบาแสนเบาซะเหลือเกิน ถ้าอีกฝ่ายได้ยินก็คงแปลก

แล้วนี่ยังไง
จะเอายังไงต่อ

มองซองสีน้ำตาลในมือและก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ จะตัดสินใจเดินกลับ หรือจะยืนรอดีวะ เอาไงดี

ยืนครุ่นคิดอยู่นาน นานจนผิดสังเกต และบุ้งที่สั่งรถเข้าเทียบที่ลานรับสินค้าได้แล้วก็เลยวิ่งมาหาเด็กฝึกงานที่กำลังยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่หน้าออฟฟิศแผนกขนส่ง

“ว่าไงน้อง มาเดินโต๋เต๋อะไรแถวนี้ ไม่ทำงานทำการหรือไง”

เซ็งเหอะงานนี้
นี่ผมก็กำลังทำงานอยู่แหละครับพี่ แล้วนี่พี่ด่าผมอีกแล้วใช่มั้ยครับ ไม่ชอบหน้าผมขนาดนั้นเลยเหรอ ไม่คิดจะถามบ้างเหรอว่าผมถ่อมาทำอะไรถึงแผนกพี่
พี่ครับ ผมกำลังทำงานอยู่

งานที่ไม่สำคัญอะไรเลย ก็แค่พี่ฝ่ายการเงินเขาฝากซองบัตรเติมน้ำมันกับบัตรทางด่วนมาให้พี่แค่นั้น

ยื่นซองสีน้ำตาลให้กับคนที่ใช้กระดานจดตารางการเดินรถพัดไปมาเพื่อคลายความร้อน และเอียงหน้าไปเช็ดเหงื่อที่แขนเสื้อแล้วมีนก็เริ่มรู้สึกเห็นใจอีกฝ่ายขึ้นมาลาง ๆ

ก็ไม่แปลกหรอกที่พี่บุ้งจะเป็นคนพูดจาเสียงดัง
ดูลานขึ้นของสิ ถ้าพูดแบบที่มีนพูดคงไม่มีใครได้ยิน

ทางเดียวที่จะคุยกันรู้เรื่องก็ต้องตะโกนเท่านั้น

ซึ่งผมตะโกนไม่เป็นครับ

“เออ...เฮ้ยน้องเทออกมาดิ๊ แล้วนับให้พี่หน่อยต้องมีอย่างละ 22 อันนะ ไอ้เชียรโว้ยยยยยยย มึงอย่าให้รถตีวงกว้างสิวะ”

เอ่อ

ดูวุ่นวายสับสนอลหม่านกันน่าดู
และมีนก็ได้แต่ยืนงง ก่อนจะค่อยๆ นับบัตรที่ถูกเทออกมากองอยู่บนเคาร์เตอร์ที่บุ้งเทเอาไว้ให้

ส่วนตัวคนสั่ง ไปจัดการเคลียร์รถหมายเลขถัดไปให้เข้ามารับของที่ลานจอดรถแล้ว

ทำไมมันดูยุ่งวุ่นวายได้ขนาดนี้วะแผนกนี้
นับไปมองไป นับไปคิดไป

ครบอย่างที่พี่บุ้งบอก และคนที่บอกให้นับบัตรให้ก็กำลังวิ่งกลับมาแล้ว

“ครบมั้ยน้อง”

เอ่ยถามและมีนก็รีบตอบรับเพื่อจะได้รีบขึ้นไปถ่ายเอกสารที่แผนกการเงินไว ๆ

“ได้ 22 ใบครับ อย่างละ 11 ใบ”

“ขอบใจมากน้อง เดี๋ยวพรุ่งนี้แปดโมงตรงน้องเข้าออฟฟิศข้างล่างเลยนะ”

ห๊ะ

เข้าออฟฟิศข้างล่าง....หมายถึง…….

ยืนงงและอ้าปากค้าง หมายความว่ายังไงวะ หมายความว่าอะไรยังไง

“บิลน้ำมันแผนกพี่ค้างหลายใบแล้ว คนทำแผนกพี่มันติดทหารไปแล้วด้วย ใช้คอมเป็นไม่ใช่เหรอมาคีย์ให้หน่อย พี่บอกหัวหน้าน้องให้แล้ว”

นั่นไม่ใช่ประเด็นครับพี่
ประเด็นมีแค่ว่า........

“วันละ 300 บาท พี่เห็นน้องว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ”

สรุปว่ากูดูว่างเหมือนไม่มีอะไรทำเลยให้กูมาคีย์บิลน้ำมันให้ว่างั้น........กูคงดูว่างงานมากจนพี่บุ้งทนไม่ไหวเลยสินะ

“แต่น้องไม่ต้องมาก็ได้นะ พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร สมัยนี้เรื่องงานหนักไม่เอางานเบาไม่สู้มันเรื่องธรรมดา น้องมันเด็กยุคไอแพด ไม่แปลกหรอกถ้าจะอยากอยู่บนออฟฟิศเย็น ๆ สบาย ๆ เดินไปเดินมาพี่เข้าใจใคร ๆ เขาก็เป็นกัน”

ไม่ใช่กูแล้วแหละที่ด่ามาน่ะ
ไอแพดใช้ยังไงผมยังไม่รู้เลย อยากบอกมากว่าผมโลว์เทคโนโลยีสุด ๆ แต่บอกแบบนี้กับใครไปทีไรก็ไม่เห็นมีใครเชื่อ

ผมไม่ใช่เด็กยุคไอแพดแล้วผมก็ไม่ได้คิดจะมาเดินสบาย ๆ หรอกนะพี่

ปากอยากจะพูดไปแบบนี้ใจแทบขาด แต่ก็ทำได้แค่ยืนนิ่ง
ทำหน้านิ่ง ๆ เข้าไว้ เพราะไม่อยากมีปัญหา

“ตกลงน้องจะมาหรือไม่มา ถ้าไม่มาพี่จะได้ไปบอกให้เขาเอาน้องอีกคนที่อยู่จัดซื้อลงมาแทน ไอ้นั่นมองจะสู้งานมากกว่า”

หมายถึงไอ้เพียรสินะ
ผมดูไม่สู้งานเท่าไอ้เพียรใช่มั้ยพี่

ยืนก้มหน้านิ่ง และกำลังรู้สึกหน้าชาสุด ๆ กับคำพูดของพี่บุ้งที่ยกกระติกน้ำดื่มขึ้นมาและเปิดฝาออกหยิบหลอดมาดูดน้ำเพราะความกระหาย และยังใช้กระดานจดตารางเวลาเข้าออกของรถพัดไปมาเพื่อคลายความร้อน

ไม่ใช่ว่าอยากข้องเกี่ยวด้วยหรอกนะ
แต่แบบที่พี่พูดผมว่ามันก็ทำร้ายจิตใจกันเกินไป

พี่เล่นไม่ฟังอะไรเลย ตะโกนอะไรก็ไม่รู้ใส่หน้าผมตลอดเวลา พี่ไม่ชอบหน้าผมหรือเปล่า พูดกันตรง ๆ ก็ได้ ทำแบบนี้เหมือนแกล้งกันชัด ๆ

“พรุ่งนี้แปดโมงผมเข้าออฟฟิศขนส่งได้เลยใช่มั้ยครับ”

ถามออกไปเสียงเบา และบุ้งก็ขมวดคิ้วมุ่นเพราะแทบจะไม่ได้ยินเสียงอีกฝ่ายพูดเลย

“น้องเป็นอะไรเนี่ย ป่วยเหรอ พูดเบาขนาดนั้นใครจะไปได้ยิน พูดดัง ๆ ซิ บ่นอะไรงุ้งงิ้งอยู่คนเดียว”

พี่ก็ไม่เห็นจะต้องพูดแบบนี้เลย พี่พูดกับผมดี ๆ ก็ได้
หนังสือผมก็เรียนมา ใช่ว่าจะฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง

ได้แต่คิด และเมืองมีนก็สูดหายใจลึก ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูง ที่ยืนขมวดคิ้วมุ่นอยู่ตรงหน้า

“ผมบอกว่า พรุ่งนี้แปดโมงผมเข้าออฟฟิศขนส่งเลยใช่มั้ยครับ”

อ่อ
จะพูดแบบนั้นเหรอวะ

“เออ น้องมาได้เลย”

เออเนี่ยนะ

ผมก็ไม่ใช่คนที่จะโลกสวยงามอะไรหรอกนะ แต่จะตอบกลับดี ๆ หน่อยไม่ได้เลยหรือไง

เออเนี่ยนะ
โห
ตอบมาได้

“ผมไปได้ยังครับ”

ไม่มีอะไรจะพูดต่อ ได้แต่ครุ่นคิดบางอย่างอยู่ในใจเงียบ ๆ
อึดอัดใจที่จะพูด ก็เลยได้แต่ยืนนิ่ง

“พี่ก็ไม่ได้เอาเชือกผูกน้องไว้ไม่ใช่เหรอ ก็ไปสิ”

คำพูดง่าย ๆ
ถ้าเป็นคนอื่นที่ทำงานกันมานาน คงพอรู้ว่าเป็นการหยอกล้อของบุ้ง ซึ่งแม้จะแรงไปหน่อย แต่ถ้าทำงานด้วยกันจะรู้ว่านี่เป็นการแซวกันเล่นแบบไม่ได้หนักหนาอะไร

แต่มุกแซวกันเล่นแบบนี้ไม่ได้มีไว้ใช้กับมีน

และมีนก็ไม่เข้าใจ

ไม่เข้าใจจนต้องก้มหน้านิ่งอีกครั้ง และรู้สึกเหมือนร่างกายตัวเองเริ่มลีบเล็กลงเรื่อย ๆ เรื่อยๆ ในเวลาไม่ถึงสิบนาทีตั้งแต่ยืนฟังสิ่งที่พี่บุ้งพูด

ผมไปทำอะไรให้พี่วะ
พี่ถึงได้ด่าผมขนาดนี้ แล้วพี่จะให้ผมทำยังไง พี่ถึงจะไม่ต้องหาเรื่องด่าผม

“น้อง”

เงยหน้าขึ้นอีกครั้งตามเสียงเรียก และบุ้งที่เริ่มขมวดคิ้วมุ่นก็เริ่มไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงกับเด็กฝึกงานตรงหน้าดี

สุดท้ายถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อหยิบหมากฝรั่งซองเล็ก ๆ ออกมาส่งให้เด็กฝึกงานที่ยืนหน้าซีดแล้วซีดอีก

“น้อง....เครียดก็เคี้ยวๆ ไป อย่าไปคิดอะไรมาก พี่ไม่ได้อยากจะแดกหัวน้องหรอก อยู่ที่นี่อย่าคิดเยอะ ไม่งั้นมันจะอยู่ยาก”

อะไรวะ
อะไร.....ของพี่บุ้งวะ กูงงแล้วนะ ผมงงแล้วนะพี่ พี่คืออะไรยังไง พี่เป็นอะไรกับผมมากเปล่าวะ

“รีบไปเหอะ....น้องถ่ายเอกสารค้างไว้ไม่ใช่เหรอต้องถ่ายอีกเป็นชาติกว่าจะเสร็จ มานานแล้วเดี๋ยวข้างบนเขาจะด่าเอา”

พูดแค่นั้น แล้วพี่บุ้งก็ยัดเยียดหมากฝรั่งใส่มือมาให้ ก่อนจะวิ่งไปเรียกรถเข้าโดยมีสายตาของเมืองมีนมองตาม

มองแล้วก็นึกแปลกใจ

......................

มันน่าแปลกใจกับอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้น

มองซองหมากฝรั่งในมืออีกครั้ง และก็เงยหน้ามองไปที่พี่บุ้งที่ยืนจดข้อมูลบางอย่างในกระดาน โดยไม่ได้หันมาสนใจกันอีก

อยู่ที่นี่ถ้าคิดมากจะอยู่ยากเหรอ
ถ้าคิดมากจะอยู่ยาก

แล้ว.........ถ้าไม่ให้คิดมาก
พี่มาทำให้ผมต้องคิดมากเพราะพี่ทำไมวะ........ผมไม่เข้าใจ


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน หรืองานจะเข้าจริง ๆ /อย่าคิดมาก 2/5/57
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 02-05-2014 15:59:34
ชอบอ่านผลงานของนักเขียนมานานแล้ว

ขอบคุณนะคะ ที่เอาเรื่องใหม่มาลงให้ได้อ่านกัน :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน หรืองานจะเข้าจริง ๆ /อย่าคิดมาก 2/5/57
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 02-05-2014 16:20:05
 :hao7: :hao7: :hao7: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน หรืองานจะเข้าจริง ๆ /อย่าคิดมาก 2/5/57
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 02-05-2014 17:00:18
น้องมีนผู้หน้าสงสาร
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน หรืองานจะเข้าจริง ๆ /อย่าคิดมาก 2/5/57
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 02-05-2014 18:19:11
พี่บุ้งหนอพี่บุ้ง
รอตอนต่อไปข่า...
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน หรืองานจะเข้าจริง ๆ /อย่าคิดมาก 2/5/57
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 02-05-2014 19:05:32
เออ.....มีนดูทุกข์จัดขนาดนั้นเลยเหรอในสายตาบุ้ง อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน หรืองานจะเข้าจริง ๆ /อย่าคิดมาก 2/5/57
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-05-2014 19:47:51
เด็กน้อยน่าสงสาร
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน หรืองานจะเข้าจริง ๆ /อย่าคิดมาก 2/5/57
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 02-05-2014 20:23:07
พี่บุ้งกับน้องมีน  หุหุ  พรุ่งนี้จะร่วมกันแล้ว
คิดแล้วคงจะสนุกนะน้องมีน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน หรืองานจะเข้าจริง ๆ /อย่าคิดมาก 2/5/57
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 02-05-2014 22:03:18
เอาล่่ะ! ในที่สุดก็ได้เข้าไปเหยียบในแผนกขนส่งจนได้
บางที....พี่บุ้งก็พูดมากไป และบางที...มีนก็พูดน้อยไป
อดสงสัยไม่ได้ว่าหน้ามีนมันเบื่อโลกขนาดนั้นเลย?  เหมือนบุ้งจะเป็นห่วงสุขภาพจิตของมีนอยู่ไม่น้อย ฮ่ะๆๆ
หัวข้อ: รักเกิดในแผนกขนส่ง (บุ้ง-เมืองมีน) ตอน ไม่อยากซวย
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 02-05-2014 22:59:29


รักเกิดในแผนกขนส่ง.....ตอน ไม่อยากซวย


มันเป็นเช้าที่อากาศขมุกขมัว ท้องฟ้ามืดครึ้ม สายฝนเทกระหน่ำลงมาจนถึงเช้า และตอนนี้ฝนก็ยังไม่หยุดตก

บรรยากาศมันดูย่ำแย่มาก

มากซะจนบุ้งที่กำลังประชุมพนักงานแผนกส่งของในตอนเช้าต้องถอนหายใจ

“มาแค่นี้เหรอ ยังไงวะ แบบนี้มันจะเวียนไม่ทัน ต้องสลับกันแล้วทำเวลา”

จะไปทำอะไรได้ ในเมื่อมันเป็นเช้าที่ฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ตั้งแต่กลางดึกจนถึงป่านนี้
ไม่ว่าใครก็ต้องห่วงบ้าน ห่วงทรัพย์สิน กลัวน้ำจะท่วมกันทั้งนั้น จะไปว่าใครก็ไม่ได้ มันเป็นสิทธิ์ที่พนักงานจะลากิจ

กิจจำเป็นที่ทุกคนพร้อมใจกันลา
ส่วนคนที่อยู่ก็ทำงานกันต่อไป

ที่สำคัญไปกว่านั้น ขนาดพนักงานประจำยังลาหยุดไม่ยอมมาเพราะฝนตกหนักจนถึงป่านนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะหยุด

แล้วจะไปคาดหวังอะไรกับเด็กฝึกงาน

และบุ้งก็มองเข้าไปในบริเวณออฟฟิศที่แม้จะเป็นเวลาเก้าโมงแล้วแต่ก็ว่างเปล่า เพราะคนที่บอกให้มาคีย์บิลให้ จนถึงป่านนี้ก็ยังไม่มา

ซึ่งมันก็คงไม่แปลกอะไร ที่ไอ้น้องเกาหลีหน้าขาวมันจะไม่มา

ใครก็ต้องชอบความสบายอยู่แล้ว ฝนตกขนาดนี้นอนอยู่บ้านสบายกว่ากันเยอะ

“เดี๋ยวคิวไหนมีออกต่างจังหวัด ให้เลทหน่อยแล้วเดี๋ยวจะเช็คเวลาให้ว่าลงของแต่ละที่ได้ตอนไหน เอาคนวิ่งต่างจังหวัดไปวิ่งโซนในเมืองก่อน เดี๋ยวเรื่องเวลาจะโทรไปล็อคกับทางที่ลงของให้ เอาตามนี้ไปก่อน”

สั่งงานกับลูกน้องในแผนกเรียบร้อยและบุ้งก็วางกุญแจแต่ละดอกที่ระบุหมายเลขเอาไว้ เรียกชื่อพนักงานแต่ละคนมารับกุญแจรถและระบุหมายที่จะไปให้

“เบอร์ 7 ออกเส้นนอกเลย เส้นในเห็นว่าทำถนนอยู่ เลี่ยงเส้นทางเอา”

บอกเส้นทางลัดที่จะให้แต่ละคนไป และเมื่อกุญแจรถถูกส่งให้เรียบร้อย พนักงานแต่ละคนก็ทยอยไปเตรียมขึ้นของทันที

บุ้งเดินผละเข้าไปในออฟฟิศเพื่อเช็คเวลาที่ต้องลงสินค้าในแต่ละรอบในที่ต่าง ๆ

กดหมายเลขโทรศัพท์โทรออกไปในแต่ละที่ พูดคุยด้วยเนื้อหาสำคัญที่ต้องแจ้งกับปลายสาย และจัดการเคลียร์เส้นทางแต่ละรอบก่อน เพื่อจะแจ้งให้พนักงานขับรถทำเวลาไปส่งของให้ทัน

พูดโทรศัพท์ด้วยเนื้อหาซ้ำ ๆ เดิม ๆ บางสายเมื่อโทรออกยังไม่มีการรับ บุ้งก็ได้แต่หมุนปากกาในมือระหว่างรอเวลาไปด้วย

รอเสียงตอบรับจากลูกค้า และสายตาก็มองเหม่อไปที่บิลน้ำมันและทางด่วนปึกใหญ่ที่ยังอยู่ในตะกร้าและจนถึงป่านนี้ก็ยังไม่ได้คีย์

คงต้องเคลียร์เองแล้วแหละวะ
ขืนรอเด็กฝึกงานมาคีย์ให้ มันคงเป็นเรื่องบ้าและโง่เง่าสิ้นดี

ถอนหายใจออกมาเบาๆ และปลายนิ้วก็ยังหมุนปากการะหว่างรอสายไปเรื่อยๆ

สุดท้ายคุยได้เกือบหมดในระยะเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
และยังติดสายสุดท้ายที่โทรยังไงก็ยังไม่มีใครรับสาย

แม่ง ป่านนี้แล้วยังไม่มาทำงานกันอีกเหรอวะ ก็รู้แหละว่าฝนตก งั้นก็ควรจัดใครมารับโทรศัพท์หน่อยไม่ใช่ปล่อยให้ดังแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เสียชื่อบริษัทหมด
บ่นคนเดียวในใจ ไม่ได้พูดอะไรออกมา หัวคิ้วยังขมวดมุ่นเมื่อมองเวลาที่ปรากฏ

มีเวลาอีกสี่สิบห้านาที น่าจะพอทันอยู่

บุ้งหยุดควงปากกาเล่นแล้ว และในเวลานี้กำลังเพ่งมองไปที่บิลน้ำมันปึกใหญ่

มองแล้วก็กำลังจะถอนหายใจ

และมันก็เป็นจังหวะที่ใครบางคนเปิดประตูเข้ามาในส่วนออฟฟิศของแผนกขนส่ง

ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น.........ไอ้น้องเด็กฝึกงานมาดเกาหลีคนนั้นนั่นเอง

บุ้งกำลังมอง มองและอดจะแปลกใจนิด ๆ ไม่ได้
มันไม่แปลกถ้าเด็กฝึกงานจะหยุดงาน

แต่มันแปลกก็ตรงที่ นอกจากมันจะไม่หยุดแล้ว เด็กฝึกงานที่ว่ามันยังมาในสภาพที่เปียกโชกไปหมดทั้งตัว

และมายืนกดอกตัวสั่นหน้าซีดอยู่ตรงหน้าของบุ้ง

“พี่......ขอโทษทีที่สาย”

ไม่มีคำแก้ตัวใด ๆ ทั้งสิ้นมีเพียงคำขอโทษเท่านั้น

คำขอโทษจากริมฝีปากที่แทบไม่มีสีเลือด ทั้งซีดทั้งขาวแถมด้วยเนื้อตัวที่เปียกปอนมอมแมมไปหมด

“.....เฮ้ย แล้วทำไมไม่เอาร่มมาวะ รู้ว่าฝนตกทำไมไม่เอาร่มมา”

ผมเอามาครับ ไม่ใช่ไม่เอามา แต่พอดีว่า.....

“ผมลืมร่มไว้บนรถครับ”

ให้มันได้อย่างนี้สิวะ
แล้วน้องก็เลยเดินตากฝนจากถนนใหญ่เข้ามาเหรอ มันใช่เรื่องที่ไหนกันวะเนี่ย

“ฝนตกหนักขนาดนี้แล้วจะเดินเข้ามาทำไมวะ ร่มก็ลืมไว้บนรถไม่ใช่หรือไง”

เริ่มหงุดหงิด
บุ้งรู้สึกหงุดหงิดกับสิ่งที่ไอ้เด็กตรงหน้าทำ
ถ้ามาไม่ได้ก็ไม่ใช่ว่าจะอะไรมาก จะให้ด่าก็คงไม่ทำ เพราะก็เห็นเหตุผลอยู่ชัด ๆ ว่าเป็นเพราะอะไร

“ตอนผมเดินออกมา ฝนมันซาแล้ว ผมไม่นึกว่าพอเดินมาครึ่งทางฝนมันจะตกหนักลงมาอีก”

ก็เลยเดินฝ่าฝนเข้ามาสินะ

บุ้งได้แต่ส่ายหน้า เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อไปดี
ส่ายหน้าเพราะเห็นว่าไม่ถูกกับเรื่อง

แต่มีนกลับตีความไปได้อีกอย่าง

..........ส่ายหน้าขนาดนี้....คงเป็นเพราะกูดูน่าสมเพชมากเลยใช่มั้ยวะ.....

คงใช่

ตากฝนเดินเข้ามา มันคงจะเป็นเรื่องงี่เง่ามากในสายตาและความคิดของพี่บุ้งสินะ

ก็ใช่
มันดูน่าสมเพชไปหน่อย แต่เดินมาถึงกลางทางแล้วจะให้ผมวิ่งกลับไปมันทำได้ที่ไหน ก็เลยต้องดื้อแล้วก็เดินมาจนถึงนี่

และพี่ก็คงคิดว่ามันทั้งบ้าทั้งโง่เง่ามากเลยใช่มั้ยความพยายามในการมาทำงานของผม

“คราวหลังถ้ามาไม่ได้ก็โทรมาบอก เข้ามาทั้งอย่างนี้เนี่ยนะ คิดได้ไง”

คิดได้ไง
คิดได้ไงงั้นเหรอ

คิดได้ไงล่ะ ก็ไม่ได้คิดอะไร คิดแค่ว่าต้องรีบมาทำงาน และที่ต้องรีบมา เพราะไม่อยากเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบ

บอกว่าจะมา แต่ก็ไม่ยอมมาโดยใช้ข้ออ้างว่าฝนตก แบบนั้นมันก็ฟังไม่ขึ้นอยู่ดี

ผมมีความรับผิดชอบมากพอ ถึงจะเป็นแค่เด็กฝึกงานแต่ถ้าบอกว่าจะทำ ก็คือจะทำ ผมไม่บ่ายเบี่ยงและผิดคำพูดหรอก

พี่ไม่ต้องทำเสียงเยาะเย้ยผมขนาดนี้ก็ได้
ผมไม่ชอบ

แต่.........เมืองมีนก็ไม่ได้พูดตอบอะไรไป นอกจากยืนกอดอกด้วยความหนาวและนิ่งเฉย

เพราะรู้ตัวดีว่า พูดไปก็ไม่มีประโยชน์

“แล้วจะยืนสั่นอยู่ตรงนั้นอีกนานมั้ยเนี่ย”

เงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียก และมีนก็ได้แต่ขบริมฝีปากแน่น
แล้วพี่คิดว่าผมควรนั่งหรือไง ตรงไหนที่นั่งได้ เก้าอี้คงได้เปียกหมดแน่งานนี้

แล้วมีอะไรดีไปกว่ายืนกอดอกด้วยความหนาวอยู่อย่างนี้หรือไง

“พี่จะให้ผมคีย์อะไร พี่สอนผมได้เลย”

ไม่ใช่เรื่องนั้น
ไอ้เรื่องคีย์บิลน้ำมันอะไรนั่น มันไม่ใช่ประเด็นในตอนนี้
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ น้องจะเป็นหวัดตายถ้าขืนยังยืนกอดอกตัวสั่นงันงกอยู่แบบนี้

“เอาเสื้อไปเปลี่ยนก่อนไป”

บุ้งลุกขึ้นและเดินไปเปิดประตูตู้ล็อคเกอร์ของตัวเอง
ในนั้นมีเสื้อมูลนิธิหนึ่งตัวและกางเกงขาสั้นที่พอจะเอาไว้ใส่ได้

มันอาจเป็นสิ่งที่ดูแย่มาก แต่มันก็ยังดีกว่าปล่อยให้ไอ้น้องนี่ยืนหนาวตายก่อนได้ทำงาน

“เอาเปลี่ยนไปก่อน”

ยื่นเสื้อและกางเกงส่งให้และมีนก็รับมาถือไว้อย่าง งง ๆ

งง

เงยหน้าขึ้นมองหน้าพี่บุ้งสลับกับเสื้อผ้าที่พี่บุ้งส่งให้แล้วก็ยัง งงต่อไป

“ชุดนี้เหรอพี่”

เออสิ น้องคิดว่าชุดไหนกันล่ะ

“แล้วน้องจะเอาชุดไหน มีอยู่แค่นี้ก็ใส่ ๆ ไปก่อนไม่ได้หรือไง”

อ่อ ตกลงให้ผมใส่สินะ ใส่มันก็ได้อยู่ แต่จะให้ใส่ตรงไหนวะ

“เปลี่ยน.......ตรงนี้เหรอพี่”

แล้วน้องจะไปเปลี่ยนที่ไหนล่ะ

“หรือน้องจะวิ่งเอาเสื้อผ้าไปเปลี่ยนที่ห้องน้ำเพื่อความเป็นส่วนตัวก็ได้พี่ไม่ว่า”

ประชดกันใช่มั้ยวะ

จะให้เปลี่ยนตรงนี้ก็บอกมา พี่พูดกับผมดี ๆ ไม่ได้เลยหรือไง
แค่บอกว่าให้เปลี่ยนตรงนี้ ผมก็ไม่ใช่ว่าจะมีปัญหาอะไรหรอกแค่บอกมาผมก็ทำตามแล้ว

ผมไม่ใช่พวกงี่เง่าปัญหาเยอะ บางทีพี่อาจไม่รู้

เมืองมีนไม่อยากจะพูดอะไรต่อให้มากความ ปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด โดยมีคนอีกคนอยู่ในห้องด้วยกัน

พี่บุ้งสนใจกับการคุยเรื่องตารางเวลากับเจ้าหน้าที่ส่วนลูกค้าในสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะวุ่นวายไปหมดเพราะคนไม่พอ

พี่บุ้งไม่ได้สนใจว่ามีนกำลังทำอะไรอยู่ มีนก็ไม่มีอะไรจะสนใจเหมือนกัน

ถอดเสื้อออกจากตัว และหยิบเสื้อของมูลนิธิมาใส่
ติดกระดุมแต่ละเม็ดเรียบร้อย ก่อนจะหยิบกางเกงขาสั้นออกมาและครุ่นคิดว่าจะใส่ยังไง ในเมื่อกางเกงในก็ชุ่มโชกไปหมดแล้ว

“พี่....คือผมถอดกางเกงในตรงนี้ได้มั้ย”

แค่เพียงคำพูด และพี่บุ้งก็ใช้ปลายนิ้วชี้แตะไปที่ริมฝีปากเบาๆ เหมือนเป็นการห้ามให้หยุดพูดก่อน

และเมืองมีนก็เข้าใจไปอีกอย่าง

แปลว่า อย่าถามหรือเซ้าซี้ให้มากมายวุ่นวายใช่มั้ย
ก็ได้ อย่างนั้นก็ได้

ก้มลงมองสภาพร่างกายตัวเองแล้วมีนก็เลยค่อย ๆ ดึงกางเกงแสล็คที่ใส่อยู่ออกจากขา

ดึงออกจนพ้นปลายเท้า และกำลังจะดึงกางเกงในลง

แต่ก็ต้องหยุดซะก่อน เพราะเสียงโวยวายของพี่บุ้งที่เงยหน้าขึ้นมามองแล้วก็ด่ามีนซะเสียงดังลั่น

“เฮ้ยน้อง มาแก้ผ้าล่อนจ้อนหมดตัวอะไรตรงนี้วะ ไปถอดข้างตู้ก็ได้ จะมาถอดโชว์ทำไม นี่น้องไม่รู้จักคำว่าอะไรควรไม่ควรหรือไงวะ”

ก็พี่ทำมือบอกให้ผมถอดไปอย่าส่งเสียงดังไม่ใช่หรือไง
แล้วพอผมจะถอด พี่ก็มาด่าผมซะงั้น

สรุปนี่มันความผิดของผมใช่มั้ย

“จะถอดก็ถอดได้พี่ไม่ว่า แต่น้องไปถอดข้างตู้เหอะ ขืนมาแก้ผ้าแก้ผ่อนตรงนี้ คนซวยจะกลายเป็นพี่”

ซวย
พี่เนี่ยนะจะซวย
จะไปซวยได้ยังไง
ไม่มีเหตุผลอะไรให้ซวยไม่ใช่หรือไงวะ

แล้วพี่จะบอกว่าพี่ซวยได้ยังไง

“...............”

มีนก้มหน้าลงแล้วและหยิบกางเกงขาสั้นคล้องเอาไว้ที่แขนกำลังเดินเพื่อไปเปลี่ยนที่ข้างตู้

เสียงพี่บุ้งก็ดังทักขึ้นมา

“พี่ซวยมันก็ไม่เท่าไหร่ แต่น้องจะพาลซวยไปด้วย พี่ไม่อยากให้มันเป็นอย่างนั้น”

พาลซวยอะไรวะ
ผมจะพาลซวยไปด้วยได้ยังไง ผมยังไม่เห็นเรื่องอะไรที่จะทำให้ผมซวยได้เลยนอกจากการโดนเด้งให้มาช่วยงานพี่ที่นี่
พี่คิดว่าผมจะมีเรื่องให้ซวยมากกว่านี้อีกหรือไงวะ

เมืองมีนแอบลอบถอนหายใจ และรู้สึกว่าตัวเองมันซวยยิ่งกว่าซวยที่ถูกย้ายให้ลงมาช่วยงานแผนกขนส่ง

ไม่ต้องคิดอะไรมาก
แค่เรื่องประเมินงานให้ผ่าน พี่บุ้งยังบอกเลยว่าถ้าเป็นพี่บุ้งประเมินคงไม่ให้ผ่านแน่ ๆ
แล้วแบบนี้จะให้หวังอะไรวะ

แล้วนี่ผมมาทำอะไรที่แผนกพี่ครับพี่
มาให้พี่โขกสับใช้งานด่าว่า แบบนี้เหรอ
เหอะ เอาเลยพี่ เอาซะให้พอใจพี่เลยแล้วกัน

มีนกำลังจะถอดกางเกงในออก ถอดเสื้อพันเอวเอาไว้ให้มันไม่ดูน่าเกลียดจนเกินไป

อย่างน้อยก็ไม่ใช่เรื่องดีที่จะมาแก้ผ้าต่อหน้าใคร
แต่จะให้ทำยังไงในเมื่อเปียกไปทั้งตัวขนาดนี้
ขืนไม่ถอดคงได้หนาวตาย

ไม่อยากจะคิดอะไรมาก แต่หูก็ได้ยินเสียงพี่บุ้งกำลังบ่นอะไรบางอย่าง

พูดอะไรที่ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ก็ทำให้มีนที่กำลังเปลี่ยนกางเกงต้องยืนนิ่งชะงักค้าง และฟังด้วยความสนใจ

“แม่ง........ใครมาเห็นเข้าพี่จะอธิบายยังไงวะ อยู่มาตั้งนาน จะถูกลือเสีย ๆ หาย ๆ ยังไงก็ไม่ว่าหรอกนะน้อง.........แต่ถ้าลือกันรอบนี้ว่าพี่จะเคลมเด็กฝึกงานผู้ชาย อันนี้พี่บอกเลย รับไม่ได้จริงๆ”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ไม่อยากซวย 02/05/57
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-05-2014 23:16:22
ความเข้าใจไปคนละทิศคนละทางกันเลย
*รูปที่ลง มันเข้ามากอะ
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน กินไปงั้น ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 02-05-2014 23:19:17
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/02/ไฟล์เปล่า1Nn1wd.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง.....ตอน กินไปงั้น ๆ

น้ำหยดจากเส้นผมไหลลงที่ข้างแก้มและหยดลงที่แขนเสื้อ

เมืองมีนยกแขนเสื้อเช็ดน้ำที่ไหลมาจากเส้นผมมากกว่าสามครั้ง

โดยครั้งที่สี่กำลังจะเริ่ม
และนั่นก็เลยทำให้บุ้งที่สังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นมาพักใหญ่
ต้องถอดเสื้อพนักงานตัวนอกของตัวเองออก และจัดการวางคลุมหัวของคนที่กำลังนั่งฟังคำอธิบายอย่างตั้งอกตั้งใจทันที

“เช็ดซะ”

มันไม่ได้ดูดีอะไรนักหรอก กับการที่อยู่ดี ๆ พี่บุ้งก็มาทำเสียงดุแล้วก็โยนเสื้อมาคลุมหัวใส่แบบนี้

แต่จะให้ทำยังไง จะบอกว่าไม่ใช้ก็คงไม่ได้ เพราะพี่บุ้งก็.....อุตส่าห์….ถอดเสื้อมาให้เช็ดผมทั้งที

“ขอบคุณครับ”

ก้มหน้าก้มตาเอ่ยขอบคุณเสียงเบา และบุ้งก็เหลือบสายตามองหน้าเด็กฝึกงานที่หน้ามันเคยจ๋อยๆ แล้วก็ซึมๆ ยังไง
จนถึงตอนนี้มันก็ยังเป็นอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง

“กลางคืนไม่ได้นอนหรือไงน้อง หน้าอย่างกับคนไม่ได้นอน”

...............

ผมก็นอนปกติ นอนสี่ทุ่มตื่นหกโมงเช้าทุกวัน
หน้าผมคงเหมือนคนง่วงนอนมากเลยสินะ
ผมโดนพูดใส่หน้าแบบนี้บ่อย ๆ จะบอกว่าชินก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

“ขอโทษครับ”

ไอ้น้องเกาหลีนี่มันยังไง ขอโทษทำไมวะ ไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย ถามว่าไม่ได้นอนหรือไง ดันมาตอบว่าขอโทษ มันเข้าใจคำถามมั้ยวะ

บุ้งถึงกับส่ายหัวให้กับวิธีการตอบของเด็กฝึกงาน ที่ตอบได้ไร้ทักษะมาก ตอบแบบขอไปที เรียกง่าย ๆ ว่าไม่อยากตอบคำถามก็เลยขอโทษส่ง ๆ ไปงั้นให้จบ ๆ

“ขอโทษเรื่องอะไรน้อง พี่ถามว่าไม่ได้นอนหรือไง พี่ไม่ได้ด่าน้อง น้องจะขอโทษพี่ทำไมวะ”

บอกออกไปด้วยอารมณ์ที่เริ่มครุกรุ่นขึ้นมาเล็ก ๆ บุ้งรู้สึกว่าตัวเองหงุดหงิดกับท่าทางแปลกๆ ของเด็กฝึกงานอยู่ไม่น้อย

ไอ้น้องนี่มันยังไงวะ ดูเลื่อนลอย มึน ๆ งง ๆ พิกล

“ถามจริง ๆ เหอะ....น้องติดยาเปล่าวะ”

เฮ้ยยยยย

“ผมเนี่ยนะ”

เมืองมีนถึงกับเกิดอาการเหวอแดกขึ้นมากะทันหัน
ชี้นิ้วมาที่หน้าของตัวเอง และรู้สึกตกใจกับสิ่งที่บุ้งถามไม่หาย

โดนว่าอะไรก็ไม่ได้รู้สึกหรอก แต่พี่หาว่าผมติดยา มันใช่แล้วเหรอพี่ พูดแบบนี้ผมก็เสียนะพี่

“เออ ก็น้องนั่นแหละ น้องติดยาเปล่าวะ”

พี่คิดได้ยังไงว่าผมติดยา

“ตรวจฉี่ผมตอนนี้เลยก็ได้”

ไม่ได้อยากจะมีเรื่องมีราวมีปัญหาด้วยหรอก แต่เพราะพี่บุ้งพูดอะไรแปลก ๆ แบบนี้ใส่ มันคงไม่ดีถ้าเกิดอีกฝ่ายไม่ไว้วางใจกัน

“พี่มีน้ำยาตรวจเป็นลัง จับพวกขับรถตรวจทุกอาทิตย์ เดี๋ยวคีย์บิลน้ำมันเสร็จพี่จะพาน้องไปตรวจเลย”

บ้าไปแล้ว

เมืองมีนถึงกับเกิดอาการหน้าตึงขึ้นมาทันทีหลังได้ฟังคำพูดง่าย ๆ ของพี่บุ้งที่กำลังสอนวิธีคีย์บิลน้ำมันให้

หาว่าทำหน้าง่วงนอนตลอดเวลาก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก
แต่มาหาว่าติดยานี่มันอะไรกันวะ

หน้าผมมันเหมือนพวกติดยาขนาดนั้นเลยใช่มั้ย
เออ อยากตรวจก็ตรวจ ตรวจซะพี่จะได้สบายใจไม่หาว่าผมติดยาอีก

รู้สึกไม่ชอบสิ่งที่อีกฝ่ายพูด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

มีนไม่รู้ตัวเองว่าถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกไปได้ยังไง
แต่มันก็ทำให้คนที่กำลังสอนวิธีคีย์บิลในโปรแกรมหันหน้ามามองและมีนก็ถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าทำอะไรลงไป

“มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ มาคีย์บิลน้ำมันให้แผนกพี่อ่ะ”

ไม่ใช่ครับ
ผมไม่ได้รู้สึกแย่ที่ต้องมาคีย์บิลให้พี่ ผมแค่.....ผมแค่คิดอะไรของผมไปตามเรื่องตามราว แล้วก็เผลอถอนหายใจออกมาแค่นั้น

ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องที่ต้องมาคีย์บิลให้แผนกพี่เลย

“อย่างว่าแหละ นั่ง ๆ เดิน ๆในห้องแอร์เย็น ๆ อยู่การเงินมันก็ต้องดีกว่า มานั่งทำงานงก ๆอยู่ในนี้อยู่แล้ว”

นั่นคงเป็นถ้อยคำประชดประชันสินะ

เออ ผมมันไม่สู้งาน ผมมันชอบความสบาย ผมมันชอบเดินไปเดินมาในห้องแอร์เย็น ๆ

ถ้าพี่ตัดสินผมไปแล้วด้วยความคิดของพี่
แล้วพี่จะมัวมาสอนผมคีย์บิลทำไม

“ผมมันดูไม่สู้งานขนาดนั้นเลยเหรอพี่”

ถามออกไปนิ่ง ๆ ไม่ได้มีน้ำเสียงกระโชกโฮกฮากหรือแสดงอารมณ์โกรธ

มีนยังมองไปที่ตัวเลขที่ปรากฏในบิล และกำลังใช้นิ้วกดไปที่ตัวเลขแต่ละตัวเพื่อให้ข้อมูลเข้าไปอยู่ในโปรแกรม

ถามแค่นั้น
พูดแค่นั้น

แต่เป็นการพูดที่ทำให้บุ้งต้องนิ่ง เพื่อฟัง.....

ฟังในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด

แต่ยังไม่ได้ฟังอะไรมากมายเสียงสัญญาณจากวิทยุสื่อสารก็เรียกเข้ามา

“.......พี่บุ้ง รถเข้าแล้วพี่.........”

เสียงพูดจากคนที่รออยู่ที่ลานจอดรถทำให้บุ้งต้องหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาพูดตอบกลับไป

“เออ....กำลังไป”

ตอบกลับไปแล้ว และเหลือบสายตามองเด็กฝึกงาน
ที่กำลังมองตัวเลขและกรอกข้อมูลลงไปเรื่อย ๆ
สายตามองหน้าจอ และใช้ดินสอขีดเครื่องหมายถูกในแต่ละบิลที่คีย์เสร็จแล้ว

“....กรอกเสร็จแล้ว เดี๋ยวพี่มาปริ้นให้ ไม่ต้องรีบนะ เรื่อย ๆ แต่ขอชัวร์ ๆ”

สั่งงานเรียบร้อย โดยไม่มองหน้าเด็กฝึกงานที่ยังตีหน้าเฉย และทำทีเหมือนกำลังสนใจอยู่กับการกรอกข้อมูลลงไปเรื่อย ๆ

ในเวลาไม่นานพี่บุ้งก็เปิดประตูออกไป

มองจากตรงนี้ ไม่ยากที่จะมองเห็นกันได้ แค่เปิดม่านปรับแสงที่ปิดไว้ที่ประตูและหน้าต่างกระจกบานเลื่อนใสก็สามารถมองไปถึงที่ลานจอดรถได้

และมีนก็เริ่มรู้สึกว่า หลังจากพี่บุ้งออกไปจากห้อง
เหมือนว่าอากาศที่แทบไม่มีจะหายใจได้กลับมาอีกครั้ง

สูดหายใจเข้าเต็มปอดลึก ๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ และคนที่มีนไม่คิดว่าจะกลับมา ก็กลับมาฟังเสียงถอนหายใจดัง ๆ ของมีนด้วย

และเมื่อได้ฟังแบบเต็ม ๆ พี่บุ้งก็ชะงักค้างกับอาการถอนหายใจอย่างรุนแรงเฮือกใหญ่ของมีน

“น้อง.....ถ้าผ้าแห้งพอใส่ได้แล้ว น้องกลับขึ้นไปแผนกการเงินเลยก็ได้...บิลกองนั้นไว้งั้นแหละเดี๋ยวพี่กลับมาเคลียร์เอง”

พูดเท่านั้นแล้วพี่บุ้งก็เปิดประตูเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรอีก

มีนไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี
ไม่รู้จริง ๆ ว่าควรทำยังไง

มองบิลน้ำมันและบิลค่าทางด่วนที่ยังกองพะเนินอยู่ในตะกร้า
แล้วก็ถึงกับต้องนั่งนิ่งเพื่อครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

คำพูดแบบนั้นไม่ต้องให้แปลก็พอเข้าใจ

ความหมายง่าย ๆ ที่แม้แต่เด็กยังรู้

...........ไม่ต้องทำแล้วสินะ..........

แล้ว....แบบนี้ควรทำยังไงต่อไปดีวะ
จะคีย์ต่อให้เสร็จ หรือจะรอให้ผ้าแห้งแล้วเดินขึ้นแผนกการเงินไปซะจะได้จบเรื่อง

“...ซวยจริง ๆ เลยวะ..แล้วจะให้ผมทำยังไงล่ะพี่ แล้วพี่จะให้ผมทำยังไงพี่ถึงจะพอใจ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ไม่อยากซวย 02/05/57
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 02-05-2014 23:20:33
บ่ายโมงแล้ว

มีนยังเพ่งสายตาอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์
บิลน้ำมันคีย์ไปได้ไม่เท่าไหร่ ยังเหลืออีกล้นตะกร้า

และมีนก็หยิบบิลปึกถัดไปมาวาง และใช้นิ้วกดตัวเลขลงไปเรื่อย ๆ ในช่องกรอกตัวเลขที่ปรากฏอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์

ทำไปเรื่อยจนลืมสนใจนาฬิกาที่ข้างฝา

หยุดคีย์บิลและยกมือขึ้นขยี้ตาเพราะรู้สึกว่าจ้องจอคอมพิวเตอร์นานเกินไปจนตาล้าไปหมด

ขยี้ตาซ้ำ ๆ และจู่ ๆ ประตูออฟฟิศก็ถูกผลักเข้ามาพร้อมกับร่างของใครบางคนที่เดินหิ้วกระติกน้ำเข้ามาพร้อมกับพนักงานขับรถอีกคนที่มีนจำได้ว่าน่าจะชื่อวิเชียร

“ผมก็นึกว่าพี่กินแล้ว ขอโทษนะพี่ ผมลืมสั่งเขาไว้ ผมลืมสนิทเลยจริง ๆ พี่”

ไม่รู้ว่าพี่บุ้งกับวิเชียรทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไร
และไม่รู้ว่าทำไมวิเชียรถึงได้ขอโทษไม่หยุดซะขนาดนี้

“เออช่างมันเหอะ กูไม่ได้คิดอะไร กูหาอะไรกินง่ายๆ แถวนี้ก็ได้”

เรื่องอะไรก็ไม่รู้ แต่พี่บุ้งดูจะแสดงท่าทีรำคาญอย่างเห็นได้ชัดที่วิเชียรยังขอโทษซ้ำ ๆ อย่างนั้นไม่เลิก

“ไอ้เชียรอะไรของมึง กูบอกว่ากูหากินอะไรง่ายๆ แถวนี้เอาเองได้ มึงฟังกูพูดรู้เรื่องมั้ย เซ้าซี้จริงวะ”

เพียงเท่านั้น แล้ววิเชียรที่หน้าจ๋อย ก็มีอันต้องถอยฉากทันที
ถอยออกไปจากห้องแล้ว

และบรรยากาศเดิม ๆ ที่มีนรู้สึกเหมือนว่าอากาศหายใจเริ่มน้อยลงไปเรื่อย ๆ ก็กำลังเกิดขึ้นอีกครั้ง

ทำเป็นไม่เห็น
ทำเป็นไม่สนใจ
ทำเป็นมองบิลและคีย์ข้อมูลไปเรื่อยๆ
แต่มีนก็รู้ว่าพี่บุ้งกำลังมองมา

มองตรงมาและขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะพูดอะไรบางอย่างออกมาเสียงดัง

“....น้อง....กินข้าวยังวะเรา”

อ่อ

ไม่ได้ไล่ให้ขึ้นไปแผนกการเงิน แบบนี้ก็พอคุยกันได้อยู่

“ผมไม่ค่อยหิวเท่าไหร่พี่”

มันใช่เรื่องมั้ยวะ หิวหรือไม่หิว ยังไงก็ต้องกินนี่มันเลยเวลาพักมานานแล้ว

ที่ไม่กินหมายความว่ายังไง อย่าบอกนะว่าเป็นเพราะนั่งคีย์บิลให้อยู่

แต่.........ก็น่าจะใช่ เพราะบิลหายไปหลายปึกแล้ว

“พี่ไม่ได้ถามว่าน้องหิวหรือเปล่า พี่ถามว่าน้องกินข้าวหรือยัง”

ผมตอบไม่ตรงคำถามพี่
เออ มันผิดที่ผมเอง ที่ฟังคำถามพี่ไม่รู้เรื่อง ก็เลยตอบไปแบบไม่รู้เรื่อง

“ยังครับ”

สั้น ๆ ง่าย ๆ ได้ใจความและบุ้งก็เดินมาอยู่ฝั่งตรงข้ามกับคอมพิวเตอร์ที่มีนกำลังคีย์เอกสาร

“หยิบถุงหมูปิ้งโต๊ะข้างหลังให้หน่อย”

ถุง...หมูปิ้งโต๊ะข้างหลัง

ถุงหมูปิ้ง…..

หันไปที่โต๊ะด้านหลังและหยิบถุงหมูปิ้งเพื่อมาส่งให้คนที่บอกให้หยิบของให้

“นี่เหรอพี่”

ส่งให้กับคนที่บอกให้ช่วยหยิบ แล้วพี่บุ้งก็รับมาถือเอาไว้

“หยุดมือแล้วมากินก่อน โรงอาหารปิดแล้ว”

หยุด
แล้วมากิน........ก่อน

หมายถึงให้ผม....กิน..ข้าวเหนียวหมูปิ้งในถุงนั่นอ่ะนะ

“มีข้าวเหนียวสองห่อ มันแข็ง ๆ แล้วป่านนี้ ซื้อมาตั้งแต่เช้าว่าจะกินก็ลืม ห่อนี้ยังพอนิ่ม ๆ อยู่น้องเอาห่อนี้ไปก็แล้วกัน”

พี่บุ้งวางถุงใส่ข้าวเหนียวถุงเล็กๆ ให้มีน ส่วนตัวเอง
ก็หยิบหมูปิ้งออกมาหนึ่งไม้ และก็ยืนกินต่อหน้าต่อตามีนที่กำลังคีย์เอกสาร

พี่.....
เอางี้เลยเหรอวะ
แล้ว....

“น้องมากินเร็ว ๆ บอกให้วางมือก่อน ถึงเวลากิน ก็กินไปซะ เดี๋ยวต้องทำอย่างอื่นต่ออีก”

เอ่อ

เดี๋ยวครับพี่.........อะไร ยังไง

“กินไปก่อน กินส่ง ๆ ไปงั้นกันตาย”

นั่นคือถ้อยคำของคนที่ชวนกินข้าวกลางวันด้วยกันเหรอวะ
ดูแปลกๆ พิกลเกินไปมั้ยพี่

“เออ มัวลีลาอยู่นั่นแหละ เอาอันนี้ไป นี่หมูเยอะ”

มีนไม่รู้จะพูดอะไร ไม่รู้จะต้องทำตัวยังไง
และเมื่อหมูปิ้งหนึ่งไม้ถูกยัดเยียดใส่มือให้ ก็เลยต้องกินไปด้วยความรู้สึกขัดเขินพิกล

“แข็งชิบหาย เคี้ยวทีฟันแทบหลุด”

พี่บุ้งบ่นอะไรบางอย่างพึมพำอยู่คนเดียว บ่นอะไรก็ไม่รู้ที่ดูไม่เข้าท่า แต่แปลกที่มีนรู้สึกขำกับสิ่งที่พี่บุ้งบ่น

หมูมันไม่ได้แข็งขนาดนั้นหรอก มันก็ยังพอกินได้อยู่

แต่พี่บุ้งขยันบ่นไปหน่อย เลยบ่นอะไรก็ไม่รู้

มีนรู้ว่ามันกินได้ และก็กินไปเรื่อยๆ เคี้ยวไปเรื่อย ๆ

“....พรุ่งนี้กินอะไร”

หือ

“หมายถึง........”

เงยหน้ามองคนที่กำลังยืนกินหมูปิ้งอยู่หน้าโต๊ะ และมีนก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย

“น้องนี่หูไม่ดีเหรอวะ พูดอะไรต้องให้พูดซ้ำสองรอบ”

ไม่ใช่ว่าผมหูไม่ดี แต่ผมคิดว่าตัวเองฟังผิดไป ผมเลยไม่รู้ว่าพี่พูดอะไร

“วิเชียรมันจะขึ้นเบอร์ 12 เดี๋ยวให้มันซื้อปูจ๋ามากินพรุ่งนี้เที่ยง”

ปูจ๋าคืออะไรไม่รู้
แต่ที่รู้แน่ ๆ คือที่เข้าใจว่าตัวเองฟังผิด ตอนนี้มั่นใจแล้วว่าฟังถูกจริง ๆ

“แล้วพี่จะให้ผมทำอะไร”

ถามกวนเนอะ ใครจะไปให้น้องทำอะไรล่ะ ก็ไม่ต้องทำอะไรมากหรอกน้อง

“....ก็ไม่ได้ให้ทำอะไรยุ่งยากหรอก แค่เอาจานเอาช้อนมาจากที่บ้านด้วย เอามาใส่ข้าวกินพรุ่งนี้ ตอนที่ไอ้เชียรมันเอาปูจ๋ามาส่ง เข้าใจมั้ยน้อง น้องมีอะไรสงสัยอีกมั้ย”

ไม่มีครับ

ผมนึกไม่ออกว่าจะถามเอาอะไรกับพี่

“แก้วน้ำไม่ต้องเอามา พี่มีอยู่ในเก๊ะ เอาไปใช้ได้เลย เข้าใจมั้ย”

เข้าใจ

ฟังเงียบๆ แต่ไม่ตอบ ไม่ตอบไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจ แต่ไม่รู้ว่าจะต้องตอบคำว่าเข้าใจไปทำไม ในเมื่อมันเป็นคำถามที่บ้าบอสิ้นดี

“เกาหลี”

หือ

เงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียก และมีนก็ขมวดคิ้วเพราะไม่ชอบในสิ่งที่อีกฝ่ายเรียก

“ผมมีชื่อนะพี่ ไม่ได้ชื่อเกาหลี”

ใบหน้ายุ่งเหยิง และก็ขมวดคิ้วมุ่นเพราะรู้สึกเหมือนกับว่าพี่บุ้งมองหน้าของมีนเหมือนกำลังพิจารณาอะไรบางอย่าง

“ทำหน้าโมโหได้ด้วยเหรอวะ........พี่นึกว่าน้องทำหน้าหมาเหงาได้อย่างเดียว.....”

นี่เรียกว่าอะไรวะ
ชม
แซว
ด่า หรือ ว่า หรืออะไรผมไม่เข้าใจ ผมไม่เข้าใจว่าพี่ต้องการจะสื่ออะไรกันกับผมกันแน่ บอกตรงๆ เลยว่าผมไม่เข้าใจ

“กินให้หมดนะ จะได้มีแรง ถ้าเลยเวลาแล้วก็กลับได้เลย ไม่ต้องอยู่ต่อ พรุ่งนี้ค่อยมาคีย์ใหม่ เดี๋ยวพี่จะออกไปส่งของ
ล็อคออฟฟิศด้วย แล้วปิดไฟปิดแอร์ด้วยนะ ห้ามลืม”

อ่อครับ

“มีอะไรงง สงสัย โทรหาพี่ เบอร์นี้..........”

มาเร็วมาไว บอกไว และก็จดเบอร์ให้ไวมาก
และพี่บุ้งมันก็ไปไวมาก

บอก ๆ ๆ สั่ง ๆ ๆ แล้วก็เปิดประตูเดินลิ่วๆ ออกจากออฟฟิศไปแล้ว ทิ้งให้มีนนั่งงง อยู่กับ ข้าวเหนียวหมูปิ้งที่ยังกินไม่หมดและยังถือค้างอยู่ในมือ

อะไรยังไง ไม่เข้าใจ จะมาก็มา จะไปก็ไป ทำไมช่างเป็นคนที่รวดเร็วฉับไวอะไรขนาดนี้วะพี่

...นี่มันอะไรวะ........อะไรของพี่วะพี่บุ้ง.....บอกตรง ๆ เลยนะ
ว่าตั้งแต่จำใจต้องมาฝึกร่วมกับพี่ ยิ่งอยู่ใกล้ ผมยิ่งไม่เข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ

“อะไรของพี่บุ้งวะ........บอกตรง ๆ ว่าโคตรงง”


TBC.
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน งอน ๆ ง้อ ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 02-05-2014 23:25:25

(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/02/ไฟล์เปล่า1Nn1wd.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง.....ตอน งอน ๆ ง้อ ๆ

หกโมงเย็น

เมืองมีนหันไปมองนาฬิกาที่ฝาผนัง
เย็นป่านนี้แล้ว แต่ยังไม่กลับบ้านเพราะคีย์บิลยังไม่ถึงไหน

สายตาเริ่มพร่า ๆ เลือน ๆ เพราะจ้องจอคอมพิวเตอร์นานเกินไป

หลับตาพักเพียงครู่เดียว และมีนก็เอนหลังกับพนักเก้าอี้ ขยับร่างกายไปทางซ้ายและขวาสองสามครั้งเพื่อคลายความเมื่อยล้าก่อนจะลุกขึ้นยืน และเดินไปหยิบเสื้อและกางเกงที่แขวนไว้ที่พนักเก้าอี้ที่โต๊ะอีกด้านมาถือเอาไว้

สะบัดสองสามทีและเดินไปล็อคประตูออฟฟิศ

เดินกลับมาและถอดเสื้อมูลนิธิที่พี่บุ้งให้มาใส่ออกและค่อย ๆ ดึงกางเกงที่สวมอยู่ออกจากขา

สะบัดเสื้อนักศึกษาของตัวเองที่มีรอยจุดสีแปลก ๆ แล้วก็ขมวดคิ้วมุ่น

ฝนมันตกก็แบบนี้ เสื้อเปื้อนหมด ต้องทำใจ

ยืนพิจารณาเสื้อและกางเกงที่แห้งเกือบสนิทแล้วมีนก็ถอนหายใจ
สงสัยต้องกลับไปซัก แช่ไว้ก่อนดีกว่า แต่ถ้าซักไม่ออกขึ้นมาเสียดายแย่

พิจารณาอะไรไปเรื่อยเปื่อย และมีนก็กำลังจะหยิบเสื้อมาสวม


++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ไม่อยากซวย 02/05/57
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 02-05-2014 23:26:16
หกโมงเย็น

บุ้งที่เพิ่งกลับเข้ามาในโรงงาน กำลังเดินลิ่ว ๆ มาที่ออฟฟิศเพื่อจะเก็บของกลับบ้าน

ป่านนี้ไอ้น้องเกาหลีคงกลับบ้านไปแล้ว ไม่รู้ว่าวันนี้คีย์บิลไปได้เท่าไหร่
แต่ดูแล้วอย่างน้อยก็คงมากกว่าสองสามปึก เห็นกองเอาไว้ สังเกตว่าไม่ค่อยมากเท่าไหร่ แต่ก็ดีกว่าต้องมาคีย์เอง

ไม่มีเวลาคีย์ แต่บิลก็ต้องส่ง
เมื่อไหร่แผนกบุคคลจะรับคนเข้ามาทำเรื่องคีย์บิลน้ำมันก็ไม่รู้
ปัญหาของแผนกขนส่งคือหาคนมาคีย์ค่อนข้างยาก

ระบุไปว่าขอเป็นผู้ชาย
อย่าเป็นผู้หญิงเป็นใช้ได้
เพราะรับมาทีไรก็โดนไอ้พวกพนักงานขับรถจีบหมด บางคนก็ทะลึ่งไม่รู้จัก
เวล่ำเวลา ถ้าเห็นก็แล้วไป แต่ถ้าไม่เห็น ผู้หญิงก็เสียหาย

อยู่ได้แป๊บๆ ก็พากันออกไปหมด
ไหนจะเรื่องชู้สาว ไอ้นั่นจีบ ไอ้นี่ก็จะจีบ แย่งกันจีบจนเป็นเรื่องเป็นราว
มีแต่เรื่องชวนปวดหัว

รับเป็นผู้ชายมาซะก็จบปัญหา อย่างไอ้น้องที่เพิ่งออกไป ก็นึกเสียดายอยู่กันมาได้ตั้งสองสามปี ปีนี้เสือกติดทหารซะงั้น
แล้วเวลาจะรับคนใหม่เข้ามา มันก็หายาก

ผู้ชายที่ไหนมันจะอยากมาทำงานกระจุกกระจิกแบบนี้
ปวดหัวตายห่า

ถือว่าช่วยพี่ก่อนแล้วกัน น้องเกาหลี
แผนกพี่มันแดนสนธยา สาวคนไหนมาถ้าไม่โดนจีบคงแปลก
ต่อให้หน้าตายังไง พอมาแผนกพี่ เสร็จไอ้พวกคนขับรถลูกน้องพี่หมด
เลยไม่รู้จะทำยังไงแล้วเนี่ย

บุ้งไม่ได้มีอคติอะไรกับเด็กฝึกงานอย่างเมืองมีนเลย
ไม่มีเลยสักนิด

แต่เพราะตัวเองเป็นคนแบบนี้ พูดจาง่ายๆ สบายๆ ไม่คิดอะไร
โดยที่ลืมคิดไป ว่าเพิ่งรู้จักกับเมืองมีนไม่นาน และเด็กฝึกงานอย่างมีนก็ไม่มีวันเข้าใจสิ่งที่บุ้งเป็น

มีนไม่เข้าใจเลยสักนิดเดียว ไม่เข้าใจกับคำพูดคำจาที่บุ้งพูดออกมา

เดินมาหยุดที่หน้าประตูออฟฟิศแผนกขนส่ง
และบุ้งก็ปลดกุญแจที่ร้อยไว้ที่หูกางเกงออก เลือกลูกกุญแจไขของประตูออฟฟิศขนส่ง และไขเข้าไป

ไม่คิดอะไรเลยสักนิด
ไม่ได้คิดอะไรเลยตอนที่ไขประตูเข้าไป
ผิวปากอย่างอารมณ์ดี และเมื่อประตูถูกเปิดออก บุ้งก็ถึงกับผงะกับภาพที่เห็นตรงหน้า

“ไอ้ห่า…….ชิบหายแล้ว...”

“เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยย พี่”

ไอ้น้องเกาหลีหน้าขาวกำลังยืนแก้ผ้า

ห่าเอ้ยยยยยยยยยยย

บุ้งถึงกับรีบดึงประตูปิดทันที หลังได้ยินเสียงโวยวายจากคนที่อยู่ในห้อง

“เหี้ยเอ้ยยยยยยยย .......... น้อง รีบใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยเดี๋ยวนี้เลยนะโว้ยย”

ตะโกนเข้าไปในห้อง
และบุ้งก็รู้สึกเสียสายตากับภาพที่เห็นมาก

ส่ายหน้าด้วยความไม่พอใจ
และส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ

“แม่ง มาแก้ผ้าอะไรในนี้วะน้องงงงงงงงงง”

ตะโกนด่าให้คนในห้องได้ยินอีกครั้ง และเป็นมีนที่ถึงกับเกิดอาการลุกลี้ลุกลน รีบคว้ากางเกงมาสวมและกลัดกระดุมเสื้อด้วยมือที่สั่นเทา

หน้าแดงด้วยความอาย และอาการหน้าซีดด้วยความวิตกจริตก็ตามมาด้วยในเวลาไม่ช้า

โธ่โว้ย
ผมไม่ได้อยากมาแก้ผ้าอะไรในนี้เลยนะ ห้องก็ล็อคแล้วด้วย
แล้วพี่จะให้ผมไปเปลี่ยนชุดที่ไหนวะ ก็พี่บอกเองว่าให้เปลี่ยนในนี้ ไม่ต้องมาทำเป็นอาย

ผมก็ทำตามแล้วนี่ไง
แล้วพี่ไขกุญแจเข้ามาทำไมวะ แถมซ้ำยังมาด่าผมอีก ผมผิดใช่มั้ย
ตกลงผมผิดใช่มั้ยวะพี่บุ้ง

แม่ง.........

“เสร็จยังวะ น้องจะสนิมสร้อยอ้อยอิ่งไปถึงไหนวะ แค่ใส่เสื้อผ้าแค่นี้เองนะโว้ย”

ไม่ได้สนิมสร้อยอ้อยอิ่งอะไรทั้งนั้นแหละ
รีบจนมือเป็นระวิงขนาดนี้แล้ว พี่ยังจะหาว่าผมอ้อยอิ่งอีกหรือไงวะ

“เฮ้ย เร็วสิ เสร็จยังวะ”

ได้ยินเสียงตะโกนเร่งมาจากด้านนอก และมีนก็เลยต้องตะโกนตอบกลับไป

“เสร็จแล้ว ผมแต่งตัวเสร็จแล้ว”

ได้ยินเสียงที่ดังออกมาและคนที่อยู่ด้านนอกก็ผลักประตูเข้ามาในห้อง

บุ้งกำลังหน้าบึ้ง
เข้ามายืนทำหน้าบึ้งด้วยความไม่พอใจ
และมีนก็รู้ว่าพี่บุ้งไม่พอใจเรื่องอะไร

“ทำอะไรวะ คิดอะไรมาแก้ผ้าในนี้ ทำไมไม่หัดล็อคประตูวะน้อง”

นั่นมันใช่ที่ไหน ผมล็อคเรียบร้อยแล้ว ผมไม่ได้เป็นบ้าโรคจิตที่จะมาแก้ผ้าแก้ผ่อนเพราะอยากโชว์นะครับ

“ผมล็อคแล้ว พี่แหละไขเข้ามาทำไม”

ห๊ะ

ถูกพูดใส่หน้า และไอ้น้องเกาหลีหน้าขาวที่พูดใส่หน้าบุ้ง ก็ก้มหน้าก้มตาทำหน้างอใส่ ผิวแก้มขาว ๆ ขึ้นสีแดงเรื่อ

เห็นแบบนี้ก็คงไม่ต้องเดา น้องมันคงอาย

“เออว่ะ จริงด้วย”

ก็ใช่ไงพี่
มันความผิดของผมเหรอ ก็พี่เปิดประตูเข้ามาเอง แล้วพี่ก็มาโกรธผม แล้วก็ด่าผมไม่หยุด

“แล้วพี่จะรู้ได้ไงวะว่าน้องแก้ผ้าอยู่”

ก็ใช่ไงพี่
ที่พี่พูดผมก็คิดเหมือนกันไง

“แล้วผมจะรู้มั้ยว่าพี่จะไขประตูเข้ามา”

เออว่ะ

มันก็...........จริง อย่างที่น้องมันว่า...... นั่นแหละ

เนอะ……..

กลายเป็นบุ้งที่เหมือนเพิ่งนึกบางอย่างขึ้นมาได้
น้องมันก็พูดถูกนะ กูไขของกูเข้ามาเอง น้องมันจะไปรู้ได้ยังไง

เออว่ะ ก็จริง.........

บุ้งที่ปกติทำได้หน้าเดียวคือหน้าดุ กับหน้าเฉย ตอนนี้สามารถทำหน้าเซ่อได้แล้ว

และมีนที่ก้มหน้าก้มตาตอกกลับคนที่พูดไม่คิด ก็ได้แต่ขบริมฝีปากแน่น

ไม่ใช่อะไรหรอก
ผมไม่ได้เป็นบ้าที่เที่ยวแก้ผ้าให้ใครดูไปทั่วนะพี่
ถึงจะผู้ชายเหมือนกัน แต่แบบนี้ผมว่ามันก็ไม่ใช่ ผมหน้าไม่ด้านพอที่จะเที่ยวมาแก้ผ้าให้ผู้ชายด้วยกันดู

“เอ้อ.....”

อะไรพี่
พี่ไม่ต้องเอ้อต้องอ้า อะไรทั้งนั้นแหละ

“บิลน้ำมันเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมมาคีย์ต่อ ผมเอาไม้บรรทัดคั่นไว้แล้ว กลับแหละพี่ หวัดดีครับ”

ยกมือไหว้คนที่ยังยืนหน้าเซ่อไม่หาย และมีนก็เดินลิ่ว ๆ จากไปทันที
ไม่รอฟังอะไรทั้งนั้น

ยอมรับว่าอาย และรู้สึกทุเรศตัวเองมาก

ก้าวขาเดินลิ่ว ๆ ไปที่หน้าป้อมยาม ดึงบัตรพนักงานของตัวเองออกมาและก็สอดเข้าไปในเครื่องตอกบัตรก่อนจะใส่คืนไว้ที่เดิม

พี่บุ้งแม่งบ้า
เป็นบ้าแน่ ๆ
อยู่ดีๆ ก็ไขประตูเข้ามา ไขเข้ามาแล้วก็ด่า
ด่าทำไมวะ ในเมื่อไม่ใช่ความผิดของผมซักหน่อย
ทำไมพี่ไม่โทษตัวเองบ้าง ทำไมพี่ไม่ด่าตัวเองบ้าง

พี่บุ้ง หัวหน้าแผนกขนส่ง ผมจะจำไว้เลย ว่าพี่เป็นคนยังไง
ผิดแล้วไม่ขอโทษ ไม่ขอโทษไม่ว่า ยังมาชี้หน้าด่าอีก

หัวหน้างานแบบนี้ แม่งรับไม่ได้ว่ะ
พี่บุ้งสุดยอดมาก ผมยอมรับเลยนะว่าพี่บุ้งเป็นคนที่เหลือเกินจริง ๆ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ไม่อยากซวย 02/05/57
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 02-05-2014 23:27:02
มีนเดินไปคิดไป

เดินไปบ่นพึมพำกับตัวเองไปตลอดทาง
ก้าวขาเดินให้เร็วขึ้น เพื่อจะได้เดินไปที่ถนนใหญ่ที่ไกลออกไป

ไอ้เพียรกลับไปนานแล้ว
ก่อนกลับมันยังมาชวนให้กลับพร้อมกัน แต่เพราะติดพันอยู่กับบิลเลยยังไม่กลับ

ที่จริงถ้ากลับไปพร้อมไอ้เพียรซะ ก็คงไม่ต้องมาเจอเรื่องบ้า ๆ บอ ๆ แบบนี้

เพราะไม่ยอมกลับไปพร้อมไอ้เพียรไง ถึงได้เป็นแบบนี้

บ้าบอคอแตกที่สุด

เรื่องบ้า ๆ บอ ๆ อะไรก็ไม่รู้

ไม่อยากจะคิดต่อให้ปวดหัว เดินไปเรื่อย ๆ และมีนก็บ่นพึมพำกับตัวเองไปเรื่อย

บ่นไปตลอดทาง จนใครบางคนขับรถมอร์เตอร์ไซด์เข้ามาใกล้ และเรียกให้มีนหันไปหา

“น้อง.........”

ไอ้พี่บุ้ง

“น้อง”

ผมไม่ได้ยินหรอก ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น

“น้องเกาหลี ไม่ต้องมาทำหูทวนลมแกล้งไม่ได้ยิน”

มีนหยุดเดินแล้ว และไม่ได้หันไปมองคนที่ชะลอมอร์เตอร์ไซด์มาจอดอยู่ข้าง ๆ

“ไปด้วยกัน เดินอีกตั้งไกล”

แล้วผมอยากไปมั้ย

“ไม่ต้องมาทำเงียบ เป็นตุ๊ดหรือไง ทำมาอาย โดนเห็นแค่นี้”

ผมไม่ได้โกรธที่พี่เข้ามาเห็นตอนที่ผมแก้ผ้า
แต่ผมโกรธที่ไม่ได้ทำอะไรเลย แต่พี่มาด่าผมปาว ๆ

สรุปว่าผมผิดว่างั้น

มีนไม่พูด ไม่ตอบ ไม่อะไรด้วยทั้งนั้น หยุดยืนฟังเงียบ ๆ
ก้มหน้าก้มตาฟัง แต่ไม่พูด

ไม่ตอบโต้
และคนที่ทนไม่ไหวกลายเป็นบุ้งซะเอง ที่ถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

กลุ้มเลยกู

นี่พี่เป็นหัวหน้างานน้องแล้วนะตอนนี้ แต่พี่ต้องมาง้อน้องเหรอวะ
มันใช่เรื่องมั้ยวะเนี่ย

“เกาหลี”

เกาหลีบ้าอะไร

ผมมีชื่อ พี่ไม่เคยสนใจจะถามชื่อผมเลย เรียกแต่อะไรก็ไม่รู้ ชื่อบ้อ ๆ บอ ๆ ถามผมยังว่าผมอยากให้เรียกแบบนี้หรือเปล่า

มีนยังคงไม่พูด

ยืนนิ่ง ยืนฟังนิ่ง ๆ ก้มหน้าก้มตาฟัง แต่ใบหน้าบ่งบอกชัดเจนว่าไม่พอใจ

“เฮ่อออออออออ”

พี่ไม่ต้องถอนหายใจหรอก ผมต่างหากที่อยากถอนหายใจมากกว่าพี่อีก

คิดแต่ไม่พูด

มีนคิดอยู่ในใจคนเดียว แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ไม่ได้พูดอะไรเลย

สุดท้าย บุ้งก็เลยต้องเป็นฝ่ายพูดแทน

“น้องมีน.......”

เรียก

และมีนที่ยืนก้มหน้าไม่ยอมพูด ก็เงยหน้าขึ้นมามองคนที่ยังอยู่บนมอร์เตอร์ไซด์ และมีสีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด

“ถนนใหญ่มันไกล ........พี่ไปส่ง”

พูดแค่นั้น
ไม่ได้พูดอะไรมาก

และคนที่ยืนก้มหน้าก้มตาเฉย ๆ ในคราวแรก ก็มองหน้าของบุ้งตรง ๆ
มองและคนที่ถูกมองก็ไม่รู้จะทำหน้ายังไง

“ป่ะ”

พยักหน้าเรียก และมีนก็เลยยอมก้าวขาขึ้นซ้อนท้ายมอร์เตอร์ไซด์ของบุ้ง

คนขับไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
พอ ๆ กับที่คนซ้อนก็ไม่รู้ว่าตัวเองคิดอะไร

ระหว่างทางที่ไม่ไกลมากนัก
คนสองคนไม่พูดคุยอะไรกันเลย

มีนมองไปที่ข้างทาง
และบุ้งก็เหลือบสายตามองไปที่กระจกรถ มองหน้าคนซ้อนท้ายเป็นพัก ๆ
และไอ้น้องเกาหลี ก็ทำหน้าเหมือนคนเบื่อโลกอีกแล้ว

หันกลับมาสนใจกับถนน

และขับมาจนถึงถนนใหญ่
จอดรถที่ศาลาพักผู้โดยสาร และมีนก็ลงจากรถเรียบร้อย
ยกมือไหว้คนที่มาส่ง แม้จะก้มหน้าก้มตาไหว้ แต่มีนก็รู้ว่าคนเราต้องมีมารยาท
ยังไงก็อาศัยให้พี่บุ้งมาส่ง จะไม่ไหว้ก็ยังไง

และบุ้งก็พยักหน้ารับ
พยักหน้ารับและเหมือนคิดอะไรบางอย่างก่อนจะพูดออกมา

“พรุ่งนี้อย่าลืมเอาจานกับช้อนมาด้วยนะ จะได้มีจานกินข้าว วิเชียรมันจะซื้อปูจ๋ามาให้กินตอนกลางวัน”

ปูจ๋าคืออะไรไม่รู้
แต่ที่มีนรู้ คือยังไงก็ต้องเอาจานกับช้อนมา ห้ามลืมเด็ดขาด
เพราะพี่บุ้งมันย้ำนักย้ำหนา ขืนลืมเอามา เดี๋ยวมันก็หาว่าไม่รู้จักจำ จะยิ่งซวย

“ครับ”

พยักหน้ารับคำ และบุ้งก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง เพราะไม่รู้จะทำยังไงต่อไป
บอกตรงๆ นะน้อง พี่ไม่รู้จะทำยังไงดี
น้องถึงจะ ………หายงอน..........

“กลับบ้านดี ๆ นะ”

พูดอะไรบางอย่างที่ดูจะไม่เข้าท่าเท่าไหร่ และมีนก็พยักหน้ารับสิ่งที่บุ้งพูด

“แล้ว.........พรุ่งนี้เจ็ดโมงครึ่งน้องมารอพี่ตรงนี้นะ จะได้เข้าไปพร้อมกันเดินเข้าไปมันไกลรู้มั้ย”

ผมรู้

แต่นั่นมันใช่หรือเปล่า
ผมมาเองกลับเองทุกวัน ไม่ต้องให้พี่ลำบากขนาดนั้นหรอก

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเพื่อนผมมารับ ผมเข้าไปพร้อมมันทุกวัน”

ปฏิเสธกันหน้าเฉย
และบุ้งก็รู้สึกเหมือนโดนต่อยเสยปลายคางเข้าอย่างจัง โทษฐานที่ห่วงใยโดยใช่เหตุ

“เหรอ.....เออ งั้นก็ตามใจ”

ตอบเสร็จเรียบร้อยแล้วบุ้งก็บิดมอร์เตอร์ไซด์จากไปทันที

บิดมอร์เตอร์ไซด์จากไป โดยมีสายตาของเมืองมีนมองตามไล่หลังและบ่นพึมพูดกับตัวเองเสียงเบา

“.........ให้ผมเข้าไปพร้อมพี่ ผมเดินเข้าไปเองยังดีกว่า ให้ตายผมก็ไม่เข้าไปพร้อมพี่หรอก.....พี่บุ้งแม่ง....โคตรบ้า”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอนไม่อยากซวย /กินไปงั้น/งอน ๆ ง้อ ๆ UP.
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 02-05-2014 23:44:26
เพิ่งเห็นว่า คุณaoikyosuke มีเรื่องใหม่ เลยเข้ามาตามอ่านคะ

 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอนไม่อยากซวย /กินไปงั้น/งอน ๆ ง้อ ๆ UP.
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 03-05-2014 00:26:06
น้องมีนติสมาก

อั๊ยยะ ชอบจัง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอนไม่อยากซวย /กินไปงั้น/งอน ๆ ง้อ ๆ UP.
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 03-05-2014 00:29:44
 o13
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอนไม่อยากซวย /กินไปงั้น/งอน ๆ ง้อ ๆ UP.
เริ่มหัวข้อโดย: mapreaw ที่ 03-05-2014 00:50:08
อุ๋ย!! เพิ่งเห็นนิยายคุณเท็น ติดตามค่า น้องมีนกับพี่บุ้งน่ารักมาก ว่าแต่จะคุยกันรู้เรื่องมั้ยนิ555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอนไม่อยากซวย /กินไปงั้น/งอน ๆ ง้อ ๆ U
เริ่มหัวข้อโดย: kuankao ที่ 03-05-2014 02:11:45
อ๊ากกก ชอบๆ ต่างกันคนต่างได้แต่คิดแต่ไม่พูด แล้วมันจะเข้าใจกันไหมม

ชอบที่มาต่อบ่อยๆมากก *กอดคนแต่ง* :กอด1:
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน การพนัน
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 03-05-2014 07:17:16
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/02/ไฟล์เปล่า1Nn1wd.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง.....ตอน  การพนัน

บุ้งคิดว่าตัวเองเป็นคนที่ทั้งโง่ ทั้งซื่อบื้อและเซ่อที่สุดในโลก

“เคยเข้าใจอะไรบ้างป่ะ หนูทนไม่ไหวแล้ว พี่บุ้งจะเป็นคนดีก็ดีไป แต่มันทำให้หนูดูแย่ลงเรื่อย ๆ”

ยืนหน้าเซ่อ ไปไม่เป็น เมื่อแฟนที่คบกันมาหลายปีวันนี้ก็มาพูดอะไรที่ทำให้รู้สึกว่าตัวเองมันเป็นแค่ผู้ชายห่วย ๆ คนหนึ่งซึ่งไม่คู่ควรกับเธอเลย

“พี่บุ้งรู้ตัวป่ะ พี่บุ้งช่วยคนนั้นคนนี้ ใครมีอะไรให้ช่วยพี่บุ้งก็ช่วยไปหมด หนูรู้แล้วว่าพี่บุ้งดีกับคนอื่นไปทั่ว แต่พี่บุ้งเคยฟังกันบ้างป่ะ สนใจแต่คนอื่น เคยสนใจหนูบ้างมั้ย เคยมีเวลาให้หนูบ้างมั้ย”

มันคงเป็นความเหลืออดของผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ในสภาวะจำยอมมานานหลายปี

“ห่าง ๆ กันไปแบบนี้แหละดีแล้วพี่ บอกตรง ๆ หนูเหนื่อย”

ได้แต่นั่งนิ่ง
รู้ดีทุกอย่าง ว่าทำไมเธอพูดแบบนี้
แต่เพราะรัก ถึงยอมมาตลอดโดยไม่เคยพูดว่ารู้เรื่องราวอะไรมาบ้าง

“ให้โอกาสพี่อีกครั้งได้มั้ย”

เราไม่ได้เพิ่งคบกัน เธอคงจะโกรธ เธอคงจะโมโห เธอคงจะไม่พอใจ บุ้งแค่หลอกตัวเองว่าคงเป็นเพราะความโมโหและน้อยใจรวม ๆ กันของเธอ

ทั้ง ๆ ที่ก็รู้อยู่เต็มอก ว่าที่จริงไม่ใช่
โอกาสมีให้ตลอด แต่บุ้งแค่ไม่อยากยอมรับความจริงว่าเธอหมดใจ

หมดใจมาได้พักใหญ่แล้ว

“พอเถอะ พี่เป็นคนดี หนูขอให้พี่ไปเจอคนที่ดีกว่าหนูเถอะ”

คำพูดสวยหรู แต่จริง ๆ ก็แค่ประโยคบอกเลิก ที่ถึงดูดีแค่ไหนสุดท้ายมันก็ทำร้ายจิตใจคนฟังอยู่ดี

ที่จริงเธอคงอยากพูดตรง ๆ ว่าขอให้ไปเจอคนที่ทนนิสัยช่วยคนอื่นไปทั่ว โดยไม่สนใจแฟน ไม่มีเวลาให้แฟน จะดีกว่า

“พี่เลวมากเลยเหรอ”

ไม่ใช่พี่บุ้ง
ไม่ใช่เรื่องดีหรือเลว
ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าพี่บุ้งไม่ดี
ไม่ใช่เรื่องที่จะแก้ไข

แต่มันเป็นเรื่องของหัวใจ เรื่องความรู้สึกที่จืดจางลง แต่เธอไม่รู้จะใช้เหตุผลอะไรในการขอจากไป

“พี่บุ้ง หนูรักพี่นะ ตอนนี้หนูก็ยังรัก แต่ถ้าเราไปด้วยกันไม่ได้ เราก็ถอยกันคนละก้าวเถอะ”

ถอยกันคนละก้าว
ความหมายตรงๆ ก็คือ เราเลิกกันเถอะ เมื่อเธอยืนยันขนาดนั้นจะให้พูดอะไร จะให้บอกอะไร บุ้งก็ทำได้แต่นิ่งฟัง

ได้แต่ทนฟังไปเท่านั้น

“เอาไว้เราค่อยคุยกันใหม่นะพี่ เดี๋ยวหนูต้องไปธุระต่อ นี่ลาเขามาแป๊บเดียว พี่ไม่ต้องไปส่งหรอก หนูมากับเพื่อน พอดีเพื่อนแวะมาทางนี้หนูเลยขอติดรถเขามาด้วย”

ทำไมมันง่ายดายขนาดนั้น
บุ้งรู้สึกว่าขอบตาเริ่มร้อนผ่าว ภายในอกเหมือนมีหินก้อนใหญ่ยักษ์หล่นลงมาทับอย่างรุนแรง

จะลุกขึ้นยืนก็ยืนไม่ได้ จะทำอะไรต่อไปก็ทำไม่ได้

ได้แต่นั่งนิ่ง ไม่มีแม้แต่แรงจะลุก ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะรั้ง

พี่ดีเกินไป ไม่ใช่เหตุผล
เธอมีคนใหม่ นั่นเป็นเหตุผลที่ใช่กว่า
และบุ้งก็รู้มาได้พักใหญ่แล้ว แต่แค่หลอกตัวเอง และหวังว่าเธอจะกลับมา

หวังว่าเธอ........ยังคงรัก ยังคงรอ ทั้งที่จริง ๆ แล้วเธอห่างไกลออกไปเรื่อย ๆ

จนในที่สุด ก็รั้งเธอไว้ไม่ได้อีก

รั้งไม่ได้อีกต่อไป เมื่อเธอเดินจากไปต่อหน้าต่อตา เดินจากไปขึ้นรถเก๋งคันใหญ่ที่เลี้ยวเข้ามาจอดที่ร้านอาหารเล็กๆ ที่เธอนัดมาคุยด้วย

รถคันที่บุ้งรู้ และจำหมายเลขทะเบียนได้
รู้หมดทุกอย่าง รู้ทุกสิ่งทุกอย่างว่าเจ้าของรถเป็นใคร

ทั้งที่รู้มานานแล้ว

แต่ก็ได้แค่มอง และไม่มีปัญญาทำอะไรได้

.....แฟนใหม่เธอเป็นนายตำรวจใหญ่ มีเกียรติ มีฐานะ....
แล้วคนอย่างบุ้งจะเอาปัญญาอะไรไปสู้

แค่นยิ้มให้กับตัวเอง
สมเพชตัวเองอย่างถึงที่สุด

ขนาดแฟนตัวเองทั้งคนยังไม่มีปัญญารักษาเอาไว้
ขนาดแฟนตัวเองทั้งคนยังไม่มีปัญญาจะเหนี่ยวรั้งเอาไว้

บุ้งได้แต่คิด
ได้แต่ครุ่นคิดอยู่คนเดียวอย่างนั้น

ช่วยคนอื่นได้ทุกเรื่อง ทำอะไรได้ทุกอย่าง
แต่มันน่าสมเพช และน่าหัวเราะเยาะ
ที่พอถึงเวลาเรื่องของตัวเอง กลับไม่มีปัญญาจะแก้ไข หรือทำอะไรได้เลย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอนไม่อยากซวย /กินไปงั้น/งอน ๆ ง้อ ๆ UP.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 03-05-2014 07:17:47
หกโมงครึ่ง

เมืองมีนยืนนิ่ง
ชะงักค้างเล็กน้อย เมื่อผลักประตูออฟฟิศแผนกขนส่งเข้ามาแล้วพบกว่ามีใครบางคนเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ทำงาน

และคน ๆ นั้นก็หรี่ปรือตาขึ้นมามอง ก่อนจะค่อยๆ หลับตาลงอีกครั้งและไม่ได้พูดอะไรออกมา

และมีนคิดว่า พี่บุ้งคงไม่ได้หลับจริง คงนั่งหลับตาเฉย ๆ มากกว่า

“หวัดดีครับพี่”

ทักทายก่อน เพราะว่าเด็กกว่า มีนรู้ว่ามารยาทที่ดีควรทำยังไง

และพี่บุ้งก็ปรือตาขึ้นมามองอีกครั้ง

“หวัดดีครับ”

คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานขานรับแค่นั้น และมีนก็เลยได้แต่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ เพราะพี่บุ้งยึดโต๊ะคอมพิวเตอร์และเก้าอี้ไปเรียบร้อยแล้ว

“กินข้าวมายังล่ะเรา”

ข้าวเหรอ
ที่จริงก็คือว่ายัง
รีบมา
ออกมาตั้งแต่เช้า เพราะไอ้เพียรบอกว่าวันนี้พี่มันจะขับรถมาส่ง
เลยเกรงใจมัน ไม่อยากรบกวน

อันที่จริงคือเมื่อคืนนอนคิดเรื่องที่พี่บุ้งด่าทั้งคืนจนนอนไม่หลับ

ก็เลยตื่นตั้งแต่ตีห้าและอาบน้ำแต่งตัวมาทำงาน

หกโมงครึ่ง เช้าเกินไป
ไม่รู้ว่ามาทำไม แต่ก็มา

เดินเข้ามาเรื่อย ๆ

และเจอคนที่มาเช้ากว่า

“ยังครับ”

ตอบกลับไปและมือก็จับสายกระเป๋าเป้เอาไว้ เหลียวซ้ายแลขวาก่อนจะค่อย ๆ นั่งลงบนโซฟาตัวเล็ก หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์

นั่งบื้อไม่รู้จะทำอะไรดี

“อือ”

ได้ยินเสียงตอบกลับของคนที่นั่งหลับตา และมีนก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังอยู่ในสถานการณ์เดิม ๆ อากาศหายใจภายในห้องเริ่มลดน้อยลงอีกแล้ว

“มีโกโก้ซอง แล้วก็กาแฟ พี่ใส่ตะกร้าไว้ข้างกระติกน้ำร้อน ชงเอานะ”

อ่า

ชงเอาคือ.....

“เออใช่ ไม่มีแก้วนี่หว่า เอาแก้วพี่ไปใช้ อันนี้ล้างแล้ว พอดี มันแถมมากับกาแฟ ที่บ้านมีอีกเยอะ”

คนที่นั่งหลับตาปรือตาตื่นขึ้นและเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักโต๊ะ หยิบแก้วกระเบื้องที่มีโลโก้กาแฟยี่ห้อหนึ่งออกมา และวางไว้บนโต๊ะ

“น้อง....พี่ฝากชงให้พี่แก้ว......ใส่น้ำตาลกับครีมอย่างละช้อน น้ำไม่ต้องเยอะ”

อ่อ ที่ให้แก้ว เพราะว่าจะใช้ให้ชงกาแฟว่างั้น

มีนวางกระเป๋าเป้ของตัวเองไว้บนโซฟา และลุกขึ้นมาหยิบแก้วสองใบ

เดินไปที่โต๊ะวางกระติกน้ำร้อน
และจัดการฉีกซองโกโก้และกาแฟใส่ลงไปในแก้ว
เติมน้ำตาลและครีมอย่างที่พี่บุ้งบอก กดน้ำร้อนใส่ลงไปและถือแก้วสองใบเดินออกมา

“น้องเอาไว้นั่นแหละ เดี๋ยวให้มันเย็นก่อน”

และมีนก็ถึงได้รู้ ว่าบางทีพี่บุ้งที่เหมือนจะหลับ แต่จริง ๆ ไม่ได้หลับ และเฝ้ามองทุกการกระทำของมีนตลอดเวลา

แต่ก็ช่างมัน
จะจับผิดหรืออะไรก็ช่างมัน

แม้ไม่อยากจะคิด แม้ไม่อยากจะรู้สึก แต่วันนี้มีนคิดว่าพี่บุ้งดูแปลก ๆ

แปลกออกไปจากเมื่อวาน

ดูนิ่ง ๆ เงียบ ๆ ไม่ค่อยสดชื่นเท่าไหร่

มีนไม่รู้และไม่กล้าถามว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร
ไม่กล้าก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว ไม่กล้ายุ่งเรื่องส่วนตัว
เป็นแค่เด็กฝึกงาน ก็ฝึกแค่งานอย่างเดียวพอ

ไม่ควรไปยุ่งอะไรกับเรื่องส่วนตัวของหัวหน้างาน

“น้อง อีกสิบนาทีปลุกพี่ด้วย”

ปลุกเหรอ
มีนกำลังยกแก้วโกโก้ขึ้นเป่า และเหลือบสายตามองหน้าของคนที่นั่งเอนหลังหลับตาอยู่บนเก้าอี้

“ครับ”

ขานรับกลับไป และเป่าเบา ๆ ให้โกโก้ที่ชงคลายความร้อนลงบ้าง

ยกข้อมือขึ้นดูเวลา
และจำไว้ว่าเข็มยาวควรเดินไปถึงเลขอะไรแล้วค่อยปลุก

ผมว่าวันนี้พี่ดูแปลก ๆ ไปนะ
ดูซึม ๆ เศร้า ๆ พิกล

เศร้ามาก

จนไม่เหมือนพี่บุ้งคนก่อน ที่ผมรู้จักเลย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอนไม่อยากซวย /กินไปงั้น/งอน ๆ ง้อ ๆ UP.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 03-05-2014 07:18:11
“พี่ครับ สิบนาทีแล้ว”

เมืองมีนเดินไปเรียกคนที่หลับอยู่บนเก้าอี้
และบุ้งก็หรี่ปรือตาขึ้นมอง ก่อนจะหลับลงอีกครั้ง

“อือ”

ขานตอบกลับแค่นั้น และมีนก็ถอยห่างออกมา

เรียกแล้วนะ พี่หลับต่อผมไม่รู้ด้วยนะ

เอายังไงพี่ จะนอนต่อหรือจะตื่นก็แล้วแต่พี่แล้วกัน

เดินกลับมานั่งที่โซฟาเหมือนเดิมแล้ว
และมีนก็มองคนที่นั่งหลับตาอยู่ว่าจะทำยังไงต่อไป

ในเวลาถัดจากนั้นไม่นาน พี่บุ้งปรือตาขึ้นอีกครั้ง และค่อย ๆ ขยับนั่งตัวตรง

แล้ว........พี่จะถอนหายใจขนาดนั้นไปทำไม

ผมไม่รู้นะว่าพี่ถอนหายใจทำไม แต่ที่ผมรู้ พี่คงมีเรื่องอะไรให้คิดอยู่แน่ ๆ

เรื่องบางอย่างที่ทำให้ไม่สบายใจ จนต้องถอนหายใจ
เรื่องที่มีนรู้ว่าไม่เกี่ยวกับมีนเลย

น่าจะเรื่องส่วนตัว
ปัญหาส่วนตัว

ซึ่งไม่ใช่เรื่องของมีนที่จะรู้ว่ามันคืออะไร

“ยังไม่ถึงเวลางานเลย น้องนั่ง ๆ ไปก่อนก็ได้ เดี๋ยววันนี้คีย์สองปึกนี่ก่อนแล้วกันนะ เมื่อเช้าพี่ตรวจแล้ว มีผิดอยู่หลายที่เหมือนกัน น้องค่อย ๆ คีย์ไม่ต้องรีบ ยิ่งรีบมันยิ่งผิด ค่อย ๆ ดู อันไหนไม่ชัดเก็บไว้ถามพี่ เดี๋ยวพี่มาบอก”

สั่งงานเรียบร้อย
คว้าเสื้อทำงานตัวนอกมาคลุมทับเสื้อยืดที่ใส่อยู่

และลุกขึ้นจากเก้าอี้ไปหยิบแก้วกาแฟที่เย็นลงแล้วมาถือเอาไว้

ยกแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด และวางกลับลงที่เดิม

“เดี๋ยวเที่ยงพี่เข้ามา รถเริ่มเข้าแล้ว ฝากล้างแก้วด้วยแล้วกัน แล้วเอาจานกับช้อนมาหรือเปล่า”

จานกับช้อนเหรอพี่

“เอามาครับ”

ตอบกลับไปเรียบร้อย และบุ้งก็พยักหน้าให้

“เออดีแล้ว เดี๋ยวกลางวันรอวิเชียรเอาข้าวมาส่งนะ ซักแปดโมงกว่าค่อยเปิดแอร์ก็ได้ ถ้าน้องไปไหนก็อย่าลืมปิดแอร์ปิดไฟด้วย ห้ามลืมเด็ดขาด”

พี่บุ้งสั่งเรื่องที่มีนควรรู้และปฏิบัติตามเรียบร้อย
และก็ผลักประตูเดินออกไปจากออฟฟิศ

สิ่งที่มีนสังเกตเห็นได้ชัด คือดวงตาที่มีแววหม่นหมองลงของพี่บุ้ง

ผมก็ไม่ใช่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบพี่หรอกนะ

ไม่ว่าพี่บุ้งคนไหน ก็ทำให้อากาศหายใจลดน้อยลงได้เรื่อย ๆ พอ ๆ กัน

เอาตรง ๆ ผมก็ไม่ชอบพี่บุ้งที่ด่าผมเท่าไหร่
แต่ผมว่า..........อย่างน้อยมันก็ดีกว่าพี่บุ้งคนนี้

พี่บุ้งคนนี้ไม่เหมือนพี่บุ้งคนนั้น
พี่บุ้งคนนี้ดูซึมเศร้า และไม่มีชีวิตชีวา

ที่จริง จากความรู้สึกผมเองเลยนะ ผมว่า………ผมรู้สึก........

ไม่ชอบพี่บุ้งคนที่เงียบ ๆ เฉย ๆ ซึม ๆ คนนี้เลย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอนไม่อยากซวย /กินไปงั้น/งอน ๆ ง้อ ๆ UP.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 03-05-2014 07:18:44
“เกาหลี เกาหลี พี่บุ้งบอกว่าให้เกาหลีแกะข้าวกินได้เลย เที่ยงแล้ว”

มีนเงยหน้าขึ้นมองคนที่เดินพรวดพราดเข้ามาพร้อมกับถุงใส่ข้าวถุงใหญ่

พี่วิเชียรเป็นลูกน้องพี่บุ้ง ดูแล้วคงสนิทสนมกันดี เพราะเห็นบางทีพี่วิเชียรโดนพี่บุ้งด่าก็ไม่เห็นโกรธอะไร

แถมซ้ำยังหัวเราะชอบใจซะอีก

“ขอบคุณครับพี่วิเชียร”

ยกมือไหว้ขอบคุณคนที่เอาข้าวมาส่งเรียบร้อย และมีนก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อและหยิบธบบัตรและเหรียญออกมานับ

“เท่าไหร่ครับพี่”

ถามราคาค่าข้าว และพี่วิเชียรก็โบกไม้โบกมือบอกว่าไม่ต้องจ่าย

“พี่บุ้งเขาให้ซื้อมาเผื่อเกาหลีด้วย นี่เขาจ่ายตังค์แล้ว”

อ้าว

...........เหรอครับ

ชะงักมือด้วยความงุนงง
และพี่วิเชียรที่เอาข้าวมาส่งก็เริ่มยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

“นาน ๆ จะมีคนทนอยู่นี่ได้ ข้างนอกเขาพนันกันว่าเกาหลีจะอยู่ไม่เกินสามวัน แต่พี่ว่าเกินสามวัน เกาหลีอยู่ให้เกินสามวันก่อนนะ พี่เล่นข้างเกาหลีไว้เยอะ”

ห๊ะ

อะไรนะพี่

พวกพี่เล่นอะไรกันวะ เอาผมไปพนันว่าจะอยู่ได้กี่วันเนี่ยนะ
พวกพี่คิดกันได้ไง

“แล้วทำไมผมถึงจะอยู่ไม่เกินสามวันล่ะพี่”

ก็ไม่ทำไมหรอก

“ก็เห็นมากี่คน อยู่ได้ไม่ถึงสามวันก็ออก แล้วแบบเกาหลีนี่ดูท่าแล้วไม่น่าจะทนงาน ยิ่งเจอพี่บุ้งด้วย ยิ่งไม่น่าจะเกินสามวัน”

เฮ้ยยยยยย
หน้าผมมันดูไม่สู้งานขนาดนั้นเลยเหรอพี่

“ผมดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอพี่”

มันก็ไม่ได้ดูแย่ขนาดนั้นหรอก

“ก็ไม่ใช่อะไร ขนาดคนที่เหมือนจะทน ๆ ได้ยังออกเลย นี่เกาหลีเหมือนคนไม่เคยทำงาน เหมือนพวกหล่อ ๆ ทำงานไม่เป็น แค่หน้าตา เกาหลีก็ไม่ผ่านแล้ว ไม่ควรมาทำงานแผนกนี้”

ขนาดนั้นเลยเหรอพี่

“แต่นี่เกาหลีมาได้จะสามวันแล้ว อยู่ให้เกินสามวันนะ พี่เล่นข้างเกาหลีไว้เยอะจริง ๆ”

พูดมาทั้งหมดเพื่อการนี้เลยหรือไงพี่วิเชียร

“ช่วยพี่หน่อยนะเกาหลีนะ”

ช่วยอยู่ให้ครบสามวันเนี่ยนะ สุดยอดไปเลยพี่

“ครับ ๆ อยู่ให้ครบก็อยู่ให้ครบ”

ตอบรับกลับไปเสียงเบา และมีนก็นึกอยากจะขำและหัวเราะออกมาเสียงดังๆ ให้รู้แล้วรู้รอด

พี่วิเชียรเปิดประตูเดินจากไปแล้ว เหลือแค่มีนที่นั่งเบ้หน้าอยู่คนเดียวในห้อง

นี่เล่นกันถึงขนาดนี้เลยเหรอวะเนี่ย
มิน่าล่ะไอ้พี่บุ้งมันถึงได้ด่าเช้า ด่าเย็น
แล้วอยู่ดีๆ วันนี้เกิดซึมเศร้าขึ้นมาซะงั้น

ที่แท้........ สงสัยคงจะเล่นข้างที่กูจะออกจากงานก่อนสามวันไว้เยอะนี่เอง



TBC.
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน อคติ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 03-05-2014 07:20:18
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/02/ไฟล์เปล่า1Nn1wd.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง.....ตอน  อคติ


บ่ายโมงกว่าแล้ว

และพี่บุ้งก็เพิ่งผลักประตูออฟฟิศเปิดเข้ามา

มีนเงยหน้าจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ และก้มลงมาสนใจกับการคีย์บิลต่อ

“น้อง กินข้าวยัง”

กินแล้ว

“ผมกินแล้ว”

ตอบกลับเรียบ ๆ และมีนก็ยังก้มหน้าก้มตาคีย์บิลต่อไป ทำเหมือนไม่สนใจคนที่กำลังยืนมองถุงข้าวที่วางไว้บนโต๊ะและเริ่มขมวดคิ้วมุ่น

“แล้วทำไมมีข้าวสองถุง”

ก็มีสองถุงสิ
ผมไม่ได้กินข้าวที่พี่ซื้อให้ มันก็ต้องเหลือสองถุง

“ผมไปกินกับเพื่อนที่โรงอาหารมา”

กินกับเพื่อนที่โรงอาหาร........

“แล้วปูจ๋าในถุงอ่ะ ทำไมไม่กิน”

ก็ผมไม่อยากกิน

“ผมไม่ค่อยหิว”

ถามอย่างตอบไปอีกอย่าง ตอบว่าไม่หิวแต่ว่าไปกินข้าวกับเพื่อนที่โรงอาหาร หมายความว่ายังไงวะ

บุ้งกำลังมองหน้าเด็กฝึกงานที่มีท่าทีนิ่งเฉย แต่ดูออกไม่ยาก ว่าอีกฝ่ายกำลังไม่พอใจอะไรบางอย่างแน่ ๆ

“เป็นอะไร”

ผมไม่ได้เป็นอะไร
พี่แหละเป็นอะไร

“ไม่ได้เป็น ผมคีย์บิลน้ำมันให้พี่อยู่”

แบบนี้มันเป็นชัด ๆ

“ไหนวางมือมาคุยกันก่อนซิน้อง”

เมืองมีนหยุดมือที่กำลังพิมพ์ หยุดและใบหน้าที่เคยนิ่งเฉยก็เริ่มตึงขึ้น

ไม่ใช่คนไม่สู้คน
ใครทำอะไรไว้ ก็ควรได้รับอย่างนั้น จะให้ยอมคนทุกอย่างไปหมดทุกเรื่องมีนก็ทำไม่ได้
ยอมเฉพาะเรื่องที่สมควรยอม เรื่องไม่สมควรยอม มีนไม่เห็นเหตุผลอะไรที่จะต้องยอม

“เป็นอะไร ไหนพูดมาซิ”

พี่จะให้ผมพูดอะไร ในเมื่อผมไม่มีอะไรจะพูด คนที่ควรจะพูดมันเป็นพี่ไม่ใช่เหรอ

“ไม่มี”

ไม่มีได้ยังไงวะ ก็เห็นอยู่ว่ามี

“พูด”

ผมไม่พูด พี่จะทำไมผม
พี่เป็นแค่หัวหน้างาน ผมไม่ได้กลัวพี่เลยซักนิด ถ้ามันฝึกไม่ผ่านผมก็แค่ออก ผมก็ไม่ได้อยากจะมาฝึกงานเท่าไหร่หรอก

ถ้าแม่ไม่ขอร้องให้สึกออกมา แล้วมาฝึกงาน มาเรียนให้จบ
ผมก็ไม่ได้อยากออกมา

“....................”

เมืองมีนยังนั่งเงียบ แต่ใบหน้าที่ขึ้นสีเรื่อ ก็แสดงให้รู้ชัดว่ากำลังโกรธไม่ต่างกัน

“เป็นอะไร พูดดี ๆ อย่าให้พี่ด่า”

พี่ก็ด่าผมอยู่บ่อยๆ ไม่ใช่เหรอ ถ้าพี่จะด่าอีกผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรอยู่แล้ว

“.............”

ไม่ตอบ ไม่พูด และยังคงขบริมฝีปากแน่น และนั่งนิ่ง
และในเวลานี้กลายเป็นบุ้งที่รู้สึกปวดหัวจี๊ด ๆ ขึ้นสมอง

เรื่องส่วนตัวก็จะบ้าแล้ว
ไหนจะเรื่องงาน เรื่องนั้นเรื่องนี้ แล้วยังเรื่องไอ้น้องฝึกงานที่ไม่รู้ว่าอยู่ดีๆ เกิดเป็นอะไรบ้าอะไรขึ้นมาอีก

“น้องเมืองมีน......คุยกันแบบคนโตแล้ว น้องมีอะไรไม่พอใจพี่ น้องพูดมาเลยครับ มีอะไรเราจะได้หาทางช่วยกันแก้ไข พี่ยังอยากให้น้องทำงานอยู่กับพี่ไปอีกนาน ๆ”

อยากให้ทำงานอยู่กับพี่ไปอีกนานๆ เหรอครับ
แล้วที่พี่เอาผมไปพนันกับลูกน้องพี่ พี่นึกว่าผมไม่รู้หรือไง

“อยากให้ผมทำงานกับพี่นาน ๆ แล้วพี่เอาผมไปพนันทำไม”

พนัน
พนันห่าอะไรวะ
พนันเรื่องอะไร
ยังไง

บุ้งขมวดคิ้วมุ่น สิ่งที่มีนพูด บุ้งไม่เข้าใจเลยสักนิด
พนันบ้าอะไรวะ พนันบ้อบอคอแตกอะไร พนันเรื่องอะไร
ไอ้น้องนี่มันเอาอะไรมาพูด

“พนันเรื่องอะไรน้อง พี่จะเอาอะไรไปพนัน หรือน้องคิดว่าพี่พนันเรื่องน้องเนี่ยนะ น้องเป็นอะไรมากป่าว คิดไปเองหรือเปล่าน้อง น้องมีอะไรให้พี่ต้องพนัน”

เออใช่
คนมันจะไม่ยอมรับ มันก็ไม่ยอมรับอยู่วันยังค่ำแหละ
ยิ่งพี่บุ้งเป็นหัวหน้างานด้วยนะ.

ไอ้เรื่องที่จะมายอมรับว่าพนันเรื่องเด็กฝึกงานอยู่หรืออยู่ไม่ถึงสามวัน เป็นใครจะยอมรับว่าพนันจริง เดี๋ยวก็เสียชื่อหัวหน้างานหมด

“ผมจะอยู่ให้ได้เกินสามวัน”

ก็ดีแล้วไงน้อง

“แล้วน้องมีปัญหาอะไรถึงจะอยู่ไม่เกินสามวัน”

ยิ่งสงสัยหนักขึ้นไปอีก มองหน้าของเด็กฝึกงานแล้วบุ้งก็ยิ่งสงสัยว่าตกลงไอ้น้องคนนี้มันเป็นอะไรกันแน่

“พี่นั่นแหละจะมีปัญหา ถ้าผมอยู่ไม่ถึงสามวันพี่ก็อดได้เงินที่พี่พนันไว้กับลูกน้องพี่ไง”

ห๊ะ

พนันไว้กับลูกน้องพี่
พนันกับลูกน้องพี่เนี่ยนะ
บ้าเปล่าวะ

กูจะทำอย่างนั้นไปเพื่อ……..
คนคีย์บิลแผนกขนส่งยิ่งหายาก ๆ อยู่ กูจะทำอย่างนั้นไปทำเพื่ออะไรวะ บ้าแล้วววววววววว

“ไอ้เชียรใช่มั้ย”

เริ่มเข้าใจอะไรขึ้นมาลาง ๆ
งานนี้ไม่ต้องเดาก็พอจะรู้เลยว่าใครเป็นตัวต้นเรื่อง

“ไม่เกี่ยวกับพี่วิเชียร”

ชัดแหละงานนี้ บอกว่าไม่เกี่ยว แต่กูรู้เลยว่าเกี่ยวแน่ ๆ
เกี่ยวแบบชัด ๆ

บุ้งผลักประตูออกไปแล้ว และตะโกนจากหน้าประตูออฟฟิศแผนกขนส่งไปถึงลานรับสินค้าเสียงดังลั่น

“ไอ้เชียรรรรรรรรรรรรร ไอ้วิเชียร มึงมานี่เลย ไอ้เหี้ยยยยย มึงมาเคลียร์กับกูเดี๋ยวนี้”

มีนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร
แต่ที่แน่ ๆ มีนรู้ว่าพี่บุ้งกำลังโกรธจัด
โกรธมาก
โกรธสุด ๆ และตะโกนเรียกพี่วิเชียรที่อยู่ที่ลานจอดรถให้มาหาในเวลานั้นทันที

“ไอ้เชียรรรรรรรรรมึงมาหากูเดี๋ยวนี้”

ถึงกับสะดุ้ง เมื่อได้ยินเสียงตะโกนซ้ำอีกครั้ง และในเวลาไม่นานพี่วิเชียรก็วิ่งมา

วิ่งมาหา

และพี่บุ้งก็ยืนท้าวเอวมองพี่วิเชียรด้วยสีหน้าโกรธจัด

“มึงใช่มั้ย มึงกับลูกน้องมึงพนันกันใช่มั้ย”

พนันเหรอ
ผมเปล่าครับพี่ ผมเปล่า

“ไม่มีพี่บุ้ง ไม่ได้พนันเลย ที่น้องเกาหลีมันจะอยู่ถึงหรือไม่ถึงสามวัน พวกผมไม่ได้พนันกันเลย”

ชัดเจน

“ตกลงมึงอยากพักงานใช่มั้ย”

เปล่าพี่
ผมไม่ได้อยากพัก
ผมเปล่าพนันเลยพี่
ผมเปล่า

“มึงรู้มั้ย น้องมันเข้าใจว่ากูไปพนันกับพวกมึงด้วย น้องมันหาว่ากูไม่อยากให้มันทำงานด้วย มึงจะให้กูทำยังไง มึงพูดมาวิเชียร มึงพูดมา มึงคิดว่าคนคีย์บิลแผนกนี้หาง่ายนักหรือไง ถึงได้พนันเหี้ยๆ กันแบบนี้ ถ้าพวกมึงอยากให้น้องมันไปนัก พวกมึงมาคีย์บิลกันเองเลยมั้ย ไอ้พวกเหี้ย มีคนช่วยงานดี ๆ ไม่ชอบ เสือกหาเรื่องให้เขาออก กูซวยตลอดก็เพราะพวกมึงนี่แหละ เคยสำนึกกันบ้างมั้ยวะ ไอ้เหี้ยเชียร”

เสียงพี่บุ้งตะคอกด่าพี่วิเชียรดังลั่น
และมีนก็ขมวดคิ้วมุ่นเพราะความไม่ชอบใจ

ทำไมต้องตะคอกขนาดนั้น ทำไมต้องด่าขนาดนั้น
พูดกันดี ๆ ไม่ได้หรือไง

ทำไมพี่บุ้งต้องไปตะคอกพี่วิเชียรขนาดนั้นด้วย

แบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยหรือไง

“มึงจะสำนึกมั้ยวิเชียร มึงจะหัดสำนึกบ้างได้มั้ย”

สำนึกสิพี่
ผมสำนึกแล้ว

“ผมขอโทษจริง ๆ พี่ ผมขอโทษ”

พี่วิเชียรยกมือไหว้พี่บุ้งสองสามครั้ง และพี่บุ้งที่เหมือนกำลังโมโหจัด ๆ ก็ถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่และส่ายหน้าด้วยความเอือมระอาจนแทบไม่อยากจะด่าจะว่า เพราะถึงด่าไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น

ด่าไปก็เท่านั้น

“เมื่อไหร่มึงจะเลิกพนัน ที่จะซุกหัวนอนตอนนี้มึงยังแทบจะไม่มี เมียมึงหอบลูกหนีไปกี่รอบแล้ว กูพูดกี่ครั้งแล้ววะเชียร เมื่อไหร่มึงจะสำนึก เมื่อไหร่มึงจะคิดได้ เมื่อไหร่มึงจะเลิกวะ กูพูดไปมึงเคยฟังกูมั่งป่าววะ มึงไปถามคนอื่นเหอะเชียร เป็นคนอื่นยังจะมีใครเอามึงเก็บไว้มั้ย นี่กูเห็นแก่หน้าลูกมึง ถ้าไม่เพราะว่าลูกมึงยังต้องกินนมกระป๋องอยู่ มึงคิดว่ากูจะเก็บมึงไว้มั้ย มึงทำตัวแบบนี้มากี่รอบแล้ววิเชียร”

บุ้งไม่รู้จะทำยังไง
ไม่รู้จะจัดการยังไงกับลูกน้องที่อาการเกินเยียวยา

ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง และส่ายหน้าด้วยความกลุ้ม

“พี่บุ้ง....ผมขอโทษพี่”

พี่วิเชียรยกมือไหว้ คราวนี้ไม่ใช่แค่ไหว้ แต่ไหว้พร้อมน้ำตา

มีนเห็น

เห็นชัดเพราะออกมายืนดูด้วย

“มึงอย่าให้กูต้องทำอะไรไม่ดีเลยเชียร กูก็รับตัวเองแบบนั้นไม่ค่อยได้หรอก”

ผมรู้พี่
ผมรู้

“ผมขอโทษพี่บุ้ง ผมขอโทษ ต่อไปผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว ผมขอโทษจริง ๆ พี่ ผมขอโทษ”

พี่วิเชียรยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา และยกมือไหว้พี่บุ้งซ้ำ ๆ กันอีกหลายครั้ง

“ครั้งสุดท้ายนะเชียร ไม่มีครั้งอื่นแล้วนะ”

ครั้งสุดท้ายจริงๆ พี่ ครั้งสุดท้าย
ผมสัญญาต่อไปนี้ผมจะไม่พนันอะไรแบบนี้อีกแล้ว

“มึงไปขอโทษน้องมันก่อนไป เกิดมันไม่ยอมอยู่ขึ้นมา เราจะลำบากต้องมานั่งคีย์บิลกันเองหมด”

เอ่ยบอก และพี่วิเชียรก็เดินมาหยุดยืนตรงหน้ามีน

ยืนและยกมือไหว้ จนมีนรีบรับไหว้แทบไม่ทัน

“น้องพี่ขอโทษ พี่บุ้งเขาไม่ได้พนันอะไรกับพี่นะน้อง พี่บุ้งเขาไม่เกี่ยว น้องอย่าเพิ่งไปเลยนะ”

พี่วิเชียร….

ผม........ผมก็ไม่ได้....จะ.....อะไรขนาดนั้นหรอกพี่
ผมไม่ได้........

“อย่าไปโกรธพี่บุ้งเขานะ พี่พนันกันเองแหละ เขาไม่เกี่ยว”

พี่วิเชียรยังพูดอะไรบางอย่างซ้ำ ๆ ด้วยใบหน้าเซื่องซึม และมีนก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี นอกจากพูดว่าไม่เป็นไร

“ไม่เป็นไรพี่ ไม่เกี่ยวกับพี่หรอก ผมเข้าใจของผมผิดไปเองคนเดียว ผมรู้แล้วว่าพี่บุ้งไม่เกี่ยว ผมขอโทษพี่เหมือนกันที่ดึงพี่มาเกี่ยวด้วย”

เมืองมีนกำลังรู้สึกผิด
รู้สึกผิดที่ทำอะไรไปโดยไม่หัดคิด
ไม่คิดและไม่ถามถึงที่มาที่ไปของปัญหา คิดเองเออเองคนเดียวเสร็จสรรพ จนทำให้มีคนต้องถูกเข้าใจผิด

และถ้าไม่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น พี่บุ้งคงถูกเข้าใจผิดไปอีกยาว

“ไปทำงานมึงก่อนเหอะ รถเข้าแล้ว เดี๋ยวกูขอกินข้าวแป๊บนึงก่อน เดี๋ยวกูตามไป”

สั่งลูกน้องให้ไปทำงานได้แล้ว และบุ้งก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง

กลุ้มใจ
มีแต่เรื่องให้กลุ้มใจ เรื่องเล็ก ๆ ที่น่ากลุ้มใจ
และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะแก้ปัญหาได้หมดทุกเรื่อง

มองหน้าของเด็กฝึกงานที่ยืนนิ่ง ทำหน้าจ๋อย แล้วก็นึกสงสารขึ้นมา

“น้องไม่ต้องคิดอะไรนะ ไปทำงานเหอะ พี่เจอแบบนี้บ่อย ชินแล้ว”

ชินแล้วเหรอ
ชินแล้วที่ว่า หมายความว่า..........โดนเข้าใจผิดแบบนี้บ่อย ๆ จนชินแล้ว..........ใช่หรือเปล่า

โดนเข้าใจผิดแบบนี้บ่อย ๆ ใช่มั้ยพี่

“ผมขอโทษพี่”

ยกมือไหว้หัวหน้างาน และมีนก็เดินคอตกไปนั่งบนเก้าอี้ มองไปที่บิลปึกใหญ่ และก็เริ่มหยิบบิลแต่ละใบมาเปิด ลงมือคีย์งาน และแอบลอบมองคนที่แกะถุงข้าวออกและนั่งกินข้าวคนเดียวเงียบ ๆ

ปูจ๋า เป็นยังไงมีนก็ยังไม่รู้

แต่ที่รู้พี่บุ้งนั่งกินข้าวคนเดียวเงียบ ๆ อยู่บนโซฟาหน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์

กินคนเดียวเงียบ ๆ เงียบจนมีนรู้สึกว่าอากาศหายใจภายในห้องเริ่มลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ อีกครั้ง

ลดน้อยลงไป
ลดลงไป

ลดลงจนหายใจแทบไม่ออก
อึดอัด

รู้สึกอึดอัดใจในความเงียบงันแบบนั้น

จนกระทั่งพี่บุ้งกินข้าวเสร็จ และถือจานข้าวที่กินแล้วเอาไว้ในมือและหันกลับมาพูดอะไรบางอย่าง ให้มีน ได้คิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำลงไปมันแย่และไม่ควรทำ

มีนรู้แล้วว่าสิ่งที่ตัวเองคิดกับคนตรงหน้ามันเต็มไปด้วยอคติ

อคติที่ไม่ดี

“ปูจ๋าอร่อยนะ แต่กินหมดสองห่อพี่ก็กินไม่ไหว พี่อิ่มแล้ว ถ้ายังไงน้องก็หิ้วเอากลับไปกินที่บ้านด้วยก็ได้ หรือไม่ก็เก็บไว้กินตอนบ่าย ........ถ้าน้องหิวก็แกะข้าวกินอีกรอบก็ได้นะ พี่ไม่ว่าอะไร”



TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน หรืองานจะเข้าจริง ๆ /อย่าคิดมาก 2/5/57
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 03-05-2014 09:24:43
กรี๊ดอ่ะ จีบแบบนี้ไม่ไหวนะ........ใจสั่น....
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน การพนัน / อคติ 03/05/57 เวลา 7.27 น.
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 03-05-2014 09:28:04
สงสารพี่บุ้งอ่ะ  งือ  น้องมีนจ๋ารักพี่บุ้งเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน การพนัน / อคติ 03/05/57 เวลา 7.27 น.
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 03-05-2014 09:28:17
พี่บุ้งที่น่าสงสาร~~!!!!
มีเรื่องเข้ามาไม่หยุด
แต่ทั้งพี่บุ้ง แระ มีน ก้อน่าจะพูดเรื่องที่ควรพูดกันบ้างนะ
ไม่งั้นก้อเข้าใจไปคนละทางอย่างนี้ตลอดเวลา =_=
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน การพนัน / อคติ 03/05/57 เวลา 7.27 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 03-05-2014 09:50:58
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน การพนัน / อคติ 03/05/57 เวลา 7.27 น.
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 03-05-2014 10:32:45
พี่บุ้งน่ารักเกินไปแล้ว  :mew1:
การไม่พูด ไม่แสดงออกทางความคิด มักจะนำมาซึ่งปัญหาเสมอ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน การพนัน / อคติ 03/05/57 เวลา 7.27 น.
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-05-2014 12:15:05
จุกๆเจ็บๆ สงสารพี่บุ้ง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน การพนัน / อคติ 03/05/57 เวลา 7.27 น.
เริ่มหัวข้อโดย: hibatsumoe ที่ 03-05-2014 12:59:04
ชอบพี่บุ้ง แกดูเป็นคนดีอ่ะ แบบดีเกิน 555

แต่ดันมีเรื่องให้เข้าใจคนละทางกะน้องมีนซะงั้น

ชอบชื่อน้องเกาหลี น่ารักมาก >///<
ขอรอลุ้นด้วยคนนะคะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน การพนัน / อคติ 03/05/57 เวลา 7.27 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 03-05-2014 13:22:58
บีบหัวใจ....แต่ความรู้สึกก็ไม่ได้ลบไปซะหมดหรอกนะคะ ยังมีบวกอยู่บ้าง
คนเพิ่งมาเจอกันได้อยู่ ได้ทำงานร่วมกันใหม่ๆก็อย่างนี้แหละเนอะ ยังจูนเข้ากันไม่สนิท
เหมือนสองคนนี้จะพูดคนละภาษา จนถึงตอนล่าสุดก็ยังรู้สึกว่า สองคนนี้ยังพูดกันไม่ค่อยรู้เรื่องนัก ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน การพนัน / อคติ 03/05/57 เวลา 7.27 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 03-05-2014 14:54:18
พี่บุ้ง...  :hao5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน การพนัน / อคติ 03/05/57 เวลา 7.27 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 03-05-2014 15:58:12
เข้าใจกันไปคนละทางตลอด :เฮ้อ:

แต่น้องเกาหลีเริ่มจะมองพี่บุ้งดีขึ้นแล้ว ลุ้นตอนต่อไป
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน อากาศ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 03-05-2014 16:43:04
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/02/ไฟล์เปล่า1Nn1wd.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง.....ตอน   อากาศ

“อ้าว นี่ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ เลิกงานก็กลับบ้าน ได้แค่ไหนแค่นั้น เดี๋ยวที่เหลือพี่จัดการเอง”

ก็ว่าจะกลับอยู่หรอกพี่
พอดีมันเหลืออีกไม่กี่ใบแล้ว

“อีกหกใบพี่ เดี๋ยวไป”

ตอบกลับแล้วและมีนก็ใช้ดินสอขีดไปที่บิลที่คีย์เสร็จเรียบร้อย

หกใบใช้เวลาไม่เท่าไหร่หรอก พอเริ่มรู้ว่าจะทำจากตรงไหน
เริ่มชินกับโปรแกรม ตอนนี้ก็สบาย ไม่กังวลใจเหมือนวันแรกที่เริ่มคีย์แล้วเกิดอาการงง

“แล้วเพื่อนล่ะ กลับพร้อมเพื่อนใช่ป่ะวันนี้ นี่มันหกโมงครึ่งแล้วเพื่อนยังรออยู่อีกเหรอ”

ใครมันจะรอล่ะพี่
ช่วงนี้ไม่ได้กลับพร้อมไอ้เพียรหรอก พี่ชายมันมารับเกือบทุกวัน ทั้งมารับมาส่ง จะให้อาศัยเพื่อนตลอดก็ใช่ที่
ไม่ได้สนิทสนมอะไรกันขนาดนั้น
เรียนอยู่ที่เดียวกันก็จริง แต่คนละสาขาเลย ไม่เคยเห็นหน้ากันด้วยซ้ำ

เพิ่งมารู้จักกันตอนฝึกงานนี่แหละ
แถมฝึกกันคนละแผนกอีก
ยังดีมันยังชวนไปกินข้าว ไม่งั้นผมคงเหวอแดกมากกว่านี้

เวลาทำงานจริง ๆ ก็ไม่แปลกหรอกที่จะแยกกัน
ถ้าผมเดินอยู่แล้วไอ้เพียรมันเจอ มันก็รับกลับด้วย
แต่ถ้าไม่เจอก็บอกมันแล้วว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องรอ จะได้ไม่ต้องรอกันไปรอกันมา

อีกอย่างไม่ใช่ธุระของมันด้วย

รบกวนมันมาก ๆ มีแต่จะต้องเกรงใจ

“น้องกินข้าวไปหรือยัง”

ข้าวเหรอพี่

“ยังพี่ ผมวางไว้ข้างกระติกน้ำร้อน”

เหรอ

“พี่หิวข้าวว่ะ น้องจะด่าพี่มั้ยเนี่ย บอกให้เอากลับไปกินแล้วเสือกมาทวงคืน”

โหพี่
ผมไม่ใช่คนแบบนั้น
ข้าวพี่ ไม่ใช่ข้าวผม คนจ่ายตังค์ก็คือพี่ไม่ใช่ผม

มีนไม่ตอบ
แค่อมยิ้มเล็ก ๆ

บางเรื่องไม่จำเป็นต้องตอบก็รู้อยู่แล้ว ว่าอะไรเป็นอะไร

บุ้งเดินไปหยิบถุงข้าวเย็นชืดที่ตั้งวางทิ้งไว้มาแกะห่อออก
และนำมาเทใส่จานข้าว

วางจานเอาไว้บนโต๊ะหน้าโซฟาและใช้ช้อนตักกิน

กินไปเรื่อย
ไม่ได้คิดอะไร

ไม่ได้คิด
เพราะไม่รู้จะคิดไปทำไม
คิดมากไปก็เท่านั้น ประสาทแดกตายห่า ขืนคิดไปหมดทุกเรื่อง คงเป็นบ้าตาย

“พี่ นี่เลขอะไร”

ได้ยินเสียงเรียกแล้วบุ้งก็ลุกขึ้นไปยืนข้างเมืองมีนที่กำลังสงสัยกับตัวเลขที่ไม่รู้ว่าคือเลขอะไร

“เลขเก้าหรือเลขศูนย์ เหมือนมันจะมีหัวป่ะ หรือมันเลขศูนย์อ่ะพี่”

เลขอะไรเหรอ
ไหนมาดูซิ
บุ้งหยิบบิลใบที่ว่าขึ้นมาดู
เพ่งสายตามองแล้วก็คิดบางอย่างขึ้นมาได้

“เอามาบวกกันซิ ถ้าได้ตามนี้ก็นี่แหละเลขศูนย์”

บวกกันเหรอ

“เนี่ยเอาเครื่องคิดเลขคิด”

พี่บุ้งเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักโต๊ะ ในโต๊ะนอกจากจะมีเครื่องคิดเลขมีปากกา มีดินสอ และพวกอุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงานแล้วยังมี..........

หวีกับกระจกอันเล็ก ๆ ลายการ์ตูนหมีพูห์

ซึ่ง.........ดูน่ารักมาก และไม่เข้ากับพี่บุ้งเลย

ของพี่เหรอวะนั่น

มีนไม่ได้คิดอะไร แค่อมยิ้ม ไม่ได้คิดจริง ๆ ก็แค่ยิ้มและคิดเอาว่า พี่บุ้งมันก็มีมุมแบ๊วบ้างเหมือนกันใช่มั้ยวะ

“ยิ้มอะไรน้อง”

ยิ้มอะไรเหรอ
ก็.....ไม่มีอะไรครับพี่

“เปล่าครับ”

เปล่าอะไร ก็เห็นอยู่ชัด ๆ ว่ายิ้ม

“ไอ้เนี่ยอ่ะนะ”

บุ้งชี้ไปที่หวีและกระจกลายหมีพูห์อันเล็กที่อยู่ในลิ้นชักโต๊ะแล้วก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่น

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เฮ้ยไม่ได้นะอันนี้ นี่ของหมั้นพี่เลย สาวเอามาหมั้นพี่เลยอันนี้ต้องเก็บรักษาอย่างดี”

สาว.....
สาวเอามาหมั้นเนี่ยนะ
เอามาหมั้น.......กระจกกับหวีลายหมีพูห์เนี่ยนะ

สาวคนไหนมันช่างคิดวะ คิดได้ยังไงเนี่ย
เอากระจกกับหวีมาหมั้น

พี่อำผมเล่นเปล่าเนี่ย

“ลูกสาวไอ้นี่ไง คนที่มาลงข้าวอ่ะ ไอ้ตัวเล็ก ๆ มันชื่ออะไรวะ”

ลูกสาวคนลงข้าวเหรอ
ลูกสาวคนลงข้าว...........

“น้องที่แม่มันถักเปียให้สองข้างตัวเล็ก ๆ เหรอพี่”

ใช่ คนนั้นแหละ
บุ้งพยักหน้ารับ และหัวเราะไม่หยุด

“นั่นแฟนพี่เอง มันมาจีบพี่นะนั่น อยู่อนุบาลสองแล้วนะ
พอดีแหละอีกสิบกว่าปี พี่ก็แก่พอดี มันก็หาผัวได้พอดี.........ซึ่งคงไม่ใช่พี่.....โห่ เสียใจเลย”

มีนกำลังขำ
ขำกับสิ่งที่พี่บุ้งพูด

“หมั้นพี่ด้วยหวีกับกระจกลายหมีพูห์เหรอพี่”

เออใช่ไง

“นี่แม่มันบอกว่ามันไปยืนเลือกที่ตลาดนัดเลยนะ ขอตังค์แม่มันไปซื้อ ไปยืนเลือกเองกับมือเลย”

โห
เด็กสมัยนี้
สุดยอดจริง ๆ

“แล้วนี่พี่รับหมั้นแล้วเอาอะไรไปหมั้นคืนอ่ะ”

อ๋อ

“ซื้อไอ้นี่ไง ตุ๊กตาอะไรอ่ะ บาร์บี้อะไรอ่ะ แต่บาร์บี้ปลอมนะ ของจริงแพง ไม่ไหว ไม่มีปัญญาซื้อ”

พี่บุ้ง
พี่ก็สุดยอดมากเหมือนกันนะ

มีนยังคงยิ้ม ยิ้มและส่ายหน้ากับคำตอบที่ได้รับ

ลิ้นชักโต๊ะปิดแล้ว และมีนก็กำลังใช้เครื่องคิดเลขคิดจำนวนที่ปรากฏอยู่ที่หน้าบิล

“ได้สามพันถ้วน เลขศูนย์พี่”

อ๋อ
เออนั่นแหละ

“ถ้ามันมองไม่ชัด วันหลังเอาเครื่องคิดเลขคิดก็ได้ บางทีบิลมันเก็บไว้นาน ตัวเลขมันจะจาง ๆ”

ได้รับคำอธิบาย และพี่บุ้งก็เดินกลับไปกินข้าวที่วางทิ้งเอาไว้ต่อ

“นี่ขนาดมันเย็นแล้วนะ ยังอร่อยเลย น้องไม่ยอมกินวะ ตอนกลางวัน”

ทำไมผมไม่กินเหรอพี่....
ก็........ผมมันงี่เง่าไง
ก็เลยไม่กิน

“เรื่องเมื่อตอนกลางวันอ่ะพี่”

เออ
ทำไมวะ

บุ้งเงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังคีย์บิลอยู่และก็เลิกคิ้วขึ้นสูงเหมือนเป็นการถาม

“อ๋อ ช่างมันเห้อะ คิดไรมาก คิดมาก ๆ ประสาทแดกตายห่า น้องก็ไม่ต้องคิดอะไรหรอก ไม่มีอะไรแล้ว”

ก็ไม่อยากจะคิดอะไรหรอกนะ
แต่ผมมันคิดไง
คิดเองเออเองเสร็จสรรพ
แล้วก็เป็นความคิดที่ไม่ดีซะด้วย

“เฮ้ย น้อง กินป่ะเนี่ย อร่อยนะ”

เหรอครับ

ไม่ได้ตอบ ไม่ได้แสดงความคิดเห็น แต่พี่บุ้งลุกขึ้นและถือจานข้าวมาหามีนแล้ว

“ลองชิมดิ๊”

คนที่ยืนข้างๆ ยื่นจานข้าวมาให้ และมีนก็เห็นว่าปูจ๋าที่ว่ามันคืออะไร

ข้าวสวย
น้ำพริกอะไรซักอย่าง หมูชิ้นน่าจะใส่กระเทียมหรือพริกไทย
และไข่ต้ม

มันเรียกปูจ๋าเหรอพี่
ที่พี่กำลังกินอยู่เนี่ย

“เนี่ยอ่ะนะ ปูจ๋า”

ใช่นี่แหละ

“ทำไมอ่ะ คิดว่ามันเป็นปูใช่ป่ะ”

ใช่ดิพี่
ก็มันชื่อปูจ๋าอ่ะ มันก็ต้องเป็นปูสิวะ แล้วมาข้าวกับน้ำพริกอะไรเนี่ย โห นี่มันใช่เหรอพี่

“ปูจ๋าอ่ะมันเป็นชื่อร้าน คนตั้งมันตั้งชื่อให้น่าสนใจไง จริง ๆ มันร้านขายข้าวธรรมดานี่แหละ แต่มันทำอร่อยไง คนเลยกินกันเยอะ”

โหพี่
ผมก็คิดว่ามันคือปูอะไรซักอย่าง ปูผัดผงกระหรี่อะไรก็ว่าไป
นี่ร้านมันชื่อ ปูจ๋าเนี่ยนะ

คิดด้ายยยยยยยยย

“ฮาหน้าน้องว่ะ เออมันคือชื่อร้าน ไม่ใช่ชื่ออาหาร”

เห้ออออออออ
เอาเหอะพี่
กินเลย
ตามสบาย

“จะกินป่าววะเนี่ย อุตส่าห์เอาเดินมาให้ชิมถึงที่”

ถ้าพี่จะพูดขนาดนี้ผมก็ต้องกินใช่มั้ยล่ะ

มีนหยิบช้อนมาตักข้าวในจานเข้าปาก

ข้าวเย็น ๆ กับน้ำพริกชืด ๆ
กินไปแค่คำเดียว และก็เคี้ยว ๆ ไปงั้น ๆ

มันก็อร่อยอย่างที่พี่บุ้งว่านั่นแหละ
แต่มันเย็นแล้วรสชาติมันก็เลยชืด ๆ ไปหน่อย

“อร่อยป่ะ”

ก็ใช้ได้นะพี่

“อืม อร่อยดีพี่”

ตอบกลับไป และมีนก็กำลังหยิบบิลใบที่สองมาคีย์
คีย์ไปดูหน้าจอไป

โดยมีหัวหน้างานมายืนกินข้าวและมองหน้าจอไปด้วย

“เออคีย์เร็วใช้ได้เหมือนกันนี่หว่า”

ใช่ไงพี่

“ระดับไหนแล้ว”

อย่ามาทำเป็นคุยหน่อยเลยน้อง ชมหน่อยนี่เอาเลยนะ

“ระดับไหนแล้ว ผิดแล้ววววว ระดับไหนก็คีย์ผิดแล้ววววว”

โดนล้อเลียน
และมีนก็ก้มลงไปมองที่บิลอีกครั้ง
ผิดตรงไหนวะ

ไม่ได้ผิดซะหน่อย.........อ๋อ.....เนี่ยเหรอ

“ผิดก็แก้แล้ววววววววววว”

แกล้งล้อเลียนกลับ และหัวเราะออกมาเสียงเบา

“แล้วทำเป็นคุย ผิดเลยเห็น ๆ”

ก็ผิดดิ

“ก็พี่ชวนคุยอ่ะ ผมก็คีย์ผิดสิ”

อ่อ

โยนความผิดให้กูซะงั้น

“ผิดแล้วไม่รู้จักยอมรับผิด”

ได้ยินเสียงบ่นแล้วมีนก็หัวเราะชอบใจ

“ไปดีกว่า ขี้เกียจเถียงด้วย เดี๋ยวมาโทษอีก ซวยเลย”

พี่บุ้งเดินกลับไปนั่งบนโซฟาแล้ว และตักข้าวเข้าปากเคี้ยวๆ กิน

กินไปเรื่อย ๆ
กินข้าวรอมีนไปเรื่อย ๆ

กินข้าวจนหมดจานแล้วก็เอ่ยบอกคนที่กำลังคีย์บิลใบสุดท้าย

“เดี๋ยวพี่ไปล้างจานก่อนนะ ที่เหลือไว้ทำพรุ่งนี้ต่อ กลับบ้านเหอะ หกโมงกว่าแล้วเนี่ย”

ได้ครับ

“ใบเดียวพี่”

บุ้งพยักหน้ารับ และกำลังจะลุกขึ้นเอาจานไปล้าง

“น้องไม่ต้องเดินออกนะ เดี๋ยวไปพร้อมกัน พี่ไปส่ง”

ไปส่งเหรอ
คำพูดง่าย ๆ ที่มีนไม่เคยคิดจะใส่ใจ แต่อยู่ดี ๆ กับคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา

.....พี่ไปส่ง....
ไปพร้อมพี่บุ้ง เพราะพี่บุ้งจะไปส่ง ถ้าเป็นวันก่อนคงหาทางปฏิเสธแทบตาย คิดเหตุผลมาเป็นร้อยเพราะความอคติ

แต่พอถึงวันนี้ มีนคิดว่าตัวเองรู้แล้วว่าควรตอบออกไปยังไง

“ครับ”

ตอบกลับไปแล้ว และพี่บุ้งก็เปิดประตูเดินออกจากห้องไปล้างจาน

มีนกำลังยิ้ม
ยิ้มเรื่อย ๆ ด้วยความรู้สึกสบายใจ

บิลใบสุดท้ายคีย์เสร็จเรียบร้อยและมีนก็เซฟงานที่คีย์เอาไว้
ปิดคอมพิวเตอร์เรียบร้อย ยกกระเป๋าเป้ของตัวเองขึ้นสะพายและมานั่งรอพี่บุ้งอยู่บนโซฟา

รอคนที่ไปล้างจาน
รอกลับบ้านพร้อมกัน

รอ........โดยที่ไม่ทันได้รู้ตัวว่าอากาศภายในห้องที่มีนคิดว่าเหลือน้อยเหลือเกินเวลาที่พี่บุ้งเข้ามาอยู่ด้วย

อากาศที่เคยเหลือน้อยจนแทบหายใจไม่ออกในเวลานี้ อากาศหายใจมีมากกว่าทุกวัน

มากซะจน มีนรู้สึกว่า .......... สิ่งที่เคยคิดมาตลอดมันช่างโง่เง่าสิ้นดี

มีหรือไม่มีอากาศหายใจในห้อง

ที่แท้แล้วมีนก็แค่คิดไปเองคนเดียวมาตลอดนั่นเอง



TBC.
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน แฟนเก่าพี่บุ้งแต่แฟนใหม่มีน
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 03-05-2014 16:46:12
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/02/ไฟล์เปล่า1Nn1wd.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง.....ตอน แฟนเก่าพี่บุ้ง แต่แฟนใหม่มีน

“เกาหลี ไปลงเล่มให้หน่อย พี่จะขึ้นรถ คนไม่พอ”

พี่วิเชียรเปิดประตูเข้ามาบอก และมีนที่กำลังคีย์บิลก็เงยหน้าขึ้นมอง และรีบวางมือจากบิลที่กำลังคีย์ทันที

“นานป่าวพี่วิเชียร ถ้านาน ผมจะได้ปิดคอมเลย”

“สงสัยจะทั้งวัน”

อ่อ ได้ ........ชัดเจน

มีนเซฟงานและใช้ไม้บรรทัดคั่นบิลเอาไว้ เซฟงานเรียบร้อยและเดินไปปิดไฟปิดแอร์ และเดินตามพี่วิเชียรไปที่ลานจอดรถ

เดินตรงไปหาคนที่กำลังจดอะไรบางอย่างใส่กระดาน

“ให้ผมทำอะไรมั่ง”

เอ่ยถามพี่บุ้งที่กำลังจดเลขรถเข้า และคนที่ถูกถามก็เงยหน้าขึ้นมอง

“อ้าว ตกลงให้เราจดเหรอ”

ไม่รู้เหมือนกันก็พี่วิเชียรไปตามผมมา

“ใช่ป่าวล่ะพี่ ผมก็ไม่รู้ ผมตามพี่วิเชียรมา”

เออ สงสัยจะใช่มั้ง

“น้องเอานี่ไป แล้วพอรถเข้าน้องจดเลยนะ ลงเวลาด้วย เข้าตอนไหนออกตอนไหน จะได้ส่งให้ซัพได้ถูก”

พี่บุ้งส่งกระดานสำหรับจดให้เรียบร้อยและมีนก็เพ่งมองข้อมูลในกระดานว่าให้ลงเลขตรงไหนลงเวลาตรงไหน

“ลงเวลาตรงนี้ป่ะพี่”

ยื่นกระดานส่งให้อีกฝ่ายดูอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ และบุ้งก็พยักหน้ารับก่อนจะชี้นิ้วไปที่กระดานอีกครั้งในช่องถัดไป

“ตรงนี้ไม่ต้องลงนะ เดี๋ยวพี่มารวมเวลาเอง”

อ่อ ได้

“แค่จดเวลาใช่ป่ะพี่”

ถามซ้ำอีกครั้ง และบุ้งก็พยักหน้าก่อนจะเดินไปอีกทาง และหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาวอ. เรียกรถคันถัดไปให้เข้ามาจอดภายในบริเวณลานจอดรถ

“ปล่อยรถส่งข้าวเข้ามาลงของบล็อก 3 เลย”

มีแต่ความสับสนวุ่นวายอลหม่าน

อากาศร้อน   เสียงดัง  ปัญหาจุกจิกเยอะ  ต้องทำงานแข่งกับเวลา ความกดดันสูง

มีนเริ่มมองภาพออกว่าแผนกขนส่งมีอะไรที่ให้ทำและต้องทำบ้าง

มองเห็นหมดทุกอย่าง และสายตาก็เริ่มมองไปที่คนที่กำลังทำหน้าที่ของตัวเองอย่างแข็งขัน

พี่บุ้งกำลังยุ่ง
การทำงานที่ยุ่งเหยิง อากาศก็ร้อน แต่พี่บุ้งก็รับมือกับปัญหาและแก้ไขได้หมด

ทำได้ทุกอย่าง ควบคุมได้ทุกอย่าง จนมีนอดรู้สึกชื่นชมคน ๆ ไม่ได้

“แม่งโคตรเท่ห์เลยว่ะ”

มองและคิด
คิดและพูด ก่อนจะก้มหน้าลงมามองกระดาน และจดหมายเลขรถที่เข้ามาและเขียนเวลาลงไป

เพิ่งรู้ว่าข้างนอกเขาทำงานกันยังไง มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ต้องทำอะไรขนาดนี้

มิน่าล่ะพี่บุ้งถึงได้บอกว่า ฝ่ายการเงินเดินกันสบาย อยู่แต่ในห้องแอร์เย็น ๆ

และก็ไม่แปลกใจเลยที่คนที่จะมาคีย์บิลให้แผนกนี้หายากเหลือเกิน

เพราะมันเป็นงานจับฉ่ายแบบนี้นี่เอง ไม่ใช่แค่คีย์บิลอย่างเดียว แต่ต้องมาช่วยเสริมเวลาที่คนไม่พอด้วย

ถ้าคนไม่เข้าใจ ก็คงไม่มีใครอยากมาทำ  มีนเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาลาง ๆ แล้ว

เสียงตะโกนโหวกเหวกระหว่างคนขับรถกับคนเรียกเข้าจอดที่มีนได้ยิน

มีนเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่บุ้งถึงเป็นคนเสียงดัง

เพราะต้องตะโกนแข่งกับเสียงรถ เสียงเครื่องยนต์นี่เอง ขืนพูดจาเสียงเบา ๆ ก็คงไม่มีใครได้ยิน

คนอื่นๆ ที่ไม่ได้ทำตรงนี้คงไม่มีวันเข้าใจ

เคยได้ยินมาบ้างเรื่องการว่าร้ายนินทากันลับหลัง เคยได้ยินพี่ ๆ บางคนในแผนกการเงินพูด ว่าพี่บุ้งชอบทำเสียงดัง

มาแค่นี้ ทำไม ต้องตะโกน ใกล้กันแค่นี้ทำไมต้องตะคอก

ก่อนหน้านั้นมีนไม่เข้าใจ

แต่ตอนนี้มีนเข้าใจแล้วว่าทำไม ....... มันเป็นเพราะความเคยชิน ความเคยชินที่ไม่รู้ตัว บางครั้งปรับตัวไม่ทัน

พี่บุ้งปรับตัวให้เข้ากับคนอื่นไม่ทัน และถูกว่าลับหลังอยู่บ่อย ๆ

......อยู่นี่อย่าคิดมาก คิดไปก็เท่านั้น ประสาทแดกตายห่า......

มันก็จริง มีนคิดว่ามันก็จริง ตอนนี้เข้าใจแล้ว เข้าใจชัดเจนหมดแล้ว เงยหน้าขึ้นอีกครั้งและยืนมองพี่บุ้งที่เดินไปที่ข้างรถบรรทุกที่มาส่งข้าว เห็นพี่บุ้งยื่นแขนขึ้นไปที่ข้างประตูรถ และกำลังรับอะไรบางอย่างลงมาจากบนรถ

เด็กผู้หญิงผมเปียตัวเล็กถูกส่งลงมา

และพี่บุ้งก็อุ้มเด็กคนนั้นเอาไว้ อุ้มแล้วก็หัวเราะเหมือนถูกใจอะไรซักอย่าง ไม่ใช่แค่อุ้มอย่างเดียว แต่อุ้มแล้วเดินมาหามีน

“น้อง ๆ นี่ไงแฟนพี่ เป็นไง แฟนพี่ สวยป่าว”

พี่บุ้งพาเด็กหญิงมาหา และแนะนำให้มีนรู้จัก

“แฟนพี่บุ้งชื่ออะไรครับ ไหนบอกพี่เกาหลีดิ๊”

เด็กหญิงไม่ยอมตอบแต่ดูดนิ้วโป้งและเมินหน้าหนีไปอีกทาง เมินไปซบอยู่ที่ไหล่ของพี่บุ้ง

“เขิน ๆ โอยยยยยยยย ตาย ๆ ยังไม่ทันแต่งกันเลย แป้งจะมีกิ๊กซะแล้วววววววว”

มีนกำลังงง
เด็กผู้หญิงที่พี่บุ้งอุ้มมา ไม่ยอมมองหน้ามีน แต่หันหนีไปอีกทาง ถ้าสิ่งที่คิดในคราวแรก มีนคงคิดว่าเด็กเกลียด แต่ในเวลานี้ มีนเริ่มคิดบางอย่างออกแล้ว

“เขินจริงดิพี่”

ก็จริงสิวะ

“มึงหล่อไง น้องแป้งมันเลยเขิน”

มันเป็นคำชมหรือคำแซวก็ไม่รู้ แต่ก็ทำให้มีนยิ้มได้ และขออุ้มเด็กหญิงด้วย

“โห เขินไรพี่เนี่ย เขินเหรอน้อง ไหนมานี่ดิ๊”

เรียกให้เด็กหญิงหันมาหา แต่เธอก็ไม่ยอมหัน ไม่ยอมหันมาหา แต่เมื่อบุ้งส่งเธอให้กับมีน เธอก็ยอมมาด้วยง่าย ๆ

“ใจง่ายจริงวะ ได้ใหม่ลืมเก่าเหรอห๊ะ”

เธอยังคงดูดนิ้ว แต่คราวนี้เธอยิ้มออกมา และมีนก็คิดว่ารอยยิ้มของเด็กหญิงมันน่ารักเต็มทน จนต้องหอมแก้มเธอหนัก ๆ ติดกันสองที

“ไอ้มีนนนนนนนน ไปทำมัน เด็กมันเขิน เดี๋ยวน้องแป้งมันถอนหมั้น พี่ อุตส่าห์กะจะเลี้ยงต้อยนะเฮ้ย”

เลี้ยงต้อยอะไรล่ะพี่ แล้วนี่น้องมันเขินจริงเหรอ จริงดิ เขินจริง ๆ เหรอเนี่ย เออแต่สงสัยจะจริง สงสัยจะเขินจริง

“ชื่อไรคับ”

แกล้งถาม และเด็กหญิงก็ยังยิ้มเอียงอายไม่เลิก

“ไม่เอาดิ ไม่ดูดนิ้วดิ สกปรก คุยกับพี่มีนก่อน ชื่อไรคับ”

ชื่ออะไรก็รู้อยู่ แต่ก็อยากจะคุยด้วย และเด็กหญิงก็ตอบออกมาด้วยท่าทีเอียงอายเมื่อถูกถามชื่อ

“น้องแป้ง”

เสียงเล็ก ๆ ที่เอ่ยบอกทำให้มีนยิ้ม

“โห ชื่อน่ารักด้วย โตขึ้นสวยเลยนะเนี่ย”

เอ่ยชมเธอ และเด็กหญิงก็กอดคอมีนเอาไว้แน่น และยิ้มด้วยท่าทางเอียงอาย

“แม่งชอบมึงแล้ว”

ได้ยินเสียงบ่น เหมือนพี่บุ้งจะน้อยใจ แต่มีนก็ไม่ได้รู้สึกเห็นใจ

“แม่งบ้าเกาหลีกันหมดแหละ ผู้หญิงสมัยนี้”

เฮ้ย มันไม่ใช่ความผิดเด็กนะพี่

“ก็พี่หน้าไม่อยู่ในเทรนส์ ไปว่าเด็กได้ไง”

โห ไอ้มีน เดี๋ยวมึงจะโดน

“เออ ไอ้หน้าเกาหลี มึงมันเกาหลี มึงมันหล่อ”

แล้วมาลงที่ผมได้ไงพี่ ใช่ความผิดผมมั้ยเนี่ย
มีนกำลังหัวเราะ หัวเราะเพราะถูกด่า และพอด่าเสร็จพี่บุ้งก็หันไปมองที่รถบรรทุกที่มาส่งข้าว

“เออ ฝากดูด้วย พี่จะไปเช็คข้าว อย่าให้ออกไปวิ่งเล่น มันอันตราย”

ได้ครับพี่

“เดี๋ยวผมดูให้ แล้วเขาจะมารับตอนไหนอ่ะ”

ตอนไหนเหรอ

“เดี๋ยวลงข้าวเสร็จแม่มันมารับ ดูให้ก่อน”

ครับ ๆ

มีนมีเพื่อนแล้ว ไม่ใช่เพื่อนหรอก แต่เป็น..........

“โตขึ้นแต่งงานกับพี่มีนป่าว”

เธอไม่ตอบ แต่อมยิ้มด้วยท่าทางขวยเขินน่ารัก และมีนก็รู้สึกว่าเธอน่ารัก เด็กหญิงวัยอนุบาลที่มากับรถส่งข้าวเธอเป็นเด็กน่ารัก

“มึงไปขอมันแต่งส่งเดช เด็กมันจำนะทำเล่นไป”

อ้าวเหรอ

“งั้นไม่แต่ง”

ไม่แต่งได้ไง

“มึงจะพามันหนีหรือไง ลูกเขามีพ่อมีแม่”

นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ แล้วให้ทำไงล่ะพี่

“แล้วตกลงจะให้แต่งหรือไม่แต่งเนี่ย”

มึงก็คิดเอาเองสิวะ

“แล้วแต่มึง เคลียร์กันเอาเอง”

พี่บุ้งไม่ยอมบอกว่ามีนควรทำยังไง และมีนก็ยังงง ว่าตัวเองควรทำยังไง

พี่บุ้งเดินไปแล้ว

และมีนก็หันมาสนใจกับเด็กหญิงที่อยู่ในอ้อมแขน

ส่งยิ้มให้เธอ และเธอก็ยิ้มตอบ

ยิ้มตอบพร้อมกับเสียงเล็ก ๆ ที่เอ่ยบอกที่ข้างหูมีนเบา ๆ

“พี่มีนหล่อจัง”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน การพนัน / อคติ 03/05/57 เวลา 7.27 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 03-05-2014 16:46:54
“ได้แฟนแล้วลืมพี่ลืมเชื้อ”

มันเป็นคำพูดลอย ๆ ที่มีนที่กำลังใช้ตะเกียบคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปากต้องเงยหน้าขึ้นมอง

มองแล้วก็ยิ้ม

ยิ้มและก็หัวเราะออกมาเสียงเบา

“ผมหล่อไงพี่”

เอออออออ

มึงหล่อ

“เอ้อออออ ใช่สิ มึงหล่อไง”

พี่บุ้งกำลังบ่นใส่มีน บ่นเรื่องไม่เป็นเรื่อง บ่นเรื่องที่ทำให้มีนยิ้ม

“จำไว้เลย ไอ้น้องแป้งนะ มาคราวหน้ากูจะไม่อุ้มเลย คอยดู”

น้อยใจเด็กซะงั้น
เป็นการน้อยใจที่มีนได้แต่ส่ายหน้า และหัวเราะด้วยความขำ

ใช้ตะเกียบคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปาก และก้มหน้าก้มตากินก๋วยเตี๋ยวที่พี่วิเชียรซื้อมาให้จากข้างนอก

โดยไม่รู้ตัวเลยว่าคนที่นั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่ฝั่งตรงข้าม กำลังมองหน้ามีน

มองแล้วก็ยิ้ม

ยิ้มแล้วก็คีบลูกชิ้นใส่มาให้ในชามก๋วยเตี๋ยวของมีน

“ยกให้ บำรุงเยอะ ๆ จะได้หล่อขึ้น หล่อขึ้นแล้วจะได้มาเรียกคะแนนความนิยมให้แผนกขนส่งบ้าง”

นั่นมันคือเหตุผลในการให้ลูกชิ้นเหรอพี่

“พี่ไม่กินอ่ะ”

เงยหน้าขึ้นมองพี่บุ้งและมีนก็ถามด้วยความสงสัย
ยกให้ผมทำไม พี่ไม่กินเองล่ะ

“เอาเหอะ กิน ๆ ไป ลูกชิ้นเค้าอร่อยเจ้านี้”

อืมมม

“ขอบคุณครับ”

มันเป็นช่วงบ่ายที่เพิ่งได้พัก
ไม่เคยได้กินข้าวตรงเวลา มีเวลาบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับพัก เวลาได้พักก็ต้องรีบกอบโกยให้มากที่สุด ก่อนที่รถจะเข้ามาอีกรอบ

“มีนเสื้อเปื้อนแล้ว”

ก้มลงมองที่เสื้อนักศึกษาของตัวเอง และก็เห็นว่ามันเปื้อนจริง ๆ อย่างที่พี่บุ้งบอก

เปื้อนเป็นจุด ๆ สีส้ม เพราะน้ำก๋วยเตี๋ยวกระเด็นใส่

“จะซักออกป่าววะเนี่ย”

ที่จริงถ้าซักมันก็คงซักออกอยู่ แต่เซ็งเวลาที่กินก๋วยเตี๋ยวทีไรน้ำก๋วยเตี๋ยวกระเด็นใส่เสื้อทุกที

“พี่ว่า จะให้มีนเปลี่ยนใส่เสื้อพนักงาน ใส่ชุดนักศึกษาบางทีคนมันไม่เกรง นึกว่ามาฝึกงาน มันก็ไม่ค่อยเชื่อเวลาบอกอะไร”

จะดีเหรอพี่

“แต่ผมมาฝึกงาน แล้วเขาจะคิดยังไงล่ะพี่”

มาฝึกงานเหรอ

“แต่มึงทำได้ดีกว่าพนักงานประจำบางคนป่าววะ”

โห
นี่เรียกว่าชมกันซึ่งๆ หน้าเลยใช่มั้ย

“อีกอย่างพี่ไปขอให้ลงมา แล้วก็ให้ค่าแรง ถ้าทำงานแล้วได้ค่าแรงมันก็พนักงานดี ๆ นี่เอง จะบอกว่าฝึกงานได้ไง”

มันก็จริง
แต่จะเอาอย่างนั้นเลยเหรอพี่

“ผมกลัวคนอื่นคิด”

ก็ช่างคนอื่นเหอะ

“เฉพาะคนที่ควรรู้ พี่ก็ต้องบอกให้รู้ ส่วนคนไม่จำเป็นต้องรู้ ไม่เห็นจำเป็นต้องไปนั่งอธิบาย จะคิดยังไงจะพูดยังไงก็ช่าง งานเราใช้ได้เป็นพอ”

สุดยอดครับ

คมจริงๆ ลูกพี่กู

“พี่พูดจนผมดูดีเลยนะเนี่ย”

มันก็จริงไม่ใช่เหรอวะ

“ถ้าเป็นก่อนหน้านี้นะ มึงอย่าฝันว่ากูจะพูดแบบนี้”

โห..............
เขามีแต่ตบหัวแล้วลูบหลัง นี่มีด้วยเหรอวะ ลูบหลังแล้วตบหัว ถ้าจะย้อนอดีตกันขนาดนี้นะพี่

“หน้าแม่งอย่างกะคนป่วยใกล้ตาย”

ก็หน้าผมมันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เกิด พี่จะให้ผมทำยังไง
อีกอย่างนะ ตอนที่ผมมา ผมก็แค่คิดว่ามาทำส่ง ๆ ไปงั้น เด็กฝึกงานจะมีอะไรมาก ก็แค่ถ่ายเอกสารไปวันๆ ใครใช้ทำอะไรก็ทำไป หมดสามเดือนก็กลับไปเรียนต่อให้จบๆ

ผมคิดแค่นั้นจริง ๆ นะ
ผมคิดแค่นั้นเองจริง ๆ

“ก็ผมเซ็ง มาก็ไม่ได้ทำอะไร ถ่ายเอกสารไปวัน ๆ”

มิน่าล่ะ หน้ามึงถึงได้เซ็งโลกเหลือเกิน

“แล้วถ้าเป็นตอนนี้ หน้าผมยิ้ม ๆ แบบนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วพี่จะให้ผมผ่านมั้ย”

แกล้งอ้อน และมีนก็เงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้กับหัวหน้างานที่เมื่อมองกลับก็ถึงกับสำลักน้ำก๋วยเตี๋ยวที่กำลังซดอยู่

“แค่ก แค่ก ไอ้เหี้ยมีน แอ่ก แอ่ก แค่ก มึงนี่เล่นไม่รู้จักเวล่ำเวลา”

อะไรล่ะพี่

ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ

มีนรีบคว้ากระติกน้ำประจำตัวของพี่บุ้งมายื่นส่งให้
และบุ้งก็รีบเปิดฝากระติกออก จัดการยกขึ้นซดทันทีก่อนจะวางกระติกน้ำลงบนโต๊ะและมองหน้ามีนก่อนจะส่ายหน้าด้วยความกลุ้มใจ

“มึงยังจะยิ้มอีกนะแม่ง..... ”

อ้าว อะไรวะ ผมยิ้มผมผิดเหรอพี่
ผิดได้ไง ผมไม่เข้าใจ

“พี่บุ้งไม่มีเหตุผลว่ะ”

เออ ไม่มีเหตุผล กูมันไม่มีเหตุผลหรอก ไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้นแหละ

“ใช่ไงกูมันไม่มีเหตุผล แล้วกูก็ใช้มึงได้แบบไม่มีเหตุผลด้วย ยิ้มดีนักนะ ยิ้มดีนัก เอาชามก๋วยเตี๋ยวไปล้างเลยนะมึง กวนตีนจริง ๆ ไอ้เด็กฝึกงานเวร”



TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน อากาศ/แฟนเก่าฯ 03/05/57 เวลา 16.53 น.
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 03-05-2014 17:12:52
นัองมีนน่ารักพี่บุ้งก็นะ ปากร้ายใจดี
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน อากาศ/แฟนเก่าฯ 03/05/57 เวลา 16.53 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 03-05-2014 18:11:41
น้องมีนยิ้มเก่งขึ้น พี่บุ้งก็ชอบมองหน้ามากขึ้น

แล้วพี่บุ้งก็จะกลายเป็นคนชอบเกาหลีไปอีกคน :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน อากาศ/แฟนเก่าฯ 03/05/57 เวลา 16.53 น.
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 03-05-2014 18:46:50
ความสัมพันธ์เริ่มก้าวหน้าแระ มียิ้มแหย่กันด้วย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน อากาศ/แฟนเก่าฯ 03/05/57 เวลา 16.53 น.
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 03-05-2014 19:02:08
หุหุ สงสัยจะ แพ้ยิ้มหวาน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน อากาศ/แฟนเก่าฯ 03/05/57 เวลา 16.53 น.
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-05-2014 19:07:31
เห็นชื่อตอนอย่างกลัวอะ อะไรจะซ้ำเติมพี่บุ้งแท้ แต่แล้วพอแนะนำว่าเด็กน้อยผมเปียเป็นแฟนพี่ คราวนี้ถึงกับโล่งอกเลย บรรยากาศดีขึ้นแล้วน่ะมีการแซวกันเล่นด้วย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน อากาศ/แฟนเก่าฯ 03/05/57 เวลา 16.53 น.
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 03-05-2014 19:36:15
น่ารักมาก  มุ้งมิ้งอ่ะ  พี่บุ้งเริ่มเคลิ้มกับน้องมีนซะแล้ว
น้องมีนยิ้มให้พี่บุ้งบ่อยๆ นะจ๊ะ
+1 นะ  ขยันลงมาก  ขอบคุณมากจ้า
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน อากาศ/แฟนเก่าฯ 03/05/57 เวลา 16.53 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 03-05-2014 20:38:13
แปะไว้ก่อน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน อากาศ/แฟนเก่าฯ 03/05/57 เวลา 16.53 น.
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 03-05-2014 20:39:07
แหม่ะ เขินน้องมันอ่าดิ๊พี่บุ้ง!!!!
แค่รอยยิ้มแค่นี้พี่บุ้งยังเขิน(โหด?)
ต่อไปสงสัยจะตกหลุมเกาหลี ตามเทรน อ่ะเด้~~~!!!
555555555555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน อากาศ/แฟนเก่าฯ 03/05/57 เวลา 16.53 น.
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 03-05-2014 20:39:51
น้องเสน่ห์เกาหลียิงใส่  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน อากาศ/แฟนเก่าฯ 03/05/57 เวลา 16.53 น.
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 03-05-2014 21:03:15
 :katai5:คืบหน้าไปเรื่อยๆ จากพูดในใจเริ่มพูดนอกใจแล้วน้องเกาหลี
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน อากาศ/แฟนเก่าฯ 03/05/57 เวลา 16.53 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 03-05-2014 22:12:52
เจอยิ้มของน้องมีนเข้าไป ทำไรไม่ถูกเลยเหรอพี่บุ้ง อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน อากาศ/แฟนเก่าฯ 03/05/57 เวลา 16.53 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 03-05-2014 22:37:27
ยิ้มหวานนนน ฮ่าๆๆๆ พี่บุ้งแพ้ทางน้องมีนตอนยิ้มแล้วเฮ้ยยย
คือแบบว่า ปกติก็ทำพี่บุ้งปั่นป่วนแล้วนะเออ เริ่มจะมีอิทธิพลต่อ(ใจ)พี่บุ้งขึ้นเรื่อยๆแล้วนะ น้องมีนนนน >O<
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ลูกน้องควาย
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 03-05-2014 23:03:31
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/02/ไฟล์เปล่า1Nn1wd.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง.....ตอน ลูกน้องควาย

“ทำอะไรอยู่”

บุ้งกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ หวังได้รับการตอบรับกลับมา

.........สำหรับบุ้งคำว่าหน้าด้าน คำนี้คงเหมาะสมที่สุดที่จะใช้

ปล่อยให้เธอทิ้งไป แล้วยังจะหน้าด้านโทรไปหาอีก ทั้งทุเรศทั้งสมเพชตัวเองเกินทน

“หนูยุ่งอยู่พี่ แค่นี้นะ”

ได้รับการตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ดูรำคาญแหละหงุดหงิดเต็มที่ ก่อนปลายสายจะถูกตัดทิ้งไป

บุ้งนั่งมองโทรศัพท์ในมือ
มองแล้วนิ่ง
นิ่งค้างอยู่แบบนั้นอย่างช่วยไม่ได้

คิดว่าหลายปีที่ผ่านมามันจะทำให้ความรู้สึกหยุดลงง่าย ๆ หรือไง

เรื่องนั้นมันยาก
มันเป็นไปได้ยาก บุ้งรู้ดี แต่อดสมเพชตัวเองไม่ได้ ที่ยังไม่ตัดใจ

แม้สมควรจะตัดใจ แต่จะให้ทำยังไงในเมื่อหัวใจมันปวดหนึบและร้องบอกว่า ขอแค่ได้ยินเสียงซักนิดก็ยังดี

แค่นิดเดียว

ก็ยังดี

บุ้งถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ยิ้มอย่างเหงา ๆ ให้กับตัวเอง

โคตรเจ็บ

เมียมีชู้มันโคตรเจ็บ แต่ชู้ของเมีย ดันมีอะไรดีกว่า จนบุ้งไม่มีปัญญาไปทำอะไรชู้ได้นี่ยิ่ง โคตร โคตร ของความเจ็บ
เราไม่ได้แต่งงานกันเป็นเรื่องเป็นราว แค่ไปมาหาสู่กัน แต่ที่บ้านเราก็พอจะรับรู้กันหมดว่าไม่ได้เป็นแค่แฟน
เคยวางแผนอนาคตไว้ด้วยกัน และทุกอย่างเกือบจะดีไปซะหมด จนมาพักหลังๆ ที่เธอเริ่มตีตัวออกห่าง

บุ้งไม่รู้…….
ไม่เคยรู้.....

จนกระทั่งวันหนึ่งเดินกลับมาแล้วเจอรองเท้าของใครที่ไม่รู้จักวางอยู่หน้าห้องของเธอ

เหมือนเธอจงใจเปิดเผย  แต่แค่ไม่อยากให้มันชัด
สิ่งแรกที่บุ้งรู้สึกคืออึ้งจนพูดไม่ออก ได้แต่ยืนน้ำตาคลอเบ้าอยู่หน้าประตู เมื่อมองลอดผ่านไปที่ผ้าม่านแล้วเห็นภาพบางอย่างชัดเจน

เธอไม่ต้องการจะปิดบัง อยากให้รู้ด้วยซ้ำ อยากให้รู้กันไปเลย จะได้ไม่ต้องพูดอะไรกันอีก

มันเจ็บไปถึงใจ ได้แต่ยืนนิ่งกำหมัดแน่น บุ้งเป็นคนโกรธแรง โมโหแรง สำหรับลูกน้องที่เป็นพนักงานขับรถทุกคนรู้หมด
แต่กับคนเดียวที่ทำไม่ได้คือเธอ

เธอคนนี้คนเดียวที่ให้ตาย บุ้งก็แตะไม่ได้

แตะเธอไม่ได้ แม้จะโกรธแค่ไหน โมโหจนแทบจะฆ่าคนได้ แต่ให้ทำบุ้งก็ทำไม่ได้

โมโหที่สุด โมโหจนน้ำตาคลอ

ยืนกำหมัดแน่น

ทนไม่ได้ รับสภาพที่เห็นไม่ได้ ถ้าเป็นคนอื่นคงหาปืนมาลั่นไก ฆ่าทิ้งให้ตายทั้งเมียทั้งชู้

แต่บุ้งไม่ทำ โกรธให้ตายก็ไม่ทำ .............ทำไม่ลง
ถุงข้าวที่หิ้วมาด้วยหล่นลงที่พื้น และหยดน้ำตามากมายก็คลอรื้นอยู่ในหน่วยตา ก่อนจะหยดลงอย่างช้า ๆ

ใครจะไปทนอยู่ไหว

บุ้งได้แต่เดินหนีภาพที่เห็น

ทำใจไม่ได้
รับไม่ได้

เดินหนีไปทั้งน้ำตา

ขับรถกลับบ้านมาด้วยสภาพไหนไม่รู้ และนอนร้องไห้ตลอดทั้งคืนโดยไม่มีใครรู้เช่นกัน

รุ่งเช้าบุ้งยังทำตัวได้เป็นปกติเสมอ ทั้งกับที่บ้านและที่ทำงาน แต่พอหัวถึงหมอนเมื่อไหร่ น้ำตาก็ไหลไม่หยุด

นอนร้องไห้ทั้งคืนตลอดสองปี โดยไม่มีใครรู้

คนเข้มแข็งที่ใคร ๆ คิด แท้จริงไม่ได้เข้มแข็งเลย ตัดไม่ได้ จะเลิกก็เลิกไม่ขาด ใช้เวลาแค่ไหนกว่าจะยอมรับทุกอย่างได้
ต้องใช้ความอดทนอดกลั้นแค่ไหน ถึงจะผ่านมันมาได้ จนกระทั่งวันที่คล้ายจะตัดใจได้จริง ๆ เมื่อเธอหมดความอดทนและมาพูดกันตรง ๆ ว่าขอเลิก

สองปีมานี้ เธอก็อดทนพอสมควร
อดทนสวมเขาให้บุ้งมาได้ตลอด และบุ้งก็ทำเป็นแกล้งโง่ยอมเป็นควายทำเหมือนไม่รู้เรื่องมาตลอดได้เช่นกัน

คิดแล้วก็น่าสมเพช

สมเพชตัวเอง

คำว่าควาย มันเอาไว้ใช้เปรียบเทียบให้คนโง่เจ็บใจ แต่ถ้าโง่สิบเท่าของคำว่าควาย บุ้งไม่รู้จะเรียกตัวเองว่าอะไรดี

ยิ้ม
แค่นยิ้มกับตัวเองอีกครั้ง
และหย่อนโทรศัพท์เข้ากระเป๋าเสื้อ ก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินไปที่ออฟฟิศแผนกขนส่ง

ผลักประตูเข้าไป และเจอกับภาพเดิม ๆ ไอ้เด็กฝึกงานกำลังทำหน้ามุ่ยและกระหน่ำคีย์บิลอย่างเอาเป็นเอาตาย
เสียงเคาะคีย์บอร์ดดังเป็นจังหวะ หนักบ้างเบาบ้างตามแต่ความยากง่ายของตัวเลข

“เฮ้ย เกาหลี เย็นนี้ไปไหนป่าว”

ไปไหนเหรอพี่

มีนเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อคนที่ผลักประตูเข้ามาเอ่ยถามบางอย่าง

“ไม่ได้ไปพี่ กลับบ้านเลย”

เออแบบนี้ก็ดี

“พรุ่งนี้หยุด ไปกินเหล้าบ้านพี่มั้ย”

ห๊ะ
ผมฟังผิดหรือฟังถูกวะนั่น
มีนเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง และมองหัวหน้างานที่อยู่ดี ๆ ก็เอ่ยปากชวนกินเหล้ากันขึ้นมาดื้อ ๆ

“เอาจริงดิพี่ ผมกินไม่เก่งคอไม่แข็ง ถ้าอาศัยกินกับแกล้มได้อยู่ อันนั้นผมสู้ไม่ถอย”

ตอบกลับไปตามความเป็นจริง และบุ้งก็พยักหน้าทำความเข้าใจ

“งั้นมึงก็กินกับแกล้มไป เดี๋ยวเหล้าพี่กินเอง”

เอ้อออออ เว้ยยยยย มาแปลก ....
มีที่ไหนชวนไปกินกับ ส่วนตัวเองกินเหล้า  ถามจริง ๆ ป่วยหรือเปล่าพี่บุ้ง ท่าทางแปลก ๆ แต่วัน

“ใครไปมั่งพี่”

ใครไปเหรอ

“ก็มีมึงแล้วก็………..”

ดูจากจำนวนนิ้วที่พี่บุ้งนับ และริมฝีปากที่ขมุบขมิบเหมือนกำลังท่องชื่อใครอยู่ ก็ทำให้มีนพอรู้ได้บ้าง สงสัยจะหลายคน

“แล้วก็มีมึงอีกคน”

อะไรนะพี่

“เอาดีๆ สิพี่”

ก็ดี ๆ ไง

“ก็มีมึงกับกู”

เหี้ยยยยยยยยยยยย
พี่บุ้งแม่งนับซะกูคิดว่ามีคนมาเป็นสิบ ตกลงมีแค่สองคน แล้วจะนับนิ้วมากมายหาหอกอะไรวะพี่

“แล้วพี่วิเชียรอ่ะ”

ไปถามถึงมันทำไม

“ช่วงนี้มันรักลูกเมีย เลิกงานตรงดิ่งกลับบ้าน ถ้ามันไม่ปรับปรุงตัวแล้วก็ไม่เลิกนิสัยเดิม ๆ เมียมันขู่ว่ารอบนี้จะไปจริง ๆ”

เออนะ ก็สมควรหรอก พี่วิเชียรก็เหลือเกิน ขนาดคนเดินเข้าออฟฟิศแกยังเอาไปพนันได้ ว่าคนเดินเข้ามาคนแรกในออฟฟิศจะก้าวขาขวาหรือขาซ้ายมาก่อน ก็สมควรโดนพี่บุ้งด่าจริง ๆ นั่นแหละ การพนันอยู่ในสายเลือดแกจริง ๆ ให้ตายเหอะ

“อารมณ์ไหนเกิดอยากกินขึ้นมาล่ะพี่”

เอ่ยถามทั้งที่สายตายังจ้องมองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่เลิกพร้อมจังหวะการกระหน่ำนิ้วลงไปบนแป้นพิมพ์อย่างชำนาญคล่องแคล่ว สองสัปดาห์เต็ม คีย์แม่งทั้งวัน คีย์ไม่คล่องก็ให้มันรู้ไป

“พี่ก็มีอารมณ์อยากทำตัวเหลวไหลบ้างสิวะน้อง ตกลงจะไปไม่ไป ถามมากเซ้าซี้ จนกูจะหมดอารมณ์แดกเหล้าอยู่แล้วเนี่ย”

ใจร้อนเกินไปแล้วพี่

“เดี๋ยวโทรบอกแม่ก่อน จะได้ไม่ต้องรอเปิดประตูบ้าน”

นี่โตป่านนี้มึงยังให้แม่เปิดประตูบ้านให้อีกเหรอวะ

“ลูกแหง่จริงวะมึงไอ้มีน”

เกือบโมโหแล้วเชียวที่โดนสบประมาท แต่ถ้าคนพูดเป็นพี่บุ้งให้นึกในใจเอาไว้ได้เลยว่าถ้าใส่ใจคำพูดพี่บุ้งทุกคำ แม่งต้องเป็นบ้าตาย

“ไม่ได้หรอก เป็นลูกชายที่ดี ต้องให้ความสำคัญบุพการีเป็นอันดับหนึ่ง”

ลูกชายที่ดีเนี่ยนะ

“ดีมาก หนีแม่มึงไปบวชจนจะเป็นพระอรหันต์ แม่มึงคงดีใจมากถึงตามไปขอให้มึงสึกได้ทุกวัน”

รู้จักกันมากขึ้น รู้เรื่องส่วนตัวกันมากขึ้น แปลง่ายๆ ว่าเด็กฝึกงานกับหัวหน้างาน พอเปิดใจรับสิ่งที่อีกฝ่ายเป็นได้แล้ว โคตรจะสนิทกันได้อย่างรวดเร็ว จนคนรอบข้างแปลกใจ เมืองมีนเด็กฝึกงาน ที่วัน ๆ แทบไม่คุยกับใคร นิ่งเฉยจนเข้าขั้นใบ้ กับพี่บุ้งหัวหน้างานที่วัน ๆ ไม่สนใจใครด่าได้ กูด่า ตบหัวทิ่มได้กูตบ ไม่รู้ว่าสองคนต่างขั้วขนาดนี้ มาเป็นหัวหน้างานกับลูกน้องได้ยังไง

ทั้งที่ตั้งแต่แรก เหมือนคนหนึ่งอยู่ขั้วโลกเหนือ แล้วอีกคนอยู่แอฟริกา

สงสัยเพราะซึนามิลูกใหญ่เลยทำให้ขั้วโลกเหนือกับแอฟริกามาเจอกัน แล้วจูนเข้าใจกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ

เหลือเชื่อ
จนแม้กระทั่งขั้วโลกเหนืออย่างเมืองมีนยังนึกแปลกใจ นับประสาอะไรกับแอฟริกาบุ้งจะไม่รู้สึกแปลกใจตามไปด้วย

“พี่บุ้งไม่รู้หรอก บวชแล้วโคตรสงบ อยากจะแก่ตายไปในผ้าเหลือง”

อย่าพูดแบบนั้นมีน พี่จะร้องไห้ ถ้าทำใจได้ขนาดนั้น พี่ลาบวชตั้งนานแล้ว ไม่มาใช้ชีวิตอยู่ในวังวน รัก โลภ โกรธ หลง อยู่แบบนี้หรอกมีน

“สาธุ”

พี่บุ้งยกมือขึ้นท่วมหัว ไหว้ปลก ๆ สองสามที ก่อนจะเดินไปหาเด็กฝึกงาน และแกล้งเบิ๊ดกบาลเมืองมีนไปฉาดใหญ่

“ผมเสียทรงหมดพี่”

ยังมีหน้ามากลัวผมเสียทรง

“หล่อตายห่าเลยมึง ไอ้เกาหลีเอ้ยยยยยยยยยย”

“อย่างน้อยก็หล่อมากจนคู่หมั้นพี่เปลี่ยนใจมารักผมได้ก็แล้วกัน”

ปากดีอย่างนี้สิมึง มันน่าตบกบาลอีกซักรอบ

“รู้งี้กูไม่ให้มึงมาคีย์บิลแผนกกูก็ดี ไอ้เราก็นึกว่าจะหงิม ๆ คุมง่าย ที่ไหนได้ ไอ้สัดอย่างเกรียน ต่อปากต่อคำกูได้ทุกเม็ด ตกลงกูเป็นหัวหน้ามึง หรือมึงเป็นหัวหน้ากู”

น้อยใจไปได้พี่บุ้ง

“เอาอมยิ้มไปกินมั้ยพี่บุ้ง แฟนผมซื้อให้ ไม่อยากจะบอกว่าน้องแป้งมันบอกยอมแต่งงานกับผมแล้ว เลยเอาอมยิ้มมาหมั้นผม ผมไม่อยากจะพูดนะ กลัวพี่บุ้งร้องไห้เสียใจ”

ช่างหัวไอ้น้องแป้งเหอะ กูไม่อุ้มแม่งแล้ว เห็นคนหล่อหน่อยไม่ได้ โผไปหาทันที

“มึงก็ไปหลอกเด็กไอ้มีน เด็กมันคิดจริงจังนะ ถึงจะอยู่อนุบาลสองก็เถอะ มึงนี่เล่นไม่รู้จักเล่น เด็กสมัยนี้มันไม่โง่นะมึง เกิดมันรอมึงได้สิบยี่สิบปีมึงจะทำยังไง เหวอแดกเลยนะมึง”

รอได้ก็ดีสิพี่

“ผมก็จะได้มีเมียเด็กไงพี่ แค่คิดก็เสียวหัวใจ”

มีนพูดไปหัวเราะไป และก็ทำให้บุ้งที่กำลังอยู่ในอารมณ์ที่ท้อแท้กับชีวิตพิกล ต้องหัวเราะตาม

“ตกลงไปแล้วกันนะ ค้างบ้านพี่แล้วกัน เผื่อมึงเมากับแกล้มจนลุกกลับบ้านไม่ไหว”

เป็นคำแซวที่มีนก็รู้ว่าไม่ได้หมายความแบบนั้นจริง ๆ แต่เพราะบ้านอยู่กันคนละทาง แถมไกลกันชนิดอ้อมโลก
ดึกดื่นป่านนั้นถ้ากลับบ้าน พี่บุ้งมันก็คงเป็นห่วง เลยตัดปัญหาให้นอนค้างที่บ้านพี่บุ้งซะ

ก็แค่นั้น

“แล้วพี่ไม่เข้าเวรเหรอพี่ เดี๋ยวมูลนิธิก็โทรตามกันพอดี”

“ไม่เป็นไร บอกเขาแล้ว ช่วงนี้ไม่ไหวว่ะ ร่างกายมันล้า ๆ สงสัยแก่แล้วด้วย”

ที่ล้าไม่ใช่เพราะแก่หรอกมั้ง แต่คงเป็นปัญหาส่วนตัวมากกว่า
มีนรู้ รู้แบบเงียบๆ แต่ไม่เคยถามไม่เคยพูด ปัญหาส่วนตัวที่พี่บุ้งไม่เคยคิดจะบอกกับใคร
เรื่องแฟนของตัวเอง ที่ไม่รู้ว่าคบกันยังไง แฟนพี่บุ้งถึงได้ไปเป็นเมียคนอื่นได้ ในขณะที่ยังเป็นแฟนพี่บุ้งไปพร้อม ๆ กัน

แม่งโคตรซับซ้อน จนกูไม่กล้าถาม เพราะไม่อยากโมโหและไม่อยากเกลียดผู้หญิงหลายใจ

แม่งกล้าทำกับลูกพี่กูได้ลงคอ ดีขนาดนี้ หาที่ไหนไม่ได้แล้ว เสียแค่ปากร้ายไปหน่อยแค่นั้น พอได้อยู่ใกล้กันมีนก็รู้ดี ว่าที่จริงพี่บุ้งไม่มีอะไร เป็นคนไม่มีอะไรเลย แค่พูดจาขวานผ่าซากไปหน่อยแค่นั้นเอง

“พี่บุ้ง”

เรียกหัวหน้างานที่กำลังกดดูข้อความบางอย่างในโทรศัพท์และบุ้งก็เงยหน้าขึ้นมอง เพราะไม่รู้ว่าเด็กฝึกงานเรียกทำไม

“ผมรักพี่นะโว้ย”

ห๊ะ
อะไรนะ

บุ้งเกิดอาการเหวอแดก ที่อยู่ดี ๆ เด็กฝึกงานก็มาบอกรักกันซะได้

แถมตอนบอกมันยังคีย์บิลไปด้วยอีก เล่นเอากูทำหน้าไม่ถูก หัวแทบคะมำหล่นจากเก้าอี้

“มึงว่าไงนะ  มึงตุ๊ดเหรอเนี่ย มิน่ามึงถึงได้ทำหน้าหล่อมาทำงานทุกวัน ตกลงมึงแอบชอบกูมาตลอดใช่มั้ยวะเหี้ยมีน”

โห
ถ้าจะแปลไปถึงขนาดนั้นนะพี่บุ้ง ผมก็ยอมให้พี่แปลได้ตามใจชอบเลยแล้วกัน

“ไม่โรแมนติกเลยเว้ยพี่กู น้องอุตส่าห์บอกรักทั้งที ซึ้งหน่อยก็ไม่ได้ เสือกด่าผมเสีย ๆ หาย ๆ ซะงั้น”

แล้วมันสมควรมั้ยล่ะที่มาพูดจาประหลาด ๆ ใส่กูแบบนี้

“ขนลุกเลย..สัด….มึงหวังเกรดสี่ให้กูประเมินมึงผ่านงานป่ะเนี่ย กูไม่ใช่แนวมึงนะไอ้มีน มึงอย่ามาคิดลึกกับกู”

จะขนลุกอะไรนักหนาล่ะพี่ ทำเป็นรังเกียจผมขนาดนั้นไปได้

“เบื่อพี่บุ้งว่ะ........ขนาดน้องแป้งยังไม่เอาเลย ผมจะเอาพี่ไปทำไมวะ พี่ก็คิดด้ายยยยยยยยย”

มีนลากเสียงยาว ๆ และก็ส่ายหน้ากับความคิดของหัวหน้างาน ที่สนิทสนมกันจนถึงขั้นด่ากัน และตบกันจนหัวทิ่มได้ ชนิดไม่มีใครยอมใคร

“เออ พี่บุ้ง.....ผมเป็นน้องพี่นะ.........ปัญหาบางเรื่องของพี่ ผมก็คงไม่มีปัญญาช่วยพี่ได้ แต่ถ้าพี่อยากได้ความสบายใจ ผมจัดให้ได้เต็มที่นะพี่ อยากกินเหล้าวันไหนบอกผม ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ที่ไหน ผมก็ไปหาพี่จนได้นั่นแหละ นี่ผมพูดจริง ๆ”

กลายเป็นบุ้งที่ถึงกับนิ่งสนิทไปไม่เป็น เพราะคำพูดตรง ๆ แต่โคตรจริงใจของเด็กฝึกงาน

แค่นยิ้มออกมาเล็กน้อย และหัวเราะกับตัวเองเสียงเบา

โคตรตลกเลยว่ะ นี่กูคิดว่าทำตัวเฉยๆ จนไม่มีใครหน้าไหนจับได้แล้วเชียวนะว่ากูเป็นอะไรและมีปัญหาอะไรภายในใจ เสือกมาตายน้ำตื้นเพราะไอ้เด็กฝึกงานใกล้ตัว ที่วัน ๆ มันไม่ได้ทำอะไรนอกจากนั่งคีย์บิลให้ทั้งวัน

“ขอบใจว่ะมีน พี่ก็รักมึงเหมือนกัน สามเดือนมึงฝึกเสร็จพี่คงคิดถึงมึงแย่”

ผมก็คงเหมือนกันกับพี่นั่นแหละนะ

มีนเงยหน้าจากบิลที่กองอยู่บนโต๊ะ และจ้องหน้าของหัวหน้างานที่เผยแววตาเศร้าสร้อยจนปิดไม่มิดออกมาให้ได้เห็น
บุ้งส่งยิ้มน้อย ๆ มาให้ ก่อนจะถอนหายใจออกมายาว ๆ

“พี่มึงเป็นควายนะมีน มึงมีลูกพี่เป็นควาย มึงก็เป็นลูกน้องควายด้วยนะ มึงยังอยากจะเป็นอีกเหรอลูกน้องควาย กลับบ้านไปคิดใหม่ได้นะมึง”

เออช่างแม่งเหอะ

จะเป็นอะไรก็ช่าง ผมไม่คิดอะไรมากหรอกพี่บุ้ง พี่อย่ามาทำให้ผมคิดอะไรให้มากความ

“ถ้าเป็นลูกน้องควายอย่างพี่บุ้งผมก็เอา.........ให้คิดอะไรล่ะ........... ก็อย่างที่พี่เคยบอกผมนั่นแหละ......เรื่องบางเรื่องอย่าไปคิดอะไรมาก คิดมากปวดหัวตายห่า...พี่จำไม่ได้แล้วหรือไง”



TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ลูกน้องควาย 03/05/57 เวลา 23.09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-05-2014 23:31:58
 :a2: พี่บุ้งสู้ๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ลูกน้องควาย 03/05/57 เวลา 23.09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 03-05-2014 23:51:29
เข้ามาต้อนรับเรื่องนี้ อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ลูกน้องควาย 03/05/57 เวลา 23.09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 03-05-2014 23:53:55
ติดตามจ้ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ลูกน้องควาย 03/05/57 เวลา 23.09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 04-05-2014 00:02:25
พี่บุ้งเขินอ่ะดิ๊ อิๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ลูกน้องควาย 03/05/57 เวลา 23.09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 04-05-2014 00:26:08
แหม๋ๆๆ ชวนไปนอนบ้านกันด้วย :m12:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ลูกน้องควาย 03/05/57 เวลา 23.09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 04-05-2014 00:57:38
พี่บุ้งสู้ๆๆ  เกาหลีปลอบใจหน่อย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ลูกน้องควาย 03/05/57 เวลา 23.09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 04-05-2014 01:24:02
ตามติดชีวิตคู่ :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ลูกน้องควาย 03/05/57 เวลา 23.09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 04-05-2014 04:22:15
กลายเป็นความผูกพันโดยไม่รู้ตัว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ลูกน้องควาย 03/05/57 เวลา 23.09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 04-05-2014 08:25:38
ความสัมพันธ์มันพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เป็นเอกลักษณ์ของคุณคนเขียนเลยนะคะ o13
ถ้าน้องมีนฝึกงานจบแล้ว จะยังอยู่กับพี่บุ้งไหมน้า  :z1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ลูกน้องควาย 03/05/57 เวลา 23.09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 04-05-2014 09:02:40
พี่บุ้งน้องเกาหลีมันดีนะ

พี่อย่าชวนมันไปเมาแล้วจับทำเมียซะหล่ะ เดี๋ยวจะมองหน้ากันไม่ติด :z1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ลูกน้องควาย 03/05/57 เวลา 23.09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 04-05-2014 09:33:01

เรื่องนี้น่ารักมาก      :impress3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ลูกน้องควาย 03/05/57 เวลา 23.09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 04-05-2014 09:45:11
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/02/ไฟล์เปล่า1Nn1wd.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง.....ตอน  เหตุการณ์ซ้ำ  ๆที่มีนคงรับไม่ไหว

“โอ้ยยยยยยยย มึงรีบลงไปจากตักกูซะทีไอ้เหี้ยมีน ขย่มหาพ่อมึงเหรอ ขย่มจนกูแข็งหมดแล้วเนี่ย สัด”

เพราะไม่มีที่จะนั่ง

เหลือเก้าอี้อยู่ตัวเดียว คือเก้าอี้หน้าเคาร์เตอร์เช็ครถ

คนไม่พอ มีนก็เลยต้องมาแสตนด์บาย พี่วิเชียรไปขึ้นรถ มีนก็ต้องมาช่วยลงเวลาที่รถเข้าแทนพี่บุ้ง และให้พี่บุ้งไปคุมโซนข้างในแทน

“พี่ก็เรื่องมากจริง ไม่งั้นพี่ก็ให้ผมนั่งเก้าอี้แทนสิวะ ผมโคตรเมื่อย”

เมื่อยห่าอะไรกูเห็นมึงนั่งทั้งวัน พอเดินออกมาเช็ครถเข้าหน่อย ทำเป็นเมื่อยขึ้นมาทันทีเลยนะ

“ไอ้มีนนนนนนนนนน มึงนั่งดี ๆ ไม่ได้ไง หนักชิบหาย”

ร้องโอดโอยไปก็เท่านั้นเพราะนอกจากไม่ยอมลุกแล้ว มีนยังหัวเราะขำชอบใจกับเสียงร้องโอดโอยของพี่บุ้งซะอีก

“ทำอะไรกันวะผัวเมียคู่นี้”

พี่วิเชียรเดินเข้ามาเช็คเวลารถ และก็ส่ายหน้ากับสิ่งที่ลูกพี่และเด็กฝึกงานทำ

“มึงดูไอ้เชียรมันพูด กูจะไม่เหลือความเป็นหัวหน้าอยู่แล้วก็เพราะมึงไอ้มีน”

ไม่เหลือก็ไม่เหลือดิพี่ นั่นปัญหาพี่ ไม่ใช่ปัญหาผม

“ที่รัก อย่าพูดงั้นสิ เมียเสียใจนะ”

นอกจากพูด ยังไม่พอ มีนจัดการกอดคอบุ้งเอาไว้ซะอีก และกำลังทำท่าจะโน้มลงไปจุ๊บแก้มของพี่บุ้งอยู่แล้ว

“โอยยยยยยยยยยยยยยยย กูจะอ้วก”

พี่วิเชียรพูดแค่นั้น และก็เดินหนีไปเรียบร้อย

แต่มีนกำลังขำ หัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตาย

“ไอ้มีน มึงลุกดิ กูจะไปทำงานแล้ว เล่นอะไรอยู่ได้วะ ไอ้มีนลุก ลุกไปซะทีซิ”

แกล้งทำเสียงดุใส่ และมีนก็ยอมลุกขึ้นจากหน้าขาของบุ้งเพราะเห็นว่าอีกไม่เกินห้านาทีจะต้องเปิดช่องทางให้รถเข้าลานจอดรถ
หมดเวลาเล่น ถึงเวลาทำงานทำการจริงจัง

“เฮ้ย ตารางเวลา รวมเองนะ แล้วส่งซัพด้วย”

ได้ฟังคำสั่งชัดเจนและมีนก็พยักหน้ารับ ก่อนจะหยิบกระดานตารางมาถือเอาไว้และเตรียมเช็คเวลารถเข้า

“ถ้ารถโอเลี้ยงมา บอกให้เขาเปลี่ยนกระติกมาให้เลยนะ เสี้ยนมากว่ะ อยากกินสัด ๆ”

ฟังคำสั่งเรียบร้อยและมีนก็ตะเบ๊ะรับคำสั่ง ทำเหมือนนายทหาร

“เหี้ยมีน มึงนี่ เป็นงานเป็นการ อย่ามัวเล่นจนเสียงานนะมึง ไม่งั้นกูให้มึงศูนย์ไม่ผ่านฝึกงานแน่”

มีนก็เลยแกล้งทำหน้าจ๋อย ทั้งที่รู้ พี่บุ้งไม่มีทางทำอย่างนั้นแน่ พี่บุ้งใจดีแถมรักกูจะตาย

“ลูกพี่บุ้งใจร้ายกับน้องรักได้ลงคอเหรอ”

อย่ามาทำหน้าหมาหงอยใส่กู ไม่หลงกลมึงอีกแล้ว ไอ้หน้าตอนอยู่หน้าเครื่องถ่ายเอกสารวันแรก ๆ ลืมไปได้เลย ไอ้ที่เห็นมามันหลอกตาชัด ๆ

เกาหลีแม่งปัญญาอ่อน พอ ๆ กับความบ้าบอของมัน ขัดกับลุกค์นิ่งๆ หล่อ ๆ ที่ตาเห็น
ใครมาเห็นเข้า กูไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ที่มีลูกน้องหล่อแต่เสือกปัญญาอ่อนเข้าขั้นอย่างมึง

“เอาบิลน้ำมันไปส่งแผนกการเงินด้วยนะ พี่ตรวจแล้ว ช่วงบ่าย ๆ เอาขึ้นไปเลย เขาจะได้ทำจ่ายจะได้ไม่ต้องรอนาน ไม่อยากมีปัญหา”

สั่งงานเรียบร้อย และมีนก็พยักหน้าก่อนจะรับคำตามคำสั่งที่บุ้งบอก

“ครับลูกพี่”

ยิ้มกว้างให้คนตรงหน้าสบายใจ ว่าจะจัดการงานได้อย่างที่ได้รับมอบหมาย และบุ้งก็ส่งยิ้มมาให้มีน เพราะรู้ว่าถ้าฝากเรื่องไว้กับเด็กฝึกงานที่ศักยภาพสูงยิ่งกว่าพนักงานประจำอย่างมีนไม่เคยมีปัญหาตามมา

“ฝากด้วยเกาหลี”

แซวกันซึ่งหน้า และมีนก็ยกนิ้วชีกับนิ้วโป้งแตะปลายคางและเก็กหน้าหล่อ วางมาดเป็นพระเอกและทำให้บุ้งหัวเราะได้

“คนหล่อขอทำดี พร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างสุดความสามารถครับ”

อีกครั้งที่บุ้งถึงกับหัวเราะลั่น กับความรั่วและบ้าของไอ้เด็กฝึกงานน้องรัก ที่ยิ่งอยู่ใกล้ ยิ่งมีความสุข ยิ่งอยู่ใกล้ ยิ่งสบายใจ
ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งทำให้ยิ้มได้ทั้งวัน

คนอื่นไม่รู้ว่าไอ้มีนมันรั่ว คงคิดว่ามันเป็นคนหน้ามึน ที่ทำได้หน้าเดียวคือหน้าเหมือนคนแบกโลกเอาไว้บนบ่า
แต่ไม่ใช่สิ่งที่บุ้งเห็นในเวลานี้

“เอาจริง ๆ นะ มึงน่ารักขนาดนี้ ได้มึงเป็นเมียกูก็เอาวะ”

บุ้งพูดออกมายิ้ม ๆ และคนฟังก็ไม่มีท่าทางสะทกสะท้านกับสิ่งที่บุ้งพูด

“หลงรักผมล่ะเซ่ คนหล่อก็งี้ บอกตรงๆ ไม่ได้หลงตัวเอง แต่ก็รู้ตัวว่าหล่อมากจริง ๆ”

กวนตีนแล้วมึง ชมหน่อยทำเป็นเหลิง

“พี่บุ้ง มาเช็คของให้ผมหน่อยพี่ ผมจะขึ้นรถ บอกเมียพี่ให้สั่งโอเลี้ยงให้ผมกระติกหนึ่งด้วย”

เสียงพี่วิเชียร ตะโกนบอกมาแต่ไกล และมีนก็ตะโกนตอบพี่วิเชียรไปเสียงดังฟังชัด

“เอ้ออออออออออ เดี๋ยวผมจัดให้พี่”

รู้ด้วยเนอะว่าที่เขาเรียกและยกย่องให้เป็นเมียกู มันคือใคร

“รับสมอ้างเลยนะมึง เหี้ยมีน เรตติ้งกูตกหมด”

พี่บุ้งส่ายหน้าให้กับการรับสมอ้าง การเป็นเมียพี่บุ้ง.....ของมีน.....

แต่คนรับสมอ้าง ยังยิ้มได้ เหมือนไม่คิดอะไร

“คิดมากน่าพี่ คิดมากปวดหัวตายห่า ก็อย่างที่พี่บอกผมไง”

เหรอ

คิดมากปวดหัวตายห่า เหรอ มึงก็เลยไม่คิดเหี้ยอะไรเลยใช่มั้ย ถึงได้หน้าระรื่นได้ตลอดขนาดนี้

“ไม่คิดก็ดี มึงอย่าเผลอคิดขึ้นมาแล้วกัน....”

คิดอะไรวะ

คิดอะไรไม่เห็นเข้าใจ หมายถึงอะไรวะพี่บุ้ง ผมงง

“เป็นเมียพี่บุ้งอ่ะนะ”

ถามย้ำอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ และบุ้งก็ยิ้มที่มุมปาก และพยักหน้าให้พร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงเบา

“เป็นจริงก็ดีดิพี่........พี่บุ้งเอาผมป่ะ......คนดี ๆอย่างพี่ใครไม่เอาก็บ้าแล้ว ใช่มั้ยจ๊ะตัวเอง ถ้าตัวเองยอมให้เค้าเป็นเมีย เค้าก็เอา เค้ารักตัวเองจริง ๆ นะพี่บุ้งของเค้า พี่บุ้งจ๋า”

แค่พูดยังไม่พอ ไอ้มีนยังเสือกดึงแขนบุ้งไปกอดแน่นแถมยังเอาหน้ามาถูไถไปมาเหมือนกำลังอ้อนผัวจริง ๆ
และบุ้งก็ถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความกลุ้มใจ

“พูดแล้วยังไม่มีการคิด ไม่ได้สำนึกเลยนะมึงนะ กูแม่งรับคนมาช่วยงานผิดจริง ๆ ไอ้เด็กฝึกงานเวร”

++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ลูกน้องควาย 03/05/57 เวลา 23.09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 04-05-2014 09:45:57
“พี่วิเชียร เอาปูจ๋าสองห่อนะ”

มีนตะโกนบอกคนที่อยู่บนรถ และยื่นเงินส่งให้พี่วิเชียรที่เอื้อมมือลงมารับเงินใส่กระเป๋าเสื้อ

“ของพี่บุ้งห่อหนึ่งเหรอ”

ได้ฟังเสียงตะโกนถาม และมีนก็ตะโกนตอบกลับไป

“ใช่พี่ ของพี่บุ้งห่อหนึ่งด้วย”

ตะโกนตอบกลับ และพี่วิเชียรก็ส่ายหน้าก่อนจะส่งยิ้มมาให้

“ห่วงกันจริงวะเฮ้ยยยยยยยยยย พี่บุ้งกูจะมีเมียแน่แล้วงานนี้”

คำแซวขำ ๆ ที่ได้ยิน มีนไม่เคยคิดมากหรือเก็บมาใส่ใจแถมยังหัวเราะลั่นโดยไม่มีการแก้ต่างใด ๆ ทั้งสิ้น

“ผัวใคร ใครก็รักนะพี่”

เป็นการตอบที่ทำให้คนที่กำลังดูดโอเลี้ยง ถึงกับสำลัก เพราะคำพูดคำจาไร้ความคิดของเด็กฝึกงานที่หันมามองแล้วหัวเราะดังลั่น
แทนที่จะสำนึกที่ลูกพี่มันสำลักโอเลี้ยงไอ้มีนเสือกหัวเราะ และพูดจาเอาใจจนบุ้งแทบจะสำลักโอเลี้ยงอีกรอบ

“เป็นไรที่รัก รับความจริงไม่ได้เหรอ”

สัดมีน

“มึงจงใจฆ่ากูใช่มั้ยเนี่ย ไอ้มีน”

ใครเขาจะไปฆ่าพี่บุ้งได้ลงคอ ผมออกจะรักและอยากเทคแคร์ดูแลพี่บุ้งขนาดนี้

“ถ้าข่าวหน้าหนึ่ง ขึ้นว่าหัวหน้างานผมตายเพราะสำลักโอเลี้ยงผมไม่ปลื้มนะพี่ ตายได้โคตรอุบาทว์มาก”

มีนเดินอ้อมมายืนท้าวคางอยู่หน้าเคาร์เตอร์โต๊ะเช็คตารางเวลาเข้าของรถ และก็มองหน้าพี่บุ้งยิ้ม ๆ
เห็นเอาหน้าถูกับแขนเสื้อแล้วมีนก็เลยดึงผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อส่งให้

“ลายหมีพูห์ ดีมึงไม่เอาลายคิตตี้”

เสียงบ่นพึมพำเบา ๆ ของพี่บุ้งแต่ก็รับมาเช็ดหน้าและมีนก็ส่งยิ้มมาให้
รอยยิ้มสดใส ที่เมื่อบุ้งได้เห็น ก็มีแต่ต้องเผลอมองค้าง และรีบเมินหน้าหนีทำเป็นไม่เห็นแทบไม่ทัน

“แฟนผมซื้อให้ไงพี่ ผมเลยต้องซื้อคาดผมมงกุฎเอามาตอบแทน แล้วนี่ไม่เห็นรถมาลงข้าวเลยพี่ ปกติมาแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมวันนี้มาช้าจังวะ อุตส่าห์ซื้อมาฝาก”

เอ่ยถามและมีนก็ก้มลงดูนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะหยิบนาฬิกาที่วางบนโต๊ะขึ้นมาเทียบเวลาด้วยเพื่อความแน่ใจว่าไม่ได้ดูเวลาผิดพลาด

“ใจร้อนจริงวะ คิดถึงกันขนาดนั้นเชียว เอาโอเลี้ยงไปกินไปจะได้ใจเย็นขึ้น พ่อเกาหลี”

บุ้งยื่นกระติกโอเลี้ยงใบเล็ก ๆ ส่งให้กับเด็กฝึกงานที่รับมาถือไว้และเปิดฝาหยิบหลอดขึ้นมาดูดโอเลี้ยงหลายอึกและส่งกระติกคืน

“เฮ่อออออออ ชื่นใจ”

หยิบกระดานตารางเวลามาพัดเพื่อคลายความร้อน และก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมองซ้ำอีกรอบ เพื่อจะดูให้แน่ใจว่าอีกไม่นาน .........แฟนสาวที่เพิ่งอยู่อนุบาลสองกำลังจะมา.......

“พี่บุ้งโทรศัพท์ดังป่าวพี่”

ได้ยินเหมือนมีสายเรียกเข้าที่โทรศัพท์พี่บุ้ง แต่ดูเหมือนฝ่ายนั้นจะไม่ค่อยรู้ตัว

เลยต้องเรียกให้คนที่กำลังเช็คตารางเวลาอีกรอบได้รู้สึกตัว และบุ้งก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัพท์มากดรับและกรอกเสียงลงไป

“ครับ ครับ..........อะไรนะครับ รถส่งข้าวคว่ำเหรอพี่ ที่ไหนอ่ะ ครับ ครับ เดี๋ยวจะหาคนมาส่งแทนเลยจะมาช้าใช่มั้ยครับ ได้ ได้ ครับ ครับ เดี๋ยวผมล็อคเวลาให้”

มีนถึงกับยืนนิ่งและมองหน้าพี่บุ้งเมื่อได้ฟังว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น

“แล้วพี่เสริมกับเมียแล้วก็ลูกสาวเขาล่ะครับ.......เป็นไงบ้าง”

บุ้งเงยหน้าขึ้นมองหน้ามีนที่มีสีหน้าตื่นตะหนกอย่างเห็นได้ชัดเลยรีบกรอกเสียงถามปลายสายด้วยความร้อนใจไม่ต่างกัน

“........................”

บุ้งนิ่งเงียบ ก่อนจะกดวางสาย
ไม่อยากพูด ไม่อยากจะพูดอะไรเลย แต่ก็ต้องเงยหน้าขึ้นมองหน้าของคนที่เหมือนกำลังรอฟังคำตอบ

มีนกำลังรอ รอฟังคำตอบด้วยหัวใจเต้นระทึก
รอฟังคำตอบพร้อมกับภาวนาอย่าให้เกิดเหตุการณ์ร้าย ๆ อีกครั้งในชีวิต และบุ้งก็กลืนน้ำลายลงคอย่างยากลำบาก ไม่บอกก็ไม่ได้ ถึงยังไงก็ต้องรู้ บุ้งตัดสินใจเงยหน้าขึ้น และเอ่ยบอกบางอย่างด้วยน้ำเสียงเบาหวิวจนมีนแทบจะไม่ได้ยิน

“น้องแป้งกับพี่เสริมแล้วก็เมียแก ตายคาที่ว่ะมีน”

สิ้นคำพูดที่เอ่ยบอก บุ้งก็ได้เห็นน้ำตาของมีนไหลหยดลงมาเป็นทาง


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน เหตุการณ์ซ้ำ ๆ 04/05/57 เวลา 9.59 น.
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 04-05-2014 10:53:50
ขอบคุณจ้า
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน เหตุการณ์ซ้ำ ๆ 04/05/57 เวลา 9.59 น.
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-05-2014 11:10:40
โอ้ย!!!  :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน เหตุการณ์ซ้ำ ๆ 04/05/57 เวลา 9.59 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 04-05-2014 11:17:02
โห!! สงสารน้องแป้ง ยังเด็กอยู่เลย

มีนจะทำงัย พี่บุ้งปลอบหน่อย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน เหตุการณ์ซ้ำ ๆ 04/05/57 เวลา 9.59 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 04-05-2014 11:40:54


(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/02/ไฟล์เปล่า1Nn1wd.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง.....ตอน ปวดใจ

บุ้งรู้

เด็กฝึกงานหายเข้าไปในออฟฟิศแผนกขนส่งทำไม
อยากเข้าไปปลอบใจมันใจแทบขาด แต่ก็ไปไม่ได้ เพราะต้องรับรถที่ทยอยเข้ามาเรื่อย ๆ

ความรู้สึกใจหายวูบ และภายในกำลังโหวงเหวงอย่างหนักทำไมบุ้งจะไม่รู้สึก ขนาดตัวเองใจแข็งกับเรื่องแบบนี้เพราะเห็นการตายของใครหลายคนมานักต่อนัก ยังทำใจไม่ได้เลย

ยิ่งเป็นมีนแล้ว คิดไม่ออกว่าน้องฝึกงานที่หน้ายิ้มระรื่นตลอดจะเป็นยังไง ในเวลานี้คงนั่งร้องไห้อย่างเอาเป็นเอาตายโดยไม่ต้องเดา

ถึงจะเป็นอาสามูลนิธิ เก็บศพมาไม่รู้กี่ศพแล้วก็จริง แต่บุ้งไม่เคยจะคิด ว่าพอถึงศพของคนที่ตัวเองรู้จักกันดีเพราะสายงานและความผูกพันกับเด็กหญิงที่ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการติดสอยห้อยตามพ่อแม่มาส่งข้าว จะทำให้ปวดใจได้ขนาดนี้

มันปวดใจยิ่งซะกว่าความเจ็บปวดที่แฟนมาตีจากเพราะมีชู้ซะอีก

จากเป็นยังไงก็ดีกว่าจากตาย จากเป็นยังได้รู้ได้เห็นความเป็นไป
แต่จากตาย.....แม้อยากเจอแค่ไหน มีเงินร้อยล้านก็ไม่มีทางได้เจอ

บุ้งจดเวลารถเข้าและรถออก ตะโกนบอกหมายเลขรถ และมองไปที่ประตูออฟฟิศแผนกขนส่งหลายครั้ง

บุ้งรู้ มีนรับไม่ไหว
รับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คาดผมมงกุฎที่มีนตั้งใจซื้อมาให้เธอ ยังวางอยู่ตรงนี้

แต่คนที่ควรใส่ ไม่มีโอกาสได้ใช้อีกต่อไปแล้ว บุ้งไม่อยากยอมรับว่าในเวลานี้ มือตัวเองกำลังสั่น
สั่นเพราะความพยายามในการระงับใจ สั่นเพราะถึงไม่อยากคิดอะไร แต่เรื่องนี้ ต่อให้ไม่คิดยังไงก็ต้องคิด
คนทั้งคน เห็นหน้ากันอยู่ทุกวัน จะให้ทำใจได้ภายในสองชั่วโมง บุ้งก็ทำไม่ได้

ทำไม่ได้จริงๆ

“เชียร....พี่เสริมกับเมียแก แล้วก็ไอ้น้องแป้งตายแล้วนะ”

พี่วิเชียรเพิ่งลงมาจากรถ และก็ถึงกับอ้าปากค้าง เมื่ออยู่ดีๆ หัวหน้าก็มาพูดอะไรที่ไม่คิดว่าจะได้ฟัง ให้ได้รู้สึกตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน

“พูดเล่นใช่มั้ยพี่”

ไม่พูดเล่นหรอก

“เย็นนี้คงได้รดน้ำศพนะ วัดไหน เดี๋ยวพี่บอกอีกที”

ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ วิเชียรเองถึงกับยืนนิ่ง รู้สึกใจหายวูบกับสิ่งที่ได้ฟัง และมองไปที่ใบหน้าของลูกพี่ที่มีแววเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด ใคร ๆ ก็รู้ พี่บุ้งเอ็นดูไอ้น้องแป้งจะตาย    แล้ว.......มารู้แบบนี้.......จะทำใจได้ยังไง

“แล้วไอ้มีนล่ะพี่”

เอ่ยถามถึงใครบางคนที่หายไปจากลานจอดรถแล้วบุ้งก็หันหน้าไปทางออฟฟิศแผนกขนส่ง เป็นการบอกกลาย ๆ ว่ามีนอยู่ในนั้น

“เดี๋ยวพี่ไปดูมันหน่อยนะเชียร มึงดูทางนี้ให้ก่อน เดี๋ยวพี่มา”

ฝากงานเรียบร้อยและวิเชียรก็รับคำทันที

บุ้งเดินลิ่ว ๆ ก้าวขาอย่างรวดเร็วไปที่ออฟฟิศ หยุดยืนอยู่หน้าประตูออฟฟิศ ก่อนจะตัดสินใจเคาะประตูทั้งที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ไม่เคยเคาะ แต่เพิ่งรู้สึกว่าวันนี้ต้องเคาะ ส่งสัญญาณให้รู้ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป และก็เป็นอย่างที่คิด

มีนนั่งร้องไห้

นั่งร้องไห้ไม่หยุด ดวงตาที่หันมามองแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด และมีนก็หันไปก้มหน้าก้มตาร้องไห้โดยที่มือยังถือผ้าเช็ดหน้าลายหมีพูห์อยู่ ไม่ยอมแม้แต่จะเอามาเช็ดน้ำตาที่ไหล

“มีน”

เดินเข้าไปหาไปหยุดยืนตรงหน้าของคนที่ยังไม่มีทีท่าว่าน้ำตาจะหยุดไหล ไม่ใช่มีนคนเดียวที่รู้สึก
แต่บุ้งเองก็อดไม่ได้ที่จะน้ำตารื้นขึ้นมา

“น้องมันไปสบายแล้วมีน ร้องไห้ไปไอ้น้องแป้งมันว่ามึงไม่หล่อขึ้นมา จะไปว่าน้องมันไม่ได้นะ”

ถ้อยคำปลอบใจ ไม่มีอะไรดีขึ้นนอกจากจะทำให้คนฟัง ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม อย่างไม่นึกอาย

“ฮืออออออออออ พี่ ผมยังซื้อคาดผมมงกุฎให้น้องมันอยู่เลย แล้วทำไมมันไม่ยอมมาเอาวะพี่ แม่งจะเสือกชิงตายไปทำห่าอะไร”

มีนพูดไปร้องไห้ไป เสียงสะอื้นดังขึ้นพร้อมกับไหล่ที่ไหวลู่ลงสะท้านไปตามแรงสะอื้น
จนคนที่เห็นทนไม่ไหว ย่อตัวลงมานั่งอยู่ตรงหน้าของมีน ยกมือขึ้นแตะเบา ๆ ที่เส้นผมของคนที่ยังไม่หยุดร้องไห้
และก็รั้งร่างของน้องฝึกงานมากอดเอาไว้แน่น

“น้องมันไปสบายแล้วมีน น้องมันไปสบายแล้ว มึงยังต้องอยู่ต่อ เรายังต้องอยู่ต่อ เราทุกคนยังต้องอยู่ต่อ เกิด แก่ เจ็บ ตายมันเรื่องธรรมชาติ ต้องเจอทุกคน มึงต้องทำใจให้ได้ ยอมรับความจริงให้ได้นะมีน”

ผมไม่รู้ ผมไม่รู้จริง ๆ ผมไม่รู้ว่าผมจะทำใจได้ยังไง ผมไม่รู้ว่าผมจะทำใจกับเรื่องพวกนี้ได้ยังไง

“สองคนแล้วนะพี่ คนที่ผมรัก เพื่อนผม แล้วก็มาน้องแป้ง ทำไมต้องเป็นผมด้วยวะ ทำไมคนดี ๆ ที่ผมรู้จักต้องมาเป็นแบบนี้ด้วย ทำไมวะพี่ ผมไม่เข้าใจ”

มันเป็นธรรมดาของโลก มึงไม่เข้าใจมึงก็ต้องเข้าใจนะมีน มึงต้องเข้าใจ

“เราทุกคนก็ต้องจากไป ทำใจซะมีน ทำใจให้ได้ สังขารมันของไม่เที่ยง เรายังต้องทุกข์แบบนี้อีกไม่รู้กี่ครั้ง ร้องไห้ซะให้พอนะมีน ร้องไป”

มีนไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น เจ็บปวดพอแล้ว กับการพลัดพราก เจ็บปวดพอแล้วกับเรื่องแบบนี้
เจ็บปวดจนมีนคล้ายรู้สึกจะทนไม่ไหว

“ร้องไห้ซะให้พอมีน พี่อยู่นี่ มึงไม่ต้องอาย ร้องไป ร้องจนกว่าจะพอใจ”

บุ้งกอดร่างของเด็กฝึกงานเอาไว้แน่น มีแต่ถ้อยคำปลอบใจที่มีนยิ่งฟังยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิมไม่ยอมหยุด
การพลัดพรากมันยากจะทำใจ จากเป็นยังพอทำใจได้ แต่จากตาย มีนสุดที่จะทำใจกับเรื่องนี้อีกครั้งได้จริง ๆ


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน เหตุการณ์ซ้ำ ๆ 04/05/57 เวลา 9.59 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 04-05-2014 11:43:34

(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/02/ไฟล์เปล่า1Nn1wd.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง.....ตอน กำลังใจ

“ประพัฒน์…ที่ทำอยู่เลิกได้มั้ย”

บุ้งกำลังเงยหน้ามองไปที่รถคันถัดไปที่กำลังเข้า ในมือถือวิทยุสื่อสาร วอ. เรียกให้ปล่อยรถเข้ามา แต่เมื่อวางมือก็พูดอะไรบางอย่างให้คนที่มายืนข้าง ๆ ได้ยิน

“ทำอะไรพี่ ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย”

บุ้งไม่พูด ไม่ตอบ ยืนนิ่ง ก่อนจะหยิบวิทยุสื่อสารมาอีกครั้งและกรอกเสียงลงไป

“สุรชาติ ข้างหน้ามีรถเตรียมเข้า เคลียร์บล็อก 4 ให้ด้วย อย่าให้รถทิ้งไว้อย่างนั้น”

สายตาจ้องมองไปที่รถที่กำลังจะถอย และบุ้งก็หันมามองลูกน้องที่.........พยายามทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
แต่ปิดแทบไม่มิด กับอาการลุกลี้ลุกลน

“โกงบิลน้ำมัน ออกอย่างเดียวนะ”

ประพัฒน์ถึงกับใบ้แดก ยืนหน้าซีด แต่ก็ยังปฏิเสธซ้ำ ๆ

“อะไรพี่ โกงบิลน้ำมันห่าอะไรผมไปทำตอนไหน ผมทำงานทุกวันงก ๆ พี่ก็เห็น”

ใช่ ...ประพัฒน์ทำงานงก ๆ ทุกวัน บุ้งเห็น

“ทำไมไม่ทำต่อไปวะ ประพัฒน์ที่พี่รู้จักทำงานดีนะ ขยันด้วย ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ พี่ชอบประพัฒน์ที่ขยันตั้งใจทำงานนี่แหละว่ะ แต่ไอ้ประพัฒน์ที่โกงบิลน้ำมัน กูไม่ต้องการรู้จัก”

คำพูดเรียบง่าย แต่ปลายเสียงสุดท้ายเฉียบขาด และประพัฒน์ที่หน้าซีดเผือด ก็ได้แต่ยืนนิ่ง ไม่กล้าพูดอะไรอีก

“ไปทำงานมึงต่อเหอะ รถเบอร์ 14 กูกันไว้ให้มึงตลอดแหละ มันคุ้นมือชินมือกันดี อย่าให้กูต้องเปลี่ยนให้ใครขับแทนมึงเลย”

บุ้งหันหน้ากลับไปแล้ว และทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ทำแต่งาน มีบ้างบางครั้งที่เหลือบสายตาไปที่ออฟฟิศแผนกขนส่ง และมีบ้างที่แอบแว่บไปดูหน้าเด็กฝึกงานที่มันก็ตั้งหน้าตั้งตาทำแต่งานเหมือนกัน

คีย์บิลเป็นลัง ๆ ได้ แต่วัน ๆ ไม่พูดกับใครซักคำ เห็นแบบนั้นแล้วไม่รู้จะทำยังไง บอกตรง ๆ .........เครียดตาม

++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน เหตุการณ์ซ้ำ ๆ 04/05/57 เวลา 9.59 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 04-05-2014 11:47:18
มีนกำลังยิ้ม ถือกระติกโอเลี้ยงเอาไว้และมองไปที่เด็กนักเรียนอนุบาลที่ซ้อนท้ายมอร์เตอร์ไซด์ผู้ปกครองไปโรงเรียน
เห็นแล้วก็ยิ้ม ยิ้มเรื่อย ๆ ก่อนจะก้มหน้าลงและสลัดภาพในหัวที่เริ่มซ้อนทับเข้ามา

“พี่มีนหล่อ”

จำได้ดี จำเสียงเล็ก ๆ นั่นได้ดี แต่จะทำยังไงได้ เธอไม่อยู่มาสองอาทิตย์แล้วและคงไม่ได้เจอเธออีกตลอดไป
เดินก้มหน้าก้มตาเข้ามาในโรงงานและก็มาสะดุดกับใครบางคนที่มายืนขวางหน้า

“น้องพี่ขอคุยด้วยหน่อยสิ”

มีนเงยหน้าขึ้นมอง และก็เห็นว่าคนที่อยากคุยด้วยเป็นใคร

พี่ประพัฒน์....

พี่ประพัฒน์เป็นชายหนุ่มร่างใหญ่อายุสี่สิบปลาย ๆ ที่จริงอายุเกือบจะมากที่สุดในแผนกก็ว่าได้ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา แม้จะอายุมากกว่าพี่บุ้งหลายปี แต่ทุกคนที่นี่ เรียกพี่บุ้งว่า “พี่” ทุกคน ให้ความเคารพกันในฐานะหัวหน้างาน มีนมองหน้าพี่ประพัฒน์และเดินตามมาที่หลังป้อมยาม

พี่ประพัฒน์หน้าเครียด มีนไม่รู้ว่าพี่ประพัฒน์กำลังโกรธหรือโมโหอะไรหรือเปล่า แต่คงไม่ใช่เรื่องดี

“น้องบอกพี่บุ้งเหรอ”

บอกพี่บุ้ง บอกเรื่องอะไรวะ ไม่เห็นจะเข้าใจ

“พี่พูดเรื่องอะไร ผมไม่เข้าใจ”

มีนไม่เข้าใจ อยู่ดีๆ มาถามกันแบบนี้ ใครจะไปเข้าใจ

“ก็น้องคีย์บิลน้ำมันทุกวัน น้องคีย์ผิดเองหรือเปล่า แล้วเนี่ยวันนี้พี่บุ้งมาหาว่าพี่โกงบิลน้ำมัน พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย น้องไปบอกพี่บุ้งแบบนี้พี่เสียหายนะ”

ผมยังไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยนะ

“พี่เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ผมยังไม่ได้คุยอะไรกับพี่บุ้งเลย”

ปฏิเสธไปตามจริง และพี่ประพัฒน์ก็เริ่มรู้ว่าใช้น้ำเย็นไม่ได้ผล ไอ้เด็กฝึกงานเกาหลีนี่คงไม่เข้าใจ

“เอาเป็นว่า น้องอย่าเสือกเรื่องของพี่ก็แล้วกัน ไม่งั้นน้องอยู่ยากแน่”

อยู่ยากแล้วไง

“พี่พูดมาตรงๆ ดีกว่า พี่จะเอายังไง”

มีนไม่ใช่คนยอมคน โดนหาเรื่องกันซึ่งหน้า แบบนี้ยิ่งดี มีนไม่เคยกลัว พี่ประพัฒน์ พี่รู้จักผมน้อยไป

“แล้วมึงจะเอายังไงไอ้ตุ๊ดเกาหลี”

โดนหยาม และมีนก็กำหมัดแน่น

“แล้วมึงจะเอายังไง มึงพูดมาเลย มึงกล้าแลกกับกูป่ะล่ะ”

มีนมองหน้าประพัฒน์อย่างท้าทาย และประพัฒน์ที่คิดว่าจะรอดงานนี้ไปได้ง่าย ๆ ชักรู้สึกว่าไม่หมูซะแล้ว

“พี่เตือนดี ๆ นะน้อง”

เตือนดี ๆ บ้านพ่อมึงดิ แบบนี้เรียกเตือนดี ๆ มึงจะต่อยกับกูมั้ยไอ้สัด เห็นว่าแก่แล้วกูถึงไม่อยากเล่นด้วยหรอกนะ
แก่เพราะอยู่นานแบบนี้ กูก็ไม่นับถือหรอก

“พี่เก็บคำเตือนของพี่ไว้เตือนตัวเองเหอะ”

มีนมองหน้าของคนที่มาหาเรื่องกันซึ่งหน้า และประพัฒน์ก็มองหน้ามีนอย่างอาฆาต

“ลูกพี่มึงอ่ะ จบม.3 หรือเปล่าก็ยังไม่รู้ อาศัยว่าอยู่นานหรอก เรียนก็สูงไม่น่าโง่มาเป็นลูกน้องไอ้บุ้งเลย น้องไปหางานอื่นทำเหอะ ดีกว่ามาทำงานงก ๆ ให้ไอ้บุ้งใช้ นี่พี่เตือนด้วยความหวังดีเลยนะ”

ไปเตือนพ่อมึงเหอะ ไอ้สัด

“ขอบคุณที่เตือนผมครับพี่ แต่จะเรียนสูงเรียนต่ำ สันดานไม่เลวตามการศึกษาที่ได้มาน้อยก็พอแล้ว ผมวัดคนที่สันดานไม่ใช่การศึกษาอย่างเดียว”

มีนตอบกลับไปหน้าเฉย และประพัฒน์ก็มองมีนด้วยหางตา ก่อนจะชี้หน้าของมีนเพื่อให้รู้ว่าเรื่องนี้ไม่มีทางจบง่าย ๆ แน่

แล้วกูสนหรือไงไอ้สัด แน่จริงมึงวัดกับกูตัวต่อตัวตอนนี้เลยก็ได้ แม่งไม่กล้าจริงนี่หว่า ไอ้หมาลอบกัด แน่จริงมึงมาเลย
อย่านึกว่าคนอย่างกูจะกลัว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน เหตุการณ์ซ้ำ ๆ 04/05/57 เวลา 9.59 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 04-05-2014 11:52:44
“เด็กพี่โคตรได้ใจเลยว่ะพี่บุ้ง”

วิเชียรถึงกับอดชมไม่ได้ เอ่ยชมครั้งแล้วครั้งเล่า และคนที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่ต่างกันก็คือบุ้ง
ไอ้มีนนี่มันดูแค่หน้าไม่ได้จริง ๆ

“ขนาดประพัฒน์มันยังกล้าวัด สงสัยอีกไม่นาน แม่งต้องขึ้นมาตบกบาลกูแน่ ๆ เลยว่ะ”

จดเวลาไป อมยิ้มไป รู้ว่าเด็กฝึกงานยังไม่เป็นปกติเท่าไหร่ สภาพจิตใจมันยังไม่ค่อยคงที่ เลยไม่อยากใช้อะไรมันมาก ให้มันตั้งหน้าตั้งตาคีย์บิลมันไป คีย์เสร็จเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ไม่เซ้าซี้มันมาก

“เออ ซัพให้ขนมปังมา มึงเอาไปให้ไอ้มีนมันหน่อยดิ๊ วิเชียร”

มองไปที่ถุงขนมที่วางไว้ที่หน้าเคาร์เตอร์ และวิเชียรก็จัดการหิ้วถุงขนมเดินตรงดิ่งไปที่หน้าประตูออฟฟิศแผนกขนส่ง

เมื่อก่อนไม่เคยเคาะประตู แต่เดี๋ยวนี้มีคนอยู่ วิเชียรเลยต้องเคาะ ไม่เคยต้องมารักษามารยาทอะไรกันขนาดนี้
แต่อยู่ดีๆ มันก็เป็นแบบอัตโนมัติ ตั้งแต่เปิดเข้ามาแล้วเห็นไอ้เกาหลีมันนั่งร้องไห้ไม่เว้นแต่ละวัน เห็นมันร้องแล้วแทบร้องตาม
ไม่อยากจะเห็นภาพแบบนั้นเลยจริง ๆ

“อ้าวพี่วิเชียร มีอะไรให้รับใช้ครับท่าน”

มีนละมือจากหน้าจอคอมพิวเตอร์และเอ่ยถามรุ่นพี่ที่เดินเข้ามาหาและเอาถุงขนมมาวางไว้ให้ที่โต๊ะ

“ซัพให้มา แบ่ง ๆ กันกิน พี่บุ้งให้เอามาให้เกาหลี”

กำลังหิวอยู่พอดีเหมือนกัน เมื่อเช้าไม่ได้กินข้าวมาด้วย ได้ขนมปังรองท้องหน่อยก็ดี

“ขอบคุณครับพี่”

เอ่ยปากขอบคุณ และวิเชียรที่กำลังจะหันหลังกลับอยู่ดีๆ ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“เกาหลี.....เกาหลีนี่ไม่ธรรมดาเหมือนกันนี่หว่า”

อะไรวะพี่ ผมไม่เห็นเข้าใจเลย
มีนกำลังงง เกิดความมึนงงสงสัย จนต้องขมวดคิ้วมองหน้าพี่วิเชียร

“อะไรไม่ธรรมดาวะพี่ หมายถึงเรื่องที่ผมหล่ออ่ะนะ นั่นมันก็ไม่ธรรมดาอยู่แล้วพี่ต้องเข้าใจ”

กวนตีนขนาดนี้ ไม่ต้องเดาว่าได้เชื้อมาจากใครได้เชื้อลูกพี่มาแหง ๆ

“จะอะไรก็แล้วแต่เหอะ แต่จะบอกว่าพี่บุ้งไม่ใช่ไม่จบ ม.3 นะเกาหลี.....แกจบวิศวยานยนต์มา เกียรตินิยมอันดับสองจากมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเกาหลีนั่นแหละ”

เหี้ยยยยยยยยยย
คณะนั้นแม่งเข้ายากชิบหาย แล้วลูกพี่กูจบมาจากที่นั่นเนี่ยนะ โคตรเหลือเชื่อเหอะ

“แรก ๆ แกมาทำที่นี่ หน้าแกเกาหลียิ่งกว่าเกาหลีตอนนี้อีกจะบอกให้ ใคร ๆ ก็ว่าแกไม่มีทางทนงานได้เกินสามวันหรอกเดี๋ยวก็ออกแน่ ๆ”

ตั้งใจฟังสิ่งที่พี่วิเชียรพูด เรื่องนี้ไม่เคยคุยกัน นาน ๆ จะได้คุยเรื่องส่วนตัวกันบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ไม่ใช่เรื่องประวัติส่วนตัวอย่างนี้

“ไม่มีใครนับถือแกหรอก พวกมาลองของกันเพียบ แต่ตอนหลังก็ต้องยอม เพราะแกแม่งของจริง เอาก็เอาจริง ๆ ไม่เอาแกก็ไม่เอา หลัง ๆ มาเลยไม่มีใครกล้ากับแก”

ประวัติโชกโชนน่าดูเหมือนกันนี่หว่าลูกพี่กู นึกว่าเป็นแต่แหกปากด่าลูกน้องอย่างเดียว

“ช่วงนี้เกาหลีก็ระวัง ๆ ตัวหน่อยนะ ประพัฒน์มันเล่นด้วยยาก รอบจัด พี่บุ้งยังไม่อยากจะแลกด้วยเท่าไหร่ เห็นว่าอยู่มานาน”

ผมจะระวังตัวพี่ ขอบคุณที่เตือนผม

“แล้วก็.........พี่บุ้งฝากมาบอกว่าคิดถึงเมียด้วย....ออกไปให้เห็นหน้าหน่อย เดี๋ยวแกไม่มีกำลังใจทำงาน”

ห๊ะ
อะไรวะ

มีนถึงกับหลุดขำออกมา และมองหน้าพี่วิเชียรที่เอ่ยปากแซว เรื่องที่เอาไว้คุยกันหยอกล้อกันจนกลายเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ได้คิดอะไร เดี๋ยวนี้เขาใช้มุกในการมาตามให้ไปช่วยงานแบบนี้แล้วเหรอวะ

พี่วิเชียรเดินออกไปแล้ว และมีนก็เดินตามออกมา เดินตามมาเรื่อย ๆ มาหยุดยืนอยู่ต่อหน้าลูกพี่ และอยากรู้ว่าจะให้ช่วยอะไร

“เดินออกมาทำไม ไม่คีย์บิลมึงหรือไง ว่างจัดจริงนะ”

คนที่กำลังลงเวลาเงยหน้าขึ้นมามองและมีนก็ขมวดคิ้วมุ่น ไม่เข้าใจว่าพี่บุ้งจะถามแบบนี้ทำไม ก็เป็นคนเรียกผมออกมาเองไม่ใช่เหรอวะ

“พี่วิเชียรบอกว่าพี่คิดถึงผม อยากให้ผมมาให้กำลังใจตอนทำงานนี่ผมก็เลยถ่อมาหาเลยนะพี่”

อะไรนะ คิดถึงมึงเนี่ยนะ เลยอยากได้กำลังในการทำงานจากมึงเนี่ยนะ บุ้งถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
และมีนก็เกิดอาการหน้าเหวอขึ้นมากะทันหัน เริ่มรู้อะไรขึ้นลาง ๆ

“พี่วิเชียรรรรรรรร”

หันไปตะโกนเรียกรุ่นพี่ ที่เดินเข้าไปโซนในและก็เห็นว่าพี่วิเชียรหันมาหัวเราะชอบใจที่แกล้งมีนได้

“อย่าไปแกล้งว่าวิเชียรมันเล้ยยยยย มึงคิดถึงกูมึงเลยหนีงานเดินออกมาหาก็บอกตรง ๆ ไม่ต้องทำเขิน”

ไม่ต้องทำเขินอะไรล่ะพี่

“เออใช่ไง ผมหนีงานเดินออกมาหาพี่ด้วยความคิดถึง…..ก็พี่ไม่คิดถึงผมแล้วก็ไม่เดินไปหาผมบ้างเลยนี่หว่า”

บุ้งเงยหน้าขึ้นมองเด็กฝึกงานที่อยู่ดีๆ ก็ตอบกลับมาด้วยคำพูดคำจาชวนหวาดเสียว ไม่อยากจะคิดอะไรกับคำพูดบ้า ๆ บอ ๆ ของเด็กฝึกงานให้มาก แต่อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ ที่อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกใจเต้นแปลก ๆ ขึ้นมาจนต้องก้มหน้าก้มตาทำทีเป็นจดเวลาลงในตารางอีกครั้ง

“อะไรของมึง เพ้อเจ้อ ไปคีย์บิลมึงไป”

ไล่ให้มีนที่กำลังเริ่มยิ้มระรื่นไปทำงานต่อ และเด็กฝึกงานก็หันหลังกำลังจะเดินไปแล้ว แต่ก็ถูกบุ้งเรียกเอาไว้จนมีนต้องหันกลับมาเพื่อถามว่าลูกพี่จะเอาอะไร

“เออ...ยิ้มได้ซะทีนะมึง....มึงร้องไห้เป็นชาติเล่นเอาคนอื่นเขาไม่มีกำลังใจจะทำงานไปด้วย ทีหลังไม่เอาแบบนี้แล้วนะมีน..........แม่ง.....ปวดใจแทน”




TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ปวดใจ/กำลังใจ 04/05/57 เวลา 11.58 น.
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 04-05-2014 12:04:21
พี่บุ้งกับน้องเกาหลีน่ารักดี
ชอบเรื่องนี้ใกล้เคียงกับสายงานที่ทำ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ปวดใจ/กำลังใจ 04/05/57 เวลา 11.58 น.
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 04-05-2014 12:24:54
พี่บุ้งหวั่นไหว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ปวดใจ/กำลังใจ 04/05/57 เวลา 11.58 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 04-05-2014 12:43:30
หยอดกันไปหยอดกันมาแล้วก็เผลอคิดจริงไม่รู้ตัว :impress2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ปวดใจ/กำลังใจ 04/05/57 เวลา 11.58 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 04-05-2014 12:58:59
พี่บุ้งสุดยอด
แอบหยอดไป หยอดมา น่ารักเนอะ
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ปวดใจ/กำลังใจ 04/05/57 เวลา 11.58 น.
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 04-05-2014 13:15:28
ดิบๆได้ใจดี :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ปวดใจ/กำลังใจ 04/05/57 เวลา 11.58 น.
เริ่มหัวข้อโดย: wochima ที่ 04-05-2014 13:36:26
ปวดใจจจจ    :katai4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ปวดใจ/กำลังใจ 04/05/57 เวลา 11.58 น.
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 04-05-2014 13:42:46
พี่บุ้ง~~~~~~~!!!!
ตกหลุมน้องเกาหลีซะแร้วอ่ะดิ๊ 5555
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ปวดใจ/กำลังใจ 04/05/57 เวลา 11.58 น.
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 04-05-2014 14:07:40
ว้าวๆ มีปวดใจแทนกันด้วย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ปวดใจ/กำลังใจ 04/05/57 เวลา 11.58 น.
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 04-05-2014 14:18:35
พั่บุ้งกับน้องมีนนนน่าาารักกกกกกกกก มีนต้องระวังไอเประพัตไว้นะ เด่วมันลอบกัดขึ้นมานี่ลำบากเลยย :katai1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ปวดใจ/กำลังใจ 04/05/57 เวลา 11.58 น.
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 04-05-2014 14:27:46
น้องเกาหลีกับพี่บุ้งนี่น่ารัก น่าหยิกที่สุด :o8:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ปวดใจ/กำลังใจ 04/05/57 เวลา 11.58 น.
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 04-05-2014 14:48:20
แต่ว่าแซวกันไป แซวกันมา เมื่อไหร่จเอาจริง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ปวดใจ/กำลังใจ 04/05/57 เวลา 11.58 น.
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 04-05-2014 14:58:28
อะไรอ่ะมีปวดใจแทนด้วย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ปวดใจ/กำลังใจ 04/05/57 เวลา 11.58 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 04-05-2014 16:03:20

(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/02/ไฟล์เปล่า1Nn1wd.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง.....ตอน ต้องทำใจ

บุ้งกำลังยืนมองโทรศัพท์ในมือ สายเรียกเข้าที่บุ้งรู้ ว่าคนที่โทรมามีเรื่องสำคัญบางอย่างจะคุยด้วยแน่ ๆ
เรื่องสำคัญที่บุ้ง ไม่อยากจะทำใจยอมรับ แต่ก็จำใจต้องจัดการให้มันจบสิ้นไป

“สวัสดีครับ บุ้งครับ”

ขมวดคิ้วมุ่น และรอฟังเสียงจากปลายสายว่าต้องการหรืออยากจะให้ทำอะไรบ้าง

“......ได้ครับ....”

รับคำเพียงเท่านั้นและบุ้งก็หย่อนโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงไป บุ้งกำลังครุ่นคิดเรื่องบางอย่าง จนสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ไม่อยากให้เรื่องเป็นแบบนี้ แต่บางทีมันคงถึงเวลา มองไปที่พนักงานขับรถที่เป็นลูกน้องกันมานานหลายปี
แล้วก็ได้แต่ถอนใจยาว

แรกเริ่มเดิมทีเข้ามาทำงานในนี้ มีแต่คนดูหมิ่นว่าคงไม่มีทางอยู่ได้เกินสามวัน

เดิมทีประพัฒน์เป็นผู้ช่วยแผนกขนส่ง และใครๆ ต่างคาดเดากันว่า คนที่จะขึ้นมาเป็นหัวหน้าแผนกคนใหม่ ยังไงก็ต้องเป็นประพัฒน์แน่ ๆ ความหวังความฝันของประพัฒน์ที่ทำงานมานานหลายปีอยู่แค่เอื้อม

แต่มันก็พังทลายลงจนหมดสิ้น เมื่อบุ้งเข้ามาในฐานะหัวหน้างานคนใหม่ หัวหน้าที่ขาดประสบการณ์ เป็นเด็กจบใหม่ไฟแรง ที่มีดีกรีไม่ธรรมดา แต่มันก็เท่านั้น ของพวกนั้นไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย ทุกสิ่งทุกอย่างบุ้งต้องมาเรียนรู้ใหม่ทั้งสิ้น
ไม่มีใครยอมรับในตัวบุ้งเลย หัวหน้างานหน้าเด็กใส ๆ ที่ไม่เคยผ่านงานอะไรมาซักอย่าง จะมาคุมพนักงานขนส่งได้ยังไง

มีดีกรีเกียรตินิยม ที่ทำให้หลายคนเชื่อว่ามันจะช่วยให้อยู่เหนือคนอื่น แต่พอเอาเข้าจริงของพวกนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะช่วยอะไรได้

เปล่าเลย

เกียรตินิยมไม่ได้ช่วยอะไรในชีวิตการทำงานที่แท้จริง การสร้างความเชื่อถือให้คนยอมรับ เกียรตินิยมไม่ใช่ตัวช่วยเลยสักนิด แถมจะเป็นการตอกย้ำหากล้มเหลวอีกต่างหาก จบเกียรตินิยมแต่ไม่มีปัญญาบริหารงาน มันยากแค่ไหน ที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวภายใต้ความกดดันที่ลูกน้องมองไม่เห็นหัว มันยากลำบากแค่ไหนกว่าจะทำให้ทุกคนยอมรับได้

กว่าจะได้อย่างทุกวันนี้มันยากลำบาก ต้องสั่งสมประสบการณ์ ต้องล้ม ต้องลุก ต้องโดนดูหมิ่นเหยียดหยามมากขนาดไหน

เคยท้อ เคยนึกอยากจะพอ แต่สิ่งที่บุ้งคิด ท้อไปก็ไม่มีประโยชน์ แค่ลาออกมันง่ายไป ทุกอย่างมันจบง่าย ๆ
แล้วคำสบประมาทที่ผ่านมาล่ะ มันก็จะกลายเป็นจริงอย่างที่ทุกคนว่า

“เรียนมาก็สูง งานแค่นี้ทำไม่ได้”

บุ้งได้แต่ยืนนิ่งและกำหมัดแน่นในวันที่ถูกลูกน้องเย้ยหยัน มันเป็นเรื่องจริง เรื่องจริงที่บุ้งยอมรับว่าใช่อย่างที่ลูกน้องพูด
เรียนมาก็สูง เรื่องแค่นี้ทำไม่ได้ มันจะทำได้ยังไง ในเมื่อไม่มีใครบอกอะไรเลย ไม่มีใครบอก ไม่มีใครสอน ไม่มีใครให้ความร่วมมือ ทุกอย่างต้องค้นหาด้วยตัวเองทั้งหมด ผ่านไปไม่นาน คำพูดนั้นยังคงอยู่ และมันย้อนกลับมาอีกครั้ง เมื่อเวลาผ่านไปพักใหญ่

“เรียนมาก็สูง งานแค่นี้ทำไม่ได้”

“เรียนมาก็สูงครับ แต่เพิ่งมาทำได้สองอาทิตย์ จะไปสู้พวกพี่ที่ทำมาเป็นสิบปีได้ยังไง ของแบบนี้มันต้องอาศัยเวลาและสั่งสมประสบการณ์ครับ….พี่วิเชียรช่วยสอนผมหน่อยนะ ถ้าผมได้ความรู้พี่วิเชียรมาช่วย ผมคงจะเข้าใจอะไรมากขึ้น”

ครั้งแรกที่บุ้งเริ่มรู้แล้วว่าจะจัดการกับงานแต่ละอย่างยังไง

และวิเชียรที่เคยสบประมาทบุ้งเอาไว้ ก็เริ่มรู้ไอ้หัวหน้างานหน้าอ่อนคนใหม่ ไม่ได้เลวร้ายและแค่จะมาเอาแต่เดินไปเดินมา และสั่งให้ทำนั่นทำนี่ไปวัน ๆ และในเวลาไม่นาน ตำแหน่งผู้ช่วยหัวหน้างานคนใหม่ก็ตกเป็นของวิเชียร

ไม่ใช่ประพัฒน์อีกต่อไป

บุ้งรู้ที่มาที่ไปของความเจ็บแค้นของประพัฒน์มาตลอดหลายปี รู้ว่าเป็นเพราะอะไรประพัฒน์ถึงได้ไม่ชอบหน้าตัวเอง
แต่เรื่องนั้นบุ้งไม่เคยเอามาเป็นปัญหาในการทำงาน ปัญหาส่วนตัวไม่เกี่ยว ขอให้ทำงานสำเร็จลุล่วงไปพร้อมกันด้วยดี ก็พอ

ทั้งที่เคยคิดแบบนั้นมาตลอด และรู้ว่าประพัฒน์ไม่ได้ชอบหน้าบุ้งเท่าไหร่
แต่หลาย ๆ ครั้งที่บุ้งเห็น ประพัฒน์ทำงานได้ดี ดีจนบุ้งนึกชื่นชมมาตลอดในศักยภาพในการทำงาน

มันควรจะเป็นอย่างนั้นไปตลอดแท้ ๆ ถ้าประพัฒน์ไม่คิดอะไรง่าย ๆ เพียงเพื่อแลกกับเงินไม่เท่าไหร่
พอรู้มาบ้างว่าหลัง ๆ ประพัฒน์มีปัญหาเรื่องการเงินรวมทั้งปัญหาหนี้สิน เกิดจากสาเหตุอะไรบุ้งไม่เคยถาม แต่ก็พอรู้ว่าประพัฒน์เป็นหนี้ เพราะมีคนมาทวงหนี้และมาขู่ประพัฒน์ถึงหน้าโรงงาน

แต่ก็เคลียร์กันไป จบกันไป

คิดว่าคงจะดีขึ้นแล้ว จบแล้ว แต่พักหลัง ๆ ประพัฒน์เริ่มใช้เงินมือเติบขึ้น ทั้งที่รายได้เท่าเดิม แต่ดูเหมือนประพัฒน์จะมีเงินกินใช้มากขึ้นจนผิดสังเกต และความสงสัยของบุ้งก็กระจ่างในเวลาไม่นาน ประพัฒน์โกงบิลน้ำมัน และโกงน้ำมันด้วย
วิธีการง่าย ๆ และได้เงินเร็ว หน้าที่ตรวจบิลน้ำมัน เมื่อก่อนเป็นของพนักงานคีย์บิลคนก่อนที่สนิทกับประพัฒน์เป็นการส่วนตัว

ทำงานดี แต่ไม่อยากจะคิดว่าเบื้องลึกเบื้องหลังมีอะไร นึกแล้วก็เสียดาย แต่อย่างน้อยก็จบไปแล้ว มันจบลงตรงที่น้องคนนั้นมันไปติดทหาร และลาออกไป กลายเป็นบุ้งต้องลำบากหาคนมาคีย์บิลแทน เพราะหาเท่าไหร่ก็หาไม่ได้ เลยต้องไปขอเด็กฝึกงานลงมาช่วย ถ้ามีนมันไม่มาคีย์บิล ถ้าบุ้งไม่ตรวจ ป่านนี้คงไม่มีทางรู้

ประพัฒน์โกงบิลน้ำมัน และโกงมานานพักใหญ่แล้ว
ได้แต่คิด ได้แต่ครุ่นคิดอยู่อย่างนั้น และรู้สึกเสียดายอยู่ลึก ๆ

..........ผมช่วยพี่ได้แค่นี้นะพี่ประพัฒน์.......ผมเตือนได้แค่นี้...
ส่วนพี่จะเชื่อหรือเปล่าผมไม่รู้ และถ้าพี่ไม่เชื่อผม...........พี่ก็ต้องรับผลที่ตามมาให้ได้ เพราะนั่นเป็นสิ่งที่พี่เลือกเอง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ปวดใจ/กำลังใจ 04/05/57 เวลา 11.58 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 04-05-2014 16:04:05
“มีน วันนี้มึงกลับเย็นหน่อยได้มั้ย พอดีมีคนอยากจะคุยกับมึงนิดหน่อย”

พี่บุ้งเดินหน้าเครียดเข้ามาในเวลาเกือบห้าโมงเย็น และมีนที่กำลังเตรียมตัวเก็บของใส่กระเป๋าเป้และกำลังจะปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ ก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย

“เรื่องอะไรอ่ะพี่ เกี่ยวกับผมด้วยเหรอ”

เกี่ยวกับมึงเหมือนกัน แม้จะไม่ทั้งหมด แต่ก็ถือว่าเกี่ยว

“เดี๋ยวมึงทำเป็นเฉย ๆ ไม่ต้องพูดมากนะ มึงเดินออกไปทำทีไปตอกบัตรแล้วก็เดินเตร่ไปเตร่มาอยู่หน้าโรงงานนั่นแหละ บอกว่ารอเพื่อน รออะไรก็ว่าไป”

มันอะไรยังไงวะ มีลับลมคมในอะไรขนาดนั้นเลยเหรอพี่

“เรื่องอะไรวะพี่ ทำไมต้องทำขนาดนั้นเลยวะ”

ยิ่งฟัง ยิ่งครุ่นคิด ยิ่งฟังยิ่งสงสัย และบุ้งก็เดินเข้ามาใกล้ๆ พูดกับมีนเสียงเบาพอให้ได้ยินกันแค่สองคน

“มึงดูด้วยว่าประพัฒน์ออกไปตอนไหน ถ้าประพัฒน์ไปแล้ว มึงโทรบอกพี่ เดี๋ยวเราขึ้นไปคุยกับนายด้วยกัน…..นายสั่งมา”

มีนเริ่มเข้าใจได้ในทันทีว่าเรื่องอะไร แม้ไม่ต้องเดามาก แต่ก็พอรู้กัน........

งานนี้สงสัยยาว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ปวดใจ/กำลังใจ 04/05/57 เวลา 11.58 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 04-05-2014 16:07:23
………นี่นายเหรอวะ...... หน้าเด็กกว่ากูอีก

มีนเพิ่งรู้ว่าคนนี้แหละคือนาย

คุณนัธพันธ์ เป็นเจ้านายที่หน้าโคตรเด็ก แม้มาดจะดูขรึม ๆ นิ่ง ๆ ไปบ้าง แต่มีนก็คิดว่านายดูน่ารักไม่น้อย

แต่แค่น่ารักอย่างเดียวคงมาคุมโรงงานไม่ได้ แม้จะคิดในใจในทางแปลก ๆ แต่มีนก็อดรู้สึกทึ่งและชื่มชมไม่ได้ นายหน้าเด็กก็จริง แต่การพูดการจา ไม่ได้เด็กตามหน้าไปด้วย งานนี้นายไม่ได้พูดอะไรมาก เป็นคุณเลขารัชชานนท์ที่ทำหน้าที่เป็นฝ่ายพูดและอธิบายมากกว่า และมีนก็รู้สึกว่ากำลังเกร็ง เวลาต้องคุยกับคุณเลขามาดนิ่ง ที่พูดจาเรียบ ๆ ง่าย ๆ แต่เต็มไปด้วยพลังที่ข่มจนกูตัวลีบไปหมดแล้วเนี่ย

“มากันพร้อมแล้วนะ”

คุณรัชชานนท์เป็นคนเริ่มก่อน และบุ้งที่นั่งหน้าเครียดก็ตั้งใจฟังสิ่งที่คุณรัชชานนท์พูดเป็นอย่างดี

“ผมกับคุณนัท เราเป็นห่วงสวัสดิภาพของทั้งบุ้งและน้องเมืองมีน”

ห่วงเลยเหรอวะ เรื่องใหญ่เลยเหรอ ถึงขนาดนายกับคุณเลขาต้องลงมาเอง สงสัยคงจะไม่ธรรมดา

“อย่างที่รู้นะบุ้ง เรื่องของประพัฒน์ ผมกับนายจะจัดการเอง ให้บุ้งอยู่เฉย ๆ และสบายใจได้ว่าเรื่องนี้จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้บุ้งเด็ดขาด”

บุ้งได้แต่นั่งนิ่ง และลอบถอนหายใจออกมา เพราะรู้แน่ชัดแล้วว่าต้องเป็นเรื่องนี้แน่ ๆ

“ผมสงสารเขา พี่ประพัฒน์เขามีครอบครัว มีลูกเมีย”

บุ้งไม่รู้จะพูดอะไรดี บอกไปแค่นั้น และคุณเลขาก็พยักหน้ารับฟัง

“ผมจึงจะเสนอให้เงินเขาจำนวนหนึ่ง แลกกับการไปหาอะไรใหม่ ๆ ทำ ผมกับนายเราก็ไม่อยากให้ปัญหามันลุกลามใหญ่โต ถ้าจ่ายแล้วจบ เราก็อยากจะจ่ายไปซะ”

การมีปัญหาต่อเนื่องมันไม่คุ้มนักหรอก คุณเลขารัชชานนท์ก็รู้เรื่องนี้ดี ประพัฒน์ไม่ใช่ว่าเพิ่งมาอยู่ แต่อยู่มาเป็นสิบปีแล้ว ถือว่าเป็นคนเก่าคนแก่เลยก็ว่าได้ จึงไม่อยากหักหาญน้ำใจกัน ถือว่าเห็นแก่ความดีที่ผ่านมา

“แต่ถ้าเขาไม่จบ.....ผมก็ต้องให้ดำเนินการไปตามกฎหมาย”

บุ้งได้แต่นิ่งฟัง รับรู้จากปากของคุณเลขาที่จะเป็นฝ่ายคุยกับประพัฒน์ด้วยตนเอง

“ไม่จบของเขา ไม่ใช่ว่าไม่จบกับโรงงานนะ แต่เขาจะไม่จบกับบุ้ง และน้องฝึกงาน เขาย่อมคิดว่าคุณเป็นคนทำให้เขาต้องออก เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ผมถึงได้บอกว่า ผมกับนายจะเป็นคนจัดการเอง”

บุ้งรับฟังสิ่งที่คุณเลขาชี้แจงให้รู้ และก็มองหน้ามีนที่เริ่มขมวดคิ้วมุ่น ปัญหาแม่งอย่างเยอะเลยเหรอวะเนี่ย
แค่คิดว่าถ้าแม่งต่อยมากูก็จะต่อยสวนซักหมัดแค่นั้นเนี่ยนะ กลายเป็นเรื่องร้ายแรงได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ

“อีกอย่าง ผมเห็นว่ามันถึงเวลาแล้วที่ต้องล้างเลือด”

บุ้งเงยหน้าขึ้นสบตากับคุณรัชชานนท์ที่มีสีหน้าเรียบเฉย แต่ทุกคำพูดแฝงไปด้วยความจริงจัง

“เลือดเสีย ๆ ที่อยู่ในโรงงานเรามานาน ผมว่ามันคงถึงเวลา ต้องจัดการ สำคัญกว่านั้นคือต้องรบกวนบุ้งเป็นธุระให้หน่อย ช่วงแรกที่ประพัฒน์ไม่อยู่ บุ้งคงต้องรับบทหนัก แต่ผมหาคนไว้แล้ว คงพอช่วยเหลือไปได้ก่อน ส่วนคนใหม่ที่จะเข้ามาอยู่กับบุ้งผมกำลังคัดกรอง เพื่อจะได้ไม่ต้องมาเป็นภาระและสร้างความลำบากใจให้กับบุ้งอีกในภายหลัง”

บุ้งยกมือไหว้ขอบคุณทั้งนายและคุณเลขาที่ให้ความใส่ใจกันถึงขนาดนี้

ปกติเรื่องพวกนี้ไม่เคยถึงหูผู้บริหาร แต่พอเป็นคุณนัท กลับลงมาจัดการเอง ทั้งที่บุ้งก็เคยได้ยินเสียงซุบซิบจากพนักงานหลายคนบ่อย ๆ เรื่องความเด็กของนาย นายเองก็คงถูกสบประมาทมาไม่น้อย ว่าคงไม่สามารถทำงานได้เช่นกัน
แต่ในเวลานี้บุ้งรู้แล้ว นายทำงานเป็น และนายเก่งที่จะเลือกใช้คน

“ท้ายนี้นายมีอะไรบางอย่าง อยากจะบอกกับบุ้งและน้องเมืองมีนด้วย เชิญครับนาย”

คุณเลขานั่งลงแล้ว และนายก็หันมามองหน้าของบุ้งและมีนก่อนจะส่งยิ้มบาง ๆ มาให้

“ผมยินดีมากและขอบคุณมากที่ได้บุ้งมาเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยพัฒนาให้โรงงานของเรามีระบบการจัดการที่ดี และมีมาตรฐานจนสามารถแข่งขันกับที่อื่นได้อย่างสบาย ๆ”

บุ้งยกมือไหว้นายอีกครั้งด้วยความขอบคุณ นายไม่ใช่เด็ก แต่นายเป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล และมองไปข้างหน้าเสมอ

นี่คือสิ่งที่บุ้งนึกชื่นชม

“ส่วนเรา ชื่อเมืองมีนใช่มั้ยครับ”

มีนถึงกับสะดุ้งเฮือก เมื่อถูกนายทัก และมีนก็รีบขานรับแทบไม่ทัน

“ครับใช่ครับ”

หันไปมองหน้านาย และก็เห็นว่านายส่งยิ้มบาง ๆ มาให้ รอยยิ้มแบบมีมิตรไมตรี ที่มีนแทบอยากจะยิ้มตาม

“มีทางไหนมั้ย ที่เราจะได้ร่วมงานกันโดยเร็ว ผมขอชื่นชมในความสามารถของคุณ คุณมีศักยภาพมากกว่าพนักงานประจำหลายคนในนี้ซะอีก โรงงานเราอยากได้คนอย่างคุณมาร่วมงาน”

อ่า .........ผมเหรอ .....ผม..........

“คงต้องรอให้ฝึกงานเสร็จแล้วก็กลับไปเรียนต่ออีกสองเดือนครับ”

ตอบกลับไปแล้ว และก็หันไปมองหน้าพี่บุ้ง ที่เหมือนมีรอยยิ้มน้อย ๆ จุดขึ้นที่มุมปาก ยิ้มทำไมพี่ พี่ดีใจที่ผมจะอยู่ต่อหรือไง.......รู้ทันหรอกว๊า

“ผมไม่อยากรอเวลาเลย กลัวว่าหลังคุณเรียนจบ จะมีคนแย่งตัวคุณไปซะก่อน โรงงานผมเสียโอกาสแย่ ยังไงผมขอให้ที่นี่เป็นตัวเลือกแรกของคุณนะ ถ้าคุณยอมมาทำงานกับเรา ผมจะยินดีมาก”

ลอยเลยกู นายชมซะ กูไปไม่เป็นเลยวะงานนี้ มีนได้แต่ยิ้มกว้าง และยกมือไหว้ขอบคุณนายที่ให้โอกาส และพยายามหันไปสบตาพี่บุ้งที่แกล้งมองเมินไปทางอื่น ทั้งที่ผมก็เห็นอยู่ว่าพี่ก็กำลังยิ้ม

“สุดท้ายนี้ผมอยากจะบอกว่าผมรู้สึกยินดีและขอบคุณบุ้งและน้องเมืองมีนมาก ขอบคุณที่เหนื่อยกับเรามาตลอด ผมสัญญาจะตอบแทนให้ตามสมควรที่คุณควรจะได้ และขอขอบคุณพวกคุณทั้งสองคนจากใจจริง”

++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ปวดใจ/กำลังใจ 04/05/57 เวลา 11.58 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 04-05-2014 16:10:28
“นายแม่งน่ารักว่ะพี่”

มีนกำลังยิ้ม และหันไปมองหัวหน้างานที่หันมาและนึกอยากตบกบาลเด็กฝึกงานที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง

“นายนะมึง เคารพกันหน่อย มาน่าร้งน่ารักห่าอะไรของมึง”

ก็มันจริงนี่หว่า

“โห่พี่ ผมไม่ได้พูดเล่นนะ พี่ก็น่าจะเห็นว่านายโคตรน่ารัก ได้แฟนแบบนี้ผมก็เอานะ ผู้ชายก็เหอะ น่ารักเกิน”

เกินไปแล้วมึง ไอ้มีน

“ลามปามนะมึง”

เอ็ดไปเสียงเบา และบุ้งก็จัดการถอดเสื้อที่สวมอยู่ออก และเปิดตู้หยิบเสื้อมูลนิธิมาใส่

“เข้าเวรเหรอพี่วันนี้”

เออ

บุ้งพยักหน้ารับ และมีนก็พยักหน้าตาม

“ไม่เหนื่อยบ้างเหรอพี่ เลิกงานแล้วต้องไปเก็บศพต่อ”

เหนื่อยเหรอ

“มึงลองทำสิ่งที่มึงอยากทำด้วยใจสิ เหนื่อยแค่ไหนมึงก็อยากจะทำ แล้วเวลามึงได้ทำ มึงจะไม่มีคำว่าเหนื่อยอยู่ในหัวเลย”

เออว่ะ มันก็จริง ถ้าทำสิ่งที่อยากจะทำ แม้คนอื่นจะมองว่าเหนื่อย แต่ถ้าเราทำด้วยใจ ทำเพราะอยากจะทำ จะไม่มีคำว่าเหนื่อยอยู่ในหัวเลยจริง ๆ

“เออพี่บุ้ง เรื่องพี่ประพัฒน์น่ะ………”

กูรู้แล้ว

“มึงเงียบ ๆ หุบปากไว้มีน บอกตรง ๆ พี่ไม่อยากให้มึงเดือดร้อนไปด้วย แค่มึงจะต่อยประพัฒน์มันก็เล็งมึงไว้เรียบร้อยแล้ว”

นั่นผมก็รู้แหละ แต่ทำไงได้ แม่งมาชี้หน้าด่าผมก่อน ผมก็ต้องด่ากลับ

“แล้วพี่รู้ได้ไงว่าผมจะต่อยพี่ประพัฒน์”

จะไม่รู้ได้ไง

“มึงคิดว่ากูหูหนวกตาบอดขนาดนั้นเลย ใครทำอะไรที่ไหนกูไม่รู้ไม่เห็นเลยหรือไง”

อ้าว ...........งี้พี่ก็เห็นหมดเลยสิ

“แล้วทำไมพี่ไม่มาช่วยผมเลยวะ จะปล่อยให้ผมวัดกับพี่ประพัฒน์จริง ๆ หรือไงพี่”

ใช่ที่ไหนล่ะ กูแค่จะดูใจคนแถวนี้หน่อย ว่าใจมันถึงแค่ไหน ถ้ามีเรื่องจริง กูก็ต้องเข้าไปแยกอยู่แล้ว แต่อยากรู้หน่อยว่าจริง ๆ แล้วมึงเป็นคนยังไง แค่หน้าหล่อ บ้าบอ ไปวัน ๆ หรือเปล่า หรือจะแค่พวกสู้ได้แค่งาน แต่สู้โลกภายนอกไม่ได้

แต่ตอนนี้กูรู้แล้ว ว่ามึงใจใหญ่ไม่ธรรมดาเหมือนกัน

“เข้าไปชาร์จตอนนั้นเลยกูก็ไม่ได้เห็นอะไรดี ๆ สิวะ”

บุ้งหัวเราะออกมาเสียงเบา และมีนก็ขมวดคิ้วมุ่นเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่บุ้งพูด หมายความว่ายังไงวะ ไม่ได้เห็นอะไรดี ๆ

“ดี ๆ นี่คืออะไรวะพี่ ผมไม่เข้าใจ”

ก็ไม่มีอะไรไง ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่.........

“กูก็จะได้รู้ซักทีไง ว่าคนที่จะมาเป็นเมียกูในอนาคตแม่งก็ไม่ใช่ธรรมดา กูจะได้ไม่ต้องมาคอยห่วงคอยปกป้อง เพราะรู้แล้วว่ามึงดูแลตัวเองได้ แล้วก็ดูแลได้ดีซะด้วย”

ยังไงวะพี่ ไอ้คำพูดที่ว่า ........เมียพี่ในอนาคต.........อ่ะ

“พี่บุ้งหยอดผมมาก ๆ ระวังผมคิดจริงจังแล้วพี่จะหนาวนา”

แกล้งลากเสียงยาว ๆ และก็อมยิ้มคนเดียวเงียบ ๆ เพราะแม้จะเป็นคำชมที่ดูแปลกไปหน่อย แต่ก็ทำให้มีนรู้สึกดีได้ไม่น้อย

“ก็แล้วแต่มึง ........มึงจะคิดหรือไม่คิดมันก็แล้วแต่มึง.......ไม่ใช่หน้าที่ที่กูจะไปช่วยคิดให้ แล้วถ้ากูจะคิดหรือไม่คิดบ้าง.......มันก็เรื่องของกู มันก็แล้วแต่กูเหมือนกัน..”




TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ปวดใจ/กำลังใจ 04/05/57 เวลา 11.58 น.
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-05-2014 16:11:34
มีกำลังใจดี
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ต้องทำใจ 04/05/57 เวลา 16.17 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 04-05-2014 16:17:23
รอ รอ รอ รอพี่บุ้งกับน้องมีน  :L2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ต้องทำใจ 04/05/57 เวลา 16.17 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Weena ที่ 04-05-2014 16:32:05
หวานเบาๆ น่ารักเกิ๊น พี่บุ้งกับน้องเกาหลี.... :-[ :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ต้องทำใจ 04/05/57 เวลา 16.17 น.
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 04-05-2014 16:52:00
ชอบเรื่องนี้ๆ อ่านไปแล้วรอบหนึ่ง ลงใหม่ก็ตามอ่านใหม่อีกรอบ ขอบคุณค่า   :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ต้องทำใจ 04/05/57 เวลา 16.17 น.
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 04-05-2014 16:54:45
แน่ะๆ หยอดได้หยอดดีนะพี่บุ้ง น้องมีนมีเขินไหมเนี่ย :laugh:
แต่คิดซักหน่อยไหม เรื่องจะเป็นผัวเมียกันอ่ะ ให้มันเป็นจริงเหอะนะ :z1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ต้องทำใจ 04/05/57 เวลา 16.17 น.
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 04-05-2014 17:30:14
หวานกันไปตามเรื่องตามราว
ชอบม๊ากกก ^\\\\^

น้องมีนยอมเปนเมียพี่บุ้ง จิงหร๊อ??
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ต้องทำใจ 04/05/57 เวลา 16.17 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 04-05-2014 17:59:14
แหมๆๆๆๆ ท่ามกลางเหตุการณ์เครียดๆ ก็ยังมีสิ่งดีๆมาชโลมใจเนอะ อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ต้องทำใจ 04/05/57 เวลา 16.17 น.
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 04-05-2014 18:01:09
 :L2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ต้องทำใจ 04/05/57 เวลา 16.17 น.
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 04-05-2014 18:24:22
หยอดกันสนั่น ระวังจะหวั่นไหวนะพี่บุ้งน้องมีน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ต้องทำใจ 04/05/57 เวลา 16.17 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 04-05-2014 18:27:48
พี่บุ้งหยอดมากๆ น้องมันจะเอาจริงแล้วนา :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ต้องทำใจ 04/05/57 เวลา 16.17 น.
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 04-05-2014 18:44:32
สงสัยจะมีหลายคู่นะเนี่ยงานนี้ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ต้องทำใจ 04/05/57 เวลา 16.17 น.
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 04-05-2014 19:41:32
พี่บุ้งมันคิดจริงแล้วละสิ เรื่องว่าที่เมีย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ต้องทำใจ 04/05/57 เวลา 16.17 น.
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 04-05-2014 19:50:56

“กูก็จะได้รู้ซักทีไง ว่าคนที่จะมาเป็นเมียกูในอนาคตแม่งก็ไม่ใช่ธรรมดา...”


 :m3:     กรีดร้องจนสิ้นสติสมประดี
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ต้องทำใจ 04/05/57 เวลา 16.17 น.
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 04-05-2014 20:03:27
มีน กับว่าที่เมียในอนาคต

อยากให้ถึงอนาคตเร็วๆๆจัง คงต้องผ่านเหตุการณ์นายประพัฒน์ให้ได้ก่อน

พี่บุ้งนี่ คนดี คนจริง อะไรจริง รออ่านตอนต่อไปคะ :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ต้องทำใจ 04/05/57 เวลา 16.17 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 04-05-2014 20:07:47
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/02/ไฟล์เปล่า1Nn1wd.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง.....ตอน  ผู้จัดการ


“ประพัฒน์มีลูกเมียต้องเลี้ยงดูผมเข้าใจ ภาระอะไรต่างๆ ของประพัฒน์ก็เยอะแยะไปหมด ประพัฒน์ดูเหนื่อยๆ นะช่วงนี้ ผมเลยอยากให้ประพัฒน์ลองไปหาอะไรอย่างอื่นทำดู”

ประพัฒน์ถึงกับนิ่งอึ้ง เมื่ออยู่ดี ๆ นายและคุณเลขาก็เรียกเข้าพบ

ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องนี้ ....ไม่คิด ..........แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้อะไรเลย

..........มึงกล้าเอากูออกเลยเหรอไอ้บุ้ง…..

“ผมรักโรงงานนี้ครับ อยากทำงานเพื่อโรงงานไปตลอด ผมอยู่ที่นี่มาเป็นสิบปี ผมยังอยากรับใช้นาย”

ตอบกลับไปด้วยท่าทีนอบน้อม และนายก็พยักหน้ารับ
มึงอย่าคิดว่าจะเล่นกูได้ง่าย ๆ ไอ้บุ้ง กูไม่ใช่เพิ่งมาอยู่ ไอ้นายหน้าเด็กนี่ไม่มีทางตามกูทันหรอก

“ผมดีใจที่ประพัฒน์รักโรงงาน แต่ผมก็ยินดีมากที่ประพัฒน์จะได้ไปหาสิ่งอื่นใหม่ ๆ ทดลองทำ”

หมายความว่ายังไง หมายความว่าไม่มีเหตุผลอะไรก็จะไล่ออกใช่มั้ย

“ใช้งานจนแก่ หมดความหมายแล้วก็จะไล่ผมออกอย่างนั้นเหรอนาย ผมรับใช้นายเก่ามาตั้งกี่ปี พอนายมาอยู่ นายก็จะไล่ผมออก ไม่มีเหตุผล นายเอาผมออกไม่ได้หรอก ผมจะฟ้องกรมแรงงาน”

เห็นทีน้ำเย็นจะไม่เป็นผล

“ผมไม่รู้ว่าประพัฒน์จะคิดยังไงต่อนะ แต่สิ่งที่ประพัฒน์จะได้คือเงินเดือน และค่าทำขวัญสามเดือน เราคงให้ประพัฒน์ได้แค่นี้ ทั้งที่ประพัฒน์ก็น่าจะรู้.........จริง ๆ แล้วประพัฒน์ไม่ควรจะได้อะไรเลย”

หมายความว่ายังไงนาย หมายความยังไงที่ผมไม่ควรจะได้อะไรเลย

“เรื่องโกงบิลน้ำมันผมไม่ได้ทำ ไอ้บุ้งมันกลั่นแกล้งผม นายก็รู้ ใคร ๆ ก็รู้ มันไม่ถูกกับผม มันก็เลยสร้างหลักฐานเท็จมาหลอกทุกคน มันจะเอาผมออกตั้งนานแล้ว ไอ้เหี้ยนี่นายไม่ทันมันหรอก”

งั้นเหรอ

“นี่มีเรื่องนี้เกิดขึ้นด้วยเหรอ เรื่องโกงบิลน้ำมันผมไม่เห็นรู้เรื่องเลยประพัฒน์ สงสัยคงต้องตามตัวหัวหน้าแผนกขนส่งมาคุยด้วยหน่อยแล้ว”

ไม่
ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้เหรอ แล้ว........แล้วถ้าไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ มันเรื่องอะไรล่ะ
ประพัฒน์ถึงกับตาเหลือก เมื่ออยู่ดี ๆ ก็เผยเรื่องทุกอย่างออกมาจนหมดด้วยตัวเอง

“ไม่ใช่ ไม่ใช่นะ ผมหมายถึง พูดเผื่อ ๆ เอาไว้ เรื่องนี้ผมรู้มานานแล้ว ไอ้บุ้งกับไอ้เด็กฝึกงานมันรวมหัวกันจะเอาผมออก”

นายพยักหน้ารับ และส่งยิ้มน้อย ๆ มาให้

“นอกจากผมต้องจัดการประพัฒน์แล้ว ผมคงต้องจัดการนายบุ้งด้วย นี่คิดกลั่นแกล้งลูกน้องขนาดนี้เลยเหรอ แต่ก็น่าแปลกใจนะ ตอนที่ผมไปสอบถามเรื่องประพัฒน์จากเขา เห็นเขารายงานว่าประพัฒน์ทำงานดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ จนผมยังแปลกใจ ว่าทำไมคนเขาถึงลือกันว่าประพัฒน์ไม่ถูกกับหัวหน้า....... เขาชมประพัฒน์ไม่ขาดปากเลยนะ.....หัวหน้างาน ที่ปกป้องลูกน้องขนาดนี้ ไม่ใช่หาได้ง่ายๆ หรอกประพัฒน์.....สำคัญคือประพัฒน์คิดอะไรกับเขาอยู่แค่นั้น”

นิ่งอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน ไอ้บุ้ง...........ไอ้หัวหน้างาน จากเด็กจบใหม่หน้าใส ๆ จากคนที่เคยดูถูกมาตลอด.........
ตอนนี้....ประพัฒน์เข้าใจแล้ว ทำไมทุกคนถึงรักมัน เชื่อมัน และยอมทำงานให้แบบไม่กลัวเหนื่อย
ใจมันเป็นแบบนี้นี่เอง เพราะใจมันเป็นแบบนี้

ได้แต่นั่งคอตก น้ำตาตก และเพิ่งจะรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองเคยทำเอาไว้

“งั้นที่เคยตกลงว่าจะให้อะไรกับประพัฒน์ ผมคงให้ไม่ได้แล้วล่ะ รวมทั้งนายบุ้งผมก็ต้องจัดการ มีอย่างที่ไหน มาอ้อนวอนขอให้ช่วยเห็นใจจ่ายเงินให้ประพัฒน์ซักก้อน บอกผมว่าประพัฒน์มีลูก เมีย ต้องเลี้ยงดู ตอนนี้ผมคงไม่คิดจะเห็นใจประพัฒน์แล้ว เพราะประพัฒน์ก็ไม่ได้เห็นใจหัวหน้างานของประพัฒน์ซักเท่าไหร่ เขาคงทำอะไรกับประพัฒน์ไว้ไม่น้อย ถ้าอย่างนั้นมันก็ไม่มีเหตุผลที่ผมจะต้องเห็นแก่เขา”

ประพัฒน์หน้าซีดเผือด และนั่งนิ่งตัวเกร็ง

“นี่รูปประพัฒน์หรือเปล่า แล้วกล้องวงจรปิดที่ผมจะเปิดให้ดูผมอยากรู้ว่านี่ใช่ประพัฒน์หรือเปล่า”

ภาพถ่ายคมชัดของประพัฒน์ที่ซูมให้เห็นหน้าและทุกกิริยาท่าทาง ที่กำลังช่วยกันงัดประตูรถ และส่งของที่อยู่ในรถให้กับรถกะบะอีกคันที่มาถ่ายของ ทำให้ประพัฒน์ถึงกับหน้าซีดเผือด

“ขายได้ราคาอยู่นะ ของที่ประพัฒน์เอาไปขายบ่อย ๆ น่ะ พอดีวันนั้นผมไปเยี่ยมคนรู้จักแถวนั้นพอดี ก็เลยได้เห็นอะไรดี ๆ”

นอกจากหน้าซีดแล้ว ประพัฒน์ยังรู้สึกกลัวจนตัวเริ่มสั่น อากาศภายในห้องเปิดแอร์เย็นฉ่ำ แต่สำหรับประพัฒน์กำลังรู้สึกหนาวไปถึงขั้วหัวใจ

“ประพัฒน์ลองดูในกล้องวงจรปิดนั่นใช่ประพัฒน์หรือเปล่า แต่ดูยังไงผมก็ว่าใช่นะ”

นายชี้มือไปที่ภาพเคลื่อนไหวภายในจอคอมพิวเตอร์ที่กำลังแสดงผล และประพัฒน์ก็ถึงกับนิ่งอึ้ง เพราะไม่นึกว่าจะมีหลักฐานชัดเจนขนาดนี้

มานึกเสียใจตอนนี้ที่ไม่เชื่อสิ่งที่บุ้งพูดตั้งแต่แรกก็สายไปเสียแล้ว

“ประพัฒน์จะไปแบบเงียบ ๆ ดี ๆ หรือจะให้ผมใช้วิธีการที่ผมไม่อยากจะทำ ประพัฒน์เลือกเอา”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ต้องทำใจ 04/05/57 เวลา 16.17 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 04-05-2014 20:10:28
บุ้งกำลังยืนรับรถตามปกติ และสายตาก็เหลือบไปเห็นประพัฒน์ที่กำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงมาจากอาคารสำนักงาน
ใบหน้าประพัฒน์ไม่สู้จะดีนัก และบุ้งก็พอเดาได้ลาง ๆ ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร
ได้แต่ก้มหน้า และถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่รู้ควรจะทำยังไง ไม่รู้ควรจะพูดอะไรดี ได้แต่ก้มหน้าอยู่อย่างนั้น
ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้งเมื่อประพัฒน์เดินเข้ามาหาและมาหยุดยืนตรงหน้า

“หัวหน้า”

ที่ผ่านมาประพัฒน์ไม่เคยเรียกบุ้งแบบนี้ ไม่เคยเรียกเลยซักครั้ง และบุ้งก็เงยหน้าขึ้นมอง บุ้งรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แววตาเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัดจนปิดไม่มิด

“มันผิดที่ผมเอง ที่ไม่เชื่อหัวหน้าตั้งแต่แรก ผิดที่ผมเห็นแก่เงินเล็ก ๆ น้อยๆ หัวหน้าทำดีที่สุดแล้ว ผมขอบคุณหัวหน้ามากครับ”

ประพัฒน์ยกมือไหว้บุ้ง และบุ้งก็รีบยกมือไหว้กลับแทบไม่ทัน

“ผมนี่ก็โง่เนอะ หลงคิดไม่ดีกับหัวหน้ามาได้ตั้งนาน ถ้าไม่เพราะผมเอาแต่คิดแบบนั้น ผมคงไม่ต้องมีวันนี้”

บุ้งไม่พูดอะไร ไม่ตอบอะไรเลย ได้แต่รับฟังเงียบๆ

“ยังดีเขาไม่เอาตำรวจมาจับผม ยังดีที่เขายังเมตตาผมอยู่บ้าง”

บุ้งได้แต่ยืนนิ่งฟัง ไม่อยากให้เป็นแบบนี้ แต่ทุกอย่างก็ต้องดำเนินไปตามวิถีทางของมัน

“ผมขอบคุณกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมานะหัวหน้า  เมื่อก่อนผมก็เคยโกรธหัวหน้ามาก แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าทำไมผมถึงขึ้นเป็นหัวหน้าคนไม่ได้.......”

บุ้งเงยหน้าขึ้นมองและประพัฒน์ก็ส่งยิ้มให้ เป็นรอยยิ้มที่ซีดเซียวเต็มที่ แต่ก็เป็นรอยยิ้มที่มาจากใจ

บุ้งรู้ ทุกคำพูดของประพัฒน์ออกมาจากใจ

“เพราะผมมันคนใจคอคับแคบ มีแต่อคติ และคิดกับคนอื่นในแง่ลบตลอด ไม่เหมือนหัวหน้าที่คอยใส่ใจคนอื่นและคอยเป็นห่วงเป็นใยคนอื่น ทั้งที่คนนั้นจะอคติกับหัวหน้ามากแค่ไหนก็ตาม”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ต้องทำใจ 04/05/57 เวลา 16.17 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 04-05-2014 20:12:59
“ที่รัก วันนี้ไปกินเหล้ากันป่าว”

บุ้งเดินเข้ามาในออฟฟิศแผนกขนส่งและทิ้งกายลงนั่งที่โซฟาหน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ และอยู่ดี ๆ ไอ้เด็กฝึกงานที่กำลังนั่งคีย์บิล ก็หยุดมือ และลุกขึ้นเดินมานั่งข้าง ๆ รอยยิ้มที่ส่งมาให้ ทำให้บุ้งที่รู้สึกแย่มาตลอดทั้งวัน เริ่มยิ้มออกมาได้
แม้จะเป็นรอยยิ้มที่ไร้ความสดชื่นก็ตาม

“เค้าอยากกินเหล้า ตัวเองกินเหล้ากันนะวันนี้”

เล่นไม่รู้จักเวล่ำเวลาจริง ๆ เลยนะมึง

“ไปกินตอนนี้ เขาได้หาว่ากูกับมึงกินฉลองที่พี่ประพัฒน์โดนออกจากงาน”

เออว่ะ ก็จริง

“งั้นไปกินข้าวด้วยกันมั้ย ไปหาอะไรกินกันเย็นนี้”

บุ้งรู้ สิ่งที่เด็กฝึกงานทำ ก็เพียงแค่เพราะให้บุ้งรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างเท่านั้น มันรู้งานดี ไอ้เด็กเวรนี่มันฉลาดจะตาย รู้จักประจบสอพลอไม่น้อยเลยนะมึง

“มึงจะเลี้ยงกูหรือไง”

ก็ได้นะถ้าพี่จะให้ผมเลี้ยง

“เอาป่ะล่ะ แค่ก๋วยเตี๋ยวชามเดียวนะ มากกว่านั้นผมจ่ายไม่ไหว”

แล้วมีหน้าชวนกูไปกินเหล้าเนอะ

“ไปมั้ย เดี๋ยวพี่เลี้ยงมีนเองก็ได้”

ส่งยิ้มบาง ๆ ให้ และมีนก็พยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้ม

“เงินเดือนงวดแรกออก ผมตั้งใจจะเอาให้แม่ แล้วก็เอามาเลี้ยงข้าวพี่”

ขนาดนั้นเชียว

“มาเลี้ยงกูทำไม กูรวยกว่ามึงอีก”

รวยกว่าเหรอ ผมรู้หรอกพี่ ว่าบ้านพี่ก็มีฐานะดีไม่น้อย ลูกชายเจ้าของบ่อปลา ขึ้นปลาทีกำไรเป็นแสน ๆ

“ขอยืมใช้ซักสองพันดิพี่ ผมไม่มีตังค์แล้ว”

แบมือขอเงินกันดื้อ ๆ และบุ้งก็เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ

“มึงไม่มีตังค์ใช้เหรอ”

ถาม และมีนก็พยักหน้าแถมยังทำหน้าใสซื่อเพื่อแสดงให้รู้ว่าไม่มีเงินจริง ๆ และบุ้งก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงด้านหลัง
หยิบกระเป๋าเงินออกมานับเงิน และยื่นธนบัตรใบละพันสองใบส่งให้มีนที่แบมือขอ

“โหพี่ ให้จริงดิ”

อ้าว ไม่ให้จริงได้ไง ก็มึงขอ

“ก็มึงว่าไม่มีตังค์ใช้ไง”

ตังค์อ่ะมี ผมจะไปใช้อะไร วัน ๆ นอกจากซื้อโอเลี้ยงกับซื้อข้าวกินพี่เคยเห็นผมซื้ออะไรที่ไหนล่ะ

“แม่ให้มายังเหลืออีกตั้ง แปดสิบบาท กลับบ้านได้สบาย”

แล้วมึงเสือกบอกจะเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวกู

“งั้นที่ชวนกูไปกินก๋วยเตี๋ยวมึงก็ตั้งใจให้กูจ่ายแต่แรกแล้วสิ เหี้ยมีน มึงนี่มัน เดี๋ยวกูตบหัวทิ่มเลย”

บุ้งเก็บเงินลงกระเป๋าไปแล้ว และมองหน้าของเด็กฝึกงานที่แทนที่มันจะสำนึก กลับหัวเราะร่าอย่างมีความสุข
มันคงดีใจมากที่ได้ยั่วและทำให้หัวหน้ามันแทบประสาทแดกได้

“พี่เก็บเงินไว้เหอะ เผื่อได้มาขอผมกับแม่”

มันก็เป็นแค่คำพูดหยอกล้อเลื่อนลอย แต่ทำให้บุ้งที่กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ ถึงกับชะงักค้าง
ไม่ใช่ค้างเพราะสิ่งที่มีนพูด แต่ค้างเพราะกำลังคิดตามสิ่งที่มีนพูด

“พูดเหี้ยอะไรอีกแล้ววะ เพ้อเจ้อจริงวะมึงนี่”

มองหน้าของเด็กฝึกงานแล้วบุ้งก็ขมวดคิ้วมุ่น ที่มันยังไม่สำนึกแถมยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

“เมียค่าตัวแพงนะ เอาผมเป็นเมียไม่ใช่ว่าจะพาหนีได้ ของผมถ้าไม่แต่ง ผมไม่มีทางอยู่ด้วยหรอก นี่ผมพูดจริง ๆ ”

จริง ๆ พ่อมึงดิ ใครจะไปเอามึงเป็นเมีย ใครจะไปพาหนีพาแต่งอะไรของมึง

“เพ้อเจ้อ”

เหรอคร้าบ ..........เหรอครับพี่บุ้ง เหรอครับหัวหน้าที่รัก

“เพ้อเจ้อ แต่น่ารักใช่ป่ะล่ะ รู้หรอกน่า พี่รักผมจะตาย”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ต้องทำใจ 04/05/57 เวลา 16.17 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 04-05-2014 20:23:32

(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/02/ไฟล์เปล่า1Nn1wd.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง.....ตอน  มีนคอแป๊บ


มันก็แค่การกินข้าวด้วยกันธรรมดา ร้านอาหารเล็ก ๆ ดนตรีสดฟังสบาย ติดกับแม่น้ำ ลมแม่น้ำพัดเข้ามาเย็นสดชื่น จนช่วยให้หัวใจที่เคยขุ่นมัว รู้สึกดีขึ้นมาได้บ้าง

“พี่บุ้งเอาปลาเก๋าราดพริกได้ป่ะ อยากกิน”

จะสั่งอะไรก็สั่งมาเหอะ อยากกินอะไรก็สั่งมา

“ดูเอาสิ อันไหนน่ากิน สั่งมาหน่อย พี่ขี้เกียจคิด”

ได้ครับ จัดไป เอาง่าย ๆ ที่พี่ชอบเลยแล้วกัน

“ปลาเก๋าราดพริก ไก่ผัดมะม่วงหิมพานต์ แล้วก็ต้มยำปลาคัง ข้าวสวยสองแล้วกันครับ”

ไม่รู้จะกินอะไรมากมาย มองหน้าลูกพี่ที่กำลังนั่งเหม่อมองไปที่สายน้ำในยามพลบค่ำแล้วก็รู้สึกหายใจไม่ค่อยทั่วท้องชอบกล

“น้ำ........เอาอะไรพี่”

น้ำเหรอ

“น้ำเปล่าเหอะ”

งั้น

“เอาน้ำเปล่าหนึ่งขวด แล้วก็น้ำแข็งสองแก้วครับ”

พนักงานจดรับออเดอร์เรียบร้อยและเดินไปจัดเตรียมอาหารแล้ว และมีนก็เอนหลังพิงพนักเก้าอี้นั่งมองบรรยากาศรอบตัวไปเรื่อยอย่างเพลิดเพลิน จนแทบจะกลายเป็นเลื้อยลงไปนอนอยู่บนเก้าอี้อยู่แล้ว

“เอาหมอนมั้ย ไม่ก็ลงไปนอนเลย”

คล้าย ๆ เสียงบ่นจากคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม และมีนก็หัวเราะชอบใจ

“ไม่เอา ถ้าจะนอนเอาไว้นอนหนุนตักพี่ดีกว่า”

ไอ้นี่ชักจะเยอะนะมึง

“เพ้อเจ้อ”
“เพ้อเจ้อ”

พูดออกมาพร้อมกัน และบุ้งก็เป็นฝ่ายชะงัก เพราะถูกเด็กฝึกงานล้อ

“เดี๋ยวมึงโดน”

คาดโทษเอาไว้ และมีนก็ไม่ได้สำนึกเลย แถมซ้ำยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ หัวเราะออกมาเสียงเบาอย่างมีความสุขซะอีก

“ทำไมพี่พามากินร้านนี้อ่ะ”

คำถามง่าย ๆ แต่ทำให้คนฟังขมวดคิ้วมุ่น ขมวดคิ้วมุ่นและบุ้งก็ถอนหายใจยาว

“แฟนกูชอบร้านนี้”

แฟน........... พี่บุ้ง........... ชอบ...........ร้านนี้
แปล๊บเลยแฮะ ทำไมอยู่ดี ๆ มันแปล๊บเข้ามาในหัวใจเฉยเลยวะ

“ก็น่าจะชอบแหละเนอะ บรรยากาศดีซะขนาดนี้”

มีนไม่ได้ยิ้มหน้าระรื่นอีกแล้ว อยู่ดี ๆ ก็นึกไม่ชอบบรรยากาศร้านขึ้นมาเฉย ๆ

“กูเห็นว่าทำกับข้าวใช้ได้ด้วยแหละ เลยอยากให้มึงมาลองกินดู”

แล้วมีนก็กลับมายิ้มได้อีกครั้ง

“ที่รักใส่ใจเค้าใช่ม้ายยยยยย”

กูขอถอนคำพูดแล้วกัน

“ห่ามีน”

โห้ ไรแว๊... ด่าผมอีกแล้ว
แกล้งทำหน้างอใส่ และบุ้งก็ถึงกับส่ายหน้ากับพฤติกรรมที่เด็กฝึกงานทำ

“หน้าคว่ำหน้าหงายแล้วมึง น่ารักตายห่า”

ก็เรื่องของพี่ดิ หน้าผมจะคว่ำจะหงายมันก็หน้าผมไม่เกี่ยวกับพี่

“หล่อกว่าพี่แล้วกัน”

เหรออออออออออ

“เอออ ไอ้เกาหลี ไอ้พระเอกเกาหลี ไอ้หน้าเกาหลี ไอ้หมูย่างเกาหลี”

อันหลังไม่เกี่ยวนะพี่

“พี่บุ้งงงงงงงง ผมไม่ได้เป็นหมูย่างเกาหลี แค่เกาหลีเฉย ๆ”

เหรอออออออออออ
กูก็เห็นว่าเกาหลีเหมือนกัน ก็เลยเหมารวมนึกว่าเป็นมึงไปด้วย

“แล้วนี่ยังไงเนี่ยะ นายทาบทามขนาดนี้แล้ว เรียนจบแล้วมึงจะมาช่วยพี่ป่ะ”

พี่ก็น่าจะรู้ไม่ใช่เหรอ

“แล้วพี่อยากให้มาป่ะล่ะ”

มึงก็น่าจะรู้คำตอบกูเนอะ

แกล้งทำเป็นเฉย แกล้งพยักหน้าส่ง ๆ แกน ๆ ไปงั้น ทั้งที่ในใจ มันเลยคำว่าดีใจไปนานแล้ว

“พี่ไม่อยากให้ผมมา ผมไม่มาก็ได้”

ไอ้มีน อย่ามามั่วทำซีนอารมณ์ใส่กันตอนนี้

“มาไม่มาก็แล้วแต่มึง พี่บังคับใจมึงได้เหรอ อยากมาก็มา พี่ไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว”

โห้ มีเสียงสูงด้วยเฮ้ย ประชดประชันกันหรือเปล่า

“แล้วตกลงพี่อยากให้มาหรือเปล่าล่ะ”

ถามย้ำอีกครั้ง และมีนก็ขยับเข้ามาใกล้ ยื่นหน้ามาจากโต๊ะฝั่งตรงข้าม และส่งยิ้มตาเป็นประกายให้บุ้งที่หันมามองและรู้สึกไม่อยากจะสบตากับดวงตาไหวระริกและใบหน้ายิ้มระรื่นของไอ้เด็กฝึกงานนี่เท่าไหร่

“เออ”

เออคืออะไรวะพี่ อยากให้มาหรือไม่มา ผมจะไปเข้าใจได้ยังไงพี่พูดแค่คำว่าเออ คำเดียวแค่เนี้ยะ

“เออ แปลว่าอะไรพี่”

ยังต้องให้กูแปลอีกเหรอวะ ชอบแกล้งทำเป็นใสซื่อตีมึนไม่รู้เรื่องตลอดเลยนะ ห่านี่

“อยาก”

เอ้ออออออออออออออ น่านนนนนนนนนนน ไง แค่เนี้ยะ พี่ก็แค่พูดมาแค่เนี้ยะ จะอะไรกันนักหนา ท่ามากจริงวะ

“ดีใจล่ะเซ่ ได้ผมมาทำงานด้วยอ่ะ แล้วพี่ให้เงินเดือนผมเท่าไหร่”

ยังไม่ทันได้ทำจริง ๆ จังๆ เลย ไอ้นี่หน้าเงินขึ้นมาซะแล้ว

“กูจะไปรู้เหรอ มึงรอถามนายโน่น กูไม่ใช่คนจ่ายเงินเดือนมึง”

โหหหหหหหหห ไรว๊า
ก็นึกว่าเป็นวงใน จะได้พิจารณาหน่อยว่ามันคุ้มกันมั้ยกับการยอมเป็นทาสรับใช้ให้พี่บุ้งโขกสับ ด่าว่า แถมยังต้องทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต

“เรียกค่าตัวแพง ๆ ซะเลยดีมั้ง”

น่าตบกบาลมันจริง ๆ เลยไอ้ห่ามีน

“มึงจะเรียกเท่าไหร่มึงก็เรียกไป ถ้าเขาสู้ได้เขาก็สู้เองแหละ แต่นั่นหมายความว่ามึงต้องทำงานให้เขาคุ้มนะ ไม่งั้นใครจะไปสู้ค่าตัววะ”

เออก็จริง

“งั้นเอาหลักหมื่นต้นๆ ก็ได้ กลัวเขาไม่จ้าง ซวยเลย”

มึงจะเอาเท่าไหร่ก็เอาไปเห้อออออ แค่ให้มึงมาอยู่แล้วก็มาทำงานกับพี่ก็พอ

“อาหารค่ะ”

พนักงานจัดการนำอาหารที่สั่งมาเสริฟบนโต๊ะ และมีนก็ช่วยจัดจานและเช็ดช้อนส่งให้ลูกพี่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
บุ้งรับมาถือเอาไว้ และเริ่มลงมือกับอาหารที่อยู่บนโต๊ะ

“พี่....ต้มยำปลาคังอย่างแซ่บว่ะ ใช้ได้ ใช้ได้”

ไงล่ะ กูบอกมึงแล้ว ว่าร้านนี้ทำอร่อย เชื่อกูยัง
บุ้งถึงกับยิ้ม เพราะเด็กฝึกงานที่พามากินข้าวด้วยถูกใจรสชาติอาหาร มองหน้าของมีนที่กำลังตักนั่นนิดชิมนี่หน่อย ก่อนจะตักเสริมซัดเรียบไม่มีเหลือในเวลาต่อมาแล้วบุ้งก็ได้แต่ยิ้มอย่างถูกใจ ขอแค่มึงชอบนะ อะไรที่พี่ทำให้ได้ หาให้มึงได้ พี่ก็ยอม

…………………..
…………………..
..............

แล้ว...........

กูจะยอมมันทำไมวะ??????????
จะหาให้มันทำไม มันจะชอบไม่ชอบอะไรจะไปสนใจอะไรมันนักหนา กวนตีนจะตายห่า ...........

คิดอย่างนั้นและเหลือบสายตามองหน้าของมีนด้วยความรู้สึกแปลกๆ

หน้ามันก็เหมือนเดิม แค่ไม่ได้เหม่อ ๆ ลอย ๆ และก็ทำหน้าเหมือนแบกโลกเอาไว้ทั้งโลกเหมือนแต่ก่อนเท่านั้น
ทำไมพักนี้ถึงรู้สึกชอบมองหน้าไอ้มีนมันบ่อยๆ นักวะ
ขมวดคิ้วมุ่น และยังไม่ค่อยเข้าใจกับสิ่งที่ตัวเองคิดเท่าไหร่
และมีนที่กำลังสนใจกับการซดน้ำต้มยำก็เหลือบสายตามองลูกพี่ที่พักนี้มองหน้ากูแล้วชอบขมวดคิ้วทำท่าแปลก ๆ

“อะไรติดหน้าผมเหรอพี่”

อะไรติดหน้ามึงเหรอ ก็ไม่มีนี่หว่า

“อะไร”

อ้าว ตกลงไม่มีอะไรติดหน้าผมอยู่เหรอ

“ผมนึกว่ามีอะไรติดหน้าผมอยู่ เห็นพี่จ้องหน้าผมจัง”

จ้องหน้ามึง กูเนี่ยนะ จ้องหน้ามึง กูไปจ้องหน้ามึงตอนไหนเมื่อไหร่วะ พูดมาได้

“มึงเอาอะไรคิดวะ”

ไม่ได้เอาอะไรคิดหรอก ก็พี่มองหน้าผมจริง ๆ เนี่ย ขนาดตอนนี้พี่ยังมองเลย แล้วจะให้ผมคิดยังไง

“พี่ชอบผมใช่ป่ะ”

บุ้งถึงกับสำลักข้าว และไปไม่เป็นเลยงานนี้ คว้าน้ำมาดื่มอึกใหญ่ และมีนก็หยิบกระดาษทิชชู่ส่งให้ก่อนจะทำหน้ามุ่ย

“พี่ทำไมชอบสำลักอาหารวะ ไปหาหมอตรวจหน่อยดีเปล่า เดี๋ยวเกิดมีปัญหาเกี่ยวกับระบบหลอดลมหลอดอาหาร ผมว่ามันจะยิ่งแย่นะพี่ โรคสมัยนี้ยิ่งมีแต่โรคแปลก ๆ อยู่ด้วย”

โรคแปลก ๆ กูไม่มีทางเป็นหรอก ไอ้โรคหลอมลมหลอดอาหารห่าอะไรนั่นด้วย กูไม่ได้เป็นแน่ ๆ
แต่จะเป็นก็เพราะปากมึง ที่พูดจาห่าเหวเพ้อเจ้อไร้สาระไม่รู้เรื่องบ่อย ๆ

“มึงอย่ามาทำตัวเป็นหมอ วิเคราะห์โรคกูหน่อยเลย กิน ๆ ไปเหอะ แล้วก็เลิกพูดมากได้แล้ว พามากินข้าวยังพูดมากไม่รู้เรื่อง น่ารำคาญจริง ๆ เลยมึง ไอ้ห่ามีน”

++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ต้องทำใจ 04/05/57 เวลา 16.17 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 04-05-2014 20:24:27
“กินเหล้าได้ป่ะพี่”

ดูท่าทางจะว้อนจริง ๆ เลยนะ อาการอยากเหล้าจนแทบลงแดงเนี่ย

“มึงเป็นแอลกอฮอลิซึ่มเหรอ วัน ๆ โหยหาแต่เหล้าอยู่ได้”

พี่ก็พูดซะผมเสียหายเลย

“ไม่ได้ก็ไม่ได้ บอกกันดีๆ ก็ได้ ด่าผมทำไมว๊า”

อย่ามาทำหน้างอหน้าหงิกใส่กูไอ้มีน มึงนี่มัน.......

“เบียร์แก้วเดียวพอแล้ว ดึกแล้วรีบ ๆ กิน รีบ ๆ กลับเดี๋ยวมันจะยิ่งดึกไปใหญ่ พรุ่งนี้ทำงาน”

แหม นึกว่าจะใจร้ายกับน้องได้ลงคอ

“งั้นเอา ๆ แก้วเดียวก็แก้วเดียว”

ถึงกับส่ายหน้าเพราะอาการเสี้ยนเหล้าเสี้ยนเบียร์ของเด็กฝึกงาน นี่กูไม่อยากเชื่อเลยว่ามึงจะเคยอยากบวชไปตลอดชีวิต
แน่ใจนะว่าตัดทางโลกได้ ใครเชื่อก็บ้าแล้ว บุ้งหันไปมองพนักงานเสริฟและก็ยกมือเรียกให้มารับออเดอร์เพิ่ม

“เบียร์สดครับ”

“มีเป็นขวดกับเป็นเหยือกนะคะ โปรโมชั่นพิเศษจากทางร้านวันนี้ ถ้าซื้อเป็นเหยือกลดราคาค่าอาหาร 15 เปอร์เซ็นต์ รับแบบไหนดีคะ”

จากจะให้มันกินแก้วเดียวชักจะไม่ใช่ซะแล้วมั้งงานนี้

“เอาเป็นเหยือกครับ”

ไม่ต้องสั่งเพราะมีนชิงบอกเรียบร้อย และก็เป็นบุ้งที่มองหน้าของคนสั่งพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่นเตรียมจะด่า แต่ไอ้คนสั่งเหมือนจะรู้แกว

“นะพี่บุ้ง เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมสัญญาว่าจะมาทำงานเช้าสุด ๆ ไม่มีเหลวไหล นาน ๆ จะกินทีนะพี่ นะพี่บุ้งนะ นะ นะ นะ”

นะห่านะเหวอะไรของมึง

“เออออออ สั่งมาแล้วนี่ กูจะไปมีปัญญาคัดค้านอะไร รีบ ๆ แดก ๆ ให้หมดแล้วรีบ ๆ กลับบ้านนอนเลยมึง ถ้าพรุ่งนี้มึงตื่นมาทำงานสายนะ กูจะถีบมึง”

สัญญาครับ
สัญญาครับพี่ ผมสัญญา

“ขอบคุณคร้าบบบบบบบบบบบ สามีน่ารักจัง”

น่ารักบ้านมึงดิ
บุ้งชี้หน้าเด็กฝึกงานที่พูดจากวนประสาทไม่เลิก และมีนก็หัวเราะชอบใจ กับสิ่งที่หัวหน้างานทำ

“พี่บุ้งไม่ถีบผมหรอกเนอะ ต่อให้ผมมาสายก็เถอะ”

มึงจะลองมั้ยล่ะ เดี๋ยวกูจัดให้ได้หายห่วงแน่ กูอนุญาตให้มึงทดลองได้เลย

“กูไม่ถีบมึงตอนมึงมาสายหรอก กูจะถีบมึงตอนนี้เลย ห่ามีนไอ้เด็กเวร”

++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ต้องทำใจ 04/05/57 เวลา 16.17 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 04-05-2014 20:26:43
“ไอ้มีนนนนน มึงนอนดี ๆ ซิ ไอ้มีนนนนนนนนมึงนี่ เดี๋ยวกูตบหัวทิ่มเลย”

กลายเป็นปัญหาชีวิตสำหรับบุ้งไปแล้ว ที่ต้องพามีนกลับบ้านมาด้วย คออ่อนขนาดนี้ แล้วเสือกซัดไม่ยั้ง ไหนมึงคุยนักคุยหนาว่าคอแข็งคอทองแดงไง แล้วนี่คออะไรวะ คอแป๊บแล้วแบบนี้ แป๊บเดียวพับน่ะสิ ไอ้ห่ามีน

“ไอ้มีนนนนนนนน มึงจะนอนดี ๆ หรือจะให้กูถีบลงไปนอนข้างล่างเนี่ย”

ได้แต่บ่น ได้แต่ด่า แต่คนเมาไม่มีสติจะรับรู้ และเป็นบุ้งที่ต้องยืนหอบเพราะทั้งลากทั้งดึง ทั้งประคอง
ตัวแม่งก็ไม่ใช่น้อย ๆ หนักเอาการอยู่เหมือนกัน

“เล้งงงง”

เล้งบ้านมึงดิ กูหัวหน้ามึง พูดจาส่งเดชไม่รู้เรื่องไอ้เด็กเปรตนี่

“มึงจะเอาอะไร”

เอ่ยถามไป และก็เห็นว่าคนที่นอนพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียงปรือตาขึ้นมองและขมวดคิ้วมุ่น

“มึงไปไหนมา หายไปตั้งนานกูคิดถึงรู้มั้ย”

อะไรของมึงวะ กูยังไม่ได้หายไปไหน กูก็อยู่ของกูตรงนี้ตลอด กูได้หายไปตอนไหนวะ
เมาแล้วเรื้อน เมาแล้วยิ่งเพ้อเจ้อหนักกว่าเดิมอีก บุ้งยกมือขึ้นเกาหัว และส่ายหน้าก่อนจะหันหลังเตรียมเดินไปจัดการอาบน้ำอาบท่าและหาผ้ามาเช็ดตัวให้ไอ้เด็กฝึกงานที่คุยโม้โอ้อวดว่าคอแข็งสุด ๆ ทั้งที่เบียร์แค่เหยือกเดียวยังทำให้มันเมาไม่รู้เรื่อง

“อยู่ก่อนดิ อย่าเพิ่งไป อย่าเพิ่งไป อยู่ก่อน”

กูจะไปอาบน้ำ มาอยู่ก่งอยู่ก่อนอะไรของมึงวะ หันกลับมาและมองหน้าของมีนที่มองมาตาปรือ
และในเวลาไม่นานดวงตาที่มีแววเลื่อนลอยก็คลอรื้นไปด้วยน้ำตา มีนยกหลังมือขึ้นปิดหน้าและร้องไห้สะอึกสะอื้นเป็นเด็ก ๆ จนบุ้งที่ยืนอยู่ห่างออกไป ต้องเดินเข้ามาหา มาพิจารณาว่ามันเป็นอะไรกันแน่

“มึงทิ้งกูไปทำไม มึงทิ้งกูไปทำไมวะ น้องแป้งก็ทิ้งกู มีแต่คนทิ้งกู แล้วกูจะอยู่ต่อไปยังไง ฮือออออ ไอ้เล้งมึงทิ้งกู”

ใครทิ้งใครยังไงไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ บุ้งมานั่งอยู่ข้างเตียงเรียบร้อยแล้วและพยายามฟังคำพูดที่ฟังแทบไม่รู้เรื่องของเด็กฝึกงานที่นอนร้องไห้จนร่างกายสั่นสะท้าน บ่งบอกให้รู้ ว่าคงเจ็บปวดกับเรื่องบางอย่างที่เกิดขึ้นกับชีวิตไม่น้อย

“มีน”

เรียกและมีนก็ยกมือที่ปิดบังใบหน้าออก และมองหน้าของบุ้งนิ่งงัน มองและกระพริบตาปริบ ๆ เหมือนพยายามจะเรียกสติกลับมาอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ เริ่มเบะหน้าและร้องไห้เป็นเด็กๆ จนบุ้งทั้งขำ และทั้งอยากจะปลอบใจ

“หัวหน้าบุ้ง..........ฮือออออออ เค้าไม่อยากกินไก่ที่อยู่ในต้มข่านะ มันมีแต่กระดูก เค้าไม่อยากกิน ฮืออออออออ”

ห๊ะ

ต้มข่าไก่อะไรของมึงวะ กูไปให้มึงกินต้มข่าไก่ตอนไหนวะเนี่ย ไอ้บ้า ไอ้มีนเมาแล้ว แม่งเป็นบ้ายิ่งกว่าตอนไม่เมา
บุ้งถึงกับหัวเราะด้วยความขำ อยากจะหยุดก็หยุดไม่อยู่ได้แต่ก้มหน้าเอามือทาบหน้าผากหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตาย

มึงนี่มันเหลือเกินจริงๆ ว่ะมีน มึงนี่เมาได้รั่วมาก รั่วจนกูไม่อยากจะเชื่อว่ามึงจะเมาได้เรื้อนและรั่วได้ขนาดนี้

บุ้งนั่งขำ หัวเราะด้วยความขำ แต่ก็หัวเราะได้ไม่นาน เมื่อไอ้คนที่นอนอยู่บนเตียง อยู่ดี ๆ ก็ลุกขึ้นมานั่ง
ลุกขึ้นมาด้วยท่าทางมึน ๆ งง ๆ ก่อนจะหันมามองหน้าของบุ้งและส่งยิ้มหวานเชื่อมมาให้
ขยับเข้ามาใกล้อีกนิด ส่งยิ้มให้อีกหน่อย ก่อนจะยกแขนทั้งสองข้างกอดรัดร่างบุ้งเอาไว้แน่นและหัวเราะออกมาเสียงเบา

อะไรของมึง

“คิดถึงป่ะ”

คิดถึงอะไรวะ

ไม่ใช่แค่คำถาม แต่มีนจัดการโน้มใบหน้ามาหาและประกบปากของตัวเองกับปากของบุ้งเรียบร้อยและดูเหมือนอยากจะทำการรุกไล่อยู่ไม่น้อย

จนบุ้งที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับนั่งนิ่งตัวแข็งทื่อ ผลักใบหน้าของมีนออกห่าง และดวงตาที่มองมาก็ออดอ้อนเว้าวอนเต็มที

“ไอ้.....ไอ้ห่ามีนทำเหี้ยอะไรของ....ทำเหี้ยอะไรของมึงวะมีน”

ทำไมต้องเอ็ดด้วยอ่ะ ทำไมต้องเอ็ดทำไมต้องทำเหมือนโกรธด้วย

“นิรณา ผมคิดถึงนิรณาไม่ได้เหรอ.........นิรณาของมีน คิดถึงนิรณาจัง”

เพียงเท่านั้นและบุ้งก็จัดการสลัดร่างของไอ้เด็กฝึกงานลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียง ลุกขึ้นยืนด้วยความโมโห อารมณ์ครุกรุ่นไม่พอใจเกิดขึ้นมาดื้อ ๆ นิรณาบ้าบออะไร กูลูกพี่มึงชัด ๆ เมาแล้วลามปามนักนะไอ้เด็กเวรนี่

แม่ง ถ้ารู้ว่ากินแล้วเป็นแบบนี้ ต่อไปอย่าได้หวังจะได้กินอีกเลยมึงนะมึง....ห่ามีน


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน ผู้จัดการ/มีนคอแป๊บ 04/05/57 :20.33 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 04-05-2014 20:54:36
โมโหแน่ๆเลยพี่บุ้ง หึๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน ผู้จัดการ/มีนคอแป๊บ 04/05/57 :20.33 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 04-05-2014 21:06:43
แรกๆดูเหมือนเล่นผัวๆเมียๆกันเฉยๆ
ทำไปทำมา มันเอาจริงอะเฮ้ย คึคึ หยอดกันไปหยอดกันมา รักกันจริงเลย
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน ผู้จัดการ/มีนคอแป๊บ 04/05/57 :20.33 น.
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 04-05-2014 21:07:49
 :m20: :m20:สวดๆน้องมีน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน ผู้จัดการ/มีนคอแป๊บ 04/05/57 :20.33 น.
เริ่มหัวข้อโดย: sazzies ที่ 04-05-2014 21:13:53
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน ผู้จัดการ/มีนคอแป๊บ 04/05/57 :20.33 น.
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 04-05-2014 21:20:09
หึงอ่ะดิ๊ หึงอ่ะดิ๊ พี่บุ้ง~~~~!!!!
เมาตั้งนานไม่โกรธ มาโกรธตอนนิรณา
55555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน ผู้จัดการ/มีนคอแป๊บ 04/05/57 :20.33 น.
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 04-05-2014 21:20:51
น้องมีน รุก เห็นๆๆ พี่บุ้งแย่แน่
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน ผู้จัดการ/มีนคอแป๊บ 04/05/57 :20.33 น.
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 04-05-2014 21:22:06
จะให้มีนกินอีกดีไหมนะ แอลกอฮอล์เนี่ย :z1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน ผู้จัดการ/มีนคอแป๊บ 04/05/57 :20.33 น.
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 04-05-2014 21:28:01
สร่างเมาเมื่อไหล่ เคลียร์กันยาววววว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน ผู้จัดการ/มีนคอแป๊บ 04/05/57 :20.33 น.
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 04-05-2014 21:33:08
โดนน้องมีนจูบว่าเคืองละนะ แต่จูบแล่วเรียกชื่อคนอื่น พี่บุ้งเคืองยิ่งกว่า :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน ผู้จัดการ/มีนคอแป๊บ 04/05/57 :20.33 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 04-05-2014 21:39:28
เบียร์สดทำพิษซาแล่ว...  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน ผู้จัดการ/มีนคอแป๊บ 04/05/57 :20.33 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 04-05-2014 21:40:37
ฉันรักเรื่องนี้  :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน ผู้จัดการ/มีนคอแป๊บ 04/05/57 :20.33 น.
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-05-2014 21:43:11
มีนเมาแล้วรั่วจริงๆ นิรณาคือใคร แม่หรือเปล่า
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน ผู้จัดการ/มีนคอแป๊บ 04/05/57 :20.33 น.
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 04-05-2014 21:51:42
น้องมีนรั่วน่ารักอ่ะ
พี่บุ้งโมโหมีเรืีองอะไรคะ
เรื่องถูกจูบหรือเรื่องมีนคิดว่าจูบนิรณา

ชักจะสงสัยความสัมพันธ์
ระหว่างมีนกับเล้ง แค่เพื่อนจริงๆใช่ป่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน ผู้จัดการ/มีนคอแป๊บ 04/05/57 :20.33 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 04-05-2014 22:05:12
555555 รั่วอะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน ผู้จัดการ/มีนคอแป๊บ 04/05/57 :20.33 น.
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 04-05-2014 22:18:34
ตามอ่านแทบไม่ทัน บอกเพื่อให้รู้ว่า ตามติดแต่โพสไม่ทัน :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน ผู้จัดการ/มีนคอแป๊บ 04/05/57 :20.33 น.
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 04-05-2014 22:22:49
แบบนี้ต้องจัดการนะพี่บุ้ง 5555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน ผู้จัดการ/มีนคอแป๊บ 04/05/57 :20.33 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 04-05-2014 22:35:11
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/02/ไฟล์เปล่า1Nn1wd.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง.....ตอน   สิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น

หงุดหงิด หงุดหงิด ไม่รู้เป็นอะไรทำไมถึงได้หงุดหงิด.

เช้านี้บุ้งมาทำงานโดยมีเด็กฝึกงานติดรถมาด้วยหนึ่งคน และไอ้เด็กฝึกงานที่ว่าก็อยู่ในสภาพมึน ๆ เบลอ ๆ ไม่พร้อมจะทำงานซักเท่าไหร่

“ง่วงอ่ะพี่ โคตรง่วงเลย แอบนอนได้เปล่าวันนี้”

มึงลองแอบนอนสิ กูจะจัดการมึงก่อนเลยคนแรก

“แล้วใครใช้ให้กิน กูบอกแล้วใช่มั้ย บอกแล้วมึงเชื่อกูมั้ย ถามจริงเหอะ ถ้าเมื่อคืนมึงไม่นอนบ้านกู เช้านี้มึงจะตื่นมาทำงานไหวหรือเปล่า มึงนะมีน ถ้ากินแล้วไม่มีปัญญาตื่นเองแบบนี้นะ มึง.................”

แทนที่จะฟัง มึงเสือกนอนหลับต่อหน้าต่อตากูเลยเหรอ แถมยังกรนใส่กูให้กูได้ยินอีก

ไอ้...........

ไม่รู้จะด่าอะไรดี และในเวลานี้บุ้งก็เหลือบสายตามองหน้ามีนที่เอนหัวซบกับประตูรถและนอนหลับกันไปดื้อ ๆ

เช้านี้เอามอร์เตอร์ไซด์มาคงไม่ไหว สภาพเด็กฝึกงานไม่เอื้อที่จะซ้อน เลยต้องขับรถมาแทน ทั้งที่ไม่ค่อยอยากเอามาเท่าไหร่ วุ่นวายกับการหาที่จอด เป็นภาระให้กับตัวเอง มีรถแต่ต้องเสียเวลาวุ่นวายหาที่จอดมันก็ไม่ใช่

บุ้งคิดแบบนั้น เลยใช้รถมอร์เตอร์ไซด์ง่ายกว่า สะดวก คล่องตัว ที่จอดไม่ต้องหา ตรงไหนว่าง เสียบตรงไหนได้ก็เสียบเลย ไม่ยุ่งยากวุ่นวาย แต่ไม่ใช่เช้านี้ ที่จำใจต้องขับรถมาแทน......... ก็เพราะไอ้มีนเมาเบียร์แล้วลุกแทบไม่ไหว ต้องทั้งลากทั้งดึง ทั้งฉุดให้มันลุกขึ้นมาอาบน้ำอาบท่ามาทำงานให้ได้ ไม่อย่างนั้นคนเขาคงได้ครหากันว่าพี่บุ้งลำเอียง รักลูกน้องไม่เท่ากัน ทีไอ้มีนปล่อยให้เมา ทีคนอื่นด่าเช้าด่าเย็นไม่เลิก

“มีน ไอ้มีน แวะหาอะไรร้อน ๆ กินก่อนมั้ย มึงจะได้ตื่น”

เรียกพอให้ยินกันสองคน และมีนที่คล้ายกำลังหลับ ก็ส่งเสียงอือออ เป็นทำนองบอกให้รู้ว่าแล้วแต่บุ้งจะตัดสินใจ
เห็นแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า บุ้งขับรถไปมองหาร้านขายโจ๊กขายน้ำเต้าหูที่น่าจะเปิดขายตั้งแต่เช้า นึกขึ้นได้มีร้านที่อยู่แถวถนนใหญ่มีคนเข้าเยอะ แวะร้านนั้นก็ได้ ไม่ไกลจากโรงงาน แวะกินได้อีกพักใหญ่ เพราะเพิ่งจะหกโมงกว่า แวะกินแล้วค่อยไปทำงานคงไม่เสียเวลาจนเกินไป

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน ผู้จัดการ/มีนคอแป๊บ 04/05/57 :20.33 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 04-05-2014 22:36:31
“มีน กินโจ๊กมั้ย ตื่นก่อน ลงไปกินโจ๊กกัน”

เปิดประตูรถเรียบร้อย และจำเป็นต้องเดินมาอีกฝั่งเพื่อเรียกให้เด็กฝึกงานตื่นขึ้นมา จะได้ไปกินซะให้เสร็จ ๆ เรียบร้อยจะได้รีบไปทำงาน และมีนที่กำลังงัวเงีย ก็ปรือตาตื่นขึ้น มองหน้าของบุ้ง แล้วก็ขมวดคิ้วมุ่น

“อือออออออ ไม่กินได้ป่าวพี่ ง่วง ซื้อไปกินข้างในเหอะ ผมอยากนอนไม่ไหวแล้ว”

มึงอย่ามาอ้อน มึงอย่ามาทำเป็นอ้อนแบบนี้หน่อยเลย คดีนิรณาห่าเหวอะไรของมึงยังไม่จบนะ กูยังเคืองไม่หาย
เดี๋ยวกูตบคว่ำเลย ห่านี่

อยู่ดี ๆ ก็เกิดนึกเคืองกับเรื่องไม่เป็นเรื่องขึ้นมา บุ้งมองหน้าของมีนที่ยังเอาแต่จะนอนไม่ยอมลงมากินโจ๊กด้วยกันแล้วก็นึกไม่ชอบใจขึ้นมาทันที ลงจากรถและเดินอ้อมไปฝั่งที่มีนนั่งอยู่และเปิดประตูรถเรียกคนที่นอนหลับ

“มึงจะกินไม่กิน”

แค่น้ำเสียง ต่อให้หลับลึกแค่ไหน มีนก็ต้องตื่นเต็มตา โกรธนี่หว่า โมโหด้วย จำใจต้องขยับร่างกายเพราะรู้ว่าลูกพี่เอาจริง กำลังจะลงจากรถ แต่ท่าลงของมีนมันพิสดาร บุ้งที่อยากจะด่าก็เลยได้แต่ทำหน้าเหวอ

กอดคอกูซะงั้น แล้วกระโดดลงมาด้วยวิธีการกอดคอกูให้กูอุ้มแล้วกระโดดลงจากรถเนี่ยนะ

คิดได้ไง อยากรู้ว่ามึงคิดได้ไง ในหัวมึงคิดอะไรของมึงอยู่กันแน่เนี่ย กูจะบ้าตายกับมึงแล้ว ไอ้เกาหลี
มึงคิดอะไรของมึงอยู่กันแน่เนี่ย ไอ้เด็กห่ามีน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน ผู้จัดการ/มีนคอแป๊บ 04/05/57 :20.33 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 04-05-2014 22:39:10
รู้งานกันทั้งสองคน ไม่ทันได้เดินไปที่ร้านก็พากันหลบข้างรถ ทำตัวเหมือนเป็นโจรขโมยรถซะงั้น.

อะไรยังไงวะ

แม้ไม่อยากคิด แต่เป็นใครจะไม่คิด นั่นมันนาย กับ คุณเลขานี่หว่า นั่งกินข้าวกันอยู่ในร้าน
เช้าขนาดนี้เนี่ยนะ แค่กินมันไม่แปลกหรอก แต่สิ่งที่เห็นมันคืออะไร นายยิ้มหวานจนตาหยี ส่วนคุณเลขาก็กินข้าวไปยิ้มไป
มีตักนั่นนิดนี่หน่อยให้นายด้วย สงสัยเรื่องของนายกับคุณเลขาชักจะไม่ธรรมดา

“พี่เห็นอย่างที่ผมเห็นป่ะ”

กูเห็นชัดเลยแหละไม่ต้องถาม

“ยังไงวะพี่ ผมว่ามันแปลก ๆ”

แปลกแค่ไหนก็ช่างเหอะ ไม่ใช่เรื่องของกูแล้วก็ไม่ใช่เรื่องของมึงด้วย

“เห็นอะไร อย่าพูดมาก เห็นก็แค่เห็น ถือซะว่าไม่เห็น ไม่ใช่เรื่องของเรา”

อ่อ
ได้พี่ ผมก็ไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องของนายกับคุณเลขายิ่งไม่ใช่เรื่องที่ผมควรจะยุ่ง

“หมูปิ้งอีกแล้วมั้ง งานนี้”

บุ้งพูดกับตัวเองเบา ๆ และหันไปมองหน้าเด็กฝึกงานที่มันทำหน้าแปลก ๆ

“มึงยังจะมองอีก กินมั้ยหมูปิ้งอ่ะ ถ้ากินก็ขึ้นรถ”

กินพี่ พี่จะให้ผมกินผมก็กิน
มีนเดินตามหัวหน้างานมาขึ้นรถ ไม่อยากจะตื่นในคราวแรก แต่ตอนนี้ ต่อให้อยากนอนแค่ไหนก็คงหลับไม่ไหว หันมามองหน้าพี่บุ้งที่กำลังขับรถ และกดเลือกหาเพลงฟังแล้วก็นึกอยากจะช่วยหาขึ้นมา

“พี่จะฟังเพลงอะไร เดี๋ยวผมหาให้ก็ได้”

เหรอ

“กูว่าเอาแผ่นไว้แถว ๆ นี้ มึงหาในเก๊ะหน้าดิ มีแผ่นเอลวิสป่ะ กูว่ากูไม่ได้เอาไปไหนนะ”

เอลวิสเนี่ยนะ อย่างพี่น่าจะฟังเพลงลูกทุ่งไม่ก็เพลงเพื่อชีวิตมากกว่ามั้ง แต่พี่ฟังเอลวิสเนี่ยนะ โคตรเหลือเชื่อ

“คิดยังไงฟังเอลวิสวะพี่ เกิดมาผมยังไม่เคยฟัง”

ไม่เข้าใจจริง ๆ มีนไม่เข้าใจสิ่งที่ลูกพี่ฟังซักเท่าไหร่ เพราะถ้าเป็นตัวเอง คงฟังเพลงไทยสากลตามยุคสมัยที่คนอื่นเขาฟังกัน อาจจะเน้นเป็นเพลงอะคูสติกฟังสบาย ๆ ไม่ต้องคิดอะไรมากด้วย ไม่ก็ฟังเพลงสากลที่เขาฮิตฟังกันทั่วบ้านทั่วเมือง

“เนี่ยเหรอพี่”

หาเจอแล้ว และมีนก็หยิบแผ่นซีดีออกมาเสียบเข้าเครื่องเล่นซีดีที่อยู่ตรงหน้า

“แผ่นแท้ซะด้วย ไม่ธรรมดา สงสัยจะชอบจริง”

พูดยังไงของมึงวะ สงสัยจะชอบจริง

“ระดับกูไม่มีซื้อแผ่นผี ถ้าชอบ แพงแค่ไหนกูก็ซื้อเก็บได้หมดแหละ”

จะอวดว่าพี่รวยว่างั้น

“แล้วถ้าชอบผมอ่ะ แพงแค่ไหนพี่ก็สู้ค่าตัวป่ะ ผมจะได้โก่งค่าตัวตั้งแต่ตอนนี้เลยเนิ่น ๆ”

อย่ามาพูดจามั่ว ๆ ตอนนี้ไอ้มีน กูยังไม่เคลียร์เรื่องนิรณาของมึง เดี๋ยวกูฟันศอกให้เลยไอ้สัด ยังมีหน้ามาทำหน้าระรื่นอีก

“เคลียร์กับน้องนิรณามึงก่อนเห้ออออออออ ก่อนจะมาทำเป็นปากดีให้คนนั้นคนนี้เขาไปขออ่ะ”

เป็นถ้อยคำเย้ยหยัน ที่ทำให้มีนเกิดอาการหน้าเหวอ และไม่รู้ว่าหัวหน้ารู้จักนิรณาได้ไง ทั้งที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังและไม่เคยมีใครรู้เรื่องนี้มาก่อน

“พี่รู้จักนิรณาด้วยเหรอ”

ไอ้เรื่องรู้จักกูไม่รู้หรอก แต่เรื่องที่มึงพร่ำเพ้อหานิรณาตลอดทั้งคืนจนกูต้องเอาหมอนอุดหูไม่ได้หลับไม่ได้นอนน่ะ

ต่อให้กูไม่เห็นหน้ากูก็รู้ชื่อนิรณาสุดที่รัก สุดสวาทขาดใจของมึงไปเรียบร้อยแล้ว

“ชื่อยังขนาดนี้ ตัวจริงคงสวยไม่น้อย”

เป็นการประชดประชันที่ทำให้มีนที่กำลังฟังอยู่ถึงกับถอนหายใจออกมาเสียงเบา ไม่อยากจะคิดหรอกนะ ไม่อยากจะนึกถึงเรื่องที่ผ่านมานานหลายปีแล้ว

“สวยสิพี่ นิรณาทั้งสวยทั้งน่ารัก”

อ่อ มิน่าล่ะ ทั้งสวยทั้งน่ารัก มึงเลยเอาแต่นอนพร่ำเพ้อร้องห่มร้องไห้คิดถึงนิรณาทั้งคืน จนกูไม่ได้หลับไม่ได้นอน
นี่ถ้าเอาหมอนอุดปากมึงได้ กูทำไปแล้ว ติดแต่ทำไม่ได้นี่แหละ กูเลยต้องขนหมอนกับผ้าห่มไปนอนนอกห้อง เพราะความรำคาญ

“แฟนมึงดิ”

แฟนผมเนี่ยนะ

“ห๊ะ”

มีนเกิดอาการงง ที่อยู่ดี ๆ ลูกพี่ก็มาเหวี่ยงใส่อย่างไม่มีเหตุมีผล

“ผมยังไม่มี๊”

เสียงสูงขนาดนี้ กูคงเชื่อเนอะ หน้าอย่างมึงก็ต้องมีแฟนเป็นธรรมดา ตามสมัยนิยม เด็กมหาลัยที่ไหน ๆ เขาก็มีกัน อยู่ดี ๆ มึงบอกว่ามึงไม่มี กูเชื่อมึง กูก็ควายแล้วมีน

“กูเกือบเชื่อแล้ว”

เกือบเชื่อแปลว่าไม่เชื่อ แล้วผมจะโกหกพี่ไปทำไม ในเมื่อผมไม่มีจริง ๆ มีนล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อหยิบโทรศัพท์มาค้นหารูปนิรณาที่เคยถ่ายคู่กันเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน และมีนก็ยังเก็บเอาไว้จนถึงตอนนี้

“พี่จะหาว่าผมเป็นแฟนกับหมาหรือไง นี่ไงนิรณา”

ส่งโทรศัพท์ให้คนที่กำลังขับรถ และบุ้งก็รับมาดู ก่อนจะเพ่งมองสลับไปกับการมองทางข้างหน้า

“หมา.........เนี่ยนะ เนี่ยคือนิรณาอะไรของมึงเนี่ยนะ”

หมาพันธ์โกลเด้นตัวใหญ่ ที่หน้าตาท่าทางเป็นหมาผู้ดี กำลังนั่งทำลิ้นห้อย โดยมีมีนที่กำลังยิ้มและชูสองนิ้วอยู่ข้าง ๆ ทำให้บุ้งขมวดคิ้วมุ่น ส่งโทรศัพท์คืนให้มีนเรียบร้อยและมีนก็รับมาถือเอาไว้ และแตะปลายนิ้วไปที่รูปที่ยังอยู่ในโทรศัพท์

รอยยิ้มจาง ๆ แต่หม่นหมองเต็มที และบุ้งก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อไป

“ตายไปได้สองสามปีแล้ว เลี้ยงมันมาตั้งแต่ตัวเล็กๆ ช่วงนี้ดวงผมเป็นอะไรไม่รู้นะ รักใครชอบใคร รักอะไรก็ต้องสูญเสียไปซะหมด”

พูดแล้วมีนก็ถอนหายใจออกมา เก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋าเสื้อและนั่งเหม่อลอย ก่อนจะปิดเปลือกตาลงช้า ๆ
พร้อมกับเสียงบ่นพึมพำกับตัวเองที่ได้ยินกันแค่สองคน

“ผมเลยไม่อยากจะรัก ไม่อยากจะผูกพันกับอะไรแล้ว แฟนอะไรนั่นผมก็ไม่เอา ไม่อยากมี.......เพราะว่าพอถึงเวลาที่ต้องสูญเสีย ผมคงทำใจไม่ได้อีกแล้ว เจ็บคนเดียว ร้องไห้คนเดียว นาน ๆ ไปผมไม่รู้ว่าตัวเองจะทนได้อีกกี่ครั้ง”

ฟัง ...ตั้งใจฟังสิ่งที่มีนพูด และบุ้งก็ถึงกับถอนหายใจตาม

“บางทีคนเราบางคนมันก็โง่เข้าขั้นนะมีน มึงไม่รู้หรอกบางคนนะต่อให้ต้องแลกกับอะไรก็ยอม จะเป็นวัวเป็นควาย เป็นคนโง่ เป็นอะไรก็ได้ ขอเพียงให้คนที่รักอยู่ข้าง ๆ และรับรู้ว่าเขาอยู่กับเราเสมอ ต่อให้เขาจะด่าหรือเห็นเราเป็นควายขนาดไหนเราก็ทนได้”

มีนปรือตาตื่นขึ้นและหันไปมองหน้าลูกพี่ ที่กำลังพูดบางอย่าง ระบายความอัดอั้นตันใจบางอย่างที่อยู่ในใจลึก ๆ มาตลอดหลายปี และไม่เคยพูดให้ใครได้ฟัง

“คนพรรณ์นั้น ไม่มีค่าไม่มีราคาไม่มีอะไรให้น่าจดจำแล้วก็รักหรอกพี่ รักคนที่สมควรรัก คนไม่สมควรรัก รักไปก็มีแต่เจ็บเปล่า ๆ พี่จะทนรักคนแบบนั้นไปเพื่ออะไร ทำร้ายตัวเองไปเรื่อย ๆ แล้วได้อะไรขึ้นมา”

นั่นสิ ได้อะไรขึ้นมา ไม่รู้ว่ะ กูก็ไม่รู้หรอกว่าจะได้อะไรขึ้นมา นอกจากความเสียใจซ้ำ ๆ ช้ำใจครั้งแล้วครั้งเล่า

“พี่.......ผมไม่อยากยุ่งหรอกนะ แต่ถ้าเลิกได้ พี่เลิกเหอะ ผู้หญิงดี ๆ มีอีกเยอะแยะ พี่จะทนรักคนแบบนั้นไปทำไม ผู้หญิงหาเมื่อไหร่ก็หาได้ เอาแบบไหน สเปคไหน ได้หมด คัดไซส์คัดขนาดมาเลยก็ยังได้ ระดับพี่ หาได้ไม่ยากหรอก เชื่อผม”

เหรอ เชื่อมึงเหรอ เชื่อมึงเนี่ยนะ

“ผู้หญิงนะไม่ใช่แตงกวา พูดมาได้ไงให้คัดไซส์คิดขนาดมึงบ้าป่ะเนี่ยเชื่อมึงกูก็บ้าแล้ว ได้ข่าวว่ามึงเองก็ยังไม่มีแฟน”

นั่นมันเกี่ยวกันที่ไหนล่ะ ผมไม่มีแฟน ก็ใช่ว่าพี่จะต้องไม่มีแฟนไปด้วยซะหน่อย มันเกี่ยวกันตรงไหนล่ะพี่

“จะมีได้ไง ก็จีบพี่เช้าสายบ่ายเย็นอยู่เนี่ย พี่ก็ไม่ใจอ่อนรับรักผมซะที พี่จะให้ผมทำยังไง เล่นตัวอยู่ได้ เดี๋ยวก็ปล้ำซะเลยนี่”

เห้อะ
มึงกล้าพูดเนอะ มึงกล้าพูดออกมาได้เนอะ รู้จักกูน้อยไปแล้วไอ้มีน

“พูดจาสั่ว ๆ นะมึง พูดแบบนี้ เดี๋ยวกูตบกบาลแยกเลยเอามั้ย”

ไม่ใช่แค่พูด แต่บุ้งยังทำท่าจะตบกบาลมีนจริง ๆ และมีนก็ได้แต่หดคอเอามือบัง แกล้งทำเหมือนกลัวนักหนา ทั้งที่กำลังหัวเราะชอบใจที่ยั่วโมโหลูกพี่ได้

“โห่พี่ ยุคนี้มันยุคไหนแล้ว ดูอย่างนายกับคุณเลขาสิ คุยกันกระหนุงกระหนิงน่ารักจะตาย หรือพี่ไม่เห็น”

ไอ้มีน.....

“เรื่องนี้มึงอย่าพูดเชียวนะ ไม่งั้นกูเอามึงตาย”

ผมจะไปพูดได้ยังไง ผมก็รู้ว่าอะไรสมควรพูดอะไรไม่สมควรพูดหรอกน่า

“ว่าแต่เหลือเชื่อเลยเนอะพี่ นี่ผมยังอึ้งๆ อยู่เลยนะเนี่ย เวลานายอยู่กับคุณเลขานอกเวลา นายยิ่งดูน่ารักว่ะพี่ พี่ว่าป่ะ”

อย่าวิจารณ์นาย หุบปากได้มึงหุบปากไปเลย

“ถ้ามึงยังขืนพูดอีกนะ มึงได้ลงไปนอนข้างทางแน่”

โห พี่ ผมหยุดแล้วนี่ไง ผมไม่พูดแล้ว มีนเอามือปิดปากและหันไปมองหน้าบุ้ง ทำเหมือนให้รู้ว่าจะไม่กล้าพูดมากอีกแล้ว
และเป็นบุ้งที่ส่ายหน้าให้กับความบ้าบอทะลึ่งทะเล้นของเด็กฝึกงานที่ไม่รู้วัน ๆ มันไปสรรหาวิธีการยั่วโมโหมาจากไหนมากมาย

แต่จะว่าไม่คิดตามสิ่งที่มีนพูดมันก็เป็นไปไม่ได้ ในเมื่อเห็นอย่างที่มีนเห็น เออ.........จะว่าไป....เวลาที่นายกับคุณเลขาอยู่ด้วยกันนอกเวลางาน............. มันก็ไม่ได้ดูแย่อะไรหรอกนะ แถมยังดูน่ารักอย่างที่ไอ้มีนว่าด้วย เรื่องที่ผู้ชายสองคนจะพูดคุยกันด้วยท่าทางน่ารักกระหนุง กระหนิงแบบนั้นแล้วดูดี มันไม่ใช่จะเห็นได้บ่อยๆ หรอก ส่วนใหญ่ที่เห็นจะดูน่าหมั่นไส้ น่าถีบซะมากกว่า
คิด ๆ แล้วผิดกับกูแล้วก็ไอ้มีนลิบลับ ที่แค่ไปกินข้าวด้วยกัน ยังเหมือนคนจะฆ่ากันตาย หาความหวานอะไรให้กันไม่เจอเลยซักนิด

แล้ว................ยังไง

แล้วกูคิด อะไร

เหลือบสายตาไปมองคนที่นั่งอยู่ที่เบาะข้างๆ และบุ้งก็ถึงกับต้องรีบสะบัดหัวไล่ความรู้สึกนึกคิดแปลก ๆ ออกไปจากหัวซะบ้าง นับวันจะคิดอะไรบ้า ๆ บอ ๆ ตามไอ้มีนไปใหญ่แล้ว พักนี้เป็นอะไรวะ ชอบคิดตามสิ่งที่ไอ้มีนพูดจาเพ้อเจ้อใส่เรื่อยเลย


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน ไม่คิดว่าจะได้เห็น 04/05/57 :22.48 น.
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 04-05-2014 23:00:16
ว๊ายยย นายกะคุณเลขามีซัมติงกันจริงๆ ด้วยยยยย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน ไม่คิดว่าจะได้เห็น 04/05/57 :22.48 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 04-05-2014 23:04:26
นายกะคุณเลขาน่ารักเนอะ  :impress2:

ดูไว้นะพี่บุ้ง .. ดูแล้วทำตามน่ะ เป็นไหม?

 :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน ไม่คิดว่าจะได้เห็น 04/05/57 :22.48 น.
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 04-05-2014 23:25:31
นั้นไง น้องมีนออกตัว แล้วนะพี่บุ้ง
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน ไม่คิดว่าจะได้เห็น 04/05/57 :22.48 น.
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 04-05-2014 23:25:47
หยอดทุกวันเดี๋ยวมันก็คิด :hao3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน ไม่คิดว่าจะได้เห็น 04/05/57 :22.48 น.
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 04-05-2014 23:52:24
สรุปจูบหัวหน้าเพราะนึกว่าเป็นน้องหมา ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน ไม่คิดว่าจะได้เห็น 04/05/57 :22.48 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 04-05-2014 23:54:15
เพ้อเจ้อขึ้นทุกวันเนอะหัวหน้าบุ้ง อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน ไม่คิดว่าจะได้เห็น 04/05/57 :22.48 น.
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 05-05-2014 00:04:53
หลังแผนกขนส่ง จะต่อด้วยแผนกเลขามั้ยค่ะ?
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน ไม่คิดว่าจะได้เห็น 04/05/57 :22.48 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-05-2014 00:11:00

ตอบ คุณ fuku

เรื่องรักเกิดในแผนกเลขาไม่มีครับ

มีแต่เรื่องยาวของ คุณนัท กับ คุณรัชชานนท์  :L1:

เรื่องราวความรัก สุดน่ารัก ของคุณนัท ผู้บริหารโรงงาน ฉายาเป็ดน้อย  กับพี่ฟ้า หรือคุณเลขารัชชานนท์
ที่มีความยาวมากกว่า 41 ตอนครับ ซึ่งแยกออกไปจากเรื่อง รักเกิดในแผนกขนส่ง ครับ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน ไม่คิดว่าจะได้เห็น 04/05/57 :22.48 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 05-05-2014 00:17:35
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao7: o13 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน ไม่คิดว่าจะได้เห็น 04/05/57 :22.48 น.
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-05-2014 00:40:42
นิรณา นิรณาเป็นหมาน่ะพี่บุ้ง ที่นี้รู้หรือยังอย่าหึงมั่วซั่ว 5555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน ไม่คิดว่าจะได้เห็น 04/05/57 :22.48 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-05-2014 00:49:47

(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/02/ไฟล์เปล่า1Nn1wd.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง.....ตอน เรื่องของมีน

“ซานดิเอโก้ โจเซฟ เอสตราด้า ที่ 22”

บุ้งและวิเชียรถึงกับหันมามองหน้ากันด้วยความกลุ้ม

“ขออีกที เมื่อกี้มึงว่าอะไรนะ”

พวกพี่ไม่ได้ยินกันเหรอวะ ผมบอกว่า..........

“ซานดิเอโก้ โจเซฟ เอสตราด้า ที่ 22”

มีนย้ำคำพูดตัวเองอีกรอบ แล้วพี่วิเชียรก็เอามือตบหน้าผากตัวเองอย่างแรงด้วยความกลุ้ม

“ชื่อมึงคงเป็นชื่อที่ดีมากนั่นแหละเกาหลี แต่พี่ว่า ให้มันชื่อไอ้ดำเหมือนเดิมเหอะวะ ดูท่าจะง่ายกว่า”

พี่วิเชียรสุดจะทน เพราะมาขอคำแนะนำว่าจะตั้งชื่อลูกหมาที่บ้านยังไง พอดีลูกชายแกอยากได้หมา แกเลยหามาเลี้ยงให้หนึ่งตัว
เป็นหมาไทยพันธุทาง ลูกหมาตัวเล็กสีดำที่ไปขอมาจากข้างบ้าน เลี้ยงเอาไว้เฝ้าบ้านกันขโมย ไม่รู้จะตั้งชื่ออะไรเลยมาขอความคิดเห็นจากลูกพี่และเด็กฝึกงาน และชื่อที่ได้มา ก็เกินที่พี่วิเชียรจะสามารถจดจำและเอาไปตั้งชื่อให้หมาได้

“มึงอย่าคิดมากวิเชียร หมาบ้านมัน ยังชื่อ นิรณาได้เลย สงสัยตัวต่อมาคงชื่อ นีรนาถ และนุชอนงค์ล่ะมั้ง”

เป็นการประชดประชันที่มีนได้แต่ขมวดคิ้วมุ่นและเกิดความสงสัยขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“พี่รู้ได้ไงวะ ว่าผมตั้งชื่อหมาที่บ้านตัวอื่น ๆ แบบนั้น”

มึงอย่าบอกนะว่ามึงตั้งตามที่กูบอกจริงๆ โอยยยยย บอกตามตรง ๆ กูจะบ้า

“ห่ามีน อย่าบอกนะว่ามึงตั้งจริง มึงบ้าไปแล้วไอ้มีน”

ใครมันจะไปตั้งชื่อหมาแบบนั้นวะพี่

“พี่ก็คิดได้เนอะ ผมจะไปตั้งชื่อหมาแบบนั้นได้ไงวะ มีใครที่ไหนตั้งชื่อหมาแบบนั้นกัน”

ก็มึงไง
บุ้งอยากจะพูดแบบนั้น แต่ก็ไม่อยากจะพูดมาก ป่วยการจะพูดกับไอ้มีน บทจะมึนแม่งก็มึนเกินไป ดีแล้วที่มึงไม่ตั้งชื่อตามนั้น กูก็ว่าอยู่ มึงคงไม่บ้าขนาดนั้นหรอก แค่ณิรนากับซานดิเอโก้อะไรของมึงนี่กูก็ปวดหัวแล้ว อย่าให้พูดเลยว่าปวดหัวขนาดไหน

“หมาบ้านผมชื่อกิติพงษ์ กิติพัฒน์และศุภชลาศัย ที่ 12 ต่างหากล่ะ”

ไอ้มีนนนนนนนนนนนนนนน

“วิเชียร มึงคุยกับมันต่อไปนะ กูไปแระ ไม่ไหวว่ะ เช้านี้กูเวียนหัว เหมือนจะเป็นลมยังไงก็ไม่รู้”

ไม่ใช่แค่บุ้งคนเดียวที่เวียนหัว แต่พาลรวมไปถึงวิเชียรด้วย ที่คิดว่าคงรับไม่ไหวกับชื่อที่เด็กฝึกงานตั้งให้หมาที่บ้านเหมือนกัน

“แปลกตั้งแต่ณิรนาแล้วล่ะพี่ พอมาเจอศุภชลาศัยที่ 12 ผมปวดหัวแทบอ้วกเลย ไม่ไหวแล้ว เอาไว้ค่อยคุยกันใหม่นะเกาหลี พี่ไปก่อน โอยยยยยยย ซานดิเอโก้ คิดได้ยังไง ชื่อไอ้ดำแบบเดิมนั่นแหละดีแล้ว ไม่น่าหาเรื่องให้ตัวเองเครียดเลยกู ปรึกษาผิดคนจริง ๆ”

ผมรู้นะพี่วิเชียร ว่าพี่วิเชียรบ่นผมอยู่

“ดำ ก็ควรชื่อดำรงสิพี่วิเชียร จะให้ชื่อดำเฉย ๆ ได้ไงพี่ เหมือนไม่ใส่ใจกันเลยนี่หว่า ไม่งั้นก็ชื่อ ดำริ อะไรก็ว่าไป นะ กลับมาก่อนสิพี่ จะรีบไปไหนล่ะ ผมคิดชื่อใหม่ ๆ ออกแล้วจริง ๆ นะพี่”

คิดต่อไปคนเดียวนะเกาหลีนะ

เรียกไปก็ไม่มีใครหันมาสนใจกันบ้าง โดยเฉพาะพี่บุ้งที่เดินส่ายหน้าส่ายหัวออกไปเรียบร้อย และมีนก็ยังนึกประหลาดใจกับพี่วิเชียรและพี่บุ้งที่ไม่รู้จักฟังกันบ้างเลย

“ก็ตั้งชื่อสั่วๆ ส่ง ๆ ไปมันเหมือนไม่ใส่ใจนี่หว่า หมาแมวมันก็คงอยากได้ชื่อดี ๆ เพราะ ๆ บ้าง พวกพี่นี่แม่ง ไม่มีความละเอียดอ่อนกันบ้างเลย”

++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน ไม่คิดว่าจะได้เห็น 04/05/57 :22.48 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-05-2014 00:51:51
“ให้มันชื่อนิรณาสิ ชื่อเพราะดีออก”

มึงบ้าแล้ว ให้หมาโกลเด้นเพศเมีย ตัวใหญ่ยักษ์ชื่อนิรณา คิดได้ไงวะเล้ง

“ไม่เอาล่ะ มึงคิดได้ไงวะ คิดนานมั้ยชื่อนี้”

บ่นใส่หน้าเพื่อน และคนที่ช่วยคิดชื่อให้ก็หัวเราะออกมาเสียงเบา ขำกับสิ่งที่มีนพูด และก็ส่งยิ้มบาง ๆ มาให้

“ชื่อเจ้กูเอง แต่ไม่ทันได้เจอกันนะ เขาเสียไปตั้งแต่ยังเล็ก ๆ”

แล้วมึงเอามาให้กูตั้งชื่อหมาเนี่ยนะ

“มึงเอาชื่อเจ้มึงที่เสียไป มาตั้งชื่อให้หมากู มึงบ้าแล้วเล้ง ใครจะกล้าเอาชื่อเจ้มึงไปตั้งชื่อหมาวะ”

ไม่เข้าใจสิ่งที่เพื่อนคิด และเล้งก็ยิ้มเรื่อย ๆ แต่แววตาที่มองมาเต็มไปด้วยความสดใสร่าเริง

“ก็มันเป็นชื่อคนที่กูรักไง ถึงจะจำเรื่องของเจ้ได้แบบเลือนลางก็เถอะนะ แต่กูว่ากูรักเจ้นะ แม้เขาจะอยู่กับกูได้ไม่นานก็เถอะ มึงจะรักหมาตัวนี้มั้ยล่ะ ถ้ามึงจะรักแล้วก็รักมาก ๆ มึงเอาชื่อนี้ไปตั้งสิ กูว่ามันคงดี ที่มึงได้รักชื่อนี้เหมือนที่กูรัก”

มีนกำลังอึ้ง นิ่งอึ้งกับคำอธิบายง่าย ๆ ของเพื่อน..........รัก.............

เล้งเป็นคนแปลก ๆ เป็นคนมีชาติตระกูล ฐานะที่บ้านเข้าขั้นดีมาก แต่ไม่รู้เป็นยังไง เล้งไม่ค่อยพูดถึงเรื่องที่บ้านเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะพูดถึงเรื่องน้องชายที่เสียไป แล้วก็พูดถึงเรื่องน้องชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกันและอยู่ที่เรือนเล็กหลังบ้านมากกว่า

พูดถึงไม่ขาดปาก พูดถึงทุกวัน และนั่นคงเป็นสิ่งเดียวที่เล้งมันมีความสุขมาก เวลาที่ต้องอยู่บ้านหลังนั้น เวลาที่ต้องอยู่กับพวกญาติ ๆ ของมัน ที่มีนพอจะรู้ว่า..........แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน จนถึงขนาดถ้าฆ่ากันได้ก็คงทำ

“มึงแน่ใจนะว่าให้กูเอาชื่อนี้ไปตั้งให้หมากูจริง ๆ”

แน่ใจสิ
เล้งหันมาส่งยิ้มให้กับเพื่อนที่มาขอความช่วยเหลือในการตั้งชื่อหมาที่บ้าน

“มึงจะรักหรือเปล่าล่ะ ถ้ามึงจะรักและรักมาก มึงก็เอาชื่อนี้ไป”

มีนได้แต่ฟัง ก่อนจะก้มหน้าลง ก้มลง แล้วก็อมยิ้มอยู่คนเดียวเงียบ ๆ

รักสิ กูจะรัก ชื่อที่มึงอุตส่าห์ตั้งให้ ชื่อของคนที่มึงรัก กูก็จะรักด้วย กูจะรักหมาตัวนี้มากแน่ ๆ ให้สมกับที่มึงรักชื่อนี้

“นิรณา”

มีนกำลังยิ้มและมองหน้าเพื่อนที่ส่งยิ้มมาให้ รอยยิ้มสุดท้าย ที่มีนไม่เคยลืม ไม่มีวันลืมเลือน
เพราะมันเป็นวันสุดท้าย รอยยิ้มสุดท้ายที่ได้เห็นครั้งสุดท้าย

....................มึงทิ้งกู.............ใครใช้ให้มึงตายวะไอ้เหี้ยเล้ง.....ไอ้เพื่อนเหี้ย........

ใครใช้ให้มึงตาย มึงมันเหี้ยมาก

มึงแม่งทิ้งกู

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน ไม่คิดว่าจะได้เห็น 04/05/57 :22.48 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-05-2014 00:52:48
“หลวงพี่ สึกเถอะค่ะ หลวงพี่จะได้มาเรียนหนังสือให้จบ ๆ ทำแบบนี้ ดิฉันไม่สบายใจเลย คุณพ่อก็อยากให้หลวงพี่สึกออกมามากกว่าจะบวชไปแบบนี้เรื่อย ๆ เห็นใจคนที่บ้านบ้างเถอะนะคะ”

ครั้งหนึ่งเมื่อมีนได้เรียนรู้ชีวิตที่เจ็บปวด สิ่งสุดท้ายที่พอจะนึกออก คือหนีหายไปซะ หนีไปบวช บวชเพื่อหนีสงสาร พระพี่เลี้ยงบอกอย่างนั้น และหลวงพี่มีนก็ได้แต่ยิ้มให้กับโยมแม่ รอยยิ้มเรียบเรื่อยแต่ไม่เคยมีคำตอบให้

ไม่เคยมีเลย

และต้องใช้เวลาเนิ่นนานพักใหญ่กว่าจะได้รู้ การที่คิดว่าจะอยู่อย่างสงบมันเป็นการไปทำลายความหวังของโยมพ่อกับโยมแม่ที่ตั้งใจจะให้เรียนรู้ทางโลกและเดินทางอยู่บนทางโลกมากกว่าทางธรรม หลังจากบวชไปได้ไม่นานก็ต้องสึก

จำใจต้องสึก

สึกตามใจโยมแม่ สึกตามใจเพราะโยมแม่มาขอร้องให้สึกทุกวัน ก็เลยต้องยอมออกมา และมีนก็คิดว่า วันหนึ่งในอนาคตจะต้องกลับไปบวชอีกแน่ ๆ ยังไงก็ต้องกลับไปให้ได้ เส้นทางเงียบๆ ที่แสนสงบสุขเส้นนั้น ยังไงมีนก็คิดว่าต้องกลับไป

กลับไปในวันหนึ่งซึ่งไม่เหลืออะไรที่อยู่ทางโลกให้ต้องห่วงหาอาลัยและคิดถึง

วันหนึ่งมีนคิดว่ายังไงซะ.............ก็คงต้องกลับไป

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน ไม่คิดว่าจะได้เห็น 04/05/57 :22.48 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-05-2014 00:57:32
ขมคอแปลกๆ มีนรู้สึกเหมือนกำลังขม ๆ ในคอ และอาการแสบจมูกก็เริ่มตามมาเล่นงานทีละน้อย

“เป็นอะไรวะ กูได้ยินเสียงมึงจามดังลั่นเลย จะเป็นหวัดป่ะเนี่ย อากาศเปลี่ยนก็ดูแลตัวเองหน่อย มึงไม่อยู่กูลำบากเลยนะมีน ห้ามป่วยเด็ดขาดเลยนะมึง”

โหพี่ นี่คนนะพี่ไม่ใช่เครื่องจักร จะไม่ให้ป่วยเลยได้ยังไงล่ะ ผมก็ต้องมีวันลาป่วยบ้างสิ จะให้แข็งแรงตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงสามร้อยหกสิบห้าวันได้ยังไง

“เหมือนจะเป็นไข้เลยว่ะพี่ หนาว ๆ ร้อน ๆ พิกล”

ยกหลังมือขึ้นแตะที่หน้าผากตัวเอง แล้วคนที่นั่งอยู่ก็ลุกขึ้นเดินมาหา ลุกขึ้นมา ใช้หลังมือแตะหน้าผากตัวเองและแตะที่หน้าผากของมีนสลับกันไปมาอยู่อย่างนั้นหลายครั้งเพื่อความมั่นใจว่าอุณหภูมิร่างกายต่างกันแน่ ๆ

“ตัวร้อนนะมึงอ่ะ ไหวป่ะ เริ่มมีอาการปวดหัวร่วมด้วยหรือยัง แล้วก็เริ่มไอแล้วก็มีเสมหะมั้ย”

ก็.......เหมือน ๆ จะเริ่มมีแล้วแหละพี่

“กินยาก่อนมั้ย ยาพารา”

ยังไม่ต้องก็ได้มั้งพี่

“รักษาเองตามอาการก่อนดีกว่าพี่ ตอนนี้ผมยังไม่ค่อยปวดหัว แค่จามแล้วก็เริ่มรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวแค่นั้นเอง”

เหรอ

“งั้นหรี่แอร์หน่อยดีกว่า เอาเสื้อคลุมใส่หน่อยมั้ย เอาเสื้อพี่ใส่ไปก่อนก็ได้ ใส่เสื้อหลายชั้นหน่อยจะได้อุ่น ๆ นะ”

ไม่พูดเปล่า พี่บุ้งยังจัดการถอดเสื้อพนักงานอีกตัวที่เป็นเสื้อชอร์ปมาคลุมไหล่ให้มีนด้วย แตะมือไปที่หน้าผากมีนอีกสองสามครั้งและก็ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่ชอบใจ

“กระติกน้ำร้อนมีน้ำป่ะ”

ไม่มีหรอกพี่ สงสัยน้ำจะหมดแล้ว

“ผมยังไม่ได้เอาไปเติมเลย”

เหรอ

“งั้นเดี๋ยวพี่เอาไปเติมน้ำเอง เดี๋ยวพี่มา ต้มน้ำให้ร้อน ๆ กินน้ำอุ่นดีกว่า ไม่ต้องกินโอเลี้ยงแล้วกันนะวันนี้ งดก่อนหนึ่งวัน”

เอางั้นเหรอ เอางั้นก็ได้พี่

“พี่บุ้ง”

หือ

บุ้งหันไปตามเสียงเรียก และมีนก็แนบใบหน้าลงบนโต๊ะคอมพิวเตอร์ ก่อนจะบ่นอะไรพึมพำให้พอได้ยินกันสองคน

“พี่ดูแลเมียพี่ดีขนาดนี้หรือเปล่าเนี่ย ผมล่ะอิจฉาคนที่จะมาเป็นเมียพี่จริง ๆ เลยว่ะ”

อะไรของมึง พูดจาเพ้อเจ้ออีกแล้ว บุ้งขมวดคิ้วมุ่น และส่ายหน้ากับสิ่งที่มีนพูดออกมา

“จะเมียจะน้องจะเพื่อนจะอะไรก็แล้วแต่เถอะ กูก็ดูแลแบบนี้ทุกคนแหละ มึงคิดมากเรื่องอะไรอยู่อีกเนี่ย เพ้อเจ้อตลอดเลยนะ ขนาดกำลังจะไม่สบายมึงยังเพ้อเจ้อได้เลย กูล่ะเชื่อมึงจริง ๆ ไอ้มีน”

เหรอพี่ เพ้อเจ้อเหรอ ผมมันเพ้อเจ้อมากเลยใช่มั้ย
ใคร ๆ สำหรับพี่ก็สำคัญหมดแหละวะ จะหมูหมากาไก่ ขอให้เป็นคนที่อยู่รอบตัวเถอะ พี่ก็ดูแลเขาไปซะหมดแหละ ไม่เว้นแม้กระทั่งผมด้วยใช่มั้ย ผมเองก็คงไม่ใช่คนสำคัญอะไรขนาดนั้น ก็คงเหมือนคนทั่ว ๆ ไปที่อยู่รอบๆ ตัวพี่ทั้งหมดนั่นแหละ

“มีน”

อือ ว่าไงพี่
มีนเหลือบสายตามองหน้าของลูกพี่ ที่กำลังมีสีหน้าลำบากใจเพราะไม่รู้จะเริ่มทำอะไรก่อนหรือหลังถึงจะดี

“อะไรพี่ เรียกผมทำไม”

เรียกทำไมเหรอ
ก็ไม่มีอะไรหรอก ไม่มีอะไรมากมายหรอกวะ แค่พี่จะบอกว่า........

“กับวิเชียรกูไม่เคยถอดเสื้อชอร์ปให้มันใส่นะ แล้วก็.......ไม่เคยต้มน้ำให้มันกินด้วย.....”

แล้วไงอ่ะพี่ แสดงว่าสิ่งที่พี่ทำอยู่ตอนนี้ พี่ก็ทำกับคนอื่นที่ไม่ใช่พี่วิเชียรก็ได้ว่างั้น..........ใช่เปล่าวะ มีนไม่คิดอยากจะฟังอะไรไปมากกว่านี้ ดวงตาเหม่อลอยมองไปที่บิลกองใหญ่ที่ดูแล้ว คงจะไม่สามารถคีย์ให้แล้วเสร็จภายในสองสามวันนี้ได้

“กู........จะบอกว่า.....ที่ถอดเสื้อให้ใส่ แล้วก็ต้มน้ำให้กินเนี่ย....กูเพิ่งทำกับมึงคนแรก.......และคงทำแบบนี้ให้คนเดียวล่ะมั้ง........”

อะไรนะพี่

จากสายตาที่มองบิลกองใหญ่ ตอนนี้สายตามีนไล่มามองที่ใบหน้าของลูกพี่ตัวเองเรียบร้อยแล้ว พี่บุ้งเป็นอะไรวะ พูดอะไรแปลก ๆ แถมยังทำท่าทางแปลก ๆ ด้วย

“เหรอพี่”

ยังจะมาเหรอ อีกเหรอวะ มึงเข้าใจมั้ยเนี่ย ว่ากูไม่เคยทำให้ใครแล้วก็เพิ่งมาทำให้มึงคนแรกนี่แหละ เสือกจะพูดแค่คำว่าเหรอเนี่ยนะ เดี๋ยวกูตบฟันร่วงเลยนี่ จะขอบคุณซักคำมีมั้ยวะ แม่งมารยาทไม่ได้มีซักนิดเลยใช่มั้ยเนี่ย

บุ้งกำลังบ่นอยู่คนเดียวในใจ และไอ้คนที่สมควรจะได้ยินสิ่งที่บุ้งบ่น ก็มองตรงมาทางนี้แล้ว

มองตรงมา และมีนก็เริ่มอมยิ้ม ในเวลาไม่นานก็กลายเป็นรอยยิ้มของคนป่วยที่ยิ้มกว้างขึ้นและมันช่างสดใสที่สุดในความคิดของบุ้ง ยิ้มห่าอะไรของมึง กำลังจะป่วยกำลังจะไม่สบายไม่ใช่หรือไง แล้วยังมีหน้ามายิ้มอยู่ได้

“มึงยิ้มทำห่าอะไรวะมีน”

ไม่ให้ยิ้มได้ยังไงพี่ มันก็ต้องยิ้มสิวะ ไม่ให้ผมยิ้มได้ยังไง

“ก็ผมดีใจผมก็ยิ้มสิ ผมดีใจผมยิ้มไม่ได้หรือไง”

ดีใจ.... ดีใจเนี่ยนะมึงจะดีใจเรื่องอะไรวะกูไม่เห็นเข้าใจว่ามึงจะดีใจเรื่องอะไร

“มึงดีใจเรื่อง.........”

ก็ดีใจเรื่อง..........

“เรื่องที่ผมเป็นคนแรกของพี่ และพี่ก็เป็นคนแรกของผมไง”

ห๊ะ

ไอ้มีน มึงว่าไงนะ ไหนมึงพูดอีกทีซิ

“มึงนี่ชอบพูดจาสองแง่สองง่ามเรื่อยเลยนะ กูแค่บอกว่ากูเพิ่งต้มน้ำให้มึงแดกคนแรก แล้วก็เอาเสื้อให้มึงใส่คนแรก นี่มึงพูดแบบนี้มึงคิดอะไรอยู่วะ หัวสมองมึงนี่แต่ละอย่างก็คิดได้นะ ป่วยจะตายห่าอยู่แล้ว”

บ่นอีก บ่นผมทำไม บ่นผมอยู่นั่น

“พี่คิดอะไรของพี่ ผมยังไม่ได้คิดอะไรเลย ผมก็หมายความตามที่พี่พูดนั่นแหละ พี่เอาที่ผมพูดไปแปลอะไรวะเนี่ย พี่บุ้งคิดอะไรไม่ดีกับผมหรือเปล่าว๊า.......ผมรู้ทันน๊า”

รู้ทันบ้านมึงสิ ทีเรื่องเหี้ยๆ นี่ฉลาดนักนะ

“นอนตายไปเหอะมึง ขืนยังพูดมาก พูดจากวนตีนอย่างนี้ไม่เลิก กูจะไม่ดูไม่แลไม่มองอีกเลยคอยดู”

ทำไมพี่ใจร้ายจังว๊า

“ผมกำลงจะป่วยนะ พี่พูดกับผมแบบนี้ได้ไงอ่ะ”

ไม่ต้องมาทำเสียงออดอ้อนทำตาเศร้าเลยนะ มึงนี่มันช่างสรรหามาพูดจริง ๆ เลยแต่ละเรื่อง

“น้ำร้อนจะแดกไม่แดก มัวพูดมากอยู่นั่น”

ได้แต่ส่ายหน้าด้วยความเอือมระอากับความมึนของเด็กฝึกงานที่ขนาดกำลังจะป่วยมันยังด้นสด หาเรื่องกวนหัวหน้างานให้ประสาทแดกเพราะมันได้ เวลาไม่ป่วยไม่ต้องคิดหรอก อย่าให้พูดเลย สุด ๆ สุดยอดมาก ๆ เลยไอ้เด็กฝึกงานเวรคนนี้

“พี่บุ้ง”

เออ เรียกอยู่นั่นเรียกทำไมวะ เรียกแล้วมาทำหน้าหมาเหงาใส่กูอีก มึงจะเรียกกูทำไม เรียกแล้วก็พูด อย่ามาทำเป็นเงียบ

“อะไรของมึงวะ จะพูดก็ไม่พูด เรียกอยู่นั่น”

ไม่มีอะไรหรอกพี่ ก็แค่...........

“ถ้าผมตายไป พี่จะร้องไห้ให้ผมมั้ย”

ไอ้มีน มึงอย่ามาพูดจาสั่วๆ แบบนี้ใส่กูเด็ดขาดเลยนะ

“หุบปากมึงไปเลย แล้วก็เงียบ ๆ ไปเลยด้วย ไม่สบายเข้าหน่อยทำเป็นเรียกร้องความสนใจ เพ้อเจ้ออีกแล้วนะมึง”

เพ้อเจ้อเหรอพี่ บางทีผมก็คงเพ้อเจ้อล่ะมั้ง บางทีผมก็เพ้อเจ้อ พักนี้ไม่รู้เป็นอะไรฝันเห็นเรื่องราวสมัยก่อน เรื่องหมาที่ตายไป แล้วก็เรื่องเพื่อนที่ตายไปแล้วอยู่บ่อย ๆ ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไม ถ้าฝันเรื่องน้องแป้งด้วยก็คงครบเลยแหละ

“มีน”

เรียกชื่อของเด็กฝึกงานที่มีท่าทีเศร้าสร้อยลงอย่างเห็นได้ชัดและมีนก็ก้มหน้าลงแนบแก้มกับโต๊ะอีกครั้ง
หลับตาลงอย่างช้า ๆ และอยู่ดี ๆ .............. น้ำตาก็ไหล........
ร้องไห้ทำไมไม่รู้ มีนร้องไห้ทำไมไม่รู้ แต่มันก็มากพอให้บุ้งต้องวางกระติกน้ำร้อนไว้แล้วเดินเข้ามาหา เดินเข้ามายืนใกล้ ๆ และวางมือลงที่ไหล่ของมีนเบา ๆ บีบเบา ๆ ที่ไหล่ที่เริ่มสั่นสะท้านแรงขึ้นเรื่อย ๆ

“ฮืออออ”

มีนร้องไห้ทำไมไม่รู้ แต่ที่รู้คงเป็นเรื่องอะไรบางอย่างที่มันอัดแน่นอยู่ในใจตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่งั้นอยู่ดี ๆ มีนมันคงไม่บ้าร้องไห้ออกมาทั้งที่ไม่มีเรื่องอะไรให้ร้อง

“มีน”

แตะไหล่ของมีนเบา ๆ และเรียกชื่อของมีนอยู่อย่างนั้นเพื่อให้กำลังใจ มึงเจอเรื่องอะไรมาก่อนพี่ไม่รู้นะ แต่ตอนนี้มึงมาอยู่กับพี่แล้ว ขอให้มึงสบายใจว่าพี่จะไม่ทิ้งมึงไปไหนเด็ดขาด สัญญาจริง ๆ นะมีน พี่สัญญากับมึงจริง ๆ



TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน เรื่องของมีน 05/05/57 :01.08 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 05-05-2014 01:05:40
มันเศร้ามากๆเลย  :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน เรื่องของมีน 05/05/57 :01.08 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-05-2014 02:19:31
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/02/ไฟล์เปล่า1Nn1wd.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง.....ตอน เรื่องที่บุ้งไม่เคยรู้

“น้องมีแนวโน้มว่าจะเป็นโรคซึมเศร้า มันมีผลมาจากยีนส์หรือพันธุกรรม ญาติ ๆ ทางพ่อเขาฆ่าตัวตายเพราะโรคซึมเศร้ามาแล้ว แม่กลัวเขาจะเป็นแบบคนอื่น ยิ่งเขาเจอหลายเรื่องมันเหมือนเป็นการกระตุ้นให้แสดงอาการเร็วขึ้น แม่ไม่อยากให้เขาไปบวชหรือไปไกลหูไกลตา แม่จะคอยสังเกตเขาว่าช่วงนี้เขาเครียดมั้ย เขาเศร้ามั้ย เขาเริ่มเก็บตัวอยู่แต่ในห้องอีกแล้วมั้ย ซึ่งก่อนหน้านี้เขาเป็น”

บุ้งกำลังนั่งฟังอะไรบางอย่าง เรื่องที่ไม่คิดว่าจะได้ฟัง

เย็นนั้นมีนอาการหนักจนไม่สามารถกลับบ้านเองได้ เป็นเร็วมากจากที่ตอนกลางวันยังดี ๆ อยู่ พอตกเย็นแค่นั้น ทั้งอาเจียน ทั้งตัวร้อน จนบุ้งต้องพามาส่งที่บ้านด้วยตัวเอง

พาขึ้นห้องไปนอนพัก และช่วยแม่ของมีนที่เพิ่งรู้จักกันเช็ดตามเนื้อตามตัวเพื่อคลายความร้อนให้

ตอนนี้มีนหลับไปแล้ว และบุ้งที่กำลังจะลากลับก็เลยได้มีโอกาสคุยกับแม่ของมีน

“ก่อนหน้านี้ เพื่อนรักเขาเพิ่งเสียไป เขาก็เสียใจมาก เลยมาลงที่หมา รักมาก หลงมาก ขนาดนอนยังเอาขึ้นไปนอนด้วย แม่ว่ามันแปลกที่เขาตั้งชื่อหมาว่านิรณา แต่ถามไปถามมา เขาก็บอกว่าชื่อเพราะเขาชอบ แม่ก็ไม่เอะใจ หลัง ๆ เขารักหมาตัวนี้มาก บางทีแม่เห็นนั่งคุยกับหมาไป ร้องไห้ไปก็มี พอหมาเขาตายแค่นั้นแหละ น้องไม่เอาอะไรเลย จะบวชท่าเดียว แม่ก็ห้ามไม่ได้ กลัวเขาอยู่คนเดียวมาก ๆ แล้วเขาจะยิ่งคิดอะไรไปกันใหญ่ ต้องไปเกลี้ยกล่อมให้เขาสึกทุกวัน อ้างนั่นอ้างนี่ไปเรื่อยจนสุดท้ายเขาก็ยอมสึกออกมา”

ไม่คิดว่าจะได้ฟัง ไม่คิดว่าจะได้ฟังเรื่องแบบนี้ บุ้งไม่เคยคิดเลยจริง ๆ ว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

มีนไม่เล่า  ไม่เคยเล่า มันเป็นเรื่องฉาบฉวยที่บุ้งพอจะได้รู้
คนรอบข้างของมีนทยอยเสียไปเรื่อยๆ .....คนที่มีนรัก.... รวมทั้งหมาที่เลี้ยงเอาไว้หลายปี

“นี่ตอนเขาไปฝึกงานแม่ห่วงเขามาก เขาเหมือนคนไม่มีความสุข ไปแต่ละวันหน้าเหมือนคนแบกโลก เหมือนเขาเครียด เขาเศร้า ที่เขาไปทำ ก็เพราะว่าจำใจต้องตามใจแม่ แม่ห่วงเขามากเลยนะ กลัวเขาจะยิ่งคิดว่าแม่กดดันให้เขาไปเจอเรื่องที่เขาไม่อยากเจอ”

บุ้งคิดว่าตัวเองพอรู้อะไรมาบ้าง แต่ก็ลางเลือนและเล็กน้อยเพราะแม้จะใส่ใจ แต่ก็ไม่คิดจะละลาบละล้วงอยากรู้เรื่องส่วนตัวของเด็กฝึกงาน

มันเป็นการเสียมารยาท แต่พอได้ฟังแบบนี้แล้ว........บุ้งเพิ่งรู้ ตัวเองคิดผิด…..
การอยากรู้เรื่องคนอื่นอาจเป็นข้อยกเว้น แต่ถ้าเป็นมีน ยิ่งควรต้องรู้เรื่องส่วนตัวให้มาก ๆ เพื่อป้องกัน...........การคิดสั้นหรือการพยายามฆ่าตัวตาย

“พักหลังนี่เขาดีขึ้นนะ ทั้งที่ตอนแรก เขาเครียดมาก เขาไม่อยากย้ายลงมาทำงานข้างล่าง แม่ได้ยินเขาเคยพูด ๆ มาบ้าง แต่กลายเป็นว่าหลัง ๆ เขากระตือรือร้น แล้วก็อยากไปทำงานดูเขามีความสุข แม่ก็พลอยหายห่วงไปด้วย แต่อยู่ดี ๆ พอมาพักหลัง ๆ เขาเริ่มเงียบอีกแล้ว ........... เด็กที่เขาชอบเล่นด้วย เพิ่งเสียใช่มั้ยคะหัวหน้างาน”

ใช่ครับ

“น้องเขาเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ เสียชีวิตพร้อมครอบครัวครับ ผมก็เสียใจ เพราะเด็กเขาน่ารัก แต่คนที่ดูจะทำใจไม่ค่อยได้เลยก็เป็นมีน..........เผลอเมื่อไหร่ แอบมานั่งร้องไห้ทุกวัน ผมก็ได้เห็นมาอยู่บ้างเหมือนกันครับ”

บอกเล่าเรื่องที่ตัวเองเห็นให้แม่ของมีนฟัง
และแม่ของมีนก็พยักหน้าทำความเข้าใจสิ่งที่บุ้งพูด

“อย่าบอกแกนะคะ ว่าแม่เล่าเรื่องนี้ให้ฟัง แม่กลัวแกจะอาย แต่แม่ปล่อยแกไม่ได้จริง ๆ ค่ะ แม่กลัว กลัวประวัติศาสตร์มันจะซ้ำรอย อะไรจะเกิดแม่ทำใจให้เกิดขึ้นไม่ได้จริง ๆ ค่ะ”

ผมเข้าใจครับ ผมเข้าใจเรื่องนี้ดี

“ช่วงนี้แกเป็นยังไงบ้างคะ ตั้งแต่แกไปอยู่แผนกของหัวหน้าแกดูมีความสุขมาก เห็นแบบนั้นแม่ก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย สงสารแกนะคะ ถ้าลูกแม่ทำอะไรไม่ดีไป แม่ต้องขอโทษหัวหน้าแทนแกด้วย”

กลายเป็นว่าแม่ของเมืองมีนต้องมายกมือไหว้บุ้ง และฝากฝังกันยกใหญ่

“ฝากหัวหน้าดูแกหน่อยนะคะ ผิดพลาดยังไงแม่ก็ขอโทษหัวหน้าด้วยจริง ๆ แกออกจะแปลก ๆ กว่าคนอื่นไปซักหน่อย แต่แม่ก็กล้าพูดได้ว่า ลูกชายแม่เป็นคนดี ไม่เคยคิดร้ายกับใคร”

ผมรู้ครับ นั่นเป็นสิ่งที่ผมก็พอจะรับรู้มาบ้าง เพราะว่ายิ่งได้อยู่ใกล้ ยิ่งรู้จักกันมากขึ้น...........บุ้งยิ่งเริ่มรู้สึกว่า..........รักและเอ็นดูมีนมากขึ้นทุกวัน เห็นมีนเหมือนน้องชายแท้ ๆ รักเหมือนน้องชายแท้ ๆ ??????????? เหรอวะ

กลายเป็นบุ้งที่อยู่ดี ๆ ก็เริ่มคิดอะไรแปลก ๆ จนต้องขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัยในความคิดของตัวเอง

“ยังไงมีอะไรโทรหาผมได้นะครับ ผมเป็นอาสาสมัครมูลนิธิด้วย โซนนี้แม้ผมไม่ได้อยู่ แต่เครือข่ายเรามีเยอะครับ มีอะไรให้ช่วยก็โทรได้เลยตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เดี๋ยวผมให้เบอร์คุณแม่ไว้แล้วกันนะครับ”

บุ้งหยิบปากกาออกมาจากเสื้อตัวนอก และแม่ของมีนก็ไปค้นหากระดาษแผ่นเล็ก ๆ จากลิ้นชักโต๊ะออกมาวางให้บุ้งเขียนหมายเลขโทรศัพท์ลงไปให้

“นี่เบอร์ส่วนตัวผมนะครับคุณแม่ แล้วนี่ก็เบอร์ของมูลนิธิ ส่วนนี่เป็นเบอร์ของเพื่อน ๆ ผมที่อยู่โซนนี้ มีอะไรโทรได้เลยนะครับ ไม่ต้องมาติดเกรงใจกัน”

แม่ของมีนรับเบอร์โทรศัพท์เอาไว้แล้ว และก็ยกมือไหว้ขอบคุณบุ้งอีกครั้ง

“ขอบคุณหัวหน้ามากนะคะ”

ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไรจริง ๆ

“ยังไงซะ มันก็เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว ผมจะดูแลน้องอย่างดีครับ คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วง...อยู่ที่ทำงานเขาเป็นเด็กในปกครองของผม รู้อย่างนี้แล้ว ผมคงปล่อยเขาไว้คนเดียวไม่ได้จริง ๆ ครับคุณแม่ ยังไงก็ต้องดูแลกันเต็มที่ต่อไป คุณแม่ไม่ต้องห่วงครับ ผมสัญญาจะดูแลมีนเป็นอย่างดี”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน เรื่องของมีน 05/05/57 :01.08 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-05-2014 02:22:19
“ผมจะโทรมาลาป่วย”

น้ำเสียงแหบแห้งที่ได้ยินจากทางโทรศัพท์บ่งบอกให้รู้ชัดว่าคนที่โทรมาอาการหนักมากจริง ๆ

“พี่รู้แล้วว่ามีนต้องลุกไม่ไหวแน่ ๆ กินข้าวกินยาหรือยัง แม่อยู่บ้านหรือเปล่า ให้พี่พาไปหาหมอมั้ย”

ลูกพี่กูทำไมพูดจาแปลก ๆ แบบนี้วะ ผีเข้าหรือไง พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลชวนฟังซะขนาดนี้ แกป่วยหรือกูป่วยกันแน่วะเนี่ย

“พี่ไม่สบายเหรอ”

ใครไม่สบาย พี่ไม่ได้ว่าไม่สบาย คนไม่สบายมันคือมีนไม่ใช่เหรอ

“ทำไมล่ะ มีนต่างหากที่ป่วยไม่ใช่พี่”

ไม่จริงอ่ะ ผมว่าพี่ป่วยหนักยิ่งกว่าผมอีก

“ปกติไม่ใช่แบบนี้นี่หว่า ทุกทีเห็นมีแต่ไอ้มีน ไอ้เหี้ยมีน ไอ้ห่ามีน วันนี้เรียกมีนเฉย ๆ ผมว่ามันแปลก ๆ”

ตกลงชอบแบบฮาร์ดคอร์ไม่ชอบแบบนุ่มนวลอ่อนโยนก็ไม่บอกเนอะคนเรา

“ไอ้ห่ามีน มึงกล้าล้อกูเหรอ เดี๋ยวกูไปลากคอมาทำงานแม่งตั้งแต่วันนี้เลยดีมั้ย บิลกองจะท่วมหัวกูอยู่แล้ว อย่ามาทำสำออยป่วยนาน ๆ เชียวนะมึง”

ค่อยสมเป็นพี่บุ้งหน่อย

มีนกำลังหัวเราะ เสียงหัวเราะที่ดังมาจากปลายสาย เสียงหัวเราะที่แม้จะฟังดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะเสียงในลำคอของคนหัวเราะมันฟังดูอู้อี้ จนแทบจะฟังไม่รู้เรื่อง

“เจ็บคออ่ะพี่บุ้ง หัวก็หมุน ๆ เมื่อคืนก็ลุกมาอ้วกตั้งหลายที”

มึงกำลังอ้อนอยู่ใช่มั้ยเนี่ย

“แล้วแม่ไม่อยู่เหรอ”

แม่อยู่

“แม่ก็มาเช็ดตัวให้ทั้งคืน จนพลอยไม่ได้หลับไม่ได้นอนไปด้วย ผม.........สงสารแม่ ถ้าผมแข็งแรงอยู่ คงไม่ต้องมาเป็นภาระให้แม่”

ผู้ป่วยมักโทษว่าทุกอย่างเป็นความผิดของตัวเอง

หนึ่งในอาการของโรคซึมเศร้าที่บุ้งเคยอ่านมาบ้าง และชัดเจน...........มีนมีอาการนั้นจริง ๆ

“เขาทำเพราะรักมึงนี่หว่า แม่เขาเต็มใจดูแล จะป่วยหรือไม่ป่วยแม่เขาก็ดูแลมึงตลอดแหละ มึงแค่ไม่ค่อยสนใจจะมองมากกว่า”

เหรอพี่ มันก็จริง

“ผมไม่ค่อยสนใจแม่จริง ๆ ด้วย ต่อไปผมจะสนใจแม่ให้มาก ๆ จะไม่ทำตัวให้แม่หนักใจอีก”

ยังไงล่ะที่ไม่ทำให้แม่หนักใจอีก

“ก็ดื้อบ้างก็ได้มั้ง แม่มึงเขาก็คงไม่ว่าอะไรหรอก เขาก็อยากให้ลูกดื้อบ้าง ซนบ้าง ทำตัวห่วย ๆ บ้าง เหมือนวัยรุ่นคนอื่นทั่วไปเขาทำกัน”

แม่เขาจะชอบแบบนั้นจริง ๆ เหรอพี่

“ก็ดูอย่างที่มึงไปบวชซิ แม่มึงยังไปตามสึกมึงทุกวันไม่ใช่เหรอ มึงอย่าไปคิดอะไรมากซิวะ ทำตัวเหลวไหลบ้างก็ได้ ใครจะไปว่าอะไรมึง พี่เคยว่ามึงป่ะ เวลามึงทำตัวเหลวไหลกับพี่อ่ะ”

อย่าให้พูดเหอะพี่

“พี่ว่าผมประจำแหละ เวลาผมทำตัวเหลวไหลอ่ะ”

เอ่อ...........

“ใจคอมึงจะไม่ให้ใครว่ามึงเลยเหรอ กูก็ต้องด่ามึงเป็นธรรมดาสิวะ เดี๋ยวเขาก็หาว่ากูลำเอียงรักลูกน้องไม่เท่ากัน แต่ใจจริง ๆ กูเคยว่ามึงที่ไหน ไม่มี๊”

แถสดเลยเหรอพี่ พี่นี่ก็แถเก่งใช้ได้เลยนะ

“ปวดหัวแล้ว.....ยาลดน้ำมูกคงเริ่มออกฤทธิ์แล้วด้วยแหละพี่ ตอนนี้นอกจากปวดหัวแล้ว ผมก็ง่วงมากด้วย งั้นผมนอนก่อนนะพี่”

เออนอนไปเถอะ พักผ่อนเยอะ ๆ จะได้หายไว ๆ นะ

“มีน”

เรียกชื่อของมีนออกมาเสียงเบา และคนที่อยู่ปลายสายก็ขานรับ

“ครับ”

เอ่อ.........

“มีอะไรในใจมีนคุยกับพี่นะ อย่าไปคิดอะไรเองคนเดียว อย่าไปคิดว่าพี่เป็นแค่หัวหน้างาน ให้คิดว่าพี่เป็นพี่ชาย เป็นคนในครอบครัว มีอะไรอยากพูดอยากปรึกษามีนก็บอกพี่ อย่าเก็บเอาไว้คนเดียว เข้าใจมั้ย”

จะดีเหรอพี่ แบบนั้นผมว่า.........มันก็........

“นั่นไง กูบอกไม่ทันขาดคำ ว่าอย่ามาก อย่าคิดเองเออเองคนเดียว มีอะไรให้ถามกู บอกกู พูดไม่ทันขาดคำเลย มึงเริ่มคิดอีกแระ”

โหพี่ รู้ทันผมตลอดอ่ะ

“ผมยังไม่ทันคิดเลย พี่คิดให้ผมเรียบร้อยแล้ว โห่ พี่บุ้ง คิดมากไปเปล่าวะ”

ใครคิดมาก กูเนี่ยนะคิดมาก มึงไม่ใช่หรือไงที่คิดมากกว่ากู

“กวนตีนนะมึง นี่ดีนะมึงป่วย ถ้ามึงอยู่ใกล้ ๆ นะกูจะตบให้หัวคะมำเลยมึง”

โหดจังว๊า พี่ไม่ทำผมแบบนั้นจริง ๆ หรอกใช่ม้ายยยยยยย

 “ผัวทำไมใจร้ายกับเมียจัง”

อย่ามาทำเป็นออดอ้อน อย่ามาทำเสียงแบบนั้นหน่อยเลย กูรู้มึงกำลังยิ้มอยู่ไอ้ห่ามีน

“มึงยังไม่เลิกอีกนะ ไอ้เด็กห่านี่”

เลิกได้ไงล่ะพี่ ยังไม่ทันได้เป็นอะไรกันเลย จะให้ผมเลิกกับพี่แล้วเหรอ

“จะเลิกกับผมอ่ะ ได้มาขอผมแต่งหรือยัง ไม่งั้นอย่าคิดว่าจะเลิกกับผมทั้งที่ยังไม่แต่งนะ ผมไม่ยอมจริง ๆ นะพี่ เค้าไม่ย้อมมมมม”

ไอ้มีนนี่ขนาดป่วยใกล้ตายมึงยังเป็นได้ขนาดนี้ ถ้าเวลาปกติมึงคงจะลามปามขึ้นไปขี่หัวกูเลยใช่มั้ยวะ

“นอนไปเลยมึงอ่ะ รีบ ๆ นอน รีบ ๆ กินยานอน ๆ หลับไปซะไป กวนตีนกูอยู่ได้”

ฮ่า ฮ่า ฮ่า สะใจวันนี้แกล้งให้พี่บุ้งโมโหได้อีกแล้ว

“คร้าบบบบบ นอนแล้วนะคร้าบบบบบบบ ลูกพี่คร้าบบบบ”

เออ นอนไปเลยมึง

“รีบ ๆ เลย เดี๋ยวมึงจะโดน”

ก็รีบอยู่นี่ไง

“บ้ายบายนะก้าบลูกพี่ เมียนอนแล้วนะ จุ๊บ”

จุ๊บบ้านพ่อมึงดิไอ้สัด จุ๊บห่าจุ๊บเหวอะไรของมึ้งงงงง

บุ้งถึงกับส่ายหน้าหลังจากที่ปลายสายวางไปแล้วเรียบร้อย และก็ต้องผงะเมื่อเงยหน้าขึ้นมาแล้วเห็นวิเชียรกำลังถือกระดานตารางเวลาโบกไปมาแทนพัดเพื่อคลายความร้อน

“นี่แน่ใจนะพี่ ว่าพี่คุยกับเกาหลีจริง ๆ”

ทำไมวะ แล้วมึงคิดว่ากูคุยกับใครล่ะวิเชียร

“ทำไมวะ กูก็คุยกับไอ้มีน มันโทรมาลาป่วย แล้วมึงคิดว่ากูคุยกับใครอยู่ล่ะ”

คุยกับใครอยู่เหรอ

“ผมนึกว่าพี่คุยกับแฟน หน้าพี่นี่ยิ้มมมมมมมมมม ตลอดตั้งแต่พูดคำแรก จนคำสุดท้าย นี่ถ้าผมไม่รู้ว่าพี่คุยกับมันนะ ผมคงคิดว่าพี่กำลังจีบสาวอยู่ เห็นยิ้มจังเลยวะ ยิ้มไปเอานิ้วขีดโต๊ะไปด้วย เป็นเอามากจริง ๆ ลูกพี่กู”

มึง.............พูดแบบนี้ไม่เกินไปหน่อยเหรอวะวิเชียร
มึงก็เห็นว่ากูคุยกับไอ้มีนอยู่ เอาอะไรมาคิดวะ

“ไม่ใช่เลยเฮ้ยยยย.....มึงจะมาจับตาดูพฤติกรรมอะไรกูนักหนาวะ ไปทำงานไป นี่มันเวลางานแล้วนะเฮ้ย อย่ามาอู้”

ไปไม่เป็น พูดอะไรไม่ออก เมื่อถูกลูกน้องพูดบางอย่างใส่หน้าจัง ๆ ทั้งที่บุ้งไม่รู้ตัว ว่าเผลอแสดงกิริยาท่าทางแบบนั้นเข้าไปได้ยังไง

“โห ทีตัวเองอู้คุยกับเด็กผมยังไม่ว่าเล้ยยยยยยยย ทีลูกน้องล่ะด่าจางงงงงงงงงง”

ด่าอะไรของมึงวิเชียร กูก็ด่าของกูแบบนี้อยู่ทุกวัน

“ไอ้ห่านี่ มึงอย่ามาเรื่องมากเรื่องเยอะ แซวกูอยู่ได้ งานการไม่มีทำหรือไง”

งานน่ะมีเยอะแยะ พี่ไม่ต้องห่วงหรอก สำคัญแต่พี่แหละ ว่าวันนี้จะทำงานเสร็จหรือเปล่าแค่นั้น เห็นมองไปที่ประตูออฟฟิศขนส่งอยู่ได้ ทั้งที่พี่ก็รู้อยู่แล้วว่าไอ้มีนมันไม่มาทำงาน ผมก็ยังเห็นว่าพี่ชะเง้อคอรอคอยมันจังวะ

“ไปแล้วพี่ ไปแล้ว........ไม่อยากอยู่ขวางหูขวางตาคนกำลังมีความรัก.........หัวหน้าผม แม่งเวลาเขิน ยิ่งด่าแรงกว่าเดิมสิบเท่า บอกตรง ๆ ผมไม่กล้าจะเสี่ยงด้วยเลยจริง ๆ”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน เรื่องที่บุ้งไม่รู้ 05/05/57 :02.24 น.
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 05-05-2014 02:35:53
น่าสงสารจังมีนเป็นโรคซึมเศร้า
วันนี้มาอ่านหลายรอบ เซอร์ไพรส์หลายรอบมาก อัพอย่างรวดเร็วสุดๆๆๆ


ขอบคุณมากเลยคะ

ลุ้นน้องมีนพีุ่่บุ้ง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน เรื่องที่บุ้งไม่รู้ 05/05/57 :02.24 น.
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-05-2014 02:38:34
จากที่นอนหัวเราะกับความช่างคิดในการตั้งชื่อให้หมาของมีนไป กลายเป็นว่าตอนนี้มานั่งสงสารมีนต่อ เปลี่ยนอารมณ์แบบคนละขั่วเลย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน เรื่องที่บุ้งไม่รู้ 05/05/57 :02.24 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 05-05-2014 02:40:36
น่าสงสารมีน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน เรื่องที่บุ้งไม่รู้ 05/05/57 :02.24 น.
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 05-05-2014 02:56:39
ไหนๆคุณแม่ก็ฝากฝังแล้ว ก็รับน้องมันมาดูแลเองที่บ้านเลยซี่พี่บุ้ง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน เรื่องที่บุ้งไม่รู้ 05/05/57 :02.24 น.
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 05-05-2014 03:04:03
ขำพี่บุ้งที่เผลอแสดงอาการเขินแบบออกนอกหน้าโดยไม่รู้ตัวววว :laugh:
หัวข้อ: @รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน เรื่องที่บุ้งไม่รู้ 05/05/57 :02.24 น.
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 05-05-2014 08:05:20
 :กอด1:น่ารัก  น่าลุ้น
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน เรื่องที่บุ้งไม่รู้ 05/05/57 :02.24 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 05-05-2014 08:15:41
รักน้องให้มากๆนะค่ะพี่บุ้ง อิๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน เรื่องที่บุ้งไม่รู้ 05/05/57 :02.24 น.
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 05-05-2014 08:35:55
“พี่ดูแลเมียพี่ดีขนาดนี้หรือเปล่าเนี่ย ผมล่ะอิจฉาคนที่จะมาเป็นเมียพี่จริง ๆ เลยว่ะ”

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด จะอิจฉาตัวเองทำไมน้องมีน ก็น้องไง ว่าที่เมียพี่บุ้ง
 :m3: :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน เรื่องที่บุ้งไม่รู้ 05/05/57 :02.24 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-05-2014 08:51:14
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/02/ไฟล์เปล่า1Nn1wd.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง.....ตอน อาการของโรคซึมเศร้า

“อยู่กับน้อง....มีนมันกินข้าวบ้างหรือเปล่า พี่เห็นเมื่อก่อนมีนมันมากินข้าวกับน้องประจำ”

ไอ้มีนเหรอ ไม่ค่อยกินหรอก อยู่กับผมนี่อะไรก็ไม่ค่อยกิน สั่งข้าวมากิน มันก็กินไปคำสองคำ แถมยังยกกับข้าวบางส่วนที่อยู่ในจานให้ผมช่วยกินอีกต่างหาก

“กินบ้างไม่กินบ้างพี่ กินนิด ๆ คำสองคำ มันก็เลิก มันว่ามันปวดท้อง บางทีมันก็ว่ามันไม่หิว มันไม่อยากกินอ้างของมันไปเรื่อย ผมก็ไม่รู้จะว่าอะไรมัน มันอยากมันหิวเดี๋ยวมันก็กินของมันเองแหละ โต ๆ กันแล้ว ให้ผมมาพูดเรื่องมันกินข้าวไม่กินข้าว ผมก็พูดไม่ได้ ปากมัน มันไม่กินพี่จะยัดให้มันกินได้ไงล่ะ มันก็เป็นไปไม่ได้ใช่มั้ยล่ะพี่”

บุ้งพยักหน้ารับฟังสิ่งที่เด็กฝึกงานอีกคนที่มาฝึกพร้อมกันกับมีนพูด

“แล้วอยู่กับพี่มันกินบ้างเปล่าพี่ ผมก็เป็นห่วงมันอยู่เหมือนกัน”

อย่าให้พูดเห้อะ

“กินทั้งวัน ทั้งน้ำ ทั้งขนม ทั้งข้าว กินตลอดเวลาก็ว่าได้มั้งนั่น”

เอาจริงดิ

“เหลือเชื่อว่ะพี่”

พากเพียรนึกแปลกใจกับสิ่งที่หัวหน้างานของเพื่อนพูด แต่ก็ไม่คิดจะใส่ใจอะไรมากนัก

วันนี้ได้ข่าวว่าไอ้มีนไม่สบายก็เลยลาป่วย แต่หัวหน้างานมันยิ่งแปลกกว่า ร้อยวันพันปี ไม่เคยคุยกับกู
อยู่ดี ๆ วันนี้เดินมาคุยด้วยเฉยเลย ที่แปลกกว่านั้นไม่ใช่อะไรนะ มาถามว่าเมื่อก่อนตอนอยู่ด้วยกันกับไอ้มีนมันกินข้าวบ้างหรือเปล่า ก็ตอบไปตามที่เห็น แกก็พยักหน้า แล้วก็ขมวดคิ้วเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ที่พากเพียรไม่เข้าใจ

“ขอบใจมากนะน้องที่บอกพี่”

จะมาขอบใจอะไรล่ะพี่ ผมไม่ได้ทำอะไรเลย ก็แค่บอกไปตามจริงเท่านั้น หัวหน้าแผนกขนส่งเดินจากไปแล้ว
และพากเพียรก็กินข้าวต่อไปด้วยความงุนงงสงสัย

“เออดีว่ะแผนกนี้ หัวหน้าโคตรจะใส่ใจลูกน้องเลย ขนาดไอ้มีนมาฝึกงานแท้ ๆ ยังใส่ใจขนาดนี้ รู้งี้กูลงมาฝึกแผนกขนส่งตั้งแต่แรกก็ดี ให้ไปอยู่แผนกจัดซื้ออยู่ได้ แม่งให้กูถ่ายแต่เอกสารท้างงงงงงงงวัน”

+++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน เรื่องที่บุ้งไม่รู้ 05/05/57 :02.24 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-05-2014 08:54:50
บุ้งอ่านกระดาษข้อความที่ปริ้นมาจากอินเตอร์เน็ต และใช้ปากกาขีดลงไปในข้อความที่ปรากฏอยู่

“ถ้าครบห้าข้อ ก็ใช่เลย เป็นโรคซึมเศร้าแน่ ๆ”

บ่นพึมพำกับตัวเอง และกำลังนั่งพิจารณาว่ามีนมีอาการเหมือนข้อไหนบ้าง

“ข้อแรก อารมณ์ซึมเศร้า หงุดหงิด ก้าวร้าว อันนี้มีนไม่เป็น ห่านี่ยิ้มหน้าระรื่นทั้งวัน จะมีหงอย ๆ บ้างถ้ามันอยู่คนเดียว ซึ่งก็ไม่ได้เป็นบ่อย ๆ เป็นช่วงน้องแป้งตายใหม่ ๆ ตอนนี้ก็เหมือนจะไม่ค่อยเป็นแล้ว”

“สอง ขาดความสนใจสิ่งรอบข้าง อันนี้ก็เกือบเข้าอยู่ แต่เวลาสั่งงานมันก็กระตือรือร้นทำจนเสร็จ ไม่มีเกี่ยงงอน แต่บางทีอาจจะช้าหน่อยบางครั้ง เวลาที่มันขี้เกียจ ต้องด่ามันเพื่อเป็นการกระตุ้นมันถึงจะทำ อันนี้มันก็เข้าเค้านิด ๆ แต่ไม่น่าจะใช่”

“สาม สมาธิเสีย คือ ไม่ค่อยมีสมาธิเวลาทำสิ่งต่างๆ อันนี้มีนไม่เป็น เพราะมันมุ่งมั่นมากว่าจะทำให้กูสมาธิเสียแทนมัน ไม่ใช่มันสมาธิเสีย ใช้ให้เอาบิลไปส่ง มีนทำเรียบร้อย เวลาทำงานตั้งใจทำงานจนสำเร็จภายในเวลา เพราะฉะนั้นข้อนี้มีนไม่เป็น อันนี้ถือว่าผ่าน”

“สี่รู้สึกอ่อนเพลีย อันนี้ก็อาจจะมีบ้าง แต่ไม่ใช่รู้สึกอ่อนเพลียให้เรียกว่าเป็นอาการขี้เกียจดีกว่า ต้องกระตุ้น ไม่งั้นมันจะแกล้งอู้งาน อันนี้ก็ไม่นับว่าไม่ใช่”

“ห้า.....เชื่องช้า ทำอะไรก็เชื่องช้าไปหมด ซึ่งไอ้มีนไม่เคยช้า มันทำอะไรคล่องแคล่ว วิ่งไปนู่นมานี่ทั้งวัน ขนาดใช้ให้ไปซื้อโอเลี้ยงมันยังวิ่งไปซื้อมาให้แล้วได้กินโอเลี้ยงเร็วมาก ไม่เหมือนวิเชียรใช้ให้ไปซื้อโอเลี้ยงทีไร หายไปเป็นชาติทุกที”

“หก.....รับประทานอาหารมากขึ้น หรือรับประทานน้อยลง อันนี้ถามแล้ว เข้าเค้าอยู่ แต่มีนมันเคยเป็นโรคกระเพาะด้วย บางทีมันคงปวดท้องเพราะความเครียดที่ต้องมาทำงานมาอยู่ในที่ไม่คุ้นเคยมันก็เลยอาจจะมีอาการเบื่ออาหารช่วงแรก ๆ แต่ตอนนี้มันหายแล้ว ไถตังค์กูซื้อขนมแดกทั้งวัน”

“เจ็ด....นอนมากขึ้น หรือนอนน้อยลง อันนี้ไม่รู้ ต้องไปถามแม่มัน เพราะไม่เคยเห็นมันนอน เคยเห็นครั้งเดียวตอนมันเมาแล้วไปนอนที่บ้านแล้วมันก็......................”

บุ้งชะงักมือที่กำลังขีดฆ่าข้อความที่ไม่ตรงกับสิ่งที่มีนเป็น ไม่ได้คิดอะไร ไม่เคยคิดอะไรเลยสักนิด แต่อยู่ดี ๆ ทั้งที่เหตุการณ์นั้นผ่านมาหลายวันแล้ว บุ้งถึงเพิ่งเริ่มคิด....................ห่ามีน แม่งมันเคยดูดปากกูด้วยนี่หว่า อะไรไม่เคืองเท่าเสือกเรียกกูว่า ณิรนา สรุป....เห็นกูเป็นหมา แม่งก็เลยจูบเอา จูบเอา ไอ้เด็กเวร.........

รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผล แล้วบุ้งก็ขมวดคิ้วมุ่น เมื่อนึกถึงหน้าหงอย ๆ ซึม ๆ ของมีน ตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอกัน

..........หน้ามันเหมือนคนแบกโลกทั้งโลกเอาไว้จริง ๆ .......... เพราะเป็นแบบนั้น แม่มันถึงได้ห่วงมาก คนไม่รู้ก็คงนึกว่ามันเกลียดที่นี่ แต่จริง ๆ แล้วคงเป็นเพราะ...........มันปรับตัวไม่ทัน เลยไม่รู้จะปฏิบัติตัวยังไงเวลาที่อยู่ผิดที่ผิดทาง มันคงยังปรับตัวไม่ทันกับสถานที่ ที่มันไม่คุ้นเคยมากกว่า แต่พอมันคุ้นเคยแล้ว ก็อย่างที่เห็น หน้าระรื่นชิบหาย...........มีความสุขที่ได้ยั่วประสาทกูด้วยอีกต่างหาก ไอ้ห่ามีน นึกถึงแล้วก็อมยิ้ม นึกถึงหน้าของมีนแล้วบุ้งก็อมยิ้มอยู่คนเดียว

มันน่ารักจริง ๆ นั่นแหละ........เกาหลีมันน่ารัก.... น่ารักซะจนคิดว่า บางทีถ้ามันเป็นผู้หญิง...............กูอาจเป็นคนแรก ๆ ที่จะลงมือจีบมันอย่างจริงจัง หลังจากเลิกกับแฟนมาได้พักใหญ่ เสียแต่ว่ามันเป็นผู้ชาย................ก็เลย..............

“พี่ทำอะไรวะ รถเข้าแล้ว พี่นี่ชักจะเหมือนเกาหลีช่วงแรก ๆ ที่มันมาอยู่ที่นี่ขึ้นทุกวัน แค่มันไม่มาทำงานวันเดียวพี่ยังเหม่อได้ขนาดนี้ เกิดเกาหลีแม่งไม่มาเลยตลอดชีวิต พี่กูไม่เฉาตายไปเลยหรือไง”

ไอ้..............เชียร

“พูดเรื่องอะไรของมึง เพ้อเจ้อว่ะ ทำงาน ทำงาน”

เออดีเว้ยคนเรา พอทักเข้าหน่อย ทำเป็นโมโหกลบเกลื่อน ถามจริงเหอะพี่ ผมอยู่กับพี่มากี่ปี พี่เป็นอะไรยังไง นิสัยยังไงผมจะไม่รู้เลยเรอะ

“โห้ ยิ่งเขินแรงเวลาโดนทักก็ยิ่งด่าลูกน้องแรงขึ้นเรื่อย ๆ เน้อออออ”

วิเชียรพูดลอย ๆ แต่บุ้งขยำกระดาษในมือและปาหัวของลูกน้องที่เดินหัวเราะไปยิ้มไปและกำลังจะเดินผ่านหน้าไปแล้ว

“มีการขว้างปาสิ่งของด้วยโว้ยยยยยยย เอาแล้ว เอาแล้ว พี่กูอาการหนักแล้ว สงสัยเกาหลีจะได้เป็นเมียพี่กูแน่ ๆ งานนี้ท่าทางจะชัวร์แบบไม่ต้องลุ้นแล้วล่ะว๊า”

ตัวกวนตีนลูกพี่อันดับหนึ่งไม่อยู่ กูไม่ต้องคิดเลยว่าจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขบ้าง เพราะไอ้ตัวกวนตีนลูกพี่อันดับสองปฏิบัติหน้าที่แทนไม่มีขาดตกบกพร่อง

“แล้วนี่มันกระดาษอะไรว๊า..............9 สัญญาณอาการของโรคซึมเศร้า”

วิเชียรหยิบกระดาษขึ้นมาคลี่ดู แล้วก็เพ่งอ่านข้อความในกระดาษด้วยความสนใจ

“ใครเป็นโรคซึมเศร้าวะพี่”

ถามด้วยความอยากรู้ แต่ลูกพี่ไม่ตอบ และวิเชียรก็คาดเดาบางอย่างได้ลาง ๆ

“เกาหลีเหรอพี่”

จากไม่สนใจ ตอนนี้วิเชียรเดินมาหาบุ้งที่หน้าเคาร์เตอร์เรียบร้อยแล้ว

“กูก็ไม่รู้หรอก กูแค่อยากเช็คเฉย ๆ ว่ามีนมันเข้าเค้าอาการพวกนี้บ้างหรือเปล่า กูไม่ค่อยไว้ใจ”

เหรอ…….. เออว่ะ

“ผมเคยได้ยินมาว่า พวกที่เป็นโรคซึมเศร้า เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นจะทำเป็นร่าเริงสนุกสนาน แต่อยู่คนเดียวจะนั่งร้องไห้ พี่ว่าเกาหลีมันเป็นแบบนั้นหรือเปล่าวะ”

ก็..............

“เพราะกูไม่รู้นี่ไง กูถึงมาไล่เช็คอยู่นี่ ว่ามันมีอาการแบบที่ว่ามาหรือเปล่า”

เหรอพี่

“แม่ง........แถวบ้านผมผูกคอตายเลยว่ะ เห็นเขาว่ากันว่าเมียใช้ไปซื้อปลากระป๋องแล้วไม่ยอมไป เมียเลยด่า มันเลยประชดเมียด้วยการผูกคอตาย ผมก็ว่าคนอะไรมันจะฆ่าตัวตายง่าย ๆ กะอีแค่โดนเมียด่าเรื่องไม่ไปซื้อปลากระป๋องวะ ที่ไหนได้ หมอบอกเป็นโรคซึมเศร้า แล้วเกาหลีมันจะฆ่าตัวตายเพราะเราด่ามันหรือเปล่าพี่ ผมชักกลัว ๆ ขึ้นมาแล้วผมด่ามันไว้เยอะด้วย มันจะคิดมากหรือเปล่าวะพี่”

นี่มึงก็ร่วมด่ามันด้วยเหรอวะ กูนึกว่ามีแค่กูที่ด่ามันเช้า สาย บ่าย เย็น อยู่คนเดียว แต่ไม่เห็นว่ามันจะสะทกสะท้าน แถมยิ่งด่าไปแค่ไหน มันยิ่งทำหน้าระรื่นมีความสุขมากเท่านั้น ที่ได้ยั่วโมให้ให้ลูกพี่มันจะเป็นบ้าและประสาทแดกตายเพราะมันได้

“มึงไปด่าอะไรมันวะวิเชียร กูก็เห็นพวกมึงสองคนคุยกันดิบดี นี่มึงไปด่ามันมาด้วยเหรอวะเนี่ย กูเพิ่งรู้ แล้วมึงไปด่าอะไรมัน”

ก็ไม่ได้ด่าอะไรมากมายหรอกพี่

“ผมแค่บอกว่า พี่บุ้งว่ากวนตีนแล้วนะ เมียพี่บุ้งกวนตีนหนักกว่าอีก แต่ก็ไม่เห็นมันสวนกลับนะ แถมยังยิ้มให้ผมอีก ไม่รู้มันชอบหรือไม่ชอบ ผมเลยไม่รู้ว่าด่าแบบนั้นมันจะคิดมากมั้ย”

ว่าไงนะ ไหนมึงพูดใหม่อีกทีซิวิเชียร

“มึงพูดใหม่วิเชียร...........มึงพูดใหม่ดี ๆ”

เอ้ออออออออออออออ ผมก็ไม่ได้พูดอะไรมากมายนี่พี่

“ผมก็แค่พูดว่าเมียพี่บุ้งกวนตีนกว่าพี่บุ้งแค่นั้นเอ้งงงงงงงงงง”

แล้ววิเชียรก็วิ่งหนีจากไปแล้ว เพราะลูกพี่ยกตีนขึ้นมาจะถึงโต๊ะเคาร์เตอร์อยู่แล้ว

ขืนอยู่ต่อก็โดนพี่บุ้งเตะคอหักสิวะ ใครจะโง่ ลาแล้วกู........

“มึงกลับมาก่อนเซ่ ไอ้ห่าเชียร กล้าพูดแล้วก็ต้องกล้ารับสิ่งที่มึงพูดให้ได้ด้วย พอกันทั้งเด็กฝึกงาน ทั้งลูกน้องกูเลย พวกมึงนี่มันขยันกวนโมโหให้กูประสาทแดกจริง จริงเลยโว้ยยยย”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน เรื่องที่บุ้งไม่รู้ 05/05/57 :02.24 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-05-2014 08:55:57
“แม่น้องเมืองมีนเหรอครับ นี่ผมหัวหน้ามีนเองครับ พอดีมีเรื่องจะรบกวนคุณแม่ซักเล็กน้อย คุณแม่พอจะมีเวลาคุยกับผมซัก 10 นาทีได้มั้ยครับ”

แม่ของมีนกำลังทำข้าวต้มให้ลูกชายที่ย้ายจากนอนบนห้องลงมานอนข้างล่าง และเวลานี้มีนก็นอนหลับอยู่บนโซฟาหน้าโทรทัศน์ นอนกอดหมอนหลับไปแล้ว เพราะฤทธิ์ยา

“มีอะไรร้ายแรงหรือเปล่าคะ หัวหน้า”

เสียงกระซิบกระซาบที่เอ่ยถามดูเป็นกังวลกับสิ่งที่บุ้งกำลังจะพูด

“ไม่หรอกครับ คืออย่างนี้ผมลองเช็คเรื่องโรคซึมเศร้าน่ะครับคุณแม่ เวลาที่น้องอยู่ที่โรงงานน้องไม่มีอาการอย่างที่ปรากฏว่าจะเป็นสัญญาณของอาการผู้เป็นโรคซึมเศร้านะครับ คือผมค่อนข้างสบายใจได้เปลาะหนึ่งแล้ว เหลือแค่ว่า ผมอยากรู้ข้อสุดท้าย..........น้องเคยคิด หรือพยายามฆ่าตัวตายบ้างหรือเปล่า”

แม่ของมีนนิ่งฟังสิ่งที่หัวหน้างานพูดแล้วก็ถอนหายใจออกมา หลังจากฟังจบแล้ว

“เรื่องนั้นน่ะ แม่ไม่ค่อยแน่ใจหรอกค่ะ แต่หลายปีก่อนหน้านี้ตอนที่เพื่อนเขาเสียใหม่ ๆ แม่เคยเจอยานอนหลับหนึ่งแผงอยู่ในห้องเขา........ไม่แน่ใจว่าเขาหามาได้ยังไง ที่แม่เห็นคือเขาแกะกินไปสองเม็ด แม่ก็ไม่รู้ว่ามันจะเกี่ยวหรือเปล่า เรื่องที่เขาอยากฆ่าตัวตายหรือไม่อยากฆ่าตัวตายแม่ไม่แน่ใจ เพราะที่แม่เคยเจอ มีแค่นั้น”

ก็...........น่าจะไม่ใช่แล้วล่ะ คงเป็นเพราะ.........เครียดจนนอนไม่หลับมากกว่า ก็เลยหาทางออกด้วยการซื้อยานอนหลับมากิน ให้ได้นอนหลับพักผ่อนบ้าง เพื่อจะได้ไม่ต้องรับรู้อะไร มีนมันคงอยากนอนหลับยาวๆ แต่อย่างน้อยก็คงอยากจะตื่นขึ้นมาบ้าง ไม่งั้นมันคงจะล่อซะหมดแผงจะได้ไม่ต้องตื่นมารับรู้เรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอีก

“น้องคงเครียดล่ะครับ ผมว่า ไม่น่าจะมีอะไร”

ก็คิดว่าคงเป็นแบบนั้นค่ะ หัวหน้า

“แล้วทำอะไรอยู่ครับตอนนี้ น้องอาการดีขึ้นหรือยังครับ”

ตอนนี้เหรอคะ

“หลับค่ะ เพิ่งหลับไปได้ซักพัก แม่ก็กำลังทำข้าวต้มให้เขาอยู่ ตื่นมาถ้าเขาหิวจะได้กินข้าวต้มร้อน ๆ แล้วก็จะได้กินยา”

เหรอครับ

“ยังไงฝากบอกน้องด้วยครับ ว่าพี่บุ้งโทรมา แล้วก็บอกด้วยว่าหายเร็ว ๆ นะจะได้รีบ ๆ มาทำงานด้วยกัน พอเขาไม่อยู่แผนกผมเฉาไปเยอะเลยครับ มีนนี่เขาถือว่าเป็นสีสันของแผนกเลยก็ว่าได้”

เหรอคะ ขนาดนั้นเชียว ไอ้เจ้าลูกคนนี้เหรอคะ เป็นสีสันให้กับแผนกได้ด้วย แม่ไม่เห็นเคยรู้เลย

“เขาไม่เคยเล่าให้แม่ฟังเลยค่ะ แต่ก็ดีใจ ได้ฟังแบบนี้แล้วแม่ก็ค่อยหายห่วงขึ้นมาหน่อย ยังไงฝากหัวหน้าด้วยนะคะ ถ้าทำตัวไม่ดียังไง เอ็ดได้ด่าได้นะคะ แกอาจจะติดเล่นเหมือนเด็กไปซักหน่อย แต่จริง ๆ แกไม่มีอะไร”

ครับ อันนั้นผมรู้อยู่แล้ว ไม่ใช่ติดเล่นมากหรอกครับ แต่แทบจะขึ้นมาขี่หัวกูอยู่แล้วแค่นั้นเอง ไอ้เด็กห่า เล่นเอาคนอื่นเขาเป็นห่วงกันหมด

“งั้นผมรบกวนแค่นี้นะครับ สวัสดีครับ”

บุ้งวางสายไปแล้ว และแม่ของมีนก็มองไปที่ลูกชายที่นอนหลับสนิทอยู่บนโซฟาแล้วก็ยิ้มออกมาได้

...........มีนโชคดีนะลูก มีหัวหน้างานดี ๆ แบบนี้ถ้าเป็นคนอื่นแม่ไม่รู้ว่ามีนจะต้องไปเจอกับอะไรบ้าง แต่ถ้าเป็นคนนี้ แม่ก็ค่อยเบาใจหน่อย วางใจได้เลยร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม..............

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน เรื่องที่บุ้งไม่รู้ 05/05/57 :02.24 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-05-2014 08:57:41
“คุยกับแม่ยายเสร็จแล้วเหรอพี่”

แม่ยายบ้านพ่อมึงสิ ไอ้ห่านี่ลามปาม

“กูคุยกับแม่ไอ้มีนมัน ถามว่ามันจะหายหรือยัง จะกลับมาทำงานตอนไหนแค่นั้น มึงอย่ามาตีความอะไรแปลก ๆ นะวิเชียร”

ผมได้ไปตีความอะไรแปลก ๆ ตอนไหนวะพี่

“แค่ทักว่าคุยกับแม่ยายนี่ไม่ได้เลยน๊า”

ไม่ได้สิ มันเรื่องจริงจัง จะให้กูมาทำเป็นเล่นเหมือนคุยกับพวกมึงได้ไง

“แล้วเกาหลีเป็นไงบ้างพี่”

ก็.........

“ดีขึ้นแล้ว เดี๋ยวอีกสองสามวันมันก็มาทำงานได้แล้ว”

เหรอพี่

“ดีแล้วแหละให้เกาหลีหายเร็ว ๆ จะได้รีบมาทำงานไม่งั้นเกิดพี่ให้ผมคีย์บิลน้ำมันเอง ผมคงตายห่าก่อนคนแรก”

ตกลงมึงห่วงมันหรือมึงห่วงตัวเองว่าจะต้องคีย์บิลน้ำมันวะวิเชียร

“มึงห่วงมันจริงหรือเปล่าเนี่ย กูชักสงสัย”

ก็ห่วงสิพี่ ไม่ห่วงได้ไง

“โหพี่ เกาหลีไม่อยู่สองวัน แผนกเราแทบจะเงียบกริบกลายเป็นป่าช้าอยู่แล้ว ขืนหายไปหลายวันกว่านี้ ผมว่าแผนกเราคงได้เงียบเป็นป่าช้าจริง ๆ แน่งานนี้”

ก็ใช่ มีนไม่อยู่ แผนกเราเงียบจริง ๆ นั่นแหละ ต่างคนก็ต่างทำงาน วัน ๆ แทบจะไม่ได้เงยหน้ามาคุยกันด้วยซ้ำ

แรก ๆ ไม่ได้คิดอะไร พอตอนนี้ชักเริ่มคิดแล้ว นี่แค่สองวันยังเงียบขนาดนี้ แล้วถ้าเกิดมันหายไปจริง ๆ สงสัยคงต้องกลับไปเป็นแดนสนธยาที่ไม่มีใครอยากเดินเข้ามาเหมือนแต่ก่อนแน่ ๆ

“กูก็ว่างั้นแหละว่ะ”

ตอบกลับไปแล้ว และบุ้งก็ใช้ปากกาลงผลเวลาโดยรวมของรถที่เข้ามาจนหมดรอบ

“เย็นนี้กูว่าจะไปดูมันที่บ้านหน่อย มึงจะไปด้วยกันมั้ยวิเชียร”

ไปด้วยกันมั้ยเหรอ

“เย็นนี้ผมไม่ว่างสิพี่ ต้องพาลูกไปหาหมอ ไอ้คนเล็กมันเป็นหวัดมีน้ำมูกมาสองสามวันแล้ว แต่ยังไม่มีอาการไข้ นี่ให้แม่มันดูอยู่ เย็นนี้เลยว่าจะพาไปหาหมอดีกว่า ไม่อยากให้ลูกป่วยนาน”

งั้นเหรอ ก็ไม่เป็นไร แล้วแต่มึง อย่างว่าคนมีภาระ ก็ว่ากันไป

“ยังไงฝากเยี่ยมเกาหลีหน่อยแล้วกันพี่ ฝากบอกด้วยว่าบุ้งคิดถึง”

เออได้

“เดี๋ยวกูบอกมันให้”

ไม่ทันได้ฟัง ว่าลูกน้องพูดอะไร บุ้งจดเวลารถเข้าไปเรื่อย ๆ ก่อนจะเริ่มขมวดคิ้วมุ่น และเห็นว่าวิเชียร เดินหัวเราะเข้าโซนในไปเรียบร้อยแล้ว

“ฝากบอกว่าบุ้งคิดถึง แล้วทำไมไม่ฝากบอกว่าวิเชียรคิดถึงวะ”

ทบทวนคำพูดของวิเชียร และบุ้งก็ถึงเพิ่งรู้ว่าโดนลูกน้องเล่น งานเข้าให้แล้ว

“ไอ้วิเชียรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร มึ้งงงงงงงงงงงงงงงงงง”

ช้าไปแล้ว บุ้งเพิ่งมาคิดได้ก็ช้าไป เพราะวิเชียรที่ได้ยินเสียงด่าไล่ตามหลัง ไม่กลัวบุ้งจะไล่เตะอีกแล้ว กว่าลูกพี่จะรู้ตัว ก็เดินหนีรัศมีตีนมาไกล จึงถือว่าปลอดภัยแน่นอนหายห่วงร้อยเปอร์เซ็นต์

“มึงขยันชงกันนักนะ เกิดวันไหนกูคิดจริงขึ้นมา แล้วพวกมึงจะหนาวกันทั้งหมดนั่นแหละ ไอ้ห่าเชียร”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน อาการของโรคซึมเศร้า 05/05/57 :09.03 น.
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 05-05-2014 09:17:06
อ่านไปขำไป วิเชียรขยันชงจริงๆ
ส่วนมีนน่าสงสารจัง เห้ออออ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน อาการของโรคซึมเศร้า 05/05/57 :09.03 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 05-05-2014 09:51:58
ตีสองตีสามก็แอบเปิดเข้ามาดู..

หลับแล้วก็ต้องตื่นขึ้นมาส่อง..

อัพไวจริงๆ  :hao7:

แต่ช๊อบชอบนะ .. เดี๋ยวต้องเปิดเข้ามาดูทุกครึ่งชั่วโมง  :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน อาการของโรคซึมเศร้า 05/05/57 :09.03 น.
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 05-05-2014 09:52:23
พี่บุ้งน้องมีนน่ารัก
วิเชียรก็ชงต่อไปเรื่อยๆนะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน อาการของโรคซึมเศร้า 05/05/57 :09.03 น.
เริ่มหัวข้อโดย: phakajira ที่ 05-05-2014 10:13:43
อ่านรวดเดียวเลย สนุกมากค่ะ. แต่งดีมากๆ. ชอบตัวละครทุกตัวเลย -4-
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน อาการของโรคซึมเศร้า 05/05/57 :09.03 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 05-05-2014 11:13:47
 o13 o13 o13 o13 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: @รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน อาการของโรคซึมเศร้า 05/05/57 :09.03 น.
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 05-05-2014 11:29:14
กวนพอกันทั้งลูกพี่ลูกน้องและน้องฝึกงาน :hao4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน อาการของโรคซึมเศร้า 05/05/57 :09.03 น.
เริ่มหัวข้อโดย: tach62120 ที่ 05-05-2014 11:30:44
พี่บุ้งนี่ก็.....น่ะ :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน อาการของโรคซึมเศร้า 05/05/57 :09.03 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 05-05-2014 11:36:20
แจ่มอ่ะ  อิๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน อาการของโรคซึมเศร้า 05/05/57 :09.03 น.
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 05-05-2014 11:39:34
ก็คิดสักทีสิพี่บุ้ง น้องมีนรอนานแล้วนะ
 :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน อาการของโรคซึมเศร้า 05/05/57 :09.03 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 05-05-2014 11:40:47
เชียรชงเยอะๆ ให้ลูกพี่เคลิ้มๆไปเลย 5555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน อาการของโรคซึมเศร้า 05/05/57 :09.03 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-05-2014 12:02:55
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/02/ไฟล์เปล่า1Nn1wd.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง.....ตอน เด็กป่วย

“คิดถึงอ่า พี่บุ้งงงงง”

ที่จริงคนป่วยมันก็ไม่ได้ดูแย่เท่าไหร่แล้ว ผิดก็แต่......

บุ้งรู้สึกคล้ายทำตัวไม่ถูก เมื่อแม่ของเมืองมีนเปิดประตูห้องนอนของมีนเข้ามา และคนที่นอนอยู่พอรู้ว่าเป็นใครมาเยี่ยมก็ยิ้มหน้าระรื่นแถมพูดจาชวนหวาดเสียวได้ทันที

“เอ่อ...”

บุ้งถึงกับไปไม่เป็น เมื่อมองหน้าของแม่มีนที่กำลังยิ้ม เมื่อเห็นลูกชายดีใจ เมื่อรู้ว่ามีใครมาเยี่ยม

“ตามสบายนะคะ คุยกันไปก่อน เดี๋ยวแม่ไปเตรียมอาหารเย็นข้างล่างก่อนแล้วกันนะคะ”

บุ้งส่งยิ้มให้กับแม่ของมีน และแม่ของมีนก็เดินออกไปจากห้องแล้ว มองคนที่นอนหน้าซีดแต่ยิ้มหวานอยู่บนเตียงแล้วก็นึก สงสารปนโมโหนิด ๆ

“พี่บุ้งงงงงงง”

ไม่ใช่แค่พูด แต่มีนยังพยายามลุกขึ้นนั่งอีกด้วย และกลายเป็นบุ้งที่ต้องเข้าไปช่วยประคอง และลากเก้าอี้ที่อยู่ข้าง เตียงมานั่ง

“ลุกขึ้นมาทำไมวะ หาเรื่องจริง ๆ เลยนะมึง”

หาเรื่องอะไรล่ะ

“คนมันคิดถึงนี่หว่า”

คิดถึงห่าอะไรของมึง

“แม่มึงเขาจะมองกูแปลก ๆ พูดจาระวังปากไว้บ้างก็ดี คนอื่นเขาไม่ได้รู้เหมือนกูรู้นะ มึงพูดเล่นอะไรมึงต้องหัดดูหน้าคนฟังด้วย........นั่นแม่มึงนะ เขาจะคิดยังไง”

โดนเทศนายาวเหยียด และจากหน้ายิ้มระรื่น ตอนนี้กลายเป็นมีนหน้าหมาเหงาเรียบร้อยแล้ว

“คือ..........อ่า...”

และเหมือนบุ้งเพิ่งจะรู้ตัว ว่าไม่สมควรพูดจารุนแรงขนาดนั้นให้คนป่วยต้องคิดมาก พลาดอีกแล้วกู

“มีน....เป็นไงบ้างเนี่ย ดีขึ้นยังวะ”

เบี่ยงประเด็นไปได้ แต่ก็ใช่ว่าจะหมดปัญหา เพราะมีนมันยอมให้เบี่ยงประเด็นก็จริงแต่........ทำหน้าหงอยซึมเศร้าเหมือนเดิม

“ดีขึ้นแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ไปทำงานได้แล้ว พี่ไม่ต้องห่วงหรอก ผมไปคีย์บิลให้พี่ได้แน่ ๆ”

มันใช่ประเด็นที่ไหนกันล่ะว๊า เรื่องนั้นน่ะ ที่ห่วงคือมึงไม่ใช่บิล คิดมากไปได้นะมึงนี่

“ไหนว่าไม่คิดมากไง กูพูดอะไรไปมึงก็คิดไปหมดซะทุกอย่างแหละวะ ที่พี่พูดพี่หมายถึงว่า เราก็พูดกันได้เล่นกันได้เหมือนปกติแหละ แต่กลัวแม่มีนเขาจะไม่เข้าใจ.......แค่นั้นเอ้ง”

ขึ้นเสียงสูง และคนฟังที่หน้าซีด ก็เริ่มมีรอยยิ้มจาง ๆ ขึ้นมาบ้าง

“ผมรู้หรอกพี่ ผมแค่ลืมตัวไปแค่นั้นเอง พี่ไม่ต้องห่วงหรอก วันหลังถ้าอยู่ต่อหน้าคนอื่น ผมไม่เล่นแบบนี้อีกแล้ว”

ไปกันใหญ่เลยทีนี้ สงสัยอธิบายไปมันยิ่งจะไม่เข้าใจป่วยการเสียเวลาเปล่า ยิ่งพูดยิ่งชักไปกันใหญ่ กลายเป็นวัวพันหลักเลยทีนี้

“ไหน ตัวเย็นลงยังวะ มาให้พี่ดูซิ”

แกล้งทาบหลังมือไปที่หน้าผากของมีน มันยอมให้แตะก็จริง แต่หน้าแบบนี้............ใครดูก็รู้....แม่งงอน.........

“กูเพิ่งเคยเห็นเว้ย คนเกาหลีเวลางอนหน้าแม่งเป็นแบบนี้นี่เอง”

แกล้งแซวแกล้งหยอกล้อ และมีนก็ยังทำได้หน้าเดียวคือหน้างอ .........มึงจะงอนจริงจังอะไรขนาดนั้นว๊า มีน

“วิเชียรฝากมาเยี่ยมด้วยนะ”

ครับ

“พี่วิเชียรก็โทรมาหาผมอยู่เหมือนกัน บอกว่าวันนี้มาไม่ได้ ต้องพาลูกไปหาหมอ ลูกแกก็ไม่ค่อยสบายเหมือนกัน”

ใช่ ลูกวิเชียรมันก็ไม่ค่อยสบายเหมือนกัน ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ผู้คนก็เลยทยอยป่วยกันเป็นธรรมดา

“แล้วนี่ ทำอะไรวะวัน ๆ นั่งๆ นอน ๆ ไม่เซ็งแย่เหรอ”

ก็เซ็งอยู่แหละ

“ทำไงได้พี่ ก็ไม่อยากจะนอนอยู่บ้านหรอก แต่หมอบอกให้พัก นี่พรุ่งนี้ผมก็ไปทำงานได้แล้ว พี่ไม่ต้องห่วงเรื่องบิลหรอก ไปถึงเดี๋ยวผมสะสางให้จนหมดแหละ ไม่ทิ้งไว้เป็นภาระพี่หรอก”

นี่กูว่ามึงน้อยใจกูจนเลยขั้นแอดว๊านซ์ไปเรียบร้อยแล้วนะมีน

“ไอ้ขี้งอน มึงจะมางอนอะไรกูนักหนาเนี่ย”

วางมือไว้บนหัวของมีนและแกล้งผลักเล่นจนคนป่วยหัวเซไปทาง และมีนก็เหลือบสายตาขึ้นมองหน้าของบุ้ง
แววตาที่ส่งมาดูหงอยเหงาเศร้าสร้อย จนบุ้งไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงมีนถึงจะหายน้อยใจ

“ผมไม่อยู่พี่คิดถึงผมป่ะ”

เอ่อ......... อะไรของมึงวะ อยู่ดี ๆ มาถามอะไรแปลก ๆ....

“เพ้อเจ้ออีกแล้วมึงเนี่ย”

เหรอ เออผมมันเพ้อเจ้อนี่หว่า เพ้อเจ้อก็เพ้อเจ้อ
มีนค่อย ๆ เอนตัวลงนอนอย่างช้า ๆ และคราวนี้คนที่เกิดอาการไปไม่เป็นคือบุ้ง ที่ไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไง ไม่รู้ว่าควรพูดยังไงถึงจะดี

“ใคร ๆ เขาก็คิดถึงมึงกันหมดแหละ ไม่มีมึงอยู่ เหงาแย่เลยแผนกเรา เงียบอย่างกะป่าช้า”

เหรอพี่

“ตอนผมอยู่เสียงดังมากเลยดิพี่ พี่คงรำคาญแย่ พอไม่อยู่พี่ก็โล่งหูเลยทีนี้”

กูว่าชักไม่ได้การณ์แล้ว นี่ยิ่งพูดยิ่งเข้าตัวไปกันใหญ่ ไอ้มีนนี่พอไม่สบายก็คิดอะไรไปเรื่อย โดยเฉพาะเรื่องในแง่ลบ มึงขยันคิดจังเลย

“วิเชียรก็คิดถึงมึง นี่ก็ฝากพี่มาบอกว่าคิดถึงมึงอยากให้มึงกลับไปเร็ว ๆ”

เฉไฉไปเรื่อย แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ถูกใจคนฟังซักเท่าไหร่

“พี่วิเชียรเขาคิดถึงผมก็ดีแล้ว......แต่คนอื่นคงไม่มีใครคิดถึงหรอกมั้ง....ผมไม่อยู่เขาก็สบาย ไม่ต้องมาโดนผมหาเรื่องทำให้ปวดประสาทด้วย....เขาคงจะชอบอยู่แหละ ผมว่านะ”

อย่ามาทำเสียงอ่อยแบบนี้หน่อยเลยมึงห่ามีน นี่มึงกำลังไซโครกูอยู่เลยนะเนี่ย มึงจะบิ๊วอารมณ์ให้กูรู้สึกผิดไปถึงไหนวะ
กูจะกระโดดหน้าต่างบ้านมึงหนีการคุกคามทางใจจากมึงอยู่แล้วเนี่ยตอนนี้

“กูก็คิดถึง ใช่ว่าจะมีแค่วิเชียรคนเดียวหรอกน่า”

ยอมพูด แม้จะเป็นการพูดที่ดูออกจะเหมือนการบ่นไปซักหน่อย แต่มันก็มากพอที่จะทำให้คนหน้างอ ยิ้มระรื่นขึ้นมาได้ทันที

“แน่ะ.........พี่คิดถึงผมเหมือนกันนี่หว่า พูดออกมาตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง ทำเป็นยึกยักลีลาไปได้”

ตกลงนี่มึงแกล้งตีหน้าเศร้าหลอกกูใช่มั้ยเนี่ย มารยาร้อยแปดจริงนะมึง

“ไอ้มีน มึงแกล้งทำหน้าหงอยหลอกกูเหรอ เดี๋ยวกูถีบเลยไอ้เด็กห่า”

มันก็ต้องมีเทคนิคพลิกแพลงกันบ้างสิว๊า ไม่งั้นพี่ก็ไม่สนใจผมหรอก ใช่มั้ยพี่บุ้ง ใช่มั้ย ใช่มั้ย มีนยิ้มหวานเชื่อม แม้ใบหน้าจะซีดเซียวไปบ้าง แต่รอยยิ้มนั้นก็ถูกใจบุ้งไม่น้อย มีนเป็นคนที่ยิ้มแล้วโลกสว่างไสว เป็นใครก็ต้องมอง เผลอมอง และเผลอติดใจในรอยยิ้มนั้น ไม่เว้นแม้แต่หัวหน้างานที่วัน ๆ ชอบทำหน้าดุ และคอยทั้งเอ็ดทั้งด่าลูกน้อง ที่ทำงานไม่ได้เรื่อง อย่างบุ้ง

“ขออะไรอย่างหนึ่งดิพี่บุ้ง ไหน ๆ ก็มาแล้ว”

ขออะไรวะ

“มึงอย่ามาขออะไรกูแปลก ๆ นะ ไม่งั้นอย่าหาว่ากูไม่เตือนนะไอ้ห่ามีน”

ใครจะไปขอแบบนั้นวะพี่ ผมบ้า ผมก็มีขอบเขตไม่ทำอะไรที่มันเกินที่คนทั่วไปจะรับได้หรอกน่า

“แล้วตกลงพี่จะให้ป่าวล่ะ”

มันก็ขึ้นอยู่กับว่ามึงจะขออะไร ถ้าขอแบบที่กูรับได้กูก็ให้ แต่ถ้ารับไม่ได้ กูก็ไม่ให้

“ไหนมึงพูดมาซิ มึงจะขออะไร ถ้ากูให้ได้กูก็จะให้”

เหรอ จริงเหรอพี่ ให้ได้อยู่แล้วแหละ พี่บุ้งให้ได้อยู่แล้ว สบายยยยยยยย

“ขอจับมือพี่หน่อยดิ อยากจับมานานแล้ว”

ห๊ะ

มึงขออะไรนะ ขอจับมือกูเนี่ยนะ มึงคิดอะไรอยู่กันแน่วะมีน

“พี่อย่ามองผมแปลก ๆ สิวะ ผมไม่ได้คิดอะไรกับพี่หรอกน่า”

ก็มึงเล่นมาขออะไรที่มันพิสดาร กูก็ต้องคิดไว้ก่อนเป็นธรรมดา

“มึงจะเอามือกูไปทำอะไรมีน อย่าบอกนะว่ามึงจะเอาไป.........”

อะไรพี่ พี่พูดแบบนี้หมายความยังไง

“ผมไม่ได้เป็นตุ๊ดเว้ยพี่ พี่ก็คิดได้เนอะ แต่ละอย่าง พี่ว่าผมไม่ให้คิดมาก ผมว่าพี่คิดมากกว่าผมอีกวะ คิดเข้าไปได้แต่ละอย่าง ลงใต้สะดือตลอดเลยนะพี่”

มึงด่ากูอยู่นะเนี่ยมีน กูลูกพี่มึงนะ มึงกล้าด่ากูแบบนี้เลยหรือไง

“แล้วมึงจะเอาไปทำไมมือกูอ่ะ กูจะไปรู้เหรอ ในสมองมึงคิดเรื่องห่าอะไรกูจะไปรู้ได้ยังไง กูไม่ใช่พระเจ้านะ จะได้รู้ไปหมดทุกเรื่องว่ามึงคิดอะไร”

พี่ก็ไม่ต้องรู้ก็ได้นี่ ไม่เห็นจำเป็นต้องรู้เลย ทีผมยังไม่เห็นรู้เรื่องทุกอย่างของพี่เลย

“ตกลงได้ป่ะพี่ ไม่ได้ผมจะได้รู้ว่าไม่ได้”

ไม่ใช่ว่าไม่ได้ แต่กูว่าแบบนี้มันแปลกเกินไป มีอย่างที่ไหน มาขอจับมือ แล้วมึงจะให้กูคิดยังไงล่ะมีน

“เออ เออ มึงจะจับก็จับ อ่ะ จับซะให้พอ อยากจับอยากบีบอยากจะอะไรก็เอา”

ยื่นมือเข้าไปหา และมีนก็มองมือของบุ้งนิ่ง ๆ มองแล้วก็ยิ้มออกมา ก่อนจะรั้งมือของบุ้งมาแนบที่ข้างแก้ม และแตะปลายจมูกสัมผัสที่หลังมือของบุ้งเบาๆ และเจ้าของมือก็เกิดอาการ.........อึ้งแดกไปเรียบร้อย เพราะสิ่งที่มีนทำ

“เหมือนมือเพื่อนผมเลยว่ะพี่ อุ่น ๆ แบบนี้ อยู่ด้วยแล้วสบายใจแบบนี้”

มีนแค่พูดไปตามสิ่งที่ตัวเองคิด และแนบแก้มไปที่ฝ่ามือของบุ้งอีกครั้ง แนบแก้มลงไป และหลับตาลงอย่างช้า ๆ เหมือนมือไอ้เล้งเลยว่ะพี่ มือแบบนี้เลย ฝ่ามือใหญ่ แต่ก็อบอุ่น และทำให้ผมรู้สึกดีเวลาที่ได้อยู่กับเจ้าของฝ่ามือนี้

ผมรู้สึกดี จริง ๆ นะพี่ ขอบคุณมากพี่บุ้ง ขอบคุณมาก

“มีน”

เรียกและคนที่หลับตาลงก็ไม่ได้ตื่นขึ้นมาคุยกับบุ้งอีก ยังคงหลับใหลอยู่อย่างนั้น และกลายเป็นบุ้งเองที่ต้องกลายเป็นคนนั่งนิ่งหลังตรง ใจสั่นอยู่คนเดียว ...............กูไม่รู้ว่ามึงคิดอะไรอยู่นะมีน.............กูไม่รู้ว่ามึงคิดอะไรอยู่…. แต่ที่แน่ ๆ ตอนนี้กูปวดเยี่ยวมาก แต่ก็ไม่กล้าลุกไปเยี่ยว อั้นมาตั้งแต่ที่ทำงานจนถึงป่านนี้ แล้วยิ่งตอนนี้กูยิ่งไม่กล้าลุกไปไหนเข้าไปใหญ่ เพราะเห็นมึงหลับตานอนอย่างมีความสุขแบบนี้ กูก็รู้สึกดีใจจนไม่กล้าลุก กลัวมึงจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้ง แม่ง.........ถ้ากูเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบขึ้นมาล่ะก็ กูโทษมึงได้เต็ม ๆ เลยนะมีน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน อาการของโรคซึมเศร้า 05/05/57 :09.03 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-05-2014 12:04:16
“หลับแล้วเหรอคะ”

แม่ของมีนเข้ามาในห้อง และบุ้งก็ไม่รู้ว่าจะทำหน้ายังไงดี เพราะในเวลานี้มือของตัวเองถูกมีนจับเอาไว้เรียบร้อย แถมมันยังหลับไปทั้งอย่างนั้น โดยไม่สนใจด้วยว่าคนที่ต้องรับภาระหนักหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองจะเป็นยังไง

“เอ่อ..........ขอโทษด้วยค่ะ แกเป็นของแกแบบนี้ตลอด กับพ่อกับแม่ กับเพื่อนแกก็เป็น ถ้าแกป่วยแล้วนอนซมแบบนี้แกต้องขอจับมือแม่ ไม่ก็พ่อ ไม่งั้นแกว่าแกนอนไม่หลับ ไม่นึกว่าแกจะกล้าขอหัวหน้าด้วย อย่าถือแกนะคะ แกเป็นของแกแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว”

เออ รอดตัวไปกู
บุ้งหัวเราะออกมา แม้หน้าจะดูแหย ๆ ไปบ้าง แต่ก็ถือว่ารอดตัวไปได้ง่าย ๆ ถ้าเกิดแม่เขาคิดอะไรไปไกล กูนี่แหละจะซวย
ข้อหา........ทำตัวไม่น่าไว้วางใจ ........หรือไม่ก็เป็นหัวหน้าหัวงูที่คิดจะเคลมเด็กฝึกงาน บุ้งค่อย ๆ ดึงมือออกจากการเกาะกุมและลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ มองหน้าของคนหลับเพราะฤทธิ์ยาแล้วก็นึกสงสาร เวลาป่วยกับเวลาไม่ป่วย การแสดงออกของมีนช่างต่างกันลิบลับ เวลามันดี ๆ แม่งทำตัวโคตรน่าโดนเตะวันละหลายๆ รอบ แต่พอเวลามันป่วยแบบนี้ โคตรน่าสงสาร

เหมือนมันป่วยหนักใกล้ตาย จนคนมาเยี่ยมไม่รู้ว่าจะทำยังไง

“หัวหน้าทานข้าวมาหรือยังคะ แม่ทำกับข้าวเสร็จเรียบร้อยพอดี เดี๋ยวคุณพ่อเขาก็จะกลับมาแล้ว อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนมั้ยคะ”

คงไม่ล่ะครับ บุ้งยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู และก็ส่งยิ้มมาให้ ตอบไปตามมารยาทพร้อมยกเหตุผลที่ไม่สามารถร่วมกินข้าวเย็นกับครอบครัวของมีนได้

“ผมต้องไปเข้าเวรต่อครับ วันนี้คงไม่สะดวกจริง ๆ เอาไว้โอกาสหน้านะครับ”

ปฏิเสธไปแล้ว และแม่ของมีนก็พยักหน้าเข้าใจ

“ยังไงแม่ขอบคุณหัวหน้ามากนะคะ ที่มาเยี่ยมน้อง เห็นแบบนี้แม่ก็โล่งใจค่ะ มีนมันโชคดีเจอแต่คนดี ๆ”

ครับ มันเป็นคนดีด้วย นิสัยมันก็ดี ผมก็โชคดีเหมือนกันที่ได้เจอมัน

“ยังไงผมลากลับก่อนเลยนะครับ ไว้มีโอกาสจะแวะมาเยี่ยมใหม่นะครับ สวัสดีครับ”

ยกมือไหว้แม่ของมีนเรียบร้อย และบุ้งก็ก้าวขาลงบันไดบ้าน โดยมีแม่ของมีนเดินตามมาส่งจนถึงรถ

“ผมไปนะครับ สวัสดีครับ”

แม่ของมีนยกมือรับไหว้อีกครั้ง และบุ้งก็ขึ้นรถ เปิดประตูด้านที่นั่งคนขับและขับออกไปเพื่อไปเข้าเวรในเวลาหนึ่งทุ่มตรงพอดี

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน อาการของโรคซึมเศร้า 05/05/57 :09.03 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-05-2014 12:05:29
“เกาหลี หายแล้วเหรอ”

ยามหน้าประตูโรงงานเอ่ยทักทายเมื่อเห็นมีนเดินเข้ามาภายในบริเวณโรงงาน นี่สรุป กูชื่อเกาหลีไปแล้วเหรอวะเนี่ย มีใครจำได้มั้ยว่าจริง ๆ แล้วกูชื่อเมืองมีน พยักหน้ารับ และส่งยิ้มให้กับยามแล้วมีนก็จัดการตอกบัตรเรียบร้อย เดินเรื่อยๆ เข้ามาและสวนกับแม่บ้านทำความสะอาดที่ส่งยิ้มให้พร้อมคำทักทาย

“อ้าว เกาหลี หายแล้วเหรอ ไม่เจอหลายวัน ป้าก็ว่าเกาหลีหายไปไหนมา เห็นว่าไม่สบาย หายดีแล้วนะ”

อ่า ครับ หายดีแล้วครับ คนทั้งโรงงานไม่ได้มีกูป่วยคนเดียวป่าววะ แล้วแค่เรื่องที่กูไม่สบายหยุดงานไปหลายวัน ทำไมแม่งรู้กันทั้งโรงงานเลยเนี่ย

“อ้าวเฮ้ยยยยยยยยย เกาหลีนี่หว่า เป็นไง หายดีแล้วนะเฮ้ยยย กลับมาทำงานได้ซะทีนะ”

พนักงานขับรถแผนกกูเอง และ.........

“น้องเกาหลี หายดีแล้วใช่มั้ยคะ ไม่เจอกันนานเลย มีแต่คนเขาลือกันว่า พี่บุ้งแกล้งเกาหลี จนเกาหลีไม่กล้ามาทำงานเพราะกลัวพี่บุ้ง”

ห๊ะ ยังไงวะ นี่........ยังไม่ได้มีปัญหาอะไรกับพี่บุ้งเลยนะ ใครมันช่างเอาไปลือได้ขนาดนี้วะเนี่ย สุดยอดไปเลย

“มีน”

นั่นไงลูกพี่กู

“กินข้าวยัง”

ยังพี่ ยังไม่ได้กิน

“วิเชียรมันซื้อโจ๊กมาให้ บอกให้มีนกินข้าวแล้วจะได้กินยาเลย”

หมดข้อกังขา……… เรื่องเด็กฝึกงานถูกหัวหน้างานกลั่นแกล้ง ไม่ใช่ความจริงแต่ประการใด เพราะอันที่จริงแล้ว หัวหน้างานโคตรจะใส่ใจลูกน้องจนคนที่ได้เห็น ไม่กล้าเอาไปลือต่อ

“ยังไม่ได้กินเลยอ่า มันมียากินก่อนอาหารด้วย เดี๋ยวผมกินยาก่อนอาหารก่อนนะพี่ แล้วเดี๋ยวค่อยกินข้าว”

มีนเดินไปหาหัวหน้างาน และเดินตามกันไปที่แผนกขนส่งโดยมีสายตาของพนักงานโรงงานหลายคนมองตาม
ก็ไหนเขาพูดกันว่า พี่บุ้งหัวหน้างานแผนกขนส่งกลั่นแกล้งจนเด็กฝึกงานอยู่ไม่ได้จนต้องชิงลาออกไปไม่ใช่เหรอ
แล้วภาพที่เห็นนี่มันอะไร หัวหน้ากับลูกน้องเขาก็ดูรักกันดี ไอ้คนต้นตอข่าวลือ ไม่รู้ว่ามันคิดได้ยังไง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน อาการของโรคซึมเศร้า 05/05/57 :09.03 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-05-2014 12:06:33
“อิ่มแล้วพี่”

มีนวางช้อน และกลายเป็นบุ้งที่ต้องรีบตีมือมีน และบังคับให้กินเข้าไปอีก

“กินอีก กูอุตส่าห์ฝากวิเชียรซื้อ นี่เจ้าอร่อยเลย มึงกินเข้าไปอีกหน่อยซิ เสียดายของ”

โห่พี่ ตกลงที่ให้ผมกินนี่ไม่ใช่ว่าเป็นห่วงผมใช่มั้ย แต่พี่กลัวเสียดายของ

“ไม่เอาแล้ว ผมอิ่มจริง ๆ พี่ ผมกินยาหลังอาหารก่อน ให้กินอีกผมกินไม่ไหวหรอก ผมอิ่ม”

งอแงไม่ยอมกินต่อ และบุ้งก็ไม่มีปัญญาจะบังคับได้ เดินไปกดน้ำร้อนที่กระติก และนำแก้วน้ำมาวางไว้ให้

“มึงรอมันเย็นก่อน แล้วค่อยกิน ช่วงนี้งดกินน้ำเย็นไปก่อนซักพัก เข้าใจมั้ย”

เข้าใจ ผมไม่ใช่เด็กอนุบาลนะพี่ ถึงจะได้ไม่รู้ว่าเวลาไม่สบายควรทำยังไง

“เออน่า ผมรู้แล้วแหละ พี่ไปทำงานเหอะ เดี๋ยวเขาจะหาว่าผมสำออย อ้อนหัวหน้างาน เดี๋ยวความซวยมันจะมาตกที่ผม”

เออ กูรู้แล้วแหละ

“งั้นกูไปทำงานก่อน มึงก็ไม่ต้องหักโหมมาก คีย์ไปได้แค่ไหนเอาแค่นั้น พี่คีย์บางส่วนไว้แล้ว มึงไม่ต้องรีบมาก ส่งอาทิตย์หน้า”

ครับ เข้าใจแล้วครับลูกพี่ ลูกน้องเข้าใจแล้ว

“เออพี่บุ้ง ฝากพี่วิเชียรซื้อโอเลี้ยงให้ผมหน่อยสิ หยุดไปหลายวัน ย้ากกกก อยาก”

ลืมตัว ลืมไปว่าไม่ควรพูดเรื่องนี้ออกมา และมีนก็ถูกหัวหน้างานชี้หน้าคาดโทษ จนต้องทำคอย่น และหัวเราะกลบเกลื่อน

“ไหนมึงว่าไงนะ พูดอีกทีซิ มึงฝากกูซื้ออะไร เดี๋ยวมึงจะโดนไม่ใช่น้อย ไอ้มีน กูบอกแล้วไม่รู้จักจำใช่มั้ย เดี๋ยวมึงโดน เดี๋ยวมึงโดน ไม่เชื่อกูนะ เดี๋ยวมึงโดนกูตบหัวทิ่มแน่ หรือมึงจะลองดู ไอ้ห่ามีน”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน เด็กป่วย 05/05/57 : 12.11 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 05-05-2014 12:30:34
 :hao7: :hao7: :hao6: o13
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน เด็กป่วย 05/05/57 : 12.11 น.
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 05-05-2014 12:39:18
ห่วงใยกันแบบแปลกๆ :katai5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน เด็กป่วย 05/05/57 : 12.11 น.
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 05-05-2014 12:49:44
น้องมีนน่ารักที่สุด ขี้อ้อน กวนทีน เอาใจไม่ถูกเลยใช่ไหมพี่บุ้ง  :m13:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน เด็กป่วย 05/05/57 : 12.11 น.
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 05-05-2014 12:50:02
น้องมีนป่วยแล้วอ้อนอ่ะ น่ารักซะ
เล่นเอาพี่บุ้งไปไม่เป็นเลยนะนั่น
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน เด็กป่วย 05/05/57 : 12.11 น.
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 05-05-2014 12:54:07
เย้เยยยยยย ในที่สุดก็กดโพสต์ได้แล้ว
ตั้งใจจะคอมเม้นท์ตั้งแต่ตอนแรกๆที่อ่าน
แต่เน็ตกากมาก กดโพสต์ไ่ติด
น้องเกาหลีน่ารักมาก
ขอบคุณมากค่ะ
เรื่องนี้ขยันอัพมาก
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน เด็กป่วย 05/05/57 : 12.11 น.
เริ่มหัวข้อโดย: sazzies ที่ 05-05-2014 12:56:03
ชอบๆ ลงบ่อยๆ นะ  :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน เด็กป่วย 05/05/57 : 12.11 น.
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 05-05-2014 13:24:23
สนุกมว๊ากกก.. เรื่องนี้   อัพเร็วทันใจมากมาย

พี่บุ้งน้องมีน  แอร๊ยยยยยยส์     :give2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน เด็กป่วย 05/05/57 : 12.11 น.
เริ่มหัวข้อโดย: cancan ที่ 05-05-2014 13:34:31
 เข้ามาอ่านรวดเดียวอย่างมัวเมาและเมามันส์(?)  รูปแบบการเขียนของคนแต่งตอนแรกข้าพเจ้าอ่านแล้วแอบงงนิดๆ แต่พออ่านไปเรื่อยๆเริ่มจับทางได้รู้สึกว่ามันมีเสน่ห์แปลกๆเป็นเอกลักษณ์ดี  เนื่อเรื่องก็ลื่นไหล คาแรกเตอร์ของตัวละครมันโด่ดเด่นแบบเป็นธรรมชาติมากๆ  น่าประทับใจจริงๆ ที่สำคัญ คำผิดแทบหาไม่เจอ  :mew3:ตอนนี้คงได้แต่รอว่าพี่บุ้งจะคิดยังไงกะน้องมีนบ้างน้า~
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน เด็กป่วย 05/05/57 : 12.11 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-05-2014 13:48:53
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/02/ไฟล์เปล่า1Nn1wd.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง.....ตอน แซว

“ไอ้มีน อ้าปากซิ”

พี่บุ้งตะโกนบอก และมีนที่กำลังหิ้วกระติกโอเลี้ยงเดินเข้ามาก็ทำตาม อ้าทำไมวะพี่บุ้งให้กูอ้าปากทำไมวะเนี่ย แต่เอาวะ อ้าก็อ้า
มีนอ้าปากตามที่ลูกพี่บอก และเม็ดถั่วหนึ่งเม็ดก็ถูกโยนมาให้

“อ้า..........รับไม่ได้อ่ะพี่บุ้งงงงงงงงงงง อีกทีดิ๊ อีกที ไหนลองอีกที”

ยกนิ้วขึ้นให้สัญญาณว่าให้โยนมาอีกครั้ง และมีนก็ยืนรอ และคนที่ตั้งท่าจะโยนก็กะจังหวะ และโยนเม็ดถั่วในมือให้เข้าปากมีน แต่ก็ยังพลาด

“โห ไรว๊า แม่ง อุตส่าห์ตั้งใจ”

เดินบ่นเข้ามาและพี่วิเชียรที่ยืนมองอยู่ก่อนแล้วก็หัวเราะชอบใจกับสิ่งที่มีนทำ

“เหมือนให้อาหารปลาเลยว่ะพี่ เหมือนเกาหลีเป็นปลาแล้วพี่บุ้งโยนอาหารให้มันกิน”

ก็จริงอย่างที่วิเชียรพูด

“ผมเป็นคนพี่ ไม่ใช่ปลา พี่วิเชียรก็พูดส่ง”

บ่นไปงั้นเอง ไม่ได้คิดอะไรมาก สิ่งสำคัญไม่ใช่เรื่องกินถั่วที่โยนให้ แต่เป็น................เก้าอี้......ที่ไม่มีจะนั่ง แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับมีน เพราะ.........

“โอ้ยยยยยยยยยยยยย ไอ้มีน มึงนี่มาทีไรเป็นแบบนี้ตลอดเลย อะไรของมึงเนี่ย”

อ้าว ถ้าพี่ไม่อยากเจ็บขาพี่ก็ลุกให้ผมนั่งสิ พี่จะนั่งเก้าอี้ไปทำไม เป็นลูกพี่ก็ต้องเสียสละให้ลูกน้อง จะมาบ่นลูกน้องที่น่ารักอย่างผมมันเป็นไปไม่ด้ายยยยยยยยยยยยย

“มึงนั่งดี ๆ กูจะไม่ว่าเลยนะ นี่นั่งแล้วแม่งชอบขย่ม ขากูจะหัก”

พี่ก็บ่นอยู่นั่นแหละ บ่นแล้วพี่เคยทำอะไรได้มั้ย ก็ยังจะบ่นอีก ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ

“นั่งว่าง ๆ มึงแกะถั่วมากินดิ๊”

แค่มานั่งตักแค่เนี้ยะ ใช้กูอีกแล้ว ก็ได้วะ ถั่วใช่มั้ยพี่ อ่ะ กินซะพี่ กินซะ แลกกับที่ให้ผมนั่งตัก กินซะให้พอเลยพี่บุ้ง มีนจัดการแกะถั่วลิสงต้มที่อยู่ในถุงบนเคาร์เตอร์เช็คงานที่พี่วิเชียรซื้อเข้ามากิน และก็ยื่นมือป้อนให้กับคนที่ยอมให้มีนนั่งตัก

“ป้อนดี ๆ ซิ มึงจะป้อนหรือมึงจะทิ่มตากูเนี่ยมีน”

ใครจะไปทิ่มตาพี่วะ ผมก็ป้อนดี ๆ แล้วเนี่ย พี่กินไม่ดีเอง มาโทษผมได้ไง

“มึงป้อนแค่เนี้ยะ เม็ดเดียวเนี่ยนะ แกะมาอีกซิ แค่นี้จะไปอิ่มอะไร”

"นี่พี่กะกินให้อิ่มเลยเหรอ เขาให้กินเล่น พี่กูแม่งกินจริงจังเอาอิ่มเลยว่างั้น ของพี่วิเชียรเค้า พี่ก็กินไม่เกรงใจลูกน้องเลยว่ะ”

เหรอ

“มึงกินเยอะกว่ากูอีก ได้ข่าว”

อ้าว ทำไมพููดงี้วะพี่บุ้ง

"กินเยอะกว่าอะไรล่ะ พี่แหละกินเยอะกว่าผม"

วิเชียรถึงกับส่ายหน้า เมื่อลูกพี่กับเด็กฝึกงานเถียงกันด้วยเรื่องบ้าบอไม่เป็นเรื่องเป็นราว เกาหลีมันกลับมาแล้ว และแผนกขนส่งก็กลับมามีสภาพอย่างที่เห็น หลังจากที่คนในแผนกเงียบเหงา เหี่ยวเฉามานาน ในเวลานี้ ลูกพี่กลับมายิ้ม มีความสุขเพราะมีนหายป่วยและกลับมาทำงานได้แล้ว

“รักกันจริงเนอะคู่นี้ นี่ถ้าเป็นผู้หญิงกับผู้ชายผมว่าลูกดกหัวปีท้ายปี”

เป็นคำแซวของวิเชียร ที่มีนได้ฟังแล้วก็หัวเราะชอบใจ

“พี่ คนนะพี่ ไม่ใช่มะละกอจะได้ลูกดกหัวปีท้ายปี ทำไมเขาต้องบอกว่าลูกดกหัวปีท้ายปีด้วยวะพี่บุ้ง ผมไม่เข้าใจ”

พยายามหันไปถามลูกพี่กำลังเคี้ยวถั่วอยู่ และบุ้งก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยไม่ต่างกัน

“เออนั่นสิวะ กูก็ไม่รู้เหมือนกัน มึงถามวิเชียรสิ”

โดนโบ้ยให้ไปถามวิเชียร และมีนก็เลยต้องหันกลับมาถามวิเชียรด้วยความสงสัย

“รักกันแล้วมันเกี่ยวกับลูกดกยังไงพี่วิเชียร”

นี่มึงแกล้งไม่รู้หรือไม่รู้จริงๆ วะเนี่ย พอกันทั้งลูกพี่ลูกน้องพวกมึงเลยเนอะ

“อ้าวเกาหลีไม่รู้อะไร ผู้หญิงกับผู้ชายอยู่ด้วยกันรักกัน เอากันบ่อย ๆ เช้า สาย บ่าย เย็นมันก็ต้องมีลูกเป็นธรรมดา หมายความว่าเอากันเสร็จมันก็เดี๋ยวท้อง เดี๋ยวท้องอยู่นั่น เขาเลยว่าลูกดกหัวปีท้ายปี”

“อ๋ออออออออออออออออออ”

“กูเพิ่งจะรู้นะเนี่ยวิเชียร แล้วมึงกับเมียมึงลูกดกหัวปีท้ายปียังวะ”

บุ้งแซวกลับวิเชียร และวิเชียรก็อมยิ้มและส่ายหน้ากับสิ่งที่ลูกพี่พูด

“ของผมนี่เขาไม่เรียกลูกดก เขาเรียกรู้จักวางแผนครอบครัวสองคนก็พอแล้วพี่ มากกว่านี้เลี้ยงไม่ไหว”

เหรอ

บุ้งพยักหน้ารับ และมีนก็พยักหน้าตามไปด้วย

“พี่ไม่ต้องมาห่วงผมหรอก เอาเรื่องของพี่ก่อนดีกว่า.....ว่าไงเกาหลี.....”

ว่าไงอะไรวะพี่วิเชียร มีนกำลังทำหน้างง เพราะไม่เข้าใจว่าอยู่ดี ๆ พี่วิเชียรหันมาถามทำไม นี่พี่เบี่ยงเบนเป้าหมายจากพี่บุ้งมาเป็นผมตั้งแต่เมื่อไหร่วะ มีนเลิกคิ้วขึ้นสูง ปากเคี้ยวถั่วไปด้วย และมือก็ยังแกะถั่วส่งเข้าปากให้ลูกพี่ที่ให้นั่งตัก

“อะไรว่าไงของพี่วะ พี่วิเชียร”

นี่ก็มาแนวเดียวกับลูกพี่อีกคน แกล้งมึนหรือมึนจริง ๆ วะ เอาให้ชัวร์

“อ้าว ก็เกาหลีคงไม่มีปัญหาเรื่องลูกดกไม่ใช่เหรอ”

อะไรวะ ไม่มีปัญหาเรื่องลูกดก พี่วิเชียรนี่พูดอะไร งง ๆ ผมจะไปเข้าใจได้ยังไง แล้วอีกอย่างผมจะมีได้ยังไงลูก ผมยังไม่ได้แต่งงานผมก็ต้องไม่มีปัญหาเรื่องลูกเป็นธรรมดา

“ผมยังไม่มีแฟน จะเอาลูกที่ไหนมาล่ะพี่”

เคี้ยวถั่วและก็ยังทำหน้าที่ป้อนถั่วให้หัวหน้า ป้อนผิดป้อนถูกและเป็นบุ้งที่ต้องจับมือมีนเอาไว้ให้ป้อนถั่วให้ตรงปาก

“ก็ใช่ไง ถ้าเกาหลีกับพี่บุ้งเอากัน มันก็ต้องไม่มีลูกอยู่แล้ว ผู้ชายเหมือนกัน จะเอามดลูกที่ไหนมาท้อง ถูกเปล่าพี่”

ท้ายประโยคหันไปถามลูกพี่ที่ยังเคี้ยวถั่วไปเรื่อย และบุ้งก็ถึงกับนิ่งอึ้งกับสิ่งที่วิเชียรพูด ไม่ใช่แค่บุ้ง แต่มีนก็อีกคนที่กำลังอ้าปากตาค้าง ปล่อยให้เม็ดถั่วที่กำลังจะเข้าปากหล่นลงบนเคาร์เตอร์

“ไอ้วิเชียรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร”

บุ้งพยายามลุกขึ้น และมีนที่นั่งอยู่บนตักก็ยอมลุกขึ้นตาม พี่วิเชียรหัวเราะชอบใจและวิ่งจากไปแล้ว ปล่อยให้บุ้งโมโหกระฟัดกระเฟียดอยู่คนเดียว

“มึงก็ไปหน้าแดงตามไอ้วิเชียรมันพูด พอมันเห็นว่าแซวมึงขึ้นมันก็ได้ใจตลอด ห่านี่ เผลอไม่ได้ เอาคืนกูประจำเลย”

พี่บุ้งบ่นและทำหน้าเหมือนกำลังหงุดหงิดไม่พอใจที่โดนพี่วิเชียรแกล้ง แต่มีน...........หน้าแดงเถือกไปเรียบร้อยแล้วเพราะสิ่งที่ได้ฟัง ผู้ชายกับผู้ชาย เอากันมันก็ย่อมไม่ท้องเป็นเรื่องธรรมดา แต่ว่า.........ให้ผมเอากับพี่บุ้งเนี่ยนะ พี่วิเชียรคิดได้ไง

“ไอ้นี่ก็เขินหน้าดำหน้าแดงอยู่นั่น ก็เพราะมึงเป็นแบบนี้ไง วิเชียรมันถึงได้ใจ เพราะมึงเป็นแบบนี้ พอหยอกแล้วมึงหน้าแดงมันก็เลยขยันหยอก ห่า.....คิดเข้าไปได้ ให้กูเอากับมึงเนี่ยนะ คิดได้ไงวะ แม่งก็คิดด้ายยยยยยยยยย”

คือผมไม่ได้คิดอะไรไงพี่ แล้วพี่จะย้ำให้ผมคิดอีกรอบทำเพื่อ.....
มีนมองหน้าลูกพี่และรู้สึกเหมือนทำหน้าไม่ถูก

ก้มหน้าก้มตาทำทีเป็นแกะถั่วและหยิบเปลือกถั่วเข้าปาก คราวนี้กลายเป็นบุ้งที่เห็นมีนกำลังทำบางอย่างอยู่ก็ถึงกับหัวเราะชอบใจ

“เฮ้ย นี่มึงเขินจนต้องกินเปลือกถั่วแทนเลยเหรอวะมีน ใจเย็น ๆ ก่อนก็ได้ ไม่ต้องรีบ ไม่มีใครแย่งมึงกินหรอก”

อ้าวเหรอวะ เออจริงด้วยว่ะ กูเอาเม็ดถั่วทิ้งแล้วก็กำลังจะเอาเปลือกถั่วเข้าปากจริง ๆ ด้วย

“.............อ่า......ผมก็กำลังจะเอาเปลือกมันทิ้งอยู่นี่ไง”

เหรอ แต่ที่กูเห็นคือมึงกำลังจะเอาเปลือกถั่วเข้าปากแทนเม็ดถั่วอยู่แล้วนะนั่น มีน
บุ้งถึงกับส่ายหน้าและเดินมายืนข้าง ๆ มีน หยิบกระดานลงเวลารถเข้ามาเช็คเวลาอีกครั้ง และก็เหลือบมองไปที่คนที่ก้มหน้าก้มตาแกะถั่วเข้าปาก แล้วก็เกิดรู้สึกบางอย่างขึ้นมา

มีนแม่ง...........เวลาหน้าแดง แล้วก็ทำหน้าเอ๋อ ๆ แล้วดูน่ารักไม่หยอกนี่หว่า สมแล้วที่วิเชียรมันชอบแกล้ง
แกล้งมันได้แล้วหน้ามันจะดูน่ารัก แก้มแดง ๆ แบบนี้นี่เอง

“พี่มองหน้าผมทำไมวะ”

มีนที่กำลังแกะเม็ดถั่วเข้าปากเงยหน้ามองลูกพี่ที่แอบมองอยู่ก่อนแล้ว และคนที่เพิ่งรู้สึกตัวว่าโดนจับได้ว่าแอบมอง ก็ถึงกับสะดุ้งและแกล้งทำเป็นโมโหกลบเกลื่อน

“ใครไปมองหน้ามึงตอนไหนวะ ไอ้นี่คิดมาก เป็นโรคหวาดระแวงหรือไงมึง”

ใครเป็นโรคหวาดระแวงวะ ผมไม่ได้เป็นซักหน่อย ก็พี่เล่นมองหน้าผมซะขนาดนี้ เป็นใครก็ต้องรู้ตัวกันหมดแหละวะ แต่ไม่อยากเถียงกับพี่บุ้งหรอก ชอบแถสด แถไปน้ำขุ่น ๆ เถียงมากไม่ได้ด้วย เดี๋ยวเล่นบทโมโหกลบเกลื่อนอีก

“ว่างมากนักนะมึง เอาเวลารถเข้าไปคิดซิ อยู่ว่าง ๆ หัดทำตัวให้เป็นประโยชน์หน่อย”

อะไรวะ จะใช้ก็ใช้ดี ๆ ก็ได้ ทำไมต้องเอ็ดกูตลอดเลยวะพี่บุ้งนี่

“ไหนอ่ะพี่ ตรงนี้เหรอ”

เงยหน้าขึ้นมองและเอานิ้วชี้ไปที่กระดาน และมีนก็ทำหน้ามึนงงสงสัย เอียงคอสามสิบองศาและกระพริบตาไปอีกสองที

เอ่อ............

“มึงก็ดูเอาเองสิวะ ทำอย่างกับไม่เคยทำไปได้ ของแค่นี้ต้องให้กูสอนซ้ำซาก เมื่อไหร่มึงจะหัดจำซะทีวะ”

ก็ไม่เห็นต้องบ่นก็ได้นี่หว่า ผมก็มีลืมบ้างอะไรบ้าง พี่บุ้งนี่ก็ขยันบ่นเป็นคนแก่ไปได้

“ไม่บอกก็ไม่บอกสิวะ มาด่าผมอีก พักนี้พี่เป็นอะไร เมนส์ไม่มาเหรอพี่ อารมณ์เหวี่ยง ๆ ชอบกล”

ใครไปเหวี่ยงมึงไอ้มีน ใครเขาจะไปอยากเหวี่ยง อยากโมโหมึง ถ้ามึงไม่ทำหน้าแบบนี้ ไม่ทำตาแบบนี้ ไม่ทำตัวแบบนี้
ไม่..............

คิดอะไรอยู่วะเนี่ย คิดอะไรไปกันใหญ่แล้ววะกู

บุ้งกำลังรู้สึกว่าตัวเองมีอาการแปลก ๆ แปลกมาพักใหญ่ จนต้องคว้ากระดานอีกอันเดินเข้าไปช่วยวิเชียรตรวจสอบรถที่ถูกปล่อยเข้าไปโซนด้านใน

“กูไปช่วยวิเชียรก่อน มึงอยู่ตรงนี้อย่าเสือกแดกถั่วเพลินแล้วอู้ไม่ยอมทำงานเชียวนะ ไม่งั้นกูเอามึงตายแน่ เข้าใจมั้ย”

เข้าใจแล้วแหละน่าพี่ จะฝากฝังอะไรขนาดนั้น ผมนี่ระดับไหนแล้ว เคยทำงานพลาดที่ไหนล่ะพี่

“จะไปแล้วเหรอที่รัก รีบไปรีบกลับนะ เมียคิดถึง”

มึงงงงงงงงงงง ไอ้มีน มึงยังจะเล่นอีก พักนี้กูยิ่งรู้สึกแปลก ๆ เวลาเห็นหน้ามึงอยู่ด้วย

“ลามปามนะมึง เดี๋ยวกูตบคว่ำเลย ทำงานของมึงไปเลย อย่าให้กูรู้ว่ามึงอู้ ไม่งั้นกูเอาตาย”

โห้ ขู่จังวะ จะขู่อะไรนักหนา แค่นี้ผมก็กลัวจนหัวหดแล้วพี่

“ไปเถอะจ้า บ้ายบาย ไม่ต้องห่วงเมียนะ เมียจะรออยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน กลับมาเร็ว ๆ นะจ๊ะผัว”

ไอ้มีน...
บุ้งทำท่าจะเอากระดานฟาดหัวเด็กฝึกงานที่มันยังเล่นไม่เลิก และมีนก็รีบเอามือบังหน้าตัวเองและหัวเราะชอบใจใหญ่ ที่ได้ยั่วโมโหหัวหน้าได้

“ไม่เล่นแล้ว ไม่เล่นแล้ว พี่บุ้งนี่ล่ะก็ ทำเป็นโมโหไปได้ ทำงานครับทำงาน ไม่อู้ครับ ไม่อู้ ผมทำงานไม่อู้แล้วนี่ไง พี่รีบไปเถอะ พี่วิเชียรรอแล้วพี่ ไม่รีบไปเดี๋ยวพี่วิเชียรก็งอน หาว่าพี่เอาแต่สนใจแต่ผมคนเดียว แบบนั้นคงไม่ดีเนอะพี่บุ้ง ใช่มั้ยพี่บุ้งใช่มั้ย”

ใช่มั้ยบ้านมึงสิ ใช่มั้ยอะไรของมึง กวนตีนจริง ๆ ไอ้เด็กเหี้ยนี่

“เออ.......ใช่ก็ใช่ ทำงานไปนะมึง อย่าอู้นะมึง ไม่งั้นกูเล่นมึงแน่มีน”

ครับ ๆ ไม่อู้ครับ ทำงานอยู่นี่ไงทำงาน ทำงาน
มีนแกล้งทำเป็นก้มหน้าก้มตาคิดเวลารวมของรถที่เข้ามาในวันนี้ และบุ้งก็เดินเข้าโซนด้านในไปเรียบร้อยแล้ว และเมื่อหัวหน้างานเดินจากไปแล้ว มีนก็เงยหน้าขึ้นมองเพื่อความแน่ใจว่าลูกพี่ไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว ไม่อยากจะคิดอะไรอย่างที่พี่วิเชียรพูด แต่จะให้ไม่คิดมันก็คงเป็นไปไม่ได้ ผู้ชายกับผู้ชายเอากันไม่ท้อง

ผู้ชาย.............กับผู้ชายเอากัน.......เหมือนนายกับคุณเลขาหรือเปล่าวะ ที่ถึงรักกันชอบกันแค่ไหนแต่พอเอากันยังไงก็ไม่มีทางท้อง...........

อ่า.....

คิดทำไมวะ ไม่เกี่ยวกับกูซักหน่อย เรื่องของนายก็คือเรื่องของนาย พี่บุ้งบอกว่าห้ามยุ่งห้ามวิจารณ์ กูไม่ยุ่งไม่วิจารณ์ก็ได้วะ

แต่ว่า.................

“ผมกับพี่บุ้งเนี่ยนะ……….”

คิดเล่น ๆ อยู่ดีๆ ก็คิดขึ้นมาเล่น ๆ และมีนก็เกิดอาการร้อนผ่าวที่ใบหน้า ในเวลานี้หน้าแดงเถือกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“เฮ้ยยยยยยยยยยยยย”

ร้องออกมาเสียงดังลั่นและรีบสะบัดหัวไล่ความคิดแปลก ๆ ของตัวเองออกไป

“คิดอะไรอยู่วะเนี่ยกู คิดอะไร คิดอะไร คิดอะไร แม่งบ้าไปแล้วหรือไงวะมึง ห่ามีน”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน แซว 05/05/57 : 13.54 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 05-05-2014 14:06:56
คิดอะไรว่ะเนี้ยมีน.. คิดอะไร.. คิดอะไร..

มัวแต่คิดทำไม..

ทำไมไม่ลงมือทำไปเลยว่ะ  :z1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน แซว 05/05/57 : 13.54 น.
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 05-05-2014 14:13:15
อ่านแร้ว ฟินนนนนนนนนนนน!!! :m3: :m3: :m3:
บ่องตง! คร้า ^{     }^
คู่นี้เค้าก้อน่ารักกันจิ๊ง เฮียบุ้งนี่อย่างซึน 5555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน แซว 05/05/57 : 13.54 น.
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 05-05-2014 14:16:52
มีน o22
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน แซว 05/05/57 : 13.54 น.
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 05-05-2014 14:20:56
ต่างคนต่างเริ่มคิดไปไกลแระ หวั่นไหวละซิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน แซว 05/05/57 : 13.54 น.
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 05-05-2014 14:29:40
คำแซวของวิเชียรไต่ระดับข ึ้นเรืีอยๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน แซว 05/05/57 : 13.54 น.
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 05-05-2014 14:45:27
หึหึ คิดล่วงหน้าจะได้เตรียมตัวรับหรอจ๊ะมีน 555555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน แซว 05/05/57 : 13.54 น.
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 05-05-2014 15:05:41
น้องมีนกับพี่บุ้ง ความรู้สึกช้าพอกัน  :m11: :m11: :m11:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน แซว 05/05/57 : 13.54 น.
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 05-05-2014 15:07:13
พี่บุ้งรุกน้องซะทีเถอะ มีนน่ารักเว่อร์อ่ะะะ
ระวังโดนใครคาบไปนะ พี่บุ้งอย่ามาซึนชอบน้องก็จีบเลยอย่ามัวรีรอนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน แซว 05/05/57 : 13.54 น.
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 05-05-2014 15:14:46
มึนทั้งคู่
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน แซว 05/05/57 : 13.54 น.
เริ่มหัวข้อโดย: helpmeiiz ที่ 05-05-2014 15:19:32
หลงรักสองคนนี้ น่ารัก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน แซว 05/05/57 : 13.54 น.
เริ่มหัวข้อโดย: tstriple7 ที่ 05-05-2014 15:22:25
 :-[
เข้ามาอ่านรวดเดียวแบบตาแฉะ ฟินเว่อร์มากๆค่ะ
เกาหลีน่ารักสุดๆ ขยันแกล้งพี่บุ้งเหลือเกิน พี่บุ้งก็ทำโหดทำซึนกลบเกลื่อน ในใจคิดไปไกลแล้ว อิอิ
น่ารักมากเลยค่ะ จะตามมาอ่านเรื่อยๆ <3
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน แซว 05/05/57 : 13.54 น.
เริ่มหัวข้อโดย: bew ที่ 05-05-2014 15:30:12
น่ารักเจง สองคนเนื๊ยะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน แซว 05/05/57 : 13.54 น.
เริ่มหัวข้อโดย: nnA ที่ 05-05-2014 16:40:26
 :impress2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน แซว 05/05/57 : 13.54 น.
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 05-05-2014 16:41:42
มันก็มีหลายคู่นะที่แซวไปแซวมาแล้วชอบกันจริงๆ :z1:
คู่นี้เขาก็เริ่มผูกพันธ์กันนานแล้ววว :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน แซว 05/05/57 : 13.54 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 05-05-2014 17:20:50
น่ารักจริงจริ๊งงงง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน แซว 05/05/57 : 13.54 น.
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 05-05-2014 17:26:28
 :L2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน แซว 05/05/57 : 13.54 น.
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-05-2014 17:36:19
คิดทำไม ลงมือเลยสิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน แซว 05/05/57 : 13.54 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-05-2014 17:40:32

(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/02/ไฟล์เปล่า1Nn1wd.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง.....ตอน   ประโยชน์ของวิทยุสื่อสาร

“มีน”

น้ำเสียงแผ่ว ๆ ที่กระซิบอยู่ที่ข้างหู ทำให้มีนปรือตาขึ้นมองและก็เห็นว่าคนที่กำลังส่งยิ้มหวานเชื่อมให้เป็นใคร
พี่บุ้ง.........ลูกพี่กูเองนี่หว่า แล้วนี่อะไรวะ.......นี่... ก้มลงมองสภาพร่างกายตัวเองก็เห็นว่ามันเปลือยเปล่าล่อนจ้อนไม่มีเสื้อผ้าติดตัวซักชิ้น

“เฮ้ยยยยยยยยยยย”

ร้องออกมาเสียงดังลั่น สลับกับมองหน้าลูกพี่ และในเวลานี้มีนก็รู้ว่าหน้าของตัวเองกำลังแดงเถือก พยายามจะควานหาผ้าห่มมาคลุมร่างกายแต่ก็ไม่เห็นว่ามี

“พะ พะ พี่ .... พี่บุ้ง พี่จะทำอะไรผม พี่”

ร่างกายเปลือยเปล่าของเรากำลังแนบชิดสัมผัสกัน พี่บุ้งยังส่งยิ้มหวานเชื่อมมาให้พร้อมกับรวบข้อมือทั้งสองข้างของมีนกดเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

เหี้ยแล้ว ทำไมกูสู้แรงพี่บุ้งไม่ได้วะ งานเข้าแล้วไง ใครก็ได้ช่วยกูด้วยโว้ยยย

“มีน”

อย่ามาเรียกผมแบบนี้ ผมหลอน อย่ามาเรียก......... ฮือออออออออ ปล่อยผมเถอะวะพี่บุ้ง ผมยอมแล้ว ผมจะไม่กวนตีนพี่บุ้งอีกแล้ว ปล่อยผมไปเถ้อออออ

“มีนเป็นเมียพี่ แล้วทำไมมีนถึงไม่ยอมพี่ล่ะ หือออ ไหนมีนบอกพี่ซิ”

เหี้ยเอ้ย พี่ไม่ต้องกระซิบใกล้ซอกคอผมขนาดนี้ แล้วก็ไม่ต้องลากมือลงไปตรงนั้นด้วยได้มั้ยวะ พี่บุ้ง.....ปล่อยพ้มมมมมมมมม

“มีนเป็นเมียพี่มีนก็ต้องยอมพี่สิ เป็นเมียจะมาขัดขืนผัวแบบนี้ มีนคิดว่าทำถูกแล้วหรือไง ไหนบอกพี่ซิ แบบนี้พี่ต้องสั่งสองมีนแล้วรู้มั้ย”

ไม่รู้โว้ยยยย ไม่รู้.......อย่าขยำตรงนั้น ปล่อยผมไปเหอะพี่ ปล่อยผมมมมมมมม

“ขอโทษนะมีน ที่พี่ต้องทำอย่างนี้เพราะมีนบังคับพี่เอง ถ้ามีนยอมพี่ตั้งแต่แรก พี่ก็คงไม่ต้องปล้ำมีน”

ห๊ะ ปล้ำเลยเหรอวะพี่ มันไม่ใช่แล้วมั้งพี่ แบบนี้มันไม่ใช่แล้ว แบบนี้มันไม่ใช่แล้วโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน แซว 05/05/57 : 13.54 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-05-2014 17:42:25
ตีห้าครึ่ง มีนสะดุ้งตื่นขึ้นมา เพราะเสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งเอาไว้ เหนือกว่าสิ่งอื่นได้ไม่ใช่ปัญหาเรื่องนาฬิกาปลุกที่ดังไม่ยอมหยุดแต่เป็น.................

“โหยยยยยยยยย อะไรว๊า แต่เช้าเลยกู แต่เช้าเลยยยยยยยยย แม่งเอ้ยยยยยยยย”

เปิดผ้าห่มดู และก็พบว่าตรงกลางหว่างขาเหนียวเหนอะและเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบบางอย่าง ที่ทะลักออกมาจนเต็มไปหมดทั้งหว่างขา

“ห่าเอ้ยยยยยยยยย”

ส่ายหน้ากับตัวเองด้วยความกลุ้ม ก่อนจะลุกขึ้นและเดินโซเซไปห้องน้ำเพื่อซักกางเกงใน แม่เห็นจะคิดยังไงวะเนี่ย แม่ง ฝันเปียกแต่เช้าเลยกู ฝันอะไรไม่เท่าฝันเห็นว่ากำลังจะเอากับพี่บุ้งด้วยนะ แม่งเลวร้ายสุด ๆ นี่กูฟังเรื่องที่พี่วิเชียรพูดแล้วเก็บเอาไปฝันเป็นเรื่องเป็นราวได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ

มีนลงมือขยำกางเกงในและบีบครีมอาบน้ำลงไปบนผ้า ให้ลงไปซักข้างล่างคงไม่ไหว ครีมอาบน้ำนี่แหละใช้ได้เหมือนกัน ซัก ๆ แม่งไปก่อนจะได้ตาก ๆ ให้แห้ง ๆ พี่บุ้งนะพี่บุ้ง ทำกูเก็บมาฝันซะได้ แถมภาพและเสียงแม่งคมชัดยิ่งกว่าระบบ 3D อีก
ชัดซะจนกูนึกว่าเป็น...........เรื่องจริง..........

มีนกำลังซักกางเกงใน ซักอยู่ดี ๆ ก็เกิดอาการชะงักนิ่งค้างและภาพในความฝันที่พอจำได้ ก็ไหลเรื่อยเข้ามาในหัวอีกครั้ง
น้ำเสียงที่คุ้นเคย ลมหายใจกระชั้นถี่ที่ดังอยู่ข้างหู

“มีนเป็นเมียพี่ มีนก็ต้องยอมพี่สิ มีนจะดื้อกับพี่ไปทำไม”

ดื้อทำไมเหรอ ดื้อทำไม ดื้อทำ...........................ไ.....ม............
อ่า ...งานเข้ากูอีกรอบแล้วไง นี่กูต้องมาทำอะไรแบบนี้ตั้งแต่เช้ามืดขนาดนี้เลยเหรอวะเนี่ย
ขมวดคิ้วมุ่นและมองไปที่หว่างขาของตัวเองที่เหมือนส่วนนั้นกำลังเริ่มตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้งอย่างช้า ๆ

“แม่ง เมื่อยมืออีก.........แต่เช้าเลยกู แต่เช้าเลย แม่ง กูล่ะเชื่อตัวเองจริง ๆ เลยวะ เฮ่อ มึงหนอมึง ไอ้มีนนนนนนนนน”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน แซว 05/05/57 : 13.54 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-05-2014 17:43:29
มีนก้าวขาเดินสะโหลสะเหลเข้ามาในโรงงาน ตอกบัตรเรียบร้อยพร้อมกับส่งยิ้มแหย ๆ ให้พี่ยามที่เอ่ยทักแล้วก็เดินหิ้วถุงข้าวเหนียวหมูปิ้งที่ซื้อมาจากหน้าปากซอย เดินลัดเลาะไปที่โรงอาหาร

“ไอ้มีนนนนนนนนนน มานี่ มากินข้าวกับกู กูสั่งข้าวผัดเอาไว้ กินพร้อมกูมั้ย”

เพื่อนร่วมฝึกงาน ผู้มาจากสถาบันเดียวกันโบกไม้โบกมือเรียกมาแต่ไกล และมีนก็พาร่างที่รวมสติเอาไว้ไม่เต็มร้อยเดินเข้ามาหา
ทิ้งกายลงนั่งแหมะอยู่กับเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามแล้วก็แนบหน้าลงไปบนโต๊ะกินข้าวทันที

“ง่วงนอนชิบหายเลยว่ะ”

บ่นพึมพำคนเดียว และพากเพียรที่กำลังดูดน้ำปั่นก็มองเพื่อนร่วมฝึกงานด้วยความประหลาดใจ

“ไปทำเหี้ยไรมาวะ ทำอย่างกับคนไม่ได้หลับไม่ได้นอน”

เออช่างกูเถอะ จะทำอะไรก็ช่างกูเหอะ แม่ง.........แต่เช้าเลยกู เพราะลูกพี่กูคนเดียวนั่นแหละ สาเหตุหลักสำคัญของปัญหาชีวิตกูวันนี้เลย

“ตกลงมึงเป็นอะไรเนี่ย เมาค้างเหรอ แต่มึงก็ไม่กินเหล้านี่หว่าจะว่าเมาค้างก็ไม่ใช่ แล้วตกลงมึงเป็นอะไรวะ”

มึงอย่ามาสงสัยชีวิตกูหน่อยเลย จะให้กูบอกมึงหรือไง ว่ากูลุกขึ้นมาตั้งแต่เช้า เพื่อ..........ชักว่าว..........แล้วลงไปนอนต่อ มาตื่นอีกทีตอนเจ็ดโมงกว่าเนี่ย

“ตกลงมึงเป็นอะไรวะ ลีลาอยู่นั่นไม่เสือกบอกซักที กูขี้เกียจลุ้นฟังคำตอบมึงแล้วนะเฮ่ย”

เอ้อออออออ ช่างกูเห้ออออออออออ มึงไม่ต้องรู้ซักเรื่องก็ได้

“อีกสิบนาทีมึงปลูกกูด้วย”

สั่งเสียเรียบร้อย และพากเพียรที่เพิ่งได้ข้าวผัดมากิน ก็พยักหน้าให้แต่ก็ยังไม่วายพูดอะไรทิ้งท้ายให้เพื่อนร่วมฝึกงานได้เกิดอาการหน้าแดงเถือกเล่น

“ชักว่าวเช้า ๆ ไม่ดีนะ เสียสุขภาพ เขาว่ากันว่าโอกาสเส้นเลือดในสมองแตกมีสูงมาก เพราะเป็นช่วงที่เลือดไปเลี้ยงสมองเยอะที่สุด ตอนมึงแตกน้ำแม่งจะพุ่งแรงมาก และมันจะไปรบกวนการทำงานของสมองแต่เช้าเลย นะมึง ไอ้มีนนนนน ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

กระโดดถีบยอดหน้า และกระทืบเพื่อนร่วมฝึกงานซ้ำเอาให้เละคาตีนกูต้องจ่ายค่าปรับเท่าไหร่วะเนี่ย มีบ้านขายบ้านมีรถขายรถ จะหาเงินค่าปรับมาจ่ายค่ากระทืบไอ้เพียรซะหน่อย

“นั่นมันมึงแล้วไม่ใช่กู”

ปฏิเสธไปดื้อ ๆ ถึงมันจะเป็นความจริงก็เถอะ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องไปบอกคนทั้งโลกนี่หว่า ว่ากูเสียน้ำตั้งแต่เช้าเพราะลูกพี่กูมาเข้าฝัน

“เหรออออออออออ กูไม่ต้องเสียเวลามาชักว่าวให้เมื่อยมือเหมือนมึงหรอก กูมีที่ลง ถ้าจะด่ากูมึงเอาเวลาไปหาที่ลงดีกว่าม้างงงงงงงง”

จากกำลังจะหลับมีนใช้แขนยันโต๊ะเอาไว้และมองหน้าพากเพียรด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ยากแก่การที่คนมองจะเข้าใจ

“มึงลงที่เขาหรือเขาลงที่มึง เอาดี ๆ แน่ ๆ สิวะเพียรรรรรรรรรร”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน แซว 05/05/57 : 13.54 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-05-2014 17:47:19
“รถขายโอเลี้ยงไม่มาขายเหรอวะวันนี้”

ผมจะไปรู้ได้ไงวะพี่ ก็นั่งอยู่ด้วยกัน มาถามผมแล้วให้ผมไปถามใคร

“ไม่รู้ดิพี่”

เหรอ

“มึงเคยรู้อะไรมั่งเนี่ย ถามจริงเหอะ”

อ้าว พูดแบบนี้หมายความว่าไงวะพี่ พี่บุ้งก็เห็นว่าผมนั่งอยู่กับพี่ตั้งแต่เช้า แล้วผมจะไปรู้ได้ยังไงว่ารถขายโอเลี้ยงจะมาหรือไม่มา

“พี่วิเชียรรู้มั้ง ถามผม ผมจะไปรู้ได้ไง พี่ก็ถามพี่วิเชียรสิ”

พูดส่งเดชไปงั้น ๆ แต่คนฟังกลับคิดจริงจังว่ามีนพูดจริงและหันไปถามวิเชียร

“เฮ้ย วิเชียร รถขายโอเลี้ยงไม่มาเหรอวะวันนี้”

อ๋ออออออออออ รถขายโอเลี้ยงเหรอพี่

“วันนี้เขาหยุด เห็นว่ากลับบ้านนอกไปเกี่ยวข้าว เกี่ยวข้าวเสร็จนั่นแหละถึงจะกลับมา”

เออดีเนอะ พี่วิเชียรเสือกเป็นผู้รู้จริงซะงั้น ฮาไม่ออกเลยกู

“เป็นไรมึงวะมีน หน้าตาอย่างกะคนไม่ได้นอน”

ไม่ได้นอนอะไรล่ะ นอนแล้ว แต่มาสะดุ้งตื่นตอนเช้าก็เพราะพี่นั่นแหละ พี่รู้บ้างมั้ยเนี่ย ว่าปัญหามันเกิดจากพี่คนเดียว ผมถึงได้มีสภาพแบบนี้ไงล่ะวะ

แม่งงงงงงงง

“พี่รู้ได้ไงว่าผมไม่ได้นอน หน้าผมมันง่วงแบบนี้ตลอดอยู่แล้วพี่ก็น่าจะรู้”

เหรอออออออออ

“อ้าวกูจะไปรู้เหรอ กูเห็นมึงไปกินข้าวที่โรงอาหารแล้วเห็นมึงฟุบหน้าหลับกับโต๊ะนี่หว่า กูก็ต้องคิดสิว่ามึงนอนไม่พอ ร้อยวันพันปีกูไม่เคยเห็นมึงนอนตอนเช้า แต่วันนี้มึงนอน แล้วจะให้กูคิดยังไง นอกจากมึงนอนไม่พอ”

เออว่ะ มีเหตุผล

“ห่วงเมียก็เป็นดั๊วะ”

อมยิ้มดีใจ เพราะลูกพี่ใส่ใจ และบุ้งก็ถึงกับไปไม่เป็นเมื่อเผลอมองแก้มขาว ๆ หน้าใส ๆ และใบหน้าที่ยิ้มระรื่นจนตาเป็นประกายของเด็กฝึกงาน

“กูก็ห่วงหมดทุกคนแหละมึงก็น่าจะรู้”

เหรอ กร่อยเลยกู นึกว่าห่วงผมคนเดียว

“พี่ก็ห่วงทุกคนแหละวะ เออใช่ซี้ ผมมันก็แค่เด็กฝึกงานนี่ พี่จะมาสนใจไยดีอะไรผมล่ะ ขนาดรถโอเลี้ยงจะมาขายหรือเปล่าผมยังไม่รู้เลย ผมมันไม่ใช่ลูกน้องสุดรักเหมือนพี่วิเชียรนี่”

มึงเป็นบ้าอะไรของมึงวะไอ้มีน งี่เง่าแต่เช้าเลยมึง

“ไปเกี่ยวอะไรกับวิเชียรวะ มึงนี่ชักจะไปกันใหญ่ ทำงานมึงไปเลย แม่ง.....ดีแต่อู้อยู่นั่น เดี๋ยวกูเข้าโซนในไปก่อนนะ อยู่ตรงนี้อย่าเหลวไหลนะ ไม่งั้นอย่าหาว่ากูไม่เตือน”

เออ พี่ก็ไม่เคยเตือนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอวะ เห็นด่าเลยแบบตรง ๆ ไม่เห็นเคยเตือนซักที

“เอาวอ. เก็บไว้ด้วย เผื่อกูวอ. ออกมาจะได้รู้ว่ามึงไม่เหลวไหล แล้วก็ไม่อู้ตอนที่กูไม่อยู่”

พี่ก็ดีแต่คิดแบบนี้ตลอดแหละวะ วัน ๆ ผมเคยทำอะไรถูกใจพี่บ้าง ไม่เคยจะมีหรอก เชื่อได้ บุ้งเดินเข้าโซนในไปแล้ว ปล่อยให้คนนอนไม่พอและเห็นคนทั้งโลกเป็นศัตรูนั่งบ่นพึมพำอยู่คนเดียว

“เกาหลี เกาหลี”

เสียงสัญญาณจากวิทยุสื่อสารดังขึ้นและมีนก็หยิบขึ้นมากดรับ

“ทราบ”

“พี่บุ้งบอกเกาหลีเวลาทำหน้างอ โคตรน่ารัก”

“.............ท.........รา...บ อ่ะ ....เอ่อ”

ไปไม่เป็น พูดไม่ออก เมื่อได้ยินข้อความจากพี่วิเชียรที่วิทยุมาจากโซนใน

“ไอ้ห่าเชียร มึงอยากตายใช่มั้ย”

ได้ยินเสียงพี่บุ้งเข้ามาในวิทยุสื่อสารแล้วมีนก็ได้แต่อมยิ้มอยู่คนเดียวเงียบ ๆ และยกมือขึ้นแตะเบา ๆ ที่หน้าผากตัวเอง

“รู้แล้วว่าน่ารัก.......ผมน่ารักตลอดแหละพี่”

ไม่ค่อยจะหลงตัวเองเลยซักนิด และเสียงจากวิทยุสื่อสารก็ดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงของคนที่มีนจำได้ดีว่าเป็นใคร

“ห่ามีน ถือว่าหล่อแล้วปากดี อย่าให้กูรู้นะมึงว่ามึงอู้ เดี๋ยวกูจะออกไปจัดการ”

“จะออกไปจัดการหรือคิดถึงเกาหลีมันพี่ เอาให้แน่ ๆ”

ได้ยินเสียงแว่ว ๆ ของพี่วิเชียรที่อยู่ข้างพี่บุ้งแล้วมีนก็ยิ่งบังคับหน้าตัวเองให้หุบยิ้มไม่ได้

“ตั้งใจทำงานอยู่พี่วิเชียร ใครจะกล้าอู้วะ ผัวเล่นด่าซะขนาดนี้”

ยังกล้าพูด และเสียงหัวเราะของพี่วิเชียรก็ดังลั่นเข้ามาในวิทยุสื่อสาร

“ห่าเอ้ยยยยยยยยยย มึงก็เอาแต่เล่นตามมัน จนเขาคิดกันหมดแล้วว่ากูเป็นผัวมึงจริง ๆ เนี่ย”

เหรอพี่

“ไปแคร์ทำไม ผมยังไม่แคร์เลย ถ้าได้ซักดอกสองดอกจากพี่ ผมว่ากำลังดี”

ไอ้มีนนนนนนนนนนน

“พ่อมึงตายไงไอ้สัด พูดมาได้ ออกไปมึงโดนแน่ไอ้เด็กห่า แล้วอย่ามาหาว่ากูไม่เตือนนะ มึงอย่ามาหาว่ากูไม่เตือนทีหลัง”

เสียงจากวิทยุสื่อสารเงียบไปแล้ว และมีนก็กำลังหัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งหัวหน้างานให้อารมณ์ขึ้นแต่เช้าได้
พี่วิเชียรบอกว่าพี่บุ้งเวลาเขินจะชอบทำเป็นโมโหกลบเกลื่อน เขินมากด่ามาก เขินน้อยด่าน้อย
แต่ถ้าด่ายาว ๆ หนัก ๆ ขนาดนี้ สงสัยจะโคตรเขินเลยสิท่า

แม่ง........เขินได้โคตรน่ารักน่าชังจริง ๆ เลยว่ะ ลูกพี่กู


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน วิทยุสื่อสาร 05/05/57 : 17.52 น.
เริ่มหัวข้อโดย: jj_girl ที่ 05-05-2014 17:52:32
 :z13:    จิ้มคนโพสค่ะ   อิอิ

หยอดกันไปหยอดกันมา  จนคิดจริง   เอร๊ยยยยย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน แซว 05/05/57 : 13.54 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 05-05-2014 17:52:39
แผนกนี้....ทำงานแล้วมีความสุขเนิอะ
จีบกันผ่าน ว. 55555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน แซว 05/05/57 : 13.54 น.
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 05-05-2014 17:54:11
ขอบคุณมากคะ

อ่านไปยิ้มไป น่ารักมากก :hao7:

หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน วิทยุสื่อสาร 05/05/57 : 17.52 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 05-05-2014 17:56:43
เดี๋ยวมันโดนจริงแล้วจะหนาวว 555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน วิทยุสื่อสาร 05/05/57 : 17.52 น.
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 05-05-2014 17:58:25
ฮาอ่ะะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน วิทยุสื่อสาร 05/05/57 : 17.52 น.
เริ่มหัวข้อโดย: miyaki ที่ 05-05-2014 18:12:11
เล่นกันไปเล่นกันมา เมื่อไหร่จะเป็นจริงสักทีนะพี่บุ้ง
มีนเราพามึนต่อปายยยยย 555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน วิทยุสื่อสาร 05/05/57 : 17.52 น.
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 05-05-2014 18:14:29
 :m20:เขินจริงเอาจริงป่าว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน วิทยุสื่อสาร 05/05/57 : 17.52 น.
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 05-05-2014 18:18:14
โอ๊ย เขิน แทน

จริงๆๆ ก็อยากให้พี่บุ้งจัดให้สักดอกนะ เห็น want เลยเกิน ฝันเปียกซะด้วย น้องมีนเรา  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน วิทยุสื่อสาร 05/05/57 : 17.52 น.
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-05-2014 18:25:13
อย่างน่ารัก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน วิทยุสื่อสาร 05/05/57 : 17.52 น.
เริ่มหัวข้อโดย: tach62120 ที่ 05-05-2014 18:25:56
ฮาม๊วกกกก

 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน วิทยุสื่อสาร 05/05/57 : 17.52 น.
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 05-05-2014 18:53:30
มีนระวังจะโดน ทีนี้ไม่ใช่แค่ในฝันแน่ๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน วิทยุสื่อสาร 05/05/57 : 17.52 น.
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 05-05-2014 19:27:09
นึกว่าจะได้กันแล้ว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน วิทยุสื่อสาร 05/05/57 : 17.52 น.
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 05-05-2014 19:49:45
ตามมาอ่านผลงานทั่นเท็นค่ะ ><
แบบว่าคูนี้เค้าหยอดกันไปหยอดกันมาทั้งเรื่องเลย
ตอนนี้เริ่มคิดจริงกันแล้วชิมิ โฮะๆๆๆ ไม่รอดๆ

ขอบคุณคนเขียนและคนโพสเจ้าค่ะ รอตอนต่อไปจ้าาา ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน วิทยุสื่อสาร 05/05/57 : 17.52 น.
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 05-05-2014 20:00:41
กดบวกให้คนโพสต์เลย ขยันมาก  o13
รอพี่บุ้งรุกมีนน่าจะยาก ให้มีนจัดการเลยดีกว่า :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน วิทยุสื่อสาร 05/05/57 : 17.52 น.
เริ่มหัวข้อโดย: helpmeiiz ที่ 05-05-2014 20:10:20
5555555555 กวนนะมีน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน วิทยุสื่อสาร 05/05/57 : 17.52 น.
เริ่มหัวข้อโดย: MeepadA ที่ 05-05-2014 20:24:54
ขอมีนสักดอก  :z1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน วิทยุสื่อสาร 05/05/57 : 17.52 น.
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 05-05-2014 20:51:57
มีนจ๋ามีน~~!!!!
เค้าว่ากันว่าฝันตอนเช้ามืด นี่จะเป็นจริงนะตัวเทออออ
 :hao6: :hao6: :hao6:
5555555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน วิทยุสื่อสาร 05/05/57 : 17.52 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-05-2014 20:54:29
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/02/ไฟล์เปล่า1Nn1wd.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง.....ตอน คลิป

มีนกำลังหอบหายใจหนัก ลมหายใจกระชั้นถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ตามจังหวะมือที่ขยับขึ้นลงและดูเหมือนจะแรงขึ้นเรื่อย ๆ

“อึก อือ”

ขบเม้มริมฝีปากแน่น แหงนเงยใบหน้าขึ้นและก้มกลับมามองที่ฝ่ามือที่กำร่างกายส่วนที่แข็งขืนตื่นตัวเอาไว้จนรอบ เร่งจังหวะมือให้ถี่เร็วขึ้นเมื่อรู้ว่าใกล้จะถึงจุดหมายในไม่กี่อึดใจข้างหน้า

“อ่ะ อืมมม อ๊า ซี้ดดส์ โอ้ยยยยย อือออออ”

ร้องออกมาในจังหวะสุดท้ายเพราะสุดจะกลั้น และยืนมองหยดน้ำขาวขุ่นที่ทะลักออกมาจากส่วนปลายที่พุ่งกระเด็นใส่ผนังห้องน้ำ และบางส่วนหยดลงบนพื้น

“อ่า อืมมม ฮ่า”

อาการหอบหายใจหนักยังคงอยู่ และมีนก็เงยหน้าขึ้นเพื่อสูดอาการเข้าปอด พยายามปรับลมหายใจให้เข้าที่เข้าทาง แม้จะยังหายใจได้ไม่สะดวกก็ตาม

โคตรเหนื่อยเหอะ ไม่ได้เอาออกซะนาน มัวแต่ทำงานเลยลืมทำแบบนี้ไปพักใหญ่ เหนียวข้นไปหมดเลย พอไม่ได้เอาออกนานเป็นแบบนี้ประจำ เกลี่ยปลายนิ้วที่ส่วนปลายของร่างกายส่วนที่เคยแข็งขืนก่อนหน้านี้และในเวลานี้อ่อนตัวลงแล้ว

สะบัดมือสองสามครั้ง และเปิดน้ำจากฝักบัวเพื่อล้างมือและชำระล้างร่างกายให้สดชื่นขึ้น

สองวันแล้ว ที่กูต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมาทำอะไรโง่ๆ แบบนี้ ทั้งโง่ ทั้งบ้า ทั้งประสาท สำคัญกว่านั้นไม่ใช่อะไร
ลูกพี่กูมาเข้าฝันตอนเช้ามืดแม่งทุกเช้าเลย ไม่รู้คิดอะไรอยู่ เจอหน้าจะถามซักหน่อย พี่จะมาเข้าฝันผมทำไมทุกวันวะ เจอกันที่โรงงานยังไม่พออีกหรือไง

มีนล้างหน้าล้างตา และหยิบแปรงสีฟันมาบีบยาสีฟันใส่ ยืนแปรงฟันหน้านิ่วคิ้วขมวด ทั้งที่เพิ่งปลดปล่อยแทนที่จะอารมณ์ดีขึ้นกลับยิ่งอารมณ์เสีย

………..พี่บุ้งนะพี่บุ้ง แม่งขยันเข้าฝันกูจัง แค้นอะไรกูนักหนาวะ มาได้มาดี แม่ง เซ็งจริง ๆ ถ้าต้องมาทำแบบนี้ทุกเช้า กูได้ไปทำงานสายทุกวันแน่เลย........

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน วิทยุสื่อสาร 05/05/57 : 17.52 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-05-2014 20:59:33
“มีเมียก็ดี มันก็จะได้มีที่ลง จะเช้า สาย บ่าย เย็น เมียก็ช่วยเราได้ ไม่เหมือนคนโสด จะไปพึ่งอะไรได้ เงี่ยนขึ้นมาทีก็ต้องพึ่งแม่นางทั้งห้าอยู่ทุกวัน”

มีนกำลังตั้งใจฟัง ทั้งที่แกล้งทำเป็นไม่สนใจ คุยเรื่องอะไรกันไม่รู้ อยู่ดีๆ มาโผล่เรื่องนี้เฉยเลย

“แหนะ หัวหน้าก็ต้องพึ่งแม่นางทั้งห้าเหมือนกันนี่หว่า ไม่มีเมียก็อย่างนี้แหละหัวหน้า ถ้าอยากเงี่ยนแล้วมีที่ให้ลงพี่บุ้งต้องหาเมียซักคน เชื่อผม”

พี่วิเชียรหัวเราะร่าและแกล้งทำหน้าเย้ยหยันใส่พี่บุ้ง และพี่บุ้งก็เตรียมเอากระดานฟาดหัวพี่วิเชียร แต่พี่วิเชียรก็รู้ทันหลบได้ซะทุกที

“ห่าเชียรมึงไปทำงานทำการของมึงเลยไป แม่ง พูดห่าอะไรอยู่ได้แต่เช้าวะ”

ลูกพี่กูก็เขินเหมือนกันนี่หว่า

“ไอ้มีนมึงอย่าไปฟังมัน ห่านี่เพ้อเจ้อยิ่งกว่ามึงอีก เรื่องเหี้ยๆ ล่ะขยันเล่านัก”

บุ้งเอามือสองข้างปิดหูมีนเอาไว้ แต่มันไม่ช้าไปหน่อยเหรอพี่ ผมฟังตั้งแต่ต้นจนจบเรียบร้อยแล้ว

มีนหัวเราะเสียงเบา และถึงแม้หน้าจะแดงเพราะนึกเขินกับสิ่งที่พี่วิเชียรพูดอยู่บ้าง แต่ก็ต้องยอมรับ ว่ายังไงซะเรื่องที่ได้ฟังมามันก็คือเรื่องจริง

พี่บุ้งก็ยังไม่มีเมีย............. เพราะฉะนั้นพี่บุ้งก็ต้องพึ่งแม่นางทั้งห้าเหมือนผมแหละว่ะ ไม่งั้นจะให้ไปลงที่ไหน

“แหน่ เกาหลีชอบใจเลยดิ นั่งฟังตาแป๋วเลยนี่หว่า เรื่องแบบนี้ถ้ามีอะไรสงสัยถามพี่ได้นะ พี่อ่ะเชี่ยวชาญ อย่าไปถามหัวหน้านะ แกไม่ค่อยรู้เรื่องหรอกเรื่องแบบนี้”

ยังไม่จบ ยังไม่ยอมจบง่าย ๆ และมีนก็หัวเราะตามสิ่งที่พี่วิเชียรพูด มองหน้าพี่บุ้งที่ทำหน้ายักษ์ใส่แล้วก็ทั้งขำทั้งเขิน

“จริงดิพี่วิเชียร สงสัยเรื่องนี้ถามพี่วิเชียรได้จริงอ่ะ”

ไอ้นี่

“มึงไม่ต้องไปถามวิเชียร มึงสงสัยมึงมาถามกูนี่ กูตอบได้”

อ่า ตอบได้จริงเหรอวะพี่

“โห้ ตกลงว่าจะไปปรึกษาเรื่องนี้กันสองคนนอกรอบ แล้วก็จะไปทดลองทำกันสองคนว่างั้นใช่มั้ยลูกพี่”

พี่วิเชียรไม่ยอมเลิกง่าย ๆ ยิ่งยั่วให้หัวหน้างานหน้าแดงได้ พี่วิเชียรยิ่งชอบใจ

“ไอ้ห่าเชียร มึงจะให้กูทำยังไงมึงถึงจะไป ไอ้มีนมันเสียเด็กหมดแล้ว”

ยังพี่ ผมยังไม่เสียเด็ก อยากฟังต่ออีกหน่อย พี่อย่าเพิ่งห้าม

“เกาหลีมันจะไปเสียเด็กอาร๊ายยยยยยย อีกหน่อยผู้ใหญ่ก็จะมาได้เสียกับมันแล้ววววววววว”

พูดไม่รู้เรื่อง และคราวนี้บุ้งก็สุดจะทนกับสิ่งที่วิเชียรพูดจริง ๆ

“ไอ้เชียรรรรรรรรรร กูบอกให้ไปทำงาน มึงยังไม่เลิกพูดอีกเรอะ”

ไปแล้วนี่ไงพี่ แตะนิดแตะหน่อยไม่ได้เลยน๊า อะไรจะหวงกันขนาดน้านนนนนนน

“เกาหลีน่ารัก”

วิเชียร แกล้งหยิกแก้มมีนเบา ๆ และมีนก็หัวเราะชอบใจสิ่งที่วิเชียรทำ

“ชู้ไปก่อนนะ เกาหลีนะ”

สั่งเสียอำลากันเรียบร้อย และวิเชียรก็ถูกบุ้งชี้หน้าและด่าตามไล่หลังไม่ยอมเลิก เท่านั้นยังไม่จบ ยังหันมาเล่นงานเด็กฝึกงานที่ยิ้มหน้าระรื่นไม่มีท่าทีสะทกสะท้านกับเรื่องที่บุ้งโมโห

“มึงก็เหมือนกัน อย่ามาทำเป็นยิ้ม ปล่อยให้มันจับแก้มอยู่ได้ มึงเป็นอะไร มึงชอบหรือไง ให้ผู้ชายคนอื่นจับแก้มเล่นอ่ะ ห๊ะ”

ไม่ใช่ผู้ชายคนอื่นนะพี่ นั่นพี่วิเชียร ลูกน้องพี่ไม่ใช่เหรอ แล้วผู้ชายคนอื่นนี่มันมาจากไหนล่ะพี่ พี่ก็คิดด้ายยยยย

“ไม่ต้องมายิ้มเลยนะ มึงหุบยิ้มไปได้เลย”

อ้าว โกรธไรผมว๊า ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะเนี่ย พี่ก็มาโมโหใส่ผมซะแล้ว

“พี่.......ไม่ได้ชักว่าวมาไงพี่ อารมณ์เสียแต่วัน เอาออกบ้างก็ได้พี่ อย่างที่พี่วิเชียรว่าแหละ ผมว่ามันก็เรื่องจริง บางทีของแบบนี้มันยังไงล่ะ....มันเป็นเรื่องธรรมชาติไม่ใช่เหรอ ผมหรือพี่ ก็ทำด้ายยยยย ก็มันยังไม่มีเมียนี่หว่า”

ไอ้นี่ยังไง แทนที่จะสลดที่กูด่า เสือกมาแนวปรัชญาหน้าเฉยซะงั้น

“มึงเงียบไปเลย ไม่ต้องมาทำเป็นรู้ดี”

อ้าว ผิดอีก นี่ผมอุตส่าห์ทำบรรยากาศให้มันเป็นปกติสุด ๆ แล้วนะพี่ ทั้งที่หน้าพี่แม่งโคตรจะอยากแดกหัวผมเลยว่ะ

“ทำไม พูดแบบนี้เมื่อเช้ามึงเพิ่งชักว่าวมาหรือไง”

อ่า ...รู้ได้ไงอ่ะพี่
มีนเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้กับคนถาม ยิ้มที่บุ้งพอจะเดาออกไม่ยากว่าเด็กฝึกงานยิ้มด้วยความหมายยังไง

“มึงนี่..........โฮ้ยยยยยยย กูล่ะเบื่อพวกมึงสองตัวจริง ๆ พอกันทั้งวิเชียรทั้งมึงเลยโว้ย เบื่อ เบื่อ เบื่อ เบื่อโว้ยยยยยยยย”

อ้าวพี่ เบื่อก็เบื่อได้อยู่หรอกพี่ แล้วทำไมต้องเดินหนีไปอย่างนั้นด้วยล่ะพี่
อ่า...... พี่บุ้งด่าเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าด่าด้วย ทำหน้าแปลก ๆ ด้วยนี่ไม่เรียกปกติ แม่ง.......ลูกพี่กู..........ก็เขินเหมือนกันนี่หว่า

ใช่ว่ากูจะเขินเป็นคนเดียว พี่ก็ไม่มีเมีย พี่ก็ต้องพึ่งมือเหมือนผมแหละว๊า ต่อให้พี่หล่อมาก หน้าตาดี ขยันด่าลูกน้องแค่ไหนก็เถอะ

พอมีอารมณ์อย่างว่า ........... พี่ก็ต้องพึ่งมือสถานเดียว....ไม่ต่างจากผมหรอกเฮ้ย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน วิทยุสื่อสาร 05/05/57 : 17.52 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-05-2014 21:04:31
จะไม่ให้สนใจมองได้ยังไง ในเมื่อมองหน้าใส ๆ แก้มขาว ๆ ของเด็กฝึกงานที่เดี๋ยวเงยหน้าเดี๋ยวก้มหน้า เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวก็ทำหน้าบึ้ง เดี๋ยวก็ยกหลังมือขึ้นเช็ดเหงื่อที่ใบหน้า ผิวแก้มขาวแดงปลั่งไปหมดเพราะอากาศร้อน เห็นมันเอากระดานตารางเวลามาพัดเพื่อคลายความร้อนหลายครั้งแล้วก็อดนึกสงสารขึ้นมาไม่ได้ ถ้าคนไม่พอ มีนมันก็ต้องออกมาช่วยงานทุกที

ทั้งที่หน้าที่หลักของมันคือคีย์บิลน้ำมันกับคีย์บิลค่าทางด่วนแท้ ๆ

“เหนื่อยเลยมึง วันนี้มันร้อนกว่าทุกวันนะ สงสัยตอนเย็นฝนจะตก”

เดินมาทักทายและมีนก็ยกกระติกโอเลี้ยงส่งให้ลูกพี่ที่มายืนอยู่หน้าเคาร์เตอร์เช็คเวลา

“เออร้อนพี่ ก็ว่าอยู่ว่าทำไมอากาศมันร้อนนักวะ”

บุ้งดูดโอเลี้ยงไปหลายอึกเพื่อคลายจากอาการกระหายน้ำ ส่งกระติกคืนให้และมีนก็รับกระติกโอเลี้ยงที่บุ้งส่งให้มาถือเอาไว้
ดึงหลอดในกระติกที่พับเอาไว้อีกหลอดมาดูดโอเลี้ยงสองสามอึกแล้วค่อยวางกระติกไว้ข้างเคาร์เตอร์เหมือนเดิม

“จากเกาหลีกลายเป็นกรรมกรเรียบร้อยแล้ว มึงอ่ะ”

ก็คนมันทำงานไงพี่ คนทำงานทุกวันจะให้หน้านวลทุกวันจะเป็นไปได้ยังไง

“แต่ดูดีขึ้นนะ.....ไม่เหมือนแรก ๆ ที่มา แม่งหน้าขาวซีดอย่างกะศพ”

ชมใช่มั้ยเนี่ย

“แปลว่าตอนนี้ หล่อใส ผิวอมชมพู ดูมีสุขภาพดีใช่ป่ะพี่”

แม่ง ชมเข้าหน่อยนี่เอาเลยนะมึง

“ไม่ไปเป็นพรีเซนเตอร์ครีมหน้าขาวซะเลยวะ รู้ดีขนาดนี้”

แหม่ พี่ก็พูดไป

“ใครเขาจะเอาศพเป็ดไปเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาครีมล่ะพี่”

ศพเป็ดเหรอ ศพเป็ดเนี่ยนะ

“เข้าใจคิดนี่หว่า ซีดเป็นศพเป็ด มึงเคยเห็นศพเป็ดหรือไง”

ไม่เคยหรอกพี่ พูดไปงั้นให้มันดูแปลก ๆ น่าสนใจเข้าไว้

“ผมก็พูดไปงั้นแหละ”

เออ กูก็ว่ามึงพูดไปงั้น

ไม่ได้พูดคุยอะไรกันต่อ มองดูว่าจะมีรถคันใหม่มาหรือเปล่า และเมื่อมองนาฬิกาก็เห็นว่าเป็นเวลาพักแล้ว รถคงไม่เข้าอีกพักใหญ่จนกว่าจะถึงเวลาปล่อยรถรอบใหม่อีกครั้ง ตอนบ่ายสอง

“เกาหลี เกาหลี”

วิเชียรเดินลิ่ว ๆ ออกมาจากโซนใน เดินมาหามีนด้วยสภาพหน้าตาตื่นจนบุ้งตกใจ

“มีอะไรวะวิเชียร”

อย่าเพิ่งพี่วิเชียร อย่าเพิ่ง อย่าเพิ่งพูด หยุดก่อนพี่ หยุ้ดดดดดดดดด

“อ่า...........”

มีนส่งสายตาให้วิเชียรเป็นทำนองห้าม และบุ้งที่สังเกตเห็นอาการผิดปกติของเด็กฝึกงานก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

อะไรกันวะ มีอะไรกันวะทั้งสองคน

“พวกมึงมีอะไรปิดบังกูอยู่หรือไง ไหนมึงบอกกูซิ มีน”

ไม่มีหรอกน่าพี่ ไม่มี้

“เอ่อ เปล่าหรอกพี่บุ้ง ไม่มีอะไรหรอกน่า ไม่มีอะไรสำคัญหรอก พอดีผมคุยกับพี่วิเชียรเรื่องทั่วไปเฉย ๆ”

โกหกไม่เนียนเลยนะมึง

“อะไรวิเชียร มีอะไรทำไมไม่บอกกู พวกมึงปิดบังกูเรื่องอะไรกัน”

ไม่ได้อยากปิดบังหรอกพี่ แต่บอกไปพี่ก็ด่าเละสิ เพราะยังไงตอนนี้ก็อยู่ในเวลางาน ใครจะไปบอกได้

“ตกลงพวกมึงสองคนจะไม่บอกกูใช่มั้ย ด้ายยยยยยยยย”

ได้เสียงสูงขนาดนี้ สงสัยถ้าไม่บอกก็คงไม่ด้ายยยยยยยยยย

วิเชียรมองหน้ามีน และก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะพูดบางอย่างที่ทำให้มีน เบะหน้าและเตรียมตั้งใจฟังคำด่า ที่ยังไงก็ต้องมีมาแน่ ๆ

“พี่ต้องบอกว่ะเกาหลีไม่งั้นพี่บุ้งแกไม่เลิก ขอโทษทีนะ พี่คงเลี่ยงไม่ยอมบอกไม่ได้”

อ่า ก็แล้วแต่พี่  ...ผม..........เข้าใจ...........ยังไงก็โดนพี่บุ้งด่าเป็นประจำอยู่แล้ว โดนอีกทีจะเป็นอะไรไป

“เกาหลี มันอยากได้คลิปที่ดาวมหาลัยเอากับแฟนที่ดังๆ อ่ะ ผมก็เลยหาให้ .....................”

อ่า.........
ง่า..........

ก็ตามนั้นแหละพี่บุ้ง ตามนั้นเลย ตามนั้น

“ไอ้มีน”

โห่พี่บุ้ง มันเรื่องธรรมดาน่า ใคร ๆ เขาก็ดูกัน ทำอย่างกะพี่ไม่เคยดูไปได้

“ถ้าพี่บุ้งยังไม่ได้ดู เดี๋ยวผมส่งลิ๊งโหลดให้ก็ได้เอามั้ย”

ยังมีหน้ามาชวนและมีนก็ส่งยิ้มแหย ๆ ให้กับลูกพี่ที่โบกกบาลมีนไปหนึ่งทีเสียงดังลั่น จนมีนต้องเอามือลูบหัวตัวเองด้วยความเจ็บ

“โห่ พี่บุ้ง ตบหัวผมทำไมว๊า”

มีนร้องด้วยความเจ็บปวด ส่วนพี่วิเชียรรู้แกวชิ่งหนีไปแล้วตั้งแต่บอกเรื่องบางอย่างให้บุ้งฟัง และในเวลานี้ก็เหลือหัวหน้างานหน้าโคตรโหด และดูเหมือนคนเพิ่งไปกินรังแตนมา ก็เลยมาลงกับลูกน้อง

“กูบอกแล้วใช่มั้ย ว่าถ้ามึงอยากรู้เรื่องแบบนี้ให้มาถามกู แล้วมึงไปคุยกับวิเชียรได้ไง มึงไม่เชื่อฟังกูใช่มั้ย”

ไม่ใช่นะพี่ ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อฟังพี่ ไม่ใช่ว่า...............

“ทีหลังถ้ามึงอยากได้นักมึงมาขอที่กูนี่..........เด็ดกว่าที่มึงหาอยู่.....กูก็มี”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน คลิป 05/05/57 : 21.09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 05-05-2014 21:11:37
ไอ้ที่ว่าเด็ดกว่านี้ .. คลิบเดือนมหาลัยเหรอพี่บุ้ง?

 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน คลิป 05/05/57 : 21.09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 05-05-2014 21:14:00
 :laugh:
ลูกน้องแต่ละคน แสบๆทั้งนั้น ปวดหัวแทนพี่บุ้ง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน คลิป 05/05/57 : 21.09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 05-05-2014 21:19:02
แล้วตกลงมีนจะได้ดูคลิปที่วิเชียรหาให้
หรือจะได้ดูคลิปที่หัวหน้าบุ้ง บอกว่าเด็ดกว่า
ว่าแต่บุ้งโมโหมีนเรื่องไรอ่ะ หรือแอบหึงแบบไม่รู้ใจ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน คลิป 05/05/57 : 21.09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 05-05-2014 21:20:41

พี่บุ้งเป็นเซียนคลิปหรือนี่!     :m12:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน คลิป 05/05/57 : 21.09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 05-05-2014 21:26:49
ทำเป็นตกอกตกใจไปด้ายยยยยพี่บุ้ง
น้องมีนอยากจะศึกษาไว้เท่านั้นเอ๊งงงง
 :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน คลิป 05/05/57 : 21.09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 05-05-2014 21:36:10
เด็ดกว่าคือเล่นสดป่าวพี่บุ้ง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน คลิป 05/05/57 : 21.09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 05-05-2014 21:52:10
สรุปว่า เฮียบุ้งอยากอวดว่ามีคลิปเด็ดกว่าพี่เชียรช่ะป่ะ??!!
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน คลิป 05/05/57 : 21.09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-05-2014 21:55:31
ไอ้เราก็นึกว่าจะห้ามปรามที่ไหนได้ 
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน คลิป 05/05/57 : 21.09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 05-05-2014 21:56:02
คลิปนี่ไม่ต้อง อย่างพี่บุ้งต้องของจริงเท่านั้น :haun4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน คลิป 05/05/57 : 21.09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 05-05-2014 21:59:44
อุ้ยยอะไรเด็ดกว่าหรอพี่บุ้ง ขอตามน้องมีนไปดูด้วยคนหุหุ
พี่บุ้งหวงน้องก็บอกก คนอ่านอยากฟินกันแล้วว555
เสพติดเรื่องนี้แล้วอ่ะะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน คลิป 05/05/57 : 21.09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 05-05-2014 22:03:40
พี่บุ้งชวนน้องไปดูคลิปเหรอ 55555
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน เรื่องลับ ๆ ของหนุ่มนักพนัน
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-05-2014 22:10:58
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/05/ไฟล์เปล่า11oMJGn.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ  วิเชียร & เฮีย.....ตอน  เรื่องลับ ๆ ของหนุ่มนักพนัน

“มึงจะสำนึกมั้ยวิเชียร มึงจะหัดสำนึกบ้างได้มั้ย”

เสียงลูกพี่ที่ตะคอกด่ามันสะท้อนเข้าไปในหู เข้าไปในสมองและเข้าไปในจิตใต้สำนึกของวิเชียร

“ผมขอโทษจริง ๆ พี่ ผมขอโทษ”

ยกมือไหว้ซ้ำ ๆ หลายครั้งและยืนนิ่งฟังสิ่งที่ลูกพี่ด่าด้วยความช้ำใจ

“เมื่อไหร่มึงจะเลิกพนัน ที่จะซุกหัวนอนตอนนี้มึงยังแทบจะไม่มี เมียมึงหอบลูกหนีไปกี่รอบแล้ว กูพูดกี่ครั้งแล้ววะเชียร เมื่อไหร่มึงจะสำนึก เมื่อไหร่มึงจะคิดได้ เมื่อไหร่มึงจะเลิกวะ กูพูดไปมึงเคยฟังกูมั่งป่าววะ มึงไปถามคนอื่นเหอะเชียร เป็นคนอื่นยังจะมีใครเอามึงเก็บไว้มั้ย นี่กูเห็นแก่หน้าลูกมึง ถ้าไม่เพราะว่าลูกมึงยังต้องกินนมกระป๋องอยู่ มึงคิดว่ากูจะเก็บมึงไว้มั้ย มึงทำตัวแบบนี้มากี่รอบแล้ววิเชียร”

พี่ด่าได้ถูกทั้งหมดนั่นแหละพี่ ผมมันผิดเอง พี่ด่าผมเถอะ ผมสำนึกแล้วพี่

“พี่บุ้ง....ผมขอโทษพี่”

วิเชียรยกมือไหว้ หัวหน้างาน ยกมือไหว้พร้อมน้ำตา เพราะรู้ซึ้งกว่าใครว่าสิ่งที่ลูกพี่ด่ามาคือความจริง

“มึงอย่าให้กูต้องทำอะไรไม่ดีเลยเชียร กูก็รับตัวเองแบบนั้นไม่ค่อยได้หรอก”

ผมรู้พี่ ผมรู้

“ผมขอโทษพี่บุ้ง ผมขอโทษ ต่อไปผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว ผมขอโทษจริง ๆ พี่ ผมขอโทษ”

วิเชียรยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา และยกมือไหว้บุ้งซ้ำ ๆ กันอีกหลายครั้ง

“ครั้งสุดท้ายนะเชียร ไม่มีครั้งอื่นแล้วนะ”

ครั้งสุดท้ายจริงๆ พี่ ครั้งสุดท้าย ผมสัญญาต่อไปนี้ผมจะไม่พนันอะไรแบบนี้อีกแล้ว

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน คลิป 05/05/57 : 21.09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-05-2014 22:12:14
วิเชียรจำได้ดี สาเหตุที่ร้องไห้ออกมาในวันนั้น เพราะคิดว่าตัวเองคงทนกับเรื่องเลว ๆ ของตัวเองต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว
สิ่งที่ทุกคนไม่เคยรู้ วิเชียรแยกกันอยู่กับเมียมาพักใหญ่แล้ว เจอหน้ากันจริง ไปมาหาสู่กันก็จริง แต่ไม่เคยมีความสัมพันธ์อะไรกันแบบผัวเมียมาพักใหญ่ ที่วิเชียรทำได้ก็มีแค่ไปเจอหน้าลูกเท่านั้น สาเหตุสำคัญมาจากตัววิเชียรเอง

เรื่องแย่ ๆ ที่วิเชียรเคยทำเอาไว้ก่อนหน้านี้ เรื่องติดการพนัน เล่นพนันบ่อยครั้งจนหมดตัวแทบไม่มีอันจะกิน และเมียก็หนีหายไป ต้องไปตามง้อกันอยู่หลายรอบ กลับมาอยู่กันใหม่ แล้วก็เข้าสู่วงจรเดิม คือทะเลาะกันบ้านแตกและเมียก็หอบผ้าหอบผ่อนหนีไป

จนครั้งสุดท้าย.....วิเชียรต้องเลิกกับเมียถาวร.......ไม่ใช่เพราะการพนันทั้งหมด แต่เป็นเพราะเมียวิเชียรถูกจ้างให้เลิกกับวิเชียรด้วยฝีมือของใครคนหนึ่ง.........ซึ่งวิเชียรไม่อยากจะนึกถึงไม่อยากจะจดจำ แต่จะให้ทำยังไงในเมื่อทุกวันนี้อยู่บ้านเดียวกันเจอหน้ากันทุกวัน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน คลิป 05/05/57 : 21.09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-05-2014 22:14:42
“แทงเสีย แทงเสีย”

เจ้ามือเขย่าลูกเต๋า และวิเชียรก็วางเงินลงไปรอบแรก เสียงโห่ฮารอบวงไฮโลฟังดูระทึกใจ และน่าตื่นเต้นที่สุด เมื่อเปิดฝาครอบออก วิเชียรก็ตาลุกวาว เมื่อเสียงขานของเจ้ามือบอกว่า “สูง” วิเชียรก็กระโดดตัวลอยด้วยความดีใจ

มาแล้ว ดวงกูมาแล้ว มือขึ้นแล้ววันนี้ กลับบ้านไปคงจะได้หิ้วไก่ย่างห้าดาวไปฝากไอ้ตัวเล็กกับพี่มันซะหน่อยล่ะงานนี้

วิเชียรถึงกับยิ้มกริ่ม และนับเงินที่ได้ด้วยความดีใจ วันนี้เป็นวันเงินเดือนออก แน่นอนหนี้สินที่หยิบยืมมาในวันนี้คงต้องขอเลื่อนไปก่อน เพราะมีสิ่งที่วิเชียรอยากทำมากที่สุดก่อนกลับบ้านคือขอแทงไฮโลซักหน่อยแก้เครียด

แค่คิดว่าจะเล่นแก้เครียด แต่ตอนนี้มือกำลังขึ้นใหญ่ แล้วแบบนี้ใครจะอดใจไหว

“สูงอีกรอบ 500” วางเงินเดิมพันลงไป และยืนรอลุ้นอีกรอบด้วยหัวใจเต้นระทึก และเมื่อฝาครอบเปิดออกพร้อมกับเสียงขานของเจ้ามือที่บอกว่า “สูง” วิเชียรก็ยิ้มกริ่มที่ได้นับเงินอีกครั้ง

คืนนั้นวิเชียรมือขึ้น ดวงดีสุด ๆ เล่นไปเล่นมาจนเกือบสว่างแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เพราะยิ่งเล่นยิ่งได้ แทบจะไม่เสียเลยซักตา

“รอบสุดท้ายแล้ววะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้า”

วิเชียรบอกตัวเอง โดยไม่ทันได้เห็นว่ามีสายตาของใครคนหนึ่งที่ลอบมองอยู่นาน และเจ้าของสายตาคู่นั้นก็กระซิบบอกลูกน้องที่ตามมาด้วย ให้ไปบอกบางอย่างกับเจ้ามือไฮโล

“ไหน ๆ แล้ว มือขึ้นซะขนาดนี้ แทงหมดนี่เลยวะ”

วิเชียรที่มือขึ้นจนเกือบรุ่งเช้า ตัดสินใจวางเดิมพันด้วยเงินหนึ่งปึกใหญ่ในมือทั้งหมด แทงรอบนี้ได้ก็กลับบ้านนอนแล้ว ขืนอยู่ต่อจนถึงเช้าสว่างคาตาคงไม่มีปัญญาไปทำงานต่อ โดนพี่บุ้งบีบคอตายห่า เงินหนึ่งปึกใหญ่วางอยู่บนตำแหน่งที่เลือก และเจ้ามือก็แอบเหลือบมองหน้าพรรคพวกบางคนในวง ก่อนจะทำการเขย่าลูกเต๋าสองสามครั้งคว่ำฝาครอบลง และค่อย ๆ เปิดฝาออกมา

“ต่ำ ต่ำ ต่ำ ต่ำ”

วิเชียรแอบลุ้นระทึกในใจ หวังเอาไว้อย่างถึงที่สุดว่ายังไงงวดนี้ต้องได้แน่ ๆ จะได้กลับบ้านซะที ไม่อยากอยู่จนถึงเช้าจะยิ่งเสียการเสียงาน

“ต่ำ ต่ำ ต่ำ”

“สูง สูง สูง”

เสียงโห่ฮา ลุ้นระทึกของนักเสี่ยงโชคพูดสลับกัน ลุ้นขอให้ออกในสิ่งที่ตัวเองต้องการ และเมื่อฝาครอบเปิดออกมาวิเชียรก็ถึงกับลมจับแทบล้มทั้งยืน

“สูงเว้ย เจ้ามือแดกเรียบ เจ้ามือแดกเรียบ”

ได้ยังไง ในเมื่อตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาเล่นได้ตลอด แล้วอยู่ดี ๆ พอตั้งใจจะเลิกมันเป็นแบบนี้ได้ยังไง วิเชียรถึงกับหน้าซีดเผือด เหงื่อกาฬไหลออกมาไม่หยุด

เหี้ยแล้วแบบนี้ ซวยแล้ว.......... คราวนี้กูจะทำยังไงดีวะ ต้องถอนทุนคืนให้ได้

“เดี๋ยวผมขอแทงอีกรอบแล้วกันนะ ไม่เอาอะไรมาก เอาตามที่ผมแทงไปเมื่อกี้ พี่ไม่ต้องกลัวว่าผมจะไม่จ่ายนะ ผมมาเล่นบ่อย ถามคนอื่นดูได้”

เพียงแค่คิดว่าจะถอนทุนคืนแค่นั้น ในเวลานี้ไม่คิดว่าจะต้องได้เงินอะไรอีกแล้ว ขอแค่ถอนทุนคืนให้ได้ และวิเชียรก็ยืนรอลุ้นระทึกอีกรอบ

“สูง สูง สูง”

สายตาจ้องไปที่ฝาครอบลูกเต๋าที่กำลังเขย่า ภายในใจภาวนาขอให้เป็นไปตามที่หวัง แต่เมื่อเปิดฝาขึ้นมา สิ่งที่วิเชียรหวังเอาไว้ก็ดูเหมือนจะพังทลายลงไปอีกครั้ง

“ต่ำโว้ยยยยยยยยย เจ้ามือแดกเรียบ เจ้ามือแดกเรียบ”

.........ทำไมเป็นแบบนี้วะ……ทำไม.... อีกครั้งที่วิเชียรรู้สึกหน้ามืด แทบจะล้มทั้งยืน แต่ก็ไม่ยอมถอดใจ ยืนยันว่าจะขอแทงต่ออีกครั้ง...............อีกครั้ง และอีกหลายๆ ครั้ง ก็ตามมา

“พอแล้วมั้ง........แทงขนาดนี้พี่ว่าน้องไม่มีปัญญาจ่ายแล้วแหละ ยังไงพี่ว่าน้องจ่ายของรอบแรกที่ค้างพี่ไว้มาก่อนดีกว่า หรือน้องคิดว่าไง”

รอบแรกจะเอาที่ไหนมาจ่ายในเมื่อมันหายวับไปกับตาหมดแล้ว

“เดี๋ยว... เดี๋ยวผมก็จ่าย ขอผมโทรหา ...... โทรหาลูกพี่ผมก่อน”

ไม่รู้จะทำยังไง คิดอะไรไม่ออก เกือบสว่างแล้ว โทรไปหาใครตอนนี้นอกจากไม่มีคนอยากช่วยแล้วยังจะด่าซ้ำอีกต่างหาก แต่พอจะเหลืออยู่หนึ่งคนที่น่าจะช่วยได้

…………..พี่บุ้ง....................

หยิบโทรศัพท์มากดโทรออกอย่างรวดเร็ว และในเวลาไม่นานปลายสายก็รีบกดรับพร้อมน้ำเสียงที่ฟังแทบไม่รู้เรื่อง
ได้ยินเหมือนเสียงสัญญาณไซเรน เสียงคนตะโกนโหวกเหวก และเสียงพี่บุ้งกำลังตะโกนพูดบางอย่าง

“เอาคนเจ็บขึ้นรถพยาบาลก่อนสิวะ ห้ามเลือดก่อน มึงเป็นเหี้ยอะไรไม่ดามกระดูกคนเจ็บก่อนวะ เดี๋ยวคนเจ็บก็ได้ตายห่ากันพอดี”

ได้ยินว่าพี่บุ้งกำลังอยู่ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่อาสามูลนิธิ เรื่องสำคัญ เรื่องใหญ่และสำคัญกว่าการเอาเงินมาจ่ายหนี้ในบ่อนให้วิเชียร

“พี่.......คือว่าผม.......”

พูดไม่ออก น้ำเสียงอึก ๆ อัก ๆ และก็ได้ยินเสียงตะโกนเข้ามาในสาย

“เฮ้ยยยยยยย ไอ้สันดาน กูบอกให้ดามแขนคนเจ็บก่อน มึงจะยกขึ้นไปทั้งอย่างนั้นได้ไงวะ เดี๋ยวคนเจ็บก็ตายห่า พวกมึงหัดฟังกูพูดบ้างมั้ย”

พี่บุ้งเหมือนกำลังโมโห และวิเชียรก็หมดปัญญาจะพูดอะไรได้ต่อ

“มึงโทรมาทำเหี้ยอะไรวะแต่เช้ามืด กูกำลังยุ่งอยู่ มึงนึกได้ว่าจะโทรมาหากูเรื่องอะไร มึงค่อยโทรมาอีกทีแล้วกันนะ”

พี่บุ้งวางสายไปเรียบร้อยและกลายเป็นวิเชียรที่ยืนหน้าซีดอยู่คนเดียว และเมื่อเงยหน้าขึ้นมองคนคุมบ่อนสองคนที่ยืนเป็นยักษ์ปักหลั่นและรอคอยคำตอบที่ดีที่สุดของวิเชียร

วิเชียรก็แทบจะลืมหายใจ

“คือว่าผม………”

พูดไม่ออก ยืนนิ่งตัวแข็งทื่อ และวิเชียรก็ได้เห็นรอยยิ้มที่ค่อยๆ แสยะออกของคนคุมบ่อนสองคนนั้น

“พูดแบบนี้น้องคิดจะเบี้ยวใช่มั้ย”

“ไม่ใช่พี่ ผมไม่ได้คิดจะเบี้ยว ผมไม่ได้คิดจะเบี้ยวจริง ๆ พี่ผมไหว้ล่ะ”

ยกมือไหว้ท่วมหัว แต่ก็ไม่มีประโยชน์เพราะตอนนี้วิเชียรกำลังจะถูกหิ้วออกไปกระทืบแล้ว กลัวตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ อะไรก็ช่วยไม่ได้ ทำอะไรไว้ ก็ย่อมได้ผลแบบนั้น มานึกเสียใจตอนนี้ก็ดูเหมือนสายไปซะแล้ว

สิ่งที่วิเชียรนึกถึงตอนนี้คือใบหน้าของลูกและเมีย

“ผมจะหามาใช้ให้จริง ๆ พี่ อย่าทำผมเลย อย่าทำผมเลยพี่ อย่าทำผมเลยนะถือว่าสงสารผมเถอะ ผมมีลูกเมียต้องดูแลนะพี่ เห็นใจผมเถอะนะ”

ได้แต่พร่ำพูดอยู่อย่างนั้น แต่ดูเหมือนจะเปล่าประโยชน์ วิเชียรกำลังจะถูกคนคุมบ่อนสองคนซ้อม แต่ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีหลงเหลืออยู่บ้าง

“เฮียผมเขาขอไว้คน.....มีอะไรให้ตกลงกับเฮียก่อน คนนี้ลูกน้องเฮีย....”

เฮียคือใครไม่รู้ แต่ที่รู้ ๆ วิเชียรรู้สึกว่าเหมือนเพิ่งรอดตายมาหยก ๆ รีบยกมือไหว้ท่วมหัว เฮียจะเป็นใครก็ช่างแม่งเหอะ มาช่วยกูก่อนโดนกระทืบก็พอแล้ว และคนคุมบ่อนสองคนก็ถอยออกไปยืนห่าง ๆ ไม่ทำอะไรต่อ แค่เพียงได้ยินชื่อของเฮีย

“น้อง...เป็นไงบ้างไม่เป็นไรแล้วนะ พอดีเฮียเขาอยากคุยด้วยนิดหน่อย น้องไปคุยกับเฮียพี่หน่อยดีมั้ย ไหน ๆ ก็ได้รู้จักกันแล้ว”

ให้ไปคุยกับใครกูก็ยอมไปหมดแหละ ขออย่างเดียวอย่าให้ต้องไปคุยกับยมบาลก็พอ วิเชียรพยักหน้ารับด้วยความกลัว และก็รีบเดินตามใครบางคนที่มารู้ภายหลังว่าเป็นลูกน้องคนสนิทของเฮีย เดินตามออกมาขึ้นรถเก๋งคันใหญ่ และรถคันนั้นก็ขับออกไปอย่างช้า ๆ วิเชียรไม่รู้ว่ารถคันนั้นจะมุ่งหน้าไปไหน รู้เพียงแค่คนขับบอกว่า..........กำลังจะไปที่เซฟเฮ้าส์ของเฮีย

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน คลิป 05/05/57 : 21.09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-05-2014 22:15:43
“เป็นไงวิเชียร สบายดีนะ”

วิเชียรไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นใคร จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยรู้จัก แต่ก็ยกมือไหว้ไป เฮียคนที่ว่าไม่ใช่ผู้ชายวัยเกษียณอ้วนลงพุงอย่างที่วิเชียรคิด แต่เป็นชายหนุ่มหน้าตาคมเข้ม ดูมีสง่าราศี เหมือนคนมีอำนาจ อายุไม่น่าจะเกินสี่สิบปีไปได้

“เห็นเด็กเฮียบอกว่าวิเชียรเสียไปเยอะเลยเหรอวันนี้”

รู้ได้ยังไงว่าผมเสียไปเยอะ ทั้งที่ผมไม่เคยรู้จักเฮียมาก่อน

“ครับเสีย”

ก้มหน้าก้มตาตอบ และก็ได้เห็นรอยยิ้มน้อยๆ ของเฮียที่หัวเราะออกมาเสียงเบา เหมือนเห็นเป็นเรื่องขบขันนักหนา

“การพนันมันไม่มีอะไรดีหรอก บอกตรงๆ เฮียเห็นมาเยอะแล้วแบบวิเชียร สุดท้ายไม่เหลืออะไรติดตัวกันซักคน ขายบ้าน ขายรถ ขายลูก ขายเมีย หมดตัวไม่มีเหลือ”

ผมรู้ แต่ผมไม่ได้คิดว่าจะทำแบบนั้น ผมไม่เคยคิดว่าจะขายลูกขายเมียกิน ยังไงก็ไม่มีทางขาย

“แล้วเอาไงล่ะทีนี้ วิเชียรพอจะมีมาจ่ายมั้ย แค่ห้าหกแสนเอง”

ห้าร้อยตอนนี้ยังไม่มีเหลือ ผมจะไปเอาปัญญาที่ไหนมาจ่ายห้าแสนวะ

“ผมเอ่อ ผม ผมขอติดไว้ก่อนได้มั้ย”

อึก ๆ อัก ๆ พูดจาตะกุกตะกัก และเฮียก็หัวเราะเบา ๆ เหมือนยินดีกับคำตอบที่วิเชียรบอก

“ได้สิ สำหรับวิเชียรอะไรก็ได้ แต่เฮียมีข้อแม้นิดเดียวนะ”

ข้อแม้เหรอวะ ข้อแม้อะไร ข้อแม้...........

“อะไรก็ได้ครับเฮีย อะไรก็ได้ ถ้าผมพอจะมีปัญญาหามาให้เฮียได้ก่อน อะไรผมก็ยอม”

พูดไปแล้ว และไม่เคยรู้ว่าจะเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองพูดอย่างมหันต์

“เฮียขอตัววิเชียรมาขัดดอกหน่อยแล้วกัน”

....ขอตัวกูมาขัดดอก ....ขอตัวกูมา...........ขัดดอกเนี่ยนะ ไม่จริงอ่ะ ชิบหายแล้ว ชิบหายแล้วไงมึง ไอ้วิเชียร

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน คลิป 05/05/57 : 21.09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-05-2014 22:16:47
ถึงคิดจะหนีก็หนีลำบาก มานึกเสียใจตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์. สิ่งที่วิเชียรจำได้ก่อนจะต้องมาพบจุดจบแบบนี้คือการถูกเอาปืนจ่อหัว และถูกบังคับให้มีอะไรกับเฮีย เซ็กส์ครั้งแรกระหว่างผู้ชายด้วยกัน มันทั้งเหี้ย ทั้งสถุนสิ้นดี ไอ้เฮียนรก บอกให้วิเชียรแก้ผ้าออกจนหมด แล้วให้ขึ้นไปนอนอ้าขาอยู่บนเตียง อะไรไม่อุบาทว์เท่า พอมันแทรกตัวเข้ามาในร่างได้ ก็ทั้งขย่มทั้งกระหน่ำแทงไม่ยั้ง จนวิเชียรรู้สึกเหมือนว่าตัวเองคงจะตายคาเตียงไปซะแล้ว

สามรอบที่เฮียเสร็จ และหนึ่งรอบที่วิเชียรได้มีโอกาสเสียน้ำ ด้วยความไม่เต็มใจ
สุดท้ายได้แต่นอนตาลอยคว้าง น้ำตาไหลพราก แม้ปัญญาจะกลับไปพบหน้าลูกเมียอย่างเต็มภาคภูมิก็ยังไม่มี

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน คลิป 05/05/57 : 21.09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-05-2014 22:17:29
“ยุ้ยจะเลิกกับพี่จริง ๆ เหรอ”

มองหน้าเมียและวิเชียรก็จับมือของเมียเอาไว้แน่น อยากร้องไห้ อยากจะร้องไห้กับความผิดพลาดใหญ่หลวงที่ตัวเองก่อเอาไว้ ทำให้คนที่รักเสียใจครั้งแล้วครั้งเล่า พยายามปรับปรุงตัวหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็เข้าสู่วงจรเดิม ๆ คือกลับไปเล่นการพนันอีก และเสียพนันจนหมดตัว

“เฮียเขาให้ยุ้ยมาห้าหมื่นจ้างให้ยุ้ยเลิกกับพี่”

น้ำเสียงที่เอ่ยบอก ไม่มีแววร้าวรานเลยสักนิด มีแต่ความเย็นชาในน้ำเสียง และวิเชียรรู้.......ในเวลานี้เมียไม่มีใจเหลือให้วิเชียรอีกต่อไปแล้ว

“เฮียจ้างยุ้ยห้าหมื่น ยุ้ยก็เลยจะเลิกกับพี่เหรอ เงินห้าหมื่นไม่ตายหาใหม่ก็ได้นะยุ้ย เงินห้าหมื่นพี่จะหาให้ยุ้ยให้ได้นะ พี่สัญญา”

ไม่ต้องสัญญาหรอกพี่ พี่ไม่ต้องสัญญาอีกแล้ว ยุ้ยพอแล้ว ยุ้ยเหนื่อย ยุ้ยไม่อยากฟังอีกแล้ว

“พี่เก็บคำสัญญาของพี่ไว้เถอะ ถ้าพี่สงสารยุ้ย พี่สงสารลูก พี่ก็ปล่อยยุ้ยไปซะ”

วิเชียรได้แต่นั่งน้ำตาตก ไม่มีอีกแล้วโอกาส โอกาสของวิเชียรหมดไปตั้งนานแล้ว

“ไม่ใช่ว่ายุ้ยจะเห็นแก่เงินห้าหมื่นหรอกนะ แต่ยุ้ยไม่อยากทนอีกแล้ว เงินห้าหมื่นที่เฮียเขาให้ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ยุ้ยควรจะได้บ้าง ส่วนเรื่องลูก พี่จะมาเยี่ยมไอ้ตัวเล็กกับพี่มันเมื่อไหร่พี่ก็มา ยุ้ยไม่ห้าม พ่อลูกกันยุ้ยไม่คิดจะให้ลูกเกลียดพี่วิเชียรหรอก ยุ้ยสาบานได้”

คำพูดของเมียที่อยู่กันมาหลายปี เหมือนจะไร้เยื่อใย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะใจร้ายกันไปซะทั้งหมด อย่างน้อยความหวังเล็ก ๆ ของวิเชียรก็ยังคงอยู่ อย่างน้อย ถึงไม่ได้อยู่ด้วยกันกับเมียอีกแล้ว แต่แค่ได้มาหาลูกมาเยี่ยมลูก แค่นี้วิเชียรก็พอใจแล้ว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน คลิป 05/05/57 : 21.09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-05-2014 22:19:13
“วันนี้กลับช้านะ ทำโอทีเหรอ”

วิเชียรเงยหน้ามองใครบางคนที่นั่งอยู่บนโซฟา  หกโมงครึ่งแล้ว แม้ไม่เย็นมากนักแต่ก็เป็นเวลาที่วิเชียรต้องกลับถึงบ้าน ซึ่งโดยปกติควรเป็นเวลาหกโมงเย็น แต่นี่เกินเวลามาครึ่งชั่วโมง

“พอดีผมไปเยี่ยมลูกมา”

อธิบายเหตุผลให้คนที่รอฟัง และเฮียก็พยักหน้าทำความเข้าใจก่อนจะปิดรายการโทรทัศน์และเดินนำไปที่โต๊ะอาหารเหมือนทุกวัน

“ก็ดีนะ ตัวเล็กได้เกือบขวบแล้วนี่ วันก่อนเฮียก็ให้ไอ้หมานไปรับที่โรงเรียน เห็นว่าไม่สบายว่าจะให้พาไปหาหมอ แต่ติดที่แม่มันเกรงใจ เฮียก็เลยไม่รู้จะทำยังไง”

เฮียหมุนโต๊ะอาหาร และก็พยักหน้าเรียกแม่บ้านให้มาช่วยตักข้าวให้ กับข้าวน่ากินทุกอย่าง แต่วิเชียรไม่เคยรู้สึกอยากจะกิน

“เฮีย หนี้ผมเหลืออีกเท่าไหร่เหรอ”

ถามไปด้วยความอยากรู้ อยากจะรู้ว่าเมื่อไหร่จะใช้หนี้หมด และเฮียก็เลิกคิ้วขึ้นสูงก่อนจะยิ้มออกมาบาง ๆ

“อีกไม่เท่าไหร่หรอก”

คำพูดเรียบง่าย กับน้ำเสียงที่ฟังสบายๆ ของเฮียทำให้วิเชียรเผลอยิ้มออกมา

“งั้นก็ใกล้แล้วใช่มั้ยเฮีย”

ใกล้แล้วล่ะ เหลืออีกไม่เยอะหรอก

“ก็.....ใช้อีกตลอดชีวิตของวิเชียรนั่นแหละ....หลังจากที่เฮียคำนวณทั้งต้นทั้งดอกนับรวมกันดูแล้ว”

จากใบหน้ายิ้ม ๆ คราวนี้วิเชียรก้มหน้าก้มตากินข้าวไปเงียบๆ โดยไม่มีคำพูดใด ๆ ออกมาอีก

วิเชียรไม่รู้ว่าเฮียติดใจอะไรวิเชียรนักหนา จนถึงป่านนี้เฮียก็ยังไม่ยอมปล่อย

ไปทำงานได้ ไปพบหน้าลูกเมียได้ อยากจะไปทำอะไรก็ไปได้ แต่ต้องกลับบ้านให้ตรงเวลา ห้ามเหลวไหล หรือไม่ถ้าจะกลับช้าต้องโทรรายงานเฮีย วิเชียรไม่รู้เลยว่าความสัมพันธ์ที่บิดเบี้ยวของตัวเองกับเฮียเรียกว่าอะไร

วิเชียรไม่รู้ แต่เฮียรู้ดี.................สิ่งที่เกิดขึ้น ความพยายามในการพันธนาการและเหนี่ยวรั้งวิเชียรเอาไว้ข้างกายให้อยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต วิเชียรไม่รู้ แต่เฮียรู้..........เพราะเฮียหลงรักวิเชียรมานาน ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นวิเชียรที่โรงงานตอนที่เฮียมาติดต่อเรื่องงานกับเจ้าของโรงงานคนก่อน เฮียรักวิเชียร อย่างอธิบายไม่ถูกตั้งแต่แรกเห็น และเฮียไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้ได้วิเชียรมาไว้ในมือและอยู่ข้างกายไปตลอด

สิ่งที่เฮียทำลงไปทั้งหมด..........ก็เพราะเฮียรักวิเชียรจนหมดหัวใจ



TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke (วิเชียร & เฮีย) ตอน เรื่องลับหนุ่มนักพนัน
เริ่มหัวข้อโดย: michiri.sama ที่ 05-05-2014 22:23:13
ว้ายยยย มาอีกคู่แล้วววว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke (วิเชียร & เฮีย) ตอน เรื่องลับหนุ่มนักพนัน
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 05-05-2014 22:33:32
มีแบบนี้ด้วย.เรื่องเล่าเร้าพลังวาย :ling1:
หัวข้อ: @รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke (วิเชียร & เฮีย) ตอน เรื่องลับหนุ่มนักพนัน
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 05-05-2014 22:34:39
ถลำลึกเกินไป

ลึกจนได้ผัว :hao5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke (วิเชียร & เฮีย) ตอน เรื่องลับหนุ่มนักพนัน
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 05-05-2014 22:38:24
สงสารเชียรนะ  แต่ก็ทำตัวเองแท้ ๆ

เฮียน่ากลัวอะ       :sad5:


 :hao5:     ไม่นึกว่าเชียรจะหน้าตาน่าฮักขนาดนี้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke (วิเชียร & เฮีย) ตอน เรื่องลับหนุ่มนักพนัน
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 05-05-2014 22:47:47
โธ่..วิเชียร  :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke (วิเชียร & เฮีย) ตอน เรื่องลับหนุ่มนักพนัน
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 05-05-2014 22:49:47
ออื้อหือ......พี่วิเชียรมีสามีก่อนน้องมีนรึป่าาวเนี่ย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke (วิเชียร & เฮีย) ตอน เรื่องลับหนุ่มนักพนัน
เริ่มหัวข้อโดย: FahFon ที่ 05-05-2014 22:51:36
โอ๊ะ!! นิยายคุณเท็น กรี๊ดๆ เดี๋ยวตามอ่าน >_<~
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke (วิเชียร & เฮีย) ตอน เมื่อวิเชียรมุ้งมิ้ง
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-05-2014 23:03:53
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/05/ไฟล์เปล่า11oMJGn.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ  วิเชียร&เฮีย.....ตอน  เมื่อวิเชียรมุ้งมิ้ง

“ครับเฮีย ผมทำงานอยู่ครับ อือ เฮียไม่เอาดิ ก็ไหนเฮียบอกว่าวันนี้เฮียจะกลับมากินข้าวบ้านไง ไม่เอา ผมไม่อยากกินข้าวคนเดียว เฮียก็รีบกลับมาสิ นะเฮียนะ กลับมากินข้าวบ้านเถอะนะ”

มันคงเป็นภาพที่น่าดูมาก เมื่ออยู่ดี ๆ วิเชียรที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาในช่วงพักเบรคแล้วก็รีบกดรับ และรีบเดินหนีไปตั้งไกลเพื่อคุยกับใครบางคนที่อยู่ปลายสาย บุ้งรู้เห็นเรื่องนี้มาพักใหญ่แล้ว แต่ไม่อยากจะทัก ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว..........เรื่องส่วนตัวที่โคตรน่าเสือก

“มึงจัดการดิ๊”

พยักพเยิดส่งสัญญาณให้เด็กฝึกงานที่มองตาก็รู้ใจ และมีนก็พยักหน้ารับก่อนจะแกล้งทำเป็นเดินเฉียด ๆ ไปแถว ๆ ที่วิเชียรยืนอยู่

“เฮียถ้าเฮียไม่กลับผมก็ไม่กลับนะ เฮียเลือกเอา ผมจะไปค้างกับไอ้ตัวเล็ก เฮียจะเอาแบบนั้นมั้ยล่ะ”

อารายว๊า ทำไมฟังไม่ค่อยถนัดเลย จะไปค้างกับใครนะ ไอ้ตัวเล็กเหรอ พี่วิเชียรอยู่บ้านทุกวันไม่ใช่เหรอวะ แล้วนี่จะไปค้างกับใคร.....อะไร .....ยังไง ไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่ได้ยินมากนัก และมีนก็ขมวดคิ้วมุ่น เป้าหมายเหมือนจะรู้ตัวแล้ว มีนก็เลยแกล้งทำเป็นพูดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเพื่อกลบเกลื่อน

“พี่วิเชียร พี่บุ้งให้มาตาม รถจะเข้าแล้วพี่”

เหรอ

วิเชียรพยักหน้ารับและไม่ลืมจะบอกกับปลายสายด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ ฟังดูแล้วน่ารัก จนชวนขนลุก และมีนไม่รู้ว่าพี่วิเชียรพูดแบบนี้ได้ยังไง

“ไม่เอาอ่า..........ไม่เอาจะรอ.......รอนะ....กลับมาเร็ว ๆ นะห้ามกลับดึกนะ………”

โคตรขนลุก สุดยอดของความสยอง และมีนก็เดินหน้าตื่นมาหาลูกพี่ที่รอฟังสิ่งที่มีนไปสืบมาอยู่ก่อนแล้ว

“พี่ต้องไปฟังเอง……..โคตรสยอง.....สวดดดดดยอด”

มีนกอดอกและทำท่าให้รู้ว่าสยองขวัญกับสิ่งที่ได้ยิน และก็กลายเป็นบุ้งที่ยิ่งอยากรู้เข้าไปใหญ่

“สยองห่าอะไรวะ ไหนมึงร่ายมาให้ยาว ๆ ซิ”

ก็ไม่มีอะไรมากมายหรอกพี่

“พี่เคยเห็นพี่วิเชียรทำเสียงงุ้งงิ้งกุ๊งกิ๊งเหมือนเด็กแอ๊บแบ๊วป่ะ”

ไม่ล่ะ แค่คิดกูยังขนลุก ทำไมวะ วิเชียรมันทำแบบนั้นหรือไง

“มึงอย่าบอกนะว่า..........”

ใช่เลยพี่ อย่างที่พี่คิดนั่นแหละ

“เหี้ย.....นรกแตกหรือไงวะ ร้อยวันพันปีกูไม่เห็นเคยได้ยิน”

คนที่ตกตะลึงไม่ได้มีแค่บุ้ง แต่รวมไปถึงมีนด้วยที่ยังรู้สึกขนหัวลุกไม่หาย

“พี่เรียกผมเหรอ”

วิเชียรเดินมาแล้ว และบุ้งที่ยังงงกับสิ่งที่วิเชียรทัก .....กูไปเรียกมันตอนไหนวะ…. แต่เมื่อมองหน้าเด็กฝึกงานที่หรี่ตาส่งสัญญาณบอกก็เลยรู้ว่าต้องพูดอะไร

“เออใช่........พอดี กูว่าจะให้มึงไปซื้อโอเลี้ยงหน่อย อยากกินว่ะ อากาศมันร้อนเนอะมีนเนอะ”

ลูกพี่กู รับมุกทั้งทีโคตรห่วยเลย แม่งไม่เนียนเลยเหอะใครจะเชื่อวะแบบนี้

“ใช่มั้ยมีน มึงก็อยากกินใช่มั้ยวะ ฮะ ฮะ”

หัวเราะได้เฝื่อนมากเลยพี่บุ้ง บอกตรง ๆ

“อะไรวะ อยากกินแล้วทำไมไม่ใช้เกาหลีมันบ้าง รักกันหลงกันจนไม่กล้าใช้งานเลยเรอะ”

เสียงบ่นของวิเชียรที่ดังเข้าหู ไม่ได้กระทบที่บุ้งอย่างเดียวแต่พาลไปถึงเด็กฝึกงานที่ชักเกิดอาการหน้างอขึ้นมาทันที

“พี่บุ้งอ่ะ แม่ง...”

อ้าว ไอ้ทางนี้เสือกงอนกูขึ้นมาซะอีก ไอ้ทางนั้นก็หิ้วกระติกเดินลิ่วงอนกูไปแล้ว แถมหาว่ากูลำเอียงรักทางนี้มากกว่าซะงั้น

“ก็มึงไม่ยอมบอกก่อนนี่หว่า ว่าจะมามุกไหน กูจะไปรู้มึงมั้ยล่ะ”

ก็แล้วทำไมพี่ไม่หัดมีเซ้นน์บ้างวะ ของง่าย ๆ แค่นี้พี่ยังตกม้าตายเลยโว้ย พี่มาเป็นลูกพี่ผมกับพี่วิเชียรได้ไงเนี่ย

“เบื่อพี่บุ้งว่ะ”

มีนถึงกับบ่นออกมาด้วยความหงุดหงิดรำคาญ และไม่นานก็ถูกบุ้งโบกกบาลไปหนึ่งครั้ง โทษฐาน .......งอน.....ผู้บังคับบัญชา

“ง่า อะไรว๊า พี่บุ้ง แม่งตบหัวกูอยู่ได้ แม่งเกลียดพี่บุ้งโว้ย”

งานเข้ากูหนักเลยทีนี้ ลำบากต้องง้อมันอีก

“เออกูขอโทษ งอนจริงดิ”

ไม่งอนมั้ง พี่ดูหน้าผมซะก่อน ตบหัวทำไมวะ มันเจ็บไม่รู้บ้างหรือไง

“ไหนมาดูซิ เจ็บมากเลยเหรอวะ ไหนให้พี่ดูหน่อย”

เหอะ อย่ามาทำเป็นตบหัวแล้วลูบหัวกันทีหลังหน่อยเลย บอกตามตรงโคตรเคือง มีนผละออกห่างและก็ไม่ยอมให้ลูกพี่แตะตรงที่เจ็บอันเกิดมาจากสาเหตุหลัก .........งอน..........ล้วน ๆ

“เออ พี่ก็ขอโทษแล้วนี่ไง ดีกันเหอะนะ ไม่งอนแล้วสิ จะงอนห่าอะไรนักหนา หน้าเป็นตูดเป็ดแล้วมึง”

เออใช่ หน้าผมมันเป็นตูดเป็ดแล้วไงวะ พี่ก็ขยันแกล้งผมแบบนี้ตลอดแหละ สนุกมากป่ะ ถามจริง

“เฮ้ยยยยยยยย อย่างอนนะ กูให้เวลามึงงอนห้านาที ไม่งั้นกูจะเลิกง้อแล้วนะ”

เออ พี่ก็แบบนี้ทุกทีแหละ

“ห้า”

หน้ายังงออยู่ใช่มั้ย

“สี่”

ยังไม่เลิก ยังงอนไม่เลิก

“สาม”

แหม่ มีกัดปากด้วยเว้ยเฮ้ยยย ตกลงมึงจะเอายังไง มึงจะหายงอนหรือไม่หาย

“สอง……….สองแล้วนะมีนนนนน สองแล้ววววว”

“หนึ่ง”

จากหน้างอหงิกกลายเป็นหน้าฝืนยิ้มใส่อย่างที่เห็น และบุ้งก็หัวเราะชอบใจกับสิ่งที่มีนทำ

“พี่ขอโทษจริง ๆ ว่ะ มึงไม่โกรธพี่หรอกเนอะ”

เออ ไม่โกรธหรอก หายโกรธแล้วนี่ไง บุ้งเดินมาใกล้ ๆ เด็กฝึกงานและเอื้อมมือไปเขย่าหัวมีนเล่นจนหัวของมีนโอนเอนไปมาทั้งทางซ้ายและทางขวา

“รักกันจริง ๆ เลยว๊า รักกันจริง รักกันเข้าปายยยยยยยยย”

วิเชียรมาตอนไหนไม่มีใครรู้ รู้แค่ในบางครั้งโลกนี้ก็มีเพียงเราสองคน

“ขัดจังหวะผัวเมียเขาตลอดเลยว่ะพี่วิเชียรเนี่ย”

เหรออออออออออ

“ว่ากูขัดตลอด แล้วเมื่อไหร่จะเอากันให้มันเป็นเรื่องเป็นราวแบบจริง ๆ จัง ๆ ซักทีวะ….เห็นปากดีพอกันมาพักใหญ่แล้ว ดีแต่ปากพอกันเลยทั้งลูกพี่ลูกน้อง.....แม่ง..ลูกพี่กูกับเด็กฝึกงานพอกันเลยทั้งสองคน”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke (วิเชียร & เฮีย) ตอน เรื่องลับหนุ่มนักพนัน
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-05-2014 23:09:07

ห้าโมงกว่าแล้ว และวิเชียรก็ยืนหน้ามุ่ยอยู่หน้าโรงงาน ยืนคุยโทรศัพท์กับสายที่เรียกเข้าแล้วก็ยิ่งหงุดหงิดไม่พอใจขึ้นเรื่อยๆ

“ก็บอกว่าจะมารับ ผมก็ยืนรอ ยืนจนเมื่อยแล้ว ไหนว่าสิบนาทีไง ทำไมเฮียไม่มาซักทีวะ ผมรอจนเมื่อยแล้วนะ รู้งี้กลับเองก็ได้วะ ไม่รอเฮียซะตั้งแต่แรกก็ดี”

ภายในโรงงานแทบไม่มีคนเหลือแล้ว จะมีเหลือก็แค่คนที่ทำงานไม่เสร็จจริง ๆ ส่วนวิเชียรเป็นกรณียกเว้น เคลียร์งานเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่บ่ายสาม นั่งรอทำนั่นทำนี่ไปเรื่อยจนถึงเวลาเลิกงาน

“แป๊บเดียวน่า เฮียก็ให้ไอ้หมานมันเร่งอยู่นี่ไง”

วิเชียรหน้าบูด และยังฮึดฮัดหงุดหงิดไม่เลิก

“น่านะ อีกไม่เกินสองนาที”

ไม่เกินสองนาทีแน่นะ วิเชียรก้มมองที่นาฬิกาข้อมือ และก็เริ่มนับถอยหลังในใจช้า ๆ

“อีกหนึ่งนาทีสี่สิบแปดวินาทีนะเฮีย”

แกล้งนับถอยหลัง และก็ยังนับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนเฮียที่อยู่ปลายสายถึงกับหัวเราะออกมา ในความเอาแต่ใจตัวเองของ........เด็กที่อยู่ร่วมบ้านเดียวกัน....

“เห็นรถเฮียหรือยังล่ะ เฮียมาถึงแล้ว”

เห็น......... วิเชียรเงยหน้าขึ้นมอง และก็เห็นว่าเบนซ์ สปอร์ตสีดำกำลังขับตรงมาที่หน้าโรงงานและกำลังเข้ามาจอดตรงหน้า

หันซ้ายหันขวาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครเห็นแน่ ๆ และวิเชียรก็เอื้อมมือไปทำท่าจะเปิดประตูรถด้านข้างคนขับ แต่แล้วก็ชะงักมือ เมื่อเห็นสัญญาณว่าให้ไปนั่งด้านหลังกับใครบางคน มันอาจจะเลือนลางมาก แต่ถ้าตั้งใจสังเกตกันดี ๆ ก็คงเห็น

แม้กระจกจะติดฟิล์มกรองแสงจนทึบ แต่บุ้งกับมีนที่เดินมาถึงหน้าโรงงานก็ทันได้เห็นว่าเมื่อวิเชียรขึ้นนั่งบนรถ คนในรถก็ชะโงกหน้ามาหอมหน้าผากวิเชียรทันที และวิเชียรก็ยังมีอาการหงุดหงิด...แต่ถ้ามองให้ดี.........เหมือนงอน........

“พี่บุ้ง...เมื่อกี้พี่เห็นป่ะ”

เห็นสิ เห็นชัดกว่ามึงอีก

“ผมรู้ว่าพี่วิเชียรมีลูกสองคนแล้วก็มีเมีย แต่ผมไม่เคยรู้ ว่าเมียพี่วิเชียรเป็นผู้ชาย”

ไอ้นี่ก็ซื่อเหลือเกินเนอะ เมียวิเชียรกูก็พอเคยเห็นมาอยู่บ้าง แต่ผัววิเชียร..........กูสาบานได้ ว่าเพิ่งเคยเห็นครั้งแรกพร้อมมึงนี่แหละ........

“เห็นแล้วก็เห็นไป เงียบ ๆ อย่าเสือกพูดมากนะรู้หรือเปล่า”

รู้แล้วน่าพี่ รู้แล้ว ผมไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านอยู่แล้ว ผมจะยุ่งก็ต่อเมื่อพี่บงการแค่นั้นแหละ

“ไปกลับบ้าน ไปลงหน้าปากซอยหรือให้ไปส่งที่บ้าน...เลือก”

.......ใครจะให้ไปส่งแค่ปากซอยวะพี่

“ส่งที่บ้านนะพี่บุ้ง ไปส่งที่บ้าน ผมขี้เกียจโหนรถเมล์ ไปส่งที่บ้านนะ”

ได้ ไม่มีปัญหา สำหรับว่าที่เมียในอนาคต

“โอเค จัดไป”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke (วิเชียร & เฮีย) ตอน เรื่องลับหนุ่มนักพนัน
เริ่มหัวข้อโดย: Zalzah_iP ที่ 05-05-2014 23:10:31
สนุก อ๊ากกกกกกกกกกก
ตอนแรกไม่ค่อยชอบพี่บุ้งเลย
น้องมีนก็รู้สึกว่างี่เง่าไปนิด
แต่หลังๆ มานี่ น่าร้ากกกกกกกกก
ทั้งผัวทั้งเมียเลยจ้า 555555
เมื่อไหร่จะเปิดเผยความรู้สึกกันสักทีน้อ~

แอบชอบคูวิเชียรและเฮียเบาๆ
ถึงเฮียจะแลดูเลวไปหน่อยก็เถอะ 55555
แต่บอกตรงๆ อ่านตอนแรกตกใจนิดหน่อย
ิือิมเมจเชียรในหัวที่มีมาตลอดเลย
คือคนทำงานวัยผู้ใหญ่ที่ลุคออกกุ๊ยๆ หน่อย กวนตีนๆ
นึกถึงคนขับสิบล้ออ่ะ ประมาณนั้น (ทั้งนี้ทั้งนั้นมิได้กล่าวหาคนที่ทำอาชีพนี้นะคะ)
นึกไม่ถึงว่าอยู่ดีๆ พี่แกจะมาเจออะไรแบบนี้นะ
ชีวิตผลิกผันเลยจริงๆ
อย่างว่าแหละ ล้อพี่บุ้งกับน้องเกาหลีไว้เยอะนี่ 55555555555
หัวข้อ: @รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke (วิเชียร & เฮีย) ตอน เรื่องลับหนุ่มนักพนัน
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 05-05-2014 23:12:17
 :hao4:ติดเรื่องนี้

มาให้อ่านได้ทุกครึ่งชั่วโมง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke (วิเชียร & เฮีย) ตอน เรื่องลับหนุ่มนักพนัน
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-05-2014 23:14:05
“งอนอะไรล่ะ เฮียก็รีบที่สุดแล้วเนี่ย”

ไม่ได้งอนเว้ย หน้าผมเหมือนงอนหรือไงวะเฮีย

“วิเชียรงอนเฮียบ่อย ๆ เฮียเครียดน๊า”

เหอะ เฮียไม่เครียดหรอก ถ้าเฮียเครียด เฮียเครียดไปนานแล้ว

“ไหนมาให้เฮียหอมที ทำงานวันนี้เป็นไงบ้าง”

ก็ไม่เป็นไงหรอก

“ก็ดีแหละเฮีย ยุ่ง ๆ หน่อยช่วงเช้า แต่พอบ่าย ๆ ก็ไม่มีอะไรแล้ว”

ตอบไปตามความจริงแล้วก็เอนหัวลงซบที่ไหล่ของเฮีย และเฮียก็หัวเราะออกมาเสียงเบา

“ไปทำกับเฮียซะก็สิ้นเรื่อง คุมโกดังเฮียก็ได้ มาทำอยู่ทำไมทุกวี่ทุกวัน เงินก็ไม่ใช่ว่าจะได้เยอะแยะมากมาย”

ไม่ใช่หรอกเฮีย ผมอยู่ที่นี่ผมมีความสุข มีเพื่อนดี ๆ มีหัวหน้าดี ๆ มีน้องชายดี ๆ อยู่ด้วยกันแล้วมีความสุขดี เหมือนทำงานอยู่กับพี่กับน้อง

“ผมก็อยากมีศักดิ์ศรีเหลือเอาไว้บ้างนะเฮีย ไม่ใช่หวังแต่พึ่งบารมีเฮียไปทั้งหมด อย่างน้อยผมก็ยังมีงานมีการทำ ไม่ใช่ว่าอยู่ไปวัน ๆ เกาะเฮียกิน”

คิดมากไปแล้วว๊า

“ใครไปหาว่าวิเชียรเกาะเฮียล่ะ คิดมากไปเองอีกแล้ว”

ไม่คิดมากหรอกเฮีย

“เออ ช่างเถอะเฮีย ผมยังสบายใจที่จะอยู่ที่นี่ต่อไปเรื่อย ๆ เฮียอย่าห้ามผมเลยนะเฮีย”

ก็ได้ เฮียไม่ห้ามวิเชียรหรอก ก็ทำต่อไปเรื่อยๆ ไม่อยากทำเมื่อไหร่ก็หยุด เด็กเฮีย เฮียเลี้ยงได้

“แล้วไอ้ตัวเล็กเป็นไงบ้าง พาไปหาหมอแล้วหมอว่ายังไงมั่ง”

ก็ไม่ว่าไงหรอก

“ไข้หวัดธรรมดาแหละ นี่ก็ให้แม่มันดูอยู่”

ตอบไปอย่างที่เห็น และวิเชียรก็ย่นจมูก เมื่อเฮียกดปลายจมูกลงมาหนัก ๆ ที่กลางกระหม่อมและก็นิ่งฟังสิ่งที่วิเชียรเล่า

“เห็นมีผู้ชายมาด้อม ๆ มอง ๆ ยุ้ยอยู่เหมือนกัน ดูแล้วก็เข้าท่าดีอยู่หรอก.......ถ้ายุ้ยจะมีใหม่ผมก็ไม่ได้ว่า...คนที่มาชอบยุ้ยก็ดูเอางานเอาการดี คงจะเข้ากับไอ้ตัวเล็กแล้วก็พี่มันได้อยู่หรอก”

วิเชียรกังวลเรื่องนั้นเหรอ

“เอามาเลี้ยงเองมั้ย ลูกชายกับลูกสาวน่ะ วิเชียรอยากเอามาเลี้ยงเองมั้ย”

ไม่ล่ะเฮีย

“ให้อยู่กับแม่มันดีกว่า อยู่กับผมเดี๋ยวจะพาลเสียเด็กไปซะเปล่า ๆ ยิ่งเลว ๆ เป็นพ่อเหี้ยๆ อยู่”

โทษตัวเอง ด่าตัวเอง และเฮียก็เขย่าหัวของคนในอ้อมแขนเล่นเหมือนเป็นการปลอบใจ

“คิดมากน่า ทำอย่างที่อยากทำเถอะ อยากทำอะไรก็ทำ เฮียไม่ห้ามหรอก ขออย่างเดียว อย่าทำตัวเหลวไหล อย่ากลับบ้านดึกดื่นมืดค่ำ.............อย่า”

“เล่นการพนัน”

ต่อให้เสร็จสรรพเรียบร้อยและวิเชียรก็หันหน้ามาซุกเข้ากับอกเฮียและกอดเฮียเอาไว้แน่น

“เลิกแล้วน่าเฮีย ไม่เอาแล้ว ไม่กล้าเล่นอีกแล้ว เลิกหมดทุกอย่างแล้วจริง ๆ”

เชื่อได้แค่ไหนกันวะ

“จริงเร้อออออออออออออ”

เฮียหัวเราะออกมา และแกล้งถามคนในอ้อมแขนที่กอดแน่นและตอบกลับมาเสียงอู้อี้

“ถ้าไม่เชื่อ.....เฮียพนันกับผมมั้ยล่ะ.........”

เฮียได้แต่ส่ายหน้ากับสิ่งที่วิเชียรพูด และก็หัวเราะขำเสียงลั่น ก่อนจะบ่นให้วิเชียรฟังเสียง

“วิเชียรก็ยังเป็นวิเชียรอยู่ดี”

โธ่ เลิกแล้วจริงๆ เฮีย ที่พูดมันแค่หลุดปากออกไปแค่นั้น ไม่คิดจะเล่นแล้วการพนัน ผมเข็ดแล้ว ไม่เอาอีกแล้วเรื่องการพนัน  พอกันที



TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke (วิเชียร & เฮีย) ตอน เรื่องลับหนุ่มนักพนัน
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 05-05-2014 23:14:25
 o22 วิเชียรรรรรรรร
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke (วิเชียร & เฮีย) ตอน เรื่องลับหนุ่มนักพนัน
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 05-05-2014 23:20:11
นี่มันตอนของวิเชียรนะเว้ย .. ไหงคู่ผัวเมียมาแย่งซีนมุ้งมิ้งไปซะงั้น  :jul3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke (วิเชียร & เฮีย) ตอน เรื่องลับหนุ่มนักพนัน
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 05-05-2014 23:20:33
แอร้ย มากรี๊ดพี่เชียร อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke (วิเชียร & เฮีย) ตอน เมื่อวิเชียรมุ้งมิ้ง
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 05-05-2014 23:22:05
โถ  มิน่าล่ะวิเชียรถึงได้เข้าใจพี่บุ้งกับน้องมีน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke (วิเชียร & เฮีย) ตอน เมื่อวิเชียรมุ้งมิ้ง
เริ่มหัวข้อโดย: p^tarn ที่ 05-05-2014 23:26:26
อุ้ย ๆๆๆ พี่วิเชียรมีผัว พี่วิเชียรมีผัว. พี่วิเชียรมีผัวววววววววววว.  กรีดดดดดดดดดดเค้ารออ่าน พี่วิเชียรจร้า :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke (วิเชียร & เฮีย) ตอน เมื่อวิเชียรมุ้งมิ้ง
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 05-05-2014 23:27:02
อัพรวดเร็วมาก เมนต์ไม่ทันแต่ตามบวกให้แทนนะคะ ขอบคุณค่า  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke (วิเชียร & เฮีย) ตอน เมื่อวิเชียรมุ้งมิ้ง
เริ่มหัวข้อโดย: hibatsumoe ที่ 05-05-2014 23:29:50
ชอบพี่บุ้งกะน้องมีน :-[

แซวกันไปก็แซวกันมา ระวังจะเป็นจริงนะคะ

แต่อยากไปเดินแถวแผนกนี้มั่งจัง

ชอบผู้ชายแบบพี่บุ้งอ่ะ ดูจริงใจดี  :o8:
ส่วนพี่วิเชียร  :a5:

หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke (วิเชียร & เฮีย) ตอน เมื่อวิเชียรมุ้งมิ้ง
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-05-2014 23:43:46
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/02/ไฟล์เปล่า1Nn1wd.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง.....ตอน เพลง


“ชอบก็จีบ ของแบบนี้ใครดีใครได้ คนอยู่ใกล้ยิ่งมีสิทธิ์ เห็นสาวบนแผนกจัดซื้อกับแผนกการเงินก็มาด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ไม่น้อย ขึ้นไปทีไรเห็นได้ขนมหอบกลับลงมากินทุกที”

หมายความว่ายังไงวะ

เงยหน้าขึ้นมองหน้าวิเชียรที่พูดจาลอย ๆ แล้วบุ้งก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แกล้งทำเหมือนถามพอเป็นพิธี เพราะเหมือนวิเชียรกำลังพูดบางอย่างอยู่คนเดียว

“อะไรของมึง.... ใครชอบใครวะ”

ทำเป็นไม่สนใจ แต่ก็รีบถามด้วยความสงสัย

“พี่จะมาสนใจผมทำไม ผมก็พูดของผมคนเดียวไปเรื่อยเปื่อย”

ไม่จริงอ่ะ ลักษณะนี้ไม่ใช่เรื่อยเปื่อยแล้ว มึงจงใจพูดให้กูได้ยินชัด ๆ

“แล้วสรุป....ใครได้ขนมมากินทุกวันวะ”

จะใครล่ะที่ไปแผนกการเงินกับแผนกจัดซื้อเพื่อส่งบิลน่ะ ลูกพี่กูนี่แกล้งตีมึนไม่เนียนเล้ยยยยยยยย

“เกาหลีมั้งพี่ สงสัยเกาหลีมันขึ้นไปแล้วได้ขนมลงมากินทุกวัน พักหลังๆ เลยเห็นมันขยันขึ้นไปเรื่อย ไม่รู้ว่าติดใจที่ได้ขนม หรือติดใจที่มี.........สาว....รอแจกขนมฟรี”

บุ้งเกิดอาการอึ้งขึ้นมากะทันหัน มือที่กำลังจดเวลาอยู่ถึงกับหยุดนิ่ง ก่อนจะพยายามทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและก้มหน้าก้มตาเขียนต่อไป โดยมีวิเชียรสังเกตอาการอยู่และอมยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก กับอาการช็อคเล็ก ๆ ของลูกพี่

“หน้าตาก็หล่อ ขาว ตี๋ เกาหลี นิสัยก็ดี ยิ่งพักนี้ยิ้มง่ายหัวเราะเก่ง ใครก็อยากคุยด้วย ผู้หญิงที่ไหนก็ชอบ มันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ใช่มั้ยวะพี่”

กูจะไปรู้ได้ไง ไม่เกี่ยวกับกูนี่หว่า

“เรื่องของมันไม่ใช่เรื่องของกู”

เหรอออออออออ

“แปลกนะคนเรา  มานั่งคิดว่านั่นผู้หญิงนี่ผู้ชาย โดยไม่สนใจความรู้สึกของตัวเอง  มัวแต่กลัวคำตัดสินจากสังคม ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของมันอย่างที่พี่ว่าเห้อะใช่มั้ยพี่”

อะไรของมึงวิเชียร   พูดจาแปลก ๆ

“ผมจะบอกให้ พี่มันดวงอาภัพคู่ มีแฟนมีเมียมีผู้หญิงมากี่คนพี่ก็โดนหลอกหมด พี่ไม่ลองเปลี่ยนบ้างล่ะ สมมติว่าถ้าไม่ใช่ผู้หญิงแล้วมันจะเป็นยังไง”

ไอ้ห่า.......มึงนี่คิดอะไรเหลวไหลเพ้อเจ้อใหญ่แล้วนะวิเชียร มึงจะพูดอะไรกันแน่วะ

“ก็แล้วแต่พี่นะ....พี่จะคิดยังไงก็แล้วแต่พี่.....แต่ถ้าเป็นคนนี้ผมว่าโคตรเหมาะสมกับพี่เลยว่ะ ขึ้นอยู่กับพี่แล้วแหละว่าจะกล้าหรือเปล่า.........กล้า ๆ หน่อยสิวะพี่ ของแบบนี้มันต้องอาศัยความกล้าหน้าด้าน.......ผมอ่ะไม่อะไรอยู่แล้ว ข้างบ้านผมก็มีแบบนี้อยู่คู่ ไม่เห็นมันจะไม่ดีตรงไหน คนเราอยู่ด้วยกันมีความสุข ช่วยกันทำมาหากิน ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใครก็พอแล้วมั้ง ผมว่า......”

กูไม่เข้าใจที่มึงพูดหรอกวิเชียร มึงพูดจามั่วซั่วไปกันใหญ่แล้ว บุ้งทำทีเป็นรวมเวลารถเข้า ทั้งที่จริง ๆ แล้วตั้งใจฟังที่วิเชียรพูดทุกประโยค

และ...........คิดตาม

“ห้าโมงเย็นแล้ว ผมไปตอกบัตรก่อนพี่ ยังไงก็ลองๆ คิดดูนะพี่.........แต่อย่าคิดนาน....ไม่งั้นเตรียมโดนหมาคาบไปแดกได้เลย”

หมาคาบไปแดก.......อะไรของมึงวะ พูดจามั่วซั่วไม่รู้เรื่องเลยนะมึงวิเชียร

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน คลิป 05/05/57 : 21.09 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 05-05-2014 23:43:46
ขี้หวงอ่ะพี่บุ้ง 5555...
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke (วิเชียร & เฮีย) ตอน เมื่อวิเชียรมุ้งมิ้ง
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-05-2014 23:45:00
บุ้งผลักประตูเข้าไปในแผนกขนส่ง สายตาไม่ได้มองไปที่เด็กฝึกงาน แต่มองเลยไปที่ถุงขนมหลายถุงที่วางไว้บนโต๊ะ อย่างที่วิเชียรว่า.............มีนมันได้ขนมมากินทุกวันจริง ๆ

“ใครซื้อมาฝากวะ”

หยิบถุงขนมเปิดดู ทำทีเป็นสนใจกับการหาขนมกิน แต่หู ตั้งใจฟังมาก

“อ๋อ พอดีวันนี้ขึ้นไปส่งบิลมา พี่เขาก็เลยให้มา กินสิพี่บุ้ง อะไรไม่รู้ ว่าจะกินก็ยังไม่ได้กิน ยังไม่ได้เปิดดูเลย”

บุ้งทำทีเป็นเปิดถุงและหยิบกล่องขนมขึ้นมาพิจารณาและขมวดคิ้วมุ่น ไม่มีใครซื้อขนมแพง ๆ แบบนี้มาฝากเด็กฝึกงานหรอก ถ้าไม่ใช่ว่าคนฝากมาให้ตั้งใจไปเดินเลือกซื้อมาให้โดยเฉพาะ

“เออ น่ากินนี่หว่า........เค้กอะไรวะ ของแพงซะด้วย มึงนี่ไม่ธรรมดาเว้ยเฮ้ย มีขนมแพง ๆ กินไม่แบ่งพี่มึงเลยนะ”

แกล้งทำเป็นแซว แต่อารมณ์ชักไม่ค่อยดีเท่าไหร่ และมีนที่กำลังคีย์บิลอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมองลูกพี่

“ไม่ชอบกิน   กินหมดมั่งไม่หมดมั่ง ผมก็บอกให้พี่กินไม่ใช่เหรอ กองท่วมอยู่ในตู้เย็นนั่นไง ก็ไม่เห็นพี่มาเปิดกินซักที”

มึงบอกกูตอนไหนวะ ทำไมกูไม่เห็นรู้เรื่องเลย แต่จะบอกว่าไม่รู้เรื่องก็ไม่ได้ ให้โทษตัวเองว่า...........ไม่เคยสนใจขนมที่ไอ้มีนบอกให้กินมากกว่า ..........สำหรับบุ้งในตอนนี้เรื่องขนมไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่ที่น่าสนใจคือคนให้ขนมมากกว่า.........กูอยากรู้นักว่ามึงคิดยังไง

“สาวให้มาหรือเปล่าว๊า สงสัยจะจีบมึงนะเนี่ย ซื้อแต่ขนมแพง ๆ ทั้งนั้น ใครซื้อให้วะ แล้วได้มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”

ได้มาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอพี่

ก็.....................

“ตั้งแต่มาฝึกแหละ เขาก็ให้มาตลอด เขาว่าเห็นผมชอบ  เขาเลยซื้อมาให้ ผมไปชอบกินแบบนี้ตั้งแต่ตอนไหนวะ นี่ผมก็ไม่รู้จะซื้ออะไรคืนเหมือนกัน เกรงใจเขา”

เหรอ นานแล้วสินะ พักใหญ่เลยด้วย กูไปอยู่ไหนมาวะทำไมไม่รู้เรื่อง แบบนี้มันเรียกว่าทอดสะพานแล้ว ไอ้เด็กห่านี่ก็พาซื่อเหลือเกิน ถ้ามึงซื้อตอบแทนนะ สงสัยจะไปกันใหญ่ เดี๋ยวผู้หญิงเขาจะเหมาว่ามึงมีใจ คราวนี้ล่ะซวยเลย

“แล้วชอบมั้ย มีคนซื้อขนมให้กินทุกวัน”

ไม่ชอบหรอกพี่

“ไม่ไหวพี่ เกรงใจเขา ไม่เอาก็ไม่ได้ เขาก็ยัดเยียดให้อยู่นั่น พี่คนอื่นก็บอกว่าให้รับ ๆ มาเหอะ เดี๋ยวจะเสียน้ำใจกัน ผมก็เลยรับมา  ไม่งั้นกลัวเขาเสียใจ”

อ่อ... แสดงว่าไม่คิดอะไร   แล้วก็แสดงว่ายังไม่ได้มีใจ

“กินมาก ๆ ระวังเขาใส่ยาเสน่ห์มาแล้วมันจะยุ่งนะมึง”

แกล้งขู่และมีนก็ทำคอย่น กับสิ่งที่บุ้งพูด

“โหพูดซะน่ากลัวเลยพี่ พี่กินไปสองคำแล้วแหละวะ พี่ก็โดนยาเสน่ห์ก่อนผมแล้ว ถ้างั้น”

เออ..... กูคงโดนยาเสน่ห์แหละ ไม่ใช่เพราะกินขนมนะ แต่เพราะเห็นหน้ามึง...........

“พี่จะกลับยัง รอหน่อยได้ป่ะ เดี๋ยวผมคีย์อีกสองใบ”

ก็เอาสิ ใครจะไปว่าอะไรวะ

พยักหน้าให้ และบุ้งก็แกะขนมกินไปเรื่อย กินไปมองหน้าเด็กฝึกงานไป สุดท้ายแกะช็อคโกแลตใส่ปากและป้อนให้มีนที่กำลังคีย์บิลสองใบสุดท้าย และมีนก็อ้าปากรับ เคี้ยวไปงั้น ๆ กินไปงั้น ๆ ไม่ได้คิดอะไร แต่คนป้อน .......เริ่มคิด........

“โคตรหวานอ่ะพี่”

บ่นพึมพำ และบุ้งก็เลิกคิ้วขึ้นสูง หยิบช็อคโกแลตอีกกล่องมาพลิกไปพลิกมาและก็อ่าน...........ไวท์ชอกโกแลต อันนี้ไม่น่าจะหวาน  แกะกล่องและหยิบช็อคโกแลตสีขาวมากัดครึ่งคำ เคี้ยวๆ ไปสองสามทีพอเห็นว่าไม่ค่อยหวานมาก ก็เลยป้อนที่เหลือให้กับมีน.......

“อร่อยป่ะ”

ก็พอกินได้นะพี่

“พี่ทำไมเอาอันที่พี่กินเหลือให้ผมกินวะ เอาอันใหม่ให้หน่อยก็ไม่ได้”

ก็ได้อยู่ มึงจะกินป่ะล่ะ
บุ้งแกะช็อคโกแลตอีกอัน และกำลังจะป้อนให้กับเด็กฝึกงานแต่ก็ต้องค้างอยู่แบบนั้น เมื่อวิเชียรเปิดประตูเข้ามา

และ..............เริ่มอมยิ้มแปลก ๆ

“อ้าวพี่วิเชียร จะกลับยัง นึกว่ากลับไปแล้วซะอีก”

จะกลับได้ยังไง ถ้ากลับก็ไม่ได้เห็นอะไรดี ๆ สิว๊า

“พี่มาเอาขนม”

อ๋อ ขนมเหรอ

มีนลุกขึ้นและเดินไปเปิดตู้เย็นที่มีถุงขนมหลายถุงและจัดการเอามารวมกันไว้ในถุงเดียว ในถุงมีหมดทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเค้ก ช็อคโกแลต คุกกี้ หรือขนมปังแบบต่าง ๆ ที่เมื่อมองดูแล้ว คงมีราคาไม่น้อย

“ฝากให้ตัวเล็กด้วยพี่ เขาก็ขยันซื้อจริงๆ บอกว่าไม่ต้องซื้อก็ยังจะซื้อ ผมก็เกรงใจ กินยังไงจะหมดล่ะพี่ เยอะขนาดนี้”

บ่นไปเรื่อย สายตาคนบ่นไม่ได้มองเลยสักนิดว่าวิเชียรไม่ได้มองที่ขนมแต่มองไปที่..........ลูกพี่ที่กำลังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

บุ้งแกล้งเคี้ยวช็อคโกแลตไปเรื่อย ทั้งที่อ่านสายตาของวิเชียรที่ส่งมาออก

........ผมบอกพี่แล้วไง.........คราวนี้เชื่อผมแล้วหรือยัง.....ถ้าพี่ยังไม่รีบแล้วโดนหมาคาบไปแดก อย่ามาหาว่าไอ้วิเชียรไม่เตือน..............

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke (วิเชียร & เฮีย) ตอน เมื่อวิเชียรมุ้งมิ้ง
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-05-2014 23:45:34
“อยากดูเรื่องที่มันเป็นคนเดียวกันแล้วมันก็ตามหากัน อีกคนมันไปโจรกรรม อีกคนก็ไล่ตามจับ ทั้งที่มันไม่รู้เลยว่าที่แท้เป็นตัวมันเอง”

อ๋อ

“เรื่องไฟว์คลับ”

เออใช่ ๆ พี่

“แล้วก็อีกเรื่องเป็นผู้หญิงแล้วก็ตามหาคนที่ฆ่าญาติตัวเอง ตามไปตามมาที่แท้เพิ่งมารู้ว่าเป็นตัวเอง”

เรื่องอะไรวะ

“คุ้น ๆ อยู่ จำชื่อเรื่องไม่ได้ แต่ที่บ้านมี”

มีนหันมามองลูกพี่ ที่ไม่ว่าพูดถึงหนังเรื่องไหนก็มีเก็บไว้หมดทุกเรื่อง

“บ้านพี่เป็นร้านเช่าหนังหรือไง มีแม่งหมดทุกเรื่องเลยว่างั้น”

อ้าว แล้วมันผิดหรือไง ที่กูจะมีหนังที่มึงว่า ก็กูชอบดู กูก็ซื้อเก็บ แผ่นแท้เก็บได้นาน คุณภาพก็ดีกว่า

“ยุ่งกับชีวิตกูจังเลยเนอะ ตังค์กู กูจะซื้ออะไรมาเก็บมาดูมันก็เรื่องของกู”

ทำเป็นอารมณ์เสียไปได้ลูกพี่บุ้งนี่ล่ะก็

“เดี๋ยวก็ได้หยุดตั้งสองวันไม่รู้จะทำอะไร ยืมหนังดูหน่อยดิพี่ ได้ป่ะ”

ได้มันก็ได้อยู่ แต่กูจะรู้มั้ยว่ามึงจะเอาเรื่องไหน

“ว่างเหรอ”

ก็ว่างอยู่นะพี่ มีนพยักหน้ารับ และบุ้งก็พยักหน้าตาม

“ว่างมึงก็ไปเลือกเอาสิ มีเยอะแยะ จะดูเรื่องไหร่ก็ไปเลือกเอา ดูจบแล้วค่อยเอามาคืน”

จริงดิ

“ไปบ้านพี่ได้เหรอวันนี้”

แล้วทำไมไปไม่ได้วะ

“เออออออ ....... แล้วตกลงมึงจะไป..ไม่ไป”

ไปสิพี่ ไป ไป

“แล้วพี่ไม่ไปเก็บศพเหรอวันนี้”

ก็ว่าจะไปอยู่ แต่มึงจะไปบ้านกู แล้วจะให้กูไปเก็บศพหรือไง อย่าปัญหาเยอะนักเลยวะ เรื่องของกู กูจัดการเองได้

“ไม่ต้องไปบ้านกูแล้วมั้ง ถามมากอยู่ได้ กูรำคาญจริง ๆ ปัญหาเยอะนักนะมึง”

ไปเซ่ ไป ไป ไม่ถามมากแล้วพี่บุ้งไม่ถามมากแล้ว

“แล้วทำไมช่วงนี้พี่เอารถมาบ่อยจัง ไม่ขี่มอร์ไซด์มาวะ”

มึงก็เสือกสงสัยอยากจะรู้ชีวิตกูอยู่นั่น ก็..........อยากให้มึงนั่งสบาย ๆ บ้าง.............ไม่ได้หรือไง
คิด.........แต่ไม่ได้พูด บุ้งขมวดคิ้วมุ่นและกำลังค้นหาแผ่นซีดีมาเปิดฟัง และคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็เหมือนรู้ใจ

“เอลวิสนะพี่”

เออ เอลวิสนั่นแหละ

พยักหน้ารับ และมีนก็รีบจัดการใส่แผ่นซีดีเข้าไปในเครื่องและบทเพลงก็เริ่มต้นขึ้น ด้วยท่วงทำนองเป็นเอกลักษณ์ในยุคที่บทเพลงประเภทนี้เฟื่องฟูถึงขีดสุด มีนไม่ได้ชอบฟัง ไม่ชอบและไม่เคยคิดจะฟังเลยสักนิด ไม่เคยคิดเลยว่าจะชอบ..........แต่พอฟังไปฟังมา มันก็เหมือนจะไพเราะขึ้นทีละเล็กทีละน้อย เหมือนคนที่อยู่ข้าง ๆ ที่แม้เริ่มแรกจะไม่ได้นึกชอบเลย
แต่พอผ่านไปนานวันเข้าก็รู้สึก........ชอบ....และอยากอยู่ใกล้ ๆ ตลอดเวลา ทีละเล็กทีละน้อย

“เพลงนี้ก็เพราะดีเหมือนกันนะพี่”

“kiss me quick (http://www.youtube.com/watch?v=VPDY8NU3N0o)…..ทำไมวะ... ชอบเหรอ... มึงอยากโดนจูบแบบเร่งด่วนว่างั้น”

อ่า.........เปล่าเลยพี่ พี่ก็พูดไป
มีนไม่รู้จะทำหน้ายังไง เวลาที่ถูกแกล้งพูดหยอกล้อใส่แบบนั้น เลยรีบกดเปลี่ยนไปเพลงอื่นและมาสะดุดกับเพลงช้าที่มีทำนองเรียบเรื่อยไพเราะ พร้อมกับเสียงทุ้มต่ำนุ่มนวลของเจ้าของเสียง

“Love Me Tender (http://www.youtube.com/watch?v=Txh5l7cQXa0)”

เหรอพี่

มีนพยักหน้ารับ และมองเลยไปที่ลูกพี่ที่กำลังมองตรงมาและส่งสายตาแปลก ๆ มาให้

แล้วพี่จะมองหน้าผมแบบนั้นทำไมวะ

“อยากจะทำแบบชื่อเพลงมั้ย งั้นพี่สัญญาจะรักมีนแบบนุ่มนวล..........เบา ๆ”


TBC.


หัวข้อ: @รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke (วิเชียร & เฮีย) ตอน เมื่อวิเชียรมุ้งมิ้ง
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 05-05-2014 23:45:41
มาอีกมั้ยจะรอ555555555555555 :hao4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke (วิเชียร & เฮีย) ตอน เมื่อวิเชียรมุ้งมิ้ง
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 05-05-2014 23:50:07
อิเชียร บ่างช่างยุ
ซ้าทุ ยุขึ้นๆหน่อยพี่
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke (วิเชียร & เฮีย) ตอน เมื่อวิเชียรมุ้งมิ้ง
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 05-05-2014 23:52:51
เอาเลยๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke (วิเชียร & เฮีย) ตอน เมื่อวิเชียรมุ้งมิ้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 05-05-2014 23:57:21
พี่เชียร....พี่มุ้งมื้งมากอ่ะ!

พี่เชียรก็ยุพี่บุ้งจัง และท่าว่าจะยุขึ้นด้วยนะ อิอิ
ตอนท้ายนี่หวานเชียว รักแบบนุ่มนวล
เอิ้ววว ค่อยๆรักกันเบาเบา  :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน เพลง 06/05/57 : 0.01 น.
เริ่มหัวข้อโดย: zhanzhao ที่ 06-05-2014 00:01:14
 :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน เพลง 06/05/57 : 0.01 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Zalzah_iP ที่ 06-05-2014 00:04:14
เรื่องอื่นอยากอ่านต้องรอเป็นวัน
เรื่องนี้ครึ่งชั่วโมงปุ๊บได้อ่านเลย 5555
แบบ อะไรวะ อัพอีกและ !
ไวมากกกกกกกกก อ่านจุใจไปเลย 55555
รอๆๆๆๆ เฮียบุ้งคิดจะเคลมเด็กหราาาา5555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน เพลง 06/05/57 : 0.01 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 06-05-2014 00:18:21
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/02/ไฟล์เปล่า1Nn1wd.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง.....ตอน อยากได้ซีดีหนังเป็นเหตุ

นี่มันโกดังสำหรับเก็บซีดีหนังชัด ๆ มีนกำลังอึ้งเพราะแผ่นซีดีและดีวีดี ที่จัดเรียงกันเป็นตั้ง วางเรียงเต็มตู้ และยังมีเหลืออยู่นอกตู้อีกหลายตั้ง ขนาดความสูง.....เท่าความสูงของคนตัวสูง ๆ หนึ่งคน และไม่ใช่แค่แผ่นซีดีและดีวีหนังเท่านั้น   แต่เป็นเครื่องเล่นซีดีพร้อมกับโฮมเธียเตอร์ชุดใหญ่ และโทรทัศน์จอแบนขนาดใหญ่ยักษ์ ซึ่งเมื่อพิจารณาดูแล้ว นี่มันโรงหนังในบ้านขนาดย่อม ๆ เลยนี่หว่า

“คราวก่อนที่มา ทำไมพี่ไม่พาผมมาห้องนี้วะ เอาผมไปนอนกองในห้องอยู่ได้ ผมเลยอดเห็นอะไรดี ๆ เลย ถ้าผมรู้ว่าพี่นี่ระดับร้านเช่าหนังล่ะก็ ผมคงไม่ต้องไปเช่าหนังดูให้เสียเงิน”

กูจะไปรู้มึงมั้ย ว่ามึงก็ชอบดูหนัง ตกลงความผิดกูอีก

“มึงเลือกไปก่อน อยากได้อันไหนหยิบเอา เดี๋ยวหาถุงมาใส่ให้ กูไปอาบน้ำก่อน ร้อนชิบหาย”

เอาเลยพี่ จะอาบน้ำ กินข้าว แปรงฟัน ดำน้ำดูปะการังอะไรก็เอาเถอะ พี่จะไปทำอะไรพี่ก็ไปทำตามสบายเลยพี่ ตอนนี้ผมกำลังเพลิดเพลินกับกรุสมบัติอยู่

มีนไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ยืนมองและพิจารณาแผ่นซีดีกองโตสูงท่วมหัวแล้วก็นึกดีใจ

“เอาวะ ดูซักปีสองปีก็ไม่หมดหรอกแบบนี้ แบบนี้โคตรจะดี.......จะได้ประหยัดค่าเช่าหนังไปได้อีกตั้งเป็นปี”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน เพลง 06/05/57 : 0.01 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 06-05-2014 00:18:55
มีนกำลังเลือกแผ่นซีดีอยู่ อ่านที่ปกหลังของหนังหลาย ๆ เรื่องแล้วก็อยากจะดูไปหมดซะทุกเรื่อง ดีนะ จัดเป็นคอลเลคชั่นเลย อันนี้หนังบู๊  อันนี้หนังรัก อันนี้หนังสยองขวัญ แม่งมีทุกแนวเหอะ สวรรค์กูเลยงานนี้

เลือกแผ่นหนังไปได้ปึกใหญ่ นานเกือบเป็นชั่วโมงแล้วแต่ก็ไม่เห็นวี่แววของพี่บุ้งที่บอกว่าจะไปอาบน้ำแต่ก็หายตัวไปชนิดเงียบกริบ     ซึ่ง........มีนก็ไม่ได้แคร์อะไร ไปเหอะ ไปไหนก็ไป กูก็เลือกหนังของกูไป พี่บุ้งจะไปไหนก็เรื่องของมัน

“ใครส่งอะไรมาวะ”

เสียงสัญญาณเรียกเข้าในโทรศัพท์ทำให้มีนต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู...........

“โคตรเด็ด”

อ่านชื่อไฟล์ที่ส่งมาจากพี่วิเชียรแล้วมีนก็เริ่มเหลียวซ้ายแลขวา ที่จริงก็รู้อยู่หรอกนะว่ามันคืออะไร แต่ไหน ๆ พี่บุ้งก็ยังไม่อยู่ตอนนี้ กูขอ.........ซักนิดดดดดดดดดดด เหอะวะ

กดดาวโหลด และในเวลาไม่นานก็ปรากฏภาพตัวอย่าง

..........เลือกเล่นไฟล์เลยแล้วกันนะ……….แต่ปิดเสียงไว้ก่อน ถ้าพี่บุ้งมา กูจะได้แกล้งเนียนกดปิดได้ทัน

ภาพเคลื่อนไหวการเริงรักระหว่างชายหญิงคู่หนึ่งชวนให้ใจเต้นระทึก

มีนเพ่งสายตามองไปที่ภาพเคลื่อนไหวในโทรศัพท์และก็เริ่มเม้มปากแน่น เงยหน้าขึ้นมองหลายครั้งเพื่อดูให้แน่ใจว่าคนที่หายไป จะยังไม่กลับมาในเวลานี้ เหํ็นแบบนั้นแล้วมีนก็ชักเริ่มจะอดใจไม่ไหว ขอเปิดเสียงเพิ่มอีกหน่อยเหอะวะ……..

กูโคตรอยากฟัง

“อ๊ะ อ๊ะ อ๊า แรง ๆ อีกพี่ แรง ๆ”

แรงขนาดนี้ กูล่ะอยากจะแรงตามซะให้ได้ สายตาจ้องไปที่หน้าจอโทรศัพท์และมีนก็รู้สึกว่า........ร่างกายตัวเองมันชักเริ่มจะไม่ปกติขึ้นมาซะแล้ว   ใจเย็นไว้...........นี่ไม่ใช่ที่บ้านนะเฮ้ย อย่าเพิ่ง มีนอย่าเพิ่ง

“โคตรเด็ดเลยวะ แม่ง แตกในซะด้วย”

บ่นพึมพำคนเดียวและสายตาก็ยังจ้องมองไปที่ภาพเคลื่อนไหวในโทรศัพท์ด้วยหัวใจที่เต้นระทึก
แม่ง.........ใจเย็นก่อนดิ ใจเย็นก่อน แต่แม่ง นี่กูก็ใจเย็นก่อน จนจะเย็นไม่ไหวอยู่แล้วนะ..........

“ทำอะไรอยู่วะ”

ห๊ะ.......ทำอะไรอยู่เหรอ ทำอะไรอยู่

ถึงกับสะดุ้งเมื่อถูกเอ่ยทัก และโทรศัพท์ก็ร่วงหลุดจากมือ    จากที่คิดว่าจะรีบปิดให้ไว ในเวลานี้มีนกำลังคว้าโทรศัพท์ที่หล่นกลับมาไว้ในมือและกดผิดกดถูกจนกลายเป็นการเร่งเสียงให้ดังขึ้นเรื่อย ๆ

"อ๊าส์ ซี้ดดดดดดดส์ แรง ๆ อีกจะเสร็จแล้ว...."

“เฮ้ยยยยยยยยยยย”

เสียงครางร้องด้วยอารมณ์ของผู้หญิงในโทรศัพท์ยิ่งดังเพิ่มขึ้นผสมกับเสียงครางของผู้ชายที่ดังไม่แพ้กัน และมันก็ดังมากซะจน บุ้งที่กำลังใช้ผ้าขนหนูเช็ดที่เส้นผมยิืนนิ่งค้างและชะงักมือที่กำลังเช็ดผม

“มึงดูคลิปโป๊อยู่เหรอวะมีน”

เหี้ยเอ้ย ...........

มีนรีบกดปิดเครื่องโทรศัพท์ให้จบ ๆ ไป  โดยมีสายตาของบุ้งมองตาม

“ให้มาเลือกหนัง มึงเสือกมาดูคลิปโป๊เหรอวะ มึงนี่ยังไง ถ้าเงี่ยนขนาดนั้นไม่ไปดูที่บ้านซะให้หมดเรื่อง ดูไปดูมาแล้วเกิดมึงของขึ้น แล้วจะทำยังไง อย่าบอกนะว่ามึงจะ...........ชักว่าวที่บ้านกู”

เฮ้ยยยยยยยยยย มันใช่ที่ไหนวะพี่ มันใช่ที่ไหนล่ะ ผมก็รู้จักมีกาลเทศะบ้างหรอกเฮ้ย ไม่ใช่คนมักง่ายอะไรขนาดนั้น

มีนไม่รู้จะพูดยังไง ไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่ก้มหน้าก้มตานั่งชันเข่าและทำทีเป็นสนใจอยู่กับการเลือกหนัง
ทั้งที่.........สติกระเจิงไปเรียบร้อยตั้งนานแล้ว รวมทั้งร่างกายก็ดูเหมือนจะกระเจิงตามไปด้วย

“...........เลือกได้เยอะยัง ไหนมาดูซิ มึงเอาเรื่องอะไรไปบ้าง”

บุ้งเดินมานั่งอยู่ข้าง ๆ มีน หยิบซีดีหนังที่มีนเลือกมาพลิกดู สายตาไม่ได้มองที่หนัง แต่มองไปที่หน้าของมีน

“พี่มองทำไม......พี่จะมองหน้าผมทำไมวะ”

มองทำไมก็ช่าง........แต่หน้ามึงแดง....แล้วไอ้ท่าทางลุกลี้ลุกลนก้มหลบสายตานั่นมันหมายความว่ายังไง

“เอาเรื่องนี้เหรอ”

อือ เอาเรื่องนี้

มีนพยักหน้ารับ และบุ้งก็พยักหน้าตาม แต่สายตายังไม่ละไปจากใบหน้าของมีน ที่ก้มต่ำ แต่แก้มแดงเถือกไปถึงไหนต่อไหน
ยิ่งมอง ยิ่งแปลก ยิ่งมองยิ่งรู้สึกชอบ ชอบจนต้องยื่นมือไปแตะบา ๆ ที่แก้มขาว ๆ ที่ขึ้นสีแดงเรื่อนั้น

“อะไรพี่ มาจับหน้าผมทำไม”

ไม่ยอมให้จับแถมยังผลักมือของบุ้งให้ออกห่าง แต่ถ้าบุ้งอยากจับ ใครจะห้ามไหว

“อย่าดื้อสิ”

อะไรล่ะพี่บุ้ง....... อะไร
เงยหน้าขึ้นมองหน้าของคนที่มาแกล้งหยอก และมีนก็ถึงเพิ่งได้เห็น สายตาของคนที่มองมา..........ไม่เหมือนที่เคยเห็น
แววตาที่มองมาไม่เหมือนอย่างที่พี่บุ้งเคยมอง......... ยังไงก็ไม่เหมือน.......

“ถ้าพี่ไม่มา มีนจะทำอะไรกับตัวเองหรือเปล่า”

ทำได้ไงวะพี่ พี่เห็นผมเป็นคนยังไง ผมไม่ได้หน้ามืดขนาดนั้น..........นะ

“มีนกำลังมีอารมณ์หรือเปล่า”

ไม่.........ไม่รู้..........พี่ทำไมมาถามผมแบบนี้วะ

“ผม....พี่.... ผมกลับแล้ว........”

ทำท่าจะลุกขึ้น แต่ก็ไม่สามารถลุกขึ้นได้ เพราะคนไม่ยอมให้ลุกมีนจะลุกหนีไปได้ยังไง บุ้งยึดแขนของมีนเอาไว้ และดึงให้มาเผชิญหน้ากัน

“ไม่ได้ให้หนี ถามอยู่ ทำไมไม่ตอบ”

แล้วจะให้ตอบยังไง แล้วพี่จะให้ผมตอบยังไง

“พะ....พี่...พี่บุ้งอย่าเล่นดิ.....พี่...พี่อย่ามา.........เล่น”

“ดูหน้าพี่ซะก่อนว่าเล่นหรือเปล่า”

ได้ยินสิ่งที่บุ้งพูดและมีนก็เงยหน้าขึ้นมามอง นิ่งมองสบตาดวงตาคมคู่นั้น ที่มองตรงมา
มองนิ่งตรงมา.....จับจ้องมาที่ใบหน้าของมีนนิ่ง ๆ และเมื่อมีนเผลอจ้องลึกไปที่ดวงตาคู่นั้นก็ไม่มีคำว่า....เล่น...ให้มีนได้เห็นเลย........

“ไม่เอา ผมจะกลับบ้านแล้วพี่บุ้ง ผมจะกลับบ้าน”

ไม่ใช่ว่าคิดจะหนีก็หนีได้ง่าย ๆ ในเวลานี้มีนถูกรั้งให้ร่างกายมาคร่อมทับอยู่เหนือร่างของบุ้งเรียบร้อยแล้ว และคนที่รั้งเอาไว้ก็กอดเอวมีนเอาไว้แน่น แน่นจนบางอย่างที่ตื่นตัวขึ้นมาของมีน สัมผัสกับหน้าท้องของคนกอด.......... และบุ้งก็รู้.............. มีนยิ่งกว่ามีอารมณ์

“พี่บุ้ง…..พี่บุ้งอย่าแกล้งผมสิ พี่บุ้งอย่าแกล้งผมได้มั้ย พี่บุ้งอย่าแกล้ง”

ผลักให้คนกอดถอยห่าง แต่ยิ่งผลักยิ่งถูกรั้งให้เข้ามาหา

“พี่บุ้ง อย่าแกล้ง..........อย่า........”

มีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่รู้อะไรอะไรเลย รู้แค่ว่าหลังคำพูดนั้น ริมฝีปากของคนที่กอดรัดเอาไว้ก็ประกบแนบสนิทเข้ากับริมฝีปากของมีน กดแนบลงมาแม้ไม่หนักหน่วง แต่ก็มากพอที่จะทำให้มีนถึงกับนิ่งงัน ตัวแข็งทื่อ และฝ่ามือที่กำลังยันแผ่นอกของบุ้งเอาไว้ ก็เหมือนจะอ่อนเปลี้ยและหมดเรี่ยวหมดแรงลงไปดื้อ ๆ

“อืออออ อื้อ”

ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่รู้ว่าทำไมหัวหมุน  ไม่รู้ว่าทำไมหายใจไม่ออก ไม่รู้ว่าริมฝีปากร้อนรุ่มที่เคล้าเคลียไม่ห่างไล้เรื่อยไปที่ซอกคอตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าเผลอโอบรัดรอบคอของคนกอดได้ยังไง ไม่รู้ตัวแม้กระทั่งว่าส่วนกึ่งกลางของร่างกายถูกปลดปล่อยออกมาตอนไหน ไม่รู้อะไรเลย จนกระทั่ง ได้ยินน้ำเสียงแผ่วระโหยที่ซอกคอ กระซิบบอกกับมีนเสียงเบา

“มีนห้ามดื้อกับพี่นะมีน”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน เพลง 06/05/57 : 0.01 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 06-05-2014 00:19:59
มีนกำลังนั่งอยู่นิ่งๆ น้ำตาไหลหยดเป็นทาง และซุกหน้าอยู่กับอกของคนที่ทำให้มีนต้องแสดงอารมณ์ของตัวเองจนถึงที่สุด

“มีนเช็ดก่อนมั้ย เปื้อนไปหมดแล้ว”

เหี้ย แม่งเลวร้ายสุด ๆ แค่ร้องไห้ยังไม่พอ ต้องมานั่งเช็ดน้ำของตัวเองที่เปรอะที่กางเกงและกระเด็นไปโดนหน้าท้องของพี่บุ้งด้วย
เป็นเรื่องที่โคตรเหี้ยที่สุดในชีวิตแล้วตั้งแต่เกิดมา

“มา.......พี่เช็ดให้”

ไม่เอา......

มีนส่ายหน้าและยังก้มหน้าก้มตาเช็ด ทั้งที่ตอนนี้ยังคร่อมทับอยู่บนตักบุ้ง และบุ้งก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงให้ไอ้เด็กที่กำลังร้องไห้จนตาแดงรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง

“เป็นไรอ่ะ ร้องไห้ทำไม”

เกลี่ยปลายนิ้วเบา ๆ ที่เส้นผมที่ปรกลงที่หน้าผากของคนที่ก้มหน้าก้มตาเช็ดแล้วมีนก็ยิ่งร้อง

“เหี้ยมากพี่ แม่งเป็นเรื่องที่โคตรเหี้ยมาก ฮือออออ”

ได้ยินเสียงพูดของคนที่เช็ดไปด่าตัวเองไป แล้วบุ้งก็เลิกคิ้วขึ้นสูง ไม่ใช่ไม่สำนึกหรอกว่าทำอะไรลงไปบ้าง
แต่ตอนนั้นจะให้สำนึกยังไงไหว ที่สำคัญหลังทำลงไปแล้ว บุ้งไม่รู้สึกเสียใจเลยซักนิด ทั้งที่ไอ้มีน........ร้องไห้จะเป็นจะตาย

.........ซึ่งเป็นการร้องไห้ที่บุ้งไม่คิดอยากจะปลอบเลยซักนิด ก็มึงเล่นร้องไห้ไป หน้าแดงไป พูดจาไม่รู้เรื่องไปด้วยนี่หว่า

โคตรน่ารักเหอะวะ ใครจะไปอยากห้าม ใครที่ไหนจะไปอยากให้มึงหยุดร้อง

“เหี้ยตรงไหนวะ คนมันมีอารมณ์เว้ย มันก็ต้องปลดปล่อยเรื่องธรรมดาไม่ใช่เหรอวะ มึงคิดมากอะไรขนาดนี้วะเนี่ย ร้องจนตาแดงหมดแล้ว ไอ้มีน”

คือมันก็จะไม่เป็นไรไงพี่ ถ้าผมทำคนเดียว แต่นี่ผมเสือกให้พี่ทำให้ไง ผมเลยไม่รู้จะทำหน้ายังไงดีแล้วตอนนี้ พี่เข้าใจมั้ยพี่ พี่เข้าใจผมมั้ย พี่เข้าใจผมมั้ยวะ ไอ้ห่าพี่บุ้ง

“พี่แม่งไม่เข้าใจ ฮืออออออออออ พี่แม่งไม่เข้าใจผมหรอก”

เอออออออออออ กูไม่เข้าใจมึงหรอก ที่กูเข้าใจคือมึงพูดไปร้องไห้ไป มันโคตรน่ารัก จนกูจะอดใจไม่ไหวอยากจะทำให้มึงอีกซักรอบอยู่แล้วเนี่ย

“ถ้ามึงไม่หยุดร้อง กูจะทำให้มึงแตกอีกรอบนะ เอามั้ย”

ห๊ะ

มีนเงยหน้าขึ้นมองหน้าของคนขู่ และบุ้งก็ทำหน้าจริงจังจนมีนต้องยกหลังมือขึ้นเช็ดน้ำตาของตัวเองทันที
กูหยุดร้องแล้ว กูหยุดตอนนี้เลยวะ พี่ไม่ต้องทำนะ ผมหยุดร้องได้แล้ว

ท่าทางที่ดูแปลกประหลาดแบบนั้น สำหรับบุ้งมันดูน่ารักที่สุด น่ารักจนเผลอยิ้มออกมา และยังจ้องหน้าของมีนไม่เลิก

“ตกลงเลือกหนังได้กี่แผ่น ให้พี่ช่วยเลือกเพิ่มมั้ย อยากได้เรื่องไหนบอกพี่ เดี๋ยวพี่หาให้”

ไม่เอาแล้ว พอแล้ว
มีนส่ายหน้าและบุ้งก็พยักหน้าเข้าใจ

“เอาแค่ที่เลือกไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่เอาใส่ถุงให้ มีนจะได้มีหนังดูช่วงวันหยุด ตกลงนะ”

ตกลง.....ก็ตกลง

บุ้งค่อยๆ ขยับตัว และมีนที่นั่งคร่อมทับอยู่บนตักของบุ้งมาพักใหญ่ก็เหมือนเพิ่งรู้สึกตัว ยอมลุกขึ้นยืนและถอยออกห่าง
มองคนที่หยิบแผ่นซีดีใส่ลงไปในถุงกระดาษให้แล้วมีนก็นึกอนาถตัวเองขึ้นมาในใจ นี่กูเลือกซีดียังไงวะ ถึงได้เกือบเสียตัวให้พี่บุ้งมันซะแล้ว กูเลือกยังไงของกู แม่ง.........มึงเลือกยังไงของมึงวะห่ามีน

“แล้ว.......ดึกป่านนี้...งั้นวันนี้มีนค้างบ้านพี่มั้ย”

ใครจะค้างวะ ขืนค้างกูมีสิทธิ์มากกว่าเสียน้ำแน่ ๆ เผลอ ๆจะพาลเสียตัวให้ไอ้พี่บุ้งอีก ดูทรงแล้วไม่น่าจะรอด

“กลับ....กลับดิพี่.......อยู่ทำไม”

นั่นสิ อยู่ทำไม

“อยากรู้ป่ะ ว่าอยู่ทำไม”

กูไม่อยากรู้หรอกโว้ยยยยยยยยยย

“พี่บุ้ง.....ปล่อยผมกลับบ้านเหอะ ขอร้อง”

อ่อ ขอร้อง ถ้าขอร้องก็ย่อมได้

“ผมกลับตอนนี้เลยได้มั้ย พี่ไม่ต้องไปส่งผมก็ได้ ผมกลับเองก็ได้พี่ เดี๋ยวผมกลับเอง”

ตั้งท่าจะหันหลังกลับและก็ถูกบุ้งดึงมือเอาไว้

“พี่ไปส่งสิ จะให้........เมีย........กลับเองได้ไง”

ห๊ะ

พี่ พี่ พี่.........ไอ้........พี่.........บุ้ง.........ฮืออออออออ กูอยากจะร้องไห้อีกรอบ
ไม่ได้พูด มีนไม่ได้มีโอกาสจะพูดอีก เพราะคนที่บอกว่าจะไปส่งเดินหิ้วถุงใส่แผ่นซีดีนำหน้าไปแล้ว โดยที่ไม่ลืมดึงมือของมีนให้เดินตามด้วย

ไม่ใช่ดึงมือ แต่เป็นจับมือ และมีนก็มองที่มือของตัวเองที่ถูกพี่บุ้งจับเอาไว้และจูงให้เดินมาด้วยกัน

“น่าจะค้าง จะได้รู้ว่าค้างทำไม ค้างแล้วได้อะไร”

ไม่ค้างโว้ย กูไม่ค้างเด็ดขาด ยังไงก็ไม่มีทางค้างแน่ ๆ

“ค้างผมก็ได้เป็นเมียพี่อย่างที่พี่วิเชียรว่าสิ..........ใครจะค้างให้โง่ ให้ตายก็ไม่เอา”

เหรอ

บุ้งกำลังยิ้ม แค่ยิ้มไม่พอ ยังหันมาบอกคนที่พูดไปหน้าแดงไปแถมยังส่ายหน้าไปด้วย

“ก็ไม่เห็นเป็นไร.......ตอนนี้ไม่เอา มาค้างบ่อย ๆ เข้าเดี๋ยวก็ยอมให้........เอา..........เองแหละ…….ใช่มั้ยมีน”



TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน เพลง 06/05/57 : 0.01 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 06-05-2014 00:27:22
อิพี่บุ้งงงงงง อร๊ายยยยยยยยยยย  :m3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน เพลง 06/05/57 : 0.01 น.
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 06-05-2014 00:36:31
โอยยยยยยยยย อยากอ่านต่อเร็วๆค่ะ แรกๆ ยังอ่านไม่ค่อยเข้าใจ แต่พออ่านไปได้บท สองบทเลยอ๋อ ตัวละครแต่ละตัวจะบอกความรู้สึกของเค้าเอง  อ่านแล้วยิ่งสนุกค่ะ 

ยิ่งตานล่าสุดด้วยความ โอยยยยยยยย คนอ่านตายไปเลยยยยยย เขินแทนมีน  :z3: 5555555 พี่บุ้งนับวันยิ่งน่ารักอ่ะ

ขอบคุณนะคะ   :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน เพลง 06/05/57 : 0.01 น.
เริ่มหัวข้อโดย: LEksUp ที่ 06-05-2014 00:40:56
ได้กันเหอะ นะ นะ นะ

ขอร้อง  :z2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน เพลง 06/05/57 : 0.01 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 06-05-2014 00:49:48
 :o8: พี่บุ้งนะพี่บุ้ง คิดจะรุกก็ไม่ให้น้องตั้งตัวเลยเนอะ
อยากอ่านวิเชียรกับเฮียอีกอ่า
ชอบมากเวลาทุกคนเรียกน้องมีนว่าเกาหลี น่ารักกก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ซีดีหนังเป็นเหตุ 06/05/57 : 0.58 น.
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 06-05-2014 01:07:59
รวบรัดเสร็จสรรพกันไปเลยทีเดียว :katai5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ซีดีหนังเป็นเหตุ 06/05/57 : 0.58 น.
เริ่มหัวข้อโดย: meeoldly ที่ 06-05-2014 01:41:00
 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ซีดีหนังเป็นเหตุ 06/05/57 : 0.58 น.
เริ่มหัวข้อโดย: bozang ที่ 06-05-2014 02:05:35
ตามอ่านมาสองสามวันแล้ว ทนไม่ไหวขอเม้นท์หน่อย
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด
อิพี่บุ้ง เอาไป 10 10 10
 :katai2-1:
น้องเขินหมดแล้วเว่ยเฮ่ยยยยยยย

มีนคือแบบ...ไม่ยอม แต่ก็ไม่ได้รังเกียจอะไรนะเคอะ คริคริคริคริคริ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ซีดีหนังเป็นเหตุ 06/05/57 : 0.58 น.
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-05-2014 02:16:33
โอ้ย!! คุณพระอยากจุดพลุฉลองชัยกับตอนล่าสุดพี่บุ้งรุกคืบจริ.ๆพัฒนาเร็วมาก
โคตรตกใจกับตอนของวิเชียรจริงๆ ที่เคยคิดไว้นะ วิเชียรเป็นชายวัยกลางคน ประมาณคนอายุสี่สิบ อารมณ์ประมาณตัวประกอบตัวฮาของเรื่อง ลูกน้องพระเอก อะไรแบบนี้ พอเห็นรูปและเรื่องของเขาเล่นเอาหงายเงิบเลย 5555 ตลกดี
*** รักคนแต่ง ให้ใจคนโพสต์ มาเร็วมาบ่อยเล่นเอาว่างโทรศัพท์ไม่ลงเลยต้องคอยเช็คอยู่ทุกชั่วโมงว่ามาหรือยัง  :pig4: หลายๆเด้อ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ซีดีหนังเป็นเหตุ 06/05/57 : 0.58 น.
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-05-2014 02:50:15
 :hao6:


แมนๆ คุยกัน งานนี้ 55
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ซีดีหนังเป็นเหตุ 06/05/57 : 0.58 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 06-05-2014 04:31:29
หึ.....พี่บุ้งธรรมดาซะที่ไหน.....
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ซีดีหนังเป็นเหตุ 06/05/57 : 0.58 น.
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 06-05-2014 04:35:33
 :-[ มุ้งมิ้ง
หัวข้อ: @รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ซีดีหนังเป็นเหตุ 06/05/57 : 0.58 น.
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 06-05-2014 06:15:15
น้ำแรกมาแล้ว :hao4:มาแอบดูน้ำต่อไป :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ซีดีหนังเป็นเหตุ 06/05/57 : 0.58 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 06-05-2014 06:23:02
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/02/ไฟล์เปล่า1Nn1wd.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง.....ตอน กองเชียร์

เช้านี้หัวหน้าแผนกขนส่งเดินไปยืนชะเง้อชะแง้อยู่หน้าประตูโรงงานหลายรอบ แล้วก็ส่ายหน้าด้วยความไม่พอใจที่ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเด็กฝึกงาน เดินวนไปวนมาจากหน้าโรงงานไปแผนกขนส่งหลายรอบ  จนวิเชียรที่กำลังกินน้ำเต้าหู้กับปลาท่องโก๋อยู่ที่เคาร์เตอร์เช็คเวลา ชักเริ่มสงสัย แบบนี้มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ ๆ ไม่งั้นลูกพี่กูไม่เดินไปเดินมาแบบนี้หลาย ๆ รอบหรอก

“เป็นไรพี่ ลุกเดินไปหน้าโรงงานหลายรอบแล้ว รอใครอยู่หรือเปล่า”

แกล้งทักหัวหน้างานที่เดินหน้าบูดกลับมานั่งอยู่ที่เคาร์เตอร์ลงเวลาและบุ้งก็ไม่คิดอยากจะตอบคำถามลูกน้องเลยสักนิด

“ไม่ได้รอใคร”

ไม่ได้รอเหรอ แต่ผมเห็นนะว่าลูกพี่.........เหมือนกำลังรอใคร........บางคน ซึ่งคงไม่ต้องเดาว่าเป็นใคร

“ทำไมมาสายจังวะ….มัวไปเถลไถลอยู่ที่ไหนป่านนี้ยังไม่ยอมมาทำงาน”

บุ้งบ่นพึมพำกับตัวเองคนเดียว และวิเชียรที่กำลังยัดปลาท่องโก๋เข้าปากก็เริ่มอมยิ้มขึ้นมาทีละน้อย มันต้องมีอะไรแน่ ๆ แล้วงานนี้ ไม่งั้นลูกพี่บุ้งไม่กระวนกระวายใจขนาดนี้หรอก

“เดี๋ยวเกาหลีมันก็มามั้ง ปกติมันก็มาเวลานี้ไม่ใช่เหรอ อาจจะเลท ๆ หน่อย”

มึงรู้ได้ไง รู้เรื่องของไอ้มีนดีนักนะ

“กูถามมึงหรือไง”

ไม่ได้ถามหรอกพี่ แต่พอเห็นพี่บ่นลอย ๆ ผมจะทำเป็นไม่สนใจก็ไม่ได้ แล้วผมก็เป็นลูกน้องนิสัยดี ที่ทนเห็นลูกพี่มีความสุขไม่ได้ด้วย ต้องหาเรื่องให้ประสาทแดกตั้งแต่เช้า ถือเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย

“อ้าวเหรอ ผมก็นึกว่าพี่พูดกับผมซะอีก แต่แปลกเนอะ ทุกทีเกาหลีมันจะมาแล้วนี่หว่า ทำไมป่านนี้ยังไม่มา เป็นอะไรหรือเปล่าวะ เดี๋ยวผมโทรเช็คก่อน”

วิเชียรแกล้งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดค้นหาหมายเลขที่ต้องการ ทำทีเป็นโทรออก แล้วก็แกล้งพูดเสียงดัง ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น

“เฮ้ยทำไมโทรไม่ติดวะ ปิดเครื่องซะงั้น อะไรเนี่ย หรือว่าเกาหลีมันจะไปเป็นอะไรระหว่างทางหรือเปล่าวะ”

โทรไม่ติดเหรอ โทรแล้วปิดเครื่องเหรอวะ

บุ้งรีบหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อออกมาและกดค้นหาหมายเลขที่ต้องการโทรออก ที่ผิดไปจากวิเชียรเล็กน้อยคือมีเสียงสัญญาณจากปลายทางไม่ใช่เป็นการปิดเครื่องหรือให้ฝากข้อความอย่างที่วิเชียรพูด และบุ้งก็เริ่มรู้อะไรบางอย่างขึ้นมาลาง ๆ เมื่อหันไปมองหน้าลูกน้องสุดยอดกวนตีนที่แกล้งทำเป็นเคี้ยวปาท่องโก๋และยกแก้วน้ำเต้าหูซด ทำเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรเลย
และบุ้งก็เลยชี้หน้าวิเชียรพร้อมกับคาดโทษเอาไว้

“มึงระวังตัวไว้ให้ดีวิเชียร”

ผมระวังตัวตลอดเวลาอยู่แล้วพี่ แล้วพี่มาโมโหใส่ผมทำไมเนี่ย ผมไม่เห็นจะเข้าใจเลย

“โหล เออ มีนเหรอ พี่เอง มีนมาถึงยังอ่ะ พอดีพี่จะฝากซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งหน้าปากซอยซักหน่อย”

ลูกพี่กูโกหกไม่เนียนเอาซะเลย ฝากซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งห่าอะไรล่ะ กูเห็นหิ้วมาถุงเบ้อเริ่อตั้งแต่เช้า ถามว่าซื้อมาทำไมมากมาย เสือกบอกว่าซื้อมากิน แล้วมีการแบ่งให้กูสองสามไม้ด้วยนะ แต่ที่เหลือ กูรู้หรอกลูกพี่เอาไว้กินกับเกาหลี แต่เสือกโทรบอกให้เกาหลีซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งมาเนี่ยนะ

แม่ง.......ฮาได้ใจจริง ๆ เลยลูกพี่กู

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ซีดีหนังเป็นเหตุ 06/05/57 : 0.58 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 06-05-2014 06:23:41
“เดี๋ยวพี่เดินออกไปรับ มีนเดินมาจะถึงหน้าโรงงานแล้วเหรอ”

ก็เออสิพี่ แล้วพี่เป็นอะไร ทำไมต้องเดินมารับผมด้วยวะ ผมไม่ใช่เจ้าของโรงงาน พี่จะมายืนต้อนรับผมทำไม

“ไม่เป็นไรดีกว่ามั้งพี่ นี่เดี๋ยวผมก็เดินไปถึงแล้ว พี่ไม่ต้องมารับผมหรอกนะ”

ไม่มารับได้ไง จะมาติดเกรงใจอะไรวะ เมื่อเช้าโทรไปถามว่าจะให้ไปรับหรือเปล่า มีนแม่งเสือกบอกว่าจะมาเอง ไอ้ทางนี้ก็รอไปว่าเมื่อไหร่จะมาซักที รู้อย่างนี้ตอนเช้าไปรับ แล้วมาพร้อมกันซะก็หมดเรื่อง

“พี่เห็นมีนแล้ว พี่ยืนรออยู่หน้าป้อมยามนะ”

เอาเหอะครับ พี่จะยืนรอตรงไหนก็แล้วแต่พี่เถอะ ที่สำคัญคือ..........พี่อย่ามายืนต้อนรับผมที่หน้าโรงงานก็พอ

“กินข้าวมายังอ่ะ”

กินมาแล้วนิดหน่อยพี่ พอดีแม่ทำข้าวต้มให้กินตอนเช้า ก็เลยกินมาจากที่บ้านแล้ว

“แม่เขาทำข้าวต้มกุ้งให้กิน เลยกินมาแล้วพี่”

ตอบไปตามจริง และมีนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมหันมามองลูกพี่ที่เดินขนาบข้างมาด้วยกัน ก็ทำให้บุ้งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ โลกทั้งใบเหมือนจะกลายเป็นสีชมพูไปแล้ว

“เหรอ เสียดาย พี่ซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งมา ว่าจะชวนมีนกินซะหน่อย”

ซื้อมาทำไมวะพี่ ก็ไหนพี่บอกว่าจะฝากผมซื้อไง

“แล้วพี่จะโทรให้ผมซื้อเข้ามาทำไมล่ะ ถ้าพี่ซื้อมาแล้ว”

เออว่ะ จริงด้วย กูลืมไปซะสนิทเลย

“ก็มันคนละเจ้าไง นาน ๆ ทีก็อยากกินหลายๆ เจ้าจะได้รู้ว่าเจ้าไหนอร่อย วันหลังจะได้ซื้อได้ถูกว่าเจ้าไหนร้านไหนอร่อย”

แต่ร้านขายข้าวเหนียวหมูปิ้งหน้าทางเข้าโรงงานมีร้านเดียวนะพี่ พี่จะเลือกร้านกินได้ยังไงวะ ผมงง

“เหรอพี่...อืมม”

ไม่ได้โต้แย้งไม่ได้ถามอะไรให้มากความ พยักหน้าทีเดียวจบ และมีนก็ตั้งใจเดินไปที่ออฟฟิศแผนกขนส่งเพื่อจะคีย์บิลที่คีย์ค้างเอาไว้เมื่อวาน และเมื่อผลักประตูออฟฟิศเข้ามา มีนก็เดินไปเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ และเตรียมจะลากเก้าอี้มานั่ง แต่ช้ากว่าบุ้งที่ลากเก้าอี้ไปนั่งแทนเรียบร้อยแล้ว

ยังไงล่ะพี่ พี่จะให้ผมยืนคีย์บิลหรือยังไง

“เดินไกล เมื่อยว่ะ”

ร้อยวันพันปีผมไม่เคยเห็นพี่บ่นว่าเมื่อย อยู่ดี ๆ ตอนนี้มาบ่นว่าเมื่อยซะงั้น พี่บุ้งนี่........ชักยังไง

มีนไม่ได้ตอบอะไร ไม่ได้พูดไม่ถาม หยิบเม้าส์คีย์บิลมาขยับสองสามครั้งและหน้าจอก็ปรากฎโปรแกรมสำหรับคีย์บิลน้ำมัน

นี่ตกลงว่าลูกพี่กูจะไม่ให้กูนั่งจริง ๆ ใช่มั้ยเนี่ย

“พี่บุ้งผมไม่มีที่จะคีย์บิลนะพี่ พี่ขยับออกไปหน่อยได้มั้ย”

แกล้งผลักเก้าอี้ที่บุ้งนั่งอยู่ให้ออกห่าง และคนที่นั่งอยู่ก็ไม่ยอมขยับไปไหน ยังแกล้งนั่งตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น จนมีนชักโมโห แต่ไม่กล้าพูดอะไร เพราะรู้สึกเหมือนพี่บุ้ง...........แม่งจงใจ....

“นั่งตักพี่ก็ได้”

เฮ้ยยยยยยย มันใช่เรื่องซะที่ไหน มันไม่ใช่เลยพี่ นี่มันไม่ใช่เวลาเล่นนะพี่ นี่มันเวลาทำงาน แล้วพี่จะมาก่อกวนผมทำไม พี่เป็นคนบอกผมเองไม่ใช่เหรอว่าเวลางานให้ตั้งใจทำงาน เวลาพักค่อยเล่นได้

“พี่บุ้ง นี่มันเวลาทำงานนะพี่ พี่หยุดเล่นก่อนได้มั้ย”

ใครเล่นวะ แล้วไหนเวลาทำงาน นี่มันเพิ่งจะเจ็ดโมงครึ่ง มันจะเป็นเวลาทำงานไปได้ยังไง

“ดูนาฬิกาซะก่อน คิดจะว่าพี่ เร็วไปหมื่นปีนะไอ้น้อง”

แล้วมีนก็เลยต้องมองไปที่นาฬิกาที่ฝาผนังที่บอกเวลาเจ็ดโมงครึ่ง เข็มยาวชี้ที่เลขหกตรงเป๊ะ และเข็มสั้นก็ชี้ที่เลขเจ็ดยังไม่ได้เคลื่อนไปที่เลขอื่น

“แล้วพี่จะเอายังไง...พี่จะนั่งในนี้ไปก่อนมั้ย งั้นเดี๋ยวผมไปนั่งกับพี่วิเชียรข้างนอกก็ได้”

ช่างหัววิเชียรมันเหอะว๊า ให้มันนั่งแดกปลาท่องโก๋กับน้ำเต้าหูจนติดคอตายไปเหอะ

“มึงจะไปทำไม ไอ้วิเชียรมันคุยโทรศัพท์อยู่…มึงหัดมีมารยาทมั่ง นี่มันเวลาส่วนตัว อย่าไปรบกวนชาวบ้านเขา”

เออ ไม่ให้ไปนั่งกับพี่วิเชียร แถมยังแย่งเก้าอี้นั่งอีก แล้วพี่จะให้ผมไปนั่งที่ไหนวะ ไปนั่งหน้าส้วมเลยดีมั้ย

“พี่บุ้งลุกไปเถอะวะ เก้าอี้นี้ถือว่าเสียสละให้น้อง มัวแต่เล่นอยู่ได้ ผมจะทำงานทำการของผมบ้าง”

แกล้งทำเป็นโมโห เผื่อบางทีมันจะได้ผล แต่แทนที่พี่บุ้งจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ ในเวลานี้พี่บุ้งมันยิ้มซะกว้าง และก็เป็นมีนเองที่เผลอมองแล้วต้องเมินหน้าหนี เพราะไม่รู้จะทำหน้ายังไง เวลาที่สายตาคม ๆ คู่นั้นจ้องมองมา

“มีนก็นั่งตรงนี้สิ จะไปยากอะไร”

ตรงนี้ที่ว่าคือพี่บุ้งมันแตะมือไปที่หน้าขาสองสามครั้งและพยักหน้าเรียกให้มีนไปนั่ง

ไม่ใช่แล้วพี่บุ้ง.............. แบบนี้ไม่ใช่แล้ว

“ไม่เอา”

ย่นหัวคิ้ว และมีนก็ทำหน้ามุ่ย ปฏิเสธกันดื้อ ๆ และคนที่ยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี ก็เริ่มทำหน้าหงิก ตีหน้ายักษ์ใส่ และทำเป็นฮึดฮัด จนมีนหวั่นใจ

“อะไรของมึงวะ มึงคิดอะไรกับกูป่ะเนี่ย ทีแต่ก่อนยังนั่งได้ ทีตอนนี้เป็นอะไรทำไมเล่นตัวนักวะ มึงเป็นห่าอะไรของมึงมีน”

เอ้อออออออออ รู้แล้วแหละ รู้แล้ววววววววววว นั่งก็นั่งวะ บอกดี ๆ ก็ได้

“มาเร็ว ๆ มานั่งดี ๆ เรื่องมากชิบหายเลยวะ”

เออ ก็ไปอยู่นี่ไง แม่งจะเอ็ดทำไมวะ คนยิ่งรู้สึกแปลก ๆ อยู่

มีนค่อยๆ ทิ้งตัวลงนั่งบนหน้าขาของคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ และคราวนี้บุ้งที่แกล้งทำเป็นโมโห ก็นึกดีใจที่วิธีการของตัวเองได้ผล
พอมีนมานั่งอยู่บนตัก ก็คว้าเอวของมีนมากอดแน่น และไม่ลืมที่จะกดปลายจมูกหนัก ๆ ไปที่ไหล่ และแขนของมีนเพื่อเป็นการลงโทษ

“เล่นตัวกับผัวนักวะ แบบนี้ต้องจัดการ”


“พี่บุ้ง..........ไอ้พี่บุ้ง ไม่เอา ปล่อยดิพี่ ปล่อยก่อน ไม่เอาแล้ววว”

มีนกำลังดิ้นรนอยู่บนตักของคนที่ไม่ยอมหยุดแค่หอมที่หัวไหล่และต้นแขน เวลานี้ลูกพี่บุ้ง หัวหน้างานหน้าโหด ผู้เคร่งขรึมสำหรับลูกน้องและไม่เคยโดนลูกน้องขึ้นไปขี่หัว กำลังพยายามจะหอมแก้มของมีนให้ได้

“อยู่ดีๆ สิวะ มันจะมาเล่นตัวอะไรตอนนี้วะเนี่ย”

แล้วมันใช่เรื่องมั้ยวะก็พี่เล่นอะไรของพี่ไม่รู้

“ไหนอยู่เฉย ๆ แล้วมาหอมทีดิ๊”

ไม่ใช่แล้วพี่บุ้ง แบบนี้มันไม่ใช่แล้ว

“ไม่เอาพี่บุ้ง อย่าเล่นนนนน”

ไม่ได้เล่น กูหอมจริง

“เล่นที่ไหน อยู่ดี ๆ ซิ ขอหอมแก้มที”

ใครมันจะไปยอมวะ ไอ้พี่บุ้ง แม่งเล่นอยู่ได้

“ทีเดียวแล้วเลิกเล่นเลยนะ”

เออ ทีเดียวแล้วเลิกเล่นเลย

“ได้”

ตอบว่าได้ แต่ในใจขอไปแล้วอีกหลายๆ ที และเมื่อมีนยอมอยู่นิ่ง ๆ ให้บุ้งหอมแก้ม คราวนี้ไม่ใช่แค่หอมแต่มันชักจะลามปามไปที่อื่น เช่น.....การกดปลายจมูกไล้เรื่อยลงมาที่ซอกคอ และดูเหมือนมันจะไม่หยุดอยู่แค่นั้น

“อือออออออ พี่บุ้ง พอเหอะ ทำงานอยู่”

กลายเป็นมีนที่หน้าแดงเถือก และหดคอหนี และพยายามจะลุกขึ้นมาจากตักของบุ้งให้ได้

“พอแล้วก็พอ”

มันควรจะเป็นอย่างนั้นตั้งแต่แรกแล้ว แต่เพราะพี่บุ้งไม่หยุดเล่นมันก็เลยกลายเป็นแบบนี้

คล้าย ๆ จะเริ่มมีอารมณ์ และเป็นอารมณ์ที่ไม่ควรจะมีในที่ทำงาน

บุ้งยอมขยับออกจากเก้าอี้ และมีนก็ลุกขึ้นตาม ยืนมองหน้าเด็กฝึกงานที่ก้มหน้าก้มตาทำเป็นหยิบบิลมาเปิดดูแล้วบุ้งก็ยิ่งยิ้มออกมาอย่างถูกใจ

“พี่ไปทำงานก่อนนะ มีอะไรมีน วอ. หาพี่แล้วกัน มีนเอาวอ. พี่ไว้ใช้ก่อนก็ได้”

จะมีอะไรให้ วอ. หาล่ะ เดินออกไปหาเองง่ายกว่า

“พี่บุ้งเอาไปใช้เหอะ เดี๋ยวมีอะไรผมเดินออกไปตามเอง”

เหรอ เอาแบบนั้นเหรอ

“งั้นก็....ตั้งใจทำงานนะ ห้ามอู้เด็ดขาดนะ”

เออน่า ไม่อู้หรอก

มีนก้มหน้าก้มตามองที่บิล แต่ก็ไม่ลืมที่จะพยักหน้ารับคำลูกพี่ที่ไม่ลืมสั่งงานให้เรียบร้อย และพูดอย่างที่เคยพูด

“ถ้ามึงอู้ แล้วแอบเล่นในระหว่างทำงาน พี่เอามึงตายนะ”

เออ รู้แล้ว จะสั่งเสียอะไรกันขนาดนั้นวะ

“รู้แล้ว”

รับคำออกไปและแกล้งทำหน้างี่เง่าใส่ ทั้งที่หน้าแดงเถือกไม่เลิก และบุ้งก็ยิ้มออกมา รอยยิ้มหวานๆ ที่ส่งให้เด็กฝึกงานที่กำลังทำทีเป็นก้มหน้าก้มตาคีย์บิล ทั้งที่ก็รู้ตัวอยู่ตลอดว่ากำลังถูกมอง

“ก่อนไปขอหอมอีกทีได้มั้ยอ่ะ”

เฮ้ยยยยยยยยยยย ไม่ใช่แล้วพี่ ไม่ใช่แล้ว

“พี่บุ้งอย่าเล่นดิพี่ เดี๋ยวพี่วิเชียรด่าเอา”

ไปเกี่ยวกับวิเชียรได้ไงวะ วิเชียรมันก็ส่วนวิเชียร พี่เป็นหัวหน้ามัน พี่ต้องด่ามันไม่ใช่ให้มันมาด่าพี่

“อะไร อะไร ก็วิเชียรเนอะ ผัวยืนอยู่นี่ทั้งคนไม่ยอมพูดถึง”

ไม่ใช่แล้วมั้งพี่ อยู่ดีๆ พี่ไปพาลพี่วิเชียรทำไมวะ

มีนอ้าปากเตรียมจะอธิบาย แต่ก็ช้ากว่าคนที่แกล้งตีรวนและเดินกลับมายืนตรงหน้ามีนแล้ว แถมยังก้มลงมากดปลายจมูกหนัก ๆ ที่หน้าผากของมีนแรง ๆ จนมีนได้แต่นั่งนิ่งอึ้งตาค้าง และกรอกตาไปมาด้วยความไม่เข้าใจในพฤติกรรมแปลก ๆ ของลูกพี่ที่กำลังทำอยู่

“หอมว่ะ  โคตรชื่นใจ”

ง่า... อ่า..
มีนได้แต่นั่งนิ่งอ้าปากค้าง อยากจะพูดอะไรก็พูดไม่ได้ เพราะคนที่ทำอะไรแปลก ๆ ตั้งแต่เช้ารีบเปิดประตูเดินออกจากออฟฟิศแผนกขนส่งไปเรียบร้อย

............. อะไรกันวะเนี่ย นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นตั้งแต่เช้าวะ หลงคิดว่าพี่บุ้งหยอกล้อเล่น แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าสิ่งที่ลูกพี่เคยพูดเอาไว้ไม่ใช่ว่าแค่พูดเล่น ๆ ..........แต่พี่บุ้ง.........แม่งเอาจริง...........แล้วท่าทางจะมุ่งมั่นมาก........ว่าจะ...เอากู....จริง ๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน ซีดีหนังเป็นเหตุ 06/05/57 : 0.58 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 06-05-2014 06:24:14
“แหม ทำอย่างกะผัวหนุ่มเมียสาวเพิ่งได้กันเมื่อคืนเชียวน๊า”

วิเชียรนั่งกระดิกขาอยู่บนเก้าอี้หน้าเคาร์เตอร์ลงเวลารับรถ และบุ้งก็มองหน้าลูกน้องโคตรกวนตีน ที่ยังลอยหน้าลอยตาพูด เห็นแล้วโคตรน่าถีบฉิบหาย

“ผัวหนุ่มเมียสาวอะไรของมึงวิเชียร เพ้อเจ้อแต่เช้านะมึง”

ด่าผมไปเห้อะ ด่าปายยยยยยย ถ้าไม่ได้ผม จะมีเหตุการณ์ผัวหนุ่มเมียสาวหยอกกันตั้งแต่เช้าวันนี้เหรอวะ

“พี่บุ้งไม่เอา อย่านะ อย่านะ พี่บุ้งพอแล้ว เอ้อออออ เวลาเกาหลีมันพูดแบบนี้ พี่ว่าน่าฟังมั้ยวะ เป็นผมนะ สงสัยขนลุกสยิวกิ้วไปทั้งวัน”

ไอ้...........วิเชียร…….มึง..........

“มึงแอบฟังกูเหรอ”

ใครจะไปแอบฟังวะ เดินไปก็เห็นเต็ม ๆ ตาแบบไม่ต้องแอบแล้ว ก็เล่นแง้มประตูกันไว้ซะขนาดนั้น เป็นใครก็ได้ยินกันหมดแหละ

“ลูกพี่กูเขินแล้วโมโหกลบเกลื่อนอีกแล้วโว้ย มันน่าสงสัยนะเนี่ย เอ๊ะมันชักจะยังไง ยังงายยยยยยยยยย”

วิเชียรลอยหน้าลอยตาพูด และก็แกล้งถือแก้วน้ำเต้าหู้เขย่าไปมา เหมือนเห็นเป็นเรื่องสนุกซะเต็มประดาที่ได้แกล้งลูกพี่ได้

“มึงไม่เสือกเรื่องของกูซักเรื่องไม่ได้ไง หรือมันจะตายวะถ้าไม่ได้เสือก”

ก็ไม่ตายหรอกพี่

“แล้ว...........ตกลงพี่กับเกาหลี ได้กันยัง.........ได้กันตั้งแต่เมื่อคืนแล้วใช่ป่ะ ถ้าผมเดาไม่ผิด”

ไอ้เหี้ยยยยยยยยยย ไอ้วิเชียรไอ้ลูกน้องเหี้ยยยยยยยยย อย่าอยู่เลยมึงวิเชียร มึงอย่าอยู่เล้ยยยยยยยยยยยยย

“เฮ้ยยยยยย... อะไรวะ ผมก็แค่สงสัยเฉย ๆ พี่จะไล่เตะผมทำไม ไม่อยู่แล้วโว้ยยยยยยย พี่กูแม่งเขินแล้วโมโหกลบเกลื่อนแล้วก็พาลมาลงที่ลูกน้องนี่หว่า แม่งจะเขินแรงอะไรขนาดนั้นว๊า”

วิเชียรวิ่งลิ่วเข้าโซนในไปแล้ว และบุ้งก็ยืนหอบหายใจหนัก เพราะเหนื่อยที่ต้องไล่เตะลูกน้อง

ได้กันห่าอะไรของมึงล่ะ เพิ่งจะแค่เริ่ม ๆ เฉย ๆ ยังไม่ได้ได้กันซักหน่อย เสือกมาเดาไปเรื่อยเปื่อยแบบนี้ เสียหายหมด

บุ้งส่ายหน้าให้กับความกวนประสาทของลูกน้อง และก็หยิบวิทยุสื่อสาร วอ. เข้าไปหาลูกน้องสุดยอดกวนตีนที่เดินเข้าไปโซนในเรียบร้อยแล้ว

“วิเชียร”

“ทราบครับหัวหน้า ว่าไงครับ”

ไม่ว่าไงหรอกก็แค่ว่า.......

“ถ้าแวะแถวโซน 4 ฝากซื้อบัวลอยน้ำขิงสองนะ มีนมันอยากกิน”

“ได้ครับหัวหน้า เดี๋ยวผมจัดให้ น้ำตาลไม่ต้องใส่ก็ได้ใช่มั้ยครับเพราะหวานพออยู่แล้ว”

สิ้นเสียงของวิเชียร บุ้งก็ได้ยินเสียงโห่ฮา ดังลั่นมาจากวิทยุสื่อสาร จนต้องขมวดคิ้วมุ่น

“พวกมึงทำห่าอะไรกันวะไม่ทำงานทำการกันหรือไง”

งานก็ทำอยู่พี่ แต่มีอย่างอื่นน่าทำมากกว่าเช่นกวนตีนหัวหน้าในระหว่างปฏิบัติงานถือเป็นภารกิจยิ่งใหญ่สุด ๆ

“ไม่ต้องเก็กเสียงเข้มขนาดนั้นหรอกพี่ เขารู้กันหมดทั้งแผนกตั้งนานแล้วพี่ ว่าพี่บุ้งอ่ะชอบน้องมีน”

เสียงจากวิทยุสื่อสารที่ดังมาจากอีกคลื่นไม่ใช่เสียงของวิเชียรแต่เป็นวิโรจน์ ลูกน้องอีกคนที่ประจำอยู่แผนกด้านในและน้อยครั้งที่จะเดินออกมาด้านนอก

“พวกมึงว่าไงนะ”

“นี่พวกผมก็ลุ้นกันอยู่ว่าพี่จะจีบติดมั้ย เร็ว ๆ หน่อยนะพี่ สาวแผนกการเงินก็มาเล็งไอ้น้องมีนมันอยู่”

สุรชาติจากโซนตะวันออก

“พี่ก็มัวแต่ลีลาอยู่นั่น น้องมีนมันจะรู้เรื่องมั้ย โวยวายใส่เด็กมันมาก ๆ ไม่ดีนะพี่ เดี๋ยวเด็กมันจะตกใจ นึกว่าพี่จะแดกหัวมันไม่ใช่จะจีบมัน”

บุญพิทักษ์จากโซนตะวันตก

“สู้ ๆ นะพี่ พวกผมเอาใจช่วย”

อำนาจ คนขับรถที่มักเป็นตัวสแปร์เวลาที่วิเชียรไม่อยู่

“นี่พวกมึงรู้เห็นกันหมดเลยเหรอวะเนี่ย ไอ้พวกเหี้ย ไอ้พวกลูกน้องเหี้ยยยยยยยยยย”

บุ้งตะโกนใส่เข้าไปในวอ. เสียงดังลั่นด้วยความโมโห และเสียงนั้นก็ดังลั่นมากพอให้มีนที่กำลังนั่งหน้าแดงอยู่ในออฟฟิศแผนกขนส่ง ต้องหรี่เสียงวิทยุสื่อสารที่อยู่ในลิ้นชักโต๊ะให้เบาเสียงลงหน่อย

ไม่รู้ว่าใครลืมวิทยุสื่อสารเอาไว้ มีนก็เลยเก็บใส่ลิ้นชักไว้ให้ แค่หยิบมาลองเครื่องว่าแบตหมดหรือเปล่าจะได้ชาร์จ
สุดท้ายต้องมาได้ยินได้ฟัง สิ่งที่พนักงานขับรถแผนกขนส่งคุยกัน เรื่องที่คุย หัวข้อที่คุย ก็ไม่ใช่เรื่องอื่นไกล เรื่องใกล้ตัวทั้งนั้น

.............หัวหน้าบุ้งกำลังพยายามตามจีบไอ้น้องมีน........



TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน กองเชียร์ 06/05/57 : 06.44 น.
เริ่มหัวข้อโดย: runrunna29 ที่ 06-05-2014 06:57:55
พี่บุ้งน่ารักอ่ะ

แต่เค้าชอบวิเชียรมากกว่า แม่ง ฮาดี  :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน กองเชียร์ 06/05/57 : 06.44 น.
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 06-05-2014 07:08:11

ไม่ไหวแล้ว      o7
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน กองเชียร์ 06/05/57 : 06.44 น.
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 06-05-2014 07:16:12
พี่บุ้งรุกแล้วจร้า จัดหนัก จัดเต็ม
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน กองเชียร์ 06/05/57 : 06.44 น.
เริ่มหัวข้อโดย: helpmeiiz ที่ 06-05-2014 07:20:35
อือหืม ฟิน 555555555555555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน กองเชียร์ 06/05/57 : 06.44 น.
เริ่มหัวข้อโดย: nnA ที่ 06-05-2014 07:21:00
 :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน กองเชียร์ 06/05/57 : 06.44 น.
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 06-05-2014 07:23:50
ตัวประกอบเริ่มเยอะแล้ว จะมีเรื่องคนในแผนกนี้อีกไหมคะ
 พี่เราก็เชียร์ด้วยนะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน กองเชียร์ 06/05/57 : 06.44 น.
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 06-05-2014 08:10:29
ว๊าย ไม่ได้อ่านแป๊บเดียววิเชียรมีสามีแล้วซะงั้น ฮ่าๆ
ส่วนพี่บุ้งรีบๆ เลย เดี๋ยวน้องมันไม่ยอมนะ 555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน กองเชียร์ 06/05/57 : 06.44 น.
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 06-05-2014 08:45:21
 :-[ อ๊ากกกก เขินแทน ตัวจะระเบิด  :o8:
จีบกันออกอากาศ บอกแล้ว อย่าเล่นวอ  :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน กองเชียร์ 06/05/57 : 06.44 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 06-05-2014 08:48:24
55555 ไปไม่เป็นเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน กองเชียร์ 06/05/57 : 06.44 น.
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 06-05-2014 08:48:51
งานนี้ลุ้นสุดตัว :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน กองเชียร์ 06/05/57 : 06.44 น.
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 06-05-2014 09:13:41
อ๊าย กรี๊ด ด ด ด ด ~~~~~!!!!!
ฟินเว่อร์ ไง เกาหลี รู้ยังว่าเฮียบุ้งจะจีบ 555
 :impress2:
ส่วนคู่พี่วิเชียร ก้อน่ารักอ่ะ มุ้งมิ้งอยู่ นะเนี่ย ชอบ บ บ บ
 :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน กองเชียร์ 06/05/57 : 06.44 น.
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 06-05-2014 09:34:54
เห่อๆๆๆ :hao3: ถ้าจะหวานกันขนาดนี้ พี่บุ้งก็ไปขอกับแม่น้องซะเลยซิ น้องจะได้ยอมมาอยู่ด้วยอย่างที่เคยบอกไว้ไง 555555 :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน กองเชียร์ 06/05/57 : 06.44 น.
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 06-05-2014 09:37:58
555 พี่บุ้งรุกหนักแล้ว
คราวนี้น้องมีนไม่ต้องฝัน....
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน กองเชียร์ 06/05/57 : 06.44 น.
เริ่มหัวข้อโดย: helpmeiiz ที่ 06-05-2014 09:38:17
ลุ้นๆอีกแรง เกาหลียอมเถอะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน กองเชียร์ 06/05/57 : 06.44 น.
เริ่มหัวข้อโดย: cancan ที่ 06-05-2014 09:48:21
ดูท่า พี่บุ้งน่าจะมีหวัง  แต่อย่ารุกหนักเกินไปนะ เดี๋ยวไก่ตื่นเอ้ย.. เดี๋ยวน้องเกาหลีมันจะคิดมาก ยิ่งดูเป็นคนคิดเยอะอยู่ด้วย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน กองเชียร์ 06/05/57 : 06.44 น.
เริ่มหัวข้อโดย: army_van ที่ 06-05-2014 09:51:21
สนุกกมากก ชอบบบบบบมากกเลยค่ะ

ยังตามอ่านไม่ทันเลยยย พอจบตอนนี้ เอ้า ! อัพอีกแล้วว ว

ปล. กลัวจบดราม่า TUT
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน กองเชียร์ 06/05/57 : 06.44 น.
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 06-05-2014 10:22:31
ขอเป็นกองเชียร์ด้วยคน
มีนบุ้ง :mc4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน กองเชียร์ 06/05/57 : 06.44 น.
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 06-05-2014 10:57:20
วี้ดดวิ้วววว

พี่บุ้ง บุกหนักเลยนะจ๊ะ


น้องมีนหวั่นไหวยังเอ่ย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน กองเชียร์ 06/05/57 : 06.44 น.
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 06-05-2014 11:10:40
พี่บุ้งจ๋า ....รอพี่อยู่นะ  :m13:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน กองเชียร์ 06/05/57 : 06.44 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 06-05-2014 11:30:23
เอาแล้ว รักออกอากาศสด  :z1:

พี่บุ้งจัดเต็มเลย น้องเกาหลีหน้าแดงเคลิ้มแล้ว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน กองเชียร์ 06/05/57 : 06.44 น.
เริ่มหัวข้อโดย: tstriple7 ที่ 06-05-2014 11:49:43
ตื่นมาเจอคอมโบหลายตอนมากก  :pighaun:
พี่บุ้งนะพี่บุ้ง กับคนอื่นละทำเก๊กโหดเชียย พอบทจะรุกน้องมีนงี้คนละคนเลยเหอะ ความหื่น เอ๊ะ ความรักมันบังตารึเปล่า
อะไรคือชอบน้องมีนร้องไห้ห๊ะพี่บุ้ง อย่ามาทำตัว S นะ
ตอนนี้เค้าก็รู้กันหมดแล้ว เอาเป็นว่าพี่บุ้งสู้ๆละกัน ชอบวิเชียรมาก นักชงมือฉมังฝุดๆ
อ่านซ้ำรอตอนต่อไปค่ะ
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน กองเชียร์ 06/05/57 : 06.44 น.
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-05-2014 12:13:51
 :-[ ไม่ไหวแล้ว เขินมากเลยอะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน กองเชียร์ 06/05/57 : 06.44 น.
เริ่มหัวข้อโดย: full69 ที่ 06-05-2014 12:40:51
 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน กองเชียร์ 06/05/57 : 06.44 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 06-05-2014 12:53:35
พี่บุ้งน่ารักเวอร์
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน กองเชียร์ 06/05/57 : 06.44 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 06-05-2014 13:14:11
งื้อออ น่ารักอ่ะ  :o8:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน กองเชียร์ 06/05/57 : 06.44 น.
เริ่มหัวข้อโดย: miyaki ที่ 06-05-2014 13:23:22
ทุกคนช่วยเชียร์พี่บุ้งหมดเลย

สู้สู้ จีบให้ติดนะพี่บุ้ง  :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน กองเชียร์ 06/05/57 : 06.44 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 06-05-2014 13:54:23
ไอ้พวกลูกน้องเหี้ยยยยยยยยยย  :-[

ทำ"ไก่ตื่น"หมดเลยไหมพวกมึง  :m20:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน กองเชียร์ 06/05/57 : 06.44 น.
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 06-05-2014 14:17:41
เชียร์ด้วยคน มีนจะได้เป็นฝั่งเป็นฝาเร็วๆ  :z1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน กองเชียร์ 06/05/57 : 06.44 น.
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 06-05-2014 15:08:25
อือหือรู้กันไปทั้งแผนกว่าพี่บุ้งอินเลิฟ สงสัยต้องส่งใจช่วยเชียร์ด้วย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน กองเชียร์ 06/05/57 : 06.44 น.
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-05-2014 15:19:37
วันนี้ทำไมมาแค่ตอนเช้าเวลาเดียวอะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน กองเชียร์ 06/05/57 : 06.44 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 06-05-2014 15:53:59
หายไปไหนน้อ  :m28:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน กองเชียร์ 06/05/57 : 06.44 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 06-05-2014 16:07:38
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/05/ไฟล์เปล่า11oMJGn.jpg)


รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ  วิเชียร&เฮีย.....ตอน  เมื่อวิเชียรหิว

เฮียกำลังอาบน้ำ แต่วิเชียรไม่ได้เข้าไปอาบด้วย เพราะว่าอาบเสร็จก่อนหน้าที่เฮียจะกลับมาแล้ว

วันนี้เป็นวันศุกร์   มันคือวันศุกร์แห่งชาติสำหรับคนทั่วไป เพราะวันนี้เป็นวันศุกร์สิ้นเดือน พนักงานกินเงินเดือนล้วนมีความสุขทุกครั้ง เมื่อถึงวันเงินเดือนออก และจะกลับมาแห้งกรอบกันอย่างพร้อมหน้าอีกครั้งเมื่อผ่านวันเงินเดือนออกไปไม่นาน

วิเชียรเคยเป็นแบบนั้น และเงินเดือนของวิเชียรในบางครั้งหมดไปแล้วตั้งแต่เงินเดือนยังไม่ทันออก

แต่ไม่ใช่ทุกวันนี้

เรื่องเหตุการณ์สิ้นเดือนที่มีทั้งความทุกข์และความสุขร่วมกันมันผ่านไปนานแล้ว เพราะเดี๋ยวนี้วิเชียรแทบไม่ได้ใช้เงิน และเกือบลืมไปแล้วว่าใช้เงินของตัวเองซื้อของแบบจริง ๆ จัง ๆ ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่

ไม่ใช่ว่าวิเชียรจะมีเงินเหลือเฟือ จนสามารถกินใช้ได้อย่างฟุ่มเฟือย แต่เป็นเพราะทุกวันนี้ ในทุก ๆ เช้า วิเชียรจะได้กล่องข้าวหนึ่งกล่อง บางครั้งเป็นปิ่นโต บางครั้งก็เป็นแบบกล่องเดียว

มีผลไม้หนึ่งอย่าง หรืออาจเป็นขนมหวานเล็ก ๆ น้อยๆ และมีน้ำดื่มที่เป็นน้ำแร่ธรรมชาติ หรือไม่ก็เป็นน้ำผลไม้ หรือชาเขียวที่อยู่ในขวดบรรจุที่ใส่ได้ทั้งของเย็นและของร้อน

วิเชียรไม่ได้หาข้าวกลางวันกินเองมานานแล้ว  แม่บ้านของเฮียจะจัดไว้ให้ตอนเช้าทุกวัน เพื่อให้วิเชียรหิ้วเอาไปกินที่โรงงานด้วย
อยากกินอะไรเพิ่มเติมจากนั้น เช่นน้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ หรือโอเลี้ยงที่มีรถเข็นมาขายที่หน้าปากซอยโรงงาน วิเชียรจะซื้อกินเอง

วิเชียรเลยไม่รู้ว่าจะเอาเงินไปใช้อะไร สุดท้ายเหลือเงินเก็บเป็นกอบเป็นกำ วางเอาไว้บนโต๊ะหัวเตียงสำหรับใช้หนี้คืนให้เฮียทุกสิ้นเดือน

เดือนละหมื่นกว่าบาท หรือบางครั้งถ้าได้ขึ้นรถแทนพนักงานคนอื่นที่ขอเปลี่ยนเที่ยวรถ บางเดือนเกือบถึงสองหมื่นก็ยังมี

วิเชียรตั้งใจจริงจังที่จะใช้หนี้ ไม่ได้คิดหนี และไม่ได้คิดจะเอาตัวเข้าแลกเพื่อขัดดอกไปนาน ๆ ไม่ใช่ว่าไม่อยากอยู่กับเฮีย
แต่ไม่อยากถูกมองว่าเป็นเด็กที่เฮียเอามาชุบเลี้ยงแล้วก็เลยคิดจะนั่งกินนอนกินสบาย ๆ ไปวันๆ เพราะเห็นว่าเฮียมีปัญญาเลี้ยง

ถึงแม้ไม่คิดจะทำงานจริง ๆ แต่ถ้าอยู่กับเฮีย วิเชียรคงได้รับความสะดวกสบายไปตลอดชาติ ถ้าไม่ทำตัวให้เฮียโมโห หรือเกลียด ก็อยู่ต่อไปได้อีกนาน ๆ

แต่สิ่งที่วิเชียรคิด ต่างออกไปจากนั้น     กูไม่ได้ขายตัวแลกเงิน....... คนเรามันก็ต้องมีศักดิ์ศรี แม้ศักดิ์ศรีมันจะเหลือน้อยลงทุกวันก็เถอะ..... ยิ่งเฮียใส่ใจ ยิ่งเฮียเอ็นดู ยิ่งเฮียดูแลไปถึงลูกเมีย ไปถึงครอบครัว ดูแลไปถึงคนที่บ้านของวิเชียร

วิเชียรก็ยิ่งรู้สึกปวดใจลึก ๆ ......ปวดใจที่ตัวเองเป็นลูกชายคนโตของบ้านแท้ ๆ แต่ไม่มีปัญญาดูแลพ่อแม่ดูแลลูกเมียให้สุขสบาย จนต้องปล่อยให้กลายเป็นภาระของเฮีย ถึงเฮียจะบอกว่าเป็นหน้าที่ของเฮีย   แต่วิเชียรรู้ดี  เอาเข้าจริง ๆ มันไม่ใช่ภาระที่เฮียต้องมารับผิดชอบเลย ไม่ใช่เลยจริง ๆ

“ยังไม่นอนอีกเหรอ มานั่งทำหน้าเครียดอะไรอีกแล้ว ดึกแล้วนะ”

เฮียเดินออกมาจากห้องน้ำ สวมเสื้อคลุมอาบน้ำและใช้ผ้าขนหนูเช็ดเบา ๆ ที่เส้นผม

วิเชียรมองหน้าเฮียด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบายได้

เฮียมีทุกอย่าง ชื่อเสียง อำนาจ ลูกน้อง เงินทอง แต่วิเชียรไม่มีอะไรเลยซักอย่าง มันเป็นเรื่องที่ทำให้วิเชียรรู้สึกว่าตัวเอง เป็นแค่คนตัวเล็ก ๆ ที่ไร้ความสามารถ แม้ชีวิตที่ควรจะเป็นของตัวเอง วิเชียรยังไม่มีปัญญาจะจัดการทำให้เป็นของตัวเองจริง ๆ

คนที่เป็นเจ้าชีวิตของวิเชียรในตอนนี้ คือเฮีย

“เฮียอาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ ผมปัดที่นอนเสร็จแล้ว เดี๋ยวผมนวดให้เฮียนะ วันนี้เฮียดูเหนื่อยๆ งานที่บริษัทยุ่งมากเหรอเฮีย”

แม้จะเป็นคำพูดที่ได้ยินจนคุ้นหู แต่ดวงตาที่เศร้าสร้อยของวิเชียรที่แสดงให้เห็นแม้เพียงเล็กน้อย ก็ไม่เคยรอดพ้นสายตาของเฮียไปได้

“วิเชียร...อย่าคิดอะไรให้มากมายเลย เฮียรักวิเชียร เพราะเฮียรัก เฮียไม่เคยคิดอยากจะได้อะไรจากวิเชียรหรอก ที่เฮียอยากให้วิเชียรอยู่กับเฮียทุกวันนี้ ก็เพราะเฮียรักวิเชียรจริง ๆ”

ผมไม่รู้หรอกเฮีย ว่าความรักของเฮียจะอยู่กับผมนานแค่ไหน เฮียมีหมดทุกอย่าง อยากได้อะไรเฮียก็หามาได้ง่ายๆ อยู่แล้ว
ขนาดเฮียอยากได้ผม เฮียยังได้มาง่ายๆ เลย แล้วนับประสาอะไรกับเรื่องอื่น

“ผมไม่อยากอยู่แบบนี้หรอกเฮีย.....ผมกลัวคนอื่นรู้ว่าผมไม่ได้เป็นแค่ลูกน้องเฮีย คนอื่นไม่รู้ แต่ผมก็รู้ ผมมาอยู่ตรงนี้ได้เพราะผมนอนอ้าขาให้เฮียเอา ผมก็เลยได้มาอยู่สุขสบายอย่างทุกวันนี้”

เป็นคำพูดที่เฮียไม่นึกอยากจะฟัง และเขย่าหัวของวิเชียรเล่นด้วยความเอ็นดู

“เฮียให้วิเชียรมาอยู่กับเฮีย เพราะหวังจะให้วิเชียรมานอนอ้าขาให้เฮียอย่างเดียวเหรอ.........คนเรามันจะเอากันได้ยังไงทุกวี่ทุกวัน คงไม่เป็นอันทำอะไร เหนื่อยตายห่า วิเชียรไม่คิดบ้างเหรอ ว่าคนเราอยู่ด้วยกัน ไม่ให้รักกันบ้างเลยหรือไง ไม่ให้ผูกพัน ไม่ให้ห่วงใยกันบ้างเลยเหรอ หรือวิเชียรไม่คิดจะห่วงไม่คิดจะสนใจเฮียเลย แค่คิดจะอ้าขาให้เฮียเอาแค่นั้นเอง......”

ไม่ใช่หรอกเฮีย

“ผมไม่ได้คิดแค่แบบนั้นนะเฮีย”

ตอบออกไปแล้ว และวิเชียรก็เริ่มยิ้มออกมาได้อีกหน่อย เมื่อมองหน้าของเฮียและเฮียก็ส่งยิ้มมาให้ และทำเหมือนทุกวัน
หอมเบา ๆ ที่หน้าผาก และเขย่าหัวของวิเชียรเล่น

“เลิกคิดมากเถอะ ประสาทเสียเปล่า ๆ ไม่เห็นมีประโยชน์จะคิด เอาเวลาไปคิดเรื่องลูก เรื่องงานดีกว่า ได้ประโยชน์กว่าเป็นไหน ๆ....หรือไม่งั้นก็คิดเรื่องที่มันสร้างสรรค์เช่นว่า.............”

เฮียไม่พูดอะไรต่อ แต่มองหน้าของวิเชียรยิ้ม ๆ รอยยิ้มที่คุ้นเคย และวิเชียรก็รู้จักรอยยิ้มแบบนี้ของเฮียดี

“วันศุกร์แล้วนะวิเชียร ตามสัญญา เฮียไม่เคยละเมิดสัญญาเลยนะ แต่ไหนแต่ไรแล้ววิเชียรก็เห็น”

ก็รู้แหละเฮียว่าวันศุกร์แล้ว แล้วก็เป็นวันศุกร์ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่สำคัญเหมือนทุก ๆ วันศุกร์ที่ผ่านมาด้วย

เฮียยังคงใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมไปเรื่อย ๆ แต่วิเชียรขยับมาหา และดึงปมเสื้อคลุมอาบน้ำของเฮียออกแล้ว มองตากันแบบรู้ใจว่าจะต้องทำยังไงต่อ และเฮียก็ค่อย ๆ อ้าขาออกเล็กน้อย เมื่อวิเชียร แตะฝ่ามือลากไล้เข้าไปที่เอวของเฮียเบา ๆ และลูบไล้ไปมา ก่อนจะค่อย ๆ ย่อกายลงและลากมือลงมาจากขาอ่อนของเฮีย ใช้มือแหวกเสื้อคลุมอาบน้ำออกและทั้งมือทั้งปากก็เลื่อนตำแหน่งมาอยู่ตรงกับท่อนเอ็นร้อนที่ยังไม่ตื่นตัว และไม่นานก็คงต้องตื่นตัวเพราะทั้งมือทั้งปากของวิเชียรช่วยกันเร่งให้ส่วนนั้นตื่นขึ้นมา

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน กองเชียร์ 06/05/57 : 06.44 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 06-05-2014 16:08:37
“อาส์”

เฮียส่งเสียงครางเครือในลำคอเบา ๆ เมื่อวิเชียรครอบปากลงไปที่ท่อนเอ็นแกร่งที่พองตัวขึ้นจนคับเต็มปากของวิเชียร

ดูดดุดแรง ๆ ที่ส่วนปลายก่อนจะกลืนกินเข้าไปทั้งหมด และนั่นยิ่งทำให้เฮียถูกใจ และเผลอกดมือแรง ๆ ไปที่หัวของวิเชียร
กดให้วิเชียรกลืนกินเข้าไปให้ลึกขึ้นอีก จนคนที่กำลังดูดกลืนความแข็งแกร่งของเฮียเข้าไปในปากถึงกับสำลักเพราะท่อนเอ็นใหญ่ในปากทะลวงลึกลงไปจนถึงภายในลำคอ

“แอ่ก แอ่ก แค่ก ๆ”

วิเชียรผละใบหน้าออก พร้อมอาการสำลัก และปล่อยให้ท่อนเอ็นใหญ่หลุดออกจากปาก ยกหลังมือขึ้นปาดน้ำลายที่ไหลหยดเป็นทางแล้วก็เงยหน้ามองหน้าเฮียที่กำลังยิ้มเหมือนชอบใจที่เห็นวิเชียรเป็นแบบนี้ได้

“เฮีย แกล้งผมเหรอ”

ได้แต่ขมวดคิ้วมุ่น ถึงรู้ว่าถูกเฮียแกล้งแต่ก็ไม่เห็นว่าเฮียจะสะทกสะท้าน

“ขอโทษที เฮียเผลอไปหน่อย ก็วิเชียรดูดซะขนาดนั้น เฮียก็เลยเสียวจัด ๆ จนเผลอทำแบบนั้นไป เฮียขอโทษ”

ไม่จริงหรอก เฮียแกล้งผมชัด ๆ

เกิดอาการหน้างอ และวิเชียรก็เตรียมลุกขึ้นยืน แต่ก็ไม่ทันได้ลุก เพราะเฮียขยับเข้ามาใกล้และกดไหล่ของวิเชียรเอาไว้

“อีกที ทำแบบนี้ให้เฮียอีกที เฮียสัญญาเฮียไม่แกล้งวิเชียรแล้ว”

ให้จริงเหอะ ถ้าแกล้งอีกนะ กูจะงับให้ขาดเลยคอยดู

แม้จะกร่นด่าในใจ แต่เมื่อความใหญ่โตแข็งขืนที่มันวาวไปด้วยคราบน้ำลายถูกรั้งมาจ่อให้ที่ปาก  วิเชียรก็ค่อย ๆ อ้าปากรับและ
กลืนกินความใหญ่โตที่พองคับเต็มปากเข้าไปโดยไม่มีการขัดขืนแต่อย่างใด

“อืมมมมมมม อาส์ เลียตรงนี้อีกเยอะ ๆ เลยเชียร เฮียชอบเวลาเชียรเลียตรงนี้”

ส่วนรอยต่อระหว่างส่วนหัวของอาวุธขนาดใหญ่ที่เฮียจับเอาไว้คือที่สุดของความรู้สึก  และวิเชียรก็พยักหน้ารับ ละเลงลิ้นลงไปที่ส่วนนั้น ดุนปลายลิ้นและขบเม้มเบา ๆ เพื่อเป็นการปลุกอารมณ์ของเฮียให้โหมกระพือขึ้นเรื่อย ๆ

“เสียวจริง ๆ เลยเชียร”

ยิ่งถูกชม วิเชียรยิ่งไม่ยอมหยุด ทั้งดูดกลืน ทั้งไล้เลียขึ้นลงไปตลอดตามแนวขวางของอาวุธประจำตัวเฮีย

รูดรั้งฝ่ามือไปมา  และดูดกลืนบางอย่างเข้าออกภายในโพรงปากหลายครั้ง ห่อปากให้พอดีกับท่อนเอ็นแกร่งที่กระแทกกระทั้นเข้ามาลึกจนถึงคอหอย และในเวลาไม่นาน วิเชียรก็ต้องปล่อยท่อนเอ็นใหญ่ให้เป็นอิสระ เมื่อมันพองตัวจนใหญ่โตถึงขีดสุด ก็ถึงเวลาที่วิเชียรจะต้องผละออกมา

เฮียกำลังเทเจลน้ำแบบใสเคลือบไปที่ท่อนเอ็นแกร่ง และวิเชียรก๋็กำลังปลดเสื้อและกางเกงใส่นอนออกจากร่างกาย

รู้ว่าควรทำยังไง รู้หน้าที่ว่าต้องทำยังไงต่อ

ก้าวขึ้นไปบนเตียงด้วยร่างกายเปลือยเปล่า   คว่ำหน้าลงและใช้สองมือยันฟูกนอนเอาไว้ ก่อนจะค่อย ๆ เอนกายลง  แนบใบหน้ากับหมอนเพื่อให้ช่องทางด้านหลังเปิดขยายได้มากขึ้น   เฮียกำลังเทชโลมช่องทางนั้นด้วยเจลใส  จนฉ่ำเยิ้มไปหมดพร้อมกับสอดปลายนิ้วที่เปียกลื่นเข้าไป ก่อนจะเพิ่มจำนวนนิ้วจากสองนิ้วเป็นสามนิ้วและขยับเข้าออกหลายครั้งเพื่อเพิ่มความเคยชินให้กับช่องทางที่กำลังจะต้องรับความใหญ่โตที่มากกว่านิ้วเพียงแค่สามนิ้ว

“อืออออออออ เฮีย เสียวววว ไม่ไหวแล้ว....เฮียเข้ามาเลยเถอะ ผมพร้อมแล้ว”

ได้ยินเสียงครางร้องบอกของวิเชียรแล้ว  เฮียก็ผุดลุกขึ้น ใช้มือจับที่ท่อนเอ็นที่พองโตจนถึงขีดสุดเอาไว้ และค่อยๆ กดแทรกท่อนเอ็นที่ชุ่มไปด้วยความเปียกลื่นเข้าไปในช่องทางนั้นอย่างช้าๆ

“อ่ะ เดี๋ยวก่อนเฮีย ช้า ๆ”

จากที่กำลังกดแทรกเข้าไป ในเวลานี้เฮียต้องหยุดเพราะวิเชียรใช้มือดันหน้าขาของเฮียเอาไว้ ก่อนจะยอมปล่อยออกเมื่อช่องทางร้อนและตึงแน่นเริ่มขยายและตอดรัดท่อนลำแข็งแกร่งที่กำลังกดแทรกเข้าไป

“อาส์.....เข้ามาหมดเลยเฮีย ซี้ดส์ เฮีย เข้ามาทีเดียวให้หมดเลย”

ได้ยินเสียงร้องครางเครือของวิเชียรแล้ว  เฮียก็ไม่รอช้า อัดกระแทกร่างกายเข้าไปเต็มแรงในคราวเดียว  กระทุ้งเข้าไปสุดผนังช่องทางที่บีบรัดอย่างรุนแรง

“โอ้ยยยยยยย เหี้ย ผมให้เข้ามาทีเดียวไม่ใช่ให้เฮียกระแทกเข้ามาโว้ยยย ห่าเอ้ยยยย”

วิเชียรใช้ปลายเล็บจิกไปที่หมอน และกัดปลอกหมอนด้วยความเจ็บ ด่าคนแกล้งที่จงใจกระแทกเข้ามา และแทนที่เฮียจะสำนึก กลับค่อย ๆ ขยับกระแทกร่างกายเข้าไปเบา ๆ  ขยับเข้า ๆ ออก ๆ ทันที พร้อมกับยิ้มอย่างถูกใจที่แกล้งให้วิเชียรร้องออกมาเสียงดังลั่นได้

“เฮียขอโทษ”

ไม่ต้องมาขอโทษเลยมึง ไอ้เฮีย ทำกูเจ็บ

โธ่โว้ย..........

วิเชียรนึกอยากจะกระโดดถีบคนที่กำลังขยับเอวเข้าออกที่อยู่ข้างหลัง แต่ก็ไม่มีปัญญาจะไปทำอะไรมันได้

เพราะแม่ง.........เสียวเกินจะทน

“เฮียยยยย อือ ไม่ไหวแล้ว เฮียแรงอีก ผมเสียว อาส์ เฮียยยย”

ร้องครางไม่เป็นภาษา และยิ่งถูกเร่งให้ทำแรงขึ้น คนทำก็ยิ่งเพิ่มแรงตามคนบอก กระแทกเข้าไปจนลึกถึงในสุด ขยับเข้าออกถี่ ๆ และหมุนควงแก่นกายให้เสียดสีไปในช่องทางที่บีบรัดความแข็งแกร่งเอาไว้ทั้งหมด

กอดรัดเอวของวิเชียรเอาไว้ และโน้มร่างกายลงไปหา กดปลายจมูกไปที่แผ่นหลังที่ยังเต็มไปด้วยร่องรอยจากการเล่นรักอย่างรุนแรงในคราวก่อน และเฮียก็เผลอกัดหลังของวิเชียรไปเต็มแรง จนเลือดซึม

“อาส์ เสียวมากมั้ยเชียร….เฮียเสียวมากเลย วิเชียรเล่นตอดเฮียขนาดนี้เฮียเหมือนจะทนไม่ไหวแล้ว”

ขบกัดและฝังรอยฟันไว้ที่แผ่นหลังของวิเชียรไปหลายครั้งและนั่นก็ถึงกับทำให้วิเชียรสะดุ้ง ทั้งเจ็บที่โดนกัด และเสียวที่โดนกระแทก

“เฮียอย่าเพิ่งแตกนะ ให้ผมแตกก่อน”

วิเชียรที่ในเวลานี้ร่างกายไหวโยกไปตามจังหวะการกระแทกของเฮีย ร้องบอกออกมาเสียงสั่น และค่อย ๆ เอื้อมมือไปแตะต้องที่แก่นกายของตัวเองที่ในเวลานี้ชูชันขึ้นมาแล้ว ไม่ได้สัมผัสตั้งแต่คราวแรก แต่ตอนนี้ร่างกายกำลังตื่นตัวขึ้นมา คงเป็นเพราะอะไรบางอย่างที่กระแทกเข้าออกอยู่ภายในร่างกายและไปโดนจุดที่ทำให้ร่างกายของวิเชียรตื่นตัว

และในเวลานี้ส่วนนั้นก็ขยับแกว่งไปมาตามการกระแทกของเฮีย

“เฮียยยยยยยย อื้ออออ ผมเสียว เฮียเอาแรง ๆ ดิ โอ้ยยยยย เฮียครับเฮียย อื้ออออ ซี้ดส์”

วิเชียรร้องครางเมื่อจังหวะการกระแทกกระทั้นเริ่มถี่รัวขึ้นและเสียงเนื้อกระทบกันก็ดังแทรกภายใต้เสียงร้องครางของคนสองคน ที่หอบหายใจหนักและครางแข่งกันเสียงดังลั่น

“เฮียก็เร่งแล้วนี่ไง เชียรใจเย็น ๆ ก่อน อย่าเพิ่งเสร็จไปก่อนนะ เฮียคงอีกนานกว่าจะเสร็จ”

โธ่โว้ย ถ้าเฮียไม่เสร็จซักทีแล้วผมจะเสร็จได้ยังไง

“งั้นเฮียหยุดก่อน เดี๋ยวผมขึ้นให้”

บอกออกไปเสียงสั่น และเฮียก็หยุดเอวที่กำลังหมุนควงให้ท่อนเอ็นที่อยู่ภายในวนลึกแทรกเข้าไปภายในช่องทางคับแคบที่บีบรัดของวิเชียร

“ได้...งั้นเชียรมาขึ้นให้เฮีย”

ยอมหยุดนิ่ง และวิเชียรก็ขยับร่างกายให้ส่วนนั้นถอนออกมาจากช่องทางด้านหลังของตัวเอง

เฮียเอนกายลงนอนพิงหลังไว้กับพนักเตียงและอ้าขาออกกว้าง เพื่อให้วิเชียรที่อยู่เหนือร่างค่อย ๆ จับความแข็งแกร่งของเฮียสอดแทรกเข้าไปภายในช่องทางด้านหลังที่เปิดรับท่อนเอ็นของเฮียอย่างช้า ๆ จนในที่สุดก็สามารถดูดกลืนความใหญ่โตนั้นเอาไว้ทั้งหมด ผลุบหายเข้าไปจนไม่มีพื้นที่จะเหลือ

“อาส์”

วิเชียรแหงนเงยใบหน้าขึ้น เมื่อขยับร่างกายให้เข้าที่เข้าทางเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะก้มกลับลงมามองหน้าของเฮียที่ในเวลานี้ก็แดงก่ำไม่แพ้กัน  ไล้เลียปลายลิ้นที่ริมฝีปากและวิเชียรก็ดุนลิ้นออกมาเพื่อแลกลิ้นกับเฮียที่แค่วิเชียรเสนอให้ เฮียก็สนองตอบอย่างเต็มที่

“อืออ เฮีย อือออ”

กดแทรกร่างกายอยู่ระหว่างความแข็งแกร่งนั้นและวิเชียรก็เริ่มขยับสะโพกให้เคลื่อนไหวไปมา

เฮียแตะปลายนิ้วเบา ๆ ที่ยอดอกสีแดงเข้มที่แข็งเป็นไตเมื่อใช้นิ้วเกลี่ยเล่น และแนบใบหน้าเข้าไปใกล้ตุ่มสีแดงเข้มบนแผ่นอกของวิเชียรทั้งสองข้าง บดขยี้คลึงเคล้าด้วยปลายนิ้ว และดูดดุนกลืนกินเหมือนหิวกระหายมานาน

และวิเชียรที่ขยับร่างกายอยู่บนร่างของเฮียก็ยิ่งโยกเอวให้แรงขึ้นเรื่อยๆ

“อาส์ เฮีย อย่ากัดนะเฮียผมเจ็บ ซี้ดส์ เฮียยย บอกว่าอย่ากัดไงเฮีย โอ้ยยยยยยยย เฮียผมเจ็บบบบบ”

ไม่ใช่แค่ดูดไม่ใช่แค่ขยี้แต่เฮียฝังรอยเขี้ยวเอาไว้ที่แผ่นอกของวิเชียร ไม่เคยฟังสิ่งที่วิเชียรพูด ทั้งดูดดุนทั้งขบเม้ม จนผิวเนื้อของวิเชียรเป็นรอยแดงช้ำไปหมดทั้งตัว

“อือ เฮียนี่พูดไม่รู้จักฟังวะ กัดผมอีกแล้ว”

ก็เฮียชอบ วิเชียรน่ากัดน่ากลืนกินไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัวนั่นแหละ

แม้จะถูกกัดลงมาขนาดนั้น แต่ความเจ็บก็ไม่ได้ทำให้วิเชียรหยุดสิ่งที่กำลังทำได้ ยังคงขยับเอวให้ไหวโยกคลึงเคล้ากับความแข็งแกร่งที่เสียดสีอยู่ภายในร่าง และกอดคอเฮียเอาไว้แน่น ก่อนจะประกบริมฝีปากลงมาที่ริมฝีปากของเฮีย และร้องออกมาเสียงดังลั่น เมื่อเฮียเริ่มกระแทกสะโพกสวนขึ้นมา

“โอ้ยยยยย ฮื่ออออ ทำแบบนี้เหรอเฮีย แข่งกับผมมั้ยล่ะ”

ท้าทาย ด้วยสายตาร้อนแรงเพราะความต้องการ และเฮียก็พร้อมจะรับคำท้านั้นเสมอ

ขยำฝ่ามือไปที่ก้อนเนื้อแน่นขาวทั้งสองข้างที่แยกออกรับความใหญ่โตมโหฬารที่อยู่ภายใน และเฮียก็พยายามจะแทรกร่างกายอัดสวนขึ้นไปทุกครั้งที่วิเชียรบดเบียดร่างกายตัวเองลงมาหา

“อื้ออออออออ เฮีย เฮีย เฮียจะแตกยัง ผมไม่ไหวแล้วนะ ผมจะเสร็จแล้ว”

วิเชียรร้องครางลั่นเมื่อถูกกระแทกสวนกลับ และเฮียก็กระซิบบอกด้วยน้ำเสียงแตกพร่าที่แผ่นอกของวิเชียร

“เต็มที่ได้เลยวิเชียร เฮียใกล้เสร็จแล้ว”

ได้ยินแบบนั้น แล้วใครจะหยุดไหว วิเชียรใช้แรงที่มีทั้งหมดขยับโยกอยู่เหนือร่างของเฮียอย่างรุนแรง และเฮียก็ตอบกลับวิเชียรอย่างรุนแรงไม่แพ้กัน

“เฮีย เฮีย เฮีย อื้อออออออออ เฮีย ผมแตกแล้วโอ้ยยยยย เฮีย...อื้อ”

แม้ไม่ได้แตะต้องร่างกายตัวเอง  แต่วิเชียรก็รู้สึกคล้ายจะทนไม่ไหว  ความรู้สึกกำลังจะถึงที่สิ้นสุดในระหว่างที่ร่างกายถูกกระแทกกระทั้นเข้ามาแรงๆ ซ้ำ ๆ ที่จุดเดิม

วิเชียรกอดคอของเฮียไว้แน่น และจิกปลายเล็บไปที่ต้นคอของเฮียเต็มแรง แหงนเงยใบหน้าขึ้นเมื่ออารมณ์ความต้องการถึงจุดสิ้นสุด ความร้อนรุ่มภายในร่างกายพุ่งทะยานออกมาจนหมดสิ้น

“เชียร อ่าส์ เชียรของเฮีย วิเชียร อาส์”

เฮียเองก็ไม่ต่างกัน กระแทกร่างกายสวนเข้าไปในครั้งสุดท้ายก่อนที่ร่างทั้งร่างจะเกร็งกระตุกพร้อมกับลมหายใจหอบหนัก และเฮียก็ยิ่งขบฟันฝังลึกเข้าไปเต็มแรงที่ลาดไหล่ของวิเชียร ฝากร่องรอยรักเอาไว้ .....กัดจนจมเขี้ยว กัดจนเลือดซึม

และแม้จะเจ็บมากแค่ไหน แต่วิเชียรก็ยินดีที่จะให้เฮียกัด ยินดีที่จะให้ฝากร่องรอยไว้จนทั่วตัวจนกว่าเฮียจะพอใจ

อาการกระตุกของร่างกายที่เกิดขึ้น ทำให้วิเชียรรู้ เฮียไปถึงจุดหมายตามวิเชียรไปเรียบร้อยแล้ว
เสียงหอบหายใจหนักของคนสองคนดังขึ้นพร้อม ๆ กัน

เฮียซบหน้าลงที่ไหล่ของวิเชียร  และวิเชียรก็กอดเฮียเอาไว้แน่น

“เฮียยยย เหนื่อยมั้ย”

เหนื่อยสิ เฮียเหนื่อย แต่เฮียเหนื่อยไปพร้อมกับวิเชียรแล้วเฮียมีความสุข เฮียก็อยากเหนื่อย

“แล้วเชียรเหนื่อยมั้ยล่ะ”

จะบอกว่าไม่เหนื่อยก็ไม่ได้ เพราะแม่งโคตรเหนื่อยเลยว่ะเฮีย

เฮียเริ่มขยับร่างกายเล็กน้อย และวิเชียรก็ยอมปล่อยให้เฮียขยับร่างกายออกห่าง ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนและก็เห็นคราบสีขาวขุ่นข้นกระเด็นเลอะที่หน้าท้องของเฮีย

พร้อมกับที่น้ำรักของเฮียที่หลั่งออกมาทั้งหมดภายในร่างกายของวิเชียรกำลังไหลหยดออกมาเป็นทางจากช่องทางด้านหลังที่ถูกสอดใส่ และคล้ายจะเริ่มเกิดอาการแดงและบวมช้ำ

“ซี้ดส์......โคตรเจ็บอ่ะเฮีย”

วิเชียรแตะปลายนิ้วไปที่ช่องทางนั้นและกดแทรกปลายนิ้วเข้าไปภายในเพื่อให้น้ำรักที่อยู่ภายในร่างไหลออกมา

“อือออ”

ร้องออกมาเบา ๆ และปล่อยให้คราบขุ่นสีขาวไหลทะลักออกมาเรื่อย ๆ ก่อนจะก้าวขาลงจากเตียง และส่งยิ้มให้เฮียที่กำลังมองทุกการกระทำของวิเชียรอย่างพอใจ

“เฮีย..........”

วิเชียรเรียกคนที่นอนมองและส่งยิ้มให้ และเฮียก็เลิกคิ้วขึ้นสูง เพราะอยากรู้ว่าวิเชียรอยากได้อะไร

“เฮียแตกอีกรอบไหวมั้ย”

ถ้าวิเชียรอยากได้อีกรอบ เฮียก็คิดว่าไหว

“ทำไมล่ะ เชียรไม่อิ่มเหรอ”

ไม่ใช่ไม่อิ่มหรอกเฮีย ............. แต่ผมว่าผมเหมือนคล้าย ๆ คนกำลังหิว แล้วก็โหยหา อยากทำแบบนี้กับเฮียอีกเยอะ ๆ

“ผมยังไม่อิ่ม”

ตอบกลับไปและเดินเข้าไปหาเฮีย เอนร่างลงมาและค่อย ๆ ขยับริมฝีปากลงไปให้ตรงกับจุดศูนย์กลางร่างกายของเฮียที่แม้จะเพิ่งผ่านศึกมาเมื่อหลายนาทีก่อน แต่ก็ยังแข็งอยู่และน่าจะต่อได้อีกรอบในเวลาไม่นานหลังจากนี้

วิเชียรใช้ฝ่ามือประคองที่ท่อนเอ็นแข็งนั้น และไล้ปลายลิ้นตวัดวนขึ้นลง จากโคนจนถึงส่วนปลาย พร้อมกับเงยหน้าจ้องมองเฮีย ด้วยดวงตาฉ่ำเยิ้มและเอ่ยบอกเฮียเสียงเบาด้วยน้ำเสียงแตกพร่า

“ผมยังไม่อิ่ม ผมหิว ผมอยากให้เฮียแตกอีกรอบ...ผมอยากกินน้ำที่มาจากเฮีย”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน กองเชียร์ 06/05/57 : 06.44 น.
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 06-05-2014 16:13:56
มาแล้วไม่เสียแรงที่ส่องทุกชั่วโมงงงงงงงงงงงงงงง คึคึคึคึ
ไปอ่านก่อนนะค้าาาาาาาาาาาาาาาาาา   ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ :o12:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน กองเชียร์ 06/05/57 : 06.44 น.
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 06-05-2014 16:23:34
 :hao6:ตายๆๆวิ่งเข้าห้องก่อนนะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ตอน กองเชียร์ 06/05/57 : 06.44 น.
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 06-05-2014 16:24:58
พี่บุ้งงงง
คู่นี้เขาแซงหน้าไปแย๊วววว :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน หิว 06/05/57 : 17.05 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 06-05-2014 17:31:31
 :pighaun: :pighaun: :katai4: :katai4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน หิว 06/05/57 : 17.05 น.
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-05-2014 17:39:39
โอ้โฮ คู่นี้เขาร้อนแรงมากๆ  :haun4: แล้วคู่นั้นอะมัวแต่ทำอะไรอยู่  :katai5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน หิว 06/05/57 : 17.05 น.
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 06-05-2014 17:44:25
พี่บุ้งชักจะไม่ได้เรื่องเอาซะเลย สู้เฮียกับวิเชียรไม่ได้เลยนะพี่บุ้ง :jul1:

อิอิ รอวันที่มีนจะเป็นเมียพี่บุ้งจริงๆค่ะ :z1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน หิว 06/05/57 : 17.05 น.
เริ่มหัวข้อโดย: full69 ที่ 06-05-2014 17:47:59
วิเชียรกินเยอะไม่ดีนะระวังซีด 55
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน หิว 06/05/57 : 17.05 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 06-05-2014 17:55:16
 :jul1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน หิว 06/05/57 : 17.05 น.
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 06-05-2014 18:12:01
บอกได้คำเดียว วิเชียรแรงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน หิว 06/05/57 : 17.05 น.
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 06-05-2014 18:26:55
 :haun4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน หิว 06/05/57 : 17.05 น.
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 06-05-2014 19:04:29
เชียร
^&*_()*#$%^&*_)(*^%&  อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ไม่เจื้อว่าเชียรจะขนาดเน้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน หิว 06/05/57 : 17.05 น.
เริ่มหัวข้อโดย: helpmeiiz ที่ 06-05-2014 19:14:02
เจอคู่นี้เข้าไป เกาหลีจะยอมหรอ ตอบ!!!!!  55555555555  อย่าไปยอมนะเกาหลีนะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน หิว 06/05/57 : 17.05 น.
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 06-05-2014 19:15:42
 :jul1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน หิว 06/05/57 : 17.05 น.
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 06-05-2014 19:16:58
วิเชียรมุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้ง
เเซงไปละพี่บุ้ง

ชักจะไม่เชื่อละที่บุ้งบอกว่ามีคลิปเด็ดกว่า
พี่บุ้งต้องรีบเเสดงอภินิหารนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน หิว 06/05/57 : 17.05 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 06-05-2014 20:15:38
โอ้ย....พี่เชียรเอ็กเซ็กส์แตกมากอ่า
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน หิว 06/05/57 : 17.05 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Theodore ที่ 06-05-2014 20:16:53
เห็นชื่อวิเชียรแล้วนึกถงเพลงๆนึงเลย http://www.youtube.com/watch?v=JUHoFxxzZkY

555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน หิว 06/05/57 : 17.05 น.
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 06-05-2014 20:21:28
วิเชียรยังไม่อิ่ม แต่คนอ่านจุกล่ะ  แหมมมมมมมมมมมมม แรงงงงงงจริงๆๆๆๆๆ วิเชี๊ยรรรรรรรรรร :ling1: :z3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน หิว 06/05/57 : 17.05 น.
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 06-05-2014 20:31:16
กินไปรอบแระวิเชียรยังไม่อิ่มร้อนแรงสุดๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน หิว 06/05/57 : 17.05 น.
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 06-05-2014 20:43:42
เพิ่งรู้นะ ว่าเชียร โครตร้อนแรงเลยอะ อย่างนี้เฮียไม่รักได้ไง

หวังว่าน้องมีนคงไม่แพ้พี่เชียรนะ ร้อนแรงให้พี่บุ้งหัวใจวายตายไปเลย

 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน หิว 06/05/57 : 17.05 น.
เริ่มหัวข้อโดย: MeepadA ที่ 06-05-2014 20:51:04
อายเค้ามั๊ยบุ้ง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน หิว 06/05/57 : 17.05 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 06-05-2014 21:06:50
กรี๊ด อ่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน หิว 06/05/57 : 17.05 น.
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 06-05-2014 21:14:12
อ๊ายยยยยย~~~!!!!!  :hao7: :hao7: :hao7:
พี่เชียรคร้าาาาา ทำไมเซ็กซี่ขนาดน้านนนน
เฮียรักเฮียหลงแย่เรย
แต่อย่าไปคิดมากเรื่องหนี้เรยพี่เชียร คิดว่ารักกันอยู่ด้วยกันดีกว่าเนอะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน หิว 06/05/57 : 17.05 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 06-05-2014 21:27:19
เจอวิเชียรเข้าไป พูดเลย เฮียหาทางออกไม่เจอแน่ๆ หลง :z1:
หัวข้อ: Re:@@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน หิว 06/05/57 : 17.05
เริ่มหัวข้อโดย: kuankao ที่ 06-05-2014 21:41:45
เข้ามาทีไรอัพตลอด

*กอดคนแต่ง*  :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน หิว 06/05/57 : 17.05 น.
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 06-05-2014 21:49:42
 :hao6:ว5555สวดยออออดเลือดพุ่งกระจาย พี่เชียงว้าวๆๆๆ
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน อย่าทำให้วิเชียรโกรธ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 06-05-2014 21:59:23
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/05/ไฟล์เปล่า11oMJGn.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ  วิเชียร&เฮีย.....ตอน  อย่าทำให้วิเชียรโกรธ

คุณวิษณุ กิติพัฒนาไพศาลสกุล ถือเป็นผู้กว้างขวางในภาคตะวันออก เพราะนอกจากจะเป็นเจ้าของโรงงาน โกดัง ห้างสรรพสินค้าและโชว์รูมรถหลายแห่งของภาคตะวันออกแล้ว คุณวิษณุยังเป็นลูกค้ารายใหญ่ของบริษัท ผลิตเคมีภัณฑ์สำหรับพืชผลทางการเกษตรแห่งนี้ด้วย

และคุณวิษณุ ที่ไม่ค่อยไปปรากฏตัวที่ไหนง่าย ๆ ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ อยู่ดี ๆ ก็มาปรากฏตัวที่โรงงานแห่งนี้ แทนที่จะเป็นสำนักงานใหญ่ที่เจ้าของบริษัทบริหารงานอยู่ คุณวิษณุเลือกมาที่แผนกขายของโรงงานและกำลังนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด คุยกับคุณกฤษดา ผู้จัดการแผนกขายด้วยสีหน้าไม่ค่อยจะดีนัก

“ช่วยติดต่อพนักงานขับรถคนนี้ให้ผมหน่อย ผมมีธุระด่วนจะต้องคุยกับเขา”

กฤษดา ผู้ดำรงตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายขาย ฝ่ายที่มีแต่คนอยากเข้ามาทำงานมากที่สุด และเป็นฝ่ายที่ทำเงินให้กับบริษัทมาตลอด ในเวลานี้ถึงคราวอับจนหนทาง เพราะคุณกฤษดาไม่ค่อยจะอยากคบค้าสมาคมกับพวกแผนกขนส่งเท่าไหร่

เพราะนอกจากหัวหน้าแผนกจะพูดจาขวานผ่าซาก ไม่ค่อยไว้หน้าใครแล้ว ลูกน้องแต่ละคนของแผนก ก็ดื้อรั้นและไม่ค่อยเห็นหัวใคร นอกจากจะเชื่อฟังคำสั่งหัวหน้าแผนกเท่านั้น

ซึ่งไม่ใช่แค่คุณกฤษดา แต่รวมถึงแผนกอื่น ๆ ที่ไม่ค่อยอยากลงไปในพื้นที่ของแผนกขนส่ง เพราะแม้หัวหน้าแผนกจะมีใบหน้าหล่อเหลา เอาการเอางาน แต่เหมือนว่าแผนกนี้จะเป็นเอกเทศไม่ค่อยยุ่งหรือสุงสิงกับใคร แม้จะไม่ใช่แผนกทำเงินแต่ก็ถือเป็นแผนกที่ต้องให้ความสำคัญไม่น้อย เพราะนอกจากแผนกนี้จะเป็นแผนกขนส่งและช่วยตรวจสอบสิ่งของที่นำเข้าให้กับบริษัทแล้ว ยังเป็นแผนกที่สร้างรายได้ในทางอื่น เช่นการขนส่งสินค้าไม่ว่าจะเป็นผักสดหรืออาหารสดและกระจ่ายสินค้าให้กับบริษัทภายนอกที่เข้ามาใช้บริการด้วย

เพราะฉะนั้น แม้จะไม่ใช่ฝ่ายที่ทำกำไรหลักให้กับโรงงานแต่ก็ทำเงินให้ไม่น้อยเช่นกัน

สำหรับบุ้งไม่ค่อยอยากจะใส่ใจใคร ๆ ซักเท่าไหร่ แต่สำหรับคุณกฤษดา แผนกขนส่งคือแผนกคู่แข่งคนสำคัญ ที่คุณกฤษดาไม่ค่อยจะชื่นชอบเอาเลย

“คุณวิษณุจะติดต่อนายคนนี้ไปทำไมครับ หรือว่านายคนนี้ไปสร้างความเสียหายให้คุณวิษณุหรือเปล่า ผมจะได้เรียนให้นายทราบเลย ไม่ต้องผ่านหัวหน้าแผนกขนส่ง”

หาทางเลี่ยงที่จะไม่ต้องติดต่อกับหัวหน้าแผนกขนส่ง และพร้อมจะดิสเครดิตแผนกขนส่งเสมอ

“อย่าให้เป็นเรื่องใหญ่เลยครับ ขอแค่พนักงานขับรถคนนี้ยอมมาพบผมก็พอแล้ว”

คุณกฤษดาคิดว่าต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ ๆ เพราะถ้าเรื่องไม่ใหญ่จริง คุณวิษณุซึ่งถ้าเรียกกันเล่น ๆ ก็คือผู้มีอิทธิพลในแถบภาคตะวันออก คงไม่เดินทางมาพบกับหัวหน้าแผนกขายเล็ก ๆ ของโรงงานแห่งนี้เพื่อขอความช่วยเหลือด้วยตัวเอง

และคุณกฤษดาก็คิดว่าน่าสนใจมาก บางทีอาจเป็นช่องทางที่จะทำลายความน่าเชื่อถือของแผนกขนส่งได้ ไม่มากก็น้อย

“เดี๋ยวผมจะให้เลขาไปตามให้นะครับ คุณวิษณุรบกวนรอซักครู่”

หัวหน้าแผนกขายคิดว่าหวานหมูแล้วงานนี้ กดอินเตอร์โฟนโทรสั่งให้เลขาไปตามหาตัวพนักงานแผนกขนส่งคนที่ว่า และในเวลาไม่เกินสิบนาต่อไป ก็ได้คำตอบ

“เขาไม่มาครับ”

คุณกฤษดาถึงกับนิ่งอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน และก็ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อคุณวิษณุเริ่มมีสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

“บอกเขาไปว่า ถ้าเขาไม่มาผมจะลงไปตามเขาเอง”

ใช้อำนาจส่วนตัวของตัวเองข่มขู่เล็กน้อย และกฤษดาก็ส่งยิ้มให้กับคุณวิษณุที่เริ่มมีท่าทางหงุดหงิดไม่ชอบใจอย่างเห็นได้ชัด

“เขาบอกว่าต่อให้คุณกฤษดาลงไปตามเองเขาก็ไม่มา ถ้าอยากจะคุยนักก็ให้คุณวิษณุไปคุยกับเขาเองที่แผนกขนส่งครับ”

มันยังไงกันวะ นี่กล้าหือกับหัวหน้าแผนกขายที่ทำกำไรอันดับหนึ่งให้กับบริษัทขนาดนี้เลยเหรอวะ

“ผมไม่รู้ว่าคุณจะจัดการยังไงนะ แต่เรื่องยอดซื้อในรอบถัดไปผมคิดว่าจะไปซื้อเจ้าอื่น ถ้าคุณตามเขามาให้ผมไม่ได้ ผมก็คงต้องทำอย่างที่ผมควรทำ”

นั่นยิ่งเป็นคำขู่ที่ใหญ่หลวงกว่า เพราะหมายถึงว่าค่าคอมมิสชั่นที่เคยได้รับมายาวนานต่อเนื่องตลอดหลายเดือนจะหายไปเกือบ 60% ทันที ซึ่งไม่ใช่ปัญหาเฉพาะของแผนกขายแต่หมายถึงปัญหาใหญ่ของบริษัทที่ปล่อยให้ลูกค้ารายใหญ่หลุดลอยไปต่อหน้าต่อตา และมันจะมีผลกับโบนัสประจำปี ปีนี้ด้วย

“เดี๋ยวผมไปตามเขาเองครับ”

คุณกฤษดาถึงกับนั่งไม่ติด รีบลุกขึ้นเดินตรงดิ่งไปที่แผนกขนส่งที่ไม่เคยคิดอยากมาเหยียบ เพื่อตามหาพนักงานขับรถ หนึ่งคนที่แทบไม่เป็นที่รู้จักของคนในบริษัท ยกเว้นแผนกขนส่งด้วยกันเอง

นายวิเชียร เชิดกลางกุล

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน หิว 06/05/57 : 17.05 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 06-05-2014 21:59:51
“ทำไมมึงไม่ไปวะวิเชียร เดี๋ยวก็เป็นเรื่องเป็นราวกันใหญ่โตหรอก ไปซะให้มันจบ ๆ เรื่องไปซะก็ไม่ได้ มึงนี่ทำตัวเรื่องมากจริง ๆ”

บุ้งกำลังส่ายหน้ากับความหน้ามึนของลูกน้อง ที่อยู่ดีๆ เกิดนึกครึ้มอยากจะออกฤทธิ์ออกเดชขึ้นมา

ออกฤทธิ์กับใครไม่ว่า ดันไปออกฤทธิ์กับไอ้กฤษดาหัวหน้าแผนกขาย เดี๋ยวงานก็เข้ายาวอีก ต้องมาตามล้างเช็ดกันไม่หวาดไม่ไหว ใคร ๆ ก็รู้ ไอ้กฤษดาอาฆาตแรง

“คนไหนนายวิเชียร เชิดกลางกุล”

หัวหน้าแผนกขายลงทุนเดินมาตามหาพนักงานขับรถที่ไม่มีใครรู้จักในแผนกขนส่งด้วยตัวเอง และเมื่อเห็นหน้า กฤษดาหัวหน้าแผนกขายก็มองวิเชียรตั้งแต่หัวจรดเท้า สลับไปมาตั้งแต่เท้าจรดหัว วน ๆ อยู่อย่างนั้น

“นายไปทำอะไรให้คุณวิษณุไม่พอใจ ท่านถึงต้องมาตามหานายถึงที่นี่”

น้ำเสียงที่เอ่ยถามไม่ค่อยจะเป็นมิตรมากนัก และวิเชียรก็ทำเป็นเมิน ไม่รู้ไม่ชี้ แกล้งไม่ได้ยินสิ่งที่กฤษดาถาม

“หูตึงหรือไงวะ พูดภาษาคนไม่ได้ยิน”

หูกูไม่ได้ตึงหรอก แต่กูไม่อยากพูดกับมึงมีอะไรหรือเปล่า

“ไอ้เชียร อย่าเรื่องเยอะ ตอบๆ เขาไปก็จบ”

บุ้งที่กำลังลงเวลารถเข้า พูดขึ้นมาทั้งที่ไม่ได้เงยหน้ามามองหน้าของกฤษดาเลยซักนิด

ถ้าหาเรื่องลูกน้องกู กูเอาเละเหมือนกัน

“ก็ไม่ทำไม ผมไม่อยากคุยก็คือไม่อยากคุย คุณกฤษดาไปบอกคุณวิษณุเหอะว่าผมไม่อยากคุย เดี๋ยวเรื่องมันก็จบเองแหละ”

จำใจต้องตอบเพราะเห็นแก่หัวหน้าแผนก และกฤษดาก็ยิ่งฮึดฮัดโมโหเข้าไปใหญ่

“มีสิทธิ์อะไรมาตอบกูแบบนี้วะ ถือว่ามึงมีลูกพี่คุ้มหัวหรือไง หัวหน้ามึงจะซักเท่าไหร่กันเชียววะ ก็แค่กุ๊ยคุมคนขับรถ”

พูดแบบนี้วอนตายซะแล้วไงไอ้สัด

ไม่ใช่วิเชียรที่เริ่มเดินออกมา แต่เป็นพนักงานขับรถทั้งแผนกที่พร้อมใจกันลงจากรถและเดินมาหน้าเคาร์เตอร์ลงตารางเวลากันอย่างพร้อมเพรียงโดยไม่ต้องนัดหมาย

“พูดจากันดี ๆ ก็ได้มั้งคุณกฤษดา”

วิโรจน์ที่ไม่ค่อยจะสุงสิงกับใครมากนักแสดงตัวก่อนคนแรก

“หัวหน้าผมกุ๊ยตรงไหนวะ คุณกฤษดาพูดแบบนี้ก็เกินไป”

สุรชาติจากโซนตะวันออก

“ถ้ามาดี ๆ ผมไม่ว่าหรอกครับ แต่คุณกฤษดากำลังดูถูกแผนกของพวกผมอยู่นะ คนขับรถมันไม่ดีตรงไหนล่ะคุณกฤษดา อาชีพสุจริตไม่ใช่เหรอ”

บุญพิทักษ์จากโซนตะวันตก

“ถ้าคุณกฤษดาเห็นว่าอะไรไม่เหมาะสมก็พูดกันดี ๆ ก็ได้นี่ครับไม่เห็นต้องมาด่ากันเลย”

อำนาจ คนขับรถที่มักเป็นตัวสแปร์เวลาที่วิเชียรไม่อยู่

และบุ้งที่กำลังลงเวลารถเข้าอยู่ก็เงยหน้าขึ้น วางปากกาลงและบอกลูกน้องด้วยน้ำเสียงแสนจะราบเรียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“คุณกฤษดาเขาแวะมาทักทายเฉย ๆ แค่นั้นแหละ ไม่มีอะไรหรอก พวกมึงไปทำงานเถอะ เดี๋ยวตรงนี้กูจัดการเอง”

แน่ใจเหรอพี่บุ้ง

สายตาของลูกน้องที่มองมาเหมือนกำลังตั้งคำถาม และบุ้งก็พยักหน้าและโบกมือไล่ให้รู้ว่าไม่มีอะไรจริงๆ ลูกน้องถึงได้เดินกลับไปประจำจุดแต่ละจุดแต่ก็ยังไม่ละสายตาจากกฤษดาหัวหน้าแผนกขายที่ยืนหน้าซีดเผือดตัวสั่นไปเรียบร้อยแล้ว

“ตกลงคุณกฤษดามีธุระอะไรกับวิเชียรมันก็พูดมาเลยครับ จะพูดผ่านผมก็ได้ เดี๋ยวผมบอกมันเอง มันก็อย่างนี้แหละ แต่จริง ๆ ไม่มีอะไรหรอก คุณกฤษดาอย่าถือสาลูกน้องผมคนนี้เลย”

บอกว่าไม่ให้ถือสา แต่สายตาและน้ำเสียงของบุ้งแสดงให้กฤษดาเห็นชัด ๆ ว่าไม่พอใจ

“คุณวิษณุเขาขอพบตัวนายวิเชียรด่วน ถ้าไม่ได้พบเขาจะยกเลิกสินค้าที่จะซื้อดิวถัดไป”

บุ้งเลิกคิ้วขึ้นสูง เมื่อได้ฟังคำพูดของกฤษดา ก่อนจะปรายตาไปมองหน้าลูกน้องที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ และกำลังจะเดินหนีไปแล้ว

“เชียร มึงอยู่คุยก่อนซิ อะไรยังไง”

ไม่มีอะไรหรอกพี่

“ก็แค่คนมันบ้า พี่อย่าไปใส่ใจเลย”

ไม่ใส่ใจไม่ได้ เพราะนี่มันเรื่องใหญ่

“มึงพูดมาตรง ๆ มึงไปก่อปัญหาอะไรไว้อีกหรือเปล่า เขาถึงได้มาตามตัวมึงถึงนี่ มึงรู้มั้ยคุณวิษณุเป็นใคร”

รู้ ....รู้ดีเลยแหละพี่ ไม่ใช่ใครหรอก ไอ้มนุษย์เผด็จการที่อยู่บ้านเดียวกับผมเอง

“ผมจะไปรู้จักเขาได้ยังไงล่ะ จะยอดจัดซื้อจัดขายอะไรมันก็ปัญหาของแผนกขายไม่ดูแลให้ดี จะมาเกี่ยวกับคนขับรถกินเงินเดือนหมื่นกว่าบาทแบบเดือนชนเดือนอย่างผมได้ยังไง”

แปลว่าใช่.......มึงมีปัญหากับคุณวิษณุแน่ๆ น่าจะเป็นปัญหาส่วนตัว ที่ดูเหมือนวิเชียรจะเป็นต่อซะด้วย แต่ที่น่าแปลกคือ..........ไอ้วิเชียรมันเอาอะไรไปเป็นข้อต่อรองวะ คุณวิษณุที่ไม่เคยไปปรากฏตัวที่ไหนถึงได้ต้องถ่อมาหามันจนถึงนี่ แถมวิเชียรมันยังไม่มีทีท่าหวาดกลัวคุณวิษณุเลยสักนิด

เรื่องนี้ชักไม่ธรรมดาซะแล้ว

“วิเชียร”

เสียงที่เอ่ยเรียกชื่อของใครบางคน ทำให้ทั้งหัวหน้าแผนกขายและหัวหน้าแผนกขนส่งต้องหันไปหาที่มาของเสียง
เว้นแค่วิเชียรที่เตรียมเดินหนี เพราะรู้ดีว่าเสียงนี้คือเสียงใคร

“เชียรจะไปไหนล่ะ อยู่คุยกับเฮียก่อนสิ”

จะตามมาทำไมวะ

“เฮียมาทำไม ผมบอกแล้วไง ว่าผมไม่ได้โกรธอะไรแล้ว เฮียก็ยังจะตามอยู่นั่น เฮียไม่สนใจความรู้สึกของผมเลยใช่มั้ย”

ไม่ใช่ว่าเฮียไม่สนใจความรู้สึกของวิเชียร แต่วิเชียรไม่คุยแล้วก็ไม่ยอมพูดกับเฮียตลอดทั้งคืน แล้วจะให้เฮียทำยังไง
โทรมาก็ปิดเครื่อง ตอนเช้าก็รีบออก ไม่ยอมกินข้าวพร้อมเฮีย มันก็ไม่ยากที่จะเดา วิเชียรโกรธเฮียไม่เลิก เพราะความเข้าใจผิดแท้ ๆ

“แล้วทำไมเชียรไม่คุยกับเฮียดี ๆ เชียรก็บอกเฮียสิว่าเชียรจะเอาอะไรไม่ใช่เฉยแบบนี้”

คุณวิษณุที่ปกติจะวางมาดนิ่งอยู่เสมอ ในเวลานี้เห็นได้ชัดว่ากำลังร้อนใจกับท่าทีของคนตรงหน้า

“เดี๋ยวค่อยคุยกันได้มั้ยเฮีย”

วิเชียรก้มหน้าลง และไม่ยอมมองคนที่มายืนตรงหน้า และเฮียก็เริ่มยิ้มออกมาได้บ้างแล้ว ที่วิเชียรยอมพูดด้วย

“งั้นเย็นนี้เฮียให้เด็กมารับแล้วกันนะ แล้วเดี๋ยวตอนเย็นเราค่อยคุยกัน”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน หิว 06/05/57 : 17.05 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 06-05-2014 22:01:04
“งอนผัว แล้วก็เล่นตัวจนผัวมาตามถึงโรงงานเลยเว้ยยยยยยยย”

วิเชียรแกล้งทำเป็นไม่สนใจลูกพี่ ที่นั่งโยกเก้าอี้ไปมาและปรายตามองมาทางนี้

ทีใครทีมันวะ ถือว่าทีใครทีมัน คราวนี้โอกาสเป็นของพี่ แต่คราวหน้าโอกาสเป็นของผม แค้นนี้สิบปีชำระก็ไม่สาย

“อะไรพี่ ไม่เห็นมีอะไรเลย พี่พูดอะไรวะผมไม่เห็นรู้เรื่อง”

วิเชียรทำทีเป็นเช็คเวลาเข้าของรถไปเรื่อย ๆ ลอยหน้าลอยตาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้และบุ้งก็หัวเราะกับท่าทางแกล้งมึนของลูกน้อง

“เฮียครับเฮีย กลับมากินข้าวบ้านด้วยนะ จะรอนะเฮีย เฮียอย่ากลับดึกนะ ใครมันพูดว๊า คุ้น ๆ เหมือนกูได้ยินมาจากไหนว๊า ที่ไหนวะมึงรู้เปล่าว่าใครพูดแบบนี้ มึงพอจะรู้มั้ยวิเชียร”

รู้สิ กูนี่แหละพูด ไอ้พี่บุ้งแม่ง เป็นหัวหน้าประสาอะไรวะ ชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องของลูกน้อง

“เรื่องของผมน่าพี่”

เออ ก็เรื่องของมึงไง กูไม่ยุ่งอยู่แล้ว เรื่องของมึงก็เรื่องของมึง

“เรื่องของมึงก็จริง แต่เรื่องของมึงใหญ่มาก นี่ขนาดแค่มึงงอน บริษัทยังจะล่มจมขนาดนี้ ถ้ามึงทะเลาะกับคุณวิษณุขึ้นมา แผนกขายไม่เละตุ้มเป๊ะเหรอวะ มึงนี่มันโหดจริง ๆ เล่นเอาไอ้กฤษดาตาเหลือกไปไม่เป็นเลย”

ผมจะไปรู้เหรอพี่ว่าเฮียจะเล่นแรงขนาดนี้ ถ้ารู้ว่าผมจะสร้างปัญหาให้แผนกขายขนาดนี้ผมก็คงไปเจอหน้าเฮียตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ให้เฮียเดินมาตามจนถึงแผนกขนส่งหรอก

“ผมขอโทษพี่ ที่สร้างปัญหา”

ไม่ใช่ความผิดของมึงหรอก จะโทษว่าเป็นความผิดของมึงคนเดียวก็ไม่ได้

“เชียร กูเตือนไว้อย่างนะ เพราะคุณวิษณุเขารักมึงนะ เขาถึงตามใจมึงขนาดนี้ มึงก็เพลา ๆ ลงหน่อย อย่าให้มันมากนัก ถ้าเขาเกิดโมโหขึ้นมาจริง ๆ มันจะยุ่งไปกันใหญ่”

ผมรู้หรอกพี่ ผมจะไม่สร้างปัญหาอีกแล้ว

“แล้วเรื่องลูกเมียมึงอ่ะ ยังไงเชียร เคลียร์หมดหรือยัง”

เคลียร์แล้ว

“ผมแยกกันอยู่กับเมียผมมาได้พักใหญ่แล้ว เฮียเขาก็ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายของลูกให้หมด ส่วนยุ้ยตอนนี้ก็....ได้ข่าวว่ามีคนมาจีบๆ อยู่ ผมก็ไม่ได้อะไรหรอกพี่ แต่ก็มีเสียใจบ้างที่เมื่อก่อนทำตัวไม่ดี จนต้องกลายมาเป็นแบบนี้”

ความลับที่วิเชียรไม่เคยพูด ไม่เคยบอกให้ใครฟัง บุ้งเพิ่งจะได้รับรู้วันนี้

“อยู่กับคุณวิษณุมึงอึดอัดใจมั้ยล่ะ ถ้าอึดอัดใจมันก็พูดยาก อยู่กันไปแบบนั้น เป็นใครก็ต้องทุกข์เป็นธรรมดา”

มันไม่ใช่อย่างนั้นสิพี่บุ้ง

“แรก ๆ มันก็ใช่นะพี่ แต่ตอนนี้....ไม่ใช่แล้ว....ผมก็รู้แหละว่าเฮียรักผม แล้วผมก็รักเฮียเหมือนกัน แต่มันก็อดคิดไม่ได้ว่าเฮียไปมีคนอื่นนอกจากผมหรือเปล่า เฮียไปญี่ปุ่นมาตั้งเป็นอาทิตย์ทิ้งผมนอนแกร่วอยู่บ้านคนเดียว แถมกลับมาก็นอนหลับเป็นตาย ผมก็ไม่ได้ละลาบละล้วงอยากจะรู้อะไรหรอกนะ แต่ผมเห็นมีเบอร์แปลก ๆ โทรเข้าเครื่องเฮีย ชื่อญาดา ผมนี่ของขึ้นเลย โมโหชิบหาย”

ญาดาไหนวะ

“สวย ๆ หน้าหมวย ๆ ตัดผมหน้าม้าผมยาวประบ่าประมาณนี้ป่ะวะ ดูไฮโซ ไฮโซหน่อย”

ใช่เลยพี่ แล้วพี่บุ้งไปรู้จักญาดาอะไรนั่นได้ไงวะ

“พี่รู้จักเหรอ”

เออ.....

“รุ่นพี่เก่ากูสมัยเรียนมหาลัยว่ะ ลูกสาวคนโตของคุณวิษณุ ......คุณญาดา กิติพัฒนาไพศาลสกุล นี่มึงไปอยู่ไหนมา มึงถึงไม่รู้ว่านั่นเป็นลูกสาวเฮียมึง”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน หิว 06/05/57 : 17.05 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 06-05-2014 22:13:42
“เฮีย........เดี๋ยววันนี้เฮียกลับมากินข้าวบ้านนะ ใช่ ใช่ เดี๋ยวผมกลับเร็ว ๆ ไปรอเฮียนะ เฮียอย่าลืมนะ เฮียห้ามกลับดึกด้วย ผมจะรอ ......ครับเฮีย ผมจะตั้งใจทำงานไม่เหลวไหลไม่กลับดึกหรอก ไม่งี่เง่าแล้วน่าเฮีย ผมสัญญาด้วยเกียรติของเมียที่เฮียรักที่สุดเลยก็ได้นะเฮีย .....เฮียอย่ากลับดึกนะ ไม่เอาหรอก...........เฮียรีบกลับมาสิ ผมรอกินข้าว ทำไมล่ะ อือออ เฮียอ่ะ กลับเร็วๆ นะ ผมคิดถึงเฮียจริง ๆ”

บุ้งไม่ได้อยากแอบฟังอะไรเลยสักนิด และยิ่งไม่อยากจะเชื่อว่าหลังจากเปิดเผยเบื้องลึกเบื้องหลังกันแล้ววิเชียรจะเป็นได้ขนาดนี้

เมื่อก่อนเดินหลบไปคุยซะไกล แต่ตอนนี้นั่งคุยโทรศัพท์ต่อหน้าต่อตาหัวหน้าและเด็กฝึกงานแบบไม่อายใครไปซะแล้ว

กลายเป็นกูกับไอ้มีนต้องอายแทน และไอ้มีนก็ยืนทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ตรงนี้

“โอ้ยยยยยยยยยยย หวานกันจริงโว้ยยยยยยยยย มดขึ้นหมดแล้ว”

บุ้งแกล้งพูดเสียงดังและโอบไหล่ของมีนเอาไว้ และเขย่าเล่น

และวิเชียรก็ตอบกลับมาให้รู้สึกเจ็บแสบไม่น้อยไปกว่ากัน

“ก็หวานพอกันไม่ใช่เหรอว๊า ผิดแต่ว่าทางนี้เอากันเป็นร้อยรอบแล้ว แต่ทางนั้น ยังไม่เคยเอากันเลยยยยยยยย”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน หิว 06/05/57 : 17.05 น.
เริ่มหัวข้อโดย: inkku ที่ 06-05-2014 22:16:32
^
^
^
^
จิ้มตูดทันมั้ย 555+ :laugh:
แอร๊ยอย่าทำเชียรเจ็บสิเฮีย :impress2:
รอต่อค่าาา ทั้ง 2 คู่เลย  :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน หิว 06/05/57 : 17.05 น.
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-05-2014 22:32:40
เชียรมันร้าย ได้ทีล่ะเอาใหญ่ 555 นึกว่ามีนไม่อยู่ไม่โผล่มาเลย มานิดเดียวตอนจบตอน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน โกรธ 06/05/57 : 22.35 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 06-05-2014 22:34:13
คิดถึงพี่บุ้งกับมีนแล้ววววววววววว  :ling1:

แต่ไม่ได้ไม่รักเฮียกะเชียรน้าาาาาาาาา

อยากให้คู่นู้นคืบหน้ามั้งอ่ะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน โกรธ 06/05/57 : 22.35 น.
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 06-05-2014 22:39:37
อีเชียรแรดมาก... หมั่นไส้อะ     :haun5:

ลูกสาวเฮียเป็นรุ่นพี่พี่บุ้ง!?!   เอ่อ Daniel Wu หนุ่มไปไหมอะที่จะเป็นเฮีย?      :confuse:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน หิว 06/05/57 : 17.05 น.
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 06-05-2014 22:39:55
พี่บุ้งเงิบเลย  เจอวิเชียรตอกกลับ  อย่ายอมนะพี่บุ้ง  วิเชียรได้ร้อย พี่บุ้งต้องได้สองร้อยนะเว๊ย!!! :a2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน หิว 06/05/57 : 17.05 น.
เริ่มหัวข้อโดย: MeepadA ที่ 06-05-2014 22:41:46
แหม 2 คู่นี้ ดีกรียังห่างกันเยอะ
บุ้งมัวแต่มึนอยู่นั่น กว่าจะรู้ตัว  :z1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน โกรธ 06/05/57 : 22.35 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Sbatandty ที่ 06-05-2014 22:42:32
อ่านเรื่องนี้แล้วแก้มจะแตก....
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน โกรธ 06/05/57 : 22.35 น.
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 06-05-2014 22:48:24
สนุกมาก กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
อัพไวตลอด  ขอบคุณจ้า
ชอบวิเชียรกับเฮียจังเล้ย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน โกรธ 06/05/57 : 22.35 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 06-05-2014 22:51:00
อ๊ากกกก พี่เชียรเกินหน้าเกินตา ไม่อายลูกพี่แล้วอ่ะ 55555
หัวข้อ: @รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน โกรธ 06/05/57 : 22.35 น.
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 06-05-2014 22:55:15
ชัดเจนวิเชียร  พวกมันสองคนยังไม่ได้เอากัน :m20:


เล่นซะจุกเลยนะวิเชียร :katai2-1:


เป็นไงหัวหน้าอายลูกน้องมันมั้ย?
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน โกรธ 06/05/57 : 22.35 น.
เริ่มหัวข้อโดย: helpmeiiz ที่ 06-05-2014 22:57:39
55555555 ไม่แคร์สื่อจริงๆพี่เชียร จัดปายยยย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน โกรธ 06/05/57 : 22.35 น.
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 06-05-2014 22:59:53
พี่เชียรมุ้งมิ้งน่ารักอ่ะ
พี่บุ้งอย่ายอม จัดเต็มกับน้องมีนเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน โกรธ 06/05/57 : 22.35 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 06-05-2014 23:03:47
เหอะๆโดนเข้าแล้วพี่บุ้ง.......สบประมาทอย่างแรง 5555
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน โกรธ 06/05/57 : 22.35 น.
เริ่มหัวข้อโดย: thearboo ที่ 06-05-2014 23:07:06
ข้าน้อยขอติดตาม ตัลล๊อดไปปปปป...
เรื่องนี้ ฟิน ฝุดๆค่ะ
หนูมีน...พี่บุ้งงงง
เพ่วิเชียรรรร...เฮียยยยย...
อร๊างงงงงงส์
 :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน โกรธ 06/05/57 : 22.35 น.
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 06-05-2014 23:07:28
อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

เชียรร้ายกาจ ซะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
เฮียไปไม่เป็นเลย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน โกรธ 06/05/57 : 22.35 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 06-05-2014 23:12:29
 :laugh: แหม วิเชียร เดี๋ยวนี้เอาใหญ่เลยนะ ชอบตอนที่คุณกฤษดาด่าพี่บุ้ง แล้วลูกน้องเดินมาข่มอ่ะ พี่บุ้งดูเท่มาก
กอดๆพี่เท็นกับคนโพสต์จ้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน โกรธ 06/05/57 : 22.35 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 06-05-2014 23:14:25
 o13 o13 o13 o13 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน โกรธ 06/05/57 : 22.35 น.
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 06-05-2014 23:28:51
โอ้ว ว ว ว ว ว ว ว ว ว
พี่วิเชียรทำเฮียบุ้งเงิบเรยทีเดียว 555+
เฮียบุ้งอย่าไปยอมนะโว้ย ต้องเอาให้ได้มากกว่าร้อย หุหุ -,.-
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิโรจน์-อ้น) ตอน ทำไมต้องเกลียดพวกผมวะ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 06-05-2014 23:36:00
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/06/ไฟล์เปล่า12BRIrc.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ  วิโรจน์ & กฤษดา.....ตอน  ทำไมต้องเกลียดพวกผมวะ

เกือบหนึ่งทุ่มแล้ว

ภายในโรงงานไม่มีใครอยู่แล้ว ที่เหลืออยู่ก็คงมีแค่หัวหน้าแผนกขายที่ยังไม่ยอมกลับบ้าน และวิโรจน์ที่รอคอยอยู่นานก็เริ่มหงุดหงิด เมื่อก้มมองที่นาฬิกาข้อมืออีกหน แต่ก็ยังไม่เห็นหัวหน้าแผนกขายลงมาซักที

“ทำห่าอะไรนักหนาวะ”

บ่นเสียงพึมพำเบา ๆ คนเดียว และในเวลาไม่นาน คุณกฤษดาหัวหน้าแผนกขายก็เดินลงมา และวิโรจน์ก็ฉวยจังหวะนั้นเดินเข้าไปหาทันที

“เรื่องเมื่อเช้าผมยังไม่เคลียร์ คุณกฤษดามีอะไรก็พูดมาเลยตรงๆ ดีกว่า คุณกฤษดาเป็นอะไรนักหนาถึงไม่ชอบแผนกพวกผม ผมอยากรู้ เอาตรง ๆ เคลียร์ ๆ ลูกผู้ชาย”

วิโรจน์ไม่ชอบสุงสิงกับใคร มีหน้าที่ทำงานก็คือทำงาน หน้าที่ของวิโรจน์คือตรวจสอบสินค้าที่นำเข้ามาในบริษัท ไม่ค่อยมีโอกาสได้ขึ้นรถมากนัก แต่วิโรจน์ก็ชอบงานที่ได้รับมอบหมายให้ทำอยู่ในเวลานี้ เพราะเป็นงานที่ต้องรับผิดชอบตัวเอง โดยไม่ต้องประสานงานกับใครให้วุ่นวาย   วิโรจน์ไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวายด้วย  แต่ครั้งนี้มันสุดจะทน    หลายครั้งแล้วที่แผนกขนส่งถูกคุกคามจากไอ้หัวหน้าแผนกขายที่นึกว่าตัวเองเก่งนักเก่งหนา เหยียบอยู่บนหัวผู้อื่น

แม่งเป็นห่าอะไรนักหนา จ้องแต่จะแดกหัวแผนกพวกกู  วันนี้ต้องรู้ให้ได้ว่าเป็นเพราะอะไร

“ผมไม่ได้ไม่ชอบแผนกพวกคุณ พวกคุณคิดกันไปเองมากกว่า ไม่เห็นมีเหตุผลอะไรที่ต้องไม่ชอบพวกคุณไม่ใช่เหรอ คุณพนักงานขับรถ.........ว่าแต่ชื่ออะไรนะ ผมไม่เคยเห็นหน้าคุณมาก่อน”

มึงไม่เคยเห็นหน้าใครทั้งนั้นแหละไอ้กฤษดา เพราะเวลามึงเดินมึงเงยหน้ามองฟ้าตลอดไม่เคยก้มหัวลงมามองคนอื่น
วิเศษมาจากไหนวะ ก็แค่...........ไอ้ตี๋แว่นหน้าจืด มอง ๆ ดูแล้ว ไม่รู้ว่าขึ้นมาเป็นหัวหน้าแผนกขายได้ยังไง นึกว่าพวกขายประกัน หรือไม่ก็พวกมาเดินเร่ขายเครื่องกรองน้ำตามบ้าน

“คุณกฤษดาไม่จำเป็นต้องรู้ชื่อผมหรอก เพราะรู้ไปคุณกฤษดาก็ไม่คิดจะจำอยู่แล้ว”

ก็ถูก รู้ตัวก็ดี  ผมไม่คิดจะจำ ไม่เคยคิดจะจดจำคนอย่างพวกคุณ

“ก็รู้ตัวกันดีไม่ใช่เหรอ”

พูดจาหมาไม่แดกแบบนี้ มันน่าเอากำปั้นยัดปากซักทีจะได้หายซ่า

“ตกลงว่าไงคุณกฤษดา ลูกผู้ชายก็พูดมา ผมคนตรง ๆ อยู่แล้วไม่เคยระรานใคร ขออย่างเดียวตรง ๆ กับผมก็พอ”

ตรงบ้าตรงบออะไรวะ ไม่มีอะไรจะตรงทั้งนั้นแหละ

คุณกฤษดาหัวหน้าแผนกขาย ผู้มีมิตรไมตรีต่อลูกค้าสุด ๆ แต่ก็ไร้มนุษย์สัมพันธ์กับคนในโรงงานสุด ๆ กำลังยืนมองหน้าของพนักงานแผนกขนส่งตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะเบะหน้า และใช้ไหล่กระแทกให้คนที่ยืนขวางอยู่พ้นทาง

“หลีก ผมจะรีบกลับ ถ้าไม่มีอะไรอีกก็หลีกไป อย่ามายืนเกะกะขวางทาง”

คุณกฤษดาพยายามจะผลักไหล่ของพนักงานแผนกขนส่งที่มายืนขวาง และคนที่ยืนขวางก็ไม่มีทีท่าว่าจะสะทกสะท้าน

ถือว่าตัวใหญ่กว่ากูหรือไงวะ ถึงกล้ามายืนขวางแบบนี้

“ถ้าคุณไม่หลีก ผมจะเรียก รปภ. มาจัดการคุณ”

เป็นคำขู่ที่วิโรจน์รู้สึกว่ามันช่างตลกสิ้นดี  นี่แม่งไม่มีปัญญาจัดการอะไรเลยหรือไงวะ ถึงขนาดต้องพึ่งรปภ. ตกลงมึงเป็นหัวหน้าแผนกขาย หรือมึงเป็นง่อยกันแน่วะ  ไอ้คุณกฤษดา

“เอาจริง ๆ ผมคาใจมานานแล้ว ผมก็ไม่อยากอยู่อย่างคาใจแบบนี้ไปเรื่อยๆ หรอก แต่ไม่รู้ทำไม คุณกฤษดาชอบทำให้ผมคาใจทุกที”

มึงจะคาใจอะไรนักหนา กูจะรีบกลับบ้าน น่ารำคาญไอ้พวกแผนกขนส่งชะมัด เซ้าซี้ไม่พอ แถมพวกมันยังโคตรไร้มารยาท คนจะกลับบ้านจะมายืนขวางทำห่าอะไร

“ผมเตือนแล้วนะ ถ้าคุณไม่หลีกผมจะเรียก รปภ. ตอนนี้เลย”

ก็เรียกสิวะ ใครไปห้ามเอาไว้ล่ะ

วิโรจน์ยืนกอดอกมองคนที่ออกคำสั่งด้วยสีหน้าเรียบเฉย ท่าทางไม่เดือดร้อน และกลายเป็นคุณกฤษดาที่เริ่มโมโหขึ้นมาเอง

“หลีก”

วิโรจน์ยังคงยืนนิ่ง

ถ้าผมไม่หลีกแล้วคุณจะทำไมล่ะคุณกฤษดา

“บอกให้หลีกไงวะ”

คุณกฤษดาเงยหน้าขึ้นมองพนักงานขับรถที่ยืนทำหน้าเฉย และไม่มีทีท่าว่าจะสนใจคำพูดคุณกฤษดาหัวหน้าแผนกขายซักนิด

“ไอ้กุ๊ย หลีกไปซักทีสิวะ หรือจะให้กูเรียก รปภ.มาลากคอมึงออกไป”

โอ้โห ปากดีนี่หว่า  คือผมก็ไม่ได้อยากจะอะไรกับคุณกฤษดาหรอกนะ แต่พูดจาแบบนี้มันก็เกินไป

“ปากจัดจังนะคุณกฤษดา ปากแบบนี้ระวังจะเจอดีเข้าซักวัน”

เจอดีห่าอะไร ถ้ากูจะเจอดีกูเจอไปนานแล้วไม่จำเป็นต้องมาเจอตอนนี้หรอก

“แล้วทำไมมึงไม่เสือกหลีกล่ะ มายืนขวางทางอยู่ทำไม ไอ้กุ๊ย ไอ้พวกกุ๊ย ไอ้พวกแผนกกุ๊ย หัวหน้าก็กุ๊ย กุ๊ยไปยันลูกน้อง พวกมึงมันกุ๊ยทั้งแผนกนั่นแหละ เวรเอ้ยยย”

ก็ไม่ได้อยากจะโกรธหรอกนะ แต่สันดานแบบนี้ แม่งสมควรตาย

“อย่ามาพูดจาหมาไม่แดกแถวนี้ หัวหน้าแผนกขายแล้วไง หัวหน้าแผนกขายวิเศษมากนักจนคิดจะเหยียบย่ำแล้วกดหัวคนอื่นได้หรือไง ไอ้คุณกฤษดา”

ไม่ใช่แค่ยื่นหน้ามาใกล้ แต่วิโรจน์ยังใช้มือบีบไปที่ปลายคางของหัวหน้าแผนกขายอย่างแรง

“โอ้ยยยยยยยยยย ไอ้พวกกุ๊ย มึงปล่อยกูนะ ไอ้สัด ไอ้พวกชาติหมา หมาลอบกัดนี่หว่า”

ปากแบบนี้ไง ถึงมีแต่คนเกลียด สันดานเสียแบบนี้ต้องสั่งสอนซะบ้างจะได้รู้จักสำนึก

วิโรจน์มองไปทางซ้ายและขวาและยิ้มออกมาเมื่อมองไปที่ประตูห้องเก็บของข้างโรงจอดรถ ที่เปิดอ้าอยู่

ลากแขนของไอ้ตี๋แว่นหน้าจืดให้เดินตาม และคุณกฤษดาก็ทั้งดิ้นทั้งด่าวิโรจน์ไม่ยอมหยุด

“ปล่อยกู ปล่อยกูสิโว้ย ถ้ามึงกล้าทำอะไรกูแม้แต่ปลายเล็บนะ กูไม่เอาพวกมึงไว้แน่ ไอ้พวกกุ๊ย ไอ้พวกแผนกกุ๊ย”

ร้องไปก็เท่านั้น เพราะเรี่ยวแรงของวิโรจน์และคุณกฤษดาต่างกันมหาศาล  ถึงอยากลงไม้ลงมือกัน แต่ดูยังไงคนที่เสียเปรียบก็เป็นคุณกฤษดาอยู่ดี

“ปากดีนักนะมึง ปากดี ๆ แบบนี้ขอเอากำปั้นยัดปากซักทีสิวะ จะได้หายซ่า”

วิโรจน์กำหมัดแน่น ตั้งใจว่าจะซัดให้จอดซักเปรี้ยง แต่คุณกฤษดาที่ยกมือขึ้นป้องใบหน้า และเบี่ยงหน้าหนีพร้อมกับหลับแต่แน่นเพราะกลัวโดนต่อย มันทำให้วิโรจน์ชะงักนิ่งค้าง  เผลอมองอย่างไม่ตั้งใจ

ก็ไม่ได้หน้าตาแย่อะไรนี่หว่า

แล้วทำไม่ชอบแต่งตัวซะเหมือนคนอายุสี่สิบ

เคยได้ยินมาคร่าวๆ ว่าคุณกฤษดาอายุเพิ่ง 26 หน่อย ๆ แต่ไฟแรงมาก ผลงานเยอะจนใช้เวลาไม่นานก็ไต่เต้าขึ้นมาเป็นหัวหน้าแผนกขายได้ชนิดที่หายใจรดต้นคอหัวหน้าคนเก่า และก็สามารถเขี่ยหัวหน้าคนเก่าทิ้งได้ในเวลาไม่นาน

แล้วไอ้เด็กหน้าอ่อน ที่พยายามทำตัวเกินอายุ  ที่อยู่ตรงหน้านี่มันใคร

“หันหน้ามาซิ”

ไม่หัน กูไม่หันหรอกโว้ย ไอ้พวกกุ๊ย สั่งให้ตายกูก็ไม่มีทางหันหรอก

คุณกฤษดายังคงหลับตาแน่น และต้องรีบหันกลับมาแทบไม่ทัน เมื่อแว่นสายตาที่สวมอยู่ถูกดึงออกไปและคนที่ดึงแว่นออกก็กำลังพิจารณาไปที่แว่นสายตาที่คุณกฤษดาใส่มาตลอด

“เหี้ยยยยยยย ไอ้พวกเหี้ย แว่นกู เอาแว่นกูคืนมา”

สภาพเหมือนคนตาบอด ภาพตรงหน้าเบลอไปหมด และคุณกฤษดาก็พยายามขมวดคิ้วเพ่งมองใบหน้าของพนักงานขับรถที่ในเวลานี้ผละมายืนห่าง ๆ และนึกขำที่ไอ้คุณกฤษดา เดินเซเหมือนเป็ดหลงทาง

“เอาแว่นกูคืนมาสิวะ”

ถ้าไม่ให้แล้วจะทำไมวะ

วิโรจน์แกล้งถอยออกห่างไปอีกเล็กน้อย และคุณกฤษดาก็พยายามจะเดินเข้าไปใกล้ เพื่อแย่งแว่นสายตาคืนมาให้ได้

ภาพตรงหน้าดูเลือนลาง  และหัวหน้าแผนกขายก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามีอะไรขวางทางเดิน

สะดุดหน้าคว่ำหัวคะมำ และล้มลงไปกระแทกกับพื้น  สภาพอนาถมากจนไม่เหลือเค้าของหัวหน้าแผนกขายให้วิโรจน์เห็นเลย

“โอ้ยยยยย”

เสียงร้องของคุณกฤษดา ทำให้วิโรจน์ที่นึกกระหยิ่มใจที่ได้เห็นสภาพตลก ๆ ต้องรีบเดินเข้าไปใกล้

ย่อเข่าลงนั่งยอง ๆ และมองหน้าของคนที่อยู่ตรงหน้า  ที่ในเวลานี้ขมวดคิ้วมุ่น เพื่อพยายามเพ่งมองหน้าของวิโรจน์ให้ชัด ๆ

“เอาแว่นกูคืนมาสิวะ ไอ้กุ๊ย”

ใครจะไปคืนวะ ไอ้ตี๋น้อย ถ้าพูดดี ๆ ไม่ได้ก็ไม่ต้องเอา

“บอกว่าขอแว่นคืนหน่อยครับ พูดเป็นมั้ย”

พูดเป็น แต่ไม่พูด มีอะไรมั้ย

“กูไม่พูด”

"ไม่พูดก็ไม่ต้องเอา"

“เอาแว่นกูคืนมานะ”

อีกครั้งที่คุณกฤษดาพยายามไขว่คว้าจะเอาแว่นคืนให้ได้ และวิโรจน์ก็ชูสิ่งที่คุณกฤษดาต้องการเอาไว้เหนือหัว ยื่นไปจนสุดแขน

“โธ่โว้ย ไอ้กุ๊ยยยยยยยย”

เสียงตะโกนลั่นของคุณกฤษดาทำให้วิโรจน์ชอบใจเข้าไปใหญ่ พยายามจะถอยออกห่าง และคุณกฤษดาก็อาศัยจังหวะที่วิโรจน์เผลอ กระโจนเข้าใส่

แย่งแว่นกันชุลมุน ดึงกันไปดึงกันมาหลายตลบ สุดท้ายมาจบที่วิโรจน์กำลังคร่อมทับคุณกฤษดาอยู่ และคุณกฤษดาหัวหน้าแผนกขายก็เบะหน้าด้วยความขัดใจ

“ไอ้กุ๊ย เอาแว่นกูคืนมาซักที”

ไม่ใช่ไม่อยากคืนหรอกนะ แต่ว่า.............ใบหน้าของคนที่กำลังขมวดคิ้วมุ่นและริมฝีปากแดง ๆ ที่ขบเม้มแน่นเข้าหากันอย่างขัดใจที่วิโรจน์ได้เห็นมันน่าสนใจกว่า

เส้นผมสีดำสนิท ปรก ระอยู่ที่หน้าผาก แก้มขาว ๆ ขึ้นสีแดงเรื่อ

เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นที่ใบหน้าของคนที่อยู่ใต้ร่าง  วิโรจน์ไม่เคยคิดว่าหัวหน้าแผนกขายที่เป็นอริกับแผนกขนส่งมานาน จะมีใบหน้าน่ามองได้ขนาดนี้ เผลอมองค้างอยู่นาน และฝ่ามือที่ยันแผ่นอกของวิโรจน์เอาไว้ก็ยิ่งพยายามผลักให้วิโรจน์ออกห่างให้ได้

“ปล่อยสิวะ มึงเป็นโรคจิตหรือไง ปล่อยกูซะที ทับอยู่ได้”

แม้คุณกฤษดาจะพูดยังไงวิโรจน์ก็ไม่สน ที่สนใจตอนนี้คือใบหน้าขาว ๆ ที่ขึ้นสีแดงเรื่อ เพราะความเหนื่อยจากการแย่งของมากกว่า   อะไรก็ไม่น่ามองเท่าริมฝีปากอิ่มคู่นั้น ที่ยังคงขบเม้มเข้าหากันด้วยความโกรธ

แต่สำหรับวิโรจน์โคตรเย้ายวนใจ

ไม่คิดว่าจะทำอะไรโง่ ๆ ไม่คิดว่าจะทำอะไรบ้า ๆ  โดยไม่รู้ตัววิโรจน์ก็ทำเรื่องที่ไม่คิดจะทำด้วยการโน้มใบหน้าลงมาหาคนที่อยู่ใต้ร่างอย่างลืมตัว

ประกบริมฝีปากแรง ๆ เข้ากับริมฝีปากแดงที่ยังคงขบเม้มแน่น

คุณกฤษดาถึงกับเบิ่งตากว้าง และพยายามผลักไสให้วิโรจน์ออกห่าง แต่ก็ไม่เป็นผล ยิ่งผลักยิ่งถูกคุกคาม ยิ่งสะบัดหน้าหนียิ่งถูกรุกไล่  สิ่งสุดท้ายที่คุณกฤษดาทำได้คือตะโกนออกไปจนสุดเสียง ทั้งที่ยังถูกประกบปากเอาไว้ไม่ยอมให้พูด

“อื้อออ ไอ้.....อื้ออ”

..................ไอ้พวกกุ๊ย พวกมึงมันพวกกุ๊ย ไอ้กุ๊ย ปล่อยกูนะโว้ยยยยยยยยยยย..............

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน โกรธ 06/05/57 : 22.35 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 06-05-2014 23:37:08
วิโรจน์กำลังติดกระดุมเสื้อ โดยมีหัวหน้าแผนกขายนั่งก้มหน้าอยู่ข้าง ๆ

พยายามจะเอื้อมมือไปหาหลายหน แต่ถูกปัดมือและร่างนั้นก็ขยับออกห่าง

หยดน้ำตาเจือจางลงไปบ้างแล้ว ทั้งที่ก่อนหน้านั้นคุณกฤษดาเอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด และกร่นด่าวิโรจน์เสียงดังลั่น

“มานี่ดิ๊ เสื้อขาดแบบนั้น เดี๋ยวใครเห็นเข้าก็รู้หรอกว่าไปทำอะไรมา”

วิโรจน์ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร แต่ที่ทำได้ในเวลานี้ก็คือ พยายามพูดดี ๆ กับหัวหน้าแผนกขายให้มากที่สุด ซึ่งเจ้าตัวก็ดูจะไม่มีทีท่าสนใจสิ่งที่วิโรจน์พูดด้วยเลยซักนิด

ยกหลังมือขยี้ดวงตาที่แดงก่ำหลายหน  เห็นแล้ววิโรจน์ก็พูดอะไรไม่ออก ได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
เรื่องบางอย่างมันเลยเถิดไปไกล  จะให้กลับไปแก้ไขอะไรตอนนี้มันก๋็ไม่มีทางเป็นไปได้  นอกจากจะปล่อยให้เป็นไปอย่างนี้เท่านั้น

“ลุกไหวหรือยัง ถ้าไหวแล้วก็รีบ ๆ ลุกจะได้กลับบ้าน”

ไม่รู้จะพูดกับคนตรงหน้ายังไงดี ทั้งที่เพิ่งผ่านศึกรักร้อนแรงมาด้วยกันเมื่อสองสามชั่วโมงก่อน  แต่กลายเป็นว่าต้องมาพูดจากันด้วยความกระอักกระอ่วนใจกันทั้งสองฝ่ายในเวลานี้

“ไม่ต้องมายุ่งกับกู”

พูดอะไรโง่  ๆ ไม่ให้ยุ่งได้ไงวะ

“ก็ยุ่งไปแล้วจะให้ทำยังไง”

ตอบไปตามที่ใจคิด และคุณกฤษดาก็เงยหน้าขึ้นจ้องหน้าของวิโรจน์ด้วยดวงตาแดงก่ำ ภายในดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้นจนวิโรจน์ที่มองกลับถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี

“ก๋็ลืมเรื่องเหี้ย ๆ พวกนี้ไปซะให้หมดก็สิ้นเรื่อง”

ใครจะไปลืมได้วะ  จนป่านนี้แล้วมาทำเป็นเด็ก ๆ ไปได้  บอกให้ลืมมันลืมได้ง่าย ๆ หรือไงวะ

“กลับยังไง เดี๋ยวไปส่ง”

หมดปัญญาจะต่อปากต่อคำด้วย  และวิโรจน์ก็ลุกขึ้นยืนและพยายามจะดึงแขนของคุณกฤษดาให้ลุกขึ้นตาม แต่ก็โดนสะบัดหนี

"ไม่ต้อง  มีปัญญากลับเองได้"

คุณกฤษดาผลักไสวิโรจน์ออกห่าง และไม่อยากจะพูดอะไรกับวิโรจน์อีกเลยซักคำ และนั่นก็ดูน่าหงุดหงิดรำคาญสำหรับวิโรจน์ที่สุด

“อ่อ ลืมไป หัวหน้าแผนกขาย ขับรถมา รถเก๋งสปอร์ตคันใหญ่ราคาหลายล้านซะด้วย มันจะมาเทียบกับมอร์เตอร์ไซด์เก่าๆ ของพนักงานต๊อกต๋อยแผนกขนส่งอย่างผมได้ยังไง”

รู้ตัวก็ดีแล้ว

“ก็รู้ตัวกันดีนี่ว่าเป็นได้แค่พนักงานต๊อกต๋อย อย่างพวกมึงมันเป็นได้แค่กุ๊ยนั่นแหละวะ”

ทำไมปากดีนักวะ โดนไปขนาดนี้ยังจะฤทธิ์มากอยู่อีก

“แล้วไงครับ...ถึงจะเป็นกุ๊ย.....แต่ตอนนี้ผมก็เป็น...ผัว หัวหน้าแผนกขายได้ก็แล้วกัน”



TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน โกรธ 06/05/57 : 22.35 น.
เริ่มหัวข้อโดย: full69 ที่ 06-05-2014 23:38:16
 :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน โกรธ 06/05/57 : 22.35 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Sbatandty ที่ 06-05-2014 23:43:14
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

จัดมาเลย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน โกรธ 06/05/57 : 22.35 น.
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 06-05-2014 23:44:20
วิเชียรมันแสบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิเชียร&เฮีย) ตอน โกรธ 06/05/57 : 22.35 น.
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 06-05-2014 23:56:32
สนุกมากอ่ะ ตามอ่านทันละ อัพเยอะถูกใจมากเลยค่า :impress2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิโรจน์&อ้น) ตอน พลาด 06/05/57 : 23.52 น.
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 06-05-2014 23:58:54
กรี๊ดดดดดดด เพิ่งเห็น!!!

เรื่องใหม่ของคุณเท็น แม่งอย่างน่ารัก กรี๊ดๆๆ *ตีหมอนรัวๆ* พี่บุ้งน่ารัก ตอนแรกก็ดูดุๆ ไปๆมาๆน่าร้ากมุ้งมิ้ง >_< ไอ่น้องเกาหลี เอ้ย น้องมีนได้ใจไปตั้งแต่แรก ติสๆดี ชงดีนัก ผัวๆเมียๆ ตอนนี้เขาเอาจริงแล้วนะเว้ย 555 ขอให้โดน 55555

มีอีกสองคู่อีกตะหาก คู่เฮียวิเชียรแร๊งส์ คู่วิโรจน์กับคุณกฤษฎายิ่งกว่า ป๊ะปุ๊บได้ปั๊บ

โอ้ย ชอบอ่ะ ได้ใจๆ ขอบคุณมากค่ะ ติดตามๆ

 :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิโรจน์&อ้น) ตอน พลาด 06/05/57 : 23.52 น.
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 07-05-2014 00:02:48
ใครๆ ก็แซงหน้าพี่บุ้งกับน้องเกาหลี




เข้าวินกันหมดล่ะ พี่บุ้งพึ่งสตาร์ท
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิโรจน์&อ้น) ตอน พลาด 06/05/57 : 23.52 น.
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 07-05-2014 00:05:56
คู่สุดท้ายทิ้งโค้งไม่เห็นฝุ่น
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิโรจน์&อ้น) ตอน พลาด 06/05/57 : 23.52 น.
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 07-05-2014 00:08:27
อ่านแล้วสนุกๆ เข้มอ่ะ >●<

 หัวหน้าแผนกขายนี่ยังเด็กอยู่เลยแหะ ด่าซะไม่เลือกอายุเลย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิโรจน์&อ้น) ตอน พลาด 06/05/57 : 23.52 น.
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-05-2014 00:11:15
โผล่มาอีกคู่ มีกันยกแผนกเลยไหมแฟนเป็นชาย คู่นี้ถ้าดุเดือด
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิโรจน์&อ้น) ตอน พลาด 06/05/57 : 23.52 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 07-05-2014 00:14:53
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/06/ไฟล์เปล่า12BRIrc.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ  วิโรจน์ & กฤษดา.....ตอน  อย่าเรื่องมากน่าคบกับผมซะเถอะ

“กลับมาแล้วเหรอ....อ้น”

“ครับ....กลับ....มาแล้ว”

น้ำเสียงที่ตอบกลับแม้จะแผ่วโหย แต่คนเป็นแม่ก็ไม่คิดจะสนใจ ยังคงตั้งหน้าตั้งตาแต่งเล็บ และเริ่มพร่ำพูดเรื่องเดิม ๆ ซ้ำ ๆ

“วันนี้พี่เอ เค้าได้ติดยศแล้วนะ ขึ้นเป็นพันตรีแล้ว แป๊บเดียวเองเร็วมาก ๆ พี่เอเขาเก่งมากจริง ๆ ไม่ใช่ว่าจะติดยศกันได้ง่าย ๆ นะ เป็นเพราะความเก่งของพี่เค้าแท้ ๆ”

แม่ไม่เคยสนใจลูกชายกลาง เอาแต่สนใจลูกชายคนโต และลูกสาวคนเล็กโดยไม่เคยรู้ว่าทุก ๆ ครั้งที่เริ่มชื่นชมลูกชายคนโต ลูกชายคนที่ถูกลืมอย่างกฤษดาจะรู้สึกยังไง

“หัดเอาอย่างพี่เขาบ้างนะอ้น ดูสิ พี่เขาสร้างชื่อเสียงให้วงศ์ตระกูลขนาดนี้ อีกหน่อยพอพี่เค้าได้เลื่อนยศสูงขึ้น ครอบครัวเราก็จะได้มีหน้ามีตามากกว่านี้นะอ้น”

นั่นผมรู้แล้ว แม่ไม่ต้องย้ำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่ามากพอที่จะสร้างชื่อเสียงให้วงศ์ตระกูลก็ได้

“น้องอิงก็อีกคน สอบชิงทุนกำลังจะได้ไปเรียนต่อเมืองนอกด้วย เห็นว่าจะไปฝรั่งเศส ถ้าสมัยเรียนอ้นตั้งใจมากกว่านี้ป่านนี้อ้นก็ไปไกลแล้วไม่ต้องมาทำงานเป็นหัวหน้าแผนกเล็ก ๆ ในโรงงานแบบนี้หรอก”

คำพูดที่ไม่เคยกลั่นกรอง กระทบใจของคุณกฤษดาอย่างจัง และแม้ไม่อยากฟังก็ต้องทนฟังจนจบให้ได้

“เอาอย่างพี่เอาอย่างน้องบ้างสิอ้น อย่าให้แม่ต้องหนักใจ”

ผมรู้แล้ว

“ครับแม่ ผมกำลังพยายามอยู่”

ไม่ใช่แค่คำว่าพยายามอยู่ แต่คุณกฤษดาพยายามแทบตายโดยที่คนในครอบครัวไม่เคยรู้
เพียงเพื่อคำว่า ความสำเร็จ คุณกฤษดายอมแม้กระทั่งเหยียบหัวคนที่ไว้ใจคุณกฤษดาที่สุดขึ้นไป

ตำแหน่งที่ได้มา ไม่ใช่เพราะความสามารถทั้งหมด แต่มันแลกมาด้วยน้ำตา และการทรยศหักหลัง

แม้รู้อย่างนั้น คุณกฤษดาก็ยอม     ยอม.......เพียงเพื่อให้ได้มา หลับหูหลับตาทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ อะไรก็ได้ ขอแค่มีที่ยืน ที่คุณกฤษดาคิดเอาเองว่าดี   ทั้งที่จุดที่คุณกฤษดาต้องไปยืน มันช่างอ้างว้างและเต็มไปด้วยคราบน้ำตาของใครหลายคน ที่คุณกฤษดาใช้เป็นบันได

“ผมไปได้หรือยังครับแม่ พอดีว่ามีงานค้างอยู่ ต้องเอากลับมาเคลียร์ต่อ”

“ก็ไปสิลูก เรื่องงานที่เอากลับมาทำที่บ้านนี่ก็เหมือนกัน ทำไมถึงได้ใช้งานกันอย่างกับทาส เงินเดือนซักเท่าไหร่กันเชียว เพราะอ้นไม่ขวนขวายตั้งแต่แรกเลยต้องมาเป็นแบบนี้ ถ้าอ้นเชื่อแม่ตั้งแต่แรก ก็ไม่ต้องมาเป็นหรอกพนักงานขายใช่มั้ยหรืออะไรที่อ้นเป็น แม่บอกแล้วคราวนี้เชื่อแม่หรือยัง สมัยเรียนถ้าอ้นสอบชิงทุนได้อย่างน้องอิง ป่านนี้ก็คงได้ไปทำงานดี ๆ เงินเดือนดี ๆ กว่านี้ เป็นที่เชิดหน้าชูตาให้พ่อแม่ ไม่ต้องมาทำงานเป็นกรรมกรงก ๆ อยู่อย่างนี้หรอก รู้มั้ยอ้น... อ้น.....เดี๋ยวก่อนสิอ้น ทำไมไม่ฟังที่แม่พูดให้จบก่อนล่ะ”

คุณกฤษดาไม่อยากจะฟังอีกแล้ว
รีบก้าวขาเดินขึ้นห้องอย่างรวดเร็ว แม้จะรู้สึกแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงก็ตาม แต่ไม่อยากจะรับรู้อะไรอีก

เหนื่อยแล้ววันนี้ เหนื่อยและเจ็บจนเกือบจะตาย จนไม่อยากจะเอาอะไรอีกแล้ว

เปิดประตูห้องได้ก็จัดการล็อคประตูเอาไว้ ก่อนจะเดินไปทิ้งกายลงนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงและร้องไห้คนเดียวเงียบ ๆ

ไม่มีใครรู้ว่าวันนี้เจออะไรมาบ้าง เรื่องเลวร้ายที่สุดในชีวิต คิดว่าจะเข้มแข็งจะไม่เป็นอะไร แต่พอกลับบ้านมาแล้วต้องมาเจอคำพูดโหดร้ายที่ตอกย้ำให้รู้สึกอยู่ทุกวัน ก็เหมือนจะทนไม่ไหวอีกต่อไป

ยิ่งคิดยิ่งมีแต่ความอึดอัดคับแค้นใจ กอดหมอนเอาไว้และร้องไห้ไม่ยอมหยุด

เหนื่อยแล้ว   เหนื่อยจนเหมือนจะตายอยู่แล้ว

มีแต่เรื่องหนัก ๆ ประเดประดังเข้ามาในชีวิต จนหัวหน้าแผนกขายอย่างคุณกฤษดาไม่คิดอยากจะมีชีวิตต่อ เหนื่อยจนต้องร้องไห้ออกมา ร้องไห้ไม่หยุดแต่ไม่เคยมีเสียง

เมื่อไหร่จะมีใครเข้าใจซักที ว่าที่ทำอยู่ทุกวันนี้ไม่ใช่เพื่อใคร   แต่เพื่อครอบครัว

อยากให้แม่ภูมิใจ อยากให้ครอบครัวภูมิใจ อยากให้ตัวเองภูมิใจ แต่ยิ่งทำมากเท่าไหร่ก็ไม่เคยมีใครเห็นค่าซักคน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิโรจน์&อ้น) ตอน พลาด 06/05/57 : 23.52 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 07-05-2014 00:15:23
“พีท แม่ว่าพีทกลับบ้านได้แล้วล่ะ ปีกว่าแล้ว  พีทจะอยู่ข้างนอกไปอีกนานแค่ไหนล่ะพีท”

วิโรจน์ถือโทรศัพท์ค้างเอาไว้แบบนั้นและตั้งหน้าตั้งตาใช้ตะเกียบคีบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเข้าปากก่อนจะตอบกลับคนที่โทรเข้ามาหา

“ครับ รู้แล้วครับ แม่ไม่รู้อะไรซะแล้ว อยู่ข้างนอกโคตรสบาย แค่หาตังค์ได้ ก็อยู่ได้เรื่อย ๆ แล้วแม่ จะให้พีทกลับไปอยู่บ้านทำไม เบื่อตายห่า แล้วอีกอย่างนะ ตอนนี้พีทก็กำลังสนุกกับงานด้วย แม่คิดดู วัน ๆ มีของให้เช็คเป็นร้อย อะไรบ้างก็ไม่รู้ แต่ทำไปทำมา โคตรสนุกเลย”

เหตุผลไม่ใช่แบบนั้นหรอก ที่พูดแบบนั้นก็เพียงแค่ให้แม่สบายใจ

“ก็มาทำกับพ่อ พ่อเขาอยากให้พีททำอะไร พีทก็ทำซะก็หมดเรื่อง พีทจะพูดแบบนั้นกับพ่อทำไมว่าพีทอยู่ข้างนอกได้โดยไม่ต้องพึ่งพ่อ พีทจะงัดกับพ่อเพราะทิฐิแบบนี้ไปทำไม”

ไม่รู้เหมือนกันนะ บางทีลูกผู้ชายอย่างผมก็ยึดมั่นในศักดิ์ศรีไงแม่ พ่อเคยพูดเอาไว้ คนอย่างผมออกมาอยู่ข้างนอกยังไงก็อดตาย
ผมก็จะแสดงให้รู้ ว่าพ่อพูดผิด

“ไม่ต้องให้มันกลับมา เก่งนัก ปีกกล้าขาแข็งนักก็ไม่ต้องกลับมา ให้มันตายห่าอยู่ข้างนอกนั่นแหละ”

วิโรจน์ได้ยินชัด ๆ เต็มสองรูหู และถึงกับถอนใจยาวด้วยความเบื่อหน่าย

“แค่นี้ก่อนดีมั้ยแม่ เดี๋ยวเขาจะอารมณ์เสียเพราะผมไปกันใหญ่”

บอกลาและกดวางสายเรียบร้อย และวิโรจน์ก็ถอนหายใจออกมายาวๆ

เรื่องกลับไปไม่เคยอยู่ในหัว แต่ถ้าคิดจะกลับไปจริง ๆ นั่นหมายความว่าพ่อต้องมาขอให้กลับเท่านั้น

วิโรจน์วางตะเกียบลง และเดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียง

งานที่ทำแม้เงินเดือนไม่มากนัก แต่ก็พอให้วิโรจน์อยู่ข้างนอกได้อย่างสบายถ้ารู้จักประหยัดใช้ ไม่ฟุ่มเฟือยฟุ้งเฟ้อ

แม้ชีวิตนี้เกิดมาเคยสบายมาตลอด แต่ในตอนนี้ต้องมาพบความลำบากก็ไม่คิดจะท้อ อยู่ได้ ทำไมจะอยู่ไม่ได้
คนเขาก็อยู่กันเยอะแยะ  อยู่ข้างนอกแบบนี้ใครว่าไม่ดี มีอะไรให้เรียนรู้เต็มไปหมด

เรื่องส่วนตัว เรื่องงาน เรื่อง..........คน....... คนแปลกๆ นิสัยห่วย ๆ อย่างหัวหน้าแผนกขาย .............คุณกฤษดา

.........หัวหน้าแผนกขาย ชื่อไอ้คุณกฤษดา.........

ไม่แปลกที่จะนึกถึง คนเพิ่งจะได้เสียกันไม่นานยังไงก็ต้องนึกถึง

คุณกฤษดา...... คุณกฤษดา แม่งคนห่าอะไรวะ ปากจัดชิบหาย

คุณกฤษดา...... คุณกฤษดา เลิกร้องไห้ซักทีได้มั้ยวะ กูหลอนจะตายห่าอยู่แล้ว  แม่งเสียงร้องนี่ก้องไปก้องมาในหูจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนแล้ว   มึงจะร้องทำห่าอะไรมากมายว่ะ ไอ้คุณกฤษดา.....

วิโรจน์นอนขมวดคิ้วมุ่น   หัวสมองเริ่มคิดถึงเรื่องเมื่อตอนเย็น แล้วก็ชักเริ่มรู้สึกปวดหัว    ที่ทำลงไปแค่อยากสั่งสอน ไม่นึกว่าจะเลยเถิดไปขนาดนั้น    แล้ว...........ยังไงวะ จะทำยังไงต่อไปดีวะ ควรทำยังไงต่อไป

“เกลียดอะไรแผนกพวกผมนักหนาวะ พวกผมไปทำอะไรให้คุณจนต้องมาเกลียดกันขนาดนี้.........แล้วตกลงผมควรจะทำไงกับเรื่องของเราที่เกิดขึ้นดี..............คุณกฤษดา…..”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิโรจน์&อ้น) ตอน พลาด 06/05/57 : 23.52 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 07-05-2014 00:15:38
มีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สอง หลังครั้งที่สองก็ต้องมีครั้งที่สาม และในที่สุดครั้งที่สี่ห้าหก และหลาย ๆ ครั้งก็ตามมา

วิโรจน์ไม่รู้ว่าปล่อยให้เหตุการณ์บานปลายไปถึงขนาดนี้ได้ยังไง จากคิดจะคุยด้วยดี ๆ และต้องการหาเหตุผล
สุดท้ายกลายเป็นต้องคอยดักรอตอนเย็น เพียงเพื่อจะพบหน้า ไม่เคยพูดคุย ไม่เคยทักทาย สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเรามีแค่เซ็กส์อย่างเร่งด่วน และความฉาบฉวยของอารมณ์ใคร่

แรก ๆ คุณกฤษดาทั้งขัดขืนทั้งร้องไห้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปจากสองวันเป็นสามวัน เป็นหนึ่งสัปดาห์ ร่องรอยของหยดน้ำตาก็หายไป
เหลือเพียงแววตาเลื่อนลอย และท่าทางเย็นชาให้วิโรจน์ได้รู้สึก ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้วะ................นี่มันเรื่องเหี้ยอะไรวะ กูไม่เข้าใจ................

“คุณหัวหน้าแผนกขาย”

วิโรจน์เอ่ยเรียกคนที่อยู่ตรงหน้า คุณกฤษดาผูกเนคไทน์และจัดให้เข้าที่เข้าทางเรียบร้อย หลังๆ เริ่มรู้ทางกัน มีอุปกรณ์เสริม ทั้งเจลหล่อลื่นหรือแม้กระทั่งถุงยางอนามัย คุณกฤษดาจะเป็นฝ่ายเตรียมมา โดยที่วิโรจน์ไม่ต้องจัดการ

“ไม่คิดจะมองหน้ากันเลยหรือไงเวลาเอากัน ทำไมต้องหลับตา ทำไมต้องมองไปทางอื่น ร้องครางซะขนาดนั้น ออกจะติดใจไม่ใช่เหรอ แล้วมาทำเป็นมีปัญหาเยอะ ทั้งที่อยากให้ผมกระแทกแรง ๆ แท้ ๆ ”

ไม่ใช่ไม่รู้ ไม่ใช่ไม่ชิน วิโรจน์ไม่เคยพูดจาดีด้วย และคุณกฤษดาก็ไม่เคยคิดจะพูดดีตอบกลับอีกฝ่ายเช่นกัน

ระหว่างเรามันคือความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัย แล้วจะให้หวังความรัก ความรู้สึกดี ๆ จากวิโรจน์ได้ยังไง

คุณกฤษดารู้ว่าไม่มีทาง............... ไม่มีแม้หนทางที่จะให้หวัง…….. ไม่มีเลย.........

“พอทีนี้ทำเป็นไม่พูด ทีเมื่อก่อนเห็นปากดีนักไม่ใช่เหรอ”

ก็ไม่ใช่เพราะปากดีหรือไงถึงได้กลายมาเป็นแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนั้น
คงไม่ต้องมาเจอกับเหตุการณ์บ้า ๆ แบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า 

คุณกฤษดาลุกขึ้นยืน และไม่คิดจะตอบคำถามที่วิโรจน์ถามอีกแต่ก้มหน้าก้มตาซ่อนแววตาร้าวรานภายใต้กรอบแว่นตาคู่นั้นเอาไว้

…………ใครจะไปคิดว่าตัวเองก็มีหัวใจ..............
ในเวลาไม่นาน แค่มีเซ็กส์กันด้วยความต้องการของร่างกายของทั้งสองฝ่าย.........และคุณกฤษดารู้ว่าวิโรจน์ไม่เคยมีความรู้สึกอื่นนอกจากอยากปลดปล่อยความต้องการของตัวเองเท่านั้น

“อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาด”

คุณกฤษดาไม่รู้  ว่าสิ่งที่คุณกฤษดาพูด มันสร้างความเจ็บปวดใจให้วิโรจน์ไม่น้อย

เรื่องแบบนี้ใครมันจะกล้าให้ใครรู้ คุณกลัวโดนคนนินทา เรื่องแค่นี้ทำไมผมจะไม่เข้าใจ

ส่วนผมจะให้กลัวอะไร ในเมื่อผมไม่เคยเป็นที่สนใจของใครอยู่แล้ว

“ก็ขึ้นอยู่กับคุณ...ว่าจะทำให้ผมไม่อยากพูดได้หรือเปล่า”

คำพูดง่าย ๆ แต่ทำให้คุณกฤษดาเจ็บแปลบไปถึงหัวใจ

........มีอะไรกันจนกว่าจะเบื่อกันไปข้าง......นั่นคือสิ่งที่วิโรจน์บังคับให้คุณกฤษดายอมรับ และใช้เป็นเครื่องมือต่อรองเพื่อยื้อความสัมพันธ์ที่ผิดพลาดนี้เรื่อยมา

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิโรจน์&อ้น) ตอน พลาด 06/05/57 : 23.52 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 07-05-2014 00:15:54
สิ่งที่แย่ที่สุดสำหรับวิโรจน์ตอนนี้ไม่ใช่การที่ไม่ได้คำตอบว่าทำไมหัวหน้าแผนกขายถึงได้เกลียดแผนกขนส่งนักหนา

แต่เป็นปัญหาของหัวใจตัวเอง ที่นานวันความสัมพันธ์ที่ไม่เคยคิดจะเริ่มกับใครบางคน ก็หยั่งรากลึกลงมาในหัวใจของวิโรจน์มากขึ้นทุกวัน

เช็คของไปเรื่อยๆ แต่ในเวลาไม่นานก็เผลอเหม่อลอย จนเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ ต้องเอ่ยทักอยู่หลายครั้ง

“เป็นอะไรวะโรจน์ มึงใจลอยแปลก ๆ มาพักใหญ่แล้ว”

วิโรจน์ถึงกับสะดุ้ง เมื่อถูกทัก และทำทีเป็นก้มหน้าก้มตาทำงานกลบเกลื่อนความผิดปกติของตัวเอง

แต่นั่นก็ไม่เคยรอดพ้นสายตาของเพื่อนร่วมงานที่ต้องมาประจำอยู่แผนกในได้

“คนมันกำลังมีความรัก อย่าไปทักมัน”

วิเชียรพูดยิ้ม ๆ และกลายเป็นวิโรจน์ที่ต้องเงยหน้าจากการเช็คของและส่งยิ้มซีดเซียวมาให้กับเพื่อนร่วมแผนก

“รักที่ไม่สมหวังซะด้วย ยังไม่ทันได้จีบได้คบเลย แต่ถูกเกลียดไปซะแล้ว”

ไม่มีใครคาดคิดว่าวิโรจน์จะกล้าพูดเรื่องของตัวเอง และวิเชียรก็หันไปมองหน้าอำนาจ ผู้ที่มักเป็นตัวสแปร์เวลาที่วิเชียรไม่อยู่เสมอ ด้วยความอึ้ง

“ใครมันมัดใจ อาร์ตตัวพ่ออย่างวิโรจน์ได้วะ แม่งโคตรสุดยอด ทำวิโรจน์หวั่นไหวถอนหายใจเฮือก ๆได้ทุกวันสงสัยจะไม่ธรรมดา”

ใช่
ไม่ธรรมดา
ไม่ธรรมดามากซะด้วย

ไม่ธรรมดาชนิดที่ว่า ถ้าทุกคนในแผนกขนส่งได้รู้ คงตกใจอ้าปากค้างไปตามๆ กัน

คงได้มีรายการช็อคกันบ้าง  ถ้าทุกคนได้รู้ว่าคนที่ทำให้วิโรจน์เป็นได้ถึงขนาดนี้คือใคร

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิโรจน์&อ้น) ตอน พลาด 06/05/57 : 23.52 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 07-05-2014 00:16:22
“มีใบสั่งซื้อติดมาด้วย เป็นของแผนกขาย เอาไงดีวะ”

อำนาจเดินออกมาจากโซนใน ตั้งใจจะไปกินข้าวเพราะเป็นเวลาพัก แต่ดันมาเกิดปัญหาใหญ่ซะได้ ที่จริงปัญหาไม่ได้ใหญ่โตอะไรเลย แต่เป็นปัญหาที่ยุ่งยากเกินกว่าพนักงานอย่างอำนาจจะอยากแก้ปัญหา

“แม่ง...ใครจะอยากเอาบิลขึ้นไปส่งวะ เพิ่งมีคดีความกันไปเมื่อสองสามอาทิตย์ก่อน ไอ้กฤษดาจะได้แดกหัวเอา ทำไมบิลต้องมาค้างที่กูด้วยวะซวยจริง ๆ ”

อำนาจบ่นพึมพำคนเดียวไปเรื่อย และกลายเป็นวิโรจน์ที่เลิกคิ้วขึ้นสูง เมื่อรู้ว่าอำนาจมีปัญหาเรื่องอะไร

“เดี๋ยวกูเอาไปส่งเอง”

ปกติวิโรจน์ไม่ใช่คนที่อยากยุ่งเรื่องงานของคนอื่น แต่ในเวลานี้ วิโรจน์เกิดนึกอยากจะยุ่งขึ้นมาอย่างสุด ๆ

“เอาไปตอนนี้มึงก็น่าจะรู้ ไอ้กฤษดายังไงก็อยู่แผนกแน่ ๆ พักเที่ยงแม่งก็ไม่แดกข้าวหรอก ทำงานเอาหน้า ใคร ๆ เขาก็รู้กันหมดแหละ ว่าไอ้เหี้ยนั่นมันบ้าไม่เหมือนคนอื่น”

เพราะรู้ว่าขึ้นไปแล้วจะได้เจอคนบ้างานอยู่คนเดียวแน่ ๆ ไงวิโรจน์ถึงคิดจะขึ้นไป ขึ้นไปเผื่อจะมีโอกาสได้พูดคุยกันที่อื่นบ้าง
ไม่ใช่เจอกันแค่โรงเก็บของเก่า ๆ โทรม ๆ ที่เอาไว้ใช้เป็นที่ระบายอารมณ์ที่เดียว

“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวกูจัดการเอง”

ดึงใบสั่งซื้อที่ติดมากับบิลส่งของมาจากมือของอำนาจและวิโรจน์ก็ก้าวขาเดินลิ่ว ๆ เพื่อไปที่แผนกขาย ท่ามกลางความแปลกใจของอำนาจที่ไม่รู้ว่าวิโรจน์เกิดนึกอะไรขึ้นมา ถึงได้ทำแบบนี้

“ไอ้นี่ชักแปลก ๆ วะ เป็นอะไรของมัน”

บ่นพึมพำไปคนเดียว และหัวหน้าแผนกขนส่งที่กำลังยืนเช็คตารางเวลารถเข้าอยู่ก็บอกกับลูกน้องพอให้ได้ยินกันสองคน

“ปล่อยมัน....ให้มันทำไป..มันอยากทำอะไรให้มันทำไป ทำอะไรไว้ก็ต้องหัดรับผิดชอบบ้าง ไม่ใช่จะมาทำเป็นมึนไม่รู้จักรับผิดชอบความรู้สึกของคนอื่น”

หัวหน้าบุ้งพูดจาแปลก ๆ แต่อำนาจไม่คิดจะถามให้มากความเพราะมีอะไรให้ทำมากกว่ามาสนใจเรื่องของชาวบ้าน

พักเที่ยงแล้ว โคตรหิวข้าวเลยกู

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิโรจน์&อ้น) ตอน พลาด 06/05/57 : 23.52 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 07-05-2014 00:16:46
“ผมเข้าไปได้มั้ย”

วิโรจน์ยืนอยู่หน้าประตูห้องหัวหน้าแผนกขายที่ไม่มีบานประตูแต่เป็นช่องว่างเปล่า ๆ ที่กั้นไว้และใครก็สามารถเดินเข้าเดินออกได้

พักเที่ยงไม่มีใครอยู่จริง ๆ เว้นแต่คนที่วิโรจน์อยากเจอ ซึ่งใคร ๆ ก็รู้ หัวหน้าแผนกขายไม่เคยพักกลางวัน

“...............มี...มีธุระอะไร.....นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาทำเรื่องแบบนั้นนะ”

ทำไมต้องคิดว่าจะต้องทำเรื่องอย่างว่าตลอดเวลาด้วยวะ ไม่คิดจะพูดคุยกันดี ๆ บ้างหรือไง

“เห็นผมเป็นคนยังไง”

เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และวิโรจน์ก็ลากเก้าอี้ไปนั่งอยู่ตรงหน้าหัวหน้าแผนกขายที่ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองหรือคุยกันซักนิด

“ก็เห็นเป็นคนเลวไง”

น้ำเสียงที่ตอบกลับแสนจะเย็นชา และวิโรจน์ก็ได้แต่นั่งกอดอกนิ่งๆ ไม่รู้จะพูดยังไงกับหัวหน้าแผนกขายดี

“ตกลงมาทำไม ถ้าไม่มีธุระอะไรก็ออกไปซะ ผมกำลังรีบ”

รีบตรงไหนล่ะ ก็เห็นว่ารีบตลอดไม่ใช่เหรอ

วิโรจน์ไม่ตอบ แต่วางเอกสารสั่งซื้อสินค้าจากลูกค้าไว้ให้บนโต๊ะ

“ผมเอาอันนี้มาให้ มันติดไปอยู่ที่แผนกผม”

ไม่มีคำว่าขอบคุณ หรือขอบใจ มีเพียงการที่คุณกฤษดาหัวหน้าแผนกขายหยิบใบสั่งซื้อขึ้นมาดูแบบผ่าน ๆ และวางทิ้งไว้ที่เดิม และทำทีเป็นสนใจกับเอกสารอื่น ๆ ที่กองจนจะท่วมหัวอยู่บนโต๊ะ

“หมดธุระแล้วก็ออกไปได้ อย่ารบกวนเวลาทำงานผม มันเสียสมาธิ”

ออกปากไล่กันดื้อ ๆ และวิโรจน์ที่นั่งกอดอกก็เลิกคิ้วขึ้นสูง

“ผัวนึกอยากจะมาหาเมียด้วยความคิดถึงบ้างไม่ได้หรือไง”

คำพูดเรียบง่าย แต่แฝงไว้ด้วยความประชดประชันทำให้คุณกฤษดาที่กำลังพยายามเพ่งความสนใจอยู่กับกองเอกสารตรงหน้า ต้องรีบเงยหน้าขึ้นมองหน้าวิโรจน์และขบริมฝีปากแน่น

“อย่าพูดจาส่งเดชแบบนี้ให้ใครได้ยินเชียวนะ พูดแบบนี้ผมเสียหาย”

ใช่ ก็คงเสียหายอยู่ เสียหายมากซะด้วย

“แล้วจะให้พูดยังไง จะให้พูดว่าผมคิดถึงคุณ สั้นๆ ง่ายๆ แบบนี้เอามั้ย”

เป็นคุณกฤษดาที่ถึงกับนิ่งอึ้งตาค้างมองหน้าของวิโรจน์ด้วยความตกตะลึงเพราะไม่เคยคิดว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้จากปากวิโรจน์

“ถ้าผมขึ้นมาหาคุณโดยใช้ข้ออ้างว่าเอาเอกสารสั่งซื้อที่ใคร ๆ ก็เอาขึ้นมาได้มาเป็นข้ออ้าง ทั้งที่ผมคิดถึงคุณจะตายอยู่แล้ว แบบนี้คุณยังจะเข้าใจอยู่มั้ย”

คุณกฤษดาไม่เข้าใจ ไม่เคยเข้าใจและไม่เคยคิดจะเข้าใจ

“คบกันจริง ๆ จัง ๆ ซักทีเถอะ ผมไม่อยากมีอะไรกับคุณแล้วให้คุณมองเมินผมอีกแล้ว ที่ผมอยากจะพูดก็มีแค่นี้”

คุณกฤษดายังคงนิ่งเงียบ และถือเอกสารเอาไว้ในมือ ทั้งที่มือเริ่มสั่น สั่นไปพร้อมกับหัวใจที่เริ่มสั่นอย่างรุนแรงไม่ต่างจากมือ

วิโรจน์ไม่คิดอยากได้คำตอบ เพราะสิ่งที่วิโรจน์แสดงออกคือคำถาม

อยากจะถามว่าจะเป็นไปได้มั้ย อยากรู้ว่าเรื่องของเราจะมีทางพอเป็นไปได้มั้ย แม้มันจะเริ่มมาจากความผิดพลาด แต่เราจะทำให้มันถูกต้องด้วยกันได้มั้ย

แต่ไม่มีคำตอบอะไรออกมาจากปากของคุณกฤษดาเลย
..........ไม่มี..............
สิ่งที่มีก็มีเพียงแค่ความเงียบเท่านั้น

วิโรจน์ถอนหายใจยาวและจำใจต้องลุกขึ้นยืน เพื่อเดินออกไปพร้อมกับความผิดหวัง

เป็นแบบนี้สินะ คำตอบของคุณกฤษดา ที่เงียบ........ก็พอรู้......ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้
ไม่น่าหาเหาใส่หัวตั้งแต่แรก  เป็นแบบนี้แล้วจะให้โทษใคร

“ถ้าต้องเริ่มคนเดียวจะให้ผมเริ่มยังไง..........ในเมื่อผมไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคุณเลยซักอย่าง แล้วคุณก็รู้ว่าผมไม่ใช่คนดีในสายตาใครด้วยซ้ำ แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง อยู่ดีๆ มาพูดแบบนี้ ไม่คิดบ้างเหรอว่าผมจะทำยังไงต่อ คุณมาขอคบง่าย ๆ แบบนี้ผมก็ไม่รู้หรอกว่าคุณต้องการอะไรกันแน่ ถ้าอยากให้ผมคบด้วย ทำไมไม่บอกว่าเพราะอะไรถึงอยากจะคบผม.....”

คุณกฤษดาหัวหน้าแผนกขายกำมือแน่น พูดออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน

รู้สึกว่าตัวเองทั้งงี่เง่าทั้งอ่อนแอ ที่จัดการปัญหาทุกอย่างได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าลูกค้าต้องการอะไรคุณกฤษดาก็หาให้ได้ แต่พอถึงเรื่องตัวเอง คุณกฤษดากลับไม่รู้ว่าต้องทำยังไง

ไม่รู้จริง ๆ ว่าต้องทำยังไง ต้องเริ่มยังไง

“คบกับผมซะ.....เรามาคบกันดู เหตุผลไม่มีอะไรมาก ตอนนี้ผมชอบคุณ....ชัดเจนพอมั้ย”

วิโรจน์ไม่ได้พูดเล่น แต่พูดจริง ๆ แววตาที่จ้องมามีแต่ความมุ่งมั่น และก็กลายเป็นคุณกฤษดาที่ต้องรีบก้มหน้าก้มตาหลบสายตาคู่นั้นไม่กล้าสบตาดวงตาของวิโรจน์ที่จ้องมองมาอย่างจริงจัง

“ผม........จะ.....ผม....ยังไงผมจะลองพิจารณาดูอีกที ก็แล้วกัน”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิโรจน์&อ้น) ตอน พลาด 06/05/57 : 23.52 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 07-05-2014 00:17:18
คุณกฤษดาหัวหน้าแผนกขาย วางตารางเวลาโดยรวมที่ติดไปกับบิลขายให้กับหัวหน้าแผนกขนส่ง และแค่คุณกฤษดาผู้ไม่เคยชอบใจแผนกขนส่งมาเยือน พนักงานขับรถก็พร้อมใจกันลงจากรถและเดินมาที่เคาร์เตอร์ลงตารางเวลาโดยไม่ต้องนัดหมายทันที

บางคนทำเป็นเดินเตร่ไปเตร่มาแถวนั้น บางคนทำทีเป็นมาเปิดเอกสารที่หน้าเคาร์เตอร์ลงเวลา

และบางคน..........ก็แค่มายืนข้าง ๆ คุณกฤษดาเงียบ ๆ เท่านั้น

“ขอบคุณมากคุณกฤษดา ที่กรุณาเอาลงมาให้ด้วยตนเอง”

หัวหน้าแผนกขนส่งเอ่ยบอก และคุณกฤษดาก็พยายามตีหน้าให้นิ่งเฉยที่สุด เมื่อเห็นว่าใครมายืนอยู่ข้าง ๆ

วิโรจน์ยืนนิ่ง และเมื่อเห็นว่าคุณกฤษดาทำธุระเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงค่อยเอ่ยบอกเบา ๆ พอให้ได้ยินกันสองคน

“ลงมาเองเลยเหรอ”

แค่คำทักทายแรกก็ทำให้พนักงานขับรถที่ด้อม ๆ มอง ๆ อยู่แถวนั้นถึงกับหูผึ่ง

“อือ”

คำตอบของคุณกฤษดาแม้ไม่ได้เป็นคำตอบที่ดีนัก แต่ก็สร้างความประหลาดใจให้คนในแผนกขนส่งได้ไม่น้อย

“แล้วกลางวันนี้จะลงมากินข้าวป่ะ”

ที่หนักกว่านั้นคือคำถาม ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าวิโรจน์จะกล้าถามหัวหน้าแผนกขายที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานาน

“อือ”

คุณกฤษดาพยักหน้ารับและตอบกลับเพียงแค่นั้น แต่มันยิ่งสร้างความมึนงงสงสัยให้กับพนักงานแผนกคนขนส่งคนอื่นไม่น้อย

“ผมรอแล้วกันนะ”

วิโรจน์ไม่ได้อยากได้คำตอบ เพราะก็รู้คำตอบอยู่ก่อนแล้ว

หันหลังเดินออกจากหน้าเคาร์เตอร์ไปดื้อ ๆ และคุณกฤษดาก็เงยหน้าขึ้นและพบว่าสายตาของพนักงานขับรถทุกคู่กำลังจับจ้องมองมาอย่างพร้อมเพรียงกัน

“ผมไปล่ะ ยังไงก็ให้ลูกน้องคุณดูดี ๆ หน่อยแล้วกัน ถ้าเอกสารพวกนี้ติดไปกับแผนกอื่น มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่”

หัวหน้าแผนกขนส่งเลิกคิ้วขึ้นสูง และมองหน้าของหัวหน้าแผนกขายที่ไม่รู้ไปกินอะไรมา ร้อยวันพันปีไม่เคยนึกห่วงใยแผนกขนส่ง แต่อยู่ดีๆ วันนี้เกิดนึกห่วงขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

“ขอบคุณมากคุณกฤษดา ไม่ได้คุณช่วยผมคงแย่”

ตอบกลับไปตามมารยาท และคุณกฤษดาก็พยักหน้ารับ

“ไม่เป็นไร ถือว่าช่วย ๆ กัน”

นี่ยิ่งแปลกกว่าอีก..........ถือว่าช่วย ๆ กัน.....งั้นเหรอวะ    ถือว่าช่วยๆ กันเนี่ยนะ

คุณกฤษดาเดินออกจากแผนกขนส่งไปเรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางพนักงานขับรถที่เริ่มหัวเราะกันดังลั่น

“วิโรจน์นี่เห็นหงิม ๆ เงียบ ๆ แต่แม่งไม่ธรรมดาเหมือนกันนี่หว่า เด็ดดอกฟ้ามาเชยชมซะด้วย ดอกฟ้าไม่ใช่ธรรมดานะ แต่เป็นดอกฟ้าที่เป็นคู่แข่งคนสำคัญของแผนกขนส่ง ไปทำอีท่าไหนว๊า กฤษดามันถึงได้อ่อนลงได้ขนาดนี้”

วิเชียรเป็นอีกคนหนึ่งที่สนใจเหตุการณ์หวานไม่แคร์สื่อของคู่รักสายฟ้าแล่บที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ไม่น้อย

และก็โดนหัวหน้าแผนกด่าจนจ๋อยสนิท

“เลิกเสือกเรื่องของชาวบ้านเขาซะที เรื่องของมึงเอาตัวให้รอดก่อน ได้ข่าวมาอีกแล้วว่าเฮียมึงจะลดการซื้อ มึงไปงอนอะไรคุณวิษณุอีกแล้ววะวิเชียร มึงนี่ขยันสร้างปัญหาจังเลย”

อะไรวะ แล้วทำไมต้องมาลงที่ผมด้วยเนี่ย มันความผิดของผมหรือไง

“ก็ไอ้เฮียแม่ง ขย่มผมติดกันสองคืน บอกว่าพอแล้วพอแล้วก็ไม่เลิก แม่งแทงเอา แทงเอาไม่ยั้ง คนจะหลับจะนอน ยังจะขอเอาอีกรอบให้ได้ ก็เลยงอนแม่งซะ”

คำตอบมาพร้อมกับการที่วิเชียรหน้าเง้าหน้างอสารภาพออกมาตามตรงอย่างไม่นึกอายถึงสาเหตุที่ต้องงอนเฮีย

และบุ้งก็ต้องรีบเอามือปิดหูของมีนที่ตั้งใจฟังจนหูผึ่งตาแป๋ว

“มึงเลิกพูดเลย มีนไม่ต้องไปฟังมัน ไอ้วิเชียรมันเพ้อเจ้ออีกแล้ว”

เพ้อเจ้ออีกแล้วเหรอพี่

เพ้อเจ้ออีกแล้วใช่ม้ายยยยยยยยย

“เกาหลีไม่ต้องไปเชื่อพี่บุ้งมัน พี่บุ้งแม่งไม่อยากให้เกาหลีรู้หรอก คนเราพอได้กันแรก ๆ นะแม่งจะเอากันจนขาถ่างกันไปข้าง ไอ้พี่บุ้งก็หวังจะเอาเกาหลีแบบที่เฮียเอาผมอยู่ อย่าหาว่าผมพูดเล่น หน้าแบบพี่บุ้งปิดผมไม่มิดหรอก เกาหลีระวังไว้ให้ดีเถอะ แม่งครั้งแรกจะเจ็บจนลุกไม่ขึ้น       อย่าไปยอมพี่บุ้งมันเด็ดขาดนะ รู้หรือเปล่า”

สอนกันเสร็จสรรพ และบุ้งก็ถึงกับแยกเขี้ยวคำรามด้วยความโมโห

"ไอ้...........วิ.............เชียร.............มึงงงงงงงงงงง"

“โว้ยยยยยยยยย พอคนเขารู้ความจริงเข้าหน่อย ทำเป็นโมโหไล่เตะลูกน้องกลบเกลื่อนอีกแล้ว เกาหลีดูไว้ซะนะ แล้วเชื่อพี่ได้ ไอ้พี่บุ้งแม่งคิดแบบนี้จริง.......มันกะเอาเกาหลีจนขาถ่างแน่ ๆ ไม่เชื่อให้มาเตะพี่บุ้งได้เลย โว้ยยยยยยยยยย แม่งลูกพี่นี่ก็ขยันหาเรื่องมากระทืบกูซะจังเลยวะ”

วิเชียรวิ่งลิ่วจากไปแล้ว ทิ้งให้มีนนั่งหน้าแดงเถือกก้มหน้าก้มตาอยู่หน้าเคาร์เตอร์

“มึงอย่าไปเชื่อมันเด็ดขาดนะ แม่งพูดเหี้ยอะไรของมันก็ไม่รู้ เพ้อเจ้อชิบหาย”

เหรอพี่

ผมก็.........จะ...เชื่อ อย่างที่พี่ว่าแล้วกันนะ

มีนไม่พูด แต่ความเงียบก็เป็นคำตอบได้ดี และบุ้งก็ถึงกับขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นเด็กฝึกงานเริ่มขบริมฝีปากแน่นเหมือนคิดอะไรบางอย่าง

“ครั้งแรกพี่ไม่ทำแรงหรอก พี่ก็รู้ว่ามีนจะต้องเจ็บ ไม่ต้องไปเชื่อไอ้วิเชียรมันพูดเลยนะ เอากันจนขาถ่างห่าอะไรวะ พูดจาบ้าๆ ไม่รู้เรื่อง”

บุ้งยังคงหงุดหงิดไม่เลิก แต่เด็กฝึกงานคิดไปไกลเรียบร้อยแล้ว

“ตกลงผมต้องโดนพี่เอาจริง ๆ ใช่มั้ย”

คำถามง่าย ๆ พร้อมกับอาการก้มหน้าก้มตาทำให้บุ้งถึงกับตาค้าง และกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเมื่อมองหน้าของเด็กฝึกงานที่ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองหน้าของบุ้งอย่างช้า ๆ

ดวงตากลมโตมีแววไหวระริกอยู่ในนั้น น้ำเสียงของมีนดูเคร่งเครียด และบุ้งก็ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้มีนเครียดได้ถึงขนาดนั้น

อาจเป็นคำพูดบ้า ๆ บอ ๆ ของวิเชียร ซึ่งบุ้งไม่รู้ว่าควรจัดการยังไง

“ถ้า.......ถ้าพี่บุ้งคิดว่า.....จะเอาผมจริง ๆ ..........ผมก็ไม่ว่าอะไรนะ..........ถ้าเกิดว่าพี่บุ้งคิดจะเอาผมจริง ๆ ผมก็ว่า....จะยอม...ให้...เอา”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิโรจน์&อ้น) ตอน พลาด 06/05/57 : 23.52
เริ่มหัวข้อโดย: kuankao ที่ 07-05-2014 00:29:49
อยากให้ถึงฉากของบุ้งกับมีนเร็วๆจัง ขอละเอียดๆน่ะ  :pighaun: :katai4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิโรจน์&อ้น) ตอน พลาด 06/05/57 : 23.52 น.
เริ่มหัวข้อโดย: MeepadA ที่ 07-05-2014 00:31:05
เกาหลี ยอมพี่บุ้งจริงอ่ะ  :z1:
พี่หล่ะหน่ายแทน เค้าแซงโค้งกีันไปหมดแล้ว :hao3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิโรจน์&อ้น) ตอน พลาด 06/05/57 : 23.52 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 07-05-2014 00:36:05
แอร๊ยยย หัวหน้าอ้นผู้เย่อหยิ่งกับไอ้กุ๊ยพีท คือแบบผิดคาดมาก
คู่อื่นเขาแซงหมดแล่วนะพี่บุ้ง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิโรจน์&อ้น) ตอน พลาด 06/05/57 : 23.52 น.
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 07-05-2014 00:40:04
อ๊ายยยย!!! เกาหลีจะให้พี่บุ้งเอาจริงๆอ่ะ อิอิ

ดีๆ คู่อื่นเค้าแซงไปกันหมดแหละ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิโรจน์&อ้น) ตอน พลาด 06/05/57 : 23.52 น.
เริ่มหัวข้อโดย: bozang ที่ 07-05-2014 00:43:47
อ่านแล้วหยุดอ่านไม่ได้ แง่
รออ่านต่อค่า
น้องมีนพูดอะไรออกมา กรี๊ดดดดดดดดดดดด
พี่บุ้ง เผด็จศึกเลยค่ะ อย่าให้เสีย #หืม
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิโรจน์&อ้น) ตอน คบกัน 07/05/57 : 00.57 น.
เริ่มหัวข้อโดย: oiieoiie ที่ 07-05-2014 00:59:57
ฮรืออออออออออออ.  ค้างงงงงงงงงงง :katai1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิโรจน์&อ้น) ตอน คบกัน 07/05/57 : 00.57 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 07-05-2014 01:00:43
จัดให้น้องมีนได้ดั่งปากพูดเลยได้ป่ะ?

 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:

ลุ้นจริงวุ้ย  :jul3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิโรจน์&อ้น) ตอน คบกัน 07/05/57 : 00.57 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 07-05-2014 01:15:28
เกาหลลลลลี พูดอย่างนี้เราก็อยากอ่านต่ออ่ะดิ  :laugh:
ชีวิตคุณกฤษดาดราม่ามากเลย สู้ๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิโรจน์&อ้น) ตอน คบกัน 07/05/57 : 00.57 น.
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 07-05-2014 01:25:40
กรี๊ดดดดด มีหลายคู่มาก แถมคู่หลัง พีทกับอ้น เถื่อนที่สุด บ้าๆๆๆ
ชอบนะ 5555

ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไป ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิโรจน์&อ้น) ตอน คบกัน 07/05/57 : 00.57 น.
เริ่มหัวข้อโดย: thejaoil ที่ 07-05-2014 01:26:09
 o13 o13 o13

 :hao7: :hao7:

จัดเลยๆๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิโรจน์&อ้น) ตอน คบกัน 07/05/57 : 00.57 น.
เริ่มหัวข้อโดย: full69 ที่ 07-05-2014 01:38:20
พี่บุ้งงั้นพาเกาหลีไปเอาเถอะรีบเลยๆๆๆ 55


ปล.หัวข้อกับตอนไม่ตรงกันอ่ะจ้ะคนเขียน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิโรจน์&อ้น) ตอน คบกัน 07/05/57 : 00.57 น.
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 07-05-2014 01:47:23
โอยยยยยยยย  น้องเกาหลีเล่นตอบมาแบบนี้ คนอ่านก็นอนกันไม่หลับเลยซิ  :a5:อยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆ แล้วค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา :z3: :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิโรจน์&อ้น) ตอน คบกัน 07/05/57 : 00.57 น.
เริ่มหัวข้อโดย: meeoldly ที่ 07-05-2014 02:04:42
พี่บุ้งจัดให้น้องมีนด่วนนนนนน  :impress2: :impress2:

 :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิโรจน์&อ้น) ตอน คบกัน 07/05/57 : 00.57 น.
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-05-2014 02:41:57
อั๊ยย่ะ!! น้องมีน พูดอารายออกปายยยย :-[  พี่บุ้งได้ยินแล้วใช่ไหม จัดให้หน่อยสิ :katai3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิโรจน์&อ้น) ตอน คบกัน 07/05/57 : 00.57 น.
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 07-05-2014 02:45:53
เหยแกกกก สุดยอด คบกันแล้วบรรยากาศดูมุ้งมิ้งออร่าออกเนาะ >_< น้องมีนแม่งน่ารัก พูดแบบนี้ไม่รอดแน่ๆ 5555 ผมก็ว่าจะ..ยอมให้เอา เบ้ย อืหนูไม่มีเล่นตัว //ไม่เล่นตั้งแต่เรียกพี่บุ้งว่าผัวละ 555 พี่บุ้งแม่งก็รู้ดีไปหมดเรื่องของคนอื่นอ่ะ

ฤรอฉากของคู่ผัวเมียมานานยังไม่ได้กันสักที 555 แต่รู้แน่ๆว่าน้องมีนไม่รอด เตรียมกระดาษซับเลือรอ 555

 :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิโรจน์&อ้น) ตอน คบกัน 07/05/57 : 00.57 น.
เริ่มหัวข้อโดย: nnA ที่ 07-05-2014 05:09:57
 :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิโรจน์&อ้น) ตอน คบกัน 07/05/57 : 00.57 น.
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 07-05-2014 06:01:48
คนเราเปลี่ยนได้เพราะความรักจริงๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิโรจน์&อ้น) ตอน คบกัน 07/05/57 : 00.57 น.
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 07-05-2014 07:26:19
น้องมันเสนอแล้ว เมื่อเสนอหน้าที่ พี่ก็ควรสนอง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิโรจน์&อ้น) ตอน คบกัน 07/05/57 : 00.57 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 07-05-2014 07:34:02
ขอแบบเน้นๆนะค่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิโรจน์&อ้น) ตอน คบกัน 07/05/57 : 00.57 น.
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 07-05-2014 07:42:01
น่ารักทุกคู่ :o8:

#อยากให้พีทกะอ้น เป็นคู่หลักของอีกเรื่องอะคะ     ชอบๆๆ >●<
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิโรจน์&อ้น) ตอน คบกัน 07/05/57 : 00.57 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 07-05-2014 07:43:10
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/06/ไฟล์เปล่า12BRIrc.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ  วิโรจน์ & กฤษดา.....ตอน ปฏิกิริยาแรก

มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด ที่จะเริ่มนับหนึ่งกันใหม่ แต่ถ้าไม่เริ่มนับหนึ่งกันใหม่มันก็ไม่มีทางทำให้เราสองคนได้รู้จักกัน
แค่เซ็กส์อย่างเดียวมันไม่มากพอ และถ้าคิดจะคบหากันจริง ๆ จัง ๆ เราควรรู้จักกันให้มากกว่านั้นไม่ใช่แค่เพียงผิวเผินอย่างที่แล้วๆ มา

“..............................”

วิโรจน์กำลังเขี่ยข้าวในจาน มีบางครั้งที่เหลือบสายตามองคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี

ไม่ใช่คนชอบพูดจามากความ และการมานั่งกินข้าวด้วยกันครั้งแรก ในบรรยากาศที่ผู้คนกำลังต่อแถวกันในโรงอาหารและบางครั้งก็มีคนมองมาที่หัวหน้าแผนกขาย ที่ร้อยวันพันปีไม่เคยลงมากินข้าว แต่วันนี้ลงมากินข้าวกลางวันได้ แถมเป็นการมากินกับพนักงานจากแผนกขนส่ง ที่ใคร ๆ ก็รู้ว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานาน แล้วอย่างนี้จะไม่ให้คนมองด้วยความสนใจใคร่รู้ได้ยังไง

“.........................”

คุณกฤษดาวางช้อนลง ทั้งที่ข้าวกลางวันเพิ่งจะพร่องไปไม่ถึงครึ่ง และคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็เงยหน้าขึ้นมองและเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ไร้ความรู้สึก

“อิ่มหรือไง”

อิ่มเหรอ
ก็ไม่ใช่ว่าอิ่มหรอก แต่ไม่ชอบสายตาของคนที่กำลังมองมาทางนี้ บางคนวิจารณ์ บางคนซุบซิบนินทา และเผลอ ๆ บางคนยังมีแอบหัวเราะอีกต่างหาก

ไร้มารยาทสิ้นดี แบบนี้ไงถึงไม่อยากจะลงมากินข้าวที่โรงอาหาร เบื่อคนพวกนี้

“ไม่ได้อิ่ม แต่ไม่รู้จะทนนั่งกินต่อไปทำไม”

คำพูดง่าย ๆ แต่ก็ทำให้วิโรจน์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เลิกคิ้วขึ้นสูง

“ไม่พอใจผมหรือไง”

เรื่องนั้นมันไม่ใช่หรอก ถ้าไม่พอใจก็คงไม่ลงมากินข้าวด้วย ถ้าไม่พอใจ คนอย่างคุณกฤษดาไม่มีทางมานั่งอยู่ตรงนี้ทั้งที่โคตรเกลียดบรรยากาศรอบตัวจนเกินจะบรรยาย

“เปล่า”

ตอบออกไปสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ และวิโรจน์ที่เขี่ยข้าวไปมาก็นิ่งชะงักกับคำตอบนั้นไปเล็กน้อย  กำลังสงสัยว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ การมานั่งกินข้าวด้วยกันในโรงอาหารแบบนี้ไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ของเราพัฒนาขึ้นหรอก

หัวหน้าแผนกขายยังคงเป็นคนเย็นชาที่ทำได้แค่สองหน้าคือหน้าบึ้ง และหน้าที่แสดงให้คนทั้งโลกรู้ว่าไม่พอใจทุกสิ่งรอบตัว

“มีเวลาอีกเกือบครึ่งชั่วโมง ถ้าไม่กินข้าวแล้วนั่งอยู่ก่อนได้มั้ย”

แล้วจะให้นั่งอยู่ทำไม งานการก็มีกองอีกตั้งเยอะแยะ จะให้เสียเวลานั่งอยู่ในที่ ที่ไม่ชอบไปทำไม

“ไม่”

ตอบปฏิเสธไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ และวิโรจน์ก็พยักหน้ารับ

..............ไม่อยู่ก็ไม่อยู่..........

“ทำไม”

แล้วทำไมต้องถามด้วย ว่าทำไม ก็น่าจะเห็นอยู่ ว่าทำไม เห็นอยู่แล้วว่าทำไม แต่ก็ยังจะถามอีกใช่มั้ย

“ผมไม่ว่าง”

อ่อ…. ไม่ว่าง
ไม่ว่างตลอดนั่นแหละ ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ไม่เคยว่างหรอก กี่วันก็ไม่เคยว่าง ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน หัวหน้าแผนกขายก็ดูจะยุ่งตลอดเวลา กลับบ้านมืด ๆ ค่ำ ๆ ทุกวัน ทุ่มเทให้กับงานจนใคร ๆ ต่างก็รู้ “หัวหน้าแผนกขาย เป็นพวกบ้างาน”

“อ้น”

วิโรจน์เรียกชื่อของคนที่กำลังหงุดหงิดอย่างถึงที่สุด และนั่งกอดอกด้วยความเบื่อหน่าย แต่เมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อเล่นของตัวเอง คุณกฤษดาก็มีอันชะงักนิ่งและต้องรีบหันกลับมามอง คนที่ยังคงเขี่ยข้าวในจานไปมา

“เรียกแบบนี้ได้ใช่มั้ย”

เรียกแบบนี้เหรอ แล้วไปรู้ชื่อเล่นมาได้ยังไง ไปรู้มาจากไหนว่าทางนี้มีชื่อที่เอาไว้เรียกเล่น ๆ กันเฉพาะในหมู่คนรู้จักที่สนิทสนมกัน

“.........แล้วแต่..........”

งั้นเหรอ

“พีทนะ”

แนะนำตัวเอง และหัวหน้าแผนกขายที่นั่งกอดอกอยู่ก็เลิกคิ้วขึ้นสูง หมายความว่ายังไง สิ่งที่พูดออกมามันหมายความว่ายังไง

“เห็นเพื่อนเรียกว่าโรจน์ไม่ใช่เหรอ”

นั่นมันก็ใช่

วิโรจน์วางช้อนลงและเลื่อนแก้วน้ำมาอยู่ตรงหน้า ก่อนจะมองหน้าของหัวหน้าแผนกขายนิ่ง ๆ

“ก็จะให้เรียกต่างจากคนอื่น”

คำพูดคำจากับน้ำเสียงของคนพูด ไปกันคนละทางวิโรจน์พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย ไร้อารมณ์ แต่คำพูดที่สื่อออกมามันทำให้หัวหน้าแผนกขายรู้สึกดีได้อย่างน่าประหลาด คุณกฤษดาได้แต่มองหน้าของวิโรจน์นิ่ง ๆ มองตรง ๆ  และวิโรจน์ก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าของหัวหน้าแผนกขาย เหมือนกัน

“....ช่วงนี้ว่างป่าว”

ว่างหรือเปล่าเหรอ ก็........ถ้าจะให้ว่างมันก็ว่างอยู่หรอก....ถ้าคิดอยากจะให้มีเวลามันก็ไม่ใช่เรื่องยาก

“ทำไม”

ก็ไม่ทำไม

“เย็นนี้จะได้กินข้าวเย็นด้วยกัน”

พูดแค่นั้น แล้ววิโรจน์ก็ดูดน้ำในแก้วไปพลาง ๆ ระหว่างรอคำตอบ ทำเหมือนเป็นเรื่องทั่วไปไม่มีความสำคัญ ทั้งที่ในใจกำลังเต้นระทึกเพราะอยากได้ยินคำตอบ และมันควรจะเป็นการตอบรับ มากกว่าการตอบปฏิเสธ

“วันนี้ต้องปิดบิลขาย”

ตอบปฏิเสธไป ทั้งที่ในใจลึก ๆ อยากจะบีบคอตัวเองที่โง่ตอบออกไปแบบนั้น วันนี้ไม่ได้จริง ๆ ถ้าไม่ปิดบิลขายวันนี้ พรุ่งนี้คงต้องไปทะเลาะกับฝ่ายบัญชี ซึ่งคุณกฤษดาไม่เคยมีประวัติการส่งงานล่าช้า

เสียใจ.... ที่ถูกชวนแล้ว แต่ต้องปฏิเสธ ทั้ง ๆ ที่ไม่อยากปฏิเสธเลย

“งั้นก็ทำไป”

ใช่สิ  งั้นก็ทำไป มันก็คงต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ก็ได้แต่ทำไปเรื่อย ๆ จนกว่างานจะเสร็จ แล้วใครมันจะมาง้อหรือมาสนใจล่ะ
ไม่มีทางหรอก เรื่องนั้นไม่มีทาง

“ไม่กินแล้วก็ขึ้นไปทำงานเหอะ ผมก็จะไปทำงานแล้วเหมือนกัน”

วิโรจน์วางแก้วน้ำลง และลุกขึ้นยืน โดยมีหัวหน้าแผนกขายลุกขึ้นตาม

อาการใจแป้วทั้งคนถามและคนถูกถามกำลังคุกคามและทำให้แต่ละก้าวที่เดินออกจากโรงอาหารมีแต่บรรยากาศอึมครึม

หัวหน้าแผนกขายเดินนำหน้า โดยมีวิโรจน์เดินตามหลัง ต่างคนต่างเดิน ต่างคนต่างเมิน ต่างคนต่างเงียบ
และเมื่อถึงทางแยกที่หัวหน้าแผนกขายต้องเดินขึ้นแผนก วิโรจน์ที่เดินตามหลังมาตลอดก็เรียกหัวหน้าแผนกขายเอาไว้

“อ้น”

ได้ยินเสียงเรียก และคุณกฤษดาก็ชะงักเท้า ยืนนิ่งและฝ่ามือก็เริ่มกำแน่น หลับตาลงและขบริมฝีปาก ก่อนจะถอนใจออกมายาว ๆ และหันกลับไปเผชิญหน้ากับวิโรจน์ที่เดินเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงในท่าทางสบาย ๆ

“ตอนเย็นจะรอข้างล่าง เคลียร์บิลเสร็จเมื่อไหร่ก็ลงมาแล้วกัน.....”

รอเหรอ ..........เคลียร์บิลเสร็จเมื่อไหร่ให้ลงมาเหรอ .......คิดจะรอกันจริงๆ ใช่มั้ย

คุณกฤษดาพยายามบังคับหน้าตัวเองไม่ให้ยิ้ม บังคับหน้าตัวเองเอาไว้อย่างสุดความสามารถ ขบริมฝีปากเอาไว้ และพยักหน้ารับแต่ไร้คำพูด ก่อนจะรีบก้าวขาเดินไปตามทางเดิน เพราะกำลังจะเผลอยิ้มออกมาให้อีกฝ่ายได้เห็นแล้ว

วิโรจน์มองตามคนที่เดินเข้าแผนก และก้าวขามาตามทางเดินเพื่อแยกไปที่แผนกขนส่งด้วยท่าเดินแบบสบาย ๆ มือสองข้างยังล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง

เดินเรื่อย ๆ ไปตามทางเดิน และวิโรจน์ที่ไม่เคยคิดจะสนใจใครก็เริ่มอมยิ้มน้อย ๆ ออกมาที่มุมปาก
ก้มหน้าก้มตาไม่ให้แสดงอาการมากนัก ทั้งที่ในหัวใจกำลังเต้นไม่เป็นส่ำ เหมือนหัวใจกำลังฟูฟ่องจนแน่นคับไปทั้งอก

ความคิดบางอย่างวนเวียนกลับไปกลับมาในหัว วันละไม่รู้กี่ร้อยกี่พันรอบ แต่วิโรจน์ไม่เคยพูดหรือบอกกับใครทั้งนั้น
และไม่ว่ากี่ครั้งที่คิดเรื่องนี้ขึ้นมาทีไรก็ทำให้ยิ้มได้

.............แม่งเอ้ย......จะมีใครทำแบบนี้ได้อีกมั้ยวะ....ก็เห็นหน้ากันอยู่ตั้งนาน ก็เคยนึกชังน้ำหน้าหัวหน้าแผนกขายอยู่ตลอด แต่เพิ่งมารู้สึกตัวเอาก็ป่านนี้.......อ้น เป็นคนที่ทำหน้านิ่งและหน้าโกรธได้น่ามองที่สุด.........น่ามองซะจนต้องบอกตัวเองว่าอย่ามองให้มากนัก เดี๋ยวจะไม่เป็นอันทำการทำงาน

ที่ไม่มองหน้าตอนที่อยู่ด้วยกันที่โรงอาหารก็เพราะว่า...ยิ่งมอง  เรื่องที่เราทำด้วยกันมันก็จะผุดขึ้นมาในหัวเป็นฉาก ๆ และมันจะพาลให้อารมณ์กระเจิดกระเจิงจนอยากลากพาไปทำเรื่องอย่างว่าด้วยกัน ในเวลาที่ไม่เหมาะสมและสถานที่ไม่เอื้ออำนวย

หนักเลยว่ะงานนี้

เป็นเอามากเลยงานนี้

..........กูแม่งทั้งรักทั้งหลงหัวหน้าแผนกขายได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ.....ไม่อยากจะเชื่อ....

แล้วอ้นคิดยังไงวะ ไอ้ที่บอกว่าจะลองศึกษากันดูนั่นน่ะ พูดจริงหรือเปล่า หรือพูดให้ดีใจเล่น ๆ

ถ้าแค่มาพูดให้ดีใจเล่น ๆ นะ จะเอาคืนให้สาสมเลย

จะเอาคืนให้หมดทุกอย่าง ให้สาสม........
ถ้ามาแกล้งหลอกให้รักแล้วคิดจะจากไปง่าย ๆ ล่ะก็..........อย่าหวังจะทำได้ง่าย ๆ

...........ไม่มีทาง..........

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิโรจน์&อ้น) ตอน คบกัน 07/05/57 : 00.57 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 07-05-2014 07:43:40
เกือบสองทุ่มแล้ว บริเวณภายนอกมืดสนิท มีเพียงแสงไฟจากเสาไฟฟ้าที่ยังส่องสว่างอยู่

ไฟในโรงงานบางจุด เปิดทิ้งเอาไว้ และแน่นอนไฟในแผนกขายบนอาคารก็ยังคงเปิดไว้อยู่ตลอดจนถึงป่านนี้
วิโรจน์นั่งรอตั้งแต่เลิกงาน ทักทายกับคนอื่น ๆ ที่กลับบ้าน จนสุดท้ายไม่เหลือใครอีก คงจะมีแต่หัวหน้าแผนกขายเท่านั้นที่คงจะหัวปั่นอยู่กับเอกสารกองโตเหมือนทุกวัน และยิ่งวันนี้เป็นสำคัญที่ต้องปิดบิลขายเพื่อส่งฝ่ายบัญชี มันก็ยิ่งดูจะยุ่งไปกันใหญ่

แสงไฟจากชั้นสองยังมองเห็นได้ชัดจากจุดที่นั่งอยู่ และวิโรจน์ก็ก้มหน้าลงมามองโทรศัพท์ในมือ เมื่อเห็นสัญญาณเรียกเข้า ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคนที่นัดเอาไว้ และวิโรจน์ก็กดรับโทรศัพท์และนิ่งฟังสิ่งที่คนที่อยู่ปลายสายพูด

“กลับไปก่อนเหอะ คงอีกนาน”

อีกนานเหรอ

“.....จะนานซักแค่ไหนกัน”

ก็ไม่ซักแค่ไหนหรอก เอาเป็นว่าคงจะนานมาก

“รอไม่ไหวหรอก ไม่ต้องรอ แค่นี้นะ”

จงใจหรือเปล่าวะ จงใจไม่ให้รอหรือเปล่า

“ตามใจ”

เป็นวิโรจน์ที่กดวางสายอย่างไม่สนใจไยดีคนที่อยู่ปลายสายเลยสักนิด ไม่ให้รอก็ไม่รอ ถ้าไม่ให้รอก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
ก็แค่...........ไม่รอ........

วิโรจน์หย่อนโทรศัพท์ลงในกระเป๋าเสื้อ และลุกขึ้นอย่างช้า ๆ ก้าวขาออกไปจากบริเวณที่นั่งอยู่ และหัวหน้าแผนกขายก็นั่งมองโทรศัพท์ในมือที่ถูกกดตัดสายไปดื้อ ๆ แล้วก็นึกอยากร้องไห้ แต่ทำอะไรไม่ได้

ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่และหยิบบิลขายอีกปึกใหญ่ขึ้นมาตรวจ

เงยหน้าขึ้นมองไปที่นาฬิกาที่เป็นเวลาเกือบสองทุ่มแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจยาว จำใจก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป ทั้งที่หัวใจหลุดล่องลอยไปตั้งแต่ถูกกดตัดสายทิ้ง

...............แล้วจะให้ทำยังไง จะให้ฟูมฟายร้องไห้หรือไง........ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ซักอย่างนอกจากทำใจ

จะไปทำอะไรได้ จะให้อีกฝ่ายรอหรือไง   มันจะไม่เกินไปหน่อยเหรอ มืดค่ำขนาดนี้ใครจะอยากมารอ ใครจะอยากมานั่งรอ

...........ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว สิ่งที่ทำได้ก็มีแค่อย่างเดียวเท่านั้น.....

.........................................ทำใจ.........................................

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิโรจน์&อ้น) ตอน คบกัน 07/05/57 : 00.57 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 07-05-2014 07:44:26
คุณกฤษดาถึงกับสะดุ้งสุดตัว เมื่อถูกกระป๋องเครื่องดื่มเย็น ๆ แนบเข้าที่ข้างแก้มอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว

“เฮ้ยยยยยยยยย ทำบ้าอะไรวะ”

ยกมือขึ้นแตะที่แก้มของตัวเองและก็เห็นคนที่ทำเรื่องบ้า ๆ แบบนี้ใส่

วิโรจน์เปิดฝ่ากระป๋องน้ำอัดลม และก็เสียบหลอดเข้าไปก่อนจะวางเอาไว้บนโต๊ะของหัวหน้าแผนกขายที่มีบิลวางกระจายอยู่เต็มโต๊ะ

“ชาเขียวผสมโซดา”

บอกเพียงแค่นั้นและวิโรจน์ก็ค่อยๆ นั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับคุณกฤษดาที่กำลังมองหน้าของวิโรจน์ด้วยความไม่เข้าใจในสิ่งที่วิโรจน์ทำ

ไหนบอกว่าไม่รอ แล้ว.........

“อ่ะ”

แซนวิชร้อน ๆ ในซองกระดาษหนาๆ ถูกส่งมาให้ และคุณกฤษดาก็ได้แต่มองของกินที่ถูกส่งมาให้ด้วยความไม่เข้าใจ

รับมาถือเอาไว้ และมองวิโรจน์ที่ไม่ได้มีท่าทางสนใจอะไรอีกนอกจากกัดแซนวิชที่อยู่ในมือของตัวเองและนั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามด้วยท่าทางสบาย ๆ

“....................”

ไม่มีคำพูดระหว่างเรา คุณกฤษดา กัดแซนวิชแฮมชีสร้อน ๆ ไปหนึ่งคำ และกัดอีกคำ กัดไปเรื่อยๆ และวางมือจากกองเอกสารที่วางอยู่เต็มโต๊ะ

วิโรจน์ยังคงกินต่อไปเรื่อยๆ และหยิบกระป๋องน้ำอัดลมที่วางเอาไว้ให้คุณกฤษดาขึ้นมาและหมุนหลอดให้ตรงกับปากดูดน้ำไปแค่เล็กน้อย และก็ยื่นส่งให้กับคุณกฤษดาที่มองมาด้วยความไม่เข้าใจ

“อ่ะ”

ยังไง

ส่งมาให้ทำไม กำลังจะรับกระป๋องน้ำอัดลมมาถือเอาไว้ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอม แถมยังตั้งคำถามบางอย่างด้วย

“กินได้ป่ะ”

กินได้หรือเปล่า มันก็กินได้ ไม่ใช่คนกินยากอยู่ยาก ทำไมจะกินไม่ได้

“กินไง”

ก็ไม่กินไง

ก็..........

คุณกฤษดาพอจะรู้ได้อย่างลาง ๆ ไม่ได้รับเครื่องดื่มกระป๋องนั้นมาถือเอาไว้ แต่หมุนหลอดให้ตรงกับปากของตัวเอง และก็ดูดน้ำในกระป๋องไปหนึ่งอึก โดยมีคนถือกระป๋องน้ำอัดลมให้

“แค่นี้พอแล้ว”

ทำไมไม่กินอีกหน่อยล่ะ แต่ก็เอาเถอะพอแล้วก็พอแล้ว

วิโรจน์วางกระป๋องน้ำอัดลมกลับมาไว้ที่เดิม กัดแซนวิชในมือไปเรื่อย ๆ และสายตาก็มองไปเรื่อยเปื่อยไม่ได้พูดคุยกับหัวหน้าแผนกขายใด ๆ ทั้งสิ้น

ใบหน้ายังคงเรียบเฉย   ไร้ซึ่งปฏิกิริยาใด ๆ คนสองคนนั่งกันอยู่เงียบ ๆ โดยไร้คำพูด

หัวหน้าแผนกขายไม่พูด และวิโรจน์ก็ไม่พูด

วิโรจน์ไม่ได้พูดว่าให้รีบทำ ไม่ได้เร่ง ไม่ได้อะไรทั้งนั้น มองเมินไปทางอื่น และพยายามบังคับสีหน้าให้นิ่งเฉยมากที่สุด พยายามไม่แสดงอาการออกไปให้อีกฝ่ายรับรู้ ว่าในเวลานี้อยากจะยิ้มออกมาเพราะหัวใจกำลังพองโต เพียงแค่เห็นใบหน้าของหัวหน้าแผนกขายที่กำลังเคลียร์งานอยู่ฝั่งตรงข้าม ก็มีความสุขแล้ว

คุณกฤษดายังคงทำงานในส่วนของตัวเองไปเรื่อย ๆ แต่หัวคิ้วยิ่งขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม

งานไม่ได้มีอะไรมากแล้ว ไม่มีอะไรให้เครียดเลยซักนิด แต่คุณกฤษดามีความจำเป็นต้องขมวดคิ้วเข้าไว้
เพื่อป้องกันใบหน้า.....ไม่ให้เผลอยิ้มให้วิโรจน์รู้   ว่าดีใจขนาดไหนที่วิโรจน์ยังรออยู่จนถึงป่านนี้......แค่นั้นเอง


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนปฏิกิริยาแรก 7/05 :08.18 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 07-05-2014 08:37:43
รักกันเงียบๆดีเนอะ อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนปฏิกิริยาแรก 7/05 :08.18 น.
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 07-05-2014 08:38:34
น่ารักคะ   อร๊ายยยยย :impress2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนปฏิกิริยาแรก 7/05 :08.18 น.
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 07-05-2014 08:43:02
คู่นี้ออกแนวรักแบบเก็บความรู้สึก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนปฏิกิริยาแรก 7/05 :08.18 น.
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 07-05-2014 08:49:51
รักกันแบบเงียบๆ ซึนๆ สินะ
หุหุ ^[   ]^
หัวข้อ: @รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนปฏิกิริยาแรก 7/05 :08.18 น.
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 07-05-2014 09:28:21
อีกคู่ที่น่าลุ้น :hao3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนปฏิกิริยาแรก 7/05 :08.18 น.
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 07-05-2014 09:39:41
อิพี่บุ้งงงงงงงงงงงงงงงง คนอื่นเขาแซงหน้าไปหมดแล้ว
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: @รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนปฏิกิริยาแรก 7/05 :08.18 น.
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 07-05-2014 09:58:20
คู่ที่สามนี่ก็แซ่บพอๆ กับคู่หลัก และคู่ที่สองเลยอ่ะ สนุกกกกกกกกกกกกกมากกกกกกกกกกกกก o13
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนปฏิกิริยาแรก 7/05 :08.18 น.
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 07-05-2014 10:10:25
คิดถึงน้องมีนกับพี่บุ้งจัา
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนปฏิกิริยาแรก 7/05 :08.18 น.
เริ่มหัวข้อโดย: tstriple7 ที่ 07-05-2014 10:53:14
ตื่นมาเจอแบบคอมโบอีกแล้วว ฟินกันไป v.v
วิเชียรเงี้ยจัดว่าเด็ด กร๊าก ชอบเวลาแซวพี่บุ้งกับน้องมีน เล่นซะ 'ผมจะยอมให้พี่เอา' เลยทีเดียว กรี๊สสสสสสส
คู่รองเค้าไปซะไกลแล้วนะ คู่หลักล่ะ พี่บุ้งรุกคืบได้แล้วว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนปฏิกิริยาแรก 7/05 :08.18 น.
เริ่มหัวข้อโดย: thearboo ที่ 07-05-2014 11:35:04
แหม่...คุณวิโรจน์ คุณกฤษฎา มาไวเคลมไว แป๊บๆ มุ้งมิ้งกันซะแล้ว...หุหุ
 :hao6:
เหลือแต่คุณบุ้งน่ะแหละ เผด็จศึกน้องมีนซะที อิชั้นลุ้นจนน้ำหมากเหนียวหมดแล้ว!!
 :z1:

 :pig4: ขอบคุณคนเขียนค๊าบ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนปฏิกิริยาแรก 7/05 :08.18 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 07-05-2014 11:57:45
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/06/ไฟล์เปล่า12BRIrc.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ  วิโรจน์ & กฤษดา.....ตอน  คนชอบบังคับ

วิโรจน์เตะบอลอยู่ที่สนามเล็ก ๆ แถว ๆ หอพัก และเมื่อรู้ว่าจะมีคนมาหาวิโรจน์ก็เลิกเล่น แล้วรีบกลับมาที่หอพักทันที

เวลาหนึ่งทุ่มกว่า เป็นเวลาที่หัวหน้าแผนกขายเลิกงานและวิโรจ์ที่รีบวิ่งมาก็มาเจอหัวหน้าแผนกขายยืนอยู่หน้าห้อง ในมือมีถุงใส่ข้าวกล่องหนึ่งกล่อง

ต่างคนต่างมองหน้ากันเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไรกันให้มากความ หัวหน้าแผนกขายไม่รู้ว่าวิโรจน์วิ่งมาจากสนามจนเหงื่อท่วม
และต้องหยุดยืนเพื่อพักหายใจก่อนจะเดินขึ้นมาได้ เพราะวิโรจน์ไม่อยากให้หัวหน้าแผนกขายเห็นว่ารีบวิ่งมาจนหายใจแทบไม่ทัน

คนสองคนก้าวขาเข้ามาภายในห้อง คนหนึ่งเดินไปเปิดหน้าต่างและเตรียมอาบน้ำ ส่วนอีกคนพอถอดรองเท้าได้ก็ขึ้นไปนั่งอยู่บนเตียง และเมื่อวิโรจน์หันมาอีกที คนที่อยู่บนเตียงก็ถอดแว่นตาออกไปวางรวมกับกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์วางไว้บนหัวเตียง ดึงชายเสื้อออกจากกางเกง และดึงเนคไทน์ออกจากคอ แล้วค่อย ๆ เอนหลังลงนอน       ก่อนหลับตาหัวหน้าแผนกขายบอกว่าให้ปลุกตอนสามทุ่ม และวิโรจน์ก็พยักหน้ารับ

มองหน้ากันแค่แว่บเดียว ไม่ได้พูดจาอะไรกันอีก คนหนึ่งแค่เพียงหัวถึงหมอนก็หลับสนิทเป็นตาย ส่วนอีกคนแกะข้าวกล่องและนั่งกินข้าวไปเงียบ ๆ

อ้นบอกว่า ไม่อยากให้ต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกินอีก แล้วจะให้ทำยังไง ก็อยู่คนเดียว มันก็เลยเคยชินแบบนี้ ไม่คิดจะหาอะไรให้ตัวเองกิน ที่กินอยู่ก็แค่กินไปงั้น ๆ ให้ท้องอิ่ม

ว่าแต่คนอื่น ทีตัวเองล่ะเคยกินข้าวบ้างหรือเปล่า

เช้าอาจจะกินมาจากที่บ้าน แล้วกลางวันกินอะไร แล้วไหนจะตอนเย็นอีก ไม่อยากจะพูดจาให้มากความกับเรื่องอาหารการกินพวกนี้หรอก      ทางนี้ไม่ดูแลตัวเองก็ได้เพราะไม่ได้ใช้สมองอะไรมากมาย ไม่ได้ทำงานหนัก เป็นอ้นนั่นแหละที่น่าจะหัดดูแลตัวเองบ้าง ไม่ใช่กินอะไรส่ง ๆ ไปวัน ๆ แบบตอนนี้

นี่ก็คงแวะซื้อข้าวกล่องมาให้ เพราะตัวเองแวะกินข้าวเย็นร้านแถว ๆ ข้างทางอีกแล้วสินะ ตอนเย็นอ้นกินอะไร ทางนี้ก็กินแบบที่อ้นกินนั่นแหละ

ถ้าตอนเย็นเรากินอะไรก็กินเหมือนๆ กัน แล้วทำไมเราไม่กินพร้อมกัน ทำไมต้องแยกกันกินแบบนี้ด้วย
ทำไมตอนเย็นเราต้องแยกกันกิน ทำไมเราไม่กินข้าวเย็นพร้อมกัน ในทุก ๆ วันที่มีโอกาส

ทำไมเรา............. หันไปมองคนที่หลับอยู่บนเตียงอีกครั้ง และวิโรจน์ก็ยังครุ่นคิดเรื่องเดิม ๆ

หลาย ๆ ครั้ง คู่ของเราก็มักจะทำอะไรอ้อมโลก โคตรจะอ้อมโลกไปไกลทั้งที่ไม่เห็นจำเป็นต้องอ้อมขนาดนั้นเลยก็ได้

แล้วทำไมพวกเราถึงได้เป็นแบบนี้ล่ะ
ทำไมพวกเราถึงได้เป็นแบบนี้     แม้แต่วิโรจน์ ก็ยังไม่เข้าใจ

เรามีเซ็กส์กันแบบร้อนแรงก็จริง เรารักกันชอบกันก็จริง แต่น่าแปลก เราไม่เคยคุยกัน แม้จะรู้ความรู้สึกของกันและกันอยู่ลึก ๆ แต่เราไม่เคยมีถ้อยคำหวานหูให้แก่กัน บางครั้งวิโรจน์ก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าซะเหลือเกิน ที่คู่ของตัวเองกับหัวหน้าแผนกขายเป็นแบบนั้น

มีบางครั้งที่เห็นคนอื่นพูดจาด้วยถ้อยคำหวาน ๆใส่กัน ก็นึกอยากจะพูดบ้าง

แต่ทุกครั้งมันก็เป็นเหมือนเดิม คำพูดพวกนั้นมักจะถูกกลืนหายไปหมด แม้จะเตรียมตัวมาดีขนาดไหน แต่พอเอาเข้าจริงคำพูดพวกนั้นก็ถูกกลืนหายลงไปในคอซะทุกที

ก็เหมือนตอนนี้

เหมือนในเวลานี้ ที่เราเริ่มใกล้ชิดสนิทสนมกันมากขึ้น ไม่ได้วางฟอร์มใส่กันเหมือนช่วงแรก ๆ เริ่มพูดจากันได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น แต่ก็นั่นแหละ ยังไงคำพูดหวาน ๆ พวกนั้นก็ไม่เคยหลุดออกมาจากปากของเราทั้งคู่อยู่ดี

วิโรจน์ได้แต่คิดไปเรื่อย คิดอะไรไปเรื่อย ๆ จนกินข้าวหมดกล่องแล้วก็หันไปมองคนที่ยังหลับสนิทอยู่บนเตียง

ไม่รู้หรอกว่าเราจะพัฒนาความสัมพันธ์ไปด้วยกันได้มากขนาดไหน แต่อย่างน้อยมันก็ดีกว่าก่อนหน้านี้ ที่เราใช้เซ็กส์เป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสารกัน ในเวลานี้แม้เราจะไม่ได้มีอะไรกันมากมายเหมือนช่วงแรก ๆ แต่เรามีเวลาเรียนรู้ในสิ่งที่อีกฝ่ายเป็นมากขึ้น

เซ็กส์ยังคงจำเป็นสำหรับเราอยู่เสมอ และวิโรจน์รู้....เรื่องนั้นเราเติมให้กันจนเต็ม แต่เรื่องของหัวใจล่ะ
อีกนานแค่ไหน เราถึงจะเติมให้กันจนเต็มได้ อีกนานแค่ไหน เราถึงจะสื่อใจถึงกันได้เหมือนคู่รักคนอื่นๆ เขา

บางครั้งแม้คำถามจะง่ายแก่การตอบ แต่วิโรจน์ก็ไม่สามารถตอบได้ เพราะไม่มีคำตอบที่ชัดเจนอยู่ในหัว
ถ้าเราสนิทกันมากขึ้นกว่านี้ เริ่มบอกเล่าเรื่องของตัวเองให้อีกฝ่ายได้รู้จักได้รับรู้มากกว่านี้

มันก็น่าจะพอให้เราได้สนิทสนมกันมากขึ้นกว่าที่เป็น

บางทีนะ

เราอาจจะเป็นคู่ที่อยากพูดคำหวานๆ ใส่กันมากที่สุดก็ได้ เพียงแต่ไม่มีโอกาสได้พูดเท่านั้น

บางทีนะ........

วิโรจน์กำลังยิ้ม ยิ้มเรื่อย ๆ ให้กับความคิดของตัวเอง ยิ้มและหันไปมองคนที่ยังนอนหลับอยู่บนเตียง พึมพำพูดบางอย่างที่เคยซ้อมเอาไว้มานานแต่ไม่เคยได้พูดออกมา

“............รักนะ.......คิดถึงอ้นมาก.....อ้นน่ารัก”

ได้แต่พูดอะไรไปคนเดียว แล้วก็หัวเราะคนเดียวเงียบ ๆ กับความบ้าบอของตัวเอง

ปิดฝากล่องข้าวและเอากล่องข้าวไปทิ้งในถังขยะและมาหยุดยืนมองคนที่นอนหลับอยู่บนเตียง แล้วก็ส่ายหน้า
ถึงจะร้ายกาจขนาดไหน ถึงจะมีคนเกลียด ถึงจะเย็นชาขนาดไหน แต่แค่เพียงสิ่งนี้เท่านั้นที่ไม่เคยมีใครได้เห็น

สีหน้ายามหลับของหัวหน้าแผนกขาย สีหน้าที่แสดงถึงความผ่อนคลายสบายใจที่สุด สิ่งนี้เท่านั้นที่วิโรจน์ได้มีโอกาสได้เห็น สิ่งนี้เท่านั้นที่หัวหน้าแผนกขายยอมเปิดเผยให้วิโรจน์รับรู้ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว กับความต้องการทั้งหมด
แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว กับการตอบปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ของเรา

แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว วิโรจน์คิดแค่นั้น

แค่ความไว้วางใจกันแบบนี้........มันก็มากเกินพอแล้วจริง ๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนปฏิกิริยาแรก 7/05 :08.18 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 07-05-2014 11:59:07
“อ้น”

เรียกคนที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง และหัวหน้าแผนกขายก็ขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะปรือตาตื่นขึ้น   ควานหาแว่นสายตาที่ถอดทิ้งไว้บนโต๊ะมาสวม และค่อย ๆ ผุดลุกขึ้นนั่ง

เสื้อผ้าหลุดลุ่ย เนคไทน์ที่เคยผูกเอาไว้แน่นที่คอถูกดึงร่นลงมา คุณกฤษดามองไปที่นาฬิกาบนหัวเตียงที่บอกเวลาเกือบห้าทุ่ม

ต้องรีบกลับ ไม่ใช่เรื่องดีที่จะค้างนอกบ้าน นาน ๆ ก็ค้างได้อยู่ ไม่ใช่เด็กน้อยขนาดที่พ่อแม่จะโทรตาม แต่เพราะเบื่อ เพราะไม่อยากตอบคำถามว่าทำไมทำตัวเหลวไหล ทำไมถึงไม่กลับบ้าน ไปค้างที่ไหนมา เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะไปทำอะไรที่ไหน ดึกดื่นแค่ไหนก็จะต้องกลับบ้าน น้อยครั้งมากที่จะนอนค้างนอกบ้าน

น้อยครั้งมากเหลือเกิน

“ห้าทุ่มแล้วเหรอ บอกให้ปลุกตอนสามทุ่มทำไมไม่ปลุก”

ก็ไม่ทำไมหรอก ก็เห็นว่ามาเหนื่อยๆ แถมยังหิ้วข้าวกล่องมาให้อีก มาถึงก็ทุ่มกว่าแล้ว แล้วก็เห็นอยู่ว่าหน้าตาซีดเซียวขนาดไหน มาถึงพอวางข้าวกล่องไว้ให้ อ้นก็ลงไปนอน แทบไม่ได้คุยกันเลยด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้น แค่เวลาเพียงเล็กน้อย ถ้าอ้นจะพักบ้าง มันจะไม่ได้เลยหรือไง

“ก็ไม่อยากปลุก”

คำตอบเรียบง่ายของวิโรจน์ทำให้คนฟังที่กำลังขยับตัวเตรียมจะก้าวลงจากเตียงไปล้างหน้าล้างตาชะงักนิ่งค้าง และมองหน้าของวิโรจน์เพราะอยากรู้ความหมายในคำตอบ

“ก็แล้วทำไมไม่ปลุก พูดเหมือนไม่เข้าใจที่บอก”

เข้าใจ แต่ไม่ปลุก

“ดีแค่ไหนที่ปลุก ทั้งที่ตั้งใจไม่ปลุกด้วยซ้ำ”

พูดแค่นั้น แล้ววิโรจน์ก็เมินหน้าหนีไปทางอื่น หาเรื่องกันหรือเปล่า แบบนี้มันคล้ายกับการหาเรื่องกันชัด ๆ

เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเรื่อย ๆ
คนรักที่แสนเย็นชา การปฏิบัติตัวต่อกันอย่างเย็นชา ความรู้สึกที่มีให้กันช่างแสนเย็นชา
คงมีแค่เรื่องเซ็กส์เท่านั้นที่เราเข้ากันได้ดี แต่เรื่องอื่น ๆ เราเข้ากันแทบไม่ได้เลย แบบนี้มันแย่ซะยิ่งกว่าแย่

“ขอบใจที่ยังปลุก”

ไม่ต้องมาขอบใจ บางทีก็อยากจะบอกให้รู้บ้าง ว่าไม่ต้องการจะปลุก ไม่อยากให้ตื่น ไม่อยากให้ไปไหน อยากให้นอนด้วยกัน ค้างด้วยกัน

ไม่อยากทน วิโรจน์ไม่ใช่คนที่มีความอดทนสูงขนาดนั้น ยิ่งเห็นยิ่งขัดหูขัดตา ยิ่งเห็นยิ่งขวางหูขวางตา ยิ่งเห็นยิ่งพาลให้หงุดหงิดโมโห หัวหน้าแผนกขายกำลังจะลุกขึ้นจากเตียง แต่วิโรจน์ไม่ยอม นอกจากไม่ยอมแล้วยังลงไปนั่งข้าง ๆ และรั้งร่างของคนที่ยืนยันจะกลับมากอดเอาไว้แน่น

“ปล่อย”

ไม่ปล่อย

“ทำไมไม่ยอมค้าง”

ก็เพราะไม่อยากตอบคำถามใครทั้งนั้น

“ปล่อยยยยย”

“ก็บอกมาสิทำไมถึงค้างไม่ได้”

อยากค้าง แต่การต้องมาตอบคำถามคนในบ้านมันเป็นปัญหาใหญ่มาก จะโดนซักจนขาวสะอาด จะโดนทั้งซักทั้งฟอก มันยิ่งกว่าน่ารำคาญซะอีก

“ที่บ้านชอบถาม ขี้เกียจะตอบ ตอบไม่ไหว”

แค่เนี้ยะ เหตุผลมีแค่เนี้ยเหรอ

“แค่โดนบ่นนิดเดียวก็ทนไม่ไหว ทีลูกค้าด่ายังทนได้ ทำไมแค่โดนที่บ้านบ่นนิดเดียวถึงทนไม่ได้”

มันไม่เหมือนกัน มันเหมือนกันซะที่ไหนล่ะ บ้านคนอื่นคงมีเหตุผลแต่ไม่ใช่ที่บ้านของคุณกฤษดาที่ไม่เคยคิดจะฟังอะไรทั้งนั้น

“พูดไปก็ไม่เข้าใจหรอก”

ทำไมจะไม่เข้าใจ

“ก็พูดมาก่อนสิ ไม่พูดแล้วจะไปมีปัญญารู้เองได้ยังไง คิดว่าเป็นเทพหรือไง ถึงจะรู้ทุกเรื่อง”

ทำไมถึงได้ดื้อรั้นอย่างนี้ ทำไมถึงได้ดึงดันขนาดนี้

“แน่ใจหรือไงจะฟัง มันน่าเล่าเหรอ เอาครอบครัวตัวเองมาขาย ทุกวันนี้มีแต่โดนด่าว่าเป็นลูกอกตัญญูอยู่ทุกวี่ทุกวัน เล่าไปก็โดนหัวเราะเยาะซะเปล่า ๆ”

รู้ได้ยังไงว่าจะหัวเราะเยาะ

“แลกกัน”

แลกอะไร มีอะไรให้แลก

“ไม่แลก”

ทำไมถึงไม่แลก

“ต้องแลก......ถ้าอ้นเล่าผมก็จะเล่า”

วิโรจน์เป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเองที่สุด อยากได้ต้องได้ สั่งแล้วต้องได้ เอาแต่ใจและชอบข่มขู่บังคับ และคุณกฤษดาก็อ่อนใจเกินกว่าจะเถียงด้วย ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงยอม ไม่ว่าเรื่องอะไร พอถูกวิโรจน์บังคับเซ้าซี้มาก ๆ เข้าก็เริ่มต้องยอม

ไม่ว่าเรื่องอะไรก็คล้ายจะยอมไปซะหมด ไม่เว้นแม้แต่กระทั่งเรื่องส่วนตัวที่วิโรจน์อยากรู้ ก็ต้องเล่ามาให้หมด

เล่า...........ทุกสิ่งทุกอย่าง.... ต้องเล่าถึงความแตกต่างของครอบครัวตัวเองให้คนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ฟัง เล่าให้ได้ฟังได้รับรู้
และวิโรจน์ก็ตั้งใจฟังอย่างดี ถามบ้างเป็นบางครั้งเมื่อสงสัย และหลาย ๆ ครั้งคำตอบก็ทำให้คนฟังอ้าปากค้าง

“ถ้าผมยอม ผมก็จะเป็นแบบอ้นนี่แหละ ไปไหนไม่ได้ขยับตัวไม่ได้ พ่อผมเป็นเผด็จการ คิดจะทำอะไรก็ทำตามใจ ไม่สนไม่แคร์ว่าใครจะรู้สึกยังไง ผมถึงไม่ทนไง ก็ออกมาซะเลย แล้วไง ก็ไม่เห็นจะตาย”

สิ่งที่วิโรจน์พูดมันทำให้คุณกฤษดาที่ขมวดคิ้วตลอดเวลาเมื่อเล่าเรื่องของตัวเอง ถึงกับหัวเราะออกมาด้วยความขำ

เผด็จการเหรอ เอาแต่ใจตัวเองเหรอ ไม่ค่อยแคร์ความรู้สึกใครเหรอ แล้วนี่พีทไม่รู้บ้างเหรอว่ารับสิ่งนั้นมาแบบเต็ม ๆ

“รู้แล้วว่าพีทเหมือนใคร”

เหมือนใครล่ะ เหมือนใคร..... เหมือน ......งั้นเหรอ

“ไม่เหมือน”

จากคุยกันดี ๆ ในเวลานี้กลายเป็นวิโรจน์ที่เริ่มโมโห โมโหเพราะสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเป็นความจริง ความจริงที่ไม่อยากยอมรับ
ความจริงที่ว่าวิโรจน์กับพ่อมีนิสัยที่เหมือนกัน

“ไม่เหมือนได้ไง เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเหมือน”

ยังไงก็ไม่เหมือนหรอก ยังไงก็ไม่มีทางเหมือน จะไปเหมือนกันได้ไง

“พ่อไม่แคร์ความรู้สึกคนอื่น แต่ผมแคร์”

อย่างนั้นเหรอ ไม่แคร์ความรู้สึกคนอื่น แต่พีทจะบอกว่าพีทแคร์งั้นเหรอ แน่ใจแล้วใช่มั้ยที่พูดอย่างนั้น

“แล้วไอ้ที่บังคับอยู่ทุกวันนี่เรียกว่าแคร์ตรงไหน”

นี่อย่ามาทำเป็นเล่นลิ้นพูดจาหาเรื่องชวนให้โมโหแบบนี้นะ

“พอเลย.....ถ้าอยากกลับมากนักงั้นก็กลับไป”

เปลี่ยนเรื่องทันที และหัวหน้าแผนกขายที่กำลังยิ้มอยู่ก็กลับมาหน้านิ่งเหมือนเดิม เพราะถูกไล่

ได้ กลับก็กลับ

ลุกขึ้นจากเตียง แต่คนที่กอดแน่นก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมปล่อยให้เป็นอิสระ ทั้งที่ก็บอกแล้วว่าให้กลับไปได้

“ไม่ปล่อยแล้วจะกลับได้ยังไง”

เรื่องนั้นจะไปรู้เหรอ ก็หาทางเอาเองสิ อยากกลับก็หาทางเอาเอง

“จะกลับยังไงก็กลับไปสิ”

ตอบได้กวนประสาทที่สุด และวิโรจน์ก็ลอยหน้าลอยตาทำเป็นไม่สนใจคุณกฤษดาที่เริ่มกลอกตาไปมาอย่างอ่อนใจ

“พีท”

“อะไร”

ขานรับแบบไม่คิดจะสนใจ และวิโรจน์ยังทำหน้าตางี่เง่าใส่คนในอ้อมแขนด้วย

“ปล่อยก่อนได้มั้ย”

“ไม่ได้”

ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ

“ปล่อยเถอะนะ ขอร้องล่ะ”

ไม่ปล่อย อย่ามาทำเสียงแบบนี้ อย่ามาทำเสียงแบบนี้ ยังไงก็ไม่มีทางปล่อยหรอก อย่ามาเจ้าเล่ห์เหอะขอร้อง

“อย่างี่เง่าได้ป่ะ ถ้ากลัวโดนด่ามากนักเดี๋ยวจะโทรไปขอที่บ้านให้ บอกว่าเพื่อนใกล้จะตายแล้วอยู่โรงพยาบาลต้องมาดูใจ แค่นี้ก็จบแล้ว”

ทำแบบนั้นได้ที่ไหน

“อ้นไม่เคยมีเพื่อน ถึงเพื่อนจะตายก็ต้องกลับไปนอนบ้านอยู่ดี”

โธ่โว้ย น่าโมโหชะมัด

“ตกลงจะกลับให้ได้”

เปล่า ไม่ใช่ว่าจะกลับให้ได้ ยังไม่ได้พูดว่าจะกลับให้ได้ซักคำ

“จะโทรบอกที่บ้านว่าจะค้างข้างนอก ปล่อยได้หรือยัง”

อ่อ ถ้าอย่างนั้นก็ได้

“แน่ใจนะว่ากล้าโทร”

แล้วทำไมถึงไม่กล้าล่ะ

วิโรจน์ไม่ได้ปล่อยคนในอ้อมแขน แต่เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่หัวเตียงมาส่งให้หัวหน้าแผนกขาย

“โทรเลย”

บังคับขู่เข็ญและคนที่รับโทรศัพท์มาถือเอาไว้ก็มองหน้าวิโรจน์อย่างอ่อนใจ กดโทรออกไปหาแม่ และแม่ก็รับสาย

“อ้น มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ทำไมไม่กลับบ้าน บริษัทใช้งานแกอีกแล้วใช่มั้ย แม่บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วให้ลาออก ไอ้บริษัทเล็ก ๆ กับตำแหน่งหัวหน้าแผนกขายเงินเดือนไม่กี่ตังค์ แกจะทนทำอยู่ทำไม”

แค่เพียงรับโทรศัพท์ก็ได้ยินเสียงบ่นเสียงด่ามาจากแม่ชุดใหญ่และวิโรจน์ที่กอดหัวหน้าแผนกขายเอาไว้ก็ถึงกับนิ่วหน้า

แบบนี้เลยเหรอวะ ขนาดนี้เลยเหรอวะ แทนที่จะถามว่าลูกไปทำอะไรอยู่ที่ไหน แต่นี่พอเปิดฉากมาได้ก็ด่าไม่หยุดเลยเหรอวะ

“อ้นจะโทรมาบอกว่าจะค้างนอกบ้านนะแม่คืนนี้”

พูดเข้าประเด็นโดยไม่ต้องให้ร่ายกันยาว และหัวหน้าแผนกขายก็ได้รับคำด่าจากปลายสายมาอีกชุดใหญ่

“แกนี่ชักจะเหลวไหลใหญ่แล้ว บ้านช่องไม่รู้จักกลับ ทำไม ลูกค้าแกมันอะไรกันนักหนา ดึกดื่นป่านนี้ยังจะลากตัวไปกินเที่ยวอีกหรือไง ฉันบอกแกกี่ครั้งแล้วว่าบริษัทนี้มันใช้งานคนอย่างกับทาสแกก็ไม่เชื่อฉัน ทำไมอ้น แม่นี่เชื่อไม่ได้เลยหรือไง แกมันคนเจ้าปัญหาที่สุดเลยนะ ในบรรดาพี่น้องสามคน มีแกนี่แหละที่ปัญหาเยอะที่สุด.............”

“ผมไม่ได้ไปกับลูกค้าครับแม่”

ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ และเมื่อบอกว่าไม่ได้ไปกับลูกค้า แม่ของคุณกฤษดาก็ยิ่งโมโหและเริ่มด่าไม่ยอมหยุด

“ไม่ไปกับลูกค้าแล้วทำไมถึงได้ไปค้างนอกบ้าน บ้านช่องไม่มีจะกลับหรือไง หรือว่ามันยิ่งใหญ่คับฟ้ามากไอ้ตำแหน่งหัวหน้าแผนกของแกเนี่ย จนไม่เห็นหัวแม่แล้ว แล้วนี่แกไปค้างกับใคร ไปนอนบ้านใคร เพื่อนแกก็ไม่มี แกอย่ามาโกหกแม่นะอ้น รีบกลับมาเดี๋ยวนี้ แกบอกแม่มา ว่าแกไปค้างกับใครที่ไหน อ้นฟังแม่อยู่หรือเปล่า ทำไมถึงเงียบล่ะ อ้น ได้ยินที่แม่พูดมั้ย”

ผมได้ยินครับแม่ ผมได้ยินชัดทุกคำพูดเลยครับ

หัวหน้าแผนกขายสูดหายใจเข้าลึก ๆ ตั้งสติให้ดี และกรอกเสียงพูดไปให้คนที่อยู่ปลายสายได้รับรู้

“ผมค้างบ้านแฟนครับแม่ พรุ่งนี้เย็น ๆ คงกลับ หรือไม่ผมก็อาจจะอยู่ซักอาทิตย์ แฟนผมเขาค่อนข้างเอาแต่ใจครับ ผมง้อเขาไม่ไหวเวลาเขางอนเพราะเวลาเขางอนเขาจะไม่เหมือนคนอื่น ถ้าเลี่ยงได้ผมก็ไม่อยากให้เขางอนผม เพราะถ้าให้ผมทั้งทำงานทั้งง้อแฟนไปด้วย ผมคงตาย ผมบอกแม่แล้วนะครับ ผมไม่ได้หายไปไหนนะ แม่สบายใจได้ ช่วงนี้แม่อาจติดต่อผมไม่ได้ซักพัก แม่มีอะไรแม่ก็โทรมานะครับหรือไม่ก็ฝากข้อความไว้ก็ได้ เดี๋ยวผมโทรกลับ แค่นี้นะครับแม่ ดึกแล้วแม่อย่านอนดึกสิครับ อ้นเป็นห่วง ฝันดีนะครับแม่.............ราตรีสวัสดิ์ครับ”

พูดอย่างที่ใจคิด พูดอย่างที่อยากจะพูด แล้วหัวหน้าแผนกขายก็วางสาย ก่อนจะตั้งค่าเครื่องโทรศัพท์ด้วยการปิดสั่นและปิดเสียง เพื่อให้คนที่โทรเข้ามาหา ยังคงโทรเข้ามาได้ แต่ไม่ต้องการจะได้ยินหรือรับรู้

คว่ำหน้าจอโทรศัพท์ไว้บนเตียง และวิโรจน์ก็เห็นว่ามีไฟกระพริบเข้ามาหลายครั้งแม้ว่าจะคว่ำโทรศัพท์เอาไว้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะรู้ว่ามีคนโทรเข้ามาหา

“บ้านผมเป็นแบบนี้แหละ ทีนี้พอจะเข้าใจบ้างหรือยัง”

เข้าใจแล้ว เข้าใจชัดเจนแจ่มแจ้งแล้ว

“อยากให้ค้างก็ค้างให้แล้ว มีอะไรอยากได้อีกมั้ย”

อยาก

ยังมีอีกเรื่องที่อยากได้

“มี”

วิโรจน์ยังทำหน้านิ่งเฉย ทั้งที่หัวใจพองโตเพราะคำพูดก่อนหน้านี้ที่หัวหน้าแผนกขายบอกกับแม่ของตัวเองไปตรงๆ

..........เรื่องที่จะค้างบ้านแฟน…….

“อยากได้อะไรอีก”

อยากได้..........

“พูดอีกครั้งสิว่าเราเป็นแฟนกัน”

พูดอีกครั้ง พูดว่าเราเป็นแฟนกันอีกครั้ง พูดมันออกมาอีกครั้งให้ได้ยินชัด ๆ เถอะนะ อยากฟังอีกไม่รู้กี่ร้อยกี่พันรอบ

อยากฟัง.........

“ฟังทำไม อย่ามาไร้สาระน่า”

ไอ้คำพูดไร้สาระนี่แหละ ยิ่งอยากฟังมาก

“หรือว่าจะไม่พูด”

บังคับอีกแล้ว บังคับกันอีกแล้ว ก็รู้ว่าไม่ว่าจะบังคับกี่ครั้งก็ยอมตามใจทุกครั้ง ก็ยังจะฝืนบังคับกันอยู่ได้นะคนเรา

“เรา........เป็น....แฟน....กัน พอใจยัง”

ไม่พอใจ

“อีก”

อะไรล่ะ ทำไมต้องให้พูดอีก ทำไมต้องให้พูดซ้ำ ๆ อีกล่ะ ที่พูดไปไม่ได้ฟังเลยหรือไง

“เราเป็น........แฟนกัน....”

“อีก”

อะไรล่ะ ก็พูดอยู่นี่ไง แกล้งยวนกันหรือยังไง

“ไม่พูดแล้ว”

“อีก.....”

ทำไมทำแบบนี้ล่ะ ทำไมถึงต้องบังคับให้พูดแบบนี้อีก

“จะให้พูดทั้งคืนเลยหรือไง”

ใช่

“พูดได้มั้ยล่ะ”

ใครจะไปพูดได้ พูดทั้งคืนคงคอแตกตายกันพอดี

“ก็พูดมั่งสิ ให้พูดคนเดียวอยู่ได้ บ้าหรือไง”

ได้

แค่พูดใช่มั้ย พูดกี่ครั้งก็ได้

“เรา..............เป็น..แฟนกัน”

“เราเป็นแฟนกัน”
“เราเป็นแฟนกัน”
“เราเป็นแฟนกัน”

แล้ววิโรจน์ก็พูดคำพูดบ้า  ๆ ซ้ำกันหลายครั้งไม่ยอมหยุด

“พอแล้วววววววววเลิกพูดได้แล้ว”

ทำไมถึงบอกให้พอล่ะ ก็คนเป็นแฟนกันก็ต้องพูดกันแบบนี้แหละ พูดใส่กันแบบนี้เยอะ ๆ

“เราเป็นแฟนกัน เราเป็นแฟนกัน เราเป็นแฟนกัน เรา อุก อื้ออ เอาเอนแอนกัน”

โดนเอามือปิดปาก และคนที่ปิดปากก็เริ่มยิ้มออกมา ไม่ยอมให้วิโรจน์พูดอีก

“พอแล้ว ฟังเยอะ ๆ มันเขิน”

เขินเหรอ

ก็ดีแล้วไง

ฟังเยอะ ๆ แล้วเขินก็ดีแล้ว

“ชอบมั้ย”

ชอบเหรอ ก็ชอบหรอกนะ แต่พอฟังแบบนี้เยอะ ๆ แล้วมันก็เขินจริง ๆ นั่นแหละ ตอนมีอะไรกันยังไม่เห็นรู้สึกแบบนี้เลย

พยักหน้ารับ และวิโรจน์ก็ยิ้มกว้าง ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข และอยากจะพูดแต่คำพูดแบบนี้ซ้ำ ๆ ทั้งวัน

“อ้นอ่ะเป็นแฟนพีท”

คนพูด พูดไปมองนั่นมองนี่ไป และคุณกฤษดาก็เห็นว่าอีกฝ่ายก็มีอาการเขินเหมือนกันที่ต้องพูดแบบนี้

อาการเขินที่ไม่ใช่ว่าใครจะได้เห็น เฉพาะคนพิเศษเท่านั้นถึงจะได้เห็น เฉพาะคนมีสิทธิพิเศษอย่างแฟนของวิโรจน์เท่านั้นถึงจะได้เห็น

“ครับ...อ้นเป็นแฟนพีทครับ....เข้าใจแล้วครับ รู้แล้วครับ”

ก้มหน้าก้มตาตอบ และหัวเราะออกมาเบา ๆ คนพูดก็เขิน คนฟังก็เขิน
เขินกันไปเขินกันมา แล้วก็เลยต่างฝ่ายต่างต้องปั้นหน้านิ่งใส่กันเพื่อบังคับใบหน้าไม่ให้ยิ้มมากไปกว่านี้

ไม่รู้ว่าที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของเราเรียกว่าอะไร แต่รู้ว่าจากนี้ต่อไปสิ่งที่เราเป็นอยู่แม้คนอื่นจะเรียกว่าแฟนแต่เราจะเป็นให้ได้มากกว่านั้น

เป็นพี่ เป็นเพื่อน เป็นน้อง เป็นพาร์ทเนอร์ เป็นอะไรก็ได้ที่จะช่วยให้อีกคนก้าวข้ามผ่านความทุกข์ยากไปได้

วิโรจน์ยังคงพยายามบังคับหน้าไม่ให้ยิ้ม และพูดคำพูดที่อยากจะพูดอีกครั้งให้คนที่นั่งก้มหน้านิ่งอยู่ในอ้อมแขนได้ฟัง

“เราเป็นแฟนกันนะอ้น”

ครับ...ได้ยินชัดแล้วครับ ได้ยินจนจำได้ขึ้นใจแล้วครับ

“ครับ.....รู้แล้วครับ...รู้แล้วจริง ๆ ครับว่าเราเป็นแฟนกัน”



TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนปฏิกิริยาแรก 7/05 :08.18 น.
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-05-2014 12:05:41
คู่นี้เขาจีบกันผ่านความเงียบ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนปฏิกิริยาแรก 7/05 :08.18 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Theodore ที่ 07-05-2014 12:12:40
คู่หลังเห็นแรงๆนี่น่ารักดีนะ อิอิ

ปล.ถามคนเขียนครับ รูปนักศึกษาที่คนเขียนใส่เป็นรูปเกาหลีคู่กับรูปเวียร์แทนบุ้งนี่ใครครับ?
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนปฏิกิริยาแรก 7/05 :08.18 น.
เริ่มหัวข้อโดย: conankungkub ที่ 07-05-2014 12:22:19
 :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนคนชอบบังคับ 7/05 :12.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: army_van ที่ 07-05-2014 12:57:09
เขินนนน เขินๆๆๆๆ

เหมือนพี่บุ้งกะมีนถูกแย่งซีนนน 55555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนคนชอบบังคับ 7/05 :12.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 07-05-2014 13:00:11
คู่นี้ทำเราเขินมากกกก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนคนชอบบังคับ 7/05 :12.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 07-05-2014 13:26:04
เราเป็นแฟนกัน เราเป็นแฟนกัน เราเป็นแฟนกาน น น น น น น
>\\\\\\\\\\\\\\\\<
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนปฏิกิริยาแรก 7/05 :08.18 น.
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 07-05-2014 13:28:47
คู่นี้น่ารักก

ฮ่าๆๆๆ ต่างคนต่างเงียบบ

แต่พอพูดแล้วก็เข้าใจกัน แต่ดันไม่ค่อยพูดจากัน ^^


คู่อื่นเค้าไปไหนต่อไหนแล้วเนี้ย พี่บุ้ง อ่อน 55555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนคนชอบบังคับ 7/05 :12.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 07-05-2014 13:33:18
เขาน่ารักกันมากเลย โอ้ยยยย พีทอ้น งื้อออออออ :hao7:

บุ้งมีนไม่เคยทันชาวบ้านเค้าเลยยยยยย  :katai5:

คู่แรกได้เสียเป็นผัวเมียกันแล้ว คู่นี้ก็ได้เสียก่อนจะเป็นแฟน :hao6:

พี่บุ้งไร้น้ำยาซะจริง ยังคงงมทางจีบมีนอยู่อี๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :hao3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนคนชอบบังคับ 7/05 :12.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 07-05-2014 13:36:01
พี่บุ้งรู้อะไรไหมครับ .. ว่ามีน่ะมัวแต่ชักช้าท่ามาก

ลูกน้องพี่แซงไปสองคนละ เห็นไหม?

 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนคนชอบบังคับ 7/05 :12.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Fujoshi ที่ 07-05-2014 13:43:18
แอร๊ย น่ารักทุกคู่เลย
ชอบพี่บุ้งที่สุด
ว่าแต่ พี่บุ้งคะ คู่อื่นเค้าแซงหมดแล้วนะพี่
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนคนชอบบังคับ 7/05 :12.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 07-05-2014 13:44:55
เอ้ย.....เป็นแฟนกันแล้ว
โห่ววววว พี่บุ้งช้าสุดแระ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนคนชอบบังคับ 7/05 :12.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 07-05-2014 13:54:12
ในที่สุดคุณอ้นก็เริ่มกล้า
คู่นี้คงได้พัฒนา เข้าใจกันมากขึ้นเรื่อยๆ

เหลือก็แต่คู่พี่บุ้งน้องมีน
เมื่อไหร่จะได้กินกันซะที  :impress2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนคนชอบบังคับ 7/05 :12.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: cinn1st ที่ 07-05-2014 14:01:19
อ่านช่วงแรำรู้สึกหงุดหงิดน้องมีน เพราะคิดมากกว่าพูด ได้แต่เก็บเถียงในใจตลอด แต่ก็เข้าใจ
แต่ตอนนี้น้องมีนสดใสร่าเริง พี่บุ้งก็รุกมากขึ้นๆยิ่งฟิน55555 น่ารักมากค่ะชอบบบ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนคนชอบบังคับ 7/05 :12.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 07-05-2014 14:16:15
ตอนแรกเชียร์ พี่บุ้ง กะ น้องมีน ถัดมา เฮีย กับ เช๊ยร สุดท้าย อ้น พีท น่ารักน่าลุ้นทุกคู่เลย o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนคนชอบบังคับ 7/05 :12.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 07-05-2014 14:25:33
อิพี่บุ้งค่ะ พี่กินอะไรเป็นอาหาร คนอื่นเขาแซงหน้าไปไกล
แล้วววววววววววววววววววววว  :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนคนชอบบังคับ 7/05 :12.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 07-05-2014 14:45:56
โอ้ย น่ารักมากมาย ชอบเม้นที่ว่า คู่นี้เขาจีบกันผ่านความเงียบ แบบว่ามันใช่จริงๆ ซึนๆขรึมๆเงียบๆทั้งคู่ แต่อยู่ด้วยกันแล้วน่ารัก >_< กริ๊บกริ๊ววว รออัพๆ
 :-[ o13 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนคนชอบบังคับ 7/05 :12.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-05-2014 15:07:52
 :hao3:พี่บุ้งลูกน้องพี่เขาแทรงหน้ากันไปหมดแล้วน่ะ เหลือพี่อะเมื่อไรจะได้กินกับเขาบ้าง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนคนชอบบังคับ 7/05 :12.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 07-05-2014 15:11:29
คู่อื่นเขาแซงๆๆๆ ไปหมดแล้วนะพี่บุ้ง
สรุปพี่บุ้งกับน้องเกาหลีเป็นตัวประกอบใช่มั้ย  :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนคนชอบบังคับ 7/05 :12.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: nnA ที่ 07-05-2014 15:12:50
 :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (วิโรจน์&อ้น) 7/05 : 15.45 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 07-05-2014 15:16:04
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/06/ไฟล์เปล่า12BRIrc.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ  วิโรจน์ & กฤษดา.....ตอน  อ้นของพีท พีทของอ้น

“อืออ ไม่เอา พีท อย่าเพิ่งสิ”

หัวหน้าแผนกขายผลักใบหน้าของวิโรจน์ออกห่าง และตั้งหน้าตั้งตามองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ทบุค ที่เอาติดตัวมาด้วย

“ไมอ่ะ .......เลิกทำงานได้แล้ว อยากจะแย่แล้ว”

วิโรจน์แกล้งเอาแก้มแนบไปเบา ๆ ที่ไหล่ของหัวหน้าแผนกขายที่ยังขมวดคิ้วมุ่น และยังคงไม่ละสายตาจากหน้าจอ

“เดี๋ยวก่อน ทำอันนี้ก่อน พรุ่งนี้จะเสนอแล้ว”

ทำงานไปด้วย พูดไปด้วย และวิโรจน์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็ทนไม่ไหว รั่้งร่างของคนที่กำลังนั่งพิมพ์งานเข้ามาใกล้ และกอดเอวของหัวหน้าแผนกขายเอาไว้ก่อนจะลากฝ่ามือเข้าไปในเสื้อเชิตของหัวหน้าแผนกขายอย่างไม่คิดจะเกรงใจกัน

“อืออ พีท ....ให้อ้นทำอันนี้ก่อน”

สติพาลจะเตลิดเอาได้ง่าย ๆ เมื่อคนที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง ขยับให้บางส่วนของร่างกายสัมผัสแนบชิดกับสะโพกของคนที่กำลังตั้งใจทำงาน และคุณกฤษดาก็ถึงกับขบริมฝีปากแน่นเมื่อรู้ว่าบางอย่างที่แข็งขืนและเสียดสีอยู่ที่สะโพกคืออะไร

“อยากแล้วอ้น....พอก่อนเหอะนะ”

ไม่ใช่แค่พูด แต่คนพูดยังใช้ปลายนิ้วเคลื่อนเข้าไปในเสื้อเชิตและวนปลายนิ้วสะกิดตุ่มสีแดงเข้มที่ยอดอกของคุณกฤษดาที่พยายามดึงสติให้อยู่กับการทำงาน แต่ในเวลานี้ชักจะทนไม่ไหว

“เดี๋ยวก่อนนะ”

ไม่เดี๋ยวแล้ว

ใครจะเดี๋ยวก็เดี๋ยวไปเถอะ แต่วิโรจน์ไม่อยากจะให้เดี๋ยวอีกแล้ว

แกล้งรั่้งร่างคนที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหน้าออกห่างจากคอมพิวเตอร์ และกอดเอวของคุณกฤษดาไว้แน่น ก่อนจะลากให้คุณกฤษดาลงไปทับอยู่บนตัววิโรจน์

“พอแล้ว ไม่ไหวแล้ว ปั่นจนแข็งรอไม่รู้กี่รอบแล้ว ….อย่าให้ต้องปล้ำกันเลย พีททนไม่ไหวแล้วจริง ๆ .....อยากเอาอ้นมากเลยเนี่ย...เลิกทำงานก่อนเถอะนะ......เราจะได้เอากันซักที.....”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนคนชอบบังคับ 7/05 :12.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 07-05-2014 15:16:24
“ถอดแว่นก่อน”

ก็ได้

วิโรจน์พยักหน้ารับและแว่นสายตาก็ไปวางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงเรียบร้อย

“ถอดเสื้อก่อนนะ”

ก็ได้

“ถอดแค่เสื้อไม่ต้องเอาเนคไทน์ออก”

ทำไมถึงไม่ยอมให้เอาออกล่ะ แบบนี้มันเกะกะไม่ใช่เหรอ

“แล้วทำไมพีทถอดหมดอยู่คนเดียว ไม่ให้อ้นถอด”

ก็ไม่ทำไม

“เวลาเห็นอ้นผูกเนคไทน์ มันยิ่งทำให้พีทมีอารมณ์”

บ้าไปแล้ว

คุณกฤษดาถึงกับหลุดขำ และยกกำปั้นทุบไหล่ของวิโรจน์ไปแรง ๆ หนึ่งที และนั่นก็ยิ่งทำให้วิโรจน์หัวเราะออกมา ก่อนจะแนบใบหน้าลงไปซุกไซร้ปลายจมูกเข้ากับซอกคอของคุณกฤษดาเพื่อปลุกอารมณ์

“อ้น...วันนี้พีทอยากลองท่าอื่นมั่ง  ท่าเดิมเบื่อแล้ว ลองด้วยกันป่ะ”

ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ถามออกไปแบบนั้น และคนฟังที่กำลังเคลิ้มก็มีอันหน้าแดงเถือกขึ้นมาและกระซิบถามกลับเสียงแตกพร่า

“อือ.......ยังไงอ่ะ”

ไม่ยังไงหรอก

“ง่าย ๆ เดี๋ยวพีทสอน อ้นแค่ทำตามที่พีทบอกก็แล้วกันนะ”

ทำตามที่ว่าไม่รู้ว่าต้องทำยังไง แต่ถ้าพีทจะให้ทำตามที่พีทบอกก็ได้... อ้นก็จะทำ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนคนชอบบังคับ 7/05 :12.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 07-05-2014 15:17:25
คุณกฤษดาถึงกับร้องครางออกมาไม่หยุด เมื่อขาของตัวเองถูกโน้มสูงขึ้นไปจนแทบจะพาดอยู่บนหัว

พร้อมกับที่ใครบางคนยืนคร่อมทับและกดกระแทกแก่นกายลงมาซ้ำ ๆ และยังจับขาของคุณกฤษดากดเอาไว้แบบนั้นไม่ยอมปล่อย

“อ่ะ อ่ะ อื้อออออ พีท ไม่ไหวแบบนี้เลือดมันลงหัว อื้อ อ่า อ่า พีทททท เลือดมันลงหัว ....จะไม่ไหวแล้ว”

เพราะได้ยินเสียงร้องบอกให้หยุด วิโรจน์ก็เลยต้องจำใจยอมปล่อย เพราะคนที่ต้องฝืนร่างกายตัวเองขนาดนั้นหน้าแดงก่ำ และเหมือนจะเป็นลมซะให้ได้

“เอาจริงๆ ก็ไม่ค่อยเสียวเท่าไหร่นะ เข้าไม่ค่อยลึก สู้ท่าเดิม ๆ ไม่ได้”

บ่นออกมาทั้งที่ในเวลานี้ ยังมีร่างของใครบางคนที่ยังนั่งขย่มท่อนเอ็นแกร่งเบา ๆ อยู่เหนือร่าง

“อือ ไม่มันส์ โคตรเวียนหัวอ่ะ”

ต่างคนต่างบ่น ทั้งที่ในเวลานี้ร่างกายยังคงขยับเคลื่อนไหวไปพร้อมกัน

“อ๊าส์ พีท สวนขึ้นมาทำไมมันเสียว”

เพราะไม่รู้จะทำอะไร ในระหว่างพัก เพื่อปรับลมหายใจ วิโรจน์ก็เลยแกล้งกระแทกสะโพกสวนขึ้นไปหนึ่งครั้ง เพราะเห็นสีหน้าของคุณกฤษดาที่เริ่มเหยเก ท่าทางจะโดนจุด เลยครางงุ๊งงิ๊งเหมือนลูกแมว

“ตะแคงดิ ท่านี้ไม่เอาแล้ว สงสารอ้น เมื่อยหมดแล้ว เดี๋ยวพีทกระแทกเอง”

อือก็ได้

คุณกฤษดาหยุดการกระทำของตัวเองตามที่วิโรจน์บอก และเอนร่างกายนอนลงตะแคงข้างโดยมีร่างกายของวิโรจน์แทรกอยู่ด้านหลัง ช่องทางที่รองรับท่อนเอ็นใหญ่ บีบรัดแรงขึ้นเมื่อวิโรจน์เริ่มขยับเอวและสะโพกไปพร้อมๆ กัน

“อาส์ พีท เสียว อือ พีท”

วิโรจน์แยกขาอีกข้างของคุณกฤษดาให้แยกออกห่างและยกสูงขึ้น กอดขาด้านที่แยกออกคู่นั้นของคุณกฤษดาเอาไว้แน่นและขยับสะโพกแรง ๆ เพื่อให้แก่นกายเสียดสีเข้าไปให้ลึกขึ้น

“อาส์ อึก อ้น.......อ้น...มันส์ป่ะ...อ้นเสียวมากป่ะ...อ้นบอกให้พีทกระแทกแรง ๆ สิ ถ้าอ้นชอบ”

อือ

ชอบ  ......... เสียว
เสียวมาก

“พีทแรง ๆ พีทเอาอีก พีทกระแทกแรงๆ อ้นเสียวไม่ไหวแล้ว”

ร้องครางลั่น ไม่หลงเหลือมาดของหัวหน้าแผนกขายเลยซักนิด เหลือไว้เพียงแค่คนรักกันสองคนที่บรรเลงเพลงรักกันอย่างถึงพริกถึงขิง

“อ้น....พีทจะแตกแล้วอ้น พีทจะแตกแล้ว........อาส์”

ไม่เอา อย่าเพิ่งยังไม่ถึงไหนเลย

“เดี๋ยวก่อน ไม่อยากแตกท่านี้”

พยายามให้อีกฝ่ายหยุด และบีบแขนของวิโรจน์เอาไว้ และวิโรจน์ที่กำลังกระแทกเอวเข้ามาแรง ๆ ก็ต้องจำใจหยุดพัก

“ทำไมอ่ะ มันเสียว ไม่ไหวแล้วนะอ้น”

ก็รู้ว่าไม่ไหว

“เดี๋ยวพีทนอนอยู่เฉย ๆ อ้นทำให้เอง”

ได้
นอนอยู่เฉย ๆ ก็ได้

วิโรจน์นอนหงายราบอยู่บนเตียง และคนที่บอกว่าจะทำให้ ก็เทเจลหล่อลื่นชโลมไปที่ช่องทางด้านหลังของตัวเอง

และยังเทเพิ่มลงไปที่ท่อนเอ็นแข็งที่ตื่นตัวรออยู่ก่อนแล้ว และคุณกฤษดาก็ค่อย ๆ จับท่อนเอ็นใหญ่ท่อนนั้นค่อยๆ แทรกเข้าไปช้า ๆ ที่ช่องทางด้านหลังของตัวเอง

นั่งทับอยู่บนร่างของวิโรจน์ และสองมือก็วางแนบอยู่ที่หน้าขาของคนที่กำลังนอนมองสิ่งที่หัวหน้าแผนกขายทำอย่างถูกใจ

“อาส์ เห็นชัดเลยอ่ะ ของพีทเข้าไปหมดแล้ว  อ้นลองกดลงมาแรง ๆ สิ แล้วเอาออกให้สุดแล้วเอาเข้าไปใหม่”

บ้าบอ
เล่นอะไรบ้า ๆ เห็นเป็นเรื่องสนุก และคุณกฤษดาที่แหงนเงยใบหน้าสูดอากาศหายใจและกำลังเพลิดเพลินกับท่อนเอ็นใหญ่โตที่ขยับเขยื้อนอยู่ภายในร่างกาย ก็ขมวดคิ้วมุ่น

“ไม่เอา แบบนี้ก็เสียวแล้ว อือ อาส์ ”

ขยับสะโพกทำต่อไปเรื่อย ๆ และคนที่นอนอยู่ก็เริ่มมีสีหน้าบิดเบี้ยว เมื่อส่วนปลายของท่อนเอ็นแกร่งเสียดลึกเข้าไปในช่องทางด้านหลังที่ดูดกลืนร่างกายส่วนนั้นของวิโรจน์เข้าไปทั้งหมด

“ซี้ดส์  อืมมม  อ้น.....เสียวมากป่ะ”

มาก

“อือ โคตรเสียว แต่ก็เพลินดี”

เพลินดีอยู่นั่นแหละ แต่ทางนี้ใกล้จะแตกอยู่แล้ว

“มานี่เหอะ”

รั้งร่างให้คนที่กำลังเพลิดเพลินล้มตัวลงไปหา และวิโรจน์ก็แหงนเงยใบหน้าให้ริมฝีปากแตะกับริมฝีปากของคนที่ทาบทับอยู่บนร่างกาย ก่อนจะกระซิบบอกเสียงพร่าที่ข้างหูของหัวหน้าแผนกขาย

“ให้พีทแตกเหอะนะ อ้นทำเองคงเมื่อยแย่แล้ว”

อือ

กดริมฝีปากแนบสัมผัสเข้าหากัน ดูดดุนปลายลิ้นของกันและกันซ้ำ ๆ และวิโรจน์ก็กอดคนที่อยู่เหนือร่างเอาไว้แน่น
โอบรัดไปรอบแผ่นหลัง และเป็นฝ่ายขยับสะโพกแรง ๆ เอง  และคุณกฤษดาก็ร้องครางเสียงดังลั่นอยู่ข้างหูวิโรจน์ นั่นยิ่งเป็นการเร่งเร้าให้เกิดความรุนแรงมากขึ้น

“พีท พีท เดี๋ยวก่อน พีทอย่าเร่งพีท อือออออ พีท โอ้ยยยยยย พีทอย่าเพิ่งเร่ง เดี๋ยวอ้นจะแตก พีท โอ้ยยย ซี้ดดดส์ อื้ออ”

ไม่ฟัง   ปล่อยให้คุณกฤษดาคุมเกมส์มานาน ถึงตอนนี้วิโรจน์ไม่คิดจะฟัง

ท่อนแขนแกร่งกอดรัดรอบเอวคุณกฤษดาเอาไว้แน่น และยังคงขยับสะโพกอย่างรุนแรง ไม่สนใจเสียงร้องครางของคุณกฤษดา ที่กำลังร้องออกมาเสียงดังลั่นทั้งน้ำตา

“อ๊าส์ พีท เจ็บ อื้อออออออ พีท”

เจ็บแล้วดีมั้ย เจ็บแล้วเสียวมากมั้ย เจ็บแล้วอยากให้แรงอีกมั้ย

“โอ้ยยยยยยย โคตรตอดอ่ะ เสียวชิบหายเลยอ้น ฮื่อออออ”

วิโรจน์ขบริมฝีปากแน่น และสายตาก็จับจ้องไปที่ใบหน้าแดงก่ำที่กำลังมองตรงมาพร้อมกับหยดน้ำตาที่เริ่มไหลอาบแก้ม

“เจ็บอ่ะพีท อือ...”

อยากจะหยุดก็หยุดไม่ไหว แบบนี้จะให้ทำยังไง จะทนไม่ไหวอยู่แล้ว

“เจ็บแล้วเร่งได้มั้ย”

คุณกฤษดาพยักหน้ารับทั้งน้ำตา และวิโรจน์ก็ไม่คิดจะหยุดหรือปล่อยให้เวลาผ่านไปนานกว่านี้

“อือ........เจ็บ.....แต่พีท....เร็ว ๆ เถอะ แรง ๆ ด้วย จะแตกแล้วเหมือนกัน อือ”

แม้จะร้องไห้ แม้จะรู้สึกเจ็บ แต่มันก็ไม่น้อยไปกว่าความรู้สึกเสียวแปลบที่ช่องท้อง

และความเสียวก็แล่นพล่านไปทั่วร่างไม่เว้นแม้กระทั่งภายในช่องทางด้านหลังที่ยิ่งบีบรัดท่อนเอ็นขนาดใหญ่ที่อยู่ในนั้นอย่างรุนแรง

“งั้นพีทเอาให้เสร็จเลยนะ”

อือ .....

“........เร็ว ๆ เถอะ ไม่ไหวแล้ว แรง ๆ ”

ถ้าจะบอกขนาดนี้ก็ได้ จะจัดให้

วิโรจน์คลึงสะโพกแอ่นขึ้นเบา ๆ เพื่อเป็นการบอกให้รู้ว่าจะไม่หยุดอะไรอีกต่อไปแล้ว สุดท้ายกระแทกสะโพกขึ้นมาอย่างรุนแรง  และยังแรงเพิ่มขึ้นได้อีก

แรงขึ้น กระแทกอัดสะโพกขึ้นไปแบบไม่หยุดพัก

และในเวลาไม่นาน

ร่างสองร่างที่เคลื่อนไหวอย่างรุนแรงไปพร้อมกันก็เกร็งกระตุกและลมหายใจก็เหมือนจะขาดห้วงไปชั่วขณะ

หัวหน้าแผนกขายทรุดร่างลงมานอนข้าง ๆ วิโรจน์อย่างหมดเรี่ยวแรง

“อือ....”

วิโรจน์กดปลายจมูกหนัก ๆ ที่หน้าผากของคนที่อยู่ข้างกาย เกลี่ยปลายนิ้วไปที่ดวงตาของคนที่เพิ่งร้องไห้เพราะถูกแกล้ง

ลมหายใจยังหอบถี่กระชั้น ก่อนจะค่อยๆ เริ่มปรับเป็นปกติอย่างช้า ๆ ในเวลาต่อมา

“ร้องไห้อีกแล้ว หลัง ๆ ไม่เห็นร้อง ทำไมวันนี้ร้องขึ้นมาได้”

ไม่ร้องได้ไง

“ก็มันเสียวมากอ่ะวันนี้ เลยไม่รู้ว่าน้ำตามันมาได้ไง”

เหรอ

คงจะเป็นอย่างนั้น

หัวหน้าแผนกขายนอนนิ่ง ๆ และขยับฝ่ามือแตะต้องไปที่ความใหญ่โตที่เพิ่งจะหลั่งน้ำรักออกมาของวิโรจน์อย่างถูกใจ

เกลี่ยปลายนิ้วไปที่หยดน้ำขุ่นขาว ที่หลั่งออกมาจากส่วนปลายของท่อนเอ็นใหญ่ยาวนั้นและใช้ปลายนิ้วที่ยังมีน้ำรักที่เพิ่งหลั่งออกมาแตะไปที่ริมฝีปากเพื่อชิมรสชาติ

“เป็นไงมั่ง.....อร่อยป่ะ”

“อือ....”

พยักหน้ารับ และคุณกฤษดาหัวหน้าแผนกขายก็ขยับร่างกายเข้าหาวิโรจน์อีกครั้ง

ไล้เลียปลายลิ้นไปที่หยาดหยดร่างกายของตัวเองที่พ่นทิ้งไว้บนหน้าท้องของวิโรจน์ และไม่ลืมจะดูดกลืนน้ำรักที่วิโรจน์หลั่งออกมาบางส่วนเอาไว้ในปาก ขยับร่างกายจากส่วนกึ่งกลางร่างกายของวิโรจน์มาที่ริมฝีปากและค่อย ๆ อ้าปากให้ของเหลวข้นหนืดไหลรินออกมาอย่างช้า ๆ และวิโรจน์ก็อ้าปากรอรับสิ่งที่หัวหน้าแผนกขายป้อนให้

ไม่ทันได้กลืนกินเข้าไปทั้งหมดก็ถูกช่วงชิงกลับคืน  คุณกฤษดาดุนปลายลิ้นของตัวเองออกมา และวิโรจน์ก็ผุดลุกขึ้นคร่อมทับอยู่เหนือร่างของคนที่กำลังอ้าปากรอ  และวิโรจน์ก็ปล่อยหยดน้ำขุ่นหนืดในปากให้ไหลกลับคืนเข้าปากคุณกฤษดาทันที

“อึ่ก อาส์”

คุณกฤษดากลืนกินสิ่งที่วิโรจน์คืนกลับมาให้ทั้งหมด และไล้เลียปลายลิ้นไปที่ริมฝีปากด้วยความพอใจ

“เอาอีกมั้ย........ยังมีเหลือให้กินอีกเอามั้ย”

คำถามง่าย ๆ แต่ไม่ยากเกินที่จะตอบ
คุณกฤษดาไม่คิดจะตอบอย่างอื่น ในเมื่อก็รู้อยู่ก่อนแล้ว ว่าครั้งเดียวสำหรับคืนนี้คงยังไม่พอ

สิ่งที่คุณกฤษดาทำก็แค่พยักหน้าและตอบรับวิโรจน์เท่านั้น

“เอาอีก.....ให้อ้นกินอีก .....”

ตอบกลับด้วยน้ำเสียงแตกพร่า และคุณกฤษดาก็ขึ้นไปเกยอยู่เหนือร่างของวิโรจน์อีกครั้ง
ทำอย่างที่อยากทำ  ทำตามใจตัวเอง  และเริ่มบทรักรอบสองในค่ำคืนนั้นทันที


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนคนชอบบังคับ 7/05 :12.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: whitejade31 ที่ 07-05-2014 15:32:54
อยากอ่านคู่หลักแล้วอ่าคะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนคนชอบบังคับ 7/05 :12.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 07-05-2014 15:37:14
อ๊ายย อีโรติกมากค่ะคู่นี้ ร้อนแรงกันฝุดๆ :jul1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนอ้นของพีท 7/05 : 15.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 07-05-2014 15:48:57
 :pighaun:
คู่นี้มาแรงมั่กมาก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนอ้นของพีท 7/05 : 15.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 07-05-2014 15:51:38
ตายๆๆๆๆๆ เลือดหมดตัว
คร๊อกกกก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนอ้นของพีท 7/05 : 15.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: thearboo ที่ 07-05-2014 15:56:02
ตายแล้วคุณอ้น!
อะไรจะว่าง่ายขนาดนี้เนี่ย....อ๊างงงง ฟินค่ะ

(อ๊ายยยย น้ำหมากกระจายสิคะอิชั้น....เฮือก)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนอ้นของพีท 7/05 : 15.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 07-05-2014 15:58:21
คือบบบว่าาาาา ร้อนแรงไปไหมคู่นี้ แบ่งความกล้ามาให้พี่บุ้งกับน้องมีนมั่งสิ 5555 :z2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนอ้นของพีท 7/05 : 15.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 07-05-2014 16:09:26
 :jul1:

.
.
.
.

คิดถึงบุ้งกับมีนแล้วอ่าาาาาาาาาาาาา  :sad4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนอ้นของพีท 7/05 : 15.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 07-05-2014 16:16:45
 :m10: :m10: :m10:
มาทีหลังแต่ แซงทิ้งโค้ง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนอ้นของพีท 7/05 : 15.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: full69 ที่ 07-05-2014 16:18:49
2 คู่นี่นำอิพี่บุ้งถ้ามีลูกก็คงเป็นโหลแล้วน้า อิพี่บุ้งนี่อ่อนจริง 5555 วิ่งหลบรองเท้า
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนอ้นของพีท 7/05 : 15.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-05-2014 16:19:54
ร้อนแรงสุดๆ
ยิ่งอ่านเรื่องยิ่งไม่เคยพอ ทั้งๆที่อัพให้ไวมากแต่ก็ยังอยากให้มีอีกเยอะๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนอ้นของพีท 7/05 : 15.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 07-05-2014 16:50:28
พี่บุ้งงง เค้าร้อนแรงกันทุกคู่เลยน้าา

คู่พี่บุ้งถ้าน้อยหน้าเค้า อายเค้าตายเลยนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนอ้นของพีท 7/05 : 15.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 07-05-2014 17:04:37
พีทกะอ้น....ร้อนแรงมากอ่า
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนอ้นของพีท 7/05 : 15.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: nnA ที่ 07-05-2014 17:31:37
 :jul1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนอ้นของพีท 7/05 : 15.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 07-05-2014 17:32:36
อ่า ชื่อนี้ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลย :impress2:  ชอบอิมเมจแต่ละคู่มาก มันเหมาะกันมากเลย อ่านแล้วอินสุดๆ o13
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนอ้นของพีท 7/05 : 15.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 07-05-2014 17:44:47
กรี๊ดดดดดดดด พีทกะอ้น ร้อนแรงมั่กๆ มาแรงจริงๆคู่นี้
ว่าแต่ลูกน้องพี่บุ้งจะมีแฟนเป็นผู้ชายอีกป่ะ จะได้จิ้นรอ ฮี่ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนอ้นของพีท 7/05 : 15.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 07-05-2014 17:59:48
ThankS
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนอ้นของพีท 7/05 : 15.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 07-05-2014 18:20:42
ร้อนแรงเจงๆคู่นี้
เหนไม่ค่อยพูด แต่จัดหนักสินะ หุหุ ^.,^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนอ้นของพีท 7/05 : 15.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 07-05-2014 18:25:33
คู่เฮียว่าแรงแล้วเจอคู่นี้ซุ่ม แรงกว่า ^_____^ :z1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนอ้นของพีท 7/05 : 15.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 07-05-2014 18:42:20
เอ้ย ได้อีกนะ คู่นี้ไปถึงไหนกันแล้ววววว แล้วพี่บุ้งน้องมีนอ่ะ ยังนั่งตักหอมแก้มโดนเล็มอยู่นี่ ทำคะแนนโหน่ยยยย

 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนอ้นของพีท 7/05 : 15.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 07-05-2014 18:45:41
จะเป็นลม  :jul1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนอ้นของพีท 7/05 : 15.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 07-05-2014 19:06:51
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/06/ไฟล์เปล่า12BRIrc.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ  วิโรจน์ & กฤษดา.....ตอน  เมื่อวิโรจน์งอน

“ฝากดูโทรศัพท์หน่อย ผมจะเข้าห้องเย็น เดี๋ยวแม่ผมจะโทรเข้ามา รับโทรศัพท์ให้ผมด้วย”

วิโรจน์วางโทรศัพท์ไว้ที่เคาร์เตอร์ลงเวลา และวิเชียรก็พยักหน้ารับ

“เดี๋ยวดูให้”

ตอบกลับแบบนั้นและวิโรจน์ก็เดินลิ่ว ๆ เข้าห้องเย็นไปแล้ว
วิเชียรกำลังเช็คเอกสารการเข้าของรถในแต่ละวัน และไม่นานโทรศัพท์ของวิโรจน์ก็ดังขึ้นจริง ๆ คงจะเป็นแม่ของวิโรจน์โทรมา

แต่หน้าแม่วิโรจน์ดูคุ้น ๆ มาก คล้ายใบหน้าของหัวหน้าแผนกขาย น่าแปลกที่รูปเวลาที่มีสายเรียกเข้าของเจ้าของเบอร์เป็นหน้าตามุ่ย ๆ ของคุณกฤษดา โดยมีวิโรจน์ทำหน้ามุ่ยชูสองนิ้วอยู่ข้าง ๆ กัน รูปแบบนี้ไม่น่าจะเกิดเพราะความบังเอิญหรอก เห็นชัด ๆ ว่าเป็นรูปที่ถ่ายกันเอง

นี่มันถ่ายกันเองแล้วก็ถ่ายรูปคู่กันในสภาพที่ส่วนตัวสุด ๆ เลยนี่หว่า คู่นี้มันชักจะยังไง ยังงายยยยยยยยยยยยย

รีบกดรับ แต่วิเชียรไม่ทันได้พูด เพราะปลายสายชิงพูดมาก่อนแล้ว

“พีท......ตอนเย็นอ้นจะยุ่งหน่อยนะวันนี้....พีทอย่าเพิ่งบ่นอ้นนะ... แผนกซื้อเอาบิลมาปนกันให้อ้นต้องแยกอีกแล้ว ลูกน้องอ้นออกข้างนอกหมด ยังไงเดี๋ยวอ้นจะโทรบอกพีทอีกที แล้วพีทจะให้ซื้ออะไรเข้าไปกินมั้ย........”

ไม่รู้ครับ พอดีนี่ไม่ใช่พีท แต่เป็นวิเชียร

กูเพิ่งรู้ วิโรจน์แม่งชื่อเล่นว่าพีท ชื่อหล่อซะไม่มี

วิเชียรไม่ได้ตอบ แต่ชิงตัดสายไปซะก่อน คือกูไม่ได้เสือกหรอกนะ สมมติว่าสัญญาณมันขาดไปชั่วขณะแล้วกัน

คือแบบว่ากูไม่รู้เรื่องเลย ว่าใครโทรมา แล้วก็ไม่รู้เรื่องเลยซัดนิ้ดดดดดดดดด ว่าอ้นที่ว่า คือคุณกฤษดาหัวหน้าแผนกขายที่โคตรเกลียดคนของแผนกขนส่ง

วิโรจน์นี่มันสุดยอดชะมัด เห็นเงียบ ๆ อย่างนั้น จัดการคุณกฤษดาซะอยู่หมัด

“เสือกเรื่องชาวบ้านเขาอีกแล้วนะ”

ใครไปเสือกล่ะหัวหน้า ผมเปล๊า หัวหน้าก็เห็นว่าวิโรจน์มันฝากโทรศัพท์ผมไว้จริงๆ แล้วจะมาหาว่าผมเสือกได้ยังไง

วิเชียรลอยหน้าลอยตา ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ หลังโดนหัวหน้าด่าไปหนึ่งรอบและต่อให้โดนไปอีกหลาย ๆ รอบก็ไม่อยากจะสำนึกซักเท่าไหร่

“นี่ขนาดว่าเสือกแล้วนะ ไอ้คู่แถวนี้ยังไปไม่ถึงไหนกันเลย นี่คนหรือเต่าวะ แม่งลุ้นไม่ขึ้นซักที ไม่รู้ที่ไม่กล้าแตะเพราะรักษาภาพพจน์ หรือเพราะสมรรถภาพทางเพศมันเสื่อมวะ แม่งโคตรสงสัยจริง ๆ”

วิเชียรร่ายซะยาว และหัวหน้าแผนกขนส่งก็ยืนฟัง.........ด้วยความหงุดหงิดใจเล็กๆ

จะเสือกเรื่องของกูอะไรกันนักหนากวะ  นึกว่ากูไม่อยากหรือไง  แต่จังหวะมันยังไม่ได้โว้ยยยยยยย

“มึงว่าใคร”

ผมจะไปว่าใครด้ายยยยยยยยย

“ไม่รู้สิ ผมไม่ได้ว่าใครซักหน่อย ถ้าพี่อยากรู้ พี่ไปถามเกาหลีสิ ท่าทางเกาหลีมันจะรอพี่........จนหายอยากไปกี่รอบแล้วก็ไม่รู้ แม่งคนหรือเต่าวะ  โคตรช้าเลยจริง ๆ”

++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนอ้นของพีท 7/05 : 15.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 07-05-2014 19:07:22
ไม่พูดกันมาสามวัน โกรธกันด้วยเรื่องบ้า ๆ บอ ๆ

และ..... ผู้จัดการแผนกขายก็ไม่รู้จะทำยังไง ถึงจะทำให้คนที่เพิ่งตกลงปลงใจคบหากันหายโกรธซักที

สถานการณ์น่าอึดอัด ชวนให้คนที่อยู่รอบข้างอึดอัดตามไปด้วย

ผู้จัดการแผนกขายเดินลงมาหาวิโรจน์ที่สร้างโลกส่วนตัวนั่งเช็คของอยู่คนเดียวเงียบ ๆ

และพนักงานแผนกขนส่งคนอื่นๆ ก็จับตามองอยู่ห่างๆ ไม่ใช่จับตามองด้วยความรู้สึกแบบที่แล้ว ๆ มา
แต่จับตามองเพื่อลุ้นว่าเมื่อไหร่มันจะพูดกันซักที

วิโรจน์เช็คของไปเงียบ ๆ ตามสไตล์ ส่วนหัวหน้าแผนกขายยืนนิ่ง ๆ เม้มปากแน่น ใบหน้าซึมเศร้าหงอยเหงาอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังไม่พูดอะไร

“จับตาดูเอาไว้อย่าให้พลาด...แต่เวลาจับตาดู กูขอแบบเนียน ๆ เดี๋ยวเป้าหมายรู้ตัวหมด...มันจะซวยยกแก๊งค์”

คำสั่งลับของหัวหน้า มีหรือลูกน้องคนไหนจะไม่ปฏิบัติตาม

เป็นคำสั่งเฝ้าจับตาดูกลุ่มเป้าหมาย ที่ลูกน้องในแผนกทุกคนโคตรจะถูกใจ ไหน ๆ ก็อยากรู้อยากเห็นกันซะขนาดนี้ หัวหน้าแผนกก็เลยสอนเทคนิคการจับตามองที่ทำแล้วได้ผลมาตลอดให้กับลูกน้องในแผนกมันซะเลย

จะได้ไม่เสียชื่อลูกพี่ ที่มีฉายาใหม่ .......พี่บุ้งตาสับปะรด.....

สายตาของพนักงานแผนกขนส่งทุกคู่ ไม่ได้มองที่วิโรจน์และหัวหน้าแผนกขาย แต่กำลังทำตัวตามปกติ ซึ่งมันปกติซะจนผิดปกติเลยทีเดียว

“เห็นบ่นว่าใบเช็คของหมด...เลยไปเบิกมาให้”

อำนาจหูผึ่ง แต่ต้องจำใจทำเป็นเช็คของที่กำลังจะต้องขนส่งทางไกลแบบเนียน ๆ

“ไม่เป็นไร มีแล้ว”

ไอ้เหี้ยโรจน์ มึงก็ปฏิเสธซะสิ้นเยื่อขาดไย หัวหน้าแผนกขายแม่งจะร้องไห้แล้ว เมื่อก่อนเห็นแบบนี้แล้วกูคงจะสะใจมาก แต่เห็นแบบนี้ตอนนี้ กูโคตรสงสาร เดี๋ยวก็อาสาดามหัวใจเลยแม่งงงงงงงง....... คุณกฤษดาอะไรนี่พอมามองกันดี ๆ ก็ดูน่ารักอยู่ไม่น้อยไปกว่าไอ้น้องเกาหลีซักเท่าไหร่หรอก

เสียแต่ว่าเมื่อก่อนไม่ค่อยถูกกับแผนกขนส่งเลยไม่มีใครคิดจะอยากมอง แต่พอได้เห็นบ่อย ๆ แบบนี้แล้ว.......มึงไม่รู้หรอกโรจน์ มีคนรอเสียบเป็นมือที่สาม เพียบเลย กูจะบอกให้ แต่ไม่ใช่กู........เพราะกูไม่กล้า พวกเล่นนั่งมองกูตาเขียวซะขนาดนั้น ใครจะกล้าล่ะ

“พี่อำนาจ....ถ้าเช็คของพี่เสร็จแล้วมาช่วยเช็คของรถคันนี้ให้หน่อย ผมเช็คไม่ทัน”

เช็คไม่ทันหรือเคืองกู เอาให้แน่ ๆ ไอ้พู่

“เออ  เดี๋ยวกูก็ไปเองแหละน่าแป๊บนึง”

จริง ๆ จะบอกว่าขอเสือกต่อก่อนอีกแป๊บนึงนั่นเองแต่ไม่กล้าพูดตรง ๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนอ้นของพีท 7/05 : 15.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 07-05-2014 19:07:59
สถานการณ์ชวนอึดอัดยังดำเนินต่อไปอย่างเงียบเชียบ

วิโรจน์ยังคงปักหลักมุ่งมั่นจะเช็คของอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ตรงนั้น เช็คเสร็จแล้วก็เช็ควนอีกรอบ แม่ง....ไม่รู้ว่าจะเช็ควนไปวนมาสามสี่รอบทำไม อำนาจอยากจะถาม ว่ามึงจะเอาของไปส่งพ่อมึงหรือไง ถึงได้เช็คละเอียดซะขนาดนั้น

วิโรจน์นี่เวลางอน แม่งง้อโคตรยากชิบหาย

หัวหน้าแผนกขายเบะหน้าแล้วมึง พนันได้ อีกไม่เกินสองนาทีร้องไห้แน่ ๆ

“ขอโทษ”

เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย

หัวหน้าแผนกขาย ยอมขอโทษไอ้โรจน์ด้วยเว้ยเฮ้ยยยยยย กูอยากจะเปิดวอ. ให้รับฟังกันอย่างถ้วนทั่ว เด็ดยิ่งกว่าไอ้น้องมีนโดนพี่บุ้งหอมแก้มในออฟฟิศหลายวันก่อนอีกว่ะ

“อือ”

วิโรจน์ตอบแค่นั้น และยังก้มหน้าก้มตาเช็คของไม่เลิก

ร้อนถึงหัวหน้าแผนกขายที่ต้องลงไปนั่งอยู่หน้าวิโรจน์แต่ยังคงก้มหน้านิ่ง    วิโรจน์ดูท่าจะหายงอนไปหน่อยหนึ่งแล้ว แต่คงจะยังไม่ทั้งหมด

“เค้าจะไม่เบี้ยวนัดอีก”

นัดอะไรไม่รู้ แต่เรียกความสนใจของอำนาจได้สุด ๆ

“แล้วรู้บ้างหรือยังทีนี้ ว่าการต้องนั่งรอสามชั่วโมงเพราะถูกเบี้ยวนัดมันเป็นยังไง”

ห่าโรจน์ แค่เรื่องเบี้ยวนัดเนี่ยนะ ถึงขนาดให้หัวหน้าแผนกขายลงมาตามมึงถึงนี่เลยเหรอ สาดดดดดดดดดดดดด

“ทำไมพีทไม่โทรหาเค้า เค้าไม่ได้ตั้งใจลืมหรอกนะ แต่วันนั้นมีบิลขายปึกใหญ่เข้ามาตอนเย็น เค้าเลยต้องอยู่เคลียร์”

“คงสำคัญมาก จนลืมนัดวันครบรอบของเรา”

แง่งอนได้อีกไอ้ห่า

“ต่อไปเค้าไม่กล้าลืมแล้ว”

“ก็ดี ถ้ากล้าลืมอีก อ้นก็เห็นแล้วนี่ว่าผลจะเป็นยังไง”

แล้วหัวหน้าแผนกขายก็พยักหน้า แล้วไอ้วิโรจน์ก็เลิกเช็คของรอบที่แปดในตะกร้า

“กลางวันลงมากินข้าวด้วยกันด้วย”

“อือ”

“เดี๋ยวพีทรอ”

“อือ”

การเจรจาจบลงเพียงแค่นั้น และหัวหน้าแผนกขายก็ลุกขึ้นยืน หลังจากเคลียร์กันรู้เรื่องแล้ว

“ไปทำงานก่อนนะ”

“อือ”

แหม มันคุยกันไม่กี่ประโยคก็รู้เรื่องแล้วเหรอวะไอ้คู่นี้ กูล่ะอยากจะให้สอนไอ้น้องพู่จริง ๆ แม่งอธิบายห่าอะไรไปไม่เคยเข้าใจ แถมจะแดกหัวกูเข้าไปอีก

หัวหน้าแผนกขายลุกขึ้นเดินกลับแผนกไปแล้ว

และวิโรจน์ก็เหลือบมองหน้าอำนาจที่ยังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ทั้งที่เกาะติดสถานการณ์มาตลอดอย่างใกล้ชิด

“เคลียร์แล้ว พอใจกันยัง”

เหรอออออออ

และอำนาจที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก็หยิบ วอ. ขึ้นมาวอ. บอกสถานการณ์ปัจจุบันให้คนที่รอฟังข่าวกันอยู่

“เป้าหมายรู้ตัวนานแล้ว.....สถานการณ์คลี่คลาย ติดตามต่อไปภาคสองที่โรงอาหาร รับทราบ”

"ทราบ"

“ทราบ.....ไอ้เหี้ยอะไรวะ ทำไมเคลียร์กันเร็วจังแม่งไม่มันส์เลยว่ะ” วิเชียรจากเคาร์เตอร์ลงเวลา

“ทราบ....โรจน์แม่งลีลาชิบหาย มึงจะงอนอะไรเขาขนาดน้านนน….โคตรน่าสงสารเลยวะ” สุรชาติจากโซนตะวันออก

“ทราบ….เรื่องของผัวเมียเขา ขยันเสือกจริงนะพวกมึง” หัวหน้าบุ้ง

“ถึงเสือกแค่ไหนก็สู้เสือกตัวพ่อแบบเนียน ๆ อย่างพี่บุ้งไม่ได้หรอก ว่าแต่ตกลงกับเกาหลีได้กันยัง”

วิเชียรผู้สามารถกวนตีนหัวหน้าได้ในทุกสถานการณ์ แล้วเสียงโห่ฮาก็ดังตามมาอีกเป็นระลอก

“เออ...กูรู้แล้วแหละไอ้พวกห่า........เร็ว ๆ นี้แหละ พวกมึงจะลุ้นอะไรกันนักหนาวะ”

เสียงจากวิทยุสื่อสาร บอกให้ลูกน้องผู้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดได้รับทราบ
และก็มีเสียงโห่ฮาดังขึ้นอีกระลอก คุยกันอย่างออกรส โดยไม่มีใครรู้ว่าคนที่ต้องรับบทหนักยังคงเป็นเกาหลีผู้อยู่ในประเด็นร้อน ที่นั่งคีย์บิลไป หน้าแดงไป

ใครไม่รู้ขยันลืม วอ. ทิ้งไว้ให้ในลิ้นชักตลอด หลังๆ มา มีนไม่รู้ว่าคนวางเอาไว้ลืมเอาไว้จริง ๆ หรือตั้งใจลืมกันแน่

ที่สำคัญ ทำไมต้องลืมไว้ให้เป็นภาระมีนเป็นคนเก็บซะทุกที


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนอ้นของพีท 7/05 : 15.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 07-05-2014 19:16:53
มาแล้ว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนอ้นของพีท 7/05 : 15.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: cinn1st ที่ 07-05-2014 19:22:14
คิดถึงมีนกับพี่บุ้งแล้วววว  :katai5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนอ้นของพีท 7/05 : 15.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 07-05-2014 19:37:05
ขอพี่บุ้งกับมีนเกาหลีเต็ม ๆ ตอนอะ     :m5:   
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอน วิโรจน์งอน 7/05 : 19.42 น.
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 07-05-2014 19:39:46
คู่พิเศษนี่ร้อนแรงทุกคู่เลย แล้วคู่หลักอย่าให้น้อยหน้านะพี่บุ้งน้องมีน :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: รักเกิดในแผนกขนส่ง (บุ้ง-เมืองมีน) ตอน งานเลี้ยงส่ง
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 07-05-2014 19:43:09
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/02/ไฟล์เปล่า1Nn1wd.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง.....ตอน งานเลี้ยงส่ง

เอกสารประเมินการฝึกงานถูกเซ็นต์กำกับรับรองเรียบร้อยโดยหัวหน้าแผนกขนส่ง และบุ้งก็นำเอกสารประเมินใส่ซอง ก่อนจะเอามาวางให้กับเด็กฝึกงานที่อยู่ฝึกมาจนครบสามเดือน ทั้งที่คิดว่าคงไม่ผ่านสามวันแรกแท้ ๆ สุดท้ายกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงไม่รู้

จากเด็กฝึกงานไม่มีความสำคัญของแผนก มีนกลายเป็นน้องคนเล็กของแผนก ที่พี่ ๆ ทุกคนให้ความรักและความเอ็นดู

หยอกกันบ้าง แกล้งกันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง และสุดท้ายก็ได้รักกัน

“พี่คงคิดถึงมีนแย่ มีนต้องกลับไปเรียนอีกตั้งสองเดือนแน่ะ นานขนาดนั้นเลยเหรอ เร็วกว่านั้นไม่ได้หรือไง”

บุ้งลงไปนั่งอยู่บนเก้าอี้ และไม่ลืมจะรั้งให้เด็กฝึกงานตามลงมานั่งอยู่บนตักด้วย

“ไปแป๊บเดียว พี่บุ้งก็โทรหาผมสิ ไม่ยากหรอก”

ไม่ยาก แต่ไม่เห็นหน้ากันนาน ๆ มันคิดถึงไง

“มีนนนนนน”

พูดไปแล้วก็แนบใบหน้าไปที่แผ่นหลังของเด็กฝึกงานและหัวหน้าแผนกขนส่งก็ใช้จมูกถูหลังของมีนเล่น

“พี่บุ้ง เล่นอะไร เดี๋ยวข้างนอกเขาก็เห็นหมดหรอก”

ก็เห็นไป ช่างมัน ไม่จำเป็นต้องมากั๊กมาอายกันแล้ว เพราะเขารู้กันทั้งแผนกว่าเด็กฝึกงานกับหัวหน้าแผนก กำลังคบกัน

แล้วจะให้อายอะไร ไม่มีอะไรให้อายหรอก ถ้าจะมีก็คงมีเรื่องเดียว ที่พวกข้างนอกลุ้นกันยังไงก็ยังลุ้นไม่ขึ้น

........เมื่อไหร่ หัวหน้าแผนกกับเด็กฝึกงานจะได้กันซักที.......

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: รักเกิดในแผนกขนส่ง (บุ้ง-เมืองมีน) ตอน งานเลี้ยงส่ง
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 07-05-2014 19:43:28
“ช่วงที่มีนไม่อยู่ พวกพี่คุยกันแล้วนะ ว่าจะแบ่งหน้าที่กันเวียนมาคีย์บิลน้ำมันกับบิลทางด่วน เวลามีนกลับมาจะได้ไม่ต้องมาตามเคลียร์ให้ปวดหัว จะได้เริ่มทำของใหม่เลย วิเชียรมันบอกว่าเดี๋ยววันจันทร์มันคีย์เอง วิโรจน์คีย์วันอังคาร อำนาจคีย์วันพุธ น้องพู่คีย์วันพฤหัส ส่วนวันศุกร์เดี๋ยวพี่จัดการรวบยอดเก็บงานเลย อาจจะยุ่ง ๆ หน่อยช่วงแรก ๆ ที่มีนไม่อยู่ แต่ถ้าวางแผนดี ๆ ก็น่าจะไม่มีอะไร”

มีนรู้ เหตุผลที่พี่ ๆ พร้อมใจกันทำแบบนั้นก็เพราะอยากให้มีนกลับมา พวกพี่ ๆ ก็เลยยอมเสียสละเวลาของตัวเอง
มาจัดการเคลียร์งานที่มีนต้องทำเป็นประจำ

ถ้าไม่มีใครมาเคลียร์บิล และมีบิลค้าง แผนกบุคคลก็ต้องสรรหาคนมาทำหน้าที่นี้ ซึ่งคนในแผนกขนส่งไม่ได้ต้องการคนใหม่ แต่เต็มใจจะรอให้มีนกลับมาทำหน้าที่ของมีน

พวกพี่ ๆ ยอมทำงานส่วนอื่นเพิ่มขึ้นเพื่อรอมีน ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ภาระของตัวเองเลย

ทั้งหมดที่พวกพี่ ๆ ทำก็เพียงแค่อยากให้มีนกลับมา

“ตอนเย็นเดี๋ยวพวกข้างนอกมันจะเลี้ยงส่งมีน เย็นนี้เดี๋ยวขากลับมีนไปอาบน้ำแต่งตัวบ้านพี่ แล้วเราค่อยไปที่ร้านอาหารพร้อมกัน มีนอย่าลืมโทรบอกแม่ด้วยนะ ว่าคงกลับดึก บอกแม่ก็ได้ว่าถ้าดึกเกินไป มีนก็คง......ค้างบ้านพี่”

ค้างบ้านพี่
ค้างบ้านพี่บุ้ง

ค้าง.......................

อ่า.......ก็....คงจะตามนั้นสินะ ค้างบ้านพี่บุ้ง........ก็.....ไหนๆก็ไหน แล้ว วันนี้ก็คงต้องค้าง…..

มีนก้มหน้าก้มตาไม่ได้ตอบอะไรออกไป แต่ก็เป็นอันรู้กันว่าคำว่าค้างบ้านพี่บุ้งหมายความว่ายังไง

หลังจากที่ลุ้นกันมานาน..........ต่อไปนี้คงไม่ต้องลุ้นกันอีกแล้ว......

“เดี๋ยวผมโทรบอกแม่เอง...พี่บุ้งไปทำงานเถอะ หายมานานเดี๋ยวก็โดนแซวอีก ผมไม่อยากให้พี่เสียการเสียงาน”

เอ่ยบอก และมีนก็ลุกจากหน้าขาของหัวหน้าแผนกที่ยอมให้มีนนั่งอยู่บนตักมาพักใหญ่

“งั้นพี่ไปทำงานก่อนนะ......ตกลงว่า.........คืนนี้....มีนค้างบ้านพี่แล้วกันนะ”

เป็นอันรู้กัน
มีนก้มหน้าก้มตาพยักหน้าอย่างช้า ๆ ส่วนหัวหน้าแผนกขนส่งกำลังยิ้มกว้างจนปากจะฉีกไปถึงหู

“ไม่มีอะไรหรอกน่า....อย่าคิดมาก...พี่บอกแล้วไง...ถ้ามีนบอกว่าไม่ พี่ก็ไม่ทำ...มีนไม่ต้องกลัวหรอก พี่สัญญา แต่ถ้ามีนบอกว่าได้ นั่นก็อีกเรื่อง”

พูดคุยกันคล้ายเป็นเรื่องแสนธรรมดา และบุ้งก็ยื่นมือไปเขย่าหัวเด็กฝึกงานเล่นเพราะนึกหมั่นเขี้ยวโทษฐานที่เด็กฝึกงานมาทำหน้าตาน่ารักใส่

“มีนทำงานต่อเถอะ  พี่ไปล่ะ เดี๋ยวเลิกงานพี่เดินมาหา แล้วเรากลับบ้านไปอาบน้ำแต่งตัวที่บ้านพี่พร้อมกัน”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: รักเกิดในแผนกขนส่ง (บุ้ง-เมืองมีน) ตอน งานเลี้ยงส่ง
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 07-05-2014 19:43:54
งานเลี้ยงเล็ก ๆ ถูกจัดขึ้นในร้านอาหารแห่งหนึ่ง บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ในห้องจัดเลี้ยงที่มีคาราโอเกะ ให้ผู้ร่วมงานได้ร้องเพลงเพื่อเป็นการพักผ่อนหย่อนใจ

“และในวันนี้มิตรรักแฟนเพลงของแผนกขนส่งจะได้พบกับ นักร้องลูกทุ่งหนุ่มมาแรง แซงทางโค้ง ที่ไมค์ ภิรมย์พร ยังชิดซ้าย ไผ่ พงศธรยังต้องชิดขวา........ขอเสียงให้กับหนุ่มหน้ามนคนซื่อ ขวัญใจชายแก่.......วิเชียรรรรรรรรรร”

อำนาจโฆษกจำเป็น รับหน้าที่พิธีกรประจำงาน และมอบไมค์โครโฟนให้วิเชียรเป็นผู้รับหน้าที่มาขับกล่อมบทเพลงให้กับแขกภายในงานที่มีกันอยู่ไม่กี่คน และล้วนแต่เป็นสมาชิกของแผนกขนส่งทั้งนั้น ยกเว้นอยู่คน ที่มาจากแผนกขาย ที่แม้ไม่มีใครเชิญก็ต้องถูกลากให้มาอยู่แล้ว เนื่องจากถือว่าเกี่ยวดองเป็นญาติกับแผนกขนส่งไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยฝีมือของวิโรจน์นั่นเอง

“ผมยินดีจะนำเสนอบทเพลงที่ทำให้ทุกคน อยากจะแด๊นซ์กันจนถึงขีดสุด...........เรามาแน่นอก.... กันดีกว่า แน่นอกของใบเตยยยยยยยยยย จัดกันปายยยยยยยย”

ส่งสัญญาณให้กับสุรชาติที่มารับหน้าที่ช่างเทคนิคควบคุมการทำงานของเครื่องคาราโอเกะ และทุกคนก็ได้เต้นกันกระจาย แดนซ์กันอย่างสนุกสนาน เพราะเพลงที่ร้องมั่วของวิเชียร แต่อาศัยจังหวะมันส์เข้าว่า

และในเวลาไม่ช้า บทเพลง คันหู.....ก็ตามมา พร้อมอาการครางอย่างถึงใจของวิเชียร ผู้ขับกล่อมเสียงครางสนั่นให้ผู้ฟังสยิวกิ้กับอาการคันหูเวอร์ชั่น คันจนไม้ปั่นหูแทบทะลุออกจากหู

“อุ้ยยยยยยยยยยย ซี้ดดดดดดดดดดส์อ๊า อู้ววว โอ้ววววววว อาส์ ซี้ด โอ้ววววว เยสสสสสสสส แอร๊ยยยยยยยยยยยยยย”

อันหลังไม่ใช่ แต่ก็เรียกเสียงฮาให้คนในงานได้อย่างท่วมท้น

“โหไอ้เหี้ย ถ้าคันขนาดนั้น ไม่เรียกคันหูนะ เรียกว่าคันไข่ วิเชียรเล่นเกาซะกูนึกว่าสังคังแดก”

อำนาจ โฆษกประจำงานเอ่ยแซว และก็เรียกเสียงโห่ฮาของพนักงานแผนกขนส่งขึ้นมาได้พร้อม ๆ กัน

“วิเชียรเขาเป็นงี้แหละ อย่าไปถือสาเขานะ”

วิโรจน์ที่นั่งยิ้มนิ่ง ๆ ไม่ได้ออกไปวาดลวดลายเหมือนคนอื่น หันมากระซิบบอกหัวหน้าแผนกขายที่กำลังอารมณ์ดีและหัวเราะไปกับความสนุกสนานของแผนกขนส่งที่ไม่มีใครยอมใคร

“ไม่เป็นไร แบบนี้แหละดีแล้ว สนุกดี”

คุณกฤษดาเอ่ยบอก และก็ยิ้มมากขึ้นเมื่อวิโรจน์ลุกขึ้นตักข้าวผัดปูแบ่งใส่ถ้วยแบ่งเล็ก ๆ แล้วเอามาวางไว้ให้

“กินอะไรหน่อย อ้นไม่ค่อยกินอะไรเลย มางานทั้งที จะมานั่งกินน้ำเปล่าอยู่ได้ยังไง”

ข้าวผัดปูจากถ้วยแบ่งถ้วยเล็ก ๆ ถูกนำมาวางไว้ให้ตรงหน้า และวิโรจน์ก็ชี้นิ้วไปที่ปลาช่อนแป๊ะซะที่อยู่ในหม้อไฟที่กำลังเดือดเหมือนเป็นการถามว่าอันนี้กินมั้ย และหัวหน้าแผนกขายก็พยักหน้าและส่งยิ้มหวานให้กับวิโรจน์ที่ลงมือตักเฉพาะเนื้อปลาแบบเน้น ๆ ใส่ถ้วยแบ่งแล้วเอามาวางไว้ให้ที่ตรงหน้าหัวหน้าแผนกขายเพิ่มอีกหนึ่งอย่าง

“ขอบคุณครับ”

“ไม่เป็นไร อ้นจะกินอันไหนบอกนะ อันไหนเอื้อมไม่ถึงเดี๋ยวพีทตักให้”

หวานกันเข้าไป คุยกันกระหนุงกระหนิงกันเข้าไป

และแม้จะอยู่ในมุมเงียบ ๆ กันสองคน และพยายามทำตัวไม่ให้เป็นที่สนใจ แต่ยังไงก็เป็นจุดสังเกตอยู่ดี เพราะพนักงานแผนกขนส่งคนอื่นลุกออกจากโต๊ะไปกันหมดแล้ว

เหลือเพียงแค่คู่รักสายฟ้าแล่บ ที่นั่งหยอดหวานกันอยู่สองคน ชนิดไม่ค่อยอยากจะสนใจใคร

“และบทเพลงถัดไป ที่เราอยากให้เกียรติผู้มีแขก เอ้ยยยยย แขกผู้น่าเกลียด เฮ้ยยยยย แขกผู้มีเกียรติ เฮ้ยยยยยยย อ่ะถูกแว้วววววววววว”

เล่นกันเอง ตบกันเอง ชงกันเอง และขำกันเอง
พนักงานแผนกขนส่งกำลังร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน และคนสองคนที่สร้างโลกส่วนตัวกันอยู่เงียบ ๆ ก็ไม่รู้ว่ากำลังตกเป็นเป้าหมายถัดไปที่อำนาจอยากจะจัดให้แบบเต็ม ๆ

“ขอเชิญท่านพบกับ วิโรจน์ ผู้ที่จะมาขับกล่อมบทเพลงที่กำลังฮอตฮิตในขณะนี้ ......... แค่คุณ (http://www.youtube.com/watch?v=yB8gzDhUApU) ......... ขอเสียงปรบมือให้วิโรจน์หน่อยคร้าบบบบบบบบ”

ไม่ทันได้ตั้งตัว
วิโรจน์ที่โดนเล่นงาน ถึงกับเกิดอาการหน้าเหวอ และโบกไม้โบกมือเป็นสัญญาณว่าร้องไม่เป็น เพื่อให้แขกผู้มีเกียรติในงานได้รับรู้ แต่มีหรือพนักงานแผนกขนส่งจะยอม

“ไอ้โรจน์มาจัดหน่อยซิ เร็ว ๆ”

จะให้ร้องได้ยังไง ในเมื่อไม่เคยร้องให้ใครฟัง

“เฮ้ย ผมร้องไม่เป็น”

ไม่ใช่ว่าร้องไม่เป็น แต่ไม่เคยร้องให้ใครฟังต่างหาก และวิโรจน์ที่ไม่รู้จะหาทางปฏิเสธยังไง ก็ถึงกับไปไม่เป็น เมื่อพรรคพวกแผนกขนส่งช่วยกันมาลากออกไปถึงหน้าเวทีพร้อมกับเสียงเชียร์ดังลั่น

“วิโรจน์ วิโรจน์ วิโรจน์ วิโรจน์ วิโรจน์ วิโรจน์ วิโรจน์ วิโรจน์………..เฮ.......”

ไม่กล้าร้องก็ต้องร้อง งานนี้ต่อให้เขินแทบตายขนาดไหนแต่วิโรจน์ก็ต้องร้องออกมา   

“ร้องไม่ดีอย่าว่ากันนะครับ ผมไม่ถนัดร้องเพลงจริง ๆ”

ขออภัยแขกผู้มีเกียรติล่วงหน้า แต่เมื่ออินโทรเพลงขึ้นและถึงจังหวะที่ต้องร้อง วิโรจน์ก็ร้องเพลงให้แขกภายในงานฟัง

และเป็นการร้องได้ดีซะด้วย ร้องได้เพราะมาก เพราะซะจน พนักงานแผนกขนส่งทุกคน ต้องหยุดนั่งฟังกันเงียบ ๆ

“รู้มั้ยว่าเราเจอกันครั้งแรกตอนไหน.......ความทรงจำเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เมื่อไหร่ที่ทำให้เราสองคนเริ่มหวั่นไหว”

วิโรจน์ยังคงขับขานบทเพลงไปเรื่อย ๆ

ส่วนคนฟังที่วิโรจน์ต้องการจะสื่อบทเพลงไปให้ถึงมากที่สุด กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาฟังเพลงที่วิโรจน์ร้องให้ด้วยความเขิน

“แม่งอย่างน่ารักว่ะ กูไม่อยากจะเชื่อเลยว่ากฤษดาแม่งจะน่ารักขนาดนี้”

คนที่ไม่ควรเคลิ้มกลายเป็นอำนาจ ที่เมื่อชื่นชมคุณกฤษดาเสร็จเรียบร้อยก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อหันมาพบกับสายตาของน้องพู่ ที่กำลังจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว และทำหน้างี่เง่าใส่อำนาจได้ทันทีทันใด

“อ้าว เหี้ย เป็นอะไรวะ  เสือกทำหน้างี่เง่าใส่กูซะงั้น  ไอ้พู่นี่นับวันท่าจะประสาท  โกรธกูเรื่องอะไรวะ  งง”

++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: รักเกิดในแผนกขนส่ง (บุ้ง-เมืองมีน) ตอน งานเลี้ยงส่ง
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 07-05-2014 19:44:12
งานดำเนินมาเรื่อยๆ จนถึงช่วงสุดท้ายเมื่อปาเข้าไปเที่ยงคืนกว่า ๆ หัวหน้าแผนกขนส่ง ถูกดึงให้ขึ้นไป กล่าวปิดงาน โดยมีพิธีกรอำนาจเป็นคนกล่าวเชิญ

“หัวหน้ากล่าวอะไรกับน้องมีนหน่อยครับ เนื่องในโอกาสอันดีที่น้องมีนจะกลับไปศึกษาต่อหลังจากฝึกงานมาครบสามเดือนแล้ว”

พิธีกรอำนาจ ส่งไมโครโฟนให้กับหัวหน้าแผนกขนส่งและบุ้งก็รับไมโครโฟนมาถือเอาไว้

“ผมต้องขอขอบคุณพนักงานในแผนกทุกคนที่มาร่วมเลี้ยงส่งน้องมีนในครั้งนี้ ก่อนอื่นผมอยากจะเรียนให้ทุกคนทราบว่า เดิมทีน้องมีนไม่ได้มาฝึกที่แผนกเรา แต่ถูกเรียกตัวให้มาฝึกที่แผนกการเงิน แต่เนื่องจากถือเป็นโชคชะตาบุญพาวาสนาส่ง หรือเคราะห์ซ้ำกรรมซัดก็ไม่รู้ ที่ทำให้น้องต้องมาฝึกที่แผนกขนส่งของพวกเรา”

มีเสียงหัวเราะคิก ๆ คัก ๆ ของคนฟัง ที่พากันหัวเราะชอบใจ ที่หัวหน้าแผนกยิงมุกฮา ๆ ไปหนึ่งมุก และกลับมาตั้งใจฟังสิ่งที่หัวหน้าพูดต่อ

“น้องมาฝึกงานน้องทำได้ดีมาก ๆ และน้องก็ได้รับการทาบทามเอาไว้แล้ว ว่าอีกสองเดือนหลังจากเรียนจบ น้องจะกลับมาร่วมงานกับพวกเราอีก ดังนั้นในงานนี้จึงไม่ใช่งานเลี้ยงส่ง แต่เป็นการเลี้ยงต้อนรับพนักงานของแผนกขนส่งคนใหม่ล่วงหน้า”

มีนกำลังยืนยิ้ม และตั้งใจฟังสิ่งที่หัวหน้าแผนกขนส่งพูด

หันไปมองพี่ ๆ ทุกคนที่ยกนิ้วให้ และบางคนก็ส่งยิ้มให้อย่างชื่นชม มีนก็รู้สึกดีใจสุด ๆ และคงจะเสียใจแย่ถ้าไม่ได้มาเรียนรู้งานที่แผนกนี้

สามเดือนที่ผ่านมา
ทั้งเรื่องทุกข์ เรื่องสุข มีเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย แต่ก็ทำให้มีนเติบโตเป็นผู้ใหญ่และคิดอะไรได้มากขึ้น

“ขอให้ทุกคนปรบมือให้กับน้องมีนด้วยคร้าบบบบ”

เสียงปรบมือดังขึ้นพร้อม ๆ กัน และมีนก็ยกมือไหว้ขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนที่ให้ความรักและเอ็นดูมาโดยตลอด

“หอมเลย หอมเลย หอมเลย หอมเลย”

เสียงเชียร์จากใครซักคนภายในงานดังขึ้น และกลายเป็นมีนที่ยืนเขินหน้าแดงอยู่บนเวที หลังได้ฟังคำแซวและได้ยินเสียงผิวปากจากพี่ ๆ ที่นั่งหัวเราะกันอยู่ข้างล่าง

“ไอ้พวกเหี้ย เผลอหน่อยไม่ได้เลยนะพวกมึง นี่มันงานเลี้ยงส่งไม่ใช่งานแต่งงาน”

หัวหน้าบุ้งบ่นพึมพำพร้อมกับส่ายหัว

แต่พนักงานในแผนกทุกคนต่างก็หัวเราะชอบใจกับปฏิกิริยาของลูกพี่

ใคร ๆ ก็รู้ พี่บุ้งเขินแรง และยิ่งเขินแรงมากเท่าไหร่ยิ่งด่าแรงขึ้นเท่านั้น

“พวกผมรู้หรอกว่าพี่ชอบ จัดงานแต่งกันเรียบร้อยแล้ว คืนนี้ก็รีบพาเจ้าสาวไปเอา ๆ กันซะให้เป็นเรื่องเป็นราวซักทีนะพี่”

ผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ......วิเชียรเจ้าเดิม

และบุ้งก็ชี้หน้าคาดโทษลูกน้องเอาไว้เพราะยังอยู่ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่เจ้าบ่าวจึงไม่สามารถลงไปถีบวิเชียรได้

“เดี๋ยวก่อนเถอะมึง เดี๋ยวมึงเจอกู ไอ้วิเชียร”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: รักเกิดในแผนกขนส่ง (บุ้ง-เมืองมีน) ตอน งานเลี้ยงส่ง
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 07-05-2014 19:45:07
วันนี้เป็นวันที่สนุกที่สุด อีกวันหนึ่งของมีน งานเลี้ยงอำลาแห่งความทรงจำ ที่มีนจะไม่มีวันลืม

หลังลงจากเวที พี่ ๆ ทยอยเดินมากอดและตบบ่ามีนพร้อมกับบอกให้กลับไปตั้งใจเรียน และรีบ ๆ กลับมาทำงานเร็ว ๆ

หนึ่งในนั้นมีวิเชียรด้วยที่กอดมีนแล้วกระซิบบอกบางอย่างกับมีนเสียงเบา

“ถ้าคืนนี้พี่บุ้งมันเด้าเกาหลีแรงไป เกาหลีถีบหน้าสั่งสอนมันเลยนะ ของแบบนี้อย่าไปยอม ถ้าเรายอมตั้งแต่ครั้งแรกต่อไปแม่งจะได้ใจ”

เป็นการแนะนำจากวิเชียรที่ทำให้มีนยืนตัวแข็งทื่อหน้าแดงก่ำและก้มหน้าก้มตาตอบรับทั้งที่โคตรจะอาย

“ครับพี่ ผมจะจำเอาไว้”

จำเอาไว้ห่าอะไรกันอีกล่ะ

“มึงพูดอะไรวิเชียร กูเห็นนะ อย่านึกว่ากูไม่รู้”

โดนจับแยก และวิเชียรก็ลอยหน้าลอยตาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้และเป็นการกวนประสาทที่บุ้งนึกอยากกระโดดถีบลูกน้องแรง ๆ ซักที

ปั่นกูอยู่ได้ แม่ง มีนมันเขินจะตายห่าอยู่แล้ว เดี๋ยวไก่ก็ตื่นหมด พวกมึงแม่งจะไปรู้เรื่องอะไร

ที่กูอุตส่าห์ปล่อยมาได้ตั้งนาน ที่ไม่จัดการก็เพราะว่าไม่อยากให้มีนมันโดนพวกมึงแซวตอนที่มาทำงานหรอก ไม่งั้นกูจัดการไปตั้งนานแล้ว ไม่รอให้ฝึกจนเสร็จแล้วให้มีนกลับไปเรียนต่อแบบนี้หรอก

ที่กูต้องทำแบบนี้ก็เพราะรู้ว่ามีนมันจะต้องโดนพวกมึงแซวไง ไอ้พวกห่า

“กลับบ้านกันดี ๆ พวกมึงอย่าไปต่อที่ไหน กูไม่อยากไปตามเก็บศพพวกมึงหรอกนะ รู้กันเอาไว้ด้วย”

ออกคำสั่งให้ลูกน้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด และลูกน้องก็ยกมือไหว้ลูกพี่ และอำลาเด็กฝึกงานที่คงจะไม่ได้เจอกันตลอดสองเดือนนี้ที่มีนจะกลับไปเรียน

“รู้น่าพี่ พวกผมกำลังจะกลับกันแล้ว เหนื่อย กลับบ้านนอนดีกว่า ไม่ไปต่อที่ไหนหรอก”

พูดคุยกันเรียบร้อยและลูกน้องก็หันมายกมือไหว้หัวหน้าแผนกขนส่งอย่างพร้อมเพรียง

“กลับดี ๆ เหมือนกันลูกพี่ คืนนี้อย่าหักโหมมากนะ สงสารเด็กมันบ้าง”

ก่อนกลับยังไม่วายทิ้งทายให้เด็กฝึกงานหน้าแดงเล่น

และหัวหน้าแผนกขนส่งก็ยินดีมากที่จะตะโกนด่าตามไล่หลังลูกน้องที่ขยันเสือกชนิดไม่กลัวเกรงลูกพี่

“รีบ ๆ กลับกันไปให้หมดเลยนะพวกมึง.........ไอ้พวกเวร”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอน วิโรจน์งอน 7/05 : 19.42 น.
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 07-05-2014 19:47:30
เป้าหมายรู้ตัวอย่างนี้ ระวังไก่ตื่นนะพี่บุ้ง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอน วิโรจน์งอน 7/05 : 19.42 น.
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 07-05-2014 19:50:59
 เห็นแว่บๆ อำนาจกับพู่ อีกคู่ใช่ไหม
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอน วิโรจน์งอน 7/05 : 19.42 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 07-05-2014 20:03:27
ว้ายยยย นอนค้างบ้านพี่บุ้งด่วยอ่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 07-05-2014 20:14:58
กรี๊ด!!!!!! คืนนี้สินะ
หัวข้อ: @รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 07-05-2014 20:23:56
มาลุ้นกันว่ากี่วันที่น้องมีนนอนซมอยู่กับที่......



แอบดูดีกว่า :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-05-2014 20:24:00
 :z1: รีบกลับบ้านเร็วๆพี่ คนรอชมเยอะช้าเดี๋ยวไม่ทันการ
* แผนกขนส่ง ส่งมาอีกคู่แล้วพี่อำนาจกับน้องพู่
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 07-05-2014 20:25:44
คาดว่าคู่ใหม่กำลังจะมา ระวังโดนแซงอีกนะพี่บุ้ง  :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 07-05-2014 20:31:48
รอพี่บุ้งกับเกาหลี ฮี่ๆๆๆๆ 
อำนาจกับน้องพู่นี่มีซัมติงอ้ะป่าว... คุๆ

 :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 07-05-2014 20:32:49
วันนี้ที่รอคอย  :z1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 07-05-2014 20:33:52
 :hao3:เลือดจะไหลนองเหมือนพีชกับอ้นไหนนะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 07-05-2014 20:35:01
รอคอยบางอย่างในคืนนี้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: helpmeiiz ที่ 07-05-2014 20:43:03
หน้าแดงจะระเบิดแล้วมั้งเกาหลี
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 07-05-2014 20:45:41
พี่บุ้งอย่าให้น้อยหน้าวิเชียรกับพีทนะ   :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 07-05-2014 20:58:00
คู่อื่นนี่ลุ้นไม่ยาก มีพี่บุ้งกับน้องมีนนี่แหละ ลุ้นจนเหงือกแห้งแล้ว :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 07-05-2014 21:02:18
ใกล้แล้วซินะพี่บุ้ง  ใกล้แล้วซินะ หึหึหึ  :hao6: (หัวเราะได้จิตมากตอนนี้) ถ้าพี่บุ้งยังจะพลาดอีกล่ะก็นะ............................
คนอ่านจะทนไหวเหรออออออออออออออ :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 07-05-2014 21:04:56
ตั้งตาคอยเลยจ้า
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 07-05-2014 21:22:54
เชียร์พี่บุ้ง  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: minmin96 ที่ 07-05-2014 21:23:37
รอส่งตัวบ่าวสาวเข้าหอ :haun4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 07-05-2014 21:25:53
หวังว่ามีนคงจะไม่ทำตามคำแนะนำของวิเชียรนะ :z1:

เพราะพี่บุ้งอ่ะ ของเค้าแรง!!  ครึ ครึ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 07-05-2014 21:27:00
F5 ทั้งคืนแน่วันนี้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 07-05-2014 21:36:09
บอกมาคืนนี้อยากได้กี่ครั้ง :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Ta_ii ที่ 07-05-2014 21:44:54
เพิ่งจะได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้ สนุกมากกกกกก  o13
ยิ้มแก้มแทบแตกทุกตอนเลย อ่านนอกบ้านแต่ละทีคนมองแล้วอาจจะนึกว่าเราบ้าก็ได้ ยิ้มไม่หุบเลย
สนุกทุกคู่ คลายเครียดดีอ่ะ ชอบตัวละครทุกตัวที่คอยชงกันไปชงกันมารับมุกเข้าขากันดีมา  :laugh:

ตอนต่อไปนี้ก็ลุ้นว่าพี่บุ้งจะได้ทำประตูเกาหลีรึป่าว แล้วจะเสร็จกันไปกี่ยก คึคึ ไม่ได้หื่นเท่าไหร่นะ แค่หื่นมากเท่านั้นเอง ฮ่าาๆๆ :z1: :haun4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 07-05-2014 21:50:33
ตั้งตารอตอนต่อไป อิอิ

จิกหมอนนอนฟิน คุคุ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: WASAWATTE ที่ 07-05-2014 21:56:44
อ่านวันเดียวรวดจนตามทัน

ค้างสุดพลัง F5 รัวๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 :katai1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: bozang ที่ 07-05-2014 21:57:44
สมาคม F5 รายงานตัวด้วยค่ะ
คือ
ตอน
นี้
ค้าง
มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 07-05-2014 22:07:36
รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ -,.-
ให้เกาหลีเสร็จพี่บุ้งซะที 555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: inkku ที่ 07-05-2014 22:41:46
แอร๊ยค้างมากกกก ตอนนี้ไม่ใช่หอมเลย หอมเลย หอมเลยแร้ว
เราต้องเปลี่ยนเป็น เอาเลย เอาเลย เอาเลยดีกว่านะ อุ๊ปส์ :-[  :m20:
ค้างมากคนเขียนรีบมาต่อนะค๊าาาา คนอ่านรออยุ 555+   :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: thearboo ที่ 07-05-2014 22:44:48
ปูเสื่อ...นั่งตะบันหมากรอ...
(งานการของตัวเองไม่ต้องทำกันแล้ว...)

บุ้ง...ไม่ว่ามีนจะเล่นตัวยังไง...ขอร้อง...อย่าหยุดรุก
อร๊างงงงงงงส์
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: conankungkub ที่ 07-05-2014 22:47:15
เดี๋ยวก่อนๆ อิพี่บุ้งแกอย่าเพิ่งลากน้องมีนขึ้นเตียง อย่าเพิ่งๆอดใจรอก่อน ขอเคลียกับอิคนแต่งแปป

อิคนแต่งแกมาเคลียกะฉันทางนี้ก่อน อย่าเพิ่งทำหน้าเหวอใส่ฉัน มาให้ว่อง ให้ไวๆเดะองค์ลง

แกมีไรจะบอกฉันไหม อย่าตีหน้ามึน แกไปรู้อะไรมาแกรีบๆบอก อย่าให้ฉันต้องง้างปากแก

ยังๆ ยังจะทำหน้ามึนอีก แกจะบอกฉันได้ยังว่า อิอำนาจมันไปสอยเด็กที่ไหนมา

ทำมาฉันไม่รู้ไม่เห็น อิน้องพู่อะไรนั้นนะ แกรีบๆเล่ามา อย่าให้องค์ลง เร็วๆเลย

ต่อมเสือกฉันทำงานแล้ว ให้ว่องๆ


 :angry2: :angry2: :angry2: :angry2: :angry2: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :fire: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 07-05-2014 22:48:51
คืนนี้ท่าจะมีรายการจัดหนักจัดเต็ม
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..(บุ้ง-เมืองมีน) ตอน ก่อนจะเช้า
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 07-05-2014 22:57:21
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/02/ไฟล์เปล่า1Nn1wd.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง.....ตอน ก่อนจะเช้า

ไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา ไม่ใช่ว่าไม่อยากมี แต่เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว จากที่ทำงาน และในเวลานี้ก็ดึกเกินไปที่จะมีอารมณ์มีแรงมาทำเรื่องอย่างว่ากัน ดังนั้นเมื่อมาถึงบ้านพี่บุ้ง มีนก็เลยรีบอาบน้ำอาบท่าและผลัดเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นใส่สบาย ๆ

และพี่บุ้งที่นอนรออยู่บนเตียงด้วยสภาพเสื้อยืดกางเกงขาสั้นไม่ต่างกัน ก็ขยับกาย เพื่อเพิ่มพื้นที่บนเตียงให้มากขึ้น เพื่อที่จะได้ให้มีนนอนอย่างสบาย ๆ

“เบียดหน่อยนะ อึดอัดหน่อยวันนี้”

ตีหนึ่งแล้ว เป็นเวลาที่ร่างกายควรพักผ่อน พี่บุ้งไม่ได้ทวงถามเรื่องที่เคยคุยกันเอาไว้ และมีนก็ไม่ได้แสดงท่าที ทั้งที่ใจลึก ๆ ก็อยากจะทำอะไรที่น่าจะทำอยู่เหมือนกัน แต่บางทีความเหนื่อยล้าของคนเราก็มีมากเกินไป

ที่มีนทำได้ตอนนี้ก็คือเอนกายลงนอนข้าง ๆ พี่บุ้ง และพี่บุ้งก็ดึงตัวมีนมากอดเอาไว้ ให้นอนหนุนแขน แตะมือเบา ๆ ที่เส้นผมของมีน และกระซิบบอกเสียงเบา

“นอนซะ ดึกแล้ว เห็นง่วงตาจะปิดตั้งแต่ห้าทุ่มกว่าแล้ว”

มันก็จริง ตื่นตั้งแต่ตีห้าครึ่งมาทำงาน ทำงานจนถึงห้าโมงเย็นและไปงานเลี้ยงต่อ คนเราใช้ชีวิตไป เกือบ 20 ชั่วโมงต่อวัน จะเอาเรี่ยวเอาแรง เอาอารมณ์ที่ไหนมาทำเรื่องอย่างว่ากันได้ในเวลาตีหนึ่งซึ่งนับเป็นวันใหม่ของวันเข้าไปแล้ว

“พี่ปิดไฟนะ”

“อือ”

มีนพยักหน้ารับ และพี่บุ้งก็ขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงเดินไปปิดไฟ และมาล้มตัวลงนอนข้าง ๆ มีน และไม่ลืมที่จะคว้าร่างมีนมากอดเอาไว้แน่น กดปลายจมูกหนักๆ ที่เส้นผมของมีนและไม่ลืมกระซิบบอกเบา ๆ

“ฝันดีมีน”

ครับ

“พี่บุ้งก็ฝันดีเหมือนกัน”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..(บุ้ง-เมืองมีน) ตอน ก่อนจะเช้า
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 07-05-2014 22:58:04
มีนค่อย ๆ ขยับตัว และปรือตาตื่นขึ้น และก็พบว่ารอบ ๆ ตัวยังมืดอยู่ ยังไม่เช้า กี่โมงแล้วไม่รู้ และมีนก็ค่อย ๆ ยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์ที่วางเอาไว้ที่หัวเตียงมากดดูเวลา ตีสี่ สิบสองนาที อาจจะเพราะแปลกที่ เลยทำให้มีนสะดุ้งตื่นเร็วกว่าปกติ

เวลาตื่นจริง ๆ ของมีนคือตีห้าครึ่ง มีเวลานอนต่ออีกหน่อยกว่าจะเช้า และมีนก็หันไปมองคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ
พี่บุ้งนอนตะแคงหันหน้ามาหามีน แขนข้างหนึ่งวางอยู่บนหมอนของมีน เพราะให้มีนหนุนนอน ส่วนแขนอีกข้างในเวลานี้วางพาดอยู่บริเวณที่มีนเคยนอน สันนิษฐานไม่ยาก พี่บุ้งนอนกอดมีนทั้งคืน มองแล้วก็ได้แต่ยิ้ม และมีนก็ค่อย ๆ เอื้อมมือไปคว้าผ้าห่มที่ไหลลู่ลงไปอยู่ที่เอวพี่บุ้งขึ้นมาห่มให้คนที่นอนหลับอยู่ข้าง ๆ

“อือ.....ตื่นแล้วเหรอมีน...ไม่นอนต่ออีกหน่อยล่ะ”

ก็อยากจะนอนต่ออีกหน่อยอยู่เหมือนกัน แต่ก็เหมือนจะตื่นแล้ว แต่ถ้าพี่บุ้งให้นอนต่ออีกหน่อย งั้นนอนก็ได้ มีนเอนกายลงนอนข้าง ๆ คนที่ยังหลับตา และมีนก็นอนมองหน้าของพี่บุ้งอยู่อย่างนั้น

“มาจ้องอะไรพี่ขนาดนี้ล่ะ หือ”

เหมือนพี่บุ้งเริ่มรู้สึกตัว แม้จะมองเห็นกันได้เลือนรางในความมืดแต่มีนก็เห็น.........พี่บุ้งกำลังยิ้ม  และแม้จะหลับตาแต่ก็ยังไม่ลืมที่จะคว้าร่างของมีนไปกอดเอาไว้ และกดปลายจมูกลงมาที่กลางกระหม่อมของมีนเบา ๆ

“แปลกที่เหรอ มีนเลยตื่นเร็ว”

ก็ใช่อยู่หรอก

“ปกติผมตื่นตีห้าครึ่ง”

อ่อ

“ปกติพี่ก็ตื่นเวลานั้นเหมือนกัน”

ครับ

งั้นการที่ผมตื่นก่อน มันทำให้พี่นอนไม่หลับไปด้วยหรือเปล่า

“พี่บุ้งนอนต่อเหอะ เดี๋ยวผมตื่นพร้อมพี่ก็ได้ อีกแป๊บเดียวก็ตีห้าครึ่งแล้ว”

ได้สิมีน

“งั้นนอนต่อไปอีกหน่อยก็ได้ วันนี้วันหยุด ตื่นสาย ๆ หน่อย แล้วเราค่อยไปหาข้าวเช้ากินข้างนอก หลังจากตื่นแล้ว”

เอางั้นก็ได้พี่บุ้ง

พี่บุ้งไม่ได้พูดอะไรอีก และมีนก็นอนซุกอยู่ในอกของพี่บุ้งอย่างนั้น ก่อนจะเริ่มใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเล่นเบา ๆ ที่แผ่นอกของคนที่ยังนอนหลับ

“ทำอะไร จั๊กกะจี้”

ใช่เลยล่ะ ก็กำลังทำให้รู้สึกอย่างนั้นอยู่

“แกล้งพี่บุ้งไง”

แกล้งพี่ทำไม พี่ไปทำอะไรไม่ดีตอนไหนถึงได้อยากแกล้ง

“เดี๋ยวก็เอาคืนซะหรอก”

พี่บุ้งพูดกับมีนเสียงเบา และส่งเสียงหัวเราะในลำคอ

“ไม่กลัว”

ดูคำท้าทายที่พูดเข้า  อยากให้เอาคืนมากนักหรือไง  งั้นต้องเอาคืนซะให้เข็ด

บุ้งเปลี่ยนจากกดปลายจมูกที่กลางกระหม่อมมาเป็นหอมหน้าผากของมีนแรง ๆ และเอ่ยบอกเสียงอู้อี้

“อือออออออ ท้าทายดีนัก”

แล้วคนที่ถูกเอาคืนก็ได้แต่หัวเราะออกมาเสียงเบา

“เจ็บแสบมากพี่บุ้ง”

เหรอ  รู้สึกเจ็บแสบมากเลยใช่มั้ยล่ะ  แต่แค่นี้ยังไม่พอนะ ยังมีวิธีที่ยิ่งกว่านี้อีก

“แค่นี้ไม่สะใจพี่หรอก  ต้องเอาคืนอีกที แบบนี้ อืมมมมมมมม”

ไม่ใช่ที่หน้าผากแต่เป็นที่แก้ม และคราวนี้มีนก็ยิ่งหัวเราะมากขึ้นเรื่อย ๆ

“โคตรเจ็บแสบกว่าเมื่อกี้อีก”

ใช่แล้ว

“มีอีกนะ ที่เจ็บแสบสุด ๆ”

ยังจะมีอีกเหรอ ทำไมยังไม่หมดซักทีวะ ยังจะมีอีกใช่มั้ยเนี่ย

“ยังมีอีกหรือไงพี่”

มีอีกสิ......มีอีก....ก็...เช่นแบบนี้......

บุ้งแตะริมฝีปากเบา ๆ ที่ริมฝีปากของมีน ก่อนจะผละออกห่าง และหัวเราะออกมา

“เจ็บแสบมั้ย”

มาก

“ที่สุดอ่ะแบบนี้”

ได้ยินเสียงตอบกลับและบุ้งก็หัวเราะเสียงเบากับสิ่งที่มีนบอก

“ยังมียิ่งกว่านี้อีก”

ยังมีอีกเหรอ

“ยิ่งกว่านี้ก็เทพแล้วพี่”

ก็ใช่ไง มียิ่งกว่านี้ก็ต้องเรียกว่าเทพแล้ว

“แน่นอน เดี๋ยวเอาคืนแบบเทพ ๆ เดี๋ยวพี่ทำให้ดู ว่ามันเทพยังไง”

ไม่พูดเปล่า บุ้งค่อย ๆ แตะปลายจมูกเบา ๆ ที่ไหล่ของมีน เริ่มซุกไซร้ปลายจมูกเบา ๆ ที่ซอกคอขาว และดุนปลายจมูกที่ข้างแก้มของคนที่นอนอยู่อย่างช้า ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เคลื่อนปลายจมูกมาที่หน้าผากและข้างแก้มของมีนอีกครั้ง

“เทพพอมั้ย”

เอ่ยถาม และมีนก็ไม่ได้พยักหน้าตอบกลับ มีเพียงดวงตาที่จ้องมองใบหน้าของคนที่ถาม และมีนก็หลับตาลงอย่างช้า ๆ เมื่อริมฝีปากของใครบางคนที่สรรหาวิธีมาเอาคืนสารพัด เคลื่อนเข้ามาแนบสัมผัสกับริมฝีปากของมีน และบดคลึงเคล้าเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ แทรกปลายลิ้นเข้ามาในโพรงปากที่ค่อย ๆ ยอมเปิดรับปลายลิ้นของพี่บุ้งที่สอดแทรกเข้ามาอย่างช้า ๆ

เกี่ยวกระหวัดพัวพันปลายลิ้นเข้าหากัน

พี่บุ้งสอนมีน และมีนก็แค่เรียนรู้ และทำตาม

“อืออออ”

น้ำเสียงที่ครางแผ่วโหยในลำคอ เหมือนกำลังเคลิบเคลิ้มกับสัมผัสที่ได้รับ ทำให้บุ้งค่อย ๆ ประคองต้นคอของมีนเอาไว้

ร่างกายคร่อมทับอยู่เหนือร่างที่อ่อนระทวย และไม่นานก็ผละใบหน้าออกจากริมฝีปากของมีน เคลื่อนปลายจมูกลงมาที่ซอกคอ และลาดไหล่อย่างช้า ๆ

“อื้อออ พี่บุ้ง พี่บุ้งจะทำอะไร”

ทำอะไรไม่รู้ เป็นธรรมดาที่มีนต้องอยากรู้จนต้องถาม แต่เดี๋ยวอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า มีนก็จะรู้เองว่าพี่จะทำอะไร

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..(บุ้ง-เมืองมีน) ตอน ก่อนจะเช้า
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 07-05-2014 22:58:53
ฝ่ามือร้อนผะผ่าวเคลื่อนไหวสัมผัสไปตามลำตัวของร่างที่นอนบิดเร่าเพราะแรงอารมณ์ เสื้อยืดที่มีนใส่นอนถูกรั้งขึ้นไปจนสุดจนสามารถเห็นแผ่นอกขาวลาง ๆ ได้ในความมืด และบุ้งก็ลากไล้ปลายลิ้นไปที่ยอดอกสีแดงเข้มที่กำลังตื่นตัวไปตามความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้น ขบเม้มยอดอกทั้งสองข้างสลับกัน ก่อนจะลากไล้ปลายลิ้นลงมาเรื่อย ๆ

ผ่านหน้าท้องแบนราบและกำลังเลื่อนต่ำลงมาอย่างช้า ๆ

“พี่บุ้ง อื้อออออ”

ร่างกายที่กำลังตื่นตัวของมีน แสดงออกให้เห็นชัด จากอาการที่มีนเริ่มแอ่นเอวขึ้น  เมื่อบุ้งเปิดกางเกงที่มีนสวมอยู่ออก และแตะริมฝีปากลงไปเบา ๆ บนผืนผ้าชิ้นสุดท้ายที่ยังไม่ถูกถอดออก

“อืออออ พี่บุ้ง....”

ได้ยินเสียงร้องครางแผ่ว ๆ และร่างกายของมีนก็เริ่มบิดเร่าเมื่อปลายลิ้นชุ่มชื้นไล้เลียส่วนนั้นไปมาอยู่นอกผืนผ้าจนเปียกชื้นไปหมด บุ้งใช้ฝ่ามือลูบคลำเบา ๆ ที่บริเวณที่กำลังโป่งนูนขึ้นจนเห็นชัดขึ้นเรื่อย ๆ คลึงเคล้าขบเม้มเบา ๆ และส่วนนั้นก็กำลังพยายามจะดันตัวออกมา

ทันทีที่ส่วนที่ปกปิดร่างกายชิ้นสุดท้ายเปิดอก ความแข็งขืนที่ตื่นตัวอยู่ก่อนหน้านี้ก็ดีดตัวออกมาทันที  ส่วนปลายฉ่ำเยิ้มไปหมดเพราะถูกกระตุ้นอารมณ์ให้เคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสที่ได้รับ

ริมฝีปากที่ค่อย ๆ ครอบลงไป ทำให้มีนต้องแอ่นเอวขึ้นสูง และร้องครางเสียงสั่น

ฝ่ามือกำแน่นที่ผ้าปูที่นอน และสองเท้าก็เกร็งจิกลงไปบนฟูกนอน

“อื้อออ พี่...บุ้ง อือออ”

มีนขบริมฝีปากแน่นเพื่อสะกดกั้นความรู้สึกเอาไว้ และยิ่งพยายามกลั้นเสียงมากเท่าไหร่ คนที่กำลังครอบริมฝีปากลงไปก็ยิ่งดูดกลืนส่วนนั้นของมีนเอาไว้ทั้งหมดและขยับขึ้นลงช้า ๆ  ก่อนจะถอนริมฝีปากออก และค่อย ๆ ขยับกายลุกขึ้นเมื่อรู้ว่าร่างกายของมีนตื่นตัวเต็มที่แล้ว

“ทำให้พี่บ้างสิมีน”

น้ำเสียงแผ่วโหยที่เอ่ยบอก ทำให้คนฟังปรือตาตื่นขึ้นและค่อยๆ ขยับกายลุกขึ้นนั่งอย่างช้า ๆ

มองเลยไปที่ร่างกายของคนที่เอ่ยบอก ที่กำลังโป่งนูนอยู่ในกางเกงสำหรับใส่นอน และคนที่เอ่ยบอกให้มีนทำอย่างที่เจ้าตัวทำก็รั้งกางเกงที่สวมลง   เผยให้เห็นท่อนเอ็นขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในผงาดออกมา

“ทำ....แบบที่พี่ทำให้มีน”

คนฟังได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ จ้องมองความแข็งแกร่งใหญ่โตนั้น  ใบหน้าแดงก่ำ  และเหลือบสายตาขึ้นจ้องมองหน้าของพี่บุ้งที่กำลังมองหน้าของมีนด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน

มีนค่อย ๆ ใช้สองมือประคองที่ท่อนเอ็นขนาดใหญ่เข้ามาไว้ในมือ 

ก่อนจะค่อย  ๆ แตะปลายลิ้นลงไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ตรงส่วนปลาย ผละใบหน้าออกห่างเล็กน้อย เพื่อมองหน้าของที่ยืนอยู่และกำลังมองตรงมา

“ไม่ยากหรอก อย่างที่พี่ทำให้มีน”

ไม่ยากเหรอ   ไม่ยาก.......งั้น....ทำ....ทำก็...ได้

ลองใช้ปลายลิ้นไล้เลียไปที่ส่วนหัวของความแข็งแกร่งนั้นเบา ๆ แตะซ้ำๆ และค่อย ๆ ตวัดปลายลิ้นขึ้นลงทีละน้อย   และบุ้งที่ยืนมองอยู่ก็ยิ้มออกมาอย่างถูกใจ

มีนทำไม่เป็นก็รู้   มีนอายที่จะทำ.......ก็รู้ ถ้าไฟสว่างกว่านี้คงได้เห็นชัดว่าใบหนาขาว ๆ นั้นคงขึ้นสีแดงเรื่อไปหมดเพราะความอาย ดีที่ปิดไฟ  และพอจะมองเห็นกันได้ลาง ๆ จากแสงไฟที่สาดเข้ามาจากภายนอก

“เก่งมาก อืมมม .... มีนเก่งจริง ๆ”

บุ้งแหงนเงยใบหน้าขึ้นและขบฟันเอาไว้  ก่อนจะก้มกลับลงมาอีกครั้งเพื่อจ้องมอง..............คนที่กำลังใช้ปลายลิ้นแตะสัมผัสเบา ๆ อยู่ที่ส่วนหัวของท่อนเอ็นแกร่งที่กำลังตื่นตัวอย่างเต็มที่

“มีนลองเอาเข้าปากไปอีกนิดได้มั้ย”

เอ่ยถามเสียงพร่า และมีนก็ยอมทำตามที่บุ้งบอก

ค่อย ๆ อ้าปากออกกว้าง และบุ้งก็กดแทรกร่างกายของตัวเองเข้าไปภายในโพรงปากของมีนอย่างช้า ๆ

กดสะโพกขยับเคลื่อนไหวอย่างแผ่วเบา เพื่อให้คนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ได้รับรู้ถึงร่างกายของตัวเองที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ภายในโพรงปากร้อน

“อึก อือ อึก”

เสียงที่ได้ยิน แว่วมาจากคนที่อ้าปากรับความใหญ่โตนั้นเอาไว้และมีนก็รู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก  เมื่อส่วนปลายของท่อนเอ็นแกร่งกำลังแทรกผ่านลึกเข้าไปในลำคอ

“อ่อก แอ่ก แค่ก แค่ก”

ถึงกับสำลัก เมื่อส่วนนั้นทิ่มแทงลงไปในคอลึกขึ้นเรื่อย ๆ

“อือออ”

มีนไม่คุ้นชินกับเรื่องพวกนี้  ยังไงก็ไม่สามารถทำได้อย่างชำนาญในคราวแรก จับจังหวะไม่ถูก จนถึงกับสำลัก และไอจนหน้าแดง และต้องปล่อยสิ่งที่อยู่ในปากออกมา และก็ยกหลังมือขึ้นเช็ดปาก ที่ยังมีคราบน้ำลายเปรอะเปื้อนอยู่ที่ริมฝีปาก

“เป็นยังไงบ้างมีน พี่ขอโทษนะ แต่มีนเก่ง.... มีนของพี่เก่งมาก”

กระซิบบอกเสียงแผ่ว และบุ้งก็กดปลายจมูกแรง ๆ  ที่หน้าผากของมีนอีกครั้ง เหมือนให้กำลังใจสิ่งที่เพิ่งหัดทำเป็นครั้งแรก และคนที่นั่งอยู่ก็ค่อย ๆ ยกแขนขึ้นทั้งสองข้าง เพื่อให้คนที่ช่วยถอดเสื้อ จัดการถอดเสื้อออกไปให้พ้นจากตัวได้

เสื้อที่มีนใส่นอนหล่นลงไปอยู่ที่ข้างเตียง และคนที่ช่วยถอดเสื้อให้ ก็กำลังจัดการถอดเสื้อของตัวเองออกจากร่างกายด้วย

ในเวลานี้ร่างกายของคนสองคนที่อยู่บนเตียงอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าไม่ต่างกัน

“มีนลองชักของตัวเองดูก่อนมั้ย”

ได้ยินเสียงที่กระซิบบอก ก็เลยยอมทำตามง่าย  ๆ ค่อย ๆ แตะฝ่ามือไปที่ร่างกายของตัวเองที่ตื่นตัวและเริ่มมีหยดน้ำใสไหลออกมาจากส่วนปลายและเริ่มลงมือรูดรั้งเบา ๆ 

จูบกันเบา ๆ สัมผัสริมฝีปากกันเบา ๆ และมีนก็เห็น พี่บุ้งก็กำลังขยับฝ่ามือรูดรั้งร่างกายของตัวเองแบบเดียวกับที่มีนทำ

“พี่ขอเข้าไปได้มั้ย”

น้ำเสียงแผ่วเบาที่กระซิบบอก แตกพร่าจนมีนยังรู้สึก

ดวงตาสองคู่สบกันนิ่ง และมีนก็จ้องมองหน้าของคนถามอยู่อย่างนั้นก่อนจะพยักหน้าและตอบรับออกไปเสียงเบา

“อือ”

ยอม

ยอมให้ทำได้ตามใจ ไม่ว่าอยากทำอะไร ก็จะยอมตามใจหมดทุกอย่าง

เอนกายลงนอนอย่างช้า ๆ และค่อย ๆ แยกขาออกกว้าง
และบุ้งก็เอื้อมมือไปคว้าหลอดเจลที่มีนคิดว่าพี่บุ้งคงเตรียมไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะออกมา บีบที่ปลายหลอด และเทลงชโลมที่ปลายนิ้ว   

ีร่างกายกำลังเกร็ง เมื่อความเย็นชื้นที่อยู่ที่ปลายนิ้วอุ่น ๆ เริ่มแทรกเข้ามาที่ช่องทางด้านหลัง
 
“อือ....อึก”

สะดุ้งเป็นพัก แล้วก็ขมวดคิ้วมุ่น เริ่มขบริมฝีปากแน่น ก่อนจะค่อย ๆ ใช้ข้อศอกยันฟูกนอนเอาไว้ และผุดลุกขึ้นมามองสิ่งที่พี่บุ้งทำ

“อย่าเกร็งนะ ต้องทำให้ชินก่อน ถ้าไหวแล้วมีนบอกพี่”

อือ…. ได้

พยักหน้ารับ และสายตาก็จับจ้องมองไปที่ปลายนิ้วที่เปียกชุ่มที่กำลังค่อย ๆ แทรกเข้าออกอย่างช้า ๆ

“อึก อื้อ”

มีนขบริมฝีปากเอาไว้ และขมวดคิ้วมุ่น เมื่อสัมผัสได้ถึงอาการจุกเมื่อปลายนิ้วอุ่น ๆ แทรกลึกเข้ามาเรื่อย ๆ

“ไหวมั้ย”

ไหว …..ยังไหวอยู่

มีนพยักหน้ารับ และบุ้งก็ค่อย ๆ แทรกปลายนิ้วเข้าไปเพิ่มอีกนิ้ว ขยับปลายนิ้วเข้าออกอย่างเชื่องช้าเพื่อให้ช่องทางที่กำลังเปิดรับสิ่งแปลกปลอมเข้าไป ค่อย ๆ ผ่อนคลายและในที่สุดก็ค่อย ๆ เพิ่มจำนวนเป็นสองนิ้ว และสามนิ้วในเวลาต่อมา

“อือออ”

มีนรู้สึกว่าไม่ใช่แค่ความอึดอัด แต่มันมีความรู้สึกอื่นเพิ่มขึ้นด้วย ความรู้สึกบางอย่างที่ไม่เคยรู้จัก และมันทำให้ร่างกายส่วนที่กำลังอ่อนแรงลง ตื่นตัวขึ้นอีกครั้ง

“พี่เข้าไปได้หรือยัง”

เพราะเห็นว่าคนที่เอนหลังลงนอนเริ่มมีปฏิกิริยาตอบรับในทางที่ดี บุ้งก็เลยกล้าที่จะเอ่ยถาม และมีนก็พยักหน้ารับ
หลับตาแน่น เมื่อท่อนเอ็นแกร่งที่ผงาดขึ้นมาจนถึงขีดสุด กดแทรกเข้าไปภายในช่องทางที่เตรียมเอาไว้อย่างดีแล้ว อย่างช้าๆ
และแค่เพียงส่วนปลายแทรกเข้ามาก็ทำให้คนที่ถูกกระทำต้องใช้ข้อศอกดันหลังผุดลุกขึ้นมามองอีกครั้ง ว่าตอนนี้ส่วนนั้นกดแทรกเข้าไปถึงไหนแล้ว

“อือออ อึกกกก”

ขบริมฝีปากแน่น และจับจ้องมองตรงไปที่ท่อนเอ็นใหญ่โตที่ค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาภายในร่างกายและมีนก็มองหน้าของบุ้งด้วยความหวั่นใจ

“เจ็บมั้ย”

คนที่กำลังแทรกร่างกายเข้ามาเอ่ยถาม และมีนก็พยักหน้ารับ

“เจ็บเหรอ เดี๋ยวนะ เดี๋ยวก็เข้าได้หมดแล้ว”

เท่าที่เห็น  บุ้งก็พอจะรู้ว่าอีกไม่นานคงเข้าได้ทั้งหมด

“มีนอย่าเกร็งนะ หายใจเข้าลึก ๆ กำลังจะเข้าไปหมดแล้ว”

ได้ยินเสียงที่เอ่ยบอก และมีนก็ค่อย ๆ เอนกายลงนอนอีกครั้ง เหม่อมองไปที่เพดานและหลับตาแน่น เมื่อรับรู้ว่ามีสิ่งแปลกปลอมบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ภายในร่างกาย 

“เข้าได้หมดแล้ว มีน...... อาส์ .......”

บุ้งแหงนเงยใบหน้าขึ้นเพื่อสูดลมหายใจเข้าปอดให้ลึก ๆ
อาการบีบรัดอย่างรุนแรงของช่องทางที่ครอบครองร่างกายเอาไว้ ทำให้รู้สึกเหมือนว่าจะทนไม่ไหวจนแทบจะหลั่งออกมา

ค่อย ๆ ขยับสะโพกเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ เมื่อรับรู้ว่าช่องทางที่เปิดรับเริ่มขยายออก และคนที่ยอมให้ทำได้ทุกสิ่งทุกอย่างก็ไม่ได้เกร็งเหมือนช่วงแรก ๆ อีกแล้ว

แยกขาของมีนให้กว้างขึ้น และเริ่มขยับสะโพกเข้าออกในจังหวะที่รุนแรงขึ้นเล็กน้อย และคนที่รองรับร่างกายของบุ้งเอาไว้ทั้งหมด ก็ส่งเสียงครางออกมาเบา ๆ

“พี่บุ้ง...อือ.... มันเสียว”

เห็นมีนมีอารมณ์ร่วมด้วย คนทำก็ดีใจ  ค่อย ๆ รั้งขาของมีนพาดเอาไว้บนบ่า และโน้มร่างกายลงไปหาจนหมดทั้งตัว

“อื้ออออ”

เมื่อร่างกายของบุ้งทาบทับลงมาบนร่าง ยิ่งเพิ่มความอึดอัดมากขึ้นจนมีนต้องร้องออกมาเบา ๆ และบุ้งก็ยิ้มออกมาอย่างถูกใจ

กดปลายจมูกลงไปที่แก้มขาว ๆ ที่ตอนนี้ขึ้นสีแดงเรื่อ และซุกไซร้ปลายจมูกลงไปที่ซอกคอ ก่อนจะกระซิบบอกมีนเสียงเบาที่ข้างหู

“พี่จะทำแรงขึ้นแล้วนะ   มีนไหวมั้ย”

ไหว

“เอา....เอาเลย”

มีนยกแขนโอบกอดแผ่นหลังของบุ้งเอาไว้ กอดเอาไว้หมดทั้งตัว และสะโพกที่เคลื่อนไหวเข้าออกอย่างเชื่องช้าเนิบนาบมาตลอดก็ค่อย ๆ เริ่มเปลี่ยนแปลงจังหวะการสอดแทรกให้แรงเร็วขึ้นเรื่อย ๆ

“อึก อือ พี่บุ้ง เสียว อือออ”

ได้ยินเสียงครางแผ่ว ๆ ในลำคอของคนที่อยู่ใต้ร่างบุ้งก็ยิ่งได้ใจ  ขยับสะโพกให้กดแทรกเข้าไปให้เร็วขึ้น และในเวลาไม่นานความแรงก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับ

“พี่บุ้ง.....อึก...... เหมือนจะ...จะแตกแล้ว อื้อออ”

ขยับได้ไม่นาน คนที่อยู่ใต้ร่างก็ร้องครางบอก

เพราะไม่คุ้นเคย มันก็เลยเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ ที่มีนจะรู้สึกตื่นเต้นจนไม่สามารถระงับความรู้สึกของตัวเองได้เพียงแค่ถูกกระแทกกระทั้นไม่นาน

“งั้นเดี๋ยวพี่เร่งของพี่ แล้วมีนก็ชักของมีนตามไปด้วยนะ จะได้เสร็จพร้อมกัน”

อือ ได้
บุ้งค่อย ๆ ขยับกายลุกขึ้น และแยกขาของมีนออกอีกครั้ง  ขยับเอวให้ท่อนเอ็นแกร่งกดแทรกเข้าออกในช่องทางที่บีบรัดแน่นเร็วขึ้น และมีนก็กำลังสัมผัสร่างกายตัวเอง เริ่มขยับมือขึ้นลง เมื่อรู้สึกว่ากำลังจะทนไม่ไหว

“อื้ออ พี่บุ้งเร็ว ๆ จะไม่ไหวแล้ว ซี้ดส์ อืมมมมอึก อืออ”

เพียงแค่สัมผัสร่างกายของตัวเองไปได้ไม่นาน มีนก็ร้องบอกว่ากำลังจะทนไม่ไหว และบุ้งก็เริ่มขยับสะโพกเข้าออกแรงขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ต่างจากมีนที่กำส่วนที่แข็งขืนของตัวเองไว้แน่น และเริ่มขมวดคิ้วมุ่น รับรู้ว่าร่างกายกำลังจะทนไม่ไหวอีกต่อไป

ความเร็วของฝ่ามือของมีนที่ขยับขึ้นลง เท่ากับความเร็วที่บุ้งกระแทกสะโพกเข้ามา

และทุกครั้งที่การกระแทกกระทั้นเกิดขึ้น เสียงผิวเนื้อกระทบกันก็ดังตามจังหวะที่ร่างกายสอดแทรกเข้าหากัน

“พี่บุ้ง อื้ออออ พี่บุ้ง ไม่ไหวแล้วพี่บุ้ง อื้อออ”

อาการหอบหายใจหนัก ของมีนยิ่งเร่งให้บุ้งขยับสะโพกให้ถี่เร็วขึ้น กระแทกกระทั้นเข้าไปอย่างรุนแรงหลายครั้งติดกันอย่างไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะเจ็บ และในเวลาไม่นานร่างกายของมีนก็เริ่มเกร็ง

สะโพกแอ่นขึ้นและหน้าท้องนวลขาวก็เกิดอาการเกร็งอย่างรุนแรง

“อื้ออออ พี่บุ้งมีนแตกแล้ว อื้อออ มีนแตกแล้ว”

ไม่ใช่แค่เสียงครางที่ดังขึ้นพร้อมกับปฏิกิริยาของร่างกาย แต่หมายถึง ส่วนปลายของความแข็งแกร่งในมือของมีนมีหยดน้ำสีขาวขุ่นทะลักออกมาด้วย พุ่งออกมาติด ๆ กันและก็หยุดไปเพียงเสี้ยววินาทีและก็พุ่งออกมาอีกครั้งจนหมด และเป็นบุ้งที่ต้องรีบกระแทกสะโพกเข้าไปอย่างรุนแรงอีกหลายครั้ง เมื่อรู้แล้วว่ากำลังจะถึงจุดหมายไม่ต่างกัน

“อาส์ อึก อื้ออออออ มีน.....พี่....พี่ก็..แตกแล้วเหมือนกัน อืมมมม”

การกระแทกท่อนเอ็นเข้าไปครั้งสุดท้าย มีผลให้ร่างกายเกร็งกระตุก....... ความอุ่นซ่านที่ไหลบ่าเข้าไปภายในช่องทางด้านหลังทำให้มีนรู้     พี่บุ้ง...ก็เสร็จแล้ว...แตกตามมีนไป ในเวลาไม่นาน

และพี่บุ้งยังหอบหายใจหนัก ๆ และเริ่มสูดเอาอากาศหายใจเข้าปอด หลังจากเพิ่งผ่านความร้อนแรงมาด้วยกัน

บุ้งทรุดกายลงทาบทับกับร่างของมีนและซบใบหน้าลงที่ซอกคอขาว กดปลายจมูกหนัก ๆ ไปที่ข้างแก้มของมีน ก่อนจะแตะริมฝีปากลงไปที่ริมฝีปากของมีนอีกครั้ง จูบกันเบา ๆ สัมผัสริมฝีปากกันเบา ๆ ก่อนจะเคลื่อนใบหน้าไปแนบอยู่ที่ซอกคอของมีน และยังได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง ที่ยังคงหอบหนัก

“.........พี่ทำมีนเจ็บหรือเปล่า…..”

กระซิบถามเสียงพร่า และมีนก็ยกแขนขึ้นโอบรัดรอบลำคอของบุ้งเอาไว้แน่น

“.....ดีกว่าที่คิดนะพี่บุ้ง ตอนแรกนึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว”

เหรอ

“พี่ดีใจที่มีนรู้สึกดี........”

“..............”

คงจะเป็นอย่างนั้น

“มันรู้สึกดีจริง ๆ นะพี่บุ้ง………….”

ได้ยินเสียงที่เอ่ยบอกแล้วบุ้งก็ยิ้มออกมา

“ใกล้สว่างแล้ว....อีกรอบไหวมั้ย  พักแป๊บนึง..พี่ยังอยากอยู่กับมีนแบบนี้ไปอีกเรื่อย ๆ”

ยังไงก็ได้ตามใจพี่บุ้ง พักอีกซักแป๊บก็ได้ ไม่เป็นไร  จนกว่าเราจะหายเหนื่อย

....พี่วิเชียรบอกว่าพี่บุ้งจะเอามีนจนขาถ่าง......ตอนแรกมีนไม่เชื่อ...แต่สงสัยตอนนี้คงต้องเชื่อแล้ว.....เพราะดูเหมือนพี่บุ้งจะไม่ยอมหยุดง่าย ๆ...รอบแรก ๆ ยังพออ่อยให้ แต่รอบหลัง ๆมีนเริ่มรู้แล้วว่าถ้าเกิดชินขึ้นมาคงจะโดนหนัก.......และถ้ามันหนักมาก ๆ มีนคงต้องขาถ่าง อย่างที่พี่วิเชียรเคยว่าเอาไว้จริง ๆ.........


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 07-05-2014 23:04:08
ขยันลงวันละหลายตอน
จนเม้นท์ไม่ทัน

ชอบความแสบซ่ากวนเฮียกับพี่บุ้งของวิเชียร
ชอบความมุ้งมิ้งน่ารักของน้องเกาหลี
ชอบบรรยากาศการทำงานในแผนกขนส่ง
ยิ่งอ่านเรื่องนี้ยิ่งชอบ บอกเลย
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 07-05-2014 23:05:07
 :pighaun:
วะฮาฮ่า สำเร็จ  :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: nootopazzz ที่ 07-05-2014 23:14:35
พี่บุ้งน้องมีนได้กันแล้ว ได้กันแล้วววววววว  :hao6:

น้องมีนไม่ต้องฝันเปียกแล้วต้องมาเมื่อยมือตอนเช้ามืดอีกแล้ว เพราะนี่คือฝันเป็นจริง!!! คริคริ  :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 07-05-2014 23:17:25
 :m25:

ในที่สุด..วันที่เรารอคอยก็มาถึง  :heaven

พี่วิเชียรก็บอกก็เตือนแล้วนะมีน..ทำไมหนูไม่เชื่อลูก  :laugh:

ถึงตอนนี้จะมาเชื่อก็ไม่ทันละ  :m20:

.
.

พี่บุ้งสุดยอด  o13

นายทำดีแล้ว  :oo1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: thearboo ที่ 07-05-2014 23:18:39
ต...ตายตาหลับแล้วค่ะ...
 :heaven
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 07-05-2014 23:25:07
สนุกกกกกกก
ขอบคุณคุณเท็นกับคนโพสต์มากจ้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 07-05-2014 23:32:09
นอนตาหลับล่ะคืนนี้ หึหึหึหึ :pighaun: :jul1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 07-05-2014 23:39:27
คันมือยิกๆจนต้องโพสก่อน อ่านอยู่ที่หน้า15อยู่เลย
อยากระบายจริงๆว่านังวิเชียรแรดมากกกกกกกกกก เท่านี้แหละ ฮ่าๆๆๆ แต่ชอบนางจริงๆ
ทีแรกทำมาอาย พอความลับเปิดเผยปุ๊บ ยางนี่ไม่มีเลยสินะนังเชียร ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: whitejade31 ที่ 07-05-2014 23:56:20
ยิ่งอ่านยิ่งรักมีน :oo1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 08-05-2014 00:03:54
เรียบร้อยโรงเรียนพี่บุ้ง :haun4:

ถ้าพี่บุ้งจะขนาดนี้ 3 คู่นี้คงสูสีอะน่ะ   :z1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 08-05-2014 00:20:34
ครั้งแรกรักกันแบบเบาๆไปก่อน ครั้งถัดไปค่อยแรงตามรุ่นพี่นะ หนูมีน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 08-05-2014 00:21:17
 :mc4:  สมหวังซะทีนะพี่บุ้ง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: @rnon ที่ 08-05-2014 00:37:12
 :pighaun: :haun4: :jul1:




 :m25: :z1:



 :oo1:    :oo1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: nnA ที่ 08-05-2014 00:44:40
 :jul1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 08-05-2014 01:01:30
ทั้งคู่ฟันไม่แปรงอ่าาาาาา  แต่ฟันกันเอง :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: WASAWATTE ที่ 08-05-2014 01:04:52
น้องมีนเสียเอกราชให้พี่บุ้งแล้ว

 :m25:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 08-05-2014 01:25:58
อ่านจุใจไปเลย และแล้ว เค้าก็เข้าหอกันแล้ว   :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 08-05-2014 02:18:15
น้องมีนน่ารักเกินจะทน เชื่อฟังผู้ใหญ่ดีจริงๆ ปรามๆพี่มันบ้างก็ดีนะลูก เดี๋ยวพี่มันสูบพลังชีวิตตัวซีดกันพอดี
รักข้ามแผนกนั่นก็หวานกันแบบเงียบๆแต่ร้อนแรงสุดๆ ชอบคู่นี้
นังวิเชียร ทำตัวเป็นสื่อตลอดเลยนะย่ะ ฮ่าๆๆ หมั่นไส้นาง
อำนาจกับน้องพู่นี่อะไร ยังไง มีแถลงการณ์ของคู่นี้มั้ย?
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-05-2014 02:23:09
 :laugh3: :laugh3: :laugh3: ในที่สุด ในที่สุด พี่บุ้งแห่งแผนกขนส่งก็ทำสำเร็จ ได้ทานน้องมีนสมใจ  :hao6:  :heaven   :mc4:  :mc4: :mc4: จุดพลุฉลองให้พี่เขาหน่อยกับการรอคอยในครั้งนี้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 08-05-2014 03:24:32
งึ้ยยยยยยย วิโรจน์งอนอ้นง้อ น่าร้าก
คู่นี้น่ารักเงียบๆแต่แบบต้องแอบกรี๊ด ตอนรายงานเป้าหมายแม่งฮาอ่ะ เป้าหมายรู้ตัวนานแล้ว ติดตามความเคลื่อนไหวต่อที่โรงอาหาร 5555555 บ่งบอกความใส่ใจเรื่องชาวบ้านทั้งเจ้านายทั้งลูกน้อง 5555

คู่พี่บุ้งน้องมีน ตีฆ้องซิตีฆ้องงงง ได้กันละเว้ย หลังจากที่ลุ้นกันมานาน น้องมีจะขาถ่างเหมือนที่วิเชยรบอกมั้ย 55555 รอต่อๆ
 :-[ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 08-05-2014 05:55:32
เรียบร้อยโรงเรียนผักบุ้ง อิๆๆ
หัวข้อ: รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ อำนาจ & พู่ .....ตอน แล้วกูจะไปรู้ได้ยังไงวะ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-05-2014 06:09:52


รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ อำนาจ & พู่ .....ตอน  แล้วกูจะไปรู้ได้ยังไงวะ

น้องพู่ หรือบุญพิทักษ์ เป็นเด็กที่เพิ่งจบ ปวส. มาใหม่ ๆ อายุอานามยังไม่ถึงยี่สิบปี

เป็นน้องคนสุดท้องของแผนกขนส่ง แต่สกิลการทำงานระดับเทพ

หัวไว ทำงานคล่อง จนอำนาจที่ประจำอยู่โซนติดกัน ต้องพยายามสปีดตัวเอง ไม่งั้นน้องพู่ คงจะยิ่งเพิ่มสกิลการทำงานระดับเทพขึ้นไปอีก จนคนที่อยู่มาก่อน มีสิทธิ์จ๋อยสนิทได้ง่าย ๆ

คนอื่นไม่เห็นน้องพู่มันสนใจจะแข่งด้วย แล้วทำไมมันขยันทำงานแข่งกับกูจัง เช็คของแบบเดียวกัน ไอ้น้องพู่ ต้องเช็คให้เสร็จก่อน และมันก็เช็คได้......แม่น..... เป๊ะ .... ชัวร์....... ไม่เคยมีของหลุดให้ต้องตามหากันภายหลัง เล่นเอาอำนาจ นึกท้อขึ้นมาในใจลึก ๆ ไอ้เด็กห่า มึงจะเก่งไปไหนของมึงมากมาย

“พี่ ทำไมพี่ทำงานช้าจัง เอื่อยเฉื่อยอยู่นั่น ซัพรอขึ้นของนานแล้ว พี่ไปเช็คอันอื่นเหอะไป เดี๋ยวตรงนี้ผมจัดการเอง”

อ้าว ...... แม่ง..... ถึงกูจะเช็คช้า แต่ก็ชัวร์นะคร้าบบบบบ สไตล์การทำงานมันคนละแบบ จะให้ทำยังไงวะ

“ไม่เป็นไร  กูเช็คของกูเองได้”

อำนาจตั้งหน้าตั้งตาเช็คของ และคนที่บอกให้ไปเช็คกับซัพอื่นต่อ ก็ลงมานั่งอยู่ข้าง ๆ อำนาจ

“พี่เป็นอะไร ของแค่นี้ เช็ควนไปวนมาอยู่นั่น ช้าชิบหาย”

เหรอ..... เออ ช่างกูเหอะ ช้าก็เรื่องของกู กูทำเสร็จทันเวลาแล้วก็ไม่ผิด แค่นี้ก็ใช้ได้แล้ว

“โทษทีเหอะ ไม่เก่งเหมือนคนแถวนี้”

การตอบกลับง่าย ๆ ของอำนาจ ทำให้คนที่นั่งประจำอยู่อีกจุดต้องเงยหน้าขึ้นมอง เพราะรู้ว่าอำนาจที่ไม่ค่อยมีปัญหากับใคร   ในเวลานี้เริ่มมีอารมณ์หงุดหงิดไม่พอใจเหมือนกัน

“โรจน์ ของมึงเสร็จยัง มึงมาช่วยกูหน่อยดิ กูจะไปขึ้นรถแทนวิเชียร”

ไม่ขอความช่วยเหลือจากรุ่นน้อง แต่ไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงานที่นั่งข้างกัน และวิโรจน์ก็วางแตงกวาบรรจุถุง และของที่ต้องเช็คชิ้นสุดท้ายลงไปในตะกร้า พยักหน้าบอกให้พนักงานขับรถประจำ ปิดประตูรถ ส่งเอกสารตอบรับให้เซ็นต์รับของเรียบร้อยก่อนจะยอมให้ปล่อยของออกไปได้

“มึงวางไว้เลย ถึงไหนมึงขีดเอาไว้ เดี๋ยวกูเช็คต่อให้”

วิโรจน์ ลุกขึ้นเดินมารับกระดานเช็คสินค้าจากอำนาจ และอำนาจก็เดินหน้านิ่งออกไปจากโซนใน โดยไม่หันมามองรุ่นน้องที่ยืนนิ่งเงียบอีกเลย

“พู่…..”

ได้ยินเสียงเรียก และบุญพิทักษ์ก็เงยหน้าขึ้นมองรุ่นพี่ที่ปกติไม่ค่อยจะสุงสิงกับใคร แต่ในเวลานี้ พี่วิโรจน์เหมือนมีอะไรจะพูดด้วย

“ครับพี่โรจน์”

ขานรับ และวิโรจน์ก็ส่งยิ้มบาง ๆ ให้กับรุ่นน้องที่ในเวลานี้ไม่รู้จะทำตัวยังไง

“อำนาจมันเป็นคนสบาย ๆ ก็จริงนะ แต่มันเป็นคนจริงจังกับการทำงานมาก ตำแหน่งของมันอาจดูเลื่อนลอยไม่แน่ไม่นอน สแปร์ตรงนั้นนิด แทนคนนี้หน่อย มันทำได้ทุกจุดขนาดนี้ ก็เก่งมากแล้ว เรื่องที่พู่ทำงานเก่งมันก็ดี แต่อำนาจมันไม่ได้อยู่ประจำแบบพู่ จะให้มันคล่องไปหมดอย่างพู่มันก็เป็นไปไม่ได้ ถูกมั้ย”

ผมรู้พี่........ นั่นผมรู้..... ผมถึงได้อยากช่วย.....ผมก็แค่อยากช่วย ไม่ได้อยากทำให้พี่อำนาจรู้สึกไม่ดี

“พู่ อยากช่วย มันก็ไม่ผิดหรอก แต่วิธีการของพู่ มันแค่แปลกไปหน่อย อำนาจมันเลยไม่เข้าใจ ก็แค่นั้นเอง”

ผมขอโทษพี่ ผมไม่รู้ว่าจะทำให้พี่อำนาจไม่พอใจ

“ที่พู่รีบเช็คของตัวเองให้เสร็จไว ๆ แล้วก็ตรวจทานอีกรอบไม่ให้ผิด พี่ว่ามันเป็นวิธีการที่ดีมาก......ถ้ายังไง วันหลังพู่อยากช่วยอำนาจเช็คของ ก็ลอง ๆ พูดแบบอ้อม ๆ ดูบ้าง พี่ว่าอำนาจมันไม่โง่หรอก มันน่าจะเข้าใจ”

ครับ

ผมจะจำเอาไว้

“ขอบคุณมากพี่โรจน์ ที่ช่วยสอนผม”

เอ่ยขอบคุณรุ่นพี่ และน้องพู่ก็เดินไปช่วยสุรชาติที่กำลังขึ้นของที่รถอีกคัน

“พี่   มีอะไรให้ผมช่วยป่าว”

อ๋อ    มันก็มีอยู่หรอก

“แล้วไปช่วยอำนาจเสร็จแล้วเหรอ”

ไม่ได้ช่วยหรอกพี่

น้องพู่ส่งยิ้มให้กับสุรชาติที่อยู่โซนข้าง ๆ กันและสุรชาติก็พยักหน้าเข้าใจ

“อำนาจมันก็แบบนี้แหละ อย่าไปคิดมาก งั้นพี่ฝากด้วยแล้วกัน เดี๋ยววันนี้พี่ขึ้นรถ พู่เช็คของชัวร์ดีว่ะ  ไม่เคยต้องไปทะเลาะกับซัพเรื่องของขาด ของเกิน ของไม่ครบซักที”

ครับพี่ เดี๋ยวผมเช็คให้เอง

“พี่ไปขึ้นรถได้เลย เดี๋ยวตรงนี้ผมจัดการเอง”

รับกระดานเช็คของมาถือเอาไว้ และน้องพู่ ก็ก้มหน้าก้มตาเช็คของไปเรื่อยๆ แต่ในใจยังครุ่นคิดเรื่องเดิม ๆ ซ้ำไปซ้ำมา

.............พี่อำนาจ....................เกลียดกู.....................

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

หัวข้อ: รักเกิดในแผนกขนส่ง.....ภาคพิเศษ อำนาจ-พู่ ตอน แล้วกูจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-05-2014 06:10:35
“ก็ไม่เข้าใจไง เป็นอะไรกับกูนักหนา กูขยับไปตรงไหน ทำอะไร แม่งก็คอยจับตามอง กูทำอะไรผิดนิดพลาดหน่อย ก็มองกูอยู่นั่น นี่ตกลงเขาจ้างมันมาเป็นบอร์ดี้การ์ดกูหรือไงวะ จับตามองกูชิบหาย ขนาดกูลุกไปเยี่ยว แม่งยังมองเลย”

อำนาจกำลังกินข้าวไปบ่นไป และวิโรจน์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับสุรชาติ ก็มองหน้ากันยิ้ม ๆ

“มึงคิดมากไปแล้ว แก๊ป บางทีที่มึงคิดมันอาจไม่ใช่อย่างที่คิดก็ได้นะ”

ไม่ใช่อย่างที่คิดห่าอะไรวะ พูดเหี้ยอะไรของพวกมึง

“เออ กูคงคิดมากไป มันคงไม่ใช่แค่ไม่ชอบหน้ากูหรอก แต่มันเกลียดกูเลยแหละ เออดี กูจะได้จำไว้ กูไม่เคยยุ่งกับแม่งเลยนะ แต่แม่งจ้องกูตลอด พวกมึงเห็นมั้ยล่ะ แล้วจะมาหาว่ากูคิดไปเองได้ไง อยู่ตั้งไกล ขนาดพริกแดงถุงเท่าขี้ตา ไอ้ห่าพู่ แม่งยังเดินมาบอกกูเลยว่า เขาไม่เอาพริกแดง ไม่รู้ว่ามันรู้ได้ยังไง”

ก็เป็นธรรมดา คนมันมีใจให้  มันก็อยากมอง อยากอยู่ใกล้ อะไรช่วยได้มันก็อยากจะช่วย

น่าแปลกที่อำนาจมือวางอันดับต้น ๆ เรื่องขยันเสือกเรื่องชาวบ้านกลับไม่มีเซ้นน์กับเรื่องแบบนี้ เรื่องของชาวบ้านอำนาจรู้หมด แต่เมื่อถึงคราวตัวเอง  มันก็ยังโง่ ไม่รู้เรื่องอยู่ได้ ทั้งที่คนเขารู้กันทั้งแผนกแล้ว

คนเกลียดกันที่ไหนจะอยากช่วยจนออกหน้าออกตาขนาดนั้น แต่ไปช่วยทีไร เห็นอำนาจด่าให้ทุกที มองแล้วก็น่าสงสาร

“มึงแน่ใจได้ยังไงว่าน้องพู่เกลียดมึง ไหนว่ามึงแดกข้าวไม่ได้แดกหญ้า รู้เรื่องคนอื่นไปหมดนี่หว่า เรื่องของตัวเองน่าจะหัดรู้ซะบ้าง”

รู้อะไรวะ

“พูดห่าอะไรของมึง ฟังไม่รู้เรื่องว่ะปวดหัว เฮ้ย พี่สุรชาติ  นัมเบอร์วันของไอ้โรจน์มาแล้ว เรารีบลุกเหอะพี่ เดี๋ยวไอ้โรจน์มันจะได้มีเวลา เอ๊าะแอ๊ะ เจ๊าะแจ๊ะ จุ๊กกรู้ กะ อ้นครับของมัน ฮิ้วววววววววววววว”

แซวเพื่อนอย่างสนุกสนาน และวิโรจน์ก็ส่ายหน้ากับพฤติกรรมที่อำนาจทำ มองหน้าของพี่สุรชาติ และก็พยักหน้าให้กันแบบเข้าใจกันอยู่สองคน .....อำนาจ บทจะซื่อก็ซื่อเกิน........

อำนาจไม่เคยรู้อะไรเลย เอาแต่วุ่นวายแซวชาวบ้านไปทั่ว โดยไม่รู้สักนิด ว่าเรื่องของตัวเอง ก็เป็นที่จับตามองของชาวบ้านอยู่เหมือนกัน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: รักเกิดในแผนกขนส่ง.....ภาคพิเศษ อำนาจ-พู่ ตอน แล้วกูจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-05-2014 06:10:57
“เออ ก็ไม่ได้เก่งไง ไม่ได้จบ ปวส.  ไม่ได้เรียนสูงด้วย กูจบศึกษาผู้ใหญ่มา  บ้านกูจน พ่อแม่กูไม่มีปัญญาส่งเรียน เลยต้องมาทำงานงก ๆ ส่งตัวเองเรียนต่อให้สูง ๆ อยู่นี่ไง อย่าให้กูจบ ปวส. อย่างมึงบ้างนะไอ้พู่ มึงไม่มีทางได้พูดกับกูแบบนี้หรอก ไอ้สัด”

ระเบิดลง

อำนาจกำลังยืนด่ารุ่นน้อง และวิโรจน์ที่เช็คของอยู่ก็ลุกขึ้นมากันเอาไว้

“เฮ้ย แก๊ป มึงใจเย็น ๆ ก่อนสิวะ พู่ ไปช่วยพี่สุรชาติดูของก่อนไป เดี๋ยวทางนี้พี่จัดการเอง”

มึงไม่ต้องให้มันไปหรอก ให้มันอยู่ตรงนี้แหละ

“มึงเอามั้ยล่ะ ตัวต่อตัวกับกูหน้าโรงงาน ไอ้สัด กูไม่ได้เรียนสูงอย่างมึงไง เออ ใช่สิ มึงเรียนมาสูงกว่ากู มึงก็เลยว่ากูได้ แล้วไงวะ มึงจะต่อยกับกูมั้ยล่ะ ตอนนี้เลยก็ยังได้”

อำนาจสติแตกไปแล้วไม่รู้ว่าเรื่องมันเริ่มจากตรงไหน แต่คงจะมาจากเรื่องเดิม ๆ น้องพู่อยากช่วย แต่อำนาจไม่ยอม เซ้าซี้มาก ๆ เข้า เลยกลายเป็นว่าระเบิดลง

“ห่าอะไรกันวะ โรจน์”

ลูกพี่ที่เดินมาจากเคาร์เตอร์ลงเวลา เอ่ยถามวิโรจน์ที่กำลังห้ามศึกอยู่

“ไม่มีอะไรหรอกพี่ ก็เรื่องเดิม ๆ .........”

มองหน้าลูกพี่เป็นอันรู้กัน และบุ้งก็พยักหน้าให้

“ปล่อยมัน....มันไม่รู้ตัว”

คำว่าไม่รู้ตัว ทำให้อำนาจที่กำลังโมโห ยิ่งขมวดคิ้วมุ่น ใคร ๆ ก็ว่ากูไม่รู้ตัว ไม่รู้ตัวเรื่องเหี้ยอะไรไม่รู้ แต่ตอนนี้กูอยากรู้ตัวมาก ว่าไอ้ที่ว่ากูไม่รู้ตัว นี่มันไม่รู้ตัวเรื่องอะไรกันแน่

“ไม่รู้ตัวเรื่องอะไรวะ ผมอ่ะ รู้ตัวตลอดแหละว่าไอ้พู่มันไม่ชอบหน้าผม ไม่งั้นมันไม่ตามจิกผมขนาดนี้หรอก แม่ง ถ้าไอ้โรจน์ไม่ห้ามนะ ผมใส่แม่งตั้งแต่ตรงนี้แล้ว ไอ้เด็กห่า ยุ่งกับกูอยู่ได้ ของแค่นี้กูมีปัญญาเช็คเอง ไม่ต้องให้มันมาช่วยเช็คหรอก สัด”

......ก็ยังคงไม่รู้ตัว….

“ควายเอ้ยยยยยย”   วิเชียรที่ยืนมองเหตุการณ์มาพักใหญ่ ถึงกับส่ายหน้า และเดินออกไปยิ้ม ๆ

คนเรานี่บทมันจะควายแม่งก็ควายจริง ๆ

“หญ้าที่บ้านกูมีเพียบ ว่าง ๆ ไปช่วยเล็มให้หน่อย” ลูกพี่บุ้ง

“มองดี ๆ อำนาจ... ถ้ามองด้านเดียวไปตลอดอย่างนี้กูก็ชักจะสงสารน้องพู่มัน”

อะไรวะ สงสารมันทำไม

“ร้องไห้เดินไปไหนแล้วไม่รู้ ถ้ายังเห็นว่ามันเป็นน้องอยู่จะเดินไปดูมันซักหน่อยก็ได้ ไม่มีใครว่านะ เดี๋ยวตรงนี้กูจัดการให้เอง”   

วิโรจน์พูดออกมาลอย ๆ และกลับไปเช็คของ ของตัวเองที่วางอยู่

สิ่งที่อำนาจไม่เข้าใจ คือปฏิกิริยาของคนรอบข้าง แทนที่จะเห็นใจกู เสือกไปเห็นใจไอ้พู่ซะงั้น

ตกลงกูผิดใช่มั้ยวะ กูผิดใช่มั้ยวะเนี่ย ทั้งที่คนที่สมควรจะได้รับการเห็นใจคือกูไม่ใช่เหรอวะ แต่นี่เสือกเห็นใจไอ้พู่กันหมด
แม่ง...........ไม่มีใครเข้าข้างกูเลยซักคน.......

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: รักเกิดในแผนกขนส่ง.....ภาคพิเศษ อำนาจ-พู่ ตอน แล้วกูจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-05-2014 06:11:13
ที่จริงก็รู้หรอกว่าไม่ควรโมโหและตะคอกใส่น้องร่วมแผนกขนาดนั้น

รู้สึกผิดในใจลึก ๆ และอำนาจที่กำลังยืนเช็คของก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะเดินไปหาวิโรจน์ และยื่นกระดานเช็คของส่งให้

“กูฝากเช็คต่อหน่อย กูว่าจะไปดูไอ้พู่ ไม่เห็นมันเข้ามาซักที ไม่รู้ตายห่าไปยัง”

เริ่มฉลาดแล้วนี่หว่า

“ไปเลย เดี๋ยวกูจัดการให้”

วิโรจน์รับหน้าที่แทน และวิเชียรที่เดินเข้ามายืนอยู่ก่อนแล้ว ก็อมยิ้ม

“วอ. ไอ้แก๊ปมันเอาไว้ที่ไหน”

ถามเพื่อความมั่นใจและวิโรจน์ก็พยักเพยิดใบหน้าให้รู้ว่ายังวางอยู่บนโต๊ะเช็คของ

“งั้นจัดไป.........วอ.2 ใครอยู่ข้างนอก อยากเห็นอะไรเด็ด ๆ ให้จับตามองควายแดกหญ้าที่กำลังเดินออกไปเงียบ ๆ งานนี้มีเฮแน่ คอยดูกันเอาไว้ให้ดี”

วอ. บอกพรรคพวกขาเสือกที่คอยลุ้นมานานอย่างใกล้ชิด และบุ้งที่รอเช็คเวลาอยู่ที่เคาร์เตอร์ลงเวลารถเข้า ก็หัวเราะออกมาเสียงเบา

“มึงนี่ก็ขยันเสือกเรื่องของชาวบ้านชาวช่องเขาออกหน้าออกตาจริงนะ ไอ้ห่าเชียร”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: รักเกิดในแผนกขนส่ง.....ภาคพิเศษ อำนาจ-พู่ ตอน แล้วกูจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-05-2014 06:11:46
น้องพู่ ยกหลังมือขึ้นเช็ดน้ำตาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ยิ่งเช็ดก็ยิ่งร้องหนักเข้าไปใหญ่

มองนาฬิกาที่ข้อมือแล้วก็ยิ่งรู้สึกแย่ อู้งานมาชั่วโมงกว่าแล้ว ไม่รู้พี่ ๆ จะคิดยังไง ไม่ชอบกินแรงคนอื่น   แม้อายุน้อยที่สุดก็อยากทำให้เต็มที่ พวกพี่ ๆ จะได้ยอมรับ ไม่อยากเป็นตัวถ่วงให้พี่ที่แผนกทุกคนต้องหนักใจ แต่กลับไปตอนนี้ ก็ไม่รู้จะทำหน้ายังไง  พี่อำนาจคงจะยิ่งโมโหมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่เห็นหน้า ก็เลยได้แต่แอบมายืนร้องไห้เงียบ ๆ อยู่ข้างห้องเก็บของเก่า ที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน นาน ๆ จะมีคนเดินมาแถวนี้ซักคน ก็เลยยืนร้องไห้ได้อย่างไม่อายใคร

“ร้องห่าอะไรนักหนาวะ.........ชาวบ้านเขาหาว่ากูรังแกมึงกันหมดแล้ว  มึงนี่มันโชคดีนะ มีแต่คนเข้าข้าง กูซะอีก โดนมึงด่าฉอด ๆ ปาว ๆ ว่าเช็คของไม่ละเอียด เช็คของขาด ของเกิน แล้วมึงจะให้กูทำยังไง กูก็พยายามเช็คให้ช้าๆ แล้ว จะให้กูเช็คของชัวร์อย่างมึงได้ยังไง กูไม่ได้นั่งประจำทุกวัน”

ถึงกับสะดุ้ง เมื่อคนที่มายืนอยู่ข้างหลัง คือคนที่พู่พยายามจะไม่นึกถึง

พี่อำนาจมาตอนไหนไม่รู้ แต่ตอนนี้พี่อำนาจมายืนด่ากูเรียบร้อยแล้ว

“มึงอู้งานมาชั่วโมงกว่าแล้ว ไปทำงานมึงไป อย่าหาเรื่องกินแรงชาวบ้านเขา นี่กูฝากไอ้โรจน์เช็คของ มันให้กูมาตามมึง ไม่ใช่ว่ากูอยากมาหรอกนะ แต่กูจำใจต้องมา เพราะมึงกำลังกินแรงคนอื่นเขาอยู่.........มึงทำสันดานแบบนี้ กูไม่ชอบ”

โดนด่า  และพู่ที่กำลังจะหยุดร้องไห้ได้แล้ว ตอนนี้ยิ่งร้องหนักกว่าเดิม

“ไอ้เหี้ย พ่อมึงตายไง ร้องอยู่ได้ สัด แม่งน่ารำคาญ ร้องเหี้ยอะไรนักหนา  มึงรีบไปทำงานต่อเลยนะ กูมาตามแค่นี้แหละ เสียเวลากูชิบหาย”

อำนาจรู้สึกหงุดหงิดโมโหไม่ถูกใจกับพฤติกรรมของรุ่นน้อง ยิ่งเห็นยิ่งรำคาญ ยิ่งเห็นยิ่งหงุดหงิดโมโห แม่งร้องอยู่ได้ ทำอย่างกับใครไปฆ่าพ่อมันตาย

“โคตรน่ารำคาญว่ะ แม่งงงง”

อำนาจกำลังจะเดินผละจากไปแล้ว แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อรุ่นน้องที่กำลังยืนร้องไห้ หันมามองอำนาจตาขวาง   พูดบางอย่างให้ได้ยิน และอำนาจก็ต้องเดินย้อนกลับมาอีกครั้ง

“แล้วพี่คิดว่าผมไม่รำคาญพี่หรือไง”

เหรอ

“มึงรำคาญกูเหรอ  มึงรำคาญกูใช่มั้ย แล้วมึงคิดว่ากูไม่รำคาญมึงหรือไง มึงน่ารำคาญยิ่งกว่ากูอีก ไอ้สัด”

อำนาจกระชากไหล่ของคนที่ยืนร้องไห้เข้ามาหา นึกอยากจะต่อยหน้าซักทีเอาให้คว่ำ แต่เพราะใบหน้าที่ยังนองไปด้วยน้ำตาของรุ่นน้อง เลยทำให้อำนาจยอมยั้งมือเอาไว้ ดวงตาที่ยังเจิ่งนองไปด้วยน้ำตา มีแววไหวระริก และริมฝีปากซีดขาวก็ขบเม้มเข้าหากันแน่น ก่อนที่พู่จะพูดบางอย่างให้อำนาจได้ยิน

“ต่อไปผมจะไม่ยุ่งกับพี่อีก  จะเลิกชอบพี่ซักที  พี่จะได้ไม่ต้องรำคาญที่ผมคอยมาวุ่นวายกับพี่”

เออดี  ทำให้ได้อย่างที่ปากมึงพูดแล้วกัน

น้องพู่เดินหนีไปแล้วหลังพูดจบ  และอำนาจก็มองตามทั้งที่ยังมีอารมณ์หงุดหงิดโมโหจนต้องขมวดคิ้วมุ่น

ให้มันจริงอย่างที่ปากมึงพูดเหอะ  กูจะยกมือไหว้ท่วมหัวเลย  เลิกยุ่งกับกูได้ก็ดี  เลิก.......ชอบกู........ได้.........ก็.............

ห๊ะ...........มึงพูดผิดพูดใหม่ได้นะ

ที่กูได้ยินมันถูกแล้วใช่มั้ยวะ   ใครชอบกูนะ .......... ชอบ........ชอบกูเนี่ยนะ

ไอ้พู่เนี่ยนะชอบกู..........เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยย

อำนาจกำลังยืนอึ้ง  ดวงตาเบิ่งกว้าง อ้าปากค้าง  และในหัวกำลังหมุน เพราะเรื่องบางอย่างที่ได้ยิน

เป็นไปไม่ได้หรอก แม่งจะแดกหัวกูอยู่ทุกวัน แล้วเสือกมาบอกชอบกู   ใครจะไปเชื่อวะ
แม่งงงงงงงงงงงงง หูกูคงฝาดไปแล้วแน่ ๆ  ....กูไม่เชื่อหรอก.....ไม่จริ๊งงงงงงงง



TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 08-05-2014 06:12:35
ช้าแต่ชัวร์ใช่ป่ะพี่บุ้ง อิอิ

อำนาจกะน้องพู่ กรี๊ดๆๆ
ถ้ายังไง อย่าลืมหาคู่ให้สุรชาติด้วยนะ (ครบทั้งแผนกยังเนี่ย)

ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไป ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke ตอน งานเลี้ยงส่ง 7/05 : 20.15 น.
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 08-05-2014 06:18:34
 :hao3:
คู่ใหม่ อ่านก่อน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (อำนาจ-พฺู่) ตอน แล้วกูจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 08-05-2014 06:54:05
น้องพู่น่ารักเกินทน อิๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (อำนาจ-พฺู่) ตอน แล้วกูจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 08-05-2014 07:02:12
เป็นฮาเร็ม 5555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (อำนาจ-พฺู่) ตอน แล้วกูจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 08-05-2014 07:26:26
อ๊ะ...มาอีกคู่ น้องพู่ปะทะพี่แก๊ป อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (อำนาจ-พฺู่) ตอน แล้วกูจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: SenzaAmore ที่ 08-05-2014 08:56:34
 :mc4: นิยายเรื่องใหม่ของคุณเท็น กรี้ดดดด สนุกมากๆค่ะ
ขอบคุณที่เอามาลงน้า รอตอนต่อไปค่ะ +1 :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke(วิโรจน์&อ้น) ตอนอ้นของพีท 7/05 : 15.46 น.
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 08-05-2014 08:56:55
ชอบบบบบบบบบ คร๊า ดีใจที่สุดได้อ่านงานคุณเท็นอีกครั้ง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (อำนาจ-พฺู่) ตอน แล้วกูจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: conankungkub ที่ 08-05-2014 09:01:44
กร๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (อำนาจ-พฺู่) ตอน แล้วกูจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 08-05-2014 09:13:49
555555 อำนาจเข้าตำรา "รู้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องตัวเอง" :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (อำนาจ-พฺู่) ตอน แล้วกูจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: nnA ที่ 08-05-2014 09:16:52
 o18
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (อำนาจ-พฺู่) ตอน แล้วกูจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 08-05-2014 09:18:15
อำน๊าจ จ จ จ จ จ =_=^^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (อำนาจ-พฺู่) ตอน แล้วกูจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 08-05-2014 09:27:37
น้องพู่น่าสงสารอ่ะ เพราะพี่อำนาจ ความรู้สึกช้ามากกกกก อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (อำนาจ-พฺู่) ตอน แล้วกูจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 08-05-2014 09:43:30
ในที่สุดเราก็ตามทันนนน   :katai2-1:

ขอตามติดติดตามเรื่องนี้ด้วยคน สนุกมากเลยยค่ะ ชอบทุกคู่เลย แต่ที่สุดก็ต้อง พี่บุ้งกับน้องมีนเลย  :impress2:
ส่วนอีกคู่ก็ต้องพี่วิเชียรกะอาคุณเฮีย พี่เชียรแกได้จายยย  :-[

อ่านแล้วอยากจะไปสมัครเป็นแม่บ้านแผนกขนส่งบริษัทนี้เลย รับไหมคะรับม้ายยยย
เงินเดือนไม่ต้องก็ได้  ฟินสุดใจขนาดนี้    :hao7:

รอตอนต่อไปค่ะ   :L2: :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (อำนาจ-พฺู่) ตอน แล้วกูจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-05-2014 09:50:08
แย่ละสิคราวนี้ต้องเป็นฝ่ายไล่ตามบ้างแน่ๆ
หัวข้อ: รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ อำนาจ & พู่ .....ตอน เห็นว่างอยู่ขอจีบหน่อยได้ป่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-05-2014 09:57:32
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/07/ไฟล์เปล่า13M0Or.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ อำนาจ & พู่ .....ตอน  เห็นว่างอยู่ขอจีบหน่อยได้ป่าว

“ไปตั้งไกล  ไปทำห่าอะไรวะ  แทนที่จะมาช่วยกูเช็คของ เสือกหลบหน้าอยู่ได้  แตงกวาแม่งถุงละกี่โลวะ 
เปลี่ยนแพคเกจใหม่ก็ไม่เคยบอกใคร สัด ไอ้พู่ก็ไม่มาช่วยเช็ค แม่ง มะเขือเทศอีก นี่มันอะไรวะเนี่ย พริกแดง.... พริกแดง
นี่มันพริกขี้หนู เหี้ยเอ้ยยยยยยยยยย เช็คผิดอีก"

ระดับความหงุดหงิดกำลังเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
หงุดหงิด หงุดหงิด หงุดหงิด หงุดหงิด โว้ยยยยยยยยยยย

“เป็นห่าอะไรวะ บ่นพึมพำอะไรอยู่ได้ มึงเห็นมั้ยกูทำอะไรอยู่”

วิโรจน์ชักเริ่มรู้สึกรำคาญเพื่อนร่วมแผนกที่นั่งข้างๆ ที่บ่นพึมพำอยู่คนเดียวไม่เลิก เลยต้องบอกออกไปให้อำนาจรู้ตัวซะบ้าง ว่าสิ่งที่มันทำอยู่ในเวลานี้ ไม่ควรทำ เห็นมันเช็คของไป บ่นไป เช็คไป ขมวดคิ้วไป เช็คไปอารมณ์เสียไป ตกลงมันเป็นอะไรของมัน

“โทษทีว่ะ”

ขอโทษขอโพยกันไปเรียบร้อย และอำนาจก็ไล่เช็คของใหม่ตั้งแต่แรก แต่ก็ไม่เห็นว่าจะตรงซักที เลยต้องพูดออกมาเสียงดัง หวังให้คนบางคนได้ยิน

“ทำไมเช็คกี่รอบก็ไม่ตรงซักทีโว้ยยยยยยยยยยยยย อะไรมันหายไปว๊า เช็คจนตาจะหลุดอยู่แล้วววววววววววววว ก็ยังไม่รู้ว่าอะไรหายปายยยยยยยยย”

พูดให้ใครฟังไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ วิโรจน์ชักเริ่มรำคาญกับอาการอ้อมโลกของอำนาจ

“อยากบอกไปบอกกันเอง ไม่ต้องมาทำเป็นพูดเสียงดังให้คนอื่นเขารำคาญ แม่ง เสียสมาธิหมด”

วิเชียรที่เข้ามารับหน้าที่ช่วยตรวจสอบเอกสารเข้าจากซัพ ตะโกนออกไปเสียงดัง พอให้คนที่สมควรฟัง ได้ยิน

และน้องพู่ ที่วันนี้ไปยืนอยู่ตั้งไกล ก็เลยต้องยอมเดินมาหาอำนาจที่กำลังเช็คของวนแปดรอบไม่ยอมจบซักที

“เดี๋ยวผมดูให้พี่”

น้องมันก็ยังเป็นเหมือนเดิม มีน้ำใจเหมือนเดิม แต่ความรู้สึกของคนที่ควรจะเหมือนเดิมชักเปลี่ยนไป

มันน่าโมโห ที่อยู่ดี ๆ คนที่เคยมาวุ่นวายด้วยตลอดอยู่ดี ๆ ก็มาทำเป็นหมางเมิน ไม่ยอมเข้าหาเหมือนทุกวัน หนึ่งสัปดาห์เต็มแล้ว ที่อำนาจได้แต่เก็บความรู้สึกหงุดหงิดไม่ชอบใจ เอาไว้คนเดียวเงียบ ๆ

นึกอยากจะถามให้รู้เรื่องว่ามันอะไร ยังไง กันแน่วะ ไอ้น้องพู่แม่งเสือกไม่อยากคุยกับกูซะงั้น เดินหนีได้มันก็ทำ เลี่ยงได้มันก็เลี่ยง หลบได้มันก็หลบ กลายเป็นทางนี้นี่แหละที่กำลังจะประสาทแดกตาย

“อันนี้ซัพเขาเปลี่ยนบิลใหม่แล้ว พี่ต้องเอาบิลนี้ไปให้พี่วิเชียรเปลี่ยนให้”

เหรอ รู้ดีจังเลยนะ ถ้ารู้ดีขนาดนั้น ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก ปล่อยให้คนสแปร์เช็คอยู่ได้ตั้งนาน แล้วกูจะรู้มั้ย

“ไปเปลี่ยนให้หน่อยดิ”

ใช้กันดื้อ ๆ ทั้งที่แต่ก่อนไม่เคยใช้ ไม่เคยขอความช่วยเหลือแต่อยู่ดีๆ ตอนนี้กลับมาใช้งานกันดื้อ ๆ และถึงแม้จะงง แต่พู่.......ก็ยังทำให้ ลุกขึ้นเอาบิลไปเปลี่ยนที่วิเชียร และเดินกลับมาหาอำนาจ ยื่นบิลที่ถูกต้องให้ และทำท่าจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง

“เดี๋ยวก่อนสิ วันนี้ตาลาย เช็คไปหลายรอบ ขืนเช็คอีกรอบได้มั่วบ้างล่ะ มาช่วยเช็คหน่อยดิ๊”

เป็นการขอความช่วยเหลือที่วิโรจน์ถึงกับส่ายหน้ากับสิ่งที่อำนาจทำ และวิโรจน์ก็หันไปสบตาวิเชียร ที่กำลังกลั้นความขำ

“เดี๋ยวผมเช็คให้อีกรอบก็ได้ พี่ไปทำอย่างอื่นเหอะ จะได้ไม่เสียเวลา”

เหรอ

“อยู่ดูหน่อยไม่ได้ไง เกิดเช็คผิดเช็คถูกขึ้นมา คนรับหน้าที่โดยตรงก็ซวยสิวะ”

ก็ได้พี่ ถ้าพี่จะอยู่ดู ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร

พู่หยิบของออกมาเช็คเรื่อย ๆ ก้มหน้าก้มตาเช็ค แต่ไม่มองหน้าของอำนาจ ที่ทำทีเป็นช่วยหยิบของ แต่หลายครั้งที่สายตาไม่ได้อยู่ที่ของ แต่ไปอยู่ที่หน้าของรุ่นน้องเรียบร้อยแล้ว

และพออีกฝ่ายรู้ตัวมองตอบกลับ อำนาจก็ทำทีเป็นก้มมองของ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เล่นเอาวิเชียรที่นั่งมองอยู่อยากจะลุกขึ้นมาตบกบาลให้คว่ำ

..........ฟอร์มจัดดีนักนะมึง............

“อันนี้มันอะไรวะ”

น้องพู่ขมวดคิ้วมุ่นและเพ่งสายตาไปที่ตัวอักษรที่ปรากฏอยู่ในบิล ตัวหนังสือเลือนลางมาก และอำนาจที่รอจังหวะอยู่ก่อนแล้วก็ชะโงกหน้าเข้ามาหาทันที

“ไหนวะ ดูหน่อยซิ”

ไม่ใช่แค่ดูหน่อย แต่ดูจนจะชิดหน้าของน้องพู่อยู่แล้ว และคนที่ไม่ทันตั้งตัวก็ถึงกับผงะ และถอยออกห่าง แก้มขาว ๆ ขึ้นสีแดงเรื่อทันที เมื่อก่อนอำนาจไม่เคยรู้สึกอะไร  แต่ไม่รู้ทำไมวันนี้ถึงรู้สึกว่าคนที่เคยน่าหงุดหงิดรำคาญสำหรับอำนาจ กลายเป็นคนที่น่ามองที่สุด

ก็น่ารักดีนี่หว่า........หลบตากูอีก........อ่ะนั่น  ก้มหน้าก้มตาหนีหน้ากูซะงั้น...........มึงไปทำอะไรมาวะพู่.......
ทำไมพักนี้มึงดู.... น่ารักจัง...........

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (อำนาจ-พฺู่) ตอน เห็นว่างอยู่ขอจีบได้ป่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-05-2014 09:58:43
“ยิ้มเชียวนะมึง ห่าแก๊ป พอทีนี้ล่ะเสือกยิ้มขึ้นมาได้ทันทีเลยนะ”

พี่สุรชาติที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เอ่ยแซว และอำนาจก็หัวเราะชอบใจ

“อะไรพี่ ไม่มีอะไรซักหน่อย คิดมากกันไปเองหรือเปล่า”

เหรออออออออ

“แดกหญ้ามานาน พอเปลี่ยนมาแดกข้าวแล้วรู้สึกยังไงบ้าง”

วิโรจน์ผู้เก็บทุกเม็ด และด่าได้เจ็บแสบกว่าใครเพื่อน

“แดกข้าวแดกหญ้าห่าอะไร  กูไม่รู้เรื่องงงงงงง”

ตอบออกไปยิ้ม ๆ และพี่สุรชาติก็ถึงกับส่ายหน้ากับสิ่งที่อำนาจพูด

“ทีเมื่อก่อนล่ะด่าจัง ทีตอนนี้ล่ะ เรียกหาจัง”

มันก็มีบ้างแหละพี่ ของแบบนี้ ยิ่งรู้ว่าน้องมันมีใจด้วยแล้ว ทางมันก็สะดวก

“ตกลงคิดยังไงวะแก๊ป”

คราวนี้คำถามจริงจัง และอำนาจที่กำลังนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก็ชะงักนิ่ง

“ไม่รู้ว่ะ คิดอะไร ผมไม่ได้คิดอะไรเลย  พวกพี่พูดเรื่องอะไรกันวะ ไม่เห็นจะเข้าใจ”

แกล้งโง่ อำนาจแกล้งทำเป็นก้มหน้าก้มตากินข้าว แต่มันดูน่าหมั่นไส้สำหรับวิโรจน์และพี่สุรชาติมากที่สุด

“สาวแผนกบัญชีมีน่ารักอยู่คน  กูว่าจะแนะนำให้ไอ้น้องพู่มันซะหน่อย ดีมั้ยวะ”

จากหน้ายิ้มระรื่น  อำนาจรีบเงยหน้าขึ้นและวางช้อนลงทันที

“เฮ้ย  อย่านะพี่  พี่ทำแบบนั้นไม่ได้นะพี่บาส”

อำนาจถึงกับตาโต เมื่อได้ฟังสิ่งที่รุ่นพี่แกล้งพูด และวิโรจน์กับสุรชาติก็ทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่อำนาจทักท้วง

“แนะนำสาวจัดซื้อให้มันไม่ดีกว่าเหรอพี่ มีน่ารักอยู่นะ น้องพู่มันอาจจะชอบ”

เหี้ยยยยยยยยยยย จะแนะนำให้มันทำไมวะ กูนั่งอยู่นี่ทั้งคน  ถ้าจะแนะนำ ก็แนะนำกูนี่

“เออ  ยอมแล้ว ยอมแล้ว บอกก็ได้วะ”

มันควรจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้วแหละ  มึงก็มัวลีลาท่ามากอยู่นั่น  พูดออกมาซะตั้งแต่แรกก็จบ

“ตกลงคิดยังไงวะแก๊ปเอาดี ๆ”

คำถามง่าย ๆ แต่ทำให้อำนาจถึงกับขมวดคิ้วมุ่น และถอนหายใจออกมายาว ๆ

“ไม่รู้ว่ะ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรกับมันนะ แต่พักหลัง ๆ เป็นอะไรไม่รู้   มอง ๆ แล้วก็รู้สึกว่าน้องมันน่ารักขึ้นมา”

เป็นการอธิบายที่วิโรจน์นึกอยากจะกระโดดถีบยอดหน้าของเพื่อนร่วมแผนกมาก แต่ก็ต้องใจเย็นเอาไว้ ทั้งที่เริ่มคันตีนนิด ๆ

“แล้วน้องพู่มันว่าไงมั่ง”

ว่าไงเหรอ

“ไม่รู้ว่ะ แม่งหน้าผมมันยังไม่มองเลยพี่ จะเอาอะไรมาพูดล่ะ นี่ผมก็คิดอยู่เหมือนกันว่าจะพูดยังไงกับมันดี”

มันจะไปยากอะไรวะ

“ก็จีบสิวะ  น้องมันไม่ได้แดกหญ้าอย่างมึง พูดกับมันตรง ๆ มันก็เข้าใจ”

นี่มึงหลอกด่ากูอยู่นะเนี่ยโรจน์  ให้เอางั้นเลยเหรอวะ มันจะดีเหรอ

“งั้นฝากจานข้าวก่อนนะ เดี๋ยวมา”

อำนาจลุกขึ้นยืนและทำท่าจะเดินออกจากโรงอาหาร จนพี่สุรชาติต้องเรียกเอาไว้

“ไปไหนวะแก๊ป”

จะไปไหนได้ล่ะพี่

“ไปจีบไอ้พู่”

พูดเสร็จอำนาจก็เดินลิ่วออกไปจากโรงอาหารทันที ทิ้งให้วิโรจน์กับสุรชาติมองหน้ากันนิ่ง ๆ ก่อนจะส่ายหน้าและหัวเราะออกมาด้วยความขำ

บทจะฉลาดขึ้นมา   อำนาจแม่งก็ฉลาดได้ใจมาก กูล่ะเชื่อมันเลยจริง ๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (อำนาจ-พฺู่) ตอน เห็นว่างอยู่ขอจีบได้ป่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-05-2014 09:59:37
“ทำไรวะ”

เมียง ๆ มอง ๆ อยู่นาน หาจังหวะไม่ได้ซักที สบโอกาสปลอดคน เห็นน้องพู่มันนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่คนเดียว อำนาจก็เลยถือโอกาสเดินมานั่งอยู่ข้าง ๆ และทำเป็นชะโงกหน้าไปมองโทรศัพท์ของน้องพู่อย่างสนใจ

“ไม่ได้ทำอะไรพี่ แค่ดูนั่นดูนี่ในโทรศัพท์เฉย ๆ”

เหรอวะ แล้วทำไมต้องก้มหน้าก้มตาหลบกูซะขนาดนั้นด้วยวะ

“แล้วไม่กินข้าวกลางวันเหรอ”

ก็.......ว่าจะไปอยู่

น้องพู่เตรียมลุกขึ้นยืน และอำนาจก็รีบดึงมือของพู่เอาไว้

“รีบไปไหนวะ เวลาพักอีกตั้งเยอะแยะ ตอนนี้คนเต็มโรงอาหาร ไปกินตอนนี้ก็แย่งกันเปล่า ๆ นั่งก่อนสิ เดี๋ยวค่อยไปก็ได้มั้ง”

มันก็ได้อยู่พี่ แต่พี่ปล่อยมือผมก่อนดีกว่า แบบนี้ผมว่ามันชักไม่ค่อยดี

พู่กลับลงมานั่งเรียบร้อยแล้ว และยังคงไม่ยอมพูดอะไรกับอำนาจอีก

แม่ง ห่าอะไรของมันนักหนาวะ กูก็เขินนะเนี่ย ไอ้ห่าพู่นี่ก็แม่ง เกิดนึกจะใบ้แดกขึ้นมาแม่งก็ใบ้แดกจริง ๆ ถามคำตอบคำ เล่นเอากูไปไม่เป็นเลย

“เป็นไงมั่งล่ะช่วงนี้”

ช่วงนี้เหรอพี่

“ก็ดีพี่ ไม่ได้เป็นไง”

ไม่ใช่สิ กูไม่ได้หมายความแบบนั้น กูหมายถึง..........เอ่อ....

“หมายถึงว่า......รู้สึกยังไงกับคนแถวนี้อยู่หรือเปล่าประมาณนั้นไม่ใช่แบบที่ถาม หมายถึงว่า เออ ยังคิดจะอะไรด้วยต่อไปมั้ย
ยังอยากมาช่วยเช็คของอยู่มั้ย อะไรแบบนั้น......นะ..อ่า....”

พูดไม่ถูก ไปต่อไม่เป็น เมื่อคนฟังเอาแต่นั่งฟังเงียบ และไม่มีคำตอบอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น

“..........................”

“พู่.....นี่เอาจริง ๆ นะ ไม่เล่น เอาแบบจริงจัง........... ไอ้ที่ช่วยๆ  มาตลอดเนี่ย  แค่อยากช่วยอย่างเดียวเหรอ  หรือว่าช่วยเพราะว่า........ก็คิดอะไรอย่างอื่นอยู่ที่มากกว่าช่วย.........แล้วก็....”

ไม่รู้จะอธิบายยังไง และอำนาจที่กำลังไปต่อไม่เป็น ก็นิ่งเงียบไปซะเฉย ๆ เหลือบสายตามองหน้าของคนที่นั่งเงียบอยู่ข้าง ๆ แล้วก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ คือยังไงล่ะ กูก็ไม่รู้จะพูดยังไง    ก็เออ นั่นแหละ

“ผมไม่รู้ว่ะพี่..........”

เออดี  มึงตอบกูแบบนี้   กูก็เอ๋อแดกสิวะ   ขนาดมึงยังไม่รู้  แล้วกูจะไปรู้ห่าอะไรได้วะเนี่ย

 “นี่มึงตอบกูแล้วเหรอเนี่ย   แม่ง....แล้วกูจะรู้กับมึงมั้ยล่ะ”

อำนาจได้แต่ถอนหายใจออกมา  คุยกันไปเรื่อยๆ  เดี๋ยวคงได้พาลทะเลาะกันเปล่า ๆ

“ผมรู้ว่าพี่รำคาญ”

เออใช่  กูรำคาญ  รำคาญมากด้วยถ้าเป็นเมื่อก่อน    แต่ไม่ใช่ตอนนี้  เพราะตอนนี้กูเลิกรำคาญมึงตั้งนานแล้ว รู้เอาไว้ด้วย

“มึงอย่าออกนอกประเด็น  กูคิดไม่ทัน”   ยิ่งหงุดหงิดก็พาลให้ยิ่งคิดอะไรไม่ออกเข้าไปใหญ่และอำนาจก็นั่งหน้าบึ้ง   เพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปดี

น้องพู่เงยหน้าขึ้นมามองหน้าของคนที่นั่งหน้าเครียดอยู่ข้าง ๆ  แล้วก็ก้มกลับลงไปอีกครั้ง

ไม่มีคำตอบ แต่แววตาที่มีแต่ความสับสนและไม่มีความมั่นใจในตัวเองแบบนั้นมันทำให้อำนาจนึกสงสารขึ้นมา

“ถ้าสมมติมีคนมาชอบมึง....จะเป็นยังไง มึงเคยคิดเอาไว้บ้างหรือเปล่าวะพู่”

ไม่คิด

ไม่เคยคิด

และคราวนี้น้องพู่ก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าของอำนาจอีกครั้ง จ้องมองใบหน้าของอำนาจนิ่ง ๆ  และกลายเป็นอำนาจที่ต้องหลบตาน้อง     เริ่มทำหน้าไม่ถูก คือกูไม่เคยจีบใครแบบจริง ๆ จัง ๆ ไง ก็เคยมีมาบ้าง เล่น ๆ หยอด ๆ แต่ไม่ใช่อารมณ์จริงจังแบบนี้

“พี่ว่าไงนะ”

อ้าว ไอ้เด็กห่านี่ มึงหูตึงไม่ตั้งใจฟังที่กูพูดหรือไงวะ ตกลงจะให้พูด จริง ๆใช่มั้ย

“จีบนะ”

อำนาจพูดบางอย่างออกมา  ไม่มีการอารัมภบทใด  ๆ ทั้งสิ้น และกลายเป็นน้องพู่ที่อ้าปากค้าง   อาการใจสั่นกำลังเล่นงาน 
ไม่กล้าถามอีกครั้งว่าคำว่า "จีบนะ"  ของอำนาจหมายถึงจะจีบใคร

ตั้งท่าจะลุกขึ้นเดินหนี  แต่ก็ถูกอำนาจดึงมือเอาไว้ไม่ยอมให้ไป  ดวงตาที่จ้องมองมามีแต่ความจริงจังไม่ได้ล้อเล่น  และเป็นการยืนยันให้พู่มั่นใจ ว่าไม่ได้ฟังผิดแน่ ๆ

“จีบได้มั้ยวะ”

จีบ...........จีบใครวะ.........

ชี้มือไปที่ตัวเอง  และน้องพู่ก็จ้องหน้าของอำนาจให้ชัด ๆ พยายามไม่เข้าข้างตัวเอง และอำนาจก็พยักหน้ารับ 
ทั้งที่ยังทำหน้าไม่ถูก

“จีบใครวะพี่”

จะให้จีบใครได้ล่ะวะ  ชี้มึงกูก็ต้องจีบมึงสิ  อยู่กับมึง  พูดกับมึง  ก็จีบมึงเนี่ยแหละ  มึงยังไม่เข้าใจอีกเหรอวะพู่

นี่มึงจะต้องให้กู อธิบายอีกยาวแค่ไหน  มึงถึงจะเข้าใจได้วะ  กูเขินนะ    แม่งไม่เห็นใจกูบ้างเลยใช่มั้ย   จะให้กูพูดซ้ำซากหรือไง   กูชักโมโหแล้วนะโว้ยยยย 

“ก็จีบมึงนั่นแหละ   จะให้พูดยังไงวะ  เออ  กูจะจีบมึง...........เข้าใจยัง”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (อำนาจ-พฺู่) ตอน แล้วกูจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-05-2014 10:00:16
“พริกแดงสอง”

“ผ่าน”

“แพ็คเกจใหม่  ขิงสิบสอง...... ถุงละสองกิโล”

“หกแพ็ค  ผ่าน”

“อันนี้อะไรวะ”

อำนาจดึงบรรจุภัณฑ์แบบใหม่ในตะกร้าขึ้นมาดู  และน้องพู่ก็ขยับเข้ามาใกล้เพื่อช่วยอ่านว่าของที่อยู่ในมือของอำนาจคืออะไร

“บิลมันบอกว่าเป็น..............เซอลารี่  อันนี้....อ่านว่า.........เซอ......อืมมมมม”

พยายามพินิจพิจารณาตัวอักษรภาษาอังกฤษบนบรรจุภัณฑ์  และน้องพู่ก็ขมวดคิ้วมุ่นเพราะปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวอักษรภาษาอังกฤษที่เขียนแปลก ๆ แต่เป็น...............

“มองอะไรพี่แก๊ป”

มองอะไร  ไม่ได้มอง กูเปล่า

“มองของดิ   มาทำงานก็มองของ  พี่ตั้งใจทำงานว่ะ  ไม่ได้มาทำอะไรเล่น ๆ แบบคนแถวนี้”

เหรอ

มองของก็มองของ  ก็ไม่ได้ว่าอะไร

“แล้วมือ.............”

มือเหรอ   ก็มันว่างไง  ตอนนี้ตามองของ     ยังไม่ได้เช็คของมือก็ว่างอยู่  แล้วจะให้ทำอะไรวะ  แอบจับมือพู่แค่นี้ทำเป็นมีปัญหาเยอะนะ   ไม่มีใครเห็นหรอกน่า  จับในตะกร้าแบบนี้ใครจะมารู้

“เฮ้ย  ตั้งใจทำงานสิ  มาหน้าแดงอะไรตอนนี้  มึงนี่เรียนสูงซะเปล่า  ตั้งใจทำงานแค่นี้ทำไม่ได้ เหรอ   ตั้งใจหน่อยสิวะ  มีสติหน่อย”

แกล้งทำหน้าขรึมใส่แล้วอำนาจก็ลอยหน้าลอยตาพูดไปเรื่อย  ไม่สนใจเลยว่าคนที่กำลังพยายามอ่านชื่อภาษาอังกฤษจะต้องใช้สมาธิเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า  น้องพู่ขบริมฝีปากแน่น  และขมวดคิ้วมุ่น   ฝ่ามือเย็นลงเรื่อย ๆ เมื่ออำนาจจับมือเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

“เซอ..........เซอ....ลาลี่  ถูกแล้ว”

เหรอ  เออคงใช่  คนเรียนมาสูงก็ดีอย่างนี้แหละ   เก่งนะเนี่ย

“ปล่อยได้ยัง”

น้องพู่ก้มลงมาถามอำนาจเสียงเบา และก็มองไปทางวิโรจน์ที่แกล้งทำเหมือนไม่รู้ว่าอำนาจกำลัง “จีบ”  รุ่นน้องในแผนกอยู่

“ปล่อยอะไรวะ”

ปล่อยอะไรล่ะ  ก็เนี่ย  มือผมเนี่ย  ปล่อยเหอะพี่แก๊ป  ผมอายพี่โรจน์เค้า

“ไอ้พี่แก๊ป”

เออ   ปล่อยก็ปล่อย  แอบจับมือแค่เนี้ยะทำไมต้องดุใส่ด้วยวะ   กูกลัวจะตายห่าแล้วนะโว้ย

“แม่ง.............ดุจังวะ.....ดุห่าอะไรนักหนาเนี่ย...”

อำนาจบ่นพึมพำเสียงเบาทั้งที่แอบลอบยิ้ม   และน้องพู่ก็ต้องลุกขึ้นเดินหนี  เพราะขืนอยู่นานกว่านี้   คงโดนอำนาจแกล้งไม่หยุดและคงได้สติแตกไม่เป็นอันทำงานแน่  ๆ   

อำนาจมองตามไปแบบยิ้ม ๆ รู้สึกดีที่ได้แกล้งหยอกให้น้องพู่อายได้

หันมามองหน้าวิโรจน์ที่กำลังหัวเราะออกมาด้วยความขำ  แล้วอำนาจก็พยักหน้าให้

“มึงหลอกจับมือน้องมันนี่หว่า  นึกว่ากูไม่รู้เหรอ”

แกล้งแซว  และอำนาจก็ยกมือลูบผมตัวเองด้วยความเขิน  ที่โดนเพื่อนจับได้

“แม่งดุจะตายห่า   กูเหลวไหลหน่อยไม่ได้เลย   จะแดกหัวกูตลอด  หาว่ากูไม่ตั้งใจทำงาน  กูก็ต้องขอเอาคืนบ้างสิวะ  นาน ๆ ที”

มึงก็เกินไปว่ะ  เอาคืนซะน้องมันไปไม่เป็นเลย  เดินหนีเตลิดไปแล้ว

“แล้วดีมั้ยวะ   มีคนช่วยเช็คของแบบนี้”

มึงก็ไม่น่าถามนะ   ถ้ารู้ว่ามีคนช่วยแล้วมันดีแบบนี้  กูจีบไอ้น้องพู่ไปตั้งนานแล้ว  ไม่โง่ทะเลาะกับมันอยู่ได้ตั้งนานสองนานหรอก 

อำนาจก้มหน้าก้มตาเช็คของไปเรื่อย ๆ ทั้งที่ใบหน้ามีแต่รอยยิ้มจาง ๆ และดวงตาก็เป็นประกายระยิบระยับ เมื่อนึกถึงหน้าของคนที่ขยันมาช่วยเช็คของทุกครั้งที่มีโอกาส

“อย่าให้พูดเหอะ.........แม่ง........โคตรรู้สึกดี”



TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (อำนาจ-พฺู่) ตอน แล้วกูจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: conankungkub ที่ 08-05-2014 10:01:37
มาอีกแล้ว มาต่ออีกแล้ว ฟินฝุดๆๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (อำนาจ-พฺู่) ตอน แล้วกูจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 08-05-2014 10:05:30
ชอบๆ เอาอีกๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (อำนาจ-พฺู่) ตอน แล้วกูจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 08-05-2014 10:13:42
5555

โดนเลย กว่าจะรู้ เค้ารู้กันทั้งแผนกแล้ววว อำนาจเอ้ยย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง..by aoikyosuke (อำนาจ-พฺู่) ตอน แล้วกูจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-05-2014 10:14:53
ได้ใจมากเลยทั้งคนเขียนทั้งคนโพสท์
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.......... by aoikyosuke 08/05/2557 : 10.24 น.
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 08-05-2014 10:26:28
ในที่สุดอำนาจก็ได้พบกับทางสว่าง รุกใหญ่เลยยย เล่นเอาน้องพู่เขินจนไปไม่เป็นเลยวุ้ย  :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.......... by aoikyosuke 08/05/2557 : 10.24 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-05-2014 10:39:06
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/02/ไฟล์เปล่า1Nn1wd.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง.....ตอน วิธีการหลีกเลี่ยงการดักฟัง

มีนเพิ่งจะรู้แจ้งว่าอาการที่ว่าโดนเอาจนขาถ่างมันเป็นยังไง เพราะในเวลานี้มีนก็ยังต้องถ่างขา หลังจากที่ถ่างมาตั้งแต่เช้ามืด จนถึงป่านนี้ เพราะพี่บุ้งกำลังแทงเข้ามาอย่างไม่ยั้ง

“อื้ออออออออ อื้ออ อึก อื้อออออ พี่บุ้ง ซี้ดส์ พี่บุ้งงง โอ้ยยยยย พี่บุ้ง จะแตกแล้ว....อื้อ ไม่ไหวแล้วพี่บุ้ง อื้อออ”

รอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ ที่รู้ ๆ คือ แทบจะหมดแรงลุก

น้ำคงหมดตัวไปเรียบร้อยแล้ว เพราะเมื่อบอกว่าจะแตก แต่เมื่อขยับมือจนถึงวินาทีสุดท้าย ก็แทบจะไม่มีน้ำออกมา มีออกมาบ้างเล็กน้อย พอให้รู้ว่าถึงที่หมายอีกรอบแล้วจริง ๆ แค่นั้น

และพี่บุ้งที่ยังไม่เสร็จก็หยุดขยับเอวทันที

“มีน....ทำไมรอบนี้แตกเร็วจัง”

ไม่ให้เร็วได้ไง พี่เล่นกระแทกโดนจุดเสียวผมเข้าเต็ม ๆ ขนาดนั้น แล้วผมจะทนไหวได้ยังไง

“มันเสียวอ่ะ มันเสียวมากจนผมทนไม่ไหว อึก อืออออ”

ยังคงหอบหายใจหนัก และบุ้งที่ยังไปไม่ถึงไหน ก็ขยับเอวอีกสองสามครั้งก่อนจะหยุดนิ่ง

“พี่บุ้งแตกก่อนก็ได้ มีนไม่เป็นไร ยังไหว”

ยังไหว แต่หน้าซีดขนาดนี้ สงสัยจะไม่ไหว

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ชักต่อเองก็ได้ มีนจะได้นอนพัก มันตั้งแต่เช้าแล้ว พี่เข้าใจ”

บุ้งค่อย ๆ ดึงท่อนเอ็นที่เสียบแช่คาอยู่ในช่องทางที่เริ่มช้ำและกำลังบวมเป่งเพราะไม่ได้ถอนออกทั้งคืนออกมา
เพียงแค่ถอนออก หยดน้ำข้นเหนียวหนึบที่ถูกทิ้งเอาไว้ตั้งแต่คราวแรก ๆ ก็ไหลตามออกมาด้วย และมีนก็นิ่วหน้า เมื่อรู้สึกว่า ท่อนเอ็นใหญ่ที่เคยอยู่ในนั้นมาตลอด ถูกดึงออกมาแล้ว

“อือออ”

ขาสองข้างที่แยกออกห่างจากกัน ค่อย ๆ ทรุดลง หัวเข่าที่เคยพับขึ้นมาตลอดตั้งแต่รุ่งเช้า แทบจะขยับไม่ได้ เพราะเกร็งอยู่อย่างนั้นหลายชั่วโมง

“ขาเป็นตะคริวอ่ะพี่บุ้ง”

ก็น่าจะเป็นอยู่หรอก

“เดี๋ยวพี่หายานวดให้ ไหนตรงไหนมาดูซิ”

ไม่เป็นไรหรอกพี่ เดี๋ยวก็หาย ขาผมไม่เป็นไร แต่ของพี่ ยังชี้โด่อยู่เลย ถ้าไม่เอาลงคงจะลำบาก

“พี่บุ้ง.......ของพี่ยัง.........ไม่ได้”

อ๋อ นี่เหรอ

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ชักเอาเองก็ได้ แป๊บเดียวก็เสร็จ”

เสร็จเหรอ ชักเองก็ได้เหรอพี่ ถ้าจะชักเอง งั้น………..

“เดี๋ยว ....เดี๋ยว.......เดี๋ยวชักให้ก็ได้”

เฮ้ยยยยยยยยยยยยย ใจดีอ่ะ เมียพี่ใจดีจัง ใจดีขนาดนี้ ไม่ให้ช่วยก็จะเป็นการปฏิเสธน้ำใจกันเกินไป

“จะดีเหรอ”

มันก็ต้องดีอยู่แล้ว..............ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วพี่ ซะขนาดนี้แล้ว.......ผมก็ไม่รู้ว่าจะอายทำไม.....

“ไม่เป็นไร มีนชักให้ดีกว่า ไม่อยากให้พี่ชักเอง”

ดีครับ เมียพี่น่ารัก   งั้นพี่ไม่ปฏิเสธนะครับ  ยินดีมากและเป็นเกียรติที่สุด  งั้นจัดไป

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.......... by aoikyosuke 08/05/2557 : 10.24 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-05-2014 10:39:33
มีนกำลังใช้มือประคองไปที่ท่อนเอ็นขนาดใหญ่ที่กำลังขยับเคลื่อนไหวอยู่ในกำมือ รูดรั้งขึ้นลงจากเร็วไปช้า สลับกันไปมา
และมองหน้าของพี่บุ้งที่กำลังแสดงอารมณ์ให้รู้ว่าถูกใจกับสิ่งที่มีนทำมาก

“พี่บุ้งทำไมของพี่มันใหญ่จัง”

ไม่ได้ถามด้วยความสงสัย  แต่คล้ายเป็นการบ่นมากกว่า  และก็เรียกรอยยิ้มของบุ้งได้

“ก็จะได้ให้มีนมีความสุขเยอะ ๆ ไง”

เอางั้นเลยเหรอพี่

“อาส์ เสียวมากมีน เร็ว ๆ เลย พี่จะแตกแล้ว ซี้ดส์”

พี่บุ้งแหงนเงยใบหน้าขึ้นเพื่อสูดอากาศหายใจ ก่อนจะก้มลงมามองมือของมีนที่กำลังทำหน้าที่อย่างแข็งขัน

เรียวขาแกร่งแยกออกกว้าง และมีนก็มานั่งอยู่ที่กลางหว่างขาของบุ้ง ตั้งอกตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองเป็นอย่างดี และเร่งมือเร็วขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อบุ้งเริ่มหอบหายใจหนักขึ้น

“พี่บุ้งจะแตกยัง”

เกือบแล้ว ใกล้เต็มทีแล้ว

“มีนเร็ว อีกนิด พี่ใกล้แล้ว อึ้ก อื้อออ ซี๊ดดดดด อาส์”

เสียงร้องคำรามลั่นในลำคอ มาพร้อมกับการที่บุ้งเริ่มเกร็งหน้าท้อง เพราะใกล้จะถึงจุดหมายเต็มทีแล้ว

“มีน ก้มลงไปหน่อย พี่อยากแตกใส่หน้ามีน”

เหรอ

เอางั้นเหรอ ได้ เดี๋ยวมีนก้มลงไปให้

ยอมทำตาม ก้มหน้าลงไปที่ท่อนเอ็นใหญ่ ที่กำลังใกล้ปลดปล่อย แนบใบหน้าเข้าไปหา และบุ้งก็ลงมือจัดการท่อนเอ็นใหญ่โตแข็งขืนด้วยมือของตัวเอง

สิ่งที่มีนทำ ก็แค่รอ..........

“โอ้ยยยยย แตกแล้ว อ่าส์ อึก อาส์ อืมมมม”

น้ำรักที่หลั่งจากส่วนปลายของท่อนเอ็นใหญ่ แม้มีเหลือไม่มากนัก แต่ก็ทำให้แก้มขาว ๆ ของมีนเลอะไปด้วยคราบขาวขุ่นหนึบที่พวยพุ่งออกมาได้ บุ้งปล่อยมือออกจากส่วนนั้นแล้วและยังคงหอบหายใจหนัก เมื่อถึงที่หมาย และมีนก็ก้มลงใช้ปากครอบเข้าไปที่ท่อนเอ็นใหญ่ที่ค่อยๆ อ่อนตัวลง เบา ๆ

“อาส์ มีนนนนน อร่อยมั้ย”

มีนไม่ตอบแต่ก้มหน้าเล็กน้อยด้วยความเขิน  ก็กินไปซะขนาดนี้แล้ว จะให้ตอบยังไงล่ะพี่บุ้ง

“อือ”

พยักหน้าบอก ทั้งที่แก้มขาว ๆ ยังเลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบขาวขุ่นข้นที่บุ้งเพิ่งหลั่งออกมา

“เดี๋ยวพี่เช็ดหน้าให้นะ”

เช็ดเหรอ
ไม่เป็นไร

“มันเปื้อนตรงไหนพี่บุ้ง เดี๋ยวผมเช็ดเอง”

เปื้อนตรงไหนเหรอ

บุ้งเลื่อนปลายนิ้วไปตามรอยที่ปรากฏที่ข้างแก้มของมีน ก่อนจะไล้ปลายนิ้วเกลี่ยส่วนที่คั่งค้างอยู่บนใบหน้าของมีนออก
สอดปลายนิ้วที่เต็มไปด้วยคราบน้ำรักที่เพิ่งพ่นออกมาเข้าไปในปากของมีนอย่างช้า ๆ

“หมดแล้ว”


และมีนก็ดูดเลียไปที่ปลายนิ้วที่แทรกเข้ามาในโพรงปากอีกครั้ง  กลืนกินหยาดหยดที่เหลือค้างทั้งหมดลงไป

และคนที่กำลังมองมา ก็แนบใบหน้าเข้ามาหา

ประกบปากเข้ากับปากของมีน และสอดปลายลิ้นเข้าไปโลมไล้ดูดกลืนบางส่วนของร่างกายที่ยังหลงเหลืออยู่ในปากของมีน เข้ามาไว้ในปากของตัวเองและกลืนลงคอไป

ผละใบหน้าออกห่าง และส่งยิ้มหวานเชื่อมให้คนที่มองมาด้วยดวงตาปรือปรอย

เอ่ยชมเสียงเบา และมีผลทำให้ใบหน้าของมีนแดงก่ำขึ้นมาอีกครั้ง

“เมียพี่เก่งจัง…..ทำให้พี่ทุกอย่างเลย”

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.......... by aoikyosuke 08/05/2557 : 10.24 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-05-2014 10:40:08
“ครับผม คืออย่างนี้ครับผมจะอธิบายให้คุณฟังว่า ทางเรายังพอมีศักยภาพในการทำงานที่ดีอยู่ และสามารถดำเนินการให้เป็นไปได้อีกเรื่อยๆ ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วหล่ะ ว่าจะจัดการเคลียร์เวลาให้ชัดเจนได้ตอนไหน ครับ อันนั้นผมทราบดีอยู่ ผมก็คิดอย่างที่คุณบอกผมเหมือนกัน แต่บางทีถ้าหากเกิดความล่าช้าในการส่งงาน ทางเราก็คงจะมีปัญหาใหญ่เกิดขึ้นได้ เราแค่อยากให้คุณทราบว่า ในส่วนของคุณค่อนข้างจะมีความสำคัญกับเรา....และเราค่อนข้างคาดหวังให้คุณสามารถดำเนินงานได้ทันที หลังหมดช่วงเวลาที่คุณติดต่อกับส่วนอื่นเรียบร้อยแล้ว”

บุ้งกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ ใบหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด และไม่ว่าจะเป็นวิเชียรหรือใคร ๆ ที่อยู่ในบริเวณนั้นก็เข้าใจดีว่าลูกพี่กำลังคุยงานสำคัญอย่างตั้งใจ

“พี่บุ้ง แบบนี้จะดีเหรอ พี่วิเชียรเขาไม่สงสัยเหรอพี่”

“ทราบครับ เรื่องนั้นผมก็พอทราบอยู่บ้าง แต่ผมคิดว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรที่ผมจะต้องใส่ใจ คุณก็น่าจะทราบดี”

เข้มมาก

“อือ พี่บุ้งคิดถึงว่ะ  เย็นนี้มารับที่มหาลัยป่ะ”

ได้ยินเสียงที่เอ่ยถาม และบุ้งก็พยายามบังคับหน้าของตัวเองให้นิ่งเข้าไว้ ไม่ให้เผลอยิ้มออกมา

“เรื่องนั้นผมทราบดีครับ ทางส่วนงานของผมก็รู้สึกเช่นเดียวกันไม่ต่างกับคุณเลยและผมสามารถดำเนินงานให้ทันทีตามที่คุณร้องขอมา”

อ่า

“คิดถึงผมมากมั้ยพี่บุ้ง”

“ก็ยังพอรับไหวอยู่ครับ แต่ถ้านาน ๆ ไปผมไม่ค่อยแน่ใจว่าจะรับสภาพในส่วนที่ไม่คาดหวังเอาไว้ได้หรือเปล่า”

แปลว่าคิดถึงมากเหมือนกันเนอะ

“งั้นไปทำเรื่องขอจบก่อนนะ เย็น ๆ มีนรอ  พี่บุ้งมาเร็ว ๆ นะ”

“ครับ ได้ครับ เรื่องนั้นไม่น่ามีปัญหาอะไร”

ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม และมีนก็ส่งเสียงหัวเราะมาตามสาย

“แค่นี้ก่อนนะพี่บุ้ง หวัดดีคร้าบบบบบบบ”

“สวัสดีครับ”

อยากจะยิ้มซะให้ได้ แต่ใจเย็นไว้ก่อน

บุ้งกดวางสายเรียบร้อย และสีหน้าก็ยังคงเคร่งเครียด ก่อนจะหยิบตารางเช็คเวลามารวมเวลารถเข้า

“พี่ เรื่องใหญ่เลยเหรอ มีปัญหาอะไรที่ผมพอจะช่วยได้พี่บอกผมได้เลยนะ”

วิเชียรเอ่ยถามลูกพี่ด้วยความเป็นห่วง และบุ้งก็พยักหน้าให้รู้ว่าจัดการเองได้ไม่เป็นไร

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูเคลียร์เอง มึงไปทำงานมึงเถอะ”

ไล่ให้ลูกน้องไปทำงาน และวิเชียร ก็ทำตามที่ลูกพี่บอก งดกวนตีนหนึ่งวัน เพราะรู้ว่างานส่วนของแผนกขนส่งคงมีปัญหา

วิเชียรเดินจากไปแล้ว และบุ้งที่เก็กหน้ามาตลอด ก็ค่อยรู้สึกหายใจหายคอโล่งขึ้นมาหน่อย

มึงนั่นแหละตัวการสำคัญที่ไม่สมควรรู้ที่สุดไอ้ห่าเชียร

พวกมึงไม่ทันกูหรอก ถ้ากูจะทำอะไรขึ้นมาจริง ๆ อ่ะ   คิดจะแอบฟังที่กูคุยกับเมียกูเหรอ มือมันคนล่ะชั้นกันว่ะ..........
ถ้าไม่ฉลาดกว่าพวกมึงจะเป็นหัวหน้าพวกมึงได้ไง.......พวกมึงรู้จักกูน้อยไปซะแล้ว.......มันยังเร็วไปหมื่นปีโว้ยยยยยยยย



TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.......... by aoikyosuke 08/05/2557 : 10.24 น.
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 08-05-2014 10:44:37
พี่บาสสสสสสสสสสสส พี่มีคู่หรือยังคะ  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.......... by aoikyosuke 08/05/2557 : 10.24 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 08-05-2014 10:46:52
อันแน่ะ....เดี๋ยวนี้เรียกหาแต่น้องพู่นะพี่แก๊ป

กรี๊ดดดดด พี่บุ้งนี่สุดยอดจริงๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.......... by aoikyosuke 08/05/2557 : 10.24 น.
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 08-05-2014 10:49:40
 นึกว่าน้องมีนจะรอด พี่บุ้งฉลองก่อนเช้าซะงั้น
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.......... by aoikyosuke 08/05/2557 : 10.24 น.
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-05-2014 10:51:47
พี่บุ้ง แม่ง!! โคตรๆอะ   o13  ออกแนวเมียจ๊ะเมียจ๋าเชียว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.......... by aoikyosuke 08/05/2557 : 10.24 น.
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 08-05-2014 10:53:29
5555555
พี่บุ้งแม่งงงงงงงง สุดๆ อ้ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.......... by aoikyosuke 08/05/2557 : 10.24 น.
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 08-05-2014 10:54:51
55555555555555555555555 โคตรเนียนเลยพี่บุ้ง

คือ จะช้าแต่ทบต้นทบดอกขนาดนี้เลยเรอะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน วิธีการหลีกเลี่ยงการดักฟัง
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 08-05-2014 11:08:59
โอ้ สุดยอดอะพี่บุ้ง  o13

ถ้าไม่ใช่หัวหน้าทำไม่ได้นะนี่   :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน วิธีการหลีกเลี่ยงการดักฟัง
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 08-05-2014 11:09:43
พี่บุ้ง  :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน วิธีการหลีกเลี่ยงการดักฟัง
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 08-05-2014 11:13:28
พี่บุ้งๆๆๆ เนียนมากเลยพี่

วิเชียรขี้เสือกยังจับไม่ได้เลย  :laugh:

แต่พี่บุ้งนี่หื่นนะ เอาซะน้องเกาหลีตะคิวกินเลย :z1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน วิธีการหลีกเลี่ยงการดักฟัง
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-05-2014 11:17:17
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/02/ไฟล์เปล่า1Nn1wd.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง.....ตอน แนะนำพนักงานใหม่   (จบภาคบุ้งกับเมืองมีน) 

วันนี้เป็นวันเรียกประชุมประจำเดือนของแผนกขนส่ง

ทุกคนมารายงานตัวกันตั้งแต่เช้า มารวมกันอยู่ที่หน้าแผนกขนส่ง ยืนเป็นแถวเรียบร้อย แต่งกายอย่างสุภาพตั้งแต่หัวจรดเท้า และให้หัวหน้าแผนกขนส่งก็กำลังตรวจเครื่อแต่งกายของลูกน้องที่ใส่อยู่ทุกวัน ว่าควรจะเบิกใหม่ได้หรือยัง

“เรียบร้อยดีทุกคนครับ สำหรับเรื่องที่ผมจะชี้แจงให้ทุกคนทราบในวันนี้คือ.............”

ยังไม่ทันพูดจบ สุรชาติก็ยกมือขออนุญาตรับโทรศัพท์ก่อนคนแรก

ไม่มีเสียงสัญญาณเรียกเข้า แต่คาดว่าจะเป็นเรื่องสำคัญ

“ครับทราบครับ เรื่องนั้นผมค่อนข้างที่จะเป็นห่วงเหมือนกัน ยังไงคุณลองพิจารณาดูอีกทีนะครับ”   สุรชาติพูดเสียงดังฟังชัดและกดวางสายเรียบร้อย

และบุ้งก็กำลังจะอ้าปากพูดเรื่องที่จะแจ้งต่อไป แต่อำนาจก็ยกมือขึ้นเป็นคนที่สอง

“ผมขออนุญาติซักครู่ครับ..........”   และอำนาจก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากรอกเสียงลงไป

“ครับ ผมค่อนข้างจะเครียดกับเรื่องนี้พอสมควร ขอให้คุณพิจารณาใหม่ด้วยครับ ได้ครับ โอเคครับ ตกลงตามนี้”

วางสายไปเรียบร้อย และอำนาจก็ยืนแถวตรงทำหน้านิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

บุ้งเตรียมจะพูดสิ่งที่ตั้งใจมาพูดในวันนี้ แต่ น้องพู่ ก็เป็นคนถัดมาที่ยกมือขออนุญาตคุยโทรศัพท์

ด้วยคำพูดแบบเดิม ๆ แพทเทิร์นเดิมๆ

.................พูดจาแบบทางการสุด ๆ............และหน้าโคตรนิ่ง

ไม่เว้นแม้กระทั่ง วิโรจน์ที่เล่นบทคุยโทรศัพท์ทางการได้อย่างสมจริงที่สุด

“หัวหน้าแผนกขายเหรอครับ  แค่นี้นะครับ ผมกำลังเข้าแถวเพื่อทำการประชุมแผนก ครับ ๆ สวัสดีครับ”

ยังจะมีใครยกมือขอคุยโทรศัพท์อีกมั้ย บุ้งอยากจะถาม

สีหน้าเริ่มแสดงความไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด

และวิเชียรก็เป็นคนสุดท้ายที่ยกมือขึ้นเพื่อขอนุญาติ

“ผมขออนุญาตครับ”   วิเชียรรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และกรอกเสียงลงไป

“มีนเหรอ..........อือออออออออ พี่ก็คิดถึงมีนเหมือนกัน อุ้ย ไม่ใช่ ลืมไป ........... ฮาโหล ครับทราบครับ ยังไงผมจะดำเนินการให้ตามที่คุณขอมานะครับ”    วิเชียรกดวางสายไปเรียบร้อย

และทุกคนในแผนกก็พยายามเก็กหน้าเข้ม ทั้งที่อยากจะหัวเราะแทบตาย แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะอยู่ในระหว่าง เรียกแถวเพื่อเข้าประชุมสำคัญ   เรียกประชุมเพื่อแนะนำตัวพนักงานใหม่ที่จะเข้ามาร่วมงานกับแผนกขนส่ง

พนักงานใหม่ แต่หน้าเดิม และทุกคนต้องใช้เวลานานถึงสองเดือนเต็ม ในการรอคอย ให้พนักงานใหม่ ที่เคยเป็นเด็กฝึกงาน ให้กลับมาทำงาน

“พวกมึง พวกมึงนะ ไอ้พวกเหี้ย พวกมึงนะ”

หัวหน้ากำลังเกิดอาการเดิม คือโมโหแล้วด่าลูกน้องกลบเกลื่อน และคราวนี้ลูกน้องก็ไม่สามารถสะกดกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ได้อีกต่อไป   ยืนขำกันตัวงอ  หัวเราะชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร

“ไอ้.........ไอ้พวกเหี้ยนี่....แม่ง กู...กูจะพูดยังไงกับพวกดีวะ”

“ก็ไม่ต้องพูดยังไงสิพี่ ปกติพี่ไม่เคยพูดไม่ใช่เหรอ ผมเห็นพี่ถนัดด่าซะมากกว่า”

ใครไม่รู้แซวขึ้นมา และบุ้งก็ได้แต่ยืนโมโหหน้าดำหน้าแดงจนตัวสั่น

“.......ไอ้.........พวกมึงนี่มัน.............”

บุ้งรู้สึกเหมือนเส้นเลือดในสมองกำลังเต้นตุบ ๆ ทั้งโมโหทั้งอาย ที่โดนลูกน้องพร้อมใจกันแกล้ง เอาคืนชนิดโคตรเจ็บแสบ และพร้อมใจกันทั้งแก๊งค์ บุ้งกำลังพยายามสงบสติอารมณ์ และสูดหายใจเข้าลึก ๆ ทั้งที่แทบอยากจะกระโดดถีบลูกน้องเรียงตัวอยู่แล้ว

“วันนี้ผมจะขอแนะนำพนักงานใหม่ ที่จะเข้ามาร่วมงานกับแผนกขนส่งของเราอย่างเป็นทางการ อย่างที่ทราบกันพนักงานที่ดูแลเรื่องบิลน้ำมันและบิลทางด่วนของเรายังขาดอยู่ และเราก็ยินดีมากที่ได้น้องมาร่วมงานด้วย เรื่องศักยภาพนั้นไม่ต้องห่วง คาดว่าทุกคนจะพอได้เห็นกันมาบ้างแล้ว หลังจากที่น้องเข้ามาทดลองร่วมงานกับแผนกของเราได้ 3 เดือน ผมขอให้พนักงานแผนกขนส่งทุกคน ให้โอกาสในการพัฒนาศักยภาพการทำงานของน้องด้วย หากมีอะไรที่เข้าใจไม่ตรงกันให้บอกผม ผมจะเป็นผู้ร่วมชี้แจงให้”

หมายความว่า ห้ามพวกมึง ..... แกล้งเมียกู ........

“ผมขอแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกับพนักงานประจำคนใหม่ของแผนกเราครับ..........น้องเมืองมีน.....”

มีนก้าวขาออกมายืนข้างหน้า ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย ทั้งที่เขินแทบตาย เพราะพี่ ๆ เริ่มอมยิ้มแปลก ๆ กันแล้ว

“มีอะไรอยากสอบถามเบื้องต้นขอให้สอบถามได้เลยครับ สอบถามกันได้คร่าว ๆ แล้วเดี๋ยวเราจะได้ให้น้องเริ่มงานได้เลย”

เปิดทางให้ซะขนาดนั้น มีหรือจะไม่มีใครอยากสอบถาม

“มีแฟนยังครับ”   ไอ้สัดถามหาพ่อมึงเหรอ

“ถ้ามีแล้ว แฟนดุมั้ยครับ”  มันใช่เรื่องที่ควรถามเหรอไอ้พวกห่า

“ถ้ามีแฟนแล้ว อยากทราบว่าเอากันหรือยังครับ เอ้ยไม่ใช่ ถามผิด อยากทราบว่าเอากันไปกี่รอบแล้วครับ” 

วิเชียร..................มึงงงงงงงงงงง

“เอ่อ......คือว่า...”

มีนไม่รู้จะตอบยังไง ได้แต่ยืนอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ หน้าแดง เพราะไม่รู้ว่าควรจะตอบคำถามไหนก่อนดี

“ง่ะ...มี........ผมมีแฟนแล้ว....อ่ะ...เอากัน....เอากันไปแล้ว...ก็หลายรอบอยู่ครับ”

กลัวไม่เป็นที่ถูกใจของพวกพี่ ๆ ที่อยู่มาก่อน มีนก็เลยยอมตอบไปตามที่ถูกถาม และบุ้งก็ถึงกับยืนช็อคตาค้าง

ไอ้นี่ก็พาซื่ออีก เวรเอ้ยยยยยยยยยยยยยยย ได้โดนล้อไม่จบไม่สิ้นแน่ กูอยากจะบ้าจริงโว้ยยยยยยยยยยย


“เลิกแถวได้ มีอะไรมาถามกูนี่ ไป น้อง มาทำงานใหม่ไม่ใช่เหรอ ไปทำงานน้องได้แล้ว บิลกองท่วมแล้ว อย่ามาเหลวไหลอู้งานตั้งแต่วันแรก พี่ไม่ชอบ”

สั่งเลิกแถวกันแบบดื้อ ๆ และบุ้งก็เดินมาโอบไหล่พนักงานใหม่ให้เดินตาม และไม่วายหันมาตะโกนบอกลูกน้อง ที่หัวเราะและส่งเสียงผิวปากแซวกันดังลั่น

“โห่พี่ เอากันกี่รอบแล้วพี่ พี่บุ้งเอามันส์เปล่าเกาหลี พวกผมอยากรู้”

พวกมึงว่างกันมากนักใช่มั้ยไอ้พวกเหี้ย ว่างกันนักกูก็จะจัดให้  บุ้งปล่อยไหล่ของมีนเป็นอิสระ และเตรียมยกตีนไล่เตะลูกน้องที่ยังแซวไม่เลิก

“เลิกเสือกกับเรื่องในมุ้งของกูได้แล้ว ช่วยเลิกแซวกู.........กับ.....เมีย.....กูซักที ไอ้พวกเหี้ย ไปทำงานของพวกมึงให้หมดทุกคนเลยนะโว้ยยยยยยยยยยย”


End.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน วิธีการหลีกเลี่ยงการดักฟัง
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 08-05-2014 11:18:05
 :o8:  เขินอะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-05-2014 11:21:27
พี่บาสสสสสสสสสสสส พี่มีคู่หรือยังคะ  :hao7: :hao7:

กำลังจะมีตอนถัดไปนี่ล่ะจ่ะ :hao3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 08-05-2014 11:26:15
ชอบคู่พี่บุ้งอ่ะ  อยากให้มีคู่นี้ไปเรื่อย ๆ ยังไม่อยากให้จบอ่ะะะะะะะะะะ :ling1: :ling3:
หัวข้อ: @รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 08-05-2014 11:26:39
จะเลี่ยงได้สักกี่วันเชียว :hao3:

เสียดายจังอยากให้มีมาเรื่อยๆคู่หลักนะ :hao4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 08-05-2014 11:27:41
น่ารักมากกกก ทำไมจบแล้วอ่าาา
หัวข้อ: @รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 08-05-2014 11:31:54
เสียดายจังอยากให้มีมาเรื่อยๆคู่หลักนะ :hao4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 08-05-2014 11:33:48
กรี๊ดดดดด พี่บุ้งน้องมีนจบซะแล้ว  :ling1:

หวานแหววน่ารักได้อีก 555 น้องมีนก็ช่างแสนซื่อเป็นอับดุล? ถามไรตอบได้หมด  :-[
ขอตอนพิเศษคู่นี้บ้างนะคะ คิดถึงงงงง  :mew6:

ปล. อายเเทนพี่บุ้งเลยอะอุตส่าห์มาแผนสูงแล้วแต่ลูกน้องทั้งหลายก็ยังจับได้อีก  :laugh:

รอคู่ต่อปายยยคร่า  :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 08-05-2014 11:34:24
ลงไวมาก เม้นต์แทบไม่ทัน แต่ช๊อบชอบ 555

พี่บุ้งอุตส่าห์มีโค้ดลับ แต่ก็ไม่รอด  :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 08-05-2014 11:35:02
นิยายของคุณเท็นไม่ทำให้ผิดหวังสักเรื่องจริงๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 08-05-2014 11:42:10
F5 ทั้งวัน บอกเลย!!! :o8:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 08-05-2014 11:46:21
ว่าแล้วววววววววว
คู่นี้มันต้องมี พลาดไม่ด้ายยยย น้องพู่น่ารัก ตัวพี่แม่งก็ซึน แต่ได้ใจอ่ะ จีบนะ อั้ยย่ะ 555

คู่พี่บุ้งน้องมีนแม่งฮาอ่ะ แหม คุยโทรศัพท์แบบแนบเนียน แต่ลูกน้องแม่งเนียนกว่า 555555 น้องมีนก็พาซื่อ ตอบทุกอย่าง ดีนะไม่ตอบว่ามันดีด้วย 5555
คู่นี้ชอบตอนเริ่มคุยกันใหม่ๆสุดละ น่ารักดี เทพเทพ เทพยังไงก็ผิดแล้ววววว ผิดแล้ว เออ ผิดก็แก้แล้วววว แม่งน่ารักคงเส้นคงวาจริมๆ
 :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 08-05-2014 12:21:06
5555555  ฮาลูกน้องพี่บุ่้งอ่ะ รู้ทันพี่บุ้งหมด คราวนี้จะโดนแกล้งอะไรบ้างก็ไม่รู้เนอะเกาหลี อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 08-05-2014 12:29:00
รอ ร๊อ รอ อัพเดท
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 08-05-2014 12:47:12
ไม่อยากให้คู่นี้จบเลย  :hao4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 08-05-2014 13:00:42
เหนือเมฆยังมีฟ้า เหนือหัวหน้า ยังมีลูกน้องแซว 5555
เป็นไงล่ะพี่บุ้งงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: inkku ที่ 08-05-2014 13:11:03
คู่นี้จบแร้วหรออออ  :sad4: ยังไม่อยากให้จบเลยอ่าาา  :o12:  :serius2:
จำใจ  :laugh: รอคู่ต่อไปต่อค่าาาาา  :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 08-05-2014 13:12:55
ชอบ บุ้งมีน ไม่อยากให้จบเลย

มีนคนซื่ออออ ตรง“ง่ะ...มี........ผมมีแฟนแล้ว....อ่ะ...เอากัน....เอากันไปแล้ว...ก็หลายรอบอยู่ครับ”  :m20:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: conankungkub ที่ 08-05-2014 13:31:27
มาลงอีกแล้ว กด F5 ไม่ไหวแล้วนะ

แต่ก็ต้องขอขอบพระคุณอย่าสูง กำลังว่างยุพอดี
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 08-05-2014 13:32:21
กร๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พี่บุ้งเนียนไม่จริงอ่ะ ลูกน้องจับได้ 555
ขำน้องมีนอ่ะ ซื่อมากลูก โดนล้อยันลูก?บวชแน่

ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไป ^^

หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke สุรชาติ-ยูกิ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-05-2014 13:33:47
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/08/ไฟล์เปล่า15Z0QUn.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ สุรชาติ  & ยูกิ .....ตอน  ประวัติส่วนตัว

แผนกขนส่ง คือ ที่สิงสถิตของเหล่าบรรดาชายหนุ่มฉกรรจ์ เต็มไปด้วย ความ ถ่อย สถุน และป่าเถื่อน

หากไม่มีความจำเป็นก็ไม่ค่อยมีใครอยากเข้าไปเยือนแดนสนธยาที่หลาย ๆ คนเชื่อว่าเป็นดินแดนที่ประกอบด้วยบุคคลที่เป็นภัยร้ายต่อสังคม

เริ่มจากหัวหน้าแผนก ที่มีกิตติศัพท์รู้กันในวงกว้างว่า พูดจาหมาไม่แดก ไม่เคยเห็นหัวใคร ไม่เคยเกรงใจใคร นึกอยากจะพูดอะไรก็พูด ไม่สนใจว่าใครจะเป็นญาติใคร ใครจะใหญ่มาจากไหน หัวหน้าแผนกไม่เคยเห็นใจใคร

ใจร้ายใจดำ ไร้สามัญสำนึก

ว่ากันว่า หัวหน้าแผนกขนส่ง คือผู้ไม่เกรงกลัวความตาย
ชื่นชอบที่จะดูคนตายต่อหน้าต่อตา หัวหน้าแผนกขนส่งมีงานอดิเรกคือการเก็บศพในยามค่ำคืน ซึ่งเป็นงานที่ไม่มีใครอยากทำ แต่หัวหน้าแผนกขนส่งกลับทำติดต่อกันมาได้หลายปีอย่างน่าตาเฉย จึงไม่มีใครเชื่อว่าสภาพจิตของหัวหน้าแผนกขนส่งจะเหมือนคนปกติได้

แม้แต่ลูกน้องของหัวหน้าแผนกขนส่ง
ไล่จากนายวิเชียร เชิดกลางกุล
ไม่มีใครรู้ประวัติความเป็นมาของนายวิเชียรแน่ชัด
เดิมทีนายวิเชียรถือเป็นเซียนพนันตัวยง ที่เล่นการพนันทุกรูปแบบได้อย่างช่ำชอง รู้ในเทคนิคกลโกงทุกรูปแบบ

แต่ตอนนี้นายวิเชียรผันตัวมาเป็นคนสนิทของมาเฟียภาคตะวันออก บ้างก็ว่าเป็นคนสนิทนักการเมืองระดับชาติ แหล่งข่าวมาจากหลายกระแส ไม่มีใครกล้าให้ข้อมูลของนายวิเชียรมากนัก เพราะมีคนเคยลือกันว่า ใครที่รู้ข้อมูลของนายวิเชียรจะต้องถูกสั่งเก็บ โดยนายวิเชียรจะใช้อำนาจของมาเฟียภาคตะวันออกเป็นเครื่องมือในการกำจัดต้นตอทุกกระแสข่าวลือที่พูดถึงนายวิเชียร

ไม่เพียงเท่านั้น

นายอำนาจ ผู้ที่เคยเป็นเด็กเดินยาจากแหล่งเสื่อมโทรม ปัจจุบันผันตัวเองเป็นเอเย่นใหญ่ในการส่งยากินพื้นที่เป็นวงกว้าง นายอำนาจขยายสายการส่งจากแหล่งเสื่อมโทรมเล็ก ๆ เข้าไปสู่กลุ่มคนมีการศึกษา โดยนายอำนาจเริ่มจากการสมัครเข้าไปเรียนศึกษาผู้ใหญ่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง เพื่อดูช่องทางในการขยับขยายเส้นทางทำมาหากิน จุดมุ่งหมายหลักของนายอำนาจไม่ใช่เพื่อศึกษาหาความรู้ แต่เพื่อขยายฐานการส่งยา ในระดับปัญญาชนนั่นเอง

อีกคนที่จะลืมไม่ได้คือนายบุญพิทักษ์ หรือพู่ อดีตนักศึกษาจากโรงเรียนช่างกลชื่อดังแห่งหนึ่ง ที่มีข่าวว่าพัวพันกับการยิงถล่มนักเรียนคู่อริต่างสถาบัน เสียชีวิตคารถเมล์นับสิบศพ และนายบุญพิทักษ์ คือผู้ที่จ่อยิงคู่อริในระยะเผาขนบนรถเมล์คันดังกล่าว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถทำอะไรนายบุญพิทักษ์ได้ เพราะขาดหลักฐานสำคัญ ไม่มีใครยอมให้ความร่วมมือในการชี้ตัวผู้กระทำผิด เพราะกลัวจะโดนตามฆ่าในภายหลัง นายบุญพิทักษ์จึงลอยนวลมาจนถึงทุกวันนี้


ประวัติของนายวิโรจน์ หรือ พีท ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่ธรรมดา วิโรจน์ จะทำทีว่าเป็นคนนิ่งเงียบ ไม่สุงสิงกับใคร ไม่มีปากมีเสียงกับใคร แต่จริง ๆ แล้วคนที่ร้ายที่สุดของแผนกขนส่งหลายคนเชื่อว่าน่าจะเป็นนายวิโรจน์ เนื่องจากนายวิโรจน์ไม่แสดงตัวออกมาให้ชัดเจน จึงไม่มีใครรู้ว่านายวิโรจน์ พัวพันกับธุรกิจมืดด้านใดกันแน่ แต่มีผู้รู้หลายคนให้ข้อมูลว่า ถ้าอยากได้ข้อมูลเชิงลึกของนายวิโรจน์จริง ๆ ให้ติดต่อกับหัวหน้าแผนกขาย เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า แม้จะเป็นหัวหน้าแผนกขายที่เป็นแผนกที่สำคัญอันดับต้น ๆ ของบริษัท

แต่หัวหน้าแผนกขายก็ไม่กล้ามีปากเสียงกับนายวิโรจน์

ฉากหน้าของนายวิโรจน์เป็นแค่พนักงานแผนกขนส่งธรรมดา แต่เบื้องลึกเบื้องหลังน่าจะมีการคุกคามเอาชีวิตหัวหน้าแผนกขาย ดังนั้นหัวหน้าแผนกขายจึงต้องตกอยู่ในสภาวะจำยอมไม่กล้าทำอะไรนายวิโรจน์ จึงน่าเชื่อได้ว่า นายวิโรจน์ไม่ได้มีฐานะเป็นแค่พนักงานธรรมดาในแผนกขนส่ง แต่น่าจะมีเบื้องหลังที่โชกโชนกว่าใครเพื่อน

ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถควบคุมได้แม้กระทั่งหัวหน้าแผนกขายที่ได้ชื่อว่า ร้ายสุด ๆ เหยียบหัวคนอื่นขึ้นไปเป็นใหญ่ แต่ก็ต้องยอมอ่อนข้อให้นายวิโรจน์ เรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องธรรมดา น่าจะมีเบื้องหลัง ที่ไม่มีใครกล้าเดา


นายสุรชาติหรือ บาส แม้ไม่ได้มีบทบาทมากนัก แต่ก็เป็นกำลังหลักของแผนกขนส่ง หลายคนตั้งข้อสงสัยว่านายสุรชาติน่าจะเป็นคนธรรมดาที่ถูกจ้างเข้ามาเพื่อมาเป็นตัวหลอกให้กับผู้คนที่เกิดความสงสัยในแผนกขนส่ง

แต่หลายคนกลับไม่เชื่อ ต่างคอยจับตาสังเกตพฤติกรรมของนายสุรชาติว่าจะเป็นไปในทิศทางใด


คิดแล้วน่าขนลุก....................แผนกขนส่ง..............แผนกที่เป็นศูนย์รวมของอาชญากรระดับชาติ


แล้ว.................อย่างนี้พนักงานเข้าใหม่ หน้าตาเกาหลี
ที่มีดวงตาใสซื่อ แต่กลับมีรอยยิ้มเลื่อนลอยแฝงความเศร้าเอาไว้คนนั้น จะเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในแผนกขนส่งได้ยังไง

ยูกิพนักงานเข้าใหม่แผนกจัดซื้อ กำลังพิมพ์ข้อความบางอย่างอย่างเมามันส์   
คิดอะไรเพ้อเจ้อไปเรื่อย  และกดส่งข้อความที่พิมพ์ยืดยาวให้เพื่อนที่กำลังเตรียมเขียนบทภาพยนตร์บู๊ล้างผลาญได้อ่าน

“พล็อตนี้พอไหวมั้ยวะ”

พิมพ์ข้อความบอกเพื่อน  และหัวคิ้วก็ยังขมวดมุ่น  สมองยังคงคิดอะไรไหลไปเรื่อยไม่มีที่สิ้นสุด
และสายตาก็เหลือบมองไปที่พนักงานจากแผนกขนส่งที่กำลังนั่งกินข้าวที่โรงอาหารร่วมกันในเวลาพักกลางวัน

“เยี่ยมเลยว่ะ   แม่งสุดยอด   มึงคิดได้ยังไงวะเนี่ย  กิ”

กูไม่ได้คิดขึ้นมาเองหรอก

“กูอ้างอิงมาจากชีวิตจริง”


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke สุรชาติ-ยูกิ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-05-2014 13:34:08
“มีนนั่งดี ๆ สิ พี่เขียนไม่ได้แล้วเนี่ย”

หัวหน้าแผนกขนส่งกำลังรวบรวมเวลาของรถที่เข้าออกในแต่ละวัน

และพนักงานเข้าใหม่ ที่ขยับยุกยิกไปมาอยู่บนตักของหัวหน้าแผนกขนส่งก็กำลังแกะเปลือกถั่วป้อนให้หัวหน้าแผนกขนส่ง พร้อมกับเริ่มอมยิ้มน้อย ๆ ที่หัวหน้าแผนกขนส่งยังไม่รู้ตัว ว่ากำลังเคี้ยวเปลือกถั่ว ไม่ใช่เม็ดถั่วอย่างที่เข้าใจ

“เดี๋ยวตีเลย ไอ้เด็กนี่  พี่ไม่ใช่เพื่อนเล่นนะ เอาเปลือกถั่วมาป้อนได้ไง”

บุ้งกำลังบ่นกับพฤติกรรมที่ไม่ดีของพนักงานเข้าใหม่ และพนักงานเข้าใหม่อย่างมีน ก็หัวเราะชอบใจ

“นึกว่าพี่บุ้งไม่รู้ซะอีกว่าเอาเปลือกถั่วให้กิน เห็นเคี้ยวใหญ่เลย”

แล้วจะให้ทำยังไง ก็ป้อนมาซะขนาดนี้ ไม่กินก็ไม่ได้

“แกล้งเหรอ……..เดี๋ยวกลับไปโดน”

บุ้งกระซิบบอกคนที่นั่งอยู่บนตัก และมีนก็ยิ่งหัวเราะมากขึ้นที่ถูกพูดอย่างนั้นใส่

“เดี๋ยวพี่บุ้งก็จะโดนนนนนนน เหมือนกัน”

พูดจายอกย้อน วกวน แต่ก็สร้างรอยยิ้มให้กับหัวหน้าแผนกขนส่งได้ไม่น้อย

“โดนกันเข้าไป.........ทางนั้นก็จะโดน ทางนี้ก็จะโดน ส่วนกูไม่โดนมาอาทิตย์เต็ม ๆ  แล้วอิจฉาคนที่โดนกันถ้วนทั่วแถวนี้จริงโว้ยยยยย”

วิเชียรกำลังเกิดความเซ็ง เมื่อเห็นคู่ผัวเมีย ข้าวใหม่ปลามัน หวานแหววกันไม่แคร์สายตาผู้คน

อิจฉานะเฮ้ย รู้ไว้บ้างว่าอิจฉา
เห็นใจกันบ้างว่าช่วงนี้ห่างเหินจากคำว่า “โดน” มาพักใหญ่แล้ว ก็เฮียเล่นบินไปติดต่องานที่ญี่ปุ่น แล้วก็บินต่อไปมาเก๊าเลย แล้ววิเชียร จะเอาอะไรที่ไหนมา “โดน”

กลับมาคงต้องโดนกันซักหลาย ๆ ทีให้หายอยาก ไม่งั้นวิเชียรคงได้เฉาตาย

สมน้ำหน้ามึง...........กูรอโอกาสสมน้ำหน้ามึงมานานแล้ว....เป็นไงล่ะ.............เฉาเลยเป็นไง...........โคตรสะใจกูเลยเว้ยยย ฮ่า ฮ่า ฮ่า.........

หัวหน้าแผนกขนส่งคิดในใจแต่ไม่ได้พูดออกไป ส่งยิ้มหวานเชื่อมให้กับพนักงานใหม่ที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาแกะเม็ดถั่วป้อนให้และพยักหน้ารู้กันแค่สองคน

“โอ้ยยยยยยยยยย กูล่ะสงส้านนนนนนนนนน สงสารคนไม่.......โดน.....จังเลย..........นี่ถ้ากูไม่อายคนอื่นนะ กูร้องไห้แสดงความสงสารด้วยความสะใจ.........เอ้ย.....เสียใจไปแล้ว วิเชียรรรรรรรร”

ทีใครทีมันพี่
ทีใครทีมัน

“เกาหลี.....คืนนี้จัดแม่งให้เละนะ อย่าให้มีปัญญาลุกขึ้นมาด่าลูกน้องแบบวันนี้ได้ ไม่งั้นมีเทคนิคอะไรดี ๆ ผมจะเก็บเงียบไม่บอกต่อแน่ ๆ นะ เกาหลีเข้าใจมั้ย.............”

ผม.....เข้าใจแล้วพี่วิเชียร

มีนพยักหน้าอย่างช้า ๆ และบุ้งก็เบิ่งตากว้างขึ้น

มิน่าล่ะ..........กลางคืนกูกลับมาปุ๊บ แม่งอ้อนขอชุดใหญ่จากกูตลอด จัดให้เท่าไหร่ก็ยังไม่หนำใจ จนบางคืนแทบจะตายคาอกอยู่แล้ว

ที่แท้มันสั่งมันสอนกันมาแบบนี้นี่เอง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke สุรชาติ-ยูกิ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-05-2014 13:34:25
“เด็กส่งของน่ารักมั้ยพี่”

เอาแล้วไง ไอ้คำพูดที่ไร้เยื่อใย แต่แฝงไปด้วยความเย็นชาเนี่ย  งานเข้ากูอีกแล้ว งานเข้ากูตลอดเลย

“ทำไม ชอบเหรอ”

อำนาจแกล้งถามคนที่กำลังเช็คของอยู่ด้วยกัน  และน้องพู่ก็นั่งเงียบ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหน้าของอำนาจด้วยแววตาที่ยากจะเข้าใจ

“......................”

“เออ  น่ารักดี  อยากให้ตอบก็ตอบให้แล้ว”

แทนที่เรื่องจะดีขึ้น  อำนาจกลับแกล้งชมเด็กส่งของให้น้องพู่ฟังชัด ๆ และคนที่กำลังช่วยอำนาจเช็คของอยู่ก็หยุดชะงักมือนิ่งค้างไปทั้งอย่างนั้น

“...........................”

ทำใจไม่ได้  จนต้องวางของลงในตะกร้า แล้วน้องพู่ก็หันมามองหน้าของอำนาจนิ่ง ๆ
และอำนาจก็พอจะเดาความรู้สึกของน้องพู่ได้ไม่ยาก

...........หึงกูล่ะเซ่...........แบบนี้แหละโคตรชัด.........

“อยากรู้ก็ตอบให้แล้ว  ถามทำไม”

ไม่ทำไมหรอก   ผมจะไปทำอะไรได้   ก็ได้แต่ช่วยเช็คของไปเท่านั้น  ใครจะน่ารัก ใครจะน่ามอง พี่จะอยากชอบหรือสนใจใครก็เอาเลยเถอะ  ผมทำอะไรไม่ได้อยู่แล้วนี่

“.....................”

น้องพู่ยังคงนิ่งเงียบ  และอำนาจก็ขีดปากกาแดงลงไปในบรรทัดสุดท้าย  เมื่อเช็คของเสร็จเรียบร้อย  ลุกขึ้นยืนและผลักตะกร้าขึ้นรถ  และน้องพู่ก็ลุกขึ้นตาม เสียบปากกาใส่ในกระเป๋าเสื้อ และกำลังจะเดินจากไปเงียบ ๆ

“เดี๋ยวก่อน”

เรียกเอาไว้  และน้องพู่ก็หันกลับมามองหน้าของอำนาจช้า ๆ  ดวงตาที่มองมามีแต่ความเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด

“ใครจะเป็นยังไงก็ช่างเหอะ   อย่าถามเรื่องของคนอื่นให้มากขอร้อง..........เพราะคนที่ทำให้กูต้องมองอยู่ตลอด.........ยังไงก็ชื่อ  ไอ้น้องพู่  อยู่ดี”


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke สุรชาติ-ยูกิ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-05-2014 13:34:55
จำใจต้องเดินเข้ามาในแผนกขนส่ง ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อสอดส่องดูแลความเป็นไปของพนักงานใหม่ที่เข้ามาพร้อมกัน และต้องถูกส่งให้มาประจำที่แผนกขนส่ง

และแค่ได้เห็นก็พอรู้แล้วว่าเพื่อนร่วมงานคนใหม่ที่เข้ามาพร้อมกันคงจะอยู่ยากในแผนกนี้   
แค่ก้าวขาเข้ามาด่านแรก ก็ไม่ผ่านแล้ว เพราะอยู่ดี ๆ ไหล่ก็กระแทกเข้ากับใครคนหนึ่ง ซึ่งยูกิจำได้ดีว่าอยู่แผนกขนส่ง

บุคคลผู้ยังไม่ปรากฏประวัติชัดเจน…….นายสุรชาติหรือบาส นั่นเอง

“โทษ ๆ ไม่เห็น.........อ้าว....น้องที่มาพร้อมมีนนี่  มีอะไรหรือเปล่า”

ไม่ตั้งใจจะเดินชน เลยต้องขอโทษ  แต่คนที่โดนชนไหลไม่คิดว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญที่ถูกกระแทกขนาดนี้  กูไม่ได้กลัวนะครับ  ยังไงกูก็เรียนเทควันโด้มา ถึงแม้จะแค่สายเขียว แต่ก็ไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครรังแกได้ง่าย ๆ นะครับ

“ผมก็ต้องมีธุระสิถึงได้มา ไม่น่าถาม”

เฮ่ย.......ยังไง ถามดี ๆ แต่ตอบกวน ๆ 

“แล้วจะมาหาใครล่ะครับ พี่จะได้ช่วยตามให้”

ยังคงแสดงความปรารถนาดีในฐานะที่เป็นพนักงานเก่าที่อยู่มานานกว่า และควรให้การช่วยเหลือพนักงานใหม่ เพื่อไม่ให้พนักงานใหม่มีความรู้สึกติดลบกับบริษัทตั้งแต่ช่วงแรกที่เข้ามาทำงาน แม้จะอยู่ต่างแผนกกันก็เถอะ แต่สุรชาติก็ไม่ใช่คนใจดำ ที่ไม่คิดจะช่วยเหลือใคร

“ไม่ต้อง ผมหาของผมเองได้”

เอ้อ แปลกคนเว้ย พูดดีด้วย ๆ มาโมโหใส่ซะงั้น  โดนใครด่ามาหรือเปล่าวะ ถึงได้อารมณ์เสียขนาดนี้

“ก็ลองหาดูแล้วกัน.........ตามใจ”

คำว่าตามใจที่ได้ฟัง  มันไม่ได้ทำให้รู้สึกดีเลยสักนิด   
ตัดสินใจหันหลังกลับ แม้จะรู้สึกโมโหไม่น้อย แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรมากนัก

.........ออกมากันท่าขนาดนี้หมายความว่า.....ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางให้เข้าไปในแผนกขนส่งได้สินะ.........อย่านึกว่าจะยอมแพ้นะ ถ้าคิดจะช่วยใครกูก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด .........ช่วยให้เต็มที่

ยูกิคิดอะไรไปไกล แต่สุรชาติยืนเกาหัวด้วยความงง

“หน้าตาก็ดี.......เสือกไม่เต็มซะงั้น.................คนเราสมัยนี้ดูแค่หน้าตาไม่ได้จริง ๆ”



TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 08-05-2014 13:49:04
โถ่ สรุปว่าที่เนียนๆไป ไม่รอดสายตาผู้ร่วมงานเลยสิเนี่ย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 08-05-2014 13:55:22
ยูกิ คิดไปไกล

ออกดูไม่เต็ม อย่างที่สุรชาติเข้าใจนั่นแหล่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 08-05-2014 14:00:15
เอ่อ ยูกิ แลดูแปลกๆนะ 555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: tstriple7 ที่ 08-05-2014 14:04:42
 :katai2-1:
อ้ากกก พี่บุ้งน้องมีนน เค้ากินกันไปเรียบร้อยแล้วกรี๊ดดดด น้องมีนน่ารักมาก
ขำตอนคุยโทรศัพท์กันจริง โดนล้อด้วยย 5555
อ่านแล้วเขินมากค่ะ ไม่อยากให้คู่นี้จบเลยย
แต่ไม่เป็นไร เราจะติดตามคู่อื่นต่อไป เย่
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 08-05-2014 14:07:41
แผนกขนส่งแดนสนธยาจริงๆ เกย์ทั้งแผนก ถึงว่าสาวๆไม่เข้ามา  :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 08-05-2014 14:12:42
555555 ชอบยูกิอ่ะ  บ้าดี จินตนาการฟุ้งฝุดๆ คิดได้ไงแต่ละคน โดยเฉพาะท่านวิเชียรรรรรรรรรร 5555555 :m20:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 08-05-2014 14:16:15
อ่าน 3 ตอนรวด
แต่แบบที่พี่บุ้งลงทุน คุยแทบไม่เป็นภาษาปกติ เพื่อปิดลูกน้องนี่ไม่ได้ช่วยอไรสินะ  :m20: :m20:
รู้เห็นกันหมดทั้งแผนก แต่ก้อไม่เปนไร  :m18: เพราะไงน้องมันก้อกลับมาทำงานแร้ว เย้!!!

แต่เอิ่ม น้องมีนค่ะ ไปศึกษาวิทยายุทธ มาจากพี่วิเชียรอย่างนี้
พี่บุ้งไม่ตายหรอเนี่ยยย ตายเพราะขาดน้ำอ่ะน้า  :hao6:

ส่วนน้องยูกิ เนี่ยยยยย
อ่าน&แต่ง นิยายมาไปไหมลูก =_=

แต่สรุป แผนกขนส่งที่ว่าเถื่อนเนี่ยยยย ไม่มีผู้ชายเรยสิน้าาาาาาาา
ฟินแปป 5555 :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 08-05-2014 14:24:51
 :laugh: จินตนาการล่ำลึกมากๆน้องยูกิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-05-2014 14:30:46
โธ่!! พี่บุ้งอุตส่าห์ทำเนียน 555 อย่าดูถูกลูกน้องแผนกพี่น่ะ
น้องยูกิเด็กใหม่เนี่ยมโนได้สุดยอดมาก เอาซะแผนกขนส่งเป็นดินแดนอาชญากรรมซะงั้น สรุปคือยกแผนกเลยสิมีคู่มีแฟนเป็นผู้ชาย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: whitejade31 ที่ 08-05-2014 15:04:18
สนุกมากเลยคะชอบคู้บุ้งกับเมืองมีนอยากให้มีต่ออ่าคะไม่อยากให้จบคู่นี้แค่นี้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke สุรชาติ-ยูกิ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-05-2014 15:13:16
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/08/ไฟล์เปล่า15Z0QUn.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ สุรชาติ  & ยูกิ .....ตอน พื้นที่อันตราย

“ทำงานประสาอะไรวะ ว่างมากนักหรือไงถึงเดินออกมาข้างนอก แม่ง ก็น่าจะรู้บ้างว่าออกมาแล้วจะเป็นยังไง ยังจะเสือกออกมาอิ๊กกกกก”

เสียงสูงมาก มีนที่พยายามทำหน้าให้เจ็บปวดกับคำด่าของพี่บุ้งกำลังพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไม่ขำ หน้ากำลังจะไปแล้ว แต่เพราะอยากพยายามรักษาภาพพจน์โหดสุด ๆ ของหัวหน้าแผนกขนส่งเอาไว้ มีนจึงพยายามเบิ่งตาให้กว้าง ๆ จ้องหน้าพี่บุ้ง พร้อมกับพยายามที่สุดที่จะไม่ “ขำ” แต่มันก็อดไม่ได้

สุดท้ายต้องรีบก้มหน้าลง ทั้งที่ในเวลานี้ไหล่กำลังสั่น ที่สั่นไม่ใช่อะไร หัวเราะไปเรียบร้อยแล้ว แต่กลัวพี่บุ้งเสียเซ้ลฟ์

“ไปเลยนะ ไปทำงานของมึงเลย แม่งงงงงงงงง”

พี่บุ้งยังคงตั้งใจด่า และมีนก็กำลังตั้งใจถูกด่า

“พี่ก็เกินไป มันก็คงอยากออกมาเจอหน้าพวกพี่ ๆ บ้าง พี่ด่ามันขนาดนั้น เกาหลีจะคิดยังไง เกาหลีมันยืนร้องไห้เลยเห็นมั้ยวะนั่น”

วิเชียรก็.....พยายาม.... ที่จะช่วยรักษาสร้างภาพลักษณ์ให้กับลูกพี่ พยายามเล่นตามน้ำ พยายาม........ที่จะไม่กวนตีน ด้วยการมองหน้าลูกพี่แบบล้อ ๆ และแอบแสยะยิ้มที่มุมปาก

“มึงก็อีกคน ได้เชียร มึงว่างมากนักหรือไง ขยันเสือกเรื่องของคนอื่นเขาไปทุกเรื่อง ไปไกล ๆ ตีนกูเลยนะโว้ยยยย ไอ้สัด”

ไม่พูดเปล่า หัวหน้าตั้งท่าจะกระโดดถีบวิเชียรอย่างรุนแรง และวิเชียรที่รู้ทางกันดี มีหรือจะโดนถีบง่าย ๆ

“ช้าไปแล้วโว้ยยยยยยยยยยย ไปทำอะไรมาถึงไม่มีแรงเตะลูกน้องวะ ฮะ ฮะ ฮ่า ให้รู้ซะบ้างว่าผมเป็นครายยยยยยยยยย เดี๋ยวสั่งเด็กเฮีย เอาปืนมายิงทิ้งเลยนะเฮ้ยยย ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

แม่ง กวนตีนกูไม่เลิก ไอ้วิเชียร มึงนะมึง มึงจะฆ่ากูใช่มั้ย

“พี่บุ้ง.........มีนออกมาข้างนอกไม่ได้เหรอ”

เมียกูนี่ก็อีกคน อย่ามาทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ แล้วทำตาใสซื่อ ใส่ผัวแบบนี้นะ เพราะว่า......พี่จะขาดใจอยู่แล้ว...............
น่ารักจริง ๆ เว้ยเฮ้ย เมียใครวะเนี่ยยยย

“เออออออออออออ ห้ามออกมา ออกมาไม่ได้ เข้าใจมั้ย”

ขอร้องเหอะ ออกมาแล้วก็โดนวิเชียรสอนอะไรแปลก ๆ ให้ กลับบ้านไป เมียก็เอาสิ่งที่วิเชียรสอนไปทดลองทำกับผัวตลอด ถ้าคืนนี้ไม่อยากโดนน็อค ต้องรีบลากเมียกลับเข้าออฟฟิศไปเร็ว ๆ ไม่งั้น ............คงรอดยาก......เพราะน้องมีนที่น่ารักของพี่......คงจะหาเรื่องทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์เรื่องทฤษฎีการมัดใจผัว กับพี่อีกแล้ววววววววววว..........

“ผมไปก็ได้พี่ ถ้าพี่ไม่อยากให้ผมอยู่ขนาดนั้น ผมไปก็ได้ ฮือออออออออ”

ที่ฮือไม่ใช่ว่าร้องไห้จริง แต่แกล้งร้อง และบุ้งก็ได้แต่ยืนอ้าปากตาค้าง ที่เมียที่น่ารักทำเสียงแบบนั้น

“เฮ่อออออ ตาย ๆ คืนนี้ได้เสียเหงื่อกับเสียน้ำอีกแน่ ๆ เลยกู”

++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-05-2014 15:13:59
“เช็คมั่ว”

“มั่วห่าอะไร  ก็เนี่ยถูกแล้ว  ไม่เชื่อมึงดู  แม่งต้องแบบนี้โว้ยยยยยยยยยย”

อำนาจกำลังยืนเถียงเรื่องบางอย่างกับน้องพู่อย่างเอาเป็นเอาตาย

แต่แปลกที่ไม่มีใครคิดจะห้าม   มันทะเลาะกันไปอย่างนั้นเอง  ที่จริงแล้วระหว่างทะเลาะมันก็จีบกันไปด้วย  แต่ต้องใช้เทคนิคขั้นสูงในการทำความเข้าใจหน่อยถึงจะรู้

สิ่งที่เพื่อนร่วมแผนกคนอื่น ๆ ทำก็คือ แกล้งมองเมินไปทางอื่น  ทั้งที่ขำ  เห็นทุกวันจนชิน กลายเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นที่แผนกไปแล้ว

แต่มันไม่ใช่เรื่องปกติสำหรับยูกิเลย

แม่งด่ากันได้ขนาดนี้ แต่ไม่มีใครห้ามเลยซักคน...........ข่าวลือที่ได้ยินมา มันไม่มีทางเป็นข่าวลือไปได้หรอก มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้คิดได้ในตอนนี้ ก็คือ ภายในข่าวลือมันก็ต้องมีเรื่องเรื่องจริงผสมด้วยแน่ ๆ 

“อ้าว  มาหาใครครับน้อง  มีอะไรให้ช่วยมั้ย”

ยูกที่กำลังจับตามองภาพตรงหน้าด้วยหัวใจเต้นระทึกไม่เป็นส่ำ ถึงกับสะดุ้งเฮือก หายใจไม่ทั่วท้องเมื่อถูกทัก

และเมื่อหันไปมองก็พบกับสุรชาติ หรือ บาส ผู้ที่ใกล้เคียงกับมนุษย์ธรรมดาที่สุดของแผนกนี้
และภายใต้ความธรรมดา  อาจไม่เคยมีความธรรมดาอยู่แน่ ๆ

“ปะ ปะ เปล่า ผมแค่ผ่านมาเฉย ๆ”

ผ่านมาเฉย ๆ เนี่ยนะ ผ่านเข้ามาเยอะเลยนะ เข้ามาจนถึงโซนในของแผนกเลย

“รถช่วงนี้เข้าเยอะ.........เดิน ๆ อยู่ก็ระวังตัวเอาไว้หน่อยก็ดี”

นี่คือคำขู่ใช่มั้ย เตือนให้ระวังตัวใช่มั้ย นี่ถึงขั้นขู่เอาชีวิตกันเลยใช่มั้ย

“ผมไม่กลัวหรอก”

อ้าว
คนอุตส่าห์บอก เสือกมาพูดอย่างนี้ใส่ นี่เต็มมั้ยวะเนี่ยน้อง หน้าตาก็ดี ไม่น่าจะไม่เต็มหรอกนะ

“รถมันวิ่งเข้าวิ่งออกตลอด บางทีรถใหญ่มองลงมาข้างล่างก็ไม่ค่อยเห็นใครหรอก เดินเข้าเดินออกสุ่มสี่สุ่มห้า เดี๋ยวจะโดนรถเฉี่ยวเอา”

เป็นห่วงจริง ๆ หรือว่าแกล้งขู่วะ  เอาให้แน่ ๆ

“คุณทำอะไรผมไม่ได้หรอก”

เออ ก็ทำไม่ได้ไง พี่ทำอะไรน้องไม่ได้หรอก แต่รถขนส่งสินค้ามันจะเฉี่ยวน้องเอาได้

“เตือนแล้วนะ ไม่เชื่อก็ตามใจ”

ใช่ มึงเตือนกูแล้ว แต่กูไม่เชื่อ แล้วมึงจะทำอะไรได้

“เกิดเป็นอะไรขึ้นมา จะมาว่าผมทีหลังไม่ได้นะ”

ไม่มีใครว่าอยู่แล้ว ก็ในเมื่อวางแผนเอาไว้แล้วนี่   อย่าคิดว่าผมจะยอมล้มเลิกความตั้งใจเรื่องนี้ได้ง่าย ๆ นะ บอกได้เลย ว่าไม่มีทาง

ยูกิยังคงขมวดคิ้วและขบริมฝีปากแน่น กำมือเอาไว้ด้วยความแค้นใจ ที่ถูกข่มขู่ ก่อนจะหันหลังเดินหนีไปดื้อ ๆ สร้างความมึนงงให้กับสุรชาติไม่น้อย

อ้าว

แล้วนี่มาทำอะไรหล่นไว้อีกเนี่ย

…………..ใบคำร้องขอจัดซื้อสินค้า...........

“เฮ้ยน้อง อย่าเพิ่งไป”

เรียกเอาไว้ และยูกิก็ค่อย ๆ หันหน้ากลับมาช้า ๆ เพื่อมองว่าอีกฝ่ายเรียกเอาไว้ทำไม

“ทำนี่หล่นไว้หรือเปล่า เอกสารสำคัญนะเนี่ย”

ใช่ เอกสารสำคัญ เป็นเอกสารที่สำคัญมาก ๆ ด้วย แล้วไปเอามาได้ยังไง

“เอาไปด้วย มาทำหล่นไว้แบบนี้เดี๋ยวหัวหน้ามาเห็นเข้าน้องจะซวย”

ไม่ซวยหรอก แค่หัวหน้ามาเห็นไม่มีทางซวยได้ง่าย ๆ คิดอะไรอยู่วะ   จะหาทางไล่กูออกเลยใช่มั้ย ก็ได้ จะเอาแบบนี้ก็ได้

ยูกิไม่ได้ยื่นมือออกไปรับเอกสาร แต่ยืนมองนิ่ง ๆ และนั่นยิ่งสร้างความประหลาดใจให้สุรชาติที่กำลังรีบจะไปขึ้นรถเพื่อไปส่งของ

จะให้มาเชื่องช้าอืดอาดอยู่ก็ไม่ได้ เพราะตอนนี้วิโรจน์ วอ. มาบอกว่าของขึ้นเสร็จแล้วให้มาขึ้นรถได้

“ของน้องไม่ใช่เหรอ เอกสารสำคัญด้วย เอาไปเหอะ พี่รีบ”

รีบก็รีบ  ยังไงก็ไม่มีทางรับมาแน่ ๆ  ยูกิยังคงยืนนิ่ง และสุรชาติก็เลยถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย  เมื่อพูดแล้วแต่น้องใหม่แผนกจัดซื้อก็ยังคงทำท่านิ่งเฉย ไม่ยอมรับเอกสารไปซะที

พี่รีบนะเนี่ย น้องอย่ามาทำเป็นลีลา แล้วหน้าเหมือนคนจะร้องไห้แบบนั้น มันอะไรกัน

สงสัยโดนหัวหน้าด่ามาแน่ ๆ ใคร ๆ ก็รู้หัวหน้าแผนกจัดซื้อปากจัดจะตาย ด่าลูกน้องได้สะใจมาก ไม่ต่างจากหัวหน้ากูหรอก แต่ก็แปลกที่ยังมีคนรักแกอยู่ ผิดกับพี่บุ้ง ที่ลูกน้องรู้สึก “เกลียด” ซะเหลือเกิน  ด่าไปแล้ว ลูกน้องก็ขำ แกจะด่าไปทำม้ายยยยยยยยยยยยย

“เอาไปเหอะ พี่รีบ”

เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมรับเอกสารไปซะที สุรชาติก็เลยจัดการดึงมือของยูกิมาแบออกและวางเอกสารจัดซื้อไว้ในมือให้

กดนิ้วของยูกิให้ถือเอกสารเอาไว้ดี ๆ และก็เริ่มมองที่ปลายนิ้วเรียวสวยของยูกิด้วยความประหลาดใจ มืออย่างนิ่ม แถมนิ้วก็เรียวสวยอย่างกับมือผู้หญิง
สภาพอย่างนี้คงไม่เคยทำงานหนัก ลูกคุณหนูก็แบบนี้ เจออะไรนิดอะไรหน่อยไม่ได้ โดนหัวหน้างานด่าเข้าหน่อยก็จะเป็นจะตาย มาทำหน้าบูดหน้าบึ้งอยู่ตรงนี้

“ตั้งใจทำงานดี ๆ แล้วกัน อย่ามาทำเอกสารอะไรหล่นแถวนี้ แล้วก็ไม่ต้องคิดมาก ที่นี่ไม่มีอะไรหรอก คิดมากไปก็เท่านั้น เพราะที่จริงคนที่นี่ไม่มีอะไร”

ไม่มีอะไร คำพูดนั้นยูกิไม่อยากเชื่อ

กำลังจะหันหลังเดินกลับแต่ก็ต้องหันกลับมาอีกครั้ง เมื่อฝ่ามือของใครบางคนแตะลงมาที่ไหล่ และตบเบา ๆ เพื่อเป็นการให้กำลังใจและเหมือนจะเน้นย้ำเพื่อบอกอีกครั้งไม่ให้คิดมาก

“หน้าเครียดแบบนี้  มันไม่ดีหรอก ยิ้ม ๆ ซะบ้าง โลกนี้สดใสน่าอยู่จะตาย ถ้าน้องยิ้มนะ พี่ว่าต้องน่ามองกว่าทำหน้าบูดแบบนี้แน่ ๆ เชื่อพี่สิ”

เชื่อได้หรือเปล่า แต่ก็ไม่อยากจะเชื่อ ถึงไม่อยากเชื่อแต่รอยยิ้มบาง ๆ และแววตาที่มองมาอย่างจริงใจนั้นทำให้ยูกิสะดุดลมหายใจและเผลอมองค้าง

“.............เหี้ยเอ้ย โคตรเท่ห์ว่ะ...........”

เผลอพูดอะไรพึมพำเบา ๆ และสุรชาติก็ขมวดคิ้วมุ่น ด้วยความสงสัย

“ว่าไงนะน้อง”

ไม่ได้ว่าไง  ผมเปล่าว่าไง ไม่ได้ว่าอะไรทั้งนั้น

สุรชาติไม่รอฟังคำตอบ แต่ขมวดคิ้วด้วยความงง ก่อนจะรีบก้าวขาออกไปจากบริเวณนั้น จนแทบจะกลายเป็นวิ่ง โดยมีสายตาของยูกิมองไปด้วยความอึ้ง และรู้สึกหัวใจเต้นรัวขึ้นทีละนิด

คนเหี้ยอะไรวะ ตัวสูง หน้านิ่ง แต่โคตรเท่ห์ คำพูดคำจาแต่ละคำ มันฟังดูจริงใจ และน่านับถือมาก มิน่าล่ะ นายสุรชาติถึงอยู่กับคนแผนกนี้ได้อย่างปกติสุข ไม่แปลกใจเลย ที่นายสุรชาติสามารถอยู่ร่วมกับคนแผนกนี้ได้

...............เพราะนายมันดูใจดี  จนทำให้รู้สึกสบายใจเวลาอยู่ใกล้  นี่เอง …………..


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: thearboo ที่ 08-05-2014 15:18:18
แผนกขนส่ง...แผนก ชาย ฉะ กัน โดยแท้!
กินทั้งใน กินทั้งนอกแผนก
ฮิ้วววววว...
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: miyaki ที่ 08-05-2014 15:25:17
แผนกนี้น่าอยู่จริงๆ 555

อยากอ่านต่อเรื่อยๆทุกๆคู่เลย สนุกมากๆคะ   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 08-05-2014 15:30:16
น่ารักทุกคู่เลย  :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 08-05-2014 15:34:13
fall in love พี่สุรชาติ ซะแล้วซินะ ยูกิน้อย หึหึหึหึ :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 08-05-2014 15:36:02
ไอ้น้องยูกิแมร่งฮาว่ะ กร๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แต่แผนกนี้ก็อันตรายจริงๆแหละ "อันตรายต่อประตูหลัง" อิอิ ระวังนะจ๊ะ  ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 08-05-2014 15:49:56
อยากให้มีตอนพิเศษ บุ้ง-มีน
แบบว่าเมียเก่าเฮียบุ้งอยากรีเทิร์น แต่เฮียบุ้งเมินอ่ะ คือแค้นแทนเฮียบุ้งมากนะจุดนี้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 08-05-2014 16:05:50
ขอย้ำ!!! อยากไปเป็นแม่บ้านแผนกนี้ จะอัดคลิปเค้าจีบกันให้ครบทุกคู่เชียว   :impress2:

ว่าแต่น้องยูกิจิตนาการนู๋ช่างเริดล้ำนัก ผูกเรื่องได้อลังการมาก  :laugh:

บุ้งมีนน่ารักที่ซู้ดดดด  :-[

และวิเชียรที่น่าสงสารนัก เฮียไม่อยู่  :pigha2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 08-05-2014 16:56:43
โง้ยยยย พี่บุ้งน้องมีนจบซะแล้วอ่าา

อย่างงี้วิเชียรกับเฮีย พีมกับอ้นจะตามมาติดๆมั้ยอ่าา

ไม่อยากให้พี่บุ้งกับน้องมีนรีบจบเลย โอ้ยยย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 08-05-2014 17:09:39
รู้แกวกันหมดแล้ว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-05-2014 17:24:05
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/08/ไฟล์เปล่า15Z0QUn.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ สุรชาติ  & ยูกิ .....ตอน ลูกจ้างคนใหม่

“มาไม่ได้เหรอวะ ไปทำอะไรที่บ้านนอก เฮ้ยยย เอาจริง........สมคิดเอ้ยยยย มึงมีตังค์หรือไง กูยังไม่ได้ให้ค่าแรงของอาทิตย์นี้เลยนะ มึงเข้ามาเอาตังค์ก่อนจะได้มีตังค์กลับบ้านดีมั้ย ไม่ได้เหรอ เอองั้นเดี๋ยวพี่โอนเข้าไปให้ก่อนซักห้าพันนะ........ไปโรงพยาบาลถ้ามีติดตัวไปไม่ถึงพันมันจะลำบาก ไม่เป็นไรหรอกว่ะ ถือว่าช่วย ๆ กันไป มันก็ต้องมีคราวลำบากบ้างแหละวะคนเรา อย่าคิดมากน่า ยังไงถ้ามึงหางานใหม่ไม่ได้จริง ๆ มึงกลับมาทำกับพี่นะ พี่รอมึงอยู่ กลับมาตอนไหนก็ได้ ไม่ว่ากัน....เออ...โชคดีว่ะสมคิด”

สุรชาติกำลังคุยกับลูกน้องที่มาเป็นลูกมือช่วยงานที่ร้าน ลูกน้องกำลังลำบากหนัก และมีเหตุให้ต้องกลับบ้านนอกเพราะพ่อเข้าโรงพยาบาลกะทันหัน และดูท่าแล้วคงกลับมายาก น่าเห็นใจ แต่สิ่งที่สุรชาติพอจะทำได้ก็มีเท่านี้

กดวางสายไปเรียบร้อย และรู้สึกหดหู่กับสิ่งที่ได้ยิน เรื่องอาการเจ็บไข้ของคนในครอบครัว มันมีผลกับเรื่องหลายๆ อย่างในชีวิตคนเราเสมอ เห็นใจก็เห็นใจ แต่สิ่งที่พอจะทำได้ก็มีแค่เพียงการช่วยเหลือในด้านการเงิน
ช่วยได้เท่าที่พอจะช่วยไหว

“เฮ่อออออ”

สุรชาติถอนหายใจยาวด้วยความสงสารทั้งลูกน้อง ทั้งสงสารตัวเอง

วันนี้คงต้องขายของคนเดียว เพราะลูกน้องไม่มา แค่คิดก็หนักใจแล้ว
ช่วงเย็นลูกค้าเยอะมาก จะให้ทั้งตักน้ำเต้าหู้แล้วก็ทอดปลาท่องโก๋ไปพร้อม ๆ กันในเวลาเดียวกันคงไม่มีปัญญาทำได้

ไม่มีลูกมือ แล้วจะให้ทำยังไง ในเมื่อเตรียมของเอาไว้แล้วแบบนี้จะให้ทำยังไง ห่วงเรื่องของลูกน้องก็ห่วง ห่วงเรื่องของที่ทำไว้แล้วก็ห่วง สุรชาติตัดสินใจกดโทรออกหาน้องสาวและเธอก็รับสาย

“แป้งกับน้ำเต้าหูทำไว้เยอะหรือเปล่า”

ถามออกไปด้วยความกังวลและปลายสายก็ตอบกลับมา

“วันนี้วันศุกร์สิ้นเดือน วันเงินเดือนออก ลูกค้าคงเยอะ ก็เลยทำเยอะกว่าทุกวัน”

ก็คงต้องขาย ยังไงก็คงต้องเปิดร้านวันนี้ เอาวะขายได้เท่าที่ขายได้ก็แล้วกัน

“พี่มีปัญหานิดหน่อย พ่อของสมคิดมันไม่สบาย มันเลยลากลับไปดูพ่อมันที่บ้าน แต่ดูท่ามันคงออกเลย”

บอกออกไปด้วยใบหน้าเคร่งขรึม และน้องสาวที่อยู่ปลายสายก็รีบตอบกลับพี่ชายด้วยน้ำเสียงเหมือนคนอารมณ์ดี และไม่ได้รู้สึกแย่กับเรื่องเพียงแค่นี้

“เดี๋ยวหนูไปตักน้ำเต้าหู้ให้ก็ได้พี่บาส เดี๋ยวพี่บาสก็ทอดปลาท่องโก๋ไป อุ้มไอ้ตัวเล็กเอาก็ได้พี่ คงไม่เป็นไรหรอก หนูพอไหว”

แบบนั้นไม่ดีหรอก หลานยังเล็ก จะให้มาอยู่หน้าร้านได้ยังไงเกิดอะไรขึ้นมามันจะไม่คุ้ม ทั้งเลี้ยงหลานทั้งเตรียมของทั้งวันก็แย่แล้ว จะให้มาขายด้วย มันไม่ใช่เรื่องแล้ว

“ไม่เป็นไรบีม เดี๋ยวพี่เข้าไปเอาของมาตั้งร้าน พอดีมีน้องที่โรงงานมันจะเข้าไปช่วย ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก สบายมาก”

บอกออกไปแบบนั้น

แต่ไม่ได้รู้สึกเลยว่าสบายมากอย่างที่พูด

ห้าโมงเย็นแล้วไม่ว่าใครก็กลับบ้านไปกันหมด ก็รู้ว่าแค่โทรบอก พวกน้อง ๆ ก็ไม่เกี่ยงงอนพร้อมที่จะมาช่วยอยู่แล้ว
แต่มันไม่ใช่เรื่องที่ควรรบกวน สุรชาติก็เลยได้แต่ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความเครียด ในเวลาป่านนี้จะไปหาใครมาช่วยได้วะ ก็คงต้องพึ่งตัวเอง สุรชาติวางสายเรียบร้อย และยืนครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่คนเดียวเงียบ ๆ

ถอนหายใจออกมาด้วยความอึดอัดใจก่อนจะเงยหน้าขึ้นและพบว่ามีใครบางคนยืนอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย และมองมาด้วยความสนใจ

“พี่ มีอะไรที่พอจะให้ผมช่วยมั้ย ผมว่าผมน่าจะช่วยพี่ได้นะเรื่องนี้”

ไม่ได้สนิทสนมกัน และสุรชาติพอจะจำได้บ้างว่าคนที่กำลังพูดคุยด้วยในเวลานี้เป็นพนักงานใหม่ของแผนกจัดซื้อ

ไม่ได้สนิทกันเลยสักนิด ไม่ได้มีความคุ้นเคยกัน

แต่..........ถ้าเกิดว่ามันจำเป็น บางที..........เราน่าจะลองรู้จักกันดูมั้ย.............วะ

“เอ่อ จะดีเหรอน้อง”

ไม่อยากรบกวน แต่ถ้าได้มันก็ดีไม่ใช่หรือไง สุรชาติยังรู้สึกแปลกใจตัวเอง ไม่รู้คิดยังไง อยู่ดีๆ ก็ทักออกไปอย่างนั้น

“ก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีหรอกพี่.....เราก็คนกันเอง อยู่โรงงานเดียวกันแท้ ๆ อะไรที่ผมพอจะช่วยได้ผมก็อยากจะช่วย”

นี่กูกับมันไปเป็นคนกันเองตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย แต่ถ้าน้องอยากจะเป็นคนกันเองกับพี่ขนาดนั้น พี่ก็จัดให้ได้

“ก็.........ยังไง...ดีล่ะ คือไม่มีอะไรยุ่งยากหรอกน้อง พี่ก็ยินดีมากที่เราเป็นคนกันเอง งั้น........พี่รบกวนด้วยนะน้องวันนี้ ถือว่าเราช่วย ๆ กัน ก็แล้วกันนะ”

ครับพี่  ถือว่าเราก็คนคุ้นเคยกันแล้ว........ยังไงก็ต้องช่วย ๆ กันไป

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-05-2014 17:24:36
สุรชาติในชุดพนักงานโรงงานยังไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า มีผ้ากันเปื้อนสวมทับเอาไว้อีกชั้น และกำลังตั้งหน้าตั้งตานวดแป้ง ก่อนจะแบ่งแป้งเป็นส่วน ๆ และหย่อนลงในกระทะร้อน ๆ พร้อม ๆ กัน

ปลาท่องโก๋สีเหลืองทองเต็มกะทะ ถูกตักขึ้นพักไว้ในตะแกรงเพื่อให้สะเด็ดน้ำมัน
ผู้ช่วยจำเป็นมีหน้าที่ตักน้ำเต้าหู้ และหยิบปลาท่องโก๋ตามที่ลูกค้าสั่ง

………….ไอ้นี่มันหัวไวเว้ย มาแป๊บเดียว ได้เรื่องกว่าสมคิดอีกว่ะ........................

นึกชื่นชมในใจที่เห็นความคล่องแคล่วในการตักน้ำเต้าหู้และการขายปลาท่องโก๋ที่รวดเร็วของพนักงานใหม่แผนกจัดซื้อ
ไม่รวมถึงการทอนเงินที่สุรชาติคิดว่าไอ้น้องคนนี้มันคิดเงินเร็วมาก ถือว่าหัวในด้านการคำนวณใช้ได้

“พี่ลูกค้าให้แบงค์ห้าร้อย เดี๋ยวผมทอน 460 บาท น้ำเต้าหู้ใส่เครื่องสามถุง 30 บาท กับปลาท่องโก๋สิบตัว”

ยื่นธนบัตรใบสีม่วงให้กับคนที่กำลังนวดแป้งและสุรชาติก็รับธนบัตรมาใส่กระเป๋าที่อยู่ตรงผ้ากันเปื้อน

รับ ๆ ส่ง ๆ กันอยู่อย่างนั้นหลายรอบ จนสุรชาติชักเริ่มแปลกใจ ทำไมวันนี้มันขายดีจังวะ

“พี่ทำไมน่ารักจัง..........พี่มาขายทุกวันป่ะคะ”

หันกลับไปมองและก็เห็นว่าพ่อค้าจำเป็นที่ไม่รู้ไปสนิทกันตอนไหน ถูกสาวน้อยนักเรียนมัธยมปลายจีบเข้าให้แล้ว

“ก็ขายทุกวันล่ะจ๊ะ ถ้าน้องมาซื้อทุกวัน”

ไอ้นี่มันร้ายกาจ ไม่ธรรมดาเหมือนกันนี่หว่า สุรชาติกำลังอมยิ้ม หันไปมองแว่บเดียวและหันกลับมาทอดปลาท่องโก๋ต่อ แต่หูก็ยังคอยฟังคำพูดแบบนี้จากลูกค้าซ้ำ ๆ วน ๆ กันไม่รู้กี่รอบ นางกวักคงไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ ใช้นายกวักดูท่าจะได้ผลมากกว่า

ถ้าไอ้น้องคนนี้มาช่วยขายทุกวันแบบนี้มันก็เข้าท่า เรียกลูกค้าได้ คิดเงินได้ ขายของได้ แถมยังมีความสามารถในการพูดอีก.......ถ้าสมคิดมันได้ครึ่งของไอ้น้องคนนี้ก็คงดี

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-05-2014 17:25:19
“ชื่อกิ”

คนห่าอะไรวะชื่อกิ พ่อแม่มึงคิดยังไงถึงตั้งชื่อลูกแบบนี้วะ กิเนี่ยนะ กิอะไรวะ กูนึกไม่ออก แป้งโกกิหรือไง

“เหรอ........ชื่อแปลกดีนะน้อง”

อยากจะยิ้มอยู่หรอก แต่มันก็งงจนเกินจะเข้าใจได้ว่านี่เป็นชื่อของคน มันมีความหมายว่าอะไรวะ หรือพ่อแม่สมัยใหม่นิยมตั้งชื่อลูกแปลก ๆ กัน เพื่อจะได้เป็นที่จดจำและน่าสนใจสำหรับคนที่ได้ยิน

“แปลกสิพี่ อย่าให้บอกชื่อเต็มเลย จะอายซะเปล่า ๆ”

มีชื่อเต็มด้วยเหรอ อย่าบอกนะว่ามึงชื่อ แป้งโกกิ อย่างที่กูคิดจริง ๆ

“ชื่ออะไรล่ะน้อง ที่ว่าจะอายซะเปล่า ๆ”

ก็ไม่ชื่ออะไรหรอกพี่

“บอกแล้วพี่ห้ามขำนะ”

ไม่ขำหรอก จะขำทำไม คนเราชื่อแปลก ๆ มีเยอะแยะ หมู หมา แมว ช้าง ม้า วัว ควาย ยังมีเลย แล้วนับประสาอะไรจะต้องมาขำกับชื่อแป้งโกกิของน้องล่ะครับ

“พี่ยังชื่อบาสเลย.........แม่ไม่รู้คิดยังไงให้ชื่อบาส ทั้งที่เล่นไม่ได้เรื่อง ถนัดเตะตะกร้อซะมากกว่า แต่ถ้าชื่อตะกร้อคงแปลก คนห่าอะไรวะชื่อตะกร้อ ก็ยังดีวะ ที่ชื่อบาส เพราะอย่างน้อยชื่อบาสมันก็ยังดีกว่าชื่อตะกร้อเยอะ”

เหรอพี่ พี่ชื่อเล่นชื่อบาสเหรอ ก็ฟังดูดีนะพี่ อย่างน้อยมันก็ยังดีกว่าชื่อผมแหละว่ะ

“ที่บ้านเขาอยากได้ลูกสาว หลาน ๆ คนอื่นของอากงอาม่าก็เป็นผู้ชายกันหมด เขาเลยอยากได้หลานสาวน่ารักกัน ตอนแรกเขาก็หวังกันว่าผมจะเป็นผู้หญิง เขาก็เลยพากันไปหาชื่อน่ารัก ๆ มาตั้งไว้รอ ผมเสือกออกมาเป็นผู้ชายซะงั้น แล้วไอ้ชื่อที่ตั้ง เขาก็ไม่คิดจะเปลี่ยนด้วยนะ ไหน ๆ ก็รวมหัวกันคิดขนาดนั้นแล้ว........เลยยัดเยียดชื่อนี้ให้ผมซะเลย เคยถามผมซักคำมั้ยว่าชอบหรือเปล่า จะมาเปลี่ยนตอนโตมันก็ยังไง เลยเรียกกันสั้น ๆ แค่ “กิ” คำเดียวก็พอ ฟังดูแปลกดี คนก็จำได้ด้วย เรียกแค่นี้ มันก็ฟังดูดีแหละพี่ แต่อย่ามาเรียกแบบเต็ม ๆ ก็แล้วกัน”

เรียกแบบเต็ม ๆ เหรอวะ ทำไมวะ มันมีอะไรแย่ขนาดนั้นเลยหรือไง

“แล้วตกลงชื่ออะไรล่ะน้อง”

ชื่ออะไรเหรอพี่................. ก็ไม่ได้มีอะไรแปลก ๆ หรอกพี่ ก็แค่ชื่อ ที่ผมไม่ค่อยชอบให้ใครเรียกซักเท่าไหร่ ยกเว้นคนที่บ้านที่ยังเรียกชื่อผมแบบนี้อยู่

“ยู....กิ”

เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

สุรชาติกำลังอ้าปากค้าง และกระพริบตาปริบ ๆ มันก็คงไม่แปลกเท่าไหร่ ถ้าผู้หญิงน่ารัก ๆ ซักคนจะมีชื่อน่ารักแบบนี้
แต่นี่มันชื่อผู้ชาย.............ชื่อผู้ชายซึ่ง ก็ไม่ได้ดูแย่หรอกนะ ถ้าพิจารณาจากใบหน้าของเจ้าของชื่อแล้วก็..........

มันขาว ก็โชคดีที่น้องมันขาว มองดี ๆ หน้าตามันก็น่ารักดี ในแบบที่ผู้หญิงมองก็คงคิดว่ามันน่ารักดี แต่ถ้าผู้ชายด้วยกันมอง .......มึงก็คล้ายๆ ตุ๊ดอยู่เหมือนกันนะ หน้าขาว ๆ ปากแดง ๆ

มึงมาอยู่ผิดที่หรือเปล่า ลักษณะนี้น่าไปเป็นพนักงานออฟฟิศแต่งตัวเนี้ยบ ๆ ใส่สูทผูกไทด์ ไม่น่ามาอยู่แผนกจัดซื้อที่เห็นวิ่งวุ่นทั้งวัน แต่จะว่าไป น้องก็ดูสู้งาน ทำงานเป็น แล้วก็ดูท่าทางเข้าท่าดีเหมือนกันนี่หว่า อย่างน้อยก็ไม่ใช่ทำอะไรเหยาะ ๆ แหยะ ๆ ผิดกับหน้าตา ก็คล้ายๆ ไอ้น้องมีนเด็กพี่บุ้ง นั่นก็หน้าตาไม่สู้งาน แต่ก็เห็นมาทำงานได้ทุกวัน

ไอ้รายนี้ก็เหมือนกัน จะไปดูถูกแค่เพราะหน้าตามันดูใส ๆ ก็คงไม่ได้ เด็กรุ่นใหม่ หลาย ๆ คนอดทนและสู้งานกว่าที่คิดเยอะ

“ก็..........เข้าท่าดี ยูกิเหรอ ชื่อน่ารักดีนะ”

แน่ใจนะว่านั่นคือคำชม ทำไมพี่พยักหน้าแปลกๆ แบบนั้นวะ

“เพราะฉะนั้นเรียกผมว่า กิ อย่างเดียวก็พอนะพี่ อย่าไปเผลอเรียกให้ใครได้ยินเชียวนะ ผมแม่งโคตรอายเหอะ เอาจริงๆ”

อายทำไมวะ ชื่อมันก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไรไม่ใช่เหรอวะ ชื่อแป้งโกกิที่กูคิดไว้ยังดูเลวร้ายกว่านี้ตั้งเยอะ

“ไม่เผลอเรียกหรอกนะ........ยู......กิ”

ไม่เผลอเรียก แต่จงใจเรียกให้ได้ยินชัด ๆ และไอ้เจ้าของชื่อมันก็เลยเกิดอาการหน้างอขึ้นมาทันที

“เฮ้ยยยยยยยยยยย ทำไมพี่เป็นคนแบบนี้วะ ไหนว่าจะไม่ขำไง พี่จงใจเรียกชื่อผมแบบนี้นี่หว่า ผมไม่ชอบชื่อนี้นะพี่”

อ้าวเหรอ ไม่ชอบเหรอ

แต่พี่.........ชอบว่ะ.............มันก็ดูน่ารักดีนี่หว่า กิ กิ ..............กิ..............ยูกิ.....

มองหน้าของคนที่ก้มหน้าก้มตานับเงินที่ขายของได้ในวันนี้แล้วสุรชาติก็ยิ้มออกมา

อะไรวะ มางอนอะไรกะแค่เรื่องชื่อ เห็นว่าน่ารักหรอก ไม่ได้คิดจะล้อให้ทำหน้าบูดซักหน่อย ยูกิ ไม่ดีตรงไหนวะ ก็เข้ากับหน้าน้องดีไม่ใช่เหรอ หรือไม่ใช่...........

“แล้ว..........พรุ่งนี้.....เย็น ๆ เลิกงานแล้ว......จะพอมีเวลาว่างหรือเปล่า..............”


ลองเลียบ ๆ เคียง ๆ ถาม และคนที่กำลังช่วยนับเงินก็เงยหน้าขึ้นมองก่อนจะส่งยิ้มให้

“ว่างสิ พี่จ้างผมป่ะล่ะ”

จ้างเหรอ ได้........... ไม่มีปัญหา จ้างก็จ้าง ถ้าจ้างแล้วมาช่วยขายหรือเปล่าล่ะ

“300”

เหรอพี่ ตกลงเลยสามร้อยก็สามร้อย

“ได้ แล้วให้ทำอะไรมั่ง ถ้าใช้ซะคุ้ม ผมไม่ทำนะ เดี๋ยวเหนื่อย”

เป็นการต่อรองที่ดูกวนตีนมาก แถมคนต่อรองยังมีหน้ามายักคิ้วและส่งยิ้มให้อีก และสุรชาติก็ได้แต่ส่ายหน้า

“ขายอย่างเดียว ตักน้ำเต้าหู้ แล้วก็ขายปลาท่องโก๋”

เหรอ มันก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่ ของง่าย ๆ แบบนี้ สบายมาก

“แล้วเวลาล่ะ จะให้ทำถึงเมื่อไหร่”

ก็.........

“สี่ทุ่มเก็บของเสร็จ ถ้าขายหมดก็เร็วกว่านั้น”

อืมมมม ก็แค่ขายให้หมดเร็ว ๆ ก็ได้กลับบ้านเลยใช่มั้ย

“ขายเยอะมั้ย ต่อวัน”

ขายเยอะมั้ยเหรอ

“ตามที่เห็น วันนี้ถือว่าเอามาเยอะ ตกลงว่าไงพรุ่งนี้มาช่วยขายแล้วกันนะ”

แบบนี้เรียกหักคอกันเลยนี่หว่าพี่.... แต่จะว่าไปก็ไม่ได้เสียหายอะไร ยังไงกลับบ้านไปก็ไปนั่งเล่นเกมส์ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว
แถมแม่ยังบ่นอีกด้วยว่าไม่ค่อยไปหาอะไรอย่างอื่นทำ กลับบ้านมาก็มานั่งเล่นเกมส์ ทำตัวไร้สาระ ไม่รู้ว่าบริษัทจ้างมาทำงานได้ยังไง คราวนี้แม่จะได้รู้........ว่าผมไม่ได้ทำงานประจำอย่างเดียวนะครับ ยังมีอาชีพเสริมด้วย ไม่ได้ไร้สาระเป็นเด็กติดเกมส์เหมือนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยแล้วนะ

“เลี้ยงข้าวผมด้วยนะ...”

เรื่องเลี้ยงข้าว ยังไงก็ต้องเลี้ยงอยู่แล้ว จะกินอะไรก็กิน จะกินก่อนหรือกินหลังจากขายของเสร็จก็ได้ ไม่มีปัญหา ขอแค่มาช่วยขายให้ก็พอ

“แล้วให้ไปส่งบ้านด้วยมั้ย”

แกล้งถาม และยูกิก็อมยิ้มเมื่ออีกฝ่ายเปิดทางให้

“จะดีเร้ออออออออออออออ ผมล่ะเกรงใจ”

แบบนี้สงสัยไม่ใช่ว่าจะดีเร้ออออออ แต่แปลว่า ดีมากต่างหากล่ะ

“แสดงว่าต้องไปส่งที่บ้านด้วยว่างั้น”

ใช่เลยพี่

“สามร้อย ขายอย่างเดียว เลี้ยงข้าว แล้วก็ไปส่งบ้านด้วย โอเคมั้ย”

โอเคก็ได้

“สวัสดิการน้องนี่มากกว่าลูกน้องเก่าพี่เยอะเลยนะ ไอ้นั่นสามร้อยหากินเอง กลับบ้านเองด้วย”

อ้าว มันไม่เหมือนกันพี่ ผมมันระดับวีไอพี ไม่ใช่จะมาขาย ๆ เล่น ๆ ผมนี่ระดับไหนแล้ว

“แล้วพี่จะจ้างผมหรือไม่จ้าง”

ก็ต้องจ้างสิวะ

“มาซะขนาดนี้แล้ว ก็ต้องจ้างแหละ จะให้ทำยังไง”

พูดแบบนี้แสดงว่าไม่อยากจ้างใช่มั้ย

“ผมไม่มายนะ ยังไงก็ได้ ผมสบาย ๆ อยู่แล้ว”

แน่ล่ะ แบมือยักไหล่ซะขนาดนี้ ก็รู้แล้วล่ะสิ ว่ายังไงก็ต้องจ้าง ไม่มีทางเลี่ยงอยู่แล้ว

“เออน่า เอาตามนั้นเลยน้อง”

เยี่ยมมมมมมมมมมมมมมมมม มันต้องให้ได้อย่างนี้สิพี่

“มีขึ้นเงินเดือนให้ป่ะ ถ้าทำยอดได้ทะลุเป้า มีโบน้งโบนัสให้ป่ะ แบบว่าเงินพิเศษอะไรแบบนี้”

นี่เพิ่งมาขายได้วันเดียวเอง มันยังงกขนาดนี้ แล้วถ้ามันโปรแล้วมันจะขนาดไหนวะเนี่ย

“มี.......”

เหรอพี่

“เท่าไหร่.......”

มาเต็มเลยนะมึง

“ให้หอมแก้มข้างซ้ายหมาที่บ้านพี่หนึ่งที ถ้าขายได้หมดก่อนสามทุ่ม แต่ถ้าขายหมดเร็วกว่านั้น พี่ให้หอมแก้มขวาหมาที่บ้านพี่ทั้งสองข้าง หรือน้องจะเป็นฝ่ายเลือกให้หมาที่บ้านพี่พี่หอมแก้มน้องก็ได้นะ พี่ยินดีมาก”

ยินดีมากห่าอะไรล่ะพี่

มันใช่เรื่องที่ไหนล่ะนั่น พี่ก็พูดออกมาได้หน้าตาเฉยเนอะ ไม่คิดว่าผมจะเหวอบ้างเลยหรือไงพี่

“ใครจะไปเอาวะ ของแบบนั้น เอาดี ๆ สิพี่ เป็นจำนวนเงินไม่ได้หรือไง”

พูดไปทำหน้ามุ่ยไป ช่วยเช็ดโต๊ะเก็บร้านไปด้วย และสุรชาติที่เก็บของเรียบร้อยแล้วกำลังจะยกไปไว้ที่ท้ายรถกะบะ ก็หันมามองและส่งยิ้มให้กับยูกิที่ยังบ่นไปทำหน้ามุ่ยไปไม่เลิก

“งั้นถ้าเกิดขายหมดติด ๆ กันก่อนสองทุ่มเกินสามวันต่อหนึ่งสัปดาห์ขึ้นไป จะเลี้ยงหนัง แล้วก็เลี้ยงข้าวหนึ่งมื้อแล้วกัน”

เอออออออออออ แบบนี้มันค่อยน่าสนใจหน่อย

“ผมเลือกหนังแล้วก็เลือกร้านที่จะไปกินเองนะ เอางั้นได้เลยใช่มั้ย”

ใช่ เอางั้นเลยก็ได้

“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”

ไม่มีปัญหาเหรอพี่

“จะได้คิดเอาไว้เลยว่าจะไปถล่มพี่ที่ร้านไหนดี”

อ้าว ไอ้เด็กห่านี่ กะจะเล่นกูซะแล้วไงล่ะ

“ร้านไหนก็ได้ แต่รวมแล้วต้องไม่เกินห้าร้อย”

ห๊ะ อะไรวะ แบบนี้มันขูดรีดกันชัด ๆ เลยนี่หว่า

“โห พี่ผมยืนขายแทบตาย ทำไมงกกับผมขนาดนี้วะ”

แล้วจะเอาหรือไม่เอา

“พี่ก็ไม่มายเหมือนกัน เอาก็เอา ไม่เอาก็ไม่ว่า”

เหรอออออออออออออออ แล้วจะให้ผมทำอะไรได้พี่ มาซะขนาดนี้แล้ว

“ก็ได้วะ เอาก็เอา.......พี่ได้เสียตังค์เลี้ยงหนังเลี้ยงข้าวผมทุกอาทิตย์แน่”

เอาเลยครับน้อง ขายให้ได้อย่างที่ปากพูดก่อนเหอะ แล้วค่อยมาขู่ มาได้วันเดียวข้อต่อรองเยอะชิบหาย ไอ้สมคิดไม่เห็นมาต่อรองเยอะแยะขนาดนี้เลยนะ

“อาทิตย์แรกให้รอดก่อน จะอยู่ครบอาทิตย์หรือเปล่ายังไม่รู้เลย”

แกล้งสบประมาทไปเล็กน้อย และยูกิที่กำลังช่วยเช็ดโต๊ะก็วางผ้าเช็ดโต๊ะลงและเงยหน้าขึ้นมองหน้าของสุรชาติ
ด้วยท่าทางมั่นใจเต็มเปี่ยม

“พี่เตรียมเสียเงินเลี้ยงข้าวเลี้ยงหนังผมได้เลย แล้วเคลียร์คิวให้ว่าง ๆ เอาไว้ด้วย วันอาทิตย์นี้เดี๋ยวเราเจอกัน”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-05-2014 17:26:02
“พี่กูพักนี้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ มีความสุขจริง ๆ เนอะ ตั้งแต่มีผู้ช่วยคนใหม่เนี่ย ตอนสมัยสมคิดอยู่ไม่เห็นเป็นแบบนี้เลยว๊า เห็นบ่นว่าเดี๋ยวก็หยุด เดี๋ยวก็หยุด นับเงินทอนเกินบ้างขาดบ้าง ทีคนนี้ไม่เห็นบ่นเลยว๊า แถมยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทั้งวันด้วย มันยังไงกันแน่วะเนี่ยพี่กู.............”

สุรชาติเงยหน้าขึ้นมองหน้าของอำนาจที่กินข้าวไปแซวพี่มันไปด้วย หาเรื่องให้กูแล้วนะมึง

“กูไม่ได้คิดอะไรเว้ย พวกมึงนี่ก็คิดแทนกูไปได้เนอะ น้องมันมาช่วยขายก็ดีแล้ว ตั้งแต่มันมากูขายของหมดแต่หัววันตลอด จ้างมันมา ลูกค้าผู้หญิงเข้าร้านกันเยอะ นางกวักไม่ค่อยได้ผล นี่จ้างน้องนี่มาขาย แถมนายกวักมาให้ด้วย ก็เข้าท่าดี”

อย่างนั้นเหรอพี่

“กวักหัวใจพี่กูไปด้วยเปล่าว๊า”

อำนาจยังคงแซวและหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ที่พี่ชายชักเริ่มเกิดอาการเหมือนเขินจริง ๆ ทั้งที่แต่ก่อนไม่เคยเห็นเป็นแบบนี้
และวิโรจน์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ที่ไม่ได้พูดอะไรก็อมยิ้มน้อย ๆ มองหน้าของอำนาจแล้วก็ส่ายหน้า

“อะไรมึงโรจน์ มองหน้ากูแล้วส่ายหน้าแบบนี้หมายความว่าไง”

ไม่ได้หมายความว่าไงหรอก

“ไอ้โรจน์มันคงหมายความว่า มึงเสือกแต่เรื่องของชาวบ้านเนอะ แล้วเรื่องของตัวเองไปถึงไหนแล้ว ตกลงพวกมึงกับไอ้น้องพู่ได้กันหรือยังเหอะ”

โหพี่ แรงนะ พูดจาแรงเลยนะพี่ แบบนี้……….

“ไว้ว่าง ๆ ก่อนพี่ ช่วงนี้ผมยังไม่ค่อยว่าง”

เอาไว้ว่าง ๆ ก่อนหรือว่ามึงเอาไม่เป็น ข้อแก้ตัวของมึงนี่ฟังดูไม่ขึ้นเอาซะเลยนะ

“สงสัยน้องพู่คงรอจนเลิกรอไปแล้วมั้งป่านนี้”

เลิกรออะไรล่ะพี่ ผมแค่คิดว่า คนเรารักกันมันสำคัญที่ใจไม่ใช่หวังร่างกาย เอาไว้ความรักสุกงอมเมื่อไหร่ ค่อยเอากันก็ได้ มันยังไม่สาย

“ผมรักจริง ไม่เหมือนไอ้โรจน์หรอก กูรู้นะมึงทำอะไรอ้นครับของมึงมั่ง กูเห็นหรอก วันดีคืนดี รอยดูดที่คออ้นครับของมึงนี่แดงมาเชียว ถ้ากูไม่เห็นแล้วคนอื่นเห็น อ้นครับของมึงได้อายคนทั้งโรงงานแน่”

เหรอ

ก็อายไปสิ ไม่เห็นเป็นไร

“ขอบใจมึงมาก ที่ช่วยเสือกเรื่องของกู”

ห่าโรจน์ กวนตีนอีกแระ กูให้ช่วยแซวพี่บาส ไม่ใช่ให้มึงมาด่ากู แม่งงงงงงงงงงงง

“ตัวพ่ออยู่นี่เลย ถ้ามึงทำไม่เป็น มึงถามไอ้โรจน์เลย มันช่วยแนะนำมึงได้”

ได้จริงเหรอวะ

“มึงแนะนำได้ชัวร์แน่เหรอวะโรจน์กูถามแบบว่าเอาดี ๆ เลยนะ”

ดี ๆ ก็ดี ๆ

“ตกลงยอมรับแล้วว่าเอาไม่เป็น”

ไอ้เหี้ยโรจน์ ทำไมมึงกวนตีนกูแบบนี้วะ ห่านี่ เอาเป็นสิ ระดับกูก็ต้องเอาเป็นอยู่แล้ว มึงนี่ชักจะดูถูกกูเกินไปแล้วนะ

“กูว่าไปสอนไอ้น้องพู่ดีกว่า ท่าทางจะสอนง่ายกว่า น่าจะเป็นงานไม่ยาก”

อ้าว เวรแล้วไงพี่บาสพูดแบบนี้ผมก็เสียหายเลยสิ

“พี่จะให้ไอ้โรจน์สอนน้องพู่ให้มันมาเอาผมเหรอวะ แบบนี้ชักไม่ได้การณ์แล้ว..........เย็นนี้เจอกันแน่ ๆ ไอ้พู่”

ไม่ใช่แค่พูด แต่อำนาจวางจานข้าวแล้วลุกขึ้นเดินลิ่ว ๆ จากไปเรียบร้อยแล้ว คาดว่าคงไปเจรจาเรื่องศึกกับไอ้น้องพู่แน่ ๆ
และสุรชาติก็ได้แต่ส่ายหน้ากับสิ่งที่น้องในแผนกทำ

“ไอ้แก๊ปนี่แม่งก็รั่วจริงจัง”     ได้แต่บ่นแล้วก็ส่ายหัวยิ้ม ๆ เมื่อเห็นอำนาจเดินไปหาน้องพู่จริง ๆ อย่างที่มันพูด

“แล้วตกลงของพี่นี่ยังไง........”

ยังไงเหรอวะ ยังไงก็.........

................

“ไม่ได้คิดอะไรมั้ง  น้องมันเหมือนมาช่วยเพราะสนุก บ้านมันไม่ใช่ไม่มีฐานะ ไอ้เรามันคนทำมาหากิน จะเอามันมาลำบากด้วยมันก็ไม่ใช่เรื่อง   ให้มันไปเจอคนที่ดีกว่าเหอะ”

คิดแบบนั้นก็ไม่ถูกหรอกพี่

“บางทีน้องมันอาจอยากมาลำบากด้วยก็ได้นะ พี่ก็ลอง ๆ แหย่ ๆ ดูหน่อย ว่าตกลงน้องมันคิดยังไง แต่ผมว่ามันก็คิดเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าจะอยากมาเล่นสนุกอย่างที่พี่เข้าใจหรอก”

คิดเหรอ คิดห่าอะไรล่ะ คงคิดหาทางขูดรีดเงินจากกูมากกว่า

“มันคงจะคิดแต่เรื่องให้พี่ขึ้นค่าแรงให้มันแหละโรจน์ ได้สามร้อยมันจะเอาสามร้อยห้าสิบแล้วตอนนี้ เมื่อคืนพี่ยังต้องต่อรองกับมันอยู่เลย”

บ่นให้วิโรจน์ฟัง แต่เป็นการบ่นแบบยิ้มๆ และวิโรจน์ก็เริ่มอมยิ้มน้อยๆ เมื่อมองหน้ารุ่นพี่ที่พูดถึงเด็กที่มาช่วยขายของ
พี่บาสพูดไปยิ้มไปแบบนั้น คงมีความสุขไม่น้อย

“ตกลงว่าชอบใช่มั้ย”

ก็............ไม่รู้สิ

“มั้ง”

แบบนี้มันชอบแล้วชัด ๆ

“ผมแนะนำให้ลองดูซักตั้งนะพี่ ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ถ้าน้องมันไม่ชอบ ก็จบ ถ้ามันชอบก็สานต่อ ไม่ใช่เรื่องยาก”

ก็อยากจะลองอยู่หรอกนะ แต่มันจะกลายเป็นว่า ไม่ชอบ ก็จบนี่แหละ มันจะมองหน้ากันไม่ติด

“ขอบใจมากโรจน์ ยังไงพี่จะลองไปคิดดูอย่างที่มึงบอกแล้วกันนะ”

คิดไว้ก็ดีนะพี่

“ผมเอาใจช่วยว่ะพี่ ยังไงก็ลองดูแล้วกัน”

เออ ขอบใจมากโรจน์ ไม่แน่พี่อาจจะลองดู แต่ไม่รู้ว่า ....ยูกิ...มันจะคิดยังไง

วันอาทิตย์นี้นัดไปดูหนังด้วยกันรอบที่ 10 ถ้าแกล้งจับมือแล้วแม่งขัดขืน..........เดี๋ยวก็คงได้รู้กัน



TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 08-05-2014 17:40:12
 :man1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 08-05-2014 17:50:12
พี่บาสสู้ๆ เชื่อดิน้องยูกิต้องมีใจให้พี่แน่ ไม่มากก็น้อยล่ะน่า  :hao3:
 
ตื้อเท่านั้นที่จะครองโลกนะพี่บาส   :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: whitejade31 ที่ 08-05-2014 18:06:50
อยากอ่านบุ้งกับเมืองมีนบ้างอ่าคะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-05-2014 18:09:35
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/08/ไฟล์เปล่า15Z0QUn.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ สุรชาติ  & ยูกิ .....ตอน ตกลงยังไง

“ปวดไหล่”

กำปั้นที่ทุบเบา ๆ ที่ไหล่ ทำให้คนที่ทอดปลาท่องโก๋จนแป้งหมดต้องหันไปมอง

ยูกินั่งอยู่บนเก้าอี้เพื่อพักขา น้ำเต้าหู้ขายหมดเกลี้ยงไปแล้ว และเหลือปลาท่องโก๋ชุดสุดท้ายที่เพิ่งจะตักขึ้นมาพักเพื่อสะเด็ดน้ำมัน รอขายต่ออีกซักพัก ขายหมดก็คงกลับบ้านกันแล้ว

“เดี๋ยวพี่ดูให้  ปวดตรงไหนวะกิ”

ตรงไหนเหรอ ก็ตรงไหล่นี่แหละ มันเมื่อยมาพักใหญ่แล้วจนต้องยกกำปั้นทุบ ๆ ลงไปเพื่อจะได้คลายความปวดเมื่อยลงบ้าง

“ตรงนี้เหรอ”

ใช่เลยพี่บาส ตรงนั้นแหละ รู้สึกดีขึ้นหน่อยที่มีคนนวดให้

คนที่กำลังนวดให้อยู่ดี ๆ สะดุ้ง เมื่อคนที่ควรนั่งอยู่เฉย ๆ เอนหัวไปข้างหลังและมองหน้าของ
สุรชาติด้วยความขอบคุณที่ช่วยนวดให้

“พี่บาส.......เป็นไร ทำหน้าเอ๋อทำไมพี่”

ใครไปทำหน้าเอ๋อตอนไหนวะ หน้ากูเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะมาทักว่าหน้าเอ๋อ มันไม่ใช่

“ตรงนั้นเลยพี่บาส นวดอีก สบาย ๆ เลย นวด ๆ”

แล้วมันเรื่องอะไรที่กูต้องมายืนนวดไหล่ให้ไอ้ลูกจ้างนายกวักคนนี้ด้วยวะ

คิดแล้วก็งง     งงกับสิ่งที่ตัวเองทำ แต่ยังตั้งใจทำต่อไป

“ผมดูโปรแกรมหนังมาแล้วนะ ตกลงวันอาทิตย์นี้ ผมจะต้องไปดูเรื่องนี้ให้ได้”

เรื่องนี้มันเรื่องไหนกันล่ะ ไม่เห็นจะรู้เลยว่าเรื่องไหน

“ก็เห็นไปเลือกก่อนหนังฉายทุกที เพิ่งจะคิดได้เหรอว่าควรจะเลือกหนังที่อยากดูไปตั้งแต่ที่บ้าน”

เปล่าหรอก ไม่ใช่เพิ่งจะคิดได้ คิดได้นานแล้ว แต่ไม่อยากทำมีอะไรป่ะพี่

“ทำไมวะ ไปเลือกตอนหนังจะฉายมันก็ตื่นเต้นดีออก เลือกเรื่องไหนผมก็เห็นพี่สนุกทุกเรื่องแหละ ใช่มั้ย”

พูดบ้าอะไรวะ ฟังไม่เห็นรู้เรื่อง

“เพี้ยนนะมึง”

เพี้ยนอะไร ก็มันเรื่องจริง

“พี่คะ เอาปลาท่องโก๋สิบตัว”

ลูกค้ามาแล้ว และคนขายก็เตรียมจะลุกขึ้นไปขายของ แต่ก็ถูกกดไหล่เอาไว้ และคนที่นวดไหล่ให้ก็เป็นคนไปหยิบปลาท่องโก๋ใส่กระดาษรองและใส่ถุงส่งให้ลูกค้า

“สิบบาทครับ”

รับธนบัตรใบละยี่สิบมาแล้วและส่งให้กับคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ และหยิบเหรียญสิบบาททอนให้ลูกค้า ที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

“น้องชายเหรอคะ ทำไมไม่เคยเห็นเลย”

น้องเหรอ ก็..........หันไปมองคนที่ยังทำหน้ามุ่ยและยกกำปั้นขึ้นทุบที่ไหล่ของตัวเองไม่หยุดแล้วสุรชาติก็ส่งยิ้มบาง ๆ ให้กับลูกค้า

“ครับ....น้องที่ทำงาน มาช่วย”

ลูกค้าหญิงคนนั้นไม่ตอบอะไรแต่ยังคงส่งยิ้มให้น้อย ๆ ก่อนจะเดินจากไป

น้องชายเหรอ
....................

ของแบบนั้นไม่เห็นจะอยากได้เลย...........ไม่คิดว่าจะอยากได้หรอกนะ

แต่พอโดนทักแบบนี้แล้วมันก็ทำให้คิดขึ้นมา กิมันเป็นน้อง ก็เหมือนน้อง ๆ ที่โรงงาน
ในสายตาทุกคนที่มองเห็น ความสัมพันธ์ของเรามันดูเหมือนเป็นแบบนั้น

“กิ....เดี๋ยวไปหาข้าวกินเลยนะ กิจะกินอะไร ไปซื้อมากินหรือจะไปนั่งกินที่ร้านก็ได้ เดี๋ยวพี่รอ”

ไม่เอา วันนี้ไม่ค่อยหิว

“กินขนมจีนไปตอนที่มาถึงนั่นแล้วไง ที่กินพร้อมพี่บาสอ่ะ แล้วก็กินน้ำส้มไปแล้วหนึ่งขวดด้วย ยังอิ่มอยู่”

เหรอ ก็เผื่อกิจะอยากกินอะไรอย่างอื่นอีก

“แล้วพรุ่งนี้จะมาขายไหวมั้ย ปวดขนาดนี้”

ไม่รู้เหมือนกัน ถ้าไหวก็มา ถ้าไม่ไหวก็คงไม่มา

“ไม่รู้พี่ เดี๋ยวดูก่อน ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวผมโทรบอก”

เหรอ

จะโทรบอกสินะ ถ้ามาก็ดี แต่ถ้าไม่มา...........ก็..............

สุรชาติเดินกลับมายืนที่เดิม และเริ่มกดปลายนิ้วลงไปเบา ๆ ที่ไหล่ของคนที่ยังใช้กำปั้นทุบเบา ๆ ที่ไหล่ไม่เลิก นวดคลึงให้เพื่อคลายความเมื่อยล้า ไล่เรื่อยมาจนถึงแผ่นหลังบางและเอว

“แบบนี้ดีขึ้นมั้ยกิ”
แบบนี้เหรอ ก็ดีขึ้นนะพี่ รู้สึกผ่อนคลายลงเยอะเลย สบายมากด้วย

“วันนี้ไปค้างบ้านพี่มั้ย เดี๋ยวพี่นวดให้ดีกว่าว่ะ สภาพแบบนี้กลับบ้านไปก็ไปนอนปวดซะเปล่า ๆ ที่บ้านมียานวดอยู่ เอามั้ย”

ก็เพราะว่าเป็นห่วง เพราะเป็นห่วงถึงได้ชวน สังเกตมาสองสามวันแล้ว กิ ใช้กำปั้นทุบไหล่ตัวเองหลายครั้ง ทั้งที่หน้าก็ยังคงยิ้ม และยังคงพูดคุยกับลูกค้าได้อย่างสนุกสนาน

แต่.........สภาพร่างกายของคนเรา ถ้าใช้ไปนาน ๆ โดยไม่ถนอม บางทีมันก็กลายเป็นแบบนี้

“นวดให้จริงเหรอ งั้นก็ดีเหมือนกันพี่ ผมว่าไม่ไหวแล้ว ปวดตั้งแต่ต้นคอลงมาจนถึงสะโพกเลย ช่วงนี้ยืนนานแล้วก็นั่งนาน แผนกผมเขาให้ผมเคลียร์บิลซื้อ นั่งอยู่บนเก้าอี้เป็นวัน ๆ ปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัวเลย”

ทำเอกสารก็เป็นแบบนี้แหละ คนทำเอกสารไม่ได้ก็จะเป็นแบบนี้ทุกคน
มาช่วยขายของได้ขยับบ้าง แต่ก็ยืนนาน ระบบต่าง ๆ ในร่างกายก็พากันรวนไปหมด

“เดี๋ยวผมโทรบอกที่บ้านก่อน พรุ่งนี้วันเสาร์ ก็ดีหน่อย พี่มีเสื้อผ้าให้ผมเปลี่ยนมั้ย”

เสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนก็มีอยู่หรอก ไม่ได้มีปัญหาอะไร

“เยอะแยะ ไปเลือกเอาเหอะในตู้”

งั้นก็ได้

“ผมไปซื้อเกาเหลาลูกชิ้นนะ เผื่อหิวกลางคืน พี่เอามั้ย”

เกาเหลาเหรอ

“เอามาด้วยก็ได้ จะได้มากินเป็นเพื่อนกันเผื่อกิหิวตอนกลางคืน”

พูดยังไงวะ เผื่อกูหิวตอนกลางคืน แล้วจะหิวตามกูหรือไง พี่บาสพูดจาอะไรแปลก ๆ

“ซื้อขนมปังปิ้งด้วยได้มั้ย”

ได้

สุรชาติหยิบธนบัตรใบร้อยสองใบส่งให้ และคนที่บ่นว่าจะไปซื้อของกินเผื่อหิวก็ยิ้มออกมาจนตาหยี

“อยู่กับพี่บาสนี่สบายเนอะ นึกอยากจะซื้ออะไรกินก็ได้ มีตังค์ให้ซื้อกินได้ตลอด”

เหรอ

“แล้วอยากจะให้ซื้อให้กินตลอดไปมั้ยล่ะ”

ยังไงวะ พูดแล้วอมยิ้มแปลก ๆ แบบนั้นมันยังไงกันล่ะพี่

“จ้างผมเพิ่มเป็น 350 สิ”

ตอบได้กวนมาก และกลายเป็นสุรชาติที่ดึงมือของคนพูดจาไม่รู้เรื่องมาแบออก และตีมือลงไปเบา ๆ

“มะเหงกแน่ะ น้อย ๆ หน่อยเหอะมึง ไอ้กิ”

โห่ ไรว๊า งกอีกแล้ว

“ค่าแรงก็ไม่ขึ้น แล้วยังจะให้อยู่ด้วยกันอยู่ได้ เดี๋ยวก็ชิ่งไปเปิดร้านเองซะเลยนี่”

ได้ยินเสียงบ่นและคนบ่นก็เดินไปซื้อเกาเหลาลูกชิ้นอย่างที่บอกไว้เรียบร้อยแล้ว

.................ไม่รู้ว่ารู้สึกยังไง.................
ไม่รู้ว่าความรู้สึกของตัวเองที่มีให้กับใครบางคนเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่

รู้แค่ว่า เวลากิ อยู่ใกล้ ๆ แค่ได้เห็นหน้ากัน ได้พูดคุยกัน ได้หยอกล้อกัน หรือแม้ต่างคนจะต่างสนใจหน้าที่ของตัวเองแต่พอรู้ว่าหลังเลิกงานแล้ว จะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน กลับทำให้รู้สึกมีความสุขมาก

แม้ว่าอยู่ที่โรงงานเราจะต่างคนต่างอยู่ และแค่ทักทายกันผ่าน ๆ เท่านั้น แต่ช่วงเวลานี้กลับเป็นของเรา

เป็นของ.............เรา................

...........ไม่รู้ว่ะพี่ ไม่ได้ตั้งใจชอบหรอก แต่พอชอบเข้าไปเท่านั้นแหละ แม่งชอบเลยยยยยยยย...........

สิ่งที่อำนาจเคยพูดเอาไว้ ยังดังก้องไปก้องมาในหู
เคยคิดว่าสิ่งที่รุ่นน้องพูดมันไร้เหตุผล และบ้าบอสิ้นดี แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าคำนั้นมันคงใช้อธิบายความรู้สึกตอนนี้ได้ดี

................ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ.........พี่ก็ไม่ได้ตั้งใจชอบกิหรอกนะ..........แต่พอชอบกิเท่านั้นแหละ.......แม่งชอบเลยยยย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-05-2014 18:10:04
“กิ....อาบน้ำ”

แตะมือไปที่แผ่นหลังของคนที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงและเขย่าเบา ๆ เพื่อเรียกให้คนที่นอนหลับลุกขึ้นไปอาบน้ำได้แล้ว แต่คนนอนหลับก็ไม่ยอมลุกขึ้นซักที

“ไอ้กิ นอนแบบไม่อาบน้ำไม่ได้นะ เน่ามาทั้งวันแล้ว ลุกขึ้นซิ ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้”

ไม่ไหวหรอกพี่ ง่วงจะตายห่าแล้ว เดี๋ยวค่อยไปได้มั้ยล่ะ

“ขออีกห้านาที อืออออออ”

ห้านาทีรอบที่เท่าไหร่แล้วกิ นี่มันเป็นชั่วโมงแล้ว ยังไม่ลุกไปอาบน้ำอีก จนกูอาบเสร็จแล้วเนี่ย มึงอย่ามาขี้เกียจอาบน้ำนะกิ

“ไอ้กิ ไปอาบน้ำ ลุกขึ้น”

ดึงแขนให้คนที่นอนอยู่ลุกขึ้นมา และคนที่ดื้อไม่ยอมลุกขึ้นก็ยกแขนขึ้นกอดคอสุรชาติเอาไว้แน่น

“อุ้มเด่ะ เดี๋ยวผมไป”

ไอ้กิ
มึงอย่ามาเล่น มึง..........อย่ามาเล่นอะไรแบบนี้

มาล็อคคอกูแล้วหลับต่อหน้าตาเฉยเนี่ยนะ

“ยูกิ”

เสียงดังใส่ และคนที่หลับก็ถึงกับสะดุ้งตื่นเต็มตา

“โห่ พี่ ตกใจหมด บอกว่าอย่าเรียกแบบนี้ ผมโคตรเกลียดเลยว่ะ แม่ง ไปก็ได้ ไปอาบเดี๋ยวนี้แหละ ไหนผ้าขนหนูล่ะ”

ปรือตาตื่นขึ้นและยกมือขึ้นเกาหัวด้วยความเซ็ง และสุรชาติก็ยัดเยียดผ้าขนหนูอีกผืนใส่มือให้คนที่ยังงัวเงียไม่อยากตื่น

“ไปเร็ว ๆ จะได้มานวด นวดเสร็จจะได้นอน”

เออออออออออ ก็ลุกขึ้นแล้วนี่ไง จะบ่นทำไมวะ

“รู้แล้ว ก็กำลังไปนี่ไง”

ยังอีกนะมึง ยังจะเถียง ยังจะนั่งหลับต่อหน้าต่อตากูอีก แล้วไอ้อาการหน้าเง้าหน้างอ แล้วก็เกาหัวจนผมยุ่งเหยิงนั่นมันอะไรกิ

“สระผมด้วย”

สระทำไมวะ ง่วงจะตายห่าแล้ว

“ไม่อาววววว”

ไม่ต้องมาพูดว่าไม่เอาเลย หัวมึงยุ่งซะขนาดนั้น

“สระมา เดี๋ยวเป่าผมให้”

เอออออออ สระก็ได้วะ สระก็สระ

“พี่นี่แม่ง บังคับอยู่นั่นแหละ อยากให้สระขนาดนั้น ทำไมไม่มาสระให้เองเลยล่ะ”

อยากให้สระให้ว่างั้น

“ได้ เดี๋ยวกูสระให้ แถมอาบน้ำขัดขี้ไคลถูสบู่ให้มึงเลยด้วย”

โหหหหหหหหหห จะเกินไปแล้วพี่ แบบนี้มันชักจะบริการดีเกินไปแล้ว

“เออ พี่ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้ เดี๋ยวผมสระเอง นี่มันหัวกบาลผม พี่ไม่ต้องใจดีขนาดนั้นก็ได้”

ดูมันพูดเข้า จะทำอะไรก็รีบทำ อย่ามาเรื่อยเฉื่อย

“เร็ว ๆ นะ พี่ง่วง แล้วไม่ต้องไปหลับต่อในห้องน้ำนะกิ”

รู้ทันอีก ว่าจะขออีกซักงีบ เสือกดักทางกันซะงั้น

“คร้าบพ่อ จะไม่งีบในห้องน้ำครับ พ่อ”

พูดเสร็จแล้วมันก็เดินหลับตาเข้าห้องน้ำไปเรียบร้อย แล้วจะให้สุรชาติทำยังไง

ก็ได้แต่มองแล้วก็ส่ายหัวกับกิริยาท่าทางแบบนั้นของคนที่เข้าไปอาบน้ำแล้ว

................ก็ไม่รู้ยังไงเหมือนกันนะ
.................แต่ที่รู้แน่ในตอนนี้ก็คือ อยากจีบแบบจริง ๆ จัง ๆ แล้ว ถ้ายูกิมันมีใจ ก็จะได้ลุยแล้วก็เดินหน้าต่อ ไม่อยากจะเรื่อย ๆ เปื่อย ๆ แบบนี้อีก

เกิดมีใครคว้าไปซะก่อน มันจะยุ่ง

ถ้าไม่ได้มาก็คงต้องเสียไป แต่ถ้าไม่เสี่ยงจะรู้ได้ยังไง อย่างที่โรจน์มันพูดก็ถูก

ไม่อยากเสียใจกับอนาคต ก็ต้องทำปัจจุบันให้ดีที่สุด

คิดอะไรกับพี่บ้างหรือเปล่าวะกิ ทำไมบางครั้งก็ดูเฉยจน เหมือนกับไม่คิดอะไร

แต่อยู่ดี ๆ บางครั้งก็ทำให้คิด เช่นวันนั้นที่โรงหนัง แกล้งจับมือแล้วก็โอบไหล่ระหว่างดูหนังก็ไม่เห็นพูดอะไร ยอมให้โอบ ยอมให้กอด ยอมให้จับมือง่าย ๆ

แต่พอออกจากโรงหนังมาแล้วก็ดูปกติ พูดคุยเรื่องหนังเรื่องหาของกินไปตามเรื่องตามราว

แล้วแบบนี้จะให้ทำยังไง ตกลงว่าคิดหรือไม่คิด ช่วยทำให้ชัดเจนหน่อย

คนที่คอย.............ชักจะรอไม่ไหวแล้ว.....

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke //บุ้ง-มีน แนะนำพนักงานใหม่ : 11.23 น.
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-05-2014 18:11:04
“ทำไมพี่ขยันทำงานขนาดนี้วะ บ้านพี่ก็ไม่ได้ดูลำบากอะไร แค่งานที่โรงงานก็น่าจะพออยู่ได้สบาย ๆ”

ใครว่าล่ะ แค่งานโรงงานเป็นลูกจ้างเขาไม่มีทางรวยได้หรอก มันต้องมีอาชีพเป็นของตัวเองเอาไว้รองรับ ใครเขาจะอยากจ้างงานเราไปจนแก่เฒ่า ถ้ามีอาชีพเสริมสำรองไว้ ต่อไปถึงตกงานก็ไม่อดตาย

“ผ่อนบ้านอีกห้าปี แล้วก็ผ่อนรถอีกสองปี พ่อแม่ไม่ได้มีให้นี่หว่า ก็ต้องมาหาเอาเอง ไม่เหมือนคนบางคน พ่อแม่หาให้หมดแล้ว สบ้ายยยยยยยยยยย สบาย”

แกล้งประชดไปเล็กน้อย และคนที่นั่งหันหลังให้เป่าผมก็หันมามองหน้าของสุรชาติทันที

“พี่ว่าผมเหรอ”

แค่หยอกไปนิดเดียวเองน่า ทำเป็นใจน้อยไปได้

“ล้อเล่นน่า ถึงเป็นลูกคุณหนู แต่ก็อดทนกว่าที่พี่คิดไว้เยอะ กิใช้ได้เลยนะ ถ้านับเรื่องความอดทน พี่นึกว่ากิ จะเป็นคนเหยาะแหยะไม่เอางานซะอีก ”

แล้วเป็นไงล่ะพี่

“ผมก็มีวิถีทางในแบบของผม แม่ผมเขาหาว่าผมไม่มีความอดทน ต่อไปคงได้อดตาย พี่เชื่อป่ะ ขนาดผมทำงานแล้ว ผมยังขอตังค์แม่ใช้อยู่เลย ตั้งแต่มาทำงานกับพี่นี่แหละ หมดเวลาเที่ยวไปเยอะ แถมมีตังค์ให้แม่ด้วย แม่ผมนี่ปลื้มใจสุด ๆ”

งั้นเชียว

“ก็แน่ล่ะ รับวันละ 300 เต็ม ๆ ทุกวัน ข้าวกับขนมกินไม่อั้น มีรถรับส่งด้วย วันอาทิตย์มีเลี้ยงพิเศษ กินข้าวดูหนังอีก แล้วจะไม่ให้เหลือได้ยังไง”

ก็แน่ล่ะพี่ มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว

“ของมันชัวร์ พี่ไม่รู้เหรอ นี่ใคร”

ไม่รู้หรอก

“ยูกิไง ไม่รู้จักชื่อตัวเองเหรอ ถามชาวบ้านเขาอยู่ได้”

แป่ววววววววววว เรียกแบบนี้อีกแล้ว ไม่เห็นชอบเลยวะ

“พี่ก็ขยันเรียกอยู่ได้เนอะ ผมไม่เห็นจะชอบชื่อนี้เลย”

ไม่ชอบก็ไม่ชอบ แต่พี่ชอบ มีปัญหามั้ย

“นั่งเฉย ๆ ไม่ได้เลยใช่มั้ยเนี่ย ยุกยิกอยู่นั่น อยู่ดี ๆ ซิจะได้เป่าผมให้แห้ง”

ก็อยู่นิ่ง ๆ แล้วไง พี่จะจิกหัวผมเลยมั้ย แม่ง ลากซะแรงเลยหัวจะหลุดอยู่แล้ว

“แล้วพี่ไม่คิดจะมีแฟนบ้างเลยเหรอ หาคนมาช่วยขายก็เข้าทีดีไม่ใช่หรือไงพี่”

ก็คิดอยู่

“ทำไม จะมาเป็นหรือไง”

อ่า........... เปล่าซักหน่อย ผมยังไม่ทันพูดแบบนั้นเลย พี่ก็มาเหมาผมรวมไปซะแล้ว

“จ้างผมป่ะล่ะ”

มึงบ้าป่ะ แฟนที่ไหนเขาต้องจ้างกันล่ะ

“คิดเท่าไหร่ว่ามาเลย รวยอยู่แล้ว มีเงินจ่าย ถ้าให้จ้างก็จะจ้าง ตกลงคิดยังไง เป็นวัน เป็นเดือน หรือเป็นปี หรือตลอดชีวิตพี่ก็สู้ไหว”

พูดจาแปลก ๆ นะพี่บาส พูดยังไงวะ พูดแบบนี้มันดูแปลก ๆ ผิดปกติยังไงไม่รู้นะ

“ผมไม่ใช่เมียเช่านะจะได้มาคิดค่าบริการเป็นรายวัน รายปี”

แล้วใครใช้ให้คิดว่าเป็นเมียเช่าล่ะ จ้างมาเป็นแฟนไปก่อน ตำแหน่งเมียเดี๋ยวค่อยๆ เลื่อนขึ้นได้ถ้าผลงานการเป็นแฟนทำได้ดี

“แล้วจะมาเป็นมั้ย”

แกล้งถาม และหยุดมือจากการช่วยเป่าผมให้

อะไรนะพี่ พูดเป็นเล่น
คนฟังหยุดนิ่งชะงัก ก่อนจะหันมามองหน้าของสุรชาติอย่างช้าๆ

แต่ก็ยังช้ากว่าคนที่รวบร่างของคนที่กำลังสงสัยเอาไว้แน่นและไม่ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายตั้งตัวได้ทัน

“คิดยังไงกิ.....ถามจริง ๆ กิ คิดกับพี่ยังไง”

เฮ้ยยยยยยยยยยยยยย ไม่รู้ ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าคิดกับพี่ยังไง
ผมก็รู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้ ๆ กับพี่ แล้วนี่พี่จะทำอะไรผมวะ มากอดผมทำไม

“พี่บาสปล่อยผมเหอะพี่ พี่คิดอะไรกับผมป่ะเนี่ย มากอดผมทำไม”

สรุปว่าไม่เล่นด้วยว่างั้น

ชัดเจนแล้ว

จะได้ไม่ต้องลุ้นกันอีก หมดเรื่องคาใจกันซะที จะได้ไม่ต้องอยู่ระหว่างความคิดครึ่ง ๆ กลาง ๆ ว่าใช่หรือไม่ใช่

“คิดมากน่า ก็กอดเล่นเหมือนน้อง มึงต่างหากคิดอะไรกับกูเปล่าวะ กอดแค่นี้ทำงอนไปได้”

ไม่ใช่ทำงอนไปได้พี่

ไม่ใช่ว่า ทำงอนไปได้ แต่แบบนี้ไม่มันไม่ใช่

“พี่ก็แบบนี้ทุกที จะเอายังไงกับผมวะ ทำเหมือนมีใจแล้วก็ทำหมือนไม่มีใจ พี่คิดอะไรของพี่อยู่กันแน่ เดี๋ยวก็จับมือบ้างแหละ เดี๋ยวก็โอบบ้างแหละ ไอ้เรื่องแบบนั้นมันเอาไว้ทำกับแฟน ผมไม่เข้าใจทำไมพี่ยังไปเที่ยวกับผมอยู่ได้ พี่ทำเหมือนให้เวลาผมซะเต็มที่ ดูแลจนเกินนายจ้างลูกจ้าง แล้วพี่ก็มาทำแบบนี้..............แล้วพี่จะให้ผมคิดยังไงวะ.........พี่บาสแม่ง จริงจังหน่อยไม่ได้หรือไง”

อะไรนะ พูดใหม่อีกที เมื่อกี้หมายความว่าไงวะ กิ เอาดี ๆ พูดใหม่อีกทีซิ อยากจะฟังให้ชัด ๆ กว่านี้

“ใครกันแน่ทำเหมือนมีใจแต่ไม่มีใจ มาโทษพี่แล้วเคยดูตัวเองบ้างมั้ยว่าใครกันแน่”

กำลังจะเถียงกันด้วยเรื่องใหญ่โตเรื่องหนึ่ง

เรื่องที่พอเถียงกันไปหลายๆ รอบแล้วมันกลายเป็นว่า

ต่างฝ่ายต่างก็โทษกันว่าทำให้อยากแล้วจากไป

“..............พูดแบบนี้ตกลงพี่ชอบผมหรือไง”

ก็ใช่ไง ไม่ชอบแล้วจะมาพูดอย่างนี้ได้ไง

“ก็ชอบไงไม่รู้เหรอ ปั่นหัวคนอื่นเล่นสนุกมากนักใช่มั้ย”

มันใช่ที่ไหนล่ะ ผมไม่ได้สนุกเลยซักนิดนะพี่ พี่นั่นแหละสนุกมากมั้ย

“แล้วพี่รู้ได้ยังไงว่าผมสนุก ผมเครียดจะตายห่าว่าพี่จะเอายังไงกับผมกันแน่ แล้วไม่รู้บ้างเหรอว่าผมชอบพี่ตั้งแต่วันที่พี่บอกผมว่าไม่ต้องคิดมากแล้ว”

มึงทำเป็นเล่นไป
มึงชอบกูตั้งแต่ตอนนั้นเนี่ยนะ ห่าเอ้ยยยยยยยยย แล้วทำไมกูไม่เห็นรู้เรื่องเลยวะ

“เออ แล้วเป็นอะไรชอบแล้วทำไมไม่เสือกพูด”

แล้วมันเป็นความผิดของผมเหรอวะ

จะพูดได้ยังไงมันใช่เรื่องที่ควรพูดเหรอวะ รู้จักกันไม่ทันไรก็เผลอไปชอบซะแล้ว และยิ่งมาอยู่ใกล้ ๆ กันแบบนี้ความชอบยิ่งทวีเพิ่มขึ้นไม่รู้กี่เท่า

“ถ้าอยากรู้มากนัก พี่จ้างผมป่ะล่ะ”

ไอ้งก ไอ้บ้า มึงอย่ามา งก

“เป็นแฟนป่ะล่ะ แล้วจะจ้าง ไม่เป็นแฟน ไม่จ้างตกลงว่าไง”

ไม่ว่าไงหรอกพี่ จะให้ผมว่าไงล่ะ เล่นหักคอกันซะขนาดนี้แล้ว

“ไอ้พี่บาส จีบเหี้ยอะไรวะ ขนาดจะให้ผมเป็นแฟนยังต้องจ้างอีก พี่บ้าหรือไงวะ”

ด่า แต่หน้าแดง

และคนที่เพิ่งคิดได้ก็มองหน้าของคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยความอึ้ง

นี่กูเป็นอะไรวะ เถียงกับไอ้กิเพื่ออะไรวะ กูบ้าหรือมันเพี้ยนกันแน่ล่ะเนี่ย
มันยังไง ตกลงว่าเรื่องนี้มันอะไรยังไง

“ตกลงก็ชอบเหมือนกันใช่มั้ยวะ เออดี คืนนี้จะได้นอนหลับซะที เครียดมาหลายคืนแล้ว ป่ะ กิ....ไปนอนกัน”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 08-05-2014 18:56:25
ตกลงจะทั้งแผนกเลยใช่มั้ยคะ  :o8: คิดถึงคุณอ้น
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-05-2014 19:00:33
นี่คือ ตกลงเขาคบกันแล้วใช่ไหม
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: cancan ที่ 08-05-2014 19:07:39
แผนกนี้แม้จะมีแต่เถื่อนๆแต่จริงแล้วอบอุ่นนะ ลูกน้องเคารพรักลูกพี่แถมยังเอ็นดูอาซ้อ(หมาดๆ)ประจำแผนกแบบฝุดๆ  ส่วนน้องยูกินี่จินตนาการล้ำเลิศก๊งๆแบบออกแนวฮา?นะเนี่ย
ขอบคุณคนแต่งขอรับ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 08-05-2014 19:09:58
วันนี้คนโพสท์อัพได้สะใจมาก อัพกันทั้งวันเลย กด + เป็นกันแทบไม่ทัน 555555
ขอบคุณมากนะค้าาาาาาาาาาาาาาาา :mew1: :pig4:

และน้องกิ น้องเล็กตอนล่าสุดนี่ก็จะฮาไปไหน สนุกมากค่าาาาาาาาา :impress2: :man1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 08-05-2014 19:15:45
ตกลงเป็นแฟนกันโดยไม่ต้องจ้างใช่มั๊ย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 08-05-2014 19:18:11
น่ารักทุกคู่คะ :o8:

#แอบคิดถึงพีท-อ้น
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 08-05-2014 19:53:04
มนต์รัก แป้งทอด  :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 08-05-2014 19:55:16
555555บ้าพอกันไอ้คู่นี้ :m20:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: foolishbeat ที่ 08-05-2014 20:03:59
คู่นี้ต่างคนต่างคิดไปเอง ฮ่าๆ น้องกิน่ารัก :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 08-05-2014 20:18:25
ตกลงคู่นี้เค้าใจตรงกันแล้วชิมิ  :hao7:

หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-05-2014 20:48:26
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/05/ไฟล์เปล่า11oMJGn.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ  วิเชียร&เฮีย.....ตอน  ก่อนท้องฟ้าจะสดใส

เช้าวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสและอากาศปลอดโปร่งวันหนึ่ง คุณวิษณุ กิติพัฒนาไพศาลสกุล นักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงกำลังเดินทางไปพบเพื่อนเก่า

เพื่อนเก่าสมัยที่คุณวิษณุ ยังเป็นแค่เพียงชายหนุ่มที่เดินทางจากต่างบ้านต่างเมือง ไปขายแรงงานที่ประเทศในแถบตะวันออกกลาง แม้วัยจะห่างกันหลายปี แต่สำหรับคุณวิษณุแล้ว คุณกำพลเจ้าของโรงงานเล็ก ๆ แห่งนี้ ถือเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ที่ทำให้ได้รำลึกถึงช่วงเวลาแห่งความหลัง ในสมัยเพิ่งก่อร่างสร้างตัว และไม่ได้มีพร้อมทุกอย่างเหมือนในเวลานี้

รถมาจอดที่หน้าประตูโรงงาน และ รปภ. หน้าโรงงานก็มาโค้งคำนับเพื่อแสดงความเคารพ เมื่อรู้ดีว่า แขกผู้มาเยือนเป็นใคร

เลื่อนประตูรั้วโรงงานให้รถของคุณวิษณุเข้ามาจอดภายในโรงงาน และคุณวิษณุก็เปิดประตูรถและก้าวเดินลงมา

ไม่เจอกันนานแล้ว หวังว่า พี่กำพล ยังคงสบายดี มีโอกาสได้แวะเวียนมาทางนี้ก็เลยมาแวะมาทักทายซักหน่อย หลังจากโทรหาล่วงหน้าแล้ว และพี่กำพล ก็บอกว่ายินดีมากที่เจอจะได้มาคุยเรื่องเก่า ๆ กัน

“ไอ้เชียร ไอ้ห่าเชียร อย่าหนีนะมึง”

เสียงตะโกนโหวกเหวกของพนักงานในโรงงานทำให้คุณวิษณุต้องหันไปมอง

และเมื่อหันมาแล้วก็ต้องปะทะกับร่างของใครคนหนึ่งที่ชนเข้ากับคุณวิษณุอย่างแรง แต่คุณวิษณุก็สามารถตั้งหลักได้ทันไม่ล้มลงไป แถมยังเป็นฝ่ายหมุนตัวและดึงร่างของคนที่มาปะทะเข้าสู่อ้อมแขน ประคองเอาไว้ไม่ให้ล้มลงไปด้วย

.......................................

“อ๊ากกกกกกกกกก เหี้ยแล้วววววววว”

เสียงร้องโวยวายดังลั่น และวิเชียรที่คิดว่าตัวเองจะล้มลงไปกลับพบว่ายังสามารถประคองตัวเองไว้ได้

เพราะมีคนช่วยพยุงเอาไว้

“ใจเย็น ๆ สิหนุ่ม”

ใจก็อยากจะเย็นอยู่หรอก แต่มันเย็นไม่ได้นี่สิครับ
ขืนยังคงใจเย็นต่อไปผมคงโดนเตะ ชัวร์

“ไอ้เชียร ......”

วิเชียรรีบมาหลบหลังของคุณวิษณุและใช้คุณวิษณุเป็นโล่กำบังเอาไว้

“พี่สมาน ผมขอโทษแล้วไง พี่อย่าเตะผมเลยพี่ ผมขอโทษ”

วิเชียรทำหน้าสำนึกผิด และแทบอยากจะร้องไห้ เมื่อรู้ว่าตัวเองไปขึ้นรถผิดคัน

กูเพิ่งมาทำงานวันแรกครับ เลยพลาด ของแบบนี้มันก็มีผิดกันได้ แค่บอกว่า ….โทษที ผมนึกว่าขึ้นถูกแล้วก็เห็นตอนหมุนกุญแจแล้วรถมันสตาร์ทติด นึกว่าใช่คันนี้แน่ ๆ ก็เลยขับออกไป แล้วก็ไปลงของผิดที่จนหัวหน้าสมานโดนนายเรียกไปด่าเละแค่นั้นเอ๊ง.....

“เอ่อ.....ขอโทษครับ คุณวิษณุ ลูกน้องผมมันทะลึ่งตึงตังไปหน่อย ไอ้เชียรออกมานี่ซิ นั่นลูกค้าคนสำคัญของนายเลยนะเฮ้ย”

ลูกค้าคนสำคัญเลยเหรอ คนนี้เนี่ยนะ เป็นลูกค้าคนสำคัญของนาย อ้าว.............เวรแล้วไง

ชิบหายหนักกว่าเดิมอีกกู

วิเชียรตัวแข็งทื่อ เมื่อรู้ว่าคนที่ตัวเองเอาเป็นโล่ห์กำบังไม่ให้พี่สมานเตะ เป็นลูกค้าคนสำคัญของนาย

ถึงกับตาเหลือก และเดินออกมายกมือไหว้ขอโทษคุณวิษณุเป็นการใหญ่

“ผมขอโทษครับ ผมขอโทษจริง ๆ ผมไม่รู้ว่าเป็นแขกของนาย ผมขอโทษครับ”

วิเชียรยังคงก้มหัวและยกมือไหว้ซ้ำ ๆ ท่าทางเหมือนสำนึกผิดจริง ๆ และคุณวิษณุก็ส่งยิ้มบาง ๆ ไปให้ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม

“คราวหลังก็ระวังหน่อยหนุ่ม เกิดไปชนคนอื่นเข้ามันจะมีปัญหาไปใหญ่โตนะ”

ผมก็ขอโทษอยู่นี่ไง ไม่เห็นหรือไง ว่าผมไหว้คุณไปกี่ครั้งแล้ว

“จะไม่ยกโทษให้ผมจริง ๆ หรือไง”

วิเชียรขมวดคิ้วมุ่นและเริ่มแสดงสีหน้าให้รู้ว่า เริ่มเป็นฝ่ายไม่พอใจขึ้นมาบ้างแล้ว

กิริยาท่าทางที่ดูเพลินตาของพนักงานโรงงานที่คุณวิษณุได้เห็นและเพิ่งจะรู้ว่าชื่อวิเชียร ทำให้คุณวิษณุต้องอมยิ้มน้อย ๆ เมื่อมองที่ใบหน้าที่เริ่มหงิกงอ เพราะเริ่มโกรธของชายหนุ่มตรงหน้า

“.....ผมไม่ได้ว่าอะไรหรอก แค่อยากเตือนให้ระวัง ถ้าหกล้มหัวฟาดไป ลูกเมีย พ่อแม่ที่บ้านคงต้องลำบาก เข้าใจมั้ย”

ก็เข้าใจอยู่หรอก

“ผมขอโทษจริง ๆ ผมไม่นึกว่าจะชนคุณ เอาเป็นว่ายังไงผมก็ขอโทษแล้วกัน พอใจมั้ย”

ไอ้เชียร มึงพูดแบบนั้นกับคุณวิษณุได้ไงวะ

สมาน หัวหน้าแผนกขนส่งถึงกับยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองด้วยความกลุ้มเพราะลูกน้องกำลังเล่นกับคนสำคัญของบริษัทเข้าให้แล้ว

“ไม่เป็นไรหรอก คราวหลังก็แค่ระวังหน่อยแล้วกันนะ.....วิเชียร....”

น้ำเสียงที่อ่อนโยนเอ่ยบอก และวิเชียรก็เริ่มยิ้มออกมาได้ ก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณ คุณวิษณุอีกครั้ง พร้อมกับส่งยิ้มทะเล้นไปให้

“ผมว่าแล้วว่าคุณต้องใจดี ไม่ถือโทษโกรธผมหรอก คุณดูเป็นคนใจกว้างจะตาย จะมาโกรธผมได้ไงล่ะ ขอบคุณที่ไม่เอาเรื่องผมนะครับท่าน.........ขอบคุณคร้าบบบบบบบบบบบ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-05-2014 20:48:49
คุณวิษณุไม่คิดว่าตัวเองจะยิ้มได้กว้างขนาดนี้  เมื่ออายุล่วงเลยวัยที่จะมีความรักหวานแหววแบบหนุ่มสาว
คุณวิษณุไม่เคยคิดว่าตัวเองจะกลับมายิ้มแบบนี้ได้อีกครั้ง

ไม่คิดว่าเด็กหนุ่ม พนักงานขับรถคนใหม่ของแผนกขนส่งของโรงงานพี่กำพลจะทำให้ยิ้มได้ขนาดนี้

ท่าทางร่าเริง แววตาที่ดูซุกซน มาพร้อมกับรอยยิ้มสดใส มันทำให้คุณวิษณุยิ้มออกมาได้ทุกครั้งที่นึกถึง

และถึงแม้จะทำให้ยิ้มได้มากขนาดไหน คุณวิษณุก็ไม่เคยคิดไปไกลกว่านั้น และพยายามบอกตัวเองว่ามันก็เหมือนลมที่จะพัดผ่านไป

บอกตัวเองแบบนั้นอยู่นาน

..........สิ่งที่คุณวิษณุคิด.............

มันก็แค่ความสุขใจเล็ก ๆ ในวัยที่ไม่ได้สนใจเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ อีกต่อไปแล้ว

น่าแปลกที่รู้สึกว่าหัวใจที่เต้นในจังหวะปกติอย่างสม่ำเสมอตลอดหลายสิบปี เริ่มเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง เมื่อนึกถึงใบหน้าของเด็กหนุ่มคนนั้น

แค่อยากเก็บไว้ในซอกหลืบของหัวใจ เก็บเอาไว้ให้นึกถึง เพราะไม่คิดจะสานต่อหรือจะทำให้เรื่องยุ่งยากเกิดขึ้นในอนาคต

คุณวิษณุไม่มีเวลาให้กับเรื่องพวกนี้ จุดมุ่งหมายสำคัญในเวลานี้ไม่ใช่การรักใคร แต่เป็นการทุ่มเทให้กับงานและพยายามรักษาความมั่นคงของโรงงานที่ตัวเองเป็นเจ้าของในเวลานี้ให้ได้

เรื่องใหญ่ยังรอให้แก้ปัญหา

คุณวิษณุจึงเลือกที่จะเก็บเรื่องของเด็กหนุ่มที่ได้พบและสบตากันเพียงไม่ถึงหนึ่งนาทีเอาไว้ในใจเงียบ ๆ

ไม่คิดอยากได้หรือครอบครอง และปล่อยให้วันเวลาล่วงเลยผ่านไปเรื่อย ๆ

..........และทุกครั้งที่เหนื่อยล้าจากภาระหน้าที่การงานจนรู้สึกจะทนไม่ไหว

คุณวิษณุจะนึกถึงใครคนหนึ่งซึ่งอยู่ในความทรงจำเสมอ

นึกถึงและยิ้มได้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา

ความรู้สึกที่แสนเงียบงัน ที่ก่อตัวภายในใจมาตลอด แต่มันอยู่ลึกสุดเข้าไปข้างในจนนานวันผ่านไป คุณวิษณุก็เกือบจะหลงลืมเรื่องของเด็กหนุ่มคนนั้นไปแล้ว

จนเมื่อวันหนึ่งในอีกหลายปีต่อมา คุณวิษณุได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยือน คู่ค้าคนสำคัญที่ประกอบธุรกิจนอกกฎหมายรายหนึ่ง

ระหว่างกำลังเดินทางกลับ อยู่ ๆ สายตาของคุณวิษณุก็ไปสะดุดเข้ากับใครบางคนที่ลืมนึกถึงไปนาน

คนที่อยู่ในใจส่วนที่ลึกที่สุดของคุณวิษณุเสมอมา

.......เด็กหนุ่มคนนั้นในวันที่เติบโตขึ้นเป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าคมคายน่ามอง..............

เด็กหนุ่มคนนั้นเติบโตขึ้นแล้ว
และเป็นการเติบโตในเส้นทางที่ไม่น่าพิสมัยเลยสักนิด
วิเชียรไม่ควรต้องกลายมาเป็นแบบนี้

วิเชียรที่มีแววตาขี้เล่น และรอยยิ้มสดใส ไม่ควรต้องมาอยู่ในที่แบบนี้

ทำไมถึงมาอยู่ที่บ่อนแห่งนี้ได้
นั่นคือสิ่งที่คุณวิษณุตั้งคำถาม

และคำถามคงไม่สำคัญเท่ากับความคิดบางอย่างที่แล่นเข้ามาในหัวของคุณวิษณุอย่างรวดเร็ว

กระซิบบอกลูกน้องคนสนิทให้ทำเรื่องบางอย่างให้

ก่อนจะเดินออกไปจากบ่อนด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจอย่างถึงที่สุด
คุณวิษณุกำลังโกรธจัด
โกรธสุด ๆ

ไม่รู้ว่าทำไมถึงโกรธได้ขนาดนี้
โกรธวิเชียร หรือ โกรธตัวเองก็ไม่แน่ใจ

แต่คุณวิษณุรู้สึกโกรธมากจนนึกอยากจะสั่งสอนให้หลาบจำ วิเชียรจะได้ไม่ต้องทำแบบนี้อีก

จะได้ไม่ทำแบบนี้อีก...........เพื่อให้วิเชียรไม่ทำแบบที่ทำอยู่ในเวลานี้ สิ่งที่คุณวิษณุทำได้ก็คือ ทำให้วิเชียรเข็ดหลาบกับการพนันซะ ทำให้รู้ว่าจะต้องสูญเสียอะไรไปบ้าง

ทำให้วิเชียรได้รู้ ก่อนที่จะสายไปมากกว่านี้ จนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้

ก้าวขาขึ้นมานั่งบนรถและรถก็กำลังแล่นไปในเส้นทางที่เป็นที่พักของคุณวิษณุ

คุณวิษณุนั่งนิ่งเงียบ และกำลังคิดอะไรบางอย่าง

ทำไมถึงได้ปล่อยไว้แบบนี้ ทำไมถึงไม่เก็บเอาไว้กับตัวตั้งแต่แรก ทำไมถึงไม่ไขว่คว้า ทำไมถึงไม่ดึงมาไว้ข้างตัว

ทำไมถึงเมินเฉย ทำไมถึงคิดเพียงแค่จะเก็บเอาไว้ในใจเท่านั้น

ถ้าเอามาไว้ข้างตัว เด็กหนุ่มคนนั้นคงไม่เดินทางสายนี้ คงไม่กลายเป็นแบบนี้

คนคุมบ่อนบอกว่า วิเชียร มาเล่นการพนันที่บ่อนนี้บ่อย ๆ จนกลายเป็นขาประจำ

นั่นไม่ใช่สิ่งที่คุณวิษณุปรารถนาจะให้เป็น

สิ่งที่คุณวิษณุคิด วันนี้คงต้องคว้าเอามาเก็บไว้ใกล้ๆ ตัวให้ได้ หลังจากที่ปล่อยผ่านมาได้นานสองนาน และเกือบจะลืมเรื่องของเด็กหนุ่มคนนี้ไปแล้ว

แต่ในวันหนึ่งเราก็ได้มีโอกาสมาพบกัน
พบกันในแบบที่ไม่น่าจะดีซักเท่าไหร่ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่คุณวิษณุสนใจ

แม้จะแลกมาด้วยอะไรคุณวิษณุก็ไม่คิดจะสนใจ

ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น และคราวนี้คุณวิษณุจะคว้าเอามาเก็บไว้ในกำมือให้ได้ ไม่ว่าด้วยวิธีไหน เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตัวเองปรารถนาในเวลานี้

ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีที่ร้ายกาจแค่ไหน........คุณวิษณุก็ยินดีที่จะทำ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-05-2014 20:50:18
“ไป ๆ มา ๆ แบบนั้นมันดูไม่ค่อยดี วิเชียรมาอยู่ที่นี่เลยแล้วกัน ไม่ต้องขนข้าวของอะไรมาหรอก เฮียมีให้หมดแล้ว แค่มาอยู่เป็นเพื่อนเฮีย อยู่กินข้าวเย็นกับเฮียทุกวันก็พอ”

น้ำเสียงแสนราบเรียบ มาพร้อมกับใบหน้าเรียบเฉย แต่ดูน่าเกรงขามของคุณวิษณุ

สิ่งที่คุณวิษณุพูดมันทำให้วิเชียรกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

ถือช้อนและส้อมค้างเอาไว้อย่างนั้น และไม่สามารถพูดอะไรได้เลยสักคำ

ความสัมพันธ์ที่แสนบิดเบี้ยว นับวันยิ่งทำให้วิเชียรรู้สึกเจ็บปวดจนเหมือนจะทนไม่ไหว

ไม่กล้าสู้หน้าลูกเมีย ไม่กล้าสู้หน้าพ่อแม่
ไม่กล้าบอกว่าตัวเองไปทำอะไรมาบ้าง กลัวคนจะรู้ว่าไปอ้าขาให้ผู้ชายอย่างคุณวิษณุทำอะไรได้อย่างใจชอบ

อับอาย

กลัวคนจะรู้ถึงเรื่องราวสุดอัปยศของตัวเอง

...............นอนกับคุณวิษณุเพื่อขัดดอก............
แลกกับการยืดระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปเรื่อยๆ

วิเชียรคิดว่าตัวเองโง่ที่สุดที่ทำเรื่องโง่ ๆ ได้ขนาดนี้
แต่จะบอกใครได้ ในเมื่อวิเชียรเป็นคนสร้างปัญหาเหล่านี้ขึ้นมาด้วยตัวเอง

“เรื่องที่บ้านไม่ต้องห่วงนะ เฮียจัดการให้เรียบร้อยแล้ว ทั้งเรื่องลูก เรื่องเมียของวิเชียร ไม่มีใครว่าวิเชียรซักคนที่จะมาอยู่เป็นคนสนิทของเฮีย”

ไม่มีใครว่า
แต่วิเชียรรู้ชะตากรรมของตัวเอง

ก้มหน้านิ่งเงียบ และแทบอยากจะร้องไห้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ สิ่งที่ทำได้ก็มีแค่กล้ำกลืนฝืนทนยอมรับในสิ่งที่ตัวเองก่อเอาไว้

“.....กินข้าวเสร็จ ก็ไปอาบน้ำอาบท่า รอเฮียที่ห้องแล้วกันนะ”

มันคือคำสั่ง
แม้น้ำเสียงจะราบเรียบ เหมือนพูดเรื่องทั่วไป แต่วิเชียรรู้ว่าสิ่งนี้เรียกว่าคำสั่ง

คำสั่งที่วิเชียรจำใจกล้ำกลืนฝืนทนยอมรับสภาพมาได้พักใหญ่

หลังการมีเซ็กส์ด้วยความรุนแรงและไร้ความปราณีในคราวแรก

เซ็กส์ครั้งต่อ ๆ มาระหว่างวิเชียรกับคุณวิษณุก็ไม่ได้มีอะไรน่าจดจำ มีแค่ความเย็นชา แค่การสอดใส่ และทำให้จบ ๆ สิ้นไปในแต่ละครั้ง

วิเชียรอดทน
อดทนให้เป็นแบบนั้นเรื่อยมา คิดว่าตัวเองอดทนที่จะไม่รู้สึกรู้สากับเซ็กส์แบบนั้น

คิดว่าตัวเองจะไม่รู้สึกอะไรเลย ทั้งที่ความรู้สึกมันเริ่มเกิดขึ้นมาทีละเล็กละน้อย

ท่ามกลางความเย็นชา และความเมินเฉยของคนสองคน ที่แม้ร่างกายจะเชื่อมต่อกัน แต่ไม่สามารถสื่อสารทางใจกันได้

แต่แล้วอยู่ดี ๆ ในวันหนึ่งสิ่งที่วิเชียรไม่เคยคาดคิดมาก่อนก็เกิดขึ้น

วันที่.........คุณวิษณุแตะริมฝีปากเบา ๆ ที่ข้างแก้มของวิเชียร และกระซิบบอกวิเชียรด้วยน้ำเสียงแผ่วหวาน มันทำให้วิเชียรที่เคยนิ่งเฉยเย็นชา

มีน้ำตา

“เฮียรักเชียรนะ ถึงได้ทำไม่ดีกับเชียรได้ขนาดนี้ เพราะเฮียเห็นแก่ตัว และไม่สามารถปล่อยเชียรไปไหนได้อีกแล้ว เฮียถึงต้องทำทุกวิธี เพื่อให้ได้เชียรมาอยู่ข้าง ๆ เฮียให้ได้.....เฮียอยากให้เชียรรู้ ที่เฮียทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะว่าเฮียจะสนใจแค่เรื่องอย่างว่ากับเชียรเท่านั้น เราเคยเจอกันเมื่อหลายปีก่อน แต่เชียรกลับจำเฮียไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แล้วเฮียที่แอบเก็บเชียรไว้ในใจมานาน คิดถึงแต่เชียรมานาน จะรู้สึกยังไง เชียรลองนึกดูดี ๆ”

วิเชียรไม่รู้

วิเชียรไม่รู้อะไรเลย

รู้แค่วันนั้นความอึดอัดใจที่มีมาตลอดสองเดือนเต็มหายออกไปเป็นปลิดทิ้ง

อยู่ด้วยกันตลอดสองเดือนเต็ม
กินข้าวเย็นด้วยกันทุกมื้อ
เข้านอนพร้อมกัน
และตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่บนเตียงเดียวกัน

แม้ไม่อยากหวั่นไหว แต่วิเชียรก็ยอมรับว่าตัวเองหวั่นไหวไม่น้อย และเมื่อไหร่ไม่รู้ที่ไม่กล้าพูดไม่กล้าบอกว่าความรู้สึกไปไกลเกินกว่าจะเป็นแค่คู่นอนขัดดอกให้กับเฮียซะแล้ว

แต่พูดไม่ได้
บอกอะไรไม่ได้
ในเมื่อระหว่างเรามีแต่ความเย็นชา
วิเชียรได้แต่ปล่อยให้ทุกอย่างผ่านมาแบบนั้นเรื่อย ๆ

แม้หลาย ๆ คืนที่นอนไม่หลับ วิเชียรจะแอบลอบมองใบหน้าของเฮียที่หลับใหลอยู่ข้าง ๆ

สิ่งที่วิเชียรทำได้ก็มีเพียงแค่มอง มองได้ แต่ไม่มีสิทธิ์แตะต้อง

แค่มองแต่แตะต้องไม่ได้

ไม่มีสิทธิ์เลยสักนิด

เป็นแค่ของเล่นแก้เหงาให้เฮียเล่นจนกว่าจะเบื่อ

หลาย ๆ ครั้งที่ต้องนอนร้องไห้คนเดียวเงียบๆ

หลาย ๆ ครั้งที่รู้สึกทั้งสมเพชและเวทนาตัวเอง
ถ้าไม่หลงใหลไปกับสิ่งชั่ว ๆ ป่านนี้วิเชียรคงไม่มีชะตากรรมแบบนี้

ลูกเมียถูกกันไปพ้นตัว
ครอบครัวถูกกันให้ออกห่าง

สถานที่สุดท้าย ที่วิเชียรมีความสุขที่สุดที่ได้อยู่คือที่โรงงาน
ในแผนกขนส่ง ที่มีเพื่อน มีพี่ มีน้องอยู่ที่นั่น

“ที่เฮียทำไม่ดีกับเชียรได้ขนาดนี้ ก็เพราะว่ารักเชียร.......... เฮียพรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเชียร เฮียเข้าใจว่าเชียรคงจะเกลียดเฮีย.......แต่เฮียมันเห็นแก่ตัว ไม่สามารถปล่อยเชียรไปได้จริง ๆ ต่อให้เชียรเกลียดเฮียมากกว่านี้ เฮียก็ปล่อยเชียรไปไหนไม่ได้แล้ว เข้าใจมั้ย”

ไม่เข้าใจ
ไม่อยากจะเข้าใจอะไรทั้งนั้น
หยดน้ำมากมายคลอรินที่หน่วยตา และวิเชียรก็ปล่อยให้มันรินไหลลงที่ข้างแก้มอย่างช้า ๆ

“ทำใจเถอะนะ จากนี้ถ้าเชียรอยากใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขในบ้านหลังนี้ก็มีทางเดียวเท่านั้น....คือ เชียรต้อง รักเฮียซะ รักเฮีย อย่างที่เฮียรักเชียร แล้วทุกอย่างมันก็จะจบด้วยดีเอง เชื่อเฮีย”

เชื่อเฮีย
ขอเพียงแค่เชื่อ
แค่เชื่ออย่างที่เฮียพูด และรักเฮียซะ แล้วทุกอย่างจะดีเอง

แล้วหลังจากนั้นสิ่งที่เฮียเคยบอกเอาไว้ก็เป็นจริง

แค่วิเชียรรักเฮียซะ ทุกอย่างก็จบ

จบด้วยดี และดีมากซะด้วย

ดีมากจนถึงขนาดที่วิเชียรยอมละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างและทำตามที่ใจตัวเองอยากจะทำ

ทำทุกอย่างตามใจตัวเอง และตามใจเฮีย

“อาส์ วิเชียรของเฮีย กลืนเข้าไปให้หมดสิ กลืนของเฮียเข้าไปให้หมด ใช่.......แบบนั้น........ให้มันเข้าไปอีกลึกๆ ซี้ดดดด”

เสียงคำรามในลำคออย่างถูกใจของเฮีย ทำให้วิเชียรยิ่งอ้าปากกว้างขึ้นและดูดกลืนท่อนเอ็นใหญ่เข้าไปภายในโพรงปากและพยายามอย่างยิ่งที่จะกลืนกินสิ่งนั้นเข้าไปให้ลึกสุดในคอ

“อาส์ วิเชียร ดีมาก กลืนเข้าไปอีกสิ ซี้ดดดดดส์ เข้าไปอีกนิด อย่างนั้นแหละเชียร อย่างน้านนนน”

เซ็กส์ครั้งต่อ ๆ มาไม่มีความเย็นชาหลงเหลืออีกต่อไปแล้ว

มีแต่ความสุขสมที่ต่างฝ่ายต่างอยากปรนเปรอให้กันมากที่สุด
และเมื่อทุกอย่างจบลงแล้ว หลังจากเหนื่อย

หลังจากปรนเปรอความสุขให้กันจนไร้เรี่ยวแรง เฮียจะกอดวิเชียรเอาไว้และกระซิบบอกวิเชียรเบา ๆ ที่ข้างหูเสมอ ก่อนหลับตาลงในอ้อมแขนของกันและกัน

“เฮียรักวิเชียรมากนะ”

..........................................

สิ่งที่วิเชียรรู้สึกในเวลานี้ไม่ใช่ความเย็นชาอย่างที่เคยรู้สึก ไม่ใช่ความเจ็บปวดอ้างว้าง อย่างที่เคยเชื่อว่าเป็นอยู่

สำหรับวิเชียร ความรู้สึกที่มีให้กับเฮีย คงไม่มีอะไรมากไปกว่านี้

“ผมจะพยายามรักเฮียให้ได้อย่างที่เฮียรักผมก็แล้วกัน”



TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 08-05-2014 21:04:17
 :z1: :haun4: :pighaun: :m25: :jul1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 08-05-2014 21:08:41
ชอบทุกคู่ :L2:
สนุกมากค่ะ
อ่านเพลินเลย :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 08-05-2014 21:10:17
อ่าาา ชีวิตวิเชียรแอบดราม่า  :hao5:

แรกๆอ่านไปแอบรู้สึกไม่ดีกับเฮีย สงสารเชียร  :ling2:
แต่หลังๆก็  :pighaun:

สรุปสุดท้ายเฮียกับวิเชียรรักกันก็ดีแล้วล่ะ  :mew3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 08-05-2014 21:12:22
ตกลงคบกันยังค๊าาาาาาา
เห็นชวนกันไปนอน? อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 08-05-2014 21:14:22
แอร้ย อยากได้แบบเฮียสีกคนจัง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 08-05-2014 21:15:23
แต่ละคู่ก็มันฮาแตกต่างกันไป แต่แผนกนี้ เค้าคัดพนักงานกันที่หน้าตาหรอ หล่อทุกคนเบย  :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: @rnon ที่ 08-05-2014 21:23:12
 :hao7:

 :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-05-2014 21:31:25
อยากไปส่องแผนกนี้จังเลย ฟินกระจายแต่ละคน
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-05-2014 21:53:21
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/05/ไฟล์เปล่า11oMJGn.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ  วิเชียร&เฮีย.....ตอน เรียนรู้กันและกัน

ใช้ชีวิตอยู่กับคุณวิษณุมาได้พักใหญ่แล้ว

แต่ละวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว อยู่ด้วยกัน แต่เอาเข้าจริงก็คล้ายกับต่างคนต่างอยู่
เฉพาะเซ็กส์เท่านั้น ที่เราทำด้วยกัน หลังจากอารมณ์ร้อนแรงสงบลง สิ่งที่วิเชียรทำก็แค่ไปอาบน้ำล้างตัวให้สะอาด แล้วกลับมานอนบนเตียงกับคุณวิษณุ

นอนแบบต่างคนต่างนอน วิเชียรนอนในมุมของตัวเอง เฮียก็นอนในมุมของเฮีย

ไม่เคยมีใครก้าวก่ายเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวของใคร แม้จะอยู่บนเตียงด้วยกัน แต่ไม่เคยมีซักครั้งที่วิเชียรจะเผลอก้าวล่วงไปฝั่งที่เฮียนอน และเฮียก็ไม่เคยก้าวล่วงมาในฝั่งที่วิเชียรนอนอยู่เช่นกัน

บางคืนเฮียอาจจะอ่านหนังสือบ้าง โดยเปิดไฟที่โคมไฟหัวเตียงเอาไว้ และถ้าวิเชียรล้างตัวเสร็จ เฮียก็จะรอจนกว่าวิเชียรจะล้มตัวลงนอน แล้วถึงค่อยปิดไฟ

ในความมืดมิด ดวงตาสองคู่ต่างมองไปในทิศทางของตัวเองไม่เคยมีซักครั้งที่หันกลับมามองกัน

เฮียคงมีเรื่องให้คิด และวิเชียรก็มีเรื่องให้คิดในแบบที่แตกต่างกัน

เฮียคิดเรื่องแผนธุรกิจ การขยายงาน การติดต่อกับลูกค้า
และสิ่งที่วิเชียรคิด ไม่ใช่เรื่องงาน ไม่ใช่เรื่องครอบครัว ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวที่คนทั่วไปควรคิด แต่เป็น.....

.......เมื่อไหร่กูจะใช้หนี้หมด แล้วหลุดไปจากที่นี่ได้ซักที....................

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-05-2014 21:54:29
“วิเชียร”

กลางดึกคืนหนึ่ง ในคืนที่วิเชียรนอนอยู่บนเตียงร่วมกับเฮียตามปกติ

ความสัมพันธ์ยังคงห่างเหิน ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น และก็เหมือนทุกวัน เซ็กส์ก่อนนอนจบไปแล้ว และก็ทำให้ร่างกายเหนื่อยล้า หลังอาบน้ำเรียบร้อย วิเชียรกลับขึ้นมานอนบนเตียง

ไฟในห้องดับไปตั้งนานแล้ว และต่างคนต่างนอนเหมือนทุกคืนที่ผ่านมา แต่มีสิ่งที่แตกต่างไปจากคืนอื่น ๆ ในเวลานี้ก็คือ.....

วิเชียรถูกปลุกให้ตื่นขึ้นในตอนกลางดึก

งัวเงีย และพยายามลืมตาขึ้น ก่อนจะค่อย ๆ ผุดลุกขึ้นนั่งและยกหลังมือขยี้ตาเพื่อให้ตัวเองตื่นเต็มตา

“ครับ....เฮีย...”

หันไปถามคนที่ลุกขึ้นนั่งเอนหลังพิงกับพนักเตียงอยู่ก่อนแล้ว โคมไฟที่หัวเตียงสว่างมากพอที่จะทำให้มองเห็นคนที่นั่งอยู่ได้
เฮียมีสีหน้าเรียบเฉยเหมือนปกติ และวิเชียรก็พอเข้าใจได้ลาง ๆ

เฮียอาจมีอารมณ์รอบดึกหรือเปล่า เลยปลุกให้ลุกขึ้นมาทำเรื่องอย่างว่าด้วยกันอีกรอบ

บางทีคงจะใช่

และวิเชียรที่เข้าใจทุกอย่างดี ก็พยายามใช้ฝ่ามือตบเบา ๆ ที่แก้ม เพื่อปลุกให้ตัวเองตื่น ทั้งที่เมื่อมองไปที่นาฬิกาแล้วก็เป็นเวลาเกือบตีสอง

ตีสองเลยนะ ทำไมต้องมามีอารมณ์ตอนนี้ด้วยวะ พรุ่งนี้กูคงได้ไปทำงานในสภาพคนไม่ได้นอนแน่ ๆ

แต่จะไปทำอะไรได้ ก็คงต้องทำใจ

“......................”

เรื่องบางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องถาม หลายๆ เรื่องไม่จำเป็นต้องพูดแต่ก็ไม่ยากที่จะรู้ และวิเชียรก็ขยับเข้ามาใกล้กับเฮียอีกนิด

“แค่ปากได้มั้ยครับ ถ้า....ไม่เข้าไปข้างในได้มั้ยครับ”

ก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้อย่างที่คิดหรอก แต่อย่างน้อย นอนด้วยกันมาก็ตั้งหลายครั้ง เผื่อเฮียจะมีเมตตาให้ใช้แค่ปากจะได้ไม่ต้องไปอาบน้ำอีกรอบ อาบน้ำตอนตีสองมันไม่ใช่เรื่องสนุกหรอก คงได้ตื่นเต็มตา แล้วก็ไม่ต้องหลับต้องนอนอีกจนกระทั่งเช้า

เดาเรื่องถัดจากนี้ได้ไม่ยาก กูคงต้องไปทำงานในสภาพคนอดนอน

“.....เรื่องนั้นพักไว้ก่อนเถอะ....เฮียมีเรื่องจะถามซักเรื่อง”

ก็ดีครับ เรียกให้กูตื่นขึ้นมาตอนกลางดึก เพื่อจะถามเรื่องอะไรก็ไม่รู้ซักเรื่อง

ก็ดีครับ ที่ทำกับผมแบบนี้

มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะไปขัดใจได้อยู่แล้ว หน้าที่ผมคือทำอะไรล่ะ ก็ตามนั้น ต่อให้เฮียปลุกให้ลุกขึ้นไปวิ่งรอบสนามตอนตีสองกูก็ต้องไปสินะ โคตรน่าสมเพชเลยว่ะชีวิตกู ขนาดจะนอนยังไม่มีปัญญาจะได้หลับได้นอนอย่างมีความสุขเลย

“.....เฮียจะถามอะไรครับ...ถ้าผมพอจะรู้ผมก็ตอบให้ได้”

“วิเชียรพอจะนวดเป็นมั้ย”

นวด.............. นวด....เนี่ยนะ.... กูเนี่ยนะ นวดเหรอ....นวด.........

“เอ่อ..........ผม....ก็พอจะทำเป็นอยู่บ้างสมัยเด็ก ๆ แม่ผมใช้ให้นวดให้บ่อย ๆ”

คือกูไม่เข้าใจครับ เฮียจะถามเรื่องนี้ไปทำไม แถมซ้ำยังถามในเวลาดึกดื่นป่านนี้ด้วย มันหมายความว่ายังไงกันวะ กูชักสงสัย

“นวดต้นคอให้เฮียหน่อยได้มั้ย”

นวด.......... นวดต้นคอให้เฮีย..... นวดต้นคอให้เฮียเนี่ยนะ กูจะกล้าเหรอวะ กูจะ.....กล้าเหรอวะเนี่ย......พูดเป็นเล่น

“ปวดจนนอนแทบไม่ได้เลย พอจะนวดให้หน่อยได้มั้ยวิเชียร”

ไอ้เรื่องนวด......มันก็พอจะนวดให้ได้อยู่หรอกครับ......แต่...คือแบบว่า.....

“จะดีเหรอครับให้ผมนวด เฮียไปให้หมอกระดูกดูให้ไม่ดีกว่าเหรอครับ”

ไปให้หมอกระดูกดูให้ ก็คงต้องเป็นพรุ่งนี้ แต่ตอนนี้แค่รู้สึกปวดเมื่อย แค่วิเชียรนวดให้ก็น่าจะอาการดีขึ้น

“ทำไมถึงคิดว่าไม่ดีล่ะ มีตรงไหนไม่ดีเหรอวิเชียร”

ไม่มีตรงไหนไม่ดีหรอก แต่มันใช่แล้วเหรอวะ

คือยังไงล่ะ เฉพาะเวลามีอะไรกันเท่านั้น ถึงจะแตะเนื้อต้องตัวเฮียได้ตามใจชอบ เพื่อปลุกเร้าอารมณ์ให้เฮียมากที่สุด แต่เวลาอื่น กูไม่เคยแตะตัวเฮียเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ก็เลย......... ยังไงล่ะ มันจะยังไง.....

“งั้นนวดต้นคอให้เฮียหน่อยแล้วกันนะ”

คุณวิษณุค่อย ๆ ขยับนั่งหันหลังให้วิเชียร และวิเชียรก็มึนงง ไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี

ยกมือไหว้ขอโทษเฮียก่อนที่จะลงมือนวด
และนั่นก็ทำให้เฮียต้องมองหน้าของวิเชียรอ เริ่มมีรอยยิ้มจุดขึ้นที่มุมปาก

แล้ว....เฮียจะยิ้มทำไมวะ เฮียจะยิ้มทำไม....กูยิ่งทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่เลยครับ

“ทำไมต้องไหว้”

ก็เฮียเป็นผู้อาวุโส ผมไหว้เฮียก็ถูกแล้ว

“ให้ความเคารพครับ”

“แล้วทำไมต้องเคารพเฮียตอนนวด เวลาอื่นไม่เคารพหรือไง”

เฮียนี่พูดยังไงวะ คนเขาไหว้ด้วยความเคารพก็มาถามอะไรแปลก ๆ อีก

“เวลาอื่นก็เคารพครับ แต่ไหว้ทุกเวลาไม่ได้ เดี๋ยวเฮียจะคิดว่าผมเป็นบ้า”

มันคือครั้งแรก ๆ ที่คนสองคนที่มีช่องว่างระหว่างกันที่แสนจะห่างไกลมาก ๆ เริ่มร่นระยะห่างขยับเข้ามาใกล้ชิดกันทีละนิด

เป็นครั้งแรกที่อยู่ด้วยกันมาแล้วพูดจาต่อปากต่อคำกัน พูดจากันมากกว่าที่เคย ไม่ใช่การทักทายหรือพูดกันเฉพาะเรื่องที่ต้องพูด ไม่ใช่เรื่องของการบอกกฎระเบียบเวลาที่อยู่ด้วยกัน แต่เป็นการคุยกัน คุยอย่างที่คนที่ใช้ชีวิตด้วยกัน เขาคุยกัน

“โทษนะครับ”

เอ่ยคำขอโทษอีกครั้ง และวิเชียรก็ขยับเข้ามาใกล้และวางมือไว้บนต้นคอของเฮีย กดฝ่ามือลงไปและค่อย ๆ บีบคลึงเพื่อคลายอาการปวดให้

“แบบนี้พอได้มั้ยครับ แรงไปหรือเปล่าครับ”

แบบนี้เหรอ

“กำลังดีนะ”

วิเชียรพยักหน้าเข้าใจสิ่งที่เฮียบอกและค่อย ๆ คลึงปลายนิ้วไปที่ต้นคอของเฮียอย่างช้า ๆ และจากต้นคอก็เปลี่ยนเริ่มลามลงมาที่ไหล่...........บ่า......สะบักที่หลัง และนวดลงมาจนถึงเอว....

“อืมมมมม น้ำหนักมือกำลังดีเลยนะ”

ได้รับคำชม และเฮียก็นั่งหลับตาเพราะรู้สึกผ่อนคลายจากความเมื่อยล้าได้มาก เพราะฝีมือการนวดของวิเชียร

“เมื่อยหรือยัง”

ไม่กล้าเมื่อยหรอกครับ มันเป็นหน้าที่ของผม ผมเมื่อยไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าเฮียเมื่อยคงไม่ดี ท่าทางจะมีปัญหากว่าผมเยอะ

“ก็นวดได้อีกเรื่อย ๆครับ”

ตอบไปแบบกลาง ๆ และเฮียก็ส่งเสียงตอบรับในลำคอให้วิเชียรได้ยิน

“อืม....ไม่ใช่ตรงนั้นนะวิเชียร ถอยมาอีกหน่อย”

ถอยมาอีกหน่อยเหรอ ถอยมาก็........น่าจะเป็นตรงนี้หรือเปล่าวะ

“ใช่มั้ยครับ”

ไม่ใช่หรอก

“ทางขวา”

ทางขวาก็ต้องเป็นตรงนี้สิ ใช่มั้ย ทางขวาก็ต้องเป็นตรงนี้แน่ ๆ วิเชียรพยายามลากมือไปให้โดนจุดที่เฮียบอกแต่ไม่ว่ายังไงก็ยังไม่ใช่

“ไม่ใช่ตรงนั้น”

ไม่ใช่แล้วจะเป็นตรงไหนไปได้ล่ะครับ

“แล้วตรงไหนล่ะครับ”

ตรงไหนเหรอ

“งั้นวิเชียรหันหลัง เดี๋ยวเฮียจะบอกให้ว่าตรงไหน”

ก็ได้ครับ จะได้รู้กันซักทีว่าตรงไหน

วิเชียรหันหลังตามที่เฮียบอก และเฮียก็วางมือไว้ที่ไหล่ของวิเชียรเบา ๆ

...................

และวิเชียรที่กำลังสงสัยว่าต้องนวดตรงไหนก็มีอันชะงักค้างเพราะนึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้

…นี่กูกล้าให้เฮียนวดหลังให้เลยเหรอวะ.........

นี่เฮียนะเฮ้ย นี่มันคุณวิษณุ กิติพัฒนาไพศาลสกุล เลยนะ

แล้ว............. มา..........นวดไหล่ให้กูเฉ้ยยยยยยยยยยย

“ตรงนี้นะ รู้หรือยัง”

ตรงนี้เหรอครัตรงนี้ก็ตรงนี้ครับ

“ครับ ครับ ผมเข้าใจแล้ว”

รีบบอกและกำลังจะหันกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง รีบบอกและหันกลับมาเพื่อทำบางอย่าง.........แต่..... กลายเป็นการรีบหันมา เพื่อจะมาเผชิญหน้ากับเฮีย และเมื่อเงยหน้าขึ้นอีกเพียงเล็กน้อย ก็ได้สบสายตากับดวงตาของเฮียที่กำลังมองมา

ยังไงวะ

คือก็เคยมีอะไรกันบ่อย ๆ ด้วยร้อยแปดลีลา แต่ไม่เคยรู้สึกอะไรเท่านี้มาก่อน ทำเรื่องอย่างว่าด้วยกัน แต่ไม่เคยทำอะไรกันแบบนี้
ไม่เคยต้องมานั่งมองหน้ากันแบบนี้ ใช่ที่ตอนมีอะไรกัน เคยมองตากันบ้าง แต่ก็เป็นการมองเพื่อปลุกอารมณ์ของกันและกัน และบำบัดความใคร่ให้แก่กันเท่านั้น

ไม่ใช่แบบนี้ ไม่ใช่การมองตากันแบบที่เป็นอยู่ในเวลานี้

“ผม....เอ่อ...จะนวดต่อเลยครับ เดี๋ยวผมลืมว่าต้องนวดตรงไหน”

รีบบอกและเฮียก็ส่งยิ้มบาง ๆ มาให้ ก่อนจะหันหลังกลับไปอีกครั้งเพื่อให้วิเชียรทำสิ่งที่ต้องการจะทำ

“ตรงนี้ใช่มั้ยครับ”

ใช่.... ตรงนี้แหละ

“เก่งนะ หัวไว บอกแค่นี้ก็จำได้แล้ว”

ก็แน่ล่ะครับ ผมมันคนฉลาด บอกอะไรก็จำได้หมด บอกให้ทำอะไรก็ทำได้หมด มันของธรรมดาอยู่แล้ว

แอบลอบยิ้มอย่างดีใจเพราะคำชมของเฮียและยังคงออกแรงบีบนวดให้ที่ไหล่ ต้นคอ และแผ่นหลังของเฮียไปเรื่อย ๆ อีกพักใหญ่ โดยที่ต่างฝ่ายต่างไร้คำพูดต่อกันอีก

เฮียนั่งนิ่ง ๆ ให้วิเชียรนวด วิเชียรก็ทำหน้าที่ของตัวเองไปเรื่อย ๆ จนเฮียบอกให้พอ วิเชียรถึงได้หยุดมือ

“ดีขึ้นมากแล้วล่ะนะ ขอบใจมาก”

ครับ ไม่เป็นไรครับ มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว

“นอนเถอะนะ เฮียรบกวนวิเชียรนานแล้ว”

วิเชียรไม่ได้ตอบอะไรออกไป เพียงแค่ขยับไปนั่งอยู่ทางฝั่งของตัวเองและกำลังจะเอนหลังลงนอนแต่ก็ยังไม่ทันได้นอนเพราะได้ยินเฮียพูดซะก่อน

“แล้วเรื่องที่เฮียเคยบอกเอาไว้ ทำไปถึงไหนแล้วล่ะ”

เรื่องที่เคยบอกเอาไว้ เรื่อง........อะไรวะ มีเรื่องอะไรวะที่เฮียเคยบอก กูจำไม่ได้เลยนะเนี่ย กูจำแทบไม่ได้....

“หมายถึงเรื่อง.........นั้นเหรอครับ”

เว้นช่องว่างเล็กน้อยเพื่อความแน่ใจ และเฮียก็พยักหน้ารับ

เรื่องนั้น.....

“ถ้าผมพยายาม....จนสำเร็จแล้ว...มันจะเป็นยังไงต่อไปครับ”

เป็นยังไงต่อไปเหรอ

“ก่อนจะถามหาความสำเร็จ ได้พยายามแล้วหรือยัง”

มันพยายามได้ง่าย ๆ เหรอครับเรื่องแบบนั้น ถ้าพยายามได้ง่าย ๆ ก็คงจะดีหรอก ผมจะได้เพิ่มความพยายามขึ้นอีกนิด
และบางทีผมก็แค่อยากรู้ผลของความพยายามบ้างก็เท่านั้น

“ยังไงผมก็ไม่มีทางเลี่ยงได้อยู่แล้วนี่ครับ ถ้าผมไม่พยายามก็คงจะเป็นตัวผมเองที่ทรมาน”

ไม่ได้อยากประชดประชัน แต่มันอดไม่ได้ อย่างกูจะไปมีปัญญาอะไรต่อกรกับคุณวิษณุ กิติพัฒนาไพศาลสกุล
กูมันแค่พนักงานขับรถในบริษัทเล็กๆ จะเอาอะไรไปกล้าประชดประชันผู้กว้างขวางแห่งภาคตะวันออก ที่มีอำนาจสั่งชี้เป็นชี้ตายใครก็ได้ กูไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณวิษณุหรอก แค่คิดก็ผิดแล้ว

“คิดได้แบบนั้นก็ดีแล้วล่ะนะ เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่วิเชียรควรต้องทำ และต้องทำให้ได้ เพราะวิเชียรต้องอยู่ที่นี่อีกนาน”

ก็ใช่ไง กูต้องอยู่ที่นี่อีกนาน อยู่แม่งตลอดชีวิตเลยด้วย อยู่ไปจนกว่าเฮียจะเขี่ยทิ้งตกกระป๋อง เวลาที่เฮียเจอของใหม่ถูกใจกว่า
กูมันก็แค่ของเล่นชั่วคราว เอาสนุก ๆ พอเบื่อแล้ว เดี๋ยวก็โดนเฉดหัวออกไปเองแหละไม่ต้องห่วง

เรื่องความรักห่าอะไรนั่น เอาจริง ๆ ยังไม่กล้าจะคิดเล้ยยยย แต่มันคงเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้อยู่ที่นี่ได้อย่างมีความสุข

คนเราถ้าได้อยู่กับคนที่เรารัก ไม่ว่าจะเจ็บปวดแสนสาหัสแค่ไหนก็คงทนได้
และกูก็ต้องพยายาม ถ้ากูรักเฮียซะทุกอย่างก็จบ เพราะไม่ว่าจะโดนทำอะไรต่อจากนี้ กูก็จะรับมันได้ทั้งหมด เพราะความรักคงทำให้คนเรายอมได้ทุกอย่าง ถึงไม่อยากจะยอม แม่งก็ต้องยอมอยู่ดี

การยอมมีสองแบบให้เลือก ยอมเพราะรัก กับยอมเพราะความว่างเปล่า

กูเลือกข้อแรกดีกว่า อย่างน้อยก็ทำให้ชีวิตซาบซ่ามีสีสันไม่เหี่ยวเฉาแบบข้อสอง

นี่คนนะไม่ใช่ท่อนไม้ ให้อยู่กับความว่างเปล่า กูไม่เอาด้วยคนหรอก ขอเจ็บเพราะรักดีกว่า ยังไงก็ยังมองดูดีมีคุณค่ากว่ากันเยอะ
อย่างน้อยก็ยังได้รู้ว่าชีวิตมันมีอะไรให้ลุ้นให้ตื่นเต้น ให้แสวงหาบ้าง ไม่ใช่อยู่ไปวัน ๆ

“ผมกำลังทำอยู่ครับ”

ไม่ใช่บอกว่าพยายาม แต่ใช้คำว่ากำลังทำ

และเฮียก็นึกอยากจะรู้ คำว่ากำลังทำของวิเชียร มันคืออะไร

“แบบไหนที่เรียกว่ากำลังทำล่ะ”

ก็ไม่แบบไหนหรอกครับ

ก็แบบว่า.....

“ผมก็แค่นอนบนเตียงกับเฮียเหมือนทุกวัน แล้วบอกให้ตัวเองนึกโหยหาอาลัยอ้อมกอดของเฮีย ที่ไม่เคยได้รับ ผมว่ามันได้อารมณ์ดี เจ็บจี๊ดดีครับ เนี่ยแหละสิ่งที่ผมกำลังทำ”

จะหาว่ากวนประสาทก็ช่าง จะหาว่างี่เง่าก็ช่าง จะคิดอะไรก็ช่าง
ตอบเพียงแค่นั้นแล้ววิเชียรก็ค่อย ๆ เอนหลังลงนอนหันหลังให้เฮียเหมือนทุกวัน

แต่วันนี้มีเรื่องที่ผิดไปจากทุกวัน เมื่อแสงไฟจากโคมไฟดับลง
วิเชียรไม่จำเป็นต้องพยายามบอกตัวเองให้โหยหาอาลัยอ้อมกอดของเฮียที่ไม่เคยได้รับ

เพราะเมื่อล้มตัวลงนอน เฮียก็ขยับมาใกล้วิเชียรและวางมือลงบนเอวของวิเชียรเบา ๆ
ไม่มีคำพูด ไม่มีการเอ่ยบอก ไม่มีอะไรทั้งสิ้นนอกจากความเงียบระหว่างคนสองคน

ความเงียบงันที่ทำให้วิเชียรต้องลืมตาขึ้นและไม่กล้าขยับตัว

เป็นครั้งแรกที่ถูกทำแบบนั้น เป็นครั้งแรกที่เฮียทำแบบนั้นด้วย และเป็นครั้งแรกที่วิเชียรคล้าย ๆ จะรู้สึกถึงอาการใจเต้นไม่เป็นส่ำ
ตั้งแต่เริ่มมีอะไรกันมา

แต่ทุกครั้งก็ไม่เคยทำให้รู้สึกแบบนี้ ไม่เคยทำให้......ใบหน้าร้อนผ่าว และกลืนน้ำลายลงคอได้ยากลำบากขนาดนี้

และไม่ใช่แค่มือที่วางอยู่ที่เอว แต่เป็นการขยับกายเข้ามาให้แนบชิดกว่าเดิมจนแผ่นหลังของวิเชียรสัมผัสกับแผ่นอกของเฮีย

นอนตาค้าง และหายใจไม่ทั่วท้อง จะขยับก็ไม่ได้ จะหายใจก็ยังลำบาก ได้แต่กลอกตาไปมาอยู่แบบนั้นทั้งคืนจนเกือบเช้า

สิ่งที่วิเชียรพร่ำบอกกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า มีเพียงคำเดียว

คุณวิษณุ กิติพัฒนาไพศาลสกุลกำลังทำให้กูหลงรัก
คุณวิษณุ กิติพัฒนาไพศาลสกุลกำลังทำให้กูหลงรัก
คุณวิษณุ กิติพัฒนาไพศาลสกุลกำลังทำให้กูหลงรัก


“คุณวิษณุ กิติพัฒนาไพศาลสกุลกำลังทำให้กูหลงรัก”

ท่องในใจ จนกลายเป็นเป็นเสียงบ่นพึมพำ

และคุณวิษณุคนที่กอดวิเชียรเอาไว้ ก็ถึงกับยิ้มกริ่ม หลังจากพยายามตั้งใจฟังอยู่นาน และก็เริ่มจับใจความได้เมื่อวิเชียรพูดคำนั้นอีกหลาย ๆ ครั้ง

“คุณวิเชียร เชิดกลางกุล ก็กำลังทำให้ คุณวิษณุ กิติพัฒนาไพศาลสกุลหลงรัก”

กระซิบบอกเบา ๆ ที่ข้างหูของคนที่อยู่ในอาการกึ่งหลับกึ่งตื่น

และวิเชียรก็เผลอยิ้มออกมา เพราะถูกใจกับคำพูดเบา ๆ แต่ได้ยินชัดที่ข้างหูในเวลาที่แยกไม่ออกระหว่างความจริงกับความฝัน

“คุณวิษณุต้องรักวิเชียรให้มาก ๆ นะ.....ไม่งั้นผมคงจะเฉาตายในบ้านหลังนี้แน่ ๆ ”

บอกในความฝัน แต่หลุดคำพูดออกมาในความจริง และคุณวิษณุก็ยิ้มรับกับคำพูดของคนที่ละเมอพูดบางอย่างให้ได้ยิน

“เฮียอยู่กับเชียรทั้งคน...ไม่เฉาตายหรอกนะ”

จริง ๆ นะครับ ไม่เฉาตายจริง ๆ นะครับ สัญญาแล้วนะครับ อย่าผิดสัญญากับผมนะครับ

อย่าทำให้ผมเฉาตายจริง ๆ นะครับ อย่าทำให้ผมต้องเฉาตายไปจริง ๆ นะครับ........เฮีย


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 08-05-2014 22:00:16
หวานนนนนน

วิเชียรน่ารักอ่ะตอนนี้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 08-05-2014 22:01:32
 :hao6:ิเชียร
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 08-05-2014 22:12:47
กรี๊ดดดดดดด เฮียน่าร๊ากกกก   วิเชียรก็มุ้งมิ้ง  :impress2:

ไม่น่าเชื่ออย่างวิเชียรจะมีมุมนี้ด้วย  :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 08-05-2014 22:21:20
 :o8:555ตกลงแผนกขนส่งนี้เปนหมดเลยช่ายเป่า มีใครยังว่างไหมผมจะได้ไปจีบสักคน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 08-05-2014 22:23:03
ฟินจุง  :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 08-05-2014 22:35:18
เชียรน่ารักชะมัดดด
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 08-05-2014 22:36:02
น่าร๊ากอ่าาาาาาาาาาาา  :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 08-05-2014 22:45:17
ติดตามเรื่องนี้  แต่ละคู่รวดเร็วรวบรัดดี  :hao3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-05-2014 22:48:21
วิเชียร  o13
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: kyliewonderland ที่ 08-05-2014 22:52:38
เพิ่งเข้ามาอ่านเมื่อคืน ชอบมากกกก
บรรยากาศออฟฟิศคนละแบบกับของเราเลย แต่มันน่ารักมากอ่ะ
ชอบน้องมีนจัง ทำไมเกาหลีน่ารักแบบนี้
ตอนต่อไปมาลงไวๆนะคะ รออ่านอยู่น้า
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 08-05-2014 22:59:54
กลัวที่ที่จะรัก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-05-2014 00:09:15
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/08/ไฟล์เปล่า15Z0QUn.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ สุรชาติ  & ยูกิ .....ตอน ไม่ได้เร่งแต่ก็อยากให้ไว

“พี่คนทอดปลาท่องโก๋  คิดถึงเด็กขายน้ำเต้าหู้ป่ะ”

ระดับความอ้อนเกินร้อย แต่ปฏิกิริยาของคนฟังเกินล้าน

“เด็กขายน้ำเต้าหู้ว่าไงล่ะ....ว่าไงก็ว่าตามกัน”

แค่ตอบกลับก็เรียกรอยยิ้มให้คนที่โทรเข้ามาหาได้แล้ว

และทั้งวิโรจน์และอำนาจก็ถึงกับถือช้อนชะงักนิ่งตาค้างด้วยกันทั้งคู่ รุ่นพี่ไม่ใช่แค่สร้างโลกส่วนตัวอยู่คนเดียว แต่ยังส่งยิ้มให้น้อง ๆ ด้วย พี่สุรชาติแม่งเปิดตัวแรง ไม่แคร์สื่อเลยเหรอวะ  นี่บทพี่กูจะพูดจาแบบนี้ พี่กูก็พูดได้ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย พวกกูมันอ่อน ที่ไม่กล้าพูดอะไรแบบนี้กับแฟนตัวเองต่อหน้าคนอื่น

พี่สุรชาติมานิ่ม ๆ แต่โคตรแรงส์

“พี่กินข้าวอยู่ วันนี้กิ ลาเหรอ นอนพักเยอะ ๆ จะได้หายปวดหลัง ยาคลายเส้นก็พอช่วยได้ แต่อย่ากินยาเยอะนะ มันไม่ค่อยดี พี่เป็นห่วง”

หายปวดหลังแปลว่าอะไรวะ พี่กูมันแรงส์ขนาดนี้เลยเหรอวะ ซั่มกันไปเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย

แล้วกูกะไอ้พู่ล่ะ ทำไมพี่สุรชาติมาทีหลังแต่แม่งแซงหน้ากูไปแล้วววววววววววววว

“ไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวตอนเย็น ๆ เลิกงานพี่โทรหา.... จ่ะ  กินข้าวด้วยนะกิ   คิดถึงเหมือนกัน ฝันดีครับ”

โคตรเมพเหอะพี่กู เมพขิง ๆ

พี่สุรชาติวางสายจากการคุยกับคนที่“คบหากัน” ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเรียบร้อยแล้ว

และวิโรจน์ก็อมยิ้มกับสิ่งที่รุ่นพี่ทำ

“จะได้ไม่ต้องลำบากน้อง ๆ เวลาที่อยากรู้ว่ามันอะไรยังไง แล้วก็จะได้ไม่ต้องมาคอยลุ้นกันให้เสียการเสียงาน ถ้าอยากเห็น อยากเจอ ก็จะพามานะ พี่ไม่ปิดบังหรอก อยากถามอยากจะอะไรกิมันก็ได้ ยังไงพวกมึงก็ต้องรู้กันอยู่แล้ว”

มันใช่เลยล่ะ

เพื่อตัดปัญหาการโดนเสือก พี่กูเลยเปิดฟลอร์ซะก่อนเลย สวดดดดดดดดดดดดดดยอด

“พี่.......แล้วพวกพี่ได้กันยังวะพี่บาส”

เป็นอำนาจที่หยุดความรู้สึกอยากเสือกเอาไว้ไม่อยู่ ถามออกไปอย่างตั้งใจ แต่ไร้มารยาทสุด ๆ จนวิโรจน์ต้องมองและส่ายหน้ากับพฤติกรรมบ้า ๆ ของเพื่อนร่วมงาน

“ยังหรอก เพิ่งจะบอกชอบกัน ตอนนี้ขอใช้ช่วงเวลาหวานแหววด้วยกันก่อน คนเรามันก็ควรได้ใช้ช่วงเวลาแบบนี้บ้าง ไปลัดขั้นตอนมันก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อยากจะไปด้วยกันเรื่อย ๆ แบบนี้ไปก่อน  เรื่องอย่างว่ายังไม่เคยคิด มันยังไม่ถึงเวลา”

โห มันต้องมีขั้นตอนขนาดนั้นเลยเหรอวะ

“ทีไอ้โรจน์ไม่เห็นเป็นงี้เลยพี่ เอากันก่อน ชอบแล้วค่อยมาคุยกันทีหลัง”

เป็นการพูดขึ้นทะลุกลางปล้อง ที่ทำเอาสุรชาติถึงกับขำไม่หยุด

“ไอ้แก๊ปมึงนี่ก็เหลือเกินจริง ๆ ว่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า เออ พี่จะบอกมึงให้ แต่ละคู่มันก็ไม่เหมือนกันไม่ใช่เหรอ มึงก็เป็นในแบบของมึง ไอ้โรจน์มันก็มีวิธีการของมัน แต่ละคนก็มีวิธีการของตัวเอง มันไม่มีวิธีการประคับประคองความรักแบบสำเร็จรูปหรอก นี่มันเรื่องของความรัก มันต้องอาศัยทักษะและความเข้าใจกันในแต่ละคู่ จะให้มาเหมือนกันมันเป็นไปไม่ได้หรอกแก๊ป ก็ต้องประยุกต์ใช้กันเป็นรายบุคคลไป”

เออออออออออ ก็จริงว่ะ

“มึงอย่ามองความรักกับน้องพู่ เพียงแค่ให้ได้เอากันแล้วจะดีกว่าคนอื่น ๆ เขา อย่าไปตัดสินความรู้สึกของคนที่เราคบด้วย เพราะความคิดของคนอื่น มึงคบกันมันต้องดูกันให้ออก มีอะไรก็คุยกัน อยากได้แบบไหน ชอบแบบไหน อะไรที่ชอบ อะไรไม่ชอบ ไม่งั้นจะอยู่กันยาก”

ครับพี่ ผมเข้าใจแล้ว

แก๊ปพยักหน้ารับก่อนจะลุกขึ้นยืน เพราะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“ไปไหนอีกวะ ไอ้รั่ว”

ไปไหนล่ะพี่ ถามได้

“ไปบอกไอ้พู่ก่อนว่ามันอยากได้อะไร ผมอยากได้อะไร จะได้เข้าใจตรงกัน”

แล้วมันก็ลุกเดินไปหาไอ้น้องพู่แบบดื้อ ๆ กลายเป็นวิโรจน์ที่มองตามด้วยอาการอยากจะขำให้ตายกับพฤติกรรมเพี้ยน ๆ ของเพื่อนร่วมงาน

สะกิดอะไรมันหน่อยไม่ได้ ความคิดจะไปเลยทันที

“ตกลงมันกับน้องพู่ก็ยังไม่ได้กัน ไม่รู้วันก่อนมันไปคุยกันยังไง ถึงได้กลับมาสภาพเดิม ๆ อีกแล้ว”

สุรชาติพูดไปยิ้มไป และมองหน้าของวิโรจน์ที่นั่งข้าง ๆ และเริ่มขมวดคิ้วด้วยความกลุ้มใจกับเรื่องบางอย่าง

“มันก็ยังดีกว่าผมนะพี่ อย่างน้อยมันก็ยังพูดกัน ง๊องแง๊งงอนกันได้ แต่พี่ดูผมกับอ้นสิ .............ผมกับอ้นนะ คือมีอะไรกันตลอดแหละพี่ ไม่ว่าจะท่าไหนอะไรยังไง อยากได้แบบไหน ก็พูดกันตลอดเวลานะ แต่ถ้าต้องพูดกันหวาน ๆ เช่นคิดถึงนะ หรือรักนะ ผม.....พูดไม่ค่อยได้เลยว่ะพี่...........มันรู้สึกเขิน ๆ ชอบกล ไม่รู้จะทำยังไง ที่สำคัญไม่รู้ว่าอ้นชอบหรือเปล่าด้วย ถ้าผมไปพูดอะไรแบบนั้น”

มึงก็มีเรื่องให้คิดเหมือนกันนะโรจน์ ทั้งที่ระดับมึงไม่น่ามีเรื่องให้คิดได้แล้ว

“เอากันไปซะขนาดนั้น มึงเพิ่งมาคิดเรื่องความรู้สึกเหรอวะ มึงนี่ก็จริง ๆ เลย คนรักกันชอบกัน ทีเรื่องอย่างว่าพวกมึงยังคุยกัน แค่พูดว่ารัก พูดว่าคิดถึง  มันไม่ใช่เรื่องยากหรอกโรจน์ มึงลองดู ถ้ามึงชอบ คุณอ้นก็ต้องชอบนั่นแหละ หรือถ้าไม่ชอบให้พูดแบบนั้น ก็คุยกันไปตรง ๆ”

ก็........ มันก็ใช่แหละพี่

“.........ถ้าผมบอกอ้นตอนนี้ จะน่าเกลียดมั้ยพี่ บอกตอนพักกลางวัน อ้นไม่คิดว่าผมแปลกเหรอพี่”

กูจะไปรู้ได้ยังไงล่ะโรจน์

“มึงก็ลองดูสิ ไม่ลองจะรู้ได้ยังไง อย่างที่มึงบอกพี่นั่นแหละ”

เหรอพี่ ถ้างั้น..........

วิโรจน์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเริ่มค้นหาหมายเลขที่ต้องการจะโทรออก

มองหน้าของรุ่นพี่ที่ส่งยิ้มให้กำลังใจ และวิโรจน์ก็ตัดสินใจพูดอะไรบางอย่างกับปลายสายที่ดูเหมือนกำลังยุ่ง

“อ้นกำลังยุ่งอยู่เลย เอกสารกองเต็มโต๊ะไปหมดแล้ว อ้นจะเดินไปถามแผนกจัดซื้อวันนี้เลยว่าจะเอายังไง ทำไมยังเอาบิลมาปนกันอยู่ได้ แบบนี้ไม่ไหวแล้ว จะไปจัดการตอนนี้เลย โมโหว่ะ ทำงานเหี้ยอะไรไม่รู้ โคตรมั่วเลย”

ได้ยินเสียงพูดไปบ่นไป ของคนที่อยากคุยด้วย แล้ววิโรจน์ก็ยิ้มออกมา

ยิ้มเมื่อได้ฟังเสียงบ่นด้วยความหงุดหงิดของหัวหน้าแผนกขายที่คงกำลังยุ่งสุด ๆ จนไม่เคยมีเวลาพักลงมากินข้าวกลางวันด้วยกัน

“พีทมีอะไรสำคัญหรือเปล่า อ้นกำลังยุ่งมากเลย ขอโทษด้วยเดี๋ยวยังไงอ้นโทรกลับแล้วกันนะ แม่งจะบ้าอยู่แล้ว”

คนจากปลายสายยังคงบ่นไม่เลิก และกลายเป็นวิโรจน์ที่ยังอมยิ้มบาง ๆ ก่อนจะตัดสินใจพูดบางอย่างออกไป

“ไม่มีอะไรหรอก แค่คิดถึง.....วันนี้คิดถึงอ้นมากเลยล่ะ....ไม่ใช่ในความหมายแบบนั้นนะ แต่แบบว่า.......คิดถึงเพราะรู้สึกว่าคิดถึงจริง ๆ งั้นอ้นทำงานต่อนะ จะไปทำงานแล้วเหมือนกัน  แล้วตอนเย็นเจอกัน”

วิโรจน์ยังคงยิ้มเรื่อย ๆ เมื่อกดวางสายและเงยหน้ามองรุ่นพี่

“เป็นไงวะ”

ก็ดีพี่

“ผมน่าจะหัดทำแบบนี้ซะตั้งนานแล้ว พอได้บอกไปถึงแม้มันจะเขิน ๆ แต่ก็รู้สึกดีเป็นบ้าเลยว่ะพี่”

รู้สึกดีก็ดีแล้ว พี่ยินดีด้วยว่ะ

สุรชาติสิ่งยิ้มให้รุ่นน้อง นั่งคุยอะไรกันไปเรื่อยจนใกล้ถึงเวลาที่ต้องเริ่มงานอีกครั้ง จึงลุกขึ้นเดินไปที่แผนกขนส่ง

หัวหน้าแผนกขายกำลังยุ่งกับงานที่กองเต็มอยู่บนโต๊ะ
อาการโมโหสุด ๆ หายไปเป็นปลิดทิ้ง มีแต่รอยยิ้มจาง ๆ หลังได้ฟังคำพูดของคนที่โทรมา

อารมณโมโหคลายลงหมดแล้ว และกำลังกดโทรศัพท์ โทรไปหาหัวหน้าแผนกจัดซื้อ และกรอกเสียงพูดลงไปช้า ๆ ชัด ๆ

“คุณจุมพลครับ ผมกฤษดาจากแผนกขายนะ ขอร้องเถอะอย่าเอาบิลมารวมกับแผนกของผมอีก ไม่งั้นผมจะฉีกทิ้งซะ แค่ตอนนี้ก็มีกองอยู่บนโต๊ะผมมากกว่าสิบใบแล้ว แต่ผมจะคืนให้ รีบ ๆ มารับด้วย ไม่งั้นถ้าไม่มา อีกห้านาทีผมจะฉีกทิ้งไม่รอแล้วนะครับ”

ยังคงไว้ซึ่งความโหดร้ายเหมือนเดิม แต่น้ำเสียงไม่ได้เกรี้ยวกราดเหมือนอย่างที่ควรจะเป็น

แต่การพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ ไร้อารมณ์แบบนี้ของหัวหน้าแผนกขาย ยิ่งทำให้หัวหน้าแผนกจัดซื้อถึงกับเหงื่อตก

“.............มามุกไหนวะเนี่ย หลอนยิ่งกว่าด่าแรง ๆ ซะอีก แบบนี้ไม่เอามีดมาแทงกูให้ตายห่าไปเลยล่ะวะ..เหี้ยเอ้ย...คุณกฤษดานี่แม่งโคตรน่ากลัวเลยจริง ๆ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-05-2014 00:15:33
“พี่บาส กิปวดหลังไม่หายเลย พี่บาสนวดให้กิหน่อยนะ”

สรรพนามเปลี่ยนไปแบบอัตโนมัติ และกิริยาท่าทางของคนสองคนที่เคยเป็นแค่พี่น้องกัน ก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน

“ไหวหรือเปล่า ไม่ไหวก็พักก่อนนะ”

ไหวอยู่หรอก นอนทั้งวันเลยวันนี้ แล้วก็ไม่ได้ปวดหลังมากมายขนาดลุกไม่ไหวหรอก

ไอ้ที่เห็นอยู่นั่น อารมณ์อยากอ้อนล้วน ๆ

ตอนนี้กิมาทำงานได้แล้ว แค่รู้สึกล้า ๆ แค่นั้นเอง

“พี่บาส...............เมื่อไหร่เราซั่่มกันวะพี่”

เป็นคำถามที่คนถามพูดออกมาได้หน้าตาเฉย และกลายเป็นคนถูกถามที่หัวเราะออกมาเสียงเบา

ใช้ปลายนิ้วที่เปื้อนแป้ง แกล้งป้ายไปที่แก้มของคนที่อยู่ดี ๆ ก็นึกครึ้มมาถามอะไรแปลก ๆ กันวันนี้

“โห หน้าเปื้อนหมดแล้ว”

ไม่ใช่แค่บอกว่าหน้าเปื้อนหมดแล้ว แต่กิ ยังเดินมาใกล้ ๆ และแตะแก้มลงที่แผ่นหลังของสุรชาติ
ไถแก้มเบา ๆ ก่อนจะผละออกห่าง เพื่อให้สุรชาติดูว่าเป็นยังไงบ้างแล้ว

“ออกยัง”

ออกแล้ว……….

“ไหนดูซิ”

ไม่ใช่แค่พูด แต่คนที่กำลังนวดแป้งใช้สองมือประกบกันไปที่แก้มทั้งสองข้างคนถาม และอมยิ้มน้อย ๆ เมื่อแก้มทั้งสองข้างของยูกิ มีรอยแป้งขาว ๆ เพิ่มขึ้นยิ่งกว่าเดิม

เพิ่มขึ้นมากกว่าที่ถูกป้ายก่อนหน้านี้

“โหหหหหหหหหห นี่กะไม่ต้องให้เช็ดออกเลยว่างั้น”

ยูกิ กำลังบ่น และยกข้อมือขึ้นเช็ดเบา ๆ ที่ใบหน้าของตัวเอง

“งั้นผมไม่เช็ดนะ จะอยู่อย่างนี้เลย จะได้ไม่ต้องขายของกันแล้ว หน้าไม่หล่อ ก็ไม่มีใครอยากซื้อหรอก พี่บาสคอยดูเหอะ ยอดขายตก จะมาโทษผมไม่ได้นะพี่”

ใครเขาจะไปโทษล่ะ ก็ให้หน้าเปื้อน ๆ แบบนี้ซะบ้าง ลูกค้าบางคนจะได้ไม่ต้องมาอ้อน มาพัวพันขอเบอร์โทรวันละร้อยรอบให้พี่โมโห


“พี่บาส พี่บาส แล้วเรื่องที่ กิ ถามล่ะพี่ พี่บาสจะเอายังไงเมื่อไหร่เราจะได้ซั่มกัน เออ ยังไม่ต้องถึงขั้นนั้นก็ได้ เมื่อไหร่พี่บาสจะหอมแก้มกิซักทีล่ะ”

ยังคงคาใจกับประเด็นนี้ไม่เลิก และสุรชาติก็อมยิ้มและส่ายหน้ากับสิ่งที่อีกฝ่ายถาม

“ถามพี่ขนาดนี้แล้วทำไม กิ ไม่ทำเองล่ะ ไม่คิดว่าพี่อยากให้กิเป็นฝ่ายหอมแล้วก็จูบพี่ก่อนเลยเหรอ”

อยากได้แบบนั้นเหรอจ๊ะ

“เค้าอ่ะพร้อมเสมอเลยนะจ๊ะ ทำไมตะเองไม่บอกล่ะ ว่าอยากได้แบบนั้น อื้อออออออออออ น่ายักจริง ๆ เยยยยยยย แฟนเค้าน่าร้ากกกกกกกกกกกกก”

ไม่ใช่แค่พูด แต่คนพูด ยังทำหน้ากวนประสาทและใช้ปลายนิ้วดึงแก้มของสุรชาติเบา ๆ เหมือนเป็นการหยอกล้อ

“ฮึ่ยยยยยยยยยยยยย เดี๋ยวพ่อก็จัดเองซะหรอก”

ดูมันทำ แล้วดูมันพูด แค่นั้นยังไม่พอมันยังกล้าเอามือมาตีที่สะโพกของคนที่นวดแป้งด้วย

“โคตรแน่นเหอะ........ท่าทางแบบนี้จะเอวดี”

ไอ้กิ

สุรชาติถึงกับส่ายหน้ากับเรื่องบ้า ๆ ที่ยูกิทำ

“อ่ะแน่ะ ยิ้มแบบนี้ อยากให้ผมเริ่มก่อนล่ะเซ่ ด้ายยยย ไม่มีปัญหา.............ระวังตัวไว้ให้ดีนะพี่บาส........พี่บาสเจอผมแน่.........ไม่ต้องกลัว”

ดูมันพูดเข้า ไอ้รั่วเอ้ยยยยยยยยยยย

“จะเริ่มก็เริ่มเหอะ จะหอมจะกอด จะอะไรก็เอานะกิ....แต่ถ้าพี่เริ่มบ้าง กิ ห้ามร้องเด็ดขาดนะ จะมาร้องว่าไม่เอาไม่ได้นะ เข้าใจมั้ย”

โหพี่บาสแม่งแรงว่ะ

มานิ่ง ๆ แต่แรงได้ใจเลยจริง ๆ

“ให้ผมร้องอย่างอื่นเอามั้ย แบบว่า อื้อออออออ พี่บาสจ๋า แรง ๆ อีก กิชอบ อ๊าส์ พี่บาสสสสสสสส ซี้ดส์แบบนี้ดีป่ะพี่”

ไอ้กิ

“ทะลึ่งจังเลยวะ ไปขายของได้แล้วไป”

ไล่ให้ไปขายของเพราะลูกค้าเริ่มเข้าร้านแล้ว และยูกิก็ยิ้มกว้างเพราะเห็นว่าพี่บาสกำลังเขิน

“จ่ะ........จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะจ่ะ ไปนะจ๊ะ อยู่ข้าง ๆ นี่เองนะ ไม่ต้องคิดถึงมากนะ  บ้ายบายยยย”

มีการโบกมือให้อีก บ้าบอจริง ๆ เลยมัน ไอ้กิ ห่างกันแค่สองก้าวเดินเนี่ยนะ มันมีการมาโบกมือใส่ด้วย

.............กินี่มัน................บ้าดีจริง ๆ


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 09-05-2014 00:16:22
 :laugh: แผนกนี้ได้ใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: @rnon ที่ 09-05-2014 00:36:21
 o13

คนโพสได้ใจจิงๆ คับ

เค้าชอบอ้น กะ พีท ... อ้อนกันน่าร้ากกกกกกกก

 :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-05-2014 00:55:14
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/08/ไฟล์เปล่า15Z0QUn.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ สุรชาติ  & ยูกิ .....ตอน ขาเสือกมากันครบ

พนักงานแผนกขนส่งยังปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นปกติสุขกันดี

หัวหน้าแผนก ยืนปั้นหน้ายักษ์เหมือนโกรธใครมาสิบชาติ เมืองมีน พนักงานที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ยืนก้มหน้านิ่ง อยู่ต่อหน้าหัวหน้าแผนก สภาพหน้าซีดเผือดเหมือนคนใกล้ตาย วิเชียร กำลังถือวอ. และรายงานความคืบหน้าให้พนักงานคนอื่นที่กำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดได้รับทราบ

“พร้อมครับ”

สิ้นเสียงสัญญาณ บุ้งก็ตะคอกด่ามีนเสียงดังลั่น

“ทำงานประสาห่าอะไรวะ เดี๋ยวกูตบหัวทิ่มเลย มึงทำงานได้แค่นี้ มึงลาออกไปเลยไป”

เสียงตะคอกไม่ใช่เบา ๆ และคนที่ต้องทนฟังอย่างมีน กำลังจะร้องไห้

“พี่ ทำไมต้องพูดกับน้องมันขนาดนั้นวะ แม่ง เป็นลูกพี่เหี้ยอะไร มึงนั่นแหละที่ลาออกไป”

โดนลูกน้องด่า และบุ้งก็กระชากคอเสื้อของวิเชียรเข้ามาหาตัว หน้าตาโหดถึงขีดสุด และวิเชียรก็ผลักลูกพี่ออกห่าง

เดินหนีมาอยู่ด้านหลังของ..............พนักงานแผนกจัดซื้อคนใหม่ที่เดินหลงเข้ามา

“จะต่อยกูเหรอ มึงต่อยหน้าไอ้เวรนี่ก่อนเป็นไง”

ไม่เกี่ยวกับกู

ไม่เกี่ยวกับพ้มมมมมมมมมมมมมมมม

ยูกิ ยกแขนขึ้นกำบัง และโดนบุ้งกระชากคอเสื้อจนตัวลอย

“มึงอย่าเสือก แผนกอื่น เกี่ยวอะไรด้วย มึงอยากมีเรื่องกับกูใช่มั้ย”

ไม่ได้อยากมีโว้ยยยยยยยยยย กูแวะมาหาไอ้พี่บาสเฉย เฉ้ยยยยยยยยยยยยยย

“พี่อย่าไปทำคนอื่นเลย พี่มีอะไรมาลงที่ผมสิ อย่าทำแบบนั้น”

มีนเข้ามาห้าม ใบหน้ายังคงซีดเผือด เหมือนคนที่ตกใจกับเหตุการณ์ชุลมุนนี้มาก และวิโรจน์ที่จัดเรียงของอยู่ที่แผนกด้านในก็ออกมาดู ออกมายืนมองนิ่ง ๆ และพูดบางอย่างให้กิได้ยิน

“กระทืบทีเดียวก็อยู่แล้ว จะไปลากมันทำไม เสียเวลาว่ะ”

ไหนใครว่าวิโรจน์เป็นคนเฉย ๆ ไม่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นไง แต่ทำไมมันกลายเป็นมายุให้กูโดนกระทืบแบบนี้วะ

ยูกิ ยิ่งเกิดอาการเอ๋อแดก นึกว่ามีคนออกมาแล้ว จะมาช่วย เสือกมาช่วยยุซะงั้น

“เครื่องทุ่นแรงมั้ย ง่าย ๆ ไม่ต้องพูดกันเยอะ”

น้องพู่.........ควงมีดพับในมือเล่น ไอ้นี่ไง ที่ยิงคู่อริตายสิบศพ บนรถเมล์

“พูดกันอยู่นั่นแหละ พวกมึงแม่งช้า มานี่ กูลงมือเอง”

อำนาจคว้ามีดพับจากมือของน้องพู่มาแล้ว และกำลังเดินตรงดิ่งมาหา ยูกิ ที่กำลังตาเหลือก

มันไม่ใช่เรื่องของกูนะโว้ยยยยยยยย ทำไมกูต้องมาตายที่นี่ด้วย ใครก็ได้ช่วยที

“ปล่อยกู เหี้ยเอ้ยยยยยยยยยย มึงอยากตีกันทำไมไม่ตัวต่อตัววะ เกี่ยวอะไรกับกู”

ไม่ใช่แค่แหกปากโวยวาย แต่ยูกิยังผลักคนที่กระชากเสื้อให้ออกห่าง ถอยไปตั้งหลัก และยืนหอบหายใจหนัก และสายตากำลังมองซ้ายมองขวาหาทางรอด

“เฮ้ย เก่งว่ะ ชอบ ชอบ ข่มขืนแม่งเลยพี่ หน้าตาแบบนี้โคตรน่าเอาเลยว่ะ สัด”

วิเชียรที่ยืนแสยะยิ้มปรี่เข้ามาก่อน และกำลังจะแตะมือไปที่แก้มของยูกิ

หน้าตาหื่นกระหายไม่เบา และคนที่ถูกทำเรื่องบ้า ๆใส่ก็ปัดมือของวิเชียรออกทันที

“ไปเอาพ่อมึงดิ ไอ้สัด อย่ามายุ่งกับกู ไม่งั้นอย่าหาว่ากูไม่เตือน”

ด่าแบบไม่กลัว และวิเชียรที่เดินเข้าไปหาก็หัวเราะออกมาอย่างพอใจ

“โรจน์ขึงแม่งดิ เดี๋ยวกูช่วยจัด”

ออกคำสั่ง และวิโรจน์ที่กอดอกอยู่ก็ส่ายหน้า

“ไม่ใช่สเปคกู แก๊ป กูยกให้”

อ้าวเหี้ยโรจน์ งานเข้ากูแล้วไง ไอ้น้องพู่ตาขวางใส่กูแล้ว ไอ้สัด เล่นไม่รู้จักดูเลย

“เอ้อออออออ ได้ มา มา เดี๋ยวกูจัดเอง”

กำลังจะเดินไปหา แต่ก็ถูกน้องพู่กันเอาไว้

“ไม่ต้อง เดี๋ยวผมจัดการเองพี่”

ครับ จัดการเลยครับ หน้าตามึงโหดจริงจังมากครับน้องพู่

“ชื่ออะไรครับ.........พู่นะ เราชื่ออะไร”

ชื่อเดียวกับพ่อมึงไง ไอ้สัด

“ไปไกล ๆ ตีนกูถ้ามึงไม่อยากตาย”

เลือดขึ้นหน้า งานนี้ตายเป็นตายวะ ใครจะยอมให้ไอ้พวกแผนกขนส่งมันทำอย่างใจชอบได้

ยูกิกำหมัดแน่น และเตรียมเล็ง ถ้ามีใครสุ่มสี่สุ่มห้าเข้ามาจริง ๆ กูจะซัดไม่ยั้งเลย

“น้องอย่าไปทำเขาสิ พี่เขาใจดี หรือน้องจะเปลี่ยนเป็นพี่ พี่ก็ใจดี”

วิเชียร ผู้ปั้นหน้าหื่นได้สมกับตัวเองมาก

“พวกมึงไปใจดีกันในนรกเหอะไอ้สัด”

หน้าตาแม่งโหดได้อีกว่ะ แล้วไอ้สภาพเลือดขึ้นหน้า โกรธจนหน้าดำหน้าแดงนั่นมันอะไรวะ
แถมยังกำหมัดแน่นเตรียมชกแบบนั้นอีก

“พวกมึงทำบ้าอะไรกันเนี่ย”

เฮ้ย วงแตกแล้ว

สุรชาติที่ถูกกักตัวเอาไว้ เดินมาดูเหตุการณ์แล้วก็ได้เห็นว่าไอ้พวกขาเสือกมันจัดหนักกันอีกแล้ว

ไม่เว้นแม้กระทั่งลูกพี่ที่เป็นไปกับเขาด้วย แล้วยังจะ...........ไอ้น้องมีน

“จริง ๆ เล้ย เฮ่อออออ”

สุรชาติเดินมาลากแขนยูกิที่ยังกำหมัดแน่นและมองหน้าของพนักงานแผนกขนส่งอย่างเอาเรื่องและไม่ยอมเดินตาม

“กิ....”

ไม่ไปพี่ ผมไม่ไปไหนทั้งนั้นแหละ

“เพื่อนพี่มันจะฆ่าผม ให้ตายผมก็ไม่ไป แม่งตายเป็นตายวะ แน่จริงมึงเข้ามาเลย พวกหมาหมู่ไอ้สัด”

ยังจะปากดีด่าเขาอยู่อีก กิเอ้ยยยยยยยยยย

“ไปเหอะน่า.......เร็ว ๆ”

เร็ว ๆ อะไรพี่ ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น ให้ตายผมก็ไม่ไป

“ไม่ไปโว้ยยยยย พี่แม่งเฮงซวย พี่บาสแม่งเฮงซวย จะปล่อยให้ผมโดนฆ่าตายอยู่ในนี้ใช่มั้ยวะ ไอ้พี่บาส ไอ้พี่บาสเหี้ยเอ้ยยยยยยยย”

อ้าว

ทำไมมาด่าพี่แบบนี้ล่ะกิ

“ฮือออออออ ไอ้พี่บาสแม่งเหี้ยย กูขอลาออกจากการเป็นแฟนมึงแล้ววววว สัดเอ้ยยยยย”

เฮ้ยยยยยยยย

สุรชาติกำลังยืนเอ๋อ และคนที่เอ๋อหนักกว่าคือคนแกล้ง

“วิเชียรมึงเลย ตัวต้นคิด”

แล้วทำไมมาโยนความผิดให้กูล่ะวะ ก็ร่วม ๆ กันทั้งหมดไม่ใช่หรือไง
“ร้องไห้เลยมึงไอ้แก๊ป มึงเล่นแรงสุดเลย”

เฮ้ยยยยยยย ไม่เกี่ยวกับผมเลย ไอ้พู่แหละ มีพร๊อพประกอบด้วย หนักกว่าผมอีก

“พู่ มึงทำน้องกลัวเลยเห็นมั้ย”

ไอ้พี่แก๊ป กล้าโทษกูเหรอ เดี๋ยวมึงได้ตายก่อนคนแรก

“เฮ้ยน้อง พี่เขาล้อเล่น”

เป็นวิโรจน์ที่ไปไม่เป็นเหมือนกัน ที่มาเจอคนร้องไห้ต่อหน้าต่อตาแบบนี้

“เป็นไรป่าว กินถั่วต้มมั้ย”

ไม่ใช่แล้วมีนเอ้ยยยยย

บุ้งถึงกับส่ายหน้าในวิธีการปลอบใจของมีน และก็เลยลากแขนมีนออกมา เมื่อเห็นว่าชักจะไปกันใหญ่

“พี่บาส.............ผมขอโทษพี่ด้วย งวดนี้พวกเราเล่นกันหนักไปหน่อย ไม่นึกว่าน้องมันจะกลัวพวกเรากันจริง ๆ”

หัวหน้าแผนกเดินมาขอโทษด้วยตัวเองและสุรชาติก็พยักหน้าให้ เหมือนเป็นการบอกว่าไม่เป็นไร

“ไม่เป็นไรครับหัวหน้า ไอ้นี่มันขี้กลัว มันคิดอะไรเอาไว้เยอะ พอมันมาเจอเข้าจริง ๆ มันเลยยิ่งกลัว”

เอาจริงดิวะ

“เฮ้ย........พวกพี่ไม่นึกว่าน้องจะกลัวขนาดนี้ โทษ โทษ” วิเชียรผู้คิดแผน

“ก็เราอยากเห็นว่าเด็กพี่บาส จะทำยังไงถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้” อำนาจนักแสดงสมทบ

“ขอโทษ ไม่นึกว่าจะกลัวจริง” น้องพู่ ที่หน้าซีดยิ่งกว่าคนที่กำลังยืนร้องไห้

“ขวัญอ่อนจริงด้วยว่ะ”  วิโรจน์ที่ไม่รู้จะขอโทษยังไงเลยได้แต่ส่ายหน้า

“มาแรก ๆ ผมก็โดนแบบนี้แหละ........อยู่ ๆ ไปเดี๋ยวก็ชิน  พี่ ๆ เขาไม่มีอะไรหรอก........อย่าคิดมากเลยนะ”     เมืองมีน.......ผู้เคยประสบปัญหาชีวิตมาก่อน

และแค่มีนพูด ยูกิก็เงยหน้าขึ้นมองแล้ว ก็กระพริบตาปริบ ๆ สองครั้ง และเริ่มขมวดคิ้วมุ่น
หมายความว่าไงวะ มาแรกๆ ก็เป็นแบบนี้

“ผมไม่ได้กลัวนะ ยังไงผมก็ไม่ได้กลัว”

รักษาฟอร์มที่ไม่มีเหลือเอาไว้เต็มที่ และมีนก็ส่งยิ้มแหย ๆ ให้กับคนที่ยังก้มหน้าก้มตาเช็ดน้ำตา

“ยังไงก็ต้องขอโทษแหละนะ.......”

ยังไงวะ อะไรยังไง

“ยูกิ”

สุรชาติดึงมือของยูกิออกไม่ให้เช็ดน้ำตาอีก ขืนเช็ดมาก ๆ ตาบวมตายห่า

“........เป็นไงมั่ง พี่เขาแกล้งเล่นเฉย ๆ นี่ก็กลัวจริงจัง”

ใช่สิ ผมกลัวจริงจังว่ะพี่ กลัวมากด้วย นึกว่าจะโดนแทงตายห่าซะแล้ว

“น่ารักว่ะ”

อำนาจหลุดปากพูด  และเมื่อหันกลับไปมองก็เห็นสายตาน้องพู่ที่กำลังยืนมองมาตาขวาง

“พี่แก๊ป”

คร้าบบบบบบบบบบ

“เอ้อ นึกขึ้นได้เช็คของค้างไว้นี่หว่า ผมไปเช็คของต่อก่อนนะพี่บาส”

ลากันไปง่าย ๆ และก็ถูกน้องพู่ดึงแขนเอาไว้ไม่ยอมให้ไป

“ทำไมไม่ไปพร้อมกันล่ะพี่แก๊ป”

น้ำเสียงเย็นยะเยือกซะขนาดนี้ ไอ้แก๊ปซวยอีกแล้ว

“มีนคีย์บิลค้างไว้ป่ะ ใช่ ๆ พี่ว่ามีนคีย์ค้างไว้แน่ ๆ”   อ้าวเหรอ ผมคีย์บิลค้างไว้จริง ๆ เหรอพี่ เอ้อออออ ใช่ ๆ

“พี่บุ้งต้องไปช่วยคีย์ด้วยใช่ป่ะ ใช่เลย ใช่ ใช่”

รับมุกกันได้แบบหน้าตาเฉย และทั้งหัวหน้าแผนกขนส่งและพนักงานใหม่ก็พากันเดินไปที่ออฟฟิศแผนกขนส่งแล้ว

“หมดเรื่องแล้วผมไปทำงานต่อแล้วพี่บาส”   วิโรจน์ก็ไปแบบเนียน ๆ เช่นกัน

แล้วกูล่ะ ใช้เหตุผลว่าอะไรดี

วิเชียรกำลังประมวลความคิด ก่อนจะเริ่มยิ้มออกมาแปลก ๆ
เดินไปยืนอยู่ต่อหน้าของยูกิ และหัวเราะออกมาเสียงเบาเมื่อมองหน้าคนที่โดนแกล้ง

“มาเป็นคนของแผนกขนส่งแล้ว ต้องอดทนนะน้อง มีเรื่องอะไรก็ต้องทนให้ได้”

หมายความว่ายังไงวะ มาเป็นคนของแผนกขนส่งแล้ว..........มีเรื่องอะไรก็ต้องอดทนให้ได้

ยูกิเงยหน้ามองสุรชาติอย่าง งง ๆ และสุรชาติก็ได้แต่เบือนหน้าหนีไปทางอื่นไม่ยอมตอบคำถาม

“หมายความว่ายังไง”

ถามออกไปด้วยอาการอยากหาเรื่องเต็มที่และวิเชียรก็หัวเราะเสียงดังลั่น เพราะนึกชอบใจยูกิขึ้นมาจริง ๆ

“อ้าว ก็มาเป็นเมียพี่บาสก็ต้องอดทนไงน้อง บางครั้งพวกพี่ก็เล่นอะไรกันแรง ๆ แบบนี้บ่อย ๆ คนนอกไม่รู้ก็ตกใจขวัญหนีดีฝ่อกันไปหมด แต่เอาน่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวต่อไปน้องมาหาพี่บาสบ่อย ๆ ก็ชินไปเองแหละ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

ได้ที อาศัยจังหวะหัวเราะหลบฉากไปแบบเนียน ๆ

ร้ายจริง ๆ เลยมึงวิเชียร

“หมายความว่าไงพี่..........เป็น..............”

เงยหน้าขึ้นมองคนที่ยังยืนหันหน้าไปทางอื่น และพี่สุรชาติก็หันมามองและส่งยิ้มบาง ๆ ให้กับคนถาม

“น้อง ๆ มันชอบ กิ กันทุกคน..........เขาอยากเห็นว่ากิเป็นยังไง ตอนนี้ก็ได้เห็นกันหมดแล้ว.......ต่อไป กิมาหาพี่เมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องกลัวแล้ว”

อยากเห็นผมเหรอพี่.......... งั้นก็..........รู้กันหมดเลยสิ ว่าผมกับพี่บาส..............

อ่ะ เอ่อ รู้กันหมดเลยใช่มั้ย

“เขารู้กันหมดทุกคนเลยเหรอพี่”

ใช่ ถึงไม่รู้วันนี้ มันก็ตะเกียกตะกายรู้กันจนได้นั่นแหละ ระดับการเสือกขั้นแอดว๊านมันอยู่ในสายเลือดของพนักงานแผนกขนส่งไปแล้ว

“แล้วงี้ผม..........ผมต้องทำไงอะพี่........แล้วงี้ผมต้องทำไง...”

ก็ไม่เห็นต้องทำยังไงเลยกิ

“จะไปยากอะไร.........ก็ไปไหนมาไหนด้วยกันได้แล้ว ว่าง ๆ ก็แวะมาแผนกขนส่งบ้างก็ได้.....มานั่งเล่นก็ได้ ทุกคนเขาชอบกิ กันหมดแหละ”

พวกพี่เขารวมหัวกันแกล้งผมขนาดนี้เลยเหรอ

ทำไมถึงเป็นได้ขนาดนี้ ทำไมพวกพี่ถึงแกล้งผมได้ขนาดนี้วะ แบบนี้มันไม่ใช่แล้ว

ยูกิ เกิดอาการหน้างอที่ถูกหลอก แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการมากนัก

แล้วจะให้ไปทำอะไรได้ ในเมื่อโดนเล่นซะขนาดนี้

“แม่งเอ้ย แผนกขนส่งนี่แม่งแรงจริง ๆ เลยว่ะ เออ กูยอมเลย กูยอมแม่งเลยจริง ๆ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-05-2014 00:55:54
ไปทำงานได้แล้ว เดี๋ยวเขาจะหาว่าไม่มีอะไรทำนะรู้หรือเปล่า”

โห่ พี่บาส เปล่าพี่ ไม่ใช่ว่าไม่มีอะไรทำ ก็มีอะไรทำอยู่หรอก แต่ก็อยากแวะมาหา

“ผมทำงานของผมเสร็จแล้ว เลยแวะมาหาพี่คนทอดปลาท่องโก๋เฉย ๆ”

ลากเสียงยาว ๆ แล้วก็หัวเราะร่าเมื่อมองหน้าของพี่สุรชาติที่ส่ายหน้าและกำลังเตรียมจะขึ้นรถเพื่อไปส่งของ

“ไปได้แล้ว เดี๋ยวคนอื่นจะมองเอามันไม่ดี”

ก็รู้แหละ แต่มันทนไม่ไหวจริง ๆ เลยต้องมาหา ขอแค่สามนาทีแค่นั้นนะ อยากมาหาจริง ๆ

“คิดถึง”

เหรอ

“เหมือนกัน”

ตอบกันไปมาแบบง่าย ๆ และยูกิ ก็ก้มหน้าอมยิ้ม
ส่วนพี่สุรชาติกำลังจะขึ้นรถแล้ว และแตะมือเบา ๆ ที่หัวของกิ แล้วก็เขย่าเล่น

“ไปทำงานได้แล้วไป เดี๋ยวเขาก็ไล่ออกหรอก”

ก็ได้

ไปแล้วพี่   ไปทำงานแล้ว

กำลังจะหันหลังเพื่อเดินกลับไปที่แผนกของตัวเอง แต่ก็ไม่ทันได้ไป เพราะคำพูดลอยลมของใครบางคนที่ทำให้ได้ยิน

“เมื่อไหร่จะมีอะไรแบบนี้บ้างว๊า  ชีวิตขาดความหวานมานานแล้วววววววว”

อำนาจพูดเสียงดังๆ ลอย ๆ บอกใครบางคนที่กำลังนั่งเช็คของอยู่ถัดไป

“ก็อยากจะหวานอยู่หรอกนะ ถ้าคนบางคนมันไม่ขยันมองคนอื่นเขาไปทั่ว”

เริ่มแล้วไงล่ะ เหตุการณ์ประจำวัน

ยูกิ หัวเราะออกมาเสียงเบา และเดินออกไปที่หน้าแผนกขนส่ง สวนกับคุณกฤษดาหัวหน้าแผนกขาย ก็เลยได้ส่งยิ้มให้กันเล็กน้อย เพราะเป็นอันรู้กันดีว่าต่างฝ่ายต่างมาทำอะไร
กำลังจะเดินผ่านเคาร์เตอร์ลงเวลา ที่หัวหน้าแผนกขนส่งกับพนักงานใหม่ กำลังป้อนถั่วกันอยู่ ก็เลยถูกเรียกเอาไว้

“กิ.......กินป่ะ แกะให้พี่บุ้งจนเมื่อยมือหมดแล้ว ไม่รู้ทำไมไม่ยอมแกะเอง”

เหรอ

แวะไปหาเมืองมีนซักเล็กน้อย และก็ล้วงมือไปในถุงพลาสติกใส หยิบถั่วขึ้นมาหนึ่งกำ กะว่าจะเอาไปกินเล่น

“เอาซะเยอะเลย คืนมามั่งก็ได้ กูยังไม่อิ่มมมม”

ไม่ได้คืนให้ แต่หยิบถั่วต้มในถุงไปอีกหนึ่งกำมือ และส่งยิ้มให้กับมีน ที่แทบจะยกถุงใส่ถั่วต้มให้อยู่แล้ว

“เอาไปหมดเลย พี่บุ้งอิ่มแล้ว”

มีน….. ทำไมทำงี้อ่ะ ก็เห็นอยู่ว่าพี่ยังไม่อิ่ม ขี้เกียจแกะใช่มั้ยตกลง

“เฮ้ย น้องกิ พี่มีอะไรจะถามหน่อย ถามแล้วอย่าเพิ่งโกรธพี่นะ ถือว่าเราก็สนิทกันแล้ว มีอะไรเราก็คุยกันได้ใช่ป่ะ”

ก็ใช่มั้งพี่

แล้วพี่จะถามอะไรผมล่ะ

“ว่า”

ไม่ว่าอะไรหรอก

คืองี้ไง พวกพี่อยากจะรู้กันไงว่าอะไรที่ควรจะเป็นไปมันไปถึงไหนกันแล้ว

“ได้กะพี่บาสยัง”

ห๊ะ.............. ได้กะ...........พี่..........บาส.........ยัง.........

เงียบกริบกันไปทั้งหมด

ทั้งหัวหน้าแผนกขนส่ง ทั้งพนักงานใหม่ ทั้งวิเชียร
และไม่รวมถึง คนที่กำลังลุ้นระทึก อยู่อีกฝั่งของวิทยุสื่อสารที่พร้อมใจกันเงียบเพื่อรอฟังให้ชัด

“อ่า..........ผะ....ผม................”

ไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปดี ได้แต่อ้าปากพะงาบ พะงาบไปต่อไม่เป็น

พูดไม่ออก บอกไม่ถูก กับคำถามที่ถูกถามแบบไม่ทันตั้งตัว

“วอ.สองใครรับคลื่นสัญญาณตรงนั้นบ้างครับ สุรชาติพูดครับ”

เสียงจากเครื่องวิทยุสื่อสารทำให้ทุกคนหันไปมองและวิเชียรก็หยิบเครื่องวิทยุสื่อสารมากดรับ

“ทราบครับ”

ตอบกลับออกไปแล้ว และก็พยายามจะฟังว่าสุรชาติจะพูดอะไร

“ไม่ต้องสงสัยกันมากนะครับ ตอนนี้ผมกำลังจีบ ๆ น้องเขาอยู่ ขอใช้ช่วงเวลาหวาน ๆ ด้วยกันไปก่อน แต่เรื่องได้กันคาดว่าอีกไม่นาน มีอะไรคืบหน้าเมื่อไหร่ ผมจะรายงานทุกท่านทราบนะครับ จะได้ไม่ต้องเสียการเสียงานคิดกันไปใหญ่”

แรงส์..........

และวิเชียรก็ยิ้มร่าออกมาเมื่อได้ฟังสิ่งที่สุรชาติพูด

“น้องท่าทางยังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ สุรชาติอย่ารุนแรงนะครับเดี๋ยวยังไงผมจะให้คำปรึกษาน้องเขาเอง”      วิเชียรผู้คว่ำหวอดในวงการเสือกมาอย่างยาวนาน

“ทราบครับ แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมเทรนส์เอง เดี๋ยวน้องจะเสียเด็กครับ”

โดนซะมั่งเป็นไงล่ะมึง วิเชียร ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า .........ความรู้สึกของบุ้ง หัวหน้าแผนก...........

“รับทราบครับ.........แต่ไม่แน่ใจว่าจะปฏิบัติตาม”    สุรชาติถึงกับหัวเราะออกมาเบา ๆ กับคำตอบของวิเชียร

ก็ไม่ใช่ไม่ดีหรอกนะ ที่วิเชียรมันจะอาสามาเป็นเทรนเนอร์ให้

แต่ยังไงดีล่ะ เดี๋ยว ยูกิ มันจะตกใจ ให้ค่อยเป็นค่อยไปแบบนี้แหละดีแล้ว
ไม่อยากมีสภาพเบลอ ๆ แบบหัวหน้าแผนก แบบนั้นมันก็ไม่ไหว

“วิเชียรครับ ยังอยู่ตรงนั้นหรือเปล่าผมมีเรื่องจะรบกวนหน่อย”

เสียงจาก วิทยุสื่อสารดังขึ้นมาอีกแล้ว และวิเชียรก็กดรับ

“ทราบครับ สุรชาติ”

ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่อยากจะบอกแค่นั้น..........

“บอกคนข้าง ๆ ด้วยครับ ว่าวันนี้เก่งมาก กลับไปจะให้รางวัลตามสัญญา”

อ่า ...........

เสียงสัญญาณวิทยุสื่อสารดับไปเรียบร้อยแล้ว และสายตาทุกคู่ก็หันมามอง ยูกิ เป็นตาเดียว เหมือนกำลังตั้งคำถาม ว่ารางวัลที่ว่าคืออะไร...........

“ง่า........พอดีว่า...พี่บาส...จะพาไปดูหนังรอบสองทุ่ม ซึ่งพวกผมก็ไปดูกันเป็นปกติ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษครับ ผมไปทำงานก่อนแล้วกันนะ เดี๋ยวจะโดนว่า พอดีหายมานานแล้ว”

รีบชิ่งหนีไปแบบเนียน ๆ ท่ามกลางความอยากเสือกของวิเชียรที่ไม่สามารถทำอะไรได้

“แม่ง.........คู่นี้เขาเทรนส์มาดีว่ะพี่ เราต้องยอมเขาแล้วว่ะ.......เสือกไม่มันส์เลยว่ะ เซ็ง............”

เกี่ยวอะไรกับกู มึงเสือกของมึงเองคนเดียวเลย เกี่ยวกับกูซะที่ไหน

“ไป ไป ไปทำงาน เลยเวลาพักแล้ว แม่งอู้กันอยู่ได้”

“ด่าลูกน้อง แต่ไม่เคยด่าตัวเองเลยเนอะ”

วิเชียรผู้ต้องกลับไปทำงานเมื่อหมดเวลาเสือกเรียบร้อยแล้ว

“กูรู้นะว่ามึงพูดอะไรวิเชียร แต่แม่งก็เซ็งจริง ๆ ว่ะ บอกซะทุกเรื่องขนาดนี้ เสือกไม่มันส์เบยยยยย”



TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-05-2014 02:19:16
การรับสะใภ้ของแผนกขนส่ง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 09-05-2014 05:49:53
เปลี่ยนชื่อแผนกเถอะ 5555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 09-05-2014 07:06:16
แผนกนี้เค้าเด็ดจริงๆ
อยู่แถวไหนน๊าาา จะตามไปส่อง ฮี่ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 09-05-2014 07:31:55
โฮ๊ะๆ....จัดเต็มกันทุกคน.....
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 09-05-2014 07:37:07
ย้ำอีกทีอิชั้นอยากไปเป็นแม่บ้านแผนกนี้ซะจริงๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 09-05-2014 07:58:17
555555555555ชอบๆๆๆๆๆๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 09-05-2014 08:24:07
 :laugh: เรื่องชาวบ้าน คืองานของแผนกจริงๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 09-05-2014 08:55:22
รักผู้ชายแผนกนี้ >.<
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 09-05-2014 09:16:50
ชอบอ่านจริง ๆ ตอนที่แผนกนี้เค้าเผือกเรื่องของชาวบ้านเนี่ย 555555 :m11: แถมหัวหน้าบุ้งดูท่าทางเผือกสุด เพราะเซ็งสุด (แต่แอบเผือกแบบเนียนๆ เงียบๆ ตลอดอ่ะ) :m26:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 09-05-2014 09:33:52
แต่ละคนนี่นะ :hao6:
เชื่อเขาเลย o22
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 09-05-2014 09:39:40
เรื่องของชาวบ้านคืองานหลักของแผนกขนส่งหรือเปล่าเนี่ย อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 09-05-2014 09:49:02
แต่ละคนขั้นเทพกันทั้งนั้น ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 09-05-2014 09:51:32
มาเป็นสะไภ้แผนกนี้ต้องอดทน :z1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: minmin96 ที่ 09-05-2014 10:04:45
เสือกไม่มันจริง5555 :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 09-05-2014 10:43:52
อยากอ่านเรื่องของคุณเลขา  :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-05-2014 10:54:25
อยากอ่านเรื่องของคุณเลขา  :ling1: :ling1:

มีอยู่นะ   41 ตอน  แต่ยังไม่จบ  สนุกดีเหมือนกัน

เรื่องของพากเพียร  เพื่อนมีน  ก็มีหลายตอนอยู่

แล้วก็มีเรื่องของนิว  คนที่มาทำงานช่วยบุ้งช่วงแรก ซึ่งจบแล้ว

รวมถึงเรื่องของ คุณจุมพล หัวหน้าแผนกจัดซื้อ ก็จบแล้ว สนุกดี

ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องยาวแยกออกไป  ไม่ได้อยู่ในเรื่องของแผนกขนส่ง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 09-05-2014 10:56:11
เผือกทั่วแผนกจริงๆ :laugh:

มายกมืออยากอ่านเจ้านายกับคุรเลขาด้วยคนค่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 09-05-2014 11:33:58
มีอยู่นะ   41 ตอน  แต่ยังไม่จบ  สนุกดีเหมือนกัน

เรื่องของพากเพียร  เพื่อนมีน  ก็มีหลายตอนอยู่

แล้วก็มีเรื่องของนิว  คนที่มาทำงานช่วยบุ้งช่วงแรก ซึ่งจบแล้ว

รวมถึงเรื่องของ คุณจุมพล หัวหน้าแผนกจัดซื้อ ก็จบแล้ว สนุกดี

ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องยาวแยกออกไป  ไม่ได้อยู่ในเรื่องของแผนกขนส่ง

แล้วจะเอามาลงไหมค่ะ หรือว่าลงแล้วแยกกระทู้ไปอีก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: foolishbeat ที่ 09-05-2014 11:43:48
สงสารยูกิ เจอไอ้คนแผนกนี้เข้าไป
มันเผือกกันจริงๆนะ เล่นน้องซะแรง แต่พี่บาสมาเหนือมากอ่ะ อยากเผือกนักใช่ไหม ไม่ต้อง เดี๋ยวบอกเอง ฮ่าๆ

คิดถึงวิเชียรกับเฮีย :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-05-2014 11:46:22
แล้วจะเอามาลงไหมค่ะ หรือว่าลงแล้วแยกกระทู้ไปอีก

เรื่องนายกับคุณเลขามันยังไม่จบสมบูรณ์แต่ก็มีบทสรุปแล้ว  ถ้าลงไปแล้วต้องโดนย้ายไปอยู่ห้องนิยายยังไม่จบมันน่าเสียดาย เพราะไม่รู้จะมีต่อมั้ย เรื่องของพากเพียร ใช้เหตุผลด้านบน    ส่วนเรื่องของอีกสองคู่ ไม่สมบูรณ์เพราะหลายคู่ที่ไม่ใช่คู่จุมพลยังไม่จบ  ชื่อรักเกิดในแผนกการเงิน แล้วก็แผนกจัดซื้อ  ส่วนเรื่องของ นิว  จบแล้ว  หากมีโอกาสคงได้ลงจ่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-05-2014 12:01:23
เข้ามาสอดส่อง :katai5:   o22 แต่เอะ วันนี้ทำไมยังไม่มา
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-05-2014 12:07:21
เข้ามาสอดส่อง :katai5:   o22 แต่เอะ วันนี้ทำไมยังไม่มา

เปิดโอกาสให้แสดงความรู้สึกหลังการอ่านบ้างจ่ะ  จะได้ตามความรู้สึกกันทัน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 09-05-2014 12:08:22
มาสอดส่อง รอ ร้อ รอ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 09-05-2014 12:27:55
ชอบทุกคู่นะ
น่ารักดี
แต่พี่บุ้งน้องมีนเนี่ยฮากระจาย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: @rnon ที่ 09-05-2014 12:39:57
 :katai4:

F5 ทั้งวัน 5555

อยากได้ฉากหวานๆๆ ของพี่บุ้งอีกง่ะ

แต่เรื่องเผือกๆๆ ก้อชอบนะคับ   .... อยากเผิอกด้วย ไรด้วย


 :katai5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: -SlUoJvUe- ที่ 09-05-2014 12:48:33
เปิดโอกาสให้แสดงความรู้สึกหลังการอ่านบ้างจ่ะ  จะได้ตามความรู้สึกกันทัน
  ดีเหมือนกันค่ะ 555+ มะคืนนอนตี 4 .50 ตื่นมาทำงานตอน 6.40 อ่ะ 555+
นั่งอ่านตั้งแต่หน้า 18 จนปัจุบัน พระเจ้าจะอัพเร็วเวอร์ไปไหน  :hao7: :hao7: ผมตามอ่านไม่ทัน :ruready :hao4:  :z2:
แต่ก็ขอบคุณมากๆนะค่ะ ติดตามอ่านเรื่องของนักเขียนคนนี้ ในส่วนของปรัชญาช่างกล ทุกภาค (แต่เรื่องอื่นๆยังไม่ได้ลองอ่านดูเลย
ขอโทษด้วนนะค่ะ ) แล้วก็มาดูเรื่องนี้ ชื่อเรื่องน่ารักดีค่ะ เลยมาอ่าน อืม ชื่อนักเขียนคุ้นๆนะ และก็นึกได้ ไม่ผิดหวังเลยสักครั้งที่ได้เห็นตัวหนังสือ
เรียบเรียงเป็นเรื่องราวของเค้าคนนี้ ขอบคุณมากๆเลยนะค่ะ มีความสุขมากๆทุกครั้งที่ได้อ่านเรื่องราวจากนักเขียนคนนี้
ขอโทษในทุกๆตอนนะค่ะ ที่ไม่ได้เม้นเลย .... :L2: แต่ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งนะค่ะ 
อยากคุยกับนักเขียนจัง เค้ามีความคิดอะไรอยู่ในหัวนะ ??? เค้าใช้ชีวิตในแต่ละวันยังไง ???
ทำไมถึงเขียนเรื่องราวออกมาได้ ครบอารมณ์ขนาดนี้  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 09-05-2014 13:42:50
มีความรู้สึกว่า ถ้าได้เข้าไปอยุ่แผนกนี้คง ประสาทตาย อะไรจะขยันเผือกกันขนาดนี้
พี่บุ้ง ก็พี่บุ้งเหรอ ไม่พ้นวิเชียรไปได้หรอก 555+
  :m19: :m19:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: zhanzhao ที่ 09-05-2014 14:42:31
 :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: tstriple7 ที่ 09-05-2014 14:53:16
ขำมากค่ะคู่ยูกิกับบาส ตั้งแต่ตอนน้องแกจินตนาการ แล้วยังมาขำต่อกับตอนแกล้งกับตอนเผือกอีก
โอ๊ย แผนกนี้มันคืออะไรคะ เรื่องชาวบ้านละสามัคคีกันยิ่งกว่าสิ่งใด 555
ติดตามเรื่อยๆค่ะ อ่านแล้วขำๆฟินๆชีวิตมีความสุข
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 09-05-2014 15:20:22
ชอบทุกคู่เลยแผนกเสือกเอ๊ย!แผนกขนส่งนี่ครึกครื้นดีจัง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 09-05-2014 16:10:07
 :monkeysad:  ตั้งตารอ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-05-2014 16:15:07
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/08/ไฟล์เปล่า15Z0QUn.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ สุรชาติ  & ยูกิ .....ตอน มาถ่ายรูปกัน

“แม่งโคตรเจ็บอ่ะแรก ๆ แต่พอไปเรื่อย ๆ ก็ชิล ๆ ว่ะ เดี๋ยวนี้ชินแระ”   เมืองมีนพนักงานใหม่ของแผนกขนส่ง

“โอ้โหมึงอย่าให้พูดเหอะ กูนี่นึกว่าจะตายห่าไปซะแล้ว เฮียแม่งเล่นกูซะเละตุ้มเป๊ะ ไม่ต้องลุกต้องตื่น ไอ้เหี้ยแล้วไม่มีการเล้าโลมห่าอะไรเลยนะ จัดมาเลยป้าบๆ ๆ กูนี่นึกว่าจะตายคาเตียง นอนน้ำตาไหลพรากเลยเหอะ สัด”

วิเชียรผู้ผันตัวเองจากมนุษย์เพศชายเมียหนึ่ง ลูกสอง มาเป็นเมียผู้กว้างขวางแห่งภาคตะวันออกได้ไม่นาน

“มันก็เจ็บอยู่นะ แต่พอหลายๆ รอบเข้าเออ ก็ชักเริ่มมันส์ เอาตรงๆ คือติดใจ”

อ้น หัวหน้าแผนกขายผู้มีวาจาเชือดเฉือนฆ่าคนตายได้ง่าย ๆ แค่เพียงออกปากด่าหนึ่งคำ

“อ่า..........รอแม่งมาชาติกว่าแล้ว ไม่เห็นพี่แก๊ปจะทำห่าอะไรได้เลย เดี๋ยวกูขึ้นเองเลยสัด”

น้องพู่ ผู้ไม่ยอมแพ้ เอาน่าซักวันแหละวะ กูคงได้เปิดกับพี่แก๊ปซักยก หวังว่าคงเร็ว ๆ นี้

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ชอบว่ะ ชอบ ๆ เออน่าสนุกดีว่ะพี่ เรื่องของพวกพี่แต่ละคนโคตรหนุกหนานเลยว่ะ”

ไอ้กิ...............

หึ ….. มึงยังปากดีได้แบบนี้แหละ อย่าให้โดนเข้าไปดอกแรกนะมึง พี่บาสแม่งไม่ธรรมดานะบอกให้

พวกยิ้ม ๆ นิ่ง ๆ เฉย ๆ นี่แหละตัวดี ดูอย่างวิโรจน์เป็นตัวอย่างนั่นไง ใครจะไปรู้ เรื่องบนเตียงวิโรจน์แม่งไม่ธรรมดา เด็ดมาก เคยเห็นอ้น มันหลุด ๆพูดออกมาบ้างแล้ว

ส่วนพี่บุ้งกับไอ้แก๊ป ดูเอาเถอะ ปากนี่สุดยอด แต่กว่าจะได้เรื่อง แม่งปล่อยให้เมียรอจนเซ็ง รอจนลืมไปเลยก็มี

“แล้วอยากได้แบบไหนวะกิ พี่บาสนี่พออยู่ด้วยแล้วเป็นไง มีอ้อน มีเล่น มีหวาน ๆ ด้วยมั้ย”

พี่บาสเหรอ

“อืม ก็เล่นอยู่นะพี่ พี่เห็นเป็นไงกันล่ะ อยู่กะผมก็เป็นงั้นแหละ หวงตัวด้วย แตะนิดแตะหน่อยไม่ได้ เผลอ ๆ จะแผ่เมตตาบอกให้ผมไปสงบสติอารมณ์ บางทีก็บอกให้ผมจงเป็นสุขเป็นสุขเถิดด้วย โคตรได้ใจเลยจริง ๆ”

แบบนี้ยิ่งน่ากลัว

“มึงเตรียมตัวตายคาเตียงได้เลยกิ นี่กูบอกเลย”    วิเชียรผู้คว่ำหวอดในวงการเรื่องบนเตียงมาอย่างโชกโชน

“ไม่รอดแน่ ๆ”   เมืองมีนผู้มีประสบการณ์ตรงมาแล้ว

“ถ้าไม่ฟ้าเหลือง พี่ให้เหยียบหน้าเลย” อ้น หัวหน้าแผนกขายผู้เลื่องชื่อ

“กูไม่รู้ว่ะ กูก็ยังไม่เคยโดนซักที รออยู่เหมือนกัน” น้องพู่.........ที่รอจนเซ็ง

แล้วทำไมถึงได้พูดกันแบบนั้นทุกคนเลยวะ ในเมื่อไอ้พี่บาสมันก็เป็นของมันแบบนี้ ไม่เห็นจะมีพิษสงอะไรเลย แตะนิดแตะหน่อย มีการขยับหนีด้วยนะ ตกลงนี่กูจะมาเป็นเมียพี่บาส หรือพี่บาสจะมาเป็นเมียกูกันแน่วะ

ยูกิยืนครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่เพิ่งได้พูดคุยกับคนอื่น ๆ แล้วก็นึกสงสัยขึ้นมา  นั่งว่าง ๆ ไม่รู้จะทำอะไรก็เลยหาเรื่องแกล้งคนที่อยู่ในหัวข้อสนทนาเมื่อช่วงบ่ายซะหน่อย

“ทำไรจ๊ะ นวดแป้งเหรอออออออ”

ไม่ใช่แค่พูด แต่มือของยูกิ เริ่มเลื้อยไปที่เอวของสุรชาติที่กำลังเตรียมแป้งสำหรับทอดปลาท่องโก๋เรียบร้อยแล้ว

“ไอ้กิ....”

หวงตัวกับว่าที่เมียด้วยเหรอจ๊ะ

“ไรอ่า จับนิดจับหน่อย ทำเป็น........”

ทำเป็นอะไร  หาเรื่อง เดี๋ยวคนอื่นเขาจะมองไม่ดี เล่นอะไรไม่เข้าเรื่อง

“อื้อหือ น่ารักนะเรา หน้าตาจิ้มลิ้ม ดูท่านวดแป้งเข้า เซ็กซี่สุดๆ”

มันกวนตีนซะจริง ๆ เล้ยยยยยไอ้เด็กนี่

“กิ เอามือออกไปจากตูดพี่ด้วย มึงจะลูบทำไมขนาดนั้นวะ ตูดจะขึ้นเลขอยู่แล้ว”  อ่ะแน่ะ มาบทโหดเว้ยเฮ้ย

“อ้าว ก็มันแน่น แน่น ๆ มันก็น่าจับ.........หืออออ แน่นดีจริง ๆ”   ยังไม่จบ ยังมีการตีมือเบา ๆ ไปที่ก้นของคนที่กำลังยืนนวดแป้งอีกต่างหาก

“เดี๋ยวมึงจะโดน เล่นไม่รู้เรื่อง”      เออออออออออ ซักทีเห้อออออออ รออยู่เนี่ยะ

“คืนนี้เลยป่าว เคลียร์คิวว่ากันยาว ๆ เลยลูกเพ่”

พูดจาไม่รู้เรื่อง แถมยังทำหน้าตากวนประสาทเห็นแล้วน่าหมั่นไส้เกินทน

“ไปขายของไป เตรียมถุงหรือยัง ไปซื้อถุงด้วย ถุงหมดแล้ว”

“ไซส์ไหนจ๊ะ........พี่ไม่ต้องเดี๋ยวน้องซื้อห้ายยยยยยย”

ไอ้กิ

“ว้อนเนอะท่าทาง”

มากอ่ะ ไม่อยากจะพูด

“จัดป่ะล่ะ ถ้าจัด คืนนี้เจอกัน”

ไม่ใช่แค่ท้าทายแต่มีการยักคิ้วหลิ่วตาให้ด้วย ก็เลยทำให้สุรชาติได้แต่ส่ายหน้าในความทะลึ่งบ้าบอของมัน

ไอ้เรื่องจัดมันไม่ใช่ปัญหาหรอกกิ แต่เห็นมาเยอะแล้ว พวกปากดีแบบนี้ โดนเข้าไปที นอนนับดาวกันทุกคน

“อย่ามาท้า”

อ้าว ไม่ท้าไม่ได้ นี่ขนาดท้าแล้วนะ ยังไม่เห็นมีวี่แวว จะจับมือซักทีนี่ต้องปล้ำขอจับ จะหอมแก้มทีนี่ต้องขอร้องกัน
ไม่ใช่พี่บาสมันจะมากอดมาหอมมาจับมือกูนะ กูนี่แหละต้องไปขอร้องขอหอมแก้มขอจับมือพี่บาสซะเอง

แม่ง........ไม่รู้จะหวงตัวไปถึงไหน  อีกหน่อยก็ได้เห็นได้จับหมดทุกอย่างแหละ จะหวงเก็บไว้ทำไมไม่เข้าใจ

“ยูกิ เดี๋ยวช่วงหยุดยาวพี่จะปิดร้านนะ น่าจะช่วงก่อนปีใหม่ ช่วงนั้นกิไปไปไหนหรือเปล่า ไปกับที่บ้านมั้ย หรือจะไปเที่ยวกับเพื่อน”

ไปไหนดีว่ะ เออยังไม่ได้คิดเลย

“ไม่รู้ว่ะ แล้วพี่ไปไหนล่ะ จะได้ตามไปด้วย”

แกล้งเอาคางไปเกยไหล่ของคนที่พรมน้ำลงไปที่แป้ง และสุรชาติก็ถอนหายใจยาว ส่ายหัวเพราะกิริยาท่าทางไม่สำรวมของคนที่เล่นอะไรไปเรื่อย

“ถอยไปห่าง ๆ หน่อย คนมองมันดูไม่ดี”

ไม่ดีอะไรวะ อยากมองก็มองไปดิ มองไปก็เท่านั้น ทำอะไรได้ เต็มที่ก็แค่วิจารณ์ หรือนินทา ซึ่งผมไม่คิดมากอยู่แล้ว เผลอ ๆ บางคนเจอกันแค่ครั้งเดียวด้วยซ้ำ จำหน้าไม่ได้ด้วยอีกต่างหาก

“ทำไมพี่หวงตัวกับผมจังวะ”

ไม่ใช่ว่าหวงตัว

“คนอื่นเขามองเรายังไง มันไม่จำเป็นที่เราต้องไปแคร์ ขอแค่เราทำตัวดีไม่มีใครว่าได้ก็พอแล้ว”

ก็ใช่ไงพี่ แล้วพี่จะแคร์ทำไม

“แต่คำว่าไม่แคร์ ไม่ได้หมายความว่าเราไม่รู้จักกาลเทศะ นึกอยากจะทำอะไรก็ทำได้อย่างใจ คนไม่มีกาลเทศะกับคนที่ไม่แคร์สิ่งที่คนมองเพราะตัวเองทำดีที่สุดแล้ว มันต่างกัน”

ยาวเลยกู โดนซะแบบจัดเต็ม

“เออ งั้นไม่แตะแล้ว ไม่เล่นด้วยก็ได้วะ  อะไรก็ห้าม แล้วงี้ห้ามเอากันด้วยใช่ป่ะพี่ ถึงได้เฉย ๆ ไม่คิดจะทำอะไรผมซักที”

คิดมากไปแล้ว กิ เอ้ยยยย งอนอีกนั่น ไปพูดแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
สุรชาติส่ายหน้าให้กับความคิดของนายกวักประจำร้าน

จุ่มมือลงไปในน้ำล้างมือที่อยู่ในกระป๋อง และดึงผ้าขนหนูผืนเล็ก ๆ ที่ติดมาด้วยขึ้นมาเช็ดมือ

ง้อมันหน่อย หน้างอแบบนี้ขายของไม่ได้ เดี๋ยวลูกค้าจะด่าเอา

“กิ”

อย่ามาเรียกผมเหอะวะ พี่บาสแม่งหวงตัวเกิน

“ยูกิ”

ไม่อยากคุยด้วย เรียกมาก ๆ เดี๋ยวผมของขึ้นกระโดดปล้ำพี่ขึ้นมาแล้วมันจะยุ่งไปกันใหญ่นะเฮ้ยยยย บอกไว้ก่อน

“ผมหน้ายาวขึ้นเยอะแล้วนะ ไปตัดได้แล้ว”

ช่างหัวกบาลกูเห้อะ ปล่อยให้แม่งยาวแบบนี้แหละ ไม่ต้องไปตัดหรอก มันเปลืองตัง

“มา เดี๋ยวมัดให้”

ไม่ใช่แค่พูด แต่สุรชาติมองหาหนังยางเส้นเล็กๆ ที่เอาไว้ใช้มัดถุงน้ำเต้าหู้มาหนึ่งเส้น
และจัดการรวบผมหน้าที่เริ่มยาวลงมาจนแทบจะทิ่มตาของยูกิขึ้น มัดเอาไว้เพื่อไม่ให้เส้นผมปรกตา และก็ยืนมองผลงานของตัวเองที่เพิ่งทำลงไป

“เหมือนหมาจูเลยว่ะ น่ารักดี”

ไอ้พี่บาสสสสสสสส นี่คนเว้ย ไม่ใช่หมาจู

ยูกิยกมือขึ้นแตะเบา ๆ ที่เส้นผมของตัวเองที่ถูกมัดเอาไว้ พยายามจะดึงหนังยางออกจากหัว แต่ก็เจ็บเกินกว่าจะดึงไหว

“พี่บาสเอาออกดิ อุบาทว์ว่ะ”

อุบาทว์อะไรวะ มันก็มองน่ารักดีออก

“คนอุตส่าห์มัดให้ อยากเอาออกก็ตามใจ”

สรุปคือ........... กูไม่ต้องเอาออกใช่มั้ยวะ ให้กูอยู่ในสภาพนี้จริง ๆ ใช่มั้ย

ได้...........อยากให้ทำแบบนี้มากนัก ผมตามใจพี่ก็ได้ กูจะขายของในสภาพผมทรงหมาจูให้ดู

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-05-2014 16:15:31
“น่ารักจังเลยพี่ พี่กล้าทำเนอะ”

กล้าสิครับ ไม่กล้าได้ไง ซะขนาดนี้แล้ว มีอะไรให้พี่อายอีกเหรอ

“น่ารักใช่ป่ะล่ะ”

ยิ้มโปรยเสน่ห์ให้กับสาว ๆ มัธยมปลาย และสาว ๆ ที่มาซื้อน้ำเต้าหู้กับปลาท่องโก๋เป็นประจำก็หัวเราะเฮฮากันสนุกสนาน

“พี่กิ ขอถ่ายรูปหน่อย”

จัดไป

ยกนิ้วขึ้นชูสองนิ้ว แถมยังทำหน้าตาน่ารักใส่กล้องอีกเพื่อถ่ายรูปกับสาวน้อยมัธยมปลาย

“แนบแก้มได้มั้ยคะพี่กิ ขอแนบแก้มนะคะ”

ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ของแค่นี้ สบายมาก เพื่อลูกค้าพี่จัดให้ได้

“หนึ่ง สอง สาม พี่กิ กดตรงนี้นะ ให้พี่กิเป็นคนกดถ่ายรูปเอาเองเลย”

ตรงนี้เหรอครับ ได้ ได้

“หนึ่ง สอง สาม ยิ้มมมมมมมม”

แล้วก็ได้ไปอีกหนึ่งรูป สนุกสนานกันพอเป็นพิธี และกลุ่มสาว ๆ มัธยมปลายก็กรี๊ดกร๊าดชอบใจที่ได้ถ่ายรูปร่วมกัน

“ขอบคุณมากค่ะพี่กิ เดี๋ยวพรุ่งนี้พวกหนูมาซื้อใหม่นะพี่ พี่กิทำผมทรงอื่น ๆ มาบ้างนะพี่ เอาแบบน่ารักเหมือนทรงนี้”

ครับ ครับ ได้ ไม่มีปัญหา

ลูกค้ากลุ่มสาว ๆ มัธยมปลายเดินคุยกันไปหัวเราะกันไปจากไปแล้ว   และยูกิ ก็กำลังเรียงปลาท่องโก๋ในตะแกรงเพื่อให้มีพื้นที่สำหรับเหลือว่าง สำหรับวางปลาท่องโก๋ชุดถัดไปที่กำลังจะตักขึ้น

“กิ”

หือ........ว่าไงพี่

หันไปมองตามเสียงเรียก และพี่บาสที่กำลังขมวดคิ้วมุ่นก็ทำเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ไม่ยอมพูด

“อะไรพี่ เรียกทำไม”

ก็ไม่ทำไมหรอก...........

“เดี๋ยวขายของเสร็จ ถ่ายรูปในโทรศัพท์พี่ให้ซักรูปสิ”

ทำไมวะพี่  ร้อยวันพันปี ไม่เห็นพี่เคยคิดอยากจะได้รูปผมซะทีแล้วนี่อยู่ดีๆ เกิดนึกเฮี้ยนอะไรขึ้นมา

“พี่จะเอารูปผมไปทำอะไร แน่ะ จะเอาไปทำมิดีมิร้ายใช่มั้ยล่ะ รู้ทันหรอกนะ”

แกล้งพูด และเดินไปยืนข้าง ๆ คนที่นวดแป้งไปทำหน้าขรึมไป

“ก็อยากจะมีรูปกิอยู่ในโทรศัพท์บ้างไม่ได้หรือไง”

เฮ้ยยยยยยยยยยย หวานว่ะ  ชอบ ชอบ เอาอีก เอาอีก เอ้อออออออออออ ได้สิพี่บาส ได้ ได้ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว

“เอากี่รูปล่ะ เดี๋ยวถ่ายตอนนี้เลยก็ได้” กำลังจะล้วงมือลงไปในกระเป๋าผ้ากันเปื้อนของคนนวดแป้งแต่ก็ถูกห้ามเอาไว้

“ไม่ใช่รูปเดี่ยวสิ หมายถึงรูปที่ถ่ายด้วยกัน”

เหรอ

ก็ใช่ไง

“งั้นก็ถ่ายคู่กันตอนนี้ก็ได้พี่ ไม่เห็นจะยากอะไรเลย มาเดี๋ยวผมเป็นคนถ่ายให้เองก็ได้”

ไม่ได้หรอก ยังไงก็คงถ่ายตอนนี้ไม่ได้

“เอาไว้ขายของเสร็จก่อน ตอนกลับบ้านค่อยถ่าย”

อะไรวะ ทำไมถึงต้องเรื่องมากขนาดนั้นด้วย พี่บาสนี่แม่งก็ทำตัวแปลกจริง ๆ

“ตามใจพี่ก็แล้วกัน ถ่ายตอนกลับบ้านก็ได้ ปลาท่องโก๋ตัวละสองบาทครับ น้ำเต้าหู้ใส่เครื่องสิบบาทไม่ใส่ เจ็ดบาท”

ลุกขึ้นไปขายของโดยไม่ได้คิดอะไร และคนที่นวดแป้งอยู่ก็ค่อย ๆ ถอนหายใจออกมายาว ๆ

มีแฟนหน้าตาน่ารัก...........มันสร้างปัญหาทางใจให้มาก เพราะแฟนของเราจะถูกสายตาของคนอื่นมองด้วยความคิดร้อยแปดแต่เราก็ทำอะไรไม่ได้

....................แล้วกิจะรู้บ้างมั้ย...........ว่าบางที หลาย ๆ ครั้ง พี่ก็ทำใจไม่ค่อยได้ ที่มีคนมาแตะเนื้อต้องตัวกิแบบนั้น ถึงจะรู้ว่ากิไม่คิดอะไรก็เถอะ..............แต่บางครั้ง อาการหึงหวงก็ไม่เข้าใครออกใคร

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-05-2014 16:17:10
ยูกิ ยังคงมึนงงและสงสัย ว่าทำไมพี่บาสต้องรอให้ขายของเสร็จก่อน ถึงจะสามารถถ่ายรูปด้วยกันได้
และข้อสงสัยนั้นก็หมดลง เมื่อขึ้นมาอยู่บนรถด้วยกันแล้วพี่บาสขอถ่ายรูปด้วย

“กิ ยิ้ม ๆ ไว้นะ เดี๋ยวพี่กดถ่ายเอง”

ได้พี่ ไม่มีปัญหา ยังไงก็ได้

“งั้นเดี๋ยวผมนับให้ ......... หนึ่ง สอง สาม..........อ่ะ”

ยิ้มก็จริง แต่ก็มีอาการสะดุ้งตามมาด้วย เพราะไม่ใช่แค่ถ่ายรูปคู่กันแบบธรรมดา แต่พี่บาสยังถ่ายรูปที่พี่บาสกำลังหอมแก้มกิด้วย

“เฮ้ยยยยยยยยย พี่.....ยังไงเนี่ย มันยังไง”

ก็ไม่ยังไง ก็ไม่เห็นมีอะไรยังไงนี่

“ทำไมล่ะ พี่ก็แค่อยากมีรูปถ่ายแบบนี้คู่กับกิบ้าง อยากมีรูปแบบคนเป็นแฟนกันเขาชอบถ่ายเก็บไว้.....หรือว่ากิไม่เคยคิดอยากจะมีรูปของเราเก็บใส่โทรศัพท์ไว้บ้างหรือไง”

ยิ้มสิครับงานนี้

ถ้าจะพูดกันขนาดนี้นะพี่นะ

“พี่บาส.........ไมพี่ น่ารักจัง”


TBC.

หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 09-05-2014 16:23:25
 :hao3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 09-05-2014 16:24:06
มาเบาๆ เเต่หวานฉ่ำปอด
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: ployyuki ที่ 09-05-2014 16:25:51
แนวพี่บาสเนี่ย เงียบๆ แต่จัดหนักแหงๆ ยูกิ เตรียมฟ้าเหลือง 55554  :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 09-05-2014 16:28:40
แอบหวานนะพี่บาส
ปล.ขำบรรดาเมียๆทั้งหลาย อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 09-05-2014 16:35:03
 มาอีกๆ :katai4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 09-05-2014 16:49:22
น้องกิน่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 09-05-2014 16:54:39
น่ารักจริงจริ๊ง  :o8:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: foolishbeat ที่ 09-05-2014 17:08:30
ตลกสมาคมภรรยาแผนกขนส่งอ่ะ โดยเฉพาะวิเชียร ทำไมแกเชี่ยวจัง แถมพูดได้ไม่อายปากด้วย
ตลกมากกก

พี่บาสนี่คนปกติสุดในแผนกละ แต่ว่าจัดให้ยูกิมันหน่อยเถอะ ดูท่าจะว้อน
ส่วนพี่แก๊ป ระวังน้องพู่จับกินเองนะ ให้น้องรอจนเซ็งเนี่ย ฮ่าๆๆ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 09-05-2014 17:13:42
อ๊าย!!! น่ารักไปนะ พี่บาส
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 09-05-2014 17:38:54
น้องกิเนี่ย น่ารักจริง ^^ 

ว๊อนท์ ก็บอกว่า ว๊อนท์  :hao7:

พี่บาสนี่ปากแข็ง...ว๊อนท์ก็บอกไปสิ :z1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 09-05-2014 17:41:18
ฮาบทสนทนาของสมาคมแม่บ้านภรรยาแผนกขนส่งยิ่งนัก    :m20:

ว่าแต่ตำแหน่งหัวหน้าสมาคมจะยกให้ใครดีล่ะเนี่ยระหว่างวิเชียรกะอ้นแบบดูท่าเท่าจะมีประสบการณ์แก่กล้าพอกัน  :laugh:
นู๋มีนเป็นเลขาไปแล้วกันนะจ๊ะ แบบคอยเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปใช้
เพราะดูท่าพี่บุ้งจะไม่ร้อนแรงเท่าซะมีของบรรดาหัวหน้าสมาคม   :hao6:

แต่อ่านแล้วสงสารน้องพู่ที่สุด พี่แก๊ปเมื่อไหร่จะปรุงน้ำยาเสร็จซะที
ดูดิยูกิกะพี่บาสมาทีหลังเค้าจะแซงหน้าแล้วนะเฮ้ยยย  :hao7:

สุดท้ายเข้าใจหัวอกพี่บาส แฟนเราน่ารักใครจะอดไม่หวงได้ล่ะเนาะ   :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-05-2014 17:45:43
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/09/13005yz.jpg)
รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ ปัญหาทุกข์ใจของสมาคมแม่บ้านขนส่ง

แล้วเรื่องรูปถ่ายในตำนานก็ถูกแพร่กระจายออกไป ไม่ใช่รูปอะไร ก็แค่รูปพี่บาสหอมแก้มยูกิแค่นั้น

แล้วทำไมกูไม่มีแบบนี้มั่งวะ

“พี่แก๊ป ถ่ายรูปกันป่ะ”  ถ่ายรูปเหรอวะ ถ่ายไปทำไม

“ไม่เอา ไม่ชอบถ่ายรูป” ปฏิเสธไปแบบสิ้นเยื่อใย และอำนาจก็นั่งเช็คของต่อไปด้วยความมุ่งมั่น

…วันนี้ยังไงกูก็ต้องเช็คให้เสร็จก่อนไอ้พู่ให้ได้ ดูสิ มันเช็คแป๊บเดียว รถขึ้นของได้แล้ว ของกูเหลืออีกตั้งเยอะยังไม่ได้ขึ้นของซะที แม่งยังมีหน้ามาขอถ่ายรูปเพื่อเป็นการเยาะเย้ยว่ามันทำเสร็จก่อนกูซะด้วย เดี๋ยวมึงรู้แน่ไอ้พู่ เดี๋ยวมึงรู้ กูไม่ยอมมึงหรอกคอยดู
อำนาจมุ่งมั่นกับการเตรียมของขึ้นรถ แต่น้องพู่กำลังหน้าบึ้งด้วยความเซ็งสุดขีด

ไอ้พี่แก๊ปแม่งก็ควายจริง ๆ ไม่มีความโรแมนติกกับเขาซะบ้าง
เลิกกับแม่งตอนนี้เลยดีมั้ยเนี่ย ควายเอ้ยยยยยยยย แดกหญ้าไปเหอะมึง กูล่ะเซ็ง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-05-2014 17:47:00
“ถ่ายรูปคู่กันมั้ย”

หัวหน้าแผนกขายที่นอนอยู่บนเตียงกับวิโรจน์เอ่ยขึ้นมาระหว่างขึ้นไปนอนเกยอยู่บนอกของวิโรจน์ที่หลับไปก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว

“ง่วงนอนอ่ะ ขอนอนก่อนได้มั้ย เดี๋ยวค่อยถ่าย”

ตื่นขึ้นมาถ่ายรูปคู่กันก่อนไม่ได้เลยเหรอ พีท  ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้

“ถ่ายรูปกันก่อนนะ เดี๋ยวค่อยนอน นะพีทนะ”

อ้อนไปก็เท่านั้น เพราะนอกจากไม่ยอมตอบแล้ว วิโรจน์ยังลากหัวหน้าแผนกขายลงไปกอดแน่นแล้วก็หัวเราะ

“นอนก่อน เดี๋ยวค่อยถ่าย เอาท่าไหนบอก เดี๋ยวจัดให้”

ไม่ใช่แบบนั้นสิ ทำไมถึงไม่คิดจะทำอะไรให้มันเหมือนคนอื่นบ้าง นี่คิดจะถ่ายรูปตอนมีอะไรกันเอาไว้หรือไง แบบนี้ไม่ไหวนะ

“พีท ตื่นมาถ่ายรูปคู่กันก่อน”

บังคับไปก็เท่านั้น เพราะคนจะนอนยังไงก็จะนอน  วิโรจน์ไม่พูดเปล่ายังจัดการล็อคคอของหัวหน้าแผนกขายให้ซุกหน้าลงไปที่อกให้หยุดพูดซะทีด้วย

“นอนก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยคุยกัน”

เออ ให้มันได้อย่างนี้เซ่ ทำไปแค่สองทีก็หมดแรงหลับสนิทไปแล้ว ไม่คิดบ้างหรือไงว่าทางนี้ก็อยากถ่ายรูปแก้มแนบแก้มแบบหวาน ๆ บ้าง  พีทที่ไม่ได้อย่างใจจริง ๆ  โมโหโว้ย โมโห

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-05-2014 17:47:17
“พี่บุ้ง เดี๋ยวพี่บุ้งยิ้ม ๆ นะ แล้วก็หอมแก้มมีนด้วย”

เอาไปทำอะไรล่ะ

“ไม่เอา เขิน”

เขินอารายล่ะพี่บุ้ง

“หอมแล้วไม่ถ่ายรูปได้เปล่า พี่เขิน นี่พูดจริงๆ”

ทำไมวะ แค่ถ่ายรูปคู่กัน แค่เอาแก้มแนบแก้มแค่เนี้ยะ พี่จะเขินทำไม

“นะพี่บุ้งนะ”  อ้อนไปเล็กน้อย และหัวหน้าแผนกขนส่งก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่น

“ขออะไรก็ขอได้นะ แต่ขอให้ถ่ายรูปแบบนี้ ไม่เอา พี่ไม่เคยทำ มันเขินอ่ะมีน”

เหรอ เขินมากป่ะ เขินมากใช่มั้ย

“ไม่ถ่ายก็ไม่ถ่าย งั้นผมทำงานต่อแล้ว พี่จะไปขึ้นรถแทนพี่วิเชียรไม่ใช่เหรอ ไปเหอะ เดี๋ยวผมจะคีย์บิลต่อ”

งอน และบุ้งก็รู้ว่ามีนกำลังงอน แล้วจะไปทำอะไรได้นอกจากต้องง้อ เมียทั้งคน ไม่ง้อได้ยังไง

“มา มา ถ่ายก็ได้ ไหน ทำยังไง”

เดินเข้าไปหา และอ้อนเอาใจมีนที่กำลังงอน และมีนก็หยิบบิลน้ำมันออกมาวาง

“ไม่เอาแล้ว พี่บุ้งเขินไม่ใช่เหรอ ไม่ถ่ายก็ไม่ถ่าย ไม่ได้ว่าอะไร”

ว่าสิ ว่า ว่า มา มา มาถ่ายรูปกัน

“เอาโทรศัพท์พี่แล้วกันนะ มาเร็ว หนึ่ง สอง สาม”

ไม่ใช่แค่โพส แต่เด็ดกว่านั้น คือคนสองคนทำท่าจูบกันเบา ๆ

“ไหนดูซิ”

บุ้งกำลังดูรูปถ่ายที่ถ่ายด้วยฝีมือของตัวเอง และมีนที่ชะโงกหน้าไปดูรูปด้วยก็กำลังยิ้ม

“เอาแบบนี้นะพี่บุ้ง เดี๋ยวใช้โทรศัพท์มีนถ่ายนะ”

ครับ ครับ ได้ ได้

โพสท่าเหมือนกันเป๊ะ โพสภาพน่ารักหวานแหววของคู่รัก และมีนก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่ได้รูปภาพอย่างที่ตั้งใจ

“พี่บุ้งไปทำงานเหอะ เดี๋ยวพี่วิเชียรคอย”   ได้อย่างใจแล้วก็ขับไล่ไสสงกันเลยนะ

“ถ่ายอีกรูปดีกว่า มา มา มาถ่ายรูปกัน”   ไม่เลิก พอถ่ายได้ ก็ไม่ยอมเลิก ทั้งที่ตอนแรกบอกว่าเขิน แต่พอได้ถ่ายแค่นั้นเลยชักจะเอาใหญ่

“พี่บุ้ง เดี๋ยวพี่วิเชียรด่าเอา”   เออ ช่างหัววิเชียรเหอะน่า

“อีกรูป มีนเข้ามาในกล้องซิ เอียงหน้าด้วย เออนี่แหละมุมนี้กำลังดี หนึ่ง สอง สาม”

ไม่เป็นอันทำงานทำการ เพราะหัวหน้าแผนกขนส่งมัวแต่ถ่ายรูปหวานแหววกับเมีย

และวิเชียรที่กำลังรอก็ชักเริ่มโมโห

“หัวหน้ากูนี่ยังไงวะ ไหนบอกไปเยี่ยวแป๊บเดียวไง แม่งอู้ยิ่งกว่ากูอีก หายไปเป็นชาติแล้ว ตกส้วมตายห่าไปแล้วหรือไงวะ แล้วนี่กูจะได้ขึ้นรถกี่โมงวะ แม่งอย่างเซ็ง”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-05-2014 17:47:38
“เฮียครับ”

กินข้าวเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว และวิเชียรก็มานั่งอยู่ข้าง ๆ เฮียที่กำลังดูข่าววิเคราะห์หุ้นของนักลงทุนต่างชาติ

“เฮียเคยถ่ายรูปมั้ยครับ”

ก็เคยอยู่นะ ถ่ายรูปครอบครัว รูปโรงงาน หรืออาจจะเป็นภาพวิวทิวทัศน์สวย ๆ

“วิเชียรอยากได้กล้องถ่ายรูป ไว้ถ่ายรูปแก้เบื่อเหรอ”

ไม่ใช่ครับเฮีย ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น

“ผมหมายความว่า เฮียอยากถ่ายรูปบ้างมั้ย”

ทำไมเฮียถึงต้องอยากถ่ายรูปล่ะ วิเชียรอยากได้อะไรก็บอกเฮียมาตรง ๆ เดี๋ยวเฮียให้ลูกน้องไปจัดการหามาให้

“ตอนนี้ยังหรอกนะ มีอะไรล่ะเชียร”   ไอ้นั่นก็ไม่ชอบ ไอ้นี่ก็ไม่อยาก เฮียนี่แม่ง ทำไมเรื่องมากจังวะ

“ผมหมายความว่า เอ่อ.....”

อธิบายไม่ถูก ไม่รู้จะพูดยังไง และกลายเป็นเฮียที่ส่งยิ้มบาง ๆ ให้กับวิเชียร และโอบไหล่ของวิเชียรเข้ามากอดเอาไว้

“เชียรอยากได้อะไรเชียรก็บอกตรง ๆ ไม่เหลือบ่ากว่าแรงเฮียทำให้ได้เฮียก็ทำ”     จริงนะเฮีย

ยิ้มออกมาหน้าระรื่น และวิเชียรก็มองหน้าเฮียดวงตาเป็นประกาย

“ผมอยากถ่ายรูปคู่กับเฮีย”     ได้สิ เรื่องนั้นไม่มีปัญหาหรอก

“เดี๋ยวเฮียให้สมาน นัดช่างที่สตูดิโอให้ แล้วก็ใช้ช่างแต่งหน้าทำผม ฝีมือดี ๆ หน่อย ช่างภาพเดี๋ยวเฮียดูให้นะว่าคนไหนถ่ายรูปเก่ง ๆ วิเชียรจะได้สบายใจ”

ไม่เอาแบบนั้นสิวะ

“เฮียอ่า.........ผมไม่อยากถ่ายรูปที่สตูดิโอ”

แล้วถ้าวิเชียรไม่อยากถ่ายรูปที่สตูดิโอแล้วจะถ่ายที่ไหนล่ะ

“วิเชียรอยากได้อะไรบอกเฮียมาเลยตรง ๆ”

ดีแล้วเฮีย ถึงเฮียไม่ให้ผมบอกตรง ๆ ผมก็จะบอกแล้ว ลีลามากไปเดี๋ยวเฮียพาไปถ่ายที่สตูดิโอมันจะยุ่งไปกันใหญ่

“อยากถ่ายรูปกะเฮียอ่ะ แบบน่ารัก น่ารัก นะเฮีย ถ่ายเก็บไว้ในกล้องโทรศัพท์ผมอ่ะ ได้มั้ยครับเฮีย”

ทำหน้าตาออดอ้อนสุด ๆ และเฮียก็หัวเราะออกมาเสียงเบา และโอบไหล่ของวิเชียรเขย่าเล่นเหมือนเป็นการหยอกล้อ

“ได้สิ ของแค่นี้ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”    ได้เหรอเฮีย งั้นดีเลย มา มา มาถ่ายรูปกัน

วิเชียรจัดการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อถ่ายรูปคู่กับเฮีย

...........แล้วกูจะบอกเฮียยังไงดีวะ ว่าอยากได้เวอร์ชั่นหวาน ๆ เหมือนชาวบ้านเขา...........พูดยังไงดีวะ

“เดี๋ยวเชียรเอียงหน้าไปทางขวาหน่อยนะ แล้วเฮียก็จะหอมแก้มวิเชียร”

เฮียครับ...........เฮีย...........เฮียช่างเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดในชีวิตผมยิ่งนัก

“ได้ครับเฮีย เอียงหน้าแค่นี้พอหรือยัง”   กำลังดีเลยล่ะ

วิเชียรเอียงแก้มและเฮียกำลังหอมแก้มของวิเชียร

ภาพถ่ายอีกสองสามมุมที่ล้วนเป็นการวางรูปแบบมาอย่างดีด้วยการบอกวิธีการโพสของเฮีย ทำให้วิเชียรยิ้มร่า และเอนกายลงนอนหนุนตักเฮียอย่างมีความสุข

“อารมณ์ดีแล้วนะ”

อารมณ์ดีแล้วแหละเฮีย พรุ่งนี้ผมจะได้มีรูปไปให้พวกที่แผนกดู ว่ารูปของผมเด็ดสุด ไม่เสียใจจริง ๆ ที่เป็นเด็กเฮีย
อยากได้อะไรก็ได้หมด

“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยนะ มีเรื่องดี ๆ อะไรบอกเฮียบ้างสิ”  ไม่บอกหรอก เดี๋ยวเฮียรู้จะหาว่าผมบ้า

“ไม่มีอะไรหรอกครับ เฮียดูรูปนี้สิ มุมนี้ไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่ว่าป่ะ งั้นขอถ่ายอีกรูปได้หรือเปล่าครับ”

วิเชียรผุดลุกขึ้นนั่งและยื่นโทรศัพท์ให้เฮียดูรูปด้วย และเฮียก็หัวเราะเสียงเบา

“งั้นก็มาถ่ายใหม่ก็ได้ วิเชียรอยากได้แบบไหนก็บอกเฮียนะ ถ้าไม่ถูกใจ เดี๋ยวเราไปถ่ายที่สตูดิโอกันก็ได้”

ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกเฮีย แค่นี้ผมก็ดีใจแล้ว

“ไม่เป็นไรคร้าบบบบ แค่นี้ก็เยอะแล้ว...ขอบคุณมากครับเฮีย”

++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-05-2014 17:48:53
“..............................”

รูปของมีนเป็นรูปที่พี่บุ้งกับมีนยิ้มให้กันและหอมแก้มแบบหยอกล้อกันดูน่ารัก

“.............................”

รูปของเฮียและพี่วิเชียร เป็นรูปที่เฮียหอมแก้มพี่วิเชียร ซึ่งคงเป็นรูปที่หาดูได้ยาก และถ้าหากใครอยากได้ข่าวใหญ่ก็ควรมาปล้นโทรศัพท์พี่วิเชียรไปซะ เพราะว่าไม่เคยมีใครได้เห็นคุณวิษณุ ผู้กว้างขวางแห่งภาคตะวันออก มีกิริยาท่าทางแบบเป็นกันเองและสบาย ๆ ได้ถึงขนาดนี้

“....ของผมไม่มีหรอก พีทหลับจนถึงเช้า”   หัวหน้าแผนกขาย พูดออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ของผมหนักกว่า ไอ้พี่แก๊ปหาว่าผมบ้าถ่ายรูป เท่านั้นยังไม่พอ มันยังหาว่าผมจะถ่ายรูปประชดมันด้วย”

น้องพู่ ผู้ที่ไม่เคยได้อะไรอย่างใจ ต่างฝ่ายต่างบ่น บางคนสมหวัง แต่บางคนผิดหวัง และยูกิที่เดินยิ้มร่ามาหาพวกพี่ ๆ ก็มีของฝากชิ้นใหม่มาให้ดู

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า พี่ พี่ดูพี่บาสดิ หน้าตาโคตรฮาอ่ะ แม่งขำว่ะ ดู ดู โคตรจี้เลยว่ะ”

ยูกิไม่เคยรู้ถึงปัญหาหนักใจของสมาคมแม่บ้านแผนกขนส่งที่กำลังเกิดเรื่องระส่ำระสายภายในครอบครัว
มาถึงก็เปิดโทรศัพท์ให้ดู รูปถ่ายรูปใหม่ที่เพิ่งอัพเดทมาสด ๆ ร้อน ๆ

..............สุรชาติกับสิบแอ็คชั่นไม่ซ้ำกัน.............. ทั้งชูสองนิ้ว ทั้งแลบลิ้น ทั้งทำหน้าแบ๊ว ทั้งทำหน้าโหด
หน้าเฉย และอีกสารพัดหน้า................

“มีน เอารูปพี่บุ้งมาดูบ้างดิ๊ จะดูว่าหน้าใครฮากว่ากัน ระหว่างพี่บุ้งกับพี่บาส”

ง่า........... เอิ่ม......... ของแบบนั้นจะไปมีได้ยังไง...........

“เอ่อ....เดี๋ยวลองค้น ๆ ดูก่อนนะ”   ลองค้นไม่ใช่ว่าจะค้นเจอ แต่เป็นการค้นที่ไม่รู้ว่าค้นดูอะไร

“พี่วิเชียรก็ได้ เอาหน้าเฮียแบบเวอร์ชั่นตลก ๆ มาดูหน่อยดิพี่ มีของฮา ๆ แล้วไม่แบ่งกัน”

ไอ้.............ยูกิ มึงคิดว่ารูปกูกับเฮียถ่ายแก้มแนบแก้ม มันได้มาง่าย ๆ หรือไงวะ แล้วมึงจะเอารูปตอนเฮียทำหน้าตลกเนี่ยนะ..............มึงงงงงงงงงงงงงงงงงง

“เอ่อ พี่มีงานว่ะ เดี๋ยวต้องไปขึ้นรถก่อน เดี๋ยวจะไปแล้ว”

วิเชียรไร้ซึ่งข้อแก้ตัว แต่หาข้ออ้างชิ่งหนี และก็เหลือหัวหน้าแผนกขาย และน้องพู่ ที่กำลังรู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมาจนแทบจะระเบิด

“ของพี่ ไม่มีแม้กระทั่งรูปหวาน ๆ จะเอาที่ไหนมามีรูปตอนพีททำหน้าตลก” บรรยากาศเริ่มมาคุ หลอน และวังเวง

“ผมมีเพียบเลย รูปไอ้พี่แก๊ปอ่ะ ตอนมันกินก๋วยเตี๋ยวแล้วเส้นก๋วยเตี๋ยวกระเด็นไปอยู่บนหัว แล้วยังมีตอนมันเอาเปลือกส้มโอมาทำเป็นหมวกอีก และที่สำคัญ พี่ดูหน้าพี่แก๊ปดิ แม่งน้ำลายยืดอ่ะ ผมถ่ายเอาไว้ตอนมันนอนหลับตอนพักกลางวัน”

น้องพู่.........

“มีรูปตอนมันหาวนอนจนน้ำตาไหลด้วยนะ แล้วก็มีตอนที่มันกำลังเกาตูดด้วย อันนี้เป็นรูปตอนพี่แก๊ป มันกินฝรั่งแล้วเม็ดติดฟัน แล้วก็อันนี้....................”

อีกร้อยแปดรูปซึ่งไร้คำบรรยาย

“มึงเป็นพวกชอบถ้ำมองเหรอพู่.........” ความสงสัยของยูกิ

“ทุกอิริยาบถขนาดนี้ ไม่คิดว่ามันเกินไปหน่อยเหรอวะ” มีน ผู้ชักจะไม่ค่อยไว้วางใจว่าตัวเองเผลอไปมีรูปอุบาทว์แบบนั้นให้พี่บุ้งถ่ายเก็บไว้หรือเปล่า

“พีทไม่เคยทำอะไรแบบนั้นให้เห็นนะ” อ้น หัวหน้าแผนกขาย ที่มีความเข้าใจว่า วิโรจน์เป็นคุณชายน้อยที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดีในเรื่องมารยาท

“เฮียกูมีท่าเดียว นั่งไขว่ห้างอ่านหนังสือพิมพ์ ไม่ก็ดูข่าว แล้วก็ทำหน้าเครียด มีแค่นั้น”

วิเชียรผู้อึ้งกับภาพถ่ายแนวชีวิตประจำวันของน้องพู่อย่างถึงขีดสุดเช่นกัน

“ก็ผมชอบมองพี่แก๊ปนี่หว่า........ให้ผมทำยังไงล่ะ พี่ต้องเข้าใจผมนะ สำหรับผม ก็มีแค่สายตาที่เอาไว้มอง ทำอย่างอื่นไม่ได้ ทำได้ก็แค่นี้ บางทีเห็นแล้วมันก็ยิ้ม ๆ อารมณ์ดี ถึงบางทีมันจะหงุดหงิดก็เถอะ”     รันทดชีวิตที่สุด ว่าที่เมียไอ้แก๊ป

“คิดมากเดี๋ยวมันก็เป็นของมันไปเองแหละ ไอ้แก๊ปมันรั่ว ๆ แบบนั้นมันก็คงมีคิดบ้างแหละวะ จะไม่คิดเลยได้ยังไง”

ไม่รู้สิพี่  ผมจะไปรู้เหรอว่าพี่แก๊ปมันคิดยังไง

“เฮ้ยยยยยยยยย ของอย่างนี้อย่าไปคิดมาก ได้แค่ไหนเอาแค่นั้นก่อน ไม่ต้องรีบ...อย่างน้อยพี่แก๊ปก็ไม่หวงตัวเหมือนพี่บาสป่าววะ รายนั้นมึงอย่าหวังจะแตะแม้ปลายเล็บนะ ถ้าไม่ยอมขึ้นมา มีตบกูหัวทิ่มได้เลยด้วย ขนาดนอนด้วยกัน แม่งยังบังคับให้กูสวดมนต์แผ่เมตตาก่อนนอนทำใจให้สงบ แล้วให้กูสาบานด้วยว่าจะไม่สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้ในระหว่างนอน”

ยูกิ ผู้มีชะตากรรมชีวิตที่รันทดยิ่งกว่า

“ขนาดนั้นเลยเหรอวะกิ”   มีนที่อึ้งกับสิ่งที่ได้ยินแบบสุด ๆ

“นอนด้วยกัน แต่ไม่เคยเอากันซักครั้ง ตายห่าเหอะแบบนั้น”   วิเชียรผู้อึ้งยิ่งกว่า

“ถ้าไม่แตะตัวกันขนาดนั้น แล้วกิทนได้ยังไง”  ความสงสัยของอ้น หัวหน้าแผนกขาย

“ไม่เคยไปค้างด้วยกันว่ะ เลยไม่รู้ แต่ถ้าค้างคงได้รู้ แต่พี่แก๊ปคงไม่บังคับให้กูสวดมนต์แผ่เมตตาทำใจให้สงบก่อนนอนหรอกนะ สภาพแบบนั้นไม่น่าใช่”

น้องพู่ ผู้เจอผู้ที่รันทดกว่าเข้าให้แล้ว

“.............ผมเคยคิดจะปล้ำพี่บาสนะ แต่แม่งโดนไล่ให้ไปนอนนอกห้อง แถมบอกว่าถ้าทำแบบนี้อีก จะไม่ให้ค้างด้วย”

โคตรโหดว่ะ

“กิ........มึงโคตรน่าเห็นใจเลยว่ะ”   ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ก่อนจะตบไหล่ของยูกิเป็นการปลอบใจ

และต่างกำลังจะเริ่มแยกย้ายกันไปทำงาน

“สู้ว่ะกิ มันต้องมีซักวันแหละที่พี่บาสใจอ่อน”   มีนผู้เคยประสบชะตากรรมแบบนั้นมาแล้วและผ่านมาได้อย่างสวยงาม

“มัดซะอย่าให้หนีแค่นี้ก็หมดเรื่อง”   อ้น หัวหน้าแผนกขาย ผู้ใช้เทคนิคขั้นสุดยอดแบบนี้กับวิโรจน์มาแล้ว

“แม่ง.....เล่นตัวขนาดนี้ ลักหลับแม่งเลยเหอะ เชื่อกู”  วิเชียรผู้คว่ำหวอดในวงการเรื่องบนเตียงมาอย่างโชกโชน

“ด่าแม่งให้สำนึก ถ้ายังไม่สำนึกอีก เลิกแม่งซะเลยดีมั้ย”

น้องพู่ ที่ชักเริ่มใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล และเอาปัญหาชีวิตคู่ของตัวเองเป็นบรรทัดฐาน

“...............กิ..............”

หันไปมองตามเสียงเรียก และยูกิ ก็เห็นว่าพี่บาสที่อยู่บนรถเปิดกระจกหน้าต่างออกมาทักทาย และส่งยิ้มหวาน ๆ มาให้

“จ๋า”   แล้วยูกิก็ขานรับ และโบกไม้โบกมือให้

“เดี๋ยวพี่ซื้อหนมมาฝากนะ”  ช่างเป็นการพูดจากันแบบน่ารัก หวานแหววจนคนรอบข้างนึกอิจฉาขึ้นมาอีกแล้ว

“จ่ะ”  ยูกิ พยักหน้ารับ และพี่บาสก็ปิดกระจกและขับรถออกไปแล้ว

ปัญหาตอนนี้ไม่ใช่เรื่องไม่ได้เอากัน แต่เป็นปัญหาที่......... ทำไมพวกกูถึงไม่มีแบบนี้บ้างวะ

“.......ไปทำงานก่อนนะ”  อ้นปวดหัวจี๊ดขึ้นมาอีกแล้ว

“ข้าวกล่องเฮียก็ให้แม่บ้านจัดให้ทุกวัน ขนมก็มีใส่กล่องมาให้ไม่งั้นก็ผลไม้ แล้วกูจะไปเอาขนมของฝากจากเฮียที่ไหนมาวะ”

วิเชียรเริ่มบ่นพึมพำคนเดียว

“ขนมเหรอ อย่าได้ฝัน แม่งไม่เคยคิดจะซื้อให้หรอก แถมมาแย่งกูแดกอีกต่างหาก ไอ้พี่แก๊ป โมโหโว้ยยยยยยยยย”

น้องพู่ เดินเสียจริตจากไปเรียบร้อยแล้ว

และ........มีน ผู้กำลังหงอยเหงากำลังก้มหน้าด้วยความเศร้า

เก่าแล้วสินะ พักนี้พี่บุ้งถึงไม่เคยซื้อขนมอะไรจากข้างนอกมาฝากเลย

“ทำไรกันอ่ะ”

พี่บุ้ง..........

“อยากได้ขนม”  ตอบออกไปด้วยน้ำเสียงซึมเศร้า และบุ้งก็ยิ้มร่าหน้าบาน

“อยู่บนโต๊ะไง พี่หามีนไม่เจอ เลยวางไว้ให้ ว่าจะมาถามว่ากินหรือยัง”

จริง ๆ เหรอ  เงยหน้าขึ้นยิ้ม และเป็นรอยยิ้มที่สดใสที่สุดของวัน ที่ทำให้บุ้งหัวเราะออกมาได้

“เป็นอะไรหรือเปล่า อยู่ดี ๆ นึกอยากได้ขนม ก็ซื้อให้บ่อย ๆ แล้วไง เห็นหลังๆ บ่นว่าเบื่อแล้วไม่ชอบกินของหวานพี่เลยไม่รู้จะซื้ออะไรดี”

ตอนนี้ไม่บ่นแล้วก็ไม่เบื่อแล้วนะ

“นึกว่าเบื่อแล้ว เก่าแล้วเลยไม่สนใจแล้วซะอีก”   เฮ้ยยยยยยยยย ไปกันใหญ่แล้ว คิดมาก

“โห อะไรเนี่ย คิดมากนะเรา อยากได้อะไรก็บอกพี่ บางทีพี่ก็ยุ่ง ๆ ไง ไม่ค่อยมีเวลา ก็อาจจะลืม ๆ บ้างก็มี พี่ก็ยอมรับ”

ไม่ใช่แค่พูดแต่หัวหน้าแผนกขนส่งยังแตะเบา ๆ ไปที่เส้นผมของมีนด้วย

และนั่นก็ทำให้.........ยูกิ.........เริ่มเฉา....

“ไปทำงานก่อนนะ”  บอกและหันหลังเดินจากไปแล้ว ท่ามกลางสายตาของบุ้งและมีนที่มองอย่างนึกสงสาร

“พี่บาสทำไมไม่ทำอะไรซักทีล่ะพี่ กิ มันเฉาแย่แล้ว”

เรื่องนั้นพี่ก็ไม่รู้หรอกนะ แต่ก็คงไม่ต่างจากพี่หรอก  ถ้ารู้จักพี่บาสนาน ๆ จะพอรู้ว่าพี่บาสเขาคิดยังไง

“เขารักมันมาก เลยอยากใช้ช่วงเวลาแบบนี้กับมันไปก่อน คนที่ไม่แน่ใจไม่ใช่พี่บาสหรอก แต่เป็นกิ พี่บาสเขากลัวกิ มันจะมาเสียใจภายหลังที่เลือกเขา เขาเลยไม่แตะมัน จนกว่าเขาจะแน่ใจว่ากิ มันจะไม่ไปไหนแล้วแน่ ๆ แต่มันคงไม่เข้าใจคิดนั่นคิดนี่ไปเรื่อย...........เราก็ไม่รู้จะช่วยยังไงนะ มันก็เป็นปัญหาของเขา”

ไม่เคยรู้มาก่อนเลยจริง ๆ

“รักมากก็เลยห่วงมาก เข้าใจแล้ว”

ใช่  รักมากก็เลยห่วงมาก เลยต้องคิดให้มาก ๆ

“แล้วนี่ทำอะไรอยู่”   ก็ไม่ได้ทำอะไรหรอกพี่บุ้ง

“ขีดเส้นในสมุดให้พี่บุ้งแหละ เห็นว่าตารางเก่าที่ลงสมุดมันหมดแล้ว เลยขีดเส้นเพิ่ม จะได้มาเทียบเวลากับคอมพิวเตอร์ได้”

ใจดีจังวะเมียกู

“ขอบคุณคร้าบบบบบบบ”

ไม่เป็นไรครับ เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ น่า ช่วยกัน แล้วอีกอย่างที่ผมช่วยขีดเส้นให้พี่บุ้ง..........ก็เพราะผมทำให้ด้วยความเต็มใจ



TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 09-05-2014 18:04:36
สมาคมแม่บ้านฮามาก แต่ไอ่น้องพู่น่าสงสารสุดละ 5555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: foolishbeat ที่ 09-05-2014 18:07:09
เข้าเล้าแบบมึนๆ อัพแล้ว :hao7: :hao7:

ตอนนี้ตลกม๊ากกกกก สมาคมแม่บ้านนี้ชีวิตดูทุกข์หนัก แต่ละคน

พี่บาสก็นะ ยอมถ่ายรูปน่ารักแต่ไม่ยอมแตะตัว น้องกิฝ่อไปหมดแล้วเนี่ย
เรื่องนี้สงสารน้องพู่สุดๆอ่ะ คือตลกแก๊ป คือสมควรกินหญ้าจริงๆ สงสารน้องมันมั่งเหอะ
วิเชียรกับเฮียตอนนี้มุ้งมิ้งสุดๆ เฮียนี่แบบ เอาใจเมียเด็กได้น่ารักมากๆ
ส่วนพีท แกช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยยยย แนะนำให้อ้นเคลียร์ ฮ่าๆๆ
พี่บุ้งน้องมีน น่าร้ากกกกกก พี่บุ้งนี่อยู่ในสมาคมเกลียมัวได้เลยเหอะ อิอิ

คืนนี้จะมีอีกไหมมมคะ จะได้แวบเข้ามาใหม่ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: nootopazzz ที่ 09-05-2014 18:15:10
สมาคมแม่บ้านฮาอ่ะ 555 ทำกันเป็นเทรนด์เลย น้องพู่น่าสงสารสุดเพราะพี่แก๊ปไม่เลิกกินหญ้าสักที  :laugh:

แต่ละคู่ไม่มีความพอดีแต่ก็เป็นเอกลักษณ์เฉพาะคู่ดีออก

ไม่ต้องเหมือนคู่ใครแต่ก็รักกันไม่ใช่หรา โอยยย อยากจะไปสมัครงานบริษัทนี้จังคงจะฟินไม่น้อย  :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 09-05-2014 18:20:45
สมาคมนี้น่ารักอ่ะ o22
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: whitejade31 ที่ 09-05-2014 18:28:53
น่ารักจริงสมาคมนี้ :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 09-05-2014 18:43:55
มีสมาคมแม่บ้านแล้ว เมื่อไหร่จะมีพ่อบ้านบ้างค่าาาา
เอ...ถ้าเป็นพ่อบ้านจะคุยเรื่องอะไรนะ อึด ทึก ทน ทุกท่า 5555
 :m10: :m10: :m10:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: ployyuki ที่ 09-05-2014 18:50:32
แต่ละคู่นี่ไม่ขาดก็เกินจริงๆ 555  :m20:
ป.ล. กอดคนโพสต์ค่ะ มาเร็วได้ใจมาก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-05-2014 19:04:30
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/09/13005yz.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ  ไม่ใช่เรื่องบนเตียง


มีนกำลังดูดกลืนท่อนเอ็นที่พองตัวขึ้นของพี่บุ้งอย่างแผ่วเบา

ไม่ง่ายนักที่จะทำอย่างนี้ แม้ลองทำมาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้เทิร์นโปรซักที
แต่ท่าทางตั้งอกตั้งใจที่ดูงก ๆ เงิ่น ๆ ของมีนมันทำให้บุ้งชอบใจ

ยิ้มออกมาบาง ๆ เมื่อมองที่ใบหน้าที่กำลังตั้งอกตั้งใจทำในสิ่งที่ไม่ถนัด

“อืมมม มีน ดีจังเลยมีน มีนของพี่เก่งมาก”

แตะฝ่ามือเบา ๆ ไปที่เส้นผมของมีน และมีนก็ยิ่งพยายามมากขึ้น พยายามจะกลืนกินท่อนเอ็นใหญ่นั้นเข้าไปให้ได้ แต่ยังทำไม่ได้อยู่ดี

“อึก อือ”

รู้สึกขัดใจที่ยังไม่สามารถทำได้ และพี่บุ้งก็หัวเราะออกมาเสียงแผ่ว กับท่าทางน่ารักของมีน

“ไม่ต้องฝืนหรอก ค่อย ๆ ทำไป เดี๋ยวก็เก่งเอง ฝึกกับพี่บ่อย ๆ เดี๋ยวก็ทำได้”

ให้กำลังใจ และมีนก็เหลือบสายตาขึ้นมามอง และยังคงพยายามตั้งใจทำหน้าที่ต่อไปอย่างตั้งใจ

ไม่มีเวลาให้กันมากนัก เพราะมีนยุ่งอยู่กับการเรียนในสองเดือนสุดท้าย และบุ้งก็มีเรื่องที่ต้องทำทั้งวัน ทั้งเรื่องงานและหน้าที่พิเศษที่อยากจะทำให้ดี ไม่มีเวลาได้อยู่ด้วยกันมาก บางครั้งก็ต้องใช้หลักสูตรเร่งด่วนแบบนี้

จอดรถที่ลานจอดรถที่ไม่ค่อยมีผู้คนพลุกพล่าน ดูจังหวะให้ดี ว่าไม่มีใครผ่านไปผ่านมาแน่แล้วถึงได้ทำ

โชคดีที่ฟิล์มติดรถมีความทึบอยู่บ้าง เลยช่วยอำพรางสายตาของผู้คนได้

“มีน พอแล้วล่ะ เดี๋ยวพี่ชักต่อเอง มีนอ้าปากรอไว้นะ”

บอกให้มีนถอนริมฝีปากออก และบุ้งก็จัดการรูดรั้งฝ่ามือของตัวเองเพื่อให้ถึงจุดหมายได้เร็วขึ้น

ขยับมือให้แรงขึ้นเรื่อย ๆ และกดแทรกส่วนปลายเข้าไปในริมฝีปากของมีนทันทีเมื่อรู้สึกว่ากำลังจะถึงที่หมายแล้ว

“อึกก อืออ อืมมมม”

ฉีดพ่นหยดน้ำขุ่นข้นเข้าไปในโพรงปากของมีนที่เปิดรับรออยู่ และบุ้งก็ยิ้มออกมาอย่างถูกใจ ที่มีนกลืนกินส่วนที่กลั่นออกมาจากร่างกายเข้าไปจนหมด ไม่มีเหลือ

“เก่งมากมีน มีนเก่งมาก”

ยิ่งเห็นความพยายามยิ่งเอ่ยชม แล้วมีนก็ค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออก ลุกขึ้นมานั่งพิงอยู่กับเบาะรถที่นั่งข้างคนขับ และพี่บุ้งก็ดึงกระดาษทิชชู่ ออกมาซับที่ส่วนปลายที่ยิ่งเปียกชื้นของตัวเองให้แห้ง

“มา ต่อไปก็ตามีนแล้ว....ไหนมีนลองทำตัวเองให้พี่ดูหน่อยซิ”

ไม่เอา ทำไมผมต้อง .......... ทำแบบนั้นด้วย

“ไม่เอาได้มั้ยพี่บุ้ง เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”

จะเห็นได้ยังไงล่ะ

“มีนไม่ได้ถอดเสื้อซะหน่อย ก็ยังแต่งตัวเรียบร้อยอยู่ แค่ตรงนี้แค่นั้น ที่พี่อยากให้มีนเอาออกมา”

ฝ่ามือร้อนลูบคลำไปที่หว่างขาของมีนที่เริ่มโป่งพองขึ้นภายในกางเกง และมีนก็ร้องครางออกมาเบา ๆ
ใบหน้าขาวๆ ขึ้นสีแดงเรื่อ

มองซ้ายมองขวาให้แน่ใจอีกครั้งว่าไม่มีใครผ่านมาแน่ ๆ แล้วมีนก็มองหน้าของบุ้งด้วยความรู้สึกขัดเขินเต็มทนที่ต้องทำอะไรแบบนี้ให้พี่บุ้งดู แต่ก็อยากจะทำ เพราะรู้สึกว่าเหมือนจะทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน

บุ้งรูดซิปกางเกงของมีนลง และดึงส่วนที่อยู่ภายในกางเกงออกมา มีนยังคงมองไปที่รอบ ๆ บริเวณ
ก่อนจะหันกลับมามองหน้าของคนที่ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้แล้วก็ยอมแตะฝ่ามือไปที่ร่างกายของตัวเองอย่างช้า ๆ

และบุ้งก็นั่งมองทุกการกระทำของมีนอย่างตั้งใจ

“อือออ อึก อืออออ”

สบตากันนิ่ง ๆ และผิวแก้มขาวก็ขึ้นสีแดงเรื่อ ก้มมองส่วนที่แข็งขืนพองตัวอยู่ในมือของตัวเองแล้วก็เริ่มรู้สึกอาย ที่พี่บุ้งเอาแต่มองมาแล้วก็ยิ้ม

“พี่บุ้ง มองแบบนี้มันเขิน พี่บุ้งอย่ามองแบบนี้สิ” ไม่มองแบบนี้แล้วจะให้พี่มองยังไง

“ก็มีนน่ารัก พี่ก็มอง มีนทำแบบนี้ให้พี่ดูบ่อย ๆ สิ น่ารักดี”

เอ่ยชมกันซึ่ง ๆ หน้า และตนถูกชมก็ได้แต่ก้มหน้าหลบสายตาร้อนแรงคู่นั้นที่สื่อให้เห็นชัด ๆ ว่าชอบที่จะได้ดูสิ่งที่มีนทำจริง ๆ ไม่ได้ล้อเล่น

มีนกำส่วนที่แข็งขืนของตัวเองเอาไว้ในมือ ขยับฝ่ามือขึ้นลงไปเรื่อยๆ และสบตากับสายตาที่มองมาของพี่บุ้ง

เขิน

แต่ก็อยากทำ ยิ่งถูกมอง ยิ่งเขิน แต่ก็ยิ่งทำให้อยากจะทำ อยากให้พี่บุ้งชอบ อยากให้พี่บุ้งมอง ว่ามีนก็ทำเรื่องแบบนี้ได้ดี

“อืออออ”

น้ำเสียงครางแผ่วในลำคอ ดวงตาปรือปรอย และแก้มขาว ๆ ที่ขึ้นสีแดงเรื่อมันน่ามองที่สุด และบุ้งก็ได้แต่อมยิ้มถูกใจกับสิ่งที่มีนแสดงออกมา

“น่ารักจัง”

บุ้งคิดอย่างนั้นจริงๆ คิดว่ามีนน่ารัก ยิ่งทำแบบนี้ยิ่งน่ารัก

ฝ่ามือที่ขยับขึ้นลงอย่างเชื่องช้า ยิ่งทำให้บุ้งนึกอยากจะช่วยแต่คิดแล้วให้มีนทำให้ดูจะดีกว่า

น่ามอง เห็นแบบนี้ยิ่งน่ามอง จนต้องโน้มใบหน้าไปแตะริมฝีปากที่ริมฝีปากของมีนเบา ๆ และผละออกห่าง เพราะไม่อยากให้เป็นจุดสังเกต

“พี่บุ้ง เดี๋ยวอีกแป๊บนึง มีนจะแตกแล้วนะ พี่บุ้งมีผ้าเช็ดหน้ามั้ย”

มี

“มีนจะเอามารองเหรอ เดี๋ยวพี่กลืนให้ก็ได้”

ไม่ได้หรอก

“ไม่เอา อยากรู้ว่ามันจะออกมาเยอะแค่ไหน ไม่ได้ทำมาพักใหญ่แล้ว”

เหรอ งั้นก็ได้ พี่ก็อยากจะเห็นเหมือนกัน ว่ามีนเก็บเอาไว้เยอะแค่ไหน

“อือออออ พี่บุ้ง อึก อือออ ใกล้แล้ว”

บุ้งล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลี่ผ้าเช็ดหน้าออกเพื่อรองรับสิ่งที่มีนกำลังจะปลดปล่อยออกมา

“อ่ะ พี่บุ้ง อือออ อื้ออออ”

น้ำเสียงแผ่วโหยในลำคอ ใบหน้าที่แดงซ่าน ลมหายใจที่หอบหนักรุนแรงทำให้บุ้งรู้ และใช้ผ้าเช็ดหน้าห่อหุ้มส่วนปลายของมีนเอาไว้

“แตกเลยมีน เดี๋ยวพี่ดูให้”

มีนขยับมือขึ้นลงถี่ ๆ อีกหลายครั้ง และในที่สุดร่างกายก็เกร็งกระตุก และปลดปล่อย ทุกอยาดหยดของร่างกายออกมา

“อือออ อึก อือ”

ลมหายใจยังคงหอบหนัก และมีนก็หลับตาหลัง กระพริบตาถี่ ๆ หลายครั้งและมองไปที่หยาดหยดที่ปลดปล่อยออกมา

“พี่บุ้งมันจะซึมแล้ว”

มองและรีบเอ่ยบอกและบุ้งก็หัวเราะชอบใจกับสิ่งที่มีนบอก

“ออกมาเยอะ มันก็ต้องซึมสิ”

ก็ใช่....

“เยอะเหมือนกันนะเนี่ย เก็บไว้หลายวันเลยเหรอ”

อือ

“ก็มันไม่ค่อยมีเวลา พี่บุ้งก็ยังเก็บไว้หลายวันไม่ใช่เหรอ กลืนตั้งหลายอึกกว่าจะหมด”

ก็เหมือนกันนั่นแหละ

“มีนน่ารักจังเลยเนอะพักนี้”

อะไรพี่บุ้ง ไม่ใช่แล้ว

“ก็...........น่ารักตลอดแหละ......ไม่น่ารัก...จะเป็นเมียพี่บุ้งได้ไง”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-05-2014 19:04:48
วิโรจน์กำลังกอดเอวของผู้จัดการแผนกขายเอาไว้แน่น

และไม่หยุดที่จะขยับสะโพกเคลื่อนไหวรุนแรงขึ้น  กระแทกกระทั้นเข้าไปในร่างของหัวหน้าแผนกขายที่ร้องครางออกมาไม่ได้
เพราะเนคไทน์ที่ผูกแน่นที่ปาก คุณกฤษดากัดเนคไทน์เอาไว้ และน้ำตาเริ่มไหลหยดเป็นทาง

“อึก อืออออ อือออ”

ได้แต่ส่งเสียงอึกอักในลำคอ เพราะไม่สามารถจะส่งเสียงได้มากกว่านั้น นอกระเบียงในเวลาตีหนึ่งกว่า ๆ เป็นสถานที่เงียบสงบที่สุด ผู้คนคงหลับไปหมดแล้ว
และผู้จัดการแผนกขายที่ยังสวมเสื้อเชิ้ตอยู่ก็ใช้มือจับไปที่ราวระเบียงที่อยู่สูงขึ้นมาจนเกือบจะถึงอก แยกขาออกกว้าง และทั้งร่างก็ไหวสะท้านไปตามจังหวะที่วิโรจน์กระแทกเข้ามา

“อ้น...อย่าเสียงดังสิ เดี๋ยวชาวบ้านก็ตื่นกันหมดหรอก”

น้ำเสียงแผ่วโหยที่กระซิบบอก เหมือนกลั่นแกล้งให้คุณกฤษดายิ่งร้องไห้มากขึ้น

“อึก อือออ อืมมมม”

ร้องไปก็แทบไม่มีใครได้ยิน กลายเป็นแค่เสียงในลำคอ ที่ทำให้วิโรจน์ยิ่งพอใจ

จับสะโพกของผู้จัดการแผนกขายเอาไว้แน่น และกระชากเข้ามาหาตัวอย่างรุนแรง จนผู้จัดการแผนกขายถึงกับสะดุ้งสุดตัว แทบจะทรุดลงไปกองกับพื้น แต่วิโรจน์ไม่ยอมให้ทรุดลงง่าย ๆ

“อ้นจับราวระเบียงไว้ให้แน่น ๆ สิ จะนั่งลงมาทำไม ไม่รู้หรือไง มันทำให้พีทโมโห”

น้ำเสียงที่กระซิบแตกพร่า และผู้จัดการแผนกขายก็ร้องอึกอักไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้ ได้แต่พยายามประคองตัวเองให้ยืนอยู่ให้ได้ เพื่อรองรับการกระแทกกระทั้นที่กระหน่ำเข้ามาอย่างไม่ยั้ง

“อืมมมอ่ะ”

แทบไม่มีเสียงออกมาจากปากวิโรจน์ มีเพียงอาการหอบหายใจหนัก และวิโรจน์ก็กัดฟันแน่น เพื่อไม่ให้เสียงหลุดรอดออกมา

จับไหล่ของคุณกฤษดาเพื่อช่วยให้จังหวะการกระแทกกระทั้นง่ายขึ้น ขยับสะโพกเคลื่อนไหวไปเรื่อยๆ หมุนวนคลึงแก่นกายเข้าไปให้ลึกสุด และถอนออกจนหมด ก่อนจะทิ่มแทงซ้ำเข้าไปอีกครั้งอย่างรุนแรง

และผู้จัดการแผนกขายที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นก็รู้สึกเหมือนกำลังจะทนไม่ไหว

“อย่าเพิ่งเสร็จเชียวนะ ไม่งั้นจะทำยิ่งกว่านี้อีก”

วิโรจน์เอื้อมมือไปจับส่วนแข็งขืนของหัวหน้าแผนกขายที่ตื่นตัวจนถึงขีดสุดและกำลังแกว่งไกวไปตามจังหวะการกระแทกกระทั้น ที่แรงรัวขึ้นเรื่อย ๆ
กดปลายนิ้วที่ส่วนปลายไม่ให้ผู้จัดการแผนกขายสามารถหลั่งออกมาได้ และคุณกฤษดาก็ยิ่งสะอื้นไห้ ร่างกายสั่นสะท้านหอบหายใจหนักจนตัวโยน

แม้อยากจะปลดปล่อยก็ไม่สามารถทำได้ สิ่งที่ทำได้ก็แค่รองรับการกระแทกกระทั้นอย่างรุนแรงของวิโรจน์จนกว่าวิโรจน์จะถึงที่หมายเท่านั้น

“อึก อืออ อาส์...ดีมากอ้น...ต้องอย่างนี้สิ แล้วพีทจะให้อ้นถึงเอง ไม่ต้องกลัว”

น้ำเสียงครางแผ่วที่กระซิบบอกทำให้หัวหน้าแผนกขายสั่นสะท้าน

เกาะยึดราวระเบียงเอาไว้แน่น และเริ่มรู้สึกถึงการแทรกกายเข้าออกอย่างรุนแรงของท่อนเนื้อที่ขยับอยู่ภายในร่าง

“พีทจะให้อ้นแตกแล้ว เอาเลยอ้น ปล่อยออกมาให้หมดเลย อื้ออออ”

วิโรจน์ยอมปล่อยมือจากส่วนที่กำลังแกว่งไกวของคนที่จับราวระเบียงเอาไว้แน่นยึดเอวของคุณกฤษดาเอาไว้ และกระแทกสะโพกดย้ำเข้าไปอย่างรุนแรง แหงนเงยใบหน้าขึ้น กัดฟันแน่น

และขยับสะโพกให้ถี่รัว จนกระทั่งถึงจังหวะสุดท้าย วิโรจน์ก็กระแทกร่างกายเข้าไปจนลึกถึงในสุด และร่างที่รองรับทุกการกระทำของวิโรจน์ก็ทรุดฮวบลงกับพื้น

หยดน้ำขุ่นข้น กระเด็นเปรอะเปื้อนที่ผนังระเบียง และหัวหน้าแผนกขายก็ทรุดกายลงอย่างหมดแรง

“อือออ เสร็จแล้วเหรออ้น วันนี้อ้นทำให้พีทคลั่งมากเลยรู้มั้ย”

วิโรจน์เอ่ยบอกยิ้ม ๆ และเกลี่ยปลายนิ้วไปที่ข้างแก้มขาวที่ยังมีคราบน้ำตาเปรอะเปื้อนอยู่

เนคไทน์ถูกคลายออกจากปากของหัวหน้าแผนกขายแล้ว และคุณกฤษดาก็ซบใบหน้านิ่ง ๆ อยู่ที่ไหล่ของวิโรจน์

เหนื่อยที่สุดตั้งแต่เคยมีอะไรกันมา และวิโรจน์ก็หัวเราะเสียงเบา เมื่อหัวหน้าแผนกขายเหมือนจะหมดเรี่ยวหมดแรงจนถึงขนาดแค่จะลุกยังลุกไม่ไหว

“สุดยอดมากเลยนะวันนี้ อ้นว่างั้นมั้ย”

ใช่ สุดยอดมากวันนี้ หัวหน้าแผนกขายหัวเราะออกมาเบา ๆ ทั้งที่ใบหน้ายังเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา

“พีท...วันหลังเราทำแบบนี้กันอีกนะ...อ้นรู้สึกดีจนเหมือนจะตายให้ได้”

เหรอ

ได้สิ

“เดี๋ยววันหลังเรามาทำแบบนี้กันอีกก็ได้นะ ตามใจอ้น”

วิโรจน์กดปลายจมูกหนัก ๆ ไปที่หน้าผากของผู้จัดการแผนกขาย

ส่งยิ้มให้กันอย่างรู้ใจ

“เดี๋ยวพักให้หายเหนื่อยแล้วทำแบบนี้กันอีกรอบนะ พีทว่าวันนี้เราทำแบบนี้ซักสองรอบท่าจะดี”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-05-2014 19:05:34
วิเชียรเดินเข้ามาในบ้าน เฮียกลับมาก่อนตั้งนานแล้ว และกำลังนั่งดูข่าวเศรษฐกิจ เรื่องหุ้น เรื่องราคาทองคำ ราคาน้ำมันในตลาดโลก

ช่างมันเถอะจะค่าอะไรอีกก็ช่างมัน เพราะในเวลานี้วิเชียรไม่คิดจะสนใจอะไรทั้งนั้น

“กลับมาแล้วเหรอเชียร”

เฮียทักทายและส่งยิ้มให้กับวิเชียรที่เพิ่งกลับถึงบ้าน

แต่วิเชียรไม่ตอบ ไม่พูดอะไรเลยสักคำ แต่เดินตรงมายืนหน้าเครียดอยู่หน้าเฮีย
วิเชียรไม่พูด แต่ลงมือถอดเสื้อพนักงาน ปลดเข็มขัดและดึงกางเกงที่สวมอยู่ลง และสลัดออกจากขา

จัดการรูดกางเกงในตัวที่สวมอยู่ออก และบางอย่างของวิเชียรที่ตื่นตัวถึงขีดสุดก็ทำให้เฮียประหลาดใจ

เฮียยังคงนั่งดูข่าวเศรษฐกิจและเหลือบมองหน้าของวิเชียรเพียงเล็กน้อย รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของเฮีย

วิเชียรยังไม่พูด แต่เดินมาคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเฮีย และปลดเข็มขัดของเฮียออก ใช้ปากรูดซิปกางเกงลง และรั้งส่วนที่ทำให้วิเชียรหิวกระหายมาตลอดทั้งวันให้โผล่ออกมา

เฮียไม่มีปฏิกิริยาอะไร นอกจากมองหน้าของวิเชียร และยังคงยิ้ม

ดูข่าววิเคราะห์ราคาหุ้นไปเรื่อย ๆ และวิเชียรก็เริ่มจัดการปลุกปั่นส่วนที่ยังไม่แข็งตัวของเฮียให้ตื่นขึ้นมาด้วยริมฝีปาก

ดูดเลีย ทุกส่วนที่ทำให้วิเชียรโหยหา กลืนกินเข้าไปจนลึกสุดคอ และใช้มือช่วยประคองส่วนนั้นที่เปียกชื้นและเปรอะไปด้วยน้ำลายและหยาดหยดน้ำใสที่เริ่มหลั่งริออกมาจากส่วนปลาย

ไม่มีคำพูดระหว่างคนสองคน เฮียนั่งดูข่าวไป ยิ้มไป สลับกับมองสิ่งที่วิเชียรกำลังทำไปด้วย
ท่าทางที่เหมือนกำลังเพลิดเพลินที่ได้กลืนกินท่อนเอ็นของเฮียเข้าไปในปาก มันทำให้เฮียยิ้ม

“อึกกกก อือ”

วิเชียรห่อปากเอาไว้ และดูดกลืนความใหญ่โตที่อยู่ในปากอย่างรุนแรง กลืนเข้าไปจนลึกสุด และปล่อยออกมา ก่อนจะจูบที่ส่วนปลายและไล้เลียอย่างแผ่วเบา

ไม่สนใจเฮียที่กำลังกดรีโมทไปที่ช่องข่าวต่างประเทศ และหยุดมือไว้ที่ช่องข่าวต่างประเทศ ที่มีการรายงานข่าวเป็นภาษาอังกฤษ

สายตาของเฮีย มองมาที่วิเชียรบ้างในบางครั้ง และนึกชอบใจสิ่งที่วิเชียรกำลังทำอยู่
ในเวลาไม่นาน วิเชียรก็เดินเข้าไปในห้อง หยิบขวดเจลออกมาและเทชโลมลงไปที่ท่อนเอ็นใหญ่ของเฮียที่พองโตขึ้นจนถึงขีดสุด

รูดรั้งฝ่ามือขึ้นลงเบา ๆ และเทเจลชุ่มฉ่ำที่ปลายนิ้วของตัวเอง กดแทรกปลายนิ้วคว้านลึกเข้าไปภายในช่องทางด้านหลังเพื่อขยายให้กว้างขึ้น แหงนเงยใบหน้าขึ้นเมื่อปลายนิ้วไปกระตุ้นถูกจุดที่ทำให้วิเชียรถึงกับร้องครางออกมา

ถอนปลายนิ้วออก และก็ขึ้นไปคร่อมทับอยู่บนตักเฮีย จับส่วนที่แข็งขืนใหญ่โตของเฮียจ่อเข้าไปในช่องทางที่เตรียมพร้อมเอาไว้

“อาส์ ซี้ดดดดดดดดอือออ”

เสียงร้องครางแผ่วอย่างถูกใจ ที่ได้รับสิ่งที่ใหญ่โตกว่านิ้วของวิเชียร ทำให้เฮียยิ้มมากขึ้น

แล้ววิเชียรที่ขึ้นมาคร่อมทับอยู่บนร่างของเฮียก็เริ่มเคลื่อนไหวร่างกายไปมา พยายามขยับร่างกายให้เข้าที่เข้าทาง และโอบแขนไปที่รอบคอของเฮีย

แหงนเงยใบหน้าขึ้นและสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ทุกครั้งที่ขยับโยกคลึงสะโพกให้ช่องทางด้านหลังเสียดสีกับความแข็งแกร่งที่อยู่ข้างใน ขยับให้ส่วนนั้นสัมผัสกับผนังด้านในส่วนที่ลึกที่สุด
 และวิเชียรก็ร้องครางออกมาเสียงดังลั่น ไม่สนใจว่าจะเป็นการรบกวนสมาธิเฮียที่กำลังดูข่าวต่างประเทศเลยสักนิด

ขยับสะโพกไหวโยกไปมาอยู่บนนั้น กระแทกร่างกายขึ้นลงอยู่เหนือท่อนเอ็นแกร่ง และใช้มือสองข้างเกาะไหล่ของเฮียไว้เพื่อเป็นหลักยึด ขยับสะโพกให้แรงขึ้น เพื่อให้ส่วนปลายที่อยู่ภายใน
กระแทกเข้าไปโดนจุดที่เสียวที่สุดที่ทำให้วิเชียรร้องครางลั่น เฮียละสายตาจากหน้าจอโทรทัศน์มามองสิ่งที่วิเชียรทำ

ไม่ได้กอด ไม่ได้แตะ ไม่ได้พูดอะไร แค่มอง และค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจช้า ๆ

วิเชียรยังขยับโยกสะโพกไปมาอย่างรุนแรง และหมุนควงเอวเพื่อให้ส่วนที่แข็งขืนอยู่ภายในสอดแทรกเข้าไปให้ลึกขึ้น

“โอ้ยยยยยยยยยย ซี้ดดดด อาส์ อือออออ” มีความสุขที่สุด เพลิดเพลินกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอย่างถึงขีดสุด

วิเชียรไม่พูด เฮียก็ไม่พูด เฮียมองสิ่งที่วิเชียรทำแล้วอมยิ้ม และวิเชียรก็ยิ่งขย่มตัวแรงขึ้นอยู่บนตัวเฮีย

เฮียยังคงสวมเชิ้ตและผูกเนคไทน์แต่งตัวในลักษณะที่ยังดูสุภาพเรียบร้อย และพร้อมจะไปงานได้

แต่วิเชียรอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า และขึ้นไปนั่งคร่อมทับอยู่บนร่างของเฮีย และยังคงเคลื่อนไหวร่างกายอย่างหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ

“อึก อือออออ อื้อออออ อืออออ๊าส์”

ลมหายใจของเฮียเริ่มถี่กระชั้นขึ้นเล็กน้อย และวิเชียรก็รู้ ส่วนนั้นของเฮียใกล้จะหลั่งออกมาแล้ว วิเชียรยิ่งเร่งสะโพกให้แรงขึ้น ขย่มตัวให้แรงขึ้น และร้องครางขึ้นมาเสียงดังลั่น เมื่อกำลังจะถึงจุดหมายในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า

“อ๊า อึก อ๊า โอ้ยยยยยยยยยย อื้ออออออ”

วิเชียรขย้ำฝ่ามือทั้งสองข้างไปที่ไหล่ของเฮีย และเกร็งกระตุกไปทั้งร่าง รู้สึกได้ถึงหยาดหยดอุ่น ๆ ที่ฉีดพ่นเข้าไปในช่องทางที่บีบรัด และวิเชียรก็ถึงจุดได้แม้ไม่ได้แตะต้องร่างกายของตัวเอง

หยาดหยดของส่วนที่อยู่ภายในร่างพุ่งทะยานออกมาในไม่ช้า และวิเชียรที่หยุดเคลื่อนไหวร่างกายก็ทรุดลงมาหอบหายใจหนัก อยู่บนตักของเฮีย

ก้มมองหยาดหยดร่างกายที่เพิ่งหลั่งออกมาของตัวเองและใช้ปลายนิ้วเกลี่ยไล้ไปมาเบา ๆ ให้ทั้งหมดมาอยู่ที่ปลายนิ้วและส่งเข้าไปในปาก ดูดกลืนทั้งหมดเข้าไป และแตะปลายนิ้วไปที่ริมฝีปากของเฮีย ให้เฮียทดลองชิมรสชาติของวิเชียรด้วย

และเฮียก็ยอมตามใจ

ดูดกลืนปลายนิ้วของวิเชียรที่ยังมีคราบน้ำรักเหนียวหนึบที่วิเชียรเพิ่งหลั่งออกมา กลืนกินเข้าไป และเฮียก็ยังคงมองหน้าวิเชียรยิ้ม ๆ

“เฮีย.........”

วิเชียรเรียกเฮียเสียงกระเส่า และซบใบหน้าไปที่ไหล่ของเฮียด้วยท่าทางออดอ้อน
และเฮียก็แตะฝ่ามือเบา ๆ ไปที่เส้นผมของวิเชียร

“เป็นอะไรวันนี้ เริ่มเองแต่วันเลย”

ไม่รู้เหมือนกัน

“ผมคิดถึงเฮียทั้งวันเลย อยากได้เฮียทั้งวัน อยากให้เฮียมาอยู่ในตัวผม อยากจะกินของเฮีย.....ผมคิดถึงเฮียทั้งวันเลยวันนี้”

ถ้อยคำออดอ้อนเอาใจ ทำให้เฮียยิ้มกว้าง และยังคงแตะฝ่ามือเบาๆ ที่เส้นผมของวิเชียร
รอยยิ้มยังไม่จางไปจากใบหน้าของเฮีย แต่วิเชียรกำลังทำหน้ามุ่ย

“ถ้าวันนี้ผมไม่ได้เอากับเฮีย ไม่เอาของเฮียเข้าไปในตัวผม ไม่ได้กินน้ำของเฮีย ผมคงต้องตายแน่ ๆ”

ถ้อยคำที่เกินจริงของวิเชียรยิ่งทำให้เฮียยิ้มกว้าง เพราะรู้ว่าวิเชียรต้องการเฮียมากจนอดกลั้นเอาไว้แทบไม่ไหว
นี่คงอดทนมาทั้งวัน ยังไม่ถึงวันศุกร์อย่างที่ตกลงกัน วิเชียรก็หาทางจัดการเองจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว

“แล้วก็เลยมาทำแบบนี้กับเฮียเหรอ”

ใช่ แล้วก็เลยมาทำแบบนี้กับเฮีย ผมหิว ผมอยาก ผมทนไม่ไหวแล้ว

“ก็ผมคิดถึงเฮีย จะให้ผมทำยังไง” แม้จะดูแง่งอนไปหน่อย แต่ก็เรียกรอยยิ้มของเฮียได้ไม่น้อย

“แล้วหายคิดถึงหรือยัง”

ยัง

“นี่แค่เริ่ม ๆ ยังไม่หายง่าย ๆ หรอกเฮีย แต่วันนี้เฮียบอกว่าจะไปงานเลี้ยงลูกค้าจากอเมริกาที่โรงแรม ผมก็เลยต้องรีบกลับมา
ไม่งั้นคืนนี้ผมจะนอนหลับได้ยังไง ถ้าผมไม่รีบกลับมาตอนที่เฮียยังไม่ออกจากบ้าน”

ช่างเป็นการหาข้ออ้างให้กับสิ่งที่วิเชียรทำลงไปได้อย่างถูกใจเฮียที่สุด

“งั้นเฮียให้วิเชียรคิดถึงเฮียได้อีกหน่อย กว่าจะถึงเวลางานก็สองทุ่ม วิเชียรยังอยากจะคิดถึงเฮียอีกหน่อยมั้ย”

อยากสิเฮีย อยากคิดถึงอีกหน่อย และวิเชียรก็ส่งยิ้มหวานให้กับเฮีย และประคองใบหน้าของเฮียเอาไว้

กดริมฝีปากลงไปเบา ๆ ที่ริมฝีปากของเฮีย ดูดดุนที่ริมฝีปากของเฮียด้วยความรัก และเริ่มส่งเสียงครางแผ่วเบา เมื่อส่วนที่อยู่ภายในช่องทางด้านหลังคล้ายจะเริ่มดุนเข้าไปภายในร่างกายของวิเชียรอีกแล้ว

“อือออ  ผมรักเฮีย ผมรักเฮีย ผมคิดถึงเฮียมากเลยนะ ผมรักเฮีย  ซี้ดดดดดดดดด อาส์”


TBC.

หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 09-05-2014 19:11:34
เป็นหมดทั้งแผนก :hao4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 09-05-2014 19:18:45
 :m25:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-05-2014 19:28:51
เป็นหมดทั้งแผนก :hao4:

..... :hao4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 09-05-2014 19:30:55
 :pighaun:
 :jul1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 09-05-2014 19:40:47
สุดยอดกันทุกคนจริงๆ....น่ารักเว่อร์
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 09-05-2014 19:42:45
ดูท่าน้องพู่จะน่าสงสารที่สุด แนะนำตีหัวแล้วลากไอ้พี่แก๊ปเข้าถ้ำเลยลูก  o18
ส่วนน้องกิก็ใจเย็นอีกนิด เชื่อว่าพี่บาสคงไม่ทำให้ผิดหวังแน่    :z1:


เลือดกระฉูดตอนนี้มาสามคู่เลยยย อร้ายยยย   :impress2:
ว่าแต่ท่าทางมีนกับบุ้งท่าทางจะลูกเมียน้อยนะเนี่ย  :laugh:
แต่ก็ดีกว่าสองคู่ที่เหลือล่ะนะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-05-2014 19:51:26
 :jul1: หมดแรงจะพูดเลย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 09-05-2014 19:58:41
 ตอนนี้xxxน่าดู 

ไปแอบดูดีกว่าว่าเขาทำไรกัน :katai5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 09-05-2014 20:00:42
เอื๊กกกก ไม่ใช่เรื่องบนเตียงจริงๆด้วย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: ฉันเอง ที่ 09-05-2014 20:01:33
 :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 09-05-2014 20:11:12
อุต๊ะ!!!!!!!!
ไม่ใช่เรื่องบนเตียงเจงๆๆๆๆ  :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: foolishbeat ที่ 09-05-2014 20:12:47
ไม่มีคำบรรยายใดๆ แต่ละคู่นี่มีแนวทางเฉพาะตัวจริงๆ :jul1: :jul1:

ปล.แม่ยกวิเชียรกรี๊ดลั่นนน แรดมากๆจ้ะเชียรรร ปลื้ม :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 09-05-2014 20:26:13
เมื่อไหรน้องกิกะพี่บาสจะ...กันนะ
รอพี่บาสใจอ่อน
เเละรอน้องกิเเน่ใจ

เหลือพู่กะอำนาจ(เเก๊ปป่ะ)
อีกคู่ คู่นี้ก็มึนๆงงๆเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 09-05-2014 20:38:46
ดูเหมือนคู่พี่บุ้งจะเป็นเด็กอนุบาลไปเลย
 :m26: :m26:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 09-05-2014 21:13:29
รู้สึกว่าจะต้องใช้ไอ้ตัวพวกนี้แบบเปลืองๆ อีกละ

  :z1: :haun4: :pighaun: :m25: :jul1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 09-05-2014 21:19:41
ขำตอนที่สมาคมแม่บ้านเค้าคุยกันอ่ะ หวาดเสียว อิอิ
ส่วนตอนล่าสุด เหอๆๆๆ ร้อนแรงกันจริงๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 09-05-2014 21:40:49
ก็ไม่ใช่เรื่องบนเตียงนี่โน๊ะะะะะะะะะ
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 09-05-2014 21:51:17
อร๊ายยยย โรงงานนี้มันยังไงกัน เค้าคัดคนก่อนเข้างานใช่มั้ย  อร๊ากกก  อยากไปสิงที่นั่นจริงๆ  :m31:   

น้องมีมความน่ารักทะลุปลอดไปเลย  วิเชียรกับเฮียก็ช่างร้อนแรง

อยากอ่านแบบว่า ตอนที่ เฮียต้องง้อวิเชียรอีกจัง 

ส่วนอ้นกับพีท ตอนระเบียงเนี่ย งงๆเหมือนกันนะ เหมือนพีทจะลงโทษอ้นหรือว่ายังไง งง  :hao4:   

แต่ที่รู้ๆคือ พีทโคตรเอาแต่ใจเลย   :laugh:   

กิกับพี่บาสเนี่ย  เอิ่มมม พี่บาส  :z6:  แกขัดใจชั้นมาก 

ส่วนคู่น่าสงสารที่สุดคงเป็น น้องพู่   :m20:   ทำใจแทนน้องพู่จริงๆ แบบว่าอิพี่แก๊ปมันควายอ่ะลูก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 09-05-2014 22:05:08
เป็นโรคเลือดจางฉับพลัน  :jul1: :pighaun: :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 09-05-2014 22:10:53
 :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: bozang ที่ 09-05-2014 22:29:08
อยากอ่านพู่กับแก๊ปอีก คือตลกคู่นี้ง่ะ สงสารน้องพู่ด้วย กรั๊กๆๆๆ

รอรอรอมาอัพต่อ >.<
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 09-05-2014 23:22:21
เธอเธอ
เธอไม่เปลี่ยนหัวเรื่องหรอ

ฉันดูไม่ออกเลยนะว่าเธออัพเเล้ว
ฉันต้องมานั่งไล่หน้าเอาหน่ะ

จะเป็นความกรุณามากเลยนะถ้าเธอเปลี่ยนหัวเรื่อง
หัวข้อ: รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ by aoikyosuke (อำนาจ & พู่).....ตอน เข้าใจไม่ตรงกัน
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-05-2014 23:44:09
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/07/ไฟล์เปล่า13M0Or.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ อำนาจ & พู่ .....ตอน เข้าใจไม่ตรงกัน

ระดับความอดทนของคนเราไม่เท่ากัน
บางคนมีมาก บางคนมีน้อย และบางคน ก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ คืออะไร ไม่รู้ว่าทนได้ยังไง และทำไมต้องทน

เพราะรักเหรอ เพราะรักเลยต้องทนเหรอวะ กูไม่ไหวจะทนแล้วนะโว้ยยยยยยยยยยย

พู่กำลังช่วยอำนาจเช็คของ เช็คไปเงียบไป เช็คของไปแต่ไม่มองหน้ากัน และยิ่งเช็คไปเราก็คล้ายจะยิ่งโกรธกัน ถ้าขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ก็อย่าฝืนเลย แค่นี้ยังขนาดนี้ แล้วต่อไปมันจะขนาดไหน รักอย่างเดียวมันอยู่ไม่ได้หรอก แค่รักคงยังไม่พอ (http://www.youtube.com/watch?v=JXI21WGBItA) แค่รักอย่างเดียว..........มันคงยังไม่พอจริง ๆ

“อยากเลิกกันมั้ยพี่แก๊ป”

เป็นพู่ ที่ตัดสินใจมานานแล้ว ไม่ใช่ว่าไม่รักกัน แต่รักกันแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ก็ไม่รู้ว่าจะได้อะไรขึ้นมา

พี่แก๊ปไม่เคยเห็นเป็นแฟน ไม่เคยหวาน ไม่เคยจีบ ไม่เคยพูดจาดี ๆ ด้วย ไม่เคยแม้กระทั่งชวนไปไหนมาไหนด้วยกัน
ไม่มีอะไรเลย วัน ๆ มีแต่ทะเลาะกัน โกรธกัน งอนกัน แล้วอีกไม่กี่นาทีเราก็ดีกัน วน ๆ เวียน ๆ แบบนั้นเหรอ

นี่มันใช่ความรักแน่เหรอ รักข้างเดียวอยู่หรือเปล่า  ในสายตาพี่แก๊ปกูอยู่ในสถานะอะไรสำหรับมันวะ
แล้วแค่รักอย่างเดียวมันพอเหรอ ทำไมกูต้องรักอยู่ฝ่ายเดียว แต่พี่แก๊ปไม่เคยแสดงท่าทีอะไรออกมาเลย

ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง เคยตบกูหัวทิ่มยังไง เคยตะคอกเคยด่ากูยังไง มันก็ยังทำแบบนั้น ทำเหมือนเราไม่ได้คบกัน

แล้วถ้าเราคบกันจริง เราคบกันภาษาห่าอะไรวะ   ทำไมมันเหี้ยได้ขนาดนี้ ถ้าคบกันแล้วไม่มีอะไรดีขึ้น ชีวิตก็ยังเหมือนเดิม แถมเครียดกว่าเดิมด้วย แม่งเลิกกันไปซะยังจะดีกว่า

"เอาไงพี่แก๊ป"

ถ้อยคำง่าย ๆ ของพู่แทงเข้าไปในหัวใจของอำนาจอย่างรุนแรง แทงลึกเข้าไป บาดลึกลงไปภายในใจของอำนาจ

และ.........พู่ไม่เคยรู้ คนที่เหมือนทำอะไรบ้า ๆ บอ ๆ ไม่คิดอะไร ที่จริงแล้วคิดทุกวัน

คิดอะไรหลายๆ อย่างทุกคืนทุกวัน โดยไม่เคยได้บอกให้ใครรู้

“ได้ยินมั้ยวะพี่แก๊ป เราเลิกกันเหอะว่ะ ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปแม่งไม่เวิร์ค.........พี่อยากไปมองใคร ต่อไปพี่ทำได้เลยตามสบาย ผมไม่ห้าม ไม่ยุ่ง ไม่ข้องเกี่ยวอีก แต่เวลาทำงานเราก็ยังเป็นเหมือนเดิม”

ตัดสินใจเองเสร็จสรรพ และอำนาจก็ยังคงนิ่งเงียบ ไม่ยอมพูด ไม่ยอมตอบอะไรออกมา

“ไอ้พี่แก๊ป มึงหูตึงเหรอ ได้ยินหรือเปล่าที่พูด”

พู่กำลังโมโห และคนที่นิ่งเงียบ ก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าพู่ตรง ๆ มองลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้น มองลึกลงไป เหมือนอยากให้รู้ว่ากำลังรู้สึกยังไงกันแน่

“คบกับกู ชีวิตมึงคงเหี้ยมาก ตอนนี้มึงคงนึกเสียใจที่ไม่น่ามาคบกับคนอย่างกูตั้งแต่แรก”

ถ้อยคำที่พูดออกมาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด และคนที่คิดว่าตัวเองใคร่ครวญทบทวนมาดีแล้ว ก็ไม่คิดว่าจะเจอคำพูดแบบนี้จากอีกฝ่าย

“ไม่ใช่ว่าผมเสียใจที่คบกับพี่แก๊ปนะ แต่ผมแค่ไม่รู้ว่าทำไมพี่แก๊ปไม่เคยทำให้ผมรู้สึกเลย ว่าผมเป็นแฟนพี่แก๊ป พี่แก๊ปไม่เคยทำให้รู้เลยว่าพี่แก๊ปรักผมจริง ๆ”

คนไม่พูด ไม่แสดงออก ไม่ได้แปลว่าไม่รู้สึกอะไรนะ มึงอ่ะพู่........มึงไม่เคยเข้าใจหรอก มึงไม่เคยรู้อะไรเลย

“เพราะกูจนใช่มั้ยล่ะ แล้วกูก็ไม่ได้เรียนมาสูงเหมือนมึงนี่”

มันไม่ใช่เรื่องนั้นเลยโว้ยไอ้พี่แก๊ป กูไม่เคยไปสนใจฐานะหรือการศึกษาของมึงเลย

แต่ที่กูสนใจคือ...........ตกลงในความคิดมึง กูเคยเป็นแฟนมึงมั้ย แล้วมึง........เคยรักกูบ้างมั้ยวะ....ทำไมมึงถึงได้ทำเหมือนเล่น ๆ กับกูตลอดเลยวะ

มึงเห็นกูเป็นอะไรวะพี่แก๊ป ตกลง..........มึงกับกูเป็นอะไรกัน..........

“พี่แก๊ปจะจนจะรวย จะเรียนน้อย เรียนเยอะผมไม่เคยสนนะพี่ แต่ผมอยากรู้ พี่เคยจริงจังกับเรื่องของเรามั้ย พี่เคยคิดเรื่องของเรามั้ย...........พี่เคย..............คิดเรื่อง....ของเรา...บ้างมั้ย”

พู่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร เหมือนอยากจะร้องไห้ เหมือนกำลังจะร้องไห้อยู่แล้ว
แต่คงช้ากว่าคนที่ก้มหน้าฟัง ฟังเงียบ ๆ และลุกขึ้นจะเดินหนีและพู่ก็ได้เห็น..........

พี่แก๊ป..........มันร้องไห้........

“มึงไม่รู้หรอกพู่ กูคิดยิ่งกว่าที่มึงคิดซะอีก..........กูถึงต้องไปเรียน....เรียนให้สูง ๆ.....กูถึงต้องไปหางานพิเศษทำหลังเลิกงาน.........กูถึงต้องไปขี่มอร์ไซด์วินรับจ้าง.........ตอนนี้กูหาเงินให้แม่เปิดร้านขายของชำได้แล้ว......ต่อไปกูก็จะหาเงินซื้อบ้านซื้อรถให้ได้....ต่อไปกูจะหาให้มึงหมดทุกอย่าง.......มึงอยากได้อะไรกูก็จะหาให้...แต่ตอนนี้กูยังไม่มีปัญญา..........ที่กูมีปัญญาตอนนี้ ก็แค่เดินตามหลังมึง.........แล้วก็พยายามเดินตามให้ทันมึง.........กูต้องเก่งกว่ามึงให้ได้ ไม่งั้น........ต่อไปมีปัญหาอะไรมึงจะไปพึ่งใคร ถ้ามึงมีกูอยู่ แต่พึ่งเรื่องเหี้ยอะไรไม่ได้.จะมีทำไม...มึงอ่ะ ไม่รู้หรอก .........กูไม่พูด ไม่ใช่แปลว่ากูไม่คิดนะ....ถ้ามันแย่ขนาดนั้น มึงก็เลิกกับกูไปเหอะ กูไม่ว่าอะไรมึงเลย กูจะไม่โทษมึงด้วย เพราะมันไม่ได้ผิดที่มึง แต่มันผิดที่กูเอง……….”

อำนาจเป็นคนร่าเริง และยิ้มแย้มอยู่เสมอ เหมือนเป็นคนที่ทำอะไรเล่น ๆ ไม่จริงจัง แต่จริง ๆ แล้วเป็นคนคิดมาก และมีความพยายามไม่น้อยกว่าใคร ความพยายามที่ไม่เคยป่าวประกาศให้ใครรู้ ความพยายามที่แม้แต่พู่ก็ยังไม่เคยรู้

“พี่แก๊ป”

ได้แต่เรียกชื่อของคนที่พูดไป น้ำตาไหลไป ไม่หยุด

“โรจน์ กูฝากเช็คของให้หน่อย กูไปแถว ๆ นี้ เดี๋ยวกูมา ขอโทษด้วย ทำมึงลำบากอีกแล้ว”

บอกเพื่อนร่วมแผนกที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กัน และวิโรจน์ก็พยักหน้ารับ เรื่องบางเรื่องเห็นอยู่ว่าอะไรเป็นอะไร
แต่บางทีก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเข้าไปยุ่ง วิโรจน์ได้แต่นั่งนิ่งเงียบ และถอนหายใจออกมายาวๆ
เพราะเรื่องบางอย่างมันก็ละเอียดอ่อนเกินไป เรื่องของคนสองคน ที่ไม่ว่าใครก็ยื่นมือเข้าไปช่วยไม่ได้

“ไอ้แก๊ปมันไม่ใช่พวกชอบอวดอะไรใครหรอกนะพู่ เพราะมันรู้ตัวว่ามันไม่ได้มีดีให้อวด มันก็เลยได้แต่เก็บความพยายามของมันเอาไว้เงียบ ๆ”

พี่โรจน์ ........... ผมมันโง่ ผมมันคิดอะไรไปเองคนเดียว ผมไม่เคยรู้เลยพี่

เรื่องที่พี่แก๊ปมันพยายามขนาดนี้ผมไม่เคยรู้

“มันรักพู่นะ....เรื่องนี้พู่ก็น่าจะรู้ดีที่สุด ส่วนพู่คิดจะเลือกทางไหนต่อก็เลือกเอาเองนะ พี่คงเข้าไปยุ่งไม่ได้”

ได้แต่ฟัง นิ่งฟังและรู้สึกเสียใจกับคำพูดของตัวเอง

ผมไม่รู้ว่าพี่แก๊ปพยายามขนาดนี้ ผมไม่รู้ว่าพี่แก๊ปคิดเรื่องของเรามากขนาดนี้
ผมไม่เคยรู้เลยว่า การที่พี่แก๊ปหายไป ในช่วงเวลาที่คนอื่นเขาอยู่ด้วยกัน เขามีความสุขกัน พี่แก๊ปไปทำอะไร.......

ผมไม่รู้ว่าพี่แก๊ปหายไปไหน ผมเอาแต่ครุ่นคิดว่าพี่แก๊ปไม่เคยสนใจผมเลย

ทั้งที่จริง ๆ แล้วพี่แก๊ปยิ่งกว่าสนใจ สนใจในแบบที่พี่แก๊ปสนใจ

สนใจแต่ไม่เคยพูดออกมา ไม่เคยแสดงตัว.... พี่แก๊ปไม่ใช่คนชอบอวดชอบแสดงตัวอย่างที่พี่วิโรจน์พูด.......
พี่แก๊ปมันเจียมตัวเกินกว่าจะอวดอ้าง พี่แก๊ปมัน..........ไม่เคยอวดตัว ไม่เคยคิดว่าตัวเองดีกว่าใคร
จนถึงป่านนี้........พี่แก๊ปมันก็ยังไม่เคยคิดจะอวดใคร ๆ เลยว่ามันมีความพยายามมาก

พยายามมากกว่าคนอื่นหลาย ๆ เท่า แต่คนที่ทำให้มันต้องพยายามกลับไม่เคยเข้าใจมันเลย

เอาแต่คิดว่ามันเป็นคนไม่ได้เรื่อง เอาแต่คิดว่ามันไม่เคยสนใจ ไม่เคยแคร์ ไม่เคยใส่ใจ

เพราะผมมันโง่พี่แก๊ป เพราะผมมันไม่ดีเอง ผมขอโทษ เพราะผมมัน.......... คิดไปเอง โดยที่ไม่เคยถามพี่แก๊ปเลย.....

“คนเรารักกัน ง้อกัน ไม่ใช่เรื่องเสียหายหรอกนะ จะคิดจะทำอะไรก็ทำซะ อย่าให้มันนานไป เดี๋ยวจะมาเสียใจภายหลัง”

วิเชียรเดินมาตบไหล่ของพู่เบา ๆ

“ก็ง้อไอ้แก๊ปมันอยู่บ่อย ๆ ไม่ใช่เหรอพู่ ถ้าจะง้อมันอีกซักเรื่องจะเป็นไรไป”

รอยยิ้มบาง ๆ ของพี่บาสที่ส่งมาให้ ทำให้พู่ที่กำลังจะร้องไห้ ต้องเงยหน้าขึ้นมอง และรู้สึกเริ่มมีกำลังใจขึ้น

“ผม......เหี้ยมากเลยพี่บาส....ผมทำเรื่องเหี้ยๆ แบบนี้ลงไปได้ยังไง”

ไม่หรอก ไม่ใช่ว่าเรื่องเหี้ยๆ อะไรหรอก

“แค่ไม่เข้าใจกันเฉย ๆ ทำให้เข้าใจตรงกันซะก็หมดเรื่อง”

ทำให้เข้าใจตรงกันเหรอพี่ ทำให้เข้าใจ...........ตรงกัน........

“ไปง้อมันได้แล้วมั้ง เดี๋ยวไอ้แก๊ปมันจะพาลคิดอะไรไปใหญ่โตว่าพู่ไม่รักไม่สนใจมัน”

ฟังสิ่งที่พี่บาสพูด แล้วพู่ก็พยักหน้ารับ ก่อนจะเดินออกจากแผนกขนส่งไป ท่ามกลางสายตาของพี่ ๆ ที่มองตาม

…………….

…………….

…………….อย่างลุ้นระทึก

“รอบนี้แม่งมีลุ้นว่ะ มันจะได้กันคราวนี้ซะล่ะมั้ง”    วิเชียรเริ่มอมยิ้มออกมาน้อย ๆ และวิโรจน์ก็ส่ายหน้ากับสิ่งที่วิเชียรพูด

“ไม่คิดเรื่องอื่นเลยเน่อ”

แซวคนทีกำลังยิ้มอย่างชอบใจ และวิเชียรก็เริ่มวอ. หาผู้ร่วมอุดมการณ์เสือกคนอื่น ๆ

“หัวหน้า....มีแววไอ้แก๊ปจะได้กะน้องพู่คืนนี้แน่ ๆ”

ส่งข่าวให้เสือกระดับตำนานได้รู้ และบุ้งที่กำลังจดตารางเวลาอยู่ข้างนอกก็หัวเราะออกมาเบา ๆ

“ต่อไปพู่มันก็ไม่ต้องบ่นว่าพี่แก๊ปไม่สนใจมันแล้วสิเนี่ย”  มีน ที่เข้ามาอยู่ในสมาชิกชมรมเสือกอย่างเป็นทางการเริ่มอมยิ้มน้อย ๆ

“เรื่องของเค้า เดี๋ยวเหอะ เงียบๆ อย่ากระโตกกระตาก เนียน ๆ เข้าไว้”

ถ่ายทอดวิชาเสือกขั้นสูงให้เมียไปเรียบร้อยและมีนก็หัวเราะออกมาอย่างถูกใจ

“พี่วิเชียรครับ........เมืองมีนครับ...”

วอ. หาคนที่อยู่โซนใน ที่เฝ้าจับตามองเป้าหมายอย่างใกล้ชิด

และวิเชียรก็ตอบกลับ

“ทราบครับ”

“ก่อนหน้านี้ยูกิ จัดซื้อ แจ้งมาว่า เป้าหมายไปถึงหน้าห้องเก็บสินค้าเก่าแล้ว และเป้าหมายที่สองกำลังตามไปสมทบ มีรายงานอะไรเพิ่มเติมเดี๋ยวผมจะแจ้งให้ทราบ”

สืบทอดวิชามาจากวิเชียรได้ดี จนอาจารย์ยังต้องยกให้มีนเป็นศิษย์รัก ที่ทำงานได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

“รับทราบครับ”

วิเชียรตอบกลับเรียบร้อย และวิโรจน์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็เกิดอาการขำไม่หยุด

“แหม ขำ.... ขำจริงนะมึงไอ้โรจน์ มึงอ่ะ ทำเฉย มึงก็อันดับต้น ๆ เหมือนกันแหละวะ แต่ไม่เคยช่วยห่าอะไรกูเลย เอาแต่แอ๊ปหน้าทำเป็นเงียบ เก็บข้อมูลตลอดเลยนะมึง”

โดนด่าเข้าให้ แต่วิโรจน์ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรนอกจากยังคงขำ ไม่หยุด

“โรจน์ ขำห่าอะไรเฮ้ย หยุดได้แล้ว ไปทำงาน เดี๋ยวหัวหน้าด่า”

พี่บาสเรียกสติน้องร่วมแผนกให้กลับคืน และตบไหล่วิโรจน์ไปหนึ่งทีเพื่อให้วิโรจน์หยุดขำ

“ครับพี่ หายแล้ว ไม่ขำแล้ว พี่วิเชียรก็ฮาเกิน รู้ทันผมอีกเน่อ”  ไม่รู้ทันมึงได้ไง ทำเป็นเฉยๆ เหอะมึงอ่ะ ตัวแสบเลยไอ้โรจน์

“กูไปขึ้นรถแล้ว มีอะไร หัด วอ. บอกกูซะมั่ง ถ้ากูตกข่าวเพราะมึงนะไอ้โรจน์........แม่ง....น่าดู”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ by aoikyosuke (อำนาจ & พู่).....ตอน เข้าใจไม่ตรงกัน
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-05-2014 23:45:16
“พี่แก๊ป”

พู่เรียกคนที่ยืนนิ่งเงียบ และไม่ยอมหันมาคุยกัน อำนาจยังคงหันหน้าไปทางอื่น ก่อนจะยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดน้ำตา
พยายามจะไม่ให้อีกฝ่ายเห็นว่ากำลังร้องไห้ และพู่ที่มายืนอยู่ข้างหลังก็ยิ่งอยากจะตบปากตัวเอง ที่พูดอะไรแบบนั้นออกไป

ยื่นผ้าเช็ดหน้าส่งไปให้ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมรับ

ไม่ยอมรับ และยังไม่ยอมพูดด้วย

“พู่ไม่ดีเองพี่แก๊ป…..คิดแต่เรื่องของตัวเองตลอด เอาแต่คิดว่าทำไมพี่แก๊ปไม่ทำอย่างนั้น ทำไมพี่แก๊ปไม่ทำอย่างนี้ ทั้งที่ไม่รู้เลยว่าพี่แก๊ปพยายามยิ่งกว่าพยายาม.....พู่ไม่เคยรู้ว่าพี่แก๊ปกำลังพยายามอยู่....”

เสียใจที่ไม่ควรทำร้ายจิตใจกันด้วยคำพูด เสียใจที่ตัวเองไม่มีหัวคิด

“พู่รักพี่แก๊ปนะ.....พี่แก๊ปจะยกโทษให้พู่มั้ย แล้วพี่แก๊ปยังจะรักพู่อยู่มั้ย.......ที่พู่มันเป็นคนงี่เง่า แล้วก็ทำเรื่องงี่เง่าขนาดนี้”

โกรธไม่ลงหรอก ใครจะไปโกรธมึงลง

ที่ควรโกรธมันต้องโกรธตัวเอง ที่ยังทำได้ไม่ดีพอ ที่ยังพยายามไม่มากพอ ควรจะโกรธตัวเอง ที่มีต้นทุนทางสังคมไม่เหมือนคนอื่น
ที่ควรโกรธ...........ไม่ใช่มึง...........แต่กูต้องโกรธตัวเอง

“กูจะพยายามให้มากกว่านี้นะพู่.....มึงช่วยรอกูหน่อยเถอะนะ” ก้มหน้าก้มตาพูด และกลายเป็นพู่ที่แค่ได้ฟัง ก็น้ำตาไหล

น้ำตาไหลเพราะเสียใจ เสียใจยิ่งกว่าเสียใจ ที่ทำร้ายจิตใจคนที่รักมากที่สุดได้ลงคอ

“ขอโทษพี่แก๊ป ...........ผม..... ขอโทษ”   เดินเข้าไปหา และซบใบหน้าลงกับแผ่นหลังของคนที่ไม่ยอมหันมาคุยกัน

ร้องไห้ที่ทำเรื่องโง่ ๆ ออกไป ร้องไห้เพราะเสียใจที่ทำแต่เรื่องโง่ ๆ คิดแต่เรื่องโง่ ๆ

“ผมขอโทษจริง ๆ พี่แก๊ป ผมขอโทษ ยกโทษให้ผมด้วย ฮือออออ”   ได้แต่ร้องไห้เพราะเสียใจ
เสียใจเพราะคำพูดโง่เง่ามากมายของตัวเอง

และอำนาจก็ได้แต่เงยหน้าขึ้น เช็ดน้ำตาที่ยังรินไหลออกมาไม่หยุด และหันไปเผชิญหน้ากับพู่อีกครั้ง

“ร้องไห้ทำไมวะ พ่อมึงตายไง แม่ง....”

ก็ผมเสียใจอ่ะ เสียใจที่โง่ ที่พูดจาโง่ ๆ

“เลิกร้องได้แล้วมึงนี่ พอ พอ”

ดึงให้คนที่กำลังร้องไห้ไม่หยุดมาเผชิญหน้าด้วย และอำนาจก็แตะมือไปที่แก้มของพู่ และเช็ดน้ำตาให้

เช็ดและส่งยิ้มบาง ๆ ให้

“....กูพยายามอยู่...มึงรอหน่อยนะพู่...กูไม่ทำให้มึงอายใครหรอก สัญญา”

ครับ ผมรอได้ นานแค่ไหนก็รอได้ พยักหน้ารับ ทั้งที่น้ำตายังไม่หยุดไหล

“.........กูอ่ะรักมึง เชื่อใจได้เหอะ....ถึงบางทีตากูมองใคร แต่ไม่ได้หมายความว่าใจกูไปมองคนอื่นด้วย สิ่งสวย ๆ งาม ๆ ใคร ๆ ก็อยากมอง ก็เหมือนมองดอกไม้ ชื่นชมว่าสวย แต่ก็ไม่คิดจะไปเด็ด ไม่เหมือนมึง มึงเป็นแฟนกู แตะต้องได้ กอดได้ รักได้.....”

พี่แก๊ป ทำไมบทมึงจะหวาน มึงหวานได้ขนาดนี้เลยวะ

“เฮ้ย.........กูเขินว่ะพี่แก๊ป มึงไปเอาคำพูดแบบนั้นมาจากไหน”

อำนาจยิ้มได้แล้ว หลังจากฟังสิ่งที่พู่แซว และตอนนี้กำลังยิ้มกับคนตรงหน้าอยู่
บางทีคนเราเข้าใจไม่ตรงกัน ก็เลยทำให้คิดมากไปต่างๆ นานา แต่ในเวลานี้ อำนาจรู้ ว่าน้องพู่จะไม่คิดอะไรไม่ดีอีกแล้ว

“ดูถูกกูจังเลยนะ ..............คำพูดพวกนี้กูคิดของกูเองได้........ถึงกูจะดูไม่ค่อยฉลาดซักเท่าไหร่ แต่กูก็เรียนหนังสือมา”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: ployyuki ที่ 09-05-2014 23:54:42
เศร้าแป๊บ หวังว่าตอนหน้าคู่พู่กับแก๊ปจะกลับมาหวานบ้างนะคะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke UP เรื่อย ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: @rnon ที่ 09-05-2014 23:58:01
 :sad11:

ซึ้งมากพี่แก๊ป
ได้ใจโคตรๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน เข้าใจไม่ตรงกัน
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 10-05-2014 00:16:05
มีแฟนดีมากเลยอะพู่ พยามผลักดันตัวเองเพื่อให้ทัดเทียมพู่ น่าภูมิใจแทนพู่จริงๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน เข้าใจไม่ตรงกัน
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 10-05-2014 00:16:33
รอดูคู่นี้จิ้มกันเมื่อไหร่  :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน เข้าใจไม่ตรงกัน
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 10-05-2014 00:17:27
แต่ละคู่นี่ ไม่เหมือนกันเลย บางคู่ร้อนแรง บางคู๋ก็แบบเรื่อยๆ แต่ชอบสมาคมแม่บ้านมากที่สุด

สงสัย คู่อำนาจกับพู่จะรักกันแบบใสๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน เข้าใจไม่ตรงกัน
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 10-05-2014 00:26:12
อ่านนี้คู่นี้แล้วรู้สึกถึงคำว่า เรื่องจริงมันเศร้าเรื่องเล่ามันตลก จริงๆ
เป็นกำลังใจให้แก๊ปอีกคนนะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน เข้าใจไม่ตรงกัน
เริ่มหัวข้อโดย: bozang ที่ 10-05-2014 00:42:52
กรี๊ด แก๊ปพู่มาแว้ววววววว >.<
ชอบมากมาย แต่มันต้องไปจบแค่นี้สิ อิอิ รอๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน โลกใบนี้สีชมพู
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 10-05-2014 00:57:19
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/07/ไฟล์เปล่า13M0Or.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ อำนาจ & พู่ .....ตอน  โลกใบนี้สีชมพู

เราเรียกสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ว่าเป็นการเดทหรือเปล่าวะ การเดทครั้งแรกตั้งแต่คบกันมา
การไปเที่ยวกันครั้งแรก ซึ่งไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่พู่ต้องรีบอาบน้ำแต่งตัวด้วยความเร็วเร่งด่วน สิบห้านาที

ไม่มีเวลาเตรียมตัวใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะระหว่างที่พู่กำลังนอนดูรายการโทรทัศน์ที่ฉายในเวลาบ่ายสามโมงเย็นวันอาทิตย์ อยู่ดี ๆ ก็มีสายเรียกเข้ามา ไม่ใช่ใคร ไอ้พี่แก๊ปนั่นเอง ซึ่งร้อยวันพันปีมันไม่เคยโทรมาหา แล้วันนี้มันนึกยังไงถึงได้โทรมา

“อีกสิบห้านาทีมาเจอกันป่าว กูเรียนเสร็จแล้ว วันนี้อาจารย์ปล่อยเร็ว ไปดูหนังกัน”

ไอ้เหี้ยพี่แก๊ป มึงบ้าป่ะเนี่ย ตั้งแต่เช้ากูยังไม่ได้อาบน้ำเลยเหอะ แถมล้างหน้าแปรงฟันก็ยังไม่ได้ทำเลยด้วย ตื่นมาสิบเอ็ดโมง ผ้าผ่อนยังไม่ได้ซัก ยังไม่ได้ทำเหี้ยอะไรซักอย่าง หาข้าวกินไปหลังตื่นนอน แล้วกูก็นอนเลื้อยดูโทรทัศน์มาจนถึงป่านนี้

พู่กำลังอึ้ง สภาพตัวเองตอนนี้ไม่มีอะไรมาก กางเกงขาสั้นเน่า ๆ กับเสื้อยืดเก่า ๆ ขาด ๆ ย้วย ๆ ที่ใส่สบายที่สุด

“สิบห้านาทีเนี่ยนะ”

ตาเหลือก และปลายสายก็ย้ำให้ชัดเจนอีกครั้งว่า สิบห้านาทีจริง ๆ

“หน้าบ้านมึงอ่ะ ถัดมาอีกไม่เท่าไหร่เอง มึงอาบน้ำอย่างเดียวก็พอมั้ง แล้วมาหาข้าวกินกัน ก่อนเข้าไปดูหนัง”

มึงแน่มากไอ้พี่แก๊ป มึงเล่นนัดกูตอนนี้ แล้วก็จะดูหนังตอนนี้ ซึ่งกูยังไม่ได้ซักผ้าแล้วพรุ่งนี้กูจะมีเสื้อผ้าใส่ไปทำงานมั้ย

แต่ถามว่ากูปฏิเสธมั้ย

ไม่...

“เออ พี่แก๊ปรอหน้าธนาคารตรงทางเข้านะ เดี๋ยวกูไป”

ลุกพรวดพราดทันทีทันใดแบบไม่ต้องคิด หยิบผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าห้องน้ำรีบไปอาบน้ำแต่งตัวในเวลารวดเร็ว ไม่ถึงห้านาที
หวีผมแบบลวก ๆ สภาพหน้าเมา ๆ มึน ๆ สุด ๆ แต่ก็ช่างหัวแม่ง

เปิดตู้เสื้อผ้าเจอเสื้อกีฬาสีสมัยมัธยมที่แขวนเอาไว้ ใส่ไปก่อนวะไม่มีเวลามารีดผ้าอะไรทั้งนั้น กางเกงก็ไม่ต้องอะไรมาก กางเกงบอลขาสั้นใส่สบายที่พับอยู่ในตู้เสื้อผ้านั่นเอง สภาพของพู่ตอนนี้ ดูดีชนิดที่ไม่มีใครคาดคิด แต่งกายด้วยชุดอยู่บ้านอย่างสมบูรณ์แบบ จะให้แต่งตัวดีไปทำไม ห้างสรรพสินค้าอยู่ถัดจากบ้านไม่เท่าไหร่ เกิดแต่งตัวดีเกิน เดี๋ยวไอ้พี่แก๊ปแม่งล้อเลียนตายห่า

เอางี้แหละ

ง่าย ๆ กลาง ๆ ไม่โดนล้อชัวร์ แต่งตัวแบบนี้ไปซื้อขนมในห้างที่อยู่ถัดจากบ้านไปไม่ไกล ออกจะบ่อย
พู่คว้ากุญแจรถมอร์เตอร์ไซด์และถือกระเป๋าตังค์เน่า ๆ เก่า ๆ ติดมือไปด้วย ตังค์ก็ไม่มี ยังไม่ได้กดอีก เออช่างหัวแม่งวะ ไปกดเอาข้างหน้า ตู้เอทีเอ็มมีเยอะแยะ

“แม่...เดี๋ยวไปดูหนังนะ มืด ๆ กลับ”

ตะโกนบอกแม่ที่กำลังเล่นกับหลานวัยกำลังคลาน และแม่ก็แทบจะไม่หันมามองด้วยซ้ำ

“ขากลับซื้อถ่านไฟฉายก้อนเล็กมาสองก้อนด้วย แล้วอย่าลืมมาเปลี่ยนถ่านนาฬิกาที่ข้างฝาด้วยนะพู่”

คร้าบบบบบบบบบบบบบ

“รู้แล้ว”

ตอบแม่ออกไปแบบนั้น และพู่ก็เดินลิ่ว ๆ มาสตาร์ทมอร์เตอร์ไซด์ที่จอดอยู่หน้าบ้าน สวมหมวกกันน็อคแบบครึ่งใบ
กูไม่ได้อยากให้ตัวเองปลอดภัยขนาดนั้น แต่ใส่ไว้ก็ดี ปลอดภัยไว้ก่อน อย่างน้อยแม่ก็อุ่นใจไม่ด่าไล่หลังหาว่าไม่สวมกันน็อค

พู่ ไม่มีเวลาคิดถึงการเดทกับที่กำลังจะเกิดขึ้น ขี่มอร์เตอร์ไซด์มาที่บริเวณลานจอดรถของห้างสรรพสินค้า ถอดหมวกกันน็อคแขวนเอาไว้ และรีบเดินลิ่ว ๆ ไปที่นัดหมายทันที กดโทรหาคนที่น่าจะมาถึงก่อนแล้ว และก็ได้ยินเสียงตอบรับจากปลายสาย

“พี่แก๊ปมึงอยู่ไหนเนี่ย”   อยู่ไหนเหรอ

“หน้าธนาคารไง เนี่ย ยืนอยู่เลย”      อ๋อ หน้าธนาคาร

“เออเห็นแล้ว”

กดวางสายไปเรียบร้อยและพู่ก็เดินตรงลิ่วมาหาคนที่มาถึงก่อนและกำลังยืนรออยู่หน้าธนาคาร

และพู่ก็แกล้งวางมือไปที่ไหล่ของคนที่ยืนรอเพื่อเรียกให้อีกฝ่ายรู้ตัว

“พี่แก๊ป”

เออ

หันหน้ามาหา และก็เห็นไอ้น้องพู่ในสภาพกระเซอะกระเซิงดูไม่จืด กูว่าแล้ว แม่งต้องมาสภาพนี้
สิบห้านาทีใครที่ไหนจะไปอาบน้ำแต่งตัวทัน แต่ก็ช่างเหอะ ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้น ประเด็นมันอยู่ตรงที่ว่า..........

“กินข้าวยัง”

ข้าวเหรอ

“กินไปเมื่อตอนสิบเอ็ดโมง นี่ก็หิว ๆ อยู่เหมือนกันกินไรดีวะ”

กินอะไรดีเหรอ

“วันนี้คนเยอะ กินอะไรง่าย ๆ ไปก่อนได้เปล่า ไปรอต่อคิวไม่ไหวว่ะ” เออ ก็จริงว่ะ คนแม่งอย่างเพียบ

พู่เห็นด้วยกับสิ่งที่แก๊ปพูด แล้วก็พยักหน้า

“แม่ให้ซื้อถ่านใส่นาฬิกาให้ด้วย ลงไปกินข้าวแล้วไปซื้อถ่านนาฬิกาก่อนได้ป่ะ เดี๋ยวลืมแม่ด่าอีก”

ได้

“เออ งั้นกินข้าวข้างล่างก่อนแล้วกัน”

กินข้าวก่อนก็ได้ แล้วมึงไม่ไปดูรอบหนังก่อนเหรอวะพี่แก๊ปไหนว่าจะมาดูหนัง

“ไปดูรอบหนังก่อนป่ะ แล้วค่อยลงมากินข้าว”

ไม่ต้องไปดูหรอก

“กูซื้อตั๋วมาแล้ว รอบสองทุ่ม”

แก๊ปชูตั๋วหนังสองใบให้พู่ดูและพู่ก็รับมาถือเอาไว้

“ไฮโซว่ะ ฮันนีมูนสวีท มึงจะเอาไว้สวีทกับใครพี่แก๊ป”

แกล้งแซวไป   ไม่ได้คิดอะไรเลยสักนิด ไม่ได้คิดจริง ๆจนกระทั่งพี่แก๊ปมันยิ้มน้อย ๆ และเดินนำหน้าไปและพูดอะไรบางอย่างพอให้ได้ยินกันสองคน

“ก็สวีทกับคนแถวนี้มั้ง เออน่า ช่างกูเหอะ นาน ๆ ที”

เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยย เอาจริง หวานนะเนี่ยะ ไอ้พี่แก๊ป มีเขินด้วยเหรอว๊า

“ใครอ่ะ”

แกล้งถามย้ำไปอีกรอบ และคนถูกถามก็เริ่มหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เตรียมยกมือตบกบาลคนแซวและพู่ก็ถอยห่าง ไม่ยอมโดนตบกบาลได้ง่าย ๆ

“อย่านะมึง กูสู้นะ”

สู้เหรอ มึงกล้าเหรอ สู้กูเหรอ ไอ้พู่

“มานี่ดิ๊”

เรื่อง........ กูไม่เข้าใกล้มึงหรอก

“อาราย”

ไม่อะไรไง

“มาเหอะ เร็ว ๆ ดิ๊”

อะไรวะ แม่งแปลก ๆ กูไม่ไว้ใจนะ

“ตบหัวกู กูตบกลับนะ”

เออน่า

“อย่าลีลา ไอ้พู่”

ไม่ลีลาก็ได้วะ แล้วพี่แก๊ปจะเรียกให้เข้ามายืนใกล้ ๆ ทำไมวะ

มีเหตุผลอะ..............ไร.......อ่า.....ง่า.....

“ป่ะ”

ไม่ใช่แค่ชวน แต่พี่แก๊ปกอดคอกูเฉ้ยยยยย มันก็ไม่แปลกหรอก ถ้าผู้ชายสองคนจะเดินกอดคอกัน มันก็เรื่องธรรมดาที่เห็นกันอยู่ทั่วไป แต่มันไม่ธรรมดาตรงที่ว่า… พี่แก๊ปแม่งไม่เคยกอดคอกูตอนเดินนี่แหละ มันก็เลย.................

“มึงเป็นไรมากป่ะ พี่แก๊ป”

ใจไปแล้ว และอาการเขินก็ตามมาในเวลาไม่ช้า

“อยากจับมือหรอกนะ แต่แม่งทำไม่ได้ว่ะ”

ได้ยินเสียงบ่นเบา ๆ ของพี่แก๊ปและพู่ก็เลยได้แต่อมยิ้ม และเดินตัวแข็งทื่อให้พี่แก๊ปกอดคอลากลงไปกินข้าวด้วยกัน

แม่งบทมันจะหวาน เล่นเอากูเขิน

...........ก็เคยคิดเอาไว้บ้างหรอกนะ ว่าถ้าเกิดไปเที่ยวเล่นกันแบบนี้จริง ๆ มีอะไรที่อยากทำบ้าง แต่พอได้มาอยู่ในสถานการณ์นี้เข้าจริง ๆ มันก็มีสิ่งที่ต่างจากที่เคยคิดเอาไว้

ปกติเจอกันในแผนกขนส่งตลอด พอต้องมาเจอกันข้างนอกแบบนี้มันก็เลยไม่ชิน

พอไม่ชินมันก็เลยมีอาการขัดเขินเกิดขึ้นบ้าง แต่ก็ไม่ได้แย่อะไรนัก กลับทำให้รู้สึกดีด้วยซ้ำ

“แม่งแต่งตัวได้โคตรเป็นธรรมชาติมากพู่ กูโคตรประทับใจเลยจริง ๆ ว่ะ”

อ้าว นี่จะกวนตีนกันใช่ป่ะวะ คือกูแต่งตัวให้ดูดีกว่านี้ก็ได้ไง แต่กูไม่แต่งเองแหละ ขี้เกียจรำคาญตอนที่มึงล้อ ว่าจะแต่งตัวไปถ่ายแบบหรือไง กูก็เลยล่อซะเป็นธรรมชาติที่สุดแบบนี้เลย ง่ายดี

“หนักหัวมึงหรือไงพี่แก๊ป”   หัวไม่ได้หนักหรอกเอาตรง ๆ แต่ที่หนักมันอยู่ที่ใจ

“ไม่ใช่ไม่ดีหรอกพู่ กูไม่ได้ว่ามันแย่นะ แต่ขามึงโคตรเนียนอ่ะ กูไม่นึกว่าขามึงจะทั้งขาวทั้งเนียนขนาดนี้”

อ้าว เหี้ยแล้วไงมึงพี่แก๊ป

“ไม่ใช่เนียนแค่ขานะ ข้างในก็เนียน” พู่ แกล้งทำหน้าแปลก ๆ และโฆษณาชวนเชื่อให้คนฟังใจสั่นเล่น

“พูดอะไรของมึง”    ไม่พูดอะไรของกูหรอกพี่แก๊ป

“กูว่างตลอดนะ ส่วนมึงถ้าว่างวันไหนก็บอกได้นะพี่แก๊ป  ว่างเมื่อไหร่เราไปพิสูจน์กันสองคนก็ได้.....แล้วพี่แก๊ปจะรู้.........ว่าพู่พูดจริง”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน เข้าใจไม่ตรงกัน
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 10-05-2014 00:58:19
กินอาหารง่าย ๆ ที่หากินได้ทั่วไป  และพู่ก็นั่งมองหน้าแก๊ป ที่กินข้าวไป มองนั่นมองนี่ไปเรื่อย

หน้ากูอยู่นี่ ทำไมไม่มองหน้ากูวะ

“พี่แก๊ป”

อือ

“ว่าไงวะ”

ไม่ว่าไงหรอก มึงจะมองทางอื่นอีกนานมั้ย หน้ากูอยู่นี่ มากินข้าวกับกู มึงหันมองหน้ากูนี่ ไม่ใช่มองไปทางอื่น มึงมองหาห่าอะไรของมึงวะ

“หน้ากูไม่น่ามองขนาดนั้นเลยเหรอวะพี่แก๊ป”

เปล่าหรอก ไม่ใช่ว่าหน้ามึงไม่มีอะไรน่ามอง แต่กูว่า เหมือนเห็นพี่วิเชียร หรือกูจะตาฝาดคิดมากไปวะ

“อะไรนะ”

ไอ้เหี้ยพี่แก๊ป มึงเอาอีกแล้วนะ สนใจฟังที่กูพูดหน่อย นี่กูกินข้าวอยู่กับมึงนะ สายตามึงนี่มองหาใครอยู่ได้ มึงเป็นโรคหวาดระแวงหรือไง

“เออ ช่างหัวแม่งเหอะ รำคาญว่ะ”

เกิดอาการหงุดหงิดขึ้นในใจเล็ก ๆ และพู่ก็ใช้ช้อนตักน้ำซุปมาซดแก้เซ็ง ชักเริ่มเบื่อที่อีกฝ่ายไม่ค่อยให้ความสนใจกับการมานั่งกินข้าวด้วยกันซักเท่าไหร่

“พู่”

เออ

“เรียกทำไม กินข้าวอยู่”

งอน........และแก๊ป ก็ไม่รู้จะทำหน้ายังไงดี.......เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเริ่มงอน....

หยิบหนังสือเรียนขึ้นมาเปิด เปิดไปสองสามหน้าและหยิบบางอย่างขึ้นมาวางไว้ให้คนที่กำลังนั่งซดน้ำซุปด้วยความเซ็ง และพู่ก็มองไปที่สิ่งนั้น .....ซองกระดาษสีขาวขนาดเท่าฝ่ามือ หยิบมาเปิดดูและก็เห็นว่าข้างในมีการ์ด
........การ์ดแผ่นเท่าฝ่ามือ ทำด้วยกระดาษสาและเชือกถักสีฟ้าติดสติกเกอร์รูปหัวใจเล็ก ๆ สองสามดวง พิจารณาดูแล้วคนทำคงจะตั้งใจทำไม่น้อย

“ทำเองเหรอวะ”

อือ

แก๊ปพยักหน้ารับ และก้มหน้าก้มตาตักข้าวใส่ปาก ทำเหมือนไม่สนใจ แต่จริง ๆ แล้วแอบเหลือบสายตาขึ้นมามองหลาย ๆ ครั้งว่าคนที่ได้รับการ์ดรู้สึกยังไง และพู่ที่กำลังพิจารณาการ์ดทำมือรูปแบบน่ารักที่สภาพอย่างไอ้พี่แก๊ปไม่น่าจะทำของแบบนี้ได้ ก็เริ่มอมยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก

“กูยืมหนังสือประดิษฐ์ประดอยแม่กูมาดู มันก็ไม่ค่อยสวยหรอกนะ ...........แต่ กูไม่อยากจะซื้อที่เขาทำสำเร็จแล้ว กูเลยไปซื้อของมาทำ….ให้...”

ท้ายเสียงคนที่อธิบายที่มาที่ไปของการ์ด เหมือนไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่นักว่าสิ่งที่ทำลงไปแบบนี้อีกฝ่ายจะชอบหรือเปล่า

และพู่ก็เปิดเข้าไปอ่านข้อความ ที่พี่แก๊ปมันบรรจงเขียนด้วยปากกาสีชมพูให้

เขียนซะสวย คงจะตั้งใจเขียนมาก ตัวอักษรถึงได้สวยขนาดนี้

......................รู้จักกันมาสามปีแล้วนะ...........แต่เพิ่งรู้สึกแบบนี้ได้ครึ่งปีเอง..............รักพู่นะ รัก รัก รัก และสัญญาจะรักพู่แบบนี้ทุกวัน.....ตลอดไป.............

.........พี่แก๊ปนะครับ...

อ่า...........

พู่กำลังอ่านการ์ดที่อยู่ในมือวนไปวนมาหลายรอบ  อ่านการ์ดสลับกับมองหน้าของคนทำการ์ด

ทำแบบเดิมอีกหลาย ๆ ครั้ง   และพู่ก็เริ่มรู้สึกว่า..............หน้ากำลังแดง ที่หน้าแดงคงเพราะกำลังเขิน หรืออะไรซักอย่าง
มันคือความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้

อธิบายไม่ได้จริง ๆ ว่ารู้สึกยังไง รู้แค่ว่า.......หลังอ่านจบต้องรีบเอาช้อนตักน้ำซุปเข้าปากอีกสองสามคำ

และไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก นอกจากเมินหน้าหนีไปทางอื่น

และพี่แก๊ปก็ทำเหมือนกัน คือก้มหน้าก้มตาตักข้าวใส่ปากเงียบ ๆ ไม่ได้ถามว่าชอบหรือเปล่า

ไม่ได้ถามว่าอ่านแล้วรู้สึกยังไง ไอ้พี่แก๊ปยังคงก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไป

แต่.........ขาของพี่แก๊ป เตะเบา ๆ ที่หน้าแข้งของพู่ แกล้งเตะ.......และพู่ก็รู้ ว่าพี่แก๊ปกำลังหยอก

หยอกล้อเล่น และพู่ก็แกล้งเตะหน้าแข้งพี่แก๊ปกลับเบา ๆ เหมือนอยากจะบอกว่า รู้แล้ว

เราสองคนต่างก็รู้ว่าต่างฝ่ายต่างกำลังเขิน เพียงแต่ไม่มีใครพูดออกมาก่อนเท่านั้นเอง

พู่มองเมินไปทางอื่น และพยายามไม่ให้ตัวเองยิ้มออกมา และแก๊ปก็ก้มหน้าก้มตากินข้าว และพยายามไม่ให้ตัวเองยิ้มออกมาเหมือนกัน ไม่รู้ว่าสถานการณ์แบบนี้มันย่ำแย่หรือเปล่า

แต่.............สิ่งที่พู่และแก๊ปคิดตรงกันแต่ไม่มีฝ่ายไหนพูดออกมาก็คือ....

โลกสีชมพูที่คนอื่นเขาพูดถึงกัน ไม่เคยสนใจมันเท่าไหร่หรอกนะ แต่ตอนนี้รู้แล้ว เวลาที่ได้มาอยู่ในโลกสีชมพูที่มีแค่เราสองคน....... มันทำให้รู้สึกดีแบบนี้นี่เอง


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน เข้าใจไม่ตรงกัน
เริ่มหัวข้อโดย: bozang ที่ 10-05-2014 01:07:54
โอ๊ยมาต่อแล้ว
แก๊ปพู่มิ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งมากเว่อร์ แงๆ ชอบอ้ะ จะว่าไป คู่นี้เต่าคลานสุดเลยช่ายป้ะเนี่ย 5555
พอจิ้นกับอิมเมจตัวละครข้างบนละเข้ากับบทมาก (ชอบเป็นการส่วนตัวด้วย >.<)
ขอแก๊ปพู่อีกเยอะๆๆๆๆนะ อิอิ >.<
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน โลกสีชมพู
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 10-05-2014 01:12:25
โอ้ยยย  พี่แก๊ปทำเอาเขินมากกว่าพู่ไปหลายขุมเลยฮะ

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน โลกสีชมพู
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 10-05-2014 01:16:05
บอกแล้วคู่นี้รักใสใส หวานๆๆ ไม่คิดว่าพี่อำนาจของเราจะทำแบบนี้เป็นด้วย

เขินแทนพู่
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน เข้าใจไม่ตรงกัน
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 10-05-2014 01:18:20
สมาคมแม่บ้านอย่างฮา ตอนน้องกิสัมภาษณ์ความรู้สึกครั้งแรกของแต่ละนาง คนอ่านเงิบจริงๆ
ไม่แปลกใจคำตอบวิเชียร แต่อ้นกับน้องมีนนั่นมันอาร๊ายยยย น้องมีนและคุณอ้นใสๆไม่มีจริงสินะ แค่ภาพมายาสินะ
เฮียอยู่กับวิเชียรทีไรต้องเสียน้ำกันตลอด เฮียหื่น หรือวิเชียรแรด แรดคนเดียวไม่พอไปเสี้ยมน้องๆอีกนี่สิ แสบจริงๆ
คู่พีทอ้น เงียบๆหงิมๆ แต่เรื่องนั้นร้อนแรงตลอด ชอบคุณอ้นอะ  กิกับพี่บาส คู่นี้น่ารักมุ้งมิ้งน่าอิจฉาสุดๆ
สุดท้ายเป็นกำลังใจให้น้องกิกับน้องพู่เสียจิ้นสมดังหวังเสียที
....แก๊ปก็มีมุมน่ารักเหมือนกันนี่นา หวานกับเค้าเป็นด้วย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน โลกสีชมพู
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 10-05-2014 01:18:55
หูย.....หวานมากพี่แก๊ป
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน โลกสีชมพู
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 10-05-2014 01:23:27
 :m20:   เคยคิดเสมอนะ ว่า คู่ อิพี่บุ้งกับน้องมีน เต่าคลานมากๆ แต่พอมาเจอ คู่บาสกิ กับ  แก๊ปพู่  เลือกไม่ถูกเลย ว่าคู่ไหนกันแน่ที่เต่าคลาน    :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:   

 :hao3:   ไปโปรยน้ำตาลในห้างกันเล่นสินะ   :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน โลกสีชมพู
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 10-05-2014 01:52:59
หูยยยย เค้าหวานกันน่ารักอะ  :-[ เขินๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน โลกสีชมพู
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 10-05-2014 01:57:39
ว๊ายยยย สงสัยจะมีได้เสีย?กันในเร็ววัน O_O
แต่ไม่รุ้ว่าน้องพู่กะน้องยูกิ ใครจะเสียก่อนกันนะ ฮี่ๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน โลกสีชมพู
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 10-05-2014 02:30:34
ตอนสมาคมแม่บ้านเค้าอวดรูปกัน ตลกน้องพู่มาก นางถ่ายรูปพี่แก๊ปแต่ละรูป  :m20:
คู่นี้เค้าน่ารักเนอะ เขิน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน โลกสีชมพู
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-05-2014 03:41:50
กว่าจะหวานกันได้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน โลกสีชมพู
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 10-05-2014 06:52:31
เค้าหวานกัน...น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน โลกสีชมพู
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 10-05-2014 07:04:19
อยากจะจุดพลุฉลองคู่นี้เค้าหวานกันแล้วววว
ความฝันน้องพู่ใกล้เป็นจริงแล้วววว  :mew3:

ว่าแต่วิเชียรนี่เจ้าประจำจริงๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน โลกสีชมพู
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 10-05-2014 07:21:28
เมื่อไหร่เขาจะเล่นจ้ำจี้กัน อิอิ :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน โลกสีชมพู
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 10-05-2014 08:03:26
เหมือนพี่แก๊ป แกเอาทฤษฎีแนว :ling2:พี่บุ้งมา+กับพี่สุรชาติ ดูแล้วงานนี้ก็ต้องลุ้นกันต่ออ่ะเปล่าเนี่ย :ling2:

แต่เค้าหวานชมพูกันน่ารักจริงๆ นะะะะะะะะะะะะ  :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน โลกสีชมพู
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 10-05-2014 08:05:55
ตืเช้าขึ้นมาอากาศดี   อารมณ์ดี  มองโลกเป็นสีน้ำพู
 :กอด1:
หัวข้อ: รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ สุรชาติ-ยูกิ ตอน วางมัดจำ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 10-05-2014 08:33:52
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/08/ไฟล์เปล่า15Z0QUn.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ สุรชาติ  & ยูกิ .....ตอน วางมัดจำ

“กิ”

หันหน้ามามองตามเสียงเรียกแล้วยูกิ ก็ส่งยิ้มอย่างเนือย ๆ ให้กับคนที่กำลังขับรถไปส่งที่บ้าน

สี่ทุ่มแล้ว

เป็นเวลาที่ต้องเดินทางกลับบ้านของทุกวัน เป็นแบบนี้มานาน ตั้งแต่มาช่วยพี่บาสขายของ ความคืบหน้าในเรื่องบางเรื่องที่คาดหวังยังคงเป็นเหมือนเดิม ไม่มีอะไรที่เพิ่มขึ้นเลย

เคยนึกแปลกใจ และไม่เข้าใจ ว่าพี่บาสมันคิดยังไงวะ ปกติคนรักกันชอบกันนี่มันไม่อยากจะแตะเนื้อต้องตัวกันหรือยังไง ไม่ต้องไปถึงขั้นนั้นหรอก เอาแค่ว่า อยากจะจับมือถือแขน ทำอะไรให้มันเลยเถิดนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ได้

นี่พี่บาสมันไม่คิดอะไรกับกูในทำนองนั้นเลยหรือไงวะ

“อือ”

ตอบกลับแบบเนือย ๆ

บางทีก็เหนื่อย แต่ก็เท่านั้น ไม่เห็นเหตุผลที่จะต้องไปคิดอะไรกับเรื่องพวกนี้ เพราะเอาเข้าจริง พี่บาสมันให้อย่างอื่นมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นความใจดี ความอ่อนโยน และความห่วงใย ใช่ที่มันอาจมีบางครั้งที่คิดว่ายังไม่พอ แต่จะไปคิดอะไรมาก ปล่อยมันไปเรื่อยๆ อย่างที่พี่บาสบอกก็ดีแล้ว จะเรียกร้องอะไรวะ ไปแบบนี้เรื่อย ๆ ก็ดีเหมือนกัน มันพิสูจน์อะไรได้หลาย ๆ อย่างดี

พิสูจน์ความรู้สึก ความมั่นคง ความไว้ใจ อย่างน้อยก็ได้รู้ล่ะว่ะ ว่าพี่บาสไม่เคยเหลวไหลและไม่เคยทำให้เสียใจ

เราสองคนคบกัน ใจตรงกัน อยู่ด้วยกัน คอยสนับสนุนกันไปเรื่อยๆ แบบนี้ก็ดีแล้ว

ส่วนเรื่องอื่นมันจะเป็นยังไงก็เป็นไปเถอะ ไม่ได้เดือดร้อนอะไรอยู่แล้ว ไม่ใช่เหรอ…….. ก็คงใช่แหละ……….มั้งวะ
พี่บาสนี่ก็แปลกมีโอกาสตั้งหลายครั้ง ยังไม่คิดจะทำอะไรกูเล้ยยยยย ตกลงแม่งเสื่อมป่าววะ น่าสงสัย

“พี่จะใช้พักร้อนแล้วนะ”

อ่อ ครับพี่ แล้วพี่จะไปไหนล่ะครับพักร้อน ปกติไม่เคยเห็นพี่บาสลาหยุดนะ จะเจ็บไข้ได้ป่วยอะไรก็ไม่เคยเห็นลาซักที มาทำงานจนหมดเวลาแล้วก็กลับบ้านไปนอน  แล้วคิดยังไงจะพักร้อน

“ครับ”

พยักหน้ารับ และยูกิ ก็เริ่มรู้สึกง่วงนอนขึ้นมานิด ๆ เอนหัวพิงกับพนักเก้าอี้ และเริ่มหรี่ปรือตาลงเล็กน้อย

“กิ ทำงานมาครึ่งปีแล้ว พักร้อนได้ประมาณสามวันนะ”

อ้าวเหรอ ผมเพิ่งรู้

“เขาให้ลาได้แล้วเหรอพี่”

ใช่ ลาได้แล้ว

“กิ...ช่วงนี้งานแผนกกิ เยอะมั้ยล่ะ ถ้าเคลียร์แล้วพอจะลาได้มั้ย ซักประมาณวันจันทร์ กับ อังคาร แล้วก็พุธ”

จะว่าไป ก็น่าจะลาได้อยู่นะ พี่มีอะไรเหรอ ว่าแต่ทำไมผมต้องลาด้วยวะ

“จะพาผมไปเที่ยวเหรอ”

เอ่อ..........ก็.....ประมาณนั้น...

“กิ อยากไปไหนล่ะ”

เฮ้ยยยยยยยยยย เอาจริง ๆ นี่กำลังเคลิ้ม ๆ จะหลับอยู่แล้วนะ ตื่นเลย พี่จะพาไปเที่ยวจริงดิ

จริงนะ

“พี่พูดเล่นป่ะเนี่ย มาหลอกให้ดีใจหรือเปล่า”

ใครว่าล่ะ ไม่ได้พูดเล่น นี่พูดจริง ๆ จะพูดเล่นทำไม อยากไปไหนก็บอกจะได้พาไป

“หลอกทำไมล่ะ พี่เขียนลาไว้แล้ว กิ อยากไปไหนพี่จะได้เตรียมหาที่พัก”

เฮ้ย เฮ้ย ไม่ธรรมดา

“ขึ้นเหนือกันป่ะพี่ ขับรถไปเรื่อยๆ มืดไหนแวะนั่น ค่ำไหนนอนนั่น น่าหนุกดีนะพี่”

ตาลุกวาวขึ้นมาทันที และคนที่กำลังขับรถก็หัวเราะออกมาด้วยความขำ

“ก็ได้ มืดไหนนอนนั่นนะ นอนข้างทางก็ได้ใช่ป่ะ” เกินไปพี่ แบบนั้นมันก็อนาถาเกินไป

“เอาเห้อออออออ ผมอ่ะ นอนไหนก็ได้ ยังไงผมก็ปลอดภัยอยู่แล้ว”

แกล้งเหล่ตามอง คนที่แกล้งบอกว่าจะให้นอนข้างทาง แล้วยูกิ ก็เห็นว่าพี่บาสชะงักไปเล็กน้อย

ไม่ยิ้ม และหยุดพูดไปดื้อ ๆ อะไรวะ อย่าบอกนะว่าโกรธ จะมาโกรธอะไรกับเรื่องแค่นี้ว๊า

“พี่ กิ ขอโทษ กิพูดไรไม่ดีไปป่ะพี่ ขอโทษเนอะ”

ยกมือขึ้นประกบกันสองข้างและหันไปมองหน้าของคนที่กำลังขับรถ กระพริบตาปริบ ๆ สองที ไม่ได้ขอโทษหรือสำนึกผิดจริงหรอก แค่อยากแกล้งคนที่กำลังทำหน้าขรึมใส่แค่นั้น

เครียดไรวะ อยู่ดี ๆ ก็ทำหน้าหงิกขึ้นมา

“กิ”

ได้ยินเสียงเรียกแล้วยูกิ ก็ส่งยิ้มหวานจ๋อยมาให้ ไม่ได้ยิ้มแบบจริงจัง แต่เป็นการยิ้มเหมือนแกล้งหยอกล้อ

“จ๋า” ขานรับ และยังคงอยู่ในท่าเดิม มือประกบกันสองข้างและแกล้งกระพริบตาปริบ ๆ ใส่

“ใครสั่งใครสอนให้ทำท่าทางแบบนี้” อ๋อ นี่เหรอ

“น้องที่มาซื้อปลาท่องโก๋ไง น้องผู้หญิงม.ปลายกลุ่มใหญ่ ๆ อ่ะ เขาบอกว่าผมทำแล้วน่ารักดี เขายังถ่ายรูปไว้ตั้งหลายรูป บอกว่าจะเอาไปโพสในกลุ่ม ผมก็เลยจัดให้สิบแอ็คชั่นเลย เพื่อลูกค้า กิ จัดด้ายยยยยยยย”

ไม่ได้คิดอะไรตอนที่พูด และหลังคำพูดนั้น ยูกิก็เห็นว่าคนที่กำลังขับรถถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“....................”

อะไรพี่บาส กิ เอ้ยยยยยยย อะไรพี่

“เฮ่อออออออออออ”

แกล้งถอนหายใจยาว ๆ ใส่ และคนที่ถูกเลียนแบบก็หันมามองแว่บเดียว ก่อนจะหันไปสนใจกับการขับรถและพูดบางอย่างให้ยูกิเกิดอาการหน้าเหวอขึ้นมากะทันหัน

“ทำตัวแบบนี้เดี๋ยวก็พาเข้าโรงแรมซะเลย”

ห๊ะ อะไรนะ พูดเป็นเล่น

พี่บาสจะพาผมเข้าโรงแรมไปทำอะไรพี่ พาไปสวดมนต์หรือพาไปแผ่เมตตาทำจิตใจให้สงบ โดยการเปลี่ยนสถานที่บ้าง

อย่าให้ผมพูดตรง ๆ เล้ย เดี๋ยวก็มาหาว่าประชดกันซะเปล่า ๆ

“พี่บาสไม่กล้าเข้าหรอก” ไม่ได้คิดอะไรจริง ๆ ตอนที่พูด

และเพราะพูดออกไปแบบไม่คิด ยูกิถึงได้ตาเหลือกเมื่อคนที่ทำหน้าเฉยมาตลอด มองหาโรงแรมข้างทางที่มีป้ายไฟบอกทางเข้า โรงแรมเล็ก ๆ ที่ยูกิรู้ ว่าคนที่เข้าไป มีเป้าหมายเพื่อเข้าไปทำอะไรกัน

“พี่.........”

เรียก และคนที่ยังทำหน้าเฉย ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกมา

“พี่จะพาผมเข้าโรงแรมไปทำอะไรเนี่ย”   ไม่ใช่ไม่รู้ เพียงแค่ไม่ค่อยแน่ใจ ขมวดคิ้วมุ่น และชักเริ่มรู้สึกว่าไม่ค่อยชอบใจซักเท่าไหร่ คือไม่ได้อะไรนะ ถ้ามันจะต้องมีอะไรกันจริง ๆ แต่มันควรเป็นโรงแรมข้างทางแบบนี้เหรอวะ มันก็คงไม่มีปัญหาอะไร ถ้ามีอะไรกันมาร้อยรอบแล้วอยากเปลี่ยนบรรยากาศ แต่นี่มันไม่ใช่

กูไม่ได้คิดว่าจะมาทำอะไรแบบนี้ นอกสถานที่แบบนี้ อย่างน้อยก็ให้มันดีกว่านี้ไม่ได้หรือไงวะพี่บาส

“แล้วกิ คิดว่าเข้าไปทำอะไรล่ะ”

ไม่ใช่แค่พูด แต่.....พี่บาสที่เคยเป็นคนเฉย ๆ มาตลอด กำลังทำให้ ยูกิ อึ้ง ไม่เคยแตะต้องกันซักครั้ง แต่อยู่ดีๆ ก็วางมือมาที่หน้าขาของยูกิ    และยูกิ ก็เงยหน้ามองพี่บาสด้วยความไม่เข้าใจ ปกติ มีแต่ผมที่ลวนลามพี่ตลอด แต่ตอนนี้พอพี่ลวนลามผมกลับบ้าง ผมควรดีใจมั้ยวะ

“........................”

หน้าบูดขึ้นมากะทันหัน มองมือที่แตะที่หน้าขาของตัวเองแล้วยูกิก็ไม่ได้พูดอะไร

ก็แล้วจะให้พูดอะไร

อยากให้แตะไม่ใช่เหรอ ก็นี่ไง พี่บาสก็แตะแล้วนี่ไง แต่ทำไมแม่งไม่เห็นรู้สึกดีเลยวะ

“พี่เป็นคนแบบนี้เหรอวะ”

เงยหน้าขึ้นมองหน้าคนที่ยังทำหน้าเฉยสนิท และคนที่ขับรถมือเดียว เพราะมืออีกข้างอยู่บนหน้าขาของยูกิ ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกมา

“ถ้าอยากจับ ทำไมจับแค่นี้ล่ะพี่ มันต้องจับแล้วลูบด้วย มันถึงจะได้ฟิล”

ประชด แต่ทำจริง

ยูกิ จับมือของพี่บาสที่อยู่ที่หน้าขาของตัวเอง มาลูบไล้ที่ขา

ประชดให้เห็น และพี่บาสก็ไม่ยอมทำตาม หยุดมือ และบีบหน้าขาของยูกิแทน ก่อนจะดึงมือกลับ

“ฮึ่ยยยยยยยยยย ไอ้เด็กนี่”

อะไรพี่ ก็พี่อยากจับไม่ใช่เหรอ ผมก็ช่วยจัดให้นี่ไง ยังไม่ดีอิ๊กกกกกก

“ไรวะ....แม่ง”

สบถออกมาเบา ๆ และยูกิก็กอดอกมองไปที่นอกข้างทาง

เออเอาเหอะ แม่งจะพาเข้าโรงแรมหรือจะพาเข้าข้างทาง จะเอายังไงก็เอาซักอย่างเหอะ

ไม่ว่าอะไรหรอก ถ้าคิดจะทำจริง ๆ

และรถก็เลี้ยวเข้ามาจอดในโรงแรมจริง ๆ รถจอดในลานจอดรถและพี่บาสที่ปลดเข็มขัดนิรภัยออก เตรียมจะลงจากรถและก็เรียกให้ยูกิลงไปด้วยกัน

“ลงมาสิ”

เหรอ ได้ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว

ปลดเข็มขัดนิรภัยออก และยูกิก็กระโดดลงจากรถ มายืนอยู่ข้างๆ รถ และพี่บาสก็เดินไปท้ายรถกะบะ และหิ้วถังน้ำแข็งใบใหญ่ลงมาด้วย ซึ่งยูกิจำได้ว่าภายในถังน้ำแข็งมีน้ำเต้าหู้หลายถุง ที่บรรจุเรียบร้อยอยู่ข้างใน

“กิ เอากระติกเล็กไปแล้วกัน เดี๋ยวพี่หิ้วถังน้ำแข็งเอง”

ง่า...........อะไรวะ

ช่วยหิ้วแต่โดยดี และเดินมาที่เคาร์เตอร์ของโรงแรมเพื่อติดต่อที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์

.........สงสัยจะเลือกห้องพัก…..

“เอาน้ำเต้าหู้มาส่งครับ ห้าสิบถุงพอดี แช่เย็น ๆ เลยครับถ้าอยากกินแบบร้อนๆ เอาเข้าไมโครเวฟอุ่นได้เลยนะครับ”

เอ่อ.... ยังไงพี่บาส

“แล้วก็ในกระติกเล็กนี่แถมให้ ทั้งหมดห้าร้อยบาทพอดีครับ”

พนักงานที่เคาร์เตอร์ประชาสัมพันธ์ หยิบเงินมาส่งให้และส่งยิ้มให้กับพนักงานส่งน้ำเต้าหู้รอบดึก

“มีแถมด้วยเหรอรอบนี้ แล้วเมื่อไหร่ไอ้บีมจะมาทำงานได้ซักทีเนี่ย หาคนแทนลำบาก บอกมันมาทำงานได้แล้วมั้ง”

พนักงานที่เคาร์เตอร์รับกระติกและถังน้ำแข็งไปเรียบร้อย และไม่ลืมถามถึงน้องสาวของพี่บาสที่เป็นพนักงานอยู่ที่โรงแรมนี้

“ก็เดี๋ยวรอตัวเล็กมันโตอีกหน่อยครับ ไม่น่าจะเกินอาทิตย์หน้าหรอก เดี๋ยวหาคนเลี้ยงได้ก่อน ก็คงมาทำได้แล้ว”

พี่บาสบอกกับพนักงานที่เคาร์เตอร์โรงแรมก่อนจะยกมือไหว้ร่ำลากันเมื่อเห็นว่าดึกแล้ว

“ขอบคุณมากครับ เดี๋ยวผมกลับก่อนแล้วกัน รอบไหนเอาอีกก็โทรบอกบีมมันนะครับ เดี๋ยวผมมาส่งให้”

บอกกับพนักงานที่เคาร์เตอร์โรงแรมและพนักงานก็ส่งยิ้มมาให้ก่อนจะหยิบนามบัตรเล็ก ๆ ส่งมาให้ด้วย

“พี่ให้บัตรส่วนลดไว้ เผื่อสนใจพาสาวมาค้าง สิบห้าเปอร์เซ็นต์เลยนะ ไม่มีปากโป้ง เห็นแล้วทำเป็นไม่เห็น พี่รับประกัน”

พนักงานที่เคาร์เตอร์ส่งบัตรส่วนลดให้กับคนที่มาส่งน้ำเต้าหู้รอบดึก และพี่บาสก็ยกมือไหว้ ก่อนจะรับเอาไว้

“ขอบคุณมากครับพี่”

ไม่ปฏิเสธที่จะรับ และก็เดินถือนามบัตรออกมาที่ลานจอดรถ เปิดประตูรถเข้าไปเรียบร้อย โดยมียูกิ ขึ้นมานั่งอยู่ข้าง ๆ และสายตาก็มองเลยไปที่นามบัตรที่เสียบไว้ในกระเป๋าเสื้อของพี่บาส

“พี่........”

ไม่ได้อยากคิดเล็กคิดน้อย แต่อยู่ดีๆ มันก็เกิดคิดขึ้นมากะทันหัน

“พี่ได้ทุกรอบแหละบัตรส่วนลดเนี่ย มากี่รอบก็ได้ทุกรอบ เอาไปให้พวกที่แผนกตลอด รอบนี้ไอ้โรจน์มันบอกขอซักใบ อยากเปลี่ยนบรรยากาศ”

ห๊ะ

พี่โรจน์เนี่ยนะ พี่โรจน์.............

“มากะพี่อ้นอ่ะเหรอ”  ถามออกไปแล้วและพี่บาสก็หัวเราะออกมาเบา ๆ แต่ไม่ได้ตอบ

ไม่มีความลับอะไรต้องปิดบัง เพราะหลาย ๆ เรื่องก็รู้กันอยู่ ยังไงก็คุยกับยูกิ ทุกเรื่องอยู่แล้ว

และยูกิมันก็คุยกับแฟนไอ้โรจน์อยู่แล้ว เรื่องบัตรส่วนลดพวกนี้คงพอได้ยินมาบ้าง

“ง่า.........”    หรือไม่เคยได้ยิน

“คุณอ้นไม่ได้พูดเหรอ”

เปล่า

“ปกติก็คุยเรื่องอื่นๆ กัน ไม่เคยรู้ว่าพี่โรจน์พาพี่อ้นเข้าโรงแรม”

พลาดแล้วไงกู

“คือ มันคงจะ….เบื่อนอนบ้านไรงี้มั้ง ก็เลย....หาที่นอนที่อื่น จะได้หลับสนิท อะไรประมาณนี้แหละ”

พี่บาส.......พี่แก้ตัวให้เพื่อนไม่เนียนเลยว่ะพี่ เราก็น่าจะรู้กันนะว่าพี่โรจน์กับพี่อ้นมาทำอะไรกัน
คงไม่ใช่แค่มานอนเฉย ๆ

“.................”

นิ่งเงียบกันทั้งสองคน และยูกิ ที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเกิดอาการหน้าแดง อยู่ดี ๆ ก็หน้าแดงขึ้นมา เมื่อคิดได้ว่าพี่โรจน์กับพี่อ้นมาทำอะไรกัน

ก็คงจะทำแบบนั้น แบบที่คนที่คบกันเขาทำกัน

“เมื่อกี้ตอนที่พี่บอกว่าจะพาผมเข้าโรงแรม ผมนี่แม่งโมโหมากเลยพี่ ของขึ้นอ่ะ เอาง่าย ๆ ด่าพี่ไปแล้วด้วยว่าทำไมพี่เป็นคนแบบนี้วะ”

นั่นแค่ล้อเล่น อำเล่นเฉย ๆ พี่แค่อยากรู้ว่า กิ จะทำยังไงแค่นั้น

“แต่ตอนนี้ไม่ด่าแล้วนะ เพราะรู้แล้วว่าพี่บาสไม่ได้คิดจะพาผมไปทำอะไรแบบนั้น แค่มาส่งน้ำเต้าหู้เฉย ๆ”

ก็เขาสั่งเอาไว้ ก็เลยเอามาส่ง ได้เงินพิเศษเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อย

“แต่ว่า........ถ้าผมพักร้อนสามวัน แล้วผมขึ้นเหนือกับพี่ มันไม่ได้หมายความว่ามืดไหนนอนนั่นอย่างเดียวจริง ๆ ใช่ป่ะ”

ก็.......... ใช่.........

คนที่ขับรถไม่ได้ตอบอะไรออกมา นอกจากพยักหน้าอย่างช้า ๆ และคราวนี้ยูกิ ก็เลยหน้าแดงยิ่งกว่าเก่า อาการร้อนผ่าวที่ใบหน้าลามไปถึงหูเรียบร้อย

นั่นไงล่ะ กูว่าแล้ว พี่บาสแม่งวางแผนมาแล้วนี่หว่า..........แม่ง ร้ายว่ะ นี่กะฟันกูตลอดการเดินทางเลยว่างั้น

“ยังไงผมจะรีบเคลียร์งานตั้งแต่วันพรุ่งนี้เลยแล้วกันนะ แล้ว...เราค่อยขึ้นเหนือกัน”

ครับ ยังไงก็ได้ แล้วแต่กิ

“พี่บาส”

ยูกิ ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นและหันไปมองคนที่กำลังขับรถ จ้องมองและขบริมฝีปากแน่น หัวใจกำลังเต้นระทึกก่อนจะตัดสินใจพูดบางอย่างออกมา บางอย่างที่ตั้งใจจะทำ

“ก่อนไปขอมัดจำไว้ก่อนได้มั้ยพี่”

หือ

คนที่กำลังขับรถรีบหันมามองหน้าของยูกิและรีบหันไปมองที่ถนนเพื่อจะเลี้ยวรถเข้าไปในซอย ใกล้ถึงบ้านยูกิแล้ว

“มัดจำเหรอ”

ใช่พี่ มัดจำ ก็ไม่มีอะไรหรอกพี่ ไม่มีอะไรมาก

“ผมขอจูบพี่ซักทีได้ป่ะ”

ยูกิ......... มาขออะไรแบบนี้วะ มันใช่เรื่องที่ไหน

“คงไม่ได้”

ถูกปฏิเสธแบบตรง ๆ และยูกิ ก็รู้สึกว่าหน้าโคตรชา

อ่า ไม่ได้เหรอวะ ไม่ได้ก็......ไม่ได้ พี่บาสแม่งหวงตัวชิบหายเลยว่ะ ไม่รู้จะหวงอะไรกันนักหนา ต่อไปก็ได้กันแล้ว

ขอจูบทีแค่นี้ยังไม่ได้เลย เดี๋ยวกูปล้ำแม่งเลยสัด จะได้เลิกเล่นตัว

รถเลี้ยวเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน และยูกิ ก็กำลังจะปลดสายเข็มขัดนิรภัยออก เตรียมลงจากรถ แต่ก็ถูกพี่บาสดึงไหล่เอาไว้ให้หันมามองหน้ากัน และยูกิ ก็หันมามองหน้าของคนที่รั้งเอาไว้ตรง ๆ

อะไรวะ  จะลงแล้ว ง่วงนอนนะเนี่ย พี่มาดึงผมไว้ทำไม

“ที่กิบอกทั้งหมดนั่นมันไม่ใช่เรื่องที่กิต้องทำ ถ้าจะจูบ ไม่ใช่ว่ากิต้องเป็นฝ่ายจูบพี่ก่อน..........ที่ถูกคือพี่ควรจูบ กิ ก่อนใช่หรือเปล่า.............ถ้างั้นนะกิ........ก่อนขึ้นเหนือ พี่ขอมัดจำกิไว้ก่อนแล้วกันนะ.....กิช่วยอยู่เฉย ๆ ด้วย........พี่.....ขอจูบกิซักที กิ จะด่าพี่ก็ได้ แต่กิอย่าเพิ่งต่อยพี่ก็แล้วกัน”



TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน โลกสีชมพู
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 10-05-2014 08:51:57
เอร๊ยยย เค้าไปเดทกันหวานมากกกกกกก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (สุรชาติ & ยูกิ) ตอน วางมัดจำ
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 10-05-2014 08:54:13
นั่นสิมันเป็นหน้าที่พี่บาสต่างหากน้องกิ อย่าใจร้อนนน  :laugh:

รอทริปขึ้นเหนือ หวังว่าคราวนี้นู๋กิคงได้สมจายยย  :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (สุรชาติ & ยูกิ) ตอน วางมัดจำ
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 10-05-2014 08:57:50
มีขอมัดจำกันด้วยหวานไปมั๊ย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (สุรชาติ & ยูกิ) ตอน วางมัดจำ
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 10-05-2014 08:58:27
พัฒนาไปอีกขั้น :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (สุรชาติ & ยูกิ) ตอน วางมัดจำ
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 10-05-2014 09:13:03
เรื่อยๆคู่นี้ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (สุรชาติ & ยูกิ) ตอน วางมัดจำ
เริ่มหัวข้อโดย: ployyuki ที่ 10-05-2014 09:15:43
ตอนหน้าไม่พู่ก็กิเนี่ยแหละ โดนแน่ๆ 555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (สุรชาติ & ยูกิ) ตอน วางมัดจำ
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 10-05-2014 09:18:21
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด สองคู่นี้มันคืออัลไล  :mew3: :mew3:
น่ารักมุ้งมิ้งเกินไปแล้วนะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (สุรชาติ & ยูกิ) ตอน วางมัดจำ
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 10-05-2014 10:17:57
เค้าจะมัดจำกันแล้วววววววววววววววว   
ขอเถอะ!! อยากอ่าน!!! มาไวๆนะค้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (สุรชาติ & ยูกิ) ตอน วางมัดจำ
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 10-05-2014 10:31:29
ไอ่คู่นี้มันน่าหยิก ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (สุรชาติ & ยูกิ) ตอน วางมัดจำ
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 10-05-2014 10:32:23
ในที่สุดก็ตามทันแล้ว ชอบทุกคู่เลย สนุกมากกกกกก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (สุรชาติ & ยูกิ) ตอน วางมัดจำ
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 10-05-2014 11:23:42
ว้ายยยย พี่บาสขอมัดจำ อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (สุรชาติ & ยูกิ) ตอน วางมัดจำ
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 10-05-2014 11:38:34
พี่บาส น่าจะไปบวชเป็นพระนะ ใจเย็นเลยเกิน น้องกิก็ยั่วซะขนาดนั้น อะไรๆๆน้องก็ต้องเริ่มตลอดขนาดจูบยังต้องขอเลย

 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน อินเลิฟ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 10-05-2014 11:42:47
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/07/ไฟล์เปล่า13M0Or.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ อำนาจ & พู่ .....ตอน  อินเลิฟ

หนังบู๊กันกระจาย ทั้งหมัดทั้งศอกทั้งเข่าแทบจะทะลุออกมานอกจอ

คนที่ตั้งใจมาดูหนังมันควรจะอินกับการดูหนังไม่ใช่เหรอวะ แล้วนี่มันอะไร... ทำไมถึงได้.........
ก็ไม่ได้คิดจะห้ามหรอกนะ ถ้าพี่แก๊ปมันจะค่อย ๆ ดึงมือไปกุมไว้แบบนี้ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทำเป็นมองไม่เห็นก็ยังได้
ทั้งที่ตากำลังจ้องไปที่จอภาพยนตร์ที่กำลังฉาย แต่ใจมันไปกองรวมกันอยู่ที่มือหมดแล้ว จะว่าจับมือกันครั้งแรกก็ไม่ใช่

เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้มันเหมือนเป็นการเล่นหรือหยอกล้อกันมากกว่า ไม่ใช่จริงจังแบบนี้

แบบนี้มันเป็นการจงใจให้รู้ว่า.......ที่จับมือแบบนี้มันจริงจังนะ ไม่ใช่แบบที่เคยเล่น ๆ เหมือนที่เคยเป็นมา

จะจับอย่างเดียวกูก็ไม่ว่านะพี่แก๊ป
แต่ไอ้การที่มึง..........ยกหลังมือกูขึ้นมาหอมหนัก ๆ ติด ๆ กันหลาย ๆ ครั้งนี่มันอะไร

แล้วยังมีการมาทำหน้ามึนใส่อีก

ทำเป็นไม่มองหน้ากูเนอะ แต่ทำแบบนี้กับกูซะงั้น

ชอบนะ ไม่ใช่ไม่ชอบ มึงทำอะไรของมึงไอ้พี่แก๊ป มันชักจะหวานเกินไปแล้ว จนกูเริ่มทำตัวไม่ถูกแล้ว
อยากจะถามจริง ๆ วันนี้มึงเป็นอารายของเมิงงงงงงงงงงงงง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน อินเลิฟ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 10-05-2014 11:45:24
เรื่องหนังที่เพิ่งดูจบไปไม่ใช่ประเด็นที่จะเอามาคุยกัน เพราะในเวลานี้เราไม่ได้คุยกัน

เดินออกมาด้วยกันก็จริง แต่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่มีอะไรจะพูดกันเลยสักคำ
ที่ไม่พูดไม่ใช่ไม่มีอะไรจะพูด แต่เพราะไม่รู้จะพูดอะไรก่อนดี เลยได้แต่เดินออกมาด้วยกันเงียบ ๆ

มันอิ่มอกอิ่มใจจนพูดไม่ออก เดินด้วยกันจนมาถึงทางแยกไปลานจอดรถแล้วพู่ก็หันไปถามแก๊ปที่เดินอยู่ข้าง ๆ กัน

“กลับไงพี่แก๊ป”

พู่เอ่ยถามออกไปด้วยความสนใจ และคนที่เดินอยู่ข้าง ๆ ก็หันมาส่งยิ้มให้

“เดี๋ยวรอรถข้างหน้าก็ได้ พู่กลับบ้านได้แล้วเหอะไป สี่ทุ่มกว่าแล้ว”

เอางั้นเหรอพี่แก๊ป

“งั้นผมกลับก่อนนะ”

เออ กลับเหอะ ดึกแล้ว แม่มึงคงด่าแล้วมั้งป่านนี้ ใครๆ ก็รู้แม่ไอ้พู่หวงลูกชาย ไม่ให้สาวไหนมายุ่งวุ่นวาย โชคดีที่กูเป็นผู้ชายเลยรอดตัวไป หึ หึ หึ

คิดแล้วก็ขำ ไม่รู้มันกลายมาเป็นแบบนี้ได้ยังไง
ตอนแรกไม่ได้ชอบหรอกนะ แล้วก็ไม่รู้ว่าไอ้พู่มันมาชอบกูได้ยังไงด้วย
เล่นกันไป เล่นกันมา หยอกกันไป หยอกกันมา ทะเลาะกันบ้าง เกลียดกันบ้าง แต่ว่า.......ตั้งแต่วันที่รู้ว่าไอ้พู่มันชอบ

ทั้งที่ตอนแรกไม่ได้คิดอะไรจริง ๆ แต่ไม่รู้ทำไมสุดท้ายถึงได้คิด..........คิดกับมันไปไกล ไกลเกินกว่าจะเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกัน
คิดไปไกลเกินกว่าจะเป็นแค่พี่น้องกัน

ไม่รู้ทำไมถึงได้...........คิดกับมันได้ถึงขนาดนั้น....... ไม่รู้ว่าอะไรทำให้คิดกับมันแบบนั้นไปได้

“พู่”

หันไปเรียกคนที่กำลังจะเดินย้อนไปที่ลานจอดรถและพู่ที่กำลังเดินก็หันกลับมามอง เลิกคิ้วขึ้นสูงเหมือนเป็นการถามและแก๊ปก็บอกออกไปตามที่คิด

“........กลับบ้านดี ๆ นะ........”

พู่พยักหน้ารับ อยากจะยิ้มอยู่หรอกนะ แต่บางทีการแสดงอาการมากเกินไปมันก็ไม่ค่อยดี
ก็เลยได้แต่ยิ้มไปเมินหน้าหนีไปมองทางอื่นเรื่อยเปื่อยก่อนจะหันมาพูดประโยคคล้าย ๆ กันกับสิ่งที่พี่แก๊ปพูด

“พี่แก๊ปเหมือนกัน...กลับบ้านดี ๆ”

เออ กลับดีๆ อยู่แล้วแหละ

“เออ....ไปเหอะพู่ มันดึกแล้วว่ะ เจอกันพรุ่งนี้”

ได้ เจอกันพรุ่งนี้พี่

พู่ยกมือขึ้นโบกไม้โบกมือให้ และแก๊ปก็นึกเขินกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ในเวลานี้ โบกมือกลับมันซะงั้น มันโบกมือมา กูก็โบกมือกลับ
ห่าอะไรวะเนี่ยะ.....แม่งจะมาเขินอะไรกันแค่โบกมือให้กันแค่นี้

คิดแล้วก็ตลก คิดแล้วก็ขำ คิดแล้วก็อมยิ้ม และแก๊ปก็มองคนที่เดินไปที่ลานจอดรถ
มองจนพู่เดินไปลับตา และก็หันมายืนอมยิ้มคนเดียวเงียบ ๆ

ยืนยิ้มอยู่คนเดียว และมองไปที่รถโดยสารประจำทางที่ยังไม่มาซักที

วันนี้อารมณ์ดีที่สุด วันนี้มีความสุข วันนี้ได้ลองทำสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะทำ
ใช่ที่รู้สึกขัดเขิน แต่พอได้ลองทำแล้ว มันไม่ได้แย่เลยสักนิด

ทำแบบนี้กับคนที่คบหากัน ทำแบบนี้กับไอ้พู่

อยากทำมานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้ทำ แล้วพอได้ลองทำแบบนี้ดู ก็รู้เลยว่าชอบ

หัวใจมันฟูฟ่องล่องลอยไปไกล ชอบที่ได้เห็นเวลาที่พู่มันยิ้ม ชอบที่ได้เห็นเวลาที่พู่มันพูด
ชอบที่ได้เห็นทุกกิริยาอาการของไอ้พู่มันทุกอย่าง

ชอบทุกอย่างที่รวมกันขึ้นเป็นมัน.......... มึงเป็นแฟนกูนะพู่
มึงอ่ะเป็นแฟนกูตั้งนานแล้ว เราคบกันมาครึ่งปีแล้ว........แต่กูเพิ่งรู้สึกว่าหัวใจมันปลอดโปร่งและมีความสุขก็ตอนที่ได้ทำให้มึงรู้ และแสดงออกให้มึงเห็นว่ากูชอบมึงจริงจังนะ

ถึงแม้เมื่อก่อนการที่กูไม่แสดงออกอะไรก็ไม่ใช่ว่ากูไม่สนใจมึง มันแย่ไปหน่อยที่กูแสดงความรู้สึกไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่
มีหลายครั้งที่ทำให้มึงขัดใจ แล้วก็ทำให้มึงเสียใจไปบ้าง มีเรื่องให้เราไม่เข้าใจกันเยอะแยะเต็มไปหมด
มีเรื่องที่เราไม่เคยพูดกัน มีเรื่องที่เราไม่เคยบอกกัน แต่วันหนึ่งเมื่อบอกให้รู้ เมื่อเราเริ่มแบ่งปันทุกปัญหากัน

เมื่อเราเริ่มแบ่งปันความคิดกัน เมื่อเราเริ่มค่อย ๆ รับอีกฝ่ายเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต
ทุก ๆ อย่างมันดีขึ้นเรื่อย ๆ

อย่างที่พู่มันพูดก็ถูก.............กูเป็นแฟนมึงนะพี่แก๊ป..... มีอะไรหัดเล่าให้กูฟังบ้าง ถ้ายังเห็นกูเป็นแฟน ถ้ายังคิดได้ว่าเราคบกันอยู่ ก็หัดบอกให้รู้บ้างว่าทำอะไรที่ไหนอยู่ จะได้ไม่ต้องมาคิดมาก ไม่ต้องมาระแวง หรือคิดอะไรโง่ๆ อย่างที่เคยคิดอีก

ไอ้พู่มันพูดถูก

เพราะหลังจากที่ได้รู้เรื่องราวของกันและกันมากขึ้น มันเหมือนกับว่าเราไม่ต้องคิดอะไรอยู่คนเดียวอีกแล้ว
ช่วยกันคิดสองคน มีอะไรก็ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ให้มันสมกับการที่เรากำลังคบหากันอยู่

ไม่ใช่คบไปวัน ๆ คบกันไปแก้เบื่อ คบกันไปเพราะว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ
เราคบกันโดยมีพื้นฐานของคำว่ารักใคร่ชอบพอในตัวตนของอีกฝ่าย รับได้ในสิ่งที่อีกฝ่ายเป็น ดีหรือร้าย ถูกหรือผิด

แค่เรารับในสิ่งที่อีกฝ่ายเป็นได้ อภัยให้กันได้
หลังจากนั้น เรื่องความเข้าใจ ความเห็นใจและการช่วยเหลือเกื้อกูลกันก็ตามมา

สิ่งที่กูสัญญาและเคยบอกเอาไว้ กูจะทำให้สำเร็จให้ได้
แม้ว่าตอนนี้ ยังมีแรงแค่นี้ แต่ต่อไป กูจะดีกว่านี้ให้ได้นะพู่

ดีให้สมกับที่มึงรัก ดีให้สมกับที่มึงรอ  ดีให้สมกับที่มึงไว้ใจและเชื่อใจกู

.......แม่ง.........อารมณ์คนอินเลิฟมันเป็นแบบนี้นี่เองว่ะ กูเพิ่งจะรู้...............

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน อินเลิฟ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 10-05-2014 11:49:54
“พี่แก๊ปไปด้วยกันเหอะว่ะ ไปส่ง”

อะไรนะ

แก๊ปเลิกคิ้วขึ้นสูงเมื่อรถมอร์เตอร์ไซด์ของพู่ขับมาจอดอยู่ตรงหน้าและพู่ก็เรียกให้แก๊ปขึ้นมาด้วยกัน

“ไปได้ไง เดี๋ยวตำรวจแม่งจับ หมวกกันน็อคก็ไม่มี กูขี้เกียจรำคาญ เดี๋ยวมึงจะซวยไปด้วย”

เออช่างแม่งเหอะ จับก็จับ จับก็แค่ปรับ กูมีตังค์จ่ายค่าปรับ
ดึกแล้ว รถเมล์นาน ๆ จะผ่านมาที แล้วเมื่อไหร่มึงจะได้กลับบ้านวะพี่แก๊ป มันยิ่งจะดึกเข้าไปใหญ่

“เออ กูจะขี่ระวัง ไม่ซิ่ง ไม่ลงข้างทาง โอเคป่าว”

แม่ง ไอ้พู่เอ้ย

กลับบ้านแค่นี้กูกลับเองได้ ไม่ต้องให้มึงลำบากไปส่งหรอก

“ขึ้นมาเร็ว ๆ มึงอย่ามาลีลาเยอะพี่แก๊ป เดี๋ยวรถคันหลังบีบแตรไล่นะเฮ้ย”

เออ ไปก็ได้ ไปก็ไป แก๊ปตัดสินใจกระโดดซ้อนท้ายหนุ่มแว๊นที่ชักชวนให้ไปซิ่งด้วยกัน ขำก็ขำ อยากจะยิ้มก็อยาก

แต่อารมณ์นี้ จะมาแสดงอาการยิ้มหรือขำก็ไม่ได้ คนมันอุตส่าห์มีน้ำใจอยากไปส่งแฟน ก็ต้องตามใจมันหน่อย

“พี่แก๊ป พี่แก๊ป”

เออ

“ว่า”

ตะโกนฝ่าเสียงลมที่กำลังตีเข้าที่หน้า และไอ้คนตะโกนถามก็ทำให้แก๊ปหัวเราะไม่หยุดเพราะคำพูดถัดมาของมัน

“พี่วิเชียรแม่งตายยากชิบหายเลยว่ะ กูเจอแม่งตอนเดินออกจากโรงหนัง แต่ไม่ได้บอกมึง ไม่รู้ว่าแม่งเห็นเราหรือเปล่านะ แต่หน้านี่ยิ้มแฉ่งเลย ท่าทางคงไม่สนใจเราว่ะ เพราะแกมากับแฟนแก”

มึงเห็นเหมือนกันเหรอวะ

“แฟนแม่งดูดีชิบหายเลยว่ะ ที่อยู่บ้านเดียวกับพี่วิเชียรอ่ะ กูนึกว่าจะแก่แล้ว ที่ไหนได้ แม่งอย่างดูดี มิน่าล่ะ ห้าโมงเย็นปุ๊บ พี่วิเชียรตรงดิ่งกลับบ้านทุกวัน”

เออว่ะ อันนี้กูเห็นด้วย

“ของแม่งแรงจริงว่ะ ขนาดหนีมาดูหนังแล้วนะ แม่งยังเสือกเจอจนได้ พรุ่งนี้กูจะถล่มให้เละเลย ถ้าจะมาถล่มกูก่อน”

แก๊ปตะโกนแข่งกับเสียงลม และสองคนก็พากันหัวเราะด้วยความขำออกมาพร้อมกันทั้งคู่

“แท็กทีมเลยลูกพี่แก๊ป จัดกันไปเลยเพ่”

คุยกันอย่างสนุกสนานออกรส ในระหว่างที่กำลังมุ่งหน้าไปที่บ้านของแก๊ป

วันนี้อารมณ์ดี อารมณ์ดีด้วยกันทั้งคู่ ถ้ารู้ว่าเปิดใจคุยกันแล้วสบายใจขนาดนี้ รู้อย่างนี้เปิดใจไปตั้งนานแล้ว ไม่ปล่อยให้เข้าใจผิดกันไปใหญ่โตหรอก

แต่ก็ดีแล้วที่เราทะเลาะกัน เพราะยิ่งทะเลาะกันมากเท่าไหร่เรายิ่งสนิทกันเท่านั้น

แก๊ปแตะมือเบา ๆ ที่ไหล่ของพู่ และแกล้งตีมือเล่นเบา ๆ และคนที่กำลังขี่มอร์เตอร์ไซด์อยู่ก็ยิ้มออกมาบาง ๆ

รอยยิ้มที่มองเห็นได้จากกระจกมองข้าง เรายิ้มให้กันมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะพู่ ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เรายิ้มให้กันได้มากขนาดนี้

แก๊ปยังคงยิ้มและตีมือเล่นเบา ๆ ที่ไหล่ของพู่ไปเรื่อยๆ จนรถเลี้ยวเข้าซอยบ้าน ที่เป็นหมู่บ้านที่เรียงรายติดกันและมีถนนเล็ก ๆ พอให้รถสองคันสวนกันได้ ขับมาจอดที่หน้าร้านขายของชำที่แม่พี่แก๊ปกำลังจะปิดร้านและพู่ก็จอดรถที่หน้าร้านตามที่พี่แก๊ปบอก

“แม่....น้องที่ทำงานมาส่ง ไอ้น้องพู่ พู่........แม่กู”

แนะนำให้รู้จัก และพู่ก็ยกมือไหว้แม่ของพี่แก๊ป และแม่พี่แก๊ปก็รับไหว้ก่อนจะส่งยิ้มจาง ๆ มาให้

“กินอะไรกันมายังลูก”

กินเหรอ ก็..........

“พู่ กินข้าวอีกป่ะ”

ไม่ดีกว่ามั้งพี่ ไม่เป็นไรว่ะ เดี๋ยวรีบกลับก่อนดีกว่า

“ห้าทุ่มกว่าแล้ว เดี๋ยวจะยิ่งดึกว่ะพี่แก๊ป”

เหรอ

“เออจริงว่ะ ห้าทุ่มกว่าแล้ว แม่งดึกแล้วด้วย..............ข้างนอกตอนที่เข้ามาก็ยังว่าทั้งมืดทั้งเปลี่ยวเลย.......พู่ไม่ต้องกลับดีกว่ามั้ง......ค้างบ้านพี่ป่ะ”

ห๊ะ......... ค้างเหรอวะ

“ไม่เป็นไรมั้ง กลับดีกว่า ไม่อยากรบกวน”

แต่กูไม่อยากให้กลับ แม่งดึกแล้ว ขี่มอร์เตอร์ไซด์ออกไปตอนนี้ กูล่ะกลัวมึงโดนถีบรถแล้วปล้นเอาของ

“อย่ากลับเลยว่ะ พรุ่งนี้เดี๋ยวออกไปทำงานตอนเช้าพร้อมกัน”

จะดีเหรอวะ

“เอาจริงดิ”

จริงสิวะ กูพูดเล่นหรือไง

“เออ พูดจริง ๆ”

เอางั้นจริงเหรอ ถ้า..........งั้น....ค้างก็ได้วะ

“กูไม่เกรงใจนะพี่แก๊ป....งั้นขอค้างด้วยซักคืนนะคร้าบบบบบบบบ”

บอกแม่ของพี่แก๊ป และแม่ของพี่แก๊ปก็ส่งยิ้มให้

“ดึกแล้วลูก ข้างนอกมันเปลี่ยวด้วย นอนบ้านแม่ซักคืนนี่แหละนะ”

ครับ

“รบกวนด้วยคร้าบบบ”

จอดรถมอร์เตอร์ไซด์และถอดหมวกกันน็อคออก และแก๊ปก็บอกให้ถอยรถเข้ามาเก็บในร้าน

“แก๊ปนอนร้านเองแม่ แม่เข้าไปนอนบ้านในนะเดี๋ยวแก๊ปปิดร้านเอง ดึกแล้วแม่ไปอาบน้ำนอนเหอะ”

บอกแม่เรียบร้อยและแม่ก็วางมือจากการดึงหน้าร้านลง

“อย่าปิดดึกมากลูก เดี๋ยวก็รีบปิดได้แล้วนะ”

ครับ

“ไม่เป็นไร น้องพู่มันอยู่เป็นเพื่อน แม่ไปเหอะ”

บอกแม่เรียบร้อยและแม่ของพี่แก๊ปก็เดินหายไปหลังร้าน และแก๊ปก็ชี้มือบอกพู่ที่กำลังยืนมองว่าแม่พี่แก๊ปจะไปไหน

“ที่จริงบ้านอยู่ข้างใน ปกติพี่ก็นอนร้านนี่แหละสลับกับเข้าไปนอนบ้านในบ้าง นอนเฝ้าของ บางทีถ้ากลับมาแล้วร้านยังไม่ปิดพี่ก็นอนข้างนอก ปิดร้านเอง แล้วแต่ว่าขับวินเสร็จตอนไหนก็เข้ามาตอนนั้น เริ่มง่วงตอนไหนก็เข้ามานอน”

เหรอ มึงนี่แม่งขยันชิบหายเลยว่ะพี่แก๊ป ผิดกับหน้าที่ดูเหมือนคนเล่น ๆ ไม่เอาอะไร

“พู่ กินข้าวอีกรอบดิ เหลืออะไรไว้ให้กินบ้างวะ”

พี่แก๊ปเดินมาเปิดฝาชีดูกับข้าวที่แม่แบ่งไว้ให้เป็นปกติ เวลาที่กลับบ้านมาดึก ๆ แล้วหิวก็มักจะมีข้าวให้กินเสมอ

“มีกุนเชียง กับต้มยำปลาทู พู่กินข้าวอีกดิ ไปตักข้าวมากินกัน”

โหพี่แก๊ป กูก็หิวอยู่หรอกนะ แต่แม่งแปลก ๆ ว่ะ กูเกรงใจ

“ยกไปกินหน้าร้านกัน เดี๋ยวกินเสร็จค่อยปิดร้าน”

เอางั้นเหรอวะ ถ้าจะเอาอย่างนั้นก็ได้

แก๊ปถือจานกุนเชียงและถ้วยใส่ต้มยำปลาทูมาตั้งไว้ที่โต๊ะหน้าร้านแล้ว และพู่ก็เลยมองหาจานข้าวและช้อนส้อมสองคู่เพื่อตักข้าวไปกินด้วยกันที่หน้าร้าน

“พี่แก๊ป ข้าวแค่นี้พอป่ะ”

ยกจานข้าวให้คนที่วางกับข้าวไว้บนโต๊ะที่หน้าร้านดู และแก๊ปก็พยักหน้า

“มึงกินแค่ไหนตักมาเลย แม่กูทำกับข้าวอร่อย ไม่พอเดี๋ยวค่อยไปตักเพิ่ม”

แค่นี้ก็เยอะแล้ว

พู่ตักข้าวใส่จานและเดินออกมาที่หน้าร้าน ลากเก้าอี้ไม้มานั่ง และวางจานข้าวให้แก๊ป

“กินเยอะ ๆ จะได้ทำตัวดี ๆ ขยันทำงานหาเงินมาขอกูซักที กูรอนานแล้ววววววววว”

เหี้ยยยยยยยยยย มันไม่ใช่แล้วมั้ง ไอ้ห่าพู่

“กินไม่เยอะ กูก็ทำตัวดี ๆ แล้วก็ขยันทำงานเตรียมหาเงินมาขอมึงอยู่แล้วววววววว”

ตอบกลับไปและหัวเราะเสียงเบา และก็เป็นพู่ที่เป็นฝ่ายแซวแต่ต้องมาเขินเองเพราะโดนแซวกลับ

“อารายพี่แก๊ป”

อะไรล่ะ ไม่มีอะไรนี่ อะไรมึ้งงงงงง

“กินข้าวไปเลย”

อ้าว นี่มันปากกู จะมาบังคับให้กูกินข้าวทำไม กูมีมือกูตักกินของกูเองด้ายยยยยยย

“แม่งเขินแล้วน่ารักนะมึง”

ใครว่ากูเขิน ไม่มี๊

“ไอ้พี่แก๊ป”

อะไรพู่

“เรียกทำไมครับ”

แกล้งพูดจาเพราะ ๆ ใส่ และแก๊ปก็มองหน้าของพู่แบบยิ้ม ๆ

“ไม่มีไร”

นึกว่าจะแน่

แก๊ปกำลังนั่งอมยิ้ม และตักปลาทูตัวใหญ่ที่อยู่ในชามมาใส่จานข้าวให้พู่ทั้งตัว

“กินเยอะ ๆ จะได้ทำตัวดี ๆ จะได้เป็นเมียที่ดี ทำตัวอยู่ในโอวาทผัว”

เหี้ยยยยยยยยยยย

“ไอ้พี่แก๊ป มึงพูดไรเนี่ยะ”

อ้าว กูไปพูดอะไร กูก็พูดตามที่ควรจะพูด หรือไม่จริง

“โทษทีว่ะ งั้นแก้ใหม่.........”

แก้ใหม่เหี้ยอะไรของมึงอิ๊ก

“กินเยอะ ๆ จะได้ทำตัวดี ๆ ตอนนี้เป็นว่าที่เมียไปก่อน เพราะยังไม่ได้เอากันเลย ยังเป็นผัวเมียกันไม่ได้ รอให้เอากันก่อน..........น้องพู่ของพี่แก๊ปถึงจะยอมเป็นเมียที่ดี อยู่ในโอวาทผัว”

ไอ้เหี้ยพี่แก๊ป เดี๋ยวมึงโดน

“แซวอยู่นั่นแหละวะ แม่ง.........กูอายนะเนี่ย เดี๋ยวก็คว่ำถ้วยต้มยำใส่หน้าแม่งเลย”

เหรออออออออออออออ

“ทำเป็นเขินดีไปเหอะ คืนนี้มึงเสร็จกูแน่ไอ้พู่ ยังไงมึงก็ไม่รอด”

ไอ้เหี้ยพี่แก๊ป พูดจาเหี้ยมากเลยนะมึง

“นึกว่ากูกลัวหรือไง..........เห็นดีแต่ปากแบบนี้มาหลายหนแล้ว.........ถ้ามึงแน่จริงก็มา”

ท้าทายกันแบบเห็น ๆ และเป็นแก๊ปที่แกล้งชี้หน้าคาดโทษคนที่ท้า

“มึงท้าเองนะ มึงท้าเองนะพู่ แล้วจะมาหาว่ากูโหดร้ายไม่ได้นะ”

เออ กูท้าเองเลยนี่แหละ ไม่ต้องมากลัวว่ากูจะกลัวมึงโหดใส่หรอก

“กูก็เห็นมึงโหดตลอดแหละ เดี๋ยวกูก็ขึ้นเองเลยแม่ง พูดอยู่ได้ ...ไม่เห็นจะเคยเอาจริงซะที”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (สุรชาติ & ยูกิ) ตอน วางมัดจำ
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 10-05-2014 12:01:01
กล้าเปล่าพี่แก๊ป :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน อินเลิฟ
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 10-05-2014 12:07:18
น่ารักกันจริงๆ รอลุ้นคู่น้องพู่กะโกกิ 555 ไม่ต้องรีบนะลูกนะ เดี๋ยวได้จัดแน่นอน 5555
 :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน อินเลิฟ
เริ่มหัวข้อโดย: @rnon ที่ 10-05-2014 12:11:46

ท้าเค้าจัง ทั้งน้องพู่ น้องกิ

คนอ่านก้อรอแล้วรออีก..เมื่อไหร่จะทำกันซักทีวะคับ

 :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน อินเลิฟ
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 10-05-2014 12:16:39
กล้าไหม?

มึงกล้าไหมไอ้พี่แก๊ป  :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน อินเลิฟ
เริ่มหัวข้อโดย: foolishbeat ที่ 10-05-2014 12:24:19
มาอ่านสามตอนรวด คู่หวานๆสองคู่
พี่บาสน้องกิตอนขึ้นเหนือคงสวีทเว่อ
ส่วนแก๊ปน้องพู่ เดี๋ยวจะได้กันแล้วสินะ คู่นี้เรื่อยๆน่ารักดี อมยิ้มตลอด

ต่อไปจะได้อ่านเชียรกับเฮียมาเดทกันไหมจ้ะ อยากอ่านนน เฮียพาเด็กมาเดท คงแซ่บน่าดู
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน อินเลิฟ
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 10-05-2014 12:28:15
พี่แก๊ปสู้ๆเขา เห็นไหมๆ น้องพู่ท้าแล้ว  :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน อินเลิฟ
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 10-05-2014 12:42:04
สนุกมาจ้า อ่านแล้วยิ้มได้ทุกตอน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน อินเลิฟ
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 10-05-2014 12:46:08
เอ้อ พี่แก๊ป ยังไงคะยังไง  :o8:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน อินเลิฟ
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 10-05-2014 13:01:23
แก๊ปน้องเขาท้าแล้ว อย่าไปกลัว
จัดเต็มจัดหนักไปเลย
พู่จะได้รู้ว่าใครใหญ่
 :hao7:


หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน อินเลิฟ
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 10-05-2014 13:09:17
พี่แก๊ปจ๋าาาา เด็กมันท้าแล้วเพ่ อย่าไปยอม เดี๋ยวจะหาว่าเราไม่แน่จริง
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน อินเลิฟ
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 10-05-2014 13:19:47
ยอมได้เหรอพี่แก๊ป  อย่ายอมนะเพพพพพพพพพพพพ่!!! :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน อินเลิฟ
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 10-05-2014 13:30:59
จัดให้น้องพู่สักดอกสองดอกสิ :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน อินเลิฟ
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 10-05-2014 13:43:02
จัดเต็มให้น้องซักหน่อยก็นะ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน อินเลิฟ
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 10-05-2014 14:41:34
55555 พู่มันท้าว่ะพี่แก๊ป จัดให่เด็กมันหน่อยซิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน อินเลิฟ
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 10-05-2014 14:47:23
เอาชนะ เดี๋ยวแม่ได้ยิน :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน อินเลิฟ
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 10-05-2014 14:47:37
 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (อำนาจ & พู่) ตอน อินเลิฟ
เริ่มหัวข้อโดย: minmin96 ที่ 10-05-2014 15:11:47
น้องพู่จะขึ้นเอง!!! :a5:
หัวข้อ: รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ สุรชาติ-ยูกิ ตอน ก่อนเข้าบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 10-05-2014 15:21:38
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/08/ไฟล์เปล่า15Z0QUn.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ สุรชาติ  & ยูกิ .....ตอน ก่อนเข้าบ้าน

คนมันมีความสุขเฟ้ยยยยย อะไรมันก็ต้องหยุดไม่อยู่ ก็เหมือนตอนนี้ไง ที่ยูกิ กำลังร่าเริงสุดขีด

“พี่มาขายของเพราะจะเก็บเงินครับ เดี๋ยวอาทิตย์หน้าไม่มาขายสามวันนะครับ จะไปเที่ยว”

บอกกับลูกค้าสาวมัธยมปลายแล้วพวกเธอก็พากันหัวเราะคิกคักชอบใจ

“พี่กิ ไปกับแฟนเหรอคะ”

ไปกับแฟนสิครับไม่ให้พี่ไปกับแฟนแล้วจะให้ไปกับใคร

“แบบนี้ พี่คนนวดแป้งไม่งอนแย่เหรอ ถ้าพี่กิไปกับแฟน”

อยากจะบอกว่าก็พี่คนนวดแป้งนั่นแหละแฟนพี่ แต่ก็ได้แต่ส่งยิ้มหวานให้ และพี่คนนวดแป้งคนที่ว่า ก็วางมือจากการนวดแป้งแล้วเดินมาหยุดยืนอยู่ด้านหลังของยูกิ ที่กำลังยิ้มระรื่นร่าเริงสุดขีด

วางมือเบา ๆ ไว้ที่ไหล่ของยูกิ และจัดการกอดไหล่ไอ้เด็กที่กำลังพูดไม่หยุดนี่ซะเลย

แถมยังส่งยิ้มหวานละมุนให้กับกลุ่มลูกค้าสาวมัธยมซะอีก

“ไม่เป็นไรครับ นาน ๆ ที กิ จะได้ไปเที่ยวบ้าง พี่ก็ต้องอนุญาตเป็นธรรมดา”

คำว่าต้องอนุญาตเป็นธรรมดาไม่ได้แปลว่าต้องธรรมดาอย่างที่ปากพูด และคราวนี้ กลุ่มนักเรียนสาวมัธยมยิ่งพากันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

“ขอรูปคู่ได้มั้ยคะ อยากถ่ายรูปคู่ของพี่กิ กับพี่อ่ะค่ะ”

ก็ได้ครับ ไม่มีปัญหาอะไร
อยากถ่ายก็ถ่ายได้ เอาแบบไหนดีครับ

งั้นไม่ต้องคิดอะไรมาก ง่าย ๆ แบบนี้แล้วกัน

แล้วยูกิที่กำลังยืนยิ้มก็มีอันตาเหลือก เมื่ออยู่ ๆ พี่บาสที่ไม่ค่อยจะแสดงท่าทีอะไรมากมายต่อหน้าคนอื่น

กำลังโอบไหล่ของกิ และใบหน้าก็แทบจะแนบชิดติดกันอยู่แล้ว

แถมยังชูนิ้วขึ้นสองนิ้วอีก

แล้วแบบนี้ จะให้ทำอะไรได้ นอกจากพยายามเก็บอาการทั้งที่หน้าร้อนผ่าว

แอบหยิกต้นขาของพี่บาสแรง ๆ แต่ก็ไม่เห็นอีกฝ่ายจะสะทกสะท้าน

พี่คิดอะไรของพี่อยู่วะ ไหนบอกว่า คนเราต้องรู้จักกาลเทศะไง แล้วพี่ไม่คิดเหรอว่าน้องพวกนี้เขาจะคิดยังไง ที่พี่มาทำท่าทางแบบนี้กับผม ไหนเมื่อก่อนพี่บอกว่าดูไม่ดีไง ผมก็อุตส่าห์เชื่อพี่มาตลอดนะแล้วนี่มันอะไรล่ะพี่

นี่มันอะไรกันล่ะ แบบนี้แม่งก็เกินไปเฮ้ย แก้มแม่งแทบจะแนบกันอยู่แล้ว พี่บาส พี่รู้บ้างหรือเปล่าวะ ผมแม่งกำลังทำหน้าไม่ถูกแล้วเนี่ย โธ่โว้ยยยย...........กูเขินจะตายแล้วโว้ยยยยยยยยยยยยย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ สุรชาติ-ยูกิ ตอน ก่อนเข้าบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 10-05-2014 15:22:41
“พี่...ขำไรวะ”

แกล้งพูดจาหาเรื่อง ทั้งที่จริงออกจะชอบแล้วก็ดีใจที่พี่บาสแสดงความเป็นเจ้าของถึงขนาดนี้
แม้จะไม่มากมายก็เถอะ แต่ก็มากพอให้ผมเขินได้แล้วกันล่ะน่า

“ขำหน้าคนแถวนี้”

หน้าคนแถวนี้ที่ว่านี่ใครเหรอ หมายถึงผมใช่ป่ะ

“เอออออออออ ขำไปเห้อะ ขำปายยยยยยย ต่อไปก็ขำไม่ออกแล้ววววว”

แกล้งขู่และยูกิก็เดินไปยืนอยู่ด้านหลังของคนที่กำลังเก็บล้างของเพื่อเตรียมจะกลับบ้าน เพราะขายหมดทั้งน้ำเต้าหู้และปลาท่องโก๋แล้ว

“ขำมากมั้ยจ๊ะ”

ไม่ใช่แค่พูด แต่สิ่งที่ยูกิ ทำก็เหมือนเคย ๆ แตะมือไปที่เอวของคนที่กำลังเก็บของ และเริ่มหาเรื่องลวนลามด้วยการลากมือลงมาที่สะโพกของคนที่ยืนอยู่ สิ่งที่ทำ ก็เหมือนทุกวัน ทั้งบีบคลึงเค้น ทั้งหาเรื่องให้โดนด่า
ซึ่งมันเคยได้ผลเสมอ แต่มันไม่ใช่วันนี้ เพราะแทนที่พี่บาสจะด่า กลับหันมามองและส่งยิ้มแปลก ๆ มาให้ซะอีก

เฮ้ยยยยยยยยยยย มันอะไรกันล่ะว่ะ

“ชอบมากเลยนะ จับตูดคนอื่นเนี่ย ลองโดนจับบ้างเอามั้ย”

เอา ใครบอกไม่เอาล่ะ

ไม่ใช่แค่คิด แต่สิ่งที่ยูกิทำก็แค่แกล้งแอ่นก้นให้อีกฝ่ายจับ

“แน่จริงมา”

มีการท้าทายและยังหัวเราะเพราะเห็นเป็นเรื่องสนุกที่ได้แกล้งให้อีกฝ่ายโมโห

เดี๋ยวแม่งก็ด่ากู เชื่อเหอะ

คำด่าของพี่บาสมีอะไรบ้างนะ .........ไม่รู้จักกาลเทศะ............. ........เล่นอะไรบ้า ๆ ไม่รู้เรื่อง ..........
แล้วก็อะไรอีก.....น่าจะเป็น........อืมมมมมมม

กำลังคิด และก็แตะปลายนิ้วชี้กับนิ้วโป้งไปที่ริมฝีปาก
ครุ่นคิดคำด่าที่จะได้รับ แต่แล้วคำด่าที่เคยได้ยินพวกนั้นก็ไม่ปรากฏออกมาซักคำ

มีแค่..............รอยยิ้มแปลก ๆ ของพี่บาส ที่ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นยิ้มแบบนี้

อยู่ดีๆ ก็มายิ้มแบบนี้ใส่ซะงั้น พอจะมองให้แน่ใจว่าพี่บาสยิ้มทำไม พี่แกดันหันหน้าหนีทำทีเป็นเก็บของใส่ตะกร้า
มันอะไรกันล่ะวะเฮ้ยยยยยยยย

“พี่ดูแปลก ๆ นะวันนี้”

อดไม่ได้ที่จะทัก และหรี่ตามอง เพราะอยากจับผิด พี่บาสปกติไม่ใช่แบบนี้นะ ถ้าเล่นอะไรทะลึ่งบ้าบอได้ถึงขนาดนี้แล้วไม่โดนด่า มันชักจะไม่ธรรมดา

“แปลกอะไรล่ะ ก็เหมือนทุกวัน”

ไม่ใช่แระ ทุกวันไม่ใช่แบบนี้

ปกติถ้าโดนผมแกล้งขนาดนี้นะ พี่ด่าผมเละเทะแล้ว แต่นี่มันผิดวิสัย พี่คิดอะไรอยู่กันแน่...........สารภาพมาซะดี ๆ

“พี่บาส”

แกล้งเรียก และยูกิก็มายืนข้าง ๆ คนที่กำลังพยายามทำหน้านิ่งเฉย ทั้งที่ในเวลานี้แทบอยากจะยิ้มออกมาอยู่แล้ว เพราะความกวนประสาทของไอ้เด็กนี่ ที่ไม่รู้ตัวบ้างเลย ว่ามันชอบเผลอทำอะไรบ้า ๆ บอ ๆ แต่ทำให้คนที่ยืนอยู่ตรงนี้ รู้สึกดีและมีความสุข เวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน

อยากจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ
เรื่องบ้า ๆ บอ ๆ พวกนั้นน่ะ
ทำไปซะให้พอใจ ไม่รู้บ้างหรือไง ว่าทางนี้ไม่ได้อยากฉวยโอกาส แต่ทางนั้น ก็อยากจะหยิบยื่นโอกาสให้ฉวยอยู่ตลอดเวลา

“พี่ยิ้มอีกแล้วนะ คิดอะไรอยู่กันแน่วะ”

คิดอะไรล่ะ ก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายนี่ ก็แค่..................

“พรุ่งนี้วันศุกร์นะ ขายของอีกวันเดียว แล้วเช้าวันเสาร์เราก็จะขึ้นเหนือกันแล้ว เตรียมตัวไว้บ้างหรือยัง”

อ่อ เรื่องนี้เองเหรอ

“ผมก็มีเสื้อผ้าใส่สองสามชุด ง่าย ๆ สบาย ๆ ผมไม่เรื่องมาก ไม่ต้องเตรียมอะไรเยอะแยะ”

บอกออกไปตามที่คิด แต่นั่นยิ่งเรียกรอยยิ้มให้กับคนที่ถามมากขึ้น

อะไรพี่
ยิ้มแบบนี้หมายความว่ายังไง

“ไม่ได้ถามถึงเสื้อผ้า..............หมายถึงสภาพร่างกาย.....เตรียมพร้อมหรือยัง”

เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยย

“พี่บ้าสสสส”

เสียงสูงขึ้นมากะทันหัน และคนที่เก็บของลงตะกร้าเรียบร้อยก็ไม่ได้รอฟังสิ่งที่กิจะพูดต่อ หิ้วตะกร้าเดินหนีออกมา ทิ้งให้ยูกิ ยืนหน้าแดงก่ำทำอะไรไม่ถูก อยู่ที่ร้าน

……..ง่า.....แม่ง.........พี่บาสแม่ง...เห็นเงียบๆ มาตลอด วัน ๆ มีแต่ชวนให้กูไปสวดมนตร์ไหว้พระทำใจให้สงบ

บางทีบังคับกูแผ่เมตตาให้สัตว์โลกด้วย

ไม่อยากจะเชื่อเลย เอาเข้าจริง ๆ พี่บาสแม่งทะลึ่งยิ่งกว่ากูอีก

พวกพี่วิเชียร กับพี่อ้นบอกว่าพวกนิ่ง ๆ นี่แหละร้ายลึกให้เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ให้ดี

ตอนแรกกูแม่งไม่เชื่อนะ
แต่ตอนนี้ ชักเริ่มเชื่อแล้ว

..............ให้เตรียมตัวบ้าอะไรวะ คิดอะไรเอาไว้บ้างเนี่ยพี่บาส ถ้าเป็นอย่างที่พวกพี่วิเชียรว่าขึ้นมาจริง ๆ นะ

กูคงตาย

“กะถล่มผมให้เละเลยใช่มั้ยพี่ นี่กะจะไม่ให้ผมมีทางรอดเลยว่างั้น พี่บาสนี่แม่งร้ายกาจจริง ๆ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ สุรชาติ-ยูกิ ตอน ก่อนเข้าบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 10-05-2014 15:24:33
“ไปแล้วนะ หวัดดีพี่”

ร่ำลากันเหมือนทุกวัน ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น แต่สิ่งที่ผิดแผกแตกต่างไปจากทุกวันและทำให้ยูกิที่เคยนึกว่าตัวเองเป็นพวกทะลึ่งตึงตังและไม่ได้แคร์อะไรมากมายกับเรื่องอย่างว่า กลับต้องนั่งตัวแข็งทื่อ ลงจากรถไม่ได้ เพราะไอ้พี่บาสที่เคยเป็นคนนิ่ง ๆ เฉย ๆ ยิ้ม ๆ มาตลอด

มารั้งแขนเอาไว้ได้ แถมยังส่งสายตาแปลก ๆ มาให้แบบตรง ๆ

จ้องมองใบหน้าของยูกิ มองจนยูกิ ต้องรีบหลบสายตาและก้มหน้าลง ไม่กล้าสบตาด้วย

อยากจะพูดอะไรก็พูดมาเหอะว่ะพี่ ทำแบบนี้ผมไม่ชิน

พี่บาสที่เป็นแบบนี้ผมไม่ค่อยชินเวลาอยู่ด้วย แม่ง.........ทำให้ผมเขินชิบหาย.......

“จะไปทั้งอย่างนี้จริง ๆ เหรอ กิ”

แล้วไม่ให้ผมไปทั้งอย่างนี้แล้วพี่จะให้ผมไปทั้งอย่างไหนล่ะ ผมก็ต้องไป...........ทั้งอย่างนี้.........สิพี่....

“แล้วพี่จะให้ผมทำไงล่ะพี่”

ถามออกไปแล้ว และคนถามก็ก้มหน้าก้มตามองปลายนิ้วของตัวเอง ทำไมเสียงกูต้องสั่นขนาดนี้ด้วยวะ ไม่เข้าใจ

“ก็ไม่ทำยังไงหรอก วันก่อน พี่จูบกิไปแล้ว วันนี้ กิ จะใจร้ายไม่จูบพี่คืนบ้างเลยเหรอ”

ท้ายประโยคมีการทอดเสียงอ่อย เหมือนกับน้อยใจซะเต็มประดา ทั้งที่ก็เห็นกันอยู่ชัด ๆ พี่บาสทำหน้าเศร้า
แต่ตานี่แม่ง....ยิ้มเห็น ๆ

แกล้งผมเหรอพี่ อย่านึกว่าผมไม่กล้า อย่ามาท้า เรื่องถอยไม่เคยมีในหัวผมอยู่แล้วพี่

อย่านึกว่าผมจะไม่กล้านะพี่

สิ่งที่ยูกิ ทำก็คือการยื่นหน้าเข้าไปหาคนที่นั่งอยู่ฝั่งคนขับ

หลับตาพริ้ม และแกล้งหรี่ตาขึ้นหนึ่งข้างและยังยิ้มหน้าระรื่นเอ่ยบอกคนที่กำลังมองมา

“ม่ะ อยากจูบ ไม่มีปัญหา กิ จัดห้ายยยยยยย”

จัดอะไรไม่รู้ คิดว่าล้อเล่นแล้วก็จะหลบฉากกระโดดลงจากรถไปแบบเนียน ๆ ไม่ให้พี่บาสตั้งตัวได้

ตั้งใจว่าอย่างมากก็แค่เขินนิด ๆ และก่อนอะไรมันจะเลยเถิดก็รีบชิ่งซะ ไม่งั้นขืนอยู่ต่อมีสิทธิ์ได้อายเหมือนวันก่อน ที่เคลิ้มจัดถึงขนาดตัวอ่อนระทวย นั่งนิ่ง ๆ อยู่เป็นนานและเพราะพี่บาสเรียกให้ได้สตินั่นแหละ ถึงนึกขึ้นได้ว่าถึงบ้านแล้ว

ลงจากรถมา แต่ไม่มีปัญญาหาทางเข้าบ้านตัวเอง ไขกุญแจผิด ๆ ถูก ๆ อยู่เป็นชาติ จนคนที่มาส่งทนไม่ไหว ต้องช่วยไขกุญแจบ้านให้ กิถึงได้เดินเข้าบ้านตัวเองได้

ไอ้สภาพแบบนั้น แม่งโคตรน่าอาย กูไม่เอาอีกแล้ว เสียฟอร์มหมด

วันนี้กูก็จะไม่มีทางเสียฟอร์มแบบนั้นเด็ดขาด

ยังไงก็ไม่มีทาง แม่งต้องรีบชิ่งก่อนพี่บาสจะไหวตัวทัน ..............ซะ........อ่ะ เอ่อ........

“ทำไมต้องจับมือด้วยล่ะ ผมไม่ได้หนีไปไหนหรอกนะ”

ขมวดคิ้วมุ่น และจากหน้ายิ้มๆ ตอนนี้เลยพาลจะกลายเป็นร้องไห้ เพราะคนที่รั้งข้อมือเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
อย่ามาทำตลกกลบเกลื่อนนะกิ อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้ ว่ากิคิดจะทำอะไร

“จูบพี่สิ”

เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยย พี่บาสแม่งแกล้งนี่หว่า

ได้แต่ขมวดคิ้วมุ่น และในเวลานี้ยูกิ ที่เคยคิดว่าถ้าทำตลกกลบเกลื่อนจะหนีพ้นได้ก็ชักเริ่มรู้สึกว่าไปไม่เป็น

ไม่ใช่ไม่อยากทำ ไม่ใช่ไม่อยากจูบพี่บาสหรอกนะ แต่ผมรู้ตัวว่าผมมันอ่อนหัด

อ่อนหัดแบบไม่น่าให้อภัย เลยไม่อยากปล่อยให้ตัวเองต้องอับอายเหมือนคราวก่อน

แล้วพี่ก็มาแกล้ง แล้วพี่ก็มาเร่ง

แล้วพี่ก็...............

“อื้อออออออ พี่ กิเขิน แม่งโคตรเขินพี่เลยอ่ะ พี่จงใจแกล้งใช่มั้ย พี่ก็รู้อยู่แล้ว พี่ก็ยังจะแกล้งอีก....ทำไมพี่ถึงร้ายขนาดนี้วะ เดี๋ยวก็เดินเข้าบ้านไม่ถูกอีกหรอก พี่ทำไมแกล้งกิได้ลงคอ”

น้ำเสียงตัดพ้อต่อว่า แววตาที่หรุบต่ำลง ผิวแก้มขาว ๆ ที่กำลังร้อนผ่าวและคนที่จงใจทำให้ยูกิเป็นแบบนั้นก็ยิ้มกริ่ม ยิ่งเห็นยิ่งรู้สึกว่า คนตรงหน้าทำตัวน่ารักน่ามองที่สุด ยิ่งเห็นยิ่งคล้ายจะอดใจไม่ไหว ยิ่งเห็นยิ่งชอบ ยิ่งเห็นยิ่งถูกใจ

ฝ่ามืออุ่น ๆ ประคองที่ข้างแก้มของยูกิ และคนที่ถูกทำแบบนั้นก็มีอาการสะดุ้งนิด ๆ แต่ก็ยอมให้อีกฝ่ายแตะต้องง่าย ๆ

ใบหน้าคมโน้มเข้ามาหา และยูกิก็ได้แต่กำมือแน่น ร่างกายเริ่มเกร็ง และดวงตาก็ปิดสนิทแน่น เมื่อรับรู้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่กำลังใกล้เข้ามา

“นี่แค่นิด ๆ หน่อยๆ นะกิ ของจริงมากกว่านี้”

ห๊ะ อะไรนะ ของจริงมากกว่านี้

ดวงตาที่ปิดแน่น ปรือตื่นขึ้นมา และก็ได้เห็นว่าใบหน้าของพี่บาสอยู่ใกล้กันมาก ใบหน้าห่างกันไม่ถึงสามเซนติเมตร

“พี่ไม่จูบหรอกนะ กิ ต่างหากล่ะที่ต้องเป็นฝ่ายจูบพี่”

เฮ้ยยยยยยยยย แบบนั้นมัน....

จะหนีก็หนีไม่ได้ ในเมื่อใบหน้าถูกยึดเอาไว้ซะขนาดนี้

ตัวแข็ง หน้าซีด และริมฝีปากของเราก็อยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ แต่พี่บาสก็ไม่ยอมทำให้ทุกอย่างจบลง ยังยืนกรานที่จะให้กิเป็นฝ่ายเริ่มก่อนให้ได้ แล้วแบบนี้จะให้ทำยังไง ให้ทำยังไงล่ะพี่

พี่จะให้ผมทำยังไงดีล่ะพี่...........แม่งเอ้ยยยยยยยย.........
หัวข้อ: รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ สุรชาติ-ยูกิ ตอน ก่อนเข้าบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 10-05-2014 15:26:38
“รออยู่นะ”

รออะไรล่ะ ทำไมพี่ไม่ทำเองให้จบ ๆ ไปเลยล่ะว่ะ จะมารอผมทำไม  พี่จะรอผมทำเพื่อ…..
ริมฝีปากของยูกิกำลังขบเม้มเข้าหากันแน่น และดวงตาคมที่อยู่ในระยะประชิด ก็เหลือบมองที่ริมฝีปากอิ่มคู่นั้น

นิ่งมอง และยังคงรอคอยให้ยูกิทำบางอย่าง และยูกิก็ต้องทำ เพราะไม่สามารถเลี่ยงได้อีกแล้ว
เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ให้ริมฝีปากแตะเบา ๆ ที่ริมฝีปากของคนที่กำลังรอ

แตะเบา ๆ และค่อย ๆ ผละจาก

“ไม่เอาแบบนี้ เอาแบบที่พี่เคยทำ”

เหี้ยเอ้ยยยยยยยยยยยยย ทำไมบทจะเรื่องมาก พี่บาสแม่งเรื่องมากได้ถึงขนาดนี้วะ
ก็เนี่ย กำลังพยายามทำอยู่เนี่ย ไม่เห็นหรือไง

“ดี ๆ นะกิ แตะ ๆ ไม่เอา ขอแบบสอดลิ้นเข้ามาด้วย”

เหี้ยเอ้ยยยยย กูไปทำแบบนั้นเป็นตั้งแต่ตอนไหนกันล่ะ โธ่เว้ยยยยยยยย ทำไมถึงได้ปัญหาเยอะแยะขนาดนี้วะ

ได้แต่กร่นด่าในใจ ได้แต่บ่นในใจ และยูกิ ก็ยื่นหน้าเข้าไปอีกเล็กน้อย ให้ริมฝีปากแตะเบา ๆ ที่ริมฝีปากของคนที่เร่งให้ทำบางอย่างให้ แตะเบา ๆ ซ้ำ ๆ กันอีกหลายครั้ง ก่อนจะดุนปลายลิ้นของตัวเองออกมาและพยายามจะสอดปลายลิ้นเข้าไปในริมฝีปากของอีกฝ่ายที่ยอมเปิดปากยอมรับปลายลิ้นของยูกิเข้ามาแบบง่าย ๆ ที่จริงไม่ใช่แบบนี้ แต่ที่กิทำก็ถือว่าดีแล้ว

ไม่ได้เชี่ยวชาญชำนาญการณ์ แต่จัดไปในทางน่ารัก น่าใคร่ น่าทำให้งอแงร้องไห้ซะมากกว่า

กิริยาท่าทางที่ดูเงอะงะ แต่กลับเป็นธรรมชาติมากที่สุดมันยิ่งทำให้คนแกล้งรู้สึกถูกใจ จนเผลอยิ้มออกมา
และเมื่อยูกิ ถอนริมฝีปากออกและยกหลังมือขึ้นเช็ดริมฝีปากของตัวเองไปมา มันยิ่งทำให้อีกฝ่ายยิ้มกว้าง
ยิ้มกว้าง และก็เป็นยูกิที่เขินจนหน้าแดง แต่ทำอะไรไม่ได้

“ให้จูบก็จูบแล้วนี่ไงพี่ พี่จะมายิ้มอะไรอยู่ได้”

ไม่ได้ยิ้มอะไรอยู่ได้หรอก แค่ยิ้มเพราะว่ากิน่ารัก พี่ก็เลยยิ้ม แค่นั้นเองครับ

“เข้าบ้านดีกว่า แม่งพี่บาสชอบแกล้ง”

บ่นอะไรไปเรื่อยเปื่อย และนั่นก็ยิ่งเป็นการสร้างรอยยิ้มให้กับคนแกล้งมากยิ่งขึ้น

“พี่ไปช่วยไขกุญแจบ้านมั้ย”

ไม่ต้อง

“พี่บาส........ถ้าแกล้งผมอีกครั้งผมจะงี่เง่าใส่จริง ๆ นะพี่”

ก็ได้ ไม่แกล้งแล้ว ใครจะไปแกล้งกิได้ลงคอ

“พี่แม่ง ทำเป็นเฉย ที่แท้ทั้งกวน ทั้งชอบแกล้ง เห็นผมไปไม่เป็นนี่ล่ะเห็นเป็นเรื่องสนุก ยิ้มอยู่ได้ แม่ง อายก็อาย น่าจะเห็นใจกันบ้าง”

เห็นใจสิ ทำไมจะไม่เห็นใจล่ะ ก็นี่ไง เพราะเห็นใจก็เลยพยายามทำให้กิ ชินเร็ว ๆ นี่ไง

“กิ”

หันกลับไปมองคนที่ขับรถมาส่งอีกครั้งและพี่บาสก็ส่งยิ้มมาให้ รอยยิ้มหวาน ๆ ที่ทำให้ยูกิแทบลืมหายใจ

“ฝันดีครับ”

อ่า............. ครับ....

“พี่.......ก็เหมือนกัน”

ก้มหน้าก้มตาตอบ และเปิดประตูลงจากรถ เดินไปไขกุญแจบ้านให้ได้เร็วที่สุด และพยายามไม่ให้มือสั่น
ทั้งที่หน้ากำลังยิ้มไม่หุบ ไม่ต่างจากคนที่มาส่ง ที่รอจน กิ เข้าบ้าน แล้วจึงค่อย ๆ ถอยรถออกมาและขับกลับบ้าน

รอยยิ้มไม่จางจากใบหน้า และสัมผัสหวาน ๆ เบา ๆ ของคนที่พยายามทำบางอย่างให้ก็ทำให้บาสถึงกับอมยิ้ม

แตะปลายนิ้วไปที่ริมฝีปากของตัวเอง และยังนึกถึงใบหน้าของคนที่ทิ้งรอยประทับเอาไว้ไม่หาย

อะไรมันจะน่ารักขนาดนั้นล่ะกิ ที่ไม่ทำอะไรมาตลอดไม่ใช่ไม่อยากทำนะ แต่เพราะรู้ว่าถ้าแตะไปแค่นิดเดียวก็คงจะระงับความต้องการที่เกิดขึ้นของตัวเองไม่ไหว แต่ในเวลานี้ แน่ใจแล้วที่จะทำแบบนี้ ถึงได้กล้าที่จะแตะต้อง

................พี่มั่นใจแล้วว่ากิเห็นว่าพี่เป็นคนที่ใช่.......... พี่เองก็รู้แล้วว่ากิคือคนที่ใช่สำหรับพี่เหมือนกัน....เพราะฉะนั้นมันก็ไม่ผิดอะไรที่คนที่ใจตรงกันสองคน..........จะทำอะไรแบบนี้กัน…. ในเมื่อต่างฝ่ายต่างก็รู้สึกดีที่ได้ทำแบบนี้ด้วยกัน

ถ้าจะทำอะไรให้เลยเถิดไปยิ่งกว่านี้ ก็ไม่เห็นว่ามันจะเสียหายอะไร


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (สุรชาติ & ยูกิ) ตอน ก่อนเข้าบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: conankungkub ที่ 10-05-2014 15:43:46
แกๆ ให้มันได้ซั่มกันสักทีเถอะ ขอร้องละ ฉันไม่ไหวแล้ววววววว

 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (สุรชาติ & ยูกิ) ตอน ก่อนเข้าบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 10-05-2014 15:47:32
 :laugh:เขินนนนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (สุรชาติ & ยูกิ) ตอน ก่อนเข้าบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 10-05-2014 15:52:54
 ทำเป็นเขินนะกิ :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (สุรชาติ & ยูกิ) ตอน ก่อนเข้าบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 10-05-2014 16:00:49
จะไปพ้นนครสวรรค์มั้ยหนอ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (สุรชาติ & ยูกิ) ตอน ก่อนเข้าบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 10-05-2014 17:02:55
อัพเลเวล ทวีความหวานขึ้นทุลุเพดานแแล้วนะคู่นี้อ่ะ ชอบบบบบบบบบบบบบบบบ :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (สุรชาติ & ยูกิ) ตอน ก่อนเข้าบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 10-05-2014 17:39:28
 :-[ :-[ :-[ ไม่ไหวแล้ว เขิน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (สุรชาติ & ยูกิ) ตอน ก่อนเข้าบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: bozang ที่ 10-05-2014 17:55:27
โอ้โหพี่บาส คนบ้า >//////<
รอร้อรอ แก๊ปพู่ บาสกิ คู่ไหนจะเสร็จก่อน อิอิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (สุรชาติ & ยูกิ) ตอน ก่อนเข้าบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 10-05-2014 18:36:10
เอาล่ะค่ะ พี่บาสจะรุกแว้วววววววว   :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (สุรชาติ & ยูกิ) ตอน ก่อนเข้าบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 10-05-2014 18:47:22
เผื่อใครอยากอ่านตอนแรก ๆ และงงกับการหาเนื้อหาแต่ละตอน  ทำสารบัญไว้ที่หน้าแรกแล้ว

สารบัญนิยายรักเกิดที่แผนกขนส่ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.0)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (สุรชาติ & ยูกิ) ตอน ก่อนเข้าบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: foolishbeat ที่ 10-05-2014 19:31:16
พี่บาสคิดได้ละ ไปฮันนีมูนก็รวบหัวรวบหางน้องมันซะนะคะ

ปล.แม่ยกคิดถึงวิเชียรจัง :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (สุรชาติ & ยูกิ) ตอน ก่อนเข้าบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 10-05-2014 19:43:23
  งานนี้น้องกิโดนแน่ๆ  :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (วิเชียร-เฮีย) ตอน ของเล่นของวิเชียร
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 10-05-2014 19:54:39
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/05/ไฟล์เปล่า11oMJGn.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ  วิเชียร&เฮีย.....ตอน  ของเล่นของวิเชียร


เฮียกลับมาจากญี่ปุ่นแล้ว เฮียมีของมาฝากวิเชียรด้วย และวิเชียรก็กำลังเพลิดเพลินกับของฝากที่เฮียซื้อมาให้

เสียงของวัตถุรูปทรงคล้ายกับท่อนเอ็นขนาดใหญ่ที่มีปุ่มปมอยู่รอบ ๆ กำลังครางหึ่ง ๆ

ความแรงของเสียงขึ้นอยู่กับการปรับระดับความแรงของการสั่น และวิเชียรก็ปรับระดับจากแรงสุดมาเป็นเบาสุด จากเบาสุดเป็นแรงสุด ปรับระดับความแรงของวัตถุชิ้นนั้นไปเรื่อย ๆ ระหว่างที่นอนตะแคงแล้วใช้แขนหนุนหัวรอเฮียที่กำลังคุยโทรศัพท์เรื่องงานกับลูกค้าจากโซนยุโรปด้วยภาษาอังกฤษที่วิเชียรฟังแล้วอยากจะหลับ

รออยู่นาน.......รอจนเริ่มเบื่อ......และในที่สุดความอดทนของวิเชียรก็ถึงจุดสิ้นสุด

ลุกขึ้นถอดเสื้อคลุมที่สวมอยู่ออกสะบัดทิ้งลงข้างเตียง

และวิเชียรก็แยกขาออกกว้าง เทเจลหล่อลื่นลงมาที่ปลายนิ้วจนทั่วก่อนจะกดแทรกปลายนิ้วเข้าไปที่ช่องทางด้านหลังของตัวเอง

“อาส์”

แหงนเงยใบหน้าขึ้น เพื่อกดนิ้วเข้าไปภายในช่องทางที่เริ่มขยายตอบรับ และวิเชียรก็ดึงนิ้วเข้าออกอีกติด ๆ กันอีกหลายครั้ง ก่อนจะเปลี่ยนจากนิ้วเป็นของฝากที่เฮียซื้อมาให้

ค่อย ๆ ยัดเยียดส่วนหัวเข้าไปอย่างช้า ๆ จนลึกเข้าไปเกือบในสุด เข้าไปจนถึงจุดที่วิเชียรพอใจ แล้ววิเชียรก็เปิดสวิทปรับระดับการสั่นตามใจชอบทันที

“ครืดดดด ครืงงง ครืงงง”

เสียงวัตถุชิ้นนั้นส่งเสียงตามระดับความแรงอยู่ภายในช่องทางที่บีบรัดและเต้นตุบ
และเมื่อได้รับความตื่นเต้นแบบใหม่ที่ไม่เคยได้รับ วิเชียรก็กดวัตถุขนาดใหญ่ชิ้นนั้นแทรกเข้าออกภายในช่องทางด้านหลังของตัวเองซ้ำ ๆ ติดต่อกันไม่ยอมหยุด

แยกขาออกกว้าง และกดแทรกน้นย้ำเข้าไปเพื่อเพิ่มสัมผัสให้หนักหน่วงขึ้น

“ซี้ดดดดด อ่ะ อืมมมมม”

ดวงตาเริ่มหรี่ปรือปรอย ลมหายใจหอบหนัก เมื่อกดแทรกวัตถุชิ้นนั้นเข้าไปจนถึงจุดที่ทำให้เกิดความต้องการมากขึ้น

สองมือจับไปที่วัตถุที่เคลื่อนไหวอย่างรุนแรง และวิเชียรก็ครางออกมาเสียงแผ่ว ด้วยความเพลิดเพลิน

“อือออ อึก อาส์”

เฮียกำลังคุยโทรศัพท์กับลูกค้าคนสำคัญ
เที่ยงคืนในเวลาประเทศไทย แต่เป็นเที่ยงวันของลูกค้าที่อยู่กันคนละซีกโลก

เฮียตั้งใจฟังสิ่งที่ลูกค้าเสนอ แต่สายตามองไปที่ “วิเชียร” ที่กำลังสนุกและเพลิดเพลินกับของฝากที่เฮียตั้งใจซื้อมาเป็นของเล่นแก้เบื่อให้

“อืมมมมส์”

น้ำเสียงครางเครือเป็นเครื่องยืนยันได้ดีว่าวิเชียรถูกใจของเล่นชิ้นใหม่มากขนาดไหน

เฮียลุกจากเก้าอี้เดินมาหาวิเชียรแล้ว และวิเชียรก็ปรือตาขึ้นมามอง

ริมฝีปากยังคงขบเม้มเข้าหากันแน่นเพราะแรงอารมณ์ แต่สายตามองไปที่ใบหน้าของเฮีย

“อืออออ”

เฮียเดินมานั่งอยู่บนเตียงแล้ว และส่งสัญญามือบอกให้วิเชียรคว่ำหน้าลง และวิเชียรที่กำลังเพลิดเพลินกับของเล่นใหม่ก็ทำตาม
คว่ำหน้าลง แนบใบหน้ากับฟูกนอน และยกสะโพกสูงขึ้น

วิเชียรกำลังนอนอยู่ในท่าคุกเข่าและโชว์ให้เห็นวัตถุขนาดใหญ่ที่ยังคงหมุนควงอยู่ในช่องทางนั้น

เสียงวัตถุขนาดใหญ่ที่มีปุ่มปมอยู่รายรอบยังครางหึ่ง ๆ และยังหมุนวนไม่หยุด

และเฮียก็จับของเล่นชิ้นนั้นเอาไว้ กดแทรกเข้าไปในช่องทางที่ลอยเด่นจนเห็นชัดให้ลึกเข้าไปอีก

กดเข้าไปลึกจนเกือบสุดความยาว และถอนออกมาจนสุด ก่อนจะดันเข้าไปอีก ทำแบบเดิมซ้ำ ๆ กันอยู่หลายครั้ง

และวิเชียรก็หลับตาแน่นสูดหายใจเข้าลึก เมื่อความยาวของวัตถุถูกกดแทรกเข้ามาจนเหมือนจะสุดทางและถูกดึงออกก่อนจะกดแทรกเข้ามาอีกครั้ง และทำให้วิเชียรอึดอัดถึงขีดสุดจนแทบจะลืมหายใจ

“อาส์ อึก อืมมมม”

เสียงครางแผ่ว ๆ แม้ไม่ได้ดังนัก แต่ก็เรียกความสนใจให้กับคู่สนทนาของเฮียไม่น้อย

และเฮียก็เลยต้องใช้ปลายนิ้วแตะไปที่ริมฝีปากให้วิเชียรรับรู้ว่าคงต้องส่งเสียงเบา ๆ

แต่จะเบาได้ยังไง

ถ้าจะมีอะไรมาหยุดเสียงครางของวิเชียรได้ ก็คงมีอยู่ทางเดียว.....

จากนอนคว่ำหน้าอยู่ วิเชียรก็เลยต้องขยับกายลุกขึ้นมาที่หว่างขาของเฮีย

ถ้าไม่อยากส่งเสียงก็ต้องหาอะไรทำให้ปากไม่ว่าง

เช่นว่า....

ดึงปมเสื้อคลุมของเฮียออก และจัดการแหวกผ้าส่วนที่ปิดบังร่างกายบางส่วนของเฮียให้พ้นทาง

ก้มหน้าลงไปหาความแข็งขืนใหญ่โตที่เริ่มตื่นตัวขึ้นเล็กน้อย และเฮียก็ให้ความร่วมมือด้วยการแยกขาออกให้วิเชียรทำตามใจได้ทันที

วิเชียรรู้เฮียงานยุ่ง แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับวิเชียรเลยสักนิด

วิเชียรใช้มือประคองที่ท่อนเอ็นที่กำลังตื่นตัวเอาไว้ในมือ

และแตะปลายลิ้นไล้เลียไปที่ส่วนปลายเบา ๆ ทักทายกันพอให้หายคิดถึง และวิเชียรก็ครอบปากลงมาที่ท่อนเอ็นใหญ่ที่กำลังพองตัวขยายขึ้น อมยิ้มและจ้องมองที่ท่อนเอ็นใหญ่ที่กำลังขยับเคลื่อนไหวไปมา

และเฮียก็มองหน้าของวิเชียรด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ปลายนิ้วเกลี่ยไล้ไปที่เส้นผมที่ปรกลงมาที่หน้าผากของวิเชียร

และวิเชียรก็ช้อนสายตาขึ้นมองหน้าเฮีย ก่อนจะใช้ปลายลิ้นไล้เลียไปที่ส่วนหัวของท่อนเอ็นที่เริ่มมีน้ำใส ๆ ไหลซึมเยิ้มออกมา

แตะปลายลิ้นเบา ๆ ที่ส่วนปลายเพื่อชิมรสชาติที่แสนคิดถึง ไล้ปลายลิ้นไปตามความยาวของส่วนที่ขยายใหญ่ตั้งตรง และมีเส้นเลือดขนาดใหญ่หลายเส้นหล่อเลี้ยงให้ส่วนนั้นสามารถแข็งตัวอยู่ได้

ไล้เลียไปจนถึงถุงเนื้อนุ่มหยุ่นทั้งสองข้างของเฮีย และดูดกลืนสิ่งนั้นเข้าไปในปาก ก่อนจะคายออกมา และดูดซ้ำอีกครั้งสลับกันไปมาให้ความนุ่มหยุ่นทั้งสองข้างได้สัมผัสกับริมฝีปากของวิเชียรเท่า ๆ กัน

“อืมมมม”

มันยากที่จะไม่แสดงปฏิกิริยาใด ๆ ออกมา เฮียเริ่มลมหายใจสะดุด แต่ยังคงพูดคุยกับลูกค้าต่อไปได้อีกเรื่อย ๆ

และวิเชียรก็ช้อนสายขึ้นมองหน้าเฮีย ทั้งที่ภายในปากยังดูดกลืนท่อนเอ็นของเฮียจนอยู่เข้าไปลึกสุดในคอจนไม่เหลือพื้นที่ใด ๆ ในโพรงปาก

เสียงวัตถุขนาดใหญ่ที่สอดแทรกอยู่ที่ช่องทางด้านหลังของวิเชียรยังส่งเสียงครางหึ่ง ๆ ให้พอได้ยินในความเงียบ

ในเวลาไม่นานเฮียก็ส่งสัญญาณมือให้วิเชียรทำอย่างที่ตั้งใจได้แล้ว

และวิเชียรก็ผละใบหน้าออกจากหว่างขาของเฮีย ลุกขึ้นนั่งหันหลังและใช้แผ่นหลังแนบถูไถไปที่แผ่นอกของเฮียเบา ๆ
แม้ยังคงนั่งคุกเข่าอยู่และก็โน้มกายไปข้างหน้า เพื่อให้เฮียช่วยทำบางอย่างให้

เฮียค่อย ๆ ดึงส่วนที่ขยับไหวไปมาอยู่ภายในร่างกายของวิเชียรออก

หยดน้ำใสจากเจลหล่อลื่นที่วิเชียรเทชโลมเคลือบวัตถุชิ้นนั้นเอาไว้ ไหลทะลัก ซึมตามออกมาอย่างช้าๆ และวิเชียรก็ค่อย ๆ หย่อนตัวลงมาให้ช่องทางที่ถูกเตรียมพร้อมสัมผัสกับท่อนเอ็นแข็งที่เฮียจับให้ตั้งตรง เพื่อให้วิเชียรกดแทรกช่องทางที่เปิดรับเข้ามาครอบครองร่างกายของเฮียได้สะดวกขึ้น

เฮียแยกขาออกกว้าง และวิเชียรที่ยังคงหันหลังให้เฮียก็ทิ้งตัวลงมาทั้งหมดจนช่องทางที่ขยายเอาไว้จนพร้อมครอบทับและดูดกลืนท่อนเอ็นของเฮียเข้าไปจนหมด

วิเชียรใช้มือทั้งสองข้างยันฟูกนอนเอาไว้ ก่อนจะค่อย ๆ ขยับสะโพกเคลื่อนไหวไปมาเบา ๆ

“อาส์ ซี้ด อืมมมม”

หลับตาแน่น และยังคงเพลิดเพลินกับการคลึงสะโพกโยกเข้าออกให้ท่อนเอ็นแกร่งเสียดสีกับช่องทางที่ดูดกลืนความใหญ่โตนั้นเอาไว้

และเฮียก็ต้องอำลาลูกค้าที่อยู่ปลายสาย  เมื่อถึงเวลาที่ควรหยุดสนใจงาน

“เฮียครับ กระแทกผมหน่อย ผมไม่ไหวแล้ว อาส์ อืมมม อึกกกก อืออ”

คำพูดที่มาพร้อมเสียงครวญครางแผ่วเบาที่ร้องขอ ทำให้เฮียต้องยกตัวขึ้นและจับเอวของวิเชียรเอาไว้ ก่อนจะค่อย ๆ ผุดลุกขึ้นยืนโดยมีวิเชียรยืนตามไปด้วย

รั้งให้วิเชียรเดินมายืนอยู่ที่หัวเตียง และจับมือของวิเชียรให้ยันผนังเอาไว้

สองร่างยืนประกบแนบชิดกันแนบแน่นและส่วนของร่างกายยังคงเชื่อมติดกันอยู่ เฮียจับขาของวิเชียรข้างหนึ่งยกขึ้นแยกออกกว้างขยับท่อนเอ็นแกร่งให้สอดลึกเข้าไปภายในช่องทางด้านหลังลึกขึ้นเรื่อย ๆ

และวิเชียรก็ร้องครางอย่างถูกใจ และหันหน้ามาหาเฮีย แลกปลายลิ้นบดขยี้ริมฝีปากเข้าหากัน เมื่อแรงอารมณ์ยิ่งลุกโชน

“เฮียครับ เอาผมแรง ๆ นะเฮีย เฮียช่วยเอาผมแรง ๆ ที”


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (วิเชียร-เฮีย) ตอน ของเล่นของวิเชียร
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 10-05-2014 19:55:09
วิเชียรแยกขาออกกว้างอยู่บนเก้าอี้หวายตัวใหญ่

เฮียกำลังกดแทรกกระแทกร่างลงมาอย่างไม่ยั้ง และวิเชียรก็แตะปลายนิ้วบดคลึงที่ยอดอกของเฮีย

ใบหน้าสะบัดไปมาและแหงนเงยขึ้นร้องครางเสียงดังลั่น

“แรงอีกเฮีย แรงขึ้นอีก อาส์ มันส์มากเลยครับ..ซี้ดส์ เฮียแรง ๆ อีกครับเฮียยย เฮียเด้าผมแรง ๆ กว่านี้ เฮีย ครับ เฮีย”

และเฮียก็ขบริมฝีปากแน่น หลังฟังเสียงครวญครางที่วิเชียรร้องบอก ไม่มีทางที่เฮียจะหยุดสะโพกที่กระแทกเข้าไปง่าย ๆ

“อือมมมม เชียร....ของเชียรมันตอดเฮียใหญ่แล้ว อาส์ เชียรรรร”

เฮียขยับสะโพกกระแทกเข้ามาอย่างรุนแรงจนเหงื่อซึม และวิเชียรก็ร้องครางออกมาอย่างถูกใจในความรุนแรงที่เฮียมอบให้

จิกปลายเล็บลงไปที่ไหล่ของเฮียอย่างรุนแรง และขบริมฝีปากแน่น

จ้องตรงไปที่ดวงตาของเฮียด้วยความปรารถนา และเฮียก็จ้องวิเชียรกลับไม่แพ้กัน ทั้งที่ร่างกายกำลังกระแทกกระทั้นเข้าหากันอย่างรุนแรงไม่หยุด

“อุ้มผมหน่อยเฮีย อืออออออ” วิเชียรยื่นแขนออกไปจนสุดและกอดคอเฮียเอาไว้

เฮียลุกขึ้นยืนและอุ้มวิเชียรให้ลุกขึ้นมาด้วย อุ้มวิเชียรเอาไว้เหมือนอุ้มเด็กและยังขยับสะโพกขึ้นลงไปมา

และวิเชียรก็ใช้ขารัดเอวของเฮียเอาไว้แน่น รู้สึกชอบสิ่งที่เฮียทำให้มาก

เสียงเนื้อดังกระทบกันตามจังหวะการเคลื่อนไหว และเฮียก็อุ้มวิเชียรพาเดินไปที่ขอบเตียงและวางร่างของวิเชียรลง

จับขาของวิเชียรแยกออกกว้าง แทรกร่างกายกดลึกเข้าไปไม่ยั้ง จนวิเชียรครางออกมาสุดเสียงรู้สึกถูกใจในสิ่งที่เฮียปรนเปรอให้

“เฮียครับเฮีย ผมเสียวจังเลย อาส์...เฮียชอบแบบนี้มั้ย เฮียรักผมมั้ย อือออออออออ ผมรักเฮียจนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว”

ร่างกายยังขยับโยกไหวไปตามแรงกระแทก และเฮียก็แนบใบหน้าลงมาหา
พูดตอบวิเชียรเสียงพร่าด้วยอารมณ์ที่ยากจะหยุดได้อีก

“อยากให้เฮียรัก ก็เด้งสะโพกรับของเฮียแรง ๆ สิเชียร”

++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (วิเชียร-เฮีย) ตอน ของเล่นของวิเชียร
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 10-05-2014 19:55:38
หยดน้ำขุ่นขาวหลั่งทะลักออกมาจากร่างกายส่วนที่แข็งขืนอยู่ภายในอุ้งมือของวิเชียร

เฮียยังคงขยับสะโพกต่ออีกสองสามครั้ง ก่อนจะถอนส่วนนั้นออก  และจัดการจ่อไปที่ใบหน้าแดงซ่านที่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์ของวิเชียร

น้ำรักของเฮียหลั่งทะลักออกมาจนเปรอะเปื้อนไปทั้งใบหน้าของวิเชียร และวิเชียรก็ค่อย ๆ อ้าปากดูดกลืนท่อนเอ็นที่ฉีดพ่นน้ำรักออกมาจนเกือบหมดเข้ามาในโพรงปาก

ไล้เลียไปตลอดทั้งความยาว จนส่วนนั้นค่อย ๆ อ่อนตัวลงอย่างช้า ๆ

และเฮียก็ไม่ลืมที่จะก้มลงไปจูบวิเชียรเบา ๆ และกดปลายจมูกหนัก ๆ ไปที่แก้มของวิเชียร

กลืนกินคราบน้ำรักที่ยังเปรอะเปื้อนที่ใบหน้าของวิเชียร ปลายลิ้นเกลี่ยไล้ส่วนที่เหลืออยู่ให้เข้าไปอยู่ในปากของวิเชียรอีก และวิเชียรก็อ้าปากรับสิ่งที่เฮียป้อนให้อย่างถูกใจ

“อร่อยที่สุดเลยเฮีย อืออออ”

เอ่ยชมและส่งยิ้มหวาน ๆ ให้กับเฮีย ที่ยิ้มตอบและแซววิเชียรด้วยความขบขัน

“กินจนไม่เหลือขนาดนั้น หิวมากเลยเหรอ ไม่ได้กินไม่กี่วัน เองนะเชียร”

ทำไมล่ะ ก็ผมหิวจริง ๆ เฮียไม่รู้เหรอว่ามันตั้งกี่วันแล้ว ที่ผมต้องอยู่คนเดียว

ที่จริงผมจะทำคนเดียวก็ได้ แต่มันก็ยิ่งเหงาแล้วก็ยิ่งคิดถึงเฮียเพิ่มขึ้น

ผมก็เลยตัดสินใจไม่ทำ รอเฮียกลับมาแล้วจะได้บอกเฮียให้รู้ว่าทั้งร่างกายและจิตใจของผม คิดถึงเฮียขนาดไหน

“เล่นเอาเฮียแทบหมดแรง เชียรคิดถึงเฮียแรงขนาดนี้เลยเหรอเชียร”

คิดถึงสิเฮีย เฮียก็เห็นแล้วนี่ว่าผมคิดถึงเฮียขนาดไหน

ผมคิดถึงเฮีย ผมก็เลยต้องบอกเฮีย บอกเฮียซะจนผมก็แทบหมดแรงเหมือนกัน

ผมคิดถึงเฮียมากเลย ผมดีใจที่เฮียกลับมาแล้ว

“เฮียคิดถึงผมมั้ย” น้ำเสียงที่เอ่ยถามมีแววออดอ้อน และเฮียก็หัวเราะออกมาเสียงเบากับคำถามที่วิเชียรถาม

“แล้วเชียรว่าเฮียคิดถึงเชียรมั้ยล่ะ” ไม่รู้สิ

“ผมไม่ค่อยแน่ใจ เฮียต้องบอกผมอีกที”  วิเชียรอ้อนเฮียด้วยการซุกซบใบหน้าลงที่ไหล่ของเฮียและยิ้มออกมาบาง ๆ

“ชอบของเล่นที่เฮียเอามาฝากมั้ย”  ของเล่นเหรอก็ชอบอยู่หรอก

“ก็ยังดีกว่าไม่มี แต่ยังไงก็สู้ของเฮียไม่ได้ ใหญ่กว่ากันเยอะ แถมยังกระแทกผมซะจนแทบหมดแรง”

เป็นการแสดงความชื่นชมที่ทำให้เฮียรู้สึกขำจนต้องหัวเราะออกมา

“ที่สำคัญมีน้ำให้เชียรกินด้วยนะ”

ใช่

มีน้ำให้กินด้วย

“แต่เพิ่งได้กินไปนิดเดียว ยังไม่อิ่มเลยเฮีย...........” ยังไม่อิ่มก็ไม่เป็นไร ไม่ใช่ปัญหาหรอก เฮียยังมีให้เชียรกินได้อีกเรื่อย ๆ

“งั้นเดี๋ยวเฮียให้เชียรกินอีก ให้กินเยอะ ๆ จนกว่าจะอิ่มเลย"


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (สุรชาติ & ยูกิ) ตอน ก่อนเข้าบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 10-05-2014 20:03:58
 :m25:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (สุรชาติ & ยูกิ) ตอน ก่อนเข้าบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: foolishbeat ที่ 10-05-2014 20:08:59
กรี๊ดดมาแล้ว วิเชียรสุดแรดของเจ๊
ตอนนี้มันแรดจริงๆ

ของเล่นเฮียทำเอาคนอ่านเป็นลม แหม แต่สู้ของเฮียไม่ได้เหรอเชียร
ชอบเวลาคู่นี้เขาอ้อนกันจริง :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 10-05-2014 20:31:11
คู่เฮียกะวิเชียรมาทีไรเราร้อนแรงจนได้ขึ้นสวรรค์ซะทุกที  :heaven

คิดถึงลีลาคู่พี่บุ้งกับนู๋มีนค่ะ เราอยากรู้ว่านู๋มีนเอาสิ่งที่วิเชียรถ่ายทอดให้ไปใช้กับพี่บุ้งไปถึงไหนแว้ววววววววว   :z1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: minmin96 ที่ 10-05-2014 20:37:11
ยอมแพ้คู่นี้จริงๆ หื่นได้ใจม้ากกก :haun4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 10-05-2014 20:39:27
รอคู่น้องพู่กับพี่แก๊บๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 10-05-2014 20:42:10
เหอๆๆๆแบบนี้เรียกแรดน้อยไปมั้ยสำหรับวิเชียร


พี่แรดพ่อแรดแม่แรดยังอายเลย :laugh: :laugh:ทะลุเพดานทุกทีคู่นี้มาทีไร



อย่าว่ากันนะครับผู้แต่ง เข้ามาเม้นท์ไร้สาระไว้เยอะ :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 10-05-2014 20:42:53
เชียรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร แรงโฮกๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: bozang ที่ 10-05-2014 20:43:02
มารอมารอพี่แก๊ปน้องพู่ ฮ่าาาาาาาา
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 10-05-2014 20:53:30
น้องเชียนค่ะ บอกได้คำเดียว แรดมาก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 10-05-2014 21:10:40
พึ่งเห็นว่ามีผลงานใหม่ของ aoikyosuke ในเล้า อ่านรวดเดียวจนที่ตอนล่าสุด
แต่ละคู่มีสีสันของตัวเองจริงๆ ตอนพิเศษบรรดาแม่บ้านของแผนกขนส่งมาเจอกันนี่ก็ฮา
น่ามีตอนพิเศษพ่อบ้านมาเจอกันบ้าง นึกภาพแล้วน่าจะฮายิ่งกว่าบทสนทนาของบรรดา
แม่บ้านแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 10-05-2014 21:21:30
คู่เชียรกะเฮียนี่....สุดยอดจริงๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 10-05-2014 21:52:44
อร๊ายยยยยยยย วิเชียรมันแร๊ดแรดดดดดดดดดด!!  555
คนอ่านช๊อบชอบบบบบบบบบบบ  >///<
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 10-05-2014 22:42:08
แรงมากจ้าวิเชียร
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 10-05-2014 22:46:34
แต่ละคู่นี่แบบ...
เลือดจะหมดตัวให้ได้เลย หุหุ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 10-05-2014 22:46:58
ตอนแรกว่ารั่วอย่างเดียว แต่เดี๋ยวนี้ทั้งรั่วทั้งแรดนะเชียร  :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 10-05-2014 22:54:45
วิเชียร เธอแรงมาก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 10-05-2014 23:02:32
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/07/ไฟล์เปล่า13M0Or.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ อำนาจ & พู่ .....ตอน  ไม่แน่จริง

จะให้ทำอะไรล่ะ

กินข้าวเสร็จ ช่วยกันปิดร้าน และพี่แก๊ปก็ให้ผ้าขนหนูกับเสื้อผ้าเพื่อไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่หลังร้าน
อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ตากผ้าขนหนูเรียบร้อย และพู่ก็เปิดมุ้งแล้วคลานเข้ามา
พี่แก๊ปมันขยับตัวและลุกขึ้นนั่ง เพื่อจะถอยห่างออกไปอีกเล็กน้อยเพื่อเป็นการแบ่งพื้นที่ให้พู่เข้ามานอนด้วย

“จะนอนข้างนอกหรือข้างใน”

นอนข้างนอกหรือข้างในเหรอวะ

“พู่นอนข้างในแล้วกัน เดี๋ยวนอนข้างนอกเอง”

เออ ก็ได้ ไม่มีปัญหา จัดไป

เปลี่ยนที่นอนกันเรียบร้อย และ พู่ก็เข้าไปนอนด้านในเรียบร้อย

“นอนมุ้งนี่มันได้บรรยากาศดีเหมือนกันนะพี่แก๊ป” ได้บรรยากาศอะไรวะ

“ชอบเหรอ ถ้าชอบก็มาค้างบ่อย ๆ สิ”

พูดไปแบบไม่ทันคิดอะไร แต่พู่ถึงกับอมยิ้มเพราะแปลความหมายของคำพูดนั้นไปเรียบร้อย

และแก๊ปที่ไม่ได้รู้เรื่องด้วยก็หันมามองคนที่ค่อย ๆ เอนตัวลงไปนอนอีกครั้ง

“โดนพัดลมป่าว”

พัดลมเหรอ

“ได้อยู่พี่แก๊ป”

ตอบกลับไปแล้ว และแก๊ปก็พยักหน้ารับ ก่อนจะเปิดมุ้งขึ้นและลงจากเตียงไปปิดไฟ และกลับเข้ามาในมุ้งอีกครั้ง มาล้มตัวนอนข้าง ๆ กับพู่

“......................”

ปกติก็อาจจะมีหยอกกันบ้าง ด่ากันบ้าง แต่พอต้องมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้จริง ๆ ทำไมไม่รู้จะพูดอะไรกันเลยวะ

“ปกติตื่นกี่โมงวะพู่”

ตื่นกี่โมงเหรอ

“หกโมง แต่ไม่เคยตื่นหกโมงจริงหรอก โน่นเลย จนกว่าแม่จะมาเรียก”

มิน่าล่ะ มึงถึงได้มีสภาพเหมือนคนเพิ่งตื่นนอนมาทำงานทุกวัน ดีนะที่มึงเก่งแล้วก็ตั้งใจทำงาน ข้อเสียตรงที่มึงชอบทำหน้าเบลอ ๆ ตอนเริ่มทำงานเลยไม่เป็นที่ครหา

“เออ มึงก็เก่งเนอะ นี่ไม่มีใครรู้เลยนะเนี่ยว่ามึงก็เหลวไหลเหมือนกัน กูนึกว่ามึงตื่นตั้งแต่ตีสี่มาฝึกวิทยายุทธ ตอนเช็คของกับขึ้นของมึงแม่งเป๊ะสุด ๆ ที่แท้เพราะนอนมาเยอะแล้วนี่เอง เดี๋ยววันหลังกูเอามั่งดีกว่า เผื่อจะทำงานได้เร็วๆ อย่างมึงบ้าง”

ไม่ใช่แระพี่แก๊ป

“ชมหรือด่าวะ”

ชมสิ มึงเก่งนะพู่ มองรู้เลยว่ามึงเป็นคนหัวดี ผิดกับกูที่ทำอะไรช้า บางทีเขาสั่งอะไรมา กูยัง งง ๆ อยู่เลย ไอ้พู่แม่งเข้าใจไปเรียบร้อยแล้ว นี่ดีที่อยู่มานาน มันเลยทำได้คล่องหน่อย ถ้าเป็นแรกๆ นี่ไม่ต้องคุยเลยล่ะ

“มึงเก่ง กูก็ชม อันนี้พูดจริงๆ พู่ มึงเก่งจริง ๆ ว่ะ”

เหรอ

“โกรธป่ะ”

อะไรวะ จะให้กูโกรธเพราะมึงเก่งเหรอ มันใช่เรื่องที่ไหนล่ะพู่

“โกรธไมวะ”

เอ่ยถามและพู่ก็พลิกกายนอนตะแคงข้าง มองหน้าของแก๊ปที่นอนยืดแขนออกไปจนสุดและวางมือไว้เหนือหัว

“โกรธที่ผมเป็นแบบนี้”

คิดมากไปแล้ว เมื่อก่อนอาจจะมีไม่พอใจบ้างนะพู่ แต่ตอนนี้ไม่แล้วล่ะ มึงก็มีส่วนดีในแบบของมึง กูก็พอจะมีอะไรดีอยู่บ้างแหละน่า มึงก็มีข้อด้อย กูก็มี จะเป็นอะไรยังไงก็เอาเถอะ สุดท้ายมันโอเคกันทั้งคู่ก็พอแล้ว

“มึงก็บ้า คิดไปได้ เลิกคิดเหอะ นอนดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า”

ชวนให้นอน และพู่ก็ทำตาม ไม่พูดอะไรต่อ บอกให้นอน ก็นอน

“ไอ้พู่”

อะไรพี่แก๊ป

“นอนอะไรของมึงเนี่ย  ถอยไปหน่อยไม่ได้หรือไงวะ”

ทำไมวะ

“ไม่”

ตอบปฏิเสธไปเรียบร้อย และพู่ก็จงใจวางมือไว้บนตัวของแก๊ปก็เริ่มกอดเอวของแก๊ปแน่นขึ้น
แล้วไงวะ   กูจะทำแบบนี้ มึงจะทำอะไรกูได้วะพี่แก๊ป

“กูหื่นนะไอ้เหี้ย มึงยั่วกูใช่มั้ยเนี่ยะ”

เออ

“ก็ไม่โง่นี่หว่า” ยอมรับไปแบบตรง ๆ และกลายเป็นแก๊ปที่นอนตัวแข็งทื่อตาค้าง จะเอามือของพู่ออก แต่ก็ไม่กล้า

ห่าพู่ เล่นกูแล้วไง มึงเอาจริงเหรอวะเนี่ย ที่บอกว่าจะขึ้นกูเนี่ย มึงเอาจริงใช่มั้ย

“ไอ้พู่ ปล่อยดิ๊ แม่กูอยู่บ้านในนะเฮ้ย”

ก็รู้ไง แล้วผมไปทำอะไรพี่ยังวะ

“กอดเฉย ๆ น่า กลัวไรวะพี่แก๊ป กูไม่ข่มขืนมึงหรอก นอน ๆ ซักทีดิวะ แม่งยุกยิกอยู่ได้ เดี๋ยวกูปล้ำแม่งเลย”

ไอ้พู่..........

“...........................”

แล้วมันก็แค่กอดจริง ๆ พราะเมื่อผ่านไปได้ไม่ถึงห้านาที แก๊ปก็ได้รู้ ไอ้พู่หลับไปเรียบร้อยแล้ว นี่มึงไม่สลดเลยหรือไงวะ

มึงควรกลัวโดนกูปล้ำเปล่าวะ แต่นี่แม่งเสือกมานอนกอดกูเฉยเลย ทั้งยั่วทั้งอ่อยเลยนะไอ้เหี้ยนี่
เรื่องความอดทนกูก็มีอยู่หรอกนะ แต่บางทีความอดทนของคนเรามันก็มีขีดจำกัดอยู่เหมือนกัน

ลดมือลงจากหัว และค่อย ๆ ลดแขนลงมากอดคนที่มานอนเบียด
กอดและก้มหน้าลงมามองคนที่เพิ่งจะนอนหลับไปได้ไม่นาน

มองแล้วก็ยิ้ม

ได้แต่ยิ้มเพราะขำกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำ ถ้าสถานที่มันอำนวยกว่านี้ มึงอย่านึกว่าอ่อยกูขนาดนี้แล้วมึงจะรอด
แต่นี่เพราะสถานที่มันไม่เอื้อ มึงก็เลยยังรอดอยู่ มึงน่าจะดีใจนะพู่ ที่กูยังไม่ขย้ำมึงซะตั้งแต่ตอนนี้ อย่างน้อยก็ยังพอการันตีได้ว่า พรุ่งนี้มึงจะยังมีแรงไปทำงานได้อยู่

แก๊ปกำลังยิ้ม และครุ่นคิดอะไรไปเรื่อย แต่ความคิดนั้นก็อยู่ได้ไม่นาน เมื่อคนในอ้อมแขนเริ่มขยับตัวซุกเข้ามาที่อก เบียดกายเข้ามาหาอีกนิด จนได้กลิ่นกายของอีกฝ่าย

พู่แม่งหอมจังเลยวะ ตัวแม่งมีกลิ่นหอม ๆ กลิ่นเดียวกับกูเลยนี่หว่า
มันก็น่าจะใช่อยู่หรอก ก็อาบน้ำแล้วใช่สบู่แบบเดียวกันนี่จะให้กลิ่นมันต่างไปจากนี้ได้ยังไง

แรก ๆ ยังไม่ได้คิดอะไร แต่เมื่อพู่เบียดกายเข้ามาหาแค่นั้น  คนที่ไม่ได้คิดอะไรก็ชักจะต้องคิด นอนตัวแข็งทื่อตาค้างและไม่รู้ว่าจะจัดการกับอารมณ์ของตัวเองที่เริ่มไม่ปกติได้ยังไง

ไอ้พู่ มึงจะเบียดทำห่าอะไรนักหนาวะ ของกูจะขึ้นแล้วเนี่ย

“อือออ”

ไม่ใช่แค่เบียด แต่มันยังร้องครางเสียงเบาในลำคอ เหมือนกำลังหลับสบาย

มึงสบายแต่กูไม่สบายอย่างมึงนะไอ้พู่ กูไม่ได้สบายเลย ตอนแรกแค่คิดจะกอด แต่ในเวลานี้มือของแก๊ปลูบไล้เบา ๆ ที่ไหล่ของพู่แล้ว

เนื้อแม่งอย่างแน่นเลยวะจับแบบนี้รู้เลยว่าไอ้พู่เนื้อแน่นใช้ได้  แล้วยัง..........

ไม่ใช่แค่ไหล่แต่เริ่มลากมือลงไปที่แผ่นหลัง แตะสัมผัสแผ่วเบาและเริ่มไล้เรื่อยลงไปถึงสะโพก

ไอ้แก๊ป............สถานที่ไม่เอื้ออำนวย มึงอย่าทำเป็นเล่นไป แบบนี้มันเสี่ยงมากเลยนะเว้ย

ถ้าคิดจะทำ ต้องไม่ให้มีร่องรอยอะไรหลงเหลือเลยนะ แม่ง แต่กูไม่ไหวแล้ว เอายังไงดีวะ เอายังไงดี.............
แม่งจะทนไม่ไหวอยู่แล้วนะโว้ยยยย

“พู่”

เรียกให้คนที่หลับไปก่อนรู้สึกตัว และพู่ที่หลับไปแล้วก็ขานรับและยกมือขึ้นขยี้ตาเมื่อถูกปลุกให้ตื่นหลังจากเพิ่งเคลิ้มหลับไป

“อือ”

ไม่ต้องมาอือเลยนะมึง เพราะมึงเลย กูถึงได้เป็นแบบนี้ ไอ้พู่ กูไม่ไหวแล้วเนี่ย เพราะมึงเลย เพราะมึงมาเบียดกูเลย

“มึงทับแขนกู”

อ้าวเหรอ เออ ทับแขนเหรอวะ

เกิดอาการงง และพู่ก็ค่อย ๆ ขยับตัวเตรียมลุกขึ้นเพื่อจะได้ขยับไปนอนอีกทาง สภาพมึน ๆ เบลอ ๆ แบบนั้นมันน่ามองที่สุด
แม้จะไม่สามารถมองเห็นได้ชัด ๆ แต่มันก็ทำให้คนมองรู้สึกอยากมองให้มากขึ้น

อยากมองให้มากกว่านี้

อยากมองให้ชัด ๆ อยากเห็นให้ชัด ๆ ก็เลยตัดสินใจโน้มคอของพู่ให้ลงมาหา

“อะไร....พี่แก๊ป.......อือ”

พู่ล้มลงมาและร่างกายก็ทาบทับอยู่เหนือร่างของคนที่ดึง

ต้นคอถูกตรึงเอาไว้ และริมฝีปากก็ถูกฉกฉวยลมหายใจไปเรียบร้อย  หายใจแทบไม่ทันและรู้สึกได้ถึงริมฝีปากที่ประกบแนบเข้าหาคลึงเคล้า คลอเคลียอยู่กับริมฝีปากของพู่ไม่ห่าง ปลายลิ้นที่สอดเข้ามาเกี่ยวกะหวัดรัด ดูดดุนปลายลิ้นของพู่ที่เอาแต่ถอยหนี รุกไล่จนพู่ต้องแหงนเงยใบหน้าขึ้นเพื่อรับอากาศหายใจ และแก๊ปก็ยอมปล่อยให้พู่เป็นอิสระ เมื่อจูบจนพอใจ

“อื้ออออ”

ถึงกับทรุด ใบหน้าแนบอยู่ที่อกของแก๊ปเรียบร้อย และพู่ก็เกิดอาการตาลอยคว้าง

กำลังเคลิ้มหลับ แต่ก็ตื่นเต็มตา ตื่นขึ้นมาเต็ม ๆ ตาก็เพราะว่าถูกปลุกให้ตื่น

และคนปลุกให้ตื่นก็เริ่มล้วงมือเข้าไปในเสื้อของพู่ ลูบไล้เล่นที่แผ่นหลังเนียน ลูบไล้เรื่อยและค่อย ๆ เลื่อนฝ่ามือลงไปที่สะโพกบีบเค้นที่สะโพกแน่น จากแผ่วเบาและในเวลานี้ก็เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

และพู่ก็รู้ว่าอีกฝ่ายคงมีอารมณ์ไม่น้อย เพราะบางอย่างของร่างกายได้แนบชิดกัน กำลังตื่นตัวขึ้นมาอย่างช้า ๆ
เริ่มตุงขึ้นมาและเสียดสีอยู่ที่หว่างขาของพู่

“ไม่ไหวจริง ๆ ว่ะพู่”

ไม่ไหวห่าอะไรวะ ไหนทำเป็นเฉย ไม่อะไรกูไม่ใช่เหรอแล้วทำไมอยู่ดี ๆ ถึงได้...........

อยากจะถาม แต่การที่ถูกกดสะโพกให้จุดกึ่งกลางของร่างกายเบียดเสียดกันมากขึ้น มันทำให้พู่เริ่มหน้าแดง เมื่อรู้ว่าร่างกายตัวเองกำลังโหยหาและต้องการไม่ต่างกัน

“แข็งเร็วจริงวะพู่มึงอ่ะ”

แล้วมึงให้กูทำไง มึงเล่นแอ่นเอวใส่กูซะขนาดนี้ ของมึงก็ไม่ใช่ธรรมดาเหมือนกันแหละวะพี่แก๊ป

“ทำไงได้ ผมก็รู้จักเงี่ยนเหมือนกันนี่หว่า” ถ้ามึงจะตอบกูแบบนี้นะพู่

“แต่ทำสุดไม่ได้นะพู่ เดี๋ยวพรุ่งนี้มึงไม่มีปัญญาลุกขึ้นไปทำงานแน่ ๆ”

เออเหอะ จะลุกได้ไม่ได้ก็ช่างแม่งเหอะ กูว่ากูชักไม่ไหวแล้วเหมือนกันว่ะพี่แก๊ป

“ได้แค่ไหนเอาแค่นั้นนะพี่แก๊ป ไม่ไหวแล้วว่ะ”

บอกออกไปเสียงเบา และนึกอายที่บอกความต้องการของตัวเองออกไปได้ขนาดนั้น

“ถอดกางเกงมั้ย จะได้ทำพร้อมๆ กัน”

มึงอยากทำอะไรกู มึงก็ทำเห้ออออออออ จนป่านนี้แล้ว มึงจะบอกให้กูพลิกคว่ำพลิกหงายกูก็ยอมหมดแล้ว ไม่ต้องแค่ถอดกางเกงหรอก กูถอดได้หมดเลยเนี่ยแหละ

“เดี๋ยวถอดเอง”

พู่ค่อยๆ ผุดลุกขึ้นนั่ง  จัดการถอดเสื้อที่สวมอยู่ออกและค่อย ๆ ดึงกางเกงที่สวมอยู่ไปให้พ้นตัว

ร่างกายเปลือยเปล่าเผยให้เห็นต่อหน้า และแก๊ปก็ได้แต่นั่งนิ่ง กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

มืดขนาดนี้ กูยังรู้ว่าไอ้พู่แม่งขาวจริง ๆ อย่างที่มันว่า ขาวขนาดนี้ ถ้าเกิดเปิดไฟคงได้เห็นชัด ๆ ยิ่งกว่านี้

“พี่แก๊ป แล้วทำไมมึงไม่ถอด มึงจะให้กูถอดคนเดียวเนี่ยนะ มึงบ้าป่ะเนี่ย”

ใช่ กูคงบ้าไปแล้วที่ให้มึงถอดคนเดียว งั้นกูถอดบ้างก็ได้

จัดการถอดทั้งเสื้อและกางเกงของตัวเองออก และวางเสื้อผ้าไว้บนฟูกนอน

และรั้งข้อมือของพู่ให้ลุกขึ้นมานั่งซ้อนอยู่เหนือร่าง

“มึงบอกว่าจะขึ้นให้เองนะ ทำให้ได้อย่างที่ปากพูดนะพู่”

ห๊ะ อะไรนะ กูพูดเอาไว้ก็จริงนะพี่แก๊ป แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำได้ตามที่พูด กูก็พูดข่มมึงไปงั้น ๆ กูไม่เคยคิดที่จะทำจริง ๆ เลยซักที

“.............พูดจริงเหรอพี่แก๊ป”

เออพูดจริง ไม่ไหวแล้วเนี่ย

“อย่าบอกนะว่ามึงทำไม่เป็น”

ใช่ กูทำไม่เป็น แต่จะให้พูดได้ยังไง ขืนบอกไปก็เสียฟอร์มตายห่าสิวะ อุตส่าห์ข่มไอ้พี่แก๊ปไปได้ซะขนาดนี้แล้ว

เกิดมากลับลำทีหลังเสียหายแย่
ขนาดพยายามใจกล้าหน้าด้าน ไม่ให้มือสั่นตอนที่ถอดเสื้อผ้าต่อหน้าพี่แก๊ปได้นี่ก็ยากแล้ว แล้วยังจะให้กูขึ้นให้มึงอีก

กูพูดได้ แต่กูทำไม่เป็นโว้ยยยยยยยยยย ไอ้ห่าพี่แก๊ป

“ไอ้พู่”

ไม่ได้ตอบ แต่พู่กำลังมีสีหน้าลำบากใจ และกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

พยายามระงับใจบอกตัวเองว่าไม่ให้กลัว บอกตัวเองว่าอย่าสั่นและหลับตาแน่น ตอนที่ค่อย ๆ โอบแขนทั้งสองข้างที่รอบคอของแก๊ป และค่อยๆ โน้มใบหน้าเข้าหา

จูบกันไม่มีปัญหา กูทำได้อยู่แล้วเพราะเคยมีประสบการณ์อยู่บ้าง แค่ทำให้มันเหมือนชำนาญก็พอแล้ว ไอ้พี่แก๊ปไม่น่าจะจับได้ว่ากูไม่ค่อยถนัดเรื่องพวกนี้มากนัก แต่นี่มันจะให้กูขึ้นให้ แค่นี้กูก็จะตายอยู่แล้ว

เสือกมาพูดแบบนี้อีกเหรอวะ ไอ้ห่าพี่แก๊ปโว้ยยยยยยยยยยย

พู่ไม่ได้พูด
แต่แก๊ปเริ่มขมวดคิ้วมุ่น  เมื่อจับสังเกตอาการของคนที่มันปากดีบอกว่าถ้าไม่ยอมมัน มันจะขึ้นให้

แล้วทำไม..........ตัวมึงถึงได้สั่นขนาดนี้ล่ะพู่ ทำไมมึงถึงสั่นได้ขนาดนี้.......

ตอนแรกกูไม่คิดจะทำอะไรให้มันสุดหรอกนะ แต่มึงไม่รู้ตัวหรอกว่าทำอะไรลงไปบ้าง

นี่มันยิ่งกว่ายั่วกูอีกนะพู่ ทำแบบนี้มันยิ่งกว่ายั่วอีก มึงรู้เอาไว้ซะด้วย

และถ้าพรุ่งนี้มีความจำเป็นต้องลางาน กูก็ไม่คิดจะลังเลที่จะลาเลยด้วย ไม่ปล่อยแม่งหรอกวะมาซะขนาดนี้แล้ว..........
ที่บอกไว้ว่าคืนนี้มึงเสร็จกูแน่ มึงได้เสร็จกูจริงๆ แน่ไอ้พู่ ไม่ต้องกลัว..........

“ถ้ามึงไม่ขึ้น กูจะเอามึงแล้วนะพู่ กูไม่ปล่อยมึงหรอกนะ มึงทำใจเอาไว้ได้เลย”

เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย

ตอนแรกกูก็นึกว่าตัวเองจะไม่กลัวนะ แต่พอพี่แก๊ปแม่งจะทำจริง ทำไมมันนึกกลัวขึ้นมาวะ นึกกลัวขึ้นมาสารพัด จากคำบอกเล่าของพวกพี่วิเชียร พี่อ้น ที่เคยเล่าให้ฟังว่าแม่งจะเจ็บมากจนแทบตายห่า

แล้วนี่กูทำอะไรอยู่วะเนี่ย กูกำลังทำอะไรอยู่ คิดดีแล้วใช่มั้ย คิดดีแล้วใช่...........มั้ยวะ

“อึก...พี่.........พี่แก๊ป ที่กูพูด กูแค่อยากข่มมึงเฉย ๆ ไม่ทำถึงที่สุดได้มั้ย กูกลัว ฮืออออออออออ”

เกิดอาการหลอนขึ้นมากะทันหัน และแก๊ปที่อารมณ์เริ่มไปแล้วกว่าครึ่งในเวลานี้กำลังอ้าปากกว้าง ตาค้าง

เมื่ออยู่ดี ๆ  คนที่นั่งคร่อมอยู่เหนือร่างด้วยสภาพเปลือยเปล่าไม่ต่างกัน สารภาพความจริงบางอย่างออกมาให้ได้ฟัง

ไอ้พู่ อะไรของมึงเนี่ยะ อะไรของมึงวะ
มึงท้ากูเองนะ มึงบังคับกูเองนะ แล้วพอเอาเข้าจริง ทำไมเสือกเป็นแบบนี้ไปได้วะ

แม่ง...............ไอ้พู่.............ไอ้พู่ ไอ้พู่ ไอ้ห่าพู่ กูอยากจะบ้าตายกับมึงจริง ๆ

ไอ้พู่เอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยย

กูบอกมึงเอาไว้เลยนะพู่ กูบอกมึงเอาไว้ได้เลยตรงนี้ บอกมึงเลยตรง ๆ

“พู่.....มึงรู้ตัวมั้ยเนี่ย ว่าตอนนี้มึงโคตรน่ารักเลยว่ะ ......กูจะคลั่งก็เพราะมึงทำแบบนี้แหละ.....แม่งเอ้ย ทำไม่เป็นแล้วทำไมเสือกมายั่วกู กูเป็นไปได้ขนาดนี้ก็เพราะมึงนะพู่ แล้วอยู่ ๆ จะให้กูหยุด แล้วกูจะทนไหวได้ไงล่ะโว้ยยยยยยยย”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 10-05-2014 23:08:06
 :pighaun: :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: cancan ที่ 10-05-2014 23:23:20
sceneเดียวกันแต่คนละfeel

เชียร+เฮีย----- :m25: :jul1:

แก๊ป+พู่----- :m20: :m20: :laugh:

ขอบคุณคนแต่งขอรับ :3123:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: bozang ที่ 10-05-2014 23:33:50
แอร๊ก ค้างมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
โอ๊ยพู่โคตรน่ารักเลยให้ตาย ไม่ไหวแล้ว ชอบคู่นี้สุดเลย 5555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 10-05-2014 23:34:36
555555ดีแต่ปากนะน้องพู่ :m20:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-05-2014 00:57:37
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/07/ไฟล์เปล่า13M0Or.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ อำนาจ & พู่ .....ตอน  บ่อยครั้งที่เราทะเลาะกัน

แล้วกูควรเอายังไงกับชีวิตต่อไปดี

สิ่งที่แก๊ปทำได้ก็คือนั่งนิ่งเพราะไม่รู้จะทำยังไงดี ร่างกายไปซะขนาดนี้แล้วแต่ไอ้คนที่นั่งคร่อมกูอยู่เสือกมาสารภาพความจริงเอาตอนนี้ ว่าแม่ง....ไม่เป็นงาน

แล้วกูควรทำยังไงดีวะ กูควรจะทำยังไงต่อไป

“เหี้ยเอ้ยยยยยยยยยยยยย”

ได้แต่สบถออกมา และแหงนเงยใบหน้าขึ้น ยกมือขึ้นตบหน้าผากของตัวเองด้วยความกลุ้ม

จะพูดก็พูดไม่ได้ จะทำอะไรก็ทำต่อไม่ถูก สารภาพตามตรง เจอแบบนี้กูไปไม่เป็นเลย

“ผมขอโทษพี่แก๊ป ผมขอโทษครับ”

แล้วจะมาขอโทษอะไรกรู้วววววววววววววว

“พู่เอ้ยยยย มึงก็นะ แม่ง.......มึงลงไปก่อนดิ๊”

ไล่ให้คนที่นั่งคร่อมทับอยู่เหนือร่างให้ลงไปนั่งอยู่ข้าง ๆ และพู่ก็ยอมทำตามโดยไม่มีปากมีเสียงซักคำ
ลงมานั่งก้มหน้านิ่ง ๆ อยู่ตรงหน้าของคนที่อารมณ์ไปแล้วเกินครึ่ง แต่ไม่มีปัญญาทำอะไรได้

“ชักว่าวแม่งไปก่อนแล้วกัน ให้แม่งเสร็จ ๆ ไปก่อน ไม่งั้นกูนอนไม่ได้”

คำพูดของคนที่ไม่รู้ควรจะทำยังไงดี ยิ่งทำให้พู่อยากจะมุดหน้าแทรกแผ่นดีให้รู้แล้วรู้รอด

“ผมขอโทษ”

อย่ามาย้ำคำพูดนี้ได้มั้ยล่ะพู่ คือกูไม่ได้อะไรไง มึงก็อยากหมือนกันอันนั้นก็รู้ แต่ที่ไม่เข้าใจคือมึงคิดอะไรของมึงทำไมต้องสรรหาสารพัดวิธีมาบอกว่า มึงเสี้ยนมาก อยากได้กับกูมาก ทั้งที่เอาเข้าจริง มึงแม่งไม่เป็นห่าอะไรเลย

“ขอโทษเยอะเกินไปแล้วพู่”

ไม่รู้จะพูดยังไง สงสารก็สงสาร แต่ไม่รู้จะทำยังไง

“ผมขอโทษพี่แก๊ป”

เลิกขอโทษได้แล้วพู่ ยังไม่ได้ว่าอะไรซักคำเลย

“พู่”

คนที่ไม่รู้จะทำยังไงดี เงยหน้าขึ้นมองหน้าของแก๊ป อยากจะร้องไห้ก็อยาก อยากจะดับอารมณ์ตัวเองก็อยากแต่ไม่รู้ต้องทำยังไงถึงจะดี

“ครับ”

อย่ามาขานรับด้วยหน้าตาท่าทางแบบนั้นเลยว่ะพู่

“ถ้ามึงขอโทษอีกคำเดียว กูจะปล้ำมึงนะ”

เกิดอาการกลัวขึ้นมาจนลนลาน แล้วพู่ที่ไม่อยู่ในสภาวะที่จะตอบโต้อะไรได้ก็ย่นคอแล้วยกมือขึ้นปิดหู

“ผมขอโทษพี่แก๊ป ผมขอโทษ ผมไม่นึกว่าจะทำให้พี่แก๊ปโมโหขนาดนี้ ผมขอโทษ”

กูไม่ได้โกรธมึง ไม่ได้โมโหมึงด้วย กูพูดตอนไหนว่าโมโหมึงวะไอ้ห่าพู่

“อะไรของมึงเนี่ย กูไม่ได้โกรธมึงโว้ยยยยยยยย”

ไม่ได้โกรธแต่ที่พี่ทำมันแปลว่าพี่กำลังโกรธอยู่นะโว้ยยยย

“ไอ้พี่แก๊ป มึงอย่ามาขึ้นเสียงใส่กูนะ”

สู้กูอีก มึงทำกูชี้โด่ขนาดนี้ แล้วมึงก็ไม่รับผิดชอบอะไรเลย แล้วยังจะมาโทษกูอีก มึงนะมึงไอ้พู่ กูไปขึ้นเสียงใส่มึงตอนไหนอีกวะ ห่าเอ้ยยยยยยย

“กูเปล่าขึ้นเสียงเลยโว้ยย ดึกป่านนี้ขืนกูขึ้นเสียงใส่มึง คนอยู่บ้านในก็ได้ยินหมดสิวะ”

ไม่จริง ก็เห็น ๆ อยู่ว่ามึงขึ้นเสียงใส่กูชัด ๆ ไอ้พี่แก๊ป

“มึงตะคอกกูอยู่นี่ มึงยังว่าไม่ได้ขึ้นเสียงอีกหรือไง”

ไม่ยอมหรอกวะ กูเคืองโว้ย กูเคือง

“ไปไหนพู่”    ไปไหนก็เรื่องของกู

พู่เปิดมุ้งเตรียมออกจากมุ้งและแก๊ปก็ดึงแขนเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

“มึงแก้ผ้าอยู่มึงไปได้ไง มึงบ้าป่ะเนี่ย”

เออว่ะ ก็จริง กูลืมไป กูแก้ผ้าอยู่ แล้วมึงก็แก้ผ้าอยู่เหมือนกันด้วยพี่แก๊ป

ของมึงยังตั้งอยู่เลย แล้วของกู..............ก็......... ก้มมองสภาพร่างกายตัวเองและแก๊ปก็มองตามที่พู่มอง
มองขึ้นลงสลับกับใบหน้าของพู่ ที่เมื่อรู้สึกตัวก็เบิ่งตากว้างขึ้นเรื่อย ๆ และอ้าปากพะงาบ พะงาบ เหมือนอยากพูดอะไรซักอย่าง แต่พูดไม่ออก

“นี่........ง่า พี่แก๊ป.....นี่...อ่า”

กูเห็นแระ ของมึงยังน้อย มึงดูกูนี่ ยิ่งกว่ามึงอิ๊ก

“แล้วจะให้กูทำยังไงต่อวะพู่”

ทำยังไงเหรอพี่แก๊ป

พู่ไม่รู้จะทำยังไงดี มองหน้าของแก๊ปแล้วก็เริ่มก้มหน้าลงและถอนหายใจยาว

ไม่รู้เหมือนกัน ว่าวซะก็จบ มันก็คงจบแค่นั้น แล้ว........
แล้วที่ผ่านมากูจะอยากเอากะมึงไปเพื่ออะไรวะ โอกาสก็มาซะขนาดนี้แล้ว แต่เป็นกูเองที่ไปไม่เป็นจนพามึงหลงทาง ไปด้วย

 “จะ.......ขอจับหน่อยได้มั้ย...เดี๋ยว...เดี๋ยวผมชักให้ก็ได้”

มันไม่ใช่เว้ย ไอ้ของแบบนั้นกูทำเองได้ ไม่ต้องให้มึงมาทำให้หรอกพู่ สำคัญกว่านั้นคือ............

“มาใกล้ ๆ ดิ๊พู่”

มาใกล้ ๆ ทำไมพี่แก๊ป อย่าบอกนะว่ามึงโกรธกูจนจะบ้องหูกูเพราะความโมโห กูไม่เอาแบบนั้นนะพี่แก๊ป

ส่ายหน้าไม่ยอมเข้าไปใกล้ ๆ และเป็นแก๊ปที่มองหน้าของพู่นิ่ง ๆ เหมือนอยากบอกให้รู้ ว่าถ้าไม่ฟังกันบ้างคงต้องใช้กำลังบังคับ

“พู่”

เรียกอีกครั้ง และคราวนี้คนที่ไม่ยอมเข้ามาใกล้ก็ยอมขยับเข้ามาอีกนิด

แค่นิดเดียวและเป็นแก๊ปที่ต้องดึงข้อมือของพู่ให้เข้ามาหา
ดึงเข้ามาใกล้ ๆ และก็รวบเอวของพู่เอาไว้ไม่ให้ถอยหนี ใช้มืออีกข้างจับต้นคอพู่เอาไว้แน่น

“พี่แก๊ป มึงจะทำอะไรกู”

เผลอแสดงให้เห็นว่ากำลังทำหน้าตาตื่น และก็เป็นแก็ปที่ยื่นหน้าเข้าไปหา และแตะริมฝีปากเบา ๆ กับริมฝีปากของพู่

ทำเพียงแค่นั้นและผละออกห่าง และทำแบบนั้นซ้ำ ๆ อีกหลายครั้ง

อยากแตะต้องอยากสัมผัส แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่พร้อมก็คงต้องระงับความอยากและบังคับใจบังคับกายตัวเองให้ได้

“อือ”

พู่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร จะโมโหก็ไม่ใช่ จะโกรธก็ไม่เชิง  มีแค่ความกังวลในสายตาคู่นั้น และพี่แก๊ปก็มองหน้าของพู่อีกครั้งก่อนจะประกบริมฝีปากกับริมฝีปากพู่เบา ๆ และก็ผละออกห่างอีกนับครั้งไม่ถ้วน

“อือ”

รู้สึกดีที่ถูกทำแบบนั้น รู้สึกดี ที่อีกฝ่ายแม้จะมีอารมณ์มากขนาดไหน แต่ก็ไม่ได้คิดจะหักหาญน้ำใจกัน

รู้สึกดีมากที่ริมฝีปากเราสัมผัสกันเบา ๆ และก็รับรู้ได้ว่า
...........พี่แก๊ปแม่งรักกูนี่หว่า.........มันถึงไม่จูบกูแบบจริง ๆ จัง ๆ เพราะมันคงรู้ ถ้าทำให้กูมีอารมณ์เคลิ้มแล้วก็คงโอนอ่อนยอมตามแล้วคราวนี้จะจัดการยังไงก็ไม่ใช่เรื่องยาก

แต่พี่แก๊ปแม่งไม่ทำ ไม่ดึงดันที่จะทำ

แค่แตะ ๆ ริมฝีปากซ้ำ ๆ อยู่แบบนั้นและก็ขยับมือรูดรั้งที่ร่างกายของตัวเอง เพื่อจะปลดปล่อยอารมณ์ให้เสร็จไป

“อือ”

มองหน้าของอีกฝ่ายนิ่ง ๆ มองทุก ๆ การกระทำ แล้วพู่ก็ได้แต่กระพริบตามอง

มึงใจดี มึงอ่อนโยน มึงไม่ใช้กำลังทั้งที่ถ้ามึงฝืนจะเอาให้ได้ กูก็ยอมมึงอยู่แล้ว

แต่มึงเลือกแบบนี้ มึงเลือกให้กูเป็นฝ่ายเลือก

.........พี่แก๊ป..........มึงจะเป็นคนดีเกินไปแล้ว........

“อือ”

พู่หลับตาลงเมื่อริมฝีปากอุ่น ๆ แตะเข้ามาประกบที่ริมฝีปากของพู่อีกครั้ง และพู่รู้อีกไม่นาน พี่แก๊ปก็จะผละจากเหมือนหลาย ๆ ครั้งก่อนหน้านี้

สิ่งที่พู่คิด คือไม่ยอมแล้ว ไม่ยอมให้พี่แก๊ปถอยห่างอีกแล้ว

และเมื่อริมฝีปากคู่นั้นกำลังจะผละออกห่างพู่ก็เป็นฝ่ายใช้แขนโอบรัดรอบคอของแก๊ปไม่ยอมปล่อย

กอดรัดเอาไว้แน่น และอีกฝ่ายก็ดิ้นรน ไม่ยอมให้พู่ทำตามใจ

“เหี้ยพู่ ปล่อย เดี๋ยวกูหยุดไม่อยู่ อื้อออ ปล่อยก่อน”

เออช่างแม่งเหอะ หยุดไม่อยู่ก็ไม่ต้องหยุดแม่งแล้ว จะเจ็บจะปวดจะตาย จะเป็นห่าอะไรก็ช่างเหอะวะ กูยอม

“เอากันเหอะวะพี่แก๊ป”

เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย
มึงพูดอะไรออกมาเนี่ย มึงบ้าป่ะ เดี๋ยวมึงก็บอกว่าทำไม่เป็น เดี๋ยวมึงก็ไม่ยอมกู เดี๋ยวมึงก็ไม่เอาห่าอะไรซักอย่าง
แล้วมึงก็มากลับคำ อยากจะเอากับกูอีกแล้ว

“ไม่เอา”

ไม่เอาได้ไงพี่แก๊ป กูยอมมึงแล้ว มึงต้องเอา

“อย่าหนีพี่แก๊ป เอาก็คือว่าเอา”

ก็บอกอยู่นี่ไงว่าไม่เอา มึงอย่ามาบังคับกูนะ พูดไม่เข้าใจหรือไง

“ไอ้พู่”

อะไรพี่แก๊ป

“พี่แก๊ป....เอากันเถอะวะ”

ยืนยันคำเดิม และสายตาก็มุ่งมั่นมาก มุ่งมั่นจนแก๊ปที่คิดว่าจะถอย ตอนนี้ทำได้แค่แหงนเงยใบหน้าขึ้นและถอนหายใจออกมายาว ๆ เพราะไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี

“เอออออออออออ เอาก็เอา แม่ง.........คราวนี้กูไม่หยุดแล้วนะ ร้องไห้ให้ตายกูก็ไม่หยุด....ถ้าให้กูหยุดอีกรอบกูจะไปผูกคอตายให้มึงดูแน่ไอ้พู่    มึงไม่ต้องมาร้องไห้ขอให้หยุดเลยนะ กูบอกไว้ก่อน”

เออ ไม่หยุดก็ไม่หยุด   ไม่ให้ร้องไห้ งั้นไม่ร้องก็ได้

“แล้ว........ตกลงเอากันได้ยัง”

ยังมีการมาถาม และเป็นคำถามที่ทำให้แก๊ปต้องกระหน่ำจูบคนที่ถามคำถามโง่ ๆ แบบไม่ยั้ง

อารมณ์เตลิดไปไกลแล้ว และแก๊ปก็ผ่อนร่างของพู่ให้เอนหลังลงนอนก่อนจะกดข้อมือทั้งสองข้างของพู่เอาไว้ไม่ให้ขยับหนีไปไหน

“ร้องไห้ให้ตาย กูก็ไม่ปล่อยนะ ถือว่าบอกแล้ว”

เออ ตามนั้นแหละพี่แก๊ป พี่จะเอายังไงก็เอาไป ผมยังไงก็ได้อยู่แล้ว รอบนี้ไม่มีขัดขืนไม่มีงี่เง่าเด็ดขาด

“มาถึงขนาดนี้ ถ้าถอยกูก็แพ้สิวะ เสียชื่อไอ้พู่หมด มาพี่แก๊ป มึงจะทำอะไรกูก็มา กูพร้อมแล้ว เชิญมึงตามสบายเลย”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-05-2014 00:58:32
คิดอยากจะหยุดก็หลายครั้ง แต่คนที่นอนอยู่ใต้ร่างไม่ยอมให้หยุด

เห็นอยู่ชัด ๆ ว่ามันเจ็บ แต่ไอ้น้องพู่ ไม่ยอมร้องซักแอะ
ขบริมฝีปากแน่น และหยดน้ำที่คลอรินที่หน่วยตาก็หยดลงที่ข้างแก้มของพู่ในเวลาไม่นาน

“อือออ อึก อือ อือ”

เสียงร้องครางแผ่ว ๆ ในลำคอ ทำให้แก๊ปไม่สามารถผละจากไปไหนได้

จับมือของพู่เอาไว้แน่น และแก๊ปก็รู้ไอ้พู่กำมือแน่นมาก เพราะมันคงเจ็บมาก

“อึก อืออออ อือ”

เสียงครางแผ่ว ๆ ในลำคอ ที่ได้ยิน แก๊ปรู้ว่าอีกฝ่ายพยายามกลั้นเสียงเอาไว้

สิ่งที่พอจะช่วยได้ในเวลานี้ก็คือไม่ผละออกห่างจากริมฝีปากของพู่
แนบริมฝีปาซ้ำเข้าหากันอยู่อย่างนั้น ดูดดุนปลายลิ้นและคลอเคลียอยู่ที่ข้างแก้มและซอกคอของพู่ไม่ห่าง

“อือ”

น้ำเสียงครางแผ่วในลำคอ ที่ได้ยิน มันกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกของคนที่กำลังขยับสะโพกขึ้นลงให้ร่างกายส่วนนั้นฝังลึกเข้าไปในร่างของคนที่กำลังพยายามกลั้นเสียงให้มากที่สุด

ถ้ามึงไม่ไหว กูก็ไม่ไหวเหมือนกันพู่

สารภาพเลยตรง ๆ .........

“เสียวสัด ๆ เลยว่ะพู่ พู่แม่งรัดโคตรแน่นเลยว่ะ ซี้ดดด อืออ”

ขบริมฝีปากแน่นและกระซิบบอกเสียงแผ่วที่ข้างหูของคนที่ขมวดคิ้วมุ่นและเมื่อแก๊ปผละออกห่าง ก็มักจะได้เห็น ไอ้พู่กัดปากตัวเองอีกแล้ว

“หยุดมั้ยพู่  พอดีกว่ามั้ย อย่ากัดปาก..ถ้าคิดจะกัด กัดพี่แก๊ปก็ได้”

ไม่รู้ว่าพูดอย่างนั้นได้ยังไง แต่สงสาร เห็นมันกัดปากตัวเองแบบนั้นแล้วยิ่งนึกสงสารขึ้นมาจับใจ แต่พอบอกว่าจะหยุดไอ้พู่ก็ไม่ยอม

“ไม่เอาพี่แก๊ป อึก อื้ออออพี่แก๊ป พี่แก๊ป จูบพู่หน่อย พี่แก๊ป เร็ว ๆ อืออออ”

น้ำเสียงแผ่วเบาที่เอ่ยบอก ทำให้แก๊ปไม่สามารถผละออกห่างจากซอกคอขาว  ข้างแก้ม และริมฝีปากของพู่ได้
จูบไซร้วนเวียนสลับไปมาอยู่อย่างนั้น  จากหน้าผาก  กลับมาที่ข้างแก้มและหยุดที่ริมฝีปากที่ขบเม้มแน่นของพู่อีกครั้ง

“อืออออ อืออ”

กอดเอาไว้  ซุกไซร้ปลายจมูกลากไล้ลงมาที่ลาดไหล่ และแก๊ปก็เคลื่อนใบหน้ามาที่ยอดอกที่แข็งจนเป็นไต ดูดกลืนเข้าไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งที่ยังขยับสะโพกเคลื่อนไหวไปมาให้ร่างกายเชื่อมถึงกันได้มากยิ่งขึ้น

เรียวแขนที่โอบรัดอยู่รอบคอและแผ่นหลังของแก๊ปไม่ห่าง ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกให้มากขึ้น

อาการไขว่คว้าหาไออุ่นของร่างที่อยู่เบื้องล่างและขยับไหวไปมาตามจังหวะที่แก๊ปเคลื่อนไหวยิ่งทำให้รับรู้

ไอ้น้องพู่เป็นของกู

เป็นของกูคนเดียว และจะไม่มีทางปล่อยมันไปไหนเด็ดขาด ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางปล่อยไปได้อีกแล้ว

จะต้องทะเลาะกัน โกรธกัน ไปอีกกี่ครั้งก็จะไม่ปล่อย ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางปล่อยไปแน่ ๆ

“เจ็บมั้ยพู่ ....เจ็บมากมั้ย”

เอ่ยถามอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง สีหน้าและแววตาของพู่ที่แก๊ปได้เห็นยิ่งเป็นตัวเร่งให้เกิดความรุนแรงมากขึ้น

ก็รู้ว่ามันเจ็บ แต่ก็ไม่อยากจะหยุด เพราะมันหยุดไม่ได้

“ไม่”

คำตอบมาพร้อมกับหยดน้ำที่รินหยดลงที่ข้างแก้มของคนตอบ และเพียงเท่านั้นแก๊ปก็อยากจะถอนตัวออกไปซะให้รู้แล้วรู้รอด
แต่พู่ไม่ยอมให้หยุด  เรียวแขนยังคงโอบรัดกอดรอบคอของแก๊ปเอาไว้ไม่ยอมปล่อย เหนี่ยวรั้งเอาไว้และไม่ยอมให้ผละจากไปไหนได้

“พู่......ดีขึ้นบ้างมั้ย หายเจ็บบ้างมั้ย”

ถามด้วยความเป็นห่วง และแตะริมฝีปากซ้ำ ๆ ลงไปอีกครั้งที่ริมฝีปากซีดขาวที่กำลังจะขบเม้มแน่นเข้าหากัน เพื่อไม่ให้เปล่งเสียงครางออกมาอีก

“อือออ  ไม่เจ็บ พี่แก๊ปทำเลย อืออออ พี่แก๊ป จูบหน่อย พี่แก๊ป จูบพู่หน่อย”

ไม่รู้ว่ามันหายเจ็บจริงหรือเปล่า แต่ไม่ว่ากี่ครั้งที่ได้ฟังเสียงร้องขอ แก๊ปก็ทำตามทุกครั้ง

ร่างกายของเราแนบชิดกัน โอบกอดคลอเคลียกันไม่ยอมห่าง

เรียวแขนที่โอบรัดอยู่ที่รอบคอ ร่างกายที่แอ่นขึ้นเพื่อรับการกระแทกกระทั้นที่เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้แก๊ปถึงกับหอบหายใจหนัก และกระแทกเข้าไปที่จุดที่ทำให้พู่ครางออกมาทุกครั้งที่ส่วนปลายของท่อนเอ็นแกร่งที่สอดแทรกเข้าไปในช่องทางที่บีบรัด

“อืออออออ พี่แก๊ป เสียว ซี้ดดส์ อืออ”

ใบหน้าที่แหงนเงยขึ้น อาการหอบหายใจหนัก ๆ ทำให้แก๊ปรู้ว่าอีกฝ่ายมีอารมณ์ร่วมด้วยไม่น้อย และไม่ได้เจ็บปวดเหมือนช่วงแรกที่ร่างกายเพิ่งเป็นหนึ่งเดียวกัน

“ตรงนี้เหรอพู่ หือ ตรงนี้ใช่มั้ย”

ขยับสะโพกเข้าไปอีก กระแทกย้ำเข้าไปตรงจุดเดิมอีกหลาย ๆ ครั้ง และพู่ก็จิกปลายเล็บไปที่ไหล่ของแก๊ปเพื่อระบายอารมณ์ความรู้สึกออกมา

ทุกกิริยาอาการของพู่ที่แก๊ปได้เห็น ทำให้อารมณ์ความรู้สึกยิ่งเตลิดไปไกล

ไม่อยากแยกห่าง ไม่อยากจากไปไหน

กดแทรกร่างกายย้ำ ๆ เข้าไปอยู่อย่างนั้น และคลอเคลียริมฝีปากอยู่ที่ข้างแก้มขาวที่ขึ้นสีแดงเรื่อเพราะแรงอารมณ์

เรียวขาที่รัดแน่นที่สะโพก ความต้องการที่บ่งบอกออกมาแม้ไร้คำพูด แต่ทุกกิริยาอาการที่ร่างกายแสดงออกก็ชัดเจนพอแล้ว

“เดี๋ยวพี่ว่าวให้ จะได้แตกพร้อม ๆ กันนะ”

พู่พยักหน้ารับรู้สิ่งที่แก๊ปบอก และหัวคิ้วก็ยังขมวดมุ่นเข้าหากัน

ร่างกายถูกสอดแทรกกระแทกกระทั้นเข้ามาไม่หยุด และฝ่ามืออุ่น ๆ ก็รูดรั้งส่วนที่ชูชันตั้งขึ้นของพู่เบา ๆ

ดวงตาคมจ้องมองทุกกิริยาอาการที่บ่งบอกถึงความพึงพอใจของคนที่อยู่ใต้ร่าง

เสียงครางแผ่วในลำคอของพู่ ทำให้แก๊ปรู้ ไอ้น้องพู่ ก็มีอารมณ์ไม่น้อยไปกว่ากัน

หยาดน้ำใสหลั่งรินออกมาจากส่วนปลายของความแข็งขืนชูชันที่อยู่ในมือ

ทุกการสอดแทรกร่างกายที่เป็นไปตามธรรมชาติยิ่งทำให้ไม่สามารถผละออกห่างจากร่างที่เรียกร้องไม่ยอมหยุดได้

โอบกอดเอาไว้ มอบรอยจูบหวาน ๆ ให้อีกไม่รู้กี่ครั้ง

เสียงหอบหายใจหนัก ๆ และช่องทางที่บีบรัดเพิ่มขึ้นบ่งบอกความรู้สึกที่เกิดขึ้นของพู่ในตอนนี้ชัดเจน

“เสียวมั้ยพู่ จะแตกหรือยัง ดีมั้ย ซี้ดดดดดส์อ อืออ”

ตอนนี้ไม่เจ็บแล้ว ที่พี่แก๊ปพูดมา ตอนนี้กำลังรู้สึกทั้งหมดที่พี่แก๊ปบอก

“เสียวพี่แก๊ป พี่แก๊ปจูบกันพี่แก๊ป พี่แก๊ป อือออออออ”

ไม่สามารถผละออกห่างได้จริง ๆ
ร่างกายกำลังกระแทกกระทั้นเข้าหากันอย่างรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และแก๊ปก็เฝ้าแต่กระซิบบอกที่ข้างหูของพู่ด้วยถ้อยคำที่อยากจะบอกมากที่สุด

“รักนะพู่...พู่รักพี่แก๊ปหรือเปล่า หือออ อาส์”

คำตอบคือเสียงครางแผ่ว ๆ ในลำคอ พร้อมกับที่พู่พยักหน้ารับไม่รู้กี่ครั้ง

“รักพู่นะ....ดีแล้วใช่มั้ย พู่ไม่เจ็บแล้วนะ”

ไม่ ...........
ไม่เจ็บแล้ว

พยักหน้ารับตามที่ถูกถาม และดวงตาสองคู่ก็สบกันนิ่ง ต่างฝ่ายต่างจ้องมองใบหน้าของกันและกัน
แก๊ปก้มลงจูบที่ริมฝีปากที่ขบเม้มแน่นเข้าหากันอีกครั้ง ก่อนจะผละออกห่าง

และขยับสะโพกแรงขึ้น  กระแทกกระทั้นร่างกายเข้าไปให้จมดิ่งลึกจนสุด เมื่อใกล้จะถึงจุดหมายเข้าไปเต็มที

“รักพู่นะ”

อีกครั้งที่คำพูดช่วยปลุกเร้าความรู้สึกได้ไม่น้อย และแก๊ปก็ใช้ฝ่ามือรูดรั้งส่วนที่ตื่นตัวอย่างถึงขีดสุดของพู่แรงขึ้นเรื่อย ๆ

รุนแรงขึ้น

จนพู่เริ่มรู้สึกแล้วว่ากำลังจะทนไม่ไหวอีกต่อไป

“พี่แก๊ป พี่แก๊ป ไม่ไหวแล้ว พี่แก๊ปเร็ว ๆ อื้อออออออ”

น้ำเสียงที่ครางแผ่ว ร่างกายที่กำลังบีบรัดแน่น ทำให้แก๊ปต้องเร่งมือเพื่อให้อีกฝ่ายไปถึงที่หมายให้เร็วขึ้น

สะโพกแกร่งยังคงกระแทกเข้าออกซ้ำ ๆ แรงขึ้นเรื่อย ๆ ฝ่ามือรูดรั้งที่ส่วนที่แข็งขืนชูชันด้วยแรงอารมณ์อย่างถึงที่สุดของพู่

และก้มลงมาแตะริมฝีปากคลอเคลียกับริมฝีปากของพู่ไม่ห่าง

“อ่ะ พู่ พี่ไม่ไหวแล้วนะ แตกพร้อมกันนะพู่”

และพู่ก็พยักหน้ารับ

ร่างกายกำลังเกร็งและใบหน้าของพู่ก็แหงนเงยขึ้นเมื่อการขยับมือของแก๊ปเร็วขึ้นและแรงขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อผลักดันให้พู่ถึงที่หมายในไม่ช้า

“พี่แก๊ป พี่แก๊ป จะแตกแล้ว พี่แก๊ป แล้ว แตกแล้ว อื้อออออออ”

ได้ยินเสียงร้องครางแผ่วที่พู่เอ่ยบอก

และแก๊ปก็ได้เห็นว่าหยาดหยดขุ่นขาวมากมายกำลังหลั่งททะลักออกมาจากส่วนปลายของความแข็งขืนที่อยู่ในมือที่แก๊ปช่วยรูดรั้งเพื่อปลดปล่อยความรู้สึกให้

รีบขยับสะโพกเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง อัดกระแทกร่างกายย้ำ ๆ เข้าไปอีกหลายครั้ง

และรู้ว่าตัวเองก็กำลังจะถึงที่หมายตามไปในไม่ช้า

“ซี้ดส์ ........อาส์....เสร็จแล้วพู่ แตกแล้วพู่ อือออ”

น้ำเสียงทุ้มต่ำครางเครือในลำคอบ่งบอกความรู้สึกออกมาได้ทั้งหมดและแก๊ปก็ประกบริมฝีปากกับริมฝีปากของพู่ในจังหวะสุดท้ายก่อนที่ร่างกายจะปลดปล่อยน้ำรักเข้าไปในช่องทางที่บีบรัด

กระแทกเข้าไปจนลึกถึงในสุด ปลดปล่อยออกมาจนหมดสิ้น และแก๊ปก็ทรุดกายลงทาบทับอยู่บนร่างของพู่ ที่ไม่เหลือเรี่ยวแรงจะพูดอะไรได้อีก

ลมหายใจยังหอบหนัก แต่ก็ยังแตะปลายจมูกซ้ำลงที่ข้างแก้มของพู่เบาๆ และเฝ้าวนเวียนจูบซ้ำที่ริมฝีปากของพู่อีกหลายครั้ง

รอยยิ้มหวาน ๆ ถูกส่งมาให้ และพู่ที่รับจูบของแก็ปเอาไว้ก็ส่งยิ้มตอบกลับมา เมื่อเริ่มปรับลมหายใจได้แล้ว

“รักนะพู่”

คำพูดเดิม ๆ ที่เอ่ยย้ำให้ได้ยินอีกหลายครั้ง  ทำให้พู่ยิ้มรับกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมา

มึงหวานเกินไปแล้วพี่แก๊ป มึงหวานจนกูเขิน ตอนเอากันยังไม่เขินเท่าตอนที่มึงบอกรักกูเลยว่ะ บอกตามตรง

แต่ก็เอาซะหน่อยวะ ให้มันรู้ซะบ้างว่าทีมึงยังพูดได้ แล้วทำไมกูถึงไม่กล้า..........

จัดให้ไปซะหน่อย จะได้ไม่น้อยหน้ากัน

“อือ....พี่แก๊ป.......ก็......รัก....พี่แก๊ป....เหมือน.. กัน”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 11-05-2014 01:01:06
นั่นๆๆๆๆ  :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 11-05-2014 01:21:09
ตายกับคู่วิเชียรแพ๊พ  :m25:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 11-05-2014 01:45:50
แหม กว่าจะได้(เอา)กัน ทำคนอ่านใจหายใจคว่ำ
ทีนี้น้องพู่ก็มีเรื่องไปเล่าในวงสมาคมแม่บ้านแล้วซินะ อิอิ  ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aimjjj ที่ 11-05-2014 02:06:25
 :hao6: :haun4: :pighaun: :m25: คู่นี้ดุเดือดมากกกกกก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 11-05-2014 02:25:41
หนุกิ เหลือหนุคนเดียวแล้วนะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 11-05-2014 04:00:26
ได้เมียเด็กก็ต้องทำใจนะเฮีย แต่เหมือนเฮียจะชอบ ชอบมากด้วย เฮียนี่แข็งแรงจริงๆเล้ยย
พี่บุ้งยังแพ้เฮียเลย แค่โดนลูกศิษย์เชียรก็เข่าอ่อนแล้ว พี่บุ้งสู้เฮียไม่ได้เล้ยย
คู่น้องพู่กับอิพี่แก๊ป ตอนแรกๆทำไมมันฮาอย่างนั้นห่ะ แต่สุดท้ายก็ได้กัน ฮ่าๆๆๆ... สงสัยจริงๆ คุณแม่จะได้ยินเสียงหนุ่มๆเค้ากุ๊กกิ๊กกันมั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 11-05-2014 06:02:35
ูกิสู้ๆนะค่ะ อิๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 11-05-2014 07:53:37
ในที่สุดนู๋พู่ที่น่าสงสารก็ได้สมหวังทำรักกับพี่แก๊ปแว้วววววววว  :hao7:

เหลือแต่พี่บาสกับนู๋กิแล้วสินะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 11-05-2014 08:10:32
เอารูปไป :oo1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-05-2014 08:34:20
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/07/ไฟล์เปล่า13M0Or.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ อำนาจ & พู่ .....ตอน  หุงข้าว(จบภาค)


พู่รู้สึกตัวตื่นตอนเกือบรุ่งเช้า เพราะคนที่กอดเอาไว้ทั้งคืนเริ่มขยับตัว อ้อมแขนที่กอดรัดเอาไว้ทั้งคืนคลายออกแล้ว และพู่ก็ปรือตาตื่นขึ้นมาและหันไปมองคนที่กำลังขยับตัวลุกขึ้นนั่ง

“นอนไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่มา”

ไปไหนล่ะพี่แก๊ป

กำลังจะถามแต่ก็ไม่ทันได้ถามเพราะคนที่กดปลายจมูกลงมาที่ข้างแก้ม กระซิบบอกเบา ๆ ให้รู้

“พี่ไปหุงข้าวก่อนนะ นอนไปก่อนยังไม่สว่าง เดี๋ยวมาปลุกไปอาบน้ำ วันนี้ลุกไปทำงานไหวมั้ย”

ท้ายเสียงที่เอ่ยถาม แสดงความห่วงใยอย่างชัดเจน และพู่ก็ยิ้มออกมาบาง ๆ ก่อนจะยกแขนขึ้นโอบรัดไปที่รอบคอของคนที่กระซิบบอก

“ไปไหวสิ.....พี่แก๊ป หวัดดีพี่ หวัดดีตอนเช้า”

อืม

หวัดดีตอนเช้าเหมือนกันพู่

“อย่าทำงี้ดิ เข้าใจหน่อยเหอะ อยากนอนต่ออีกหน่อยนะ แต่มันทำไม่ได้”

คนพูดแสดงอารมณ์ให้รู้ว่าหงุดหงิดใจเล็ก ๆ และก้มลงมาซุกไซร้ปลายจมูกที่ซอกคอของพู่ด้วยความหมั่นไส้ที่กำลังโดนยั่วแต่จะทำอะไรต่อจากนี้ก็ทำไม่ได้แล้ว

“อือ พี่แก๊ปอ่ะ”

มึงอย่ามาทำเสียงแบบนี้หน่อยเลยไอ้พู่ กูจะตายเอาได้ง่าย ๆ

“ปล่อยเร็ว กอดคอแบบนี้ได้ไงวะ เดี๋ยวก็ไม่ได้ไปทำงานกันพอดี นอนไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่มาเรียก”

ครับ ครับ นอนไปก่อนก็ได้ครับ

พู่พยักหน้ารับสิ่งที่แก๊ปบอก และแก๊ปก็ลุกขึ้นนั่ง เปิดมุ้งออกและก้าวขาเดินลงจากเตียงไปแล้ว

และพู่ก็เริ่มหลับตาลงอีกครั้ง
ไม่ได้คิดจะนอนต่อ รู้สึกว่าร่างกายไม่ค่อยเป็นปกติเท่าไหร่และพี่แก๊ปมันก็รู้ดี ถึงได้ปล่อยให้นอนพัก

เมื่อคืนนี้มันเกิดอะไรขึ้นบ้างวะ
พู่รู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นคล้ายกับความฝัน

ไออุ่นของร่างที่กกกอดเอาไว้ คำพูดหวาน ๆ ที่พร่ำบอกนับครั้งไม่ถ้วนที่ได้ยิน มันทำให้จิตใจล่องลอย

พี่แก๊ปแม่งโคตรหวาน ไม่นึกว่าภายใต้ท่าทางบ้า ๆ บางครั้งก็ทำอะไรเพี้ยน ๆ แบบนั้น บทจะหวานขึ้นมาพี่แก๊ปแม่งหวานซะจนกูละลาย

มันเป็นแบบนั้นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ก่อนหน้านี้ถึงมันไม่พูด แต่ก็แสดงความรู้สึกออกมาทางการกระทำ เห็นบ้าบอแบบนั้น ใครจะไปนึก.....แม่งทำการ์ดให้กูซะด้วย แถมยังเขียนข้อความเลี่ยน ๆ แบบนั้นเข้าไปได้ยังไงก็ไม่รู้

แต่.............แม่ง...เล่นเอา เขินตายกันไปข้าง  มึงโรแมนติกเกินไปแล้วพี่แก๊ป

มึง...........โรแมนติกเกินไปแล้วนะโว้ย ไอ้พี่แก๊ป

พู่กำลังยิ้ม รอยยิ้มที่แก๊ปไม่ค่อยได้เห็น ยิ้มคนเดียวเงียบ ๆ และดึงหมอนมาปิดหน้าด้วยความเขิน

เหี้ยเอ้ย .........กูก็เป็นไปได้ขนาดนี้เลยนะ เป็นไปได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอวะกู 

.......รักพู่นะ.........รักพู่..........พี่แก๊ปรักพู่.....

คำพูดนั้นยังดังแว่วอยู่ในหูตลอดเวลา ตั้งแต่เริ่มแรกที่ร่างกายเราแนบชิดกัน จนกระทั่งค่อย ๆ หลับใหลไปอย่างช้า ๆ พร้อม ๆ กัน

.............รักพู่นะ........รักพู่......พี่แก๊ปรักพู่.........

เอาสิวะ เล่นงานกูซะให้พอใจเล้ยยยยยยยย ถ้ามึงจะทำให้ในหูกูได้ยินแต่คำนี้ตลอดเวลานะ

มึงก็เอาเลยพี่แก๊ป มึงคงสะใจมาก มึงคงพอใจมาก ที่ฝังคำพูดนี้เข้าไปในหัวกูได้ คงจะถูกใจมึงมากเลยสินะ

ห่าเอ้ยยยยยยยยย แม่งเขินโว้ยยย จนป่านนี้เพิ่งมารู้สึกเขิน โง่จริง ๆ เล้ยยยยมึงไอ้พู่.........มึงแม่งโง่จนกูไม่รู้จะด่าตัวเองยังไงดีแล้วจริง ๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-05-2014 08:34:55
“พู่ ตื่นเถอะ ตีห้าครึ่งแล้ว ลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนแล้วค่อยมากินข้าว”

ไม่ได้คิดว่าจะหลับ แต่พอหลับตาลงในเวลาเพียงไม่นาน พู่ก็เผลอเคลิ้มหลับไปอีกรอบ มาสะดุ้งตื่นอีกทีก็ตอนที่พี่แก๊ปมาปลุก

วิธีการปลุกไม่มีอะไรมาก แค่พี่แก๊ปเปิดมุ้งเข้ามา และมานั่งที่ข้างเตียงแตะฝ่ามือเบา ๆ ที่เส้นผมของพู่ และเอ่ยเรียกเสียงเบาพอให้รู้สึกตัว และพู่ก็ปรือตาตื่นขึ้น

ตื่นเต็มตา และสายตาก็เหม่อมองที่ใบหน้าของคนที่ได้เจอกันตั้งแต่ก่อนหลับตา และเมื่อตื่นขึ้นมาก็ได้เจอกันอีกครั้ง
ยังไม่ได้ลุกขึ้น และสายตายังมองไล่ไปที่ใบหน้าของแก๊ปอยู่อย่างนั้น

มองนิ่ง ๆ และแก๊ปก็มองหน้าของพู่เหมือนกัน จ้องมอง และระบายรอยยิ้มออกมาก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปหาและแตะปลายจมูกเบา ๆ ที่แก้มของพู่อีกครั้ง

“ไปทำงานไหวแน่เหรอ ถ้าไม่ไหวจะลาหรือเปล่า”

เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาหรอก ไหวอยู่ สภาพร่างกายไม่ได้มีปัญหาจนถึงขนาดที่ลุกไปทำงานไม่ไหว เรื่องเจ็บมันก็ยังมีอยู่ แต่เพราะเมื่อคืนพี่แก๊ปไม่ได้หักโหมและค่อย ๆ ทำ ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น และก็ทำไปแค่รอบเดียว ร่างกายก็เลยไม่ได้รู้สึกแย่จนลุกไม่ไหว ไม่ได้บาดเจ็บขนาดนั้น ต้องขอบคุณพี่แก๊ปด้วยที่มันไม่ทำอะไรตามใจตัวเอง ทั้งที่ถ้าพี่แก๊ปมันอยากจะทำจริง ๆ มันก็ทำได้ แต่มันไม่ทำ.... มีอะไรกันแค่ครั้งเดียว แล้วพี่แก๊ปก็กล่อมให้นอนจนถึงเช้า กอดเอาไว้และพร่ำพูดถ้อยคำที่ทำให้สบายใจและสามารถหลับตาลงได้

สุดท้ายหลับสนิทไปตลอดทั้งคืน โดยมีอ้อมแขนอุ่น ๆ โอบกอดเอาไว้ตลอดเวลา

“หวานเนอะ”

แกล้งแซว และแก๊ปก็เมินหน้าหนีไปทางอื่น และพู่ก็เห็น พี่แก๊ปแม่งเขินจริงจังเลยนี่หว่า

กูว่ากูเขินแล้วนะ พี่แก๊ปแม่ง...........ดูท่าจะเขินยิ่งกว่ากูอีก

“ใครหวานวะ ไม่มีหรอก....ก็เป็นแบบนี้มาตลอดไม่ใช่เหรอ”

มันใช่ที่ไหนกันล่ะ เมื่อก่อนไม่ใช่แบบนี้นะ เอะอะก็แกล้งกู บางทีก็หยอกล้อแบบแรง ๆ บ้างก็มี

แต่ตอนนี้...........

“เออนั่นสิ อยากรู้เหมือนกันว่าใครวะ แม่ง...โคตรจะหวาน”

ยิ่งอีกฝ่ายปฏิเสธ พู่ยิ่งแกล้งพูดให้มากขึ้นและยิ่งจ้องมองหน้าของแก๊ปนิ่ง ๆ จนแทบไม่กระพริบตา

“อะไรวะ มองอะไร ทำอย่างกับไม่เคยเห็นหน้ากันไปได้”

หน้าก็เคยเห็นอยู่หรอก แต่ว่าหน้าพี่แก๊ปตอนเขินแล้วทำอะไรไม่ถูก มันน่ามองมากเลยว่ะพี่แก๊ป

“พี่แก๊ปแม่งหล่อว่ะ....”

ไอ้พู่ อารายของเมิง นิ

“พอแล้ว ....เขิน มาชมอะไรตอนนี้วะ ตัวจะลอยได้อยู่แล้ว”

ไม่ใช่แค่พูด แต่แก๊ปยังยื่นมือมาขยี้ผมพู่เบา ๆ หยอกล้อด้วยความรัก แกล้งเพราะเห็นว่าคนที่นอนอยู่พูดจาอะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่ก็โคตรน่ารัก

“แล้วชอบป่ะ เวลาที่พู่ชม  พี่แก๊ปชอบป่ะ”

มันก็ไม่ใช่ว่าไม่ชอบหรอก แต่แค่ทำตัวไม่ค่อยถูกแค่นั้น แล้วยิ่งคนชม มันยิ้มหวานให้ขนาดนี้ คนถูกชมเลยยิ่งพาลจะเก็บอาการไม่อยู่เข้าไปใหญ่

แก๊ปได้แต่มองเมินไปทางอื่น และพู่ก็ยื่นมือไปแตะที่ปลายคางของแก๊ป แตะเบา ๆ ก่อนจะแนบฝ่ามือที่ข้างแก้มของแก๊ปและแก๊ปก็ยอมหันหน้ามา หันมาหาและพู่ก็เริ่มอมยิ้มก่อนจะพูดอะไรบางอย่างออกมาเสียงเบาพอให้ได้ยินกันแค่สองคน

“จูบได้มั้ยพี่แก๊ป”

เรื่องนั้นทำไมจะไม่ได้ล่ะ ก็จูบกันไปตั้งเยอะแยะแล้วไง ถ้าอยากทำไม่ต้องขอก็ได้นะ ถ้าพู่อยากทำ เราสองคนก็แค่ทำด้วยกัน

แก๊ปไม่ตอบ แต่ยื่นหน้าเข้ามาหา และแตะริมฝีปากกับริมฝีปากของพู่เบา ๆ แตะซ้ำ ๆ เหมือนอยากหยอกล้อ และก็เรียกเสียงหัวเราะเบา ๆ ของพู่ได้ พู่แกล้งโอบแขนรัดรอบคอแก๊ปเอาไว้ไม่ยอมให้ถอยห่าง และพูดสิ่งที่ทำให้แก๊ปรู้สึกคล้ายว่ากำลังจะทนไม่ไหวเพราะการถูกยั่วให้เกิดอารมณ์ตั้งแต่เช้า แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

“ที่ทำแค่นี้เพราะกลัวของขึ้นเหรอพี่แก๊ป”

ใช่เลย ก็ใช่ไง ที่ทำแค่นี้เพราะกลัวของขึ้น ถึงแม้ว่าตอนนี้อาจจะยังไม่ขึ้นเพราะไปจัดการเอาลงตั้งแต่ตอนไปเข้าห้องน้ำ
แต่ตอนนี้ก็ชักเริ่มกลัวขึ้นมาอีกครั้ง กลัวว่า...........จะอดใจไม่ไหว.....ทั้งที่ไม่มีเวลาที่จะทำแบบนี้ได้อีก

ใกล้จะเช้า และอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็ต้องเปิดร้าน

“ขอร้องเหอะวะ ปล่อยเถอะ อย่าทรมานกันเลย แค่นี้พี่ก็จะตายห่าแล้วว่ะ อย่าแกล้งกันแบบนี้อีกเลยได้มั้ย”

ด้ายยยยยยยยย

“ไม่ให้ทำแบบนี้แล้วจะให้พู่ทำแบบไหน”

แกล้งถามไป แกล้งทำหน้าใสซื่อใส่ และกลายเป็นแก๊ปที่ต้องถอนหายใจออกมายาว ๆ ด้วยความกลัดกลุ้ม

มึงก็นะ ยังจะมีหน้ามาทำแบบนี้ใส่กูอีก มึงไม่รู้หรือไง ว่ากูเหมือนกำลังจะทนไม่ไหว แล้วก็จะพาลของขึ้นแบบง่าย ๆ อีกรอบ

“พอเห้อ ไปเร็ว ลุกขึ้นไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวจะได้ออกมากินข้าว ไม่งั้นเดี๋ยวไปทำงานสาย”

ฟังสิ่งที่แก๊ปบอก และพู่ก็ค่อย ๆ ขยับกายลุกขึ้นอย่างช้า ๆ ก้าวขาลงจากเตียงโดยมีแก๊ปเป็นคนเปิดมุ้งให้

เสื้อผ้าสำหรับใส่ไปทำงานถูกรีดเอาไว้ให้เรียบร้อย เสื้อผ้าของพี่แก๊ป ชุดฟอร์มพนักงานที่มองดูแล้ว พู่ก็พอจะใส่ได้ แม้เสื้อผ้าจะดูตัวใหญ่ไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไรแถมซ้ำ...............

“ใส่กางเกงในพี่ไปก่อนได้ป่าววะ”

พี่แก๊ปส่งผ้าขนหนูมาให้พู่ และในมือก็ยังมีของอีกอย่างที่พี่แก๊ปถามว่าใส่ด้วยกันไปก่อนได้มั้ย

“ด้ายยยยยยยยย”

ลากเสียงยาว ๆ และพู่ก็หยิบกางเกงในมากางดูก่อนจะหัวเราะออกมาและมองหน้าของพี่แก๊ปด้วยความขำ

ที่จริงไม่ได้อยากแกล้ง แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้พูดออกมา

คำพูดที่ทำให้แก๊ปเดินหนีไปหลังบ้าน และเมินหน้าหนีด้วยความเขิน ส่ายหน้าเพราะพูดอะไรไม่ออก เขินจนไม่รู้จะตอบสิ่งที่พู่ถามว่ายังไง

แม่งมึงก็ถามมาได้นะพู่ แล้วมึงให้กูตอบยังไง กูก็เขินเหมือนกันนะนั่น ไม่เขินกูบ้างเลยหรือไงวะ
ใครที่ไหนเขามาถามกันแบบนี้

“พี่แก๊ป......ทำไมใหญ่จัง”

ใหญ่แล้วมึงชอบป่ะล่ะ ถ้าชอบ.............วันหลังจะให้จับอีก......มึงจะได้ไม่ใช้คำพูดผิด ๆ แบบนั้นเป็นครั้งที่สอง

วันหลังกรุณาพูดใหม่อีกครั้งด้วยนะพู่.........มึงกรุณาพูดใหม่ด้วย วันหลังขอให้มึงพูดว่า.....

“พี่แก๊ป.........ทำไมแม่ง......โคตรใหญ่จัง”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-05-2014 08:35:35
มีปลาทูทอด กุนเชียงทอด แล้วก็ต้มจืดเต้าหู้ไข่ใส่วุ้นเส้น

อาหารเช้ามีแค่นั้น
อาหารง่าย ๆ ฝีมือพี่แก๊ปที่ตื่นขึ้นมาทำให้กินตั้งแต่เช้า

พี่แก๊ปมันลุกขึ้นมาตอนเช้า และมาหุงข้าวทำกับข้าวให้กิน
.........โคตรน่ารักเลยว่ะ.........

“พอกินได้ป่ะ”

ได้สิ

“อร่อยเลยแหละ”

ชม
เอ่ยชมออกมาจากใจจริง ๆ

และพู่ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่คนที่ตื่นขึ้นมาหุงข้าวทำกับข้าวให้กิน ตักเต้าหู้ไข่ใส่เข้ามาให้ในจานข้าว

“ขอบคุณคร้าบบบบ”

เอ่ยขอบคุณออกไปและแก๊ปก็ยิ้มรับ

กินข้าวกันไปเงียบ ๆ สองคนอยู่ที่หน้าร้าน

เปิดร้านตั้งแต่หกโมงครึ่ง และยกจานข้าวและกับข้าวออกมานั่งกินกันสองคนที่หน้าร้าน

มองหน้ากันไปกินข้าวกันไป

ข้าวที่กินไม่ต้องใส่น้ำตาล เพราะบรรยากาศหวาน ๆ ลอยละล่องอยู่รอบตัว

“กินเยอะ ๆ นะ อร่อยก็กินเยอะ ๆ”

พี่แก๊ปมันก็หน้าตาดีนะ เมื่อก่อนชอบดูเวลามันยิ้ม ชอบเวลาที่พี่แก๊ปหัวเราะ ชอบเวลาที่มันทำตัวบ้า ๆ บอ ๆ ชอบที่มันไม่เคยอาย มันอยากจะทำอะไรก็ทำตามใจ ทุกอย่างดูเป็นธรรมชาติไปหมด

เมื่อก่อนคิดแบบนั้น
แต่เช้านี้พู่กำลังรู้สึกว่าตัวเองได้เห็นบางอย่างที่แตกต่างออกไปจากทุกวัน

ปกติไม่ได้คิดว่าพี่แก๊ปหล่อ

แต่เช้านี้อยากบอกเลยว่า..........

“พี่แก๊ปแม่งหล่อว่ะ ทำไมมึงหล่อขนาดนี้วะ กูโคตรชอบหน้ามึงเลยว่ะพี่แก๊ป...........มึงแม่งหล่อจังเลยว่ะ ........หล่อจนกูจะทนไม่ไหวแล้ว.....ทำไมมึงหล่อได้ขนาดนี้เลยวะ.......อืออออ.....พี่แก๊ป”

ไม่ใช่แค่พูด แต่พู่ยังขบริมฝีปากแน่น และขมวดคิ้วมุ่น

มองหน้าของแก๊ปแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเครียด

ใช้นิ้วชี้จิ้มไปเบา ๆ ที่หลังมือของแก๊ป และไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าในเวลานี้ตัวเองกำลังเป็นอะไร

ไม่รู้จริง ๆ ว่ากำลังเป็นอะไรไปแล้ว

“มึงไม่ใช่คนเดียวที่คิดแบบนี้หรอกนะพู่.......กูก็คิด.......”

จริงดิ......พี่แก๊ปก็คิดเหรอวะ
พี่แก๊ปคิดอะไรเหรอพี่แก๊ป
พี่แก๊ปคิดอะไรวะ บอกมาเลย กูก็อยากรู้ว่ามึงคิดอะไรเหมือนกัน

“พู่..........กูจะทำงานรู้เรื่องมั้ยวะวันนี้ กูคงไม่เป็นอันทำอะไรแน่ ๆ เลยว่ะ.............ทำไมวันนี้มึงโคตรน่ารักเลยวะ
แม่งงงงงน่ารักจนกูจะตายอยู่แล้ว..........เหี้ยเอ้ย กูจะบ้าอยู่แล้ว....มึงไปขนความน่ารักมาจากไหนนักหนาวะ.......... ทำไมเมียกูน่ารักจังเลยวะ ทำไมถึงน่ารักขนาดนี้ ทำไม ทำไม ทำไม กูไม่รู้แล้วโว้ยยยยย”

แก๊ปกำลังหงุดหงิด
และรู้สึกถึงอาการไม่เป็นตัวของตัวเองที่กำลังเกิดขึ้น
ยิ่งมองหน้าของพู่แล้วยิ่งไปกันใหญ่
ยิ่งมองหน้าของพู่ยิ่งคิดไปกันใหญ่

“มึงนี่มันได้ใจจริง ๆ เลยโว้ย”

คนพูดพูดไป ขมวดคิ้วไป
แต่คนฟัง ฟังไปยิ้มไป

บอกแล้วว่าพี่แก๊ปหวาน ขนาดเครียดแบบนี้มันยังหวานได้เลย แล้วใครจะไปกล้าว่าอะไรมันล่ะ

“มีอารมณ์แต่ทำไม่ได้ โคตรทรมานเลยว่ะพู่ ขอร้องเถอะนะอย่ายั่วกันอีกเลย ถือว่าสงสารพี่ได้มั้ยวะ”

ได้ครับ ได้ครับ

“เห็นแก่ที่พี่แก๊ปเป็นคนดี ลุกมาหุงข้าวให้พู่กินตั้งแต่เช้างั้นเอาแบบนี้ไปก่อนนะ”

พู่จูบเบา ๆ ที่ปลายนิ้วของตัวเอง และแตะปลายนิ้วไปที่ริมฝีปากของแก๊ปเบา ๆ

และคนที่ถูกทำอย่างนั้นก็ยึดข้อมือของพู่เอาไว้ไม่ยอมปล่อย
ไม่ยอมให้ฝ่ามือของพู่ละออกจากริมฝีปากของตัวเองได้

“ไหนว่าจะไม่ยั่วแล้วไง........แล้วนี่อะไร....นี่มันยั่วกันชัด ๆ เลยนะ......เมียใครวะทำไมขยันยั่วจัง.....พู่รู้มั้ยว่าคนนี้เมียใคร.... ถ้ารู้....ช่วยบอกพี่แก๊ปที”


END
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 11-05-2014 08:47:55
เห็นชื่อคนแต่งแล้ว หืมมมม  เดี๋ยวตามอ่านจ้า
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-05-2014 09:05:04
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/08/ไฟล์เปล่า15Z0QUn.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ สุรชาติ  & ยูกิ .....ตอน อยากเป็นอะไร

ยูกิ กำลังนับเงินที่ได้จากการขายของ นับรวม ๆ กันแล้วก็เขียนลงไปในสมุดเล่มเล็ก ๆ และส่งเงินทั้งหมดให้พี่บาส

“แบ่งออกมาเป็นค่าแรงของกิ 350 บาท เหลือเศษอีก 12 บาท อันนี้ทิป”

ตลกแระ ทิป 12 บาทเนี่ยนะ

“อย่ามาทำเป็นมอง วันนี้ให้ทิป 12 บาทเลยนะ จะเอาหรือไม่เอา”

เอาสิ

ไม่ได้พูด แต่รีบดึงเศษเหรียญที่พี่บาสบอกว่าเป็นทิปใส่เข้าไปในกระเป๋าเสื้อทันที

“ไอ้งกกิ”

อย่ามาทำเป็นว่าผมหน่อยเลย

“พี่บาสเคี่ยว”

แกล้งว่าและคนที่เก็บเงินจากการขายของก็เงยหน้ามองหน้าของกิ ยิ้ม ๆ

“เคี่ยวกับคนงก ก็สมควรแล้ว”

สมควรอะไรวะ เคี่ยวกับผมเหรอ ระวังเหอะจะเจอผมงกกลับคืนบ้างแล้วจะหนาว

“ใจร้ายว่ะ คำก็งก สองคำก็งก ทีตัวเองเคี่ยว ยังไม่เห็นว่าซักคำ”

ว่าไปแล้วมากกว่าสองสามคำนะ กิ

“เด็กเอ้ยยยย”   เออ คำก็เด็กสองคำก็เด็ก

“อะไรล่ะ ผู้ใหญ่เคี่ยว”  ยังมีหน้าไปต่อปากต่อคำ และคนที่ถูกหาว่าเป็นผู้ใหญ่เคี่ยวก็อมยิ้มบาง ๆ และมองหน้าของยูกิตรง ๆ

“จะไปเที่ยวเนี่ย มีตังค์หรือเปล่า ไม่งั้นไม่ให้ไปนะ”   โหหหหหหหหห นี่ไง เริ่มเคี่ยวอีกแล้ว

“ตังค์ไม่มีหรอก ให้แม่ไปหมดแล้ว ขอพี่บาสนี่แหละง่ายดี”

ดูมันทำ ไม่พูดเปล่ามันยังมีหน้ามาแบมือสองข้างชิดกันและทำหน้าใสซื่อใส่ซะอีก แล้วจะไปทำอะไรมันได้

“เงินเดือนไม่เหลือ เงินค่าจ้างก็ไม่เหลือ เอาบัญชีมาดูหน่อยซิ เอาไปใช้อะไรหมด”

ไม่มีปัญหา อยากดูบัญชีใช่มั้ย จัดไป ยูกิหยิบสมุดเล่มเล็กๆ ที่เก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาและวางให้กับคนที่ขอดูสมุดบัญชี
พี่บาสเปิดสมุดเล่มเล็ก ๆ ออกดูและก็พยักหน้าทำหน้าเหมือนเหลือเชื่อซะเต็มประดา แล้วก็คืนสมุดให้กิ

“ใช้ได้นี่ เริ่มรู้จักใช้เงินแล้ว”

ก็แน่ล่ะ อยู่กับคนเคี่ยว มันก็ต้องงกให้เป็น

“เหลือค่าผ่อนรถอีกห้างวดก็หมดแล้ว แม่ยังอึ้งเลย เจ๋งป่ะล่ะ”

ครับ ครับ ได้ทีล่ะมันโม้เชียวนะ

“ดีแล้ว คราวนี้รู้หรือยังว่าเงินมันหายาก หาได้ก็ใช้บ้างเก็บบ้าง อย่าใช้จนหมด ต่อไปจะได้ไม่ลำบาก”

นั่นไงล่ะ เริ่มมาแล้ว

“โอ้ยยยยยยยยยยย พ่อคร้าบบบบ จะเทศนาก็ไม่ว่าหรอกนะ แต่ขอตังค์เที่ยวหน่อยได้มั้ย ไม่มีตังค์แล้ว”

ดูมัน   เอ้ออออ ให้มันได้อย่างนี้

“ผ่อนจ่ายเป็นงวดได้ป่าวค่าเที่ยวของกิเนี่ย”

ไม่ได้

“ไม่เอาดิ จ่ายมาหมดเลย อยากมีตังค์เที่ยวแล้ว ไม่อยากขอพี่บาสแล้ว”

ดูมันร้องโอดโอยซะขนาดนั้น แล้วจะไปทำอะไรมันได้ ก็ต้องยอม

ผู้ว่าจ้าง หยิบธนบัตรออกมานับและส่งให้ยูกิที่มองเงินของตัวเองที่ทำงานได้แล้วก็ยิ้มระรื่นหน้าบาน


“วันละ 350 บาท มาทำงาน 5 วัน หนึ่งสัปดาห์ได้ 1750 บาท มาทำหนึ่งเดือนได้เงิน 7000 บาท แต่ให้ 7500 บาทนะ อีก 500 เบี้ยขยัน”

มีงี้ด้วยเหรอ เข้าท่านะเนี่ย มีเบี้ยขยันด้วย แบบนี้โคตรถูกใจเลย

“ขอบคุณคร้าบบบบบบบบบบบ พี่คนทอดปลาท่องโก๋ ใจดีจัง”

ไม่ต้องมาทำหน้ามีความสุขขนาดนั้น

“จ่ายเงินเดือนที จะเป็นลม ขอกลับไปจ่ายเป็นรายวันได้มั้ยล่ะ”

ไม่ได้

“ไม่เอาดิพี่บาส มันไม่เห็นเงิน เดี๋ยวก็เอาไปซื้อขนมกินหมด แบบนี้แหละดีแล้ว เวลาจะกินขนมก็ขอตังค์พี่บาส ไม่ต้องชักเนื้อตัวเอง”

นั่นไง

“ไอ้งก ไอ้เด็กงก ไหนว่าไม่งก แบบนี้ไม่เรียกว่างกแล้วเรียกว่าอะไร แถมยังเอารัดเอาเปรียบนายจ้างอีก เดี๋ยวระวังให้ดีเถอะ จะฟ้องกรมแรงงาน”

ฟ้องไปเล้ยยยยยยยย

“กลัวที่ไหน เดี๋ยวเอาตังค์พี่บาสนั่นแหละมาสู้คดี สะใจ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

ดูมันพูดเข้า สุดท้ายต้องแพ้มันใช่มั้ย

“เอาเหอะ จะคดีจะฟ้องจะอะไรก็แล้วแต่ เตรียมตัวไว้หรือยัง”

ไม่ใช่แค่พูด แต่คนพูดยังมองยูกิแบบยิ้ม ๆ

อ่า เรื่องนั้นมัน
คนพูด พูดแค่นั้นและเก็บของใส่ตะกร้าเรียบร้อย ปล่อยให้ยูกิ นั่งก้มหน้านิ่งคนเดียวเงียบ ๆ

เตรียมตัวอะไรวะพี่บาส จะให้เตรียมตัวอะไร ไม่เห็นมีอะไรต้องเตรียมตัวเลยนี่หว่า

“ไปเร็ว กลับบ้านได้แล้ว”

ได้ยินเสียงเรียก และยูกิที่กำลังทำหน้าไม่ถูก ก็ลุกขึ้น เดินตามคนที่หิ้วตะกร้าใส่ของมาขึ้นรถ เปิดประตูฝั่งข้างคนขับและขึ้นมานั่งเรียบร้อย ไม่ได้มองหน้าคนที่กำลังจะพาไปส่งบ้าน แต่มองนิ้วของตัวเองและไม่มีอะไรจะพูด

“พรุ่งนี้แล้ว พรุ่งนี้แล้ว”

ดูเหมือนคนพูดจะอารมณ์ดีไม่น้อย และใบหน้าของยูกิก็ขึ้นสีแดงเรื่อมากขึ้นเรื่อยๆ

“พรุ่งนี้อะไรพี่บาส ใจคอจะเอาผมตลอดการเดินทางเลยหรือไง ไม่ให้หายใจหายคอ ไม่ให้เที่ยวเลยเหรอ”

ใครว่าไม่ให้เที่ยวล่ะ

“เที่ยวตลอดการเดินทาง แต่กลับมาถึงที่พัก มันต้องมีกฎขึ้นมาซักข้อถึงจะดี”

กฎอะไรวะ มีกฎอะไรอีกล่ะ อย่าบอกนะว่าให้สวดมนตร์ก่อนนอนแล้วแผ่เมตตาด้วย


“กฎอะไรพี่”

ก็............... ไม่มีอะไรมากหรอก กฎง่าย ๆ ที่ทำพร้อมกันได้ทั้งสองคน

“อยู่ในห้องห้ามใส่เสื้อผ้า ถ้าใครใส่โดนปรับเอาค่าปรับไปจ่ายค่าของฝาก แบบนี้ดีมั้ย”

ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

“พี่ไมทะลึ่งงี้อ่ะ โหหหหหหหหห หลอกให้ตายใจ ทำเป็นเฉย ๆ มาตลอด ที่แท้พี่เป็นคนแบบนี้เหรอวะเนี่ย”

เพิ่งรู้เหรอ

“อยู่กับคนทะลึ่งมันก็ต้องทะลึ่งให้ทันกันสิ”

ไม่ใช่เหตุผลแล้วแบบนั้น

“กิ ก็ไม่ต้องถอดสิ แต่กิต้องจ่ายค่าของฝาก พี่ไม่ซีเรียสอยู่แล้ว สบาย ๆ”

สบายบ้าอะไร

“ไม่เอา ไม่จ่ายค่าของฝากอะไรทั้งนั้น”

ถูกต้องแล้วนะคร้าบบ ถ้าไม่อยากจ่ายก็ต้องทำตามกฎสิครับ

แล้วคนที่กำลังจะสตาร์ทรถก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ส่งยิ้มแปลก ๆ ให้ยูกิ แล้วพูดคำพูดที่ทำให้คนฟัง ยิ่งทำตัวไม่ถูก
เพราะคำพูดนั้นมาพร้อมกับดวงตาที่เป็นประกายวาววับของคนพูด

“ถามจริง ๆ เถอะถ้าแก้ผ้าอยู่ด้วยกันทั้งวันแบบนั้น คิดว่าจะมีอารมณ์อยากไปซื้อของฝากหรือไง”

ไม่รู้เว้ย ผมจะไปรู้ได้ไงล่ะ ยังไม่ถึงตอนนั้นซะหน่อย ผมจะไปตอบได้ยังไง
แล้วพี่มายิ้มแบบนี้ใส่ผมทำไม ไม่รู้เรื่องด้วยคนหรอกนะ

“พี่เป็นไรมากป่ะเนี่ย ยังไงวันนี้ก็ยังไม่ถึงวันไปเที่ยวนะ พี่ก็ยังทำอะไรไม่ได้หรอก ไว้ถึงวันเที่ยวแล้วค่อยว่ากันสิ คิดจะเอาเปรียบผมหรือไงวะ เดี๋ยวคิดค่าเอาเปรียบแม่งเลย”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-05-2014 09:06:50
ยูกิ กำลังนั่งตัวเกร็ง อยากจะหลับซักนิดก็ไม่กล้า พี่บาสเปิดเพลงฟัง เพลงไทยสากลที่ฟังเรื่อย ๆ สบาย ๆ
และท่าทางคนขับรถให้นั่งจะอารมณ์ดีมาก ขนาดโดนรถคันอื่นปาด โดนแซง ยังให้ทาง แถมยังพยักหน้าส่งยิ้มให้รถคันที่มาปาดซะด้วย อะไรมันจะอารมณ์ดีขนาดน้านนนนนนนนน

“แวะปั๊มมั้ย เผื่อเข้าห้องน้ำ”               

ไม่อ่ะ

“พี่ปวดฉี่เหรอ”

เปล่า ไม่ได้ปวด

“เห็นกิ ทำหน้าเหมือนคนปวดฉี่ พี่เลยนึกว่าปวดฉี่ เลยจะแวะปั๊มให้”

ไม่ใช่โว้ยยยยยยยย ผมไม่ได้ปวดฉี่ แต่พี่นั่นแหละขู่ผมไม่เลิก
………กิเสร็จแน่...............กิไม่รอดแน่..........อย่านึกว่าจะรอดไปได้ง่าย ๆ นะกิ........... สารพัดจะขู่เหอะ แล้วไหนจะไอ้กฎบ้าบอที่พี่บาสตั้งขึ้นมานั่นอีก กฎห่าอะไรวะ ได้เปรียบอยู่คนเดียวเห็น ๆ

“อยากเห็นกิ แก้ผ้ามานานแล้ววววววววว”

แม่งสุดยอดว่ะ กูว่ากูทะลึ่งแล้วนะ พี่บาสเห็นเงียบ ๆ พอบทจะเปิดเผย เล่นเอาคนทะลึ่งอย่างกู หงอยไปเลยว่ะ

“อยากเห็นพี่บาส แก้ผ้าเหมือนกานนนนนนนนน”

ปากดีพูดไปงั้น ทั้งที่ใจเต้นระทึกไม่เป็นส่ำ คนขับรถจากที่เคยทำหน้านิ่ง พอเวลานี้ล่ะยิ้มจางงงงงงงงง

“อาบน้ำด้วยกันป่ะล่ะ”

นี่แค่แก้ผ้าอยู่ด้วยกันยังไม่พอ ยังจะเพิ่มอาบน้ำด้วยกันเข้าไปอีกเหรอวะ

“อาบเองได้พี่ อันนั้นไม่ใช่แระ”

ไม่ใช่อะไรล่ะ

“อาบน้ำด้วยกันซะกิ แล้วเดี๋ยวพี่ช่วยอาบให้”

เฮ้ยยยยยยยยยยยยย นี่จริงจังมากเลยนะ พี่จริงจังไปหรือเปล่าวะ ในหัวพี่คิดอะไรไว้อีกเนี่ย

“พี่คิดอะไรไว้บ้างเนี่ย ผมถามจริง ๆ เหอะ พี่ไม่ได้คิดแค่แก้ผ้าอยู่ด้วยกัน อาบน้ำด้วยกันใช่มั้ย”

ใช่ อยากรู้เหรอ อยากรู้จริง ๆ หรือไง

“กิ ก็คงไม่คิดว่าจะแค่แก้ผ้าอยู่ด้วยกัน แล้วก็แค่อาบน้ำด้วยกันแค่นั้นใช่มั้ย”

ไม่ใช่ กูเปล่าคิดเหอะ พี่แม่งแหละคิดเลย ผมนี่ระวังตัวสุด ๆ เลยเนี่ย โดนขู่มาเยอะเลยว่ายังไงก็ต้องโดนเต็ม ๆ แน่ ผมก็ทำใจมาไว้บ้างแล้ว แต่พอโดนขู่แบบนี้ตลอด ชักไม่ไหวป่ะวะ

“ผมคิดแค่นั้น”

แกล้งพูดไป และทำเนียนแกล้งหลับไปซะดื้อ ๆ และคนที่ได้ฟังก็หัวเราะออกมาเสียงเบาพร้อมกับส่ายหน้า

อะไรล่ะ

อะไรล่ะพี่บาส จะส่ายหน้าทำไมขนาดนั้น ผมคิดแค่นั้นจริงๆ ไม่เชื่อหรือไง


“ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวพี่ทำให้กิรู้เองว่ามันไม่มีทางจบแค่นั้นแน่..........งั้นเดี๋ยวแวะพักกินข้าวกันก่อนดีกว่า แล้วก็ไปไหว้พระกัน เสร็จแล้วก็ค่อยเข้าที่พัก”

ท้ายประโยค คนพูดมีการหันหน้ามามองอีกครั้งพร้อมกับส่งยิ้มหวาน ๆ มาให้ เล่นเอาคนฟังถึงกับขนหัวลุก เสียวสันหลังวาบ และเบือนหน้าหนีไปมองข้างทางและหัวใจก็เริ่มเต้นระทึกขึ้นเรื่อยๆ ไม่เป็นส่ำ

แม่งจริงอย่างที่เขาว่ากันจริง ๆ ด้วยว่ะ คนโวยวายส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีอะไรหรอก แต่พวกเงียบ ๆ นี่แหละน่ากลัวที่สุด

กูเชื่อแล้วว่าคำพูดนี้เป็นจริง ตัวอย่างเลย ดูง่าย ๆ จากพี่บาสนี่ไง เวลาปกติก็เป็นพี่ที่สงบเสงี่ยมเรียบร้อย คอยตักเตือนเวลาที่เริ่มทำตัวเหลวไหล และกำลังจะไปในทางที่ผิด จนกูนึกสภาพไม่ออกเลยว่ามุมแบบนั้นของพี่บาสมันมีหรือเปล่า

แล้วถ้ามีจริงมันจะเป็นยังไง แต่ตอนนี้แม่ง............ไม่ต้องลุ้นแล้วล่ะ เพราะเห็นกันได้เลยแบบชัด ๆ
กูว่ากูทะลึ่งแล้วนะ ไอ้พี่บาสแม่งเพิ่มระดับความทะลึ่งเข้าไปอีกสิบเท่า แต่ก็เอาเหอะวะ ยังไงก็เตรียมใจมาแล้วว่าต้องโดนอยู่แล้ว แต่จะโดนเร็วหรือโดนช้า โดนแบบหนักหน่วงหรือแบบเบา ๆ

อันนี้ก็ไม่รู้.............คงต้องรอลุ้นเอาเอง แม่ง..............ดูพี่ท่านทำเข้า ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่เลิก

ท่าทางคงจะมีความสุขมากจริง ๆ กรรมเลยมาตกที่กู ที่กำลังลุ้นระทึกเหมือนหัวใจจะทะลุออกมาจากอกอยู่แล้ว

แม่ง..........สาธุ ขออย่าให้โดนจัดหนักจนลุกไม่ขึ้นเล้ยยยย ไม่งั้นคงไม่มีแรง แล้วก็ไม่มีอารมณ์เดินเที่ยว การมาเที่ยวครั้งนี้คงสูญเปล่า แต่ก็ไปว่าอะไรคนพามาเที่ยวไม่ได้ซะด้วย เพราะท่าทางต้องการจะจัดมาก

ยังไงก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว

งั้นก็ทำใจไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วกันวะ เตรียมยามาพร้อมแล้ว จะป่วยจะไข้จะน็อค จะขาถ่างจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างเดินทางก็ช่างมัน

...............ถ้ามันทำให้พี่บาสมีความสุข และยิ้มได้ขนาดนี้...จะให้เป็นยังไงก็ยอมหมดแหละวะ.........กลัวไปก็เท่านั้น
สู้แม่งเลยดีกว่า..........เอาวะ เป็นไงเป็นกัน ไอ้กิ สู้ไม่ถอยอยู่แล้วโว้ยยยยยยยยย

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-05-2014 09:07:21
“ตามกฎ.....ไหนมานี่ซิ”

อารายวะ เพิ่งจะวางกระเป๋าเองนะ จะมาตามกฎอะไรกันตอนนี้

“ร้อน เหนียวตัวด้วยพี่ อาบน้ำก่อนได้ป่าว”

ไม่ใช่ว่าจะหนีหรือจะเลี่ยง   แต่แบบว่า กูเขินไง ทำตัวไม่ค่อยถูกซักเท่าไหร่ พี่บาสเล่นเอาคีย์การ์ดวางไว้หน้าห้อง แล้วพอไฟในห้องเปิดปุ๊บ ก็เดินมากอดคอกูปั๊บเลย

ยังไงพี่

“เหนียวตัวเหมือนกันเลย ป่ะ อาบน้ำพร้อมกัน”


นั่นไงล่ะ เยี่ยมเลยครับ เข้าทางเลยว่างั้น

“อาบพร้อมกันเลยจริง ๆ เหรอพี่ ไม่ให้ผมสวดมนต์แล้วเหรอวันนี้”

แกล้งล้อ แกล้งแหย่คนที่ปกติมีแต่บังคับให้สวดมนต์ไหว้พระตลอด แต่ตอนนี้ดูท่าคงจะไม่ค่อยอยากสวดซักเท่าไหร่

“ไปไหว้พระมาซะขนาดนี้แล้ว อิ่มใจทางธรรมแล้ว งั้นขออิ่มใจอิ่มกายทางโลกบ้างดีกว่า”

ข้ออ้างพี่ท่าน สุดยอดไปเลยครับ

“พี่บาสแม่งหื่นว่ะ”

บ่นพึมพำเบา ๆ และก็เรียกรอยยิ้มของคนที่กำลังกอดคอกิได้

“ก็หื่นสิ ใครว่าไม่หื่นล่ะ”

เออนั่น ยอมรับกันหน้าตาเฉยเลย ไม่มีการท้วงติงใด ๆ ทั้งสิ้นเลยนะ

“ผมล่ะเชื่อเลยว่ะ”

บ่นไปก็เท่านั้น

ยูกิ เดินมานั่งบนเตียงและหย่อนขาไว้ที่ปลายเตียง หันไปมองเตียงนอนแล้วก็ชักรู้สึกใจสั่นขึ้นมา เตียงเดี่ยวนอนได้สองคน ชัดเจนเปิดเผยมาก ว่าต้องนอนด้วยกันแน่ ๆ ไม่มีทางเลี่ยง บทจะได้กันแม่งก็ได้ง่าย ๆ จริงวะ ทีเมื่อก่อน ขนาดจะปล้ำพี่บาสแม่งยังไม่ยอมกูเล้ยยยย พอบทจะยอมขึ้นมา กูนี่ไปไม่เป็นเลย อารมณ์หื่นตอนที่จะปล้ำพี่บาสตอนนั้นมันน่าจะกลับมาด้วยนะ จะได้ไม่สั่นขนาดนี้

โคตรเขินเลยว่ะ แล้วเรื่องตื่นเต้นนี่ไม่ต้องพูดถึงเลยนะ เกินล้านเปอร์เซ็นต์ไปเรียบร้อยแล้ว

“กิ”

ได้ยินเสียงเรียกเบา ๆ และกิก็เงยหน้าขึ้นมองคนที่มายืนอยู่ตรงหน้า

ว่าไงล่ะพี่ มองผมซะจนแทบทะลุเข้าไปในเนื้อได้ขนาดนี้แล้ว พี่จะเอาอะไรอีก

“กิกำลังเครียดอยู่หรือเปล่า”

เครียดเหรอพี่ มันก็มีบ้างแหละ ผมไม่คิดว่ามันจะมีวันนี้จริง ๆ ก็เลยอาจจะเครียดไปบ้าง

“กิเครียดไปนะ”

ไม่ใช่แค่พูด แต่คนพูดยังแตะฝ่ามือเบา ๆ ที่เส้นผมของกิและลูบไล้เล่นอีกด้วย

ดวงตาที่จ้องมองมา มีแววอ่อนโยนให้เห็น ไม่ได้ต้องการจะเร่งรัดหรืออยากแกล้งอย่างที่ผ่าน ๆ มา

“กฎอะไรนั่นไม่ต้องสนใจหรอก อย่าไปเครียดกับมัน พี่แค่แกล้งกิไปอย่างนั้นเอง เวลาเห็นกิ ช่างพูดนั่นพูดนี่ บางทีพี่ก็นึกอยากจะแกล้งขึ้นมา มันไม่ได้รู้สึกดีหรอก ที่พอพูดไปเรื่อย ๆ แล้วกิ เครียดขึ้นมาจริง ๆ ตอนนี้เรามาเที่ยวกันนะ ทำใจให้สบายๆ เที่ยวก็เที่ยวกันให้สนุกอย่างมีความสุขดีกว่า อย่าคิดมาก พี่ไม่แกล้งแล้วนะครับ”

พี่...........

ยูกิเงยหน้าขึ้นมองหน้าของคนที่ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ จ้องไปที่ดวงตาคู่นั้น จ้องนิ่งเข้าไปแล้วกิก็ได้รู้ ว่าพี่บาสพูดแบบนั้น เพราะคิดอย่างนั้นจริง ๆ

ฝ่ามืออุ่น ๆ แนบลงที่ข้างแก้ม ประคองใบหน้าของกิเอาไว้อย่างแผ่วเบาและพี่บาสก็โน้มใบหน้าลงมาหา
โน้มลงมาพร้อมกับมอบรอยจูบแผ่วเบาให้ที่หน้าผากก่อนจะผละออกห่าง และส่งยิ้มให้กิ อีกครั้ง

“ไปอาบน้ำเถอะ จะได้นอนพัก เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว พรุ่งนี้มีโปรแกรมว่าต้องทำอะไรอีกบ้าง กิลองดูที่แผนที่ซิ ว่าพรุ่งนี้เราจะไปที่ไหนกัน”

ยังไงล่ะพี่ ที่พี่พูดคืออะไร หมายความว่ายังไง ผมไม่เข้าใจหรอกนะ

“พี่บาส”

เรียกคนที่ผละไปนั่งอยู่ข้าง ๆ และกำลังหยิบแผนที่มากางเพื่อดูว่าพรุ่งนี้จะต้องเดินทางไปที่ไหนบ้าง

“ครับ”

ได้ยินเสียงขานรับแล้วกิก็เลยขยับไปนั่งข้าง ๆ  พี่บาสที่กำลังจ้องมองไปที่แผนที่ที่กางอยู่บนเตียง

“ผมกลัวผี”

หมายความว่ายังไง ..........กลัวผี……

ไม่เข้าใจสิ่งที่ยูกิบอก เงยหน้าขึ้นมามองและเริ่มขมวดคิ้วมุ่นเพราะยิ่งมองก็ยิ่งไม่เข้าใจ

“พี่.......จะ....เข้า....เอ่อ....เข้าไปอาบน้ำพร้อมกิเลยมั้ย”

หมายความว่า...............ยังไงล่ะ....

“แล้วกิให้พี่อาบด้วยมั้ยครับ”

ชวนซะขนาดนี้ คงไม่ให้เข้าไปอาบด้วยมั้ง

“ผมกลัวผี ผมอาบ......คนเดียว....ไม่ได้หรอก....พี่เข้าไปอาบเป็นเพื่อนหน่อยได้มั้ยล่ะ”

คำขอร้อง มันฟังดูน่ารักน่าใคร่ซะจนคนที่กำลังกางแผนที่ต้องก้มหน้าก้มตาลง และยิ้มกว้าง กับคำเชิญชวน

“อาบเป็นเพื่อนไม่เอานะ อยากเป็นอย่างอื่นมากกว่า”

เหรอ เออ เอาเหอะ พี่จะอาบเป็นเพื่อนหรือจะเป็นอะไรอย่างอื่นก็ตามใจพี่แล้วกัน

ผมไม่ได้ว่า......

ยูกิลุกขึ้นแล้วและเดินไปหยิบผ้าขนหนูมาถือเอาไว้ ก้าวขาเตรียมจะเดินเข้าห้องน้ำ และไม่ลืมที่จะหันไปมองหน้าของคนที่นั่งอยู่บนเตียง และกำลังจับจ้องทุกอิริยาบถของกิไม่ห่าง

คนพูดก้มหน้าก้มตาพูด ทั้งที่หน้าคงแดงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว แต่ก็ยังกล้าพูดออกมา

“พี่จะอาบเป็นอย่างอื่นมันก็เรื่องของพี่ กิไม่ได้ว่า.... แล้ว........ถ้าพี่อยากเป็นอย่างอื่น กิก็ไม่รู้จะช่วยพี่ยังไง........พี่คิดได้ว่าอยากเป็นอะไรกับกิ...........พี่ก็มาทำเอาเองก็แล้วกัน”



TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 11-05-2014 09:25:50
หึหึ!!!!  น้องกิ อ่อยนะเรา :impress2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 11-05-2014 09:50:01
น้องกิชวนซะขนาดนี้
พี่บาสจัดเต็มเลยค่า :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: conankungkub ที่ 11-05-2014 09:53:23
ทำไม เคะ เรื่องนี้ มันยั่วเก่งกันนักว่ะ แต่ละคนๆ เฮ่อ

 :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 11-05-2014 10:32:52
รีบเลยค่ะพี่บาสรีบเลย จัดปายยยย อร๊ายยย   :hao7:

ว่าแต่เมื่อกี้เราเห็นรูปคู่ใหม่แวบๆ เอ๊ะ รึเก๊าตาฝาด  :hao4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 11-05-2014 10:43:19
 :L2: :L2:


 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 11-05-2014 11:51:33
555555แต่ละคู่มันได้ใจจริงๆ


อ่านนิยายมาเรื่องนี้ เข้ามาเม้นท์มากสุด ชอบๆ :L2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 11-05-2014 11:55:29
อ่อยซะขนาดนี้ตอนหน้าขอจัดให้พี่บาสที่เหอะ!!!!! :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: foolishbeat ที่ 11-05-2014 12:01:13
น้องพู่กับแก๊ปจบแล้วเหรอ ไม่อยากให้จบเลย ฮือออ
ไปดูหน้าแรก เห็นมีคู่ใหม่มา โยธิน-บัวลอย จะเป็นยังไงเนี่ย
คิดถึงวิเชียรจัง :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-05-2014 12:07:15
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/08/ไฟล์เปล่า15Z0QUn.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ สุรชาติ  & ยูกิ .....ตอน ยูกิผู้ไม่ยอมแพ้

อากาศภายนอกหนาวเย็น แต่อากาศภายในห้องอบอุ่น จนคล้ายจะเริ่มหนักไปทางร้อน

และเป็นความร้อนที่เกิดขึ้นภายหลังความเย็น

ยูกิ อาบน้ำเสร็จแล้ว และคนที่เข้ามาช่วยอาบให้ก็กำลังทำหน้าเฉย ทั้งที่ก็เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าพี่บาสยิ้ม

ยิ้มแบบแปลก ๆ รอยยิ้มแบบที่ยูกิไม่เคยเห็น แต่ก็พอรู้ว่าอีกฝ่ายยิ้มแบบนี้ทำไม

พี่จะเปิดผมตั้งแต่วันแรกที่เดินทางมาถึงเลยสินะ เรื่องแค่นี้ไม่ต้องพูดมองตาก็รู้ใจ แล้วก็เป็นทางนี้ด้วยที่ยินยอมพร้อมใจให้เป็นไปอย่างที่คนที่เข้ามาช่วยอาบน้ำทำทุกอย่างได้ตามต้องการ

เริ่มจากช่วยถอดเสื้อ ช่วยถอดกางเกง และดูเหมือนคนที่เข้ามาเพื่ออาบน้ำด้วยกัน จะอยากช่วยถอดแม้กระทั่งกางเกงใน ทั้งที่ยูกิ ยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่าไม่ต้องก็ได้ แต่ก็เหมือนจะไม่เป็นที่ถูกใจของคนที่เข้ามาช่วยซักเท่าไหร่

“เดี๋ยวพี่ช่วยถอด”

เหรอออออออออออ...ค้าบบบบ

“เดี๋ยว กิ ช่วยพี่ถอดบ้างดีกว่า”

ทำเป็นเฉไฉไปอย่างนั้น ทั้งที่จริง ๆ แล้วโคตรอาย ถึงจะอายแต่ก็ไม่อยากเสียฟอร์ม ของแบบนี้บางทีมันก็ถือเป็นชั้นเชิงอย่างหนึ่ง ที่จะทำให้เราดูไม่เหมือนคนอ่อนหัด ทั้งที่จริง ๆ กูแม่งโคตรอ่อนหัดวะ เด็กอ่อนหัดที่นึกอยากเทรินโปร

“ก็ดีครับ งั้นช่วยพี่ถอดสิ”

พูดง่าย ๆ แถมรอยยิ้มก็ดูเรียบง่ายสบาย ๆ แต่กูนี่แม่งสั่นจะตายห่าแล้วโว้ยยยยยยยยยย

“กิ”

ยูกิเงยหน้าขึ้นและมองหน้าของคนเรียก ทั้งที่มือยังพยายามแกะกระดุมเสื้อของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า

“มือสั่น”

ใครสั่น มือผมเหรอสั่น พี่มองผิดไปหรือเปล่า ไม่ใช่แล้วม้างงงงง

“ไม่สั่นพี่ พี่มองยังไง”

มองยังไงล่ะ ก็มองอย่างนี้

“ไม่สั่นก็ไม่สั่นครับ”

คนที่เริ่มมีรอยยิ้มปรากฏให้เห็นชัด และไม่คิดจะปิดบังความรู้สึกตัวเอง และแสดงให้เห็นว่าในเวลานี้ต้องการอะไร มันทำให้คนที่คิดว่าจะไม่เป็นไร รีบก้มหน้าก้มตาหลบ และหยุดมือจากการแกะกระดุมเสื้อของอีกฝ่ายทันที

“พี่บาสอ่า แม่งเอ้ยยยยย มันไม่ใช่แบบนี้เลยโว้ยยยย”

บ่นอยู่คนเดียว และคนที่ได้ยินเสียงบ่นก็ทำได้แค่ยิ้มกริ่มอย่างมีความสุข

รั้งร่างของยูกิมากอดเอาไว้ และคนที่ยืนซุกหน้าอยู่กับอกของพี่บาสก็ได้แต่บ่นอะไรพึมพำคนเดียวไม่เลิก ในสภาพเกือบเปลือย

“อะไรล่ะ บ่นอะไรครับ”

ไม่ได้บ่นเลย พี่บาสแหละ อะไรวะ อะไรของพี่ คนจะช่วยถอดเสื้อ เสือกดึงมากอดซะงั้น แล้วจะไปถอด.......เสื้อ...ได้...ยังไง

“ฮื่อ”

ร้องออกมาเบา ๆ และสองมือก็กำเสื้อของคนที่กอดเอาไว้แน่น

ซุกซบใบหน้ากับแผ่นอกกว้าง และไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าของอีกฝ่าย เมื่อฝ่ามืออุ่น ๆ ลูบไล้แผ่วเบาที่แผ่นหลังและลากเรื่อยมาจนถึงสะโพก ไม่ใช่แค่แตะ ไม่ใช่แค่จับ แต่ฝ่ามือที่ลูบไล้เบา ๆ ยังบีบเค้นคลึงเนื้อแน่น ๆ ของผิวเนื้อตรงสะโพกทั้งสองข้างด้วยความพอใจ

“ไม่นึกว่าจะแน่นขนาดนี้”

แน่นขนาดนี้อะไรวะพี่บาส แน่นขนาดนี้อะไรล่ะเฮ้ยยยย

“บีบทำไมพี่ เดี๋ยวจะบีบพี่บาสมั่ง”

ก็เอาสิครับ นี่มันถือว่าเป็นเรื่องสมควรแก่เหตุครับ จะจับจะตีจะบีบ จะขย้ำ จะทำแบบไหนก็ทำ ไม่ได้ห้ามนะครับ

“ก็เอาสิ”

เหรอ เอาเหรอเหรอ ได้เหรอ ถ้างั้นก็ด้ายยยยยยยยยยย ไม่มีปัญหา ให้ทำเองนะงั้นก็........

“พี่บาส ทำอะไร๊ อ่า”

เสียงสูงขึ้นมากะทันหัน และผละใบหน้าออกมาจากแผ่นอกของคนที่ตัวสูงกว่า และยูกิก็ได้เห็น ดวงตาคมที่มีแววหยอกล้อที่ได้เห็นยิ่งทำให้ยูกิทำตัวไม่ถูกมากขึ้น

“ช่วยถอดกางเกงใน”

ใช่ อันนั้นผมรู้ว่าพี่ช่วยถอด แต่ทำไมพี่ต้อง.....ต้อง...แกล้งเอานิ้วสอดเข้าไปข้างในตัวผมด้วยวะเฮ้ยยยยย

“แต่เมื่อกี้ไม่ใช่แค่ช่วยถอดกางเกงในนะ”

เถียง แต่เป็นการเถียงที่คนเถียง เถียงไปหน้าแดงไป สลับกับอาการขบริมฝีปากแน่นและก้มหน้าก้มตาลงมาอีกครั้งด้วย

“แล้วกิว่าพี่ทำอะไรล่ะ พี่ก็ทำอันนั้นแหละ ทำตอนนี้หรือทำตอนไหน ยังไงก็ต้องทำ ไม่งั้นมันเข้าไม่ได้”

เหี้ยยยยยยยยยยย เข้าไม่ได้ห่าอะไรวะ เข้าไม่ได้คืออะไรเข้าไม่ได้ เข้าไม่ได้ อ่า.............

“.....................”

เออว่ะ แต่แม่งก็จริงอย่างพี่บาสว่า ถ้าไม่ทำแบบนี้มันก็เข้าไม่ได้

“เอาจริงดิพี่”

ก็ต้องเอาจริงสิครับ หรือกิไม่เอาจริง แล้วถ้าไม่เอาจริงกิ เรียกพี่มาอาบน้ำด้วยทำไม เป็นคนเรียกเองเลยนะ อย่ามาทำเป็นปฏิเสธเชียวล่ะ ไม่งั้นไม่ยอมด้วยนะครับ

“อาบ...งั้น...อาบน้ำกันเหอะพี่ อาบ...อาบน้ำกัน..เร็ว ๆ เถอะ.......นะ”

ไม่รู้ว่าใครที่ทนไม่ไหวก่อนกัน คนชวน หรือคนที่ถูกชวน

สิ่งที่ได้ยินมันทำให้พี่บาสยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายช่วยก็จัดการถอดเสื้อของตัวเองออกอย่างรวดเร็วและในไม่ช้าทั้งกางเกง และกางเกงในก็ลงไปกองอยู่ที่ปลายเท้า

จัดการสภาพร่างกายของตัวเองจนเรียบร้อย และมายืนอยู่ต่อหน้าของคนที่ไม่ได้มองมาที่ร่างกายเปลือยเปล่าของพี่บาสตรง ๆ แต่ทำทีเป็นก้มหน้าก้มตาและถอดสิ่งที่อยู่ติดกายชิ้นสุดท้ายออก และก็ต้องนิ่งอึ้งเมื่อรู้ว่าคนตรงหน้าก็ไม่เหลืออะไรติดกาย มีแค่ร่างกายเปลือยเปล่าเท่านั้นที่ยูกิได้เห็น และเห็นชัดมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อไล่สายตามองลงมาจากใบหน้ายิ้ม ๆ ของพี่บาส สู้สายตาคม ๆ หวานเชื่อมไม่ได้ ก็เลยต้องรีบหรุบสายตาลงต่ำแล้วมาพบกับสิ่งที่อยู่ด้านล่างแทน

“เหี้ยยยยยยยยย”

รีบเงยหน้ากลับขึ้นมาแทบไม่ทัน และก็เห็นว่าพี่บาสหัวเราะออกมาด้วยความขำ

ขำอะไรพี่ ขำอะไรครับ ผมอยากจะรู้มากว่าพี่ขำอะไร

“ทำอย่างกับไม่เคยเห็นไปได้”

เคย ทำไมจะไม่เคย แต่ที่เห็นบ่อย ๆ มันของตัวเองเว้ย ไม่ใช่ของพี่

“อ่า...ง่า อ่ะ เอ่อ”

อ้าปากพะงาบ พะงาบ พูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองหน้าของพี่บาสอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งถูกรั้งเอวให้เข้าไปหา
ร่างกายแนบชิดกันจนทุกสิ่งทุกอย่างสัมผัสกันและรับรู้ถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายที่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาในเวลาไม่ช้า

“อะไรกิ แค่นี้ก็มีอารมณ์แล้วเหรอ ยังไม่ได้อาบน้ำเลยนะ”

เฮ้ยยยยยยยยย ไม่ใช่เลย ไม่ใช่ว่าเป็นผมเลยที่มีอารมณ์ก่อน แต่เป็นพี่ไม่ใช่เหรอวะที่ทำให้ผมมี...........อารมณ์....

“ผมอ่า ผม คือ กิ........”

ไม่รู้จะพูดอะไรดี พูดไปก็มีแต่จะเข้าตัว ก็เลยได้แต่เบะหน้าและเลี่ยงการพูดคุยกับอีกฝ่ายด้วยการซบหน้าลงที่ไหล่ของพี่บาสมันซะเลย

“พี่อย่าขยำแรงดิ ผมเสียว แข็งตามพี่ไปแล้วเนี่ย”

บ่นพึมพำเบา ๆ และคนที่รั้งเอวยูกิมาแนบชิดก็หัวเราะออกมาด้วยความขำกับสิ่งที่ยูกิพูด

พูดไปเบะหน้าไป พูดไปหน้าแดงไป พูดไปก็ยืนตัวสั่นให้กอดไปด้วย แบบนี้มันน่ารัก
น่ารักแบบนี้คงไม่มีใครอดใจไหว ใครมันจะไปทนไหวถ้ากิ จะน่ารักกับพี่ขนาดนี้

“พี่ช่วยอาบน้ำนะ ป่ะ อาบน้ำกัน”

ครับ อาบน้ำกันครับ อาบน้ำกันดีกว่าครับ ก็ดีครับพี่ อาบน้ำถูสบู่ตัวจะได้หอม ๆ เนื้อจะได้แนบเนื้อ อะไรควรแนบกัน ก็จะได้แนบกันซะให้พอ พี่พาผมมาเพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะเลยไม่ใช่เหรอพี่ งั้นก็เอาตามแต่ใจพี่เลยครับ ไม่ว่ากัน

“ขอสวดมนต์ก่อนได้ป่าวพี่”

แกล้งพูด และพี่บาสก็ยิ่งหัวเราะออกมาด้วยความขำมากยิ่งขึ้น

“สวดมนต์ให้สิ่งมีชีวิตเป็นล้านๆ ตัวที่กำลังจะจบชีวิตลงเหรอ เดี๋ยวค่อยสวดก็ได้ ไม่ต้องรีบ”

เฮ้ยยยยยยยยยยย มันใช่ที่ไหนกันล่ะพี่

“สวดให้สเปริ์มเนี่ยนะ”

ก็ใช่ไงครับ แล้วกิคิดว่าจะสวดให้อะไรล่ะ

“การที่ของเหลวที่หลั่งออกมาจากร่างกายเมื่อถึงจุดสุดยอดเราเรียกว่าอะไรล่ะ พี่ก็หมายถึงอันนั้นแหละ”

มาแนววิทยาศาสตร์เลยนะ ปกติไม่ใช่แนวนี้นี่ แต่วันนี้พี่ท่านมาในแนววิทยาศาสตร์เลยว่ะ กูล่ะเชื่อเลย

“คงต้องสวดเป็นล้านครั้ง”

เป็นการบ่นที่ไม่ได้เข้ากับเนื้อหาที่ทำอยู่เลยซักนิด และพี่บาสก็ยิ่งอมยิ้มหน้าระรื่น มีความสุขที่ได้ฟังสิ่งที่ยูกิพูด

“แล้วเราจะถึงจุดสุดยอดพร้อมกันกี่ครั้งล่ะครับ มันขึ้นอยู่กับจำนวนครั้งที่เราจะถึง พี่จะได้คำนวณจำนวนครั้งในการสวดได้ถูก”

มันใช่เรื่องตลกเหรอพี่ มันไม่ใช่เลยนะ

“หื่นว่ะ”

กล้าด่า ก็กล้ารับ

“ก็หื่นกับกิคนเดียว แล้วก็ไม่ใช่จะหื่นบ่อย ๆ เลิกชวนคุยเรื่องอื่นได้แล้ว มาอาบน้ำเร็ว ๆ เข้า จะได้ทำอย่างอื่นซะที อารมณ์มาเต็มซะขนาดนี้ ยังจะมีหน้าบ่ายเบี่ยงไปเรื่องอื่น....พี่ทนไม่ไหวแล้วนะ ถ้าขืนต้องรอนานกว่านี้ พี่จะทำกับกิในห้องน้ำนี่เลย ..........อยากจะทำอย่างนั้นมั้ย”

เออว่ะ น่าทำอยู่เหมือนกัน อยากเหมือนกันเลย

“ทำ”

ได้ฟังแบบนี้ใครมันจะไปทนไหว จัดการปรับอุณหภูมิของน้ำเย็นกับน้ำร้อนให้ผสมกันเป็นน้ำอุ่นให้ได้ที่ แล้วก็ดึงแขนคนที่ยืนเอามือกุมส่วนแข็งขืนที่ตื่นตัวอยู่ที่หว่างขาเข้ามาอาบน้ำด้วยกัน

หมดคำพูด เลิกถาม ต่างคนต่างมองหน้าและสบตากัน ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าหากันและแตะริมฝีปากสัมผัสกันเบา ๆ อ้อยอิ่งเชื่องช้า

“อืม อืออ”

หายใจแทบไม่ออก เคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสแผ่วหวานแต่ก็รุนแรงเร่าร้อน จนไม่เปิดโอกาสให้ได้ตั้งตัวหรือพูดอะไรให้มากความ

ยูกิแทบไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ในหัวมึนงงไปหมด ตั้งแต่เริ่มจูบกับอีกฝ่ายภายใต้สายน้ำและพากันมาล้มตัวลงนอนบนเตียงพร้อมกันตั้งแต่เมื่อไหร่ยังไม่รู้ สิ่งที่คิดได้ในตอนนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าความสุขสมที่กำลังจะได้รับ

“พี่ อย่าทำกิแรงนะ”

ได้ครับ ไม่ทำแรงครับ

“โคตรกลัวว่ะพี่ พี่อย่าทำแรงนะ เอาจริง ๆ”

ได้ครับ ไม่ทำแรงครับ

“พี่บาส....นี่ไม่พูดเล่นนะ จริงจังนะพี่”

ได้ครับ ไม่ทำแรงครับ

“พี่บาส.........”

“อย่ากลัว.......ถ้ากิไม่บอกให้พี่กระแทกแรง ๆ พี่ก็จะไม่กระแทกแรง แต่ถ้ากิบอกให้พี่กระแทกแรง ๆ พี่ก็จะทำ ตกลงมั้ยครับ”

อ่า........ครับ ตกลงครับ

พยักหน้ารับ และคลายกังวลลงไปแล้ว และนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้คนที่เอ่ยบอกนึกยิ้มอยู่ในใจ

ไม่รอดหรอกครับสภาพนี้

เดี๋ยวที่พูดมาทั้งหมด กิ จะลืมไปไม่มีเหลือ และเป็นฝ่ายบอกให้พี่ทำแรง ๆ เองครับ
ไม่เชื่อก็ลองดู ไม่เชื่อเราก็มาลองดูกัน

แล้วกิจะรู้...........ว่าการที่ได้ทำกันแบบแรง ๆ นั่นแหละดีกว่าเบา ๆ หลายเท่า

หลังจากนี้ เดี๋ยวกิ ก็จะรู้เอง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-05-2014 12:08:00
น้ำเสียงครางเครือในลำคอ ที่แสดงความรู้สึกพอใจอย่างถึงที่สุดทำให้คนที่ขยับร่างกายต้องเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นและรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

รับรู้ถึงอาการสั่นสะท้านของร่างกายที่อยู่ด้านบน
รับรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งหยดน้ำตาที่หลั่งริน และหยดมาโดนแก้มของคนที่กำลังทำบางอย่างให้

“กิ”

ไม่ต้องพูดอะไรพี่

“เสียว ฮือออออ กิเสียว อื้ออออ อื้อออ พี่บาส พี่บาสทำให้ที ทำให้กิ แตกที ไม่ไหวแล้ว”

ทรุดกายลงมาหา
กอดรัดร่างแข็งแกร่งเอาไว้แน่น และยังคงพร่ำพูดประโยคที่คล้ายออดอ้อนและขอร้องให้คนทำไม่สามารถหยุดอารมณ์ของตัวเองได้

“แรง ๆ ทำแรงอีก อื้ออ ฮือออ อื้มมม”

ไม่เคยมีคำว่าพอ ไม่เคยอยากให้พอ ไม่ได้อยากให้หยุด และความรุนแรงที่กำลังดำเนินต่อไปเรื่อยไม่ยอมหยุดก็ทำให้ยูกิ เผลอฝังคมเขี้ยวของตัวเองลงไปที่ลาดไหล่แกร่ง

กัดลงไปจนจมเขี้ยว และต้องผละใบหน้าออกห่างและร้องครางลั่น เมื่อรู้สึกชาวาบที่ท้องน้อย และคล้ายสมองหยุดทำงานไปชั่วขณะ ภาพตรงหน้าขาวโพลนไปหมด พร้อมกับที่ร่างกายสั่นสะริก ความอุ่นวาบที่ท้องน้อยหายไปแล้ว พร้อมกับที่ส่วนปลายของร่างกายตัวเอง ถูกกระตุ้นโดยไม่ได้แตะต้อง แต่ก็สามารถปลดปล่อยน้ำรักออกมาได้

ส่วนนั้นขยับไหวไปมาอีกสองสามครั้ง เพื่อพ่นของเหลวขุ่นขาวให้กระฉอกออกมา ติด ๆ กันอีกสองสามครั้ง

“อึก อือออ”

หอบหายใจหนัก และยังไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างทั้งร่างก็ถูกพลิกให้นอนลงทั้งที่ท่อนเอ็นแกร่งยังฝังอยู่ในช่องทางที่ยังเต้นตุบและบีบรัดสิ่งที่อยู่ในร่างกายเอาไว้แน่น

ดวงตากลมโตปรือปรอยอย่างสิ้นเรี่ยวแรง
แต่ดวงตาคมที่จ้องมองมา ยังไม่ถึงจุดหมาย

“ทนอีกนิดนะ พี่จะแตกแล้ว”

ทนอีกนิดเหรอ
ทน...อีก...........

“อ๊า อื้ออออออออออ”

แหงนเงยใบหน้าขึ้นเมื่อถูกกระแทกตรงจุดเดิม ในท่วงท่าที่ต่างจากเดิม

เสียงที่กรีดร้องยิ่งกระตุ้นให้คนที่กำลังทำบางอย่างเพิ่มความรุนแรงขึ้น
กดแทรกร่างกายเข้าไปอย่างหนักหน่วง กระแทกกระทั้นไม่หยุด และจ้องมองที่ริมฝีปากของยูกิที่ขบเม้มแน่นเข้าหากัน เพราะอารมณ์ความรู้สึกที่กำลังกลับมาอีกครั้งทั้งที่ยังไม่ได้ตั้งตัว

ดวงตาคมจ้องนิ่งไปที่ดวงตาหวานเชื่อม
จ้องมองกันด้วยความรู้สึกรักใคร่ และหลงใหล

“กิ.......ฮื่อ กิ อาส์ กิ.......อื้ออออ”

สะโพกแกร่งกระแทกซ้ำ ย้ำ ๆ ลงไปตรงจุดเดิมจนถึงจังหวะสุดท้าย

ความอุ่นร้อนที่ฉีดพ่นเข้าไปในร่างทำให้ยูกิรู้สึกชาวาบไปทั้งใบหน้า เมื่อรับรู้ว่าสิ่งที่ไหลเวียนอยู่ภายในช่องทางด้านหลังของตัวเองคืออะไร

จ้องมองใบหน้าของพี่บาสด้วยความตื่นตะลึง กระพริบตามองใบหน้าคมที่ค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาหา

และแนบปลายจมูกที่ข้างแก้มของยูกิเบา ๆ คลอเคลียคลึงเคล้าไม่ห่างแม้ลมหายใจจะยังคงขาดห้วงเป็นพัก ๆ และไม่สามารถจะปรับลมหายใจให้เป็นปกติได้

“แตกใน....แตก........”

พูดไม่ออก
พูดอะไรไม่ออก ได้แต่อ้าปากพะงาบ พะงาบ และคนที่ได้ฟังก็หัวเราะออกมาด้วยความขำกับคำถามที่ดูไม่เป็นประโยคของของคนที่พูดจาไม่รู้เรื่อง

“อยู่ในตัวกิ แล้วจะให้พี่แตกที่ไหน”

เรื่องนั้น........

“ฮือออออออ”

พูดไม่ออก พูดอะไรไม่ออก ก็เลยร้องออกมาด้วยความอายที่เผลอพูดเรื่องโง่ๆ ออกไป

“เดี๋ยวรอบหน้าแตกนอก แตกใส่หน้า แตกบนตัว แตกที่หน้าท้อง แตกในปาก อยากให้แตกตรงไหนล่ะ เดี๋ยวพี่ทำให้หมดเลย”

ไม่ใช่สิ

ไม่ใช่ว่าจะแตกตรงไหนก็ได้ ไม่ใช่ว่า

“อยู่ในนี้ ก็แตกในแหละดีแล้ว”

อุบอิบพูดไปและซุกหน้าลงที่หมอน เพราะสำนึกได้ว่าแบบนี้ก็ไม่ต่างจากชวนให้คนที่กำลังอมยิ้มอย่างถูกใจ ทำอะไรแบบที่เพิ่งทำไปอีกซักรอบ

“พักเหนื่อยก่อนสิ เดี๋ยวพี่แตกในให้อีกรอบ ใจร้อนนะ”

ใจร้อนอะไรล่ะ ใจร้อนที่ไหน โมเมนี่หว่า

“เมื่อไหร่หายเหนื่อยล่ะ ผมหายเหนื่อยแล้วครับพี่ เร็ว ๆ ดิ”

เหรอ
หายเหนื่อยแล้วเหรอครับ

“หายเหนื่อยก็ดี มาขึ้นเองสิ เมื่อกี้เห็นชอบ มาขึ้นเองเลย”

เฮ้ยยยยยยยยยย
ไม่ใช่แล้วพี่ ไม่ใช่แล้ว

“พี่บาสอ่า ฮึ่ยยยยยยยยย”

ดึงหมอนขึ้นปิดหน้า และไม่ยอมปล่อยเมื่อคนที่เพิ่งฝากรักไว้ในร่างพยายามดึงหมอนออกจากใบหน้าของยูกิให้ได้

“มาคุยกันก่อน ห้ามหนี”

คุยอะไรพี่ ไม่คุย ผมไม่คุยกับพี่แล้ว

“กิ”

แค่ได้ยินเสียงแบบนี้ ไม่ว่ากี่ครั้งก็ต้องยอม
ยอมปล่อยหมอนและเมื่อคนที่ดึงหมอนออก ได้เห็นสีหน้าและแววตาของยูกิ ก็ทำให้อารมณ์พลุ่งพล่านในตัวถูกปลุกให้ตื่นขึ้นอีกครั้งอย่างง่าย ๆ

“..................”

ดวงตาหวานเชื่อมปรือปรอยที่บ่งบอกให้รู้ว่า ยังต้องการและอยากได้รับสัมผัสแบบก่อนหน้านี้อีกนับครั้งไม่ถ้วน ทำให้คนมองยิ้มกริ่มเมื่อได้รู้ว่าเป้าหมายของเรา ตรงกัน

ประกบริมฝีปากและดูดเม้มคลึงเคล้าที่ริมฝีปากสีแดงเรื่อด้วยความถูกใจ ก่อนจะผละใบหน้าออกห่าง และสบตากับดวงตาหวนเชื่อมปรือปรอยคู่นั้น

“หายเหนื่อยก่อนนะ แล้วค่อยต่ออีกยก นอนเอาแรงแล้วค่อยออกไปเที่ยวกัน..........นะครับ”

ครับ

จะไปทำอะไรได้ ก็ได้แต่พยักหน้ารับ และพี่บาสก็ส่งยิ้มหวาน ๆ มาให้และรั้งร่างของยูกิเข้ามาไว้ในอ้อมแขน ประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากมน และยิ้มเรื่อย ๆ อย่างมีความสุข

ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้
แล้วก็สมอย่างที่ตั้งใจเอาไว้แล้ว

วางแผนเที่ยวมานานเป็นเดือน ก็เพื่อจะเที่ยวไปมีความสุขไปและกอบโกยช่วงเวลาที่ได้หยุดพักให้มากที่สุด

แล้วก็ได้ทำทุกอย่างตามแผนที่วางไว้

“แล้วจะได้เที่ยวแน่เหรอพี่บาส”

ยูกิ บ่นพึมพำอยู่ในอกของคนกอด และพี่บาสก็หัวเราะออกมาเสียงเบา เพราะคำถามนั้น

นั่นสิ..........

พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ถ้าจะมีผิดแผนบ้างก็คงเป็นเรื่องนี้ ที่จะทำให้การเที่ยวหมดความหมายเพราะไม่สามารถชวนกันลงจากเตียงได้

“ไม่รู้สิ ขึ้นอยู่กับกิแล้วแหละ ว่าจะทำให้พี่ยอมลุกจากเตียงไปพร้อมกิได้หรือเปล่า.........เรื่องนี้พี่ก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 11-05-2014 12:18:10
 :pighaun:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 11-05-2014 12:35:41
 แต่ละคู่ :haun4: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 11-05-2014 12:45:11
ตายๆเลือดพุ่งแล้ว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 11-05-2014 12:45:28
 :haun4:
แตกใน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 11-05-2014 13:05:18
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยย ร้านนะพวกเธอ!!
ทั้งพี่บาสทั้งพี่แก๊ป
กิกะพู่กลายเป็นเด็กเอ๋อไปเลย ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 11-05-2014 13:25:58
แต่ละคู่ร้อนแรงไม่แพ้กันเลย :jul1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 11-05-2014 13:33:04
“ขอสวดมนต์ก่อนได้ป่าวพี่”


สาธุ!!!!
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-05-2014 14:08:55
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/08/ไฟล์เปล่า15Z0QUn.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ สุรชาติ  & ยูกิ .....ตอน ก่อนกลับ(จบภาค)

เที่ยวประสาอะไรวะ กูหลับได้หลับดีตลอดทาง มีลงมาไหว้พระเป็นพัก ๆ และเดินขึ้นดอยจนขาลาก แต่ไอ้คนชวนเดินนี่ท่าทางมีความสุขกระปรี้กระเปร่าดีเหลือเกิน

“พี่จะรีบเดินไปไหนวะ เมื่อยขาชิบ”

บ่นพึมพำ และก็เดินตามคนที่เดินนำอยู่ด้านหน้า และพี่บาสก็หันมาส่งยิ้มให้

“ช้า”

ช้าอะไรล่ะพี่ พี่ลองมาเป็นผมดูมั้ยจะได้รู้ว่ามันช้าขนาดนี้เพราะอะไร

“สามดอกเน้น ๆ แบบหนักหน่วง ลองโดนแบบนี้แล้วยังเดินไหวอีกก็เกินไปป่ะวะ”

บ่นพึมพำให้อีกฝ่ายได้ยิน และพี่บาสก็ชะลอฝีเท้าให้ช้าลง และจับข้อมือของยูกิเอาไว้

มองหน้าของคนบ่นแบบยิ้ม ๆ และก็ไม่พูดอะไรต่อ

ลองพูดดิพี่ มีเคือง พี่ทำผมซะขนาดนี้ แล้วยังลากผมมาเที่ยวอีก ไม่สงสารผมเลยเนอะ

“ไม่ไหวแล้ว พี่ขึ้นไปคนเดียวเหอะ เปลี้ยว่ะ ขาไม่มีแรง”

ถอดใจแบบดื้อ ๆ และคนที่ถอดใจก็เหลียวซ้ายแลขวามองหาที่นั่งพัก

เนี่ยแหละที่เขาเรียกว่าอาการเข่าอ่อน ใครไม่เคยโดนจนเข่าอ่อนไม่มีทางรู้หรอก ว่ามันเป็นยังไง เอาง่าย ๆ คือแทบไม่อยากลุกอยากตื่น นี่ถ้าคลานขึ้นดอยได้กูทำไปนานแล้วววววววววว

“นี่จริงจังหรือล้อเล่น”

ดูหน้าผมดิพี่ โคตรจริงจังเหอะ พี่มองว่าผมเล่นได้ยังไง

“.....................”

นั่งเงียบเพราะหมดแรงจะพูด และยูกิก็ยื่นขาออก กำมือแน่นและทุบเบา ๆ ที่ต้นขาและน่อง

เบะหน้าด้วยความเจ็บ แต่ก็ต้องทน เพราะความเมื่อยมันมีมากกว่า

“เปลี่ยนแผนไปนวดกันดีกว่า นวดฝ่าเท้าด้วยดีมั้ย”

ก็ยังดีที่พี่ยังใส่ใจผมบ้าง

“พี่บาส ขี่หลังได้ป่ะ ไม่ไหวแล้ว เดินไม่ไหวจริง ๆ”

แกล้งพูดและไม่ได้คิดจะให้เป็นแบบนั้นจริง ๆ

ก็แค่พูดไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น ขืนใครมาเห็นผู้ชายสองคนแบกกันเดินลงเขา คงน่าดูพิลึก แต่ถ้าได้ก็ดีนะ จะว่าไป

“มาสิ”

เหอะ ผมพูดไปงั้นเองแหละพี่ อย่าใส่ใจกับคำพูดกิเลย

“เดี๋ยวพี่บาสหลังหัก ช่างแม่งเหอะ เดี๋ยวเดินไปเอง ตอนขึ้นยังขึ้นมาได้ ตอนลงก็ต้องลงได้”

แม้ไม่อยากลงเองแต่จะไปขอให้ใครช่วย ก็คงต้องลงไปเองทั้งอย่างนี้

“มาเหอะ ตัวแค่นี้ จะหนักซักเท่าไหร่กันเชียว เดินไม่ไหวพี่แบกเอง ตกลงตามนี้นะ”

ตกลงตามนี้อะไรล่ะ

ได้ อยากตกลงตามนี้มากนักก็ได้

พยักหน้ารับ และพี่บาสก็ทรุดกายลงนั่งตรงหน้า และยูกิที่มองอีกฝ่ายอย่างไม่ค่อยอยากเชื่อสายตาก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก็อยากจะอายอยู่หรอกนะ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องอาย

กูเมื่อย กูเดินไม่ไหวแล้ว ขากูสั่น ใครจะมองยังไงก็มองแม่งไปเหอะ เจอกันแค่ครั้งเดียว กูไม่มาอายอยู่หรอกวะ เก็บความหน้าบางไว้บ้านเรียบร้อยแล้ว

ตอนนี้ขอสบายหน่อยก็แล้วกัน

เมื่ออีกฝ่ายเสนอจะช่วยเหลือ ยูกิก็ไม่คิดจะขัดศรัทธา

ขึ้นไปอยู่บนหลังของคนที่บอกว่าจะแบก แล้วพี่บาสก็ค่อย ๆ ยืนขึ้นและล็อคขาของยูกิเอาไว้

ขยับสองสามที ให้คนที่อยู่บนหลังสบายตัวที่สุด แล้วก็ก้าวขาเดินอย่างช้า ๆ มาตามทางเดิน

“หนักป่ะ”

ก็หนักอยู่หรอก

“กินอะไรเข้าไป หนักขนาดนี้ลงเดินเองเหอะ”

ไม่ล่ะ ก็พี่บาสบอกเองว่าจะให้กิ ขี่หลัง พี่บาสก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์สิ

“เดินเร็ว ๆ เลย ช้าจริงวะ”

ช้าเหรอ งั้นพาวิ่งเลยเอามั้ย

ไม่ใช่แค่คิดแต่ยังทำอย่างที่คิด และคราวนี้คนบนหลังก็เลยกอดคอของคนแบกเอาไว้แน่น และร้องออกมาเสียงหลง

“เฮ้ยยยยยยยพี่ ใจเย็น ๆ ดิ เดี๋ยวแม่งหกล้มผมหน้าคะมำก่อนพี่เลยนะเนี่ย”

ก็ดีแล้วไง

“นั่นแหละสิ่งที่พี่ต้องการให้เป็น”

ทำไมวะ อยากให้เป็นแบบนั้นเหรอ อยากให้หน้าคะมำจริง ๆ หรือไง

 “พี่บาสทำกิได้ลงคอจริงๆ เหรอ”

พูดจาออดอ้อนด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและซบหน้าลงที่ไหล่ของคนที่ให้ขี่หลัง และพี่บาสก็หัวเราะเสียงเบาอย่างอารมณ์ดี

“ไม่ทำหรอก พาเด็กมาเที่ยวทั้งที รังแกไปก็มาก ใครจะทำกิได้ลงคอล่ะ”

นั่นไงล่ะ ใช่แล้ว

“พี่บาสไง ทำกิได้ลงคอ”

ทำอะไรล่ะ พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยไม่ใช่เหรอ แล้วตอนนี้ก็แบกกิเอาไว้ด้วยไม่ใช่หรือไง

“มีความสุขมั้ยเนี่ย”

คำถามง่าย ๆ แต่ก็ทำให้คนฟังถึงกับอมยิ้ม และซบใบหน้าที่ไหล่ของคนแบกอีกครั้ง ไม่สนใจสายตาของผู้คนที่เดินสวนกัน อยากจะมองยังไงก็มองไปเถอะ ไม่ได้ไปทำความเสียหายให้ใครก็พอแล้ว

“อือ”

ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แล้วยูกิก็ยิ้ม

รอยยิ้มหวาน ๆ และคนที่ให้ขี่หลังก็ยิ้มตามไปด้วยเพราะคำตอบง่ายๆ แบบนั้น

“มีความสุขโคตร ๆ เลยว่ะ”

ดีแล้วที่กิ มีความสุข

“กิมีความสุขพี่ก็ดีใจ”

เหมือนกัน ดีใจเหมือนกัน พี่บาสมีความสุขเหมือนกัน กิ ก็ดีใจเหมือนกัน

“กลับบ้านไปต้องทำตัวดี ๆ ขายของให้ได้มากกว่าเดิมสองเท่านะ จะได้คุ้มกับที่พามาเที่ยว”

โหหหหหหหหหหหหห ไรว๊า นี่พามาเที่ยวเพราะอยากให้ทำงานให้หรอกเหรอ

“เคี่ยวว่ะ”

บ่นพึมพำเสียงเบา และก็แกล้งกำมือทุบหนัก ๆ ไปที่ไหล่ของอีกฝ่าย และพี่บาสก็หัวเราะลั่นเพราะสิ่งที่ กิ ทำ

“ซ้ายอีกหน่อยล่ะใช่เลย ตรงนั้นเลยนะที่เมื่อย”

อะไรของพี่

โดนทุบแทนที่จะโกรธ ดันมาขอให้ผมทุบให้โดนตรงที่เมื่อยซะอีก

ได้สิ ถ้าอยากให้ทุบขนาดนั้น จะทุบให้น่วมเลย

ยูกิ กำมือแน่นและทุบเบา ๆ ไปที่ไหล่ของคนที่แบก ที่จริงตั้งใจอยากจะแกล้ง แต่ดูเหมือนคนที่บอกให้ทุบจะถูกใจไม่น้อยกับสิ่งที่ยูกิทำ ก็เลยได้ทุบกันไปแบกกันไปตลอดทาง และคุยกันไปด้วยเรื่องไร้สาระจนถึงรถ และพี่บาสก็ย่อเข่าให้กิลงจากหลังได้

“ขอบคุณครับ”

เอ่ยปากขอบคุณไปเรียบร้อยแล้วพี่บาสก็พยักหน้ารับและส่งยิ้มให้

“หน้าแดงเลยพี่ เหนื่อยมากเลยเหรอ”

ก็นิดหน่อยครับ

ยูกิหันไปมองถนนดินสายเล็ก ๆ ที่เดินมา ไกลใช่ย่อยเหมือนกันนะนั่น พี่บาสแบกกิเดินมาไกลขนาดนี้ ก็ต้องเหนื่อยเป็นธรรมดา

กวักมือให้คนที่ยืนหน้าแดงอยู่ก้มหน้าลงมาหา และพี่บาสก็เลิกคิ้วขึ้นสูงก่อนจะยอมทำตาม

ก้มหน้าลงมาหา และยูกิก็ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยไล้ที่หน้าผากของคนที่ยอมก้มลงมาหา

หยดเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ที่ผุดพรายขึ้นที่ใบหน้าของคนที่แบกยูกิมาตลอดทาง ถูกเช็ดออกแล้ว และพี่บาสก็มองหน้าของกิ แบบยิ้มๆ

“ขอบคุณครับ”

เอ่ยปากขอบคุณและยูกิก็ก้มหน้าลง ยิ้มเรื่อย ๆ กับปลายนิ้วของตัวเอง

ไม่รู้นะ บางทีอะไรหลายๆ อย่างมันก็ควรต้องเป็นแบบนี้

ความห่วงหาอาทรกันด้วยเรื่องเรียบง่าย เรื่องง่าย ๆ ที่สองคนอยากทำให้กัน

“ไม่เป็นไรครับ”

ตอบกลับไปแล้วและคนที่มองหน้ากิแบบยิ้ม ๆ ก็ยกมือขึ้นแตะเบา ๆ และเขย่าหัวของยูกิให้โยกไปมา

“กิเอ้ยยยย”

อะไรล่ะพี่บาส กิเอ้ยยย อะไร

“พี่ชอบกิมั้ย”

ชอบสิ จนถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ชอบได้ยังไง

พยักหน้ารับ และก็ส่งยิ้มจางๆ ให้กับคนที่จ้องมองมาและกระพริบตาปริบ ๆ สองสามครั้งรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ

“แล้วกิชอบพี่มั้ย”

โดนถามกลับ และคนที่ถูกถามก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาและอมยิ้มอย่างนึกเขิน ไม่นึกว่าจะถูกถามกลับแบบนี้ ก็เลยได้แต่พยักหน้ารับไม่รู้จะตอบยังไงถึงจะดี

“อือ”

ไม่ใช่แค่พยักหน้าแต่เป็นคำตอบรับง่าย ๆ ที่ทำให้คนฟังยิ้มกว้าง

“แล้วรักมั้ย”

ขนาดนี้แล้ว ไม่รักคงไม่ไหวมั้งครับพี่

“อือ”

ตอบไปแบบยิ้ม ๆ และคนฟังก็ไม่ได้คิดอยากจะคาดคั้นเอาคำตอบไปมากกว่านี้

เปิดประตูรถด้านของตัวเอง และกระตุกแขนให้คนที่ยืนอมยิ้มอยู่ข้างๆ เดินไปอีกฝั่ง เปิดประตูรถให้และยูกิก็เข้าไปนั่งที่นั่งของตัวเองเรียบร้อย

และคนที่มีหน้าที่ขับรถในวันนี้ก็ขึ้นมานั่งที่นั่งของตัวเอง จัดการคาดเข็มขัดนิรภัยให้ตัวเอง และไม่ลืมที่จะช่วยคนที่อยู่ข้างๆ คาดเข็มขัดนิรภัยด้วย

ระยะประชิดที่ใบหน้าอยู่ใกล้กัน และก็เป็นยูกิที่เป็นฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาหาและแตะปลายจมูกเบา ๆ ที่ข้างแก้มของคนที่ช่วยคาดเข็มขัดนิรภัยให้

“นี่ เป็นไงล่ะ โดนลวนลามซ้า”

จะมาภูมิใจอะไรกับเรื่องแบบนี้ล่ะกิ ได้แต่ส่ายหน้าด้วยความขำกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำ และคนที่ถูกขโมยหอมแก้มก็ทำแบบที่กิทำ กดปลายจมูกหนัก ๆ ที่ข้างแก้มขาวๆ ของคนที่ลวนลามและเอาคืนได้หนักหน่วงกว่าหลายเท่า

“นี่ เป็นไงล่ะ โดนลวมลามคืนซ้า”

จะเป็นยังไงล่ะพี่ ก็ไม่เห็นเป็นไงอีกเลยพี่ ก็แค่โดนลวนลาม

“เฉย ๆ”

เหรอครับ

“เฉย ๆ เหมือนกัน”

ได้ไงล่ะ

“เฉย ๆ ไม่ได้สิ ต้องดีใจสิ”

ดีใจได้ไงล่ะ ก็กิบอกเองว่าเฉย ๆ พี่ก็เฉย ๆ บ้าง

“ดีใจครับ”

ตอบกลับเพราะตามใจคนที่อยากฟังและยูกิ ก็ยิ้มหวานจนตาหยี

“ดีใจเหมือนกันเลย”

ครับ ดีใจเหมือนกันครับ กิดีใจพี่ก็ดีใจ

“เดี๋ยวพาไปนวดตัว นวดเท้า ผ่อนคลายจะได้สบาย ๆ ดีมั้ย”

ดีครับ ดี ๆ

พยักหน้ารับอย่างถูกใจ และพี่บาสก็ออกรถและส่งแผนที่การเดินทางและคู่มือนำเที่ยวให้กิช่วยดูว่าต้องไปที่ไหน และไปเส้นทางไหนถึงจะดี

เที่ยวกันสองคน เที่ยวไปจีบกันไปตลอดทาง

ทริปนี้ยังอีกยาวไกล และคนสองคนก็ใช้ทริปการเที่ยวนี้ซะจนคุ้มค่า กลับมายังพากันมาออดอ้อนกันต่อไม่เลิก

“ตอนไป กูเห็นหน้าเครียดทั้งคู่ ตอนกลับแม่งหน้าระรื่นชิบหาย”

วิเชียรที่กำลังเมามันส์กับการหยิบแคปหมูจิ้มกับน้ำพริกหนุ่มเข้าปาก กำลังนินทาเพื่อนร่วมงานที่แม้จะพยายามเก็กหน้าให้ปกติธรรมดาขนาดไหน แต่ก็มองออกได้ไม่ยากว่าพี่สุรชาติแม่งคงจะโคตรมีความสุขจนแทบสำลัก

“กินของเขาอยู่นะนั่น”

พนักงานใหม่แผนกขนส่ง กำลังเคี้ยวแคปหมูอย่างเพลิดเพลินแต่สายตาก็มองไปที่พี่สุรชาติที่กำลังยืนคุยกับยูกิ แผนกจัดซื้อที่แค่ไปเที่ยวด้วยกันสามวัน ทำไมถึงได้ดูร่าเริงมีความสุขขนาดนั้นได้วะ

ถ้ากูไปเที่ยวกับเพื่อนร่วมงานกลับมาแล้วหน้าจะระรื่นมีความสุขแบบพี่สุรชาติแบบนี้หรือเปล่าวะ ชักสงสัย

“ถ้าคนบอกว่ายูกิ กับพี่สุรชาติเป็นแฟนกันผมก็เชื่อนะ”

แล้วนี่มึงคิดว่าเขาเป็นอะไรกันวะ เขาก็เป็นแฟนกันไง มึงซื่อหรือมึงโง่เนี่ย ดูไม่ออกเลยหรือไงวะ

“ก็เหมือนมึงกับโยธินเป็นแฟนกันไง”

สัด

พี่อย่าพูดถึงชื่อนี้อีกได้มั้ย ผมแม่งโคตรเกลียดมัน

“พี่วิเชียร อย่าพูดชื่อนี้ให้ผมได้ยินได้ป่ะ แสลงหูมาก”

เหรอ แสลงหูเหรอจ๊ะ

มึงแสลงหูมากมั้ยวะบัวลอย

“ต่อไปก็หายแสลงไปเองแหละ ท่าทางจะอีกไม่นาน”

ไม่นานอะไรล่ะพี่ ไม่นานห่าอะไร ผมไม่อยากฟังไม่อยากรับรู้เรื่องอะไรของไอ้โยธินทั้งนั้นแหละ

“ผมไปขึ้นรถก่อนแล้วกันนะพี่ อู้มากินแคปหมูนานแล้ว เก็บส่วนของผมไว้ให้ผมด้วยนะพี่”

เออออออออออ ไอ้งก

“กูยกส่วนของกูให้ด้วยเลย พอใจมั้ย”

พอใจสิครับ พอใจมาก

“พี่วิเชียรนี่สุดยอดความน่ารักของผมแล้ว นี่ถ้าผมชอบผู้ชายผมจะจีบพี่คนแรกเลย”

สัด ไม่ต้องมาจีบกู ขนหัวลุกหมดไอ้ห่า

“กูรุกนะ ให้มึงรับ เอาป่ะล่ะ รับรองมีเสียว”

พี่ครับ........... ต่อปากต่อคำกับพี่ ถือว่าเป็นสิ่งที่อันตรายกับชีวิตผมมาก

“ว่าไงล่ะน้องบัวลอยยยยยยยยยย”

ไม่ไหวแระงานนี้

“ใจเย็นพี่ใจเย็น ผมไปก่อนนะพี่วิเชียร”

ชิ่งหนีมาได้อย่างหวุดหวิด พร้อมกับเสียงหัวเราะดังลั่นอย่างสนุกสนานของพี่วิเชียรที่ดังไล่ตามหลัง

หลอนมาก พี่วิเชียรเล่นกูแล้วไงล่ะ

โลกนี้ไม่มีใครอันตรายเท่าพี่วิเชียรอีกแล้ว โยธินก็โยธินเหอะ ระหว่างโยธินกับพี่วิเชียร

กูชักไม่แน่ใจแล้ว ว่าใครแม่งโคตรไม่น่าเข้าใกล้มากกว่ากัน



END.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: jamlovenami ที่ 11-05-2014 14:20:12
ฮื่ออออออ หวานไปนะ ทุกคู่เลยอ่ะ  :-[

ฟินทุกหยดจริงๆๆ โฮะๆๆๆ   :hao7:  :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 11-05-2014 14:27:21
แผนกเน้ o13
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 11-05-2014 14:49:03
เข้าร่องเข้ารอยกันทุกคู่เเล้วสินะ
ปริ่ม.

ปล.อย่าลืมเปลี่ยนหัวข้อด้วยนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 11-05-2014 14:56:22
 o13  ในที่สุดก็สำเร็จทุกคู่
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 11-05-2014 15:01:54
มึอีกคู่เร๊อะ :hao4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-05-2014 15:09:55
มึอีกคู่เร๊อะ :hao4:

งั้นไม่มีก็ได้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 11-05-2014 15:13:12
คู่ใหม่หราาาา o13
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 11-05-2014 15:13:52
เมือนจะมีเด็กใหม่  :ruready :ruready
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 11-05-2014 15:29:44
 :L2:

รอคู่ใหม่ค่ะ
เลิฟทุกคู่เรยย

ขอบคุณคนแต่งและคนโพสต์ค่ะ
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: SungJimun ที่ 11-05-2014 15:47:18
คู่พีทกับอ้นนี่แซ่บเวอร์ค่ะคุณขา  :heaven
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 11-05-2014 16:06:53
ปลื้มมมมมมมม ในที่สุดนู๋กิกะพี่บาสก็เป็นฝั่งเป็นฝาล่ะ  :mew1:

ว่าแต่น้องบัวลอยเถอะ หลงมาอยู่แผนกนี้เดี๋ยวนู๋ก็รู้เองล่ะลูกยิ่งมีพี่วิเชียรเป็นเทรนให้ยิ่งไม่พลาดดดด  :hao7:
แต่อย่าไปชอบไอ่พี่วิเชียรมันนะ เพราะนู๋คงร้อนแรงสู้เฮียไม่ไหวแน่  :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 11-05-2014 16:11:55
อ้าว??มีก็มีดิไม่ได้อะไร.....ไรว้าาาาาาาาาาาาาาคนแต่งอย่าเพิ่งน้อยใจดิ


ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆกร๊ากกกกกกกกกกกกกก :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-05-2014 16:57:14
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/09/13005yz.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ ทั้งแค้นทั้งเห็นใจ ตกลงมันยังไงวะ

“พี่สุรชาติ พี่ว่าแผนกบัญชีลงบิลน้ำมันให้แผนกเราแบบนี้ถูกมั้ยพี่”

บุ้งยื่นเอกสารเกี่ยวกับการลงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับน้ำมันที่ใช้ในการขนส่งให้กับพี่บาสดู และพี่บาสที่กำลังเตรียมขึ้นรถก็รับเอกสารมาเปิดดูเพื่อช่วยพิจารณา เปิดแค่ผ่าน ๆ และก็เริ่มประเมินบางอย่างได้

“คลาดเคลื่อนไปหน่อยนะ น่าจะมือใหม่ลง เอกสารมันก็เลยไม่ตรง ถ้าลงบัญชีแบบนี้น่ากลัวแผนกเราจะมีปัญหา”

เป็นความคิดเห็นที่บุ้งฟังแล้วต้องพยักหน้าตาม
พี่บาสหรือสุรชาติ เดิมทีอยู่แผนกบัญชี เคยเกือบจะขึ้นเป็นหัวหน้าแผนกบัญชีด้วยซ้ำ แต่อยู่ดีๆ ก็ขอเปลี่ยนตำแหน่งมาประจำอยู่แผนกขนส่ง มาเป็นลูกน้องของบุ้ง

ใครหลายคนถึงกับงงกับสิ่งที่พี่บาสทำ และเหตุผลที่บุ้งได้ฟังจากปากพี่บาสมันทำให้บุ้งต้องคิดตามเพราะสิ่งที่พี่บาสพูดมันถูกทุกอย่าง เป็นหัวหน้าคนอื่นเงินเดือนก็ไม่ใช่จะมากมายท่วมท้นจนใช้ไม่หมด ภาระหน้าที่รับผิดชอบก็เยอะเพิ่มเป็นเงาตามตัวด้วย

หลายคนคิดว่าแผนกขนส่งป่าเถื่อน ใคร ๆ ก็ไม่อยากมาทำ แต่พี่บาสมองว่าไม่ใช่ แผนกนี้แหละเป็นแผนกที่ทำงานแล้วมีความสุขที่สุด เพราะไม่ต้องวุ่นวายกับเอกสารที่ทำเท่าไหร่ก็ไม่เคยเสร็จ แค่มีความรับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเองก็พอแล้ว
เงินเดือนอาจไม่มากนัก แต่ค่าเที่ยวที่ส่งของพิเศษ แล้วไหนจะค่าเที่ยวที่ขึ้นรถแทนกันอีก

เงินทั้งนั้น ขยัน ๆ หน่อยก็สบาย แถมมีเวลาเหลือ เลิกงานกลับบ้านได้ทันทำไม่มีงานค้างต้องมาทำต่อ ไปหาเงินข้างนอกเพิ่มได้เลย มันอาจจะเป็นงานที่ใครๆ หลายคนในโรงงานคิดว่าไม่ต้องอาศัยความรู้ความสามารถอะไร แค่ขับรถได้ก็มาทำได้แล้ว

หลายคนคิดด้วยความอคติ ว่าพนักงานแผนกขนส่งอยู่อันดับท้าย ๆ ของสิ่งที่จะเลือกมาทำ ใคร ๆ ก็อยากทำงานสบาย ๆ ทำเอกสารอยู่ในห้องแอร์ทั้งนั้น แต่พี่บาสรู้ งานพวกนั้นไม่ได้มีความสบายใจร่วมด้วย แค่สบายกายแต่ปวดหัวจนแทบระเบิดเมื่อใกล้จะปิดงบช่วงสิ้นเดือน แต่มาเป็นพนักงานขับรถของแผนกขนส่ง แม้ไม่ค่อยสบายกายแต่เรื่องของใจ..........สบายสุด ๆ

ก็เลยขอย้ายตัวเองจากแผนกบัญชีมาอยู่แผนกขนส่งนั่นเอง

“ไม่เป็นไรหัวหน้า เรื่องลงบัญชีผิดนี่หัวหน้าไม่ต้องกังวล เดี๋ยวผมขึ้นไปคุยให้ ไม่มีปัญหา ผมจะชี้แจงตามที่บอกหัวหน้านั่นแหละนะ”

บุ้งพยักหน้ารับและมองคนที่ให้คำแนะนำด้วยความขอบคุณ

ถึงแม้ว่าพี่บาสจะเป็นลูกน้องของบุ้งก็จริง แต่เราต่างรู้กันอยู่ว่าอะไรเป็นอะไร เราให้เกียรติกันในฐานะเพื่อนร่วมงาน และบางครั้ง เราก็ทำอะไรบ้า ๆ บอ ๆ ด้วยกัน เรื่องที่บุ้งทำ ในบางครั้งก็ดูบ้าบองี่เง่า แต่มันก็ทำให้พี่บาสนึกชื่นชมอยู่ในใจ

ก็เพราะทำตัวแบบนี้ ไม่เคยหยิ่งกับลูกน้อง ถึงเวลาจริงจังก็จริงจัง ถึงเวลาเล่นก็เล่น คนแบบนี้เป็นหัวหน้าคนได้ เพราะมีพาวเวอร์มากพอ และใช้พาวเวอร์เป็น ผิดกับพี่บาสที่ไม่ชอบแบบนี้

สิ่งที่พี่บาสชอบ คือให้คำปรึกษาคอยช่วยเหลือ และอยู่แบบเงียบๆ สบาย ๆ ไม่ถนัดที่จะใช้พาวเวอร์กับใคร

“หัวหน้า.....”

เรียกให้บุ้งที่กำลังขมวดคิ้วมุ่นและคงจะเป็นกังวลเรื่องของการลงบัญชีของแผนกบัญชีไม่น้อย และบุ้งก็เงยหน้าขึ้นมามองว่าพี่บาสจะพูดอะไร

“ใจเย็นหัวหน้า ของแบบนี้ไม่ยากที่จะแก้ไขหรอก เรื่องการชี้แจงปล่อยเป็นหน้าที่ผมเอง ถ้ามันมีปัญหามากนัก เรายังมีแบ็คอัพใหญ่ที่ดึงตัวอย่างมาให้ดูได้ หัวหน้าแผนกขายก็คงพร้อมช่วยเราอยู่หรอก แล้วไหนจะยังข้อมูลจากแผนกจัดซื้ออีก.........งานนี้หัวหน้าวางใจได้.....สบาย สบาย”

พี่สุรชาติแม่งโคตรเจ๋งว่ะ เก๋าเกมส์น่าดู รู้ช่องโหว่ของแผนกบัญชี แถมยังหาแนวร่วมไว้ให้เสร็จสรรพด้วย
แผนกขนส่งนี่โชคดีจริง ๆ ที่มีพี่เป็นกุนซือ

“ขอบคุณมากพี่ ฟังแล้วผมสบายใจขึ้นเยอะ”

ยกมือไหว้อีกรอบ และพี่บาสก็หัวเราะออกมาเสียงเบา ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อและหยิบบางอย่างมาส่งให้กับหัวหน้า

“เคลียร์เรื่องบัญชีเสร็จแล้วหัวหน้าก็ไปพักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศหน่อยนะ นี่ผมได้มาบ่อย ลูกค้าประจำผมเลย ช่วงนี้ผมได้แบบลด15เปอร์เซ็นต์มา เดี๋ยวมันจะหมดโปรโมชั่นแล้ว ถ้าหัวหน้าว่าง ๆ อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้างก็ลองพาเกาหลีไปเซอร์เวย์ดูแล้วกัน”

อ่า.............. ครับพี่ด้วยความยินดีครับ
บุ้งรับนามบัตรที่ใช้เป็นส่วนลดของโรงแรมเล็ก ๆ แห่งหนึ่งมาพลิกดูแล้วรีบเก็บลงในกระเป๋าเสื้อ
มองหน้าพี่บาสแบบรู้กัน และต่างฝ่ายต่างก็ส่งยิ้มให้กันแต่ไม่มีคำพูดใด ๆ ออกมา

“เจ๋งจริงครับพี่ ผมลองมาแล้ว”

วิโรจน์ที่กำลังนั่งเช็คของอยู่ข้าง ๆ เอ่ยบอกและยกนิ้วโป้งให้เพื่อเป็นการชื่นชมจริง ๆ แล้วหัวหน้าบุ้งก็อมยิ้มอย่างอาย ๆ ยกมือขึ้นถูไปมาที่ท้ายทอยเบา ๆ และพยักหน้ารับสิ่งที่วิโรจน์บอก

“อะไรกันอ่ะพี่ ลองอะไรกัน”

อำนาจที่นั่งอยู่ข้างวิโรจน์ที่ได้ฟังบางอย่างไม่ค่อยถนัดแต่ได้ยินแว่ว ๆ ที่วิโรจน์พูดว่าลองมาแล้ว และบอกว่าเจ๋งมาก เลยเกิดอยากรู้ขึ้นมาว่าไอ้ที่บอกว่าเจ๋งมาก มันหมายความว่ายังไง

และทุกคนก็หันไปมองอำนาจเป็นตาเดียว

อ่า...........อะไรวะ...........อะไรยังไง พวกพี่มองหน้าผมทำไมกันวะ

“ผมว่าของผมคงเลื่อนไปก่อนได้ เพราะโอกาสก็ยังพอมีบ่อย ๆ แต่ไอ้แก๊ปนี่คงจะลำบาก เพราะน้องพู่อยู่กับครอบครัว ส่วนไอ้แก๊ปก็อยู่กับที่บ้านเหมือนกัน.....โอกาสที่จะได้อยู่ด้วยกันแบบส่วนตัวก็คงจะยาก.....เพราะฉะนั้นในฐานะที่ผมเป็นหัวหน้าแผนกขนส่ง ผมก็คงต้องเสียสละให้ลูกน้องก่อน ถูกมั้ยพี่สุรชาติ”

อะไรวะ.... พี่บุ้งร่ายอะไรยาวซะขนาดนั้นเลยวะ
หมายความว่ายังไง.... แก๊ปยังยืนงง และทุกคนก็มองหน้ากันก่อนจะหันไปมองแก๊ปเป็นตาเดียวอีกครั้ง

“พี่เข้าใจว่ะ มึงเอาไปใช้ก่อนนะ รายละเอียดวิโรจน์น่าจะอธิบายได้ชัดเจนหน่อย”

พี่บุ้งหัวหน้าแผนกขนส่ง

“กระจกแม่งติดรอบเลย ได้อารมณ์สุด ๆ ว่ะห่าแก๊ปมึงต้องไปลอง เห็นแม่งหมดทุกอย่างล่ะ ว่ากำลังทำอะไรท่าไหน เย็นนี้รีบพาไอ้น้องพู่ไปจัดซะ อย่าช้า”

วิโรจน์ผู้เชี่ยวชาญการคิดค้นทฤษฎีใหม่ ๆ เกี่ยวกับเรื่องบนเตียง

“ถ้ามีมาอีก เดี๋ยวพี่ให้มึงคนแรกเลยว่ะแก๊ป พี่เห็นใจมึงจริงๆ ว่ะ อดทนหน่อยว่ะแก๊ป ช่วงนี้ลำบากหน่อยแต่เดี๋ยวหลัง ๆ ปรับตัวได้ก็คงดีขึ้น”

สุรชาติ ผู้มีน้ำใจไมตรีและเป็นที่ปรึกษาที่ดีให้กับพี่ ๆ น้อง ๆ ในแผนก

และแก๊ปที่กำลังอ่านนามบัตรที่หัวหน้าบุ้งส่งให้ก็รู้สึกซาบซึ้งจนอยากจะร้องไห้ ที่ทั้งพี่และเพื่อนเห็นใจในชะตากรรมของแก๊ป ที่ต้องหาทั้งโอกาสและจังหวะเหมาะ ซึ่งกว่าจะได้แต่ละครั้งก็คงต้องใช้เวลานาน

แม่งซึ้งว่ะ
กูซึ้งพวกพี่ ๆ แล้วก็ไอ้โรจน์จริงๆ เลยว่ะ น้ำตากูจะไหล

“พี่บาสขอบคุณคร้าบ หัวหน้าขอบคุณคร้าบบบบบ ไอ้โรจน์....ขอบใจมึงจริง ๆ ว่ะที่เห็นใจกู”

ไหว้ครบหมดทุกทิศ ด้วยความสำนึกในน้ำใจที่ทั้งพี่และเพื่อนมีให้

แต่บางครั้งแก๊ปก็ลืมไปว่าของฟรีไม่เคยมีในโลก การได้อะไรบางอย่างไปก็ต้องให้ของแลกเปลี่ยนกลับคืนมาบ้าง

“ว่าแต่เอากับน้องพู่ครั้งแรก มึงเอากันกี่ยกวะ”

สุรชาติ ผู้ไม่ได้อยากเสือกหรอกนะ แค่อยากรู้เรื่องของรุ่นน้องเฉยเฉ้ยยยยยยยยยยย ก็แบบว่าเป็นห่วงมัน

“มึงกับไอ้น้องพู่เล่นท่ายากกันบ่อยเปล่าวะแก๊ป”

วิโรจน์ผู้ไม่นิยมสนใจเรื่องชาวบ้าน แต่ถ้ามึงอยากเล่าก็เล่า แต่ถ้าไม่อยากเล่า กูก็ไม่ได้ว่าอัลไล้

“คิดมั้ยว่าพอได้กันแล้ว พอน้องมันเป็นเมียเราแล้วเหมือนมันน่ารักขึ้นกว่าเดิมสิบเท่า”

หัวหน้าบุ้งผู้ไม่เคยเสือกเรื่องของชาวบ้านอย่างเปิดเผย แต่ถ้าเกิดเรื่องมันมาเข้าหูเองก็ช่วยไม่ได้ เปล่านะ กูไม่ได้อยากรู้ แต่อยู่ ๆ แม่งก็รู้ขึ้นมาเอง กูเปล่าไปสรรหานะ

“อะไรเนี่ยะ เอางี้เลยเหรอวะพี่ บัตรลด 15 เปอร์เซ็นต์พวกพี่เล่นให้ผมแบไพ่หมดเลยเหรอวะ”

ก็ไม่ได้อะไรนะ แต่.....

“เอออออออออออออออออ”

พร้อมใจกันตอบ โดยไม่ต้องนัดหมาย

และแก๊ปก็หัวเราะออกมาด้วยความเขิน

“เฮ้ยยยยยยยยย ไม่ได้ดิพี่ ผมบอก...พวกพี่ก็ต้องบอกผมเหมือนกัน มาให้ผมบอกคนเดียวได้ไง มันก็ไม่แฟร์ดิว๊า”

มีข้อแลกเปลี่ยนว่างั้น

“ของพี่ก็อย่างที่พวกมึงรู้ ๆ กัน ไม่มีอะไรนี่หว่า ก็ธรรมดา”

พี่บาสผู้ตอบเหมือนจะชัดเจน..........แต่ทำไมดูคลุมเครือจังเลยวะ

“กูก็ไม่มีอะไร ก็เจออ้นเฉย ๆ ก็ตามนั้น”

วิโรจน์ผู้ตอบคำถามได้เหมือนจะชัดเจนกว่า แต่มันก็ดูยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่

“ของพี่ก็สบาย ๆ ว่ะ เรื่อย ๆ ไม่มีอะไรมาก”

หัวหน้าบุ้ง ที่เหมือนจะตอบได้ชัดเจนกว่าคนอื่นทั้งหมด.........ตรงไหนวะ

“แล้วตกลงที่พวกกูถามมึงไปอ่ะ ว่าไงแก๊ป นี่ก็บอกมึงกันครบหมดทุกคนแล้วนะ”

เหรอวะ นี่พวกพี่บอกผม..........แล้วเหรอวะ ทำไมเหมือนผมไม่ค่อยรู้อะไรเลยวะ.........เหมือน ๆ จะงง แต่ก็ไม่งง หรือจะ งง

แก๊ปยังไม่รู้ว่าจะเข้าใจสิ่งที่พวกพี่ ๆตอบมาได้หรือเปล่า แต่ก็คงเข้าใจแล้วล่ะมั้งวะ หรือยังไง
ก็เลยยอมตอบคำถามออกไปทั้งหมดให้พวกพี่ ๆ ที่ถามได้เข้าใจ

“เพิ่งเอากันไปครั้งเดียวเองพี่ ที่บ้านผมนี่แหละ ไอ้พู่มันไปส่งผมที่บ้าน ตอนแรกว่าจะไม่เอาหรอก แต่มันยังไงล่ะ อยู่ดี ๆ แม่งอารมณ์ก็มา พอมาก็เลยเอากันไปหนึ่งรอบ ท่ายากห่าอะไรก็ไม่ได้ทำหรอก สงสารไอ้พู่มัน กลัวมันเจ็บ เห็นมันร้องไห้แล้วผมก็สงสาร ทำมันไม่ลง ก็มีแค่นี้แหละพี่”

อ่า.......... เข้าใจแล้ว

คำตอบพาซื่อของแก๊ป แม้ฟังดูง่าย ๆ แต่ก็ทำให้คนฟังทั้งหมดนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“มึงไปตามนามบัตรนะแก๊ปแล้วบอกไปว่ามึงเป็นน้องพี่บาสที่มาส่งน้ำเต้าหู้ บอกไปเลยว่าสนิทกันมากเดี๋ยวกูโทรไปบอกเขา ขอให้เขาลดให้มึงเป็นกรณีพิเศษสุด ๆ จากสิบห้าเปอร์เซ็นต์เพิ่มเป็นห้าสิบเปอร์เซ็นต์”

พี่บาส ผู้เห็นใจและสงสารน้องที่ผ่านมาพักใหญ่แล้วถึงเพิ่งรู้ว่าไอ้พู่กับไอ้แก๊ปเพิ่งมีอะไรกันไปแค่ครั้งเดียว

“ช่วงนี้ไม่ค่อยมีอะไร ถ้าวันไหนมึงอยากลาหยุดพร้อมไอ้น้องพู่ มึงก็ลาไปบ้างก็ได้นะ สองวันสามวันกูก็ไม่ได้อะไรหรอก เดี๋ยวเรื่องของกูจัดการให้”

วิโรจน์นึกสงสารเพื่อนร่วมแผนกขึ้นมาจริง ๆ

กูงงมาก มึงอยู่ใกล้กันขนาดนี้ทุกวัน มึงอดทนได้ยังไงวะ มึงสุดยอดมากไอ้แก๊ป กูโคตรนับถือเลย

“วันลาพักร้อนเหลืออีกเจ็ดวันเต็มทั้งคู่เลยนี่หว่า จะลาวันไหนก็ตกลงกันมาเลยนะ เดี๋ยวพี่เซ็นต์อนุมัติใบลาให้”

หัวหน้าบุ้ง ผู้อยากจะถอนหายใจแรง ๆ เพราะสงสารในโชคชะตาของลูกน้อง ที่พอเอาเข้าจริงๆ มันก็ทั้งซื่อ ทั้งน่าสงสารที่ไม่มีโอกาสได้ทำตามใจตัวเองบ้าง

และแก๊ปที่ได้ฟังก็ยกมือไหว้พี่ ๆ ทุกคนที่ให้การช่วยเหลือ

“เรื่องธรรมดาว่ะแก๊ป คนรักกันชอบกัน มันก็ต้องมีเรื่องแบบนี้บ้าง ไม่ใช่สงสารแต่มึงนะ สงสารไอ้พู่มันด้วยมึงคิดยังไงวะไม่อยากเอากันบ้างหรือไง อยู่ใกล้กันทุกวันเจอหน้ากันทุกวันขนาดนั้น”

ก็ไม่ใช่อะไรหรอกพี่

“ผมไม่อยากให้ไอ้พู่เสียการเสียงานเพราะผม ถึงเป็นแฟนกันอยู่แผนกเดียวกัน แต่คบกันแล้วผมไม่อยากให้เสียการเสียงานกันทั้งคู่ แบบนั้นแม่งไม่ดี เหมือนคนไม่มีความรับผิดชอบ”

นี่ไงล่ะน้ำใจของมัน เพราะไอ้แก๊ปมันเป็นคนแบบนี้ ใคร ๆ ก็เลยอยากช่วยมันกันทั้งนั้น

“จัดซะเย็นนี้เลยแก๊ปเดี๋ยวพี่โทรไปบอกเขาให้ว่าให้ลดราคาให้มึงแบบพิเศษสุด ๆ”

สุรชาติผู้อยากให้ความช่วยเหลือมาก แต่ไม่อยากเผยออกมาจนหมด

“พรุ่งนี้กูว่างเดี๋ยวกูเช็คของให้มึงเลยไม่ต้องห่วง”

วิโรจน์ผู้ให้ความช่วยเหลือในแบบที่ตัวเองพอจะทำได้

“ลาติดกันเลยแล้วกันนะสามวัน เดี๋ยวพี่ไปเซ็นต์อนุมัติทิ้งไว้ให้เลย”

หัวหน้าบุ้ง…..โคตรใจดีและเข้าใจในชะตาชีวิตรันทดของลูกน้อง

แล้วแก๊ปก็ยิ้ม และยกมือไหว้พวกพี่ๆ เป็นรอบที่สาม สี่ และห้า

ก่อนจะแยกย้ายสลายตัวกันไป

และแก๊ปก็หันไปมองน้องพู่ ที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าวันนี้คงโดนจัดหนักถล่มจนเละเพราะทั้งแผนกเป็นใจให้

“มึงโดนแน่พู่เอ้ยยยยยยยย ยั่วกูดีนัก มึงโดนจัดหนักแน่ หึ หึ หึ”

อำนาจหัวเราะออกมาเสียงเบา ทำสีหน้าชั่วร้ายและออกอาการหื่นสุด ๆ

โดยไม่ทันสังเกตว่ามีสายตาของใครบางคนจ้องมองอยู่ห่าง ๆ และเริ่มอมยิ้ม ก่อนที่จะเดินไปสมทบกับคนอื่น ๆ ที่รออยู่ก่อนแล้ว

“สำเร็จเรียบร้อยด้วยดีว่ะ ......ครั้งแรกกูโดนเฮียถล่มซะจนแทบสลบคาเตียง ไอ้พู่ก็ควรได้รับรู้ความรู้สึกนั้นบ้าง มันจะมาโดนแค่ครั้งเดียวแบบชิล ๆ มาทำงานได้เหมือนคนไม่เป็นอะไรแบบนี้มันไม่ถูก”

วิเชียรผู้คว่ำหวอดในวงการเรื่องบนเตียงมาอย่างโชกโชน

“ผมก็เจ็บมากเลยนะ ตอนที่พีทไม่คิดอะไรกับผม ทำซะจนผมเกือบตาย”

อ้นหัวหน้าแผนกขาย ผู้กำลังพูดบางอย่างออกมาด้วยสีหน้าเย็นชาอย่างถึงที่สุด

“ฟ้าเหลืองเลยอ่ะ จำไม่ได้ว่ากี่รอบ แต่ที่แน่ ๆ หมดแรงแล้วก็มีแรง แล้วก็หมดแรง เป็นอยู่อย่างนั้นไม่รู้กี่รอบ”

เมืองมีน ผู้นึกน้อยใจในโชคชะตาที่ครั้งแรกพี่บุ้งถนอมก็จริงแต่ครั้งถัด ๆ มาจัดเต็มตลอด จนเรี่ยวแรงทั้งหมดไม่มีเหลือ

“ก็....ไม่ได้อะไรหรอกนะ แต่โดนตลอดตั้งแต่ไปจนถึงกลับขึ้นรถทีไรก็อยากหลับตลอด แทบไม่ต้องเที่ยวกันเลยล่ะ”

ยูกิ ผู้ที่หมดแรงจนทำให้ตัวเองเกือบเสียโอกาสเพราะแทบไม่มีอารมณ์อยากจะเที่ยว

สิ่งที่ทุกคนคิดมันคือความแค้นเคืองใจเล็ก ๆ ที่ไอ้น้องพู่โดนไปแค่ทีเดียว แถมยังสามารถมาทำงานได้อย่างสบาย ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วย

“เพราะฉะนั้น ไอ้พู่มันก็ควรต้องได้รับรู้รสชาติชีวิตแบบที่พวกเราทุกคนเจอมา....มันจะมาทำเป็นร่าเริงมีความสุขเพราะโดนไปแค่ครั้งเดียวแบบเบา ๆ ไม่ได้.....เป็นคนของแผนกขนส่ง..........มีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน แล้วถ้าพวกกูเคยโดนจัดหนักมาก่อน ไอ้พู่ก็ควรจะต้องโดนจัดหนักเหมือนกัน”


Fin.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: miyaki ที่ 11-05-2014 17:19:26
งานนี้ พู่เสร็จแน่ๆเลย
พี่แก๊ปจัดให้หนักเลยนะ 555 :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-05-2014 17:33:36
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/10/โยธิน_บัวลอยNk8Sn.jpg)
รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน เด็กเกรียน

บุ้งถึงกับส่ายหน้าด้วยความกลุ้ม นี่แผนกบุคคลมันคิดยังไงวะถึงได้รับไอ้เด็กนี่เข้ามา
มึงน่าจะเข้าใจกันบ้าง ว่าสภาพหน้าแบบนี้ ควรไปเดินอยู่สยามหรือเซนเตอร์พ้อย ไม่ใช่มาอยู่ในแผนกกูโว้ยยยยยย

“คิดอะไรอยู่วะน้อง นี่มันสถานที่ทำงานไม่ใช่สนามเด็กเล่น”

นั่นแหละพี่ประเด็นเลย เพราะผมชอบที่มันไม่ใช่สนามเด็กเล่นไง ผมถึงมา มีคนพูดมาหลายคนแล้ว ว่าถ้าอยากเจ๋งจริงหลังเรียนจบให้มาสมัครงานที่แผนกขนส่งของโรงงานนี้ ถ้าผ่านงานนี้ไปได้ ไปทำงานที่อื่นแล้วเจอเรื่องเหี้ยขนาดไหนก็ไม่ต้องกลัวแล้ว

ผมก็เลยมาสมัครก่อนคนแรกเลยพี่

“คนเรามันดูกันแค่ที่หน้าตาไม่ได้พี่ มันต้องดูที่นิสัยใจคอด้วย เห็นหน้าผมเป็นงี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะเป็นแบบหน้าตานะพี่ เอาเซอทิฟิเคทผมไปดูได้ กระทืบหมา ด่าแมว วิ่งหนีวินมอร์ไซด์ผมทำมาหมดแล้ว”

กูต้องการพนักงานขับรถและเช็คของ ไม่ใช่ต้องการอันธพาลเว้ยยยยย มึงบ้าป่ะเนี่ย
ส่ายหน้าด้วยความกลุ้ม และก็นึกอยากจะเดินไปด่าแผนกบุคคลซะให้รู้แล้วรู้รอด

แม่งส่งมาแต่ละคน เหมือนแกล้งเลยว่ะ

ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้สง่าคนขับรถที่วิ่งโซนต่างจังหวัดลาออก แล้วรอมาครึ่งเดือนแล้วไม่มีคนมาสมัครล่ะก็
กูบอกตรงๆ นะแม่งกูจะไม่มีทางรับไอ้เด็กเหี้ยนี่เลยจริง ๆ ว่ะให้ตายเหอะ

“รับผมเหอะพี่ ผมไม่ดีตรงไหนวะ ผมมีความมุ่งมั่น ความพยายาม และความตั้งใจ แล้วถ้าพี่คิดว่าผมพูดมากไปจนน่ารำคาญ ผมปิดปากไม่ต้องพูดเลยตลอดทั้งวันก็ยังได้”

กูยอมมึงเลย แม่ง...มุ่งมั่นจริง ๆ

“ทดลองงานสามเดือนไม่ใช่เหรอพี่ ถ้าผมแม่งห่วยมาก พี่ก็แค่ไม่ต้องให้ผมผ่านงาน มันก็จบใช่ป่าววะพี่”

คือกูกำลังจะเป็นหัวหน้างานมึงไง

มึงมาวะ ๆ โว้ย ๆ ใส่กูตั้งแต่วันแรกที่เจอกันเนี่ยนะ ไอ้เด็กนี่แม่งสามหาวจริง ๆ เลยว่ะ

“นี่มึงกล้าพูดกับคนที่จะเป็นหัวหน้างานของมึงแบบนี้เลยเหรอวะ”

บุ้งถามอีกฝ่ายออกไปตรง ๆ และไอ้เด็กหน้าแบ๊ว แต่นิสัย เลยคำว่ากวนตีนไปไกลโขแล้วก็ยักคิ้วและส่งยิ้มแบบกวน ๆ มาให้

“แมน ๆ ว่ะพี่ คิดไรมาก วะ วะ โว้ย ๆ แต่จริงใจ พี่ก็คิดเหมือนผมใช่แม๊ะ”

ไอ้เด็กเหี้ย กูหัวหน้ามึง ไม่ใช่เพื่อนเล่นมึง

“ก็ใช่ว่ะน้อง แต่ถ้าไม่รู้จักกาลเทศะนี่คงจะคุยกันลำบาก”

ตอบออกไปแบบนิ่ง ๆ และยักคิ้วส่งกลับไอ้เด็กหน้าแบ๊วแต่พูดจาได้กวนตีนมาก

และเด็กใหม่ที่เพิ่งมาวันแรกก็ถึงกับหน้าเจื่อน ยกมือไหว้ว่าที่ลูกพี่ทันที เพราะเพิ่งนึกขึ้นได้.......

“ขอโทษครับพี่ ผมก็เป็นแบบนี้แหละพี่อย่าถือสาผมเลย ว่าแต่ผมเริ่มงานได้เลยใช่ป่าวพี่ นี่ผมพร้อมทำงานแล้วนะเนี่ย”

เออ ไหน ๆ มึงก็มาแล้วนี่ ก็เริ่มแม่งวันนี้เลยแล้วกัน

“ก่อนทำงานมีกฎอยู่สองข้อที่มึงต้องจำเอาไว้”

เป็นร้อยก็ได้พี่ สองข้อมันไม่น้อยไปเหรอ ว่าแต่มันกฎอะไรวะพี่

“สั่งผมมาเลยลูกพี่ เดี๋ยวผมจัดให้”

ตีซี้กูเลยนะ ไอ้บัดซบ

“มึงจะทำอะไรก็ได้ในแผนกนี้กูไม่ว่า แต่มึงอย่าสร้างปัญหาให้เพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ เด็ดขาด เรื่องความรับผิดชอบกูถือเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ถ้ามึงมีความรับผิดชอบ มีน้ำใจ กูว่ามันก็อยู่ด้วยกันได้ไม่ยาก”

เรื่องแค่นี้ผมไม่มีปัญหาหรอกพี่

“สบายพี่ แล้วอีกเรื่องหนึ่งล่ะ”

อีกเรื่องหนึ่งเหรอ ก็ไม่มีอะไรมาก

“มึงอย่าเสือกเรื่องของกู กับคนคีย์บิล ถ้ามึงทำสองข้อนี้ได้ ก็จบ มึงอยู่ได้ยาว ไม่มีปัญหา”

แค่เนี้ยะ โห กูก็นึกว่าเรื่องอะไร

“พี่ ผมไม่นิยมเสือกเรื่องชาวบ้านหรอกพี่ ผมก็รู้ว่าอะไรควรไม่ควรน่า ไม่มีปัญหา ผมรับปากได้เลย ให้ผมเริ่มงานได้เลยใช่ป่ะ”

เออ มึงเริ่มงานได้เลย

บุ้งพยักหน้ารับ และลุกขึ้นเดินจากเคาร์เตอร์ลงเวลาพาเด็กใหม่มาแนะนำให้คนที่อยู่ก่อนแล้วรู้จัก

วิโรจน์ แค่พยักหน้ารับ และก็รับไหว้เด็กใหม่
วิเชียร ยิ้ม ๆ และเริ่มคิดเรื่องบางอย่างในใจตอนที่หัวหน้าแผนกพาเด็กใหม่มาแนะนำ

“คิดดีแล้วเหรอน้อง มาอยู่แผนกนี้”

แกล้งข่มขู่ไปเล็กน้อย และเด็กใหม่ก็ยักคิ้วและส่งยิ้มกวนตีนให้กับวิเชียรก่อนจะตอบรุ่นพี่ที่อยู่มาก่อนแล้วและเพิ่งเจอหน้ากันเป็นครั้งแรก

“คิดมาดีอย่างถี่ถ้วนแล้วพี่ ไม่แน่จริงผมไม่มาหรอก”

ไอ้เด็กเหี้ยนี่ ท่าทางใช้ได้นี่หว่า

วิเชียรมองหน้าของเด็กใหม่แล้วก็ชักถูกใจความกวนตีนของมันไม่น้อย

“ไอ้แก๊ปกับไอ้พู่ ลาหยุดสามวัน มึงยังไม่เจอ ส่วนพี่สุรชาติไปส่งของ เดี๋ยวมึงนั่งถามงานกับวิโรจน์ไปก่อนก็ได้ โรจน์กูฝากด้วย”

ฝากฝังเด็กใหม่เรียบร้อย และบุ้งก็หันไปมองหน้าของวิเชียรและวิเชียรก็มองหน้าของบุ้งแบบยิ้ม ๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินมาหาบุ้งที่กำลังจะเดินออกไปที่เคาร์เตอร์ลงเวลา

“ท่าทางเหลือแดกมาเลยว่ะพี่ เกลา ๆ ซักหน่อยก็คงใช้ได้ แต่ระดับความกวนตีนเข้าขั้นเลยว่ะ”

ใช่ ระดับความกวนตีนเข้าขั้นเลยล่ะ

“นั่นไม่ใช่ปัญหา ถ้ามันรู้จักใช้ความกวนตีนในระดับที่พวกเรารับได้ ก็ไม่มีอะไร แต่ถ้าแม่งเยอะไป ก็จัดให้มันหน่อย มันยังเด็กอยู่ ไม่ค่อยรู้ว่าอะไรควรไม่ควร มึงก็ช่วย ๆ ตีกรอบให้มันหน่อย สอนมันไป หน่วยก้านมันก็ดูไม่เลวหรอก ท่าทางมันตั้งใจเข้ามาทำแผนกเราจริง ๆ อันนี้กูให้คะแนนก่อนเลยเต็มสิบ หลังจากนั้น ก็รอดูพฤติกรรมกันต่อไปว่าจะเอายังไง”

บอกให้วิเชียรรู้และวิเชียรก็พยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่บุ้งพูดทุกประการ

“ถ้าแม่งเยอะไป เดี๋ยวผมช่วยจัดให้ ไม่ต้องห่วงพี่ สบาย ๆ ไว้ใจได้”

วิเชียรเอ่ยบอกหัวหน้าและเตรียมจะเดินมาขึ้นรถเพราะต้องส่งของแทนน้องพู่และอำนาจ ก็เลยยุ่งทั้งวันจนไม่มีเวลามาเสือกเรื่องของใคร

“ไม่รู้ ป่านนี้ไอ้แก๊ปกับไอ้พู่เป็นไงมั่ง โคตรอยากรู้เลยว่ะ”

บ่นออกไปเบา ๆ และบุ้งก็เลิกคิ้วขึ้นสูงและหันมาบอกกับวิเชียรยิ้ม ๆ

“มึงถามพี่สุรชาติสิ มาถามกู กูจะไปรู้ได้ไง”

เหรอออออออออออ

ไม่รู้เหรอออออออออ

กูอ่ะเสือกเปิดเผย แต่หัวหน้ากูแม่ง เสือกเงียบ ๆ ทำเป็นบอกให้กูถามจากพี่สุรชาติ ทั้งที่มึงก็รู้มาจากพี่สุรชาติหมดแล้ว แต่ไม่เสือกเล่า

“ก็ไม่รู้สินะ ไม่ได้อยากเสือกเรื่องของใครมากหรอก ก็แบบว่าเรื่องของพี่สุรชาติที่จะบอกมันเก่าไปแล้ว แล้วก็ตอนนี้แบบว่าไอ้แก๊ปมันอะไรน๊า.........มันเอาไอ้พู่ไปมากกว่าสามรอบแล้วหรือเปล่าว๊า.......ก็แบบว่า โทรสายตรงไปถามไอ้พู่ว่าเช็คของผิดหรือเปล่า แล้วมันก็บอกว่าเปล่า แล้วก็แค่ได้ยินไอ้แก๊ปชวนมันเอากันรอบที่สี่แล้วแค่นั้น”

ข่าวล่ามาแรง แซงข่าวพี่สุรชาติไปแบบสุด ๆ
และวิเชียรก็แค่ยักไหล่แล้วเดินเข้าไปแผนกในเพื่อเตรียมขึ้นรถ เล่นเอาหัวหน้าแผนกที่อยู่ในสายเสือกเงียบ ๆ ถึงกับอ้าปากค้าง ด้วยความอึ้ง

กูยอมมึง.........มึงแม่งมหาเทพ เสือกเข้าขึ้น เสือกเปิดเผย เสือกทุกสถานการณ์ แถมยังเสือกได้อัพเดทที่สุดในโลกแล้วจริง ๆ

“ไม่ไปเปิดสำนักงานเสือกแม่งเลยวะ วิเชียรนี่แม่งกูเชื่อมันเลยจริง ๆ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-05-2014 17:34:13
“ไม่ไปหาลูกค้าหรือไง”

คุณกฤษดากำลังตรวจสอบเอกสาร และเซลหมายเลขหนึ่งของบริษัทที่เสนอหน้าเข้ามาหาหัวหน้าแผนกทั้งที่มันหายหัวไปหนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ ก็กำลังนั่งไขว่ห้างและใช้ปลายนิ้วสไลด์โทรศัพท์เล่นอย่างเพลิดเพลิน ไม่ได้สนใจสิ่งที่หัวหน้าแผนกขายพูดเลย

“คุณโยธิน ช่วยลดระดับความกวนตีนลงมาหน่อยได้มั้ยครับและกรุณาฟังผมซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกพูดบ้าง”

ขอร้องกันแบบตรง ๆ และโยธินก็ยอมละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์และส่งยิ้มบาง ๆให้กับหัวหน้าแผนกขาย

“โห่พี่อ้น ขัดจังหวะผมอีกแล้ว นี่ลูกค้าบอกว่าคอนเฟิร์มเรื่องยอดเรียบร้อยแล้ว แถมยังให้ผมช่วยประสานงานแผนกขนส่งให้หน่อย เขาอยากได้รถช่วยขนของแบบบริการดี ๆ ด้วย ผมไม่ได้ไม่สนใจพี่อ้นนะครับ แต่ผมกำลังทำงานอยู่จริง ๆ พี่ก็เห็นนี่ อีกห้านาที พี่เตรียมรับแฟ็กซ์คอนเฟิร์มได้เลย”

โยธินมันเป็นมนุษย์เจ้าคารม ที่มีทุกอย่างพร้อมที่จะเป็นเซลหมายเลขหนึ่งได้

หน้าตาดี คารมดี บุคลิกภาพดี มีข้อเสียอย่างเดียว สันดานเหี้ยไปหน่อย

“ยอดปีนี้ผมจำได้คุ้น ๆ นะว่าผมเป็นคนหาแบบรวม ๆ เลย ยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ แถมลูกค้าใหม่ ๆ ด้วย ก็ไม่รู้สิพี่ ผมหายไปอาทิตย์เดียว แต่ก็ไม่มีผลกระทบอะไรกับงานใช่ป่ะ จะให้ผมออกมั้ยล่ะ ผมก็ไม่ได้แคร์อะไรนะพี่ ผมยังไงก็ได้ ชิล ๆ อยู่แล้ว”

ใช่ โยธินมันไม่แคร์อยู่แล้ว เพราะมันไม่ใช่แค่เป็นเซลธรรมดา ฐานะที่บ้านมันก็พอมีพอกินไม่น้อย น่าแปลกที่มันมาทำงานเหมือนมันมาทำเล่น ๆ แต่มันก็เอาจริง ทำแบบจริงจังในสไตล์ของมัน

แล้วก็ว่ามันไม่ได้ด้วย ในเมื่อแผนกขายยังต้องการมันอยู่ มันก็เลยหยิ่งผยองได้ขนาดนี้

ใช่ว่าจะไม่เคยทำใบตักเตือน แต่ของแบบนี้มันหยวนกันได้
ตอกบัตรทำงานตรงเวลาเป๊ะ แต่ไม่มียอด มันก็ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรหรอก

โยธิน มา ๆ หาย ๆ แล้วแต่อารมณ์ แต่ไม่เคยพลาดลูกค้าซักราย แถมทุกครั้งที่หายไป มันยังลากลูกค้าหน้าใหม่เข้าบริษัทได้ ก็เลยต้องยอมมัน

“พี่อ้น อย่าทำหน้านิ่วไปหน่อยเลย ผมรักพี่อ้นนะ ไม่อยากให้พี่อ้นเครียด เนี่ยที่ผมหายไปก็ไปทำงานล้วน ๆ ไม่ได้หนีเที่ยวเลยซักนิด”

กวนตีนแบบหน้าซื่อ และหัวหน้าแผนกขายก็ได้แต่ส่ายหัวแต่ทำอะไรไม่ได้

“พี่อ้นไม่ได้ออกไปหาลูกค้าเองแล้ว เป็นหัวหน้าแผนกก็ลำบากแบบนี้แหละ ต้องเจอลูกน้องแบบผมอีกเยอะพี่ พี่ต้องทำใจ”

ทำใจบ้าอะไรล่ะ ถ้าไม่เพราะมีผลประโยชน์ก็ไม่ได้อยากจะทำใจด้วยหรอกนะ

“นิสัยแบบนี้ น่าเจอของจริงเข้าซักที มันน่าจะมีอะไรทำให้นายเข้าออฟฟิศแผนกขายได้ทุกวันจริงวะ”

ก็แค่บ่นออกไปลอย ๆ และไม่คิดว่าจะมีใครสามารถดึงโยธินให้มาทำงานที่โรงงานทุกวันได้

และโยธินที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความบางอย่างโต้ตอบกับลูกค้าและก็คุยกับหัวหน้าแผนกไปเรื่อยๆ แบบสบาย ๆ

“มันจะไปมีได้ยังไงล่ะพี่อ้น คนที่จะทำให้ผมอยากมาโรงงานทุกวันได้น่ะ ถ้ามี....แม่งคงได้ฮากันตาย.....พี่ก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าคนอย่างผมไม่เคยยอมสิ้นลาย.........ที่พี่พูดอะไรเอาไว้ พี่ลืมมันไปได้เลย เพราะยังไงซะมันก็ไม่มีทางเกิดขึ้นจริง”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 11-05-2014 17:42:01
โดนจัดเต็มแน่ๆค่ะน้องพู่ / โยธิน....ฉันจะรอดู หึๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 11-05-2014 18:12:44
โยธินนิเดวมึงเจอบัวลอยไข่หวาน หึหึ ไข่หวานนะเว้ย :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 11-05-2014 18:14:15
คู่ล่าสุดท่าจะมันส์สสส&แรงส์สสส เนอะโยธินเนอะ :mc4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-05-2014 18:20:16
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/10/โยธิน_บัวลอยNk8Sn.jpg)
รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน ขอโทษ

เด็กใหม่แผนกขนส่งที่เพิ่งมาทำงานได้ไม่ถึงสามวันเดินออกมาจากห้องน้ำและมายืนล้างมืออยู่ที่อ่างน้ำหน้ากระจก

ใครว่าแผนกขนส่งโหดวะ กูว่าชีวิตแม่งมีสีสันสุด ๆ สนุกจะตายห่า

มีอะไรให้ทำเยอะแยะ ทั้งเรื่องงานและเรื่อง................

นึกแปลกใจอะไรหลายๆ อย่าง แต่ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ ตอนแรกไม่ได้คิดอะไรนะ แต่พออยู่ ๆ ไป กูว่าพวกพี่แม่งแปลก ๆ กันทุกคน

เริ่มจากพี่บุ้งหัวหน้าแผนกเลย บางทีแกก็ทะเลาะกับพี่วิเชียรอย่างเอาเป็นเอาตาย ทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไรไม่รู้ แต่แม่งทะเลาะกันบ่อยเหลือเกิน ถ้าไม่ทะเลาะกับพี่วิเชียรหัวหน้าบุ้งก็มาหาเรื่องด่าพี่คนคีย์บิลตลอด

แล้วพี่คนคีย์บิลก็ไม่เคยตอบโต้ วันดีคืนดีกูเห็นแม่งนั่งขำตอนที่โดนหัวหน้าบุ้งด่าด้วยซะงั้น มันอะไรกันวะ

จะว่าไปพี่ที่คีย์บิลอยู่ในออฟฟิศนี่ก็แปลก ทำไมหน้าตาเป็นแบบนั้นวะ น่ารักเกินกว่าที่จะมาอยู่แผนกขนส่ง ไม่รู้ว่าแกจับฉลากเข้ามาได้หรือไง ถึงมาอยู่แผนกนี้

ไม่นับรวมพี่วิโรจน์ที่วัน ๆ ไม่เห็นพูดกับใคร ไม่สนใจชีวิตใครเลย เห็นมีคนแวะเวียนมาคุยด้วยบ่อย ๆ ก็มีพี่คนขาว ๆ ใส่แว่น หน้าดุ ๆ จากแผนกขายที่มาคุยด้วย นอกนั้นก็ไม่เห็นพี่วิโรจน์คุยกับใคร ก้มหน้าทำงานงก ๆ ทั้งที่ข้างนอกจะตีกันตายพี่แกก็ยังไม่เคยคิดจะสนใจออกไปห้าม

ไหนจะพี่สุรชาติที่ถึงแม้จะนิ่ง ๆ คุยได้สบาย ๆ แต่มันก็ไม่ใช่อยู่ดี รอยยิ้มของพี่สุรชาติบางครั้งก็ทำกูเขินขึ้นมาซะงั้น พี่แม่งยิ้มหวานเกิน

ถ้าพี่สุรชาติยิ้มหวานแล้ว พี่คนที่อยู่แผนกจัดซื้อที่ขยันเดินมาเอาขนมที่พี่สุรชาติซื้อมาให้นั่นยิ่งหนักเลย

แม่ง.............จะยิ้มให้กูขนาดนั้นไปทำไมวะ กูเขินเว้ยยยยยย

พี่อีกสองคนที่ประจำอยู่ที่แผนกขนส่ง ลาพักร้อนไปพร้อมกันยังไม่ได้เจอ ไม่รู้เป็นคนยังไง

ที่พอจะคุยด้วยได้หน่อยก็คงมีแต่พี่วิเชียรนั่นแหละวะ ดูปกติที่สุดในแผนกแล้ว

ก็ยังดี ที่มีคนที่โอเคอยู่ในนั้น ไม่อย่างนั้นล่ะก็กูตายเลยยยยย

วักน้ำขึ้นล้างหน้าและเด็กใหม่แผนกขนส่งก็ก้มลงไปเช็ดหน้ากับแขนเสื้อ

มองหน้าของตัวเองในกระจกอีกครั้งเพื่อสำรวจความเรียบร้อย และกำลังจะเดินออกมาจากห้องน้ำ

ตั้งใจจะไปทำงานเพราะกำลังจะเลยเวลาพักแล้ว

แต่ก็ไม่ทันได้ไป เพราะ.............

ไอ้เหี้ยพ่อมึงตายเหรอสัด กระแทกไหล่กู

หันไปมองหน้าใครบางคนที่ไม่รู้จัก
ไอ้หมอนั่นกระแทกไหล่กันขนาดนี้ แม่งยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่กูอีก ไม่ขอโทษกูซักคำเลยหรือไงวะ

“เฮ้ยนาย”

เรียกคนที่กำลังผิวปากและยืนจัดแต่งทรงผมอยู่ที่หน้ากระจกแล้วไอ้หมอนั่นก็หันมามอง

มองเหมือนจะสนใจสิ่งที่เด็กใหม่แผนกขนส่งพูด
แต่ท่าทางจริง ๆ ที่มันแสดงออกก็ทำให้เด็กใหม่แผนกขนส่งเริ่มไม่พอใจขึ้นมาทีละนิด

ไอ้เหี้ยนี้ จงใจกวนตีนกู

“ชนไหล่ผมเปล่าครับ เมื่อกี้”

อ้าวเหรอ ชนเหรอ ไม่รู้สิ ไม่ทันได้สนใจ

“อ่อครับ แล้วยังไงครับ ให้ผมขอโทษใช่มั้ย”

อ้าวไอ้สาดดดดดดดดดด
ทำไมมึงพูดแบบนี้วะ กวนตีนจริง ๆ นี่หว่า นี่กูก็ไม่ได้อยากอะไรกับคนที่อยู่มาก่อนหรอกนะ ไม่ได้อยากมีปัญหาด้วย แต่ถ้าแม่งกวนตีนขนาดนี้ กูก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ

“แล้วจะขอโทษมั้ยล่ะครับ”

พยายามนับหนึ่งถึงสิบในใจ อย่ามึง อย่าเพิ่งมีเรื่อง อย่าเพิ่งมีเรื่องว่ะ มึงอย่าเพิ่ง

“ขอโทษสิครับ ผมมีมารยาทพอนะ ว่าแต่ผมไปทำอะไรให้คุณครับ ทำไมผมต้องขอโทษด้วย”

แม่ง.............ซักทีดีมั้ยวะ เอาแม่งให้คว่ำเลย สัด

“ชนไหล่ผมไม่ใช่เหรอครับ ถ้ามีมารยาทก็ขอโทษได้เลยครับ ไม่น่าต้องคิดอะไรมาก”

กัดฟันพูดออกไป ทั้งที่เส้นเลือดในสมองกำลังเต้นตุบ ๆ
และเด็กใหม่แผนกขนส่งก็กำลังกำหมัดแน่น และพยายามบอกตัวเองในใจ

ใจเย็น ๆ ใจเย็น ๆ เพิ่งมาทำงาน  ใจเย็นไว้

“อ้าวเหรอครับ น่าแปลกจริง ๆ ผมไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย แต่ยังไงก็แล้วแต่นะครับ...........ขอโทษ...ครับ พอใจหรือยังครับ....น้อง....”

ขอโทษด้วยการเน้นเสียง ขอโทษแบบยั่วโมโห ขอโทษแบบนี้ กูแม่ง..................จะทนไม่ไหวแล้วนะโว้ยยย

“โทษทีเหอะครับ จำไม่ได้ว่าเคยมีพี่เป็นตุ๊ด อย่าถือสานะครับ ผมเป็นคนพูดอะไรตรง ๆ”

ส่งยิ้มให้ และโยธินที่กำลังยิ้มก็ชักเริ่มยิ้มไม่ออกที่ถูกกวนตีนกลับ

หน้าพี่เหมือนตุ๊ด   แต่พี่ก็เอาคนไม่เหมือนตุ๊ดอย่างน้องได้นะครับ  หรือน้องจะลองหน่อยมั้ยล่ะครับ

“ปากแบบนี้น่าเอา..............ยัดปากจังเลยครับ”

โยธินยังคงยิ้ม และรีบทำหน้าตกใจก่อนจะพยายามทำเหมือนพูดบางอย่างกลบเกลื่อน

“ไม่ใช่อย่างที่คิดนะครับ ไม่ใช่ว่ากำป้งกำปั้นอะไรนะ ผมไม่นิยมความป่าเถื่อน หมายถึงว่า....ขนมครับ ไอตงไอติมอะไรพวกนี้ อย่าถือสานะครับ เวลาผมคิดอะไรผมก็ชอบหลุดปากพูดไปเรื่อยแหละครับ ผมก็คน.....ตรง ๆ เหมือนกัน”

ไม่มีทางที่จะจนมุมง่าย ๆ และเด็กใหม่แผนกขนส่งก็กำลังจะหยุดความรู้สึกโมโหของตัวเองไม่ไหว

กูแม่งอยากต่อยไอ้หน้าขาวนี่ซักที ............ทนไม่ไหวแล้ว.........นะโว้ยยยยยยยยยยยยย

“เฮ้ย ว่าไงบัวลอย มึงกำลังทำอะไรอยู่วะเนี่ย อู้งานเหรอวะ ไม่รีบไปทำงานเร็ว ๆ วะ แม่งหายมานานเลยนะมึง มาอยู่แค่ไม่ทันไร มึงอู้แล้วเหรอวะ”

วิเชียรผู้เดินมาจากไหนไม่รู้ โผล่เข้ามาในห้องน้ำและมาคลี่คลายสถานการณ์ตึงเครียดที่กำลังจะไปกันใหญ่

“ผมไม่ได้อู้พี่ ผมแค่.........เฮ้ยพี่อะไรวะ ผมไม่ได้อู้จริง ๆ”

แล้วเรียกผมว่าบัวลอยอีกแล้ว  ผมชื่อฮัทครับพี่ ไม่ได้ชื่อบัวลอย พวกพี่ตั้งฉายาให้ผมซะผมเสียหายเลย แค่ฝากผมซื้อบัวลอยแล้วผมซื้อปลากริมมาแทนแค่เนี้ยะ พี่แค้นผมจนเรียกผมว่าบัวลอยเลยเหรอวะ

อยากจะอธิบายแต่โดนพี่วิเชียรเบะหน้าใส่ ก็เลยพูดอะไรไม่ออก

พี่น่าจะเห็นว่าผมถูกไอ้เหี้ยนี่กวนตีน พี่ไม่รู้หรอกว่ามันพูดอะไรใส่ผมบ้าง

“หัวหน้าเรียกมึงอยู่ บอกเลยว่าถ้ามึงไม่ไปหาภายในหนึ่งนาที มึงไม่ผ่านโปรแน่ ก็แล้วแต่มึงนะ กูไม่เกี่ยว”

เหี้ยแล้วไงล่ะ
หัวหน้าบุ้งแม่งจะไม่ให้กูผ่านโปรเหรอวะ
ได้ฟังแบบนั้นก็เกิดอาการลุกลี้ลุกลนตกใจ จนลืมไปซะสนิทว่ากำลังทะเลาะอยู่กับคนที่มากระแทกไหล่

ไม่หันไปมองด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายกำลังเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความงง

เด็กใหม่แผนกขนส่งเดินจากไปแล้ว

และวิเชียรก็มองหน้าของโยธิน เซลหมายเลขหนึ่งของแผนกขาย มองแล้วก็เริ่มอมยิ้มน้อย ๆ

“จะเอาอะไรไปยัดปากเด็กใหม่มันล่ะครับ เด็กมันก็เด็กแบบนี้แหละ มันไม่รู้เรื่องหรอก เล่นอะไรไปมันก็ตามไม่ทัน”

ทำทีเป็นเปิดน้ำล้างมือไปเรื่อย และโยธินที่เริ่มแสยะยิ้มออกมาน้อยๆ ก็หันไปมองที่กระจกและเริ่มจัดแต่งทรงผมของตัวเองอีกครั้ง

“ผมยังไม่ได้คิดอะไรเลย ว่าแต่เด็กใหม่แผนกคุณวิเชียรนี่ท่าทางไม่เบา”

โยธินรู้ วิเชียรแผนกขนส่งไม่ใช่แค่พนักงานต๊อกต๋อยธรรมดา แต่เป็นคนชี้เป็นชี้ตายยอดขายของแผนกขายได้

สาเหตุอะไรคงไม่ต้องคาดเดานัก คุณวิเชียร คนที่ว่า น่าจะเป็นเด็กของคุณวิษณุ ผู้ซื้อรายใหญ่ของโรงงาน กำลังการซื้อมากกว่าสี่สิบเปอร์เซ็นต์เป็นของคุณวิษณุ และถ้าคุณวิษณุสั่งแค่คำเดียวว่าไม่ซื้อ

แผนกขายคงมีปัญหาใหญ่ตามมา

“มันก็งี้แหละ เพิ่งเข้ามาไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก อย่าไปแกล้งยั่วโมโหมันเลย ไอ้นี่มันของขึ้นง่าย แต่จริง ๆ ไม่มีอะไร”

ก็ไม่อยากยุ่งหรอกครับ แล้วก็ไม่ได้อยากแกล้งยั่วอะไรมันด้วย

แต่.......พอคุณวิเชียรพูดขึ้นมาแค่นั้นแหละครับ ผมนี่เริ่มรู้สึกสนใจไอ้น้องคนนั้นขึ้นมาทันที

“อย่าไปยุ่งกับมันเลย”

วิเชียรหันมามองหน้าของโยธินยิ้ม ๆ และโยธินก็ตอบกลับแบบยิ้ม ๆ เหมือนกัน

“ใครจะกล้าล่ะครับ ต้องให้เกียรติน้องเค้าอย่างถึงที่สุดแหละครับ น้องสนิทของคุณวิเชียรทั้งคน ผมจะกล้าแตะได้ยังไง นี่เจอคราวหน้าผมกะว่าจะสวัสดีก่อนเลยครับ ผมตั้งใจเอาไว้แล้ว”

ไอ้เหี้ยนี่แม่งตอแหลได้โล่ห์เลยว่ะ กูว่ากูขั้นเทพแล้วนะ เจอไอ้เหี้ยนี่แม่งเข้าไปหน้ามึนยิ่งกว่ากูอีก

“ก็ดีแล้วแหละครับ อยากให้มันอยู่ไปนาน ๆ ไม่อยากให้มามีเรื่องมีราวอะไรในนี้ คนที่จะไปทำงานแผนกผมมันหายากด้วย เห็นใจแผนกขนส่งหน่อยนะครับ”

เหรอครับ ผมต้องเห็นใจแผนกขนส่งใช่มั้ยครับ  งั้นก็ได้.......ผมก็คงเห็นใจ
เซลอย่างผมที่ไม่ได้มีอำนาจชี้เป็นชี้ตายบริษัท จะไปทำอะไรได้

“ด้วยความเต็มใจครับ คุณวิเชียร....คุณวิเชียรสบายใจได้เลย”

เอ่ยบอกออกไป และโยธินก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูและอำลาวิเชียรที่ยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มแสนหวาน

แต่วิเชียรรู้ รอยยิ้มนั้นไม่ได้หวานและจริงใจอย่างที่คิด

“นัดลูกค้าไว้ครับ ผมต้องไปแล้ว มีโอกาสคงได้พูดคุยกันอีกครั้งนะครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ สวัสดีครับ”

ไม่ใช่แค่เดินไปเฉย ๆ แต่โยธินยังยกมือไหว้วิเชียรแบบสวยงามพร้อมกับโปรยยิ้มให้อีกรอบ

และวิเชียรก็แค่ยกมือไหว้กลับ ทั้งที่บอกตรง ๆ กูแม่งไม่อยากรับไหว้ไอ้ห่านี่เลยว่ะ

มองตามหลังโยธินที่เดินออกไปแล้ว และวิเชียรก็กำลังคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา

“งานเข้ามึงแล้วบัวลอย อยู่ยากแล้วล่ะมึงทีนี้”

แม้จะคิดอย่างนั้น แต่พอเริ่มล้างมือแล้วมาคิดอะไรเล่น ๆ ดูวิเชียรก็เริ่มอมยิ้มขึ้นมาน้อย ๆ

เออว่ะ ถึงงานจะเข้าไอ้บัวลอยก็ไม่เห็นเป็นไรนี่หว่า ถ้างานแม่งเข้าจริง กูจะจัดให้เข้าไอ้เซลเหี้ยนี่ซักดอกเลยด้วยท่าจะสะใจดีไม่น้อย........กูเตือนแล้วมึงเสือกไม่ฟังเองนะ..........งานนี้สนุกแน่...........มึงเล่นผิดคนแล้วเหอะโยธิน............เล่นกับใครไม่เล่น มายุ่งกับเด็กแผนกขนส่ง......เดี๋ยวมึงรู้เลย


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 11-05-2014 18:20:38
แหมทุกคนช่างหวังดีกับแก๊ปแต่ประสงค์ร้ายกับพู่จริงๆ  :laugh:

ส่วนโยธินอีกหน่อยเธอจะต้องมาหลงบัวลอยยยแผนกขนส่งแน่  :hao3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-05-2014 18:21:15
โยธินนิเดวมึงเจอบัวลอยไข่หวาน หึหึ ไข่หวานนะเว้ย :hao7:

55555555555555555 มันได้ใจตรงไข่หวานนี่แหละ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 11-05-2014 18:40:15
อิมเมจโยธินน้องบัวใช่เลย
คู่นี้แซ่บเวอร์ :hao6:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 11-05-2014 18:40:52
เป็นคนของแผนกขนส่ง..........มีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน แล้วถ้าพวกกูเคยโดนจัดหนักมาก่อน ไอ้พู่ก็ควรจะต้องโดนจัดหนักเหมือนกัน”

--------------------------------
คุณพระ!!! งั้นต่อไปก็ต้องโดนของเล่นกันทุกคุ่เลยสิ  :hao6: :hao6: :hao6:

หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 11-05-2014 18:50:40
อย่าแหยมกับแผนกขนส่งนะโยธิน เดี๋ยวรู้เลย  :m20:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: foolishbeat ที่ 11-05-2014 19:01:16
น้องบัวพลาดแล้วที่คิดว่าเชียรมันปกติสุด
ไอ้นี่ตัวเสี้ยมเลยรู้ไหมเนี่ย

โยธิณมาวินมาก จะปราบพยศน้องบัวเหรอ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 11-05-2014 19:34:22
ต้องลองดูว่าบัวลอยถ้วยนี้หวานถึงใจจริงป่าว :hao4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 11-05-2014 19:35:12
ตายแน่ไอ่เซลล์อวดดี 5555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-05-2014 19:40:40
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/10/โยธิน_บัวลอยNk8Sn.jpg)
รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน เรื่องของโยธิน

“พี่โยนี่ตกลงหล่อหรือสวย หนูชักไม่แน่ใจ”

โยธินแตะปลายนิ้วไปที่โทรศัพท์เพื่อค้นหาข้อมูลบางอย่างไปเรื่อย ๆ

นาน ๆ จะแวะเข้ามาออฟฟิศซักที ไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่ แต่จะว่าไม่มีอะไรไม่น่าสนใจก็ไม่ใช่นะ มันก็พอจะมีอยู่เหมือนกัน

น้องหน้าแบ๊ว ที่ด่ากูว่าเหมือนตุ๊ดนั่นไง

ปากดีใช้ได้เลยนี่หว่า
แล้วไอ้เรื่องหน้าตุ๊ดนี่ก็เหมือนกัน ก็ไม่เห็นจะแคร์อะไร บางคนก็หาว่ากูเป็นเกย์ บางคนหาว่าเป็นตุ๊ด แล้วยังไงวะ

มันช่วยไม่ได้ที่เกิดมาหน้าตาแบบนี้ บางคนบอกว่าหน้าหวาน บางคนบอกว่าหน้าสวย บางคนก็ชมว่าหล่อแบบนุ่มนวล

แต่จะห่าอะไรก็เอาเหอะ
กูหาประโยชน์ได้จากหน้าตาแบบนี้มานักต่อนักแล้ว
มีหน้าตาแบบนี้เป็นอาวุธก็ใช้มันให้เกิดประโยชน์ซะ จะไปสนใจอะไรกับคำพูดไร้สาระ ซึ่งแม่งก็ไม่ได้มีอะไรดีกว่ากูเลยซักนิด

บางคนก็หน้าตาเหี้ยสิ้นดีก็ยังเสือกคิดจะวิจารณ์หน้าตาคนอื่น
กูหน้าตุ๊ดแล้วไง พวกมึงไม่มีทางรู้หรอกว่า เพราะหน้าแบบนี้แหละที่ทำให้กูได้ฟันหญิงมานับไม่ถ้วน ไอ้พวกโง่เอ้ยยย

“ชมหรือด่ากันเนี่ย มาหาว่าพี่หน้าเหมือนผู้หญิงอีกแล้วเหรอ ใจร้ายจังเลยครับ”

โยธินวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ และเริ่มอยากเล่นสนุกขึ้นมา ละสายตาจากโทรศัพท์มามองหน้าสาวน้อยนางนั้น แกล้งทำหน้าเศร้า และสาวน้อยในแผนกก็หัวเราะกับสิ่งที่โยธินทำ

“พี่โย ตลกอีกแล้วนะพี่ ขำอ่ะ”

ขำเหรอครับ ก็เชิญขำไป แต่พี่ไม่ขำด้วยนะครับ ตอนนี้พี่โคตรจริงจัง

“ทำไมใจร้ายจังเลยครับ ว่าพี่แบบนี้ พี่เสียใจนะครับ”

ไม่ใช่แค่พูด แต่โยธินเลื่อนเก้าอี้เข้าไปใกล้ๆ สาวในแผนกเดียวกันซะแล้ว และไม่ใช่แค่เลื่อนเก้าอี้เข้าไปใกล้เฉย ๆ แต่โยธินยังแกล้งเนียนดึงมือของสาวน้อยนางนั้นมากุมเอาไว้ และส่งสายตาเศร้า ๆ ไปให้

จ้องมองหน้าของเธอแบบตรง ๆ และจากที่เคยคิดว่าพี่โยเป็นตุ๊ด ตอนนี้เธอชักเริ่มคิดว่าไม่ใช่แล้ว

“แบบนี้ยังว่าพี่เป็นตุ๊ดอยู่อีกมั้ย”

โยธินจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของสาวน้อยเคราะห์ร้าย แล้วโยธินก็ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยไล้เล่นเบา ๆ ที่หลังมือของเธอ

“พี่โย ปล่อย ปล่อยมือหนูเถอะ มัน มันชักไม่ค่อยดีมั้งคะพี่”

ไม่ดีอะไรล่ะ แบบนี้แหละโคตรดีเลยน้อง มือนิ่มใช้ได้เลยนะ ข้างในก็คงจะ...........ถ้ากูคำนวณไม่พลาด น้องคนนี้น่าจะอกไม่เกินสามสิบสองไปได้ แต่ที่เห็นใหญ่ ๆ แบบนี้ น่าจะยัดฟองน้ำเข้าไป แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นน่าสนใจหรอก ที่น่าสนใจคือ............กั๊กไว้ได้แล้วหนึ่ง เสร็จกูล่ะงานนี้ ช่วงนี้กำลังเบื่อ ๆ ด้วย ถ้าน้องเต็มใจเสนอ พี่ก็เต็มใจจะสนองเต็มที่เลยครับ

“เป็นอะไรไม่รู้ครับ รู้สึกปวด ๆ หัว ไม่รู้ว่าตัวร้อนหรือเปล่า”

ไม่ใช่แค่พูด แต่โยธินยังดึงมือเธอคนนั้นให้มาแตะที่ข้างลำคอของตัวเอง และยังคงกุมมือของเธอแน่น

จ้องมองใบหน้าของเธอนิ่ง ๆ และดึงมือเธอมาแตะที่ข้างแก้มเบา ๆ

“พี่จะป่วยตายหรือเปล่า กลัวจังเลยครับ พี่อยู่คอนโดคนเดียวซะด้วยสิ ตัวพี่ร้อน ๆ ใช่มั้ยครับ ปวดหัวจังเลย”

มารยาร้อยแปดขุดออกมาใช้
และมันก็ได้ผล เมื่อโยธินสังเกตเห็นว่าใบหน้าของเธอเริ่มแดงเรื่อ คงเกิดจากอาการเขินจัด และโยธินก็คิดว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะเริ่มเดาทางได้แล้ว ว่าเธอคงจะมีใจให้ไม่น้อย

ก็ดี ถึงจะง่ายไปหน่อย แต่ก็ยังดีกว่ากลับบ้านไปแล้วนอนคนเดียว อย่างน้อยวันนี้ก็มีอะไรสนุก ๆ ทำ

“ไปส่งพี่หน่อยนะครับ”

ไม่ใช่แค่พูด
แต่โยธินดึงมือของเธอให้ลุกตาม และเธอก็ลุกตามมาด้วยง่าย ๆ ไม่มีอิดออด

...............คงรู้อยู่แล้วล่ะว่าจะไปทำอะไรกันต่อ สิ่งที่พูดมันก็แค่ข้ออ้างที่เอาไว้ใช้เวลาอยากชักชวนกันไปทำเรื่องอย่างว่า แบบไม่ให้น่าเกลียดเกินไป.....

อาจจะเบื่อบ้าง ที่คารมย์ บวก เสน่ห์ และหน้าตาแบบนี้ใช้ได้ผลเสมอ และบางครั้งก็อยากลองอะไรที่แปลก ๆ ใหม่ ๆ บ้าง แต่ก็เท่านั้น ไม่รู้จะอยากลองอะไรแปลก ๆ ไปทำไม ในเมื่อสิ่งที่ได้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันมันก็โอเคแล้ว

สัปดาห์นี้ไม่มีคนใหม่ ๆ มาให้เล่นด้วยเลย แม่งโคตรน่าเบื่อ
บางคนก็ทำเป็นอ่อนต่อโลกเวลาคุยกัน แต่พอขึ้นเตียงไปด้วยกันอย่าให้พูดเหอะ จะเป็นการนินทากันไปซะเปล่า ๆ เพราะยังไงซะก็เคยนอนด้วยกันมาแล้ว แล้วนี่กูมาคิดเรื่องน่าเบื่อแบบนี้ทำไมวะ ในเมื่อเธอคนนี้ดูท่าจะเต็มใจให้ฟันไม่น้อย

ที่เหลือก็แค่เรื่องลีลาล่ะว่ะ ค่อยไปวัดกันตอนเอากัน
ถ้าถูกใจก็คบต่อ แต่ถ้าเรื่องเยอะ ก็ไม่เอาไว้ มันก็มีแค่นั้น

จะให้ไปคิดอะไรเยอะแยะมากมาย

ชีวิตไม่ได้ยืนยาว อยากทำอะไรก็ทำ พอใจจะทำอะไรก็ทำ ที่สำคัญถ้าต่างฝ่ายต่างเต็มใจและยินยอมพร้อมใจกันทั้งคู่ ก็ไม่เห็นมีอะไรเสียหาย
ที่จะบอกได้ก็มีแค่คำเดียว.............วิน....วิน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-05-2014 19:41:34
โยธิน อัดบุหรี่เข้าปอดหนัก ๆ ก่อนจะพ่นควันสีขาวให้ลอยคลุ้งขึ้นและค่อย ๆ จางหายไปในอากาศ

ร่างกายเปลือยเปล่ายังคงนอนเหยียดยาวโดยมีสาวน้อยน่ารักคนนั้นขึ้นมาเกยอยู่บนอก และโยธินก็ยื่นมวนบุหรี่ของตัวเองส่งให้กับเธอ และเธอก็ใช้นิ้วคีบเอาไว้ ก่อนจะอัดบุหรี่เข้าปอดและพ่นควันสีขาวออกมาเหมือนที่โยธินทำ

“พี่โยนี่ทำหนูหมดแรงเลยนะ ตอนแรกหนูนึกว่าพี่โยเป็นตุ๊ดซะอีก แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าไม่ใช่”

เหรอครับ ติดใจหรือเปล่าล่ะ

“ว่าง ๆ ก็แวะมานอนเล่นที่นี่อีกก็ได้ แต่ถ้าวันไหนจะมาก็บอกพี่ก่อนล่วงหน้านะ เพราะแฟนพี่ดุ ขี้เกียจทะเลาะกัน”

แฟนที่ว่าไม่มีหรอก มันก็แค่ข้ออ้างเอาไว้เวลาไม่อยากให้ใครมายุ่งวุ่นวายด้วยแค่นั้น ถ้าพอใจจะคบต่อก็ได้ แต่ถ้าทำใจไม่ได้ ครั้งเดียวก็เกินพอ เว้นแต่รายที่ถูกใจลีลากันจริง ๆ อันนี้ก็อาจจะคุยกันได้นานหน่อย มีคุณค่าพอที่จะให้รั้งเอาไว้

“ไม่กล้าจะมาแล้วล่ะ ไหนพี่โยบอกว่าแฟนพี่โยดุไง”

ก็ใช่ แต่ช่วงนี้ก็คงไม่ดุเท่าไหร่ เพราะพี่คิดว่าลีลาอย่างน้องมันทำให้พี่หายเบื่อไปได้ พี่ก็เลยอยากคบต่ออีกซักหน่อย ก็แค่นั้น

“แล้วไม่เป็นห่วงพี่เหรอ แฟนพี่ดุมากก็จริงแต่เขาก็ไม่ค่อยมาดูแลมาสนใจพี่เท่าไหร่ ปล่อยให้พี่เหงา พี่คงเป็นคนที่แย่มาก ที่ทำอะไรเลว ๆ ลับหลังแฟนแบบนี้ พี่รู้สึกผิดจริง ๆ นะครับ ที่พี่ทำลงไปไม่ได้รู้สึกดีเลยซักนิด พี่มันแย่มากที่ดึงน้องเข้ามาอยู่ในปัญหาของพี่ด้วย”

บทพูดเดิม ๆ และมักจะใช้ได้ผลเสมอ
เพราะเธอคนนั้นนิ่งฟังสิ่งที่โยธินพูดและเริ่มลูบไล้ปลายนิ้วไปที่แผงอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของโยธินเบา ๆ

สายตาวิบวับที่ส่งมา ไม่ยากเกินกว่าที่จะเข้าใจ

โยธินดึงบุหรี่ออกจากปาก และวางเอาไว้บนที่เขี่ยบุหรี่ที่อยู่บนโต๊ะที่หัวเตียง

“อย่าพูดอย่างนั้นเลยค่ะพี่โย พี่โยอย่าคิดมากเลย หนูไม่อยากให้พี่โยรู้สึกไม่ดี เรามาสนุกกันอีกรอบดีกว่าค่ะ พี่โยจะได้หายเครียด เวลาแบบนี้ไม่ได้หาได้ง่าย ๆ เพราะฉะนั้นลืมเรื่องทุกข์ใจไปก่อนนะคะ แล้วเรามาสนุกกันอีกรอบนะคะพี่โย”

ไม่มีปัญหาหรอก พักจนเริ่มมีแรงขึ้นมาแล้ว อีกซักรอบก็ไม่มีปัญหา
โยธินเอนหลังลงนอนโดยมีร่างของเธอขึ้นมาเกยทับและเริ่มจัดการบางอย่างให้เข้าที่เข้าทางมากขึ้น

โยธินนอนมอง และส่งสายตาหวานเชื่อมไปให้เธอ

บอกแล้วว่าเธอลีลาดี ถึงได้อยากจะรั้งเธอเอาไว้อีกซักหน่อย

คืนนี้ยังอีกยาวไกล ตักตวงความสุขเอาไว้ให้มาก ๆ ดีกว่า

เธอเสนอมา ก็แค่สนองกลับให้ถึงใจ ก็แค่นั้น.....เรื่องแค่นี้ทำอยู่บ่อย ๆ ไม่เห็นว่ามันจะยากอะไร

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-05-2014 19:42:26
“มึงนี่เข้าท่าเหมือนกันนะบัวลอย ใช้ได้นี่หว่า ไปครั้งแรกกูนึกว่าจะหลงทางซะแล้ว แต่ก็ดีถือว่ามึงมีทักษะใช้ได้ ไอ้บัวลอย”

ได้รับคำชม และพนักงานใหม่แผนกขนส่งก็ยิ้มร่าที่ได้รับคำชมจากหัวหน้างานตรง ๆ

“ผมหาอ่านแผนที่ไว้ก่อนแล้วไงพี่ไม่งั้นก็คงหลงได้เหมือนกัน แม่งโคตรสลับซับซ้อนว่ะเฮ้ย พี่แกล้งผมให้ผมทำงานยาก ๆ ตั้งแต่แรกเลยหรือเปล่าเนี่ย”

ใช่ มึงรู้ก็ดีแล้ว

“เออ แล้วมึงจะทำไม มึงไม่พอใจก็ลาออกไปสิวะ กูไม่ได้ห้าม”

พูดออกไปแบบไม่แคร์ และมีนที่กำลังช่วยลงเวลารถเข้าก็แอบเหลือบสายตามองบุ้งและอมยิ้มน้อย ๆ

ถูกใจซะขนาดนี้ แต่ทำเป็นไล่น้องมันออก พี่บุ้งนะ ทำแบบนี้ประจำเลย

“ไม่พอใจแล้วลาออกได้จริงป่ะ”

มีนแกล้งพูดเล่น ๆ แล้วบุ้งก็เกิดอาการหน้าเหวอ รีบหันมามองหน้ามีนอย่างรวดเร็ว

“เฮ้ย ได้ไง คนอื่นจะไปไหนก็ไป แต่คนนี้ ไปไม่ด้ายยยยยยยยย”

อ้าวเหรอ ใครจะไปรู้ นึกว่าได้ จะได้ลาออกไปนั่งกินนอนกิน พี่บุ้งไม่รู้เหรอว่ามีนมีแฟนเป็นเจ้าของบ่อปลาเลยนะ
มีเงินเลี้ยง ไม่ต้องมาทำงาน งก ๆ แบบนี้ด้วย

“ได้สิพี่บุ้งทำไมจะไม่ได้”

ไม่ได้หรอกมีน ไม่เอา ไม่เอา ไม่เอา ห้ามลาออก ห้ามลาออกเด็ดขาดเลยนะ

“ไม่เกี่ยวเลย ไม่ใช่แล้วมีน”

ทำหน้างี่เง่าใส่พนักงานคีย์บิลน้ำมันของแผนก และพนักงานเข้าใหม่อย่างฮัท ก็ชักเริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศแปลก ๆ ของหัวหน้าบุ้งกับพี่มีน ที่นาน ๆ จะเดินออกมาจากออฟฟิศซะที

“นี่ถ้าผมไม่รู้มาก่อน ผมนึกว่าหัวหน้าบุ้งกับพี่มีนเป็นแฟนกันเลยนะเนี่ย โคตรเหมือนอ่ะพี่ บอกตรงๆ”

เหรอวะ มึงไม่รู้จริง ๆ เหรอว่ากูกับมีนไม่ได้แค่เป็นแฟนกัน
มึงนี่เป็นเด็กวิเชียรประสาห่าอะไรวะ น่าจะรู้อะไรมาบ้าง แต่ไอ้บัวลอยนี่มันทำหน้าเหมือนมันไม่รู้จริง ๆ

“มึงไม่รู้เหรอว่ามีนเนี่ย....เมียกู”

แกล้งพูดลองเชิงออกไปเล็กน้อย และพนักงานใหม่ก็เงยหน้าขึ้นมองและหัวเราะเสียงดังลั่น

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า หัวหน้านี่ล่ะก็ อย่าโกรธผมเลย ผมก็แค่แซวเล่นไปงั้นเอง มันจะเป็นไปได้ไงล่ะหัวหน้า ถ้าหัวหน้ากับพี่มีนเป็นผัวเมียกัน งั้นพี่โรจน์กับพี่ขาว ๆ ใส่แว่นก็เป็นผัวเมียกันไปแล้วสิ เออไม่ใช่แค่พี่โรจน์นะ สงสัยพี่สุรชาติกับพี่ที่อยู่จัดซื้อที่มาเอาขนมบ่อย ๆ ก็เป็นผัวเมียกันด้วยสิพี่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า พี่ก็เข้าใจอำผมจังเลยว่ะ ผมไปทำงานก่อนพี่ เดี๋ยวมีอะไรจะออกมารบกวนอีกครั้งนะคร้าบบบบบ”

ยังคงหัวเราะไม่เลิก
และพนักงานใหม่ก็เดินเข้าไปแผนกด้านในแล้ว ท่ามกลางสายตาของบุ้งและเมืองมีนที่มองตามด้วยความอึ้ง และ งง

มึงซื่อจริงจัง หรือมึงแกล้งวะ นี่อย่าบอกนะว่ามึงไม่รู้เรื่องนี้จริง ๆ

แล้วมึงเป็นเด็กไอ้วิเชียรได้ไง มันไม่ถ่ายทอดวิชาอะไรให้บ้างเลยหรือไงวะ

โคตรเหลือเชื่อ

“ไอ้บัวลอยนี่มันซื่อหรือโง่วะ หรือว่ามันแกล้งโง่ให้เราตายใจเพื่อจะเป็นสายให้วิเชียร”

วิเคราะห์กันไปต่าง ๆ นานา แต่ก็ไม่สามารถคาดเดาได้

จริงคือเท็จ เท็จคือจริง จริงจริง เท็จเท็จ หรือในความจริงอาจเป็นเท็จ และในความเท็จอาจเป็นจริง

บุ้งไม่รู้

สิ่งที่ทำได้ก็แค่มองหน้ามีนด้วยความมึนงงสงสัย และยังหาคำตอบไม่ได้ว่าสิ่งที่เห็นอยู่มันคืออะไรกันแน่

“พี่ว่าเหลือเชื่อว่ะ...แต่ก็คล้ายจะน่าเชื่อนะ..หรือว่าบัวลอยมันจะไม่รู้จริง ๆ วะมีน”

++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-05-2014 19:43:56
โยธินกำลังล้างมืออยู่ที่อ่างน้ำหน้ากระจก ปิดน้ำเรียบร้อยและเริ่มเอียงคอไปมา เมื่อเห็นว่าร่องรอยที่ปรากฏอยู่บนต้นคอเพราะสงครามเมื่อคืนมันเด่นชัดเกินไป

ก็ถือว่ายอมให้หน่อย เธออยากฝากรอยรักเอาไว้ ก็เลยไม่ได้ว่า ถือว่าแลกเปลี่ยนกัน ใครอยากมองว่ายังไงก็ช่าง รอยแค่นี้ ถ้ากล้ามาถามก็กล้าตอบอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นมีใครกล้ามาถาม

และถึงมาถามจริง ๆ โยธินก็ไม่คิดจะสนใจอยู่แล้ว

จัดแต่งทรงผมให้เข้ารูปเข้ารอย และเริ่มผิวปากไปเรื่อยอย่างอารมณ์ดี

สัปดาห์นี้รู้สึกขี้เกียจเลยไม่อยากหาลูกค้าเพิ่ม เดือนนี้จัดหนักลูกค้าใหม่ๆ มาห้ารายแล้ว
เงินค่าคอมมิสชั่นเดือนนี้ก็คงได้ไม่น้อย เลยไม่มีอารมณ์จะหาลูกค้าเพิ่ม

เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้โยธินต้องหยุดมือที่กำลังจัดแต่งทรงผมและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูว่าใครโทรมา

นิ่งมองหมายเลขที่โทรเข้ามาหาและก็เริ่มอมยิ้มน้อยๆ รีบกดรับและกรอกเสียงลงไปทักทายคนที่อยู่ปลายสาย

“ป๊านึกว่าหนูดีลืมป๊าไปซะแล้ว เปิดเทอมวันแรกเป็นยังไงบ้างลูกสาวคนสวยของป๊า”

มีความสุขเมื่อนึกถึงใบหน้าของลูกสาวตัวน้อย ๆ ที่เพิ่งอยู่ชั้นประถม และวันนี้เปิดเทอมวันแรกเธอคงจะกำลังสนุกกับเพื่อน ๆ ที่โรงเรียนไม่น้อย

“หนูดีจะลืมป๊าโยได้ยังไงคะ หนูดีคิดถึงป๊าโยที่สุดเล้ยยยย”

เสียงใส ๆ ที่ตอบมาตามสายทำให้โยธินยิ้มร่าอย่างมีความสุขเมื่อนึกภาพนางฟ้าตัวน้อยที่กำลังยิ้มกว้างจนตาหยี แก้มแดง ๆ ของลูกสาวคงกำลังแดงก่ำเพราะไปวิ่งเล่นกับเพื่อนมาแน่ ๆ

“ป๊าโยก็คิดถึงหนูดี.......มากเหมือนกันครับ......” ท้ายเสียงเริ่มแผ่วลงไปเล็กน้อย และโยธินก็เผลอถอนหายใจออกมา แต่ก็ทำให้ลูกสาวที่อยู่ปลายสายได้ยินชัด

“ป๊าโยเป็นอะไรเหรอคะ ทำไมป๊าโยหายใจแรงจัง”

หายใจแรงเหรอ
หายใจแรง.........อย่างนั้นเหรอครับ

“ป๊าโยไม่เป็นไรหรอกครับ แล้ว....คุณแม่เป็นยังไงบ้างครับ คุณแม่สบายดีใช่มั้ย”

ถามด้วยความเป็นห่วง ถามด้วยความห่วงใยไม่น้อย
ถาม.............เพราะรู้ว่า....แม้อยากตัดขาด แต่ก็ไม่สามารถตัดได้.....

“คุณแม่สบายดีค่ะ ฝากบอกให้หนูดีชวนป๊าโยไปทานข้าวที่บ้านด้วย คุณแม่มาพอดีเลยค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะป๊าโย บ้ายบายค่ะ”

................

“บ้ายบายครับหนูดี”

เธอวางสายไปเรียบร้อยแล้ว และโยธินก็ยินมองโทรศัพท์ในมือก่อนจะถอนหายใจแรง ๆ

มองหน้าของตัวเองในกระจกแล้วก็แค่นยิ้มออกมา ยิ้มให้กับตัวเอง ยิ้มให้กับเรื่องที่เกิดขึ้นของตัวเอง
ยิ้ม.........เรื่อย ๆ กับตัวเอง.......... อย่างเหงา ๆ ..........

เธอแต่งงานสร้างครอบครัวที่มีความสุขไปแล้ว และเธอไม่เคยรักโยธินเลย ที่ผ่านมามันเหมือนกับความฝัน

ความฝันที่โยธินฝันเอาเองคนเดียวลม ๆ แล้ง ๆ
แล้วดูตอนนี้สิ สิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่ก็แค่ความเป็นเพื่อนและฐานะพ่อของลูกสาวเธอ

แล้วโยธินจะไปทำอะไรได้

ก็แค่ปล่อยให้มันผ่านไป ปล่อยให้มันผ่านไปอย่างที่ควรจะเป็น

คบหาเป็นเพื่อนกันตั้งแต่มัธยม คบกันยาวมาจนถึงมหาวิทยาลัย
หลงรักเธอแบบเงียบ ๆ มาตลอด และเมื่อใกล้จบมหาวิทยาลัยก็ได้มีโอกาสคบหากันจริง ๆ เพราะเธอเพิ่งเลิกกับแฟน คิดเอาเองว่าเธอรัก เลยยอมคบด้วย ทั้งที่จริง ๆ แล้วเธอแค่ต้องการประชดแฟน สี่เดือนเต็มที่ได้คบกันแบบจริง ๆ จัง ๆ แล้วเธอก็ยอมมีอะไรด้วย

ยอม........มีอะไรด้วย....และโยธินก็คิดว่านั่นคือหลักประกันความรักที่เธอมีให้

แต่ไม่ใช่เลย

สิ่งที่คิดมันโง่เง่าที่สุด เมื่อสุดท้ายเธอก็กลับไปหาแฟนของเธอ

กลับไป........ทั้งที่เธอท้อง และลูกในท้องก็เป็นของโยธิน

ทางนั้นไม่ได้รังเกียจ แถมยังรับได้ที่เธอมีลูกติดกลับไปด้วย

สุดท้ายคนที่ต้องช้ำใจคือใคร..............

ก็แค่คน ๆ นี้คนเดียว.....

เจ็บมาก
ปวดมาก
และสิ่งที่โยธินจดจำเอาไว้ในใจเสมอ และจะจำมันเอาไว้จนวันตาย

เซ็กส์กับความรัก.............สองเรื่องนี้................มันเป็นคนละเรื่องกัน


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 11-05-2014 19:45:07
 :pig4:อ่านสนุกทุกคู่ค่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 11-05-2014 19:58:47
อ่านแล้วอยากกินบัวลอย อิอิ
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: foolishbeat ที่ 11-05-2014 20:03:00
ชอบบัวอ่ะ บัวคนซื่อ
ดูแล้วโยมันเสือจริงๆนะ มีหวังบัวมันโดนจัดหนักแน่ๆเลยคู่นี้ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 11-05-2014 20:04:47
โอ๊ยยยยยยยย โยธิน พระเอกคนเศร้าแต่สุดกวนตรีนซะงั้น
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 11-05-2014 20:25:18
ลุ้นคู่ต่อปายยยยยยยยย :3123:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-05-2014 20:36:11
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/10/โยธิน_บัวลอยNk8Sn.jpg)
รักเกิดในแผนกขนส่ง....ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน รักออกแบบไม่ได้

“โยจ๋า เมื่อไหร่จะเริ่มคบใครแบบจริง ๆ จัง ๆ ซะทีเนี่ย มิวไม่อยากให้โยเป็นแบบนี้เลย โยคนนี้ไม่เหมือนโยคนที่มิวเคยรู้จักเลยนะ เมื่อก่อนโยยิ้มสวยกว่านี้เยอะเลย เพราะมิวที่ทำให้รอยยิ้มของโยหายไปหรือเปล่า โยอย่าทำร้ายตัวเองแบบนี้เลยได้มั้ย มิวเป็นห่วงโยมากนะ เปิดใจซักทีเถอะโย อย่าให้ต้องเป็นห่วงโยไปมากกว่านี้เลย”

เธอทำให้หัวใจของโยธินเต้นแรงได้เสมอ
มันเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ แม้กระทั่งในเวลานี้ เวลาที่เธอมีสิ่งที่เธอรักพร้อมและครบสมบูรณ์ทุกอย่าง

โยธินไม่ได้คิดจะก้าวล่วงเข้าไปทำให้ความสุขของเธอต้องลดลงหรือจางหายไป

ไม่ว่าวันนี้หรือเมื่อไหร่ ใจของโยธินอยู่ที่เธอเสมอ อยู่.........แม้กระทั่งวินาทีนี้

อยู่มาตลอด และคงจะอยู่แบบนี้ตลอดไป

“คิดมากน่า โยไม่ได้เป็นอะไรจริง ๆ เมื่อก่อนโยว่าโยใช้ชีวิตไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ ไม่เหมือนตอนนี้ โยอยากจะทำอะไรโยก็ได้ทำ ไม่ใช่เพราะมิวหรอก อย่าเอาเรื่องของโยมาคิดมากทำให้มิวเสียสุขภาพจิตเลย โยรู้สึกไม่ดี ที่ทำให้มิวต้องมากังวลเรื่องของโย.......”

ตอบเธอออกไปตรง ๆ และส่งยิ้มไปให้เธอ รอยยิ้มที่ไม่ว่ามองกี่ครั้ง .......... เธอก็รู้อยู่เสมอ

ความรู้สึกของโยธินที่มีต่อเธอไม่เคยลดลงเลย ไม่เคยลดลงเลยสักนิด..........แม้จะผ่านมาเนิ่นนานแค่ไหน แต่สายตาของโยธินที่มองมาที่เธอ ยังเป็นแบบเดิมเสมอ สายตาของคนที่รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีทางได้ความรักตอบแทน แต่ก็ยังยินดีที่จะรักต่อไปเรื่อยๆ

โยธินเต็มใจที่จะรักเธอแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เต็มใจที่จะรัก.........ไปพร้อมความเจ็บปวด โดยไม่เคยร้องขอความเห็นใจจากเธอเลยสักครั้ง แม้วันที่เธอบอกว่าจะกลับมาคบกับแฟนเหมือนเดิม

โยธินก็ยังคงส่งยิ้มให้เธอ และบอกเธอซ้ำ ๆ ทั้งที่ดวงตาคู่นั้นปกปิดความเสียใจเอาไว้ไม่มิด

………มิวอยู่กับคนที่มิวรัก.....โยมีแต่ต้องดีใจกับมิว........โยจะโกรธมิวทำไมล่ะ .......... ถ้าโยโกรธมิวได้ลงคอ โยก็บ้าแล้ว..........

ใครจะทำแบบนั้นได้ โยธินไม่เรียกร้อง ไม่รั้ง ไม่แสดงท่าทางเกรี้ยวกราดให้เธอต้องหนักใจ ยอมให้เธอจากไปแบบง่าย ๆ

ยอมให้เธอทำร้ายจิตใจสารพัด เธอเกลียดตัวเอง ที่ทำอะไรโง่ ๆ
ประชดประชันความรู้สึกของตัวเอง และลากคนที่ไม่สมควรต้องเจ็บปวดด้วย ให้มาเจ็บปวดเพราะเธอ

มันเป็นความรู้สึกผิดที่ไม่มีอะไรมาลบล้างได้ โยธินเป็นแบบนี้ก็เพราะเธอ
ที่โยธิน.......ไม่สนใจจะให้ความรักกับใครอีก ก็เป็นเพราะเธอ.........

เธอรู้ตัวดี ว่าที่โยธินต้องกลายมาเป็นคนแบบนี้มันเป็นเพราะเธอ

“โย.............มิวขอโทษ…...มิวขอโทษ ไม่ว่ากี่ครั้งมิวก็จะพูดคำนี้นะโย....เพราะมิว โยเลยต้องกลายเป็นแบบนี้ ที่โยเป็นแบบนี้มันเป็นความผิดของมิวเอง ถ้ามิวไม่ทำอะไรโง่ ๆ แบบนั้น โยคงไม่ต้องกลายมาเป็นแบบนี้”

อีกแล้ว โทษตัวเองอีกแล้ว ไม่ใช่เพราะมิวหรอกนะ ไม่ใช่เพราะมิวหรอก
ที่โยเป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะมิวเลย มิวอย่าโทษตัวเอง ก็โยบอกแล้วไง ว่าโยก็ชอบชีวิตของตัวเองตอนนี้ดี

ทำในเรื่องที่ไม่เคยทำ ได้ทำตามใจตัวเอง ได้เรียนรู้อะไรเยอะแยะ ได้เติบโตขึ้น ได้เห็นว่าเรื่องที่เคยเข้าใจผิดมาตลอด แท้ที่จริงมันไม่ใช่อย่างที่คิด

“มิว...........”

นิ่งมองใบหน้าของเธอ และเห็นแววแห่งความกังวลใจของเธอที่ปรากฏชัด และโยธินไม่เคยต้องการให้เป็นแบบนั้น

“โยไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นของมิว แล้วมิวก็ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นของโย..........ไม่ใช่ว่ามิวผิด อย่าโทษว่าเป็นความผิดของมิว......ไม่มีใครผิดหรอก เราแค่ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นของกันและกันเท่านั้น”

คำพูดง่าย ๆ แต่ออกมาจากใจ คำพูดที่ออกมาจากใจ และโยธิน ก็ส่งยิ้มบาง ๆ ให้กับเธอ
อยากให้เธอสบายใจ อยากให้เธอมีความสุข อยากเห็นรอยยิ้มของเธอเสมอ
ไม่ว่า.......วันไหน ๆ......โยธินปรารถนาจะได้เห็นรอยยิ้มของเธอเสมอ

“มิว.....ขอโทษ...โย....มิว...ขอ...โทษ”

อีกแล้ว

ทำไมถึงเป็นแบบนี้ตลอดเลยวะ มิวร้องไห้แล้ว ไหนสัญญากับตัวเองแล้วไง ว่าจะไม่มีทางทำให้มิวร้องไห้เด็ดขาด

ไหนสัญญากับตัวเองแล้วไง แล้วดูสิ  วันนี้ก็มาทำให้มิวร้องไห้อีกแล้ว

“มิวขอโทษโย...... มิวขอโทษ”

เธอยังคงพูดถ้อยคำเดิม ๆ พร้อมกับหยดน้ำมากมายที่ค่อย ๆ หลั่งรินออกมาจากดวงตาคู่สวย

มิวร้องไห้แล้วเห็นมั้ยโย มึงทำให้มิวร้องไห้อีกแล้ว เห็นบ้างมั้ย.......

“ไม่ได้ผิดที่มิว.....อย่าโทษว่าเป็นความผิดของมิว อย่าโทษตัวเองแบบนี้อีก โยขอร้อง โยไม่อยากเห็นมิวร้องไห้ โย....ไม่อยาก....เห็น....โยไม่อยากเป็นสาเหตุที่ทำให้มิวไม่มีความสุข........สัญญากับโยแล้วไม่ใช่หรือไง....ว่าจะไม่โทษตัวเองอีก แล้วนี่มิวกำลังผิดสัญญาอยู่นะ....ร้องไห้ได้ยังไงล่ะคนเก่งของโย.......มิวอย่าร้องไห้เพราะโยอีกเลย”

กุมมือของเธอเอาไว้ และใช้มือแตะเบา ๆ ที่หลังมือของเธอ สิ่งที่ทำให้เธอได้ก็มีแค่นี้
ปลอบใจเธอ แค่ปลอบใจให้เธอคลายความทุกข์ใจลงบ้าง แค่ให้เธอคลายจากความรู้สึกผิดในใจ

ทั้งที่ตัวเองก็กำลังร้องไห้แทบตาย แต่ไม่สามารถแสดงให้ใครรู้ได้ ปล่อยให้น้ำตามันรินหยดอยู่ข้างใน

...............ถ้าความรักมันทำให้หัวใจต้องเจ็บปวดรวดร้าวได้ขนาดนี้...........โยธินก็สัญญากับตัวเอง.....

อย่าไปมีมันเลย ความรักบ้าบออะไรนั่นน่ะ......... ถึงไม่มี ก็ไม่เห็นตาย ยังไงก็ยังมีลมหายใจอยู่ได้ และใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขอยู่ดี.....ก็แค่ใช้ชีวิตไปอย่างที่ควรต้องใช้ ใช้วันพรุ่งนี้ต่อไปแบบที่อยากจะใช้

สิ่งที่โยธินคิดเอาไว้ก็มีเพียงแค่นั้นเอง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-05-2014 20:40:01
ดวงตาของหญิงสาวที่จ้องมองใบหน้าเรียบเฉยของโยธินในเวลาที่จมอยู่กับความคิดของตัวเอง มันทำให้เธอต้องก้มหน้าลงและยิ้มกับตัวเองอย่างเศร้า ๆ

จบแล้ว สิ่งที่เคยหวังเอาไว้ แค่ครั้งเดียวเท่านั้น แล้วเธอจะตัดใจจากความรู้สึกที่เกิดขึ้นของตัวเองซะ
พี่โยไม่มีทางหยุดอยู่ที่เธอ สิ่งที่เธอเคยหวังมาตลอด แค่ได้ใกล้ชิดกันสักครั้ง แล้วเธอจะปล่อยทุกอย่างไป

จะลืมทุกเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ และจะยิ้มให้พี่โยเหมือนทุก ๆ วันที่ผ่านมาให้ได้

ได้นอนด้วยกันแล้ว

แค่.......คู่นอน

มันน่าทุเรศขนาดไหน ทำไมเธอจะไม่รู้ แต่ไม่ว่ามันจะทุเรศขนาดไหน เธอก็ยอมรับมันได้ เพราะเธอได้ทำในสิ่งที่เคยหวังเอาไว้มาตลอดแล้ว แค่ได้นอนด้วยกันสักครั้ง แม้จะรู้ว่าไม่มีทางที่พี่โยจะมีใจให้ แต่เธอก็ยอมทำ.........
พี่โยไม่มีวันรักเธอได้ เธอรู้ว่ายังไงก็ไม่มีทาง ติดกระดุมเสื้อเม็ดสุดท้ายและยิ้มกับตัวเองเหงา ๆ

ใจพี่โยมีใครอยู่ก็ไม่รู้ อย่างเธอเป็นได้แค่คู่นอน และเธอก็ควรพอใจที่ได้เป็นแค่นั้น

ควรจะพอใจ ควรจะพอใจ........งั้นเหรอ แล้วหัวใจเธอล่ะ
เธอไม่มีหัวใจหรือไง พี่โยไม่รู้บ้างเลยเหรอว่าแม้เป็นแค่คู่นอนแค่ชั่วครั้งชั่วคราว แต่คู่นอนก็มีหัวใจ

เจ็บปวดได้ ร้องไห้เป็น คนที่เป็นได้แค่คู่นอนอย่างเธอ.........ก็ร้องไห้เป็น

และเธอ........เคยร้องไห้เพราะพี่โยมาหลายครั้ง ทุกครั้งที่ได้ยิน สิ่งที่พี่โยพูด พูดเล่น ๆ กับใครเขาไปทั่ว

ว่าจัดการลูกค้าไปได้อีกหนึ่งราย พี่โยเห็นว่ามันเป็นเรื่องของงาน เป็นเรื่องของธุรกิจ เป็นเรื่องของความพอใจของทั้งสองฝ่าย

แต่เธอที่ต้องทนฟังสิ่งที่พี่โยพูด มีแต่ปวดใจ เธอไม่เคยอยู่ในสายตาของพี่โยเลย
ไม่ว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เธอไม่รู้ว่าพี่โยมองเธอแบบไหนเวลาที่เข้ามาที่ออฟฟิศ เคยเห็นเธอมีตัวตนหรือเปล่าก็ไม่รู้

เธอไม่รู้ว่าพี่โยมองเธอยังไง แต่เธอ.......แอบรัก พี่โยอยู่คนเดียวเงียบ ๆ ตลอด

และในที่สุดโอกาสของเธอก็มาถึง สิ่งที่เธอเคยคิดว่าเป็นได้แค่ความฝัน ในที่สุดก็มาถึง

.......ได้นอนกับพี่โยแล้ว แค่ได้นอนกับพี่โย........แล้ว.......แค่นั้น....

ก้มหน้าลง และปล่อยให้หยดน้ำตาไหลซึมออกมา ยิ้มให้กับตัวเอง
ยิ้มอย่างเศร้าๆ และสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะยกปลายนิ้วขึ้นเกลี่ยน้ำตาของตัวเอง และบอกตัวเองให้รู้ว่า ช่วงเวลาแห่งความสุขมันผ่านไปแล้ว ความฝัน ยังไงก็เป็นได้แค่ความฝัน
แม้อยากนอนหลับและฝันหวานไปอีกนานแค่ไหน ก็ต้องตื่นขึ้นมารับรู้ความเป็นจริงอยู่ดี

พี่โยยังคงนั่งนิ่ง ๆ อยู่ที่นอกระเบียงและอัดบุหรี่เข้าปอดก่อนจะพ่นควันออกมาและปล่อยให้ควันบุหรี่ลอยฟุ้งขึ้นและจางหายไปอย่างช้า ๆ

ดวงตาเลื่อนลอย เหม่อมองไปที่ความมืดของท้องฟ้า ไกล....แสนไกล...

เธอไม่รู้ว่าใจของพี่โยมีใครอยู่ในนั้น ที่แน่ ๆ มันไม่ใช่เธอ และไม่ว่าวันไหนก็ไม่มีทางใช่
ลุกขึ้นเดินไปหาพี่โย และพี่โยก็ค่อย ๆ หันมามองเธอ และส่งยิ้มมาให้

“ต้องกลับแล้วล่ะค่ะ พรุ่งนี้พี่โยไปทำงานหรือเปล่า คิดจะโดดไม่ยอมไปอีกแล้วใช่มั้ยคะเนี่ย หนูรู้ทันนะ”

พูดคุยกันได้อย่างปกติ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และโยธินที่นั่งอยู่ก็รั้งเอวเธอเข้ามาหาและซบใบหน้าลงแนบอกของเธอก่อนจะเงยหน้าขึ้นจ้องมองไปที่ใบหน้าของเธอ

และยังคงส่งยิ้มหวาน ๆ ให้เธอใจสั่น ไม่ว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มหวาน ๆ ปนเศร้าแบบนั้น เธอไม่เคยละสายตาไปได้เลย

“ไปแล้วเหรอ นอนคนเดียวแบบนี้พี่ก็เหงาแย่เลยสิ ทำไมไม่ค้างด้วยกันล่ะ พี่นึกว่าเราจะค้างกับพี่ซะอีก แบบนี้ใจร้ายมากเลยนะ ไม่สงสารพี่เลยเหรอ”

น้ำเสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยบอก ใบหน้าที่เธอรัก และหลงใหล
ดวงตาที่มีแววไหวระริก แต่เจือไปด้วยความเศร้า เธอไม่รู้ว่าสิ่งไหนจริงหรือหลอก แต่เธอก็พร้อมที่จะเชื่อ

ก้มลงแตะริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากของพี่โยเบา ๆ และผละออกห่าง แตะปลายนิ้วเกลี่ยไล้ไปที่ใบหน้าของพี่โยด้วยความรัก......และหลงใหล

..........รักพี่โยนะ หนูรักพี่โย หนูรักพี่โยจริง ๆ นะพี่….. พี่จะรู้บ้างมั้ย พี่จะเคยรับรู้บ้างมั้ย..........ว่าหนูรักพี่ขนาดไหน

พี่จะเคยรู้ความรู้สึกของหนูบ้างมั้ย.........

“ต้องไปแล้วค่ะ..... พี่โย หนูต้องไปแล้ว”

พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ พยายามไม่ให้ตัวเองร้องไห้ พยายามทำให้ได้ พยายามยิ้มให้ได้

และเธอก็พยายามส่งยิ้มให้โยธิน ก่อนจะค่อย ๆ ผละออกห่าง แม้จะถูกรั้งเอวเอาไว้ไม่ให้ไป แต่เธอก็ต้องไป

“ฝันดีนะคะพี่โย.....แล้วเจอกันค่ะ”

ส่งยิ้มให้พี่โยครั้งสุดท้าย และยกกระเป๋าขึ้นสะพาย โบกไม้โบกมือให้ และพี่โยก็โบกตอบ
พี่โยโบกมือตอบ แต่ไม่ได้มาส่งเธอที่หน้าประตูห้อง

แค่นั่งมองเธอเดินออกจากห้องไปอย่างช้า ๆ และเมื่อประตูปิดลง โยธินก็หันไปมองท้องฟ้าดำมืดที่อยู่ห่างออกไปไกลแสนไกล
หยิบบุหรี่มวนถัดไปออกจากซองขึ้นมาจุดสูบ และพ่นควันสีขาวให้ลอยขึ้นอย่างช้า ๆ

เหม่อมองออกไปที่ท้องฟ้าสีดำมืด ที่ยังพอมีแสงดาวระยิบระยับให้ได้เห็นบ้าง และโยธินก็ยิ้มกับตัวเองเงียบ ๆ

ยิ้มอย่างเหงา ๆ โดยไม่เคยได้รู้ หญิงสาวที่โยธินไม่เคยคิดจะจดจำ กำลังก้าวขาเดินอย่างเชื่องช้า และปล่อยให้น้ำตามากมายรินหยดลงที่ข้างแก้มไม่ขาดสาย

เสียงสะอื้นไห้ไม่เคยไปถึงโยธินเลย ไม่เคยไปถึงและไม่มีโอกาสไปถึง
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาค้นหาหมายเลขที่ต้องการติดต่อด้วย และพยายามกลั้นเสียงสะอื้นของตัวเองเอาไว้ เพื่อคุยกับปลายสาย

“พี่อ้นเหรอคะ ขอโทษที่โทรมาซะดึกเลย แต่หนูมีเรื่องสำคัญต้องบอกพี่อ้นค่ะ คือหนูคงไปทำงานไม่ได้แล้วนะคะ มันอาจจะกะทันหันไปหน่อย แต่หนูมีความจำเป็นต้องย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดกับครอบครัวค่ะ เรื่องงานพี่อ้นไม่ต้องห่วงนะคะ หนูจัดการเคลียร์ส่วนของหนูไว้เรียบร้อยแล้ว หนูไม่อยากไปแบบไม่ลาค่ะ ที่ผ่านมาหนูขอบคุณมากนะพี่อ้น หนูขอบคุณพี่อ้นมาก ๆ จริง ๆ นะคะ”

บอกหัวหน้างานด้วยความรู้สึกจริง ๆ ที่มี ใครหลายคนมองว่าพี่อ้นเป็นคนร้ายกาจ ไม่เคยใส่ใจหรือเห็นหัวใคร แต่เธอรู้ พี่อ้นไม่ใช่คนแบบนั้น ภายใต้ท่าทางร้ายกาจ ที่ไม่เอาใคร แท้ที่จริงแล้วพี่อ้นให้ความช่วยเหลือเธออยู่เสมอ ช่วยเหลือโดยไม่เคยออกตัว ช่วยเหลือโดยไม่เคยต้องมาแสดงให้ใครเห็น

“ตัดสินใจแล้วสินะ”

ค่ะ หนูตัดสินใจแล้ว

“เรื่องพี่โยหนูตัดใจได้แล้วค่ะพี่อ้น ต่อไปหนูจะได้เริ่มต้นใหม่ซะที ที่ผ่านมาหนูขอบคุณมากนะคะพี่อ้น หนูขอบคุณพี่อ้นจริง ๆ”

คุณกฤษดาหัวหน้าแผนกขายได้แต่ถอนหายใจยาว ๆ และต้องยอมปล่อยให้ลูกน้องที่ทำงานด้วยกันมานาน ไปมีเส้นทางชีวิตของตัวเอง

“ไอ้โยมันน่าจะได้รู้นะ ว่ามีคนรักมันขนาดนี้”

นั่นไม่สำคัญหรอกค่ะพี่อ้น มันไม่สำคัญที่พี่โยจะรู้หรือไม่รู้

หนูไม่เคยคิดอยากจะก้าวข้ามเข้าไปในพื้นที่ ที่พี่โยปิดตายไม่ยอมให้ใครเข้าไป

“ให้มันเป็นความลับแบบนี้ไปตลอดนั่นแหละดีแล้วค่ะพี่อ้น หนูอยากให้มันเป็นความลับแบบนี้ตลอดไป”

เธอพูดมาซะขนาดนั้น แล้วจะไปทำอะไรได้

ในเมื่อยืนยันซะขนาดนี้ คุณกฤษดาจะไปทำอะไรได้ก็ได้แต่ถอนหายใจยาว และทำใจยอมรับสิ่งที่ลูกน้องพูดเท่านั้น

“พี่อยากจะรู้จริง ๆ เลยว่ะ ว่าชาตินี้ไอ้โยมันจะมีหัวใจให้ใครได้อีกหรือเปล่า มันน่าจะมีใครซักคนทำให้ไอ้คนเย็นชาแบบมันได้รู้สำนึกซะบ้าง”

นั่นสิคะ หนูก็อยากจะรู้เหมือนกัน

“พี่อ้น ถ้าพี่อ้นเจอคนที่ทำให้พี่โยรักได้ พี่อ้นช่วยบอกเขาด้วยนะว่าหนูยินดีกับเขาด้วย เชื่อเถอะ คนอย่างพี่โยถ้าได้รักใคร จะทั้งรักทั้งทุ่มเทให้ และไม่มีสายตาไปมองใครหน้าไหนได้อีก คน ๆ นั้นจะกลายเป็นคนที่โชคดีมาก ๆ ที่ทำให้พี่โยรักได้”

ก็คงจริง คน ๆ นั้นคงเป็นคนที่โชคดีมาก ที่ทำให้ไอ้โยรักได้

“สงสัยจะยากเลยล่ะ เพราะพี่คิดว่าคนที่ทำให้ไอ้โยรักได้คงมีแค่สองคน คนแรกยังไม่เกิด ส่วนคนที่สองคงตายห่าไปแล้ว”

พูดออกไปแล้ว และลูกน้องที่อยู่ปลายสายก็หัวเราะออกมาเมื่อฟังสิ่งที่อ้นพูด

บางทีอาจจะใช่นะ คนที่ทำให้พี่โยรักได้ มีแค่สองคน
คนแรกยังไม่เกิด ส่วนคนที่สองคงตายไปแล้ว

แต่ใครจะไปรู้.........บางทีอาจจะมีคน ๆ นั้นจริง ๆ แต่แค่กำลังเดินทางมาหาพี่โยแค่นั้น

และไม่ว่าคน ๆ นั้นจะเป็นใคร.........เธอก็นึกอิจฉาคน ๆ นั้นจริง ๆ

………..ถ้าเกิดคนที่โชคดีคนนั้นได้ใจพี่โยไป ขอร้องเถอะอย่าทำให้พี่โยเสียใจเชียวนะ........

เพราะถ้าทำให้พี่โยเสียใจ.........เธอจะไม่มีทางให้อภัยคน ๆ นั้นแน่.....และจะกลับมาจัดการคน ๆ นั้นให้น่าดู


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 11-05-2014 21:00:32
ไม่น่าเชื่อว่าชีวิตนายจะดราม่าโย :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 11-05-2014 21:05:47
รักแรกเป็นสิ่งที่อยู่ในใจเราไปตลอดไม่ว่าจะดีหรือเลว :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 11-05-2014 21:16:37
บัวลอยนู๋ใสซื่อมากลูก  :laugh:

ส่วนโยธินดูท่าชีวิตจะดราม่าแฮะ  o18
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-05-2014 21:24:20
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/10/โยธิน_บัวลอยNk8Sn.jpg)
รักเกิดในแผนกขนส่ง....ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน ระวังรถของมึงให้ดี

เยี่ยมครับ มอร์เตอร์ไซด์สตาร์ทไม่ติด

สงสายยยยยยยยหัวเทียนบอดดดดดดด

พนักงานใหม่แผนกขนส่ง โยนหมวกกันน็อคทิ้งไว้เมื่อมอร์เตอร์ไซด์สี่สูบคู่ใจ ทำตัวไม่น่ารักตั้งแต่เช้า

“ที่รักจ๋า ติดหน่อยไม่ได้เลยเหรอ ใจดำทำกับเค้าได้ลงคอขนาดนี้เลยเหรอ”

ลูบก็แล้ว โอ๋ก็แล้ว พูดดีก็แล้ว แถมด่าก็แล้ว แทนที่จะทำตัวดี ๆ ยอมติดให้ซะหน่อย เสือกนิ่งสนิทซะงั้น

“เยี่ยมครับ ขอบคุณมากค้าบบบบบบบที่รัก”

ถึงกับส่ายหน้า และต้องจอดมอร์เตอร์ไซด์คู่ใจทิ้งไว้ที่หอพัก และก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู

ยังดีที่เหลือเวลาอีกเป็นชั่วโมง ยังพอมีเวลาให้กูโหนรถเมล์ไปทันอยู่ ดึงกุญแจรถออก และรีบเดินลิ่ว ๆ ไปบนทางเท้าเพื่อออกไปที่ถนนหน้าปากซอย

เดินสิครับ จะไปหวังรอวินมอร์เตอร์ไซด์ที่นาน ๆ จะผ่านมาทีเหรอ รอแม่งไปเหอะชาติหน้า

ก้าวขาเดินลิ่ว ๆ ออกมาจากซอย และมายืนรอรถเมล์อยู่ที่ป้ายรถเมล์และในไม่ช้าก็กระโดดขึ้นรถเมล์มาจอดที่ถนนใหญ่ทางเข้าโรงงาน

เดินอีกกู เดินอีก….. เดินเข้าไป แม่ง ไม่ใช่ใกล้เลยนะ แต่ก็ช่างแม่งเหอะ วันเดียวเอง เดินซะบ้างก็ดีถือว่าบริหารขาไปในตัว

พนักงานใหม่แผนกขนส่งเดินเรื่อยๆ มาจนถึงกลางทาง และก็เริ่มรู้สึกว่ามีรถชะลอความเร็วและขับมาขนาบข้าง

คงเป็นคนในโรงงาน ก็ดีวะ จะได้ขอติดรถไปด้วยเลย

หันหน้าไปมอง และกำลังจะยิ้มทักทาย แต่ความตั้งใจก็มีอันหมดลงทันที เมื่อได้รู้ว่าใครที่ขับรถอย่างช้า ๆ อยู่ข้าง ๆ

ไอ้ตุ๊ดแผนกขาย ที่วันก่อนเกือบได้วางมวยกันยกใหญ่

เบือนหน้าหนีทันทีและฮัทก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงทำเป็นไม่มอง ทำเป็นไม่เห็น และไม่สนใจ

ไอ้เหี้ยนี่ก็กวนตีนได้ใจกูมาก แม่งไม่พูดอะไรด้วยนะ ขับชะลอตามอยู่อย่างนั้น พอเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น แม่งก็เสือกขับตาม

พอเดินช้าหน่อย แม่งก็ชะลอรถให้ไหลไปเรื่อย ๆ มึงจงใจชัด ๆ เลยนี่หว่า ไอ้สัด

หันไปมองคนในรถที่สวมแว่นตาดำ และเปิดเพลงจังหวะสนุก ๆ เสียงดังลั่นรถจนได้ยินมาถึงข้างนอกแล้วอยากจะกระโดดถีบรถแม่งให้พัง

ร้องเพลงไปด้วยแถมยังโยกหัวไปมา กวนตีนสุด ๆ เหอะ ไอ้สัด

ไม่รู้จะทำยังไง ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ด่าไอ้เกรียนในรถไปพลาง ๆ เผื่อมันจะได้ยิน

แต่มันก็ทำเป็นเพลิดเพลินกับการฟังเพลงมาก ทั้งที่กูรู้หรอก มึงชำเลืองมองกูตลอดเวลา

เจอกวนตีนแบบนี้เข้าไปรับรองไม่มีใครทนได้นาน และฮัทที่เป็นคนความอดทนต่ำ ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย

หยุดเดิน และใช้หลังมือเคาะกระจกรถให้คนที่กำลังเปิดเพลงเสียงดังลั่นหันมาสนใจ และไอ้ตุ๊ดแผนกขายก็เปิดกระจกรถและเลื่อนกระจกลงมาส่งยิ้มหวานเชื่อมให้คนที่กำลังเริ่มอารมณ์เดือดปุด ๆ ด้วยความโมโห

“อ้าว ว่าไงน้อง ทำไมเดินคนเดียวล่ะ พี่ไม่ทันเห็น ไม่งั้นคงแวะรับให้ไปด้วยกันแล้ว แต่ไม่เป็นไรนะยังไงก็เจอกันแล้วไปด้วยกันมั้ยครับ”

ไอ้สัด มึงไม่ทันเห็นเหี้ยอะไร มึงชะลอรถเทียบกูอยู่นี่ ทักได้วอนตายมากเลยนะมึง ไอ้สันดาน
กูไม่มีทางขึ้นไปนั่งบนรถเสนียดของมึงหรอก

“อ่อ ตาบอด มิน่าล่ะต้องใส่แว่นตาดำ เลยมองไม่เห็นว่างั้น ก็สมควรแหละวะ”

กวนตีนกลับไป และโยธินที่ยังส่งยิ้มหวาน ๆ มาให้ก็เลิกคิ้วขึ้นสูงก่อนจะทำหน้าตาได้ยียวนกวนประสาทที่สุดจนคนเห็นอยากจะกระชากคอเสื้อมันมาต่อยให้คว่ำ

“ตาบอดครับ มองเห็นเฉพาะบางคนที่สมควรจะเห็นจริง ๆ แต่ประเภทที่มองไปก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรขึ้นมา ก็แกล้งทำเป็นตาบอดไปงั้นเองครับ….พี่ก็เลยมองไม่เห็นน้องเป็นธรรมดา”

โว้ยยยยยยยยยยยยยยยย กูไม่ทนแล้วโว้ยยยยยยยยยยย

อารมณ์ขึ้นแบบหยุดเอาไว้ไม่อยู่ คำพูดเกินคำว่ากวนตีนของไอ้เจ้าของรถมันทำให้คนฟัง ไม่สามารถหยุดความโมโหของตัวเองที่พุ่งสูงขึ้นได้

กำลังจะเอื้อมมือเข้าไปกระชากคอเสื้อของไอ้มนุษย์โคตรกวนตีนแต่ก็ช้ากว่าเพราะแม่งรีบปิดกระจก แล้วก็หันมาส่งยิ้มให้

ไม่ใช่แค่นั้นสิ่งที่มันทำ มันยังกวนตีนได้สุดยอดมากจนทำให้อยากจะลากคอมันลงมากระทืบให้หายซ่า

“บรืน บรืน ครืนนน เอี๊ยดดดดดดดดดด”

สัด....แม่งเบิ้ลรถใส่กูด้วยเหรอวะ

“โค้งหน้าเถอะเฮ้ยยยยย เสาไฟฟ้าเหอะมึง”

ด่าไล่หลัง และอีกฝ่ายคงไม่มีโอกาสได้ยิน เพราะรถคันนั้นหายลับไปแล้ว

“อีกรอบเดียว มึงเจอกรีดรถแน่ ไอ้ตุ๊ด”

พูดออกมาอย่างอาฆาต และฮัทก็ยังโมโหไม่หาย

“เป็นเหี้ยอะไรกับกูนักหนาวะไอ้สัด เจอกันอีกรอบแล้วมาทำสันดานแบบนี้ใส่กูนะมึง จะต่อยให้คว่ำแบบไม่ต้องสาวเลยไอ้สัด ระวังตัวไว้ให้ดีเหอะมึง”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-05-2014 21:25:29
“ไอ้คนขาว ๆ ตัวสูง ๆ หน้าตาตุ๊ด ๆ ที่วันก่อนผมไปเยี่ยวแล้วเจอมันล้างมืออยู่ในห้องน้ำ มันชื่ออะไรวะพี่วิเชียร”

เดินเข้ามาที่แผนกขนส่ง และก็เห็นว่าพี่วิเชียรกำลังรับประทานอาหารมื้อเช้า

อาหารที่อยู่ในกล่องข้าวที่จัดมาอย่างพิถีพิถัน สวยงามน่ารับประทานเป็นอย่างยิ่ง ไม่รวมถึงส้มแมนดารินลูกใหญ่เบิ้มหนึ่งลูก แล้วก็กระติกชาเขียวที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ

ไม่สมควรใช้คำว่า “กิน” ต้องใช้คำว่า “รับประทาน”

เพราะต้องให้เกียรติอาหารโคตรหรู และดูเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่กูนึกไม่ออกว่าคนทำแม่งมีเวลาว่างหรือไงวะ ถึงได้บรรจงทำซะสวยงามขนาดนี้
ของกูแค่น้ำเต้าหู้ ปลาท่องโก๋ หรือไม่ก็ข้าวเหนียว หมูปิ้ง หรูสุดก็เป็นโจ๊กใส่ไข่นี่ก็นับว่าเต็มที่แล้ว

แต่ดูอาหารเช้าของพี่วิเชียร.........อลังการไปไหนวะสาดดดดดด

“พี่ ส้มแม่งโคตรน่ากิน ขอมากินแก้เครียดหน่อยดิพี่”

ทำสันดานมนุษย์เกรียน และกำลังจะหยิบส้มแมนดารินลูกใหญ่เบิ้ม แต่ก็ถูกวิเชียรตีมือ

“ไอ้สัด สันดานเสียนะมึงบัวลอย กูอนุญาตแล้วหรือยัง หยิบส่งนะมึง ไม่มีมารยาท”

โห่พี่ ส้มลูกเดียว อย่างกเลยน่า

“พี่ก็อนุญาตซะทีสิพี่ ผมกำลังอยากกินจะตายห่าอยู่แล้ว ส้มพี่โคตรน่ากินเหอะวะ”

นั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามของรุ่นพี่ในแผนก และวิเชียรก็พยักหน้าให้เป็นการอนุญาต

“แดกซะนะจ๊ะ กูอนุญาต ถือว่าสงสารลูกนกลูกกา”

พี่วิเชียรก็พูดเกินไป ผมไม่ใช่ลูกนกลูกกาซะหน่อย

“ขอบคุณคร้าบบบบบบบบ ใครได้พี่วิเชียรไปเป็นผัวแม่งโชคดีตายห่าเลย”

ถึงกับหน้าเจื่อน เมื่อรุ่นน้องพูดแทงใจดำ ใครได้กูเป็นผัว ไม่ได้โชคดีตายห่าหรอกว่ะ แต่แม่งโคตรซวย ซวยยิ่งกว่าซวย ซวยโคตร ๆ

“พี่วิเชียรเป็นไรวะพี่ เงียบเลย กินส้มป่ะ แม่งอย่างหวาน ของแพงนี่มันอร่อยอย่างนี้นี่เอง วันหลังผมจะได้ซื้อมากินบ้าง”

คงยากว่ะ ส้มนั่น เฮียแม่งสั่งตรงมาจากเมืองจีนเลย สั่งมาแค่สองลังกระดาษเล็กๆ เท่านั้น ถ้าอร่อยจริงอย่างที่มึงพูด พรุ่งนี้กูจะหยิบมาเผื่อมึงแล้วกัน

“มึงนี่เห็นแก่กินจริงๆ เลยเนอะไอ้บัวลอย”

สงสัยจะใช่ว่ะพี่

“ไม่เห็นแก่กินได้ไงพี่ อารมณ์เสียแม่งตั้งแต่เช้าแล้ว มอร์ไซด์เจ๊ง นั่งรถเมล์มาลง ตอนเดินเข้ามาเสือกเจอไอ้หน้าตุ๊ดแม่งกวนตีนใส่อีก
 แม่งคิดดูสิพี่ มันชะลอรถมากวนตีนผมโดยเฉพาะเลย แถมยังเบิ้ลรถใส่ผมอีก เย็นนี้ผมว่าจะไปกรีดรถมัน เล่นกับใครไม่เล่น”

ได้ยินเสียงบ่นพึมพำของรุ่นน้องแล้ววิเชียรก็เริ่มอมยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก

เริ่มเข้าเค้าแล้วนี่หว่า แม้จะแค่นิด ๆ แบบลาง ๆ ก็เหอะ แต่กูว่าเริ่มมาแล้วนิด ๆ

ไอ้โยธินท่าทางมันจะสนใจมึงนะนั่น ปกติเห็นแต่มันโปรยเสน่ห์ หวานใส่ไปทั่ว แต่กับมึงแม่งมาแปลก แต่อย่างน้อยมันก็จำมึงได้

สงสัยมึงจะมีอะไรน่าให้มันจำว่ะ บัวลอย

“มันจีบมึงป่าววะ บัวลอย”

แกล้งส่งยิ้มแปลก ๆ ไปให้ และคนที่กำลังยัดส้มเข้าปากก็เงยหน้าขึ้นมองรุ่นพี่แล้วขมวดคิ้วมุ่น

“ขนลุกว่ะพี่ ไม่ไหวนา ผมไม่นิยมอัดตูดกระเทย สยองว่ะพี่ ไม่รู้ว่าแม่งเอากันได้ยังไง มันส์ตรงไหนวะ”

ไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกไปบ้าง และวิเชียรก็ยิ่งหน้าเหวอไปไม่เป็นยิ่งกว่าเดิม

เอ่อ...........คือกูก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายมึงยังไงจริง ๆ ว่ะ ว่าแม่งมันส์ตรงไหน จนกว่ามึงจะได้ลองเอง

“มึงลองมีผัวดูสิ เดี๋ยวมึงรู้เบยยยยยย”

พี่วิเชียรก็พูดไป

“โห่พี่ ผมผู้ชายพี่ พี่ก็พูดซ้า”

ไม่ได้คิดตามหรือสนใจสิ่งที่วิเชียรพูด และวิเชียรก็มองหน้าของรุ่นน้องแบบยิ้ม ๆ

กูว่าไม่นานหรอกมึงได้รู้แน่ว่ะ บัวลอย มึงต้องลองซะ แล้วมึงจะรู้ว่าแม่งมันส์ยังไง
เชื่อสิ กูมองอะไรไม่เคยพลาดหรอก แค่เรื่องนี้มันจะเกิดช้าหรือเร็วแค่นั้น อันนี้ก็ต้องลองมาลุ้นดูกันต่อไป

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-05-2014 21:26:25
“พี่อ้นไปแผนกขนส่งบ่อย ๆ ไอ้น้องหน้าแบ๊ว ๆ ที่มาทำงานใหม่นั่นชื่อไรวะพี่”

คุณกฤษดาหัวหน้าแผนกขายเงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสารและมองหน้าของเซลหมายเลขหนึ่งของบริษัทที่วันนี้มันมาทำงานได้

“จะไปยุ่งอะไรกับเค้าวะ แล้วนี่เป็นอะไร เกิดเฮี้ยนอะไรขึ้นมา ถึงมาทำงานติดกันสองวันได้ ไม่มีคิวเดินสายหรือไง”

แกล้งประชดประชันไปและโยธินก็เอนหลังลงพิงพนักเก้าอี้ และนั่งไขว่ห้างหมุนเก้าอี้ไปมาด้วยความเพลิดเพลิน

มีความสุขมากนักนะมึง

ทางนี้หัวจะระเบิดเพราะต้องตรวจบิลขาย ทำไมการเป็นหัวหน้าแผนกมันลำบากขนาดนี้วะ

“โห พี่อ้น ผมอ่ะ อยากมาทำงานทุกวันแหละ แต่พี่อ้นก็รู้ว่าที่ผมมาไม่ได้เพราะผมต้องออกไปหาลูกค้าข้างนอก บางทีก็คุยกันเพลินคุยกันยาว
 จะให้ผมเข้ามาออฟฟิศตอนไหนล่ะ ทั้งที่ผมคิดถึงพี่อ้นใจแทบขาด แต่ผมก็ปลีกตัวมาไม่ได้จริง จริ๊ง”

เชื่อได้เนอะ คงจะเชื่อหรอก

“ปากหวานขนาดนี้ มิน่าล่ะ ลูกค้ารายไหน ๆ ถึงได้เสร็จหมดทุกราย แค่นั้นคงไม่พอเลยลามปามมาวุ่นวายกับคนในแผนกด้วย จนน้องมันอยู่ไม่ได้ ต้องชิงลาออกไปอีกหนึ่งราย”

แกล้งพูดใส่หน้า และโยธินที่กำลังทำหน้าระรื่นก็ถึงขมวดคิ้วมุ่นด้วยความแปลกใจ

“ใครลาออกเหรอพี่อ้น ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

อ่อ ก็คงจะไม่รู้หรอก เพราะไม่เคยคิดจะสนใจใครเลยนี่นา ก็สมควรแล้ว

“คิดว่าใครหายไปล่ะ ก็คนนั้นแหละ”

ใครหายไปเหรอ หรือว่า..........

“น้องจูนเหรอพี่”

ก็รู้นี่ นึกว่าจะไม่รู้ซะแล้ว

“เฮ้ย เอาจริงพี่อ้น เมื่อวานผมยังคุยกับน้องเค้าอยู่เลย ทำไมเขาลาออกซะล่ะ”

ถามใครวะ ถามคนอื่น แล้วทำไมไม่หัดถามตัวเองบ้างล่ะ

“จะไปรู้ได้ยังไง เขาก็มีเหตุผลของเขา”

ไม่ใช่สิพี่อ้น น้องจูนมีเหตุผลของน้องจูนก็จริง แต่พี่อ้นเป็นหัวหน้าตอนที่น้องเขาเขียนใบลาออกพี่อ้นก็น่าจะรู้สิ ว่าน้องเขาเขียนเหตุผลว่าอะไร

“โดนพี่อ้นกดดันแน่เลย ผมบอกแล้วพี่อ้นอย่าดุมาก เนี่ยเป็นไงล่ะ ลาออกไปอีกคนเลย”

ไม่โทษตัวเอง แต่แกล้งโยนความผิดให้หัวหน้าแผนก ที่เงยหน้าขึ้นมามองหน้าของโยธิน และเริ่มรู้สึกหงุดหงิดรำคาญกับอาการแกล้งโง่ของโยธิน

แกล้งโง่ได้เนียนจังเลยนะ ระดับโยธินไม่น่าโง่หรอก อย่ามาเนียน

“ทำอะไรไว้บ้างล่ะ ก็น่าจะคิดได้ ว่าน้องจูนมันต้องลาออกเพราะใคร”

เพราะผมเหรอพี่ .......

โยธินนิ่งงันไป   และเกือบจะพูดอะไรไม่ออก แต่ก็ยังกล้าหัวเราะกลบเกลื่อน ทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร

“เกี่ยวอะไรกับผมล่ะพี่อ้น”

อ่อ ไม่เกี่ยวหรอก คงไม่เกี่ยว ในเมื่อมองว่าไม่เกี่ยว ก็คงจะไม่เกี่ยว

“ก็แล้วแต่จะคิด ถ้าไม่มีธุระอะไรก็ออกไปได้แล้ว เกะกะน่ารำคาญ ถ้าว่างมากนักก็ทำตัวให้เป็นประโยชน์หน่อย เอาบิลกองนี้ไปช่วยตรวจซิ แม่งจะเยอะไปไหนวะ”

อะไรล่ะพี่อ้น นี่มันงานของหัวหน้าแผนกไม่ใช่เหรอ แล้วมาเกี่ยวอะไรกับเซลอย่างผมล่ะ

“ไม่อาวววววววว พี่อ้นก็ตรวจไปดิ ผมออกข้างนอกไปหาลูกค้าดีกว่า ไปแล้วพี่อ้น หวัดดีคร้าบบบบบบบบบ”

รีบลุกจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว และโยธินก็กำลังจะก้าวขาออกจากแผนกขาย

กำลังจะก้าวเดินออกไป แต่ก็ค่อย ๆ หันกลับมาอย่างช้า ๆ และเดินเลยไปที่โต๊ะของน้องจูน ที่ไม่ว่ากี่ครั้งที่เดินเข้ามาในแผนกก็มักจะเห็นเธอนั่งอยู่ตรงนั้นเสมอ

ก้าวเดินกลับมา และมองไปที่โต๊ะของเธอ มองที่โต๊ะมองไปที่เก้าอี้ มองไปที่คอมพิวเตอร์ มองไปทุก ๆ ที่ที่เธอเคยมีตัวตนอยู่ก่อนหน้านี้

ค่อย ๆ ทิ้งกายลงนั่งบนเก้าอี้อย่างช้า ๆ และหมุนเก้าอี้เล่นไปเรื่อย ๆ

มีของสองสามอย่างที่หลงเหลืออยู่ สมุดบันทึกงานและปากกาอีกสองสามด้าม

ไม่ได้อยากละลาบละล้วง แต่ก็หยิบสมุดเล่มนั้นขึ้นเปิดอ่าน

ตารางงาน ตารางเวลาที่ต้องวางบิล ลายมือขยุกขยิกที่ในบางครั้งเธอก็ใช้ปากกาสีสวย ๆ ช่วยจดและเตือนความจำ

เปิดอ่านไปเรื่อย ๆ และก็พบว่ามีรูปถ่ายใบเล็ก ๆ ที่โยธินจำได้ว่าเคยติดในใบสมัครงาน ตอนเข้ามาทำงานแรก ๆ

เธอได้มันมายังไงไม่รู้ แต่ข้อความหลังรูปที่เขียนด้วยปากกาสีชมพู ก็ทำให้โยธินรู้สึกใจหายวูบ
..................พี่โยธิน................น่ารักจัง...............

ข้อความที่เขียนเอาไว้หลังรูปถ่าย ทำให้โยธินเริ่มจะรับรู้อะไรได้ลาง ๆ

ทุกครั้งที่ก้าวขาเข้ามาในแผนก เธอมักจะส่งยิ้มและทักทายโยธินก่อนเสมอ และสิ่งที่โยธินทำก็แค่ยิ้มรับและทักทายเธอไปตามมารยาทเท่านั้น

ไม่เคยนึกสนใจในตัวเธอมากกว่าเห็นว่าเธอเป็นเพื่อนร่วมแผนก

ไม่เคยนึกสนใจ ไม่เคยสนใจใด ๆทั้งสิ้นมีแค่มองผ่านเรื่อยมา จนกระทั่งเมื่อคืนนี้ ที่ได้ทำอะไรบางอย่างกับเธอ

โยธินคิดว่าไม่มีอะไรมากไปกว่าความยินยอมพร้อมใจของเราทั้งคู่ แล้วทุกอย่างก็คงจบลง
ไม่เคยจดจำเธอ แต่วันนี้กลับรีบขับรถมาทำงานเพราะอยากจะมาเจอเธอที่แผนก

แต่ก็เพิ่งรู้ว่าเธอลาออกไปแล้ว

อะไรจะประจวบเหมาะขนาดนั้น ไม่น่าที่เหตุการณ์มันจะบังเอิญขนาดนี้ไปได้

เธอให้เบอร์โทรเอาไว้ และโยธินก็แค่กดโทรศัพท์ยิงเข้าเครื่องของเธอ โดยที่ไม่ได้บันทึกชื่อของเธอเอาไว้ด้วยซ้ำ

น้องจูน
น้องจูน
น้องจูน

ค้นหาหมายเลขที่บันทึกไว้ล่าสุด และกดโทรออกทันที

เสียงจากระบบตอบรับอัตโนมัติพูดด้วยคำพูดเดิม ๆ ที่โยธินเคยได้ยินอยู่บ่อยครั้ง

.......ไม่สามารถติดต่อเลขหมายปลายทางได้ในขณะนี้......

โยธินกดโทรออกอีกครั้ง แต่ก็ได้ยินเสียงตอบรับแบบเดิม ๆ
สุดท้ายได้แต่นั่งมองโทรศัพท์ในมืออย่างเงียบ ๆ และนึกอยากจะบีบคอตัวเองซะให้ตาย

...........ทำอะไรลงไปอีกแล้ววะโย.........ทำอะไรลงไปอีกแล้ว.......ใช่ที่เซ็กส์กับความรักมันคนละเรื่องกัน แต่สำหรับเธอแล้ว โยธินรู้ว่ามันไม่ใช่.........

เหมือนเห็นเงาของตัวเอง

เหมือนเห็นเงาของตัวเองซ้อนทับกับเธอ

เธอไม่ต่างจากโยธินที่เอาความรักและเซ็กส์รวมเข้าเป็นเรื่องเดียวกัน และเธอก็ได้รับความเจ็บปวดเป็นของตอบแทน

ที่ต่างกันมีแค่เล็กน้อย เธอรู้อยู่ก่อนแล้ว ว่าจะต้องเป็นแบบนี้

แต่โยธิน ไม่เคยรู้อะไรเลย.........


TBC.

หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 11-05-2014 21:41:44
แอบหมั่่นไส้นายโย
ไม่มีน้ำใจรับน้องขึ้นรถไม่พอ
ังไปแกล้งเขาอีก
จิ้มซะเลย :z13:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 11-05-2014 21:54:04
คู่นี้น่าจะได้อีกรสชาติ เพราะพระเอกเป็นพวกมีอดีต
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-05-2014 22:18:56
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/10/โยธิน_บัวลอยNk8Sn.jpg)
รักเกิดในแผนกขนส่ง....ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน เลือนลาง


ฝนตกลงมาปรอย ๆ และเหมือนจะเริ่มเทหนักลงมาในอีกไม่ช้า

โยธินเปิดประตูรถและเข้าไปนั่งเรียบร้อย แวะเข้ามาหาพี่อ้นตอนเย็น เพราะเอายอดสุดท้ายของเดือนนี้มาส่ง

ที่จริงโทรมาบอกก็ได้ หรือไม่ก็แค่แฟ็กซ์มาบอก แต่วันนี้รู้สึกว่าว่างจริง ๆ ก็เลยขับรถมาออฟฟิศตอนเย็น

มันเบื่อ ๆ เหงา ๆ เศร้า ๆ พิกล พักนี้ ชีวิตมีแต่เรื่อง เรื่องเดิม ๆ เรื่องที่ไม่ว่ากี่ปีก็ยังวนเวียนอยู่ในหัวแบบนี้มาตลอด
เรื่องที่ถึงแม้จะผ่านมานานแค่ไหน ก็ยังตัดใจให้ลืมไม่ได้ซักที

เปิดเพลงคลอเบา ๆ และมองสายฝนที่เริ่มโหมกระหน่ำขึ้นเรื่อย ๆ

ตกหนักแล้วแบบนี้ มิน่าล่ะช่วงกลางวันถึงรู้สึกร้อน ๆ

คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย คิดอะไรไปคนเดียว แล้วสายตาของโยธินก็เริ่มมองไปที่ข้างทาง
เสื้อพนักงานแบบนี้ คนโรงงานเดียวกันนี่หว่า ทำไมไม่เอาร่มมา ฝนตกขนาดนี้ แม่งเปียกเละเลยไม่ใช่หรือไงวะ

ชะลอรถให้ช้าลง และโยธินก็เปิดกระจกเรียกคนที่กำลังเดินกดอกตัวเปียกอยู่ที่ข้างทาง

“ไปด้วยกันป่ะครับ เปียกหมดแล้ว ขึ้นมาก่อนก็ได้”

ไม่ทันมอง ไม่ทันเห็น ไม่ทันสังเกตว่าอีกฝ่ายเป็นใคร และเมื่อคนที่เดินกอดอกเปียกปอนไปทั้งตัวหันมา โยธินก็ถึงกับชะงักค้าง
ไอ้เด็กแบ๊ว แผนกขนส่งที่เพิ่งเข้ามาใหม่นี่หว่า

อ่า...........แล้ว......จะเอายังไงต่อไปดี

“สัด มึงเยาะเย้ยกูเหรอ ไอ้ตุ๊ด”

เหี้ยเหอะ กูไปเยาะเย้ยตอนไหนมิทราบวะ คนอุตส่าห์หวังดียังเสือกมาด่าซะได้ เดี๋ยวแม่งเบิ้ลรถใส่ให้น้ำโคลนกระเด็นใส่เลยนี่ไอ้เด็กเวร

“ใครไปเย้ยมึง ไอ้หน้าแบ๊ว จะขึ้นมาก็เร็ว ๆ เข้าอย่ามาลีลาฝนแม่งเทขนาดนี้ พี่ไม่ใช่คนใจร้ายใจดำครับน้อง ถึงไม่ใช่น้องพี่ก็เรียกให้ขึ้นมาอยู่แล้ว ไม่มาคิดเล็กคิดน้อยอย่างมึงหรอกสัด”

เฮ้ยนี่แม่งด่ากูเหรอ มึงด่ากูเหรอวะ มึงเอาเลยมั้ยล่ะ มึงต่อยกับกูเลยดีกว่าพูดแบบนี้

“แล้วไม่ต้องวิ่งมาใส่ด้วยนะโว้ย ไอ้เรื่องต่อยกะน้องอ่ะพี่ขอเก็บไว้ก่อน เปียกขนาดนี้ยังจะทำซ่า ถ้าอยากจะมีเรื่องด้วยขนาดนั้น ก็ขึ้นมาเลยเร็ว ๆ ไม่ต้องลีลา”

ได้ มึงบอกเองนะ ว่าให้กูขึ้นรถมึง เปียกซะขนาดนี้ รถมึงเละแน่ อย่ามาโทษกูแล้วกัน เดี๋ยวมึงรู้แน่ เดี๋ยวมึงรู้

ยอมขึ้นมาบนรถของโยธิน และจัดการสะบัดหัวให้น้ำที่เส้นผมกระจายไปโดนเจ้าของรถ และโยธินก็หันมามองหน้าของคนที่ทำตัวเป็นเด็กไม่มีมารยาท
รถกูเปียกก็ถือว่าหนักแล้ว นี่มึงยังสะบัดหัวให้น้ำมาเปียกกูด้วยเหรอวะ ไอ้เด็กเหี้ยนี่

“สะใจป่ะ ทำตัวเป็นเด็กไปได้ ทำแค่นี้แล้วสะใจมากหรือไง ปัญญาอ่อน”

โดนด่า และคนที่ถูกหาว่าปัญญาอ่อนก็หันมาจ้องหน้าของโยธินตรงๆ

จ้องอย่างเอาเรื่อง จ้องแบบอยากมีเรื่อง และโยธินก็แค่ปรายตามองหน้าของอีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนจะหันไปสนใจกับการขับรถที่ต้องใช้สมาธิสูงกว่าปกติ เพราะสายฝนที่สาดเทลงมามันทำให้ยากแก่การมองเห็น

“อย่าเพิ่งต่อยพี่ตอนนี้ครับน้อง เดี๋ยวพี่เหยียบเบรกไม่ทัน มันจะได้ตายหมู่ ศพไม่สวยขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ”

เออ ก็จริงอย่างที่ไอ้หน้าตุ๊ดมันพูด

ก็ได้ เพราะฉะนั้นกูจะยอมถอยให้มึงครึ่งก้าวก็ได้

ฮัทนั่งเงียบไม่พูดไม่จา แต่แอร์ที่เปิดจนเกือบสุดก็ทำให้ร่างกายเริ่มแสดงปฏิกิริยาบางอย่างออกมา

“ฮัดชิ่ว ฮะ ฮัดชิ่วววว”

ยกมือขึ้นปิดปากและก็จามไปสองครั้ง

มาแล้วไงอาการไม่พึงประสงค์ที่มาพร้อมกับฝน งานเข้าแล้วไงกู พรุ่งนี้ลากันหลายคนด้วย กูต้องสแปร์แทนถ้าเป็นหวัดขึ้นมา คงหยุดไม่ได้

“ก็หรี่แอร์สิวะ นั่งหนาวอยู่ทำไม หน้าตาก็ฉลาดไม่น่าโง่”

เหรอ ไอ้สัดกูจะรู้มั้ยล่ะ กูนึกว่ามึงเร่งแอร์แกล้งกูซะอีก กูถึงไม่พูด แล้วกูจะรู้มั้ยว่ามึงไม่ได้แกล้ง
เอื้อมมือไปปรับแอร์ให้โดนตัวเองน้อยลง และฮัทก็เริ่มกอดอกด้วยความหนาว แม้ว่าจะปรับแอร์แล้ว

“มีผ้าขนหนูอยู่เบาะหลัง หยิบถึงป่าวล่ะ เสื้อเชิตที่แขวนไว้เอามาเปลี่ยนไปก่อนก็ได้ ขืนนั่งหนาวแบบนี้คงตายห่าก่อนถึงบ้าน”

กูบอกหรือยังว่าจะให้มึงไปส่งที่บ้าน แล้วกูบอกซักคำหรือยังว่าจะเอาเสื้อมึงมาเปลี่ยน

“โห่ ทำเป็นเชิด ทำเป็นลีลาท่ามาก หนาวตายห่าไปเลยเหอะงั้น ไม่ได้ง้อเลยจะบอกให้”

เหรออออออออออ ไม่ได้ง้อกูเลยเหรอ งั้นกูจัดให้ตามคำขอเลยแล้วกันนะครับ

ไม่มีคำว่าเกรงใจ และฮัทก็เอื้อมมือไปหยิบผ้าขนหนูที่อยู่เบาะหลังรถมาถือเอาไว้ ขยี้แรง ๆ ที่เส้นผมของตัวเองเพื่อให้แห้ง และเอื้อมมือหยิบเสื้อเชิตที่แขวนไว้ที่เบาะหลังมาวางไว้ที่ตัก
จัดการถอดเสื้อตัวที่ใส่ออก และวางเสื้อเปียก ๆ ทิ้งไว้อย่างนั้นและใช้ผ้าขนหนูซับหยดน้ำที่ร่างกายท่อนบน ก่อนจะสวมเสื้อเชิตที่อีกฝ่ายอนุญาตให้ใส่ได้

ติดกระดุมทีละเม็ด และเริ่มขยับร่างกายไปมาเมื่อเห็นว่าเสื้อตัวที่ใส่ตัวใหญ่จนเกินไปจนต้องพับแขนเสื้อขึ้น

ไอ้ตุ๊ดแม่งเป็นคนตัวสูง เห็นมันตัวผอม ๆ ไม่นึกว่าที่จริงจะตัวใหญ่ขนาดนี้ แต่ก็เอาวะใส่ไปก่อน เป็นปอดบวมตายห่าขึ้นมามันจะไม่คุ้ม

“บ้านอยู่ไหนวะ เดี๋ยวแวะไปส่งก็ได้”

แวะไปส่งก็ได้ แปลว่าได้ ก็ดีที่ไปส่งได้ กูแม่งไม่เกรงใจหรอก แม่งอุตส่าห์เปิดโอกาสให้ขนาดนี้ เป็นใคร ใครจะไม่รับ
บอกทางเรียบร้อย และโยธินก็หันมามองหน้าของคนที่บอกพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่น

แม่ง.........ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ไม่ได้คิดอะไรกับมันเลยนะ สารภาพจากใจจริง ๆ
แต่พอมองมันถอดเสื้อต่อหน้าและก็ได้เห็นผิวขาว ๆ ของมันแค่นั้นแหละ ใจแม่งเกิดสั่นขึ้นมาทันทีเลย

ผิวที่แขนก็เห็นว่าไม่ได้ขาว คงจะเพราะเจอแดดเจอลมเลยทำให้เป็นแบบนั้น แต่พอถอดเสื้อมาแค่นั้นแหละแม่งอย่างขาวแถมกล้ามเนื้อที่มีเล็กน้อยพองามนั่นอีกที่ทำให้ต้องเผลอมอง

ไม่ได้ชื่นชอบหรืออยากนึกจะชื่นชมร่างกายผู้ชายด้วยกัน แต่เห็นแบบนี้แล้ว อยู่ดีๆ ก็เกิดเป็นบ้าไปเผลอมองเข้าจนได้

เป็นอะไรมากป่าววะโย

ถามตัวเองและส่ายหัวกับความคิดประหลาด ๆ ที่เกิดขึ้น

“ส่ายหัวทำไมวะ ไปไม่ได้ก็ไปไม่ได้สิ ใครง้อ จอดศาลาหน้ากูไปของกูเองก็ได้”

พูดหรือยังว่าไม่ไป ยังไม่ได้พูดเลยว่าจะไม่ไปส่ง ชิงพูดซะก่อนแล้ว เป็นอะไรมากป่ะวะ

“ที่ส่ายหน้านี่เพราะว่าเบื่อฝนตกรถติด ไม่ได้บอกว่าจะไม่ไปส่ง บ้านอยู่แถวนั้นก็ดีแล้ว เดี๋ยวมีนัดตอนสองทุ่มจะไปกินข้าวกับลูกค้าแถวนั้นพอดี แต่ไปแวะที่คอนโดก่อนได้ป่าวล่ะ
จะไปเอาเอกสารให้เขาเซ็นต์เลย แล้วเดี๋ยวยังไงก็ต้องไปทางนั้นอยู่แล้ว เดี๋ยวพาไปส่งก็ได้ ว่าไง”

เหี้ยปัญหาเยอะว่ะ เดี๋ยวกูลงแม่งข้างทางตอนนี้เลย

“แต่คงไม่กล้าไปหรอก น้องกลัวโดนพี่ฆ่าหมกศพล่ะสิ หึ หึ หึ”

ไอ้ตุ๊ด กวนตีนแล้วมึง อย่างมึงเหรอจะฆ่าหมกศพกู กูนี่แหละจะฆ่ามึงซะก่อน กวนตีนชิบหายเลยว่ะ คนแบบนี้ก็มีด้วย

“ไปก็ไปดิ กลัวที่ไหน อย่ามาแกล้งเนียนขอให้กูอัดตูดก็แล้วกัน แม่งไม่เอาด้วยคนหรอกวะ ใช่มั้ยตุ๊ด”

ตุ๊ดพ่องดิ

เจอมาเยอะแล้ว พูดแบบนี้แหละ เสร็จกูทุกราย เพียงแต่ที่ผ่าน ๆ มาคนที่เสร็จทุกรายไม่ได้เป็นผู้ชายก็แค่นั้น
หรือแม่งจะลองเอาซักทีดีวะ ปากอย่างนี้มันน่า........

“น้อยๆ หน่อยเห้อะ หน้าตัวเองนี่แมนนักนิ แบ๊วเอ้ยยยย ด่าคนอื่นไม่ดูหนังหน้าตัวเองเลยเนอะ”

อะไร หน้ากูเป็นไง หน้ากูไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย หน้ากูก็เป็นแบบนี้

“แบ๊วบ้าบอคอแตกอะไร แบ๊วตรงไหน ไม่มีอ่ะ อย่ามามั่ว”

มั่วเหี้ยไร มึงจะดูหน้าตัวเองตอนนี้เลยมั้ย

แม่ง..............น่ารักเป็นบ้า......... แล้วยังท่าทางการพูดจาที่ดูกุ๊งกิ๊งง๊องแง๊งแบบไม่รู้ตัวของมึงนี่อีกนะ กูบอกได้เลย ถ้ากูเป็นตุ๊ดนะ
มึงเสร็จกูแน่ ยังไงกูก็ไม่ปล่อยให้รอดไปได้หรอกเหอะวะสัด

“โอยยยยยยยยย แมนตาย หน้าแม่งแมนจะตายห่า แมนเหลือเกิน เอออออออ เชื่อ หน้าแมนมาก แบ๊วเอ้ยยย”

พูดออกไปอย่างที่ใจคิด และฮัทก็เริ่มนึกโมโหอีกฝ่ายเพิ่มขึ้นอีกนิด

หน้ามึงตุ๊ดกว่ากูอีก ยังมาเสือกบอกว่าหน้ากูแบ๊วอยู่ได้

แม่ง..........จนกูจะเชื่ออยู่แล้วว่าหน้ากูแบ๊วจริง..... หรือว่าแม่งจะจริงอย่างที่มันว่าวะ

เริ่มเชื่อขึ้นมานิด ๆ และฮัทก็พยายามหันไปมองหน้าของตัวเองที่กระจกข้าง

ก็ไม่นี่หว่า ดูยังไงว่าแบ๊ววะ

ตากูแค่โตเฉย ๆ เคยได้ยินคนพูดกันมาแบบนั้น แต่ไม่เห็นมีใครเคยบอกว่าแบ๊วซักคน เพิ่งมีไอ้ตุ๊ดนี่แหละคนแรกที่บอก

“แบ๊วไง ชัดยัง น้องแบ๊ว”

แบ๊วเหี้ยไร

“ตุ๊ดเอ้ย หน้ามึงก็ตุ๊ดเหมือนกันล่ะวะ”

ด่ากัน เถียงกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทะเลาะกันด้วยเรื่องไร้สาระ แล้วอยู่ดี ๆ โยธินก็เกิดขำขึ้นมา ขำตัวเองก็ขำ ขำไอ้คนที่ติดรถมาด้วยก็ขำ

นี่กูกับมันเป็นห่าอะไรวะ ถึงได้ด่ากันด้วยเรื่องปัญญาอ่อนขนาดนี้ ทำไปทำเพื่ออะไรวะ ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าจะทำไปเพื่ออะไร

“ขำเหี้ยไรนักหนาวะตุ๊ด”

ก็ไม่ได้ขำอะไรนี่หว่า แค่ขำมึงแหละไอ้น้อง

“จะไม่ให้ขำได้ไง ไอ้หน้าแบ๊ว มึงมันหน้าแบ๊ว ไอ้แบ๊วเอ้ย แบ๊วจริงด้วยวะ หน้าแม่งโคตรแบ๊ว”

ไม่ยอมเลิก ยังคงต่อปากต่อคำกันไม่ยอมเลิก และฮัทก็ด่าสวนกลับคนที่ไม่ยอมเลิกเหมือนกัน

“ตุ๊ด ไอ้ตุ๊ด ไอ้หน้าตุ๊ด มึงแม่งตุ๊ดเหอะวะ สัด”

เออ แล้วไงล่ะ แล้วไง ตุ๊ดแล้วไงล่ะ

“ปัญญาอ่อนเหอะ.........หน้าตุ๊ดก็ยังดีกว่าหน้าแบ๊วแล้วกัน ไอ้แบ๊วเอ้ย มึงอ่ะหน้าแบ๊ว ว่ะ สาดดดดดดดด”

เหี้ย แม่งไม่ยอมเลิกใช่มั้ย ไม่ยอมเลิกกูก็ไม่เลิกเหมือนกันแหละวะ

ต่างคนต่างไม่ยอม ด่ากันด้วยเรื่องไร้สาระไม่ยอมหยุด
ด่ากันไปเรื่อยๆ และเป็นการด่ากันที่ทำให้โยธินรู้สึกตลกจนขำออกมาหลายครั้ง

ไม่รู้นะ ไม่รู้ว่าเป็นอะไรเหมือนกัน

ที่แน่ ๆ ไม่ได้รู้สึกแย่ แต่รู้สึกดีมาก ๆ .............โดยที่ไม่รู้เหตุผลเหมือนกัน....ว่าทำไมถึงเป็นไปได้ขนาดนี้

ไม่รู้เหตุผลจริง ๆ ว่าทำไมอยู่กับไอ้หน้าแบ๊วที่พูดจาโง่ ๆ แบบนี้ใส่ แล้วทำให้รู้สึกดี

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-05-2014 22:19:37
“เพียบเลยว่ะ อบายมุขทั้งนั้นเลยนี่หว่า ทั้งเหล้า ทั้งเบียร์ ทั้งโซดา ขาดก็แค่น้ำแข็ง”

ขาดห่าอะไร

“อยู่ในช่องฟรีสว่ะ ดูผิดดูใหม่ได้ไอ้น้อง”

ไหนวะ จริงอย่างที่มันพูดหรือเปล่า เออว่ะ จริงด้วย แม่งเพียบเหอะวะ ฝนตก ๆ แบบนี้เห็นแล้วนึกเปรี้ยวปากอยากจะจัดขึ้นมาทันที

“ต้องไปหาลูกค้าก่อนใช่ป่าววะ งี้ก่อนไปขอซักหน่อยไม่ได้เลยหรือไง”

อย่ามากวนตีนไอ้เด็กน้อย หน้ายังแบ๊วขนาดนี้ อย่ามาทะลึ่งหยิบฉวยของกูครับ

“ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม เก็บปากไปกินนมไม่ดีกว่าหรือไงวะ แบ๊ว”

รู้จักกูน้อยไปแล้ว

“ระดับนี้ไม่มีกินนมหรอกวะ จะลองดวลกันหน่อยมั้ยล่ะ ถ้าไม่กล้าก็อย่ามาพูด แดกหมดตู้ กูยังเฉย ๆ กลับบ้านได้สบายๆ เลยเหอะ”

ก็เอา

“เจ๋งเนอะ เก่งมาก แน่จริงมึงมาเลยไอ้น้องแบ๊ว งานการแม่งไม่ต้องทำแล้ววะ ก็อยากจะรู้เหมือนกันแหละว่าที่บอกว่ากลับบ้านได้ สงสัยคงจะได้คลานกลับเหมือนหมาแน่ ๆ”

ไม่มีทางหรอกวะ

เดี๋ยวมึงรู้เลยตุ๊ด เดี๋ยวมึงรู้ ระดับนี้ไม่มีคลานกลับบ้านแน่ๆ เดี๋ยวมึงจะรู้ฤทธิ์กูบ้างแหละวะ
ยกเบียร์ในตู้เย็นออกมายกแพ็ค เอามาวางกระแทกไว้บนเคาร์เตอร์ที่แบ่งออกมาเป็นครัว

“หมดนี่ไม่ยั้ง กระป๋องต่อก็กระป๋อง กล้าป่ะล่ะ”

ท้าผิดคนแล้วน้อง

โยธินก้มลงไปที่เคาร์เตอร์วางของก่อนจะยกเบียร์กระป๋องที่ยังไม่ได้แช่ยกขึ้นมาอีกสองโหลใหญ่ และวางเอาไว้ให้ตรงหน้าคนที่ท้า

“น้อยไป นี่อีกสอง ไหวมั้ยไอ้น้อง”

นั่นมันเอาไว้ให้เด็ก ๆ กินกัน

“แค่นี้ เก็บไว้ให้หมาแดกดีกว่ามั้ง ใครแพ้เป็นหมาเอาป่ะล่ะ”

เอาอยู่แล้ว ไม่กลัวอยู่แล้ว..........

จัดไปไม่มีถอย

ฮัทเปิดกระป๋องเบียร์ยกซดก่อนคนแรกจนหมดกระป๋อง และคนที่ยืนมองก็ทำตาม

แกะเบียร์ที่วางตั้งอยู่และเอามาแบ่งกันคนละครึ่ง ต่างคนต่างยกแบบไม่มีการยอมแพ้กัน

ไม่ต้องพูด ไม่ต้องคุย ไม่ต้องข่มกันเยอะ แสดงให้เห็นให้รู้กันไปจะจะ ด้วยปริมาณกระป๋องเบียร์ที่กินจนหมดแล้วถูกบีบวางทิ้งไว้

กินไม่หยุด กินกันไปเรื่อยๆ แบบไม่มีหยุด สุดท้ายต่างฝ่ายต่างน็อค เริ่มพูดจาไม่รู้เรื่องทั้งคู่ แต่เหมือนคล้ายจะมีสติพูดกันได้อีกเล็กน้อย

“แบ๊ว อ่อนนี่หว่า แค่นี้ทำเป็นแยกร่างเหรอวะ”

ใครแบ๊วมึงนั่นแหละไม่ใช่กู

“ตุ๊ดเหอะว๊า ใครจะไปแยกร่างมึงบ้าป่ะเนี่ย ไม่มี๊ ไม่มี”

โบกไม้โบกมือไปเรื่อย และเริ่มพูดจากันไม่รู้เรื่อง เริ่มคุยกันไปคนละทิศละทาง แต่ก็ยังจำได้ว่าสิ่งที่ต้องทำคืออะไร
ต้องเอาชนะอีกฝ่ายให้ได้ และยังคงพยายามยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่ม ทั้งที่แทบไม่ไหวแล้ว

“มา ๆ ใครแพ้เป็นหมา ใครแพ้.......เป็นอืมมมม”

ฮัทซบหน้าลงไปที่เคาร์เตอร์โต๊ะเรียบร้อยแล้วหนึ่ง
และโยธิน ที่ยังพอมีสติมากกว่าก็ถึงกับส่ายหน้ากับภาพที่เห็น

อารายว๊า เมาแล้วทำไมมานอนตรงนี้ว๊า ทำไมไม่ไปนอนที่เตียง ทำแบบนี้ใช้ได้หรือไง
เดินอ้อมมาจากอีกฟากของเคาร์เตอร์ และจัดการดึงแขนของคนที่สลบไปเรียบร้อยให้มาอยู่ที่ไหล่

ลากกันไปยังไงไม่รู้ แต่สุดท้ายก็พากันเข้าห้องมาล้มตัวลองนอนบนเตียงด้วยกันได้

โยธินยกมือขึ้นลูบหน้าของตัวเองด้วยความเหนื่อย หยดเหงื่อเริ่มชุมโชกและรู้สึกถึงความร้อนในร่างกายที่เพิ่มขึ้น

ใครแม่งปิดแอร์วะ ร้อนจะตายห่า

“ครายแม่งปิดแอร์วะเฮ้ยยยยยยยยยย”

ตะโกนด่าไปเรียบร้อย และคนที่นอนคว่ำหน้าอยู่ข้าง ๆ ก็ส่งเสียงอือ ๆ อา ๆ ในลำคอ และตะโกนตอบกลับ

“ร้อนก็แก้ผ้าสิวะ จะไปยากอารายยยย ไอ้โง่”

เออช่ายยยย ร้อนก็แก้ผ้า ร้อนก็แก้ผ้าสิวะไม่น่าโง่ ถ้าร้อนก็ต้องแก้ผ้า

ถอดเสื้อโยนทิ้งลงข้างเตียง และกางเกงก็ตามลงไปด้วย
เท่านั้นยังไม่พอ โยธินยังปฏิบัติตัวเป็นเพื่อนร่วมเตียงที่ดีด้วยการช่วยดึงช่วยทึ้งช่วยถอดเสื้อผ้าของคนที่นอนอยู่ข้างๆ ออกด้วย

“แม่งลีลาจังวะ จะเอากันอยู่แล้วยังเรื่องมากอีก ถอดให้หมดเลยเฮ้ย ถอด ถอด”

มันคือความเคยชิน ที่ทำมาตลอด

แค่ถอดเสื้อผ้าและทำเรื่องอย่างว่าแบบที่เคยทำ ต่างกันแค่ว่าตอนนี้ต่างฝ่ายต่างก็สติเลือนลาง จนไม่มีความเป็นตัวของตัวเองหลงเหลืออยู่แค่นั้น

จัดการรั้งร่างที่ถอยห่างไปไกลให้ขยับเข้ามาใกล้ๆ อีกนิด และโยธินก็โน้มกายลงไปหา

แตะปลายจมูกไปที่ข้างแก้มขาวที่ขึ้นสีแดงจัด จูบไล้ไปเรื่อย ไล่ลงมาจากริมฝีปากจนถึงซอกคอ

“แม่งไม่มีนมเหรอวะ นมแม่งแบนชิบหาย”

ลูบไล้ฝ่ามือไปทั่วจนมาหยุดที่แผ่นอกที่โยธินเห็นจุดสีแดงเรื่อได้ลาง ๆ และก็เลยค่อย ๆ ก้มลงดูดกลืนสิ่งนั้นเข้าไป

กลืนกินอย่างหิวกระหาย และร่างที่นอนอยู่ข้างใต้ก็เริ่มบิดกายเร่า

ใครทำห่าอะไรวะ แม่งโคตรเสียวเลยว่ะ อะไรวะเนี่ย แม่งใครวะ ดูดเก่งชิบหาย

ไม่สามารถลืมตาขึ้นมาดูได้ พยายามลืมตาเท่าไหร่ก็ลืมไม่ขึ้น

มีแค่ฝ่ามือที่แตะต้องไปที่เส้นผมของคนที่กำลังโลมไล้ปลายลิ้นไปที่ยอดอก และฮัทที่ไม่ได้สติก็บิดกายเร่า เมื่อรู้สึกถึงอารมณ์วาบหวามที่เกิดขึ้น

ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่รู้ว่าหลังจากนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่โยธินคล้ายได้ยินเสียงร้องครางเบาๆ ของร่างที่อยู่ข้างใต้

“เจ็บ อืออออออออออ เจ็บโว้ยยยย”

เจ็บไรอ่ะ เพิ่งเอาเข้าไปแค่นิดเดียว จะเจ็บได้ไง มารยาเยอะจังเลยวะคนนี้

“ไม่เจ็บหรอกนะ เบา ๆ ทำเบา ๆ ไม่เจ็บหรอกนะครับ”

กระซิบปลอบใจไปและเริ่มขยับร่างกายเคลื่อนไหวไปมาเมื่อร่างกายแนบชิดสัมผัสกันมากขึ้นและโยธินก็ขบเม้มไปตามลำตัวและร่างกายทุกส่วนของร่างที่เคลื่อนไหวไปตามจังหวะการสอดแทรกที่โยธินกำลังทำอยู่

ไม่รู้ว่าทำอะไรไปบ้าง
รู้ว่าทั้งดูด ทั้งขบ ทั้งกัด เพราะรู้สึกถูกใจกับผิวเนื้อละเอียดที่แน่นไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัวของคนที่กำลังมีอะไรด้วยตอนนี้

ใครไม่รู้นะ แต่แม่งเข้าท่าชิบหาย ขนาดเมา ๆ แบบนี้ยังรู้เลยว่าทั้งฟิต ทั้งตอด ทั้งแน่น
แถมร่างกายก็เหมาะเหม็งไปหมด บีบได้ขย้ำได้แบบเต็มไม้เต็มมือ

เสียอย่างเดียวไม่มีนม แต่ก็ช่างแม่ง เสียวชิบหายเลยโว้ยยยยยยยยย อยากรู้จริงๆ ว่าใคร ที่ทำให้กูอยากจะแตกซะให้ได้ขนาดนี้ อยากเห็นหน้าจริงๆ เลยวะ

หยัดกายขึ้น และพยายามจะเพ่งมองใบหน้าของอีกฝ่ายให้ชัด ๆ แต่ก็เลือนลางเหลือเกินในความรู้สึก

“ฮือ เจ็บ ไม่เอาแล้ว เจ็บ ปล่อย อืออออ”

ร้องไห้ทำไม ร้องไห้ทำไมวะ ไม่ได้ทำแรงเลยนะ จะร้องไห้ทำไม

ทิ้งตัวลงมาอีกครั้ง และโยธินก็โอบกอดร่างที่อยู่ข้างใต้เอาไว้แน่น กระซิบบอกซ้ำ ๆ ด้วยถ้อยคำหวาน ๆ ที่พอจะนึกได้

“ไม่เจ็บนะครับ ไม่เป็นไรนะ ไม่ร้องนะครับ”

กระซิบบอกอย่างนั้นนับครั้งไม่ถ้วน และยังคงกระแทกกายเข้าออกอย่างเชื่องช้า

ร่างที่อยู่ข้างใต้ดูเหมือนสงบลงแล้ว และจากเสียงสะอื้นไห้ก็เปลี่ยนเป็นเสียงร้องครางอย่างแผ่วเบาที่ข้างหู

และนั่นก็ทำให้โยธินยิ้ม ยิ้มออกมาและสบายใจขึ้น เมื่อได้ครอบครองร่างกายของคนที่โยธินไม่สามารถจดจำได้ว่าคนที่อยู่ใต้ร่างคนนี้เป็นใคร

“โยไม่ทำให้เจ็บหรอกนะครับ สัญญานะ สัญญา”

พร่ำพูดถ้อยคำหวาน ๆ และร่างที่อยู่ข้างใต้ก็ยกแขนขึ้นโอบรัดที่แผ่นหลังของโยธินเอาไว้แน่น

กอดกันแน่น แสดงความรู้สึกผ่านทางร่างกายและส่งมอบความรู้สึกแสนหวานให้กันและกัน

โยธินจำสิ่งที่เกิดขึ้นแทบไม่ได้ แต่รู้ว่าตัวเองมีความสุขมาก

เป็นเซ็กส์ที่เลือนลางในความรู้สึกมาก ๆ คล้าย ๆ กับฝันไปแต่ก็รับรู้ได้ถึงความสุขที่ได้รับ

ร่างกายขยับเคลื่อนไหวไปมา และในไม่ช้าเมื่อถึงที่สุดของอารมณ์โยธินก็ปลดปล่อยออกมาและกกกอดร่างกายของใครคนนั้นเอาไว้แนบอก

กอดเอาไว้แน่น กกกอดเอาไว้ และพาให้ตัวเองหวนนึกถึงช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิต

“มิว.....อืม.... มิว”

เรียกชื่อของคนที่อยู่ในใจเสมอ และยิ้มออกมาได้ ยิ้มออกมาทั้งน้ำตาและโยธินก็เริ่มส่งเสียงสะอื้นไห้ในลำคอ

โยธินยังคงร้องไห้  แต่คล้ายได้ยินเสียงพูดของใครบางคนที่อยู่ในอ้อมแขน

น้ำเสียงแผ่วเบา แต่อ่อนโยนเหลือเกินในความรู้สึก
คำพูดหวาน ๆ ที่ทำให้โยธินคลายจากความทุกข์และความกังวลใจที่มีมาอย่างยาวนานลง

“ร้องไห้ทำไม ไหนบอกไม่ให้ผมร้องไห้แล้วร้องไห้ทำไม อย่าร้องไห้อีกนะ..........ทำแบบนี้ไม่เห็นดีเลย”

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 11-05-2014 22:23:28
ลุ้นคู่นีอีกจ้า
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 11-05-2014 22:38:33
อ่าาาา โยธินพระเอกที่น่าสงสาร บัวลอยนู๋รักษาแผลใจให้พี่เค้าหน่อยลูก  :mew4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 11-05-2014 22:40:58
ความเมาเป็นเหตุ ของการเสียตัวและเสียตูดได้

ระวัง!!!

วิเชียรน่าไปเป็นหมอดูนะ แม่นเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Sbatandty ที่ 11-05-2014 22:53:07
รออ่านตอนตื่น.... :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 11-05-2014 23:09:03
คู่นี้จะดราม่าไหมเนี่ย >●< :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 11-05-2014 23:09:47
โอ๊ะโอ่... โยธินควรหาที่กำบังนะ บัวลอยอาละวาดแน่ orz
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 11-05-2014 23:20:09
บัวลอยอร่อยเหาะเลยใช่ม้า
คาดว่าตื่นมาคงอลเวงน่าดู
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-05-2014 23:24:15
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/10/โยธิน_บัวลอยNk8Sn.jpg)
รักเกิดในแผนกขนส่ง....ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน เรื่องมันเพิ่งจะเริ่ม

อาการปวดหัวมาพร้อมกับความรู้สึกขมคอ

ฮัทยกหลังมือขึ้นแตะที่หน้าผากของตัวเองเพราะรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิด

กี่โมงแล้ววะ

พยายามลืมตาตื่นขึ้น และสายตาก็ยังไม่สามารถปรับให้เข้ากับแสงได้

“โอ้ยยย ปวดหัวว่ะ”

ขยี้ตาและรู้สึกว่าร่างกายหนักอึ้งไปหมด ทำไมรู้สึกหนักๆ วะ ทำไมรู้สึกหนัก ๆ แบบนี้
พยายามที่จะลุกขึ้นนั่งและค่อย ๆ มองที่ร่างกายตัวเอง สิ่งที่เห็นคือท่อนแขนและขาของใครบางคนกำลังกอดก่ายพาดเอาไว้บนตัว

เหี้ยยยยยยยยยย

รีบผุดลุกขึ้นนั่งทันที และหัวใจก็หล่นวูบลงไปที่ปลายเท้า
อาการเจ็บแปลบที่ช่องทางด้านหลังกำลังเล่นงาน และฮัทก็ยิ่งใจหายมากขึ้นเมื่อใช้ฝ่ามือแตะไปที่ร่างกายด้านหลังของตัวเองและพบว่าคราบเหนียวขาวขุ่นยังแห้งกรังและทิ้งร่องรอยเอาไว้ที่ช่องทางด้านหลัง

.......สัด เรื่องเหี้ยอะไรวะเนี่ย….

ไม่ได้โง่ และพอจะเดาได้ไม่ยากว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

เรื่องเหี้ยอะไรก็ไม่เท่า เมื่อมองไปที่ใบหน้าของคนที่นอนหลับใหลอยู่ข้าง ๆ แล้วฮัทยิ่งอยากจะกระโดดหน้าต่างฆ่าตัวตายซะให้รู้แล้วรู้รอด

เหี้ยยยยยยยย ไอ้ตุ๊ดนี่หว่า ไอ้หน้าตุ๊ดแผนกขาย ไอ้........

ใบหน้าซีดเผือด และทำอะไรไม่ถูก

ความเจ็บไม่เท่าความอาย อับอายจนเกินจะรับไหว ใบหน้าซีดเผือดและคิดอะไรไม่ออก

เหี้ยเอ้ยยยยยยยย เหี้ยอะไรขนาดนี้วะ นี่มันเรื่องเหี้ยอะไรกันวะเนี่ย

ยกกำปั้นขึ้นทุบที่หน้าผากเพราะนึกโกรธตัวเอง ทั้งโกรธทั้งโมโหตัวเองที่ทำเรื่องผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง

แล้วทีนี้จะเอายังไง ทีนี้จะเอายังไงดี

ทีนี้จะ...........

โมโหที่สุดในชีวิต แต่ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ทำกับกูขนาดนี้ แม่งอย่ามีชีวิตอยู่เลยไอ้สัด กูจะฆ่ามึงซะไอ้ตุ๊ด ไอ้หน้าตุ๊ด.........
กำลังจะเอื้อมมือไปบีบคอคนที่นอนหลับอยู่ข้างๆ แต่เมื่อร่างนั้นเริ่มขยับกาย ฮัทก็ถึงกับสะดุ้งและได้สติขึ้นมา

.........ถ้าเกิดว่า..........ถ้าเกิดฆ่ามันตาย กูก็ต้องติดคุก
ก่อนติดคุก ก็ต้องขึ้นศาล ศาลต้องถามว่าอะไรที่เป็นเหตุจูงใจให้กูฆ่ามัน

แล้วจะบอกยังไง จะพูดยังไง จะพูดได้ยังไง..........ว่า........

กำลังสับสน เกิดความสับสนและลังเลขึ้นในใจ และทำอะไรไม่ถูก

ยกกำปั้นขึ้นทุบที่หน้าผากตัวเองหนัก ๆ อีกครั้งแล้วก็กำลังจะร้องไห้เพราะไม่รู้จะทำยังไง

สิ่งที่คิดได้ในตอนนี้...... กูต้องไปก่อนที่มันจะรู้ตัว กูต้องไปก่อนที่มันจะตื่น

ไปทำงาน ใช่… ไปทำงาน ไปทำงาน วันนี้คนขาดกันเยอะ ต้องรีบไปทำงาน ไปทำงานก่อนใช่มั้ยวะ ไปทำงานก่อน ใช่ ใช่

พยายามขยับร่างกายลุกขึ้นจากเตียง แม้จะรู้สึกเจ็บแปลบจนแทบทรุด แต่ฮัทก็ประคองร่างของตัวเองลงมาจากเตียงจนได้

มองหน้าของคนที่ยังนอนหลับสนิทไม่รู้เรื่องแล้วยิ่งแค้นใจ

ไอ้สัด มึงทำกู ไอ้เหี้ยเอ้ยยยยยยยยย

กำมือแน่น และอยากจะทุบหัวไอ้คนที่นอนหลับให้มันตายไปซะ แต่ก็ต้องพยายามข่มใจเอาไว้

มันอยู่โรงงานเดียวกัน ชุดพนักงานมันก็คงจะพอมีบ้าง
ให้กลับบ้านไปเปลี่ยนชุดตอนนี้คงไม่ทัน เอาวะ ใส่ไปก่อน อะไรก็ได้ เสื้อผ้าอะไรก็ได้ ใส่ไปก่อนลวก ๆ

เปิดประตูตู้เสื้อผ้าออก และฮัทก็คว้าเสื้อกับกางเกงมาถือเอาไว้ ก่อนจะค่อย ๆ ย่องเข้าไปในห้องน้ำ

ชำระล้างร่างกายในส่วนที่ควรจะทำ และล้างหน้าล้างตาให้พอสดชื่นขึ้นมาบ้าง
ก่อนจะรีบลงมือผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าและก้าวขาเดินออกมาจากห้องน้ำให้เงียบที่สุดและรีบเดินลิ่วไปที่หน้าประตูห้อง มองหน้าของคนที่ยังไม่รู้สึกตัวแล้วก็สบถออกมาเสียงเบา เกือบเปลี่ยนใจเดินเข้าไปบีบคอคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงแล้วด้วยซ้ำ

แต่ก็พยายามข่มใจเอาไว้

ไอ้ตุ๊ด ไอ้เหี้ยเอ้ยยยยยยยย วันนี้มึงทำกูได้ แต่วันหน้ามึงอย่าหวัง ถ้าเจอกันอีกครั้งกูจะเอามึงให้ตาย กูจะกระทืบมึงให้เละคาตีน มึงอย่าหวังจะมีชีวิตรอดกลับมาอีกเลย ไอ้ตุ๊ดแผนกขาย มึงอย่าหวังจะมีชีวิตรอดกลับมาได้...........เพราะกูจะฆ่ามึงให้ตาย

กูจะฆ่ามึงให้ตายด้วยมือของกูเอง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-05-2014 23:24:36
“สันดาน ถ้ามึงจะมาทำงานสายโด่งขนาดนี้ มึงลาไปเลยไอ้บัวลอย กูโทรจนนิ้วกูจะหักโทรเท่าไหร่ก็โทรไม่ติด แล้วนี่มึงแดกเหี้ยอะไรมา กลิ่นหึ่งมาเลยนะไอ้สัด มึงจะทำมั้ยงาน ถ้าไม่ทำมึงก็ลาออกไปนอนอยู่บ้านไป แล้วอย่านึกว่ากูจะปล่อยให้มึงผ่านโปร เลิกหวังไปได้เลย”

ฮัทยืนหน้าซีดอยู่ต่อหน้าหัวหน้าแผนกขนส่ง ยกมือไหว้ขอโทษไปเป็นร้อยครั้งแล้ว แต่พี่บุ้งก็ยังด่าไม่เลิก
มันเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะคนที่แผนกลาหยุดหลายคนและฮัทก็เป็นฝ่ายรับอาสาไปส่งของแทนคนที่ลา จัดตารางกันเรียบร้อย คุยกันแล้วเป็นดิบดี ว่าจะเริ่มจากเส้นทางไหนก่อนเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา งานจะได้ออกมามีประสิทธิภาพที่สุด แต่แล้วฮัทก็เบี้ยวไม่ยอมมาทำงาน

หายไปดื้อ ๆ ไม่มีการบอกกล่าว ความเสียหายหนักเลยมาตกอยู่ที่หัวหน้างานที่ต้องเปลี่ยนตารางกันให้วุ่นวาย และสุดท้ายแม้จะผ่านไปได้ด้วยดีแล้ว แต่ก็ยังโมโหไม่หาย ที่พนักงานใหม่ไร้ความรับผิดชอบได้ขนาดนี้

“มึงพูดไว้ว่ายังไงบัวลอย มึงบอกเองใช่มั้ย ว่ามึงมีความรับผิดชอบ แล้วที่มึงทำนี่เรียกว่าอะไร มึงยังกล้าพูดว่ามึงมีความรับผิดชอบอยู่อีกมั้ย”

ไม่กล้า ผมไม่กล้าพูดว่าผมมีความรับผิดชอบหรอกพี่ ผมไม่กล้า

ได้แต่ยืนนิ่งเงียบ และรู้สึกเหมือนตัวเองอยากร้องไห้ เรื่องที่เจอมาเมื่อเช้าก็ว่าหนักหนาแล้ว แต่มาเจอพี่บุ้งด่า แม่งเจ็บยิ่งกว่าอีก

เจ็บจนอยากจะร้องไห้ อยากร้องไห้ชิบหายเลยวะสัด โคตรอยากร้องไห้
และไม่ใช่แค่อยาก แต่ฮัทยืนน้ำตาคลอ และยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาด้วยความคับแค้นใจที่ตัวเองไม่มีปัญญาทำให้อะไรมันดีได้

“โว้ยยยยยยยยยย กูด่าแค่นี้ เสือกต่อมน้ำตาแตกอีก เบื่อโว้ยยยยยยยย กูล่ะเบื่อไอ้พวกต่อมน้ำตาตื้นจริงโว้ยยยยย”

บุ้งเป็นพวกแพ้น้ำตาอย่างแรง เห็นใครร้องไห้เป็นไม่ได้ จะพาลใจอ่อนทันที
ไม่เว้นแม้กระทั่งพนักงานใหม่ ที่แค่น้ำตามันหยดบุ้งก็เหมือนจะไปไม่เป็นอีกแล้ว

“ไปทำงานมึงเลยไป แล้วอย่าทำอย่างนี้อีก ถือว่ากูเตือนแล้วนะบัวลอย กูไม่ชอบเตือนใครซ้ำซาก แล้วกูหวังว่าคงไม่มีหนที่สอง”

รีบไล่ให้พนักงานใหม่ไปทำงาน และฮัทก็ยกมือไหว้ลูกพี่ซ้ำ ๆ กันอีกหลายครั้ง

“มึงรีบ ๆ ไปเลย ก่อนที่กูจะขึ้นยิ่งกว่านี้”

ไล่ให้อีกฝ่ายเข้าไปทำงานที่ค้างอยู่ แล้วบุ้งก็ได้แต่ยืนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“ใจเย็นน่า ของแบบนี้มันมีผิดพลาดกันได้พี่บุ้ง”

ฝ่ามือที่แตะเบา ๆ ที่ไหล่ ทำให้บุ้งที่ยืนถอนหายใจเฮือกใหญ่ต้องหันมามองและส่งยิ้มให้คนที่มายืนอยู่ข้าง ๆ

“ก็ไม่ได้อยากจะด่ามันหรอกนะมีน แต่ถ้าไม่พูด ต่อไปมันก็ทำอีก คราวนี้ใคร ๆ ก็คงทำได้ เพราะว่าบัวลอยมันทำได้ คนอื่นๆ เขาก็พูดได้ ว่าทีบัวลอยมันยังทำเลย ถ้าไม่ปรามมันตั้งแต่แรกต่อไปมันจะไม่ฟัง แล้วมันจะปกครองกันยาก”

เข้าใจน่าพี่บุ้ง

มีนเข้าใจพี่บุ้งดี รู้ว่าพี่บุ้งไม่ได้อยากด่าใครแบบนี้หรอก แต่เพราะมันเป็นหน้าที่ มันคืองาน พี่บุ้งเลยต้องเอ็ดต้องด่า ต้องว่า

“พี่สุรชาติผมฝากด้วยพี่”

หันไปบอกรุ่นพี่ที่อยู่ในแผนกมานานแล้วสุรชาติก็ส่งยิ้มบางๆ มาให้

ถ้าพี่บุ้งด่า พี่สุรชาติต้องเป็นคนปลอบ มันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ที่ต้องรับส่งไม้กันแบบนี้

“ร้องไห้เลยนะหัวหน้า ท่าจะอาการหนักเลยเหมือนกัน เดี๋ยวผมคุยให้”

พี่สุรชาติเอ่ยบอกยิ้ม ๆ และบุ้งก็พยักหน้าให้

“ผมก็ยังแปลกใจ ปกติด่ามันขนาดไหน มันก็ไม่ค่อยสะทกสะท้าน ผมก็ยอมรับแหละว่าด่ามันแรง แต่ไม่นึกว่ามันจะร้องไห้ ไม่รู้แม่งมีอะไรในใจหรือเปล่า หน้ามันซีด ๆ แปลก ๆ ด้วย ไม่เหมือนคนที่เมาค้างจนลุกไม่ไหว ผมว่าน่าจะมีเรื่องอื่นร่วมด้วย พี่สุรชาติฝากดูมันหน่อยนะพี่ ผมก็ห่วงมันอยู่เหมือนกัน ท่าทางบัวลอยมันแปลก ๆ ไม่เหมือนทุกวัน”

ไม่ใช่แค่บุ้งที่สังเกตเห็น แต่หลายๆ คนก็เห็นความผิดปกติของพนักงานใหม่ที่ไม่ร่าเริงแจ่มใสเหมือนทุกวัน

นั่งคนเดียว หลบมุมทำงานเงียบ ๆ เช็คของคนเดียว ไม่พูดไม่จากับใคร
แม้จะมีใครแวะเวียนมาบอกว่า .......ไม่เป็นไร พี่บุ้งก็แบบนี้ เดี๋ยวก็หายโกรธ....

แต่ก็ไม่ได้ทำให้พนักงานใหม่รู้สึกดีขึ้นมาได้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-05-2014 23:24:54
ทุกคนไม่รู้ ไม่มีใครรู้ ที่ฮัทกลายเป็นแบบนี้ ที่ฮัทนิ่งเงียบไม่พูดกับใครแบบนี้ไม่ใช่เพราะถูกพี่บุ้งด่า
แต่เป็นความคับแค้นใจตัวเองที่ถูกทำเรื่องเลวร้ายที่สุดในชีวิตแต่ไม่มีปัญญาทำอะไรได้

กูมันโง่ กูมันโคตรโง่ ที่ไม่ฆ่าไอ้สันดานนั่นให้ตายคามือไปซะ

แล้วทีนี้จะอยู่ยังไง แล้วต่อจากนี้จะมีชีวิตอยู่ต่อไปยังไง ในเมื่อศักดิ์ศรีไม่มีเหลือ ถ้าเจอหน้ามันอีกครั้งจะพูดยังไง จะทำยังไง
แล้วจะให้ทำยังไง

ยิ่งคิดยิ่งอยากร้องไห้ ยิ่งคิดยิ่งอยากฆ่าตัวตายไปซะให้รู้แล้วรู้รอด

ฮัทไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ได้แต่นั่งเงียบกำมือแน่น และระบายความแค้นด้วยการยกกำปั้นขึ้นทุบหนัก ๆ ที่ขาของตัวเองหลายครั้งเพื่อระบายความคับแค้นใจ

“กูว่าไม่ใช่แค่โดนพี่บุ้งด่าแล้วว่ะ แบบนี้ชักไม่ธรรมดา”

อำนาจหันไปกระซิบบอกกับวิโรจน์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ และวิโรจน์ก็พยักหน้ารับตามที่อำนาจพูด

“ไม่รู้นะ เมื่อวานเห็นมันติดรถไปกับไอ้โยธินแผนกขาย แต่จะมีอะไรหลังจากนั้นหรือเปล่ากูไม่รู้”

วิโรจน์กระซิบตอบกลับและอำนาจก็พยักหน้ารับสิ่งที่วิโรจน์พูด

“ไหนว่าไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านไง มึงแหละตัวเสือกอันดับต้น ๆ เลยไอ้โรจน์”

สัด อย่ามากวนตีนกูไอ้แก๊ป เดี๋ยวกูจะจัดให้มึงไม่ใช่น้อย

“สามวัน เอากันมากกว่าสิบดอก กลับมาเลยมีแรงสดชื่นรื่นเริงกัดชาวบ้านเขาไปทั่วเลยสินะ”

เหี้ยยยยยยยยย มึงรู้ได้ไงว่าสามวันกูเอากับไอ้พู่ไปมากกว่าสิบดอก มึงเสือกไปรู้มาได้ยังไงวะไอ้โรจน์ บอกมา มึงบอกกูมา มึงรู้ได้ไงเนี่ย

“ใครบอกมึงวะ มึงอย่ามาพูดมั่ว”

เขารู้กันหมดทั้งแผนกแล้ว ไอ้โง่

“เน็ต ๆ สามวันแรกหกดอก วันที่สองอีกสี่ ปิดท้ายวันที่สามอีกสี่ สิบสี่ดอกหรอกไอ้สัด มึงแม่งรู้ไม่จริง”

วิโรจน์กำลังยิ้ม ยิ้มด้วยความขำ และแก๊ปก็คล้าย ๆ จะเริ่มรู้สึกอะไรบางอย่าง

สิบสี่ดอก แล้วทำไมกูต้องบอกไอ้โรจน์ด้วยวะ ไม่ใช่ธุระกงการอะไรที่ต้องบอกมันนี่หว่า

“เหี้ยโรจน์มึงหลอกถามกูเหรอวะเนี่ย สัด”

หลอกถามตอนไหนวะ กูไปหลอกถามมึงตอนไหนล่ะ มึงนี่ทั้งโง่ ทั้งประสาทเลยนี่หว่าไอ้แก๊ป

“ประสาทแดกเหอะ ได้ข่าวว่าทั้งหมดนั่น มึงเป็นคนบอกกูเอง โดยที่กูไม่ได้ถามซักคำ”

วิโรจน์พูดออกไปยิ้ม ๆ และอำนาจก็เหมือนนึกขึ้นได้

เออจริงด้วยว่ะ มันไม่ได้หลอกถามกูนี่หว่า กูบอกมันเอง

“มึงอย่าเที่ยวไปบอกใครนะโว้ย กูเขิน”

ถ้าให้กูพูด ก็คงไม่ แต่ที่เขารู้กันทั่วก็เพราะมึงนั่นแหละที่หลุดปากบอกเขาไปทั่ว

“กูไม่บอกใครหรอก ไม่ใช่เรื่องของกู แล้วที่ผ่านๆ มาเขารู้กันทั่วก็ไม่เกี่ยวกับกูหรือใครทั้งนั้นหรอก.........ก็มึงนั่นแหละบอกเขาเอง เขาถึงได้รู้กันหมด ไอ้โง่แก๊ป”

จริงเหรอวะ ที่ผ่านมาเขารู้กันทั่วเพราะกูเป็นคนหลุดปากพูดไปเหรอวะเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ะ

กูไม่เชื่อหรอก กูไม่เชื่อ.....ไม่จริ๊งงงงงงงงงงง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-05-2014 23:25:14
โยธินควานมือไปทั่ว เพื่อหาร่างของคนที่กกกอดเอาไว้เมื่อคืนแต่ก็ไม่พบว่ามีใครนอนอยู่ข้าง ๆ
ปรือตาตื่นขึ้น และพยายามมองหาว่าอีกฝ่ายไปไหน

“เข้าห้องน้ำเปล่าวะ”

ผุดลุกขึ้นนั่งและมองไปที่ห้องน้ำที่ประตูถูกเปิดทิ้งเอาไว้ แต่ไม่มีใครอยู่ในนั้น มองไปรอบ ๆ ห้องและก็เห็นว่ามีแต่ความว่างเปล่า
จำได้ลาง ๆ ว่าก่อนจะหลับไป ได้นอนกอดร่างของใครบางคนไว้ในอ้อมแขน

แม้จะรู้สึกว่ามันเลือนรางมากเหลือเกินในความรู้สึก แต่โยธินก็รู้สึกตัวอยู่ตลอด ว่ามีความสุขมากขนาดไหน
มีความสุขจนต้องบอกตัวเองว่าตอนเช้าจะลุกขึ้นมาจูบอรุณสวัสดิ์คนที่ทำให้มีความสุข และนอนหลับฝันหวานได้ขนาดนี้

แต่เมื่อตื่นมาแล้วกลับพบกับความว่างเปล่า ไม่เห็นว่ามีใครอยู่ในห้องด้วยเลย

แต่จะว่าไป..........เมื่อวานนี้ ไม่ได้ออกไปไหนเลยนี่หว่า กลับมาคอนโด แล้วก็มีไอ้เด็กใหม่แผนกขนส่งติดรถกลับมาด้วย
เพราะความเกรียนของมัน ที่ทะลึ่งไปเจอเบียร์แช่อยู่ในตู้เย็นแล้วมันก็ยกทั้งหมดนั่นออกมาท้าดวล

แล้วก็ดวลกันด้วยเบียร์หลายกระป๋อง ดวลกันไปดวลกันมาท่าไหนไม่รู้ แล้วหลังจากนั้นล่ะ
หลังจากนั้นก็..........

เหมือนเริ่มนึกอะไรขึ้นมาได้ลาง ๆ

โยธินมองไปที่พื้นห้อง ที่ยังมีกองเสื้อผ้าถอดทิ้งระเกะระกะ

เสื้อผ้าของ.........ใครวะ มีของกูแล้วก็.........เสื้อเชิตที่ให้ไอ้เด็กเวรนั่นใส่เมื่อวาน แล้วก็........

เริ่มนึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ จำได้คุ้น ๆ ว่าเหมือนตัวเองเป็นคนถอดเสื้อผ้าพวกนี้ออกเอง
ไม่ใช่แค่คุ้น แต่ภาพต่าง ๆ เริ่มผ่านเข้ามาในหัว แม้ไม่ชัด แต่ก็พอจำได้

พอจำได้ว่า.............

“ชิบหายแล้วไอ้โย.....ตายห่า”

รีบลุกพรวดพราดขึ้น และตรงดิ่งเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำชำระล้างร่างกายให้เรียบร้อย

กูไม่อยากจะเชื่อเลย กูไม่อยากจะเชื่อเลยว่ากูจะทำเรื่องเหี้ยๆ โง่ ๆ แบบนี้ลงไปได้

กูไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยจริง ๆ ว่ะ กูแม่งไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลย ให้ตายห่าเหอะวะ

โยเอ้ยยยยยยยยยยย มึง….. ไอ้โย เมาเหมือนหมาไม่รู้ตั้งกี่รอบ แต่ไม่เคยพลาดถึงขนาดนี้
ไม่เคยคิดว่าจะพลาดได้ถึงขนาดนี้ โยธินยืนขมวดคิ้วมุ่นและเปิดน้ำจากฝักบัวเพื่อชำระล้างร่างกายอย่างรวดเร็ว

เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยร่างเปลือยเปล่า คว้าผ้าขนหนูมาซับน้ำออกจากร่างกายแบบลวก ๆ และเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อค้นหาเสื้อผ้ามาใส่ เสื้อพนักงานที่ไม่ค่อยได้หยิบมาใส่......หายไปหนึ่งตัว

คงจะ.....เอาไปใส่ก่อนสินะ เพราะเสื้ออีกตัวจำได้ว่าไอ้เด็กนั่นถอดทิ้งเอาไว้ที่รถ แล้วเสื้อเชิตก็ยังถอดทิ้งเอาไว้อยู่ข้างเตียง

ไอ้เด็กเกรียนนั่นคงขอยืมไปใส่ก่อน

ก็ไม่ได้หวง เอาไปใส่ก็ไม่ได้ว่า.......... แค่อยากรู้ว่า......จะเอากลับมาคืนหรือเปล่า......

ลดมือลงจากการค้นหาเสื้อผ้าในตู้ และหันไปมองร่างกายตัวเองที่ปรากฎอยู่ที่หน้ากระจกที่อยู่ในตู้เสื้อผ้า

แล้วโยธินก็ได้เห็น

รอยฟันที่อีกฝ่ายขบกัดลงมายังปรากฏชัดที่หัวไหล่ ไม่รวมถึงร่องรอยที่เกิดจากการถูกข่วนและกัดในที่อื่นๆ
เล่นกูซะเละเลยเหมือนกันนี่หว่าไอ้ห่า เล่นกัดมาซะขนาดนี้ เป็นใครจะจำไม่ได้ ที่สำคัญกูเอามันไปกี่รอบวะ ถึงได้เละเทะขนาดนี้

คาดว่าร่องรอยพวกนี้คงไปปรากฏอยู่ที่ร่างกายอีกฝ่ายไม่ใช่น้อย

โยธินแตะปลายนิ้วไปที่ไหล่ของตัวเอง และคล้ายได้ยินเสียงหนึ่งลอยเข้ามาในหัว
เสียงร้องครางด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ยั่วยวนจนโยธินไม่สามารถหยุดอารมณ์ตัวเองได้

“พอแล้ว ไม่เอาแล้ว เจ็บ อึก อ๊า ซี้ดดดดดดดด พอ”

เสียงแม่งชัดมาก ชัดซะจน..........กูนึกอยากทำร้ายร่างกายตัวเองขึ้นมาอีกซักรอบ

แต่ไม่มีเวลาแล้ว รีบหันไปค้นหาเสื้อผ้าในตู้และโยธินก็รีบแต่งตัวอย่างลวก ๆ จนเสร็จเรียบร้อย
มองหน้าตัวเองในกระจก สำรวจสภาพหน้าตาให้ดูเข้ารูปเข้ารอยมากที่สุด ก่อนจะคว้ากุญแจรถมาถือเอาไว้

ปกติไม่เคยเข้าออฟฟิศก่อนเก้าโมงเช้า แต่วันนี้คงเป็นวันแรกที่โยธินต้องไป เหตุผลมาจากเรื่องอะไรตอบได้ไม่ยาก
อยากไปเคลียร์กับไอ้เด็กเกรียนแผนกขนส่งแค่นั้น เพราะรู้สึกผิดมาก รู้สึกผิดจนโยธินเองก็ไม่อยากจะให้อภัยตัวเองที่ทำเรื่องเลว ๆ แบบนั้นลงไปเลยจริง ๆ

++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-05-2014 23:25:39
“พี่อ้น มีพวกเอกสารหรืออะไรที่ต้องเอาไปแผนกขนส่งป่ะ เดี๋ยวผมถือลงไปให้ก็ได้”

มาแปลก ทำไมวันนี้อยู่ดี ๆ เซลหมายเลขหนึ่งที่ไม่เคยเห็นมันโผล่หัวมาบริษัทตั้งแต่เช้าขนาดนี้ อยู่ดี ๆ วันนี้มันก็โผล่หัวมา

“นอนไม่หลับหรือยังไม่ได้นอน เล่นมาซะเช้าขนาดนี้ สงสัยเย็นนี้น้ำคงท่วมหนัก คงได้รีบเอารถไปจอดหนีน้ำแน่ ๆ งานนี้”

ไม่ใช่แล้วพี่อ้น พี่อ้นก็ว่าไป

“ผมคิดถึงพี่อ้น อยากมาทำงานแต่เช้า อยากมาเห็นหน้าพี่อ้นแค่นั้นเอง พี่อ้นก็พูดซะผมเสียหายเลย”

ทำท่าทางเหมือนไม่ทุกข์ร้อน และก็หมุนเก้าอี้เล่นไปเรื่อย และหัวหน้าแผนกขายก็ส่ายหน้ากับพฤติกรรมของเซลหมายเลขหนึ่งของแผนก

“จะอ้วกว่ะ เก็บเอาไว้พูดกับลูกค้าเหอะ คำพูดพวกนี้ ไม่เคยซึ้งเลยซักนิด”

จะไปซึ้งได้ไง พูดให้ตายพี่อ้นก็ไม่มีทางซึ้งหรอก

“ก็พี่อ้นชอบแบบใบ้ ๆ เงียบๆ ไง ไอ้คนอย่างผมพูดไปก็เท่านั้น พี่อ้นก็เลยไม่เคยใจอ่อน”

ก็รู้นี่ รู้แล้วยังมาเสือกพูดมากทำไม

“อ้น มีแอมโมเนียบ้างมั้ยแผนกอ้น”

หัวหน้าแผนกขายเงยหน้าขึ้นเมื่อพบว่ามีใครบางคนมายืนอยู่ที่หน้าประตูห้อง
พีทไม่ค่อยขึ้นมาหาเท่าไหร่ เว้นแต่มีธุระด่วนจำเป็นจริง ๆ ถึงได้ขึ้นมา และวันนี้ก็คงมีธุระด่วน พีทก็เลยขึ้นมา

“ใครเป็นอะไร จะเอาแอมโมเนีย”

ก็ไม่ใครหรอก

“ไอ้บัวลอยมันเป็นลม ตัวร้อนจี๋เลย นี่ก็ว่าจะพามันกลับบ้านอยู่ สงสัยมันจะไม่สบาย”

บัวลอย บัวลอยไหนวะ........... บัวลอย.....

“เด็กใหม่แผนกขนส่งป่ะครับ ที่ชื่อบัวลอย”

ใช่ เด็กใหม่แผนกขนส่ง คนที่ติดรถกลับไปพร้อมมึงเมื่อวานแหละครับ ไอ้เซลหมายเลขหนึ่งของแผนกขาย

“รู้แล้วถามทำไมล่ะครับ”

กวนตีนโคตร กิ๊กพี่อ้น เห็นเงียบ ๆ ไม่ค่อยพูด แต่เอาจริง ๆ กวนตีนโคตร เล่นตอบมาซะขนาดนี้ กูอึ้งเลยว่ะ

“เป็นลมเหรอ แล้วไปทำยังไงถึงเป็นลมได้ล่ะ”

หัวหน้าแผนกขายลุกขึ้นเดินไปที่ตู้ยาสามัญเล็ก ๆ ที่แขวนเอาไว้ด้านหลังโต๊ะทำงาน แต่โยธินที่นั่งฟังรีบลุกพรวดพราดและเดินจากไปแล้ว

“เฮ้ย ไปไหนวะโย ไปหาลูกค้าเหรอ”

เรียกเอาไว้ และโยธินก็หันกลับมา ตอบแบบไม่เคลียร์ แต่ก็ทำให้วิโรจน์เริ่มขมวดคิ้วมุ่นเพราะชักจะเริ่มเดาเหตุการณ์บางอย่างได้ลางๆ

“เดี๋ยวผมมาพี่อ้น เดี๋ยวลงไปข้างล่างหน่อย เดี๋ยวผมมาครับ”

ตอบเพียงแค่นั้นแล้วโยธินก็รีบก้าวขาเดินลิ่ว ๆ ออกไปจากแผนกขาย

ที่หมายที่โยธินกำลังจะไป

.............แผนกขนส่งนั่นเอง..............

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-05-2014 23:26:21
“ผมไม่เป็นไรพี่ เอาจริง ๆ ผมไม่ได้เป็นอะไรจริง ๆ”

ฮัทพยายามจะลุกขึ้นนั่ง และอยากจะบอกว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไรจริง ๆ

แต่ดวงตาที่เริ่มแดงก่ำ และร่างกายที่กำลังบอกให้รู้ชัดว่ากำลังป่วยก็ทำให้ทั้งวิเชียร อำนาจ บุ้ง มีน พู่ พี่บาส และแม้กระทั่งยูกิที่ยืนอยู่ต้องนิ่งมอง

“กูว่าหนักไปว่ะบัวลอย ไม่มีใครว่าหรอกถ้ามึงจะเอากับเมียมึงแล้วเล่นอะไรกันเลยเถิด แต่ถึงขนาดฝากรักเอาไว้ขนาดนี้ กูว่าพวกมึงก็เล่นกันแรงไป”

พี่บุ้งถึงกับส่ายหน้าเมื่อมองสภาพของพนักงานใหม่ที่ถูกปลดกระดุมเสื้อออกหลายเม็ดตอนที่เป็นลมหมดสติ แล้วทุกคนก็ได้เห็น

ได้เห็นพร้อม ๆ กันทุกคน ว่าร่องรอยที่ปรากฎตั้งแต่ซอกคอจนถึงภายในผิวเนื้อที่อยู่ภายใต้เสื้อพนักงานของพนักงานใหม่มันเป็นร่องรอยที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน

“ก็เรื่องส่วนตัวแหละนะ แต่แฟนมึงนี่ร้อนแรงชิบหายเลยนี่หว่าบัวลอย เล่นเอากูอึ้งเลย”

วิเชียรพูดออกมายิ้มๆ และพนักงานใหม่ก็รีบติดกระดุมเสื้อของตัวเองอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าเริ่มแดงก่ำ เพราะถูกแซว แซวอะไรไม่ว่า แต่เป็นการแซวที่ยิ่งทำร้ายจิตใจกันมากขึ้น

ไม่ใช่แฟน ไอ้รอยพวกนี้ไม่ใช่ของแฟน แต่เป็นของไอ้ตัวเหี้ยนั่น ไอ้หน้าตุ๊ดแผนกขายนั่น ที่มันทำทิ้งเอาไว้

“สุดยอดว่ะ”

น้องพู่หันไปมองหน้าอำนาจแบบยิ้ม ๆ และอำนาจก็มองตอบกลับคนที่ส่งสายตาหวาน ๆ มาให้

...............เรายังไม่ทำขนาดนี้กันเลยนะน้องพู่....วันหลังสงสัยจะต้องทำแบบนี้กันบ้าง...........

“ไม่แรงไปเหรอแบบนี้ แต่ก็ว่าไม่ได้นะ มันก็เรื่องธรรมดา”

ยูกิ ส่งยิ้มจาง ๆ มาให้คนที่นั่งก้มหน้าอยู่และพนักงานใหม่ก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าของยูกิ เห็นรอยยิ้มหวานละมุนแบบนี้แล้วยิ่งอยากร้องไห้

อยากร้องไห้ซะให้ได้ แต่ก็จำใจต้องสะกดกลั้นความรู้สึกเอาไว้

“เป็นไงมั่งอ่ะ เป็นอะไรทำไมเป็นลม ไปทำยังไงถึงเป็นลมได้วะ อากาศก็ไม่ได้ร้อนมากไม่ใช่หรือไง”

เสียงใครก็ไม่รู้ เสียงของคนที่ไม่คุ้นเคย และโยธินที่ไม่รู้ว่าทำอะไรลงไปบ้างก็เดินตรงดิ่งเข้าไปแตะตามเนื้อตามตัวและใบหน้าของคนที่ยังนั่งหน้าซีดขาว

“เป็นไงมั่งอ่ะ”

คำถามง่าย ๆ แต่ทำให้คนที่นั่งเงียบต้องเงยหน้าขึ้นมองและผลักโยธินให้ออกห่าง

แค่ผลักไสยังไม่พอ แต่คนที่เหมือนกำลังป่วยยังตะโกนด่าโยธินเสียงดังลั่นด้วย

“อย่ามายุ่งกับกู อย่ามาแตะกูไอ้สัด ถอยไปห่าง ๆ อย่าเอาเสนียดมาติดตัวกู ออกไปสิโว้ยยยยยยยย ออกไป ไอ้สัด ออกไปห่าง ๆ กูเลยนะโว้ยยยยย”

ทั้งไล่ ทั้งด่า และคนที่ยืนอยู่ก็เริ่มสงสัยทั้งคำพูดและการกระทำของทั้งพนักงานใหม่ของแผนกขนส่งและเซลหมายเลขหนึ่งของแผนกขาย ชัดแล้วเหอะงานนี้ ที่กูเคยพูดเอาไว้ เป็นจริงขึ้นมาจนได้ แต่ไม่นึกว่ามันจะเร็วขนาดนี้

“เฮ้ย ออกไปก่อนดีมั้ย ดูเหมือนบัวลอยมันคงไม่ค่อยอยากเห็นหน้ามึงเท่าไหร่มั้งตอนนี้”

วิโรจน์ที่เดินตามมาและยื่นแอมโมเนียให้กับน้องพู่ กำลังดึงแขนของโยธินให้ลุกขึ้น

แต่โยธินก็ไม่ได้ลุกขึ้นไปไหนยังดื้อจะคุยกับคนที่ผลักให้ออกห่างให้ได้

“พี่มาเสือกอะไรด้วย เรื่องของผัวเมียเขาจะเคลียร์กัน ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของพี่เลยนะ”

หลุดปากออกไปแล้ว และคนที่แค่ผลักให้โยธินออกห่าง ก็เหมือนจะหายป่วยขึ้นมากะทันหัน กำหมัดแน่น และชกเปรี้ยงไปที่ใบหน้าของโยธินแบบไม่ยั้ง

“ไอ้สัด อย่ามาพูดจาหมา ๆ แบบนี้ใส่กูนะ ไอ้สันดาน กูจะฆ่ามึงซะ มึงต้องไม่ได้ตายดี ไอ้ตุ๊ด มึงไม่มีทางได้ตายดีแน่ ไม่มีทาง”

กำปั้นหนัก ๆ กระแทกไปที่ใบหน้าของโยธินไปอีกหลายครั้ง เล่นเอาคนที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับเซถลาไม่เป็นท่า

“เฮ้ย พอแล้ว บัวลอย เดี๋ยวมันก็ตายห่ากันพอดีหรอก มันยิ่งมีดีแค่หน้าด้วยนะ มึงนี่ก็เล่นแรงไปแล้วไอ้บัวลอย”

วิเชียรจัดการลากให้คนที่กำลังสติแตกถอยห่างออกมา และทั้งน้องพู่ และอำนาจก็ล็อคคอแล้วลากพนักงานใหม่ให้ออกมาให้ห่างจากโยธินให้มากที่สุด

“กูจะฆ่ามึง มึงไม่มีทางได้ตายดีหรอกไอ้สัด กูจะฆ่ามึง เจอมึงที่ไหนอีก กูก็จะฆ่ามึงซะ ไอ้สัด”

เสียงตะโกนด่าของคนที่ทั้งดิ้นรนทั้งพยายามจะให้ร่างกายหลุดรอดออกมาได้เพื่อจะกระทืบซ้ำโยธินที่ยกหลังมือขึ้นเช็ดเลือดที่มุมปาก และดูเหมือนว่าเลือดกำเดาจะไหลตามออกมาด้วย

“คิดยังไงมายุ่งกับเด็กแผนกพี่”

พี่บุ้งหัวหน้าแผนกพูดขึ้นนิ่ง ๆ และโยธินก็ถ่มเลือดที่อยู่ในปากทิ้งลงพื้น

“ไม่คิดยังไงพี่ ตอนทำไม่ทันได้คิด แต่ตอนนี้ชักเริ่มคิดแล้ว”

เป็นคำตอบที่ยอกย้อนกวนประสาทที่สุด และบุ้งก็เริ่มแสยะยิ้มที่มุมปากแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา

“หาเรื่องใส่ตัวชัด ๆ”

วิโรจน์บ่นพึมพำคนเดียวเงียบ ๆ และถึงกับส่ายหน้าและเดินตามพู่และอำนาจที่ลากพนักงานใหม่เข้าไปโซนในเรียบร้อย

“วันหลังจะทำอะไรก็คิดให้มาก ๆ นะครับน้อง เล่นกันถึงขนาดนี้ สงสารคนที่ถูกทำนะครับ ไม่นึกบ้างหรือไงครับว่าคนที่ถูกทำเขาจะต้องตกอยู่ในสภาพไหน”

พี่สุรชาติเทศนาคนที่ยังยืนหน้ามึนเล็กน้อย และค่อย ๆ เดินจากไปแล้วพร้อม ๆ กับยูกิ ที่มองหน้าของโยธินแล้วส่ายหน้าแต่ไร้คำพูด

“สงสารบัวลอยมันนะ ไม่น่าต้องซวยขนาดนี้”    มีนก็มองหน้าของโยธินตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วก็ส่ายหน้าก่อนจะเดินหนีไปอีกเช่นกัน

เหลือไว้แค่วิเชียร กับคุณกฤษดาหัวหน้าแผนกขายที่มองหน้าของโยธินแบบตรง ๆ นึกอยากจะด่ามันซักรอบให้สำนึกแต่ก็แค่นั้น ด่าไปก็คงไม่มีประโยชน์ คนอย่างโยธินมันจะไปคิดอะไรได้

“ท่าทางจะยาวแล้วล่ะนะ พี่ก็คงช่วยอะไรไม่ได้หรอกว่ะ จัดการกันเอาเองแล้วกัน เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้เอาเองนะโย ไอ้ความสามารถทั้งหมดที่เอาไว้ล่อหลอกลูกค้าก็เอามาใช้ให้หมดแล้วกันเผื่อจะได้ผล”

หัวหน้าแผนกขายพูดแค่นั้นและเดินจากไปแล้ว ทิ้งให้โยธินยกหลังมือขึ้นเช็ดถูที่ริมฝีปากที่ยังมีหยดเลือดเปรอะเปื้อนและกำลังไหลซึมออกมาไม่หยุด

“บอกแล้วใช่มั้ย ว่าห้ามแตะคนของแผนกขนส่ง เตือนแล้วนะ แต่ไม่เชื่อเอง มันก็ช่วยไม่ได้อย่างนี้แหละนะ”

วิเชียรยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี และยกมือขึ้นตบเบา ๆ ที่ไหล่ของโยธินที่คล้ายกับกำลังจะทำอะไรไม่ถูก ยังคงเช็ดเลือดที่ริมฝีปากที่ยังไหลซึมออกมา

และไม่มีใครสนใจจะช่วยเหลือหรือทำแผลให้โยธินสักคน

“นรกน่ะมันไม่ใช่ตอนนี้หรอก มันเริ่มหลังจากนี้ต่างหากล่ะ ระวังตัวเอาไว้ให้ดี ๆ แล้วกันนะ..........ถือว่าบอกกันก่อน....ยังไงก็ระวังตัวเองไว้ให้ดีแล้วกัน....โยธิน”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 11-05-2014 23:34:23
เสร็จไปอีกหนึ่ง บัวลอยเอ๊ย สียท่าเขาจนได้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 11-05-2014 23:39:48
โยท่าทางจะเจอของแข็ง  :ling2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 11-05-2014 23:44:01
หึหึ!!!! นรกละทีนี้ ...
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 11-05-2014 23:47:32
 o3 o3 o3
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 11-05-2014 23:56:04
สงสารบัวลอย คิดดูชายแท้ แต่ต้องมาโดนกด มันน่าแค้นใจ

พวกพี่ๆๆ ก็เอาคืนให้บัวลอยหน่อย ให้สาสมที่โยธินทำ


 :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 11-05-2014 23:59:12
หึหึ เชียรฟ้องเฮียแน่ๆ
ดูซิว่าเซลหมายเลขหนึ่งจะจัดการยังไงคราวนี้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 12-05-2014 00:03:06
นรกของแท้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 12-05-2014 00:31:35
โดนจัดหนักเห็นๆ คุณโยธิน หึหึ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: lovelyfever ที่ 12-05-2014 00:44:01
จะมาเป็นเขยแผนกขนส่งทั้งที...
มันก็ต้องมีร้บน้องกันบ้าง :hao3: :z2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 12-05-2014 00:54:15
คู่นี้ดราม่าแฮะ พอๆกับคู่พีทอ้นเลย
สู้นะโยธิน เดี๋ยวรู้เลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: kuankao ที่ 12-05-2014 01:29:32
 :haun4: :pighaun: :jul1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-05-2014 02:07:21
ทำธุระไม่ได้อ่านมาสองวันเรื่องมันเกิดขึ้นเยอะขนาดนี้เลยหรือแผนกขนส่ง ยาวได้ใจจริงๆ
คู่นี้เป็นคู่แรกเลยที่ออกแนวดราม่าสะ ระวังตัวให้ดีนะโย แผนกนี้ไม่ธรรมดาน่ะจะบอกให้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 12-05-2014 03:42:44
โอ้ คุณพระ เม้นไม่ถูกเลยทีเดียวเชียว  :really2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 12-05-2014 06:01:07
สงสารน้องบัว
 :mew2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 12-05-2014 06:07:56

(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/10/โยธิน_บัวลอยNk8Sn.jpg)
รักเกิดในแผนกขนส่ง....ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน แมวกับปลาย่าง


สำหรับโยธินแล้ว เรื่องราวที่เกิดขึ้นมันเพิ่งเริ่มต้นจริง ๆ อย่างที่วิเชียรพูดเอาไว้

อาการนอนไม่หลับกำลังคุกคามโยธินมามากกว่าสามวันแล้ว

นอนไม่หลับ ทำยังไงก็นอนไม่หลับ เผลอหลับตาลงไปที่ไรก็คอยแต่จะนึก คอยแต่จะคิด

ที่ผ่านมาทำเรื่องผิดพลาดไปหลายเรื่อง ในช่วงเวลาที่มีสติก็ยังพอรับได้กับสิ่งที่ตัวเองทำ
แต่ช่วงที่ไร้สติ โยธินไม่อยากยอมรับผลที่ตามมาเลย

ลุกขึ้นมานั่งในเวลากลางดึก เดินวนไปวนมาอยู่ในห้องนอนและไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้

พี่อ้น บางทีถ้าโทรหาพี่อ้นอาจจะมีทางให้ติดต่อกับทางนั้นได้

ทางนั้นที่ว่าไม่ใช่ใคร..............น้องบัวแผนกขนส่งที่ทำให้โยธินกลายเป็นคนนอนไม่หลับมาสามคืนแล้ว

“พี่อ้นครับ ผมมีเรื่องจะรบกวน”

กรอกเสียงพูดไปตามสายแล้วก็รับรู้ได้ว่าหัวหน้าแผนกขายเหมือนกำลังทำบางอย่างอยู่

“ยุ่งอยู่ อึก แค่ แค่นี้ก่อน เดี๋ยวค่อยคุย อืมมม คุยกัน”

ยุ่งอยู่อะไรวะ นี่มันห้าทุ่มแล้ว ยังจะยุ่งอะไรอีก

ไม่เข้าใจสิ่งที่พี่อ้นพูด และโยธินก็กดโทรเข้าไปหาอีกครั้ง และคราวนี้คนที่รับสายไม่ใช่พี่อ้นอย่างที่ควรจะเป็น แต่เป็นคนที่โยธินพอรู้จักอยู่บ้าง

ผู้ชายหน้านิ่ง และไม่ค่อยสนใจจะพูดกับใครที่พี่อ้นลงไปหาที่แผนกขนส่งอยู่บ่อย ๆ

“นี่มันนอกเวลางาน อย่าโทรมารบกวนคนของผมนอกเวลางานอีก”

แล้วปลายสายก็ตัดไปเรียบร้อย แล้วโยธินก็เพิ่งเข้าใจอะไรบางอย่าง

เคยแต่สงสัยแต่ไม่เคยคิดอยากจะวุ่นวายเรื่องส่วนตัวของพี่อ้น

พี่อ้นไม่ได้ปิด แต่ก็ไม่เคยแสดงตัว แต่ตอนนี้โยธินรู้แล้วว่าใช่ เป็นอย่างที่เคยคิดเอาไว้แน่ ๆ

พี่อ้นเนี่ยนะ พี่อ้นโหดกับไอ้หน้านิ่งแผนกขนส่งเนี่ยนะ เหลือเชื่อว่ะ แต่มันก็เป็นไปแล้ว และคงเป็นมานานแล้วด้วย
ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ และโยธินก็เดินไปหิ้วตะกร้าผ้าที่มีเสื้อผ้าอยู่สองสามชุดในนั้น

เสื้อผ้าของตัวเอง และเสื้อเชิตที่ไอ้เด็กเกรียนนั่นยืมไปใส่
และยังมีเสื้ออีกตัวที่ไอ้เด็กนั่นถอดทิ้งเอาไว้และโยธินก็เอามาซักตากจนแห้งเรียบร้อยและก็ไปอยู่ในตู้เสื้อผ้าแล้ว

สามวันเลยเชียวนะ นี่มันสามวันแล้ว ที่ต้องอยู่อย่างทรมานแบบนี้ ไม่ต้องคิดว่าจะก้าวเข้าไปในแผนกขนส่ง แค่จะทำใจไปเหยียบโรงงานยังไม่กล้า ไม่ใช่ว่ากลัวจะถูกดัก ไม่ใช่กลัวว่าจะถูกทำร้าย แต่กลัวไอ้น้องบัวมันเห็นหน้าแล้วมันจะทนไม่ได้
ท่าทางที่ได้เห็นวันนั้น มันชัดยิ่งกว่าชัด ว่าโอกาสที่จะเข้าหาอีกครั้งคงเป็นไปได้ยาก

ยากมากและอย่าได้หวังว่าจะได้เข้าใกล้อีก เพราะน้องบัวมันทั้งด่า ทั้งโกรธ ทั้งคลั่งขนาดนั้น

โยเอ้ยยยยย โย

เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้อันนั้นก็รู้ แต่จะให้แก้ยังไงในเมื่อมันยุ่งเหยิงขนาดนี้ แถมเวลาจะแก้ คนที่ควรจะแก้ด้วยยังไม่คิดจะยอมให้เข้าไปแก้ซะอีก

แล้วจะให้ทำยังไงวะ จะให้ทำยังไง

เดินไปนอกระเบียง และเปิดเครื่องซักผ้า เทเสื้อผ้าสองชุดลงไปในเครื่องซักผ้าแบบอัตโนมัติและกดสวิทให้เครื่องซักผ้าเริ่มทำงาน

ก้าวขาเดินไปนั่งที่เก้าอี้นอกระเบียงและเหม่อมองไปที่ท้องฟ้าสีดำมืดที่พอจะเห็นดวงดาวระยิบระยับได้บ้าง

เคยคิดว่าสบายใจ เคยคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะสบายใจขึ้น แต่ไม่ใช่คืนนี้ ไม่ใช่คืนนี้ที่โยธินไม่ได้รู้สึกสบายใจเลยสักนิด

มีแต่ความสับสนว้าวุ่นใจ มีแต่ความกังวลใจ มีแต่ความรู้สึกผิดเต็มไปหมด และความรู้สึกที่หัวใจกำลังถูกกดทับจนหายใจแทบไม่ออกก็กำลังเล่นงานโยธินหนักขึ้นเรื่อย ๆ

จุดบุหรี่สูบ และพ่นควันสีขาวให้ลอยคลุ้งไปในอากาศอย่างช้า ๆ

สามวันแล้วที่ต้องอยู่แบบนี้ สามวันแล้ว ที่ต้องอยู่กับความรู้สึกผิดแบบนี้

แล้วน้องบัวมันจะเป็นยังไงบ้าง มันจะเป็นยังไงบ้างหลังจากวันนั้นที่มันอาละวาดต่อยหน้าโยธินจนแหกยับเยินแต่มันก็ยังไม่หายโมโห ไม่หายแค้น

เป็นยังไงวะ อยู่ยังไง กินยังไง ทำอะไรอยู่

โยธินไม่เคยคิดจะตั้งคำถามแบบนี้กับใคร แต่อยู่ดีๆ ก็ตั้งคำถามนี้ขึ้นมา

คำถามที่ไม่มีโอกาสได้พูดกับเจ้าตัว คำถามโง่ ๆ ที่คงไร้คำตอบ

แล้วจะให้ทำยังไง แล้วควรจะต้องทำยังไง ถึงจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
ไม่ใช่แค่ตัวเอง แต่หมายถึงไอ้น้องนั่น ทำยังไงน้องมันถึงจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง ทำยังไงไอ้เด็กที่กำลังเล่นงานโยธินทางความคิดอยู่ในเวลานี้จะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง

หรือต้องปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องรับผิดชอบการกระทำที่ขาดสติในครั้งนี้เลยหรือไง

ไม่ว่ายังไงก็ไม่ใช่ แบบนี้มันไม่ใช่ คนเจ็บไปแล้ว จะให้กลับไปแก้ไขมันเป็นไปไม่ได้ แต่อย่างน้อย...........ถ้าพอจะชดเชยบางอย่างที่สูญเสียไปของไอ้น้องนั่นได้ โยธินก็คิดว่าตัวเองควรจะต้องทำ

ไม่ใช่รับผิดชอบในฐานะผู้ชายที่ต้องรับผิดชอบผู้หญิงคนหนึ่ง

แต่มันเป็นสิ่งที่ควรรับผิดชอบ ในฐานะผู้ชายที่ทำลายศักดิ์ศรีของผู้ชายอีกคนได้ลงคอ จนคน ๆ นั้นแทบไม่มีที่ให้ยืนอยู่ได้อย่างเต็มภาคภูมิอีกแล้ว


“กูนะกู ไอ้โยเอ้ยยยยยยยยไอ้โย”

ทึ้งผมของตัวเองด้วยความกลุ้ม และยังคงจุดบุหรี่มวนต่อไปติด ๆ กันไม่ยอมหยุด และเมื่อกำลังจะจุดบุหรี่ตัวที่สาม โยธินก็ถึงเพิ่งเห็นว่าไม่มีบุหรี่เหลืออีกแล้ว

เออ เอาเข้าไป บุหรี่ก็หมด

เหอะ เอาเลยซะให้พอ บ้าบอซะให้พอ เรื่องเหี้ยๆ พวกนี้เกิดขึ้นซะให้พอ

ไหนจะเรื่องไอ้น้องบัว ไหนจะเรื่องตัวเอง ไหนจะปัญหามากมายที่สุมอยู่ในหัว

เอาเลยสิโว้ยยยยยยยยย เอาซะให้พอ

ไหน ๆ มันจะบ้าแล้ว ก็บ้าให้มันหมดไปทุกเรื่องเลยสิจะได้จบเรื่องจบราวกันไปซักทีโว้ยยยยยยยยยย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 12-05-2014 06:09:40
“กูฝากซื้อบัวลอย ไม่ใช่เสือกซื้อปลากริมมาอีกนะไอ้ห่า”

วิเชียรด่าคนที่ยิ้มหน้าระรื่นและแบมือขอเงินค่าฝากซื้อของ และวิเชียรก็หยิบธนบัตรส่งให้

“ทอนมาด้วยนะ ถ้ามึงเม้มกูเอามึงตาย”

ยังไม่วายจะงก และคนที่หัวเราะร่าและกำลังเริ่มนับเงินก็กำลังจดอะไรยุกยิกด้วยลายมือขยุกขยิกที่วิเชียรอ่านแทบไม่ออก

“นี่มึงเขียนหนังสือหรือมึงเอาตีนเขี่ยเนี่ย ลายมือจังไรมาก”

แกล้งว่าและคนที่กำลังจดออเดอร์ของฝากก็เงยหน้าขึ้นมามองและส่งยิ้มทะเล้นมาให้

“ก็มีขนมที่หัวหน้าฝากซื้อ แล้วก็มีของพี่สุรชาติที่บอกว่าให้เอามาให้พี่กิด้วย ของพี่แก๊ปบอกไม่ต้องซื้อรอกินกับพู่ แล้วก็นี่ไงของพี่วิเชียร”

เหรอ ไอ้ที่มึงเขียนมันสามารถอ่านเป็นข้อความได้ด้วยเหรอ กูนึกว่าภาษาขอม ก็ยังดีนะที่มึงยังอ่านลายมือตัวเองออก

“บ่ายสามให้ถึงนะ กูจะรอกิน”

ได้พี่ บ่ายสามผมจะรีบบึ่งมาเลย ไม่มีโอ้เอ้

“แล้วนี่มึงกินยายังเนี่ย มียาหลังอาหารด้วยเปล่าวะ”

ยาเหรอ
ยา.......
ยา........

“ผมไม่ได้เป็นอะไรแล้วนะพี่ จะให้ผมกินยาทำไม นอนสองวันก็หายแล้วเนี่ย ผมยังไม่ตายหรอกน่า”

คำพูดแสนจะร่าเริง แต่สายตาไม่ได้ร่าเริงเหมือนคำพูดเลยสักนิด

วิเชียรรู้ว่ามันเกิดจากสาเหตุอะไร ไอ้บัวลอยมันเข้มแข็งกว่าที่คิดไว้เยอะ

ถ้าเป็นคนอื่น คงไม่กล้ากลับมาทำงาน ตอนแรกยังหวั่นใจกลัวมันจะคิดว่าที่แผนกรู้กันหมดแล้ว มันจะอายมาก แต่สิ่งที่บัวลอยพูดและทำ มันทำให้คนทั้งแผนกถึงกับอึ้ง

...........ผมทำอะไรผิดวะพี่ ผมไม่ได้ผิด มันนั่นแหละที่ผิด พวกพี่รู้ก็ดีแล้ว ผมจะได้รู้ว่าพวกพี่รังเกียจผมหรือเปล่า วัดใจกันไป ถ้าอยู่ได้ผมก็อยู่ อยู่ไม่ได้ผมก็ต้องออก อายมันก็อายอยู่หรอกนะพี่ แต่จะให้ทำยังไง ต่อให้ผมอายแค่ไหน ความจริงมันก็ยังเป็นความจริงอยู่วันยังค่ำ….แล้วถ้าพวกพี่เห็นเป็นเรื่องตลกมากและหัวเราะเยาะผม ผมจะได้รู้ไปว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ ที่ผมควรจะอยู่.........

วิเชียรยอมรับ และไม่ใช่แค่วิเชียรที่ยอมรับ แต่คนทั้งแผนกก็ต้องยอมรับ ใจมึงแม่งแน่นอนจริง ๆ เลยว่ะบัวลอย

“ของพี่ไม่ต้องทอนนะบัวลอย พี่ให้ทิป”

พี่สุรชาติใจดีแบบนี้เสมอแหละ เงินเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ยังอุตส่าห์ให้ทิปด้วย

ใจดีแบบนี้ พี่กิถึงได้รัก

รัก.........

เหรอวะ

อ่า........ไม่น่าจะใช่นะ พอโดนแบบนี้ไป กูเลยกลายเป็นคนที่คิดอะไรไปในทางนี้แล้วเหรอวะเนี่ย

หลอนแล้วว่ะมึงฮัท แบบนี้มันหลอนเกินไปแล้ว

“กิ มันนิสัยเสีย บังคับให้ซื้อนั่นซื้อนี่ให้ แล้วไม่ยอมให้หักเงินค่าทำงานของมันด้วย พี่มีแต่เข้าเนื้อตลอด แต่ก็ว่าอะไรมันไม่ได้ เพราะมันเรียกลูกค้าเก่ง พี่เลยไม่รู้จะทำยังไง ต้องยอมมัน”

พี่สุรชาติ มักจะเล่าเรื่องตลก ๆ ขำ ๆ ของพี่กิให้ฟังเสมอ บางครั้งเล่าต่อหน้า บางครั้งเล่าไปยิ้มไปเวลาที่พี่กิไม่อยู่

ถ้าพวกพี่เป็นแฟนกันผมก็ว่าไม่แปลกนะ คล้าย ๆ ว่าจะรับได้ ถ้าพี่กิกับพี่สุรชาติจะเป็นแฟนกัน

ไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น แม้จะถูกทำเรื่องเหี้ยๆ มา แต่สำหรับกรณีของพี่สุรชาติกับพี่กิ มันไม่เกี่ยวกัน

“พี่กิโชคดี มีพี่สุรชาติหนุนหลัง ถ้าผมหาบัดดี้ที่คุยกันได้ทุกเรื่องได้แบบพี่กิ กับพี่สุรชาติ ผมคงจะโชคดีไม่น้อย”

ส่งยิ้มไปให้ รอยยิ้มจาง ๆ ที่สุรชาติได้แต่ยิ้มตอบกลับและเข้าใจดีว่ารุ่นน้องไม่อยู่ในสภาวะปกติที่จะพูดจาได้เหมือนอย่างเคย

“คิดมากน่า พวกเราพี่น้องกันหมดทุกคน มีอะไรก็ปรึกษาพวกพี่ได้ มึงเข้ามาสุดท้าย เราก็เห็นเป็นน้องคนเล็กของแผนก ถ้าไม่ให้ดูแลน้องคนเล็ก แล้วจะให้พวกพี่ๆ ไปดูแลใคร”

ซึ้งว่ะพี่ ผมซึ้งจริงจังนะเนี่ย

ยิ้มออกมาได้อีกครั้ง และเสียงสัญญาณจากเครื่องวิทยุสื่อสารของสุรชาติก็ดังขึ้น

“สุรชาติครับ บุ้งเองครับ”

“ทราบครับหัวหน้า”

รีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว และสุรชาติก็แกล้งเดินไปหาวิเชียรที่กำลังเตรียมขึ้นของ

“แมวมา เก็บปลาย่างด่วน”

“ทราบครับ เดี๋ยวให้วิเชียรเก็บให้”

พยักเพยิดไปทางวิเชียร และวิเชียรก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ

“แมวไปเมื่อไหร่ ส่งสัญญาณด้วยครับ”

“ทราบ เดี๋ยวเคลียร์แมวเอง”

หัวหน้าบุ้งเงียบเสียงไปแล้ว

และวิเชียรก็เดินลิ่ว ๆ ไปหาคนที่กำลังจะเดินไปขึ้นรถ

“เฮ้ย บัวลอย มึงมานี่ก่อนดิ ของที่ขึ้นบนรถกูแม่งมั่วสุด ๆ เลยว่ะ กูเช็คแล้วเหมือนมันขาดไป ตอนแรกว่าจะให้ไอ้น้องพู่เช็คอีกรอบ แต่มันไปช่วยไอ้แก๊ปอยู่ มึงมาช่วยพี่ก่อนแล้วค่อยขึ้นรถ”

เออได้พี่ ไม่มีปัญหา

ฮัทเดินตามวิเชียรไปแล้ว โดยไม่รู้ตัวเลยสักนิด ว่ากำลังถูกปกป้องจากพี่ ๆ ในแผนกที่ไม่แสดงตัวกันซึ่งหน้า

รอมานาน ในที่สุดโยธินมันก็กล้าเข้ามาเหยียบที่แผนกขนส่งแล้ว

ก็นับว่ามันใช้ได้ ที่ไม่ปอดแหกชิ่งหนีไปก่อน ตอนนี้สภาพจิตใจของบัวลอยมันยังไม่พร้อมรับอะไรเลยสักอย่าง

ใช่ที่มันเข้มแข็ง แต่มันก็คงไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับคู่อริซักเท่าไหร่

กันเอาไว้ห่างๆ ก่อนเป็นใช้ได้ แล้วถ้ามันมีสติ และปล่อยเวลาให้นานกว่านี้อีกซักหน่อย คงจะพอคุยกันรู้เรื่องได้บ้าง

วิเชียรดึงพนักงานใหม่ให้อยู่ต่อ และวิโรจน์ก็กำลังจะลุกขึ้นเดินออกไปหาคนที่มาเยือนถึงแผนก

“น้องพู่ เช็คของให้พี่หน่อย เดี๋ยวพี่มา”

เรียกให้น้องพู่ที่กำลังเช็คของ เปลี่ยนมานั่งที่ของตัวเอง และพู่ก็พยักหน้ารับ เพราะเข้าใจอะไรได้ลาง ๆ

“ไม่ต้องห่วงพี่ เดี๋ยวผมกับพี่แก๊ป ช่วยกันปลาย่างไว้ให้”

ปลาย่างที่ว่า กำลังยืนช่วยวิเชียรเช็คของ และวิโรจน์ก็พยักหน้าและเดินลิ่วออกมาจากโซนในไปเรียบร้อยเพื่อไปที่เคาร์เตอร์ลงเวลารถเข้าออก

ไอ้โยธินมันมาจริง ๆ

มายืนนิ่งทำหน้าเฉยอยู่ต่อหน้าพี่บุ้ง หน้ามันยังมีพลาสเตอร์แปะอยู่ แปะเอาไว้ทั้งที่ริมฝีปากและก็หัวคิ้ว
ร่องรอยที่เกิดจากการถูกชกเมื่อสามวันก่อน ยังมีให้เห็น และเมื่อโยธินเห็นหน้าของวิโรจน์ก็พยักหน้าให้

กูเพื่อนเล่นมึงเหรอ มาพยักหน้าให้กู ไอ้สัด กวนตีนไม่มีที่ติเลยนะมึง

“โทษครับพี่ วันก่อนที่โทรไปหาพี่อ้น ไม่นึกว่าพี่จะอยู่ด้วย”

แล้วถ้ากูไม่อยู่ด้วย มึงจะทำไม

“วันหลังก็ควรจะรู้ว่าอันไหนเรียกมีมารยาทอันไหนเรียกไร้มารยาท”

นั่นผมพอจะรู้อยู่หรอก และถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ผมก็คงไม่โทรหาพี่อ้นในเวลาดึกดื่นป่านนั้น แต่ที่ผมโทรเพราะมันจำเป็นจริง ๆ

“ผมขอโทษครับพี่”

ก็ยังดี ที่มึงรู้ว่าผิด แล้วก็ยังดีที่มึงยังรู้จักขอโทษ

“บิลนี้มันติดไปกับแผนกผมตลอดเลยครับ พอดีผมช่วยพี่อ้นตรวจบิล ก็เลยเจอมาอีกหนึ่ง คงต้องบอกให้คนคัดแยกเอกสารดูให้ดี ๆ หน่อย เดี๋ยวมันจะกลายเป็นเรื่องกันไปใหญ่”

บุ้งเงยหน้าขึ้นมองเซลหมายเลขหนึ่งของแผนกขายแล้วก็เริ่มอมยิ้มนิด ๆ แต่ไม่แสดงท่าทางออกมาให้มาก

“อุตส่าห์เดินมาถึงนี่ ยังไงก็ขอบใจมาก ก็...น่าจะหมดธุระแล้วใช่มั้ยล่ะ”

จะเรียกว่าไล่ก็ใช่ แต่ไม่ใช่การไล่แบบตรง ๆ และโยธินที่ไม่เหลือข้ออ้างในการอยู่ต่อก็ถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ และเงยหน้ามองหัวหน้าแผนกขนส่ง

“ขอโทษครับ ที่ยืนอยู่นาน น้อง....เอ่อ น้องบัวเป็นไงบ้าง”

ถามออกไปแล้ว ถามแบบไม่ต้องอ้อมโลก และวิโรจน์ที่ยืนนิ่งอยู่ก็แสยะยิ้มออกมาน้อย ๆ

“มันใกล้ตายแล้ว แต่ยังตายไม่สนิท แต่คาดว่าคงตายสนิทแน่ๆ ชัวร์ ๆ เร็ว ๆ นี้”

แค่คำพูด ก็ทำให้คนฟังถึงกับใจหายวูบ และโยธินก็หันไปมองหน้าของผู้ชายหน้านิ่งที่พูดอะไรง่าย ๆ แต่ไม่สนใจจะมองหน้าของโยธินเลยซักนิด

“เขาก็พูดไว้แล้ว ว่าจะฆ่าผมให้ได้ ยังไงผมฝากบอกเขาด้วยแล้วกันพี่ ว่าอย่าเพิ่งรีบตาย ผมรอให้มาฆ่าอยู่ ตายไปเขาจะได้ไม่มีอะไรติดค้าง เขาจะได้หายแค้น”

ไอ้เหี้ยนี่ใช้ได้เลยนี่หว่า ปกติเห็นหน้าขาว ๆ ของมันแล้วยังนึกหมั่นไส้ ยิ่งไอ้ท่าทางเหมือนคนชอบบริหารสเน่ห์ของมันยิ่งทำให้ความน่าหมั่นไส้เพิ่มขึ้น แต่วันนี้คงต้องมองมันใหม่ เพราะคำพูดคำจาของมันนี่ก็นับว่าใช้ได้อยู่เหมือนกัน

“ก็รอให้น้องมันทำใจได้มากกว่านี้ก่อนแล้วกันนะ ค่อยมาให้มันฆ่า ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรแล้วนี่ ก็น่าจะไปได้แล้ว หรือคิดว่าไง”

แล้วหัวหน้าแผนกขนส่งก็ออกปากไล่แบบตรง ๆ และโยธินก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความกลัดกลุ้ม

“ผมนอนไม่ได้มาสามคืนแล้วพี่”
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 12-05-2014 06:10:10
นั่นมันปัญหาของมึงไม่ใช่ปัญหาของพวกกู

“ก็กินยานอนหลับไปซะสิ เอาซักสิบเม็ดจะได้ไม่ต้องตื่นขึ้นมาทำเรื่องเหี้ยๆ อะไรอีก”

วิโรจน์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ไม่คิดจะสนใจไยดีว่าคนที่ยืนนิ่งอยู่กำลังมีสีหน้ายังไง

“ผมยังง้อคนของผมไม่สำเร็จ พี่จะให้ผมตายได้ไง เอาไว้ถ้ารู้แน่ว่าไม่สำเร็จผมค่อยตายก็ยังไม่สาย”

ก็มีความคิดนี่หว่า นึกว่าจะฟันไอ้บัวลอยแล้วทิ้งซะอีก แสดงว่ามันก็มีใจให้ไม่น้อยเหมือนกัน แบบนี้ก็น่าจะคุยกันได้หน่อย

แต่จะเข้ามาแบบง่ายๆ มันก็ยังไงอยู่ ถ้าสกรีนแล้วไม่ผ่าน พวกกูก็ไม่อยากให้บัวลอยมันต้องทุกข์ใจซ้ำซาก เพราะประวัติมึงนี่ก็โชกโชนไม่น้อย

แค่กล้าเข้ามาเหยียบแผนกพวกกูมันยังไม่พอให้พวกกูไว้วางใจปล่อยมึงเข้าไปหาคนของแผนกพวกกูได้ง่าย ๆ หรอก

“มีหวังหรือเปล่าไม่รู้แต่คงไม่ใช่วันนี้ อย่าให้ต้องพูดตรง ๆ เลยนะว่า “ไล่” ไม่อยากจะใช้คำพูดนั้นซักเท่าไหร่”

หัวหน้าแผนกขนส่งรวบรวมตารางเวลารถเข้าออกเสร็จเรียบร้อยและทำให้โยธินรู้ว่าไม่อยากจะพูดด้วยอีกแล้ว

และโยธินก็ถอนหายใจออกมาหนัก ๆ ก่อนจะจำใจก้าวขาเดินออกจากแผนกขนส่งไปเงียบๆ

“เฮ้ย”

ได้ยินเสียงเรียกแล้วโยธินก็หันกลับมาอีกครั้ง

“ข้ออ้างเรื่องบิลกูเบื่อแล้ว วันหลังจะมาแผนกขนส่งมึงหาข้ออ้างใหม่มาด้วย กูเบื่อมุกเดิม ๆ ซ้ำ ๆ”

รู้ทัน และโยธินก็มองหัวหน้าแผนกขนส่งและเริ่มรู้สึกว่ามีความหวังเพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อย

“ข้ออ้างผมมีอีกเพียบพี่ แต่พวกพี่คงไม่ปล่อยผมเข้าไปง่ายๆ หรอก อันนั้นผมก็รู้ เพราะฉะนั้นผมต้องพิสูจน์ตัวเองให้พวกพี่เห็นว่าผมไม่ได้คิดจะมาเล่น ๆ แถวนี้ใช่หรือเปล่าล่ะ”

ก็ฉลาดนี่หว่า สมแล้วที่เป็นเซลหมายเลขหนึ่งของแผนกขาย กูจัดมึงไว้ในมนุษย์จำพวกที่เรียกว่าฉลาดมากก็แล้วกัน

“รู้แบบนี้ก็รีบไปซะ พวกกูขี้เกียจกันไอ้บัวลอยมันนาน ๆ งานการจะพลอยไม่ได้ทำกันหมด เพราะปัญหาชีวิตของพวกมึงสองคน”

คราวนี้โยธินยิ้มได้แล้ว ยิ้มออกมาได้ แม้จะเป็นรอยยิ้มที่ไม่กว้างมากนัก แต่ความหวังก็มีเพิ่มขึ้นอีกมากโข

“ขอบคุณครับพี่”

ขอบคุณกูตอนนี้ยังเร็วไป กูไม่ได้อะไรกับมึงอยู่แล้ว แต่ถ้ามึงมาเล่น ๆ แถวนี้กูคนแรกที่จะเอามึงตาย

“ดีใจเร็วไปหรือเปล่า ไม่คิดบ้างหรือไง ว่านี่มันแค่ด่านแรก ๆ”

ใช่ รู้ว่านี่มันแค่เริ่มต้น แล้วก็เป็นแค่ด่านแรก ๆ แต่ก็ทำให้โยธินใจชื้นขึ้นได้ไม่น้อย

“ถ้าพี่พีทเคยรักใครแล้วเข้าหาไม่ได้ พี่พีทจะเข้าใจผม พี่จะรู้ว่าเวลาที่อยากเข้าใกล้แต่เข้าหาไม่ได้มันทรมานมากขนาดไหน”

หึ เข้าใจคิด เข้าใจพูด เข้าใจหาพวกนี่หว่า นี่มึงตีสนิทกับกู แล้วเอากูเข้าไปเป็นพวกมึงเลยเหรอ

ถึงเรื่องของกูกับอ้นเมื่อก่อนมันจะไม่สวยหรูเท่าไหร่ แต่ก็นับว่ามึงใช้ได้ ที่เอาเรื่องนี้มากรุยทางให้กูยอมอ่อนให้มึง

“ผมไปแล้วครับพี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมขออนุญาตแวะมาใหม่แล้วกันนะครับ”

โยธินยกมือไหว้ทั้งหัวหน้าแผนกขนส่งและวิโรจน์และก้าวขาเดินออกจากแผนกขนส่งไปแล้ว

วิโรจน์และหัวหน้าแผนกขนส่งกำลังคิดบางอย่าง

คิดและหันมามองหน้ากันส่ายหัวน้อย ๆ ให้กับความฉลาดแกมโกงของไอ้เซลหมายเลขหนึ่งของบริษัทที่ทำยอดขายได้ทะลุเป้าอย่างสม่ำเสมอไม่เคยพลาด

“พี่บุ้ง........ไอ้เซลห่านี่แม่งร้ายกาจไม่เบาเลยว่ะ เล่นซะผมจุกเลย”

วิโรจน์เอ่ยออกมายิ้ม ๆ และหัวหน้าแผนกขนส่งก็พยักหน้ารับตามที่วิโรจน์พูด

“บัวลอยเจอแบบนี้เข้าไปแม่งสงสัยคงจะรอดยากว่ะ”

ก็คงจริงแหละพี่ ท่าทางไอ้โยธินมันคงไม่ปล่อยบัวลอยไปง่ายๆ แน่

“อย่างว่าแหละพี่ ยังไงเขาก็ผัวกันเมียกันแล้วพี่ แต่อ้นเขาฝากมาบอกว่าให้ช่วยสั่งสอนไอ้โยธินมันหน่อย เขาอยากเห็นมันจอดหมอบราบคาบ เขาอยากเห็นมันโดนปราบมานานแล้ว ไม่นึกว่าคนที่จัดการมันได้จะอยู่ใกล้ ๆ แค่นี้”

ก็ว่าอยู่ อย่างวิโรจน์ไม่ค่อยจะอยากยุ่งวุ่นวายเรื่องของใครแต่นี่เปิดตัวเองซะขนาดนี้ คงมีอะไรอยู่เบื้องหลังแน่ ๆ

แล้วก็เป็นอย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆ

“ก็อย่าไปเล่นมันแรงมาก สงสารมันหน่อย ยังไงก็ได้ข่าวว่าหัวอกเดียวกัน”

โดนแหย่เล่น
และวิโรจน์ก็ถึงกับหัวเราะออกมาเมื่อหัวหน้าบุ้งพูดอะไรบางอย่างให้ได้คิด

“แม่ง....สุดยอดเลยว่ะ....หัวหน้าบุ้งเนี่ย รู้ทันพวกผมตลอดเลย”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 12-05-2014 06:18:17
555
เขามาง้อแล้วน้องบัว :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 12-05-2014 06:51:19
พยายามเข้านะโย จะมาเป็นเขยแผนกขนส่งก็ต้องอดทนเข้าไว้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 12-05-2014 07:01:27
มีการรับน้องด้วย เลยต้องใช้วิธีการเดียวกัน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 12-05-2014 07:06:43
เอาใจช่วยโยธินให้ผ่านด่านไปสู่ขอน้องบัวลอยให้ได้   o18 
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 12-05-2014 07:22:11
โยธินเจองานหนัก ......
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 12-05-2014 07:49:00
ชอบมากมาย   รักพวกพ้องพี่น้องร่วมงาน

ถึงจะชอบแกล้งชอบเสือก แต่เมื่อน้องมีเรื่อง กลับเดือดร้อนแทนกันทุกคน :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 12-05-2014 08:27:05
แผนกนี้เขารักกันจริง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 12-05-2014 08:39:21
รับน้องๆ เข้าแผนกขนส่งไม่เข้าได้ง่ายนะค่ะ ><
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 12-05-2014 09:25:31
น้องบัวสู้ สู้ (อย่ายอมง่ายๆ เดี๊ยวโยธินมันได้ใจ)  :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 12-05-2014 09:25:56
งานหนักแน่โย o18

ขอบคุณมากๆๆๆคะ :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 12-05-2014 09:32:06
บริษัทนี้มันอยู่ที่ไหน ฉันจะไปสมัครงาน แม่บ้านก้อเอา .... ฟิน มาก

ฟินตั้งแต่ ผู้จัดการยันเด็กรถ แซ่บทุกคู่ ไม่อยากจะคิดถ้า แผนกนี้จัดไปเที่ยวยกแผนก ห้องติดกันทุกคน (มันจะขนาดไหน แขกที่มาพักห้องอื่นคงไม่ได้นอน นึกว่าแผ่นดินไหว 555)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 12-05-2014 10:11:34
บริษัทนี้มันอยู่ที่ไหน ฉันจะไปสมัครงาน แม่บ้านก้อเอา .... ฟิน มาก

ฟินตั้งแต่ ผู้จัดการยันเด็กรถ แซ่บทุกคู่ ไม่อยากจะคิดถ้า แผนกนี้จัดไปเที่ยวยกแผนก ห้องติดกันทุกคน (มันจะขนาดไหน แขกที่มาพักห้องอื่นคงไม่ได้นอน นึกว่าแผ่นดินไหว 555)



นึกภาพตาม  :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 12-05-2014 10:44:45


นึกภาพตาม  :hao6:

ใช่ม่ะ....555 มันคงเหมือนเล่นเปียโนเนอะ ลองไล่เสียงซิ อิ อะ โอ โอ๊ย  555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 12-05-2014 11:45:17
บริษัทนี้มันอยู่ที่ไหน ฉันจะไปสมัครงาน แม่บ้านก้อเอา .... ฟิน มาก

ฟินตั้งแต่ ผู้จัดการยันเด็กรถ แซ่บทุกคู่ ไม่อยากจะคิดถ้า แผนกนี้จัดไปเที่ยวยกแผนก ห้องติดกันทุกคน (มันจะขนาดไหน แขกที่มาพักห้องอื่นคงไม่ได้นอน นึกว่าแผ่นดินไหว 555)

พักกันที่ไหน ไปด้วยเจ้าค่ะ จิไปจองห้องข้างๆ เลย
ว่าแต่จองห้องติดใครดีล่ะ น้องเชียน ดีไหม ท่าทางจะแซ่บที่สุด  :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-05-2014 12:20:21
การ์ดแผนกนี้เขาแข็งไม่่ดีจริงไม่ให่ผ่านหรอกจ้า
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 12-05-2014 15:36:48
แผนกนี้เขาเปรี้ยวจริงๆ ชอบเวลาส่งข่าวกันอ่ะ คีย์เวิร์ดเจ๋งได้อีก 555
 o13
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: miyaki ที่ 12-05-2014 16:43:00
เพิ่มมาอีกคู่แล้ว แหม แผนกนี้ต้องมีคู่ตลอดๆ
จะสงสารใครดีละเนี่ย โย หรือว่าบัวลอย
แต่รักกันเร็วๆก้อดีนะ ลุ้นๆคะ  :mew4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 12-05-2014 17:13:30
เจอองครักษ์พิทักษ์ปลาย่าง เจ้าแมวอย่าเพิ่งถอยล่ะ 5555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 12-05-2014 17:55:34
อ่านจนทันสนุกมากจ้า
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 12-05-2014 18:22:00
คิดถึงทุกคนน้าาาา
 :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 12-05-2014 18:39:46
พี่ๆแต่ละคนทำตัวเหมือนคุณพ่อคุณแม่หวงลูกสาวไม่มีผิด
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-05-2014 18:48:09
ปกติมาแล้วน่ะช่วงนี้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 12-05-2014 18:54:35
กลายเป็นคุณพ่อหวงลูกสาวเสียแล้วสิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 12-05-2014 19:32:34
มารอ ร้อ รอ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 12-05-2014 20:12:31
 :katai5:  ไม่ว่างเข้าเล้าแค่ สองวันเอง ตามอ่านเลือดสาดเป๊นเทน้ำเลย   :pighaun:   ไม่รู้จะบอกยังไงดี เพราะมันหลายตอนมากที่ตามเก๊บ   :katai1:  เอาคู่ล่าสุดเลยแล้วกัน น้องบัวลอยโหดขิงๆ  แต่เจอแมวเจ้าเล่ห์แบบพี่โยหรือจะรอด  :laugh: แต่ก็ว่าแหละนะ ปลาย่างมันปลาปิรันย่า มันดุ  :hao3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 12-05-2014 21:21:45
นึกภาพเขยเล็กต้องฝ่าด่านอรหันต์ของพี่ๆ แล้วฮาอ่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 12-05-2014 21:23:34
แวะเอาความคิดถึงมาส่งแผนกขนส่งค่ะ  :mew6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: ceylon ที่ 12-05-2014 21:24:12
มาปูเสื่อรอ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 12-05-2014 21:58:16
หายยยยยยยยยยยยยยย  :serius2:
หัวข้อ: รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคโยธิน-บัวลอย ตอน ความรู้สึกของโยธิน
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 12-05-2014 22:18:10
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/10/โยธิน_บัวลอยNk8Sn.jpg)
รักเกิดในแผนกขนส่ง....ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน ความรู้สึกของโยธิน

“พี่อ้นครับ วันนี้มีอะไรให้ผมช่วยมั้ย ตรวจบิลหรืออะไรก็ได้ เดี๋ยวผมช่วย”

โยธินที่ไม่เคยเข้าออฟฟิศแต่พักนี้มาปรากฏตัวบ่อยจนแทบจะกลายเป็นเหตุการณ์ปกติไปแล้ว
เมื่อก่อนต่อให้ลากก็แล้ว ด่าก็แล้ว สารพัดจะทำ แต่ถ้าคนมันไม่มา ทำยังไงมันก็ไม่ยอมมา

แต่ตอนนี้มันมา มาโดยไม่ต้องให้ดึงให้ลาก ให้ด่า เพราะเจ้าตัวมันอยากมาเอง

หัวหน้าแผนกขายลอบยิ้มน้อย ๆ และก็แกล้งทำหน้านิ่งเฉย
ทำเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรด้วย และก็ตั้งหน้าตั้งตาตรวจบิลขายต่อไปโดยไม่พูดไม่จา

“พี่อ้น ฟังผมป่ะเนี่ย มีอะไรให้ช่วยก็บอกสิคร้าบบบบ”

ลากเก้าอี้เข้ามาใกล้ และก็มาท้าวคางมองหัวหน้าแผนกขายที่เริ่มปรายตามามองน้อย ๆ

“เมื่อก่อนไม่เห็นเข้าแผนก เดี๋ยวนี้เข้ามาทุกวัน ทำไมวะ มาติดเด็กแถวนี้หรือไง ถ้ารู้ว่าหาเด็กให้ติดได้ แล้วจะเข้าแผนกทุกวัน พี่ทำไปนานแล้ว”

พี่อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย แค่นี้ผมก็ยังเอาตัวไม่รอดแล้ว จะไปติดยังไงล่ะ เด็กมันยอมให้ติดซะที่ไหน

แค่มันคนเดียวก็ว่าหนักแล้ว ไหนจะพี่ ๆมันที่ขนกันมายกแผนกอีก ไม่ตายงานนี้จะให้ผมตายงานไหนล่ะ

“โห่พี่อ้น ผมก็อยากมาช่วยงานพี่อ้นบ้างสิ พี่อ้นก็คิดกับผมเป็นอื่นไปได้”

เหรอ คนอื่นคงเชื่อ แต่ไม่ใช่พี่ว่ะโย

“ใจบุญจังเลยนะ อุตส่าห์อยากจะมาช่วยซะด้วย เมื่อก่อนไม่เห็นใจดีอย่างนี้เลยนี่หว่า”

ก็ตอนนี้ใจดีแล้วไง อย่าแกล้งผมหน่อยเลย พี่ก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าปัญหาชีวิตผมใหญ่หลวงขนาดไหน

“เฮ่อ.....เห็นผมเป็นคนยังไงคร้าบบบ ผมก็รักพี่อ้น อยากทำงานให้พี่อ้นบ้างสิ พี่อ้นนี่ไม่ใจกับลูกน้องเลยว่ะ”

เรื่องไม่ใจกับลูกน้องนี่ไม่ใช่หรอก แต่ถ้าไม่ใจกับเซลหมายเลขหนึ่งของแผนกอย่างมึง อันนั้นแหละใช่เลย

“โย เอาตรง ๆ นะ ไม่เล่น ไม่หลอก เอาจริง ๆ คิดอะไรอยู่”

คิดอะไรเหรอพี่อ้น
คิดอะไร..........

“ไม่รู้สิพี่อ้น ผมก็หาคำตอบอยู่นะ แต่มันยังไม่มีคำตอบตอนนี้”

อ่อ กำลังหาคำตอบอยู่ ทำอะไรลงไปแล้วค่อยมาคิดหาคำตอบ เป็นคำตอบที่โคตรน่าหมั่นไส้ที่สุด

“แล้วคิดว่าทางนั้นคิดยังไง”

ทางนั้นเหรอพี่ ไอ้น้องบัวอ่ะนะ

“แม่งคงโคตรเกลียดผมสุด ๆ เลยล่ะ ไม่ต้องให้เดา”

ก็ฉลาดนี่หว่า ประเมินสถานการณ์ได้ขนาดนี้ ก็สมแล้วที่เป็นโยธิน เซลหมายเลขหนึ่งของแผนกขาย

“รู้อย่างนี้แล้วจะไปวุ่นวายกับเขาทำไมอีก ปกติไม่เห็นแคร์เลยนะเรื่องพวกนี้ แล้วนี่เกิดนึกยังไงขึ้นมา ติดใจเหรอ หรืออยากเอาเก็บไว้เล่นต่อให้นาน ๆ กว่านี้อีกหน่อย”

ไม่ใช่เลยพี่อ้น ผมไม่ได้คิดแบบนั้นเลย โยธินที่นั่งท้าวคางอยู่ลุกขึ้นนั่งตัวตรงหลังตรงทันที

ไอ้เรื่องนั้นไม่เคยคิด แล้วก็ไม่เคยอยู่ในหัวด้วย เรื่องง้อเพื่อเอาเก็บไว้เล่นนาน ๆ ผมไม่เคยคิด
ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถ้าง้อสำเร็จแล้วจะเป็นยังไงต่อ ยังไม่ทันคิดไปถึงเรื่องนั้นเลย

“ผมจริงจังมากนะพี่อ้น ผมไม่ได้คิดจะมาเล่น ๆ กับเขา
เห็นผมเป็นแบบนี้ แต่ผมไม่เคยคิดจะเล่น ๆ กับใคร ที่ผ่าน มามีแต่คนคิดว่าผมเล่น ๆ ด้วยก็เลยแค่เล่น ๆ กับผม ไม่มีใครจริงจังกับผมซักคน แล้วพี่จะให้ผมทำยังไง”

อ๋ออออออออ เหรออออออ ที่ผ่านมาที่เล่น ๆ กับคนอื่นเพราะคนอื่นเข้ามาเล่น ๆ ด้วยงั้นเหรอ

โยธินเอ้ย โยธิน แล้วกรณีของน้องจูนนั่นยังไงล่ะ
อธิบายมาสิ เอาให้เนียนนะ อย่าให้ต้องมีข้อกังขา ไม่งั้นก็ไม่มีใครเชื่อใจนายแน่ ๆ

“น้องจูนได้ข่าวว่าจะแต่งงาน นี่ไปอยู่ต่างจังหวัดไม่ทันไร ได้ข่าวว่ากำลังจะแต่งงานแล้ว เออเว้ย อยู่ที่นี่มีแต่คนเมิน แต่พอกลับบ้านไป ได้แต่งงานเฉยเลย”

เปลี่ยนประเด็นไปเรื่องอื่น และโยธินที่นั่งนิ่ง ก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจออกมายาว ๆ เมื่อนึกถึงน้องจูน
จำได้ จำน้องจูนได้ จนถึงตอนนี้ก็ยังจำได้

“ก็เพราะน้องจูนด้วยส่วนหนึ่ง ถ้าไม่เพราะน้องจูนทำให้ผมได้คิด ผมก็อาจจะทำตัวเหมือนเมื่อก่อนอีกก็ได้ ที่จริงนะพี่อ้น ผมทำเป็นเฉย ๆ ไปก็ได้เรื่องนี้ ใครจะมาทำอะไรผมได้ ถ้าผมไม่แสดงตัว ถ้าผมไม่พูด ไอ้น้องบัวมันก็อยู่ของมันไป ผมก็อยู่ส่วนผม ต่างคนต่างอยู่ เอากันแค่ครั้งเดียวผู้ชายเหมือนกันด้วย ไม่เห็นเสียหาย ใคร ๆ ก็คิดแบบนั้นได้ ถูกมั้ยล่ะ”

เหรอ ใคร ๆ ก็คิดแบบนั้นได้งั้นเหรอ ก็แล้วทำไมไม่คิดแบบนั้นอีกซักคนล่ะ ที่ผ่านมาก็คิดแบบนั้นไม่ใช่หรือไง จะคิดแบบนั้นอีกซักครั้งก็ไม่เห็นแปลกเลยนี่หว่า

“ก็คิดแบบนั้นต่อไปสิ จะยากอะไร ไม่เสียหายทั้งคู่ไม่ใช่เหรอ ยังไงก็ผู้ชายเหมือนกัน ทางนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะเสียหายอะไรนี่ ถูกมั้ยล่ะ”

พี่อ้น…

“พี่อ้นอย่าว่าบัวมันแบบนั้นนะ ผมไม่ชอบ ใช่...ที่ถึงเป็นผู้ชายเหมือนกันไม่มีอะไรเสียหาย แต่ผม......ผมไม่ชอบ....ถ้าใครจะมองหรือคิดอะไรกับบัวมันแบบนั้น”

โอ้โห นี่ยังไม่ได้อะไรเป็นอะไรกันเลยนะ ออกโรงปกป้องกันซะขนาดนี้แล้ว นี่ถึงกับกล้าว่าหัวหน้าแผนกเลยเหรอโยธิน

“แล้วอะไรที่ทำให้ไม่อยากให้คนอื่นว่า........จะบอกว่ารักเหรอ หรือจะบอกว่าชอบ มันไม่เร็วไปหน่อยหรือไง เหตุผลพวกนั้นก็คงพอฟังขึ้นหรอกนะ เหตุผลอื่น ๆ ไม่น่าจะมี จะรับผิดชอบน้องมันเหรอ จะรับผิดชอบในฐานะอะไร ในฐานะที่ผู้ชายที่ไปฟัน น้องมันคงยินดีรับมากเลยนะนั่น”

ก็ช่างแม่งเหอะ จะยินดีหรือไม่ยินดีก็ช่าง

“เดี๋ยวผมก็ทำให้มันยินดีได้เองแหละ พี่อ้นไม่ต้องห่วงหรอก”

โห่ มั่นใจตัวเองจริงนะ พี่เซลหมายเลขหนึ่ง นี่มันชีวิตคน นี่มันเรื่องหัวใจเรื่องความรู้สึกนึกคิด ไม่ใช่การขายสินค้าที่คำนึงถึงผลประโยชน์เป็นหลัก มันไม่มีผลประโยชน์ให้เลือก มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี ใช่ว่าใครเขาจะยอมเอาศักดิ์ศรีของตัวเองมาแลกง่ายๆ ถ้าไม่บ้าพอ

“ที่พูดเนี่ยไม่ได้ห่วงนะ แต่ถ้าไม่รักไม่ชอบ คิดแค่อยากเอาชนะก็พอเหอะโย สงสารน้อง ผลประโยชน์ไม่มีให้หรอกนะโย มีแต่เจ็บกับเจ็บ ถ้าไม่สำเร็จก็ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเจ็บ อาจจะเจ็บมาก เจ็บน้อย หรือเจ็บปางตายอันนี้พี่ไม่รู้ แต่ที่เห็นได้ชัด ๆ ตอนนี้ นายทำน้องมันเจ็บมาก เจ็บจนไม่น่าให้อภัย แล้วนายคิดว่าน้องบัวมันจะยอมให้นายเข้าหาง่าย ๆ หรือไง”

มันไม่มีทางยอมหรอกพี่อ้น ผมรู้ว่าไม่มีทาง

“อย่างผม....ไม่มีสิทธิ์รักใครได้อีกแล้วเหรอพี่อ้น ถ้าขนาดพี่อ้นยังบอกให้ผมหยุด คนอย่างผมก็คงไม่ต้องรักใครตลอดไปแล้วชาตินี้”

เป็นคำตัดพ้อต่อว่า ที่แสดงถึงความน้อยใจของโยธิน ที่หัวหน้าแผนกขายเริ่มอมยิ้มขึ้นมาน้อย ๆ กับคำตอบแบบนั้น

“พี่อ้นใจแข็งขนาดไหน ยังให้โอกาสพี่พีทเลย แล้วผมล่ะ น้องบัวจะไม่ให้โอกาสผมเลยเหรอ ผมจะไม่มีหวังเลยหรือไงพี่อ้น”

โอ้ อันนี้จุกจริง เจ็บจริง นายแม่งแรงจริง ๆ เลยว่ะโยธิน

“มันเหมือนกันซะที่ไหนล่ะเรื่องนั้นน่ะ”

ทำไมจะไม่เหมือนล่ะพี่อ้น ผมว่าโคตรจะเหมือนเลยเหอะ แถมเรื่องของผมยังดีกว่าเรื่องพี่อ้นกับพี่พีทด้วยซ้ำ

“ไอ้นั่นมันไม่ได้ปากหวานเหมือนนายนี่ มีอะไรก็พูดตรง ๆ ไม่ได้ยอกย้อนเจ้าเล่ห์เหมือนคนแถวนี้ มันก็น่าเปิดใจหน่อย”

ไม่ใช่แล้วแหละพี่อ้น เรื่องของเรื่องคือพี่อ้นก็มีใจให้พี่พีทนั่นแหละ ไม่งั้นพี่อ้นไม่อ่อนข้อให้ขนาดนั้นหรอก เรื่องแค่นี้ทำไมผมจะไม่รู้

“แล้วผมไม่จริงใจตรงไหน เออผมยอมรับ ผมอาจจะพูดจาวกวนไปหน่อย แต่มันไม่ได้แปลว่าผมไม่จริงใจนี่หว่า พี่ว่าผมต้องอาศัยความกล้าขนาดไหนเพื่อเดินไปแผนกขนส่ง พี่คิดดูแล้วกัน พวกเขามองผมด้วยสายตาแบบไหน ทำไมผมจะไม่รู้ แต่ผมก็ยังไป ทั้งที่รู้ว่าจะถูกมองแบบนั้น ผมก็ยังไป ทั้งที่ผมแค่ทำเป็นเฉย ๆ ซะเรื่องก็จบใช่มั้ยล่ะ”

ก็ใช่ อย่างที่นายพูดมันก็ใช่

“แล้วตกลงนายไปทำไม เอาให้เคลียร์ ๆ สิวะโย ตอบมาตรง ๆ ว่าตกลงนายจะไปยุ่งวุ่นวายกับเขาอีกทำไม ในเมื่อแค่ทำเฉย ๆ ไปซะก็จบอย่างที่นายพูดนั่นแหละไม่ใช่หรือไง”

เอาตรงๆ ก็ได้ ถ้าพี่อ้นอยากจะบีบให้ผมพูดขนาดนั้น ผมพูดก็ได้

โยธินถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ และเงยหน้าขึ้นมองหน้าของหัวหน้าแผนกขายตรง ๆ

ตัดสินใจแล้ว ตัดสินใจแน่วแน่ ว่าจะพูดออกมาแบบไม่อ้อมค้อม

“ผมชอบน้องบัว”

งั้นเหรอ….. ง่ายไปหรือเปล่าโยธิน ระยะเวลาแค่นี้ แถมเพิ่งมีอะไรกันไปแค่ครั้งเดียวในสภาพที่เมาไม่รู้เรื่องซะด้วย
แล้วนี่นายกล้ามาพูดคำนี้เลยเหรอ มันไม่เร็วไปหน่อยหรือไงโยธิน

“ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไปแล้ว ทั้งที่ก่อนหน้านี้จะพูดกันดี ๆ ยังไม่เคย แต่น้องบัวทำให้ผมไม่เป็นอันหลับอันนอน ผมนอนไม่ได้สามคืนติดกันก็เพราะมัน ผมทำงานแทบไม่รู้เรื่อง คุยกับลูกค้าอยู่บางทีผมก็นึกถึงแต่เรื่องของน้อง

ผมไม่เคยเข้าแผนก ไม่เคยเข้าบริษัท แต่ผมก็ต้องรีบตื่นมาตั้งแต่เช้า ก็เพราะ........เพราะผมคิดถึง ผมอยากเห็นหน้า ผมอยากทำอะไรก็ได้ ที่ยังพอให้ผมรู้สึกว่าใกล้ชิดกับน้องบัวขึ้นมาอีกซักหน่อย ทั้งที่อยู่กันคนละแผนกโอกาสจะเจอกันแทบไม่มี แต่ผมก็ยังรู้สึกดี ที่รู้ว่าถ้าเดินไปข้างล่างแล้วถึงแม้ไม่ได้เห็นหน้า แต่ผมก็ยังรู้ว่าน้องมันทำงานอยู่ในนั้น”

งั้นเหรอโยธิน นี่นายเป็นเอามากเหมือนกันนี่หว่า

“ผมไม่กล้าใช้คำว่ารัก เพราะผมไม่รู้ว่าคนรักกันมันต้องเป็นยังไง แต่ถ้าพี่คิดว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับผมตอนนี้เรียกว่าชอบ เออผมยอมรับก็ได้ว่าใช่ แล้วคนอย่างผมไม่ใช่ว่าจะชอบใครง่าย ๆ พี่อ้นก็น่าจะรู้ดี เรื่องเซ้กส์พี่อ้นไม่ต้องพูดถึง ผมสารภาพเลยว่าจำความรู้สึกตอนนั้นได้เลือนรางมาก แต่พี่อ้นอาจไม่รู้ นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกอยากตื่นขึ้นมา แล้วมาบอกคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ ผมว่าอรุณสวัสดิ์ เมื่อคืนนี้นอนหลับฝันดีมั้ยครับ”

หวานเลี่ยนใช้ได้เลยนี่หว่า พีทน่าจะทำแบบนั้นให้บ้างนะ คงจะรู้สึกดีไม่น้อย

“สรุปว่าชอบน้องบัวเข้าแล้ว ว่างั้น”

เออพี่ พี่จะสรุปอย่างนั้นก็ได้

“แล้วแต่พี่จะคิดเหอะ ผมยังไงก็ได้ ยังไงผมก็รู้ว่าต้องทำอะไรต่อไปอยู่แล้ว”

แล้วแต่จะคิดเหรอโยธิน ก็เอาเป็นว่านายชอบน้องใหม่แผนกขนส่งไปเรียบร้อยแล้วก็คงจะต้องตามนั้น

“แล้วนี่คิดจะทำยังไงต่อ”

แล้วพี่คิดว่าผมจะไปทำอะไรได้ล่ะ ก็คงต้องทำอย่างที่ควรจะทำไม่ใช่หรือไงล่ะ

“ชอบก็จีบสิพี่ จะคิดให้ยุ่งยากทำไม คนที่ทำให้ผมชอบไม่ใช่จะหาได้ง่าย ๆ ชาตินี้จะเจอหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ผมก็ต้องรีบตามจีบน้องบัวสิคร้าบบบบบบบ”

โยธินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ และก็เกิดอารมณ์ดีขึ้นมาหลังจากได้พูดบางอย่างไปเรียบร้อยแล้ว

มันก็รู้สึกดีนะ ถึงจะเครียด แต่มันก็ยังรู้สึกดีมาก ๆ ที่รู้ว่ามีคนทำให้ยิ้มและมีความสุขได้มากขนาดนี้

“น้องบัว น้องบัว น้องบัวลอย”

โยธินลุกขึ้นจากเก้าอี้ไปแล้ว และเดินผิวปากออกไปจากแผนกขายอย่างอารมณ์ดี

หึ น่าหมั่นไส้ชะมัด พอรู้ว่าชอบ อารมณ์ดีได้ขนาดนี้เลยเชียวนะโยธิน

หัวหน้าแผนกขายยกหูโทรศัพท์ขึ้นและกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ให้คนที่กำลังรอฟังอยู่ปลายสายได้ยิน

“ก็ตามนั้นครับ อย่างที่ได้ยินกันไป”

หัวหน้าแผนกขนส่งอมยิ้มออกมาน้อย ๆ และทั้งวิเชียร วิโรจน์ มีน สุรชาติ อำนาจและน้องพู่ ก็หันมามองหน้ากันแบบยิ้ม ๆ

“ขอบคุณมากครับที่ให้ความร่วมมือในครั้งนี้”

ก็เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วล่ะมั้ง หลวมตัวเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของแผนกขนส่งแล้ว ผมจะไปทำอะไรได้

“ไอ้โรจน์โดนเต็ม ๆ เลยว่ะห่า แม่งโคตรขำ”

อำนาจหัวเราะออกมาเมื่อนึกถึงประโยคสนทนาที่โยธินทิ้งระเบิดเอาไว้ตูมใหญ่

“คุณวิโรจน์กรุณาฟังไว้นะครับ แล้วก็หัดตื่นขึ้นมาแล้วบอกว่าอรุณสวัสดิ์เมื่อคืนหลับฝันดีหรือเปล่ากับเมียบ้าง ไม่ใช่ตื่นขึ้นมาแล้วขอล้างหน้าไก่ตั้งแต่เช้า ผมขี้เกียจจะพูดมาก เข้าใจมั้ยครับ”

เป็นคำพูดเรียบเรื่อย ที่แสดงความรู้สึกออกมาอย่างชัดเจนและวิโรจน์ที่ถูกเมียด่า ก็หัวเราะออกมาอย่างขำ ๆ

พร้อมกับเสียงโห่ฮาดังลั่นของเพื่อน ๆ พี่ ๆ ในแผนกขนส่งที่ยกขบวนกันมาช่วยยำวิโรจน์เป็นการใหญ่

“เหี้ยโรจน์แม่งหื่นว่ะ”

“มึงล้างหน้าไก่ตลอดเลยเหรอวะเนี่ย”

“โรจน์แม่งแรงส์”

ได้ยินสิ่งที่เพื่อนแซว แล้ววิโรจน์ก็ยิ้มออกมาขำ ๆ ไม่เลิก

“ขอโทษครับ เช้าๆ จะไม่ขอล้างหน้าไก่ถี่ขนาดนี้อีกแล้วครับ ผมก็พอรู้อยู่บ้างว่าหัวหน้าแผนกขายไม่ค่อยมีอารมณ์ช่วงเช้า ๆ แต่ผมมีอารมณ์ซะแล้วจะให้ทำยังไง ในเมื่อเมียนอนอยู่ข้างๆ ก็ต้องตามนั้น ฝากหัวหน้าแผนกขายขอโทษเมียผมด้วยนะครับ”

แล้วคราวนี้เสียงโห่ฮาของเพื่อนร่วมแผนกที่บ่งบอกให้รู้ว่าถูกใจคำพูดของวิโรจน์มาก ก็ทำให้หัวหน้าแผนกขายอมยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก ไม่อยากจะพูดอะไรให้มากความ เดี๋ยวจะเข้าตัวไปกันใหญ่ เลยต้องรีบชิงตัดสายไม่งั้นคงจะเลยเถิดไปมากกว่านี้

“ปากดีเหลือเกินนะครับคุณวิโรจน์ เดี๋ยวคืนนี้เจอกันอีกซักรอบสิครับ จะได้รู้ว่าปากดีขนาดนี้ ลีลาจะดีขนาดไหน”

ท้าทายกันแบบยิ้ม ๆ และก็เรียกรอยยิ้มของคนทั้งแผนกได้ไม่น้อย และวิโรจน์ก็กรอกเสียงลงไปตามสายอีกครั้งเพื่อเป็นการยืนยันว่าไม่ใช่แค่ปากดี แต่ยังมีอย่างอื่นที่ดีกว่าปากแน่ ๆ

“คืนนี้จัดเต็มครับ ฝากหัวหน้าแผนกขายบอกเมียผมด้วย ว่าคืนนี้มาเต็ม....จัดหนักจัดแน่ เอาแบบไม่ต้องพูดกันเยอะครับ แล้วคืนนี้เจอกัน”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคโยธิน-บัวลอย ตอน ความรู้สึกของโยธิน
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 12-05-2014 22:19:52
“ถ้าเจอไอ้โยธินซึ่ง ๆ หน้ามึงจะทำยังไงวะบัวลอย มึงจะสู้หรือมึงจะถอย”

วิเชียรกำลังกินข้าวเช้า และก็เหมือนเดิมที่ข้าวเช้าสุดอลังการมักจะมีผู้ร่วมชื่นชมอาหารเช้าด้วยการ ตักนั่นนิด ตักนี่หน่อยเข้าปากชิมไปเรื่อย

“เฮ้ย ไอ้เหี้ยนี่ แดกขนาดนี้วันหลังมึงเอาช้อนมาอีกชุดเลยดีมั้ยไอ้ห่า”

เอามาได้เหรอพี่วิเชียร

“ผมเตรียมไว้พร้อมแล้ว เดี๋ยวไปเอาที่รถก่อน ผมเก็บไว้บนรถ”

โห่ ไอ้ห่า นี่ใจคอมึงจะพาซื่อแล้วก็เนียนแดกข้าวกูจริง ๆ ใช่มั้ยเนี่ย

“เฮ้ย ไม่ต้องไป มึงเอาไปกินเลยซะให้พอใจ กูไม่มีอารมณ์จะแดกแล้ว แม่ง เนียนมาแดกข้าวกูทุกวันอยู่ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูจะให้เขาทำมาให้มึงอีกชุดเลยสัด จะได้หมดปัญหา”

มันต้องให้ได้อย่างนี้สิพี่

“ผมว่าแล้ว ว่าซักวันพี่วิเชียรต้องทนไม่ไหว”

โห ไอ้เวรเอ้ย นี่มึงตั้งใจมาแดกข้าวกูแบบไม่ต้องลงทุนจริงๆ เหรอวะเนี่ย มึงมุ่งมั่นในเรื่องเหี้ยๆ ได้ดีมากเลยว่ะ บัวลอย

“มึงนี่มันสันดานเสียจริง ๆเลย กูล่ะยอมมึงจริง ๆ”

พี่วิเชียรต้องยอมผมอยู่แล้วแหละน่า เพราะพี่วิเชียรทำอะไรไม่ได้หรอก

“ผมนี่ใคร ผมนี่น้องชายสุดรักสุดหวงของพี่วิเชียรเลยไม่ใช่เหรอ พี่ก็น่าจะรู้”

กูจำไม่เห็นได้ว่าเคยมีน้องชายหน้าตาแบบมึง

“ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่องแล้ว ตกลงมึงจะพูดออกมาได้หรือยัง ว่าถ้าโยธินมันเดินดุ่ม ๆ เข้ามาหามึง มึงจะทำยังไง”

ทำยังไงเหรอพี่ แล้วพี่ว่าผมควรทำยังไงล่ะ

“กระโดดถีบยอดหน้าแม่งไง ไม่เห็นต้องคิดเยอะเลยพี่วิเชียร มันทำอะไรผมไว้ ผมจำได้ทุกอย่างแหละ เจอกันอีกรอบผมจะเอาแม่งให้ตายคาตีนเลยคอยดู”

โหดนะมึง นี่มึงโหดกับผัวมึงได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ มึงกล้ามากเลยนะบัวลอย

“มึงจำได้หมดเลยเหรอวะ ว่ามันทำอะไรมึงบ้าง แล้วแม่งเอามันส์มั้ยวะ พวกมึงเอากันท่าไหนมั่ง มึงแตกไปกี่รอบ แล้วไอ้โยธินแตกกี่รอบ”

เหี้ยยยยยยยยยยยยยยย พี่วิเชียร พี่มาถามอะไรผมแบบนี้วะ ผมจะไปรู้ได้ยังไงเรื่องนั้น
เมาไม่รู้เรื่องซะขนาดนั้น พี่จะให้ผมรู้ได้ยังไง

“อะไรของพี่เนี่ย พี่พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงวะ พี่...พี่ ..พูดอะไรของพี่ ผมไม่เห็นรู้เรื่อง”

หน้ามึงไปแล้ว แดงเถือกไปถึงไหนต่อไหนแล้ววะนั่น

“แสดงว่ามึงจำได้ว่ามันทำอะไรมึงบ้าง”

ห๊ะ อะไรเนี่ย พี่วิเชียร พี่พูดแบบนี้พี่ต้องการจะสื่ออะไร พี่จะให้ผมพูดอะไร ผมจะไปจำได้ยังไง ผมไม่ใช่ว่าจำได้หรอกนะ..........

ไม่ใช่ว่าจำไม่ได้...........แต่ที่ถูกคือไม่อยากจำมากกว่า ทั้งที่ก็จำได้อยู่ชัด ๆ แม้จะไม่ทั้งหมดแต่ก็จำได้

“เฮ้ย บัวลอย กูล้อเล่นน่า มึงไม่ต้องคิดมากหรอก กูก็เป็นแบบนี้ พูดจาไปเรื่อยเปื่อย มึงอย่าเก็บเอามาคิดให้เป็นประเด็นเลยวะ กินข้าวไปเหอะ เดี๋ยวจะต้องทำงานแล้ว กินข้าวซะ กินข้าว กินข้าว”

วิเชียรรีบชิงตัดบท และเบี่ยงเบนความสนใจให้พนักงานใหม่เลิกคิดสิ่งที่พูด และก็ให้กินข้าวซะจะได้รีบไปทำงาน

ทั้งๆ ที่ในเวลานี้วิเชียรกำลังลอบยิ้มอย่างพอใจกับผลงานของตัวเอง

ไอ้ทางนี้แม่งก็คิดเหมือนกันนี่หว่า ไม่งั้นมันไม่หน้าแดงเถือกได้ขนาดนี้ตอนที่โดนแซวหรอก

กูก็ไม่ได้อยากช่วยอะไรมึงนะโยธิน กูกลับรู้สึกว่าเรื่องนี้มันชักสนุกขึ้นเรื่อย ๆ มากกว่า
กวนตีนกูไว้เยอะ แบบนี้ต้องสั่นสอนซะให้เข็ดหลาบจะได้ไม่กล้าหือกับพวกกูอีก

เล่นกับใครไม่เล่น เสือกมาเล่นกับกูไอ้โยธิน

สนุกกูเลยงานนี้ ได้ขำกันตายห่ากันไปข้างแน่เลยว่ะ แค่คิดกูก็ทั้งขำทั้งสนุกแล้ว........ไอ้โยธิน


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 12-05-2014 22:22:48
กำลังรออยู่เลย  o18
---------------
สรุปยังไงก็จะเรียกฮัทว่าน้องบัวให้ได้ใช่ป่ะ น้องบัวๆ เกาหลีๆ แต่ละชื่อที่วิเชียรมันเรียก  :m20:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: p^tarn ที่ 12-05-2014 22:22:58
จิ้มๆๆ. เข้ามาดูทุกครึ่งชัวโมงเลยอะ. สนุกมากคะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 12-05-2014 22:36:26
พี่เชียรนี่ซ่าตลอด เดี๋ยวให้เฮียจัดการเลย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 12-05-2014 22:40:35
ในที่สุดก็มา ..  o13
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 12-05-2014 22:42:49
อั๊ยยะ จัดไปเลยค่ะพี่วิเชียร  :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 12-05-2014 22:43:07
 :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 12-05-2014 22:44:36
 :m20:   คุณชายพีท โดนเต๊มๆ  แบบว่าโดนยิงจรวดนิวเคลีย ไปลงถึงแหล่งเลย   :m20:   

ส่วนน้องบัวลอยที่แท้ก็ได้ครูดีอย่างท่านวิเชียร นี่เอง   :hao3:  แต่ได้ข่าวว่า มันก็เป็นครูของครูของครู ทั้งแผนกนี่หว่า  :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 12-05-2014 22:48:33
แน้ บัวลอยเขาแอบก็แอบมีใจ555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 12-05-2014 22:59:14
นี่แค่เบาเบานะโยธิน. ชุดหลักๆยังไม่มา แกจะรอดมั้ย ญาติฝ่ายเจ้าสาวแก ไม่ธรรมดานะ จะบอกให้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 12-05-2014 23:02:18
จัดเต็มค่ะพี่วิเชียร หึๆๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 12-05-2014 23:03:45
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Scream ที่ 12-05-2014 23:05:45
เพิ่งตามอ่านจนจบบบบ  :katai2-1:
สนุกมากกกกก หลายคู่สุดๆเลย ชอบมากค่ะ
รอลุ้นๆกับโยธินและน้องบัว กิกิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 12-05-2014 23:07:15
 :mew2:สวดยอดมาก...ทั้งผัวทั้งเมียในแผนกขนส่งไม่เสือกกันน้อยเลยนะ ขอให้ช่วยน้องบัวลอยให้สมหวังด้วยนะคร๊าบสงสารน้องจัง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 12-05-2014 23:07:21
เล่นกับใครไม่เล่น เสือกมาเล่นกับวิเชียร 5555  :laugh:

ได้ฮาท้องขดท้องแข็งอีกแน่เลยตรู วิเชียรโคตรฮา :pigha2:

แผนกขนส่งที่เผือกเป็นงานอดิเรก โคตรน่าไปทำงานด้วย :impress2:

เสียดาย ไม่รับผู้หญิงนะคะ อยากไปทำด้วยมากๆเลย :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 12-05-2014 23:12:56
เจอวิเชียรเสี้ยมบัวลอยเข้าไป    นายตายแน่ไอ่เซลล์มือหนึ่ง 55555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-05-2014 23:17:21
มาแล้วๆ ตอนหนึ่ง
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคโยธิน-บัวลอย ตอน เฮ ๆ ฮา ๆ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 12-05-2014 23:27:20
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/10/โยธิน_บัวลอยNk8Sn.jpg)
รักเกิดในแผนกขนส่ง....ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน เฮ ๆ ฮา ๆ

บางครั้งของบางอย่างมันก็ต้องอาศัยความเจ้าเล่ห์ร่วมด้วยบ้าง จะให้เดินตรง ๆ ไม่มีการซิกแซกมันก็ดูจะผิดวิสัยของโยธินจนเกินไป ก็เลย.............

ดักรอแม่งซะ

ดูลาดเลามานานแล้ว ของแบบนี้มันต้องลงมือคนเดียว ในที่เปลี่ยวๆ ไม่งั้นไม่มีทางได้กิน

เส้นทางการขนส่งปลาย่างมันก็ต้องมีจุดรั่วบ้างแหละวะ

จุดรั่วที่ว่า ไม่รู้ว่าทางนั้นจงใจหรือเปล่านะ แต่โยธินก็ไม่คิดจะสนใจ เปิดช่องให้ซะขนาดนี้ ผมจะถือว่าพวกพี่เป็นใจก็แล้วกัน

“อ่ะ....ไอ้...”

ฮัทถึงกับชะงักยืนนิ่ง เพราะนึกไม่ถึงว่าจะได้เจอหน้าใครบางคนที่ไม่คิดอยากจะพบเจอกันแบบตรง ๆ

ไอ้เรื่องนั้นมันไม่ใช่จะลืมกันได้ง่าย ๆ
และในเวลานี้พนักงานใหม่จากแผนกขนส่งที่ตั้งใจเดินมาล้างมือที่อ่างล้างมือหน้ากระจกก็เลยเกิดอาการตั้งตัวไม่ทัน

และถ้าตั้งตัวไม่ทันแบบนี้ มันก็เสร็จโจรสิครับจะปล่อยไว้ทำบ้าอะไร

“ไอ้โยธินปล่อยกู๊”

ตะโกนขนาดนี้อยากให้ได้ยินกันไปสามบ้านแปดบ้านเลยมั้ยล่ะน้องบัว

“ชู่ววว อย่าเสียงดังสิ”

จัดการกอดรัดร่างของคนที่ดิ้นรนหนีจากด้านหลัง กอดแน่นและแม้อีกฝ่ายจะดิ้นรนขนาดไหน ก็ไม่มีผล

กูเลือกท่าในการล็อคมาเป็นอย่างดี ชนิดที่หาทางหลุดออกได้ยากมาก ขืนเดินเข้าไปกอดตรงๆ มีหวังโดนน้องบัวชกตาแตกตายห่า มันก็เลยต้องล็อคจากด้านหลังแบบนี้แหละวะ ถึงจะอยู่

“ไอ้โยธิน ไอ้โยธิน ปล่อยกู๊ ไอ้เหี้ยเอ้ยยยยย”

อย่าร้องสิ จะตะโกนไปทำไมเนี่ย

จัดการล็อคแล้วลากเข้าห้องน้ำไปเรียบร้อย
ก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้หรอกนะ ก็อยากจะเลือกบรรยากาศให้มันดีกว่านี้หน่อย แต่ถามจริงเหอะ มันเลือกได้ซะที่ไหนกันล่ะ

ได้แค่นี้ก็ดีขนาดไหนแล้ว

ไม่ได้ล็อคประตู และโยธินก็ใช้แผ่นหลังดันประตูเอาไว้ และคนในอ้อมแขนก็ทั้งดิ้น ทั้งออกแรง ทั้งไม่ยอมให้แตะให้กอด

เหี้ยเอ้ยยยย

อย่าฤทธิ์มากให้มากนักสิน้องบัว

“ถ้าไม่หยุดดิ้นนะ จะช่วยตะโกนให้คนรู้กันทั้งหมดนี่แหละ ว่าพี่ปล้ำบัวอยู่ในห้องน้ำนี่”

ไอ้เหี้ยยยยยยย ไอ้โยธิน มึงอย่ามาสร้างปัญหาให้กูนะ มึงหยุดสร้างปัญหาให้กูซักที

“ผมปล้ำน้องบัวอยู่ในห้องน้ำครับ ใครอยู่ข้างนอกรับรู้ไว้ด้วย ผมกำลังปล้ำน้องบัวอยู่คร้าบบบบ อุ่ก อืม แอ่ก”

โดนตะครุบปากเอาไว้ไม่ให้ส่งเสียงดัง และคนที่อยู่ในสภาพหน้าตาตื่นก็เหมือนจะทำอะไรไม่ถูก

แค่นี้ก็เข้าทางแล้ว จะไปยากอะไรล่ะ

“มึงจะแหกปากทำเหี้ยอะไรวะสัด”

อ้าวก็แหกปากช่วยน้องบัวไง เผื่อน้องบัวอยากให้ช่วยตะโกน พี่ก็ช่วยตะโกนแล้วไงครับ

โยธินกำลังยิ้ม ยิ้มหน้าระรื่น และจ้องหน้าของคนในอ้อมแขนในระยะประชิด

.............เฮ่อออออ...........เป็นแบบที่คิดจริง ๆ ด้วย..........

“คิดถึงจัง”

ห๊ะ มึงพูดอะไรนะ

ยังอยู่ในอาการงงไม่หาย ตั้งตัวไม่ได้ และโยธินที่ยังคงใช้แรงที่มีกอดรัดร่างของพนักงานใหม่ของแผนกขนส่งแน่นไม่ยอมปล่อย ก็ยิ่งยิ้มกว้างมากขึ้นกว่าเดิม

มีความสุขอะไรขนาดนี้ว๊า

ได้กอดเมียนี่มันมีความสุขแบบนี้นี่เอง หลังจากที่ไม่ได้เห็นหน้าค่าตามาเกือบเดือน
อาศัยหาเรื่องเดินไปคุยกับคนแผนกขนส่งบ่อย ๆ

อารมณ์แบบว่าไม่เห็นหน้าเจ้า เห็นเคาร์เตอร์หน้าแผนกก็ยังดี

แต่ตอนนี้ไม่ไหวแล้ว

คิดถึงจริง ๆ นะ ไม่อยากเชื่อเลยว่าตัวเองจะคิดถึงไอ้น้องเกรียนบัวลอยได้มากขนาดนี้

“ปล่อยกูดิ๊ ไอ้สัด แม่งถ้าไม่ปล่อยกูนะ กูจะเอาเลือดหัวมึงออกเดี๋ยวนี้แหละ กูบอกแล้วไม่ใช่หรือไง เจอกันอีกทีกูจะฆ่ามึง มึงยังกล้ามายุ่งกับกูอีกเหรอไอ้เหี้ยเอ้ยยยยย”

โห มันจะโหดไปถึงไหนวะ ผัวทั้งคน อยากให้ตายขนาดนั้นเชียว

“เดี๋ยวบัวก็เป็นม่ายกันพอดี ไม่กลัวเป็นม่ายหรือไง”

ม่ายบ้านพ่อมึงสิ ม่ายเหี้ยอะไรของมึง ไอ้โยธิน

“นี่ อยู่เฉย ๆ สิ จะดิ้นทำไมเนี่ย ไม่รู้หรือไงว่ามันเหนื่อย เดี๋ยวก็พี่กอดแน่นเกินไปบัวก็กระดูกแตกตายกันพอดี นี่คิด จะหาเรื่อง ผัว ไปถึงไหน ยอมง่าย ๆ หน่อยซิ”

ยอม ยอมมึงเนี่ยนะ มึงเป็นบ้าหรือไง เรื่องอะไรกูต้องยอมมึงด้วย มันไม่ใช่เรื่องที่กูต้องยอมมึงนะโว้ยยยยยยยยยยยยย
แล้วกูก็ไม่ใช่เมียมึงด้วย หยุดพูดจาเหี้ยๆ แบบนี้ซักทีเหอะกูไม่อยากฟัง

“ไอ้โยธิน อึก ปล่อยกู๊ ปล่อยสิวะ”

เออน่า เดี๋ยวก็ปล่อยแล้ว

“นับหนึ่งถึงสาม แล้วเดี๋ยวปล่อย หยุดดิ้นก่อนสิ”

มันใช่เรื่องที่กูต้องยอมมึงเหรอ โว้ยยยยยยยยยย ปล่อยกูเดี๋ยวนี้เลยนะ ปล่อยกู๊

“ยังจะดิ้นอีก เดี๋ยวเหอะ เดี๋ยวน่าดู”

น่าดูอะไร น่าดูอะไรของมึง

“หนึ่ง”

อะไรของมึง ไอ้สัดกวนตีนกูอีกแล้วนะ มึงกวนตีนกูอยู่ชัด ๆ

“สอง”

นับสามเมื่อไหร่ กูจะต่อยมึงให้หน้าหงาย กูจะฆ่ามึงทิ้งแล้วจะลากศพมึงหมกส้วมเลยคอยดู

“สาม”

ไม่ใช่แค่นับ แต่ในครั้งที่สาม โยธินกะจังหวะมาอย่างดีแล้ว
รีบกดปลายจมูกหนัก ๆ ที่ข้างแก้มของคนในอ้อมแขนที่แสนคิดถึง แล้วก็รีบปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นอิสระ

จังหวะที่น้องบัวกำลังงงนี่แหละ โอกาสเลย จะพลาดไม่ได้

ประตูห้องน้ำถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว และโยธินก็รีบชิ่งออกมา โดยไม่ให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว รีบวิ่งออกมาโดยไม่หันกลับไปมอง

ไม่ต้องมอง เพราะมีให้เดาสองอย่างคือ..... หนึ่ง....น้องบัวมันตั้งตัวได้ แล้วรีบวิ่งออกมาลากกูไปฆ่า
กับสอง.....น้องบัวมันยังงง แล้วก็ยืนเอ๋อ อยู่ตรงนั้น

อะไรซักอย่าง หนึ่งในสองข้อนั้น ข้อแรกไม่เท่าไหร่ ตายเป็นตายไม่ได้กลัว
แต่กลัวว่าจะเจอข้อสอง แม่งคงโคตรน่ารักมาก แล้วคราวนี้ก็คงอดใจไม่ไหว คงได้ใช้กำลังลากไอ้เด็กเกรียนไปทำมิดีมิร้ายในสถานที่ไม่เหมาะไม่ควร

แม่ง.....เกิดเป็นโยธินนี่มันเหนื่อยจริง ๆ ศัตรูรอบด้านไม่กลัว แต่ที่ต้องกลัว คือกลัวใจเมียคนเดียว

เฮ่อ..... แต่ว่าได้แค่นี้ก็ชื่นใจแล้ววะ ได้เห็นใบหน้าในระยะประชิดขนาดนั้น ได้เห็นท่าทางร้อนรนและเหมือนกำลังโมโหแต่ก็โมโหได้ไม่สุดนั่นอีก อะไรกันว๊า.....แบบนี้ก็แย่สิ หลงจริงจังเหอะ หลงจริงจังกันล่ะงานนี้

ถ้านี่เรียกว่าหลง ยอมรับเลย ว่าหลงน้องบัวแม่งจริง ๆ
ไม่รู้มันเอาอะไรมาทำให้หลง ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าหลงมันได้ยังไง ถึงจะไม่เข้าใจแต่ก็หลงไปแล้ว

และไม่ใช่หลงธรรมดา หลงแบบอาการหนักเข้าขั้นซะด้วย

แต่มุกนี้ที่ลอบเข้าหาจังหวะเผลอ ต่อไปคงใช้ไม่ได้ผลซะแล้ว คงต้องหาทางใหม่ๆ ไปเรื่อย ๆ

ก็เล่นกันท่ากันซะขนาดนั้น ไม่เปิดโอกาสให้เข้าใกล้เลยสักนิด แล้วจะให้ทำยังไง
อดใจมันก็อดใจได้อยู่ แต่ก็ขอซักนิดเหอะน่า

ขอให้ได้ชื่นใจบ้าง จะได้มีแรงสู้ จะได้มีความอดทนในการรอเพิ่มขึ้นอีกหน่อย

น้องบัว..........

น้อง......บัว....

โยธินกำลังยิ้ม เดินยิ้มไปเรื่อย ๆ และรีบวิ่งขึ้นตึกเพื่อเข้าไปที่แผนกขาย โดยไม่ทันเห็นว่ามีสายตาของใครมองอยู่

“แมวเข้าบ้านไปแล้ว ภารกิจลุล่วง”

วิเชียรส่งสัญญาณบอกคนที่รอฟังข่าว และคนที่รอฟังอยู่ก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ

บุ้งแท็กมือกับมีน และน้องพู่ ก็หันมาส่งยิ้มให้อำนาจด้วยความขำ

“ก็สงสารมันอยู่นะ แต่ก็ตลกว่ะ ไอ้โยธินนี่มันร้ายไม่เบา ดอดเข้ามางาบเอาจนได้ นึกว่ามันจะโง่ไม่รู้จักอาศัยช่องโหว่ที่เปิดให้ซะแล้ว ก็นับว่ามันฉลาดไม่เบา แต่น้อยกว่าพวกกูเปล่าวะ”

ีร่ายยาวไปเรื่อย และน้องพู่ก็เริ่มเบะหน้าและหันมาปรายตามองหน้าแฟนของตัวเอง

“ถ้าเป็นพี่แก๊ปคงคิดไม่ได้หรอก ว่าป่ะ”

โห่ พู่อ่ะ ทำไมอ่ะ ทำไมพี่ถึงคิดไม่ได้ล่ะ ว่าพี่อีกแล้วนะ  ทำไมพูดงี้อ่ะ น้อยใจเลยนะ น้อยใจ น้อยใจ

“ไม่ต้องมาทำหน้าบื้อเหอะ เป็นพี่แก๊ปจะทำยังไง จะคิดได้อย่างโยธินมันป่ะ”

เออว่ะ คงคิดไม่ทันหรอก

“พี่จะทำยังไง พี่ก็เดินหน้าอย่างเดียวสิ เจอกำแพงก็กระโดดข้าม เจอน้ำก็ว่ายข้ามไป เจอพู่เมื่อไหร่พี่ก็กระโดดเข้าใส่ ไม่เห็นยาก”

แล้วเสียงโห่ร้องด้วยความฮากับวาจาที่เกินคาดของไอ้แก๊ปก็ตามมาชุดใหญ่

“เออ...ไอ้ฉลาด..........”

วิโรจน์ส่ายหน้าแล้วก็ยิ้มออกมาด้วยความขำ

“แต่ถ้าเป็นมึง เห็นกำแพง เห็นแม่น้ำ มึงคงคิดกับหัวหน้าแผนกขายอารมณ์ประมาณว่าอยากพาไปเอ้าดอร์ใช่ป่ะล่ะ ไอ้โรจน์ ไอ้หื่นเงียบ ไอ้เก็บกดทางเพศ”

คำพูดของอำนาจยิ่งเรียกรอยยิ้มให้กับเพื่อน ๆ ร่วมแผนกขนส่งได้ไม่น้อย

และวิโรจน์ก็ยักไหล่ไม่ได้แคร์ กับสิ่งที่เพื่อนพูด

“เรื่องกู๊”

เหรอออออออออออ

“ไอ้หน้าด้าน มึงแม่งไร้ยางอาย”

แล้วกูเอาหน้ามึงไปด้านด้วยหรือเปล่า ก็ไม่ใช่

“ด่ากูจังเลยเนอะ ไอ้บัตรลดสิบห้าเปอร์เซ็นต์ที่พี่บาสจะให้กูรอบหน้า สงสัยกูคงไม่ต้องเสียสละให้มึงหรอกมั้ง”

โอ้ อย่าพูดอย่างนั้นสิ เพื่อนโรจน์ เพื่อนโรจน์ที่รักของแก๊ป

“อย่าทำอย่างนั้นนะวิโรจน์เพื่อนรัก วิโรจน์ไม่มีทางใจร้ายกับเพื่อนแสนดีอย่างอำนาจใช่มั้ย ใช่มั้ย ใช่มั้ย”

ไม่รู้ดิ นั่นก็แล้วแต่อารมณ์กู ช่วยไม่ได้ มึงอยากแขวะกูเอง ไม่ใช่เรื่องที่กูต้องสนใจไม่ใช่หรือไง

วิโรจน์ก็แค่ทำหน้าเฉย ไม่รู้สึกรู้สา เดินเข้าแผนกในไปแล้วโดยมีอำนาจเดินตามและยังคงสร้างมิตรสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนด้วยการเดินไปบีบนวดไหล่ของวิโรจน์ไม่ยอมหยุด

“ขอกูเห๊อะ กูอดอยากมานานแล้ว วันเสาร์นี้กูขอจัดหน่อยเหอะนะโรจน์ นะ นะ เพื่อน กูขอร้อง กูเงี่ยนจะตายห่าแล้วเนี่ย นะโรจน์นะ นะ นะ นะ โรจน์เพื่อนรัก”

อำนาจเดินตามวิโรจน์ไปแล้ว ส่วนน้องพู่ได้แต่ยืนหน้าแดง และทำหน้าไม่ถูก ที่ไอ้พี่แก๊ปมันแสดงออกชัดเจนแบบไม่มีกั๊กขนาดนั้น

“วันเสาร์นี้........โดนจัดแน่ล่ะว๊า พู่น้อยของพี่แก๊ป”

มีนแกล้งแซวคนที่ยืนทำหน้าไม่ถูก และก็หัวเราะออกมาเมื่อน้องพู่ ยิ่งก้มหน้าหนักกว่าเดิม แต่ก็ยังอมยิ้มน้อย ๆ ด้วยความเขิน

“ก็คนมันไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันนี่หว่า ก็ต้องเห็นใจกันมั่งดิ”

อ้าว โดนเบยยยยยยย

“อยู่บ้านเดียวกัน แต่ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันทุกวันนี่ ผมก็ต้องกลับบ้านตัวเองบ้างอะไรบ้าง”

อ้อมแอ้มตอบคนที่ยืนหน้าแดงแล้วคราวนี้คนที่เป็นฝ่ายหน้าแดงก็เป็นมีนซะเอง และน้องพู่ก็ยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม บอลมันเข้าทางมีหรือที่จะไม่ซัดให้ตุงตาข่าย โอกาสมาซะขนาดนี้แล้ว

“แสดงว่าโดนทุกวัน ไม่โดนเฉพาะวันที่กลับไปนอนบ้านว่างั้น”

เฮ้ยยยยยยยยยย มันก็ไม่ใช่อะไรขนาดนั้น พู่ก็พูดเกินปายยยยยยยยยยย

“ไอ้พู่มันรู้จริงวะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า เออ แม่งใครบอกมึงวะพู่ พี่นี่จัดให้มีนมันทุกวัน ไม่เคยขาดตกบกพร่อง ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

ไอ้...........พี่..............บุ้ง

เงยหน้ามองหน้าของหัวหน้าแผนกขนส่งแล้วมีนก็ยิ่งอายหนักกว่าเดิม ที่พี่บุ้งเป็นฝ่ายเล่นงานเมียตัวเองซะเอง

“ไหนบอกไม่อยากให้ใครรู้ แล้วพี่บุ้งพูดแบบนี้หมายความว่าไง”

ไม่ได้ด่า แต่ทำเสียงงุ้งงิ้งง๊องแง๊ง ด้วยความเขิน และหัวหน้าแผนกขนส่งก็พยักหน้าให้มีน และยังหันไปมองหน้าของน้องพู่ที่เห็นด้วยทุกประการและยิ้มออกมาเมื่อรู้ว่ามีพวก

“เราก็ต้องพูดให้คนที่นาน ๆ โดนทีมันนึกอิจฉาซะบ้าง กระตุ้นมันเยอะ ๆ เวลามันเอากัน พู่มันจะได้จัดไอ้แก๊ปแบบเต็ม ๆ ถูกมั้ยพู่..........นี่พี่พูดขนาดนี้ พู่ก็ต้องคิดเลยนะว่าจะจัดไอ้แก๊ปแบบเต็ม ๆ ยังไง มันจะได้หายเสี้ยน สงสารมัน”

อ่า หัวหน้าก็พูดซะ...........ผมไปไม่เป็นเลยเนี่ย

“ผมไปทำงานแระ งานค้างโคตรเยอะเลยอ่า”

ไม่พูดอะไรต่อ แต่พู่เดินหน้าแดงเข้าแผนกในตามอำนาจและวิโรจน์ไปเรียบร้อยแล้ว โดยมีสายตาของมีนและบุ้งมองตามแบบยิ้ม ๆ

“น่าสงสารนะนั่น แต่ก็น่าแกล้งอยู่เหมือนกัน”

มีนบอกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ และหัวหน้าแผนกขนส่งก็หัวเราะออกมา และมองหน้าของคนที่สงสารคนอื่นไปซะทั่ว

“สงสารคนอื่น แต่ไม่สงสารพี่เลยใช่มั้ย กลับบ้านอีกแล้ว ปล่อยพี่นอนคนเดียวตัลล๊อดดดดด งอนแล้วนะมีน”

เฮ้ยยยยยยยยย มันไม่ใช่แล้วพี่บุ้ง แบบนี้มันไม่ใช่

“เอ้า......ก็คนมันมีบ้านมีพ่อมีแม่เน่อ ก็ต้องกลับไปนอนบ้านบ้างสิ พี่บุ้งก็ว่าไป”

เออว่ะ คนมันมีบ้านให้กลับ มีพ่อมีแม่ให้ไปหา งั้นก็เอาแบบนี้แล้วกัน ไม่เห็นยาก

“งั้นวันนี้พี่ไปนอนบ้านมีนนะ เปลี่ยนบรรยากาศ เนอะ เนอะ”

ยักคิ้วให้กับมีนที่ตามไม่ทันและเมื่อมีนคิดได้ว่าสายตาของพี่บุ้งที่ส่งมามันหมายถึงอะไร มีนก็ถึงกับต้องเดินหนีเข้าไปในออฟฟิศเพื่อไปคีย์บิลน้ำมันที่ค้างเอาไว้

“ไม่เอาแล้ว ไม่คุยกับพี่บุ้งแล้ว คุยกับพี่บุ้งทีไรขาดทุกที”

โห่มีน จะไปขาดทุนอะไร มีแต่ได้กับได้แหละน่า

จะไปขาดทุนตรงไหนล่ะ ของ ๆ มีน ก็เหมือนของ ๆ พี่ น้ำของมีนก็เหมือนน้ำของพี่ น้ำของพี่ก็เหมือนน้ำของมีน แบ่ง น้ำมีนมาให้พี่ แบ่งน้ำพี่ไปให้มีน แบ่ง ๆ กันไป มีแต่กำไร ไม่เห็นจะขาดทุนตรงไหนเลย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 12-05-2014 23:28:08
“เป็นไรมึงบัวลอย หน้าแดงเถือกมาเลย ทำอย่างกะคนเพิ่งโดนปล้ำมา”

เหี้ยยยยยยยยยย

พนักงานใหม่แผนกขนส่งถึงกับทำหน้าไม่ถูก เมื่อเดินกลับมาที่แผนกแล้วโดนพี่วิเชียรที่กำลังรอขึ้นรถเอ่ยทัก

“อะไรพี่ ไม่มีหรอก ปล้ำอะไร ไม่มีหรอกพี่”

เหรอออออออออ กูเกือบไม่รู้เลยเนอะ กูโง๊โง่ โง่จนไม่รู้อะไรเลยเนอะบัวลอยเนอะ

“ไม่โดนปล้ำก็ดีแล้ว กูล่ะเป็นห่วงมึง กลัวโดนไอ้โยธินมันเข้ามาหาเรื่องอีกรอบ กูห่วงมึงมากกกกกกกกกกก”

ลากเสียงยาว ๆ และแกล้งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ และคนฟังก็เริ่มทำหน้าไม่ถูก

ขบริมฝีปากแน่น และใบหน้าก็ยิ่งแดงเรื่อเข้าไปใหญ่ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเพิ่งถูกคนบางคนหาเรื่องมา

และเป็นการหาเรื่องได้.............เจ็บแสบจนกูไปกล้าบอกใครเลยด้วย สัด

“ผมเอาตัวรอดได้พี่ ผมไม่เป็นไรหรอก”

เอาตัวรอดได้ และเป็นการเอาตัวรอดที่เก่งมว๊ากกกกกกกกกก
เอาตัวรอดโดยการโดนไอ้โยธินมันลากเข้าไปทำอะไรไม่รู้ในห้องน้ำอยู่นานสองนาน

นี่กูนึกว่ามึงจะได้เสียกับไอ้โยธินมันอีกรอบเลยนะเนี่ย

“ได้ยินแบบนี้กูก็เบาใจ พี่ ๆ คนอื่น ๆ เขาก็เป็นห่วง กลัวมึงจะไปโดนใครทำอะไรเข้า พวกพี่แม่งโคตรปวดใจมากจริง ๆ ว่ะบัวลอย เป็นเรื่องที่ยอมกันไม่ด้ายยยยยยย”

จริงใจสุด ๆ จริงใจซะจน ฮัทถึงกับต้องยกมือไหว้รุ่นพี่ด้วยความศรัทธาอย่างแรงกล้า

“ขอบคุณมากพี่วิเชียร ขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนด้วยที่เป็นห่วงผม”

น้องคนเล็กนี่หว่า ก็ต้องดูแลอย่างดี จะให้ปล่อยทิ้งปล่อยขว้างได้ไงล่ะ

“เออ มันเป็นหน้าที่ของพวกพี่อยู่แล้ว สำหรับมึง พวกพี่ยินดีจัดให้”

พูดออกมาแบบยิ้มๆ และเป็นรอยยิ้มที่สุรชาติต้องส่ายหน้าและนึกอยากจะหัวเราะออกมาให้รู้แล้วรู้รอด
วิเชียรนะ ยังไงก็ยังเป็นวิเชียรอยู่วันยังค่ำ

“พี่บาส ขำอะไรพี่ เดี๋ยวนี้ทำเป็นขำ”

ไม่ให้ขำได้ไง ก็มันน่าขำน้อยซะเมื่อไหร่ล่ะ

“ผมก็ชอบที่วิเชียรเป็นคนดีมีน้ำใจ ผมก็ดีใจกับบัวลอยมันแค่นั้น”

อ่อ เหรอ ครับ

“แล้วว่าไงล่ะ บัวลอย ไม่โดนหอมแก้ม ไม่โดนกอด ไม่โดนลวนลามอะไรมาแน่ ๆ นะ”  พี่สุรชาติถามด้วยใบหน้านิ่งเฉย

ไม่....อ่า ไม่ ไม่ ได้ โดน.....หรอก....หรอก...ครับ อยากจะตอบ ก็ตอบได้ไม่เต็มปากเต็มคำ

ก็เลยได้แต่พยักหน้าส่ง ๆ ไปงั้น แล้วก็เลี่ยงการถูกไล่ต้อนด้วยการเดินไปขึ้นรถของตัวเอง เ

“พี่สุรชาติแหย่มันนักกว่าผมอีกนะนั่น”

วิเชียรเอ่ยบอก และพี่สุรชาติก็หัวเราะออกมาด้วยความขำ

“ก็ขอยืมวิชาของวิเชียรมาใช้บ้าง น้องมันเขินแบบนี้ผมว่ามันก็น่ารักดี”

โห่

“พี่สุรชาติพูดแบบนี้ เดี๋ยวเด็กแผนกจัดซื้อคนนั้นก็เอาตายหรอก” แกล้งแซว และพี่สุรชาติก็ยิ่งหัวเราะออกมายิ่งกว่าเดิม

“คนนั้นที่หนึ่งในใจ ใครก็น่ารักไม่เท่าหรอกครับ แต่จะชมยูกิให้คนอื่นฟังมันก็จะเป็นการยอกันเกินไป เอาไว้ไปชมให้ฟังกันสองคนดีกว่า....ผมว่าเขาค่อนข้างเข้าใจ”

หวานกันใช่เล่นเลยนี่หว่า ยุอะไรไม่ได้เล้ยยยยยยยยย คู่นี้

“ว่าแต่วิเชียรเถอะนะ คุณวิษณุเขาชมว่าวิเชียรน่ารักบ้างหรือเปล่า บางทีคำพูดพวกนี้มันก็เป็นน้ำหล่อเลี้ยงให้จิตใจของคนเราชุ่มชื่นขึ้นนะ”

เฮ้ย........พี่สุรชาติเรื่องนั้นพี่ไม่ต้องห่วงเลย เรื่องนี้เฮียพูดกับผมบ่อยมาก

“ชมทุกวันแหละครับ ชมว่าเชียรของเฮียน่ารัก ชมมันเช้าสายบ่ายเย็นแหละครับ เอากันเมื่อไหร่ เฮียก็ชมผมว่าน่ารักตลอด นี่ผมก็เลยต้องขยันทำตัวให้น่ารักบ่อยๆ เฮียจะได้ชมผมบ่อย ๆ........เมื่อเช้าตอนเอากันก่อนมาทำงานเฮียก็ชมว่าผมน่ารัก.....ก็ธรรมดาแหละครับ คนมันน่ารัก เฮียก็ต้องชม.....ชมกันทีไร ผมก็เสียน้ำเสียเหงื่อซะทุกที.....แม่ง....ถ้าจะชมกันขนาดนี้ผมก็ดีใจมาก ๆเลยเถอะให้ตาย”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-05-2014 23:48:50
เปิดทางให้ขนาดนี้แล้วก็ทำให้ได้ล่ะโยธิน สู้ๆ แต่ปิดท้ายได้ใจโดยวิเชียรอีกแล้วครับท่านร้อนแรงตลอด
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: @rnon ที่ 12-05-2014 23:49:16
 :hao6:

น้องบัว อิๆๆๆ น่าร้าก มาแรงอีกคู่แระ

 :hao5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 13-05-2014 00:10:40
 :laugh:   เอาแล้วๆๆ คนวางปลาล่อแมวซะแล้ววว   :hao3:  แต่จบท้ายที่ท่านวิเชียร คิดถึงเฮียกับวิเชียรจัง  :hao6:   
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 13-05-2014 00:13:00
แหม่....วิเชียรนี่ร้อนแรงตลอดเวลา 555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 13-05-2014 00:24:43
 น่ารักทุกคู่ :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 13-05-2014 06:18:29
แต่ละคู่นี่เนอะ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 13-05-2014 06:31:44
สู้สู้โว้ยโย น้องมันมีใจ ทางเริ่มเปิดล่ะ

แซ่บเว่อร์ สมเป็นตัวแม่ แผนกขนส่งนะฮ่ะวิเชียร ". เชียรของเฮียน่ารัก ". 555
หัวหน้าแผนกขนส่งกะน้องมีน จัดกันทุกวันที่อยู่ด้วยกัน....เลยหรา
อ้น กะ พีท ทุกวันต่อด้วยทุกเช้า.....ห๊า พีทร้อนแรงตลอดเว
พี่บาสกะกิ เอาไงสู้เค้าป่ะ
พี่แก็ปน้องพู่ นานๆทีแต่โดนหนัก 555
แผนกนี้ ..... มันขนส่งความหื่นชัดๆ 555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 13-05-2014 07:42:18
หวังว่าจะรู้ใจตัวเองแล้วก็ไม่ทำให้น้องบัวลอยร้องไห้อีกนะนายโย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 13-05-2014 08:27:10
แมวได้งับปลาย่างคำนึงแว้วววว  :hao6:

หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 13-05-2014 08:32:03
วิเชียร  :haun4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 13-05-2014 09:20:39
น่ารักมากบัวลอย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 13-05-2014 10:14:49

(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/10/โยธิน_บัวลอยNk8Sn.jpg)
รักเกิดในแผนกขนส่ง....ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน ฝากเลี้ยง

เสียงร้องเหมียว ๆ ของแมวขาเป๋ที่ดังจากในห้องเป็นหลักฐานชั้นเยี่ยมที่ทำให้ไม่สามารถปฏิเสธได้อีก

“เค้าห้ามเลี้ยงสัตว์นะคะ ผู้เช่ารายอื่นเขาร้องเรียนมาว่าได้ยินเสียงคล้ายแมวร้อง พี่ก็เห็นใจนะคะ แต่ว่าอพาร์ทเม้นเราไม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้จริง ๆ ยังไงต้องเอาสัตว์เลี้ยงออกไปวันนี้เลยค่ะ ไม่งั้นน้องก็ต้องย้ายออก”

หน้าจ๋อยสนิท ยืนก้มหน้าก้มตารับคำเจ้าของอพาร์ทเม้นท์ที่เช่าอยู่แล้วก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปดี

“ไม่มีทางอื่นเลยเหรอครับ ผมสงสารมันจริง ๆ”

อ้อมแอ้มพูดออกไปและเจ้างของอพาร์ทเม้นท์ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่ายที่จะอธิบาย

“น้องคะ กฎก็ต้องเป็นกฎนะคะ ถ้าพี่ให้น้องเลี้ยงห้องอื่น ๆ เขาก็มีสิทธิ์เลี้ยงค่ะ แล้วกฎจะมีไว้ทำไมล่ะค่ะ ถ้าปฏิบัติตามไม่ได้ ไม่งั้นน้องก็ย้ายออกค่ะ มีแค่นี้เอง ไปสืบดูเถอะค่ะ ที่ไหน ๆ ก็ไม่มีใครให้เลี้ยงสัตว์หรอกค่ะ เว้นแต่น้องจะมีคอนโดเป็นของตัวเองอันนี้ก็ไม่แน่”

ครับ ผมเข้าใจแล้ว

ได้แต่ก้มหน้ารับคำหน้าจ๋อย และก็หยุดขอร้องหยุดอธิบาย

“ที่จริงน้องไม่น่าหาภาระให้ตัวเองหรอกนะ ถ้ายังไม่พร้อม ไม่ใช่ว่าพี่ไม่เห็นใจนะ แต่พี่ให้น้องเลี้ยงสัตว์ไม่ได้จริง ๆ น้องจะคิดยังไงก็แล้วแต่น้องนะ เดี๋ยวพี่จะรออยู่ข้างล่างแล้วกัน เอาออกไปตอนไหน ก็บอกพี่ด้วย”

เจ้าของอพาร์ทเม้นท์ไม่อยากจะพูดให้มากความ และฮัทที่ไม่รู้จะทำยังไงต่อไป ก็จำใจเดินเข้าห้อง มานั่งเหงา ๆ ซึมๆ อยู่คนเดียวโดยมีแมวขาเป๋ เดินมานั่งอยู่ข้าง ๆ

หน้าตามันไม่ได้น่ารัก เป็นแมวสีดำที่เจอระหว่างกำลังขับมอร์เตอร์ไซด์กลับที่พักแล้วต้องรีบเบรกจนรถแทบจะคว่ำ เพราะมันตะเกียกตะกายอยู่กลางถนน

ไม่ได้อยากเลี้ยง บอกตรงๆ ว่าไม่อยากเลี้ยง
แต่ต้องเอามาเลี้ยงเพราะมันอดไม่ได้ ใครจะไปใจร้ายได้ลงคอในเมื่อสายตาของมันที่มองมา ดูซึมเศร้าและหวาดกลัวมากเหลือเกิน

“ไอ้ดำ เอายังไงต่อล่ะมึง อยู่ไม่ได้แล้วจะให้ไปอยู่ที่ไหนวะ แม่ง”

ได้แต่นั่งครุ่นคิดด้วยความกลุ้ม
และไอ้ดำแมวขาเป๋ตัวที่ว่าก็เอาหูมาถูที่แขน โดยที่ไม่รู้เลยว่าสร้างปัญหาใหญ่ให้กับคนเลี้ยงซะแล้ว

ย้ายออกมันก็ย้ายได้อยู่ แต่จะย้ายไปอยู่ที่ไหนล่ะ
ในเมื่อวางเงินประกันไปแล้วสามเดือน ถ้าย้ายออกโดยที่ยังไม่ครบสัญญา เงินหมื่นกว่าบาทมีอันสูญไปไม่เหลือ
มันอาจไม่ใช่จำนวนเงินที่มากมายสำหรับใครบางคน แต่สำหรับฮัท มันเป็นเงินไม่ใช่น้อยเชียวล่ะ

เด็กจบใหม่และเพิ่งทำงานได้ยังไม่ถึงสามเดือน จะไปเอาเงินทองที่ไหนมามากมาย

การใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังในเมืองใหญ่ โดยไม่มีทรัพย์สินติดตัวมาเลย มันไม่ใช่เรื่องสบาย จะให้แบมือขอเงินที่บ้าน ก็ทำได้ แต่มันสมควรแล้วหรือ ในเมื่อเป็นคนออกปากว่าจะออกมาอยู่ด้วยตัวเอง จะลองเลี้ยงดูตัวเองให้ได้ โดยไม่ขอเงินพ่อแม่

แล้วจะให้กลับไปขอ มันไม่ใช่แล้ว แล้วปัญหาที่เกิดขึ้นล่ะ จะให้ทำยังไง เลี้ยงไม่ได้ แล้วจะให้เอาไปปล่อยทิ้งไว้เหรอ
มันก็................ไม่ใช่หรือเปล่าวะ

ก่อนหน้านี้เคยพยายามหาคนเลี้ยงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพี่ ๆ ที่แผนกขนส่ง เริ่มจากพี่บาสซึ่งเลี้ยงไม่ได้เพราะที่บ้านมีหลานแบเบาะ
ยูกิ ก็อยู่กับครอบครัว ที่บ้านยูกิไม่นิยมเลี้ยงสัตว์

มีน ก็เลี้ยงไม่ได้เพราะไม่มีเวลา ไป ๆ มา ๆ ระหว่างบ้านพี่บุ้งกับบ้านตัวเอง จะเอาไปทิ้งไว้ให้เป็นภาระของพ่อแม่มีนก็ไม่ใช่เรื่อง

พี่บุ้ง ไม่ต้องคุยเลยขานั้น เลี้ยงเยอรมันเชฟเฟิร์ต ตัวใหญ่ยักษ์สองตัวเอาไว้เฝ้าบ้าน เพราะว่าบ้านพี่บุ้งมีบ่อปลา เอาไว้เลี้ยงเฝ้ากันขโมยโดยเฉพาะ  ไม่รวมหมาไทยหลังอาน และหมาบ้านพันธ์ทางอีกอย่างละหนึ่งตัว แค่นั้นก็ปาเข้าไปสี่ตัวแล้ว ไอ้ดำแมวขาเป๋จะไปอยู่ยังไง ได้โดนหมาขย้ำตายพอดี

น้องพู่ แม่มันเกลียดสัตว์ ขืนเอาไปเลี้ยงได้โดนแพ่นกบาลตาย
พี่อ้นเหรอ เลิกคุยได้เลย ไม่เห็นเคยมีประวัติว่าที่บ้านนิยมเลี้ยงสัตว์ ยิ่งแมวพันธ์ทางขาเป๋ยิ่งไม่ต้องคุย ถ้าจะเลี้ยงคงจะเลี้ยงแมวสวย ๆ งาม ๆ ไว้ประดับบารมีของคนที่บ้าน

วิโรจน์ ไม่ต้องคุย เพราะมันอยู่อพาร์ทเม้นท์เหมือนกัน

พี่วิเชียร................เป็นไปได้ยากมาก แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ถ้าจะขอร้องกันจริง ๆ แต่พี่วิเชียรไม่ได้อยู่บ้านตัวเอง คนที่พี่วิเชียรอยู่ด้วย เป็นถึงผู้กว้างขวางแห่งภาคตะวันออก คงไม่นิยมเลี้ยงแมวดำ แถมขาเป๋เอาไว้ในบ้านให้เกิดความไม่เป็นสิริมงคลหรอก

สุดท้ายไม่ใช่ว่าไม่มีความหวัง เอาเข้าจริง ๆ มันก็ยังพอมีอยู่
เคยเห็นพี่แก๊ปบ่น ๆ ว่าที่บ้านขายของชำ และบางทีก็ต้องหากาวดักหนูมาดักหนูให้วุ่นวาย

บางทีพี่แก๊ปอาจช่วยได้....

คิดได้แล้ว ฮัทก็รีบลงมือกดค้นหาหมายเลขโทรศัพท์ของอำนาจและโทรออกทันที

“พี่แก๊ปเหรอ  มีเรื่องจะรบกวนหน่อย”

เรื่องอะไรวะ

อำนาจกำลังวุ่นวายอยู่กับการกรอกเหล้าเข้าไปในขวดเครื่องดื่มชูกำลังเพื่อแบ่งขาย และก็ต้องละมือจากการกรอกเหล้ามารับโทรศัพท์ของรุ่นน้องในแผนกที่โทรหา

“เออ มีไรวะบัวลอย โทรหากูได้เนี่ย พูดเร็ว ๆ นะกูกำลังกรอกเหล้าอยู่”

ก็ไม่มีอะไรหรอกพี่ คือว่าอย่างนี้.........

“พี่แก๊ปหาแมวไปเลี้ยงอยู่หรือเปล่าพี่ เห็นพี่บ่น ๆ ว่าที่ร้านหนูชุมไม่ใช่เหรอ”

อ๋อ เออใช่

“แม่กูหามาแล้ว เมื่อวานนี้เอง สองตัวคู่เลยเว้ย จัดเป็นกองกำลังขับไล่หนูโดยเฉพาะ แม่กูบอกมา”

อ่า เหรอ จริงดิพี่แก๊ป

“ไม่อยากได้อีกซักตัวเหรอ”

อยากได้เหรอ ไม่นะ กูเลี้ยงไว้ไล่หนู จะเอามาทำไมมากมายวะหลายตัว สองตัวก็เหลือแหล่แล้ว

“ทำไมวะ มึงจะฝากอีกตัวเหรอ ก็ได้นะ กูไม่มีปัญหา”

ยิ้มได้แล้ว ยิ้มออกทันทีเมื่อรุ่นพี่บอกมาแบบนั้น รอดแล้วมึงไอ้ดำ มีที่อยู่แล้ว

“แต่ขอแบบว่าเปรียวๆ หน่อย เอาแบบว่าท่าทางจับหนูเก่ง ๆ นะ นี่แม่กูไปเลือกเองเลย เอาตัวที่ดูไม่ขี้เกียจ แล้วดูหน้าตามันคล่อง ๆ น่าจะวิ่งไล่กับหนูที่บ้านกูได้ มึงก็เอามาสิ กูขอแบบตัวเปรียวๆ เอาแบบเก๋า ๆ เลย มีประวัติจับหนูมาอย่างโชกโชนยิ่งดี”

เอ่อ พี่แก๊ป คุณสมบัติที่พี่บอกมา แมวผมไม่มีซักข้อเลยพี่มาเลยยังไง
มาเลยไม่ได้ เพราะขามันเป๋.......มันคงมาเลยไม่ได้ ถ้าคนคิดจะเลี้ยงคงไม่มีอะไรมากมายหรอก แค่เลี้ยงไว้เป็นภาระ..........เท่านั้น

ถึงกับไปไม่เป็น และก็ต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

จบข่าว ไม่ต้องคุยต่อ

“งั้นไม่เป็นไรพี่.....พี่แก๊ปขอบคุณมากพี่ ผมไม่รบกวนแล้ว”

วางสายจากรุ่นพี่ และไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี  เริ่มค้นหาหมายเลขโทรศัพท์ในเครื่องของคนที่น่าจะพอให้พึ่งพาได้

ค้นหาไปเรื่อย ๆ
โทรแล้วโทรเล่า ไม่ว่าใครก็ตามที่มีชื่ออยู่ในโทรศัพท์ก็ไม่สามารถเลี้ยงแมวได้ซักคน

สุดท้ายท้ายสุด ความหวังที่แสนเลือนลางริบหรี่แต่บางทีคน ๆ นี้อาจจะพอช่วยได้

……….พี่วิเชียร.................

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 13-05-2014 10:19:44
ฮัทกำลังนั่งรออย่างใจจดใจจ่อ เมื่อพี่วิเชียรบอกว่าน่าจะมีคนพอช่วยได้อยู่หนึ่งคน

แล้วอีกไม่เกินห้านาทีพี่วิเชียรจะให้ทางนั้นติดต่อมาเอง

ก็เลยได้แต่นั่งรอ รอด้วยใจเต้นระทึก

ก่อนหน้านี้โทรไปหาพี่วิเชียร และพี่วิเชียรก็หัวเราะออกมาด้วยความขำ เหมือนพี่วิเชียรคิดอะไรบางอย่างแต่เพียงไม่นานพี่วิเชียรก็บอกว่า เรื่องนี้ไม่ยาก เพราะน่าจะมีคนอยากเลี้ยงแมวอยู่หนึ่งคน

พี่คนนั้นนิสัยเหมือนแมว ไม่รู้ว่าเหมือนยังไง แต่เห็นบอกว่าชอบกินปลาย่าง
มันเกี่ยวอะไรกับปลาย่างวะ กูไม่เข้าใจ แต่พี่วิเชียรพูดไปขำไป ทำเหมือนเรื่องตลกซะเต็มประดาทั้งที่กูโคตรเครียด

มีการย้ำนักย้ำหนาอีกนะ ว่าแน่ใจเหรอว่าจะให้คนนั้นโทรหาจริง ๆ แล้วทำไมถึงจะไม่ให้โทรหาวะ ถ้าใจดีอยากรับไอ้ดำไปเลี้ยง ก็โทรมาเถอะ ขอร้องเลยด้วยว่าให้โทรมา หรือจะให้กูเป็นฝ่ายโทรไปเองก็ยังได้

แต่ขอร้องจริง ๆ เถอะ ขอให้พี่เขาเมตตาอยากเลี้ยงไอ้ดำอยากเอามันไปอุปการะเลี้ยงดูต่อไปจริง ๆ ด้วยความเอ็นดูหรือสงสารในความพิการของมันก็พอ

ถึงมันจะตัวดำ ขาเป๋ แต่ดวงตามันใสซื่อเหลือเกิน แม้ไม่อยากรักมัน ก็รักมันไปซะแล้ว แม้ไม่อยากเลี้ยง แต่แค่คิดว่ามันต้องถูกเปลี่ยนมือเปลี่ยนเจ้าของ

ฮัทก็รู้สึกใจหายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“ดำเอ้ย กูก็ช่วยมึงได้แค่นี้จริง ๆ นะ แล้วนี่จะต้องไปอยู่กับคนอื่นจริง ๆ เหรอ กูทำใจไม่ได้จริง ๆนะดำ”

มองเจ้าแมวขาเป๋ตากลมที่มาคลอเคลียอยู่ข้าง ๆ และตอนนี้มันปีนขึ้นมาม้วนตัวนอนอยู่บนตักของฮัทซะแล้ว

มองมันแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอีกหลายครั้ง
แตะฝ่ามือไปที่ลำตัวของมัน ลูบที่หัวและเกาคางให้ไอ้ดำที่นอนหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข โดยที่มันไม่รู้เรื่องเลย
ว่าเรากำลังจะต้องจากกัน

เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ปลุกให้ฮัทหลุดจากภวังค์ รีบกดรับสายหมายเลขแปลก ๆ ที่โทรเข้ามาหาแล้วก็รีบกรอกเสียงพูดลงไป

“สวัสดีครับ ฮัทครับ”

ปลายสายยังไม่ตอบกลับมาและเหมือนลังเลที่จะพูดอะไรบางอย่าง

“พี่ครับ พี่ใช่คนที่จะมาเอาแมวไปเลี้ยงหรือเปล่าพี่”

ชิงพูดก่อน และคราวนี้ก็ยิ้มได้ เมื่อปลายสายเริ่มพูดคุยด้วยแล้ว

“งงอ่ะครับ เพราะว่าคุณวิเชียรบอกว่าน้องที่แผนกชื่อบัวลอย พี่ก็เลยค่อนข้างงง เพราะน้องบอกว่าชื่อฮัท”

อ๋อ เรื่องนั้นเหรอพี่ ไม่ต้องแปลกใจหรอกครับ

“ที่แผนกผมเขาเรียกผมแบบนี้ครับพี่ เขาเรียกบัวลอยกันจนผมแทบจะลืมชื่อตัวเองไปแล้ว”

อ่อ อย่างงั้นเองเหรอ

“งั้นพี่เรียกเหมือนคนอื่น ๆแล้วกันนะครับ น้องบัว….ลอย”

อะไรก็ได้พี่ แล้วแต่พี่จะเรียกเลย

“เอาเหอะครับจะบัวลอย บัวเผื่อน บัวผันอะไรก็เอา ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ว่าแต่พี่จะเอาแมวผมไปเลี้ยงจริง ๆ ใช่มั้ย ผมบอกก่อนนะพี่ มันขาเป๋ แล้วก็สีดำสนิททั้งตัว พี่ถือหรือเปล่า เรื่องโชคลางอะไรแบบนี้”

ก็ไม่ถือล่ะครับ

พี่ค่อนข้างเชื่อว่า แมวดำขาเป๋ตัวนี้ จะนำสิ่งดี ๆ มาสู่พี่
แล้วเป็นสิ่งดี ๆ ที่ไม่ต้องรอนานนะครับ เพราะสิ่งดี ๆ มันเริ่มตั้งแต่วินาทีนี้แล้ว

“ไม่มีปัญหาครับ พี่ยังไงก็ได้ แล้วน้องแน่ใจนะครับว่าจะให้พี่เลี้ยงจริง ๆ จะไม่มีปัญหากับพี่ภายหลังใช่มั้ยครับถ้าพี่เอาไปเลี้ยงให้”

ทำไมต้องมีปัญหาด้วยวะ ไม่ใช่เรื่องที่กูจะมีปัญหาไม่ใช่เหรอวะ

“ถ้าพี่เลี้ยงมันแบบทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ หรือตีมัน ผมก็ว่าผมอาจจะมีปัญหาครับพี่ แต่พี่จะไม่ทำแบบนั้นใช่มั้ย มันน่าสงสารมากเลยนะครับพี่”

ไม่หรอก ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่ปัญหามันจะเกิดก็เพราะเจ้าของเก่ามากกว่า

“พี่จะไปทำแบบนั้นทำไมครับ พี่ได้อะไรไปจากน้องพี่ก็ต้องรับผิดชอบให้ถึงที่สุด......น้องบัวไม่เชื่อพี่เหรอครับ”

พูดยังไงวะ พูดจาแปลก ๆ ได้อะไรไปจากกูแล้วต้องรับผิดชอบให้ถึงที่สุด เออ ก็คงจะต้องรับผิดชอบมั้ง เอาไปเลี้ยงแล้วนี่หว่า
ก็คงจะต้องรับผิดชอบ มันก็ถูกอย่างที่พี่เขาพูด

“แล้วนี่น้องบัวทานข้าวยังครับ ดึกป่านนี้แล้ว”

ห๊ะ เกี่ยวอะไรกับกูกินข้าวหรือไม่กินข้าววะ หรือเขาถามไปตามมารยาทวะ งั้นกูก็ควรตอบไปตามมารยาทใช่มั้ยวะ

“ก็กินแล้วนะพี่ แล้วพี่ล่ะครับ กินข้าวหรือยัง”

เอาซะหน่อยวะ ในฐานะที่เขาจะเอาไอ้ดำไปเลี้ยง กูก็ควรแสดงน้ำใจไมตรีกับพี่เขาหน่อย จะได้ไม่เป็นการไร้มารยาทจนเกินไป

“พี่กินแล้วเหมือนกันครับ ในอนาคตเราคงได้กินข้าวด้วยกันซักมื้อ หรือหลาย ๆ มื้อคงจะดีนะครับ”

เออมันก็ต้องได้กินอยู่แล้วแหละพี่ อย่างน้อยผมก็ต้องไปไถ่ถามบ้างว่าไอ้ดำมันเป็นยังไง มันไปสร้างปัญหาให้พี่หรือเปล่า หรือมีอะไรให้ผมช่วยรับผิดชอบมั้ย อาจจะเรื่องค่าอาหาร หรือค่าอะไรต่าง ๆ จิปาถะซึ่งผมก็ยินดีที่จะจ่าย

“งั้นผมขออนุญาตเลี้ยงข้าวพี่ซักมื้อแล้วกันนะครับ ถือว่าเป็นการขอบคุณที่พี่เอาไอ้ดำมันไปเลี้ยง”

จะดีเหรอครับน้อง แน่ใจแล้วนะ ที่พูดออกไปอย่างนั้น

“ถ้าพี่ถือเป็นคำสัญญาได้หรือเปล่าครับ น้องบัวสัญญาแล้วน้องบัวจะรักษาสัญญาแน่เหรอครับ”

แน่สิวะ ทำไมกูถึงจะไม่รักษาสัญญาด้วยวะ

“ผมพูดคำไหนก็คำนั้นครับพี่ ยังไงผมก็ต้องเลี้ยงข้าวพี่ให้ได้ครับ พี่อย่าปฏิเสธเลยครับ ถือว่าผมขอร้อง”

งั้นเหรอ งั้นก็ไม่ปฏิเสธแล้วกันนะ เพราะน้องบัวอุตส่าห์ลงทุนอ้อนวอนขอร้องพี่เอง

“จำคำนี้ไว้นะครับ”

จำสิครับพี่ ทำไมผมจะไม่จำล่ะ พี่พูดอะไรแปลก ๆ เหมือนกันนะ แต่ก็ช่างเถอะ ผมไม่คิดว่าพี่เป็นคนไม่ดีหรอก อย่างน้อยพี่ก็คงเป็นคนดีในระดับหนึ่งไม่งั้นพี่วิเชียรคงไม่แนะนำพี่ให้ผมได้รู้จัก

“ขอถามอีกหนึ่งคำถามได้มั้ยครับน้องบัว”

เอาเลยครับ ถามอีกกี่คำถามก็ได้ ผมยินดีตอบพี่ทุก ๆ คำถาม

“พี่จะถามอะไรพี่ถามได้เลยครับ อันไหนผมตอบได้ผมก็ยินดีจะตอบให้”

เหรอครับ งั้นพี่ก็ไม่เกรงใจแล้วกันนะ

“พี่ได้ยินว่าที่น้องบัวเลี้ยงเจ้าดำไม่ได้ เพราะแฟนน้องบัวไม่ให้เลี้ยงจริงหรือเปล่าครับ”

แฟนกูไม่ให้เลี้ยงเหรอวะ แฟนอะไรวะ กูจำไม่เห็นได้ว่าไปมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่

“ผมไม่มีแฟนนะพี่ เรื่องแฟนผมไม่ให้เลี้ยงยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ ที่อพาร์ทเม้นท์ที่ผมเช่าอยู่เขาไม่ให้เลี้ยงสัตว์ครับ แต่ผมแอบเลี้ยง มันเลยมีปัญหา เขาจะไม่ยอมให้เช่าต่อถ้าผมจะฝืนเลี้ยงต่อไป”

นั่นไม่ใช่ประเด็นหรอกครับ ประเด็นที่พี่สนใจก็คือ
ตกลงน้องบัวมีแฟนหรือเปล่า หรืออย่างน้อยมีใครอยู่ในใจหรือเปล่า พี่จะได้คิดว่าจะเอายังไงต่อไปดี

จะถอย หรือจะสู้ต่อ ก็แค่นั้น

“ไม่มีแฟนเหรอครับ แล้วคนที่ถูกใจอะไรพวกนี้ก็ไม่มีเหรอ พี่หมายถึงว่า เพราะคนที่ถูกใจหรือกำลังคุยกันหรือเปล่าที่ทำให้น้องบัวเลี้ยงสัตว์ไม่ได้เพราะคนนั้นอาจจะไม่ชอบ”

ไม่หรอกครับพี่ ผมก็บอกพี่ไปแล้วไง อย่างที่บอกไปนั่นและครับว่าผมไม่มีแฟน หรือแม้กระทั่งคนรักอะไรพวกนั้นก็ไม่มี

“ผมโสดครับพี่ โสดสนิท สนิทมาก ๆ แล้วที่ผมเลี้ยงไม่ได้ก็อย่างที่บอกพี่ไปแล้วนั่นแหละครับ ไม่เกี่ยวกับแฟนหรือคนที่คุยกันอยู่อะไรพวกนั้นแต่ประการใด”

ชัดเจนแล้วครับ

พี่สบายใจแล้ว แบบนี้ก็คุยกันได้อีกยาว ๆ หน่อย

“ว่าแต่พี่ชื่ออะไรครับ คุยมาตั้งนาน ผมยังไม่รู้ชื่อพี่เลย”

ชื่อพี่เหรอครับ พี่ก็ชื่อ.........

“เรียกว่าพี่โยก็ได้ครับ พี่ชื่อโย”

โย....................

อ่า....................

ชื่อคล้าย ๆ นะ........คล้ายๆ ไอ้เหี้ยนั่น......คล้ายมาก....

ถึงกับชะงักและนิ่งงันไปชั่วขณะ แม้ไม่อยากคิดแต่จิตใจก็หวนไปนึกถึงใครบางคนที่มีชื่อใกล้เคียงกับชื่อของพี่โยคนที่กำลังคุยด้วยตอนนี้

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ น้องบัว ทำไมเงียบไป พี่พูดอะไรไม่ดีไปหรือเปล่าครับ”

..............

เอ่อ........ เปล่าหรอกครับพี่..... พี่ไม่ได้พูดอะไรไม่ดีหรอกครับ...... มันผิดที่ผมเอง
ที่ในหัวเริ่มคิดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นมาอีกแล้ว เรื่อง........ที่ไม่ควรจะคิด

“เปล่าครับพี่ ไม่มีอะไรครับ ว่าแต่ชื่อเล่นพี่ชื่อโยคือโยอะไรครับพี่ โยโย่ หรือเปล่า”

เข้าใจคิดนะ โยโย่อะไรกันล่ะ ไม่ใช่หรอก

“โยเยต่างหากล่ะครับ ตอนเด็ก ๆ ร้องไห้งอแงจนที่บ้านเอือมระอากันเชียวล่ะ เรียกกันแต่ว่าโยเย โยเย พอโตขึ้นมาก็เลยเรียกโยอย่างเดียว จะให้เรียกว่าโยเย เหมือนสมัยเด็กๆ มันก็คงจะดูยังไงอยู่ ว่ามั้ยครับ”

ฮัทกำลังยิ้ม ยิ้มออกมาเมื่อฟังเรื่องที่พี่โยเล่าให้ฟังถึงที่มาของชื่อตัวเอง

“ฮาดีเหมือนกันครับพี่”

งั้นเหรอครับ พี่ก็ว่าตลกดีเหมือนกัน เวลาที่เล่าให้ใครฟังแบบนี้แล้วพี่ก็ว่าคนฟังคงได้แอบหัวเราะด้วยความขำกันบ้าง

“น้องบัวท่าทางจะเป็นคนร่าเริงยิ้มง่ายนะครับ”

ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกพี่

“ผมก็ธรรมดาเรื่อย ๆ ครับ ไม่ได้ตลกเส้นตื้นอะไรขนาดนั้น ว่าแต่ผมจะเอาไอ้ดำไปฝากพี่ได้ที่ไหนครับ ผมยังไม่รู้ว่าจะพาไอ้ดำไปหาพี่ยังไงดี”

เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกครับ

“พรุ่งนี้น้องบัวฝากคุณวิเชียรไว้ได้เลยครับ เดี๋ยวคุณวิเชียรเขาเอามาส่งให้พี่เอง”

ได้ฟังแค่นี้ก็โล่งใจแล้ว แค่ได้ฟังแค่นี้ก็สบายใจขึ้นได้อีกมากโข

“ขอบคุณมากครับพี่”

ไม่เป็นไรครับบัว

“ดึกแล้วเหมือนกันนะครับ อยากจะคุยกับน้องบัวอีกซักหน่อย แต่พอจะทราบมาบ้างว่าพรุ่งนี้น้องบัวต้องออกต่างจังหวัดตั้งแต่เช้าเพื่อไปส่งของใช่หรือเปล่าครับ”

ใช่ เรื่องนั้นมันก็ใช่อยู่

“ออกประมาณตีห้าครึ่งครับ ผมก็ต้องรีบไปที่โรงงานเช้าหน่อย ว่าแต่พี่ทราบได้ยังไงครับ พี่วิเชียรบอกมาเหรอ”

ไม่สามารถบอกได้จริงๆ ครับ จะให้พี่พูดออกไปได้ยังไงว่าคุณวิเชียรไม่ได้เป็นคนบอกหรอก แต่พี่รู้ตารางเวลาการเดินรถของบัวทุกวันแหละ ไม่ว่าวันไหน  แต่พี่ก็ไม่คิดจะก้าวเข้าไปในพื้นที่ของบัวหรอก พี่ไม่อยากให้บัวอึดอัดใจเวลาที่กำลังปฏิบัติงาน ก็มีบางครั้งที่พี่แอบไปดูว่าบัวอยู่ที่ไหนทำอะไรตรงไหน

มันแย่หน่อยที่พี่ไม่สามารถเดินดุ่ม ๆ เข้าไปหาได้ เพราะคนเทรนส์งานให้น้องคือคุณวิเชียร

คุณวิเชียรประกบน้องไม่ห่างขนาดนั้น พี่ก็ไม่กล้าจะยุ่งมาก เดี๋ยวจะโดนตอกกลับมาหน้าหงาย
แล้วเรื่องที่จะได้เข้าใกล้บัวเพิ่มขึ้น คงจะยิ่งห่างไกลออกไปเรื่อย ๆ

เพราะทางนั้นเขาเตือนพี่มาแล้ว ว่าลิมิตที่ให้เจอบัวได้ ระยะห่างที่ได้เห็นได้แค่ไหน

ถ้าพี่ชอบบัว พี่ก็อยากให้คนรอบข้างของบัวเห็นดีเห็นงามไปด้วย ไม่ใช่ว่าพี่ชอบบัวแล้วคนรอบข้างของบัวมีแต่เกลียดพี่แล้วก็พากันประณามสาปแช่ง

เพราะฉะนั้นถ้าเอาชนะใจคนแผนกขนส่งได้ เรื่องเอาชนะใจบัวต่อไปมันก็คงไม่ใช่เรื่องยาก

แต่พี่ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับตัวเองให้ได้ก่อน ถ้าหากพี่ทำให้คนแผนกขนส่งยอมรับและเชื่อถือในตัวพี่ได้
นั่นแหละจะเป็นวันที่พี่ เดินเข้าไปหาบัวได้แบบตรง ๆ ซึ่งมันยังไม่ใช่ในเวลานี้ พี่ก็เลยต้องอดทนและรับสภาพตัวเองในเวลานี้ให้ได้ก่อน

อดเปรี้ยวไว้กินหวาน

พี่ว่าคำพูดคำนี้ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน มันก็ยังคงเป็นจริงเสมอ

“งั้นน้องบัวนอนพักผ่อนเถอะครับ แล้วเดี๋ยวเราค่อยคุยกันใหม่นะครับ”

"ครับพี่โย ยังไงผมก็ขอบคุณพี่โยมากเลยนะครับ เรื่องเลี้ยงข้าวพี่โยสะดวกวันไหนบอกผมได้เลยนะครับ ผมพร้อมเสมอ”

บัวได้ทำแน่ ๆ ครับ เรื่องนั้น ยังไงบัวก็ต้องมีโอกาสได้ทำ

“ยินดีครับ”

ตอบกลับไปแล้วและโยธินก็ยิ้มอยู่คนเดียว เมื่อปลายสายตอบกลับมาในประโยคสุดท้ายก่อนที่จะวางสายไป

“งั้นผมนอนแล้วนะครับพี่โย ขอบคุณมากนะครับพี่ที่เมตตาไอ้ดำ มีอะไรโทรหาผมที่เบอร์นี้ได้ตลอดนะครับ”

ได้สิ แล้วพี่จะโทรหาบัวตามหมายเลขนี้แล้วกันนะ

“โอเคครับ แล้วพี่จะโทรหานะ”

ได้ยินเสียงตอบรับจากปลายสายแล้วฮัทก็รู้สึกว่าวางใจได้ขึ้นอีกหน่อย

“สวัสดีครับพี่”

“สวัสดีครับน้องบัว”

อำลากันเรียบร้อย และปลายสายก็ถูกตัดไป

โยธินนั่งอมยิ้มอยู่คนเดียวที่นอกระเบียง บุหรี่ที่เคยจุดสูบแบบมวนต่อมวนด้วยความเครียด
ตอนนี้เหลือแค่มวนเดียว และบุหรี่ตัวนั้นก็ยังถูกวางทิ้งเอาไว้บนที่เขี่ยบุหรี่ เพราะโยธินไม่คิดจะสนใจหยิบขึ้นมาสูบอีก

..............น้องหนูดี บอกว่าไม่อยากให้ป๊าโยสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่เป็นสิ่งไม่ดี........

เคยรับปากเอาไว้แล้วว่าจะทำให้ได้ แต่ก็เรื่อยๆ เฉไฉไปเรื่อยเปื่อย โดยใช้ข้ออ้างเรื่องความเครียด มาเป็นเหตุผลในการสูบ

แต่สงสัยคงต้องเลิกให้เด็ดขาดแล้ว ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อคนที่เรารักด้วย

นั่งมองโทรศัพท์ในมือแล้วโยธินก็ยังคงยิ้มคนเดียวต่อไปเรื่อย ๆ ก่อนจะเอ่ยพูดถ้อยคำบางอย่างที่ยังไม่มีโอกาสได้พูดให้คนที่สมควรได้ยินฟัง

โยธินก็เลยอยากจะเริ่มพูดเริ่มหัดตอนนี้เพราะมันคงยังไม่สาย

สิ่งที่โยธินอยากจะพูด เป็นเพียงถ้อยคำง่าย ๆ ที่ไม่มีอะไรมากแต่มีความรู้สึกมากมายใส่เข้าไปในคำพูดนั้น

คำพูดง่าย ๆ ที่โยธินอยากจะพูดกับเจ้าตัวแต่ยังไม่มีโอกาสและโยธินคิดว่าคงมีโอกาสพูดในอนาคตไม่วันใดก็วันหนึ่ง
และคงจะเป็นอีกในไม่ช้า

“ซักวันพี่คงได้พูดแบบนี้กับบัวตรง ๆ ......ฝันดีนะครับ....น้องบัว”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 13-05-2014 10:37:25
แผนนี้มันร้ายยย สู้ๆ นะโย 5555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 13-05-2014 10:39:06
แอร้ย ใกล้เข้ามาอีกขั้นแล้วนะพี่โย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 13-05-2014 10:39:52
 :hao5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 13-05-2014 10:40:42
 :-[  พี่เชียร ทำตัวน่ารักม๊ากกกกกกก เด๊วบอกเฮียจัดหนักๆให้เลย 1 สัปดาห์   :laugh: 

มาคราวนี้ ปลาย่างยังไม่ตาย กระโดดเข้าปากแมวไปเองเลย  :m20:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 13-05-2014 11:22:36
แหมพี่วิเชียรนี่เจ้าแผนการจริงๆ   :laugh:

รอๆ แมวดำสื่อรัก  :mew3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 13-05-2014 11:29:02
โยเอ๊ยอย่างน้อยยังได้คุย พี่ๆแผนกขนส่งเค้าก้อสนับสนุนอยู่
เพียงแต่แก เคยกวนตีนเค้าไง เค้าเลยเอาคืน
โดนเฉพาะ แซ่บตัวแม่ " เชียรของเฮีย ".  :jul1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 13-05-2014 11:43:15
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 13-05-2014 11:43:29
โยเนี่ย......ก็น่ารักเหมือนกันนะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 13-05-2014 11:46:02
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/10/โยธิน_บัวลอยNk8Sn.jpg)
รักเกิดในแผนกขนส่ง....ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน ใกล้กันมากขึ้นพูดกันมากขึ้น


เหตุการณ์ปกติเหมือนทุกวัน โยธินมารายงานตัวอย่างสม่ำเสมอที่แผนกขนส่งเป็นประจำไม่เคยขาด ไม่เคยลา ไม่เคยแหกกฎ
เว้นเสียแต่ผู้คุมกฎจะแกล้งเปิดโอกาสให้โยธินก็จะแหกกฎแบบเนียน ๆ

ต่างคนต่างเนียน เพื่อไม่ให้น่าเกลียดจนเกินไป จะไม่มีฝ่ายใดพูดว่ารู้แล้วนะ ว่าที่ตกลงกันเอาไว้ มันไม่เป็นไปตามที่ตกลง

แรก ๆ ที่นี่มันเรียกว่านรกชัด ๆ สารพัดวิธีกลั่นแกล้งจากพนักงานแผนกขนส่ง
ไล่ด้วยสายตา ไล่ด้วยการกระทำ และแม้กระทั่งออกปากไล่แบบตรง ๆ

โยธินเคยนึกท้อ แต่แล้วก็เปลี่ยนความท้อเป็นแรงฮึดสู้อีกครั้ง

ถ้าชอบน้องบัวจริงอย่างที่ปากพูด  เรื่องแค่นี้ทำไมถึงจะอดทนไม่ได้
คำว่ารัก คำว่าชอบ ใครๆ ก็พูดได้ แต่มันมองไม่เห็นในรูปนามธรรม มันเป็นแค่คำพูดที่จับต้องไม่ได้
ดังนั้น ถ้าอยากแสดงให้ทุกคนเห็น ว่าความรู้สึกแบบนั้นที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง ก็ต้องทำอย่างที่ทำอยู่
ใช้ความอดทนแสดงให้ทุกคนเห็น และยอมรับให้ได้

เรื่องเข้าไปคุยกันตรง ๆ ให้รู้กันไป ใครก็ทำได้ แต่ผลที่ได้ไม่มีใครรับประกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น

คราวนี้คงยิ่งหนัก เพราะแม้แต่หน้าก็คงไม่มีสิทธิ์ได้มองอีก

ทำไมกูถึงต้องมาหลงไอ้เด็กเกรียนนั่นหัวปักหัวปำขนาดนี้ด้วยก็ไม่รู้

แต่ก็หลงไปแล้ว หลงไปซะขนาดนี้แล้ว จะให้ทำยังไง ถึงอยากเลิกก็เลิกไม่ได้ และดูท่าจะยากขึ้นทุกวัน
ขนาดไม่เห็นหน้า มาเห็นเคาร์เตอร์แผนก มาให้พี่ ๆ ร่วมแผนกของน้องบัวมันด่าก็ยังดี

ปกติไม่เคยยอมอ่อนข้อให้ใครขนาดนี้ แล้วทำไมถึงได้ยอมอ่อนให้น้องมันขนาดนี้วะ โยธินเองก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง

“วันนี้ข้ออ้างของมึงคืออะไรวะ”

บุ้งเงยหน้าขึ้นมอง....ว่าที่น้องเขยคนเล็กของแผนก...... และโยธินก็ยื่นบางอย่างมาให้

“ผมมีบัตรที่พักฟรี โรงแรมไม่ถึงกับระดับห้าดาวหรอกครับ แต่ที่พักก็โอเคอยู่นะ มีอาหารเช้าให้หนึ่งมื้อด้วย”

แล้วยังไง ให้กูทำไม กูไม่มีความจำเป็นต้องใช้บัตรพวกนี้หรอก แต่ถ้าเป็นไอ้แก๊ปกับไอ้น้องพู่ อันนั้นถือเป็นเรื่องปกติ

“มึงติดสินบนใคร”

พี่ก็น่าจะรู้นี่ครับ ว่าผมไม่ได้เอามาติดสินบนพี่ แต่เอามาติดสินบนคนในแผนกพี่

“ฝากให้เฮียแก๊ปกับพู่ด้วยครับ วันก่อนเจอกันผมก็ลืมหยิบมา นี่วันนี้ตั้งใจเอามาให้เลย เพราะเห็นว่ามีวันหยุดติดกันหลายวัน เผื่อจะได้ใช้”

มึงเข้าใจทำนี่หว่า

หัวหน้าแผนกขนส่งหรี่ตามองบัตรที่พักโรงแรมฟรีสองใบที่โยธินฝากไว้ให้ลูกน้องในแผนก และก็อมยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก

“มึงติดสินบนครบทุกคนยังวะ”

ยังไม่ครบหรอกพี่

“ยังเหลืออีกหลายคน ตอนนี้ก็ค่อยๆ ทยอยติดสินบนไปเรื่อย ๆ ก่อน ก็โอเคนะ ของฝากบางอย่างก็ถูกใจผู้รับ แต่บางอย่างก็ไม่ถูกใจ ผมก็กำลังหาทางให้ถูกใจทุกคนอยู่”

ถามตรง ๆ ก็ตอบแบบตรง ๆ โยธินยักไหล่ได้กวนตีนที่สุดและหัวหน้าแผนกขนส่งก็ก้มหน้าก้มตาลงมองที่กระดานเช็คตารางเวลารถเข้าออก ไม่พูดอะไรต่อ ไม่ชวนคุย ไม่อะไรทั้งนั้น และโยธินที่เคยไปไม่เป็นในช่วงแรก ๆ ที่เจอปฏิกิริยาของหัวหน้าแผนกขนส่ง พอมาเจอบ่อยครั้งเข้า ตอนนี้ก็เริ่มชินแล้ว และพอจะรู้ว่าหลังจากนี้ควรทำยังไงต่อ

ข้อแรกเดินกลับแผนกไปซะ หรือข้อสอง หาทางคุยกับคนอื่นๆ ในแผนกต่อแบบเนียน ๆ
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาที่ไหน ๆ ก็อุตส่าห์มาแล้ว


“หวัดดีมีน เป็นไงบ้างวันนี้ ที่แผนกผมก็คีย์บิลทางด่วนกับบิลน้ำมันเหมือนกัน เพราะว่าเซลก็ต้องออกข้างนอก นี่ผมก็ช่วยพี่อ้นคีย์เป็นบางวันนะ ของมีนนี่จะทันส่งวันที่สิบห้านี้ป่ะ ของผมน่ากลัวจะไม่ทัน ว่าจะขอเลื่อนส่งไปอีกหน่อย เพราะคนคีย์คนเดิมออกไป ผมกับพี่อ้นก็เลยแบ่งกันคีย์”

ชวนคุยไปเรื่อย และมีนที่เดินออกมาจากออฟฟิศก็ส่งยิ้มน้อย ๆ ให้โยธิน

เหตุการณ์ปกติ โยธินมาทุกวัน คุยมากก็ไม่ได้ แต่ถ้าไม่คุยเลยก็ไม่ดี มีนก็เลยได้แต่พยักหน้าแบบยิ้ม ๆ และประหยัดคำพูดมากกว่าปกติ ยังไงก็เกรงใจพี่บุ้ง ถ้าพี่บุ้งให้คุยได้ก็คุย แต่จะมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของตัวเองว่าได้แค่ไหนถึงจะเรียกว่าพอดี เพราะเวลานี้แผนกขนส่งกำลังร่วมมือร่วมใจกันต้อนรับว่าที่น้องเขยคนเล็กของแผนกอยู่

และว่าที่น้องเขยคนที่จะเลื่อนสถานะเป็นน้องเขยจริง ๆ ได้หรือเปล่า อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า มีความอดทนมากแค่ไหน

มากพอที่จะทำให้คนทั้งแผนกเห็นใจ และอยากช่วยให้ได้ตกลงปลงใจกับน้องคนเล็กของแผนกหรือเปล่า
ใคร ๆ ก็รู้ บัวลอยมันไม่เหมือนใคร แม้แต่หน้าของโยธินมันก็ไม่อยากเห็น ดีแค่ไหนที่มันไม่ชิงลาออกไปซะก่อนเพราะทนแรงกดดันไม่ไหว ยังดีที่ใจมันยังสู้ เพราะถ้าเป็นคนอื่นคงไม่อยู่ต่อ

แต่นี่เป็นบัวลอย

มันกล้าอยู่ต่อ ก็แสดงว่าจิตใจมันไม่ธรรมดา ใจมันเข้มแข็งมาก

เข้มแข็งพอ ๆ กับที่ใจแข็ง ใช่ที่โดนหยอก โดนพี่ๆ แกล้งบ่อย ๆ สิ่งที่แสดงให้เห็นก็คือมีอาการหน้าแดงให้ได้เห็นบ้าง แต่ถ้ามันหนักมากจนเกินไป บัวลอยจะเดินหนีไปเลย

และการไม่พูด ไม่ได้แปลว่า ไม่รู้สึกอะไร อาจจะโกรธมาก แต่เพราะเกรงใจไม่กล้าพูด หรือด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่

ทุกคนรู้............บัวลอยน้องคนเล็กของแผนก โคตรใจแข็ง
ใจแข็งแบบเงียบ ๆ ภายใต้ใบหน้ายิ้มๆ เหมือนไม่ทุกข์ร้อน แต่จริง ๆ แล้วซ่อนความเด็ดเดี่ยวเอาไว้ในนั้น

ถ้าบอกว่าไม่........นั่นก็แปลว่าไม่...
และถ้าขืนใครยังจะฝืนให้บัวลอยยอมรับอีก.....เจ้าตัวก็ไม่มีทางยอมรับแน่ ๆ

ยอมหักไม่ยอมงอ ใคร ๆ ก็รู้ บัวลอยมันเป็นคนแบบนั้น ในบางครั้งแม้จะเล่นกัน แต่ก็ไม่เคยมีใครกล้าเหยียบเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวที่มันปิดประตูเอาไว้ไม่ให้ใครก้าวข้ามผ่านไปหา

มันเป็นคนซื่อตรง ทั้งซื่อ ทั้งตรง และถ้าข้างหน้าเป็นเหว บัวลอยมันก็พร้อมกระโดดลงไป เพื่อแลกกับคำว่าความซื่อตรง และถึงแม้จะต้องตายมันก็คงทำ

“ได้แมวมาตัวหนึ่งนะ ตัวดำทั้งตัวเลย แมวมันก็ไม่โตมากหรอก ขาเป๋ด้วย แล้วก็เป็นตัวเมีย มีนช่วยตั้งชื่อให้หน่อยสิ ว่าจะให้ชื่ออะไรดี….ผมคิดไม่ออกเลยเนี่ย ได้ข่าวว่ามีนชอบตั้งชื่อสัตว์แบบเพราะ ๆ ไม่ใช่เหรอ ตั้งชื่อให้แมวของผมหน่อยนะ”

อ่า.... มีนแอบเหลือบสายตามองหน้าของหัวหน้าแผนกขนส่งและเมื่อเห็นว่าฝ่ายยังนิ่งเฉยก็เลยพยักหน้ารับ

“สีดำก็นิล นิลอะไรดีล่ะ นิลพัทไง เป็นคู่อริกับหนุมาน มีฤทธิ์เทียบเท่าหนุมานเลยด้วยนะ แค่ไม่ถูกกับหนุมานแค่นั้นเอง”

ไม่ใช่แค่พูดแต่มีนมองหน้าของโยธินแบบยิ้มๆ และโยธินก็ยกมือขึ้นเกาหลังคอตัวเองด้วยความเก้อเขินที่ถูกแซว

“ผมไม่ใช่หนุมานเห้ออออ แล้วผมก็ไม่กล้าเกลียดนิลพัทหรอกน่ามีน แต่ชื่อนิลพัทก็ฟังดูดีนะ นิลพัท .....อืม...นิลพัทฟังดูเข้าท่าดี งั้นผมเอาชื่อนี้แหละนะ ขอบคุณมากมีน”

ขอบอกขอบใจกันเรียบร้อย แล้วมีนที่แค่คิดว่าตั้งชื่อไปเรื่อยเปื่อยและไม่ค่อยมีใครอยากให้มีนตั้งชื่อสัตว์ให้เพราะเรียกยาก

แต่โยธินเอาชื่อที่มีนตั้งให้ ไปเป็นชื่อของแมวที่เลี้ยงอยู่

มีนก็เลยออกจะปลื้มใจกับว่าที่น้องเขยคนเล็กเป็นพิเศษ ใช้ได้นะเนี่ย รู้จักเข้าหาคนทั้งแผนก ก็ถือว่าไม่ธรรมดาเหมือนกัน เอาความดีบวกความเจ้าเล่ห์และความจริงใจเข้าว่า นาน ๆ ไปก็ดูเหมือนจะได้ผลไม่น้อย

เพราะหลาย ๆ คนเริ่มไม่มองโยธินเหมือนช่วงแรก ๆที่เคยมอง

ในเวลานี้โยธินเข้ามาแผนกขนส่งได้สบาย แต่เจ้าตัวไม่เคยก้าวล้ำเดินเข้าไปโซนในที่บัวลอยกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่

ไม่เคยก้าวเข้าไป และไม่เคยคิดจะเข้าไป ถ้าไม่ได้รับอนุญาต

“แน่ใจเหรอว่าจะเอาชื่อนี้ตั้งให้แมวจริง ๆ”

แน่ใจสิ ทำไมถึงจะไม่แน่ใจล่ะ

“ชื่อออกจะไพเราะฟังดูดีขนาดนี้ ก็ต้องเอาแน่สิ”

แค่ได้ฟัง มีนก็ยิ้มแล้ว ยิ้มและพยักหน้ารับสิ่งที่โยธินพูด

“งั้นไปก่อนนะมีน เดี๋ยวไปช่วยพี่อ้นคีย์บิลน้ำมันเหมือนกัน มีนส่งตอนไหนก็บอกดิ เผื่อไปส่งพร้อมกัน”

ชักชวนซะดิบดี เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย และหัวหน้าแผนกขนส่งก็กระแอมไอออกมาเพื่อให้รู้

มึงชักจะเจ๊าะแจ๊ะกับเมียกูมากไปแล้ว

สงสัยต้องรีบกันให้ออกห่าง เกิดมันคุยกับเมียกูถูกคอขึ้นมาแม่งจะยุ่ง คารมแม่งยิ่งไม่ธรรมดาซะด้วย ไม่ได้หวั่นใจ แต่ก็ไม่ได้สบายใจ และก็ไม่ค่อยชอบที่ว่าที่น้องเขยที่มีประวัติในการเกลี้ยกล่อมคนให้ได้ผลมาอย่างโชกโชนจะมาพูดคุยอย่างสนิทสนมกับแฟนตัวเอง

..............กูหึง...........เข้าใจเอาไว้ซะด้วย………

“หัวหน้าบุ้งนี่ก็น๊า....ผมจะไปอะไรกับมีนได้ ถ้าหวงซะขนาดนี้ ก็รีบ ๆ ปล่อยผมไปหาเมียผมเห้อะ อย่ากันท่าผมให้มากเล้ย ผมก็อยากมีโอกาสใกล้ชิดเมียผมบ้างเหมือนกัน”

แกล้งพูดออกไปแบบทีเล่นทีจริง และคราวนี้หัวหน้าแผนกขนส่งก็ถึงกับหัวเราะออกมาและเงยหน้าขึ้นมองหน้าโยธินที่ลอยหน้าลอยตาพูดได้กวนตีนมาก

“ได้ข่าวว่ามีการโทรคุยกันแล้วไม่ใช่เรอะ โอกาสเยอะแยะขนาดนั้น จะทั้งหยอดทั้งจีบแค่ไหนก็ได้นี่ เรื่องจะมาแผนกนี้หรือไม่มา ก็คงไม่จำเป็นอะไรแล้วมั้ง”

มันก็ใช่ ถ้าจะคิดแบบนั้น แต่มันก็ไม่ใช่ ถ้าไม่ได้คิดแค่นั้น

“ผมไม่ได้คิดจะคบกับบัวแค่คนเดียว ผมอยากเข้ากับพวกพี่ทุกคนให้ได้ด้วย พี่คิดเหรอว่าถ้าน้องบัวมันรู้ขึ้นมาว่ามันฝากแมวไว้กับผม ผมจะไม่โดนมันตามฆ่า คราวที่แล้วแผลผมระบบเป็นอาทิตย์กว่าจะหาย รอบนี้ผมคงได้ไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มที่โรงพยาบาล โทษฐานไม่บอกความจริงทั้งหมด และปล่อยให้บัวมันคิดไปเองว่าผมเป็นคนละคนกับคนที่มันเกลียด”

มองเกมส์ขาดเหมือนกันนี่หว่า นับว่าใช้ได้

“คุณวิเชียรเขาก็โคตรใจร้ายกับผมมาก ให้เบอร์น้องบัวมาแล้วให้ผมโทรหา แรก ๆ ผมนี่งงเลย กลัวน้องมันจับได้ อยากคุยก็อยากผมต้องวางฟอร์มขนาดไหนตอนที่คุย ทั้งที่อยากบอกว่าคิดถึงแทบตาย แต่พูดไม่ได้ ได้แต่เฉไฉไปเรื่องอื่น พวกพี่โคตรใจร้ายกับผมเลยว่ะ ได้คุยแต่บอกอะไรไม่ได้เลยเนี่ย ผมบอกตรงๆ เลยว่าโคตรทรมานพวกพี่เลือดเย็นกับผมมากจริง ๆ”

บอกออกไปตามตรงและหัวหน้าแผนกขนส่งก็ยิ่งยิ้มกว้างมากขึ้น

“อุตส่าห์ให้คุย ยังจะไม่อยากคุยอีกเหรอ แบบนี้เรียกว่าทรมานตรงไหนกันวะ”

ทรมานสิ ทรมานสุด ๆ

“ให้หัวหน้าบุ้งลองนึกถึงตอนที่หัวหน้าบุ้งต้องคุยกับมีนแล้วต้องเก็กฟอร์มทำเหมือนคุยเรื่องเครียด ๆ กับลูกค้านั่นล่ะ มันยากและลำบากมากนะ แต่ของผมต้องคูณเพิ่มไปอีกสามเท่า เพราะทางฝ่ายนั้นไม่ได้รู้เรื่องด้วยเลย แต่มีนรู้เห็นกับหัวหน้าบุ้งตลอด คิดดูแล้วกันว่าผมทรมานขนาดไหน”

ไอ้เวร ........เล่นกูแล้วไง
นี่เป็นเรื่องที่กูโดนลูกน้องเอาคืนมากที่สุดเลยนะ พวกมันเล่นรวมหัวกันซะขนาดนั้น หน้าด้านแค่ไหนก็ต้องอายวะ

เจอพวกมันรวมหัวกันแกล้งแบบนั้นเข้าไป ไม่ว่าใครก็ไปไม่เป็น

“แสนรู้ดีเหมือนกันนี่หว่า”

พูดออกไปแบบยิ้มๆ และโยธินก็ส่งยิ้มกว้างให้หัวหน้าแผนกขนส่ง

“รู้ดีแค่ไหน ยังไงผมก็หัวเดียวกระเทียมลีบ จะไปสู้คนทั้งแผนกขนส่งที่ร่วมมือร่วมใจกันขนาดนี้ได้ยังไง แต่จะทำไงได้มาชอบคนของแผนกนี้แล้ว ผมก็ได้แต่ทำใจ หวังว่าซักวันพวกพี่จะเห็นใจ แล้วช่วยให้ผมสมรักสมหวังกับน้องบัวซักที ผมน่าสงสารขนาดนี้ พี่จะไม่เห็นใจผมเลยเหรอครับ”

ทำเสียงออดอ้อน ทำหน้าตาใสซื่อได้น่าสงสารที่สุด และหัวหน้าแผนกขนส่งก็ยิ่งนึกขำสิ่งที่ว่าที่น้องเขยคนเล็กทำมากที่สุด

“งั้นมึงก็เดินเข้าไปหาบัวลอยมันเลยสิ กูไม่เคยห้ามเลยนี่หว่า มึงก็เอาเลย เดินดุ่ม ๆเข้าไปให้มันอาละวาดใส่เลยก็เรื่องของมึง พวกกูไม่ได้เดือดร้อนอะไรด้วยซะหน่อย”

พวกพี่โหดอีกแล้วครับ ทำแบบนั้นก็เท่ากับส่งผมไปตายคาตีนน้องบัวมันสิครับ

“พี่บุ้งก็นะ ได้โปรดเห็นใจผมด้วยเถอะ ช่วยส่งเสริมผมกับน้องบัวมันหน่อย ถือว่าเห็นใจโยธินตัวน้อย ๆ ก็ยังดี”

โยธินตัวน้อย ๆ บ้านพ่องดิ

คำพูดบ้าบอ ของโยธิน เรียกทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของหัวหน้าแผนกขนส่งและมีนได้อย่างเป็นธรรมชาติ

มีนยังคงขำกับคำว่า โยธินตัวน้อย ๆ พอ ๆ กับที่บุ้งอยากจะอ้วกกับคำพูดบ้าบอของว่าที่น้องเขยคนเล็กของแผนก

“กูไม่อะไรอยู่แล้ว แต่มึงไปถามความคิดเห็นคนอื่น ๆ โน่น ไม่ใช่แค่กูบอกว่าได้ แล้วคนอื่นจะบอกว่าได้เหมือนกู มึงเริ่มจากถามวิโรจน์ก่อนคนแรกเลยว่าเห็นด้วยมั้ย แล้วค่อยไล่ถามไปถึงวิเชียร ถ้ามึงฝ่าด่านเข้าไปได้ ก็ถือว่าเป็นความโชคดีของมึง เซลหมายเลขหนึ่งของบริษัท....ได้โอกาสแสดงให้เห็นแล้วไม่ใช่หรือไง ว่าเซลหมายเลขหนึ่งของบริษัทมีดีอะไร พวกกูก็อยากเห็นเป็นบุญตาซักครั้งเหมือนกัน”

โยธินได้แต่ยิ้ม ยิ้มรับเมื่อโอกาสมาถึงแล้ว

ถ้าพี่จะชี้ทางให้ซะขนาดนั้น ผมก็ยินดีรับ

“ขอบคุณครับหัวหน้าบุ้ง ขอบคุณครับมีน ผมจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็น ว่าผมเหมาะสมที่จะมาเกี่ยวดองกับแผนกขนส่ง ผมจะทำให้ทุกคนรู้ ว่าผมจริงใจกับน้องบัวจริง ๆ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 13-05-2014 11:47:00
“โอ้ย เจ็บ อย่ากัดขนาดนี้สิวะ เจ็บนะ”

โยธินแกล้งร้องเสียงหลงให้ฟังดูน่าสงสาร และก็เรียกความสนใจจากคนที่อยู่ปลายสายได้ไม่น้อย

“มันชอบเล่นแรง ๆ แบบนี้แหละพี่ มันชอบแทะชอบกัดไปเรื่อย แต่ไม่มีอะไรนะพี่ ศัพท์ทางแมว มันหมายถึงว่าเราเป็นพวกเดียวกัน มันเห็นพี่เป็นพวกเดียวกับมัน มันก็เลยทั้งแทะทั้งกัดพี่ เพราะมันอยากเล่นกับพี่ เป็นการหยอกล้อกัน”

ถ้าข้อมูลจะแน่นขนาดนี้นะน้องบัว พี่ก็เพิ่งได้ยินนี่แหละครับ..........ศัพท์ทางแมว...

“พี่ได้ชื่อมาแล้วนะครับ เรียกว่าดำตลอดไปก็คงไม่ค่อยดี พี่เลยไปหาชื่อมาตั้งให้มันใหม่แล้ว”

จริงดิ พี่หาชื่อให้มันแล้วจริงเหรอ

“ชื่ออะไรพี่”

เอ่ยถามออกไปด้วยความตื่นเต้น ที่ตื่นเต้นไม่ใช่ว่าพี่โยหาชื่อให้แมวดำขาเป๋ที่เพิ่งรับไปเลี้ยง
แต่เป็นเพราะความตื่นเต้นและดีใจที่รู้ว่าพี่โย รักและสงสารไอ้ดำ จนถึงขนาดใส่ใจไปหาชื่อมาตั้งให้

“ให้น้องบัวทายว่ามันชื่ออะไร ยังไงน้องบัวก็ทายไม่มีวันถูกหรอก เชื่อพี่หรือเปล่าล่ะ”

ก็เชื่ออยู่

“เฉลยเหอะพี่ ถ้าพี่พูดมาขนาดนี้ผมคงทายไม่ถูกแน่ๆ เลยว่ะ”

ก็น่าจะใช่ล่ะ ใครทายถูกก็แปลกแล้ว

“ชื่อนิลพัท .......นิลพัท ผู้เป็นปฏิปักษ์กับหนุมาน แต่พี่ไม่ใช่หนุมาน พี่ก็เลยไม่สน แล้วพี่ก็เป็นแมว แมวเมี้ยว เมี้ยววววววววว เราก็เลยเข้ากันได้ดี”

ท้ายเสียงมีการทำเสียงแมวน่ารักให้คนที่อยู่ปลายสายได้ยิน แล้วฮัทก็เลยหัวเราะออกมาเบา ๆ กับสิ่งที่พี่โยพูด

“พี่โยชอบทำให้ผมขำเรื่อยเลยว่ะ พี่ไม่อายเหรอเวลาพูดอะไรตลก ๆ แบบนี้”

อายทำไมวะ ไม่เห็นมีอะไรต้องอาย

“อายแต่ทำให้บัวหัวเราะได้พี่ก็ยอมแหละนะ”

อ่า........ ยังไงวะ หมายความว่ายังไง....
ถึงกับไปไม่เป็น เมื่อเจอไม้นี้เข้าให้

“ผมบางทีก็เส้นตื้นไงพี่ บางทีเรื่องไม่ขำผมก็ขำซะจนท้องแข็ง พี่ก็อย่าถือสาผมเลยนะ ถ้าบางทีผมหัวเราะมากเกินไป”

ใครจะถือสาน้องบัวล่ะ พี่จะไปถือสาน้องบัวด้วยเรื่องแค่นั้นได้ยังไง

“บัว.........ถ้าวันหนึ่งบัวได้รู้จักพี่มากขึ้นกว่านี้ แล้วพี่ทำให้บัวผิดหวัง บัวจะโกรธจะเกลียดพี่มากขนาดไหนครับ พี่อยากจะรู้จริง ๆ”

เกลียดเหรอ ทำไมผมต้องเกลียดพี่ด้วยวะ มันไม่เห็นมีเหตุจำเป็นให้ผมต้องเกลียดพี่ไม่ใช่เหรอ

“พี่จะตีแมวผมหรือไง ถึงคิดว่าผมจะเกลียด”

ไม่ใช่หรอก
ไม่ได้ตี ไม่เคยคิดจะตี สิ่งที่พี่กลัวและกังวลไม่ใช่เรื่องนี้ เพราะมีเรื่องอื่นที่ใหญ่หลวงกว่า
ถึงแม้พี่จะมีความสุขที่ได้คุยกับบัวทุกวันแบบนี้ แต่สิ่งที่พี่กังวลยังไงมันก็อยู่ในใจเสมอ

“บัวก็รู้ว่าพี่ไม่ทำ”

ถ้าไม่ทำ ก็ไม่เห็นต้องคิดอะไรมากมายเลยนี่หว่า

“ผมไม่เกลียดพี่หรอก คนใจดีที่รับเลี้ยงแมวขาเป๋ ตัวดำไปเป็นภาระของตัวเอง ไม่ใช่คนใจร้ายใจดำหรอก ผมเชื่อแบบนั้น แล้วพี่โยก็ไม่ใช่คนใจดำด้วยจริงมั้ย”

มันก็ใช่........

แต่ถ้าวันหนึ่งที่บัวรู้ว่าพี่เป็นใคร บัวยังจะพูดแบบนี้กับพี่ได้อยู่อีกมั้ย

“พี่โย”

เรียกชื่อของอีกฝ่ายออกไปเบา ๆ เมื่อรู้สึกว่าพี่โยเงียบเสียงไปนานจนผิดปกติ

“พี่เป็นอะไรหรือเปล่า”

เป็นเหรอ จะว่าเป็น ก็เป็น แต่จะว่าไม่เป็นก็.....ไม่เป็น

“น้องบัว”

“ครับ”

“ดึกแล้ว....นอนได้แล้วนะครับ....เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้า”

อ่อ ก็กำลังจะนอนอยู่เหมือนกันพี่ มองนาฬิกาก็ปาเข้าไปห้าทุ่มแล้ว ผมก็ว่าสิ ทำไมรู้สึกง่วง ๆ แต่พอคุยกับพี่ทีไรผมก็เพลินจนลืมเวลาซะทุกที

“งั้นราตรีสวัสดิ์ครับพี่”

“โอเคครับ.....ราตรีสวัสดิ์........นอนหลับฝันดีแล้วกันนะครับ..........น้องบัว.........”

หยุดปากไว้แค่นั้น ยังดีที่ไม่เติมคำว่า “....อย่าลืมฝันถึงพี่ด้วยลงไป”

โยธินอมยิ้มน้อย ๆ และพยายามคาดเดาปฏิกิริยาของคนที่อยู่ปลายสายว่าจะแสดงอารมณ์แบบไหนออกมา

โกรธ ไม่ชอบ หรือว่า.....ไม่พอใจกันล่ะ ยังไงกันล่ะน้องบัว ถ้าโดนผู้ชายหยอดหวานใส่ขนาดนี้ แล้วยังไม่รู้ตัว ก็คงแปลกดี

“ครับพี่ ฝันดีเหมือนกันครับ ฝากบอกไอ้ดำด้วยว่าฝันดีเหมือนกัน ผมวางแล้วนะ นอนครับพี่ นอน นอน”

เสียงสัญญาณจากปลายสายถูกตัดไปแล้ว และโยธินที่มองโทรศัพท์ในมือก็ยิ่งยิ้มกว้างขึ้นเรื่อย ๆ

ซื่ออะไรขนาดนี้ว๊า ไอ้น้องบัว โดนจีบไปซะขนาดนี้ยังไม่รู้ตัวอีก
เฮ่อ.........มันจะน่ารักขนาดนี้ไปถึงไหน จะทนไม่ไหวแล้วนะ อยากจะเข้าไปหา อยากให้บัวมันรับรู้ความรู้สึกที่มีให้ตอนนี้จริง ๆ

โยธิน กำลังคิดเรื่องบางอย่างและยิ้มอยู่คนเดียวเงียบ ๆ

แต่คนที่กำลังดึงผ้าห่มมาคลุมตัวขณะกำลังล้มตัวลงนอน เริ่มขมวดคิ้วมุ่น และเริ่มรู้สึกถึงอารมณ์ไม่คงที่ของตัวเอง

ฝันดี...........นั่นมันใช่ที่คนทั่วไปเอาไว้พูดกันเหรอวะ แต่ก็ไม่แน่ ตอนที่พี่โยพูด คงไม่คิดอะไรมาก แต่กูแม่งโคตรจะคิด.......

คิดมากซะด้วย

“โอยยยยยยยยยยย กูนะกู จะมาคิดเรื่องอะไรแบบนี้ว๊า นอนได้แลว นอน นอน”

บอกตัวเองแบบนั้น บอกให้ตัวเองคิดแค่นั้น แต่น่าแปลกที่คำว่า ฝันดี จากพี่โยทำให้ ฮัทยิ้มออกมาได้
นอนยิ้มหวานคนเดียวทั้งคืนจนกระทั่งเผลอหลับ และก็ได้ฝันหวานอย่างที่พี่โยบอกจริง ๆ

ฝันว่าไปส่งของแล้วโดนกระสอบน้ำตาลทรายทับจนจุกและหายใจไม่ออก
แม่ง.........ถ้าจะหวานขนาดนี้ ไม่ต้องฝันก็ได้นะ กูนอนหลับของกูไปเฉย ๆ ก็ได้ หวานจนกูแทบตายเลย ห่าเอ้ยยยย


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 13-05-2014 12:04:37
น้องบัว o22
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: foolishbeat ที่ 13-05-2014 12:09:25
ว้าย ผ่านด่านพี่บุ้งน้องมีนได้แล้วสินะ สู้ต่อไปนะโย :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 13-05-2014 12:18:40
พี่โยสู้ๆ ผ่านด่านแรกของหัวหน้าแผนกกับภรรยาได้แล้ว ที่เหลือก็พยายามเข้า  :hao7:

แต่คงไม่ต้องห่วงเพราะกำลังใจดีอยู่แล้วชิมิ ดูดิๆจีบกันหวานเชียว  :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 13-05-2014 12:29:30
 :laugh:  พี่โย เก๊บรายละเอียด ทุกเม๊ดจริงๆ จั้งแต่คราวพีทละ ครางนี้ พี่บุ้ง แอบจุกกันไปสิ พี่เมียทั้งหลาย   :m20:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 13-05-2014 12:33:10
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 13-05-2014 12:38:40
ผ่านไปหนึ่ง เหลืออีกเพียบ 5555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 13-05-2014 13:01:10
พยายามเข้าพ่อแมว เดี๋ยวปลาย่างจะรอนาน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 13-05-2014 13:01:38
คุณโยธินเหมือนจะคืบหน้าอีกแล้ว ยินดีด้วยนะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 13-05-2014 13:17:53
อ่านทันแล้ว น่ารัก​มาก​ๆๆๆๆ รอตอนต่อไปด้วยใจจดจ่อ​ค่า

หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 13-05-2014 13:20:25
คืนนี้ฝันหวาน


อีกไม่นานเมื่อได้รู้ความจริงแล้วจะเจอฝันร้าย....หรือเปล่า :hao4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-05-2014 13:27:36
ผ่านไปอีกด่าน สู้ๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 13-05-2014 13:42:15
อืม....น่ารักดีอ่ะ โย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 13-05-2014 13:58:22
อาฮะ ฝ่าด้วนหัวหน้าบุ้ง พร้อมศรีภรรยา(น้องมีน)
ไปได้แร้วววววววววว
เจ๋งนี่นาโยธิน 555555
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคโยธิน-บัวลอย ตอนเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 13-05-2014 14:01:46
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/10/โยธิน_บัวลอยNk8Sn.jpg)
รักเกิดในแผนกขนส่ง....ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน เรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวต้องแยกกัน

โยธิน รวบร่างของคนที่ทำให้คิดถึงเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน กดปลายจมูกซุกไซร้หนัก ๆ ไปที่ซอกคอขาวและคนที่อยู่ในอ้อมแขนก็ทั้งพยายามดิ้น และพยายามจะผลักใบหน้าของโยธินออกห่างให้ได้

“ปล่อยกู ไอ้โยธิน ปล่อยยยยยยยย”

ถามจริง ๆ เถอะ คิดว่าจะปล่อยไปง่าย ๆ หรือไง ใครที่ไหนมันจะยอม มาซะขนาดนี้แล้ว มันนานเกินไปแล้วนะ ที่ไม่ได้เห็นหน้าค่าตา ใจคอจะให้แค่ฟังเสียงไปทุกวันหรือไง แค่นั้นมันพอแล้วเหรอ

โยธินก็เลยต้องทำแบบนี้
หาเรื่องรังแกคนที่ไม่ยอมให้เข้าหาแบบนี้

“อย่ามาดื้อกับผัวนะ อย่ามาดิ้น อย่ามาขัดขืนกับผัวด้วย อืออออ”

ไม่ยอมหยุด และยังระดมปลายจมูกรุกรานที่ข้างแก้มขาวที่เวลานี้ขึ้นสีแดงเรื่อ

ฮัทกำลังโมโหตัวเอง อยากหนีก็อยาก อยากทำร้ายอีกฝ่ายก็อยาก

“โธ่โว้ยยยยยยย ไอ้โยธิน เหี้ยเอ้ยยยย บอกว่าให้ปล่อยไงเล่า ปล่อยกู”

แล้วเชื่อมั้ย ด่าซะขนาดนี้แล้วพี่เชื่อมั้ยครับ น้องบัว

“บอกเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักฟัง ถ้าขืนยังดิ้นต่อไปอีกนะ จะลากออกไปข้างนอก และจะโชว์ให้คนทั้งแผนกเห็นให้หมด ว่าพี่ทำอะไรบัวไปบ้าง”

บัว....
พี่......
พี่และบัว....

น้ำเสียงคุ้นเคย คำพูดก็คุ้นเคย ฟังให้ดี ๆ ชัด ๆ แล้วมันเหมือนมากซะจน.....

ไม่ตองเดาไม่ต้องสืบ

“พี่.........โย”

ถูกต้องนะคร้าบบบบบ ความลับแตกซะแล้วเหรอนี่ นึกว่าจะเก็บได้นานกว่านี้ซะอีก แบบนี้ก็แย่น่ะสิ แล้วจะทำยังไงต่อไปดีล่ะทีนี้ กลุ้มใจจังเลย

“ครับ น้องบัว”

ขานรับแบบไม่สะทกสะท้าน และฮัทก็ถึงกับนั่งนิ่งตัวแข็งทื่อ

พี่โย..............พี่โย ที่คุยด้วยทุกวัน พี่....โย ช็อคและอึ้ง อึ้งมากที่รู้ว่าถูกหลอกมานานสองนาน

“มึงหลอกกู ไอ้เหี้ยเอ้ยยยยยยยยยยย”

คราวนี้ยิ่งหนักกว่าเดิม ความรู้สึกโมโหมาพร้อมกับความโกรธแค้น แบบนี้มันยิ่งกว่าถูกทำร้ายให้เจ็บปวด มึงเห็นกูเป็นควายหรือไงถึงได้ทำกับกูแบบนี้ ไอ้เลวโยธิน กูจะฆ่ามึง กูจะฆ่ามึงงงงงง

“มึงหลอกกูไอ้เหี้ย ปล่อยยยยยยยย”

หลอกตอนไหนล่ะ ยังไม่เคยหลอกเลย ทำไมถึงคิดว่าพี่หลอกบัวได้ล่ะ

“ก็แล้วทำไมล่ะ พี่ชื่อโยเย ตอนเด็ก ๆ ที่บ้านก็เรียกแบบนี้ แต่ชื่อจริงของพี่คือโยธิน แล้วบัวอยากจะเรียกพี่ว่าอะไรล่ะครับ หือออออ”

ไม่ใช่แค่กอด แต่ความพยายามในการหอมแก้มของคนที่ยังช็อคจนตาค้างยังคงมีอยู่ตลอดเวลา
ทำได้อย่างใจบ้าง ไม่ได้บ้าง แต่โยธินไม่คิดจะสนใจ

ไม่ไหวแล้ว โอกาสมันไม่ใช่มาง่าย ๆ ทั้งแผนกเขาออกไปกินข้าวกลางวันกันหมด มีอยู่คนเดียวที่ไม่ยอมไป

แล้วใครมันจะยอมปล่อยโอกาสแบบนี้ล่ะ อยู่คนเดียวแบบนี้ แล้วคนทั้งแผนกก็เป็นใจให้ขนาดนี้ เรื่องอะไรจะยอมพลาด

จะให้รอคุยไปหยอดไปทุกวัน มันชักช้าเกินไปแล้ว ไหน ๆ ก็ไหน ๆ บุกเข้าหาเลยดีกว่า
วัดกันไปข้าง จะอะไรยังไงก็ช่าง วัดกันไปเลย ว่าน้องบัวจะเอายังไง จะยอมหรือไม่ยอม จะมีใจให้หรือไม่มีใจให้

ใช่ที่เราคุยกันทุกวันด้วยความสนิทสนมคุ้นเคย และพัฒนาเป็นความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นทุกวัน
แต่โยธินไม่อยากให้ความลับแตกเข้าซักวันแล้วจะพาลมองหน้ากันไม่ติด

เพราะฉะนั้น ถ้าความลับมันจะแตก ก็ให้เป็นฝีมือของตัวเองเถอะ อย่างน้อยจะได้รู้วิธีรับมือและจัดการกับปัญหาล่วงหน้า
ขืนรอให้นานไปกว่านี้ความรู้สึกดีๆ ที่น้องบัวมีให้พี่โยคนนั้นมันยิ่งฝังรากลึก

ถ้าวันหนึ่งน้องบัวเกิดรู้ความจริงขึ้นมา จะยิ่งโมโหหนักกว่าเดิม

ก็เลยเอาแบบนี้ วัดใจกันเลยแบบนี้ รู้เร็วรู้ช้าก็ต้องรู้ ก็รู้ซะตอนนี้เลย โยธินจะได้รู้ว่าจะแก้ปัญหาต่อไปยังไง

“บัวจะมองยังไงมันก็เรื่องของบัว แต่พี่จริงใจ เมื่อพี่จริงใจพี่ก็เลยมาเปิดเผยให้บัวรู้ พี่ไม่เห็นเหตุผลที่จะต้องหลอกบัว ในเมื่อบัวก็ไม่ชอบพี่อยู่แล้ว จะเกลียดเพิ่มอีกซักหน่อยก็ไม่ใช่ปัญหา.......แล้วบัวอย่าอาละวาดพี่ให้มากนักนะ นิลพัทมันอยู่ในมือพี่แล้ว จำเอาไว้ให้ดี”

มึง..............ไอ้โยธิน มึงขู่กู

“ปล่อยกูโว้ยยยยยยยยย ไอ้โยธิน ปล่อยยยยย กูจะฆ่ามึง ไอ้เลว ไอ้เลว ปล่อยกู”

บอกแล้วไงว่าอย่าอาละวาด บอกแล้วไงว่าอย่าดื้อ

“ถ้าบัวเก่งมากนัก เราก็มีอะไรกันอีกรอบที่นี่เลยแล้วกันเอามั้ย เวลาพักเหลือไม่มากด้วย อีกไม่เท่าไหร่ทั้งแผนกก็คงแห่มากันหมด พี่ไม่อายนะบอกก่อน แต่บัวจะอายหรือเปล่าพี่ก็ไม่รู้ บัวจะให้มันเป็นแบบนั้นมั้ย”

ห๊ะ มึงอย่าบ้านะ กูไม่เชื่อมึงหรอก มึงอย่ามาขู่กูซะให้ยากนะไอ้โยธิน

“เออออออออ เอาสิโว้ยยยยยยยย นึกว่ากูจะกลัวมึงเหรอ กูไม่มีทางกลัวหรอก เหี้ยยยยยยย ปล่อย อย่ามาล้วงกูนะไอ้สัด ไอ้โยธิน มึงบ้าไปแล้วหรือไง มึงอย่าบ้านะ กูไม่ยอมมึงหรอกนะโว้ยยย”

ไม่ใช่แค่พูด แต่โยธินจัดการรวบมือทั้งสองข้างของคนที่ดิ้นรนหนีเอาไว้
และนั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง กอดรัดร่างกายของคนในอ้อมแขนเอาไว้ทั้งตัว และแม้ว่าอีกฝ่ายจะพยายามดิ้นขนาดไหน
โยธินก็ไม่ยอมปล่อย สุดท้ายก็เลยต้องลงไปนั่งอยู่บนพื้นด้วยกันทั้งสองคน แต่โยธินก็ยังไม่ยอมหยุดการกระทำที่จะรุกรานเอาแต่ใจตัวเอง

“ไอ้เหี้ย แม่งจะเอากันจริง ๆ เหรอวะนั่น”

อำนาจอ้าปากค้าง และน้องพู่ก็ตั้งหน้าตั้งตาแทะข้าวโพดอย่างเอาเป็นเอาตายในระหว่างชมหนังสดที่เหตุการณ์กำลังระทึกมาก เพราะไอ้บัวลอยกับโยธินกำลังฟัดกันนัว และไม่รู้ว่าใครจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ

“สวดยอดว่ะ”

ยูกิ ผู้มาร่วมลุ้นระทึกอีกคน ก็ถึงกับเกิดอาการตาค้าง ไม่นึกว่าไอ้คู่นี้มันจะรักกันดุเดือดขนาดนี้

“อาจมีคนสวดยอดกว่าก็ได้นะ”

พี่สุรชาติมองหน้ายูกิแบบยิ้ม ๆ และยูกิก็ต้องรีบเบนสายตาหลบทำเป็นสนใจอยู่กับการมองที่หน้าประตูกระจกที่มองเข้าไปเห็นข้างในได้ชัด และวิเชียรผู้กำกับรายการ ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ชื่นชมผลงานของตัวเองที่ได้เป็นผู้กำกับให้เกิดเหตุการณ์ระทึกแบบนี้ขึ้น

“เด็ดขาดจริง ๆ เลยว่ะไอ้โยธิน”

หลังคำพูดของวิเชียร
โยธินที่กำลังกอดรัดร่างของฮัทเอาไว้แน่น ก็อมยิ้มน้อย ๆ และเงยหน้าขึ้นมองมองตรงมาที่ประตู ก่อนจะยักคิ้วส่งให้

เพื่อเป็นการบอกว่า..........ผมรู้นะว่าพวกพี่กำลังลุ้นอยู่.......

ถ้าลองปล่อยให้เข้ามาได้ขนาดนี้แล้ว
รับรองเหอะ ไม่ใช่เรื่องปกติแน่ ๆ สงสัยจะว่างกันมาก หาอะไรบ้าๆ บอ ๆ เล่นกัน โดยเฉพาะคุณวิเชียร ที่วางแผนมาเป็นอย่างดี แบบนี้คงเข้าทางไม่น้อย

นี่คงจะรอให้อารมณ์ของคนในห้องไปไกลสุดกู่แล้วก็ค่อยเข้ามาตลบหลังสินะ

ทำแบบนี้ มันยิ่งทำให้บัวลอยดิ้นไม่หลุด
และคนที่ได้เปรียบจริง ๆ ก็เป็นโยธิน ที่ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องอับอายกับเรื่องแบบนี้

“เหี้ย รู้ตัวเร็วชิบหายเลยว่ะ แม่งเซ็งจริงๆ”

บ่นออกมาอย่างหัวเสีย และวิเชียรก็เลยต้องจำใจเดินไปที่หน้าประตูห้องพักพนักงานและผลักประตูเข้าไปหา และไปยืนหน้าบึ้งอยู่ตรงหน้าของคู่รักคู่แค้นที่กำลังทั้งฟัดทั้งจิกทึ้งกันนัวเนีย

“โอ้ยยยยยยยยยย อย่ากัดพี่นะบัว หยุดกัดเดี๋ยวนี้โอ้ยยยยย ช่วยด้วยพี่วิเชียร น้องบัวมันกัดผม ทำไมพี่เข้ามาช้าจังเลยวะ น้องบัวมันกัดผมจนแขนผมจะขาดแล้วคร้าบบบบ”

สมน้ำหน้ามึง

“มึงกัดมันให้แขนขาดเลยบัวลอย กูจะช่วยเชียร์อยู่ตรงนี้แหละ”

ไม่ช่วยแล้วแถมยังส่งเสริมด้วยซ้ำ

และฮัทที่มีคนส่งเสริมก็ยิ่งลงมือหนักกว่าเดิมเข้าไปใหญ่

“โอ้ยยยยยยยยย อย่ากัดพี่ บัว ถ้าบัวกัดพี่อีกพี่จะหอมแก้มบัว แล้วพี่จะจูบบัวด้วยแล้วพี่ก็จะปล้ำบัวด้วยนะโว้ยยย โอ้ยยยยพอแล้ว บัว พอแล้วววว”

สู้ไม่ได้ก็พยายามจะใช้ฟันทั้งกัดทั้งงับไปที่แขนของโยธินที่ยังคงกอดแน่นไม่ยอมปล่อย

“อีกสิบนาทีจะหมดเวลาพัก อยากจัดการยังไงก็จัดการเร็วเข้าบัวลอย พี่จะเป็นกำลังใจให้”

ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ ทำไมถึงพูดแบบนี้ล่ะคุณวิเชียรครับ เปิดโอกาสให้เพื่อจะให้ผมโดนน้องบัวทำร้ายจนปางตายแบบนี้เหรอ

ร้ายกาจชะมัด

สมแล้วที่เป็นคุณวิเชียร ยืมมือน้องบัวทำร้ายผมแบบเนียน ๆ แบบนี้ไม่สงสารน้องเขยอย่างผมบ้างเลยหรือไง

“ตายห่ายังวะ”

วิโรจน์เดินเข้ามาสมทบ และไปนั่งอยู่บนโต๊ะ หยิบถั่วต้มออกมาแกะเปลือกและโยนเม็ดถั่วเข้าปาก

นั่งมองกิจกรรมของไอ้เซลหมายเลขหนึ่งกับเด็กใหม่แผนกขนส่งแล้วก็รู้สึกสนุกสนานเพลิดเพลินดีพิลึก

“มึงกัดแค่นั้น มันไม่ตายหรอกบัวลอย มึงต้องพยายามกัดหูมันให้ได้ เอาแบบไมค์ ไทสันไง กัดหูแม่งให้ขาดเลย”

ยุยงส่งเสริม
และบัวลอยก็พยายามจะทำอย่างที่ถูกยุจริง ๆ

“พี่โรจน์...ถึงพี่อ้นจะสั่งมา แต่พี่ก็ควรสงสารผมบ้าง นี่คนนะไม่ใช่กระท้อนถึงจะให้น้องบัวมันทุบให้เละ พวกพี่ช่วยห้ามน้องบัวมันหน่อยสิคร้าบบบบบบบบบ”

แล้วทำไมกูต้องห้ามด้วยวะ

วิโรจน์หันไปมองหน้าวิเชียรเหมือนเป็นคำถาม และวิเชียรก็ยักไหล่แสดงให้รู้ว่าไม่คิดจะสนใจเรื่องนี้เหมือนกัน

“ทำงานดีกว่าว่ะ ถ้าไอ้โยธินแม่งหูไม่ขาดมึงไม่ต้องรีบออกมานะบัวลอย เดี๋ยวพี่ไปนั่งรอข้างนอกก่อน”

วิโรจน์แสยะยิ้มน้อย ๆ และไม่มีความคิดเห็นกับสถานการณ์ตรงหน้า

“ไปแล้วเหรอวะโรจน์ เดี๋ยวกูฝากดูของให้แป๊บหนึ่งด้วย เดี๋ยวตามไป ดูไอ้สองตัวนี่ฟัดกันก่อน กำลังเพลินเลย”

ขาเสือกอย่างวิเชียรมีหรือจะพลาดช็อตเด็ด

ขึ้นไปนั่งอยู่บนโต๊ะและช่วยลุ้นว่าเหตุการณ์จะเป็นยังไงต่อไป

โยธินกอดร่างที่พยายามดิ้นรนหนีออกจากอ้อมแขนเอาไว้แน่น และฮัทก็พยายามทุกวิถีทางที่จะกัดโยธินให้ได้

“โอ้ยยยยยยย เป็นหมาหรือไงวะ จะงับให้ตายจริง ๆ หรือไง เดี๋ยวกูงับบ้างหรอกวะ เอาตรงต้นคอนี่เลยมั้ย รอยจะได้ชัด ๆ”

ไม่ได้ขู่ แต่โยธินทำอย่างที่พูดจริง ๆ และเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมเลิก ไม่ยอมหยุดดิ้นโยธินก็เลยก้มลงไปทำสิ่งที่ควรทำต่อหน้าวิเชียรที่นั่งมอง ฝังปลายจมูกลงไปหนักๆ ที่ซอกคอของพนักงานใหม่แผนกขนส่ง

ฝังรอยฟันลงไปที่ซอกคอขาว ตั้งใจให้รอยนี้อยู่ไปได้อีกหลาย ๆ วัน และฮัทที่ตั้งใจจะกัดแขนโยธินให้ได้ ก็ถึงกับนิ่งอึ้ง และทำอะไรต่อไปไม่ได้ นอกจากแหกปากร้องลั่นออกมาด้วยความเจ็บ

“โอ้ยยยยยยยย เหี้ย กูเจ็บ ไอ้โยธิน ปล่อยกู”

พอทีนี้ล่ะมาร้องว่าเจ็บ ทีกัดพี่ไม่เห็นพูด กัดเอา กัดเอาทำอย่างกับพี่ไม่เจ็บอย่างนั้นแหละ

“เฮ้ย พวกมึงว่างงานกันมากนักหรือไงวะ ถึงมาทำอะไรเพ้อเจ้อบ้าบอแถวนี้ มึงนี่ยังไงโยธิน เป็นเซลหมายเลขหนึ่งของแผนกขายไม่ใช่เหรอ มึงก็เลยว่างงานมากมีเวลามาหาเรื่องเด็กแผนกกู แล้วไอ้บัวมึงเป็นอะไร พูดกับมันดี ๆ ว่าปล่อยเถอะจะไปทำงานแล้ว มันก็จบ กูอยากรู้นักว่าใครมันจะบ้าไม่ปล่อยมึงกูจะได้จัดการให้ มึงอีกคนวิเชียร สนุกนักนะ สนุกนัก อย่าให้กูต้องด่านะไอ้พวกเหี้ย”

พี่บุ้งด่ามาเต็มเหนี่ยวแล้วแหละวะ ไม่ต้องบอกว่าอย่าให้ด่าเหอะ เล่นด่ามาซะเละเทะขนาดนี้แล้ว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 13-05-2014 14:03:23
“คร้าบ ไปทำงานแล้วคร้าบบบหัวหน้า ไม่เสือกแบบเปิดเผยแล้วครับ จะพยายามเสือกแบบเงียบๆ เสือกในแบบเทพ ๆแล้วกันนะครับ”

ประชดประชันเหน็บแนมลูกพี่ไปเล็กน้อย และโยธินก็ยอมปล่อยคนในอ้อมแขนให้เป็นอิสระ
แค่ปล่อย แล้วคนที่ถูกปล่อยก็รีบทะลึ่งตัวยืนขึ้น และจับต้นคอของตัวเองเอาไว้แน่น เพราะความเจ็บ

อยากจะมีเรื่องกับไอ้คนที่เข้ามาหาเรื่องถึงถิ่นอยู่หรอก
แต่โดนพี่บุ้งด่าเละซะขนาดนี้ ก็เลยเกิดอาการกลัวขึ้นมาจนหัวหด

“มึงอยู่ก่อนบัวลอย”

อยู่ก่อนเหรอ ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัย และเหลือบสายตามองหน้าโยธินที่กำลังจัดเสื้อผ้าและเนคไทด์ให้เข้าที่เข้าทาง
อยากจะกระโดดถีบมันแต่อยู่ต่อหน้าพี่บุ้งและเป็นเวลางานก็เลยทำไม่ได้

“ฟังที่กูกำลังจะพูดให้ชัด ๆ กูไม่ต้องการให้ปัญหาส่วนตัวของพวกมึง มาสร้างปัญหาให้ในเรื่องของงาน”

แต่ว่า.........แต่ไอ้โยธินมัน

กำลังจะระเบิดอารมณ์โมโหออกมาอีกรอบ และบุ้งก็มองหน้าของพนักงานใหม่ของแผนกด้วยสายตาเอาเรื่อง

“ฟังกู”

พูดออกไปนิ่ง ๆ แต่สีหน้าจริงจังจนบัวลอยต้องย่นคอ และไม่มองหน้าของคนที่เข้ามาหาเรื่องถึงในแผนกอีก
ทั้งที่ในเวลานี้กำมือแน่น และพยายามระงับใจตัวเองอยู่

“โยธินได้งานจากลูกค้ามาหนึ่งงาน ลูกค้าอยากให้เราช่วยส่งสินค้าให้ เพราะไว้วางใจในการบริการและคุณภาพการขนส่งของแผนกเรา ปัญหาคือว่า โยธินมันต้องลงมาดิวงานกับเราด้วย มึงคงได้มีโอกาสเห็นหน้ามันในแผนกบ่อยขึ้นนะบัวลอย”

เหี้ยยยยยยยยยย แม่งเอ้ย กูอยากจะบ้าตายแล้วโว้ย

“งั้นผมก็ลาออก ไม่ทงไม่ทำแล้วงาน”

ตัดสินใจง่าย ๆ และหัวหน้าแผนกขนส่งก็ทำหน้าเฉยไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา

“นั่นกูห้ามมึงไม่ได้ มึงออกกูก็คงต้องรับคนเข้ามาใหม่ ที่ไหนที่ดีกว่ามึงก็ต้องอยากไปอยู่แล้ว แผนกกูไม่ว่าใครเข้ามาทำก็แบบนี้ทุกคนแหละ อยู่ได้แป๊บ ๆ ก็ออก กูเริ่มชินแล้ว ก็แค่กลับไปเหนื่อยมากกว่าเดิมเหมือนก่อนมึงเข้ามาอีกหน่อย จะเป็นไรไป”

พูดเหมือนไม่ง้อ พูดเหมือนไม่แคร์ แต่แอบลอบสังเกตสีหน้าและท่าทางของพนักงานใหม่ที่เข้ามาทำงานเกินสามเดือนแล้วและกำลังจะผ่านโปรพอดี

“กูเพิ่งส่งเรื่องขอขึ้นเงินเดือนให้หลังผ่านโปรให้มึงไป ก็ไม่เป็นไร ช่างแม่งเหอะ ก็ถือว่าที่ผ่านมาพวกกูดูแลมึงไม่ดีเอง มึงก็เลยมาเจอเรื่องที่ไม่คาดคิดว่าจะได้เจอ”

ไม่ใช่นะพี่บุ้ง มันไม่ใช่ความผิดพวกพี่ แต่มันผิดที่ผม แล้วก็ ........ แล้วก็ไอ้เหี้ยนี่ ไอ้คนที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่ข้าง ๆ นี่ต่างหากล่ะ

“ผมเมาครับตอนนั้น แต่ตอนนี้ผมไม่เมาแล้ว ที่ผมเข้ามาวันนี้ผมมาแบบมีสติดีครบถ้วน งั้นตอนนี้ผมขออนุญาตหัวหน้าบุ้งจีบน้องบัวเลยแล้วกันครับ”

ไม่เกี่ยวกับเรื่องงานเลยซักนิด แต่อาศัยจังหวะได้ เลยบอกออกไปแบบเนียน ๆ พูดจากันแบบตรงๆ ซึ่ง ๆ หน้า และคนที่ยืนโมโหอยู่ข้าง ๆ ก็หันมามองหน้าของโยธินตาค้าง

“มองพี่ทำไมล่ะ พี่ชอบบัว พี่ก็จีบ ก็ขออนุญาตจีบซะให้เป็นเรื่องเป็นราวไป ไม่ใช่จะมาลักลอบทำอะไรไม่ดี คนอื่นเขาก็เห็นกันหมด ต่อไปก็จะได้ไม่ต้องมีใครคิดอะไรแปลกๆ เพราะพี่ยอมรับเลยตรงนี้ ว่าพี่มาทำงานก็จริง แต่พี่ก็มีแผนเข้ามาจีบบัวด้วย”

ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยย ไอ้โยธิน....มึง แม่ง.........

“ถ้าบัวทำอะไรพี่ พี่จะเอานิลพัท โยนลงหน้าต่างคอนโด มันต้องตกลงมาตายแน่ ๆ พี่ไม่ได้ขู่นะ ถ้าบัวทำอะไรพี่อีก พี่จะโมโหจนขาดสติ แล้วกลับบ้านไปพี่ก็จะไปทำอย่างนั้นจริง ๆ”

แล้วคนที่กำหมัดแน่นก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาเก็บอาการโมโหที่ปิดไม่มิด
กูกำลังจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว กำลังจะทนไม่ไหวแล้วโว้ยยยยย

“เรื่องส่วนตัวกูไม่รู้ แต่เรื่องงานอย่าให้มีปัญหา ผมไม่ว่าถ้าโยธินจะคิดจีบหรือทำอะไรใครเพราะนั่นมันเรื่องส่วนตัว ผมห้ามใครไม่ได้ เป็นปัญหาของคนสองคนที่ต้องไปตกลงกันเอง แต่ถ้างานมีปัญหา...........กูก็เอาพวกมึงสองคนตายเหมือนกัน”

ถึงกับสะดุ้งกับคำพูดนิ่ง ๆ แต่หนักแน่นของหัวหน้าแผนก
และโยธินก็ส่งยิ้มให้หัวหน้าแผนกขนส่งและพูดบางอย่างออกมา

“ระหว่างนี้ ที่ผมต้องเข้ามาคุยงานกับแผนกขนส่ง ผมจะไม่วุ่นวายไม่เข้าไปก้าวก่ายการทำงานของน้องบัวครับ จะไม่ต่อปากต่อคำ ต่อล้อต่อเถียง ในเวลางาน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมา แต่น้องบัวอาจจะลำบากใจหน่อยที่ต้องเห็นหน้าผมบ่อย ๆ แต่ผมสัญญาจะมองหน้าน้องบัวให้น้อยที่สุด เพื่อเป็นการลดปัญหาความขัดแย้งส่วนตัวของพวกผม และผมจะพูดกับน้องบัว เมื่อจำเป็นและเกี่ยวข้องกันด้วยเรื่องงานเท่านั้นครับ”

มันพูดเหี้ยอะไรของมันมากมายก็ไม่รู้ กูก็หวังให้มันทำได้อย่างที่มันพูดก็แล้วกัน

“น้องบัวไม่ต้องห่วง ถ้าเรื่องงานพี่โปรพอ พี่แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันได้ แต่น้องบัวแยกได้หรือเปล่า อันนั้นพี่ไม่รู้”

หันมาพูดกับคนที่ยืนหน้าบึ้งอยู่ข้าง ๆ และบัวลอยก็มองหน้าของโยธินอย่างอาฆาต

“กูก็โปรพอ กูไม่เคยเอาเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวมาปนกัน”

พูดออกไปแบบนั้น และก็เข้าทางของอีกฝ่ายพอดี

“งั้นยินดีที่ได้ร่วมงานครับ คุณกล้าณรงค์ ผมโยธินจากแผนกขายครับ งานนี้คงต้องขอรบกวนด้วย มีอะไรก็แนะนำผมได้ครับ ในสายงานการขนส่งผมไม่ค่อยชำนาญนัก แต่คิดว่าคุณกล้าณรงค์คงจะแนะนำผมได้”

เหี้ยยยยยยยยยยย ยินดีบ้านพ่อมึงดิ กูไม่ได้ยินดีเลยสักนิด
หันหน้าหนีไปอีกทาง และไม่ยอมตอบสิ่งที่อีกฝ่ายพูด

บุ้งมองหน้าคนสองคนด้วยใบหน้านิ่งเฉย ก่อนจะพูดบางอย่างให้สองคนเข้าใจตรงกัน

“เรื่องส่วนตัวมึงไปเคลียร์กันเอาเอง แต่เรื่องงานกูไม่ต้องการให้มีปัญหา บัวลอย สิ่งที่กูจะบอกอีกอย่างก็คือ ตอนนี้พวกกูยุ่งกันมาก มีแต่งานใหญ่เข้ามาทั้งนั้น เพราะฉะนั้นถ้ามึงโปรอย่างที่ปากมึงว่า มึงก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องประสานงานกับโยธินงานนี้ไม่มีใครปลีกตัวออกมาได้ คงต้องหวังพึ่งมึงคนเดียว แต่ถ้ามึงไม่ไหว เพราะปัญหาส่วนตัวกูก็ไม่ว่า กูเข้าใจดีว่ามันหนักหนาสาหัสกับมึงมาก แต่ก็อีกนั่นแหละกูแอบหวังลึก ๆ ว่ามึงจะแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันได้เด็ดขาดจริง ๆ .........ก็ไม่รู้นะ ถ้ามึงตัดสินใจได้ยังไงก็มาบอกกูอีกที กูจะรอคำตอบจากมึง ถ้ามึงทำไม่ได้ กูจะได้ให้โยธินไปปฏิเสธลูกค้าซะ เพราะคงต้องยอมรับว่าแผนกเราไม่มีศักยภาพมากพอจะทำงานให้เขาได้จริง ๆ”

นั่นเหมือนการสบประมาทและท้าทายกันชัด ๆ

และพนักงานใหม่ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความกลุ้ม

กูโปรพอ
กูโปรพอ
กูโปรมากพอ แล้วกูก็จะทำให้ได้อย่างที่ปากพูด

“ถ้ามันโปรพอ ผมก็โปรพอเหมือนกัน แล้วถ้าเมื่อไหร่มันเอาเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวมาปนกัน จะให้ผมทำยังไง”

ถามออกไปแบบตรง ๆ และโยธินก็หันมามองหน้าของคนที่ตั้งคำถามนี้

“ถ้าผมเอางานมาปนกับเรื่องส่วนตัวในระหว่างเวลางานเมื่อไหร่คุณกล้าณรงค์สามารถบอกหัวหน้าแผนกขนส่งให้จัดการผมได้ทุกเวลา ผมพร้อมจะให้ตักเตือน และพร้อมให้พิจารณาตามเหตุและผลที่ผมทำผิดพลาดไป ขอแค่คุณอย่าตีรวนแล้วก็ใช้อคติส่วนตัวกับผมก็แล้วกัน”

กูไม่มีวันทำแบบนั้นแน่ ถ้ามึงไม่เล่นงานกูก่อน

“ผมรับงานครับหัวหน้า เริ่มเมื่อไหร่ ก็บอกผมได้เลย ผมพร้อมแล้ว”

บอกออกไปแบบตรงๆ และมุ่งมั่น กูจะมองว่ามึงเป็นอากาศธาตุซะ แล้วกูก็จะไม่สนใจมึงด้วย กูมาทำงาน กูก็มุ่งหวังจะทำแต่งาน
ส่วนเรื่องส่วนตัวกูจะทิ้งมันไปซะ ทั้งที่อยากฆ่ามึงให้ตายใจแทบขาด

“เออดี มึงอย่าทำให้กูผิดหวังแล้วกันบัวลอย งั้นพรุ่งนี้เริ่มงานได้”

หัวหน้าแผนกขนส่งบอกเวลาเริ่มงานเรียบร้อย และคนที่รับฟังก็พยักหน้าทำความเข้าใจ

“งั้นตอนนี้ผมขอไปเคลียร์งานเก่าก่อนแล้วกันครับหัวหน้า”

ไม่พูดให้มากความ ไม่ต่อปากต่อคำกับคนที่ยืนทำหน้าเฉย แต่กวนตีนที่สุด

เปิดประตูเดินออกไปเงียบ ๆ และโยธินที่ยืนอยู่ก็ยกมือไหว้หัวหน้าแผนกขนส่งที่ช่วยให้ได้ทำงานนี้

“มึงไม่ต้องมาไหว้กู ไม่ใช่เรื่องของกู นี่มันเรื่องของบริษัท แล้วคนที่พอจะทำงานกับมึงได้ตอนนี้ก็มีแค่บัวลอยจริง ๆ เพราะฉะนั้นกูไม่ได้ทำอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น”

ครับ หัวหน้าบุ้งไม่ได้ทำอะไรเลย ก็แค่เปิดโอกาสให้ผมแบบเนียน ๆ แค่นั้น

“ขอบคุณครับที่ให้โอกาสผมได้ฝึกฝนตัวเอง และให้โอกาสในการพัฒนาฝีมือการทำงานในด้านอื่นๆ”

เข้าใจพูดนี่ มึงมันไม่ธรรมดาอยู่แล้วโยธิน

“ก็หวังว่ามึงจะทำได้อย่างที่ปากมึงพูด แต่ถ้าเอาเรื่องส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย จนมันอยู่ไม่ได้เพราะมึง....มึงก็น่าจะรู้ตัวเองว่าพวกกูจะทำยังไงกับมึงต่อไป”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: p^tarn ที่ 13-05-2014 14:34:13
รอตอนต่อนะ :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 13-05-2014 14:38:40
ถึงเนื้อถึงตัวกันแล้วเว้ย
รุกเข้าไป ถึงชั้นจะไม่ชอบแกนะ โย
แต่ชั้นก้อไม่อยากให้ปู้จายแผนกนี้ตกไปอยู่ในมือชะนีอย่างชั้น 555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 13-05-2014 14:41:56

โยน่ารักกว่าเดิมนะเนี่ย :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 13-05-2014 14:45:28
เนียนนะหัวหน้าบุ้ง


 :3123:
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาค วิโรจน์ อ้น ตอน ไปซื้อของกัน
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 13-05-2014 14:46:29
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/06/ไฟล์เปล่า12BRIrc.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ  วิโรจน์ & กฤษดา.....ตอน  ไปซื้อของกัน

วัตถุทรงรีขนาดเล็ก สีชมพูน่ารัก กำลังถูกกดแทรกเข้าไปในช่องทางที่ปิดสนิทของหัวหน้าแผนกขาย
คุณกฤษดากำลังยืนน้ำตาคลอ และเกาะยึดไหล่ของวิโรจน์เอาไว้เมื่อสิ่งนั้นถูกสอดใส่เข้ามาภายในร่างกาย

ความสั่นสะเทือนภายในช่องทางด้านหลังทำให้คุณกฤษดาอยากร้องไห้แต่ต้องจำใจต้องขบริมฝีปากแน่น เมื่อวิโรจน์เงยหน้าขึ้นมามองและยิ้มออกมาอย่างสมใจ

ปรับความแรงในการสั่นให้อยู่ในขนาดที่พอใจ ควบคุมความรุนแรงของวัตถุที่ฝังลึกอยู่ในร่างกายของหัวหน้าแผนกขายให้เป็นไปตามต้องการและวิโรจน์ก็ใช้เทปกาวปิดทับรีโมทเล็ก ๆ ไว้ที่ต้นขาของหัวหน้าแผนกขาย ก่อนจะดึงกางเกงในขึ้นและจัดการดึงกางเกงแสลคทำงานของคุณกฤษดาขึ้นมา

รูดซิปและรัดเข็มขัดให้เรียบร้อย

ช่วยแต่งตัว

อย่างตั้งใจ

คุณกฤษดาหัวหน้าแผนกขาย กำลังพยายามหายใจเข้าให้ลึก ๆ พยายามเก็บอาการ พยายามไม่แสดงออกว่ากำลังรู้สึกยังไง

“ห้ามเอาออกเด็ดขาด”

น้ำเสียงที่เอ่ยบอกเย็นชา เฉียบขาด และคุณกฤษดาก็ได้แต่ขบริมฝีปากแน่น ด้วยความทรมาน
ทุกครั้งที่ก้าวเดิน ส่วนที่อยู่ภายในร่างกายจะยิ่งสั่นสะเทือนมากขึ้นเรื่อย ๆ
และคุณกฤษดาก็แทบจะทรุดลงนั่ง แต่วิโรจน์ก็ดึงแขนของหัวหน้าแผนกขายเอาไว้ไม่ยอมให้นั่งลงไป

“ไปข้างนอกด้วยกัน ไปซื้ออะไรกันดีกว่า”

วิโรจน์พูดยิ้ม ๆ และให้คุณกฤษดาเดินนำหน้าไปก่อน แต่ละก้าวช่างเต็มไปด้วยความยากลำบาก ทุกครั้งที่ก้าวขาเดิน ดูเหมือนสิ่งนั้นที่ฝังอยู่ในช่องทางด้านหลังยิ่งสั่นแรงขึ้น

แรงจนคุณกฤษดาแทบยืนไม่อยู่ แต่ก็จำใจต้องเดิน พยายามก้าวเดิน พยายามทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ผ่านหน้าผู้คนที่เดินสวนกันไปมา ใบหน้าที่แฝงไปด้วยอารมณ์ร้อนแรงกำลังแสดงความรู้สึกและคุณกฤษดาต้องรีบดึงเสื้อเชิตที่สวมอยู่ออกนอกกางเกง

ดึงเสื้อให้ตึง เพราะรู้สึกว่าบางอย่างที่อยู่ตรงหว่างขากำลังพองตัวขึ้นอย่างช้าๆ จนคับแน่นไปทั้งกางเกง เหมือนจะทะลุออกมาข้างนอกอยู่แล้ว

“อืก อือ”

คุณกฤษดากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก และหยุดก้าวขา แต่วิโรจน์ที่เดินอยู่ข้างหลังก็หยุดและแตะมือไปที่เอวของหัวหน้าแผนกขายเบา ๆ

พร้อมกับกระซิบบอก

“หยุดเดินทำไม เดินไปต่อสิ เดินไปขึ้นรถ เดี๋ยวเราไปซื้อของข้างนอกกัน”

เป็นการบังคับใจกันอย่างถึงที่สุด และคนถูกบังคับก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ได้แต่ยอมทำตามอย่างจำใจ

วิโรจน์ยิ้มกริ่ม กดรีโมทรถยนต์และประตูรถก็เปิดออก

วิโรจน์เป็นคนขับ และคุณกฤษดาก็จำใจต้องขึ้นมานั่งที่ข้าง ๆ คนขับ

“นั่งลงไปแบบนั้น รู้สึกยังไงบ้างอ้น”

ยิ่งรู้สึก….. รู้สึกจนแทบอยากจะไปเสียให้ได้

“อืออออ พีท อย่าทรมานอ้นเลย อย่าทรมานอ้นอีกเลยได้มั้ย”

ไม่ได้

ต้องทำแบบนี้

“ก็ได้ ถ้าคิดจะขัดขืน”

ไม่ได้คิดจะขัดขืนแต่ว่า...........มันกำลังจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว คุณกฤษดานั่งหอบหายใจหนักอยู่บนที่นั่งข้างคนขับ
กำมือแน่นทั้งสองข้าง และมองไปที่เป้ากางเกงของตัวเองที่บางอย่างในนั้นยิ่งดุนดัน อยากจะออกมาข้างนอกแล้ว

ความเปียกชื้นที่ส่วนปลายไหลซึมออกมาจนเปียกไปหมดที่เป้ากางเกง และคุณกฤษดาก็ได้แต่เอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้นิ่ง ๆ
หลับตาแน่น และขบริมฝีปากเอาไว้ด้วยความรู้สึกที่ยากเกินจะบรรยาย

“พีท.......อ้นจะทนไม่ไหวอีกแล้ว”

ไม่ไหวเหรอ

“ก็ได้ ถ้าอ้นอยากจะทำมากนัก อ้นก็ถอดออกให้หมดทั้งตัวสิ กล้าหรือเปล่า”

ไม่กล้า ยังไงก็คงไม่กล้า

“ที่สำคัญถ้าอ้นถอดอะไรก็ตาม อ้นต้องโยนมันทิ้งออกไปนอกรถให้พีทเห็น แบบนี้ดีมั้ย”

ไม่ดีแน่ อย่างนี้มัน ยิ่งกว่าไม่ดี

“พีท แต่อ้น จะ อ้น.....อ้นจะไม่ไหวแล้วพีท อ้นจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว อึกอือออ”

ทนไม่ไหวยังไงล่ะ
อยากรู้ว่าทนไม่ไหว ยังไงกันน่ะ

คนที่กำลังสนใจอยู่กับการขับรถ
ยิ้มกริ่มออกมาด้วยความรู้สึกสนุก

วางมือไปที่ส่วนกึ่งกลางร่างกายของหัวหน้าแผนกขายและลูบไล้เบา ๆ ให้รู้สึกเพิ่มขึ้น

“ฮืออออออออ พีท อืมมม อ้น อ้น จะไม่ไหวแล้วจริง ๆ พีท”

ไม่ไหวเหรอ

งั้นก็ได้

“อยากจะปลดปล่อยมากนักใช่มั้ย”

ใช่ ไม่ไหวแล้ว อยากจะปลดปล่อยมากแล้ว

“อ้าขาออกสิ”

อ้าขาออก

ได้สิ ได้.........

“พีท...จะให้อ้นทำแล้วใช่มั้ย”

ใครว่าล่ะ

ใครอนุญาตให้ทำ

วัตถุขนาดแบบเดียวกันถูกล้วงออกมาจากกระเป๋ากางเกงของวิโรจน์ ความแรงของการสั่นคงไม่ต้องคิดว่าคงไม่ต่างจากอันเดิมซักเท่าไหร่

“เอาใส่เข้าไปอีกอันสิ”

แค่อันเดียวยังทนไม่ไหว แต่นี่สองอัน หัวหน้าแผนกขายได้แต่สั่นหน้า แต่วิโรจน์ยังคงไม่คิดจะสนใจ

“ถอดกางเกงออกแล้วเอาใส่เข้าไปอีกอันเดี๋ยวนี้”

อยากจะร้องไห้ สิ่งที่คุณกฤษดาทำได้มีแค่ปลดกางเกงออกจากตัว
ส่วนนั้นที่พองตัวเต็มที่ดีดตัวออกมาพร้อมกับหยดน้ำใสที่ไหลเยิ้มจากส่วนปลายออกมาเป็นทาง

ช่องทางที่บีบรัดบางอย่างที่อยู่ภายในยังคงตอบรับวัตถุที่
และต้องตอบรับให้มากขึ้นเมื่อหัวหน้าแผนกขายค่อย ๆ กดแทรกสิ่งของแบบเดียวกันเข้าไปและปรับไปที่รีโมทคอนโทรลเลือกเบอร์ที่แรงที่สุดตามคำสั่ง

ร้องครางเสียงแผ่วเมื่อวัตถุขนาดไม่ใหญ่มากนัก สองชิ้นกำลังหมุนวนอยู่ภายในร่างกายและสั่นสะท้านไม่ยอมหยุดอยู่ในช่องทางเล็กๆ แคบๆ ส่วนนั้น

“อืออออออออ พีท อ้นไม่ไหวแล้วจริง ๆ”

ร้องครางเสียงแผ่ว แต่คนออกคำสั่งก็ทำหน้าเรียบเฉย

“แต่งตัวให้เรียบร้อย เราจะลงไปซื้อของกันแล้ว รีโมทอีกอันดึงสายมันออกมาแล้วใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงของอ้นสิ”

ไม่ใช่แบบนี้ สิ่งที่คุณกฤษดาต้องการไม่ใช่แบบนี้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องยอมตามใจ

ทำทุกอย่างตามที่วิโรจน์บอก และวัตถุชิ้นนั้นทั้งสองชิ้นก็ยังหมุนวนอยู่ภายในช่องทางด้านหลังไม่หยุด

ทุกครั้งที่ก้าวเดินสิ่งนั้นยิ่งทำหน้าที่ได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ

ดีซะจนคุณกฤษดาทำให้คุณกฤษดาเดินแทบไม่ไหว แต่ก็สร้างรอยยิ้มให้วิโรจน์มากขึ้นเมื่อได้เห็นดวงตาภายใต้กรอบแว่นที่คล้ายจะคลอรินไปด้วยหยดน้ำ

คุณกฤษดาขบริมฝีปากแน่น และก้าวเดินอย่างเชื่องช้า

และนั่นก็ยิ่งทำให้วิโรจน์รู้สึกสนุกมากขึ้น ที่ได้เห็นผู้จัดการแผนกขายทำหน้าน่ารักให้ได้เห็นสมใจอย่างที่วิโรจน์ต้องการ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 13-05-2014 14:46:51
กว่าจะได้กลับมาใช้เวลามากถึงหนึ่งชั่วโมงเต็ม
กว่าจะได้เข้าห้อง
กว่าจะเดินทางมาถึงพร้อมกับข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ นา นาที่วิโรจน์แกล้งซื้อให้มากเกินความจำเป็น

และเมื่อก้าวขาเดินเข้ามาในห้อง หัวหน้าแผนกขายก็ทรุดฮวบนั่งลงกับพื้นเพราะไม่สามารถฝืนร่างกายให้อดทนยืนได้ไหวอีก

หัวใจกำลังสั่น เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นที่หน้าผากและฝ่ามือ ใบหน้าแดงก่ำและริมฝีปากกำลังขบเม้มเข้าหากันแน่น

วิโรจน์แค่ยืนมองและอมยิ้มชอบใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น รูดซิปกางเกงลง และดึงส่วนนั้นออกมาจากภายในกางเกง
และหัวหน้าแผนกขายก็เผยอปากขึ้น ก่อนจะโน้มใบหน้ามาดูดเลียกลืนกินท่อนเอ็นขนาดใหญ่ของวิโรจน์ด้วยความหิวกระหาย

“อึกอือออ อื้ออออ”

โพรงปากร้อนนุ่มยุ่นดูดกลืนส่วนนั้นเข้าออกและไล้เลียไปที่ส่วนปลายที่เริ่มมีหยดน้ำไหลซึม ดูดกลืนกินเข้าไปด้วยความต้องการ

และในเวลาไม่นาน ทั้งเสื้อและกางเกงของคุณกฤษดาก็หลุดออกจากร่าง เหลือไว้แค่เพียงเนคไทน์เส้นเดียวที่วิโรจน์ขอเอาไว้และรวบมือทั้งสองข้างของหัวหน้าแผนกขายเข้าด้วยกัน

มัดมือทั้งสองข้างของหัวหน้าแผนกขายเอาไว้ ส่งยิ้มและจ้องหน้าหัวหน้าแผนกขายดวงตาเป็นประกาย

“ไม่เอานะพีท แบบนี้ไม่เอา พีทอย่าทำเลย ขอร้อง”

ไม่ได้

ต้องเอา

ต้องทำ

“ถ้าอยากได้นักก็ทำเองซะให้พอใจสิอ้น ถ้าอยากจะทำมากนักก็ทำให้ได้อย่างใจตัวเอง”

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 13-05-2014 14:47:37
วิโรจน์ทำแค่เพียงเอนกายลงนอนนิ่ง ๆ จับสะโพกที่ไหวโยกขึ้นลงอย่างแรงเอาไว้แน่น

เสียงวัตถุชิ้นไม่ใหญ่มากนักยังส่งเสียงครางครืดทำหน้าของมันได้ดี และวิโรจน์ก็แตะวัตถุชิ้นนั้นเบา ๆ ที่ส่วนปลายของร่างกายของหัวหน้าแผนกขายที่กำลังสั่นไหว ชูชันตอบรับความสั่นสะเทือนของวัตถุชิ้นนั้นอย่างถูกใจ

“อือออออออ พีท พีท อ้นเสียวจังเลย อ้นเสียวไม่ไหวแล้ว พีท”

น้ำเสียงร้องครางเครือ มาพร้อมกับการที่หัวหน้าแผนกขายยังคงเคลื่อนไหวให้ร่างกายกดกระแทกแทรกลงมาครอบทับท่อนเอ็นขนาดใหญ่ครั้งแล้วครั้งเล่า

“พีท ให้อ้นไปเถอะ พีท ให้อ้นไป”

ร้องครางออกมาอย่างรุนแรง และแหงนเงยใบหน้าขึ้นสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ

วิโรจน์ค่อย ๆ ขยับกายผุดลุกขึ้นก่อนที่จะค่อย ๆช่วยจัดท่าทางให้หัวหน้าแผนกขายอยู่ในท่าคุกเข่าและโน้มตัวไปข้างหน้าทั้งที่ข้อมือทั้งสองข้างยังถูกมัดเอาไว้

“ทำเองสิอ้น อยากได้แค่ไหนก็ทำเอาเอง”

เสียงหัวเราะดังแผ่ว ๆ ทำให้หัวหน้าแผนกขายที่ไม่สามารถแยกมือออกจากกันได้ ต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะขยับสะโพกไปด้านหลังเพื่อจะได้ให้ช่องทางด้านนั้นเสียดสีกับท่อนเอ็นใหญ่โตที่กำลังเต้นตุบและขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวอยู่ภายในร่าง

“พีท ขอร้องเถอะ ช่วยอ้นด้วย พีท อ้นขอร้อง อืออออออออ”

สิ้นสุดความอดทน และวิโรจน์ก็ขบริมฝีปากแน่น

ก่อนจะกระชากเอวของหัวหน้าแผนกขายเข้าหาตัวแรง ๆ หลายครั้ง

รุนแรงมากขึ้น
เร็วขึ้น

สุดท้ายกระชากสะโพกของหัวหน้าแผนกขายอย่างสุดแรง

และปลดปล่อยออกมาจนหมดสิ้น

พร้อม ๆ กับที่หัวหน้าแผนกขายก็ร้องครางลั่นเมื่อร่างกายของตัวเองกระตุกอย่างรุนแรงและปลดปล่อยของเหลวที่อัดแน่นภายในร่างออกมา จนหยดลงเปรอะเปื้อนลงที่หน้าขา และบางส่วนกระฉอกออกมาจากส่วนนั้นจนเปรอะเลอะผ้าผู้ที่นอน

ทรุดร่างลงนอนกกกอดกันด้วยความเหนื่อยล้า

และหัวหน้าแผนกขายก็ยิ้มออกมาอย่างถูกใจในสิ่งที่ได้ทำวันนี้

“ชอบมั้ย....แบบวันนี้”

ชอบมาก มันทั้งตื่นเต้น ทั้งแปลกใหม่ ทั้งเร้าใจ

“ขอบคุณพีทมาก ๆ ที่หาอะไรตื่นเต้นมาให้อ้นทำได้ตลอด แต่จะให้อ้นถอดเสื้อแล้วโยนทิ้งไปจริง ๆ เหรอใจร้ายมากนะ”

แกล้งพูดออกมายิ้ม ๆ และวิโรจน์ก็หัวเราะออกมาเสียงเบา

“ใครจะกล้าล่ะ พีทแค่ขู่ไปงั้นเอง แล้วก็ได้ผลด้วยสิ หน้าอ้นนี่แดงก่ำเลยเชียวล่ะ น่ารักมากเลยรู้มั้ยครับ”

น่ารักมากเหรอ

ฝ่ามือของหัวหน้าแผนกขายยังคงลูบไล้เบา ๆ ไปที่ท่อนเอ็นที่ถูกถอนออกมาและคราบน้ำรักขุ่นขาวของวิโรจน์ที่ทิ้งไว้ในช่องทางด้านหลังก็ไหลทะลักตามออกมาด้วย

จ้องมองด้วยความสนใจ และหัวหน้าแผนกขายก็ลูบไล้ฝ่ามือที่ท่อนเอ็นขนาดใหญ่ของวิโรจน์ที่ยังคงแข็งแรงไม่อ่อนตัวลงไปง่าย ๆ

“อยากทำอีกครั้งหรือไง”

อยากสิ

ยังไม่อิ่มเลย ยังไม่พอใจเลยด้วย อยากจะทำแบบนี้อีกซ้ำ ๆ

หัวหน้าแผนกขาย ส่งยิ้มให้วิโรจน์ ก่อนจะขยับตัว และเคลื่อนมาอยู่ที่หว่างขาของวิโรจน์แล้ว

จ้องมองท่อนเอ็นขนาดใหญ่ ที่เริ่มอ่อนแรงและแตะปลายลิ้นเบา ๆ ที่ส่วนปลาย

ดูดกลืนและครอบริมฝีปากลงไปอีกครั้งและเหลือบสายตามองใบหน้าของวิโรจน์ที่ยังคงยิ้มกริ่มกับสิ่งที่หัวหน้าแผนกขายกำลังทำ

“เพิ่งจะเสร็จไป อยากขึ้นมาอีกแล้วเหรอ”

ใช่ อยากขึ้นมาอีกแล้ว

.........พีททำให้อ้นคลั่ง........

สายตาร้อนแรงที่จ้องมองตอบกลับมาภายใต้กรอบแว่น ยิ่งทำให้วิโรจน์ยิ้มกว้างขึ้นและเกลี่ยไล้ปลายนิ้วเบา ๆ ที่ข้างแก้มของหัวหน้าแผนกขาย ที่ยังคงดูดกลืนร่างกายของวิโรจน์เข้าไปในโพรงปาก และหรี่ปรือตาลง

ปฏิบัติกับส่วนนั้นอย่างทะนุถนอม ประคองเอาไว้ให้ตั้งตรงเมื่อรู้สึกว่าส่วนนั้นกำลังค่อย ๆ แข็งขืนขึ้นอีกแล้ว
หัวหน้าแผนกขายค่อย ๆผุดลุกขึ้นและหย่อนกายลงมาคร่อมทับให้ช่องทางด้านหลังเปิดรับส่วนนั้นเข้าไปอย่างช้า ๆ

จ้องมองหน้าของวิโรจน์อย่างพอใจ และวิโรจน์ก็จ้องกลับและส่งยิ้มให้

“อาส์ พีท มันเข้าไปหมดแล้ว อื้อออออออออซี้ดส์”

หัวหน้าแผนกขายขบริมฝีปากแน่น และวางมือไว้ที่หน้าท้องของวิโรจน์ก่อนจะเริ่มเคลื่อนไหวสะโพกอีกครั้ง

ทั้งที่ดวงตาสองคู่ยังคงสบนิ่งกันอยู่

“พีท.....ของพีทมันอยู่ในตัวอ้นหมดแล้วแบบนี้ดีมั้ย....คราวนี้ล่ะอ้นจะเป็นฝ่ายทรมานพีทบ้าง........พีทจะได้รู้.....ว่าสิ่งที่พีททำ มันทำให้อ้นรู้สึกยังไง”



Fin.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 13-05-2014 15:02:29
 :pighaun:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 13-05-2014 15:06:57
อ้น พีท คู่นี้ร้อนแรงตลอดเลย

เริ่มสงสารโย อุปสรรคเยอะจริง

หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: foolishbeat ที่ 13-05-2014 15:08:54
พีททำให้อ้นคลั่ง  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 13-05-2014 15:26:26
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด น้องเชียรอย่ายอมนะค่ะ อย่าให้พีทกับอ้นแซงหน้าไปได้
 :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 13-05-2014 15:28:40
เอาใจช่วยน้องบัวทั้งเรื่องงานและเรื่องหัวใจจ้า
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 13-05-2014 15:31:02
คู่พีทกะอ้น sm เบาๆนะ 5555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 13-05-2014 15:43:38
ขอลาตายแป๊ป คุณพระ!!! :pighaun: :pighaun:  พี่บุ้ง พี่บาส อีแก๊ป. งานนี้ยอมไม่ได้นะ  จัดมา
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 13-05-2014 16:18:41
อร๊ายยยยยยยยยยยยยย :z1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 13-05-2014 16:41:50
น่ารักเลือดสาดทุกคู่เบยยยย
ยิ่งตอนล่าสุดนี่ หื่นดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 13-05-2014 16:47:43
 :haun4: :haun4:
 :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 13-05-2014 17:24:10
 พีทกับอ้น  :pighaun: :jul1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 13-05-2014 18:16:07
หือ???เล่นของ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 13-05-2014 18:29:11
 :jul1:

คู่อื่นรีบๆจัดมาเลยค่ะ อย่าให้น้อยหน้า พีท อ้น  :z1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-05-2014 18:30:37
คู่รัก sm พีทกะอ้น  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: bozang ที่ 13-05-2014 18:58:56
อยากอ่านแก๊ปพู่ค่า จะมีมาอีกไหม 55555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 13-05-2014 19:12:40
พีทกับอ้นสุดยอดดดดด อ๊ากกกก
เลือดหมดตัว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 13-05-2014 21:15:36
 :pighaun:  พีททำให้อ้นคลั่ง  แต่อ้นทำให้เราคลั่ง  นี่มันคู่ SM ชัดๆ   :jul1:   น้องบัวช่างมุ้งมิ้งๆ จริงๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 13-05-2014 21:49:25
คู่อ้น นี่ร้อนแรงตลอดจริงๆ สารพัดวิธีนะอิตาพีทหื่นเงียบ
คู่รักSM คุณอ้นชอบให้พีททรมานนางซะเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: @rnon ที่ 13-05-2014 21:49:47
 :katai5:

โอม!!!!!!!!!!!!!!! จงมาๆๆๆๆ

รอน้องบัว ...  :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 13-05-2014 22:00:29
คู่พีทอ้นเขาร่ายอาคมเล่นของขลังกันไปเเล้ว พี่โยคะ ว่างายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

ไหวป่าววววว 555+
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 13-05-2014 22:11:46
เห็นนางเงียบๆท่ายากนางเพียบนะคะ น้องอ้น :jul1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 13-05-2014 22:37:11
อ้น-พีท.....คุณทำให้คนอ่านเลือดไหลหมดตัว หึนๆๆๆ
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคโยธิน-บัวลอย ตอน จริงจังจริงใจ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 13-05-2014 23:03:21
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/10/โยธิน_บัวลอยNk8Sn.jpg)
รักเกิดในแผนกขนส่ง....ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน จริงจังจริงใจ

ถ้าเราได้จูบกัน แบบที่เราต่างฝ่ายต่างก็เต็มใจด้วยกันทั้งคู่ มันจะรู้สึกดีขนาดไหนนะ

โยธินยิ้มเรื่อย ๆ และแอบลอบมองใบหน้าของคนที่ทำหน้าเฉยสนิทอยู่ใกล้ๆ

ก็อยากจะแยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานออกจากกันให้เด็ดขาดหรอก แต่ใจมันอดคิดไม่ได้

ใกล้กันขนาดนี้ ไม่ให้คิดอะไรเลยก็เป็นไปไม่ได้
แต่คิดแล้ว ปล่อยให้ความคิดยังคงเป็นความคิด และการกระทำที่แสดงออก ไม่ไปสร้างปัญหาให้อีกฝ่ายก็พอแล้ว

“ลูกค้าต้องการความชัดเจนในเรื่องของเวลา ถ้ากำหนดเวลาให้ได้ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่มันมีข้อจำกัดในเรื่องของตัวแปรอื่น ๆ ที่อาจทำให้เวลาไม่เป็นไปตามที่ตกลง บางวันฝนตกบางวันรถติด อันนี้มันยากที่จะควบคุม เพราะฉะนั้น บัวลอย มึงต้องวางแผนก่อนล่วงหน้า แรก ๆ มึงไปเซอร์เวย์ก่อน ทำให้ลูกค้าไว้วางใจก่อน อย่าพลาด ห้ามพลาดเด็ดขาด หลังจากนั้นถ้ามึงดูแล้วมีลู่ทางอย่างอื่น มึงรายงานมา เราให้คนอื่นไปได้ แต่มึงต้องเป็นคนไปเปิดเส้นทางก่อน มึงไหวมั้ย”

ยืนฟังสิ่งที่หัวหน้าแผนกขนส่งพูด
และฮัทก็คิดตาม พยักหน้ารับ และกำลังคิดเรื่องเส้นทางที่จะต้องไป

“แล้วเขาจะขึ้นของยังไงพี่”

ถามหัวหน้าแผนกและหัวหน้าก็โยนให้อีกคนอธิบาย

“เรื่องรายละเอียดมึงคุยกับโยธินเลย ตกลงอะไรยังไงกัน มึงถามโยธิน โยธินจะประสานงานให้ ถ้าเราทำดี เขาถูกใจ เขาถึงจะเซ็นสัญญากับเรา”

ครับ

สูดหายใจเข้าลึก ๆ และพยายามทำใจให้นิ่ง พยายามไม่คิดอะไร เมื่อต้องคุยกับคนที่ไม่อยากคุยด้วย แค่หน้ามัน กูยังไม่อยากจะมองเลย

“ผมขอรายละเอียดเพิ่มเติมด้วย”

เอ่ยถามออกไป และโยธินที่รออยู่ก่อนแล้วก็พยายามไม่ให้ตัวเองยิ้มออกมาเพราะคำทักทายแรกของคนที่ทำให้ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

อยากจะยิ้มออกมาแทบตาย แต่ทำไม่ได้ ได้แต่พยายามฝืนและพยายามทำหน้าให้นิ่งเฉยเข้าไว้

“แรกเริ่มเขาขอทดลองก่อนหนึ่งเส้นทาง รถหนึ่งคัน ตอนนี้เขาใช้บริการขนส่งของบริษัทอื่นอยู่ ถ้าเราสร้างมาตรฐานที่ดีและแตกต่างได้ เขาถึงจะขอเพิ่มรถอีกหกคันในสัปดาห์ที่สอง เพราะฉะนั้นสัปดาห์แรกคงเป็นการเปิดตัวของเรา และผมคิดว่าเราต้องทำให้ดีกว่าบริษัทที่เขาจ้างอยู่ก่อน สัญญาเขาจะหมดภายในสิ้นเดือนนี้ ทางนั้นเขาก็อยากต่อสัญญาเหมือนกัน เขาก็คงไม่ยอมให้งานนี้หลุดไป เขาก็คงวางแผนมาดี คุณกล้าณรงค์มีแผนสำรองมั้ย”

แผนสำรองอะไรกูไม่มีหรอก กูมีอยู่แผนเดียวนี่แหละ

“ไปก่อนเวลานัดให้ได้ รักษาเวลาให้ชัวร์ ....จบ.... ส่วนเรื่องอื่นคงต้องแล้วแต่เขา”

น่ารักนะ ตอบได้ชัดถ้อยชัดคำซะขนาดนี้ แถมยังทำหน้าจริงจังด้วย

“เรื่องนั้นคุณไม่ต้องห่วง ยังไงผมจะดึงงานนี้เอาไว้ให้ได้ เรื่องของการขายความน่าเชื่อถือ ผมคิดว่าผมพอสร้างให้ได้ คุณแค่ทำให้ความน่าเชื่อถือที่ผมให้กับลูกค้า เป็นไปอย่างที่ผมพูดก็แล้วกัน”

กูทำได้อยู่แล้ว มึงไม่ต้องมาทำเป็นพูดดีหรอก

“อาจมีบางวันที่ผมขอติดรถไปกับคุณด้วย เพราะเวลาที่ผมคุยกับลูกค้าผมจะได้มีข้อมูลที่เป็นจริง ไม่เป็นการยกเมฆและถ้างานนี้ผ่าน แผนกผมได้หน้าอยู่แล้ว อันนี้มันเรื่องปกติที่คุณต้องเข้าใจด้วย เราไม่ได้ขายแต่โพรดัก แต่เรื่องของเซอวิส เรามีความจำเป็นต้องทำคู่กัน ส่วนแผนกคุณ ได้ความน่าเชื่อถือไป อันนี้ไม่ต้องคิดให้มากความ”

แม่งของมันแรงจริง ๆ สมฐานะเซลหมายเลขหนึ่งมาก เอาหน้าเลยเห็น ๆ และมันก็บอกตรงๆ ว่ามันได้หน้า
แต่ความน่าเชื่อถือมาตกกับแผนกขนส่งอยู่แล้ว อันนี้ก็จริงอย่างที่โยธินมันพูด

มึงมองเกมส์ขาดเกินไปแล้วโยธิน

หัวหน้าแผนกขนส่งนึกชื่นชมความสามารถของโยธินในใจ

กูไม่แปลกใจเลย ที่คนอย่างมันหมายตาลูกค้าคนไหนแล้วไม่เคยพลาด

ตอนนี้กูเชื่อแล้วจริง ๆ ในเรื่องงาน โยธินแม่งแน่นอนจริง ๆ

“อีกอย่างหนึ่งคือ คุณกล้าณรงค์ คืนนี้ผมอาจมีความจำเป็นต้องโทรหาคุณนะ เพราะหลังเลิกงานผมจะไปทานข้าวกับลูกค้ารายนี้ เพราะเห็นว่านอกเวลางานเกรงว่าจะแปลเจตนาผมไปในทางไม่ดี ดังนั้นผมต้องบอกเอาไว้ก่อน ผมจะชี้แจงรายละเอียดให้คุณเข้าใจอีกทีหลังเลิกงาน ไม่แน่พรุ่งนี้ทางเขาอาจจะปล่อยของมาให้ คุณอาจจะต้องรับบทหนักเลยตั้งแต่เช้า ยังไงขอให้แสตนบายเอาไว้ด้วยนะครับ”

สีหน้าจริงจังมาก และฮัทก็สูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ และพยักหน้ารับ

“ผมเข้าใจดี”

จ่ะ เข้าใจดีก็ดีอยู่แล้ว น่ารักเนอะ น้องบัวของพี่ เข้าใจอะไรง่ายๆ แบบนี้ก็ดีแล้ว น่ารักมากครับ

โยธินพยายามฝืนใบหน้าเอาไว้ไม่ให้ยิ้ม แต่หัวหน้าแผนกขนส่งกำลังพยายามกลั้นขำ

คือกูไม่ยุ่งไง มันก็เรื่องส่วนตัวของพวกมึงที่จะไปจัดการเคลียร์กันเอาเอง แต่กูแค่แปลกใจนิดหน่อยตรงที่ว่า แผนงานเขากำหนดมาแล้ว และกูก็ไม่มีทางเชื่อว่าโยธินมันจะไปกินข้าวกับลูกค้าเย็นนี้

ไอ้คนที่เชื่อก็คงจะเป็นไอ้บัวลอยนี่แหละมั้ง แต่จะให้ไปทักก็ไม่ใช่เรื่องของกูอีก

เดี๋ยวจะเป็นการไปขัดขวางผัวเมียเขา ยังไงมันก็เรื่องส่วนตัว ไอ้เรื่องการขัดขวางความรักใครกูก็ไม่ค่อยจะนิยมซะด้วย

นิยมมองดูอย่างเงียบ ๆ เพลิน ๆ มากกว่า และถ้าอะไรบางอย่างมันชักจะไม่เข้ารูปเข้ารอย ก็อาจมีตบ ๆ ให้มันเข้ารูปเข้ารอยขึ้นมาบ้าง เพราะยังไงบัวลอยมันก็คนของแผนกขนส่ง จะปล่อยให้ใครมาหลอกมาทำเล่น ๆ ด้วย อันนั้นกูก็ยอมไม่ได้

แต่เพราะว่าไอ้ทางนี้มันดูจริงจังมากหรอกกูถึงเห็นว่ามันน่าจะมีแววไปด้วยกันได้
ส่วนไอ้บัวลอยแม่งก็ไม่เอาจริง ๆ เลยว่ะให้ตายเหอะ
ในเมื่อบัวลอยมันก็แสดงออกอย่างชัดเจนขนาดนี้มึงก็คงต้องใช้ความพยายามเยอะหน่อยแล้วกันนะโยธิน

กูจะคอยดูอยู่ห่าง ๆ แบบนี้ไปเรื่อย ๆ นั่นแหละ เว้นแต่ว่า ถ้าวันไหนมึงทำเกินไป กูคงต้องปรามซะหน่อย

แต่เรื่องโทรไปจีบนอกเวลางาน อันนี้กูว่ามันเป็นหน้าที่ แล้วก็พอจะหยวน ๆ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับมึงได้ แต่คงจะขัดใจไอ้วิเชียรหน่อย ไอ้ทางนั้นมันคงยังเล่นไม่สาแก่ใจ มันก็คงบ่น ๆ บ้างถ้ามารู้ทีหลัง

สมน้ำหน้ามึงวิเชียร หยุดเสือกเรื่องชาวบ้านบ้างก็ดี หาอะไรยุ่ง ๆ ให้มันทำซะ มันจะได้หมดเวลา ไม่ต้องมาเสนอหน้าอยากจะป่วนชาวบ้านเขา

“เดี๋ยวผมมีนัดต้องออกไปข้างนอกต่อ งั้นวันนี้ส่วนของผมมีแค่นี้นะครับ แล้วถ้ามีปัญหาคุณกล้าณรงค์ก็โทรหาผมได้ ตามหมายเลขที่เราเคยใช้คุยกัน”

สัด

ไอ้เบอร์โทรนรกนั่น กูไม่คิดอยากจะจำด้วยซ้ำ
มึงหลอกกู เรื่องนี้กูยังแค้นไม่หาย แล้วกูก็จะแก้แค้นให้ได้ด้วยคอยดู

“ครับ”

ตอบกลับไปเรียบ ๆ แต่หน้าตาบูดบึ้งสุด ๆ เหมือนเป็นการบอกให้รู้ว่าอารมณ์เสียมาก

“ขอโทษนะครับ อาจทำให้คุณกล้าณรงค์ไม่พอใจ แต่ยังไงเบอร์นั้นผมก็ต้องใช้ในเรื่องงานด้วย หวังว่าคุณกล้าณรงค์จะไม่ถือสา”

มึงเลิกพูดได้มั้ย กูชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ

“ผมทราบดีครับ”

เน้นเสียงอย่างหนักแน่นทุกพยางค์ และโยธินก็ยิ้มกว้าง เพราะทนความน่ารักของอีกฝ่ายไม่ไหวแล้ว

“เดี๋ยวผมจะรีบกลับมานะ แล้วก็จะซื้อขนมมาฝากด้วย คุณกล้าณรงค์อยากกินอะไรครับ บอกได้”

คราวนี้ฮัทรีบหันหน้าไปมองหัวหน้าแผนกขนส่ง และหัวหน้าแผนกก็เลิกคิ้วขึ้นสูงเหมือนกำลังพยายามถามว่ามองทำไม

“อะไรมึงบัวลอย”

อะไรเหรอพี่ ก็นี่ไง ต่อหน้าต่อตาพี่มันยังพูดจากับผมแบบนี้เลย แล้วนี่เหรอที่บอกว่าไม่เอาเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวมาปนกัน
นี่แม่งยิ่งกว่าปนชัด ๆ พี่ก็เห็น

“หัวหน้าครับ”

เรียกให้หัวหน้าแผนกขนส่งสนใจ และบุ้งก็พยักหน้าว่าได้ยินแล้ว

“มึงคงไม่คิดว่าการที่โยธินมันจะซื้อขนมมาฝากจะเป็นการจีบหรอกนะ เพราะไม่ว่าใครเขาก็ต้องสร้างมิตรภาพให้ดี ๆ กับคนที่ต้องร่วมงานกันอยู่แล้ว ถ้ามึงมองว่ามันซื้อขนมให้มึงกินเพื่อให้การทำงานสะดวกขึ้น กูก็ว่าไม่เห็นแปลก เว้นแต่ว่ามึงคิดว่ามันจีบ อันนี้คงกลายเป็นว่า ไม่ใช่โยธินแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออก แต่จะกลายเป็นมึงนั่นแหละที่แยกไม่ออก และคิดเรื่องที่โยธินมันจีบมึงอยู่ตลอดเวลา”

กูผิด สรุปนี่หมายความว่ากูผิดสินะ หมายความว่ากูผิดเหรอวะ

เกิดอาการหน้างอหงิกยิ่งขึ้นกว่าเดิม
และฮัทก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่และมองหน้าของโยธินอีกครั้ง เพื่อจะตอบสิ่งที่โยธินถาม

“ผมไม่ต้องการขนมครับ ไม่ต้องมาติดสินบนผม”

เหรอครับ จะเอาแบบนั้นก็ได้

“ช่วงนี้มีกาแฟถุงกระดาษมาขายหลายเจ้า แต่เจ้าที่อร่อยที่สุดผมไปลองมาแล้ว และผมคิดว่าเจ้านี้เข้าท่า งั้นเดี๋ยวผมซื้อมาแล้วกันนะครับ”

กูบอกแล้วไงว่ากูไม่เอา

“ผมไม่กินครับ คุณไม่ต้องซื้ออะไรมาทั้งสิ้น”

บอกออกไปด้วยความหงุดหงิดโมโห และโยธินก็แกล้งเลิกคิ้วขึ้นสูงและหันไปมองหน้าของหัวหน้าแผนกขนส่ง

“โทษทีครับ คือผมคงไม่ซื้อให้คุณแน่ๆ เพราะคุณบอกแล้วว่าไม่เอา แต่พอดีมีนคนที่คีย์บิลน้ำมันเขาบ่นว่าอยากกิน แล้วหัวหน้าแผนกขนส่งก็เลยฝากผมซื้อ ผมก็จะซื้อมาให้เท่านั้น”

เหี้ยยยยยยยยยยยยยยย

เหวอแดก

เหวอแดกเลยกูไอ้สัด

อ่า.......

ฮัทกำลังอ้าปากค้าง และเงียบปากไปสนิท เมื่ออีกฝ่ายตอบกลับมาแบบนั้น

ซื้อให้มีน เพราะหัวหน้าบุ้งฝากซื้อ ไม่ได้ซื้อให้กูซักหน่อย กูก็เสือกพูดแบบนั้นออกไปได้ แม่งโคตรอายเหอะวะ

“แต่ถ้าคุณกล้าณรงค์จะให้ซื้อให้ก็ได้นะครับ ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”

ไม่เอา กูไม่กิน ยังไงกูก็ไม่มีทางกินของที่มึงซื้อมาเด็ดขาด

“.....ผมไม่เอา....”

ตอบออกไปเสียงเบา และก้มหน้าก้มตาลงหยิบกระดานตารางเวลาเข้าออกรถของพี่บุ้งมาดู ทั้งที่ไม่มีอะไรน่าดูเลยซักนิด

ฮัทไม่รู้ตัว ไม่รู้ตัวเลยว่ากิริยาอาการที่แสดงออกแบบนั้นมันคล้ายอาการงอน

และเป็นการงอนที่...ทำให้โยธินต้องพยายามสูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ และมองหน้าของหัวหน้าแผนกขนส่งที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ทำได้หน้าเดียว คือ ไม่รู้ว่ะ พวกมึงไปคุยกันเอาเอง ไม่ใช่เรื่องของกู

“ผมขอตัวก่อนแล้วกันนะครับหัวหน้าบุ้ง แล้วก็คุณกล้าณรงค์”

รีบชิ่งหนีจากตรงนั้นคงดีกว่ามายืนมองหน้าของน้องบัวต่อ ทำหน้าแบบนั้นมันทำให้ใจสั่นนะครับน้องบัว
ฮัทไม่ได้ตอบอะไรซักคำ และเมื่อโยธินเดินออกจากแผนกขนส่งไปแล้ว ฮัทก็เตรียมเดินไปขึ้นรถ แต่ก็ต้องหันกลับมาอีกครั้งเมื่อหัวหน้าบุ้งเรียกเอาไว้

“บัวลอย”

หันมาตามเสียงเรียก และหัวหน้าแผนกขนส่งก็ก้มหน้าก้มตารวมเวลาในตารางเข้าออกของรถ แต่ก็ยังพูดบางอย่างให้พนักงานใหม่ของแผนกขนส่งคิด

“ถ้ามึงตัดเรื่องส่วนตัวของมึงกับโยธินออกไปได้ มันจะทำให้การทำงานของมึงง่ายขึ้น แต่กูรู้มันไม่ใช่เรื่องที่จะหยุดคิดได้ง่าย ๆ”

ก้มหน้าก้มตาลงและมองที่ปลายนิ้วของตัวเอง ไม่รู้จะพูดอะไรดี ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร

พี่รู้มั้ยผมโคตรเจ็บปวดกับเรื่องนี้มาก
ถ้ามีใครซักคนที่ไม่ใช่พวกพี่รู้ ว่าผมเอากับผู้ชายมาแล้วเพราะความเมา ผมจะทำยังไง

ผมกลัว ผมอาย แล้วผมก็รู้สึกว่าศักดิ์ศรีของผมมันแทบไม่มีเหลือ
แล้วจะให้ผมทำใจยอมรับเวลาที่โยธินมันมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ตัวได้ยังไง

ผมทำใจไม่ได้ แต่ผมก็ต้องทำให้ได้ เพราะผมพูดไปแล้ว ว่าผมแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันได้

ผมพูดแล้วผมก็ต้องทำให้ได้ และผมรู้สำหรับโยธินมันคงไม่คิดอะไร ใช่ว่าผมจะไม่รู้ว่ามันมีกิตติศัพท์ด้านไหนมา
เพราะฉะนั้นไอ้คำว่าจีบของมัน ก็คงเป็นแค่การอยากเอาชนะคนอย่างผม

มันแค่อยากเอาชนะ มันถึงทำทุกวิถีทางเพื่อเข้ามาให้ใกล้มากที่สุด แม้ผมอยากหนีผมก็ทำไม่ได้
พวกพี่ก็เห็นแล้ว มันอยากจะทำอะไรผมตามใจชอบมันก็ทำ

มันนึกจะกอดจะจูบ มันก็ทำ ทั้งที่ผมอาย แต่มันไม่เคยอายและเห็นเป็นเรื่องสนุก แล้วจะให้ผมทำใจได้ยังไง

จะให้ผมทำใจยอมรับคนที่เห็นทุกอย่างเป็นเรื่องสนุกอย่างมันไปได้ยังไง

ผมจริงจังกับทุกอย่าง นี่มันชีวิตของผม ผมต้องแบกรับความอับอายเอาไว้บนบ่าและทำหน้าเหมือนไม่เป็นอะไรเพราะผมไม่อยากให้คนรอบข้างสงสารหรืออึดอัดใจเพราะเรื่องของผม ผมถึงได้ยังอยู่ตรงนี้ต่อ

ทั้งที่ผมอยากหนีก็ทำไม่ได้ อยากฆ่าไอ้โยธินซะผมก็ทำไม่ได้

แล้วพี่ว่าผมควรจะทำยังไง

พี่คิดว่า ผมควรทำยังไงต่อไปล่ะ...พี่บุ้ง

“กูไม่เคยปล่อยให้ใครเข้ามารังแกคนของแผนกเราแล้วลอยนวลไปได้หน้าตาเฉยหรอกนะ เพราะฉะนั้นไอ้โยธินก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นเหมือนกัน แต่เพราะพวกกูเช็คแล้ว ตรวจสอบแล้วในระดับหนึ่งว่าหลังจากนี้มันจะเป็นคนที่ไว้ใจได้ และเป็นคนที่พร้อมจะจริงใจกับมึงมากที่สุด กูถึงได้ยอมปล่อยให้มันเข้ามา”

รับฟังสิ่งที่หัวหน้าพูด และฮัทก็ถอนหายใจออกมาด้วยความกลัดกลุ้ม

“แต่กูรับประกันไม่ได้ว่าโยธิมันจะจริงจังกับมึงแค่ไหน น้ำลึกหยั่งได้ แต่ใจคนหยั่งยาก เพราะฉะนั้นกูไม่มีทางไปรับประกันเรื่องนี้ให้ใครเด็ดขาด”

ครับพี่บุ้ง ผมเข้าใจดีในสิ่งที่พี่พูด

“แต่กูจะบอกให้นะบัวลอย.........สิ่งหนึ่งที่กูรู้สึกได้ก็คือ กูว่าโยธินมันชอบมึงจริง ๆ ไม่งั้นมันคงไม่มาตามมึงขนาดนี้หรอก โปรเจคเรื่องรถนี่ก็เหมือนกัน ทั้งที่มันรู้ว่ายากที่จะแข่งกับคนเซ็นต์สัญญาคนเก่าของบริษัทนี้ แต่มันก็ยังกล้าเดินหน้าเข้าไปหา ไปของานเขา และมันก็ทำได้สำเร็จ ทั้งที่ผ่านมาไม่ว่าเซลคนไหนของเราเข้าไปก็ไม่เคยทำสำเร็จมาก่อน และเราก็ปล่อยให้บริษัทนี้หลุดมือมาตลอดจนเกือบลืมไปแล้วว่าเราเคยหมายมั่นปั้นมือกับบริษัทนี้มาก”

ฮัทเงยหน้าขึ้นมองหน้าของหัวหน้าแผนกขนส่งและบุ้งที่เคยทำแต่หน้าเฉยมาตลอดก็เริ่มส่งยิ้มน้อย ๆ ให้กับลูกน้องที่เหมือนกำลังสับสนและไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี

“มันทำในส่วนของมันจนสำเร็จ ตอนแรกกูคิดว่ามันคงแค่อยากให้แผนกเรากับแผนกขายได้มีส่วนเกี่ยวข้องกันเฉย ๆ กูคิดว่ามันคงหาข้ออ้างเอาไว้มาหามึง แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่........โยธินมองไปไกลกว่านั้น......มึงลองคิดซิว่าคนอย่างโยธินมันกำลังคิดจะทำอะไร”

ผมไม่รู้หรอก

เรื่องนั้นผมจะไปรู้ได้ยังไง

มันคงเห็นเป็นเรื่องสนุก มันคงคิดว่าอะไรก็ง่ายสำหรับมัน

คนอย่างมันที่หลอกโทรมาหาผม มาพูดจาแปลก ๆ ให้ผมหลงเคลิบเคลิ้มคุยกับมันได้นานสองนาน โดยใช้เรื่องเอาแมวผมไปเลี้ยงเป็นข้ออ้าง

พี่คิดว่าผมจะมองคนอย่างมันแบบไหนล่ะ

นอกจากคนเลว ๆ ที่เห็นผมเป็นของเล่นเอาไว้เล่นสนุก ๆ ปั่นหัวผมเล่น ทำให้ผมอาย
ทำให้ผมต้องอับอาย แล้วก็เป็นทุกข์ จนผมแทบจะไม่มีที่ยืนบนโลกใบนี้อยู่แล้ว

แล้วที่ผมยังหน้าด้านหน้าทนอยู่ที่นี่แล้วไม่ลาออกไปก็เพราะผมแอบหวังและเชื่อว่าที่นี่จะเป็นที่ของผม

ที่ที่ผมยืนอยู่ได้อย่างสบายใจ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

“ผมไม่รู้ว่ามันคิดจะทำอะไรหรอก ผมไม่อยากจะคิด ทุกวันนี้ขอแค่มันไม่พูดเรื่องเดิม ๆ กับผมก็พอแล้ว แต่มันก็ยังชอบทำให้ผมต้องอาย ต้องอับอายพี่ ๆ คนอื่น จนบางทีผมก็ไม่รู้จะทำตัวยังไง แล้วก็ไม่รู้จะทำหน้ายังไง ถ้าเกิดพี่ๆ คนอื่นถามผมขึ้นมา ผมก็ไม่กล้าจะตอบ เพราะผมอายจนตอบไม่ถูก”

มันคือความอึดอัดใจที่อยู่ในใจของฮัทมาตลอด แต่ไม่กล้าบอกไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง ได้แต่เก็บเอาไว้แบบนั้น

เก็บเอาไว้ตลอด จนกระทั่งวันที่พี่บุ้งถาม ถึงได้พูด
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 13-05-2014 23:05:28
“กูเข้าใจ มึงคงเป็นทุกข์กับเรื่องนี้มาก แต่ตอนนี้ถ้ามึงมองดี ๆ มึงจะรู้ว่าโยธินมันกำลังพยายามไถ่โทษให้มึงอยู่”

ไถ่โทษอะไรล่ะพี่ มันมีแต่จะแกล้งหาเรื่องผม มันมีแต่จะแกล้งผมให้ผมต้องอาย มันคงสนุกและสะใจมากที่ได้ทำแบบนั้น

“ลูกค้าเจาะจงว่าต้องเป็นมึง มึงเท่านั้นที่ต้องทำงานนี้ เพราะมึงคือคนที่ใหม่ที่สุดของแผนก เขาบอกมาแบบนั้นก็เพราะไม่ต้องการทำสัญญาด้วย เขายังอยากจะใช้บริการของบริษัทเดิม เขาเลยอ้างว่าอยากได้คนใหม่ที่สุดของแผนกไปทำเพราะอยากดูมาตรฐานของเรา สิ่งที่เขาคิดก็คืออยากให้งานล่มไม่เป็นท่าเราจะได้ไม่ไปเซ้าซี้เสนองานกับเขาอีก แต่เพราะโยธินไปกล่อมเขา เขาก็เลยให้เครดิตมานิดหน่อย แม้จะไม่เชื่อมือของเราเลยก็ตาม เขาถึงได้ปล่อยรถมาแค่คันเดียว”

ผมไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเรื่องราวมันจะซับซ้อนขนาดนี้

“มันเอาความน่าเชื่อถือของมันเป็นประกัน เพื่อแลกกับการที่มึงจะได้สร้างชื่อ”

อึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน และฮัทก็มองหน้าของหัวหน้าแผนกตาปริบๆ และเริ่มรู้สึกเหมือนว่ากำลังพูดอะไรไม่ออก เพราะสิ่งที่เพิ่งได้ยินมา

“ที่เหลือก็แล้วแต่มึงว่าจะเอายังไงต่อ งานนี้ถ้ามันซื้อใจมึงได้เรื่องความรู้สึกที่มึงเคยคิดกับมันแบบติดลบก็คงจะดีขึ้น มันก็มองเห็นอนาคตแล้วว่าจะเอายังไงกับมึงต่อ แต่ถ้างานล่ม โยธินมันก็มีแต่เสียกับเสีย แต่มึงคงไม่เป็นอะไร เพราะมันไม่ได้บอกให้มึงรู้”

ผม.............ผมไม่คิด......ว่าเรื่องนี้มันจะเป็นเรื่องใหญ่โตขนาดนี้

“ที่กูบอกได้ก็มีแค่นี้นะบัวลอย ส่วนที่เหลือมึงก็ไปคิดต่อเอาเอง ว่าระหว่างมึงกับโยธินจะเอายังไงต่อ เพราะกูคงเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของพวกมึงไม่ได้ ก็แล้วแต่จะคิดจะทำแล้วกัน”

กำลังยืนนิ่ง ยืนนิ่งฟังทุกอย่างที่หัวหน้าพูดและกำลังคิดตาม ความสับสนในใจกำลังก่อตัวขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
และฮัทก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“ยังไงผมก็เกลียดมัน แต่ผมจะพยายามแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกัน......เรื่องของผมจะเป็นยังไงต่อไปผมไม่รู้ แต่เรื่องงานชิ้นนี้ผมไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือไปได้ และไม่ว่ายังไงผมก็จะทำให้สำเร็จ หัวหน้าบุ้งคอยดูฝีมือของผมบ้างก็แล้วกัน ผมไม่มีวันทำให้แผนกของเราขายหน้าแน่ ๆ”

ใจมึงแน่นอนมากบัวลอยกูยอมรับ ลูกน้องกู มันต้องให้อย่างนี้สิวะ มันถึงจะอยู่กันได้ยาว ๆ

“กูเชื่อมือมึงบัวลอย...........ทำออกมาให้ดีที่สุดให้เต็มฝีมือของมึงก็แล้วกัน.........ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็ช่างแม่งไปก่อนมีอะไรค่อยคิดทีหลัง มีโอกาสสร้างชื่อแล้วมึงต้องเอาให้เต็มที่”

ครับหัวหน้าบุ้ง

ยิ้มออกแล้ว ได้กำลังใจจากหัวหน้าบุ้งขนาดนี้ก็เริ่มยิ้มได้แล้ว

“ขอบคุณมากหัวหน้า ผมไปทำงานต่อแล้วนะครับ”

ยกมือไหว้และฮัทก็เดินยิ้มหน้าระรื่นเข้าโซนในไปแล้ว ทิ้งให้หัวหน้าแผนกมองตามและอมยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะส่ายหน้าด้วยความขำ

“ผันตัวเองจากหัวหน้าแผนกขนส่งมาเป็นกามเทพแล้วก็ไม่บอก ปล่อยให้ผมเล่นบทตัวร้ายแบบนี้ก็แย่สิครับหัวหน้า”

อะไรของมึงวิเชียร

“แล้วนี่โผล่หัวมาตั้งแต่ตอนไหน ทำไมกูไม่ทันเห็น อ่อ ลืมไปว่ามึงเป็นสัมภเวสี ก็เลยลอยไปลอยมาได้ แบบไม่ต้องมีที่สิงสถิตชัดเจน”

โห่ เจ็บว่ะ หัวหน้าด่าผมอีกแล้วนะครับ ด่าเจ็บขนาดนี้ ทำไมไม่กระโดดถีบยอดหน้าผมเลยวะ

“ด่าผมขนาดนี้ระวังคืนนี้จะนอนตาค้างทั้งคืนนะคร้าบบบแล้วจะหาว่าผมไม่เตือน”

บอกออกไปยิ้ม ๆ และหัวหน้าแผนกขนส่งก็ถลึงตาใส่วิเชียรที่พูดไปยิ้มไป

“ไอ้เหี้ยมึงอย่าปั่นเหอะกูขอร้อง กูจะตายห่ามาสองคืนติดแล้ววิเชียร มีนไม่ปล่อยให้กูนอนหลับดี ๆ เลย สะกิดกูทั้งคืน”

สมใจผมเลยครับหัวหน้า

“หัวหน้าถูกใจมั้ยล่ะครับ”

ถูกใจเหี้ยอะไรของมึงวิเชียร

“คืนนี้ผมจะยุให้เกาหลีขึ้นให้หัวหน้า หัวหน้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”

กวนตีนกูอีกแล้วนะ กวนตีนกูจัง จนกูคันตีนยิก ๆ แล้ววิเชียร กูเริ่มคันตีนขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว

“ถามจริง ๆ หัวหน้ากับเกาหลีเอากันคืนละกี่ยก ผมอยากรู้มาก หัวหน้าพอจะบอกผมหน่อยได้มั้ย”

มึงวอนตายอีกแล้วนะ

“ทำไมหัวหน้าไม่บอกล่ะ ทำหน้านิ่งใส่ผมอีกแล้ว แล้วผมจะรู้มั้ยล่ะหัวหน้า เอาจริง ๆ หัวหน้าเอากับเกาหลีคืนละกี่ที ผมถามจริง ๆ”

วิเชียร..............มึงยังไม่เลิกใช่มั้ยวะ

“มาใกล้ๆ กูเนี่ย เดี๋ยวกูจะบอกให้”

เรียกให้วิเชียรเข้ามาใกล้ และวิเชียรก็แกล้งพาซื่อทำเหมือนจะเข้ามาใกล้ แต่ก็รีบหลบฉากได้ทัน เมื่อหัวหน้าบุ้งยกตีนขึ้นมาไว้บนเก้าอี้เรียบร้อยแล้ว

“เหี้ย จะถีบผมอีกแล้ว หัวหน้าทำไมบอกยากบอกเย็นแบบนี้วะครับ........ก็แค่บอกมาตรงๆ ว่าเอากับเกาหลีคืนละกี่ยก บอกแค่นี้ทำเป็นบอกไม่ได้นะครับ”

หึ หึ หึ

“อยากรู้ใช่มั้ย อยากรู้มากนัก งั้นกูจะบอกให้ก็ด้ายยยยยยยย”

บุ้งยกตีนขึ้นแล้ว และเป้าหมายก็คือวิเชียรที่ยังกวนไม่เลิก

“โว้ยยยยยยยยยยยยยยย หัวหน้าอารมณ์ขึ้นอีกแล้ว อะไร ๆ ก็เอาแต่เตะแต่ถีบกู เหี้ยเอ้ยยยยยยยยยย พวกมึงมาดูกันเร็วเฮ้ยยยยย หัวหน้าแม่งซาดิส เอะอะก็ด่าก็ถีบแต่ลูกน้องโว้ยยยยย”

วิเชียรยังคงแหกปาก ระหว่างโดนไล่กระทืบ

แต่สายตาของเพื่อนร่วมงานทุกคนที่มองมาอย่างพร้อมเพรียงกัน ต่างเห็นพ้องต้องกัน ด้วยมติเป็นเอกฉันท์ไม่มีความคิดเห็นอื่นแปลกแยกออกมา

สมน้ำหน้า.............คนกวนตีนอย่างวิเชียร.............ก็สมควรโดนพี่บุ้งจัดการ......อย่างวิเชียรไม่มีอะไรน่าสงสาร......สมควรโดนพี่บุ้งกระทืบให้ม้ามแตกตายห่าซักที......


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 13-05-2014 23:21:12
โธ่ วิเชียรของป้า ไม่มีใครสงสารซะงั้น
เนี่ยแหละ กวนตีนเขาไว้เยอะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-05-2014 23:21:23
 o13 o13 o13 ให้กับโยธินเลยตอนนี้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 13-05-2014 23:24:19
คู่รักทรหด จนป่านนี้ยังไม่ลงเอยกันเลยอ่ะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 13-05-2014 23:35:21
มีความสุขและสนุกมาก สงสัยคืนนี้คงนอนหลับฝันดีมีความสุข o13
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 13-05-2014 23:37:07
แหมตอนนี้อยากเอาใจช่วยพี่โยที่สุด
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: army_van ที่ 13-05-2014 23:38:48
ตีกันตัลล๊อดดดดดดดด  ถถถถถถถถถถ

โยธินจีบเร็วๆเข้าาาา า  เอาให้น้องบัวรัก น้องบัวหลงไปเลยย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 13-05-2014 23:45:53
แหมโยนี่ทุ่มทุนสร้างให้นู๋บัวลอยเชียว  :impress2:

ส่วนวิเชียรก็ช่างน่าสงสารนัก ไม่มีใครสงสารแกเลยว่ะ   :m20:

ว่าแต่อยากรู้จริงๆเลยว่านู๋มีนเราได้วิชา?จากวิเชียรไปแค่หนายยยย พี่บุ้งถึงได้ตาค้างเลยยยยยยยยยย  o18
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 13-05-2014 23:53:50
สู้ๆน้องฮัท
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคโยธิน-บัวลอย ตอน ถ้าแบกไว้แล้วหนักก็วางลง
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 14-05-2014 00:03:53
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/10/โยธิน_บัวลอยNk8Sn.jpg)
รักเกิดในแผนกขนส่ง....ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน ถ้าแบกไว้แล้วหนักก็วางลงซะบ้าง

บางครั้งคนบางคนก็ทำให้เรายอมทำอะไรบ้า ๆ บอ ๆ ได้ แบบไม่มีเหตุผล

“ทำอะไรอยู่อ่ะ....นอนอ๊ะยางกั๊บ”

รับโทรศัพท์ของสายที่โทรเข้ามาหาในเวลาสี่ทุ่มครึ่ง กำลังเคลิ้มๆ แล้วแต่เพราะต้องรอสายที่โทรเข้ามาเลยทำให้หลับไม่ได้

แล้วพอมึงโทรมา เสือกมาพูดจาแบบนี้ใส่เหรอ ปัญญาอ่อน

“ไหนว่าจะคุยเฉพาะเรื่องงาน เนี่ยเหรอที่บอกว่าโปร”

อารายล่ะบัว โปรก็ส่วนโปร แต่เวลางานมันไม่ใช่ตอนนี้นะครับ

“สี่ทุ่มครึ่งแล้ว เป็นเวลาส่วนตัวแล้วกั๊บ เลยกุ๊งกิ๊งกับบัวได้”

มึงคิดว่ามึงทำแบบนี้แล้วจะดูน่ารักขึ้นหรือไง อุบาทว์และจังไรมากไอ้สัด

“งั้นก็เอาไว้คุยกันในเวลางานแล้วกัน”

กดวางสายแบบไม่มีการรีรอ แล้วฮัทก็ล้มตัวลงนอนด้วยความหงุดหงิดโมโห

กูรอโทรศัพท์เพื่อคุยเรื่องงาน แต่มันโทรมาเพื่อมาทำเสียงปัญญาอ่อนใส่ แม่ง..... เสียเวลากูมาก
ฮัทกำลังคิดอย่างหงุดหงิดโมโห แต่โยธินกำลังยิ้มระรื่นอย่างมีความสุข

นอนตะแคงแล้วใช้แขนท้าวหัวเอาไว้

แตะฝ่ามือเบา ๆ ที่ขนสีดำนุ่มนิ่มของนิลพัทที่มาขดตัวนอนอยู่ข้าง ๆ ลูบไล้เล่นอย่างเพลิดเพลิน และเจ้าแมวดำที่กำลังโตก็ขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นยืดตัวตรง เพื่อคลายความเมื่อยล้าและม้วนตัวนอนหลับอย่างมีความสุขยิ่งกว่าเดิม

“ดุจริงว๊า”

บ่นพึมพำคนเดียวแบบยิ้ม ๆ และก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกอีกรอบ หลังจากที่รอบแรก แกล้งแหย่คนที่อยู่ปลายสายอย่างมีความสุข

ชอบนะ ถึงได้ทำแบบนั้น ทำแล้วมีความสุข เพราะคนบางคนมันน่าแกล้ง น่าแหย่ น่าทำให้โมโห โยธินก็เลยทำอย่างที่ใจตัวเองต้องการ

รับกันได้ ก็ไปกันรอด ถ้ารับกันไม่ได้ ก็คงต้องต่างคนต่างไป

ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องมาสร้างภาพใส่กัน ถ้าคนเราจะรักกันมันต้องรับกันได้ เรื่องสันดานเสีย ๆ ของอีกฝ่าย เพราะฉะนั้นจะให้ทำทีเป็นคนดีเอาใจไปหมดทุกอย่าง ก็ทำได้ แต่โยธินไม่เห็นเหตุผลที่ต้องทำแบบนั้น

คนที่โยธินจะรักและตัดสินใจจะใช้ชีวิตด้วย ไม่ควรเห็นการสร้างภาพ มีเท่าไหร่ก็เปิดออกมาให้หมด

เป็นตัวเราในแบบของเรา รับกันให้ได้ตั้งแต่แรกในแบบที่เราเป็น และใช้ความรักเป็นพื้นฐานในการนำทาง แล้วเราจะหาจุดที่เราอยู่ด้วยกันได้ จุดที่เป็นตรงกลางของเราสองคน โดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่อึดอัดใจเลย

โยธินปรารถนาแบบนั้น และหวังว่าในอนาคตจะได้แบบนั้น

รอยยิ้มอย่างสดชื่นมาพร้อมกับการที่ต้องรอฟังเสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังติดต่อกันเป็นเวลานาน

บัวคงไม่อยากรับสาย ถึงได้ตั้งแง่และปล่อยให้โทรศัพท์ดังนาน ๆ
โยธินก็เลยเป็นฝ่ายตัดสายซะเอง และโทรกลับเข้าไปรอบที่สอง และสาม.......

ทั้งที่รู้อยู่ก่อนแล้วว่าทางนั้นไม่มีทางรับสายแน่ ๆ

แต่ก็ต้องทำเป็นสเต็ป เป็นขั้นเป็นตอน โทรเข้าไปสามครั้งเพื่อไม่ให้น่าเกลียดจนเกินไป และถึงค่อยส่งข้อความไปหาได้ และโยธินมั่นใจ ครั้งที่สี่ อีกฝ่ายจะต้องรับสาย และทำน้ำเสียงนิ่ง ๆ ทั้งที่หงุดหงิดแทบตายตอบกลับมา

....................เมื่อกี้ผมขอโทษด้วยคุณกล้าณรงค์ แต่ตอนนี้ผมต้องการคุยเรื่องงานจริง ๆ กรุณารับสายผมด้วย...........

และเมื่อฮัทหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความที่ส่งเข้ามาก็ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความหงุดหงิด กำลังจะกดโทรออกเพื่อจะได้คุยกับอีกฝ่ายให้จบ ๆ ไป แต่ก็ช้ากว่าคนที่โทรเข้ามาหา

“ว่าเรื่องงานของคุณมาเลยครับ คุณโยธิน”

ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายอารัมภบท และโยธินก็ยิ้มออกมาเมื่อได้ฟังน้ำเสียงที่มีแววหงุดหงิดของอีกฝ่ายอย่างที่คิดเอาไว้

“วันนี้ที่ผมไปกินข้าวกับลูกค้ามา ผมคุยกับทางนั้นแล้วนะครับ คุณกล้าณรงค์อาจจะต้องลำบากเพิ่มขึ้นอีกหน่อย เพราะว่าทางนั้นขอเลื่อนเวลาการส่งให้เร็วขึ้นอีก ซึ่งผมคิดว่ามันไม่แฟร์ เหมือนเขาจงใจกดดันเราเพิ่มขึ้น จากเดิมที่เขาขอเลื่อนให้เร็วขึ้นเป็นสองชั่วโมง ผมว่ามันเกินไป บางทีเราก็ไม่เห็นจำเป็นต้องง้อเขาขนาดนั้น ผมเลยขอเขาเป็นชั่วโมงครึ่งแทน ให้เขาได้รู้บ้าง เราก็มีศักดิ์ศรีในแบบของเรา ผมพอจะเข้าใจว่ายังไงลูกค้าก็คนสำคัญ เขาอยากได้อะไรเราก็ต้องหาให้ แต่ถ้ามันเกินไป เราไปหาลูกค้าใหม่ก็ได้ ชีวิตเราไม่จบแค่นี้ ทางเลือกดี ๆ ผมว่ามันก็ยังมีอีกเยอะ เราไม่ควรต้องลำบากและบีบคั้นตัวเองขนาดนั้น ถ้าเขาไม่สนใจเรา ผมว่าเราก็ไม่ควรง้อเขาจนตัวเราเสียเครดิต”

ฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ
ฟังสิ่งที่อีกฝ่ายอธิบายอย่างตั้งอกตั้งใจ และฮัทก็ถอนหายใจออกมาด้วยความกลุ้ม

ก็ใช่ที่บางทีไม่อยากง้อ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่อยากให้ผู้ว่าจ้างที่หมายมั่นปั้นมือหลุดมือไป

“สองชั่วโมงผมก็ทำให้ได้ ถ้าเขาอยากได้แบบนั้นจริง ๆ”

งานนี้พี่บุ้งเขาอยากให้เราได้ไป แต่ถ้าไม่ได้ พี่บุ้งก็คงผิดหวังเหมือนกัน เพราะถ้าได้ นั่นหมายถึงส่วนแบ่งห้าเปอร์เซ็นต์จากกำไร จะตกกับคนทั้งแผนก

พี่บุ้งอยากให้พวกเรามีรายได้เพิ่มขึ้นกันอีกทุกคน แม้แค่เพียงเล็กน้อยก็ยังดี

“บัว......พี่ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก ถ้าเรายอมเขาตั้งแต่แรกจนไม่มีหนทางต่อรองอะไรเลย ต่อไปทางนั้นเขาจะกดเราตอนไหนก็ได้ ก่อนเซ็นต์สัญญาเขาจะทำยังไงกับเราก็ได้มันก็จริง แต่ถ้าเขาขอเลื่อนขึ้นมาเร็วอีกหน่อยเป็นห้าชั่วโมง หรือสิบชั่วโมงแบบไร้เหตุผลล่ะ เราต้องยอมเขาเหรอ มันไม่ใช่นะบัว การเลื่อนขึ้นมาเขาควรให้เหตุผลกับเราด้วย เราเป็นผู้รับงานก็จริง เขาเป็นคนที่จะเลือกเราก็จริง แต่เราก็ไม่ใช่ไม่มีทางเลือก”

ก็รู้ แต่ยังไงซะถ้าเกิดได้งานนี้ไปก็คงดีไม่น้อย ทุกคนที่แผนกก็คงดีใจ อาจไม่ใช่เรื่องของเงินรายได้อย่างเดียวหรอก แม้รายได้ที่เพิ่มขึ้นอาจไม่มากเท่าไหร่ แต่เรื่องของการสร้างชื่อให้เป็นที่รู้จัก นั่นคือสิ่งที่พวกเราทุกคนหวัง

แผนกขนส่งเล็ก ๆ ในบริษัทที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไรนัก ได้มีโอกาสก้าวเข้าสู่สายงานการขนส่งสินค้าโดยตีบริษัทใหญ่ ๆ ที่เขารับงานสายนี้มาหลายปีได้ มันเท่ห์ไม่หยอกเลยนะ

“ชั่วโมงครึ่งแล้วเขาจะยอมเหรอ ในเมื่อเขาอยากให้เลื่อนเป็นสองชั่วโมง”

ไม่ยอมได้ไง ยอมหรือไม่ยอม ก็ยอมมาแล้ว

“ก็คุยกับเขาตรง ๆ ให้เหตุผลไป รับได้ก็รับ รับไม่ได้ก็ไม่ต้องรับ งานที่อื่นมีเยอะแยะ เราก็ต้องไว้เชิงเราบ้าง บริษัทเราไม่ได้เป็นที่รู้จักมากก็จริง แล้วเราก็ไม่ได้รับงานสายนี้โดยตรงก็จริง แต่ถ้าเราเอาเรื่องราคา มาเป็นข้อต่อรอง ใครๆ ก็สน.........อัตราค่าขนส่งของเรา ถูกกว่าบริษัทเดิมที่เขาจ้างตั้งเกือบยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ทำไมเขาจะไม่อยากง้อเราล่ะ ถูกมั้ย”

เออว่ะ ก็จริง ไอ้เรื่องราคานี่แหละ ที่ตัดกำลังทางนั้นเห็น ๆ

“แม่ง....พี่ก็เกินไป”

ตอบออกไปแบบลืมตัว และฮัทก็เริ่มยิ้มออกมาได้

“ตกลงเลยได้เลื่อนขึ้นมาอีกชั่วโมงครึ่ง ไหวหรือเปล่าประมาณนี้ เจอลูกค้าพลิกลิ้นแบบนี้ก็ลำบากหน่อยนะ บัวจะสู้มั้ย”

สู้สิ มาถึงขนาดนี้แล้ว ก็ต้องสู้สิจะถอยได้ยังไง

“ผมรับมาโดยตรง ผมก็ต้องสู้อยู่แล้ว เลื่อนขึ้นมากี่ชั่วโมงผมก็ไหวพี่”

ดีมาก แบบนี้แหละที่ชอบ อดทน และมีความมุ่งมั่น
คุณสมบัติพิเศษข้อนี้ของบัวนั่นแหละที่เป็นส่วนหนึ่งให้พี่ถอนตัวไม่ขึ้น

คนเรามันจะคบกันได้ก็ต้องมีสิ่งที่ทำให้ประทับใจในตัวของอีกฝ่ายแบบนี้

“เรื่องรายละเอียดมีแค่นี้นะ ถ้ามีเพิ่มอีกพี่จะโทรมาบอก นี่ก็จะห้าทุ่มอีกแล้ว นอนได้แล้วครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นสาย ฝันดีครับ น้องบัว”

ครับ ๆ

“พี่ก็ฝันดีเหมือนกันครับ”

ตอบกลับไปแบบง่าย ๆ และเสียงสัญญาณจากปลายสายก็ตัดไปในเวลาไม่นาน เหมือนคนฟังยังอึ้ง ๆ อยู่กับสิ่งที่ฮัทตอบแบบลืมตัว

ลืม.........ตัว........

ฮัทล้มตัวลงนอน และวางโทรศัพท์ไว้ข้างหมอน หลับตาลง และคล้าย ๆ กำลังจะเคลิ้มหลับ แต่จู่ ๆ ก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้

.....เหี้ยยยยยยยยย ชิบหายแล้วไง.........

เพิ่งจะนึกออกก่อนที่จะเคลิ้มหลับ เป็นกูเลยนะที่แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ได้
เผลอคุยกับมันไป เหมือนตอนที่คุยกับพี่โย....คนนั้น

เรียกมันว่าพี่ทุกคำทั้งที่แรกเริ่มตอนพูด ยังเป็นผมกับคุณโยธินอยู่ด้วยซ้ำ แล้วทำไม กลายเป็น……

ผม กับ พี่ ไปได้วะ

โว้ยยยยยยยยยยยยยยยย แม่งห่าเอ้ยยยยยยย
กูลืมตัวไปได้ยังไง กูลืมตัวไปได้ยังไงว๊า

ถึงกับเกิดอาการหงุดหงิดตัวเองจนต้องยกมือขึ้นทึ้งเส้นผมของตัวเองด้วยความกลุ้ม
และร้องออกมาด้วยความหงุดหงิดในความมึนของตัวเอง

“โว้ยยยยยยยยยยยยย ไอ้บัว มึงบ้าแล้วเนี่ย บัวเอ้ยยยยยยย”

ที่หนักกว่านั้นคือ   เหมือนกำลังลืมชื่อเดิมของตัวเองทีละน้อย และในสมองกำลังจดจำชื่อที่อีกฝ่ายเรียกแบบอัตโนมัติ

สิ่งที่แย่กว่านั้นไม่ใช่เรื่องที่พูดจากับอีกฝ่ายแบบลืมตัว แต่เป็นเรื่องนั้นต่างหาก เรื่องโง่ ๆ เรื่องนั้นต่างหาก

คำพูดสุดท้ายก่อนที่อีกฝ่ายจะวางสายไป

…………….“พี่ก็ฝันดีเหมือนกันครับ”………

โธ่โว้ยยยยยยยยยย กูพูดแบบนั้นออกไปได้ยังไงวะ กูพูดแบบนั้นออกไปได้ยังไง
อยากบีบคอตัวเองให้ตายจริงโว้ยยยยยยยยยยยยยย

ฮัทนอนคว่ำหน้าด่าตัวเองด้วยความกลุ้ม และกำลังทำร้ายร่างกายตัวเองด้วยการเอาหน้าซุกไปที่หมอน และโขกหน้าผากใส่หมอนหลายครั้งจนเกือบจะเจ็บอยู่แล้ว แต่ก็ไม่เจ็บซักที

โยธินที่นอนอยู่บนเตียงโดยมีแมวดำขาเป๋มานอนซุกอยู่ที่แขนก็กำลังอมยิ้มไม่หุบ

หันไปมองนิลพัทที่แสนขี้เกียจ นอนได้นอนดีทั้งวันทั้งคืนแล้วก็อมยิ้ม แตะฝ่ามือลูบไล้ที่ขนนิ่ม ๆ ของแมวที่ยังหลับสนิทอยู่ในอ้อมแขนเบา ๆ และพูดกับนิลพัทเสียงเบา

“หลับไปเห้ออออ ต่อไปก็ตกกระป๋องแล้ว เพราะจะเอาเจ้านายนิลพัทมานอนกอดแบบนี้ให้ได้ คอยดูแล้วกัน”

พูดออกไปแบบยิ้ม ๆ และโยธินก็หรี่ปรือตาลง

หลับตานอนอย่างมีความสุข หลับตาลงนอนพร้อมกับรอยยิ้มเมื่อนึกถึงคำพูดที่อีกฝ่ายเผลอพูดออกมาทั้งที่ไม่รู้ตัว แล้วถ้าป่านนี้น้องบัวมันรู้ตัวแล้ว     ก็คงนอนด่าตัวเองไม่เลิก

ก็ดีแล้วที่ด่าตัวเอง อยากให้บัวทั้งด่าทั้งว่าตัวเองแบบนั้นทั้งคืน
ไม่ใช่ว่าไม่สงสารบัวนะที่ต้องหงุดหงิดโมโห แต่สงสารตัวเองมากกว่าที่บัวไม่ยอมเปิดใจให้

อย่างน้อยถ้าคืนนี้บัวด่าพี่ทั้งคืน

มันก็เป็นนิมิตรหมายอันดี ที่ทำให้บัวคิดถึงแต่เรื่องของพี่ทั้งคืน ต่างกันหน่อยตรงที่พี่คิดเรื่องบัวแล้วยิ้ม แต่บัวคิดเรื่องพี่อาจจะทำหน้ามุ่ย.........

แต่อย่างน้อยเรื่องนี้ก็ทำให้พี่ยิ้มได้ แล้วก็ทำให้พี่ดีใจ.........อย่างน้อยคืนนี้เราสองคน.....ก็คงนอนคิดถึงกันทั้งคืน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 14-05-2014 00:06:35
“เฮ้ย บัวลอย พี่มีของมาฝาก”

ไม่ใช่ใคร พี่วิเชียรนั่นเอง และคนที่กำลังเฝ้ารอขอแทะโลมข้าวกล่องสุดอลังการยามเช้าของวิเชียรก็ถึงกับตาลุกวาวเมื่อของที่พี่วิเชียรนำมาฝาก คืออาหารเช้าชุดใหญ่ในเถาปิ่นโต

“ของผมเหรอพี่”

ถามออกไปแบบยิ้ม ๆ และพี่วิเชียรก็ยักคิ้วให้เป็นคำตอบ

พี่วิเชียร.........เอาแล้วไง เอาแล้วไง ผมว่าแล้ว ในที่สุดพี่ก็ใจอ่อนจนได้ เลยจัดอาหารเช้ามาให้ผมชุดใหญ่เลยใช่ป่ะล่ะ

พี่วิเชียรนี่เป็นพี่สุดรักสุดหวงของน้องชายคนนี้จริง ๆ

“มึงเปิดดูเปิดกินตามใจชอบเลย วันนี้กูคงไม่กินเพราะกูกินพร้อมเฮียมาจากที่บ้านแล้ว”

จะดีเหรอพี่...........พี่อุตส่าห์หิ้วมาให้ผมแบบนี้ ผมเกรงใจนะ

เกรงใจพี่มาก ๆ

แต่ไม่ต้องให้รอนาน ฮัทจัดการรื้อปิ่นโตออกจากเถาทันที

อาหารเช้าที่คงกินได้ไปถึงกลางวันชุดใหญ่ประกอบไปด้วย
ข้าวสวย แกงส้มชะอมไข่ ปลาทูทอด และน้ำพริกที่มีผักสดผักต้มเป็นเครื่องเคียง ตามด้วย ผัดขิงกับไข่ต้มอีกหนึ่งฟอง

ได้กินแบบนี้ทุกวัน ตั้งแต่เช้าก็ดีสิวะ กินเช้าได้อิ่มไปถึงเย็นเลยนะเนี่ย

วันนี้กูได้รับการจัดคอมโบ้เซทแต่เช้าเลย คงได้มีแรงทำงานทั้งวัน

แถมซ้ำยังมีส้มลูกใหญ่เบิ้มมาให้อีกลูกด้วยนะ ส้มแบบที่คราวก่อนพี่วิเชียรหิ้วมาให้

เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีนี่อีก ชาสตอเบอรี่ในกระติกเก็บความร้อนที่ยังอุ่น ๆ

สวรรค์จริงๆ เลยวะ

ฮัทรีบเตรียมอาวุธที่พกมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ หยิบช้อนกับส้อมขึ้นมาโชว์หรา และจัดการอาหารตรงหน้าอย่างไม่รีรอ

รสชาติอาหารถูกใจสุด ๆ กินไปกินมา จนท้องอิ่ม และยังเหลือกับข้าวอยู่ในปิ่นโตที่กินไม่หมด และฮัทมีโปรแกรมว่าอาจจะเก็บเอาไว้กินตอนกลางวันต่อ

“พี่วิเชียรไม่กินจริง ๆ เหรอพี่ แม่งโคตรอิ่ม ทั้งอิ่มทั้งอร่อย”

วิเชียรอมยิ้ม ยิ้มและมองหน้าของฮัทแปลก ๆ ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างออกมา

“กูกินไม่ได้หรอก กับข้าวในปิ่นโตชุดนี้มันอาจจะใส่ยาเสน่ห์เข้าไปก็ได้ กูเลยไม่กล้ากิน”

ใส่ยาเสน่ห์อะไรวะพี่ ผมไม่เข้าใจ

“พี่วิเชียรพูดอะไรแปลก ๆ ว่ะ แต่ช่างมันเหอะ ขอบคุณคร้าบบบที่อุตส่าห์ขนปิ่นโตมาจากบ้านเพื่อมาเลี้ยงน้อง พี่วิเชียรใจดีที่สุดเลยคร้าบบบบบ”

ยกมือไหว้ด้วยความรัก และคนที่ฮัทรักก็แสยะยิ้มออกมาน้อย ๆ

มองหน้าฮัทด้วยความปรารถนาดีสุด ๆ ปรารถนาดีมาก จนฮัทชักเริ่มขนลุกขึ้นมาแปลก ๆ

“ไม่ต้องไหว้ไม่ต้องขอบคุณกูหรอก มึงไปขอบคุณคนที่อภินันทนาการให้มึงโน่น”

อ้าว ยังไงล่ะพี่วิเชียร ตกลงกับข้าวปิ่นโตนี้ที่พี่หิ้วมาให้ผมไม่ใช่ว่ามาจากบ้านพี่เหรอ แล้วถ้าไม่ได้มาจากบ้านพี่ แล้วผมซัดไปขนาดนี้ ผมก็ซวยสิวะ มันยังไงกันล่ะพี่วิเชียร

“แล้วผมต้องไปขอบคุณใครล่ะพี่ จัดข้าวมาให้ผมอลังการซะขนาดนี้ไม่ใช่พี่แล้วจะเป็นใคร”

ก็ไม่ใครหรอก คนใกล้ตัวมึงนั่นแหละ ผู้ร่วมงานที่มึงทั้งรักทั้งชอบทั้งอยากร่วมงานมากด้วยที่สุดคนนั้น

คนที่มึงรู้จักดี ไม่ต้องให้กูอารัมภบทยืดยาว

“แฟนมึงไง”

แฟนผม……. แฟนผมมีที่ไหนล่ะพี่ พี่ก็รู้ ผมโสดสนิทสุด ๆ พี่ก็น่าจะรู้

“อำแระ พี่เขินที่ได้ดูแลผมก็บอกมาเห้ออออ ไม่ต้องอายน่าพี่วิเชียร”

บังเอิญไม่ใช่ว่ะ แล้วกูก็ไม่มีเหตุผลที่จะเขินคนที่ขยันมาแอ๊บแดกข้าวเช้ากูทุกเช้าด้วย

แต่มึงกวนตีนกูแบบนี้แต่เช้าก็ดี กูจะได้สะใจให้มากกว่านี้ตอนที่มึงตาค้าง

“โยธินมันจัดมาให้มึงโดยเฉพาะ กินอิ่มแล้วก็ไปขอบคุณมันด้วย อย่าลืมบอกด้วยว่าอร่อยมาก มันคงดีใจที่เมียมันถูกใจอาหารเช้าที่มันจัดให้ไม่น้อย”

เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย

ถึงกับอึ้ง และมองเถาปิ่นโตที่เก็บเรียบร้อยและตั้งเอาไว้ตรงหน้าด้วยความหงุดหงิดโมโห

แดกได้ก็อ้วกได้เหมือนกัน กูไปล้วงคออ้วกออกตอนนี้เลยดีกว่า กูไม่เคยคิดจะแดกของที่มันหามาให้กินหรอก ยังไงก็ไม่มีทาง

ฮัทถึงกับหน้าบึ้งขึ้นมาทันที และคิดจะเดินไปห้องน้ำเพื่อไปล้วงข้าวที่เพิ่งกินเข้าไปออก

“ไอ้บัวลอย.....จะคิดจะทำอะไร อย่าให้มันมากเกินไปนักนะ กูรู้มึงไม่ชอบ กูรู้มึงเกลียด แต่คนทำมาให้มันทำมาด้วยความหวังดี ยังไงมึงก็กินไปแล้ว มึงรับความหวังดีของเขาไปแล้ว อย่ามาทำเรื่องมากคิดทำอะไรโง่ ๆ”

แต่ผมเกลียดมัน

ฮัทได้แต่นิ่ง ได้แต่เงียบ และไม่กล้าพูดอะไรต่อ

“มึงเป็นคนตรงๆ กูชอบ แต่เรื่องความใจแข็งของมึง มันคนละเรื่อง”

แล้วพี่จะให้ผมทำยังไง พี่ไม่เข้าใจหรอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตผมบ้าง
ผมทนไม่ได้ ที่มันเห็นผมเป็นของเล่นสนุก คิดมาหยอกมาล้อมาทำอะไรยังไงกับผมก็ได้

“กูจะบอกให้นะ ไอ้เรื่องที่มึงเจอมาแล้วมึงก็ทำเป็นตีโพยตีพายเก็บเอามาเจ้าคิดเจ้าแค้นกูว่าแม่งเป็นเรื่องเล็กชิบหาย มึงเมา มันก็เมา สรุปก็คือสมยอมทั้งคู่ แต่มึงมาตั้งแง่เกลียดมัน กูว่าแม่งตลกว่ะ ต่างคนต่างมันส์ทั้งคู่ แถมมึงก็ไม่ได้สึกหรอตรงไหน นอกจากมึงคิดไปเองคนเดียวว่ามึงสึกหรอ”

พี่วิเชียร ทำไมพี่พูดกับผมแบบนี้ล่ะ
พี่ก็รู้ว่ามันทำกับผมถึงขนาดไหน พี่ก็น่าจะเห็นว่ามันทำให้ผมอายขนาดไหน พี่ก็น่าจะรู้ แล้วทำไมจู่ ๆ พี่ถึงเข้าข้างมันขึ้นมาได้ล่ะ

“ศักดิ์ศรีมีไว้มันก็ดี แต่วิธีแก้ปัญหาที่ดี ถ้ามึงทำอะไรไม่ได้ มึงก็แค่รักมันซะทุกอย่างก็จบ”

จบเหรอพี่ มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แบบนั้นนะพี่วิเชียร มันไม่ใช่ว่ามันจะจบง่าย ๆแล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะรักมันได้ง่าย ๆ

“กูรู้มึงไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่กูพูดใช่มั้ยล่ะ แต่กูจะบอกอะไรให้นะบัวลอย ทิฐิมันไม่ช่วยอะไร ถ้ามึงรู้ว่ากูเคยเจออะไรมาบ้างมึงจะไม่คิดแบบนี้ เชื่อกูบัวลอย.....แบกอะไรไว้แล้วมันหนักมึงก็แค่วางลงซะ......ถ้าวางได้มึงจะรู้ว่าชีวิตนี้ไม่ได้ทุกข์อย่างที่คิดหรอก แต่แม่งสบายๆ.....ชิล ๆ มาก”

ผม.........ไม่เข้าใจที่พี่วิเชียรพูด......ผมไม่เข้าใจและไม่คิดจะเข้าใจ.........

“แต่วางได้ไม่ได้มันก็เรื่องของมึงนะ ชีวิตมึงไม่ใช่ชีวิตกู กูไม่เดือดร้อนอยู่แล้ว จะเชื่อหรือเปล่าก็แล้วแต่มึง”

พี่วิเชียรยักไหล่เหมือนเป็นเรื่องสบาย ๆ อย่างที่พูด แต่ฮัทกำลังนั่งนิ่งและขมวดคิ้วมุ่นเพราะไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อไป

“ถ้าผมไม่วางแล้วจะเป็นยังไง”

ไม่รู้สิ ไม่วางก็ไม่วาง มึงไม่วางก็เรื่องของมึง ไม่เกี่ยวกับกู

“ก็คงไม่มีอะไรมากหรอกมั้ง.......มึงก็แค่รอเสียใจภายหลังแค่นั้นเอง”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: @rnon ที่ 14-05-2014 00:35:58
 :laugh:

ป้าด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! นักปราชญ์วิเชียร
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 14-05-2014 00:46:27
อื้อหือ...ลึกซึ้งมากพี่วิเชียร
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-05-2014 00:57:34
 :hao3: :hao3: :hao3: คราวนี้มาแบบมีสาระ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 14-05-2014 03:52:15
น้องบัวโดนแกล้ง :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 14-05-2014 05:43:48
เชียรมาสาระเต็มๆนะคราวนี้
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคโยธิน-บัวลอย ตอน ปิ่นโตเถานั้น
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 14-05-2014 06:32:36
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/10/โยธิน_บัวลอยNk8Sn.jpg)
รักเกิดในแผนกขนส่ง....ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน ปิ่นโตเถานั้น


ไม่รู้ว่าเพราะคำว่าหลับฝันดีของใครบางคนหรือเปล่าถึงทำให้โยธินรู้สึกตัวตื่นขึ้นเร็วกว่าปกติ
ลิ้นสาก ๆ ของนิลพัทเลียเบา ๆ ที่หน้าผากและข้างแก้มของโยธิน ในเวลาเกือบเช้าของอีกวัน

ดึงให้นิลพัทล้มตัวลงมานอนด้วยกัน แต่เจ้าแมวดื้อก็ไม่ยอม ก็เลยกลายเป็นโยธินที่เมื่อรู้สึกตัวแล้วก็เลยตื่นแบบเต็มตา

อยากนอนต่ออีกหน่อย แต่ก็ไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้ เอื้อมมือไปกดดูเวลาที่หัวเตียงก็พบว่าเป็นเวลาตีสี่กว่า ๆ
มีเวลานอนต่อ แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้

สุดท้ายค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง และยืดแขนเอียงไปทางซ้ายและขวาเพื่อคลายความเมื่อยล้า
ลุกขึ้นจากเตียงมาเปิดไฟ และเดินออกไปยืนรับลมที่นอกระเบียง

แสงไฟระยิบระยับที่มองเห็นได้จากระเบียงของคอนโดมันทำให้คนเพิ่งตื่นนอน รู้สึกเหงาหงอย
กว่าจะถึงเย็นวันเสาร์ต้องนับไปอีกตั้งหลายวัน กว่าจะไปรับหนูดีมาค้างด้วยได้

คราวก่อนหนูดีบอกว่าอยากกินไข่ม้วน โยธินก็ไปสรรหาวัตถุดิบกับลูกสาว ไปช้อปปิ้งหาซื้ออุปกรณ์สำหรับทำไข่ม้วนด้วยกันสองคนแล้วก็มาช่วยกันทำ

การมีลูกสาวมันทำให้ต้องปรับตัวไปตามสิ่งที่ลูกสาวชอบด้วย เด็กผู้หญิงชอบเข้าครัวทำอาหาร แม้จะทำไม่ค่อยเป็นแต่โยธินก็เพียรพยายามหาทั้งสูตรทั้งอุปกรณ์มาทำจนสำเร็จ

ยุ่งวุ่นวายอยู่ในครัวกันสองคนพ่อลูก ยุ่งอยู่แบบนั้นกันทั้งวันโดยไม่เคยนึกเบื่อ
แต่กว่าจะถึงเย็นวันเสาร์มันก็อีกตั้งหลายวัน มันก็เลยทำให้มีช่วงให้เหงาขึ้นมาบ้างเหมือนกัน

เหมือนในเวลานี้ ที่ตื่นในเวลาที่ไม่ควรตื่น นั่งอยู่ดีๆ ก็พาลนึกไปถึงเรื่องเก่า ๆ ที่ผ่านมานานหลายปี

เรื่องเก่า ๆ เดิม ๆ

สมัยที่ยังใช้ชีวิตอยู่กับคุณแม่ของหนูดี ช่วงระยะเวลาไม่นานที่ได้ใช้ชีวิตครอบครัวกับหญิงสาวที่โยธินรัก
แต่เธอไม่เคยรักโยธินเลย เธอไม่เคยรัก และให้ได้แค่ความเป็นเพื่อน
สิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะความตั้งใจอยากประชดคนที่เธอรัก โยธินก็เลยกลายเป็นผู้รับผลจากการกระทำครั้งนั้น

แต่โยธินไม่เคยโกรธเธอเลย ไม่เคยโกรธ ไม่เคยเกลียด จนกระทั่งเธอไปมีครอบครัวของตัวเองจริง ๆ จัง ๆ
จนกระทั่งเธอได้กลับไปอยู่กับคนที่เธอรัก

แรก ๆ เจ็บปวดทรมาน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โยธินก็เริ่มได้เรียนรู้มากขึ้น
คิดว่าคงไม่สามารถมีความรู้สึกแบบนั้นกับใครได้อีกแล้ว แต่วันหนึ่งก็เกิดรู้สึกขึ้นมา

ความรักยังคงเติบโตงอกงามในใจได้เสมอ
แม้ไม่ใช่กับเธอคนนั้น แต่ต้นรักของโยธินกลับเจริญเติบโตขึ้นอย่างเชื่องช้ากับใครบางคน

คนที่โยธินไม่คิดว่าจะรัก

“ผมต้องรีบกลับบ้านครับ ผมต้องรีบกลับไปทำกับข้าวให้แฟน”

โยธินไม่เคยอายที่จะบอกใคร ๆ แบบนั้น ไม่เคยนึกอาย ที่ต้องรีบกลับไปทำกับข้าวให้แฟนกิน
ทั้งที่หน้าที่นี้หลายๆ คนก็ยกให้ฝ่ายหญิงเป็นคนจัดการ แต่สำหรับโยธินแล้ว มันไม่ใช่
เมื่อคุณรักใครซักคนหมดใจ คุณจะอยากทำทุกอย่างเพื่อคน ๆ นั้น แม้ยากเย็นแสนเข็ญแค่ไหน คุณก็จะพยายามทำ

และโยธินเป็นคนแบบนั้น เพียงแค่เธอเอ่ยปากว่าโยธินทำอาหารอร่อย แม้จะเป็นแค่เพียงไข่เจียวรสชาติธรรมดา กับแกงจืด แต่เมื่อถูกชม โยธินเลยกลายเป็นหน้าที่ของโยธินที่ต้องรีบตรงดิ่งกลับบ้านเพื่อไปทำกับข้าวให้คนรักกินเสมอ

แต่มันก็เท่านั้น คนไม่รัก ยังไงก็ไม่รัก ต่อให้ทำดีแค่ไหน ทำแทบตายถ้าเธอไม่รัก ยังไงเธอก็ไม่รัก
แล้วเธอก็ไป.......กลับไปหาคนรักที่แท้จริงของเธอ จากไปพร้อมกับลูกในท้อง .....ลูกของโยธิน

ซองบุหรี่ถูกเปิดออก พร้อมกับที่โยธินดึงบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ

พ่นควันบุหรี่ให้ลอยฟุ้งไปในอากาศ และยืนรับลมในบรรยากาศยามเช้าอยู่ที่นอกระเบียง โดยมีแมวดำขาเป๋ที่กำลังโต กระโดดขึ้นมาบนโต๊ะและอ้าปากหาวจนโยธินต้องยืนมองและหัวเราะออกมาเบา ๆ ด้วยความขำ

“นอนทั้งวันทั้งคืน ยังจะมาหาวนอนอีกเหรอ”

พูดกับแมว และเจ้าแมวดำ ก็ยกมือขึ้นและใช้ลิ้นเลียไปที่มือเล็ก ๆ เริ่มแต่งหน้าแต่งขนอย่างมีความสุข

ไม่ได้นึกอยากมีสัตว์เลี้ยง แต่ที่เลี้ยงก็เพราะใครบางคน
เลี้ยงเพราะรู้ว่าบัวไม่สามารถเลี้ยงต่อไปได้ เลี้ยงทั้งที่รู้ว่าเป็นภาระ เลี้ยงทั้งที่ไม่ได้ชื่นชมหรือชื่นชอบอยากจะเลี้ยงสัตว์

แต่พออยู่ด้วยกันไปนาน ๆ โยธินก็เริ่มรู้สึกว่าต้องดูแลและใส่ใจรูมเมทตัวนี้ให้มาก ๆ
มันเป็นไปอย่างอัตโนมัติ มันเป็นไปด้วยความเคยชิน

จากเดิมที่นิลพัทเคยนอนในตะกร้าเล็ก ๆ ตอนนี้มันอาจหาญมานอนหมอนใบเดียวกับโยธินแล้ว
และอีกไม่นาน เจ้านายเก่าของนิลพัทก็คงได้มาหนุนหมอนใบเดียวกับโยธินแน่ๆ

คิดแล้วก็ยิ้ม คิดแล้วก็อมยิ้มอย่างมีความสุข เหม่อมองไปที่แสงไฟระยิบระยับที่มองเห็นได้ในความมืด
อยู่ดี ๆ โยธินก็เกิดนึกเรื่องบางอย่างขึ้นมา

นานมาแล้วคุณวิเชียรเคยพูดเอาไว้ว่า ที่ไม่อยากจะให้สมหวังในเรื่องของน้องบัว ก็เพราะน้องบัวชอบมาหาเรื่องชิมอาหารเช้าของคุณวิเชียรอยู่เป็นประจำ

เหตุผลนั้นมันฟังดูบ้าบอเหลือเกิน แต่สำหรับคุณวิเชียรแล้ว ไม่ว่าเหตุผลแบบไหนก็ยกเอามาเป็นข้ออ้างได้เสมอ

น้องบัวชอบมาชิมอาหารของคุณวิเชียรงั้นเหรอ ถ้าชอบขนาดนั้น........งั้นลองกินอะไรอร่อย ๆ ดูมั้ย
อาหารเช้าอร่อย ๆ ที่ไม่ต้องไปขอชิมจากคุณวิเชียร

อาหารเช้าแบบง่าย ๆ อาหารเช้า.......

คิดแล้วก็ไม่ได้หยุดแค่คิด เพราะคิดแล้วโยธินก็นึกอยากจะทำขึ้นมาแบบทันทีทันใด
เดินกลับเข้ามาในห้องและมองนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบตีห้า

มีเวลาอีกพักใหญ่ สำหรับการทำอาหารเช้า
ไม่ได้คิดวางแผนว่าจะทำแบบนี้ตั้งแต่แรก ก็เลยต้องรีบผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยชุดลำลองง่าย ๆ

เดินไปล้างหน้าแปรงฟัน แล้วมายืนสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองที่หน้ากระจก
สภาพไม่ได้ดูแย่ พอไปวัดไปวาได้ตอนเช้า ๆ ได้ คว้ากุญแจรถและกระเป๋าสตางค์เดินออกจากห้องมายืนรอที่หน้าลิฟท์
จุดหมายที่โยธินกำลังจะไปในเวลาเช้าตรู่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากคอนโดมากนัก

..................ซุเปอร์มาเก็ตที่อยู่ใกล้ ๆ และเปิดให้เข้าไปเลือกซื้อทั้งอาหารสดและอาหารแห้งได้ทั้งวันทั้งคืนตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง........

+++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 14-05-2014 06:32:58
แค่คิดว่าจะทำอาหารง่าย ๆ ประเภทข้าวต้มทรงเครื่อง หรืออะไรก็ได้ ที่ใช้เวลาทำไม่นาน

แต่อยู่ดี ๆ อาหารง่าย ๆ แบบที่คิดก็กลายเป็นแกงส้มชะอมไข่ ผัดขิง และน้ำพริกปลาทูที่มีผักสดและผักต้มเป็นเครื่องเคียงไปได้ยังไงไม่รู้

ไข่สดที่เหลืออยู่โยธินก็ไม่รู้ว่าจะเก็บเอาไว้ทำไม เลยจัดการต้มให้เป็นยางมะตูมแล้วก็กลายมาเป็นเครื่องเคียงส่วนหนึ่งของอาหารเช้าที่ยิ่งทำก็ยิ่งไปกันใหญ่

เจ็ดโมงกว่าแล้ว และโยธินก็ยืนดูผลงานของตัวเองที่ทำจนเสร็จเรียบร้อย
ไม่คิดว่าจะทำถึงขนาดนี้แล้วมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง

เปิดตู้ที่อยู่ในโซนที่แบ่งเป็นห้องครัวเล็ก ๆ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าคราวก่อนที่กลับมาจากบ้าน ได้หิ้วปิ่นโตมาด้วยหนึ่งเถา เพราะแม่แบ่งอาหารทำใส่ปิ่นโตมาให้ ค้นหาจนเจอและโยธินก็จัดการล้างปิ่นโตจนสะอาดและจัดการเช็ดและล้างคว่ำเอาไว้

ไม่ใช่แค่เจอปิ่นโต แต่ยังเจอกระติกเก็บความร้อนเล็ก ๆ ที่สามารถบรรจุเครื่องดื่มได้ทั้งร้อนและเย็น โยธินก็เลยเลือกชงชาสตอเบอรี่ ที่ได้รับจากลูกค้าใส่เข้าไปในกระติก จัดเตรียมอาหารใส่ปิ่นโตเรียบร้อยและเปิดตู้เย็นค้นหาผลไม้หรือขนมหวานเพื่อมาใส่ในปิ่นโตชึ้นบนที่ว่างและยังไม่มีอะไรบรรจุอยู่ในนั้น

ส้มผลใหญ่ ที่แม่ของหนูดีหิ้วมาฝาก และโยธินก็ยังเก็บเอาไว้ในตู้เย็น ยังไม่มีโอกาสได้หยิบมาแกะกิน
จัดอาหารเช้าใส่ปิ่นโตพร้อมด้วยออฟชั่นเสริมเล็ก ๆ น้อย ๆ จนเสร็จเรียบร้อย และโยธินก็ยืนมองผลงานตัวเองด้วยความพอใจ

ไม่ได้ทำแบบนี้นานแล้ว ไม่ได้ทำแบบนี้ให้ใครนานแล้ว แต่อยู่ดีๆ วันนี้ก็ได้ทำ
และเป็นการทำอย่างตั้งอกตั้งใจเพราะปรารถนาอยากให้คนกินรู้สึกดี

หันไปมองนาฬิกาก็เป็นเวลาเจ็ดโมงกว่า โยธินเทอาหารเม็ดลงไปในชามใส่อาหารของนิลพัทที่มันมาพันแข้งพันขาคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง และเมื่ออาหารถูกเทลงไปในชาม นิลพัทก็ไม่รอช้าที่จะตรงดิ่งไปกินอาหารในชามและเลิกสินใจโยธินไปชั่วขณะ

“อะไรจะขนาดนั้น.....”

ยืนมองแมวที่กินอาหารแล้วก็ส่ายหัวแบบยิ้ม ๆ ก่อนจะเดินไปอาบน้ำเพื่อไปทำงาน

เมื่อก่อนไม่เคยเข้าบริษัท แต่ทุกวันนี้โยธินเข้าบริษัทเกือบทุกวันเป็นประจำสม่ำเสมอ ไม่เหลวไหลเรื่อยเปื่อยเหมือนเมื่อก่อน

เข้าออฟฟิศแล้วค่อยออกไปหาลูกค้าข้างนอก ส่วนหนึ่งเพราะต้องไปรายงานตัวกับพี่อ้น ว่ากำลังปรับปรุงตัวเป็นคนดีไม่ทำให้พี่อ้นหนักใจ อีกส่วนหนึ่งก็เพื่อไปทำคะแนนเรียกร้องความเห็นใจจากพี่ ๆ แผนกขนส่งทุกคน ที่เดี๋ยวนี้ดูเหมือนจะยอมเปิดรับโยธินเป็นคนในแผนกคนหนึ่งไปแล้ว

.....นิลพัท.....ถ้าเจ้านายเก่านิลพัท กินอาหารที่ทำให้ก็ดีนะ อุตส่าห์ตื่นขึ้นมาทำให้ขนาดนี้แล้ว ถ้าน้องบัวไม่กิน ทางนี้ก็เสียใจแย่เหมือนกัน........เพราะฉะนั้นช่วยลุ้นหน่อยแล้วกันนะว่าน้องบัวมันจะยอมกินหรือเปล่า ถ้าเกิดน้องบัวยอมกินอาหารในปิ่นโตเถานี้ง่าย ๆ ก็คงจะดี.....

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 14-05-2014 06:33:47
“มือไปโดนอะไรมาวะ”

โยธินกำลังค้นหาเอกสารสัญญาที่ร่างเอาไว้สำหรับให้ลูกค้าเซ็นต์ เงื่อนไขข้อตกลงต่าง ๆ คร่าว ๆที่ตกลงกันเอาไว้
และหัวหน้าแผนกขนส่งที่กำลังรอดูตัวอย่างเอกสารก็สังเกต เห็นว่านิ้วมือของโยธินถูกพันพลาสเตอร์ยาถึงสามนิ้ว

“ก็....ไม่มีอะไรครับ เมื่อเช้าโง่ไปหน่อย ดันเผลอไปหยิบมีดด้านคม เลยได้แผลยาวเลยครับ”

อธิบายแบบง่าย ๆ และโยธินก็พยายามทำเป็นไม่สนใจคนที่ต้องรับผิดชอบเรื่องหน้าที่การขนส่งโดยตรงกับลูกค้ารายที่กำลังจะเซ็นต์สัญญาร่วมกันที่ยืนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่ข้าง ๆ

ถึงจะทำเป็นไม่สนใจ แต่ว่า.....ถึงกับสลดเลยเชียวนะ ที่พี่เป็นแบบนี้ ถึงไม่บอกออกไปตรงๆ ว่าพี่ทำอะไรเมื่อเช้า บัวก็น่าจะรู้ดีว่าเพราะทำกับข้าวใส่ปิ่นโตให้ใครบางคนกิน ถึงได้เป็นแบบนี้

สงสารพี่เหรอครับ

อยากจะถามแบบนั้น แต่ที่ทำได้ก็คือปั้นหน้านิ่งเฉย และพยายามจะไม่พูดอะไรให้ออกนอกลู่นอกทางให้น้องบัวมันหงุดหงิดรำคาญ

ทั้งที่ตอนนี้โคตรมีความสุข เพราะได้รู้จากคุณวิเชียรว่า ปิ่นโตเถานั้นไม่เป็นหมัน มีคนแถวนี้กินไปจนเกือบหมด
แบบนี้ค่อยคุ้มกับที่ตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อมาทำกับข้าวให้กิน

“เอามีดมาทำอะไรวะ ฆ่าตัวตายเหรอ ถ้าวันหลังอยากฆ่าตัวตายขนาดนั้นก็บอก เดี๋ยวช่วยสงเคราะห์ให้”

โธ่ หัวหน้าบุ้งครับ ผมจะไปอยากฆ่าตัวตายทำไม เมียผมยืนอยู่นี่ทั้งคนยังไม่ทันได้สมรักสมรสกันเลย
ทำไมคนแผนกนี้ลุ้นให้ผมฆ่าตัวตายกันจัง

“ยังตายไม่ได้ครับ มีเรื่องที่ยังทำไม่สำเร็จอยู่หนึ่งเรื่อง ถ้าตายไปผมคงตายตาไม่หลับ”

พูดให้หัวหน้าแผนกขนส่งฟัง แต่ต้องการส่งคำพูดนี้ให้ไปถึงคนที่ยืนทำหน้าเฉยอยู่ข้าง ๆ

“น่าปลื้มใจแทนคนแถวนี้นะ ที่มึงไม่ยอมตาย....ว่าไงล่ะมึงบัวลอย”

ยังไงล่ะอะไรหัวหน้า เกี่ยวอะไรกับผม มันอยากตายก็เรื่องของมัน ผมไม่เกี่ยวนะเรื่องนี้ มันคิดอยากจะทำอะไรก็เรื่องของมันไม่เกี่ยวกับผม ผมก็อยู่ของผมเฉย ๆ แบบนี้ต่อไป มันอยากตายก็เรื่องของมัน

“ไม่เกี่ยวกับผม”

ก้มหน้าก้มตาทำทีเป็นหยิบแผนที่เส้นทางการเดินรถขึ้นมาอ่านและหัวหน้าแผนกขนส่งก็อมยิ้มน้อย ๆ

ไอ้บัวลอยเอ้ย มึงรู้บ้างมั้ยเนี่ย ว่ามึงเป็นเอามาก กลายเป็นระบบออโต้ไปแล้วหรือไงวะ เวลาที่โยธินเดินมาแผนกขนส่งแล้วมึงก็จะต้องเดินออกมาจากโซนในเนี่ย

แรก ๆ มันก็ใช่ที่แต่ละคนหาเหตุผลร้อยแปดในการแกล้งมึงและสนับสนุนให้มึงออกมาพูดมาคุยกับโยธินบ้าง

แล้วนี่มันยังไงกันล่ะ พอรู้ว่ามันมา มึงก็เดินออกมาหามันเชียวนะ แล้วแบบนี้จะให้พวกกูคิดยังไง
ถ้าไม่คิดว่า.............มึงก็อยากเห็นหน้าคนที่มึงไม่อยากเห็นอยู่เหมือนกันล่ะวะ มึงรู้ตัวบ้างมั้ยเนี่ย บัวลอยเอ้ยยยย

.........มึง.......พลาดแล้ว.......

“พี่บุ้ง ดูบิลน้ำมันให้หน่อย ทำไมส่งไม่ครบล่ะ บิลมาไม่ครบนะทำเบิกไม่ได้”

มีนเดินออกมาจากออฟฟิศและตะโกนเรียกให้หัวหน้าแผนกไปช่วยตรวจเช็คบิลน้ำมัน และบุ้งก็พยักหน้ารับ

“เดี๋ยวพี่ไปดูให้ครับ แป๊บนึง”

ทีพูดกับมีนพูดซะเพราะ ทีกับลูกน้องคนอื่น ด่าได้เป็นด่า หัวหน้านี่ยังไง ลำเอียงชัด ๆ

“กับผมไม่เห็นมีแบบนี้เลยหัวหน้า มีแต่ด่าเรียกแต่ ไอ้บัวลอย ไอ้บัวลอย ตลอดเลยนะหัวหน้า ทีกับมีนทำไมพูดซะเพราะตลอดเลย”

ไม่ได้คิดอะไร ไม่รู้อะไรเลย ฮัทเลยพูดออกไปอย่างนั้น และกลายเป็นโยธินที่ต้อง
เลิกคิ้วขึ้นสูงและมองหน้าหัวหน้าแผนกขนส่งด้วยคำถาม

นี่..........ยังไง….

อยากจะถาม แต่ก็เห็นคำตอบอยู่ในสายตาหัวหน้าแผนกขนส่ง

ลักษณะนี้..........ท่าทางจะไม่รู้ และเป็นการไม่รู้ที่.........หนักหนาเอาการซะด้วย
ทั้งที่ไม่ต้องสืบต้องเดา เขาก็รู้กันทั้งแผนก แล้วไอ้ทางนี้มันไปอยู่ที่ไหนมาถึงไม่รู้ได้ขนาดนี้ หรือมันแกล้งไม่รู้วะ
ไม่รู้จริงๆ ว่าคนเขาเป็นอะไรกัน หรือแกล้งไม่รู้กันแน่

“เอ้ออ มันเรื่องของกูไง กูจะพูดจากับใครแบบไหนมันก็เรื่องของกู มึงไม่ต้องมาสนใจมากหรอกบัวลอย”

นี่ไง ถึงได้บอกว่าลำเอียง

ฮัทส่ายหน้าและถอนหายใจออกมาและยังแกล้งบ่นพึมพำให้หัวหน้าแผนกขนส่งได้ยิน

“ลำเอียงไง รักลูกน้องไม่เท่ากัน กับมีนนี่อะไรก็ครับ อะไรก็ดี แต่ทีกับผม ด่าไง ด่าได้เป็นได้ หัวหน้าลำเอียงว่ะ”

หัวหน้าแผนกขนส่งไม่ได้ลำเอียงหรอก แต่นั่นมันคนของเขา เขาก็ต้องพูดแบบนั้น
ถ้าบัวอยากมีคนพูดแบบนั้นด้วย ก็ให้พี่เป็นอย่างที่มีนกับหัวหน้าแผนกขนส่งเขาเป็นกันสิ

จะพูดจาให้หวาน ๆ ดี ๆ กว่านั้นสิบเท่าเลย

โยธินไม่ได้พูดออกไป แต่คิดและอมยิ้มน้อย ๆ มองหน้าของหัวหน้าแผนกขนส่งที่กำลังทำหน้าไม่ถูกแล้วก็อยากจะหัวเราะออกมา

น่าประหลาด เรื่องแบบนี้มันแปลกเกินไป ตอนแรกไม่เชื่อว่าบัวไม่รู้และไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ของคนในแผนกขนส่ง

แต่ตอนนี้เชื่อแล้ว ว่าไม่รู้จริง ๆ มิน่าล่ะ ถึงได้ไม่ยอมรับ ไม่สนใจกันซะที มันเพราะแบบนี้ด้วยหรือเปล่า
เพราะไม่เคยคิดเรื่องแบบนี้หรือเปล่า ถึงได้เป็นแบบนี้

“มึงอย่าเพิ่งไปไหนนะบัวลอย เดี๋ยวกูออกมาคุยต่อ เข้าไปดูบิลน้ำมันให้มีนก่อน”

หัวหน้าแผนกขนส่งบอกเพียงเท่านั้น แล้วก็เดินไปที่ออฟฟิศแล้ว เหลือไว้ก็แค่คนสองคน ที่แทบจะไม่เคยได้มีโอกาสอยู่ด้วยกันตามลำพัง

ฮัทยังคงตั้งหน้าตั้งตาดูแผนที่เส้นทางที่จะต้องไปส่งของ ส่วนโยธินก็ทำทีเป็นหยิบเอกสารสัญญาที่จะต้องส่งให้ลูกค้าเซ็นต์ขึ้นมาอ่าน ต่างคนต่างเงียบ ดูแผนที่จนแผนที่จะทะลุได้อยู่แล้ว ก็ไม่เห็นวี่แววของหัวหน้าแผนกขนส่งจะกลับมา

“ทำอะไรวะ ไปหามีนทีไรนานแบบนี้ทุกที”

บ่นพึมพำคนเดียวและคนที่ยืนดูเอกสารสัญญาจ้างก็อมยิ้มน้อย ๆ และแอบเหลือบสายตามองคนที่มีท่าทีกระวนกระวายเวลาที่ต้องอยู่ด้วยกันสองคน

“ไปตามสิ”

ไปตามเหรอ กำลังตั้งท่าจะไปตามจริง ๆ อย่างที่โยธินพูด แต่คนบอกให้ไปตามก็รีบดึงแขนของฮัทเอาไว้

เหี้ย อย่ามาโดนตัวกู

สะบัดแขนออกทันที และโยธินก็ชะงักกับปฏิกิริยาแบบนั้นของคนที่ไม่ยอมให้แตะตัว

“ไม่ต้องมาโดนตัว”

ไม่ต้องมาโดนตัว ยังไม่ทันโดนเลยแค่แตะไปนิดเดียวก็สะบัดขนาดนี้เลยนะ

“เกลียดพี่ขนาดไหนล่ะบัว”

ไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ แต่เพราะถูกทำแบบนี้ โยธินก็เลยเหมือนจะลืมตัวว่าไม่ควรพูดแบบนี้ออกไปในเวลางาน
ก็ว่าจะไม่แล้วนะ แต่พอเจอแบบนี้เข้าไป มันก็ต้องมีอารมณ์ขึ้นกันบ้าง

“อย่าให้พูดเหอะเดี๋ยวจะสาธยายไม่หมด”

ตอบกลับไปแล้ว และคนฟังก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบใจกับคำตอบแบบนั้น

บรรยากาศน่าอึดอัดใจที่สุด

และก็กลายเป็นโยธินที่วางเอกสารสัญญาไว้บนเคาร์เตอร์
ลงเวลา หันไปมองหน้าของคนที่ยังคงทำทีเหมือนอ่านแผนที่ทั้งที่ไม่มีอะไรให้อ่านแล้วแต่ก็ยังอ่านอยู่ได้

“จะเอานิลพัทไปทำหมันแล้วนะ”

บอกออกไปแบบลอย ๆ และคนที่ฟังอยู่ก็นิ่งเงียบ เพราะไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไรออกไปดี

“.........................”

นิ่งเงียบและถอนหายใจออกมายาว ๆ ก่อนจะเอ่ยตอบออกไป

“กี่วันแผลถึงจะหาย แล้วจะให้ใครดู หรือจะเอาไว้ที่โรงพยาบาลสัตว์ เอากลับมาคืนตอนนี้เลยก็ได้ จะเอากลับไปบ้านที่ต่างจังหวัด จะได้ไม่เป็นภาระของใคร”

ได้โอกาสพูดก็พูดซะยาว ๆ ให้จบไปหมดทุกคำถามจะได้ไม่ต้องพูดกันพร่ำเพรื่อ และโยธินก็ยืนนิ่งไม่ยอมตอบ

ตั้งแง่บ้าง เอาสิ บัวทำได้พี่ก็ทำได้เหมือนกัน พี่ก็ทำแบบที่บัวทำ

“....................”

อาการเงียบของคนที่อยู่ข้างๆทำให้ฮัทต้องหันไปมองหน้าของโยธิน ไม่ได้อยากจะพูดด้วยหรอกนะ แต่พอพูดด้วยแล้วมาทำเงียบใส่แบบนี้มันหมายความว่ายังไง

“ทำไมไม่ตอบ พูดไม่ได้หรือไง อยากจะพูดนักไม่ใช่เหรอ แล้วทีเวลาสมควรพูดทำไมไม่พูด”

ก็ไม่ได้อยากจะพูดด้วยหรอกนะ แต่เพราะแกล้งทำเป็นเงียบแบบนี้ใส่ไง ก็เลยเริ่มรู้สึกหงุดหงิดรำคาญกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำ

อยากจะให้พูดเหรอ บัวอยากจะให้พี่พูดกับบัวเหรอ งั้นก็ได้ พี่พูดกับบัวก็ได้

“กับข้าวเมื่อเช้าเป็นไงบ้าง”

ถามเรื่องหนึ่ง ไปตอบอีกเรื่อง และคนฟังก็ได้แต่เงียบ เพราะไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไง ไม่รู้ควรจะตอบยังไง ไม่รู้ควรจะพูดยังไง

สุดท้ายฮัทก็เลยจัดการม้วนแผนที่ในมือและเตรียมตัวจะเดินหนีเพราะไม่รู้จะพูดคุยเรื่องอะไรกับอีกฝ่ายดี

“บัว.....”

ได้ยินเสียงเรียก แล้วคนที่ถูกเรียกก็ชะงักขาไม่ได้ก้าวเดินไปอย่างที่ใจคิดหันกลับมามองคนที่เรียกและโยธินก็ส่งยิ้มจาง ๆ มาให้กับคนที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตั้งแง่ใส่ตลอดเวลา

ไม่เคยมีซักครั้งที่เวลาเราเจอหน้ากันแล้วจะพูดจากันดี ๆ

“พรุ่งนี้พี่จะเอากับข้าวมาฝากพี่วิเชียรไว้ให้นะ”

โยธินต้องการพูดแค่นั้น ต้องการให้รู้ ต้องการให้รับรู้บ้างไม่ใช่ว่าจะทำเป็นเมินเฉยแบบนี้ได้ตลอด และคนที่ได้ฟังก็ขมวดคิ้วมุ่น

“ไม่ต้อง”

ไม่ต้องงั้นเหรอ ถึงบอกว่าไม่ต้อง พี่ก็จะเอามาอยู่ดี บัวห้ามพี่ได้หรือไง
ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครพูดอะไร โยธินเก็บเอกสารสัญญาการจ้างใส่ซองสีน้ำตาลและไม่สนใจคำตอบที่ได้ยิน

และฮัทก็ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความหงุดหงิดขัดใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำ บอกว่าไม่ต้อง แต่ก็รู้ดีว่ายังไงโยธินก็คงทำมาอีกแน่ ๆ รู้ว่าห้ามไม่ได้ รู้ว่ายังไงก็คงห้ามไม่ได้ ถ้าอีกฝ่ายคิดจะทำก็ไม่มีปัญญาจะห้าม

แต่การทำแบบนั้นมันเป็นภาระของคนอื่น เป็นการรบกวนพี่วิเชียรที่จะต้องเป็นคนหิ้วปิ่นโตไปให้อยู่ตลอด ไม่รวมขนมอย่างอื่น ที่ฮัทเริ่มรู้ว่าที่ได้มากินบ่อย ๆ เป็นของโยธินฝากมาให้ทั้งนั้น

“ถ้าจะเอามาตอนไหนก็โทรมาบอก ไม่ต้องฝากพี่วิเชียรมา มันรบกวนเขา โทรมาแล้วกัน........เดี๋ยวเดินออกมาเอาเอง”

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 14-05-2014 06:54:33
น้องบัวเริ่มใจอ่อนแล้วววว พี่โยสู้ๆ  :impress2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 14-05-2014 06:55:04
 :pig4:ขอบคุณคนโพสค่ะ
ขอบคุณคนแต่งด้วย นิยายสนุกชวนติดตามมาก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 14-05-2014 07:18:47
พี่โยสู้ สู้ น้องบัวเริ่มใจอ่อนแล้ว  :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 14-05-2014 07:53:02
ขอบคุณค่ะ นิยายสนุกมาก ในที่สุดก็อ่านทัน ชอบทุกคู่เลย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 14-05-2014 07:55:26
เริ่มใจอ่อนแล้วเฮ้ย  :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 14-05-2014 07:57:49
กิ๊ววววว น้องบัวเริ่มมีใจให้แล้วจิ :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 14-05-2014 08:27:37
คู่นี้ลุ้นนานๆหน่อย :L2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 14-05-2014 08:56:07
สงสารพี่โยธินเมื่อใหร่น้องบัวจะหวานบ้าง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 14-05-2014 09:23:13
จะอะไรนักหนาจ๊ะคุณน้องบัว สงสารโยมั่งเหอะทั้งๆที่ก็ไม่ได้ผิดอะไรเลยนะ เพราะเมาด้วยกันทั้งคู่สมยอมอย่างที่เชียรว่าจริงๆนั่นแหละ จะเล่นแง่อะไรนัก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 14-05-2014 10:07:05
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 14-05-2014 11:11:49
น้องบัว ยอมๆ ไปเถอะลูกขา เดี๋ยวดีเอง  :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 14-05-2014 12:18:08
เริ่มอ่อนแล้วเนอะ 
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Scream ที่ 14-05-2014 12:26:53
โอย น้องบัวววววว  :hao5:
เริ่มใจอ่อนแล้วเนอะ
สงสารพี่โยอ่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 14-05-2014 13:24:57
ผู้ชายกับแมว นี่มัน... :impress2:
ชอบฉากที่เขียนถึงโยธินกับเจ้านิลพัทมาก น่ารักเชียว น้องบัวก็ใจอ่อนให้โยมันเถอะจ้า
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-05-2014 14:13:35
ใจเริ่มอ่อนแล้ว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-05-2014 14:14:55
ใจเริ่มอ่อนแล้ว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 14-05-2014 15:16:39
เริ่มใจอ่อนแล้วล่ะสิตัวเอง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: miyaki ที่ 14-05-2014 17:29:05
น้องบัววววลอยยย เมื่อไหร่จะใจอ่อนกันละเนี่ย
อยากกินกับข้าวพี่โยจังเลย  :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 14-05-2014 18:34:47
น้องบัวมีเชฟประจำตัวแล้ว..
นี่ขนาดยังไม่ได้เป็นแฟนนะเนี่ย


หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 14-05-2014 18:44:10
กด F5 เป็นรอบที่ร้อยของวันนี้ กร๊ากกกกกกกกกกกก ไม่ค่อยจะรีบเลย ครุคริ<<<ภาษาเอเลี่ยนสื่ออารมณ์ 555+
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 14-05-2014 18:56:08
เว้ยยยยๆๆๆๅๆ

เอร๊ยยยยย อิจฉาฮัทจริมๆเบยยยยพี่พี่โยรุกเลย ฮุกเลยๆๆๆ >_<
  o13
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: thearboo ที่ 14-05-2014 19:02:51
อ๊ายยยยย....หายไปไม่กี่วัน ตามไม่ทันแล้วคร๊า!!
ขออนุญาต ไปตามส่องก่อนเน่อ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 14-05-2014 19:07:04
สนุกมากกกกกกกกก รอตอนต่อไปจ้า บัวลอยเริ่มใจอ่อนล่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคโยธิน-บัวลอย ตอน ข้าวเช้าวันนี้
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 14-05-2014 20:20:28
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/10/โยธิน_บัวลอยNk8Sn.jpg)
รักเกิดในแผนกขนส่ง....ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน ข้าวเช้าวันนี้

“บัวมาเอาข้าวด้วย”

ได้รับโทรศัพท์ในเวลาเช้า และคนที่รับโทรศัพท์ก็ขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะถอนหายใจออกมายาว ๆ ลุกขึ้นเตรียมเดินออกจากแผนก
และก็ไม่พ้นสายตาของขาเสือกรุ่นเล็กที่มองหน้ากันแล้วเริ่มยิ้มกริ่ม

“ไปไหนวะบัวลอย”

อำนาจผู้มีปัญหากับระบบความคิดและสมองอยู่บ่อย ๆ เอ่ยทักทายทั้งที่รู้อยู่แล้ว ว่ารุ่นน้องจะไปไหน

“แถวนี้พี่ เดี๋ยวผมมา”

หรา ไปแถวนี้หราแจ๊ะ

“ผัวมาหาเหรอ”

แซวออกไปแบบจงใจ และฮัทก็เกิดอาการของขึ้นแบบทันทีทันใด หันกลับไปหารุ่นพี่และมองหน้าอย่างเอาเรื่อง

แซวอะไรก็แซวได้
แต่แซวเรื่องนี้ รับไม่ได้ ไม่ใช่แค่รับไม่ได้เท่านั้นแต่โกรธมาก

“พี่แก๊ปผมไม่ค่อยชอบเวลาที่โดนแซวแบบนี้ อย่าแซวผมแบบนี้อีก”

พูดออกไปแบบไม่เกรงใจ และอำนาจก็หัวเราะร่า แทนที่จะสำนึกผิด กลับหัวเราะและก็มองหน้าของฮัทตรง ๆ
อมยิ้มเล็ก ๆ และเหมือนกำลังอยากจะพูดบางอย่าง แต่ก็หุบปากเงียบไป เมื่อเจอหน้าของน้องพู่ที่ขมวดคิ้วมุ่นเหมือนเป็นการเตือนว่าอย่าพูด ห้ามพูดและอย่าไปแซว เพราะมันจะยิ่งไปสร้างความกดดันให้กับคนที่ไม่เคยยอมรับอะไรเลย

แล้วถ้ามึงรู้ว่าพวกกูเป็นอะไรกัน มึงไม่ช็อคตายห่าเหรอวะบัวลอยไม่ใช่แค่กูนะ แต่หมายถึงคนอื่น ๆ ด้วย ถ้ามึงรู้ขึ้นมาคงได้ช็อคตาตั้งแน่ ๆ

“อย่าพูดแบบนั้นพี่แก๊ป อย่าไปพูดแบบนั้นกับบัวลอย”

น้องพู่ไม่เห็นด้วยกับคำพูดของอำนาจเลยสักนิด และฮัทก็มองหน้าของพู่เพราะรู้สึกว่าเพื่อนร่วมงานคนนี้มีความคิดที่ดีและใช้ได้ เพราะว่าไม่พูดจาแบบที่คนอื่นพูด

“อย่าไปใช้คำว่าผัว.....ใช้แค่คำว่าคนที่เอากันแล้ว แต่เพิ่งมาเริ่มจีบกันเฉย ๆ ในอนาคตถ้ามันเอากันแบบสมัครใจแล้ว ค่อยเรียกโยธินว่าเป็นผัวไอ้บัวลอยได้ ถึงจะถูก”

เออว่ะ พู่มันฉลาดจริงๆ ด้วย อธิบายซะขนาดนี้ กูเข้าใจแจ่มแจ้งชัดเจนเลย

“งั้นก็ต้องพูดใหม่สิวะ เออ เออ โทษทีว่ะบัวลอย มึงจะไปหาคนที่เคยเอากันแต่ยังไม่ได้เป็นแฟนกันเพราะกำลังเริ่มจีบกันเหรอวะ”

โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

ได้ฟังแบบนั้น แทนที่จะอารมณ์ดีขึ้น ฮัทยิ่งรู้สึกว่าอยากจะบ้ามากขึ้นกว่าเดิม

ไอ้พู่ก็เหมือนกัน นึกว่าจะช่วยแก้ไขให้มันถูกต้อง เสือกหาเรื่องแซวกูให้ได้อายหนักขึ้นกว่าเดิมอีก

“มึงจำไว้เลยนะไอ้พู่”

ชี้หน้าด่าเพื่อนร่วมงานและพู่ก็หัวเราะร่าอย่างมีความสุข กูฮามึงว่ะ หน้ามึงโคตรฮาเลย
ทำเป็นเล่นตัวไปได้ แม่งเล่นตัวไม่เลิกอยู่นั่น
ระวังเห้อออออออออออ โยธินมันถอดใจขึ้นมาแล้วมึงจะได้นอนหนาวไปตลอดชีวิตนะบัวลอยยยย

“เฮ้ย ไปไหนวะ ไม่เห็นตอบเลย จะไปหาคนที่เอากันแล้วแต่ยังไม่เป็นแฟนกันเหรอวะ เฮ้ยยยยย”

อำนาจยังคงไม่ยอมเลิกรา และฮัทก็หันมาตะโกนตอบรุ่นพี่ร่วมแผนกด้วยความโมโห อยู่ดีๆ ก็โดนแกล้ง ทั้งโดนแกล้งโดนรุม และถูกต้อนให้จนมุมยิ่งกว่าเดิม

“ไปไหนก็เรื่องของผม พวกพี่ไม่ต้องรู้หรอกโว้ยยยยย สัส”

ด่าแบบตรง ๆ และคู่ผัวเมียที่โดนด่าก็แท็กมือกันอย่างมีความสุข และหัวเราะร่าอย่างสนุกสนานที่การทำงานเป็นทีมได้ผลอย่างที่ต้องการ โคตรฮาหน้าไอ้บัวลอย ตอนที่โกรธจนหน้าดำหน้าแดงแต่ทำอะไรไม่ได้

“ไปแกล้งมันนะ เดี๋ยวมันงอนแล้วชิงลาออกไป คนแกล้งต้องรับผิดชอบด้วยการไปขึ้นรถแทนบัวลอยจนกว่าจะหาคนใหม่มาแทนได้”

โห่พี่สุรชาติ เล่นแบบนี้เลยเหรอ

พวกผมก็แค่แกล้งมันสนุก ๆ แค่นั้น พี่มาพูดซะพวกผมจิตตกเลย ถ้าเกิดได้ทำงานแทนมันแล้วคราวนี้ก็ไม่เป็นอันได้หยุดกันซักที แล้วจะมีเวลาที่ไหนได้เอากันล่ะ ชีวิตนี้คงเหี่ยวเฉาตาย

“ถ้าไม่อยากให้มันอายจนชิงลาออกไป วันหลังก็แซวแค่พอดี พอดี เอาแค่มันเขิน ๆ อย่าให้ถึงกับโกรธ พอจะทำได้มั้ย”

ไม่มีการขัดขวาง แต่ยินดีที่จะสนับสนุนการแกล้งครั้งนี้ในแบบที่นุ่มนวล

และทั้งอำนาจและน้องพู่ก็พยักหน้าและส่งยิ้มให้กับพี่สุรชาติที่แนะนำเทคนิคการแซวอย่างถูกวิธีจนเป็นที่ถูกใจของทั้งอำนาจและพู่ไปตามๆ กัน

“ถ้าพี่จะสนับสนุนพวกผมขนาดนี้ งั้นก็จัดไปอย่าให้เสีย เริ่มจากตอนที่มันเดินกลับเข้ามาในแผนกนี้เลยเป็นไง”

น้องพู่อมยิ้มและแกล้งยักคิ้วใส่คนหน้ามึนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ

“แล้วไอ้การแซวแบบนุ่มนวลเอาแค่เขินนี่มันต้องทำยังไงวะ แม่งยากไปป่าววะ จะแซวทีก็ต้องคิดขนาดนั้น กูไม่ซงไม่แซวแม่งแล้ว ยากเกิ๊น”

ผู้ถอดใจรายแรกคืออำนาจ และน้องพู่ก็ถึงกับส่ายหน้าด้วยความกลุ้ม ที่มีผัวสมองปราชเปรื่องในเรื่องการหาโรงแรมภายในกรุงเทพและต่างจังหวัดอย่างโชกโชนแต่เสือกไร้ความสามารถในการคิดอะไรซับซ้อน

“แม่ง........ถ้ามันลำบากขนาดนั้นก็ไม่ต้องแซวหรอกพี่แก๊ป เดี๋ยวกูแซวมันเองคนเดียวก็ได้ ดูเป็นภาระที่ยิ่งใหญ่สำหรับมึงเหลือเกินว่ะ”

คล้าย ๆ โดนไอ้น้องพู่ด่านะ แต่ก็เหมือนจะไม่ใช่

“ไม่เอา พี่อยากแซวบัวลอยแบบแท็คทีมคู่กับพู่อ่ะ นะ นะ”

เอออออออออออ รู้แล้ว อะไรยังไงก็ได้ กูไม่มีปัญหาอยู่แล้วแหละวะ

“งั้นพี่แก๊ปก็แซวตามกูแล้วกัน เดี๋ยวกูเปิดแล้วมึงก็เป็นลูกคู่แล้วกันนะพี่แก๊ป”

ได้ ได้ เอาแบบนั้นเลย เอาตามนั้น

สุรชาติยืนมองการตกลงกันเรื่องสคริปการแซวแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าด้วยความขำ

ถ้าจะลงทุนคิดกันถึงขนาดนี้ ก็เอาเลยซะให้พอ
บัวลอยมันคงดีใจไม่น้อย ที่คนที่จะมาแซวมันต้องทำการบ้านในการแซวมาเป็นอย่างดี

น่าเห็นใจบัวลอยมันจริง ๆ น่าเห็นใจมาก จนพาลคิดว่า บางทีอาจต้องไปแท็คทีมกับยูกิบ้าง

เพราะบางครั้ง สุรชาติก็นึกอยากจะแท็คทีมเป็นคู่กับยูกิ เพื่อแซวบัวลอย อย่างนุ่มนวลให้พอได้เขินอายบ้างอยู่เหมือนกัน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 14-05-2014 20:21:12
ไม่พูดไม่จา ไม่มีการทักทายอะไรทั้งนั้น

คนส่งข้าวเอากล่องข้าวที่อยู่ในห่อผ้าลายสก็อตสีฟ้าที่ผูกเป็นปมแลดูน่ารักส่งให้กับคนที่เดินมารับข้าวเช้า และคนมารับก็แค่รับไปถือเอาไว้แต่ไม่ได้มีการขอบคุณเลยซักคำ

แม่ง ทำอะไรมาให้วะ มีการห่อผ้ามาด้วย มึงจะน่ารักเกินไปแล้วมั้งแบบนี้

“ปิ่นโตเมื่อวานบัวฝากไว้ที่ป้อมยามนะ เดี๋ยวเย็นๆ พี่แวะเข้ามาเอา วันนี้พี่ต้องออกไปหาลูกค้าข้างนอกทั้งวัน”

เหรอ ไปหาลูกค้าเหรอ

“ไปหาลูกค้าหรือจะไปจีบลูกค้ากันแน่”

ไม่อยากได้ยิน ไม่ชอบ แล้วความไม่ชอบของฮัทก็เปลี่ยนเป็นคำพูดเพื่อใช้ประชดประชันคนที่มาส่งข้าวให้กินในตอนเช้า
และโยธินที่ได้ฟังสิ่งที่ฮัทพูดก็ถึงกับชะงักไปเล็กน้อยเพราะคำพูดนั้น ก่อนจะยิ้มออกมาเพราะถูกใจกับสิ่งที่ได้ยิน

ยิ้มด้วยความรู้สึกดีใจ ดีใจที่อีกฝ่ายพูดแบบนี้ใส่ ดีใจมาก ๆ ที่น้องบัวมาพูดแบบนี้ใส่

เพราะมันหมายความว่า คนที่ชอบทำเป็นเมินเฉยบึ้งตึงและทำเหมือนไม่เคยสนใจกัน ลึกๆ ในใจแล้วน้องบัวมันก็คงสนใจเรื่องของโยธินอยู่ไม่น้อย

และคงไม่ใช่ว่าสนใจไม่น้อย เพราะท่าทางคงจะสนใจมากอยู่เหมือนกัน

“พี่ไปหาลูกค้าจริงๆ ไม่ได้ไปจีบลูกค้า”

อ่า..... ไป.....จะ...จะไปไหนก็ไปสิวะ จะไปทำอะไรก็ไปทำ
ไม่เห็นต้องมาบอกเลยนี่หว่า ไม่เกี่ยวกับกูเลย กูไม่ได้อยากรู้เรื่องนี้เลยด้วย จะมาบอกทำไม

ฮัทถึงกับไปไม่เป็น หันซ้ายหันขวาและถึงกับพูดไม่ออก ไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ดีๆ ถึงได้พูดจาโง่ ๆ แบบนั้นออกไป

จะไปทำอะไรที่ไหนก็ช่าง จะไปจีบไปชอบลูกค้าก็ไม่เห็นเกี่ยวกัน แล้วทำไมถึงได้เผลอพูดแบบนั้นออกไป
แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเลยด้วยซ้ำ

“บอกทำไม ไม่ได้อยากรู้”

เหรอครับ บัวไม่ได้อยากรู้เหรอ แต่พี่เป็นอะไรไม่รู้ อยากให้บัวรู้ว่าพี่ไม่ได้ไปจีบลูกค้าคนไหน และไม่ว่าใคร ๆ พี่ก็ไม่ไปจีบแล้ว เพราะมีอยู่คนเดียวที่กำลังจีบอยู่ แต่ไม่ยอมใจอ่อนซักที

“นึกว่าบัวจะหึงพี่ซะอีก เลยไม่อยากให้พี่ไปจีบใคร”

ห๊ะ มึงบ้าแล้ว มึงบ้าป่ะเนี่ย เรื่องอะไรกูต้องไปคิดแบบนั้นด้วย ไม่เกี่ยวเลย
ไม่เกี่ยวกับกูเลยโว้ยยยยยยยยยย โยธินมึงบ้าไปแล้วหรือไง

มึงแม่งทั้งบ้า ทั้งชอบเข้าข้างตัวเอง ไอ้บ้า

“อะไร ไม่มีหรอก ไม่มีทาง เรื่องอะไรจะต้องไปคิดแบบนั้น บ้าหรือไง บ้าไปแล้วหรือไงวะ”

ครับ บ้าไปแล้วครับ บ้ารักครับ บ้ารักน้องบัวครับ แล้วคนที่ทำให้บ้ารักได้ขนาดนี้ก็เขินได้น่ารักมากเลยครับ

บัวเป็นอะไร ทำไมต้องหน้าแดงขนาดนั้นด้วย ไม่ใช่แค่หน้านะที่แดง แต่ลามไปถึงหูแล้วบัว
บัวรู้มั้ย..........บัวเป็นคนที่เขินได้น่ารักน่าใคร่ที่สุดในโลกเลย

พี่พอจะเข้าข้างตัวเองได้มั้ย ว่าบัวก็เริ่มรู้สึกอะไรอะไรกับพี่บ้างแล้ว

พี่พอจะเข้าข้างตัวเองได้บ้างหรือเปล่าครับ ว่าบัวเปิดใจให้พี่บ้างแล้ว

เปิดใจให้พี่มากกว่าเดิมหลายเท่าตัว

จากที่เมื่อก่อน แม้แต่หน้า.......บัวยังไม่ยอมมองพี่เลย แต่ตอนนี้ บัวพูดว่า พี่จะไปจีบลูกค้า.............
นั่นเป็นเพราะบัวเริ่มหึงแล้วก็เริ่มหวงพี่ใช่หรือเปล่า ถ้าใช่ มันคือสิ่งที่ทำให้พี่ดีใจนะบัว มันคือสิ่งที่ทำให้พี่ดีใจมาก ๆ

“มองหน้าทำไมวะ มองอยู่ได้ มองแล้วก็ยิ้ม คิดจะหาเรื่องกันหรือไง”

ไม่ใช่แค่ด่า แต่ด่าแล้วคนด่าก็รีบคว้ากล่องข้าวมาถือเอาไว้และเตรียมจะหันหลังเดินหนีเข้าแผนกไป

แต่ก็ช้ากว่าโยธินที่รีบดึงแขนของอีกฝ่ายเอาไว้ และปฏิกิริยาเดิม ๆ ของคนที่ไม่ยอมให้แตะต้องก็ยังเป็นเหมือนเดิม คือสะบัดออกทันที แต่คราวนี้โยธินไม่ยอมปล่อย

“อย่าสะบัดนะ ถ้าสะบัด จะจับทั้งสองข้างเลยคอยดู”

ไอ้โยธิน
ไอ้..........

ไม่เคยเชื่อฟัง ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ไม่เคยยอมฟัง และฮัทก็สะบัดข้อมือออกจากการเกาะกุมของโยธินอย่างรุนแรง

ต้องออกแรงอยู่นาน เพราะอีกฝ่ายไม่ยอมปล่อย แถมทำท่าจะจับข้อมือทั้งสองข้างของฮัทซะด้วย

“ปล่อยยยยยยยยย”

เหรอครับ

“ถ้าไม่ปล่อยล่ะ”

ไม่ปล่อยเหรอ ถ้าไม่ปล่อย กูก็จะต่อยหน้ามึงไง ลองเลยมั้ยล่ะ ฮัทกำมือแน่น และก็เตรียมจะยกกำปั้นใส่คนที่ยังดื้อดึงจะยึดข้อมือเอาไว้ไม่ยอมปล่อยให้เป็นอิสระ และโยธินที่เห็นท่าไม่ดี ก็เลยต้องรีบปล่อยทันที

“คนอะไรนิยมใช้แต่ความรุนแรง จะอ่อนข้อให้หน่อยก็ไม่ได้ ไม่สงสารกันเลยใช่มั้ย”

แล้วทำไมกูต้องสงสารด้วย ทำไมกูต้องสงสารมึงด้วย ไม่เห็นจะมีความจำเป็นอะไรที่กูต้องมาสงสารมึงเลย

“ข้าวก็ทำมาให้ รู้มั้ยว่าตื่นมาตั้งแต่ตีห้ามาทำข้าวให้บัว”

แล้วใครใช้ให้ทำ

“งั้นก็เอาคืนไปสิ แล้วไม่ต้องทำมาอีก เพราะทำมาอีกก็ไม่กิน”

โธ่ ทำไมถึงพูดแบบนี้ล่ะบัว

“เค้าอุตส่าห์ทำมาให้ด้วยความรักนะ ทำไมถึงได้ใจร้ายปฏิเสธกันได้ลงคอ”

ไอ้โยธิน.............อะไรของมึง มึงเป็นอะไร มึงบ้าไปแล้ว พูดจาเลอะเทอะ ไม่ฟังหรอกนะ
เรื่องแบบนี้ให้ตายก็ไม่เคยนึกอยากจะฟัง

“ยิ่งกว่านี้ก็ร้ายได้ เอาคืนไป แล้วไม่ต้องเอามาให้อีก ถ้าเอามาอีกจะเททิ้งให้หมด”

จริงเหรอ

“ถ้าบัวไม่กิน งั้นพี่เอาไปเททิ้งเอง”

โยธินดึงกล่องข้าวที่อยู่ในมือฮัทมาถือเอาไว้ และขมวดคิ้วมุ่น ทำหน้าเครียด และจัดการแกะผ้าที่ห่อกล่องข้าวเอาไว้
เปิดฝากล่องออก และฮัทก็ได้เห็นว่าในนั้นมีอะไร

แม่ง...ซูชิว่ะ แบบที่เคยเห็นในหนังสือที่เป็นรูปสวย ๆ นั่นแหละ

ท่าทางคนทำคงจะตั้งใจทำไม่น้อย ถึงต้องตื่นมาตั้งแต่ตีห้า เพื่อมาประดิษฐ์ประดอยของแบบนี้
ซึ่งฮัทแทบไม่อยากเชื่อว่าคนอย่างโยธินจะทำได้

โยธินมองหาถังขยะ และถือกล่องข้าวเตรียมเอาไปเททิ้ง

ก็เทไป จะเทก็เทไป ของ ๆ มันไม่ใช่ของ ๆ กู มันอยากทำมาเอง มันอยากจะเทก็ช่างมัน

มันอยากจะเทก็ช่าง มันอยากจะเทก็.........

อาหารในกล่องถูกเททิ้งจริง ๆ เททิ้งลงไปในถังขยะ และฮัทก็ได้แต่ยืนมองด้วยความอึ้งกับสิ่งที่โยธินทำ

ข้าวกล่องที่โยธินทำ ถูกเททิ้งออกไปจนหมดกล่อง แล้วโยธินก็เดินกลับมา และหยิบฝากล่องมาปิดกล่องข้าวและใช้ผ้าห่อกล่องข้าวเอาไว้ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหน้าของฮัทด้วยใบหน้าเรียบเฉย

และคนที่ถูกมองก็ถึงกับกลืนน้ำลายลงคอเพราะทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นว่าโยธินทำแบบที่พูดจริง ๆ

“แล้วพรุ่งนี้พี่จะเอาข้าวมาส่งอีกนะ”

พูดแค่นั้น พูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย และโยธินก็หิ้วกล่องข้าว และกำลงก้าวขาเดินออกไปจากแผนกขนส่ง

ทิ้งให้ฮัทยืนนิ่งอยู่คนเดียว ยืนนิ่งด้วยความรู้สึก.......ผิด........

ไม่ใช่ความรู้สึกผิดแบบธรรมดา แต่เป็นรู้สึกผิดมาก ๆ
รู้สึกผิดจนต้องเงยหน้าขึ้นและมองตรงไปที่คนที่กำลังจะเดินออกไปจากแผนก

ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำยังไงดี ขมวดคิ้วมุ่น และขบริมฝีปากแน่นด้วยความกลุ้มใจ สุดท้ายเลยตัดสินใจพูดบางอย่าง

“พี่โย”

ตะโกนเรียกคนที่กำลังจะก้าวขาเดินจากไป และโยธินก็หยุดเดินและยืนนิ่ง ๆ แต่ไม่ได้หันกลับมาหา

“แกงส้มเปรี้ยวไปหน่อยนะ แล้วน้ำพริกก็เค็มไปหน่อย ผัดขิงผมกินไปแค่นิดเดียวเขี่ยขิงออกหมดเพราะผมไม่ชอบกินขิง.......แต่ไข่ต้มอร่อยมาก”

ไม่รู้ว่าเป็นคำชมหรืออะไรกันแน่ แต่คำพูดแบบนั้นก็ทำให้โยธินยิ้มออกมาได้

ยิ้มออกมาแต่ไม่ได้หันไปมองหน้าของคนที่เรียกเอาไว้

“แล้วพี่จะปรับปรุงรสชาติแล้วกันนะครับ จะพยายามปรับให้ถูกใจบัวแล้วกันนะ”

อ่า.... เรื่องนั้นมันก็ เรื่องนั้นมัน.......
ฮัทไม่ได้พูดอะไรต่อ และโยธินก็เดินออกไปจากแผนกแล้ว แต่ความกังวลใจของฮัทก็ยังคงมีอยู่ไม่น้อย

เดินเข้าโซนในไปโดยไม่มีกล่องข้าวติดมือเข้าไปให้กลายเป็นเป้าโจมตีในการแซว

วิโรจน์มองหน้าของหัวหน้าแผนกขายแล้วก็อมยิ้ม หลังจากยืนมองอยู่นานแต่ก็ไม่ได้เข้าไปทักทายใคร

“โยธินแม่งก็เกินไป เล่นมุกโศกขนาดนี้ ไอ้บัวลอยมันจะไปสู้ไหวเหรอ แบบนี้มันไม่สงสารโยธินตายห่าแล้วเหรอ แม่งร้ายชิบหายเลยว่ะ”

วิโรจน์พูดออกไปแบบยิ้ม ๆ และหัวหน้าแผนกขายก็พยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่วิโรจน์พูด

“ก็สมเป็นมันแล้ว นี่แหละโยธินเซลหมายเลขหนึ่งของแผนกขาย อ่านเกมส์ลูกค้าได้ขาดตลอด และเดินเข้าไปเจาะตรงกลางใจลูกค้าได้เสมอ ถึงมันจะเจ้าเล่ห์ไปหน่อย แต่ก็ถือว่ามันฉลาดที่เข้าหาได้อย่างถูกจุด…ของแบบนี้จะไปว่ามันก็ไม่ได้ เพราะมันรักของมัน มันก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะใจให้ได้”

ก็ถูก ที่มันทำได้ขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา ต้องอาศัยทั้งความอดทน ทั้งความจริงใจ และในบางครั้งก็ต้องอาศัยเล่ห์กลซักเล็กน้อย เพื่อเพิ่มมูลค่าให้ตัวเองทีละเล็กทีละน้อย

“ท่าทางบัวลอยมันคงรอดยากแล้วล่ะงานนี้ แล้วมันก็ดูจะเต็มใจที่จะไม่รอดซะด้วย ติดอยู่แค่มันยังไม่เข้าใจตัวเองแค่นั้น”

ก็จริง ท่าทางมันไม่คิดอยากจะรอดด้วย อีกหน่อยก็คงได้เกี่ยวดองกันแบบจริง ๆ แล้วสินะ

“ว่าจะดัดหลังมันอีกซักหน่อย แต่ไม่เอาแล้วล่ะ สงสารมัน แค่มันเข้าแผนกทุกวันก็โอเคแล้ว เดี๋ยวนี้มันทำตัวดีขึ้นเยอะไม่เหลวไหลเหมือนเมื่อก่อนแล้ว รับผิดชอบงานดีขึ้นไม่ต้องให้มาตามด่าตามบ่นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว....ถ้ารู้ว่าโยธินมาติดเด็กแผนกขนส่งแล้วทำตัวดีขึ้นขนาดนี้ ปล่อยให้มาติดตั้งนานแล้ว ไม่นั่งปวดหัวอยู่ตั้งนานหรอก....โทษพีทคนเดียวเลยมีอะไรดี ๆแล้วไม่ยอมแนะนำ”

อ้าว ทำไมมาลงที่พีทล่ะ

“ก็แบบนี้แหละ เด็กแผนกขนส่งมีดีทุกคน ไม่เชื่อถามหัวหน้าแผนกขายได้นะอ้น รายนั้นเขาการันตีมาเลย.......ได้ข่าวว่าคนจากแผนกขนส่งที่เขาคุยอยู่ตอนนี้ก็เด็ดมากไม่แพ้เด็กจากแผนกขนส่งคนไหนเลยจริง ๆ”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 14-05-2014 20:33:03
แผนกนี้เขาเด็ดทุกคน :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 14-05-2014 20:55:00
ใจหายแว๊บตอนพี่โยเทข้าวทิ้ง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 14-05-2014 21:02:26
พีโยสุดยอด พูดจริงทำจริง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 14-05-2014 21:09:08
แหล่มเว่อร์ อิๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 14-05-2014 21:16:38
แอบเสียดายไม่น่าเททิ้งเลย :mew6:
น้องบัวดูนะเทไปแล้ว
พรุ่งนี้พี่โยยังจะทำมาให้อีก
แสดงว่ารักจริงหวังแต่งนะเนี่ย :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: FahFon ที่ 14-05-2014 21:25:49
อ่านถึงตอน มีนเมาแล้วไปค้างห้องพี่บุ้งแล้วววววววว ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 14-05-2014 21:30:34
โยธิน..นายล้ำมาก  o13
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: nootopazzz ที่ 14-05-2014 21:33:46
พีทมียกหางตัวเองด้วย  o13 แต่ลีลาเค้าก็เด็ดจริงๆอ่ะนะเถียงไม่ออก  :hao6:

สงสารพี่โย เป็นไงล่ะบัวลอยใจแข็งปากแข็งดีนักอดกินซูชิเลย *คุ้ยถังขยะ*
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: kuankao ที่ 14-05-2014 21:47:01
ทำไมเดี๊ยวนี้ ลงน้อยจังแต่ก็ติดตามอ่านเสมอนร้าา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 14-05-2014 21:53:45
แผนสูงจริงๆ พี่โย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 14-05-2014 21:58:38
เชื่อแล้วค่ะว่าแผนกนี้เค้าเด็ดกันทุกคน  :z1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 14-05-2014 22:42:32
รอ..ฉันรอเธออยู่  :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: foolishbeat ที่ 14-05-2014 22:45:24
ไม่ได้อ่านวันเดียว อัพเยอะเต็มไปหมด
ไปตามอ่านก่อน น้องบัวของพี่ :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 14-05-2014 23:03:16
บัวลอยใจอ่อนซะที
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 14-05-2014 23:06:55
นังโยธินมันแผนสูงนะเนี่ย น้องบัวใจอ่อนจนได้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 14-05-2014 23:08:45
 o13
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 15-05-2014 00:52:40
ไงล่ะเหวอแดกเหรอคะน้องบัว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 15-05-2014 06:39:19
เช้านี้น้องบัวจะได้กินอะไรนะ
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคโยธิน-บัวลอย ตอน ข้าวเช้าแห่งความเงียบ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 15-05-2014 06:51:35
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/10/โยธิน_บัวลอยNk8Sn.jpg)
รักเกิดในแผนกขนส่ง....ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน ข้าวเช้าแห่งความเงียบ

แล้วเช้าวันใหม่ก็มาถึง

และมาพร้อมกับอาการกระวนกระวายของฮัทที่เพียรแต่นึกถึงโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อ

แตะมือไปที่โทรศัพท์หลายครั้งด้วยความกระวนกระวาย
บางครั้งก็พาลคิดไปเองว่าโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อสั่นเพราะมีสายเรียกเข้า

แต่เมื่อหยิบขึ้นมาดูแล้วก็ไม่เห็นว่ามีใครโทรมา

วน ๆ เวียน ด้วยอาการแปลก ๆ แบบนี้ตั้งแต่เช้า และสุรชาติที่มองอยู่นานก็อมยิ้มน้อย ๆ และเดินเข้าไปหาคนที่มีอาการกระวนกระวายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างเห็นได้ชัด

“แทนที่จะรอให้ทางนั้นโทรหาทำไมไม่เป็นฝ่ายโทรไปหาก่อนบ้างล่ะ”

โทรหา ........ โทรหาใคร ผมไม่ได้จะโทรหาใครซักหน่อย ทำไมผมต้องโทรด้วย ผมไม่ได้ เอ่อ.....ผมไม่ได้.......

“โทรหาก่อนก็ไม่ใช่ว่าจะเสียหายไม่ใช่เหรอ คนเรานะบัวลอย ทำไมต้องมีทิฐิอะไรไม่เข้าเรื่อง”

ผมเปล่าทิฐิ ผมไม่ได้ทิฐิอะไรเลย ผมแค่........ผม....แค่

ฮัทจัดการหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อออกมา ไม่ได้โทรหาใคร แต่ตัดสินใจปิดเครื่องไม่ให้ใครโทรหาได้

เท่านี้ก็เรียบร้อย เท่านี้ก็หมดปัญหา เท่านี้ก็ไม่ต้องลุ้น ไม่ต้องรอ จะได้เริ่มทำงานได้โดยไม่มีอะไรที่ทำให้ต้องกังวลใจอีก

สุรชาติได้แต่ส่ายหน้ากับสิ่งที่ฮัททำ มันก็เรื่องส่วนตัว อยากทำอะไรก็ทำไม่มีใครว่า เพราะทั้งหมดล้วนเป็นการตัดสินใจด้วยตัวเอง

แล้วถ้าคิดจะทำแบบนี้ด้วยตัวเองแล้วล่ะก็.....จงยอมรับผลจากการตัดสินใจที่จะตามมาไปเถอะนะ

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จงยอมรับซะเพราะเป็นคนเลือกเอง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 15-05-2014 06:53:43
สิ่งที่ฮัททำไม่ใช่แค่ปิดโทรศัพท์มือถือ แต่เป็น......

การหาทางเดินออกมาจากโซนในแบบเนียน ๆ

กูปวดฉี่ไง
แค่ไปเยี่ยวแค่นี้ มันจะเป็นอะไร

ก้าวขาเดินออกมา และก็พยายามเดินให้ช้าลง เพื่อจะได้มองไปที่เคาร์เตอร์ลงเวลาว่ามีใครอยู่หรือเปล่า

แต่ก็ไม่เห็นมี

มีนคีย์บิลในออฟฟิศ
พี่บุ้งวันนี้ต้องขึ้นรถแทนลูกน้องบางคนที่ลาหยุด
เคาร์เตอร์ลงเวลาว่างเปล่าไม่มีใครอยู่ และสาย ๆ กว่านี้อีกหน่อยพี่วิเชียรจะไปแสตนบาย

แล้ว.............คนที่ควรจะมาล่ะ
ทำไมยังไม่มา

เดินเตร่ไปที่เคาร์เตอร์ลงเวลา ทำทีเป็นหยิบเอกสารการลงเวลาเข้าออกของรถขึ้นมาดู แต่หลายครั้งที่สายตาเหลือบไปที่ลานจอดรถว่าจะมีใครเดินผ่านมาหรือเปล่า

แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มี
ไม่มีใครเดินมาซักที
ไม่มีเลย…….

แอบลอบถอนหายใจน้อย ๆ ด้วยความกลุ้ม หยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อออกมา และหย่อนลงไปในกระเป๋าเสื้ออีกครั้ง

พยายามจะไม่คิดอะไร
พยายามจะไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
และสุดท้ายความพยายามก็ไม่เป็นผล เมื่อฮัทหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อออกมาและเปิดเครื่อง

เปิดเครื่องเพื่อจะเช็คว่ามีใครโทรเข้ามาหาระหว่างที่ปิดเครื่องหรือเปล่า

ต้องการเช็ค ต้องการตรวจสอบแต่ก็ว่างเปล่า

ไม่มีใครโทรมา

ทำไมถึงว่างเปล่าล่ะ

ทำไมถึงว่างเปล่า ทั้งที่บอกแล้วว่าจะเอาข้าวมาส่งไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงไม่มา

ผิดคำพูดแบบนี้ใครจะไปอยากเชื่ออีก
ไม่มีทางที่จะเชื่ออีกแล้ว
ไม่มีทาง

...............

ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้โมโห ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่ชอบ
ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้หงุดหงิดขนาดนี้

ขมวดคิ้วมุ่น และใบหน้าที่เคยเรียบเฉยก็บึ้งตึง

ไม่มาก็ไม่มา
ไม่โทรหาก็ไม่ต้องโทร
ไม่ต้องมาไม่ต้องโทร ไม่ต้องมาอะไรด้วยทั้งนั้น

โกรธ
รู้สึกว่ากำลังโกรธคนที่ผิดคำพูด

ไม่ได้อยากสนใจเลยด้วยซ้ำ
ไม่ได้อยากสนใจ

ก็แค่จะโทรไปด่า
ก็แค่จะโทรไปบอกว่า ถ้าคิดจะผิดคำพูดแบนี้ วันหลังก็ไม่ต้องมาพูดกันอีก เพราะจะไม่เชื่ออะไรอีกแล้ว

จะไม่มีวันเชื่ออีกแล้ว

หมายเลขแรกที่โทรเข้าเป็นของโยธิน และไม่ยากที่จะค้นหา กดโทรออกแบบมีเหตุผลในการโทร และแค่เพียงเสียงสัญญาณดังขึ้นสามครั้ง ฮัทก็เริ่มรู้สึกว่าเหงื่อเริ่มซึมที่ฝ่ามือ
กรอกเสียงลงไปเมื่ออีกฝ่ายรับสาย

“ไอ้คนผิดคำพูด”

พูดแค่นั้น และก็กดวางสายทันที
ใบหน้ากำลังแสดงให้เห็นชัดว่ากำลังโมโหที่สุด และเมื่อฮัทหย่อนโทรศัพท์ลงกระเป๋าเสื้อเพื่อจะเดินเข้าโซนในก็ต้องชะงักนิ่งค้างเมื่อเงยหน้าขึ้น

แล้วพบว่าใครบางคนกำลังก้าวขาเดินเข้ามาในแผนก
พร้อมกับ.......กล่องข้าวที่ผูกด้วยผ้าสีฟ้าลายสก็อตแบบเดียวกับเมื่อวาน

กล่องข้าวแบบเดียวกับที่โยธินเอาไปเททิ้ง

แบบเดียวกัน.....
และโยธินก็เดินมาถึงเคาร์เตอร์ลงเวลา วางกล่องข้าวไว้บนเคาร์เตอร์โดยไม่พูดไม่จา ไม่แม้แต่จะมองหน้าของฮัทด้วยซ้ำ

ไม่มอง ไม่พูด และเหมือนจะไม่สนใจ
และคนที่ยืนอยู่ก็พูดอะไรไม่ออก

โยธินไม่บอกว่ากล่องข้าวที่หิ้วมาเอามาให้ใคร
แค่เอามาวางไว้ แต่ไม่พูดกับคนที่ยืนอยู่

วางเสร็จก็หันหลังเตรียมเดินกลับ
ก้าวขาเดินดุ่ม ๆ ออกไปต่อหน้าต่อตา และคนที่มายืนรอก็หยิบกล่องข้าวบนโต๊ะมาถือเอาไว้ และขว้างใส่คนที่มาส่งข้าวแล้วเดินหนี

“โอ้ย”

เสียงร้องมาพร้อมกับการที่โยธินหันกลับมา และพบว่าข้าวที่ตัวเองอุตส่าห์ตื่นขึ้นมาทำตั้งแต่เช้ากลายเป็นอาวุธชั้นดีที่น้องบัวมันเอามาขว้างใส่

ทำมาให้กิน ไม่ใช่ทำมาเพื่อให้มาโยนทิ้ง
ก้มลงเก็บกล่องข้าวมาถือเอาไว้ และเดินกลับมาที่เคาร์เตอร์ลงเวลา

เปิดผ้าสีฟ้าลายสก๊อตออกและก็เริ่มใจชื้นขึ้นมาหน่อยที่กล่องข้าวยังอยู่ในสภาพดี

ยังไม่ได้แตกหักเสียหายไป

และเมื่อเห็นว่าข้าวในกล่องยังมีสภาพดีอยู่ โยธินก็เตรียมจะเดินไปที่ถังขยะอีกรอบ

“จะเอาไปทิ้งใช่มั้ย เออดี เอาไปทิ้งเลย”

เหรอ
เอาไปทิ้งเลยใช่มั้ย
ก็ได้........ก็แค่เอาไปทิ้ง แล้วก็เดินออกจากแผนกไปก็แค่นั้น

ใช่มั้ย........

โยธินตั้งใจจะเอาข้าวในกล่องไปทิ้ง
และฮัทที่ยืนมองอยู่ก็กำลังขมวดคิ้วมุ่น รู้สึกโมโห แต่ความโมโหมันมาพร้อมกับความเสียใจ

ไม่รู้ว่าเสียใจเรื่องอะไร
แต่เหมือนกับว่า.......รู้สึกเสียใจ.....หรือบางทีอาจเสียดายข้าวที่อีกฝ่ายตั้งใจทำมาให้ แต่วันนี้ก็ต้องลงไปอยู่ในถังขยะอีกแล้ว

“เทให้หมดเลยแล้วกัน แม่ง”

ไม่สนใจแล้ว
อยากทำอะไรก็ทำไปเลย
อยากจะทำอะไรก็ทำตามสบายได้เลย

กูจะไม่สนใจอะไรแม่งแล้ว ไม่ว่าเรื่องไหนก็จะไม่สน ไม่สนใจทั้งนั้น จะทำมาอีกกี่ร้อยกี่พันครั้งก็จะไม่กิน ไม่ว่ายังไงก็ไม่กิน

ไม่กิน.......

ฮัทกำมือแน่น
ยืนกำมือแน่นด้วยความโมโห
ยืนกำมือแน่นด้วยความหงุดหงิดโมโห
ทำอะไรไม่ได้................พูดก็ไม่ได้ ……..ด่าก็ไม่ได้
ไม่ว่าทางไหนก็ทำไม่ได้ ได้แต่ยืนก้มหน้าอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งโยธินเดินกลับมา แล้วฮัทก็กำลังจะเดินเข้าโซนในและตั้งใจจะไม่สนใจอีกฝ่ายอีกต่อไป

จะไม่สนใจ

แต่ก็ต้องหันกลับมาสนใจ

เพราะโยธินเรียกเอาไว้

“บัว”

เรียกทำไมวะ เรียกทำเหี้ยอะไร กูไม่อยากมองหน้ามึง
ไม่อยากได้ยินเสียงมึง
กูไม่อยากพูดกับมึง

มึงไม่ต้องมาพูดกับกู ไม่ต้องมา........พูด

“กินมั้ย”

โยธินหยิบข้าวปั้นในกล่องที่ยังขึ้นรูปสวยงามอยู่
ไม่ได้แตกหักเสียหายเพราะข้าวปั้นถูกห่อเอาไว้ในพลาสติก

และโยธินก็แกะส่งให้กับคนที่ยืนหน้าบึ้งไม่พูดไม่จา

ส่งให้และอีกฝ่ายก็ไม่ยอมรับ

ไม่ยอมรับมาถือไม่ยอมทำอะไรทั้งนั้น โยธินก็เลยต้องแกะพลาสติกที่ห่อข้าวปั้นออก

แกะออกและส่งให้ด้วยการทำเหมือนป้อนข้าวให้คนที่ทำหน้าบึ้งใส่

ฮัทมองข้าวปั้นที่ถูกยื่นส่งให้ที่ปากแล้วก็เมินมองไปทางอื่น

ไม่กิน

ยังไงก็ไม่กิน

ยังไงก็.......ไม่............กิน........

ไม่ได้อ้าปากรับ แต่รับมาถือเอาไว้ และเริ่มกัดข้าวปั้นคำแรกต่อหน้าของโยธิน

กัดคำแรก และคำต่อ ๆ ไป

โดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่ได้พูดอะไรกัน

ไร้คำพูด
ไม่มีใครพูด

ฮัทก็แค่กินข้าวที่โยธินแกะส่งให้จนหมด

และโยธินก็หยิบชิ้นที่สองและสามมาแกะพลาสติกออกส่งให้

ไม่รู้ว่าจีบกันแบบไหน
ทำไมถึงได้เงียบงันขนาดนี้

ไม่มีใครพูด
ระหว่างเราไร้ซึ่งการสนทนา

ไม่มีคำพูดหวานหู และแม้แต่หน้าก็แทบไม่ได้มองกันด้วยซ้ำ

ฮัทไม่รู้ว่าของที่กำลังกินอยู่อร่อยหรือเปล่า ลืมเรื่องรสชาติไปชั่วขณะ เพราะหลายครั้งเอาแต่แอบชำเลืองตามองคนที่ยืนรอให้กินข้าวจนหมดและก็รอแกะพลาสติกที่ห่อข้าวออกและยื่นส่งให้

การกินข้าวด้วยกันโดยที่ต่างฝ่ายต่างไร้คำพูดมันเป็นบรรยากาศที่ชวนอึดอัดใจ

ชวนอึดอัด ชวนให้หงุดหงิด แต่ในเวลานี้ไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว

ระหว่างเราความอึดอัดใจและความไม่พอใจระหว่างกันมันจางลงมากกว่าครึ่งแล้ว ตั้งแต่ที่ฮัทยอมกินข้าวที่โยธินตื่นมาตั้งแต่เช้าเพื่อมาทำให้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 15-05-2014 06:54:29
ข้าวปั้นสามชิ้นในกล่อง หมดเกลี้ยงไม่มีเหลือ และโยธินก็วางพลาสติกที่ห่อเอาไว้ในกล่องข้าว และจัดการปิดกล่องและห่อผ้าเอาไว้เหมือนเดิม

ภารกิจวันนี้สำเร็จเรียบร้อยผ่านไปด้วยดี และโยธินก็หิ้วกล่องข้าวเดินออกจากแผนกขนส่งไป

โดยมีสายตาของใครบางคนมองตาม

มองตามและถอนหายใจออกมายาว ๆ ด้วยความกลุ้ม
แต่แล้วก็เปลี่ยนความกลุ้มใจของตัวเองเป็นการพยายามขบริมฝีปากแน่น เพราะไม่อยากแสดงอาการ

ไม่อยากแสดงความรู้สึกอะไรออกไป

ไม่อยากให้ใครรู้ว่าใจสั่น

และเริ่มรู้สึกคล้าย ๆ กับกำลังจะยิ้มออกมา ยิ้มทั้งที่ไม่รู้ว่ายิ้มอะไร

ยิ้มทั้งที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องยิ้ม

ก้าวขาเดินเข้าโซนในไปด้วยหัวใจที่เบิกบานมีความสุข และไม่ต่างจากโยธินที่เดินหิ้วกล่องข้าวไปยิ้มไป

เดินเข้าแผนกไปพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใจที่สุดนับตั้งแต่วันแรกที่ไปหาน้องบัวที่แผนกขนส่ง

แบบนี้มันชัดเจนแล้ว
แบบนี้ยิ่งกว่าชัดเจนแล้ว

น้องบัวมีใจให้แล้วแน่นอน แต่แค่ไม่รู้จะทำยังไง ไม่รู้จะแสดงตัวยังไง ไม่รู้วิธีที่จะทำตัวยังไงแค่นั้น

ที่เหลือคงต้องขอให้พี่ ๆ ที่แผนกขนส่งช่วย
หรือแม้กระทั่งพี่อ้น หรือใคร ๆ ก็ตามที่พอจะช่วยได้

เพื่อให้น้องบัวมันเข้าใจว่าเรื่องแบบนี้มันเรื่องธรรมดา
มันเป็นของธรรมดาที่ไม่ว่าใคร ๆ เขาก็ไม่ได้สนหรือแคร์อะไรกับเรื่องส่วนตัวพวกนี้

ขอแค่งานการไม่เสียหายก็พอ

วันนี้เป็นวันที่โยธินมีความสุขมากๆ อีกหนึ่งวัน และหวังว่าพรุ่งนี้จะมีความสุขมากกว่านี้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

น้องบัว น้องบัว น้องบัว

ชอบพี่แล้วล่ะสิ แต่ไม่รู้จะทำตัวยังไงใช่มั้ย
แบบนี้ต้องให้คุณวิเชียรช่วยกล่อม เรื่องทุกอย่างต่อจากนี้จะได้ง่ายขึ้น

น้องบัว น้องบัว น้องบัว

วันนี้พี่คงทำงานอย่างมีความสุขตลอดทั้งวันเลยเพราะน้องบัวยอมกินข้าวฝีมือพี่จนหมด

น้องบัว
น้องบัว
น้องบัว
ทำตัวแบบนี้.......น่ารักมากครับ

คนสองคนกำลังยิ้มอย่างมีความสุข
แต่คนอีกหลายคนกำลังมองมาด้วยความลุ้นระทึกและเกิดอาการเซ็งขึ้นมากะทันหัน เพราะไม่มีฉากหวานซึ้งให้ลุ้นมากไปกว่าการที่โยธินยืนแกะพลาสติก และไอ้บัวลอยยืนกินข้าว

“กูนึกว่าแม่งจะสวีทกิ๊ดกิ๊วกว่านี้ แม่ง ยืนลุ้นจนเยี่ยวเหนียวเลยวะ”

อำนาจ นักเสือกรุ่นเล็ก

“จะต่อยกันก็ไม่ต่อย ไอ้บัวลอยนี่ก็เรื่องมากชิบหาย น่าจะขว้างกล่องข้าวแล้วเดินเข้าไปต่อย จะได้เกิดศึกรักเลือดสาด กูชอบแบบซาดิส แม่งสะใจ”

น้องพู่ นักเสือกรุ่นเล็กอีกคน ผู้ชักจะเริ่มนิยมความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

“เดี๋ยวกูปั่นมันเอง งานนี้กูชอบ”

วิเชียรแสยะยิ้มออกมา และกำลังคิดว่าจะใช้คำพูดอะไรในการปลุกปั่นให้คนสองคนสร้างสงครามรักดุเดือดใส่กัน

“ขยันเสือกเรื่องชาวบ้านเขาจังเลยเนอะ”

วิโรจน์ที่ไม่ค่อยสนใจใคร แต่เรื่องเสือกเงียบ ๆ ขอให้บอก แถมยังมีหน้าไปด่าคนอื่นว่าเสือกซะด้วย

“โห ไอ้โรจน์ ไม่ได้เลยนะมึง ไม่ได้เลย”

วิเชียรหันไปด่าวิโรจน์ และทั้งอำนาจและน้องพู่ก็เห็นด้วย

“พี่โรจน์แหละตัวดีเลย”

น้องพู่เบะหน้าใส่วิโรจน์และวิโรจน์ยิ้มออกมาด้วยความขำ

“ไปทำงานกันได้หรือยัง ป่านนี้ข้างในเขาคงด่าแย่แล้ว”

พี่สุรชาติเดินมาตามสมาคมแก๊งค์เสือกแห่งแผนกขนส่ง ที่กำลังสอดส่ายสายตาหาเรื่องเสือกเรื่องของชาวบ้าน และทั้งหมดก็วงแตกทันที

พี่บุ้งไม่อยู่ ก็มีมือวางอันดับสองคือพี่สุรชาตินี่แหละที่คอยตามให้กลับไปทำงาน
พี่สุรชาตินี่ก็อีกคน ทำเหมือนไม่มีอะไรนะ แต่รู้ทุกเรื่องก่อนคนแรก รู้หมดทุกอย่างเพราะเจ้าทุกข์มักจะเดินไปขอคำปรึกษาพี่สุรชาติโดยตรง แล้วมีหรือที่พี่สุรชาติจะไม่รู้ไม่เห็นเรื่องพวกนี้

พี่สุรชาตินี่แหละที่เป็นมือวางอันดับหนึ่งในเรื่องการเสือกแบบแนบเนียนที่สุดในโลก

และวิเชียรก็มองพี่สุรชาติที่เดินไปขึ้นรถแล้วด้วยความแค้นใจ

“ไม่มีวันที่ผมจะปล่อยให้ตำแหน่งมหาเสือกของผมต้องหลุดไปเป็นของพี่บาสหรอกวะ ยังไงก็ไม่มีทาง”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 15-05-2014 06:56:33
เสริ์ฟแต่เช้าเลย

ไม่ต้องพูด ไม่ต้องคุย แค่มองหน้า สื่อทางสายตา และทางใจก้อสุขใจกันแล้วเนอะ พี่โยน้องบัว

สมน้ำหน้าพวกขี้เสือก  :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: praseat ที่ 15-05-2014 07:35:04
“ไม่มีวันที่ผมจะปล่อยให้ตำแหน่งมหาเสือกของผมต้องหลุดไปเป็นของพี่บาสหรอกวะ ยังไงก็ไม่มีทาง”
 
ฮาสุดๆ   555555+++  :laugh: :m20: :jul3: :pigha2: o13 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 15-05-2014 07:39:05
มือวางอันดับ1โดนปล้นแล้ววิเชียร :3125:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 15-05-2014 07:42:15
ใช่อย่ายอมนะวิเชียร ศักดิ์ศรีของตำแหน่งสุดยอดนักเสือกเลยนะนั่น  :laugh:

น้องบัวแหมมม น้อยใจเขาแบบนี้ เริ่มมีใจให้พี่โยเเล้วดิจ๊ะ เอ๊ะรึตกหลุมเค้าไปนานแล้วหว่า  o18
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 15-05-2014 07:56:46
อ่ะค่ะ น่าจะใีห้หลายๆถ้วย หึๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 15-05-2014 08:01:09
ลุ้นแทบแ่ :hao4:
เกือบได้อดอีกวันน้องบัว :mew6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 15-05-2014 08:48:28
เอาใจช่วยพี่โยจ้า
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 15-05-2014 08:55:48
น้องบัวฟอร์มจัดนะ 5555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 15-05-2014 08:57:54
อยากกินก็บอกเขาไปสิ มัวแต่เขินอาย ทำไรไม่ถูกอยู่ได้น้องบัววว  :mew3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 15-05-2014 10:16:10
อ๊ายย น่ารักเชียว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 15-05-2014 10:55:41
 :jul3: ตำแหน่งมหาเสือกแห่งปี

เดะบอกหัวหน้าบุ้งให้ทำถ้วยรางวัลประจำตำแหน่งมอบให้เลยยยย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 15-05-2014 13:15:02
มาอีกน้า  :hao5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: foolishbeat ที่ 15-05-2014 13:27:05
ตำแหน่งมหาเสือกนี่ของบุ้งหรอก เสือกเงียบๆเสือกเนียนๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 15-05-2014 15:26:15
พ่อมหาเสือกวิเชียร 5555 ใครเค๊าก็เสือกได้ไม่เท่าพ่อหรอกจ่ะ  :laugh:

หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 15-05-2014 16:12:47
แผนกนี้น่ากลัวจิงๆ 555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 15-05-2014 16:41:03
วิเชียรเจ๋งมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคโยธิน-บัวลอย ตอน การเจรจาเป็นผล
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 15-05-2014 16:51:11
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/10/โยธิน_บัวลอยNk8Sn.jpg)
รักเกิดในแผนกขนส่ง....ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน การเจรจาเป็นผล

เราเป็นอะไรกันล่ะ ไม่รู้สิ ไม่รู้เหมือนกัน ไม่รู้หรอกว่าตกลงเราเป็นอะไรกัน

รู้แค่.........เรา...อยู่ในสถานะความสัมพันธ์แบบอ้ำอึ้ง ไร้คำตอบ ทั้งที่มีคำถามจากคนรอบข้างมากมาย
โยธินคิดอะไรไปเรื่อย ระหว่างฟังสิ่งที่หัวหน้าแผนกขนส่งพูด  ไม่ได้อยากจะคิดเรื่องส่วนตัวหรอกนะ
แต่เวลาที่ได้อยู่ใกล้กับคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ โยธินก็อดคิดไม่ได้

“รอบแรกมึงผ่าน แต่รอบสองนี่กูว่าแม่งของจริง จงใจให้เราวิ่งงานต่างจังหวัด มึงจะสู้หรือไม่สู้บัวลอย มึงเลือกเอาได้เลยกูแล้วแต่มึง กูให้มึงเลือก”

หัวหน้าแผนกขนส่งขมวดคิ้วมุ่น เมื่อเจอการพลิกลิ้นจากลูกค้าที่จงใจทดสอบความสามารถกันแบบไม่ไว้หน้า

ถ้าทำให้เห็นว่าผ่านแบบไร้ข้อสงสัย ทุกอย่างจะจบเพียงแค่นี้
รู้ว่าทางนั้นต้องการวัดศักยภาพกันแบบเห็น ๆ แล้วทางเราล่ะ จะไหวมั้ย จะสู้มั้ย ถ้าอยากได้งานนี้ก็ต้องสู้ต่อ

และคำตอบของการสู้ มันอาจไม่ได้แปลว่าจะชนะ คำถามคือมันคุ้มกับการสู้มั้ย
หัวหน้าแผนกขนส่งตอบไม่ได้ เพราะดูจากผู้ว่าจ้างแล้ว ท่าทางจะไม่จบแค่นี้ เพราะว่าผ่านด่านแรกมาได้แบบสวยงามเกินไป ดังนั้นเขาจึงตั้งแง่มากขึ้น อย่าลืมว่าบริษัทเดิมที่เขาเคยจ้าง ก็คงไม่มีทางปล่อยให้งานหลุดมือไปได้ เขาก็หวังต่อสัญญาเหมือนกัน

ในแง่ของธุรกิจ ไม่มีใครยอมใคร มันคือเกมส์การแข่งขัน
มาก่อนหรือหลัง ไม่สำคัญ มันขึ้นอยู่กับว่าผู้ว่าจ้างอยากจะเลือกใคร

ขึ้นอยู่กับความพอใจของผู้จ้างและผู้รับการจ้าง ว่าเห็นพ้องกับผลประโยชน์ที่ลงตัวและตรงกันหรือไม่

“คุ้มหรือเปล่าหัวหน้า ถ้าเราได้งานนี้ มันคุ้มใช่มั้ยหัวหน้า”

ฮัทขมวดคิ้วมุ่น และมองหน้าของหัวหน้าแผนกแบบตั้งคำถาม และบุ้งก็พยักหน้ารับ

“คุ้ม ถ้าเขายุติเรื่องนี้ด้วยการเซ็นต์สัญญากับเราซะ ไม่จ้างงานเราเป็นจ็อบให้เราเสียเวลา เพราะถ้าเขาจ้างเป็นจ็อบ เราจะไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลย และจะยิ่งเสียเวลาเรามากกว่าคุ้ม”

ฮัทพยักหน้ารับกับสิ่งที่หัวหน้าพูด

แต่โยธินกำลังครุ่นคิดบางอย่าง ก่อนจะเอ่ยบอกออกไป แม้ไม่มั่นใจนัก แต่โยธินคิดว่าเป็นสิ่งที่ควรพยายามให้มากยิ่งขึ้นอีก

“ผมจะปิดงานนี้ให้เอง ครั้งนี้ต้องจบ ส่งต่างจังหวัดแล้วต้องให้มันจบด้วยการล็อคให้เขาเซ็นต์สัญญาให้ได้ ถ้าไม่ได้ผมคิดว่าเขาจงใจถ่วงเวลาไม่ได้จริงใจกับเราในแง่ของการจ้างงาน และผมไม่เห็นเหตุผลที่เราต้องเสียเวลาต่อไปอีก ผมคิดว่าเป็นเพราะเขาพูดเอาไว้แล้ว เลยจำเป็นต้องแถไปให้ถึงที่สุดเพื่อไม่ให้ตัวเองเสียหน้า”

นั่นล่ะใช่เลย

ทางนั้นกำลังตั้งแง่ และหาทางเลี่ยงการเซ็นสัญญา แต่ถ้าทำให้เลิกลังเล และมุ่งตรงมาที่เราได้ ทุกอย่างก็จบ

“งั้นผมสู้ต่อพี่ เป็นไงเป็นกัน ต้องสู้ต่อให้ได้ กำหนดเมื่อไหร่ที่ผมต้องออกโซนต่างจังหวัด”

ฮัทเอ่ยถามรายละเอียดกับหัวหน้าแผนกขนส่งและบุ้งก็เปิดข้อมูลเพิ่มเติมที่บริษัทลูกค้าส่งมาให้

“เชียงใหม่ อีกสองวัน ถ้าหลุดไปได้ แม่งจะเล่นเราอีกรอบชุดใหญ่ด้วย โคราช อุดร ขอนแก่น อยุธยา หัวหิน และหาดใหญ่จุดสุดท้าย”

ถือว่าหนักหนาสาหัสเลย

“ถ้าหลุดไปได้มึงไม่ต้องกลัว นายเตรียมซัพพอร์ทไว้แล้ว เราอาจไม่ต้องไปเอง นายจะหาเครือให้เรา วิ่งจริงแค่ในนามเท่านั้น เพื่อลดต้นทุน แต่เราต้องหลุดไปให้ได้ก่อน งานนี้นายลงมาสั่งเอง ถ้าเราไหว นายรอเปิดเส้นทางให้เราแล้ว”

ไม่ใช่แค่เรื่องภายในแผนก แต่อาจหมายรวมถึงธุรกิจตัวใหม่ที่บริษัทจำเป็นต้องขยับขยายเพราะเห็นช่องทางในการเติบโตอีกหนึ่งแนวทาง นอกจากการเป็นแหล่งกระจายสินค้า ธุรกิจขนส่งอาจต้องขยับขยายแยกตัวออกไปต่างหาก และนั่นหมายถึงการเติบโตของแผนกขนส่งที่จะเกิดขึ้นแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียว

“ผมเอาพี่ ผมจะทำให้หลุดไปให้ได้”

มันคือสิ่งท้าทายที่สุด เงินทองยังเป็นสิ่งสำคัญอยู่ แต่นั่นอาจไม่สำคัญเท่ากับการได้สร้างชื่อในเส้นทางการทำงานสายที่ตัวเองกำลังทำ

ถ้ามุ่งมั่นที่จะทำ ก็อยากทำออกมาให้ดีที่สุด ให้เป็นที่จดจำ

“สู้ ๆ นะครับ”

โยธินที่ยืนอยู่ข้างๆ ส่งยิ้มมาให้ และฮัทที่หันไปมองก็ชะงักนิ่งค้าง
มองหน้าของโยธินนิ่ง ๆ และต้องรีบเบือนหน้าหนี และแกล้งทำเป็นหยิบเอกสารระบุเส้นทางการเดินรถขึ้นมาอ่าน

เพราะ.........กำลังทำหน้าไม่ถูก

มันรู้สึกแปลก ๆ

คล้าย ๆ กับหัวใจกำลังเต้นไม่เป็นส่ำ คล้าย ๆ กับว่ามือมันเริ่มเย็นและเหมือนกำลังจะทำตัวไม่ถูก

เริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง เริ่มคิดว่าพักนี้ บ่อยครั้งที่รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเพิ่มขึ้นทุกวัน

...........เพราะอะไรวะ...........ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้....

รู้สึกว่าไม่กล้าคิด ไม่กล้าคิดอะไรให้มากกว่านี้
ไม่กล้าแม้แต่จะเริ่มตั้งคำถามกับความรู้สึกที่เริ่มเติบโตขึ้นภายในใจทีละเล็กทีละน้อย

“โอเค งั้นตกลงตามนี้ แสตนบายไว้เลย แล้วก็...บัวลอย..เส้นทางแรก โยธินต้องไปด้วยนะ เพราะว่าโยธินต้องรายงานแล้วก็เอาข้อมูลและปัญหาไปคุยกับทางนั้น มึง....กล้าไปด้วยกันหรือเปล่า เรื่องนี้มึงจำเป็นต้องรู้ กูไม่อยากให้มึงไปรู้อีกทีวันเดินทาง กูรู้ปัญหาเรื่องส่วนตัวของพวกมึงดี แต่ว่านี่มันเรื่องงาน...........มึง...ตัดเรื่องส่วนตัว...ออกไปก่อนไหวหรือเปล่า”

หมายถึงอะไรวะ โยธินต้องไปด้วย ไปด้วยกัน.... ก็หมายความว่า…….

มองหน้าของหัวหน้าแผนกขนส่งเหมือนเป็นการตั้งคำถาม และบุ้งก็พยักหน้ารับในสิ่งที่ฮัทอยากจะถาม

“ค้าง.....ด้วยกันสองคน...เหรอพี่”

เออ ตามนั้นเลย

“เราไม่มีนโยบายให้มึงนอนแยกห้องกันหรอก มันคงแปลกถ้าไปด้วยกันแล้วนอนแยกห้องกัน”

เรื่องนั้น......มัน....

“ผมแยกห้องเอง ไม่ต้องห่วง แค่ไปด้วยกันเฉย ๆ เพื่อความสบายใจของบัวด้วย”

มันใช่เหรอแบบนั้น

มันใช่แน่เหรอแบบนั้น ถ้าทำแบบนั้น มันก็ไม่ต่างจากแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันไม่ได้
แค่นอนห้องเดียวกัน มัน...........จะไปมีอะไร.......ถ้าแม่งคิดจะทำเหี้ยอะไรกับกู

กูจะฆ่าแม่งซะ จะฆ่าแม่งแล้วหมกศพทิ้งไว้ที่โรงแรมนั่นแหละ สัส

“ผมนอนได้ ผมไม่คิดอะไรอยู่แล้ว”

พยายามไม่แสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกไป
หวั่นใจ ทำไมจะไม่หวั่น แต่การไปครั้งนี้ไปด้วยเรื่องของงาน ไม่มีเหตุผลที่จะต้องมาคิดเล็กคิดน้อย

ไอ้เรื่องอย่างว่าหรืออะไรนั่นไม่เคยมีอยู่ในหัวสมองเลยด้วยซ้ำ

ไม่เคยคิดเรื่องนั้นเลย ไม่เคย.......คิด......

“ผมยังไงก็ได้อยู่แล้ว....พี่แค่ไม่อยากให้บัวไม่สบายใจ”

ประโยคแรกพูดกับหัวหน้าแผนกขนส่ง แต่ประโยคถัดมาโยธินหันมาพูดกับคนที่ยืนทำหน้าเรียบเฉยอยู่ข้าง ๆ
ทำหน้าไม่ถูกขนาดนั้นแล้วนะน้องบัว แน่ใจแล้วเร้ออออ

“ทำไมผมต้องไม่สบายใจด้วยวะ คุณโยธิน งานก็ส่วนงานผมไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว “หรือคุณมึง คิด”

พี่จะไปคิดอะไรล่ะ พี่ไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว.... คนที่คิดนั่นมันอาจเป็นน้องบัวไม่ใช่เหรอ

สิ่งที่โยธินพยายามทำให้ได้มากที่สุดในเวลานี้คือการพยายามเก็บสีหน้าเอาไว้ไม่ให้แสดงความรู้สึกอะไรออกมา

ทั้งที่ความจริงแล้ว โคตรอยากจะยิ้ม และอยากจะจ้องหน้าของคนเก่งที่อยู่ข้าง ๆ และอยากจะดึงมากอดซะให้รู้แล้วรู้รอดตอนนี้เลย ติดอยู่ก็แค่ว่าหัวหน้าแผนกขนส่งยืนอยู่ด้วย ถ้าทำอะไรประเจิดประเจ้อเกินไปมันจะไม่ดี

เอาน่า โอกาสยังมีอีกเยอะ
เดี๋ยวโอกาสก็มาถึงเองล่ะ อยากจะทำอะไรก็คงได้ทำกันล่ะคราวนี้

“คุณกล้าณรงค์จะให้ผมคิดอะไรล่ะครับ ผมว่าผมโปรพอ”

ตอบออกไปแบบนั้น และฮัทที่ทำหน้านิ่งเฉย ก็เกิดอาการหน้าตึงขึ้นมาทันที

อึ้งกับคำตอบ และนึกอยากชกหน้าคนตอบ เพราะตอบได้กวนตีนมาก

เออดี มึงไม่คิดแบบนี้แหละดี จะได้จบไป ถ้ามึงบอกว่ามึงโปรพอ กูก็โปรพอเหมือนกัน

“งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนแล้วกันครับ ผมต้องออกไปพบลูกค้าข้างนอกวันนี้ นัดไว้สี่ราย คงจะได้วิ่งรอกกันให้วุ่น”

เหรอ ก็ไปสิ ทำไมต้องบอกด้วย
 
“ที่บอกเอาไว้ว่าจะเข้ามากินข้าวเที่ยงกับบัว พี่คงมาไม่ได้นะครับ บัวกินข้าวไปก่อนได้เลย ปลาราดพริกพี่แยกน้ำจิ้มสำหรับราดปลาเอาไว้แล้ว กินตอนเที่ยงรสชาติก็ยังได้อยู่
แล้วชาดอกมะลิรอบนี้หอมมาก จิบบ่อย ๆ ตอนที่บัวไปขึ้นรถจะช่วยเพิ่มความสดชื่นเวลาต้องขับรถนาน ๆ”

บอกออกไปยืดยาว บอกออกไปต่อหน้าหัวหน้าแผนกขนส่งให้ได้รับรู้ความคืบหน้าของความสัมพันธ์ของคนสองคนที่เริ่มขยับขึ้นไปทีละเล็กทีละน้อย และหัวหน้าแผนกขนส่งก็ทำหน้าเฉย ทั้งที่หูกำลังฟังสิ่งที่โยธินพูด

เข้าท่านี่ รายงานกูทุกช็อตแบบนี้ก็โอเค กูจะได้เอาไว้บลัฟไอ้วิเชียร คงได้มีรายการอกแตกตายห่าเพราะความอยากเสือกแต่เสือกได้ไม่ทะลุทุกรูขุมขนของเป้าหมายกันแน่ล่ะมึง งานนี้

“.............”

รับรู้ แต่ไม่ตอบ และแม้ไม่ได้ตอบ ก็แสดงปฏิกิริยาบางอย่างให้โยธินได้รับรู้แบบกลาย ๆ ว่ากำลังไม่พอใจ

“ผมไปแล้วนะหัวหน้าบุ้ง ผมให้พี่โรจน์ดูของให้ เดี๋ยวผมขึ้นรถแล้วก็ออกรถเลยแล้วกัน เดี๋ยวมันจะเลท”

บอกเพียงแค่นั้น แล้วฮัทก็เดินหนีเข้าโซนในไปแล้วโดยไม่มีการหันกลับมามองอีกเลย

และโยธินที่พยายามบังคับหน้าตัวเองไม่ให้ยิ้ม ในเวลานี้ก็ไม่สามารถที่จะควบคุมใบหน้าของตัวเองต่อไปได้อีกแล้ว

“เดินเกมส์รุกเต็มรูปแบบหรือไง ใจเย็นหน่อยเฮ้ย มึงคิดว่าบัวลอยมันตั้งตัวทันหรือไง อย่าทำให้มันประสาทแดกให้มากนัก สงสารมันหน่อย แค่นั้นมันก็ทำหน้าไม่ถูกแย่แล้ว”

หัวหน้าบุ้งก็พูดไป

ผมจะไปกล้าทำอะไรเด็กแผนกขนส่งได้ล่ะ แค่กระตุ้นให้รู้สึกบ้าง ว่ามีคนทางนี้อยู่อีกคนที่ควรจะนึกถึงกันบ้างแค่นั้น

ก็แค่ทำให้น้องบัวมันมีเรื่องของผมเข้าไปในหัวทีละเล็กทีละน้อยแค่นั้น

เพื่อความสัมพันธ์ในระยะยาว

ผมไม่ได้อยากคบแบบฉาบฉวย แต่คนนี้ผมจริงจัง ไม่งั้นผมไม่ทั้งพยายาม และใช้ความอดทนมากขนาดนี้หรอก

“ผมชอบไปแล้ว และผมก็อยากให้น้องบัวตอบกลับความรู้สึกของผมด้วยการชอบผมกลับคืนด้วย”

ไม่ได้ปิดบัง และก็ตอบไปแบบตรง ๆ

โยธินพูดแค่นั้นและเดินออกจากแผนกขนส่งไปแล้ว และหัวหน้าแผนกขนส่งก็ยิ้มออกมา

..............ท่าทางคงจะต้องเสียดุลให้กับแผนกขายแล้วล่ะวะ หลังจากที่เกินดุลมานาน ต้องยอมรับว่าแผนกขายนี่ เขาก็มีตัวเก๋า ตัวดี ๆ ของเขาอยู่เหมือนกัน....มึงอย่าให้เสียชื่อแผนกขนส่งเชียวนะบัวลอย....ถ้ายังไงก็....เอาให้คนแผนกขายหลงมึงจนหัวปักหัวปำจนไปไหนไม่รอดเลยก็ท่าจะดี กูจะคอยดูอยู่แบบนี้แหละ.....มึงสองคนนี้ แม่ง... ลุ้นเพลินดีจริง ๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 15-05-2014 16:55:01
“ทำไรอยู่กั๊บพ้ม”

ไม่ใช่แค่พูด แต่โยธินที่โผล่มาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง ยังจัดการกอดรัดร่างของคนที่กำลังสนใจอยู่กับการก้มหน้าก้มตาดูแผนที่เส้นทางที่จะต้องไปส่งของอีกสองวัน ด้วยใบหน้าเคร่งเครียดและตั้งใจ จนไม่ทันรู้สึกตัวว่ามีใครบางคนเข้ามาหาถึงในห้องพักพนักงานตั้งนานแล้ว

คิดว่าเป็นพี่ๆ คนอื่น ๆ แต่ตอนนี้ฮัทรู้แล้วว่าไม่ใช่

แต่เป็น..........ไอ้โยธิน

“เหี้ยยยยยยย อะไรของมึงเนี่ยะ อะไรวะ แม่งปล่อยเดี๋ยวนี้ อะไรวะ มากอดทำไมวะ”

ทำไมจะกอดไม่ได้ ก็คนมันคิดถึง ก็ต้องกอดได้สิ

“น่า บัวก็อย่าใจร้ายกับพี่เลยนะกั๊บ กอดนิ๊ดดดดเดียวเอ๊ง”

เอง บ้านพ่องดิ สัด

ไม่ใช่แค่ไม่ให้กอด แต่ยังผลักคนกอดออกห่างจนสำเร็จ และฮัทก็ลุกขึ้นเดินไปอยู่อีกมุมของห้องแล้ว และมองหน้าของโยธินอย่างเอาเรื่อง

“ลูกค้าแคนเซิ่ลหนึ่งราย นัดอีกทีห้าโมงเย็นโน่น พี่ก็เลยกลับมากินข้าวกับบัวได้ไง บ่ายสองแล้ว บัวกินข้าวหรือยังกั๊บ เพิ่งกลับเข้ามาเหรอ เฮียแก๊ปบอกว่าบัวเพิ่งเข้ามาถึง พี่สวนกับเฮียแก๊ปตอนเฮียแก๊ปขึ้นรถออกไปเมื่อกี้”

โยธินสนิทสนมกับพี่อำนาจเป็นพิเศษ ไม่รู้ว่าไปสนิทสนมกันได้ยังไง
สนิทกันถึงขั้นโยธินเรียกพี่อำนาจว่าเฮียแก๊ปได้ ก็คงจะไม่ใช่การสนิทกันแบบธรรมดา

แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฮัทควรสนใจหรือรับรู้ มันจะสนิทกับใครก็เรื่องของมัน แค่มันไม่ต้องมาสนิทกับกูก็พอ

“ใครจะไปกินด้วย ไม่ได้รับปากเลยซักคำ”

อ้าววว ได้ไงล่ะ ได้ไง ได้ไง

“ก็ตอนเช้าพี่บอกบัวแล้วไง ว่าเดี๋ยวตอนบัวพักเรากินข้าวด้วยกันนะ บัวลืมแล้วเหรอ”

 นั่นไม่ใช่เลยซักนิด มึงโมเมของมึงเอาเอง กูไม่ได้ตอบซักคำว่าจะกินหรือไม่กิน

“คิดเองเออเอง”

เหรอครับ งั้นก็แปลว่า.......

“เบี้ยวพี่เหรอครับ”

ใครเบี้ยว ไม่มีอ่ะ

“ไม่ได้รับปากซักคำ จะบอกว่าเบี้ยวได้ไง”

งั้นเหรอครับ........สรุปว่าพี่พลาดเอง ที่ใช้แผนโมเมไม่ได้ผล ในเมื่อไม่ได้ผล พี่ก็คงต้องใช้แผนโมโหต่อเลยแล้วกันนะครับ

“อ่อ.......ดีนะ คงสะใจมาก คงรู้สึกดีมาก พี่ไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เช้า ก็หวังจะมากินข้าวพร้อมบัวตอนพัก ลูกค้าชวนให้กินข้าวด้วยกัน พี่ก็โง่เองที่ปฏิเสธ........งั้นไม่เป็นไร พี่ไม่โทษบัว พี่โทษตัวเอง ที่คิดว่าบัวจะรอพี่กลับมากินข้าวพร้อมกัน”

ไม่ได้โกหกซักคำ ทำอย่างนั้นจริง ๆ
แต่แค่เรียกความน่าสนใจเพิ่มด้วยการใส่อารมณ์น้อยใจ และเสียใจลงไปด้วยแค่นั้น
ก็เอาสิ ถ้าบัวจะไม่รู้สึกอะไรเลย มันก็เกินไป

“งั้นพี่ไปทำงานก่อนล่ะ ไหน ๆ บัวก็ปฏิเสธซะขนาดนี้แล้ว พี่จะไปทำอะไรได้ นอกจากต้องเข้าใจแล้วก็ยอมรับมันให้ได้”

ปิดจ็อบด้วยอารมณ์น้อยใจสุดขีด และฮัทก็ถึงกับเกิดอาการหน้าซีดขึ้นมาแบบกะทันหันหลังฟังคำพูดนั้นของโยธิน

โยธินกำลังจะเปิดประตูห้องพักพนักงานและกลายเป็นฮัทที่ตัดสินใจพูดบางอย่างให้อีกฝ่ายได้ยิน

“ปลาตัวใหญ่ขนาดนั้น ใครจะไปกินคนเดียวหมดวะ”

ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่เป็นการพูดจาอ้อมโลกที่คนฉลาดอย่างโยธินสามารถรู้ได้ไม่ยาก สิ่งที่กำลังจะทำก็แค่ย้ำลงไปอีกซักหน่อย เพื่อความมั่นใจและสร้างมูลค่าเพิ่มให้ตัวเองมากขึ้นอีกนิดด้วยการฟังสิ่งที่คนที่บอกว่ากินคนเดียวไม่หมดพูด ทำท่าจะเปิดประตูออกไปอีกรอบ และโยธินก็ได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด

“ข้าวเยอะขนาดนั้น ใครจะไปกินคนเดียวหมดวะ”

อีกครั้งกับคำพูดคล้ายแบบเดิม แค่เปลี่ยนรูปแบบเล็กน้อย และโยธินก็เตรียมจะดึงประตูกระจกเพื่อเปิดออก

“แม่ง.......จะกินด้วยกันก็กินสิวะ หิวมากนักไม่ใช่หรือไง”

คราวนี้คนที่โมโหกลายเป็นคนตั้งแง่ตั้งแต่แรก และโยธินก็เริ่มอมยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปากแต่ก็ต้องรีบเก็บอาการ
จ้องมองใบหน้าของคนที่กำลังทำหน้าบึ้งด้วยความไม่พอใจแล้วโยธินก็พูดอะไรบางอย่างออกมา

“ว่าแล้วว่าน้องบัวไม่ใจร้ายหรอก พี่กำลังจะไปเอาช้อนกับจานข้าว เดี๋ยวพี่มากินข้าวด้วยนะครับใจเย็น ๆ อย่าเพิ่งโกรธ........โกรธมาก ๆ ไม่ดีนะครับน้องบัว รู้มั้ยครับตอนนี้พี่ดีใจมาก ......พี่รู้สึกดีใจที่ได้รู้ว่าน้องบัวก็สงสารพี่อยู่เหมือนกัน เลยยอมให้กินข้าวด้วย .....ขอบคุณมาก ๆ ครับ........น้องบัวของพี่....ใจดีจัง”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 15-05-2014 17:03:45
 :laugh: แผนสูงมากพี่โย
แต่นานจริงๆนะคู่นี้  :katai5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 15-05-2014 17:05:57
เอ้าเซลล์มือ1 สู้ๆๆ :mc4:
น้องบัวเริ่มใจอ่อนแระ

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Mani ที่ 15-05-2014 17:28:41
ลุ้นแทนพี่โย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 15-05-2014 17:44:42
พี่โยฝ่ายขาย พี่แม่งแน่จีงๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 15-05-2014 18:11:32
สตรอจริงๆพี่โย 5555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: thewplus ที่ 15-05-2014 18:21:08
รุกเนียนๆ น้องบัวของพี่...  :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: mapreaw ที่ 15-05-2014 18:30:22
อุต๊ะ ไม่เข้าเล้ามาพักนึงแผนกนี้เค้าได้กันไปหลายคู่แล้ว รีบตามเก็บแทบแย่กลัวไม่ทัน แต่ละคู่นิกินกันไม่ลงเลยจริงๆ ถ้าได้เข้าไปทำงานในบริษัทนี้สงสัยทั้งจิ้นทั้งฟินตายวันละหลายรอบแน่เลย :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-05-2014 18:44:18
แผนเยอะ ตัวช่วยแยะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 15-05-2014 19:23:22
เง่ออออ >_<

เนียนเรื่องการจีบคงต้องยกให้พี่โย
แต่ถ้าเนียนเรื่องการเสือนี่คงต้องพี่บุ้งกับพี่บาส 555555555

น้องบัวจายอ่อนนนน
 :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 15-05-2014 19:38:22
จะทันโยธินเหรอน้องบัว :hao4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 15-05-2014 19:43:43
อย่าเยอะบัวอย่าเยอะ เดี๋ยวเขาไม่สนแล้วจะหนาว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 15-05-2014 19:52:58
พี่โยโครตเจ้าเล่ห์เลย อย่างนี้น้องบัวจะตามทันได้ไง



 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 15-05-2014 20:06:11
พี่โยแผนสูงนะฮ๊าาาาา
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคโยธิน-บัวลอย ตอน อะไรกันวะเนี่ย
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 15-05-2014 20:46:10
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/10/โยธิน_บัวลอยNk8Sn.jpg)
รักเกิดในแผนกขนส่ง....ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน อะไรกันวะเนี่ย

มันคืออะไรวะนั่น ที่เห็นนั่นมันคืออะไร ไม่อึ้งก็ต้องอึ้ง ไม่งงก็ต้อง...งง..
ไม่คิดจริง ๆ ไม่เคยคิดเคยฝันมาก่อนว่าจะได้มาเห็นภาพแบบนี้ของ.....หัวหน้าบุ้ง.....กับมีน

ฮัทรีบสาวเท้าเดินออกมาจากออฟฟิศแผนกขนส่งโดยเร็ว อาการใจเต้นไม่เป็นส่ำยังไม่สามารถควบคุมได้
ผ่านหน้าพี่วิเชียรที่กำลังนั่งหัวเราะกับพี่วิโรจน์ พู่และพี่อำนาจ ไม่ได้ทัก ไม่ทันได้พูดกัน เพราะใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ไปขึ้นรถของตัวเองและขับออกไปโดยมีสายตาของพี่ ๆ มองตาม และยิ่งหัวเราะหนักขึ้นกว่าเดิม

“ก็ขยันแกล้งมันเนอะ”

วิโรจน์ยิ้มกับวิเชียรและส่ายหน้ากับสิ่งที่วิเชียรทำ ก็รู้ว่าบางทีหัวหน้ากับมีน ไม่ค่อยระวังตัว
คนอื่นรู้กันหมด แต่ไอ้บัวลอยคนเดียวที่มันไม่เคยรู้ เป็นไงล่ะมึง เต็ม ๆ ตา สะใจเลยมั้ย

“อ้าว มาว่ากันอย่างนี้มันถูกที่ไหนวะโรจน์ นี่กูอุตส่าห์ให้มันเริ่มจากเบสิคเลยนะ หรือจะให้ข้ามขั้นไปเจอเวอร์ชั่นแอดว๊านซ์แบบมึงกับหัวหน้าแผนกขาย”

ไม่ต้องแหละ สงสารน้องมัน

“แบบวิเชียรกับเฮียของวิเชียรดีกว่ามั้ง ที่เรียกว่าแอ๊ดวานซ์ของจริง”

วิโรจน์แซวอีกฝ่ายกลับ และแทนที่จะสลด คนที่โดนแซวกลับมีสีหน้าภาคภูมิใจมากและยิ่งหัวเราะเสียงดังลั่นหนักกว่าเดิม

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า โรจน์มึงนี่ล่ะก็ ไม่ต้องชมกันขนาดนั้นก็ด้ายยยยกูเขิน”

เขินบ้าอะไร ภาคภูมิใจซะขนาดนั้น นี่เรียกว่าเขินเหรอ ไม่น่าจะใช่มั้ง

“แล้วให้บัวลอยไปเห็นอะไรมาวะ”

มึงไปอยู่ดาวอังคารมาหรือไงวะ ไอ้แก๊ป เขาคุยเรื่องอะไรกันอยู่มึงเคยรู้เรื่องอะไรบ้างมั้ยเนี่ย

“พี่แก๊ป หยุดพูดเหอะ กูอายเค้า”

เฮ้ยยยยยยยยย อายได้ไง พี่ยังไม่ได้ไปทำอะไรให้พู่ต้องอายเลยนะ พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเล้ยยยย

“อายเรื่องไรวะพู่ ไม่เห็นเข้าใจ”

พอเห้ออออ มึงเลิกพูดเหอะพี่แก๊ป

“เจอพี่แก๊ปเข้าไปกูเครียดเลย ไปทำงานดีกว่า ไป ไป ลุกขึ้นพี่แก๊ป ไปทำงาน เดี๋ยวพี่สุรชาติบ่นอีก กูขี้เกียจฟัง หูจะชาแล้วทุกวันนี้ ไม่รู้กิ มันทนได้ยังไง บ่นแม่งท้างงงงวัน”

แค่พูดถึงและไม่ต้องให้รอนานเพราะตัวจริงเดินมาโน่นแล้ว
พี่สุรชาติส่งยิ้มหวาน ๆ มาให้พู่และเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบและฟังดูเป็นมิตรที่สุด

“ไม่อยากฟังพี่บ่น ก็ไปทำงานสิวะ ไป ไป รีบไปทำงานเลย”

นั่นไงล่ะพี่สุรชาติ ตายโคตรยาก โผล่มาแบบไม่ต้องให้ตั้งตัวแบบนี้ตลอด

“คร้าบบบบบบบบบบ”

ได้รับเสียงตอบรับที่ดีโดยการที่รุ่นน้องลุกขึ้นไปทำงานแล้ว และพี่สุรชาติก็เดินไปขึ้นรถ เพื่อเตรียมไปส่งของ
หันไปมองที่ประตูออฟฟิศแผนกขนส่งแล้วก็ยิ้ม ๆ และส่ายหน้า

“ผมไม่รู้ด้วยนะหัวหน้า เด็กมันไปเห็นของมันเอง แต่ก็เอาน่า อีกหน่อยมันก็ต้องรู้ต้องเห็น ก็เห็นตอนนี้ซะจะได้ชิน ถือว่าสงเคราะห์มันก็แล้วกันนะหัวหน้า”

สุรชาติยังคงยิ้ม แต่คนในออฟฟิศสองคนที่ยังคงนั่งกอดกันไปคลอเคลียกันไปไม่ห่าง และรู้ตัวนานแล้วว่ามีคนเห็นสิ่งที่ทำแบบจัง ๆ แต่ก็ไม่ได้คิดจะแอบหรือหลบซ่อน

“สงสารมัน”

พี่บุ้งให้เหตุผลแค่นั้น พี่บุ้งสงสารบัวลอยแต่มีนโคตรอาย

“แล้วไม่สงสารผมเลยเนอะ”

สงสารอะไรล่ะ ไม่เห็นต้องสงสารเลย

“มีนได้ทำบุญไง บัวลอยมันก็ได้บุญที่มีนทำให้แล้ว มันจะได้เลิกคิดว่ามันเป็นคนเดียวที่เป็นแบบนี้”

เหรออออออออ

“คิดได้ไง”

ไม่คิดได้ไงหรอกครับ

“คิดไม่ได้ แต่คิดถึงมีนมาก ๆ นะจ๊ะ”

เสี่ยวมากพี่บุ้ง เกือบซึ้งแล้วเชียว

“ลุกได้ยังเนี่ย ไม่เมื่อยบ้างหรือไง จะคีย์บิลไม่ได้อยู่แล้ว พี่บุ้งชอบแกล้ง”

แกล้งไรอ่ะ ก็คีย์ไปสิ มีนก็คีย์บิลไป พี่ก็ดูมีนคีย์บิล เผื่อตรงไหนคีย์ผิดพี่จะได้ช่วยดูให้ไง

“ไม่เมื่อยหรอก ชอบช่วยเมียทำงาน”

เกินไปแล้วพี่บุ้ง

“เมียใคร”

เมียใครอ่า เมียใครน๊อ

“เมียบุ้งคร้าบบบบบบบบบบบ น่ารักด้วยคร้าบบบบ”

เอาซะให้พอ เล่นกันซะให้พอ และวิเชียรที่มายืนอยู่หน้าออฟฟิศก็ผลักประตูเข้ามาและมายืนทำหน้าเซ็งอยู่หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ที่มีนใช้เป็นที่คีย์บิล

“ขอสิบเล่นซะล้าน ไปทำงานเลยครับหัวหน้าครับ ทีลูกน้องล่ะด่าจะเป็นจะตาย ทีหัวหน้าล่ะเนียนไม่เลิกเลยครับ ไอ้บัวลอยมันไปนานแล้วครับ ไม่ต้องขนาดนี้แล้วก็ด้ายยย”

อะไรของมึงวิเชียร อะไรของมึ้งงงงงงงง

“อิจฉาดิ ชีวิตมึงได้นั่งตักเฮียวิษณุกี่ครั้งกันเชี้ยววววว เลยมาทำหงุดหงิดโมโหอิจฉากูใช่มั้ยล่ะ”

โห่ น้อยไปสิหัวหน้า

“จะไปอิจฉาทำไมวะ ผมนี่ไม่ใช่แค่นั่งตักว่ะ ผมนั่งแล้วผมขย่มด้วยเว้ย ขย่มจนเฮียไม่ยอมให้ลุกอ่ะเอาดิ อย่างหัวหน้ากับเกาหลีจะไปรู้อาร้ายยยยย”

วิเชียร กูยอมมึง บอกตรงๆ ว่าพวกกูยอม….

“เหี้ย กูอยากรู้เรื่องมึงมั้ย  ใครใช้ให้มึงนำเสนอ แม่งง”

มีนหัวเราะด้วยความขำกับสิ่งที่วิเชียรพูด และก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นจากตักของคนที่ให้นั่งตัก

ขำก็ขำ ตลกก็ตลก แต่พี่บุ้งท่าทางจะไม่ขำและไม่ตลกด้วย

“คนกำลังได้ที่เลย เสือกมาตามกูอีก ลูกน้องอย่างมึงแม่งไม่มีก็ไม่ได้เดือดร้อนเลย สัส”

เร้ออออออออ

“แหม ทำเป็นด่าผม ถ้าไม่ได้ลูกน้องอย่างผมมีนมันจะมานั่งตักหัวหน้าอยู่ทุกวันนี้มั้ยครับ ขอโทษ”

หัวหน้าบุ้งและลูกน้องกิตติมศักดิ์นามว่าวิเชียรเดินเถียงกันไปด่ากันออกจากออฟฟิศแผนกขนส่งไปแล้ว

และมีนก็ส่ายหน้าด้วยความขำ

ก็........นะ ที่ยอมทำนี่ก็ถือว่าช่วย ๆ กัน สงสารบัวลอยมัน ที่ไม่รู้จะทำตัวยังไง ตอนนี้ก็คงรู้แล้ว อันนี้แค่นิด ๆ หน่อย ๆ ไปก่อน ถัดไปจากนี้ที่เห็นว่าพี่วิเชียรจะจัดหามาให้ชมเป็นขวัญตา ได้ข่าวว่าแรงจริง ชัดจริง

ก็.........เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้แล้วกันนะบัวลอย... มันเป็นความปรารถนาดีมากกกกกกกกก ของพี่วิเชียร
ที่เราทุกคนทั้งแผนก...ไม่สามารถขัดได้จริง ๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 15-05-2014 20:46:34
ไม่ใช่แค่นั่งตักกันเหมือนทุกวัน ไม่ใช่เล่นกันเหมือนทุกวัน
ไม่แปลกใจถ้ามีนจะนั่งตักหัวหน้าบุ้ง เพราะเคยเห็นจนชินตา
ไม่แปลกใจถ้ามีนจะแกะถั่วป้อนให้หัวหน้าบุ้งทุกวัน เพราะรู้ว่าสองคนนั้นไม่ได้คิดอะไรต่อกัน

แต่ว่า........

ไม่เคยคิด ไม่เคยคิดเลยว่าเวลาที่อยู่กันสองต่อสอง โดยไม่มีสายตาของคนอื่นมองอยู่ ทั้งมีนและหัวหน้าบุ้งจะ.............จะ..........จะทำแบบนั้นกัน

“เหี้ยยยยย”

สะบัดหัวไล่ความคิดออกไปให้หมด แต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ไม่สามารถทำได้

ภาพที่มีนยิ้มหวาน และหันไปหาหัวหน้าบุ้งทั้งที่ยังนั่งอยู่บนตักของหัวหน้าบุ้งอยู่ มันไม่ได้ดูแย่ตรงไหน แต่ที่ทำให้ถึงกับไปไม่เป็น ทำตัวไม่ถูก มันเป็นเพราะ........... เมื่อมีนหันไปแล้ว หัวหน้าบุ้งก็กอดเอวของมีนเอาไว้และซบหน้าลงที่หลังของมีน

คล้ายๆ เหมือนจูบที่หลังแล้วค่อยมาหอมแก้มมีน มีนไม่ได้แสดงท่าทางไม่พอใจ แต่มีนยิ้ม และยังหอมแก้มหัวหน้าบุ้งกลับซะอีก

ไม่ได้ดูน่าเกลียด แต่ใครดูก็รู้ แบบนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนเป็นเพื่อนร่วมกันเขาทำกัน

..................

มีใครรู้อีกบ้าง มีใครรู้เรื่องนี้อีกบ้างมั้ย เกิดความกังวลขึ้นในใจ และฮัทก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความกลัดกลุ้ม

ไม่รู้ ไม่เคยรู้และไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ เห็นครั้งแรกถึงกับตกใจจนหน้าซีด และรีบผละเดินหนีออกมาทันที ไม่ได้ตาฝาด รู้ว่าสิ่งที่เห็นคือเรื่องจริง จริงซะยิ่งกว่าจริง แล้วหลังจากนี้ล่ะ......... ต่อจากนี้ไปควรทำยังไงดี

แค่ทำเป็นเฉย ๆ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทำตัวเหมือนเดิม
ใช่.......ทำตัวเหมือนเดิม แล้วทุกอย่างมันจะเป็นเหมือนเดิมเอง

ต้องทำแบบนั้น ใช่ที่ต้องทำแบบนั้น แต่ว่า..........แต่ก็อดคิดไม่ได้ หัวหน้าบุ้งแบบนั้นไม่เคยเห็น และมีนแบบนั้นก็ไม่เคยเห็น
ใครเห็นก็รู้ว่าสองคนนั้นแสดงท่าทางแบบนั้นต่อกันก็เพราะว่ารักกัน

ไม่ได้เป็นในแบบของความพิศวาสร้อนแรง แต่ดูอ่อนโยนละมุนละไม แบบที่คนรักกันเขาทำให้กัน

แล้วกูจะไปเสือกกับเขาทำไมวะ กูไม่เห็นจำเป็นต้องไปเสือกกับเรื่องส่วนตัวของเขาเลยนี่หว่า

ไม่เห็นต้อง..........

แบบนั้นไม่มีหรอกนะ เรื่องนั้นกับ.......โยธินไม่มีหรอก
มันชอบมาในจังหวะเผลอ มันชอบเข้ามากอดมาหอม มาทำตามใจตัวเอง โดยไม่คิดจะสนใจเลยว่าทางนี้จะคิดยังไง

แต่มันไม่เกี่ยวไม่ใช่เหรอวะ ไม่เกี่ยวเล้ยยยยยยยย ไม่ใช่เรื่องที่ต้องลากเอามาเกี่ยวข้องกันเลยนี่หว่า

ห่าเอ้ยยยยยยยยยไปกันใหญ่แล้ว สมองมันคิดอะไรไปใหญ่แล้ว

ฟุ้งซ่านได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ โอ้ยยยยยยยย หยุดคิดซะทีสิโว้ยยยยยยยย ประสาทจะแดกตายห่าอยู่แล้วววววววว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 15-05-2014 20:47:03
“บัวลอย”

“บัวลอย”

“เฮ้ยยยยย บัวลอยเอ้ยยย”

ฮะ อะไรครับ อะไรครับหัวหน้า ว่า .........
เกิดอาการเหม่อไปแล้วเรียบร้อย และคนที่ยืนเหม่อตาลอยก็รีบมองหน้าของหัวหน้าแผนกขนส่งด้วยความตกใจ

“มึงคิดอะไรอยู่เนี่ย เดินทางวันนี้นะ มึงไหวมั้ยเนี่ยะ ถ้าไม่ไหวกูจะให้ไอ้โรจน์ไปนะ”

ไม่ ไม่พี่ ไม่เป็นไร ผมไหว ผมไม่เป็นไรจริง ๆ

“โยธินมันไปเอาเอกสารก่อน มันบอกว่าอีกไม่เกินสิบนาทีเดี๋ยวมันลงมา มึงแน่ใจแล้วใช่มั้ย กูไม่ได้บังคับมึงใช่มั้ย มึงไม่สะดวกใจ มึงบอกมาตอนนี้เลยบัวลอย ยังทัน กูจะให้วิโรจน์ไปแทนเอง”

ไม่เป็นไรจริง ๆ หัวหน้า ผมไปได้จริงๆ ครับ

“ผม....”

เกิดอาการพูดไม่ออก อยากจะพูดอะไรก็พูดไม่ได้ สุดท้ายเงยหน้าขึ้นมองหัวหน้าแผนกขนส่งด้วยความกลัดกลุ้ม

“กู....กับมีนเป็นแฟนกัน กูคบกันมาเป็นปีแล้วตั้งแต่มีนมาฝึกงาน จนมีนออกไปเรียนแล้วก็กลับมาทำงานเป็นพนักงานประจำในนี้จนถึงป่านนี้ มึงอยากรู้อะไรอีกมั้ย”

ห๊ะ อะ.......อะไรนะครับ หัวหน้า

อาการตกตะลึงจนตาค้าง ของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าทำให้หัวหน้าแผนกขนส่งอยากจะตบกบาลมันซักทีให้หายงง

“แล้ว ...แล้ว พี่ ๆ ทุกคน อ่า”

หึ     มึงยังเด็กน้อยไอ้บัวลอย พี่ ๆ มึงอ่ะ แสบยิ่งกว่ากูหลายเท่านัก

“มึงถามถึงใครล่ะ วิเชียร วิโรจน์ พี่สุรชาติ อำนาจ หรือน้องพู่”

หมดนั่นแหละครับหัวหน้า

“วิเชียรมีแฟนแล้วอยู่ด้วยกันมึงคงไม่เคยเจอแต่คุณวิษณุเป็นลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทเรา”

“วิโรจน์ก็มีแฟนแล้ว มึงคงรู้จัก เพราะเขาเป็นหัวหน้าแผนกขายหัวหน้าไอ้โยธิน”

“ไอ้พู่กับไอ้แก๊ป มันก็คบ ๆ กันอยู่”

“ส่วนพี่สุรชาติ .......มึงไม่ต้องคิดมาก ที่เขาขยันฝากมึงซื้อขนมมาให้ยูกิ แผนกจัดซื้อ.........เพราะเขาคบกันอยู่”

เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยย เกิดอาการตกตะลึงจนตาค้าง และถึงกับไปไม่เป็นหลังฟังคำพูดเรื่อย ๆ เรียบง่ายของหัวหน้าแผนกขนส่งที่พูดไป ลงเวลารถเข้าออกไป ไม่มีทีท่าว่าจะเป็นการหยอกล้อหรือพูดให้ขำเลยซักนิด

“หัวหน้า....ล้อ....ล้อผม...เล่นใช่มั้ยครับ”

กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก และใบหน้ายิ่งซีดเผือดลงเรื่อยๆ หลังได้ฟังสิ่งที่หัวหน้าแผนกขนส่งพูด

“ก็แล้วแต่มึงจะคิด แล้วถ้ามึงรับสิ่งที่พวกกูเป็นไม่ได้ กูก็ไม่ได้ว่า เรื่องแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปจะยอมรับกันได้ง่าย ๆ ก็แล้วแต่มึงจะคิดจะทำต่อไปแล้วกัน”

พูดไม่ออก ได้แต่ยืนนิ่งค้าง และพูดอะไรไม่ออก

ไม่จริงมั้ง หัวหน้าล้อเล่นหรือเปล่า แล้วทำไมล้อซะแรงขนาดนี้เลยวะ เรื่องแบบนี้มันเอามาล้อเล่นกันได้ด้วยเหรอ เรื่องพวกนี้มัน

“สวัสดีครับหัวหน้าบุ้ง ขอโทษทีช้าไปหน่อย พอดีส่งแฟ็กซ์อยู่ บัวไปยัง พร้อมยัง”

พร้อมเหรอ พร้อม.......... อ่า....

“เป็นอะไร ทำไมมองพี่แบบนั้น พี่ไปทำอะไรให้ไม่พอใจอีกเนี่ย”

ไม่รู้ กูไม่รู้อะไรทั้งนั้นแหละ กูแค่โกรธมึง กูโกรธมึง แล้วกูก็ไม่มีอะไรจะพูดด้วย กูโกรธมึงมาก โยธิน กูโกรธมึง

ฮัทเดินหนีไปที่รถคันที่เตรียมไว้และขึ้นของจนเสร็จเรียบร้อยพร้อมจะเดินทาง หลังจากตรวจสอบสภาพรถเรียบร้อยแล้ว

“เป็นไรอีกล่ะครับนั่น”

โยธินหันไปถามหัวหน้าแผนกขนส่งที่ยังคงสนใจอยู่กับการลงเวลารถเข้าออก และตอบโยธินออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“อยากรู้ก็ไปถามกันเอาเอง แต่มันอาจจะยังไม่ยอมตอบตอนนี้ก็ได้ ก็อย่าไปบีบคั้นจากมันก็พอ....สงสารมัน มันคงยังทำใจไม่ค่อยได้....ที่รู้ว่าพวกกูคบกับผู้ชายด้วยกัน”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 15-05-2014 20:52:24
 :m16:ฝบอกตรงตอนแรกไม่ชอบไอ้โยธินเลย แต่ตอนนี้ก็สงสารมันนิดๆ รู้สึกว่ามันเหลี่ยมเยอะถ้าไอ้โยมันดีแตกจะกระทืบแม่งให้ใช้ไอ้โยน้อยไม่ได้อีกเลย :m16:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: foolishbeat ที่ 15-05-2014 20:53:33
โธ่น้องบัว คงตกใจมาก รีบๆคบกับโยมันไวๆ จะได้ชิน :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 15-05-2014 21:10:33
บอกให้บัวรู้ก็ดีนะ เขาจะได้ไม่คิดว่ามีแค่เขาคนเดียวที่เป็นแบบนี้  :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: ap08572290 ที่ 15-05-2014 21:46:58
เพิ่งอ่านทันค่ะ ชอบมากกกกกก  :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 15-05-2014 21:47:30
โธ่ๆๆๆ น้องบัว~~~~~!!!
เข้าแดนสนธยามานาน แต่ไม่รู้อารายเรย น่าสงสาร 5555
ตอนนี้รู้แร้ว ก้อรีบๆเข้าพวกนะจ๊ะ โยธิน รออยู่ ><
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 15-05-2014 22:07:06
แอบสงสารนางเหมือนกันนะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 15-05-2014 22:16:30
โถน้องบัวคงตกใจแย่ ก็นะน้องซื่อขนาดนั้น
สงสัยคงต้องให้พี่โยกอดปลอบขวัญแล้วล่ะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 15-05-2014 22:26:26
ทำใจยอมรับมันยาก  แต่ถ้าทำ :oo1:กันมันไม่ยากนะบัวลอย
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคโยธิน-บัวลอย ตอน เหตุผลในการลาออก
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 15-05-2014 22:31:49
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/10/โยธิน_บัวลอยNk8Sn.jpg)
รักเกิดในแผนกขนส่ง....ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน เหตุผลในการลาออก

“บัว….พี่ว่าบัวไม่ไหวแล้วล่ะแบบนี้”

ไหวสิทำไมจะไม่ไหว แล้วนี่มันก็งานของกูด้วย ไม่ไหวได้ไง ไม่ว่ายังไงก็ไหว

“......................”

หาเรื่องชวนคุยไปเรื่อย ๆ ระยะทางยังอีกยาวไกล โดยปกติแล้ว ขับรถระยะไกลขนาดนี้ ต้องมีคนเปลี่ยน และโยธินก็บอกเองว่าพร้อมจะเป็นคนเปลี่ยนได้ทุกเมื่อ ถ้าน้องบัวมันไม่ดื้อดึงจนเกินไป ยังไงก็เปลี่ยนได้ แต่ถ้ามันดื้อเกินไป นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง

“ปกติเคยขับไกลสุดแค่ไหนบัว”

แค่ไหนเหรอ ไม่ว่าจะไกลแค่ไหนก็เรื่องของกู ช่างหัวกูเถอะ

“บัว..........”

พูดด้วยอีกร้อยแปดคำ ก็ไร้คำตอบจากคนที่เอาแต่จ้องมองไปที่ถนน มีสมาธิกับการขับรถและไม่แม้แต่จะหันมาให้ความสนใจกับคนที่อยู่ข้าง ๆ เลยซักนิด จนโยธินที่หาเรื่องชวนคุยต้องหุบปากเงียบ เพราะรู้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการจะให้พูด และสิ่งที่โยธินสังเกตเห็น

คล้ายกับน้องบัวกำลังเหม่อลอย

นิ่งเงียบ และเฉยมากกว่าที่เคยเป็น เมื่อก่อนอาจมีความเงียบที่มาพร้อมกับความโกรธหรือเย็นชา
แต่ในเวลานี้ความเงียบที่โยธินสัมผัสได้ มันมาพร้อมกับอาการใจลอยเหมือนคิดอะไรอยู่

ตลอดการเดินทางของเรามีสิ่งเดียวที่เกิดขึ้นระหว่างเราสองคน.............สิ่งที่โยธินไม่ชอบเอาซะเลย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

........................ความเงียบงันที่ไร้คำอธิบาย.........

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 15-05-2014 22:33:08
นับเป็นโอกาสอันดีไม่ใช่เหรอ ที่ได้มีโอกาสอยู่ด้วยกันสองต่อสองแบบนี้
ห้องพักของโรงแรมเล็ก ๆ ไม่ได้สวยงามเท่าไหร่ แค่พออาศัยนอนได้หนึ่งคืน และโยธินที่อาบน้ำเสร็จแล้วก็เดินเช็ดผมที่ยังเปียกชื้นออกมาจากห้องน้ำ

มานั่งอยู่บนเตียงฝั่งตัวเอง และคนที่นั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงด้วยชุดพนักงานที่ใส่มาตั้งแต่เช้ายังคงไม่ลุกไปไหน เดินเข้ามาด้วยกันยังไง ตอนนี้น้องบัวก็ยังคงอยู่อย่างนั้น

นั่งอยู่ที่เดิม ด้วยท่าเดิม พร้อมกับอาการเหม่อลอยเหมือนเดิม
โยธินตากผ้าขนหนูไว้บนพนักเก้าอี้ และลงไปนั่งที่ปลายเตียงฝั่งของตัวเอง

มองไปที่คนที่นั่งกอดเข่าเงียบ ๆ แล้วก็รู้สึกคล้ายกับว่าเกิดอาการใจหายขึ้นมา

นี่ไม่ใช่แบบที่คิดเอาไว้ อย่างน้อยให้เราทะเลาะกันและโกรธกัน เหมือนก่อนหน้านี้มันคงดีกว่าให้น้องบัวมานั่งเหม่อไม่พูดไม่จาไม่หือไม่อือ ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ แบบนี้

โยธินใช้ปลายนิ้วแตะเบา ๆ ไปที่หน้าจอโทรศัพท์เพื่อเช็คดูข้อความที่ลูกค้ามักจะส่งข้อมูลมาให้

ใช้ระบบโซเชียลเน็ตเวิร์คอย่างเกิดประโยชน์สูงสุด คุ้มค่ากับราคาของโทรศัพท์ที่ซื้อมาใช้ ระบบต่าง ๆ ของโทรศัพท์ในยุคปัจจุบันทำให้สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเตอร์เน็ตรวดเร็วทันใจขึ้นกว่าเมื่อก่อน

ในขณะที่โยธินใช้เทคโนโลยี อย่างคุ้มค่าแต่ใครอีกคนที่หน้าตาไม่น่าจะเป็นคนห่างไกลเทคโนโลยี

ยังคงใช้โทรศัพท์เครื่องเล็ก ๆ ที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากโทรเข้าโทรออก และฟังเพลงได้แถมด้วยฟังชั่นกล้องถ่ายรูปที่ถ่ายแล้วแทบจะมองไม่เห็น

อยากรู้ว่าทำไมน้องบัวมันถึงยังใช้โทรศัพท์รุ่นแบบนี้อยู่ ทั้งที่วัยอย่างนี้ น่าจะอยากวิ่งไล่ตามเทคโนโลยี
แต่ดูท่าทางน้องบัวจะไม่สนใจเรื่องนี้เอาซะเลย เคยอยากรู้เหตุผล แต่ไม่เคยได้คุยกันจริง ๆ จัง ๆ

สิ่งที่โยธินทำได้ในตอนนี้ก็เลยเป็นการพยายามหาเรื่องมาหยอกล้อให้อีกฝ่ายอารมณ์ดีขึ้นกว่านี้ หรืออย่างน้อยก็อาจจะหงุดหงิดขึ้นกว่านี้

แต่ยังไงมันก็คงดีกว่านี้ล่ะน่า คงดีกว่า การที่น้องบัวนั่งเหม่อไม่พูดไม่จา

โยธินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเลือกฟังชั่นกล้องถ่ายรูปเพื่อจะบันทึกภาพของคนที่นั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง ตั้งใจให้ทุกรูปที่ถ่ายมีเสียงให้คนที่นั่งอยู่บนเตียงอีกฝั่งได้ยิน

และก็เหมือนน้องบัวจะรู้สึกตัว หันหน้ามามองโยธินที่กำลังเล็งกล้องโทรศัพท์

และถึงแม้จะถูกทำแบบนั้นใส่ คนที่นั่งอยู่ก็ไม่ทำอะไรมากไปกว่ามองหน้าโยธินแบบไร้อารมณ์และถอนหายใจยาวเหยียด ก่อนจะก้าวขาลงจากเตียงและไปหยิบผ้าขนหนูมาถือเอาไว้ เดินไปเปิดกระเป๋าเสื้อผ้าที่มีเสื้อผ้าสำหรับใช้ผลัดเปลี่ยนออกมา และเดินเข้าห้องน้ำไป โดยไม่สนใจโยธินที่ลดมือลงและมองตามคนที่เดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว

แบบนี้ไม่ธรรมดา แบบนี้มันผิดปกติเกินไป อย่างน้อยหันมาด่าหรือต่อว่ากันบ้างก็ยังดี แต่นี่ไม่ใช่เลย แค่เพียงมอง ถอนหายใจ และเดินหนีไป

แล้วจะให้โยธินทำยังไง แบบนี้ควรจะทำยังไงดี
เป็นครั้งแรกที่โยธินคิดไม่ออกว่าจะทำยังไงกับคนที่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองคืนนี้

ทำไมถึงรู้สึกคล้ายตัวเองกำลังจนมุมอย่างไม่น่าเชื่อ

เอาน่า มันไม่ใช่เรื่องยากหรอก ถ้าสิ่งที่ทำอยู่ไม่ได้ผล ก็ลองใช้วิธีถัดไปสิ วิธีแบบที่เคยใช้ได้ผลมาตลอด
ไม่ว่าจะใช้กี่ครั้งก็ได้ผล และครั้งนี้โยธินก็คิดว่ามันจะยังคงได้ผลเหมือนเดิม เหมือนที่ผ่าน ๆ มา
พี่ก็อยากรู้เหมือนกัน ถ้าพี่ทำแบบนี้อีกครั้งแล้วบัวจะทำยังไง

++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 15-05-2014 22:33:56
ฮัทแขวนผ้าขนหนูไว้ที่พนักเก้าอี้ฝั่งของตัวเอง ไม่สนใจคนที่นั่งอยู่บนเตียงอีกฝั่งและกำลังค้นหาข้อมูลบางอย่างในโทรศัพท์

ต่างคนต่างอยู่แบบนี้แหละดีแล้ว

โปรก็โปรซะให้เนียน

ต่างคนก็ต่างโปร เพราะฉะนั้นคนที่มีความโปรอยู่ในตัวทั้งสองคน จึงใช้วิธีนิ่งเงียบใส่กันและต่างคนต่างอยู่

ฮัทดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมที่ขา และหยิบโทรศัพท์มาตั้งเวลาปลุก

ไม่มองไม่สนใจ ไม่อยากยุ่งวุ่นวายกับคนที่อยู่บนเตียงอีกฝั่ง

ค่อย ๆ ล้มตัวลงนอน

และโยธินก็เงยหน้าขึ้นมามอง วางโทรศัพท์ทิ้งเอาไว้บนหัวเตียงและก้าวขาลงจากเตียง

เดินมาหา เดินเข้ามาใกล้ และค่อย ๆ นั่งลงบนเตียงของคนที่นอนหันหลังให้

“น้อง.........บัว”

แกล้งลากเสียงยาว ๆ หลอน ๆ ใส่ และคนที่นอนอยู่ก็รีบหันมามองทันที

มีอะไร
มานั่งบนเตียงกูทำไม

“.................”

ยังคงไร้คำพูด ไม่มีการพูดจาโต้ตอบใด ๆ ทั้งสิ้นนอกจากสายตาที่มองไปที่ใบหน้าของโยธินอย่างหวาดระแวง

ผุดลุกขึ้นนั่งทันที และคนที่มานั่งอยู่ข้าง ๆ ก็ทำแบบที่เคยทำ จัดการรวบร่างของคนที่ลุกขึ้นนั่งมากอดเอาไว้

กอดเอาไว้แน่น และกดปลายจมูกหนัก ๆ ที่ข้างแก้มของคนที่โยธินคาดคะเนเอาไว้แล้วว่าคงจะทั้งดิ้นรนทั้งสะบัดหนี และตะโกนด่าโยธินเหมือนอย่างที่เคย

ยิ้มออกมาน้อย ๆ และยังคงกอดรัดร่างของคนที่อยู่ในอ้อมแขนเอาไว้แน่น

“อ๊า วันนี้ไม่ด่าดั๊วะ เป็นไรกั๊บน้องบัว หื้อออ เป็นไรอ่า หน้าบูดทั้งวันเลย แล้วไม่โกรธพี่โยแล้วเหรอ ทำไมวันนี้ให้กอดง่ายจัง”

กูแม่งไม่รู้เหี้ยอะไรแล้ว ไม่รู้จริง ๆ ว่ะไม่รู้จริง ๆ ว่าควรทำยังไงต่อไป

อะไรมันก็ดูผิดแผกแตกต่างไปจากที่คิดไปซะหมด
เรื่องที่ไม่เคยคิดว่าจะได้รู้ตอนนี้ก็ได้รู้แล้วแบบไม่คาดคิด

ที่ผ่านมามันคืออะไรวะ
พวกพี่ ๆ จงใจปิดบังอย่างนั้นเหรอ พวกพี่ ๆ ทำแบบนั้นทำไม

ทำไมไม่บอกกันให้รู้ตั้งแต่แรก ทำไมไม่บอกกันตรง ๆ
แล้วยังเรื่องของโยธินอีก

มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอที่พวกพี่ ๆ ปล่อยให้โยธินเข้ามาในแผนก

พวกพี่ ๆ........บอกว่าเห็นกูเป็นน้องคนเล็ก

มันจริงเหรอวะ
กูเป็นน้องคนเล็กจริงเหรอวะ

แล้วกูเป็นน้องคนเล็กประสาเหี้ยอะไร ถึงไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้เลย ทั้ง ๆ ที่เราอยู่ด้วยกันมาพักใหญ่แล้ว

ทั้งที่คิดว่าเชื่อใจกันแล้วแท้ ๆ ทั้งที่คิดว่าเราอยู่ด้วยกันและเหมือนพี่น้องกันแล้วแท้ ๆ

แล้วสิ่งที่หัวหน้าบุ้งพูดคืออะไร

แล้วสิ่งที่เห็นคืออะไร

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันคืออะไร

แม่ง กูมันโง่ ที่มีตาแต่ดูไม่ออก กูแม่งโง่ โง่สุด ๆ
โง่จนต้องเรียกตัวเองว่าควาย

กูแม่งควาย
ควายชัด ๆ

สิ่งที่ฮัททำในเวลานี้ คือการเบี่ยงหน้าหลบคนที่ไม่ยอมหยุดอยู่แค่หอมแก้ม แต่ยังพาลกดปลายจมูกลงมาที่ซอกคอด้วย

แล้วนี่มันคืออะไร
นี่คืออะไรวะ

หรือว่าที่ส่งกูมากับโยธินก็เพื่อให้มันทำแบบนี้

สงสัยจะใช่

ท่าทางจะใช่

เรื่องนี้มันใช่ซะยิ่งกว่าใช่อีก

อะไรคือความเชื่อใจ แล้วต้องผิดหวัง แบบนี้ใช่มั้ย ที่เรียกว่าผิดหวังเพราะความเชื่อใจ และสุดท้ายความเชื่อนั้นไม่เคยมีจริง มันยังคงเป็นแค่ความเชื่ออยู่เสมอ

ไม่ใช่ว่าสู้ไม่ได้ แต่มันไม่ไหวแล้วจริงๆ ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

ทำไมถึงต้องไล่ต้อนให้จนมุมขนาดนี้ ทำไมถึงต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย

มันเจ็บ มันปวด แบบนี้มันทรมาน ทรมานจนเกินจะทนต่อไปไหว

สิ่งที่ฮัททำคือนั่งอยู่นิ่ง ๆ ให้โยธินทำทุกอย่างตามใจ
พอแล้ว ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว อยากได้อะไร อยากทำอะไรก็ทำเลย เอาให้พอใจ เอาให้สาแก่ใจ แล้วพอซะที หยุดซะที

ขอร้อง ได้โปรด จบเรื่องนี้ไปซะ

ไม่ได้อยากร้องไห้ แต่คล้ายน้ำตามันไหลตกอยู่ข้างใน
แสยะยิ้มด้วยความสมเพชตัวเองที่เพิ่งรู้ว่าเป็นคนที่โง่ที่สุดในแผนก

ไม่อยากเป็นแบบนี้ แต่เพราะแบกรับทุกอย่างมามากเกินไป มากจนเหมือนกำลังจะระเบิดออกมาแต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากเหม่อลอยและนิ่งเฉย

“...........” ความเงียบมาพร้อมกับท่าทีนิ่งเฉยไร้ปฏิกิริยาใด ๆ ทั้งสิ้น

และโยธินก็รู้สึกและสัมผัสได้

ผละใบหน้าออกห่างจากซอกคอขาวที่กำลังซุกไซร้อย่างเอาแต่ใจ

ดวงตาที่มีแต่ความถือดี และไม่ยอมแพ้ อ่อนแสงลงแล้ว เหลือไว้เพียงดวงตาที่เหม่อลอยไร้ความรู้สึก

“.............”

ช่างหัวแม่ง จะเป็นยังไงก็เป็นเหอะ

แม่งอยากจะเป็นยังไงก็ให้มันเป็นไป

ไม่สามารถควบคุมอะไรได้อยู่แล้ว ไม่อยากจะทำอะไรอีกต่อไปแล้ว อยากจะเอาแต่ใจขนาดไหน อยากจะทำขนาดไหนก็เอาเลยให้พอใจ เอาเลยให้สาแก่ใจ เพราะกูจะไม่อยู่แล้ว

ใครจะเป็นยังไงก็ช่าง จะไม่สนอีกต่อไปแล้ว

“บัว….”

โยธินเรียกชื่อของคนที่นั่งนิ่งเงียบ ด้วยหัวใจสั่นสะท้าน ภายในอกกำลังไหววูบ ไม่คิดว่าจะเจอภาพแบบนี้แต่เมื่อได้เห็นก็ถึงกับทำอะไรไม่ถูก

รีบผละออกจากร่างที่กำลังกกกอด และแค่ออกห่าง คนที่เหม่อลอยก็ล้มตัวลงนอนและพลิกกายหนีไปอีกทาง ก่อนจะซบใบหน้าลงกับหมอน

นิ่งเงียบไร้คำพูดใด ๆ ทั้งสิ้น
และโยธินก็คล้ายกับไม่รู้จะทำยังไงต่อไป

ถึงกับอึ้งกับปฏิกิริยาที่ไม่เคยเจอของคนที่ไม่ยอมพูดด้วย


“บัว”

เรียกแค่ไหนอีกฝ่ายก็ไม่มีทางหันมา เรียกแค่ไหนและพยายามรั้งร่างของคนที่ซุกซบใบหน้ากับหมอนให้หันมาหาแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าฝ่ายนั้นจะยอมหันมา

“บัว....พี่ขอโทษ บัว...อย่าโกรธเลยนะครับ บัวครับ...น้องบัว”

จะให้ทำยังไงถึงจะพูดกันบ้าง จะให้ทำยังไงถึงจะทำให้น้องบัวเปิดใจให้กันบ้าง

“พี่ขอโทษ บัว พี่ขอโทษ พี่จะไม่ทำอย่างนี้กับบัวอีกแล้ว บัว หันมาเถอะ หันมาคุยกันก่อน อย่าทำแบบนี้เลย บัว”

แม้จะขอร้อง แม้จะอ้อนวอนเท่าไหร่ แต่ก็ไม่มีประโยชน์ ยิ่งเรียก ยิ่งดึง ยิ่งรั้ง ก็เหมือนอีกฝ่ายจะยิ่งทั้งฝืน และยิ่งไกลออกไปเรื่อยๆ

ทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ จากเดิมที่แค่จะแกล้งเล่นให้โกรธให้โมโห แล้วทำไมมันถึงได้กลายเป็นแบบนี้

สิ่งที่โยธินทำได้ในเวลานี้ คือเอนกายลงนอนเคียงข้างคนที่ยังซุกซบใบหน้ากับหมอน และยังคงนิ่งเงียบไร้ปฏิกิริยาใด ๆ ทั้งสิ้น

แตะฝ่ามือไปที่ลาดไหล่ของคนที่นิ่งเฉย และจูบเบา ๆ ที่เส้นผมของคนที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหันมาพูดคุยกันซักคำ

ฝ่ามืออุ่น ๆ ลูบไล้เบา ๆ ที่เส้นผมนิ่ม
ไม่รู้จะทำยังไง มีแต่ความอึดอัดใจเกิดขึ้นเต็มไปหมด

ระหว่างเราสองคนมีแต่ความอึดอัดใจ ที่ไร้คำพูด

“บัว....น้องบัวครับ พี่ขอโทษ พี่จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว พี่สัญญาจะไม่รังแก จะไม่ทำให้บัวโกรธขนาดนี้อีกแล้ว”

พร่ำพูดแต่คำพูดเดิม ๆ ซ้ำ ๆ และโยธินก็ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความกลัดกลุ้ม

แตะริมฝีปากที่ไหล่ของคนที่นิ่งเฉย และจูบเบา ๆ ที่เส้นผมนิ่มอีกหลายครั้ง

ไม่รู้ว่าทำแบบนี้อีกทำไม
แต่ก็ยังอยากจะทำ และอีกฝ่ายก็ไม่มีทีท่าว่าจะทัดทานหรือห้าม นอกจากความเงียบงันและไร้คำพูด

สอดมือเข้าไปใต้หมอนและดึงให้คนที่ซุกหน้ากับหมอนให้ผละออกมาหา และมาซุกซบใบหน้าอยู่ในอ้อมแขน

กอดเอาไว้
พูดแต่ถ้อยคำหวาน ๆ ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบานุ่มนวล

“เมื่อไหร่บัวจะหายโกรธพี่ซักที เมื่อไหร่บัวจะเปิดใจให้พี่ซักที”

โยธินยังคงพร่ำพูดคำพูดเดิม ๆ แบบนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“โกรธพี่ก็ได้ โมโหพี่ก็ได้ แต่อย่านิ่งเฉยกับพี่แบบนี้เลยพี่ขอร้อง”

สิ่งที่ฮัทได้ยินคือน้ำเสียงทุ้มนุ่มอ่อนโยนของใครบางคนที่บอกตัวเองว่าไม่อยากให้เข้ามาหา ไม่อยากให้เข้ามาใกล้ ไม่อยากให้เข้ามามีส่วนอะไรในชีวิตอีกต่อไปแล้ว

ไม่เคยคิดว่าจะอ่อนข้อให้

ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งจะต้องมานอนซุกอยู่กับอกของคนนี่ตัวเองทั้งเกลียด ทั้งอยากทำร้ายเอาคืนให้สาสมใจ

ในหัวมีแต่ความมึนงงสับสน กลับก็ไม่ได้ ไปก็ไม่ถึง
ครึ่ง ๆ กลาง ๆ อยู่แบบนี้

“จะให้พี่ทำยังไงบัวถึงจะพอใจ”

กูไม่รู้
เรื่องนั้นกูไม่รู้หรอก แต่ตอนนี้กูทุกข์ใจมาก

ทุกข์เพราะสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะได้รับรู้

แต่ตอนนี้คล้าย ๆ กับความอึดอัดในใจมันเบาบางลง

ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้คลายความทุกข์ใจลงไปได้บ้าง
ไม่รู้ว่าความอึดอัดกดดันในหัวใจค่อย ๆ คลายลงอย่างช้าๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่

ไม่คิด
ไม่เคยแม้แต่จะคิด

ไม่เคยคิดเลยซักนิดว่าในวันหนึ่งต้องกลายมาเป็นแบบนี้
ไม่เคยคิดว่าจะได้รับการปลอบโยนจากคนที่เกลียดชังขนาดนี้

ไม่เคยอยากคิด และไม่เคยเชื่อ จนกระทั่งวันนี้

ฮัทรู้สึกว่าภายในหัวใจที่คล้ายมีบางอย่างกดทับหนัก ๆ มาตลอดหลายชั่วโมงตั้งแต่เดินทางค่อย ๆ คลายลงอย่างช้า ๆ

ในสมองยังคงครุ่นคิดเรื่องบางอย่างด้วยความสับสน
แต่ในความมึนงงสับสนกลับมีความอบอุ่นที่เกิดภายในใจทีละเล็กทีละน้อย

นอนกระพริบตาเงียบ ๆ อยู่ในอ้อมแขนของโยธินที่ลูบไล้เส้นผมนิ่มไปมาอย่างแผ่วเบา

เรายังโกรธกันหรือเปล่าก็ไม่รู้
เรายังเกลียดกันอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้

แต่สิ่งที่สัมผัสได้ในเวลานี้คือ รู้สึกอบอุ่นมาก
รู้สึกว่าสบายใจขึ้นบ้างแบบไม่น่าเชื่อ

ไม่น่าเชื่อ.........ว่าความรู้สึกเหล่านั้น จะได้รับจากคนที่ตัวเองเกลียดแสนเกลียดที่ชื่อว่าโยธิน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 15-05-2014 22:34:32
“บัวลืมอะไรหรือเปล่า”

ไม่ตอบ ไม่มีคำตอบ นอกจากความนิ่งเงียบ และโยธินก็ถือเอาว่านั่นคือคำตอบ
คว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพายและไม่ลืมที่จะหยิบกระเป๋าของคนที่นั่งนิ่งเงียบอยู่บนเตียงขึ้นมาช่วยถือด้วย

“ไม่ต้อง เดี๋ยวหิ้วเอง”

ฮัทรีบลงจากเตียงมาดึงกระเป๋าของตัวเองที่อีกฝ่ายถือเอาไว้ให้ และโยธินก็ยิ้มออกมาได้เมื่อได้ฟังคำพูดแรกของคนที่นิ่งเฉยใส่กันมาตลอดทั้งวันทั้งคืน

“ไม่เป็นไรพี่ถือให้ บัวดูเหมือนคนนอนไม่พอ ดูเครียดๆ ด้วยไม่เป็นไรหรอกครับ พี่ถือให้ดีกว่า”

บอก และฮัทก็ยอมปล่อยมือจากกระเป๋าของตัวเองง่าย ๆ ก้าวขาเดินตามคนที่หิ้วกระเป๋าลงมาให้และเข้ามาอยู่ในลิฟท์ด้วยกัน

ไม่มีใครพูดอะไรอีก จนกระทั่งคืนคีย์การ์ดและติดต่อกับโรงแรมที่พักเรียบร้อยแล้วฮัทก็เดินตามอีกฝ่ายมาขึ้นรถ

“เมื่อคืนบัวไม่ค่อยได้นอน บัวนอนในรถหลับไปเลยก็ได้ เดี๋ยวพี่ขับเองแล้วกันนะ”

ฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูด และก็ยอมเดินตามขึ้นไปนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับเงียบๆ
รถค่อย ๆ เคลื่อนออกจากที่พักโดยมีโยธินเป็นคนขับรถให้

ต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบ ระหว่างเรามีเพียงความเงียบงัน และไม่มีใครยอมพูดอะไรออกมาอีก
โยธินไม่รู้ว่าระหว่างเราเรียกว่าอะไร ไม่รู้ว่าตอนนี้เราเป็นอะไรกันหลังความพยายามอย่างยาวนาน


“..................”

“................”

ไร้คำพูด แต่ความสับสนภายในใจยิ่งหยั่งรากลึกลงในใจของฮัทมากขึ้นทุกวัน

“นิลพัทเป็น........เอ่อเป็น....ยังไงบ้าง”

เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่คนที่นั่งอยู่ข้างๆ ชวนโยธินคุยเป็นครั้งแรก
เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่โยธินต้องหันมามองหน้าของคนที่ชวนคุยแต่ไม่ได้หันมาหาและมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่างรถ

เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าหัวใจกำลังพองโตขึ้นอย่างน่าประหลาด และมันกำลังพองโตจนแน่นคับไปทั้งอก

โยธินกำลังยิ้ม ยิ้มกว้าง เพราะคำทักทายคำแรกคำนั้น

“ตอนนี้กำลังพยายามหัดเดินอยู่ พี่ไม่ได้บอกเหรอว่าพานิลพัทไปผ่าขา หมอบอกว่าช่วงระหว่างสะโพกที่ต่อกับขามันมีปัญหา ตอนที่พี่ไม่อยู่ พี่เลยฝากนิลพัทไว้ที่โรงพยาบาล หมอบอกว่ามันอาจจะหายและเดินได้ปกติในเร็ว ๆ นี้ถ้ามันไม่ดื้อไม่ซน เดี๋ยวกลับถึงกรุงเทพพี่ก็จะไปรับนิลพัทที่โรงพยาบาลสัตว์ที่พี่ฝากเอาไว้ ...........บัว....จะไปเยี่ยมนิลพัท....ด้วยกันกับพี่มั้ย”

ไม่รู้นะ ถ้านี่เป็นการเปิดโอกาสให้ โยธินก็คิดว่าควรจะรักษาโอกาสตรงนี้เอาไว้

“ไม่ไป....”

ครับ

เข้าใจแล้ว ไม่ไปก็คือไม่ไป

“........ต้องกลับไปเอาประวัติรักษาคราวก่อนที่โรงพยาบาลเก่าก่อน บางทีถ้าเอาไปให้หมอช่วยดูประกอบกันด้วย คงดีกว่าไม่เอาอะไรไปเลย........ถ้า....ไปแวะโรงพยาบาลเดิม....เพื่อไปเอาประวัติรักษาก่อน ได้มั้ยล่ะ....แล้วค่อยไปเยี่ยมนิลพัท ได้หรือเปล่า”

โอกาส สิ่งที่โยธินได้รับในเวลานี้เรียกว่าโอกาส และเป็นโอกาสที่สดใสมากซะด้วย สดใสมากซะจน ทำให้ยิ้มกว้าง
ยิ้มและรู้สึกมีความสุขกับสิ่งที่ได้ยินมากที่สุด

“งั้นพี่จะพาบัวไปเอาประวัติรักษาที่โรงพยาบาลเดิมที่เคยเอานิลพัทไปรักษา แล้วเราไปรับนิลพัทที่โรงพยาบาลกัน ตกลงมั้ยครับ”

เอาอย่างนั้นก็ได้........ถ้าจะเอาอย่างนั้นก็.........

“อือ”

ฮัทตอบกลับไป และโยธินก็ยิ้มกว้างไม่ยอมหุบเมื่อได้ฟังการตอบตอบรับจากอีกฝ่าย

นี่สินะความสุข นี่สินะความสุขของการได้รับโอกาส แบบนี้สินะ ความสุขแห่งการรอคอยและได้รับความหวังกลับมา

โยธินกำลังยิ้มอย่างมีความสุข แต่ฮัทมองออกไปนอกหน้าต่างพร้อมกับกำมือแน่นและขมวดคิ้วมุ่น ครุ่นคิดเรื่องบางอย่างในหัวด้วยความรู้สึกสับสน และไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้พูดจาแบบนี้ออกไป

ถ้าลั่นวาจาออกไปแล้วว่าโปรพอ ตอนนี้ก็ควรโปรพอ การโปรพอไม่ได้หมายความว่าคุยกันเฉพาะเรื่องงานเท่านั้น
แต่หมายความว่าต้องใส่ใจคนที่เป็นบัดดี้ในเวลานี้ด้วย สิ่งที่ทำก็แค่อยากให้โยธินรู้ว่าสิ่งนี้เรียกว่าโปรพอ
กูแยกเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวออกจากกันได้ และตอนนี้กูก็แยกมันออกแล้ว มึงเป็นเพื่อนร่วมงานเป็นบัดดี้ที่ดี งั้นกูจะปฏิบัติกับมึงแบบบัดดี้ที่ดีเขาทำกัน ไหน ๆ ก็เลี่ยงไม่ได้ หนีไม่ได้ ก็จะพูดจากับมึงดี ๆ ดู

แต่อย่านึกหรือหวังว่ากูจะคิดอะไรกับมึง

ฮัทคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่อาจเรียกว่าดีที่สุดแล้ว แต่เมื่อหันไปมองใบหน้าของคนที่กำลังยิ้มกว้างอย่างมีความสุข ฮัทก็รีบเบือนหน้าหนีไปมองที่นอกหน้าต่างรถอย่างรวดเร็ว

ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ไม่รู้ว่ากำลังรู้สึกยังไงกันแน่ รู้แค่ว่าในเวลานี้คล้าย ๆ ตัวเองยิ่งสับสนและไร้ทางออกมากขึ้นทุกที
ในขณะที่โยธินยิ้ม ฮัทกลับรู้สึกว่าตัวเองอยากร้องไห้ ช่างหัวแม่งเหอะ จะเป็นยังไงก็ช่าง นี่คงเป็นงานชิ้นสุดท้ายที่กูจะทำ
กูจะทำมันให้ออกมาดีที่สุด แล้วเมื่อกลับถึงกรุงเทพกูจะได้เขียนใบลาออกแบบไม่รู้สึกผิดอะไร

กูไม่ผิดที่ลาออก

เหตุผลในการลาออกมีมากมาย หนึ่งในเหตุผลที่คิดจะเขียน...........ฮัทคิดเอาไว้แล้ว

..................ถูกทำลายความเชื่อใจจากคนที่รักใคร่และนับถืออย่างรุนแรง.................


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-05-2014 22:55:53
 คิดไปแบบเข้าใจไปคนละทางถึงไหนแล้วลอย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: foolishbeat ที่ 15-05-2014 23:00:59
น้องบัวกำลังเข้าใจพี่ๆผิดนะคะลูก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Scream ที่ 15-05-2014 23:01:27
เอาแล้วน้องบัวเอ้ยยยยยย  :hao5:
อย่าคิดมากเด้ เอาไงต่อดีพี่ๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 15-05-2014 23:03:24
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 15-05-2014 23:05:55
 :m31:   ไม่นะๆ อย่าลาออกสิ  น้องบัวไม่ได้โดนหลอกซะหน่อย แค่น้องดูไม่ออก เอ๊ย แค่น้องซื่อ   เอ๊ย แค่น้องโง่เกินไป  จนมองไม่ออกว่าพี่ๆเค้าเป็นผัวเมียกัน  เท่านั้นเอง   :katai1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 15-05-2014 23:14:56
เข้าใจไปคนละทิศละทางแล้วนะน้องบัว  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 15-05-2014 23:19:03
คิดมากจริงๆบัวเอ้ย สงสาร เป็นเด็กคิดมากเหรอเนี่ย  :hao5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 16-05-2014 00:09:31
น้องบัวอย่าเพิ่งลาออกนะ คุยกับพี่ๆก่อน มันไม่ใช่อย่างที่คิดเลย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 16-05-2014 00:18:29
บัวลอยคิดไปไหนต่อไหนแล้วนั่น
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 16-05-2014 00:20:37
เฮ้อ..... :mew2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 16-05-2014 00:32:01
ใครออกหัวคิดบอกความจริงบัวลอยแบบนี้

น้องยังช๊อคไม่หาย ถ้าลาออกไปพวกพี่ในแผนกก็สมควรง้อทั้งหมด

น้องบัวยิ่งคิดอะไรไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านเค้า ใจแข็ง สุดๆๆ

พี่โย เป็นพระเอกที่น่าสงสารสุด
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 16-05-2014 02:45:15
ไปกันใหญ่แล้วน้องฮัท คิดไปซะไกล อย่าเพิ่งลาออกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคโยธิน-บัวลอย ตอน ตำแหน่งของวิเชียร
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 16-05-2014 04:21:55
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/10/โยธิน_บัวลอยNk8Sn.jpg)
รักเกิดในแผนกขนส่ง....ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน ตำแหน่งของวิเชียร


สองวันแห่งการเดินทาง จบลงอย่างง่ายดาย โยธินคิดว่าได้พัฒนาความสัมพันธ์ของเราไปอีกขั้นหนึ่ง

ได้กินข้าวด้วยกัน แม้จะเป็นแค่ข้าวกล่องธรรมดา แต่ได้นั่งข้างกัน แล้วกินข้าวด้วยกันแค่นั้นก็นับว่ามากเกินพอแล้ว
ที่แปลกใจมีเพียงเล็กน้อย น้องบัวไม่พูดอะไรเลยตลอดการเดินทาง

ที่สำคัญคืนที่ค้างด้วยกันคืนนั้นน้องบัวยอมให้นอนกอดด้วย แม้จะเป็นการให้กอดแบบแปลกๆ ๆ ก็ตาม

แบบนี้เรียกว่าเป็นการพัฒนาไปไกลแบบสุดกู่หรือเปล่านะ คิดแล้วก็ยิ้ม คิดอย่างมีความสุข
เช้านี้ก็เหมือนทุกวันที่ตื่นแต่เช้าเพื่อทำข้าวใส่ปิ่นโตเพื่อจะไปส่งคนที่เพิ่งพัฒนาความสัมพันธ์อันดีต่อกัน

เดินยิ้มมาที่ลานจอดรถ และก็กดรีโมทเปิดประตูรถ แต่ไม่ทันจะก้าวเข้าไปนั่งในรถก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นซะก่อน

“โอ้ยยยยยยยยย เหี้ยเอ้ย ใครวะ”

หันไปมอง และก็ต้องผงะและถอยหนี เพราะกลุ่มชายฉกรรจ์หลายคนที่รออยู่ก่อนแล้ว

“อย่ายุ่งเรื่องนี้อีก นี่แค่การสั่งสอน ถ้าไม่หยุด มึงจะเจ็บยิ่งกว่านี้”

เจ็บกว่านี้เหี้ยอะไรล่ะ พวกมึงรุมกระทืบกูอยู่เนี่ย ไอ้สัส เจ็บกว่านี้อะไรล่ะโว้ยยยยยยยยย แค่นี้ก็เจ็บจะตายห่าแล้ว
ไม่ทันร้องให้ใครช่วยและก็รู้ว่าถึงร้องให้คนช่วยก็คงไม่มีใครช่วยได้

สิ่งที่โยธินทำได้ก็มีเพียงแค่ป้องกันตัว และยกแขนขึ้นบังใบหน้าให้มากที่สุด

สัส

นี่มันเครื่องมือทำมาหากินกู กระทืบเหี้ยอะไรที่หน้ากูอยู่ได้

แม่งเอ้ยยยยยยยยย

แล้วดูแม่งทำ ทุบรถกูอีกได้สัด อะไรของพวกมึงวะเนี่ย ตั้งใจให้กูหมดเครื่องมือทำมาหากินจริง ๆ ใช่มั้ยวะ

เหตุการณ์ชุลมุนเกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็วและเมื่อชายกลุ่มนั้นทำร้ายโยธินจนลงไปนอนจมกองเลือดได้ ก็รีบกรูกันไปขึ้นรถกระบะที่จอดรออยู่ก่อนแล้ว

สิ่งที่โยธินจำได้ก่อนสติจะดับวูบไป คือหมายเลขทะเบียนของรถกระบะคันนั้น

ทฐ-12XX กรุงเทพมหานคร

++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 16-05-2014 04:26:06
“เรื่องลาออกของมึงกูขอพักไว้ก่อน ตอนนี้มีเรื่องใหญ่กว่าให้กูต้องไปจัดการ โยธินอยู่โรงพยาบาล รถมันโดนทุบ และตัวมันเองก็โดนรุมกระทืบ ตอนแรกกูนึกว่าโจทก์มัน แต่คนทำมันพลาดไปหน่อยเพราะกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพไว้ได้ รถที่พวกมันขนคนมากระทืบโยธิน ทะเบียนเดียวกับที่เป็นของบริษัทเดิมที่ทำสัญญาจ้างกับคนที่กำลังจะมาเป็นลูกค้าเรา”

หัวหน้าบุ้งพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

แต่ภายในดวงตาไม่ได้ราบเรียบเหมือนกับน้ำเสียงที่พูด

“มันเป็นไงบ้าง แล้วจะให้ทำยังไงต่อ ให้ผมบอกเฮียมั้ย”

วิเชียรเดินออกมายืนหน้าเครียดอยู่ตรงหน้าหัวหน้าแผนกขนส่งและเอ่ยถามความคืบหน้าของเรื่องที่เกิดขึ้น

“อย่าเพิ่ง ตอนนี้นายรู้เรื่องแล้วและกำลังไปโรงพยาบาล มึงอยู่ทางนี้ก่อน มีอะไรเดี๋ยวกูโทรหา ฝากไอ้แก๊ปกับไอ้พู่ดูความเรียบร้อยวันนี้ด้วย พี่สุรชาติไปข้างนอกยังไม่กลับ กูโทรบอกเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวพี่สุรชาติจะเข้ามา”

สั่งงานเรียบร้อย และวิโรจน์ก็เดินหน้าเครียดเข้ามาอีกคน

“ไปยังหัวหน้า เพื่อนผมทำอยู่ขนส่ง เดี๋ยวให้มันตรวจสอบเพิ่มว่ารถสวมทะเบียนหรือเปล่าแล้วแจ้งจดไว้ที่ไหน ขืนรอตรวจสอบไปแบบตรง ๆ แม่งช้า เล่นนอกรอบแบบนี้แหละเร็วดี”

ไม่มีใครสนใจคนที่ยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูกอย่างฮัทซักคน

มีเรื่องใหญ่กว่านั้นให้ต้องทำจริง ๆ อย่างที่พี่บุ้งว่า

โยธินโดนกระทืบ.......และรถโดนทุบ

“หัวหน้า.......ผม...”

อยากจะขอไปด้วย แต่ก็อ้าปากพูดไม่ทัน เพราะหัวหน้าบุ้งเดินเข้าโซนในไปขึ้นรถพร้อมพี่วิโรจน์แล้ว

ได้แต่ยืนงงอยู่คนเดียว เพราะคนอื่น ๆ กำลังยุ่ง

แล้ว..........กูควรทำยังไงวะเนี่ย

“บัว”

ได้ยินเสียงเรียกและคนที่กำลังทำอะไรไม่ถูกก็เห็นว่ามีนเปิดประตูจากในออฟฟิศออกมาหาและตะโกนเรียก

“มาข้างในออฟฟิศมั้ย วันนี้พี่บุ้งให้บัวหยุดพักไม่ใช่เหรอแล้วบัวมาทำไมไม่นอนพักก่อนล่ะ ไม่เหนื่อยเหรอ”

เหนื่อยเหรอ
เหนื่อยหรือเปล่าเหรอ

ไม่รู้จะตอบออกไปยังไง

และยอมเดินไปหามีนที่ออฟฟิศ เข้าไปแล้วก็ไปนั่งบนโซฟาหน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ และมีนก็ไปนั่งที่เก้าอี้ที่ใช้คีย์บิลเป็นประจำ

“เป็นยังไงบ้าง”

แค่คำทักทายแรก ก็ทำให้ฮัทต้องกุมขมับด้วยความเครียด

คำว่าเป็นยังไงบ้างของมีน มันทำให้คนที่แทบไม่ได้นอนเลยทั้งคืน ยิ่งอยากร้องไห้

ไม่รู้แล้ว
ไม่รู้อะไรด้วยแล้ว

ไม่รู้........จริง ๆ

“.................”

ภายในใจมีแต่ความสับสนมึงงงไปหมด ทำไมกลายเป็นแบบนี้ กลับไม่ได้ไปไม่ถึง ทำอะไรก็ไม่ได้

ได้แต่เป็นตัวถ่วงให้พวกพี่ ๆ ปั่นป่วนกันแบบนี้

“บัว”

เงยหน้าตามเสียงเรียกแล้วมีนก็ส่งยิ้มบาง ๆ มาให้ รอยยิ้มที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ได้เห็น ก็รู้สึกอบอุ่นใจได้อย่างน่าประหลาด มีนเป็นคนแบบนี้ มีนเป็นคนที่ยิ้มให้ใครแล้วจะทำให้โลกที่มืดมนของคน ๆ นั้นสดใสขึ้นได้ทันที

ไม่เว้นแม้กระทั่งคนที่กำลังสับสนและหาทางออกไม่เจอ

“เรื่องอะไรที่ทำให้เครียดก็ปล่อยวางบ้างเถอะ บัวคงรู้เรื่องของพวกผมหมดแล้ว ที่ผมอยากบอกก็คือ.....ผมไม่ได้ชอบพี่บุ้งนะตั้งแต่แรก แล้วพี่บุ้งก็ไม่ได้ชอบผมด้วยเหมือนกัน....ผมโคตรเกลียดเลย แต่ทำยังไงได้มาฝึกที่นี่แล้วก็อยากจะไปให้รอด เพราะพี่บุ้งพูดว่าผมอยู่ได้ไม่เกินสามวัน ยังไงก็ต้องออก.....ผมคิดจะออกจริงๆ นะ แต่พอโดนแบบนั้นเข้าไป แม่ง ดูถูกเรานี่หว่า แล้วตอนนี้เป็นไงล่ะ อยู่แม่งยาวเลย ไล่ก็ไม่ไปแล้วคราวนี้”

มีนเล่าเรื่องบางอย่างให้ฟัง เรื่องที่ทำให้คนฟังต้องนิ่งฟังและคิดภาพตาม
คิดออกเลย หัวหน้าบุ้งต้องทั้งตะคอกทั้งตะโกนใส่หน้ามีนแน่ ๆ นึกภาพออกเลยล่ะ แค่คิดก็ขำแล้ว

“พี่บุ้งเป็นคนที่ดี เป็นผู้ชายที่ดี ผมไม่ได้คิดว่าจะไปฝากชีวิตไว้ที่ผู้ชายด้วยกันหรอกนะ แต่ที่ผมคิดคือเราแชร์กันได้ เราคุยกันได้ คุยกันรู้เรื่อง และที่สำคัญ........ผมรักพี่บุ้ง รักแบบงง ๆ เลยล่ะ โดนเขาแกล้งซะขนาดนั้น ก็ยังโง่ไปรักเขานะ บัวว่ามั้ย”

เรื่องนั้น..........มัน....

“แล้วบัวรักโยธินมั้ย”

แค่ได้ฟัง คนฟังก็ถึงกับตาค้าง และเงยหน้ามองหน้าของมีนทันที

ไม่คิดว่าจะโดนถามแบบซึ่ง ๆ หน้าแบบนี้
ไม่คิด.......และตอบไม่ได้จริง ๆ ว่า รักมั้ย
แต่เรื่องเกลียด มั่นใจว่าเกลียดแน่ ๆ

“ผม.........ไม่ชอบมันตั้งแต่แรก ผมไม่ชอบโยธินเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้........ยิ่งไม่.....ช...อ...อึก”

ไม่รู้จะพูดอะไรดี ได้แต่กลืนคำพูดตัวเองลงไปในคอ และก็นั่งก้มหน้านิ่ง ๆ

“บัวคงจะเครียดแล้วก็สับสนมาก มันไม่ใช่เรื่องที่ทำใจยอมรับได้ง่ายๆ แต่ถ้าเรายอมที่จะทำใจยอมรับมัน.....เราจะได้คนที่รักเราเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน ผมว่าแบบนี้ก็ดีนะ จะให้ทำยังไงก็คนมันรักไปแล้ว ผมเองก็ไม่รู้จะปฏิเสธไปทำไม มันก็ไม่ได้แย่นักหรอกที่คนที่มารักเราเป็นผู้ชาย.....จะไปโทษใคร ผิดที่เราหรือผิดที่เค้าเป็นผู้ชายล่ะ มันก็ผิดด้วยกันทั้งคู่ถ้าคนอื่นเขาใช้บรรทัดฐานของเขาตัดสิน แล้วมันเรื่องอะไรที่เราต้องไปใช้บรรทัดฐานของคนอื่น เราก็มีบรรทัดฐานของเรา คนอื่นก็แค่คนอื่น ไม่เห็นจำเป็นต้องใส่ใจ เฉพาะคนที่สมควรใส่ใจเท่านั้นแหละที่เราควรใส่ใจ พี่บุ้งแล้วก็พี่คนอื่น ๆ เขาบอกผมมาแบบนี้….แล้วถ้าเป็นบัว บัวจะใส่ใจเฉพาะคนที่เราควรใส่ใจมั้ย”

ไม่...........รู้....เรื่องนั้นไม่.....

“ผม....ไม่รู้จริง ๆ มีน”

ยกมือขึ้นกุมขมับด้วยความเครียด และมีนก็ยังคงส่งยิ้มบาง ๆ มาให้คนที่กำลังทำอะไรไม่ถูก

ต้องให้เวลา ต้องใช้เวลาอีกหน่อย แต่ลักษณะแบบนี้ มันแปลได้ว่าอ่อนลงกว่าครึ่งแล้ว

“เป็นห่วงโยธินมั้ย”

คำถามง่าย ๆ และคนที่ยกมือขึ้นกุมขมับก็พยักหน้า ถ้าถามแค่นั้นก็พอจะตอบได้ พอจะ.......ตอบได้........

“โทรหาเค้ามั้ยล่ะ ถ้าเค้าไม่เป็นอะไรเค้าคงรับโทรศัพท์ได้”

โทรหาเหรอ โทรหา........โทรหา...

หยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อออกมาตามที่มีนบอก และเพ่งสายตามองไปที่โทรศัพท์ในมือ
ตัดสินใจกดค้นหาหมายเลขของคนที่ไม่เคยคิดอยากจะโทรไปหาก่อน และนี่เป็นครั้งแรกที่ฮัทหวังว่าอีกฝ่ายจะรับโทรศัพท์

หวังว่า.........จะรับโทรศัพท์

“คร้าบบ....น้องบัวเหรอครับ”

และคนที่อยู่ปลายสายก็รับโทรศัพท์จริง ๆ

ไหนว่าโดนกระทืบปางตายอยู่โรงพยาบาล แล้วทำไมยังรับโทรศัพท์ได้ แถมน้ำเสียงก็ฟังดูสดใสร่าเริงเหมือนคนไม่เป็นอะไรซะด้วย หรือว่ามันจะหลอกกู

“แขนพี่หักอ่ะบัว หน้าก็ช้ำ ปากแตกอีกต่างหาก หน้าหล่อ ๆ เสียหายหมด แล้วแบบนี้พี่จะไปเจอหน้าลูกค้าได้ยังไง แถมรถโดนทุบอีก เฮ่อออออ เซ็งจริงๆ เล้ยยยยย”

เรียกร้องความเห็นใจให้ตัวเองได้พอประมาณ และแม้จะเจ็บแค่ไหน โยธินก็ยังยิ้มได้

ยิ้มได้เพราะน้องบัวโทรมาหา คงจะโทรมาถามอาการ แบบนี้แสดงว่าเป็นห่วงพี่เหมือนกันใช่มั้ยล่ะครับ

“บัวกั๊บพ้ม เป็นห่วงพี่ป่ะ พี่เจ้บบบบบบบบบ เจ็บ เจ็บไปหมดทั้งตัวทั้งแขนทั้งขา เจ็บหมดทั้งตัวเลย หมอบอกให้นอนโรงพยาบาลตั้งสองคืน แต่ไม่เอาอ่ะ วันนี้พี่จะกลับบ้านแล้ว”

ฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูด และคนที่อยู่ปลายสายก็ได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

โยธินบอกอาการตัวเองให้รู้ ทั้งที่อาการหนักขนาดนั้น มันยังพูดไปหัวเราะไปได้ และทำเหมือนไม่เป็นอะไรได้อีก

ทำไมถึงได้........ ทำไมถึง....
ถอนหายใจออกมาหนักๆ ด้วยความกลุ้มใจ และคนที่อยู่ปลายสายก็นิ่งเงียบตามฮัทไปด้วย

“บัว”

เรียกให้อีกฝ่ายได้ยิน และคนที่ได้ยินเสียงเรียกก็ขานรับเบา ๆ

“ครับ”

พอแล้ว แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว สิ่งที่โยธินอยากได้ ในเวลานี้ก็ได้รับแล้ว
แค่ความห่วงใย เล็ก ๆ น้อย ๆ จากคนที่ไม่เคยแสดงความรู้สึกใด ๆ ออกมาให้ชัดเจน
แค่ความห่วงใยเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่น้องบัวมีให้

“.......ที่บัวเขียนใบลาออก มันเป็นเพราะพี่ด้วยใช่มั้ย”

น้ำเสียงแผ่วเบาทุ้มนุ่มที่ดังมาจากปลายสาย ทำให้คนที่นิ่งฟังโยธินพูดมาตลอด ถึงกับน้ำตาคลอ

ไม่รู้
ไม่รู้อะไรแล้ว
ไม่รู้อะไรทั้งนั้นแล้ว

นั่งก้มหน้านิ่ง ๆ และไม่รู้จะพูดอะไรดี ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร

ภายในอกมันอัดแน่นไปด้วยความอึดอัดใจที่รอวันระเบิด ทั้งความเครียด ความผิดหวัง ความน้อยใจ ความทุกข์ใจและความสับสน มันตีกันไปหมด จนแยกไม่ออกว่าเรื่องไหนที่ทำให้เป็นทุกข์มากที่สุด

“....พี่ผิดมากเลยเหรอบัว...พี่โยผิดมากแล้วก็เลวมากขนาดนั้นเลยเหรอบัว....ขนาดที่บัวจะไม่ให้อภัยพี่ตลอดชีวิตเลยเหรอ”

ไม่ใช่
.....ไม่รู้

แต่มันไม่ใช่

แบบนี้มัน.........ไม่ใช่.........

จากน้ำตาคลอ ในเวลานี้น้ำตาหยด น้ำตาค่อย ๆ หยดลงที่ข้างแก้ม และก็ได้แต่นั่งก้มหน้าและพยายามกลั้นเสียงสะอื้นของตัวเองเอาไว้ ไม่ให้คนที่อยู่ปลายสายได้ยิน

“ถ้าพี่ผิดขนาดนั้น ต่อไปพี่จะไม่เข้าไปให้บัวเห็นหน้าอีก แล้วบัวจะสบายใจขึ้นหรือเปล่า บัวจะยังทำงานที่นี่อยู่อีกหรือเปล่า อยู่เถอะนะบัว อยู่ด้วยกันก่อน แล้วพี่สัญญาว่าจะไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับบัว พี่พูดจริง ๆ นะ เชื่อใจได้”

ทำไมต้องพูดแบบนั้นด้วย

ทำไมต้องพูดถึงขนาดนั้นด้วย

ทำไมต้องทำให้กูรู้สึกผิดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ขนาดนั้นด้วย

ในเมื่อกูเองที่ผิด ในเมื่อเป็นกูนี่เองที่ผิดที่ไม่ยอมเข้าใจอะไรเลยซักอย่าง กูผิด ไม่ใช่คนอื่นผิด

ไม่ใช่เลย

“เฮ้ย ไม่ใช่ความผิดของมึงคนเดียวหรอกโยธิน บัวลอยมันเกลียดพวกกูทั้งแผนก พวกกูเป็นแบบนี้ไง แม่งเลยเกลียด ถึงอยากให้มันอยู่ต่อ แต่มันก็จะไปอยู่ดี พวกกูแม่งเหี้ยเองแหละที่ไม่บอกมันตั้งแต่แรก พอมันรู้มันก็ต้องรับไม่ได้เป็นธรรมดา ปล่อยแม่งไปเหอะ บัวลอยมันก็เหมือนคนอื่นๆ แหละ ที่ตัดสินคนอื่นด้วยความคิดของตัวเอง”

เสียงที่คุ้นเคย
เสียงที่ได้ยิน........

หัวหน้าบุ้ง........

หัวหน้าบุ้งคงไปถึงโรงพยาบาลแล้วในเวลาอันรวดเร็ว

และคราวนี้ฮัทยิ่งกำโทรศัพท์ในมือเอาไว้แน่น
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 16-05-2014 04:29:09
“บัว....งั้นแค่นี้ก่อนแล้วกันนะ พี่ขอคุยกับหัวหน้าบุ้งก่อน เดี๋ยวพี่โทรกลับนะครับ”

คนที่อยู่ปลายสายกดวางไปเรียบร้อยแล้ว และฮัทก็นั่งนิ่งเงียบอยู่แบบนั้น

พูดไม่ออก พูดอะไรไม่ออก และมีนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้กำลังคีย์บิลไปด้วยก็พูดบางอย่างให้ฮัทได้ยิน

“บัว.........เกลียดพวกเราทุกคนทั้งแผนกจริง ๆ เหรอ แม้แต่ผมบัวก็เกลียดผมเหรอ บัวอยากให้ผมทำยังไง บัวบอกผมได้นะ อะไรก็ได้ที่จะไม่ทำให้บัวเกลียด พวกเราอยากจะทำ พี่บุ้งเป็นคนปากร้าย บางทีเขาก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกว่าแต่ละคนมีเหตุผลของตัวเอง ผมขอโทษแทนพี่บุ้งด้วย แต่สำหรับผมนะ .............. ผมไม่อยากให้บัวลาออกเลยจริง ๆ”

เงยหน้าขึ้นมามองหน้ามีน มองด้วยความรู้สึกวุ่นวายสับสน และหาคำตอบไม่ได้

“เกาหลี....เดี๋ยวพี่จะออกไปข้างนอกนะ มาลงเวลารถเข้าออกให้หน่อย โรจน์มันไปหาเพื่อนมันที่ขนส่งมันไปเอาข้อมูลรถคู่กรณีของโยธิน พี่ต้องไปขึ้นรถแทนมัน”

พี่วิเชียรเดินหน้าเครียดเข้ามาบอกมีนที่หน้าออฟฟิศ และมีนก็พยักหน้ารับ

“พี่วิเชียร....ผมไปแทนเอง มีนจะได้อยู่คีย์บิล”

หันไปบอกพี่วิเชียร และพี่วิเชียรที่เคยเป็นคนร่าเริงและมีอารมณ์สนุกสนานอยู่ตลอดเวลาก็มองหน้าของฮัทนิ่ง ๆ
มองนิ่ง ๆ และพูดบางอย่างให้ฮัทเข้าใจ

“มึงลาออกแล้วตั้งแต่เช้า กูจะไปกล้าใช้มึงซึ่งเป็นคนอื่นไปแล้วได้ยังไง”

ใช้คำว่าคนอื่น และคำว่าคนอื่นของพี่วิเชียร มันทำให้คนฟัง ถึงกับน้ำตาร่วง.......

ยืนร้องไห้แบบไม่ต้องอาย ยืนร้องไห้ต่อหน้าพี่วิเชียร และก้มหน้าขบริมฝีปากของตัวเองแน่น

พูดไม่ออก พูดอะไรไม่ได้
และพี่วิเชียรก็ไม่รอให้ฮัทพูดอะไรต่อ เตรียมจะหันหลังเดินหนี โดยไม่คิดจะสนใจคนที่ยืนร้องไห้น้ำตาไหลพราก

“ขอโทษ.....พี่วิเชียร...ผมขอโทษ”

ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปแล้ว ได้แต่พร่ำพูดคำขอโทษเดิม ๆ พูดคำเดิม ๆ อยู่แบบนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ผมขอโทษพี่.......พี่วิเชียรผมขอโทษ...อึก ฮือออออ”

ขอโทษทำเหี้ยอะไร กูไม่สนใจหรอก มึงขอโทษให้ตายกูก็ไม่สน

“เก็บคำขอโทษของมึงเอากลับบ้านมึงไปเหอะ พวกกูเป็นแบบนี้ไง มันก็สมควรแล้วที่มึงจะรับไม่ได้ แล้วกูอยากถามมึงซักคำ .........มึงคิดว่ากูอยากเป็นแบบนี้มากหรือไง.....ทำมาเป็นสำออย รับเหี้ยอะไรไม่ได้ซักอย่าง มึงมันอ่อน บีบน้ำตาแล้วกูจะเห็นใจเหรอ มึงฝันไปหรือเปล่า....กล้าณรงค์”

ไม่ได้เรียกแบบที่เคยเรียก ไม่ได้หยอกล้อแบบที่เคยหยอก แต่เป็นการเรียกชื่อจริง ที่ทำให้ฮัทรู้สึกถึงความห่างเหินอย่างรุนแรงของรุ่นพี่ที่คอยดูแลมาตลอด และแม้จะทะเลาะกันบ้าง งอนกันบ้าง แต่มันไม่ใช่แบบนี้ ไม่ใช่การตัดขาดความสัมพันธ์กันแบบนี้

“คิดว่าตัวเองเจ็บปวด คิดว่าตัวเองทรมาน คิดว่าตัวเองน่าสงสาร เหี้ยเหอะ น่าสงสารตายห่าแหละ กูจะบอกให้ ถ้ามึงคิดว่าโดนไอ้โยธินทำอะไรตอนเมาแล้วแค้นใจไม่หาย กูโดนเฮียข่มขืนเป็นร้อยรอบกว่าจะสมยอมได้ ไอ้สัส แล้วทำมาเป็นสำออย กูบอกแล้วใช่มั้ย ให้มึงรักมันซะก็จบ แม่งก็เสือกลีลาอยู่นั่น มึงจะตายหรือไง ชอบผู้ชายด้วยกันแล้วมึงจะตายหรือไง ถ้ามึงจะตาย ก็รีบ ๆ ตายห่าไปซะ คนอย่างมึงมันขวางหูขวางตา รีบ ๆ ตายห่าไปตอนนี้ได้เลยยิ่งดี”

ไม่มีคำว่าเห็นใจ
ไม่มีคำว่าสงสาร

และวิเชียรที่พูดทุกสิ่งอย่างที่ใจคิดออกไปทั้งหมด ก็หันหลังเดินออกจากออฟฟิศแผนกขนส่งไปแล้ว
โดยมีสายตาของฮัทมองตาม และยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม

“พี่วิเชียรโมโหแรงพอ ๆ กับพี่บุ้ง แต่บัวอย่าไปคิดอะไรมากนะ เดี๋ยวพี่วิเชียรก็หายโกรธ”

ปลอบใจไปเท่าที่ทำได้ และฮัทก็ยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา ด้วยความเครียดและกลุ้มใจที่สุด
ทรุดกายลงนั่งที่โซฟาอีกครั้ง และไม่รู้ว่าควรจะพูดหรือทำยังไงต่อไป

วิเชียรเดินออกมาจากออฟฟิศแผนกขนส่งและมองหน้าของพี่สุรชาติที่เพิ่งกลับเข้ามา

รอยยิ้มน้อย ๆ ปรากฏที่มุมปาก และพี่สุรชาติก็ถึงกับส่ายหน้ากับสิ่งที่วิเชียรทำ

“เล่นแรงมากนะคราวนี้”

ก็ต้องแบบนี้แหละ เล่นแล้วต้องเอาให้จบ เอาให้อยู่ จังหวะมันได้ด้วย ทางมันเปิดให้ซะขนาดนี้ เป็นใครก็ต้องเล่น

“มันเกลียดผมตายห่าแล้ว ร้องไห้ไม่หยุดเลยนั่น พี่ก็เข้าไปเล่นบทคนดีของพี่เร็ว ๆ เข้า ไปปลอบมันโอ๋มันหน่อย เดี๋ยวแม่งฆ่าตัวตายไปก่อน แล้วผมจะซวย”

ส่งไม้ให้คนที่มารับหน้าที่ต่อ และพี่สุรชาติก็มองหน้าของวิเชียรแบบยิ้มๆ

“เพิ่งรู้ว่าโดนข่มขืนเป็นร้อยรอบกว่าจะสมยอม นึกมาตลอดว่าสมยอมตั้งแต่แรกซะอีก”

โดนแซวและวิเชียรก็เบะหน้าใส่คนแซวด้วยความหมั่นไส้

“โอ้ยยยยยยย ใครจะไปเหมือนคนแถวนี้ วางแผนมาซะดิบดี พาเด็กไปเอากันในบรรยากาศเหน็บหนาว โรแมนติกสุด ๆ ไปยาวเลยสามวันสามคืน ผมก็อยากได้อารมณ์แบบนั้นเหมือนกัน แต่มันทำไม่ด้ายยยยยยยยยย เพราะยังไม่ทันได้ขึ้นรถ ผมก็ขึ้นเฮียซะแล้ว เลยไม่ทันได้หนาว มันร้อนไปซะก่อนทู้กกกกกกกกที”

ถามว่าอายมั้ย ตอบเลยว่าไม่ และยังมีการพรีเซ้นต์นำเสนอในเชิงลึกซะอีก
พี่สุรชาติถึงกับส่ายหน้าในความตรงไปตรงมาอย่างเปิดเผยที่เรียกอีกอย่างง่าย ๆ ว่าหน้าด้านของวิเชียร

“ถ้าผมเป็นคุณวิษณุ ผมคงปลื้มใจน่าดู ที่มีเมียร้อนแรงแบบวิเชียร”

ของมันแน่อยู่แล้ว เป็นใครก็ต้องทั้งปลื้มใจ ทั้งภูมิใจกันทั้งนั้นแหละ

“ก็ช่วยไม่ได้ พี่สุรชาติก็น่าจะรู้ว่านี่ใคร ผมวิเชียรนะ เนี่ยอ่ะวิเชียร........รู้แล้วใช่มั้ยว่าวิเชียรเป็นใคร งั้นก็ยอมแพ้ผมซะแล้วเลิกคิดแย่งตำแหน่งมือวางอันดับหนึ่งในการเสือกกับผมซักที”

เอ่อ....... วิเชียรครับ ผมอยากบอกวิเชียรมาก ๆ ผมอยากบอกวิเชียรมานานแล้ว

“คนทั้งแผนกเขายกตำแหน่งนั้นให้วิเชียรไปตั้งนานแล้วครับ มันคือตำแหน่งที่ไม่มีใครอยากแย่ง....วิเชียรเอาไปเลยครับเราทุกคนยินดียกตำแหน่งให้วิเชียร”

ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ดีมาก

แบบนี้ค่อยสบายใจหน่อย ในที่สุดกูก็หมดคู่แข่งไปหนึ่งคนแล้ว ที่เหลือก็แค่คู่แข่งหมายเลขหนึ่งที่ต้องหาทางกำจัดให้ได้
.....คู่แข่งที่มีความสามารถในการเสือกแบบแนบเนียนสุด ๆ ต่อไปนี้เราจะได้วัดกันนะครับหัวหน้า

จะได้รู้กันไปว่าระหว่างผมกับหัวหน้า ใครแม่งจะเสือกเรื่องชาวบ้านได้ยอดเยี่ยมกว่ากัน


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 16-05-2014 05:13:12
น้องบัวจะไปจริงเหรอ :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 16-05-2014 05:51:08
ฮาวิเชียร  :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 16-05-2014 07:02:21
แย่แล้วน้องบัวโดนพี่ๆเล่นชุดใหญ่มาเต็มจัดเต็ม
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 16-05-2014 07:24:10
ใครจะกล้าแข่งตำแหน่งอันทรงเกียรติของพี่เชียรกัน (เสือกอันดับหนึ่ง)

สงสารแต่บัวโดนพี่ๆๆเล่นซะ  :hao5: :hao5: :hao5:





หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: praseat ที่ 16-05-2014 07:50:53
 :katai2-1: เอาตุ๊กตาทองไปเลยครับ คุณวิเชียร ตีบทได้แตกละเอียด ตอนนี้อินจัด แบบเห็นหน้าน้องกันที่ไหนคิดว่าเป็นวิเชียรไปแร้วว 5555+++ :katai2-1:
 :hao5: สงสานน้องบัวเนอะ คงอัดอั้นมากๆ ใจก็คงรักไปแล้ว แต่หาทางออกไม่ได้
 :-[ น้องเมืองมีน จะดีไปถึงไหนเนี่ยะ แบบอารมย์ นายเอกสวดๆ  :mew1:
 :mew3: เฮียสุรชาติ รีบๆ เข้าไปหน่อย เดี๋ยวน้องบัวจะเศร้าไปมากกว่านี้ครับ  :mew4:
 :mew1: โยธิน ถึงตานายอ้อนแล้วนะ  ทำให้ดีล่ะ จะรอเชียร์อยู่นะ  :hao3:
 :กอด1: :กอด1: ขอบคุณ aoikyosuke  ที่บรรจงสรรค์สร้างเรื่องนี้ขึ้นมาครับ อ่านไปยิ้มไปเลยทีเดียว มันจริงในความรู้สึกเรานะ จริงจนสัมผัสได้ ขอเป็นกำลังใจให้ครับ  :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 16-05-2014 08:31:49
โดนพี่ๆจัดหนักเหมือนเดิมน้องบัว


น่าสงสาร :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 16-05-2014 08:45:08
คุณวิเชียรเล่นดีมากกกก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 16-05-2014 09:12:24
วิเชียรรรรรร...นางแรงตลอดๆ
เป็นกำลังใจให้น้องบัว อาจจะทำใจยาก แต่สุดท้ายก็จะ แฮปปี้  :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 16-05-2014 09:26:48
พี่วิเชียรเล่นแรงจัง สงสารน้องบัว  :mew2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 16-05-2014 09:37:20
 o22  นังเชียร แกเล่นแรงมากเลยนะเนี่ย  จะบอกว่าวิเชียรหน้าด้านเนี่ยน้อยไป ระดับหัวหน้าองกรเสือกระหว่างประเทศ

อย่างท่านวิเชียร แล้วควรจะได้ มงกุฎและสายสะพาย  :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 16-05-2014 09:46:21
วิเชียรนี่เสือกแบบโจ่งแจ้ง.....แต่พี่บุ้งกะวิโรจน์นี่แบบเนียนๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 16-05-2014 09:56:02
จัดหนักเลยนะวิเชียร เล่นเอาไปไม่เป็นเลย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 16-05-2014 10:16:10
สงสารน้องฮัทนะ แต่ตอนนี้สงสารโยธินมากกว่า โดนทำร้ายร่างกายยังพอทนได้ แต่โดนทำร้ายจิตใจเพราะคนที่รักนี่สิ เจ็บมาก!!!
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 16-05-2014 10:26:06
วิเชียรเอ้ยยยยยยยย ฮาอ้ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 16-05-2014 11:00:38
บ้าป่าว เชียรของเฮีย ใครเขาอยากแข่งด้วย o22 o22
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: foolishbeat ที่ 16-05-2014 12:05:54
วิเชียรของเจ๊ มาวินมาก
แต่ที่วิเชียรพูดก็ถูกนะน้องบัว คนอื่นเขาโดนหนักกว่านี้อีก ดูวิเชียรซิโดนข่มขืนเป็นร้อยๆรอบ :hao7:
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคโยธิน-บัวลอย ตอน ผู้ดูแล
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 16-05-2014 16:58:17
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/10/โยธิน_บัวลอยNk8Sn.jpg)
รักเกิดในแผนกขนส่ง....ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน ผู้ดูแล


“เจ็บมากเลยอ่ะ เจ็บแขนแล้วก็เจ็บขา แล้วก็เจ็บหน้าแล้วก็เจ็บไปหมดทั้งตัวเลย”

ไม่ได้เว่อร์หรอก แม่งเจ็บจริง แต่ใส่แอ็คติ้งเข้าไปเยอะ ๆ เพื่อให้คนที่มายืนอยู่ข้างเตียงสงสารแค่นั้น
น้องบัวมากับพี่สุรชาติแล้วก็ยูกิแผนกจัดซื้อ มาเยี่ยมในตอนเย็นหลังเลิกงานและคนที่นอนอยู่บนเตียงก็ร้องโอดโอยน่าสงสารทันที เมื่อเห็นว่าใครบางคนเดินตามพี่สุรชาติและยูกิเข้ามา

“แล้วใครมาเฝ้าล่ะครับเนี่ย”

อยู่คนเดียวนี่ครับ จะให้ใครมาดูล่ะ ก็ต้องดูแลตัวเองเนี่ยแหละครับยูกิ

“ไม่รู้เหมือนกันครับ กำลังสงสารตัวเองอยู่เลย”

คนดูแลมีเพียบ แต่หาเหตุให้ไม่มีคนมาดูแลแค่นั้นเอง และก็ได้ผล เพราะคนที่มายืนข้างเตียงหน้าซีดเผือดลงไปแล้ว

“ทางโรงพยาบาลสัตว์โทรมาให้ไปรับนิลพัทด้วย ก็เลยว่าจะไป แต่หมอไม่ให้ไป ผมก็จะดึงสายน้ำเกลือออกแล้วไป”

น่าสงสารสุด ๆ และเป็นการเน้นย้ำให้ฮัทยิ่งทำอะไรไม่ถูก

“เดี๋ยวไปรับเองก็ได้ โรงพยาบาลไหนล่ะ”

พูดออกไปแบบนั้น พอให้โยธินได้ยิน และโยธินก็หันไปมองคนที่ยืนอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย

“จะดีเหรอ ถ้าเอามาบัวก็ต้องพาไปไว้ที่คอนโดพี่นะ แล้วบัว....จะคิดยังไง”

คิดยังไงเหรอ

“ไม่คิด”

แบบนั้นแหละครับที่ต้องการ ไม่คิดนี่อะไรนี่แหละครับที่ต้องการให้คิด หึ หึ หึ

“แล้วเป็นไงบ้างหมอให้ออกได้วันไหน”

คำถามด้วยความห่วงใยของพี่สุรชาติทำให้โยธินหันไปทำหน้ามุ่ยก่อนตอบ

“หมอให้ดูอาการอีกสองสามวัน แต่ผมไม่อยากนอนโรงพยาบาล กลัวผี นอนคนเดียวโคตรน่ากลัว ผีที่โรงพยาบาลดุ ถึงหมอไม่ให้กลับผมก็จะกลับวันนี้เลย”

เจตนาไม่ใช่ให้พี่สุรชาติห่วงใย แต่เจตนาให้ใครบางคนห่วงใยต่างหากล่ะ

“แล้วคนเฝ้าไม่มีเลยเหรอ ผมมาอยู่ให้ก่อนก็ได้ กลับบ้านไปอยู่คนเดียวลำบากแย่”

พี่สุรชาติเป็นคนดีมีน้ำใจ และน้ำใจของพี่สุรชาติก็ทำให้คนที่นอนอยู่บนเตียงยกมือไหว้อย่างยากลำบาก เพราะติดเฝือกที่แขน

“ขอบคุณครับพี่ แต่ไม่เป็นไรจริง ๆ ยังไงผมก็จะกลับ ให้พี่มาเฝ้าผมมันคงไม่ค่อยดี หน้าที่ภาระพี่ก็มีเยอะแยะ ที่จริงพี่คนอื่น ๆ ที่มาเยี่ยมผมเขาก็จะอยู่เป็นเพื่อนแต่ผมเกรงใจเขา ผมมันตัวคนเดียว ก็ต้องอยู่คนเดียวแบบนี้แหละครับ สงสารตัวเองชะมัด แต่จะไปทำอะไรได้ ในเมื่อคนที่อยากให้สนใจเขายังไม่คิดจะสนใจผมเล้ยยยยย”

โดนเข้าไปแบบเต็ม ๆ และคราวนี้ฮัทก็ถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ และต้องเป็นคนพูดบางอย่างออกมาเอง

“เดี๋ยวผมเฝ้าเองก็ได้พี่สุรชาติ ผมไม่ได้มีธุระที่ไหน”

บอกพี่สุรชาติ แต่ต้องการสื่อให้คนที่นอนอยู่บนเตียงรับรู้ และโยธินก็อมยิ้มน้อย ๆ อย่างพอใจที่ได้ยินคำพูดนั้น

“จะดีเหรอ”

ถามย้ำไปอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ และฮัทก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้งเพราะไม่รู้จะทำยังไง

“เดี๋ยวไปรับนิลพัทกลับคอนโด แล้วจะกลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เดี๋ยวมาเฝ้าเอง”

งั้นก็ดีเลยครับ

“บัวเอากุญแจกับคีย์การ์ดคอนโดพี่ไปนะ แล้วก็ในกระเป๋าสตางค์พี่ มีบัตรโรงพยาบาลของนิลพัทด้วย ไปรับให้หน่อย อาหารแมวอยู่ในตู้ชั้นบนในห้องครัว เทเผื่อไว้ด้วย เผื่อนิลพัทมันหิว ชามข้าวแมวอยู่ข้างโต๊ะกินข้าวในครัว แล้วเอาชุดมาให้พี่เปลี่ยนด้วยนะ มีเชิตในตู้แล้วก็...........................”

ไม่ได้เกรงใจเลยซักนิด ถือโอกาสสั่งงานซะยืดยาว และฮัทก็ยืนฟังโยธินอย่างตั้งใจ ไม่ว่าโยธินจะพูดอะไรก็พยักหน้าตาม

....งานนี้โยธินมันได้คะแนนไปแล้วแบบเต็ม ๆ เลยนี่หว่า...........

พี่สุรชาติมองหน้ายูกิ และก็มองหน้ากันแบบยิ้ม ๆ

“แล้วจะกลับไปทำงานวันไหนล่ะ”

ยูกิหันมาถามคนที่นอนอยู่บนเตียงและโยธินก็ส่งยิ้มให้ก่อนตอบ

“นายให้พักไปก่อนครับ นายกำลังจะเคลียร์กับทางนั้นให้ อีกซักสองสามวันผมก็คงจะต้องเข้าไปเคลียร์ด้วย”

“ซวยไปนะ โดนซะอ่วมเลย”

ก็ซวยไปล่ะครับ

“ดีเขาไม่เอาผมถึงตาย ผมยังทำอะไรไม่สำเร็จตั้งหลายอย่าง ถ้าตายไปผมคงเสียใจแย่”

เสียใจจริง ๆ นะ ยังไงก็ต้องเสียแน่ ๆ ถ้าเกิดตายไปจริง ๆ

“บัวยังไม่รับรักผมเล้ยยยยยย ผมยังไม่กล้าตายหรอกครับ”

แกล้งพูดให้คนที่อยู่ข้างเตียงได้ยิน และคนที่ได้ยินก็ถึงกับก้มหน้าก้มตาลง พูดอะไรไม่ออก ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร ก็เลยได้แต่ยืนนิ่งเงียบ

“แล้วยังไงวะบัวลอย ตกลงจะเป็นคนเฝ้าโยธินมันเหรอ แล้วจะมีเรื่องมีราวกันหรือเปล่าล่ะ พี่ก็หวั่นใจ”

เรื่องเหรอ

เรื่อง.........

“ไม่มีหรอกพี่บาส ผมไม่ใช่คนไม่มีเหตุผลนะพี่ ถึงจะไปมีเรื่องกับคนเจ็บ”

เหรอกั๊บ อ่ะ แบบนี้ก็ดีเล้ยยยยยยยยย
เพราะพี่อยากมีเรื่องกับคนไม่เจ็บมากเลยครับพ้ม  อยากจะมีเรื่องกับน้องบัว

“ยังไงเดี๋ยวขอตัวกลับก่อนนะ ต้องรีบไปเปิดร้าน นี่ของเยี่ยมนะ หายไว ๆ แล้วกัน เดี๋ยวบัวลอยมันจะเฉาแย่ ไม่มีใครไปส่งข้าวเดี๋ยวมันไม่มีข้าวกินใครจะรับผิดชอบ”

แซวคนที่ยืนทำหน้าเฉยอยู่ข้างเตียงของโยธินแล้วฮัทก็รู้สึกคล้าย ๆ กับว่าตัวเองกำลังอายเพราะโดนแซว

“ไม่ขนาดนั้นหรอกพี่บาส ผมไม่ได้อะไร”

ไม่ได้อะไรเรอะ แน่ใจนะ

“ไปพร้อมกันเลยมั้ยล่ะบัวลอย เดี๋ยวพี่แวะไปส่งที่ห้องก่อนแล้วจะไปทำอะไรต่อก็ว่าไป”

อย่างนั้นก็..........ได้ครับ

“บัวอย่าลืมเอากุญแจคอนโดพี่ไปด้วยครับ อยู่ในตู้”

ได้ยินสิ่งที่โยธินบอก และพี่สุรชาติก็หันกลับมา

“งั้นเดี๋ยวพี่ไปรอข้างล่างนะ ตามไปแล้วกันนะบัวลอย”

ได้ครับพี่สุรชาติ

“เดี๋ยวผมตามไปครับพี่”

พี่สุรชาติและยูกิเดินออกจากห้องไปแล้ว และฮัทก็เดินไปเปิดประตูตู้ตามที่โยธินบอกและค้นหากุญแจคอนโดและคีย์การ์ดพร้อมทั้งหยิบกระเป๋าสตางค์มาส่งให้โยธิน

“เปิดให้หน่อยสิครับ พี่เปิดเองไม่ถนัด”

ไม่ถนัดจริง ๆ ไม่ได้แกล้ง เพราะแขนอีกข้างอยู่ในเฝือก จะหยิบจะจับอะไรก็ลำบากเต็มที

ฮัทก็เลยเปิดกระเป๋าสตางค์ของโยธินออกและถึงแม้ไม่อยากจะมองว่าในกระเป๋าของโยธินมีอะไรบ้าง แต่ก็ทันได้เห็น..........
รูปของเด็กทารกวัยแรกเกิดหน้าตาน่ารัก และ....รูปของเด็กหญิงหน้าตาน่ารักที่น่าจะอยู่ในชั้นอนุบาลและคงเป็นคนเดียวกันกับรูปแรก ไม่รวมถึงรูปของหญิงสาวคนหนึ่งที่กอดเด็กทารกเอาไว้ในอ้อมแขนโดยมีโยธินยืนอยู่ใกล้ ๆ และส่งยิ้มให้กับผู้หญิงคนนั้น

“....................”

อึ้งกับสิ่งที่ได้เห็น เกิดอาการใจหายและกำลังทำหน้าไม่ถูกกับสิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น
คงไม่มีใครพกรูปของเด็กคนอื่นไว้ในกระเป๋า ถ้าไม่ใช่ลูกไม่ใช่หลาน

และเด็กคนนั้นก็มีใบหน้าละม้ายคล้ายโยธินซะจนไม่สามารถคิดเป็นอย่างอื่นได้

“นั่นรูปลูกสาวพี่เอง น่ารักมั้ยล่ะ”

โยธินยังคงยิ้มได้ แต่ฮัทรู้สึกเหมือนอยากร้องไห้ พยักหน้ารับสิ่งที่โยธินพูดอย่างช้า ๆ และคล้ายหัวใจหล่นหายไป

“เมื่อกี้ แม่ของหนูดีก็แวะมาเยี่ยมพี่ แล้วก็พาหนูดีมาเยี่ยมพี่ด้วย”

“......................”

นิ่งฟังคำอธิบายของโยธินเงียบ ๆ และโยธินก็จับตามองว่าคนที่ยืนทำหน้าเฉยจะรู้สึกอะไรบ้างหรือเปล่า และก็เป็นจริงอย่างที่คิด เพราะว่าคนที่ยืนนิ่งอยู่ข้างเตียง คล้ายกับจะหน้าซีดลงไปหลังฟังสิ่งที่โยธินพูด

“สามีของเธอก็มาด้วยนะ พี่ก็เกรงใจ ไม่อยากให้ตื่นเต้นตกใจไปกันใหญ่ พี่เลยบอกว่าพอดีมันเกิดความเข้าใจผิดกันแล้วพี่ก็จะออกจากโรงพยาบาลวันนี้แล้วเธอถึงได้สบายใจ ไม่งั้นเธอคงต้องเฝ้าพี่ ซึ่งมันคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เกรงใจสามีเธอ”

อธิบายให้คนที่ยืนหน้าซีดเข้าใจ และฮัทที่คล้ายกับหายใจไม่ทั่วท้อง ก็ขบริมฝีปากแน่น และคล้ายจะอารมณ์ดีขึ้นมาทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

“พ่อม่ายลูกติด แถมโดนกระทืบปางตาย อยู่กับแมวขาเป๋หนึ่งตัว ประวัติส่วนตัวที่ผ่านมาก็ไม่ค่อยดี บัวรังเกียจพี่หรือเปล่า”

ไม่ใช่ว่ารังเกียจหรือไม่รังเกียจ ไม่ใช่ว่า..........

“นั่นมันไม่เกี่ยวกับเรื่องตอนนี้”

หาทางเลี่ยงด้วยการหันหน้าหนีไปทางอื่น และโยธินก็ถอนหายใจออกมา

“บัว......ถึงขนาดนี้แล้ว บัวยังไม่เห็นใจพี่อีกเหรอ พี่เลวมากเลยเหรอ พี่แย่มากเลยเหรอ รู้อย่างนี้พี่โดนกระทืบตายไปซะก็ดี จะได้ไม่ต้องตื่นมารับรู้ ว่าบัวไม่เคยสนใจพี่เลย”

เรียกร้องความน่าสงสารเห็นใจเข้าไปอีกนิด และฮัทก็ไม่รู้จะตอบอีกฝ่ายยังไง

“เดี๋ยวจะไปเอาเสื้อผ้าที่คอนโดให้ แล้วก็จะไปรับนิลพัทด้วย อยู่คนเดียวไปก่อนแล้วกันนะ เดี๋ยวมาอยู่เป็นเพื่อน”

ไม่อยู่เป็นเพื่อนได้มั้ยล่ะ

“อยู่เป็นแฟนไม่ได้เหรอ”

เหี้ยเหอะ แม่งเอ้ย.... ทำไมชอบต้อนให้จนมุมแบบนี้ทุกทีเลยวะ
ฮัทไม่ตอบ แต่หยิบกระเป๋าสตางค์ของโยธินเข้าไปเก็บไว้ในตู้ที่ข้างเตียงผู้ป่วยเรียบร้อย

“บัว........”

เรียกให้คนที่กำลังจะเดินหนีหันกลับมามองหน้ากันอีกครั้ง และคนที่ถูกเรียกก็หันมาตามเสียงเรียก

“กลับมาเร็ว ๆ นะครับ”

คำพูดที่เอ่ยบอกของโยธินมาพร้อมกับแววตาที่ดูเว้าวอนเต็มที แล้วแบบนี้ใครจะไปทานทนไหว

.....ก็...........

“เดี๋ยวจะรีบไปแล้วจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุดก็แล้วกัน”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 16-05-2014 17:02:57
“เป็นไงบ้างวะ ตายยากตายเย็นชิบหายเลยว่ะ แม่งโคตรอึดเลย”

พี่วิเชียรที่จับแขนของโยธินเล่น เหมือนเห็นเป็นเรื่องสนุกเต็มประดา นี่ถ้าจิ้มหน้ากูได้ พี่แกคงทำไปแล้ว

“เจ็บคร้าบบบบบบบบบ พี่จะมาเยี่ยมผมหรือมาซ้ำเติมกันแน่ครับ”

“ถามได้ ก็ต้องมาซ้ำสิวะ ไม่เห็นต้องถาม”

ครับ เยี่ยมเลยครับ พี่วิเชียร

“ดีนะ หน้าไม่ช้ำมาก นี่มันเป็นสิ่งสำคัญในการหาเงินเข้าแผนกเลยนะ พี่ไม่ได้ห่วงนายหรอกนะโยธิน แต่ห่วงหน้าตานายมากกว่า”

พี่อ้นก็พูดไป ไม่ห่วงผมไม่ว่า นี่ห่วงแค่หน้าผมมันหมายความว่ายังไงกันครับ

“แล้วส่วนอื่นไม่แตกหักเสียหายเหรอวะ แม่งน่าเสียดายจริง ๆ น่าให้พวกกระทืบส่วนอื่นไปด้วย คงจะสะใจดีพิลึก”

พี่วิเชียรกับพี่อ้นนี่เป็นคนยังไงวะ

“นี่มันหน่วยทับถมและซ้ำเติมใช่มั้ยพี่ จะช้ำใจตายอยู่แล้วครับ”

บ่นออกไปเสียงเบา และทั้งวิเชียรและหัวหน้าแผนกขายก็หัวเราะชอบใจกับสิ่งที่โยธินพูด

“ใครจะไปใจร้ายกับเซลหมายเลขหนึ่งของแผนกขายได้ลงคอ นายยังทำประโยชน์ให้ได้อีกเยอะ ถ้าทำประโยชน์ไม่ได้แล้วพี่ก็คงไม่มาเยี่ยมหรอก นายก็น่าจะรู้ไม่ใช่เหรอโยธิน”

นั่นไงล่ะ พี่อ้นก็ห่วงแต่ผลประโยชน์ของแผนกนั่นแหละ ไม่เคยเห็นผมเป็นน้องหรอก ไม่เคยคิดจะห่วงใยอะไรผมเลย

“พี่อ้น พูดแบบนี้ผมเสียใจจริงนะเนี่ย”

แกล้งทำหน้ามุ่ยใส่ และวิโรจน์ที่มองอยู่ก็นึกหมั่นไส้สิ่งที่โยธินทำเกินทน
นี่มันเมียกู ไม่ต้องเรียกร้องความสนใจจากเมียกูขนาดนั้นก็ได้ครับ ..........กูไม่ชอบ........

“กลับยังอ้น มันยังไม่ตายก็น่าจะโอเคแล้ว กลับเหอะขี้เกียจอยู่นาน”

เย็นชาพอกันทั้งคู่เลยว่ะ สมกับที่เป็นแฟนกันจริง ๆ

“แล้วนี่อยู่ยังไงวะคนเดียว เดี๋ยวกูให้ลูกน้องเฮียมาเฝ้ามั้ย จะได้ไม่ต้องวุ่นวาย”

ไม่ต้องหรอกครับพี่วิเชียร

“ผมมีคนเฝ้าแล้ว”

เหรอ

“ใครวะ”

คนสามคนถามประโยคเดียวกันแบบไม่ได้นัดหมาย แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นล้วนๆ และไม่นานทั้งสามคนก็ได้รู้ เมื่อใครบางคนเปิดประตูเข้ามา

“...............”

ฮัทถึงกับชะงักนิ่งค้าง เมื่อเข้ามาแล้วพบกับพี่วิเชียร พี่วิโรจน์ รวมทั้งหัวหน้าแผนกขายที่มาอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้า และหันมามองหน้าของฮัทเป็นตาเดียว

“ไอ้บัวลอย”

ยังคงพูดประโยคเดียวกันอย่างพร้อมเพรียง และคนที่เข้ามายืนอยู่ในห้องพักผู้ป่วยก็เหมือนกับว่ากำลังทำตัวไม่ถูก

จะหันหลังกลับก็ไม่ใช่ จะเดินเข้าไปก็ทำไม่ถูก สุดท้ายกลั้นใจเดินมาหาโยธินและวางถุงผ้าที่ภายในบรรจุเสื้อผ้าของโยธินและของใช้จำเป็นอยู่ในนั้นเอาไว้บนโต๊ะที่หัวเตียง

“มาแล้วเหรอ”

ก็.....

พยักหน้ารับ และทั้งวิเชียร วิโรจน์ และหัวหน้าแผนกขายก็เริ่มมองหน้ากันแบบยิ้ม ๆ

“เฮ้ยยยยยยย บัวลอย มึงมาทำไมวะเนี่ยยยยย ไหนว่าไม่ถูกกันไม่ใช่หรืองายยยยยยย”

พี่วิเชียรผู้เปิดประเด็นก่อนคนแรก

และฮัทก็เริ่มยิ้มได้เมื่อนึกได้ว่าพี่วิเชียรยอมกลับมาเรียกชื่อของฮัทแบบที่เคยเรียก แถมซ้ำยังแซวเล่นเหมือนลืมไปแล้วว่าเมื่อช่วงสาย ๆ เราทะเลาะกันยกใหญ่

“พี่หายโกรธผมแล้วเหรอพี่วิเชียร”

หายโกรธเหรอ หายโกรธ อ้าวเหี้ย กูลืม.....เออว่ะ กูเล่นบทโกรธมึงอยู่นี่หว่า

“กูไม่ใช่มึงนี่ ที่จะไม่มีเหตุผลแล้วก็โกรธคนอื่นเขาไปทั่วไม่ยอมเลิก”

เนียนไปได้แบบไม่น่าเชื่อ
แม่งเสือกจำได้ซะอีก ว่ากูเพิ่งเล่นบทโกรธมันมา เสือกความจำดีขึ้นมาซะอีกนะมึงไอ้บัวลอย

วิเชียรรีบทำทีหันไปคุยกับโยธินก่อนที่จะหลุดฟอร์มไปมากกว่านี้

“อย่างนี้ก็หายวันหายคืนเลยสิว๊า”

ของมันแน่อยู่แล้วพี่

“ป่วยนานไม่ได้ เดี๋ยวยอดของแผนกขายตก ใช่มั้ยพี่อ้น”

โยธินยักคิ้วให้หัวหน้าแผนกขาย และหัวหน้าแผนกขายก็นึกอยากจะเอามือตบหน้าของโยธินแรงๆ โทษฐานเล่นไม่รู้จักว่าใครเป็นใคร นี่หัวหน้าคุณนะครับ ไม่ใช่เพื่อนเล่น เสือกยักคิ้วให้อีก เฮงซวยจริงๆ

“ป่ะ กลับเหอะ อยู่นานไม่ไหว เดี๋ยวจะได้ฆ่าคนป่วย”

วิโรจน์รีบเดินออกจากห้องคนแรก แต่วิเชียรไม่คิดอยากจะเดินออกไปด้วยเลยซักนิด

“มึงจะรีบไปไหนวะโรจน์ บ้านมึงจะหายหรือไง รีบซะเหลือเกิน”

บ้านผมไม่ได้หายหรอกครับ บ้านผมยังอยู่ที่เดิมแต่คนที่จะมีปัญหามันคุณวิเชียรต่างหากครับ

“กลับบ้านเกินหกโมงเย็นได้ด้วยเหรอ ได้ข่าวว่าถ้ากลับเลยหกโมงเย็นต้องทำหนังสือชี้แจงคนที่อยู่ด้วยกันไม่ใช่หรือไง”

เหี้ยยยยยยยยยย ไอ้โรจน์นี่แม่งก็เสือกรู้จริง

“กูมาเยี่ยมคนป่วย เฮียไม่ว่าหรอก แล้วกูก็ไม่จำเป็นต้องทำหนังสือแจ้งด้วย ไอ้ห่า พูดซะกูเสียหาย”

“คนอย่างวิเชียรมีการเสียหายด้วยเหรอ ตั้งแต่อยู่แผนกขนส่งมาไม่เคยเห็นวิเชียรเสียหายซักที”

ไอ้โรจน์ มึงนี่ก็ขยันขัดคอกูจังเลยเนอะ

“งั้นกลับก่อนแล้วกัน เดี๋ยววันหลังจะมาเยี่ยมใหม่นะ มาด้วยความปรารถนาดีล้วนๆ”

ปรารถนาดี หรือปรารถนาเสือก เอาให้แน่
โยธินยกมือไหว้คนที่มาเยี่ยมอย่างทุลักทุเล และฮัทก็ยกมือไหว้พี่วิเชียรและหัวหน้าแผนกขายด้วยอีกคน

“ทำเป็นยกมือไหว้พร้อมกัน วันหลังพวกมึงก็หมอบกราบพร้อมกันนะ กูจะได้รดน้ำสังข์ อวยพรให้อยู่กันจนแก่เฒ่า”

ไม่ได้เกี่ยวกันเลยซักนิด แต่วิเชียรก็สามารถลากเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกันให้มาเกี่ยวกันจนได้

“ถ้าน้องบัวยอมแต่งด้วยผมจะบอกพี่วิเชียรก่อนคนแรกเลยครับ”

แทนที่จะปฏิเสธ โยธินรีบตอบออกไปอย่างหน้าชื่นตาบานโดยไม่สนใจเลยว่าจะมีคนยืนหน้าแดงอยู่ข้าง ๆ

“ผมจะไปทำอย่างนั้นได้ยังไง พี่วิเชียรก็พูดเกินไป เรื่องนั้นผมไม่ทำหรอก”

เร้อออออออออออ กูเกือบเชื่อมึงแล้วเชียวบัวลอย ถ้ามึงไม่ชิงหน้าแดงให้พวกกูเห็นซะก่อนนะ กูก็คงเชื่อ
อีกไม่นานกูคงได้น้องเขยจากแผนกขายแน่ ๆ ดูทรงแล้ว ท่าทางจะอีกไม่นาน

“ขอให้อยู่กันจนแก่จนเฒ่า อายุมั่นขวัญยืนนะบัวลอยเอ้ยยยย”

อะไรของพี่วะ พี่วิเชียร

“ขอบคุณค้าบบบบ สำหรับคำอวยพร หลังแต่งงานกับน้องบัวผมจะปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดครับ ไม่ต้องห่วง”

โยธินตอบรับหน้าระรื่นและคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็จ้องมองหน้าของโยธินจนแทบตาถลน มึงบ้าแล้ว มึงบ้าไปแล้วโยธิน
มึงบ้าไปแล้วหรือไง.......ใครจะไปแต่งกับมึง ไอ้บ้า

“เนอะบัวเนอะ”

ไม่เนอะ ใครจะไปเนอะกับมึงด้วย

วิเชียร วิโรจน์และหัวหน้าแผนกขายเดินออกจากห้องไปแบบยิ้ม ๆ และเปิดโอกาสให้คนสองคนได้เริ่มปรับความเข้าใจกันซะที
ฮัทเดินหนีไปรื้อค้นบางอย่างในถุงผ้าที่หิ้วติดตัวมาด้วย และโยธินก็ค่อย ๆ เอนกายลงนอนและมองหน้าของคนที่กำลังทำบางอย่างแบบยิ้ม ๆ

“น้องบัวครับ”

อะไร เรียกทำไมวะ

หันมาตามเสียงเรียก และโยธินก็ส่งยิ้มให้คนที่หันมามอง

“พี่คิดว่าจะไม่ได้ตื่นขึ้นมาเห็นหน้าบัวแล้วซะอีก ตอนนั้นพี่คิดแบบนั้นจริง ๆ นะ”

เรื่องนั้นมัน.......

“ถ้าพี่ตายไปบัวจะร้องไห้ให้พี่มั้ย”

เหี้ยยยยยยยยยย มึงอย่ามาเล่นมุกแบบนี้ได้มั้ย กูขอร้อง กูจะไปไม่เป็นอยู่แล้วนะ เวรเอ้ยยยย

“ถ้าพี่ตายไป อืมมม”

โยธินหลับตาลง และนิ่งเงียบไปดื้อ ๆ และคนที่มองอยู่ก็ถึงกับตกใจกับสิ่งที่โยธินทำ
อะไรวะ อยู่ดี ๆ ก็พูดไม่หยุด พูดเสร็จแล้วก็หลับไปซะเฉย ๆ

“โยธิน”

เรียก แต่อีกฝ่ายคล้ายไม่ได้ยิน

“โยธิน”

เดินเข้ามาใกล้ และเริ่มทำหน้าเลิ่กลั่ก ด้วยความตกใจ

“โยธิน เฮ้ย โยธิน”

เรียกซ้ำกันอีกหลายครั้ง แต่อีกฝ่ายไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใด ๆ ทั้งสิ้น เวรแล้วไง เวรแล้วไงวะ เป็นห่าอะไรขึ้นมาวะเนี่ย แตะมือไปที่ข้างแก้มของโยธินเบา ๆ และพยายามปลุกให้คนที่หลับลืมตาขึ้นมาคุยกันก่อน

“โย โยธิน พี่โย พี่โย”

เรียกอีกหลายครั้ง หลายครั้งนับไม่ถ้วน และฮัทก็เตรียมจะกดกริ่งเรียกพยาบาลด้วยความตกใจ

“บัว........”

หันกลับมามองและเมื่อเห็นว่าคนที่นอนอยู่ปรือตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ ฮัทก็รีบยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ
มองหน้ากัน สบตากัน และโยธินก็ส่งยิ้มบาง ๆ ให้ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง

“สงสัยยาที่กินไปตอนเย็นกำลังออกฤทธิ์ พี่ง่วงจังเลยบัว พี่ง่วงนอนจัง”

สัด ทำกูตกอกตกใจหมด แม่งที่แท้ง่วงนอน ห่าเอ้ยยยยยยยย กูอยากจะบีบคอมันให้ตายห่าไปซะให้รู้แล้วรู้รอดตอนนี้เลย
โยธินหลับไปแล้ว และฮัทก็มองหน้าโยธินด้วยความหงุดหงิดโมโห

“แม่ง.....ตกใจนะโว้ย เล่นเหี้ยอะไรวะ”

บ่นออกไปพึมพำเสียงเบา และโยธินที่นอนหลับตาอยู่ก็อมยิ้มกับสิ่งที่ได้ยิน

................หมดข้อสงสัยแล้วล่ะ.......บัวก็เป็นห่วงพี่เหมือนกันใช่มั้ย ไม่งั้นคงไม่มาดูแลพี่ขนาดนี้หรอกจริงมั้ย....

โยธินหลับไปพร้อมกับรอยยิ้มและความสุข และฮัทที่ยืนมองคนที่นอนหลับก็เริ่มทำหน้าไม่ถูก
เหมือนหัวใจเต้นแรงขึ้นอีกนิด และใบหน้าก็เริ่มแดงขึ้น
เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอแสดงอาการเป็นห่วงเป็นใยให้คนที่หลับไปได้เห็นซะแล้ว

.........ถ้ารักไปซะก็จบ พี่วิเชียรเคยพูดเอาไว้แบบนั้น....และ ฮัทก็กำลังคิดว่า....จะลองทำตามแบบที่พี่วิเชียรเคยแนะนำเอาไว้อยู่เหมือนกัน......ติดอยู่แค่.......ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดีเท่านั้นเอง......


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 16-05-2014 17:19:35
ได้กำลังใจดีซะอย่าง o13
สงสัยพรุ่งนี้พี่โยวิ่งกลับบ้านได้แน่ๆ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 16-05-2014 17:38:49
น้องบัว ถ้าเริ่มไม่ถูกเริ่มจาก เรื่องบนเตียง ก่อนก้อได้นะ 555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 16-05-2014 17:39:32
กำลังใจดีแบบนี้หายวันหายคืนแน่โยธิน  :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-05-2014 17:54:27
อีกไม่นานคงมีข่าวดี
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 16-05-2014 17:56:43
กี๊สสสสส!!! หวานนนนน
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ บุ้ง-มีน ตอน พี่บุ้งใจดี
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 16-05-2014 18:36:25
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/02/ไฟล์เปล่า1Nn1wd.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง.....  ภาคพิเศษ พี่บุ้งใจดี

“พี่วิเชียรให้มา..........”

ใช่ที่วิเชียรให้มา ให้มาเป็นของขวัญวันเกิดของไอ้น้องมีน ของขวัญเหี้ย ๆ ที่กูอยากรู้มากว่ามึงให้ของแบบนี้มาทำไม
มึงต้องการอะไรวะ มึงกำลังจะบอกอะไรกูไอ้วิเชียร นี่มึงกำลังจะให้มีนมันไปสนใจของเทียมแล้วก็เลิกสนใจของแท้ของกูใช่มั้ยวะ

บุ้งยกมือขึ้นตบหน้าผากด้วยความเครียด
เมื่อช่วยมีนแกะกล่องของขวัญมาแล้วต้องพบเจอกับอะไรบางอย่าง

เข้าใจเลือกด้วยนะไอ้ห่า สีชมพูมาเลย ท่อนขนาดนี้ มึงกะมาวัดไซส์กูเลยหรือไง
เสียใจเหอะ ยังไงกูก็ใหญ่กว่าของที่มึงส่งมาให้เยอะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า

“พี่บุ้ง แล้วเอาไงอ่ะ”

เอาไงเหรอ ก็ถ้าไอ้วิเชียรอยากให้ใช้ เราก็ใช้สิ จะไปยากอะไร

“แล้วมีนอยากลองใช้มั้ยล่ะ”

แกล้งถาม และก็เห็นมีนก้มหน้าลงแถมแก้มยังแดงขนาดนั้นด้วย ทำไมมันเขินได้น่ารักตลอดเลยวะ เมียกู

“แล้วพี่บุ้งให้ลองมั้ย”

ถามแบบนี้ ถามผิดคนแล้วมีน พี่จะไปว่าอะไรล่ะ พี่ก็ต้องให้ลองสิ ทำไมจะไม่ให้ลอง พี่ออกจะอยากเห็น

บุ้งไม่ตอบอะไรออกไปให้แน่ชัด แต่มองหน้าของมีนแบบยิ้ม ๆ แล้วก็กลายเป็นมีนที่ก้มหน้าก้มตาหยิบของเล่นที่วิเชียรให้เป็นของขวัญวันเกิดขึ้นมาส่งให้บุ้ง

“นี่....ถ้าพี่บุ้งให้ลอง มีนก็ลอง”

เหี้ยเอ้ยยยยยยยยยยยยย ตายเลยกู น่ารักชิบหาย เมียกูทำไมน่ารักขนาดนี้
บุ้งรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเป็นบ้า เส้นเลือดในสมองเต้นตุบจนแทบจะระเบิดได้
ถ้ามีนมันจะก้มหน้าก้มตาทำหน้าเขิน แต่แอบเหลือบมองแท่งซิลิโคนขนาดใหญ่ในมือแบบนี้นะ

กูจะยอมให้ลองของเทียมตามใจชอบ แล้วจะจัดของแท้เข้าไปให้หนัก ชนิดเปรียบเทียบได้เลยว่าแบบไหนเด็ดกว่ากัน

แม่ง........พี่จะจัดให้มีนหนัก ๆ แบบไม่ต้องขอเลยนะมีน พี่จะจัดให้มีนหลาย ๆ ทีเอาให้มีนร้องครางอยากได้แต่ของ ๆ พี่แบบไม่หยุดเลยล่ะ ........พี่สัญญา

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 16-05-2014 18:41:57
“อือ อึก อือ พี่บุ้ง เจ็บเหมือนกันพี่บุ้ง”

มีนกำลังนั่งอยู่บนเตียงและแยกขาออกกว้าง ดึงเสื้อยืดตัวที่สวมอยู่ขึ้นเพื่อไม่ให้เป็นการไปรบกวนคนที่กำลังทำบางอย่างให้

“เดี๋ยวก็หาย อีกนิด มีนอย่าเกร็ง นี่เข้าไปได้เกือบครึ่งแล้ว หายใจเข้าลึก ๆ นะ”

หายใจเข้าลึก ๆ แล้วพี่บุ้ง แต่มันไม่เหมือนของพี่บุ้ง มันคนละแบบ มันไม่อุ่นเหมือนของพี่บุ้งเลย
บางทีก็ไม่ชอบแบบนี้

“แค่นี้พอแล้วนะพี่บุ้ง นะ”

พอแล้วเหรอ แค่นี้พอแล้ว ก็ได้ แล้วยังไงดี จะเสียบคาทิ้งไว้แบบนี้เหรอ แล้วพี่ล่ะมีน
ถ้าพี่ต้องมองหน้ามีน ต้องมองร่างกายมีน ต้องมองทุกสิ่งทุกอย่างที่รวมกันเป็นตัวมีนตอนนี้ มีนคิดว่าพี่จะทนไหวมั้ย

“แล้ว....มีนอยากให้พี่ทำยังไงอีก”

ทำยังไงเหรอ แล้ว แล้วพี่บุ้งจะทำอะไรมีนต่อล่ะ มีนก็ แล้วแต่พี่บุ้ง....ก็ได้

“พี่บุ้งอยากทำอะไรล่ะ”

อยากทำอะไรเหรอ ถ้าเปิดโอกาสให้ขนาดนี้ พี่ก็พร้อมรับโอกาสเอาไว้เสมอแหละมีน บุ้งกำลังอมยิ้ม ยิ้มกริ่ม และมองหน้าของมีนด้วยสายตาร้อนแรง ยิ่งมองสภาพร่างกายของมีนที่นั่งอ้าขาออกกว้างโดยมีแท่งซิลิโคนขนาดใหญ่เสียบคาเอาไว้ที่ช่องทางสีชมพูที่กำลังดูดกลืนสิ่งนั้นเข้าไป ยิ่งเห็นก็ยิ่งคิดว่ามีนน่ารักที่สุด

อยากมอง อยากเห็น อยากให้มีนทำบางอย่างให้เห็นมากกว่านี้

“พี่อยากให้มีนว่าวให้พี่ดู”

เหี้ยยยยยยยยยย

ออกจะตกใจเล็ก ๆ กับคำพูดนั้นของพี่บุ้ง และมีนก็เบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย
ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยทำ แต่พอถูกสั่งให้ทำในสภาพแบบนี้ มันก็มีบ้างที่รู้สึกขัดเขิน
ไม่ใช่ไม่อยากทำหรอกนะ แต่เขินเวลาพี่บุ้งมองแล้วส่งยิ้มให้

“พี่บุ้งแกล้งอีกแล้วว่ะ”

ใครว่าแกล้งล่ะ ไม่ได้แกล้งเลย พี่อยากเห็นจริง ๆ ไม่ได้คิดจะแกล้งมีนเลยสักนิด

“พี่อยากให้มีนทำ........พี่อยากเห็นหน้ามีนเวลาเสียวจัด ๆ มีนช่วยทำให้พี่ดูหน่อยได้มั้ยครับมีน”

ทำก็ได้ ถ้าพี่บุ้งอยากให้ทำให้ดูขนาดนั้น งั้นทำก็ได้
แล้วทำไมต้องจ้องขนาดนั้นด้วย ทำไมต้องทำให้อายขนาดนั้นด้วย

พี่บุ้งคิดแกล้งกันอีกแล้วใช่มั้ย

แม้จะคิดแต่ก็ไม่กล้าถาม ก้มหน้าก้มตาทำบางอย่างตามที่บุ้งบอกให้ทำ และบุ้งก็ขยับมานั่งข้าง ๆ จ้องมองสิ่งที่มีนทำอย่างตั้งใจ

ยิ่งมองยิ่งน่ารัก ยิ่งมองยิ่งทำให้คลั่ง ยิ่งมองยิ่งรู้สึกจะทนไม่ไหว

“ขยับมือแรง ๆ สิมีน น้ำเปื้อนเต็มมือแล้ว ถ้าเสียวก็ร้องออกมาพี่จะฟัง.....ไม่ต้องกลั้นเสียงเอาไว้นะพี่อยากฟังเสียงมีนครางเยอะ ๆ”

แซวอยู่นั่น แซวมาก ๆ ก็อายเหมือนกันนะโว้ย

“พี่บุ้งก็ทำให้ดูบ้างสิ อยากดูพี่บุ้งชักว่าวเหมือนกัน พี่บุ้งทำให้ดูบ้างได้มั้ยล่ะ”

ได้ ไม่มีปัญหา มีนอยากให้พี่ทำ พี่ก็แค่ทำให้มีนดู ของแค่นี้ง่าย ๆ

บุ้งลุกขึ้นยืนและปลดกางเกงลง รั้งท่อนเอ็นขนาดใหญ่ของตัวเองออกมาและกำส่วนนั้นเอาไว้ในมือ รูดรั้งขึ้นลงอย่างช้า ๆ พร้อมกับจ้องหน้ามีนไปด้วย

“แบบนี้ใช่มั้ยที่มีนอยากเห็น พี่ทำให้ดูแล้ว มีนก็ครางให้พี่ฟังได้แล้ว.......พี่อยากเห็นเมียพี่เวลาที่น่ารักที่สุด เดี๋ยวเราทำไปพร้อม ๆ กันเลยนะมีน”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 16-05-2014 18:47:26
ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไปบ้าง สิ่งที่รู้คือ มีนกำลังเอนหลังพิงกับพนักเตียง และแยกขาออกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ
มือข้างหนึ่งพยายามกดแทรกแท่งซิลิโคนเข้าไปภายในช่องทางที่บีบรัด

ส่วนมือที่ว่างก็กำลังปฏิบัติหน้าที่บางอย่างอย่างแข็งขัน โดยมีสายตาของพี่บุ้งจ้องมองมาพร้อมกับส่งยิ้มให้

“อืออออออออ อึก อือออ พี่บุ้ง อืออออ เสียว ไม่ไหวแล้วพี่บุ้ง”

ไม่อยากจะเร่ง ไม่อยากจะทำรุนแรง แต่ก็ไม่สามารถหยุดร่างกายเอาไว้ได้

ฝ่ามือที่กำส่วนนั้นเอาไว้แน่น กำลังเร่งมือให้เร็วขึ้นเรื่อย ๆ และมีนก็ค่อย ๆ ผุดลุกขึ้นนั่งอย่างช้า ๆ กดร่างกายลงมาที่แท่งซิลิโคนแท่งนั้น ขยับเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าอยู่บนแท่งซิลิโคนขนาดใหญ่

เคลื่อนไหวอยู่อย่างนั้น และฝ่ามือก็ขยับตามไปด้วย

คล้ายว่าความรู้สึกล่องลอยไปไกล คล้ายความเขินอายจะหลุดหายไปหมดแล้ว

และพี่บุ้งที่นั่งมองอยู่นาน ขยับมือรูดรั้งร่างกายของตัวเองเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ไปด้วย ก่อนจะลุกขึ้นยืน ก้าวขาขึ้นไปบนเตียงเพื่อให้ท่อนเอ็นขนาดใหญ่อยู่ตรงกับปากของมีน

พี่บุ้งก้มลงมองหน้ามีนเหมือนขอร้อง และมีนก็เงยหน้าขึ้นสบตาพี่บุ้งด้วยความขัดเขิน
ก่อนจะยอมอ้าปากให้กว้างขึ้น เพื่อให้พี่บุ้งสอดแทรกร่างกายตัวเองเข้ามาในโพรงปากของมีนได้ตามต้องการ

“อึก อือออซี้ดดดดดดดดดดส์ อ่า ดีมากเลยมีน มีนของพี่เก่งจังเลยครับ มีนเก่งขึ้นอีกแล้วนะ”

ไม่รู้ว่าเก่งขึ้นจริงหรือเปล่า
เพราะว่ามีนไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าการอ้าปากให้ส่วนนั้นของพี่บุ้งเข้ามาอยู่ในปากของมีนทั้งหมด
และพี่บุ้งก็เป็นฝ่ายจับหัวของมีนให้ขยับเข้าออกไปตามจังหวะที่ต้องการ

“อืออออ อืมมมมมมมมม อึก อือออ”

มีนพยายามจะร้องครางออกมา แต่ร้องไม่ได้เพราะความใหญ่โตของใครบางคนกำลังขยับเคลื่อนไหวอยู่ในโพรงปาก
สะโพกค่อยๆ ขยับขึ้นลงคร่อมทับแท่งซิลิโคนที่ยังคงสอดแทรกอยู่ในตัว และมืออีกข้างยังคงทำหน้าที่รูดรั้งความแข็งแกร่งของร่างกายตามไปด้วย

“มีน พี่อยากเข้าไปในตัวมีนแล้ว มีนพร้อมแล้วใช่มั้ย”

พร้อมแล้ว

พร้อม

พยักหน้ารับ ทั้งที่ท่อนเนื้อขนาดใหญ่ยังขยับเคลื่อนไหวอยู่ภายในโพรงปาก

และเมื่อมีนหรี่ปรือตาขึ้นมองหน้าของบุ้งด้วยความรู้สึกไม่ต่างกัน บุ้งก็ยอมถอนร่างกายออก และย่อเข่าลงมาหาคนที่กำลังเคลื่อนไหวร่างกายอย่างช้า ๆ ให้วัตถุที่สอดแทรกอยู่ภายในร่างกายขยับไหวไปมา
บุ้งค่อย ๆ จับไปที่วัตถุชิ้นนั้น ค่อย ๆ ดึงออกมาอย่างช้า ๆ โดยมีสายตาของมีนกำลังจ้องมองอยู่
มีนมองหน้าของบุ้งสลับกับมองแท่งซิลิโคนที่ถูกดึงออกมาจากช่องทางด้านหลังจนหมดและเพิ่งหลุดไปพ้นทาง

“อึก”

ร้องออกมาเสียงเบา เมื่อความคับแน่นใหญ่โตชิ้นนั้นหลุดออกไปจากร่าง

ไม่ต้องรอนาน บางสิ่งบางอย่างที่ใหญ่โตกว่า และขยับเคลื่อนไหวไปมาได้ กำลังถูกพี่บุ้งจับให้มาจ่ออยู่ตรงทางเข้า

ท่อนเอ็นใหญ่โตถูกสอดแทรกเข้ามาแทนที่อย่างช้า ๆ และมีนที่นั่งมองร่างกายของตัวเองอยู่ตลอดเวลาก็เกิดอาการหน้าแดงก่ำ เมื่อรับรู้และเห็นแล้วว่าสิ่งนั้นเข้าไปในร่างกายจนหมดและในเวลานี้กำลังเคลื่อนไหวไปมาอย่างเชื่องช้า แต่มีนก็สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งร้อนแรงที่สอดแทรกอยู่ภายใน

“อือออออออ พี่บุ้ง มันเสียวกว่าเมื่อกี้อีก ซี้ดดดส์ อืมมม”

ใช่ แน่นอนล่ะมันก็ต้องเสียวกว่าอยู่แล้ว ก็นี่มันของจริงจะไปเหมือนของเล่นที่วิเชียรมันเอามาฝากได้ยังไง

“มีนชอบของพี่ใช่มั้ย”

แน่นอนล่ะมีนชอบของพี่บุ้งมากกว่าของเล่น

“ของ...ของพี่บุ้ง...ก็..ก็ต้องดีกว่าอยู่แล้ว”

ใช่ ยังไงของพี่ก็ต้องดีกว่าอยู่แล้ว ถูกต้องแล้วล่ะมีน

บุ้งกำลังยิ้ม อมยิ้มอย่างถูกใจในคำตอบ ก่อนจะกอดเอวของมีนเอาไว้ และรั้งให้มาอยู่บนตัว

ขยับสะโพกเคลื่อนไหวไปมาด้วยจังหวะเชื่องช้าเนิบนาบและกอดเอวของมีนเอาไว้แน่น เคลื่อนมือไปกอบกุมที่ก้อนเนื้อแน่นทั้งสองข้างด้วยและบีบคลึงแรง ๆ จนมีนเบะหน้า แต่ก็ร้องออกมาอย่างถูกใจ

“พี่บุ้งอย่าบีบแรง มีนเจ็บ ซี้ดส์”

ขอโทษครับ ที่พี่บีบแรง

“งั้นพี่ไม่บีบ เดี๋ยวพี่เลียหน้าอกให้”

จะเอาอย่างนั้นเหรอ ถ้าพี่บุ้งจะเอาอย่างนั้น..........ก็ได้
มีนกอดไหล่ของบุ้งเอาไว้ และค่อย ๆ เบียดเสียดร่างกายเข้าหา

ยกสะโพกขึ้นอีกเล็กน้อย เพื่อให้แผ่นอกขาวที่มียอดอกสีแดงเข้มได้สัมผัสกับริมฝีปากของบุ้งเบา ๆ
และบุ้งก็ไล้เลียปลายลิ้นไปที่ยอดอกที่แข็งขืนขึ้นเป็นไต ดูดดุนและขบเม้มเบา ๆ ก่อนจะเคลื่อนใบหน้าแนบอยู่กับแผ่นอกขาว และประทับริมฝีปากลงไปที่ตรงกลาง แนบใบหน้าฟังที่แผ่นอกด้านซ้าย เพื่อฟังเสียงหัวใจของมีนที่กำลังเต้นระทึก

และรอยยิ้มบางเบาก็จุดขึ้นที่ใบหน้าของบุ้งอีกครั้ง

“มีนของพี่น่ารักจัง”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 16-05-2014 18:49:34
 :jul1:พี่บุ้งกับมีนใช้ของขวัญกันอย่างคุ้มค่าจริงๆ ขอเลือดเติมด่วน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 16-05-2014 18:51:10
โดนวิเชียรหลอกล่ออีกแล้วน้องมีนและพี่บุ้ง :hao4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 16-05-2014 18:53:47
 :pighaun: :m25:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 16-05-2014 18:55:51
บุ้งกำลังคิดว่าตัวเองใจร้ายมากที่รังแกคนน่ารักได้ลงคอ

แกล้งขยับสะโพกอย่างเชื่องช้า และในบางครั้งก็หยุดไปดื้อ ๆ กลางคันก็มี

เล่นเอาคนที่อารมณ์กำลังเพริศกับสิ่งที่ได้รับ หันหน้ามามองหน้าของบุ้งหลายครั้ง และแม้จะหน้าแดงด้วยความอาย แต่สายตาที่มองมาก็เหมือนอยากจะร้องขอให้บุ้งอย่าหยุด และช่วยเพิ่มความแรงให้มากกว่านี้

“อือออ พี่บุ้ง”

ไม่ได้พูดออกมาเป็นคำพูด แต่ใช้การเอ็ดและขมวดคิ้วมุ่นบอกให้รู้
และบุ้งก็อมยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะค่อยๆ กดสะโพกกระแทกกายเข้าไปแรง ๆ อีกหลายครั้ง

“อือออ อึก อืออ อ่ะ พี่บุ้ง.......ทำไมถึง....”

ไม่ได้ทำไมหรอก พี่แค่อยากให้มีนร้องขอ อยากให้มีนงอแงอยากจะได้ร่างกายของพี่ให้มากขึ้น

“เสียวมั้ยมีน มีนตอดพี่ขนาดนี้ พี่เสียวมากเลยรู้มั้ย”

เสียวแล้วทำไมถึงหยุดล่ะ ทำเหมือนแกล้งแบบนี้ มีนจะขาดใจตายอยู่แล้ว

“อืออออ พี่บุ้ง.......อย่า.......”

ไม่กล้าพูดคำว่า อย่าหยุด แต่มองหน้าของบุ้งเหมือนเป็นการบอก มีนยังคงขบริมฝีปากแน่น ไม่กล้าพูด รู้สึกคล้าย ๆ กับว่าอายเกินกว่าจะบอกแบบนั้นไปตรง ๆ ก็เลยได้แต่ขบริมฝีปาก และเมินหน้าหนีไปอีกทาง

และคนแกล้งก็ยิ้มกริ่มพอใจ โน้มตัวลงมาหาและทาบทับร่างกายทุกส่วนเบียดเสียดเข้าหากัน
แนบริมฝีปากประทับลงเบา ๆ ที่ข้างแก้มของคนที่ตาปรือเหม่อลอย ล่องลอยไปความรู้สึกหวาน ๆ ที่ถูกปรนเปรอให้

“ขอพี่สิมีน อะไรก็ได้ พี่จะให้มีนหมดเลย แค่มีนขอได้มั้ย”

ขอเหรอ ขอ.......... แต่ว่า........

“ไม่เอา พี่บุ้งอย่าแกล้งแบบนี้”

ไม่ได้แกล้ง พี่พูดจริง ๆ พี่ไม่ได้แกล้ง

“เอาอย่างนี้นะ ถ้าพี่ถามมีนให้มีนตอบตามที่มีนรู้สึกจริง ๆ ดีมั้ย”

ตอบตามความรู้สึกจริง ๆ ใช่มั้ย ตอบตามความรู้สึกจริง ๆ ..............
พยักหน้ารับ ทั้งที่ไม่มั่นใจ แต่ความรู้สึกตอนนี้มันไปไกลเกินกว่าจะอายได้แล้ว มีนก็เลยต้องพยักหน้ารับอย่างจำใจ
และบุ้งก็ยิ้มออกมาอย่างสมใจก่อนจะขยับกายขึ้นและแยกขาของมีนกว้างขึ้นก่อนจะขยับร่างกายไปมาอย่างช้า ๆ

“พี่แรงแค่นี้ดีมั้ย”

ไม่ดี

มีนไม่ตอบ แต่ส่ายหน้าเป็นคำตอบ และใบหน้าก็ยังคงแดงก่ำเมื่อสบสายตากับดวงตาที่ส่งสายตาแสดงความรู้สึกร้อนแรงมาให้

“แล้วมีนอยากได้แค่ไหน .........แค่นี้พอมั้ย”

ขยับสะโพกเร็วขึ้นอีกนิด และมีนก็มองหน้าของบุ้งเหมือนอยากบอกให้รู้ว่าไม่พอใจ

“งั้นแค่นี้ล่ะ พอมั้ย”

เริ่มขยับสะโพกให้เร็วขึ้นเป็นสองเท่าของคราวแรก และมีนก็เริ่มพยักหน้ารับ ทั้งที่สบตากับบุ้งนิ่ง ๆ และกำลังจะเมินหน้าหนี

“ถ้ามีนไม่บอกให้พี่ทำแรง ๆ พี่จะช้าลงนะ”

ช้าลงเหรอ จะช้าลงใช่มั้ย จากเบือนหน้าหนี คราวนี้มีนต้องหันกลับมาอีกครั้ง และขบริมฝีปากแน่น ด้วยความอาย

“ให้พี่แรงมั้ย”

แรง.........อยากให้ แรง........

“พี่บุ้ง..........ระ...แ........รง...อืออออ แรง”

มีนกำลังจะร้องไห้ เพราะความรู้สึกเริ่มไปไกลจนหยุดไม่อยู่
และคนที่บอกให้มีนร้องขอก็เริ่มควบคุมจังหวะของการสอดแทรกให้เร็วขึ้น.........แต่มีนก็ยังไม่พอใจ.....

“ระ.........แรง.....แรงอีก....พี่บุ้ง อืออออออ”

แรงอีกใช่มั้ย งั้นก็ได้

เริ่มเคลื่อนไหวในจังหวะที่แรงขึ้งเรื่อยๆ และมีนก็ยกมือปิดหน้าของตัวเองเอาไว้ไม่ยอมให้บุ้งมองอีก

อายยิ่งกว่าอาย ที่กำลังร้องขอไม่หยุด

“พี่บุ้ง แรงอีก........อึก อืออ...พี่บุ้งแรง ๆ อีก พี่บุ้งทำแรง ๆ พี่บุ้งทำแรง ๆ ไม่ไหวแล้ว..........พี่บุ้งอย่าหยุดนะ พี่บุ้งแรง ๆ ........พี่บุ้ง..........แรง ๆ”

ไม่รู้ว่าพูดอะไรไปบ้าง พูดไปก็อาย
แต่หยุดไม่ได้ เพราะถ้าหยุดพูดเมื่อไหร่ พี่บุ้งก็เหมือนจะหยุดสะโพกที่ขยับเคลื่อนไหวซะทุกที

“มีนอยากให้พี่เอาแรงๆ ใช่มั้ย แค่นี้พอมั้ย อยากได้มากกว่านี้อีกมั้ย”

อยากได้อีก อยากได้

“พี่บุ้งงงงงงงง ขอร้อง อย่าแกล้งเลย พี่จะทำอะไรก็ได้ แต่พี่อย่าหยุดนะ ขอร้อง พี่อย่าหยุด.......พี่ทำมีนแรง ๆ มากกว่านี้ได้มั้ย พี่บุ้ง อื้อออออออออซี้ดส์ พี่บุ้ง”

ร้องครวญครางออกมาไม่เป็นภาษา ไม่หลงเหลือความเขินอายเอาไว้อีกแล้ว
มีนยอมเปิดหน้าขึ้นมามอง ยอมพูดทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในหัวออกมาทั้งหมด
และไม่ว่าบุ้งจะถามอะไรมีนก็ยอมตอบไปหมดทุกคำถาม

“ชอบของพี่มั้ย ชอบของพี่อยากให้พี่เข้าไปลึกกว่านี้อีกมั้ย”

“เข้าไปอีก ลึกกว่านี้.........ซี้ดส์ พี่บุ้ง เข้าไปแรง ๆ ให้ลึกกว่านี้”

แล้วก็ได้ตามที่ขอ แล้วมีนก็ได้ตามที่ขอทุกครั้ง ไม่ว่าจะขออะไรมีนก็ได้หมดอย่างที่ตั้งใจ

“พี่จะแตกในตัวมีน พี่จะทำให้มีนร้องไม่หยุด มีนครางเสียงดังกว่านี้อีกได้มั้ย”

ได้ ให้ครางแค่ไหนก็ได้ อยากให้ร้องขนาดไหนก็ได้

“พี่บุ้งงงงงงง ซี้ดส์ อื้อออออออออ อึก อือออออ พี่บุ้งมีนเสียว ไม่ไหวแล้ว อ๊าส์ พี่บุ้งงงงงงง”

เสียงร้องครวญครางดังลั่น โดยไม่กลัวใครได้ยิน ยิ่งทำให้บุ้งเร่งสะโพกที่กระแทกกระทั้นเข้าไปให้แรงขึ้นเรื่อย ๆ
และเหมือนร่างกายกำลังจะทนไม่ไหว

“มีนกอดพี่สิ กอดพี่แน่น ๆ แล้วบอกให้พี่กระแทกแรง ๆ กว่านี้ บอกพี่สิ ว่ามีนเสียวขนาดไหน มีนชอบขนาดไหน”

ชอบที่สุด ชอบมากที่สุด

“ของพี่บุ้งใหญ่ มันเข้าไปในตัวมีนหมดแล้ว พี่บุ้ง......อ้าขาให้ขนาดนี้แล้ว พี่บุ้งอย่าใจร้ายเลยนะ.........ให้มีนแตกไว ๆ เถอะ จะตายแล้ว ซี้ดดดดดดดด อือ”

ไหนบอกสิว่ามีนเป็นใคร

“ใครเป็นผัวมีน”

“พี่.......บุ้ง อืออออ”

“มีนเป็นเมียใคร”

“พี่.........พี่บุ้ง ซี้ดดดดดดด อึก อืออออ”

“บอกพี่ซิว่าเมียพี่รู้สึกยังไง บอกพี่เร็ว ๆ สิ”

ไม่ไหว กำลังจะไม่ไหวแล้ว

“พี่บุ้ง ไม่ไหวแล้ว...........ให้มีนแตกเถอะ มีนไม่ไหวแล้ววว อื้อออออออออ”

เสียงลมหายใจที่หอบหนักพร้อมกัน
ร่างสองร่างที่เคลื่อนไหวขึ้นลงพร้อมกันอย่างรุนแรง ยิ่งทำให้ความรู้สึกของร่างกายเตลิดไปไกล

บุ้งกระแทกร่างกายลงมาอย่างรุนแรง พร้อมกับรูดรั้งความแข็งขืนของมีนที่กำลังเคลื่อนไหวไปมาตามจังหวะการสอดแทรกอย่างลึกล้ำ แต่ความแรงไม่ได้ลดน้อยลงไปซักนิด

“พี่บุ้ง พี่บุ้ง มีน มีนจะ....อ๊าส์ มีนจะไม่ไหวแล้ว”

หน้าท้องเนียนที่กำลังแอ่นขึ้น ช่วงขาที่เกี่ยวรัดที่สะโพกของบุ้งเอาไว้แน่น ยิ่งทำให้ต้องเร่งความเร็วให้เพิ่มขึ้น
มีนขบริมฝีปากแน่น และสะบัดหน้าไปมาแรงๆ ตามความรู้สึก

สองมือจิกทึ้งผ้าปูที่นอน ท่อนขาเรียวโอบรัดสะโพกของบุ้งที่กระแทกเน้นหนักเข้ามาไม่หยุดด้วยความรู้สึกที่ยากจนเกินจะหยุดไหว

“มีน มีนของพี่.......พี่กำลังจะแตกแล้ว ไปพร้อมพี่มีน เสร็จพร้อมพี่นะมีน.....อาส์”

ได้ อะไรก็ได้ มีนก็จะไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวแล้วพี่บุ้ง

“พี่บุ้ง..........ซี้ดดดดดดดดดดดดดดส์ พี่บุ้ง มีน แตก....อึก...แตก...แล้ว.......อือ .....เสร็จแล้ว อ๊าส์”

ร่างกายของมีนเกร็งกระตุกอย่างรุนแรงหลายครั้งเมื่อถึงจุดหมาย
หยาดหยดมากมายพุ่งทะยานออกมาจากส่วนปลายของร่างกายส่วนที่บุ้งรูดรั้งให้

และบุ้งก็กระแทกสะโพกเข้าไปซ้ำอีกเพียงไม่กี่ครั้งก็ถึงจุดหมายไปตามกัน

“พี่ แตกแล้วมีน........อึก อืออ ฮึก อืมม”

สะโพกแกร่งที่เคยขยับเข้าออกด้วยความแรง ในเวลานี้ค่อย ๆ เชื่องช้าเนิบนาบลงแล้ว หลังจากที่บุ้งเองก็ปลดปล่อยน้ำรักเข้าไปในช่องทางที่ยังคงบีบรัดและเต้นตุบ

อยากจะอยู่ในนี้ไปอีกนาน ๆ อยู่ในร่างกายของมีนไปอีก เป็นของกันและกันแบบนี้ตลอดไป

บุ้งค่อยๆ เอนกายลงมาทาบทับคนที่กำลังหอบหายใจหนักและกำลังพยายามปรับลมหายใจให้เข้าที่ ทั้งที่หยาดเหงื่อยังไหลซึมที่หน้าผาก

แตะริมฝีปากเบา ๆ ที่ริมฝีปากของมีนอีกครั้ง ก่อนจะแนบใบหน้าเข้าที่ซอกคอของมีนและกระซิบบอกเสียงเบาพร้อมด้วยรอยยิ้ม

“เมียพี่ร้องเก่งจัง.....เล่นซะพี่หยุดไม่ได้เลย”

ก็พี่บุ้งบอกให้ร้องดังๆ ก็เลยร้อง แล้วทำไมพอเสร็จแล้วถึงมาล้อกันได้

“ก็ตอนนั้นไม่ไหวแล้วจริง ๆ”

ไม่ไหวแล้วจริง ๆ ก็เลยร้องครางเสียงกระเส่าขนาดนั้น มันก็ดีแล้วไง

“ไม่ใช่ว่าพี่ไม่ชอบนะ พี่ชอบมาก ๆ เลย ยิ่งเวลาที่มีนบอกให้พี่เอาแรง ๆ พี่ยิ่งชอบ มีนของพี่น่ารัก”

น่ารักตรงไหนวะ ทุเรศตายห่า

“อย่าล้อสิพี่บุ้ง ก็ถ้าไม่บอกให้แรง พี่บุ้งก็แกล้งอีก แล้วเมื่อไหร่จะเสร็จล่ะ ทรมานตาย”

ก็ใช่ไง

“พี่ชอบ มีนร้องดัง ๆ แบบนี้แหละดีแล้ว น่ารัก เดี๋ยวมีนร้องให้พี่ฟังอีกหลาย ๆ รอบนะวันนี้”

ร้องอีกเหรอ แค่นี้ก็เจ็บคอจะแย่แล้ว เสียงดังซะขนาดนั้น ไม่รู้ว่าคนเขาได้ยินไปถึงไหนต่อไหน
โชคดีที่มาบ้านพี่บุ้งแล้วไม่มีใครอยู่ ไปต่างจังหวัดกันหมด ไม่อย่างนั้น คงไม่กล้าร้องดังขนาดนี้

“พี่บุ้ง......อยากให้มีนอีกรอบ พี่บุ้งก็ต้องทำอีกรอบนะ”

นั่นไงล่ะ ไอ้วิเชียรมันสั่งสอนเมียกูมาแบบนี้จริง ๆ ด้วย นี่มึงคิดท้าทายกูขนาดนี้ กูก็จะจัดให้ เดี๋ยวจะจัดให้เมียอีกสองยก เวลาเมียเผลอหลุดปากไป พวกมึงจะได้รู้ว่าหัวหน้าพวกมึงก็ไม่ใช่ธรรมดา รู้กันเอาไว้ซะบ้าง

“สามยกนะวันนี้ จนกว่าจะสว่างมีนพอไหวมั้ย”

จนกว่าจะสว่างเลยเหรอ แบบนี้มีนไม่ต้องเดินขาถ่างอย่างที่พี่วิเชียรว่าเลยหรือไง

“พี่บุ้งจะเอาจริงๆ เหรอ”

ใช่สิ เอาจริง ๆ ก็มีนรับคำสั่งสอนจากไอ้วิเชียรมายังไงล่ะ พี่ก็ควรจะทำให้สมใจมันไป มันจะได้ไม่กล้าคิดว่าพี่ไม่มีน้ำยา

“แต่กลัวพรุ่งนี้ลุกไม่ไหว พี่บุ้งเอาแค่อีกยกเดียวได้มั้ย”

ไม่ได้ ถ้าน้อยกว่าสามแบบนี้ไม่ได้ แต่ก็ไม่ควรบอกไปว่าไม่ได้ เดี๋ยวอ้อน ๆ ไปมีนก็ยอมพี่ไปเอง
ของแบบนี้ไม่ใช่เรื่องยาก จัดการได้ง่ายๆ อยู่แล้ว

“ได้สิ พี่ตามใจมีน อะไรก็ได้”

แต่ไม่ได้บอกว่ามีนก็ควรจะตามใจพี่อะไรก็ได้เหมือนกัน ไม่ได้บอก แต่เดี๋ยวขอเอาตอนที่มีนเกิดอารมณ์สุด ๆ ก็ได้


“พี่บุ้งใจดีจัง”

ใช่ พี่ใจดีมาก ใจดีที่สุดแหละ ไม่มีใครใจดีกว่าพี่อีกแล้ว

“ก็เมียพี่น่ารักไง พี่ก็เลยต้องเป็นคนใจดี เพื่อเมีย”


Fin.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 16-05-2014 19:15:34
 :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:     เลือดแทบหมดตัว พี่บุ้งแม่งหื่น   :laugh:  แต่เราก็ชอบ   :haun4:   แต่วิเชียรแม่งร้ายชอบไซโค คู่อื่นอยู่เรื่อยๆเลย  ขอให้เจอเฮียแกล้งบ้าง   :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 16-05-2014 19:16:46
พี่บุ้งคงต้องขอบคุณพี่วิเียรสิเนอะ :hao6:
ทั้งของเล่นเอย..
คำแนะนำดีๆให้น้องมีน

 :heaven


หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 16-05-2014 19:22:31
 :pighaun:  :haun4:  :oo1:
ไม่ต้องมีคำบรรยาย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 16-05-2014 19:41:45
อยากรู้ว่าน้องบัวกับพี่โยจะยังไงต่อน้า
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-05-2014 19:53:38
เลือดไหลหมดตัวแล้ว  :jul1: ฟินจัด
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 16-05-2014 19:57:19
หึ....ปากหวานจริงนะพี่บุ้ง.....
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 16-05-2014 21:04:38
 :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 16-05-2014 21:13:31
ตอนบัวลอยโดนวิเชียรว่าน่าสงสารอ่ะ คนยิ่งมึนๆอยู่ วิเชียรโหดดดดด

พี่บุ้งแม่งก็โคตรหื่นเลย
 :ling1: :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 16-05-2014 21:20:16
กร๊๊ดดดดดดดด รอตอนพิเศษอันร้อนแรงของคู่นี้มานานแหละ  :m25:

แหมพี่บุ้งล่ะก็ ช่างเป็นผู้ใหญ่ใจดี สุดๆ  :-[
ไม่รู้จะอิจฉาหรือสงสารมีนดี  :laugh:

ว่าแต่ทั้งหมดมันเป็นแผนของวิเชียรใช่ม้ายยย ต้องใช่แน่ๆ ฮา  :hao7:
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคโยธิน-บัวลอย ตอน เราเป็นรูมเมทกัน
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 16-05-2014 21:28:08
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/10/โยธิน_บัวลอยNk8Sn.jpg)
รักเกิดในแผนกขนส่ง....ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน เราเป็นรูมเมทกัน

วันแรก

“.............................”

ฮัทไม่รู้จะพูดอะไร อยากจะเขกหัวตัวเองที่รับปากมาอยู่เป็นเพื่อนเพื่อดูแลคนเจ็บ แต่คนเจ็บดูเหมือนจะไม่ค่อยเจ็บซักเท่าไหร่ ยกเว้นอาการสำออยเป็นบางเวลา

“ลำบากใจหรือเปล่า พี่ไม่อยากรบกวนบัวหรอกนะ ขอโทษด้วยจริง ๆ ที่ทำให้บัวต้องมาลำบาก”

เต็มไปด้วยความสุภาพเรียบร้อยและมีมารยาทต่อกันสุด ๆ

“ต้องเช็ดตัวใช่มั้ย เดี๋ยวจะเช็ดตัวให้”

ทำหน้าที่พยาบาลจำเป็นได้อย่างดีเยี่ยม ไม่คิดว่าจะต้องมาเช็ดตัว หรือดูแลคนที่ไม่ชอบหน้ากันแบบนี้ แต่ก็ต้องทำ.........
ทำด้วยความเต็มใจ ที่เต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ ไม่รู้ว่าจะเรียกความรู้สึกแบบนี้ว่าอะไร อธิบายไม่ได้ แค่รู้ว่าเป็นหน้าที่ ที่ต้องทำ
การเช็ดตัวครั้งแรกผ่านไปได้ด้วยดี โยธินไม่แสดงสีหน้าอาการอะไรให้ได้รู้สึกหวั่นใจ

นั่งเฉย ๆ บอกให้ยกแขนขึ้นก็ทำตาม บอกให้ลุกขึ้นยืนก็ทำตาม ไม่ว่าจะบอกให้ทำอะไรก็ทำตามไปหมดซะทุกอย่าง
ไม่แสดงอาการเกี่ยงงอน และไม่ทำท่าทางให้คนดูแลต้องหนักใจจนต้องหนีกลับบ้าน

วันแรกแทบจะไม่พูดกัน

คนมาเฝ้ายืนยันจะนอนที่โซฟา ส่วนคนป่วยต้องจำใจเข้าไปนอนในห้องพร้อมกับเจ้าของห้องตัวจริงที่ยึดเตียงนอนขนาดหกฟุตของโยธินไปแล้ว และเหลือพื้นที่ให้โยธินนอน แค่นิดเดียว

จะไปทำอะไรได้

เผื่อนิลพัทมันนอนดิ้นไปรอบ ๆ เตียง แล้วไปนอนทับมัน แล้วจะซวย สงสารแมว......... แต่ไม่สงสารตัวเอง

“เดี๋ยวกินข้าวกินยานะ จะอุ่นโจ๊กให้”

ใครอยากจะกินโจ๊กกันล่ะ ที่อยากกินไม่ใช่โจ๊กแต่อยากกินอะไรอร่อย ๆ ต่างหาก แต่ไม่อยากเรื่องมากตั้งแต่อยู่ด้วยกันวันแรก
และโยธินคิดเอาไว้แล้ว ไม่ใช่แค่อยู่ด้วยกันแค่นี้หรอก.............ยังไงต้องดึงเอาไว้ให้ยาวนานที่สุด
อย่าคิดว่าจะได้อยู่ด้วยกันแป๊บ ๆ นะบัว พี่จะไม่ให้บัวกลับบ้านได้หรอก คอยดูก็แล้วกัน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 16-05-2014 21:29:26
วันที่สอง

“กินข้าว”

โยธินตื่นนอนนานแล้ว และกำลังยืนรับลมอยู่ที่นอกระเบียงแต่เพราะเสียงเรียกของคนที่ช่วยจัดการเรื่องอาหารให้ก็เลยต้องหันไปมองคนที่เรียกให้กินข้าวเช้า น้องบัวลงไปซื้อโจ๊กมาให้กิน

โจ๊กใส่ไข่ที่จำใจต้องกินวันนี้เป็นวันที่สอง บอกตรงๆ ว่าโคตรไม่อร่อย แต่ปฏิเสธไม่ได้
อยากกินอะไรอร่อย ๆ แต่ก็ต้องทำเป็นเฉย เพราะไม่อยากขัดศรัทธารูมเมทที่รัก โจ๊กร้อน ๆ อยู่ในชามสองชามบนโต๊ะกินข้าว
อาหารที่เรากินร่วมโต๊ะกัน คือโจ๊กใส่ไข่ร้อน ๆ ที่โยธินคิดว่ามันแสนจะไม่อร่อย แต่ก็จำใจต้องกิน

“ป้อนหน่อยได้มั้ย มือซ้ายถือช้อนไม่ถนัด”

อยู่ ๆ ก็นึกอยากจะมารยา หาเรื่องให้คนดูแลทำหน้าที่ให้มากกว่านี้
ป้อนเหรอ ก็.........ได้

มันคือครั้งแรกที่ฮัทต้องป้อนข้าวคนที่บอกว่าถือช้อนไม่ถนัด ทั้งที่เมื่อวานกูก็เห็นว่ามึงก็ใช้มือซ้ายได้นี่หว่า
แล้วอยู่ดี ๆ ทำไมเกิดถือช้อนไม่ถนัดขึ้นมาได้วะ

แปลกใจแต่ไม่ถาม และฮัทก็ใช้ช้อนตักโจ๊กป้อนให้คนที่รออยู่แล้ว
วางมือจากชามของตัวเองและมาดูแลคนเจ็บด้วยการป้อนโจ๊กให้จนหมดชาม นี่มึงแขนหักหรือพิการวะ ทำไมถึงได้ดูง่อยเปลี้ยได้ขนาดนี้ ป้อนเสร็จแล้วและฮัทก็มากินโจ๊กที่อยู่ในชามของตัวเอง กินให้เรียบร้อยก่อนไปทำงาน โยธินได้หยุด แต่ฮัทต้องไปทำงาน

“พรุ่งนี้พี่จะไปทำงานด้วยนะ พี่ไม่เป็นไรแล้ว แค่เจ็บแขนกับเจ็บแผลเฉย ๆ”

ไปทำงานด้วย แต่แขนมึงเป็นแบบนี้ แล้วจะไปทำงานยังไง
เลิกคิ้วขึ้นสูงและมองหน้าของโยธินแบบสงสัย

“พี่ซ้อนมอร์เตอร์ไซด์บัวก็ได้ มีหมวกกันน็อคมั้ยล่ะ”

มี แต่ไม่อยากให้ซ้อน

“ไปแท็กซี่เหอะ แบบนั้นมันยุ่งยาก”

ยุ่งยากตรงไหน

“ไปได้ เดี๋ยวพี่ไปด้วย ไม่อยากทำตัวให้เป็นภาระจนบัวต้องหนักใจ แค่ขออาศัยติดรถไปด้วยแค่นั้น รถพี่ซ่อมอยู่คงอีกนานกว่าจะได้”

ก็คงต้องเป็นแบบนั้น เอาเหอะ จะเอายังไงก็เอา ก็แล้วแต่แล้วกัน ตามใจ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 16-05-2014 21:29:45
“กิ ชอบกินแต่ขนมไม่มีประโยชน์ วันก่อนก็ทีแล้ว พับถุงขนมแล้วเอาหนังยางมัดทิ้งไว้ในเก๊ะที่ร้าน บอกเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง พี่จะโมโหแล้วนะ”

เชิญครับ โมโหได้ตามสบายครับ

“ก็คนมันไม่มีใครสนใจก็เลยต้องหากินอะไรไปตามยถากรรม”

ยูกิตอบแบบนั้น และพี่สุรชาติก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะมองหน้าของฮัทอย่างขอร้อง

“เอาสลัดผักมาแล้วกัน น้ำราดเอาเป็นสูตรโยเกิร์ต”

ฝากซื้อของกิน และยูกิ ก็ถึงกับเบ้หน้า และมองหน้าพี่สุรชาติด้วยความเคือง

“กินขนมตามใจตัวเองแค่นี้ พี่ถึงกับให้กิ กินผักเป็นถุงเลยเหรอ ทำไมใจร้ายงี้อ่ะ”

ก็ใจร้ายแบบนี้แหละ

“จะได้เข็ด”

เข็ดบ้าอะไรล่ะ ซื้อมาก็ไม่กินหรอก คอยดูก็แล้วกัน

“ไม่เข็ด คราวหลังก็จะกินอีก พี่บาสใจร้าย พี่บาสใจร้าย ไม่ไปช่วยขายของแล้ว พี่บาสใจร้ายโว้ยยย”

ยูกิเดินบ่นอะไรพึมพำออกไปจากแผนกขนส่งแล้ว และพี่สุรชาติก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่

“เนี่ย พอพูดเข้าก็เป็นแบบนี้ ไม่อยากจะบ่นหรอกนะ แต่กินแล้วก็บ่นว่าแสบคอ เพราะขนมมีแต่ผงชูรส ก็ยังจะกิน พอหาผักให้กิน ก็ไม่ยอม ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”

พี่สุรชาติยังคงบ่นยูกิไม่เลิก แต่ฮัทกำลังอมยิ้มน้อยๆ เพราะสิ่งที่ได้เห็นและรับรู้

ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่เห็นภาพแบบนี้ เห็นมานานแล้ว แต่แค่ไม่เคยรู้สึกว่าความห่วงใยของคนสองคนที่มีให้กันมันมากเกินคำว่าพี่น้องหรือเพื่อนร่วมงาน ทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนเดิม ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเลย เพียงแต่ตอนนี้ฮัทรับรู้สถานะที่แท้จริงของคนสองคนแล้วเท่านั้น

รวมถึง...........

“ไอ้พู่ นี่จะมาช่วยเช็คของหรือจะมาด่ากูวะ แม่งเช็คผิดเช็คถูกมั่วไปหมดแล้วโว้ยยยย มึงด่ากูอยู่นั่น กูก็ลืมสิวะ”

พี่อำนาจเถียงกันกับพู่อีกแล้ว และพู่ก็ขมวดคิ้วมุ่น และยังคงทะเลาะกับพี่อำนาจไม่เลิกด้วยเรื่องเดิม ๆ เหมือนทุกวัน

“ก็หัดเช็คให้มันดีๆ สิ พี่แก๊ปนี่อะไรของมึงวะ แม่ง อยู่เฉยๆ ไป เดี๋ยวเช็คเอง”

พู่เป็นห่วงพี่อำนาจเสมอ มาช่วยเช็คของให้ตลอด เพราะบางครั้งพี่อำนาจก็เบลอ ๆ จนทำให้ของสลับกัน

แต่จะโทษพี่อำนาจไม่ได้ เพราะพี่อำนาจมีหน้าที่สแปร์ ปกติก็เอ๋อ ๆ อยู่แล้ว พอเจองานละเอียดเข้าไป ก็ลำบากหน่อย แต่พู่จะคอยช่วยเหลือพี่อำนาจอยู่เสมอ

ช่วยกันไปก็ด่ากันไป ช่วยกันไปก็ทะเลาะกันไป
ตอนแรกก็แค่คิดว่าทำไมสองคนนี้ถึงด่ากันได้ขนาดนี้ แต่ไม่เคยเห็นโกรธกันจริงๆ จัง ๆ
แต่ตอนนี้รู้แล้ว พี่อำนาจกับพู่คบกันอยู่ เพราะฉะนั้นถึงทะเลาะกันให้ตาย สุดท้ายก็กลับมาดีกันอยู่ดี
ฮัทมองภาพของคนสองคนที่ช่วยกันเช็คของไปทะเลาะกันไปแล้วก็ยิ้ม ๆ

เดินออกมาจากโซนใน และมาหาคนที่บอกว่าก่อนออกรถให้เดินมาหาหน่อย จะฝากซื้อขนม
หัวหน้าบุ้งกำลังจดเวลารถเข้าออก และมีนก็ขึ้นไปนั่งเกยอยู่ตักหัวหน้าบุ้งเหมือนทุกวัน

เห็นภาพนี้จนชินตา แต่ทำไมเมื่อก่อนถึงไม่รู้สึกว่าแบบนี้คนที่เป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันเขาไม่ทำกัน

“พี่บุ้งงงงง อยู่เฉย ๆ สิ มันนั่งลำบาก”

ได้ยินเสียงมีนบ่นใส่หัวหน้าบุ้ง และหัวหน้าบุ้งก็ขมวดคิ้วมุ่นและหันมาเอ็ดมีนแล้วก็ทำให้คนที่มองอยู่หัวเราะออกมา

“ก็ลุกไปซะทีสิ เก้าอี้มีเยอะแยะ มานั่งทับขาพี่อยู่ได้”

หัวหน้าบุ้งกำลังบ่น แต่คนโดนบ่นหัวเราะชอบใจ และเอาเปลือกถั่วยัดใส่ปากหัวหน้าบุ้ง ก่อนจะหัวเราะออกมาด้วยความขำ

“มีนนนนนนน ทำไมเอาเปลือกถั่วให้พี่กินล่ะ โห่ มีนอ่ะ แกล้งพี่อีกแล้ว”

คนสองคนแกล้งกันไปแกล้งกันมา และฮัทก็เดินมายืนที่หน้าเคาร์เตอร์ลงเวลา

“เอาอะไรหัวหน้า พี่สุรชาติเขาฝากซื้อสลัดผักกับน้ำราดมาให้ยูกิ หัวหน้าจะซื้ออะไรให้มีน”

ไม่ซื้ออะไรหรอก

“เอาอะไร”

หัวหน้าบุ้งถามมีนและมีนก็ทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบสนิท แต่แฝงความสะใจอยู่ในนั้น

“เอาเปลือกถั่วต้มสองถุง พี่บุ้งชอบกินเปลือกถั่วต้ม”

โห่

“มีนนนนนนนนนนนนนนน พี่ไม่ได้ชอบกินเปลือกถั่วต้ม มีนนั่นแหละเอายัดปากพี่ แม่งเอ้ยยยย”

หัวหน้าบุ้งร้องออกมาด้วยความหงุดหงิด แต่ก็เถียงมีนไม่ได้ และมีนก็หัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งหัวหน้าบุ้ง

“เอาปูจ๋าสองถุง พี่บุ้งเอาพิเศษป่ะ”

อือ ก็ได้
หัวหน้าแผนกขนส่งพยักหน้ารับ และฮัทก็จดรายการอาหารที่พี่ ๆ ฝากซื้อ
ไม่ทันจะได้เดินไปขึ้นรถ ก็พอดีกับพี่วิโรจน์เดินสวนเข้ามาแล้วก็สะบัดเสื้อด้วยความร้อน

“แม่ง จะร้อนไปถึงไหนวะ ร้อนจนตับจะแตก”

พี่วิโรจน์เดินบ่นเข้าแผนกไปแล้ว และฮัทก็ทันได้เห็น คอพี่วิโรจน์เป็นรอยช้ำเต็มไปหมดอีกแล้ว

“ท่าทางเมื่อคืนจะหนัก”

หัวหน้าบุ้งพูดกับมีนแบบยิ้ม ๆ และมีนก็พยักหน้าตาม
และฮัทก็ได้แต่ยืนหน้าแดง เพราะพอจะรู้ว่าพี่วิโรจน์ไปทำอะไรมา ก็คงจะ..........เหมือนเดิม...กับหัวหน้าแผนกขายเหมือนเดิม

“พี่วิเชียรหยุดเหรอครับหัวหน้า ผมไม่เห็นเลยตั้งแต่เช้า”

อ่อ ไอ้วิเชียรเหรอ

“คุณวิษณุเพิ่งกลับจากฮ่องกง แม่ผีเรือนอย่างไอ้วิเชียรเลยต้องนอนอยู่บ้านปรนนิบัติผัว มันโทรมาลา เพราะภารกิจของมันใหญ่หลวงมาก กูล่ะแม่งอยากจะด่า แต่ด่าไม่ได้ เดี๋ยวมันให้คุณวิษณุยกเลิกยอดซื้อ มันจะซวยกันไปหมด”

หัวหน้าบุ้งกำลังบ่น แต่เป็นการบ่นที่คล้ายอาการหมั่นไส้มากกว่าโกรธ
พี่วิเชียรไม่ค่อยลางาน และเคยได้ยินว่าทุกครั้งที่พี่วิเชียรลาไม่ได้ลาไปไหนแต่ลานอนอยู่บ้าน
เมื่อก่อนไม่รู้ว่าทำไมพี่วิเชียรต้องลางานเพื่ออยู่บ้าน

แต่ตอนนี้รู้แล้ว..........พี่วิเชียรลาไปทำภารกิจยิ่งใหญ่....ปรนนิบัติคุณวิษณุ ลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทนั่นเอง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 16-05-2014 21:30:40
“เฮ้ยว่าไง พระเอก แขนหักหรือแขนพิการ ได้ข่าวว่าใช้ลูกน้องกูอย่างกับทาสเลยนะ”

หัวหน้าแผนกขนส่งแซวคนที่มายืนอยู่ที่หน้าเคาร์เตอร์ลงเวลาในเวลาพัก และโยธินก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ

“ก็ไม่ได้ใช้อะไรครับ แค่ให้ช่วยอาบน้ำแต่งตัวให้หน่อย แล้วก็คอยป้อนข้าวป้อนน้ำแค่นั้นเอ้ง”

โยธินพูดไปยิ้มไป ระหว่างรอให้คนที่ไปขึ้นรถกลับเข้ามา

“แล้วยังไง อะไรกันยังไง ถึงไหน”

อะไรกันยังไงถึงไหนเหรอครับ ก็.......

“นอนแยกห้องอะพี่ จะอะไรยังไงก็ทำไม่ถูก กลัวโดนโกรธนี่ก็หาทางอยู่เหมือนกัน ไม่รู้เมื่อไหร่จะยอม แต่เมื่อวานยอมให้จับมือแล้ว อีกหน่อยคงให้จับอย่างอื่นที่ไม่ใช่แค่มือ”

รายงานความคืบหน้าแบบยิ้ม ๆ และหัวหน้าแผนกขนส่งก็พยักหน้ารับแบบเข้าใจ

ไม่ได้ถามต่อให้มากความ

เดี๋ยวถ้าแม่งอยากบอกมันจะบอกเอง ไปถามมากไม่ได้ เดี๋ยวมันคิดว่าอยากรู้ อยากเล่าเดี๋ยวมันเล่าเอง ลักษณะนี้ดูไม่ยาก ท่าทางก็คงอยากจะเล่าอยู่เหมือนกัน

“มีอะไรแนะนำมั้ยครับหัวหน้าบุ้ง”

แนะนำเหรอ ก็.......

“เบา ๆ นุ่มนวล”

พูดง่าย ๆ ตอบออกไปง่าย ๆ และโยธินก็อมยิ้มและมองหน้าของหัวหน้าบุ้งแปลก ๆ ก่อนจะก้มหน้าลงมาใกล้อีกนิดเพื่อถามให้ชัดเจนขึ้น

“แล้วเจลหล่อลื่นยี่ห้อไหนใช้ดีมั่ง เอาแบบว่าลื่นจนใส่เข้าไปทีเดียวแล้วมิดด้าม”

ยี่ห้อไหนเหรอ หัวหน้าบุ้งกระซิบบอกเสียงเบา และโยธินก็ผละใบหน้าออกห่างเล็กน้อยก่อนจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“เรื่องเส้นทางนะ ผมไปดูมาแล้ว เดี๋ยวผมจะเขียนรายงานให้นะครับ จะได้นำเสนอเลย ..........ขอบคุณมากครับหัวหน้าบุ้ง”

ประโยคแรก ๆ คุยเรื่องงาน แต่ประโยคถัดมา ขอบคุณด้วยเหตุผลส่วนตัวล้วน ๆ
และหันไปมองคนที่เพิ่งจอดรถและหิ้วของพะรุงพะรังลงมาจากรถและกำลังตรงดิ่งมาหาหัวหน้าแผนกขนส่งที่ยืนอยู่กับโยธิน

“นี่ของมีน อันนี้ของพี่สุรชาติ แล้วก็นี่ของพู่”

ถุงใส่อาหารสองสามถุงถูกนำมาวางไว้บนเคาร์เตอร์ลงเวลา และโยธินก็ส่งยิ้มให้คนที่เพิ่งกลับเข้ามาก่อนจะเอ่ยถาม

“แล้วไหนของพี่อ่ะ”

ของมึงเหรอครับ.......

“นี่ไง....เปลือกลูกอม เอาไปกินซะอุตส่าห์เอามาฝากเลยเชียวนะ”

มันใช่ที่ไหนกันล่ะบัว นี่มันไม่ใช่แล้ว ทำไมทำกับพี่แบบนี้ล่ะ น้อยใจแล้วนะ

“เสียใจอ่ะ แบบนี้ตัลล๊อดดด งอน งอน”

ปัญญาอ่อน

“ก็ไม่บอกว่าจะกินแล้วใครจะไปรู้ว่าจะกินอะไร กินข้าวที่ร้านในโรงอาหารแล้วกัน เมื่อเช้าบอกให้เอาข้าวผัดที่ตัวเองผัดไว้ใส่กล่องมาด้วยก็ไม่เชื่อ แล้วมาทำเป็นบ่น”

ก็มันไม่อยากกินนี่ แล้วจะให้กินแต่ข้าวผัดทั้งเช้าทั้งกลางวันใครจะไปกินไหว เบื่อตาย

“บัวอ่ะ บัวววววววว”

สาบานนะว่านี่คือโยธิน เซลหมายเลขหนึ่งของแผนกขาย

“อ้อนกันขนาดนี้ ตกลงได้กันยังวะ”

หัวหน้าบุ้งถามออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไร้อารมณ์แต่โคตรอยากรู้สุด ๆ และฮัทก็หันมามองหน้าของหัวหน้าบุ้งตาโต

“หัวหน้าอ่ะ ทำไมถามแบบนี้ พี่วิเชียรไม่อยู่หัวหน้าก็ปฏิบัติหน้าที่แทนเลยเหรอ พวกพี่สองคนนี่พอกันเลย ผมไม่คุยด้วยแล้วโว้ยยยยยยยยย”

ฮัทเดินไปแล้ว และโยธินก็กำลังจะเดินตาม ก่อนจะหันมาส่งยิ้มและพูดบางอย่างให้พอได้ยินกับหัวหน้าแผนกขนส่งแค่สองคน

“เร็ว ๆ นี้แหละพี่ รู้ว่าอะไรใช้ดีแล้ว เดี๋ยวจะได้ไปทดลองใช้แล้วจะมารายงานความคืบหน้านะครับ”

เยี่ยม กูอยากให้เรื่องนี้เป็นกูคนแรกที่ได้รู้

มึงตกข่าวแล้ววิเชียร.......หึ หึ หึ ใครใช้ให้มึงลาหยุด เขาจะเอากันแล้วมึงยังไม่รู้อีก ตกข่าวนะครับมึงคุณวิเชียร

ไอ้ลูกน้องเวร


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 16-05-2014 21:37:17
 :jul1: :haun4: :pighaun: :z1: :m25: :oo1:
รักร้อนแรง อั๊ก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 16-05-2014 21:40:20
พี่วิเชียรรรรรรรรร แย่แล้วววววว  พี่บุ้งกำลังจะแย่งตำแหน่งพี่แล้วนะ  :laugh5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 16-05-2014 21:49:04
ที่พี่บุ้งทำนายจะถูกไหมน้า
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 16-05-2014 21:50:20
เป็นหนักนะหัวหน้าบุ้ง :hao3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 16-05-2014 21:51:37
น้องบัวเริ่มมองเห็นความน่ารักของพี่ๆแล้ว :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 16-05-2014 21:54:53
หัวหน้าบุ้งจะชิงตำแหน่งวิเชียรแล้ว 55555
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคโยธิน-บัวลอย ตอน เด็กอนุบาล
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 16-05-2014 22:05:49
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/10/โยธิน_บัวลอยNk8Sn.jpg)
รักเกิดในแผนกขนส่ง....ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน เด็กอนุบาล


อยู่ด้วยกัน ตอนนี้อยู่ด้วยกัน อยู่ด้วยกันตั้งแต่โยธินออกจากโรงพยาบาล อยู่ด้วยกันมาพักใหญ่แล้ว
ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ทั้งที่ไม่ค่อยจะได้คุยกันซักเท่าไหร่
แล้วตกลงสถานะความสัมพันธ์ของเราสองคนตอนนี้เรียกว่าเป็นอะไรกัน

“บัว...แปรงสีฟันบัวมันดูแปลก ๆ แล้วนะ เปลี่ยนอันใหม่เหอะ เดี๋ยววันนี้เราไปซื้อแปรงสีฟันด้วยกันนะ”

บ้าหรือไง นี่มันใช่เรื่องที่ต้องไปทำด้วยกันเหรอ มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องไปทำด้วยกัน แต่โยธินชวนให้ไปด้วยกัน

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวซื้อเอง”

ตอบออกไปแบบนั้น และฮัทก็กำลังสนใจอยู่กับการแกะปลาทูเพื่อคลุกข้าวให้นิลพัทที่มาเดินป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ ๆ และพันแข้งพันขาไม่เลิกได้พักใหญ่แล้ว

“กินอะไรล่ะวันนี้ เบื่อกินข้าวแล้ว”

ไม่ให้กินข้าวแล้วจะให้กินอะไร พูดจาแปลก ๆ

“กินอาหารเม็ดมั้ยล่ะ เดี๋ยวเทใส่ชามให้”

โห อะไรอ่ะบัววววววววววว พี่ไม่ใช่หมาไม่ใช่แมวนะ ถึงจะได้กินอาหารเม็ด

“บัวกินให้ดูก่อนสิ เดี๋ยวพี่กินตาม”

เพราะโดนท้า คนถูกท้าก็เลยเดินไปหยิบถุงใส่อาหารเม็ดของนิลพัทออกมาเทอาหารใส่มือ และหยิบเข้าปากไปสองสามเม็ด

“นี่ไง กินแล้ว อ่ะ จะกินตามไม่ใช่เหรอ”

วางชามใส่ข้าวของนิลพัทลง และฮัทก็เดินมาหาคนที่บอกว่าจะยอมกินอาหารเม็ดถ้ามีคนกินให้ดูก่อน

แบมือที่มีอาหารเม็ดอยู่สองสามเม็ดยื่นส่งให้โยธิน และโยธินก็เลิกคิ้วขึ้นสูง มองหน้าของคนที่เอาอาหารเม็ดมาให้กินแบบตั้งคำถาม เอาจริง ๆ เหรอเนี่ย

“ลองกินสิ จะได้รู้ว่าชอบสูตรไหน”

บัวพูดอะไรของบัวเนี่ย แกล้งพี่ชัด ๆ จะเอาแบบนั้นจริง ๆ เหรอครับ

โยธินกำลังยิ้ม และแทนที่จะแบมือรับอาหารเม็ดที่อยู่ในมือของคนที่แบมือยื่นส่งให้

โยธินกลับก้มหน้าลงไปที่มือของฮัท และแลบลิ้นเลียที่กลางฝ่ามือของฮัทเบา ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้กับคนที่ถึงกับนิ่งอึ้งไปไม่เป็นและรีบดึงมือหนีแทบไม่ทัน

“เหี้ยยยยยยยยยยย”

อุทานออกมาด้วยความตกใจ และคนที่คิดจะแกล้งโยธินเล่นก็มีอันต้องลุกขึ้นเดินหนีไปเพราะถูกทำเรื่องบางอย่างแบบไม่คาดฝัน

“ทำเหี้ยอะไรวะ แม่งเล่นอะไรเหี้ย ๆ”

ได้ยินเสียงบ่น และโยธินก็หัวเราะออกมาเพราะขำกับปฏิกิริยาของคนที่อยู่ด้วยกันมาได้เกือบหนึ่งเดือนแล้ว

“เมื่อไหร่จะถอดเฝือก เมื่อไหร่รถจะซ่อมเสร็จซะทีวะ”

เรื่องนั้นมัน.....
จากที่กำลังยิ้ม ตอนนี้โยธินหุบยิ้มทันทีและคนที่กำลังบ่นพึมพำก็นิ่งชะงักและมองไปที่โยธินที่มีสีหน้าเปลี่ยนไปจากเดิม

“..............”

ไม่มีคำพูดใด ๆ นอกจากความเงียบงัน และโยธินก็ลงไปนั่งอยู่บนโซฟาหน้าโทรทัศน์โดยไม่ยอมพูดอะไรออกมาอีกเลยซักคำ

อะไรวะ พูดแค่นี้ทำไมต้องทำเป็นเงียบด้วย
ก็แค่อยากจะรู้ว่าเมื่อไหร่จะถอดเฝือกแล้วเมื่อไหร่รถจะซ่อมเสร็จแค่นั้น

ทำไมต้อง........เงียบ....

“นี่”

เรียกให้อีกฝ่ายหันมาหา แต่โยธินก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม ไม่พูดไม่จา และทำทีเป็นสนใจอยู่กับจ้องมองไปที่โทรทัศน์

“จะหันมาคุยกันก่อนมั้ย หรือจะดูโทรทัศน์”

ไม่รู้เหมือนกัน เอายังไงก็แล้วแต่บัว ตามใจบัวเลยแล้วกัน

“โยธิน”

เรียกก็ไม่หัน

“คุณโยธินครับ”

เรียกอีกครั้งก็ไม่ยอมหัน

เรียกทำไม ถ้าอยากจะเรียกแบบห่างเหินกันขนาดนั้นก็เรียกไปเถอะ ไม่ว่ายังไงก็คงไม่หันไปคุยด้วยหรอก

“พี่โย”

และครั้งสุดท้ายที่คนเรียกเปลี่ยนแปลงสรรพนามการเรียก โยธินก็หันไปมองทันทีแถมยังขานรับอีกด้วย

“ครับน้องบัว”

อะไรของเมิงงงงงงงงง
ไม่เห็นต้องพูดขนาดนั้นเลยก็ได้

“ถอดเฝือกเมื่อไหร่ แล้วรถที่เข้าอู่ จะซ่อมเสร็จเมื่อไหร่ครับ”

เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละครับ

“พี่ไม่ทราบครับ”

ไม่ทราบได้ไง จะไม่ทราบได้ยังไง ก็หมอนัดไว้แล้วไม่ใช่เหรอ แล้วช่างที่อู่ก็โทรมาคุยด้วยแล้วไม่ใช่หรือไง เห็นอยู่ชัด ๆ ทำไมต้องทำเป็นบึ้งตึงใส่แบบนี้ด้วยล่ะ

“ทำไมถึงไม่ทราบ”

ก็คนมันไม่ทราบ จะให้ทำยังไง ทำไมต้องมาบีบบังคับให้ทราบด้วยล่ะ

“ก็คนมันไม่รู้อ่า บัวอยากรู้ บัวก็ไปถามหมอเองสิ แล้วก็โทรไปถามอู่เลย โทรไปเลย โทรไปเล้ยยยยยยยย”

มึงไม่ใช่โยธินแน่ ๆ
วิญญาณเด็กอนุบาลเข้าสิงหรือไง

ทำไมโยธินเป็นคนแบบนี้วะ
ตอนแรกไม่รู้ว่าเป็นคนแบบนี้ สองสามวันแรกก็ยังฟอร์มใส่กันอยู่ แต่พอวันที่สี่และวันที่ห้า โยธินก็กลายสภาพเป็นแบบนี้

กลายเป็นคนแบบนี้.........

“ก็เค้าไม่รู้จริง ๆ นิ น้องบัวอยากรู้ ก็โทรไปถามหมอสิ แล้วก็โทรไปถามอู่ที่ซ่อมรถเล้ยยยยย โทรไปเล้ยยย”

เหี้ย
มึงคิดว่าทำแบบนี้แล้วน่ารักหรือไง

ทุเรศ สัด ๆ เลยว่ะ

“งอนเหี้ยอะไรวะ”

ฮัทบ่นพึมพำใส่คนที่แสดงอาการ “งอน” ออกมาอย่างเห็นได้ชัด และโยธินก็หันไปมองคนที่บ่นใส่

“รู้ว่างอน ก็อย่าทำให้งอนสิ ทำไมไม่สนใจกันเลย บัวจะทิ้งพี่ที่แขนใช้งานได้ข้างเดียวให้อยู่อย่างทรมานกับแมวที่ขาเป๋ที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลไปไหนมาไหนไม่ได้ ก็เอาเล้ยยยย”

เหี้ยเหอะ แม่งชักจะเกินไปแล้วนะ

“พี่โย.........อย่ามาปัญญาอ่อน”

ปัญญาอ่อนเหรอ เออใช่  พี่มันปัญญาอ่อน ใครจะไปเหมือนบัวล่ะ ทิ้งกันได้ก็ทิ้งกันไปเล้ยยยยยย
ลุกขึ้นและเตรียมจะเดินหนีเข้าห้อง และคนที่ถูกงอนก็ยืนกอดอกและมองหน้าโยธินแบบกวน ๆ

“เอาอีกแล้วนะ มุกนี้อีกแล้วนะ ทำมากี่รอบแล้ว จำได้หมดแล้วเนี่ย คิดว่าใช้อีกทีแล้วจะได้ผลเหรอ”

ไม่ได้ผลก็ช่างมัน ถึงไม่ได้ผล ยังไงก็งอนอยู่ดี

“ไม่สน”

เรอะ ไม่สนเรอะ ไม่สนก็ไม่สนสิโว้ยยยยยยยยยย

“ถ้าไม่ยอมพูดกันดี ๆ จะกลับห้องวันนี้แหละ เอาอย่างนั้นมั้ย”

ปิ๊ง หายงอนแล้วครับ

“ไม่เอาอ่า หายงอนแล้วกั๊บพ้ม”

จากโยธินหน้าบึ้ง ตอนนี้กลายเป็นโยธินหน้ายิ้มแบบกะทันหัน และคนงอนก็รีบก้าวขาออกมาจากห้องมายืนอยู่ตรงหน้าของฮัทและยังทำหน้าทะเล้นใส่คนที่ทำอะไรไม่ถูก และได้แต่ถอนใจด้วยความกลุ้ม

โยธินแม่งปัญญาอ่อนว่ะ บ้า ๆ บอ ๆ แถมยังชอบพูดจางุ๊งงิ๊ง กุ๊งกิ๊ง ฟังไม่รู้เรื่องอีก ตอนแรกกูไม่คิดเลยนะว่ามันจะเป็นคนแบบนี้
แต่พอจำเป็นต้องมาอยู่ด้วยกันด้วยเหตุผลบางอย่างเท่านั้นแหละ ถึงได้รู้ ตัวจริง ๆ ของโยธินเหมือนเด็กปัญญาอ่อน พอรู้เข้าไปแม่งแทบช็อค บอกตรงๆ นะ

กูแม่ง.......ไปไม่เป็นเบยยยยย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 16-05-2014 22:06:23
“แฟนมึงอ่ะ บัวลอย ไม่มาด้วยกันเหรอวันนี้ ปกติกูเห็นมันเป็นสก๊อยห้อยท้ายมึงนี่หว่า แล้วทำไมวันนี้มันไม่มาว๊า”

แฟนอะไรพี่วิเชียร โยธินเป็นแค่คนที่ผมจำใจต้องไปอยู่เป็นเพื่อนด้วยเฉย ๆ

“พี่วิเชียรก็พูดซะ”

พูดซะห่าอะไรของมึงงงงงงงงง แน่ะ แน่ะ มีลับลมคมใน

“อยู่ด้วยกันนานแล้ว พวกมึงเอากันยังว๊า”

ถามแบบตรงประเด็น และฮัทที่กำลังจะเดินไปเข้าโซนในก็ถึงกับตาเหลือก เพราะคำถามแบบตรงๆ ของพี่วิเชียรที่ถามไปยิ้มไป และทำหน้าทำตาแบบว่าอยากรู้อยากเห็นมาก

“ไม่มี้ อะไรของพี่วิเชียร ผมแค่ไปดูแลโยธินมันเฉยเฉ้ยยยย”

เสียงสูงขนาดนี้ กูว่าแม่งต้องมีบ้างแหละว๊า

“อย่าโกหกกูนะ ถ้ามึงโกหกกู แล้วกูจับได้ กูเอามึงตายนะบัวลอยยยยย”

แกล้งขู่ และคนที่โดนขู่ก็ถึงกับหน้าซีด เพราะจำได้ดี ถึงความโกรธของพี่วิเชียรที่เคยทำให้รู้ซึ้งในคราวก่อน

“ผมจะไปโกหกพี่ได้ยังไง ไม่มีจริง ๆ พี่วิเชียร ผมไม่ได้อะไรกับโยธินหรอก ต่างคนต่างนอน ผมนอนโซฟา โยธินนอนกับแมวในห้อง แล้วพี่จะให้พวกผมมีอะไรล่ะ”

ดีมาก สารภาพกับกูซะหมดเปลือกแบบนี้แหละกูชอบ

“แล้วไม่อยากมีเหรอวะ จะว่าไปตอนนี้พวกมึงก็เหมือนคบกันอยู่นี่หว่า จะมีอะไรกันอีกซักรอบกูว่าก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรไม่ใช่เหรอวะ”

เฮ้ยยยยยยย มันไม่ใช่แล้วมั้งพี่วิเชียร

“ผมอยู่ดูแลโยธินเฉยเฉย ผมไม่ได้คิดอะไรเลย”

เรอะ กูเกือบเชื่อแล้ว

“มึงไม่ทำอะไรกันอย่างอื่นบ้างเลยเหรอวะ วัน ๆ มึงจะดูแลกันอย่างเดียวเลยใช่มั้ย ไม่มีแบบว่า มันกอดมึง มึงกอดมัน มันหอมแก้มมึง มึงหอมแก้มมัน แบบนี้บ้างเลยเหรอวะ”

อ่า........ เรื่องนั้นมัน........ก็....

“ก็.....ยังไงล่ะพี่...ก็.....พอ...พอมีบ้าง”

นั่นไง ชัดเจนแล้วไง นี่แหละสิ่งที่กูอยากรู้มาก มึงช่วยขยายความด่วนเลยบัวลอย

“สยิวมั้ยวะ แบบว่าอยากโดนไซร้เพิ่มจากหอมแก้มอะไรแนวๆ นี้มั้ย มึงคิดเอาไว้บ้างหรือยังวะบัวลอย”

เฮ้ยยยยยยยยยยยยย

“พี่วิเชียรพูดอะไรวะ ไม่ใช่เลย พี่.....วิเชียร...พี่...อ่ะ โว้ยยย ผมไปทำงานแล้ว ผมไม่คุยกับพี่วิเชียรแล้ว”

อ้าวไอ้นี่ กูถามดี ๆ เสือกเดินหนีกูไปซะงั้น แม่ง....หมดกัน กำลังปูมาดี ๆ เสือกเดินหนีกูเฉย ขาเสือกอย่างกูเซ็งเลย

“พี่วิเชียร ยังไงพี่ ยังไง บัวลอยมันเดินหน้าแดงไปแล้ว ตกลงยังไงพี่”

อำนาจผู้เชื่องช้าเหมือนเต่าคลาน และไม่เคยเสือกเรื่องชาวบ้านด้วยตัวเอง อาศัยความเสือกของคนอื่นในการทราบข้อมูลข่าวสารตลอด

“มึงไปไกลๆ เลยไอ้แก๊ป วันหลังหัดหาข่าวเองซะมั่ง ไม่ใช่รอหวังพึ่งแต่ข่าวจากกู”

อ้าว ได้ยังไงล่ะพี่วิเชียร ก็พี่นี่แหละแหล่งข่าวชั้นเยี่ยม ไม่ถามพี่แล้วจะให้ถามใครวะ

“ก็ไอ้พู่มันอยากรู้อ่ะ ผมไม่ได้อยากรู้หรอก นี่ผมถามเผื่อไอ้พู่เฉย ๆ”

ไอ้พี่แก๊ป..........

“กูไปพูดตอนไหนว่าอยากรู้ มึงมั่วตลอดเลยนะพี่แก๊ป เอากูไปอ้างตลอด........แล้วตกลงมันยังไงวะพี่วิเชียร”

อ้าวไอ้พู่ นี่มึงด่ากูแล้วก็ไปถามพี่วิเชียรเนี่ยนะ มึงคิดอะไรอยู่เนี่ย หลอกด่าผัวนี่หว่า ใจร้ายมาก

“อีกหน่อยมันคงได้มาปรับทุกข์บ้างแหละ ว่าผัวมันเป็นยังไง ตอนนี้ก็ทำเป็นไว้ท่าไปก่อน พอมันได้เอากันไปซักทีสองที เดี๋ยวแม่งต้องมาขอคำแนะนำจากกูชัวร์”

เอ่อ ไอ้เรื่องนั้นมันก็.........นะ....พี่วิเชียร

“วันไหนมันมาปรึกษากู วันนั้นแหละแม่งชัดเจน สบายใจว่ะ วันนี้ได้รู้ความคืบหน้าเรื่องชาวบ้านแล้ว ไปขึ้นรถดีกว่า”

พี่วิเชียรเดินยิ้มหน้าระรื่นไปขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว และอำนาจก็ยังนั่งงง ไม่เข้าใจสิ่งที่วิเชียรพูด

“บัวลอยมันจะมาปรึกษาวิเชียรเรื่องอะไรวะพู่ ไม่เห็นเข้าใจเลย”

ไอ้พี่แก๊ป
ไอ้พี่แก๊ป
ไอ้พี่แก๊ปโว้ยยยยยยยยยยยยย

“เครียด กูเครียด กูไม่รู้ด้วยแล้ว”

น้องพู่เดินขยำหัวตัวเองจากไปด้วยความกลุ้มที่มีผัวซื่อค่อนไปทางโง่ แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะรักมันไปแล้ว

“อะไรกันวะพวกนี้ หงุดหงิดห่าอะไรกันนักหนา ถามอะไรก็ไม่เคยตอบ กูล่ะไม่เข้าใจอารมณ์พวกแม่งเลยจริงๆ”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 16-05-2014 22:15:15
 :m20: พี่แก๊ป แอบสงสารพู่เบาๆ มีสามีซื่อบื่อ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 16-05-2014 22:18:24
พี่แก๊ป ผู้แสนซื่อ  :laugh:

ส่วนพี่วิเชียรก็ท่าทางคงไม่ยอมเสียตำแหน่งง่ายๆเเน่  :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 16-05-2014 23:24:33
พี่แก๊ปมึน :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 16-05-2014 23:52:37
 :hao3:  อิพี่โย แกจะปัญญาอ่อนก็ไม่ว่านะแต่ช่วยเอาหัวใจดวงน้อยๆของชั้นคืนมาด้วย  คุณโยธินมาดเท่ คนเก่าตอนแรกๆหายไป   :sad4:    แบบว่าแกน่ารักมุ้งมิ้งๆ ก็โอเคนะ  แต่ชั้นชอบแบบตอนแรกๆมากเลย เพราะตอนนี้แกตอแหลและดัดจริตมาก  :z6:   

ปล. น้องพู่หาผัวใหม่เถอะ !!!  :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: ap08572290 ที่ 17-05-2014 00:10:32
ตลกพี่แก๊ป 5555555  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 17-05-2014 00:20:04
แ่ละคู่นี่ฮาเนอะ

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 17-05-2014 00:41:18
พี่แก๊ปซื่อมากกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคโยธิน-บัวลอย ตอน จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 17-05-2014 00:48:02
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/10/โยธิน_บัวลอยNk8Sn.jpg)
รักเกิดในแผนกขนส่ง....ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์


ทำไมกูถึงมาอยู่ที่นี่ได้วะ ฮัทกำลังยืนครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่คนเดียว

ข้าวต้มในหม้อกำลังเดือด และต้องใช้ทัพพีคนเป็นบางครั้ง ระหว่างที่คนข้าวต้ม ก็มีคำถามผุดขึ้นมาในหัวอีกหนึ่งคำถาม
ทำไมกูต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยวะ แม้จะสงสัย แต่บางครั้งคิดไปก็เท่านั้น ไม่เห็นจะมีคำตอบกลับมา

บางทีก็ไม่จำเป็นต้องเข้าใจอะไรให้มากก็ได้มั้ง จะให้เข้าใจอะไรล่ะ ในเมื่อไม่มีอะไรให้เข้าใจได้
ความสงสัยต่าง ๆ แม้มันจะเพิ่มพูนทวีคูณขึ้นทุกวัน แต่ก็เท่านั้น สงสัยไปก็เท่านั้น ไม่เห็นจะมีคำตอบ

เพราะในเวลานี้ คล้ายจะชินกับการอยู่ด้วยกัน ใช่ที่ช่วงแรก ๆ ไม่สนิทใจที่จะอยู่ใกล้ ๆ กัน แต่ในเวลานี้ มันคล้ายเป็นความเคยชิน

“กินข้าว”

คำพูดง่าย ๆ ที่ไม่ต้องพูดจาให้ยืดยาวมากความ แล้วคนที่กำลังโยนเชือกให้นิลพัทกัดก็จัดการอุ้มแมวดำตัวกลมมากินข้าวด้วย
ปล่อยนิลพัทไว้ตรงชามข้าวที่มีอาหารเม็ดเทอยู่ในนั้น ได้เวลากินข้าวทั้งคนทั้งแมว และชามข้าวต้มก็มาวางอยู่ตรงหน้า พร้อมกับแก้วน้ำหนึ่งแก้ว

“บัวไม่กินเหรอ”

ไม่ล่ะ

“ยังไม่หิว”

ถามคำตอบคำ

ไม่ได้พูดจากันมากมาย เพราะไม่รู้จะคุยอะไรกันดี มาเพื่อมาดูแล ดูแลตามหน้าที่
และโยธินที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ ก็เงยหน้าขึ้นมามองคนที่ชอบทำเป็นเมินเฉยเย็นชาใส่กัน

“อะไร”

คำถามถัดมาทำให้โยธินก้มกลับมามองชามข้าวต้มของตัวเองที่ตั้งอยู่ตรงหน้า

“ไม่อยากกินด้วยกันใช่ป่ะ”

อะไรของแม่งวะ อย่ามาพูดจางี่เง่าแบบนี้เหอะ ขอร้อง

“บอกไปแล้ว ว่าไม่หิว”

พูดคำเดิม และโยธินก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่ยอมกินข้าวต้มที่ถูกตักไว้ให้ มันจะอะไรกันนักหนาวะ
บอกว่าไม่หิว ทำไมยังจะเรื่องมากอยู่อีก

มองไปก็เท่านั้น พูดไปก็เท่านั้น สุดท้ายก็ต้องตักข้าวต้มใส่ชามอีกชามมาวางที่โต๊ะกินข้าว
และก็มองหน้าของโยธินที่ไม่แสดงปฏิกิริยาอะไรออกมา หน้ามึงนิ่งก็จริง แต่กูเห็นครับ

ตามึงเป็นประกาย

และคราวนี้โยธินก็ยอมกินข้าวแต่โดยดี ใช้มือข้างที่ไม่ถนัดพยายามตักข้าวต้ม แม้มันจะทุลักทุเล แต่ก็ต้องทำ
ต้องหัดทำ หัดใช้มือข้างที่ไม่ถนัดทำอะไรหลายสิ่งหลายอย่าง

“วันนี้จะไปอยุธยานะ”

คำบอกเล่าง่าย ๆ แต่คนฟังไม่ชอบฟังเลย

“กลับดึกใช่มั้ย”

ใช่

ฮัทพยักหน้ารับ และก็ตักข้าวใส่ปากไปด้วย ทั้งที่บอกว่าไม่หิว แต่พอเอาเข้าจริง ก็กินได้เรื่อย ๆ
กินเป็นเพื่อนคนที่ทำหน้าเฉยอยู่ตรงหน้า

“ไม่ต้องรอนะ นอนไปเลย”

พูดไปแบบนี้ แต่ก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่เคยจะยอมเข้าใจ จะรอทำไมก็ไม่รู้ ในเมื่อโยธินนอนในห้องและฮัทนอนที่โซฟา
เป็นแบบนี้ตั้งแต่วันแรกที่มาอยู่จนถึงวันนี้ มันก็ยังเป็นแบบนี้อยู่ตลอด

ไม่เข้าใจว่าจะรอทำไม ไม่เห็นมีเหตุผล ถ้าง่วงก็ควรนอนไปซะ

“ครับ”

รับคำแบบนี้ตลอด แต่ก็ไม่เห็นจะทำได้ซักที

“อยากกินสายไหมนะ ซื้อโรตีสายไหมมาฝากด้วย จะรอกิน”

โยธินชอบใช้คำพูดแบบนี้ อ้างว่ารอของฝาก ทั้งที่จริง ๆ มันก็เป็นแค่ข้ออ้าง ซื้อของฝากมาให้ก็ไม่เห็นว่าจะกิน
มันคือการหาข้ออ้างในการรอมากกว่า

“เวลาผมออกต่างจังหวัด คุณอยู่ยังไงครับคุณโยธิน”

ไม่เคยถาม แต่ไม่รู้ทำไมครั้งนี้ถึงได้ถาม และโยธินที่กำลังกินข้าวเงียบ ๆ ก็เงยหน้าขึ้นมอง
มองหน้าของคนถามและก็กลับมาก้มหน้ากินข้าวต่อไปเงียบ ๆ

“คุณโยธิน”

เรียกซ้ำไปอีกครั้ง และคนที่ไม่ยอมตอบก็เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง เงยหน้าขึ้นมองและก็ถอนหายใจ

“ก็เหงาไง”

เหงา

เหงาเนี่ยนะ มึงเหงาเนี่ยนะ พูดเป็นเล่นไปได้

“เหงาได้ไง อยู่คนเดียวมาตั้งกี่ปีกี่ชาติ อย่ามาตอบอะไรแบบนี้หน่อยเลย เกือบเชื่อแล้วเชียว”

ไม่ชอบคำตอบแบบนี้เลย และคนที่นั่งหน้าเศร้าก็ก้มหน้าก้มตาลง อะไรของแม่งวะ ทำไมถึงได้ชอบเรียกร้องความสนใจแบบนี้
จะให้สงสาร จะให้เห็นใจ หรือยังไง

“มาคุยกันตรง ๆ เหอะ”

หยุดมือที่กำลังกิน และโยธินก็วางช้อนลง คุยกันตรง ๆ ก็ได้

บัวอยากคุยอะไรล่ะ

“มันแค่ไม่นาน เพราะฉะนั้นผมไม่เห็นความจำเป็นที่คุณจะมาทำท่าโหยหาอาลัยผมนักหนา แขนคุณผ่าเฝือกเมื่อไหร่ ผมก็กลับห้องผม ผมมาอยู่ดูแลคุณ ไม่ได้หมายความว่าผมจะต้องอยู่ที่นี่ไปตลอดนะ”

เพราะรู้อย่างนี้ ถึงได้เศร้าอยู่นี่ไง

“รู้แล้ว”

เออ รู้แล้วก็ดี แล้วก็เลิกทำหน้าแบบนี้ซักทีเหอะขอร้อง

“ใช้ช้อนตักข้าวได้แล้ว ทำอะไรได้ตั้งหลายอย่างแล้ว บัวจะกลับไปวันนี้เลยก็ได้”

งี่เง่า

“อาบน้ำเองได้แล้วหรือไง”

ได้ ถ้าจะทำจริง ๆ ก็ทำได้

“.....................”

ไม่ตอบ แต่โยธินลุกขึ้นและเดินเข้าห้องไปทันที

มึงทำไมงี่เง่าแบบนี้วะ ทำไมถึงได้งี่เง่าได้ถึงขนาดนี้ ได้แต่ส่ายหน้า และเก็บชามไปล้าง มองนาฬิกาและก็ยังเห็นว่าเป็นเวลาหกโมงครึ่ง ยังพอมีเวลาเหลืออีกหน่อยก่อนไปทำงาน เดินไปหยุดที่หน้าประตูห้อง และก็บิดลูกบิดประตูเข้าไป

เห็นโยธินนั่งเฉยอยู่บนเตียงแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ เดินเข้ามาหา และมานั่งอยู่ข้าง ๆ และอีกฝ่ายก็หันมามอง

“นี่เรียกว่างอนเหรอ”

ใช่มั้ง

“เซลหมายเลขหนึ่งของแผนกขาย งอนด้วยเรื่องแค่นี้เหรอ”

น่าปวดหัว กูไม่ชอบเลยเวลาที่โยธินทำแบบนี้

“คิดอะไรอยู่”

คิดเหรอ หลายอย่างเลยล่ะ

“บัวรู้ป่ะ พี่ไม่ได้ชอบอยู่คนเดียวนะ”

หมายความว่ายังไงวะไม่ชอบอยู่คนเดียว ก็เห็นอยู่มาได้ตั้งนาน นึกว่าชอบอยู่คนเดียว นึกว่าชอบความเป็นอิสระ

“ไม่เข้าใจ”

บัวคงไม่เข้าใจจริง ๆ นั่นแหละ

“ใช่ที่การอยู่คนเดียวมันก็สบายดีนะบัว อยากทำอะไรก็ทำได้ตามใจตัวเองทุกอย่าง แต่การอยู่กับคนที่เรารัก มันรู้สึกดีกว่า”

เหี้ยยยยยยยยย มึงอย่ามาเนียนพูดอะไรแบบนี้ อย่ามาพูดอะไรแปลก ๆ แบบนี้นะเฮ้ย กูไม่ได้ชอบฟังเลยเฮ้ย
ไม่ต้องมาพูด แม่ง ไม่ชอบนะเฮ้ย เวลาเกิดอาการใจสั่นเนี่ย

“ไปทำงานก่อนล่ะ”

ไม่เคยยอมรับอะไรทั้งนั้น แม้ความจริงที่ว่าโยธินรู้สึกอะไรด้วย ฮัทก็ไม่อยากจะยอมรับ ไม่อยากยอมรับ.............. บางทีการเลี่ยง อาจเป็นสิ่งที่ดีกว่า

ดีกว่าเหรอ มันดีกว่าจริง ๆ หรือเปล่า

แม้จะบอกว่าไปทำงานก่อนนะ แต่พอเห็นท่าทางนิ่งเฉยของอีกฝ่ายที่ไม่รั้ง และไม่มองมา ฮัทก็ได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก คำว่ารัก มันไม่ได้แย่นักหรอก มันแค่สร้างความปั่นป่วนภายในใจให้เพิ่มขึ้น และเหมือนจะเป็นการบีบบังคับให้ต้องยอมรับความรู้สึกของตัวเองที่มีกับโยธินที่มันเพิ่มมากขึ้นทุกวัน

ไม่ใช่อย่างที่เคยรู้สึก แต่เป็นความรู้สึกแปลก ๆ ที่เพิ่มขึ้นและไม่ใช่สิ่งที่ทำให้รู้สึกแย่ เพียงแต่บางครั้ง ความรู้สึกพวกนี้ มันทำให้ไม่เป็นตัวของตัวเองแค่นั้น ถอนหายใจออกมายาว ๆ และก็ตัดสินใจนั่งลงข้าง ๆ คนที่ยังนิ่งเฉยอีกครั้ง

“คุณโยธิน”

เรียกให้คนที่ทำหน้าเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากให้หันกลับมาและโยธินก็หันมามองหน้าของคนเรียก

“พี่โย”

มันอาจจะเป็นครั้งแรก ๆ ที่ฮัทเรียกโยธินแบบนั้น และโยธินก็เลิกคิ้วขึ้นสูงและประหลาดใจไม่น้อยกับสรรพนามที่แตกต่างออกไปจากเดิม

“ฮัท”

ไม่ได้ลืมหรอกว่าบัวชื่ออะไร แต่แค่ไม่เคยเรียกเท่านั้น และการเรียกชื่อจริงแบบนั้นก็ทำให้คนฟังขมวดคิ้วมุ่น
ไม่ใช่ไม่ชอบชื่อเดิมของตัวเองหรอกนะ มันแค่รู้สึกว่าไม่ใช่

“ผม........ฮัท...อืม....บัว....จะให้เรียกแทนตัวเองยังไง”

มันยากที่จะต้องมาหัดพูดจาอะไรกันแบบนี้ แต่บางทีมันคงเป็นสิ่งที่ต้องทำ

“ยังไงก็ได้”

ยังไงก็ได้งั้นเหรอ

ยังไงก็ได้

นี่แหละเรื่องโคตรยากเลย

“ยังไม่ค่อยหายง่วงเลย”

ไม่ได้พูดคุยกันต่อ แต่ฮัทดึงหมอนของโยธินมากอดเอาไว้ กอดหมอนและค่อย ๆ เอนกายลงนอนและก็ใช้หน้าขาของโยธินแทนหมอนหนุน

ไม่ได้ชอบทำอะไรแบบนี้ ปกติก็ไม่ใช่คนที่คิดจะมาทำแบบนี้อยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ทำ
บางทีก็เหนื่อย บางครั้งเรื่องบางอย่างก็ทำให้เหนื่อยเกินไป และมันเสียเวลามากถ้าต้องคิดอะไรให้มากความ

แม้จะงุนงงไม่น้อยกับสิ่งที่คนที่มาขอหนุนตักทำ แต่รอยยิ้มจาง ๆ ที่ใบหน้าของโยธินก็เป็นคำตอบที่ดี ที่ทำให้ฮัทรู้ว่าอีกฝ่ายดีใจไม่น้อยที่ทำแบบนี้ด้วย

ก็รู้กันอยู่ในใจ ว่าความสัมพันธ์ของเรามันไปไกลมากตั้งนานแล้ว แล้วที่ทำเหมือนคล้ายเมินเฉย นั่นก็ไม่ใช่เพราะรู้สึกแย่ แต่เป็นเพราะยังรับมือกับความรู้สึกแบบนี้ยังไม่ค่อยได้เท่านั้น และถ้าเกิดว่ารับมือได้แล้ว มันก็ควรเป็นแบบนี้

แบบที่เป็นอยู่ในตอนนี้

“บางทีบัวคงคิดว่าทำไมพี่ถึงได้งี่เง่าขนาดนี้ ที่จริงพี่งี่เง่ายิ่งกว่านี้อีกบัว พี่เป็นแบบนี้เฉพาะกับคนที่สำคัญเท่านั้นนะ ไม่รู้สิ มันเป็นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว อาการที่เหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้เฉพาะกับคนที่เรารู้สึกพิเศษด้วยเนี่ย เห็นแบบนี้เถอะนะ พี่ไม่ใช่คนที่จะจัดการกับความรู้สึกของตัวเองได้ดีนักหรอก”

ใช่ มึงเป็นแบบนั้นแหละครับ

หลาย ๆ อย่างที่ทำให้รู้สึก พี่โยมันเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ทำหน้างี่เง่าได้ตลอดเวลา ถ้าเกิดว่าทำให้น้อยใจ หรือทำให้เสียใจ

“อ้อนได้มั้ย”

หือ

หมายความว่ายังไงวะ อ้อนได้มั้ยที่ว่า.......

มองหน้าของคนที่ให้หนุนตักแล้วก็เห็นว่าโยธินอมยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก 
รอยยิ้มแปลก ๆ ที่ทำให้ฮัท ต้องหรุบสายตาลงและก็ยิ้มตาม

“แล้วแต่”

งั้นเหรอ

แล้วแต่เหรอ

“รีบกลับมาเร็ว ๆ นะ ....”

อย่าเหอะ อย่ามาพูดจาแบบนี้หน่อยเลยเหอะวะ

“รอจริง ๆ นะ บัวไม่รู้หรอกว่าเวลาบัวไม่กลับ พี่จะสงสารตัวเองมาก รู้มั้ยว่าอยู่คนเดียวโดยไม่มีบัวอยู่ด้วย มันเหงา”

เออเชื่อ

“ก็เหงาต่อไป”

ไรอ่ะ

“ไม่เห็นใจ ไม่สงสารเลยงั้นสิ”

ไม่ใช่ว่าไม่สงสารไม่เห็นใจอะไรหรอก

“เลิกพูดเหอะ ขอนอนต่ออีกหน่อย ง่วงว่ะ”

ขี้เกียจจะเถียงด้วย ก็เลยตัดสินใจหลับตามันซะเลย แล้วโยธินก็ก้มลงมามองหน้าของคนที่หลับตาลงแล้ว
แตะฝ่ามือเบา ๆ ที่ข้างแก้มของคนที่นอนหลับตา ยิ้ม ๆ กับความสัมพันธ์ที่พัฒนาไปไกลกว่าเดิม

“ปลุกด้วยนะเจ็ดโมง ไม่อยากไปสาย”

ได้สิ

“กั๊บพ้ม เดี๋ยวเค้าปลุก นอนซะนะ นอน นอน”

บ้า อย่ามาทำเสียงแบบนี้ใส่หน่อยเลย

“แบ๊วไปแระ”

“ก็ทำกับบัวคนเดียว”

เหรอ

“อืออออ ก็ทำกับพี่โยคนเดียวเหมือนกัน”

ไม่ใช่แค่พูด แต่ฮัทยื่นมือไปดึงแก้มของโยธินเบา ๆ เหมือนอยากแกล้ง และคนโดนแกล้งก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บ
แต่หัวเราะ และคนที่หนุนอยู่ที่ตักก็หัวเราะตามก่อนจะหลับตาลง

ไม่ได้ตั้งใจจะนอนให้หลับหรอก ก็แค่ หัดอ้อนเท่านั้น

อยู่คนเดียวมันก็ดี แต่อยู่กับคนที่เรารักหรือรู้สึกดีด้วย ยังไงมันก็ทำให้มีความสุขกว่า

ใช่

มีความสุข

และฮัทรู้ รู้ตั้งนานแล้ว แต่ไม่ค่อยอยากจะยอมรับเท่าไหร่ว่าการ อยู่ด้วยกันสองคนแบบนี้ มันยิ่งทำให้รู้สึกดียิ่งกว่าดี


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: meeoldly ที่ 17-05-2014 01:02:01
 :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: holefiller ที่ 17-05-2014 01:04:47
น้องบัวเริ่มยอมรับความรู้สึกตัวเองแล้ววว  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 17-05-2014 03:23:12
กำลังจะด่าว่าเยอะแต่ดีนะที่ตอนจบอาการเยอะมันลดลง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-05-2014 04:06:41
พัฒนาไปอย่างช้าๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: mapreaw ที่ 17-05-2014 06:14:02
โอ๊ะ วันนี้บัวลอยใส่น้ำตาลจนหวานเลยนะ :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 17-05-2014 06:42:51
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 17-05-2014 07:13:43
มุ้งมิ้งอ่า า า า
บัวจ๋าอย่ามัวแต่หนีเรย  ยอมๆพี่โยไปเห๊อะ 5555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 17-05-2014 07:32:34
โฮะๆๆๆ มีการพัฒนาเว้ยยยย
ไอ้น้องบัวก็รู้นิ ว่าพี่โยมันรัก
บัวก็ยอมรับความรุ้สึกของตัวเองเร็วๆเน้อ คนอ่านลุ้น ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 17-05-2014 07:33:33
เย็นนี้น้องบัวกลับมาโลกคงเป็นสีชมพู ิอิ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 17-05-2014 07:42:18
 :o8: เค้าอ้อนกัน มุ้งมิ่งเนอะ เรียกแทนตัว บัวดีกว่า น่ารักดี
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกอัพพร้อมกับการโพส
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 17-05-2014 07:42:49
ในที่สุด บัวก็ยอมอ่อนให้พี่โยจนได้

รู้สึกว่าตอนนี้แอบหวานเบาๆๆ
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 17-05-2014 08:41:10
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/10/โยธิน_บัวลอยNk8Sn.jpg)
รักเกิดในแผนกขนส่ง....ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน งอน

“เค้าไม่ชอบเลย บัวชอบทำให้โกรธ”

มึงป่วยใช่มั้ยเนี่ย สรุปว่ามึงป่วยใช่มั้ย พูดแบบจริงจังนะนั่น น้ำเสียงจริงจังโคตร ๆ แต่ประโยคคำพูดของแม่งโคตรจะแบ๊ว ไม่รู้ว่าจะแบ๊วไปไหนมากมาย

“ผ่าเฝือกแล้วไง ก็อยู่เองได้แล้วสิ หายแล้วนี่ จะให้อยู่ทำไมอีกวะ”

ก็ไม่อยู่ทำไม ก็อยู่แบบนี้ไปก่อนเรื่อย ๆ โยธินไม่ยอมตอบ และคนที่ไม่ยอมตอบก็ยังคงเมินหน้าหนีมองไปนอกหน้าต่างรถ
กูขับรถให้มึงนั่งก็ดีถมเถเท่าไหร่แล้ว อุตส่าห์พามาผ่าเฝือก แม่งยังเสือกเรื่องมากอีกเนอะ

“พี่โย อย่าเรื่องมากได้ป่ะ”

ได้

“ไม่อยากอยู่ด้วยกันก็บอกตรงๆ”

ไม่ใช่แค่พูด แต่คนพูดยังทำเป็นเมินเฉยใส่ด้วย

มึงคิดว่ามึงน่ารักแล้วใช่มั้ย ถามจริง ๆ เหอะ ก่อนจะทำหน้าตาท่าทางปัญญาอ่อนแบบนี้ ได้ปรึกษาใครหรือยัง

“มันใช่เรื่องเหรอ ที่ต้องมาตัวติดกันตลอดเวลา แต่ก่อนก็อยู่แบบนี้ได้ไม่ใช่เหรอ ก็ต่างคนต่างอยู่ไป”

อ่อ เหรออออออออออ งั้นเหรอ

“ตามใจ แล้วแต่บัว”

เออ แล้วแต่กูก็แล้วแต่กูไง แล้วแต่กูแล้วทำไมต้องทำหน้างี่เง่าแบบนั้นด้วย
ไม่ได้พูดอะไรกันอีก เพราะพูดไปก็เท่านั้น คนไม่ฟังเหตุผลพูดไปก็เสียเวลาเปล่า

รถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถในคอนโดเรียบร้อยแล้ว และทั้งคนที่เป็นสารถีกับคนที่ได้รับการดูแลมาตลอดหนึ่งเดือนเต็มก็เดินไปขึ้นลิฟท์ด้วยกัน

ต่างคนต่างเงียบ ต่างคนต่างไม่พูดอะไรอีก
ฮัทเข้ามายืนในลิฟท์และกดชั้นที่ต้องขึ้นไป และคนที่มายืนข้าง ๆ ก็ทำหน้าเฉยใส่แบบไร้อารมณ์

เออดี ตกลงนี่กูทะเลาะกับโยธินแล้วว่างั้น ทะเลาะด้วยเรื่องอะไร แม่งยังงง อยู่เลยเนี่ย
ลิฟท์เปิดออกแล้ว และคนสองคนก็เดินมาที่หน้าห้องพร้อมกัน ฮัทเป็นคนไขประตูห้องโดยมีโยธินเดินตามเข้ามาในห้อง

นิลพัทมานอนเหยียดยาวกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ตรงเท้าและพยายามจะใช้หัวคลอเคลียพันแข้งพันขาของคนที่เพิ่งกลับมา

“เมี้ยวววว”

ไม่ใช่เสียงแมว แต่เป็นเสียงคน และคนที่ทำเสียงแมวก็ก้มลงไปอุ้มนิลพัทมาพาดไว้ที่บ่าและพาเดินเข้าห้องนอนไปแล้ว

เยี่ยมครับ สภาพนี้ไม่ต้องคุย งอนสมบูรณ์แบบ
งอนก็งอนไป แล้วมันใช่เหตุที่กูควรจะต้องง้อหรือไงวะ แล้วนี่มันใช่เรื่องมั้ยที่กูต้องเป็นฝ่ายไปง้อมันเนี่ย

“พี่โย”

เดินเข้าไปยืนอยู่ตรงประตูและใช้แขนท้าวขอบประตูเอาไว้ แต่คนงอนก็ไม่มีทีท่าจะสนใจ ถือไม้เล็ก ๆ ที่ตรงปลายมีขนนกและกระดิ่งติดเอาไว้ และกำลังหยอกล้อเล่นกันนิลพัทอยู่บนเตียง

“กระโดดเลย เออนั่น ขยับมั่งดิวะ นอนอยู่นั่น อย่านอนอืด ลุกขึ้นมาเร็ว ๆ”

คุยกับแมว แต่ไม่คุยกับคน
รู้ว่าถูกงอน และคนที่ถูกงอนก็เดินเข้ามาหาคนที่นั่งเล่นกับแมวอยู่บนเตียง และทำเป็นไม่สนใจคนที่มานั่งอยู่ข้าง ๆ
มองหน้าก็แล้ว ขยับมาใกล้ก็แล้ว แต่อีกฝ่ายก็ยังทำเป็นเฉย

เฮ่อออออออออ กูเบื่อจะง้อแล้วนะโว้ยยยยยย

ไม่ได้พูดแต่คนที่เข้ามาง้อ เอนหลังลงนอนตะแคงบนเตียงและใช้แขนท้าวหัวเอาไว้
นอนดูโยธินเล่นกับแมว แล้วก็หัวเราะเบา ๆ เมื่อนิลพัททำท่าประหลาด

“อืด ลุกขึ้นมาเล่นดิ๊ นอนอยู่นั่น ลุกขึ้นมา”

ยื่นมือเข้าไปหาและแกล้งขยี้มือไปที่พุงนิ่ม ๆ ของนิลพัทและเจ้าแมวขี้รำคาญก็พยายามใช้ทั้งมือและเท้าเล็ก ๆ คู่นั้นถีบแขนและตะกุยมือของฮัททันที

“โอ้ยยยยยยย เจ็บบบบบบ ไอ้แมวผี เจ็บนะเฮ้ย”

ด่าแมว ด่าเหมือนทุกวันไม่ใช่เพิ่งมาด่าตอนนี้แต่ด่ามานานแล้ว นิสัยเสียตรงที่ด่าแล้วก็ยังคลุกข้าวให้แมวกิน แล้วก็ยังขยันแหย่ขยันแกล้งแมวได้ตลอด

“ไปด่ามันอีก ไปแกล้งมันเอง สมควรโดน เจ็บมั้ยนั่น เดี๋ยวแขนก็เป็นรอยอีก”

โยธินยังคงใช้ไม้เล็ก ๆ ที่มีขนไก่ติดอยู่ที่ปลายของไม้ ตีเบา ๆ ที่เตียงนอนเพื่อให้นิลพัทอยากจะเล่นกับของเล่นที่โยธินหามาเล่นด้วย

“มันเอ๋อ”

ไม่ใช่แค่พูด แต่คนพูดขยับเข้ามาใกล้ และเอาคางมาเกยอยู่ที่หน้าขาของโยธินเรียบร้อย

ตอนแรกไม่กล้าทำ แต่ไม่รู้ไปไงมาไง อยู่ดี ๆ ก็กล้าทำแบบนี้ อาจเป็นเพราะเราสนิทกันมากขึ้น
อาจเป็นเพราะเราอยู่ด้วยกันบ่อย ๆ อาจเป็นเพราะใครหลาย ๆ คนเข้าใจว่าเราอยู่ในสถานะความสัมพันธ์แบบคลุมเครือ แต่อธิบายได้ ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เอาเป็นว่าตอนนี้เราสนิทกัน สนิทกันมากกกกกกกกกก มาก ๆ กว่าเมื่อก่อน
มากกว่าตอนที่เรายังไม่เคยรู้จักนิสัยใจคอและไม่ได้ศึกษาตัวตนของกันและกัน

ฮัทคิดว่าสบายใจที่จะอยู่แบบนี้ การอยู่ด้วยกันแบบไม่ระบุความสัมพันธ์ โดนพี่ ๆ แซว โดนใคร ๆ แซวและหยอกล้อ แต่ก็เท่านั้นในเมื่อความสัมพันธ์ที่คลุมเครือ มันมีที่มาที่ไปและไม่ได้ย่ำแย่หรือน่าเกลียด เมื่อเทียบกับช่วงแรก ๆ ที่ฮัทมาอยู่กับโยธินแบบจำใจ และจำยอม

แต่พออยู่ด้วยกันนาน ๆ ทำไมถึงกลายเป็นความเคยชินไปได้ก็ไม่รู้

เคยชินจนถึงขนาด เอาคางมาหนุนตักโยธินได้แบบไม่เคอะเขิน และโยธินก็ไม่เคยล่วงเกินหรือทำให้รู้สึกตะขิดตะขวงใจเลย อาจมีเพียงที่แตะตัวกัน มีการกอดกันบ้าง แต่น่าแปลกที่มันเป็นการกอดแบบหยอกล้อมากกว่าจะให้อารมณ์ความรู้สึกไปในเรื่องอย่างว่า

แรก ๆ ถอยหนีแต่หลัง ๆ รู้สึกชิน และเฉย ๆ

ในสายตาของคนอื่น โยธินเป็นผู้ชายมากสเน่ห์และดูมีเล่ห์เหลี่ยมน่าค้นหา คล้ายคนที่มีความสามารถในการวางแผนอย่างสุดยอด และมีมันสมองที่ชาญฉลาด แต่สิ่งที่คนอื่นไม่รู้

โยธินเป็นคนแบบนี้ เรื่อย ๆ เรียบ ๆ ติดจะเอ๋อและเหมือนเด็กด้วยซ้ำ

ใครเคยเห็นโยธินในแบบไหน ก็ยังเป็นแบบนั้น เฉพาะกับฮัทเท่านั้นที่ได้รู้ว่า ตัวจริงของโยธินเวลาอยู่ด้วยกันเป็นยังไง

“เค้าชอบทำหน้ามึน บางทีตื่นเช้ามาเค้าจะเอ๋อ ต้องเรียกตั้งนานกว่าจะได้สติ”

ครั้งหนึ่งแม่ของน้องหนูดี เคยบอกเอาไว้ และก็หัวเราะชอบใจที่ได้พูดให้โยธินเสียหายได้
และคนที่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับการช่วยน้องหนูดีทำเค้กเป็นของขวัญวันเกิดให้คุณแม่ ก็ไม่ได้รู้เรื่องเลยว่าโดนเผาซะเละไม่มีชิ้นดี

“จริงมาก หน้ามึนตลอด นี่ถ้าผมไม่ได้มาเห็นกับตาตัวเองล่ะไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าเขาเป็นคนแบบนี้”

ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวก้าวก่ายกับคนที่กำลังยุ่งอยู่ในครัว แต่ฮัทอยู่คุยกับคุณแม่ของน้องหนูดีแทน

แรก ๆ ทำตัวไม่ถูก อยู่ในสภาวะที่เกิดอาการเก้อเขินต่อกัน แต่พอเจอกันบ่อย ๆ เข้าทุกสัปดาห์ตอนที่เธอมาส่งหนูดีให้ค้างกับโยธินวันเสาร์ ก็เลยเริ่มจะมีโอกาสได้พูดคุยกัน

เธอเป็นเพื่อนเก่าของโยธิน และเป็นแม่ของหนูดีลูกสาวของโยธินด้วย ความสัมพันธ์ในแบบซับซ้อนยากแก่การเข้าใจแต่ไม่ได้ทำให้ฮัทรู้สึกหงุดหงิดโมโห เพราะไม่เคยคิดจะสนใจหรือใส่ใจหาคำตอบ เรื่องบางเรื่องรู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ อยู่เฉย ๆ บ้างดีกว่า

อยู่แบบไม่รู้ไม่เห็นไม่ใส่ใจแบบนี้มันดีกว่ารู้ลึกรู้จริงไปหมดทุกเรื่อง แต่ปล่อยวางไม่ได้

“พรุ่งนี้หนูดีจะมาค้างป่ะ ไปเรียนว่ายน้ำก่อนแล้วค่อยมาค้างที่คอนโดใช่มั้ย”

ไม่แน่ใจนะ บางทีก็จะจำสลับกันว่าไปเรียนว่ายน้ำก่อน หรือไปเรียนเปียโนก่อนกันแน่

“มาแหละ ถ้าไม่ไปเข้าค่ายนักกีฬาว่ายน้ำของโรงเรียนก่อนนะ ลูกสาวเค้าเอง เก่งป่ะล่ะ ไปเข้าค่ายดั๊วะ”

เหรออออออออ

“โม้ตลอดเลยว่ะ”

แกล้งพูดจาหยอกล้อและฮัทก็เปลี่ยนจากเอาคางเกยขาโยธินมาเป็นใช้หน้าขาของโยธินหนุนหัวแบบเต็ม ๆ
นอนหนุนตักโยธินอย่างสบายใจและหลับตาลงอย่างช้า ๆ เพราะนอนไปนอนมาเริ่มง่วงขึ้นมาจริง ๆ

“ไม่นอนให้ดี ๆ ฮึ่ยยยยยยย ลุกไปนอนให้ดี ๆ ซิ เกะกะ”

อย่ามาเรื่องมากนักเลยน่า หมอนมันไม่ได้อุ่นเท่ากับขานี่หว่าแล้วจะไปนอนหมอนทำไมให้ลำบาก

“อย่าเรื่องมาก”

แกล้งเอ็ดและบ่นเสียงพึมพำในลำคอทั้งที่หลับตาและโยธินก็ละมือจากการเล่นกับนิลพัทมายืดขาออกให้คนที่ใช้หน้าขาของโยธินหนุนนอน ได้นอนสบาย ๆ ขึ้น

เอนกายไปข้างหลัง ใช้แขนสองข้างท้าวไปด้านหลัง และค่อย ๆ เอนกายลงนอน และคนที่ใช้หน้าขาของโยธินหนุนนอนแทนหมอนก็ขยับตัวลุกขึ้น และขยับมานอนข้าง ๆ โยธินแล้ว

“เอาหมอนป่ะ”

ไม่เอาล่ะ นอนแบบนี้แหละ ขี้เกียจใช้หมอน

“เดี๋ยวปลุกด้วย ยังไม่ได้อาบน้ำ”

ยังไม่ได้อาบน้ำแล้วทำไมไม่ไปอาบ

“เน่า”

เน่าบ้าอะไร ก็เน่าเหมือนกันนั่นแหละวะ ได้ข่าวว่ามึงก็ยังไม่ได้อาบเหมือนกันไม่ใช่เหรอ

“พ่อสะอาด ไม่เน่าเลยยยยยยยย ได้ข่าวว่าก็ยังไม่ได้อาบน้ำเหมือนกันไม่ใช่เรอะ”

ไม่เห็นเกี่ยว

“ยังไม่ได้อาบ แต่หอม ไม่เชื่อพิสูจน์ป่ะล่ะ”

ไม่พิสูจน์อะไรทั้งนั้นแหละ จะนอน

“ปลุกด้วยนะ ห้านาที ห้ามเกินเวลา ถ้าเกินเวลามีเรื่องแน่”

“ชอบ อยากมีเรื่อง เอาเรื่องแบบว่ามันส์ ๆ หนุก ๆ นะ ชอบ”

มึงบ้าแระ พูดอย่างหนึ่งเสือกแถไปอีกอย่างหนึ่ง

“ไม่ขำ”

ทำเสียงดุใส่ และคนที่โดนดุก็หัวเราะออกมาเสียงเบา เพราะโดนทำเสียงเข้มใส่

โยธินนอนเหม่อมองไปที่คนที่นอนอยู่ข้าง ๆ มองแล้วก็ยิ้ม
ยิ้มไปเรื่อยๆ และยื่นมือไปแตะเบา ๆ ที่เส้นผมของคนที่นอนหลับตาอยู่ข้าง ๆ และฝ่ายนั้นก็ปัดมือของโยธินออกทันที

“ห้ามแตะ จำไม่ได้แล้วหรือไง”

จำได้สิ จำได้ กฎที่ตั้งเอาไว้ตั้งแต่แรกเริ่มที่เราอยู่ด้วยกันแรก ๆ ทำไมจะจำไม่ได้
พี่ห้ามแตะบัว แต่บัวแตะพี่ได้ แล้วพี่ก็ยอม ยอมอ่อนข้อให้ เพื่อไม่ให้บัวอึดอัดใจ ก็เลยทำให้ลากเวลาในการอยู่ร่วมกันได้นานกว่าที่คิด

“บัวไปสงขลาพรุ่งนี้เช้าเลยหรือเปล่า”

ใช่ ไปพรุ่งนี้เช้า

“อือ”

จำได้ด้วยเหรอ นึกว่าลืมซะอีก

“ไปแล้วตีรถกลับมาเลยใช่ป่ะ แล้วก็จะกลับมานอนที่นี่ใช่ป่ะ”

ไม่ใช่หรอก

“ตีรถกลับมาแล้ว ก็ต้องกลับไปนอนห้องตัวเองสิ หายแล้วไม่ใช่เหรอ จะมาอยู่แบบนี้เรื่อยๆ ได้ยังไง”

ทำไมจะไม่ได้ ก็อยู่มาเป็นเดือนแล้ว มาอยู่อีกก็ไม่เห็นเป็นไรไม่ใช่หรือไง

“เหรอ”

โยธินพูดแค่นั้นแล้วก็หลับตาลงนอนหลับไปเงียบ ๆ ฮัทรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร แต่ไม่อยากพูดอะไรให้มากความ
สำหรับคนอื่น สิ่งที่โยธินทำอาจเรียกว่าการเสแสร้ง แต่ถ้าได้อยู่ด้วยกันทุกวัน
จะรู้ว่าอันไหนแกล้งทำ และอันไหนคือความรู้สึกจริง ๆ ถ้าเริ่มเซ้าซี้ นั่นแหละโยธินแกล้งแล้ว
แต่ถ้าหยุดเซ้าซี้และยอมรับง่าย ๆ นั่นแปลว่ารู้สึกแบบนั้นจริง ๆ และในเวลานี้โยธินก็ไม่ได้เซ้าซี้หรืองี่เง่า แต่ยอมรับง่าย ๆ แบบไม่มีข้อโต้แย้ง

“พี่โย”

เรียกให้คนที่นอนหลับตาได้ยิน และโยธินก็ขานรับ

“หือ”

จะพูดอะไรดีวะ จะพูดดีหรือไม่พูดดี ตอนนี้ชักเริ่มไม่แน่ใจ

“บางทีนะ.....ผมว่าผม.....เหมือนๆ จะรู้สึกชอบพี่โยขึ้นมาแล้วล่ะว่ะ พี่โยคิดว่างั้นมั้ย”

ไม่รู้สิ แล้วบัวคิดว่าไงล่ะ

“ชอบก็ดีแล้ว แล้วก็รีบเปลี่ยนเป็นรักได้แล้ว รอนานขนาดนี้ จะเฉาตายอยู่แล้วครับ”

เหรอ ก็เฉาตายไป

“รอไม่ได้เหรอ”

รอด้ายยยยยยยยยย ทำไมจะรอไม่ได้ล่ะ ไม่ได้รีบอยู่แล้ว ยังไงก็รอได้

“แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ ไม่รอก็ไม่ได้ไม่ใช่เหรอ”

เออนั่นสิ จริงด้วยว่ะ

“งั้นจะไม่รอแล้วว่างั้น”

ใครไปพูดแบบนั้นล่ะบัว
เฮ่อออออออออ ไม่อยากจะพูดด้วยแล้ว ยิ่งงอน ๆ อยู่ อย่ามาหาเรื่องชวนคุยให้หายงอนเร็วขึ้นหน่อยเลย

“พี่โย”

เรียกอีกครั้งและคนที่หลับตาก็ไม่ยอมขานรับอีกแล้ว และก็เป็นฮัทที่ขยับมาให้ตรงกับคนที่นอนหลับตา

“ตักทรายให้นิลพัทยัง”

แกล้งพูด และคนที่นอนอยู่ก็รีบพลิกกายหันหน้าหนีไปทางอื่นเพราะถูกแกล้งให้นอนไม่ได้

“ตักทรายให้นิลพัทยังอ่ะ”

ไม่รู้ ไม่ได้ตักมั้ง ไปดูเอาเอง

“พี่โยตักทรายยัง”

ไม่รู้ไงล่ะ แกล้งอยู่นั่นแหละ

“ถ้าให้ไปตักทรายตอนนี้จริง ๆ จะงอนจริงจังแล้วนะ”

เหรอออออออออออ

มีงอนจริงจังด้วยเหรอ แล้วนี่ไม่เรียกว่างอนจริงจังเหรอ

“นอนก็ได้วะ แม่ง.....แล้วสรุปว่าตักทรายให้นิลพัทหรือยังพี่โย”

ยังไม่เลิก และโยธินก็แกล้งทำเสียงฮึดฮัดในลำคอให้คนแกล้งได้ยิน และก็ยิ่งทำให้ฮัท หัวเราะออกมาเสียงเบาเพราะชอบใจที่ได้แกล้งให้อีกฝ่ายหงุดหงิดโมโหได้

“ถามอยู่นั่น ถามอยู่ได้ ถามอีกครั้ง บัวรีบลงจากเตียงแล้วไปตักทรายนิลพัทเองเลยบัว”

ฮ่า ฮ่า ฮ่า แม่งงอนว่ะ งอนจริงจังซะด้วย โยธินงอนได้ฮามาก

กูแม่งชอบตอนที่พี่โย มันงอนจริง ๆ



TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 17-05-2014 09:04:22
อ๊อย..น่ารักอ่าาาาาาาาาาาาาาา  :-[

วันนี้วันหยุด..อัพๆๆๆๆ

 :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 17-05-2014 09:32:04
รักกันๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 17-05-2014 09:46:20
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: seraty ที่ 17-05-2014 09:57:24
 :katai5:แบ้วๆ หวานๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 17-05-2014 10:02:35
 :-[ มันน่ารักมุ้งมิ้งมากเลยน้องบัว ไปเรื่อยๆ แต่มั่นคงเนอะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 17-05-2014 10:14:19
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/05/ไฟล์เปล่า11oMJGn.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ  วิเชียร&เฮีย.....ตอน  เมื่อวิเชียรเศร้า

ชีวิตคนเราไม่ได้มีแต่เฉพาะความสุขหรอก

บางครั้งความทุกข์ใจก็มาเยือนได้ง่ายๆ เหมือนกัน เหมือนในเวลานี้ที่วิเชียรได้แต่เขี่ยข้าวในจานไปมาและนาน ๆ จะตักข้าวเข้าปากซักคำ เมื่อก่อนถ้ามีกับข้าวดี ๆ แบบนี้ให้กิน ก็คงจะกินอย่างเอร็ดอร่อยมาก

แต่ในเวลานี้ เมื่อกินบ่อย ๆ เข้า รสชาติความอร่อยของอาหารก็ค่อยๆ จางหายไปอย่างช้า ๆ ทีละเล็กทีละน้อย

สุดท้ายต่อให้ปรุงจากเชฟที่มีฝีมือจากภัตตาคารชั้นเยี่ยม แต่เมื่อกินบ่อย ๆรสชาติความอร่อยก็หายไปไม่มีเหลือได้เหมือนกัน
แรก ๆ รสชาติอาหารถูกปากอยากกินอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่พอนาน ๆ เข้ามันกลายเป็น........ความเคยชิน....
รสชาติที่เคยชื่นชอบลดลงทุกวัน.......ทุกวัน

“กับข้าวไม่ถูกปากเหรอคะคุณ”

แม่บ้านที่อยู่ด้วยกันมานานนับปีจนเริ่มคุ้นเคยกัน เอ่ยถามวิเชียรที่เขี่ยข้าวไปมาอยู่อย่างนั้นตั้งแต่เริ่มตักข้าวให้

“ถูกปากครับป้า แต่วันนี้ผมคงกินขนมที่โรงงานมาเยอะเลยอิ่ม ๆ ชอบกล”

ไม่อยากให้คนทำกับข้าวให้กินต้องเสียกำลังใจ วิเชียรก็เลยได้แต่ฝืนยิ้มไป

“เดี๋ยวสัปดาห์หน้าคุณวิษณุก็กลับนะคะคุณ”

วิเชียรรู้ นี่คือคำปลอบใจของแม่บ้าน ที่วิเชียรไม่ได้เห็นเธอเป็นแค่แม่บ้าน แต่เหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่ของวิเชียรแบบกลาย ๆ ไปแล้ว ไม่มีอะไรต้องปิดบัง เพราะคุณแม่บ้านก็รู้ว่าวิเชียรมาอยู่ที่นี่ในฐานอะไร

“ป้าว่า........เฮียเขาใกล้เบื่อผมแล้วหรือยัง”

ถามออกไปอย่างเลื่อนลอยเต็มที และก็ยังเขี่ยข้าวในจานไปเรื่อย ๆ มีการตักเข้าปากบ้างเป็นบางครั้ง เพื่อให้รู้ว่ายังกินได้อยู่ ยังไม่ได้อด ยังไม่ได้ปล่อยให้ตัวเองผอมโซ และเป็นการสร้างปัญหาให้คุณแม่บ้านต้องลำบากใจ

ที่ไม่ยอมกินข้าว

“ท่านเอ็นดูคุณจะตายไปค่ะ อย่าไปน้อยใจคุณวิษณุเลยค่ะ บางทีท่านก็มีหน้าที่เยอะแยะมากมายค่ะ คุณเป็นคนของท่านใจคอต้องหนักแน่นค่ะ ไม่งั้นจะอยู่ลำบากนะคะคุณ”

นี่เรียกว่าเป็นการปลอบใจหรือเปล่า ถ้าใช่......... การปลอบใจของคุณแม่บ้านก็ได้ผลมากเชียวล่ะ

เพราะมันทำให้วิเชียรพอจะยิ้มออกมาได้บ้าง แม้จะเป็นรอยยิ้มที่หม่นหมองเต็มทีก็ตาม

“ขอบคุณมากครับป้า ผมอิ่มแล้ว เดี๋ยวผมช่วยป้าเก็บนะครับ”

แม้ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องทำ แต่วิเชียรก็ยังเป็นวิเชียร

คนที่มาจากดิน ไม่มีเหตุผลอะไรต้องลืมกำพืด แค่ช่วยคุณแม่บ้านเก็บสำรับกับข้าวแค่นี้ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร

“ไม่เป็นไรค่ะคุณ เดี๋ยวป้าจัดการเองดีกว่า คุณไปพักเถอะ วันไหนคุณวิษณุไม่อยู่ คุณก็ออกจากบ้านตั้งแต่เช้า กลับมาถึงก็ยังมารดน้ำต้นไม้ ทำนั่นทำนี่อีก ทั้งที่คุณวิษณุก็ให้เด็กมาทำให้อยู่แล้ว คุณก็ยังจะดื้อทำเองอีกนะคะ”

คุณแม่บ้านคล้ายกำลังบ่นวิเชียร และวิเชียรก็ได้แต่หัวเราะเบา ๆ

“ให้นั่งอยู่เฉย ๆ อย่างเดียว กว่าจะมืดกว่าจะดึก กว่าจะได้นอน มันก็จะยิ่งฟุ้งซ่านไปกันใหญ่ ไม่ดีหรอกป้า”

ตอบออกไปแบบยิ้มๆ และก็ลงมือช่วยเก็บจานข้าวที่กินแล้วมาล้าง ยืนล้างจานที่ซิงค์ล้างจานไปเรื่อยๆ ล้างเสร็จก็คว่ำจานเรียบร้อย และเดินไปที่ห้องรับแขก คิดไม่ออกว่าจะทำอะไรต่อไปดี
บางครั้งบ้านก็ดูกว้างเกินไป เวลาที่คนที่อยากให้อยู่ด้วยไม่อยู่..........

บางครั้งบ้านก็ดูกว้างเกินไปสำหรับวิเชียร

ทิ้งกายลงนั่งบนเก้าอี้บุนวมที่บุด้วยผ้าไหมชั้นดี ของแพงขนาดนี้ เมื่อก่อนที่ได้นั่งก็ตื่นเต้นดีอยู่หรอก
แต่พอชินกับมันแล้ว มันก็เหมือนกับข้าวนั่นแหละไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นอีกแล้ว

วิเชียรเปิดรายการโทรทัศน์ทิ้งเอาไว้ เปิดช่องวิเคราะห์หุ้น
และดูข่าวเศรษฐกิจภาคภาษาอังกฤษ ที่ฟังไปฟังมาก็เริ่มเข้าใจขึ้นมาเล็กน้อย

ถึงฟังไม่รู้เรื่องทั้งหมดแต่เมื่อฟังบ่อย ๆ เข้าทุกวัน ก็เริ่มจะพอจับใจความได้บ้าง

ไม่ได้คิดอยากเป็นนักวิเคราะห์หุ้น ก็แค่เปิดรายการพวกนี้เอาไว้ แล้วก็เอนตัวลงนอนบนโซฟาและปล่อยให้สายตาเลื่อนลอยจ้องมองไปที่หน้าจอโทรทัศน์และในเวลาไม่นาน เมื่อร่างกายอ่อนเพลียถึงขีดสุด

มันก็จะเผลอหลับไปเอง

เผลอ.........หลับไปเอง.........โดยที่ไม่ต้องคิดอะไรให้มากความอีกถ้าความคิดเหล่านั้นมันเป็นการบั่นทอนความรู้สึกของตัวเอง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 17-05-2014 10:14:47
“พี่วิเชียร วันนี้ไม่มีปิ่นโตมาเหรอพี่ ดูของผมซะก่อนพี่ ดูซะก่อนว่ากับข้าวผมเป็นยังไง”

แล้วกับข้าวมึงเป็นไงวะบัวลอย

“แค่ผัดกระเพราทะเล กับต้มยำปลาทู แล้วนี่อะไร ก็แค่ทอดมันปลากราย”

เบะหน้าใส่ และไอ้รุ่นน้องที่ดึงปิ่นโตออกจากเถาก็ยังมีหน้ามาโชว์อาหารที่ไม่ได้เรื่องได้ราวให้ดู

กูกินมาไม่รู้เท่าไหร่แล้วของแบบนี้ กินจนเบื่อ

แต่ต่างจากมึงหน่อยก็ตรงที่.........ของที่กูกิน มันสั่งตรงจากร้านอาหารขึ้นชื่อ ไม่เหมือนของมึง ที่โยธิน ตื่นขึ้นมาทำให้มึงกิน ทั้งที่มันโคตรจะยุ่ง แต่มันก็ตื่นมาทำให้มึงกินเพราะมันรักมึง

แม่งโคตรน่าอิจฉาว่ะ

“กินป่าวพี่ กินป่าว”

กูจะไปกินทำไม กูอิ่มจะตายห่าแล้ว ไม่เอาล่ะ มึงจะกินก็กินไปคนเดียวเหอะ

“กินหมูปิ้งกับเกาหลีมาแล้ว อิ่มจะตายห่า”

เอ่ยบอกออกไปและฮัทก็เงยหน้ามายิ้มหน้าระรื่นใส่

“มีความสุขจริงนะมึง ตกลงได้กันกับไอ้โยธินยังวะ รอบใหม่เนี่ย”

เฮ้ยยยยยยยยย อะไรเนี่ย อะไรของพี่วิเชียรอีกวะเนี่ย

“อะไรพี่ ไม่มี๊”

ไม่มีห่าอะไร ตอนแรกทำเป็นไม่รักไม่ชอบ ทำเป็นไม่อยากเข้าใกล้ พอทีนี้ล่ะ หิ้วปิ่นโตใส่กับข้าวที่เขาทำให้มาแดกอย่างมีความสุขเชียวนะมึง

“เมื่อไหร่พวกมึงจะเอากันซะทีวะ กูลุ้นจนเยี่ยวเหนียวแล้วเนี่ยะ”

อะไรของพี่ จะมาลุ้นอะไรกับเรื่องแบบนี้

“อยู่เป็นเพื่อนกันเฉยเฉ้ยยยยยยย”

กูจะเชื่อพวกมึงแล้วกันนะ มึงเห็นกูโง่มากนักหรือไงบัวลอย

“โยธินมันคงเห็นมึงเป็นแค่เพื่อนเนอะ ทำเป็นมาพูด มึงอยากเอากับโยธินใช่มั้ยล่ะ แล้วทำเป็นฟอร์ม”

พี่วิเชี้ยรรรรรรรรรแม่ง พูดอะไรก็ไม่รู้

“ผมไม่ใช่พี่นะเฮ้ย จะมาลุ้นอะไรวะพี่วิเชียรนี่”

เขินเหรอวะ น่ารักนะมึงเนี่ยะ เขินใส่กูเลยเรอะ

“เดี๋ยวกูจีบแม่งเลย ทำหน้าเคลิ้มซะน่ารักขาดใจเลยนะมึง”

แกล้งหยอดไปและฮัทก็ถึงกับหุบยิ้มทันทีและเงยหน้าขึ้นมองรุ่นพี่ พูดจาฟังแทบไม่รู้เรื่องทั้งที่ข้าวเต็มปาก

“พี่วิเชียร...พี่เหงาเหรอพี่”

สัด มึงบ้าป่ะเนี่ย เหงาบ้านเตี่ยมึงเหรอ หน้ากูเหมือนเหงามากนักหรือไง

“กูไม่ได้เหงา แต่กูเปลี่ยว”

แกล้งพูดออกไปยิ้ม ๆ และรุ่นน้องที่กำลังเคี้ยวข้าวก็ส่ายหน้ากับสิ่งที่วิเชียรพูดและก้มหน้าก้มตากินข้าวพร้อมกับพูดอะไรบางอย่าง

“ถ้าปกติผมก็เชื่อหรอก แต่ตาพี่มันออกมากเลยว่ะพี่วิเชียร ผมก็ไม่ได้อะไรนะพี่ แต่บางครั้งที่พี่เหนื่อย ๆ ล้าๆ เซ็ง ๆ พี่ปล่อยตัวตามสบายบ้างก็ได้มั้ง”

เออ กูยอมรับก็ได้ว่ากูแม่งโคตรเซ็งเลยว่ะช่วงนี้ แม่งไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันซักอย่าง ใช้หนี้เฮียหมดไปชาติกว่าแล้ว แต่ไม่รู้จะไปทำอะไรยังไงที่ไหนต่อ เรื่องที่เคยดิ้นรนอยากได้บ้านอยากได้รถเหมือนเมื่อก่อนตอนนี้ก็มีหมดแล้ว

เรื่องโรงเรียนเรื่องการกินอยู่ของครอบครัว เรื่องพ่อแม่ เฮียก็จัดการให้หมดแล้ว
คือกูพร้อมตายไปตอนนี้เลยก็ได้ คาดว่าคงจะไม่เดือดร้อนใครซักคน แม้กระทั่งเฮียด้วยมั้ง

“พี่วิเชียร พี่โยมันทำต้มยำปลาทูอร่อยมาก พี่ลองกินดู”

หยิบช้อนกลางตักน้ำต้มยำปลาทูส่งให้กับคนที่นั่งทำหน้าเซ็ง และวิเชียรก็ลองชิมต้มยำที่โยธินตื่นขึ้นมาทำให้คนที่อยู่ร่วมบ้านกันใส่ปิ่นโตหิ้วมากินที่ทำงานด้วย

“เออว่ะ แม่งแจ่ม ตักข้าวมาดิ๊ แซ่บแบบนี้แหละโคตรถึงใจ”

กลายเป็นฝ่ายเรียกร้องซะเอง และฮัทก็แบ่งข้าวบางส่วนใส่ปิ่นโตส่งให้วิเชียร

รุ่นพี่กับรุ่นน้องที่สนิทสนมกันเหมือนญาติ ตีกันก็บ่อย ด่ากันก็หลายครั้ง แต่พอถึงเวลาสำคัญจริง ๆ ก็สามารถช่วยเหลือกันได้ทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องของใจ ที่ฮัทช่วยเยียวยาให้กับรุ่นพี่ โดยไม่รู้ตัว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 17-05-2014 10:16:10
“หัวหน้า สายผมไม่มีอะไรนะวันนี้ เดี๋ยวผมขึ้นรถแทนวิโรจน์แล้วกัน วันนี้ในตารางวิโรจน์มันมีวิ่งสายนอกด้วย มันโทรมาบอกผมแล้ว”

วิเชียรเอ่ยบอกหัวหน้าแผนกขนส่งที่กำลังลงเวลารถและก็ขอเบิกกุญแจรถคันที่วิโรจน์ต้องใช้วิ่งเป็นประจำ

“เบอร์ 10 เหรอ ไม่ใช่เบอร์ 12 เหรอ”

ทุกทีมันก็ใช่อยู่หรอก

“เบอร์ 12 มันเบอร์ประจำมึง เอาคันที่ชินมือชินตีนมึงวิ่งแหละดีแล้ว”

นี่กะเอาใจผมหรือเปล่าวะ

“ใจดีแท้ จนอยากเป็นเมียหัวหน้าซะจริง ๆ”

พูดออกไปยิ้ม ๆ และก็ทำให้หัวหน้าแผนกขนส่งถลึงตาใส่ได้

“นรกอย่างมึง เป็นเด็กคุณวิษณุต่อไปแหละดีแล้ว อย่าทำให้ชีวิตกูบรรลัยเพราะมึงเลย”

หัวหน้าก็พูดเกินไป

“ไม่ชอบชีวิตแบบมีสีสันหรือไงหัวหน้า โคตรจะเฟี้ยว ทุกคืนวันของหัวหน้าจะมีแต่ความเร้าใจ สดใส ซาบซ่าสยิวกิ้วไม่เว้นแต่ละคืน เชื่อพ้มมมมมมมม”

ใครจะไปเชื่อมึง

“นรกล่ะสิไม่ว่า”

โห่ แค่นี้ทำเป็นด่า

“ลองแล้วจะติดใจ”

ติดใจเหี้ยอะไรของมึง มึงเป็นอะไรมากป่าววิเชียร

“พูดจาแบบนี้คุณวิษณุไม่ว่าเอาเหรอ  แล้วนี่มันวันหยุดมึงไม่ใช่หรือไง วันหยุดก็ไม่ยอมหยุดเป็นห่าอะไรมากมายวะ”

รู้ดีจริงนะ

“สมแล้วที่ท่านเป็นคู่แข่งของข้า มันต้องสอดรู้สอดเห็นให้ได้อย่างนี้ ถึงจะเหมาะสมในการประมือกับข้าหน่อยนะท่านจอมยุทธบุ้ง”

มึงไปเยอะแล้วแหละวิเชียรกูว่า

“ประสาท มึงรีบ ๆ ไปไกล ๆ ตีนกูเลยไป ก่อนที่กูจะทนไม่ไหว”

ไม่ใช่แค่พูด แต่หัวหน้าบุ้งยังพยักหน้าให้วิเชียรมองไปที่ตีนของหัวหน้าบุ้งด้วย

“อูยยยยยยย กลัวครับ อย่าเตะผมเลยคร้าบบบบบบบบ ผมกลัวแล้วววววววว”

กลัวเหรอ นี่มึงกลัวเหรอ กลัวแต่ทำหน้าระรื่นล้อเลียนกูนะวิเชียร

“ไอ้สันดาน มึงไม่ต้องไปขึ้นแล้วรถอ่ะ มึงมาให้กูเตะซักทีสิวะไอ้วิเชียร”

ไม่ใช่แค่พูดแต่หัวหน้าบุ้งยังถลันออกมายืนหน้าเคาร์เตอร์ลงเวลาและเตรียมจะหวดวิเชียรด้วยฝ่าตีน ให้หายลามปาม

“โว้ยยยยยยยยยยย แม่งเอะอะก็ใช้แต่กำลัง แม่งถือว่าเป็นหัวหน้าหรือไงวะ”

เออใช่ไง กูถือว่ากูเป็นหัวหน้าไง แล้วมึงจะทำไมกูไอ้วิเชียร

“มึงแน่จริงมึงมานี่เลย”

ใครจะไปให้โง่ ไปผมก็โดนกระทืบตายห่าสิวะ

“วู้วววววววววว ไม่เอาล่ะ ผมคนมีงานมีการทำไม่เหมือนหัวหน้าบุ้ง เอาแต่อ้อนเมีย มีเวลาให้กันเยอะซะจริ๊งงงงงงง”

เล่นกูแล้วมั้ยล่ะ

“ไอ้สันดานมึงมานี่เลยนะ ไอ้วิเชียรมึงมานี่นะโว้ยยย สัด”

หู้ยยยยยยยย ใครจะไป ผมไม่ไปให้โง่หรอกครับหัวหน้า

“ลาแล้วคร้าบบบบบบบบบบ หวัดดีครับ แล้วเจอกันใหม่ตอนเที่ยงนะคร้าบบบบบบบบบบ....อ่ะ เหี้ยอะไรวะเนี่ย”

วิเชียรกำลังจะหันไปด่าคนที่มายืนขวาง แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าเป็นใครที่ยืนอยู่ต่อหน้า

“เฮีย.............”

จากหน้ายิ้มระรื่นกลายเป็นเก็บอารมณ์ขึ้นมาแบบทันทีทันใด

“เฮียมายังไงเนี่ย”

มายังไงเหรอ

“เฮียก็ให้สมานขับรถมาส่ง แล้วเฮียก็เดินเข้ามา”

ไม่ใช่ดิ  ไม่ใช่แบบนี้สิเฮีย ผมหมายความว่า...........

“ว่าไงหัวหน้า”

เฮียไม่ได้ตอบคำถามวิเชียร แต่มองไปที่หัวหน้าแผนกขนส่งที่ยกมือไหว้ลูกค้าคนสำคัญของบริษัทที่วันนี้ให้เกียรติมาเยือนถึงแผนกขนส่ง ใคร ๆ ก็รู้ คุณวิษณุมีธุรกิจหลายอย่าง เวลาส่วนใหญ่ของคุณวิษณุหมดไปกับการดูแลและบริหารธุรกิจ แต่วันนี้คุณวิษณุให้เกียรติมาเยือนแผนกขนส่ง แผนกเล็ก ๆ ของโรงงานเล็ก ๆ ด้วยตัวเอง

บุ้งก็เลยต้องรีบยกมือไหว้คุณวิษณุแทบไม่ทัน

“ผมให้เด็ก ๆ หิ้วขนมมาฝากทั้งแผนกนะ เดี๋ยวขนมกำลังจะเดินทางมา”

ครับคุณวิษณุ

“ขอบคุณแทนทุกคนทั้งแผนกด้วยครับ”

หัวหน้าบุ้งยกมือไหว้อีกครั้งและวิเชียรก็มายืนอยู่ข้างๆ คุณวิษณุ จากไอ้วิเชียรลูกน้องสุดป่วน กลายเป็นวิเชียรมารยาทงาม สงบปากสงบคำ และไม่มีทีท่าว่าจะทะลึ่งตึงตังและทำอะไรเป็นเล่นไปซะหมดเหมือนเคย

“พี่วิเชียร เอาก๋วยเตี๋ยวน้ำตกป่าว เจ้านี้แม่งอย่างแซ่บรับรองสะใจ”

รถของฮัทแล่นมาจอดเทียบอยู่หน้าเคาร์เตอร์ลงเวลา และฮัทก็เปิดกระจกมาพูดกับรุ่นพี่ที่สนิทด้วยมากที่สุด

“เฮ้ยยย พี่วิเชียร ตกลงกินมั้ยเนี่ย หมูน้ำตกแซ่บ ๆ เอาป่าวพี่”

ไอ้บัวลอย มึงจะตะโกนทำห่าอะไรเนี่ย หูกูจะแตกอยู่แล้ว

“ครับ 2 ถุงครับ”

ไม่ใช่ว่าไม่เอา และวิเชียรก็หันไปมองรุ่นน้องและตะโกนบอกออกไปเสียงดังฟังชัด

“พูดซะเพราะเลยพี่ ปกติไม่ใช่แบบนี้นี่หว่า เรียกแต่ไอ้บัวลอยมึงแม่ง ไอ้สัด ไอ้เหี้ย ด่าผมแบบนี้ตลอดเลย นี่พี่ไปทำอะไรมาเนี่ยะ”

เออช่างกูเหอะ กูจะไปทำอะไรมาก็ช่างกูเหอะ

“มึงจะไปได้ยังครับ ถ้ามึงยังไม่ไปนะ กูจะเอากุญแจรถฟาดหน้าให้เบ้าตาแตกเลยไอ้ห่า”

เป็นการพูดจาที่ดูให้เกียรติรุ่นน้องมาก และคุณวิษณุก็หันไปมองวิเชียรที่พูดคุยกับรุ่นน้องในแผนกได้เป็นธรรมชาติ ผิดกับเวลาที่อยู่กับคุณวิษณุลิบลับ

“เอามาซักสามสิบถุงสิ เผื่อคนทั้งแผนกเลย”

ใครวะ คนนี้คือใคร

ผู้ชายดูดีมีสกุลรุนชาติ ท่าทางน่าเกรงขามนี้คือใครวะ ถึงจะยิ้มให้กูและพูดจาดี ๆ กับกูก็เถอะแต่ แม่ง.........รังสีความน่ายำเกรง มีมากจนกู....ไม่กล้าจะพูดอะไรต่อเลยเนี่ย

“คุณอ่า........ยังไงคุณ..เป็น”

ไม่รู้จะยกมือไหว้ หรือจะทักทายยังไง เป็นแขกของแผนกหรือเปล่าวะ หรือยังไง

“ผมวิษณุ วันนี้ได้มีโอกาสแวะมาสวัสดีหัวหน้าแผนกขนส่งด้วย ก็ถือโอกาสให้ทุก ๆ คนได้ทานอะไร แซ่บ ๆร่วมกันเลยนะ”

คุณวิษณุพูดไปยิ้มไป และใช้คำพูดได้ใกล้เคียงกับวิเชียรมากที่สุดเพื่อสร้างความคุ้นเคยกับรุ่นน้องของวิเชียรที่แม้จะเพิ่งเจอกันแค่ครั้งแรก แต่นั่นกลับสร้างความประทับใจให้กับฮัทไม่น้อย มองเลยไปที่หัวหน้าแผนกขนส่งแล้วก็เห็นหัวหน้าพยักหน้าให้ เป็นอันเข้าใจว่าให้ทำตามนี้ แล้วฮัทก็มองไปที่พี่วิเชียรที่กำลังทำหน้าตาเซ็งโลกสุด ๆ

“พี่วิเชียร”

ตะโกนเรียกวิเชียรอีกครั้ง และวิเชียรก็มองไปที่รุ่นน้องตามเสียงเรียก

“อารมณ์ดีขึ้นบ้างยังพี่.....สองสามวันนี้พี่ดูแปลก ๆ ว่ะ หัวหน้าช่วยดูพี่วิเชียรแทนผมหน่อยนะ เดี๋ยวพี่วิเชียรหนีไปฆ่าตัวตายเพราะช้ำรัก ผมคงไม่มีหน้าไปบอกเฮียของพี่วิเชียรได้ถูกว่าเขาทำให้พี่วิเชียรช้ำใจ”

ไอ้สัด

มึงรีบไปก่อนที่จะเป็นเรื่องดีกว่าว่ะ มึงไม่รู้หรือไง ว่าคนที่ทำให้กูช้ำรัก แม่งยืนอยู่นี่

“เฮ้ย มึงรีบ ๆ ไปเลยไป เร็ว ๆ เข้า”

รีบไล่ให้คนที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยรีบ ๆ ไปให้พ้น ๆ และฮัทก็โบกไม้โบกมือให้รุ่นพี่ ก่อนจะขับรถออกไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ
ที่วิเชียรยอมรับเลยว่า...........ไอ้บัวลอยวันนี้มึงหัวเราะได้กวนประสาทกูมากเลย สัด..........

“ผมไม่ได้ช้ำรักเพราะเฮียนะ แล้วผมก็ไม่ได้เป็นอะไรด้วย”

รีบพูด และคุณวิษณุก็หันมามองหน้าของวิเชียรช้า ๆ
........เฮียเข้าใจนะ....... ไม่ว่าเรื่องอะไรเฮียก็พยายามเข้าใจวิเชียรให้มาก

แม่บ้านบอกว่าเชียรดูซึมลงไปทุกครั้งเวลาที่เฮียไม่อยู่บ้าน ถึงแม้กลับมาจะชดเชยเวลาให้กันบ้าง แต่มันก็ไม่เหมือนกันหรอก อันนั้นเฮียรู้ดี

“โกรธเฮียอยู่อีกเหรอ”

โกรธอะไรล่ะ อย่างผมจะไปมีปัญญาโกรธเฮียได้ไง

“เปล่าครับ....ผมก็รู้ว่าเฮียทำงาน”

แม้คำตอบจะดูเรียบง่าย แต่สายตาที่วิเชียรมองไปที่คุณวิษณุมันบ่งบอกความรู้สึกได้ดี เว้าวอน และอ่อนหวาน ชวนให้หลงใหล
และคุณวิษณุก็ถอนหายใจออกมา ไม่ใช่หงุดหงิด ไม่ใช่อึดอัดใจ แต่เป็น........สงสารคนที่ต้องอยู่คนเดียว เวลาที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน.....

“หัวหน้าบุ้ง จะเป็นการรบกวนมั้ยครับ ถ้าวันนี้ผมจะขอยืมตัวนายวิเชียร พนักงานแผนกขนส่งซักวัน ถ้าขอกลับก่อนตอนนี้หัวหน้าจะพอมีคนสแปร์มั้ยครับ”

ระดับคุณวิษณุขอร้อง ผมหรือจะกล้าขัดครับ

“ได้ครับ ไม่มีปัญหาครับ”

รีบตอบรับไปอย่างรวดเร็ว และวิเชียรที่ยืนอยู่ก็หน้าบูดบึ้งลงทันที

“ผมไม่อยากกินแรงคนอื่น เดี๋ยวมันจะกลายเป็นว่าผมได้สิทธิพิเศษมากกว่าคนอื่น เพราะมีคุณวิษณุคอยหนุนหลัง ผมขอทำงานให้เสร็จก่อนได้มั้ยเฮีย แล้วเดี๋ยวเย็น ๆ กลับไปเราค่อยคุยกัน”

เป็นการหลีกเลี่ยงความลำบากใจของตัวเอง และหลีกเลี่ยงอารมณ์โกรธและน้อยใจที่อยู่ดีๆ ก็ครุกรุ่นขึ้น

“มีที่นั่งให้เฮียซักที่มั้ยล่ะ เดี๋ยวเฮียไปส่งของกับวิเชียรด้วยดีกว่านะ"

อะไรนะ เฮียพูดเป็นเล่น

“ผมไม่กล้าให้คุณวิษณุมาลำบากด้วยหรอกครับ”

แม้จะเป็นคำพูดที่เหมือนเป็นการประชดประชัน แต่นั่นกลับทำให้คุณวิษณุยิ้มออกมา และยื่นมือไปเขย่าหัวของวิเชียรเบา ๆ

ทำในสิ่งที่ไม่มีใครคิดว่าคุณวิษณุจะกล้าทำให้ใคร ๆ เห็น และหัวหน้าแผนกขนส่งก็ต้องทำเป็นก้มหน้าก้มตาทำเป็นมองไม่เห็นภาพนั้น เพราะแค่นี้ก็ถือว่าโคตร ๆ ปรากฏการณ์ที่สุดของการเสือกแบบเอ็กคลูซีฟแล้ว มึงนี่แม่งไม่ธรรมดาจริง ๆ วิเชียร กับคุณวิษณุที่ใคร ๆ ก็เกรงขามไปหมดซะทุกคน แต่มึงเสือกกล้าทำหน้างี่เง่า แล้วก็ทำตัวงี่เง่าใส่คุณวิษณุได้มึงแม่งโคตรกล้า

“อือออ อย่ามาจับดิเฮีย อายคนอื่นเค้า”

ถึงจะบอกว่าอาย แต่ที่จริงแล้วรู้สึกภูมิใจ ที่คุณวิษณุกล้าให้ความสนิทสนมแบบนี้ต่อหน้าคนรอบข้างของวิเชียรโดยไม่กลัวเสียภาพลักษณ์เลยซักนิด รอยยิ้มหวาน ๆ และท่าทางเขินอายที่แฝงไปด้วยความภูมิใจของวิเชียรแบบนั้น ไม่ค่อยจะมีใครได้เห็นบ่อย ๆ นัก

และก็ทำให้อำนาจที่กำลังจะเดินมาที่เคาร์เตอร์ลงเวลาถึงกับเคลิ้ม

..............ปกติกูไม่ได้อะไรกับพี่วิเชียรนะ แต่ตอนนี้กูไม่รู้เป็นอะไร อยู่ดีๆ ก็รู้สึกว่าพี่วิเชียรน่ารักขึ้นมาซะงั้น.....


ยิ้มอย่างมีความสุขแบบนั้น มองหน้าของผู้ชายวัยสี่สิบกว่าคนนั้นที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทแค่มองก็ทำให้ยิ้มออกมาพร้อม ๆ กันได้

“พี่วิเชียรน่ามองใช่มั้ยพี่แก๊ป”

ใช่ อุ่ย ไม่ใช่

หันไปเจอน้องพู่ ที่ยืนทำหน้าเฉยอยู่ใกล้ ๆ แล้วก็ถึงกับเสียวสันหลังวูบขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ

“เวลาอยู่กับพวกเราก็เป็นอย่างหนึ่ง พอไปอยู่กับคุณวิษณุก็อีกอย่างหนึ่ง.......คราวนี้ก็คงหมดข้อสงสัยกันแล้วนะว่าทำไมคุณวิษณุถึงได้รักพี่วิเชียรได้ขนาดนั้น”

ก็..........ใช่ล่ะครับ ตอนแรกก็ยังสงสัยอยู่ว่าพี่วิเชียรที่ปกติบ้าๆ บอ ๆ เวลาอยู่กับคุณวิษณุจะเป็นยังไง

และวันนี้คนทั้งแผนก็ได้เห็นแล้ว

เวลาที่วิเชียรอยู่กับคุณวิษณุ..............วิเชียรจะทำตัวน่ารักน่าหลง ใครเห็นก็ต้องหลง เพียงแค่วิเชียรยิ้มและทำหน้าตาน่ารัก

ถึงขนาดนี้แล้วถ้าคุณวิษณุไม่หลงก็เกินไป

 

Fin.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 17-05-2014 10:29:51
งอนกันอีกแล้ววววววว  :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: foolishbeat ที่ 17-05-2014 10:41:16
อร๊ายยยย เชียรของเจ๊ ตอนนี้น่ารักน่าฟัดมากๆ
เข้าใจเลยทำไมเฮียถึงรักถึงหลง :hao7:
หัวข้อ: @รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 17-05-2014 10:51:16
เพราะงานวิเชียรเลยงอน

เมื่องอนเฮียเลยง้อ

แล้วก็วิเชียรโดนเฮียงาบ เลยหายงอน :hao4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 17-05-2014 10:56:10
งุ้งงิ้งเนอะ อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: mapreaw ที่ 17-05-2014 11:12:52
วิเชียรมีตอนมุ้งมิ้งด้วย ปกติเห็น18+ ตัลลอดดดด  o22
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 17-05-2014 11:18:05
เห็นมุมอื่นๆ ของวิเชียรแล้ว มัน.. :-[

น่ารักอ่ะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 17-05-2014 11:51:11
นานๆที พี่วิเชียรจะมาแนว เบื่อๆ ไม่มั่นใจ
น่าร๊ากกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 17-05-2014 13:43:58
เชียรของเฮีย  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
แอบน้อยใจเหรอที่เฮียทำงานจนไม่มีเวลาให้ คืนนี้จัดสักกี่ดอกดีเน้อ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 17-05-2014 13:49:40
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/10/โยธิน_บัวลอยNk8Sn.jpg)
รักเกิดในแผนกขนส่ง....ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน กลับมาแล้ว

ก็ไม่ได้ชอบเดินทางนักหรอก แต่เพราะมันคืองาน คือหน้าที่ที่ต้องทำ เลือกทำงานแบบนี้ และก็สนุกกับงานที่ตัวเองทำ
ฮัทไขกุญแจห้อง และก้าวขาเดินเข้ามาภายในห้องในเวลาเกือบตีสอง ไปส่งของกลับมาก็กลับไปที่ห้องของตัวเองแล้ว และเมื่อกลับถึงห้องคิดว่าอาบน้ำแล้วร่างกายสดชื่นคงจะได้นอนหลับพักผ่อน แต่สิ่งที่คิดเอาไว้ ไม่เป็นไปอย่างที่คิดและควรจะเป็น

เพราะ..........

เมื่อล้มตัวลงนอนบนเตียงแล้วไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้ ทั้งที่ทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย แต่ทำไมถึงหลับไม่ลงก็ไม่รู้ เดินทางทั้งวัน ตีรถขึ้นมาถึงในเวลาดึกดื่น และเป็นคนพูดเองว่าถ้ากลับมาแล้ว จะกลับห้องตัวเอง

แต่พอถึงเวลาจริง ๆ ก็ทำอย่างที่พูดไม่ได้

เพราะในเวลานี้ฮัทมาอยู่ที่คอนโดของโยธินแล้ว จิตใจมันกระวนกระวาย และไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้
ตั้งแต่เช้าที่ไปทำงาน ตั้งแต่เช้าที่ไปขึ้นรถ โยธินไม่โทรหาเลย

ไม่มีการโทรหาใด ๆ ทั้งสิ้น จะบอกว่ายุ่ง จะบอกว่าไปพบลูกค้า ก็อาจะเป็นไปได้ แต่ทุกวันที่เราอยู่ด้วยกัน โยธินจะโทรมาหา

โทรมาถามนั่นถามนี่ โทรมาถามว่าทำอะไรอยู่ ทั้งที่เราอยู่ด้วยกันแท้ ๆ กลับถึงที่พักเราก็ได้เจอกัน แต่โยธินก็โทรมาหา

และฮัทก็จะเป็นฝ่ายโทรไปหาอีกฝ่ายเหมือนกัน โทรไปถามว่าอยากกินอะไรมั้ย แต่ละวันที่วิ่งรถในเส้นทางที่ไม่ซ้ำกัน หากมีเวลาซักเล็กน้อย จะแวะซื้อขนมและอาหารที่ขึ้นชื่อในแต่ละที่ได้ และฮัทก็จะซื้อกลับเข้าบ้านมาฝากอีกฝ่ายบ่อย ๆ จนเป็นเรื่องปกติ

เราอยู่ด้วยกันอย่างเข้าใจกัน ทั้งที่ในช่วงแรก ๆ เราอยู่ด้วยกันเพราะเหตุผลอื่นแต่พอเราเริ่มใช้ชีวิตด้วยกันพักใหญ่
ได้เรียนรู้นิสัยใจคอของกันและกัน ได้มีช่วงเวลาที่ใช้ร่วมกัน
ฮัทรู้สึกว่า เราเข้ากันได้ดีมาก เข้ากันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ ต่างคนต่างรู้เวลาของตัวเอง รู้ขอบเขตของตัวเองและรู้หน้าที่ของตัวเอง

มันเป็นไปโดยอัตโนมัติ ที่ฮัทรู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง พอ ๆ กับที่โยธินก็รู้ ว่าในแต่ละวันที่อยู่ด้วยกันต้องทำอะไร

แบ่งหน้าที่กันเสร็จสรรพ แบบไม่ต้องบอกไม่ต้องพูด

อาหารเช้าโยธินจะเป็นคนทำ แรก ๆ ที่ยังใส่เฝือกอยู่โยธินจะเป็นคนบอก และฮัทเป็นคนปรุงตามที่โยธินบอก เรื่องความสะอาดบ้าน โยธินเป็นคนจัดการ ดูดฝุ่น เช็ดโต๊ะ ถูบ้าน ส่วนเรื่องเสื้อผ้าฮัทจะเป็นคนจัดการ ซัก รีด จัดการให้เรียบร้อย แบบไม่ต้องบอก

ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงกลายเป็นระบบไปโดยปริยาย และพอได้กลับมาใช้ชีวิตอยู่คนเดียว แค่เพียงไม่กี่ชั่วโมง
คนที่ทนไม่ได้กับความเฉยชาของอีกฝ่ายกลับกลายเป็นฮัทที่ในเวลานี้ต้องเป็นฝ่ายพาตัวเองกลับมาเอง
บิดลูกบิดประตูเข้ามาให้ห้องนอนของโยธิน และพอมองเห็นได้ลาง ๆ ว่าร่างของใครบางคนกำลังหลับใหลอยู่บนเตียง

ดึกดื่นป่านนี้โยธินนอนหลับไปเรียบร้อยแล้วและคนที่เข้ามาในยามวิกาล ก็ค่อย ๆ ก้าวขาเดินอย่างช้า ๆ ไปที่เตียง ค่อย ๆ หย่อนกายลงนั่ง ก่อนจะเอนกายลงนอนข้าง ๆ คนที่นอนตะแคงและหันหน้าเข้าฝาผนัง
สัมผัสเบา ๆ ที่ข้างแก้ม ทำให้โยธินสะดุ้งตื่นและคล้ายตกใจเมื่อมีคนเข้าหา

“เค้าเอง”

ได้ยินแค่นั้น และพอรู้ว่าเป็นใครที่มานอนอยู่ด้านหลัง โยธินก็ค่อยสบายใจ และหลับตาลงได้อีกครั้ง นอนนิ่ง ๆ อยู่อย่างนั้น และคนที่เข้ามานอนด้วยก็กอดเอวของโยธินเอาไว้ กอดหลวม ๆ และแนบใบหน้าซบกับแผ่นหลังของคนที่นอนนิ่ง

“ทำไมวันนี้ไม่โทรหาเลยทั้งวัน โกรธจริง ๆ เหรอ”

แกล้งถามคนที่นิ่งเงียบใส่ และโยธินก็ค่อยๆ ปรือตาตื่นขึ้นเมื่อได้ฟังสิ่งที่อีกฝ่ายถาม

........โกรธเหรอ ก็คงใช่

เรื่องง้อ ทำไมโยธินจะทำไม่ได้ แต่บางครั้งมันก็ต้องมีช่วงเวลาเช็คเรตติ้งกันบ้าง ว่าไปถึงไหนแล้ว และอีกฝ่ายมีปฏิกิริยาแบบไหน เวลาที่โยธินนิ่งเฉยและไม่วิ่งไล่ตามอย่างที่เคย

รอลุ้นทั้งวันว่าน้องบัวจะโทรหามั้ย แต่ก็ไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะโทรมา อยากโทรหาใจจะขาด แต่อยากดูปฏิกิริยาของคนที่อยู่ด้วยกันมาพักใหญ่ ถ้าทนได้ก็ให้มันรู้ไป เป็นการวัดใจ ว่าระดับความมีใจให้ของน้องบัว เพิ่มขึ้นเท่าไหร่แล้ว และในเวลานี้โยธินก็สามารถให้คะแนนความไว้ใจและเชื่อใจของคนที่มาหากันในยามดึกดื่นได้แล้ว

..........เป็นไงล่ะ รู้หรือยัง ว่าเวลาที่ต้องวิ่งไล่ตามด้วยความทุรนทุรายบ้าง มันเป็นยังไง..............

“แล้วทำไมไม่โทรมาหาก่อนล่ะ”

แกล้งถามออกไปแบบนั้น พยายามข่มน้ำเสียงให้เป็นปกติ ทั้งที่จริง ๆ แอบลอบยิ้มออกมาอย่างพอใจกับผลงานของตัวเอง

“.................”

ไม่มีคำตอบจากคนที่นอนกอดโยธินเอาไว้ และโยธินก็ไม่คิดจะคาดคั้นเอาคำตอบ
ไม่รู้จะอยากได้คำตอบไปทำไม ในเมื่อในเวลานี้ก็ชัดเจนมากเกินพอแล้ว

การไม่พูด ไม่ตอบ ไม่ได้แปลว่าไม่มีคำตอบ

ฮัทแนบใบหน้าซบกับแผ่นหลังของโยธินอีกครั้งและกดปลายจมูกลงที่แผ่นหลังของโยธินหนัก ๆ

......อยากได้คำตอบนักใช่มั้ย.....นี่ไงล่ะคำตอบ…พอใจแล้วหรือยัง

“วันนี้ทั้งวัน คิดถึงกันบ้างป่ะ”

แกล้งถาม และพยายามบังคับน้ำเสียงให้สงบราบเรียบที่สุด ทั้งที่ก็พอจะรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่โยธินก็ยังพยายามที่จะไล่ต้อนคนที่ไม่ยอมตอบคำถามให้จนมุม

รู้ซะบ้างว่านี่ใคร ผมโยธินครับ เซลหมายเลขหนึ่งของแผนกขาย ที่ปิดการขายได้อย่างแนบเนียน และทำยอดขายได้ถล่มทลายมาแล้ว

“.................”

ไม่ตอบก็ไม่เป็นไร ไม่ตอบก็ไม่ว่า

ไม่ตอบก็แค่.......

โยธินขยับกายถอยออกห่างมาอีกหน่อย และคนที่นอนอยู่ด้านหลังก็ขยับตาม

เป็นไงล่ะ

ชอบแบบนี้ใช่มั้ย

ชอบให้ทำแบบนี้ใช่มั้ย

“ถ้าไม่คิดถึงก็ไม่ต้องมายุ่งด้วย ไม่ต้องมาให้ความหวังคนรอ”

ตัดพ้อต่อว่าไปด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความน้อยใจอย่างรุนแรง และคนที่อยู่ด้านหลังก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

เพราะรู้ว่ายังไงก็คงต้องตอบ ไม่มีทางเลี่ยงได้อยู่แล้ว

“ตีรถกลับมาดึกขนาดนี้ กลับไปอาบน้ำคิดว่าจะนอนแต่มันข่มตาหลับให้หลับไม่ได้เลย จะให้บอกว่าคิดถึง คงพูดไม่ได้หรอก.........เพราะความรู้สึกตอนนี้มันมากกว่าความคิดถึงไปนานแล้วครับ”

ให้มันได้อย่างนี้ ตอบให้มันได้อย่างนี้ แบบนี้ล่ะมันโดนใจ ถ้ากล้าตอบขนาดนี้ ก็คงต้อง..........

โยธินค่อยๆ ขยับกายและหันหน้ามาหาคนที่มานอนด้วยบนเตียงในคืนนี้

“บุกรุกแบบนี้มีเจตนาอะไร ปกติเห็นนอนแต่โซฟา”

แกล้งพูด และคนที่นอนมองหน้าโยธินในความมืดก็ตอบออกไปแบบไม่ต้องคิด

“จะให้นอนแต่โซฟาตลอดไปมันไม่ได้หรอก อากาศเย็นลงแล้ว ขืนนอนแต่โซฟาก็ได้หนาวตายกันพอดี”

งั้นเหรอ ขืนนอนบนโซฟาไปตลอดก็คงจะได้หนาวตายกันพอดีเหรอ

โยธินนอนมองหน้าของคนที่มาหา และพูดบางอย่างที่มากกว่าคำว่าคิดถึงให้ฟัง
ฟังแล้วหัวใจก็พองโตขึ้น และรอยยิ้มจาง ๆ ก็ปรากฏที่ใบหน้าของโยธิน

......สิ่งที่ทำได้ในเวลานี้คืออมยิ้มอย่างมีความสุข และคนที่อยู่ตรงหน้าโยธินก็ค่อยๆ หรุบสายตาลงเล็กน้อย เพราะถึงแม้จะอยู่ในความมืดแต่ก็พอได้เห็นสายตาของอีกฝ่ายที่จ้องมองมา

“พูดแบบนี้อยากเสียตัวใช่มั้ย”

แกล้งถามไปตรงๆ และคนที่อยู่ตรงหน้าก็บ่นพึมพำเบา ๆ พอให้ได้ยินกันสองคน

“ลากเข้าเรื่องนี้ได้ไงวะ แม่ง.....ไม่ได้เกี่ยวเล้ยยย”

ไม่เกี่ยวก็ไม่เกี่ยวครับ ไม่เกี่ยวก็ไม่เกี่ยวก็ไม่ได้ว่าอะไร แล้วก็ไม่ได้พยายามจะบีบบังคับด้วย เอาไว้บัวเต็มใจวันไหนก็บอก พี่พร้อมจะสนองให้เสมอ

“เหนื่อยมั้ยครับ”

ไม่เหนื่อยหรอก

“ล้ามากกว่า ง่วงมากเลยพี่โย โคตรอยากนอน”

เหรอครับ งั้นก็นอนเถอะ ดึกแล้ว

“พรุ่งนี้ทำงานป่าว”

พรุ่งนี้เหรอ ก็ทำอยู่หรอก

“เข้าสาย ๆ หน่อย เดี๋ยววิ่งของรอบบ่ายแทน หัวหน้าบุ้งเขาล็อคให้แล้ว”

ก็ดีนะ มีเวลานอนพักให้ร่างกายปรับตัวแล้วก็ค่อยไปทำงาน

“ปกติออกต่างจังหวัดแล้วจะได้หยุดไม่ใช่เหรอ”

ก็ใช่อยู่หรอก

“พี่แก๊ปกับพู่หยุด เลยเข้าแทน เห็นใจพู่มัน เดี๋ยวครอบครัวมันร้าวฉาน ให้มันได้อะไร อะไรยังไง กับพี่แก๊ปบ้าง”

เห็นใจแต่คนอื่น แล้วไม่เห็นใจคนที่อยู่ต่อหน้าบ้างเลยเหรอ

“แล้วเมื่อไหร่จะเห็นใจพี่ล่ะ”

พี่เหรอ เห็นใจทำไมล่ะก็ไม่เห็นเป็นอะไรไม่ใช่เหรอ ดูท่าทางก็ปกติดีไม่ใช่หรือไง

“พาเข้าเรื่องอย่างว่าตลอดเลยนะ”

ไม่ได้เหรอ แล้วเมื่อไหร่จะได้ล่ะ

“ไม่อยากมีอะไรกันเหรอ”

อ่า.............เรื่องนั้นมันก็.........จะอธิบายยังไงดีวะ เล่นถามกันซะตรงขนาดนี้ แล้วจะให้ไปต่อยังไงล่ะ

“ครั้งนั้นมันแย่แล้วก็เลวร้ายมากเลยเหรอ ไม่ยกโทษให้พี่เลยเหรอ ไม่สนใจ ไม่สงสารพี่เลยเหรอ”

ไม่ใช่แระ มาแนวนี้กูไปไม่เป็นนะครับพี่โย เดี๋ยวกูแม่งใจอ่อนล่ะเสร็จเลย

“เอาจริง ๆ นะ สารภาพเลยตามตรง จำแทบไม่ได้เลยว่ะ รู้แค่ว่าตื่นมาแม่งโคตรเจ็บ อาการหลังจากนั้นก็โคตรจะสาหัสนอนซมไข้แดกเป็นอาทิตย์”

..............

พอจะรู้บ้าง แต่ไม่นึกว่ามันจะเป็นเรื่องที่น้องบัวฝังจิตฝังใจขนาดนี้
โยธินตั้งใจฟังสิ่งที่คนที่อยู่ตรงหน้าพูดก่อนจะยกฝ่ามือขึ้นแตะเบา ๆ ที่ข้างแก้มของคนที่เริ่มบอกเล่าเรื่องราวบางอย่างให้ฟัง

“ขอโทษครับ”

ไม่เคยได้มีโอกาสขอโทษ แต่เมื่อเวลาผ่านไปจนกระทั่งได้รู้จักตัวตนของกันและกันอย่างแท้จริง โยธินก็ได้มีโอกาสพูดคำนี้
คำที่ไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสพูด ฝ่ามืออุ่น ๆ ที่สัมผัสเบา ๆ ที่ข้างแก้ม ความรู้สึกอาทรและเป็นห่วงเป็นใยที่ส่งมาถึง
ความจริงใจที่อีกฝ่ายแสดงให้รับรู้ ทำให้ฮัทยิ้มออกมาได้

รอยยิ้มที่แสดงถึงความเชื่อใจและไว้วางใจ แตะที่มือของโยธินที่ยังคงประคองแก้มเอาไว้
แตะเบา ๆ และค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้โยธินอีกนิด ซุกซบใบหน้าแนบกับแผ่นอกกว้าง
และโยธินก็กอดรัดร่างของคนในอ้อมแขนเอาไว้ หลับตาลงอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มบาง ๆในความมืด

ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความอีกแล้ว ในเมื่อทุกสิ่งที่ปรากฎมันชัดเจนจนไม่ต้องอธิบายความรู้สึกให้มากไปกว่านี้ คนสองคนซุกกายอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน

กำลังจะเคลิ้มหลับ แต่โยธินก็รู้สึกตัวขึ้นอีกครั้งเมื่อพบว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังเดินย่ำอยู่บนผ้าห่ม

นิลพัทผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ขอขึ้นมานอนด้วยและกำลังขดตัวอยู่บนผ้าห่ม

โยธินมองเจ้าก้อนกลม ๆ สีดำสนิทที่ขดตัวนอนอย่างมีความสุขแล้วก็ยิ้มออกมา

หลับตาลงได้แล้วในคืนนี้ เคยคิดว่าคงต้องนอนคนเดียวไปตลอด เพราะคนที่นอนอยู่บนโซฟาไม่มีทีท่าว่าจะเข้ามานอนด้วยกันเลย แต่แล้วอยู่ดีๆ วันนี้น้องบัวก็เข้ามาหา มาแบบไม่ต้องอ้อนวอน ไม่ต้องขอร้อง แถมการมาในครั้งนี้ ยังมาพร้อมกับคำพูดและการกระทำที่น่ารักชวนให้ยิ้มได้ตลอดทั้งคืนอีกด้วย

โยธินยิ้มอย่างมีความสุข พอ ๆ กับที่คนที่ซุกซบใบหน้าอยู่ที่แผ่นอกกว้างและให้โยธินกอด กำลังขมวดคิ้วมุ่น และคล้ายกับเรื่องบางอย่างที่คิดกำลังตีกันในหัวมั่วไปหมด

เหี้ยยยยยยยยยยย กูแม่ง...ทำตัว...แบบนี้ได้ไงวะ
แบบนี้มันเรียกยั่วกันชัด ๆ ม่ใช่หรือไงวะ แล้วกูทำลงไปได้ยังไง

กูทำลงไปได้ยังไงไม่เข้าใจ ไหนจะไอ้คำพูดเสี่ยว ๆ ที่พูดว่า สิ่งที่รู้สึกในตอนนี้มันเลยความคิดถึงไปนานแล้วด้วย

พูดออกไปได้นะกู พูดออกไปได้

ยังดีที่ยังรอดอยู่ได้จนถึงตอนนี้ ยังดีที่พี่โยแม่งไม่หาเรื่องเอากูอีกรอบ

แต่กูก็แม่งอยากรู้อยู่เหมือนกันว่าพี่โยมันทนได้ไงวะ แสดงท่าทางให้รู้ว่าชอบ แต่ไม่แตะกูเลย โคตรอดทนเหอะ อดทนจนน่าเห็นใจเลยล่ะ

ฮัทยังคงคิดอะไรเหลวไหลไปเรื่อย คิดไปเรื่อยเปื่อย โดยไม่เคยรู้ว่าทำไมโยธินถึงสามารถอดทนได้ตลอด

.............ลองเอาน้ำออกทุกวันสิ แล้วจะรู้ว่าทำไมยังทนได้..........ขืนไม่ทำอย่างนั้น....คงได้ตบะแตกเข้าซักวัน....ก็เลยอดทนมาได้ตลอด แต่โยธินไม่เคยรู้ .....คนที่อยู่ในอ้อมแขนในเวลานี้ก็ทำแบบเดียวกับที่โยธินทำ….

อาจไม่บ่อยเท่า แต่ก็ต้องปลดปล่อยร่างกายตัวเองก่อนที่ความต้องการทางกายทั้งหมดจะระเบิดออกมาด้วยการเดินเข้าไปหาโยธิน และเป็นคนเสนอให้โยธินช่วยทำเรื่องอย่างว่าซะเอง

“....นี่ถ้าต่อไปมาทำแบบนี้อีก จะไม่ปล่อยหรอกนะ บอกไว้ก่อนเลย แต่วันนี้จะยอมไม่ทำอะไรก็ได้ เข้าใจมั้ยครับ”

เข้าใจสิครับ ทำไมจะไม่เข้าใจ

“ถ้าวันหน้าทำแบบนี้กับพี่โยอีก ก็ไม่ต้องปล่อยหรอก ให้ถือซะว่าสมยอมเองก็แล้วกัน”

เปิดทางให้ขนาดนี้ก็เสร็จโจรสิครับ

“...พูดแล้วห้ามคืนคำนะ”

บังคับให้สัญญากันดื้อ ๆ และคนที่ถูกบังคับก็หัวเราะออกมาเสียงเบาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองที่ปลายคางของโยธิน และพูดจากวนประสาทให้โยธินหงุดหงิดโมโห จนอยากจะผิดคำพูดซะตอนนี้

“ถ้าไม่สัญญาแล้วจะทำไม”

ก็ไม่ทำไมหรอก

“โห่เอ้ยยยย แบบนี้ตลอด ทำให้อยากแล้วก็จากไปตลอด ไปเลย ไม่ต้องมาใกล้แล้ว ถอยไปห่างๆ เลย”

เกิดอาการงอนขึ้นมากะทันหันและโยธินก็ทำท่าจะผลักไสคนในอ้อมแขนที่ยังคงดื้อรั้นจะนอนให้โยธินกอดให้ได้

“งอนขนาดนี้ไม่ได้น่ารักหรอกนะ”

เหรอครับ

ไม่ได้น่ารักเหรอครับ

“ถ้าพูดอีกคำเดียว เค้าจะขนหมอนกับผ้าห่มออกไปนอนข้างนอกนะ”

โธ่เอ้ยยยยยยยยย ก็แค่ล้อเล่นนิดเดียว อย่าโกรธไปเลยน่า

“ถ้าขนออกไปจริง จะช่วยขนออกไปด้วย แล้วเราก็ไปนอนหน้าโทรทัศน์กัน แล้วก็ให้นิลพัทยึดเตียงเอาป่ะล่ะ”

ไม่เอาล่ะ

แบบนั้นไม่เอา

“ฮึ่ยยยยยยย โมโหว่ะ โมโห นอนไปเลยไป นอนไปเลย”

ก็นอนอยู่นี่ไงล่ะ เห็นอยู่ไม่ใช่เหรอว่านอนอยู่

“กอดหน่อย”

ก็ได้ เห็นว่าขอร้องนะ จะยอมกอดให้ก็ได้

“พี่โยอย่าไปทำแบบนี้กับใครนะ อย่าไปงอน อย่าไปอ้อนใครแบบนี้นะ”

ไม่ทำหรอกน่า ก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าจะไม่ไปทำแบบนี้กับใคร ไม่ว่าใครก็จะไม่ไปทำแบบนี้ด้วยเด็ดขาด

“เฉพาะกับบัวเท่านั้นแหละที่พี่ทำ.......ขืนไปทำแบบนี้ให้ใครเห็น อายเค้าตาย คนคงหาว่าพี่ปัญญาอ่อน”

ก็ใช่.....คงไม่มีใครอยากเชื่อว่าโยธิน เซลหมายเลขหนึ่งของแผนกขายจะเป็นไปได้ถึงขนาดนี้

“ทำให้ผมดูคนเดียวพอแล้ว ผมก็ไม่คิดอยากจะให้ใครเห็นพี่โยในแบบที่ผมเห็นและรู้จักหรอก”

ความรู้สึกนี้ ฮัทเรียกมันว่าอารมณ์หวง หวงสิ่งพิเศษที่ถูกจำกัดไว้ให้เป็นของตัวเองเท่านั้น

“พี่ไม่ไปทำแบบนี้กับคนอื่นหรอกน่า พี่ทำแบบนี้กับบัวคนเดียว บัวก็รับพี่ในแบบนี้ให้ได้แล้วกันนะ บางครั้งอาจจะมากไปหน่อย แต่เพราะว่าเป็นบัวพี่ถึงได้กล้าทำ........และบางทีพี่ก็อยากให้บัวลองทำแบบนี้บ้าง..........คนเราคบหากันแล้ว ก็ต้องหัดอ้อนกันบ้าง..........แล้วพี่ก็อยากเห็น....ว่าบัวจะอ้อนพี่ยังไง”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 17-05-2014 13:59:17
อีกห้าตอนเรื่องนี้ก็จบแล้ว ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันมาตลอด ที่จริงมีอีกคู่คือนิพนธ์กับเกรียงศักดิ์ แต่ยังไม่จบ และไม่รู้จะจบเมื่อไหร่  เลยไม่กล้าลงต่อ ขอให้สนุกกับการอ่านนะจ๊ะ

:pig4:                                             :pig4:                                           :pig4:                                         :pig4:                       
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: thaibuff053 ที่ 17-05-2014 14:03:21
คุณเท็น คุณรู้ตัวไหมว่าคุณโคตรจะเป็นคนที่เข้าใจโลก
อยากชื่นชมคุณมากๆ นิยายคุณมีทั้งสนุกกับไม่สนุกนะ แต่โดยรวมชอบมากเ
รื่องเกี่ยวกับช่างกล อ่านแล้วหัวเราะ นั่งยิ้ม น้ำตาไหล
ไม่ได้อ่านนิยายคุณมานาน มาอ่านเรื่องนี้ คุณพัฒนาไปไกล อ่านจนไม่อยากหยุดอ่านเลย
ตัวละครแต่ตะตัวมีเอกลักษณ์จนเห็นชัด แต่ล่ะตัวละครมีมุมของตัวเองมีเสน่ห์ได้อีก

ยอมรับเลยว่าคุณเก่ง 555555 ขอคาราวะ

ไม่มีอะไรหรอกแค่อยากบอกเฉยๆ
ปล.ท่าทางคุณเท็นจะชอบต้มยำปลาทู
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 17-05-2014 14:07:37
 :-[ คุยกันมุ๊งมิ๊ง น่ารักมาก  :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 17-05-2014 14:08:57
คู่นี้ใกล้เข้ามาอีกนิด :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 17-05-2014 14:25:04
น้องบัววววววววววว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: foolishbeat ที่ 17-05-2014 14:36:26
จะจบแล้วเหรอ คู่นี้ถือว่ามีวิบากกรรมเยอะมาก
แต่ตอนนี้อ่านแล้วอมยิ้มไม่หยุดเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 17-05-2014 14:58:33
ในที่สุดก็ยอมรับว่า'รัก'แบ้วใช่ป่ะน้องบัว
หัวข้อ: @รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 17-05-2014 14:59:19
 :3123:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 17-05-2014 15:30:38
แสดงว่าตอนถัดไป พี่โยจิได้กินน้องบัวแล้วชิมิคะ  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 17-05-2014 15:40:04
พี่โยน่ารัก น้องฮัทใจอ่อนแล้ว รักเค้าแล้วใช่ม้าตัวเองงงง

วิเชียรเวลาอยู่กับเฮียน่ารักอ่ะ (ไม่รวมเวลามีอารมณ์หื่น อันนั้นหมั่นไส้มาก 555)
 :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: miyaki ที่ 17-05-2014 15:46:14
อยากเห็นน้องบัวอ้อนแล้วสิ
ในที่สุด คู่นี้ก้อคบกันแล้วสินะ น่ารักอะ :mew4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 17-05-2014 17:41:56
เค้าอ่านเรื่องนี้แล้วมีความสุขมากกกกกก ^^
ขอบคุณทั่นเท็นคนแต่งที่เก่งมากๆ ที่สำคัญขอบคุณคนโพสมากมายค่ะ ⌒.⌒

รอตอนต่อไปค๊าบบบบ เริ่มหวานกันแล้วอ่ะ ช๊อบ ชอบ ^▽^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 17-05-2014 17:48:01
ชอบทุกตอนในเรื่องนี้เลย โดยเฉพาะตอนนี้เลยจ้า
อยากเห็นตอนน้องบัวตกเป็นของพี่โยอีกรอบ 555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 17-05-2014 18:06:38
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/10/โยธิน_บัวลอยNk8Sn.jpg)
รักเกิดในแผนกขนส่ง....ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน กรุณาอย่าไปนอนที่โซฟา

โยธินบอกเอาไว้เมื่อเช้า ว่าวันนี้คงไม่กลับ เพราะว่าจะไปเยี่ยมพ่อแม่ แล้วก็อยู่ค้างด้วย

วันนี้ก็เลยกลายเป็นวันสบาย ๆ ของฮัทที่อยู่เฝ้าห้องคนเดียวโดยมีมิตรสหายคู่ใจ นิลพัท แมวอืด นอนหลับอยู่บนโซฟา
และกำลังชมรายการเพลงอย่างเพลิดเพลินจนหลับ ตกลงว่าเปิดโทรทัศน์กล่อมแมวว่างั้น
ขอบคุณมากนิลพัทที่มาอยู่อาศัยให้เป็นภาระและไม่ทำตัวให้เกิดประโยชน์แต่อย่างใด

ฮัทอาบน้ำแล้วเรียบร้อย และไม่คิดว่าต้องมีพิธีรีตองอะไรในวันนี้ เพราะรู้ว่ารูมเมทไม่อยู่

อาบน้ำเสร็จเรียบร้อย ยังไม่ทันเช็ดตัวด้วยซ้ำ นุ่งเพียงแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวและมาจัดการหาอะไรให้ตัวเองกินแก้หิว

นึกว่าจะเหลืออะไรไว้ให้กินบ้าง เกลี้ยงเลย
โชคดียังพอมีขนมปังแผ่นใกล้หมดอายุวางไว้ให้บนหลังตู้เย็น แล้วก็มีทูน่ากระป๋องเหลืออยู่อีกนิดหน่อย

แล้ว..........ครีมทาขนมปังยังพอมีบ้างมั้ยวะ คุ้น ๆ เหมือนเคยเห็นว่ามีอยู่ในตู้เย็น

อยู่ไหนหว่า

............................

...........................

โยธินไม่คิดว่าหลังจากเปิดประตูห้องเข้ามาแล้วจะได้เห็นภาพของใครบางคนที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆ ค้นหาอะไรบางอย่างในตู้เย็น และกำลังวุ่นวายอยู่กับการหยิบนั่นผสมนี่ให้วุ่นวายอยู่ที่หน้าเคาร์เตอร์ภายในโซนที่แบ่งเป็นครัว ถัดจากโซนที่แบ่งเป็นพื้นที่รับแขกห่างออกไปเล็กน้อย

นิลพัทหลับอยู่บนโซฟา ส่วนน้องบัว กำลังยุ่งวุ่นวายกับ.........น่าจะเป็นการทำแซนวิชเพราะเห็นว่ามีขนมปังด้วย
กำลังจะเดินไปทัก แต่ว่า..........บางครั้งการไม่เดินไปทักอาจดีกว่า เพราะ......

โยธินกำลังยืนกอดอกมองภาพของคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างถูกใจ

แผ่นหลังเนียนขาวไล่จากต้นคอลงมาจนเกือบถึงสะโพกมันดูน่ามอง ท่อนล่างถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยผ้าขนหนูสีขาวผืนเดียวที่ดูหมิ่นเหม่เต็มที

ท่าทางการขยับเคลื่อนไหวที่อยู่ในอิริยาบถสบาย ๆ แบบนั้น มันทำให้โยธินเผลอมองเพลิน
มองไปมองมาแล้วความรู้สึกก็เริ่มครุกรุ่นขึ้นทีละน้อย เริ่มอยากจะทำอย่างอื่นมากกว่าแค่มอง

ทำไมถึงได้ทำให้รู้สึกขนาดนี้ ทำไมถึงได้ยั่วยวนให้อารมณ์ความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ภายในเตลิดไปไกลได้ขนาดนี้

ทำไมถึง.....ได้........

ไม่ได้คิดจะทำอะไรรุนแรง ไม่ได้คิดจะทำให้อีกฝ่ายตกใจ

ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น แค่....... อดใจไม่ไหวจนต้องก้าวเดินเข้าไปหา

รวบเอวของคนที่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับการทำบางอย่างที่เคาร์เตอร์ และโยธินก็แตะริมฝีปากสัมผัสหนัก ๆ ที่ต้นคอด้านหลังของคนที่ยืนอยู่ สูดหายใจลึกเข้าเต็มปอด อย่างอดใจไม่ไหว

“เฮ้ยยยยยยย”

ฮัทรีบสะบัดคนที่เข้ามากอดออกห่าง

ฝ่ามือกุมแน่นที่หลังคอของตัวเองอย่างตกใจ และสายตาก็เริ่มมองตรงไปที่ โย..........ธิน........

“อ่า คือ...ว่า”

เพิ่งรู้ตัวว่าทำเรื่องไม่ดีเข้าให้แล้ว และโยธินที่เกิดอาการพูดไม่ออกขึ้นมากะทันหันก็ยกมือขึ้นลูบต้นคอของตัวเองแก้เก้อ เพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี

“อะ.......พี่...พี่โย...กลับมานานยัง”

พี่เหรอ หมายถึงพี่ใช่มั้ยบัว พี่ก็.......

“พักหนึ่งแล้ว มายืนดูบัวทำแซนวิชกินตั้งนานแล้วว่าจะบอกให้ทำเผื่อด้วยอยู่พอดีเลย”

แล้วทำไมไม่เรียกวะ

“ก็ เอ่อ น่า น่าจะเรียกกันบ้าง ใช่ .....ใช่มั้ยล่ะ”

เริ่มพูดจาไม่รู้เรื่องกันทั้งคู่ และฮัทก็วางมือจากการทำแซนวิชทันที เตรียมจะเดินไปสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เพราะอยู่ในสภาพล่อแหลมแบบนี้มันคงไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่

“ก็กำลังจะเรียกไง”

กำลังจะเรียกอะไรล่ะ พี่เล่นเดินมาดูดหลังคอผมไปที แล้วมาบอกว่ากำลังจะเรียกเนี่ยนะ มันไม่ใช่ป่าววะเฮ้ย

“อ่า เหรอพี่ งั้นเดี๋ยวผมไปแต่งตัวก่อนนะ”

รีบชิ่งหนีและเมื่อกำลังจะก้าวเดินกลับถูกขวางเอาไว้ จะเดินไปซ้าย ก็ถูกขวางไม่ให้เดินไปทางซ้าย พอจะไปทางขวาก็ถูกขวางทาง เงยหน้าขึ้นมองหน้าของโยธินที่เริ่มมองมาแบบแปลก ๆ แล้วก็ชักนึกหวั่นใจขึ้นมา

“ถอยไปหน่อยดีกว่ามั้ยพี่”

ถอยเหรอ

อ่า.....

“บัวนั่นแหละมาเดินทางเดียวกับพี่ทำไม พอพี่จะไปซ้ายบัวก็มาดักพี่เอาไว้ พอจะไปขวา บัวก็ไม่ยอมให้พี่ไป”

อ้าวเฮ้ย มันไม่ใช่ป่าววะ นั่นน่ะ มันใช่ที่ไหน พี่มาดักผมไว้ไม่ให้ไปต่างหาก

“ผมเปล่า”

เปล่าเหรอ

“พี่ก็เปล่าเหมือนกัน”

เอ้อออออออ

“งั้นผมไปซ้าย พี่โยก็ไปขวาแล้วกันนะ”

ก็ได้ครับ

โยธินยอมถอยให้ และคนที่ตั้งใจจะเดินเข้าห้องไปหาเสื้อผ้าใส่ก็กำลังจะก้าวเดินจากไป
จะไปจริง ๆ เหรอ คิดจะไปจริง ๆ เหรอบัว คิดจะไป.................. ไม่ได้คิดจะปล่อยให้อีกฝ่ายไปตั้งแต่แรกอยู่แล้ว และเมื่อฮัทกำลังจะเดินหนีไปจริง ๆ โยธินก็กลับมายืนขวางเอาไว้ ไม่ยอมให้ไป

“อะไรวะ”

อะไรไม่รู้ล่ะ

“อีกแล้วนะบัว ทำไมคอยแต่จะเดินเข้าหาพี่ตลอดเลยล่ะ”

ไม่ใช่แล้ว มึงมั่วแล้วป่าววะแบบนี้

มึง...........

ไม่ใช่แค่หาเรื่องให้อีกฝ่ายมึนงง แต่โยธินยังใช้สายตาจ้องมองที่ใบหน้าของคนที่เงยหน้าขึ้นมองด้วยความไม่เข้าใจ

“ทำแบบนี้พี่ก็ไปไม่ได้สิบัว”

มึงไปไม่ได้ก็เพราะมึงไม่ให้กูไปเองนะเว้ย

“อะไรของพี่วะ”

ไม่อะไรของพี่หรอก

“บัวนั่นแหละอะไร.....คิดอะไรอยู่....คิดจะแกล้งพี่ใช่มั้ย”

แกล้งห่าอะไรของมึ้งงงงงงงง แกล้ง.........

“เฮ้ยยยยยยยย”

ไม่ให้โวยวายได้ยังไง ในเมื่อคนที่พูดจาไม่รู้เรื่องและโยนความผิดให้ตลอดเวลา รวบเอวคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเข้ามากอดเอาไว้
เผชิญหน้ากันตรง ๆ และฮัทก็ไม่สามารถขยับไปไหนได้ ยกแขนสองข้างขึ้นเพื่อป้องกันตัว และโยธินยังกอดรัดที่เอวแน่นไม่ยอมปล่อย แถมยังจ้องหน้านิ่ง ๆ อยู่อย่างนั้นอีก

แบบนี้มันหมายความว่าไง

ทำอะไรไม่ได้ นอกจากพยายามถอยเพื่อไม่ให้ร่างกายต้องแนบชิดกันมากกว่านี้
ดวงตาที่มองมานิ่งงัน แต่เต็มไปด้วยความหมายที่คนถูกมองเข้าใจดี

“แล้วนี่ยังไง เดินเข้ามาให้พี่กอดซะอีก จะเอายังไงกันแน่ เจ้าเล่ห์กับพี่เกินไปแล้วนะครับ”

เฮ้ยยย กูเปล่าเลย มึงโมเมเอาเองทั้งหมดเลยเฮ้ย ไม่ใช่แล้วล่ะไอ้พี่โย ไม่ใช่แล้วไอ้พี่โย
ไม่ใช่แล้ว ไอ้...........พี่.......... โย.....

ไร้คำพูด หมดคำถาม เงยหน้าขึ้นหวังว่าจะอธิบาย แต่ก็ไม่มีคำพูดใด ๆ หลุดออกมาจากปาก เพราะในเวลานี้ริมฝีปากถูกโยธินครอบครองเอาไว้ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว

รอยจูบหวาน ๆ ที่แนบสัมผัสลงมา ทำให้คนที่ถูกช่วงชิงลมหายใจไปถึงกับทำอะไรไม่ถูก เผลอไผลและยินยอมให้อีกฝ่ายทำทุกอย่างได้ตามต้องการ

ฝ่ามืออุ่น ๆ ลูบไล้แผ่นหลังของฮัทเบา ๆ ก่อนจะไล้เรื่อยลงมาจนถึงสะโพก และดึงผ้าขนหนูร่วงลงพื้นอย่างง่ายดาย

“อือออ พี่โย”

ฮัทผละใบหน้าออกห่าง และยังใช้แขนยันแผ่นอกของโยธินเอาไว้

แววตาที่มองมามีแต่ความตกใจ และแม้จะอยากก้มลงไปหยิบผ้าขนหนูมาสวมขนาดไหนก็คงทำไม่ได้ เพราะโยธินคงไม่ปล่อยให้ทำแบบนั้นได้ง่าย ๆ ผิวแก้มขาว ๆ ขึ้นสีแดงเรื่อ ดวงตาที่จ้องมองมาที่ใบหน้าของโยธิน มีแววขอร้องอ้อนวอน และไม่มั่นใจในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นให้ได้เห็น

แล้วไม่รู้หรือไงว่ายิ่งมองแบบนี้ยิ่งทำให้รู้สึก ยิ่งมองแบบนี้ ยิ่งทำให้หยุดไม่ได้

“คืนนี้นอนในห้องนะ นิลพัทมันยึดโซฟาไปแล้วเห็นมั้ย บัวจะนอนได้ยังไง”

มันไม่ใช่เรื่องที่จะมากังวลว่าจะนอนที่ไหน แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องที่พี่ต้องไปใส่ใจว่าใครจะยึดโซฟา

ปัญหาคือว่า.........

“อากาศเย็นแล้ว นอนในห้องอุ่นกว่า........นะครับ”

ไม่ใช่แล้วล่ะ ไม่ใช่........แล้ว...

“เดี๋ยวพี่จะถอดเสื้อผ้าออกแล้วกันนะ จะได้ไม่เอาเปรียบบัว พี่ไม่อยากให้บัวต้องยืนแก้ผ้าหนาวอยู่คนเดียว”

............

ไม่ใช่... มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาทำด้วยกันนะเว้ย

โยธินไม่ใช่แค่พูด แต่ทำทันทีหลังจากที่พูดจบ ดวงตายังคงจ้องมองที่ใบหน้าของฮัทไม่วางตา แต่มือจัดการปลดกระดุมเสื้อและถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก

และคนที่ยืนหน้าแดงก่ำ ก็ได้แต่กระพริบตามองเพราะไม่รู้พูดอะไรดี

กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก  สายตาเผลอมองทุกการกระทำของโยธิน และนึกอยากจะเบือนหน้าหนีไปให้ไกล ๆ

เอางี้เลยเหรอวะ    ทำแบบนี้ก็ตายห่าเลยสิวะพี่

โยธินจ้องตรงไปที่ดวงตาที่มีแววไหวระริกของคนที่อยู่ตรงหน้า ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากันแน่น และแก้มขาว ๆ ที่เปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ ยิ่งทำให้น่ามองน่าค้นหา 

สุดท้ายร่างกายเปลือยเปล่าทั้งคู่ และโยธินก็แตะฝ่ามือไปที่แก้มของฮัทเบา ๆ แต่ก็ทำให้คนที่ยืนนิ่งอยู่ถึงกับสะดุ้ง และชักเริ่มทำตัวไม่ถูก

“แค่นี้ก็เหมือนบัวแล้ว บัวจะได้ไม่ต้องอายด้วย.....ไปข้างในห้องกันเถอะนะ ข้างในห้องอุ่นกว่าเยอะ”

เอ่อ....

ข้างในห้อง อุ่นกว่า....เหรอวะ ข้างในห้อง........อุ่นกว่า ถ้าข้างในห้องอุ่นกว่า งั้น......ก็คง..........ต้องไป


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 17-05-2014 18:11:42
 :laugh:เซลมือวางอันดับ๑
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 17-05-2014 18:13:50
เขาจะกินกันแล้ว  :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: foolishbeat ที่ 17-05-2014 18:15:03
ค่ะ ทำดีค่ะน้องบัว เพราะในห้อง "อุ่น" กว่าเยอะ :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 17-05-2014 18:44:11
ข้างใน.....อุ่นจริงๆนั่นแหละ อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 17-05-2014 19:09:17
พี่โย อยากเข้าไปข้างในแล้ว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 17-05-2014 19:22:18
รอติดตามน้องบัวต่อจ้า
หัวข้อ: @รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 17-05-2014 19:45:56
โหยหาอ้อมกอดอุ่นๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-05-2014 19:49:14
อะไรอุ่น อะไรข้างในอะ :hao7: อยากรู้อยากเห็นด้วยคน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: mapreaw ที่ 17-05-2014 20:20:48
คิดว่าในห้องคงอุ่นจนร้อนเลยล่ะเนอะ :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: @rnon ที่ 17-05-2014 20:36:06
 :z1:  :z1:  เข้ามาดูเค้า อุ่น!!!!!!!!!!! .. กัน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 17-05-2014 20:39:47
ตอนหน้าสินะ ตอนหน้าสิน้า า า า า า~~~!!
หุหุหุ  :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 17-05-2014 20:57:30
ข้างใน???? อุ่น
ว๊ายๆๆๆ ชั้นคิดไปถึงไหน ฮี่ๆๆ >o<
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Scream ที่ 17-05-2014 21:28:32
 ฮึ้ย ลุ้นนะน้องบัว สู้ๆ
:hao5: :hao7: :ling1: :katai4: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 17-05-2014 21:34:11
อร๊ายยยยยยยยยยย     :hao7:

น้องบัวเกิดอาการสมองทำการประมวลผลช้า  ซึ่งอาจจะคิดไม่ทันพี่โยได้  ครึครึ   :hao3:    :hao3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: evanescence_69 ที่ 17-05-2014 22:04:24
ไปๆมาๆ โยธินกับบัวลอย จะยาวกว่า คู่หลักอย่าง บุ้ง-มีนเมือง อีกนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 17-05-2014 22:32:17
ได้กันยัง......เฮียเชียรให้มาถาม 555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 17-05-2014 22:33:40
บัวลอยกำลังจะถูกโยธินกิน(อีกครั้ง)แล้วชิมิคะ  :z1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 17-05-2014 22:44:34
ใกล้แล้วสินะใกล้เวลาเปิบของโยแล้วสิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 18-05-2014 00:21:48
เริ่มจะเข้าใจกันแล้ว อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 18-05-2014 00:41:16
เบ้ยยยย น้องบัวเอาแหล่วๆ
 :hao3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 18-05-2014 00:44:16
พึ่งอ่านตามทันตอนจะจบแล้วเหรอเนี่ย เสียใจง่า ><

ชอบทุกคู่ เชียร์ทั้งแผนกเลย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 18-05-2014 00:52:57
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/10/โยธิน_บัวลอยNk8Sn.jpg)
รักเกิดในแผนกขนส่ง....ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน ง่วงนอน

ไม่ได้อยากเดินตาม แต่ขามันพาไป ไม่ได้อยากเข้าใกล้ แต่ทำไมแค่ถูกรั้งให้เข้าไปหาถึงยอมง่าย ๆ
ไม่ได้อยากให้มันเลยเถิดไปมากกว่านี้ แต่ก็มาอยู่ในห้องของโยธินจนได้ และเมื่อแผ่นหลังเอนลงสัมผัสกับฟูกนอน คราวนี้คนที่ถูกชักนำให้เคลิ้มตามก็ถึงกับสะดุ้ง และเหมือนเพิ่งรู้สึกตัว ยกแขนขึ้นดันแผ่นอกของโยธินเอาไว้ ไม่ยอมให้คนที่คร่อมทับอยู่เหนือร่างเอนกายลงมาหา กระพริบตามองหน้าของโยธินแบบมึนงง

แต่มันจะไปช่วยอะไรได้ ในเมื่อคนที่ล่อลวงให้เข้ามาอยู่ด้วยกันบนเตียง ดึงมือของฮัทมาจูบเบา ๆ ที่หลังมือก่อนจะเลื่อนมือทั้งสองข้างให้ประคองที่ข้างแก้มของโยธินเอาไว้

อยากจะดึงมือหนี แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะคนที่รั้งฝ่ามือเอาไว้ ไม่ยอม แถมยังใช้สายตาวาบหวามจ้องมองมาที่ใบหน้าของคนที่เริ่มทำตัวไม่ถูกก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาหา เพื่อฝากรอยจูบแผ่วเบาไว้ที่แก้มขาว ๆ และซุกไซร้ปลายจมูกเรื่อยลงมาที่ลาดไหล่และวกกลับไปที่ซอกคออีกครั้ง

“อืออออ พี่ พี่โย เดี๋ยว เดี๋ยวก่อนได้มั้ย”

เดี๋ยวก่อนอะไรเหรอ โยธินผละใบหน้าออกห่างและใช้สายตาจ้องตรงไปที่ใบหน้าของคนที่คล้ายกำลังคิดจะขัดขืน และไม่ยินยอมพร้อมใจจะให้ทำอะไรไปมากกว่านี้

“ได้ครับ บัวอยากพูดอะไรก็ได้แต่ว่า..........บัวต้องจับของพี่เอาไว้ห้ามปล่อยมือเด็ดขาด”

ห้ามปล่อยมือ ปล่อยมืออะไรวะ ห้ามปล่อยมือจาก…. ก็แค่ถูกดึงมือให้ไปสัมผัสกับท่อนเอ็นขนาดใหญ่ที่ตื่นตัวจนถึงขีดสุด
ทั้งอุ่น ทั้งร้อน และคล้าย ๆ จะเปียกชื้นไปหมดทั้งส่วนปลาย

“อ่ะ พี่.....พี่........อึก”

จะพูดอะไรก็พูดซะ อยากจะดื้อ อยากจะหยุด อยากจะทำอะไรก็ไม่ได้ว่า แต่บอกแล้วใช่มั้ยว่าห้ามปล่อยมือ

เพราะฉะนั้น ถ้าคิดจะพูดอะไรก็จับเอาไว้ซะด้วย แล้วพี่จะตั้งใจฟังที่บัวพูดทั้งหมดโดยไม่มีการโต้แย้ง

……….โอเคมั้ยครับ...........

ไม่ได้ถามว่าโอเคมั้ย

แต่เมื่อคนที่ถูกดึงมือให้แตะต้องสัมผัสความแข็งขืนใหญ่โตนั้นกำลังจะผละออกโยธินก็จะกดมือเอาไว้และไม่ยอมให้ปล่อยมือเด็ดขาด

“บัวคิดว่าพี่ยังจะทนไหวมั้ย บัวทำให้พี่เป็นถึงขนาดนี้แล้ว บัวต้องรับผิดชอบ”

พูดได้หน้าตาเฉย
แล้วคนที่ไม่รู้จะตอบโต้ยังไง ก็ได้แต่นอนหน้าแดงก่ำ เพราะความอาย และก็จำต้องขยับมือตามจังหวะของโยธินที่เป็นฝ่ายชักนำให้รูดรั้งความแข็งขืนใหญ่โตที่อยู่ในมือขึ้นลงอย่างช้า ๆ ที่ทำเพราะ........ต้องทำ เพราะโยธินไม่ยอมอ่อนข้อให้
แล้วกูจะโต้แย้งอะไรมันได้วะเนี่ย แล้วกูจะ........

“อือ บัวจะจัดการยังไงก็แล้วแต่บัว พี่ยอมหมดแหละ”

ยอมหมดครับ พี่ยอมครับ แล้วแต่บัว  จะทำยังไงต่อไปก็แล้วแต่บัว

“ทำไมพี่ทำงี้อ่ะ”

แล้วจะให้พี่ทำยังไงล่ะ

“ถ้าไม่ทำอย่างนี้แล้วจะให้ทำยังไง”

โธ่โว้ย ทำไมถึงได้เป็นคนแบบนี้วะ ลากกูเข้าห้องมาเองนะ แล้วแค่กูบอกว่าเดี๋ยวก่อน เพราะเริ่มตั้งสติได้ มึงก็เลยจะให้กูว่าวให้เนี่ยนะ แบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยเหรอวะไอ้พี่โย

“บัวคิดว่าพี่ไม่ได้ทำเรื่องแบบนี้มานานแค่ไหน”

กูจะไปรู้มึงเรอะ

ตอบไม่ได้ พูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองหน้าของโยธินและทำอะไรไม่ถูก แล้วคนที่มีอารมณ์ถึงขีดสุดก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“ตั้งแต่เริ่มจีบบัวแล้วก็อยู่กับบัว นอกจากมือตัวเอง พี่ไม่เคยไปทำกับใคร แล้วบัวว่าพี่ควรทำยังไงตอนนี้ ให้พี่ใช้มือช่วยตัวเองให้เสร็จ ๆ ไปจะได้จบ เอามั้ย”

สัด ไอ้พี่โย มึงขู่กู มึงอ่ะขู่กู
ไม่รู้จะทำหน้ายังไง จะพูดอะไรก็พูดไม่ออก ได้แต่มองหน้าของคนที่ข่มขู่ แล้วฮัทก็ได้แต่นอนกระพริบตาปริบ ๆ
ตื่นเต็มที่ซะขนาดนี้ ส่วนปลายของท่อนเอ็นแกร่งที่อยู่ในมือฉ่ำเยิ้มไปหมดขนาดนี้ แล้วพี่จะให้ผมรับผิดชอบยังไงล่ะ

ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองหน้าของโยธินนิ่ง ๆ
ได้แต่สบตากับดวงตาคมร้อนแรงคู่นั้น ที่ส่งสัญญาณบอกให้รู้ว่าทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

“บัว........”

อะไร....วะ

“บัวจะให้พี่ทำยังไงครับ”

ไม่รู้ครับ กูงงเว้ยเฮ้ยยย

“แล้วบัวจะให้เค้าทำยังไงล่ะ ไม่ไหวแล้วจริง ๆ นะ”

มาจนถึงขั้นนี้แล้ว จะทำอะไรก็ทำไปเหอะวะ ไม่รู้จะห้ามยังไงหรอก ก็ตามใจเลยแล้วกัน

“แล้วแต่พี่”

แล้วแต่พี่ก็เสร็จพี่สิครับ แล้วแต่พี่ก็เข้าทางพี่สิครับ แล้วแต่พี่งั้นพี่กอบโกยเต็มที่เลยนะครับ
โยธินถึงกับยิ้มออกมา และโน้มใบหน้าลงไปบดเบียดริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากบางที่เม้มแน่นของคนที่ตอบตกลงทันที

จูบซ้ำเบา ๆ หลายครั้งกว่าที่อีกฝ่ายจะยอมเปิดปากให้ปลายลิ้นร้อนแทรกเข้าไปหาและพัวพันปลายลิ้นเกี่ยวกระหวัดเข้าหากัน ดูดกลืนรสชาติหวาน ๆ แลกปลายลิ้นกันเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ให้ยิ่งลูกโชนมากขึ้น

“บัว....ครับ”

โยธินผละใบหน้าออกห่าง และกระซิบเรียกชื่อของคนที่เริ่มหอบหายใจหนักเพราะถูกช่วงชิงอากาศหายใจไปเป็นเวลานาน

ดวงตาฉ่ำเยิ้ม หรี่ปรือขึ้นและย่นคอหนีปลายจมูกที่ซุกไซร้ลงมาที่ซอกคอและกำลังจะลากไล้ลงมาที่ลาดไหล่เรื่อยไปจนถึงแผ่นอกขาวที่จุดสีแดงเข้มทั้งสองข้างแข็งขืนขึ้นเพราะถูกบดขยี้จากปลายนิ้วและปลายลิ้นที่วนเวียนดูดกลืนไม่ยอมห่าง

“พี่รักบัวนะครับ”

รักอะไร มาบอกรักอะไรตอนนี้ เหี้ยยยยยยยย กูเขินโว้ยยยย

ฮัทยกหลังมือขึ้นปิดหน้าตัวเอง ไม่อยากให้ใครเห็นว่ากำลังทำตัวไม่ถูกกับคำพูดที่มาจากน้ำเสียงแผ่วเบาอ่อนโยนจากริมฝีปากคู่นั้น

“อะไรล่ะ คนเค้ารัก แทนที่จะตั้งใจฟัง เอามือปิดหน้าหนีซะได้”

รู้ว่าบัวปิดหน้าหนีเพราะเขิน แต่โยธินก็ยังอยากจะล้อ

รีบดึงมือที่ปิดบังใบหน้าออกและตรึงข้อมือทั้งสองข้างของคนที่อยู่ใต้ร่างเอาไว้ ดวงตาคมจ้องนิ่งตรงไปที่ใบหน้าที่ขึ้นสีแดงเรื่อ และแววตาก็ฉ่ำหวานเพราะแรงอารมณ์ปรารถนาที่โหมกระพือลุกโชนขึ้นจนยากจะดับได้ง่าย ๆ

“บัว”

อะไร

เรียกอยู่นั่นแหละวะ

เรียก....... ทำไม

“บัวให้พี่โยรักนะครับ”

อ่ะ.....เรื่องนั้นมัน…….

ไม่ตอบ แต่ขบริมฝีปากแน่น และก็เมินหน้าหนีไปอีกทาง ไม่ใช่ไม่อยากตอบ แต่ตอบไม่ได้ เพราะแม่งโคตรอาย

“.............อะ...อือ...”

แค่พยักหน้า แต่ไม่พูดออกมาเป็นคำพูด และโยธินก็ยิ้มกริ่ม ไม่พูดก็ไม่พูด ไม่พูดใช่มั้ย ไม่พูดก็ได้ พี่มีวิธีทำให้บัวพูดก็แล้วกัน....ตอนนี้ไม่ยอมพูดใช่มั้ย แต่อีกเดี๋ยวก็จะยอมพูดจนได้ เดี๋ยวพี่จะทำให้บัวพูดสิ่งที่อยากฟังให้หมดทุกอย่าง
ถึงบัวไม่อยากพูด แต่บัวก็จะต้องพูดออกมาจนหมดนั่นแหละ

ไม่เชื่อก็คอยดู

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 18-05-2014 00:53:28
เรื่องที่เคยลืมไปแล้วกำลังย้อนกลับเข้ามาในหัวทั้งภาพและเสียงโคตรจะคมชัดเหมือนเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้

ในห้องห้องเดิม บนเตียง เตียงเดิม กับคน คนเดิม ต่างกันแค่ครั้งนั้นเมามายแทบไม่ได้สติ แต่ตอนนี้ รู้สึกตัวดีทุกอย่าง แต่ก็ยอมให้ทำ........ยอมให้ทำทุกอย่างตามที่อีกฝ่ายต้องการ และตัวเองก็ต้องการให้เป็นแบบนี้เช่นเดียวกัน

จากที่จำไม่ได้ ตอนนี้จำได้หมดทุกอย่าง รวมทั้งเสียงครางของตัวเองด้วยที่ไม่ต่างจากวันนั้นเลย

“อือออออออออ”

ขบริมฝีปากตัวเองเอาไว้ และยกแขนขึ้นปิดปากไม่ให้ส่งเสียงร้องครางออกไป ร่างกายด้านหลังถูกสอดแทรกจากปลายนิ้วที่ถูกชโลมจนชุ่มฉ่ำด้วยเจลใสเพื่อเป็นการเปิดทาง ให้บางอย่างที่ใหญ่โตกว่าปลายนิ้วสามารถสอดแทรกเข้าไปได้

ดวงตาลอยคว้าง และสะโพกมนก็แอ่นขึ้น ร่างกายกำลังต่อต้าน และไม่ยอมให้เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น

“บัว....มองหน้าพี่”

มองหน้าเหรอ มองหน้า... ทำตามที่โยธินบอก และดวงตาสองคู่ก็สบกันนิ่งงัน ฮัทสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกอย่างช้า ๆ เมื่อปลายนิ้วที่ล่วงล้ำเข้ามาเริ่มขยับเข้าออกและเพิ่มจำนวนนิ้วขึ้นทีละนิ้วจากหนึ่งเป็นสองและสามนิ้วในเวลาต่อมา

“พี่จะเข้าไปแล้วนะ”

เข้าไปเหรอ พยักหน้ารับ และโยธินก็กดปลายจมูกลงมาที่ข้างแก้มของคนที่ยอมให้ทำทุกอย่างได้ตามที่ต้องการ
ผละใบหน้าออกห่าง และขยับตัวลุกขึ้นนั่ง แยกขาของคนที่อยู่ใต้ร่างให้ออกห่างจากกันมากขึ้น

ชโลมท่อนเอ็นที่ตื่นตัวเต็มที่ด้วยเจลใสเพื่อให้การสอดแทรกเป็นไปง่ายขึ้น ขยับมือรูดรั้งความใหญ่โตในฝ่ามืออีกสองสามครั้ง และค่อย ๆ จ่อไปที่ช่องทางที่ถูกเตรียมความพร้อมเอาไว้ ใช้ส่วนปลายของท่อนเอ็นคลึงเคล้าไปที่ช่องทางที่บีบรัด
และก็เห็นปฏิกิริยาของคนที่กำลังนอนมองร่างกายของตัวเองที่กำลังจะถูกทำบางอย่าง ดวงตาที่มองมามีแต่ความกังวลอย่างเห็นได้ชัด และเมื่อส่วนปลายของความแข็งขืนถูกกดแทรกเข้าไป คนที่กำลังขมวดคิ้วมองด้วยความกังวลใจก็ร้องออกมาทันที

“อื้ออออออออ พี่โย.......เจ็บบบบ อือออ”

แต่ว่า.......อีกนิดครับ พี่กำลังกดเข้าไป อีกนิดเดียวครับ ส่วนปลายกำลังจะแทรกเข้าไปได้แล้ว

“ไม่เจ็บนะ บัวหายใจเข้าลึก ๆ ไม่เจ็บแล้วนะครับ ซี้ดดดดดดดส์ อือออ”

สอดแทรกเข้าไปจนเกือบจะหมดและโยธินก็ทิ้งกายลงมาหาคนที่ผลักอกโยธินให้ออกห่าง
ใบหน้าที่เหยเกเพราะความเจ็บปวดสะบัดหนีไม่ยอมให้โยธินเข้าใกล้ ฝ่ามือผลักทั้งอกทั้งไหล่ของโยธินให้ออกห่าง

“อือออ เจ็บ อื้อออ เจ็บบบบบบบบบ”

ไม่ได้อยากเอาออก แต่จะให้ทิ้งไว้อย่างนี้ก็ดูเหมือนอีกฝ่ายจะทนไม่ได้ ถ้าเอาออกแล้วกว่าจะใส่เข้ามาได้อีกมันยากมาก แล้วจะให้ทำยังไง

“บัว.....”

โยธินกำลังขมวดคิ้วมุ่น เอ่ยเรียกชื่อคนที่ขบริมฝีปากแน่นและเบี่ยงหน้าหนีไปทางอื่นด้วยความเจ็บ
สุดท้ายแม้แต่ดวงตาหวานเชื่อมปรือปรอยเพราะแรงอารมณ์เมื่อครู่ ก็มีน้ำตา

น้ำตา......

โธ่โว้ยยยยยยยยยยยย แบบนี้ต้องเอาออก แบบนี้ท่าทางจะไม่ไหว

โยธินยอมถอนร่างกายออก และก็สูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ ไม่รู้จะทำยังไงดี มาจนถึงขนาดนี้แล้ว ก็คงทำอะไรไม่ได้แล้ว

“บัว....ไม่ทำแล้วนะ ไม่ทำแล้วครับ ไม่เจ็บแล้ว”

ปลอบใจคนที่ยกหลังมือขึ้นปิดหน้า ไม่มีเสียงสะอื้นไห้ มีเพียงความเงียบงันระหว่างเรา

ช่างมัน ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ช่างมัน จะเป็นยังไงก็ช่างมันเถอะ แค่ไม่ได้มีอะไรกันแบบสอดใส่ ก็ไม่ใช่ว่าจะตาย

“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไรนะบัวนะ”

ทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้ สิ่งที่โยธินทำได้ก็แค่ล้มตัวลงนอนข้าง ๆ คนที่ไม่มีเสียงพูดอะไรออกมาซักคำ
รั้งคนที่นอนนิ่งเงียบเข้ามากอดเอาไว้ ทั้งที่ร่างกายตื่นตัวถึงขนาดนี้แล้ว แต่โยธินก็ต้องระงับใจของตัวเองเอาไว้

ขึ้นได้มันก็ลงได้ รู้สึกได้ เดี๋ยวมันก็สงบได้เหมือนกัน

“บัว”

เรียกชื่อคนที่นอนนิ่งเงียบ และรั้งให้คนที่นอนอยู่มาหนุนที่แขน

กอดเอาไว้ ทั้งที่ยังไม่ถึงจุดหมาย กอดเอาไว้ทั้งที่ร่างกายยังตื่นตัวถึงขีดสุด

“.......พี่โย....”

“ครับ”

“...............................”

ได้ยินเสียงเรียก แต่โยธินก็รู้ว่าอีกฝ่ายพูดอะไรไม่ออก ไม่มีคำพูดใด ๆ ระหว่างเรา มีเพียงความเงียบงัน และโยธินก็หลับตาลงทั้งที่ร่างกายของตัวเองยังตื่นตัวอยู่อย่างนั้น ช่างมัน เดี๋ยวก็สงบ ท่องเอาไว้เดี๋ยวก็สงบ พอทุกอย่างสงบแล้ว เดี๋ยวก็ดีเอง

ของแค่นี้ เดี๋ยวไปเอาน้ำออกซะก็จบเรื่อง ไม่เป็นไรนะโยธิน ไม่เป็นไร ที่ควรห่วงคือคนที่นิ่งเงียบอยู่ในอ้อมแขนนี่ต่างหาก
คงจะยิ่งเกลียดเรื่องแบบนี้ ไม่น่าวู่วามเลย น่าจะรออีกนิด ไม่น่ารีบร้อนเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้เลยว่ะ

“บัว นอนซะ นอนกอดกันก็ได้นะ ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพี่กอดบัวเอาไว้แบบนี้  ไม่ต้องคิดไม่ต้องกลัวไม่ต้องกังวลอะไรนะบัว.......เราไม่ต้องมีอะไรกันก็ได้ อยู่กันไปแบบนี้เรื่อย ๆก็ได้...พี่รักบัวนะ.....ไม่ว่าเรื่องอะไรบัวก็อย่ากลัว หรือกังวลใจเลย”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 18-05-2014 00:54:05
หลับจริงป่าววะ

ได้แต่มองหน้าของคนที่นอนหลับตาอยู่ข้าง ๆ แล้วก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ขยับเข้าไปใกล้อีกนิด และก็เรียกคนที่นอนหลับตาอยู่ข้าง ๆ เสียงเบา

“พี่โย”

..................

“พี่โย หลับจริงเหรอ”

เรียกและคนที่หลับตาก็ขานรับ

“ยังครับ”

เหรอ

แล้ว......เราจะแก้ผ้านอนด้วยกันแบบนี้จริงๆ เหรอ ตอนแรกก็รู้สึกแปลก ๆ เขิน ๆ อยู่หรอกนะ แต่ตอนนี้เหมือนจะเริ่มชินขึ้นมาแล้ว

“ต่อมั้ย”

ต่ออะไรครับ

“ต่อได้เหรอ”

ก็ถ้าจะต่อ.........ให้ต่อก็ได้........ ไม่ได้บอกว่าได้ แต่คนที่ใช้แขนของโยธินเป็นหมอนหนุน ค่อยๆ ขยับกายลุกขึ้นอย่างช้า ๆ

“ผม....เอาใส่เองได้ป่ะ...”

หมายถึงอะไรครับ หมายถึง..........

“บัวจะเอาของพี่ใส่เข้าไปเหรอ”

ก็นั่นแหละ ก็ของพี่นั่นแหละเดี๋ยวใส่เอง พยักหน้ารับอย่างช้า ๆ และมองเมินไปทางอื่น และโยธินที่นอนอยู่ก็ค่อย ๆ ขยับกายลุกขึ้นนั่ง มองหน้าของคนที่กำลังทำหน้าไม่ถูก แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเบา ๆ

“บัวเอ้ยยย”

อะไรล่ะพี่ พูดแบบนี้แล้วก็ส่ายหน้าแบบยิ้ม ๆ แล้วก็ยื่นมือมาเขย่าหัวผมเล่นอีก มันหมายความว่ายังไงวะ

“ไม่อยากต่อเหรอ”

ไม่ใช่ไม่อยาก แต่ถ้าต่อแล้วมันเป็นแบบเมื่อกี้ล่ะ แล้วบัวจะทำยังไง

“ก็อยาก....แต่ทำเองดีกว่า นี่ก็สงบไปแล้ว ว่าจะเอาน้ำออกพอดีมันลงแล้วก็เลยไม่ต้องทำอะไร ก็สบายไป”

สบายไปเหรอ

..........................

ก็เลยพูดอะไรไม่ออก ลงไปนอนอีกครั้งและโยธินที่ยังนั่งอยู่ก็มองหน้าของคนที่นอนอยู่บนเตียงเดียวกัน มองแล้วก็ยิ้ม
ยิ้มแล้วก็โน้มใบหน้าลงไปหา จูบเบา ๆ ที่ไหล่ของคนที่นอนอยู่ และคนที่นอนอยู่ก็หันมามอง

มองหน้าของโยธินตรง ๆ

ดวงตาสองคู่สบกันนิ่งต่างคนต่างมองแล้วคราวนี้ก็ไม่ใช่แค่มองเพราะโยธินดึงผ้าห่มที่คลุมร่างกายของคนที่อยู่ด้วยกันบนเตียงออก

“อย่า”

อย่าอะไรล่ะ

“ฮื่ออออ”

ไม่ยอมปล่อย และเมื่อเห็นว่าโยธินไม่ยอมแพ้เช่นกัน ก็เลยต้องยอมปล่อยมือจากผ้าห่ม ให้คนที่ต้องการดึง ดึงออกไปพ้นตัวได้ง่าย ๆ โยธินโน้มใบหน้าลงมา และแตะปลายจมูกลงที่ข้างแก้มของคนที่เมินมองไปทางอื่นเบา ๆ
แตะฝ่ามือ ที่ข้างแก้มและรั้งให้หันมามองกันตรง ๆ มองกันนิ่ง ๆ และคนที่อยู่ใต้ร่างก็จ้องกลับตาไม่กระพริบ

ใบหน้าขาว ๆ เริ่มขึ้นสีแดงเรื่อพร้อมกับอาการใจเต้นไม่เป็นส่ำ

“อ่ะให้ จะเอาใส่แค่ไหนลึกแค่ไหน จัดการซะ”

โยธินดึงมือของฮัทให้แตะต้องที่แก่นกายที่เริ่มตื่นตัวขึ้นอย่างช้า ๆ และก็ส่งยิ้มหวาน ๆ ให้กับคนที่ค่อย ๆ ใช้แขนยันที่นอนและลุกขึ้นนั่ง

ยอมแยกขาออกกว้าง และเทเจลไปที่ท่อนเอ็นที่กำลังขยับเคลื่อนไหวอยู่ในอุ้งมือ
นิ่งมองเพื่อทำใจ สุดท้ายเอนกายลงนอนและมองหน้าของโยธินพร้อมกับขบริมฝีปากแน่น

“เดี๋ยวบอกให้หยุดพี่โยช่วยหยุดให้หน่อยได้มั้ย”

ได้.....

โยธินพยักหน้ารับ และคนที่บอกก็มองไปที่ร่างกายของตัวเองที่เปิดกว้างมากพอแล้ว

ปลายนิ้วที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยเจลใส สอดแทรกเข้ามาอีกครั้งเพื่อขยับขยายช่องทางที่บีบรัดให้เปิดออก
ฮัทขมวดคิ้วมุ่นและขบริมฝีปากแน่น สบตากับโยธินเป็นพัก ๆ และก็พยักหน้าเป็นสัญญาณให้อย่างอื่นที่ไม่ใช่นิ้วเข้ามา

และโยธินก็ค่อยๆ กดแทรกส่วนปลายของร่างกายตัวเองเข้ามา กดเข้ามาอย่างช้า ๆ และคนที่ถูกกระทำบางอย่างก็วางมือไว้บนหัวเข่าของโยธิน ส่งเสียงร้องเบา ๆ เมื่อรู้สึกเจ็บ และผ่อนลมหายใจออกมาเมื่อรู้สึกได้ถึงท่อนเอ็นร้อนๆ ที่แทรกเข้ามาภายในร่างกายอย่างช้า ๆ

“อึก อือ ซี้ดส์ พี่โย....ช้า ๆ นะ”

ครับ ช้า ๆ นี่พี่ก็ช้าแล้ว ไหวมั้ยครับ

“อึก อือออ พี่โย”

ครับ

“หมดยัง”

หมดยังเหรอ

“อีกนิดเดียว”

อีกนิดเดียวเหรอ

“เข้ามาหมดเลย”

หมดเลยเหรอครับ งั้นหมดเลยก็...........หมด....เลย

“อ่ะ บัว.......เสียว....มันบีบมากเลยอ่ะ เสียวตรงปลายมากเลยบัว”

โยธินลูบไล้ที่ส่วนกึ่งกลางร่างกายของคนที่นอนอยู่ รูดรั้งให้เพื่อเพิ่มอารมณ์ให้รู้สึกไปพร้อม ๆ กัน และฮัทก็ส่งเสียงครางแผ่วเบา

“พี่ขยับนะ”

ครับ

พยักหน้ารับ และโยธินก็เริ่มขยับสะโพกขึ้นลงช้า ๆ รุนแรงไม่ได้ ทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ ถ้าขืนรุนแรงคงได้เหมือนครั้งแรกที่มีอะไรกัน ไม่อยากให้บัวต้องไปนอนซมจากการที่ทำเรื่องแบบนี้ด้วยกันอีกครั้ง

“อ่ะ บัวครับ....พี่จะทำให้เสร็จเลยนะ”

อือ

เพราะอีกฝ่ายพยักหน้ารับ โยธินก็เลยขยับสะโพกเร็วขึ้นอีกหน่อย พยายามสะกดความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ เพราะความคับแน่นภายในที่กำลังเล่นงาน

“แน่นมากเลยอ่ะ ไม่ไหวแล้วบัว ซี้ดดดดดดดส์ อือ”

ขืนขยับไปมากกว่านี้ มีสิทธิ์ถึงจุดสุดยอดได้ง่าย ๆ

โยธินจึงหยุดการเคลื่อนไหว และเปลี่ยนมาใช้มือกับส่วนที่ตื่นตัวของคนที่นอนนิ่งและกำลังหอบหายใจหนัก ๆ จนใบหน้าแดงก่ำ เพราะถูกทำบางอย่าง

“บัว...บัวแตกเลยมั้ย”

อยากจะเสร็จแล้ว แต่มันไม่เร็วเกินไปเหรอ

“แล้ว.....แล้ว...ของพี่โยจะทำยังไง”

ของพี่เหรอ

“งั้นเอาแบบนี้ พี่จะขยับตามบัว ถ้าบัวเสร็จพี่ก็เสร็จพร้อมบัว ดีมั้ย”

ก็........ได้

ยอมให้เป็นไปอย่างที่โยธินบอก แล้วฮัทก็แตะต้องที่ร่างกายของตัวเอง รูดรั้งความแข็งขืนของตัวเองเอาไว้ในมือ และหลับตาแน่น

ลมหายใจหอบหนักเริ่มดังถี่ขึ้น โดยไม่รู้เลยว่าตัวเองแสดงสีหน้าแบบไหนออกไปให้อีกฝ่ายได้เห็น
ทั้งยั่วยวน ทั้งแสดงออกถึงความต้องการ แล้วแบบนี้ใครจะไปทนไหว ไม่มีใครทนไหวทั้งนั้น ดวงตาที่ปิดแน่น ริมฝีปากที่ขบเม้มเข้าหากันและเปล่งเสียงครางออกมาเบา ๆ นั่นมันอะไร โยธินไม่รู้อะไรอีกแล้ว ถึงตอนนี้จะรู้สึกถึงความคับแน่นที่บีบรัดขนาดไหน แต่ก็คงหยุดเอาไว้ไม่ได้

“พี่โย.......โอ้ย พี่ อือออออออ”

คล้ายได้เห็นปฏิกิริยาตอบรับในทางที่ดีของคนที่เริ่มเกร็งหน้าท้องและสะโพกก็ขยับเคลื่อนไหวไปตามจังหวะการสอดแทรกของโยธินเร็วขึ้นทุกขณะ

“พี่โย พี่โย จะ....จะแตกแล้ว....พี่โยมาเลย เข้ามาแรง ๆ ไม่เป็นไรแล้ว”

ไม่เป็นไรแล้วเหรอครับ ถ้าไม่เป็นไรแล้วงั้นพี่ก็.........

โยธินรั้งเรียวขาของร่างที่กำลังร้องครางเสียงหวานให้ขึ้นมาพาดอยู่บนบ่า และโน้มร่างกายทาบทับลงไปหาเพื่อให้ช่องทางที่บีบรัดสัมผัสกับท่อนเอ็นแกร่งให้มากที่สุด ขยับสะโพกเร็วขึ้นตามจังหวะการรูดรั้งฝ่ามือของคนที่เริ่มหอบหายใจหนักขึ้นเรื่อย ๆ และร่างกายก็เริ่มเกร็งขึ้นทุกขณะ

“บัว จะเสร็จยัง บัวจะเสร็จยังครับ”

จะแล้ว...........อีกนิด.......ใกล้แล้ว

“พี่.........อื้ออออ พี่โย”

รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะถึงที่หมายโยธินเลยต้องรีบขยับสะโพกเข้าออกแรง ๆ เพื่อเร่งจังหวะให้จุดหมายอยู่ใกล้กันมากที่สุด

ใบหน้าที่แดงเรื่อ เพราะแรงอารมณ์แหงนเงยขึ้นและทั้งร่างก็เกร็งแน่น ก่อนจะกระตุกเบา ๆ พร้อมกับเสียงร้องครางในจังหวะสุดท้าย

“อื้ออออ แล้ว.....พี่โย...แตก...แล้วอือออ”

น้ำรักมากมายพุ่งออกมาจากส่วนปลายของความแข็งขืนในกำมือพร้อมกับช่องทางด้านหลังยิ่งบีบรัดส่วนที่อยู่ในร่างกายเพิ่มขึ้น

และโยธินก็รีบขยับกายร่างกายให้แรงเข้า จนถึงที่หมายตามไปติด ๆ ในไม่ช้า

“อาส์ บัวครับ บัว อื้ออออออ”

ปลดปล่อยสิ่งที่อัดแน่นอยู่ในร่างกายของตัวเองออกมาจนหมดและทรุดกายลงนอนทาบทับร่างคนที่ยังหอบหายใจหนัก

“บัว....ครับ....”

ปลายจมูกโด่งแตะเบา ๆ ที่ข้างแก้มของคนที่มอบความสุขอย่างล้นเหลือในครั้งนี้ให้ และฮัทก็ขมวดคิ้วมุ่น และเริ่มปรับลมหายใจที่ขาดห้วงให้กลับมาเป็นปกติอย่างช้า ๆ

“สะ .....พี่....โย....เสร็จ......เสร็จ......มั้ยพี่....โย”

เสร็จสิครับถามได้

“พี่ปล่อยไว้ในตัวบัวอีกต่างหาก ขอโทษนะ เดี๋ยวพี่พาไปล้างออกให้นะครับ”

อือ ล้างก็ล้าง

ไม่ได้พูดอะไรต่อ ไม่ได้ตอบอะไรทั้งนั้น อยู่ดี ๆ คนที่ควรจะพูดอะไรมากกว่านี้ก็หลับตานิ่ง ๆ และไม่พูดไม่โต้ตอบอะไรกับโยธินอีกซักคำ

“บัว.....”

เรียกและก็ถึงกับตกใจเมื่อคนที่เอ่ยถามนิ่งเงียบไป ลมหายใจที่เข้าออกเริ่มสม่ำเสมอ และเมื่อมองให้ดี ๆ จะรู้ว่าอีกฝ่ายหลับไปซะแล้ว

เอาแบบนี้เลยเหรอบัว หลับกลางอากาศกันแบบนี้เลยเหรอพี่ตกใจหมดเลยครับ หนีพี่ด้วยการหลับไปต่อหน้าต่อตาเลยเหรอ

“บัวเอ้ยยยย”

โยธินถึงกับส่ายหน้าและถอนหายใจออกมายาว ๆ พร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงเบา
หายเหนื่อยแล้ว จึงค่อยๆ ลุกขึ้นและกำลังจะทำบางอย่างให้คนที่หลับไปก่อนแล้ว

ถ้าปล่อยเอาไว้แบบนี้คงไม่ค่อยดี คงต้องช่วยเช็ดตัวให้แล้วค่อยช่วยแต่งตัว ไม่งั้นเดี๋ยวจะกลายเป็นหวัดไปซะก่อน

บัวนะบัว แทนที่จะคุยกันก่อนอีกนิด ดันมาหลับกันต่อหน้าต่อตาซะได้

โยธินโน้มใบหน้าลงมาจ้องมองคนที่หลับไปแล้ว และอมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะกดปลายจมูกลงไปหนัก ๆ ที่หน้าผากของคนหลับอีกครั้ง

.......น่ารักเกินไปแล้วนะ.............ทำแบบนี้มันน่ารักเกินไปแล้ว............ทำแบบนี้เรียกว่าน่ารักเกินไปนะครับ......บัวของพี่โย..........


TBC.

หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 18-05-2014 01:00:33
ไชโย บันไซ บราโว่กันดังๆ ในที่สุดพี่โยกับน้องบัวก็รักกันสุดซึ้งซะที ลุ้นมานานมากกกกกกกกกกกกกกค่ะคู่นี้ :hao5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: meeoldly ที่ 18-05-2014 01:32:16
ในที่สุดน้องบัวก็เสร็จพี่โย

 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: sin_no ที่ 18-05-2014 01:37:14
 :mc4:  ขอจุดพลุฉลองให้พี่โย  ในที่สุดน้องบัวก็เสร็จอีกรอบ  555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Teddysdeath ที่ 18-05-2014 01:38:54
 :jul1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-05-2014 04:18:34
 o13 ในที่สุดอิพี่โยก็ได้กินน้องบัวสมใจสะที ลุ้นกันมานานมากกว่าจะสมหวัง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 18-05-2014 06:38:32
 :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 18-05-2014 06:51:46
 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: mapreaw ที่ 18-05-2014 07:04:28
วะฮ่าฮ่า เค้าได้กันอีกครั้งแล้วนะวิเชียร :hao6: :hao6:
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 18-05-2014 07:53:30
วิ๊ดวิ๊ววววววววววววววววววและแล้วก็สมใจอยากของแฟนๆน้องบัว :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 18-05-2014 07:58:15
สนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 18-05-2014 09:39:03
บัวตื่นมาโดนแซวแน่ 555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 18-05-2014 10:03:26
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: ap08572290 ที่ 18-05-2014 10:07:40
ฉากเรียกเลือดมาอีกแล้ว  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 18-05-2014 10:28:39
เฮือก!!! ฉากนี้ที่รอคอย  >///<
น้องบัวเสร็จที่โย(อีกรอบ)
อยากอ่านฉากตื่นนอนอ่ะ ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 18-05-2014 10:52:00
ในที่สุดก็... อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 18-05-2014 11:27:30
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/10/โยธิน_บัวลอยNk8Sn.jpg)
รักเกิดในแผนกขนส่ง....ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน เช้าแล้วครับ

กี่โมงแล้วก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ฟ้าข้างนอกยังมืดอยู่
กระพริบตาถี่ ๆ และก็พบว่าในเวลานี้กำลังนอนซุกอยู่ในอกของใครบางคน

..............พี่โย..............

ก็น่าจะใช่อยู่หรอก มันก็สมควรจะใช่อยู่ ในเมื่อ.............

พยายามปรับสายตาให้คุ้นเคยกับความมืด และค่อย ๆ ยกแขนของคนที่กอดเอาไว้ทั้งคืนออก ผละออกห่างและลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่องช้าและก็ต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ

.........แม่ง โดนไปดอกเดียวเน้น ๆ โคตรได้ใจ.........

แต่ก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสเท่าครั้งแรก ครั้งนี้ยังพอทน ถ้าจะให้ชินทั้งที่เพิ่งทำกันไปแค่ครั้งสองครั้ง ท่าทางจะไม่ใช่

“อือออ บัววว ตื่นแล้วเหรอ”

คนที่หลับอยู่ข้าง ๆ รู้สึกตัวตื่นแล้ว และก็เรียกหาคนที่เคยนอนให้กอดเอาไว้ทั้งคืน
เรียกและขยับเข้ามาใกล้อีกหน่อย และกอดเอวคนที่กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่คนเดียวให้เข้ามาใกล้

“.............”

ไม่มีเสียงตอบรับใด ๆทั้งสิ้น มีแค่ความเงียบงันและโยธินก็เงยหน้ามองคนที่นั่งเงียบ

หมายความว่ายังไง

ทำไมเงียบ ทำไมไม่พูด ทำไมถึง...........

“บัว”

ได้ยินเสียงเรียก แต่ไม่ได้ขานรับ แค่มองหน้าของคนที่ปรือตาตื่นขึ้นมองแล้วก็ไม่รู้ว่าควรทำหน้ายังไงดี

ควรยิ้ม ควรพูดคุยด้วย หรือควรทำเฉย ๆ หรือควรจะทำยังไง ไม่รู้ว่ะ ทำยังไงล่ะ

“เป็นอะไรหรือเปล่า”

เป็นอะไรเหรอ ไม่ได้เป็นหรอก แค่รู้สึกคล้าย ๆ ทำตัวไม่ถูกเฉย ๆ

“................”

ก็ไม่รู้จะตอบยังไง ได้แต่นั่งนิ่งและถอนหายใจออกมาเบา ๆ ไม่ได้คิดอะไรไม่ดีหรอก แค่ทำตัวไม่ถูกจริง ๆ
และเพราะอาการนิ่งเงียบของคนที่นั่งอยู่ ก็เลยทำให้โยธินเริ่มขมวดคิ้วมุ่นเพราะไม่เข้าใจปฏิกิริยาที่อีกฝ่ายแสดงออก

หรือว่าเสียใจ หรือว่าโกรธ หรือว่าไม่ถูกใจ หรือว่า........... คิดได้แค่นั้นแล้วโยธินก็ตื่นเต็มตาทันที รีบขยับกายลุกขึ้นนั่ง
นั่งอยู่ตรงหน้าของคนที่ไม่พูดไม่จา เอาแต่ก้มหน้านิ่ง

“บัว”

เรียกและก็เห็นว่าคนที่นั่งอยู่เงยหน้าขึ้นมอง
สีหน้าและแววตาที่พอมองเห็นกันได้ในความมืด คล้ายมีความสับสนอย่างเห็นได้ชัด

“บัวเป็นอะไรหรือเปล่า บัวโกรธพี่อีกหรือเปล่า บัวกำลังไม่ชอบใจที่เราทำแบบนี้ด้วยกันหรือเปล่า.....บัว...กำลัง...”

พอเหอะ แม่งชักไปกันใหญ่แล้ว

“....ไม่ได้....เป็นไร.........ผม.......อะ.......ว่ะ”

ได้ยินไม่ชัด ได้ยินคำตอบไม่ชัด และเหมือนข้อความสำคัญขาดหายไป เพราะคนพูดดึงหมอนมาไว้ที่ตักแล้วก็ก้มลงซบหน้าลงกับหมอน พูดจาไม่รู้เรื่อง และโยธินก็ไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูด

“อะไรล่ะ”

แม่งตื่นมาก็ถามอยู่นั่น จะอะไรก็ช่างเหอะอย่าถามเลย

“เกลียดพี่เหรอบัว หรือว่าโกรธ หรือยังไง บัว”

มันไม่ใช่แบบนั้นเว้ยเฮ้ย ไม่รู้จะตอบยังไง ไม่รู้จะพูดยังไง ก็เลยเงยหน้าขึ้นจากหมอนแล้วก็มองหน้าโยธินแบบแปลก ๆ

“..................”

ถ้าบัวไม่พูด พี่ก็ไม่รู้จริงๆ นะว่าบัวเป็นอะไร บัวโกรธพี่หรือเปล่า บัวเกลียดพี่ไปแล้วหรือเปล่า หรือว่าบัว...............

“ตกลงเป็นอะไร เกลียดพี่แล้วใช่มั้ย”

คิดไปไกลแล้วพี่ มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกวะ

“ผม.........แม่ง.................เขิน................ว่ะ............เหี้ย.....”

พูดแค่นั้น คำพูดง่าย ๆ และคนพูดก็ยังมองหน้าของโยธินนิ่ง ๆ มองเพราะไม่รู้จะทำยังไง มองเพราะไม่รู้จะพูดอะไรให้มันดูดีกว่านี้

และคนฟังก็นิ่งอึ้งยิ่งกว่า ทั้งอึ้ง ทั้งงง ปกติไม่ใช่คนเข้าใจอะไรยาก แต่เพราะคำพูดนิ่ง ๆ คล้ายด่า
และไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ของคนพูดได้แบบนั้นมันทำให้โยธินต้องคิดและทบทวนให้แน่ชัด ว่าไม่ได้ฟังผิด

และก็ใช่

ฟังไม่ผิด

ได้ยินไม่ผิด เพราะบัวพูดว่า ................ผม...เขินว่ะ...แถมท้ายด้วยคำด่าอีกหนึ่งคำ

“เหี้ยเหอะ...........พี่ก็เขิน........เหมือนกัน....พูดแบบนี้ได้ไงวะ….สัด”

อ่า..........

กลายเป็นคนที่นั่งมองปลายนิ้วของตัวเองต้องเงยหน้าขึ้นมองหน้าโยธิน และก็อ้าปากค้าง กับคำพูดแบบนั้นที่เพิ่งเคยได้ยิน

ไม่ผิดหรอก  และแค่ได้ยิน ก็ทำให้คนที่บอกว่าเขินในคราวแรก ยิ่งเพิ่มความเขินมากขึ้นเรื่อย ๆ

“อะไรของพี่วะ ห่าเอ้ยยยยยยยยยย”

ก้มหน้าก้มตาลงและไม่กล้ามองหน้าของโยธินอีก และคนที่ได้เห็นปฏิกิริยาแบบนั้นก็ยิ้มกว้าง
ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข และอยากจะรั้งอีกฝ่ายเข้ามากอดเอาไว้แน่น ๆ

น่ารักเกินไปแล้วหรือเปล่า แบบนี้มันน่ารักเกินไป

“เลิกยิ้มซะทีเหอะพี่ ผมทำตัวไม่ถูก....แล้วนี่.....พี่แต่งตัวให้ผมใช่ป่ะ”

ใช่ครับ

“พี่ทำให้เอง”

เออ ก็ตามนั้นแหละ อยากรู้แค่นั้นก็ถามแค่นั้น แล้วก็ดีแล้วที่ตอบแค่นั้น ไม่ได้อยากให้ตอบอะไรมาก

“....................”

แล้วฮัทก็พยักหน้ารับก่อนจะก้มหน้าก้มตาลงไปมองปลายนิ้วตัวเองที่อยู่บนหมอนที่วางเอาไว้ที่ตัก

โยธินยังคงยิ้มกว้างอย่างมีความสุข ขยับตัวเข้าไปใกล้คนที่นั่งมองปลายนิ้วตัวเองอีกนิดและประคองใบหน้าของคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาให้ขึ้นมามองหน้ากันตรง ๆ

อาการขืนตัวเล็กน้อยทำให้โยธินชะงักแต่ไม่ได้ดึงมือกลับ และพยายามจะไม่ยิ้มให้มากเกินไป ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยเบา ๆ ที่ข้างแก้มของคนที่นั่งนิ่งและยังคงหรุบสายตาลงต่ำ

“......................”

ขยับกายเข้าไปใกล้มากขึ้น และโน้มใบหน้าเข้าไปหา ก็ไม่เห็นว่าจะขัดขืน เว้นก็เพียงแค่อาการคล้ายเมินหน้าไปทางอื่นเล็กน้อย แต่ก็ยอมให้ประทับริมฝีปากเบา ๆ ลงไปที่ข้างแก้มได้

ถึงจะจูบ หรือจะแตะสัมผัสตรงไหน ซอกคอ หรือข้างแก้ม หรือแม้แต่ลาดไหล่ก็ไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะขัดขืน
โยธินโน้มร่างของคนที่อยู่ตรงหน้าให้เอนกายลงบนฟูกนอนอย่างช้า ๆ ดวงตาสองคู่ยังสบกันนิ่ง
นิ่งงันไร้คำพูด และแม้กระดุมเสื้อของคนที่นอนมองหน้าโยธินเริ่มถูกแกะออกทีละเม็ด

ใบหน้าขาว ๆ ขึ้นสีแดงเรื่ออีกครั้ง

ในความมืดแม้มองไม่เห็น แต่โยธินก็คาดเดาว่าคงจะเป็นแบบนั้น

ริมฝีปากบางของคนที่อยู่ใต้ร่างกำลังขบเม้มเข้าหากันแน่น และคล้ายส่งเสียงครางเบา ๆ เมื่อฝ่ามืออุ่น ๆ ลากไล้เข้าไปในเสื้อและลูบไปตามเนื้อตัวที่เริ่มบิดเร่า เพราะความต้องการที่กำลังเกิดขึ้นอีกครั้งอย่างช้า ๆ

ดวงตาสองคู่ยังสบกันนิ่ง และเรียวแขนของร่างที่กำลังมองทุกการกระทำของโยธินด้วยความสนใจก็ค่อย ๆ ยกขึ้นโอบรัดที่รอบคอของคนที่ยังอมยิ้มไม่หุบด้วยความขัดเขิน แต่นั่นก็ทำให้คนที่กำลังนิ่งมองสบดวงตากลมโตคู่นั้น ยิ่งยิ้มกว้างอย่างมีความสุข

โน้มใบหน้าลงซุกไซร้ปลายจมูกเบา ๆ ที่ซอกคอ

กระซิบบอกด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำแหบพร่า เพราะเวลานี้ความต้องการยังถูกปลดปล่อยออกมาไม่หมด และยังคงอยากจะปลดปล่อยอีกครั้ง และอีกหลาย ๆครั้ง

“....นึกว่าบัวจะกลัวแล้วไม่ยอมพี่ไปตลอดซะแล้ว....”

มันก็ใช่อยู่หรอกแต่ไอ้เรื่องที่จะไม่ยอมตลอดไปนี่มันก็ไม่ใช่
เพราะมันมีความรู้สึกอะไรบางอย่างที่ทำให้อยากจะยอมเต็มไปหมด

“ดี ๆ นะ....ถ้าทำเท่าไหร่ก็ไม่หายเจ็บ ต่อไปไม่ยอมจริง ๆ ”

แกล้งขู่ และเพราะการขู่แบบนั้นมันก็ทำให้โยธินหัวเราะออกมาเสียงเบาอย่างถูกใจ

ผละใบหน้าออกจากซอกคอของคนที่นอนนิ่ง และยังคงกอดคอของโยธินเอาไว้

“รู้น่า....ไม่ทำให้เจ็บแล้ว.....มาลองอีกรอบตอนนี้เลยก็ยังได้...ถ้ายังเจ็บก็จะให้ลองอีกรอบ ถ้ายังไม่หายก็ให้ลองอีกรอบ ถ้ายังไม่ไหวอีก ก็ให้ลองอีกรอบ..........ถ้า....”

ถ้า........

“งั้นไม่ต้องลองซักรอบแล้วแหละ ท่าทางจะไม่ไหว คงได้ลองกันตายไปข้าง”

บ่นพึมพำเสียงเบา และโยธินก็หัวเราะออกมาเพราะสิ่งที่อีกฝ่ายบ่นให้ได้ยิน

“ครายเค้าจะไปทำน้องบัวแบบน้านนนนน เค้าไม่ทำเจ็บหรอก เนอะ เนอะ จริง ๆ นะกั๊บ”

อย่ามาทำแบ๊ว ก็มึงนี่ไงทำกูเจ็บมาสองรอบแล้ว แล้วถ้ารอบสามยังไม่ได้เรื่องอีกนะ

กูแม่ง.......................จะลองรอบสี่ รอบห้า รอบหก..........ต่อไป



TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: foolishbeat ที่ 18-05-2014 11:33:54
น้องบัวววววววววววววว พี่อยากเห็นน้องลองรอบที่สี่ รอบที่ห้า รอบที่หก :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 18-05-2014 11:37:18
โอ้ววว ลองทั้งวันแน่เลยน้องบัว  :z1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: mapreaw ที่ 18-05-2014 11:44:17
ของแบบนี้มันต้องลองต่อไปเรื่อยๆค่ะน้องบัว เชื่อพี่(มุ่งมั่น) :hao3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 18-05-2014 11:59:19
ว้าย.....ต้องลองไปเรื่อยๆ จนหายเจ็บ อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: @rnon ที่ 18-05-2014 12:08:46
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 18-05-2014 12:15:00
น่ารัก :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-05-2014 12:41:50
อย่างเขินอะบทจะหวาน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 18-05-2014 12:47:32
น้องบัวแม่งเขินว่ะพี่โยยยย

น่าร้ากจริมๆ >_<
 :pig4: :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 18-05-2014 13:05:16
น้องบัวแน่นอนจริงๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 18-05-2014 13:58:50
เพื่อผลลัพท์ที่ดีที่สุด เราควรลองหลายๆครั้ง น้องบัวทำถูกแล้วค่ะ อิอิ
อ่านตอนนี้แล้วเขินจัง รอตอนต่อไปค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรก
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 18-05-2014 15:42:28
ในที่สุดก็สมหวังแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: miyaki ที่ 18-05-2014 18:59:09
น้องบัวของพี่โย จะลองกี่ครั้งกันคะ อิอิ
พี่โยดูจะมีความสุขมากนะเนี่ย อิชชี่จิงๆคะ :o8:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 18-05-2014 18:59:50
สองบรรทัดสุดท้ายสงสัยน้องบัวจะติดวิเชียรมา 55555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 18-05-2014 20:56:12
ในที่สุดคู่นี้ก็ได้สมหวังกันซะที ปลื้มมมมม  :impress2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 18-05-2014 22:23:57
ลองจิ้นหน้าไมค์เป็นพี่โยแล้วมาทำแบ๊วๆใส่น้องบัวแล้วมันฟินจริงๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 18-05-2014 22:40:10
อ่านมา สนุกมาก ชอบทุกคู่เลย
หื่นๆกันทั้งนั้น ทั้งเมะทั้งเคะ =.,=b//ยกนิ้ว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 18-05-2014 23:14:38
สี่..ห้า..หก..  :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-05-2014 23:50:24
วันนี้ไม่มีเพิ่มเติมเลยอะ จะจบอยู่แค่นี้หรือค่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 19-05-2014 00:00:47
แบ๊วตลอดเลยนะพี่โย เวลาอยู่กับน้องบัวเนี่ย อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 19-05-2014 00:26:32
 :heaven อยากกดบวกรัว ๆๆๆๆๆ ถูกใจน้องบัวพี่โย มากที่สุด :katai4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 19-05-2014 01:10:00
 :pighaun: ลองกันบ่อยๆนะจะได้ชิน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 19-05-2014 06:55:52

(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/10/โยธิน_บัวลอยNk8Sn.jpg)
รักเกิดในแผนกขนส่ง....ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน เบื่อจะพูด

กว่าจะลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวได้ก็เป็นเวลาสายเกือบเก้าโมงเข้าไปแล้ว แต่ฮัทก็ต้องตะเกียกตะกายลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมไปทำงาน

วันนี้เป็นหยุด ถ้าได้ออกต่างจังหวัด เช้าวันถัดมาจะได้หยุด แต่ก็ไม่เคยหยุดซักที พี่บุ้งบอกว่าถ้าไม่หยุด อยากจะมาตอนไหนก็มา เพราะไม่ได้บังคับเวลา

“ไปไหนอ่า”

จะไปไหนได้ล่ะ ก็ไปทำงานสิ จะให้ไปไหน

“ทำงาน”

ไม่เอาอ่า ทำไมต้องไป ไม่ต้องไปแล้ว

“บัวออกต่างจังหวัดวันนี้บัวต้องได้หยุดสิ ทำไมยังไปทำงานอีกล่ะ”

ก็รู้ว่าถ้าออกต่างจังหวัดแล้ววันถัดไปพี่บุ้งให้หยุดได้ แต่ว่า ไม่เคยหยุดนี่หว่า ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่หยุด

“เกรงใจคนอื่นเขา”

เกรงใจคนอื่นแล้วไม่เกรงใจพี่เลยเหรอครับ สงสารพี่หน่อยเหอะนะ พี่เพิ่งจะเข้าหอวันแรก จะให้เมียหมาด ๆ ของพี่ไปทำงานเหรอครับ มันใช่เรื่องที่ไหน

“ไม่เอา ไม่เอา ไม่เอา ไม่ให้ไป ไม่ให้ไป อย่าไปเลยนะ นะ น๊า บัวไม่ต้องไปหรอกน๊า”

ไม่ใช่แค่พูด แต่คนที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงและมีผ้าห่มพันเอาไว้ทั้งตัวก็แกล้งทุบมือและดิ้นไปมาอยู่บนเตียง

“น่ารักแล้วเหรอนั่น”

ไม่ได้น่ารักหรอก แต่อย่าไปเลยน๊า นะ นะ นะ

“ไม่เอา ไม่ให้ปายยยยยยยยยยย บัววววว บัวอ่ะ บัววววว ไม่ต้องไปหรอกน๊ะ นะครับ นะ นะ บัวน๊า”

ไอ้พี่โย

“ตลกว่ะ”

ฮัทได้แต่ส่ายหน้าและก็เริ่มลงมือติดกระดุมเสื้อ มองหน้าของคนที่ดิ้นอยู่บนเตียงแล้วก็ได้แต่ส่ายหัวแบบยิ้ม ๆ

“ฮาโหล หัวหน้าบุ้งเหรอครับ โยธินนะครับ วันนี้กล้าณรงค์ลานะครับ เมื่อคืนพวกเราเอากันดึกไปหน่อย กล้าณรงค์เลยไปทำงานไม่ไหวนะครับ”

หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วก็กรอกเสียงลงไป และคนที่กำลังติดกระดุมเสื้ออยู่ก็รีบหันมามอง ชะงักมือที่กำลังติดกระดุมเสื้อ
และก็ดวงตาก็เบิกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ

“เฮ้ยยยยยยยยยยย ไม่ใช่นะ ผมไม่ได้ลา ผม…..”

รีบผวาไปนั่งอยู่บนเตียงแล้วก็ดึงโทรศัพท์ในมือของโยธินมาเพื่อจะคุยกับปลายสาย แต่ก็เงียบ

หมายความว่ายังไง

ดูหน้าจอของโทรศัพท์ก็เห็นว่าเป็นความว่างเปล่า ไม่ได้มีการโทรออกไปไหน

ไอ้...........พี่.............โย

“ทำไมทำงี้อ่ะ”

แล้วให้ทำยังไงล่ะ

“ก็ซ้อมไว้ก่อนไง เผื่อบัวต้องโทรไปลางาน ก็เลยซ้อมไว้ก่อน”

ไม่ใช่สิ มันไม่ใช่แบบนี้สิ ไอ้พี่โย

“ทำไมกวนประสาทอย่างนี้วะ ทำไมทำอย่างนี้วะ ไอ้พี่โย ทำไมทำแบบนี้ล่ะเฮ้ยยยยยยยย”

หน้างอหงิก บ่นอยู่คนเดียว และก็มองหน้าโยธินอย่างหาเรื่อง แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่รู้สึกรู้สาและเมื่อคนที่นอนคว่ำหน้าอยู่ยังอมยิ้มหน้าระรื่น ฮัทก็เลยกำมือและทุบลงไปแรงๆ ที่หลังของโยธิน

“โอ้ยยยยยยย เจ็บบบบ”

เจ็บให้ตายไปเลย

คนที่โดนทุบพลิกกายขึ้นและหัวเราะชอบใจกับสิ่งที่ฮัททำ เป็นบ้าหรือไง แทนที่จะสำนึก เสือกหัวเราะยิ่งกว่าเดิมอีก

“ไอ้พี่โย”

อะไรล่ะ

“ก็บัวดื้อจะไปทำงาน.... ก็พี่ไม่อยากให้ไป.... ก็แล้วทำไมต้องไป..... ก็แล้วทำไมไม่หยุด..... ก็แล้วทำไมไม่อยู่กับพี่... ก็แล้ว ทำไม อื้ออออ แอ่ก บัววววววววว”

อยากจะลอยหน้าลอยตาพูดอีกหลายก็ แต่เพราะโดนเอาหมอนอุดปากก็เลยพูดต่อไม่ได้ กว่าจะดึงหมอนออกจากหน้าได้ก็ใช้เวลาอีกพักใหญ่

“โหด”

เออใช่ โหด ดีแค่ไหนแล้วยังปล่อย ไม่เอาหมอนอุดปากอุดจมูกให้ตาย

“อย่าเล่นแบบนี้อีก”

ถ้าไม่อยากให้เล่นแบบนี้อีก บัวก็ไม่ต้องไปทำงานสิ

“อย่าไปสิ”

ทำไมถึงได้เป็นคนพูดยากพูดเย็นแบบนี้วะ

“อย่าไปนะ”

โธ่โว้ยยยย ไม่ต้องลุกขึ้นแล้วขยับมาใกล้ แล้วกระพริบตาปริบ ๆ สองสามทีแบบนั้นหรอก มันน่ามองมากนักหรือไง

“อย่าไปเลยนะกั๊บ อยู่ต่อเลยได้ม้ายยยยย”

ยังไม่เลิก ยังไม่ยอมหยุดอีก

“เค้าขอร้องได้มั้ยล่ะ วันเดียวเอ๊ง นะ น๊า เค้าไม่เคยขอร้องไรเลยน๊ะ เนี่ยอยู่กะเค้าวันเดียวเอง ไม่สงสารเค้าเลยเหรอ”

สงสารบ้าอะไรล่ะ สงสารตัวเองมากกว่า

“อย่าพี่โย ขอร้อง อย่ามาทำเสียงแบบนี้”

อ้าว แล้วไม่ให้ทำเสียงอย่างนี้แล้วจะให้ทำเสียงยังไง

“ฮื่ออออออ บัวอ่ะ ทำไมต้องเอ็ดด้วย ตกใจหมดแล้ว”

ไม่ใช่แค่พูด แต่คนพูดยังมีการลุกขึ้นนั่งและกอดเอวของคนที่แสดงท่าทางฮึดฮัดอยู่ตลอดเวลาเอาไว้แน่น
กอดและซบหน้าลงที่ซอกคอของคนที่นั่งหน้าบึ้ง และก็กดปลายจมูกหนัก ๆ ที่ข้างแก้มของคนที่ยังยืนยันจะไปทำงานให้ได้

“อะไรเนี่ยยย อะไรวะ พี่เป็นคนแบบนี้เหรอ”

ก็เป็นคนแบบนี้แหละ

“หยุดเถอะนะกั๊บ วันเดียวเอง”

โธ่โว้ย

“พี่นี่แม่ง”

พูดไม่ออก ไม่รู้จะพูดอะไรดี ได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่และทำหน้าเซ็งโลกแบบเหนื่อยใจ

“แล้วจะให้บอกพี่บุ้งยังไงว่าหยุดเพราะอะไร”

เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกน่า

“พี่จัดการไว้แล้ว”

จัดการไว้แล้ว หมายความว่ายังไงวะ จัดการไว้แล้ว

“จัดการ ..........จัดการอะไรยังไง ไหนบอกซิ”

ก็ไม่จัดการยังไง

“อยากรู้เหรอ”

ใช่ พูดมาว่าจัดการยังไง

“พี่จัดการอะไรของพี่”

ก็.............

“อยากรู้จริงป่ะ”

เอออออออออออ

“พี่อย่าลีลา พูดมาเร็ว ๆ”

อะไรล่ะ พูดมาเร็ว ๆ อะไรล่ะ บัวแหละทำไมชอบบีบบังคับ

“มีให้เลือกสองข้อ ข้อหนึ่งกับข้อสอง”

แม่ง มีให้เลือกด้วยเหรอวะ

“เฮ้ย นี่มันไม่ใช่ข้อสอบนะ ทำไมถึงมีตัวเลือกด้วย พี่จัดการอะไรไว้ พูดมา”

ก็...........

“ข้อแรก ถ้าวันไหนบัวหยุดพร้อมพี่ เขาก็รู้กันหมดแบบไม่ต้องเดาหรอกว่าเราหยุดทำอะไรกัน”

เหี้ยยยยยยยยยย ก็นี่ไง กูถึงจะไม่หยุดนี่ไง กูถึงต้องไปนี่ไงล่ะ เพื่อจะได้ไม่ถูกจับได้ว่าไปทำอะไรกันมา มึงเข้าใจมั้ยเนี่ยะไอ้พี่โย

“อย่างนี้ยิ่งต้องรีบไปเลย”

ไม่ได้หรอก

รีบไปไม่ด้ายยยยย

“และข้อสอง ถ้าบัวไปทำงาน แล้วใครมาขอดูข้อมือบัว มันก็จะมีรอยแบบนี้อยู่”

รอยแบบ.....ไหนวะ เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยย

“เหี้ยแล้วไงล่ะ ทำไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”

มึงทำบ้าอะไรของมึงวะเนี่ย

“เผื่อว่าพี่รั้งบัวไม่ได้ แล้วบัวต้องไปทำงานจริง ๆ พี่ก็ไม่ได้อยากจะโชว์หรอกนะว่าไปทำอะไรมา ถ้าทำตรงอื่นมันเห็นชัด แต่ถ้าทำตรงนี้ ถ้าบัวดื้อไปทำงานจนได้ แล้วมีคนถาม บัวอยากบอกใคร บัวก็ให้เขาดูจะได้ไม่ต้องพูดมาก”

เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย มึงทำร้ายจิตใจกูมาก

“บัวไม่อยากให้ใครรู้ บัวก็หลบดี ๆ สิ พี่วิเชียรคงไม่รู้หรอกมั้ง พี่บุ้งก็ไม่น่าจะรู้หรอก หรือแม้กระทั่งพี่คนอื่น ๆ ก็ไม่น่าจะมีใครรู้แน่ ๆ หรอกม้างงงงงงงงงง”

ตายตั้งแต่พี่วิเชียรแล้ว สรุปมึงดักทางกูใช่มั้ย ไม่ไปก็จบแบบสวย ๆ โดนแซวหน่อยก็ทำเป็นเนียน ๆ ยิ้ม ๆ เข้าไว้
แต่ข้อสอง คือกูจะโดนล้อทั้งวัน แล้วก็จะมีแต่คนแวะเวียนเข้ามาถามไม่หยุดแล้ววันนั้นทั้งวันกูก็จะประสาทหลอนเพราะต้องคอยระแวงเพราะกลัวคนมาขอดูข้อมือใช่มั้ย

มึงแม่งบ้าแล้ว ไอ้พี่โย มึงบ้าแล้ววววววววววว

“นี่ดีนะพี่ไม่ทำตรงคอ เพราะบัวคงไม่อยากโชว์คนไม่รู้จักหรอก ว่ามั้ย”

เฮ้ย แม่งไม่ใช่แล้ว ยังไงก็ไม่ใช่แล้วล่ะ มึงแม่งเลวมากไอ้พี่โย แบบนี้ก็เท่ากับบีบให้กูเลือกไม่ทางใด ก็ทางหนึ่งชัด ๆ
ถ้าหยุดก็ยังพอมีโอกาสตั้งตัว แต่ถ้าดื้อแพ่งไปทำงานก็ต้องไปทำงานแบบหลอน ๆ

“โว้ยยยยยยยยย”

ยกมือขึ้นยีหัวตัวเองด้วยความกลุ้ม และก็ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำยังไงดี ใช้ปลายนิ้วขัดถูไปที่ข้อมือของตัวเองเพื่อลบรอย แต่ก็ใช่ว่าจะหายไปได้ง่าย ๆ

“พี่ทำไว้หลายที่ นี่ไงข้างขวาก็มี ไม่ใช่มีแค่ข้างซ้ายหรอก”

ข้างขวา........ ยกข้อมืออีกข้างของตัวเองขึ้นดูแล้วก็ได้แต่อ้าปากค้าง ไอ้...........พี่...........โย

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไปทำงานไม่ได้แล้ว ไปทำงานไม่ได้แล้ว ไงล่ะ ไปไม่ได้แล้ว”

ขำมากมั้ย ตลกมากมั้ย สนุกมากมั้ย ตายซะ แบบนี้ต้องบีบคอให้ตายไปซะ เป็นใครจะไม่โมโห โดนคนบ้าทำแบบนี้ใส่ ไม่โมโหก็แปลกแล้ว ฮัทเอาหมอนอุดปากของคนที่หัวเราะอย่างมีความสุขไม่เลิก และโยธินก็ทำเป็นดิ้นรนขัดขืน
แบบนี้ไม่พอหรอก แบบนี้มันไม่สาแก่ใจ

ขึ้นไปคร่อมทับอยู่เหนือร่างของคนที่ไม่ยอมหยุดหัวเราะ ต่อสู้กันยกใหญ่ และเมื่อโยธินดึงหมอนออกไปจากใบหน้าได้ ก็ดึงคนที่อยู่เหนือร่างลงมาหา

“มานี่ ฤทธิ์มากนักนะ มานี่เลย”

ไม่ใช่แค่ดึง แต่ทั้งกอด ทั้งรัด ทั้งรั้งและก็พลิกคนที่อยู่บนให้ลงมานอนอยู่ใต้ร่าง
จัดการล็อคข้อมือทั้งสองข้างของคนที่สะบัดหน้าหนีและร้องโวยวายเพราะโมโหที่โดนแกล้ง

“ไอ้พี่โย ไอ้พี่โย ฮื้อออออออ ไอ้พี่โย โธ่โว้ยยยยย”

ไม่ได้ทำอะไรมาก ก็แค่ฟัด หอมแก้มซ้าย หอมแก้มขวา ซุกใบหน้าที่ซอกคอของคนที่หันหน้าหนี และร้องโวยวายไม่หยุด

“อื่อออ อะไร ทำไม ห๊ะ สู้เหยอออ หื้อออ ยังอีก ยังจะชู่อีกน๊า ห๊า สู้มั้ย ยอมยัง ยอมเลยนะ ไม่ต้องไปเลยนะ”

ผละใบหน้าออกห่าง และคนที่หอบหายใจหนัก และหน้าแดงก่ำเพราะต้องออกแรงสู้กับคนงี่เง่า ที่ไม่ยอมให้ไปทำงาน
ก็ได้แต่กร่นด่าคนที่บังคับกันทางอ้อม

“โธ่โว้ย”

อ้าว ยังอีก ยังอีกนะ ยังจะไม่ยอมอีกนะ

“เดี๋ยวเจออีกรอบแน่ เอาป่ะล่ะ”

แม่งเอ้ย

“เล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ ไปได้วะ”

บ่นพึมพำ และพยายามจะดึงมือที่โดนล็อเอาไว้ แต่โยธินก็ไม่ยอมปล่อย

“พี่โย”

อะไร

“เออ ไม่ไปแล้ว ปล่อยเหอะ ไปหรือไม่ไปตอนนี้ก็ค่าเท่ากันแล้ว”

ถอนหายใจออกมายาว ๆ เพราะรู้ว่าไม่มีทางเลี่ยงและฮัทก็มองหน้าของคนที่ยิ้มกริ่มอย่างท้อ ๆ

“พี่เป็นได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ ถามจริงเหอะ อะไรทำให้พี่เป็นได้ขนาดนี้วะ”

จะอะไรซะอีกล่ะ

“ก็นี่ไง คนนี้ไง ทำให้เป็นได้ขนาดนี้ก็เพราะคนนี้แหละ ชอบทำร้ายจิตใจ”

ทำร้ายจิตใจห่าอะไรวะ กูไปทำร้ายจิตใจมึงตอนไหนวะเฮ้ย

“พูดเรื่อยเปื่อยว่ะ”

มันจะไปพูดเรื่อยเปื่อยได้ยังไง

“เนี่ยะ เห็นมั้ย เอาอีกแล้ว ชอบทำเป็นไม่สนใจกันแบบนี้อีกแล้ว เออใช่สิ เรามันไม่ดี อะไรก็ไม่ดีซักอย่าง อยากให้อยู่ด้วยก็ไม่ยอมจะอยู่ เค้ามันคนไม่ดี จะได้รู้ไว้”

ยอมปล่อย และโยธินก็ลุกขึ้นนั่ง ทำหน้างี่เง่าไม่พอ แถมทำเสียงงี่เง่าใส่ด้วย

“งอนจริงป่าวเนี่ยะ เอาดี ๆ”

ดี ๆ อะไร ก็เห็นอยู่ว่างอนจริง

“ไม่สนใจบัวแล้ว”

อะไรอีกล่ะ ไม่สนใจอะไรอีก

“คุยก่อนดิพี่โย”

แตะมือไปที่ไหล่ของคนที่ทำหน้าหงิกใส่ และโยธินก็ดึงมือของฮัทออก

“อะไร แตะนิดแตะหน่อยไม่ได้เลยนะ”

ไม่ได้

“อย่ามาโดนตัว”

โห อยากโดนตายเลยเหอะ

“ฮึ่ยยยยยยย แตะไม่ได้ แตะไม่ได้เลย”

ไม่ได้ทำอะไรมาก เพราะอีกฝ่ายบอกไม่ให้แตะ ฮัทก็เลยยิ่งแตะแล้วก็ขยำต้นแขนของโยธินแรง ๆ ด้วยความหมั่นไส้

“อย่ามาโดนตัวเค้า”

เหรอออออออออ

“มากกว่าโดนตัวก็ทำมาแล้วเหอะ”

พูดออกไปแบบไม่ทันคิด และโยธินก็หันมามองหน้าของที่พูดบางอย่างและก็ยักคิ้วส่งให้ ให้รู้ว่าเหนือกว่า

“เออใช่สิ ทำมากกว่าโดนตัวแล้วนี่ เลยไม่เห็นความสำคัญใช่มั้ยล่ะ”

ห๊ะอะไรนะ มึงมาแนวไหนวะไอ้พี่โย กูงง

“เดี๋ยวนะ คือยังไงพี่”

ไม่ยังไงหรอก

“ก็ทำกันมากไปกว่าแตะตัวแล้ว.........ใช่มั้ย เช่นว่า.....”

เช่นว่า

เช่น...........

โยธินมองหน้าของคนที่ขมวดคิ้วมุ่นอย่างยิ้ม ๆ และไม่ใช่แค่มองเท่านั้นแต่มองแล้วยังส่งสายตาแปลก ๆ ไปให้คนที่ยังทำหน้ามึนงงด้วย และฮัทก็เริ่มเบิ่งตากว้างขึ้นเรื่อยๆ เมื่อนึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้

“เพิ่งแค่สองเองนะ อีกรอบมั้ย”

มันไม่ใช่แล้วพี่โย มันไม่ช่ายแล้วล่ะคร้าบบบบ

“อาไร้”

เสียงสูงขึ้นทันที และทำท่าจะขยับลงจากเตียงแต่คนที่ไม่ยอมให้ไป รีบคว้าตัวของคนที่คิดจะหนีมากอดเอาไว้แน่น และหอมแก้มของคนที่อยู่ในอ้อมแขนหนัก ๆ ไปสองทีติดๆ กัน

“บอกตรงๆ นะว่าไม่อิ่ม”

ไม่อิ่มแล้วไงวะ แล้วบอกกูทำเพื่อ

“เฮ้ย มันไม่ใช่แล้วป่าววะ”

ทำไมจะไม่ใช่ล่ะวะ

“ยังไม่หายเงี่ยนอ่ะ เข้าใจป่าว หรือต้องให้พูดอย่างอื่นถึงจะเข้าใจ”

ไม่ใช่ดิ๊ ไอ้พี่โย มึงพูดจาแบบนี้ได้ไง มึงเลวมาก

“เหี้ยเอ้ยยยยย ผมไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์นะเฮ้ย”

ก็ไม่ใช่ไง

“ใครเขาเห็นแฟนเป็นที่ระบายอารมณ์ล่ะ ถ้าฝ่ายหนึ่งอยากอีกฝ่ายก็ต้องช่วยดิ เวลาบัวอยาก บัวก็บอกพี่ เวลาพี่อยากพี่ก็บอกบัวให้ช่วยนี่ไง แฟร์ ๆ นะ”

แฟร์ห่าอะไรล่ะ

“หรือบัวไม่อยาก”

เฮ้ยยยย มึงอย่ามา.........

“อ่ะ....เอ่อ....”

จะให้พูดว่าไม่ ก็พูดได้ไม่เต็มปาก จะบอกว่าอยากก็พูดไม่ได้
เลยได้แต่อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ บ่นพึม ๆ พำ ๆ คนเดียวไปเรื่อย และเป็นการบ่นที่ถูกใจโยธินที่สุด

“สัดเอ้ยยยย กูแม่งโง่เปล่าวะ โธ่โว้ยยยยย”

น่ารักจะตาย ใครว่าโง่ล่ะ

“เลิกพูดเหอะวะ.........ป่ะบัว......คนเงี่ยนเขาก็ต้องเอากันสิวะถึงจะหาย........เหี้ยเอ้ยยยย เมื่อไหร่เมียเราจะเงี่ยนทั้งวันวะ เราอยากเป็นเครื่องระบายอารมณ์ของเมียเราจังเลยโว้ยยยย”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 19-05-2014 07:16:03
 :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 19-05-2014 07:16:23
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/10/โยธิน_บัวลอยNk8Sn.jpg)
รักเกิดในแผนกขนส่ง....ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน งอนอะไร (จบ)

การอยู่ด้วยกัน มันไม่ใช่ว่าจะมีแต่ช่วงเวลาที่ราบรื่นเสมอไป ปัญหาคือคนเราอยู่ด้วยกัน มันต้องปรับเข้าหากัน จูนเข้าหากันให้ได้ มีอะไรต้องคุยกันให้รู้เรื่อง ไม่อย่างนั้นมันจะอยู่กันยาก หนึ่งในปัญหาที่เซลหมายเลขหนึ่งของแผนกขายกำลังพบเจอคือ
อาการหน้ามึน ของเจ้าของห้องอีกคนที่อยู่ร่วมกัน

“เฮ้ยยยยยยยย ทามรายอ่า”

แค่เดินเข้ามาหา และสะกิดไหล่เบา ๆ เพื่อเรียกและจัดการแนบใบหน้าลงที่ไหล่ของคนที่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับการตากผ้า
ก็ไม่ได้ทำอะไรเยอะแยะมากมายนะ ทำแค่นี้จริง ๆ แต่คนที่ยืนสะบัดผ้าอยู่ถึงกับยืนนิ่งชะงักตอนที่เดินเข้ามากอดนี่สิ

มันหมายความว่ายังไง

“เป็นไรอ่ะ”

ถามออกไปด้วยความสงสัย และคนที่กำลังสะบัดผ้าและยืนนิ่งก็เริ่มทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
และคล้ายไม่รู้สึกรู้สากับอาการอยากอ้อน ของโยธินเลยสักนิด

“บัว ไม่แบบว่า.......มั่งเหรอ”

คืออะไรวะ แบบว่ามั่งเหรอมันคืออะไร งงกับคำถาม และแม้จะงงขนาดไหน ก็ไม่คิดอยากจะถามกลับว่าหมายความว่ายังไง
เอาตรง ๆ เลยนะ ไม่ใช่อะไรหรอกที่ไม่ถามเนี่ย ...........กูก็เขินบ้างไง...........
มันก็ใช่ที่พี่โยมันเป็นคนแบบนี้ แต่การที่มันอ้อนจนคนถูกอ้อนไปไม่เป็นแบบนี้บ่อยๆ มันก็เกินไป
น่ารักดีอยู่หรอก ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ แต่การจะตอบกลับความรู้สึกของอีกฝ่ายมันต้องทำยังไงวะ
กูไม่ใช่พวกที่จะแสดงความรู้สึกฟุ่มเฟือยซะด้วยสิ

“เฉย ๆ”

ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทั้งที่จริง ๆ แล้วโคตรอยากจะมีอารมณ์อยากอ้อนอีกฝ่ายกลับเหมือนกัน
แต่มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอวะแบบนั้น มันไม่ยากที่จะทำ แต่ถ้ากูทำ มันจะออกมาสภาพไหนวะ แค่คิดยังหลอนตัวเองเลย

“อ่อ”

โยธินพยักหน้ารับ และกำลังครุ่นคิดบางอย่าง คนเราไม่ได้ใช้สมองอยู่ตลอดเวลาหรอก บางครั้งคนที่ใช้สมองมาทั้งวันและมีเทคนิคพลิกแพลงในเรื่องการพูดจาต่อรองกับลูกค้าทุกวันก็ไม่ได้หมายความว่าตัวตนที่แท้จริงของคน ๆ นั้นจะต้องเป็นแบบนั้นเสมอไป

และสิ่งที่ฮัทได้เรียนรู้

โยธินเซลหมายเลขหนึ่งของแผนกขาย ที่มีลีลาการพูดจาชักจูงใจคนให้เชื่อได้อย่างง่าย ๆ ดูเจ้าเล่ห์ และกะล่อนอยู่ตลอดเวลาแท้ที่จริงแล้วมันไม่ใช่เลย

เพราะโยธินคนที่อยู่ด้วยกัน เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่ตื่นขึ้นมาทำอาหารเช้าให้ฮัทกิน

เป็นคนที่ดูแลเรื่องภายในบ้านได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง
เป็นแค่ผู้ชายไร้มาด และนอนเอกเขนกเล่นกับนิลพัทและหลับไปบนพื้นห้องพร้อม ๆ กับไหมพรมและของเล่นแมว

หลาย ๆ ครั้งที่ต้องปลุกให้ไปอาบน้ำเพราะจากการสำรวจสภาพแล้ว

โยธินเพิ่งกลับมาจากไปติดต่อกับลูกค้าข้างนอก และคงมีไปกินดื่มด้วยกัน จนกลับมาในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย และมานอนหลับอยู่บนพื้นห้องพร้อมกับแมว โยธินเป็นแค่ผู้ชายธรรมดา เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรเลยซักนิด ติดจะใสซื่อกับบางเรื่องด้วยซ้ำ

เช่น.......การแสดงความรู้สึกออกมาตรง ๆ การแสดงออกที่เหมือนอีกฝ่ายโหยหาอยากจะทำแบบนี้มานาน

ทำอย่างที่อยากจะทำกับใครซักคน ไม่ใช่ทำเพราะหน้าที่ หรือทำเพื่อให้มีผลกับงาน

ของแค่นี้ทำไมจะไม่รู้สึก ทำไมจะสัมผัสไม่ได้ ลองอยู่ด้วยกันนาน ๆ แล้วจะรู้ โยธินก็มีมุมที่ทำให้คนที่อยู่ด้วยกัน ต้องเผลอมองและยิ้มออกมาอยู่บ่อย ๆ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ไม่ใช่เวลานี้ ที่ฮัทคล้ายสัมผัสได้อย่างลาง ๆ ถึงอาการ งอนของคนที่เข้ามาอ้อนและเดินหน้างอเข้าห้องไปแล้ว

มันไม่ใช่เรื่องที่จะชินได้ง่าย ๆ แม้ว่าจะเริ่มชินกับปฏิกิริยาของโยธินแบบนี้บ้างแล้ว
แต่มันก็ไม่ใช่ว่าหลังจากชินแล้ว จะทำเป็นเมินเฉยได้ คนเรารักกันชอบกัน อยู่ด้วยกัน ก็ควรใส่ใจกันบ้าง ไม่ใช่ทำเป็นเมินเฉย ถ้ารู้ว่ารักกันแล้ว เรื่องต่อมาคือต้องเข้าใจ และพยายามเข้าใจ ไม่อย่างนั้นจะอยู่กันยังไง ถ้าไม่มีความเข้าใจและเชื่อใจกันเลย พี่วิเชียรบอกเอาไว้อย่างนั้น และฮัทรู้ พี่วิเชียรต้องอาศัยทั้งความเข้าใจ และเชื่อใจมากกว่าใคร

คุณวิษณุไม่ใช่คนที่จะไปเรียกร้องอะไรได้ ถ้าพี่วิเชียรไม่เชื่อใจ และไม่ไว้ใจ พี่วิเชียรคงอยู่อย่างเป็นทุกข์ เพราะโอกาสที่คุณวิษณุพร้อมจะปล่อยพี่วิเชียรไปเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ สิ่งที่พี่วิเชียรทำได้ ก็คงมีแค่ความเชื่อใจเท่านั้น
และคงเหมือนกับสิ่งที่ฮัทต้องพยายามทำ การพยายามเข้าใจ และเชื่อใจโยธิน

โยธินเป็นเซล ที่ต้องติดต่อประสานงานกับลูกค้าตลอดเวลา
คำพูดคำจาของเซลในบางครั้งก็ทำให้คนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ใจหายและอยากลุกหนีไปที่อื่นบ้างในบางครั้ง

เรื่องนี้ต้องยอมรับ ถ้อยคำหวาน ๆ บางคำ ฮัทก็ไม่อยากให้โยธินไปพูดกับใครอยากจะเก็บเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว

แต่ในความเป็นจริงมันทำแบบนั้นไม่ได้ แม้จะมีอารมณ์หงุดหงิด หรืออยากจะบอกคนที่อยู่ปลายสายมากขนาดไหนว่าอย่ามายุ่งกับคนของผมนะ แต่มันก็ทำไม่ได้ บางครั้งที่อีกฝ่ายกลับดึก ในสภาพที่กลิ่นเหล้าหึ่งกลับมาก็ต้องทำใจยอมรับให้ได้

มันคือการเอนเตอร์เทรนลูกค้า มันคืองาน มันคือเรื่องของงาน

โทรศัพท์ที่ดังขึ้นกลางดึกทุกวัน บางทีก็ต้องทำเป็นหูทวนลมแกล้งไม่ได้ยิน

มันไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะทำใจรับเรื่องแบบนี้ให้ได้

แต่ฮัทก็ต้องทำ เชื่อใจ และไม่ระแวง

การระแวงคือบ่อเกิดแห่งความหายนะ และจะค่อยๆ บั่นทอนความเชื่อใจลงเรื่อย ๆ

และสิ่งที่ฮัทรู้.........สิ่งที่พี่โยทำให้ตลอด

คือการ ไม่ทำให้ระแวง

ไม่ว่าจะดึกดื่นขนาดไหนก็กลับมานอนบ้าน ไม่ว่าจะหมดสภาพขนาดไหนก็ตะเกียกตะกายกลับมาจนได้
จนบางครั้งก็นึกห่วง และบ่อย ครั้งก็ต้องเป็นฝ่ายขับรถไปรับโยธินกลับบ้าน เพราะโดนโทรตามให้ไปรับ

เรียกง่าย ๆ ว่าคือการอ้อนในแบบของโยธิน หลังๆ เลยไม่รู้ว่าจงใจให้ตัวเองเมา หรือว่าทำเพราะเอนเตอร์เทนลูกค้าจริง ๆ

“เป็นไร”

เดินเข้ามาในห้องและก็เห็นพนักงานออฟฟิศคนหนึ่งในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย กำลังนั่งกอดเข่าอยู่บนพื้นและเกาคางนิลพัทเล่น

สภาพแบบนี้ เรียกง่าย ๆ ก็คืองอน เรียกให้ดูดีขึ้นมาหน่อย ก็อาจจะเป็น “เรียกร้องความสนใจ”
และถ้าเกิดไม่สนใจ

วันนี้ก็คงไม่ได้คุยกัน

“ไอ้ดำ มานี่ดิ๊”

ลงมานั่งด้วยกันและลากนิลพัทมาอุ้ม รู้สึกว่าพักนี้ตัวจะใหญ่ขึ้นเยอะ เพราะน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจนหลังๆ ชักจะอุ้มไม่ไหว

“มันไม่ได้ชื่อดำ”

อ่อ ครับ ไม่ได้ชื่อดำก็ไม่ได้ชื่อดำสิ

“ว่าไงนิลพัท กินทั้งวัน กินอยู่นั่น เลี้ยงไม่ไหวแล้วเดี๋ยวจับโยนลงจากชั้นยี่สิบเลยดีมั้ง ตกลงไปคอหักตายแน่ ๆ”

แกล้งพูด และคนที่นั่งกอดเข่าอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมองและขมวดคิ้วมุ่น

“พูดอะไร”

ไม่ใช่แค่บ่น แต่พี่โยมันยังทำหน้างอใส่อีก

“แล้วงอนเรื่องอะไร”

แกล้งถามทั้งที่เขย่านิลพัทไปมาและปล่อยเจ้าแมวตัวโตให้เป็นอิสระเพราะมันเริ่มดิ้นและไม่ยอมให้กอด

“เปล่า”

แปลว่างอน

“ไม่ได้งอนใช่มั้ย”

แกล้งถาม และเหลือบสายตามองหน้าของคนที่นั่งอยู่และโยธินก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนที่ถามแล้วก็ก้มกลับไปแนบหน้าลงบนแขนที่กอดเข่าเอาไว้

“งอนเรื่องอะไร”

ยังไม่หยุดถาม และก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และคราวนี้แทนที่จะตอบ โยธินกลับลุกขึ้นเดินหนีไปเฉย ๆ

ปกติไม่ใช่แบบนี้นะ คืองอนได้ไม่ว่า แต่ปกติถ้าถามแล้วจะมีเหตุผลในการงอนมาบอกตลอด

แต่วันนี้ไม่มีเหตุผลมาให้ มันหมายความว่ายังไงวะ

“พ่อแมวเป็นอะไรวะ ไอ้อ้วนดำ”

ถามนิลพัทที่กำลังกระโดดไปมาและพยายามตะกุยเชือกที่โยนให้แล้วก็ชักเริ่มสงสัย
เอาจริง ๆ พี่โยมันก็เป็นคนงี่เง่าอยู่เหมือนกันนะ แต่เป็นการงี่เง่าในระดับที่พอรับได้ เพราะการงี่เง่าในแต่ละครั้งมักมีเหตุผลที่น่าทำให้งี่เง่าได้เสมอ

แต่ไม่ใช่ครั้งนี้ป่าววะ แล้วตกลง พี่โย แม่งจะมางี่เง่าใส่กูทำไมวะ สำคัญกว่านั้นคือ.........ตกลงแม่งงอนเรื่องอะไร...........

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 19-05-2014 07:19:02
การอยู่กันอย่างเมินเฉย มันไม่สนุกหรอก

และการที่โยธินอาบน้ำเสร็จแล้ว ก็รีบเข้านอนทั้งที่เพิ่งจะสี่ทุ่มมันหมายความว่ายังไงวะ กูไม่ไหวแล้ว มีอะไรพูดมาเลยดีกว่า
จะเอายังไงก็ว่ามา อย่ามาทำมึนแบบนี้ว่ะ แม่งเครียด

“พี่โย”

เดินไปนั่งอยู่บนเตียงและก็เอ่ยเรียกคนที่นอนอยู่และกำลังนอนเล่นเกมส์โง่ ๆ ในโทรศัพท์ไปเรื่อย ๆ
มีการเหลือบสายตามามองกันเล็กน้อย แล้วก็กลับไปสนใจอยู่กับโทรศัพท์ทั้งที่อาการแบบนี้โยธินไม่เคยเป็น

“งอนเรื่องอะไร นี่มันสองชั่วโมงแล้ว บอกตรง ๆ ว่าโคตรอึดอัด ไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย”

พูดออกไปตรงๆ และโยธินที่งอนอยู่ก็วางโทรศัพท์ลง และลุกขึ้นนั่งและจ้องมองหน้าของฮัทแบบตรง ๆ
จ้องอยู่นานแล้วก็ถอนหายใจ ไม่ใช่แค่ถอนหายใจ แต่โยธินยังเอนตัวลงมาและอาศัยหน้าขาของฮัทเป็นหมอนหนุน

เออดีเว้ยคนเรา งอนเองง้อเอง

“เป็นไรอ่ะ เอาดี ๆ”

แตะฝ่ามือไปเบา ๆ ที่ข้างแก้มของคนที่นอนหนุนตักอยู่และโยธินก็เหลือบสายตาขึ้นมองหน้าของฮัทตรง ๆ
เอ่ยบอกบางอย่างให้คนที่สงสัยกับอาการงอนได้รู้ ว่าเพราะอะไรถึงได้งอนขนาดนี้

“วันนี้วันเกิดผมครับ คุณจำได้บ้างหรือเปล่า”

วัน.......... วันอะไรนะ วัน........เกิด.......... ของพี่.........โย อ่า.... ชิบหายแล้วไงล่ะ ชิบหายแล้ว งานเข้ากูแล้ว งานใหญ่เลยด้วย งานนี้งานใหญ่งานหนักเลย เอาจริง ๆ เลยนะ ตอบตรง ๆ จากใจเลยก็ได้...........กูลืม.......... แล้วเอาไงล่ะเฮ้ย ยังไงล่ะทีนี้

“ก็รู้แหละว่ายุ่ง ยังไงบัวก็คงจำไม่ได้ แต่มันก็มีแอบหวังนิด ๆ เหมือนกันว่าจะไม่ลืม........แต่ก็คงลืมสนิท อืมม ก็ตามนั้นแหละนะ”

เหี้ยเลย แบบนี้ชีวิตกูเหี้ยเลย บัดซบจริง ๆ เลยอ่า

“อ่า........พี่.....โย”

กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก และไม่รู้จะพูดอะไรต่อ แต่คนที่รู้เรื่องนี้อยู่ก่อนล่วงหน้าแล้วกลับยิ้มออกมา
ค่อยๆ ยิ้มออกมา และดึงมือของฮัทไปหอมเบา ๆ

“ไม่เป็นไรแล้ว หายงอนแล้ว”

หายงอนได้ไง อย่ามาพูดจาแบบนี้สิวะ น้ำตากูจะไหลเลยเนี่ย เอาจริง ๆ พี่โยมึงอย่ามาทำตัวให้กูนึกอยากตบกบาลตัวเองแบบนี้สิเฮ้ย

“จริง ๆ พี่ก็รู้แหละว่าบัวยุ่ง วันเกิดตัวเองบัวยังลืมเลย ขอโทษที่เมื่อกี้งี่เง่า”

แม่งเอ้ย โคตรเหี้ยเลยเหอะกู

“พี่โย”

เรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงแผ่ว ๆ และโยธินก็เหลือบสายตาขึ้นมองและส่งยิ้มบาง ๆ มาให้

รอยยิ้มที่ฮัทไม่รู้จะพูดอะไรต่อ รอยยิ้มที่แค่เห็น ก็ไม่รู้จะทำยังไง

สิ่งที่ทำได้ในเวลานี้ก็แค่........ก้มหน้าลงมาหาและแตะปลายจมูกเบา ๆ ที่หน้าผากของคนที่นอนหนุนอยู่ที่ตัก

สบตากับคนที่นอนอยู่ และเอ่ยบอกด้วยถ้อยคำบางอย่าง

“ขอโทษครับ”

ไม่เป็นไรครับ

“อย่างอนผมเลยนะครับ คุณโยธินครับ”

ครับพ้ม ไม่งอนแล้วครับ

“นะ........หายงอนนะ”

ผละใบหน้าออกห่างและเกลี่ยปลายนิ้วเบา ๆ ที่ข้างแก้มของคนที่ในเวลานี้เริ่มยิ้มออกมาได้
รอยยิ้มที่ไม่ว่ากี่ครั้งกี่หน ฮัทก็คิดว่าใบหน้าตอนที่โยธินยิ้มแบบนี้ มันยิ่งกว่าน่ามอง

“ไม่ใช่คนโรแมนติกซะด้วยสิ ของขวัญอะไรนี่ก็ไม่รู้จะซื้ออะไรให้ด้วย เอายังไงดีพี่โย”

ไม่เห็นต้องเอายังไงเลย

“ไม่เอาของขวัญ เอาบัว”

เหรอ

“เค้าไม่เอาของขวัญ เค้าจะเอาบัว ได้ป่าว”

อย่ามางุ้งงิ้งใส่กูเห้อะ กูขอร้อง

“ได้ป่ะ”

ไม่ใช่แค่พูด แต่มีการเงยหน้าขึ้นมองและทำหน้าใสซื่อใส่ซะอีก เชื่อว่าแบ๊วจริงกูก็บ้าแล้วแหละวะ

แต่จะทำยังไงได้ โอกาสพิเศษของคนบางคนนี่หว่า มีอะไรที่ทำได้ มีอะไรที่พอจะไถ่โทษได้ก็คงต้องยอมทำให้ทั้งหมด

“จัดไป”

พยักหน้ารับแบบยิ้ม ๆ และโยธินก็ยิ้มกว้างและลุกขึ้นนั่ง

“ให้บัวจัด”

อืมมม

“ครับ เดี๋ยวผมจัดเองครับ เดี๋ยวผมขึ้นให้ครับ เดี๋ยวผมทำให้ทุกอย่างเลยครับ เดี๋ยวจัดของขวัญให้จากใจครับ จัดแบบเต็มเหนี่ยวเลยครับ พอใจมั้ยครับ”

พอใจมากครับ

โยธินกำลังยิ้ม ยิ้มกว้าง ตาเป็นประกาย และฮัทก็เริ่มรู้สึกถึงหายนะที่กำลังจะมาเยือนขึ้นมาลาง ๆ
แต่เอาเหอะวะ จะอะไรก็แล้วแต่เถอะ ไหน ๆ ก็มาซะขนาดนี้แล้ว ก็ไม่รู้จะคิดอะไรให้มากกว่านี้แล้ว

“พูดว่ารักพี่โย ตอนทำด้วยนะ”

ห่า........ชิบหายแล้วไงล่ะ กูว่าแล้วไง

“ครับ”

พยักหน้ารับและตอบออกไปเสียงเบาแบบไม่ค่อยเต็มเสียงเท่าไหร่ เชื่อเหอะ ออฟชั่นเสริมยังมีอีกเพียบ และก็คงหนีไม่พ้น

“ตอนขึ้นก็ต้องแบบสุด ๆ แรง ๆ นะ แล้วก็ต้องบอกว่าของพี่โยใหญ่จัง แน่นไปหมดแล้วด้วย”

เหี้ยยยยยยยยยยยยยยย

“เอออ”

มีอะไรอีกมั้ย

“แล้วก็ตอนที่โยกอยู่ บัวต้องครางดัง ๆ ด้วยนะ พี่จะตั้งใจฟัง”

มีอีกมั้ย มึงอยากได้อะไรอีกมั้ยวะ

“อือ”

หมดยังวะ ยังมีอีกมั้ย

“แล้วก็ตอนที่บัวดูดให้พี่ บัวต้องมองหน้าพี่ด้วย สนใจพี่เยอะ ๆ”

สัด พอแล้วโว้ยยยยยยยยยยยยย

“แล้ว..........”

โยธินกำลังจะพูดไม่ยอมหยุด แต่ก็ถูกขัดจังหวะเพราะคนที่นั่งอยู่ทนไม่ไหวกับคำพูดที่ชักจะไปกันใหญ่ของโยธินที่ดูเหมือนจะคิดเรื่องอะไรได้อีกเรื่อย ๆ กว่านี้ถ้าไม่รีบห้าม

จัดการปิดปากคนที่กำลังสรรหาข้อเรียกร้องอีกร้อยแปดด้วยริมฝีปากของตัวเอง

ก้าวขึ้นมานั่งคร่อมทับอยู่เหนือร่างของคนที่ยังตั้งท่าจะพูดอะไรไม่หยุด

กอดคอของโยธินเอาไว้แน่น และเริ่มสอดมือเข้าไปภายใต้เสื้อเชิตของคนที่กำลังอมยิ้มอย่างถูกใจกับสิ่งที่คนที่คร่อมทับอยู่เหนือร่างกำลังทำให้

“เจอกันหน้างาน อยากให้พูดอยากให้ทำอะไรก็เจอกันหน้างาน ไม่ต้องพูดมาก”

จ่ะ

“ครับพ้ม.....ทราบแล้วครับ เจอกันหน้างานกั๊บ...ม่ะ....”

ดึงคอของคนที่อยู่บนตักให้โน้มลงมาหา และโยธินก็บดเบียดริมฝีปากกับริมฝีปากแดงเรื่อคู่นั้นก่อนจะผละออกห่างเมื่อจูบกันจนพอใจแล้ว

“ชอบของขวัญชิ้นนี้จัง”

เออดีแล้วครับ ดีแล้วที่ชอบ ผมก็ไม่รู้จะหาของขวัญอะไรมาเซอวิสพี่อีกแล้วครับ ฉุกละหุกขนาดนี้

“ครับผม.....ผมก็ว่าผมคงชอบเป็นของขวัญให้คุณโยธินไปตลอดชีวิตแหละครับ และผมก็อยากให้คุณโยธินเป็นของขวัญสำหรับผมเหมือนกัน”

พูดจาน่ารักนะ พูดแบบนี้ พี่ก็รักตายเลยสิครับ

โยธินกำลังยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่สดใสที่สุดอีกวัน
ขอเถอะนะ ขอให้พวกเราเป็นแบบนี้ไปทุก ๆ วัน ทะเลาะกันบ้างดีกันบ้าง โกรธกันบ้าง แต่ก็ขอให้เราได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปทุก ๆ วัน อยู่ด้วยกันทุกวัน และตลอดไป


END.
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 19-05-2014 07:31:59
อีกมุมนึงของคนรักกัน :katai2-1:

มุมมองของความรักแต่ละคนไม่เหมือนกัน

สุขสมหวัง  ผิดหวังคละเคล้ากันไป
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 19-05-2014 08:11:54
ขอบคุณครับ..ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ

ขอบคุณคนแต่ง  :pig4:

ขอบคุณคนโพส  :pig4:

นิยายเรื่องนี้ทำให้เราต้องพยายามเข้าเล้ามาทุกวันเพื่อรออ่าน  :laugh:

ขอตอนพิเศษด้วยนะครับ  :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 19-05-2014 08:31:11
เย้ๆ แฮปปี้ซะทีนะคู่นี้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 19-05-2014 09:19:14
เบิร์ธเดย์พี่โย อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 19-05-2014 09:29:58
 :hao3:พี่โยได้ของขวัญวันเกิดถูกใจละสิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 19-05-2014 10:27:37
น่ารักจัง น่ารักทุกคู่เลย

ขอบคุณคนแต่งค่ะเขียนเรื่องดีๆให้อ่านมาตลอด
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 19-05-2014 10:41:33
ได้ของขวัญถูกใจขนาดนี้เป็นใครก็หายงอนเนอะพี่โย  :impress2:


ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่ะ  :pig4:

หวังว่าจะมีตอนพิเศษมาให้หายคิดถึงเรื่อยๆ  :katai2-1:

 :L2: :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: foolishbeat ที่ 19-05-2014 10:46:47
เมื่อวานมีตอนเดียว แทบขาดใจเลย

วันนี้สองตอนรวด อ่านแล้วอมยิ้มมากับคู่นี้
เป็นคู่น่ารักงอนๆง้อๆ เสียดายไม่น่าจบเลย

ต่อไปเป็นคู่ไหนคะ รออ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: mapreaw ที่ 19-05-2014 11:00:40
น่ารักกันจิงนะคู่นี้  :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 19-05-2014 11:50:26
น่ารักอ่ะ   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: little_nok ที่ 19-05-2014 11:53:27
จบแล้วเหรอ มีอีกไหม สนุกมากๆ เขียนเก่งมากมาย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 19-05-2014 12:11:14
END ซะแล้ว ยังไม่โดนเพื่อนแซวเลยอ่ะ เฮียเชียร ยังไม่จัดของขวัญ ตอนรับให้เลยอ่ะ

กลับมาก่อนมั้ย ให้โอกาสนะ 555 :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 19-05-2014 12:16:05
จบแล้ว!!!
อยากบอกว่ามันสนุกม๊ากกกกกกกก
น่ารักน่าลุ้นทุกคู่ คนอ่านมีความสุขมากๆค่ะ ^^
ขอบคุณคนเขียน ขอบคุณคนโพส จุ๊บๆๆๆ 555
ว่าแต่มีตอนพิเศษป่าวค๊าาาา
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 19-05-2014 12:25:49
อะไรคือตัดจบ อะไรคือแพนกล้อนไปที่หัวเตียง  :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 19-05-2014 12:34:30
หวานไปอีกคู่ :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 19-05-2014 12:43:37
ของขวัญวันเกิดสุดแซ๊บ อิจฉาโยธิน
จบแค่นี้แล้วหรอ ยังไม่อยากให้จบเลย มีคู่อื่นอีกมั้ย
คิดถึงคู่รักSMคุณอ้นคุณพีท
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 19-05-2014 12:48:41
แอบอ่านมานาน ชอบทุกคู่เลย
ยิ่งพี่วิเชียรกะเฮีย พีทกะอ้น สองคู่นี้แซ่บเวอร์
เป็นแผนกขนส่งที่ร่วมช่วยเสือกกันดีจริงๆ
 :ling1: :ling1: :ling1:

ขอบคุณคนแต่ง คนโพส ที่นำนิยายสนุกมาให้อ่านกัน
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 19-05-2014 13:00:10
จบจริงเหรอ เหงาเลยยยยยยยยยย เพราะเราเจอกันทู๊กกกกกกวัน :m15:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 19-05-2014 15:36:02
อย่า END เลยน้าาาาา เฮ้อออ อยากอ่านต่อจังเลย ั้งแต่ตามเรื่องนี้ก็เข้ามาดูตลอดเลย แง้ง><

สนุกมากค่ะ ขอบคุณทั้งคนแต่ง และคนโพสต์ อุส่าแบ่งปันเรื่องน่ารักๆแบบนี้ให้ รักอะ!
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 19-05-2014 15:42:58
 :pig4:
เราจะลงแดงตายไหมนะ ถ้าไม่ได้อ่านเรื่องนี้อีกต่อไป
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-05-2014 16:30:56
จะรอจะหาอะไรต่อล่ะทีนี้ ทุกครั้งในแต่ละวันจะเข้ามาดูมาอ่านเรื่องนี้ตลอด เม่ือวานตอนเดียวแทบขาดใจ วันนี้จบแล้ว :เฮ้อ: I'm sad     :hao5: รอเรื่องใหม่ที่อาจจะมีให้ได้อ่านกัน
   :pig4: :pig4:  คนแต่ง ที่แต่งนิยายสนุกๆดีๆให้ได้อ่านกัน
   :pig4: :pig4:  คนโพสต์ สุดขยัน ขยันโพสต์จริงๆ ได้ใจเรามาก
   o13 o13  :mew1:   :กอด1: เรารักคุณ
 
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 19-05-2014 16:47:09
เบ้ยยยย น่ารักอะไรขนาดนี้
 :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: t152_rakjai ที่ 19-05-2014 17:31:17
         สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
    อ่านอยู่ สามวันกว่าจะตามจบ เครื่องแทบไหม้
หยุดไม่ได้เลยอะ น่ารักมาก
ขอบคุณคนเขียนที่เขียนนิยายดีๆๆให้อ่านน่ะค่ะ
ขอบคุณคนโพดสุดขยันด้วยน่ะค่ะ
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: thewplus ที่ 19-05-2014 17:58:54
ขอบคุณคนเขียนสำหรับนิยายน่ารักๆ สนุกๆอย่างนี้ หวังว่าคนเขียนจะมีตอนพิเศษมาให้เรื่อยๆนะครับ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 19-05-2014 18:31:10
พีทอ้นหมดหรือยังอ่ะ  o18
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 19-05-2014 18:45:54
พีทอ้นหมดหรือยังอ่ะ  o18

จะอ่านอีกจริงเหรอ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 19-05-2014 19:03:23
 เอาอีก เอาอีก เอาอีก !!! :impress2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: foolishbeat ที่ 19-05-2014 19:13:31
จะมีเรื่องแผนกการเงินกับจัดซื้อไหมคะ อยากอ่านจัง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 19-05-2014 19:18:10
จะมีเรื่องแผนกการเงินกับจัดซื้อไหมคะ อยากอ่านจัง

มี  แต่มันยังไม่จบและไม่รู้จะจบเมื่อไหร่ แน่ใจเหรอว่าจะอ่านจริง ๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 19-05-2014 19:19:29
ถ้าลงพีทอ้น ขอเชียร์เฮียด้วยได้ป่ะ หรือพี่โป๊ป เอ้ยพี่บาสด้วย ก็ดีนะ เอิ๊กๆ :haun4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 19-05-2014 19:20:09
พีทอ้นหมดหรือยังอ่ะ  o18

ที่จริงมันก็มีอยู่อีกหนึ่งตอน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 19-05-2014 19:59:06

(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/06/ไฟล์เปล่า12BRIrc.jpg)

รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ  วิโรจน์ & กฤษดา.....ตอน  ไม่ธรรมดา

น้ำตาเทียนร้อน ๆ ค่อย ๆ ราดรดลงที่ยอดอกสีชมพูเข้มที่แข็งขืนชูชันของหัวหน้าแผนกขายที่ถูกมัดมือไพล่หลังอยู่บนเตียง ข้อเท้ากับสะโพกถูกมัดเข้าหากันให้มากที่สุดเหลือไว้เพียงช่วงเอวและหน้าท้องที่แอ่นขึ้นโชว์ให้เห็นจุดศูนย์กลางของร่างกายที่กำลังแข็งขืนชูชันและมีหยดน้ำใส ๆ ไหลซึมออกมาตลอดเวลา

หัวหน้าแผนกขายได้แต่ร้องอึกอักไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ เพราะท่อนเอ็นขนาดใหญ่กำลังอัดกระแทกเข้ามาภายในโพรงปาก

“กินซะให้พอใจ กลืนเข้าไปอีก อย่างนั้นแหละ อย่างนั้น อืมมมม”

ถูกกลั่นแกล้ง ถูกยั่วยวนให้คลั่งไคล้หลงใหล ร่างกายขึ้นรอยแดงเห่อไปหมดทั้งตัว เพราะน้ำตาเทียนร้อน ๆ ที่ราดรดลงมาบนร่างกาย แม้แต่ปากก็ยังไม่สามารถเป็นอิสระได้ เพราะกำลังถูกท่อนเอ็นขนาดใหญ่กระแทกเข้ามาอย่างรุนแรงไม่หยุด

“อือออออ อึก อื้อออ”

หยดน้ำตายังคลอปริ่ม และวิโรจน์ก็ยิ่งกระแทกสะโพกเข้าไปให้ลึก กระแทกกระทั้นเอวเข้าไปอีก จนหัวหน้าแผนกขายแทบไม่มีอากาศหายใจ

“แอ่ก แอ่ก แค่ก ๆ”

อาการสำลักจนหน้าแดงยังมีให้เห็น และวิโรจน์ที่ถอนร่างกายของตัวเองออกมาแล้ว ก็จ้องมองปฏิกิริยาของอีกฝ่ายอย่างถูกใจ
กดแทรกปลายนิ้วเข้าไปในโพรงปากของหัวหน้าแผนกขายบังคับให้ดูดกลืนและไล้เลียอีกครั้ง

“สะใจหรือยัง ห๊ะ อยากได้อีกใช่มั้ย”

ไม่ ไม่อยากได้อีก หัวหน้าแผนกขายสั่นหน้าไปมา และวิโรจน์ก็ไม่คิดจะสนใจ
ยัดเยียดท่อนเอ็นแกร่งเข้าไปในโพรงปากของหัวหน้าแผนกขายอีกครั้ง และครั้งนี้วิโรจน์กระแทกสะโพกเข้าไปแรง ๆ ยิ่งกว่าเดิม

“กลืนเข้าไปอีก ดีมาก ใช่ แบบนั้นแหละ เข้าไปอีก”

บังคับขู่เข็ญ กลั่นแกล้งจนพอใจ

และวิโรจน์ก็ถอนร่างกายออกมาจากโพลงปากของหัวหน้าแผนกขาย ปล่อยให้หยดน้ำจากส่วนปลายของร่างกายไหลซึมออกมา และกดให้ส่วนหัวของท่อนเอ็นใหญ่เสียดสีไปมาที่ข้างแก้มของหัวหน้าแผนกขายจนเปรอะเปื้อนไปหมดทั้งหน้า

“อยากแล้วใช่มั้ย บอกสิว่าอยากได้แล้ว”

ใช่ อยากได้แล้ว อยากได้ หัวหน้าแผนกขายพยักหน้ารับ ทั้งที่น้ำตายังนองหน้า

“อึก อือ อย่าทรมานอ้นอีกเลย พอแล้ว”

ได้สิ ถ้าไม่อยากให้ทรมาน   งั้นก็ได้

วิโรจน์กดร่างของหัวหน้าแผนกขายให้คว่ำลง ทั้งแขนทั้งขายังถูกมัดเอาไว้แน่น และหัวหน้าแผนกขายก็อยู่ในท่าคุกเข่าทั้งที่ถูกมัดเอาไว้ ช่องทางที่เปิดรับลอยเด่นเห็นชัด และวิโรจน์ก็ค่อยๆ ยัดเยียดแท่งซิลิโคนใสขนาดใหญ่เข้าไปภายในช่องทางนั้น เทเจลหล่อลื่นเข้าไปเพิ่มอีก เพื่อลดความฝืนคับ ก่อนจะดึงแท่งซิลิโคนนุ่มหยุ่นเข้าออกในช่องทางนั้นเบา ๆ และเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในไม่ช้า เมื่อได้ยินเสียงร้องครางของหัวหน้าแผนกขายที่กำลังรู้สึกพอใจกับสิ่งที่วิโรจน์ ทำ

“อาส์ อุก อื้อออออ”

ชอบแบบนี้เหรอ ชอบแบบนี้ใช่มั้ย

“ชอบใช่มั้ย แบบนี้ อยากให้แรงกว่านี้อีกมั้ย”

อือออออออออออ

อยาก

อยากให้แรงกว่านี้ หัวหน้าแผนกขายกัดหมอนเอาไว้เพื่อให้ความรู้สึกไหววูบในอกอย่างรุนแรง คลายลงบ้าง กัดฟันแน่น และร่างกายก็ตอบสนองอย่างรุนแรงเพราะถูกกระทำ

“อือออ อึก อือออ พีท อึก อือ”

ใบหน้าจมอยู่กับหมอน หยดน้ำตามากมายรินไหลจากดวงตาคู่นั้นไม่หยุด แผ่นหลังขาว ๆ ขึ้นรอยแดงเต็มไปหมด ทั้งรอยฟันและร่องรอยแดงเพราความร้อนจากน้ำตาเทียนที่ราดรดลงมา

ก้อนเนื้อแน่นสองข้างถูกแยกออกจากกันให้กว้างมากขึ้น และวิโรจน์ก็พยายามยัดเยียดร่างกายของตัวเองเข้าไปอย่างช้า ๆ
ยึดสะโพกของหัวหน้าแผนกขายเอาไว้และพยายามฝังร่างกายของตัวเองลงไปในช่องทางที่บีบรัดที่ยังมีแท่งซิลิโคนใสแทรกอยู่

“โอ้ยยยยยยย พีท เจ็บ ไม่ไหวแล้ว อือออออออ”

ก็ดีแล้วไงที่เจ็บ อยากให้เจ็บมาก ๆ กว่านี้อีก อยากจะทำให้เจ็บมาก ๆ ขึ้นกว่านี้

ถอนแท่งซิลิโคนออกจากช่องทางที่ขยายได้ตามที่ใจต้องการและวิโรจน์ก็ยัดเยียดท่อนเอ็นขนาดใหญ่ที่แข็งตัวเต็มที่ของตัวเองลงไป กดแทรกลงไปอย่างแรง และขยับเอวเข้าออกก่อนจะโน้มร่างลงไปหาแผ่นหลังบาง ฝังเขี้ยวลงไปที่ไหล่ขาว ๆ ของหัวหน้าแผนกขาย

ขบกัดลงไป เน้นย้ำความรู้สึกลงไป และหัวหน้าแผนกขายที่ถูกกัดอย่างรุนแรงก็ร้องครางดังลั่น พร้อมหยดน้ำตามากมายที่รินไหลออกมาจากดวงตาไม่ขาดสาย

“ซี้ดดดดดด อึก แรงกว่านี้อีก กัดแรง ๆ อืออออ พีทแรงกว่านี้”

ร้องขอและก็ได้อย่างใจต้องการ วิโรจน์ขยับสะโพกเข้าออกอย่างรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
ยิ่งรุนแรง หัวหน้าแผนกขายยิ่งร้องครางเสียงสั่น

“ชอบแบบนี้ใช่มั้ยห๊ะ ชอบให้ทำแรง ๆ แบบนี้ใช่มั้ย นี่ไงล่ะทำให้แล้ว สะใจหรือยัง สะใจใช่มั้ย แบบนี้ไงจะได้สมใจซะที”

++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke สารบัญหน้าแรกสามารถเข้ากระทู้ได้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 19-05-2014 19:59:52
แขนสองข้างของวิโรจน์ถูกแยกห่างจากกัน และถูกมัดตรึงเอาไว้กับหัวเตียง
สิ่งที่วิโรจน์เห็นในเวลานี้คือ ร่างกายของใครบางคนขยับเคลื่อนไหวไปมาอยู่เหนือร่างของวิโรจน์
ดวงตาภายใต้กรอบแว่นที่มองมาที่ใบหน้าของวิโรจน์ฉ่ำหวาน ปลายลิ้นสีสด กำลังไล้เลียไปมาที่ริมฝีปากอย่างหิวกระหาย และหัวหน้าแผนกขายก็ส่งยิ้มหวาน ๆ มาให้วิโรจน์อย่างพอใจ

“พีทชอบแบบนี้มั้ย”

ชอบสิ กิริยาท่าทางที่คล้ายกำลังยั่วยวนยิ่งทำให้วิโรจน์จ้องมองทุกการกระทำของหัวหน้าแผนกขายอย่างถูกใจ
สะโพกมนขยับขึ้นลงอยู่เหนือร่างของวิโรจน์

ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกแหงนเงยขึ้นและก้มกลับลงมาอย่างช้า ๆ ก่อนจะโน้มกายลงมาหาวิโรจน์และเผยปลายลิ้นออกมาให้วิโรจน์ได้ดูดกลืนปลายลิ้นของหัวหน้าแผนกขายเข้าไป

“อึก อืออออ อืมมม”

ไล้เลียปลายลิ้นกันจนพอใจ ดูดดุนริมฝีปากกันอย่างที่ใจต้องการ และหัวหน้าแผนกขายก็ลากไล้ปลายลิ้นลงมาที่ไหล่ของวิโรจน์ ดูดเม้มขบกัดจนขึ้นรอย และลากปลายลิ้นลงมาที่ยอดอกสีเข้มของวิโรจน์ ปลุกปั่นและดูดกลืนเข้าไปอย่างหิวกระหาย ทิ้งร่องรอยเอาไว้ด้วยการขบเม้มอย่างรุนแรง ก่อนจะผละจากและผุดลุกขึ้นไปขยับกายอยู่เหนือร่างของวิโรจน์อีกครั้ง

สะโพกมนขยับเคลื่อนไหวแรงขึ้น ตามที่เจ้าของร่างต้องการ

เพลิดเพลินกับสิ่งที่ทำ และวิโรจน์ก็เริ่มหอบหายใจหนัก เมื่อมองที่ใบหน้าของหัวหน้าแผนกขายที่กำลังแสดงอารมณ์ความรู้สึกร้อนแรงให้ได้เห็นชัด

“พีทเสียวเหรอ   พีทก็อยากไปแล้วเหมือนกันใช่มั้ย”

ใช่ อยากจะไปแล้ว

ใบหน้าคม พยักหน้ารับ และยิ้มออกมาอย่างสมใจเมื่อดวงตาหวานฉ่ำเยิ้มปรือปรอยที่มองมา กำลังส่งยิ้มมาให้ รอยยิ้มที่ทำให้วิโรจน์พอใจ

ขยับกายให้เข้าที่เข้าทาง และหัวหน้าแผนกขายที่คร่อมทับท่อนเอ็นของวิโรจน์เอาไว้ก็เริ่มขยับสะโพกให้เร็วขึ้นอยู่เหนือร่างของวิโรจน์ สองมือวางแนบลงบนหน้าท้องแกร่งของคนที่นอนมองอย่างถูกใจ  และหัวหน้าแผนกขายก็ยิ่งกดสะโพกลงมารุนแรงมากขึ้น   ขยับร่างกายขึ้นลงแรง ๆ โดยมีท่อนเอ็นแข็งเสียบคาและเคลื่อนไหวไปมาอยู่ในช่องทางนั้น

ดวงตาหวานเชื่อมด้วยแรงอารมณ์จ้องมองมาที่ใบหน้าของวิโรจน์ และทำให้วิโรจน์ต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

หัวหน้าแผนกขายหย่อนกายลงมาทั้งหมด และควบคุมทุกจังหวะเคลื่อนไหวขึ้นลงให้เป็นอย่างใจตัวเอง

รุนแรง

เร่งเร้า และคนที่นอนอยู่ก็แอ่นสะโพกขึ้นเพื่อตอบรับความรุนแรงที่ถูกกระแทกลงมา
คนสองคนที่กำลังมีอารมณ์ความรู้สึกอย่างถึงที่สุด กำลังปรนเปรอความรู้สึกให้กัน

ร่างกายสั่นสะท้าน ทุกจังหวะการเข้าออก ล้วนทำให้เกิดเสียงดังลั่น เมื่อร่างกายสอดแทรกเข้าหากันในทุก ๆ ครั้งที่ขยับเคลื่อนไหว ลมหายใจของทั้งวิโรจน์และหัวหน้าแผนกขายเริ่มหอบถี่กระชั้นขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อใกล้จะถึงที่หมายเต็มที

หลังการกระแทกสะโพกกดย้ำลงมาอย่างรุนแรงหลายครั้ง สุดท้ายหัวหน้าแผนกขายก็กรีดร้องออกมาพร้อมกับอาการเกร็งกระตุกไปหมดทั้งร่างอย่างรุนแรง ปลดปล่อยน้ำรักออกมาบนหน้าท้องของวิโรจน์จนฉ่ำเยิ้มเปรอะเปื้อนไปหมด
แต่ทุกสิ่งทุกอย่างยังไม่จบแค่นั้น

“อือ อึก อือ”

หัวหน้าแผนกขายแทบหมดแรง แต่ยังไม่สามารถหยุดได้ ยังคงต้องขยับสะโพกต่อไปเพราะรู้ว่าวิโรจน์ก็ใกล้จะถึงจุดหมายแล้ว
ปลายนิ้วบดขยี้ที่ยอดอกของตัวเอง และสะโพกก็กดแทรกลงมาแรง ๆ ในเวลาไม่นาน วิโรจน์ที่กระแทกสะโพกสวนขึ้นไปก็คำรามเสียงต่ำในลำคอ เมื่อกำลังจะถึงจุดหมาย

“เหี้ยเอ้ย โคตรมันส์เลยสัด”

เสียงสบถที่ออกมาจากริมฝีปากของวิโรจน์ยิ่งทำให้หัวหน้าแผนกขายเร่งสะโพกให้แรงขึ้น เพื่อทำให้วิโรจน์ถึงจุดสุดยอดให้ได้

“โอ้ย สัด แตกแล้ว ซี้ดดดส์ อาส์”

วิโรจน์กระแทกสะโพกสวนขึ้นมาในจังหวะสุดท้าย  ปลดปล่อยความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ภายในร่างกายให้พุ่งทะยานออกมาจนหมด พร้อมกับการที่หัวหน้าแผนกขายสิ้นเรี่ยวแรง ทรุดกายลงทาบทับอยู่บนร่างของวิโรจน์และดวงตาก็ค่อย ๆ หลับลงพร้อมกับอาการหอบหายใจหนัก ๆ

“เมื่อกี้นึกว่าจะตายแล้วซะอีก เสียวมากเลยพีท”

เสียงบ่นพึมพำของคนที่นิ่งสงบอยู่บนตัวทำให้วิโรจน์อมยิ้มและหัวเราะออกมาเสียงเบา

“ก่อนตายมาแก้เชือกให้ก่อน เจ็บข้อมือไปหมดแล้ว ไม่รู้อ้นทนได้ยังไง”

ได้ยินอย่างนั้น หัวหน้าแผนกขายที่นึกขึ้นได้ก็รีบผุดลุกขึ้นแก้ปมเชือกที่มัดข้อมือของวิโรจน์ออกจากหัวเตียงทันที

ร่องรอยแดงเข้มที่ปรากฏที่ข้อมือของวิโรจน์ทำให้หัวหน้าแผนกขายนึกสงสารคนที่ถูกมัด

แตะริมฝีปากเบา ๆ ที่ข้อมือที่ขึ้นรอย และเอียงหน้าไปมองคนที่กำลังส่งยิ้มน้อย ๆ มาให้

“พีทเจ็บมั้ย”

มันก็เจ็บอยู่หรอก แต่ไม่มาก ก็เลยสงสัยอยู่นี่ไงว่าอ้นทนได้ยังไง ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่รอยแดงเต็มไปหมด ทั้งรอยฟัน รอยดูด รอยกัด ไหนจะรอยแดงๆ เพราะความร้อนจากน้ำตาเทียนอีก

“แล้วอ้นเจ็บมากมั้ยเนี่ย ไหวมั้ย”

ไหวสิ

ทำไมจะไม่ไหว ถึงจะเจ็บ ๆ แสบ ๆ หน่อยก็เถอะ แต่เดี๋ยวก็หาย

“ทิ้งไว้แบบนี้แหละดีแล้ว อ้นจะได้เห็นว่าร่างกายอ้นมีแต่รอยของพีทเต็มไปหมด”

มันใช่ที่ไหนกันล่ะ คิดเข้าไปได้ยังไง

วิโรจน์ได้แต่ส่ายหน้าและกดหัวของคนที่พูดอะไรบางอย่างไปเรื่อยให้มาแนบอยู่ที่อก กอดเอาไว้และประทับปลายจมูกหนัก ๆ ที่หน้าผากของหัวหน้าแผนกขาย และคนถูกกระทำก็ยิ้มออกมาอย่างถูกใจ

“อ่า วันนี้หอมแก้มด้วย หวานนะวันนี้ มีอะไรหรือเปล่า”

ไม่มีอะไรหรอก

ก็อยากทำแบบนี้บ้าง อยากทำเหมือนคนปกติทั่ว ๆ ไปเวลาเขาแสดงความรักกัน  ไม่ใช่แค่เรื่องเซ็กส์อย่างเดียว แต่อยากแสดงความรู้สึกแบบนี้ออกมาให้อ้นรับรู้ด้วย 

“ก็รักอ้นไงถึงได้ทำ ต่อไปจะทำแบบนี้บ่อยๆ เพราะอ้นน่ารัก”

จริงเร้อออออออออออ  หวานไปหรือเปล่าวันนี้  ปกติไม่เห็นเคยพูดแบบนี้ซักที  คิดยังไงถึงได้พูด ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เห็นเคยพูดหรือแสดงท่าทางแบบนี้ให้เห็น

“งั้นทำบ้าง แบบนี้ใช่มั้ย อืมมมมมมมม”

หัวหน้าแผนกขายหยัดกายขึ้นอยู่เหนือร่างของวิโรจน์และกดปลายจมูกลงมาที่หน้าผากของวิโรจน์แรง ๆ

ผละออกและส่งยิ้มให้คนที่นอนอยู่และวิโรจน์ก็ส่งยิ้มตอบกลับมา

“วันหลังเราทำแบบธรรมดากันบ้างดีมั้ย อ้นอยากรู้ว่าจะเป็นยังไง”

บอกให้ทำแบบธรรมดาเดี๋ยวก็กลายเป็นแบบนี้อีกจนได้ อ้นเคยปล่อยให้ทำแบบธรรมดาซะที่ไหน

“อะไรก็ได้ ตามใจหมดแหละ อ้นอยากได้แบบไหน ชอบแบบไหนอ้นบอกมาเลย เดี๋ยวพีททำให้”

โหหหหหหหหหหห อะไรจะใจดีขนาดนี้

“พีทนี่ไม่ธรรมดาจริง ๆ แบบนี้ก็รักตายกันพอดี”

ก็ดีแล้ว  รักเลยเยอะ ๆ อยากจะรักให้ตายไปข้างก็ไม่ว่าอะไร

“ถ้าพีทธรรมดา...........จะทำให้หัวหน้าแผนกขายเสียน้ำจนแทบหมดตัวขนาดนี้ได้ยังไง.........เพราะฉะนั้นถ้าคิดจะเป็นแฟนหัวหน้าแผนกขายสุดโหดให้ได้..........พีทก็เลยต้องกลายเป็นคนไม่ธรรมดา


Fin.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ตอนพิเศษ วิโรจน์-อ้น หน้า 48
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 19-05-2014 20:06:48

ที่จริงมีคู่ที่เพิ่มขึ้นมาอีก แต่มันยังไม่จบ แน่ใจแล้วหรือว่าจะอ่านกันจริง ๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ตอนพิเศษ วิโรจน์-อ้น หน้า 48
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 19-05-2014 20:10:50
โอ๊ววววววววววว คู่นี้รักกันรุนแรงขึ้นทุกวัน
SM เข้าสายเลือดแล้วแหละ
 :pighaun: :pighaun:
อ่านไปเลือดกำเดาจะพุ่งทุกที
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ตอนพิเศษ วิโรจน์-อ้น หน้า 48
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 19-05-2014 20:13:20
 :pighaun: :m25:

อยากอ่านอีกค่ะ :mc4:
จัดมาได้เลยยย

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ตอนพิเศษ วิโรจน์-อ้น หน้า 48
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 19-05-2014 20:14:25
แน่ใจค่ะ อยากอ่านมาก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ตอนพิเศษ วิโรจน์-อ้น หน้า 48
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 19-05-2014 20:19:33
อ่านนน
อ๊ากกก เอามาให้ฟินและร้อนแรงแบบนี้
//เลือดแทบหมดตัว
พีทอ้นแบบว่า คู่SMของแท้
ว่าแต่พี่โย เป็นเมะที่นิสัยเคะมากๆเลยอะ555 ชอบๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ตอนพิเศษ วิโรจน์-อ้น หน้า 48
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 19-05-2014 20:40:05
กรี๊ดดด นึกในใจว่าอยากอ่านตอนพิเศษของพีทอ้น
แล้วพีทอ้นก็มา ขอบคุณนะค๊าาาาา ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ตอนพิเศษ วิโรจน์-อ้น หน้า 48
เริ่มหัวข้อโดย: foolishbeat ที่ 19-05-2014 20:44:03
เดี๋ยวนะ คู่นี้ไม่เคยมีอะไรกันแบบธรรมดาๆเลยเหรอ
จริงๆแล้วพีทไม่ใช่Sหรอก แต่อ้นเป็นM แกเลยต้องเป็นSให้เมียแกถูกใจ

อยากอ่านเยอะๆเลย ชอบบริษัทนี้มากๆ มันอยู่ที่ใดกัน

คุณเท็นเขียนได้สุดยอดมากๆค่ะ
และขอบคุณคนโพสท์ด้วย รักจังเลยยย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ตอนพิเศษ วิโรจน์-อ้น หน้า 48
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 19-05-2014 20:54:35
เรื่องนี้สุดยอดบุพเฟ่ มีหลากหลายรสชาติ o13
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ตอนพิเศษ วิโรจน์-อ้น หน้า 48
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 19-05-2014 20:59:21
จมกองเลือดอย่างสงบ อ๊ากกก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ตอนพิเศษ วิโรจน์-อ้น หน้า 48
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 19-05-2014 21:00:26
 :pighaun:คู่นี้รักกันไม่ธรรมดารุนแรงจริงๆ ขออีกจ้า
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ตอนพิเศษ วิโรจน์-อ้น หน้า 48
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 19-05-2014 21:04:30
แน่ใจสิว่าอยากอ่าน  จัดมาๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ตอนพิเศษ วิโรจน์-อ้น หน้า 48
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 19-05-2014 21:07:04
ฟิน sm เลือดพุ่งเลยยยย  :pighaun:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ตอนพิเศษ วิโรจน์-อ้น หน้า 48
เริ่มหัวข้อโดย: meeoldly ที่ 19-05-2014 21:08:02
ตอนแรกนึกว่าคู่นี้จะธรรมดาที่ไหนได้ SM ของแท้  :z1:

ส่วนตอนอื่นๆที่ยังไม่จบ... อยากอ่านค่าาาาาา

เอามาลงเถอะ  :serius2: :serius2: :serius2:

 :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call:

หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ตอนพิเศษ วิโรจน์-อ้น หน้า 48
เริ่มหัวข้อโดย: little_nok ที่ 19-05-2014 21:14:13
อ้นพีท ไม่เคยหวานเลยเหรอ จริงอ่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ตอนพิเศษ วิโรจน์-อ้น หน้า 48
เริ่มหัวข้อโดย: seraty ที่ 19-05-2014 21:25:44
บ๊ะ!!!!ใส่บาตรอย่าถามพระนะคุณโยม........ :katai3:จัดมาเล้ยยยยยย...เรารอทั้งโรงงานแหล่ะ :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ตอนพิเศษ วิโรจน์-อ้น หน้า 48
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-05-2014 21:28:36
คู่รัก SM ไม่ธรรมดาอยู่แล้วมาแต่ละที เลือดนอง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ตอนพิเศษ วิโรจน์-อ้น หน้า 48
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 19-05-2014 21:34:48
ใครจะเป็นคู่ต่อไปหนอ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ตอนพิเศษ วิโรจน์-อ้น หน้า 48
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 19-05-2014 21:36:52
คู่นี้ธรรมดาไม่เป็นจริงๆ 5555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ตอนพิเศษ วิโรจน์-อ้น หน้า 48
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 19-05-2014 21:42:01
 :jul1:  นอนจมกองเลือดตายโดยสงบ ป๊าดดดดดด SM ขนาด
รอคู่อื่นด้วยค่ะ อย่าให้น้อยหน้า  :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ตอนพิเศษ วิโรจน์-อ้น หน้า 48
เริ่มหัวข้อโดย: ap08572290 ที่ 19-05-2014 21:49:51
ปลื้มคู่พีทอ้นจริงจริง *0*
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ตอนพิเศษ วิโรจน์-อ้น หน้า 48
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 19-05-2014 22:01:41
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/19/256IqDzo.jpg)
เรื่องของหัวหน้าแผนกจัดซื้อ ไอศูรย์-จุมพล ตอน เมื่อของหมด

จุมพลหัวหน้าแผนกจัดซื้อถูกขนานนามว่าเป็นมนุษย์ที่มีระบบการทำงานรวนที่สุดเท่าที่บริษัทเคยมีมา

และในเวลานี้ระบบการทำงานของจุมพลยิ่งรวนหนักขึ้นอีกหลายเท่า เพราะกำลังนั่งเถียงกับคุณไอศูรย์เรื่องสินค้าตัวใหม่ที่จะนำมาเสนอ แล้วทำไมคุณไอศูรย์ถึงไม่อยากค้าขายกับบริษัทเราล่ะเว้ย

“คุณมันพูดไม่รู้เรื่อง”

เอ็ดคนที่เจรจาเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล และคุณไอศูรย์ก็ถึงกับนั่งงง

มันหมายความว่ายังไง ไม่ได้มาขายของ แต่มาติดต่อกับคุณณัฐพันธ์เรื่องที่ลูกน้องทำนอกเหนือคำสั่ง มากระทืบคนของแผนกขนส่ง ถึงต้องหิ้วกระเช้าของขวัญแล้วก็เตรียมมาเจรจาให้ทางนี้เห็นใจ

เพราะไม่อยากให้ชื่อเสียงในวงการขนย้ายสินค้าต้องด่างพร้อยไปมากกว่านี้

ลำพังแค่ประมูลงานให้ได้มาก็ยากพออยู่แล้ว คู่แข่งมีมากมาย แล้วต้องมาตายน้ำตื้นเพราะเสียชื่อเสียงมันก็เกินไป
คิดว่าเรื่องนี้น่าจะเจรจากันได้ไม่ยาก แต่พอมาแล้วปรากฏว่าคุณณัฐพันธ์ต้องเข้าประชุมกับคณะผู้ถือหุ้นของบริษัท เลยต้องเตรียมตัวกลับ

เพราะตอนมาก็ไม่ได้บอกก่อนล่วงหน้า ขืนมาแบบบอกกันล่วงหน้าทางนี้คงได้ตั้งแง่ หาทางเลี่ยงไม่ยอมพบ เรื่องมันจะยิ่งไปกันใหญ่ ไม่อยากให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ ถึงต้องมาติดต่อเจรจาด้วยตัวเอง มาแบบเงียบ ๆ

แต่ตอนนี้ชักเงียบไม่ไหวแล้ว เพราะพนักงานบริษัทนี้กำลังพูดจาบ้าบอ พูดในสิ่งที่คุณไอศูรย์ไม่เข้าใจว่าไอ้หมอนี่มันต้องการอะไร

“ผมเป็นผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ คุณไม่ต้องกังวลเรื่องราคา บอกมาเลยตรง ๆ รับได้ไม่ได้แค่ไหน ผมเสนอนายให้ หรือคุณจะไปขายให้บริษัทอื่น แบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ”

มันจะบ้ากันไปใหญ่แล้ว ท่าทางแบบนี้ไม่ควรเป็นผู้จัดการ เหมือนคนนอนไม่พอ พูดจาก็แปลก ๆ

“ผมไม่ได้มาขายของ ผมมาพบนายคุณ”

ก็รู้แล้ว แต่นายไม่อยู่ ก็คุยกับผมก่อน นี่ใบพีโอผมก็มี ทำไมถึงไม่อยากจะส่งของให้ผมล่ะ

“ขอร้องเถอะครับ จะปีใหม่แล้ว มันจะติดยาว ของในสต๊อกหมดเกลี้ยง ถ้าไม่ซื้อจากคุณแล้วขายต่อ ผมจะไปผลิตเคมีเองได้ยังไงล่ะวะ โธ่โว้ยยย ทำไมคุณถึงเป็นคนพูดไม่รู้เรื่องขนาดนี้ล่ะ คุณไอศูรย์”

จุมพลไม่รู้ตัวเองว่าพูดอะไรออกไปบ้าง ปกติก็เป็นคนพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่องอยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้ยิ่งไปกันใหญ่
พูดไปพูดมาชักเริ่มโมโห จนสติแทบจะหลุดอยู่แล้ว

ยังเจรจาได้ในสภาพปกตินี่ก็นับว่าสุด ๆ และคุณไอศูรย์คนที่ไม่เคยพบหน้าค่าตา เคยแต่ติดต่อกันทางโทรศัพท์ก็ยังเล่นแง่กับเรื่องไม่เป็นเรื่องแค่นี้ แล้วคุณจะให้ผมทำยังไงล่ะวะ จะให้ไหว้ก็ยอมแล้วนะงานนี้

“ผมไม่ไหวแล้วจริงๆ คุณไอศูรย์เห็นใจผมเถอะนะ”

ไม่ไหวจริง ๆ อย่างที่ปากพูด สภาพปัญหาของตัวเองมันหนักหน่วงเอาการ และยิ่งมาเจอปัญหาเรื่องจะไม่มีของส่งให้ลูกค้าก่อนปิดยิ่งไปกันใหญ่

จุมพลรู้สึกคล้าย ๆ เหมือนตัวเองใกล้จะเป็นบ้าเข้าไปทุกที

ให้ขอร้องให้อะไรก็ได้ ตอนนี้ไม่มีมาดเหลือแล้ว ชีวิตรักพังเละไม่เป็นท่า อย่าให้งานต้องพังตามไปด้วยเลย
มันคงเป็นเรื่องที่ตลกมาก ปกติ ซัพ ต้องง้อผู้ซื้อ แต่นี่ผู้ซื้อต้องมาง้อซัพ
เออใช่สิ กูมันบริหารไม่ดีไง กูมันเป็นหัวหน้าฝ่ายที่ห่วยแตกที่สุดเท่าที่มีมา

กูมันแย่
กูมันห่วย
กูมัน.........แม่งงงงงงงง

“ผมไม่มีของส่งแล้วนะ ถ้าคุณไม่ส่งของให้ผม ผมโดนเชือดแน่ ๆ”

ไม่มีอะไรจะพูดอีก ได้แต่นั่งซึม และมองนิ้วของตัวเองสลับกับมองหน้าคุณไอศูรย์ที่ยิ่งงงหนัก
มันจะอะไรกันนักหนา ไม่ได้มาขายของ บอกว่ามาเจรจากับคุณณัฐพันธ์ไอ้ทางนี้ก็ยังไม่ยอมสนใจจะฟัง พูดจาบ้าบออะไรก็ไม่รู้

แล้วยังทำหน้าเหมือนคนกินยาเบื่อหนูเข้าไปแบบนี้อีก แล้วควรทำยังไงดี

“งั้นคุณบอกมา คุณอยากได้อะไร เดี๋ยวผมจะหาให้ก็แล้วกัน”

ตัดสินใจยอมทำตามข้อเรียกร้อง และคนที่นั่งหน้าเศร้าอยู่ก็เงยหน้าขึ้นแล้วก็ยิ้มระรื่นตาเป็นประกายทันที

“จริงนะครับ”

มาถึงขนาดนี้แล้วจะไม่จริงก็คงไม่ไหว

“ปกติผมถนัดแต่ทำสัญญาขนส่ง ถ้าเอาของมาเกลี่ยให้ก่อนก็คงพอได้ เอาแค่พอมีใช้ไปก่อน ตามสูตรนี้ใช่มั้ย แล้วเรื่องสัญญาซื้อขายคุณจะร่างเองหรือจะให้ทางผมร่าง”

ผมร่างไว้แล้ว

“คุณเซ็นได้เลย ไม่ต้องประมูล มีของคุณเจ้าเดียว เจ้าอื่นเขาไม่เอาของมาลง เซ็นเสร็จแล้ว ผมให้นายเซ็นต่อ โอเคนะ”

โอเคได้ยังไง

“นี่มันไม่ใช่บริษัทผม คุณจะให้ผมเซ็นได้ยังไง”

ไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่แล้ว มันอะไรยังไงวะ

“คุณไอศูรย์จากบริษัทค้าเคมีไม่ใช่เหรอ”

ใช่ที่ไหนล่ะ

“ผมไอศูรย์ จากบริษัทไอศูรย์ขนส่ง คุณไม่คิดว่ามันผิดคนเหรอ”

เออว่ะ ผิดจริงด้วย ผิดคน......จริง ๆ ด้วยสินะ

นิ่งอึ้งไปสามสิบวินาที และรู้สึกคล้ายโลกกำลังถล่มทลายลงมาอีกแล้ว นี่อย่าบอกนะว่าเจรจามาเป็นชั่วโมงมันล้มเหลวไม่เป็นท่า ไอ้จุ้ม ไอ้จุ้ม ไอ้โง่จุ้ม ชีวิตแม่งบัดซบเกินไปแล้วนะโว้ยยยยยยย

“ฮืออออออออออ กูอยากตาย”

เฮ้ยยยยยยยยย

อะไร มันหมายความว่ายังไงกันวะ ไอ้หัวหน้าแผนกจัดซื้ออยู่ดี ๆ ก็มาพูดจาบ้าบอแล้วก็ซบหน้าลงบนโต๊ะแถมยังโวยวาย

ทำไมถึงได้มีคนแบบนี้อยู่ในโลกด้วยวะ ไม่อยากจะเชื่อ

“ผมขอโทษครับ ผมขอโทษ คุณไอศูรย์ผิดคนครับ แต่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วคุณไอศูรย์ถูกคนเขาหาของไม่ได้ คุณไอศูรย์ผิดคนช่วยหาของให้ผมหน่อยนะครับ ฮือออออ”

ตลกแล้ว นี่ขนาดรู้ว่าผิดคนก็ยังจะให้หาของให้อีกเหรอ

“ผมทำสัญญาจ้างวานชั่วคราวก็ได้ ขอร้องเถอะนะคร้าบบบ”

มันจะบ้าไปกันใหญ่แล้ว

“นะครับ”

ไม่ใช่แค่พูด แต่นี่มันหมายความว่ายังไงวะ
อยู่ดี ๆ ก็ยื่นมือมากุมมือเอาไว้ แล้วก็ทำหน้าเหมือนคนใกล้ตายแบบนั้น มันไม่ใช่แล้วนะ

“ขอร้องนะครับ ขอร้อง”

อะ.........มัน.........อะไรกันวะ.....เนี่ย

“ช่วยผมนะครับ คุณไอศูรย์ผิดคน”

มันไม่ใช่เรื่องช่วยหรือไม่ช่วย แต่มัน.........

“มือครับ มือ ผมว่าไม่ค่อยดีมั้งครับ”

มือเหรอ มือ

“อ่า ขอโทษทีครับ แหะ แหะ ผมดีใจเยอะไปหน่อยที่คุณจะช่วยผม”

ยังไม่ได้รับปากว่าจะช่วย แต่โดนโมเมว่าจะให้ความช่วยเหลือไปซะแล้ว

เป็นใครก็ต้องอึ้ง เป็นใครก็ต้องงง

และคุณไอศูรย์ที่ตั้งใจมาเจรจาเรื่องคนของตัวเองมาทำร้ายพนักงานขับรถของแผนกขนส่งก็ถึงกับมึน เมื่อมาเจอกับหัวหน้าแผนกจัดซื้อที่ดูไม่ค่อยเต็มเต็งซักเท่าไหร่

งงก็งง อึ้งก็อึ้ง มาเจรจาอีกอย่าง กลับได้อีกอย่าง แบบนี้มันหมายความว่ายังไง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ตอนพิเศษ วิโรจน์-อ้น หน้า 48
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 19-05-2014 22:03:03
“คุณไอศูรย์ครับ ผมจุมพลนะครับ ของล็อตแรกหมดแล้วนะครับ คุณพอจะหาล็อตสองให้ผมได้มั้ย”

โทรติดต่อโดยตรง และคุณไอศูรย์ที่กำลังเซ็นเอกสารก็ถึงกับขมวดคิ้วมุ่น
ไม่ได้เจอหน้าค่าตามาร่วมเดือน หาของให้แล้วก็จบ แต่เป็นการจบที่คล้ายจะเป็นจุดเริ่มต้น

คุณจุมพลแผนกจัดซื้อของบริษัทที่เข้าไปเจรจาเรื่องปัญหาของลูกน้อง ยังโทรมาติดต่ออยู่เรื่อยๆ โทรมาทั้งๆ ที่ก็น่าจะรู้ว่าพวกเราเป็นคู่แข่งกัน แล้วทำไมยังกล้าโทร

“ผมไม่คิดว่าจะหาให้ได้นะครับ ผมคงช่วยได้แค่ล็อตแรกเท่านั้น”

บางทีมันก็เป็นเรื่องคุณธรรมจริยาธรรมของการทำงานด้วย มีอย่างที่ไหนใครมันจะไปบ้าช่วยบริษัทคู่แข่งทำงาน แบบนี้มันก็เกินไป

“เหรอครับ ช่วยไม่ได้เลยเหรอครับ ไม่เป็นไรครับ”

น้ำเสียงจากปลายสายดูคล้ายคนท้อแท้สิ้นหวัง พูดด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ เฉื่อย ๆ พิกล

“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคุณจุมพล”

เป็นสิครับ เป็นเยอะมากด้วย แต่จะให้ไปเรียกร้องขอความเห็นใจจากใครได้ ในเมื่อมันเป็นปัญหาของตัวเองทั้งนั้น

“เป็นสิครับ ตอนนี้ผมเหนื่อยมากเลย”

เอาคางเกยไว้ที่โต๊ะ และก็นอนมองปึกเอกสารที่กองทับจนแทบจะท่วม

หาเท่าไหร่ก็หาไม่ได้ ของก็กำลังจะหมดสต๊อก ลูกค้าก็จะเร่งเอาของ แล้วจะไปมีปัญญาหาของที่ไหนให้ได้
ผมไม่ใช่เทพนะครับ ถึงได้จะหาอะไรให้พวกคุณได้ตามคำขอ

“ผมเหนื่อยมากเลยคุณไอศูรย์ แถมขนมคุกกี้ที่ผมกำลังจะกิน ก็ตกพื้นด้วยครับ”

ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่คุย เป็นการพูดจาที่เหมือนจะหลุดโลกไปไกล

นี่คุณเมากาวหรือไงคุณจุมพล นึกอยากจะถามออกไปแบบนั้น แต่ก็ต้องนิ่งเงียบเอาไว้
คุณจุมพลจากแผนกจัดซื้อของบริษัทคู่แข่ง ดูแปลกประหลาดไม่เหมือนคนอื่น ๆ ที่ได้พบเจอ

ไม่มีมาด ไร้ซึ่งการเสแสร้ง ปกติคนทำงานสายนี้ต้องมีมาด ต้องเสแสร้งเก่ง ต้องไม่เผยไต๋อะไรออกมาให้ลูกค้ารู้ไม่ใช่เหรอ
แต่จุมพลเผยออกมาหมด หมดแบบไม่มีเหลือ ไม่มีการกั๊กเอาไว้ แถมวิธีการพูดจาที่ดูแปลก ๆ แตกต่างนั่นอีก
พูดได้น่าสงสาร จนใครก็อยากจะช่วย แม้กระทั่งคุณไอศูรย์ผู้ที่ไม่ได้มีความสนใจในการหาสินค้ามาเสนอขาย ก็ยังต้องเห็นใจและอยากช่วยเหลือ

“ฮึก อึก ผมไม่รู้จะพึ่งใคร คุณไอศูรย์ช่วยผมได้มั้ย”

บางทีคำว่าไม่ได้ อาจจะเป็นการใจร้ายจนเกินไป

และคุณไอศูรย์ผู้อยู่ในมาดเคร่งขรึมมาตลอด มีลูกน้องเกรงใจและไม่กล้าไม่ให้ความเคารพ กลับต้องมาประสบพบเจอกับคนที่ไม่ได้สนใจหรือยำเกรงรัศมีความนิ่งเฉยของคุณไอศูรย์เลยซักนิด

“ผมยุ่งอยู่ คุณแฟ็กซ์ข้อมูลมาได้มั้ย เดี๋ยวผมจะลองถาม ๆ พรรคพวกให้ก็แล้วกัน แต่คงรับปากไม่ได้”

จริงเหรอ จริง ๆ เหรอ จริงๆ นะครับ คุณไอศูรย์

“ขอบคุณครับที่ช่วยผม ผมรอดตายแล้ว คุณไอศูรย์”

ผมไม่ได้จะช่วยคุณ คุณอย่ามาโมเมแบบนี้

“ผมไม่รับปาก คุณพอจะเข้าใจใช่มั้ยคำว่าไม่รับปาก”

ผมรู้ครับ แต่ผมก็อยากจะหวัง มันผิดด้วยเหรอครับ

“แต่ยังไงผมก็ต้องขอบคุณอยู่ดีล่ะครับ”

แม้จะบอกแบบนั้น แต่น้ำเสียงก็ไม่ใช่ว่าจะดีขึ้นเท่าไหร่ ยังคงเนือย ๆ และเฉื่อยชาเหมือนเดิม

“แล้วทำไมคุณยังต้องทำเสียงแบบนั้นอยู่อีกล่ะคุณจุมพล”

ก็ไม่ทำไมหรอกครับ

“เมื่อคืนผมไม่ได้นอน ผมคิดมาก”

แล้วทำไมถึงได้มาพูดให้ฟัง มันไม่เกี่ยวกับผมไม่ใช่หรือไง

“คุณคิดมากเรื่องงาน”

“เปล่าครับ..ผมคิดมากเรื่องเมีย”

ห๊ะ

แบบนี้ยิ่งไม่ใช่ใหญ่ มันเกินไป คนแบบนี้ก็เกินไป มันเรื่องส่วนตัวของคุณ มันชีวิตส่วนตัวของคุณ และมันไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่ผมต้องมารับรู้ปัญหาชีวิตของคุณ แค่เรื่องที่คุณให้ผมหาของให้ มันก็เกินไปแล้วไม่ใช่หรือไง

“เหรอครับ”

ไม่อยากถามต่อ ไม่อยากคุยต่อ พยายามจะปิดการสนทนาไปซะแบบนั้น แต่จุมพลที่อยู่ปลายสายก็ยังทำเสียงเหมือนคนกำลังจะหมดเรี่ยวหมดแรงใส่ไม่เลิก

“คุณไอศูรย์มีเมียมั้ย”

มันไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องมาถามผมนะ ผมว่ามันชักจะไปกันใหญ่แล้ว

“ผมขอไม่ตอบแล้วกันนะครับ”

นั่นไง

“แปลว่าไม่มี ผมว่าแล้วว่าคุณไอศูรย์ต้องไม่มี อย่ามีเลยคุณไอศูรย์ มันยิ่งกว่าปวดหัวอีก คุณรู้มั้ย มันบั่นทอนกำลังใจชีวิตมาก”

เฮ้ย นั่นมันปัญหาชีวิตของคุณ ที่ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ทั้งสิ้นที่ผมต้องรับรู้ คุณจะมาบอกผมทำไม
ผมถือเป็นบริษัทคู่แข่งของคุณนะ คุณบ้าไปแล้วเหรอ

“ผมกำลังยุ่งอยู่นะครับ ขอโทษด้วยที่อาจจะไม่มีเวลาคุยต่อ”

ไม่เป็นไรครับ

“ผมเข้าใจครับ ไอซี ไอซี ซียูอะเกน”

พูดจาบ้าบอ และก็ตัดสายกันไปซะดื้อ ๆ และกลายเป็นคุณไอศูรย์ที่ต้องนั่งงง กับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น
นี่มันหมายความว่ายังไง แน่ใจนะว่านี่คือการเจรจากันด้วยเรื่องงาน แม้แต่คุณไอศูรย์เองยังเรียบเรียงสติแทบไม่ถูก กับวิธีการเจรจาขอความช่วยเหลือของจุมพลหัวหน้าแผนกจัดซื้อจากบริษัทคู่แข่ง มองโทรศัพท์ในมืออีกครั้ง และคุณไอศูรย์ก็ยิ่งขมวดคิ้วมุ่น และไม่เข้าใจคนที่โทรเข้ามาขอความช่วยเหลือ ส่ายหน้าด้วยความมึน และคุณไอศูรย์ก็พูดบางอย่างกับตัวเองเสียงเบา

“คุณจุมพล คุณนี่มันเป็นคนยังไงของคุณ”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ตอนพิเศษ วิโรจน์-อ้น หน้า 48
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 19-05-2014 22:36:50
เข้ามาเม้นก่อนเดี๋ยวมาตามอ่าน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 48
เริ่มหัวข้อโดย: กีกิ ที่ 19-05-2014 22:42:30
ไล่อ่านจนตาแฉะ อยากบอกว่า ไอเลิฟคุณเท็นนนนนน  :กอด1:
รักทุกคู่ชอบทุกคู่เลย
ส่วนคู่ล่าสุดนี่ จุมพลนี่จะมึน ซึน ฮาไปไหน
รู้สึกสงสารคุณไอศูรย์ไงไม่รู้ แต่คู่กันแล้วก็ไม่แคล้วกันอะนะ  :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 48
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 19-05-2014 22:43:35
คู่นี้ถ้าจะมันส์  :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ตอนพิเศษ วิโรจน์-อ้น หน้า 48
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 19-05-2014 22:47:46
 :jul1:  :pighaun:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 48
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 19-05-2014 22:57:22
เอาจริงๆคืออยากอ่านพีทอ้นที่เป็นเรื่องเป็นราวแบบคู่อื่นบ้างนะ แต่มาทีไรบทนี้ตลอดดดด หัวใจจะวาย  :o12:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 48
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 19-05-2014 22:59:19
 :hao7: :hao6: มึนเรียกพี่
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 48
เริ่มหัวข้อโดย: foolishbeat ที่ 19-05-2014 23:00:44
น้องจุ้มแสนมึน :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 48
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 19-05-2014 23:01:00
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/19/256IqDzo.jpg)
เรื่องของหัวหน้าแผนกจัดซื้อ ไอศูรย์-จุมพล ตอน จุมพลก็คือจุมพล


นี่เห็นเป็นอะไร นึกอยากจะโทรมาขอความช่วยเหลือก็โทร นึกอยากจะเงียบหายก็เงียบไป
หายไปนานหลังจากได้ของล็อตสองไปแล้ว ตอนนี้จุมพลกำลังโทรมาป่วนขอของล็อตสามในราคาเดิมซึ่งคุณไอศูรย์ก็ยังคงยืนยันคำเดิม

“ผมไม่มีหรอกของล็อตสามน่ะ คุณทำไมไม่หาจากเจ้าอื่นดูล่ะ”

เรื่องแค่นี้ก็น่าจะรู้ ทำไมถึงได้ขยันโทรมาทุกครั้งที่มีปัญหา แต่ละครั้งที่โทรมาก็มีสารพัดมุก
ครั้งแรกตีมึน ถึงจะรู้ว่าเป็นคุณไอศูรย์ผิดคนก็ยังดึงดันจะเอาของให้ได้

ครั้งที่สอง มาแบบป่วย ๆ เพลีย ๆ ทำเสียงอ้อแอ้น่าสงสาร
พอได้ของไปแล้วก็เงียบกริบ แต่แค่เพียงสองเดือนผ่านไป จุมพลก็กลับมาอีกแล้ว
มาในรูปแบบใหม่ พูดแบบอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ คล้ายจะเกรงใจแต่ก็ไม่ได้เกรงใจ

“ผมขอความช่วยเหลือได้มั้ยครับ ยังไงเราก็ค้าขายกันมานาน”

ค้าขายกันมานานบ้าอะไร ผมเพิ่งส่งของให้บริษัทคุณแค่สองล็อต และสองล็อตนั้นก็เป็นสิ่งที่ผมไม่ได้เต็มใจจะส่งให้คุณด้วย

“ผมไม่มีหรอกนะของล็อตสาม เพื่อนผมหาได้แค่นี้ ช่วยได้แค่นี้จริง ๆ”

ไม่ได้อยากจะตัดสัมพันธ์ แต่ถ้าปฏิเสธแบบไร้เยื่อใยแบบนี้ก็เกินไป เห็นว่าช่วยได้เลยให้ช่วยตลอด เราไม่ได้เป็นอะไรกันมากกว่าเป็นบริษัทคู่แข่งกันนะครับ

“เอาไว้ผมจะลองถาม ๆ เขาดูให้แล้วกันนะ แต่รอบนี้ผมคงบอกได้คำเดียวว่าเป็นไปได้ยาก”

ยากเหรอ ยากเลยเหรอ ยากเลยจริง ๆ เหรอ

“คุณไอศูรย์จะช่วยผมใช่มั้ยครับ”

แล้วทำไมผมต้องช่วยคุณด้วยวะ ไม่เข้าใจ

“ก็จะพยายามอย่างถึงที่สุดแล้วกันนะครับ แต่โอกาสได้คงน้อยมาก ผมก็ขอให้คุณทำใจแล้วกัน”

ไม่อยากตัดบท แต่ก็ต้องตัด ขืนคุยมากไปกว่านี้มันจะยิ่งไปกันใหญ่

“ขอบคุณครับ ขอบคุณมาก ๆ จริง ๆ นะครับ”

ทำไมต้องทำเสียงเหมือนซาบซึ้งใจขนาดนั้น แค่หาของให้ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้นก็ได้

“งั้นแค่นี้นะครับ ผมไม่รบกวนคุณไอศูรย์แล้ว”

เป็นฝ่ายโทรมาและก็เป็นฝ่ายวางสายไปซะเอง และคนที่อยู่ปลายสายก็ถึงกับงงหนัก กับสิ่งที่จุมพลหัวหน้าแผนกจัดซื้อทำ

แบบนี้หมายความว่ายังไง นึกอยากจะมาก็มา นึกอยากจะไปก็ไป มาขอความช่วยเหลือแบบมึน ๆ งง ๆ แล้วก็วางสายไปดื้อ ๆ
ทำไมเป็นคนแบบนี้วะ ทำไมถึงได้มีนิสัยแบบนี้ ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ ยิ่งคิดยิ่งเริ่มหงุดหงิดขึ้นมานิด ๆ

แต่ก็อดไม่ได้ที่จะโทรหาเพื่อนที่ทำกิจการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เคมีที่ใช้เป็นส่วนประกอบของสารกำจัดศัตรูพืช

“มีเรื่องจะรบกวนหน่อยว่ะ คืออย่างนี้ รุ่นน้องที่เคยเล่าให้ฟัง ของมันขาดอีกแล้ว......................”

การเจรจาต่อรองเริ่มขึ้น โดยที่คนโทรไม่ได้มีส่วนได้เสียใด ๆ ทั้งสิ้น

ไม่รู้ว่าทำไปทำไม ไม่รู้ว่าทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร

แต่รู้สึกเหมือนต้องทำ และปล่อยให้พลาดไม่ได้ จุมพลทำงานแบบนี้ ทำไมถึงยังอยู่ได้ บริษัทคู่แข่งนี่มีคนแบบนี้ไว้เพื่ออะไร ถ้าไม่ช่วยเดี๋ยวก็หาว่าไม่มีสปิริตพอ ก็เลยต้องช่วย ยังไงซะเด็กของที่นี่ก็ไปตีหัวคนที่โน่นก่อน ก็ถือว่าเจ๊ากันไปแล้วกัน กับการช่วยเหลือ ไอศูรย์ไม่ได้คิดอะไรไปกว่าการหักกลบลบหนี้เรื่องที่เคยคาใจกัน แต่จุมพลกลับคิดและทำไปคนละอย่าง

“เคมีได้แล้ว ต่อไปก็วัสดุใช่ป่าววะ”

สีหน้าแววตาไม่ได้ช้ำชอกใจอย่างที่ใคร ๆ คิด และปากกาแดงในมือก็ขีดเครื่องหมายถูก เมื่อเห็นผลอยู่แล้วว่าการเจรจาเป็นที่เรียบร้อย

คุณไอศูรย์ไม่ได้รับปาก แต่จากคาดคะเน จุมพลก็เดาได้ไม่ยากว่าของล็อตสามคงพร้อมส่งในอีกไม่กี่วัน

“อันนี้พี่เคลียร์แล้วนะครับ ไม่มีอะไรต้องกังวล ของล็อตสามมาแน่ แค่รอเท่านั้น ราคายังไงก็ถูกกว่าของเจ้าเก่าแน่ ๆ ”

ส่งเอกสารให้หญิงสาวที่รับหน้าที่ดูแลเรื่องเคมีภัณฑ์และเธอก็ยิ้มออกมาได้ หาราคาที่ถูกที่สุดให้ตรงตามสเป็คไม่ได้

แต่พอยื่นเรื่องส่งให้พี่จุ้ม พี่จุ้มก็จัดการให้เรียบร้อย

พี่จุ้มมีเทคนิคการพูดที่ไม่เหมือนใคร และไม่ว่าใครหน้าไหนก็ต้องยอม

“รู้งี้หนูส่งเรื่องให้พี่จุ้มเคลียร์ตั้งแต่แรกก็ดี ไม่ปล่อยให้ค้างอยู่ตั้งนานหรอก เจ้าเดิมก็ลีลาอยู่นั่นแหละ ยึกยักตลอด เจอไปสามล็อตแบบนี้มีหงายหลังกันบ้างล่ะ คงนึกว่าเราต้องรอของจากเค้าซะเต็มที่ เจอแบบนี้เข้าล่ะเป็นไง หนูล่ะสะใจจริง ๆ พี่จุ้ม”

อย่าไปคิดอย่างนั้นเลย

“อย่าไปคิดจะดัดหลังใคร มันเป็นเรื่องของธุรกิจ เขาก็อยากโก่งราคา เราก็อยากได้ราคาถูก ๆ มันว่ากันไม่ได้ของแบบนี้ แต่บางทีถ้าเรื่องมากนักมันก็ต้องเจอแบบนี้เข้าไปบ้าง”

พูดเปรย ๆ ไปเรื่อย ๆ และหญิงสาวที่รับหน้าที่จัดซื้อเคมีก็ยกมือไหว้ขอบคุณหัวหน้าแผนกที่ไม่ว่าเรื่องอะไรก็จัดการได้

จัดการในแบบที่ไม่เคยมีใครจัดการ ทำให้อีกฝ่ายเต็มใจ แบบไม่เต็มใจ

“ขอบคุณค่ะพี่จุ้ม เดี๋ยวหนูไปเคลียร์งานต่อนะคะ”

เธอลุกจากไปแล้ว และจุมพลก็หมุนเก้าอี้เล่นไปเรื่อย ๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

บางครั้งมันก็น่าเบื่อเกินไป การต้องรับภาระหน้าที่แบบนี้ มีปัญหาก็ต้องเคลียร์ จะปล่อยให้งานพลาดไม่ได้
ไม่ต้องการให้ใครมาเห็นว่าเป็นคนจริงจังกับงาน ไม่อยากเป็นแบบพี่เกรทที่จริงจังแทบตาย แต่ใคร ๆ ก็ไม่เห็นค่า
วิธีการทำงานของคนเรามันต่างกัน ไม่จำเป็นต้องทำเหมือนจริงจังก็ได้ ทำให้คนอื่นๆ เห็นว่าเรามันเป็นแค่คนไม่เอาไหน จะได้ไม่ต้องมานั่งกังวลเวลาที่จะโดนเลื่อยขาเก้าอี้

เปิดเผยแบออกมาหมดแบบนี้ คนอื่นว่าไม่ใช่เรื่องดี แต่สำหรับจุมพลมันไม่ใช่

ทำตัวดี ๆ ไปก็เท่านั้น กดดันตัวเองด้วย แต่ทำตัวแบบนี้จะได้อยู่ต่อไปเรื่อย ๆ แบบไม่ต้องโดนบีบบังคับหรือคาดหวัง และยังสามารถรักษาสถานะของตัวเองให้คงอยู่ต่อไปได้เรื่อยๆ
ผมไม่ได้บังคับให้คุณหาของให้ผมนะคุณไอศูรย์ ทำไมผมจะไม่รู้ว่าพวกเราเป็นบริษัทคู่แข่งกัน
แต่การที่ผมทำแบบนี้ มันง่ายกว่าการต้องมาตั้งข้อสงสัยหรืออยู่บนข้อแม้กฎเกณฑ์อื่น ๆ ที่ใคร ๆ กำหนด

ผมไม่แคร์ว่าเราจะเป็นบริษัทคู่แข่งกันหรือเปล่า ใช่ที่คุณเป็นคู่แข่งกับแผนกขนส่ง แต่ไม่ได้แปลว่าคุณต้องเป็นคู่แข่งกับผม

สำหรับผมแล้ว ถ้ามีวัตถุดิบที่ถูกและราคาสมเหตุสมผล ขายออกก็ได้กำไรเข้าบริษัท มันก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วไม่ใช่เหรอที่ผมจะเจรจากับคุณ เพียงแต่วิธีการของผมมันต่างจากคนอื่นเล็กน้อยก็เท่านั้น
เรื่องคุณจะเป็นคู่แข่งของใครมันก็เรื่องของคุณ แต่ปัญหาของผมมีไว้ให้เคลียร์ไม่ใช่มีไว้ให้หยิ่งไม่เข้าเรื่อง
ขายของในระบบบริษัท จะมาใช้คำว่าหยิ่งหรือศักดิ์ศรีมันก็ดูจะไร้เหตุผลจนเกินไป ของถูก มีมาตรฐาน ขายออกได้ราคาดี แค่นี้สำหรับผมมันก็จบแล้ว ส่วนใคร ๆ จะไปคิดอะไรต่อ มันเรื่องของเขา ผมไม่แคร์ ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะต้องมาสนใจ

จุมพลหยิบคัสตาร์ดเค้กที่วางเอาไว้บนโต๊ะมาถือเอาไว้ ก่อนจะยืนขึ้นและยืดเส้นยืดสายหลังจากต้องนั่งนิ่งเมื่อยหลังอยู่เป็นเวลานาน ไปแกล้งแปะดีกว่า คลายเครียด

กูเครียด แปะก็ควรจะเครียดกว่า แค่ขโมยคัสตาร์ดมาตอนเผลอไม่ได้แปลว่าจะหายเครียด ต้องไปให้แปะด่าซะหน่อยชีวิตจะได้มีสีสัน

จุมพลอมยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปากและเดินถือคัสตาร์ดเข้าไปในห้องที่แบ่งเป็นส่วนของแผนกการเงินที่มีสมาชิกอยู่แค่สองคน

“คัสตาร์ดใครว๊า อร่อยจังเลยยยยยยยย”

เดินยิ้มหน้าระรื่นเข้าไปและคนที่กำลังนั่งหน้าเครียดจนเส้นเลือดที่หัวกำลังจะระเบิดก็เงยหน้าขึ้นมองและอ้าปากค้าง

ชี้นิ้วไปที่คัสตาร์ดในมือของจุมพล ที่บรรจงใช้ฟันแทะขอบถ้วยไปเรียบร้อยและก็ส่งยิ้มมาให้

ทำหน้าใสซื่อเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวทั้งที่เป็นคนขโมยไปเองแท้ ๆ

“คัสตาร์ดกู ไอ้เหี้ยจุ้มมมมมมมมมมมมม”

แปะก็เกินไป แบ่งน้องกินแค่นี้ก็ไม่ได้

“เออใช่ ของแปะนั่นแหละ ผมเห็นวางอยู่นึกว่าแปะไม่กินแล้วซะอีก เลยช่วยกิน”

ไอ้จุ้มมมมมมมมม ไอ้เหี้ยจุ้ม ไอ้จุ้มมมมมมมมมมมมมมมม

“ทำไมมึงเป็นคนแบบนี้ ทำไมมึงเป็นคนแบบนี้ ทำไมมึงเป็นคนแบบนี้ ไอ้จุ้ม ไอ้........”

ถึงกับพูดไม่ออก ปากสั่นด้วยความโมโห รีบประมวลผลทางความคิดก่อนจะรัวด่าจุมพลที่ยังคงบรรจงแทะคัสตาร์ดในถ้วยอย่างนุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้

“มีเงินก็เอาไปเลี้ยงผู้หญิงหมด ขนมแค่นี้ซื้อเองไม่ได้ แม่งไอ้พวกนิสัยเสีย เคยคิดกันบ้างมั้ยวะ เคยเห็นใจกูบ้างมั้ย ทำไมถึงได้ทำให้กูประสาทแดกแบบนี้ได้กันหมดทุกคน พวกมึงมันเกินไปแล้ว ทำแบบนี้ มันเกินไป ถ้าวันไหนกูตายเพราะพวกมึงนะ กูจะมาหลอกมาหลอนพวกมึง มึงคอยดูเริ่มจากมึงก่อนเลยไอ้จุ้ม ไอ้จุมพล ไอ้คนไม่มีหัวคิด ไอ้ขโมย ขโมยได้แม้กระทั่งของกินแค่นี้ ปากกาดินสอมึงยืมไปก็ไม่คืน แล้วยังมีหน้ามาขโมยคัสตาร์ดกูอีก มึงนะไอ้จุ้ม มึงมันไม่ใช่คนแล้ว มึงมันเกิน.......................................”

เจี๊ยบถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ และมองจุมพลที่ยังคงแทะคัสตาร์ดไปเรื่อย ๆ โดยไม่สะทกสะท้านเลยซักนิด

“พอแล้วพี่จุ้ม เดี๋ยวแปะหัวใจวายตาย”

ได้แต่ปรามเอาไว้ และจุมพลก็หัวเราะร่าออกมาก่อนจะยักคิ้วให้กับเกรียงศักดิ์ที่ยังด่าไม่หยุด และหยิบปากกามาเตรียมขว้างใส่หัวของคนที่ขยันเข้ามาป่วนให้ประสาทแดกเป็นบ้าตาย

“อื้มมมมมมมมมม ทำไมถึงได้ปากร้ายกับแฟนได้ขนาดนี้ล่ะ หื้ออออ”

ยื่นมือไปหมายจะหยิกแก้มแต่ก็โดนปัดมือออก

“แปะอย่ามาเล่นตัว คัสตาร์ดแค่ถ้วยเดียวทำเป็นงก”

ทำเป็นงกบ้าอะไร

“มันไม่ใช่แค่คัสตาร์ด มันยังรวมถึงคุกกี้ รวมถึงกาแฟ รวมทั้งไม้บรรทัดปากกาดินสอ แล้วยังไม่รวมยางลบที่มึงเอาไปทำหายรอบก่อนอีกด้วย โอ้ยยยยยยยย กูปวดหัว”

เกรียงศักดิ์ยกมือขึ้นกุมขมับ และคนแกล้งก็ยิ่งหัวเราะร่ายิ่งกว่าเดิม

“มีพวกมึงอยู่รอบตัว อีกไม่นานกูคงต้องตายจริงๆ ปวดหัว ปวดหัว ไม่ไหวแล้ว เจี๊ยบเอาพารามากินสองเม็ดดิ๊”

เฮ่ออออ

เหนื่อยใจ น่าเหนื่อยใจเหลือเกิน คนหนึ่งก็ขยันป่วน อีกคนหนึ่งก็ควบคุมสติตัวเองไม่ค่อยได้

“พี่จุ้ม พอเหอะวะ พี่เกรทเขาจะตายจริง ๆ แล้ว”

เจี๊ยบได้แต่ส่ายหน้าและจุมพลก็พยักหน้ายอมหยุดภารกิจการแกล้งในครั้งนี้ แต่ก็ยังไม่วายวางถ้วยคัสตาร์ดที่แทะกินเฉพาะขอบ ๆ คืนให้เจ้าของตัวจริงที่ซื้อมาแต่ไม่ได้กิน

“แปะ ผมคืนให้แล้วนะ แปะอย่าโกรธเลย นี่คืนให้ครึ่งถ้วย อีกครึ่งถ้วยเดี๋ยวผมจะคายออกมาให้”

ไอ้จุ้ม

“มึงเอาไปเลย มึงไม่ต้องเอามาคืนแล้ว มึงรีบ ๆ ออกไปจากห้องซะทีเหอะจุ้ม กูจะเป็นบ้าอยู่แล้ว”

แบตของแปะคล้ายจะหมดเรียบร้อยในเวลาเกือบห้าโมงเย็นและจุมพลก็หัวเราะออกมาเสียงเบา

“เห็นอยู่กันสองคน เงียบ ๆ ตลอดทั้งวัน ไหน ๆก็จะกลับบ้านแล้ว ผมเลยเข้ามาสร้างสีสันให้ชีวิตแปะซะหน่อย”

ใครอยากได้สีสันจากมึงไม่ทราบครับไอ้ห่าจุ้ม

“นิสัยอย่างนี้ไงถึงคบใครก็ไม่ยืด”

แปะก็ด่าตรงเกินไป ผมเจ็บปวดเลยนะแปะ

“คนที่ไม่ยืดมันไม่ใช่ผมนะ มันเป็นทางนั้นมากกว่า นี่ผมก็เลิกแล้ว ไม่ได้อะไรแล้ว เหนื่อย ๆ ด้วยแปะ”

เหนื่อยบ้าอะไร

“สมน้ำหน้าโดนไปกี่แสนละคนนี้ กว่าจะเลิกได้ สะใจ คนอย่างมึงนะจุ้มมันต้องเจอแบบนี้แหละ มันถึงจะคู่ควรและเหมาะสม”

จุมพลตั้งใจฟังสิ่งที่เกรียงศักดิ์ด่า
มันเต็มไปด้วยถ้อยคำเย้ยหยัน และไร้ซึ่งคำปลอบโยนใด ๆ ทั้งสิ้น

ไม่มีคำว่าเห็นใจ
ไม่มีคำว่าสงสาร

แต่จุมพลชอบที่ได้ฟังถ้อยคำไร้การปรุงแต่งแบบนั้น

ไม่ต้องการความเห็นใจ และถ้าไม่อยากได้ความเห็นใจก็ต้องมาหาแปะ เพราะนอกจากแปะจะไม่เห็นใจแล้ว แปะยังด่าได้เจ็บแสบ ชนิดที่ว่า คนฟังบางคนคงได้สำลักเลือดตาย แต่ไม่ใช่จุมพล

หลายครั้งที่เริ่มห่างได้ก็เพราะแปะ เพราะว่าแปะด่าตรง ๆ พูดตรง ๆ โดยไม่อ้อมค้อม ไม่เห็นใจ
มันก็เลยทำให้รู้ตัว ว่าตัวเองเป็นคนโง่มากขนาดไหน

“ผมรวย มีตังค์เยอะ หน้าตาดี ไม่เหมือนแปะที่แก่แล้วแก่เลย แถมยังหาเมียไม่ได้ มีเมียก็ต้องหย่า เพราะแปะเอาแต่บ่น บ่น บ่น ใครที่ไหนจะมาทนได้”

มึง ไอ้จุ้ม

“ปัญหาของกู จบไปชาติกว่าแล้ว อย่ามาสาระแนอยากจะขุดคุ้ย ตัวเองเอาให้รอดก่อน ค่อยมาทำเป็นปากดีใส่คนอื่น”

แปะปากร้าย
ด่าขนาดนี้ ไม่เอามีดแทงคอหอยกูซะเลยวะ

“แล้วปัญหาของผมไม่จบตรงไหนวะ ก็เนี่ยเลิกแล้ว เขามาตามจิกหาว่าผมกับไอ้เจี๊ยบเอากัน ประสาทคิดไปได้ ผมก็พยายามเลิกแล้วนี่ไง เดี๋ยวก็เลิกได้เองแหละ”

มึงเลิกไม่ได้หรอก

“รอบที่ร้อย เชื่อก็ควายแล้วแหละวะ เอาไว้เลิกได้แล้วค่อยมาปากดีพูด ไอ้เด็กน้อย ใจไม่แข็งพอ อย่ามาทำเป็นเทียบรุ่น”

จริง พี่เกรทพูดถูกจริง ๆ

ใจไม่แข็งพอเลิกไม่ได้ ก็เลยคาราคาซังอยู่จนถึงป่านนี้ รัก ๆ เลิก ๆ มาเป็นร้อยรอบ หมดเงินไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ แต่ก็ยังตัดไม่ขาด

“กลับไปถามตัวเองให้ดี ๆ ว่าเมียมึงรักมึง หรือรักเงินของมึง โง่แล้วยังเสือกอวดฉลาดอีก ไม่ได้ยุนะ แค่อยากเห็นครอบครัวมึงร้าวฉาน เลิกกันได้เมื่อไหร่ กูก็แค่สะใจนิดๆ หน่อย ๆ ”

แปะโหด

“เดี๋ยวก็เลิกได้เองแหละ แปะไม่ต้องมาสะใจอะไรกับครอบครัวผมหรอกน่า”

ทำหน้าระรื่นทั้งที่ใจแป้ว

ผมไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้นหรอกนะแปะ แต่เพราะบางครั้งถ้ายาไม่แรงพอ ผมก็ไม่รู้จะเอาอะไรมาตั้งสติ
ผมก็รู้ตัวเองดีว่าใจไม่แข็งพอเหมือนแปะ
เห็นแบบนี้แปะทั้งเย็นชา ทั้งใจแข็ง ทั้งไม่เคยสนใจใคร เหมือนจะร้ายกาจ แต่มันมีบางอย่างซ่อนไว้อยู่ในนั้นเสมอ

ความห่วงใยลึก ๆ ที่จุมพลรู้สึก แต่สำหรับคนอื่น คงคิดว่าเราแค่ทะเลาะกันเหมือนทุกวัน

“แล้วจะใจแข็งให้ดู”

พูดเพียงแค่นั้น และจุมพลก็ยักคิ้วส่งให้คนที่หยุดด่าและเริ่มนับเงินสดที่เหลือในวันนี้

“ไปไกล ๆ ไม่อยากฟังพวกดีแต่ปาก”

ครับ ผมมันดีแต่ปากจริง ๆ อย่างที่แปะพูดนั่นแหละ

“ถ้าผมเลิกได้แล้วแปะมาดามใจผมมั้ยล่ะ”

ประสาท

“ไอ้จุ้ม”

เสียงเอ็ดหนัก ๆ ของเกรียงศักดิ์ทำให้จุมพลหัวเราะออกมาได้ ก่อนจะหยิบคัสตาร์ดที่ตัวเองแทะไปเกือบหมดกลับมาถือเอาไว้
และผิวปากเดินจากไปอย่างมีความสุข ทิ้งให้เจี๊ยบได้แต่ส่ายหน้าด้วยความเซ็ง เพราะต้องทนฟังคนสองคนทะเลาะกันอยู่ทุกวี่ทุกวัน

“ถ้าไม่ได้ทำให้กูประสาทแดก ไอ้จุ้มมันจะอยู่ไม่ได้ใช่มั้ยวะเจี๊ยบ”

หันไปถามลูกน้องที่กำลังรวบรวมบิลแยกเป็นชุด แล้วเจี๊ยบก็พยักหน้าให้

“ถ้าพี่จุ้มไม่มีพี่เกรท พี่จุ้มคงตายห่าไปนานแล้ว เพราะไม่มีคนลับฝีปากด้วย”

อ้าว ไอ้นี่ แทนที่จะเข้าข้างหัวหน้ามึง เสือกไปเข้าข้างไอ้หัวหน้าแผนกจัดซื้อซะงั้น

“มึงนี่ก็จริง ๆ เลย ลาออกจากแผนกกูแล้วไปสมัครอยู่แผนกไอ้จุ้มเลยไป”

ไปได้ยังไงล่ะพี่เกรท ถ้าไปได้ ผมไปตั้งนานแล้ว

“ก็อยากจะไปเหมือนกันแหละ แต่กลัวพี่เกรทไม่มีใครชงยาหอมให้ตอนที่ลมขึ้น”

ไอ้เจี๊ยบ

“นี่มึงเป็นลูกน้องกูเหรอเนี่ย กูยังไม่เคยต้องกินยาหอมเลยนะ กูยังไม่ได้แก่ถึงขนาดนั้น ห่าเอ้ย มึงนี่ก็อีกคน”

ได้ยินเสียงพี่เกรทบ่นพึมพำอะไรไปเรื่อย ๆ แต่เป็นการบ่นที่ทำให้เจี๊ยบยิ้มได้เหมือนทุกวัน

แปะก็บ่นแบบนี้ตลอด ดีแล้วที่แปะบ่นแบบนี้ เพราะมันหมายความว่าแปะยังเป็นปกติสุขดีอยู่ ไม่ได้เปลี่ยนไป
รอยยิ้มของเจี๊ยบแม้จะเหงา ๆ ไปบ้าง แต่มันก็เป็นความเหงาที่พร้อมจะเต็มใจให้เป็นแบบนั้น

ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ เจี๊ยบไม่อยากคิดหรือสนใจคำนั้น
สำหรับเจี๊ยบแล้ว แค่อยู่ใกล้ ได้มองไปเรื่อยๆ แบบนี้ก็พอแล้ว และเจี๊ยบไม่เคยคิดจะยัดเยียดตัวเองเข้าไปในหัวใจของพี่เกรทเลยซักครั้ง แค่หวังว่าเราจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ได้ทำงานด้วยกันไปเรื่อย ๆ แค่นี้เจี๊ยบก็มีความสุขที่สุดแล้ว


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 48
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 19-05-2014 23:13:20
 :mew2:อ่านไปงงไปกะชีวิตจุมพล...งงเหมือนชีวิตตูเลย :ling2: แต่ชอบน้องบัวพี่โยมากๆๆเหมือนของหัวหน้าบุ้งกะมีน :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 48-49
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 19-05-2014 23:14:12
บริษัทนี้ ทำงานกันแบบธุรกิจครอบครัวจริงๆ เรือล่มในหนอง ถ้วยทองจะไปไหน  :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 48
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 19-05-2014 23:15:16
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 48-49
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 19-05-2014 23:24:52
ท่าทางคู่นี้จะมึนน่าดู  :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 48-49
เริ่มหัวข้อโดย: shenta ที่ 20-05-2014 00:18:26

ตอนแรกก็สองจิตสองใจ จะหางานใหม่ดีไหม

ตอนนี้คิดได้แล้วจะลาออกจากที่เก่า

แล้วจะมาสมัครงาน บริษัทนี้

รบกวนส่ง ชื่อ ที่อยู่ บริษัท มาให้ด้วยค่ะ ตามเบอร์โทรนี้ 08Y-YYY-YYYY

ช้านจะไป นั่งฟิน นอนฟิน.......... :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 48-49
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 20-05-2014 00:38:29
หูย แต่ละคู่ ลูกหัวปีท้ายปีแน่นอน เจ้ฟันธง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 48-49
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 20-05-2014 01:42:28
คู่พีทอ้นนี่เอสเอ็มตัลหลอดดด
 :hao7:

คู่ใหม่น่ารักมึนๆดีนะแกร ฮาอ่ะ คิดมากเรื่องงาน เปล่า คิดมากเรื่องเมีย พี่จุ้มมม ฮาจุงเบย 55555555
 :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 48-49
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-05-2014 02:21:37
อัยย่ะๆ คู่ใหม่แผนกใหม่แต่บริษัทเดิม ดีใจที่ได้อ่าน   :hao3: ว่าแต่ว่า นี่คืออยากรู้จริงนะบริษัทนี้มันอยู่ไหนอะเผื่อว่าผ่านจะได้เอาขนมไปฝากบ้างไรบ้าง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 48-49
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 20-05-2014 06:03:41
เอ๋...เจี๊ยบแอบชอบพี่เกรทเหรอ?
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 48-49
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 20-05-2014 06:40:51

(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/19/256IqDzo.jpg)
เรื่องของหัวหน้าแผนกจัดซื้อ ไอศูรย์-จุมพล ตอน มนุษย์ที่ชื่อจุมพล

ตัดสินใจอยู่นาน ที่จะบอกปัดและปฏิเสธ ไม่ใช่ว่าหาของไม่ได้ แต่ไม่อยากให้เกิดภาระติดพันมีครั้งที่สี่ห้าหกตามมา
เกือบสองทุ่มแล้ว และคุณไอศูรย์ที่เพิ่งเดินออกจากออฟฟิศก็กำลังเปิดประตูรถ
เข้ามานั่งเรียบร้อยและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาหมายเลขของคนที่ขยันโทรเข้ามาขอความช่วยเหลือ
และเป็นการขอความช่วยเหลือแบบแปลกประหลาดมากจนคุณไอศูรย์ไม่เข้าใจ ว่าเจ้าตัวจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร

เสียงจากปลายสายเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน

ตื่นนอนในเวลาสองทุ่มเนี่ยนะ มันไม่ใช่แล้วหรือเปล่า

“ครับ อือออ จุ้มครับ”

ยังไง จุ้มครับ คือ..........

“คุณจุมพลใช่มั้ย”

ใช่ครับ

“ลูกค้าเหรอครับ แค่ก แค่ก อือ”

ใช่ ลูกค้า ลูกค้าที่ต้องหาของให้คุณนั่นแหละคุณจุมพล

“ผมไอศูรย์นะ”

ไอศูรย์เหรอ

“คุณไอศูรย์ผิดคนหรือถูกคนครับ”

จะผิดหรือถูกผมก็คือคุณไอศูรย์นั่นแหละ เอาอะไรมาคิดว่าจะต้องผิดคนหรือถูกคน น่าปวดหัวจริง ๆ

“ผมไอศูรย์ขนส่ง ผิดหรือถูกล่ะ”

อ๋อออออออออ คุณไอศูรย์ขนส่ง

“งั้นก็ผิดคนแล้วครับ ซียูอะเกน”

ปลายสายตัดไปเรียบร้อย และไอศูรย์ก็ถึงกับอ้าปากค้าง หมายความว่ายังไง ทำแบบนี้หมายความว่ายังไง พยายามกดโทรเข้าไปอีกหลายครั้ง แต่กลายเป็นการฝากข้อความ มันหมายความว่ายังไง

รู้สึกคล้ายตัวเองกำลังโมโห กับการถูกกระทำแบบไม่ไว้หน้า
ตัดสายทิ้งได้ยังไง นี่ผมคือคนที่คุณต้องง้อไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงมาทำแบบนี้

ชักจะไม่ไหวแล้วนะ ชักทนไม่ไหวแล้ว มันอะไรกันนักกันหนาวะ โยนโทรศัพท์ทิ้งไว้ที่เบาะรถแล้วก็ขมวดคิ้วมุ่นอย่างหัวเสีย
สตาร์ทรถและเหยียบคันเร่งออกไปราวกับพายุ

มันอะไรกัน คล้าย ๆ กับกำลังโดนปั่นหัว แบบนี้มันหมายความว่ายังไง

จุมพล จุมพล จุมพลหัวหน้าแผนกจัดซื้อของบริษัทคู่แข่ง คุณต้องการอะไรจากผมกันแน่
คุณทำแบบนี้ คุณต้องการอะไรจากผมกันครับคุณจุมพล

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 48-49
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 20-05-2014 06:42:09
“คุณไอศูรย์ผิดคนครับ เมื่อตอนหัวค่ำผมขอโทษนะครับ พอดีผมกินยาแก้แพ้อากาศเข้าไป ตอนที่คุณไอศูรย์โทรมาผมนึกว่าผมกำลังฝันอยู่ ผมเลยตัดสายคุณไอศูรย์ทิ้ง แต่ตอนนี้ผมตื่นแล้วมากดเบอร์ดู ผมถึงรู้ว่าผมไม่ได้ฝันไป คุณไอศูรย์ครับ ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วยนะครับ”

ห๊ะ

อะไรกัน มันคืออะไร หมายความว่ายังไง ไม่เข้าใจ

ไอศูรย์เจ้าของบริษัทขนส่ง กำลังกำโทรศัพท์แน่นด้วยความหงุดหงิดใจ ตั้งใจจะไม่รับสาย แต่เพราะเป็นเบอร์สาธารณะที่โทรเข้ามา เลยไม่รู้ว่าเป็นใคร ถึงได้รับสาย

สมัยนี้มันยากที่จะหาใครใช้หมายเลขจากเบอร์ตู้โทรศัพท์สาธารณะมาโทรหาคนอื่น แต่จุมพลทำ

“แล้วทำไมคุณถึงไม่เอาโทรศัพท์ของคุณโทรมา นี่คุณอยู่ที่ไหน ผมได้ยินเสียงรถแล่นผ่านไปผ่านมา”

อ๋อ เรื่องนี้เหรอครับ เรื่องนี้ผมชี้แจงได้

“โทรศัพท์ผมมีปัญหาครับ โชคดีที่ผมจำเบอร์คุณไอศูรย์ได้ เพราะผมจดไว้ข้างหลังตั๋วจำนำ ผมเปิดเจอเลยเดินออกมาโทรหาคุณไอศูรย์ กลัวคุณไอศูรย์เข้าใจผิดว่าผมตัดสาย เลยต้องโทรมาอธิบายครับ”

แบบนั้นมันเรียกว่าจำได้เหรอ ก็จดเอาไว้ที่หลังตั๋วจำนำเองแท้ ๆ ไม่ใช่หรือไง

“นี่ผมหยอดเหรียญไปสิบบาทนะครับ ผมนึกว่าเหรียญห้า เหลืออีกตั้งเจ็ดแปดบาท คุณไอศูรย์มีอะไรจะพูดกับผมมั้ยครับ”

บ้า บ้าไปแล้วหรือไง นี่มันห้าทุ่มครึ่ง คุณจะให้ผมพูดอะไรกับคุณวะ

“เรื่องของ....ผมคงหาไม่ได้นะครับ”

ตั้งใจจะตัดจบการสนทนาไปดื้อ ๆ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอมฟัง

“เฮ้ยยยยยยยยยยย คุณไอศูรย์ ผมไม่ได้เอากุญแจบ้านมา กระเป๋าตังค์ผมก็ไม่ได้เอามา นี่ผมหยิบเงินมาจากบ้านสิบบาทพร้อมตั๋วจำนำใบเดียวเหรอวะ แล้ว.......แล้ว....แล้วผมจะเข้าบ้านยังไง แล้วผมจะกลับบ้านยังไง ตู้โทรศัพท์ห่างจากบ้านผมเป็นกิโลเลย คุณไอศูรย์ คุณไอศูรย์ ช่วยผมด้วย ผมอยู่ที่หน้าร้านทอง แถว ๆ แยก........ มีร้านข้าวต้มปลาอยู่ข้างหน้า ขับรถวนมาจากถนนสายหลักแล้วจะเจอ คุณไอศูรย์ครับ คุณไอศูรย์ อย่าทิ้งผมนะครับ ผมป่วย ผมไม่สบาย แค่ก แค่ก เฮ้ยยยยยยย โทรศัพท์จะตัดแล้ว คุณไอศูรย์”

แล้วปลายสายก็ตัดไป แล้วคนที่งง ก็งงต่อไป แล้วคนอย่างไอศูรย์ก็ได้แต่อ้าปากค้างต่อไป
มองโทรศัพท์ในมือด้วยความงง และสมองก็จำเป็นต้องประมวลผลกับสิ่งที่จุมพล หัวหน้าแผนกจัดซื้อจากบริษัทคู่แข่งพูดทิ้งท้ายเอาไว้ นี่มันคือเรื่องอะไร แต่มันจะเป็นเรื่องอะไรก็ช่าง จะเป็นยังไงก็ช่าง ไม่เกี่ยวกัน ไม่ได้เป็นอะไรกัน
ไม่มีความจำเป็นต้องห่วง ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรทั้งนั้น

แต่นี่มันดึกแล้ว แล้วเจ้าตัวก็เป็นคนโทรมาขอโทษด้วยตัวเอง แต่.................

โธ่โว้ย กำลังโดนปั่นหัวอยู่หรือเปล่าวะ กำลังโดนปั่นหัวให้เป็นบ้าอยู่แน่ ๆ

แม้จะหงุดหงิดแค่ไหน แม้จะไม่ชอบใจแค่ไหน แต่สุดท้ายคุณไอศูรย์ก็หยิบกุญแจรถและเดินออกจากห้องไปที่ลิฟท์ทันที

“คุณจุมพลนะคุณจุมพล ทำอะไรของคุณอยู่กันล่ะโว้ยยยยยยยยย”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 48-49
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 20-05-2014 06:48:51
“ข้าวต้มปลาพิเศษครับ”

จุมพลนั่งอยู่บนเก้าอี้ในร้านข้าวต้มปลาข้างทาง

ไม่มีอะไรมากก็แค่รู้สึกว่าอยากกินอะไรร้อน ๆ ตื่นขึ้นมากลางดึก และรู้สึกว่าอาการภูมิแพ้ของตัวเองมันค่อย ๆ บรรเทาลงมากแล้ว ตอนที่คุณไอศูรย์โทรมาทำไมจะไม่รู้เรื่อง แต่ไม่พร้อมจะคุยแค่นั้น นอน ๆ อยู่จะให้มาคุยเรื่องงานใครมันจะไปมีอารมณ์อยากคุย ก็เลยกดตัดสายไปซะ แต่นึกขึ้นได้ว่า ทำแบบนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องดี การตัดสัมพันธ์กับคนที่จะมาเป็นคู่ค้าและช่วยหาของให้ในราคาถูกมันไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นต้องเสี่ยง ตัดทิ้งไปเพื่ออะไรในเมื่อยังมีประโยชน์ต่อกันอยู่ คุณหาของ ผมจ่ายเงิน วิน วินกันทั้งคู่

ไม่ใช่ว่าโทรศัพท์มีปัญหา แต่ช่วงนี้โดนโทรจิกโทรตามจนปวดหัว รักกันประสาอะไรทำไมต้องทำเหมือนขังกรงกันแบบนี้ด้วย

โทรมาก็จริง ทำเหมือนหวงนักหวงหนาก็จริง แต่เธอไม่เคยมาหา ไม่เคยใส่ใจ และเธอก็ไม่ยอมเลิก

แบบนี้จะให้ทำยังไง

เธอขู่เอาไว้สารพัดว่าถ้าเลิกกับเธอ เธอจะฆ่าตัวตาย เลวร้ายกว่านี้มีอีกมั้ย จะรักก็ไม่รัก จะทิ้งก็ไม่ทิ้ง

แม่งชีวิตกู บ้าบอสิ้นดี เรื่องเข้าบ้านไม่ได้มันไม่ใช่ปัญหาหรอก บ้านตัวเองทำไมจะจำไม่ได้ว่ามีกุญแจซ่อนไว้ตรงไหน
เพราะฉะนั้นการที่เดินออกมาตัวเปล่าโดยมีเงินค่าข้าวต้มออกมาแค่หนึ่งร้อยบาท จุมพลไม่เห็นว่ามันจะเป็นปัญหาใหญ่อะไร

ที่ทำไป ผมไม่ได้หลอกคุณนะ ผมแค่พูดความจริงไม่หมดแค่นั้น คุณจะได้รู้ว่าผมมีความพยายามแค่ไหนในการติดต่อกับคุณ
ถ้าคุณไม่ยอมส่งของล็อตสามให้ผม มันก็เกินไป

“แค่ก ๆ อือออ แม่งกูเบื่อโรคภูมิแพ้จริงวะ”

สำลักน้ำข้าวต้ม และก็ต้องใช้กระดาษทิชชู่ซับเบา ๆ ที่ปาก

เอาเหอะ ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ ผมไม่คิดว่าคุณจะมาหาผมได้ถูกหรอกนะ คนที่จะกลายเป็นคนใจดำและทอดทิ้งให้ผมต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมานก่อนเดินเข้าบ้าน มันก็จะกลายเป็นคุณ และในการเรียกร้องให้คุณช่วยหาของล็อตถัดไป มันก็ยิ่งทำง่ายขึ้น

ก็คุณทิ้งให้ผมต้องเผชิญความทุกข์ทรมานในคืนที่อากาศหนาวจัดเอง คุณก็ต้องรับผลกรรมของคุณไป

จุมพลกำลังตักข้าวต้มปลาเข้าปาก กินไปเรื่อยๆ และมองถนนที่เริ่มโล่งมากกว่าปกติ
คืนนี้คงได้นั่งเล่นเกมส์ทั้งคืน เพราะตื่นขึ้นมาขนาดนี้แล้ว กลับไปก็คงนอนไม่หลับ

ไอ้เจี๊ยบมันก็ผวาจนไม่กล้ามาค้างด้วยแล้ว เพราะเจออิทธิฤทธ์ของคุณเธอเข้าไป
ทำไมวะ กูนี่ดูเหมือนจะเป็นคนที่คบกับผู้ชายด้วยกันได้หรือไง

ถ้าสามีเธอเป็นเกย์ขึ้นมาจริง ๆ แล้วเธอจะทำยังไง ไม่อกแตกตายห่าไปจริง ๆ เหรอวะ

ถ้าถึงตอนนั้นจริง ๆ แล้วจะยอมปล่อยกันไปหรือเปล่า
ปล่อยมือจากกันจริง ๆ เพราะเราก็มีเหตุผลในการเลิกกันแบบจริง ๆ จัง ๆ แล้ว

ความรักมันเป็นเรื่องประหลาด แม้ต้องทุกข์ทนขนาดไหน คนฉลาด ๆ บางคนก็ยอมโง่ได้

ทำไมจะไม่รู้ว่าเธอยังโทรตามอยู่ตลอดเวลามันเป็นเพราะอะไร

ความรักมันหายไปตั้งนานแล้ว ที่อยู่นี่เรียกว่าอะไรก็ไม่รู้ 

ซักวันหนึ่งจุมพลไม่แน่ใจตัวเอง ว่าอาจจะฆ่าเธอทิ้งซะ แล้วฆ่าตัวตายตามไป จะได้จบเรื่องราวทุกอย่าง แต่มันทำไม่ได้ นี่มันชีวิตคนจริง ๆ จะมารีเซ็ตใหม่อีกรอบ เหมือนเล่นเกมส์มันทำได้ที่ไหนล่ะ

ถึงไม่อยากมีชีวิตอยู่ในบางครั้ง แต่ก็ไม่ได้แปลว่าอยากตาย
เข้าใจจริง ๆ นะ คนที่ตัดสินปัญหาชีวิตด้วยการฆ่าตัวตายไปพร้อมกัน

เขาก็คงไม่อยากตาย แต่เป็นเพราะ....ก็แค่ไม่อยากอยู่เท่านั้น

เหมือนจุมพลในตอนนี้ ที่ไม่รู้จะเดินไปทางไหน เลิกก็เลิกไม่ได้ รักก็รักไม่ได้

คนภายนอกมองว่ารัก ๆ เลิก ๆ กันสิบรอบ แต่จริง ๆ แล้ว มีแค่กูเท่านั้นหรือเปล่าวะ ที่ยังรักอยู่ แต่อีกฝ่ายแค่ไม่เหลือใจ
ไม่เหลือใจให้ แต่ก็ไม่ยอมปล่อย

ไม่ยอมให้จุมพลเป็นอิสระ ยังคงกีดกันอยู่ตลอดเวลาไม่ยอมให้เลิก เราทะเลาะกันจนบ้านแตกด้วยเรื่องโง่ ๆ มากี่ครั้งแล้ว และคนที่ถูกก็ยังคงเป็นเธอเสมอ

เอ่ยปากขอเลิกไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง แต่เธอไม่ยอมเลิก และเธอบอกว่าจะตามราวีอย่างถึงที่สุด ถ้าเลิกกับเธอ
แล้วจะให้ทำยังไง........... แล้วจะให้.....ต้องทำยังไง.......

“คุณจุมพล”

เงยหน้าขึ้นมองคนที่มายืนหอบหายใจอยู่ตรงหน้า และจุมพลก็มองหน้าของคนที่ยืนอยู่ทั้งที่ช้อนยังคาอยู่ที่ปาก

“คุณ........ไอ....ศูรย์.....ผิดคน”

ช้อนในปากหล่นลงบนโต๊ะในขณะที่กำลังคิดอะไรอยู่เพลิน ๆ มาได้ไงวะ กูบอกไปมั่ว ๆ เสือกมาถูกได้ยังไง

“คุณบอกเส้นทางอะไรของคุณ ผมต้องวนรถไปมาตั้งกี่รอบ นี่ถ้าผมไม่เช็คจากหมายเลขของตู้โทรศัพท์ผมจะรู้มั้ยว่าคุณอยู่ตรงไหน”

อยู่ตรงไหนเหรอ.......... ผมก็อยู่....ตรงนี้ไง.....
คุณไอศูรย์ยืนหน้าดำคร่ำเครียด และก็ลากเก้าอี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามออกมานั่ง

“รถผมจอดไว้อีกฝั่ง คุณรีบๆ กินเถอะ หรือจะสั่งไปกินที่บ้านก็ตามใจ ผมมีเวลาไม่มาก นี่มันจะเที่ยงคืนแล้ว”

ใช่ มันจะเที่ยงคืนแล้ว แต่ว่า.......

“คุณเข้าบ้านไม่ได้ไม่ใช่หรือไง คุณก็ไปนอนที่คอนโดผมก่อนแล้วกัน แล้วพรุ่งนี้เช้าจะเอายังไงก็ค่อยว่ากันต่ออีกที”

ห๊ะ

กูไปบอกตอนไหนวะ ว่าจะไปนอนคอนโดคุณไอศูรย์ กูแค่บอกว่าไม่ได้เอากระเป๋าตังค์กับกุญแจบ้านมาเฉย ๆ
ซึ่งกูไม่ได้โกหกนะเฮ้ย เพียงแต่ไม่ได้บอกให้หมดเท่านั้นว่ากูเข้าบ้านได้สบาย ๆ

เหอ เหอ เหอ เอาแล้วไง

“กินข้าวต้มปลามั้ยครับคุณไอศูรย์ผิดคน”

ไม่รู้จะพูดอะไรดี ก็เลยชวนกินข้าวต้มปลากันดื้อ ๆ และคุณไอศูรย์ที่มานั่งหน้าหงิกอยู่ตรงหน้าก็ถอนหายใจออกมาเหมือนคนกำลังหงุดหงิดอะไรซักอย่าง

“ผมมารับไม่ได้มากิน”

อ้าวเหรอ ก็เห็นอารมณ์เสีย นึกว่าโมโหหิวซะอีก

“แต่ผมยังไม่อิ่มเลยนะ คุณจะรอผมไหวเหรอ”

ตั้งใจละเลียดข้าวต้มไปเรื่อย ๆ และไม่มีทีท่าว่าจะสะทกสะท้านกับอาการอยากกระโดดบีบคอของคุณไอศูรย์ที่มองมาและเริ่มรู้สึกว่ากำลังโมโหมากขึ้นทุกที

“แค่ก ๆ อือ”

จุมพลยกหลังมือขึ้นแตะที่ปากเบา ๆ เพราะอาการภูมิแพ้ยังไม่หายดี

ตักข้าวต้มปลาใส่ปากไปเรื่อย ๆ โดยไม่คิดจะแยแสคนที่มานั่งอยู่ตรงหน้าซักนิด แล้วก็เลยกลายเป็นคุณไอศูรย์ที่ทนไม่ไหวต้องสั่งข้าวต้มปลามากินรอไปหนึ่งชาม

“ข้าวต้มปลาหนึ่งครับเฮีย”

ยกมือขึ้นบอกกับเจ้าของร้าน และจุมพลก็เงยหน้าขึ้นมองคุณไอศูรย์ที่สั่งข้าวต้มมากิน
ไหนบอกไม่กินไงวะ แล้วอยู่ดีๆ ตอนนี้ทำไมถึงเกิดอยากกินขึ้นมา

“คุณกินช้าแบบนี้เสมอเลยหรือไง”

ไม่หรอก

“ผมกินช้าเฉพาะเวลาที่เร่ง”

กวนประสาทชะมัด

“ผมยังไม่ได้เร่งอะไรคุณเลย”

“ผมรู้ครับ แต่ผมแค่เร่งตัวเองอยู่ ไม่อยากให้คุณเสียเวลาต้องนั่งรอผมนาน ๆ ”

กลายเป็นไอศูรย์ที่ผิด และคนผิดก็ได้แต่นั่งนิ่ง
มองหน้าของจุมพลด้วยความหงุดหงิดขัดใจ และก็เห็นสายตาที่ค่อย ๆ ช้อนมองขึ้นมาอย่างช้า ๆ

แสงไฟจากท้องถนนสาดเข้ากระทบที่ข้างแก้มขาว ๆ ดวงตาที่มองมายังมีความอิดโรยอยู่ในนั้น

แต่รอยยิ้มน้อย ๆ ที่ส่งมาถึงมันทำให้คนมองต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เพราะคล้าย ๆจะรู้สึกถึงอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะของตัวเอง

อากาศคืนนี้เย็นเกินไป และบางครั้งสมองก็อาจเจอเรื่องที่ทำให้ปั่นป่วนมาทั้งวันมากเกินไป

“คุณไอศูรย์ครับ”

ได้ยินเสียงเรียกและคนถูกเรียกก็หันมามองหน้าของคนเรียกอย่างช้า ๆ

“ผมอิ่มแล้ว แต่ของคุณยังไม่ได้เลย ผมจะรอคุณกินแล้วกันนะครับ”

ห๊ะ รอ......... ตกลงจากการที่เป็นคนรอ กลายเป็นต้องมาถูกรอเหรอวะ

บ้าแล้วแบบนี้ แบบนี้มันยิ่งกว่าบ้าไปแล้วชัด ๆ

คุณไอศูรย์กำลังหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อย ๆ และเริ่มรู้สึกไม่พอใจกับใบหน้าเรียบเฉยของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

ทำหน้าเฉยก็จริง แต่รอยยิ้มน้อย ๆ ที่ปรากฏในดวงตาคู่นั้นมันหมายความว่ายังไง

อย่าบอกนะ ว่ากำลังถูกจุมพลหัวหน้าแผนกจัดซื้อของบริษัทคู่แข่งปั่นหัวเข้าให้แล้วจริง ๆ


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 48-49
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 20-05-2014 06:59:51
เหอะๆ ยังไงกันล่ะเนี่ยคู่นี้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 48-49
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 20-05-2014 07:05:07
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/19/256IqDzo.jpg)
เรื่องของหัวหน้าแผนกจัดซื้อ ไอศูรย์-จุมพล ตอน เหนื่อยเกินไป

อาการพะอืดพะอมมันตามมาไม่นานหลังจากกินข้าวต้มปลาเข้าไป นั่งอยู่ในรถพร้อมกับอาการมวนท้องและรู้สึกคล้ายจะทนไม่ไหว และเมื่อห้องถูกเปิดออก จุมพลก็รีบวิ่งพรวดพราดเข้าไปในห้องและมองซ้ายมองขวา หาห้องที่คาดว่าน่าจะเป็นห้องน้ำทันที

“แอ่ก ห้อง ห้องน้ำ อ่อก แค่ก ๆ”

คุณไอศูรย์ชี้นิ้วไปอีกฝั่งของห้อง และจุมพลที่ใช้มือปิดปากเอาไว้ก็รีบเดินลิ่วไปห้องน้ำ
ผลักประตูเข้าไปได้ ก็โก่งคออาเจียนอย่างเอาเป็นเอาตาย

และคนที่เดินตามมาก็ต้องรีบลูบหลังให้คนที่สภาพดูแย่มากอย่างไม่น่าเชื่อ

เปิดน้ำจากก๊อกใส่แก้วและยื่นส่งให้คนที่ดูท่าจะไม่ไหวแล้วและจุมพลก็รับแก้วน้ำมาถือเอาไว้ ก่อนจะกลั้วคอและบ้วนทิ้ง

เดินสะเปะสะปะออกมาจากห้องน้ำ และยกหลังมือขึ้นเช็ดปาก ดวงตาแดงก่ำ อาการมวนท้องยังไม่หายดี และจุมพลก็ต้องวิ่งกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง เพื่ออาเจียนสิ่งที่อยู่ในท้องออกมาอีกครั้งทั้งหมด

“อ่อก แค่ก ๆ”

ยืนต่อไม่ไหว สุดท้ายต้องทรุดนั่งลงกับพื้นและพิงหลังกับผนังห้องน้ำ

“คุณเป็นอะไร ไม่สบายเหรอ”

ไม่ใช่ไม่สบาย

“เปล่า ผมไม่ได้เป็นไร แค่ก ๆ”

ไม่ใช่แค่อาเจียน แต่อาการไอก็ทำให้จุมพลรู้สึกว่าร่างกายตัวเองชักเริ่มไม่ไหว

“คุณคงไม่สบายแล้วล่ะคุณจุมพล ผมแนะนำว่าคุณคงต้องไปหาหมอ”

ไม่ต้องไปหรอก หาหมออะไรนั่นน่ะ

“ผมแค่นอนไม่พอ”

นอนไม่พอได้ยังไง

“แต่ตอนสองทุ่มคุณก็เพิ่งนอนไม่ใช่หรือไง ผมไม่เห็นว่านั่นคือคำตอบ”

ทำไมจะไม่ใช่ล่ะคุณไอศูรย์ ร่างกายผมมันเป็นอะไรทำไมผมจะไม่รู้

“ผมไม่ได้ป่วยหรอก ที่ไอก็เพราะแพ้อากาศ ที่อ้วกก็เพราะว่าไม่ค่อยได้นอน พอกินอะไรเข้าไปหน่อย มันก็เลยออกมาหมด ช่วงนี้ผมเป็นบ่อย อีกซักพักก็หาย”

ทำไมพูดอะไรง่าย ๆ ขนาดนั้น

“แล้วทำไมคุณไม่นอน หรือบริษัทคุณจะใช้งานหนัก”

บริษัทไม่ได้ใช้งานหนักหรอก

“ก็ผมนอนไม่หลับเอง จะไปโทษบริษัทได้ยังไง”

พยายามลุกขึ้นยืนและก็เปิดน้ำที่อ่างล้างหน้า บ้วนปากและล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นขึ้นมาบ้าง และก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำเหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติธรรมดา

แต่สำหรับคุณไอศูรย์มันไม่ใช่

“คุณก็นอนให้หลับสิ”

ถ้าทำได้แบบนั้นผมก็หลับไปแล้วสิ

“ก็ผมเครียด ผมจะนอนหลับได้ยังไง”

แล้วทำไมต้องเครียดด้วยล่ะ

“คุณก็ไม่ต้องให้ตัวเองเครียดสิ”

เฮ้ย คุณไอศูรย์ทำไมพูดไม่รู้เรื่องขนาดนี้วะ

“ช่างผมเถอะ”

ตัดบทไปแบบดื้อ ๆ และคนที่โดนตัดบทก็ยืนอึ้ง และเริ่มรู้สึกโมโหขึ้นมาทีละนิด

ไม่เคยมีใครทำแบบนี้ด้วย ไม่เคยมีใครกล้าขัดใจ ไม่เคยมีใครต่อปากต่อคำ แล้วก็ตัดบทกันไปง่ายๆ แบบไม่แยแส
คุณรู้มั้ย ผมเป็นใคร ผมไอศูรย์เจ้าของบริษัทขนส่งอันดับต้นๆ ของประเทศนะ
แล้วคุณเป็นใคร เป็นแค่หัวหน้าแผนกจัดซื้อเล็ก ๆ ของบริษัทคู่แข่งที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่คุณกล้าพูดแบบนี้กับผมเหรอวะ

“คุณจุมพล”

เหมือนโดนหักหน้า และจุมพลที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวด้วย ก็ยกมือห้าม คล้ายจะบอกให้หยุดพูด

“คุณ...จุ.....”

“แค่ก ๆ อ่อก อื้อออ”

อีกครั้งที่อาการมวนท้องไม่ได้ดีขึ้นเลย จุมพลวิ่งกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง และเริ่มอาเจียนอีกรอบ อาการหนักกว่ารอบแรก และคนที่กำลังโมโหก็ต้องรีบเดินตามกลับเข้าไปในห้องน้ำเพื่อช่วยลูบหลังให้กับคนที่โก่งคออาเจียนไม่หยุด

“ไม่ไหวแล้ว คุณต้องไปโรงพยาบาล”

ไม่เอา กูไม่ไปโว้ย

“แค่ก ๆ อ่อก ๆ”

คงไม่มีอะไรเหลือแล้ว พอที หมดสิ้นซะที จุมพลกดน้ำที่ชักโครก และบ้วนปากที่อ่างล้างหน้าอีกครั้ง
เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของตัวเองที่หน้ากระจกแล้วก็เห็นว่าดวงตาเริ่มแดงก่ำ
แม่ง.........สภาพนี้ดูดีพิลึก อย่างกับซอมบี้ เออว่ะ ใช่ เหมือนซอมบี้เลย

“ถ้าผมเป็นซอมบี้ คุณต้องยิงผมตรงหัวนะ ไม่งั้นผมจะไม่ตาย”

ห๊ะ

อะไรนะ

“คุณเคยเล่นป่ะ เกมส์ที่เราต้องหนีการตามล่าของซอมบี้ อย่างแรกเลยคุณต้องเลือกปืนดี ๆ แล้วก็ต้องรู้จักหลอกล่อไม่งั้นล่ะก็คุณจะโดนฆ่าตาย”

พูดเรื่องบ้าอะไร

“แฮ่ ซอมบี้ก็จะกระโดดกัดคอคุณ”

โดนหลอกด้วยการทำท่าเหมือนจะขย้ำ และคุณไอศูรย์ก็ถึงกับผงะกับสิ่งที่จุมพลทำ
บ้าไปแล้วหรือไง มีการทำเสียงให้น่าตกใจด้วย เพี้ยน แบบนี้ยิ่งกว่าเพี้ยน

พูดจาบ้าบออะไร คนแบบนี้ไม่เคยเจอ ไม่รู้จะพูดอะไรไม่รู้จะถามอะไร มีแต่ต้องจำใจเดินตามหัวหน้าแผนกจัดซื้อของบริษัทคู่แข่งออกมาจากห้องน้ำ

“คุณพอจะมีคุกกี้หรืออะไรหวาน ๆ พวกลูกอมอะไรพวกนี้มั้ย นิด ๆ หน่อย ๆ ก็ได้”

เกือบเที่ยงคืนเนี่ยนะ ให้มาหาคุกกี้หรือลูกอมในเวลาเที่ยงคืนเนี่ยนะ บ้าไปแล้วหรือไง

“หรือขนมอะไรก็ได้ ชิ้นเล็ก ๆ”

คนถาม ถามแบบจริงจัง และคุณไอศูรย์ที่ไม่เคยคิดจะมีของแบบนั้นเอาไว้ในห้องก็ได้แต่ถอนหายใจ

“ผมจะไปมีของแบบนั้นได้ยังไง”

อ้าวเหรอ ไม่มีเหรอ

“น้ำตาลผมตก ผมรู้สึกว่ากำลังเวียนหัว ถ้ามีของหวานนิด ๆ หน่อย ๆ คงจะดีขึ้น”

แล้วจะไปหาของแบบนั้นที่ไหนกันล่ะ

“แล้วทำไมตอนเดินขึ้นมาถึงไม่บอก ซื้อข้างล่างซะก็หมดเรื่อง”

แล้วจะไปซื้อได้ยังไง

“ผมไม่มีเงิน ก็ผมบอกคุณแล้วว่ามีแค่เศษเหรียญแค่นั้นตอนที่โทรหาคุณ คุณไม่เห็นเหรอ ขนาดข้าวต้มปลาผมยังต้องยืมเงินคุณจ่ายเลย”

ก็ทีข้าวต้มปลายังจ่ายให้ได้ แล้วทำไมแค่ควักเงินซื้อลูกอมราคาไม่กี่บาทถึงจะซื้อไม่ได้

“ก็บอกสิ ว่าจะซื้อ ทำไมไม่บอกก่อนขึ้นมาล่ะ”

จะบอกได้ยังไง

“ก็ตอนนั้นผมจะอ้วก ผมจะไปมีเวลาคิดได้ยังไง ตอนนี้อ้วกเสร็จแล้ว ผมคิดได้แล้วว่าผมอยากกินของหวาน แต่คุณไม่มีซึ่งผมก็แค่คิดว่าคุณอาจจะมี”

ทำไม นี่มันอะไร ในเวลาดึกดื่นป่านนี้ คุณไอศูรย์เจ้าของบริษัทขนส่งไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงต้องมาเถียงอะไรกับคนที่พูดจาไม่รู้เรื่องแบบนี้

“ตกลง ผมจะไปซื้อข้างล่างมาให้ คุณจะเอาอะไรอีกมั้ย จะได้ไปแค่ครั้งเดียว”

ไม่อยากให้มันยืดเยื้อไปมากกวานี้ และไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องอ่อนข้อให้คนที่เพิ่งเจอหน้ากันไม่กี่ครั้งและไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับชีวิตขนาดนี้

“ยาแก้แพ้อากาศ แล้วก็ลูกอมแค่สองสามเม็ด แค่นั้นครับ...ขอบคุณครับ”

เป็นการขอบคุณที่น่าหมั่นไส้ที่สุด และคุณไอศูรย์ก็กำลังจะเดินออกจากห้องในสภาพหน้าบึ้งสุด ๆ
ซึ่งจุมพลไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะทำหน้าบึ้งขนาดนี้ไปทำไม

“คุณไอศูรย์ครับ”

ว่ายังไงอีกล่ะ จะเอาอะไรอีก หันมาตามเสียงเรียก และคนที่เรียกก็ขบริมฝีปากแน่นก่อนจะก้มหน้าลงและเงยหน้ากลับขึ้นมาอีกครั้งเพื่อพูดอะไรบางอย่าง

“ผมขอโทษ”

ขอโทษ……. ขอโทษเรื่องอะไร ขอโทษทำไม มีเรื่องอะไรให้ขอโทษ

“เรื่อง..........”

เรื่องเหรอ ไม่รู้เหมือนกัน ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องอะไรดี แต่รู้สึกอยากขอโทษ

“.....เรื่องอะไรก็ไม่รู้ ที่ทำให้คุณหงุดหงิด และหน้าบึ้ง”

คนฟังถึงกับนิ่งงันกับคำตอบที่ไม่เคยคิดว่าจะมีใครตอบแบบนี้ หลายคนอาจใช้เหตุผลร้อยแปด
แต่สิ่งที่จุมพลพูด ไม่เคยมีใครพูดมาก่อน ขอโทษเรื่องอะไรก็ไม่รู้..........เรื่องที่ทำให้หงุดหงิดและหน้าบึ้ง...........

เรื่อง.........

“..................”

ไม่รู้จะตอบกลับคำพูดนี้ยังไง ก็เลยค่อย ๆ คลายหัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันออก และพยายามปรับสีหน้าให้เรียบเฉย ไม่ให้ดูบึ้งตึงเหมือนก่อนหน้านี้

“ขอบคุณครับ”

ขอบคุณทำไม

“เรื่อง........”

ก็...........

“ขอบคุณที่คุณไอศูรย์ไม่ทำหน้าบึ้งใส่ผมแล้ว”

อย่างนั้นเหรอ อ่า....... ขอบคุณเรื่องที่ไม่ทำหน้าบึ้งใส่แล้วอย่างงั้นเหรอ

“ผม...จะลงไปซื้อยาแก้แพ้อากาศให้คุณ แล้วก็จะซื้อ....คุกกี้ใช่มั้ย ....กับลูกอม”

ครับ

พยักหน้ารับตามสิ่งที่คุณไอศูรย์บอก และคนที่คล้ายกำลังถูกปั่นหัวก็เริ่มขมวดคิ้วมุ่นอีกครั้ง ทำไมถึงต้องยอมทำตาม
ทำไมทั้งที่หงุดหงิดขนาดนี้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

“งั้นคุณก็นั่งรอผมก่อนแล้วกัน เปิดโทรทัศน์ดูไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวผมกลับมา”

ครับ รอก็รอ

จุมพลพยักหน้ารับ และก็ยกมือไหว้คนที่บอกให้รอ อยู่ดี ๆ ก็ยกมือไหว้แบบนั้น คนที่เกิดอาการงงก็ยกมือรับไหว้แทบไม่ทัน

“ขอบคุณครับ”

แล้วนี่จะขอบคุณเรื่องอะไรอีก

“เรื่อง..........”

ก็เรื่อง....

“เรื่องที่คุณไอศูรย์ใจดี”

บ้า .........บ้าแล้วแบบนี้ บ้าไปแล้ว ไม่ใช่แค่ขอบคุณที่ใจดี แต่รอยยิ้มของอีกฝ่ายที่ส่งให้มันทำให้คนรับไหว้ ตั้งตัวไม่ทัน

“ผมไม่ได้ใจดี ผมแค่ทำตามหลักมนุษยธรรม”

เหรอครับ

“งั้นก็ขอบคุณที่มีมนุษยธรรมครับ”

อะไรนะ โธ่โว้ย มันน่าหงุดหงิดน้อยซะเมื่อไหร่ ไม่เคยพบเคยเจอคนแบบนี้มาก่อนเลย ทำไมถึงได้เป็นคนแปลกประหลาดได้ถึงขนาดนี้ครับคุณจุมพล

“คุณก็นั่งรอไปก่อนแล้วกัน”

ตัดบทให้จบ ๆ ไปซะ ก่อนที่จะโดนปั่นหัวไปมากกว่านี้
คุณไอศูรย์เดินออกจากห้องไปแล้ว และจุมพลก็มองตามหลังจนประตูห้องถูกปิด

เดินมานั่งรอที่โซฟาสีขาวที่ตั้งอยู่กลางห้อง ไม่ได้ตั้งใจจะมาที่นี่ แต่อยู่ดี ๆ ก็มาแบบไม่ทันตั้งตัว ป่านนี้โทรศัพท์คงดังเป็นร้อยรอบ แต่ไม่มีคนรับสาย ดี....... แบบนี้ก็ดี ถึงไปหาก็ไม่เจอหรอก ตามหากับพี่ตาล หรือไอ้เจี๊ยบ หรือแปะ ก็ไม่มีทางเจอเด็ดขาด
คืนนี้อยู่ที่นี่ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องสนใจเรื่องของเธออีก เธอจะได้รู้สึกซะบ้าง เธอจะได้รู้ ว่าถ้าหาไม่เจอจะเป็นยังไง

เธอจะได้รู้สึก........ นึกแล้วก็สมเพชตัวเอง โง่เง่าชะมัด ทำเรื่องโง่ๆ แค่นี้ก็เพื่อเรียกร้องความสนใจจากเธอ
เป็นฝ่ายอยากเลิกเอง แต่ก็เลิกไม่ได้ เพราะในใจยังตัดเธอไม่ขาด กลับกัน เธอไม่ยอมเลิก ทั้งที่หมดรักไปตั้งนานแล้ว

ใครมันจะน่าสมเพชยิ่งกว่ากัน คนหนึ่งรักแต่อยากเลิก คนหนึ่งไม่ยอมเลิกทั้งที่หมดรัก
จุมพลค่อยๆ หลับตาลงอย่างช้า ๆ และหัวเราะออกมาเสียงเบาเหมือนกำลังเย้ยหยันตัวเอง

บางครั้งก็อดคิดไม่ได้

เรื่องนี้มีผลกับชีวิตมาก และช่วงนี้เริ่มรู้สึกว่า.....การมีชีวิตอยู่แบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ มันดูชักจะเหนื่อยมากเกินไป


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 48-49
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 20-05-2014 07:09:32
จุมพลนี่ร้ายกว่าที่คิดนะเนี่ย ปั่นหัวไอศูรย์จนไปไม่เป็นเลย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 48-49
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 20-05-2014 07:28:37
 :katai2-1: :katai2-1:
เป็นเกย์ซะ แล้วชีวิตจะดีเอง จุมพล (นั่นพี่โดมเลยนะมึงงงงง)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 48-49
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 20-05-2014 07:51:45
 :m20:  โอย คุณจุมพลช่างเหลือรับประทานจริงๆ   ถ้ากลุ้มมากนักเรื่อง ผญ ก็เปลี่ยนความคิดซะสิ

เคยได้ยินมั้ย  " แค่เปลี่ยนความคิด ชีวิตก็เปลี่ยน "    :laugh:

ส่วนน้องบัวลอย โดนยกซดไปหลายตลบเลยสินะ   o18   ช๊อบชอบ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 48-49
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 20-05-2014 07:59:20
ชอบๆๆๆๆๆๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 48-49
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 20-05-2014 09:13:48
จุมพลช่างร้ายกาจจจ  :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 48-49
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 20-05-2014 09:18:13
มันยังไงกันล่ะคู่นี้ :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 48-49
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 20-05-2014 09:21:35
ปั่นหัวเป็นว่าเล่น
แต่ก็มีความจริงผสมในคำแบบนั้นก็โอเคอยู่
แล้วยังไง เหมือนเห็นอีกคู่ แปะกับเจี๊ยบ แอบดราม่าเบาๆหรือเปล่า รักข้างเดียว
อยากอ่านด้วยอะ มีคู่นี้ด้วยหรือเปล่านะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 48-49
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 20-05-2014 14:56:45
คุณไอศูรย์จะสติหลุดเมื่อไรนิ 55555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 48-49
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 20-05-2014 17:46:50
จุมพลไม่ธรรมดาเลยว่ะ มันไม่ใช่อย่างที่เห็น
แต่ไอศูรย์เอง ถึงตอนนี้จะยังไม่เห็นอะไรมาก
แต่ก็คงไม่ธรรมดาเหมือนกัน เป็นถึงเจ้าของบริษัทนี่เนอะ

อ่านไปใจก็ตุ๊มๆต่อมๆ เพราะคนโพสบอกว่าทั่นเท็นยังแต่งไม่จบ T_T
ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไป ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 48-49
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 20-05-2014 20:10:35

(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/19/256IqDzo.jpg)
เรื่องของหัวหน้าแผนกจัดซื้อ ไอศูรย์-จุมพล ตอน คุณเห็นผมเป็นอะไร

ป่านนี้คงมีหมายเลขโทรเข้าเป็นร้อยสายแล้ว จุมพลคิดอย่างสะใจ และก็ยิ้มออกมาน้อยๆ ที่มุมปาก
ดี โทรให้ตายไปเลย ยังไงวันนี้ก็ไม่กลับไปแน่ ๆ ถึงเธอมาตามก็ไม่มีทางเจอ

มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าของจุมพล ที่สามารถจัดการชีวิตได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องนี้ ที่ไม่มีปัญญาทำอะไรได้
ยาแก้แพ้อากาศถูกยื่นส่งให้ และจุมพลก็รับใส่มือเอาไว้  นั่งมองยาในมือ และหยิบอีกเม็ดออกมา หยิบไปเรื่อย ๆ จนคนที่ส่งให้เริ่มขมวดคิ้วมุ่น

“สองเม็ดก็พอแล้ว คุณจะกินอะไรตั้งห้าหกเม็ด”

เงยหน้าขึ้นมองคนที่ทักท้วงแล้วถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ากำลังหยิบยาแก้แพ้จากในซองมากกว่าห้าหกเม็ดเข้าไปแล้ว

“ผมลืม”

ลืมได้ยังไง ลืมเรื่องหยิบยาเนี่ยนะ คุณไม่คิดว่ามันเกินไปหน่อยหรือไงคุณจุมพล

“คุณดูไม่ค่อยปกตินะ”

ปกติแปลว่าอะไรวะ กูก็ปกติดีนี่หว่า

“เวลาผมปกติ ทุกคนก็บอกว่าผมไม่ปกติตลอดแหละ เพราะฉะนั้นถ้าบอกว่าผมไม่ค่อยปกติ นั่นคงแปลว่าผมปกติดี”

พูดจาอะไรวกวนแบบนี้ กวนประสาทชะมัด

ได้แต่ขมวดคิ้วและไม่ชอบใจวิธีการพูดของคนที่มาขออาศัยค้างคืนด้วยในคืนนี้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

จุมพลกินยาแก้แพ้เข้าไปสองเม็ด และยังคงนั่งอยู่ที่โซฟา

“ผมมีงานต้องเคลียร์ต่อ คุณจะนอนเลยก็ได้ มันเป็นเวลาที่ทุกคนควรนอนหลับพักผ่อนได้แล้ว แต่ผมยังมีงานค้าง”

แล้วทำไมคุณไม่นอนพร้อมผมเลยล่ะคุณไอศูรย์ผิดคน

“งั้นผมก็ยังไม่นอนหรอก คุณมีลูกอมใช่มั้ย ซื้อมาด้วยใช่มั้ย”

ใช่ ซื้อมาด้วย

“หวาน ๆ อย่างที่คุณอยากได้”

รื้อเข้าไปในถุงใส่ของเล็ก ๆ และจุมพลก็หยิบลูกอมรสผลไม้มาแกะและส่งเข้าปาก เคี้ยวเล่นไปเรื่อย ๆ และก็มองคนที่ลุกขึ้นจากโซฟาไปที่โต๊ะทำงานคุณไอศูรย์ไปทำงานต่อจริง ๆ อย่างที่บอก แล้วกูมานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้วะ ตกลงคุณไอศูรย์จะปล่อยกูทิ้งไว้ตรงนี้จริง ๆ เหรอ ไม่สนใจเลยเหรอ ไม่คิดจะสนใจจริง ๆ เหรอวะ แต่กูอยากเรียกร้องความสนใจนะ อยากเรียกร้องความสนใจ
ไม่รู้ทำไมถึงอยากทำแบบนั้น และไม่ใช่แค่คิด จุมพลทำทันที หลังจากที่คิดได้

“คุณไอศูรย์ คุณว่าคนเราควรจะนอนวันละแปดชั่วโมงจริงเหรอ”

อยู่ดี ๆ มาถามอะไร

“คุณเชื่อมั้ย บางทีคนเราไม่จำเป็นต้องนอนวันละแปดชั่วโมงก็ได้”

พูดอะไร

“ถ้าสมมติคนเรานอนวันละสองชั่วโมง เราจะมีเวลาทำอย่างอื่นตั้งยี่สิบสองชั่วโมงนะ ระหว่างนั้น เราสามารถดำน้ำดูปะการัง ให้อาหารปลา แล้วก็วิ่งจากกรุงเทพไปเชียงใหม่ได้ด้วยนะ คุณว่าอย่างนั้นมั้ย”

พูดอะไรอยู่ได้ เพ้อเจ้อหรือไง

“คุณไอศูรย์ ถ้าคุณมีเวลานอนแค่สองชั่วโมง คุณว่าคุณจะพักผ่อนเพียงพอมั้ย ร่างกายจะประท้วงด้วยการเวียนหัวแล้วก็ขอบตาดำหรือเปล่า ทำไมต้องบอกว่ามนุษย์ที่ขอบตาดำเป็นหมีแพนด้าด้วย แล้วที่สำคัญ.........”

กำลังจะพูดอะไรต่อไปอีกยกใหญ่ แต่เมื่อมองไปทางคุณไอศูรย์ก็พบว่า

..................................

“ทำไมต้องใส่หูฟังด้วยวะ”

ไม่พอใจ อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกไม่พอใจ ทำไมถึงทำแบบนั้น ทำไมไม่ฟัง ทำไมถึงได้หนีไปแบบนั้น ทำไมถึงได้.............
ลุกขึ้นจากโซฟาและเดินไปหาคนที่กำลังทำงาน คุณไอศูรย์ทำอะไรวะ

อ่อ แฟ้มเอกสาร สำหรับพิจารณา ทำไมต้องเอากลับมาทำที่บ้านด้วย นี่มันเที่ยงคืนแล้ว ทำไมถึงยังต้องทำงาน ทำไม ทำไม ทำไม ขมวดคิ้วมุ่นและใบหน้าก็เริ่มงอหงิก

“ทำไมคุณต้องทำงานตอนนี้ด้วย ทำไมคุณถึงไม่ไปนอน พรุ่งนี้ที่ไหน ๆ ก็ต้องหยุดกัน คุณเก็บไว้ทำตอนเช้าได้มั้ย”

พูดไปก็เท่านั้น พูดไปอีกฝ่ายก็ไม่ได้ยิน คุณไอศูรย์เงยหน้าขึ้นมามองและเลิกคิ้วขึ้นสูง แต่ไม่มีคำตอบ
เสียงเพลงที่เปิด ดังออกมาข้างนอก

“ผมอยากนอนแล้ว ไปนอนเถอะ ผมง่วงแล้ว”

พูดอะไรไปเรื่อย และคนที่ควรฟังก็ไม่เข้าใจว่าคนที่มายืนอยู่ข้างๆ อยากจะพูดอะไร ไม่เอาหูฟังออก เพราะไม่อยากได้ยินคำพูดเพ้อเจ้อของอีกฝ่าย ไม่ต้องการเอาหูฟังออก เพราะรู้ว่าจุมพล ไม่เหมือนคนอื่น ๆ สองสามครั้งแล้วที่โดนปั่นหัว และครั้งนี้ คุณไอศูรย์ไม่คิดว่าตัวเองควรจะต้องโดนซ้ำอีกเป็นครั้งที่สาม สี่ หรือห้า

มันแย่เกินไป ที่อายุขนาดนี้แล้ว ต้องมาโดนปั่นหัวเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง

“คุณไอศูรย์ ทำไมคุณต้องทำแบบนี้ด้วยวะ ผมง่วงแล้วจริง ๆ ผมไม่อยากละลาบละล้วงเดินเข้าห้องคุณแล้วไปนอนหลับหรอกนะ”

พูดอะไรไม่รู้ แต่บางทีถ้าเกิดว่าอยากรู้ ก็คงต้องถอดหูฟังออก

“คุณไอศูรย์ ช่วยไปนอนกับผมเถอะ”

หูฟังถูกถอดออก พร้อมกับที่จุมพลพูดบางอย่างออกไป

“.....................................”

“นอน......”

อยากจะทวนคำพูดอีกครั้ง และเมื่อจุมพลหันมามองก็อ้าปากค้างกับสิ่งที่ตัวเองพูด

“นอน....กับคุณ....เหรอ”

มันเป็นถ้อยคำที่ชวนให้คิดอะไรไปไกล คนฟังตอนแรกไม่คิด คนพูดก็พูดออกไปแบบไม่คิด แต่พอเริ่มคิดขึ้นมาทั้งสองคน
ความคิดก็ทำให้หัวใจทั้งคนพูดและคนฟัง เต้นรัวไม่เป็นส่ำ

“อ่า ไม่ใช่ ผมหมายถึง นอน ไปนอน นอนหลับแบบนี้”

จุมพลประกบมือเข้าด้วยกัน และแนบไปที่ข้างแก้มของตัวเองเพื่อสื่อสารให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าการนอนหลับแบบนี้ คือนอนยังไง
แต่กิริยาท่าทางแบบนั้น มันน่ามองเกินไป น่ามองจนคนที่ไม่คิดจะมอง ยังต้องเผลอมอง

“ก็ใช่ไง ผมก็หมายถึงนอนแบบนั้น แล้วคุณหมายถึงนอนแบบไหน”

แบบไหนเหรอ ก็ไม่ได้แบบไหน

“ผมก็หมายถึงแบบนี้”

เหรอ หมายถึงแบบนี้เหรอ หมายถึงแบบนี้............. คุณไอศูรย์เลิกคิ้วขึ้นสูง และกำลังหัวเราะออกมาเสียงเบา เมินหน้าหนีไปทางอื่น และเริ่มจะขำไม่หยุด ไม่รู้ว่าขำทำไม แต่ในเวลาเที่ยงคืนแบบนี้ กลับมีเรื่องน่าขำ เรื่องที่ไม่น่าจะขำ แต่ก็ขำ.....

“คุณหัวเราะอะไรของคุณ  แล้วคุณจะไปนอนมั้ยล่ะ”

นอนสิ

“ก็คุณต้องการให้ผมไปนอนกับคุณขนาดนั้น ผมก็คงต้องไปนอนล่ะมั้ง หรือคุณคิดว่าผมจะไม่กล้านอน เชื่อมั้ยตั้งแต่เกิดมา ผมยังไม่เคยถูกผู้ชายชวนไปนอนด้วยเลย คุณนี่คนแรกเลยนะ ผมเลยไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

เหรอครับ

“ผมชวนผู้ชายไปนอนด้วยหลายคนแล้ว”

ตอบกลับไปแบบนิ่ง ๆ และคนที่กำลังหัวเราะก็มีอันชะงักค้างหยุดหัวเราะในทันทีทันใด

“..........คุณ........”

หึ หึ หึ เสร็จกู

“อย่างคุณนี่สเปคผมเลย มีฐานะ หน้าตาดี เยี่ยม นี่แหละใช่เลย”

เฮ่ย ไม่ใช่ม้างงงงงง

“ผมไม่ได้รังเกียจนะ แต่ผมคิดว่าผมไม่ใช่ทางนี้”

ฮ่า ฮ่า ฮ่า

“อ๊า.........ฮึก อุก ฮ่า ฮ่า ฮ่า หน้าคุณแม่งโคตรตลกเลยว่ะคุณไอศูรย์ โคตรจี้เลยว่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

ระเบิดเสียงหัวเราะสนั่นหวั่นไหว และกุมท้องของตัวเองเพราะทำให้ตัวเองหยุดขำไม่ได้
แม่งฮาว่ะ หน้าเหมือนโดนสตั๊นไปสิบวิ อารมณ์เหมือนกุ้งโดนแช่แข็ง โคตรฮาเลยเว้ยเฮ้ยยยย

“คุณตลกมากมั้ย คุณจุมพล”

มากเลยครับ

“สุด ๆ อ่ะ”

ตอบออกไปแบบไม่คิดจะเกรงใจกันซักนิด และคนที่โดนแกล้งก็คล้ายกำลังเสียศูนย์อีกครั้ง ไม่เคยมีใครทำแบบนี้ใส่
ไม่เคยมีใครกล้ากวนประสาท หรือทำเรื่องบ้า ๆ แบบนี้

ทุกคนแค่เพียงเห็นใบหน้าที่นิ่งเฉยของคุณไอศูรย์เจ้าของบริษัทขนส่ง ก็มีอันนิ่งสนิทไม่กล้าพูดอะไรซักราย แต่ไม่ใช่แบบนี้ ยกเว้นไว้เฉพาะคน ๆ นี้ ยกเว้นเฉพาะจุมพลหัวหน้าแผนกจัดซื้อของบริษัทคู่แข่งที่ดูจะทั้งบ้าบอและสติแตกเกินจะทน

“คุณไอศูรย์ไปนอนกับผมเถอะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

เจ้าตัวยังไม่หยุดพูดประโยคประหลาด ที่สามารถแปลความหมายได้สองแง่สองง่าม
และไม่ใช่แค่พูด แต่คนพูดยังใช้สองมือจับแขนของคนที่นั่งอยู่เอาไว้ พยักหน้าสองสามครั้ง เพื่อให้รับรู้ได้จริง ๆว่ากำลังชวนให้ไปนอนด้วยกัน และคุณไอศูรย์ก็ทำได้แค่ปิดคอมพิวเตอร์และปิดแฟ้มเอกสารลง

ส่ายหน้าน้อย ๆ เพราะรู้สึกตัวเองกำลังไร้หนทางในการต่อต้าน เดินเข้าไปในห้องโดยมีคนอีกคนตามเข้ามาด้วย

“คุณจะนอนตรงไหน”

เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายเลือก และจุมพลก็เลือกที่จะลงไปนั่งบนเตียงและขยับเข้าไปด้านในที่ชิดกับผนัง

“ผมนอนด้านในนะ”

ได้ นอนตรงไหนก็นอนไปเถอะ

“เดี๋ยวผมขออาบน้ำก่อนแล้วกัน แล้วจะ..........มานอนด้วย......”

แกล้งเน้นคำไปเพราะต้องการประชด แต่คนที่ถูกประชดดูเหมือนไม่สนใจจะฟังเลยซักนิด

“ผมกำลังประชดคุณอยู่นะ คุณเข้าใจมั้ย”

เข้าใจสิ

“คุณอยากให้ผมประชดคุณกลับเหรอ”

ดึงผ้าห่มมาคลุมแล้วก็หันไปมองคนที่กำลังขมวดคิ้วมุ่นเพราะไม่พอใจกับคำตอบที่จุมพลตอบ

“คุณน่าจะรู้สึกอะไรบ้างสิ ไม่ใช่มาถามผมกลับแบบนี้”

อ้าว ก็แล้วทำไมไม่บอกล่ะว่าอยากให้รู้สึกยังไง

“ผมไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย นอกจากง่วงนอน”

น่าโมโหชะมัด ยิ่งฟังคำตอบแบบนี้ ยิ่งชักจะไปกันใหญ่ คุณไอศูรย์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ และตัดสินใจจบปัญหาด้วยการเดินไปหยิบผ้าขนหนูแล้วเตรียมเดินเข้าห้องน้ำ ปวดประสาท ขืนต่อปากต่อคำกับคนแบบนี้ มีแต่จะปวดประสาท ได้แต่ส่ายหน้าด้วยความหงุดหงิด เพราะอารมณ์เริ่มครุกรุ่นขึ้นมาเล็ก ๆ จุมพลคนนี้เป็นคนยังไง เจ้าตัวเคยรู้บ้างมั้ย ว่ากำลังปั่นหัวคนอื่นอยู่ อยากรู้นักว่าสนุกมากมั้ยเวลาทำแบบนี้ ชอบมั้ยเวลาที่มีคนหัวหมุนแบบนี้

“คุณไอศูรย์ครับ.....”

อะไรอีก

หันไปตามเสียงเรียก และคนที่นอนอยู่ก็ลุกขึ้นนั่ง และเริ่มขยับมานอนอีกฝั่งที่ไม่ใช่ด้านที่ติดกับผนัง

“ผมตัดสินใจแล้ว ผมนอนข้างนอกดีกว่า”

แล้วไง แล้วยังไงอีก นอนข้างนอกแล้วยังไง

“ถ้าคุณไอศูรย์อาบน้ำเสร็จแล้ว และเห็นผมหลับอยู่คุณไอศูรย์ไม่ต้องปลุกผมนะ”

แล้วยังไง

“ผมไม่ปลุกคุณขึ้นมากวนประสาทผมหรอกน่า”

หงุดหงิดกับคำพูดคำจาที่ฟังแล้วชวนให้ปวดหัว และคนที่ถูกทำแบบนั้นก็ส่งยิ้มให้คนที่ยืนหน้านิ่ง และยังขมวดคิ้วมุ่นไม่เลิก

“.........................”

“ลูกอมรสผลไม้อร่อยมากครับ ขอบคุณมากครับคุณไอศูรย์”

พูดแค่นั้นและคนพูดก็ลงไปนอนเรียบร้อย ดึงผ้าห่มมาคลุมจนถึงอกและหลับตาลงโดยไม่สนใจว่าจะมีใครอีกคนยืนอึ้งอยู่และอยากจะกระโดดบีบคอคนพูดซะให้รู้แล้วรู้รอด

......... จุมพลหัวหน้าแผนกจัดซื้อของบริษัทคู่แข่ง........ งานอดิเรกของคุณ คือการปั่นหัวคนที่อยู่รอบข้างหรือไง....


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 48-49
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 20-05-2014 20:12:24
จุมพลไม่ธรรมดาเลยว่ะ มันไม่ใช่อย่างที่เห็น
แต่ไอศูรย์เอง ถึงตอนนี้จะยังไม่เห็นอะไรมาก
แต่ก็คงไม่ธรรมดาเหมือนกัน เป็นถึงเจ้าของบริษัทนี่เนอะ

อ่านไปใจก็ตุ๊มๆต่อมๆ เพราะคนโพสบอกว่าทั่นเท็นยังแต่งไม่จบ T_T
ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไป ^^


ที่จริงคู่นี้จะเรียกว่าจบก็ได้  แต่มันแค่อาจจะไม่สมบูรณ์ที่สุดแค่นั้นเอง
อ่านไปถึงตอนสุดท้ายมันก็เหมือนเป็นตอนจบได้ ไม่ได้ตัดบทหยุดไปดื้อ ๆ จ่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 20-05-2014 20:37:38
แสบอ้ะจุมพล
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-05-2014 20:41:32
อยากจะปวดหัวแทนคุณไอศูรย์ผิดคนจริงๆ เจออย่างเข้าไปคงไม่ใช่ธรรมดา
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 20-05-2014 20:48:29
นึกว่าจะมีอะไร
กวนประสาทจริงๆนั่นละ ปวดหัวแทน เดาอารมณ์ไม่ได้เลย จะจริงจะเล่นจะหลอกจะวกวนแบบไหน
สงสารไอศูรย์เล็กๆ
จะลงเอยกันยังไงเอ่ย  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 20-05-2014 21:02:47
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/19/256IqDzo.jpg)
เรื่องของหัวหน้าแผนกจัดซื้อ ไอศูรย์-จุมพล ตอน เมื่อจุมพลเสียศูนย์

คุณไอศูรย์มาส่งที่บ้านในเวลาแปดโมงเช้า

ทั้งที่ยังรู้สึกมึน ๆ เมา ๆ กับยาแก้แพ้อยู่แท้ ๆ แต่ก็ต้องรีบกลับมา มันคงจะแปลกน่าดูที่ไปอาศัยกับคนที่แค่รู้จักกันเป็นวัน ๆ
โดยที่คุณไอศูรย์เองก็ดูท่าจะไม่ได้เต็มใจให้ไปค้างด้วยซักเท่าไหร่ รีบกลับบ้านตัวเองนั่นแหละดีแล้ว

จุมพลเดินเข้าบ้าน โดยไม่ลืมจะเชิญคนที่มาส่งเข้ามาด้วย เชิญตามมารยาท และอีกฝ่ายก็เข้ามาตามมารยาท
กาแฟซักแก้ว ก็คงเป็นหน้าที่ที่ต้องหาให้กับแขกที่มาเยี่ยมบ้าน

ก็เท่านั้น.............

แต่ยังไม่ทันก้าวเข้าประตูบ้าน แค่เปิดประตูก็โดนหมอนปาอัดเข้าใส่หน้าแบบเต็ม ๆ ไม่ต้องเดาก็พอรู้ว่าใคร

“พี่จุ้ม......ไปไหนมา”

น้ำเสียงของเธอฟังดูก็รู้เกรี้ยวกราด ไม่ต่างจากที่แล้ว ๆ มา

“หญิงโทรหาพี่กี่สายทำไมพี่ไม่รับ พี่คิดจะทิ้งหญิงใช่มั้ย พี่คิดจะเลิกกับหญิงใช่มั้ย พี่อย่านึกว่าจะทำแบบนี้กับหญิงได้ง่าย ๆ หญิงบอกแล้วถ้าเราไม่ตายจากกันก็อย่าหวังว่าหญิงจะยอมปล่อยพี่ไป”

เสียงตะโกนด่าทอของเธอดังลั่นบ้าน และคนที่เดินเข้ามาด้วย ก็มีอันต้องยืนนิ่ง สถานการณ์แบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะยุ่งเกี่ยวด้วย

“ผมว่าวันนี้ผมคงต้องขอตัวกลับก่อน”

ไม่อยากยุ่งเรื่องผัว ๆ เมีย ๆ และจุมพลที่ยืนนิ่งอยู่ ก็พยักหน้ารับ มันก็จริง วันนี้คงไม่เหมาะซะแล้ว คุณไอศูรย์กำลังจะหันหลังกลับ และเธอก็หันมาเล่นงานคนที่มาส่งจุมพลแทน

“แกใช่มั้ย แกอยากได้มากนักใช่มั้ย เอาไปกกที่ไหนกันมาล่ะ”

แบบนี้มันเกินไป

“หญิง พอเถอะ พี่อายเค้า คุณไอศูรย์เป็นเจ้าของบริษัทที่เป็นลูกค้า”

บอกออกไปอย่างอ่อนใจ แต่เธอไม่ยอมหยุด

“พี่จุ้มอย่าคิดว่าจะหลอกหญิงได้ ทำไมพี่จุ้มทำแบบนี้กับหญิง ทำไมพี่จุ้มทำแบบนี้”

ไม่ใช่แค่เกรี้ยวกราด แต่เธอยังกระโจนเข้าหาจุมพล และตบตีคนที่ยืนอยู่อย่างบ้าคลั่ง

“พี่จุ้มไม่มีวันทิ้งหญิงได้หรอก พี่จุ้มไม่มีทางทำได้หรอก พี่จุ้มไม่มีวัน ไม่มีวัน”

เธอเหมือนคนคลุ้มคลั่ง แค่ไม่รับสายเธอไม่ถึงวัน เธอก็อาละวาด ไม่ใช่แค่ตบตี แต่สองมือเล็ก ๆ ของเธอยังกระหน่ำทุบคนตรงหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย

“เฮ้ย คุณ มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ”

ไม่ได้อยากยุ่งเรื่องชาวบ้าน แต่ถ้าถึงขนาดไล่ทุบตบตี จนอีกฝ่ายเซถลาแล้วเธอก็ยังไม่หยุดแบบนี้มันก็เกินไป
คุณไอศูรย์ไม่รู้ว่าปัญหาพวกนี้มันเกิดจากอะไร ใช่ที่เป็นเรื่องผัวเมีย แต่ปกติที่เคยเห็นมา มีแต่ผู้ชายทำร้ายผู้หญิง แต่นี่ผู้หญิงกระโจนเข้าทำร้ายผู้ชายอย่างบ้าคลั่ง แล้วผู้ชายก็ยืนบื้อให้ทำอยู่ได้ ไม่มีการป้องกันตัวเลยซักนิด

เหตุผลไม่มีเลยหรือไง ทำไมไม่คุยกันดี ๆ

“คุยกันดี ๆ ก็ได้คุณ แฟนคุณเข้าบ้านไม่ได้ เขาเลยไปค้างกับผม ทำไมคุณไม่อธิบายไปคุณจุมพล”

เธอไม่เคยเชื่อ จะให้อธิบายทำไม

“อ๋อออออออ นี่ไปค้างด้วยกันมาแล้วใช่มั้ย หึ ไปค้างด้วยกันมาแล้ว พี่จุ้มทำแบบนี้กับหญิงใช่มั้ย พี่จุ้มทำแบบนี้กับหญิงอีกแล้ว ฮืออออออออ พี่จุ้ม ทำแบบนี้กับหญิงได้ยังไง หญิงจะฆ่าพี่จุ้ม หญิงจะฆ่าพี่จุ้ม ฮืออออออออ”

เธอเหมือนคนสติแตก เธอเหมือนคนบ้า ทำไมผู้หญิงคนนี้เป็นได้ถึงขนาดนี้ ที่น่าแปลกกว่านั้น จุมพลไม่อธิบายอะไรเลย ปล่อยให้เธอทำร้ายได้ตามใจชอบทั้งทุบทั้งหยิกทั้งข่วนสารพัด ทำไมถึงไม่อธิบาย

ทำไม.............

“ผมขอโทษด้วยแล้วกันคุณไอศูรย์ที่ทำให้คุณต้องมาเจอเรื่องแบบนี้....ยังไงผม.....”

รู้ว่าคงไม่ใช่เรื่องที่จะเข้าไปยุ่งด้วย คุณไอศูรย์ก็เลยได้แต่มอง ผู้หญิงบ้าคลั่ง กับผู้ชายสติแตก ที่ยืนนิ่งให้ผู้หญิงคนนั้นทุบตี
มันเรื่องอะไรไม่รู้ แต่ที่รู้ ๆ มันไม่ใช่เรื่องที่ควรรับรู้ พยักหน้ารับและก็ก้าวขาเดินออกจากบ้านของจุมพล

ส่ายหน้ากับปัญหาครอบครัวที่ไม่ควรได้พบได้เห็น ผมไม่รู้หรอกนะว่าปัญหาครอบครัวของคุณคืออะไร และมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมควรจะยุ่งด้วย

ไม่อยากยุ่ง แต่ก็ต้องรีบหันกลับมาเพราะเสียงร้องดังลั่นของคนที่อยู่ในบ้าน

“หญิง อย่า หญิง อย่าทำพี่  หญิง  โอ้ยยยยยยยย”

เสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ทำให้คุณไอศูรย์ต้องกลับไปและรีบเขย่าประตูแต่ก็เปิดไม่ได้แล้ว
มองลอดเข้าไปทางหน้าต่างที่พอมองเห็นได้ ผู้หญิงคนนั้นกำลังเป็นบ้า และเธอถือมีดปลายแหลมไว้ในมือ

คนที่ถอยหนีคือจุมพล มันถึงขนาดนี้เลยเหรอ มันต้องถึงขนาดฆ่าแกงกันเลยเหรอ

รีบถีบประตูเข้าไปและเป้าหมายของเธอก็เปลี่ยนเป็นคนที่เข้ามาช่วย เธอพุ่งตัวเข้ามาพร้อมมีดปลายแหลมในมือ และคุณไอศูรย์ก็ต้องรีบกระโดดหลบ ไม่อยากทำร้ายผู้หญิง แต่วินาทีนั้น สิ่งที่ทำได้คืออย่าให้เธอเข้าหาตัวได้ และรีบกระโจนไปกระชากแขนคนที่ยืนตะลึงทำอะไรไม่ถูก ให้รีบวิ่งออกจากบ้านให้เร็วที่สุด

“ไปเร็ว วิ่ง ผู้หญิงคนนั้นบ้าไปแล้ว เร็ว”

วิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว โดยมีจุมพลตามออกมาด้วย เลือดสด ๆ ยังไหลเป็นทาง และทั้งจุมพลและคุณไอศูรย์ก็รีบขึ้นรถบึ่งออกมาอย่างรวดเร็ว เหตุการณ์ระทึก เกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็ว จุมพลกุมไหล่ของตัวเองเอาไว้ และเลือดยังคงหยดเป็นทาง

“เอาเสื้อผมที่อยู่ข้างหลังพันไว้ก่อน”

บอกให้คนที่เลือดไหลไม่หยุดดึงเสื้อที่แขวนอยู่ที่ไม้แขวนเสื้อหลังรถมาพัน และจุมพลก็รีบทำตามที่อีกฝ่ายบอก

มีดปลายแหลมเฉียดหน้าไปนิดเดียว และข้างแก้มก็เป็นรอยมีดที่เธอพุ่งเข้าใส่ ถ้าหลบไม่ทันจุมพลไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง
และเมื่อเธอพยายามจ้วงแทงมาอีกครั้ง คราวนี้เลยพลาดไปโดนที่ไหล่แทน

คุณไอศูรย์บึ่งรถไปที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด และเมื่อรถจอดก็รีบลงจากรถมาช่วยประคองคนที่เลือดไหลไม่หยุดให้ลงจากรถ
พาเข้าไปในโรงพยาบาลและเมื่อเจ้าหน้าที่เห็นก็รีบมารับตัวจุมพลเข้าไปในแผนกฉุกเฉินทันที

“คุณไอศูรย์”

ได้ยินเสียงเรียกของคนที่มีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด และเมื่อรถเข็นพาจุมพลเข้าไปในห้องฉุกเฉิน สายตาคู่นั้นก็มองแต่หน้าของคุณไอศูรย์คนเดียว มอง.....ด้วยความกังวลใจ

คำพูดสุดท้ายก่อนที่ประตูห้องฉุกเฉินจะปิดลง คือคำพูดของคุณไอศูรย์ที่จุมพลพอจะอ่านปากได้

“ผมอยู่นี่.......ไม่เป็นไรนะ”

มองและพอจะรู้ว่าคุณไอศูรย์พูดอะไร จุมพลพยักหน้ารับ อาการตื่นกลัวคลายลงได้อย่างน่าประหลาด

จนกระทั่งประตูห้องฉุกเฉินปิดลง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 20-05-2014 21:03:15
“แผลไม่ลึกเท่าไหร่นะครับ เฉียด ๆ แต่ระหว่างนี้อย่าให้แผลโดนน้ำแล้วกันนะครับ หมอว่าญาติควรไปแจ้งความด้วยนะครับ”

คุณไอศูรย์นั่งฟังสิ่งที่หมออธิบาย เย็บแผลไม่กี่เข็ม และไม่มีอันตรายถึงแก่ชีวิต หมออนุญาตให้กลับบ้านได้ และเมื่อจ่ายค่ายาเรียบร้อย จุมพลที่ใบหน้ายังคงซีดเผือดเพราะตกใจกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นก็เดินตามออกมาเงียบ ๆ

ทุกอย่างเกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็ว

“คุณคงกลับบ้านไม่ได้แล้วล่ะ ผมจะพาคุณไปแจ้งความ”

ไม่รู้ว่ามันเรื่องอะไร การทะเลาะกันระหว่างผัวเมีย มันไม่น่าจะถึงขนาดนี้ นี่เล่นจะฆ่ากันให้ตายไปเลย ปัญหาครอบครัวของจุมพลคงจะหนักหนาไม่เบา  แต่จะให้คาดคั้นให้อีกฝ่ายเล่าออกมา มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรเข้าไปวุ่นวายด้วย

“ผมคงไม่แจ้ง”

คุณไอศูรย์รีบหันไปมองหน้าของคนที่พูดคำพูดบางอย่างออกมา

ทำไม……. นี่จะโดนฆ่าตายอยู่แล้ว ยังไม่แจ้งอีกเหรอ

“คุณบ้าไปแล้วหรือไง ผู้หญิงคนนั้นจะฆ่าคุณนะ”

ใช่ ผมรู้ แต่คงไม่แจ้ง.....

“ช่างมันเถอะ”

ตอบแบบนี้ได้ยังไง ตอบแบบนี้ออกมาได้ยังไง

“ผมจะกลับบ้านแล้ว”

ไม่ใช่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ควรได้ยิน

“กลับไปให้ผู้หญิงคนนั้นฆ่าคุณหรือไง คุณบ้าไปแล้วหรือไงวะ”

คุณไอศูรย์ขมวดคิ้วมุ่น และเริ่มรู้สึกหงุดหงิดโมโหขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“ตายซะก็ดี จะได้จบ ๆ”

จบบ้าจบบออะไร จบอะไรของคุณ บ้าไปแล้วหรือไง

“ผมไม่ให้กลับ”

ตะคอกใส่หน้าของคนที่พูดจาบ้าบอ และจุมพลก็ขมวดคิ้วมุ่น และเงยหน้าขึ้นมองคนที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ใด ๆ กันทั้งสิ้น

ไม่ได้เป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นญาติ ไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้น แค่คนรู้จักก็ไม่ใช่ เป็นแค่คนที่ซื้อขายของกันแค่สองล็อต และก็เป็นการซื้อขายที่คุณไอศูรย์ไม่เต็มใจด้วยซ้ำ

“แล้วคุณจะให้ผมไปอยู่ไหน คนที่ต้องเดือดร้อนคนถัด ๆ ไปก็คือเพื่อนผม ญาติผม หรือใครก็ตามที่ผมไปอยู่ด้วย เธอไม่เลิกหรอก ยิ่งเห็นผมออกมาได้แบบนี้ เธอคงไปตามรังควาญที่บ้านเพื่อน ๆ บ้านคนรู้จักของผม คนอื่นมีแต่จะเดือดร้อน ถ้าผมไม่กลับไป”

ก็ช่าง

“ผมไม่ใช่ญาติคุณ ไม่ใช่เพื่อนคุณ และผมมั่นใจมากว่าอย่างเธอไม่มีปัญญามายุ่งวุ่นวายกับผมได้”

ชะงักค้างกับคำพูดของคุณไอศูรย์ที่พูดและมองตรงมาด้วยท่าทีนิ่งสงบที่สุด

“...............”

“คุกกี้ ลูกอม ยาแก้แพ้ ของที่คุณจำเป็นต้องใช้มีอะไรอีก”

ไม่มี

จุมพลส่ายหน้าและถอนหายใจออกมายาว ๆ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปได้อีก ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจริง ๆ แต่ก็ไม่เกินจากสิ่งที่คิดซักเท่าไหร่ จะโทษเธอก็ไม่ถูกหรอก

ถ้าจะผิดมันก็ผิดที่ทางนี้เอง ที่เคยทำเรื่องเลว ๆ กับเธอเอาไว้ เรื่องที่ไม่เคยบอกให้ใครรู้
เรื่องที่จนถึงวันนี้ จุมพลก็รู้ว่าไม่มีอะไรที่จะสามารถไถ่โทษให้กับเธอได้จริง ๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 20-05-2014 21:03:40
“นอนกับผมมั้ย”

หมายความว่ายังไง โดนตั้งคำถามแบบนั้น เป็นใครก็ต้องสงสัย หมายความว่ายังไง นอนด้วยที่ว่า
แบบความหมายเดิม ๆ อย่างนั้นเหรอ

“คุณเป็นอะไรของคุณ เพี้ยนไปแล้วหรือไง”

ไม่อยากจะตอบกลับแบบนั้น แต่สีหน้าและแววตาของคนที่มาพูดประโยคนี้ใส่ มันทำให้โมโห น่าหงุดหงิดน่าโมโห

“ลองนอนด้วยกันดูมั้ย”

คราวนี้คนที่ถูกตั้งคำถามแบบนั้น รีบหันมามองหน้าของอีกฝ่ายทันที หมายความว่ายังไง นอนที่ว่า คงไม่ใช่แค่นอนอย่างที่เคยพูดกัน นอนหลับ........คงไม่ใช่ แต่น่าจะเป็น.......หลับนอนซะมากกว่า

“บ้าไปแล้วหรือไง”

นั่นสิ

“อือ”

พยักหน้ารับ และจุมพลก็เดินกลับไปนั่งที่โซฟา อาการเสียศูนย์แบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องปกติ ใช่ที่วันนี้เกิดเหตุการณ์ระทึกขึ้น แต่เหตุการณ์แค่นี้ มันไม่น่าจะทำให้จุมพลที่มีความสามารถในการปั่นหัวคน ต้องมีสภาพเหมือนคนไร้วิญญาณแบบนี้

เกิดอะไรขึ้น ที่จริงแล้ว มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน และเดินมานั่งข้าง ๆ คนที่นั่งนิ่งอยู่ที่โซฟา
มองหน้าของจุมพลด้วยความสงสัย และฝ่ายนั้นก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมามอง

ดวงตาเลื่อนลอยแปลก ๆ มันแปลกจนเกินไป และเมื่อกำลังอ้าปากจะถาม คนที่นั่งอยู่ก็ขยับกายเข้ามาหา ขยับเข้ามาใกล้
ขยับเข้ามาใกล้อีกทีละนิด และสองแขนของจุมพลก็โอบรัดรอบคอของคุณไอศูรย์เอาไว้

ริมฝีปากร้อน ๆ แนบลงมาที่ริมฝีปากของคนที่เกิดอาการนิ่งงันกับสิ่งที่อีกฝ่ายจู่โจมแบบกะทันหัน ดวงตาคมยังคงเบิกกว้าง
ในสมองกำลังสับสนกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำ และเมื่อคุณไอศูรย์คิดจะผลักไสให้อีกฝ่ายออกห่าง มือของจุมพลก็ลากไล้เรื่อยลงมาจนถึงหว่างขา และแตะฝ่ามือลูบไล้สัมผัสอย่างรุนแรง แม้อยากผลักไสก็ทำไม่ได้ ความรู้สึกแปลก ๆ ไหลบ่าเข้ามาอย่างรวดเร็ว

ร่างกายตื่นตัวขึ้น เพราะสัมผัสแปลกใหม่ ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีอะไรกับใคร แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันชวนให้รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก คุณไอศูรย์ไม่เคยคิดว่าจะมีอะไรกับผู้ชายด้วยกัน ไม่เคยคิดเลยเลยซักครั้ง

แต่เพราะอารมณ์พาไป หรือเพราะอะไรก็ไม่สามารถอธิบายได้ จากแค่จูบ จากแค่ลูบไล้ จากแค่สัมผัสกัน สุดท้ายเตลิดไปไกล ชนิดที่ควบคุมไม่อยู่ คนสองคนที่เป็นแค่คนรู้จักกัน มีความสัมพันธ์ทางกายต่อกันโดยไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

มีสาเหตุมาจากอะไร

เพราะเผลอ เพราะไร้สติ จะเพราะอะไรก็ช่าง
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว....ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางที่จะย้อนเวลากลับมาแก้ไขอะไรได้


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 20-05-2014 21:04:05
เข้ามาลุ้นๆ :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 20-05-2014 21:04:56
 :z3:    คุณไอ  คงอยากจะเอาหัวโขกกำแพงแบบนี้  :laugh:   ส่วนน้องจุ้ม คงจะทำท่าประมาณนี้  :m20:   


ช่างเกินจะรับมือไหวจริงๆ น้องจุ้ม
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: nakozades ที่ 20-05-2014 21:17:40
คนแต่งเก่งมากเลย หลากคู่หลากอารมผณ์จริงๆ ไม่ซ้ำกันเลย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 20-05-2014 22:01:31
ง่ะะะ ค้างงงงงง  :ling1:

ได้มาต่ออีกสักนิดเถอะค่ะ นะ ๆ  :mew6:

หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: dorazombie ที่ 20-05-2014 22:02:05
ต่อจากคู่นี้ก็ "เกรท-เจี๊ยบ" นะคะ เอาให้ครบ อย่าได้น้อยหน้าแผนกขนส่ง อันนั้นเค้าชายรักชายกันทั้งแผนกเลยอ่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 20-05-2014 22:12:50
พี่จุ้มสู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 20-05-2014 22:27:34
 :mew5: เออ.. เดี๋ยวนะ อีบ้านี้มันเห้ อัลไลลลล
โรคจิตแน่ๆ อย่างนี้น่ากลัว :ling3:
แล้วมิสเตอร์มึนก็นะ ยืนนิ่งให้มันมาเสียบอยู่ได้เป็นพ่อจะล่อก้านคอให้เดะๆ(อิน)
หวังว่าตอนหน้าคงมีได้เสียกันนะ จบตอนนี้ ก็จูบลูบไล้กันไปแล้วนิ :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 20-05-2014 22:32:55
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/19/256IqDzo.jpg)
เรื่องของหัวหน้าแผนกจัดซื้อ ไอศูรย์-จุมพล ตอน สิ่งที่อยู่ในใจจุมพล

มันเป็นเพราะอารมณ์พาไป ไม่มีคำอธิบายอะไรอีกนอกจากอารมณ์พาไป ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และจบลงอย่างรวดเร็ว
จุมพลนอนมองนาฬิกาที่เข็มยาวกำลังขยับอย่างช้า ๆ จากหนึ่งนาทีเป็นสองนาที เป็นสามนาที สี่และห้านาทีในเวลาต่อมา
มองนิ่ง ๆ อยู่แบบนั้น และคนที่นอนหันหลังอยู่อีกฝั่งก็กำลังขมวดคิ้วมุ่น ทุกอย่างดูเงียบงัน ความสัมพันธ์ทางกายจบลงแล้ว
และต่างฝ่ายต่างเพิ่งมาคิดทบทวนกับสิ่งที่เพิ่งทำลงไป ผ่านไปครึ่งชั่วโมงทุกอย่างก็ยังเงียบ

และคนที่คล้ายจะทนไม่ไหวก็คือคุณไอศูรย์ที่ขยับกายลุกขึ้นนั่งและมองไปที่คนที่นอนหันหลังให้

แผ่นหลังขาวปรากฏให้เห็นชัด จุมพลไม่ได้ห่มผ้า ร่างกายเปลือยเปล่าที่ปรากฏให้เห็นชัด มองยังไงก็คือร่างกายของผู้ชาย
แต่สิ่งที่มีมากกว่าที่เห็น คือร่องรอยตามตัวที่มีทั้งรอยเก่าและรอยใหม่ รอยขีดข่วนจำนวนมาก รอยช้ำ และรอยอะไรก็ไม่รู้ ที่ไม่มีที่มาที่ไป คุณไอศูรย์มั่นใจ ร่องรอยเหล่านั้นไม่ใช่ฝีมือของตัวเองแน่ ๆ แต่น่าจะเกิดจากผู้หญิงบ้าคลั่งคนนั้น

“คุณชอบความรุนแรงหรือไงคุณจุมพล”

คำถามเรียบเรื่อยจากปากของคนที่กำลังขมวดคิ้วมุ่น ทำให้จุมพลต้องหันมามอง ดวงตายังคงเลื่อนลอย และก็หันกลับไป ไม่ได้ตอบคำถามอะไรอีก

“....................”

สิ่งที่เห็นมันยิ่งทำให้คุณไอศูรย์รู้สึกโมโห หยดเลือดที่เริ่มซึมออกมาจากผ้าก๊อซสีขาวที่พันอยู่ที่ไหล่ของจุมพล ทำให้คนที่มองยิ่งเริ่มรู้สึกหงุดหงิดกับปฏิกิริยาที่อีกฝ่ายทำ

“คุณถนัดที่จะปั่นหัวคนอื่นแบบนี้ตลอดหรือไง”

ไม่ได้ถนัด บางครั้งไม่ได้คิดจะทำ แต่มันเป็นของมันเอง พี่เกรทแล้วก็พี่ตาลบอกอยู่บ่อย ๆ สงสัยเรื่องที่พวกพี่ ๆ พูดคงจะเป็นเรื่องจริง ก็ขนาดคุณไอศูรย์ยังคิดแบบนั้นเลย

“.......เปล่า.........”

คำตอบที่เหมือนไม่อยากตอบนั่นมันยิ่งสร้างความหงุดหงิดโมโหให้กับคนฟังไม่น้อย นี่คิดจะกวนประสาทกันไปถึงไหน
คิดจะทำอะไรกันแน่

“คุณชอบผู้ชายด้วยกันใช่มั้ย”

คำถามง่าย ๆ ที่อยากจะรู้ รู้เพื่อให้ตัวเองสบายใจว่าที่ถูกชักจูงให้ทำเรื่องโง่ ๆ เป็นเพราะอีกฝ่ายมีความชื่นชอบในเพศเดียวกัน ตัวเองจะได้ไม่รู้สึกผิด และจะได้บอกตัวเองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก็แค่อารมณ์พาไปของผู้ชายที่ห่างเรื่องแบบนี้มานาน

“........ผมไม่ได้ชอบ........”

ไม่ได้ชอบ ตอบมาได้ยังไงว่าไม่ได้ชอบ แล้วไอ้ที่เพิ่งทำลงไปด้วยกันนั่นเรียกว่าอะไร

“คุณจุมพล”

ขึ้นเสียงใส่อีกฝ่ายด้วยความโมโห และนึกอยากกระชากไหล่ของคนที่ทำเป็นเมินเฉยให้หันมาคุยกันตรงๆ

“คุณทำอะไรของคุณอยู่ คุณเล่นอะไร คุณเป็นอะไร”

เปล่า ไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้เล่น ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น

“ผมแค่อยากรู้.........ถ้าผมทำแบบนี้แล้วมันจะเป็นยังไง”

เป็นยังไง เป็นยังไงที่ว่า มันหมายความว่ายังไง

“คุณลุกขึ้นมาคุยกับผมเดี๋ยวนี้”

ทำไมต้องคุย มีอะไรต้องคุย ไม่อยากคุย จุมพลหลับตาลงและกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ก้อนอะไรแข็ง ๆ คล้ายติดอยู่ที่ลำคอ ไม่อยากจะพูด ไม่อยากจะคุย ไม่อยากจะทำอะไรทั้งนั้น อยากจะตะคอกอยากจะตะโกนอะไรก็เอาเถอะ
ไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว ท่าทีนิ่งเฉยแบบนั้นมันยิ่งกว่าน่าโมโห คนที่กำลังจะเป็นบ้าคือคุณไอศูรย์ที่ไม่เคยมีใครมาทำแบบนี้ใส่ แบบนี้มันเกินไป แบบนี้มันยิ่งกว่าเกินไป

ยื่นมือเข้าไปหา และกำลังจะกระชากไหล่ของคนที่นอนอยู่ให้หันมาหาและคุยกันให้รู้เรื่อง แต่ไม่ทันได้ทำ จุมพลก็ค่อย ๆ ขยับกายลุกขึ้นนั่งอย่างช้า ๆ และก้าวขาลงจากเตียงไปหยิบเสื้อผ้าที่หล่นอยู่ที่พื้นห้อง
ลุกขึ้นแต่งตัวต่อหน้าคุณไอศูรย์ที่กำลังนิ่งมองด้วยความ งงงัน

“คุณจะไปไหน”

คำถามคล้ายไม่ได้เข้าไปในหูของคนที่ถูกถาม
จุมพลเพียงแค่หันมามองหน้าของคุณไอศูรย์แว่บเดียวและก็กำลังจะก้าวขาออกจากห้องในสภาพทุลักทุเลเต็มทน

น่าโมโห แบบนี้มันยิ่งกว่าน่าโมโห ใครจะไปทนได้ ไม่เคยมีใครมาทำแบบนี้ใส่ ไม่เคยมีใครมาทำให้รู้สึกหงุดหงิดและโมโหได้ขนาดนี้ ความอดทนมีอันสิ้นสุด พอกันทีกับการถูกปั่นหัว ลุกขึ้นกระชากแขนของคนที่กำลังจะเดินออกจากห้องให้ล้มลงมาบนเตียง กดข้อมือทั้งสองข้างของคนที่ดิ้นรนหนีเอาไว้

“ตอบ”

บังคับให้พูด และจุมพลก็หยุดการขัดขืนทันที จ้องมองไปที่ดวงตาของคุณไอศูรย์อย่างไม่กลัวเกรง
และคนที่เป็นฝ่ายต้องยอมคลายมือกลับกลายเป็นคนที่กระชากให้ล้มลงมาซะเอง

“ตอบอะไร”

ตอบอะไรก็ได้ อย่างที่ผมถาม

“คุณชอบผู้ชายด้วยกันหรือไง ไม่อย่างนั้นคุณทำเรื่องแบบนี้ง่าย ๆ ได้ยังไง”

แล้วทำไมต้องทำให้ยากด้วย

“ก็แฟนผม มันชอบหาว่าผมมั่วไม่เลือก กับรุ่นน้องยังตามด่าจนมันเตลิด แทบไม่กล้าคบกับผมแล้วมั้ง”

นี่มันไม่ใช่เหตุผล

“ประชด.........นี่คุณทำแบบนี้ เพราะอยากประชดแฟนคุณเหรอ คุณนี่มัน.........ฮึ่ยยยยย”

นึกอยากบีบคอคนที่พูดอะไรบางอย่างออกมาได้หน้าตาเฉย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากกระหน่ำกำปั้นไปที่หมอน

“ถ้าผมกลับไปใช่ป่ะ คราวนี้แหละที่เธอด่าไว้ก็เป็นจริงแล้ว ถ้าเธอฆ่าผมตาย เพราะผมแม่งเลว นอกกายนอกใจเธอ มันก็สมเหตุสมผล คุณว่างั้นมั้ย”

ไม่

“นี่ยังจะกลับไปอีกจริง ๆ หรือไง”

ตะคอกถาม และจุมพลก็อมยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก รอยยิ้มที่คล้ายเยาะหยันตัวเอง รอยยิ้มที่คล้ายจะสะใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“ผมไม่นึกนะว่าแฟนผมเขาจะแค้นผมขนาดนี้ แต่ตอนนี้รู้แล้ว เขาคงอยากฆ่าผมมานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาส วันนี้แค่ผมบอกว่า........ถ้าเกลียดกันขนาดนี้ งั้นไปลงนรกพร้อมกันเลยมั้ย หญิงก็วิ่งไปเอามีดมาแทงผมเลย........โคตรสะใจ”

สะใจ สะใจเนี่ยนะ บ้า ใครกันแน่ที่บ้า ใครกันแน่ที่ประสาท ผู้หญิงคนนั้นหรือคนที่นอนยิ้มอยู่ตรงนี้

“คุณจุมพล”

อยากจะเป็นบ้า ตะคอกอีกฝ่ายเสียงดังลั่นและจุมพลก็ลุกขึ้นนั่งและผลักให้คนที่คร่อมทับออกห่าง
สะบัดหนี ไม่ว่าจะถูกดึงหรือรั้งไว้กี่ครั้งก็สะบัดร่างกายหนี

ยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่นาน แรงถึงขนาดที่คุณไอศูรย์ต้องล็อคแขนของจุมพลเอาไว้และกดให้ใบหน้าแนบลงกับหมอน แม้ว่าอีกฝ่ายจะดิ้นรนขนาดไหน ก็ไม่ยอมปล่อย

“ปล่อยผม ปล่อยยยยยยยยย แม่งเอ้ยยยยยยยยย ผมแม่งเหี้ย ปล่อยเหอะ เรื่องนี้จะได้จบ ๆ ไปซะ ปล่อยโว้ยยยย”

ใครจะปล่อย ปล่อยไปก็ไปให้โดนฆ่าทิ้ง

“อยากตายขนาดนั้นเลยหรือไง ถ้าอยากตายขนาดนั้น หน้าต่างชั้นยี่สิบก็กระโดดลงไปตายได้ ไม่ต้องไปให้ผู้หญิงคนนั้นฆ่าทิ้งหรอก เป็นบาปเป็นกรรมกับคนอื่นซะเปล่า ๆ เข้าใจมั้ยวะ”

เข้าใจ........มั้ย...........วะ

ใช่........

หน้าต่างชั้นยี่สิบก็ทำให้ตายได้ งั้นก็ตายแม่งเลยเป็นไง

“เออ งั้นปล่อยสิโว้ยยยยยยย จะตายให้ดูตอนนี้แหละ ปล่อยโว้ยยยยย แม่ง ไม่ไหวแล้วโว้ยยยย กูไม่ไหวแล้วนะโว้ยยย สัดเอ้ยยยย”

จุมพลยังร้องโวยวายและดิ้นรนไม่เลิก ส่วนคนที่กดเอาไว้ ก็รู้สึกว่ากำลังโมโหกับคนที่คิดและกำลังจะทำอะไรโง่ ๆ

“แต่อย่ามาตายที่นี่เข้าใจมั้ย อย่ามาทำให้ผมเดือดร้อน”

แล้วจุมพลที่โดนตะคอกก็หยุดนิ่งทันที หยุดนิ่ง ไม่ได้ดิ้นรนอะไรต่อไปอีก
เหตุการณ์ทุกอย่างกลับมาสงบอีกครั้ง คุณไอศูรย์หอบหายใจหนัก และจุมพลที่ดิ้นรนเมื่อไม่กี่นาทีก่อนก็หอบไม่แพ้กัน

“ผมเคยนอนกับพี่สาวแฟนผม”

คุณไอศูรย์ปล่อยคนที่ดิ้นรนให้เป็นอิสระแล้ว จุมพลนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง และใบหน้าก็ซุกอยู่ที่หมอน
ถ้อยคำบางอย่างที่พูดออกมา แทบจับใจความไม่ได้ แต่มันคือสิ่งที่ทำให้คนฟัง ต้องเลิกคิ้วขึ้นสูง และนิ่งงันกับคำพูดนั้น

นอน.........กับพี่สาว....ของแฟน

“แล้วไง”

“ตอนที่แฟนผมท้องได้สามเดือน”

....................

“แล้วยังไงอีก”

.....................

“ผมไม่ได้เพิ่งทำ ผมทำมาหลายครั้งแล้ว”

......................

“แล้ว.........”

“แฟนผมจับได้ เราก็เลยทะเลาะกันบ้านแตก”

ก็เป็นธรรมดา

“เขาโมโหผม เขาโกรธผม เขากับพี่สาวเขาเข้าหน้ากันไม่ติดอีกเลย .......... “

ก็สมควรแล้ว

“เรื่องแค่นี้เองเหรอ หึ แค่นี้เหรอที่จะทำให้ผู้หญิงคนนั้นคลุ้มคลั่งได้ขนาดนี้”

ไม่ใช่แค่นี้หรอก

“แฟนผมเขาแท้ง ตอนที่ผมสะบัดเขาตอนที่เขาตบผม หมอบอกว่า............เขาคงมีลูกอีกไม่ได้”

แค่นี้.........เอง.........เหรอ แค่นี้.......เรื่องแค่นี้ ที่ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งทั้งกับบ้าคลั่งสติแตกได้ขนาดนั้น

“ทุกคนคิดว่าเขาอยู่กับผมเพราะหวังเงิน แต่ที่จริงเขาอยู่เพราะเขาแค้นผม เขาคงแค้นผมมาก เขาไม่ปล่อยผมไปตลอดชีวิตนี้ เขาพูดเอาไว้แล้ว.......และทุกครั้งที่ผมเลิกกับเขา เขาจะอาละวาดและจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ผมเจ็บ”

เพราะแบบนี้เหรอ เพราะแบบนี้สินะ

“ก็เลยจะยอมตายให้เรื่องมันจบ ๆ ไปซะ”

มันอาจจะดีก็ได้นะ

“ผมไม่ใช่คนที่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ของคุณนะ........”

ผมรู้

“เขาไม่ให้ใครเข้าใกล้ผมทั้งนั้นแหละ ผู้หญิงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ผมแล้ว เหลือก็แต่ผู้ชาย........ เขาอยากคิดว่าผมมั่วไม่เลือกเองทำไมล่ะ ผมก็นอนกับผู้ชายแม่งเลย สมใจอย่างที่เขาว่าแล้วไง.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า โคตรสะใจ”

เลว

สิ่งที่คุณไอศูรย์ทำก็คือกัดฟัน และมองคนที่คว่ำหน้าหัวเราะร่วน
สนุกมากมั้ย สะใจมากมั้ย ปั่นหัวคนทั้งโลกแบบนี้คงมีความสุขมากใช่มั้ย ก็สมกันดีแล้ว ผู้หญิงบ้า กับผู้ชายโรคจิต ก็คู่ควรกันแล้วไม่ใช่หรือไง

ก็.......สมควรแล้ว ก็คู่ควรเหมาะสมกันแล้ว.....ก็.......

“แล้วผมกลับไปแก้ไขอะไรได้มั้ยล่ะ แล้วผมกลับไปแก้ไขอะไรได้มั้ย อยากให้เป็นอะไร อยากให้ทำอะไรก็เป็นให้แล้วนี่ไง ทำไมยังไม่พอใจอีกวะ ให้กูตายแม่งตอนนี้เลยใช่มั้ย ถึงจะได้สาสมใจ สัดเอ้ยยยยยยยย”

จุมพลไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการกร่นด่าตัวเองเสียงดังลั่น และในวินาทีถัดมา สิ่งที่คุณไอศูรย์เห็นก็คือการที่ผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นได้แค่คนรู้จักกำลังซุกหน้าลงกับหมอน

และร่างกายก็สั่นสะท้าน เสียงสะอื้นในลำคอ ดังมากพอที่จะทำให้คนฟังรู้สึกคล้ายหายใจไม่ออก

“ผมไม่ได้อยากตายนะโว้ย แล้วผมก็ไม่ได้อยากให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ด้วย ผมไม่ได้อยากนอนกับพี่สาวเธอนะโว้ยยย ผมไม่ได้รักไม่ได้ชอบ ไม่ได้อยากจะทำอย่างนั้น แต่เพราะเขามอมผม หลังจากนั้นเขาก็ไม่ยอมให้ผมเลิกกับเขา ผมจะรู้มั้ยว่าเขาจะอยากได้ผม ผมจะรู้มั้ยว่าเขามีปัญหากับน้องสาวเขา แล้วมันผิดหรือไง มันผิดที่ผมหรือไงวะ.......เหี้ยเอ้ยยยยยยยย ฮืออออออออออ”

คุณไอศูรย์ไม่รู้จะทำยังไงกับสิ่งที่เพิ่งได้รับรู้ ปัญหาครอบครัวที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน
หลายสิ่งหลายอย่างที่ยากเกินกว่าจะกลับไปแก้ไขได้

ได้แต่มองได้แต่นั่งมองคนที่ยังร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุด ได้แต่มองและก็ถอนหายใจออกมายาว ๆ ก่อนจะแตะฝ่ามือไปที่แผ่นหลังของคนที่เหมือนปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างให้มันระเบิดออกมาจนหมด

“.....................”

ไร้คำพูดปลอบใจ ไม่มีคำพูดใด ๆ ออกมาซักคำ

สิ่งที่คุณไอศูรย์ทำได้ในเวลานี้ ก็ได้แต่มองและลูบหลังลูบไหล่คนที่ตั้งหน้าตั้งตาร้องไห้ไม่ยอมหยุดเท่านั้น

“ผมช่วยอะไรคุณไม่ได้หรอก มันเป็นปัญหาที่คุณต้องแก้เอาเอง.........แต่ผมไม่ปล่อยให้คุณไปให้ใครฆ่าทิ้งหรอกนะ ดี ๆ ร้าย ๆ ......... เราก็รู้จักกันมากขึ้นแล้ว...ผมคงปล่อยให้คุณไปโดนผู้หญิงคนนั้นฆ่าทิ้งไม่ได้จริง ๆ ”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 20-05-2014 22:39:50
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :sad4: :sad4: :sad4: :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 20-05-2014 22:47:35
โอ๋ๆ อย่าร้องนะ พี่จุ้ม
ทุกอย่างมีทางออกเสมอ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 20-05-2014 22:47:50
สงสารจุมพล ดราม่ามาเต็มเลยคู่นี้  :hao5:

คุณไอศูรย์อย่าทิ้งนู๋จุมนะ ผู้หญิงคนนั้นช่างน่ากลัววว  :mew4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 20-05-2014 22:53:35
 :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 20-05-2014 22:55:37
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/19/256IqDzo.jpg)
เรื่องของหัวหน้าแผนกจัดซื้อ ไอศูรย์-จุมพล ตอน ก่อนจะมาเป็นเด็กติดเกมส์

“พี่จุ้ม......หญิงมีอะไรจะบอก”

ใบหน้าที่งดงามของเธอ ทำให้จุมพล อมยิ้มตาม กอดเธอเอาไว้ และก็เลิกคิ้วขึ้นสูง เธอมักมีเรื่องมาทำให้ตื่นเต้นและประหลาดใจอยู่เสมอ และคราวนี้ เรื่องที่เธอจะบอก ก็คงเป็นเรื่องที่ทำให้จุมพลประหลาดใจไม่แพ้เรื่องอื่น ๆ แน่ ๆ

“อะไรอ่ะ พี่ลุ้นนะเนี่ย”

ก็ต้องลุ้นอยู่แล้วล่ะ

“หญิงท้องแล้วนะ”

ท้อง

ท้องเหรอ

“เฮ้ยยยยยยยย เอาจริง ๆ ดิ ท้องเหรอ กินข้าวเยอะไปแล้วท้องป่องหรือเปล่า อย่ามาหลอกให้พี่ดีใจนะ”

ใครจะไปหลอกล่ะ

“สามเดือนแล้ว พี่จุ้มหาว่าหญิงหลอกเหรอฮื้อออออออ”

ปลายนิ้วเล็ก ๆ บีบที่จมูกของจุมพล เหมือนอยากแกล้ง และคนที่โดนบีบจมูก ก็หัวเราะออกมา

“เอ้ยยย จริงอ่ะ จริงดิ ฮื่ออออ จะมีลูกแล้วโว้ยยยยย”

อาการของคนที่ดีใจสุด ๆ เป็นยังไง ตอนนี้จุมพลได้รู้แล้ว ถึงจะอยู่ด้วยกันมาพักใหญ่ ไม่ได้แต่งงานกันให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่ทั้งสองครอบครัวก็รู้ว่าเราคบกันในฐานะอะไร และถ้าจะมีลูกมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

“หญิงอยากแต่งงานมั้ย ไม่อยากให้กลายเป็นท้องก่อนแต่งหรือเปล่า”

เว่อร์ไปแล้วพี่จุ้ม

“ไม่เห็นสำคัญเลย หญิงไม่ได้อยากใส่ชุดเจ้าสาวอะไรซะหน่อย เสียเงินเสียทองอะไรแบบนั้น ไม่เอาล่ะ”

เธออมยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก และจุมพลก็กอดเธอแน่นขึ้น

เราคบกันมาสามปีแล้ว เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารัก มีงอนบ้าง งี่เง่าเป็นบางครั้งตามประสาผู้หญิง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เมื่อเราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน

“พี่ต้องทำยังไงบ้าง ทำตัวไม่ถูก พี่ต้องเข้าคอร์สมั้ย หรือเราต้องทำยังไง ไปถามแม่พี่หรือแม่ของหญิงดี แล้วนี่บอกใครหรือยัง เราต้องบอกก่อนหรือเปล่า ลูกเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย..........”

พี่จุ้ม

“ใจเย็น ๆ สิ เพิ่งสามเดือนเองนะ พี่จุ้มตื่นเต้นเกินไปแล้ว”

แล้วมันสมควรตื่นเต้นมั้ยล่ะ

“จัดงานดีกว่า จัดงานเลี้ยงฉลอง”

จัดงานอะไรล่ะ

“เดี๋ยวโทรบอกแม่ก็ได้ ให้แม่มาช่วย จะจัดจริง ๆ เหรองานน่ะ ตื่นเต้นเกินไปหรือเปล่าพี่จุ้ม”

ก็คนมันตื่นเต้น

“จัด จัด อยากเลี้ยงต้อนรับลูก”

ตามใจ จัดก็จัด

“ชวนพี่นิ้งมาด้วยสิ”

ชวน.........พี่นิ้งเหรอ

“เขาคงไม่ว่างหรอก”

ไม่ว่างเหรอ ทำไมไม่ว่างล่ะ

“ช่วงนี้ไม่เคยเจอเลย มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า”

ปัญหาเหรอ

หึ

ยิ่งกว่ามีซะอีก

“ไม่มีหรอก เขาคงไม่ว่างแค่นั้นเอง ไม่มีอะไรหรอกพี่จุ้ม ตกลงจัดนะ หญิงจะได้โทรบอกแม่”

ครับ ๆ จัด ๆ

“ไหนให้พี่คุยกับลูกหน่อยสิ หวัดดีครับลูก ลูกทำอะไรอยู่ในนั้น อยู่ในนั้นเป็นไงมั่ง หือ ทำไมเงียบล่ะ ไม่เห็นตอบเลย”

พี่จุ้มบ้า จะไปตอบได้ยังไง

“บ๊องแล้วพี่จุ้มนี่”

เธอยื่นมือมาหยิกแก้มของจุมพลเบา ๆ แล้วก็หัวเราะออกมากับท่าทางบ้า ๆ บอ ๆ ของคนที่กำลังจะเป็นคุณพ่อ

“ก็พี่อยากรู้ว่าลูกทำอะไรในนั้นนี่ แล้วเข้าไปได้ยังไงล่ะนั่น”

แกล้งถามเธอแบบยิ้ม ๆ แล้วก็โดนเธอตีเบา ๆ ที่ไหล่ไปสองที

“ไอ้พี่จุ้ม ทะลึ่ง”

เอ้า ก็ไม่รู้จริง ๆ นี่

“แล้วหญิงรู้เหรอ งั้นอธิบายให้พี่ฟังซิ”

ไอ้ พี่จุ้ม

“ยัง ยังไม่เลิกอีก เดี๋ยวงอนเลยนะ”

โห่ จะงอนทำม้ายยยยยยยย

“อือ ไม่เอา ไม่เอา ไม่งอน ไม่งอน โอ๋ ไม่แกล้งแระ”

ดีมาก

“ถ้าแกล้งอีกนะ งอนจริง ๆ ด้วยคอยดู”

ใครจะไปแกล้งได้ล่ะ

“ไม่กล้าแล้ว ใครจะกล้าไปแกล้งแม่ของลูกได้ลงคอ จริงมั้ย”

ทำไมจะไม่มี

“ก็พี่จุ้มไง แกล้งหญิงอยู่เนี่ย”

ขอโทษครับ ต่อไปจะไม่แกล้งแล้วจริง ๆ จุมพลยิ้มออกมาอย่างมีความสุข และหญิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
เรากำลังจะเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แล้ว เมื่อมีลูกเพิ่มมาเป็นสมาชิกใหม่อีกหนึ่งคน

“พี่มีความสุขมากเลยหญิง ลูกเราจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายนะ”

คนเห่อลูกยังคงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ และเธอก็ซบใบหน้าที่ไหล่ของจุมพลเบา ๆ

“หญิงก็มีความสุข จะผู้หญิงหรือผู้ชายหญิงก็รักเท่ากันนะ พี่จุ้ม........ไม่ใช่แค่พี่จุ้มมีความสุขนะ วันนี้หญิงก็มีความสุขเหมือนพี่จุ้มเลย”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 20-05-2014 22:56:07
จุมพลขยับร่างกายด้วยความเมื่อย ยกมือขยี้ตา เพราะรู้สึกว่าแสงสว่างกำลังส่องเข้ามากระทบใบหน้า

กี่โมงแล้ววะ พยายามจะลุกขึ้นนั่ง และเริ่มรู้สึกว่ามึนหัวไปหมด เมื่อคืนดื่มไปซะเยอะ เช้านี้เลยเหมือนจะแฮงค์
ขยับร่างกายด้วยความมึนงง และกำลังเริ่มเรียบเรียงสติเมื่อพบว่ามีแขนของใครบางคน วางพาดอยู่บนร่างกาย

ขอโทษด้วย หญิงกำลังท้อง แต่พี่ก็มาทำแบบนี้กับหญิงตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่าหญิงท้อง ขอโทษนะครับ
จุมพลอมยิ้ม และก้มหน้าลงไปหาหญิงสาวที่นอนอยู่ข้าง ๆ

“อรุณสวัสดิ์ครับ คนสวย”

ก้มหน้าลงไปหา และทักทายเธอในยามเช้า ก้มหน้าลงไปเพื่อจะหอมแก้มเธอ แต่เมื่อเข้าใกล้อีกนิด

ถึงได้รู้ ไม่ใช่เธอ แต่เป็น.............

หญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ ไม่ใช่หญิง แต่เป็นพี่สาวของเธอ และเมื่อเปลือกตาของเธอเปิดขึ้น จุมพลก็ผงะจนแทบตกเตียง

“อือออ อรุณสวัสดิ์ หลับสบายมั้ยจุ้ม เมื่อคืนจุ้มเล่นพี่ซะหนักเลยนะ ร้อนแรงไม่เบานะเนี่ย”

ไม่ใช่ ไม่ใช่แบบนี้ ร้อนแรงอะไร

“พี่นิ้ง”

ถึงกับอ้าปากค้าง และทำอะไรไม่ถูก เธอค่อย ๆขยับลุกขึ้นนั่ง ร่างกายเปลือยเปล่าไม่ได้ชวนให้รู้สึกอยากจะมีอารมณ์อย่างว่า

“ทำไมเป็นพี่”

ก็ไม่ทำไมหรอก

“หญิงไปส่งแม่ ไปนอนบ้านแม่ พี่ก็แค่มาเสริมตอนหลัง”

มาเสริม เสริมอะไร เสริมบ้าเสริมบออะไร

“จุ้ม....เหนื่ยมากเลยเมื่อคืน จุ้มเล่นพี่ซะไม่ได้หลับได้นอนเชียว”

เล่นอะไร เล่นบ้าเล่นบออะไร ไม่ใช่แล้ว แบบนี้มันไม่ใช่แล้ว

“ผมกับพี่เนี่ยนะ”

ใช่ จุ้มกับพี่เนี่ยแหละ

“ทำไมล่ะ ก็อยู่ด้วยกันบนเตียงแบบนี้ จุ้มคิดว่าพี่จะไปเล่นแบบนี้กับใครล่ะ”

เธอพูดออกมาได้อย่างไม่อายปาก และจุมพลก็รีบควานหาเสื้อผ้าที่หล่นอยู่ข้างเตียงมาสวม

“จุ้ม....พี่ไม่ได้ถืออะไรกับเรื่องนี้ แต่พี่ไม่ชอบถ้าจุ้มคิดจะปัดความรับผิดชอบ ให้พี่คนเดียว”

รับผิดชอบ
รับผิดชอบอะไร ผมไม่ได้ปัดความรับผิดชอบ แต่ผมรับไม่ได้

“ผมเป็นผัวน้องสาวพี่นะ พี่ก็รู้ ผมมีลูกแล้ว”

ใช่ ก็รู้ ทำไมจะไม่รู้

“พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรจุ้มนี่ ก็บอกแล้วไงว่าเรื่องแค่นี้พี่ไม่ถือ แต่จุ้มอย่าคิดจะปฏิเสธความรับผิดชอบ”

รับผิดชอบ นี่พูดไม่รู้เรื่องหรือไง

“ผม.....พี่นิ้ง...พี่จะให้ผมทำยังไง รับผิดชอบอะไร ผมไม่เลิกกับหญิงแน่ ๆ พี่อย่ามาทำแบบนี้เลย เห็นแก่หลานเถอะ”

เห็นแก่หลานเหรอ

“แล้วจุ้มไม่เห็นแก่พี่บ้างเหรอ พี่เป็นผู้หญิง พี่เสียหาย จุ้มทำอะไรไว้ ก็ต้องรับผิดชอบ”

แต่ผมรับผิดชอบไม่ได้

“พี่อย่าพูดเรื่องที่เป็นไปไม่ได้”

พยายามสะกดกลั้นความโมโหและพูดออกมาเสียงลอดไรฟัน ความเคารพนับถือในฐานะพี่สาวของแฟนหมดไปทันที
ทำไมจะไม่รู้ว่าพี่นิ้งผ่านอะไรมาบ้าง แต่ต้องการให้โอกาสเธอ ในฐานะพี่สาวของแฟน

“ถ้าจุ้มไม่อยากมีปัญหา พี่ขอจุ้มแค่ห้าแสนก็พอ”

ห้าแสน บ้าหรือไงห้าแสน

“ผมจะไปเอาเงินขนาดนั้นที่ไหนมา”

ก็ใช่ไง พี่ก็ไม่คิดว่าจุ้มจะไปหาเงินขนาดนั้นที่ไหนมา

“พี่ให้จุ้มผ่อนจ่ายแล้วกัน ทีละหมื่นสองหมื่น”

บ้า บ้าไปแล้วหรือไง บ้าไปแล้ว

“ถ้าผมไม่จ่าย”

ก็ไม่เป็นไร

“พี่ก็บอกน้องสาวพี่ ว่าเรามีอะไรกันแล้ว ก็จบ”

เหมือนจะง่าย แต่ไม่ง่ายเลยสักนิด จุมพลได้แต่นิ่งอึ้ง

“คิดดี ๆ จุ้ม อย่าให้มันจบแบบไม่สวย”

เธอพูดแค่นั้นและเธอก็ลุกขึ้นจากเตียงไปเข้าห้องน้ำ เธอดูมีความสุขสบายอารมณ์มาก แต่จุมพลกำลังหน้าซีดเผือด
ทำไมกลายเป็นแบบนี้ ทำไมเรื่องถึงกลายเป็นแบบนี้ กูพลาดตรงไหนวะ พลาดที่เมาหรือพลาดที่ไม่มีสติ
แล้วจะทำยังไงต่อไป เรื่องแบบนี้จะให้ทำยังไงต่อไป ทำไมกูถึงได้ซวยขนาดนี้วะแม่งเอ้ยยยยยยยยย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 20-05-2014 22:56:29
“พี่จุ้มทำแบบนี้ได้ยังไง พี่จุ้มทำกับหญิงแบบนี้ได้ยังไง ทำไมต้องเป็นพี่นิ้ง ทำไมไม่หาคนอื่น ทำไมไม่เลือก ทำไมพี่จุ้มทำแบบนี้ หญิงไม่ห้ามถ้าพี่จะมี แต่ทำไมต้องเป็นพี่สาวหญิง พี่จุ้มตอบสิ พี่จุ้มตอบ ทำไมต้องเป็นพี่สาวหญิง”

กำปั้นน้อย ๆ ทุบตีไปที่ไหล่ของจุมพลอย่างรุนแรง เธอโกรธเกรี้ยว เธอโมโห ไม่ได้ผิดที่เธอ แต่ผิดที่จุมพล

“หญิงใจเย็น ๆ”

ไม่เย็น ไม่มีอะไรต้องเย็นแล้ว

“เรากำลังจะมีลูกด้วยกันนะ แล้วพี่จุ้มทำแบบนี้ทำไม พี่จุ้มทำแบบนี้กับหญิง ทำแบบนี้กับลูกได้ยังไง”

เธอยังคงไม่หยุด และจุมพลไม่รู้จะจัดการยังไง

“หญิง....พี่เจ็บ”

เจ็บเหรอ

“แล้วหญิงไม่เจ็บเหรอ แล้วหญิงไม่เจ็บใช่มั้ยพี่จุ้ม ไอ้ผู้ชายสารเลว ไอ้ผู้ชายเฮงซวย พี่ทำเลวขนาดนี้กับหญิง พี่ทำแบบนี้กับหญิง ไอ้ผู้ชายตอแหล มึงมันไม่ใช่คน ไอ้สัตว์เดรัจฉาน”

เธอกำลังโกรธถึงขีดสุด

และจุมพลที่ไม่เคยถูกเธอต่อว่าด้วยถ้อยคำเลวร้ายก็ถึงกับอึ้งกับถ้อยคำที่สาดเสียเทเสียของเธอ

รู้ตัวว่าผิด รู้ตัวว่าเลว แต่คำพูดบางคำมันทำให้คนฟังรับไม่ได้

“หญิง”

จับไหล่สองข้างของเธอเอาไว้ และเธอก็ยังคงกรีดร้อง น้ำตายังไหลออกมาเป็นสาย

“ทำไม มึงจะทำไม ไอ้เลว ไอ้ชาติชั่ว”

ต่างฝ่ายต่างโมโห ไม่ใช่ว่าไม่รับผิด ยินยอมรับทุกอย่าง แต่เธอด่ารุนแรงเกินไป และจุมพลก็ยอมรับว่าเป็นแค่คนธรรมดา มีอารมณ์โกรธ อารมณ์เกลียด ไม่ต่างจากคนอื่น ๆ

ไม่ได้คิดจะทำร้ายเธอ แต่เพราะความโมโห ทำให้ผลักเธอออกห่าง ตอนที่เธอกางเล็บและกำลังจิกทึ้งไปที่ใบหน้าของจุมพล

“โอ้ยยยยยยยย”

เธอเซถลาไปชนกับขอบโต๊ะกินข้าวอย่างแรง และทรุดลงไปนั่งบนพื้น แต่ยังพยายามจะลุกขึ้นเพื่อจะกระโจนเข้าใส่ คนที่ทำร้าย

“มึงทำแบบนี้กับกูเหรอ ไอ้เลว ทำแบบนี้เหรอ”

เธอยังคงกรนด่าด้วยถ้อยคำโหดร้ายไม่หยุด และเมื่อเธอพยายามจะลุกขึ้น เลือดสด ๆ ก็ค่อย ๆไหลออกมา และซึมออกมาอย่างรวดเร็วจากหว่างขา

“หญิง”

กลายเป็นจุมพลที่ตกใจกับภาพที่เห็น เธอก้มลงมองสภาพร่างกายตัวเอง เลือดไหลซึมออกมาและเริ่ม ทะลักออกมาไม่หยุด

“ลูก...........ลูก.....ลูก”

ใบหน้าของเธอซีดเผือดลง และจุมพลก็รีบช้อนร่างของเธอไว้ในอ้อมแขน

“หญิง เป็นอะไรมั้ย หญิง ลูกของเราจะเป็นอะไรมั้ย หญิงพี่ขอโทษ พี่ขอโทษ”

อุ้มเธอวิ่งออกจากบ้าน พาเธอไปโรงพยาบาล เธอไม่กรีดร้อง ไม่โวยวาย แต่นิ่งงัน เหมือนกำลังช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“ลูกล่ะหญิง หญิงเจ็บตรงไหน หญิง ลูกจะไม่เป็นไรใช่มั้ย”

จุมพลยังละล่ำละลักถามหญิงสาวที่นั่งนิ่งอยู่ข้าง ๆ เลือดยังคงไหลไม่หยุด และจุมพลรู้สึกคล้ายหัวใจกำลังจะแหลกสลาย
กร่นด่าตัวเองนับร้อยนับพันครั้ง ที่ทำกับเธอแบบนี้ แต่ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา นอกจากความเงียบงัน

“หญิงทำไมไม่ตอบพี่ ทำไมหญิงไม่พูดกับพี่ หญิง”

เรียกเธออีกหลายครั้ง แต่เธอกลับนั่งนิ่งเฉย ทำไมกลายเป็นแบบนี้ ทำไมเธอกลายเป็นแบบนี้ ทำไมวะ ทำไม

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 20-05-2014 22:57:02
“ไม่จริ๊ง ไม่จริง ลูกของหญิงล่ะ ลูก ไม่จริ๊ง”

เสียงกรีดร้องอย่างทุกข์ทรมานของผู้หญิงคนหนึ่ง มันกรีดลึกเข้าไปในหัวใจของจุมพล ได้แต่นั่งอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน และน้ำตาก็ไหลไม่หยุด

“ต้องขูดมดลูกนะครับ เธอร่างกายอ่อนแอไม่เหมือนคนอื่น หมอคิดว่าคงยากที่จะกลับมามีลูกได้อีกครั้ง”

ไม่คิดว่าสิ่งที่เรียกว่าความสุข จะหลุดลอยจากไปเร็วขนาดนี้ จุมพลทำอะไรไม่ได้ นอกจากนั่งนิ่ง และปล่อยให้หยดน้ำตาไหลรินออกมาไม่ขาดสาย เธอเจ็บ จุมพลก็เจ็บ จุดเริ่มต้นของความเจ็บปวดมันกำลังเริ่มจากนี้

เธอไม่อภัยให้จุมพลอีกเลย ไม่เคยจะมีซักวันที่จะอภัย

“พี่จุ้มเคยให้อะไรมัน พี่จุ้มก็ต้องให้หญิง หญิงอยากได้อะไรพี่จุ้มก็ต้องหามาให้ พี่จุ้มต้องชดใช้”

เธอเปลี่ยนไปเป็นคนละคนหลังจากนั้น และจุมพลก็ได้แต่ก้มหน้ารับกับสิ่งที่เคยทำเอาไว้

“ชาตินี้พี่จุ้มอย่าหวังว่าจะมีความสุขเลย หญิงไม่ปล่อยพี่จุ้มไปตลอดชีวิตแน่ ๆ ถ้าหญิงเจ็บ พี่จุ้มก็ต้องเจ็บเหมือนกันกับหญิง”

เธอบอกออกมาในวันที่หัวใจเข้มแข็งดีแล้ว และจุมพลก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตารับมันมาตลอด คนภายนอกรับรู้ว่าเธอหวังเงินจากจุมพล แต่ไม่มีใครรู้ เธอทำแค่นั้น ยังนับว่าน้อยไป สำหรับคนที่ทำร้ายเธอให้เจ็บปวดปางตาย

และจุมพลก็ทำได้แค่ยิ้มระรื่น อยู่ไปวัน ๆ ทำเหมือนคนไม่เป็นไร ทั้งที่ข้างใน ดำมืดสนิท
กลางคืนนอนไม่หลับ หาอะไรทำ เพื่อให้ผ่านไปได้ในแต่ละคืน ไม่ได้อยากเป็นเด็กติดเกมส์ เหมือนสมัยเรียน แต่ต้องกลับมาทำแบบนั้น เพราะมันเป็นสิ่งที่ทำให้ผ่านแต่ละคืนไปได้อย่างรวดเร็ว ไปถึงตอนเช้า.....

เช้าที่สดใสของทุกคน แต่ไม่ใช่ของจุมพล ไม่ได้อยากเป็นคนพูดจากับใครไม่รู้เรื่อง แต่กลับต้องเป็นคนแบบนั้น.....เพราะบางครั้ง สมองก็ไม่รับอะไร ประมวลผลช้า และทำให้หลายคนเข้าใจผิด

คิดว่าจุมพลปั่นหัวใครไปทั่ว

มีที่ทำแบบจงใจ

แต่หลายครั้ง ไม่ได้คิดจะทำ แต่มันเป็นไปเองไม่ใช่ไม่รู้ตัว แต่หลายๆ ครั้งก็ไม่รู้จะไปแก้ตัวยังไง เลยต้องปล่อยให้เป็นไปแบบนั้นเรื่อย ๆ จนหลายคนเชื่อ........ว่าจุมพลเป็นคนไร้ความสามารถในการบริหาร

และไม่น่าเชื่อว่าจะมาเป็นหัวหน้าแผนกจัดซื้อได้ แต่นั่นกลับกลายเป็นข้อดี เพราะมันทำให้ จุมพลรอดพ้นจากการถูกคาดหวังมาได้นานสองนาน และไม่มีใครคิดจะสนใจคนบ้า ๆ บอ ๆ ที่เหมือนทำงานไม่เป็น แต่จริง ๆ มีความสามารถมากอย่างไม่น่าเชื่อ และทำให้ตัวเองและแผนกรอดพ้นผ่านช่วงเวลาที่ถูกกดดันและบีบคั้นมาได้จนถึงทุกวันนี้นั่นเอง


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 20-05-2014 23:03:51
จุมพลลล   :monkeysad:

ยัยพี่นิ้งหล่อนช่างร้ายกาจ  :angry2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 20-05-2014 23:26:38
พี่นิ้งนี่น่ากลัวจัง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 20-05-2014 23:29:17
 :hao5:   น้องจุ้มช่างน่าสงสาร  ยัยหญิงจะเอามีดเสียบ  อย่าไปอยู่กับนางเลย ไปอยู่กับพี่ไอ ดีกว่าถึงจะโดนเสียบเหมือนกัน

แต่ไม่คมเท่ามีดนะเออ   :laugh:    ส่วนเรื่องยัยนิ้งเนี่ย แม่งร้ายจริงๆ  :katai1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 20-05-2014 23:32:32
พูดไม่ออกเลย :hao5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 20-05-2014 23:56:57
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/19/256IqDzo.jpg)
เรื่องของหัวหน้าแผนกจัดซื้อ ไอศูรย์-จุมพล ตอน กรุณาอธิบาย

สถานะความสัมพันธ์ของเราเรียกว่าอะไรวะ จุมพลไม่รู้ว่าสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้เรียกว่าอะไร
จากแค่คนหาของให้ ในเวลานี้กลายมาเป็นอยู่ด้วยกัน อย่างรวดเร็ว

อยู่ด้วยกัน แล้วอยู่ด้วยกันในฐานะอะไรก็ไม่รู้
ที่สำคัญตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าจุมพลอยู่กับคุณไอศูรย์เจ้าของบริษัทขนส่งที่เป็นคู่แข่ง

ไม่ใช่ว่าจะปิดบังใคร แต่จะให้กูบอกยังไงวะ มันไม่รู้จะเริ่มต้นที่ตรงไหนนี่หว่า

“พี่จุ้ม เล่นเกมส์ดึกอีกแล้วดิพี่ พี่นี่ก็เล่นจริงจังเกินไป ไม่นอนเหรอพี่ตอนกลางคืน เป็นแบบนี้นาน ๆ มันจะแย่เอานะ”

เหรอวะ กูก็เป็นแบบนี้มาสองปีแล้วไง มึงจะไม่ชินอะไรกันตอนนี้วะเจี๊ยบ

“พี่หญิงอ่ะ แม่งโทรมาหาผมว่ะ แต่รอบนี้มาแปลกนะพี่ ไม่ด่าผมเลย พูดกับผมดีโคตร ตกลงพวกพี่ดีกันอีกรอบแล้วจริง ๆ เหรอวะ พี่หญิงว่าพี่ไม่กลับบ้าน ถ้าพี่ไม่กลับแล้วพี่ไปนอนไหน”

โทรมาเหรอ หญิงโทรหาไอ้เจี๊ยบเหรอ ก็ไม่แปลกหรอก ถ้าจะโทร.......คงจะโทรตาม เหมือนทุกที

“แล้วโทรหาพี่ตาล แล้วก็แปะด้วยป่าววะ กูไม่อยากให้โทรว่ะ ไม่อยากให้คนอื่นมามีปัญหาเพราะกู”

พี่ก็รู้ว่ายังไงก็ต้องโทร

“จะเหลือ”

ก็ใช่

ไม่เหลือหรอก

“พี่จุ้ม ผู้หญิงแบบนี้ก็เลิก ๆ ไปเหอะวะ มันจะอะไรนักหนา ถามจริง ๆ เหอะ รักมากหลงมากขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมพอทำท่าจะเลิกได้ มันก็กลับมาเป็นแบบเดิมทุกทีเลยวะพี่”

กูก็อยากเลิก ไม่ใช่ไม่อยาก แล้วมันทำได้มั้ย บางทีคนเราก็นึกอยากเห็นแก่ตัวนะ เลิก ๆ ไปเลย ไม่ต้องมาทนเจ็บอีกแล้ว มีหลายครั้งไปที่เลิกได้แล้ว แต่สุดท้าย ............... ก็เลิกไม่ได้อยู่ดี

ยังรักอยู่ แม้ว่าจะโดนทำขนาดไหน ก็ยังรัก

แต่มันกลับกัน หญิงหมดใจไปนานแล้ว ตั้งแต่ตอนที่แท้งนั่นแหละ แล้วจะให้มาคิดมาหวังอะไร เรากลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว หญิงก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ รู้สึกผิดก็จริง แต่ก็อยากเดินไปข้างหน้า ใครจะมองว่าเห็นแก่ตัว มันก็ไม่ผิด เออ ยอมรับก็ได้ กูมันเลว แล้วไงวะ กูไม่ใช่พ่อพระของโลกนี้นะ จะให้กูชดใช้ไปถึงขนาดไหนวะ

ตายกันไปข้างแล้วมันจะจบมั้ย

หรือจะบอกว่ากูสมควรตาย........เออ แม่งก็สมควรตายจริง ๆ คนเห็นแก่ตัวแบบกู

“นี่ก็ว่าจะเลิกอยู่”

จุมพลพูดออกไปรอบที่ห้าร้อย และรุ่นน้องก็ได้แต่ส่ายหน้า เลิกอีกแล้ว ก็ไม่เห็นจะเลิกได้ซักที

“ผมนึกถึงหนังผีเลย ที่เขาจะอยู่กับพี่ไปตลอดชีวิต จะตามหลอกตามหลอน ไม่ให้พี่มีความสุข”

เออว่ะ จริงด้วย โคตรเหมือนเลย

“ฮาว่ะมึง เดี๋ยวกูเอาสไนเปอร์ยิงทิ้งแม่ง ก็จบแล้ว เปรี้ยงเดียวจอด”

ยังปากดีไม่เลิก และเจี๊ยบก็หัวเราะแล้วก็ส่ายหน้ากับความคิดของรุ่นพี่

“พี่จุ้มแม่งใจอ่อนเกินไป รักได้ก็เลิกได้พี่”

กูรู้

“แล้วถ้ามันมีอย่างอื่นมากกว่ารักที่ทำให้เลิกไม่ได้ล่ะ เป็นมึง มึงจะทำยังไงวะเจี๊ยบ”

ทำยังไงเหรอ

“เอามันส์เหรอพี่ หรือว่าลีลาดี”

ไอ้สันดาน

“เดี๋ยวกูตบคว่ำ มึงจะไปรู้อะไร ซิงเปล่าเหอะ กูยังสงสัย”

แหม่ พี่ก็เกินไป

“มันก็พอมีประสบการณ์มาบ้าง ไม่ได้โชกโชน แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่เชี่ยวชาญ”

เอออออออออ

“เอาไว้ใช้กับแปะหรือไง มึงระวังเจอโชกโชนยิ่งกว่า ชนิดน้ำนิ่งไหลลึก แปะไม่ธรรมดานะเฮ้ย ใครจะไปรู้ แปะอาจร้อนแรงจนมึงละลาย”

โหหหหหหหหห

“พี่จุ้มก็ว่าไป”

เจี๊ยบอมยิ้มอย่างเขิน ๆ และกลายเป็นจุมพลที่ส่ายหน้าด้วยความขำ

“ใจกูไม่แข็ง หรือใจมึงไม่แข็งวะเจี๊ยบ คนเรามันก็มีเหตุผลของตัวเองทุกคนแหละ มึงเห็นกูฮา ๆ อย่างนี้ ไม่ได้แปลว่าจริง ๆ แล้วกูต้องฮานะ ถ้ามึงรู้ว่ากูเป็นยังไง แล้วเคยทำอะไรมา มึงจะขำไม่ออก”

แล้วแต่เหอะ

“ปัญหาใครก็ปัญหามัน ชีวิตใครก็ชีวิตมัน คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกเป็นคนดีได้”

“มึงรักเด็กด้วยนี่ คำตอบโคตรนางงาม”

แล้วเจี๊ยบก็ยกมือขึ้นโบก โดยมีจุมพลปรบมือเป็นกำลังใจให้

“เล่นอะไร มึงขำกันมากมั้ยเนี่ย”

พี่ตาลเดินมานั่งอยู่ข้าง ๆ เจี๊ยบ และก็ส่ายหน้ากับสิ่งที่รุ่นน้องต่างแผนกสองคนทำ

ไอ้เจี๊ยบมันจะได้รับการสนตะพายแล้ว”

สนตะพาย.....

“ผมไม่ใช่ควายพี่จุ้มนี่แม่ง”

อ้าวเหรอ กูนึกว่าใช่

“สนตะพายโดยตาลโคบาล”

มากไปแล้วมึงไอ้ห่าจุ้ม

“อะไรของมึง เพ้อเจ้อนะเนี่ย”

โดนพี่ตาลด่าไปเล็กน้อย และจุมพลก็หัวเราะร่าอย่างมีความสุข

“ว่าแต่เมื่อเช้าใครมาส่งมึงวะ รถมึงไปไหนจุ้ม”

เมื่อเช้าเหรอ เมื่อเช้า

“เพื่อน”

จำไม่เห็นได้ว่ามึงมีเพื่อนคนอื่นนอกจากพวกกู

“หญิงมันปล่อยให้มึงมีเพื่อนแล้วเหรอ โทรหากูทุก ๆ สองชั่วโมง ตามมึงชิบหาย มึงไม่นอนบ้านแล้วไปนอนไหนวะจุ้ม เอาดี ๆ ตกลงมีปัญหาอะไรกัน ปกติทุกทีแม่งจะโทรมาแดกหัวกู แต่แปลกรอบนี้มาแบบนิ่ง ๆ”

มาแบบนิ่ง ๆ เหรอพี่

“ก็มีปัญหากันนิดหน่อยพี่”

ไม่นิดมั้ง

“กูไม่อยากยุ่งเรื่องมึงหรอกนะ แต่กูว่าผู้หญิงก็โรคจิตไป มึงไม่รีบ ๆ เลิกไปซะ ระวังซักวันมึงจะโดนกระซวกตายคาบ้าน”

เหรอพี่

“คงงั้น”

ตอบไปแค่นั้น และรุ่นพี่ก็เลิกคิ้วขึ้นสูง มึงตอบง่ายเกินไปหรือเปล่า

“จุ้ม”

ได้ยินรุ่นพี่เรียก และจุมพลก็เงยหน้าขึ้นมอง

“กูเป็นห่วงนะ ไม่ใช่แค่กู แต่เราทุกคนเป็นห่วง ถ้ารีบดึงตัวเองออกมาได้ มึงออกมาเหอะวะ หรือจริง ๆ แล้วมันมีปัญหาอย่างอื่น ไม่ใช่แค่เรื่องรักหรือไม่รัก ...... เรื่องส่วนตัวกูไม่อยากยุ่งนะ แต่กูก็ไม่อยากเห็นมึง หน้าชื่นอกตรมแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เวลายิ้มให้ยิ้มทั้งตา ไม่ใช่ทำเหมือนชีวิตแม่งตลกมาก แต่ตามึงไม่เคยยิ้ม”

เหี้ย เวรแล้วไง พี่ตาลแม่งรู้จริง

“คิดมากไปแล้วพี่ กินข้าวเหอะ”

ยังคงยิ้ม และทำทีเป็นก้มหน้าก้มตากินข้าว และคนที่ถามคำถามยาก ๆ ก็ได้แต่ส่ายหน้า

“เออ แล้วแต่มึงแล้วกันจุ้ม มีอะไรก็บอกกันบ้าง พวกพี่ไม่ใช่คนใจดำ ที่ถามก็เพราะเห็นว่าพักนี้แฟนมึงแปลก ๆ แม่งกูบอกตรง ๆ กูเดาใจผู้หญิงคนนี้ไม่ออกเลยจริง ๆ”

เหรอพี่ ที่จริงเดาไม่ยากหรอก

“ถ้าวันไหนผมตายไปนะพี่ พวกพี่ไม่ต้องคิดอะไรมากนะ ให้คิดว่าสมควรแล้วที่ตาย”

มึงบ้าหรือไง

“จุ้ม มึงอย่ามาเพ้อเจ้อ ไม่มีใครตัดสินใครได้หรอก ว่าใครสมควรตายหรือไม่สมควรตาย ต่อให้มึงฆ่าคนตายก็เหอะ มันก็ไม่มีใครพิพากษาได้ว่ามึงสมควรตาย เว้นซะแต่ว่า คน ๆ นั้นเอาบรรทัดฐานตัวเองเป็นที่ตั้ง และเอาความสะใจของตัวเองบวกเข้าไป พอบวกเสร็จ มึงก็ไปชี้หน้าด่าฆาตกรโหดร้อยศพว่า ไอ้เหี้ยนี่แม่งสมควรตาย มึงลองย้อนกลับไปยุคไดโนเสาร์นะ ที่คนเอาไม้ตีกบาลกันแล้วลากเข้าถ้ำ ต่อให้ตีกบาลแล้วแม่งตาย มึงว่าคนที่ไปตีกบาลเขาจนตาย สมควรตายป่ะ นั่นแหละ.......... ใครก็ตามที่ไปตัดสินว่าใครสมควรตาย กูตัดสินมั่งเอาป่าว ตามบรรทัดฐานของกู มึงฆ่ามดร้อยตัว กูเห็นว่ามึงสมควรตาย แล้วมึงจะทำไมกู ก็กูเห็นว่าสมควรตายอ่ะ แล้วจะทำไม”

โดนซะเต็ม ๆ เลยกู

“ครับท่าน ผมจะไม่ไปตัดสินใครแล้วบอกว่าใครสมควรตายไม่สมควรตายแล้วครับท่าน”

จุมพลยกมือไหว้รุ่นพี่ ที่พูดจายืดยาวแต่ก็มากพอให้ข้อความเหล่านั้นซึมเข้าไปในสมองได้บ้าง

“เพราะฉะนั้นมึงอย่ามาคิดว่ามึงสมควรตาย ถ้ากูคิดว่ามึงไม่สมควรตายบ้างล่ะ แล้วมึงจะทำไม”

ครับ

“รักอ่ะ รักนะ รัก รัก รัก”

จุมพลดึงมือรุ่นพี่มากุมเอาไว้ และกระพริบตาปริบ ๆ สองสามที รอยยิ้มหวานเชื่อมถูกส่งไปให้ และรุ่นพี่ก็ส่งยิ้มตอบกลับมาให้

“เช่นกันครับ”

แอ่ะ

“อ้วกกกกกกกกกกกกกกกกก”

เจี๊ยบถึงกับออกอาการ และจุมพลก็หัวเราะออกมาด้วยความขำ

“แม่งหึงว่ะ อีเมียเก็บ อีบ้านเล็กบ้านน้อย”

บ้านเล็กบ้านน้อยห่าอะไรพี่จุ้ม

“อยู่กับพี่จุ้มแล้วเครียดว่ะ ไปหาแปะดีกว่า แปะฝากซื้อน้ำมะตูมด้วย”

เจี๊ยบลุกขึ้นและเดินไปร้านขายน้ำเรียบร้อยแล้ว และจุมพลก็ลุกขึ้นตาม

“พี่ตาลไปทำงานก่อนพี่ เดี๋ยวดึก ๆ โทรหา”

เออ แล้วแต่

“โทรได้ป่ะ หรืออีเจี๊ยบมันจะหึง”

หึงบ้าอะไร

“ก็โทรมาดิ ช่วงนี้ไม่ได้ไปไหน อยู่บ้านมาเป็นอาทิตย์แล้ว”

เอาจริง

“ตั้งแต่อีเจี๊ยบไปนอนด้วย หน้าตาดูมีความสุขจังเลยว๊า คิดอะไรกับมันป่าวเนี่ย”

คิดอะไรวะ

“มึงก็คิดไปได้นะจุ้ม ไปทำงานเหอะไป นี่ก็จะรีบกินรีบไปแล้วเหมือนกัน”

ครับพี่

“รักแท้แพ้ใกล้ชิดนะเฮ้ย”

ยังไม่เลิก และรุ่นพี่ก็ส่ายหน้ากับสิ่งที่จุมพลพูด

“เอาตัวมึงให้รอดก่อน ค่อยมาสนเรื่องชิดหรือไม่ชิด”

ตามนั้นครับพี่

“อีเมียเก็บจะเลื่อนฐานะซะล่ะมั้งงานนี้ สงสัยกูต้องเตรียมตกกระป๋องแล้วววววววว โคตรเศร้าเลยว่ะ ฮือ ฮือ”

ดูมันทำ

ชีวิตไอ้จุ้มนี่โคตรน่าประหลาดใจ มันเคยมีความทุกข์เกินสองนาทีหรือเปล่าวะ อยากรู้จริง ๆ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 20-05-2014 23:57:50
“ขอโทษทีพอดีผมเลิกดึกหน่อย มีปัญหาเรื่องเส้นทางการขนส่งที่กำลังจะเปิดใหม่”

จุมพลขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยในเวลาเกือบสองทุ่ม คุณไอศูรย์บอกว่าจะมารับ แล้วก็มารับจริง ๆ
ทำไมต้องมารับด้วยวะ กูดูเหมือนคนมีปัญหาชีวิตมากขนาดนั้นเลยหรือไง

บอกไปสามรอบแล้วว่าจะกลับไปนอนบ้าน แม่งก็ไม่ยอม
ยังคงย้ำนักย้ำหนาแถมไม่บอกเหตุผลด้วยว่าทำไมต้องมาตามรับตามส่ง

นี่กูต้องได้รับการคุ้มครองขนาดนี้เลยเหรอวะ โคตรงงตัวเองเลย

“คุณไม่คิดว่ามันแปลก ๆ เหรอคุณไอศูรย์ เอาจริง ๆ ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรกับคุณนะ ผมว่ามันดูงง ๆ แปลก ๆ คุณว่ามั้ย”

ไม่นี่

“แล้วยังไงถึงไม่แปลก ปล่อยให้คุณกลับบ้าน ไปให้แฟนคุณแทงตาย อย่างนั้นเรียกว่าไม่แปลกใช่มั้ย”

ครับ ยอมแพ้ครับ กูไม่เถียงด้วยแล้วครับ

“แต่มันก็ไม่ใช่ภาระที่คุณต้องมาแบกรับเรื่องของผมป่าววะ”

แล้วไง

“นั่นมันก็เรื่องของผมอีก คุณดูจะมีปัญหากับเรื่องของผมอยู่ไม่น้อยนะคุณจุมพล”

สุดยอดว่ะ คุณไอศูรย์นี่แม่งก็กวนตีนใช้ได้เหมือนกันนี่หว่า

“...........................”

แล้วแต่เหอะ กูจนปัญญาจะเถียงด้วย

ก็ดี มีคนคอยรับส่ง แม่งโคตรสบาย

“แล้ววันนี้เป็นยังไงบ้าง”

วันนี้เหรอ

“ก็เป็นแบบนี้”

แบบนี้มันคือแบบไหนล่ะคุณจุมพล อธิบายสิ ไม่ใช่บอกว่าแบบนี้แล้วก็จบ ผมต้องการคำอธิบาย ไม่ใช่การตอบแบบส่ง ๆ

“คุณนี่เป็นคนน่าโมโหที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมาเลยจริง ๆ”

ใคร ๆ ก็พูดแบบนั้นแหละ เฉย ๆ ว่ะ ผมชิน

“กินยาครบหรือเปล่า พวกยาแก้อักเสบอะไรพวกนี้”

ยาเหรอ

“เออว่ะ ผมลืม มิน่าทำไมมันรู้สึกปวดหนึบ ๆ ที่แผล”

้ิิเออนี่คืออะไร หมายความว่ายังไง

“ผมควรทำยังไงกับคุณดี คุณจุมพล”

ทำยังไง ทำยังไงคือทำยังไงวะ ก็ไม่เห็นต้องทำยังไงไม่ใช่หรือไง แล้วจะให้กูตอบยังไงล่ะ จะไปรู้เรอะ

“แล้วคุณจะทำยังไงล่ะ ผมจะไปรู้ได้ยังไง”

ไม่ได้คิดอะไรเวลาที่ตอบ แต่การตอบแบบไม่คิดอะไรเลย ก็ทำให้คนที่กำลังขับรถแทบอยากจะเลี้ยวรถเข้าข้างทาง แล้วเขย่าหัวคนที่ตอบได้กวนประสาทมากที่สุดในโลกให้หายโมโห

“คุณนี่มัน จริง ๆ เล้ยยยยยยยย ผมจะทำยังไงกับคุณดีวะ”

โฮ่ มีวะด้วยเว้ยเฮ้ย ไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดา

“แล้วคุณจะทำยังไงล่ะ ก็บอกสิ ผมอยากรู้”

หันไปถามด้วยความสงสัย

ผมสงสัยจริง ๆ ครับ ไม่ได้แกล้งสงสัย

“คุณจะฆ่าผมมั้ย”

คำถามง่าย ๆ แต่จริงจัง ดวงตาที่มองมานิ่งสงบจนคนที่เผลอมอง รู้สึกถึงลมหายใจของตัวเองที่อยู่ดี ๆ ก็เกิดกระตุก โดยไม่มีสาเหตุ

“ทำไมผมต้องฆ่าคุณด้วย ผมไม่ได้เป็นบ้าเหมือนแฟนคุณนะ”

เหรอ

“...........อือ..........”

จุมพลไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่เปลี่ยนเป็นเอนหลังพิงกับเบาะและนิ่งเงียบไม่พูดอะไรอีก
ต่างคนต่างเงียบ ความเงียบงันที่ทำให้คุณไอศูรย์ต้องถอนหายใจออกมายาว ๆ

จุมพลเหมือนคนเสียศูนย์ ไม่ว่าการกระทำ คำพูด หรือความคิด มันดูจะสับสนไปหมดจนเรียงลำดับขั้นตอนแทบไม่ถูก

น่าแปลกที่ยังคงใช้ชีวิตอย่างปกติมาได้ตลอด ทั้งที่ถ้ามองดี ๆ จะรู้ จุมพลเลยคำว่าเสียศูนย์ไปไกล

“คุณจุมพล”

อือ

หันมาตามเสียงเรียก และคนถูกเรียกก็มองหน้าของคนที่เรียกด้วยสายตาว่างเปล่า

“ปัญหาของคุณผมไม่ช่วยแก้หรอกนะ แต่ปัญหาของเรา คุณต้องช่วยผมแก้”

ปัญหาของเรา .......ปัญหาของเรา…. ปัญหาอะไรวะ ที่สำคัญ ทำไมกลายเป็นเราวะ
กูกับคุณไอศูรย์กลายเป็นเราตั้งแต่ตอนไหน ไม่เข้าใจ

“ไม่เข้าใจ”

ก็ไม่ต้องเข้าใจ เพราะผมก็ไม่ได้ต้องการให้คุณมาเข้าใจ

“คุณไม่มายอยู่แล้วเรื่องนั้นมันก็แค่ความต้องการทางร่างกาย ผ่านแล้วก็ผ่านเลย ผมว่าคุณคงไม่คิดอะไรมากมาย ใช่มั้ยคุณจุมพล”

เรื่องนั้น เรื่อง................ อ่า....

ไม่ได้ตอบ และไม่ทันจะได้คิด ตอนนั้นคิดแค่ว่า ทำให้มันเป็นจริงอย่างที่หญิงด่าซะให้รู้แล้วรู้รอด อยากรู้นักว่าแม่งจะเป็นยังไง ก็แค่ปลดปล่อยอารมณ์ นอกจากไม่รู้สึกผิดแล้ว ยังรู้สึกสะใจด้วยซ้ำที่ได้ทำแบบนั้น

“ผมจำไม่ได้แล้ว”

จำไม่ได้ ใช้คำว่าจำไม่ได้ มันจะไม่เกินไปหน่อยหรือไงครับคุณจุมพล

“ผมไม่ใช่ไม่เคยนอนกับผู้หญิง มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะต้องมานั่งนึกทบทวนอะไร ผ่านแล้วก็ผ่านไป แต่คุณจงเข้าใจไว้อย่างหนึ่ง...........ผมไม่เคยนอนกับผู้ชาย.....และมันก็จะจบง่ายมาก ถ้าผู้ชายคนนั้นไม่ต้องพบเจอกันอีก แต่นี่เรายังต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน คุณว่าเราควรจัดสถานะของเราไว้แบบไหน ผมจะได้รู้ ว่าคุณคิดยังไง”

คิดยังไง คิดยังไง อะไรวะ

กูไม่รู้

“คุณจะจัดยังไงก็จัดเลย แล้วแต่เลยคุณไอศูรย์”

ยกภาระหน้าที่ในการคิดให้กับคนถาม และคุณไอศูรย์ก็ได้แต่ขมวดคิ้วมุ่นและอยากจะรื้อสมองของจุมพลออกมาดูให้รู้ว่าในนั้นมีอะไรบรรจุอยู่บ้าง

“รูมเมทแล้วกัน จะได้ไม่ต้องยุ่งยาก”

เออ รูมเมทก็รูมเมท

“รูมเมทก็รูมเมทครับ”

จบแล้วนะปัญหานี้ เป็นรูมเมทก็รูมเมทวะ

“แล้วผมนอนกับคุณเหมือนเดิมป่าว”

หมายความว่ายังไง นอน......... กลายเป็นคุณไอศูรย์ที่หันหน้ามามอง และเลิกคิ้วขึ้นสูง

“นอน.......”

เออใช่นอน

“แบบไหน”

แบบไหนอะไร ก็นอนไง มีนอนแบบไหนด้วยเหรอวะ

“แบบ.........นอนอย่างงี้ไง”

จุมพลใช้มือสองข้างประกบกัน และแนบไว้ที่แก้มแทนคำอธิบาย และคนที่เริ่มจะไม่เข้าใจความหมายก็พยักหน้าและหันไปมองถนน ด้วยความรู้สึกแปลก ๆ ... คล้ายกำลังโดนปั่นหัวอีกแล้ว แต่ไม่แน่ใจตัวเอง ว่าทำไมต้องคิดว่าอีกฝ่ายกำลังปั่นหัว

“ผมก็หมายความอย่างนั้นแหละ”

ไม่ใช่มั้ง

ถ้าหมายความอย่างนั้น ทำไมต้องหันมาทำหน้าแบบนั้นใส่ด้วยวะ กูว่าแม่งคุณไอศูรย์ต้องคิดอะไรแปลก ๆ บ้างแหละวะเมื่อกี้ ไม่งั้นไม่ทำหน้าดุใส่กูขนาดนั้นหรอก

“คุณไม่ได้หมายความแบบนั้นหรอกมั้ง”

แกล้งพูดไปแบบลอย ๆ และคราวนี้ยิ่งทำให้คุณไอศูรย์ขมวดคิ้วมุ่นและไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรกันแน่

“แล้วคุณคิดว่าผมจะหมายความว่ายังไง”

ถามออกไปด้วยความหงุดหงิดใจเล็ก ๆ และจุมพลก็พยายามหาวิธีการอธิบายที่ง่ายแก่การเข้าใจ

“ก็นอนแบบว่า......ต่างคนต่างซี้ด ไม่ก็ซี้ดไปพร้อม ๆกันไง”

ซี้ดบ้าอะไรของคุณวะ

“อยากซี้ดพร้อมผมอีกรอบว่างั้น”

ไม่ได้อยากซี้ดพร้อมคุณไอศูรย์หรอกครับ ผมแค่งงว่าทำไมคุณไอศูรย์ต้องจริงจังกับชีวิตขนาดนั้นด้วย

“ไม่รู้ดิ ปกติผมก็ซี้ดของผมคนเดียว แต่พอได้มาซี้ดพร้อมคุณไอศูรย์ แล้วเห็นหน้าคุณไอศูรย์เวลาซี้ด
ผมก็ว่า....แม่ง.......มันก็แปลกๆ ดี”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 21-05-2014 00:25:24
คู่นี้ดูมึนอึนกันน่าดู :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: meeoldly ที่ 21-05-2014 04:36:41
สรุปว่า บ้าพอๆกัน

 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: shikyu3211 ที่ 21-05-2014 05:33:29
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: pudcha ที่ 21-05-2014 06:59:34
ชอบเรื่องแนวนี้อ่ะ เพิ่งจะได้อ่าน ตามยังไม่ทันเลย
แต่ขอเม้นให้กำลังใจคนแต่งก่อน สู้สู้ค่ะ   :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 21-05-2014 07:48:05
ชัดเลย อ่านไปๆ ว่าละต้องเป็นบ้าโรคจิต เอาส่งโรงบาลบ้าเลยนะ เอาอีพี่สาวมันด้วย อีนั่นอะตัวดีเลย แล้วมันไม่ต้องรับผลกรรมอันใดหรอที่ทำไว้กับคนอื่นนะ  :fire:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 21-05-2014 07:51:52
สงสัยชอบกินของเผ็ดกัน เลยชอบซิ๊ดดดดดดด555555555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 21-05-2014 09:50:01
สงสารจุ้มนะ แข้งเข็งอยู่ได้ยังไง

แต่พออ่านถึงตอนล่าสุด ขำเลย 555555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 21-05-2014 10:42:34
 :laugh:  คิดไม่ออกจริงๆว่า สองคนนี้จะมึนกันไปถึงไหน  :katai1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 21-05-2014 11:10:57
ดูท่าต่างคนจะต่างมึนพอกัน  :hao7:

ฮาไอ้ซี๊ดดดด ของจุมพลอะ  :m20:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 21-05-2014 12:41:40
คู่นี้อึนๆ แบบแปลกๆไงไม่รู้ อึดอัดบอกไม่ถูก
ปัญหาซับซ้อนเหลือเกิน เฮ้อออ

ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไป ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 21-05-2014 13:42:50
เป็นรูมเมท หรอ????
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 21-05-2014 15:45:27
รูเมทเหรอ ได้ข่าวว่า ซัมกันไปแล้วนะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 21-05-2014 16:02:47
คู่นี้น่ารักมากอ่ะ ชอบกันแบบมึนๆมึนๆ อ่านแล้วยิ้มตลอดๆ

ชอบจุ้มชีวิตเจอแบบนี้ ถ้าไม่มีใครมาฉุดเราออกมา เราคงหาทางออกไม่เจอเหมือนกัน

ขอบคุณที่ลงให้อ่านนะคะ ขอบคุณทั้งคนแต่งและคนลงให้อ่านจริงๆเลย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 50
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 21-05-2014 16:36:29
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/19/256IqDzo.jpg)
เรื่องของหัวหน้าแผนกจัดซื้อ ไอศูรย์-จุมพล ตอน อยากจะนอนก็นอนไม่หลับ

“ผมจะนอนตรงไหนดี”

จุมพลกำลังจะขยับเข้าไปนอนด้านใน แต่เมื่อล้มตัวลงแล้วกลับต้องลุกขึ้นมาใหม่อีกรอบ และคนที่กำลังจะก้าวขาขึ้นไปบนเตียงก็ชะงักนิ่ง

“จะเอายังไง”

ไม่เอายังไงหรอก

“ผมเปลี่ยนใจแล้ว ผมนอนข้างนอกดีกว่า”

ปัญหาแค่นี้ ทำไมต้องทำให้ยุ่งยาก ต้องการอะไร แล้วนั่น ลุกขึ้นหลายครั้งแล้ว ตกลงจะเอายังไง จะนอนตรงไหนกันแน่
คุณไอศูรย์ไม่อยากจะแสดงอารมณ์หงุดหงิดให้มากนักแต่ก็เริ่มจะทนไม่ไหว

“ผมให้คุณตัดสินใจอีกห้าวินาที ถ้าเลือกไม่ได้เดี๋ยวผมจะเลือกให้เอง”

โห่ เล่นงี้เลยเหรอ จะรีบนอนไปไหนล่ะคุณไอศูรย์

“ผมนอนใต้เตียงแล้วกัน”

นี่คือการตั้งใจจะกวนประสาทใช่มั้ย

“เชิญครับ”

ไม่ได้ห้าม แต่ตอบรับแต่โดยดี และจุมพลก็ดึงหมอนเตรียมลงไปนอนใต้เตียงอย่างที่พูดจริง ๆ

“คุณจะไปไหนคุณจุมพล”

ก็ไปนอนใต้เตียง

ชี้นิ้วเพื่อเป็นการบอก และคุณไอศูรย์ก็ชักจะรำคาญกับความเรื่องมากของคนที่มาอยู่ด้วยกันได้ไม่นาน

“อะไรของคุณ สองสามวันที่ผ่านมาก็นอนบนเตียง แล้วนี่เป็นอะไรทำไมคุณจะมีปัญหากับคืนนี้”

ไม่ใช่ว่ามีปัญหาหรอก

“ก็ยาหมด....คืนนี้ผมไม่ได้กินยาแก้แพ้อากาศเหมือนสองคืนก่อน”

แล้ว.......

“เกี่ยวอะไรกับยาแก้แพ้”

เกี่ยวสิ

“ก็ผมรู้ว่าคืนนี้ผมจะนอนไม่หลับ มันจะน่ารำคาญมากเวลาที่ผมกระสับกระส่ายไปมา คนที่มานอนด้วยเป็นใครก็ต้องรำคาญ”

แล้วยังไง

“คุณจะนอนไม่หลับมันก็เรื่องของคุณ แต่ผมหลับ เพราะผมเหนื่อยมาก ถ้าคุณนอนไม่หลับ คุณก็ต้องพยายามข่มตาเอาเอง”

เฮ้ย ถ้ากูทำได้กูก็ไม่ต้องลุกขึ้นมานั่งเล่นเกมส์ตอนดึก ๆ ดื่นๆ หรอกวะ คุณไอศูรย์แม่งไม่เข้าใจ

“คุณพูดเองนะ”

ใช่ ผมพูดเอง

“ตกลงนอนฝั่งนั้นนั่นแหละ คุณไม่ต้องเลือกแล้ว ขืนรอคุณเลือกผมคงไม่ต้องนอนกันพอดี”

แล้วคุณไอศูรย์ก็ลงไปนอน แล้วผมก็ต้องทำตามที่คุณบอกใช่มั้ยครับ

“ปิดไฟด้วย”

ครับ ปิดก็ปิด ปิดแล้วครับ

จุมพลเดินไปปิดไฟและก็มาล้มตัวลงนอนข้าง ๆ คนที่นอนหันหลังให้แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจยาว ๆ ด้วยความกลุ้ม

พยายามข่มตาให้หลับแต่ก็ทำไม่ได้   ถ้ามันหลับได้ง่าย ๆ กูคงนอนหลับสนิทตลอดสองปีที่ผ่านมาแล้ว
แต่นี่แม่งนอนหลับไม่ได้ง่าย ๆ ไง ชีวิตมันถึงได้รวนแบบนี้ เพราะบางวันก็มีสติไม่มากพอ

เครียดว่ะ ให้ทำอะไรก็ทำได้นะ แต่บังคับให้หลับ กูทำไม่ด้ายยยยย

“คุณไอศูรย์ คุณว่าคนเราต้องนอนวันละแปดชั่วโมงจริงมั้ย”

พูดเรื่องเดิม ๆ และคนที่กำลังจะหลับก็พูดอะไรบางอย่างเสียงเบาให้จุมพลได้ยิน

“คุณจุมพล คุณเคยคิดบ้างมั้ย ว่าทำไมคุณถึงได้พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง”

เคย

“เพราะว่าผมมันเป็นคนพูดไม่รู้เรื่องไง”

ไม่ใช่หรอก

“เพราะคุณนอนไม่ครบแปดชั่วโมง สมองคุณเลยรวน ทำให้เรียบเรียงสติ เรียบเรียงคำพูดไม่ถูก”

คล้าย ๆ โดนด่าเลยว่ะ แม่งเจ็บ

“นี่คุณกำลังด่าผมอยู่หรือเปล่า”

ไม่ได้ด่า

“ผมประณามมันรุนแรงกว่าด่าเยอะ และผมหวังให้คุณเจ็บปวดกับคำพูดของผม เพราะนั่นแปลว่าผมประสบความสำเร็จในการประณามคุณ”

แรงว่ะ

จุมพลไม่ได้โกรธ และน่าแปลกที่คำพูดนั้นมันทำให้หัวเราะได้ในเวลาที่รู้สึกเครียดแบบนี้

“แต่ผมไม่เจ็บปวด ถ้าผมไม่เจ็บปวดคุณจะทำยังไง”

ถามคนที่นอนหันหลังให้ และคุณไอศูรย์ที่นึกรำคาญอีกฝ่ายขึ้นมาเต็มทน ก็พลิกกายหันมาหาคนที่ยังถามอะไรไม่หยุด

“เมื่อไหร่คุณจะนอน”

นั่นสิ ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่ถึงจะอยากนอน

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”

ตอบไม่ได้

ไม่ใช่ไม่อยากตอบ แต่เพราะตอบไม่ได้ จุมพลก็เลยรีบพลิกกายหันหลังหนีคนที่กำลังขมวดคิ้วมุ่น

“คุณไอศูรย์คุณคิดว่าคนเรานอนวันละแปดชั่วโมงมันดีแน่แล้วเหรอ สองปีมานี้ผมจำไม่เห็นได้ว่าผมเคยนอนครบวันละแปดชั่วโมง….แต่ผมก็ยังทำอะไรได้ตั้งเยอะแยะ ไปทำงานได้ คุยกับใครก็ได้ เพราะฉะนั้นผมว่าคนเราไม่ต้องนอนวันละแปดชั่วโมงก็ได้นะ คุณว่าอย่างงั้นมั้ย”

คำพูดเรียบเรื่อย เหมือนไม่มีอะไรอยู่ในนั้น แต่มันกลับกระแทกเข้าไปกลางหัวใจคนฟังอย่างรุนแรง
ไม่ได้นึกจะสงสารหรือเห็นใจ ไม่ได้อยากจะคิดอะไรด้วยทั้งนั้น และยิ่งจุมพลพูดมากขึ้นเท่าไหร่ คนฟังก็ยิ่งไม่อยากฟัง

“แล้วคุณจะหลับได้หรือยังคุณจุมพล”

ก็พยายามอยู่นี่ไงวะ แต่แม่งมันไม่หลับไง จะให้ทำยังไงล่ะ

“ผมกำลังพยายามอยู่”

ถ้ากำลังพยายามอยู่ ผมก็ไม่ใช่คนใจร้ายใจดำ ที่จะปล่อยให้คุณพยายามอยู่แค่คนเดียว

“งั้นเราก็มาพยายามไปด้วยกัน”

อะไรวะ พยายามไปด้วยกัน ไม่เข้าใจ

หันกลับไปมองคนที่บอกว่าให้พยายามไปด้วยกัน และคุณไอศูรย์ก็ขยับเข้ามาใกล้จุมพลมากขึ้น

“พยายามยังไงเหรอ ผมไม่เข้าใจ”

ก็ไม่ยังไง

“คุณบอกว่านอนไม่หลับใช่มั้ย งั้นผมก็นอนไม่หลับด้วย คุณมองหน้าผม ผมมองหน้าคุณ มาลองดูว่าใครจะเผลอหลับก่อนกัน”

แล้วมันจะเผลอหลับได้จริงเหรอวะ

“แต่คุณต้องนอนเฉย ๆ และหยุดพูด”

ครับ ๆ ผมกำลังทำอยู่ครับ

“แล้วมันจะหลับจริงเหรอคุณไอศูรย์”

ไม่รู้สิ

“ก็ยังดีกว่าปล่อยให้คุณพูดไม่หยุดแล้วผมไม่ต้องนอน”

แม่ง ด่ากูนี่หว่า

“ถ้าคุณไอศูรย์หลับไปก่อน ผมก็ตาค้างอยู่คนเดียวสิ”

ก็ช่วยไม่ได้

“ถือว่าผมพยายามแล้ว แต่คุณมันตาค้างเอง โทษผมไม่ได้ ให้โทษตัวเองไป”

ได้ไงวะ ง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว เอาก็เอา เผื่อจะฟลุคหลับ

“เริ่มเลยเหรอ”

ก็เริ่มเลยสิ

“แล้วคุณจะรออะไรล่ะคุณจุมพล”

ไม่ได้รออะไรหรอกครับ

“แล้วจะให้ผมมองตรงไหน”

อยากมองตรงไหนก็มองไป คุณก็คิดเอาเองสิ ไม่ใช่ให้ผมคิด

“แล้วแต่คุณสิ”

เหรอ เออ แล้วแต่ก็แล้วแต่ จุมพลจ้องหน้าของคนที่บอกให้มองหน้ากันไปจนกว่าจะหลับ แต่ต้องหยุดพูด
ก็เลยหยุดพูดอย่างที่คุณไอศูรย์บอกและพยายามที่จะเชื่อว่าการทำอย่างนี้มันจะได้ผล

ถ้ากูหลับได้นี่แม่งฮาเลยนะ ทำเล่นไป

คิดอะไรไปเรื่อย คิดแล้วก็อมยิ้มน้อย ๆ และช้อนสายตาขึ้นมองหน้าของคนที่บอกว่าจะพยายามไปพร้อมกัน
มองแล้วก็เลิกคิ้วขึ้นสูง สงสัยอยู่เหมือนกันว่าคุณไอศูรย์มองตรงไหนของหน้ากูวะ แต่ก็ไม่ต้องสงสัยนาน เพราะค่อนข้างแน่ใจว่าแม่งไม่ได้มองหน้า ไม่ได้มองตา แต่.......มองที่ปาก....

แล้วมันจะผิดอะไร ในเมื่อให้มองส่วนไหนก็ได้ อยากมองตรงไหนก็มอง ถ้าคุณไอศูรย์มองที่ปาก งั้นผมก็มองตาซะเลย จะได้เจ๊ากัน....

ไม่ใช่แค่คิด แต่ทำ.... จุมพลเงยจ้องมองที่ดวงตาของคนที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว แม้จะเห็นไม่ชัดในความมืดแต่ก็พอรู้ว่าอีกฝ่ายมอง

มองกันอยู่อย่างนั้นเป็นนาน และจุมพลรู้สึกว่าหนังตามันเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ

หรือวิธีนี้จะได้ผลจริง ๆ เออ เข้าท่าว่ะ รู้สึกง่วงขึ้นมาทันที

ไม่ใช่แค่รู้สึกง่วง  แต่รู้สึกเหมือนกับว่าใบหน้าของคุณไอศูรย์ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ

หรือกูคิดไปเองวะ หรือว่าแม่งจะคิดไปเองจริง ๆ

จุมพลกำลังเคลิ้มหลับโดยไม่ต้องพึ่งยาแก้แพ้ หลับโดยไม่ต้องพึ่งความเหนื่อยล้ามาทำให้หลับ
ดวงตาค่อย ๆ ปิดลงอย่างช้า ๆ โดยไม่รู้ตัว เผลอหลับไปก่อนโดยที่ยังไม่ทันคิดอะไรทั้งนั้น

คนหนึ่งหลับไปแล้ว ทั้งที่ปากพูดปาว ๆ ว่านอนไม่หลับ ไม่รู้จะทำยังไงถึงจะหลับลงได้

แต่อีกคน ที่เมื่อแตะริมฝีปากเบา ๆ แนบกับริมฝีปากของจุมพลกลับต้องขมวดคิ้วมุ่น และต้องรีบผละใบหน้าออกห่าง

ครั้งแรกถูกชักจูงด้วยความต้องการทางร่างกายยังพอรับได้  แต่การที่ถูกจุมพลดึงให้เคลิ้มตามอีกครั้งในเวลานี้ มันไม่น่าจะเป็นการถูกชักจูงด้วยความต้องการทางร่างกายเหมือนครั้งก่อน

แล้วมันเป็นเพราะอะไร แล้วทำไมถึงทำแบบนี้

คุณไอศูรย์กำลังขมวดคิ้วมุ่น และค่อย ๆ ถอยห่างจากคนที่นอนหลับอยู่ข้าง ๆ มองหน้าของจุมพลอีกครั้ง และก็ถึงกับต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ขืนยังนอนมองหน้าของอีกฝ่ายต่อไปคงได้เกิดเรื่องขึ้นอีกรอบแน่ ๆ

สิ่งที่คุณไอศูรย์ทำได้ก็คือการรีบหันหลังหนีไปซะให้พ้น ๆ และพยายามข่มตาให้หลับ แต่นอกจากไม่หลับแล้ว ยังต้องหันกลับมามองหน้าของจุมพลอีกครั้ง

มอง นอนมองไปเรื่อย ๆ พิจารณาที่ใบหน้า แก้ม คิ้ว คาง ริมฝีปาก แล้วก็นึกเพลินที่ได้มองหน้าของจุมพลไปเรื่อย ๆ แบบนั้น
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน อยู่ดี ๆ คุณไอศูรย์ก็เผลอหลับไปพร้อม ๆ กับจุมพล...หลังจากนั้นไม่นาน


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 51
เริ่มหัวข้อโดย: seraty ที่ 21-05-2014 16:53:16
จ้องตามมากๆระวังท้องนะจุมพล.........
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 51
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 21-05-2014 17:08:56
รู้สึกว่าคุณไอศูรย์จะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำนะ 555
ดูกันต่อปายยยยย ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 51
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 21-05-2014 17:09:33
วิธีแก้นอนไม่หลับน่ารักดี
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 51
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 21-05-2014 18:09:57
ความใกล้ชิด และความเข้าใจ


มักจะเกิดความรักเสมอ :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 51
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 21-05-2014 18:36:35
วิธีนี้ได้ผลดีแหะ
จุมพลต้องมองบ่อยๆเผื่อจะท้องแล้วชดใช้ให้หญิงได้55//ผิดละ ไปไกล
ตื่นเช้ามาจะเป็นยังไงต่อหนอ แล้วจะเคลียร์ปัญหาได้ไหมเนี่ย แล้วนิ้งนี่ไม่ได้รับผลกรรมอะไรบ้างเลยหรอ แย่จริงๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 51
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 21-05-2014 18:48:31
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/19/256IqDzo.jpg)
เรื่องของหัวหน้าแผนกจัดซื้อ ไอศูรย์-จุมพล ตอน เอาคืน

กิจวัตรบางอย่างคล้ายจะเป็นปกติไปซะแล้ว ทั้งที่สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ควรเรียกว่าปกติ คุณไอศูรย์ไม่คิดว่าจะเข้าใจเรื่องนี้ได้ง่าย ๆ
แต่ก็ไม่รู้จะหาคำตอบของเหตุการณ์พวกนี้ได้ยังไง

“เนคไทด์คุณแน่นเกินไป คุณจะผูกแน่นขนาดนี้ไปทำไม”

หลังจากนอนมองจุมพลที่เดินไปเดินมาในห้องอยู่นาน  คุณไอศูรย์ก็รู้สึกทนไม่ได้กับการผูกเนคไทด์ของจุมพล
ลุกขึ้นจากเตียงมาจัดการกับเนคไทด์ของจุมพลที่ยิ่งผูกยิ่งไปกันใหญ่ นี่อย่าบอกนะว่าไม่มีสติที่จะผูกเนคไทด์ให้ตัวเอง

“แน่นไปเหรอ ปกติผมก็ผูกแบบนี้ตลอด”

ใช่ แน่นไป ทำไมไม่ผูกเงื่อนตายไปซะถ้าจะผูกแน่นขนาดนี้

“ถ้าอยากผูกคอตาย  เงื่อนแบบนี้ผมว่าเหมาะ”

อ่อ เหรอครับ   คุณประชดได้เจ็บปวดมากครับคุณไอศูรย์

ยืนอยู่เฉย ๆ ให้คุณไอศูรย์จัดการบางอย่างได้ตามใจชอบ และจุมพลก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าของคนที่ตั้งใจผูกเนคไทด์ให้ใหม่

“คุณนี่เป็นคนหน้าตาดีจริง ๆ เลยนะคุณไอศูรย์”

พูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ คล้ายจะชม แต่แปลกที่คนที่ถูกพูดแบบนี้ใส่ กลับต้องขมวดคิ้วมุ่น และไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่ออะไร

“แล้ว........”

ก็ไม่แล้ว

“หน้าตาก็ดี หน้าที่ฐานะการงานก็ดี”

หมายความว่ายังไง ยิ่งฟังยิ่งไม่เข้าใจ และยิ่งไม่เข้าใจหนักขึ้นเมื่อจุมพลพูดประโยคต่อมา

“ทำไมคนหน้าตาดีขนาดนี้ไม่มีแฟนวะ ใครจะไปอยากเชื่อ”

อะไรของคุณ

“ผมไปบอกตอนไหนว่าไม่มี”

อ่อ.....สรุปว่ามี

“นั่นไงผมว่าแล้วว่าต้องมี”

คิดว่าตัวเองเดาถูก และก็พยักหน้าตามแถมยังยิ้มระรื่นเมื่อคิดได้ว่าตัวเองคาดเดาเรื่องนี้ได้อย่างถูกต้อง

ไม่ให้มีได้ยังไง หน้าตาก็ดี นิสัยก็ไม่ได้แย่อะไร แถมเรื่องฐานะ หน้าที่การงานยิ่งไม่ต้องพูดถึง

“แล้วผมอยู่ที่นี่ คุณจะไม่มีปัญหาเหรอ”

ปัญหาอะไร

“ผมไม่ได้บอกว่ามีแฟน แต่ก็ไม่ได้บอกว่าไม่มีแฟน”

แปลว่าอะไรวะ ตกลงจะมีหรือไม่มี

“แล้วถ้าแฟนคุณเข้าใจผิดขึ้นมาจะทำยังไง นี่ขนาดแค่ไอ้เจี๊ยบไปค้างบ้านผม เล่นกันนิด ๆ หน่อย หญิงยังตามด่าไอ้เจี๊ยบไม่จบไม่สิ้น แต่ผมกับคุณมันไปไกลกว่านั้นเยอะ ถ้าเกิดแฟนคุณรู้ขึ้นมา ผมไม่โดนน้ำกรดสาดเหรอ”

แล้ว...........

“ไกลกว่านั้นเยอะ ......... แล้วมันไกลแค่ไหนล่ะ”

ไกลแค่ไหน

ไกลแค่......... ตอบไม่ถูก และจุมพลก็มีสีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด แต่คนที่กำลังจัดเนคไทด์ให้กลับทำหน้าเฉย

คุณเคยยิ้มบ้างป่าววะคุณไอศูรย์ ถามจริง ๆ

“แบบที่ซัดกันไปแล้วหนึ่งรอบ”

หนึ่งรอบเหรอ

“หนึ่งรอบที่ว่า ก็แค่ภายนอก คุณว่ามันต่างจากการช่วยตัวเองตรงไหน ถ้าคุณมองว่าเป็นเรื่องของอารมณ์ความต้องการของร่างกาย มันก็จบ”

จบเหรอ

“เข้าไปได้ไม่ถึงครึ่งทาง แล้วคุณร้องโอดโอยข่วนผมจนหลังมีแต่รอย.........คุณเรียกมันว่าการมีเซ็กส์กันงั้นเหรอ”

เออว่ะ

“แล้วคุณมาเรียกร้องว่าไม่เคยนอนกับผู้ชาย แล้วต้องช่วยกันแก้ปัญหามันหมายความว่ายังไงครับคุณไอศูรย์”

ก็ไม่หมายความว่ายังไง

“ผมคิดว่าผมกำลังถูกกระทำในสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควร ผมก็เรียกร้องตามสิทธิ์ ที่ผมควรเรียกร้อง”

ห๊ะ เรียกร้องสิทธิ์เนี่ยนะ

“แต่คุณเป็นฝ่ายพยายามจะยัดเยียดเข้ามาในตัวผมให้ได้นะ”

“แต่คนที่ทำให้ผมต้องยัดเข้าไปมันก็คือคุณเองไม่ใช่หรือไง”

เออใช่  จริงด้วยว่ะ กูแม่งเสียศูนย์ไง แต่คุณมึงก็ไม่ควรจะฉวยโอกาสตอนที่คุณกูเสียศูนย์ โดยการปล่อยให้คุณกูทำเรื่องโง่ ๆ แบบนั้นนี่หว่า  ก็น่าจะห้ามกันบ้าง  ไม่ใช่ปล่อยเลยตามเลยแบบนั้น

“ตกลงผมผิดเหรอวะ”

จุมพลขมวดคิ้วมุ่น และเริ่มโมโหที่ตัวเองกำลังเสียเปรียบทุกทาง

“ผมโดนยัดเข้ามานะโว้ย ตกลงผมผิดเหรอ คนเริ่มไม่ได้แปลว่าต้องผิดเสมอไปนี่ คนที่ไม่ยอมห้ามทั้งที่รู้ว่าผมประชดแฟนน่าจะผิดกว่าสิ คุณควรห้ามหรือบอกให้หยุด ไม่ใช่ปล่อยให้เลยตามเลย”

ชักจะไปกันใหญ่ และคุณไอศูรย์ที่กำลังจัดการเนคไทด์ที่คอให้จุมพลก็ยิ่งทำหน้าขรึมยิ่งกว่าเดิม

“มันน่าตื่นเต้นจะตาย อะไรที่ไม่เคยลอง พอลองดูผมว่ามันก็ช่วยสร้างความแปลกใหม่ให้กับชีวิตผมดีนี่ มันก็ไม่ได้แย่อะไรนะ มาคิด ๆ ดู ถ้าผมมองว่าคุณอยากระบายอารมณ์แล้วผมก็ช่วยคุณระบาย มันก็วิน วิน กันทั้งคู่ไม่ใช่เหรอ คุณจะให้ใครผิดล่ะ กรณีแบบนี้”

เออ กรณีแบบนี้ กูผิดเต็ม ๆ เลยก็ได้ครับ ก็ได้ กูผิดเองก็ได้

“เพราะฉะนั้น ถ้าใครซักคนจะมีปัญหากับกรณีนี้ ผมซึ่งถูกคุณชักจูงก็ควรได้รับโอกาสในการแก้ตัว เพราะผมไม่ผิด....ผมถูกคุณล่อล่วง และถึงแม้ท้ายที่สุด เราต่างก็เต็มใจและทั้งผมกับคุณก็ถึงจุดหมายด้วยกันทั้งคู่ แต่ถ้าต้องมีใครรับผิดชอบ คนแรกก็ต้องเป็นคุณ ส่วนผมเป็นผู้เสียหาย”

แม่ง ตอกย้ำกันเข้าไป กูผิดไง เออ กูผิด ยิ่งพูดกูก็ยิ่งผิดใช่มั้ย

จุมพลหน้าหงิก เพราะโดนว่าแต่ทำอะไรไม่ได้

“งั้นไม่ต้องมาผูกเนคไทด์ให้ผมเลย ผมจัดการเองได้”

ดึงเนคไทด์ออกจากมือของคนที่กำลังจัดการความเรียบร้อยให้ แต่คุณไอศูรย์ก็ไม่ยอมปล่อย

“เรื่องนั้น กับเรื่องเนคไทด์ที่ผมกำลังผูก มันคนละเรื่องกัน คุณจะเอาสองเรื่องนี้มาปนกันแล้วงอนผมไม่ได้.......เข้าใจมั้ย”

ห๊ะ  งอน  กูเนี่ยนะงอน  ไม่ได้งอนโว้ยยยยยยยยย  ถึงไม่เข้าใจที่คุณไอศูรย์พูดก็เถอะ แต่ผมไม่ได้งอนเว้ย
ทำไมต้องงอนด้วยวะ ไม่ได้เป็นอะไรกัน เป็นแค่รูมเมทกัน แล้วทำไมผมต้องงอนคุณด้วย

“นอนไม่พอแล้วอย่ามางี่เง่าใส่กันแบบนี้”

ไม่ใช่เลย  ใครที่เคยบอกว่ากูพูดจาไม่รู้เรื่องนะ มึงมาดูนี่เลย
แล้วแม่งจะรู้ว่าตอนนี้มี   คุณไอศูรย์เป็นคนที่พูดจารู้เรื่องแต่ระดับความเกรียนมากกว่ากูร้อยเท่า

อยากจะโทรหาไอ้เจี๊ยบมาก มึงมาดูเลยเจี๊ยบ ตอนนี้มีคนเกรียนยิ่งกว่ากูแล้ว เผลอ ๆ จะเกรียนยิ่งกว่า พี่เกรียนศักดิ์แผนกการเงินซะอีก

“เอาล่ะ เสร็จแล้ว”

จัดเนคไทด์ให้เข้าที่เข้าทาง และจุมพลก็ก้าวขาเดินออกจากห้องทันทีด้วยใบหน้าบึ้งตึงไม่มีการขอบคุณ ไม่มีคำพูดอะไรทั้งนั้น
เตรียมตัวไปทำงาน โดยมีคนที่เพิ่งลุกขึ้นจากเตียง เดินตามออกมาด้วย

“ผมไปเองได้ ไม่ต้องไปรับไปส่งหรอก แฟนผมคงไม่ตามไปกระซวกผมถึงบริษัทหรอกน่า”

งั้นเหรอ

“ผมก็ไม่ได้บอกว่าจะไปส่งนี่”

อะไรนะ

ไม่ได้ไปส่งแล้วเดินตามออกมาทำไม แบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยเหรอวะ แม่งปั่นหัวกูตั้งแต่เช้าเลยเหรอ นี่เรียกว่าการปั่นหัวใช่มั้ย
กูกำลังถูกปั่นหัวใช่มั้ยวะ

“เมื่อคืนนี้คุณอาจไม่รู้ตัว  ว่าคุณเป็นสาเหตุทำให้ผมได้นอนไม่เต็มที่”

อ้าวววววววววววว  ยังไงกันล่ะครับคุณไอศูรย์  ก็ผมบอกกคุณตั้งแต่แรกแล้วว่าจะนอนใต้เตียง แต่คุณไม่ยอมให้ผมไป
แล้วมาโทษผมได้ยังไง   อีกอย่างเมื่อคืนผมก็หลับสนิทไม่ได้พลิกตัวไปมา หรือทำเรื่องงี่เง่านะครับแล้วยังจะบอกว่ากูทำให้คุณมึง นอนไม่พออีกเหรอ เห็นตื่นมาหน้าตาแจ่มใสซะขนาดนี้ นี่ยังเรียกว่านอนไม่พออีกหรือไง

“นั่งก่อนสิ ที่โซฟา”

“ทำไมผมต้องนั่งด้วยวะ ผมจะรีบไปทำงานแล้ว”

“หกโมงเช้า บริษัทคุณเปิดทำการแล้วหรือไง ไปเช้าขนาดนี้ ไม่มีใครมอบโล่พนักงานดีเด่นให้คุณหรอกนะ”

ไม่มีก็ไม่มีสิวะ  ไม่ได้คิดจะเอาโล่มาทำอะไรซักหน่อย

“เช้า ๆ คุณควรได้รับน้ำตาลไปหล่อเลี้ยงสมองซะบ้าง  คนเราควรได้รับน้ำตาลในตอนเช้าในปริมาณที่พอเหมาะมันจะทำให้กระปรี้กระเปร่าทั้งวัน ขนมปังกับเครื่องดื่มธัญพืชร้อน  ๆ คงพอให้คุณเลิกทำตัวงี่เง่าใส่ผมได้ คุณว่างั้นมั้ย”

อะไรของคุณวะ คุณไอศูรย์  แม่ง จะกวนประสาทผมหรือไง

“กรุณารอซักครู่ ผมกำลังต้มน้ำอยู่ และผมขออนุญาตไปล้างหน้าล้างตาซะหน่อย”

เออเอาเหอะครับ คุณจะไปทำอะไรก็ไปเถอะครับ

กูจะนั่งรอที่โซฟานี่แหละ จนกว่าจะถึงเวลาอันสมควร แล้วจะเดินทางไปทำงานตามคำสั่งของคุณครับ

สิ่งที่จุมพลทำอยู่เรียกว่าประชด และจุมพลก็ลงไปนั่งที่โซฟาด้วยท่านั่งหลังตรง มือสองข้างวางอยู่ที่หัวเข่า หน้านิ่งสนิท ทั้งที่อารมณ์เริ่มเดือดขึ้นมาทีละนิด คุณไอศูรย์หายเข้าไปในห้องน้ำแล้ว ไปล้างหน้าล้างตา ใช้เวลาไม่นานก็เดินออกมาโดยมีผ้าขนหนูผืนเล็กพาดเอาไว้ที่บ่า

ชุดที่ใส่ยังเป็นชุดเมื่อคืน เสื้อกล้ามสีดำ กับกางเกงวอร์ม  ทำอย่างกับจะไปออกกำลังกายที่ไหน ใส่แบบนั้นนอนเนี่ยนะ อึดอัดตายห่า

“อรุณสวัสดิ์คุณจุมพล”

อรุณสวัสดิ์.........

บ้า

บ้าหรือไงวะ เราตื่นขึ้นมาปะทะคารมกันไปชุดใหญ่แล้ว อยู่ดี ๆ มาบอกว่าอรุณสวัสดิ์เนี่ยนะ

อยากจะหันไปถามว่าอีกฝ่ายคิดอะไรกันแน่

แต่กลับพบว่า คนที่กำลังจะเดินเข้าไปในครัว หยุดเดิน และมายืนอยู่ที่ด้านหลังของโซฟาที่จุมพลนั่งอยู่

ไม่ใช่แค่หยุด แต่เจ้าตัวยังยื่นหน้ามาจากด้านหลังและหอมแก้มด้านขวาของคนที่ยังไม่ทันตั้งตัวแรง ๆ จนจุมพลถึงกับเอนไปทางขวาจนแทบสุด และรีบหันไปมองให้แน่ชัดว่าคนที่ทำแบบนี้ต้องการอะไร

“คุณไอศูรย์  คุณทำอะไรของคุณวะ......ฮึ่ยยยย”

ยกหลังมือขึ้นเช็ดที่แก้มของตัวเอง และขมวดคิ้วมุ่นด้วยความหงุดหงิดโมโหที่โดนหยอกแบบแปลก ๆ การหยอกล้อที่อีกฝ่ายไม่สมควรทำอย่างยิ่ง

“ก็ชดใช้ให้คุณไง เมื่อกี้เรื่องก่อนหน้านี้ ผมให้เป็นความผิดของคุณ........งั้นตอนนี้ ก็เป็นความผิดของผมไปแล้วกัน เพราะผมทำบางอย่างที่คุณไม่พอใจ และไม่สมัครใจให้ทำ และผมดึงดันจะทำโดยที่คุณไม่เต็มใจ.......งั้นเราก็หายกัน”

หายกัน หายกันเนี่ยนะ บ้าไปแล้ว มันจะหายกันได้ไงวะ

“หรือถ้าคุณไม่อยากหายกัน และอยากจะร่วมรับผิดชอบกับผม คุณก็มาหอมแก้มผมกลับสิ ไม่เห็นจะยาก”

โว้ยยยยยยยยยยยยย กูจะไปทำแบบนั้นทำไมวะ มันใช่เรื่องที่ควรทำหรือไงล่ะเฮ้ย

“ผมไม่ทำหรอกโว้ย ไอ้เรื่องบ้า ๆ แบบนั้นน่ะ”

ใช่ คุณคงไม่ทำหรอกคุณจุมพล เพราะเวลาที่คุณทำ คุณทำยิ่งกว่านั้นหลายเท่า

“คุณเคยทำมากกว่าที่ผมทำนะ เสียดายจริง ที่คุณไม่เคลิ้มไปกับผม เหมือนที่ผมเคยเคลิ้มไปกับคุณ”

แม่ง อะไรวะ นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะ กูกำลังโดนปั่นหัวอยู่ใช่มั้ยวะ

“คุณแกล้งผมเหรอ”

รู้ก็ดีแล้ว

“แล้วที่คุณเคยแกล้งผมไว้ล่ะ เวลาที่คุณมึนใส่ผม ทำให้ผมเหมือนโดนปั่นหัว คุณเคยทำแบบที่ผมกำลังทำกับคุณอยู่ตอนนี้ไม่ใช่หรือไง”

ไม่...........ใช่.... แต่......ก็มีส่วน.....ใช่.... จุมพลนิ่งเงียบไปแล้ว และไม่มีอะไรจะโต้ตอบ

เออ กูยอม เอาไงก็เอาเหอะ จะว่ากูยังไงก็ได้ กูยอม

“...................”

จุมพลนั่งเงียบ และไม่มีคำพูดใด ๆ อีก เงยหน้าขึ้นมองคนที่ยกแก้วเครื่องดื่มชงมาส่งให้ แต่จุมพลก็ไม่รับมาถือเอาไว้ ปล่อยให้อีกฝ่ายวางแก้วไว้บนโต๊ะที่อยู่ตรงหน้าแทน

“คุณทำเหมือนงอนเลยนะ”

งอนห่าอะไร กูจะไปงอนได้ยังไงล่ะ แปลไปซะไกลแล้ว กูไม่ได้งอน กูแค่โมโหที่ยิ่งพูด ยิ่งไปกันใหญ่ ยิ่งพูดยิ่งโดนเอาคืนก็แค่นั้น

“..................”

ไม่มีคำตอบ แต่การไร้คำตอบ มันทำให้คนที่มอง เริ่มอมยิ้มขึ้นมาทีละนิด ก่อนจะค่อย ๆ หัวเราะออกมาเสียงเบา เพราะขำกับท่าทางแบบนั้นของจุมพล

ตลกมากป่าว คุณตลกมากมั้ยครับคุณไอศูรย์

“คุณสนุกมากมั้ยคุณไอศูรย์”

ก็พอประมาณนะคุณจุมพล

“ผมไม่ได้อยากแกล้งคุณนะ ผมแค่อยากสนิทกับคุณมากขึ้นเท่านั้น คนเราถ้าไม่สนิทกันไม่มีใครทะเลาะกันหรอก และคุณเชื่อมั้ย คนที่สนิทกัน หลังจากทะเลาะกันแล้ว เดี๋ยวก็ดีกัน”

หมายความว่ายังไง

“ผมเคยมีรูมเมทนะ สมัยเรียน แต่น่าแปลก  พวกเขาทนผมกันไม่ค่อยได้ มีกี่คนก็ต้องมีอันโบกมือลากันทุกคน เพราะเขาหาว่าผมพูดจารู้เรื่องเกินไป”

แล้ว.........

“ผมก็เลยไม่คิดจะมีรูมเมทอีก ผมว่าคุณก็เป็นคนที่พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่องคนหนึ่งนะ.....บางทีการที่คุณพูดไม่รู้เรื่องอาจจะทำให้ผมอยากรู้เรื่องทุกอย่างที่คุณพูดก็ได้”

นี่ชมหรือด่าวะ

“............ผมอยากลองเป็นรูมเมทกับคุณ........ผมอยากรู้ว่าระหว่างคุณกับผม เราจะสื่อสารให้เข้าใจตรงกันได้ยังไง”

กูไม่สื่อสารอะไรทั้งนั้นแหละโว้ย กูจะไปทำงานแล้ว คุณไอศูรย์แม่งบ้ากว่ากูอีก เกรียนเกินไปแล้วโว้ยยยยย
กูนึกว่าเป็นพวกนิ่ง ๆ เฉย ๆ ซะอีก ที่ไหนได้ แม่งร้ายลึก

จุมพลไม่พูด ไม่ตอบ แต่ยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นซัดรวดเดียวหมดแก้ว และลุกขึ้นเตรียมจะไปทำงาน

“ผมไปส่ง”

ไปส่งได้ไง

“แต่คุณบอกว่าไม่ไปส่งผมเองนะ”

ผมพูดแบบนั้นเหรอ

“ผมไม่ได้บอกว่าจะไปส่ง แต่ผมก็ไม่ได้พูดซักคำว่าจะไม่ไปส่ง”

อีกแล้ว คำพูดชวนปวดหัวแบบนี้อีกแล้ว

“คุณไอศูรย์”

“ว่าไงครับคุณจุมพล”

“ปั่นหัวผมสนุกมากมั้ย”

ไม่รู้สิ

“แล้วตอนคุณปั่นหัวผม คุณสนุกมั้ย”

กูไม่ได้.........

“ฮึ่ยยยยย แกล้งผมเหรอวะ”

สู้ไม่ได้ เถียงไม่ได้ สิ่งที่ทำได้มีแค่ยกมือขึ้นขยำหัวของตัวเองและร้องออกมาอย่างขัดใจ

แต่อาการที่แสดงออกว่าขัดใจ มันทำให้คนที่กำลังอมยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปากต้องนิ่งชะงัก และใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงในนาทีถัดมา

“ผมไม่เล่นกับคุณแล้วก็ได้ ไปทำงานเถอะ เดี๋ยวจะสาย”

คุณไอศูรย์เดินนำออกจากห้องพัก และจุมพลก็เดินหน้าหงิกไปยืนรอที่ลิฟท์

อะไรวะ

ปั่นหัวกูซะจนหัวหมุน พอสะใจแล้วก็เลิก แล้วก็กลับมาเป็นคุณไอศูรย์หน้าดุ ไม่พูดไม่จาอีกแล้ว

“คุณไม่ต้องไปส่งหรอกนะ”

ยังคงยืนยันคำเดิม แต่คุณไอศูรย์ไม่คิดจะฟัง ลงจากลิฟท์และเดินลิ่ว ๆ นำไปที่ชั้นจอดรถ โดยมีจุมพลเดินตาม

“ตอนเย็นเดี๋ยวผมไปรับ”

ทำไมต้องมารับวะ กูกลับเองได้ เรื่องแค่นี้ทำไมต้องปกป้องคุ้มภัยด้วย นั่นผู้หญิงนะ แถมยังเป็นแฟนกูด้วย กูต้องกลัว แล้วก็หนีหัวซุกหัวซุนขนาดนี้เลยหรือไง

“ไม่เอา”

ตอบกลับไปแบบไม่สนใจคำพูดของอีกฝ่าย และคุณไอศูรย์ที่เดินนำมาที่รถก็หันมามองหน้าของจุมพลเพราะถูกขัดใจ

“ผมไม่ชอบให้ใครขัดคำสั่ง ไม่เว้นแม้กระทั่งคุณ.... คุณเป็นตัวของตัวเองได้ แต่คุณก็เป็นคนของผมครึ่งหนึ่งแล้ว คุณทำให้ผมต้องเข้าร่วมวงกับเรื่องนี้ด้วย มันเป็นความผิดที่คุณต้องรับผิดชอบ"

อะไรวะ  มันเป็นความผิดของผมได้ยังไงกันคุณไอศูรย์

"............ปัญหาของคุณผมแก้ให้ไม่ได้ แต่ปัญหาของเรา คุณกับผมต้องช่วยกันแก้.....ตอนนี้ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ มันไม่ใช่ปัญหาระหว่างคุณกับแฟนของคุณอีกต่อไปแล้ว แต่มันมีปัญหาเรื่องของผมขึ้นมาด้วย....ความจริง ยังไงก็คือความจริง...... คุณทำอะไรลงไปง่าย ๆ เพราะอยากประชดแฟนคุณ....แต่ผมไม่ตลกกับสิ่งที่คุณทำด้วยหรอกนะคุณจุมพล....... เรื่องนี้ คุณต้องเป็นคนรับผิดชอบ.... และถ้าคุณไม่รับผิดชอบเรื่องที่คุณทำกับผมเอาไว้ ผมจะเอาคืนทั้งคุณ...และผู้หญิงที่คิดจะฆ่าคุณ”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 51
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 21-05-2014 19:01:34
มันคู่มึนจริงๆ นะ  :ruready
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 51
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 21-05-2014 19:02:05
เกรียนมาก...คุณไอศูรย์ อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 51
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 21-05-2014 19:04:07
ยกนี้คุณไอศูรย์ ชนะสินะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 51
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 21-05-2014 19:27:15
คนอ่านก็มึนกับความมึนของทั้งสองคน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 51
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 21-05-2014 19:38:03
ไม่รู้ว่าใครเกรียนกว่ากัน 5555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 51
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 21-05-2014 20:16:01
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/19/256IqDzo.jpg)
เรื่องของหัวหน้าแผนกจัดซื้อ ไอศูรย์-จุมพล ตอน หนีเสือปะพญาจระเข้

“กินข้าวเที่ยงหรือยัง”

จุมพลกำลังนั่งอ่านเอกสารการเสนอซื้อสินค้าสำหรับนำเข้ามาเป็นวัตถุดิบในการผลิต และเมื่อมองนาฬิกาก็เห็นว่าเป็นเวลาพักเที่ยงแล้ว แต่ขอต่ออีกซักหน่อย ลงไปตอนนี้ยังไงก็มีคนกินข้าวกันเต็มโรงอาหาร ก็เลยคิดว่าปล่อยให้คนซา ๆ กว่านี้ก่อนค่อยลงไปก็ทัน

แต่ถึงแม้จะทันกิน แต่คงไม่ทันใจคนที่โทรมาซักเท่าไหร่

“กำลังอ่านเอกสารอยู่ครับ”

ถามอีกอย่างไปตอบอีกอย่าง และคล้ายได้ยินเสียงถอนหายใจจากปลายสาย แล้วมาถอนหายใจใส่กูทำไมวะ

“เป็นอะไรครับ ระบบหายใจกำลังจะล้มเหลวเหรอ”

กวนนะคุณจุมพล ระบบหายใจยังดีอยู่ แต่ระบบควบคุมความหงุดหงิดโมโหกำลังจะระเบิดแล้ว

“ผมถามเหรอ.....ว่าคุณทำอะไรอยู่”

ไม่ได้ถาม แต่ผมอยากตอบครับ มีอะไรมั้ย

“เปล่าครับไม่ได้ถาม เออใช่คุณไอศูรย์ ผมมีเรื่องสงสัยครับ  ทำไมคุณไอศูรย์ไม่ถามให้ตรงคำตอบผมล่ะครับ”

นี่คือตั้งใจจะกวนประสาทกันสินะคุณจุมพล

“ก็แล้วทำไมคุณจุมพลไม่ตอบให้ตรงคำถามผมบ้างล่ะครับ”

“ก็คุณไอศูรย์ไม่ถามให้ตรงคำตอบผมเองนะครับ แล้วผมจะไปเตรียมคำตอบทันได้ยังไง ถามอะไรก็เตี๊ยมกันไว้ก่อนสิ มาถามปุบปับ คนสมองเฉื่อยชาอย่างผมจะไปคิดคำตอบทันได้ยังไง”

คิดคำตอบไม่ทัน แต่คิดคำพูดสำหรับกวนประสาททันสินะ

“ตกลงกินข้าวเที่ยงหรือยังครับคุณจุมพล”

ข้าวเที่ยงเหรอ.....

“ยังครับ”

คราวนี้ยอมตอบให้ตรงคำถาม และมือยังคงเปิดเอกสารไปเรื่อย ๆ

“รอให้คนซา ๆ ก่อน ช่วงนี้คนแน่น ไม่อยากไปแออัดยัดเยียดกับใคร ไม่ชอบคนเยอะ ๆ เวียนหัว”

ก็แค่การพูดจาเรื่อยเปื่อย ไร้หัวข้อจะพูดคุย เหมือนคุยไปเรื่อย ๆ พูดไปเรื่อย ๆ แต่แปลกที่ต่างคนต่างก็คิดแบบเดียวกันว่าไม่ใช่เรื่องลำบากอะไรที่จะคุยกันแบบนี้

“แล้วจะไปกินกี่โมง”

ไม่ทราบครับ ไอ้เจี๊ยบมาตามเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละครับ

“อีกซักพักครับ”

อืม อีกซักพักก็อีกซักพัก

“กินยาหลังอาหารด้วย แผลโดนน้ำมันจะอักเสบก่อนไปตัดไหม”

แผลเหรอ

“แผลโดนน้ำเฉย ๆ ครับไม่ได้โดนน้ำมัน”

แกล้งกวนประสาทไปเล็กน้อย และก็หัวเราะเสียงเบาที่ได้แกล้งคนที่อยู่ปลายสายได้

“แล้วอยากโดนน้ำ.....แล้วมันส์มั้ย เดี๋ยวทำให้ได้นะ เอามั้ย”

โห่ รุนแรงว่ะ รุนแรง คุณไอศูรย์แม่งวิชาแก่กล้าน่าดู ร้ายกาจไม่เบา

“.......มันอะไรเหรอครับ”

แถไปเรื่อย และคนที่อยู่ปลายสายก็หัวเราะออกมา

“ก็รู้นะว่ามันส์อะไร มันส์แบบไหน ก็ยังจะถามอีกนะ”

ถามอะไรวะ

“แล้วคุณคิดว่ามันแบบไหนคุณไอศูรย์ ผมก็คิดว่ามันทอด ไม่ได้มันส์แบบคนมีอะไรกันเขามันส์กันหรอก”

เหรอ

“ผมก็คิดว่ามันทอดไง นี่คุณคิดไปไกลเลยนะ คุณเป็นพวกชอบคุยเรื่องอย่างว่าในเวลางานเหรอคุณจุมพล แบบนี้ผมว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ ระวังมันจะมีผลกับงานของคุณ”

สนุกมั้ยนั่น ปั่นหัวผมได้สนุกมากมั้ย

“.................”

ไม่ตอบ แต่ใช้วิธีเงียบ และคนที่โทรมาเพียงแค่อยากจะถามว่ากินข้าวกินยาหรือยัง ก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าจะถามไปเรื่อยจนไปโผล่เรื่องสองแง่สองง่ามได้ยังไง

“วันนี้ผมไปรับคุณตอนห้าโมงครึ่งนะ”

เปลี่ยนเรื่องคุย และจุมพลก็ขมวดคิ้วมุ่น

“มันไม่ค่อยดีมั้งคุณไอศูรย์ ผมก็ต้องรอคุณ คุณก็ต้องรอผม รอกันไปรอกันมา ไม่เป็นอันทำงานกันพอดี พรุ่งนี้ผมขับรถของตัวเองมาดีกว่า วันนี้ผมกลับไปเอารถที่บ้านซะก็จบ”

มันไม่จบหรอก

“รถคุณโดนทุบเละทั้งคัน คงขับไปไหนไม่ได้ คุณจะเอารถโดนทุบมาขับงั้นเหรอ ผมว่ามันไม่ค่อยดีมั้ง”

รถ.........โดนทุบ....เละ...ทั้งคัน

“........รถผมเหรอ….”

ใช่

“รถที่จอดอยู่ที่บ้านคุณ มันคือรถของคุณหรือเปล่าล่ะ ถ้าใช่........ก็อย่างที่ผมบอก”

...............

แล้วจุมพลก็นิ่งงัน กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก มือกำแน่น และนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะถอนหายใจออกมายาว ๆ

“ผมยังผ่อนไม่หมดเลย”

บ่นพึมพำออกมาเสียงเบา และแม้จะเป็นการพูดให้เหมือนเรื่องตลก แต่สำหรับคนฟัง มันไม่ตลกเลยซักนิด

“...อีกไม่นานก็คงถึงที่ทำงานแล้วล่ะ...ผู้หญิงคนนั้นทำอะไรเป็นขั้นเป็นตอนดีนะ เรียงลำดับได้ดีทีเดียวล่ะ ว่าจะเริ่มทำอะไรก่อน อะไรหลัง ไม่เหมือนคุณนะ เรียบเรียงวิธีการทำอะไรก็ดูจะตีกันมั่วไปหมด อันนี้ผมขอชื่นชมคุณจริง ๆ”

คล้ายเป็นการพูดจาหยอกล้อกัน แต่น้ำเสียงคนพูดแสดงให้จุมพลรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
จุมพลไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่ถอนหายใจและกำมือแน่น พร้อม ๆ กับที่ริมฝีปากก็กำลังขบแน่นเข้าหากัน

“มันไม่จบแค่นี้หรอกนะ.....คุณก็รู้...บางทีเรื่องนี้คงถึงจุดสิ้นสุดแล้วล่ะ คุณคงต้องทำให้มันจบได้แล้ว แต่มันคงยากหน่อยนะ ที่จะจบแบบสวย ๆ”

ใช่ มันคงยาก ยากซะยิ่งกว่ายาก

“เดี๋ยวก็กินข้าวแล้วก็กินยาหลังอาหารซะนะ”

“ครับ”

ตอบออกไปด้วยน้ำเสียงเบาหวิว และคนที่อยู่ปลายสายก็คล้ายจะรับรู้ได้ถึงอารมณ์ของจุมพลเป็นอย่างดี

“ตอนเย็นรอผมนะ เดี๋ยวผมไปรับ กินข้าวเยอะ ๆ ตอนเย็นจะได้ไม่ต้องหิวมาก เผื่อผมไปช้า เผื่อรถติด เข้าใจนะ”

เข้าใจครับ

“ผม...ก็คงต้องรอคุณ...ตามที่คุณบอก…”

ใช่  ต้องรอ  คุณทำอะไรไม่ได้อยู่แล้วคุณจุมพล นอกจากต้องรอผมเท่านั้น

“จุ้ม”


“ครับ...”

ขานรับแบบเนือย ๆ และน้ำเสียงเหมือนคนคล้ายกำลังจะหมดแรง
และคุณไอศูรย์ที่อยู่ปลายสายก็พอเข้าใจได้ดี ว่าจุมพลใกล้จะทนไม่ไหวกับเรื่องที่เกิดขึ้นอีกต่อไปแล้ว

“.....ผมอยู่ข้างคุณนะ...”

อยู่ข้างผมเหรอ อยู่ข้างผมทำไม คนอย่างผมมันไม่สมควรที่ใครจะต้องมาอยู่ข้างหรอก

“ผม...ไม่สมควรได้รับความเห็นใจจากใครหรอก คุณก็น่าจะรู้ .....หญิงไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุหรอก ผมสมควรโดนแบบนี้จริง ๆ”

แล้วยังไง.......

“ถ้าผมจะเห็นใจ หรือจะทำอะไรก็ตาม มันก็เรื่องของผม  ไม่มีใครที่จะมีสิทธิ์ห้ามผมได้ เพราะผมไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น......"

ผมขอโทษที่ไปคิดแทนคุณ  แต่ก็อย่างที่บอก คนอย่างผมไม่ควรได้รับความเห็นใจจากใครหรอก ผมรู้ตัวดี

"คุณจุมพล  ถ้ามันมากเรื่องนัก ผมจะเคลียร์เอง…จะได้จบ ถึงจะจบแบบไม่สวยเท่าไหร่ก็เถอะ แต่อย่ามาทำให้คนของผมเจ็บ
ซ้ำซากมันน่ารำคาญ...อย่ามาคิดว่าตัวเองเจ็บช้ำสิ้นหวัง แล้วคิดอยากจะตามล้างตามล่าใครก็ได้ตามใจชอบ  ถ้าอยากใช้ศาลเตี้ยนัก ผมจะใช้ศาลเตี้ยยิ่งกว่าให้ดู”

คุณไอศูรย์.....

“คุณอย่าทำอะไรหญิงเลย หญิงเจ็บมาเยอะแล้ว ขอร้องล่ะ”

ก็ไม่ได้บอกนี่ว่าจะทำ....

“ผมให้คุณเคลียร์ปัญหาของตัวเอง  คุณก็จงเคลียร์ปัญหาให้ได้ อย่าให้มันน่ารำคาญขวางหูขวางตาจนผมต้องเข้าไปยุ่ง....ไม่อย่างนั้นผมจะล้มกระดานซะ  หมากเกมส์นี้ผมมีแต่ได้กับได้”

ได้อะไร

“คุณจะทำให้ได้อะไรขึ้นมา มันเป็นเรื่องระหว่างผมกับหญิง ขอร้องล่ะ อย่าทำให้ผมต้องหนักใจเลย”

นั่นไม่ใช่สาระสำคัญนะ

“คุณก็ไปห้ามผู้หญิงคนนั้นสิ ว่าให้เลิกเอาคืนด้วยการสร้างความเจ็บปวดให้คุณไม่รู้จักจบจักสิ้นซะที ถ้าคุณห้ามได้ ผมก็จบ ผมไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว”

ไม่มีปัญหาได้ยังไง

“คุณก็รู้ผมทำไม่ได้ ถ้าผมทำได้ผมก็ทำไปนานแล้ว”

ก็นั่นไง ถ้ารู้ตัวว่าจัดการปัญหาไม่ได้ ก็อย่าโง่ไปตายเปล่า มันไร้ประโยชน์ ยิ่งเห็นยิ่งน่ารำคาญ

“คุณจะทำอะไรก็ทำไป ผมไม่ห้าม แต่ผมจะทำอะไรมันก็เรื่องของผม.........ผมมีสิทธิ์ปกป้องคนของผม และคุณก็ไม่มีสิทธิ์มาห้ามผมด้วย”

ปกป้องเหรอ

ปกป้อง.........คนของคุณ....เหรอ...

“ผมไม่ใช่คนของคุณ”

แล้วไง

“นั่นมันสิ่งที่คุณคิด แต่ผมไม่ได้คิดเหมือนคุณ เพราะฉะนั้นอย่าเอาความคิดของคุณมาคิดแทนผม ผมไม่ได้ขอร้อง”

จุมพลได้แต่เงียบ คุณไอศูรย์ไม่ธรรมดา ถึงจะล้อเล่นกันได้ พูดคุยกันได้ และบางทีก็ทำตัวบ้า ๆ บอ ๆ ใส่ได้

แต่จุมพลก็รู้.....

เด็กของคุณไอศูรย์ไปกระทืบโยธินเซลหมายเลขหนึ่งของแผนกขายแทบตาย แต่หลังจากนั้นเรื่องก็เงียบไป
นับว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดา แล้วการที่หิ้วกระเช้ามาหานาย มาขอโทษกับเหตุการณ์ที่คุณไอศูรย์บอกว่า .....เป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน..... ที่จริงเบื้องลึกเบื้องหลังก็ไม่มีใครรู้มากไปกว่าคุณไอศูรย์ว่าอันไหนเรื่องจริง อันไหนการจัดฉากให้เป็นไปในแง่ของธุรกิจ

เรื่องแบบนี้ บางครั้งมันก็ซับซ้อนเกินไป และจุมพลก็ยอมรับ แม้ตัวเองจะเอาตัวรอดได้และพาแผนกจัดซื้อรอดพ้นเรื่องชวนปวดหัวมาได้นานสองนาน  แต่ถ้าจะเทียบกับคนที่ขยายเส้นทางการเดินรถในประเทศโดยมีคู่แข่งจำนวนมากมาขวาง แต่ก็ยังไม่สะทกสะท้านและดำเนินธุรกิจมาได้ทั้งที่มีคู่แข่งรอบด้าน คน ๆ นั้นก็ไม่ใช่ธรรมดา

“พี่ไอซ์.....อย่าทำอะไรหญิงเลย ผมขอร้อง”

ตัดสินใจใช้ไม้ตายสุดท้ายที่ได้ผลมาตลอด ตีสนิทกับลูกค้าด้วยการนับญาติให้ความสนิทสนมกันซะ อย่างน้อยก็ช่วยลดช่องว่างระหว่างคนสองคนได้ และจุมพลก็หวังว่า....การพูดจากันแบบนี้ จะช่วยลดช่องว่างของเราสองคนได้

เผื่อคุณไอศูรย์จะเห็นใจ  เผื่อคุณไอศูรย์จะยอมอ่อนข้อให้

เผื่อ.........อะไรก็ได้ แต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่การที่คุณไอศูรย์จะไปเอาคืนหญิง และจุมพลแน่ใจ ต่อให้หญิงพาใครต่อใครมากันหมดทั้งตระกูล ก็คงไม่สามารถทำอะไรคุณไอศูรย์ได้

“คุณก็ต้องเชื่อที่ผมพูด อย่ามาขัดใจผมกับแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อยๆ อย่างไปรับไปส่ง.........เพราะมันไม่ใช่สาระสำคัญ”

เออ แม่ง ไม่ใช่สาระสำคัญ

“แล้วสาระสำคัญคืออะไรครับคุณไอศูรย์”

กลับมาเรียกเหมือนเดิม และคนที่ถูกดึงให้กลับมาสู่สภาพเดิม ก็นึกอยากจะเขย่าหัวจุมพลแรง ๆ ให้หายหงุดหงิด โทษฐานที่เบี่ยงเบนประเด็นได้อย่างรวดเร็ว ทั้งที่เรากำลังคุยกันด้วยเรื่องเครียด ๆ อยู่แท้ ๆ

“ถ้า....สาระสำ....คัน....ก็ต้องเกาจะได้หายคัน”

เหรอครับคุณไอศูรย์

“ถ้าไม่คันก็ไม่ต้องเกาใช่มั้ยครับ”

“ใช่ครับ”

“งั้นผมไม่เกาล่ะครับ เพราะไม่คัน แต่ผมหิวข้าว ผมไปกินข้าวก่อนแล้วกันนะครับ....สวัสดีครับคุณไอศูรย์”

กำลังจะกดวางสาย แต่ปลายสายก็รีบชิงพูดบางอย่างก่อนที่จุมพลจะวาง

“กินยาด้วย”

ครับ กินยาครับ ผมจะกินยาหลังอาหารให้ครบทุกมื้อครับ โอเคนะครับ

“แล้วตอนเย็นรีบมารับผมเร็ว ๆ นะครับ”

ไม่คิดว่าคำพูดของตัวเองจะเป็นการอ้อน ไม่คิดอะไรเลย แต่คนที่ฟัง.......ถึงกับนิ่งงัน

แปลกใจตัวเองที่คล้ายจะรู้สึกชอบวิธีการพูดแบบนั้นของจุมพล  ทั้งที่จุมพลเองก็ไม่ค่อยรู้ตัวเองว่าการพูดแบบนั้น มันไม่ต่างอะไรกับการอ้อน  และคนที่คล้ายกำลังถูกอ้อน ก็รู้สึกถึงลมหายใจของตัวเองที่เหมือนสะดุดลงเล็กน้อย

“......คุณจุมพลก็......รอนะครับ...”

ครับ รอก็รอครับ

“ผมไปกินข้าวแล้วนะ สวัสดีจริงๆ แล้วนะครับ”

“ครับ”

วางสายไปเรียบร้อย และจุมพลก็หย่อนโทรศัพท์ใส่เข้าไปในกระเป๋าเสื้อ หยิบเอกสารขึ้นมาพลิกอ่านทีละหน้า

แล้วอยู่ดี ๆ หน้าก็เผลอยิ้มออกมา  ยิ้ม.........อะไรวะ ยิ้มทำไม ไม่ใช่เรื่องที่จะยิ้มนี่หว่า

จุมพลไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดี ๆ ถึงยิ้มออกมาได้ ยิ้มทั้งที่ไม่มีเหตุผล ยิ้มทั้งที่หาสาเหตุไม่ได้

“คุณใจดีกับผมไปหรือเปล่าคุณไอศูรย์  แล้วนี่กูเป็นอะไรวะ ยิ้มอยู่ได้ แม่ง สงสัยนอนมากไปหรือเปล่าวะ เพี้ยนเลยกู”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 51
เริ่มหัวข้อโดย: ap08572290 ที่ 21-05-2014 20:25:58
อ่านแล้วงงๆ ค่ะ แต่ก็สนุกดี *0*  o13
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 51
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 21-05-2014 20:35:23
ตูว่าแล้วววววว คุณไอศูรย์มันมีของ นี่แค่เริ่มปล่อยของเองนะ 555
รอตอนต่อปายยยยยย ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 51
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 21-05-2014 20:44:37
อ่านไปก็งงไป
อ่านไปก็มึนไป
ตกลงมันคุยกันยังไง
มึนๆงงๆ เอ๋อๆเริ่มตามไม่ทัน
//เกาหัว  o2 :try2:
แต่ก็นี่ละ รู้เรื่องเกินไป กับไม่รู้เรื่องเลย เข้ากันได้ที่สุดละ ตรงกลางๆปกติๆคงคู่กันไม่ได้555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 51
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 21-05-2014 20:55:27
เพี้ยนพอกันคู่นี้ แต่ก็น่าลุ้นอยู่ดี :hao3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 51
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 21-05-2014 21:06:30
เอาล่ะพี่ไอซ์เริ่มแผลงฤทธิ์บ้างแล้ววว  :hao7:

ถ้ายังไม่หยุดทำร้ายนู๋จุ้ม?ของพี่ไอซ์? คาดว่าเธอจะแย่แน่ยัยน้องหญิง  o18
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 51
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 21-05-2014 21:41:26
น่ารักอ่ะคู่นี้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 51
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 21-05-2014 22:59:55
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/19/256IqDzo.jpg)
เรื่องของหัวหน้าแผนกจัดซื้อ ไอศูรย์-จุมพล ตอน เริ่มคุ้นเคย

“เป็นไงบ้างวันนี้”

ก็ไม่เป็นไรครับคุณไอศูรย์ ผมก็สบายดี ไม่ได้มีปัญหาชีวิตอะไร ปัญหาชีวิตของผมก็มีแค่เรื่องเดียวที่คุณน่าจะพอรู้นั่นแหละ

“อยากกินคุกกี้”

อยากกินจริง ๆ อยากกินของหวาน ๆ ขนมหรืออะไรก็ได้ เล็กๆ น้อย ๆ วันนี้เกรียนศักดิ์ไม่ยอมเอาขนมหรืออะไรมาเลย จะไปขโมยหรือขอใครก็ไม่มีซักคน

อยากกินจนถึงตอนนี้ แต่ก็ทำเป็นลืม ๆ ไปซะ อยู่ดีๆ ก็นึกขึ้นได้ตอนที่คุณไอศูรย์ถามว่าเป็นยังไงบ้างวันนี้

คำตอบก็คือไม่เป็นยังไงแต่มีความรู้สึกว่าอยากกินคุกกี้

“ทำไมไม่ตอบให้ตรงคำถาม”

นี่ผมตอบไม่ตรงคำถามอยู่เหรอวะเนี่ย

“ผมตอบไม่ตรงเหรอ ก็วันนี้ผมอยากกินคุกกี้ วันนี้ไม่มีอะไรแตกต่างจากทุกวัน นอกจากผมอยากกินคุกกี้”

จุมพล.......คุณนี่มัน

“นี่กำลังกวนอยู่ใช่มั้ย”

เอาอีกแล้ว ทำไมกูถึงถูกมองว่าเป็นคนพูดจากวนประสาทอยู่ตลอดเลยวะ ผมไม่ได้กวนเลยนะ ก็มันคิดได้แบบนี้ จะให้ทำยังไง

“.......งั้นผมไม่อยากกินคุกกี้แล้วก็ได้”

ไม่รู้จะตอบยังไง ก็เลยตอบแบบที่คิดว่าดีที่สุด ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะหงุดหงิดทำไมแค่เรื่องคนอยากกินคุกกี้
งั้นไม่อยากกินคุกกี้แม่งเลยก็ได้วะ จะได้จบ

“คุณน่าจะคิดเรียบเรียงความคิดบ้างก่อนจะตอบ”

ครับ เข้าใจแล้วครับ ผมมันคนไม่มีสติ เลยไม่ทันเรียบเรียงคำพูด

“แล้วผมต้องตอบยังไง”

ไม่ได้กวนประสาท แต่อยากรู้จริง ๆ และความรู้สึกอยากรู้จริง ๆ แบบนั้น รวมทั้งคำพูดคำจาที่ตรงไปตรงมา กลับทำให้คนฟังรู้สึกไม่ชอบใจกับวิธีการพูดของจุมพล

เดินเข้าห้องพักมาด้วยกัน

และคุณไอศูรย์ก็วางกุญแจรถกับกุญแจห้องไว้บนเคาร์เตอร์ครัว

“ข้าวอุ่นเรียบร้อยแล้วนะ วันไหนอยากกินอะไรก็เขียนไว้แล้วกัน หลังจากเราไปทำงานแล้ว จะมีแม่บ้านมาทำความสะอาดห้องให้ ถ้าอยากกินอะไรก็เขียนทิ้งเอาไว้ ตอนเย็นเขาจะมาทำอาหารไว้ให้ กินเสร็จจะไว้แบบนั้นก็ได้ เดี๋ยวตอนเราไปทำงานเขาจะมาจัดการให้เอง”

โห่ ไฮโซดีจริง ๆ ว่ะ

ปกติกินแค่บะหมี่หน้าปากซอย ไม่ก็อาหารง่าย ๆ ไม่เคยสนใจจะตั้งหน้าตั้งตาหาอะไรกิน เช้า ๆ กาแฟแก้วเดียวก็จบ กลางวันฝากท้องไว้กับโรงอาหาร กินแต่อาหารจานเดียวซ้ำ ๆ ซาก ๆ ตอนเย็นก็แล้วแต่บุญแต่กรรม

บางคืนนั่งเล่นเกมส์ไป ก็ต้มบะหมี่กินไป ไม่เคยคิดจะมาสนใจกับเรื่องอะไรพวกนี้เลย

“คุกกี้หรือพวกลูกอมหวาน ๆ แม่บ้านเขาใส่โหลไว้ให้แล้วจะกินตอนไหนก็เปิดดูเอาเอง แต่อย่ากินให้มากนัก ขนมพวกนี้ไม่มีประโยชน์ เอาแค่พอรู้รสชาติให้หายอยากก็พอ”

สั่งจังวะ ผมไม่กินจะง่ายกว่ามั้ยครับ

“ล้างมือตรงอ่างล้างมือ แล้วมากินข้าว”

ครับ รับทราบครับ

อยากจะยกมือขึ้นตะเบ๊ะซะจริง ๆ แต่ก็ต้องพยายามข่มใจเอาไว้ เดี๋ยวท่านผู้บังคับการไอศูรย์จะหาว่าทำตัวเพี้ยน ๆ อีก
จุมพลเดินไปล้างมือเรียบร้อยและเช็ดมือกับผ้าขนหนูสีขาวที่แขวนเอาไว้ถัดจากซิ้งล้างจาน
ผ้าขนหนูสำหรับเช็ดมือ แม่งขาวกว่าผ้าเช็ดหน้ากูอิ๊กกกกกกกก

คุณไอศูรย์ตักข้าวใส่จานและส่งให้กับคนที่มายืนอยู่ข้าง ๆ จุมพลนั่งลงเรียบร้อย และก็ถือช้อนกับส้อมเอาไว้ในมือ

สายตากำลังพิจารณากับข้าวที่อยู่ตรงหน้า กับข้าวสามอย่างที่เพิ่งทำเสร็จไม่นานยังอุ่น ๆ อยู่

น่ากินนะ แกงส้มกุ้ง หมึกผัดผงกะหรี่ และไก่ทอดกรอบ อาหารมันชวนให้หิวได้ง่าย ๆ หิว......จนอยากร้องไห้

อยากร้องไห้เพราะก่อนหน้านี้..........เคยกินข้าวเย็นแบบนี้ กินกับหญิง หญิงทำให้กิน เมื่อนานมาแล้ว

“คุณจุมพล”

ได้ยินเสียงเรียกแล้วมือที่ถือช้อนค้างเอาไว้แบบนั้นก็เริ่มตักข้าวเข้าปาก

ทำเหมือนไม่เป็นอะไร ทั้งที่คนที่มองอยู่ก่อนแล้วก็พอจะรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเพราะกิริยาท่าทางที่จุมพลเผลอแสดงออกมามันต่างจากเดิม

“กินข้าวเสร็จก็อาบน้ำพักผ่อนซะ หรือคุณจะทำอะไรต่อก็ทำนะ โน้ตบุคของคุณอยู่บนโต๊ะผม ตอนที่ผมให้คนไปดูรถของคุณ ผมให้เอามาด้วย”

ขนาดนั้นเลยเหรอวะ

นี่ผมต้องได้รับการคุ้มครองจากคุณขนาดนั้นเลยเหรอวะ รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนสำคัญขึ้นมายังไงก็ไม่รู้

“................”

ไม่ได้ขอบคุณ ไม่ได้ตอบอะไรทั้งนั้น ทำแค่เพียงพยักหน้าและก็ตักข้าวเข้าปาก และเคี้ยวกินไปเงียบ ๆ

“ชิมไก่ทอดกรอบซิ นี่มันกรอบจนแข็งเกินไปแล้ว คุณว่ามั้ย”

กรอบจนแข็งเหรอ

กรอบ........จน...แข็ง

“ฟันไม่ดีเองมากกว่า แล้วไปโทษว่าไก่แข็ง”

พูดเองแล้วก็ขำเอง และคนที่ตักไก่กรอบใส่จานข้าวของจุมพล ก็ตักกลับคืนมาใส่ในจานของตัวเอง ตักเข้าปากเคี้ยวกินหน้าตาเฉย และไม่พูดอะไรให้มากความอีก

“กลัวเสียฟอร์มเหรอครับ”

จุมพลถามออกไปแบบยิ้ม ๆ และคุณไอศูรย์ก็ตอบกลับมาแบบยิ้ม ๆ ไม่ต่างกัน

“เปล่านี่ ดูท่าคุณจะสนใจกับการกินหรือไม่กินอะไรของผมจังเลยนะ”

เหรอครับ แต่ทำไมผมรู้สึกว่าคุณกลัวเสียฟอร์มวะครับ

“แล้วจะตักกลับไปทำไมครับ นึกว่าจะโอ๋เอาใจผมซะอีก”

ต้องทำแบบนั้นด้วยเหรอ

“ก็ผมเปลี่ยนใจแล้ว อยากกินเอง คุณมีปัญหามั้ย”

ไม่มีหรอกครับ ไม่ได้ตอบว่ามีปัญหา แล้วอยู่ดี ๆ จุมพลก็ต้องเงยหน้าขึ้นมองคนที่ทำอะไรบางอย่าง

“ทำไมคุณมาตักข้าวออกจากจานผมแบบนั้นล่ะครับ ในหม้อข้าวก็มีอีกตั้งเยอะแยะ ถ้าคุณไม่ไปตักเดี๋ยวผมตักให้ก็ได้ครับคุณไอศูรย์”

ขมวดคิ้วมุ่นและยังมองคนที่ใช้ช้อนตักข้าวในจานจุมพลไปใส่ปากหน้าตาเฉย

“ก็ผมอยากกินข้าวของคุณ ข้าวผมมันแข็งเกินไป ช่วยไม่ได้นะข้าวคุณมันนิ่มเอง ผมก็ต้องกิน ก็แค่นั้น”

ไม่ใช่แค่นั้นหรอกครับ แบบนี้มันคล้ายจงใจแกล้งผมชัด ๆ

“งั้นเอาไปทั้งจานเลยครับ”

ยกจานข้าวให้ แล้วคุณไอศูรย์ก็รับจานข้าวเอาไว้ แต่ขมวดคิ้วมุ่น และถือจานข้าวของจุมพลไปตักข้าวเพิ่มกลับมาวางเอาไว้ให้

“ใช้คืน”

ใช้คืน ใช้คืนเหรอ ใช้คืน….. จุมพลมองข้าวในจานที่อีกฝ่ายบอกว่าตักมาใช้คืนแบบงง ๆ
จากที่งง มองไปมองมาแล้วก็ถึงกับต้องอมยิ้ม พักนี้คุณไอศูรย์ชอบทำให้ยิ้มกับเรื่องไม่น่ายิ้มแบบนี้อยู่บ่อย ๆ

บอกตรง ๆ นะ บางครั้ง ผมก็ไม่เข้าใจจริง ๆ ครับ คุณกำลังคิดอะไรอยู่ครับคุณไอศูรย์เวลาที่ทำแบบนี้

คุณกำลังคิดอะไรของคุณอยู่ครับ ผมอยากจะรู้จริง ๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 51
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 21-05-2014 23:00:43
บางทีเราก็เล่นสงครามประสาทกัน ทำแบบนั้นตั้งแต่กินข้าว อาบน้ำ จนกระทั่งถึงเวลาเข้านอนที่เราต้องเข้านอนพร้อมกัน

นอนไปนอนมา ทั้งที่ต่างฝ่ายต่างก็ยังนอนไม่หลับจนต้องหันหน้าเข้าหากัน หันมามองหน้ากัน ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดี ๆ ถึงได้มองหน้ากันด้วยสภาพแบบนี้

หลังจากที่จบสงครามบนโต๊ะอาหาร สงครามในห้องนั่งเล่นที่ต่างฝ่ายต่างแย่งชิงกันดูรายการที่ตัวเองชื่นชอบ

สุดท้ายมาจบที่สงครามก่อนนอน ที่เราปะทะคารมกันไปหนึ่งยก ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
จนต่างคนต่างก็เหนื่อย เลยนอนมองหน้ากันไปเงียบ ๆ แบบนี้

ขี้เกียจจะต่อปากต่อคำกัน

แล้วหลังจากที่นอนมองหน้ากันอยู่นาน อยู่ดี ๆ คุณไอศูรย์ก็โน้มใบหน้ามาหาคนที่นอนกระพริบตาไปเรื่อย ๆ และยังไม่มีทีท่าว่าจะหลับ

เหมือนนอนคิดอะไรบางอย่าง ปล่อยให้ความคิดไหลไปเรื่อย

จนกระทั่งคุณไอศูรย์เริ่มแตะริมฝีปากลงมาที่ริมฝีปากของจุมพลเบา ๆ คนถูกขโมยจูบถึงเพิ่งรู้สึกตัว

คุณไอศูรย์ผละใบหน้าออกห่างเล็กน้อย และดวงตาคม ๆ ที่มองมามีแววไม่แน่ใจกับปฏิกิริยาของคนที่เหลือบสายตาขึ้นมอง แต่ยังคงนอนนิ่งไม่ได้ต่อต้านที่ถูกทำแบบนี้

เมื่อเห็นว่าจุมพลยังคงนอนกระพริบตาไปเรื่อย ๆ และไม่ได้แสดงอาการอะไร ทุกอย่างที่ไม่ควรเกิดขึ้น ก็เกิดขึ้นได้ไม่ยาก

เหตุการณ์ไม่ต่างจากครั้งแรก ที่จะต่างมีเพียงแค่ ครั้งนี้คุณไอศูรย์เป็นคนเริ่ม

และเมื่อจุมพลโอบแขนรัดรอบลำคอของคนที่แตะริมฝีปากลงมาคลึงเคล้าคลอเคลียจากข้างแก้มไปที่ซอกคอก็ยิ่งชักจะทำให้อารมณ์ของคนสองคนเตลิดไปไกล

“...แน่ใจแล้วหรือไง ถึงทำแบบนี้”

อะไรวะ

หรี่ปรือตาขึ้นมอง และเมื่อเห็นสายตาของอีกฝ่าย จุมพลก็ได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
ไม่ได้ตอบอะไรออกไปซักคำ แต่สายตาก็บ่งบอกออกไปชัดเจนว่ารู้สึกผิดขึ้นมา

จุมพลนอนนิ่งเงียบ ไร้คำพูด และคุณไอศูรย์ก็นิ่งเงียบไม่ต่างกัน ต่างฝ่ายต่างเงียบ

สุดท้ายเป็นคุณไอศูรย์ที่เริ่มขยับตัวลุกขึ้นไปดึงผ้าห่มมาคลุมให้กับคนที่นอนนิ่งอยู่ข้าง ๆ และก็แตะฝ่ามือเบา ๆ ที่เส้นผมของจุมพลที่เงยหน้าขึ้นมองและยังคงขมวดคิ้วมุ่น เพราะไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ทำอะไรลงไป

“พรุ่งนี้ไปทำงานกี่โมง”

ก็...

“ปกติครับ”

คนถามนึกแปลกใจกับสิ่งที่จุมพลตอบ หลาย ๆ ครั้งที่คนที่อยู่ตรงหน้าตอบไม่เคยตรงคำถาม แต่ครั้งนี้กลับตอบได้ตรงคำถามที่สุด
มันเกิดจากสาเหตุอะไรกันล่ะ

“งั้นนอนได้แล้ว ถ้านอนไม่พอเดี๋ยวก็คุยกับใครไม่รู้เรื่องอีก”

ไม่จริงครับ นอนพอหรือไม่พอใคร ๆ ก็บอกว่าผมพูดไม่รู้เรื่องอยู่แล้วครับ

“มันนอนไม่หลับ”

นอนไม่หลับได้ยังไง ไม่เหนื่อยไม่เพลียบ้างเหรอ นอนได้แล้ว

“งั้นก็มองหน้ากันเหมือนวันก่อนสิ เดี๋ยวก็หลับ”

เหรอ

เออ

มองก็มอง

มองก็..........

ตอนแรกตั้งใจจะมอง แต่แค่เริ่มเงยหน้าขึ้นและมองที่ตาของคุณไอศูรย์ที่ขยับเข้ามาใกล้ จุมพลก็ต้องถอยห่างทันที

“อือออออ ไม่เอาแล้ว พอแล้ว”

ผลักใบหน้าของคนที่โน้มเข้ามาใกล้ให้ออกห่าง และก็เห็นว่าคุณไอศูรย์อมยิ้มที่มุมปาก และก็หัวเราะออกมาเสียงเบา ไม่รู้ว่าขำอะไรนักหนา

ความรู้สึกที่เกิดขึ้นไม่ใช่ว่าเขินอาย แต่มันรู้สึกแปลก ๆ หัวใจมันเต้นแปลก ๆ แปลกเกินไป แปลกจนตัวเองก็ไม่เข้าใจ

“ไม่มองหน้าแล้วจะให้ทำยังไงถึงจะหลับ”

ก็ไม่ต้องทำยังไง ก็อยู่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ

“ช่างมันเหอะ เดี๋ยวผมก็หลับเองแหละ คุณไอศูรย์ไม่ต้องไปสนใจอะไรมากหรอก เดี๋ยวผมก็หลับของผมเอง”

แน่ใจเหรอ ว่าจะหลับเอง

“แขนเป็นไง เดี๋ยวก็ตัดไหมได้แล้ว แล้วผมจะพาไปตัดไหมแล้วกันนะ”

ไม่ต้องหรอก แค่ตัดไหม ไปเองก็ได้ หรือไม่งั้นตัดเองก็ยังได้

“ผมไปเอง งานคุณก็เยอะแยะจะมาเป็นภาระอะไรกับเรื่องแค่นี้”

บอกออกไปแบบนั้น และคนที่นอนอยู่ข้างกัน ก็ลุกขึ้นและแตะปลายนิ้วเบา ๆ ที่แขนของจุมพลที่ยังพันผ้าพันแผลเอาไว้

“เดี๋ยวก็หายแล้ว แตะแบบนี้ยังเจ็บอยู่มั้ย ไปมืดๆ หน่อยแล้วกัน ผมนัดหมอให้มืดหน่อย จะได้ไม่มีปัญหา”

เออว่ะ กูลืมไปนี่หว่า ว่ากูห้ามคุณไอศูรย์ไม่ได้ ไม่น่าห้ามให้เสียเวลาเลย

“อยากกินคุกกี้”

พูดออกมาลอย ๆ และคุณไอศูรย์ก็ขมวดคิ้วมุ่น

“พอแล้ว ดึกแล้ว แปรงฟันแล้ว เดี๋ยวฟันผุ อย่ามากินขนมอะไรกันตอนนี้”

ก็มันอยากกินนี่หว่า

“ผมไปกินคุกกี้ก่อนนะ”

ไม่ฟัง และกำลังจะลุกขึ้นจากเตียง และคนที่ขมวดคิ้วมุ่นก็ดึงแขนของจุมพลเอาไว้ไม่ให้ลุกขึ้น

“เดี๋ยวฟันผุ”

แต่มันอยากกินจริง ๆ อยากกินอะไรหวาน ๆ นิด ๆ หน่อย ๆ

“อยากกิน”

ดื้อกับเรื่องที่ไม่ควรดื้อ แล้วคุณไอศูรย์ก็เลยต้องจำยอม

“กินแล้วแปรงฟันซะ แล้วมานอนได้แล้ว รีบ ๆ นอน ตื่นมาตอนเช้าจะได้คุยกันรู้เรื่องมากกว่านี้”

ได้

ลุกขึ้นจากเตียง และก็มีคนลุกขึ้นตามมาด้วย แล้วนี่จะไปไหนล่ะครับคุณไอศูรย์จะไปกินคุกกี้กับผมเหรอ

“ไม่ได้ไปแย่งขนมกินหรอกน่า จะไปดื่มน้ำ เสียเหงื่อไปเยอะ ก็ต้องมีอยากดื่มน้ำทดแทนน้ำที่เสียไปบ้าง”

น้ำที่เสียไป ไปเสียน้ำมาตอนไหนครับ ผมอยากรู้ เดินออกมาจากห้องนอนด้วยกันสองคน และมาหยุดที่หน้าเคาร์เตอร์ในครัว

คนหนึ่งเปิดโหลใส่คุกกี้และหยิบขึ้นมากัดแค่ครึ่งคำแล้วก็ใส่กลับลงไปที่เดิม ส่วนอีกคนยืนมองแล้วก็ส่ายหน้า

“ทำไมไม่กินให้หมดชิ้น”

ก๋็มันพอแล้ว

“ผมอยากกินแค่นี้”

อยากกินแค่นี้ เดินมาเพื่อมากินแค่นี้เหรอ มันเกินไปแล้วจุมพล

“ให้กินหมดชิ้นได้ กินสิ”

“ไม่เอา ผมไม่อยากกินหมดชิ้น”

คุณไอศูรย์ถึงกับถอนใจ และก็เก็บขวดน้ำที่รินใส่แก้วเข้าตู้เย็น

“กินน้ำมั้ย”

ไม่กินครับ

จุมพลหันมาส่ายหน้า และกำลังจะเดินกลับเข้าห้อง แต่ก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้

“ผมลืมตอบว่า ไม่กินครับ”

ลืมตอบเหรอ ลืมตอบ........

คุณไอศูรย์กำลังอมยิ้ม รอยยิ้มหวาน ๆ ที่ทำให้คนมองต้องเบือนหน้าหนี

“จุ้ม”

ห๊ะ

“อะไรครับ”

ไม่อะไรหรอก

“นอนเหอะดึกแล้ว ไปนอนได้แล้ว”

โอบไหล่ของคนที่ทำหน้างง และก็พาเดินเข้าห้องมานอน

จุมพลไม่เข้าใจ อะไรคือการที่อยู่ดี ๆ ก็เรียกชื่อ แล้วอยู่ดี ๆ ก็พาเดินกลับเข้ามานอน

เรื่องบางเรื่อง การกระทำบางอย่างของคนบางคน หลาย ๆ ครั้งมันก็ยากเกินกว่าที่จุมพลจะเข้าใจ



TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 51
เริ่มหัวข้อโดย: foolishbeat ที่ 21-05-2014 23:04:09
น้องจุ้มมมมมมมม จะน่ารักเกินไปแล้วไหมม :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 51
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 21-05-2014 23:21:36
โอ๊ยน่ารักอ่ะคู่นี้ ไม่ไหวแล้วววววว คือรู้เรื่องมุ้งมิ้งรู้ภาษาเกรียนกันอยู่สองคน

จุ้มมมมมมมมมมมพล น่ารักมากมาย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 21-05-2014 23:54:46
จุ้มลืมแปรงฟันหรือเปล่าคะ?  :hao4: :hao4: :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 22-05-2014 03:33:07
ตอนแรกมันดูมึนๆเนอะ ทั้งคู่เลย แต่มาหลังๆพอพี่จุ้มเริ่มหลุดมันแบบน่ารักอ่ะ คุณพี่เข้มชื่อไอซ์เหรอเนี่ย >_< เกรียนดีจริงๆ
 o13
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 22-05-2014 04:05:13
บ๊ะ!! มันเริ่มคุยกันรู้เรื่องเฟ้ยยยย 555

ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไป ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: bozang ที่ 22-05-2014 05:18:02
ชอบคู่นี้ ดราม่าแต่ก็แอบน่ารักฮาๆ ดี ชอบในความมึนนี่แหละ
หลังๆ เริ่มจะมึนน้อยลงแระ 55555555 มีขงมีเขิน >\\\\\\\\\<
รออ่านต่อจ้า
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: mapreaw ที่ 22-05-2014 05:58:33
เป็นคู่ที่แปลก เพราะไม่มีสมาชิกแผนกขนส่งมายุ่งเกี่ยว :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 22-05-2014 07:07:16
คงต้องเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น " รักเกิดในบริษัทขนส่ง ". แทนแล้วล่ะมั่ง 555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 22-05-2014 07:48:08
จุ้มมึนได้ใจมาก 55555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 22-05-2014 08:12:00
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 22-05-2014 08:13:23
 :L2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 22-05-2014 08:14:31
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 22-05-2014 08:58:51
 :pig4:จุ้มยังดูมึนๆอยู่แต่ไม่เป็นไรพี่ไอศูรย์สอนให้หายเอง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 22-05-2014 09:25:24
เขาเริ่มคุยกันรู้เรื่องแล้ว
เวลาที่สองคนอยู่ด้วยกันมันน่ารักแบบมึนๆดีนะ
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 22-05-2014 10:47:17
ไปแบบมึนๆ อ่ะคู่นี้ พาให้งงตาม 555+
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: dorazombie ที่ 22-05-2014 13:14:50
พี่ไอซ์เริ่มจับทางถูกล่ะ เกรียนกว่าอีกแน่ะ ...เสร็จแน่ ๆ จุ้มเอ๋ย ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 22-05-2014 18:51:48
คู่นี้เค้าเริ่มหวานกันแบบมึนๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 22-05-2014 18:52:40
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/19/256IqDzo.jpg)
เรื่องของหัวหน้าแผนกจัดซื้อ ไอศูรย์-จุมพล ตอน ทีใครทีมัน

ทุกอย่างดูเงียบงัน เงียบจนเกินไป เงียบมากจนจุมพลยังนึกแปลกใจ
หญิงไม่น่าจะจบเรื่องนี้ง่าย ๆ ทั้งที่ควรจะตามมารังควาญกันถึงบริษัท แต่กลับเงียบหายไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

กับพี่ตาล หรือแม้แต่ไอ้เจี๊ยบ หญิงก็ไม่โทรหา ไม่มีการถามข่าวคราวอะไรทั้งนั้น
ทำไมถึงได้เงียบได้ขนาดนี้ ยิ่งคิดยิ่งชวนให้ประหลาดใจ ทั้งน่าประหลาดใจทั้งน่าแปลกใจในเวลาเดียวกัน

“ผมว่าจะกลับไปดูบ้านหน่อยนะ ผมอยากรู้ว่าบ้านผมเป็นยังไงบ้าง ไม่ได้กลับมาจะเป็นเดือนแล้ว”

จุมพลเอ่ยขึ้นในคืนหนึ่ง และคนที่เช็คเอกสารอยู่ที่โต๊ะทำงาน ก็ไม่มีคำตอบ หรือคำพูดใด ๆ ออกมา
ก็ตามนั้น ไม่ตอบก็แปลเอาเองว่าไปได้ก็แล้วกัน

เสียงคลิกเมาส์ดังพอให้ได้ยินเป็นระยะ และจุมพลก็หันไปมองที่โต๊ะทำงานของคุณไอศูรย์ คลิกขนาดนั้น
ระวังเมาส์จะพังไปซะก่อนนะครับ

ไม่ได้ทัก แต่ก้มหน้าก้มตาเปิดแผนที่ในเกมส์ และอยู่ในระหว่างเดินทาง

ต่างคนต่างไม่สนใจกัน จนกระทั่งอยู่ดีๆ คุณไอศูรย์ที่นั่งทำงานอยู่ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรไปหาใครซักคน
และจุมพลที่กำลังล่ามอนสเตอร์ในเกมส์ ก็ต้องเงยหน้าขึ้นหันไปมองคนที่นั่งทำงานอยู่ทันที

“ผมไอศูรย์นะครับ คุณ...มยุรี”

คุณมยุรี......มยุรี.......ชื่อเดียวกับหญิง

“พรุ่งนี้ผมจะแฟ็กซ์เอกสารค่าซ่อมรถไปให้ ตรงไหนซ่อมได้ ตรงไหนที่ต้องเปลี่ยน คุณดูเอาเองแล้วกัน นี่เป็นราคาจากอู่กลางของกรมการประกันภัย คุณสามารถเช็คได้เลย”

คงจะคนชื่อเหมือนกัน คุณไอศูรย์ทำบริษัทขนส่ง เรื่องการซ่อมรถ การดูแลตรวจเช็คสภาพรถเป็นเรื่องปกติธรรมดา
ก้มหน้าลงมาสนใจกับหน้าจอ ไล่ล่ามอนสเตอร์ในเกมส์ต่อไปเรื่อย ๆ

คุณมยุรีนี่สงสัยจะสนิทกัน ห้าทุ่มจะเที่ยงคืนอยู่แล้ว ก็ยังสามารถคุยต่อรองเรื่องซ่อมรถกันได้

“เรื่องค่ารักษาพยาบาล ผมจะแฟ็กซ์ไปพร้อมเอกสารซ่อมรถ คุณจะแบ่งจ่ายเป็นงวดหรือจะจ่ายหมดเลยก็ได้ผมไม่มีปัญหา “แต่คุณต้องจ่าย”  ผมไม่ชอบใช้วิธีการป่าเถื่อนหรอกนะ บอกตามตรง แต่ถ้าปัญหาเยอะนัก การตัดสินปัญหาด้วยกำลังก็แก้ปัญหามาได้นักต่อนักแล้ว”

มีการข่มขู่ทางโน้นด้วยนะ มันจะไม่ใจร้ายใจดำไปหน่อยเหรอคุณไอศูรย์
คุณมยุรีนี่รับรองว่ายังไงก็เป็นผู้หญิง ทำเสียงดุแบบนั้น คุณมยุรีคนที่ว่า คงได้ช็อคตายกันพอดี

“ธุระของผมมีแค่นี้ ถ้ามีอะไรที่คุณควรทราบ ผมจะโทรแจ้งคุณอีกทีก็แล้วกัน”

แล้วคุณไอศูรย์ก็กดวางสายไปเรียบร้อย

ดุจริงวะ ขนาดกูนั่งอยู่ตรงนี้ยังรู้สึกขนหัวลุกเลย พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบขนาดนั้น แต่แฝงไปด้วยพลังอำนาจทุกถ้อยคำ
คุณไอศูรย์เจรจากับทางโน้นดุเดือดเกินไป

ไม่รู้จะดุขนาดนั้นไปทำไม คุณมยุรีอะไรนี่ทำงานไม่ถูกใจหรือไง ถึงได้ดุเป็นจริงเป็นจังขนาดนั้น

วิพากษ์วิจารณ์อีกฝ่ายในใจ แต่ไม่คิดที่จะพูดออกไป จะพูดทำไมไม่ใช่เรื่องของตัวเองสักหน่อย นั่นมันงานของคุณไอศูรย์ไม่ใช่งานของผมครับ

เสียงปิดคอมพิวเตอร์ที่โต๊ะทำงาน ทำให้จุมพลต้องเงยหน้าขึ้นและหันไปมองคนที่ลุกจากโต๊ะทำงานแล้ว

เกือบเที่ยงคืน เป็นเวลาที่ควรต้องเข้านอน ออกจากเกมส์ที่กำลังเล่น และจุมพลก็ปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุคที่อยู่บนโต๊ะ พับหน้าจอเรียบร้อยและขยับขึ้นมานั่งอยู่บนโซฟา

เดินเข้าไปนอนเลยก็ได้ แต่มันคือความเคยชินที่จะนั่งรอ
คุณไอศูรย์เดินไปเปิดตู้เย็นในครัว และรินน้ำใส่แก้วยกขึ้นดื่ม และคนที่รออยู่ก็นั่งมองทุกการกระทำที่คุณไอศูรย์ทำ

แปลกนะ ทำไมกูมาอยู่กับคุณไอศูรย์ได้จะเป็นเดือนเลยวะ บ้านตัวเองก็มี แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้กลับ และเมื่อไม่ได้รับอนุญาตก็มีแต่ห้ามขัดคำสั่ง ไม่ได้รู้สึกแย่ อยู่คอนโดคุณไอศูรย์ไม่ได้อึดอัดใจ
 แถมยังรู้สึกสบาย ๆ ด้วยซ้ำ แต่คนเราจะรักความสบายไปตลอดมันก็ไม่ใช่ บ้านก็มีอยู่ ถ้าไม่คิดจะอยู่ แล้วจะซื้อไว้ทำไม

คุณไอศูรย์เดินออกมาจากครัวแล้ว ไม่ได้เดินตรงไปที่ห้องนอน แต่เดินมายืนอยู่ตรงหน้าของจุมพลที่เงยหน้าขึ้นมอง

อะไรวะ

ทำไมต้องขมวดคิ้ว ทำไมต้องทำหน้าเหมือนคนโกรธใครมาสิบชาติ ทำไมต้องมามองหน้าผมแล้วก็ทำเหมือนหงุดหงิดด้วยครับ

“พรุ่งนี้หยุดใช่มั้ย”

ใช่ครับ พรุ่งนี้หยุด พยักหน้าตอบรับ และคนที่ยืนอยู่ก็ทรุดกายอยู่ตรงหน้า

เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย ไม่ดีมั้งคุณไอศูรย์ เป็นอะไรล่ะ มานั่งอยู่ตรงนี้ได้ยังไง
โซฟาก็มีที่ให้นั่งอีกเยอะจะนั่งคุกเข่าแล้วจ้องหน้าผมทำไมวะ

“....มีอะไรให้ผมทำหรือเปล่าครับ วันหยุดพรุ่งนี้ เดี๋ยวผมช่วยก็ได้นะ งานที่ไม่เกี่ยวกับข้อมูลบริษัทคุณน่ะ ถ้าผมพอจะทำอะไรได้บ้าง คุณก็บอกผมมาเลย”

ไม่รู้จะพูดอะไรดี และคุณไอศูรย์ก็ดูเหมือนไม่สนใจเรื่องที่จุมพลพูดเท่าไหร่

จ้องหน้าของจุมพลนิ่ง ๆ  ก่อนจะถอนหายใจออกมายาว ๆ  และลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

อะไรว๊า มานั่งทำหน้างี่เง่าใส่ แล้วก็ลุกขึ้นยืน  นี่ผมต้องเงยหน้าขึ้นมองคุณจนคอจะหักแล้วนะ

“ทำกัน”

ห๊ะ...ทำกัน .....ทำอะไรวะ ทำกันที่ว่า.....

“ทำ.......หมายถึงทำอะไรครับ ทำงาน ทำอะไร”

แทนที่คุณไอศูรย์จะตอบ กลับขมวดคิ้วยิ่งกว่าเดิม แล้วก็ทำหน้าดุใส่อีก   อะไรวะ  ผมผิดอะไรทำไมต้องมาโหดใส่ด้วย

"ทำอะไรครับ"

จุมพลอยากจะเข้าใจให้มากขึ้น และก็เอียงคอมองหน้าของคุณไอศูรย์  หน้าตาท่าทางที่แสดงออกให้รู้ว่ากำลังสงสัย มันยิ่งทำให้คุณไอศูรย์หงุดหงิดใจเพิ่มขึ้น

ไม่เกี่ยวกับงานไม่เกี่ยวกับอะไรทั้งนั้น ขี้เกียจอธิบาย ขี้เกียจพูดมาก ยิ่งพูดยิ่งมากความ แต่ถ้าไม่พูดให้เข้าใจ จุมพลที่พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง ก็คงไม่มีทางเข้าใจ

“ทำอย่างว่ากัน”

ทำ........อย่าง..........ว่ากัน....

 “อย่างว่า...แล้วจะว่าไงล่ะครับ ไม่บอกให้ชัดเจนผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดี อย่างว่า   ว่าอะไร ว่ายังไง อะไรว๊า”

คุณไอศูรย์คล้ายเข้าใจเรื่องบางอย่างขึ้นมาทีละนิด จุมพลไม่ใช่คนพูดจาไม่รู้เรื่อง แต่อีกฝ่ายมักจะเลี่ยงเรื่องบางอย่างด้วยการแกล้งมึนจนทำให้คนที่คุยด้วยโมโห จะได้เปลี่ยนเรื่องและจบเรื่องที่กำลังคุยไปซะ

“ว่าอะไร.......ว...อะ”

ป่วยการจะอธิบายเลยโน้มตัวลงมาหา สองมือจับพนักโซฟาและเหมือนกำลังคร่อมอยู่เหนือร่างของคนที่เงยหน้าขึ้นมอง

จุมพลเงยหน้าขึ้นมองคุณไอศูรย์นิ่ง ๆ

มองและกระพริบตา ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอและก้มหน้าลง

ถ้าอยากจะทำก็ทำ

ไม่ใช่ว่าไม่เคยทำ ก็เคยทำกันมารอบหนึ่งแล้ว แถมเป็นคนชวนอีกต่างหาก ถ้าคุณไอศูรย์จะอยากทำบ้าง โดยเป็นคนชวนก่อนมันก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

..............ผู้ชายมันก็มีอารมณ์อย่างนี้กันทุกคน...........
จะให้ช่วยตัวเองอย่างเดียวมันก็คงน่าเบื่อเกินไป แล้วระดับคุณไอศูรย์ถ้าคิดจะหาผู้หญิงมาทำเรื่องอย่างนี้ด้วย มันก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่เกือบเดือนที่ผ่านมา คุณไอศูรย์ไม่ได้พาใครมา

เพราะผมอยู่ที่นี่หรือเปล่าวะ คุณเลยไม่ได้ปลดปล่อยมาพักใหญ่

ถ้าจะเกิดอารมณ์นึกอยากจะทำขึ้นมาก็คงไม่แปลก งั้นผมจะคิดซะว่าช่วย ๆ กันไปให้มันจบ ๆ เรื่อง

“อย่างว่าที่ว่านี่คือ...อย่างที่เวลาอยากแล้วก็ต้องหาทางปลดปล่อยใช่มั้ยครับ”

ถามออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และคนที่มองหน้าจุมพลที่ก้มหน้าอยู่ก็ตอบรับเสียงเบา

“ใช่”

เหรอ

“งั้นแค่ใช้มือกันก็พอมั้ง อย่าให้ถึงขนาดวันนั้นเลย วันนั้นผมก็ไม่ค่อยปกติด้วย คุณ...คิดว่า...ไง”

เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง และถามคนที่ยังจ้องหน้าจุมพลนิ่งๆ

ว่าไงก็ได้ คิดว่ายังไงก็ว่าตามนั้น

“คุณจะใช้มือให้ผมหรือไง”

อ้าว

“คุณจะใช้มือให้ตัวเองก็ได้ ก็แล้วแต่คุณ”

ตอบกลับไปแบบตรง ๆ ไม่ได้คิดจะกวนประสาท แต่มันก็ทำให้คนฟังหัวคิ้วกระตุกน้อย ๆ

...........จุมพล......คุณนี่มันขยันต่อปากต่อคำจริง ๆ .......

“แล้ว....เริ่มเลยมั้ย ผมก่อนเหรอ หรือคุณ”

ถามอะไรออกมา จะใครเริ่มมันก็ไม่เห็นต่าง จะเริ่มก็เริ่ม จะนั่งอยู่เฉย ๆ ก็ได้ ไม่ได้ว่า แต่อย่าพูดจาน่าหงุดหงิดแบบนี้ได้มั้ย

คุณไอศูรย์รู้สึกว่าตัวเองกำลังโมโหขึ้นมาทีละนิด เป็นฝ่ายชวน แต่พออีกฝ่ายตอบรับคำชวนแบบง่าย ๆ แถมยังไม่มีทีท่าว่าจะปฏิเสธเลยสักนิด มันทำให้รู้สึกหงุดหงิดใจ ทำไมไม่คิดจะปฏิเสธหรือขัดขืน มันเป็นเรื่องธรรมดามากนักหรือไง
ไม่มีผู้ชายที่ไหนมาทำเรื่องแบบนี้กันหรอก อย่างน้อยก็ควรปฏิเสธหรือขัดขืนบ้าง ไม่ใช่ตอบรับง่าย ๆ แบบนี้

“อยากจะทำอะไรก่อนก็แล้วแต่คุณเลยแล้วกัน จุมพล”

เหรอ  เออก็ได้ งั้นก็เอาแบบวันนั้นแล้วกัน

จุมพลยกแขนขึ้นโอบรัดรอบคอของคนที่กำลังทำหน้างี่เง่าใส่  สายตาจ้องมองไปที่ดวงตาคมคู่นั้น ที่คล้ายมีแววของความหงุดหงิดไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด 
รั้งต้นคอของอีกฝ่ายลงมา และแตะริมฝีปากเข้าเบา ๆ ที่ริมฝีปากคู่นั้น

ไม่ได้คิดอะไรเลยสักนิด แค่เพียงปลุกเร้าอารมณ์ให้แก่กันและกัน

และเมื่ออีกฝ่ายยอมจูบตอบกลับ เรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นอีกครั้งก็เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ

ทำ ๆ ซะเดี๋ยวแม่งก็จบ ไม่มีอะไรหรอกน่า อย่างน้อยก็ดีกว่าทำคนเดียวล่ะวะ

จุมพลคิดแค่นั้น  ไม่ได้คิดอะไรต่อจากนั้นเลยสักนิด  โดยที่ไม่เคยรู้เลยว่าเหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยจบ  และยังคงเกิดขึ้นอีกหลาย ๆ ครั้งตามมา

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 22-05-2014 18:53:20
ปลายจมูกที่ซุกไซร้อยู่ที่ซอกคอ ยิ่งทำให้อารมณ์เตลิดไปไกล ฝ่ามือร้อน ๆ สอดเข้าไปในเสื้อ ลูบไล้เนื้อตัวของคนที่กำลังหอบหายใจหนักด้วยแรงอารมณ์อย่างพอใจ จุมพลกอดไหล่ของร่างที่คร่อมทับอยู่บนโซฟาเอาไว้แน่น

ดวงตาหรี่ปรือปรอยด้วยแรงอารมณ์ เสียงครางแผ่วเบาบ่งบอกให้รู้ว่าถูกใจกับสิ่งที่ได้รับการปรนเปรอ  และนั่นยิ่งทำให้คนที่ซุกซบใบหน้าอยู่ที่ซอกคอของจุมพลต้องผละใบหน้าออกห่าง  และนิ่งมองใบหน้าที่ขึ้นสีแดงเรื่อของจุมพลแบบตรง ๆ

ริมฝีปากที่ขบเม้มเข้าหากันแน่นเพื่อกลั้นเสียงคราง ดวงตาที่หรี่ปรือปรอย ใบหน้าที่ขึ้นสีแดงเรื่อ ทุกอย่างที่รวมเข้ากันเป็นจุมพล  ยิ่งทำให้คุณไอศูรย์ไม่สามารถหยุดความรู้สึกของตัวเองได้   แบบนี้มันเหมือนยั่วกันชัด ๆ รู้ตัวบ้างมั้ย

สิ้นสุดความอดทน  และคุณไอศูรย์ก็รั้งกางเกงวอร์มที่ใส่นอนลง  บางอย่างที่อัดแน่นอยู่ในนั้นปรากฎออกมาให้เห็นชัด

รั้งท่อนเอ็นของตัวเองออกมาจากกางเกงที่สวม ความต้องการของร่างกายแสดงออกให้เห็นชัด
และจุมพลก็ถูกดึงมือให้แตะสัมผัสที่ร่างกายของคุณไอศูรย์ที่ตื่นตัวจนถึงขีดสุด 

จ้องมองความแข็งขืนใหญ่โตที่อยู่ในกำมือ และจุมพลก็ค่อย ๆ ขยับมือและรูดรั้งส่วนนั้นขึ้นลงอย่างช้า  ๆ

“อืออ อ่ะ”

เงยหน้าขึ้น และก็เห็นสายตาของคุณไอศูรย์ที่กำลังมองมา ดวงตาสองคู่สบกันนิ่ง ฝ่ายหนึ่งเรียกร้อง และอีกฝ่ายก็กำลังสนองให้

“คุณ.....ใช้...ปากได้มั้ย”

ไม่..........

ไม่ได้

ไม่เอา

ส่ายหน้า และจุมพลก็ปล่อยมือจากท่อนเอ็นที่กำลังตื่นตัวถึงขีดสุดทันที

“....ไม่ใช้ปากก็ได้...ผมไม่ได้บังคับคุณนะ แค่ถามเฉย ๆ”

มันเกินไป ผมไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์ของคุณนะ  ผมทำเท่าที่ผมพอทำได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะทำทุกอย่างตามที่คุณต้องการ

“แค่ให้เสร็จ ผมไม่คิดจะแถมออฟชั่นพิเศษเสริม”

จุมพลกำลังรู้สึกไม่พอใจ

และถ้าไม่อยากให้เรื่องไปกันใหญ่ คุณไอศูรย์ก็ต้องเป็นคนจบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง

ก้มหน้าลงมาและหยุดคำพูดของจุมพลด้วยการประกบริมฝีปากลงไปที่ริมฝีปากบางที่เหมือนกำลังอยากจะพูดอะไรไปเรื่อยไม่หยุด  คลึงเคล้าคลอเคลียเบา ๆ และผละใบหน้าออกห่างเล็กน้อย

“ถ้าผมใช้ปากให้คุณแล้วคุณจะใช้ให้ผมมั้ย”

หมายความว่ายังไงวะ

ใช้.........ปาก....ให้

“ไม่”

ก็ยังจะไม่อีกเหรอ

“งั้นคุณก็ใช้ให้ผมฝ่ายเดียวแล้วกัน ผมขี้เกียจต่อรอง”

ห๊ะ

ใช้ให้ฝ่าย.........เดียว........เนี่ย..........นะ

ถึงกับขมวดคิ้วมุ่น และผลักใบหน้าของคนที่กำลังซุกไซร้อยู่ที่ซอกคอให้ออกห่าง และขมวดคิ้วมุ่น
ไม่เอาแล้ว แบบนี้มันเกินไป กูไม่ทงไม่ทำแม่งแล้ว

"อย่ามาบังคับผม"

ไม่ยอมก็คือไม่ยอม  และถ้าขืนอีกฝ่ายยังดึงดันจะทำตามใจตัวเอง จุมพลก็มีแต่จะยิ่งไม่ยอมมากขึ้น

“ทำไมล่ะ คุณก็มีอารมณ์ขนาดนี้แล้วนะ”

ไม่ใช่แค่พูดแต่คนพูดยังลูบไล้ไปที่ความแข็งขืนที่หว่างขาของจุมพลที่ตื่นตัวจนแทบจะดันกางเกงนอนออกมาอยู่แล้ว

“อื้ออออ ไม่เอา ผมทำของผมเองได้ ถึงไม่ทำพร้อมคุณ...ผมก็ทำของผมเองได้ มันก็เสียวได้ น้ำแตกได้เหมือนกันแหละ”

อะไรล่ะ มาจนถึงขนาดนี้แล้วจะให้กลับไปทางเดิมหรือไงจุมพล

ทำไมถึงได้งอแงขนาดนี้   ก็ได้..........งั้นก็ได้ ..... จะยอมตามใจก็ได้

“ไม่เอาก็ไม่เอา คุณนี่มันเรื่องมากจริงๆ”

แล้วคนที่ทำเสียงเหมือนไม่พอใจก็ยิ้มออกมา  ยิ้มทั้งที่กำลังพูดเรื่องที่ทำให้อีกฝ่ายหงุดหงิด แต่ทำไมตัวเองถึงยิ้มก็ไม่รู้

รู้สึกดีที่ถึงแม้จุมพลจะยอมทำเรื่องอย่างว่าด้วยกันง่าย ๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องทำให้ทั้งหมด
ทำแค่ที่เจ้าตัวคิดว่าทำได้แค่นั้น อย่างน้อยแบบนี้มันก็ทำให้คนฟังสบายใจ  เพราะจุมพลยอมแค่ที่ยอมได้ และเรื่องที่ยอมไม่ได้ ก็ไม่ยอม

“แค่มือเหมือนเดิมก็ได้....ทำให้ผมหน่อยสิ....นะ”

แล้วทำไมต้องทำเสียงอ้อนขนาดนั้นด้วยวะ   ถ้าแค่มือ ยังพอคุยกันได้ ถ้ามากกว่านี้ ผมไม่ทำ

ยอมอ่อนข้อให้ และจุมพลก็ยอมใช้มือกับท่อนเอ็นที่กำลังผงกหัวไปมาอยู่ตรงหน้า

รูดรั้งให้และเงยหน้าขึ้นมองหน้าของคุณไอศูรย์ที่กำลังมองมาและอมยิ้ม

แล้วจะยิ้มทำไมวะ  ผมไม่เข้าใจจริง  ๆ ว่าคุณจะยิ้มทำไมคุณไอศูรย์

นิ่งมองตากันแบบนั้น และเสียงครางต่ำ ๆ ในลำคอของคนที่กำลังรู้สึกไม่ต่างกัน ก็ทำให้จุมพลต้องกระพริบตามอง
ได้อารมณ์ขนาดนั้นเลยเหรอครับคุณไอศูรย์ สีหน้าแบบนี้ของคุณ ผมเคยเห็น แต่มันไม่ชัดแบบนี้ และสีหน้าของคุณตอนนี้มันก็กำลังกระตุ้นร่างกายของผมด้วย คุณไอศูรย์โน้มตัวลงมาหาอีกครั้งและจุมพลก็หลับตาแน่น ทั้งที่มือยังขยับเคลื่อนไหวไม่หยุด

ยกแขนอีกข้างโอบรอบลำคอของคุณไอศูรย์เอาไว้  ปลายลิ้นกระหวัดปลายลิ้นพัวพันเข้าหากัน

และบางอย่างที่กำลังดึงดันอยู่ในกางเกงนอนของจุมพลก็ถูกฝ่ามือร้อน ๆ สอดเข้าไปหาและลูบไล้แผ่วเบา ก่อนจะรั้งส่วนนั้นออกมานอกกางเกง และค่อย ๆ เกลี่ยปลายนิ้วไปที่ส่วนปลาย ที่มีหยดน้ำใสไหลซึมออกมา

“ผมจะทำให้ เหมือนที่คุณทำให้ผม  อย่าหยุดมือสิ”

ได้ยินเสียงกระซิบบอก และคนที่ยังขยับมือช้าลงเรื่อย ๆ ก็ต้องทำตามที่อีกฝ่ายบอก ร่างกายส่วนที่อยู่ตรงกึ่งกลางกำลังชูชันอวดสายตาคนที่กำลังทำบางอย่างให้ และคุณไอศูรย์ก็อมยิ้มน้อย ๆ เมื่อจุมพลส่งเสียงครางเครือในลำคอ และขมวดคิ้วมุ่น

สีหน้า แววตา และท่าทางแบบนี้ มันชวนให้อยากทำบางอย่างมากกว่าแค่ใช้มือให้กัน แล้วแบบนี้ใครจะไปทนไหว บางครั้งคุณก็น่ารักน่าใคร่เกินไปแล้วนะจุมพล

“อื้อออออออ อย่าหยุดสิ ผมเสียว”

แค่หยุดมือนิดเดียว ถึงกับร้องออกมาด้วยความขัดใจได้ขนาดนี้เลยเหรอ

“จุ้ม.........ชอบแบบนี้มั้ย”

ชอบอะไรวะ ก็ต้องชอบสิ  ผมเสียวครับ  หมายถึงชอบอะไรวะ ชอบตอนเสียวๆ แบบนี้เหรอ

“อือ”

พยักหน้ารับ ทั้งที่ริมฝีปากยังขบเข้าหากันและหัวคิ้วยังขมวดมุ่นเพราะความรู้สึกถึงความร้อนกำลังแล่นพล่านกระจายไปทั่วทั้งร่าง

“ใช้ปากให้หน่อยได้มั้ย”

ไม่ได้....

จุมพลยังคงส่ายหน้า และคุณไอศูรย์ก็ยิ่งหัวเราะออกมาด้วยความขำ ทั้งที่กำลังทำเรื่องอย่างนี้กันอยู่

“ขำอะไรวะ...โอ้ยยยย อื้อออ ซี้ดส์ เร็ว ๆ เหอะ ผมว่าผมจะไม่ไหวแล้ว”

ไม่ไหวเหรอ

“ทำไม...เพิ่งแป๊บเดียวเอง จะรีบเสร็จไปไหน”

ไปนอนไง ถามมาได้ ว่าจะรีบเสร็จไปไหน ก็รีบไปนอนสิครับ ไม่น่าถาม

“คุณก็รีบ ๆ เสร็จเหอะ ผมเมื่อยมือแล้ว”

เมื่อยมือเหรอ  งั้นก็มีอีกทางที่ไม่ต้องเมื่อยมือ

“แยกขาออกหน่อย”

แยกขาออกทำไมวะ   แยกขา..... ไม่ทันได้คิด และทำตามอย่างว่าง่ายและเมื่อยอมทำตาม จากที่หลับตาอยู่คราวนี้ถึงกับลืมตาตื่นขึ้นมาทันที และกำปั้นหนัก ๆ ก็ทุบเข้าที่ไหล่ของคนที่อาศัยจังหวะเผลอ  กดแทรกร่างกายเข้ามาอย่างรวดเร็วโดยไม่ยอมบอกกันก่อน

“โอ้ย ... เหี้ยยยยยยยยย.......... ไม่เอา ...ไม่เอาโว้ยยยย”

ผลักไหล่ให้อีกฝ่ายออกห่าง และคนแกล้งก็ยอมถอนกายออก

จุมพลหอบหายใจหนัก ๆ และมองหน้าของคนแกล้งนิ่ง ๆ  จ้องนิ่ง ๆ และทำหน้าเหมือนคนกำลังทั้งโมโหและอยากจะร้องไห้ไปพร้อม ๆ กัน

“ผมไม่ทำกับคุณแล้ว”

โกรธ....

และคนที่แกล้งก็รู้ว่าจุมพลกำลังโกรธ

ไม่ทำก็ไม่ทำ  ไม่ทำแล้วก็ได้

“ไม่เอาแบบนี้”

ผลักไหล่ของคนที่คร่อมทับออกห่าง  และคุณไอศูรย์ก็ได้แต่ถอนหายใจยาว

ครับ ไม่เอาก็ไม่เอา  ไม่เอาแล้วก็ได้

“แค่ที่ตกลงกันไม่ได้เลยเหรอ”

ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้

“ขอโทษ”

คำพูดสั้น ๆ ง่าย ๆ แต่ได้ใจความ และคนพูดก็โน้มตัวมากอดจุมพลเอาไว้
กอดแน่น และแตะปลายจมูกเบา ๆ ที่หน้าผากของคนที่ยังทำหน้าเหมือนกำลังจะร้องไห้

“ผมขอโทษ   งั้นแค่ที่ตกลงกันเหมือนเดิม  ผมจะไม่ตุกติก ไม่ทำอะไรที่คุณไม่ชอบ  ถ้าทำเสร็จแล้ว เราไปนอนกันดีกว่านะ”

ไม่ได้พยักหน้ารับ แต่นิ่งเงียบและคนที่กอดเอาไว้ก็ถอนหายใจออกมายาว ๆ ก่อนจะบอกสิ่งที่คิดอีกครั้ง

“นะ”

จุมพลยังคงนิ่งเงียบ  และไม่ยอมสบตากับคนที่กำลังพยายามง้อ

"นะจุ้ม"

และคราวนี้จุมพลก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะยอมพยักหน้ารับ ทั้งที่ใบหน้ายังแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

เริ่มแตะต้องสัมผัสร่างกายของกันและกันอีกครั้ง ทำอย่างที่ควรจะทำตั้งแต่แรก และเมื่อต่างฝ่ายต่างขยับฝ่ามือให้เร็วขึ้น
จากที่เคยรู้สึกไม่พอใจกันก่อนหน้านี้ก็มีอันต้องหยุดไปก่อน  เพราะอารมณ์ร้อนแรงเข้ามาแทนที่แล้วเรียบร้อย

ความรู้สึกที่ได้รับกำลังลอยละล่องไปไกลและจวนเจียนใกล้จะระเบิดเต็มที

“อื้อ จะเสร็จแล้ว อึก ๆ คุณไอศูรย์เร็ว ๆ”

เวลาทำอย่างว่ากันมันต้องเรียกชื่อกันอย่างเป็นทางการขนาดนี้เลยเหรอ

“ไม่คิดจะเรียกอย่างอื่นเลยเหรอ...หื้อออ...จุ้ม...”

เรียกอย่างอื่น  เรียกยังไงวะอย่างอื่นที่ว่า  จะให้เรียกอะไร....

“อ่ะ....พี่..เร็ว ๆ....พี่..ไอซ์....”

นึกขึ้นได้ และก็เรียกออกไปแบบไม่ทันคิด และเพราะไม่ทันคิดก็เลยได้รับการปรนเปรออย่างรุนแรงตอบแทนให้

“อื้อออออออ ไม่ไหวแล้ว ผมจะ....อื้ออ”

สะโพกแอ่นขึ้นจากพนักพิงโซฟา และใบหน้าก็แสดงความรู้สึกออกมาเต็มที่

“จุ้มก็ทำให้พี่เร็ว ๆ สิ ซี้ดดดด อือออ”

ทำเร็ว ๆ เหรอ ทำ......... ขยับฝ่ามือตามที่อีกฝ่ายขอร้อง  และเมื่ออารมณ์ถึงขีดสุดจุมพลก็ร้องครางเสียงลั่น เพราะไม่สามารถสะกดกลั้นเสียงของตัวเองได้อีกแล้ว

“อื้อออออออ เสร็จ....ฮื่อออ อ่ะ”

ใบหน้าแหงนเงยขึ้น และในหัวก็หมุนคว้าง  เมื่อถึงจุดที่ร่างกายได้รับการปลดปล่อย

“อ่า อึก อืมมม”

หยาดหยดที่กลั่นออกมาจากร่างกายกระเด็นเปรอะเปื้อนไปที่หน้าท้อง และจุมพลก็รู้สึกว่าไม่ใช่แค่น้ำรักของตัวเองที่หลั่งออกมา แต่น่าจะเป็นของคุณไอศูรย์ด้วย

เสียงครางเครือต่ำ ๆ ในจังหวะสุดท้าย ทำให้ต้องหรี่ปรือตาขึ้นมอง

ใบหน้าที่เคยทำแต่หน้าดุใส่จุมพลอยู่ตลอดเวลา ในเวลานี้เปลี่ยนไปแล้ว คุณไอศูรย์หลับตาแน่น ก่อนจะลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ และลมหายใจก็ยังขาดห้วงอยู่ น้ำรักยังหลั่งรินออกมาไม่หยุด และยังคงกระฉอกออกมาจากส่วนปลายของท่อนเอ็นแกร่งที่อยู่ในมือ

สิ่งที่เห็นมันทำให้จุมพลต้องกลืนน้ำลายลงคอ

เสร็จแล้วเหมือนกันเหรอวะ เสร็จแล้ว..........หน้าคุณไอศูรย์........แม่ง..... โคตรได้อารมณ์....

คุณไอศูรย์ก็ทำหน้าอย่างนี้ได้นอกจากหน้าดุใส่กูนี่หว่า

แล้วดูตอนที่เสร็จสิ....มันอะไรกันวะ…..น้ำแม่งออกมาเยอะมาก  ไม่ใช่แค่น้ำแต่ไอ้ที่ค่อย ๆ อ่อนตัวลงนี่มันชวนให้ต้องมอง
แบบนี้จะไม่ให้เจ็บได้ยังไงตอนที่โดนแทงเข้ามา ดีแล้วที่ไม่ยอมให้เข้า ถ้ายอมให้เข้ามา กูแม่งมีแต่ตายกับตาย

จุมพลได้แต่คิด และยังคงหอบหายใจอยู่อีกพักใหญ่กว่าจะปรับลมหายใจให้เข้าที่ได้

ถึงจุดหมายในเวลาไม่ห่างกัน และริมฝีปากร้อนรุ่มของคุณไอศูรย์ก็แนบลงมาแตะที่ริมฝีปากของจุมพลเบาๆ อีกครั้ง ก่อนจะผละออกห่าง เมื่อต่างฝ่ายต่างปรับลมหมายใจให้เข้าที่ได้แล้ว

กล่องกระดาษทิชชู่ ถูกส่งให้ และจุมพลก็ดึงแผ่นกระดาษออกมาซับเบา ๆ ที่ส่วนปลายของร่างกายตัวเอง

ซับไปเรื่อย ทั้งบริเวณหน้าท้องที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำรัก และเช็ดมือที่มีหยาดหยดที่ปล่อยออกมาเปรอะเปื้อนอยู่

ต่างฝ่ายต่างจัดการร่างกายของตัวเองจนเสร็จเรียบร้อย เสื้อผ้าที่หลุดรุ่ยถูกจัดให้เข้าที่เข้าทาง

“....................”

ไม่มีการพูดคุยอะไรกันอีก คุณไอศูรย์ลงมานั่งอยู่ข้างจุมพลเงียบ ๆ  นั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียวกัน แต่ไร้คำพูด
และจุมพลก็ได้แต่นิ่งมองปลายนิ้วของตัวเองไปเงียบ ๆ ไม่รู้จะพูดหรือทำอะไรดี

"...................."

ไม่มีคำพูดใด ๆ ออกมาอีก จุมพลเงียบ และคุณไอศูรย์ก็เงียบไม่ต่างกัน

เรื่องบางอย่างที่ทำด้วยกัน เพิ่งผ่านพ้นไปได้ไม่นาน
และถ้ามาคิดดูให้ดี จะรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะมาทำด้วยกัน

ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจตัวเองเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

“จุ้ม”

เรียกอีกฝ่ายเบา ๆ และจุมพลก็หันมามอง มองนิ่ง ๆ และเลิกคิ้วขึ้นสูง เหมือนสงสัยว่าคุณไอศูรย์เรียกทำไม

“ครับ”

ขานรับ และฝ่ามืออุ่น ๆ ของคุณไอศูรย์ก็แตะเบา ๆ ที่ข้างแก้มขาว ๆ ของจุมพลที่มองมาด้วยความไม่เข้าใจ

“...ไปนอนกันได้แล้ว ดึกแล้ว”

นอนเหรอ

นอน......

นอนก็นอน

“ครับ”

ขยับตัวลุกขึ้นจากโซฟาโดยมีใครบางคนเดินนำหน้าเข้าไปในห้องนอน

“ผมนอนตรงนี้นะ”

ก็นอนอยู่ตลอดไม่ใช่เหรอ

“อือ”

คุณไอศูรย์พยักหน้า และต่างฝ่ายต่างก็จัดหมอนของตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะล้มตัวลงนอนพร้อม ๆ กัน

“ปิดไฟด้วย”

จุมพลยื่นมือไปปิดไฟที่โคมไฟหัวเตียง และก็กลับลงมานอนด้วยท่าทางสบาย ๆ ก่อนหน้านี้ การนอนหลับเป็นเรื่องยาก แต่เดี๋ยวนี้ หลาย ๆ ครั้งแค่หัวถึงหมอนก็เหมือนจะหลับลงได้ง่าย ๆ รู้สึกเหมือนอยู่ในที่ที่ปลอดภัย รู้สึกว่าอยู่กับคุณไอศูรย์แล้วสามารถหลับตาลงได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องกังวลใจ ท่อนแขนที่วางลงที่เอวและคนที่อยู่ด้านหลังก็ขยับเข้ามาใกล้ๆ ทำให้จุมพลต้องหันไปมอง กอดทำไมวะ คุณไอศูรย์คุณกอดผมทำไม

.......ไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ถาม….

หันกลับมา และหลับตาลงอย่างช้า ๆ ทั้งที่ในหัวยังมีคำถามที่ยังไม่ได้ถาม คุณมากอดผมทำไมครับ......แล้วนี่คุณจะกอดผมทำไม......ผมไม่เข้าใจครับคุณไอศูรย์ จุมพลนอนหลับตาไปเงียบ ๆ ทั้งอย่างนั้น และคุณไอศูรย์ก็ค่อย ๆ หรี่ปรือตาลงในเวลาไม่นานพร้อม ๆ กับจุมพล  ทั้ง ๆ ที่ต่างฝ่ายต่างก็มีคำถามอยู่ในหัวเต็มไปหมด

...........ทำไมเราสองคนถึงนอนกอดกัน.............


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 22-05-2014 19:02:56
วันนี้จะอัพอีกตอนมั๊ยน๊อออออ ^_~
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 22-05-2014 19:09:39
ท่าทางพี่ไอซ์จะรักน้องจุ้มมากนะนี่ บอกว่าไม่ก็หยุดเลยยย  :-[

ส่วนยัยหญิงมยุรีนั่นต้องโดนพี่ไอซ์จัดการอะไรสักอย่างแล้วแน่เลยยย  :hao7:

หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 22-05-2014 20:23:18
เอากันกอดกัน แต่ยังไม่เข้าใจกัน ว่ากำลังทำอะไรกัน และเป็นอะไรกัน :hao4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 22-05-2014 20:42:03
จุมแม่งเล่นตัว แทงไปแล้วบอกไม่เอาอยู่ได้ รมเสีย :katai1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 22-05-2014 21:04:59
ซึนกันจริงจริ๊งงงงง >_<
 :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 22-05-2014 21:17:13
หยั่งงี้ อีกนานๆ เหอๆๆๆ
เป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ 2 หนุ่ม ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: bozang ที่ 22-05-2014 21:54:29
กรี๊ด สนุกมาก จุ้มยังมึนอยู่เลย พี่ไอซ์เขาคิดไปไหนต่อไหนแล้วนะ อิอิ
รออ่านต่อค่า
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 22-05-2014 22:13:58
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/19/256IqDzo.jpg)
เรื่องของหัวหน้าแผนกจัดซื้อ ไอศูรย์-จุมพล ตอน รอ

ทำไมถึงต้องยอมด้วยวะ นั่นคือคำถามที่เกิดขึ้นในหัว ผ่านมาได้สองวันแล้วแต่คำถามนี้ก็ยังวนเวียนในหัวไม่เลิก
คุณไอศูรย์ไปส่งที่โรงงานตอนเช้า และตอนเย็นก็ไปรับ มันคือเหตุการณ์ปกติ ที่อีกฝ่ายทำเป็นประจำสม่ำเสมอ

รถเข้าอู่ไปเรียบร้อย โดยมีคุณไอศูรย์เป็นธุระจัดการให้ แล้วทำไมแค่เรื่องรถกูถึงจัดการเองไม่ได้วะ

เหตุผลที่คุณไอศูรย์บอกมาไม่มีอะไรมาก เรื่องการซ่อมรถ หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับรถ คุณไอศูรย์สามารถจัดการให้ง่ายกว่า เพราะมีอู่ที่ทำอยู่เป็นประจำ รถส่วนหนึ่งของบริษัทก็ส่งให้อู่ประจำดูแลให้ตลอด ประสบการณ์เรื่องรถของคุณไอศูรย์มีสูงกว่า
และนั่นก็เป็นเหตุผลที่มากพอให้จุมพลไม่ต้องจัดการอะไรกับรถของตัวเองเลยเพราะมีคนจัดการให้เรียบร้อยแล้ว

วันนี้ตอนเย็นคุณไอศูรย์ไปรับและพามาส่งที่คอนโด เจ้าของห้องบอกว่ามีนัดเลี้ยงลูกค้า กลับอีกทีดึก ๆ ถ้าจะนอนก็นอนไปได้เลย คำถามก็คือ มันทำได้ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ  ถ้ามันทำได้ง่ายขนาดนั้น ผมคงไม่มานั่งเล่นเกมส์จนปาเข้าไปเที่ยงคืนแบบนี้หรอก

คุณไม่อยู่ ผมนอนไม่หลับว่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม นี่ก็เป็นคำถามอีกหนึ่งเหมือนกัน คุณไอศูรย์ไม่อยู่มันเกี่ยวกับการที่นอนไม่หลับได้ยังไง ไม่มีเหตุผลเลย เหตุผลแค่เจ้าของห้องไม่อยู่ เลยทำให้นอนไม่หลับ มันใช่เหตุผลที่ไหนกันล่ะ

จุมพลถอนหายใจออกมายาว ๆ  จากที่นั่งอยู่บนพื้นและวางคอมพิวเตอร์โน้ตบุคไว้บนโต๊ะ ตอนนี้เปลี่ยนเป็นขึ้นไปนั่งอยู่บนโซฟาและเอนหลังพิงพนักโซฟาด้วยท่าทีเซ็ง ๆ

เที่ยงคืนแล้วนะครับ ยังไม่กลับอีกเหรอ เลี้ยงลูกค้าอะไรนานขนาดนั้น เที่ยงคืนก็น่าจะกลับได้แล้ว

อยู่ดี ๆ ความคิดที่ไม่สมควรคิดก็ผุดขึ้นในหัว ปกติเที่ยงคืนนี่ถ้าไปเที่ยวถือว่าเพิ่งเริ่ม คุณไอศูรย์จะกลับมาสว่างเลยมันก็ไม่ผิด มันเรื่องงานและชีวิตส่วนตัวของเขานี่หว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันด้วยซ้ำ มาอยู่ด้วยกันในฐานะ “รูมเมท”

เออใช่ เป็นแค่รูมเมท จะไปมีสิทธิ์อยากมีส่วนร่วมในชีวิตของคนอื่นได้ยังไงวะ

ใช่สิ ผมมันเป็นแค่รูมเมทนี่ รูมเมทที่ดี มีเอาไว้ทำเรื่องอย่างว่าได้ด้วย นี่ก็อีกเรื่องที่พาลให้หงุดหงิดโมโหตัวเอง
 
ทำไมวะ สองครั้งแล้วนะที่เป็นแบบนี้ ครั้งแรกยอมรับว่าเสียศูนย์เลยทำอะไรโง่ ๆ แต่ครั้งที่สองที่อีกฝ่ายขอทำด้วย ทำไมถึงตกลงใจง่าย ๆ มันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะเกิดขึ้น แล้วคุณเป็นอะไรของคุณวะ อยากมากขนาดนั้น แล้วหาที่ลงไม่ทันเลยเลือกผมเพราะเคยทำกันไปแล้วหนึ่งรอบ

หรือไง

ถึงจะไม่ที่สุด แต่เรื่องแบบนี้มันสมควรแล้วเหรอวะ    กูหงุดหงิดโว้ยยยยยยยยยย หงุดหงิดตัวเอง แล้วก็พาลโมโหคุณไอศูรย์ด้วย

มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอวะ คุณไม่คิดอะไรได้ขนาดนั้นเลยเหรอ คุณไม่คิดแต่ผมคิดนะ มันก็ดีที่ได้ระบายออก แต่พอมาคิดจริง ๆ จังๆ แล้ว มันมีเหตุผลมากพอให้ทำแบบนั้นด้วยกันหรือไง มันไม่มีเหตุผลเลยนี่หว่า

ยกมือขึ้นขยี้หัวตัวเองด้วยความกลุ้ม และจุมพลก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ลุกขึ้นเดินเข้าไปในครัว และหยิบจานข้าวที่อยู่ในซิ้งล้างจานมาล้าง จานมีแค่ใบเดียวและแก้วน้ำอีกแค่หนึ่งใบ กินข้าวคนเดียวแม่งอย่างเหงา กับข้าวก็อร่อยอยู่หรอก เมื่อเช้าเขียนแกงเขียวหวานไป

ตกเย็นก็ได้กินแกงเขียวหวาน มีหมูย่างกับผัดผักหนึ่งอย่างด้วย

มันควรจะกินข้าวอร่อยกว่านี้ไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมถึงรู้สึกไม่อร่อยเลย เหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง
จะอะไรล่ะไม่ต้องเดา ก็ทุกวันกินข้าวด้วยกัน แต่วันนี้คนที่กินข้าวด้วยกันทุกวัน ไปกินข้าวนอกบ้านกับลูกค้าไง
ความผิดของคุณเลยครับ คุณทำให้การกินข้าวคนเดียวมื้อนี้ไร้รสชาติที่สุดตั้งแต่ผมอยู่ที่นี่มา

ปิดน้ำเรียบร้อยและวางจานข้าวกับแก้วน้ำไว้ที่ตะแกรงวางจาน ดึงผ้าขนหนูที่แขวนเอาไว้มาเช็ดมือ และเดินไปหยิบโหลคุกกี้ที่อยู่ในตู้ออกมาและกำลังจะเปิดโหลหยิบขึ้นมากิน ทำไมคุกกี้มันเปลี่ยนไปวะ สองวันก่อนมันเป็นคุกกี้เนยนี่หว่า ทำไมวันนี้มันกลายเป็นคุกกี้ผลไม้รวม

ไปได้ หยิบโหลมาพิจารณา และเอามาวางไว้บนโต๊ะกินข้าว นั่งมองไปเรื่อย ๆ สุดท้ายก็ใช้แขนเป็นที่รองคางและจุมพลก็ทำเหมือนนอนมองโหลคุกกี้ด้วยความเซ็ง

เซ็งจริง ๆ นะ ผมเบื่อจริง ๆ เมื่อก่อนตอนที่อยู่บ้าน สามารถนั่งเล่นเกมส์ได้ทั้งคืน โดยไม่รู้สึกเบื่อ และเมื่อถึงเวลานอนก็จะเผลอหลับไปเอง แต่ทำไมตอนนี้ไม่เห็นเหมือนตอนนั้นเลย ความรู้สึกอุ่นใจเวลาที่มีคนอยู่ด้วย มันดีกว่าอยู่คนเดียวแบบนี้เป็นไหน ๆ
เมื่อก่อนอยู่ได้ แต่ทำไมตอนนี้ไม่อยากอยู่คนเดียวก็ไม่รู้

จุมพลใช้ปลายนิ้วขีดเล่นไปที่ขวดโหล ก่อนจะเปิดฝาออกและหยิบคุกกี้ใส่ปากหนึ่งชิ้น ค่อย ๆ กัดที่ขอบทีละนิด และก็นอนมองโหลคุกกี้ไปเรื่อย ๆ เที่ยงคืนกว่าแล้วนะคุณไอศูรย์ คุณยังไม่กลับอีกเหรอ คุณจะกลับสว่างจริง ๆ เหรอ มันไม่เกินไปเหรอแบบนั้น
ถ้าคุณกลับตอนเช้า คุณจะไปทำงานไม่ไหวนะ คุณจะมึนหัวแล้วก็กลายเป็นคนพูดจาไม่รู้เรื่องแบบผมนะ อยากให้เป็นแบบนั้นเหรอ อยากให้เป็นแบบนั้นจริง ๆ เหรอคุณไอศูรย์

จุมพลคิดอะไรไปเรื่อย ๆ และค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งตัวตรง หยิบโหลคุกกี้ไปเก็บไว้ในตู้เหมือนเดิม และคาบคุกกี้ที่แทะแค่ขอบไว้ในปาก แตะมือเข้าหากันสองสามครั้งเพื่อให้ปลายนิ้วไม่เหลือผงของคุกกี้

ก้าวขามาหยุดยืนมองที่โต๊ะทำงานของคุณไอศูรย์ที่มีเอกสารบางอย่างกองเอาไว้แล้วก็ลงไปนั่งที่เก้าอี้ มีลูกอมสีสวยวางอยู่สองสามเม็ด แอบกินลูกอมของผมนี่หว่า ที่ซื้อไว้ให้เนี่ย แอบเอามากินเองใช่มั้ย  หมุนเก้าอี้ไปเรื่อย ๆ และจุมพลก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย สุดท้ายบ่นพึมพำคน

เดียวเสียงเบา

“งานยังค้างอยู่บนโต๊ะอีกตั้งเยอะ เอกสารกองพะเนินขนาดนี้ทำไมไม่รีบกลับมาทำ เป็นผู้บริหารประสาอะไร มัวไปกินเลี้ยงกับลูกค้าอยู่ได้ งานการไม่รู้จักทำ คุณนี่มันเป็นผู้บริหารที่แย่จริง ๆ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 22-05-2014 22:14:21
ตีสองแล้ว

และเสียงเปิดประตูก็ทำให้จุมพลที่จนป่านนี้ก็ยังกินคุกกี้ชิ้นเดียวไม่หมด ต้องรีบหันไปมอง

ปล่อยให้สมองคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่นานสองนาน นั่งดูมิวสิควีดีโอเพลงอะไรก็ไม่รู้ที่ฉายอยู่ในเวลานี้ ไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำว่าดูอะไร แค่เปิดเอาไว้เป็นเพื่อน และคนที่เดินเข้ามาในห้องก็ถอดรองเท้าเก็บใส่ตู้เรียบร้อยและเงยหน้าขึ้นมองหน้าของจุมพลที่โผล่ขึ้นมาจากโซฟา

“ไม่นอนอีก ดึกแล้วนะ บอกให้นอนก่อนทำไมไม่นอน”

อะไรวะ กลับมาถึงแทนที่จะทักทาย นี่มาบ่นใส่ซะงั้น คุณก็ยังไม่นอนเหมือนกันไม่ใช่เหรอ แถมยังเพิ่งกลับอีกต่างหากมันจะต่างอะไรจากผมวะ

“นอนไม่หลับ”

ตอบไปแบบตรง ๆ และคนที่วางกุญแจรถไว้ที่เคาร์เตอร์ครัวก็เลิกคิ้วขึ้นสูง เดินไปล้างมือและเปิดตู้เย็นรินน้ำใส่แก้ว และก็มองตรงไปที่คนที่บอกว่านอนไม่หลับ ทำไมถึงนอนไม่หลับล่ะ

“ดึกขนาดนี้แล้ว นอนได้แล้วมั้ง”

นอนได้แล้วเหรอ ผมก็อยากจะนอนอยู่หรอก แต่ก็อย่างที่บอกไปไง ถ้านอนหลับได้ ผมก็นอนไปแล้วสิ จะมานั่งตาค้างอยู่ถึงป่านนี้ทำไม

“ก็ผมนอนไม่หลับ”

ยังยืนยันคำเดิม และจุมพลก็ลงมานั่งอยู่บนโซฟาเรียบร้อย หยิบรีโมทขึ้นมากดเปลี่ยนรายการโทรทัศน์ไปช่องอื่น และคนที่อยู่ในครัวก็เดินมาที่โต๊ะทำงาน และเปิดคอมพิวเตอร์

ดึกแล้วนะ เปิดคอมทำไม อย่าบอกนะว่าจะทำงานอีก

ไม่ได้ถาม ไม่ได้พูด แต่ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นว่าคุณไอศูรย์ที่เพิ่งกลับเข้ามาถึง แทนที่จะไปอาบน้ำให้ร่างกายสดชื่น กลับไปเปิดคอมพิวเตอร์และเริ่มหยิบแฟ้มเอกสารมาเปิด ทำงานจริงด้วยนี่หว่า ทำไมถึงต้องทำงานขนาดนี้ด้วยวะ น่าจะเตรียมอาบน้ำนอนได้แล้วไม่ใช่หรือไง ไม่รู้

ว่าทำไมรู้สึกหงุดหงิดไม่ชอบใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เป็นคนพูดเองแท้ ๆ ว่าคุณไอศูรย์หนีงาน แต่พอเห็นอีกฝ่ายกลับบ้านมาแล้วต้องมานั่งทำงานอีก จุมพลก็คล้ายรู้สึกไม่พอใจ

ปิดโทรทัศน์เรียบร้อยและลงมานั่งบนพื้น เริ่มเปิดแผนที่และเดินทางอีกครั้งในเกมส์ออนไลน์

คุณจะทำงานก็ทำไป ผมจะเล่นเกมส์ ผมไม่ได้รอนะ ผมก็เล่นของผมอยู่ทุกวัน ไม่เกี่ยวกับคุณด้วย เมื่อกี้ที่หยุดไปแค่เบื่อ ๆ เท่านั้น แต่ตอนนี้หายเบื่อแล้วก็เลยเล่นต่อไปได้ก็แค่นั้น จุมพลนั่งเล่นเกมส์ไปเรื่อย ๆ และคนที่ทำงานอยู่ก็หันมามอง

นี่ตกลงถ้าไม่ได้นอนพร้อมกัน คุณจะนอนไม่หลับจริง ๆ ใช่มั้ย คำตอบของคุณมันทำให้ผมคิดได้แบบนั้นนะจุมพล

“จุ้ม”

เรียกคนที่นั่งเล่นเกมส์อยู่ และจุมพลก็ขานรับ

“ครับ”

“ชงกาแฟให้หน่อย”

กาแฟเหรอ

หยุดมือทันที และจุมพลก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปในครัว จัดการเสียบกระติกน้ำร้อน และหยิบแก้วกาแฟออกมาวาง

“กาแฟสอง ครีมหนึ่ง”

ไม่ใส่น้ำตาลเหรอ

“ขมตาย”

ไม่ขมหรอก กินแบบนี้ประจำ

“ใส่น้ำตาลหน่อยมั้ย จะได้หวาน ๆ”

ไม่ต้องหรอก

“แค่จุ้มชงให้ก็หวานพอแล้ว”

ห๊ะ อะไรนะ

“เมื่อกี้ว่าไงนะครับ”

ไม่รู้จริง ๆ ว่าอีกฝ่ายพูดอะไร และก็ถามออกไปด้วยความสงสัย แต่ไม่ได้รับคำตอบกลับมา
พูดอะไรวะฟังไม่เห็นรู้เรื่อง พูดให้ตัวเองฟังคนเดียวแบบนั้นใครจะไปรู้เรื่องด้วยวะ คุณนี่พูดไม่รู้เรื่องยิ่งกว่าผมอีก พูดคนเดียวรู้เรื่องคนเดียว ผมว่าคุณแปลก ๆ นะคุณไอศูรย์ หรือว่าจะทำงานมากเกินไปเลยไม่อยากสื่อสารกับใครให้รู้เรื่องยิ่งกว่าผม

สงสัยจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 22-05-2014 22:16:23
ทำไมถึงยอมคุณไอศูรย์ง่าย ๆ วะ

ตีสามแล้ว และจุมพลที่กำลังเดินทางในเกมส์ออนไลน์ก็คิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ ลืมคิดเรื่องนี้ไปหลายชั่วโมง แต่อยู่ดี ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องนี้ค้างอยู่ในหัว พักนี้ไม่รู้เป็นอะไร บางครั้งอยู่ดี ๆ ก็ชอบมองหน้าของคุณไอศูรย์บ่อย ๆ มองแบบที่บางครั้งเจ้าตัวก็รู้ตัวว่าถูกมอง บางครั้งก็

ไม่รู้ตัว คำถามเรื่องนั้นที่ยังไม่เคลียร์ก็ปล่อยไว้ก่อน คำถามนี้ดีกว่าที่น่าจะหาคำตอบได้ไม่ยาก

..............พักนี้กูมองหน้าคุณไอศูรย์บ่อย ๆ ทำไม..............

นั่นสิ มองทำไม ไม่เข้าใจ ไม่ใช่แค่คิด แต่จุมพลยังลุกขึ้นและเดินไปหาคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงาน เหมือนดูงบอะไรซักอย่าง คงเป็นงบดุลประจำปีของบริษัท

“คุณไอศูรย์”

เรียกชื่ออีกฝ่าย และคุณไอศูรย์ก็วางแฟ้มเอกสารลง แต่ไม่ได้หันหน้ามามอง มือเลื่อนไปคลิกเมาส์ และสายตาก็มองที่หน้าจอคอมพิวเตอร์

“คุณไอศูรย์”

อือ

“มีอะไร”

มีอะไรเหรอ มันก็ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากมองหน้าหน่อยแค่นั้น
เห็นอีกฝ่ายไม่สนใจ จุมพลที่ถูกเมินก็เลยจัดการใช้มือของตัวเองดึงหน้าของคนที่กำลังทำงานให้หันมามอง

“อะไรของคุณ จะหักคอผมหรือไง ดึงซะแรง”

ก็ดึงแรงอยู่แล้ว เรียกแล้วไม่ยอมหันมาเอง

“อืมมมมมมมมมม”

จ้องมองไปที่ใบหน้าของคุณไอศูรย์ที่ถูกประคองด้วยมือทั้งสองข้างของจุมพล

คุณไอศูรย์เป็นคนหน้าตาดี ตาคม จมูกโด่ง ใบหน้าแบบนี้ไม่ว่าใครก็คงอยากมอง คงเป็นเพราะหน้าตาดี คนเราทั่วไป ไม่ว่าใครก็อยากมองของสวย ๆ งาม ๆ ในเมื่อมีคนหน้าตาดีมาอยู่ข้าง ๆ ถึงแม้จะเป็นผู้ชายด้วยกัน แต่ก็ไม่แปลกที่จะอยากมอง

“อะไรของคุณ”

เป็นอย่างนั้นนี่เอง มองเพราะว่าคุณไอศูรย์หน้าตาดีนี่เอง กูเข้าใจแล้ว จุมพลปล่อยมือที่ประคองที่ข้างแก้มของคุณไอศูรย์ออก
เมื่อได้คำตอบแล้วก็ตั้งใจจะกลับไปนั่งเล่นเกมส์ต่อ แต่เจ้าของใบหน้าไม่ยอมให้ไป ดึงแขนของจุมพลเอาไว้และจ้องมองใบหน้าของจุมพลกลับ

“มองหน้าผมทำไมคุณไอศูรย์”

ก็อยากรู้

“แล้วคุณมามองหน้าผมก่อนทำไม”

อ้าว..ถามกลับแบบนี้แล้วผมจะตอบยังไงครับ

“ก็ผมอยากรู้ว่าทำไมพักนี้ผมมองหน้าคุณบ่อย ๆ”

งั้นเหรอ ก็สังเกตอยู่หรอกว่าทำไมคุณถึงมองหน้าผมบ่อย ๆ แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่อยู่ดี ๆ คุณก็มาจับหน้าของผมให้หันมามองหน้าคุณแบบนี้ไม่ใช่เหรอ

“แล้วรู้หรือยังว่ามองหน้าผมบ่อย ๆทำไม”

ก็ไม่ทำไม

“คุณหน้าตาดี ผมก็มอง ตอนแรกผมคิดว่ามันแปลกที่มอง แต่ตอนนี้รู้แล้ว ไม่ว่าใครก็ต้องอยากมองของสวย ๆ งาม ๆ ที่ทำให้เจริญหูเจริญตา ถึงผมจะอิจฉาหน้าคุณก็เถอะ แต่ผมรู้แล้วว่าผมไม่ได้แปลก ไม่ว่าใครก็ต้องมองคุณทั้งนั้นแหละว่ามั้ย”

ไม่ว่า

“อย่างนี้ถ้าผมมองหน้าคุณเพราะเห็นว่าคุณ.......หน้าตาน่ารัก....ก็ไม่แปลกเหมือนกันใช่มั้ย”

หน้าตาน่ารัก

ใครวะ

ผมเหรอหน้าตาน่ารัก มองยังไงวะ

“ผมไม่ได้หน้าตาน่ารัก คุณคิดเข้าไปได้ยังไงว่าผมหน้าตาน่ารัก บ้าไปแล้ว ผมไม่ได้ดีใจเลย ที่ถูกพูดแบบนี้ใส่”

“ก็ทีคุณยังมองว่าผมหน้าตาดีได้เลย ผมก็มองว่าคุณหน้าตาน่ารักบ้างได้สิ แปลกตรงไหน”

แปลกตั้งแต่บอกว่าน่ารักแล้วแหละ

“งง”

พูดแค่นั้นและจุมพลก็ตั้งท่าจะเดินหนีอีกครั้ง แต่ก็ยังถูกดึงแขนเอาไว้

“เดี๋ยว”

อะไรอีกวะ จะมาเดี๋ยวอะไร นี่ก็เคลียร์ไปหมดแล้ว จะมาเดี๋ยวอะไรอีก

หันหน้าไปมอง และก็ถูกอีกฝ่ายรั้งให้เข้ามาหา

อะไรของคุณวะ

“นั่งก่อน”

นั่งอะไร เก้าอี้ตัวแค่นี้จะนั่งลงไปได้ยังไงตั้งสองคน

“นั่งไม่ได้”

ทำไมจะไม่ได้

“นั่งได้สิ”

ก็เห็นอยู่ว่านั่งไม่ได้ ยังจะให้นั่งอีก

“นั่งพื้นใช่มั้ย โอเค งั้นได้”

ไม่ใช่สิ ไม่ใช่นั่งพื้น

“นั่งตัก”

ห๊ะ

“นั่งทำไม เก้าอี้มีเยอะแยะผมไปลากมาก็ได้”

ก็จะให้นั่งตักมีอะไรมั้ย

“ไม่เคยนั่งตักใครหรือไง ทำเหมือนเขินกันไปได้”

ก็เออสิวะ คุณจะให้ผมไปเคยนั่งตักใครล่ะ ถ้าเคยแม่งก็แปลกตายห่า

“หรือคุณเคยล่ะ”

ก็ไม่เคยหรอก

“เคยแต่มีคนมานั่ง”

อ่อ จะอวดว่างั้น

“ผมก็เคยมีแต่คนมานั่งตักเหมือนกัน”

ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงกวน ๆ และคุณไอศูรย์ก็เลิกคิ้วขึ้นสูง

“อ่อ ผมเพิ่งรู้”

แม่งกวนตีนว่ะ เป็นอะไรของคุณวะ ทำไมเราต้องมาเถียงกันเรื่องอะไรก็ไม่รู้ในเวลาดึกขนาดนี้ ถ้ามันว่างขนาดนั้น ผมว่าคุณไปอาบน้ำนอนเลยดีกว่ามั้ยคุณไอศูรย์นี่มันปาเข้าไปเช้าวันใหม่แล้ว

“สรุปว่า แค่ให้นั่งตักแค่นี้ทำให้ไม่ได้ว่างั้น”

แล้วมันเป็นเรื่องที่สมควรทำเหรอวะ

“ไม่ได้”

ไม่ได้ก็ไม่ได้

ยอมปล่อยข้อมือของคนที่ตอบปฏิเสธ และจุมพลก็เลยต้องขมวดคิ้วมุ่น เมื่อรู้สึกว่าคุณไอศูรย์กำลังไม่พอใจ แล้วทำไมต้องไม่พอใจด้วยวะ เรื่องมันสมควรไม่พอใจด้วยเหรอ นี่มันเรื่องไร้สาระมากเลยนะ แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผู้ชายตัวโต ๆ สองคนจะมาทำอะไรกันแบบนี้ด้วย นี่คุณ

เถียงกับผมเพื่อเอาชนะอย่างเดียวเลยใช่มั้ย   ไม่มีเหตุผล

“ถามอีกคำ ตกลงจะนั่งมั้ย”

แล้วทำไมต้องกดดันกันด้วยวะ มันใช่เรื่องสมควรกดดันมั้ย ที่สำคัญคุณจะอยากให้ผมทำเรื่องบ้า ๆ บอ ๆ แบบนี้ไปทำไมผมไม่เข้าใจ

“ทำไมคุณถึงได้รั้นจังเลยวะคุณไอศูรย์”

“แปลว่าไม่ได้”

เอ้า อะไรวะเนี่ย มันอะไรกันล่ะโว้ยยยยยยยยยยย

“ได้ก็ได้วะ.....ครับ”

ยอมทำตาม และก็มายืนอยู่ตรงหน้าของคนที่หมุนเก้าอี้กลับมาหา ถูกดึงแขนให้ทิ้งกายลงนั่งอยู่บนตักของคนที่คล้ายจะอมยิ้มน้อย ๆ เพราะได้รับสิ่งที่ต้องการอย่างใจแล้ว

“นั่งดี ๆ ซิ หลังเกร็งขนาดนั้น เป็นอะไร”

แล้วมันควรจะเกร็งมั้ยล่ะ มันผิดตั้งแต่คุณชวนให้ผมทำแบบนี้แล้ว

“คุณขาดความอบอุ่นหรือไง ปกติไม่มีคนดี ๆ ที่ไหนเขาอยากทำแบบนี้กับผู้ชายด้วยกันหรอก ยกเว้นคนเป็นเกย์ กับคนขาดความอบอุ่น หรือไม่ก็โรคจิต”

เหรอ

“แล้วคนที่มานั่งตักผู้ชายด้วยกันเนี่ย เขาเรียกว่าอะไร เกย์มั้ย หรือคนโรคจิต”

ตกลงกูผิด

โดนยั่วโมโห และจุมพลก็เตรียมลุกขึ้นแต่ก็ถูกรั้งเอวเอาไว้ และแขนอีกข้างของจุมพลก็มาคล้องอยู่ที่คอคุณไอศูรย์เรียบร้อย

“อะไรของคุณอีกเนี่ยยยยย จะให้ผมกอดคอคุณทำไมวะ”

ไม่มีอะไร

“ก็ผมอยากทำ”

ไม่มีเหตุผลเลยนี่หว่า แค่อยากทำก็เลยทำตามใจชอบเหรอ เคยถามผมบ้างมั้ยวะ ว่าอยากจะทำแบบนี้หรือเปล่า

“แกะนี่ให้หน่อยซิ”

อะไรอีกล่ะ

อยู่ดี ๆ คุณไอศูรย์ก็หยิบลูกอมที่วางอยู่บนโต๊ะมายัดใส่มือให้ แล้วให้ช่วยแกะให้เนี่ยนะ ทำไมไม่แกะเองวะ

“มือผมไม่ว่างเห็นมั้ยเนี่ยว่ากอดคอคุณอยู่”

ก็จะไปยากอะไร

“ก็แกะทั้งที่กอดคออยู่ก็ได้”

อะไรวะ แม่งเรื่องมากจริง ๆ

ถึงจะขมวดคิ้วมุ่น เพราะอารมณ์ไม่พอใจเล็ก ๆ แต่ก็ยอมทำตาม แกะเปลือกลูกอมออกและยื่นส่งให้ แต่แทนที่อีกฝ่ายจะรับ กลับใช้ปากงับแทน

“อะไรของคุณวะ”

บ่นพึมพำเสียงเบา และคุณไอศูรย์ก็ทำหน้าเฉย ทำเหมือนไม่สนใจกับการบ่นคนเดียวของจุมพล

“.....นอนไม่หลับ เพราะรอผมหรือเปล่า”

หืออออออออ

“ไม่ได้รอ แค่นอนไม่หลับเฉย ๆ”     

ตอบกลับไปแล้ว และคนที่ให้จุมพลนั่งตักก็พยักหน้ารับ

“แล้วถ้าผมไม่กลับ คุณจะนอนไม่หลับทั้งคืนมั้ย”       

พูดอะไรไม่รู้ฟังไม่ชัด อมลูกอมอยู่ในปากแล้วยังจะพูดอีก แล้วผมจะไปรู้ได้ยังไง เดี๋ยวมันก็หลับไปเองแหละมั้ง

“แล้วถ้าผมไม่กลับบ้าง คุณจะนอนหลับมั้ยล่ะ ก็คงหลับอยู่แล้วล่ะ ใช่มั้ยคุณไอศูรย์”

ถามกลับในคำถามแบบเดียวกัน และคุณไอศูรย์ก็ทำสีหน้าเหมือนครุ่นคิดกับคำถามที่จุมพลถาม แต่ไม่ยอมตอบคำถามและเลี่ยงไปเรื่องอื่นแทน

“เหนียวตัว ผมจะไปอาบน้ำแล้ว”

อ่อ เออ สมควรไปได้ตั้งนานแล้ว มานั่งทำงานอะไรอยู่ได้ตั้งนาน แทนที่จะไปอาบน้ำให้ร่างกายสดชื่น
จุมพลลุกขึ้นยืนและคุณไอศูรย์ก็เลื่อนเมาส์คลิกชัตดาวน์คอมพิวเตอร์

“ไปปิดคอมเถอะ จะอาบน้ำนอนแล้ว ปิดไฟข้างนอกด้วย”

ได้

เดินไปจัดการปิดคอมพิวเตอร์ และปิดไฟนอกห้องเรียบร้อยและจุมพลก็เดินเข้าห้องนอน คุณไอศูรย์อาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ และจุมพลก็ขึ้นมานั่งอยู่บนเตียงในเวลาตีสามครึ่ง คำถามใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นมาก็คือ ถ้าไม่ได้นอนพร้อมคุณไอศูรย์มันจะนอนไม่หลับจริง ๆ เหรอวะ

ไม่รู้จริง ๆ

ไม่รู้คำตอบนี้เลยจริง ๆ คุณไอศูรย์อาบน้ำเสร็จเรียบร้อย และเดินออกมาด้วยชุดเสื้อกล้ามและกางเกงวอร์มเหมือนทุกวัน หยุดยืนเช็ดผมที่หน้ากระจกก่อนจะแขวนผ้าขนหนูเอาไว้ ที่ตะกร้าผ้า และเดินมานั่งอยู่ข้าง ๆ คนที่นั่งรออยู่บนเตียง

“วันนี้จะนอนตรงนี้เหรอ”

ก็ที่ประจำผมอยู่ตรงนี้ ผมก็นอนตรงนี้ล่ะ

“ครับ”

ขยับตัวให้คุณไอศูรย์เข้ามานอนด้วยกันบนเตียงได้ และจุมพลก็ยื่นมือไปปิดโคมไฟที่หัวเตียง ล้มตัวลงนอนเงียบ ๆ และก็ได้ยินเสียงถอนหายใจยาว ๆ ของคนที่อยู่ด้านหลัง

“คุณคิดว่าผมจะนอนหลับมั้ยถ้าคุณไม่อยู่”

อะไรวะ ผมจะไปรู้ได้ยังไง นั่นมันเรื่องที่ผมต้องคิดเหรอ ไม่ใช่เรื่องของคุณหรือไง

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าคุณไม่อยู่ผมจะนอนหลับมั้ย”

ไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้เช่นกัน และคุณไอศูรย์ก็ขยับเข้ามาใกล้คนที่นอนห่างออกไปเล็กน้อย ทำเหมือนทุกวัน
วางมือไว้ที่เอวของจุมพลเหมือนทุกวัน กอดเอาไว้และยังคงครุ่นคิดถึงคำถามที่เพิ่งถูกถาม

ถ้า.....คุณไม่อยู่..........แล้วผมจะนอนหลับหรือเปล่า เรื่องนี้ผมก็ตอบคุณไม่ได้หรอก เพราะผมก็ยังไม่รู้คำตอบเหมือนกัน


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 22-05-2014 22:38:10
ถึงจะต่างคนต่างมึนและเกรียนแต่ตอนนี้ก็เริ่มสงสัยใจตัวเองแล้วชิมิว่าขาดกันและกันไปจะเป็นไง  :hao7:

ตั้งแต่อ่านมาลุ้นคู่นี้สุดล่ะ ด้วยสกิลความมึนอึนเกรียนของทั้งคู่ทำให้อยากรู้นักว่าจะรู้ใจตัวเองกันเมื่อไหร่    :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 22-05-2014 22:42:05
เริ่มแล้วสินะ แต่เหมือนจะรู้ตัวแต่ก็ยังไม่รู้ตัว..เอ๊ะ
น่ารักจริงๆ รอนอนด้วยกันแต่ก็แบบมึนๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: mapreaw ที่ 22-05-2014 22:55:10
ถ้าแบบนี้กินแต่กาแฟดำอย่างเดียวยังหวานเลย :impress2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 22-05-2014 23:02:25
 :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 22-05-2014 23:42:32
คู่รักชวนจั๊กกะจี้หัวใจ รักซึมลึกจริงๆเลยคู่นี้ น่ารักจริงเชียว

เรอ่มสงสัยในความสัมพันธ์ที่ถ้าขาดกันจะเป็นยังไงแล้วด้วยอ่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 22-05-2014 23:46:49
บ้าหรอ รูมเมทที่ไหนเค้านั่งตักกันยะ
ไม่รู้ตัวกันเลยใช่ม๊ายยยยยยย วู๊ววว
555 รอตอนต่อไปคับ ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 22-05-2014 23:47:31
อ่า คู่นี้มึนๆดีอ่ะ น่ารักดี ตลกดีด้วย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 23-05-2014 00:48:21
โอ้ย จุ้มเอ้ยยย
 :katai4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 23-05-2014 11:05:27
คุณไอศูรย์ ต้องไปรายงานตัวป่าว #แซวๆ  ^_~
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 23-05-2014 12:57:29
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/19/256IqDzo.jpg)
เรื่องของหัวหน้าแผนกจัดซื้อ ไอศูรย์-จุมพล ตอน ศึกชิมคุกกี้

“พี่จุ้ม นี่เป็นของขวัญที่ลูกค้าให้มา”

มันเป็นเรื่องปกติเมื่อถึงปลายปีมักจะมีของสมนาคุณจากลูกค้ามาอย่างสม่ำเสมอ

เครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นไม่ใหญ่มากนัก จำพวกไดร์เป่าผม เครื่องปิ้งขนมปัง พัดลม ไมโครเวฟ หรือแม้กระทั่งเตาอบเล็ก ๆ ราคาไม่ถึงพัน ที่มักจะได้รับอยู่ตลอดเมื่อถึงสิ้นปี

และปีนี้ก็ได้ของสมนาคุณเป็นเตาอบเล็กๆ จีนแดงสิบตัว แล้วจะเอาไปแจกใคร  คงให้เป็นของกองกลาง แล้วเอาไปจับฉลากแจกฟรีให้กับพนักงานในวันปีใหม่น่าจะได้

“คุกกี้นี่มันทำยากมั้ยวะกิ”

อยู่ดี ๆ จุมพลก็คิดเรื่องบางอย่างขึ้นมา เอ่ยถามกับยูกิลูกน้องในฝ่ายจัดซื้อที่เอาเอกสารมาส่งและให้ตรวจสอบการจัดซื้อสินค้าสำหรับรอบถัดไป

“พี่จุ้มจะทำเหรอ”

เปล่าหรอก แค่อยากรู้

“เห็นเตาอบโง่ ๆ นี่ก็นึกถึงพี่เกรียนศักดิ์  ว่าจะลองทำคุกกี้ให้  เพื่อตอบแทนความรู้สึกดี ๆ ที่พี่ไปยืมขนมแกกินมาตลอดทั้งปี”

นั่นไม่เรียกยืมนะพี่จุ้ม เขาเรียกขโมย

“เปิดเน็ตดูเลยพี่จุ้ม ไม่น่ายากหรอก ถ้าพี่จุ้มอยากลองทำไปหาซื้ออุปกรณ์จากร้านขายของราคาหกสิบบาทดูสิ พอได้อยู่ มีหมดทุกอย่างที่อยากได้แหละ ถ้าคิดจะทำขำ ๆ ผมเคยเห็น”

อืม

“พรุ่งนี้พี่จะทำ ฝากซื้อของหน่อยสิ”

อ้าวพี่จุ้ม

“เย็นนี้ว่างซะนะ แล้วไปซื้อของมาให้พี่หน่อย พี่ขี้เกียจซื้อ ขอบใจมาก เพราะมีกิอยู่พี่ถึงสบายใจ ขอบคุณนะที่ช่วยงานกันมาตลอดหลายปี พี่ซึ้งใจในน้ำใจของกิมากจริง ๆ”

กูเพิ่งเข้ามาไม่ถึงปีว่ะ มาบอกว่าซึ้งใจที่กูทำงานมาหลายปีได้ไงวะ  พี่จุ้มแม่งหน้ามึนมากเหอะ

“ครับ  ถ้าจะใช้กันขนาดนี้ แล้วซึ้งในน้ำใจผมขนาดนี้นะพี่จุ้ม”

ยูกิแผนกจัดซื้อหัวเราะด้วยความขำ และแบมือขอเงินหัวหน้าแผนกทันที

"เงินมาของไปพี่"

แบมือขอกันซึ่ง ๆ หน้า และจุมพลก็ขมวดคิ้วมุ่น

“199 บาท งบขนาดนี้พอมั้ย”

บ้าแล้วพี่จุ้ม

“ได้แค่ช้อนตวงกับที่ร่อนแป้ง ค่าแป้งค่าน้ำตาลนี่ยังไม่ได้เลยนะนั่น”

อ่าวเหรอ

“299 บาท”

ต่อรองไปเล็กน้อย และลูกน้องก็ถึงกับส่ายหน้า

“999 บาทพี่จุ้ม เดี๋ยวผมเอาบิลมาให้เลย”

โห้  แพงไปมั้ง

“พี่ขอยืมเกรียนศักดิ์กินต่อไปดีกว่า เขาคงไม่ว่าอะไร”

ตัดใจทันที และลูกน้องก็หัวเราะออกมา

“ผมว่าแล้ว พี่จุ้มไม่ต้องทำกินหรอกพี่ มันยุ่งยาก”

เออ นั่นแหละ ว่าแล้วก็ไม่ทำดีกว่า

“ยืมเกรียนศักดิ์กินต่อไปสบายใจกว่าเยอะ”

ครับพี่

ผมก็ว่าอย่างนั้น สำหรับพี่จุ้ม ถ้าซื้อขนมกินแล้วไม่แกล้งหัวหน้าแผนกการเงิน พี่จุ้มคงอกแตกตาย

พี่จุ้มอย่าทำเลยคุกกี้น่ะ มันลำบากคนอื่นเปล่า ๆ ไม่ได้ลำบากแค่ตัวพี่เอง ผมโคตรอยากจะเตือนด้วยความหวังดี

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 23-05-2014 12:59:00
จุมพลกำลังขะมักเขม้นอยู่กับการทำคุกกี้ที่แสนยุ่งยาก เปิดกระดาษที่ปริ้นในอินเตอร์เน็ตไปมาหลายรอบ แล้วก็เริ่มใช้ปากกาขีดขั้นตอนวิธีการทำ ผมศึกษามาเป็นอย่างดีครับ ร่อนแป้งใส่ในโถผสม ใส่แป้ง เนย นม ตี ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เนยที่ใช้ต้องแช่เย็นมาก่อน

ตีแป้งให้เข้ากัน ใส่อัลมอนด์อบลงไป แล้วก็ปั้นเป็นแท่ง เอาไปแช่เย็น ก่อนเนยละลายต้องปั้นให้เสร็จ แช่เย็นหนึ่งคืน
พอจะเอามาอบก็ให้มันคลายความเย็นก่อน แล้วค่อยอบ หั่นเป็นชิ้น ๆ ก่อน แล้วก็เอาไปอบ อบประมาณ 8-10 นาที
เสร็จแล้วเอาออกจากเตามาพักให้เย็น เพียงเท่านี้ก็................จะได้คุกกี้แล้ว นี่เอง.........

จุมพลอ่านขั้นตอนการทำอย่างละเอียดถี่ถ้วน และลงมือทำเพียงแค่...........เอาแป้งที่แช่เย็นมาวางให้คลายความเย็นแล้วอบเท่านั้นทุกอย่างถูกเตรียมมาเรียบร้อยด้วยฝีมือของลูกน้องที่ให้งบประมาณไปจัดซื้อจัดหามาให้ ตอนแรกไม่คิดจะทำ แต่ถ้ามีทุกอย่างให้ขนาดนี้ ก็เลยลองทำดู หน้าที่ที่ต้องทำมีเพียงแค่เอาไปอบ แล้วก็เอาออกมากินได้

ไม่รู้ว่าแบบนี้เรียกว่าทำคุกกี้ตรงไหน แต่จุมพลไม่ใส่ใจ สิ่งสำคัญ คือการได้คุกกี้อบใหม่กินเอง ส่วนขั้นตอนไม่ใช่สาระสำคัญ

“เยี่ยมจริง ๆ”

ชื่นชมตัวเอง และจัดการเสียบปลั๊กเรียบร้อย วางแป้งที่คลายความเย็นลงไปในเตาอบ และตั้งไฟตามที่อ่านมา

“ทำอะไร”

ทำอะไรเหรอ คุณไอศูรย์คุณมันไม่เข้าใจหรอก ความสุขจากการได้ทำขนมแบบโฮมเมดมันเป็นยังไง คนอย่างคุณก็ทำได้แค่ซื้อกินสินะ แอบเย้ยหยันอีกฝ่ายในใจ และจุมพลก็มองไปที่คนที่กำลังทำงาน เปิดแฟ้มเอกสารไปมา และก็ดูที่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นพัก ๆ

“ทำคุกกี้ที่อร่อยที่สุดในโลก”

ดีนะ ทำคุกกี้ที่อร่อยที่สุดในโลก โดยไม่มีอุปกรณ์อะไรเลย นอกจากเตาอบที่หิ้วมาจากบริษัทกับแป้งที่ทำสำเร็จแล้ว

“ไม่ให้เขาอบมาให้เลยล่ะ อบเองจะกินได้หรือเปล่านั่น”

อย่าดูถูกฝีมือกันสิวะ เนี่ยแหละสุดยอดแล้ว การอบไม่ใช่ว่าใครจะอบได้นะ มันต้องได้รับการใส่ใจอย่างท่วมท้น จ้องมองไปที่ฝาเตาอบตลอดเวลา เพื่อมองดูคุกกี้ที่กำลังเป็นสีสวยงาม ของแค่นี้ อย่าคิดว่ามันเป็นเรื่องง่าย มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอกนะเฮ้ย คุณไอศูรย์

จุมพลผู้ว่างงาน ปกติทุกวันนั่งเล่นเกมส์แต่วันนี้ตั้งแต่กลับมาถึงก็ง่วนอยู่ในครัว เพราะได้ของเล่นใหม่

ตอนแรกไม่คิดจะทำ แต่พอคิดไปคิดมา มันก็น่าลอง คุณไอศูรย์ไม่มีความคิดเห็นกับเรื่องนี้ แค่บอกว่าวันนี้ผมจะทำคุกกี้นะ ก็ให้กำลังใจมาอย่างท่วมท้นด้วยการบอกว่า

“ถังขยะยังใส่ขยะได้อีกเยอะ”

ประชดกันนี่หว่า เดี๋ยวจะแสดงให้เห็นว่าผมทำได้ครับ และทำได้ดีและโคตรอร่อยเลยด้วย แล้วจะอึ้ง ดูถูกกันดีนัก
คุกกี้ชุดแรก สุกเรียบร้อย และจุมพลก็ใช้ตะเกียบคีบออกมาจากเตา ใส่เอาไว้ในจานข้าว และมองผลงานของตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ นี่ไง เสร็จแล้ว ใครว่าผมทำไม่ได้ ดูซะก่อน ดูซะคุณไอศูรย์ แล้วจะอึ้ง

“คุกกี้อัลมอนด์ โคตรหน้าตาดีเลย ยิ่งกว่าที่ทำขายซะอีก”

พูดออกมาลอย ๆ เสียงดัง หวังให้คนที่ทำงานอยู่ได้ยิน แต่ก็เท่านั้นเพราะคุณไอศูรย์ไม่สนใจจะฟังเลย
แม่งอย่างเบื่อ แบบนี้อีกแล้ว ไม่เคยสนใจกันบ้างเลย ต้องให้หาวิธีให้หันมาสนใจตลอด

“คุกกี้อัลมอนด์”

พูดให้ดังเข้าไปอีก และจุมพลก็ถือจานใส่คุกกี้ออกมาด้วย เดินไปหาจนถึงโต๊ะทำงาน และก็วางจานให้คนที่กำลังทำงานหันมาสนใจมอง

“ดูซะก่อน สุดยอดมั้ยล่ะครับ ไม่ต้องทิ้งถังขยะหรอกน่าระดับนี้แล้ว”

แล้วไง

“อืม”

แค่เนี้ยเนี่ยนะ อย่างน้อยก็ช่วยวิจารณ์กันหน่อยสิ ไม่ใช่เมินเฉยกันแบบนี้

“คุณไอศูรย์”

เรียก และคนที่กำลังวุ่นวายอยู่กับงบดุล ก็คลิกเมาส์เลื่อนดูว่าตรงกับเอกสารที่แผนกบัญชีส่งมาให้หรือไม่

“คุณไอศูรย์”

เรียกอีกครั้ง และคนที่ไม่สนใจก็เพียงแค่ขานรับแต่ไม่ได้พูดอะไร

“มีอะไรก็พูดมาเลย”

พูดมาเลยอะไรล่ะ ก็หันมาสนใจกันบ้างสิวะ นี่มันคือสิ่งที่น่าภาคภูมิใจเลยนะเฮ้ย คุณคงไม่เชื่อล่ะสิ ว่าผมจะทำของแบบนี้ได้ นอกจากเล่นเกมส์แล้ว ผมทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิดเยอะแยะ เรื่องทำคุกกี้นี่ก็เหมือนกัน ผมไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ดีขนาดนี้ แต่ผมก็ทำของผมได้ เห็นมั้ยว่ามันน่าภูมิใจขนาดไหน

“ผมอนุญาตให้คุณชิมได้ตามใจชอบ”

ผมจำไม่ได้ว่าเคยขอชิมนะคุณจุมพล แล้วก็ไม่ได้ว่างจะชิมด้วย

“ไว้ก่อน”

ห๊ะ ไว้ก่อนเหรอ ไว้ก่อนเหรอวะ ไว้ก่อนเนี่ยนะ

“คุณไอศูรย์”

คราวนี้เสียงสูง และขมวดคิ้วมุ่น ยื่นจานใส่คุกกี้ไปให้คนที่กำลังยุ่งและคุณไอศูรย์ก็เงยหน้าขึ้นมอง และถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“ตั้งใจจะฆ่ากันหรือไง พรุ่งนี้ผมมีประชุมนะ อยากให้ผมเข้าโรงพยาบาลคืนนี้เพราะอาหารเป็นพิษหรือไง”

เฮ้ยยยยยย นี่คุณยังไม่รู้ถึงความอร่อยของมันเลยนะเว้ยเฮ้ย พูดซะขนาดนี้ ยิ่งยอมไม่ได้

“ชิมซะ”

กัดฟันพูด และคุณไอศูรย์ก็วางแฟ้มเอกสารลง

“ไม่”

ทำไมถึงไม่ล่ะเว้ยยยยยยยยยย

“ชิม”

ก็บอกว่าไม่ไงล่ะ

“ผมไม่ชิม”

โมโหว่ะ โมโห ต้องชิมสิ ต้องกิน ชิ้นเดียวก็ยังดี ต้องกินเดี๋ยวนี้ หงุดหงิดโว้ย หงุดหงิด จุมพลหยิบคุกกี้มาถือเอาไว้ และส่งยิ้มเหี้ยมให้คนที่ทำหน้าดุใส่

“คุณต้องลอง”

ที่จริงแค่ชิมซะมันก็จบ แต่คุณไอศูรย์ที่กำลังเบื่อกับการที่ต้องอ่านงบดุลจนปวดตา กำลังคิดว่าเล่นอะไรบ้า ๆ บอ ๆ แบบนี้กับจุมพลสนุกกว่า คลายเครียด ด้วยการแแกล้งทำเป็นเครียด และอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะหงุดหงิดไม่น้อย ที่ไม่ยอมชิมคุกกี้ที่เจ้าตัวลงทุนอบด้วยตัวเอง รู้ว่ากินได้ และอาจรสชาติดีซะด้วย แต่ถ้าชิมง่าย ๆ มันก็ไม่สนุก อยากรู้ว่าจุมพลจะหาวิธีอะไรมาป่วน

และทุกสิ่งทุกอย่างที่จุมพลทำ มันทั้งขำ ทั้งตลก แล้วก็.....น่ารักดี

ทำให้ความเครียดตลอดทั้งวันคลายลงได้ เพียงแค่เห็นสีหน้าที่มุ่งมั่นจริงจัง แม้จะทำแค่อบคุกกี้ก็เถอะ แต่อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าจุมพลได้ทำอย่างอื่นบ้าง ไม่ใช่วัน ๆ กลับมาแล้วกินข้าวกันเสร็จ ก็ต่างคนต่างอยู่ในมุมของตัวเองไป และนี่ก็เป็นการได้ใช้เวลาร่วมกันบ้าง แม้จะเป็นการใช้เวลาในแบบที่เรียกว่าแกล้งกันก็เถอะ แต่คุณไอศูรย์คิดว่า ชีวิตมีสีสันขึ้นมากกว่าเมื่อก่อน ตั้งแต่มีจุมพลเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

“ทำไมคุณถึงไม่ชิมล่ะ”

ก็ไม่มีเหตุผลอะไรมากกว่าอยากแกล้งคุณหรอกนะ

“แล้วทำไมผมต้องชิม”

พูดไม่รู้เรื่อง พูดไม่รู้เรื่อง พูดไม่รู้เรื่อง น่าหงุดหงิดจริงโว้ยยยยยยย จุมพลหยิบคุกกี้มาถือเอาไว้ และพยายามจะยัดเยียดใส่ปากให้คนที่ยืนยันคำเดิมว่าไม่กิน

“ไม่”

ไม่....ได้ยังไงล่ะ อย่ามาปฏิเสธผมนะ

“อย่าให้ผมโหด หรือต้องใช้วิธีการที่ผมไม่อยากใช้”

แล้วมันคือวิธีการไหนล่ะคุณจุมพล

“ผมจะทำงานแล้ว”

คุณไอศูรย์หมุนเก้าอี้หันไปอีกทางเรียบร้อย และจุมพลที่รู้สึกว่าโดนปั่นหัว ก็กำลังหงุดหงิดถึงขีดสุด ผมเห็นว่าคุณแอบยิ้มด้วย ผมเห็นอยู่ชัด ๆ

“คุณไอศูรย์”

เรียกให้อีกฝ่ายหันมาอีกครั้ง แต่คุณไอศูรย์ก็ไม่ยอมหัน จุมพลเลยใช้วิธีการดึงไหล่คนที่ไม่สนใจให้หันกลับมา

“กินคุกกี้ซะ”

พูดจาบ้า ๆ บอ ๆ และจุมพลก็หยิบคุกกี้ใส่ปากหนึ่งชิ้น ไม่ได้กินเข้าไป แต่คาบเอาไว้ มือทั้งสองประกบฝ่ามือเข้ากับมือของคุณไอศูรย์ และกำเอาไว้แน่น งอเข่าและขึ้นมาเกยอยู่บนเก้าอี้ตรงหว่างขาของคนที่กำลังงง ว่าจุมพลคิดจะทำอะไร

“อินอ๊ะ เอี๋ยวอิ๊”

อะไรของคุณ ไม่ใช่แค่พูดไม่รู้เรื่อง แต่อีกฝ่ายยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ และคาบคุกกี้มาให้จนถึงปากของคนที่หันหน้าหนีพร้อมกับกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้

“อะไรของคุณ นี่ต้องลงทุนทำขนาดนี้เลยเหรอ”

ตลกก็ตลก ขำก็ขำ แต่สีหน้าของคนที่พยายามทำบางอย่างก็ดูจริงจัง แกล้งทำเป็นดิ้นรน และพยายามจะผลักมือของจุมพลที่กำฝ่ามือเอาไว้แน่น และก็เห็นว่าจุมพลไม่ยอมปล่อย นี่จริงจังมากเลยนะ จริงจังมาก

“ถ้าผมไม่กินล่ะ”

ไม่กิน ก็ต้องทำแบบนี้แหละวะ จุมพลโน้มใบหน้าลงมาหา และพยายามจะป้อนคุกกี้ให้ถึงปากของคนที่หันหน้าหนีไม่ยอมกิน

“เฮ้ยยยยยยยยย ฮ่า ฮ่า ฮ่า จุ้มเล่นอะไร พอแล้ว”

พออะไร ก็กินซะสิวะ อย่ามาทำตลก นี่ไม่ตลกด้วยเลยนะ

“อินนนนน”

บังคับ และขมวดคิ้วมุ่น สีหน้าจริงจังมาก จนคุณไอศูรย์ต้องยอมหันมา

“ไม่”

ยังจะไม่อีก

“อินนนนนนนนน”

ไม่ใช่แค่พูด แต่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ และคราวนี้คนที่เบี่ยงหน้าหลบก็ไม่ได้หันหนีไปไหน รอยยิ้มน้อย ๆ จุดขึ้นที่มุมปาก แต่ดวงตาคม ๆ กลับจ้องนิ่งไปที่ดวงตาของจุมพลด้วยความรู้สึกหลากหลาย คุณเล่นอะไรผมไม่รู้นะ แต่ผมอยากจะเล่นกับคุณด้วย ไม่งั้นจะกลายเป็นว่าผมใจร้ายเกินไป ยื่นหน้าเข้าไปกัดคุกกี้หนึ่งคำที่ปากของจุมพล และก็ถอยใบหน้าออกมาห่าง ๆ
เคี้ยวและยังแกล้งยิ้มใส่ตาของคนที่ขมวดคิ้วมุ่น

“ไม่ค่อยรู้รส ไหนลองอีกที”

ได้

ปล่อยมือจากมือของคุณไอศูรย์และจุมพลก็เตรียมลุกขึ้นยืนหลังจากที่คร่อมทับอีกฝ่ายอยู่นาน ตั้งใจจะใช้มือดันคุกกี้เข้าไปในปากของตัวเอง และให้คุณไอศูรย์ลองชิมชิ้นใหม่ที่อยู่ในจาน แต่ก็เหมือนมันจะไม่ทันใจอีกฝ่ายซักเท่าไหร่ เพราะคุณไอศูรย์ยื่นหน้าเข้ามาหา และกัดคุกกี้ที่เหลืออีกนิดจากปากของจุมพล

...............

แค่ปากโดนกันนิดเดียวมันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตหรอก ทำกันมากกว่านี้ก็เคยมาแล้ว ที่เป็นอยู่ในตอนนี้มันก็แค่การอยากเอาชนะกันเท่านั้น

“ยังไม่ค่อยรู้รสเลยนะ”

ยังจะไม่รู้รสอีกเหรอวะ

“ผมจะลองชิมอีกชิ้นก็ได้ แต่ผมไม่ชอบกินอะไรพวกนี้ ถ้าผมกินแค่ครึ่งชิ้นก็คงได้ แต่ที่เหลือคุณต้องเป็นคนจัดการ”

เออได้ ไม่ใช่ปัญหาหรอก

“มาดิ หักแบ่งกันคนละครึ่งก็ได้”

ไม่ได้หรอก มันต้องแบ่งกันด้วยวิธีนี้ คุณไอศูรย์หยิบคุกกี้อีกหนึ่งชิ้นใส่ปากแต่ไม่ได้กินเข้าไปทั้งชิ้น เหลือเอาไว้อีกครึ่งชิ้นและคาบเอาไว้

ทำอะไรวะ

จุมพลมองหน้าของคนที่ทำเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบที่ตัวเองทำด้วยความงง และคุณไอศูรย์ก็ยักคิ้วให้ แบบนี้แม่งยั่วโมโหกันนี่หว่า

“อ่ะ”

อะไรล่ะ เออ มา อยากจะทำแบบนี้ก็ได้ อย่าคิดว่าจะยอมถอยง่าย ๆ จุมพลยื่นหน้าเข้ามาหา และกัดคุกกี้อีกครึ่งชิ้นที่ตกลงกันว่าจะยอมกินที่เหลือก็ได้ และเมื่อกำลังจะผละใบหน้าออกห่างกลับถอยออกไม่ได้เพราะถูกรั้งต้นคอเอาไว้ ริมฝีปากแนบสนิทกับริมฝีปากร้อน ๆ คู่นั้น และร่างกายก็โถมลงมาหาคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หมดทั้งตัวเพราะโดนรั้งด้วยอ้อมแขนของคุณไอศูรย์

ต้องใช้มือยันแผ่นอกของอีกฝ่ายเอาไว้ไม่ให้ล้มลงไปทั้งตัวแต่ยิ่งขืนตัวเอาไว้ ยิ่งเสียหลัก เพราะไม่ใช่แค่ที่ต้นคอ แต่ยังรวมถึงเอวที่ถูกอีกฝ่ายดึงให้ลงไปหา ริมฝีปากแตะกัน และไม่ใช่แค่แตะ แต่กำลังบดเบียดคลึงเคล้าเข้าหากัน ไม่ได้อยากจะขัดขืน เพราะไม่ใช่เรื่องเสียหาย ถ้าจะแสดงให้อีกฝ่ายได้รู้บ้างว่าแค่เรื่องจูบก็ไม่ได้อ่อนหัดไม่เป็นงาน สุดท้ายจากศึกบังคับกินคุกกี้
กลายเป็นศึกแข่งกันแสดงความสามารถว่าใครจูบเก่งกว่ากัน คลอเคลียริมฝีปากเข้าหากันแบบนั้นอยู่นาน และสุดท้าย เมื่อได้ชิมรสชาติของกันและกันจนพอใจ คุณไอศูรย์ก็ยอมถอนริมฝีปากออก ปล่อยมือและยอมให้จุมพลเป็นอิสระ

จุมพลยันตัวลุกขึ้น และถอนหายใจออกมาหนัก ๆ ยกหลังมือขึ้นเช็ดถูที่ริมฝีปากของตัวเอง และยังรู้สึกคล้ายกำลังหอบหายใจ เพราะก่อนหน้านี้แทบขาดอากาศหายใจ 

“ใช้ได้เลยนะ”

ใช้ได้อะไร หมายถึง ที่จูบกันนี่เหรอ ของมันแน่อยู่แล้ว ผมจะบอกว่านี่มันแค่เบสิคพื้นฐานเท่านั้น

“แค่ดูดปากกันมันเรื่องเล็ก ๆ”

คุณไอศูรย์กำลังอมยิ้มบาง ๆ และก็ส่ายหน้าพร้อมกับพูดอะไรบางอย่างให้จุมพลหงุดหงิดโมโหมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ผมหมายถึงคุกกี้ ไม่ใช่ปากคุณ”

อ่ะ

................ อืมมมมมมมมมมมมม เหรอออออครับ คุณไอศูรย์

“ผมก็หมายถึงคุกกี้ไง”

เสียงสูงขึ้นมาทันที และรู้สึกหงุดหงิดสุด ๆ ที่โดนปั่นหัว

“ใช้ได้เลยนะ”

“คุกกี้ที่ผมทำมันก็ต้องรสชาติใช้ได้อยู่แล้วล่ะ ผมอุตส่าห์ตั้งใจขนาดนี้”

ตอบกลับอีกฝ่ายที่กำลังพูดไปขมวดคิ้วไป และหยิบจานใส่คุกกี้เพื่อจะเดินเข้าครัวแต่ก็ยังไม่วายถูกปั่นหัวไม่เลิก

“ผมหมายถึงปากคุณ ไม่ใช่คุกกี้”

ห๊ะ ................. ฮึ่ยยยยยยยยยย

“ก็ปากผมไง ไม่ใช่คุกกี้........ของแบบนี้มันก็แน่อยู่แล้ว”

หงุดหงิดโมโห และจุมพลก็เดินถือจานเข้าไปในครัว ไม่มีอารมณ์จะอบคุกกี้อีกต่อไปแล้ว โดนปั่นหัว โดนปั่นหัว คุณไอศูรย์แม่งปั่นหัวกูอีกแล้ว โมโหโว้ย โมโห จุมพลเก็บของที่กำลังทำอยู่ใส่ถุงและเตรียมยัดใส่ตู้เย็นซะให้จบ ๆ เรื่องไป ไม่มีอารมณ์อยากจะอบคุกกี้อีกแล้ว และคุณไอศูรย์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ใช้นั่งทำงานก็หมุนเก้าอี้เล่น

รอยยิ้มน้อย ๆ จุดขึ้นที่มุมปาก ปลายนิ้วแตะเบา ๆ ที่ริมฝีปากของตัวเอง

เราไม่ค่อยได้จูบกัน จะทำกันก็ต่อเมื่อมีอารมณ์อย่างว่าแล้วต่างฝ่ายต่างช่วยกันเล้าโลมให้มีอารมณ์กับเรื่องที่จะทำมากขึ้น
แต่เมื่อลองทำกันนอกรอบที่ไม่ใช่ในเวลาที่มีอารมณ์แบบนั้น มันกลับทำให้หัวใจเต้นระทึก แปลกตั้งแต่ที่เราจ้องตากันแล้ว และหลังจากได้ทำแบบนั้นลงไปแล้ว คุณไอศูรย์ก็รู้สึกถึงอาการหัวใจพองโตจนคับอก

“จุ้ม”

เรียกคนที่กำลังเก็บของในครัว และจุมพลก็แกล้งทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยิน

“ชงกาแฟให้หน่อยครับ”

ไม่ได้เรียกซ้ำ แต่บอกให้อีกฝ่ายรับรู้ คุณไอศูรย์ยังคงอมยิ้มน้อย ๆ และก็หันไปสนใจกับเอกสารที่วางอยู่เต็มโต๊ะ
ถัดจากนั้นอีกไม่กี่นาที กาแฟหนึ่งแก้ว ก็มาวางอยู่บนโต๊ะ พร้อมกับคุกกี้ที่จุมพลอบอีกสองชิ้นวางอยู่ที่จานรองแก้วด้วย

เงยหน้าขึ้นมองและก็เห็นคนเสริฟกาแฟทำหน้าเมินเฉย แต่คุณไอศูรย์เห็นว่าน่ามองที่สุด

“รสชาติดีจริง ๆ นะ”

อะไรอีกล่ะทีนี้ จะพูดอะไรอีก

“คุกกี้หรือปากผมล่ะ”

ต่อปากต่อคำไปเรื่อย และคุณไอศูรย์ก็มองหน้าของจุมพลนิ่ง ๆ ยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ และก็วางลงช้า ๆ

“ทั้งสองอย่างเลย”

................. นี่เรียกว่าคำชมหรือเปล่าวะ ถ้าเรียกว่าคำชมจะได้ดีใจ จุมพลพยายามกลั้นรอยยิ้มของตัวเองเอาไว้ ไม่ให้ยิ้มออกมา ทำหน้านิ่งเฉย และพยักหน้ารับสิ่งที่อีกฝ่ายบอก เดินหนีไปที่คอมพิวเตอร์ของตัวเองที่ตั้งเอาไว้บนโต๊ะหน้าโซฟา ลงไปนั่ง

แล้วรอยยิ้มก็จุดขึ้นที่ใบหน้าแบบไม่ต้องทนฝืน คุณไอศูรย์มองอยู่ตลอดตั้งแต่จุมพลเดินไปนั่งและก็ยิ้มเมื่อเห็นอีกฝ่ายยิ้มได้

ต่างคนต่างไม่ได้พูดอะไรกันอีก ต่างคนต่างแกล้งทำเป็นยุ่ง คุณไอศูรย์เช็คงบดุลและจุมพลก็นั่งเล่นเกมส์ แต่หลายครั้งต่างฝ่ายต่างก็เผลอลอบมองว่าคนที่เพิ่งสงบศึกกันกำลังทำอะไรอยู่ และเมื่อคนที่ถูกลอบมองรู้สึกตัว ก็ทำทีเป็นหันหน้าหนี
เป็นแบบนี้อยู่นาน เป็นแบบนี้ทั้งคืน จนกระทั่งถึงเวลาเข้านอน เสียงปิดคอมพิวเตอร์ของคนที่นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะทำให้จุมพลต้องปิดคอมพิวเตอร์ของตัวเองและพับหน้าจอเรียบร้อย ก่อนจะลุกขึ้นยืน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังเดินเข้าไปในห้องนอน

“วันหลังลองทำอย่างอื่นดูสิ ผมจะช่วยชิม”

อ่า มาไม้ไหนวะ ทีตอนบอกให้ชิมไม่ยอมชิม ที่ตอนนี้มาบอกว่าจะช่วยชิม จะเอายังไง

“ไม่เอาแล้ว”

ทำไมล่ะ

“โกรธเหรอ”

เปล่า ไม่ได้โกรธ

“......โกรธหรือเปล่าจุ้ม”

“.....นี่....”

คุณไอศูรย์หยุดเดินและหันมามองหน้าของคนที่กำลังเดินตามหลังมาแต่ยังทำสีหน้าเรียบเฉย

“ผมว่ามันแปลก ๆ นะทำไมผมกับคุณต้องทำอะไรล่อแหลมขนาดนั้นด้วยวะ ผมไม่เข้าใจ”

เรื่องนั้นเหรอ

“..........ก็คุณเล่นก่อน ผมก็เล่นตาม คุณต้องถามตัวเองก่อนสิ ไม่ใช่มาถามผม”

ก็ถามตัวเองอยู่นี่ไง ถามแล้วมันรู้คำตอบมั้ยล่ะ ถ้ารู้ผมก็คงไม่ต้องมาถามคุณหรอกวะคุณไอศูรย์ครับ

“.....ให้ผมคิดคำตอบ ผมคิดไม่ไหวหรอกนะ คุณคิดสิจุ้ม....คิดได้แล้วมาบอกผมด้วย.......ผมก็อยากรู้เหมือนกัน....ว่าทำไมพอผมทำแบบนี้กับคุณแล้ว.......ผม....รู้สึกดี”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 23-05-2014 13:09:18
ยังมึนๆและไม่เข้าใจกันทั้งสองคนว่าที่ทำอยู่มันคืออะไร :hao3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 23-05-2014 13:12:06
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 52
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 23-05-2014 13:18:00
เอาแล้วๆๆ
หาคำตอบได้คงเขินกว่านี้
ว่าแต่ คุณไอ...ทำไมกวนส้นแบบนี้ มันเป็นอะไรที่กวนมาก
แต่ก็งี้ละจะได้ปราบจุ้มได้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 23-05-2014 13:29:26
เบ้ยยยย น่ารักกกกก
คุณพี่ไอซ์ฮาอ่ะ ถังขยะยังทิ้งขยะได้อีกเยอะ แร๊งงง จุ้มก็หาวิธีให้เขาชิมจนได้เนาะ ทำแค่อบซะด้วยแต่ภูมิใจมาก 55555 น่ารักงุ้งงิ้ง >_<
 :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 23-05-2014 14:09:50
เป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 23-05-2014 16:42:58
อยากกินคุ๊กกี้ด้วยคน  :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 23-05-2014 16:52:40
คู่จุ้มกับคุณไอศูรย์ รักกันแบบมึนๆๆทั้งคู่เลย

อยากรู้ว่า หญิงเป็นยังไงบ้าง โดนจัดการยังไง เห็นเงียบไปเลย คงเป็นคุณมยุรีที่คุยในโทรศัพท์แน่เลย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 23-05-2014 17:24:09
อ๊ายย เห็นพี่ไอซ์กับน้องจุ้มทำแบบนี้ ป้าก็รู้สึกดีเหมือนกันค่า
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 23-05-2014 17:51:01
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/19/256IqDzo.jpg)
เรื่องของหัวหน้าแผนกจัดซื้อ ไอศูรย์-จุมพล ตอน ไม่เข้าใจ

“สวัสดีครับคุณมยุรี ผมไอศูรย์นะ สบายดีหรือเปล่าครับ วันนี้ผมพาคุณแม่คุณมยุรีมาทานข้าว คุณแม่คุณดูมีความสุขดีนะครับ เดี๋ยวผมส่งรูปให้ดู”

คุณไอศูรย์ส่งรูปที่พาแม่ของคุณมยุรีไปกินข้าวนอกบ้านที่ภัตตาคารจีนแห่งหนึ่ง ภาพที่ส่งไป....ดูดี สวยงาม

คุณไอศูรย์และแม่ของคุณมยุรีกำลังยิ้มมองกล้อง

ทุกอย่างมันควรจะดูดีทั้งหมด ถ้านี่ไม่ใช่การข่มขู่กันในอีกรูปแบบที่ต่างออกไปจากที่เคย ๆ มีมา

“คุณคิดจะทำอะไร”

เสียงที่ตอบกลับมาจากปลายสายเหมือนพยายามสะกดกลั้นความไม่พอใจเอาไว้อย่างสุดความสามารถ และมันทำให้คุณไอศูรย์หัวเราะออกมาเสียงเบา

“อะไรล่ะครับ ก็อยากพาคุณแม่ของคุณมาทานข้าวแค่นั้นเอง.......อาหารถูกปากมั้ยครับคุณแม่ คุณมยุรีถามมา”

ไม่ใช่แค่พูดกับคนที่อยู่ปลายสาย แต่คุณไอศูรย์ยังหันมาถามแม่ของคุณมยุรีด้วยท่าทางเป็นมิตรที่สุด

“อร่อยมากเลยหญิง วันหลังหญิงพาแม่มาร้านนี้นะ”

แม่ของคุณมยุรีไม่รู้เรื่องระหว่างคุณไอศูรย์กับลูกสาวว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

“ปล่อยแม่ฉันกลับมา อย่ายุ่งกับแม่”

ผมยังไม่ได้ยุ่งเลย

“เดี๋ยวให้ท่านทานของหวานก่อนสิครับ คุณแม่ครับทานของหวานอะไรดีครับ บัวลอยน้ำขิงที่นี่ขึ้นชื่อมากเลย เดี๋ยวผมทานเป็นเพื่อนนะครับ”

เอาอกเอาใจแม่ของคุณมยุรีเป็นอย่างดี และคุณมยุรีที่อยู่ปลายสายก็กำมือแน่นด้วยความโกรธเคืองอย่างถึงที่สุดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้

“แค่นี้ก่อนดีกว่านะครับ เดี๋ยวคุณแม่คุณทานของหวานเสร็จแล้วผมจะ “ให้ลูกน้องผมประมาณสี่ห้าคน” ไปส่งนะครับ เป็นห่วงความปลอดภัย.... แล้วเอาไว้ค่อยคุยกันใหม่นะครับ สวัสดีครับ”

คุณไอศูรย์พูดด้วยน้ำเสียงเป็นที่แสดงความจริงใจอย่างถึงที่สุดและจัดการสั่งของหวานมากินกับแม่ของคุณมยุรี

พูดคุยกันด้วยเรื่องทั่วไป

เรื่องของ จุมพลแฟนของคุณมยุรี รวมทั้งเรื่องอื่นๆ ที่แม่ของคุณมยุรีน่าจะพอรู้

เรื่องของเรื่องไม่มีอะไรมาก หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่คุณมยุรีคลุ้มคลั่งจนสติแตก ใช้มีดปลายแหลมพยายามจะจ้วงแทงจุมพลวันนั้น เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่พัวพันกันยุ่งเหยิงที่คุณไอศูรย์ไม่ตั้งใจจะยุ่งด้วยก็เกิดตามมา

การตามหาว่าจุมพลพักอยู่ที่ไหน โรงพยาบาลไหน และความพยายามที่จะมาหาที่โรงพยาบาลเพื่อก่อเหตุซ้ำ รวมทั้งการคุกคามไล่ล่าไปถึงเพื่อน ๆ ของจุมพล มันทำให้คุณไอศูรย์ไม่สามารถนิ่งเฉย ปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นซ้ำอีกครั้งได้

ตอนแรกไม่ได้คิดอะไรกับจุมพลเลยซักนิด แต่พออยู่ด้วยกันพักหนึ่ง ความรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนช่วยชีวิตจุมพลมา แล้วถ้าไม่ช่วยให้ตลอดรอดฝั่งมันก็ไม่ใช่

อยากจะเมินเฉย ถ้าเธอนิ่ง แต่เมินเฉยไม่ได้เพราะเธอไม่หยุด รู้ว่าเพราะอะไรเธอถึงแค้นได้ขนาดนี้ แต่เธอก็ไม่มีสิทธิ์คิดจะจบชีวิตของใครเพื่อทดแทนความเจ็บปวดที่ตัวเองเคยได้รับ จุมพลเจ็บมานานเกินไป จนจะไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว
คุยกับใครก็แทบจะไม่รู้เรื่อง กลางคืนไม่เคยหลับ แบบนี้มันก็เกินไป

ใครหลายคนอาจจะปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นซ้ำซาก แต่คุณไอศูรย์ไม่คิดจะปล่อย

เธออยากใช้ศาลเตี้ยทำตามใจตัวเอง งั้นทางนี้ก็จะใช้แบบเดียวกัน เธอคลุ้มคลั่งอาละวาดหนัก ถึงขนาดกลับไปทุบรถและทำลายทรัพย์สินสิ่งของของจุมพล จนคุณไอศูรย์ต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ต่อสายตรงไปหา และบอกให้หยุด ไม่อย่างนั้น คงต้องทำตามแบบที่ตัวเองควรทำ

“ผมไอศูรย์นะ คนที่พาจุ้มไปจากบ้านวันก่อน ตอนนี้เขาอยู่กับผม เขาไม่ได้สบายดีหรอก และผมคิดว่าคุณคงสบายใจที่ได้รู้ว่าเขาไม่ได้สบายดีซักเท่าไหร่ แต่ที่ผมพูดนี่แค่เฉพาะในส่วนของร่างกายนะ แต่สภาพจิตใจ..........เขากำลังจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ....เพราะผมต้องการให้มันดี”

ไม่มีการพูดจายอกย้อนให้มากความแต่ใช้วิธีพูดกันตรง ๆ ให้อีกฝ่ายเข้าใจ

“คุณทำอะไรอยู่ ผมติดตามเรื่องตลอดนะ เรื่องที่คุณทำกับจุ้มมันรุนแรงเกินไปหรือเปล่า ผมไม่ขอแสดงความคิดเห็น........สิ่งที่ผมเป็นห่วงก็คือ ผมไม่รู้ว่าถัดจากนี้  “ครอบครัวของคุณ”จะเจอกับอะไรบ้าง.....ถ้าคุณยังไม่ยอมหยุด”

คุณมยุรี รู้ได้ทันทีว่านี่คือการข่มขู่ โดยคนที่ข่มขู่เอาชีวิตของครอบครัวคุณมยุรีเป็นเดิมพัน

“อย่ายุ่งกับครอบครัวฉัน”

ยุ่งอะไรกันครับ ผมไม่เห็นจะเข้าใจ

“ผมจะไปยุ่งกับครอบครัวคุณมยุรีได้ยังไงล่ะ ไม่เห็นมีเหตุผลเลยนะครับ ว่ามั้ย”

พูดด้วยน้ำเสียงไม่ทุกข์ร้อนอะไร แต่คนฟังรู้ได้ทันทีว่ากำลังคุยกับคนที่ไม่ธรรมดา มีเล่ห์เหลี่ยมและลูกเล่นแพรวพราว

“ผมไอศูรย์บริษัทไอศูรย์ขนส่งนะครับ เผื่อคุณจะสนใจประวัติการทำงานหรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับตัวผม....อยากให้คุณมยุรีศึกษาและเช็คดูดี ๆ นะครับ.........ว่าผมและบริษัทของผมทำอะไรได้บ้าง....นอกจากการขนส่งสินค้า”

คุณมยุรีได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก และกำมือแน่นด้วยความโมโห ผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา

“คุณต้องการอะไรกันแน่ คุณไอศูรย์”

ผมต้องการอะไรเหรอ..........

“อย่าเข้าใกล้คนของผม...ผมต้องการให้จุ้มใช้ชีวิตตามปกติ เหมือนที่เคยเป็นมา เรื่องนี้คงไม่ยากเกินไปสำหรับคุณใช่มั้ยครับ....”

ยากมาก
ยากมากจนคุณมยุรี ต้องขบริมฝีปากแน่นด้วยความแค้นเคือง ถ้าวันนั้นเธอไม่พลาด พี่จุ้มคงตายไปแล้ว เธออยากจะตายไปพร้อมกันซะ เรื่องจะได้จบ อยู่ไปก็ไม่มีความสุข สู้ตายไปพร้อมกันเลยดีกว่า พี่จุ้มไม่ควรมีความสุขอยู่คนเดียว เธอยอมไม่ได้

“ผมไม่ทำอะไรคุณหรอกนะคุณมยุรี คุณใช้ชีวิตอย่างสงบเถอะ แต่ถ้าคุณไม่ฟังที่ผมพูด.......ผมก็คงช่วยอะไรครอบครัวของคุณไม่ได้”

ไม่ได้เล่นงานที่ตัวคุณมยุรี แต่เล่นงานไปถึงครอบครัว
ครอบครัวที่ประกอบด้วยพ่อ แม่ และอาจหมายรวมถึงเครือญาติทั้งหมด

“.......ได้........”

เธอตอบรับแบบง่าย ๆ และคุณไอศูรย์ก็ขมวดคิ้วมุ่น

“เมื่อคุณรับปาก ทุกอย่างควรเป็นไปตามนั้น แต่ถ้าเกิดว่าสิ่งที่คุณรับปากผม คุณทำไม่ได้เอง..........คุณอย่าโทษใครล่ะคุณมยุรี”

รู้ทันความคิดของอีกฝ่าย และคุณไอศูรย์ก็กดวางสายไปเรียบร้อย เธอไม่จบแน่ ๆ แม้เธอจะบอกว่าได้ แต่ฟังดูก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่มีทางจบ ไม่อยากแตะครอบครัวของเธอ แต่เพราะเธอทำตัวเอง

…ถ้าคุณอยากจะทำอะไรตามใจตัวเองมากนัก เพราะเห็นว่าสิ่งที่ทำมันถูกต้องแล้ว ก็จงทำไป
......และถ้าผมจะปกป้องคนของผม เพราะผมเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ผมก็จะทำ.........ผมไม่อยากใจร้ายกับคุณนะคุณมยุรี

แต่ถ้าคุณไม่หยุด ผมก็คงปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปไม่ได้เหมือนกัน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 23-05-2014 17:51:27
“เธอไปที่โรงงานครับ แต่เธอไม่ได้เข้าไป เธอวน ๆ เวียน ๆ อยู่ข้างนอก”

วันหนึ่งระหว่างที่คุณไอศูรย์กำลังตรวจสอบเส้นทางการเดินรถที่กำลังจะขยับขยายเพิ่มเติม ก็มีลูกน้องมารายงานเรื่องบางอย่างให้ฟัง เหตุการณ์ดูเหมือนสงบเงียบมาพักใหญ่ แต่คุณไอศูรย์ไม่เคยปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่าย ๆ

ผู้หญิงคนนี้ กำลังจะเป็นบ้า เธอพร้อมที่จะทำอะไรก็ได้ ที่เธอเชื่อว่าจะทำให้ความแค้นในใจของเธอลดลง

“รายงานผมทุกระยะนะ เฝ้าดูเธอไปเรื่อย ๆ”

บอกกับลูกน้องและคุณไอศูรย์ก็ปิดแฟ้มเอกสารที่อยู่บนโต๊ะ

“ส่งของขวัญไปให้พ่อกับแม่ของเธอหน่อยนะ เอาแบบที่ดูดีแล้วก็แนบการ์ดอวยพรของผมไปด้วย”

บอกให้ลูกน้องไปจัดการเรื่องบางอย่างให้ และลูกน้องก็ตอบรับและเดินออกไปจากห้อง คุณไอศูรย์ค่อย ๆ เอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้และถอนหายใจยาว ๆ ไม่อยากยุ่งด้วยหรอกนะ ไม่อยากยุ่งด้วยเลยจริง ๆ แต่คุณก็บังคับให้ผมต้องลงมายุ่งกับเรื่องนี้

“ผมไอศูรย์นะครับ.....สามวันถัดจากนี้ ช่วยจองร้านอาหารจีนให้ผมหน่อย ขอเป็นร้านที่ขึ้นชื่อแถว ๆ ........... นะครับ”

กดอินเตอร์โฟนแจ้งเลขาให้จัดการเตรียมสถานที่ในการนัดกินข้าว สั่งงานเรียบร้อย และกดโทรไปหาใครบางคนที่ทำให้คุณไอศูรย์ต้องมาจัดการเรื่องไม่เป็นเรื่องพวกนี้ด้วยตัวเอง

“ทำอะไรอยู่ล่ะ”

กรอกเสียงลงไปและคนที่อยู่ปลายสายก็ตอบกลับมา

“คุณว่าถ้าอบคุกกี้โฮมเมดกินเองมันจะดีมั้ย คุณไอศูรย์”

ถามอย่างหนึ่ง แต่ไปตอบอีกอย่าง และคุณไอศูรย์ก็นึกขำกับคำตอบแบบนั้นของจุมพล

“ดีมากนะ....อะไรก็ตามที่ไม่ใช่สิ่งที่คุณทำ ผมว่าดีหมด”

เฮ้ยยยยยยยยย นี่ดักเหรอวะ เหมือนรู้ทางเลยนะว่าผมจะทำ

“รู้ได้ยังไงว่าผมทำแล้วมันจะออกมาไม่ดี”

ก็ไม่ได้รู้ได้ยังไงหรอกครับคุณจุมพล

“แล้วจะเอาอะไรมาการันตีว่าถ้าคุณทำแล้วมันจะออกมาดี”

ทำไมไม่ให้กำลังใจกันเลยวะ ดีแต่พูดให้หมดกำลังใจอยู่นั่นล่ะ

“มันต้องดีสิ”

ก็แล้วทำไมต้องดีล่ะ

“คุณอย่าพูดเรื่อยเปื่อยคุณจุมพล ผมไม่มีเวลาว่างมาฟังสิ่งที่เป็นไปได้ยากหรอก”

เฮ้ยยยยยยยยยยยยยย โมโหโว้ยยยยยยยย

“งั้นผมจะทำ”

ก็ตามใจ

“เรื่องของคุณ”

ฮึ่ยยยยยยยยยย คุณไอศูรย์ ทำไมถึงกวนประสาทกันได้ขนาดนี้วะ โมโหโว้ย โมโห

“ทำแล้วคุณต้องชิมเป็นคนแรกด้วยครับ รู้มั้ยครับว่าคุณ............ “ต้อง”............. ชิม”

เน้นคำให้อีกฝ่ายเข้าใจ แต่คุณไอศูรย์กลับหัวเราะ

“ผมกินเฉพาะสิ่งที่มนุษย์กินได้.....วัตถุประหลาดที่ไม่สามารถประเมินค่าความเสี่ยงหลังจากไหลลงสู่กระเพาะและนำความเสียหายมาให้ร่างกายอย่างใหญ่หลวง และคุณเรียกมันว่า คุกกี้โฮมเมด ที่คุณทำเองนั้น.........ผมบอกตรงนี้ได้เลยครับคุณจุมพล............ผมไม่กิน”

แต่คุณต้องกินโว้ยยยยยยยยยย แล้วคุณก็ต้องเป็นคนแรกที่ต้องกินด้วย จุมพลกำลังโมโหอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยง
และกำลังจะตอบโต้อีกฝ่ายไปแต่คุณไอศูรย์ก็ไม่เปิดโอกาสให้ทำสิ่งนั้นได้

“ผมไม่มีธุระอะไรจะคุยกับคุณนะ ที่โทรมาเนี่ยเพราะผมกดเบอร์ผิด........แค่นี้นะ ผมกำลังยุ่งอยู่”

อย่างนั้นเองหรอกเรอะ แล้วก็กดวางสายกันไปดื้อ ๆ เนี่ยนะ โมโหโว้ย โมโห คุณไอศูรย์ ตอนแรกผมตั้งใจจะไม่ทำแล้วนะ เพราะมันยุ่งวุ่นวาย แต่ตอนนี้ผมจะทำแล้ว ยังไงผมก็จะทำให้ได้ เพราะว่าคุณทำให้ผมหงุดหงิดนี่แหละ

ผมต้องทำโว้ยยยย

“เตรียมแป้งสำหรับคุกกี้ให้หน่อย เอาแบบว่าอร่อยที่สุด ตอนนั้นที่บอกว่าไม่ทำพี่เปลี่ยนใจแล้ว ตอนนี้พี่จะทำ...ช่วยเตรียมให้พี่หน่อยนะ”

เดินไปบอกกับลูกน้องที่เคยคุยกันเรื่องทำคุกกี้ไปวันก่อนและล้มเลิกความตั้งใจไปแล้ว แต่วันนี้ความต้องการอยากจะทำก็เกิดขึ้นมาอีกรอบ

..................คุณไอศูรย์ ยังไงซะคุณก็ต้องกินคุกกี้ที่ผมทำแหละวะ..........ไม่เชื่อก็คอยดู.........

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 23-05-2014 17:52:12
“อะไรเล่า.......ผมไม่ชอบแบบนี้เลยนะ คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือไงวะ งานคุณกองเต็มโต๊ะแล้ว อย่ามาเล่นอะไรไม่เข้าท่าแบบนี้ มันน่ารำคาญ”

จุมพลหน้าหงิก และพยายามใช้มือยันแผ่นอกของคนที่นั่งอยู่บนโซฟาและดึงให้จุมพลลงมาหา

“ทำไมล่ะ”

ก็ไม่ทำไม ผมว่าพักนี้อะไร ๆ ระหว่างคุณกับผมมันแปลก ๆ ไปกันใหญ่ ปากบอกว่าเราเป็นรูมเมทกันก็จริง แต่แบบนี้มันไม่ใช่รูมเมทกันแล้ว มันเหมือนผู้ชายสองคนที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแบบลืมเรื่องสถานะทางสังคมที่เหมาะสม

“อย่า”

พูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกว่าไม่พอใจ แต่คุณไอศูรย์ไม่ยอมหยุด แถมยังเลิกคิ้วขึ้นสูง และยื่นมือมาจะดึงแก้มของจุมพลให้ได้

“อยากจับนักนี่ แก้มคุณนี่ผมไม่ได้นึกอยากจะจับเลยนะ แค่อยากรู้ว่าทำหน้าหงิกทำไมแค่นั้น”

ก็คุณมันน่ารำคาญไงคุณไอศูรย์ เล่นอะไรบ้าๆ บอ ๆ อยู่ได้

“แล้วผมทำคุณบ้างเอามั้ย คุณมันหน้าตากวนประสาท ทำแบบนี้แล้วมันสนุกหรือไง คุณสนุกกับมันหรือไงวะ โดนดึงแก้มแบบนี้”

ไม่ใช่แค่พูด แต่จุมพลยังใช้สองมือ ดึงแก้มของคุณไอศูรย์แรง ๆ

ไม่ได้คิดจะดึงเล่น ๆ แต่ตั้งใจให้อีกฝ่ายเจ็บ และคุณไอศูรย์ก็ร้องออกมาเสียงดังลั่น และพยายามจะยื่นมือมาดึงแก้มของจุมพลกลับเหมือนกัน

“ฮึ่ยยยยยยย คุณสู้ผมไม่ได้หรอก ไม่มีทาง เอาดิ แน่จริงลอง หื้อออออออออ”

สงครามย่อย ๆ เกิดขึ้น เมื่อต่างฝ่ายต่างพยายามจะจับมือของกันและกันเอาไว้ ไม่ให้ทำอย่างใจได้

“โห่ คุณอ่ะ มันเด็ก ๆ จะไปทำอะไรผมได้”

ท้าทาย และจุมพลก็ยักคิ้วกวน ๆ ให้คนที่ถูกยึดมือเอาไว้ จนไม่สามารถยื่นมือมาดึงแก้มได้อีก

“ไม่ดึงแก้ม ก็มีอย่างอื่น ทำได้เยอะแยะ”

เหรอออออออ

“แบบนี้ก็ทำได้”

ไม่ใช่แค่พูด แต่คนพูดยังยื่นหน้าเข้าไปหา และขโมยหอมแก้มขาว ๆ ของจุมพลที่ไม่ทันได้ตั้งตัว

“นี่ไง ทำได้แล้ว ง่าย ๆ”

ง่าย........ง่าย.....

“.......................”

ไม่ใช่ว่าเราไม่เคยทำอะไรแบบนี้ เคยทำกันอยู่บ่อยครั้ง บางครั้งทำด้วยความอยากหยอกล้อ บางครั้งทำด้วยความอยากเอาชนะ
ทำมากกว่านี้ก็เคยทำ และแต่ละครั้งที่ทำก็มีเหตุผลมากพอให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้ หลาย ๆ ครั้ง มันก็มีเหตุผลมากพอ ............... แต่มันก็เป็นเหตุผลที่มีไม่มากพอให้ผู้ชายสองคนที่มีสถานะคลุมเครือมาทำแบบนี้กัน

“ผมจะปล่อยมือคุณ แล้วคุณอย่ามาทำอะไรแบบนี้อีก ไม่งั้นผมจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดกับคุณนะ”

แกล้งข่มขู่ไป และคุณไอศูรย์ก็อมยิ้มน้อย ๆ และพยักหน้ารับ

“ได้”

ได้ก็ดี

จุมพลยอมปล่อยมือ และกำลังจะลุกขึ้นยืนแต่ก็ยังถูกคุณไอศูรย์รั้งเอวเอาไว้ ไม่ยอมให้ลุกขึ้นได้ง่าย ๆ การเผชิญหน้ากันอีกครั้งเกิดขึ้น และจุมพลก็เริ่มทำหน้าหงิกหน้างออีกรอบ

“โว้ยยยยยยยยย ก็บอกว่าไม่เล่นแล้วไงเล่า คุณนี่ น่าโมโหจริงวะ”

บ่นพึมพำ และก็ใช้มือทั้งสองข้างตีเบา ๆ ที่แก้มของคุณไอศูรย์ด้วยความหงุดหงิดโมโห

“ฮึ่ยยยยยยยยย บอกแล้วไม่ใช่หรือไง ว่าทำแบบนี้อีกจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด ทำไมไม่ฟังกันบ้างวะ”

บ่นอะไรไปเรื่อย และหัวคิ้วก็ขมวดมุ่น เพราะไม่รู้จะทำยังไงอีกฝ่ายถึงจะหยุดเล่นสักที

“มาตรการอะไร เห็นพูดอยู่นั่น ตกลงมาตรการเด็ดขาดของคุณคืออะไร”

ยังจะพูดอีก มาตรการเด็ดขาดของผมก็ไม่มีอะไรมาก ผมก็มีแค่นี้........... จุมพลใช้มือสองข้างประคองแก้มของคุณไอศูรย์เอาไว้ และโน้มใบหน้าลงมาแตะริมฝีปากเข้าที่หน้าผากคุณไอศูรย์ สิ่งที่คิดไม่มีอะไรมาก คุณคิดว่าผู้ชายที่ไหนมันจะมารู้สึกดีเวลาที่โดนผู้ชายด้วยกันหอมหน้าผากแบบนี้วะ ผมว่ามันไม่เห็นรู้สึกดีตรงไหนที่คุณมาหอมแก้มผม และผมว่าคุณก็คงไม่ได้รู้สึกดีหรือมีความสุขสักเท่าไหร่ที่ผมหอมหน้าผากคุณ

สิ่งที่ทำ สำหรับจุมพลแล้ว เรียกมันว่ามาตรการขั้นเด็ดขาด แต่สำหรับคุณไอศูรย์เรียกว่า........การหยอกเย้า....ให้มีอารมณ์อยากทำอย่างอื่นมากกว่า ดวงตาสองคู่กลับมาสบกันนิ่ง ๆ อีกครั้ง คุณไอศูรย์จ้องนิ่งเข้าไปในดวงตาของจุมพล และจุมพลก็ได้แต่ขมวดคิ้วมุ่นไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะจ้องขนาดนี้ไปทำไม

“อะ.....”

อยากจะถามว่าคุณเป็นอะไรของคุณครับ แต่ร่างกายกลับถูกพลิกให้ลงมาอยู่บนโซฟา โดยมีร่างของคุณไอศูรย์คร่อมทับ

“หือ”

อยากจะมีคำถามมากกว่านี้ แต่เมื่ออ้อมแขนของคุณไอศูรย์โอบรัดร่างกายของจุมพลเอาไว้โดยไร้คำพูด.....จุมพลก็ได้แต่นอนมองหน้าของอีกฝ่ายนิ่งๆ และไม่รู้ว่าทำไมครั้งนี้หัวใจถึงได้เริ่มเต้นแรง ผิดกับครั้งก่อน ๆ ที่ไม่เคยรู้สึกอะไร หลับตาลงอย่างว่าง่าย เมื่อใบหน้าคมโน้มลงมาหา ยกแขนขึ้นโอบรัดรอบคอของคุณไอศูรย์ทั้งที่ยังขมวดคิ้วมุ่น

..............ทำไมต้องยอมคุณไอศูรย์ด้วยวะ ทำไมต้องยอม...มันไม่มีเหตุผลให้ต้องยอมเลยนี่หว่า.........แล้วนี่ทำไมผมกำลังจะยอมคุณอีกแล้ว ทำไมเหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นบ่อยนักวะ.........ผมไม่เข้าใจตัวเองและผมก็ไม่เข้าใจคุณด้วย............... ...... ตอนที่คุณทำเรื่องแบบนี้กับผมคุณคิดอะไรอยู่คุณไอศูรย์ ผมไม่เข้าใจจริง ๆว่าคุณคิดอะไรอยู่..........ผม....ไม่เข้าใจ


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 23-05-2014 18:07:38
ว๊ายย ตาเถร ยายชี คุณจุมพลทำไรค๊าาาา
คืออยากจะบอกเหมือนเดิมค่ะ ว่ารูมเมทน่ะ เค้าไม่ชิมคุ๊กกี้กันแบบนี้นะค๊าาาา
รู้ตัวกันมั่งม๊ายยยยยย ชิๆ

ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไป ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 23-05-2014 18:18:47
 :really2: :laugh:ไอศูรย์ทำอะไรจุมพลเนี่ย น้องสับสนเบลอไปหมดแล้ว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 23-05-2014 19:05:01
เก๊าาาาก็ไม่เข้าจายยยยยยยย  :serius2:

เพราะงั้นขออีกสักตอนได้มั๊ยคะ  :z1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 23-05-2014 19:53:54
จัดสักดอกสองดอกเผื่อว่าอะไรๆจะเข้าใจง่ายขึ้น


  :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 23-05-2014 20:03:31
แหมๆๆๆ คุณจุมพลไม่เข้าใจจริงหรอ
มามะ เด๋วเค้าบอกเอง ว่าตะเองสองคนเป็นไรกัน  ฮี่ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 23-05-2014 20:10:02
ยังไม่แน่ชัด......
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 23-05-2014 20:12:19
จะน่ารักเกินไปแล้วนะ จุ้ม ^^ :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 23-05-2014 20:53:23
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/19/256IqDzo.jpg)
เรื่องของหัวหน้าแผนกจัดซื้อ ไอศูรย์-จุมพล ตอน สับสน


เรื่องบางอย่างเริ่มจะเลยเถิดไปไกล จุมพลไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมตัวเองถึงได้คล้อยตามคนที่กำลังซุกไซร้ใบหน้าที่ซอกคอได้อย่างง่ายดาย รู้ดีว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ก็ยอมให้อีกฝ่ายรุกรานเอาแต่ใจได้ตลอด จนกระทั่งเสียงกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูเอ่ยบอกบางอย่าง

จุมพลถึงได้รู้สึกตัว

“ขอนะ”

เบิ่งตากว้างและผลักอกของคนที่คร่อมทับอยู่เหนือร่างออกห่างและไม่ยอมให้อีกฝ่ายเข้าใกล้อีก

“ไม่”

ปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด และก็ผละออกห่าง ย้ายตัวเองมานั่งที่อีกมุมหนึ่งของโซฟา คุณไอศูรย์ได้แต่อ้าปากค้างและนิ่งมองทุกกิริยาของจุมพล ที่ปฏิเสธคำขออย่างไร้เยื่อใย แล้วบรรยากาศแสนอึมครึมของเราสองก็เกิดขึ้น

คนหนึ่งยกมือขึ้นลูบผมตัวเองและถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ส่วนอีกคนกำลังจัดเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ย และใบหน้าก็หงิกงอ แสดงให้รู้กันไปชัด ๆ ว่าไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น โกรธเพราะอะไรคุณไอศูรย์ก็พอจะเข้าใจนิด ๆ แต่ไม่รู้จะพูดยังไง เลยได้แต่ต่างคนต่างเงียบ

เรากำลังไม่เข้าใจกันอย่างรุนแรง

เพราะเราไม่มีความชัดเจนต่อกัน สถานะความสัมพันธ์ของเราที่เป็นอยู่ตอนนี้เรียกว่าอะไรก็ไม่รู้ แต่เรากลับข้ามขั้นกันไปไกล    เลยเถิดไปแม้กระทั่งเรื่องอย่างว่า ก็ทำด้วยกัน แบบนี้มันผิดปกติเกินไป เพราะมันไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบที่รูมเมทหรือเพื่อนกันจะมาทำด้วยกันได้

นิ่งเงียบกันมาพักใหญ่ ไม่มีใครพูด

คุณไอศูรย์ได้แต่เอนหลังพิงพนักโซฟา และจุมพลก็นั่งกอดเข่าของตัวเองเอาไว้

เวลาแต่ละนาทีผ่านไปอย่างแสนเชื่องช้า พร้อมกับความเงียบงันอึดอัดที่ยังปกคลุมอยู่ระหว่างเราสองคน

ไม่มีใครพูดก่อน ต่างฝ่ายต่างเงียบ จุมพลไม่พอใจสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

“ผมไม่เล่นแบบนี้กับคุณแล้วนะ”

เล่น.......... เล่นแบบนี้เหรอ ที่เราทำด้วยกันไม่ใช่การเล่นนะจุ้ม มันเกินการเล่นไปไกลแล้ว

“เผื่อคุณจะไม่รู้นะคุณจุมพล ผมไม่เคยเล่นแบบนี้กับใคร”

ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ นิ่งสนิทแต่แฝงไปด้วยความรู้สึกทุกคำพูด และจุมพลก็เงยหน้าขึ้นมองคนที่พูดบางอย่างให้ได้คิด

ไม่เล่น........ ไม่เล่นงั้นเหรอ แล้วถ้าไม่เรียกว่าเล่น คุณจะเรียกมันว่าจริงจังหรือไง

“แฟนผม.....คงไม่รู้สึกดีที่ผมมาทำอะไรแบบนี้”

อย่าเอาแฟนมาอ้างจุ้ม

“คุณเลิกกับผู้หญิงคนนั้นไปตั้งนานแล้ว   ตั้งแต่วันที่เขาคิดจะฆ่าคุณ”

เลิก.......... เลิกงั้นเหรอ.... เลิกนานแล้ว

“คุณก็รู้ว่าผมเลิกกับหญิงไม่ได้”

รู้ได้ยังไงว่าไม่ได้

“ผมไม่สนใจเรื่องนั้นของคุณนะ คุณจุมพล”

ไม่สนใจ ไม่สนใจงั้นเหรอ ไม่สนใจก็เลยมาทำแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ กูไม่ใช่ของเล่นของใครนะโว้ยยยยยย เข้าใจผิดไปแล้ว ที่ทำอะไรเลยเถิดแบบนั้นสองครั้งที่ผ่านมามันมีเหตุผล แต่ครั้งนี้จะให้ใช้เหตุผลว่าอะไร กูไม่เล่นแล้วนะครับ บอกได้เลย จะให้เล่นด้วยเหมือนครั้งก่อน ๆ

ไม่เอาอีกแล้ว ยิ่งพูดแบบนี้ด้วย ยิ่งชัดเจนว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว

คนสองคนกำลังแสดงความรู้สึกที่อยู่ภายในลึก ๆ ออกมา คุณไอศูรย์นั่งเงียบ และจุมพลเองก็เงียบไม่ต่างกัน

สิ่งที่เห็นมันคล้ายอาการสะท้อนใจลึก ๆ ทำไมจะไม่รู้ว่าจุมพลเองก็มีความเครียดความกังวลใจ เพียงแต่อีกฝ่ายไม่ยอมแสดงมันออกมาให้เห็นเท่านั้น ความไม่แน่ใจ ความรู้สึกที่แยกแยะไม่ออกระหว่างถูกกับผิด ควรหรือไม่ควร

อารมณ์ความรู้สึกแบบนั้นทำไมคุณไอศูรย์จะไม่เข้าใจ เพราะตัวเองก็ตกอยู่ในสถานการณ์นั้นเช่นกัน
ตอนแรกไม่ได้คิดอะไร เป็นแค่เพียงความรู้สึกแปลก ๆ และความสนใจลึก ๆ

ตอนแรกไม่ได้คิดอะไร  แต่พอนานวันเข้ากลับรู้สึกว่าจุมพลเป็นของตัวเอง  และไม่ชอบให้ใครมายุ่มย่ามด้วย
เมื่อไม่ชอบให้ใครมายุ่ง ก็เลยต้องปกป้องคุ้มครองเอาไว้ไม่ให้ได้รับอันตราย แต่มันไม่ใช่แค่นั้น อยู่ดี ๆ ความรู้สึกบางอย่างก็เลยเถิดไปไกล กลายเป็นการให้ความสำคัญไปโดยไม่รู้ตัว

ใช่ที่ระยะเวลาเพียงแค่นี้ มันไม่สามารถอธิบายความรู้สึกอะไรได้มากนัก แต่อารมณ์พิศวาสอยากครอบครองร่างกายและปรารถนาอยากได้รับการเอาใจจากคนที่อยู่ตรงหน้า มันก็อธิบายอะไรได้หลาย ๆ อย่าง

ถึงจะคิดอะไรไปอีกร้อยแปด แต่ผลสรุปที่ได้ในเวลานี้

ความรู้สึกในใจลึก ๆ มันก็คือคำว่า “ชอบ” ไปแล้วโดยไม่ต้องสงสัย

ไม่ต้องสงสัยเลย..........คุณไอศูรย์คิดว่าตัวเองคงรู้สึกอะไรเป็นพิเศษกับจุมพลเข้าให้แล้ว

“จุ้ม”

เรียกคนที่นั่งอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย และจุมพลก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมามอง สายตาที่มองมามีแต่ความปวดร้าว อ้างว้างอย่างบอกไม่ถูก ที่ผ่านมาจุมพลไม่เคยมองแบบนี้ ไม่เคยแสดงกิริยาอาการแบบนี้ให้เห็น แต่ตอนนี้กลับทำมันออกมาให้เห็นอย่างเปิดเผย

คุณไอศูรย์ขยับเข้ามาหาคนที่นั่งอยู่ห่าง ๆ ขยับเข้ามาใกล้ๆ และนิ่งมองใบหน้าที่แสดงความรู้สึกไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด

จุมพลยังคงขมวดคิ้วมุ่น และรู้ตัวเองดีว่าสภาพจิตใจไม่ปกติเท่าไหร่นัก กำลังจะลุกขึ้นเดินหนี แต่ก็ถูกอีกฝ่ายรั้งข้อมือเอาไว้ไม่ให้ไป

“นั่งคุยกันก่อนได้มั้ย”

เข้าใจความหมายของสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเป็นอย่างดี และจุมพลก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย ถอนหายใจออกมายาว ๆ เพราะไม่รู้จะทำยังไงแต่ก็ยอมนั่งลงมาแต่โดยดี

“อยากได้ก็จะเอาให้ได้  อยากจะทำอะไรด้วยก็ได้  ผมรู้สึกว่าตัวเองแม่ง....เหมือนเป็นของเล่นของคุณเลยว่ะ”

ไม่ทำอะไรให้ชัดเจนมันก็ต้องเป็นแบบนี้  บางทีคนที่กำลังกลัวและกังวลใจก็ไม่ผิดอะไรเลย

รู้มั้ย....พออยู่กับจุ้มแล้ว มันเหมือนจะควบคุมตัวเองไม่ได้ รู้สึกดี รู้สึกผ่อนคลาย แค่เพียงเวลาที่ได้อยู่ร่วมกันไม่นาน กลับทำให้รู้สึกสบายใจได้อย่างน่าประหลาด

ไม่เคยมีใครที่ทำให้รู้สึกดีได้เท่านี้ และจุมพลเป็นคนแรกที่ทำให้รู้สึกแบบนี้ได้

“งั้นก็รู้ไว้ซะ...... ว่าไม่ใช่”

ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ๆ คนที่เริ่มผ่อนคลายและเหมือนพร้อมจะคุยด้วยมากขึ้น
ขยับเข้ามาหา ขยับเข้ามาใกล้อีกนิด และคุณไอศูรย์ก็ใช้มือประคองที่ข้างแก้มของจุมพลเบา ๆ

ปลายนิ้วเกลี่ยเบา ๆ ที่ข้างแก้มของคนที่มองตรงมา และยังมีความกังวลใจอยู่ในดวงตาคู่นั้น

“........................”

จุมพลนิ่งมองใบหน้าของคุณไอศูรย์นิ่งๆ และแววตาก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่แน่ใจกับอะไรเลยสักอย่าง ทั้งปัญหาของตัวเองที่ยังแก้ไม่ตก ทั้งความเครียดในใจลึก ๆ ที่สะสมมานาน แต่เมื่อใบหน้าคมโน้มเข้ามาใกล้และจูบเบา ๆ ที่หน้าผากจุมพลก็ได้แต่หลับตาลงอย่างช้า ๆ สัมผัสแผ่วเบายังปรากฏชัดในความรู้สึกและเมื่อปรือตาตื่นขึ้นมาดวงตาสองคู่ก็ได้สบกันนิ่ง

มองกันนิ่ง ๆ โดยไร้คำพูด

“อย่ามาล้อเล่นกับผม ผมไม่ใช่ของเล่น”

พูดออกไปตรง ๆ และสีหน้าแววตาก็จริงจังยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ

“ผมไม่เคยเล่นกับคุณ”

การตอบกลับมาแบบจริงจัง มันทำให้จุมพลได้แต่กระพริบตามอง มีความกังวลใจอยู่ในดวงตาคู่นั้น ความกังวลใจความไม่แน่ใจ และอะไรหลาย ๆ อย่างก็กำลังตีกันวุ่น

แต่เมื่อริมฝีปากของเราสัมผัสกันเบา ๆ อีกครั้ง อารมณ์ที่มอดดับเพราะความไม่เข้าใจกันเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนก็กลับมาต่อกันติดอีกครั้ง เมื่อได้รับจูบที่เต็มไปด้วยความรู้สึก จุมพลก็ตอบรับ เมื่อได้รับสัมผัสร้อนแรงจากฝ่ามือของอีกฝ่ายที่ลูบไล้เข้าไปภายในร่างกาย จุมพลก็ทำอย่างที่อีกฝ่ายทำ

คุณไอศูรย์ผละร่างกายออกห่างเล็กน้อย และถอดเสื้อที่สวมอยู่ออก ก่อนจะรั้งร่างของจุมพลเข้าไปหาและร่างกายของคนสองคนที่กำลังอยู่ภายในห้วงอารมณ์เสน่ห์หาก็กลับมาเติมเต็มความรู้สึกให้กันและกัน

“อือออ”

เสียงครางเบา ๆ ในลำคอของคนที่อยู่ใต้ร่างแสดงออกให้รู้ว่ากำลังเพลิดเพลินและรู้สึกดีกับสัมผัสที่กำลังได้รับอยู่ไม่น้อย

เสื้อยืดที่สวมอยู่ถูกรั้งขึ้น เผยให้เห็นผิวขาว ๆ ที่เริ่มแดงช้ำเพราะถูกขบเม้มฝากร่องรอยเอาไว้ตามเนื้อตัว ยอดอกสีแดงเข้มกำลังถูกดูดกลืน และฝ่ามือร้อนรุ่มก็ค่อย ๆ ลากไล้ลงไปที่ส่วนล่างของร่างกาย ก่อนจะสอดฝ่ามือเข้าไปในกางเกง ลูบไล้ที่ผิวเนื้อด้านในข้างหว่างขาอย่างแผ่วเบา สัมผัสความแข็งขืนของบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ภายในอุ้งมือและกำลังตื่นตัวขึ้น กางเกงขาสั้นที่จุมพลใส่อยู่ถูกรั้งลงจนสุดปลายเท้า และความแข็งแกร่งที่อยู่ภายในกางเกงก็ปรากฏออกมาให้เห็นชัด

อารมณ์ความรู้สึกไปไกลสุดกู่ยากจะดับได้ง่าย ๆ ถ้าร่างกายไม่ได้รับการปลดปล่อย

หยดน้ำใสหลั่งรินออกมาที่ส่วนปลายที่ตื่นตัวจนถึงที่สุดในเวลาไม่นาน

จุมพลยกหลังมือขึ้นปิดปากตัวเองเพื่อไม่ให้เสียงครางของตัวเองเล็ดรอดออกมา และมืออีกข้างก็จับที่ไหล่ของคุณไอศูรย์เอาไว้แน่น

“อึก อือ”

สะโพกมนแอ่นขึ้น เมื่อฝ่ามือร้อนรุ่มค่อย ๆ รูดรั้งความต้องการของร่างกายให้ ร่างกายเคลื่อนไหวไปมาอย่างเชื่องช้า พร้อมกับที่ริมฝีปากร้อนคู่นั้นยังคงขบเม้มและดูดกลืนที่ยอดอกสองข้างของจุมพลอย่างใจเย็น

“พอ.........แล้ว”

เหมือนกำลังจะทนไม่ไหว และจุมพลก็พยายามสูดอากาศเข้าปอดลึก ๆ ก่อนจะผลักไหล่ของคนที่อยู่เหนือร่างให้ออกห่าง และคุณไอศูรย์ก็ยอมหยุดและค่อย ๆ หยัดกายขึ้นอย่างช้า ๆ

ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่า เผยให้เห็นทุกส่วนสัดของร่างกายภายใต้แสงไฟ

สิ่งที่จุมพลทำ ไม่ต่างจากที่อีกฝ่ายทำ แตะปลายนิ้วเบาๆ ที่ยอดอกสีเข้ม คลึงเค้นเบา ๆ และแนบริมฝีปากไปที่ยอดอกแข็ง ดูดกลืนเข้าไป และคนที่ได้รับการทำบางอย่างให้ก็แหงนเงยใบหน้าขึ้น ก่อนจะก้มกลับลงมา และลูบฝ่ามือเบา ๆ ที่เส้นผมของจุมพล รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า และดวงตาสองคู่ก็ได้สบกันอีกครั้ง

จุมพลลากไล้ปลายลิ้นจากยอดอกแข็งลงมาที่หน้าท้องแกร่ง จูบซ้ำเบา ๆ ก่อนจะดึงกางเกงวอร์มสำหรับใส่นอนของคนที่ยืนอยู่ลง จนเผยให้เห็นท่อนเอ็นแกร่งที่อยู่ในนั้น

ความชุ่มฉ่ำที่ส่วนปลายและอาการตื่นตัวจนถึงขีดสุด ทำให้จุมพลรู้ ว่าอีกฝ่ายก็มีอารมณ์ไม่ต่างกัน

ฝ่ามือเกาะกุมที่ความใหญ่โตเอาไว้

และค่อย ๆ รูดรั้งให้เบา ๆ เงยหน้าขึ้นเพื่อสบตากับอีกฝ่ายที่มองอยู่ก่อนแล้ว และสายตาของคุณไอศูรย์ที่มองตรงมาก็เดาความรู้สึกกันได้ไม่ยาก

รู้.......ว่าคุณไอศูรย์ต้องการอะไร แต่.........ไม่รู้วิธีทำให้อีกฝ่ายพอใจ

สบตากันอยู่หลายครั้ง มันไม่ใช่แค่การปลุกเร้าอารมณ์กันแล้วให้จบไป แต่อะไรบางอย่างทำให้รู้สึกว่าเราสามารถปล่อยให้ความรู้สึกทำหน้าที่ของมันเองได้ ชั่งใจอยู่ซักพัก แล้วจุมพลก็ทำสิ่งที่ไม่คิดว่าตัวเองจะทำ

แตะปลายลิ้นเบา ๆ ที่ส่วนปลายของความแข็งแกร่งนั้น และผละใบหน้าออกห่าง เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของคนที่มองตรงมาแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้วมุ่น ไม่มีคำพูด ไม่มีการเรียกร้อง แต่จุมพลคิดว่าคงต้องทำ ทำ.......แบบที่คิดว่าพอทำได้

ปลายลิ้นแตะเบา ๆ ที่ส่วนปลายของความแข็งแกร่งในมืออีกครั้ง ไล้เลียไปตามความยาว และก็ผละใบหน้าออกห่าง
กลายเป็นคนไร้ประสบการณ์ไปอย่างไม่น่าเชื่อ และนั่นก็เรียกร้อยยิ้มให้กับคนที่ได้รับการปรนนิบัติขั้นพิเศษได้ไม่น้อย

จุมพลลองทำบางอย่างที่ไม่เคยทำ แค่อยากทำให้อีกฝ่ายพอใจ

ผละใบหน้าออกห่างจากส่วนนั้น และยังคงกำท่อนเอ็นแกร่งเอาไว้ในมือ เงยหน้าขึ้นมองคนที่มองลงมา ดวงตาคมเต็มไปด้วยอารมณ์ปรารถนารุนแรง ริมฝีปากที่แห้งผาก ขบเม้มเข้าหากันแน่น ใบหน้าของคุณไอศูรย์แสดงความความรู้สึกออกมาอย่างชัดเจนว่ากำลังต้องการ

“พอแล้ว ไม่เป็นไร”

แล้วคุณไอศูรย์ก็ขยับลงมานั่งอยู่ข้าง ๆ จุมพล ส่งยิ้มจาง ๆ ให้คนที่กำลังกังวลไม่น้อยกับสิ่งที่ทำ รั้งร่างของคนคนที่อยู่ตรงหน้ามากอดเอาไว้ และเรียวแขนของคนสองคนก็โอบรัดเข้าหากัน

ฝ่ามือกำลังทำหน้าที่แบบเดียวกัน ริมฝีปากพัวพันดูดดุนเข้าหากันไม่ห่าง

อารมณ์ใคร่กำลังประทุขึ้นเรื่อย ๆ อารมณ์ปรารถนาแสดงออกมาอย่างเต็มที่ และความรู้สึกอุ่นวาบในอกก็ก่อตัวขึ้นพร้อม ๆ กับความสุข ถ้าสิ่งที่ทำอยู่เรียกว่าการแสดงความรู้สึกผ่านทางร่างกาย

ทั้งคุณไอศูรย์และจุมพลก็ค่อนข้างมั่นใจว่านี่คือการแสดงความรู้สึก “ชอบ” ในตัวตนของกัน

“จะไปยัง”

ใบหน้าคมผละออกห่างก่อนจะเอ่ยถาม และจุมพลก็พยักหน้าอย่างช้า ๆ  ดวงตากลมโตหรี่ปรือปรอยและใบหน้าก็แหงนเงยขึ้น เมื่ออารมณ์ความรู้สึกกำลังเตลิดไปไกล

“พี่....อึก.......อื้อออ”

ริมฝีปากขบเข้าหากันแน่น และเสียงครางต่ำ ๆ ในลำคอยิ่งทำให้คุณไอศูรย์ต้องเร่งมือให้เร็วขึ้น

“ปล่อยออกมาเลย ไม่ต้องกลั้น”

พยักหน้ารับ และจุมพลก็รั้งต้นคอของคุณไอศูรย์เข้าไปกอดเอาไว้แน่น เสียงครางแผ่วหวานที่ได้ยินชัด ยิ่งทำให้ต้องเร่งมือให้เร็วขึ้น

“จุ้ม....ทำให้พี่ด้วย...อืมมม จะไปแล้วเหมือนกัน อึก”

ได้

จุมพลเร่งมือให้เร็วขึ้นอย่างที่อีกฝ่ายทำ และเสียงครางด้วยแรงอารมณ์ของคนสองคนก็ดังขึ้นพร้อม ๆ กัน

“จุ้ม...อื้อ ไม่ไหวนะ จะไปแล้ว ซี้ดดด”

ได้ยินเสียงกระซิบบอกที่ข้างหู และจุมพลก็ยิ่งเร่งมือให้เร็วขึ้นเรื่อย ๆ ทำแบบที่อีกฝ่ายทำ ทำในแบบเดียวกัน จนที่สุดร่างกายก็ทนไม่ไหว

“พี่.......พี่ไอซ์........อื้อ….”

ขบริมฝีปากแน่น และปลายนิ้วของจุมพลก็จิกลงที่ไหล่ของคนที่มอบความสุขทางกายให้ เสียงร้องครางด้วยแรงอารมณ์จนถึงวินาทีสุดท้าย ยิ่งเร่งให้อีกฝ่ายต้องทำบางอย่างให้เร็วขึ้น

“แตกเลยจุ้ม”

อือ

แตก........

“อ๊า อึก อื้อออออ”

ร่างกายของจุมพลกำลังเกร็งเพราะอารมณ์กำลังจะถึงที่สุด อาการกระตุกวูบหลายครั้ง ทำให้คุณไอศูรย์รู้ว่าอีกฝ่ายถึงจุดหมายแล้วหยาดหยดขุ่นขาวทะลักออกมาจากส่วนปลายของความแข็งขืนในฝ่ามือ

และคุณไอศูรย์ก็รั้งใบหน้าของจุมพลเข้ามาใกล้ บดเบียดริมฝีปากเข้าหาที่ริมฝีปากบางอย่างรุนแรง
ดูดดุนปลายลิ้นของอีกฝ่ายเอาไว้ และจัดการร่างกายของตัวเองด้วยฝ่ามือของตัวเอง

รูดรั้งส่วนนั้นให้เร็วขึ้น และดูดกลืนปลายลิ้นของจุมพลเอาไว้ จนกระทั่งนาทีสุดท้ายที่ร่างกายถูกกระตุ้นจนเกิดอาการวูบไหวที่หน้าท้องก่อนจะปลดปล่อยและฉีดพ่นน้ำรักที่อัดแน่นอยู่ภายในร่างกายออกมาจนเปรอะเปื้อนไปหมดทั้งฝ่ามือ

ลมหายใจหอบหนักเพราะกิจกรรมที่เพิ่งทำ

จุมพลยังมีอาการหอบน้อย ๆ และคุณไอศูรย์เองก็ไม่ต่างกัน แต่ยังคงโอบกอดกันอยู่อย่างนั้น และมอบสัมผัสอบอุ่นให้แก่กันและกันอยู่ไม่ห่าง

คุณไอศูรย์คลอเคลียปลายจมูกที่ข้างแก้มของคนที่ยังหลับตาแน่น ก่อนที่ต่างฝ่ายจะต่างผละออกห่างจากกันเล็กน้อย

“เปื้อนเสื้อหรือเปล่า”

ได้ยินคำถามและจุมพลก็มองที่เสื้อของตัวเองก่อนจะเบ้หน้าเมื่อพบว่ามีบางส่วนของร่างกายกระเด็นเปรอะเปื้อนที่เสื้อ

“ว่าแล้ว”

ว่าแล้วตอนไหนครับ ผมไม่เห็นคุณว่าแล้วตอนไหนเลยครับคุณไอศูรย์

“เพราะแบบนี้คุณถึงถอดเสื้อเหรอ”

ใช่

เห็นคุณไอศูรย์พยักหน้า จุมพลก็หน้างอทันที

“ก็น่าจะบอกกันบ้าง”

ไม่รู้ว่าทำไมแค่เพียงคำพูดแค่นั้น กลับทำให้ยิ้มออกมาได้ กิริยาเง้างอนเหมือนเด็กๆ แบบนั้น ท่าทางแบบนั้น มันทำให้คนที่มองอยู่ถึงกับอมยิ้ม

“ก็น่าจะรู้ไม่ใช่เหรอ ตอนแตกมันก็ต้องพุ่งออกมาแบบนั้นอยู่แล้ว”

ก็รู้ แต่ไม่ทันคิดนี่ ก็น่าจะเตือนกันบ้าง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 53
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 23-05-2014 20:53:57
“ก็แค่คิดว่า ไม่ให้กางเกงเปื้อน ไม่นึกว่าจะกลายเป็นเสื้อเปื้อนแทน”

ครับ

คุณไอศูรย์ยื่นกล่องทิชชู่ส่งให้คนที่กำลังบ่นและกำลังพิจารณาที่เสื้อของตัวเอง จุมพลดึงกระดาษทิชชู่ออกมาและซับไปที่ร่างกายของตัวเองที่วันนี้หลั่งออกมามากกว่าหลายวันก่อน

“เก็บกด”

อะไร ใครเก็บกด

“แล้วคนไม่เก็บกดนี่ไปแอบเอาออกมาก่อนหน้านี้ใช่ป่ะ”

ต่อปากต่อคำกันได้แล้ว และคุณไอศูรย์ก็อมยิ้มน้อย ๆ นี่เหมือนเราดีกันแล้วเลยนะ คิดแล้วก็พาให้ยิ้มได้ง่าย ๆ จัดการร่างกายตัวเองจนเสร็จเรียบร้อย ดึงกางเกงขึ้นและคุณไอศูรย์ก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน

“ยกแขนขึ้น”

บอกให้คนที่นั่งอยู่ทำตามที่บอก และเมื่อจุมพลยกแขนขึ้น เสื้อยืดที่สวมอยู่ก็ถูกคุณไอศูรย์ช่วยถอดออกให้

“ใส่ซะ”

เสื้อกล้ามสีดำ ที่คุณไอศูรย์ใส่นอนถูกถอดออกและสวมให้กับคนจุมพลเรียบร้อย

จุมพลนิ่งมองด้วยความไม่เข้าใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกมา

จัดการกองกระดาษทิชชู่ที่ใช้ทำความสะอาดร่างกาย ก่อนจะเดินกลับมาอีกครั้งยืนมองคนที่สวมแค่กางเกงวอร์ม แต่ร่างกายส่วนบนเปลือยเปล่าแล้วก็ขมวดคิ้วมุ่น

“ไม่หนาวเหรอ”

หนาวสิ ทำไมถึงคิดว่าไม่หนาวล่ะ

“หนาว”

แล้วเอาเสื้อของคุณมาให้ผมใส่ทำไมครับ

“แต่รู้วิธีแก้หนาว”

เหรอ ก็คงรู้อยู่หรอก

“อะไรของ.....คุ....อื้ออออออออ”

ไม่ต้องให้พูดกันมากความ จุมพลถูกดึงให้ลงมาล้มทับคนที่นั่งอยู่บนโซฟาและฝ่ายนั้นก็กอดคนที่ล้มลงมาเอาไว้แน่น
ไม่ใช่แค่กอด แต่ยังรวมถึงการที่จุมพลถูกระดมหอมที่แก้มทั้งสองข้างและหน้าผาก

“โอ้ยยยยย ปล่อยก่อน อะไรวะ เฮ้ยยยยย อะไร”

ไม่อะไรหรอก

“ตอนจะเสร็จคุณเรียกผมว่าอะไร”

เรียก.......... เรียกว่าอะไรเหรอ

“ไม่ได้เรียก.......”

ไม่ได้เรียกได้ยังไง

“ผมได้ยินคุณเรียกผมว่า พี่ไอซ์”

อ่อ

“................”

ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับสิ่งที่ตัวเองพูด

“เรียกแบบนั้นสิ เวลาเราคุยกัน”

อารมณ์ไหน

“ไม่ดีมั้ง”

ดีสิ

“จุ้ม”

.........

“ครับ”

สงสัยว่าอีกฝ่ายเรียกทำไม และทั้งสีหน้าและแววตาของคนเรียกจากล้อเล่น อยู่ดี ๆ ก็กลายเป็นจริงจังขึ้นมา

“ชอบหรือเปล่า”

ชอบ....... หรือเปล่า........หมายถึง……. ไม่เข้าใจคำถาม และจุมพลก็เอียงคอมองคนถามด้วยความสงสัย

ชอบ อะไรวะ ชอบ.......

“หมายถึง..............................”

หมายถึงอะไรวะ

“คุณกำลังชอบผมอยู่หรือเปล่า”

หมายถึงชอบอยู่หรือเปล่า หมายถึงอะไร หมายถึง...... หมายถึงผมเหรอ หมายถึงผม

หมายถึง.............ผม..........งะ.........งั้น......เหร........อ.........อ่ะ

ไม่ได้ตอบ แต่จ้องหน้าของคุณไอศูรย์ตาค้าง

จ้อง และเกิดอาการเหมือนร่างกายถูกแช่แข็ง อาการหายใจไม่ทั่วท้องกำลังเล่นงาน ใบหน้าชาวูบ หัวสมองเหมือนได้ยินเสียงก้องแปลก ๆ อยู่ในนั้น อะ..............ไร.............นะ  ชอบเหรอวะ  ชอบ..........เหรอวะ

ถึงกับพูดอะไรไม่ออก และจุมพลก็เกิดอาการลนลานทำตัวไม่ถูกกับสิ่งที่ได้ยินในทันที

“บ้าน่า ผมนะ ผมเหรอ ผมไม่ได้ ผม.........ผม...ไม่ใช่...ผมไม่ใช่นะผมไม่ได้.......”

ไม่รู้จะพูดอะไร ไม่รู้จะตอบยังไง ไม่รู้จะทำอะไร ได้แต่ใช้ฝ่ามือยันแผ่นอกของคนกอดเอาไว้เพื่อไม่ให้ถูกรั้งเข้าไปหามากกว่านี้ และคำถามที่เคยถามตัวเองมาพักใหญ่ ก็เหมือนถูกเฉลยออกมาจากคำถามง่าย ๆ ของคนที่อยู่ตรงหน้า

..............ทำไมถึงยอม.........ทำไมต้องยอมตลอด......ยอมแบบไม่มีเหตุผล .......แม้กระทั่งเรื่องที่ไม่น่าจะยอมก็ยอม........
ทำไมต้องอยู่ด้วย ทำไมถึงรอ ทำไมแม้จะแทบไม่ได้คุยกันมากมาย แต่กลับรู้สึกดีเวลาที่อยู่ด้วยกัน

ไม่เข้าใจอะไรเลย ไม่รู้อะไรทั้งนั้น

แต่ตอนนี้คล้ายคำตอบที่หามาตลอด ถูกเฉลยออกมาเรียบร้อย

“ผม..................”

อ่ะ

“กำลังชอบพี่....อยู่ใช่มั้ย”

ทำไมถึงมาเร่งแบบนี้ล่ะ ทำไมต้องมาเร่ง ทำไมถึงมาจ้องหน้าแบบนี้ ทำไมถึงได้ถามด้วยสีหน้าจริงจังแบบนี้

“คุณมาแน่ใจอะไรเรื่องแบบนี้ได้ยังไง”

ตอนแรกก็ไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้อยากให้มันชัดเจน เลยอยากถามให้ชัด ๆ ว่าตกลงคุณคิดกับผมยังไง

“ทำไมจุ้มถึงยอมพี่”

ยอม ทำไมยอม ไม่รู้ ไม่รู้จริง ๆ ไม่รู้ทำไมถึงยอม ไม่รู้ว่าทำไมถึงยอม ไม่รู้

“ชอบพี่.........หรือเปล่าจุ้ม”

ชอบ........................

อ่า.....

จุมพลยังคงอ้าปากค้าง และหัวใจก็เต้นถี่รัวขึ้นเรื่อย ๆ ฝ่ามือทั้งสองข้างเริ่มเย็นเฉียบ มองไปที่ใบหน้าของคุณไอศูรย์และกระพริบตาหลายครั้งเพื่อจ้องมองอีกฝ่ายให้ชัด

มองให้ชัด

และเมื่อมองชัดขึ้นตอนที่อีกฝ่ายยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ๆ

ที่ผ่านมา

ที่หาคำตอบมาตลอด และไม่เข้าใจตัวเองมาตลอดว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้เริ่มจะรู้แล้ว

จุมพลทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ก้มหน้าก้มตาลง และเลือดลมภายในร่างกายก็ถูกสูบฉีดขึ้นมาไว้ที่ใบหน้า ใบหน้ากำลังร้อนจัด
เพราะคำถามง่าย ๆ แต่หาคำตอบไม่ได้มาพักใหญ่

“ไม่ต้องตอบไม่ต้องพูด ถ้าคิดว่าชอบก็แค่พยักหน้า”

ถ้าชอบ.......... แค่พยักหน้า........ แต่จุมพลกลับเงยหน้าขึ้นและส่ายหน้า ทั้งที่หน้าแดงก่ำขนาดนั้น แต่กลับส่ายหน้าไม่ยอมหยุด
แต่แทนที่คนที่เห็นจะรู้สึกแย่หรือโกรธ กลับค่อย ๆ ยิ้มกว้างออกมาเรื่อย ๆ กับปฏิกิริยาแบบนั้นของจุมพล

“แล้วหน้าแดงทำไม”

หน้าแดงทำไม หน้าแดงทำไมเหรอ หน้าแดงทำไม.....ผมไม่รู้ หน้าแดงเหรอวะ หน้าแดงเหรอ หน้าแดง

“ไม่แด้งงงงงงงงง”

รีบตอบออกไปด้วยเสียงสูง และคนที่ได้รับคำตอบก็รั้งร่างของจุมพลมากอดเอาไว้แน่น ๆ อีกครั้ง ทำไมไม่แดงก็เห็นอยู่ว่าแดง

“ไม่แดงก็ไม่แดง”

หมายความว่ายังไงวะ

“แล้วชอบหรือเปล่า”

ไม่
ไม่
ไม่

“อะไรเล่า”

ไม่เอาคำตอบเฉไฉสิ เอาคำตอบจริง ๆจัง ๆ

“ชอบใช่หรือเปล่า”

ชอบอะไร ไม่มี ไม่ได้ชอบ ไม่ได้อะไรเลย ไม่ใช่

“ชอบหรือเปล่าจุ้ม”

“ชอบพี่หรือเปล่า”

“จุ้มชอบพี่ไอซ์หรือเปล่า”

พอถูกถามหนัก ๆ เข้าก็เหมือนจะไปไม่เป็น ยิ่งถูกถามยิ่งตอบไม่ถูก ยิ่งถูกถามมากขึ้น ก็เหมือนจะยิ่งแพ้ทาง

เพราะเมื่อคิดดูดี ๆ แล้วคำตอบมันมีมาตั้งนานแล้วแต่มันเกินที่จะรับได้

“อย่ามาเล่น ๆ กับผม ผมไม่ชอบ”

คำพูดสั้น ๆ ง่าย ๆ เหมือนอยากตัดบท แต่มันกลับทำให้คุณไอศูรย์ต้องขมวดคิ้วมุ่นและคิดตาม

อย่ามาเล่น ๆ ........เพราะจุมพล ไม่เคยคิดจะเล่น

และถ้าคิดให้ดี คำตอบนั้นของจุมพลก็ค่อนข้างชัดเจนพอแล้ว

ถึงจะทำเรื่องอย่างว่ากัน ถึงจะกอดจูบและแสดงความรู้สึกผ่านทางร่างกายแต่มันก็ไม่มีความแน่นอนอะไรให้อีกฝ่ายยึดเหนี่ยวเอาไว้ได้ ไม่ผิดที่จุมพลจะไม่มั่นใจ และไม่กล้าพูดคำว่าชอบออกมา

ไม่ผิดที่ความไม่แน่ใจอาจจะทำให้จุมพลต้องปฏิเสธ บางทีคงถึงเวลาที่ต้องชัดเจนกับความรู้สึกของตัวเองสักที

คุณไอศูรย์มองหน้าของจุมพลนิ่ง ๆ

.............ผมไม่เคยเล่น ๆ กับคุณ..........แต่แค่คำพูดมันจะไปเชื่อถืออะไรได้ เพราะฉะนั้นผมก็จะทำให้คุณเห็นถึงความชัดเจนของผมโดยปราศจากข้อสงสัย  ว่าผมคิดจริงจังกับคุณขนาดไหน  จนคุณไม่กล้าปฏิเสธความรู้สึกที่มีต่อผม....

“พรุ่งนี้เราไปหาคน ๆ หนึ่งกัน”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 23-05-2014 21:31:18
กรี๊ดดดดดดด โอ้ยยยยยย

แกกกก คุณพี่ไอซ์ น้องจุ้มไปเป็นคนของแกตอนหนายยย แม่นางหญิงก็เจอคุณพี่ไอซ์เล่นละ ดีๆ
จุ้มเอ้ย ยอมรับเต๊อะว่าชอบเค้าอ่าเนาะตัวเองเนาะ ตอนหน้าจะพาไปเจอใครน้าาา
 :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 23-05-2014 21:41:41
ชอบก็บอกเลยสิๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 23-05-2014 21:45:13
อะไรยังไง อยากอ่านตอนต่อไปปป
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 23-05-2014 21:45:25
เริ่มกระจ่างขึ้นแว้วววตอนนี้  :z1:
ดู๊ดูนู๋จุ้มปฎิเสธว่าชอบพี่ไอซ์แต่ดันปล่อยให้เค้าเขมือบจนเกือบหมดตัว?แล้วนะจ๊ะ  :laugh:

เอาเลยพี่ไอซ์พิสูจน์ให้น้องจุ้มเห็นเลยว่าไม่ได้เล่นๆเลยนะ  แต่จะเอาจริง?เอาจัง?เลยต่างหาก เนอะ  :hao7:

เดาว่าตอนหน้าต้องพานู๋จุ้มไปยัยน้องหญิงนั่นเเน่เลยยย  :hao4:

ลุ้นๆจะเกิดอะไรขึ้นหนอ   :mew2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 23-05-2014 21:55:39
จะพาไปเจอใครนะ  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 23-05-2014 22:08:24
ไปหาครายยยยยย อยากรู้จุงเบยยยย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 23-05-2014 22:20:28
 :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: foolishbeat ที่ 23-05-2014 22:24:57
พาไปหาเมียจุ้มสินะ แน่ๆเลย
คู่นี้มึนๆดีจัง น่ารัก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 23-05-2014 22:28:49
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/19/256IqDzo.jpg)
เรื่องของหัวหน้าแผนกจัดซื้อ ไอศูรย์-จุมพล (ภาคพิเศษไม่เกี่ยวกับตอนหลัก) ของขวัญวันเด็ก


จุมพลกำลังอมยิ้ม และมองนาฬิกาข้อมือของเด็กที่ทำเป็นหุ่นยนต์กันดั้มและมีตัวเลขแบบดิจิตอลกำลังกระพริบ

นาฬิกาที่ใช้ได้จริงของเด็กถูกวางเอาไว้ที่โต๊ะทำงานของคุณไอศูรย์

นี่เป็นของขวัญวันเด็กที่ผมอยากมอบให้คุณ

เป็นไงล่ะ ซึ้งใจเลยสิ

อมยิ้มอย่างมีความสุข กับการแกล้งอะไรแบบโง่ ๆ ถ้าไม่โดนคุณไอศูรย์พูดอะไรแปลก ๆ ใส่ คงเป็นไปได้ยาก
ผมจะคอยดู ว่าคุณจะทำหน้ายังไงตอนที่เห็นของขวัญที่ผมมอบให้ เดินกลับไปนั่งที่หน้าโซฟาและลงมือคลิกเมาส์อีกครั้ง
การเดินทางตามแผนที่เพิ่งเริ่ม และจุมพลก็รู้สึกมีความสุขมากกว่าทุกวัน

อยากเห็นเร็วๆ ว่าคุณจะทำหน้ายังไงคุณไอศูรย์ รีบอาบน้ำเร็ว ๆ และมาดูสิ ว่าวันเด็กนี้ผมมีของขวัญอะไรมามอบให้

สุขสันต์วันเด็กนะคุณไอศูรย์ ผมอยากจะให้คุณรีบ ๆ มาเห็นของขวัญที่ผมมอบให้คุณเหลือเกิน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 23-05-2014 22:30:31
อาบน้ำเสร็จเรียบร้อย และกำลังจะเริ่มทำงาน แต่สายตาก็ไปสะดุดกับบางสิ่งบางอย่างที่วางเอาไว้ให้บนโต๊ะ
คุณไอศูรย์หยิบนาฬิกาหุ่นยนต์กันดั้มที่มีตัวเลขแบบดิจิตอลขึ้นมาดู และก็ไม่ต้องเดาว่ามีของแบบนี้อยู่บนโต๊ะทำงานได้ยังไง

.........จุมพล...........

เล่นบ้าอะไร เอามาวางไว้ให้ทำไม คงคิดอะไรแผลง ๆ อยู่สินะ

“คุณจะให้ผมเอาไปฝากเด็กที่ไหนของคุณ นาฬิกาติงต๊องประหลาดแบบนี้ คุณใช่มั้ยที่เอามาวางไว้ที่โต๊ะผม”

โห้ มาถึงก็อารมณ์ขึ้นเบยยยยยยยยยยย แหม่ อะไรมันจะโมโหง่ายขนาดนั้น คุณนี่ไม่มีอารมณ์ขันซะเล้ยยยย คุณไอศูรย์

“ของขวัญวันเด็กที่ผมตั้งใจซื้อมามอบให้คุณเชียวนะ คุณไม่ชอบกันดั้มเหรอ ที่จริงคุณควรจะดีใจสิไม่ใช่มาบ่นผม”

หันไปตอบคนที่กำลังขมวดคิ้วมุ่น และคุณไอศูรย์ก็กำลังมองหน้าของคนตอบด้วยความหงุดหงิดใจเล็ก ๆ

“เลยซื้อของขวัญแบบนี้ให้”

ใช่ครับ

“ดีใจก็บอกสิ ทำเป็นหงุดหงิดไปได้”

ดีใจเหรอ แบบนี้สมควรดีใจหรือไง

“วัน ๆ คุณคงคิดแต่เรื่องบ้า ๆ บอ ๆ คิดเสร็จแล้วก็ลงมือทำเลยแบบไม่ผ่านการไตร่ตรองว่าอะไรควรไม่ควร”

เจ็บปวด มว๊ากกกกกกกกก นี่ผมเจ็บปวดกับคำพูดของคุณสุด ๆ เลยนะครัช แหม่

“เห็นความหวังดีของผมเป็นอะไร ฮือออออออ”

แกล้งยกมือขึ้นทำท่าบีบน้ำตา แล้วคุณไอศูรย์ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ และยังบ่นพึมพำไม่เลิก

“จริง ๆ เลยนะคุณจุมพล บริษัทคุณคิดยังไงถึงปล่อยให้คนอย่างคุณขึ้นมาเป็นถึงหัวหน้าแผนกได้ ผมไม่เข้าใจจริง ๆ”

ไม่เข้าใจเหรอ

“เพราะผมเก่ง”

เหรอ เก่งงั้นเหรอ

“เก่งแต่เรื่องไม่เป็นเรื่องล่ะสิ”

เรื่องอื่นผมก็เก่ง

“อย่างน้อยวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมภาคภูมิใจตัวเองแหละน่า”

น่าภาคภูมิใจมากเลยนะ เรื่องโง่ ๆที่ทำอยู่เนี่ย

“คุณมันน่าเบื่อจริง ๆ จุมพล ทั้งคิดแล้วก็ทำอะไรเพ้อเจ้อได้ตลอดเวลา ทำเหมือนเด็กไม่รู้จักโต”

แต่คุณก็ทำอะไรผมไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ

“คุณก็แก่เร็วเกินไป บ่น บ่น บ่น ไม่ยอมหยุด กะอีแค่นาฬิกาเรือนเดียวที่ผมซื้อมาให้ด้วยความจริงใจเพราะอยากจะตอบแทนน้ำใจที่คุณมีให้ผมเนี่ย ก็ตีความและมองไปในแง่ร้าย ผมแย่มากนักสินะ ที่คิดและหวังดีกับคุณขนาดนี้”

อย่ามาทำมึน กับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป จุมพล ผมค่อนข้างแน่ใจ ว่าคุณต้องการให้ผมหงุดหงิดโมโห กับการเล่นอะไรบ้า ๆ บอ ๆ ของคุณ

“ผมจะทนไม่ไหวกับคุณแล้วนะคุณจุมพล”

เหร้อออออออออ แต่ผมยังทนการบ่นของคุณได้อีกเยอะนะคุณไอศูรย์

“ฮึก หึ คึก ๆ อืมมมม”

พยายามกลั้นเสียงเอาไว้ไม่ให้หัวเราะออกมา และจุมพลก็พยายามฝืนใบหน้าพยายามทำให้เคร่งขรึมที่สุด ทั้งที่แทบจะหยุดเสียงหัวเราะของตัวเองไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

“ผมไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับคนไม่รู้จักโตอย่างคุณหรอก”

แต่ก็ต่อล้อต่อเถียงมาพักใหญ่เลยเชียวนะ

“ผ่อนคลายบ้างน่า เดี๋ยวหน้าคุณก็จะแก่ไปยิ่งกว่านี้หรอก”

หน้าแก่ไปยิ่งกว่านี้

คุณไอศูรย์หมุนเก้าอี้กลับมาอีกครั้ง และแสยะยิ้มบาง ๆ มองหน้าของจุมพล ที่ยังพยายามเก็กหน้าให้เคร่งขรึมทั้งที่อยากจะหัวเราะจนทนแทบไม่ไหว

“คุณอยากให้ผมเป็นคนแก่โรคจิตทำอะไรแปลก ๆ กับคุณใช่มั้ย”

ทำอะไร........

“เปล๊า.......ผมแค่หวังดีกับคุณเฉย เฉ้ยยยย”

ลากเสียงยาวและลอยหน้าลอยตาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“ก็ดี นึกว่านี่เป็นการเรียกร้องความสนใจอีกขั้นของคุณซะอีก”

เปล่านะ

ผมแค่อยากแกล้งคุณเฉย ๆ เท่านั้นไม่ได้เรียกร้องความสนใจให้คุณมาทำอะไรแปลก ๆ กับผมสักหน่อย

“ถ้าว่างมากขนาดคิดแล้วก็ทำอะไรบ้า ๆ แบบนั้นได้ กรุณาหยุดเล่นเกมส์แล้วมาเอาเครื่องคิดเลขกับเอกสารที่คุณมาขอร้องให้ผมช่วยหาของให้บริษัทของคุณ ไปคิดคำนวณเปอร์เซ็นต์ที่คุณจะต้องลดให้ผมในรอบถัดไปด้วย”

ห๊ะ ทำไมล่ะ ทำไมผมต้องมาคิดอะไรแบบนี้ด้วยล่ะ คุณก็ส่งไปให้ตอนที่ผมทำงานสิ นี่มันหมดเวลางานแล้วนะ

“ผมจะไปอีกแม๊ปแล้ว คุณอย่าเพิ่งใช้ผมตอนนี้สิ คุณไอศูรย์”

จากที่กำลังเล่นอยู่ เลยโดนใช้ให้ทำงาน และคนที่ถูกใช้ให้ทำงานก็เริ่มหน้างอ เพราะเหมือนกำลังถูกเอาคืน

“งั้นก็ไม่ต้องส่งของแล้วกัน”

โธ่เอ้ย ทำไมถึงทำแบบนี้ล่ะ แค่ผมเอานาฬิกากันดั้มมาฝากแค่นี้ ถึงกับต้องเอาคืนด้วยการเอางานมาอ้างเลยเหรอ คุณไอศูรย์นี่ไม่รู้จักแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวเลย

“ก็ได้ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ”

ลุกขึ้นและก็ต้องปล่อยให้ตัวละครในเกมส์ยืนอยู่อย่างนั้น รับเครื่องคิดเลขและเอกสารจากบริษัทที่ส่งไปให้คุณไอศูรย์มาถือเอาไว้ และยังคงขมวดคิ้วด้วยความขัดใจไม่เลิก

“แค่นี้ใช่มั้ย”

ยังไม่หมดแค่นี้หรอก ยังมีอีกเยอะ

“เดี๋ยวผมคิดอะไรได้ ผมจะบอกคุณอีกก็แล้วกัน”

นี่ผมต้องทำงานตามที่คุณคิดได้เหรอ มันไม่แฟร์เลยนะคุณไอศูรย์

“ผมเล่นเกมส์อยู้วววววว”

ขึ้นเสียงสูง และก็เริ่มงอแงไม่เลิก แต่มันทำให้คุณไอศูรย์อมยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก

“ก็เห็นอยู่ว่าเล่น และระหว่างการเล่นคุณไม่คิดจะเอาของใช่มั้ย คุณเล่นเกมส์ แต่ผมต้องทำงาน คุณก็เห็นไม่ใช่เหรอ”

เห็นแล้วนี่ไง ก็เห็นอยู่ ไม่ได้ตาบอด

“แล้วทำไมต้องใช้ตอนที่ผมเล่นเกมส์อยู่ด้วยวะ”

บ่นพึมพำไม่เลิกและกำลังจะเดินไปที่หน้าโซฟา แต่ก็ถูกคุณไอศูรย์เรียกเอาไว้

“เดี๋ยว”

อะไรอีกล่ะ จะใช้อะไรอีก คุณบ้าไปแล้วหรือไงวะ นี่มันนอกเวลางานแล้วนะ ผมเป็นลูกจ้างบริษัท ไม่ใช่ทาส แล้วเราก็อยู่กันคนละบริษัท คุณมีสิทธิ์อะไรมาจิกหัวใช้ในเวลาหลังเลิกงาน

“อะไรอีกล่ะ”

ขมวดคิ้วมุ่น และคุณไอศูรย์ก็ทำหน้าขรึมและเงยหน้าขึ้นมองจุมพลที่กำลังเริ่มงอแงเพราะถูกแกล้งให้ทำงานหลังเลิกงาน

“ชงกาแฟให้ด้วย”

โห่ ทำไมไม่ไปชงเองล่ะ กาแฟแค่เนี้ยะ ทำไมต้องให้ผมชงด้วย ฮึ่ยยยยยยยย นี่มันแกล้งกันชัด ๆ

“กินกาแฟตอนกลางคืนมันทำให้ตาค้าง คุณจะกินเข้าไปทำไมคุณไอศูรย์เดี๋ยวคุณก็ตาค้างนอนไม่หลับ”

ตั้งใจจะหาข้ออ้างไม่ยอมทำตาม แต่คุณไอศูรย์ก็ยังยืนยันคำเดิม

“นอนหลับไม่หลับ ผมก็หลับของผมได้ทุกคืน ผมนอนกอดหมอนข้างเดี๋ยวผมก็หลับ คุณอย่ามากังวลอะไรกับการนอนของผมเลย รีบ ๆ ไปชงกาแฟซะ”

หมอนข้างเหรอ นอนกอดหมอนข้างอะไรของคุณ เห็นกอดแต่ผมเนี่ย กอดอยู่ได้ เมื่อไหร่จะเลิกเนียน เลิกทำเป็นนอนดิ้นแล้วมากอดผมซะทีวะ

“ไปชงกาแฟซะ”

ย้ำอีกครั้ง และจุมพลที่วางเอกสารลงบนโต๊ะก็เดินหน้าหงิกหน้างอเข้าไปในครัว และจัดการเสียบกระติกน้ำร้อน และใช้ช้อนกาแฟเคาะแก้วเสียงดังจนได้ยินออกมาข้างนอก

“ชงดี ๆ อย่าใส่อะไรแปลก ๆ ให้ผมกินเด็ดขาด”

ใครจะไปกล้าใส่อะไรให้คุณกินล่ะ เดี๋ยวก็เป็นเรื่องแบบคราวก่อนที่ผมแกล้งเหยาะเกลือเข้าไปในกาแฟของคุณ แล้วคุณบังคับให้ผมกินเข้าไป ไม่เอาอีกแล้ว กินกาแฟผสมเกลือแบบนั้น แม่ง แทบอ้วก

“จุ้ม”

อะไรอีกล่ะ เรียกอยู่นั่น ขาดผมซักนาที คุณจะหายใจไม่ออกจนตายไปเลยใช่มั้ย

“คร้าบบบบบบบบบ”

ขานรับด้วยการลากเสียงยาว ๆ ทั้งที่ยังเกิดอาการหงุดหงิดไม่เลิก

“วันหลังลองทำขนมปังดูบ้างนะ ผมเบื่อคุกกี้แล้ว เอาขนมปังแบบนิ่ม ๆ ทำง่าย ๆ ก็ได้”

ขนมปังเหรอ

เออว่ะ ไม่เคยคิดจะทำซะด้วยสิ

“ครับ”

ตอบกลับออกไปและจุมพลก็หยิบกระปุกใส่กาแฟมาเปิดฝาออกและตักกาแฟใส่เข้าไปในแก้ว พร้อมกับครีมอีกเล็กน้อย
ในหัวของจุมพลกำลังคิดอะไรบางอย่าง ขนมปังเหรอ

ขนมปัง.............ทำยากมั้ยวะ อุปกรณ์อะไรก็ไม่มี เดี๋ยวพรุ่งนี้ลองเปิดหาข้อมูลดูดีกว่า ถ้าไม่ยากก็น่าจะลองทำเล่น ๆ ดู

....................แล้วทำไมผมต้องทำขนมปังด้วยวะ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาคิดหรือทำตามใจที่คุณไอศูรย์บอกนี่หว่า ซื้อกินก็จบแล้ว จะให้ผมทำไปทำไม ไม่เข้าใจ

ขนมปังเหรอ ขนมปัง ขนมปังลูกเกดดีมั้ยวะ ท่าทางจะไม่ยากเท่าไหร่ คิดเองเออเองเสร็จสรรพ โดยที่จุมพลก็ยังคงมึนงง และสงสัยตัวเอง ทำไม...........ผมต้องทำขนมปังให้คุณกินด้วยครับ.........ผมไม่เข้าใจ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 23-05-2014 22:34:02
เช้านี้อากาศแจ่มใส

จุมพลนั่งอยู่บนรถโดยมีคุณไอศูรย์ขับรถไปส่งที่โรงงานเหมือนทุกวัน มันเป็นภารกิจที่คุณไอศูรย์ต้องทำทุกเช้า
ต่อให้นอนดึกกันขนาดไหน แต่ตอนเช้าก็ต้องไปส่งจุมพลที่ทำงานทุกวัน และแม้กลางคืนจะแกล้งกันและงี่เง่าใส่กันขนาดไหน
แต่เมื่อตอนเช้ามาถึงทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม เหมือนในเวลานี้ที่ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว

แต่มีสิ่งที่ต่างออกไปจากเดิมเล็กน้อยตรงที่................

“วันนี้ผมตื่นสายไปหน่อย จะไปทันตอกบัตรหรือเปล่านะ ว่าแต่มันกี่โมงแล้วครับคุณไอศูรย์”

หาเรื่องคุย เรื่องที่ไม่จำเป็นต้องคุย แต่ที่คุยเรื่องนี้ก็เพราะอยากให้คุณไอศูรย์รับรู้ว่าเห็นอะไรบางอย่างที่คุณไอศูรย์ตั้งใจจะให้เห็นแล้ว คุณไอศูรย์ยกข้อมือขึ้นดูเวลา และตอบออกไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“เพิ่งเจ็ดโมงครึ่ง ยังไงก็ไปทัน”

เหรอครับ

จุมพลพยักหน้ารับ และมองออกไปนอกหน้าต่างรถ รอยยิ้มปรากฏขึ้นจางๆ ที่ใบหน้าและจุมพลก็กำมือขึ้นท้าวกับกระจกรถและพยายามแตะที่ริมฝีปากตัวเองเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเห็นว่ากำลังยิ้มอยู่

ผมไม่รู้ว่าคุณคิดอะไรนะ ผมแค่อยากแกล้งคุณเล่น ๆ แค่นั้น แต่ผมไม่นึกว่า.............คุณจะกล้าใส่นาฬิกาติงต๊องปัญญาอ่อนของเด็กที่ทำเป็นหุ่นยนต์กันดั้มที่ผมซื้อให้แบบนั้น

บางทีผมก็คิดนะ คุณที่ไม่น่าเชื่อว่าจะยอมทำอะไรบ้า ๆ บอ ๆ ไปกับผม อยู่ดี ๆ ก็ยอมทำ ทั้งที่คุณก็รู้ว่าจะทำให้ตัวเองเสียภาพพจน์ขนาดไหน แต่คุณก็ยอมทำ

หลาย ๆ ครั้งคุณก็ทำให้ผมรู้สึก คุณเป็นคนที่เหมือนอยู่ไกลจากผมเหลือเกิน แต่บางทีคุณก็ขยับเข้ามาใกล้ผมซะแทบจะตัวติดกันอยู่แล้ว เรื่องบ้า ๆ ที่ผมไม่คิดว่าคุณจะยอมทำ แต่คุณก็ทำมันได้ง่าย ๆ มันทำให้ผมดีใจนะ

หลาย ๆ ครั้ง คุณก็ทำให้ผมรู้สึกดีได้ง่าย ๆ เพราะคุณที่เหมือนจะไม่เคยยอมก้มหัวให้ใคร กลับยอมบ้าบอไปพร้อมกับผม โดยไม่มาคิดสนใจเรื่องสถานะที่แท้จริงที่ต่างกันของเราเลยด้วยซ้ำ

“ผมเกือบลืมไปจุมพล ผมมีของจะให้คุณด้วย”

ของเหรอ ของที่จะให้ ของอะไร หันกลับไปมองคุณไอศูรย์ที่ยังคงขับรถไปด้วยสีหน้าเรียบเฉยและจุมพลก็นึกสงสัยว่าอีกฝ่ายจะให้อะไร

“นี่ผมให้”

ให้.......... คุณไอศูรย์หยิบนาฬิกาของเด็กที่ทำเป็นรูปหุ่นยนต์กันดั้มแบบเดียวกับที่คุณไอศูรย์ใส่อยู่มาส่งให้ และจุมพลก็รับมาถือเอาไว้สลับกับการมองหน้าคุณไอศูรย์และเริ่มขมวดคิ้วมุ่น

“ผมแฟร์ใช่มั้ยล่ะ วันนี้ผมจะใส่นาฬิกาแบบนี้ทั้งวันเลยนะ คุณก็ใส่ทำงานด้วยสิ จะได้เหมือน ๆ กัน”

ห๊ะ ให้ผมใส่เหรอ ให้ผมใส่.............แบบที่คุณใส่ใช่มั้ย

“อ่อ.....ลืมไปว่าไม่กล้า”

ใครว่าไม่กล้า นี่ไง จะใส่ให้ดู จุมพลใส่นาฬิกาที่ข้อมือ และยื่นส่งให้คุณไอศูรย์ดู

“นี่ไง นี่ไง”

เหรอ

“ห้ามถอดทั้งวันเลยนะ”

ได้ ห้ามถอดก็ห้ามถอด เช้านี้อากาศแจ่มใสก็จริง แต่เริ่มจะอึมครึมขมุกขมัวแล้วเพราะจุมพลถูกแกล้งให้ใส่นาฬิกาหุ่นยนต์กันดั้ม
และคุณไอศูรย์ก็อมยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากที่ได้แกล้งจุมพลกลับได้ คุณปั่นหัวผมก่อนนะคุณจุมพล เพราะฉะนั้นคุณก็ควรได้รับสิ่งนั้นกลับคืนไป

“นาฬิกาที่คุณใส่ดูดีเลยนะ”

แกล้งชม และจุมพลก็หันมาทำหน้างี่เง่าใส่คนที่ชม ก่อนจะพยายามพูดบางอย่างออกมาเสียงรอดไรฟัน

“นาฬิกาที่คุณใส่ก็ดูดีไม่แพ้ผมเหมือนกัน”


Fin.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 23-05-2014 22:43:51
คู่ที่ต้องตามติดชีวิตคู่แบบอึน มึน ซึน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 23-05-2014 22:44:44
แหมมมมม ยังไม่เคยเห็นคู่ไหนรักกันแบบเกรียนๆมึนๆได้เท่าคู่นี้เลยยยยย    :jul3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 23-05-2014 23:42:11
อ๊ากกกกก 555555555555555555
โอ้ยจุ้มแม่งฮาอ่ะ 55555
คุณพี่ไอซ์ก็เอาคืนได้น่ารักมาก
 :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 24-05-2014 07:45:49
คู่รัก คู่นี้แปลกดีนะเออ :hao4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 24-05-2014 09:00:05
น่ารักขึ้นทุกวันนะคู่นี้
เย้ๆๆ เริ่มรู้ใจตัวเองกันแล้วซิ
รอลุ้นตอนหน้าจ้าาา ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: mapreaw ที่ 24-05-2014 09:37:46
แสดงความรักกันโดยการแกล้งกันไปมาใช่มั้ยเนี่ย o18
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 24-05-2014 10:02:28
เด็กน้อยกันจริงๆๆทั้งสองคน

ชีวิตมีสีสันดี :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 24-05-2014 10:25:21
บอกได้คำเดียวว่า ฮามาก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 24-05-2014 10:58:40
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/19/256IqDzo.jpg)
เรื่องของหัวหน้าแผนกจัดซื้อ ไอศูรย์-จุมพล ตอน ไม่ให้อภัยตลอดชีวิต

จุมพลไม่ยอมก้าวขาเดิน ยื้อแขนของตัวเองเอาไว้เต็มที่ ตั้งท่าจะเดินหนีอย่างเดียว เมื่อเห็นว่าคนที่คุณไอศูรย์พามาพบคือใคร

“ไม่เอา ไม่ไป”

ไม่ได้กลัว แต่มันมีลางสังหรณ์แปลก ๆ คุณไอศูรย์อยู่ดี ๆ ก็บอกว่าจะพามาพบใครบางคน
ตอนแรกสงสัย แต่ถามไปก็ไม่ได้รับคำตอบ ระหว่างวันคือการรอคอยที่แสนทรมาน และเมื่อรู้ว่าต้องมาพบใคร ความทรมานก็ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

“ไม่เอา ผมไม่ไป ผมไม่คุย”

ไม่คุยไม่ได้ ต้องคุย

“ถ้าหนีก็หนีไปตลอด จบเรื่องโง่ ๆ นี้ซะที มันนานเกินไปแล้วจุ้ม”

นานเกินไปตรงไหน แค่เกือบสองเดือนเอง จะไปนานได้ยังไง ขอเวลาผมทำใจก่อนได้มั้ย คุณจะให้ผมมาทำอะไร

คุยกับหญิงเหรอ หญิงไม่คุยกับผมแน่ ผมไม่รู้นะว่าคุณใช้วิธีอะไรถึงได้ลากหญิงมาได้ แต่ผมไม่อยากคุยตอนนี้

“ก็ได้....งั้นผมจะคุยเอง”

คุยอะไร มีอะไรให้คุย ทำไมคุณต้องไปคุยเอง นี่มันเรื่องของผม คุณไม่เกี่ยว ไหนว่าไม่ยุ่งเรื่องของผมไง แล้วจะยุ่งทำไม

“ไม่เอา เรื่องของผม ผมจัดการเองได้”

จัดการเองเหรอ

“งั้นก็ไปจัดการสิ”

ไป.....จัดการ

“ทำไมคุณต้องเร่งผมด้วย นี่มันปัญหาครอบครัว คนนอกไม่เกี่ยว”

ตะครุบปากตัวเองไว้ไม่ทัน แค่คำว่าคนนอกไม่เกี่ยว คำพูดคำเดียวแต่เหมือนขุดหลุมฝังตัวเอง คุณไอศูรย์มองหน้าของจุมพลนิ่ง ๆ และคำพูดที่มาพร้อมน้ำเสียงนิ่ง ๆ ก็ทำให้จุมพลแทบลงไปชักตาย

“คนนอกใช่มั้ย.....”

เหี้ยยยยยยยยยย ขนหัวลุก ทำไมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกแบบนั้น แล้วยังสายตาที่มองมา คุณโกรธอะไรผมวะ มองซะจนผมแทบจะเป็นลมอยู่ตรงนี้แล้ว ผมไม่เคยเห็นคุณโกรธนะคุณไอศูรย์เคยเห็นแต่อารมณ์ไม่ดี หงุดหงิดเล็กน้อย แต่อารมณ์โกรธผมยังไม่เคยเห็น แล้วก็ไม่อยากเห็นด้วย เพราะท่าทาง คงจะหลอนไม่น้อย

“ไม่ต้องเคลียร์แล้ว ไปนั่งรอเงียบ ๆ ผมจะเคลียร์เอง”

อย่าน๊า ขอร้อง อย่า อย่า

“ไม่เป็นไรจริง ๆ คุณไอศูรย์ ไม่เป็นไรไงเล่า ไม่เป็นไรจริงจริ๊งงงงงงง”

เปล่าประโยชน์ อารมณ์คุณไอศูรย์ไปไกลเกินกว่าที่จุมพลจะหยุดได้แล้ว
ไม่สนใจว่าจะมีคนวิ่งตามและพยายามดึงแขนเอาไว้ สายตาที่มองมามีแต่ความเย็นชาและดูน่ากลัว  จนจุมพลไม่รู้จะทำยังไง
ได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เมื่อได้ยินน้ำเสียงเย็นยะเยือกของคุณไอศูรย์เอ่ยบอกบางอย่าง

“ปล่อยแขนผม”

น้ำเสียงราบเรียบ  ดวงตาที่จ้องมองมานิ่งสนิทจนทำให้จุมพลรู้สึกหนาวยะเยือกไปถึงหัวใจ
แล้วจุมพลงี่เง่า ก็ทำอะไรไม่ได้ แค่เพียงคุณไอศูรย์สั่งคำเดียวก็ไม่สามารถขัดขืนได้

หน้าซีดเผือด และอาการมือเย็นเฉียบก็ตามมา ยอมปล่อยแขนคุณไอศูรย์และเดินตามหลังมาเงียบ ๆ

ดวงตายังก้มมองที่พื้น และเมื่อต้องมาหยุดที่ตรงหน้าของคนที่หาทางเลี่ยงการเผชิญหน้ามาตลอดเกือบสองเดือน จุมพลก็รู้สึกเหมือนกับว่า ความเงียบ และความอึดอัดใจกำลังเข้าเล่นงาน

หญิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยใบหน้าเรียบเฉย เธอเงยหน้าขึ้นมามองและก็ไม่ได้ละสายตาจากใบหน้าของจุมพลเลย

“นั่งสิ”

เรียกให้จุมพลนั่งลงข้าง ๆ แล้วคุณไอศูรย์ก็นั่งเอนหลังบนโซฟาด้วยท่าทีสบาย ๆ

อยากรู้ว่าสบายมากมั้ย ส่วนผม แม่งเกร็งจนเยี่ยวเหนียวแล้วครับ ห่าเอ้ยยยย

“มาถึงนานแล้วเหรอ คุณมยุรี”

เดี๋ยวนะ ..........คุณมยุรี
คุณมยุรีเหรอ คุณมยุรีที่ว่า หมายถึงคุณมยุรีที่..........

นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ และจุมพลก็หันไปมองคุณไอศูรย์ให้เต็ม ๆ ตา อย่าบอกนะว่าคุณมยุรีที่ว่าคือหญิงจริง ๆ

นี่คุณ...........

“ผมคงไม่ต้องพูดอะไรมาก เอาเป็นว่า ผมขอจุมพลจากคุณแล้วกัน”

เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยย ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเลยเหรอ เอางี้เลยเหรอ นี่คุณ คุณยิ่งกว่าบ้าอีกนะโว้ยยยยยยยย
แม่งกล้าขอกูจากหญิง เดี๋ยวหญิงแม่งก็เอามีดกระซวกกูตายห่าอีกรอบหรอกครับคุณไอศูรย์

อ้าปากค้าง และมองหน้าคุณไอศูรย์ที่มีท่าทีสบาย ๆ ไม่ยี่หระอะไรกับสิ่งที่ตัวเองพูดเลยสักนิด
นี่คุณยังจะสบายใจได้อีกเหรอวะ คุณ.... คุณเป็นบ้าไปแล้วเหรอคุณไอศูรย์ นี่คุณเป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ ใช่มั้ย

“พี่ไม่ได้ อ่ะ หญิง คือ  พี่”

จุมพลถึงกับหน้าเสียและพยายามจะอธิบายให้หญิงเข้าใจ แต่เธอกลับนิ่งเฉยและมองหน้าของคุณไอศูรย์นิ่ง ๆ

“ถึงคุณไม่ให้ ผมก็ต้องได้เขามาไว้ข้างตัว และผมไม่สนว่าหลังจากนี้คุณจะคิดยังไง....”

คุณไอศูรย์ คุณยิ่งกว่าบ้าไปแล้วนะแบบนี้

“ผมไม่เคยไปตกลงว่าจะอยู่กับคุณนะ”

หันไปบอกคุณไอศูรย์ที่พูดบางอย่างด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แล้วจุมพลก็แทบอยากจะทึ้งผมตัวเองด้วยความกลุ้ม

“เรากำลังทำสัญญาตกลงกันอยู่ คุณจุมพล”

ทำสัญญาตกลงอะไรวะ

“แต่ผมไม่ตกลง”

มันก็เรื่องของคุณ

“ช้าไปแล้ว........คุณพลาดตั้งแต่วันที่เข้ามาอยู่กับผมวันแรกแล้ว ตอนนี้ถึงมีปีกคุณก็บินไปไหนไม่ได้แล้วล่ะ เพราะถ้าคุณคิดจะบิน ผมจะหักปีกคุณทิ้งซะ”

คุณ........ไอศูรย์....

จุมพลรู้ คุณไอศูรย์ไม่ได้พูดเล่น แม้ท่าทางจะไม่ทุกข์ร้อนแต่คน ๆ นี้ทำได้จริง

“ผมถือว่าบอกคุณแล้วนะคุณมยุรี และนี่คือโอกาสที่คุณจะได้พบจุมพลเป็นครั้งสุดท้าย ต่อจากนี้ คุณจะไม่มีโอกาสพบเขาอีกตลอดชีวิต แม้แต่เสียงก็อย่าคิดว่าจะได้ยิน ถ้าผมไม่อนุญาต ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์ยุ่งกับคนของผมทั้งนั้น”

เหี้ยยยยยยยยยยย นี่มันจะเกินไปแล้ว บ้าไปแล้วเหรอวะ แบบนี้มันบ้าเกินไปแล้วโว้ยยยยยยยย

“ผมไม่ได้พูดเล่น ผมทำได้จริง คุณก็รู้คุณมยุรี เพราะฉะนั้นผมให้โอกาสคุณได้คุยกับเขาเป็นครั้งสุดท้าย”

กูไม่ใช่นักโทษนะ

คุณไอศูรย์ไม่สนใจอะไรเลย ลุกขึ้นจากเก้าอี้และก็เดินออกไปนั่งอีกด้านของโรงแรม ถึงอยากจะทำอะไรตอนนี้ ก็ทำไม่ได้ เพราะเมื่อมองให้ดีจุมพลก็พอรู้ ไม่ได้มีแค่ตัวเองที่อยู่กับหญิง แต่หมายรวมถึง ผู้ชายหลายคนที่แม้จะทำทีเป็นไม่สนใจแต่ที่จริงแล้ว กำลังจับตาดูทั้งจุมพลและหญิงอยู่อย่างเงียบ ๆ

“หญิง”

เรียกคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยน้ำเสียงระโหยโรยแรง และหญิงก็ได้แต่มองจุมพลด้วยแววตาเรียบเฉย

“......................”

ท่าทางที่เธอแสดงออกตอนที่มีคุณไอศูรย์อยู่ดูแข็งกร้าวและเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น แต่เมื่ออยู่ด้วยกันสองคน
เธอกลับมีท่าทีนิ่งเฉย ไม่มีอารมณ์ใด ๆ ทั้งสิ้น

“พี่จุ้มดีใจมากมั้ย เรื่องของเราจบแล้ว”

เธอพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และดูเหมือนคนไร้ชีวิต และนั่นก็ทำให้จุมพลรู้สึกเหมือนจะขาดใจตาย ให้เธอเอามีดมาแทงซะยังดีกว่าที่ต้องทนเห็นสายตาที่เย็นชาของเธอแบบนี้

“ที่เคยคิดว่าพี่จุ้มไม่มีทางไปไหนได้ หญิงคิดผิดมาตลอดเลย ตลกจัง ไม่รู้หญิงคิดได้ยังไงนะพี่จุ้ม ที่คิดว่ายังไงพี่จุ้มก็จะต้องอยู่กับหญิงไปตลอดชีวิต”

เธอนิ่งเงียบลงไปอีกครั้ง และจุมพลก็เริ่มหน้าเสีย

“พี่จะกลับไปอยู่กับหญิง ต่อให้หญิงฆ่าพี่ตาย พี่ก็จะกลับไปอยู่กับหญิง”

เรามาไกลเกินไปแล้วพี่จุ้ม

“หญิงไม่ต้องการพี่จุ้มอีกแล้ว”

ไม่ต้องการ .................................... ตอนที่โดนแทง มีแต่ความหวาดกลัว แต่ตอนที่โดนบอกว่า ไม่ต้องการอีกแล้ว จุมพลไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไง

“หญิงไม่รักพี่แล้วเหรอ”

จุมพลถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่แทบไม่ได้ยิน และอยู่ดี ๆ มือทั้งสองข้างก็ตกลงที่ข้างตัว

“รักหรือไม่รัก มันไม่เกี่ยวแล้วพี่จุ้ม.......หญิงเหนื่อยมานานเกินไปแล้ว ต่อไปนี้หญิงจะปล่อยพี่จุ้มไปซะที”

ปล่อยเหรอ

ทั้งที่ปรารถนาจะได้ยินคำนี้มาตลอด ทั้งที่ต้องการจะเลิกมาตลอด ทั้งที่อยากจะหนีให้ห่างมาตลอด แต่พอเอาเข้าจริง เวลาที่เธอพูดประโยคนี้ออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา ไร้ความรู้สึก จุมพลกลับรู้สึกเจ็บแปลบ จนต้องยกมือขึ้นกุมที่หน้าอกของตัวเอง

“พี่จุ้มทำหญิงเจ็บมาก....และหญิงขอให้ความเจ็บของหญิงติดตัวพี่จุ้มไปตลอดชีวิต”

เธอไม่ได้อาฆาตแค้น แต่เธอสาปแช่ง และลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ คนที่เจ็บเคยเป็นเธอมาตลอด แต่เวลานี้คนที่ต้องเจ็บไปตลอดชีวิตควรจะเป็นจุมพลบ้าง

“พี่เลวขนาดนั้นเลยเหรอหญิง พี่ไม่สมควรได้รับการอภัยให้ขนาดนั้นเลยเหรอหญิง”

น้ำเสียงแผ่วโหยของจุมพลทำให้เธอต้องหยุดนิ่ง และสูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อบังคับไม่ให้น้ำเสียงของตัวเองสั่นไหวไปมากกว่านี้

“หญิงไม่มีวันอภัยให้พี่จุ้มตลอดชีวิต พี่จุ้มต้องอยู่กับความรู้สึกผิดนี้ไปจนตาย.........”

เธอพูดและหันหลังให้

และจุมพลก็รู้ว่าทนเรื่องที่ต้องแบกรับมาตลอดชีวิตไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ลุกขึ้นยืนและก้าวขาเดินเข้าไปหาเธอ
รั้งเธอเอาไว้ไม่ให้ปล่อย กอดเธอเอาไว้จากด้านหลัง กอดและซบหน้าลงกับไหล่ของเธอ ที่เคยได้สัมผัส

ความรู้สึกดี ๆ ในวันเก่าไม่เคยจางหาย หญิงเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง รอยยิ้มของเธอสวยงามที่สุดเวลาที่เธอยิ้มอย่างมีความสุข และเป็นจุมพลเองที่พรากรอยยิ้มแบบนั้นของเธอไป เธอเจ็บแทบตาย ทำไมจะไม่รู้สึก ความโกรธแค้นทั้งหมดที่เธอมาลงที่จุมพล มันยังไม่มากเท่ากับที่เธอเจ็บ บางทีนั่นอาจไม่เท่าเศษเสี้ยวความเจ็บปวดของเธอสักนิดเลยก็ได้

และเมื่อเธอจะไปจริง ๆ กลายเป็นจุมพลที่ทนไม่ไหว ทั้งที่ภาวนามาตลอด อยากให้เราเลิกกันใจแทบขาดมาตลอด
แต่ตอนนี้คนที่ร้องไห้และอยากอ้อนวอนไม่ให้เธอไปกลายเป็นจุมพลซะเอง

“พี่จุ้มรู้มั้ย ทำไมหญิงถึงให้อภัยพี่จุ้มไม่ได้ จนถึงนาทีนี้”

เพราะพี่มันเลว หญิงจะไม่ให้อภัยพี่ไปตลอดชีวิตก็ไม่แปลก พี่รู้ พี่เข้าใจดี

“เพราะหญิงเกลียดพี่”

ไม่ใช่หรอกพี่จุ้ม
เธอจับแขนของจุมพลเอาไว้ ปลดมือที่โอบกอดเธอออกและหันไปมองหน้าของจุมพลให้ชัด ๆ

“ไม่ใช่หรอก หญิงแค่คิดแบบโง่ ๆ ว่าถ้าวันหนึ่งหญิงรั้งพี่จุ้มไม่อยู่ขึ้นมาและพี่จุ้มต้องไปจากหญิงจริง ๆ ต่อให้พี่จุ้มจะมีใครอีกกี่คน พี่จุ้มก็จะไม่มีวันลืมหญิงไปตลอดชีวิต ต่อให้ตายจากกัน วิญญาณของพี่จุ้มก็จะต้องคิดถึงแต่หญิง....ทุกวินาทีของพี่จุ้มที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน พี่จุ้มจะคิดถึงแต่หญิง.......พี่จุ้มจะจดจำหญิงทุกลมหายใจเข้าออก...ถึงพี่จุ้มอยากลืมพี่จุ้มก็ลืมหญิงไม่ได้.............."

คำอธิบายง่าย ๆ พร้อมรอยยิ้มที่ซีดเซียวของเธอทำให้จุมพลยิ่งอยากร้องไห้

"ไม่ใช่หญิงไม่อยากให้อภัยนะ แต่หญิงทำไม่ได้ เพราะถ้าหญิงทำ.......ลมหายใจของพี่จุ้มก็อาจจะไม่ใช่ของหญิงอีกต่อไป.........แต่ถ้าหญิงไม่อภัย....ทุกลมหายใจเข้าออกของพี่จุ้มจะเป็นของหญิงคนเดียว...หญิงโง่ใช่มั้ยพี่จุ้มที่คิดอะไรแบบนี้..........”

ไม่ใช่ หญิงไม่ได้โง่ หญิงไม่ได้โง่ที่คิดอะไรแบบนี้

“แล้วสิ่งที่หญิงกลัวมาตลอดก็เกิดขึ้น........ถึงหญิงจะพยายามแค่ไหน  แต่สุดท้ายพี่จุ้มก็ต้องไปอยู่ดี”

หญิงยังคงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่มีร่องรอยของความเจ็บปวดใด ๆ ทั้งสิ้น เธอค่อย ๆ ปลดมือของจุมพลออก และมองหน้าของจุมพลเป็นครั้งสุดท้าย เธอไม่ได้ยิ้ม เพียงแต่จ้องหน้าของจุมพลเและมือของเธอก็ประคองแก้มของจุมพลเอาไว้เพื่อดูหน้าของจุมพลให้ชัด ๆ

“พี่จุ้มยังหล่อเหมือนเดิมเลย........ทำไมหญิงไม่มองพี่จุ้มแบบนี้ให้เร็วกว่านี้นะ...ดูสิ นี่หน้าของคนที่หญิงรักนะ ทำไมหญิงถึงทำร้ายคนที่หญิงรักที่สุดได้ลงคอ  ทำไมหญิงถึงได้โง่ขนาดนี้นะพี่จุ้ม”

ดวงตาของเธออ่อนแสงลง และรอยยิ้มจาง ๆ ก็ปรากฏที่ใบหน้าของเธอ

“หญิงรักพี่จุ้มนะ ถึงวันนี้หญิงก็ยังรัก พ่อของลูกหญิงคือพี่จุ้มคนเดียวเท่านั้น........ถ้าเรื่องนั้นไม่เกิดขึ้น เราคงเป็นครอบครัวที่มีความสุขมากที่สุดเลยนะพี่จุ้มว่ามั้ย”

เธอมองหน้าของจุมพลนิ่ง ๆ แตะปลายนิ้วที่คิ้ว ดวงตา ปลายจมูก แม้กระทั่งข้างแก้ม และริมฝีปากของจุมพล

“อย่าลืมนะพี่จุ้ม หญิงไม่มีวันอภัยให้พี่จุ้มไปตลอดชีวิตนะ เข้าใจมั้ย”

เข้าใจ

เข้าใจยิ่งกว่าเข้าใจ จุมพลปล่อยให้หยดน้ำตามากมายไหลรินจากดวงตา และดวงตาที่พร่าเลือนไปด้วยน้ำตาก็ยังจับจ้องที่ใบหน้าของหญิงอยู่อย่างนั้น

“สุดหล่อของหญิง ร้องไห้ทำไม เมื่อก่อนอยากเลิกกับหญิงแทบตายไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ได้เลิกแล้วนะ ห้ามร้องไห้สิ ต้องดีใจได้แล้ว รู้มั้ยครับ”

ไม่รู้ ไม่รู้อีกต่อไปแล้ว

“หญิงเลิกกับพี่ได้จริง ๆ เหรอ หญิงจะเลิกกับพี่จริง ๆ เหรอ หญิงไม่รักพี่แล้วเหรอ”

รั้งร่างของเธอมากอดเอาไว้แน่น และกลายเป็นเด็กน้อยที่ร้องไห้ฟูมฟาย เพราะเมื่อรู้ว่าจะโดนทิ้งจริง ๆ กลับทนแทบไม่ไหว

“หญิงเลิกได้สิ คนเลว ๆ อย่างพี่จุ้มไม่มีค่าให้หญิงจดจำหรอกนะ ทำไมหญิงจะเลิกไม่ได้ล่ะพี่จุ้ม พี่จุ้ม แม่งเหี้ย เลว เป็นไอ้สารเลวที่สุดในชีวิตหญิงจริงๆ นะ”

ด่าอีก อยากจะด่าอะไรอีก ก็ด่ามาให้หมดพี่จะฟังหญิงด่า พี่จะฟังหญิงด่าไปตลอดชีวิตก็ได้ แต่ให้หญิงอยู่กับพี่ อยู่กับพี่ไปแบบนี้

“ร้องไห้ฟูมฟายไปหญิงก็ไม่สนใจหรอกนะ หญิงสะใจจะตายที่ได้เห็นพี่จุ้มเจ็บปวดปางตายเพราะหญิงบ้าง........”

เธอค่อย ๆ ผลักจุมพลให้ออกห่างอย่างช้า ๆ และส่งยิ้มจาง ๆ ให้จุมพลเป็นครั้งสุดท้าย

“ตอนนี้พี่จุ้มซึ้งแล้วใช่มั้ย.........ว่าที่หญิงต้องเจ็บปวดปางตายมันเป็นยังไง.....นี่มันไม่เท่าเศษเสี้ยวที่หญิงเจ็บหรอกนะ แต่หญิงก็รู้สึกดีนะที่เห็นพี่จุ้มยังเจ็บเพราะหญิงได้ขนาดนี้.........เพราะมันทำให้หญิงรู้..........พี่จุ้มยังรักหญิงเหมือนที่หญิงก็ยังรักพี่จุ้มอยู่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 24-05-2014 11:17:15
เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันใย......เพราะรักเธอถึงได้ทำทุกอย่าง

เจ็บเพราะรัก  ต้นตอของความเจ็บปวดกลับลอยนวล

ผลของมันเลยมาลงที่คนสองคน  คนสองคนที่รักกัน

เลิกกัน เลิกกันทั้งๆที่ยังรักกัน  น้ำตาของความเจ็บปวด มันล้างออกจากใจไม่หมด :hao5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 24-05-2014 12:48:53
โอ้ย แงงงงง พี่จุ้มมมม เข้มแข็งไว้นะ อึ๊บไว้อึ๊บ!  :mew4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 24-05-2014 13:26:08
โฮๆๆๆ หญิงน่าสงสารนะ T_T
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 24-05-2014 13:26:58
 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: miyaki ที่ 24-05-2014 14:59:36
สงสารจุ้มจัง เมื่อไหร่จะมีความสุขละเนี่ย
คุณไอศูรย์ อย่าทิ้งจุ้มเชียวนะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 24-05-2014 16:50:52
เป็นรักในความแค้นซินะ ชาติหน้า จุ้มต้องเจอหญิงแน่ ดีไม่ไดี หญิงตายไปกลายเป็นผีอีแพง มาหลอกหลอนทุกชาติยังได้

ความรักที่หดหู่อย่างนี้ น่าสงสารทั้งจุ้มและหญิงเลย

อโหสิกรรมกันเถอะ ถ้ามีโอกาส :monkeysad:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 24-05-2014 17:41:11
 :ruready คืออ่านตอนนนี้จบแล้วทำไมเราไม่สงสารจุมพลว่ะ เหอะๆ เราสงสารไอศูรย์ว่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 24-05-2014 17:56:13
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/19/256IqDzo.jpg)
เรื่องของหัวหน้าแผนกจัดซื้อ ไอศูรย์-จุมพล ตอน รักกันตลอดไป

นับตั้งแต่วันที่เธอทำร้ายจุมพลด้วยมีด ชีวิตของเธอไม่เคยสงบสุขอีกเลย เธอเคียดแค้นและโกรธเกลียดจุมพลมากกว่าเดิม เธอเสียใจที่จุมพลไม่ตายไปตั้งแต่วันนั้น เธอพยายามโทรและตามหาว่าคนที่เธอทำร้ายอยู่ที่ไหน แต่ก็ไร้ข่าวคราว

ทุกอย่างดูเงียบสนิท เพื่อนๆ ของพี่จุ้มไม่มีใครตอบได้ว่าพี่จุ้มหายไปไหน และเธอก็เริ่มคิดไปต่าง ๆ นานา พี่จุ้มไปอยู่กับใคร เธอไปตามที่บริษัท แต่วันนั้นเธอถูกลากออกมาเพราะใครบางคนที่เธอไม่รู้จัก และเสียงโทรศัพท์ปริศนาก็ดังขึ้นในวันนั้น

“ผมไอศูรย์นะ คุณเป็นแฟนของจุมพลใช่มั้ย ผมคิดว่าคงไม่ค่อยดีที่คุณตามไปรังควาญเขาถึงบริษัท มันไม่เกินไปหน่อยเหรอคุณ”

คน ๆ นั้นบอกว่าชื่อไอศูรย์ ไม่ต้องเดาเธอก็พอจะนึกออกว่าอีกฝ่ายเป็นใคร คนที่พาพี่จุ้มวิ่งออกจากบ้านไปวันนั้น
ผู้ชายตัวสูง ที่มีดวงตาคมกริบ คนที่หันมามองเธอครั้งสุดท้ายก่อนลากพี่จุ้มออกจากบ้าน ด้วยสายตาเย็นชาน่ากลัว

“....บอกมาแกเอาพี่จุ้มไปไว้ที่ไหน.....”

ที่จริงคุณไอศูรย์ไม่อยากยุ่งเกี่ยวเรื่องของครอบครัวใคร คุณไอศูรย์พอจะรู้อยู่บ้างว่าผู้หญิงคนนี้คงไม่มีวันยอมจบง่าย ๆ เรื่องตามล้างตามอาฆาต อย่าหวังว่าจะจบ เพราะเธอคงไม่หยุดแน่ และก็เป็นจริงอย่างที่คิด เธอบุกไปหาจุมพลที่บริษัทจริง ๆ

“บอกมาว่าแกพาพี่จุ้มไปไว้ไหน พวกแกมันวิปริต เอาพี่จุ้มคืนมา ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน เขาเป็นของฉัน ชาตินี้ทั้งชาติเขาไม่มีทางไปจากฉันได้”

เธอทำเกินไป

“ผมไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับจุมพล วันนั้นผมแค่บังเอิญมาส่งเขาแค่นั้น”

ที่จริงไม่อยากชี้แจง แต่การที่ถูกเข้าใจผิดแบบนี้มันคงไม่ดี

“อย่ามาโกหกตอแหล นึกว่าฉันจะเชื่อเหรอ พี่จุ้มมันยิ่งกว่าตอแหล นี่คงคิดว่าฉันจะมีปัญหาแค่ผู้หญิงสินะ แม้แต่ผู้ชายฉันก็ไม่มีทางให้พี่จุ้มคบ”

ไปกันใหญ่แล้ว

“ผมไม่ได้คบกับแฟนคุณ”

บอกแค่นั้น และตั้งใจจะวางสาย แต่เธอก็ไม่เลิก

“ทุเรศ แกมันวิปริต อย่าหาว่าฉันไม่เตือน ฉันจะตามล้างตามผลาญให้ถึงที่สุด ที่โทรมานี่คงอยากให้ฉันตายใช่มั้ย พวกแกนั่นแหละที่จะต้องตายทั้งหมด คอยดู”

เธอพูดคล้ายคนเสียสติ และคุณไอศูรย์ก็ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะกดวางสายไป แบบนี้ท่าทางจะไม่ดี เธอกำลังเป็นบ้า บางทีเธออาจบ้าไปแล้วก็ได้ และเมื่อเธอบ้า คนที่ไม่ปลอดภัยก็คงจะหนีไม่พ้น คนที่อยู่กับคุณไอศูรย์ในเวลานี้

“ประกบไว้อย่าให้เธอทำอะไรได้”

สั่งลูกน้องและคุณไอศูรย์ก็วางโทรศัพท์ลง ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น เรื่องไม่สมควรยุ่งก็ไม่อยากยุ่ง แต่อยู่ดีๆ ก็ต้องเข้าไปยุ่งเรื่องที่ไม่อยากยุ่งด้วย เรื่องน่าปวดหัว เรื่องที่ไม่ควรจะเป็นเรื่องของคุณไอศูรย์เลย และหลังจากนั้น รายงานจากลูกน้องก็มีเข้ามาเรื่อยๆ

“เธอพังรถครับ”

“เธอพยายามติดต่อกับพ่อแม่ของคุณจุมพลครับ”

“เธอพยายามโทรไปคุกคามเพื่อนร่วมงานของคุณจุมพลครับ”

และอีกหลาย ๆ เรื่องก็ตามมาอีกไม่จบไม่สิ้นจนคุณไอศูรย์คิดว่านี่มันเกินไป คงต้องทำอะไรสักอย่างให้เธอรู้ตัวสักที ว่าคุณไอศูรย์ไม่ใช่เพื่อนเล่นของเธอ

“ผมไอศูรย์นะ คุณทำเกินไปแล้วรู้ตัวหรือเปล่า”

โทรหาเธอในวันหนึ่ง และเธอก็หัวเราะตอบกลับมา

“ออกมาได้แล้วเหรอ อย่านึกว่าเรื่องนี้จะจบ บอกมาแกเอาพี่จุ้มไปไว้ไหน”

เธอคงเสียสติไปแล้วจริง ๆ และคุณไอศูรย์ก็คิดว่า สมควรจะเสียสติไปพร้อมกับเธอด้วยก็ดี

“ระหว่างคุณกับเขามีปัญหากันผมก็พอรู้ พูดกันด้วยเหตุผลนะคุณมยุรี คุณทำแบบนี้แล้วคุณจะได้อะไร”

ไม่ได้อะไรก็ไม่ได้

“คนนอกไม่มีสิทธิ์มายุ่ง เอาพี่จุ้มคืนมา”

คนนอกเหรอ คนนอกงั้นเหรอ คำพูดคำนี้ มันทำให้คุณไอศูรย์รู้สึกบางอย่างขึ้นมา ผมเป็นคนนอกเหรอ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องโมโห แต่เพราะคำว่าคนนอกคำเดียว มันทำให้คุณไอศูรย์เริ่มโมโหจนชักจะทนไม่ไหว

“ผมกับเขาจะว่าไปก็ไม่ใช่คนนอกอย่างที่คุณคิดหรอก “นอนด้วยกัน” กินด้วยกัน คุณยังคิดว่าผมเป็นคนนอกอีกมั้ยล่ะ”

เน้นคำพูดบางอย่างให้เธอตีความ และเธอก็ยิ่งคุ้มคลั่งสติแตกอย่างที่คิด

“ไอ้สารเลว แกมันทุเรศ แกมันวิปริต”

เธอยังคงด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคายไม่หยุด และคุณไอศูรย์ก็เหลืออดกับเธอเต็มที

“เรื่องงี่เง่าแบบนี้ ถ้าคุณไม่จบ ผมจะจบมันให้เอง”

คุณไอศูรย์รู้สึกหงุดหงิดใจกับผู้หญิงไร้สติคนนี้เกินทน กดวางสายและโยนโทรศัพท์ทิ้งลงบนโต๊ะ ความหงุดหงิดใจเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และแม้ไม่อยากยุ่งก็คงต้องยุ่งเรื่องนี้ซะแล้ว

“แล้วคุณจะได้รู้ ว่าที่คุณทำอยู่ มันไม่ได้เศษเสี้ยวของที่ผมจะทำหรอกคุณมยุรี”

หลังจากสร้างความความหงุดหงิดใจให้คุณไอศูรย์วันนั้น ชีวิตของหญิงไม่เคยได้อยู่อย่างมีความสุขอีกเลย

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 24-05-2014 17:56:47
“ผมไอศูรย์นะ เป็นไงบ้างคุณมยุรี ผมส่งดอกไม้ไปให้ คุณชอบมั้ย ดอกกุหลาบสีแดง สวยเชียวล่ะ”

คนที่กำลังจะเป็นโรคประสาทเพราะถูกคุกคาม กลายเป็นหญิง

“วันนี้จุ้มตื่นสายนิดหน่อยนะ เมื่อคืนเขานั่งเล่นเกมส์ดึกไปหน่อย ตอนเช้าผมปลุกแล้ว เขาก็ไม่ค่อยอยากตื่น อีกสองสามวันผมจะพาเขาไปตัดไหมนะ แผลแห้งสนิทแล้ว”

“แกมันโรคจิต”

เธอพูดออกมาเสียงรอดไรฟัน และเสียงหัวเราะเบา ๆ จากปลายสายก็ดังขึ้นก่อนสัญญาณโทรศัพท์จะตัดไป เมื่อเธอคิดจะทำอะไรบางอย่าง จะมีดอกไม้ส่งมาให้เธอ และรวมถึงครอบครัวของเธอด้วยที่จะได้รับดอกไม้ บางครั้งพ่อแม่ของเธอก็ถูกรับไปกินข้าว พวกท่านกลับมาอย่างปลอดภัยก็จริง แต่คนที่คุกคามเธออยู่ตลอดก็ไม่เคยปล่อยให้เธอได้มีความสุขเลยสักวัน

“พ่อแม่คุณชอบอาหารจีนนะผมว่า”

ใครบางคนโทรมาบอกเธอแค่นั้น และหญิงก็รู้สึกเหมือนกำลังจะเป็นบ้าจริง ๆ ไม่ว่าจะทำอะไรที่ไหน ก็มีคนประกบอยู่ตลอด
ทุกการเคลื่อนไหวของเธอ คน ๆ นั้นรู้หมดทุกอย่าง ......ไอศูรย์ สหัสสิงห์เดชากุล…..ทายาทมรดกเลือดของตระกูลพันล้าน....
คน ๆ นั้นอันตรายเกินกว่าที่คนธรรมดาอย่างเธอจะสู้ด้วยไหว

“แม่ ถ้าวันไหนมีคนมารับไปกินข้าวอีก แม่อย่าไปนะ”

บอกกับแม่ด้วยความไม่สบายใจ และแม่ก็เกิดนึกสงสัยขึ้นมา

“ทำไมล่ะหญิง คุณไอศูรย์เขาดูดีมากเลยนะ พูดจาก็ดี เขาว่าเป็นเพื่อนหญิง เขาอยากตอบแทนที่หญิงเคยช่วยเขาเอาไว้ มีเพื่อนดี ๆ แบบนี้ก็ดีแล้วนะลูก”

พ่อแม่ของเธอไม่เคยรู้ และหญิงก็ไม่กล้าพูด คน ๆ นั้นทำอะไรทุกอย่างได้หมด แค่เพียงพลิกฝ่ามือ เรื่องของพี่จุ้ม เล็กน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับเรื่องที่เธอต้องเผชิญอยู่ในตอนนี้ คุณไอศูรย์คนนั้นไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าส่งดอกไม้ให้เธอ และพาพ่อแม่ของเธอไปกินข้าว แต่แบบนี้มันยิ่งกว่าการคุกคาม จากผู้หญิงสติแตก ที่คอยตามล่าคนรักของตัวเอง ตอนนี้หญิงต้องตั้งสติใหม่ และพยายามให้ตัวเองอยู่ห่างคนอย่างไอศูรย์ให้มากที่สุด

เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา และเขาก็รู้ว่าเธอไม่ใช่..........เรื่องระหว่างเธอกับพี่จุ้ม มันเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ ไปแล้ว เมื่อเทียบกับเรื่องนี้

..........บางทีอีกไม่นาน คนที่เธอคิดมาตลอดว่าไม่ว่ายังไงก็ไม่มีวันทอดทิ้งเธอไปตลอดชีวิต.....คงต้องหลุดลอยจากเธอไปจริง ๆ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 24-05-2014 17:57:09
หญิงรื้ออัลบั้มรูปเก่า ๆ ที่เคยถ่ายเก็บเอาไว้ขึ้นมาดู วันหนึ่งเมื่อเธอเริ่มตั้งสติได้เธอก็เริ่มกลับมาคิดทบทวนเรื่องบางอย่าง
เธอไม่สามารถเป็นผู้หญิงสติแตกที่ตามล่าจุมพลได้อีก แต่เธอกลายเป็นแค่ผู้หญิงที่ถูกกักบริเวณให้อยู่ในส่วนของเธอ ไม่ให้เข้าใกล้พื้นที่ของจุมพลโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น ภาพถ่ายหลายใบที่อยู่ในอัลบั้มรูปเก่า ๆ ถูกรื้อค้นขึ้นมาดู หญิงกำลังเปิดอัลบั้มรูปไปเรื่อย ๆ และเธอก็เริ่มขมวดคิ้วมุ่น

เมื่อก่อนพี่จุ้มยิ้ม เมื่อก่อนเธอก็ยิ้ม พี่จุ้มและเธอยิ้มไปด้วยกัน ยิ้มให้กัน ดวงตาของพวกเราปรากฏแต่ร่องรอยของความสุขมาตลอด

เรารักกัน พี่จุ้มรักหญิง หญิงก็รักพี่จุ้ม ยิ่งมองรูปถ่ายที่ถ่ายด้วยกันแล้วเธอยิ่งขมวดคิ้วมุ่น ทำไมถึงจำแทบไม่ได้เลย ความสุขแบบนี้ที่เคยได้รับ ทำไมเธอจำมันแทบไม่ได้ เธอเคยมีความสุขขนาดนี้ด้วยเหรอ เธอเคยยิ้มได้ขนาดนี้เลยเหรอ

ผู้ชายเลว ๆ คนนั้นที่ทำให้เธอเป็นทุกข์มาตลอด ทำให้เธอยิ้มได้ขนาดนี้เลยเหรอ หญิงเปิดดูรูปไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าสุดท้าย เป็นรูปของจุมพลและหญิงกำลังแนบใบหน้าเข้าหากัน พลิกดูข้างหลังรูป มีลายมือขยุกขยิกของเราสองคนที่เขียนร่วมกัน

..............พ่อจุ้ม..............แม่หญิง............ รักกันตลอดไป.....12/12/25xx

เธอกวาดสายตาไปที่ข้อความนั้นซ้ำ ๆ แล้วมือของเธอก็เริ่มสั่น .............แล้วน้ำตาของเธอก็เริ่มหยดลงที่ข้างแก้ม

เธอเคยมีความสุขมากขนาดนี้เลยเหรอ เราสองคนเคยมีความสุขกันมากขนาดนี้ทำไมเธอถึงจำมันไม่ได้ พี่จุ้มเคยทำให้เธอมีความสุขมากขนาดนี้ เราเคยยิ้มให้กันอย่างมีความสุขมากขนาดนี้ แต่เพราะความผิดพลาด ทำให้เธอเกลียดชังพี่จุ้มจนไม่ยอมให้อภัย

ความสุขหายไปตั้งแต่วันนั้น.........วันที่เธอได้รู้ว่าพี่สาวของเธอมีอะไรกับพี่จุ้ม และเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นก็เกิดขึ้นในวันที่เธอเสียลูกไป ทั้งเธอและพี่จุ้มกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว เรื่องของเราจบลง ตั้งแต่เธอตัดสินจะไม่ให้อภัยพี่จุ้มไปตลอดชีวิต

วันนั้นความรักของเราสองคนพังทลายลงไม่มีชิ้นดี และหลังจากนั้นเราสองคนก็อยู่ด้วยกันด้วยความเกลียดชังตลอดมา

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 24-05-2014 17:57:35
“คุณจะคืนพี่จุ้มให้ฉันได้มั้ย”

หญิงพูดขึ้นในวันหนึ่ง เมื่อคุณไอศูรย์ที่เงียบหายไปนานโทรเข้ามาบอกอะไรบางอย่าง

“ผมคงไม่คืน ผมเองก็มาไกลเกินกว่าจะหันหลังกลับได้แล้ว”

น้ำเสียงของคนพูดราบเรียบนิ่งสนิท และหญิงก็ได้แต่นิ่งงันกับคำตอบแบบนั้น

“ตอนแรกผมไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงไม่ยอมปล่อยจุ้มไป แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าทำไม”

รู้แล้วเหรอ.............

“ผมไม่ได้ให้คุณยกจุ้มให้ผมนะ ถึงคุณไม่ยกให้ผมก็ต้องได้เขาไว้อยู่ดี”

ผู้ชายคนนั้นทำได้ทุกอย่าง และหญิงรู้ ถ้าคนอย่างไอศูรย์ต้องการอะไร เขามีอำนาจและเงินทองมากมายที่จะช่วยบันดาลให้ได้สิ่งที่เขาอยากจะได้

“พรุ่งนี้คุณจะได้พบจุ้ม และเป็นการพบกันครั้งสุดท้าย คุณอยากจะพูดอะไรกับจุ้มคุณก็พูดซะ เลือกเอาแล้วกันคุณมยุรีว่าคุณอยากจะทำอะไร เพราะหลังจากนี้ คุณไม่มีสิทธิ์ได้เจอหน้าจุ้มอีกแล้ว”

หญิงเพิ่งรู้ ในวินาทีนั้น ที่ผ่านมาเธอพลาดมาตลอด พลาดให้กับความโง่เง่าของตัวเธอเอง ที่เธอคิดมาตลอดว่าพี่จุ้มไปจากเธอไม่ได้ นั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่เธอลืมคิดไป ว่าคนอื่นสามารถพรากพี่จุ้มไปจากเธอได้ และคุณไอศูรย์คนนั้น ก็ทำสิ่งที่เธอไม่คิดว่าใครจะทำแบบนี้กับเธอได้

“ถ้าพรุ่งนี้คุณยอมจบ เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาทั้งหมด ผมก็จะให้มันจบไปด้วย แต่ถ้าพรุ่งนี้คุณไม่ยอมจบ เราก็ไม่ต้องจบด้วยกันทั้งหมด”

หญิงเรียกสิ่งนี้ว่าการถูกคุกคาม การคุกคามที่เธอไม่มีสิทธิ์เรียกร้องหรือทำอะไร ได้แต่ก้มหน้ารับไปแบบเงียบ ๆ
ความรักความแค้นพวกนั้น ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญอีกต่อไปแล้ว เจอหน้าพี่จุ้มอีกครั้ง เธอจะตบหน้าพี่จุ้ม จะถามเหมือนที่เคยถามว่าทำแบบนี้กับเธอได้ยังไง

เธอยังคงเกลียดชังพี่จุ้ม เธอยังคงโกรธพี่จุ้ม เธอยังคงแค้นพี่จุ้มมากจนเกินกว่าจะให้อภัยได้ง่าย ๆ
แต่เมื่อได้เจอหน้ากันครั้งสุดท้ายจริงๆ เธอกลับทำไม่ลง ทั้งที่เธอเคยเอามีดแทงพี่จุ้มด้วยความเกลียดชัง และต้องการให้พี่จุ้มตายไปซะ แต่พอได้เจอหน้ากันอีกครั้งเธอกลับทำอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ไม่ได้ หัวใจของเธออ่อนยวบ เมื่อพี่จุ้มดึงเธอเข้ามากอดแล้วถามเธอว่าจะทิ้งกันได้ลงจริง ๆ เหรอ

เธอยอมรับ เธอทำใจไม่ได้ เธอทำใจไม่ได้ที่จะต้องจบกันไปแบบนี้จริง ๆ และเธอเพิ่งรู้ในวันที่เธอไม่มีสิทธิ์ในตัวพี่จุ้มอีกต่อไป
เธอยังรักพี่จุ้มอยู่เสมอ จนกระทั่งวินาทีที่เรากอดกันครั้งสุดท้าย

หญิงหยิบรูปถ่ายในอัลบั้มรูปแห่งความทรงจำขึ้นมาอีกครั้ง เปิดไปที่หน้าสุดท้าย

รอยยิ้มจาง ๆ ของเธอค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาทีละน้อย แล้วน้ำตาก็ค่อย ๆ ไหลหยดลงที่รูปภาพแห่งความสุขใบนั้น

..............พ่อจุ้ม..............แม่หญิง............ รักกันตลอดไป.............


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 24-05-2014 19:02:51
 :hao5:  กว่าจะหูตาสว่างก็เสียคนที่รักไปแล้ว
ปล.มีใครเอาเรื่อง(นัง)พี่สาวของหญิงบ้างเนี่ย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 24-05-2014 19:04:20
มาคิดได้ก็เมื่อสายไปแล้วหญิงง  :hao5:

ปล่อยจุ้มไปแล้วเริ่มชีวิตใหม่เก็บความทรงจำดีๆระหว่างกันไว้ดีกว่า  :mew6:


พี่ไอซ์พาน้องจุ้มกลับเร็ว กลัวจุ้มเปลี่ยนใจ  :mew2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง...by aoikyosuke ตอน ไม่คิดว่าจะได้เห็น 04/05/57 :22.48 น.
เริ่มหัวข้อโดย: ultue ที่ 24-05-2014 19:18:04

ตอบ คุณ fuku

เรื่องรักเกิดในแผนกเลขาไม่มีครับ
ชื่อเรื่องว่าอะไรค่ะอยากตามอ่าน :pig4: :pig4:
มีแต่เรื่องยาวของ คุณนัท กับ คุณรัชชานนท์  :L1:

เรื่องราวความรัก สุดน่ารัก ของคุณนัท ผู้บริหารโรงงาน ฉายาเป็ดน้อย  กับพี่ฟ้า หรือคุณเลขารัชชานนท์
ที่มีความยาวมากกว่า 41 ตอนครับ ซึ่งแยกออกไปจากเรื่อง รักเกิดในแผนกขนส่ง ครับ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 24-05-2014 19:42:23
โฮฮฮฮฮ อ่านไป อ่านมา มันเศร้า
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 24-05-2014 19:46:10
ที่สอบถามเรื่อง นายกับคุณเลขา



ยังไม่มีลงในนี้จ่ะ ถัดจากจุ้มไอซ์ ถ้ายังมีคนพอจะอยากอ่านอยู่บ้าง จะลงให้ แต่มันแทบจะไม่เกี่ยวกับแผนกขนส่งเลย เป็นเรื่องระหว่างนัธพันธ์เจ้าของโรงงาน กับ คุณเลขา ล้วน ๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 24-05-2014 19:50:45
 
    อยากอ่าน ๆ เรื่องของคุณนัทกับพี่ฟ้าฮะ      :m5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: bozang ที่ 24-05-2014 20:07:31
มารออ่านต่อๆ >.< เนื้อเรื่องกำลังเจ้มจ้นเบย อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 24-05-2014 20:23:46
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/19/256IqDzo.jpg)
เรื่องของหัวหน้าแผนกจัดซื้อ ไอศูรย์-จุมพล ตอน จาก

จุมพลกลับมาในสภาพเซื่องซึม กินข้าวด้วยกัน แต่กินไปแค่ไม่กี่คำ ก็บอกว่าพอแล้ว ไม่ค่อยหิว ปกติจะมีเรื่องให้พูดคุยกันตลอด แต่ในวันนี้เราไม่มีเรื่องคุยกัน

“ผมกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้วใช่มั้ย”

เงยหน้าขึ้นถามคนที่นั่งกินข้าวด้วย คุณไอศูรย์มีท่าทีนิ่งเฉย ไม่ทุกข์ร้อนแต่ตอบคำถามของจุมพลด้วยการวางช้อนกับส้อมลงทันที จงใจให้รู้ว่าไม่กินข้าวแล้วและลุกขึ้นเดินหนีไปดื้อ ๆ

ไม่มีคำพูดปลอบใจ ไม่มีการแก้ตัวใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งหมดนั้นคือคำตอบของคุณไอศูรย์ แม้ไม่มีคำพูดออกมา แต่จุมพลก็รู้คำตอบอย่างแน่ชัด ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก และค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกมาช้า ๆ รู้ได้ทันทีว่าไม่มีทางที่ทุกอย่างจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม ทุกทีผมไม่เคยคิดอะไร แต่วันนี้ผมเพิ่งคิดได้

...........คุณไอศูรย์ คุณเป็นคนที่ทั้งโหดร้าย และเย็นชาเหลือเกิน...........ทั้งที่คุณก็เห็นว่าเราสองคนร้องไห้กันมากขนาดไหน
คุณก็รู้ว่าเรากลับไปเริ่มต้นกันใหม่ได้ แต่คุณไม่ยอมให้ผมกลับไปแล้ว ผมไม่น่าปากพล่อย บอกว่าไม่ใช่ของเล่นของคุณเลย
เพราะตอนนี้คุณเล่นพิสูจน์ความรู้สึกของตัวเองให้ผมเห็นอย่างลึกซึ้งที่สุด คุณจริงจังกับผมมาก ไม่ใช่ต้องการจะเล่น ๆ ด้วย แต่กลายเป็นตัวผมเอง ที่ไม่พร้อมที่จะให้คุณจริงจังด้วย

โทษคุณก็ไม่ถูก ผมต้องโทษตัวเอง ที่เป็นคนใจคอโลเล สุดท้ายคนที่อยู่ในสถานะกลับไม่ได้ไปไม่ถึง ก็คือผมเอง จุมพลเก็บจานชามวางลงไปในซิ้งล้างจาน จัดการล้างจานและคว่ำเอาไว้ที่ชั้นวางเรียบร้อย เช็ดมือจนแห้ง และก็เดินออกมาจากครัว คุณไอศูรย์ไม่มีคำพูดอะไรเลยในวันนี้ เราเคยทะเลาะกันบ้างก็จริง แต่เป็นการกลั่นแกล้งและยั่วโมโหกันไปมามากกว่า ไม่ใช่บรรยากาศอึมครึมที่ต่างคนต่างไร้คำพูดกันอย่างนี้

จุมพลอยากจะพูดบางอย่างกับคนที่นั่งนิ่ง ๆและทำงานไปเรื่อยๆ อ้าปากหลายครั้ง อยากจะพูดอยากจะถามอะไรตั้งมากมาย
แต่ก็ต้องหุบปากและเดินตรงไปที่หน้าโซฟาที่เป็นที่นั่งประจำของตัวเองในทุก ๆ วัน เรื่องของผมกับหญิงมันจบไปแล้ว
สิ่งสุดท้ายที่ผมรับรู้ คือเราไม่มีทางเดินกลับไปที่เดิมของเราสองคนได้ ได้แต่เก็บความทรงจำที่เคยมีต่อกันเอาไว้ในส่วนลึกของหัวใจ

เก็บเอาไว้............

จุมพลนั่งมองปลายนิ้วของตัวเองสลับกับมองแผ่นหลังของคนที่นั่งทำงาน คุณไอศูรย์นิ่งเงียบตั้งแต่เราเดินออกจากโรงแรมที่นัดพบหญิงเพื่อไปเคลียร์เรื่องทุกอย่างด้วยกัน เราต่างรู้ เกมส์นี้มีคนควบคุม และคนควบคุมเกมส์ที่แท้จริงคือคุณไอศูรย์ เราสองคนไม่มีสิทธิ์เลือกใด ๆ ทั้งสิ้น จุมพลรู้ว่าไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางทำอะไรได้อีกแล้ว ได้แต่ก้มหน้าก้มตารับไป โดยไม่มีปัญญาปริปากพูดอะไรได้ ควรรู้สึกเจ็บปวดจนทนไม่ไหว แต่ในความเจ็บปวดนั้นกลับสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของคนที่แสนเย็นชาที่ทำร้ายจิตใจกันได้ลงคอ ....................คุณโคตรจริงจังกับผม................... จริงจังมากที่สุด แต่คุณไม่เคยพูดออกมาเท่านั้น

การกระทำบางอย่างมันชัดเจนยิ่งกว่าคำพูดร้อยพัน

จะมีผู้ชายคนไหนกล้าไปขอผู้ชายด้วยกันเอง จากผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรัก และในขณะนี้ก็ยังรักกันอยู่ เพียงแต่....ก่อนหน้านี้เราไม่พยายามเข้าใจกันเท่านั้น ผมรู้คุณเองก็มีศักดิ์ศรี การทำแบบนี้ ตัวคุณเองก็เสียหาย มีสิทธิ์ถูกมองอย่างเหยียดหยามได้ง่าย ๆ

แต่คุณก็ยังทำ คุณกล้าขอผมกับหญิง แค่สิ่งนี้ก็พิสูจน์ความจริงใจของคุณให้ผมรู้โดยไม่ต้องพูดกันให้มากความแล้ว เรื่องที่ผมสงสัยยังมีอยู่อีกเล็กน้อยเท่านั้น คุณรู้สึกกับผมเกินกว่ารูมเมทตั้งแต่เมื่อไหร่ คุณไม่เคยแสดงปฏิกิริยาอะไรให้ผมรับรู้เลย
ผมเป็นแค่ไอ้โง่คนหนึ่งที่อยู่ด้วยกันทุกวัน แต่ไม่เคยรู้ว่าที่จริงแล้วคุณคิดกับผมยังไง

“คุณ.........ไอ.......ศูรย์....ครับ”

จุมพลสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และก็ตัดสินใจเรียกคนที่กำลังทำงานอยู่ คุณไอศูรย์เหมือนชะงักนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ หมุนเก้าอี้หันหน้ามามองหน้าของจุมพลนิ่ง ๆ อย่ามองผมแบบนั้นเลย ผมทำตัวไม่ถูกแล้ว ผมไม่กล้าสู้สายตาคุณเลย พอถูกคุณมองด้วยท่าทีนิ่งเฉยแบบนี้ ผมก็นึกกลัวขึ้นมาจริง ๆ

ผมไม่เคยคิดว่าคุณน่ากลัวเลยนะ เพิ่งมีวันนี้แหละที่ผมรู้สึกว่า.............ผมกลัวคุณ...........

“ผม....ผม...กลับบ้าน.....ได้แล้วใช่มั้ยครับ...เรื่องของผม.....ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรแล้ว”

พูดสิ่งที่ใจคิด แต่น้ำเสียงเริ่มเบาลงเรื่อย ๆ

คุณไอศูรย์ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย แต่ไม่นานคนที่เงียบมาตลอดก็ยอมตอบ

“ตามใจ”

แค่นี้เองเหรอ ทั้ง ๆ ที่เป็นคุณเองที่ลากผมมาด้วยจนป่านนี้ แต่คุณก็ตอบผมง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอ

“แล้ว.....เอ่อ กุญแจบ้านกับกุญแจรถ”

คุณไอศูรย์เปิดลิ้นชักโต๊ะทำงาน และหยิบทั้งกุญแจบ้านและกุญแจรถของจุมพลออกมาวางไว้บนโต๊ะ

“................”

วางสิ่งที่จุมพลทวงถามเอาไว้ และคุณไอศูรย์ก็หมุนเก้าอี้กลับไปก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไปโดยไม่พูดอะไรอีก
คนที่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากกลายเป็นจุมพล นั่งหายใจไม่ทั่วท้องอยู่นาน สุดท้ายตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปหาคุณไอศูรย์ที่โต๊ะทำงาน

เราอยู่ใกล้กันแค่นี้ แต่เหมือนอยู่กันไกลแสนไกล จุมพลหยิบกุญแจบ้านและกุญแจรถขึ้นมาถือเอาไว้ และมองคุณไอศูรย์ที่ไม่พูดอะไรเลยสักคำ

“ผม.......กลับตอนนี้.....เลย...ได้มั้ย”

ที่จริงไม่จำเป็นต้องขออนุญาต แต่ไม่รู้ทำไมการขออนุญาตถึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นที่จุมพลคิดว่าต้องพูดกับคุณไอศูรย์ไปแล้ว

“ได้”

ทำไมถึงได้ตอบแค่นั้น ทำไมถึงได้พูดแค่นั้น ทำไมถึงได้เย็นชากับผมขนาดนั้น คุณเองไม่ใช่เหรอที่เป็นคนบงการชีวิตผม พอคุณได้ทุกอย่างตามใจตัวเองแล้ว คุณก็มาเย็นชาใส่ผม ทั้งเมินเฉย ทั้งเย็นชาใส่ ทั้งที่สภาพจิตใจผมตอนนี้เป็นยังไงคุณก็ไม่คิดจะรับรู้ คุณใจร้ายกับผมมากเลยนะ คุณบังคับผมทางอ้อมให้เลิกกับหญิง แล้วคุณก็มาเมินเฉยใส่ผม

ผมปวดหัว ผมไม่รู้ว่าอะไรกำลังไหลเข้ามาในสมองผมบ้าง ทำไมคุณไม่สงสารผมเลย คุณเย็นชากับผมขนาดนี้ได้ยังไง
แม้คำปลอบใจสักคำก็ไม่มี ความจริงจังของคุณ มันกำลังจะทำให้ผมขาดใจตาย

จุมพลกำกุญแจรถและกุญแจบ้านเอาไว้แน่น และหันหลังเดินจากไป หัวใจไม่เข้มแข็งพอที่จะพูดอะไรกันอีก
ไม่มีคำพูดอะไรมากไปกว่านี้ คุณไอศูรย์ไม่ยื้อ และไม่ห้าม ปล่อยให้จุมพลเดินออกจากห้องไปเงียบ ๆ

เสียงประตูห้องปิดลงแล้ว

และคนที่ทำหน้านิ่งเฉยมาตลอดทั้งวันก็วางปากกาลงและเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างหมดแรง
ที่ไม่ห้ามไม่ใช่ไม่อยาก ที่ไม่พูดไม่ใช่ไม่อยากพูด ที่ทำเป็นนิ่งเฉย ไม่ใช่อยากจะเย็นชา

แต่ที่ไม่มีคำพูดใด ๆ ออกมาทั้งสิ้น ก็เพราะว่า.............

คุณไอศูรย์สงสารจุมพลมากเหลือเกิน จุมพลจะเจ็บปวดขนาดไหนที่ได้รู้ว่าผู้หญิงที่ทั้งบ้าและอาละวาดจะเอาชีวิตตัวเอง สุดท้ายก็ยังรักอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง ความรู้สึกเจ็บปวดมันฉายชัดออกมาในแววตา ทำไมจะไม่รู้ว่าจุมพลเจ็บปวดขนาดไหน

แต่ที่ต้องทำเป็นเฉยอยู่ตอนนี้ก็เพราะไม่อยากให้ตัวเองต้องรู้สึกผิดไปมากกว่านี้ แยกคนที่รักกันออกจากกันมันไม่ใช่สิ่งที่ทำให้รู้สึกดีนักหรอก

ปกติใช้อำนาจบารมีและทรัพย์สิน เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการมาไว้ในมือตลอด โดยไม่รู้สึกรู้สา

แต่ครั้งนี้ คุณไอศูรย์เองก็รู้สึกเจ็บไม่น้อย เป็นครั้งแรกที่ใช้สิ่งเหล่านั้นแล้ว ความเจ็บปวดย้อนมาตกที่ตัวเอง
ไม่ใช่ผมไม่รู้สึกอะไรนะ ที่บังคับคุณแบบนั้น แต่ผมเห็นแก่ตัวเกินกว่า จะปล่อยให้คุณหลุดลอยไปจากชีวิตผมได้จริง ๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 24-05-2014 20:24:10
น่าแปลกที่หลังกลับมาอยู่คนเดียวแล้ว จุมพลไม่มีน้ำตาสักหยด

ทาวเฮ้าส์เล็ก ๆ สองชั้นที่มีพื้นที่ใช้สอยแค่เพียงเล็กน้อย และพื้นที่หน้าบ้านก็จอดรถได้แค่หนึ่งคัน รังรักเล็ก ๆ ที่สร้างเอาไว้เพื่ออยู่ด้วยกันสองคน สุดท้ายมันก็กลายเป็นสถานที่ ที่มีความทรงจำทั้งดีและร้ายเต็มไปหมด จุมพลกลับมาถึงบ้านเรียบร้อย และไขกุญแจเข้าไปในบ้าน ฝุ่นไม่มี ทุกอย่างถูกจัดแต่งให้เข้ารูปเข้ารอยเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

คงไม่ต้องเดาว่าฝีมือใคร ที่จัดการดูแลให้ตลอดในระหว่างที่จุมพลไปอยู่ที่คอนโดด้วย

ครั้งหนึ่งเคยคิดหวังมาตลอด ว่าอยากจะใช้ชีวิตสงบ ๆ สักที อยากจะหลุดจากการการถูกหญิงไล่ล่า แต่พอวันนี้ได้ทุกอย่างตามที่ต้องการแล้ว กลับไม่รู้สึกยินดียินร้ายอะไรกับมันเลย เปิดไฟทิ้งเอาไว้ และจุมพลก็ค่อย ๆ เอนกายลงนอนที่โซฟา

หลับตาลงและยกหลังมือขึ้นก่ายหน้าผากด้วยความกลัดกลุ้ม คิด ๆ แล้วก็นึกเหยียดหยามและสมเพชตัวเองอยู่ไม่น้อย ที่หัวใจโลเลได้อย่างไม่น่าเชื่อ ยังรักหญิงอยู่ แต่ในหัวใจก็มีใครบางคนเข้าไปอยู่ด้วยอีกคนซะแล้ว

ห้าทุ่มแล้วนะ คุณทำอะไรอยู่ อยู่คนเดียวจะชงกาแฟเป็นเหรอ เสียบกระติกน้ำร้อนยังไม่รู้เลยว่าน้ำในกระติกมีหรือเปล่า
เสื้อกล้ามตัวที่คุณใส่ประจำ ป้าแม่บ้านซักแล้วนะ แต่ผมไม่เห็นว่าป้าแกเอากลับมาแล้ว แต่คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก เพราะก็เห็นว่าตัวอื่น ๆ ก็พับอยู่ในตู้

จริงสิ คุกกี้ในโหลมันใกล้จะหมดแล้วนะ คุณไม่ต้องซื้อมาเติมแล้วก็ได้ เพราะผม...........ไม่ได้อยู่กับคุณแล้ว..........
นาฬิกากันดั้มโง่ ๆ นั่นน่ะ ผมเห็นนะว่าคุณทำขากันดั้มหัก ทำไมคุณไม่ระวังเลยวะ ผมอุตส่าห์ซื้อให้เลยเชียวนะ

ห้าทุ่มกว่าแล้ว คุณยังทำงานไม่เสร็จอีกแล้วใช่มั้ยครับ...........ผมจะนั่งเล่นเกมส์รอเป็นเพื่อนไปเรื่อย ๆ

.............................................................
..............................................................

................แปลกชิบหายเลยวะ ยิ่งคิดกูยิ่งอยากร้องไห้...........

คุณไอศูรย์ครับ.........ผมรู้สึกเหมือนจะตาย.......เมื่อไม่มีคุณอยู่ใกล้ ๆ แบบนี้……….

ผมมันโง่ที่เพิ่งรู้ตัวเวลาที่เราต้องอยู่ห่างกัน คุณไอศูรย์คุณไม่รู้หรอกครับ.............

แค่เพียงวันเดียวที่ไม่ได้เจอคุณ ผมคิดถึงคุณจนแทบจะทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 24-05-2014 20:24:44
“จุ้ม.....ไปชงกาแฟซิ”

สั่งเหมือนทุกวัน แต่ลืมว่าทุกวันที่สั่งมีคนทำให้

“เร็วๆ.............นะ”

พูดออกไปจนจบประโยค ถึงได้เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าคนที่มักทำหน้างี่เง่าและต้องให้พูดซ้ำซาก....... ไม่อยู่แล้ว
นิ่งอึ้งกับความรู้สึกของตัวเอง ภายในอกคล้ายมีบางสิ่งบางอย่างที่เป็นก้อนหนัก ๆ จุกอยู่ข้างใน

กลับบ้านไปตั้งแต่หัวค่ำแล้วนี่นะ ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้กลับไปด้วย คุณไอศูรย์เหลือบมองนาฬิกาและเห็นว่าเป็นเวลาที่ปาเข้าไปเกือบตีสอง ปิดคอมพิวเตอร์ และลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำ เตรียมอาบน้ำพักผ่อน แต่ทุกก้าวที่เดินสายตากลับมองไปที่หน้าโซฟาที่มักมีใครบางคนนั่งอยู่ตรงนั้น บางครั้งจุมพลก็มักพูดคนเดียวบ่อย ๆ บางครั้งพูดไปหัวเราะไปคนเดียว จนคุณไอศูรย์ต้องแกล้งว่า หาว่าจุมพลเป็นบ้าที่พูดคนเดียว

จุมพลนั่งเล่นเกมส์เป็นเพื่อนทุกวันจนกว่าจะทำงานเสร็จ และเราเข้านอนพร้อมกันทุกคืน

ยิ่งมองก็ยิ่งทำให้นึกถึง แต่คุณไอศูรย์ก็ทำได้แค่ถอนหายใจยาว ๆ และเดินเข้าห้องไปเงียบ ๆ
อาบน้ำเรียบร้อย และเดินมานั่งอยู่บนเตียง ทุกวันจะต้องแบ่งกันว่าใครจะนอนด้านนอก หรือด้านใน แต่วันนี้ไม่ต้องแบ่งกันแล้ว เพราะพื้นที่ของเตียงทั้งหมด กลายเป็นของคุณไอศูรย์แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น

ล้มตัวลงนอนและปิดไฟเรียบร้อย ขยับเพื่อหาหมอนข้างมากอด แต่เอาเข้าจริงหมอนข้างก็ไม่ได้ทำให้อุ่นกายอุ่นใจ และหลับสนิทได้เหมือนกับหมอนข้างมีชีวิตคนนั้น

คุณไอศูรย์เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือมาไว้ในมือและนอนมอง...........
ตั้งใจจะโทรออกหลายครั้ง กดหมายเลขโทรออกเรียบร้อยแต่ก็กดตัดสายไปในที่สุด

ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้ม
กลุ้มใจกับเรื่องไม่น่ากลุ้ม

สุดท้ายโยนโทรศัพท์ทิ้งไว้อย่างนั้นและหันไปนอนหงายและพยายามข่มตาให้หลับ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำได้ง่าย ๆ

จุมพลเอ้ย จุมพล จุ้มเอ้ยยย จุ้ม ทำไมถึงได้สร้างความปั่นป่วนให้ได้ขนาดนี้ ไม่อยู่แค่วันเดียว ยังทำให้นอนไม่หลับได้ขนาดนี้
แล้วถ้าจุ้มไม่อยู่สองวัน สามวัน สี่วัน หรือห้าวัน จะทำยังไง ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว ยิ่งคิดก็ยิ่งทำอะไรไม่ได้

สุดท้ายไม่ว่าจะพยายามข่มตาให้หลับขนาดไหน คุณไอศูรย์ก็หลับได้ไม่นานและสะดุ้งตื่นขึ้นมาควานหาคนที่เคยนอนอยู่ข้าง ๆ แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า

แบบนี้ท่าทางจะไม่ไหวแล้ว ครั้งนี้คุณไอศูรย์ยอมรับโดยไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ ทั้งสิ้น

ไม่คิดถึงกันเลยใช่มั้ย  ไม่สนใจกันเลยใช่มั้ย  คิดจะให้เป็นบ้าไปเลยใช่มั้ย

สิ่งที่คุณไอศูรย์รู้สึกได้ในเวลานี้คือ.................  ครั้งนี้จุมพลเอาคืนได้เจ็บแสบจริง ๆ


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 24-05-2014 20:45:13
จากกันทั้งที่ยังรักกัน และมีรักครั้งใหม่ที่ซ้อนทับกัน ชีวิตจุ้มนี้โคตรซับซ้อนเลย

กลับมาเถอะจุ้ม คุณไอศูรย์รออยู่นะ รักครั้งใหม่จะต้องดีกว่าครั้งก่อนแนะ

 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 54
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 24-05-2014 20:47:45
แงๆๆ ตอนนี้เศร้ามาก มันเป็นความผิดใครวะ นังพี่สาวเลวเอ๊ย!!!
เค้าโครตสงสารหญิงเลยอ่ะ ต่อไปขอให้มีแต่ความสุขนะ T_T
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 24-05-2014 20:57:28
โอ้ยยยย เศร้าจิงๆ
แต่อย่างว่านะ ห่างกันบ้าง
จะได้รู้ว่าเวลาไม่มีเรา มันเศร้าแบบนี้นี่เอง
TTTT^TTTT

ปล. อยากอ่านต่อจร้า เรื่องของคุณเลขา หรือ เรื่องใครก้อได้
สนุกมากกก ชอบคร้าบบบบบ ^O^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 24-05-2014 21:05:18
โฮๆๆๆๆ บางทีความรักมันก็เล่นตลกกับเรา
ใครจะอยากให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับตัวเอง
คนอ่านก็พูดไม่ออก บอกไม่ถูกเหมือนกัน T_T
เอาเป็นว่ารอตอนต่อไปแล้วกานนนนนน ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 24-05-2014 21:08:21
รักสามเศร้าาา  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 24-05-2014 21:26:52
งือออ ต่างคนต่างรักกันไม่ใช่เหรอ แล้วจะมาทนเหงากันอยู่ทำมายยย
ไปเลยพี่ไอซ์ ไปตามจุ้มกลับมาเลย จุ้มอ่ะ พูดดีๆไม่รู้เรื่องหรอก พี่ต้องฮาร์ดคอ เอาเลยพี่ ไปเอากลับมาเลย อย่าไปยอมมมมมมมมมมมม
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 24-05-2014 21:39:52
อืม...สุดท้ายก็เสียใจทั้งคู่....
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 24-05-2014 23:14:41
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/19/256IqDzo.jpg)
เรื่องของหัวหน้าแผนกจัดซื้อ ไอศูรย์-จุมพล ตอน คิดถึง

ถ้าความคิดถึงมันฆ่าคนได้จริง ๆ ตอนนี้คุณไอศูรย์คงตายไปแล้วหลายร้อยรอบ เพราะโดนความคิดถึงฆ่าตาย

............................

“จัดการให้ด้วยแล้วกัน ถามว่าจะเอายังไง ทำดีก็ได้รางวัลที่เหมาะสม แต่ถ้าคิดอะไรตื้น ๆ ก็จัดการตามขั้นตอน”

โยนปึกเอกสารที่ถูกแก้ไขตัวเลขเรียบร้อยลง และคุณไอศูรย์ก็กดตัดสายและโยนโทรศัพท์ทิ้งเอาไว้บนโต๊ะทำงาน
สั่งงานเรียบร้อย และลุกขึ้นยืนก่อนจะยกมือขึ้นเสยผมด้วยความหงุดหงิดโมโห

ปกติไม่ใช่คนที่อยากจัดการกับใครขั้นเด็ดขาดขนาดนี้ แต่พักนี้มันหงุดหงิดไปหมด อะไรก็ขวางหูขวางตา

เบื่อวิธีการประนีประนอม ปล่อยไปนาน ๆ ก็ชักจะเหลิงไปกันใหญ่ คงคิดกันไปเองว่าคุณไอศูรย์คนนี้เกิดใจดีกับคนที่คิดไม่ซื่อขึ้นมา แต่ตอนนี้ชักจะเบื่อกับการเล่นอะไรแบบนี้เกินทน

ก็เลยให้ลูกน้องไปจัดการตาม “สมควร” คิดว่าสมควรแค่ไหนก็จัดการไปตามนั้น ของแค่นี้ถ้าพิจารณาเองไม่ได้ ก็ไม่สมควรได้ชื่อว่าทำงานร่วมกันมาเป็นสิบปี และก็ไม่สมควรได้รับการไว้วางใจให้รับผิดชอบงานบางส่วนที่คุณไอศูรย์เห็นว่าสำคัญ แต่ไม่มีเวลาลงไปดูแล ปกติงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ประเภทจัดการคนที่คิดไม่ซื่อกับบริษัท ไม่ใช่เรื่องที่คุณไอศูรย์คิดจะสนใจมากนัก แต่ในเวลานี้ไม่ว่างานอะไรก็รับมาดูแลเองหมดทุกอย่าง

ทำมันทุกงาน

ก็แล้วจะไม่ให้ทำทุกงานได้ยังไง ในเมื่อเวลาช่วงเช้าที่ต้องตื่นไปส่งคนที่เคยอยู่ด้วยกัน ไม่มีอีกแล้ว
ตอนเย็นที่ต้องไปรับกลับคอนโดพร้อมกัน ก็ไม่ต้องไปรับแล้ว ไหนจะช่วงกลางคืนที่อยู่ด้วยกันอีก ไม่ได้ทำแบบนั้นอีก

เพราะจุมพลกลับไปอยู่บ้านของตัวเองสองอาทิตย์แล้ว และไม่มีวี่แววว่าจะยอมติดต่อกลับมา แม้กระทั่งโทรหากันแค่สักครั้ง ยังไม่เคยโทร แล้วจะให้คนอย่างคุณไอศูรย์โทรไปหาก่อน...............อย่าหวัง.............

และเพราะมีเวลาให้คิดอะไรมากไป คุณไอศูรย์ก็เลยต้องเอาเวลามาลงกับงานจนหมด เพื่อดับความหงุดหงิดโมโหของตัวเองที่นานวันจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

“คุณพิชาญ.......รายงานเรื่องวันนี้หน่อย”

กดโทรศัพท์บนโต๊ะทำงาน โทรหาเลขาที่ทำงานด้วยกันมานานปี และคุณพิชาญคนที่ว่า ก็รายงานความคืบหน้าของงานใหญ่ ที่คุณไอศูรย์ให้ความสนใจมากยิ่งกว่างานที่กองสุมกันอยู่บนโต๊ะ

“ออกจากบ้านตอนเจ็ดโมงเช้าครับ วันนี้ตื่นเช้ากว่าเมื่อวาน แวะจอดรถซื้อโจ๊กข้างทาง แล้วก็ขับรถไปถึงบริษัทตอนเจ็ดโมงห้าสิบครับ วันนี้ใส่เสื้อเชิตสีฟ้า กับเนคไทด์ลายขวางสีฟ้าเข้ม ท่าทางดูง่วงๆ นิดหน่อย แต่โดยรวม ๆ ถือว่าโอเคดีครับ”

หึ โอเคดีสินะ โอเคดีมาก โอเคมากมั้ยจุมพล โอเคมากนักใช่มั้ย “จุ้ม”

“ขอบคุณมากคุณพิชาญ”

กดวางสายเรียบร้อย และคุณไอศูรย์ก็ยืนท้าวเอว ขมวดคิ้วมุ่น และถอนหายใจออกมายาว ๆ ด้วยความหงุดหงิดโมโห

นี่มันสองสัปดาห์แล้วนะจุมพล ทำแบบนี้หมายความว่ายังไง ทำแบบนี้คิดจะฆ่ากันให้ตายทางอ้อมหรือไง คุณคิดว่าคุณเล่นกับใครอยู่คุณจุมพล ผมไอศูรย์ สหัสสิงห์เดชากุล คนอย่างผมอยากได้อะไรต้องได้ และไม่เคยมีใครกล้าขัดใจผม

แต่สิ่งที่คุณทำกับผมมันชักจะเกินไปแล้ว จะเมินเฉยกันต่อไปเรื่อยๆ หรือจะกลับมาหาผมแต่โดยดี
คุณอย่าคิดว่าจะมีสิทธิ์เลือก เพราะไม่ว่าเรื่องอะไร ผมก็จะเป็นคนเลือกให้คุณเอง

ถ้าคิดว่าจะเมินเฉยกันขนาดนี้........... ผมก็จะทำให้คุณสำนึกซะบ้าง เพื่อเป็นการสั่งสอน จะได้ไม่กล้าทำแบบนี้กับผมอีก

..............อย่าคิดว่าคนอย่างผมจะโทรหา หรือยอมอ่อนข้อ ขอร้องให้คุณกลับมาง่าย ๆ ......... ถ้าผมคิดถึงคุณแทบตาย คุณก็ต้องคิดถึงผมจนแม้ตายไปก็ยังหยุดความคิดถึงที่มีต่อผมไม่ได้

..........................คุณเล่นผิดคนแล้วจุมพล........แล้วคุณจะได้รู้ว่าอาการคิดถึงจนแทบขาดใจตายมันเป็นยังไง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 24-05-2014 23:15:11
“นี่บิลแจ้งของบริษัทไอศูรย์ขนส่งค่ะ ประทับตราบริษัทเรียบร้อยแล้ว ขนาดว่าจัดซื้อให้เราปีแรก ยังมีของสมนาคุณให้บริษัทเรานะคะ มีของแจกให้ด้วยตั้งยี่สิบชิ้นแน่ะ เป็นคุกกี้ค่ะพี่จุ้ม.......กล่องน่ารักดี นี่ก็แจกให้กินกันทั้งแผนกแล้วค่ะ.......อันนี้ของพี่จุ้ม เป็นคุกกี้เนย จะได้ไม่ต้องไปขโมยขนมหัวหน้าแผนกการเงินกินอีก”

ลูกน้องที่ทำงานกันมานาน เสิร์ฟคุกกี้ให้ถึงโต๊ะ และจุมพลที่กำลังหมุนปากกาและตรวจสอบเอกสารการจัดซื้อก็ถึงกับชะงักนิ่งค้าง
มองของสมนาคุณที่อยู่บนโต๊ะแล้วก็ถึงกับต้องถอนหายใจ

บางบริษัทส่งเครื่องใช้ไฟฟ้ามาให้ บางบริษัทส่งเป็นของกิฟเซ็ทเล็ก ๆ มาให้
แต่บริษัทไอศูรย์ขนส่ง ทำเจ็บแสบมากด้วยการส่งคุกกี้มาให้ ก็รู้อยู่แล้ว ว่ามันเป็นของแห่งความทรงจำ จงใจปั่นหัวผมให้บ้าไปข้างเลยใช่มั้ยคุณไอศุรย์ ทำไมถึงทำกับผมแบบนี้

“พี่จุ้ม..........พี่จุ้มคะ.......นี่พี่จุ้มฟังหนูพูดอยู่หรือเปล่าพี่”

อ่า.... เกิดอาการสะดุ้งเล็กน้อย และก็เงยหน้ามองลูกน้องที่ทำหน้ามุ่ยใส่

“เนี่ย เป็นแบบนี้ตลอด เหม่อ ๆ ลอย ๆ ไม่เคยสนใจคนอื่น พี่จุ้มนะพี่จุ้ม หนูพูดไปพี่ก็ไม่ฟัง นี่ส่วนของพี่จุ้ม คนอื่น ๆ หนูแบ่งให้กินหมดทั้งแผนกแล้ว”

เธอชี้ไปที่จานเล็ก ๆ ที่ใส่คุกกี้วางไว้บนโต๊ะแล้วจุมพลก็ส่งยิ้มแหย ๆให้เธอ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป

“บ่นกูอยู่นั่น ตกลงใครเป็นหัวหน้า ใครเป็นลูกน้องวะ”

แกล้งพูดเบา ๆ ให้อีกฝ่ายได้ยิน และเธอก็หันมานิ่วหน้าใส่

“ก็เพราะพี่จุ้มเป็นแบบนี้ไง หนูถึงแทบจะกลายเป็นหัวหน้าอยู่แล้ว นึกว่าหนูอยากจัดการชีวิตพี่จุ้มหรือไง แต่เพราะพี่จุ้มเอาแต่มึนอยู่แบบนี้ หนูถึงทนไม่ได้......... รีบ ๆ กินแล้วเซ็นต์เอกสารซะทีเหอะพี่ นายรออนุมัติแล้ว ถ้าเดือนหน้าหนูลาคลอดแล้วพี่จุ้มจะสำนึก ว่าไม่มีหนูแล้ว ชีวิตพี่จุ้มคงวุ่นวายกว่านี้อีกเยอะ”

จ่ะ

เข้าใจแล้วจ่ะ

“เกศแก้วที่รัก จะทิ้งจุมพลไปได้ลงคอหรือไง”

ทิ้งได้ไม่ได้ หนูก็ต้องทิ้ง

“หรือพี่จะให้หนูมาคลอดกลางออฟฟิศเลยมั้ย ผัวหนูยิ่งสงสัยอยู่ว่าเป็นอะไรนักหนา ถึงไม่ยอมลางานสักที ก็เพราะพี่จุ้มทำตัวน่าห่วงแบบนี้แหละ หนูถึงลาคลอดไม่ได้ หัดตั้งใจทำงานซะทีเหอะ หนูกลุ้มใจนะพี่”

โดนบ่นจนหูชา แล้วจุมพลก็ยิ้มหวานเพื่อเอาใจลูกน้องที่แม้จะท้องโย้ขนาดนี้เธอก็ยังอุตส่าห์มาทำงาน และจัดการงานจุกจิกเล็กน้อยให้จุมพลที่บางครั้งก็มีสติไม่ครบพอจะทำงานได้

วิธีของคนอื่น คือข่มลูกน้องให้ไม่สามารถแสดงความสามารถได้อย่างเต็มที่ แต่วิธีของจุมพลคือปล่อยให้ลูกน้องแสดงความสามารถที่มีอยู่ออกมาให้เต็มที่

เรื่องบางเรื่องไม่ต้องเก่งมากจนเกินไปก็ได้ แกล้งทำไม่เป็นบ้าง เพื่อให้คนอื่นที่มีความสามารถได้แสดงศักยภาพบ้างไม่ใช่เรื่องเสียหาย ในสายตาคนภายนอก จุมพลคือหัวหน้างานที่ทำงานไม่เป็น แต่ในสายตาของลูกน้อง จุมพลคือหัวหน้างานที่ใช้คนเป็น
และการใช้คนของจุมพล ไม่เคยต้องเอ่ยปากสักครั้ง

เพราะคนที่จุมพลใช้ เต็มใจเดินมาจัดการให้ โดยไม่ต้องเอ่ยปาก เพราะทนไม่ได้กับการที่จุมพลเหมือนคนไม่เอาอะไรเลย

เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นซ้ำ ๆ แต่เมื่อมีเรื่องใหญ่เข้ามาในแผนก แต่ละเรื่องเป็นเรื่องยากเกินกว่าที่ใคร ๆ จะแก้ปัญหาได้ แต่เมื่อถึงมือจุมพลทุกอย่างกลับแก้ปัญหาได้ง่าย ๆ ด้วยวิธีการแปลก ๆ ที่ใคร ๆ ก็ไม่คาดคิด

แผนกจัดซื้อที่มีหัวหน้าเลื่อนลอย ไม่เคยมีปัญหากับใคร และไม่เคยถูกใครเพ่งเล็ง เพราะไม่ว่าปัญหาใหญ่โตขนาดไหนแผนกจัดซื้อก็จัดการกันเอง ให้ผ่านพ้นมาได้ง่าย ๆ

“พี่จุ้มไม่คิดจะทำแบบคนอื่นทำบ้างเหรอ แบบว่าทำตัวว่าตัวเองยิ่งใหญ่เก่งกาจกว่าคนอื่น ไม่ใช่ทำเหมือนทำอะไรไม่เป็น แต่ที่จริงทำเป็นทุกอย่าง”

ไม่ล่ะ

“พี่เป็นแบบนี้ไม่ดีเหรอ เคยได้ยินป่าว แมวสีอะไรก็ช่าง แค่จับหนูได้ก็พอ จุมพลหัวหน้าแผนกจัดซื้อจะเป็นยังไงก็ช่างแต่ทำให้แผนกเราไม่ล่มจมได้ก็พอ”

ตลกมากมั้ยพี่จุ้ม

“ก็เป็นซะแบบนี้ ใคร ๆ เขาก็เลยพาลมองว่าพี่จุ้มทำงานไม่เป็น ทำงานไม่ได้เรื่อง ขึ้นมาเป็นหัวหน้าแผนกจัดซื้อได้ยังไง นี่ไม่เคยคิดจะแคร์สายตาชาวบ้านเลยเหรอ”

ไม่ล่ะ

“อยากมองยังไงก็มองไปเหอะ โลโก้จุมพลหัวหน้าแผนกจัดซื้อทำงานไม่เป็น มันแปะหน้าพี่ตั้งนานแล้ว นี่ล่ะจุดขายเลยล่ะ ไม่รู้เลยหรือไง ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

เหรอคะพี่

“หนูล่ะกลุ้มใจจริง จะลาคลอดได้อย่างสบายใจมั้ยเนี่ย”

ลูกน้องเดินกุมขมับจากไปแล้ว และจุมพลก็ยิ้มร่า หัวเราะกับเรื่องไม่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในแผนกทุกวัน
รอยยิ้มยังปรากฏที่ใบหน้า แต่ในไม่ช้าก็ค่อย ๆ จางหาย คุกกี้เนยในจานสองสามชิ้น ทำให้จุมพลต้องนิ่งมองด้วยหัวใจที่อ่อนล้า

คุณไอศูรย์ คุณส่งของแบบนี้มา เพื่อจงใจปั่นหัวผมจริง ๆ ใช่มั้ย..........สองสัปดาห์แล้วนะที่คุณเมินเฉยใส่ผม
อย่างน้อยก็น่าจะโทรหากันบ้าง ปล่อยให้ผมอยู่อย่างนี้คนเดียวได้ยังไง ทั้ง ๆ ที่เป็นคนแยกผมออกมาจากหญิงเองนะ
ทั้ง ๆ ที่ไปขอผมกับหญิงแล้ว ทั้ง ๆ ที่คุณก็แสดงท่าทีของตัวเองออกมาอย่างชัดเจน แล้วทำไมพอคุณได้อย่างที่ต้องการแล้ว คุณถึงเมินเฉยใส่ผม

เหมือนเรื่องราวทุกอย่างที่ผ่านมา เรื่องระหว่างเราไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ผมไม่ได้อยากกลับมาอยู่คนเดียวแบบทุกวันนี้หรอกนะ
แต่ผมไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ต่ออีกแล้วเท่านั้น คุณไม่รั้ง ผมก็ไม่ว่า แต่อย่างน้อยก็น่าจะสงสารผมบ้าง หัวใจผมไม่ได้เข้มแข็งขนาดที่จะลืมเรื่องของรักครั้งเก่าได้ง่าย ๆ แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับคุณ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นแล้วทำเป็นเมินเฉยได้

ผมคิดว่าตัวเองจะไม่เป็นไรนะ เวลาที่ต้องไปคิดทบทวนอะไรคนเดียว แต่พอเอาเข้าจริง มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะจัดการกับความรู้สึกของตัวเอง ผมไม่อยากถูกคุณมองว่าเป็นคนใจง่าย เพิ่งร้องไห้ฟูมฟายกอดกับหญิงตอนเลิกกันได้ไม่กี่วัน ก็จะโผไปหาคุณซะแล้ว ผมรู้คุณมีศักดิ์ศรีที่จะไม่ง้อผม แต่ผมก็มีศักดิ์ศรีในแบบของผมที่จะไม่ทำให้ตัวเองไร้ค่าในสายตาของคุณเหมือนกัน

อะไรที่ได้มาง่าย ๆ มักไร้ค่า และผมไม่อยากเป็นแบบนั้น คุณจริงจังกับผม ผมรู้ และผมเองก็จริงจังกับคุณไม่ต่างกัน

แต่ว่านานเกินไปแบบนี้ ผมก็ทนไม่ไหวเหมือนกันนะ จุมพลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาคนที่ไม่เคยได้ยินเสียงกันมาสองสัปดาห์
หัวใจกำลังเต้นระทึกไม่เป็นส่ำ เมื่อเสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้นและไม่นานอีกฝ่ายก็รับสาย

“สวัสดีครับ คุณไอศูรย์ ผมจุมพล จัดซื้อของบริษัทค้าพืชผลการเกษตรนะครับ”

โทรมาได้แล้วสินะ คุณไอศูรย์ถึงกับยิ้มกว้าง เมื่อของที่ส่งไปในวันนี้ได้ผลที่น่าพอใจมากอย่างไม่น่าเชื่อ กำลังหัวใจพองโต เพราะได้ยินเสียงทักทายจากคนที่วันนี้ยอมโทรหากันแล้ว แม้จะเอาเรื่องงานมาอ้างก็เถอะ แต่ของแบบนี้ก็ดูกันไม่ยาก

“ว่าไงครับ คุณจุมพล”

...........นี่คือคำพูดของคนที่เคยใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาสองเดือนจริง ๆ เหรอวะ จะทักทายถามไถ่ว่าผมสบายดีมั้ยสักคำ ก็ไม่มี
จุมพลรู้สึกเหมือนตัวเองที่เป็นฝ่ายโทรหาก่อนช่างเป็นคนงี่เง่า ที่คุณไอศูรย์ไม่เห็นค่า

“จะโทรมาขอบคุณที่ส่งขนมมาฝากทุก ๆ คนในแผนกจัดซื้อน่ะครับ”

อ่อ

“ยินดีครับ”

แค่นี้เองเหรอ แค่นี้เองเหรอวะ แค่นี้เองใช่มั้ย................. จุมพลเม้มปากแน่น เมื่อปลายสายตอบกลับเพียงแค่นั้น

“งั้นแค่นี้นะครับ”

จำใจกล่าวอำลา และคุณไอศูรย์ก็ไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะรู้สึกอะไรนอกจากตอบกลับมาแค่คำว่า “ครับ” เพียงคำเดียว
ค่อย ๆ กดวางสายไปเงียบ ๆ หัวใจห่อเหี่ยว และไม่มีอารมณ์จะทำอะไรต่อ

หยิบคุกกี้ในจานใส่ปากเคี้ยวไปเรื่อย ๆ

และในสมองก็ยังครุ่นคิดบางอย่างไม่หยุด ใจร้ายกับผมมากเลยนะคุณไอศูรย์........แค่ได้ยินเสียงคุณผมก็ดีใจจะตายห่าแล้ว
แต่คุณก็ทำให้ความดีใจของผมหายวับไปกับตา บทจะใจร้ายคุณไอศูรย์ก็ใจร้ายได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ผมไม่อยากจะเชื่อจริง ๆ ว่าคุณจะทำแบบนี้กับผมได้ลงคอ คุณมันใจร้ายเกินไปแล้ว คุณทำกับผมถึงขนาดนี้ได้ยังไง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 24-05-2014 23:15:31
ทนไม่ไหวแล้วโว้ยยยยยยยยยยยยย เกินไปแล้ว แบบนี้มันจะเกินไปแล้ว
จุมพลที่กำลังเดินทางในเกมส์ จัดการปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ และลุกขึ้นยืนด้วยความหงุดหงิดโมโห

พอกันที

พอกันที กูไม่ทนแล้วครับ ไอ้ความรู้สึกบ้าๆ บอ ๆ แบบนี้ ไม่ว่ายังไงก็จะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว เป็นไงเป็นกันวะ
เคลียร์ ๆ กันให้จบไปเลย จะมาเล่นสงครามประสาทกันอยู่แบบนี้ทำไม คนที่จะเป็นบ้า คือกูนะครับ ไม่ใช่คุณมึง.....

ทำกับผมแบบนี้ได้ยังไงวะ ทำกับผมแบบนี้ได้ยังไง ทำกับกูแบบนี้ได้ยังไงล่ะโว้ยยยยยยยยยยยยยย
จุมพลลุกขึ้นเดินไปหยิบกุญแจรถและเดินออกจากบ้านในเวลาเกือบเที่ยงคืน ใครมันจะไปทนได้ โรคนอนไม่หลับกลับมาเยือนได้สามสี่วันแล้ว เมื่อก่อนชิน แต่ตอนนี้ อาการนอนไม่หลับในช่วงกลางคืนกำลังเล่นงาน และมันก็มีผลไปถึงเรื่องงานด้วย

เบลอหนักถึงขนาดที่เซ็นเอกสารผิด และถ้าตั้งสติไม่ทัน เอกสารที่เซ็นผิดคงได้ถูกส่งไปถึงนาย
คุณทำกับผมแบบนี้ไม่ได้อีกแล้วครับคุณไอศูรย์ ยังไงคุณก็ทำกับผมแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว

ไม่อยากจะคิดอะไรอีก พอแล้วกับความอดทน พอกันทีกับความคิดที่วนเวียนในหัวไม่เลิก จุมพลเดินทางออกจากบ้านในเวลาดึกดื่นเพื่อเคลียร์ปัญหาที่สมควรจะจบได้แล้ว ขืนยืดเยื้อไปมากกว่านี้ คงได้เป็นบ้าตายสักวัน คุณไอศูรย์นะคุณไอศูรย์ คุณปั่นหัวผมได้สุดยอดมาก ผมจะเป็นบ้าตายแล้วเพราะคุณ คุณทำกับผมได้ขนาดนี้เลยใช่มั้ย คุณมันคนใจร้ายใจดำ

ถ้าคุณจะใจดำกับผมขนาดนี้ ผมก็จะจบเรื่องนี้ไปซะที แม่งงงงงงงงงงงง กูไม่ทนอีกต่อไปแล้ว เหี้ยเอ้ยยยยยยย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 24-05-2014 23:16:38
รู้มั้ย วินาทีแรกที่ประตูเปิดออก และผมได้เห็นหน้าคุณ ผมอยากทำอะไร

จุมพลเงยหน้าขึ้นมองหน้าของคนที่เปิดประตูให้และมายืนทำหน้าเรียบเฉยใส่ ไม่มีอารมณ์ใด ๆ ทั้งสิ้นปรากฏบนหน้าของคุณไอศูรย์นอกจากความนิ่งเฉย

“คือ...........ผม......ผมลืม.......เอ่อ....อะไรดีวะ.....”

ยกมือขึ้นเกาหัว เพราะคิดไม่ออกว่าจะใช้ข้ออ้างอะไรดี แต่ไม่ต้องคิดนาน เพราะคุณไอศูรย์ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าคนที่มาหาจะใช้เหตุผลอะไรในการมาเยือนในยามดึกดื่นป่านนี้

“นึกได้ว่าลืมอะไรแล้วค่อยบอกผมแล้วกัน ผมยุ่งอยู่”

คุณไอศูรย์พูดแค่นั้นแล้วก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้ทำงานของตัวเอง ปล่อยให้ผู้มาเยือนยืนหน้าเซ่อ และไปไม่เป็นอยู่หน้าประตู
จะถอยหลังกลับ ก็ใช่ที่ จะเข้าไปก็ตะขิดตะขวงใจ

“........อ่อ ผมนึกออกแล้ว ผมลืมสมุดโน้ตเอาไว้นี่เอง..................”

สุดท้ายสิ่งที่จุมพลตัดสินใจทำก็คือหาข้ออ้างไปเรื่อย และก็เดินเข้ามาในห้อง จัดการปิดประตูห้องเรียบร้อย และก็ยืนหันรีหันขวาง
ทั้งที่เคยอยู่ในห้องนี้มาร่วมสองเดือน แต่พอได้กลับมาอีกครั้ง ก็เกิดทำตัวไม่ถูกขึ้นมา

“น่าจะอยู่ในห้อง”

พูดคนเดียว ให้คนที่นั่งทำงานได้ยิน แต่คุณไอศูรย์ก็ยังคงเมินเฉย ไม่อยากให้มาหาขนาดนั้น บอกกันตรง ๆ ก็ได้
ไม่ต้องทำเป็นเฉย ยิ่งเห็นยิ่งพาให้ใจห่อเหี่ยว ยิ่งเห็นยิ่งรู้สึกว่าในอกกำลังโหวงเหวง เพราะปฏิกิริยาที่แสนเย็นชาของคนที่เมินเฉยใส่กันได้อย่างร้ายกาจ ผมเองก็มีศักดิ์ศรีนะ ถ้ามาแล้วต้องเจอกับความเย็นชาแบบนี้ ผมก็สู้ไม่ไหว

ตัดสินใจหมุนตัวกลับ และเตรียมก้าวขาออกจากห้องเงียบ ๆ และคนที่นั่งอยู่ก็หันมาพูดอะไรบางอย่าง

“คราวหน้าคราวหลังไม่ต้องมาอีกนะ”

อะไรนะ

จุมพลเลิกคิ้วขึ้นสูง และใบหน้าก็งอหงิกทันที เพราะได้ยินคำพูดที่แสนเย็นชาของอีกฝ่าย คุณไอศูรย์ลุกขึ้นจากเก้าอี้ และเดินมาที่หน้าประตูห้อง

เพื่อ..........เปิดประตูไล่..........คนที่มาหา

“ไม่ว่าจะลืมอะไร ก็ไม่ต้องมาอีก ถ้านึกขึ้นได้ว่าลืมอะไรก็โทรบอกผม........ผมจะส่งไปให้ที่บ้าน คุณจะได้ไม่ต้องมาด้วยตัวเองอีก มันเสียเวลา”

เหี้ยยยยยยยยยยยยย พูดกับกูขนาดนี้เลยเหรอวะ พูดถึงขนาดนี้เลยเหรอวะ พูดถึงขนาดนี้เลยใช่มั้ย
จุมพลมองหน้าคุณไอศูรย์นิ่ง ๆ จ้องมองและดวงตาก็เริ่มเบิกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ

กูเปล่าเสียใจนะ กูไม่ได้เสียใจเลยนะ เอาจริง ๆ ผมไม่ได้เสียใจหรือรู้สึกอะไรกับคำพูดของคุณเลยจริง ๆ นะโว้ยยยยย

“ข้ออ้างพวกนั้นมันน่าเบื่อและผมก็ไม่อยากจะฟังให้ปวดหัว”

กระทืบกูให้จมดินซะดีกว่ามาพูดจาโหดร้ายใส่หน้ากันแบบนี้

“เข้าใจแล้ว”

ก้มหน้าก้มตายอมรับ และหันหลังกลับพร้อมกับหัวใจที่กำลังหล่นหายไปแล้วเรียบร้อย

“เดี๋ยว”

อะไรอีกล่ะ อะไรอิ๊กกกกกกกกกกก คุณจะเอาอะไรกับผมอีกวะ คุณไอศูรย์ คุณจะเอาอะไรอีกกกกกกกกกก ผมไม่เข้าใจ
เงยหน้าขึ้นมองคนที่อยู่ตรงหน้านิ่ง ๆ และคล้าย ๆ เหมือนใกล้จะสะกดกลั้นความรู้สึกเสียใจ น้อยใจที่ประเดประดังเข้ามาไม่ไหว

“ถ้าจะหาข้ออ้างมาหาผม ไม่ต้องมาอีกนะ”

ได้ ไม่มาอีกแล้ว สาบานจะไม่มาอีกแล้ว ผมไม่มีหน้ามาหาคุณอีกต่อไปแล้ว  ไม่ว่ายังไงผมก็คงไม่กล้ามาอีกแล้ว

“แต่ว่า.............ถ้าคุณ “คิดถึง”ผม.... คุณมาได้ตลอดเวลา”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 24-05-2014 23:18:07
จุ้มเอ้ยจุ้ม
 :ling2: :ling2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 24-05-2014 23:35:51
จุ้ม สู้ๆๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 25-05-2014 00:15:26
 :katai1:ใจจะขาดแล้ว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 25-05-2014 00:22:03
ตายๆๆๆตายกับคำสุดท้าย... ถ้าคิดถึงมาหาได้ตลอดเวลา :laugh:


และแล้วน้องจุ้มจะไปไหนรอด


ถูกใจ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 25-05-2014 01:35:23
โหยยยยยย พี่ไอซ์แกล้งจุ้มโหดมากกกก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 25-05-2014 01:42:46
จุ้ม เจอหมัดเด็ดไปงานนี้ไม่รอด :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 25-05-2014 09:04:18
"หลงตัวเอง ใครเค้าคิดถึงคุณกัน ชิ" //มโนว่าเป็นจุ้ม อิอิ ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 25-05-2014 09:05:40
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 25-05-2014 09:11:42
ไอศูรย์ร้ายอ่ะ ถ้าคิดถึงมาหาได้ตลอดเวลา อย่างนี้มาอยู่ด้วยกันเลยดีกว่า
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 25-05-2014 09:38:31
เล่นอะไรก๊านพวกนี้
อ่านแร้วโหวงเหวงเจงๆ >_<
ตอนหน้า ก้อดีกันได้แล้วนาจร้า
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: janezilla ที่ 25-05-2014 11:28:39
เขิน....สลบคาที่
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: mapreaw ที่ 25-05-2014 11:38:12
พี่ไอซ์ทำซะเกือบหัวใจวาย เกือบหน่วงเลยนะเนี่ย :ling3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: foolishbeat ที่ 25-05-2014 11:40:35
ต่างคนต่างเชิงใส่กัน แต่น้องจุ้มทนไม่ไหวซะเอง น่ารัก :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 25-05-2014 12:02:55
ใจร้ายมากกกกกกกกกกกก
พี่ไอเล่นแรงงง คือบอกเลยถ้าไม่มีพาร์ทของไอ คิดว่าไอไม่สนใจจุ้มแล้วจริงๆนะเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 55
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 25-05-2014 12:59:44
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/19/256IqDzo.jpg)
เรื่องของหัวหน้าแผนกจัดซื้อ ไอศูรย์-จุมพล (ภาคพิเศษไม่เกี่ยวกับตอนหลัก)  เมื่อครั้งเราเป็นเด็ก

“นามสกุลของคุณนี่มันทำให้ไม่มีใครกล้ายุ่งกับคุณเลยจริง ๆ นะ เห็นลือกันว่า มีครั้งหนึ่งที่พวกคุณเริ่มอภิปรายกันด้วยหัวข้ออะไรซักอย่าง โต้เถียงกันโดยเอาข้อมูลของแต่ละคนมาแย้ง พอรู้ว่าคุณนามสกุลอะไร คนที่โต้แย้งกับคุณถึงกับไม่กล้าเอาข้อมูลเหล่านั้นขึ้นมานำเสนอเพราะไม่อยากมีปัญหากับคุณ เรื่องที่ผมได้ยินมามันจริงเปล่า คุณไอศูรย์”

มันเป็นคำแซวที่ไม่รู้ว่าควรยินดีหรือเปล่า

นายไอศูรย์ นักศึกษาปริญญาโท บริหารธุรกิจ และมีแนวโน้มว่าจะได้เกียรตินิยมเมื่อจบการศึกษา ได้แต่ส่งยิ้มบาง ๆ ให้กับอาจารย์ที่ทักทายและพูดจาหยอกล้อกัน

“นามสกุลนี้ช่วยให้ผมรอดพ้นจากอะไรบางอย่างหลายครั้ง แต่ในหลายๆ ครั้งมันก็พรากความน่าภูมิใจไปจากผม”

ไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายกับนามสกุลตัวเองซักเท่าไหร่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือเรื่องจริง
มาส่งรายงานให้คนที่คบหากันอยู่ และก็ก้าวขาเดินจากห้องพักอาจารย์มาตามทางเดินเรื่อย ๆ

ไอศูรย์เป็นนักศึกษาดีเด่นที่มีครบทุกอย่าง กีฬาดี หน้าตาดี สติปัญญาดี ฐานะดี แต่หลาย ๆ ครั้งสิ่งที่ไอศูรย์ขาดไปคือความภาคภูมิใจ

ต่อให้พยายามมากแค่ไหน และไม่ว่าจะเก่งซักแค่ไหน แต่สิ่งที่ได้มาทั้งหมด ในบางครั้งก็ไม่แน่ใจว่าทุกคนอ่อนข้อให้เพราะรู้นามสกุลของไอศูรย์หรือเปล่า มันแย่ที่บางครั้งได้รู้ว่า สิ่งที่ตัวเองทำและคิดว่าดีแล้ว แท้จริงมาจากการที่คนหลาย ๆ คนไม่อยากยุ่งด้วย ไม่มีใครกล้าขัดใจ ในความสมบูรณ์แบบหลายครั้งก็เต็มไปด้วยความอ้างว้าง

“พี่ไอซ์ คิดอะไรอยู่พี่”

ได้ยินเสียงเรียกจากรุ่นน้อง และไอศูรย์ที่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยก็เหมือนเพิ่งตื่นจากภวังค์

“ก็เรื่องเดิม ๆ”

บอกรุ่นน้องออกไป และเล้งก็พยักหน้ารับ และส่งยิ้มให้กับรุ่นพี่

“มันเลือกไม่ได้นะพี่ของแบบนี้ ยังไงเราก็เป็นส่วนหนึ่งของเขา เราเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลไปแล้ว ถึงตายไป เราก็ต้องเป็นผีตระกูลนี้อยู่ดี”

เล้งอยู่ในสภาวะที่ใกล้เคียงกับไอศูรย์มากที่สุด เล้งเป็นรุ่นน้อง เพิ่งเข้ามาเรียนปี 1 แต่รู้จักกันเพราะหลาย ๆ ครั้งก็ได้พบเจอกันในงานเลี้ยงที่จัดขึ้นเพื่อช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจครอบครัวของพวกเรามีช่องทางการเจริญเติบโตมากขึ้น

ชายหนุ่มผิวขาว ที่รอยยิ้มกระจ่างสดใสมากที่สุด แม้จะมีชีวิตที่ใกล้เคียงกัน แต่ไม่เคยมีวันไหนที่เล้งไม่ยิ้ม

“ผมก็เหมือนคุณทุกอย่างนะ แต่ผมต่างจากคุณตรงที่ว่าผมยิ้มได้ไม่เท่าคุณ”

บอกรุ่นน้องออกไปแบบนั้น และเล้งก็ยังคงส่งยิ้มเรื่อย ๆ ให้กับรุ่นพี่

“ทุกข์ของคนเราไม่เหมือนกัน ผมไม่คิดจะทุกข์กับเรื่องที่ไม่สมควรทุกข์ โลกนี้มีคนเป็นทุกข์กว่าเราอีกเป็นร้อยเป็นพันเท่า แต่เขาก็ยังอยู่ได้ ใช่มั้ยพี่ สิ่งที่พี่เรียกว่าทุกข์ ที่จริงมันก็แค่ความขัดใจ ....... อะไรบางอย่างมันแค่ไม่เป็นไปอย่างที่ใจเราคิดแค่นั้นเอง”

ก็คงจะจริง

“คุณเก่งนะ อายุแค่นี้ก็คิดได้แล้ว ผมซะอีก ที่ยังต้องทนทุกข์และคงต้องวนเวียนอยู่กับชะตากรรมแบบนี้ไม่เลิก”

ไม่ใช่แค่พี่ไอซ์หรอก ผมเองก็คงไม่ต่างกัน หลังจากเรียนจบแล้ว ผมคงต้องทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอันมากกว่านี้
หม่าม๊าอยากจะวางมือ และให้ผมขึ้นมาแทน ชีวิตหลังจากนั้น มันไม่ได้มีความสุขหรอก ผมรู้อยู่ก่อนแล้ว

ตระกูลผมมันเป็นตระกูลเลือด ทุกวันนี้พี่น้องต้องมาหวาดระแวงกันเอง ก็เพราะเงิน เพราะอำนาจ เพราะสมบัติของตระกูลทั้งนั้น
ผมรู้ ถ้าผมจะขึ้นไปยืนบนนั้นได้ ผมจะต้องทิ้งทุกอย่าง และถ้าหากจำเป็นต้องเลือดเย็นกับพี่กับน้อง ผมคงต้องทำ

ภาระของผมมันยิ่งใหญ่นะ ทั้ง ๆ ที่ผมไม่อยากจะไปถึงจุดนั้น แต่จะห้ามได้ยังไงล่ะ ในเมื่อชีวิตของผมมันถูกเขียนให้เป็นแบบนี้ตั้งแต่เกิดแล้ว ทางเดียวที่ผมจะรอดพ้นได้ ก็คงต้องตายไปซะ ซึ่งผมรู้ตัวอยู่ตลอด.....สายตาของญาติ ๆ จ้องมองมาที่ผม และพวกเขารอคอยให้เรื่องนั้นเกิดขึ้น ถ้าวันไหนความอดทนของพวกเขาสิ้นสุด ไม่ผมก็เขา ไม่ว่ายังไงก็ต้องมีฝ่ายที่สูญเสีย แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นฝ่ายผมหรือฝ่ายเขาเท่านั้น

“พี่ไอซ์ ถ้าพี่หนีไม่ได้ เลี่ยงไม่ได้ พี่ก็จงใช้ประโยชน์จากนามสกุลของตัวเอง ใช้ประโยชน์จากพวกพ้องจากอำนาจที่พี่มีซะ มันไม่ยากที่จะจัดการหรอก เชื่อผม”

ใช่ บางทีคงต้องทำแบบนั้น ถึงไม่ได้อยากได้อยากมี แต่ถ้ามีแล้ว ก็จงใช้ซะ ใช้ให้มันคุ้ม

“ขอบใจมากที่เตือนสติผม”

เอ่ยขอบใจรุ่นน้อง ที่ยังคงส่งยิ้มให้ และลุกจากเก้าอี้ม้าหินหน้าคณะเศรษฐศาสตร์ เดินกลับไปที่คณะของตัวเอง

“โทษครับ....”

ไอศูรย์รู้สึกว่าไหล่ถูกกระแทกอย่างแรง และเมื่อหันกลับมามอง ก็เห็นนักศึกษาชายคนหนึ่งกำลังก้มลงเก็บหนังสือสองสามเล่มที่หล่นอยู่บนพื้น รวมทั้งแผ่นเกมส์อีกมากกว่าสิบแผ่นด้วย

นี่จะเอาไปเล่นหรือจะเอาไปขาย ไม่เข้าใจ

“อ้าว ยืนอยู่นั่น ไม่ช่วยผมเก็บหน่อยเรอะ”

จุมพลที่ไม่เคยสนใจชีวิตใครใด ๆ ทั้งสิ้นเพราะชีวิตจมอยู่กับโลกออนไลน์ เงยหน้าขึ้นถามคนที่กำลังยืนงง

“คุณชนผมเองนะ”

ใช่

ผมนี่แหละชนคุณ แต่คุณก็น่าจะมีน้ำใจบ้าง ไม่ใช่ยืนมองเฉย ๆ คนอะไรวะแล้งน้ำใจชิบหาย

“แผ่นเกมส์แม่งจะพังเปล่าวะ เกิดเปิดไม่ขึ้นจะทำยังไงวะ”

ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าจะขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่พอใจเล็ก ๆ ถามอย่างไปพูดอีกอย่าง สติเต็มหรือเปล่า แล้วทำไมต้องใส่ผ้าปิดปากลายประหลาดแบบนั้นด้วย แล้วยังแว่นสายตารูปทรงแปลก ๆ นั่นอีก เด็กติดเกมส์ท่าทางแปลก ๆ พวกนี้ นาน ๆ จะได้เห็นซักที พวกนี้ส่วนใหญ่เป็นมนุษย์จำพวกหมกมุ่นอยู่กับหน้าจอ ไม่สุงสิงหรือสนใจโลกภายนอก
และที่หนักหนากว่าเรื่องอื่นคือ.........ไม่มีแฟน..........

น้องคนนี้ ดูก็รู้ ........ คงจะเข้ารูปแบบสุดท้ายโดยไม่ต้องสงสัย พวกเด็กติดเกมส์ที่ไม่สนใจสภาพตัวเอง
ไอศูรย์กำลังจะก้าวเดินจากไป แต่เพราะได้ยินเสียงพูดคล้ายเสียงบ่นของคนที่กำลังเก็บของ ก็เลยต้องเลิกคิ้วขึ้นสูง

“หิวก็หิว ขนมก็ไม่มี จะเล่นเกมส์รู้เรื่องได้ยังไง แล้วยังต้องอ่านหนังสือสอบอีก มันอะไรกันนักหนาวะชีวิต”

แล้วมาบ่นให้ผมฟังทำไม ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับชีวิตคุณสักหน่อยไม่ใช่เหรอครับ

“นี่อีกแผ่น”

ก้มลงไปเก็บแผ่นเกมส์อีกหนึ่งแผ่นส่งให้คนที่กำลังบ่นพึมพำแล้วจุมพลก็เงยหน้าขึ้นมอง

“อันนี้ไม่ใช่ของผม”

ไม่ใช่ของคุณแล้วมันจะเป็นของใครกันล่ะ ผมไม่เล่นเกมส์ พวกนี้หรอกนะ ผมไม่ได้ว่างขนาดนั้น

“งั้นก็คงเป็นของผมใช่มั้ย”

เอ่ยถามและคนที่เงยหน้าขึ้นมองก็พยักหน้ารับ

“มันอยู่ในมือคุณก็คงเป็นของคุณล่ะมั้ง มาถามผมทำไมวะ”

อ่อ เป็นตรรกะที่แปลก ๆ ดีนะ ผมเกือบจะเข้าใจแล้วเชียว นักศึกษาท่าทางแปลก ๆ จากคณะเศรษฐศาสตร์คนนั้นเดินขึ้นตึกไปแล้ว และไอศูรย์ก็หันไปมองและหัวเราะออกมาเสียงเบา ก้าวขาเดินไปเรื่อยเปื่อย แต่อยู่ ๆ น้องคนนั้นก็วิ่งกลับมาหา และมายืนหอบหายใจด้วยความเหนื่อยอยู่ตรงหน้า

“เฮ้ย พี่ ๆ แผ่นเกมส์เมื่อกี้นี้ที่หล่นของผมเองแหละ ผมลืม”

อ่อ.... อย่างนั้นเหรอ

“แต่มันอยู่ในมือผมก็ต้องเป็นของผมสิครับ ก็คุณบอกผมเองไม่ใช่เหรอ”

เออใช่ บอกเองแหละ

“เอาของผมคืนมา”

แบมือขอ และไอศูรย์ก็เลิกคิ้วขึ้นสูง กำลังจะยื่นแผ่นเกมส์ให้กับคนที่อยู่ตรงหน้า และอีกฝ่ายก็ทำตาวาว
มองหน้ากันไม่ชัด ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหน้าตาเป็นแบบไหนด้วยซ้ำ ใส่แว่นรูปทรงประหลาด และยังใส่ผ้าปิดปากเพ้นท์ลายแปลก ๆ ด้วย

“..............”

จุมพลกำลังจะรับแผ่นเกมส์กลับมา แต่อยู่ดี ๆ รุ่นพี่คนนั้นก็ชูแผ่นเกมส์ขึ้นจนสุดแขน

“อ่ะ เอาเกมส์ของคุณคืนไป”

เฮ้ยยยย จะเอาคืนได้ยังไง เล่นชูมือสูงขนาดนั้น มันจะเอาคืนได้ยังไงวะ

“เอาของผมคืนมา เอาของผมมานะเฮ้ย เอามาเดี๋ยวนี้”

รุ่นน้องกระโดดโหยงเหยงไปมา และไอศูรย์ก็แกล้งถือแผ่นเกมส์ไปทางซ้ายและขวาไม่ยอมปล่อย

“แล้วทำไมคุณถึงไม่เอาไปซักทีละ ผมก็ให้ดี ๆ แล้วนี่”

ไม่รู้เป็นอะไร อยู่ดี ๆ ก็นึกอยากเล่นอะไรสนุก ๆ ขึ้นมา อะไรบางอย่างที่ไม่เข้าท่าเอาซะเลย แต่น่าแปลกมันทำให้ไอศูรย์อมยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก

“ก็พี่เล่นชูซะสูง ผมจะเอาได้ยังไงวะครับ ห๊ะ”

กำลังทะเลาะกับคนแปลกหน้าด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่มันทำให้ชีวิตของไอศูรย์มีสีสันขึ้นมาได้นิด ๆ

“ไอซ์ ทำอะไรอยู่ เร็ว ๆ สิ เย็นนี้มีเลี้ยงครอบครัวนะ”

เสียงหญิงสาวหน้าตาสะสวยคนหนึ่งเอ่ยเรียกและไอศูรย์ก็หันไปมองคนที่เรียก ยอมลดมือลงมาและคืนแผ่นเกมส์ให้กับรุ่นน้องง่าย ๆ

“ตามไปเดี๋ยวนี้แหละ”

ตอบรับเธอไป และจุมพลก็คว้าแผ่นเกมส์ของตัวเอง และวิ่งหนีหายไปอย่างรวดเร็ว
ไวจัง เผลอนิดเดียว โดนแย่งไปซะแล้ว ไม่ได้รู้สึกแย่ ไม่ได้รู้สึกไม่ดี แต่รู้สึกสนุกขึ้นมานิด ๆ ที่ได้ทำเรื่องงี่เง่าบ้าบอแบบนี้

เรื่องที่ไอศูรย์ไม่คิดว่าตัวเองจะทำ เดินตามหญิงสาวคนนั้นมาที่รถ และไอศูรย์ก็มองไปที่คณะเศรษฐศาสตร์อีกครั้ง

มีโอกาสจะแวะเวียนมาใหม่แล้วกันคณะเศรษฐศาสตร์

คณะเศรษฐศาสตร์มีเด็กติดเกมส์แต่งตัวประหลาด.............ที่ทำให้ยิ้มออกมาได้ในวันที่รู้สึกเบื่อหน่ายกับความซ้ำซากจำเจที่เป็นอยู่ทุกวัน

ไว้มีโอกาสหน้า ผมจะแวะมาเยี่ยมอีกนะ
หวังว่าถ้าได้เจอกันอีก น้องคงจะจำพี่ได้.....น้องแว่นใส่ผ้าปิดปาก.........ติดเกมส์


Fin.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 25-05-2014 13:31:39
เหอะๆๆๆ โดนจนได้.................
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 25-05-2014 13:38:13
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 25-05-2014 14:47:24
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/19/256IqDzo.jpg)
เรื่องของหัวหน้าแผนกจัดซื้อ ไอศูรย์-จุมพล ตอน วิธีปรับความเข้าใจกัน

“เข้าใจที่พูดมั้ย”

คุณไอศูรย์ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย  หลังจากบอกบางอย่างให้จุมพลฟัง   และจุมพลก็ยืนนิ่ง   มองหน้าของคุณไอศูรย์ด้วยความรู้สึกหลากหลาย..................... ไม่เข้าใจ ผมไม่เข้าใจ ผมจะไปเข้าใจได้ยังไงครับ   ไอ้.......................พี่..............ไอซ์
ไม่มีคำพูดใด ๆ อีก และจุมพลก็ได้แต่กระพริบตามองหน้าของคุณไอศูรย์ที่เม้มปากและหันหน้าหนีไปทางอื่น แถมยังมีการยกมือขึ้นเสยผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ไม่รู้สึกรู้สากับคำพูดของตัวเอง และทำท่าจะเดินหนีไปดื้อ ๆ

แล้วแบบนี้ใครจะไปทนไหววะ ใครทนไหวก็บ้าแล้ว คุณทำแบบนี้กับผมได้ยังไง คุณทำอย่างนี้กับผมได้ไงวะครับคุณไอศูรย์ ทำไมคุณถึงทำแบบนี้กับผม

ไม่พูด ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น จุมพลหน้างอ ก้าวขาไปหาคนที่กำลังทำหน้าเฉย และรั้งข้อมือของคุณไอศูรย์ที่กำลังจะก้าวเท้าเดินหนีเอาไว้ จ้องหน้าของคุณไอศูรย์นิ่ง ๆ ด้วยความโมโหและอยากจะถามว่าคุณคิดอะไรของคุณอยู่ครับ ผมไม่เข้าใจ สนุกมากมั้ย สะใจมากมั้ยที่ทำกับผมแบบนี้ ปั่นหัวผมเล่นสนุกมากนักใช่มั้ย ก็ได้ จะเอาแบบนี้ใช่มั้ย

จัดการรั้งต้นคอของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าลงมาหาและประกบริมฝีปากกับริมฝีปากที่ขบเม้มแน่นคู่นั้น สองแขนโอบรัดที่รอบคอของคนที่อยู่ตรงหน้าเอาไว้แน่น และคุณไอศูรย์ก็ค่อย ๆ รั้งร่างของจุมพลมากอดเอาไว้ ริมฝีปากยังไม่ได้ผละออกจากกัน และเสียงกระซิบที่ข้างหูก็ทำให้รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏที่ใบหน้าของคุณไอศูรย์ได้ง่าย ๆ

“แล้วพี่จะเสียใจที่พูดแบบนี้กับจุ้ม........แล้วพี่จะสำนึกว่าจุ้มคิดถึงพี่ขนาดไหน”

นั่นสินะ อยากเสียใจอยู่เหมือนกัน อยากรู้ว่าจุ้มคิดถึงขนาดไหนด้วย   คนสองคนที่เล่นสงครามประสาทด้วยกันมาสองสัปดาห์เต็มกำลังอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน อาการคิดถึงมันร้ายแรงจริง ๆ อะไรที่ไม่เคยทำ ก็ต้องมาทำในวันนี้

จุมพลซาบซึ้งดีและคุณไอศูรย์ก็ซึ้งใจไม่แพ้กัน ให้ตายเถอะวะ อาการที่เรียกว่าคิดถึง มันอันตรายขนาดนี้เลยนะ มีผลกับสมอง และหัวใจของคนสองคนไม่น้อย และในวันนี้จุมพลก็อยากรู้   ว่าอาการ “คิดถึง” ของใคร มันมากกว่ากัน

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 25-05-2014 14:47:59
เสื้อผ้าถูกถอดออกและเหวี่ยงทิ้งลงพื้นทีละชิ้น  คนสองคนที่ร่างกายเปลือยเปล่า กำลังกอดรัดและบดเบียดริมฝีปากเข้าหากันอย่างรุนแรง  ต่างฝ่ายต่างหิวกระหายในตัวตนของกันและกัน

จากประตูห้องจนถึงกลางห้องนั่งเล่น  สองร่างไม่ได้ห่างกันแม้สักวินาทีเดียว

จุมพลรู้สึกเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจ และต้องผละใบหน้าออกห่างจากริมฝีปากร้อนรุ่มที่บดเคล้าคลึงไม่ห่าง  และกำลังระเรื่อยลงมาที่ต้นคอ  รอยฟันที่ขบกัดเน้นย้ำตามร่างกายยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนจะทนไม่ไหว

ใบหน้าที่แดงก่ำแหงนเงยขึ้น และยึดไหล่ของคนที่ไม่ยอมห่างเอาไว้แน่น

ดวงตาหรี่ปรือด้วยแรงอารมณ์  และริมฝีปากคู่นั้นก็ไล้เรื่อยไปที่แผ่นอกที่เปลือยเปล่าของจุมพลและดูดกลืนยอดอกสีแดงเข้มด้วยความหิวกระหาย

“อือ”

น้ำเสียงครางเครือที่ได้ยิน เหมือนเป็นการเร่งเร้าและทุกอย่างก็ดูเหมือนจะหยุดไม่อยู่  จุมพลแตะริมฝีปากเบา ๆ ที่หน้าผากและกลางกระหม่อมของคุณไอศูรย์ด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี    คิดถึง..........คิดถึงเหลือเกิน...........คิดถึงพี่ไอซ์มากจนแทบจะขาดใจตาย    เพิ่งรู้สำนึกก็ตอนนี้  ว่าความคิดถึงทั้งของตัวเองและของอีกฝ่ายมากมายท่วมท้นขนาดไหน

“จุ้ม”

ได้ยินเสียงเรียก และเมื่อร่างกายผละออกห่างจากกันจุมพลก็ได้เห็นแววตาของคนที่อยู่ตรงหน้า

“.................”

เรามองตากัน   แต่ไร้คำพูด    แต่ถึงแม้ไม่มีคำพูดออกมาสักคำ  หัวใจก็รู้สึกและสัมผัสได้ ถึงบางอย่างที่อยู่ภายในใจที่ท่วมท้นจนแม้คำพูดมากมายก็ไม่สามารถอธิบายความรู้สึกที่มีได้

“ผม....คิดถึงพี่ไอซ์”

ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้พูดจาแบบนั้นออกไป  แต่หลังคำพูดนั้น จุมพลก็ได้เห็นว่าคุณไอศูรย์ขมวดคิ้วมุ่น  และถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะประคองที่ข้างแก้มของจุมพลเอาไว้และแตะริมฝีปากลงมาที่เปลือกตาของจุมพลเบา ๆ

“อือ”

จุมพลหรี่ปรือตาขึ้นอีกครั้งและจ้องหน้าของคุณไอศูรย์ตรงๆ   นี่เราคิดถึงกันขนาดนี้เลยเหรอ
ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ  ว่าความคิดถึงที่มีให้กันมันจะมากมายขนาดนี้   และคุณไอศูรย์ก็รู้สึกไม่ต่างจากจุมพล

ความคิดถึงมีมากเท่าไหร่คุณไอศูรย์ตอบไม่ได้  บางทีมันอาจจะมากที่สุด   มากชนิดที่คงไม่สามารถหาคำพูดใดมาบรรยายได้จนต้องมอบลมหายใจให้กันอีกครั้ง  จูบกันอย่างที่หัวใจเรียกร้อง

กอดกันให้สมกับที่คิดถึง   รักกันให้สมกับที่ควรทำมานาน

“พี่.........ก็คิดถึงจุ้มจนเหมือนแทบจะขาดใจ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 25-05-2014 14:48:38
สิ่งที่เห็นอยู่มันทำให้จุมพลต้องคิดทบทวนบางอย่างใหม่ตั้งแต่แรก   เหมือนตัวเองกำลังพลาดอะไรไปบางอย่าง    ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็น แต่ก่อนหน้านี้ที่เห็นยังรับรู้ได้ว่ายังไงสิ่งนี้มันก็อยู่ในที่ของมัน  ไม่มีทางมายุ่งวุ่นวายกับจุมพลแน่ ๆ

แต่ไม่ใช่ในเวลานี้...............

ท่อนเอ็นขนาดใหญ่ที่มันเยิ้มและเต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดโปนกำลังจ่ออยู่ที่ช่องทางที่ถูกเตรียมพร้อม   และจุมพลก็มองหน้าของคุณไอศูรย์เป็นครั้งสุดท้าย  จ้องตาของคุณไอศูรย์อย่างชั่งใจ  กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

มันจะเข้าไปได้จริงเหรอวะ  ถึงแม้จะเตรียมตัวพร้อมแล้วก็เถอะ   แต่มันจะเข้าไปได้จริง ๆหรือไง

“พี่ไอซ์  ผม.....ผมว่า..........”

ไม่ต้องว่าแล้ว  มาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ต้องว่าอะไรทั้งนั้น

“คิดจะขัดขืนตอนนี้ก็สายไปแล้วจุ้ม”

ใม่กล้าขัดขืนครับ   หน้าคุณไอศูรย์แสดงอารมณ์ให้เห็นขนาดนี้  เป็นใครจะกล้าขัดขืนวะ  มาถึงขั้นนี้แล้ว

“อย่าให้ต้องบังคับ”

นั่น

มีการข่มขู่กูด้วย  เออออออออออ ให้มันได้อย่างนี้สิวะ  แม่งเอ้ยยยยยยยยยยย จะหวาน ๆ กับคนที่เพิ่งปรับความเข้าใจกันได้หน่อยไม่ได้หรือไง  คุณไอศูรย์แม่งโคตรเย็นชาเลยจริง ๆ   ทำไมถึงได้เป็นคนแบบนี้  ทำไมถึงไม่คิดจะสนใจกันบ้าง  ทำไมถึง............อ่ะ.........เฮ้ย..........เฮ้ย เดี๋ยวก่อนนะ เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก๊อนนนนนนนนนน พี่ไอซ์

“โอ้ยยยยยยยยย พี่ไอซ์ เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน คุณไอศูรย์ครับ เดี๋ยววววววววว”

ช้าไปแล้ว

จุมพลลงไปนอนเรียบร้อย  และขาสองข้างก็ถูกยกขึ้นพาดอยู่บนไหล่ของคุณไอศูรย์ที่โถมกายลงมาหาหมดทั้งตัว

“โอ้ยยยยยยยยยยย พี่ไอซ์ ใจเย็นโว้ยยยยยยยยยย”

แหกปากร้องโวยวาย  แต่ก็ไร้ประโยชน์เพราะนอกจากไม่ยอมหยุดแล้ว คุณไอศูรย์ยังจัดการประกบริมฝีปากเข้าที่ริมฝีปากของคนที่ร้องโวยวายให้หยุดร้อง    และเปลี่ยนเสียงร้องโวยวายเป็นเสียงครางได้ไม่ยาก

“อึก อือออ อื้อออออออ แอ่ก”

จุมพลได้แต่ร้องอึกอักในลำคอเพราะทำอะไรไม่ได้  และเมื่อได้แกล้งจนพอใจแล้วคุณไอศูรย์ก็ยอมผละใบหน้าออกห่างและส่งยิ้มน้อย ๆ ให้คนที่มองมาด้วยความไม่พอใจ

“ไง....หายเจ็บแล้วใช่มั้ย”

ไม่ใช่แค่พูด  แต่คุณไอศูรย์ยังยักคิ้วให้ และขยับสะโพกเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า   จุมพลกัดฟันและส่งเสียงครางออกมาเบา ๆ เมื่อบางสิ่งบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ภายในร่างกาย   อึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก  ร้อนรุ่มจนแทบจะเผาผลาญให้ร่างกายมอดไหม้ ทุกพื้นที่ของร่างกายถูกฝ่ามือร้อนรุ่ม คลึงเค้นลูบไล้และฝากความรู้สึกเอาไว้ทั่วทั้งร่าง

คุณไอศูรย์ยังคงสบตากับดวงตาของจุมพลนิ่ง ๆ และขยับท่อนเอ็นใหญ่ให้เสียดลึกเข้าไปในช่องทางที่บีบรัดแน่น

“พี่...........ฮึก ไอซ์ พี่ อื้อออออ”

น้ำเสียงครางเครือที่ได้ยิน  ยิ่งเร่งเร้าให้คนที่คร่อมทับอยู่เหนือร่างจุมพลต้องขยับสะโพกเคลื่อนไหวเพื่อสอดใส่ร่างกายของตัวเองเข้าไปให้ลึกที่สุด 
 
“อืออออ”

ร่างกายกำลังปลุกเร้าให้ความต้องการเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ  จุมพลยกแขนขึ้นโอบรัดรอบคอของคุณไอศูรย์แน่น ต่างฝ่ายต่างจ้องมองสีหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความต้องการของกันและกัน  ดวงตาคมจ้องมองไปที่ใบหน้าที่ขึ้นสีแดงเรื่อ และไม่สามารถละสายตาไปจากใบหน้าที่แสดงความรู้สึกทั้งหมดออกมาได้
 
จุมพลรู้สึกคล้ายอยากร้องไห้   ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกอย่างนั้น   อยากจะรักให้มาก  อยากถูกรัก
ดวงตาหวานเชื่อมปรือปรอยที่จ้องหน้าของคุณไอศูรย์ยิ่งเป็นการยั่วยวนให้คนที่กำลังขยับร่างกายหยุดความต้องการเอาไว้ไม่อยู่

ริมฝีปากขบเม้มแน่นเข้าหากัน  ลมหายใจหอบหนัก  ทุกครั้งที่ร่างกายขยับไปพร้อมกันยิ่งทำให้คุณไอศูรย์รู้สึกดีอย่างไม่น่าเชื่อ
 
และเมื่อจ้องมองที่ใบหน้าของจุมพล ความต้องการที่อยู่ภายในยิ่งเพิ่มทวีสูงขึ้นเรื่อย ๆ และจุมพลก็รั้งต้นคอของคุณไอศูรย์ให้ลงมาหาอีกครั้ง

“หือ .....อยากได้อะไรจุ้ม”
 
ก้มหน้าลงไปกระซิบถามและแตะริมฝีปากเบา ๆ กับริมฝีปากที่เผยอขึ้นรับรสจูบที่คุณไอศูรย์มอบให้   คลึงเคล้าคลอเคลียที่ริมฝีปากร้อนรุ่ม ก่อนจะจรดปลายจมูกลงที่ข้างแก้มขาว ๆที่ในเวลานี้ร้อนระอุ
 
“คิดถึงพี่ไอซ์มากแค่ไหนจุ้ม”
 
ไม่ใช่แค่ถาม  แต่คำถามมาพร้อมกับการที่คุณไอศูรย์กดแทรกร่างกายดำดิ่งลึกเข้าไปอีกและร่างของจุมพลก็ผวาขึ้นและยิ่งเหนี่ยวรั้งลำคอของคุณไอศูรย์ลงมากอดเอาไว้แน่น
 
ริมฝีปากแทบไม่อาจผละจากกันได้  และจุมพลก็แอ่นสะโพกขึ้นเพื่อให้บางสิ่งบางอย่างแทรกลึกเข้าไปอีกเท่าที่จะมากได้
 
“อือออ อึก เข้ามาอีก พี่ไอซ์ เข้ามาอีก”
 
ความรู้สึกไปไกลเกินกว่าจะควบคุมได้ หัวใจเต้นระรัวเมื่อริมฝีปากร้อนรุ่มแนบลงที่ยอดอกสีเข้มและดูดกลืนกินเข้าไปอีกครั้ง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
 
“อ่ะ”

ปลายลิ้นดูดดุนเข้าหากัน  เมื่อร่างกายท่อนร่างเริ่มขยับ  และต่างฝ่ายต่างสนองความรู้สึกให้กันอย่างเต็มที่

“ซี้ดส์ “

จุมพลหอบหายใจหนัก และเหมือนลมหายใจกำลังขาดห้ว เมื่อท่อนเอ็นใหญ่ขยับขึ้นลงด้วยความรุนแรงอยู่ภายในร่างกายและเร่งเร้าให้ถึงจุดหมายปลายทางในไม่ช้า

“อาส์ พี่ไอซ์ พี่ไอซ์”

ร้องครวญครางเสียงลั่น และคนที่กระแทกร่างกายเข้าหาเพื่อบ่งบอกความรู้สึกก็ยิ่งกดย้ำและกระแทกกระทั้นเข้ามาไม่หยุด

“จุ้ม  อึก อือออ”

“พี่ไอซ์”

เรียกชื่อของกันและกัน  แยกขาออกให้กว้างขึ้นและเรียวขาก็รัดแน่นที่สะโพกแกร่งที่กระแทกกายกดย้ำเข้าไปอีกหลายครั้ง

“ลองทำเองซิ”

คุณไอศูรย์หยุดการเคลื่อนไหว  และช้อนสะโพกของจุมพลให้ลุกขึ้นคร่อมทับอยู่เหนือร่าง

“อ่ะ....ฮื่ออออ อืออซี้ดส์”

ขึ้นมาเกยอยู่บนร่างของคุณไอศูรย์เรียบร้อย  และจุมพลก็วางมือไว้บนหน้าท้องแกร่ง กดสะโพกลงมาอย่างเชื่องช้า และพยายามขยับร่างกายเคลื่อนไหวไปมา  มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะขยับได้ตามใจชอบ  ไม่คุ้นชินกับการทำแบบนี้  แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องทำ สัญชาติญาณก็ผลักดันให้ทำได้ไม่ยาก

“อืออ พี่.....เป็นไงบ้าง....เสียวมั้ย”

ไม่รู้ว่าจะทำยังไง  ได้แต่ขยับร่างกายให้แนบประสานกันมากขึ้น และคนที่นอนมองก็ส่งยิ้มให้กับมือใหม่อย่างจุมพลที่ไม่มั่นใจกับการลงมือทำเรื่องบางอย่างในครั้งแรก

“เสียวมาก....ขยับให้แรงกว่านี้สิ  ไหนว่าคิดถึงไง ทำไมไม่ได้เรื่องเลยล่ะ”

ไม่ได้เรื่องได้ไงวะ   นี่กูก็พยายามอย่างเต็มที่แล้วนะโว้ยยย  จะเอาอะไรอิ๊กกกกกกกกก 
จุมพลพยายามกลั้นเสียงครางเอาไว้  ลมหายใจหอบหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ยังพยายามขยับสะโพกให้เคลื่อนไหวไปตามจังหวะให้ได้

“อาส์  ....... ฮึก อื้ออออ”

ยิ่งทำก็เหมือนจะยิ่งหมดแรง  ยิ่งทำก็ยิ่งกลายเป็นตัวเองที่ทนไม่ไหว

“จะไม่ไหวแล้ว  มันจะไม่ไหว ฮื่ออออออ อึก อื้ออออ”

และเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูเหมือนจะทนไม่ไหวจริง ๆ คุณไอศูรย์ก็เลยยอมลุกขึ้นและกดร่างของจุมพลให้คว่ำหน้าลง สะโพกมนถูกจับยึดเอาไว้แน่น  และการกระแทกร่างกายเข้ามาอย่างรุนแรงอีกครั้งก็ทำให้จุมพลร้องครางออกมาไม่หยุด

“พี่ไอซ์  พี่  ........... โอ้ยยยยยยยย”

จุมพลได้แต่ร้องครางเมื่อสะโพกถูกรั้งเข้าหาท่อนเอ็นแกร่งนับครั้งไม่ถ้วน ร่างกายเป็นหนึ่งเดียวกันและทุกครั้งที่ความใหญ่โตแข็งขืนกระแทกเข้าหา จุมพลก็ได้แต่ร้องครางไปพร้อมกับเสียงเนื้อที่กระทบกันอย่างรุนแรง

ริมฝีปากร้อนรุ่ม แนบสัมผัสลงมาที่แผ่นหลังเนียนขาว  ขบกัดและทิ้งร่องรอยแดงช้ำเอาไว้ทั่วทุกส่วน

“จุ้ม....อือ อึก..”

ไม่รู้อะไรอีกแล้ว  จุมพลไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง  รู้แค่เพียงอารมณ์ของคุณไอศูรย์กำลังรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และมันมาพร้อมกับจังหวะในการกระแทกกระทั้นถี่รัวขึ้น

“พี่ไอซ์  มันจะแตกแล้ว อื้อออออ ไม่ไหวแล้ว โอ้ย  แตกแล้ว อ๊า ซี้ดส์ อื้อออออ”

จุมพลได้แต่ส่งเสียงร้องครางลั่นเมื่อหยาดหยดในร่างกายพุ่งทะยานหยดลงเปรอะเปื้อนที่พื้น  และร่างกายก็ถูกพลิกให้หันมาเผชิญหน้ากับคนที่อารมณ์ไปไกลเกินจะหยุดเอาไว้ได้   ริมฝีปากแนบสนิทเข้าหากัน  ลมหายใจเป็นของกันและกัน และคุณไอศูรย์ก็กอดรัดร่างกายเปลือยเปล่าของจุมพลเอาไว้แน่น

ขยับร่างกายอย่างรุนแรงในจังหวะสุดท้าย  ความอดทนทั้งหมดพังทลายเป็นคลื่นแห่งความสุขที่พุ่งทะยานเข้าไปในช่องทางที่กำลังบีบรัดความแข็งแกร่งที่หลั่งความรู้สึกร้อนแรงทิ้งเอาไว้   คุณไอศูรย์ทรุดร่างลงทาบทับอยู่บนร่างกายของจุมพลเมื่อถึงจุดสิ้นสุดของอารมณ์   ความอุ่นซ่านร้อนวาบอยู่ภายในช่องทางด้านหลังทำให้จุมพลรู้ว่าอีกฝ่ายถึงจุดหมายไปเรียบร้อยแล้ว  และจุมพลก็ได้แต่นอนหอบหายใจหนัก   หลังจากความต้องการของร่างกายถูกปลดปล่อยออกมาจนหมดสิ้น

ถึงที่หมายไปก่อนที่คุณไอศูรย์จะถึงไม่นาน  หน้าท้องเนียนขาวเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำรักของตัวเองที่หลั่งออกมาในจังหวะสุดท้ายที่ร่างกายทนไม่ไหว

พายุอารมณ์สงบลงแล้ว  และคุณไอศูรย์ก็ประทับรอยจูบเบา ๆ ที่ดวงตาของจุมพลที่ยังหรี่ปรือ

ปลายจมูกแตะเบา ๆ ที่แก้มขาวทั้งสองข้าง  และจุมพลก็ทำแบบที่คุณไอศูรย์ทำ   ประคองใบหน้าของอีกฝ่ายเอาไว้และรั้งให้ลงมาหา ประทับริมฝีปากที่ดวงตา  และข้างแก้มพร้อมกับมอบรอยยิ้มหวาน ๆส่งให้กับคนที่แสนคิดถึง

“...คิดถึงสุด ๆ เลยว่ะพี่ไอซ์”

บอกเพียงเท่านั้น  พูดทุกสิ่งด้วยคำพูดเพียงคำเดียวแต่เต็มไปด้วยความหมายมากมายที่ไม่ต้องมีคำอธิบายให้มากความ และคุณไอศูรย์ก็ส่งยิ้มกลับมา   ปลายนิ้วของจุมพลยังเกลี่ยที่ข้างแก้มของคุณไอศูรย์ที่ยังเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ เพราะเพิ่งผ่านช่วงเวลาแห่งความสุขสมอย่างหนักหน่วงมาพร้อม ๆ กัน   แตะปลายนิ้ว ไปที่ปลายจมูกและหน้าผากของคนที่ยังจ้องมองมา  ดวงตาสองคู่สบกันนิ่ง และเต็มไปด้วยความหมายทั้งหมดที่ไม่ต้องอธิบายคำพูดใด ๆ

รอยยิ้มเจือจางที่ปรากฏที่ใบหน้าของคุณไอศูรย์ที่จุมพลได้เห็นมันทำให้ต้องยิ้มตาม  คุณไอศูรย์ทำเพียงแค่พยักหน้าเพื่อบอกให้รู้ว่ารับรู้ทุกความรู้สึกของจุมพลและก็รู้สึกไม่ต่างกัน

คุณไอศูรย์นอนอยู่บนพื้นโดยมีจุมพลนอนอยู่ข้าง ๆ

นอนมองหน้ากันเงียบ ๆ และจุมพลก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อเห็นว่าคุณไอศูรย์เลิกคิ้วขึ้นสูง  เหมือนเป็นการตั้งคำถามว่าจะมองหน้ากันมากมายขนาดนี้ทำไม

แขนของคุณไอศูรย์กลายเป็นหมอนสำหรับหนุนนอนของจุมพลไปแล้ว และต่างฝ่ายต่างก็นอนมองหน้ากันไปเงียบ ๆ โดยไม่ได้พูดคุยกันอีก  มีเพียงรอยยิ้มที่มอบให้กัน  มีเพียงความรู้สึกที่มอบให้กัน

และเมื่อปลายนิ้วของคุณไอศูรย์เกลี่ยเล่นที่ข้างแก้มของจุมพลเบา ๆ พร้อมส่งรอยยิ้มหวาน ๆ มาให้ก็ทำให้จุมพลต้องกระพริบตามองและส่งยิ้มกลับไป

“ต่อกันอีกรอบในห้องมั้ยจุ้ม”

ก็ดีนะพี่ไอซ์

จุมพลไม่ตอบ  แต่หัวเราะน้อย ๆ ด้วยความขำกับคำชวนของคนที่อยู่ตรงหน้า

อย่าไปหวังความโรแมนติกอะไรเลย  คุณไอศูรย์ไม่เคยมีให้หรอก  ขนาดคิดถึงกันแทบตายขนาดนี้ ยังใจแข็งทำเป็นเมินกันได้ลงคอ  แค่ที่ได้รู้ได้สัมผัสตอนนี้ ก็โคตรจะหวานที่สุดแล้วมั้ง

“ไปทำไม”

แกล้งกวนประสาทเล็กน้อย และคุณไอศูรย์ก็กระพริบตามองหน้าของจุมพลแล้วก็ขมวดคิ้วมุ่น เพราะรู้ว่าถูกจุมพลปั่นหัวเข้าให้อีกแล้ว

“งั้นไม่ต้องไป”

อ้าว  ทำไมถึงเลิกล้มได้ง่าย ๆ ขนาดนั้นล่ะ เป็นฝ่ายชวนเองนะ  แล้วทำไมถึงล้มเลิกง่าย ๆ ขนาดนั้น

เกิดความสงสัยและกำลังจะอ้าปากถาม แต่ข้อสงสัยทั้งหมดที่มีก็ถูกกลืนหายไปจนหมดสิ้น เมื่อคุณไอศูรย์ไม่รอให้สงสัยนาน และดึงแขนจุมพลให้ขึ้นไปคร่อมทับอยู่บนร่างของคุณไอศูรย์เรียบร้อย

แล้วยังไง  แล้วจะยังไง แล้วนี่อะไร

“ก็ทำซะตรงนี้ให้เรียบร้อยไปเลย ถ้าเรื่องมากนัก”

อ่ะ   อ่อ    ก็ด้ายยยยยยยยยยยยยยยยยย  ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว  จุ้มไม่มีปัญหาอยู่แล้ว  พี่ไอซ์จะให้ทำอะไรก็ยอมหมดแหละวะ   จุ้มทำด้ายยยยย

“ดี ๆ นะ”

ดี ๆ เหรอ    อ่า    จุมพลวางมือลงบนแผ่นอกของคนที่นอนมอง อมยิ้มและมองหน้าของคุณไอศูรย์ที่ไม่ว่าเวลาไหนก็ยังเก็กฟอร์มทำหน้าขรึมได้ตลอด  แม้กระทั่งในเวลานี้

“พี่ไอซ์”

“เรียกทำไม”

ได้ฟังการขานรับแบบนี้แล้วจุมพลก็หัวเราะออกมาเสียงเบา ก่อนจะแตะปลายนิ้วไปที่ริมฝีปากของคุณไอศูรย์และไล้เล่น

“เพิ่งได้กันนะเนี่ย  จะโหดอะไรอะไรนักหนาวะ  เดี๋ยวก็ทำให้รักตายซะเลย  จะได้เลิกดุผมซะที”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: foolishbeat ที่ 25-05-2014 15:03:02
ตอนนี้น่ารักมากและเลือดจะหมดตัว
พี่ไอซ์ก็เก๊กได้เก๊กดี แต่น้องจุ้มไม่ถือ น้องจุ้มจะทำให้รักก :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 25-05-2014 15:04:45
 :mc4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 25-05-2014 15:12:04
หายคิดถึงกันหรือยัง พี่ไอซ์น้องจุ้ม
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 25-05-2014 15:27:58
กรี๊ดดดดดดด ประกาศ ประกาศ ตรงนี้มีปู้จายได้กันเจ้าค่ะ
จุดพลุฉลอง และอินังคนอ่านก็ฟินมากกกกกกก >o<
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 25-05-2014 15:32:57
ในที่สุด...ก็ถึงตอนนี้เสียที่  :hao6:
พี่ไอซ์ยังโหดเหมือนเดิม แต่น่าจะอ่อนลง หรือจะแข็งขึ้นเฉพาะกับคนรักนะ5555  :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 25-05-2014 15:52:46
แสดงความคิดถึงกันน่ารักเนอะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: ninemilky ที่ 25-05-2014 16:40:25
น่ารักอะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 25-05-2014 17:11:40
พี่จุ้มมมมมมมมม
 :jul1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 25-05-2014 17:39:44
กรี๊ดดดดดด น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: Scream ที่ 25-05-2014 17:43:25
อ้ากกกกกกกกกกกก  :katai1:
ฟินมากตอนนี้ น้องจุ้มพี่ไอซ์น่ารักจริงๆเลยยยยยยย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 25-05-2014 18:22:27
พูดกันดีๆหวานๆก็เป็นนี่หว่า :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 25-05-2014 18:26:56
ในที่สุด ก็รู้ใจกันแล้วซินะ >//< .......
พี่ไอซ์เล่นแร๊งงงงง!!! ทำจุ้มเกือนน้ำตาตกหนีกลับห้องซะแล้ววววว.....
แต่ก็นะ เสร็จพี่ไอซ์  :haun4: :haun4:
แผนสูงจริง!!!! :katai1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: mapreaw ที่ 25-05-2014 18:27:47
ไม่ต้องทำอะไรหรอกจุ้มแค่นี้พี่ไอซ์ก็รักตายแล้ว o18
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 25-05-2014 18:40:40
แล้วเค้าก็ดีกัน  :m25:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 25-05-2014 19:45:26
ในที่สุดก็ลงเอยกันได้  จุ้มน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 25-05-2014 20:21:58
เขินอะ คิดถึงได้รุนแรงจริงๆๆ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 25-05-2014 20:35:39
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/19/256IqDzo.jpg)
เรื่องของหัวหน้าแผนกจัดซื้อ ไอศูรย์-จุมพล ตอน 365 วันมุ้งมิ้ง


วันที่ 7 ไข่เจียวแห่งความล้มเหลว

"ทักษะในการเอาตัวรอดในเกมส์โคตรเทพ  แต่ทักษะในการทำครัวโคตรกาก"

จุมพลได้แต่ส่ายหน้าให้กับความสามารถของตัวเอง

"ทักษะในการบริหารธุรกิจระดับซีอีโอ  แต่ทักษะในการทำครัวคือที่สุดของความล้มเหลว"

คุณไอศูรย์เองก็จนปัญญาจะจัดการกับสิ่งที่ไม่เรียกว่าอาหารที่อยู่ตรงหน้า

ไข่เจียวไหม้ แฮมไหม้บางส่วน สิ่งที่เหลือเอาไว้ให้ดูต่างหน้าคือร่องรอยอารยธรรมที่เละเทะอยู่ในครัว ขวดน้ำมันพืชล้ม กระทะแช่อยู่ในซิ้งล้างจาน แม้แต่ซอสสำหรับเหยาะก็ส่งกลิ่นเหม็นชวนเวียนหัว มือพองเพราะโดนน้ำมันกระเด็นใส่ระหว่างไปช่วยทอดไข่เจียวที่ควันตลบ ถ้าไม่ช่วยปิดเตา ไฟอาจไหม้ครัว

"สาบานได้ ชาตินี้ผมจะไม่มีวันเจียวไข่อีก"

"สาบานได้ ว่าผมก็จะไม่ช่วยใครเจียวไข่อีกเด็ดขาด"

คุณไอศูรย์และจุมพล พากันเดินออกจากครัว ด้วยความท้อแท้หมดหวัง

"มือพองเลยอ่า ขอโทษคร้าบบบบบบบ"

รีบจับมือของคุณไอศูรย์ขึ้นมาพิจารณาแล้วน้ำตาก็แทบจะไหล คนไม่เคยทำงานอะไรแบบนี้ มือแสนจะบอบบาง ลูกคุณหนูเกิดมาสุขสบาย ต้องมาตกระกำลำบากช่วยทำไข่เจียว เห็นแล้วจุมพลก็รู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย

"มือสาก ๆ แบบนี้น่าจะทำอะไรเป็นหน่อย ไข่เจียวแค่นี้ ผมนึกว่าคุณจะทำได้ซะอีก"

ยัง .........ยังไม่หยุด ......ยังมีการมาถากถางกันอีก นี่อุตส่าห์เห็นใจเลยนะครับคุณไอศูรย์

"ฮึ่ยยยยยยยยยยยยยย"

จัดการใช้มือที่คุณไอศูรย์ให้นิยามว่ามือสาก ๆ ประกบที่แก้มของคุณไอศูรย์แล้วขยี้แก้มขาว ๆ ของอีกฝ่ายให้สาแก่ใจ แล้วหน้าของคุณไอศูรย์ก็ส่ายไปมา เห็นแล้วมันสะใจชะมัด

"เพื่อนเล่นคุณเหรอ"

พูดแบบนี้หมายความว่าไง

"อ่อ จะได้รู้ไว้ว่าเป็นแค่เพื่อนเล่น"    แสยะยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย และยอมปล่อยแก้มของคุณไอศูรย์แต่โดยดี

"แฟนคุณเหรอครับ"

แน่ะ เปลี่ยนคำพูดทันทีเลยนะ แฟนคุณเหรอ หึ หึ หึ แฟนอะรายยยยยยยยย

"ไอ้เรามันแค่รูมเมท จะได้เจียมตัวเอาไว้"

แกล้งพูดไปเรื่อย และคุณไอศูรย์ก็ลุกขึ้นยืนและชี้นิ้วไปในครัว

"ไม่ใช่ คุณมันแค่คนใช้ต่างหาก ไปจัดการเก็บครัวให้เรียบร้อยซะ"

แล้วผมจะทำมั้ย

"ไปทำด้วยกัน ผมไม่เก็บคนเดียว"

ลุกขึ้นยืนและลากแขนคุณไอศูรย์ที่ขืนตัวเอาไว้ไม่ยอมเดินตาม

"มา"

ไม่ยอมมาก็ต้องมา ทั้งลากทั้งดึง และสุดท้ายก็ต้องกลับเข้ามาช่วยกันเก็บครัวให้สะอาดเรียบร้อย

"หัดทำงานทำการแบบคนอื่นซะบ้าง ไม่ใช่คอยแต่ชี้นิ้วสั่งอย่างเดียว"

นี่คุณพูดกับผมแบบนี้เลยเหรอคุณจุมพล

"ช่วยไม่ได้ ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นลูกน้องใคร"

โห้   มีการลอยหน้าลอยตาพูดซะด้วย คุณนี่มันเกิดมาสบายจริงจริ๊งงงงงงง

"เออใช่สิ ผมมันจน"

ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องที่คุยสักนิด และจุมพลก็หันไปมองหน้าคุณไอศูรย์แล้วทำตาปริบ ๆก่อนจะสะบัดหน้าและเดินหนีด้วยอารมณ์รันทดสุดขีด

"เดี๋ยว"

อะไรอิ๊กกกกกกกกกก

"มามัดปากถุงขยะด้วย"

เฮ้ยยยยยยยยยย ยังมีก๊อกสองอีกเหรอวะ

"ไม่ปายยยยยยยยยย"

"เร็ว"

เออก็ได้วะ จุมพลกำลังจะมัดปากถุงดำใส่ขยะ และคนที่ยืนอยู่กำลังอมยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก

"ครัวสะอาดเรียบร้อยแล้วนะ งั้นก่อนไปหาอะไรกิน มาทำกัน"

อะไรอีกล่ะ

ไม่ต้องให้รอช้าคนที่ยืนพิงเคาเตอร์ครัว เดินเข้ามาหาและกอดเอวของจุมพลเอาไว้จากด้านหลัง

"เฮ่ยยยยยยยยย ไม่ดีม้างงงงงง"

ร้องออกมาเสียงเบา และก็ทำหน้าแหย ๆ

"อะไร เวลาแบบนี้ต้องเรียกว่าอะไรนะ"

อ๋อออออ จำได้ จำได้

"พี่ไอซ์ครับพี่ไอซ์ ไม่ดีม้างงงคร้าบบบบ"

อ้าว เวร เสร็จเลยกู เสร็จตั้งแต่เรียกว่าพี่ไอซ์แล้ว เป็นอันรู้กันสินะ งานเข้าจริงแล้วไงล่ะ

"ไม่สนนะว่าดีหรือไม่ดี ระหว่างทำ จุ้มก็อธิบายไปด้วยแล้วกันนะ โอเคนะ"

โอเคบ้านพี่เหรอครับ โอเคของพี่มันเคยโอเคของผมซะที่ไหนล่ะครับ

"ใครมันจะบ้า ครางไปอธิบายไปวะ มีที่ไหน คิดเข้าไปด้ายยยยย"

ก็ใช่ไง

"ก็เผื่อจะครางไป อธิบายไป จะได้ครางตอบ แล้วก็อธิบายตอบไปด้วย"

แหม่.......พี่ไอซ์ของจุ้มนี่ล่ะก็ พูดจาล่อแหลม แต่น่ารักซะจริ๊งงงงงงงงง

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


วันที่ 30 วิธีอ้อน ของจุมพล คือการแกล้ง วิธีการอ้อน ของพี่ไอซ์ คือการบังคับ


"พี่ไอซ์ พี่ไอซ์ พี่ไอซ์"

เป็นอะไร เรียกอยู่ได้ แค่เรียกยังไม่พอ ยังมากอดคอจากด้านหลังแล้วก็ดึงปากกาในมือไปเขียนอะไรในกระดาษยุกยิกเต็มไปหมด

"วาดอะไร"

ไม่ได้วาด

"เขียนเกมส์โอเอ็กซ์ เล่นกับพี่ไอซ์"

ตลก

เห็นมั้ยกำลังทำงานอยู่ หัดดูซะบ้างว่ากำลังยุ่ง

"อ่ะ ตาพี่ไอซ์แล้ว"

สนใจบ้างมั้ยว่ายุ่งอยู่

"อย่างี่เง่า  ผมจะทำงาน"

เหรอออออออออออออออ งี่เง่าตรงไหนวะ ก็คนอยากเล่นด้วยไม่เห็นหรือไง

"เร็ว ๆ ดิ ตาพี่ไอซ์แล้ว"

อะไรนักหนา นิสัยเสีย ป่วน น่าปวดหัว

"ไม่เล่น"

โห่ ไม่เล่นก็ไม่เล่น ไม่เล่นก็ไม่ง้อ

อือออออออออออออออออออออ

ใช่ว่าจะล้มเลิกความตั้งใจ สิ่งที่จุมพลทำคือการกอดรัดฟัดเหวี่ยงและปล้ำหอมแก้มคุณไอศูรย์ที่ผลักหน้าของจุมพลให้หลบไปห่าง ๆ ไม่ยอมให้ทำอะไรบ้า ๆ บอ ๆ ตามใจ

"เรื่องมาก ทำเป็นเล่นตัวไปได้ ทำมากกว่าหอมแก้มแล้วเหอะ โธ่เอ้ยยยย"

เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจมากเลยว่างั้น

"ไปเล่นเกมส์ไป อย่าป่วน ผมกำลังยุ่งอยู่"

ยุ่งอีกนานป่าว

"เยอะเหรอ"

ยื่นหน้ามาดูและแขนก็ยังเกยอยู่ที่ไหล่ของคุณไอศูรย์ไม่เลิก

"เยอะ   ตรวจพวกงบการเงิน"

เหรอ

"แล้วพรุ่งนี้พี่ไอซ์ประชุมกี่โมง ตอนเช้าให้โทรมาปลุกมั้ย"

ก็ได้นะ

"แล้วแต่ ยังไงก็ได้"

อ่า

"สิบโมงเดี๋ยวโทรมาปลุกนะ"

อือ

คุณไอศูรย์พยักหน้ารับ และคนที่กำลังนัวเนียพัวพันก็กำลังจะไปเล่นเกมส์ต่อสิ่งที่คุณไอศูรย์ทำคือการยกมือขึ้นและขยี้ผมของจุมพลเล่น

"อ่ะ.... อยากให้ป่วนดิ ทำเป็นฟอร์ม มาเล่นหัวเค้า"

เหรอ

"พูดมาก  น่ารำคาญ หรืออยากให้เล่นตรงอื่น"

นั่นไง ลากไปเรื่องไหนแล้วนั่น

"ตรงอื่นพี่ไอซ์หรือตรงอื่นผม"

ไม่ใช่จะยอมแพ้ง่าย ๆ จุมพลแกล้งหรี่ตามอง และแกล้งทำทีเป็นอมยิ้มแปลก ๆ และคุณไอศูรย์ก็เงยหน้ามามองคนที่ยังป่วนไม่เลิก

"อะไร พูดไม่รู้เรื่อง ไปสักทีเหอะ จะได้ทำงานมั้ยวันนี้"

โห่ ไปก็ได้วะ

แกล้งทำหน้าหงิก และเดินไปนั่งเล่นเกมส์รอคนทำงานไปเรื่อย ๆ ไม่ได้รู้สึกโกรธที่อีกฝ่ายกำลังยุ่ง ที่เดินไปหาก็แค่นึกอยากจะอ้อนแค่นั้น จุมพลนั่งเล่นเกมส์ไปเรื่อย ๆ และคุณไอศูรย์ก็นั่งทำงานไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งทำงานเสร็จเรียบร้อย คุณไอศูรย์ก็เดินมาหาจุมพลและมานั่งข้าง ๆ คนที่กำลังเดินทางในเกมส์

วิธีการอ้อนของคุณไอศูรย์ คือการบังคับ

"ยกแขนขึ้น"

อะไรวะ มาถึงก็บอกให้ยกแขนขึ้น ไม่ได้ถามเหตุผล แต่ยอมทำตาม แล้วเสื้อที่สวมอยู่ก็ถูกถอดออกไป และคนที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลังก็แนบใบหน้าเข้าที่ซอกคอของจุมพล

"ไซร้เลยเหรอพี่ นี่ไม่ให้เตรียมตัวเลยเหรอครับ"

ถามออกไปทั้งที่สายตาก็ยังคงมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่คุณไอศูรย์ไม่ได้นึกสนใจสิ่งที่จุมพลพูดเลยสักนิด

"โอ้ยยยยยยยยย พี่ไอซ์อย่ากัดแรงดิ มันเสียว"

บ่นพึมพำเสียงเบาแต่มือก็ยังคงคลิกเมาส์ต่อไปเรื่อย ๆ

"ยกสะโพกขึ้นซิ  ถอดกางเกงออกด้วย"

หมดเวลาเล่นแล้วล่ะงานนี้ ถ้าพี่จะสั่งกันขนาดนี้นะครับพี่ครับ

"ให้ไปอีกแม็ปหนึ่งได้มั้ย นี่ใกล้แล้ว แป๊บนึงได้ป่าว"

ก็ได้ ไม่ได้รีบอะไร คุณไอศูรย์มองหน้าจอคอมพิวเตอร์ของจุมพลไปด้วยและฝ่ามือก็ลูบไล้ไปมาที่ยอดอกสีเข้มสองข้างของคนที่นั่งเล่นเกมส์อยู่

"่อ่ะ แป๊บนะ เดี๋ยวก่อนนะ ซี้ดดด อ่ะ แป๊บพี่ แป๊บ"

รีบเปลี่ยนแผนที่ และวางมือที่กำลังคลิกเมาส์ทันที เมื่อรู้สึกว่าอารมณ์ชักจะเริ่มเตลิดไปไกล

"เล่นเกมส์ไปสิ ไม่ต้องหยุดหรอก"

ได้ไงวะ ไม่ไหวแล้วเนี่ย จะให้เล่นอยู่ได้ยังไง

"ไม่เอา อยากแล้ว"

อยากอะไรกันล่ะ

"เล่นไป"

เล่นไม่ได้แล้ว อยากทำแล้ว ขอเหอะนะ

"อ่ะ พี่ ไม่ไหวแล้ว ของผมขึ้นแล้ว"

อ่อ

ตกลงทนไม่ไหวแล้วว่างั้นคุณไอศูรย์อมยิ้มน้อย ๆ เข้าใจสิ่งที่จุมพลบอก
แล้วคนที่ทนไม่ไหวอย่างจุมพลก็จัดการถอดกางเกงออกอย่างรวดเร็ว และหันมาช่วยคุณไอศูรย์จัดการทึ้งเสื้อผ้าออกจากร่างกาย

"รีบอะไรขนาดนั้น"

ไม่ให้รีบได้ไงล่ะ ก็ผมอยากเห็นหน้าพี่ไอซ์ตอนที่ดวงตาคมคู่นั้นหรี่ลงน้อย ๆ และเสียงหอบหายใจกระเส่าที่เคยได้ยิน มันก็ชวนให้หลงใหล จนอยากจะเห็นซ้ำ ๆ อีกนับครั้งไม่ถ้วน

"มองหน้าอยู่นั่น จะทำก็รีบทำอย่ามัวมองหน้าไม่เลิก"

แหม่ มีหวง มีหวง มองแค่นี้ทำเป็นหวง

"เห็นมากกว่าหน้าแล้วทำเป็นหวงอยู่นั่น รู้ป่ะ พี่ไอซ์ตอนครางอ่ะ โคตรเร้าใจ"

หึ

แบบนั้นเรียกท้าทายนะ ถามจริง ๆ ไม่รู้ตัวบ้างเหรอว่ากำลังถูกบังคับให้ทำอะไรแปลก ๆ อยู่ คุณไอศูรย์อมยิ้มน้อยๆ แต่ไม่ได้บอกสิ่งที่ตัวเองคิดออกไปทั้งหมด บอกเฉพาะสิ่งที่ควรบอกเท่านั้น

"ถ้าอยากให้ครางให้เห็นขนาดนั้น ก็ก้มลงมาจัดการกับตรงนี้ได้แล้วครับคุณจุมพล"

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 25-05-2014 20:37:03

วันที่ 78 เมื่อพี่ไอซ์งอน

"ว่ากันว่าตอนนี้คุณกำลังงอน เท็จจริงประการใด ช่วยชี้แจงด้วยครับคุณไอศูรย์"

ยื่นไมโครโฟนช้อน ส่งให้คนที่นั่งเฉยไม่พูดไม่จา และคุณไอศูรย์ก็ไม่มองและไม่สนใจจุมพลที่กำลังพูดจาบ้าบอไม่รู้เรื่องอยู่คนเดียว

"ไม่อินแฮะ"

ยื่นไมค์ขอสัมภาษณ์แค่นี้ ทำเป็นเมินกันได้

"ถ้าพี่ไอซ์งอน จะทำให้กินคุกกี้ไม่อร่อย เรื่องนี้จริงหรือเปล่านะ ต้องพิสูจน์"

จัดการหยิบคุกกี้ในจานที่เสริฟพร้อมกาแฟเข้าปาก และ.................

"อั่ก อ่ะ อ่ะ แอ่ก ช่วย.....ด้วย...."

ค่อย ๆ ล้มลงไปบนพื้นและจุมพลก็ใช้มือบีบที่คอตัวเองแกล้งทำเป็นตาเหลือก แต่คนที่ทำงานอยู่ก็ไม่ยอมสนใจ
อะไรว๊า ไม่มีอารมณ์ร่วมกับภารกิจช่วยชีวิตน้องจุ้มเลย

"ท่านเจ้าคุณไอซ์ อย่าทำกับอีจุ้มแบบนี้เบยยยยยย"

พาตัวเองขึ้นมาเกาะแข้งเกาะขาคุณไอศูรย์ และแนบแก้มลงที่หน้าแข้งของคนที่นั่งเฉยไม่สนใจจะมองกันเลยด้วยซ้ำ

"บ่าวผิดไปแล้ว ท่านเจ้าคุณไอศูรย์ ลงโทษอีจุ้มเถอะ"

เพ้อเจ้อไปเรื่อย และไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน ปฏิกิริยาของคุณไอศูรย์ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม ........นิ่งเอาเป็นเอาตาย...........

"เครียดเลยว่ะ ง้อยากจังวะ"

ลุกขึ้นยืน และจัดการยกแก้วกาแฟของคุณไอศูรย์ขึ้นดื่ม

"แอ่กกกก แหวะ รสชาติแม่งอย่างขม กินเข้าไปได้ไงเนี่ย"

แลบลิ้นออกมา และวางแก้วกาแฟลงไว้ที่เดิม แกล้งยื่นหน้าไปหาคุณไอศูรย์ที่ก้มหน้าก้มตาทำงาน และก็แลบลิ้นให้คุณไอศูรย์ดู

"ลิ้นพองหรือเปล่าคร้าบบบบบบบ ดูให้หน่อยสิพี่ไอซ์ ดูหน่อย นะ นะ"

แม้จะยื่นหน้ายื่นตาเข้าไปหา แม้จะแกล้งขอร้องให้ดูลิ้นให้ แต่คุณไอศูรย์ก็ยังคงเฉย จะเฉยไปถึงไหนวะ ชักจะหมดความอดทนแล้วนะเฟ้ยยย

"พี่ไอซ์"

เล่นบทโหด แล้วก็ขมวดคิ้วมุ่น จุมพลเกยคางอยู่กับโต๊ะทำงาน กระพริบตาปริบ ๆ สองสามที มองหน้าคุณไอศูรย์ผู้แสนเย็นชาแล้วจุมพลก็ยื่นมือไปแตะที่ปลายจมูกคุณไอศูรย์เบา ๆ

"พี่ไอซ์ครับ"

เรียกอีกครั้ง และมือที่ยื่นไปหาก็ถูกปัดออก เพราะคนที่กำลังทำเป็นตั้งอกตั้งใจกับการทำงานไม่ยอมให้แตะเนื้อต้องตัวกันเลย

"ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ"

แกล้งทำเสียงง้องแง้งใส่ และก็ยังคงใช้คางเกยอยู่บนโต๊ะไม่เลิก เหลือบสายตาขึ้นลงสองสามครั้ง มองหน้าของคุณไอศูรย์ด้วยความหนักใจ แล้วก็ถอนหายใจออกมายาว ๆ ลุกออกจากโต๊ะทำงานของคุณไอศูรย์และกำลังจะก้าวเท้าเดินหนี

ไม่เป็นไร ไม่ให้ง้อ งั้นไม่ง้อก็ได้

ตั้งใจจะกลับไปนั่งเล่นเกมส์ แต่คนที่นั่งทำงานหน้าเครียดก็คว้าเอวของจุมพลเอาไว้ด้วยมือเดียว
จุมพลต้องหันกลับมายืนอยู่ที่เดิม ยืนนิ่ง ๆ ให้คุณไอศูรย์ที่นั่งทำงานอยู่กอดเอวเอาไว้ไม่ให้ไปไหน
........ทำไมล่ะ ก็เป็นฝ่ายแสดงความรู้สึกเย็นชาใส่ก่อนนะ แล้วทำไมพอทีนี้ถึงได้มากอดเอวผมแบบนี้วะ ตกลงจะเอายังไง
จะโกรธหรือจะโกรธ หรือจะโกรธ หรือจะโกรธ สิ่งที่จุมพลทำก็แค่ยกมือและวางเอาไว้ที่ไหล่ของคุณไอศูรย์เบา ๆ

ยืนมองคุณไอศูรย์ทำงานไปเรื่อย ๆ และไม่นานเมื่อต้องใช้มือทั้งสองข้างทำงาน คุณไอศูรย์ก็ยอมปล่อยเอวของจุมพล และไปก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ

"พี่ไอซ์ จุ้มกินกาแฟหมดแก้วไปแล้ว เดี๋ยวไปชงมาให้ใหม่นะ"

บอกเพียงเท่านั้น และคุณไอศูรย์ที่ก้มหน้าก้มตาทำงานก็ตอบรับเพียงประโยคเดียว

"อือ"

อือ เหรอ ก็ยังดีวะ อือก็อือ

"เดี๋ยวค่อยไปดีกว่า"

จุมพลยังคงยืนอยู่กับที่ แต่ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมากอดคอคุณไอศูรย์ที่กำลังนั่งทำงานไปเรื่อย ๆ เอาไว้

"พี่ตาลนี่เหมือนพี่ชายของผมอีกคนเลยนะ ผมก็คุยกับแกแบบนี้มาตลอดแหละ คนยังชอบแซวกันเลยว่าผมเป็นเมียหลวงพี่ตาล ส่วนน้องอีกคนที่ชื่อเจี๊ยบ มันเป็นนางบำเรอ"

ก็แค่อยากเล่าให้ฟัง ก็แค่ไม่อยากให้เข้าใจผิด และคุณไอศูรย์ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกมาสักคำ

"โกรธเหรอ"

ก็ไม่เชิง แค่ไม่ค่อยชอบกับการเล่นอะไรที่ดูเกินเลยแบบนี้ ก็รู้ว่าเล่นกัน พูดคุยกันเล่น ๆ
แต่ก็น่าจะเข้าใจหน่อย ว่าต่อหน้าต่อตาแบบนี้ ถึงจะเล่นกัน แต่ควรจะคิดถึงใจคนฟังด้วย ว่าจะรู้สึกยังไง

"ต่อไปจะพยายามไม่พูดเล่นแบบนี้กับใครอีกแล้วครับ ง้อพี่ไอซ์ตอนงอนโคตรยาก"

บ่นพึมพำคนเดียว และก็ปล่อยแขนออกจากคอคุณไอศูรย์เรียบร้อย

"รู้ตัวก็ดี"

หือออออ รู้ตัวก็ดีเหรอ รู้ตัวก็ดี ก็แปลว่า...........หึงกูนี่หว่า.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า
แอบลอบยิ้มน้อย ๆ ด้วยความรู้สึกดีใจ และจุมพลก็พยายามบังคับใบหน้าเอาไว้ไม่ให้แสดงความรู้สึกออกมามากนัก
เดินเข้าไปในครัว เพื่อชงกาแฟแก้วใหม่ให้คนที่ไม่เคยพูดอะไรแปลก ๆ เหมือนคู่อื่นเขาพูดกัน แต่แปลกที่จุมพลรู้สึกดี กับสิ่งที่คุณไอศูรย์เป็น คนบางคนไม่ค่อยพูดอะไรให้มากความ ปฏิกิริยาที่แสดงออกเท่านั้นที่จะทำให้เข้าใจได้เมื่อก่อนอยู่ด้วยกันแรก ๆ ไม่รู้ แต่พออยู่ด้วยกันไปนาน ๆ ก็เริ่มเข้าใจ

ไม่ใช่พี่ไอซ์ไม่รู้สึกอะไร แต่แค่ฟอร์มเยอะไปหน่อยแค่นั้น

ขนาดคิดถึงแทบตายยังไม่ยอมพูดเลย มารู้ว่าพี่ไอซ์คิดถึงมาก ๆ ก็ตอนที่เผลอหลับไปแล้วมีใครบางคนมานอนจ้องหน้าและก็เกลี่ยปลายนิ้วที่ข้างแก้มไม่เลิก แถมยังมาขโมยหอมแก้มกันตอนหลับไปตั้งหลายทีอีก

คนบางคนไม่ใช่ไม่อยากแสดงความรู้สึก แต่ติดที่ฟอร์มจัดไปหน่อยเท่านั้น เมื่อก่อนยิ่งกว่านี้ เดี๋ยวนี้ถือว่าดีขึ้นเยอะแล้ว

"พี่ไอซ์ ไม่ใส่น้ำตาลบ้างเหรอ ใส่น้ำตาลเอามั้ย"

แกล้งตะโกนถามและคนที่ทำงานก็ตะโกนตอบกลับมา

"ไม่"

ก็ไม่ได้จะใส่จริง ๆ หรอก ที่ถามออกไปก็เพื่อเช็คให้แน่ใจว่าหายงอนแล้วจริง ๆ หรือเปล่าแค่นัน และเมื่อหายงอนแล้ว จุมพลก็เลยผิวปากอย่างอารมณ์ดี อยู่กับพี่ไอซ์ไม่ใช่เรื่องยากหรอก จับทางได้เมื่อไหร่ก็สบายแล้ว เหมือนตอนนี้ที่จุมพลเดาทางอีกฝ่ายได้แล้ว และไม่ว่าจะมาไม้ไหน ไม่ว่าจะโกรธจะงอนมากแค่ไหน แต่เมื่ออยู่ด้วยกันไปนาน ๆ จุมพลก็รู้วิธีจัดการกับอาการโกรธและงอนของคุณไอศูรย์ได้ไม่ยาก...... ตอนนี้คุณไอศูรย์ก็ไม่ต่างจากลูกไก่ในกำมือผมหรอกวะ ไม่อยากจะโม้ แต่ง้อแค่นิดเดียวก็หายงอนแล้ว เห็นมั้ย เห็นมั้ย

"จุ้ม"

"คร้าบบบบบบ"

"บ่นอะไรพึมพำคนเดียว เมื่อไหร่จะได้กินกาแฟ ไปปลูกต้นกาแฟอยู่หรือไง"

ไม่ได้ปลูกต้นกาแฟซะหน่อย ก็แค่อารมณ์ดีเฉย ๆ จุมพลเดินยิ้มออกมาจากครัว และก็มาเสริฟกาแฟให้คุณไอศูรย์เหมือนทุกคืนที่ผ่านมา ทำหน้าที่ของตัวเองเรียบร้อย และก็เอ่ยบางอย่างกับคุณไอศูรญ์ที่ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามอง

"ดึกแล้ว ผมกลับบ้านก่อนนะ"

คำพูดเรียบง่ายแต่ทำให้คนที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงาน เงยหน้าขึ้นมาหาทันที แล้วก็เม้มปาก แล้วก็ขมวดคิ้วมุ่น แต่ไม่พูด ไม่รั้งไม่ห้าม

"ไปล่ะ"

กำลังจะเดินออกจากห้องและคุณไอศูรย์ที่นั่งทำงานอยู่ก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปกอดจุมพลเอาไว้จากด้านหลัง ไม่ใช่แค่กอดแต่ปลายจมูกโด่งกดลงมาเบา ๆ ที่ซอกคอของจุมพล ก่อนจะผละออกห่างอย่างช้า ๆ และดึงแขนจุมพลให้มาที่โต๊ะทำงานด้วยกัน
คุณไอศูรย์ลงไปนั่งทำงานเหมือนเดิม แต่ยังคงกอดเอวของจุมพลเอาไว้หลวม ๆ ไม่ยอมปล่อย

หึ

นี่สินะ วิธีการอ้อนของคุณไอศูรย์ สหัสสิงห์เดชากุล บังคับแบบมึน ๆ เข้าว่า ก็เอาวะ ผมก็ไม่มีปัญญาจะไปทำอะไรได้อยู่แล้ว
ยังไงจุ้มก็ต้องยอมตกเป็นเบี้ยล่างของพี่ไอซ์อยู่แล้ว เอาเป็นว่าจุ้มเข้าใจนะครับ

.....บอกตรง ๆ ว่าเข้าใจมาก เข้าใจจริง ๆ นะ ไอ้คุณพี่ไอซ์ ไอ้คนการกระทำสวนทางกับหัวใจ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 

วันที่ 175 จุ้มวุ่นวาย กับ พี่ไอซ์เย็นชา

เห็นแล้วก็รู้สึกนะว่าน่ารัก แต่จะให้พูด คุณไอศูรย์ไม่มีทางพูดอยู่แล้ว

"พี่ไอซ์ พี่ไอซ์ พี่ไอซ์ ฮือออออ"

สิ่งที่จุมพลทำอยู่หมายความว่ายังไง คนกำลังแปรงฟันอยู่ดี ๆ จุมพลที่ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จแล้ว ก็เดินมาถูหน้ากับแผ่นหลังของคุณไอศูรย์ที่ยืนแปรงฟันอยู่

"อำอาไอ"

ถามออกไปทั้งที่กำลังแปรงฟัน และจุมพลก็เลยถือโอกาสกอดเอวคุณไอศูรย์จากด้านหลังและโผล่หน้าไปที่ใต้แขนของคุณไอศูรย์

"อยากกอด"

จะบ้าหรือไง จุมพล คุณไอศูรย์ได้แต่ส่ายหน้า และยืนแปรงฟันต่อไปเรื่อย ๆ และจุมพลก็มัววุ่นวายนัวเนีย อยู่กับคนที่แปรงฟันไม่เลิก ....น่ารักดีนะ...เวลาอ้อนแบบนี้.... แต่คุณไอศูรย์ก็ยังคงยืนทำหน้านิ่งเฉย แปรงฟันไปเรื่อย เรื่องที่จะให้ชมกันต่อหน้า ไม่ใช่สิ่งที่คุณไอศูรย์ถนัด ถึงน่ารักขนาดไหน ก็ชมว่าอีกฝ่ายน่ารัก ไม่ได้อยู่ดี

และจุมพลก็รู้ดีว่าไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะชื่นชม ก็เลยยิ้มระรื่นและชมคุณไอศูรย์ซะเลยก็หมดเรื่อง

"พี่ไอซ์ตอนแปรงฟันน่ารักจัง"

บ้าไปแล้วหรือไง จุมพล

"เพ้อเจ้อ"

พูดเพียงแค่นั้น และคุณไอศูรย์ก็จัดการล้างหน้าบ้วนปากเรียบร้อยและเดินหนีไปหยิบผ้าขนหนูมาซับหน้า และโยนผ้าขนหนูผืนนั้นคลุมหัวจุมพลเอาไว้

"ผ้าขนหนูก็มี ทำไมไม่รู้จักเช็ด มาเช็ดที่หลังผมอยู่ได้"

หลังผมเหรอ หลังผมเหรอ หลังผมว่างั้น

"ไม่ใช่หลังผม แต่เป็นหลังพี่ไอซ์"

อ่า

จะหลังผม หลังใครก็ช่างเถอะ ไม่ต้องพูดไปแล้วก็ยื่นหน้ายื่นตามาใกล้ขนาดนั้นหรอก เดี๋ยวจะพาลอดใจไม่ไหว ไม่ต้องไปทำงานกันล่ะคราวนี้

"พอแล้ว รำคาญ"

เดินหนีไปอีกทาง และคนที่เดินตามก็ยังพยายามจะกอดเอวของคุณไอศูรย์และเดินตามไปเรื่อยไม่ยอมปล่อย

"ทำอะไรไม่เข้าเรื่อง"

ไม่เข้าเรื่องแต่ชอบนะนั่น เห็นหรอกว่าแอบยิ้ม

"อ้อนพี่ไอซ์ไง อ้อนไม่ได้เหรอ"

ได้สิ ทำไมจะไม่ได้

"ก็ทำไป ทำแล้วสบายใจก็........ทำต่อไปแล้วกัน"

แน่ะ

"ตาม ตาม ตาม"

คำว่าตามมาพร้อมกับการที่จุมพลเดินเกาะหลังคุณไอศูรย์ไปทั่วบ้าน และคุณไอศูรย์ก็ทำทีเป็นรำคาญทั้งที่ก็ชื่นชอบพฤติกรรมแบบนี้ของจุมพลอยู่ไม่น้อย สิ่งที่คุณไอศูรย์รู้สึก ไม่มีอะไรมาก ก็แค่รู้สึกว่า เวลาถูกอ้อน หรือนัวเนียแบบนี้ มันทำให้รู้สึกดีและมีความสุขเพิ่มขึ้นอีกสามเท่า

"เกาะอยู่นั่น จะเกาะอะไรมากมาย"

ก็ไม่ได้เกาะอะไรมากมายหรอก

"ขอเกาะแน่น ๆ อีกนิดนะพี่ไอซ์ จุ้มหนาววววว"

หนาวบ้าหนาวบออะไร

"คุณนี่มันบ้าบอคอแตกจริง ๆ จนผมจะรับไม่ได้อยู่แล้วนะคุณจุมพล"

รับไม่ได้ แต่หน้านี่กลั้นยิ้มซะขนาดนั้นเลยนะ อยากยิ้มก็ยิ้มเหอะ ทำเป็นเก็กขรึมอยู่ได้ บอกว่าบ้าบอคอแตก แต่ก็ให้เกาะหลังเดินจนทั่วบ้านล่ะวะ ชอบก็บอกมาเห้ออออออ คนไม่ชอบเขาสะบัดหนีไปนานแล้วไม่ปล่อยให้กอดให้ตามอยู่ได้หรอก

ชอบให้อ้อนก็บอกมาเหอะ จะปากแข็งไปถึงไหนครับพี่ไอซ์ ผมล่ะอยากรู้จริง ๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 25-05-2014 20:41:55

วันที่ 201  ไอซ์สุขุม&จุ้มมุ้งมิ้ง

"คุณไอศูรย์ครับ ผมมีเรื่องสำคัญจะบอก"

จุมพลกำลังกินข้าวเย็นกับคุณไอศูรย์ แต่อยู่ดี ๆ ก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ เกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้ว และพอนึกขึ้นได้จุมพลก็คิดว่าต้องรีบบอกคุณไอศูรย์ทันที

"อะไร"

คนถามที่นั่งอยู่ตรงข้ามเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย และจุมพลก็ขมวดคิ้วมุ่น

"้ถ้าบอกแล้วจะยอมทำตามหรือเปล่าครับ ผมค่อนข้างซีเรียสกับคำตอบ ถ้าไม่คิดว่าจะทำได้ตามที่ขอ ผมขอเลี่ยงด้วยการไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้วกันครับ"

คุณไอศูรย์วางช้อนและส้อมไว้บนจานข้าว และเงยหน้าขึ้นมองหน้าของจุมพลด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

"มีอะไรก็บอกมาตรง ๆ ไม่ต้องอ้อมค้อม"

แต่ว่า...... จุมพลมีสีหน้าลังเลอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะถอนหายใจออกมายาว ๆ ด้วยความกลัดกลุ้ม ก้มหน้าลงเล็กน้อย และตัดสินใจพูดบางอย่างออกไป

"มันไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงอะไรหรอกครับ คุณไอศูรย์คงพอทำได้ แต่จะยินดีทำหรือเปล่า ผมก็ไม่แน่ใจ"

ก็แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ ถ้าทำได้ก็จะทำให้

"พูดมา"

จะดีเหรอครับ

"อย่าโกรธนะครับ"

แสดงว่าเป็นเรื่องใหญ่สินะ

"เท่าที่ผมควรทำ"

ก็ได้ครับ ถ้างั้นก็.... จุมพลก้มหน้าลงเล็กน้อย ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ตัดสินใจใช้ส้อมจิ้มทอดมันปลากรายส่งให้คุณไอศูรย์พร้อมกับพูดคำพูดบางอย่างออกมา

"ผมจะบอกว่าคุณไอศูรย์ช่วยอ้าปากหน่อย กินทอดมันที่ผมป้อนหน่อยนะครับ................อ้ามมมมมม"

คุณไอศูรย์ถึงกับนั่งนิ่ง และจ้องหน้าของจุมพลเงียบ ๆ

"ผมไม่ชอบกินทอดมันปลากราย"

แป่ววววววววว....ทำไมคำตอบมันกลายเป็นแบบนี้ล่ะครับ

ไม่แบบว่าจะยอมฝึนใจกินเลยเหรอ ไม่รู้สึกดี ที่ผมอุตส่าห์อยากทำอะไรหวานแหววด้วยเลยใช่มั้ยไม่มีอารมณ์แบบว่าอยากทำแบบนี้บ้างจริง ๆ เหรอ จุมพลถือส้อมจิ้มลูกชิ้นปลากรายค้างอยู่อย่างนั้น และก็กลับมานั่งที่ของตัวเอง

เออ ไม่อินก็ไม่อินวะ ไม่อินก็ไม่ว่า ชีวิตแม่งเหี่ยวเฉาหมด ทำไมถึงได้เป็นคนเย็นชาแบบนี้วะ ผมล่ะไม่เข้าใจความคิดของคุณเลยจริง ๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++

"ขยับไปหน่อยซิ"

อะไรอีกล่ะ

จุมพลนั่งเล่นเกมส์ไปเรื่อย ๆ แต่อยู่ดี ๆ คุณไอศูรย์ที่กำลังทำงานก็เดินมาหา และลงมานั่งอยู่ที่หน้าโซฟา ข้าง ๆ จุมพล มานั่งไม่ว่า แต่บอกให้ขยับให้หน่อย จุมพลก็เลยขยับให้ ทั้งที่ไม่ยอมมองหน้าของคนที่มานั่งอยู่ข้าง ๆ เลยสักนิดเดียว

"เล่นอะไร"

เล่นอะไรเหรอ ไม่ได้เล่น ออกจากเกมส์ที่เล่นทันที และจุมพลก็วางมือจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ปิดเครื่อง ชัตดาวน์ และเมื่อหน้าจอดับลง จุมพลก็เตรียมลุกหนีคนที่มานั่งข้าง ๆ

"จะไปไหน นี่เพิ่งสามทุ่ม"

ก็ไม่ได้ไปไหน

"จะไปนั่งที่อื่น ไม่อยากนั่งกับคนเย็นชา ป้อนทอดมันปลากรายก็ไม่ยอมกิน"

ถามมาก็ตอบ ไม่ได้ทำตัวหมางเมิน สิ่งที่ทำอยู่ในตอนนี้ก็แค่เลียนแบบพฤติกรรม คนเย็นชาบ้างเท่านั้น แล้วคุณไอศูรย์ก็ได้แต่อ้าปากค้าง และค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกมายาว ๆ

"ผมไม่ค่อยชินกับการที่คุณทำอะไรแบบนี้ด้วย"

อ่อ

แล้วผมชินหรือไงครับ ผมก็พยายามปรับตัวให้เข้ากับคุณอยู่นี่ ผมไม่ได้บ้าบอขนาดมาอ้อนผู้ชายด้วยกันแล้วไม่รู้สึกรู้สา ไม่กระดากอายหรอกนะ แต่ที่ทำอยู่ตอนนี้ ก็แค่อยากให้เราสนิทกันมากขึ้น ไม่ต้องมาวางฟอร์มใส่กัน
ใครจะว่าผมทำตัวแปลก ๆ เพี้ยน ๆ ผมก็ไม่คิดจะสนหรอก ที่ผมทำอะไรบ้า ๆ แบบนั้นก็เพราะไม่อยากให้ใครมาคาดหวังกับผม

ที่ผมทำอะไรเพี้ยน ๆ โง่ ๆ  แบบนั้น คุณไม่เข้าใจหรอกว่านั่นน่ะ เรียกว่า "ความพยายาม" ในการทำให้ช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกันมีความสุขมากที่สุด แต่คุณคงไม่เข้าใจ ทำตัวเย็นชาตั้งแต่ไหนแต่ไร ก็ยังคงเป็นอยู่แบบนั้น มันไม่สนุกนะ ที่ผมต้องพยายามอยู่คนเดียว แต่คุณไม่คิดจะพยายามด้วยกันกับผมเลย

"ไม่ชอบแบบนั้นก็ดีแล้ว ต่อไปผมจะได้ไม่ทำใส่คุณอีก"

จะไม่ทำอีกเหรอ จะไม่ทำ กลายเป็นคุณไอศูรย์ที่ต้องเป็นฝ่ายขมวดคิ้วมุ่นแทน

"โอเค ผมเข้าใจแล้ว คุณอยากให้ผมทำอะไร เอาที่ผมพอรับได้ คุณว่ามา"

อย่าให้พูดเลย

"พูดไปคุณก็ทำไม่ได้หรอก"

"แล้วรู้ได้ยังไงว่าทำไม่ได้ ยังไม่ได้พูดเลยไม่ใช่เหรอ"

อ่อ

"แล้วอย่างคุณเนี่ย จะขอโทษผมแล้วพูดจาดี ๆ กับผมได้เหรอ ผมว่ายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรอีก"

แล้วอยากจะให้พูดอะไรล่ะ

"พี่ไอซ์ขอโทษครับ จุ้มจ๋า อย่าโกรธพี่ไอซ์เลยนะ พี่ผิดไปแล้ว ให้อภัยพี่นะครับ"

ประโยคคำพูดชวนเลี่ยนแบบยาว ๆ ที่จุมพลไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากคุณไอศูรย์ มันทำให้จุมพลที่ได้ยินคำพูดแบบนั้นถึงกับเกิดอาการเหวอ คนพูดไม่ได้มีอารมณ์กับบทพูดหวานเลี่ยนของตัวเองเลยสักนิด พูดเหมือนท่อง ทั้งที่ประโยคแสนหวาน แต่ใบหน้าของคนพูดเรียบเฉย และน้ำเสียงเวลาที่พูดประโยคแบบนั้นยาว ๆ มันดูตลกสำหรับจุมพลสิ้นดี

"คุณพูดว่าอะไรนะ"

ก็ไม่ได้พูดอะไรนี่

"ผมแค่บอกว่า .... พี่ไอซ์ขอโทษครับ จุ้มจ๋า อย่าโกรธพี่ไอซ์เลยนะ พี่ผิดไปแล้ว ให้อภัยพี่นะครับ"

เอ่อ....

ไม่ได้รู้สึกดีใจเลยสักนิดที่ได้ฟัง แต่มันทำให้จุมพลทำหน้าแปลก ๆ และรู้สึกว่าประโยคคำพูดแบบทั้งหวานทั้งเลี่ยนนั้นมันฟังดูตลกมากเกินกว่าที่จะเรียกว่าคำขอโทษ

"อ่ะ.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า เออออออออออ ผมเข้าใจแล้ว เข้าใจดีแล้ว ต่อไปไม่ต้องพยายามพูดแบบนี้กับผมก็ได้ แล้วก็ไม่ต้องพยายามหรือฝืนทำอะไรแปลก ๆ แบบนี้หรอกผมเข้าใจแล้วครับ ผมเข้าใจแล้ว......ไอ้เรื่องแบบนี้ ให้ตายก็ไม่มีทางเหมาะสมกับคุณได้หรอก.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ตลกชะมัด"

เข้าใจแล้วสินะ เข้าใจก็ดีแล้ว ปัญหาทุกอย่างผมพร้อมฟันฝ่า แต่ปัญหาที่ว่าควรพูดจาหวานซึ้งกินใจให้กับคนรักผมยอมรับว่าจนปัญญา

"พี่ไปยืนซ้อมขอโทษผม ในห้องน้ำมากี่รอบ ทำไมมันถึงได้กลายมาเป็นประโยคแบบนี้ แม่งตลกว่ะ โคตรฮาเลยจริง ๆ"

จุมพลถึงกับหัวเราะลั่นไมยอมหยุด และคุณไอศูรย์ก็ได้แต่ถอนหายใจยาว ๆ และเมินหน้าหนีไปทางอื่น เพราะรู้สึกอนาถตัวเองที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้

"เข้าใจแล้วว่าพี่ไอซ์ไม่ค่อยถนัดเรื่องนี้ ผมเข้าใจแล้ว"

เข้าใจก็ดีแล้ว เข้าใจก็เลิกงอแงได้แล้ว

"ผมทำของผมคนเดียวแบบนี้ก็ได้ จะทำจนกว่าคุณจะรำคาญผมจริง ๆ ไปเลย ดีมั้ย"

ก็.....ได้ คุณไอศูรย์พยักหน้า และส่งยิ้มน้อย ๆ ให้คนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เราดีกันเรียบร้อยและจุมพลก็ขยับเข้ามาหาคุณไอศุรย์อีกนิด
วางมือทั้งสองข้างไว้ที่ขาของคุณไอศูรแล้วก็กระพริบตาปริบ ๆ ทำหน้าตาน่ารักใส่

"............"

ไม่มีคำพูดใด ๆ จากคุณไอศูรย์มีแค่เพียงดวงตาสองคูที่จ้องมองกัน แค่มองตา จุมพลก็รู้ว่าคนที่ทำหน้าเฉย โคตรจะชอบสิ่งที่ทำอยู่ในตอนนี้

"พี่ไปสายอ้อนไม่รอดหรอกเชื่อผม"

ก็คิดว่าอย่างนั้นล่ะ

"ก็เลยเอาดีสายจริงจังอยู่นี่ไง"

นั่นสินะ ก็เลยเอาดีทางสายจริงจังว่างั้น ผมว่าก็เหมาะสมกับพี่ดี อย่างน้อยผมก็จะได้ไม่ต้องเคร่งเครียดหรือคิดมากให้ปวดหัว
เพราะมาคิด ๆ ดูแล้ว พี่ไอซ์ตอนที่อ้อนคงน่ารักมาก และผมคิดว่าไม่ควรมีใครได้เห็น นอกจากผมคนเดียวเท่านั้น

ใครจะมองยังไงจุมพลไม่รับรู้และไม่สน แต่ใครจะมองคุณไอศูรย์ตอนที่ทำท่าทางน่ารัก มากกว่าทำท่าเคร่งขรึม อันนี้ผมยอมรับไม่ได้ และก็อยากให้รู้ด้วยว่า นอกจากไม่ชอบแล้ว ผมยังคิดว่าตัวเอง กำลังเริ่ม "หึง" และ "หวง" คุณอยู่ไม่น้อย

และถ้าเป็นไปได้ ผมขอเก็บคุณเอาไว้กับตัวเงียบ ๆ และไม่ปรารถนาให้ใครได้เห็นสีหน้าแววตาของคุณในเวลาที่คุณคิดจะอ้อน ผมขอเก็บสิ่งพิเศษแบบนี้เอาไว้กับตัวนะ ผมไม่ปรารถนาให้ใครได้เห็นความน่ารักของคุณ

โปรดรู้เอาไว้ก็ดีก็นะครับคุณไอศูรย์

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

วันที่ 275  จุ้มปลอบใจ กับ พี่ไอซ์ขี้กลัว

"ดินสอเนี่ยแหละเขียนง่ายสุด เขียนเสร็จแล้วก็ลบได้"

การเถียงกันด้วยเรื่องไร้สาระระหว่าง คุณไอศูรย์และจุมพลเริ่มขึ้นแล้ว

"ไม่เอา เอาปากกาเขียน"

ทำไมต้องปากกาด้วยวะ

"ดินสอเนี่ยแหละดีแล้ว" จุมพลยังคงมุ่งมั่นกับการใช้ดินสอเขียนลงไปในเอกสาร และคุณไอศูรย์ก็เร่มทนไม่ไหว

ดึงดินสอ ออกจากมือของจุมพลและยัดเยียดปากกาใส่มือให้แทน

"มันลบง่ายดี ทำไมถึงต้องให้ใช้ปากกาด้วยล่ะ"

เงยหน้ามามองคนที่ให้ช่วยทำงาน แล้วคุณไอศูรย์ก็ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะถอนหายใจออกมายาว ๆ และบอกเรื่องบางอย่างที่จุมพลไม่เคยรู้มาก่อน

"ผมกลัวเสียงดินสอทื่อ ๆ เวลาขีดลงบนกระดาษมันจะเป็นเสียงแปลก ๆ ผมไม่ชอบเสียงแบบนี้"

กลัวเสียงดินสอเนี่ยนะ กลัวเสียงดินสอ กลัวเสียงดินสอ.................. พี่ไอซ์ พี่จะน่ารักเกินไปแล้วววววววววว
จุมพลถึงกับหัวเราะออกมาและเงยหน้าขึ้นมองคนที่ทำหน้าขรึมแต่หน้าเริ่มแดงขึ้นเรื่อย ๆ

อายเหรอนั่น พี่อายเหรอ พี่ไอซ์อายว่ะ เพิ่งเคยเห็น จุมพลลุกขึ้นไปกอดคุณไอศูรย์เอาไว้แน่น หัวเราะออกมาเสียงเบาและคุณไอศูรย์ก็บ่นอะไรบางอย่างเสียงดังพึมพำ

"กอดทำไมเนี่ย มันใช่เรื่องต้องมากอดมั้ย"

มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องกอดหรอก แต่ผมอยากโอ๋พี่ไอซ์บ้างมันผิดด้วยเหรอ เห็นกลัวหรอกนะ ถึงอยากโอ๋ ไม่อยากให้พี่ไอซ์ตกใจกลัวไปยิ่งกว่านี้

ฮ่า ฮ่า ฮ่า

พี่ไอซ์รู้มั้ย อาการกลัวเสียงแปลก ๆ ของพี่มันทำให้ผมรู้สึกว่า พี่น่ารักเพิ่มขึ้น อีก 10 เท่า พี่ไอซ์นะพี่ไอซ์ อะไรก็ไม่เคยกลัว มากลัวเสียงขูดดินสอเนี่ยนะ พี่จะน่ารักเกินไปแล้วครับ จุมพลยังคงยิ้มหน้าระรื่น แต่คุณไอศูรย์ที่นั่งให้กอดทำหน้าเฉย

ทั้งที่อาการเขินอาย แสดงออกให้เห็นชัด

หูแดงหมดแล้วพี่ไอซ์ ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา ผมไม่เคยเห็นพี่อาย แต่เวลาพี่อาย แม่งน่ารักชะมัด ดีแล้วที่พี่ไม่ไปทำให้ใครเห็น
แบบนี้ไง โคตรน่าหวง พี่น่ารักขนาดนี้ได้ยังไงวะ ผมอยากรู้ว่าพี่น่ารักขนาดนี้ได้ยังไง จุมพลกอดคุณไอศูรย์เอาไว้แน่น และคุณไอศูรย์ก็ยังคงบ่นอะไรบางอย่าง

"ก็คนมันกลัวจะให้ทำไง"

ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ ก็กลัวไปสิ แค่คิดว่า ถ้ากลัวอะไรน่ารัก ๆ แบบนี้ พี่รีบ ๆ กลัวเยอะ ๆ เลยนะ นาน ๆ ที ผมจะได้กำไรจากพี่บ้าง
เวลาพี่ไอซ์เขินและอาย....มันน่ารักจนผมแทบละลาย........ ทำไมพี่น่ารักได้ขนาดนี้ครับ ผมไม่เข้าใจ


วันที่ 365  จุ้มงี่เง่า กับ พี่ไอซ์ช่างง้อ

จุมพลหลับไปตั้งนานแล้ว และวันนี้ไม่ได้รอคนที่นั่งทำงาน สาเหตุที่ไม่รอ ก็เพราะว่าเรา ทะเลาะกัน
เรื่องที่ทะเลาะกัน ช่างแสนไร้สาระ คุณไอศูรย์ไม่ยอมกินคุกกี้ที่จุมพลป้อน แค่นั้นเอง

หลับไปได้พักใหญ่ อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมายุกยิกวุ่นวายอยู่ที่เอว และเมื่อปรือตาตื่นขึ้น ก็รับรู้ได้ว่าคนที่นอนซ้อนอยู่ด้านหลัง เริ่มลงมือก่อกวน กันอีกแล้ว

"อย่า"

ร้องออกมาเสียงเบา และก็ยกหลังมือขึ้นขยี้ตา รู้สึกตัวตื่นขึ้นและจุมพลก็ได้ยินคำพูดจากน้ำเสียงทุ้มต่ำที่ดังแผ่วเบาที่หลังหู
และนั่นทำให้จุมพลขนลุกซู่และต้องเม้มริมฝีปากแน่น

"อยากกอดจุ้มแน่น ๆ"

ไม่ขอโทษสักคำ แล้วอยู่ดี ๆ ก็มาพูดว่าอยากกอดแน่น ๆ แล้วนี่เรียกว่ากอดแน่น ๆ เหรอวะ มันใช่ที่ไหนกันล่ะพี่ไอซ์

จับมือของคนที่เริ่มยุกยิกเอาไว้ให้หยุดการเคลื่อนไหว และพยายามเอาตัวรอดด้วยการพยายามดิ้นรนออกจากอ้อมกอดของคุณไอศูรย์ให้ได้

"นอนนิ่ง ๆ อยู่ดีๆ แล้วให้พี่กอดซะ"

อะไรวะ แบบนี้มันเรียกบังคับกันชัด ๆ ถึงในใจจะต่อต้าน แต่จุมพลก็นอนนิ่งให้คุณไอศูรย์กอด และปล่อยให้ฝ่ามือร้อนรุ่มลากไล้เล่นที่หน้าท้อง

ทำไปทำไมวะ นอนแล้วลูบขนาดนี้ มันใช่เรื่องที่ไหนวะ ลูบขึ้นลูบลงแบบนี้อยู่ได้ ถามหน่อยเถอะ โดนลูบขนาดนี้ใครจะไม่มีอารมณ์ล่ะครับ ผมอยากจะรู้

"พี่อะ...ไอซ์ อืมมม"

เริ่มพูดจาไม่รู้เรื่อง และคนที่นอนอยู่ด้านหลังก็ขานรับเสียงเบา

"อือ"

ไม่ต้องมาตอบแค่ "อือ" คำเดียวแบบนี้นะ แบบนี้มันเรียกว่า "ยั่ว" ให้ "อยาก" ชัด ๆ

"จะทนไม่ไหวแล้ว"

"ทนอะไรไม่ไหว"

คงไม่ต้องให้อธิบายมาก พูดแค่นี้ก็น่าจะรู้ว่าอะไรที่ว่าทนไม่ไหว ไม่มีคำอธิบายของจุมพล นอกจากการที่จุมพลเป็นฝ่ายกุมมือของคุณไอศูรย์เอาไว้และเป็นฝ่ายจับมือของคุณไอศูรย์ให้เลื่อนต่ำลงเรื่อย ๆ

จนฝ่ามือร้อน ๆ กุมอยู่ที่ความโป่งนูนที่เหมือนจะทะลุกางเกงที่ใส่นอนออกมา

"อ่ะ นี่ ผมทนไม่ไหวแล้ว"

ไม่ไหวเหรอ

"แล้วจะให้พี่ทำยังไงล่ะ ถ้าจุ้มทนไม่ไหว"

ก็ไม่ต้องทำไง ก็แค่....... ค่อย ๆ พลิกกายหันมาหาคุณไอศูรย์และช้อนสายตาขึ้นมองหน้าของคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ กัน

แหงนเงยใบหน้าขึ้นเล็กน้อย และแตะริมฝีปากเบา ๆ ที่ปลายคางของคนที่นอนทำหน้าเฉย และก็กลายเป็นจุมพลที่ค่อย ๆ เคลื่อนกายขึ้นไปทาบทับอยู่บนร่างของคุณไอศูรย์

จัดการกับเสื้อที่สวมอยู่ ถอดออกและโยนทิ้งเอาไว้ ลูบไล้ฝ่ามือไปตามแผ่นอกกว้าง และจุมพลก็โน้มใบหน้าลงมาดูดกลืนริมฝีปากร้อนรุ่มคู่นั้นเอาไว้ แสดงความต้องการทั้งหมดออกมาทั้งทางร่างกายและสายตา

และเมื่อดวงตาสองคู่สบกันนิ่ง ต่างฝ่ายต่างก็รู้ความหมายของกันและกัน
คุณไอศูรย์อมยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากและแหงนเงยใบหน้าขึ้นรองรับรสจูบแสนหวานแสนเร่าร้อนของคนที่ขึ้นไปคร่อมทับอยู่เหนือร่าง

นี่เพิ่งแค่เริ่ม ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล และทั้งคุณไอศูรย์และจุมพลก็รู้ดี เราหายโกรธกันแล้ว ตั้งแต่เราขึ้นมานอนร่วมเตียงเดียวกัน


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 25-05-2014 20:50:36
 :pighaun:จุ้มมุ้งมิ้งขึ้นทุกวัน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 25-05-2014 21:02:59
เอาบ้างๆอยากได้ๆ :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 25-05-2014 21:28:32
เพิ่งกลับจากทำงาน ได้อ่านเรื่องนี้แล้วหายเหนื่อยเลย   :hao7:

พี่ไอซ์กับน้องจุ้มช่างแสดงความคิดถึงกันได้ร้อนแรงนัก  :z1:

และหลังจากนั้นน้องจุ้มก็น่าร๊ากกก มุ้งมิ้งขึ้นทุกวัน  :impress2:
ส่วนพี่ไอ้ก็แบบรักนะแต่เก็กได้อีก  :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 56
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 25-05-2014 21:37:38
โอย คู่นี้หวานกันน่ารักมาก ป้าใจละลายเลย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 25-05-2014 21:52:47
งอนๆง้อๆกันแบบง่ายๆ
แลเหนียวแน่นกันดีจัง ชอบอะ ง้องอนกันน่ารักมากกกกก
โอยยย เขิน
คุณไอไม่เหมาะกับบทอ้อนเมีย แบบนี้ละดีแล้ว นึกตอนอายจริงๆก็ขำจริงๆนั่นละ 5555 :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 25-05-2014 22:26:11
สบายใจแล่ะที่ได้เสียเลือดไปกับ "วิธีปรับความเข้าใจ"   :pighaun:   :pighaun:

ซึ่งเป็นอะไรที่รอ พี่ไอซ์กับจุ้ม  อยู่นาน  ครึครึ   :hao7:   :hao7:
 
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 25-05-2014 23:19:26
อึ้ยยยย น่ารักอ่า พี่จุ้มน่ารักกกกก แต่พี่ไอซ์นี่นุ่มนิ่มได้อีก กลัวเสียงดินสอเนี่ยนะ 555555
 :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: dorazombie ที่ 25-05-2014 23:26:30
คนแต่งขยันลงมากเลยค่ะ นับถือๆๆ  คนอ่านชอบมากเลย  สนุก อ่านเพลิน แต่ละตอนก็สนุกคนละแบบ ชอบพี่บุ้งกะน้องมีนสุด ๆ  เฮียกะวิเชียรด้วย (เห็นหน้ากันต์แล้วนึกถึงวิเชียรตลอด ๆ เลย  :hao5:)

ติดงอมแงมเลยอ่ะเรื่องนี้  :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 25-05-2014 23:34:04
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/19/256IqDzo.jpg)
เรื่องของหัวหน้าแผนกจัดซื้อ ไอศูรย์-จุมพล ตอน ความหึงหวง (จบ)

“โดนคดีอาญาด้วย ประกันตัวออกมาสู้  แล้วก็มีคดีอื่นอีก  เรื่องคดี ก็ต้องสู้ไป ทั้งคดีเช็คเด้ง ทั้งโกงเจ้าทรัพย์ มันวุ่นวายไปหมด พี่นิ้งติดการพนัน เขาหมุนเงินมาจากทุกที่ ที่บ้านก็เพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้ หญิงก็คงทำเท่าที่หญิงจะทำได้ ยังไงก็พี่สาวหญิงทั้งคน ถึงอยากตัดขาดขนาดไหน แต่พอเอาเข้าจริง ๆ กลายเป็นหญิงเองที่ตัดไม่ขาด แม่ก็เครียด ที่บ้านเครียดกันหมด แต่มันก็เท่านั้นแหละพี่จุ้ม แล้วพี่จุ้มล่ะ สบายดีมั้ย”

บ่ายวันหนึ่ง คุณไอศูรย์ส่งโทรศัพท์ให้จุมพลที่กำลังง่วนอยู่กับการช่วยจัดเก็บกองเอกสารของคุณไอศูรย์เข้าแฟ้ม
ตอนแรกไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่เมื่อได้ยินเสียง หัวใจของจุมพลก็เต้นระทึกไม่เป็นส่ำขึ้นมาทันที เงยหน้าขึ้นมองหน้าของคุณไอศูรย์เป็นพัก ๆ แล้วก็ค่อย ๆ ลงไปนั่งอยู่บนพื้นหน้าโซฟา ปลายนิ้วเกลี่ยเรื่อยไปที่โต๊ะรับแขกที่อยู่ตรงหน้า

ไม่รู้จะทำอะไรได้มากไปกว่าฟัง และคุณไอศูรย์ก็ไปนั่งที่เก้าอี้ทำงานและทำงานไปเรื่อย ๆ
ทักทายกันไม่นาน พูดคุยกัน และเมื่อเวลาผ่านไปไม่นานมันก็ไม่ยากที่จะต่อกันติด

เราคุยกันได้ทุกเรื่อง และในเวลานี้ จุมพลก็รู้ เรายังคุยกันได้ทุกเรื่องเหมือนเดิม

“พี่นิ้งเขาพูดนะ.......เมื่อก่อนที่เขาทำอะไรไว้ เขาพูดออกมาหมด”

พูดออกมาหมดที่ว่า จุมพลไม่รู้ว่าพูดอะไร แต่เสียงถอนหายใจของหญิงก็ทำให้พอเดาได้ไม่ยาก

“ที่ทุกอย่างมันพัง ก็เพราะหญิงมันโง่เอง แต่ก็เท่านั้นแหละพี่จุ้มมันผ่านมาไกลแล้ว จะไปโทษใครล่ะตอนนี้ โทษพี่นิ้ง โทษหญิง หรือโทษพี่จุ้มล่ะ มันหมดเวลาที่จะหาคนผิดแล้วพี่จุ้ม ป่านนี้แล้ว”

จุมพลทำได้แค่เพียงถอนหายใจยาว ๆ และไม่รู้จะพูดอะไร ยังรักเธออยู่มั้ย จุมพลคิดว่ามันอยู่ลึกมาก และไม่กล้าให้ความรู้สึกนั้นแสดงตัวออกมาอีก ในเมื่อมีใครอีกคนอยู่ข้าง ๆ ในเวลานี้ ความรู้สึกเมื่อครั้งเก่าก่อน มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะรื้อฟื้นขึ้นมาอีก

“เออพี่จุ้ม...........หญิง.......จะแต่งงานนะ”

เธอบอกบางอย่าง เรื่องบางอย่างที่ทำให้จุมพลขมวดคิ้วมุ่น ก่อนที่หัวคิ้วจะคลายออก

“พี่....ยินดีด้วยนะหญิง”

บอกเธอแบบนั้น แสดงความยินดีกับเธอ ความยินดี ที่ออกมาจากใจ แสดงความยินดีกับ......เธอ...คนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของจุมพล คนที่ครั้งหนึ่งเคย......

ไม่ทันได้คิดอะไร ไม่ทันปล่อยให้ทั้งสมองและหัวใจไหลไปพร้อมความคิดเพราะคนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ทำงานลุกขึ้นและเดินมานั่งอยู่ข้าง ๆ ไม่ใช่แค่มาอยู่ข้าง ๆ แต่คุณไอศูรย์ลงมานั่งซ้อนอยู่ด้านหลังของจุมพล และเกยคางที่ไหล่ของจุมพล

“อ่ะ....”

แม้อยากพูดอะไรตอนนี้ก็ไม่กล้าพูด แม้อยากคิดอะไรตอนนี้ก็ไม่กล้าคิด

“เมื่อไหร่จะไปจัดแฟ้ม”

คนที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลังและกอดเอวของจุมพลเอาไว้ทำให้คนที่เริ่มคิดอะไรไปเรื่อย ต้องขมวดคิ้วมุ่น และพูดอะไรไม่ออก

“ที่ตั้งใจเอาไว้ก็ได้บอกแล้ว ขอบคุณมากค่ะคุณไอศูรย์”

เธอพูดแบบนั้น และคนที่กอดจุมพลเอาไว้ก็เลิกคิ้วขึ้นสูง ทำเป็นงง มานั่งฟังติดซะขนาดนี้ ยังไงก็ต้องได้ยินแหละวะ

“หญิง”

จุมพลเรียกเธอเอาไว้อีกครั้ง และหญิงก็ขานรับ

“ค่ะ”

ต่างฝ่ายต่างเงียบ ต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบ ไม่มีคำพูดใด ๆ ออกมาอีก นอกจากความเงียบงันและจุมพลก็ถอนหายใจยาว ๆ
หญิงทำแค่เพียงอมยิ้ม และไม่นานรอยยิ้มของหญิงก็กว้างขึ้นเรื่อย ๆ

“พี่ยินดีด้วยจริง ๆ”

รู้

หญิงรู้ว่าสิ่งที่จุมพลพูด ออกมาจากใจ คำพูดที่ออกมาจากใจ หลังจากที่ติดค้างกันมานาน
ตอนนี้เหมือนทุกอย่างที่เคยคาใจกันมาหลายปี มันหายวับไปกับตา

เธอเคยโกรธ เธอเคยแค้น เธอเคยชิงชัง เธอคิดว่าจะไม่มีทางอภัยให้

เธอคิดจะให้จุมพลจดจำเธอไปตลอดชีวิต และในวันหนึ่ง เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ สิ่งที่เธอเคยถือเอาไว้ เมื่อเธอปล่อยวางได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอไม่เคยมอง ก็เหมือนจะชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ

“ขอบคุณมากพี่จุ้ม”

คำขอบคุณสุดท้ายของหญิง มันทำให้จุมพลยิ้มออกมาได้ รอยยิ้มที่ออกมาจากใจจริง ๆ หลังผ่านความทุกข์ทรมานมานานหลายปี

เธอวางสายไปแล้ว และจุมพลก็วางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ นิ่งเงียบ และความคิดก็เหมือนจะล่องลอยไปเรื่อย ๆ

“อื้อออออออ อ่ะ”

ไม่ได้คิดนาน ไม่ทันได้คิดอะไรนานไปกว่านี้ เพราะคนที่กอดเอาไว้ จัดการรั้งต้นคอของจุมพลให้หันมาหา และประกบริมฝีปากแนบแน่นกับริมฝีปากคู่นั้น เป็นนานกว่าจะผละออกห่าง และคุณไอศูรย์ก็ขมวดคิ้วมุ่น

สีหน้าที่จุมพลได้เห็น ดูยังไงก็รู้ว่าคุณไอศูรย์กำลังหงุดหงิดและไม่พอใจอย่างรุนแรง

“อย่าบอกนะว่าหึง”

แกล้งถามคนที่ขมวดคิ้วมุ่น และคุณไอศูรย์ก็ผลักหน้าของจุมพลออกห่าง ลุกขึ้นยืนและเดินหนีไปที่โต๊ะทำงาน

“หน้าอย่างผม มีอะไรให้หึง จะหึงก็ไม่ได้ดูหน้าผมเลยเน่อ”

หน้าแบบนี้แหละตัวดีเลย ชอบทำให้ระแวงที่สุด เรื่องเก่า เรื่องใหม่ เต็มไปหมด

“ก็รู้ตัวเองดีแล้วนี่ หน้าแแบบนี้ หึงไม่ลง”

โห พี่ครับ หึงไม่ลงครับ หึงไม่ลงมากเลยครับ แต่เล่นล็อคคอกูซะแน่นเลยนะเมื่อกี้นี้ เจ็บแค้นมากนะนั่นทำเล่นไป

“จะได้รู้ไว้ ว่าจุ้มมันไม่สำคัญ”

แกล้งทำเป็นเมินหน้าหนีและก้มหน้าก้มตาแตะปลายนิ้วไปที่โต๊ะที่อยู่ตรงหน้า แสดงให้เห็นกันไปชัด ๆ ว่าน้อยใจ
แสดงให้เห็นกันไปเลย คุณไอศูรย์จะได้รู้ซะบ้างว่าจุมพลน้อยใจ

“ได้แล้วก็ทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ มันก็แบบนี้แหละ คนมันเก่าแล้วก็แบบนี้ คุณไอศูรย์ สหัสสิงห์เดชากุล เป็นถึงเจ้าของบริษัทขนส่ง ผมมันก็แค่ลูกจ้างบริษัทเล็ก ๆ จะไปคิดสำคัญตัวผิดให้มาสนใจ มันก็เกินไป ผมรู้ตัวดีแล้ว”

พูดจาไปเรื่อยเปื่อย และคุณไอศูรย์ก็ยังคงนั่งนิ่ง

“รักหรือเปล่า ยังไม่เคยพูดเลย จะไปเอาอะไรกับความคาดหวัง อยู่ด้วยกันไปวัน ๆ แค่นั้นเองล่ะมั้ง ไอ้ผมมันจะไปมีความสำคัญอะไร คนแบบผมเนี่ย”

พูดไม่หยุด พูดไปเรื่อย จนคนที่นั่งทำงานอยู่ชักจะทนไม่ไหว

“เพ้อเจ้อ”

เออออออออออ เพ้อเจ้อ ใช่สิ ผมมันเพ้อเจ้ออออออ คุณไอศูรย์ก็เห็นผมเพ้อเจ้อตลอดแหละ คนอย่างผมมันจะไปมีอะไรที่ทำให้คุณไอศูรย์พอใจได้ล่ะ

“...................................”

นิ่งเงียบ ไม่ตอบโต้ ไม่พูดไม่จา นั่งก้มหน้านิ่ง ๆ ความเงียบงันที่เนิ่นนานของจุมพล ทำให้คุณไอศูรย์ต้องหันมามอง มองแล้วก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี

“เออ.........หึง........จบมั้ย”

จบสิ

จบสิจ๊ะ

จบสิคร้าบบบบบบบบบบบบ

จบเซ่ ใครมันจะไม่จบล่ะ

คุณไอศูรย์หันกลับไปทำงานต่อเรียบร้อยแล้ว และจุมพลที่นั่งเงียบ ก็ยิ้มกว้างหลังได้ฟังคำตอบนั้น
ยิ้มกับตัวเอง และสายตาก็มองไปที่แผ่นหลังของคนที่ก้มหน้าก้มตาทำงาน ก็เป็นซะแบบนี้แหละ

ก็เป็นมันซะแบบนี้

“แค่หึงเหรอ”

แกล้งพูดย้ำเข้าไปอีก และพยายามทำสีหน้าให้เรียบเฉยที่สุดและคราวนี้คุณไอศูรย์ก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ และยืนมองหน้าจุมพลอย่างเอาเรื่อง

“แล้วจะเอาอะไรอีก”

เอาอะไรอีกเหรอ ก็..............

“ไม่เอาแล้วล่ะ”

ก้มหน้าก้มตาตอบ ทั้งที่พยายามจะกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ จะขำแล้วกู จะขำแล้ว ใจเย็น ๆ เอาไว้ คุณไอศูรย์กำลังโมโห เพราะฉะนั้นต้องรีบหลบ เดี๋ยวระเบิดลงจะไปกันใหญ่ บังคับหน้าของตัวเองไม่ให้ยิ้ม และจุมพลก็ลุกขึ้นยืน เตรียมจะเดินเข้าครัว

ระยะทางไม่ได้ห่างมากนัก และก็ทำให้คุณไอศูรย์ที่กำลังหงุดหงิดโมโหอยากจะบีบคอจุมพลที่ขยันกวนประสาทให้ตาย ๆ ไปซะ
ใครคนหนึ่งกำลังจะเดินผ่านหน้าคุณไอศูรย์ไปและคุณไอศูรย์ก็ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะรั้งข้อมือจุมพลเอาไว้ ไม่ใช่แค่รั้ง แต่เป็นการดึงให้เข้ามาหาตัว กอดเอาไว้หลวม ๆ และถ้อยคำที่กระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู ก็ทำให้คนฟังถึงกับยิ้มกว้าง

“รัก....พอใจยัง”

พูดแค่นั้น แล้วคนที่กอดเอาไว้ก็ยอมปล่อย

ปล่อยให้จุมพลยืนก้มหน้าก้มตายิ้มอยู่คนเดียว ส่วนคนบอกเดินหนีไปนอกระเบียงเรียบร้อยแล้ว

วิวกรุงเทพมันจะไปน่าดูอะไรตอนนี้ หน้าจุ้มนี่ที่โคตรน่าดูกว่าวิวกรุงเทพเยอะ

ถึงอยากจะพูด ก็ไม่กล้า ได้แต่ก้มหน้าก้มตายืนยิ้มอยู่คนเดียว

บทจะหวาน ทำไมหวานนักวะ พี่ไอซ์ แบบนี้ใครไม่รักพี่ไอซ์ ก็บ้าเกินไปแล้ว

คุณไอศูรย์ สหัสสิงห์เดชากุล เจ้าของบริษัทไอศูรย์ขนส่ง บทจะหวานขึ้นมา โคตรจะหวานเลยจริง ๆ
แบบนี้ จุมพลก็รักตายเลยสิ ในเมื่อทำตัวน่ารักขนาดนี้

แบบนี้ก็สมควรจะ รักพี่ไอซ์มาก ๆ เพื่อเป็นรางวัลตอบแทน

จุมพลเดินออกไปนอกระเบียงและกอดรัดคนที่ยืนอยู่จากด้านหลัง  ซบหน้าลงและกดปลายจมูกที่แผ่นหลังของคุณไอศูรย์ซ้ำ ๆ กันหลายครั้ง และรอยยิ้มก็ปรากฎขึ้นที่ใบหน้าของคนที่ชอบทำหน้าเฉยอยู่ตลอดเวลา

"รักพี่ไอซ์เนอะ"

อะไร พูดจาเพ้อเพ้ออยู่ได้  ไม่เห็นเข้าท่า

คุณไิอศูรย์ยืนอมยิ้มไปเรื่อย ๆ และจุมพลก็ซบใบหน้าอยู่กับแผ่นหลังของคนที่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น

รู้หรอกว่าชอบให้อ้อนแบบนี้  แต่ฟอร์มเยอะ

"พี่ไอซ์  ถึงเก็กก็รักนะ"

คุณไอศูรย์ยังคงยิ้มกว้างขึ้นหลังได้ฟังคำพูดบ้า ๆ บอ ๆ ของจุมพล

ก็เป็นแบบนี้  ทุก ๆ วันก็เป็นแบบนี้  จุมพลเข้าใจในสิ่งที่คุณไอศูรย์เป็น และคุณไอศูรย์ก็นึกขอบคุณคนที่มาทำให้ชีวิตมีสีสันทุกวัน

ไม่ใช่คนที่ดีที่สุดของกันและกัน  แต่อยู่ด้วยกันแล้ว รู้สึกพอดี........
สิ่งนี้ที่คุณไอศูรย์และจุมพลคิดว่าพอแล้ว แค่ทุก ๆ วันที่อยู่ด้วยกัน  แล้วรู้สึกพอดี   ก็เกินจะเพียงพอ

 

END.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 26-05-2014 00:03:33
END
กันไปอีกคู่
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 26-05-2014 00:37:31
อีจุ้มมันน่ารักเนาะท่านเจ้าคุณไอซ์ คึคึคึคึ  :hao3: :hao3:
อยากให้มีตอนพิเศษเพิ่มอีกจุงงงงง ชอบจุ้ม :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: 1212312121 ที่ 26-05-2014 01:22:24
แง้ว จบแล้วหรอ ยังอยากอ่านต่ออีก >v<
คู่ต่อไปมีไหมเอ่ย หรือหมดเท่านี้  อิอิ
รอๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 26-05-2014 01:58:02
จบแล้วเหรอ เสียดายจัง แต่จบดีมากอ่ะ พี่ไอซ์น่ารัก หึงเนียนๆ  หึง..จบป่ะ งึ้ยยยย
 :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 26-05-2014 01:59:48
 o13
ขอบคุณนักแต่งและคนโพสต์ค่ะ
เป็นอะไรที่อิ่มใจมาก

ดีทีแต่ละเรื่องเศร้าไม่นานไม่งั้นคนอ่านจุกอกตายแน่

ปล.คุณเท็นแต่งแบบหม่นได้ทะมึนมากอ่านแล้วอิน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 26-05-2014 03:24:28

 :give2:    อิ่มอุ่น
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: mapreaw ที่ 26-05-2014 06:03:54
น่ารักกันจริ๊ง ความรักเป็นสิ่งสวยงามค่ะ  :heaven
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 26-05-2014 06:30:06
พี่ไอซ์น้องจุ้มอยู่ด้วยกันมุ้งมิ้งตลอด
 :mew1: :mew1:
จบลงไปแล้วอีกคู่ ขอบคุณคนแต่งคนโพสต์
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 26-05-2014 08:03:02
 :-[ :-[ :-[ o13 :bye2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 26-05-2014 08:38:44
 :mew1: :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 26-05-2014 09:15:31
ชอบจ้า ถึงไม่ค่อยพูดก็เข้าใจ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 26-05-2014 10:57:51
คู่นี้เค้าน่ารักมุ้งมิ้งในแบบของตัวเองจริงๆ  :mew3:

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ  :mew1:

 :L2: :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 26-05-2014 14:59:46
คู่พิเศษเหมือนเป็นคู่หลักของเรื่อง 


สุขสมหวังอีกคู่ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 26-05-2014 16:55:05
จะ....จบแล้ววว
น่ารักอะ งอนๆหึงๆง้อๆกันน่ารักมากๆเลย
มีตอนพิเศษของคู่ไหนอีกไหมอะจ้า หรือว่าจะมีคู่ใหม่ไหมเอ่ย.../หลงรักแผนกนี้เสียแล้ว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 26-05-2014 18:09:46
เย้ๆๆๆ จบด้วยความสุข เป็นคู่ที่อ่านแล้วเหนื่อยจริงๆ
เป็นคู่หลักได้เลยนะเนี่ย ตอนหลังๆนี่ยิ่งมุ้งมิ้งฟุ้งฟริ้ง >o<

ขอบคุณทั้งคนเขียนและคนโพสที่ทำให้คนอ่านมีความสุขค่ะ  ⌒.⌒
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 26-05-2014 18:26:57
เป็นอีกคู่ที่ชอบมากกกกกกกค่ะ จบไปอีก 1 คู่   ขอบคุณมากๆๆๆๆๆๆ นะคะ :pig4: :pig4:
 :m26: แต่ว่า..... มีอีกมั้ยคะ  อยากอ่านต่อมากค่ะ แม้งานจะยุ่งแต่เราก็แอบแว่บมาดูเสมอๆ นะจ๊ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 26-05-2014 18:32:01
จบแบบ Happy endding กันทู้กคน~~~~~~!!!! ^_^
แต่ยังหวานได้อีกน๊า า า า า า า

ปล. อยากอ่านตอนต่อไปแร้วคร้า ><
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 26-05-2014 18:51:46
จบแล้ว แฮปปี้ๆ :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 26-05-2014 18:56:20
 :-[ จบได้หวานมาก พี่ไอซ์ถึงเก๊กก็รักนะ ยิ้มแก้มแตกแน่พี่ไอซ์
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 26-05-2014 19:47:14
 o1   ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องเยี่ยมฮะคุณเท็น


ประทับใจสุด ๆ กับเรื่องนี้     :m1:


จะรอติดตามเรื่องต่อ ๆ ไปนะครับ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 26-05-2014 19:50:18
ดีใจมากที่คุณเท็นแวะมาทักทาย.
ขอบคุณสำหรับนิยายที่เพิ่งจบไป ชอบค่ะสนุกดี
จะรอเรื่องต่อๆไปนะคะ
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 26-05-2014 19:54:05
 เป็นกำลังใจ :L2: สำหรับเรื่องราวดีๆที่นำมาให้ได้อ่านกัน


หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 26-05-2014 19:56:41
ขอบคุณมากค่ะสำหรับนิยายแสนสนุก :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: คุณอัง ที่ 26-05-2014 20:39:01
เป็นกำลังใจให้คุณเท็นค่า . ชอบนิยายของคุณมาก 

ขอบคุณสำหรับนิยานสนุกๆนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: fullfeel ที่ 26-05-2014 20:46:51
เป็นกำลังใจให้ค่า :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 26-05-2014 20:55:18
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะคุณเท็น

โดยส่วนตัวแล้วประทับใจคู่พี่บุ้งน้องมีน พี่ไอซ์น้องจุ้มที่สุดเลยยยยย ปลื้มสุดๆ  :mew1:
แต่คู่อื่นๆเค้าก็รักนะ โดยเฉพาะน้องเชียรของเฮียเนี่ยยย  :impress2:

และสุดท้ายขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้คุณเท็นเขียนนิยายสนุกๆแบบนี้ต่อไปค่ะ
จะรอติดตามผลงานคุณเท็นนะคะ  :mew3:

 :L2: :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: foolishbeat ที่ 26-05-2014 21:26:31
ขอบคุณมากค่ะคุณเท็นที่เขียนนิยายดีๆออกมา
เป็นเวลาหลายสัปดาห์เหมือนกันที่เข้าเล้าเป็ดบ่อยขึ้น เข้ากระทู้นิยายของคุณทุกๆวันเพื่อติดตามอ่าน
และไม่เคยผิดหวังจริงๆค่ะ คุณสร้างสรรค์ผลงานได้ยอดเยี่ยมมากๆ

ทำให้คนอ่านคนหนึ่งอย่างดิฉันรู้สึกอินกับนิยายไปด้วย เหมือนได้ใช้ชีวิตในแต่ละวันกับพวกเขา
จุดที่ดิฉันชอบที่สุดของนิยายคุณคือตัวละครแต่ละตัวนั้นมีมิติมากๆ มีลักษณะนิสัยเด่นชัดในแต่ละคน
ทำให้ดิฉันรักพวกเขาไปด้วยขณะเสพนิยายของคุณ

ขอบคุณอีกครั้งค่ะคุณเท็น
หวังว่าเราจะสามารถเป็นเพื่อนกันได้นะคะ


 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 26-05-2014 21:35:37
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์...ตอน เรื่องของฟ้า

ทำไมจะไม่รู้สึกเจ็บปวดล่ะ รู้สึกยิ่งกว่ารู้สึกอีก แต่ที่ต้องทำ ต้องจำใจทำ และจำใจเป็นอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะคำว่า “ความรับผิดชอบ” คำเดียว

“ฟ้าเป็นไงลูก แต่งงานมาพักใหญ่ เมื่อไหร่จะมีหลานให้แม่อุ้มซะที”

เมื่อไหร่เหรอ คงไม่มีวันนั้นหรอกครับ เพราะเราสองคนไม่เคยมีอะไรกันด้วยซ้ำ

ผมไม่รู้ว่าเราอยู่ด้วยกันเพราะอะไร  ผมไม่เข้าใจว่าเธอทำแบบนี้ทำไม

“ก็รออยู่เหมือนกันครับ”

ตอบกลับไปและลุกขึ้นเดินหนีออกจากโต๊ะอาหารโดยมีสายตาของพ่อกับแม่มองตาม

ครอบครัวเราทำธุรกิจส่งออกเครื่องหนัง เคยรุ่งเรืองมาก ๆ เมื่อหลายปีก่อน แต่หลัง ๆเงินหมุนเวียนภายในเริ่มมีปัญหา

และมีปัญหาหนักมากขึ้นเมื่อสามปีก่อน สิ่งที่ต้องทำคือทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ และตั้งหน้าตั้งตาแบกรับคำว่า “ความผิดชอบ” ในฐานะลูกชายคนโตที่หมายถึงการเป็นผู้สืบทอดกิจการต่อไป แม้มันจะล้มลุกคลุกคลานก็ต้องสู้

สู้เพื่ออะไร

เพื่อครอบครัว ที่ล้มไม่ได้

อย่างนั้นเหรอ

ฟ้านั่งอยู่ที่ชิงช้าตัวเล็ก ๆ ที่สนามหญ้าหน้าบ้าน

เราเคยมีความสุขมากตอนเด็ก ๆ

แต่ความสุขหายไปหมดเมื่อโตขึ้น การเป็นผู้ใหญ่มันแสนลำบากและหนักหนาสาหัส

ต้องฉีกหัวใจของตัวเองเป็นชิ้น ๆ ต้องยอมรับความเจ็บปวดที่ตามมาทุกอย่างให้ได้

แม้ความรักก็ไม่มีสิทธิ์เลือก

ไม่มีสิทธิ์ เมื่อชีวิตไม่ได้เป็นของเราคนเดียว แต่ชีวิตเป็นของครอบครัว

“พี่ฟ้า”

เงยหน้าขึ้นมองหน้าของน้องชายที่เดินเข้ามาหา และลากเก้าอี้ตัวที่อยู่ใกล้ ๆ มานั่งข้าง ๆ

“สบายดีนะพี่”

ก็สบายดี ยังสบายดีอยู่ ถึงตอนนี้ก็ยังสบายดี และต้องสบายดีต่อไปเรื่อย ๆ

“อืม”

เพียงแค่พยักหน้ารับ และถอนหายใจยาว ใช้ขาดันพื้นและแกว่งชิงช้าไปเรื่อย ๆ

“ฝนล่ะ”

ก็สบายดีพี่ ผมสบายดี

“เรื่อย ๆ”

ไม่เคยมีคำว่าสบายดีอย่างแท้จริง ในคำว่าสบายดีของเราสองคนพี่น้องหรอก

ไม่เคยเลย  มันเป็นแค่สบายดีเพื่อรอเวลาเท่านั้น

“เหนื่อยมั้ยพี่”

เหนื่อยเหมือนกัน และรู้ว่ายังต้องเหนื่อยต่อไปอีกเรื่อยๆ ไม่หยุดหย่อน ทั้งเรื่องงานทั้งเรื่องส่วนตัว ทั้งครอบครัว

“ยังไหวอยู่”

ส่งยิ้มน้อย ๆ ให้กับน้องชายที่พยักหน้ารับ

“ฝนล่ะ”

“ก็...ไหวพี่ ผมก็ยังไหว”

ดีแล้ว ดีแล้วที่ยังไหว แต่พี่ดูเหมือนจะไม่ไหวมากขึ้นทุกทีแล้ว บางที อาจจะไม่ไหวแล้วด้วยซ้ำ แต่ที่ทำอยู่ก็เพราะว่าฝืน

“คุณหนิงกับพี่.....”

ทำไมล่ะ เราสองคนทำไม มันก็อย่างที่นายรู้ หนิงกับพี่ก็เป็นแค่ผัวเมียกันในนาม

“พี่ต้องยอมรับในน้ำใจของเขานะ เขาเองก็ทำเพื่อหน้าตาของบ้านเขา คิดดูสิ  ถ้าคนในสังคมรู้ ว่าลูกเขยที่แต่งมาเพราะหวังผลประโยชน์คงจะดูไม่จืดกันทั้งหมด  แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ตื้นลึกหนาบางแค่นั้น เขาเองก็ได้หน้าได้ตาในสังคม ส่วนบ้านเราก็ได้เครดิตไว้สนับสนุน มันก็เลยยังอยู่กันได้จนถึงป่านนี้”

พี่ฟ้า  พี่อย่าเย้ยหยันตัวเองแบบนั้น

“อยู่ก็เหมือนตายทั้งเป็น พี่มันเป็นตัวอะไรวะฝน ร่างกายมันก็มีไว้เท่านั้น ลมหายใจก็มีไว้เท่านั้น พี่มันน่าสมเพช”

พี่ฟ้า

“ทุเรศมากขึ้นตรงที่ น้องชายตัวเองแท้ ๆ กำลังจะลงเหวเหมือนกัน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่รอ เวลาให้มีคนเหมือนตัวเองเพิ่มขึ้นอีกคน พี่แม่งไม่มีปัญญาทำอะไรสักอย่าง เป็นแค่หุ่นเชิดไปวัน ๆ”

หุ่นเชิดเหรอพี่ แต่ที่พี่ทำทั้งหมด ก็เพื่อพยุงฐานะครอบครัวของเรา พี่เสียสละที่สุด
พี่ยอมเป็นแค่ตุ๊กตาหรือหุ่นเชิดให้คนทั้งบ้านทั้งที่ตัวพี่เองก็เจ็บปวดเจียนตายขนาดนี้

พี่ไม่ได้น่าสมเพชหรอก

“ขนาดหนีไปยังไม่มีปัญญาเอาตัวให้รอดเลย สุดท้ายก็ต้องซมซานกลับมา”

ไม่ใช่หรอก ที่พี่กลับมา ไม่ใช่เพราะเอาตัวไม่รอด แต่เพราะว่าอาการโรคหัวใจของพ่อกำเริบ พี่ก็เลยทิ้งหัวใจตัวเองเพื่อพวกเรา

“พี่ยังเจอพี่นุชาอยู่บ้างมั้ย”

ชาเหรอ ชา....... เขาเกลียดพี่ไปแล้ว ตั้งแต่ที่พี่เป็นฝ่ายขอห่างออกมา เพราะพี่เองที่เป็นฝ่ายขอเลิกกับเขา แล้วตอนนี้พี่จะมีหน้าอะไรกล้าดึงดันไปเจอเขา

วันนั้นที่ชายอมให้ไปหา ก็เพราะชาเขาอยากเจอพี่ มันเป็นการเจอกันครั้งสุดท้ายของเรา

และเป็นเครื่องยืนยันได้ดีว่าพี่ไม่มีสิทธิ์อีกต่อไปแล้ว นุชาเจ็บมากเจียนตายก็เพราะพี่

พี่มันเลว

“ถ้าพี่มีแรงกว่านี้ พี่จะง้อเขา ถ้าพี่มีแรงมากกว่านี้พี่จะอยู่กับเขา มันสิ้นหวังที่รู้ว่าชาจะไม่มีวันกลับมาเป็นของพี่ แต่จะโทษใครได้ล่ะ ก็ต้องโทษความอ่อนแอของพี่เอง”

พี่ไม่อ่อนแอหรอก พี่เข้มแข็งที่สุด พี่เป็นคนใจแข็งที่สุด ที่ยอมเจ็บขนาดนี้เพื่อคนอื่น
พี่เสียใจผมรู้ พี่กลับมาแอบร้องไห้คนเดียวเงียบ ๆ ผมก็รู้

พี่เสียใจยิ่งกว่าเสียใจ ทำไมผมจะไม่รู้

“พี่ฟ้า”

“ไม่เป็นไรหรอก มันก็เท่านั้นแหละ ดูสภาพพี่เป็นตัวอย่างนะฝน พี่ไม่อยากให้นายเป็นแบบพี่ แต่พี่ก็รู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้..... ฝน.....เวลาที่เหลืออยู่ใช้มันให้คุ้มค่าและเต็มที่ที่สุดนะ อยู่กับความสุข อยู่กับความฝันและเก็บมันเอาไว้ วันไหนที่ไม่มีแล้ว จะได้จำได้ว่าความสุขมันเป็นยังไง”

ความสุขของผม มันสวยงามที่สุด สวยงามและมันจะอยู่ในใจของผมตลอดไป แม้วันสุดท้ายใกล้จะมาถึง

“คุณฟ้าคะ โทรศัพท์ค่ะ จากคุณนัทพี่ชายคุณหนิง”

เสียงเรียกของสาวใช้พร้อมกับเดินถือโทรศัพท์มาให้ ทำให้ฟ้าต้องแค่นยิ้มและมองไปที่โทรศัพท์เครื่องนั้น

“บอกเขาว่าผมตายไปแล้วก็ได้”

พูดออกไป พูดให้ได้ยินเข้าไปในโทรศัพท์ และสาวใช้ก็ทำหน้าตกใจ และมีสีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด

“ผมล้อเล่นน่าพี่นาง ทำไมต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้นด้วยล่ะ มาครับเดี๋ยวผมคุยกับเขาเอง”

รับโทรศัพท์มาถือเอาไว้ และส่งยิ้มให้กับสาวใช้ที่ค่อยยิ้มออกมาได้บ้าง

“คุณฟ้านี่ก็ล้อเล่นหนักเชียวค่ะ”

ผมไม่ได้ล้อเล่นหรอกพี่นาง ผมอยากเป็นอย่างนั้นจริง ๆ

สาวใช้เดินจากไปแล้ว และฝนก็หัวเราะน้อย ๆ ที่มุมปากเมื่อมองหน้าพี่ชายของตัวเอง

“เขาคงไม่ยอมให้พี่ตายง่าย ๆ หรอกมั้ง”

ไม่ยอมเหรอ
ก็คงงั้น

ฝนลุกขึ้นเดินจากไปแล้ว และฟ้าก็ถอนหายใจยาว ๆ ก่อนจะกรอกเสียงเข้าไปในโทรศัพท์

“สวัสดีครับ รัชชานนท์พูดครับ”

ทักทายไปตามมารยาท และก็ได้ยินเสียงฮึดฮัดไม่พอใจจากปลายสาย

“คิดจะไปอยู่ที่บ้านนั้นอีกนานแค่ไหน บ้านตัวเองไม่มีจะอยู่หรือไง”

บ้านไหนล่ะที่เรียกว่าบ้านตัวเอง บ้านเหรอ.....ไม่ว่าบ้านไหนก็ไม่เคยเป็นบ้านตัวเองซะที

“จะปิดมือถืออีกนานแค่ไหน รู้มั้ยว่าลูกค้าโทรตาม ไม่คิดบ้างเหรอว่ามันทำให้ธุรกิจครอบครัวผมเสียหาย”

เหรอ เสียหายงั้นเหรอ

“คุณรัชชานนท์ คุณฟังที่ผมพูดอยู่หรือเปล่า”

ฟังอยู่สิ
ฟังอยู่จนถึงตอนนี้แหละ

“ครับ ผมฟังอยู่ครับคุณนัท”

ต้องฟังสิ ทำไมถึงจะไม่ฟังล่ะ ทำไมถึงจะกล้าไม่ฟังสิ่งที่คุณนัทพูดล่ะ

“คุณอย่าทำตัวมีปัญหามากนัก ผมไม่มีเวลาว่างมาตามเคลียร์สิ่งที่คุณทำทิ้งไว้หรอกนะ โต ๆ กันแล้วผมคิดว่าคงไม่ต้องให้พูดอะไรกันมาก”

ครับ เข้าใจ ผมเข้าใจดี

“ครับ”

รับคำไปแล้ว เหมือนทุกที ทำแบบนี้เหมือนทุกที และก้มหน้าลง เมื่อนึกถึงสภาพตัวเองที่อับจนหนทาง แม้อยากหายตัวไปที่ไหนสักแห่งก็ไม่มีปัญญาทำได้

“คุณคิดว่าผมต้องโทรตามกี่ครั้ง ถ้าไม่ถึงที่สุดผมก็ไม่โทรเข้าบ้านคุณหรอก คุณก็น่าจะรู้ใช่มั้ย ว่าผมไม่ได้อยากวุ่นวายอะไรกับคุณนัก แต่เพราะคุณดีแต่สร้างปัญหา ผมถึงต้องคอยตามแก้แบบนี้”

เหรอครับ ผมก็ดีแต่สร้างปัญหาสำหรับพวกคุณ

“ยังดีนะครับ ที่มีคุณนัทคอยแก้ปัญหาให้ตลอด ไม่อย่างนั้นผมคงจะยิ่งแย่กว่านี้”

ประชดประชันไปก็เท่านั้น เพราะคนที่อยู่ปลายสายไม่เคยสะทกสะท้านอยู่แล้ว

“คุณคิดว่าคำพูดแค่นั้นจะทำให้ผมรู้สึกอะไรหรือไง แล้วว่ายังไงล่ะคู่ขาของคุณน่ะ นุชาอะไรนั่น ได้ข่าวว่าไปเจอกันที่ร้านอาหารอะไรนะ เห็นว่ากอดกันกลมเลย”

อึ้ง และเงียบ นิ่งเงียบ เมื่อได้ฟังคำพูดบางอย่างจากคนที่อยู่ปลายสาย

“ผมไม่เคยไปไหนทั้งนั้น”

“คุณหัดโกหกให้เนียนกว่านี้หน่อยแล้วกัน เพราะวันหลังอาจไม่ใช่แค่ผมที่เห็น แต่อาจรวมไปถึงคนที่บ้านคุณก็คงได้เห็น และคนที่บ้านผม พ่อแม่ผม ก็คงได้เห็นเหมือนกัน”

รัชชานนท์ได้แต่กัดฟันกรอด และขบริมฝีปากแน่น เพราะคำพูดเรียบง่าย แต่เสียงหัวเราะชวนคลื่นไส้นั้นมันทำให้นึกอยากจะฆ่าคนบางคนให้ตายไปซะ

“คุณก็รู้ผมทำได้เสมอ เพื่อผลประโยชน์ของครอบครัวของผม”

นั่นสินะ

“เย็น ๆ ผมจะกลับไปครับคุณนัท”

“ยินดีครับ คุณรัชชานนท์”

ตัดการสนทนาอย่างรวดเร็ว กดตัดสายทิ้ง และเอนหลังกับพนักชิงช้า ใช้ขายันพื้นและแกว่งชิงช้าเล่น

ยิ้ม แต่ไม่เคยสดใส ยังคงยิ้มได้แม้ไม่เคยมีความสดชื่นสดใสในแววตา

ยิ้มที่เป็นรอยยิ้มที่แห้งแล้งสิ้นดี

จะอยู่ต่อไปยังไง ในเมื่ออยู่ไปก็เหมือนตายทั้งเป็น

“ฟ้าเหรอ........ท้องฟ้ากว้างใหญ่.....มีที่ไหนที่อยู่ได้บ้างวะ”

เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า และได้แต่ยิ้มอย่างหม่นหมอง ก้มกลับลงมา และทำได้แค่เย้ยหยันตัวเองในใจ ลุกขึ้นเดินเข้าบ้าน และเห็นสายตาของพ่อแม่ที่มองมา

“คุณนัทเป็นคนเซ็นอนุมัติได้ แกน่าจะญาติดีกับเขาให้เยอะ ๆ นะฟ้า”

ครับพ่อ

“ผมจะดีกับเขาเยอะ ๆ ตามที่พ่อบอกครับ”

ยิ้มแต่ไม่เคยมีรอยยิ้ม

และฟ้าก็ก้าวขาเดินขึ้นชั้นบนของบ้านไป โดยมีสายตาของพ่อแม่มองตาม

“คุณคะ ฟ้าน่ะ มันเหมือนคนไม่มีหัวใจเข้าไปทุกวันแล้ว”

รู้อยู่แก่ใจ รู้ทั้งหมด และพ่อก็พยักหน้ารับ

“คงต้องลำบากมันแล้ว เราติดค้างลูกเยอะเหลือเกิน แต่ผมทอดทิ้งคนอีกสามพันคนไม่ได้ ไม่ใช่แค่ผม แต่หมายถึงชีวิตคนอีกสามพันคน คนรุ่นทวดรุ่นปู่รุ่นย่าสร้างมาให้ขนาดนี้ผมจะปล่อยให้มันสิ้นสุดที่รุ่นผมไม่ได้ ”

ไม่ใช่แค่ครอบครัว แต่ยังมีชีวิตอีกหลายชีวิตฝากเอาไว้ มันคือความจำใจที่ต้องฝืนทนและยอมรับ

“ผมทำให้ลูกตายทั้งเป็น คุณโกรธและเกลียดผมตามแต่ใจเถอะ”

พ่อไม่พูดอะไรอีกเลย ทำเพียงแค่ลุกขึ้นและเดินหนีจากไป เพราะไม่อยากทนแบกรับบางสิ่งบางอย่าง

คนบางคนอยู่ก็ไม่ได้ อยากไปก็ทำไม่ได้

สำหรับคุณรัชชานนท์แล้วอยู่หรือตาย ความหมายก็ไม่ต่างกัน


TBC.



Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2818.0)

 และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: p^tarn ที่ 26-05-2014 22:05:49
กรี๊ดดดดดดดีใจมากๆอะติดตามเรื่องของคุณเท็นทุกเรื่องที่หาอ่านได้. แต่ไม่เจอเม้นท์ที่คุณเทนเข้ามาพูดคุยเลย เคยตามไปบอร์ดด้วยนะคะแต่ตอนนี้หาทางเข้าไม่เจอแล้วเศร้ามากๆ   ตอนนั้นจำได้ว่าตามลิ้งค์ที่น้องคนหนึ่งวางไว้ในเล้าไป แต้กลับไปหาไม่เจอแล้วอะ. ยังไงก็จะรอติดตามผลงานนะคะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (จุมพล-ไอศูรย์) หน้า 57
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 26-05-2014 22:11:20
คู่ใหม่ที่ต้องการมาแล้ววววววววววววววว

และขอบคุณ คุณเท็น มากๆ นะคะ ที่เขียนงานสนุก ๆ มาให้อ่านเสมอ และลงบ่อยอย่างต่อเนื่อง นั้นทำให้การอ่านและอารมณ์ร่วมกับนิยายไม่ขาดตอนเลยค่ะ  จะเป็นกำลังใจให้คุณเท็นเขียนงานดี ๆ ออกมาให้อ่านอีกนะคะ

ขอบคุณอีกครั้งค่าาาาาาาาาาาาาาา :pig4: :pig4: :3123: :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: sin_no ที่ 26-05-2014 22:17:12
สงสารฟ้าอ่า   :m15:

ขอบคุณคุณเท็นมากๆนะคะ  ที่แต่งเรื่องสนุกๆมาให้อ่าน  เราตามอ่านมาตั้งแต่ปรัชญาช่างกลแล้ว

สนุกทุกเรื่องเลย :L1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 26-05-2014 22:18:21
 :hao7: พูดไม่ค่อยเก่ง กดบวกเป็นกำลังใจให้เสมอจ้า
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 26-05-2014 22:20:29
ก่อนอ่านเจ้านายกะคุณเลขา ขอทักทายทั่นเท็นก่อนเจ้าค่ะ
ดีใจที่ได้เจอ? ขอบคุณที่มาทักทายกันค่ะ ^^
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวทุกเรื่องที่ร้อยเรียงมาให้คนอ่านได้ยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ค่ะ ⌒.⌒

ไปอ่านต่อล่ะ ชะแว๊บบบบบบบบบบ...
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 26-05-2014 22:39:14
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน มัดจำ

ปลายจมูกที่แตะหนัก ๆ ที่ข้างแก้ม ทำให้ฟ้าต้องรีบเบี่ยงหน้าหลบ และหันไปมองรอบ ๆ ตัวเพราะกลัวว่าจะมีใครเห็น

“ทำเป็นตื่นเต้นไปได้ ถือว่าเป็นมัดจำน่า”

มันสมควรแล้วหรือไง ที่มาทำอะไรประเจิดประเจ้อไม่กลัวสายตาผู้คน จะตื่นเต้นหรือไม่ตื่นเต้น ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะมาทำแบบนี้ ที่นี่มันโรงงาน เกิดใครเห็นเข้ามันจะลำบาก

ทุเรศเกินพอแล้ว อุบาทว์และทุเรศจนไม่มีคำไหนจะพูด เรื่องน้องเขยกับพี่เมียกำลังจะเป็นชู้กัน

ไม่ใช่ชายหญิงแต่เป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ มันยิ่งเพิ่มทบทวีคูณของความรู้สึกผิดจนยากจะหาคำบรรยาย

“คุณกลัวมากขนาดนั้นเลยหรือไง คุณรัชชานนท์”

ใครบางคนยังทำหน้าชื่นตาบานยิ้มระรื่น แต่ฟ้ารู้สึกอับจนหนทางจนอยากแทรกแผ่นดินหนีตายไปซะให้รู้แล้วรู้รอด

“ผมเซ็นเช็คให้ก่อนล่วงหน้าแล้วนะ ที่เหลือทางคุณก็จัดการเคลียร์เอง หลังจากนั้น ผมกับคุณ ตามที่ตกลง คุณคงไม่อยากให้ผมทำอะไรร้าย ๆใช่มั้ย ผมก็ไม่ได้อยากให้เช็คเด้งหรอก จริง ๆ นะผมสาบานได้”

จะสาบานหรือไม่สาบาน สุดท้ายคนที่ได้แต่ยิ้มเยาะเย้ยหยันตัวเองก็ยังต้องรับเช็คมาถือไว้ในมืออยู่ดี

“ยัยหนิงน่ะมันรู้ตั้งนานแล้ว ว่ายังไงคุณก็ต้องเป็นของผมเข้าสักวัน จะไปรู้สึกผิดอะไรก็แค่แต่งไปตามหน้าที่ คุณก็ทำเป็นเฉย ๆ เวลาอยู่ในบ้าน ส่วนผมก็เล่นไปตามน้ำ ผมปิดปากน้องสาวผมได้ คุณยังจะห่วงอะไรมากมายนักหนาคุณรัชชานนท์”

ใช่สิ จะมีอะไรน่าหวงอีกล่ะ ในเมื่อมาจนถึงขั้นนี้แล้ว ยังจะมีเรื่องไหนที่ทุเรศและน่าสมเพชกว่านี้ได้อีกล่ะ แม้แต่ศักดิ์ศรี ก็อย่าหวังจะมีหลงเหลือ

“ผมออกจะสนใจคุณ  ค่าตัวคุณมันแพงเหลือเชื่อเลยนะ คุณน่าจะดีใจสิ ไม่ใช่มาทำท่าเหมือนเกลียดผมซะเต็มประดาขนาดนั้น”

แล้วจะมีทางเลือกอะไรดีกว่านี้อีกหรือไง มันก็ต้องเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว จะให้ไปทำอะไรได้

“คุณนัทต้องการแบบไหน ยังไง ผมจะได้สนองให้ถูก”

เงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งยิ้มและหมุนเก้าอี้เล่นเหมือนเรื่องที่ถูกถามเป็นคำถามชวนให้สนุกสนาน

“ยังไงล่ะ คุณถนัดยังไง ก็เอาตามนั้น บริการผมดี ๆ ด้วยนะผมไม่ค่อยเรื่องมากหรอก ผมให้คุณเลือกเลย ส่วนสถานที่ก็......ผมขอเป็นที่นี่แล้วกันนะ ได้อารมณ์ดีไปอีกแบบ”

ได้อารมณ์งั้นเหรอ คุณมันก็แค่ไอ้มนุษย์โรคจิตคนหนึ่ง ที่สนุกสนานกับการเห็นคนทั้งโลกเป็นของเล่นหรือตัวตลก คิดจะหักแขนไปทางซ้าย หรือหักขาไปทางขวาก็ทำได้ง่าย ๆ

“อย่าทำเป็นโกรธเคืองกันขนาดนั้นสิ คุณรัชชานนท์....ไม่ใช่สิ คุณน้องเขย เอ๊ะ หรือว่าจะเป็น...........”

เสียงหัวเราะชวนคลื่นไส้ทำให้รู้สึกอยากจะอ้วก สิ่งที่ฟ้าทำได้ก็คือ นั่งมองตัวเลขแปดหลักในเช็ค และท่องจำให้ขึ้นใจว่าที่ทำอยู่ก็เพื่อคนอีกมากมายที่จะได้อยู่รอด

ท่องจำให้ขึ้นใจ ว่ากำลังแบกความหวังของคนทั้งหมดเอาไว้ จะปล่อยให้พังพินาศไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้

“เวลาคุณทำหน้าแบบนี้ ยิ่งเป็นการเร่งเร้าผมไปใหญ่เลยนะคุณรัชชานนท์ ดูคุณสิ โกรธก็โกรธไม่ได้ อยากโมโหแทบตายแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง คุณเป็นคนที่เก็บสีหน้าได้เก่งคนหนึ่งเลยนะ จนผมแทบจะไม่รู้เลย ว่าคุณเกลียดผมขนาดไหน”

แค่ไหนล่ะ ที่เกลียด ถึงเกลียดแค่ไหน แต่จะมีปัญญาไปทำอะไรได้

“ผมไปได้หรือยังครับคุณนัท”

แหมมาแค่นี้ก็จะไปแล้วเหรอ คุณจะสร้างมูลค่าให้ตัวเองไปถึงไหนคุณรัชชานนท์

“งั้นเจอกันที่บ้านแล้วกันนะ คุณน้องเขย”

เจอกันที่บ้านงั้นเหรอ บ้านที่ไม่เคยมีอยู่จริง

ฟ้าลุกขึ้นแล้ว และหันหลังก้าวขาเดินออกจากห้องโดยมีสายตาของใครบางคนมองตาม และยิ้มออกมาอย่างถูกใจ

น่าสนุกจะตายเวลาที่จะได้เห็นใบหน้าหลากหลายของใครบางคนที่ทำเป็นเพียงแค่นิ่งเงียบ

สีหน้าที่เรียบเฉยแบบนั้น ใครจะไปรู้ว่าแอบแฝงอะไรบางอย่างเอาไว้มากมาย
ผลประโยชน์มันกลืนกินชีวิตคนเราได้เสมอ และผลประโยชน์มันก็ให้สิ่งที่เราต้องการได้เสมอเช่นกัน

“เออนี่คุณรัชชานนท์”

ชะงักเท้าและฟ้าก็หันกลับมามองใครบางคนที่นั่งยิ้มกริ่มอยู่บนเก้าตัวเดิม และส่งยิ้มชวนคลื่นไส้มาให้ไม่เลิก

“มัดใจผมหน่อยเพราะถ้าคุณทำได้นั่นหมายถึงฐานะที่มั่นคงและสภาพคล่องของบริษัทคุณเอง เผื่อคุณลืมผมเลยอยากบอกให้รู้เอาไว้”

บอกให้รู้เอาไว้ หรือเยาะเย้ยให้กลายเป็นเถ้าธุลีกันแน่

“ผมจะจำไว้ครับ ผมจะจดจำเอาไว้ให้ขึ้นใจ”

ตอบกลับไปแล้ว ด้วยสีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึกเหมือนเคย และนั่นก็ยิ่งเรียกเสียงหัวเราะของใครบางคนให้ดังขึ้นได้เรื่อยๆ

“คุณรัชชานนท์ คุณนี่มันน่าสนใจจริง ๆ ผมหวังว่าการลงทุนของผมจะคุ้มค่านะ คงต้องรบกวนคุณแล้วล่ะ”

รบกวนเหรอ
ช่างเยาะเย้ยกันได้ขนาดนี้เลยนะ ผมมันก็แค่หมาจนตรอก ส่วนคุณมันคือหมาล่าเหนือ
มันช่วยไม่ได้ที่คนเราต้องสู้เมื่อหลังชนฝา แม้มันจะไร้ศักดิ์ศรีเกินทน

แต่จะสู้หรือถอย มันขึ้นอยู่กับคนเลือก และฟ้าเลือกที่จะสู้ ไม่ใช่ถอย

“ผมจะปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด สัญญาต่างตอบแทนผมเข้าใจดี และผมมีจรรยาบรรณมากพอที่จะไม่ทำผิดสัญญาขอให้คุณนัทสบายใจได้ ไม่ต้องเป็นกังวล”


TBC.

 Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2818.0)
      และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 26-05-2014 22:43:24
ก่อนอื่น ยินดีต้อนรับคุณเท็น จ้า  :L2:

*******

ครอบครัวฟ้ากับฝน นี่ น่าสงสารทั้คู่ ฝนเองก็ต้องแต่งงานกับคนที่พ่อแม่หาไว้ให้ สุดท้ายก็เลิกกันแล้วถึงได้มาอยู่กับคุณปู  :laugh: เค้าไม่ได้สปอยนะ แค่รำลึกความหลังเรื่องนั้น

รอลุ้นคู่คุณฟ้ากับคุณนัท แอร๊ยยส์ พี่เมีย มันจะน่าลองขนาดไหน  :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 26-05-2014 22:47:16
มาแอบอ่านอยู่นานมากๆค่ะ กว่าะตามอ่านมาจนถึงตอนล่าสุดนี้ได้ คนเขียนคนโพสขยันจริงๆ นับถือเลย
ขอบอกว่าแม้จะเคยอ่านเรื่องเล่านี้จากบอร์ดคุณเท็นแล้ว แต่ก็อดที่จะตามมาอ่านที่นี่อีกรอบไม่ได้
ขอบคุณค่ะ สำหรับเรื่องดีๆเราชอบทุกเรื่อง ชอบทุกตัวละครที่คุณเท็นเขียน
เราใช้เวลาอ่านอย่างตั้งใจกับทุกตัวอักษรเพราะรู้สึกว่า พลาดอะไรไปซักบรรทัดมันจะไม่สมบูรณ์ครบถ้วนความรู้สึก
ทั้งหมดที่เขียนมา อยากจะบอกว่า เราชอบเรื่องของคุณมากๆ ขอบคุณมากๆที่เขียนให้เราอ่านค่า
 :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 26-05-2014 22:58:53
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน เมื่อยหน้า

“โอ้ยยยยยยยย เหนื่อยจริงโว้ยยย เฮ่อออออ”

มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆสำหรับการเป็นคุณนัทผู้ร้ายกาจและใจกล้า นั่งปั้นหน้าได้นานขนาดนั้นมันก็นานเกินกว่าที่คิดแล้ว

โธ่ นัทเอ้ยยยยยยยยย กูหนอกู

ใครบางคนเกลือกกลิ้งใบหน้าไปมากับโต๊ะทำงาน แล้วก็ขมวดคิ้วมุ่น

อาการนี้เป็น ๆ หาย ๆ และกำเริบเป็นพัก ๆ หลังจากที่ฟ้าเดินออกไปจากห้องแล้ว

เช็คนั่นน่ะ มันเงินส่วนตัวกูเลยนะ ฮือ ฮือ เงินเก็บตลอดชีวิตและเงินทั้งหมดที่พ่อจ่ายเป็นเงินเดือนในฐานะผู้บริหารที่ทำงานมาเกือบหกเดือนหายวับไปกับตาแล้ว

ต่อไปจะเอาเงินที่ไหนใช้

จนสิครับงานนี้ ถึงใครจะคิดว่านัทคือเจ้าของโรงงานคนต่อไป แต่ในความเป็นจริงตอนนี้ เงินเดือนที่ได้รับอยู่ทุกเดือนก็เป็นการอนุมัติจากพ่อที่เป็นเจ้าของโรงงานตัวจริงนะโว้ย

รันทดตัวเอง แต่ก็ทำเป็นปากดีและเก็กหน้าทำวางท่าไปอย่างนั้น

พี่ฟ้า........
นัทขอโต้ดดดดดดดดดดด ก็คนมันไม่รู้จะทำยังไงนี่หว่า ก็เลยต้องเล่นบทนั้นไปก่อน ทั้งที่เอาเข้าจริง ๆ กูสั่นแทบตาย
ต้องนั่งเอามือจิกขาไว้เป็นพัก ๆ เลยนะเฮ้ยยยยย

“ปวดหัวชิบหายเลย”

บ่นพึมพำแล้วนัทก็ใช้ปลายนิ้วนวดคลึงเบา ๆ ที่ขมับ  หลังผ่านสถานการณ์ง่าย ๆ แต่ชวนให้เครียดจนนอนไม่หลับทั้งคืนจบลงด้วยดี มีหลายอย่างที่ทำให้นัทคิดได้ในเวลานี้

ยังไงซะอย่างน้อยก็ได้เริ่มต้นด้วยการหอมแก้มล่ะวะ หวังว่าคงไม่รู้สึกหรอกนะว่าตอนนั้น.....สั่น

“คุณนัทค่ะ กาแฟได้แล้วค่ะ อุ้ย คุณนัททำไมไปนอนอย่างนั้นล่ะคะคุณนัท”

อ่า......รีบกระเด้งตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และจัดแต่งทรงผมให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะปั้นหน้าเข้าสู่สภาพเดิม คือ เก็กหล่อ
และอยู่ในมาดนิ่ง ๆ เหมือนเดิม

“ว่าไงครับคุณรัตติกาล กาแฟสองน้ำตาลหนึ่งครีมไม่ต้อง ผมบอกอะไรผิดไปหรือเปล่า”

เปล่าค่ะไม่ผิด เพียงแต่ดิฉันแปลกใจที่เห็นคุณนัทเอาหน้าไปซุกกับโต๊ะ บอกตรง ๆ ค่ะว่าดิฉันตกใจ

แต่ตกใจนานไม่ได้ เพราะเดี๋ยวคุณนัทสั่งให้ลงโทษขึ้นมาล่ะคงไม่มีเงินซื้อนมให้ลูกกินไปตลอดชีวิต

“คุณรัชชานนท์ไปแล้วเหรอคะ”

ไปแล้วสิครับ ถ้าไม่ไปคุณจะได้เห็นสภาพที่แท้จริงของผมแบบนี้เหรอ

“ไม่เหนื่อยเหรอคะคุณนัททำแบบนี้”

เหนื่อยสิครับ เหนื่อยจะตายแล้ว แต่ทำไงได้ เดี๋ยวขาดความน่าเชื่อถือก็ซวยกันพอดี

“เหนื่อยเรื่องไหนครับ หมายถึงเรื่อง.......งาน”

แกล้งทำหน้าเหรอหราแต่ไม่ค่อยสมจริงเท่าไหร่ และเลขาสาวใหญ่ที่รู้ทางกันดี ก็ถึงกับอมยิ้มออกมา เพราะท่าทางแบบนั้นของเจ้านายวัยกระเตาะ   ไม่ใช่หรอกค่ะ งานมันคงไม่หนักหนาเท่าไหร่ จะหนักก็คงเป็นเรื่องการเก็กหน้าและสงวนท่าทีเกินจริงของคุณนัทต่อหน้าคุณรัชชานนท์มากกว่าค่ะ

ดิฉันอยากรู้มากว่าเหนื่อยมั้ย แล้วเหนื่อยแค่ไหนกัน

“ค่ะ เรื่องงานนั่นแหละค่ะ เหนื่อยมากเหรอคะคุณนัท ดิฉันเห็นบางครั้งเผลอ ๆ คุณนัทก็แอบเล่นเกมส์อยู่บ่อย ๆ คงจะเหนื่อยมาก”

อ่า .....ครับ
จ๋อยสนิท เมื่อเลขารุ่นป้าที่เคยดูแลกันมาตั้งแต่เล็กจนโต ถามอะไรบางอย่างที่รู้กัน แต่นัทก็ยังพยายามตีมึนไม่เลิก
แกล้งไม่เข้าใจความหมาย

“ช่วงนี้ผมต้องเช็คให้หมดครับ  เรื่องการขยายกิจการบางส่วนของแผนกในโรงงานเราก็น่าสนใจ พอดีคุณรัชชานนท์ก็มีความสามารถทางนี้อยู่เหมือนกัน ผมเลยคิดว่า ถ้าเราใช้ความสามารถของเขามาช่วยดู คงมีอะไรดีขึ้น”

ข้ออ้างใช่มั้ยคะ

“ค่ะ เรื่องขยายกิจการก็ขยายกิจการค่ะ ดิฉันใส่ผงโกโก้ผสมลงไปในกาแฟหนึ่งช้อนด้วยนะคะ แบบที่คุณนัทชอบ”

อ่า ครับ

ถึงกับยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองไปมาสองสามที และก็ส่งยิ้มแหย ๆ ให้คนที่รู้ทันอยู่ตลอด

“มันก็ดีนะคะที่คุณนัทดูเท่ห์ขึ้นตั้งเยอะ แต่ดิฉันว่าบางอย่างมันก็ดูมากไปค่ะ เกร็งเหมือนกันนะคะนั่น เหนื่อยแย่”

ครับ ก็....จริงอย่างที่คุณรัตติกาลพูด ผมต้องกดเสียงให้ต่ำลง ทำหน้าตาให้ดูขึงขังเข้าไว้ ฝึกการยิ้มในแบบต่าง ๆ
ล่าสุดก็ต้องฝึกใช้รอยยิ้มยั่วประสาท และข้อสุดท้าย ต้องพูดจาอ้อมโลกแต่เชือดเฉือนให้เป็น

ทำไปทำไมเหรอ ก็ทำไปให้ดูเป็นผู้ใหญ่สุดโหด และสามารถคุมลูกน้องให้อยู่ใต้อาณัติได้ไง

แม้จะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่ฝึกมาได้พักใหญ่แล้ว มันก็ดูเข้าทีดีเหมือนกัน

มีคนใจดีมันก็ต้องมีคนใจร้ายบ้าง เลือกอยู่สายคนดุ ก็อย่างนี้ คนจะเกลียดบ้างก็เป็นธรรมดา โดยเฉพาะพี่ฟ้า ถ้าจะเกลียดกันแบบเข้าไส้ก็สมควร

“มีอะไรเรียกได้นะคะคุณนัท แล้วก็นี่ค่ะ เอกสารชุดใหม่ล่าสุด เรื่องข้อสัญญา คุณนัทเรียนกฎหมายมาคงไม่ยากจนเกินไปที่จะหาช่องโหว่ของสัญญา”

ไม่ยากหรอกครับ ถ้าผมจะหา แต่มันยากตรงที่ผมเริ่มปวดหัวและเมื่อยหน้าจนต้องใช้มือนวดกรามไปมาหลายครั้งให้คุณรัตติกาลเห็นนี่ไง

“คุณนัทนะคุณนัท แล้วจะให้ช่วยยังไงล่ะคะ ก็คุณนัททำตัวเองซะตั้งแต่แรก คราวนี้จะดิ้นหนีสิ่งที่สร้างขึ้นมาก็ไม่ทันแล้วแหละค่ะ”

ผมก็ไม่นึกว่ามันจะมาไกลขนาดนี้ ตอนนี้คนรอบข้างเขาเห็นผมเป็นคุณนัทสุดโหดไปแล้ว

ถ้าเกิดคุณนัทใจยักษ์ ลั๊นลากระดี๊กระด๊าหน้าบานแฉ่งขึ้นมาวันไหน คงได้จับไข้หัวโกร๋นกันทั้งโรงงาน เพราะคิดว่าผมถูกผีเข้า คงได้ไปเชิญหมอผีมาจัดการ คิด ๆ แล้วก็ชักกลุ้มขึ้นมานิด ๆ แฮะ

“พี่รัตติก็เอาโกโก้เย็นมาอีกแก้วสิครับ เผื่อชีวิตผมจะดีขึ้น”

แกล้งพูดแกล้งหยอก แล้วก็แนบหน้าลงไปบนโต๊ะอีกครั้ง มือขยับเมาส์รัว ๆ และไม่ต้องเดาว่าคุณนัทกำลังทำอะไร

“นี่มันเวลางานนะคะ หัดให้เกียรติบริษัทหน่อย”

แต่ผมให้เกียรติบริษัทมาทั้งคืนแล้วนะครับ เมื่อคืนก็ไม่ได้นอนเพราะเอกสารกองโตเนี่ยแหละ แถมยังเครียดเรื่องพี่ฟ้าอีก
ผมทำงานล่วงเวลาให้ตลอด ทำไมพ่อผมที่ถึงไม่เคยจ่ายโอทีให้ผมซะที

“คร้าบบบบบบบ”

ตอบแบบลากเสียงยานคางแล้วเลขาสาวรุ่นป้าก็ถึงกับส่ายหน้าก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงเบา เมื่อคุณนัทปิดหน้าจอที่เป็นเกมส์และลุกขึ้นนั่ง หยิบเอกสารมาอ่าน และยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ

มาดแบบนี้ตรงเป๊ะ

“ดูสมกับเป็นผู้บริหารหน่อยนะคะ”

ครับ ก็คงสม เนียนใช่มั้ยครับ แต่บอกตรง ๆ ผมโคตรเมื่อยหน้าเลยจริง ๆ จะใช้แรงงานผมไปถึงไหน ผมเพิ่งจบมหาวิทยาลัยเองนะ แต่ต้องรับบทหนักตั้งแต่พ่อไปทำส่วนงานต่างประเทศ แล้วจับผมมานั่งแท่นส่วนบริหาร โอเคผมทำได้ และมีพ่อเป็นที่ปรึกษาตลอด

แต่ผมก็เหนื่อยนะ อยากใช้ชีวิตแบบคนวัยเดียวกันบ้าง ไม่ใช่มาเป็นคุณนัทสุดโหดบ้างานแบบนี้
เฮ่อออออออออ ไม่รู้กันบ้างหรือไงว่ามันเหนื่อยและยากลำบากขนาดไหน

“คุณรัตติกาลครับ ผมขอพูดอะไรหน่อยนะครับ”

เก็กหน้าขรึม และทำท่าทางดูน่าเชื่อถือ จนเลขาสาวรุ่นป้าถึงกับอมยิ้มกับท่าทางแบบนั้น

ได้สิคะ คุณนัทอยากพูดอะไรล่ะ ดิฉันพร้อมรับฟังอยู่เสมอ

พยักหน้าให้และส่งยิ้มจาง ๆ ให้กับเจ้านายเด็กน้อยที่ทำหน้ายุ่งขมวดคิ้วมุ่นทั้งวัน

“อ่า.....ผมเหนื่อยจะตายแล้วโว้ยยยยยยยย”


TBC.

 Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2818.0)
      และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 26-05-2014 23:04:54
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 26-05-2014 23:08:38
แค่เริ่มต้น ก็มันส์หยด......
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 26-05-2014 23:10:03
โฮๆๆ แค่เริ่มเรื่องก็บีบหัวใจกันซะแล้ว
แล้วมันจะไปรักกันอีท่าไหนล่ะน๊อออ

ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไป ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 26-05-2014 23:23:30
55555 คุณนัทนิรั่วได้ใจ

ตอนปั่นหน้านิก็เคะราชินีดีๆนิเอง

เเต่พอหายบ้านก็เคะรั่วสุดบรรยาย

รอดูตอนอยู่กับพี่ฟ้าเเบบไร้บทโหด
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 26-05-2014 23:25:31
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน ความไม่ประทับใจตั้งแต่แรกพบ

“นัท....”

“นัท...”

“ไอ้นัท”

“ไอ้หูตึงนัทโว้ยยยยยยยยยย”

ฮ่ะ อะไรวะ มีอะไร เกิดอะไรขึ้นวะ

เพิ่งจะได้สติ และลุกขึ้นยืนทำหน้าเลิ่กลั่กลุกลี้ลุกลน จนเพื่อนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามถึงกับหัวเราะและส่ายหน้ากับพฤติกรรมเพี้ยน ๆ ของใครบางคน

“เหี้ยนัทแม่งหูตึงจริง ๆ ว่ะกูว่า”

เปล่า กูไม่ได้หูตึง กูแค่กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ แล้วตกลงเรียกทำไมวะ เรียกแล้วก็มาหัวเราะกูเนี่ยนะมึงนี่กวนตีนจริง ๆ

“มึงไม่ต้องท่องมากหรอกน่า ยังไงพ่อมึงก็จะให้ไปนั่งแท่นผู้บริหารโรงงานแล้วจะอ่านไปทำไม ว่าที่ผู้บริหารเลยนะมึงเหี้ยอย่างเท่ห์ว่ะ”

เท่ห์ห่าอะไร กูไม่ได้อยากทำเท่าไหร่หรอก แต่ก็อย่างว่า บางสิ่งบางอย่างถึงจะไม่ถนัดแต่ก็ต้องทำ จะปล่อยให้คนอื่นมาบริหารแทนก็ไม่ใช่เรื่อง พ่อก็ฝากความหวังเอาไว้ด้วย เพราะพ่อบอกจะไปลุยงานสายต่างประเทศแล้ว ส่วนงานที่โรงงานเข้ารูปเข้ารอยเข้าระบบแล้ว ที่ต้องทำก็แค่ไปเรียนรู้และดำเนินงานให้มันสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีเท่านั้น

“ใครจะไปนึกว่าสภาพอย่างไอ้นัท จะมีดีกรีเป็นถึงว่าที่เจ้าของโรงงานระดับผู้บริหารในอนาคต”

มึงก็พูดเกินไป กูก็คนธรรมดาเหมือนกัน กินข้าวเหมือนมึงนี่แหละ ไม่เคยคิดว่าจะต้องหรูหรา ไม่เคยติดหรู เพราะไม่รู้จะหรูไปทำไม ไม่เห็นมีอะไรอยากได้สักอย่าง มีข้าวกิน มีบ้านอยู่ มีรถขับก็พอแล้วมั้ง

“ไอ้นัทผู้ใจบุญ อย่างมึงจะไปคุมใครได้วะ เดี๋ยวก็ไปใจอ่อนกับเขาซะหมด”

กูถึงได้เรียนกฎหมายนี่ไง อย่างน้อยกูก็จะได้มีแนวทางมีหลักยึด ได้รู้ว่าที่ทำอยู่มันถูกหรือเปล่า ใช่ว่ากูจะใจอ่อนกับอะไรง่าย ๆ ซะหมดนะ

“กูอยากเปิดสำนักงานเล็ก ๆ ช่วยคน”

เหรอ แต่มึงคงต้องไปคุมโรงงานให้พ่อมึงแล้วล่ะ สงสัยสำนักงานเล็ก ๆ ของมึงจะเป็นหมันคงไม่มีโอกาสได้ทำ

“เหรอ ไอ้ใจบุญนัท หาคนดีอย่างมึงยากจริง ๆ นะโลกนี้ พ่อพระมาโปรดจริง ๆ เลยมึง”

“ใครจะไปเหมือนมึง จะไปเมืองนอกแล้วนี่ คงเตรียมหาเมียแหม่มแล้วล่ะสิ”

ก็แน่นอน ไม่ให้หาเมียแหม่มแล้วจะให้หาเมียไทยหรือไงอุตส่าห์จะได้บินไกลไปถึงโน่นนนนน

“แล้วพ่อมึงไม่ฆ่าตัวตายเหรอวะ ที่มึงจะไม่อยู่”

ฆ่าตัวตายอะไร หนุนมันก็ไม่เห็นว่าอะไร มันสนับสนุนกูซะอีก ทำไมมันต้องฆ่าตัวตายด้วยวะมึงก็พูดอะไรแปลก ๆ

“เฮ้ยนัท....กูมีอะไรจะบอก”

อะไรวะ

ทำหน้าอยากรู้อยากเห็นแล้วก็ก้มหน้าลงมาเล็กน้อยเมื่อเพื่อนกระดิกนิ้วเรียกให้ก้มลงมาหา

“มึงจำพี่ฟ้าได้ป่ะ ที่แม่งสูง ๆ หล่อ ๆ แชมป์เทควันโด้มหาวิทยาลัยเราอ่ะ”

พี่.......ฟ้า

พยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว ถ้าเป็นเรื่องของคนนั้น รู้หมดทุกอย่าง เพียงแต่คนที่มึงพูดถึงเขาอาจไม่เคยรู้ว่ามีกูอยู่บนโลกใบนี้

กู...จำได้...จำได้แม่นเลยล่ะ

มีอะไรวะ

“แล้วมึงจำพี่นุชาได้ป่ะ พี่นุชาที่เดินกับพี่ฟ้าตลอดอ่ะ”

นั่นกูก็ยิ่งจำได้ ชัดยิ่งกว่าชัด

“พี่ฟ้ากับพี่นุชาทำไมวะ”

ไม่ทำไมหรอก ก็แค่.....

“มึงเห็นเป็นเขาสนิทกันแบบนั้น แต่มีข่าวลือว่าแม่งเป็นแฟนกัน”

เหี้ยยยยยยยยยยยยยยย

“ไอ้รันมึงไปเอาข่าวมาจากไหน”

เอามาจากไหนอะไรล่ะ เขาลือกันกระฉ่อน มึงไปอยู่ไหนมาไม่รู้จักตามข่าวสารบ้านเมืองเลย เดี๋ยวนี้โลกไปถึงไหนต่อไหนแล้วมัวอยู่แต่ในกะลาครอบอยู่ได้

“มึงหุบปากให้เงียบเลยนะ ข่าวลือแบบนี้มันไม่ดี”

กูก็หุบปากเงียบมาตลอดแหละ แต่กูเพิ่งรู้มาหยก ๆ ว่าพี่ฟ้าเขากำลังจะมาเป็นน้องเขยมึงในอนาคตก็เลยต้องบอกมึง

“กูไม่รู้หรอกว่าจริงหรือไม่จริง แต่กูว่ามึงรู้ไว้หน่อยก็ดีเผื่อมึงอยากตรวจสอบ ยังไงก็เป็นเรื่องของบ้านมึง”

ก็ใช่ นั่นกูก็รู้ แต่มึงจะให้กูบอกพ่อกับแม่กูยังไงว่าคนที่จะมาหมั้นกับน้องสาวกู มีแนวโน้มว่าจะเป็นเกย์

“กูขึ้นเรียนก่อนแล้วกัน มึงก็ไม่ต้องคิดอะไรมากหรอกนะ บางทีข่าวลือก็เป็นแค่ข่าวลือนั่นแหละ เหมือนที่กูได้ยินเข้าหูมาบ่อย ๆ ว่ากูกับไอ้หนุนเป็นคู่เกย์กัน แต่กูว่าไร้สาระว่ะ เลื่อนลอยชิบหาย คนเดี๋ยวนี้ก็ชอบพูดไปเรื่อยเอาอะไรมากกับข่าวลือ”

เอาอะไรมากกับข่าวลือเหรอ ก็คงไม่เอาอะไรมากหรอกมั้ง มึงคงไม่ใช่คู่เกย์กับไอ้หนุนหรอก แต่เรื่องที่ไอ้หนุนชอบมึงนั่นน่ะเรื่องจริง กูว่าคนเขาดูออกหมดทั้งโลก ยกเว้นมึงคนเดียว แต่จะว่ามึงคนเดียวก็คงไม่ใช่หรอก เพราะบางทีกูก็คิดว่ามึงก็คงดูออกเหมือนกัน แต่มึงแกล้งโง่ เพราะไม่อยากเสียเพื่อนไป

บางทีมึงก็คงมีเหตุผลของมึงอยู่ เหตุผลที่ไม่จำเป็นต้องบอกใคร
รันลุกขึ้นและเดินจากไปแล้ว และนัทก็หันกลับมาก้มหน้าก้มตาเปิดหนังสืออ่านต่อ แม้สายตาจะไล่ไปตามตัวอักษรแต่ความคิดกำลังไล่ตามไปถึงใคร

“พี่ฟ้า....”

เอ่ยชื่อของใครบางคนพึมพำคนเดียว ก่อนจะยิ้มอย่างหม่นหมอง และหัวเราะกับตัวเองเสียงเบา คนเราแม้อยู่ใกล้กัน แต่บางครั้งก็เหมือนอยู่กันคนละโลก คนบางคนแค่ได้มองก็สุขใจ ไม่เคยไขว่คว้าไม่เคยกล้าเข้าหา แค่อยู่ห่าง ๆ และได้เห็นแบบนี้ทุกวันไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีใครรู้ก็พอแล้ว

ขอเก็บไว้คนเดียว เก็บเอาไว้คนเดียว ความรู้สึกแปลก ๆ ที่มีให้แบบนี้จะเก็บมันเอาไว้คนเดียว เก็บไว้จนถึงวันตาย

ไม่ว่าพี่จะเป็นอะไร ผมก็ไม่ได้โกรธเคืองพี่หรอก เพียงแต่ว่ามันน่าสมเพชตัวเอง ที่ความรู้สึกบางอย่างไม่มีทางไปถึงคนบางคน
ไร้ตัวตน ไม่เคยอยู่ในสายตา เราไม่เคยรู้จักกัน มีแค่ผมที่รู้จักพี่คนเดียว แต่ผมไม่เคยมีตัวตนอยู่ในสมองส่วนใด ๆของพี่เลย

แล้วมันจะแปลกอะไรที่คนที่พี่รักจะเป็นพี่นุชา พี่นุชาที่เดินด้วยกันบ่อย ๆ เจอว่าอยู่ด้วยกันบ่อย ๆ มันก็ไม่แปลกหรอกนะ ถ้าพี่จะคบหากัน เรื่องของผมเป็นความรู้สึกที่เงียบงัน และไม่มีวันที่ใครจะมีทางได้รู้ แต่เรื่องของพี่ ผมว่ามันคงไม่ง่าย

มีอีกอย่างที่ทำให้ผมนึกสงสัยขึ้นมา แล้ว....พี่จะจัดการกับเรื่องการเป็นว่าที่คู่หมั้นของน้องสาวผมยังไง

จะจัดการมันได้ยังไง ผมก็แค่อยากรู้เรื่องนี้ของพี่เท่านั้นเอง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 26-05-2014 23:27:37
“ชา....รู้เรื่องที่บ้านพี่แล้วใช่มั้ย”

รู้

รู้แล้ว รู้นานแล้ว ตั้งแต่ที่เราเริ่มคบกัน

“จะบอกว่าเราจบกันก็ไม่ต้องอ้อมโลก.....ชาเข้าใจ”

แต่พี่ไม่อยากเข้าใจ พี่.......ไม่อยากที่จะ........ ได้แต่ยืนก้มหน้ามองพื้น แม้จะมีร่างกายสูงใหญ่กว่าคนที่อยู่ตรงหน้าขนาดไหน แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่ากำลังเหลือตัวเล็กลงนิดเดียว

ตัวเล็กลงเรื่อย ๆ เล็กลง จนกลายเป็นแค่เด็กน้อยไร้เรี่ยวแรง

“พี่ฟ้า....เรื่องบางอย่างเราเลือกมันไม่ได้ ชาเข้าใจ”

ชาเข้าใจ แล้วชาก็จะให้พี่เข้าใจแบบที่ชาเข้าใจ ทำไมชาไม่โวยวาย ทำไมชาไม่เกลียดพี่ไปเลย ชาพูดแต่ว่าชาเข้าใจ
จริง ๆ แล้วชาเคยเข้าใจพี่จริง ๆ หรือเปล่าในเวลานี้พี่ก็ยังไม่รู้

“พี่รักชา”

แล้วยังไง คำว่ารักมันไม่มีประโยชน์อะไรหรอก ในเวลานี้ คำว่ารักมันช่วยอะไรไม่ได้

“ก็ดีแล้ว มีคนรักก็ต้องดีกว่ามีคนเกลียดจริงมั้ย”

ใช่ แต่พี่ไม่ได้หมายถึงความหมายแบบนั้น พี่ไม่ได้........หมายถึงแบบนั้น

“พี่ทำอย่างที่พี่ควรจะทำเถอะ ชาบอกแล้วว่า.......”

เสียงที่อยากจะพูด หายกลับเข้าไปในคอดื้อ ๆ และนุชาก็ก้มหน้าลง ก้มหน้าลงมองที่พื้น

ไม่รู้นะ บางสิ่งบางอย่างจะเป็นของเราเพียงชั่วครู่ชั่วยาม แต่ไม่ใช่ตลอดไป เพราะเราไม่ได้เกิดมาเพื่อครอบครองสิ่งนั้น

เข้าใจสิ เข้าใจดีมาก เข้าใจและยอมรับมาได้ตลอด บอกตัวเองให้เข้าใจ

“เราก็เป็นพี่น้องกันก็ได้พี่ฟ้า ไม่เห็นต้องคิดมาก ชาไม่ได้คิดอะไรหรอก เฉย ๆ อีกสี่เดือนก็จบแล้ว พี่จะให้ชาคิดอะไร”

อีกสี่เดือน ก็จบแล้วงั้นเหรอ พี่ไม่ได้อยากให้ชาคิดอะไร พี่แค่อยากให้ชาคิดถึงพี่

“เราหนีไปอยู่ด้วยกันมั้ยชา ไปอยู่ด้วยกัน”

ความฝันของพี่ไม่มีวันเป็นจริงหรอก พี่จะให้ผมหนีไปไหน ในเมื่อทุกวันนี้โลกมันก็มีอยู่แค่นี้ พี่จะให้ผมหนีไปกับพี่ แล้วเราจะไปไหนกัน อยู่แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ แบบทุกวันนี้มันก็แย่พอแล้ว พี่ยังอยากจะให้เราต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ไปถึงไหน

ชีวิตแบบนั้นมันจะสุข สงบได้เหรอพี่ เราต่างก็มีครอบครัวมีหน้าที่ พี่มีหน้าที่ของพี่เอง และชาก็สมัครใจตั้งแต่แรก แล้วพี่อยากจะให้ชาเรียกร้องอะไร

“ชาก็รักพี่ฟ้านะ....ชารัก...พี่ฟ้า...มาก”

รักมาก แต่ไม่สามารถไปด้วยกันได้ เรื่องตลก ๆ แบบนั้น มีอยู่จริงในโลกใบนี้

“พี่จะอยู่ยังไง จะให้พี่ตายทั้งเป็นเหรอ พี่จะอยู่ยังไงต่อไปล่ะชา ชาจะให้พี่อยู่ยังไง ถ้าชีวิตนี้พี่ต้องขาดชาไป”

พี่ก็ไม่เห็นต้องทำยังไงเลย พี่ก็อยู่เฉย ๆ ไม่ต้องทำอะไรหรอก

“เดี๋ยวสักพักพี่ก็จะชินไปเอง เวลาที่ไม่มีชาอยู่ข้าง ๆ พี่จะชินไปเอง ชาเชื่อว่าพี่จะทำได้”

แต่พี่ไม่เชื่อว่าจะทำได้ พี่ไม่เคยเชื่อ

รั้งร่างของคนที่อยู่ตรงหน้ามากอดเอาไว้แน่น กอดเอาไว้เพราะไม่อยากเสียไป
อยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออก บางสิ่งบางอย่างมันทั้งตื้อทั้งแน่นอยู่ในอก จนไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดอะไรได้

รู้เพียงแค่คนในอ้อมแขนกำลังตัวสั่น และตัวเองก็คงจะมีสภาพไม่ต่างกัน

นัทยืนนิ่งงัน อยู่ตรงนั้น ไม่ได้ตั้งใจแอบฟัง แต่ก็เลี่ยงไปตรงไหนไม่ได้ หลังมหาวิทยาลัยเป็นอ่างเก็บน้ำเล็ก ๆ ที่ไม่มีใครแวะผ่านมามากนัก เป็นสถานที่ลับตาคน ที่เหมาะกับการเอาหนังสือมาอ่านเงียบ ๆ และเป็นสถานที่ทำให้สมองแล่นมากที่สุด อ่านมากเท่าไหร่ก็สามารถจดจำได้ แต่เวลานี้สิ่งที่นัทรับรู้ได้ก็คือไม่สมควรมา มาวันไหนไม่มา เสือกมาวันนี้ เป็นวันที่รู้สึกถึงคำว่าผิดที่ผิดเวลาเป็นที่สุด

ฟ้าเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ใครบางคนที่ยืนห่างออกไป

ตกใจกับสิ่งที่เห็นและผละออกห่างจากร่างที่กอดเอาไว้ คนสองคนหันไปมองในทิศทางเดียวกัน และเห็นชัดเจนว่าในเวลานี้ไม่ได้อยู่กันแค่สองคน แต่มีบุคคลที่สามที่เป็นแขกไม่ได้รับเชิญมายืนร่วมรับฟังการสนทนาด้วยเป็นที่เรียบร้อย

“สวัสดีครับ ผมนัท...พี่ชายยัยหนิง คุณ....รัชชานนท์น่าจะพอจำผมได้”

นัทที่พูดบางอย่างออกไปแบบไม่ทันคิด เพราะไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไปก็เลยแนะนำตัว แนะนำตัวทำไมไม่รู้ แค่คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะพอจำได้ และอยากจะอธิบายต่อว่า สิ่งที่ได้ยินได้เห็นเมื่อกี้นี้จะไม่ถูกแพร่งพรายแน่ ๆ ขอให้สบายใจได้

แม้ว่าจะ....เกี่ยวกับครอบครัวของตัวเองในอนาคตก็ตาม

“ผมไม่คิดว่าผมอยากจะจดจำคุณได้....”

เป็นคำตอบที่ทำให้นัทได้แต่อ้าปากค้าง และไม่รู้จะพูดอะไรออกไปอีก ได้แต่ยืนนิ่ง และทันได้เห็นชัดถึงแววตาที่บ่งบอกชัดเจนว่าคนที่บอกว่าไม่รู้จักกำลังไม่พอใจอย่างถึงที่สุด

คงจะโกรธ คงจะ...โมโห คงจะ...เกลียด คงจะ........ ไม่มีเหตุผลอะไรจะให้เดาอีก สิ่งที่ต้องทำคือต้องรีบหนีออกไปจากสถานที่นี้ให้เร็วที่สุด

“คุณจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ คุณพี่ชายคุณหนิงคุณชื่ออะไร”

ชื่ออะไร

“นัท...ผมชื่อนัท ชื่อจริงนัธพันธ์คุณจะเรียกผมยังไงก็ได้”

ไม่รู้ว่าจะแนะนำตัวเองทำไมอีก แทนที่จะรีบเดินหนีไปซะให้พ้นทำไมถึงยังมัวห่วงมาแนะนำตัวเองอยู่ได้

“อ่อ คุณนัท ผมไม่ค่อยยินดีจะได้รู้จักคุณเท่าไหร่หรอกนะหรือคุณว่าไง”

ผมไม่ว่าไง ผมแค่เดินผ่านมา และไม่คิดว่าจะมีเรื่องอะไรต้องว่า

และ....

“คุณจะทำยังไง จะทำอะไรมันก็เรื่องของคุณนะคุณรัชชานนท์ไม่เกี่ยวกับผม ปัญหาของคุณ คนที่ต้องเคลียร์ก็คือคุณไม่ใช่ผม และผมเชื่อว่าคุณจะจัดการปัญหาทั้งหมดของคุณได้”

ห่า มันเกี่ยวกับประเด็นที่เขาถามตรงไหนวะเนี่ย ไม่เกี่ยวเลย กูตอบอะไรออกไปวะเนี่ย แต่อย่างน้อยก็น่าจะเข้าใจล่ะว่ะ ว่าเรื่องนี้กูไม่ยุ่ง ไม่เกี่ยว ไม่เอาไปพูดแน่ ไม่หาเรื่องให้เดือดร้อน น่าจะพอสบายใจได้

“คุณนัท....ผมไม่รู้ว่าคุณเห็นอะไรหรือได้ยินอะไรบ้าง แต่สิ่งที่ผมรู้ในเวลานี้คือ....ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นผมเอาคุณตาย”

ตาย

ตายได้ยังไง

ไม่ ไม่ อะไรวะ ก็บอกอยู่นี่ไงว่าไม่มีทางจะพูดหรือข้องเกี่ยวด้วยหรอก จะกดดันไปถึงไหน ผมกับพี่ไม่ต้องรู้จักกันก็ได้ มันพลาดที่ผมแนะนำตัว มันพลาดไปเยอะเพราะความไม่รู้จักไตร่ตรอง พลาดไปอย่างมหันต์จนไม่น่าให้อภัย

แต่สิ่งที่ควรทำตอนนี้ไม่ใช่มานั่งไตร่ตรอง แต่เป็นการที่ต้องหาอะไรก็ได้มาตัดบทเพื่อหนีออกจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด

อะไรก็ได้นัท อะไรก็ได้รีบพูด อะไรก็ได้ไอ้นัท รีบพูดเข้าสิวะ อะไรก็ได้ คิด คิด คิด แล้วรีบพูดออกไปเดี๋ยวนี้ พูดออกไป

“ผมไม่มีเวลาว่างมากพอที่จะสนใจเรื่องชาวบ้าน หรือเอาเรื่องชาวบ้านไปนินทาให้เสียหาย คุณไม่ต้องกังวลหรอกว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ขอให้สบายใจได้ ผมเข้าใจ”

ไม่รอฟังคำตอบ ไม่รอให้มีอะไรมารั้งอยากจะวิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าทำแบบนั้นมันก็คงจะดูน่าเกลียดเกินไป
นัทจึงให้วิธีการหันหลัง ไม่พูดไม่ตอบอะไรอีก และก้าวขาเดินจากไปอย่างช้า ๆ ทำเหมือนไม่ทุกข์ร้อนกับสิ่งที่เกิดขึ้นและไม่อยากให้เป็นที่หมั่นไส้ของคนสองคนที่มีสีหน้าอึดอัดใจ

ฟ้ากัดฟันกรอด และพิจารณาคนที่เดินจากไปแล้ว ด้วยความรู้สึกบางอย่าง

เกิดมาไม่เคยเกลียดขี้หน้าใครแบบไร้เหตุผลและก็เพิ่งรู้สึกเกลียดวันนี้เอง

นิ่งสงบจนน่ากลัว ภายใต้ใบหน้าที่เหมือนกำลังยิ้มอยู่นั่นมันแฝงอะไรบางอย่างมาด้วยแน่ ๆ บางอย่างที่ยากแก่การจะเข้าใจ
แววตาที่คล้ายจะหม่นแสงแต่ก็ฉายแววบางอย่างที่อ่านไม่ได้ คำพูดที่คล้ายมีหลุมพรางวางดักล่อเอาไว้ และเต็มไปด้วยการเหน็บแนมประชดประชันแบบนั้น ต่อให้เป็นเด็กสามขวบก็ยังรู้

ท่าเดินแต่ละก้าว นิ่ง สงบ ไม่มีอาการของคนที่ตกใจกับสิ่งที่เห็นเลยสักนิด

นัทเหรอ คุณนัท คน ๆ นี้ชื่อคุณนัท คุณนัทคือคนที่ นับจากวินาทีนี้เป็นต้นไปจะไม่จำก็ทำไม่ได้ ไม่เคยจำได้ ไม่เคยรู้จัก แต่บอกตรง ๆ ว่านับตั้งแต่วินาทีนั้นฟ้าคงจะจดจำคน ๆ นี้ไปจนวันตาย ประมาทไม่ได้ เพราะชื่อเสียงของบริษัทและการอยู่รอดได้ในอนาคตบางทีมันอาจต้องขึ้นอยู่กับคน ๆ นั้น

“ชาไม่ต้องกังวลนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นพี่จะจัดการมันเอง ชาไม่ต้องกังวลเรื่องของไอ้นัทอะไรนั่นด้วย”

หันไปบอกคนที่ยืนอยู่ด้วยและนุชาก็มีสีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด ในเวลานี้เรื่องบางเรื่องไม่ใช่เรื่องของคนสองคนอีกแล้ว
เมื่อมีบุคคลที่สามเข้ามารับรู้ด้วย

“พี่ฟ้า....บางทีเขาอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ พี่อย่าคิดมากเลย”

ปลอบใจตัวเอง และปลอบใจคนที่ยืนหน้าเครียดด้วย และฟ้าก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“พี่ก็หวังว่าจะไม่มีอะไรเหมือนกัน แต่ก็ยากจะหวัง ไอ้คุณนัทอะไรนั่น พี่พอจะนึกได้ลาง ๆ บ้างแล้ว บางครั้งพี่รู้สึกเหมือนมันแอบมองพี่อยู่ บางทีมันอาจจะคิดมานานแล้วว่าต้องแสดงตัวออกมา หลังจากที่สังเกตพี่มาพักใหญ่แล้ว เรียกง่าย ๆ ว่ามันจงใจขู่พี่แน่ ๆ”

คนที่มีชนักปักหลัง มักหวาดระแวง คิดเอง เออเองได้เป็นฉาก ๆ และฟ้าก็กำลังเป็นแบบนั้น

“พี่ฟ้า ชาว่าบางทีมันคงไม่มีอะไรก็ได้”

หันไปมองหน้าของคนที่ยืนเครียดอยู่ข้าง ๆ และนุชาก็ทำได้แค่ขมวดคิ้วมุ่นไม่รู้จะทำยังไงต่อไป ทำได้แค่ปลอบใจใครบางคนและมันคงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ทำได้ในเวลานี้

“พี่ก็หวังให้เป็นอย่างนั้น แต่พี่ก็ไม่ไว้ใจไอ้คุณนัทอะไรนั่นเลย ทั้งสีหน้าทั้งแววตาของมัน มีอะไรบางอย่างที่พี่อ่านไม่ออก และพี่ก็มั่นใจว่ามันต้องมีอะไรแน่ ๆ พี่ค่อนข้างมั่นใจ”

แล้วจะทำยังไง แล้วเราจะทำยังไง แล้วพี่จะให้ชาทำยังไง........นอกจาก....

“เราไม่ต้องเจอกันสักพักแล้วกันนะพี่ฟ้า”

ไม่เจอกันสักพักของนุชา แปลว่าอย่าเจอกันอีกเลย แต่ฟ้าไม่รู้ความหมายของคำ ๆ นั้น
ในวันที่ได้รับฟังคำพูดนั้น ฟ้าทำเพียงแค่พยักหน้าเล็ก ๆ เพราะเข้าใจว่าต้องรอให้สถานการณ์คลี่คลาย หรือให้อะไรดีขึ้นกว่านี้ก่อน ถึงค่อยเจอกันใหม่ก็ได้ ไม่เคยรู้ว่าไม่ต้องเจอกันสักพัก คือไม่ต้องเจอกันอีกตลอดไป ไม่รู้ จนเมื่อเวลาผ่านไปสักพักจริง ๆ คำว่าสักพักของนุชาถึงทำให้ฟ้าซึ้งและแทบจะกลายเป็นคนบ้าเพราะคำ ๆ นั้น

กดโทรศัพท์โทรหาซ้ำ ๆ หลายครั้ง บางครั้งโทรติดแต่ไม่มีคนรับสาย บางครั้งก็ไม่มีสัญญาณ เป็นแบบนั้นอยู่นาน เป็นแบบนั้น จนสุดท้ายฟ้าถึงได้สำนึก ว่าการห่างกันสักพัก คือคำว่า “เราเลิกกัน”

เสียใจมาก เสียใจจนอยากจะตายไปซะให้พ้น ๆ แต่ก็ทำไม่ได้ ยิ่งรู้เรื่องสถานการณ์ของครอบครัวของตัวเองยิ่งทำไม่ได้

ทำร้ายใครไม่ได้ นอกจากต้องทำร้ายตัวเอง

“แต่งงานแต่งการซะทีนะเรา ขอให้อยู่กันนาน ๆ นะมีหนักนิดเบาหน่อยก็อภัยให้กัน”

แค่นยิ้มและหัวเราะเยาะตัวเองในใจ ที่ได้รับคำอวยพรแบบนั้นในวันที่รดน้ำสังข์ กับผู้หญิงที่เพิ่งเห็นหน้าไม่กี่วันก่อนแต่งงาน
หน้าเธอก็ไม่อยากจดจำ แต่จะให้ทำยังไง ในเมื่อมาไกลจนถึงขั้นนี้แล้ว

“ดูแลตัวเองดี ๆ นะหนิง”

ไม่มีคำอวยพรให้กับเจ้าบ่าว มีให้เพียงแค่เจ้าสาวเท่านั้น และฟ้าก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าของคนที่อวยพรให้ มันคือหนึ่งในต้นเหตุที่ทำให้หัวใจแตกสลาย ไอ้คุณนัทอะไรนั่น มันคือต้นเหตุสำคัญคนหนึ่งที่ทำให้ต้องมีวันนี้

“เอ่อ...ไงคุณรัชชานนท์ ดูคุณสบายดีนะ ฝากน้องสาวของผมด้วยแล้วกันนะ”

ใจเย็นที่สุด รอยยิ้มชวนคลื่นไส้นั่นมันอะไร รู้ทั้งรู้อยู่แล้ว ว่างานแต่งงานครั้งนี้จัดขึ้นเพราะอะไรแต่มันก็ยังยิ้มระรื่นได้
ผู้หญิงที่นั่งอยู่นี่คือน้องสาวของตัวเองแท้ ๆ แต่ก็ยังปล่อยให้มาแต่งงานด้วยได้ มันคงไม่มีหัวใจ คงถูกสอนให้ไม่มีหัวใจ ที่จะรักหรือเมตตากับใคร ทุกครั้งที่ได้เจอและเห็น ฟ้ายิ่งรู้สึกเกลียดคนที่อยู่ตรงหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ

เกลียดเพิ่มทบเท่าทวีคูณทุกวินาที และนัทก็รู้ รับรู้มันได้กลาย ๆ จากสีหน้าและแววตาคู่นั้นที่บ่งบอกชัดเจนว่าไม่เคยรู้สึกอะไรด้วย นอกจากความเกลียดชัง

แต่จะทำอะไรได้ ก็ทำได้แค่นี้ เกลียดก็ยังดีกว่าไม่รู้จัก ไม่รักก็ยังดีกว่าไร้ตัวตนตลอดไป
แค่นยิ้มกับตัวเองและเดินจากมาหลังจากรดน้ำสังข์เสร็จเรียบร้อย ต่อไปนี้คงได้มีตัวตนในแบบที่ไม่ได้ปรารถนาเท่าไหร่
แต่ก็เท่านั้น

อย่างน้อย มันก็ดีกว่าไร้ตัวตนไปตลอด มันก็ยังดีกว่าที่จะต้องไร้ตัวตนในสายตาของใครบางคนตลอดไป


TBC.

 Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2818.0)
      และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)

หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 26-05-2014 23:33:01
เฮือก!!! คุณนัทเล่นอินังคนอ่านแล้วมั๊ยล่ะ
2ตอนแรกยังปวดใจอยู่เลย ทำไมตอนนี้ฮาซะแล้ว 555
คุณนัทนี่น่ารักเกินไปแล้วนะ >o<

รอตอนต่อไปจ้า เดาไม่ถูกจริงๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 26-05-2014 23:43:37
เริ่มกระดืบเข้าไปในสายตาใครบางคนแล้ว รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: p^tarn ที่ 27-05-2014 00:27:41
เค้าต้องกลับไปเสียน้ำตาให้ปูฝนอีกรอบช่าบไม๊ อือออออเวลาเค้ากลับไปชุดปรัชญาเค้าไม่เคยจบที่คู่เดียวได้เลยเค้ากวาดเรียบตลอดตาเค้าช้ำเลยนะกว่าจะครบอะ :o12:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 27-05-2014 01:02:53
 :hao6:   มาแล้วๆ  คู่นี้ที่รอคอย   :mew1:    แต่ขอย้อนความไปหาพี่ไอซ์แปปนะ  แบบว่าไปตามเก๊บรวบยอดมา 

น้องจุ้มน่ารักม๊ากกก อ้อนเก่งจริงๆ  แล้วพี่ไอซ์ก็แบบว่านะ ซึนแต่ก็  รักเมียมว๊ากกก ไม่นอกใจ  มีเมียคนเดียว  :m20:

อยากจะไปส่องบริษัทของพี่ไอซ์จังว่าจะเหมือนของนัทมั้ย   :z1:   

ส่วนนัท  แกทำเอาฮาอ่ะ  ถ้ามันลำบากขนาดนั้นก็  จับปล้ำเลยสิ  :laugh:   ฟ้าคงไม่ว่าหรอกมั้ง  :hao4: 

ปล.  ขอขอบคุณ  คุณเท็น ที่ได้สร้างสรรค์สิ่งดีๆมาให้ได้อ่านได้ยิ้มได้ปลื้มและได้ฟิน  ขอบคุณครับ  :pig4:

จะติดตามผลงานคุณเท็นตล๊อดป๊ายยยยย  :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 27-05-2014 01:53:05
รอดจากการลงแดงเพราะได้เสพนิยายคุณแล้ว  :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 27-05-2014 02:49:46
สงสารทั้งคู่เลย  :mew2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 27-05-2014 06:07:15
ไม่รู้จะสงสารใครดี เจ้าบ่าว เจ้าสาว พี่ชายเจ้าสาว แฟนเก่าเจ้าบ่าว  T_T
เจ็บปวดอีกล่ะ โฮๆๆๆๆๆ
รอตอนต่อไปค่ะ ^^

ปล. ขำตัวเอง คอมเม้นต์ได้ดีเลย์เสมอๆ 555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 27-05-2014 06:32:29
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน ชีวิตเจ้าของโรงงาน

อะไรวะเนี่ย

เล่นสั่งของมาตุนไว้แบบนี้ ใช้หลักเกณฑ์อะไรคำนวณวะ ทั้งปึกนี้ อย่าบอกนะว่าไม่มีหลักเกณฑ์เลย ใช้การคาดเดาล้วน ๆ แบบนี้ไม่ใช่แล้ว ขืนทำแบบนี้ต่อไปของก็มาทิ้งอยู่ที่นี่ตลอดเลยสิ จะได้ใช้เมื่อไหร่ก็ไม่มีกำหนด มีแต่สั่งอย่างเดียวเลยเหรอวะ

“คุณรัตติกาล พอจะทราบเรื่องการแพลนสินค้าเข้ามั้ย”

นัทที่นั่งหน้าเครียดมาตลอดทั้งวัน เดินออกมาหาเลขาสาวใหญ่ที่กำลังเก็บกระเป๋าเตรียมตัวกลับบ้าน
ยืนชะงักนิ่ง และหันไปมองนาฬิกาที่แขวนเอาไว้แล้วก็เพิ่งสำนึก อ่า....นี่มันก็เกือบจะหนึ่งทุ่มแล้วนี่หว่า

ไม่มีใครอยู่แล้ว

“เอ่อ ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยบอกผมก็ได้”

เพราะว่าเกรงใจก็เลยไม่กล้าถามต่อ แต่พอเห็นเลขาสาวใหญ่ส่งยิ้มให้ก็ค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย

“อย่าเห็นว่าเป็นดิฉันแล้วคุณนัทจะใจดีด้วยได้สิคะ บางทีคุณนัทก็ต้องวางฟอร์มบ้าง ทำหน้าจ๋อยแบบนั้น เดี๋ยวก็โดนพวกเด็กขนส่งมันว่าเอาหรอกค่ะ”

ก็จริง
ตั้งแต่ทำงานมา โซนที่น่ากลัวและเข้าไม่ถึงที่สุดก็คือแผนกขนส่ง พวกนั้นไม่ใช่ไม่ดี แต่เข้าไม่ถึง

เพราะยังไงถึงแม้จะเป็นเจ้าของ แต่ก็เด็กเกินไปที่จะมีใครนับถืออย่างจริงจัง

เพราะวัยวุฒิไม่ถึง ก็คงเป็นทำนองนั้น

“เอ่อ ครับ แฮ่มมมม คุณจะรีบกลับหรือคุณรัตติ ยังไงเอกสารพวกนี้ช่วยหาที่มาที่ไปให้ผมด้วย พรุ่งนี้สิบโมงผมขอคำตอบ”

พอไหวมั้ยครับแบบนี้

“คุณนัทคะ อย่าให้ใครรู้เชียวนะคะบางทีภาพพจน์ต่อหน้าลูกน้องก็เป็นสิ่งสำคัญ คุณนัทมีปัญหาที่หน้าจริง ๆ นั่นแหละค่ะ ถ้าคุณนัทไม่ยิ้มมันก็ดูโอเคหรอก แต่ถ้ายิ้มหวานขึ้นมา มันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดเชียวล่ะ”

เหรอครับ ล้อผมอีกแล้ว ผมไม่ใช่แบบนั้นหรอกน่าพี่รัตติก็พูดไป ยกมือขึ้นเกาหัวด้วยความเขินเพราะถูกชมแบบอ้อม ๆ
และก็พยายามเก็บสีหน้าที่มักจะเผลอหลุดออกมาเรื่อย ๆ

“เดี๋ยวผมดูเอกสารอีกสักพัก พี่รัตติจะกลับเลยใช่มั้ยครับ”

ก็ต้องรีบกลับค่ะ ลูกยังเล็ก สามีที่บ้านพักนี้ก็ชักจะงอแง

“คุณนัท ดิฉันไม่ได้อยากลาออกหรอกนะคะ แต่ว่าสามีอยากให้ไปช่วยทำบัญชีให้ที่อู่ ไม่ทำก็ไม่ได้ค่ะ หาคนทำแทนก็ไม่ไว้ใจเหมือนทำเอง”

ครับ ผมเข้าใจ ถึงจะเศร้า ๆ แต่ก็เข้าใจ

“เดี๋ยวคุณพ่อก็ให้คุณรัชชานนท์มาเป็นเลขาแทนแล้ว คุณรัชชานนท์ออกจะเก่ง คุณนัทไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ”

นั่นแหละที่ผมกังวล โคตรกังวลอย่างถึงที่สุดเลย

“ยังไงล่ะพี่รัตติ เลขาที่มีดีกรีเป็นว่าที่เจ้าของโรงงานเหมือนกัน แต่ต้องมาเป็นเลขาให้ผม เขาเกลียดผมจะตายอยู่แล้ว ป่านนี้คงหาว่าไปกดดันครอบครัวเขาแย่แล้วล่ะ”

มันเป็นเรื่องเหตุผลทางธุรกิจค่ะ คุณนัทต้องเข้าใจ บางครั้งบางสิ่งบางอย่างก็ต้องให้เป็นไปตามกลไล ทางนี้ก็ใหม่ ทั้งโน้นถึงจะเก่ง แต่ก็ยังใหม่เหมือนกัน

“คุณพ่อคุณนัทเขาเป็นห่วงคุณนัทค่ะ ยังไงก็ต้องทำเพราะเป็นกิจการของครอบครัว คุณรัชชานนท์เองถ้ามาแล้วทำได้ไม่เต็มที่ ก็แสดงว่าเขาไม่มีศักยภาพมากพอเวลาทำงานก็ต้องแยกให้ออกระหว่างเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงาน”

มันก็จริงอยู่ อันนั้นผมก็เข้าใจ

“คุณนัทคะ ดิฉันทราบนะว่าคุณนัทเป็นกังวลมาก แต่คุณนัทต้องสู้นะคะ คุณนัทเป็นคนเก่ง ความรับผิดชอบสูง แค่ขาดประสบการณ์ คุณนัทต้องหัดเรียนรู้คนเอาไว้เยอะ ๆ ถ้าวันไหนคุณนัทเข้าแผนกขนส่งได้ คุณนัทก็ได้คุมโรงงานนี้จริง ๆ ประสบความสำเร็จในแง่การบริหารคน และวันไหนถ้าคุณนัทเอาชนะใจคุณรัชชานนท์ได้ นั่นคุณนัทก็ประสบความสำเร็จในแง่บริหารหัวใจ”

ห๊ะ  บริหารอะไรนะครับ ไม่ครับ ไม่ใช่ ผม....

“พี่รัตติผมไม่ได้ ผม........”

อึกอัก และถึงกับพูดอะไรไม่ออกได้แต่หน้าแดงก่ำ เพราะถูกจี้จุดที่ไม่คิดว่าจะมีใครสังเกตเห็น

“คุณนัท....ดิฉันเข้าใจค่ะ ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว คุณนัทอย่าไปกังวลกับมันมาก เพราะว่าดิฉันกำลังจะลาออกแล้วค่ะ ดิฉันถึงอยากพูดกับคุณนัทตรง ๆ ดิฉันก็เห็นคุณนัทมาแต่เล็ก จะบอกว่าดูไม่ออกเลยมันก็ไม่ใช่ ตั้งแต่รุ่นคุณพ่อคุณนัทจีบพี่อร อ่า....หมายถึงคุณแม่คุณนัทน่ะคะ ดิฉันก็ต้องคอยเตือนคุณพ่อคุณนัทเสมอว่าถ้าคนจะจีบกันต้องทำยังไง”

อ่า ครับ ก้มหน้าก้มตาลง และรู้สึกว่าเขินอายกับเรื่องที่เลขาสาวใหญ่พูดถึง คุณรัตติไม่ใช่แค่เลขาแต่มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของแม่ จะนับเป็นญาติห่าง ๆ ก็ไม่ผิดนักแม้จะไม่ใช่สายตรงก็ตาม ก็เลยทำให้เราสนิทกันง่าย เพราะคุณรัตติได้เห็นนัทตั้งแต่เล็กจนโต จะดูอะไรไม่ออกเลย ก็เป็นไปไม่ได้

คุณรัตติรู้เห็นอะไรเยอะแยะ  แต่เธอมีจรรยาบรรณของการเป็นเลขาเพราะเธอ "พูดเฉพาะเรื่องที่สมควรพูดเท่านั้น"

“ดิฉันไม่อยู่แล้วคุณนัทต้องตั้งสติดี ๆ นะคะ”

ครับ ผมก็กำลังทำอยู่ จะให้มีพี่เลี้ยงไปตลอดมันก็ไม่ได้ อันนั้นผมก็เข้าใจ

“เอาชนะใจทุกคนให้ได้ นั่นแหละค่ะสิ่งที่คุณนัทต้องทำในเวลานี้”

ครับ

“คุณนัทหน้าจ๋อยอีกแล้วค่ะ”

ห๊ะ เหรอครับ

“โอเคคุณรัตติกาล ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของคุณ ผมจะจดจำเอาไว้เป็นอย่างดี….แล้ว..... ฮือออออออ คุณรัตติ”

เก็กหน้าได้แค่ไม่นาน และสุดท้ายก็กลายเป็นเด็กน้อยนัทหน้าจ๋อยอีกเหมือนเดิม

“ไปจริง ๆ เหรอครับ แล้วใครจะช่วยนัทล่ะ”

คุณนัท คุณนัทอยู่ได้น่า คุณพ่อก็คอยให้คำแนะนำอยู่ตลอดนี่คะ อย่ากังวลเลย คุณนัททำได้อยู่แล้ว

“สู้ ๆ ค่ะ นะคุณนัท”

คร้าบบบบบบบบ

“สู้ก็สู้ครับ...คุณรัตติกลับบ้านดี ๆ นะครับ”

เอ่ยคำลา แล้วนัทก็ทำหน้าเบะ ปากยู่ เดินเข้าห้องทำงานไป ทิ้งให้เลขาสาวใหญ่ยืนยิ้มและส่ายหน้าเพราะความน่ารักของเจ้านายเด็กน้อย ที่บางคนไม่เคยมีโอกาสได้เห็น

นัทยืนมองเอกสารกองใหญ่ที่ดูไปได้แค่ไม่กี่แผ่น แทบไม่มีความคืบหน้าเอาซะเลย ขมวดคิ้วมุ่น และถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อรู้สึกว่าท้องเริ่มร้อง

หิวว่ะ หิวข้าว เดินไปเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานและหยิบถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปออกมาวางแล้วนั่งมอง ใครจะไปคิดว่าเจ้าของโรงงานต้องมานั่งกินของแบบนี้เพราะเงินส่วนตัวไม่มีเหลือ

มีอำนาจจริงแต่ไม่ใช่ว่าจะเซ็นจ่ายเงินสุ่มสี่สุ่มห้าได้ ทำแบบนั้นได้ยังไง จะทำอะไรมันต้องชี้แจงที่มาที่ไป
ไม่ใช่ทำอะไรตามใจตัวเอง

พ่อคงไม่โอเคเท่าไหร่ถ้ารู้ว่า.........

บางครั้งคนเราก็ทำอะไรโง่ ๆ ทำอะไรง่าย ๆ อย่างโง่ ๆ มีที่ไหน เอาเงินส่วนตัวที่เก็บมาตลอดชีวิตให้คนอื่นให้คนอื่นไปง่าย ๆ

ส่วนตัวเองที่ใครมองว่าโก้หรู มีดีกรีเป็นถึงเจ้าของโรงงานต้องมานั่งหน้าจ๋อยอยู่แบบนี้ จะกล้าบอกใครได้ล่ะ
ถ้าพ่อรู้ ยิ่งหนัก

“ไอ้โง่นัทเอ้ยยยยย”

อยากจะเขกหัวตัวเองร้อยทีให้หายโง่ แต่ก็ทำแบบนั้นไม่ได้เพราะหิวเกินกว่าที่จะมาทำแบบนั้น

“พ่อไม่รู้เหรอว่านัททำโอทีทุกวัน นัทนั่งอ่านเอกสารพวกนี้ทั้งคืนจนต้องนอนค้างโรงงาน แล้วทำไมพ่อไม่จ่ายโอทีให้นัทบ้างวะ”

บ่นกับตัวเองไปเรื่อย แต่บ่นไปก็เท่านั้น ท้องไส้ปั่นป่วนเกินกว่าจะมาคิดอะไรได้ เดินไปกดน้ำในกระติกน้ำร้อน แต่พอเห็นว่าน้ำกลายเป็นน้ำเย็นเรียบร้อยและกดแทบไม่ออก ก็ถึงกับเข่าแทบทรุดเมื่อคิดได้ว่าตัวเองอยู่ในสภาพน่ารันทดจนเกินทน

คนกลับไปหมดแล้ว ใครจะมาเสียบน้ำร้อนทิ้งไว้กันล่ะ หิ้วกระติกน้ำร้อนเดินเข้าครัว ยืนมองน้ำในถังสำหรับกดดื่มของพนักงานแล้วก็ได้แต่ถอนใจ  น้ำหมดแต่ไม่มีใครยกถังมาเติม  เยี่ยมไปเลยสิวะ  เป็นกูใช่มั้ยที่ต้องเติม  กูเป็นเจ้าของโรงงานนะโว้ย

ทำไมพวกคุณถึงได้ทำกับผมแบบนี้

แม้จะคิด แม้จะหงุดหงิด  แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะเปิดฝากระติกน้ำร้อนและยกน้ำในถังเทใส่ลงไป

“เฮ่ออออ ทำไมถังน้ำมันหนักอย่างงี้วะแม่ง”

ได้แต่บ่นคนเดียว และก็หิ้วกระติกน้ำร้อนที่มีน้ำอยู่เต็มออกมาหาปลั๊กเสียบ

คงต้องรออีกเป็นชาติกว่าน้ำจะเดือด จะเทน้ำแค่พอใส่บะหมี่ให้ตัวเองกินมันก็ไม่ใช่ เพราะยังไงพรุ่งนี้ก็คงต้องมีคนชงกาแฟ ก็ใส่ให้มันเต็มซะก็สิ้นเรื่อง เผื่อคนอื่นที่จะชงกาแฟพรุ่งนี้ด้วย

ยังจะใจดีกับคนอื่น แม้ตัวเองจะลำบากและหิวจนแทบจะไม่มีแรงยืน นัทเดินกลับเข้าห้องทำงานของตัวเองในสภาพเดินแทบไม่ตรงทาง ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้แล้วก็แนบใบหน้าลงที่โต๊ะ เหม่อ....แล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเบะหน้า อยากจะร้องไห้ แต่ก็ร้องไม่ได้

“ทำไมทำงานมันเหนื่อยขนาดนี้วะ เหนื่อยจะตายอยู่แล้วนะเนี่ย แล้วต้องรออีกนานแค่ไหนกว่าเงินเดือนจะออก
พ่อไม่รู้หรอกว่า....ตอนนี้นัทลำบากแค่ไหน”

คิดแล้วอยากร้องไห้ ได้แต่สงสารตัวเองเพราะไม่สามารถบอกเรื่องนี้ให้ใครรับรู้ด้วยได้

“เออใช่ เมื่อเช้ามีนมอีกกล่องที่เอามาจากที่บ้านนี่หว่า”

เปิดลิ้นชักและก็หยิบนมกล่องเล็ก ๆ ขึ้นมา มองแล้วก็ยิ้ม ยิ้มแล้วก็ใช้หลอดเจาะกล่องนม กัดหลอดเล่นและดูดนมในกล่องอย่างเพลิดเพลิน ก่อนจะหยิบเอกสารที่ดูค้างเอาไว้และยังกองอยู่บนโต๊ะ

“อันนี้มัน....ข้ามปีแล้วนี่หว่าทำไมยังมีของเหลือค้างอีก”

สงสัยและใช้ดินสอวงกลมข้อมูลเอาไว้ ลืมว่าตัวเองกำลังเหนื่อย ลืมว่ากำลังหิว สุดท้าย แม้จะหิวและเหนื่อยขนาดไหนแต่ก็ลืมไปหมดเมื่อได้เห็นเอกสารที่มีข้อสงสัยมากมาย นัทนั่งอยู่แบบนั้น ทำงานจนดึกทุกวัน จนแทบไม่ได้กลับบ้าน
บางครั้งเผลอหลับไป บางครั้งตื่นขึ้นมาและพบว่าเกือบเช้าต้องรีบอาบน้ำแต่งตัวและกลายเป็นคุณนัทคนใหม่แม้จะไม่ได้นอนมาเกือบทั้งคืน

เคยสงสัยว่าทำไมพ่อทำงานเลิกดึก ๆ ดื่น ๆ ทุกวันและบางทีก็ไม่ได้กลับบ้านเวลาที่อยู่ที่โรงงาน

แต่วันนี้เข้าใจแล้วว่าเพราะอะไร

ห้องเล็ก ๆ ข้าง ๆ ถูกกั้นเป็นพื้นที่ใช้สอย ไม่มีเตียงนอนแต่มีชุดเครื่องนอนพับได้ และเสื้อผ้าอีกสองสามชุดถูกแขวนเอาไว้ นัทหันไปมองแล้วก็ยิ้มเล็ก ๆ เมื่อนึกถึงความบ้าบอของตัวเองที่กล้าพูดอะไรไม่เป็นเรื่องไปเมื่อวันก่อน

“กูนี่ก็กล้าเนอะ เสือกไปสั่งพี่ฟ้าว่าอยากทำอย่างว่าที่นี่.... แม่งคิดได้ไงวะ”

บ่นกับตัวเองและหัวเราะเล็ก ๆ เมื่อนึกถึงใครบางคน

พี่ฟ้า...

ก็คงเกลียดกันมากสินะ คงจะเกลียดนัทมากเลยใช่มั้ย มันก็ช่วยไม่ได้ที่ต้องเกลียด อย่างว่าแหละนะ
ติดกระดุมเม็ดแรกผิด เม็ดต่อ ๆ ไปมันก็ผิดหมด มีแต่จะต้องแกะออกแล้วติดใหม่มันถึงจะถูกต้อง

แต่การแกะกระดุมที่ผิดออกเพื่อเริ่มต้นติดกระดุมเม็ดใหม่ ของแบบนั้น....... มันยากยิ่งกว่าติดกระดุมที่ผิดเม็ดถัดไปซะอีก


TBC.

 Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2818.0)
      และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)
 
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 58
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 27-05-2014 06:43:34
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน งานของเลขา

หลังเกร็ง หน้าเกร็ง ทุกอย่างต้องเป๊ะ แต่เป๊ะมาครึ่งวันแล้ว บอกตรง ๆ ว่าแม่ง อย่างเมื่อย
นัทเหลือบสายตามองไปที่หนุ่มหล่อที่สุดในโลก แต่สวมวิญญาณหุ่นยนต์หน้านิ่งที่นั่งอยู่ที่โต๊ะห่างออกไป

เป็นเลขาก็ต้องมาอยู่ด้วยกันในห้องสิจ๊ะ จะปล่อยให้ไปนั่งที่อื่นได้ยังไง

อันนั้นมันไม่ใช่หรอก เป็นเลขาจะนั่งตรงไหนก็ได้ ไม่มีข้อบังคับอะไรทั้งนั้น บังเอิญว่าเลขาคนนี้คือคุณรัชชานนท์ ก็เลยแอบใช้อำนาจมืดที่ไม่ค่อยจะมี เล่นงานด้วยการ ย้ายโต๊ะเก่าคุณรัตติกาลให้มาอยู่ในห้องและก็ให้คุณรัชชานนท์มานั่งเป็นตุ๊กตาน่ารักเพื่อเป็นกำลังใจเล็ก ๆ ในห้องนี้แทน

แต่ตอนนี้ชักเริ่มคิดแล้วว่าถึงจะเห็นหน้าอยู่ตลอด แต่นี่มันคิดผิดชัด ๆ เราไร้คำพูดใด ๆ ต่อกัน ไร้ปฏิสัมพันธ์อันดีตั้งแต่เริ่มเห็นหน้ากันในห้องนี้แล้ว

“ไงคุณรัชชานนท์ ยินดีที่ได้คุณมาร่วมงานด้วย”

ประโยคแรกที่นัททักทายคนที่เดินเข้ามาในห้อง และคนที่เข้ามาทำงานวันแรกก็ก้มหัวลงเล็กน้อย ก่อนจะตอบรับด้วยสภาพใบหน้านิ่งสงบ เดาอารมณ์ไม่ถูก

“ยินดีเช่นกันที่ได้ร่วมงานกับคุณ....อ่อ คุณนัท”

มันน่าจะแปลว่ายินดีจริง ๆ ถ้าฟ้ากับนัทคิดอะไรที่ตรงกัน คำทักทายที่นัทเอ่ยถามเป็นไปตามนั้น แต่สำหรับฟ้ามันหมายถึง เป็นไงล่ะ มาแล้วเหรอ คุณหนีไม่ได้หรอกถ้าผมจะกดหัวคุณเอาไว้

และการตอบกลับออกไป ก็เพื่อแสดงให้รู้ว่า ไม่เห็นเป็นไร ยังไงก็จะทำมันให้ได้

นัทไม่เคยรู้ ว่าตั้งแต่วินาทีแรก ก็ถูกตั้งป้อมเกลียดซะแล้ว ไม่ใช่วินาทีแรก แต่ไม่ว่าวินาทีไหน ๆ ฟ้าก็พร้อมจะเกลียดคนตรงหน้าตลอดเวลา

การสร้างสัมพันธ์อันดี มีคนทำอยู่คนเดียว แต่อีกคนไม่พร้อมจะสร้างด้วยเลย นัทครุ่นคิดอยู่นาน จะหาวิธีไหน เพื่อหยุดพักการพยายามเป็นอย่างที่ไม่ใช่ตัวเองสักสองสามนาที แบบไม่ต้องเสียฟอร์ม และก็คิดได้หนึ่งวิธี

จะบอกให้ชงกาแฟให้ดีมั้ยวะ หรือจะยังไงดี ที่จริงมันต้องใช้ได้นะ เพราะพี่ฟ้ามาเป็นเลขานัทแล้ว พี่ฟ้าต้องชงกาแฟได้

“คุณรัชชานนท์”

น้ำเสียงโอเค อย่างเท่ห์แล้วแหละประมาณนี้

และใครบางคนที่ถูกเรียก ก็เงยหน้าขึ้นจากจอคอมพิวเตอร์และหันมามองเจ้านาย ที่นั่งหน้าขรึมมาตลอดทั้งวัน

“ครับ”

“ผมขอกาแฟสักแก้วนะ น้ำตาลสอง กาแฟหนึ่ง ครีมไม่ต้อง”

นั่นเรียกว่ากาแฟเหรอ เหมือนกินเป็นพิธีหรือเปล่า ถ้าจะกินหวานขนาดนั้นไม่สั่งโกโก้มากินซะเลยล่ะ คงได้รสชาติดีกว่าเป็นไหน ๆ

“ครับ”

ฟ้าลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ใบหน้าเคร่งขรึมเหมือนเดิม ดูมีมาดแต่ละก้าวที่เดิน มันทำให้นัทต้องกลืนน้ำลายลงคอ

เท่ห์ว่ะ ต้องฝึกเอาไว้ ฝึกไปเยอะ ๆ เดี๋ยวก็ได้แบบนี้เอง

ฟ้าเดินออกไปจากห้องแล้ว และนัทก็ถึงกับแทบทรุดลงไปกองกับโต๊ะ

มันเหนื่อยนะโว้ยยยยย เมื่อยหลังไปหมดแล้วเนี่ย ขืนเป็นอย่างนี้ต่อไปคงไม่ไหวแน่ ๆ แต่ได้แลกกับการเห็นหน้า มันก็ยิ่งกว่าคุ้มนะนัท แต่มันปวดหลัง และเมื่อยหน้าด้วยนะ แต่ได้แลกกับการเห็นหน้า มันก็ยิ่งกว่าคุ้มนะนัท

แต่มันเกร็งจนแม้แต่จะไปฉี่ยังไม่กล้าเลยนะ จะไม่ไหวอยู่แล้วเนี่ย แต่ได้แลกกับการเห็นหน้า มันก็ยิ่งกว่าคุ้มนะนัท

ถามตัวเอง และได้คำตอบมาอย่างนั้น และนัทก็เริ่มยิ้มออกมา เออว่ะ มันก็จริง

“แต่ได้แลกกับการเห็นหน้า มันก็ยิ่งกว่าคุ้มนะไอ้นัท ”

บ่นพึมพำคนเดียว และคนที่ไม่ควรมาได้ยินก็เปิดประตูเข้ามาและถือแก้วกาแฟมาวางไว้ให้ที่โต๊ะ

ไม่ได้ยินใช่ป่ะ เนอะ ไม่ได้ยินใช่มั้ย หน้าซีดเล็กน้อย แต่ก็ยังปั้นหน้าได้อย่างเหลือเชื่อ เหลือบสายตามองแก้วที่ถูกวางไว้ให้ และยกขึ้นมาจิบ

โคตรอร่อยยยยยยยยยย

ทั้งที่รสชาติเหมือนเดิม แต่ทำไมไม่รู้นะ โคตรอร่อยที่สุด อยากจะยิ้มอยู่หรอกนะ แต่จะไปทำแบบนั้นได้ยังไง
ก้มหน้ากลับลงมาสนใจกับเอกสารที่ยังวางอยู่ โดยที่นัทไม่ได้ทันสังเกตเลยว่าตัวเองก็กำลังถูกลอบมองอยู่บ่อย ๆ โดยไม่ได้ตั้งใจอยู่เหมือนกัน

หึ เสียศักดิ์ศรีหรือเปล่างั้นเหรอ ก็คงจะอย่างนั้น ฝึกงานอะไรกัน ฝึกงานมันควรฝึกที่โรงงานของตัวเองไม่ใช่มาฝึกงานที่โรงงานคนอื่น และที่ยิ่งน่าทุเรศคือต้องมาฝึกกับไอ้เด็กนี่ เป็นเลขางั้นเหรอ

ที่จริงคือมาเป็นขี้ข้าไอ้เด็กนี่ต่างหาก ทำเป็นวางท่า ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยนั่นน่ะ คงแฝงไว้ด้วยความริษยาสินะ อิจฉาริษยาคนอื่น จนทนไม่ได้ ถ้าใครจะได้ไปทำบางสิ่งที่ดีกว่า คงต้องรีบกดหัวเอาไว้ ก็เลยใช้คำว่าขอยืมตัว

ทั้งที่จริง ๆ มันคือการลากตัวมาด้วยการบังคับทางอ้อมจะถูกกว่า ไม่ได้เต็มใจเลยสักนิด แต่ยังไงก็ต้องมา
เพื่อไม่ให้ถูกว่าเอาได้ ว่าคุณรัชชานนท์เป็นพวกไม่สู้งาน จะงานเล็กงานใหญ่ งานอะไรมันก็ต้องสู้ ต้องอดทน

แต่ยังมองไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าการเป็นเลขามันต้องทำยังไงบ้าง ไม่มีแบบแผนไม่มีอะไรเลยสักอย่าง นอกจากมานั่งพิมพ์เอกสาร ซึ่งไม่ได้ถนัดเอาซะเลย งานเลขามันคืออะไร ถ้าเป็นผู้หญิงคงแต่งหน้าสวยไปวัน ๆ แล้วทำงานด้วยการพูดจ๊ะจ๋าพูดจาดี ๆ กับเจ้านาย ติดต่อประสานงานต่าง ๆ ให้สำเร็จลุล่วง แต่ถ้าเป็นผู้ชายล่ะ มันต้องทำยังไง

วันแรกของการมาเริ่มงาน ฟ้าเองก็มีสภาพไม่ต่างกับนัท การอยู่ในที่ไม่คุ้นเคย โดยไม่มีใครช่วยแนะนำอะไรเลยสักอย่างมันยิ่งกว่าแย่ มาถึงก็ถูกให้เข้ามาอยู่ในห้องกับไอ้เจ้านายหน้าอ่อน ที่มีคดีกันมาก่อน

นั่งเครียดมาตลอดทั้งวัน เพราะไอ้เด็กนั่นเอาแต่นั่งอ่านเอกสารกองโตไม่พูดไม่จา น่าเบื่อแม้จะเพิ่งเริ่มงานวันแรก
เลยเวลามาจนถึงป่านนี้แล้ว ไอ้เด็กนั่นก็ไม่มีวี่แววว่าจะออกไปหาข้าวกลางวันกินเลยด้วยซ้ำ

ตั้งแต่มา ได้เดินออกไปสองรอบคือไปเข้าห้องน้ำ และไปชงกาแฟ ได้เห็นสายตาสาว ๆ ในส่วนออฟฟิศที่มองมา และก็ยิ้มให้และแนะนำตัวเองเล็กน้อยว่าตัวเองชื่ออะไร แต่ก็แค่นั้น มันไม่ได้มีความน่าสนใจหรือชวนให้นึกอยากทำงานเลยสักนิด แต่ที่ต้องมาก็เพราะความรับผิดชอบล้วน ๆ

ไร้มนุษย์สัมพันธ์ ไม่เคยเห็นเดินออกไปไหนเลย น่าจะเดินไปเข้าห้องน้ำแค่ครั้งเดียว แล้วก็รากงอกนั่งหน้าเครียด อ่านแต่เอกสารทั้งวัน ถ้าอยู่ที่โรงงานของตัวเองก็ยังได้ออกไปทำอะไรบ้าง ได้เดินตรวจงานได้เช็คความเป็นอยู่ของลูกน้องว่าเป็นยังไงบ้าง แต่ไอ้เด็กนี่เล่นอ่านแต่เอกสารทั้งวัน ไม่คิดจะไปสร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้ใต้บังคับบัญชาบ้างหรือไง

แต่ที่น่าคิดกว่านั้นคือ

ไม่หิวข้าวบ้างหรือไงนี่มันก็จะบ่ายสามแล้วนะ คิดจะทดสอบความสามารถกันใช่มั้ย

“คุณรัชชานนท์ครับ คุณอิ๋วน่าจะให้ข้อมูลกับคุณได้บ้างในเรื่องของเอกสารพวกนี้ ยังไงผมฝากให้คุณตามด้วยนะครับ อีกสองชั่วโมงผมขอคำตอบ”

เอ่อออออ สองชั่วโมงมันเร็วไปหรือเปล่าหว่า แต่มันก็น่าจะไม่เร็วนะ หรือมันจะเร็ว

พูดออกไปแล้ว ถึงค่อยมาพิจารณาภายหลัง ฟ้าลุกขึ้นจากโต๊ะและรับเอกสารที่ได้รับมอบหมายให้ดูแล

มาแล้วสินะ การทดสอบความสามารถ คิดจะลองของกันหรือไง

“คุณอิ๋วขาว ๆ ที่นั่งอยู่โต๊ะข้างนอกฝั่งซ้าย คุณลองถามข้อมูลจากเธอแล้วสรุปเป็นเรื่องแยกย่อยมาให้ผม”

เออได้

“ครับ เดี๋ยวผมจะจัดการให้ภายในสองชั่วโมง”

กัดฟันพูด แต่หน้ายังคงนิ่งสงบ บ้าหรือไง สองชั่วโมง เอกสารพวกนี้เผลอ ๆ อาจต้องใช้เวลาเกือบสองสัปดาห์ในการหาข้อสรุป มันจะเอาในเวลาสองชั่วโมง คงได้หรอกนะ เดี๋ยวรู้แน่ว่าได้หรือไม่ได้

รับงานมาเรียบร้อยและฟ้าก็เดินออกจากห้องไปหาคุณอิ๋วที่ว่า ส่วนนัทกำลังเอนหลังเพื่อคลายความเมื่อยล้า
เอกสารนั่นถ้าเป็นพี่รัตติจะใช้เวลาในการหาข้อมูลและสรุปให้ภายในสามสิบนาที แต่เพราะว่าเป็นพี่ฟ้าก็เลยให้ไปเลยสองชั่วโมง

นัทคิดเองคนเดียว โดยที่ลืมคิดไปว่า คุณรัตติกาลอยู่ที่โรงงานมาเกือบครึ่งชีวิตของเธอ รู้จักคนภายในมากมาย ไม่ว่าจะไปฝ่ายไหนทุกฝ่ายก็พร้อมให้ความร่วมมือเสมอ การเรียบเรียงไม่ใช่เรื่องยากเพราะเธอทำงานเลขาจนชิน ผิดกับใครอีกคน
ที่เพิ่งมา และถนัดงานออกพื้นที่มากกว่าจะมานั่งพิมพ์เอกสารและหาข้อมูลแบบนี้

“สองชั่วโมงมันจะเป็นการดูถูกฝีมือพี่ฟ้าไปหรือเปล่าวะ”

ครุ่นคิดและต่อสายออกไปที่โต๊ะคุณอิ๋วทันที

“คุณอิ๋วครับ ผมนัทนะครับ”

“ค่ะคุณนัท”

“ถ้าคุณรัชชานนท์อยู่ตรงนั้น บอกเขาด้วยว่าผมขอข้อมูลภายในชั่วโมงครึ่งแล้วกัน”

ฟ้าที่กำลังส่งยิ้มให้คุณอิ๋ว รู้สึกว่าเส้นประสาทกำลังเต้น และมีอารมณ์เดือดปุด ๆ ในใจ แต่ก็ยังพยายามฝืนยิ้ม

“ถามเขาว่าได้มั้ยด้วยนะครับ”

ยังมีการย้ำอีกรอบ เพื่อความแน่ใจ ว่าไม่ได้กดดันอีกฝ่ายจนเกินไป แต่คนฟังแปลเจตนาไปเรื่องอื่นเรียบร้อยแล้ว
คำว่า ได้มั้ย ของนัท แปลว่าไหวมั้ย เยอะไปหรือเปล่า ถ้าทำไม่ทันบอกมาได้เลย

แต่คำว่า ได้มั้ย ของฟ้า แปลว่า ทำมันซะ นี่คือคำสั่ง

คนสองคน จูนกันไม่ติด คิดกันไปคนละอย่าง และฟ้าที่ยืนฟังเสียงพูดก็ตอบออกไปแบบไม่รอช้า

“ได้ครับ อีกชั่วโมงครึ่งผมจะจัดการให้”

สำหรับฟ้ามันแปลว่า ท้ากันแบบนี้ใช่มั้ย ได้ เดี๋ยวจะได้รู้กัน แต่สำหรับนัทมันแปลว่า สบายมาก

ฟ้ากำลังโมโหและนึกเกลียดขี้หน้าไอ้เด็กในห้องมากขึ้น แต่นัทกำลังยิ้มอย่างสบายใจที่ได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้กดดันอีกฝ่ายมากจนเกินไป

“มีพี่ฟ้ามาอยู่ด้วยแบบนี้ก็ดีนะ มีกำลังใจทำงานขึ้นเยอะ”

ยิ้มเล็ก ๆ อย่างมีความสุข โดยไม่รู้เลยว่าถูกหมายหัว และทำให้คนบางคนยิ่งเกลียดและไม่ชอบหน้าของนัทมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยที่เจ้าตัวไม่เคยรู้เลยสักนิด

คนสองคนไม่เคยแปลเจตนาจากคำพูดไปในทางเดียวกันเลย


TBC.

 Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2818.0)
      และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 59
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 27-05-2014 07:04:00
เพราะเราไม่เข้าใจกัน
เพราะต่างคนต่างคิด
เพราะเราเป็นคนอ่านจึงเข้าใจคุณๆทั้งสองคน
และมันยังทำให้ปวดใจเช่นเดิม T_T

รอตอนต่อไปค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 59
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 27-05-2014 09:00:13
นัทเอ้ยยยยยยยยยน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 59
เริ่มหัวข้อโดย: tepintpilai ที่ 27-05-2014 10:32:28
อยากบอกว่า ชอบตอนนัท-ฟ้า มากกกกกกกกกก

ถึงแม้จะหน่วงๆ แต่เอาใจช่วยนัทตัลล๊อดดดดด สู้ๆ นัท  :mew1:

ชอบตัวเอกอย่างนัท นางแลดูเป็นราชินีเคะตอนอยู่หน้าพี่ฟ้าฝุดๆๆ

แต่น้องนัทอย่าแอบรั่วนอตหลุดบ่อยนะ เด่วคุมเลขา เอ๊ย ลูกน้องไม่อยู่ 5555

กอดคุณ aa_mm แน่นๆ เป็นกำลังใจให้  :L1: :pig4: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 59
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 27-05-2014 11:09:22
อ๊ายยยยยยยย คุณประธานกับเลขามาแล้ว ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 59
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 27-05-2014 11:14:19
เป็ดนัทมาแล้ว 55555
ใครที่คิดว่าน้องเป็ดนัทเป็นราชินีล่ะก็คิดผิดถนัดเลยล่ะค่ะ 555
เป็ดนัทของพี่ฟ้าน่ะรั่วจะตายยยยย กร๊ากก
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 59
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 27-05-2014 12:11:30
 ต่างคนต่างคิดไปคนละทาง


เวลา.... :3123:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 59
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 27-05-2014 12:17:58
มันหน่วงงงง

คุยกันเเบบมึนๆงงๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 59
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 27-05-2014 12:52:35
โอ้ยยยยยย นายนัททำไมเปนคนอย่างนี้~~~~~~~!!!!
ทำไมไม่บอกพี่ฟ้าไปตรงๆอ่ะเนี่ย
ทำอย่างนี้ ต่อให้ดีแค่ไหนก้อโดนเกลียด
อคติตัวเป้งๆๆๆๆ เห็นม้ายยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 59
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 27-05-2014 13:40:05
โอ้ย น่ารักจังเลยยยย
มีน้องฝนกับนุชามาแจมด้วย สองเรื่องนั้นเป็นอะไรที่ชอบมาก อ่านซ้ำหลายทีละ ชอบบบ >_<

คุณนัทแม่งน่ารัก แกสร้างศัตรูโดยไม่รู้ตัวนะแกกก 555 แผนกขนส่งที่ว่าคือแผนกพี่บุ้งใช่มั้ย คริคริ รอต่อๆ
 :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 59
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 27-05-2014 16:22:31
แปะไว้ก่อน เดี๋ยวมาอ่านนนน  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 59
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 27-05-2014 17:22:45
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน อาหารยามหิว

17.00 น.

“คุณรัชชานนท์ คุณสามารถกลับได้เลยนะ ห้าโมงเย็นเป็นเวลาเลิกงาน”

นัทเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร และเอ่ยบอกกับคนที่กำลังพิมพ์งานอยู่ที่โต๊ะห่างออกไป
คุณรัชชานนท์เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าและกลับลงไปตั้งหน้าตั้งตาพิมพ์งานเหมือนเดิม

“นั่นผมทราบดี”

อ่อ เหรอ....ทราบดีเหรอ นัทกลัวพี่ฟ้าจะลืมเวลากลับก็เลยบอก แล้ว.....พี่ฟ้าจะไม่กลับเหรอ มันเป็นเวลาเลิกงานแล้วนะถ้าพี่ฟ้าจะกลับ นัทก็ไม่ได้ว่าอะไร

นัทก้มหน้าก้มตากลับมาที่กองเอกสาร และใช้ดินสอขีดไปเรื่อย ๆเพื่อหาข้อบกพร่องและข้อสงสัยอื่น ๆ ที่ยังไม่ได้รับความกระจ่างและมีบางส่วนที่อาจต้องได้รับการแก้ไข

20.50 น.

“คุณรัชชานนท์ ดึกแล้ว ถ้าคุณจะกลับก็กลับได้นะ”

เอ่ยบอกครั้งที่สอง และคุณรัชชานนท์หน้าหล่อที่นั่งเงียบขรึมมาทั้งวันก็พยักหน้ารับเหมือนเดิม

“ผมทราบดีครับ”

แล้ว.......ไม่กลับเหรอพี่ฟ้า มันก็มืดแล้วนะ นัทเป็นห่วง ส่วนนัทชินแล้ว นัทค้างโรงงานมาเกือบเดือนแล้ว แต่พี่ฟ้าเพิ่งมาทำงานวันแรกเดี๋ยวจะหาว่านัทใช้แรงงาน อีกอย่างคือ นัทหิว หิวมาก แต่ไม่กล้าลุกขึ้นไปต้มบะหมี่กิน

เอาจริง ๆ นัทอาย  มันคงเป็นสภาพที่ไม่น่าดูเท่าไหร่ ถ้าพี่ฟ้ารู้ว่าแบตเตอรี่ชีวิตของนัทม้นอ่อนมาก  นัทเก็กต่อไปแทบจะไม่ไหวแล้วแต่นัทก็ต้องพยายาม

ยังคงพยายามเก็กหน้าขรึม ทั้งที่ท้องร้อง อยากจะเบะหน้า และลงไปนอนกองบนโต๊ะแต่ก็ทำไม่ได้ ได้แต่อดทนต่อไปเรื่อย ๆ

22.30 น.

เอาเถอะ ใครจะมองยังไงไม่สนแล้ว ขอต้มบะหมี่กินก่อนแล้วกัน หิวจนแทบจะเป็นลมอยู่แล้ว

นัทเปิดลิ้นชักโต๊ะและคว้าบะหมี่ถ้วยมาถือเอาไว้ ก่อนจะลุกขึ้นยืน และยังพยายามตีหน้าให้นิ่งสนิท เดินผ่านหน้าของคุณรัชชานนท์ที่ยังนั่งพิมพ์เอกสารไปเรื่อย ๆ  ไม่มอง ไม่พูดอะไร แต่เดินเก็กขรึมผ่านไปเงียบ ๆ เพื่อตรงดิ่งไปในครัว

“แม่ง ไอ้นัทเอ้ยยย ท้องร้องจนน้ำย่อยจะย่อยกระเพาะได้อยู่แล้ว”

บ่นกับตัวเองเสียงเบา และกดน้ำใส่เข้าไปในถ้วยบะหมี่ เดินมาทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ในครัวอย่างไร้เรี่ยวแรง แล้วก็นั่งมองบะหมี่ที่ถูกปิดฝาเอาไว้

เหนื่อย

ล้า

กำลังจะหมดแรง

สายตามองที่ถ้วยบะหมี่ที่อยู่ตรงหน้า และเริ่มรู้สึกว่า เวลาสามนาทีมันนานเกินไป นานเกินจนมองไปมองมาแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ซบหน้าลงบนโต๊ะด้วยความอ่อนล้า ต้องรออีกสามนาทีถึงจะกินได้

อีกสามนาที อีกสาม....นา...ที อีก สาม.........นา............ท่องเอาไว้ในใจ ท่องเอาไว้ไม่ให้ลืม ท่องเอาไว้และ....

23.00 น.

เพราะว่าใครบางคนหายออกไปจากโต๊ะทำงานนานเกินไป  ฟ้าก็เลยลุกขึ้นยืน รู้สึกว่าหิวจนแทบจะเป็นลม และไม่เข้าใจว่าไอ้เด็กนั่นทนหิวแบบนี้ได้ยังไงทั้งวัน

เหมือนไม่ได้กินอาหารมาหนึ่งวันเต็ม ๆ คิดจะเล่นเกมส์ฝึกความอดทนหรือยังไง  แล้วนี่มันหายไปไหนของมัน  หายไปครึ่งชั่วโมงแล้วแต่ไม่รู้ว่าหายไปไหน

ฟ้ายืดแขนขึ้นและเอียงร่างกายไปทางซ้ายและขวาเพื่อคลายความเมื่อยล้าตลอดทั้งวันที่ผ่านมา ลุกขึ้นก้าวขาเดินออกไปนอกห้องทำงาน และพบว่าทุกที่ในส่วนออฟฟิศปิดไฟเรียบร้อยแล้ว เว้นก็แต่ในครัวที่ยังมีแสงไฟลอดออกมา

ก้าวขาเดินเข้าไปในครัว เดินเข้าไปเงียบ ๆ

และพบว่า..........

ครึ่งชั่วโมงที่หายไป อย่าบอกนะว่า...............มาแอบหลับตรงนี้ แล้วยังจะ....นั่นมัน….อะไร

บะหมี่ถ้วยที่ตั้งทิ้งเอาไว้ และไอ้เด็กที่ชื่อนัทก็หลับเป็นตายไม่รู้เรื่อง

ฟ้าหยิบถ้วยบะหมี่ขึ้นมาเปิดดู และก็เห็นว่ามันอืดจนเต็มคงจะต้มไว้นานแล้วเพราะไม่มีความร้อนหลงเหลือเลย
วางถ้วยบะหมี่ลงและกอดอกมองไอ้เด็กที่หลับไม่รู้เรื่องแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า

เนี่ยเหรอ คนที่เป็นเจ้านายของคุณรัชชานนท์คนนี้ งี่เง่าสิ้นดี  มันก็แค่ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม แต่ทำเป็นอวดดี
ที่มาบริหารโรงงานได้ก็เพราะว่าเป็นลูกเจ้าของโรงงาน ว่ากันตามจริงแล้ว ความสามารถมีหรือเปล่าก็ไม่รู้

“คุณนัทครับ”

“คุณนัท”

“คุณนัทครับ”

“นัท”

ประโยคสุดท้ายเป็นเสียงตะคอกเล็ก ๆ ที่คนหลับถึงกับสะดุ้งสุดตัวและลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วว่องไวก่อนจะยกมือขึ้นและขานรับเพราะมีคนเรียกชื่อ

“ครับ นัทคับ นัทเอง นัธพันธ์มาครับ”

อารมณ์เหมือนเผลอหลับตอนสมัยเรียน และอาจารย์เช็คชื่อ แต่พฤติกรรมแบบนั้นมันทำให้ฟ้าถึงกับนิ่งมองค้าง
อยากจะขำแทบตาย แต่ก็พยายามกลั้นเอาไว้ ยกหลังมือขึ้นปิดปากตัวเอง และก็พยายามจะปั้นหน้าให้นิ่งที่สุด

“อ้าว...พี่ฟ้า..เอ้ย คุณรัชชานนท์เองเหรอ ผมก็นึกว่าใคร”

แล้วนึกว่าใครล่ะ ก็คุณรัชชานนท์อยู่ที่นี่กับคุณนัท แล้วคิดว่าจะมีใคร

“เอ่อ...คุณมาก็ดีแล้ว กิน เอ่อ กินบะหมี่ด้วยกันมั้ย”

ไม่ แม้จะหิวมาก แต่ก็คงไม่

“ไม่เป็นไรครับ”

ไม่เป็นไรเหรอ แต่นัทเห็นพี่ฟ้ายังไม่ได้กินอะไรเลยทั้งวันนะ เออใช่ จริงด้วย ถึงแม้จะชวนแต่จะกินได้ยังไง ก็มีแค่ถ้วยเดียวนี่หว่า ถ้าจะให้กินด้วยกันก็ต้องต้มอีกถ้วย ใช่ ๆ

“คุณรัชชานนท์ รออยู่ตรงนี้สักครู่นะ เดี๋ยวผมมา”

ให้รอตรงนี้

รอทำไม

ไม่เข้าใจ

ฟ้าขมวดคิ้วมุ่น และมองใครบางคนที่รีบเดินลิ่ว ๆ ออกไปที่ห้องทำงาน มองตามด้วยความไม่เข้าใจ ทำไมต้องให้รอที่นี่ด้วย ยืนกอดอกมอง และในเวลาไม่นานคุณนัทก็กลับมาพร้อมด้วยบะหมี่หนึ่งถ้วย เดินไปกดน้ำร้อนใส่ และก็วางเอาไว้บนโต๊ะ

“มันต้องรอสามนาทีครับคุณรัชชานนท์”

นั่นรู้แล้ว แต่จะบอกทำไม   ไม่ได้โง่ถึงขนาดไม่รู้ว่าบะหมี่พวกนี้ต้องรอสามนาทีถึงจะกินได้

นัทยืนนิ่งเงียบด้วยความกระสับกระส่าย

หิวก็หิว

อยากจะมีฟอร์มก็อยาก แต่ทำไงได้ ก็ต้องรออีก สองนาที ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมอง และลอบยิ้มอย่างดีใจเมื่อช่วงเวลาแห่งการรอคอยมาถึง

“นี่ของคุณรัชชานนท์ น่าจะกินได้พอดีแล้ว”

บะหมี่ที่ถูกต้ม ถูกยื่นมาให้ และฟ้าก็รับเอามาถือด้วยความมึนงง

อะไร

ให้ทำไม
ก็บอกแล้วว่าไม่กิน
คิดจะทำอะไรของมันกันวะ ไอ้คุณนัท

ฟ้าไม่ได้พูดอะไรมาก แค่รับมาถือเอาไว้ และแอบลอบมองคนที่นั่งลงบนเก้าอี้ และเปิดถ้วยบะหมี่ดู

และเหมือนว่าเด็กนั่นกำลังเบะหน้า และคล้ายจะทำหน้าจ๋อย  มองไปมองมาก็คิดได้ว่า มันทำหน้าอย่างกับคนใกล้ตาย

อยากจะขำซะให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ พยายามสะกดกลั้นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของตัวเองเอาไว้
เห็นมันทำหน้าจ๋อย ๆ และใช้ส้อมตักบะหมี่เส้นอืด ๆ เข้าปากแล้วก็ยิ่งอยากจะขำ แต่ก็พยายามให้ตัวเองไม่ขำ

“คุณกินถ้วยนี้ดีกว่ามั้ยคุณนัท”

ยื่นถ้วยบะหมี่ที่อยู่ในมือส่งให้ และคุณนัทที่ยังมีเส้นบะหมี่คาปากก็เงยหน้าขึ้นมามอง มองแบบธรรมดา แต่มันทำให้ฟ้าทนต่อไปอีกไม่ไหว พยายามกลั้นเสียงหัวเราะของตัวเองมาตลอดแต่ก็มีอันสิ้นสุดลงเพียงเท่านั้น

“ฮ่า ฮ่า เอ้ออ หึ หึ ฮ่า”

หันหน้าหนีไปทางอื่น และพยายามยกหลังมือขึ้นปิดปากตัวเอง แต่ยิ่งทำก็ยิ่งเหมือนจะหยุดเสียงหัวเราะไม่ได้

“ก็ผมหิวนี่คุณรัชชานนท์ ผมหิวไม่ได้หรือไง”

หิวได้ แต่ว่า.... แต่แบบนั้นมัน ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไม่ไหวแล้ว ไอ้เด็กนี่มันกำลังจะทำให้ขำจนแทบเป็นบ้า

เพี้ยนหรือเปล่า แบบนี้มันไม่ใช่แล้ว  แบบนี้มันยิ่งกว่าไม่ใช่

“หิวได้ ผมไม่ได้ว่าอะไรคุณ แต่ว่า ฮ่า ฮ่า หึ หึ อืมมม”

พยายามกลับมาทำหน้านิ่งเหมือนเดิม และสูดหายใจเข้าลึก ๆ แม้จะหัวเราะมากมายจนหน้าแดงก่ำ แต่ก็พยายามทำให้ทุกอย่างสงบลงให้เร็วที่สุด

ไอ้คุณนัทที่ว่า ยังใช้ส้อมตักบะหมี่อืด ๆ เข้าปากไม่ยอมหยุด และก็ทำหน้าหงิกหน้างอ สุดท้ายทำหน้าแบบที่ฟ้าไม่รู้จะบรรยายความตลกของหน้าคนที่กำลังกินบะหมี่ออกมายังไง

“อึ่ก อืมมมม คุณก็กินเถอะ ดึกมากแล้ว ผมรู้คุณก็คงหิวเหมือนกัน”

ก็ ใช่ ก็หิวอยู่ แล้วมันเพราะใครล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณนัท ที่ทั้งวันไม่ยอมกินอะไรเลย แต่มากินบะหมี่ถ้วยในเวลานี้

ฟ้านั่งลงบนเก้าอี้เรียบร้อย จัดการเปิดฝาถ้วยบะหมี่และใช้ส้อมตักบะหมี่เข้าปาก โดยที่พยายามจะไม่มองคนที่กำลังกินแต่ทำหน้าตาโคตรตลกที่สุด บางทีอาจเป็นเพราะความหิว เลยทำให้รู้สึกว่าบะหมี่ถ้วยนี้อร่อยกว่าปกติ

ไม่ค่อยนิยมกินของแบบนี้เท่าไหร่ เพราะเรื่องคุณค่าอาหารบอกได้เลยว่าติดลบ

แต่ในเวลานี้สิ่งที่ฟ้าคิดได้ก็คือ.... บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วยที่กำลังกินอยู่ตอนนี้.....รสชาติมันก็.....ใช้ได้อยู่เหมือนกัน


TBC.

 Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2818.0)
      และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)

หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 59
เริ่มหัวข้อโดย: mapreaw ที่ 27-05-2014 17:59:19
ตอนนี้มีมาม่าด้วยแหละ :m20:

ดีใจที่คุณเท็นแวะเข้ามาในเล้าเป็ด ติดตามนิยายคุณเท็นมานานแล้วอ่านแล้วมีความสุขทุกเรื่องเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 59
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 27-05-2014 18:48:02
ตอนแรกก็ไม่ไ้ดสนใจคู่นี้สักเท่าไหร่
แต่ไปๆมาๆก็สนใจเสียแล้วสิ
คุณนัท เผยหน้าตาแบบนั้นไปเสียแล้ว จะคุมคุณเลขาอยู่ไหมเนี่ยยยย
แล้วพี่ฟ้าจะมองนัทเปลี่ยนไปไหม
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 59
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 27-05-2014 19:03:40
เริ่มจะจูนกันได้เพราะบะหมี่ถ้วยนี่แระ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 59
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 27-05-2014 19:09:28
 :jul3:   น้องนัทททททท  น่ารักไปแล้วววววว   :katai1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 59
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 27-05-2014 19:18:32
 :ling2:หลุดมาดแร้วคร้า~~~~~~!!!!
น่าร๊ากขึ้นเย๊อะ น้องนัท ท >\\\\<
พี่ฟ้าชอบลุคนี้เหมือนกันไหมน้า 5555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 59
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 27-05-2014 19:20:29
ซดมาม่ากันไป ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 59
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 27-05-2014 19:41:50
ระยะทางของพี่ฟ้า กับ น้องนัท แคบลงนิดหน่อยแล้วใช่มั้ยคะ
 :really2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 59
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 27-05-2014 19:58:26
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน เป็ดน้อยนัท


ความอึดและอดทนอย่างเหลือเชื่อของใครบางคนที่ตอนนี้แทบไม่เหลือสภาพของเมื่อช่วงกลางวันให้ได้เห็นทำให้ฟ้าถึงกับทึ่ง

เหลือบสายตามองแล้วก็ขมวดคิ้วมุ่น ใช้ปลายนิ้วบีนวดคลึงที่ขมับและหัวตาทั้งสองข้าง เมื่อมองนาฬิกาแล้วก็ถึงรู้ว่าเวลานี้คือเวลา 02.24 น.

แบบนี้มันยิ่งกว่าบ้า บ้าอย่างไม่น่าเชื่อ ตลอดทั้งวันไอ้เด็กบ้านั่น อ่านแต่เอกสารที่กองพะเนินและแทบไม่ลุกไปไหนเลย นอกจากเข้าห้องน้ำสามครั้ง และไปต้มบะหมี่กินเมื่อตอนสี่ทุ่มครึ่ง

สภาพผมเผ้าที่เริ่มยุ่งเหยิง และใบหน้าที่มันเยิ้มบ่งบอกให้รู้ว่าคนที่นั่งขมวดคิ้วมุ่นอยู่กำลังจะหมดสภาพ เนคไทด์ถูกปลดออกแล้วพร้อมกับที่แขนเสื้อถูกพับขึ้นและกระดุมสองสามเม็ดก็ถูกปลดออก แล้วท่านั่งขัดสมาธิบนเก้าอี้ทำงานนั่นมันอะไร

“คุณนัท”

หมดความอดทนแต่เพียงเท่านี้ และนัทที่กำลังเพ่งสายตามองไปที่เอกสารก็ถึงกับสะดุ้ง

“ครับ อ่ะ ครับผม ว่า”

ทำหน้าเหรอหรา และก็เห็นว่าคนที่เรียกลุกขึ้นยืนแล้ว ในสภาพที่ แม้จะตีสองเกือบครึ่งก็ยังเท่ห์เหมือนเดิม

“คุณใช้ชีวิตแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วคุณนัท”

คาดว่ามันคงจะเพิ่งเป็นวันนี้ เดาเอาว่าน่าจะใช่ ต้องการจะทดสอบความสามารถกันหรือยังไงวะ แต่แบบนี้ไม่คิดว่ามันเกินไปหน่อยหรือไง นี่มันเข้าเช้าวันใหม่แล้ว และมันถึงเวลาที่มนุษย์ปกติควรจะนอนหลับพักผ่อนเพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าก็ต้องตื่นแล้ว แต่ไอ้คุณนัท มันใช้ชีวิตผิดเพี้ยนและยังคงนั่งคร่ำเคร่งอ่านเอกสารไม่ยอมเลิก

“คุณมีอะไรให้ผมทำเพิ่มมั้ย ชงกาแฟ หรือถ่ายเอกสาร ผมทำให้ได้”

ไม่หรอก ดึกขนาดนี้แล้วนัทไม่กินกาแฟ แค่บะหมี่ที่กินไปเมื่อห้าทุ่มก็อิ่มจนถึงตอนนี้แล้ว

“คุณรัชชานนท์ ผมว่าคุณควรจะกลับบ้านไปพักผ่อนตั้งนานแล้ว ผมไม่เห็นประโยชน์อะไรที่คุณจะมานั่งหลังขดหลังแข็งกับผมแบบนี้”

อ่อ ชัดเจน ทดสอบความอดทนกันสินะ กวนประสาทใช้ได้

“ผมเป็นเลขา และหน้าที่ผมคือดูแลเรื่องความเรียบร้อยและคอยประสานงานให้กับงานของคุณไม่ให้มีอะไรขาดตกบกพร่อง ดังนั้นถ้าคุณยังทำงานไม่หยุด แม้จะไม่มีประโยชน์ที่จะนั่งอยู่ด้วย แต่ผมก็ต้องทำ เพราะมันคือจรรยาบรรณส่วนตัว”

ตอบกลับออกไปแล้ว ด้วยท่าทีนิ่งสงบ และนัทก็รู้สึกว่าเริ่มจะลำบากใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายบอก

อีกไม่กี่วันจะต้องเปิดประชุมรอบแรก แต่นัทยังไม่เข้าใจที่มาที่ไปและระบบการทำงานของที่นี่เลย

เวลานัทเข้าประชุม นัทกลัวว่าจะไม่เข้าใจว่าผู้ร่วมประชุมกำลังพูดถึงอะไร นัทต้องการรู้ให้หมดทุกจุด และมองภาพโดยรวมให้ออก แต่ว่า.....นัทกำลังทำให้พี่ฟ้าลำบาก เพราะเรื่องเวลาที่ผิดเพี้ยนของนัทแบบนี้

“คุณกลับไปเถอะ ไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ด้วยหรอก นี่มันงานในส่วนที่ผมต้องเรียนรู้และเอาไปใช้ให้ได้ งานเลขาก็มีขอบเขตของตัวมันเอง ผมเข้าใจ”

เข้าใจ แต่ใบหน้านิ่งเฉยนั่นมันอะไร ร้ายนักนะ ไอ้เด็กนัทนี่มันยิ่งกว่าร้ายกาจ

“คุณทำงานมามากกว่าแปดชั่วโมงแล้ว แต่ผมไม่มีโอทีให้หรอกนะ เพราะขนาดตัวผมเอง ผมยังไม่ได้รับอนุมัติโอทีเลย ถ้าคุณทำเกินเวลามากเกินไป ก็เหมือนคุณทำงานฟรี คุณจะเอาแบบนั้นเหรอ”

ไม่ใช่จะเอาแบบนั้นหรือเอาแบบไหน แต่จะเอาแบบนี้ แบบที่เราต้องคุยกันให้ชัดเจนว่าขอบเขตการทำงานที่แท้จริงมันคืออะไร

“ผมมีสิทธิ์ดำเนินงานในฐานะเลขาของคุณได้ใช่มั้ย”

ก็... พี่ฟ้ามีสิทธิ์ทำแบบนั้นได้ ถ้าพี่ฟ้าต้องการจะทำ ถือว่านัทอนุญาต

“ผมให้สิทธิ์คุณเต็มที่คุณรัชชานนท์”

ตอบออกไปแล้ว และฟ้าก็พยักหน้ารับ วันนี้คงต้องพอแค่นี้ ไม่ใช่รบด้วยไม่ไหว แต่ไม่รู้ว่าไอ้เด็กนี่จะอยู่แบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่แค่นั้น

“งั้นวันนี้ผมคงต้องขอตัวก่อน”

ฟ้าจัดการรวบรวมเอกสารเข้าแฟ้มเรียบร้อย และนัทก็แอบเหลือบสายตามองคนที่กำลังเตรียมตัวจะกลับบ้านแล้วก็ต้องลอบถอนหายใจ

ขอโทษจริง ๆ พี่ฟ้า นัททำงานจนลืมเวลา เลยทำให้พี่ฟ้าลำบากไปด้วย

“ผมกลับก่อนนะครับ”

เป็นคำบอกลาง่าย ๆ และนัทก็กล่าวอำลาอีกฝ่ายด้วยดี

“เชิญครับ”

คุณรัชชานนท์เลขาที่เพิ่งมาทำงานวันแรกก้าวขาเดินออกจากห้องไปแล้ว  และคิดว่าตัวเองไม่น่าจะอดนอนได้นานขนาดนี้

ปกติไม่ใช่คนนอนดึก และวางระบบให้กับร่างกายตัวเองอยู่เสมอ แต่วันนี้เวลาที่ผิดเพี้ยนของใครบางคนที่ยังทำงานไม่ยอมเลิกมันทำให้ต้องกลับไปคิดทบทวนและคงต้องวางระบบร่างกายของตัวเองใหม่ เดินลิ่ว ๆ ออกไปที่ลานจอดรถ และไปหยุดยืนนิ่ง ๆ
ยังไม่ได้เปิดประตูรถ แต่หันกลับไปมองที่ห้องทำงานที่ชั้นสองที่ยังเปิดไฟสว่างโร่อยู่ห้องเดียว

ยืนมอง และครุ่นคิด

ไอ้เด็กนัทมันน่าโมโหเป็นที่สุด มันข่มขู่ด้วยคำพูด มันทำท่าทางทุเรศชวนคลื่นไส้ด้วยการเดินเข้ามาหอมแก้มเมื่อวันก่อน
มันพูดจาได้น่าสะอิดสะเอียนเรื่องที่อยากจะขอมีอะไรด้วย แลกกับเงินส่วนหนึ่งที่ขออนุมัติเพื่อใช้เป็นทุนสำรองของบริษัท

มันรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง และแม้แต่น้องสาวของมันเองมันก็กล้าเอามาเป็นเครื่องมือต่อรอง

ร้ายกาจเกินไป ท่าทางหยิ่งยโสโอหัง พูดจาวางมาด

เคยคิดอย่างนั้น แต่ในเวลานี้ฟ้ากำลังคิดหนักกับสิ่งที่ตาเห็น คิดหนักกับสิ่งที่เคยคิดว่าใช่มาตลอด

เรื่องที่เกลียดยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรไอ้เด็กนั่นถึงได้มีพฤติกรรมประหลาดแบบนั้น

จะว่ามันเป็นคนแบบนั้นจริง ๆ ก็ไม่น่าจะใช่

แค่วันนี้วันเดียวที่ได้เห็นบางสิ่งบางอย่างแบบคาดไม่ถึง มันทำให้สิ่งที่เคยคิดว่าใช่มาตลอดชักจะเริ่มไม่ใช่ บางทีคงเพราะว่าดึกแล้ว และสมองเริ่มสับสนก็เลยประมวลผลผิดพลาด บางทีอาจเป็นเพราะนี่คือช่วงเวลาที่ไม่ต้องการที่สุดในชีวิตก็เลยอาจจะพยายามมองโลกในแง่ดีอยู่ก็เป็นได้

คิดไปก็เท่านั้น

ล้วงมือไปที่กระเป๋าเสื้อเพื่อหยิบกุญแจรถ แต่ปรากฏว่าไม่มี แตะไปที่กระเป๋ากางเกงและล้วงเข้าไปที่เสื้อสูทแต่ก็ไม่พบกุญแจรถ

ลืมไว้ข้างบนแน่ ๆ

เพราะว่ามัวแต่หงุดหงิดกับไอ้เด็กบ้านั่นก็เลยรีบจนลืมกุญแจรถสินะ ส่ายหน้ากับความขี้หลงขี้ลืมของตัวเอง และก้าวขาเดินกลับขึ้นไปบนอาคารอีกครั้ง ไม่ได้รีบ แต่ก้าวขาในจังหวะปกติ ก้าวขาเข้ามาในห้องทำงาน และพบว่าคนที่ควรจะนั่งอ่านเอกสารในเวลานี้หายไป

หายไปไหน

หายไป.....

ตอนนี้ทั้งที่ควรอยู่ แต่กลับไม่อยู่แล้วไอ้คุณนัทอะไรนั่นมันหายหัวไปไหน

ไป.....

มีคำถาม และเมื่อหันไปมองใครบางคนที่เปิดประตูเข้ามาก็ทำให้ต้องชะงักนิ่งค้าง

เมื่อพบกับ.......
 
เด็กหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งที่เดินเข้ามา ใครบางคนที่ฟ้าไม่แน่ใจว่าใช่อย่างที่คิดหรือเปล่า
ดวงตากลมโตใสแจ๋วกำลังมองมาแล้วก็เบิ่งตากว้างขึ้น

บนหัวยังมีกิ๊บติดผมรูปเป็ดสีเหลืองตัวเล็ก ๆ ติดอยู่ เด็กหนุ่มคนนั้นสวมเสื้อยืดลายโดนัลดั๊กตัวใหญ่และเสื้อที่ควรเป็นสีขาวก็เปลี่ยนสภาพกลายเป็นสีเหลืองหม่นและเริ่มเปื่อยยุ่ย กางเกงนอนที่พับขา สั้นข้างยาวข้าง และเมื่อมองไปที่ไหล่ของเด็กคนนั้นก็มีผ้าขนหนูลายเป็ดสีเหลืองพาดเอาไว้

รองเท้าแตะที่เด็กคนนั้นสวมอยู่เป็นตุ๊กตาเป็ดสีเหลืองหัวโต กำลังทำหน้าประหลาด

อะไร ...........คืออะไร

นั่นมันคืออะไร............ สิ่งที่เห็นคือ.......

มองคนที่เข้ามาในห้องตั้งแต่หัวจรดเท้า และเท้าจรดหัว มองซ้ำจากบนลงล่างและล่างขึ้นบนอีกหลายครั้ง ก่อนที่ต่างฝ่ายก็ต่างอ้าปากค้าง

ไม่มีใครพูดอะไรออกมา  จนฟ้าต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อน

“คุณนัท”

ใช่

ผมเอ๊งงงงงงงงงง ว่ายังไงล่ะคุณรัชชาน้นนนนนนนนนนน

นัทที่กำลังทำหน้าไม่ถูก ยิ้มก็ยิ้มไม่ออก ทำหน้าขรึมก็ทำไม่ได้ หัวะเราะสองสามที แต่เป็นการหัวเราะที่ฝืนเกินทน

โคตรอาย แบบนี้มันยิ่งกว่าอาย ไม่ได้มีรสนิยมชอบของกุ๊กกิ๊กน่ารักอะไรแบบนี้แต่คนที่ชอบคือน้องสาว และยัยหนิงก็เป็นคนจัดการหาเสื้อผ้าและของใช้พวกนี้มาให้ ด้วยเหตุผลที่ว่า

.......พี่นัทควรหาอะไรที่น่ารัก ๆ มาใส่บ้าง ควรเลือกเป็นสีสันสดใสเพื่อให้ชีวิตมีอะไรสนุก ๆ ไม่ใช่ทำงานแล้วเอาแต่เครียดจนไม่มีอะไรให้บันเทิงใจ......

แน่ล่ะมันไม่ได้บันเทิงใจอะไรหรอก แต่ที่ใส่ก็เพราะว่าใส่แบบไม่ได้คิดอะไร อยู่ที่นี่คนเดียว เวลาที่ไม่มีใครอยู่แล้ว จะเป็นยังไงหรืออยู่ในสภาพไหนก็ไม่มีใครรู้อยู่แล้ว เพราะเมื่อถึงตอนเช้า ก็กลายสภาพเป็นคุณนัทมหาโหดเหมือนเดิม

มันควรจะเป็นเหมือนเดิม มันควรจะเป็นแบบนั้น ไม่ใช่เป็นแบบนี้

“เหอะ เหอะ เหอะ ยังไม่กลับอีกเหรอครับคุณรัชชานนท์”

แล้วจะให้ทำยังไง ในเมื่ออีกฝ่ายเห็นสภาพชวนทุเรศแบบนี้เข้าไปแล้ว จะให้ร้องแหกปากโวยวายก็ไม่ใช่เรื่อง

ที่ต้องทำก็มีแค่เก็กหน้าขรึมเข้าไว้ แม้จะรู้สึกว่าโคตรอาย

อายยิ่งกว่าอาย

แต่ก็ยังพยายามจะปั้นหน้าให้ได้ และมันคงดูทุเรศทุรังเต็มทนในสายตาคุณรัชชานนท์

“ผมลืมกุญแจรถ ก็เลยกลับมาเอา”

เหรอครับ ลืมกุญแจรถเหรอ ก็เลยกลับมาเอาสินะ เหอะ เหอะ เหอะ

คุณรัชชานนท์แบมือให้ดูเพื่อให้รู้ว่ากลับมาเอากุญแจรถจริง ๆ ไม่ได้มีเจตนาจะมาดูสภาพน่าทุเรศแบบนี้ของคนที่กำลังทำหน้าไม่ถูก

เห็นแบบนั้นแล้ว นัทก็เกือบจะสบายใจ

เกือบจะสบายใจแล้วแท้  ๆ  และกำลังจะก้าวขาเดินเข้าไปในห้องเล็กๆ ที่อยู่ด้านหลังที่ต่อเติมเอาไว้สำหรับนอน

“คุณนัท”

ครับ

หันกลับมาอีกครั้ง และนัทก็ถึงกับอยากบีบคอตัวเองให้ตาย ๆ ไปซะ เมื่อพบว่าพี่ฟ้าหน้าหล่อ เดินเข้ามาหาและใช้ปลายนิ้วแตะเบา ๆ ไปที่ข้างแก้มของนัท เหมือนกำลังลบรอยอะไรสักอย่าง และตอนนี้ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังลบคือรอยอะไร

“เวลาทาแป้งแล้วทำขีดเป็นแมว แมวมันควรมีหนวดข้างละสามเส้น แต่คุณนัทวาดเกินมาเส้นหนึ่งนะ ผมว่ามันไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่ ลบออกหนึ่งเส้นมันถึงจะพอดี”

หึ หึ หึ ลบออกหนึ่งเส้นถึงจะพอดีงั้นเหรอ

หึ หึ หึ ลบออกหนึ่งเส้นถึงจะพอดี

นัทยืนอึ้งตะลึงค้างอยู่อย่างนั้น และไร้เรี่ยวแรงจะพูดอะไรได้อีก

คุณรัชชานนท์ที่ลบแป้งออกจากหน้าของนัทเดินจากไปแล้ว และทิ้งให้นัทยืนอึ้งและกร่นด่าตัวเองในใจไม่ยอมเลิก

3.00 น.

ฟ้ากำลังขับรถเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้าน สมองควรจะมุ่งมั่นกับการขับรถ แต่จิตใจกลับไปมุ่งนึกถึงใครบางคน

หน้าเอ๋อ ๆ ดวงตากลมโตใสแจ๋วที่เบิกค้าง พฤติกรรมบ้าบอของคนบางคนที่ได้เห็นในวันนี้คืออะไร

คิดแล้วก็ยิ้ม เผลอยิ้มออกมา ยิ้มและเริ่มกลายเป็นหัวเราะ

หัวเราะเล็ก ๆ กลายเป็นหัวเราะเสียงดังลั่น

หัวเราะเสียงดังลั่น และหยุดเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อนึกถึงสภาพใบหน้าของคนที่อยู่ในห้องทำงานที่เพิ่งจากมา

ไอ้เด็กนัทนั่นมัน มัน.............

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า บ้าเอ้ยยยยย ทำไมไอ้เด็กนั่นมันตลกขนาดนี้วะ เกิดมาไม่เคยเจอใครตลกเท่าไอ้คุณนัทนี่เลยจริง ๆ”


TBC.

 Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2818.0)
      และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 59
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 27-05-2014 20:19:13
 :-[   เดวน้องนัทจะแปลงร่างเป็นน้องแมวยั่วสวาท    :laugh:   ไล่ตะปบพี่ฟ้า   :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 59
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 27-05-2014 20:31:52
พี่ฟ้ากับน้องนัทคู่นี้ก็น่าร๊ากกกกอีกแล้วว  :impress2:

ว่าแต่แล้วที่พี่ฟ้าแต่งงานกับหนิงน้องสาวนัทล่ะมันจะเป็นไงหนอ  :hao4:
อย่าบอกนะว่าน้องหนิงไม่ชอบผู้ชายแค่แต่งกับฟ้าเพื่อหน้าตาทางสังคมเฉยๆ  :hao5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 59
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 27-05-2014 20:44:04
คุณเจ้านายแบ๊วมากๆ
อยากให้พี่ฟ้าเข้าใจน้องนัทซะที เป็ดน้อยออกจะน่าสงสาร
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 59
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 27-05-2014 20:53:56
แล้วพรุ่งนี้จะเป็นไงล่ะน๊อออออ?
นัทเอ๊ย ไปทำปมเอาไว้ แล้วจะแก้ยังไงล่ะเนี่ย

ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไป ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 59
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 27-05-2014 21:05:01
ว้ากกกกกกก.

งานเเบ๊วเริ่มมา
คุณนัทสายน่ารักออกมาเเล้ว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 59
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 27-05-2014 21:19:23
ราชินีนัทกลายร่างเป็นลูกเป็ดน้อยซะงั้น
แบ๊วกันเข้าไป คุณนัทมหาโหดของเรา ฮ่าๆๆๆๆ
พรุ่งนี้หนูนัทจะเก๊กหน้ายังไงดีละ เก๊กหน้าเป็นคุณลุงโดนัลดีมั้ย
เป็นคุณฟ้าจะจับฟัดสักทีสองที น่ารักเกินทน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 59
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 27-05-2014 21:32:10
ยิ่งอ่านยิ่งอุ่นในอก คุณนัทน่ารักมากอ่ะ เรื่องจุ้มว่าน่ารักแล้ว

เจอคุณนัท ทั้งฮา ทั้งน่ารัก โอ๊ยยยยยฮ่าๆๆๆๆๆๆ  :jul3:

ขอบคุณคุณเท็นมากๆนะคะ คุณเท็นมีจิตวิญญาณที่ลึกซึ้งสุดยอด o13

อยากถามคุณเท็นว่า ขุดมาจากไหนคะ ความน่ารักและเป็นธรรมชาติขนาดนี้

มันดี จนไม่รู้จะพูดออกมายังไงเมื่อได้อ่าน  :man1: ชอบมาก ชอบทุกเรื่องเลย

ขอบคุณ คุณเท็นอีกครั้งนะคะ  :katai4: o13 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 59
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 27-05-2014 21:36:39
รอๆ เริ่มมีเรื่องสนุกแทนมาม่าแล้ว.......
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 59
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 27-05-2014 22:28:38
น่ารัก :L1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 59
เริ่มหัวข้อโดย: mapreaw ที่ 27-05-2014 22:40:00
เหอะ เหอะ เหอะ หัวเราะสามทีไว้อาลัยให้กับนัทด้วย :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 59
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 27-05-2014 22:40:21
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 59
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 27-05-2014 22:42:59
เป็ดน้อยน่าร้ากกกกก
 :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 59
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 27-05-2014 22:56:48
หมดกันภาพที่นัทอุตส่าห์สร้างมา
พี่ฟ้าเห็นจนได้ แต่นัทน่ารักมากอ่ะ มีเป็ดน้อยด้วย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 59
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 28-05-2014 00:17:41
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน อุบัติเหตุป้องกันได้ถ้าไม่ประมาท

แล้วไงวะ เห็นก็เห็นไปสิ คนเรามันก็ต้องมีเวลาส่วนตัวที่จะทำอะไรตามสบาย ๆ บ้าง จะให้ดูดีตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยเหรอ ใครจะไปทำได้ไม่คิดว่ามันเกินไปหน่อยหรือไง

แต่มึงเล่นติดกิ๊บเป็ดเหลืองไว้บนหัวเลยนะ แถมยังใส่ชุดนอนเน่า ๆแบบนั้นอีก โคตรทุเรศสุด ๆ ทำไปได้ยังไง

เออ แล้วกูแคร์มั้ยล่ะ แคร์ที่ไหน ก็แค่เห็นแล้วไงวะ พี่ฟ้าเห็นสภาพกูแบบนั้น แล้วมันยังไง

ไม่แล้วไง ก็แค่เห็น เห็นแล้วก็ทุเรศไง คนเห็นคงทุเรศสายตามาก แล้วใครใช้ให้ใส่รองเท้าเป็ดนั่นอีก แม่งแบบนั้นก็เกินไป อุบาทว์เกิน ไม่มีผู้ชายที่ไหนทำตัวคิกขุขนาดนั้นหรอก แบบนี้ใครจะไปรับได้ ดีแค่ไหนแล้วเขาไม่หัวเราะให้เห็นตรงนั้น

เหี้ยยยยยยยยยยย ขนาดนั้นเลยเหรอวะ

เออขนาดนั้นเลยแหละ มึงเตรียมตัวเก็กหน้าเอาไว้ให้ดีเถอะ ความน่าอับอายของมึงน่ะไม่ใช่ว่าจะลบเลือนได้ง่ายๆ หรอก

เหรอ จริงเหรอวะ

ก็เออนะเซ่ มึงเตรียมตัวเอาไว้ให้ดี อย่าให้มีครั้งต่อไปอีก ไม่อย่างนั้นด้านดี ๆ ที่มึงสร้างมาทั้งหมดคงไม่มีเหลืออีกแล้วก็คราวนี้

“เหี้ยยยยยยยยยยย”

นัทถึงกับกุมหัวด้วยความกลุ้ม คิดเองเออเองอยู่คนเดียว แล้วก็แทบอยากเอาหน้าโขกกับโต๊ะทำงานให้รู้แล้วรู้รอดไป

ปกตินอนหลับสนิทตั้งแต่หัวถึงหมอนเพราะต้องรีบตื่นนอนตั้งแต่เช้าเพื่ออาบน้ำแต่งตัว แต่วันนี้ต่างจากทุกวันตรงที่ รู้สึกว่าตัวเองแทบไม่ได้นอน นอนก็นอนไม่หลับ เพราะคิดถึงสภาพทุเรศทุรังน่าอับอายของตัวเองแล้วยิ่งทำให้ข่มตานอนไม่ลง

กูแม่งทำหน้าแมวด้วย คิดยังไงวะนั่น เอาแป้งไปทาแบบนั้น ทำไปได้ยังไง เฮ่ออออ แม่งอย่างอาย ทำไงดีวะ ทำไงดี

อยากจะทึ้งหัวตัวเองก็ทำไม่ได้ เพราะจัดแต่งทรงผมอย่างดีแล้ว สุดท้ายหยิบกระจกมาส่องหลายครั้ง เพื่อเช็คสภาพความเรียบร้อยของตัวเองว่าดูดีแล้วหรือยัง พยายามเก็กหน้าขรึมเข้าไว้ แต่เพียงไม่นานก็เผลอเบะหน้าและอยากจะร้องไห้ขึ้นมา เพราะอายตัวเองที่เผลอแสดงความน่าทุเรศให้ใครบางคนได้เห็น

“นัทเอ้ยยย ไอ้นัท มึงนะมึง ไอ้บ้านัท โง่เอ้ยยยยย”

ด่าตัวเอง บ่นตัวเอง และสุดท้ายก็ใช้คางเกยโต๊ะ และเอากระจกมาตั้งไว้ตรงหน้าและส่องแล้วส่องอีก เพราะไม่มั่นใจสภาพตัวเอง

หล่อยังวะกู ดูดีหรือยังวะเนี่ย ดีแล้วแหละมั้ง ดีแล้ว คงดีแล้ว หรือว่าไม่ดีวะ หรือว่าดี

กลายเป็นนัทผู้ขาดความมั่นใจในตัวเองไปชั่วขณะ ส่องหน้าตัวเองอยู่อย่างนั้นหลายครั้งและเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ พยายามเก็กหน้าให้ดูเท่ห์และเคร่งขรึมที่สุด แต่ก็รู้สึกว่าทั้งเมื่อยหน้าและปวดหลัง

เฮ่ออออออออออ แล้วแบบนี้จะทนได้นานแค่ไหนวะอยากรู้จริง ๆ เลยโว้ยยยยยยยย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 59
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 28-05-2014 00:18:36
“งานเลขามันก็คล้ายงานทั่วไป แต่มันยากตรงที่เราต้องใส่ใจคนที่เขาเป็นเจ้านายเรา เมื่อเขาไว้วางใจให้เราเป็นเลขาแล้วก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง บางครั้งอาจรวมไปถึงการดูแลชีวิตประจำวันระหว่างทำงานด้วย”

ฟังคำแนะนำจากแม่มาเมื่อช่วงเช้า แล้วฟ้าที่กำลังขับรถอยู่ ก็พยายามทำความเข้าใจกับคำว่างานเลขาว่ามันมีหน้าที่อะไรบ้าง

.......อาจรวมไปถึงการดูแลชีวิตประจำวันระหว่างงานด้วยเหรอ.....

แม้จะไม่ได้อยากทำงานเลขา แต่ฟ้าก็เป็นประเภทไม่ชอบความไม่สมบูรณ์แบบ ขับรถตรงดิ่งแวะเข้าร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อขนมปังและครีมทาขนมปังแบบต่าง ๆ

ทำไม่เป็นหรอก ไอ้อาหารกินด่วนพวกนี้ แต่ก็ต้องทำ เพราะมันเป็นหน้าที่ ที่ควรจะต้องทำ มื้อเช้าเป็นมื้อสำคัญ และดูจากสภาพไอ้เด็กนั่นไม่น่าจะตื่นเช้าเพื่อหาอะไรให้ตัวเองกินได้ มื้อแรกสำหรับการทำหน้าที่เลขาคงต้องเป็นแซนวิชแบบง่าย ๆ ไปก่อน แล้วมื้อถัดไปจะต้องดีและสมบูรณ์แบบกว่านี้

เลือกครีมทาขนมปัง และสายตาก็เบนไปมองที่ชั้นวางของชั้นถัดไป

....บะหมี่ถ้วยรสชาติต่าง ๆ ......

ไม่คิดว่าตัวเองจะยิ้ม แต่ก็เริ่มอมยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก บะหมี่ถ้วยไม่มีอะไรที่จะทำให้ยิ้มได้ แต่เมื่อนึกถึงหน้าของไอ้เด็กนั่นก็ทำให้ยิ้มออกมา บ้าเอ้ย ไอ้เด็กบ้า....เพี้ยนหรือไง ทำแบบนั้น ท่าทางจะเพี้ยน

คิดแล้วก็ขำ คิดแล้วก็ตลก

ฟ้าเลือกครีมทาขนมปังสองสามอย่าง และเดินไปจ่ายค่าสินค้าที่เคาร์เตอร์

“มีสองสิทธิ์แลกซื้อครับ จะรับเป็นไก่เทริยากิหรือเปล่าครับในราคายี่สิบห้าบาท”

พนักงานที่กำลังคิดเงิน เงยหน้าขึ้นมาถาม และฟ้าก็นิ่งชะงักเล็กน้อย และมองหน้าของพนักงานขายที่เอ่ยถาม

อืมมมมม สมัยนี้ผู้ชายหน้าตาน่ารักแบบนี้มีเยอะนะ

“ไม่เป็นไรครับ”

เอ่ยบอกและฟ้าก็หิ้วถุงใส่ขนมปังและครีมเดินผ่านศาลาที่มีชายหนุ่มหน้าเข้มเพียงคนเดียวนั่งสูบบุหรี่อยู่ในนั้น

เดินผ่านเลยไปและเข้ามานั่งในรถเรียบร้อย วางถุงใส่ของไว้ที่เบาะข้าง ๆ และก็ขับรถตรงดิ่งไปที่โรงงาน

7.00 น. แม้ไม่ใช่เวลาเริ่มงาน แต่การมาก่อนเวลาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ฟ้าให้ความสำคัญ แม้เมื่อคืนจะกลับถึงบ้านเกือบตีสี่ และนอนไปแค่ไม่กี่ชั่วโมง แต่เพราะหน้าที่เป็นสิ่งสำคัญจึงต้องมาทำงานให้ได้ ในเวลาที่สมควร

เงินค่าจ้างไม่ใช่ปัจจัยหลัก แต่การพิสูจน์ตัวเอง ความอดทนและความสามารถที่ต้องแสดงให้อีกฝ่ายรู้สึกนั่นคือสิ่งที่สำคัญ
แม้จะรู้สึกง่วงและเพลีย เพราะไม่สามารถปรับเวลาได้ แต่ฟ้าก็ต้องฝืนทนเอาไว้ และต้องดูดีตลอดเวลาตั้งแต่หัวจรดเท้า

ถึงแม้จะอดนอนมาเกือบทั้งคืน แต่เช้านี้ฟ้าก็ยังเป็นคุณฟ้าที่ดูดีเพอร์เฟคสมบูรณ์แบบอีกเช่นเคย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 59
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 28-05-2014 00:19:29
นัทกำลังพยายามเอื้อมมือไปเก็บปากกาที่หล่นลงไปใต้โต๊ะ เอาเท้าเขี่ยก็แล้วแต่ไปไม่ถึง ก็แค่ใช้นิ้วควงปากกาเล่นแก้เซ็ง แล้วทำไมถึงได้กระเด็นไปซะไกล

“ฮึ่ยยยยย”

ยื่นเท้าไปจนสุด และพยายามจะเขี่ยปากกาให้เข้ามาหาให้ได้ ยิ้มและกำลังก้มลงเพื่อเอื้อมมือไปเก็บปากกาที่กลิ้งมาอยู่ที่เท้า

ดีใจที่ทำสำเร็จ และก็กำลังจะเอื้อมมือไปหยิบขึ้นมา

“อรุณสวัสดิ์คุณนัท”

ห๊ะ

“เฮ้ยยยยยยยยยยย”

เสียงร้องดังลั่นมาพร้อมกับเสียงดัง "โครม" เพราะเก้าอี้ของนัทเสียหลัก และคนที่ควรจะอยู่บนเก้าอี้ก็หล่นลงมาอยู่บนพื้นด้วยสภาพก้นจ้ำเบ้า และหน้าแทบจะทิ่มลงไปกับพื้น

“โอ้ยยยยยยยยยย”

ยกมือขึ้นคลำที่ก้นของตัวเองด้วยความเจ็บ และฟ้าที่ถือถุงใส่ขนมปังและเปิดประตูเข้ามาก็ถึงกับชะงักค้าง
วางถุงที่หิ้วมาไว้บนโต๊ะ และก็ถึงกับ กลั้นเสียงหัวเราะไม่อยู่

“ฮ่า ฮ่า เฮ้ยยย คุณนัท”

อยากจะขำก็อยากจะขำ แต่มันก็จะเกินไปถ้าไม่คิดจะช่วยเหลือ

“ไม่เป็นไร คุณรัชชานนท์ ผมไม่เป็นไร ผมโอเค ผมดูแลตัวเองได้”

นัทรีบโบกไม้โบกมือเป็นการปฏิเสธความช่วยเหลือจากคนที่กำลังจะก้าวเท้าเข้ามาหาเพื่อช่วยพยุงให้ลุกขึ้น

ฟ้าชะงักค้างอยู่แบบนั้น และพยายามกลั้นเสียงหัวเราะตัวเองเอาไว้ไม่ให้ดังออกมา เพราะมันคือการเสียมารยาทอย่างรุนแรงที่หัวเราะกับสถานการณ์แบบนี้ แต่ใครจะไปกลั้นได้

นัทกำลังพยายามประคองตัวเองลุกขึ้นยืน และ......... โครมมมมมมม เคร้ง แกร๊งงง

ไม่ทันดูว่าหัวยังไม่พ้นโต๊ะ ลุกขึ้นและไม่ทันได้ยืนแต่หน้าผากก็ไปโขกกับโต๊ะ โขกแรงจนปากกาและดินสอที่วางอยู่บนโต๊ะหล่นลงมา

“เจ็บบบบบบบบบ”

มือหนึ่งคลำหน้าผาก มือหนึ่งแตะที่สะโพก เจ็บจนน้ำตาเล็ด และฟ้าก็ทนดูไม่ได้อีกต่อไป

“ผมช่วย”

ก้าวขาเข้าไปหา และพยุงคนที่ซวยซ้ำซ้อนตั้งแต่เช้าขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้

“ขอบคุณมากคุณรัชชานนท์ ขอบคุณ ผมไม่เป็นอะไรมาก ผมยังโอเค”

สภาพแบบนี้ไม่น่าจะโอเค แล้วไม่ต้องบอกว่าดูแลตัวเองได้หรอกนะ เพราะเจ็บตัวซ้ำสองหนแบบนี้มันไม่เรียกว่าดูแลได้ แต่เรียกว่าทำร้ายตัวเองมากกว่า

มือยังกุมที่หน้าผาก และนัทก็รู้สึกเจ็บจนต้องเบะหน้า ก็มันเจ็บจริง ๆ เจ็บมาก เจ็บจนน้ำตาเล็ด
ทำไมมันซวยแต่เช้าแบบนี้วะ ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม และทำม้ายยยยยยยยยยต้องมาซวยตอนที่เจอคุณรัชชานนท์ด้วย

กูไม่เข้าใจเลยจริง ๆ โว้ยยยยย แค่นี้กูก็อายจนไม่รู้จะอายยังไงแล้ว ยังจะต้องให้มาเสียฟอร์มแต่เช้าแบบนี้อีก
โธ่โว้ยยยยยยยยยย เกิดเป็นไอ้นัทนี่มันจะซวยได้ซวยดีแบบนี้ไปถึงไหน ภาพพจน์ดี ๆ แทบจะไม่มีเหลือแล้ว

แบบนี้จะดูน่าเชื่อถือ และดูน่าไว้วางใจได้ยังไง

ฟ้าหยิบปากกาและดินสอที่หล่นอยู่บนพื้นขึ้นมาวางไว้ให้บนโต๊ะทำงานของคนที่กุมหัวป้อย ๆ ด้วยความเจ็บ รวมทั้ง.........

“กระจกดูเข้ากับคุณนัทดีนะครับ”

กระจก

หึ หึ หึ

กระจก

มองไปที่กระจกที่ว่า และนัทก็เพิ่งรู้ว่าการตกจากเก้าอี้และหัวโขกโต๊ะซ้ำมันไม่ได้มีอะไรน่าอายเลยสักนิด ถ้าเทียบกับกระจกสำหรับพกอันเล็ก ๆ ที่เป็นรูปตุ๊กตาเป็ดสีเหลือง ติดกิ๊บสีแดงที่หล่นลงไปกองรวมกับปากกาและดินสอด้วย

หึ หึ หึ

ก็แค่กระจก

มีอะไรน่าอายกันล่ะ ผิดหรือไง ที่ยัยหนิงซื้ออุปกรณ์กุ๊กกิ๊กน่ารักให้พี่ชายใช้แบบครบเซ็ท

แค่กระจกยังน้อย จะดูหวีที่ทำคู่มากับกระจกมั้ยล่ะ น่ารักอย่าบอกใครเลยล่ะคุณรัชชานนท์ เหอะ เหอะ เหอะ
อยากจะหัวเราะให้บ้ากันไปข้าง แต่ก็ทำได้เพียงแค่พยายามทำหน้าให้นิ่งเข้าไว้ พูดอะไรไม่ออกสักคำ

“คิดว่าคุณนัทคงยังไม่ได้กินอะไร แซนวิชและโกโก้ร้อน ๆ น่าจะดีกว่าหรือคุณนัทจะรับเป็นกาแฟ”


ห๊ะ ห๊ะ ห๊ะ อะไรก็ได้ครับ แล้วแต่คุณรัชชานนท์จะสรรหา คุณนัทไม่ได้ว่าอะไรอยู่แล้ว จะโกโก้กาแฟหรืออะไรยังไงก็จัดมา คุณนัทพร้อมแล้ว

“กาแฟหนึ่ง น้ำตาลสอง ไม่ใส่ครีม”

พยายามจะยืนยันคอนเซ็ปความดูดีที่เหลือน้อยของตัวเองด้วยการสั่งกาแฟและฟ้าก็พยักหน้ารับ
ตกลงว่าเป็นกาแฟ ได้ กาแฟก็กาแฟ กาแฟที่ไม่เหมือนกาแฟแบบนั้น มันไม่น่าเรียกว่ากาแฟ

“รอสักครู่ครับ”

ตอบรับทั้งที่ใบหน้ายังคงนิ่งเฉย แต่หล่อและดูดีเกินคน

นัทเหลือบสายตามองหน้าคุณรัชชานนท์ และก็พยักหน้ารับ

คนที่บอกว่าจะไปชงกาแฟให้เดินจากไปแล้ว และนัทที่พยายามปั้นหน้าให้นิ่งสนิท ก็มีอันต้องเบะหน้าด้วยความเจ็บ เหลือบสายตามองว่าอีกฝ่ายเดินออกไปจากห้องแน่นอนแล้ว นัทจึงค่อยยกมือขึ้นคลำหน้าผากอีกครั้ง

“โอ้ยยยยยยยยย เจ็บ เจ็บ เจ็บ ทำไมมันซวยขนาดนี้วะไอ้นัทเอ้ยยยย จะซวยไปถึงไหน เจ็บจะตายอยู่แล้ว หัวก็ปูด ฮือ ฮือ กูล่ะแม่งโคตรอยากจะฆ่าตัวตายจริง ๆ”

ใครบางคนยังคงบ่นและน้อยใจในโชคชะตาตัวเอง แต่คนที่กำลังจัดการทาครีมลงไปที่ขนมปัง กำลังยืนนิ่ง ๆ
แต่นิ่งได้ไม่นาน ใบหน้านิ่ง ๆ ก็แปรเปลี่ยนเป็นมีรอยยิ้มเล็ก ๆ

โง่ เซ่อ ซุ่มซ่าม อะไรที่จะนิยามสิ่งที่ไอ้เด็กนั่นเป็นได้

แล้วยังกระจกลายเป็ดสีเหลืองนั่นอีก แค่เมื่อคืนที่เจออยู่ในสภาพแบบนั้นก็รู้ว่าไอ้เด็กนั่นมันคงจะอาย
แล้วยังจะกล้าเอาของแบบนั้นมาใช้อีกหรือไง มันจะทำตัวตลก ๆ จนทำให้ขำไม่หยุดขนาดนี้อีกนานมั้ย

กาแฟหนึ่งช้อน และน้ำตาลสองก้อน ท่องเอาไว้ให้ขึ้นใจเพราะคงต้องชงกาแฟแบบนี้อีกหลายแก้ว ควรจะเอาไปเสริฟแล้ว แต่ฟ้าก็ยังไม่เอาไปเสริฟให้ เพราะยังไม่สามารถหยุดเสียงหัวเราะของตัวเองได้

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า บ้าเอ้ยยยย ไอ้เด็กนั่น....มันจะหัดทำตัวให้เหมือนชาวบ้านเขาบ้างไม่ได้เลยเหรอ แค่นี้ก็ทำให้ขำจะตายอยู่แล้วมันไม่รู้ตัวบ้างเลยหรือไงนะ”

หัวเราะคนเดียวเงียบ ๆ และยกหลังมือขึ้นปิดปากตัวเอง พยายามหยุดเสียงหัวเราะของตัวเองให้ได้ แต่ก็หยุดไม่ได้
หลายครั้งที่พยายามยืดตัวให้สูง และทำหน้าให้เป็นปกติแต่ก็ทำไม่ได้ สิ่งที่ฟ้ารู้สึกในเวลานี้คือกำลังสูญเสียความสามารถในการควบคุมหน้าตัวเอง

ควบคุมไม่ให้ยิ้ม หรือหัวเราะ ไม่ว่ากรณีใด ๆก็เคยทำได้ แต่ไม่เคยเจอแบบนี้

ไม่เคยเจอ ยิ่งคิดก็ยิ่งยิ้ม ยิ้มออกมา ด้วยความขำ และยังบอกกับตัวเองซ้ำ ๆ ไม่เลิก

“ไอ้เด็กนัทมันชอบทำให้หลุดขำอยู่เรื่อย ขืนยังควบคุมหน้าตัวเองไม่ได้แบบนี้ ต่อไปคงจะแย่จริง ๆ”


TBC.

 Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2818.0)
      และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 59
เริ่มหัวข้อโดย: holefiller ที่ 28-05-2014 00:38:10
เย่ๆ อัพอีกแล้วววววววววววววว  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 60
เริ่มหัวข้อโดย: zitronen-tee ที่ 28-05-2014 00:49:59
หนุ่มเซเว่นคือต้นสน ส่วนหนุ่มที่สูบบุหรี่หน้าเซเว่นคือภาคี
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 60
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 28-05-2014 01:26:57
ยัง ยังไม่พอใช่ไหมคุณนัท จะเอาฮาไปถึงหนายยยย หุหุหุ
ถ้าชั้นเป็นพี่ฟ้านี่จะงงกะแกมากๆๆๆๆๆ 555

กรี๊ดดด แอบยิ้มให้พี่คีกะต้นสนเบาๆ ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 60
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 28-05-2014 01:30:17
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน หน้าที่

ถึงกับตาลุกวาว แต่ก็ต้องเก็บอาการ

รู้มั้ยแค่ขนมปังทาด้วยครีม และแยม แค่เพียงสองชิ้นไม่ใหญ่มากนักก็ช่วยต่อลมหายใจของเด็กน้อยผู้หิวโหยและกำลังจะขาดสารอาหารได้

นัทต้องพยายามเก็บความรู้สึกดีใจให้มากที่สุด แอบกลืนน้ำลายลงคอ อยากจะหยิบมากินซะตอนนี้ให้รู้แล้วรู้รอด แต่ยังต้องพยายามรักษาฟอร์ม

หิว และไม่ใช่แค่หิวแบบธรรมดา แต่เป็นหิวมาก

ตั้งแต่มาอยู่ที่โรงงานได้เดือนกว่า ๆ ไม่เคยมีวันไหนที่จะได้กินอาหารดี ๆ เลย มีแต่บะหมี่ถ้วยพวกนั้น เอียนมากจนเกือบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว แต่ที่ต้องฝืนทนก็เพราะปัญหาการเงินล้วน ๆ อย่านึกว่าการเป็นลูกเจ้าของโรงงานจะไม่เคยสัมผัสอารมณ์หิวโหยและชีวิตรันทด สมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่ไปอยู่หอพัก นัทประสบปัญหามาแล้ว พ่อแม่ไม่ได้ให้เงินไว้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เงินที่จ่ายไปทุกครั้งต้องมีเหตุผล ยิ่งพ่อด้วยแล้ว การจะจ่ายเงินไปแม้แต่บาทเดียวก็ต้องชี้แจง

ไม่ใช่ว่าพ่อเคี่ยวกับนัทเรื่องเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นเพราะว่าพ่อไม่ต้องการสร้างวินัยในการใช้เงินผิด ๆ ให้กับนัท เพราะถ้าวินัยผิดตั้งแต่แรกเริ่ม แล้วจะฝากความหวังเรื่องการบริหารโรงงานเอาไว้ได้ยังไง

นัทจึงได้เรียนรู้ว่าการหาเงินเป็นเรื่องยาก และการบริหารเงินให้เป็นไปตามระบบยิ่งยากกว่า จึงต้องฝึกบริหารเงินด้วยตัวเองมาตั้งแต่เด็ก มีเงินเก็บมากมายอย่างไม่น่าเชื่อจากเงินที่พ่อให้ไว้ใช้จ่าย ทั้งที่อายุยังน้อย

ครอบครัวไม่ได้ให้ใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย แต่นัทก็เก็บสะสมเอาไว้เรื่อยมา ไม่ว่าจะเป็นเงินที่ได้รับในเทศกาลพิเศษ หรือเงินที่กินใช้ระหว่างวัน เมื่อเก็บรวมกันหลาย ๆ ปีเข้า ก็มีมากอย่างไม่น่าเชื่อ

ไม่เคยรู้สึกอะไรเลยสักนิด แต่เพิ่งรู้สึกเมื่อเกิดภาวะเงินขาดมือ เมื่อหนึ่งเดือนที่ผ่านมา
และเป็นครั้งที่หนักหนาสาหัสที่สุด นัทถึงเพิ่งรู้สึกว่าการมีเงินสำหรับใช้จ่ายในชีวิตเป็นสิ่งสำคัญ

แต่นัทไม่ต้องการจะบอกให้ใครรับรู้ถึงปัญหาของตัวเอง เพราะนัท....อยากช่วยครอบครัวพี่ฟ้า

อยากช่วยคนอื่น แต่ตัวเองต้องกลายเป็นเด็กน้อยหิวโหย กลายเป็นคนที่ต้องลำบากซะเอง และไม่ใช่แค่ลำบากธรรมดา แต่เป็นความลำบากที่หนักหนาสาหัส แต่นัทก็ไม่ต้องการให้ใครมารับรู้ด้วย

ภาระอันใหญ่หลวงมาพร้อมกับท้องที่หิวโหย มันช่างน่ารันทดสิ้นดี

“คุณทำแซนวิชได้รสชาติเยี่ยมเลยนะคุณรัชชานนท์”

เป็นคำชมที่ฟ้าฟังแล้วรู้สึกขัดหูและขัดใจ เยี่ยมตรงไหน ชื่นชมเกินความเป็นจริงไปแล้ว ไอ้เด็กน้อย แค่เอาครีมกับแยมทาลงไป และใช้ขนมปังประกบกันแบบนั้นไม่เรียกว่าเก่งหรอกนะ

ฟ้าแค่นยิ้มและนึกขำอยู่ในใจกับการชื่นชมแบบนั้น ก็แค่ชมไปตามมารยาท และเป็นการชมที่ออกจะเกินจริงไปหน่อยแล้วใครจะไปเชื่อ

สำหรับนัทแซนวิชที่กำลังกิน คืออาหารรสเลิศที่สุดในช่วงเวลาที่อดอยากที่สุด

แต่สำหรับฟ้าคำพูดชื่นชมจากใจเป็นแค่สิ่งที่เลื่อนลอยและยากจะเชื่อ

“มันอร่อยมากจริง ๆ นะคุณรัชชานนท์”

แค่ชมครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว และฟ้าไม่เห็นความจำเป็นที่อีกฝ่ายจะต้องเอ่ยชื่นชมอีกเป็นครั้งที่สอง

เงยหน้าจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ขึ้นมาและแอบขยับเก้าอี้เล็กน้อย เพื่อให้สายตามองตรงไปที่คนที่เอ่ยชมเรื่องแซนวิชที่ทำให้

สิ่งที่สายตาเห็น คนที่เห็นตอนนี้ไม่ใช่คุณนัทที่ทำหน้าขรึมและพูดจาไปตามมารยาทแต่กลายเป็น…..

เด็กหนุ่มหน้าจ๋อย ที่ทำหน้าเศร้า

แค่...กิน... ก็แค่อาหารเช้ามื้อเร่งด่วนที่ไม่ได้มีสารอาหารครบถ้วนด้วยซ้ำ
แค่...สิ่งที่ควรทำให้ตามหน้าที่ ทำไมทุกครั้งที่กัดขนมปังต้องทำหน้าเหมือนดีใจขนาดนั้น ทำไมต้อง...ทำเหมือนดีใจมาก

นัทไม่ได้รู้ตัวว่าถูกแอบมอง

และเพียงไม่นานคนที่แอบมองอยู่เงียบ ๆ ก็ขยับตัวกลับมาทำเหมือนสนใจอยู่กับการจ้องที่จอคอมพิวเตอร์อีกครั้ง
จะทำตัวน่าสงสารไปถึงไหน ไม่ได้นึกสงสารหรอกนะ ไม่เลย...ไม่ได้นึกสงสารและไม่ได้น่า...มอง...เลย...สักนิด...

แค่คิด และฟ้าก็เอนใบหน้าออกจากจอคอมพิวเตอร์ เพื่อจะมองใบหน้าของคนที่กำลังกินแซนวิชที่ทำให้อีกครั้ง

....อืม....

คงจะอร่อยมากจริง ๆ อย่างที่ปากพูดสินะ ดูจากสีหน้าและแววตาแล้ว คงจะใช่

คงจะอร่อยมาก....

ฟ้าเอนหน้ากลับมา ยิ้มออกมาเล็ก ๆ ที่มุมปาก และก็ต้องรีบเก็บความรู้สึก ไม่รู้ว่าจะยิ้มทำไม แต่ในใจลึก ๆ ก็ยอมรับว่าดีใจ

เลขางั้นเหรอ การทำหน้าที่เลขา ไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะ แล้วก็ไม่ได้ชอบที่จะทำหน้าที่นี้เลยตั้งแต่แรก ยิ่งรู้ว่าต้องมาเป็นเลขาไอ้เด็กนี่ด้วยแล้ว ยิ่งรู้สึกแย่ รู้สึกแย่มาก รู้สึกแย่อย่างถึงที่สุด แต่ก็ต้องมา ต้องมาทำหน้าที่เพื่อครอบครัว

ต้องทำ......เพื่อครอบครัว แม้ว่าจะต้องฝืนใจมากขนาดไหนก็ตามแต่ก็ต้องทำ ตั้งใจจะมาพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง ตั้งใจจะมาเพื่อให้เป็นที่ยอมรับ อยากให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่เคยชอบกับสิ่งที่ต้องมาทำ แต่ในเวลานี้กลับรู้สึกว่า

.....การได้ดูแลใครบางคนตามหน้าที่....มันก็มีช่วงเวลาที่ทำให้ยิ้มได้เหมือนกัน....

ยิ้มได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ก็แค่คำชมจากใครบางคน คำพูดชื่นชมจากไอ้เด็กนั่น ไอ้เด็กที่ยโสโอหัง พูดจาวางมาดใหญ่โต และมาทำเรื่องทุเรศ ๆ ใส่

ไอ้เด็กนัท เด็กเป็ดเหลืองนัท

.....คุณนัท..... พิมพ์ชื่อนี้ลงไปที่ท้ายเอกสาร เมื่อมันคือเอกสารภายในจึงไม่ต้องใส่ข้อความที่เป็นพิธีการมากนัก

คลิกไปที่เมาส์เพื่อจัดตำแหน่งเอกสาร สายตามองไปที่ชื่อที่พิมพ์ และแกล้งเอนหน้าออกจากคอมพิวเตอร์เพื่อมองคนที่กำลังนั่งอ่านเอกสาร ดวงตากลมโตใสแจ๋วคู่นั้นที่ได้เห็นเมื่อคืนก่อนกำลังเพ่งมองไปที่เอกสารและใช้ดินสอขีดไปเรื่อย ๆ

แต่อีกมือก็ยังถือขนมปังทาแยมไว้ในมือและกัดกินไปด้วย

มองแล้วก็เพลินตา และฟ้าก็ต้องรีบพาสายตาตัวเองกลับมาที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ก่อนที่อีกฝ่ายจะรู้ตัว

พิมพ์เอกสารเสร็จเรียบร้อย และรอให้เอกสารถูกพิมพ์ออกมา

กอดอกและยิ้มออกมามั่นใจว่าจะไม่มีใครเห็น เพราะคอมพิวเตอร์บังอยู่ ยิ้มเรื่อย ๆ ยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก

ทั้งที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังยิ้มด้วยเหตุผลอะไร ฟ้าไม่รู้จริง ๆ ว่ายิ้มเรื่อยเปื่อยขนาดนี้ เพราะอะไร

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 60
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 28-05-2014 01:31:24
“ผมขอเพิ่มข้อความตรงนี้ลงไปแล้วกันนะครับคุณรัชชานนท์ เมื่อกี้ที่ผมร่างและส่งให้ ผมต้องขอโทษด้วยผมลืมไปว่าต้องใส่ข้อมูลตรงนี้เพิ่ม”

ส่งเอกสารที่พิมพ์ให้และคุณนัทก็อยากได้ข้อความบางส่วนเพิ่มมาเพื่อความสมบูรณ์ของหนังสือเวียนภายใน

“หัวโนนะครับ”

รับเอกสารกลับมาเรียบร้อย และฟ้าก็เอ่ยบอกคนที่นั่งเก็กหน้าขรึม จะไม่ให้บอกก็คงไม่ได้
ชัดซะขนาดนั้น เดินออกไปข้างนอกใคร ๆ ก็คงเห็น

และคำพูดของคนที่เอ่ยบอกก็ทำให้นัทถึงกับเสียจริต

ห๊า......จริง ๆ เหรอ ยกมือขึ้นคลำที่หน้าผากตัวเอง และก็รู้สึกจริงอย่างที่พี่ฟ้าบอก

จับแล้วก็รู้สึกเจ็บแต่ก็ยังพยายามเก็กหน้า เหลือบสายตามองคุณรัชชานนท์เล็กน้อย
ก่อนจะค่อย ๆ หยิบกระจกรูปเป็ดสีเหลืองขึ้นมา มองให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้มองอยู่แน่ ๆ แล้วก็เพ่งสายตาไปที่กระจก

แต่มองห่าง ๆ จะเห็นได้ยังไง

มันต้องมองใกล้ ๆ แต่นัทไม่สามารถหยิบกระจกมาส่องที่หน้าผากตัวเองแบบใกล้ ๆ ได้ ยกมือขึ้นคลำ ๆ ที่หน้าผากและก็เริ่มเบะหน้าเพราะยิ่งคลำยิ่งแตะก็ยิ่งรู้สึกเจ็บ

“อ่อ ผมเกือบลืมไป ผมไปขอยานวดมาจากห้องพยาบาลให้คุณนัทแล้ว”

ไม่ใช่แค่พูด คุณรัชชานนท์ยังนำหลอดยานวดแก้อาการฟกช้ำมาวางไว้ให้ วางแล้วนัทก็หยิบมาอ่านฉลากดูว่ามีสรรพคุณอะไรบ้าง

“คิดว่าคุณคงไม่สะดวกถ้าจะทาเอง กระจกแค่นั้นคงเล็กเกินไปที่จะมองเห็นได้ชัด”

ง่า

นัทรีบดึงกระดาษเอกสารปิดที่กระจกลายเป็ดที่ยังวางอยู่บนโต๊ะเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเห็น แต่มันคงช้าไป.....ช้าไปตั้งนานแล้ว
เพราะฟ้าเห็นมันตั้งแต่แรกแล้ว จะปิดไปทำไมคุณนัท เห็นตั้งนานแล้ว เห็นตั้งแต่ส่องกระจกแล้วก็ยกมือคลำหน้าผากแล้ว

“ผมคงต้องรบกวนคุณรัชชานนท์ด้วยแล้วกัน”

ตอบกลับ

และฟ้าก็หยิบหลอดยาแก้ฟกช้ำมาบีบเจลใส่ที่ปลายนิ้ว

คุณนัทไม่ได้ทำอะไรมาก ก็แค่หันหน้ามาหา และฟ้าก็ใช้เจลเย็น ๆ แตะไปที่หน้าผากที่บวมปูด

แค่แตะแต่คนที่โดนแตะมีอาการสะดุ้งและพยายามจะเบี่ยงหน้าหนี และฟ้าก็ยึดปลายคางของนัทเอาไว้ให้อยู่นิ่ง ๆ

ไม่ได้พูด แต่การกระทำเป็นไปอย่างอัตโนมัติ ทายาให้ที่หน้าผาก แต่ไม่นานสายตาก็มองเรื่อยไปที่ข้างแก้มเนียนใส และมองไล่ไปตามจมูกและปาก

นัทไม่กล้ามองหน้าของคนที่กำลังทายาให้ แทนที่จะมองหน้า แต่สายตากลับไปเพ่งมองที่เนคไทด์ของอีกฝ่าย

มือสองข้างที่วางอยู่ที่หน้าขาถูกกำแน่น และหัวใจก็กำลังเต้นระทึก

พี่ฟ้า
พี่ฟ้า
พี่ฟ้า
พี่ฟ้า

พี่......ฟ้า.....


สักครั้งในชีวิตอยากจะเห็นหน้าพี่ฟ้าแบบใกล้ ๆ ชัด ๆ ขอแค่สักครั้ง ขอแค่..... กลั้นใจและตัดสินใจเงยหน้ามองไปที่ใบหน้าของคนที่กำลังทายาแก้ฟกช้ำให้

มอง... และก็เห็นว่าคนที่กำลังตั้งอกตั้งใจทายาให้ มีรอยยิ้มเล็ก ๆ จุดขึ้นที่มุมปาก

พี่ฟ้ายิ้ม
พี่ฟ้ากำลังยิ้ม
แม้ไม่ใช่รอยยิ้มกว้าง แต่ก็เป็นรอยยิ้ม รอยยิ้มที่ทำให้นัทอยากจะหยุดเวลาเอาไว้แบบนี้ไปนาน ๆ

มองแล้วแทบหยุดหายใจ กระพริบตามอง  นิ่งมองอยู่อย่างนั้น และฟ้าก็เบนความสนใจจากหน้าผากของอีกฝ่ายมาเป็นที่ดวงตา
มองและรีบบังคับหน้าให้กลับมาเคร่งขรึมเหมือนเดิม

“หน้าผมมีอะไรติดอยู่หรือไงครับ คุณนัท”

เอ่ยถาม และนัทก็ถึงเพิ่งรู้สึกตัว

“อ่ะ ป่ะ เปล่าครับ ไม่มี ไม่ได้มีอะไรเลย ไม่ ไม่ ไม่มีครับ”

ฟ้าปล่อยมือจากปลายคางของนัทเรียบร้อย และหยิบหลอดยามาปิดฝา

“เสร็จแล้วครับ เดี๋ยวไม่กี่วันก็คงหาย”

เอ่อ ครับ ไม่กี่วันก็คงหาย พี่ฟ้าทายาให้แบบนี้ นัทก็คงหายเจ็บเร็วขึ้น

ดีใจ

กำลังรู้สึกว่าตัวเองดีใจ ดีใจมากที่ได้รับการดูแลเอาใจใส่

“ขอบคุณมากคุณรัชชานนท์”

ขอบคุณ และฟ้าก็เดินกลับไปนั่งที่ของตัวเองเพื่อแก้ไขข้อความในหนังสือเวียนที่จะต้องส่งให้แต่ละแผนก

“ไม่เป็นไรครับ ผมทำไปตามหน้าที่”

นิ่ง

นัทถึงกับนิ่งชะงัก และถือเอกสารค้างเอาไว้แบบนั้น

เออใช่ ก็พี่ฟ้าเป็นเลขา ก็เลยต้องทำไปตามหน้าที่ ไม่เห็นจะแปลก

ไม่เห็นแปลกถ้าพี่ฟ้าจะทำไปตามหน้าที่ ไม่เห็นแปลกที่พี่ฟ้าจะดูแลไปตามหน้าที่ ก็เพราะมันเป็นหน้าที่พี่ฟ้าก็เลยทำให้
สำคัญตัวผิดไปแล้ว....แบบนี้มันโง่มากที่สำคัญตัวผิด คิดอะไรเพ้อเจ้อไปคนเดียว

พี่ฟ้าเกลียดนัทจะตาย ทำไมนัทจะไม่รู้ แต่ไหนแต่ไรแล้ว นัทรู้ว่าพี่ฟ้าเกลียดนัทมาตลอด

ที่พี่ฟ้าทำให้วันนี้ ก็แค่ทำไปตามหน้าที่.....แค่นั้นเอง


TBC.

 Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2818.0)
      และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 60
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 28-05-2014 01:45:16
 :hao5:  สงสารน้องนัท นะเนี่ย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 60
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 28-05-2014 01:55:48
เฮ้อออออ นัทเอ๊ย ไม่รู้จะสงสารหรือสมน้ำหน้าแกดี
อารมณ์ประมาณอยากเอานิ้วจิ้มหน้าผาก นี่แน่ะๆๆๆ 555

ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไป ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 60
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 28-05-2014 03:26:35
คุณพนักงานเซเว่นกับคุณที่สูบบุหรี่คนนั้น เค้าจำได้ๆๆ
พี่ฟ้าทำเพราะหน้าที่จริงอะ ดูมีความสุขเหลือเกินนะ ยิ้ม หัวเราะ แถมแอบมองเป็ดนัทตลอด
... เริ่มชอบลูกเป็ดอะเดะ  :m12:
ขี้เก็กจนน่าเบิ้ดกะโหลกทั้งคู่ แต่ลูกเป็ดเค้าจะเบิ้ดด้วยปากแทนนะ :laugh3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 60
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 28-05-2014 04:18:58
  :-[   เรื่องนี้ มี พี่สนกับน้องคีย์มาแจมด้วย   :mew1:   ตอนแรกก็คิดไว้แล้วแหละว่า ที่บอกว่าพนักงานขายน่ารัก

ต้องเป็นน้องคีย์แน่ๆเลย  แล้วพอออกมาเจอคนสูบบุหรี่เนี่ย  ใช่เลย   :impress2:

ส่วนนัทแกจะ ซุ่มซ่าม เซ่อซ่า  ปล่อยมุขกระจายไปถึงไหนนะ   :m20:  แบบว่าสงสารพี่ฟ้าที่ต้องเกร๊งหน้า

:laugh:  นัทเอ๊ยยย ถ้าชั้นเป็นพี่ฟ้า ชั้นคงทำไม่ได้แบบเค้าแน่ๆเลย คงลงไปนอนกลิ้งๆๆๆแล้วขำแกอยู่พักใหญ่ๆ  :jul3: 

แล้วเรื่องแซนวิสอีก   :laugh:   ไม่น่าเชื่อว่า จะอดอยากขนาดนั้น  :m20:  ประธานจริงๆหลอ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 60
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 28-05-2014 08:01:08
 :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 60
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 28-05-2014 10:04:02
พี่ฟ้าอะ  :serius2:
 สงสารนัทที่สุด  :hao5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 60
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 28-05-2014 10:36:21
เป็นอันต้องชะงัก กับคำว่าหน้าที่
อิพี่ฟ้า ทำร้ายจิตใจนัท
 :katai1: :katai1:

นัทผู้ปิดทองหลังพระ
ต้องทนเจ็บไปถึงเมื่อไร
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 60
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 28-05-2014 11:21:06
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 60
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 28-05-2014 11:24:38
ก่อนหน้านี้  รีเฟรชทุกชั่วโมง

ณตอนนี้ ทุกสิบนาทีที่รออ่าน 5555 งอมแงมมากเลยทีเดียว

พ้ายแพ้ความน่ารักของนุ้งนัท พี่ฟ้าก็อย่าใจแข็งนักเลยนะคะ


หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 60
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 28-05-2014 12:41:50
แค่นิดนึงก็รู้สึกดีภายในใจ


แค่ได้มองได้อยู่ใกล้ :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 60
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 28-05-2014 12:46:20
โถ่ๆๆๆๆๆๆ น้องนัทลูกแม่
น่าสงสารเจงๆ  :hao5: :hao5: :hao5:
เจ็บจี๊ดขึ้นมาเรย กับคำว่า 'หน้าที่'
 :katai1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 60
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 28-05-2014 13:22:06
 o22  ติดมากมาย ทุกคู่ ทุกตอน 

ตอนนี้รอน้องเป็ดเหลืองทุกวันเลย   :o12:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 60
เริ่มหัวข้อโดย: tepintpilai ที่ 28-05-2014 13:48:13
สงสารน้องนัท พี่ฟ้าอย่าใจร้ายสร้างกำแพงไว้สูงซิ  :o12:

ปูเสื่อรอ คุณ aa_mm จร้าา  :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 60
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 28-05-2014 14:03:10
คงได้เปลี่ยนชื่อ จากคุณนัท เป็น เป็ดน้อย ซะแล้วม้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง :mew3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 60
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 28-05-2014 15:08:48
 :katai5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 60
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 28-05-2014 16:21:14
สงสาร แต่ก็ขำน้องเป็ด นัทสู้ๆ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 60
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 28-05-2014 16:39:04
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน ของฝากจากคุณรัชชานนท์

เป็นอะไร

ตั้งแต่ช่วงสาย ๆ ของวัน ที่ฟ้าสังเกตเห็นอาการของคนที่นั่งอ่านเอกสารได้อย่างชัดเจน

ไม่มีแววเคร่งขรึมอยู่ในนั้น

แปลกที่รู้สึกถึงความหม่นหมอง มันดูเศร้า ๆ แต่ไม่น่าจะมีเหตุผลอะไรให้เศร้า มีอะไรให้เศร้า ในเมื่อไม่น่าจะมีเรื่องอะไร
ทำงานของตัวเองไป และมีหลายครั้งที่เบนสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์มามองหน้าของคนที่ยังนั่งอยู่ท่าเดิม

และในเวลานี้นัทกำลังขมวดคิ้วมุ่น ไม่เห็นแปลกที่ขมวดคิ้ว แต่แปลกตรงที่ทำไมถึงรู้สึกว่าบรรยากาศมันหม่นหมองสิ้นดี

“คุณนัทครับ”

ได้ยินเสียงเรียกและนัทก็เงยหน้าขึ้นมองตามเสียงเรียก

“เที่ยงแล้วคุณนัทจะทานอะไรครับ”

อะไรเหรอ นัทไม่หิว นัทไม่กินหรอกพี่ฟ้า พี่ฟ้าไปกินเถอะ นัทไม่หิวอะไรเลยจริง ๆ

“ไม่เป็นไรครับ ไม่รบกวนคุณรัชชานนท์ดีกว่า เชิญตามสบายครับ”

ตอบออกไปและนัทก็ก้มกลับลงมาที่เอกสาร ไม่รู้ทำไมถึงเศร้า แค่คำพูดของใครบางคน แต่ทำให้รู้สึกว่าหัวใจหม่นหมองได้ตลอดทั้งวัน  ไม่รู้จริง ๆ ว่าควรทำยังไงในเวลานี้ ไม่รู้เลยว่าต้องทำยังไง

“มื้อเที่ยงก็สำคัญ ผมคงไม่สบายใจถ้าคุณนัทไม่ทานอาหารให้ตรงเวลา”

เหรอครับ  นั่นพี่ฟ้าก็ทำไปตามหน้าที่อีกเหมือนเดิมใช่มั้ยล่ะ

“ผมรู้ว่าคุณต้องทำตามหน้าที่ แต่ไม่เป็นไรจริง ๆ ผมยังไม่ค่อยหิว”

ไม่ค่อยหิวแล้วยังไง ไม่ค่อยหิว แต่ก็ควรต้องกิน

“แล้วตกลงคุณนัทจะทานอะไร”

น้ำเสียงทุ้มที่เอ่ยถามยังคงราบเรียบ แต่ภายในใจของฟ้ากำลังครุกรุ่น ไม่ได้อยากจะถามซ้ำซากหรอกนะ แต่เพราะมันคือ....หน้าที่....ถึงได้ต้องถาม

“มื้อเที่ยงปกติผมไม่ทาน”

นัทเงยหน้าขึ้น และตอบออกไป ตอบและสบสายตากับคนที่มองตรงมา และฟ้าก็ยังทำหน้านิ่งเฉยไร้ความรู้สึกทั้งที่เริ่มนึกโมโหเล็ก ๆ แต่ก็ยังพยายามนิ่งสงบ ไม่แสดงสีหน้าและความรู้สึกอะไรออกมาเลย

…นัทจะกินได้ยังไง พี่ฟ้าไม่รู้หรอก แม้แต่เงินซื้อข้าวนัทยังต้องประหยัดสุด ๆ....

ไม่มีใครรู้หรอกว่านัทไม่มีเงินใช้ขนาดนี้ แล้วนัทก็ไม่กล้าบอกใครด้วย จะให้นัทบอกใครได้ยังไง ว่าสถานะทางการเงินของนัทมันแย่จนถึงขั้นดิ่งเหว นัทนับวันรอให้เงินเดือนออกทุกวัน แต่นัทบอกใครไม่ได้ ทั้งเพื่อน ทั้งพ่อแม่ หรือแม้แต่น้องสาว

ขืนบอกออกไป คงได้เป็นเรื่องใหญ่แน่ แค่จะหยิบยืมเล็ก ๆ น้อย ๆ นัทยังไม่กล้าเอ่ยปากพูดเลย

“งั้นก็ตามใจครับ”

อือ ก็ตามใจอยู่แล้ว ตามใจ...

นัทก้มหน้ากลับลงมาแล้ว และฟ้าก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป เดินออกไปด้วยมาดเท่ห์เหมือนเดิม
ส่วนคนที่มองตาม กำลังมีสีหน้าห่อเหี่ยว และเหมือนว่าร่างกายกำลังลีบเล็กลงเรื่อย ๆ

ตัวเล็กลง

ห่อเหี่ยว

และนัทก็ยืดแขนไปจนสุดแขน และใช้แขนแทนหมอน แนบหน้าลงไป และเริ่มคิดอะไรไปเรื่อย ๆ
เหม่อลอย และมองไปนอกหน้าต่าง เห็นท้องฟ้าสีฟ้าและก็เริ่มยิ้ม ยิ้มอย่างหม่นหมอง มองไปเรื่อย ๆ และไม่นานสติก็หยุดลงเพียงเท่านั้น

เผลอ….
มองท้องฟ้าแล้วก็เคลิ้มจนเผลอหลับ เพราะว่าคืนก่อนทำงานจนเกือบตีสาม และหลังจากเข้านอนแม้จะเป็นเวลาที่สมควรหลับ แต่นัทก็ไม่ได้หลับ เพราะแม้ตาจะหลับแต่สมองก็เหมือนไม่หลับลงเลย

อดนอนจนคิดว่าตัวเองคงจะชิน

แต่เมื่อเผลอ....

ในเวลาที่เผลอ ร่างกายก็ไม่สามารถต้านทานได้ แค่หลับตา แต่เผลอหลับไป หลับไปนาน นานมากจนแม้จะผ่านไปหลายชั่วโมงนัทก็ยังไม่ยอมตื่นขึ้นมาซะที

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 60
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 28-05-2014 16:39:37
“อือออ”

หรี่ปรือตาตื่นขึ้น และค่อย ๆ ขยับร่างกาย ลุกขึ้นนั่งตัวตรงอย่างเชื่องช้า และยกหลังมือขึ้นปาดน้ำลายที่คงจะไหลออกมาตอนที่เผลอหลับ

เผลอหลับไปสินะ เผลอหลับไป ใช่... เผลอหลับไป...แล้วหลับไปนานแค่ไหนวะ นี่มันกี่โมงแล้ว
กี่โมงก็ช่างมันเถอะ แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ.... อ่า...ชัดเลย

“ตื่นแล้วเหรอครับ”

ง่ะ ตะ...ตะ..ตื่นแล้วพี่ฟ้า นัทตื่นแล้ว อ่า แม่งเอ้ย ไอ้นัท ไอ้นัท ไอ้นัท ไอ้นัท ไอ้บ้านัท เผลอทำอะไรลงไปอีกแล้ววะ
แค่เพียงหันหน้าไปมองที่โต๊ะทำงานของพี่ฟ้าก็เห็นว่าพี่ฟ้ากำลังมองมา มองมาจริง ๆ มองแล้วก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมาเลย คงจะคิดว่านัทไร้ความรับผิดชอบสินะ คงจะคิดว่านัทเป็นเจ้านายที่ห่วยแตกสิ้นดี คงจะคิดว่านัทมันเป็นเด็กไร้ความสามารถ
คงจะคิดว่านัทไม่น่าจะเป็นเจ้านายพี่ฟ้าได้ใช่มั้ย

“ผมคิดว่าคุณคงจะหิวถ้าไม่ทานข้าว นี่เป็นไส้กรอกที่ใส่ซอสแล้ว กับขนมปังแซนวิชแฮม คงจะพอช่วยให้หายหิวได้”

ไม่ใช่แค่พูด แต่ถุงที่มีอาหารสำหรับกินรองท้องถูกนำมาวางไว้ให้ที่โต๊ะ และนัทก็เงยหน้าขึ้นมอง ไม่ใช่มองของที่ถูกนำมาวางให้ แต่มองไปที่ใบหน้าเรียบเฉยของคนที่นำของมาวาง

“ในสายตาคุณรัชชานนท์ ผมคงดูแย่มากใช่มั้ย”

ยังไง ดูแย่ที่ว่าคือยังไง ในแง่ไหน ก็....

“เมื่อคืนคุณนัทแทบไม่ได้นอน แถมวันนี้ก็ยังตื่นมาทำงานแต่เช้า ถ้าให้เดาคุณคงตื่นก่อนผมด้วยซ้ำ และก็เริ่มทำงานตั้งแต่ตื่นนอน ผมไม่เรียกสิ่งนั้นว่าแย่นะ ผมเรียกมันว่าความตั้งใจ”

แต่นัทแอบหลับ พี่ฟ้าก็เห็น มันคงไม่ได้น่ามองนักหรอก นัทรู้

“ร่างกายคนเราถ้าใช้มันอย่างไม่มีระบบ มันจะรวน   สำหรับความตั้งใจผมว่าก็เป็นเรื่องที่ดี แต่จะดีกว่านี้ถ้าคุณจัดระบบร่างกายให้เป็นระเบียบ มันจะช่วยให้การทำงานของคุณไหลลื่นขึ้นกว่านี้”

คำแนะนำง่าย ๆ และนัทก็นิ่งฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูด ฟังและคิดตามทุกประโยค มันก็จริงอย่างที่พี่ฟ้าพูด นัทก็รู้ แต่บางทีนัทก็ลากยาวไปเรื่อย ถ้าไม่ง่วงนัทก็ไม่กล้านอน เพราะกลัวจะเสียเวลาบางช่วงไป

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ ผมจะลองเอาไปปฏิบัติดู”

ตอบกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉยไม่ต่างกัน พูดคุยโต้ตอบกันไปตามหน้าที่

“ขอบคุณสำหรับนี่ด้วยครับ คุณรัชชานนท์”

ชี้นิ้วไปที่ถุงใส่อาหารและฟ้าก็พยักหน้ารับก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง

แม้ว่าพี่ฟ้าจะทำไปตามหน้าที่ แต่นัทก็ขอบคุณจริง ๆ อย่างน้อยนัทก็รู้ว่าชื่นชมคนไม่ผิด พี่ฟ้าเป็นคนเก่ง
และเป็นคนที่ดี  แค่นี้นัทก็ยังรู้เลยว่าพี่ฟ้าเก่งจริง ๆ เก่งมากจนนัทเฉา และอยากจะขอโทษแทนพ่อที่ดึงพี่ฟ้ามาช่วยงานจนทำให้พี่ฟ้าไม่มีเวลาให้กับโรงงานของตัวเอง

นัทไม่อยากเป็นตัวถ่วง ถ้านัททำงานได้คล่องแคล่วเร็วขึ้นเมื่อไหร่ โอกาสที่พี่ฟ้าจะได้กลับไปบริหารโรงงานของตัวเองก็เร็วขึ้นเท่านั้น นัทไม่อยากสร้างปัญหาให้พี่ฟ้า นัทไม่อยากให้พี่ฟ้าเกลียดนัทมากไปกว่านี้ นัทจึงพยายามเรียนรู้งานให้เก่งเร็ว ๆ พี่ฟ้าจะได้กลับเร็ว ๆ เห็นแบบนี้แล้ว นัทยิ่งต้องพยายาม

ยิ่งพี่ฟ้าเก่งมากเท่าไหร่นัทยิ่งต้องพยายามมากขึ้นอีกหลายเท่า เพราะไม่อยากให้พี่ฟ้าเอาความสามารถมาทิ้งไว้ตรงนี้นาน

“คุณนัทครับ ผมเกือบลืมอะไรไปอย่าง”

ครับ อะไรเหรอ พี่ฟ้ามีอะไร

นัทเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง และฟ้าก็เดินกลับมาที่โต๊ะของนัทและก็วางบางอย่างไว้ให้บนโต๊ะ ตุ๊กตาตาพลาสติกตัวเล็กๆ ที่ทำเป็นเป็ดโดนัลดั๊ก

“ซื้อของแล้วเขาให้แลกซื้อได้”

แล้ว.....พี่ฟ้าก็เลยแลกซื้อมา....งั้นเหรอ

ชี้นิ้วไปที่ตัวเองเหมือนเป็นคำถามว่านี่คุณให้ผมหรือ และฟ้าก็พยักหน้า

“มีอีกหลายแบบนะ ผมว่ามันก็ดูน่ารักดี”

แล้ว......

“ถ้าคุณนัทอยากได้ตัวอื่น ๆ ก็ลองใช้สิทธิ์แลกซื้อดู ส่วนตัวนี้ผมให้แล้วกัน”

ให้นัท ให้ตุ๊กตาโดนัลดั๊กที่แลกซื้อมาเนี่ยนะ

“มันมีเสียงดนตรีด้วย ถ้าคุณนัทอยากฟังก็กดปุ่มตรงนี้แต่ถ้าอยากให้มันหมุนได้ ก็แค่ไขลาน”

เหอะ เหอะ เหอะ  ขอบคุณสำหรับการสาธิต อุตส่าห์ใจดี สาธิตให้ดูด้วยว่ามันทำงานยังไง หมุนตรงไหน และกดตรงไหนจะมีเสียงดนตรี เป็นสิ่งที่นัทซาบซึ้งใจมาก ตุ๊กตาโดนัลดั๊กที่ไขลานได้และมีเสียงดนตรีถูกวางกลับลงมาบนโต๊ะแล้ว และนัทก็มองด้วยความรู้สึกหลากหลาย

หน้ากูแบ๊วมาก จนเหมือนคนที่จะชอบแบบนี้หรือไงวะ หน้ากูมันแบ๊วมาก จนพี่ฟ้าต้องซื้อของเล่นหลอกเด็กแบบนี้มาให้เลยใช่มั้ย

“นี่ผมให้คุณนัทแล้วกันนะ ไม่ต้องคิดว่าผมจะทำตามหน้าที่อะไร”

เหอะ เหอะ เหอะ เหรอครับ ไม่ต้องคิดว่าทำตามหน้าที่เหรอ ไม่ต้องคิดว่าทำตามหน้าที่ใช่มั้ย

“เห็นว่าชอบอะไรที่เป็นเป็ด พอดีผมเห็นว่ามันเป็นเป็ดแล้วก็ดูน่ารักดีคิดว่าคุณนัทคงชอบ ก็เลยซื้อมาฝากแค่นั้นเอง”

แค่นั้นเอง

แค่นั้น

แค่นั้น

คุณรัชชานนท์เดินกลับที่ไปแล้ว และนัทก็อยู่ในสภาพที่ทำหน้าไม่ถูก หน้าเอ๋อ และอ้าปากค้างเล็กๆ เห็นแบบนั้นแล้วก็ยิ่งทำให้ฟ้าที่คิดว่าจะกลับไปสนใจกับงาน เริ่มอมยิ้ม

ตลกดี ตลกหน้าไอ้เด็กนัท ยิ่งเห็นแบบนี้ยิ่งตลก จนทำให้อยากจะขำ แต่ก็ต้องเก็บอาการ

ฟ้ามองว่าเป็นเรื่องตลก และอยากหัวเราะ แต่นัทกำลังรู้สึกว่าตัวเองอยากจะร้องไห้ พี่ฟ้าไม่ได้ลืมใช่มั้ย นี่คงเป็นการตอกย้ำว่าคืนก่อนพี่ฟ้าได้เจออะไรมา และก็คงคิดว่านัทชอบเป็ดมาก จนต้องซื้อตุ๊กตาเป็ดมาฝาก

ภาพพจน์กู

ใช่ภาพพจน์มึงแหละไอ้นัท

ใช่ภาพพจน์กู

เออใช่ ภาพพจน์มึงไง

แม่งคงไม่มีอะไรจะเหลือแล้วแหละงานนี้ กูอยากจะบ้าจริงโว้ยยยยยยยยยยยยยย


TBC.

 Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2818.0)
      และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 60
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 28-05-2014 16:48:19
ภาพพจน์เป็ดๆ น่ารักอ่ะ พี่ฟ้า น่ารักมากๆเลย แอบใส่ใจ สนใจนัทเป็ดเหลืองด้วย  :-[ :o8:

ปล. ดีใจมากๆค่ะ มาแล้ว ปลื้มมมมมมมมมม :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 60
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 28-05-2014 16:48:58
 :m20: :laugh:
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 60
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 28-05-2014 17:54:48
 สู้ๆน้องนัท:ped144: :ped144:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 60
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 28-05-2014 18:02:24
 :m20:น้องนัทกลายเป็นหนุ่มคลั่งไคล้เป็ดในสายตาพี่ฟ้าซะแล้ว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 60
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 28-05-2014 18:04:42
สงสัยต้องเปลี่ยนจากน้องนัทเป็นน้องเป็ดซะแล้วจริงๆ  :laugh:

ค่อยยังชัาวหน่อยพี่ฟ้ายังแคร์ความรู้สึกน้อง  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 60
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 28-05-2014 18:23:42
 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 60
เริ่มหัวข้อโดย: yokky34 ที่ 28-05-2014 20:23:58
555 ตอนท้ายๆ เหมือนน้องนัทจะสับสน มึนๆ เบลอๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 60
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 28-05-2014 20:25:51
นัทเป็ดน้อย... ฟรุ้งฟริ้งอะ      :m1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 28-05-2014 21:01:37
นี่ถ้าเค้าบอกว่าซื้อมาเพราะหน้าที่ เป็ดน้อยนัท คงได้ล้มตรงหน้าพี่ฟ้า แน่ๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 60
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 28-05-2014 21:08:47
จริงๆก็ชอบเป็ดใช่มั้ยละ อย่าปฏิเสธเลย พี่ฟ้าก็เห็นอยู่ เค้าไม่ได้ทำตามหน้าที่นะ แค่นี้ก็น่าจะ happy ได้แล้ว :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 60
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 28-05-2014 21:24:04
พี่ฟ้าขี้แกล้งโคตรอ่ะ....
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 60
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 28-05-2014 22:31:21
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน เบื้องหลังสิ่งที่เห็น

เอาวะ เป็นไงเป็นกัน กูขอหื่นหน่อยแล้วกันวะ ปกติคนเป็นที่โต ๆ กันแล้วเขาไม่มานั่งคิดอะไรกับเรื่องแบบนี้หรอก

นอกจากจะขรึม เท่ห์ ต้องเป็นผู้ชายเจ้าสเน่ห์ด้วย

สิ่งที่จะทำต่อจากนี้ก็แค่ของง่าย ๆ ไม่ต้องกลัวไอ้นัท อย่าสั่นแค่เดินไปหอมแก้มพี่ฟ้าหน้าหล่อและดูดียิ่งกว่าใคร
กำไรเห็น ๆ โอกาสแบบนี้ในชีวิตมึงอาจไม่มีอีกแล้วนะ เงินไม่เหลือขนาดนี้แล้ว จะยอมใจดีไม่ขอเศษขอเลยอะไรหรือไง

นัทกดปลายจมูกหนัก ๆ ที่ข้างแก้ม ของใครบางคนที่กำลังนั่งนิ่งและทำหน้าเคร่งขรึม
และฝ่ายนั้นก็เบี่ยงหน้าหลบ และหันไปมองรอบ ๆ ตัวเพราะกลัวว่าจะมีใครเห็น

ไม่ใช่พี่ฟ้าคนเดียวหรอกที่กลัว แต่นัทก็โคตรกลัวเลย
แต่นัทก็ไม่ใช่คนใจดี ที่ไม่อยากได้อะไรตอบแทน ไหน ๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว จะไม่ให้นัทได้อะไรจากพี่ฟ้าเลยหรือไง

ยังไงพี่ฟ้าก็เกลียดนัทอยู่แล้ว ทำแบบนี้ พี่ฟ้าก็ไม่ได้เกลียดนัทมากขึ้นอีกเท่าไหร่หรอก

“ทำเป็นตื่นเต้นไปได้ ถือว่าเป็นมัดจำน่า”

บทเป๊ะ ซ้อมมาทั้งคืน เท่ห์มากไอ้นัท มันต้องให้ได้อย่างนี้

ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าพี่ฟ้าจะทำหน้าแบบไหน แม้จะนิ่งเงียบ แต่ก็รู้ว่าพี่ฟ้าคงสะอิดสะเอียนมาก
แล้วยังไงล่ะ ก็นัทอยากทำแบบนี้ เห็นแก่ตัวนัทก็ยอม พี่ฟ้าไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว แถมพี่ฟ้าก็เคยมีแฟนเป็นผู้ชายด้วย ของแค่นี้ นอกจากทำให้เกลียดแล้วพี่ฟ้าก็คงไม่รู้สึกอะไร

“คุณกลัวมากขนาดนั้นเลยหรือไง คุณรัชชานนท์”

ยิ้มระรื่น ทำหน้าตาเหมือนมีความสุขมากทั้งที่ในใจเต้นระส่ำ ใจเย็นไว้มึงนัท ใจเย็นไว้ เดี๋ยวก็สำเร็จ

“ผมเซ็นเช็คให้ก่อนล่วงหน้าแล้วนะ ที่เหลือทางคุณก็จัดการเคลียร์เอง หลังจากนั้น ผมกับคุณ ตามที่ตกลง คุณคงไม่อยากให้ผมทำอะไรร้าย ๆใช่มั้ย ผมก็ไม่ได้อยากให้เช็คเด้งหรอก จริง ๆ นะผมสาบานได้”

โหดได้อีกกู มันต้องแบบนี้ไอ้นัท ภาพพจน์มันไม่ได้ดีมาตั้งแต่แรกแล้ว จะเสียเพิ่มอีกมันจะเป็นอะไรไป

“ยัยหนิงน่ะมันรู้ตั้งนานแล้ว ว่ายังไงคุณก็ต้องเป็นของผมเข้าสักวัน จะไปรู้สึกผิดอะไรก็แค่แต่งไปตามหน้าที่ คุณก็ทำเป็นเฉย ๆ เวลาอยู่ในบ้าน ส่วนผมก็เล่นไปตามน้ำ ผมปิดปากน้องสาวผมได้ คุณยังจะห่วงอะไรมากมายนักหนาคุณรัชชานนท์”

ยัยหนิงมันรู้ตั้งนานแล้วว่านัทชอบพี่ฟ้า ที่มันยอมทำอะไรบ้า ๆ บอ ๆ ก็เพราะสมรู้ร่วมคิดด้วย
อีกอย่างยัยหนิงก็รู้ตั้งนานแล้วว่าพี่ฟ้าเป็นอะไร และมันก็พร้อมจะแต่งตามคำสั่งพ่อไม่มีขัดข้อง ร้ายจะตายน้องสาวนัทถ้าคิดจะทำอะไรบ้า ๆ บอ ๆ ใครก็ไม่มีทางห้ามได้

และตั้งแต่คืนแรกที่เข้าหอ ยัยหนิงก็พูดกับพี่ฟ้าตรง ๆ ว่าแต่งตามหน้าที่ และไม่พร้อมจะมีอะไรด้วย แถมคืนนั้นทั้งคืนยัยหนิงมันยังหนีเที่ยวอีกต่างหาก ทั้งที่เป็นคืนแรกของการแต่งงานแท้ ๆ

“ผมอยากลองกับผู้ชาย คุณเองก็เป็นอย่างว่า ถือว่าเรามาสนุกร่วมกันไง ดีออกจะตาย ค่าตัวคุณมันแพงเหลือเชื่อเลยนะ คุณน่าจะดีใจสิ ไม่ใช่มาทำท่าเหมือนเกลียดผมซะเต็มประดาขนาดนั้น”

มาจนถึงขั้นนี้แล้ว นัทยังมีอะไรต้องเสียใจอีกล่ะ เงินเก็บทั้งหมดที่มี ก็ให้ไปหมดแล้ว ความเกลียดชังที่พี่ฟ้ามีต่อนัท ก็คงเพิ่มขึ้นอีกมากโขแบบไม่ต้องสงสัย

แม้มันจะเป็นการเสียเงินจำนวนมากเพื่อแลกกับเซ็กส์จากคนที่นัทชอบมานาน แต่นัทก็พร้อมจะให้เป็นแบบนั้น

อะไรก็ได้ นัทไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ยังไงพี่ฟ้าก็เกลียดนัทอยู่ดี ไม่ว่าทางไหน
อยากได้ แม้พี่ฟ้าจะเกลียดนัทไปจนตาย แต่นัทก็ได้ในสิ่งที่อยากได้แล้ว แค่เพียงเศษเสี้ยวเล็กน้อย แต่อย่างน้อยนัทก็รู้ว่าเคยได้ครอบครองมาแล้ว แม้จะเป็นเพียงแค่ร่างกาย

“คุณนัทต้องการแบบไหน ยังไง ผมจะได้สนองให้ถูก”

อยากจะร้องไห้ แต่ก็ฝืนยิ้ม เงยหน้าขึ้นมอง ยิ้มและหมุนเก้าอี้เล่นเหมือนเรื่องที่ถูกถามเป็นคำถามชวนให้สนุกสนาน

“ยังไงล่ะ คุณถนัดยังไง ก็เอาตามนั้น บริการผมดี ๆ ด้วยนะผมไม่ค่อยเรื่องมากหรอก ผมให้คุณเลือกเลย ส่วนสถานที่ก็......ผมขอเป็นที่นี่แล้วกันนะ ได้อารมณ์ดีไปอีกแบบ”

คิดอะไรไม่ออก แต่ถ้านัทต้องอยู่ที่นี่ไปอีกนาน นัทก็อยากให้มีเงาของพี่ฟ้าอยู่ในความรู้สึกตลอดเวลาที่นึกถึง เมื่อล้มตัวลงนอน

“อย่าทำเป็นโกรธเคืองกันขนาดนั้นสิ คุณรัชชานนท์....ไม่ใช่สิ คุณน้องเขย เอ๊ะ หรือว่าจะเป็น...........”

เปล่งเสียงหัวเราะออกมา ทั้งที่อยากจะร้องไห้เมื่อเห็นสายตาเกลียดชังของคนที่อยู่ตรงหน้า

ทำไปไอ้นัท ทำไป เดี๋ยวก็ได้อย่างที่ต้องการแล้ว ทำต่อไป

สิ่งที่ฟ้าทำคือ นั่งมองตัวเลขแปดหลักในเช็ค และท่องจำให้ขึ้นใจว่าที่ทำอยู่ก็เพื่อคนอีกมากมายที่จะได้อยู่รอด

ท่องจำให้ขึ้นใจ ว่ากำลังแบกความหวังของคนทั้งหมดเอาไว้ จะปล่อยให้พังพินาศไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้

นัทกำลังมองหน้าของคนที่นั่งเงียบ ด้วยความรู้สึกเศร้าสร้อยหม่นหมอง

ทำได้แค่นี้นะพี่ฟ้า นัททำให้ได้แค่นี้ และนัทเห็นแก่ตัวมาก ที่ขออะไรพี่ฟ้าแบบนี้ แลกกับการช่วยเหลือ

“เวลาคุณทำหน้าแบบนี้ ยิ่งเป็นการเร่งเร้าผมไปใหญ่เลยนะคุณรัชชานนท์ ดูคุณสิ โกรธก็โกรธไม่ได้ อยากโมโหแทบตายแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง คุณเป็นคนที่เก็บสีหน้าได้เก่งคนหนึ่งเลยนะ จนผมแทบจะไม่รู้เลย ว่าคุณเกลียดผมขนาดไหน”

แค่ไหนล่ะ ที่เกลียด พี่ฟ้าเกลียดนัทมากแค่ไหน

“ผมไปได้หรือยังครับคุณนัท”

.....แหมมาแค่นี้ก็จะไปแล้วเหรอ
คุณจะสร้างมูลค่าให้ตัวเองไปถึงไหนคุณรัชชานนท์….

อยากจะพูดประโยคที่ท่องมาแทบขาดใจ เพื่อให้สมบทบาทแต่เมื่อมองหน้าของพี่ฟ้าแล้ว มันก็ทำให้พูดอะไรไม่ออก

คงจะเจ็บปวดและทรมานมากใช่มั้ยพี่ฟ้า

นัทรู้

นัทเข้าใจว่าพี่ฟ้าคงเกลียดนัทมากจนแทบอยากจะฆ่าทิ้งเลยด้วยซ้ำ

“งั้นเจอกันที่บ้านแล้วกันนะ คุณน้องเขย”

เจอกันที่บ้านงั้นเหรอ นัทไม่เคยกลับบ้าน และพี่ฟ้าก็ไม่เคยอยากอยู่บ้าน ที่นัทไม่กลับก็เพราะไม่อยากให้พี่ฟ้าเห็นหน้า ไม่อยากให้พี่ฟ้าเกลียดชังไปมากกว่านี้

การทำงานหนัก ๆ มันช่วยได้ งานที่โรงงานหนักหนา จนนัทไม่มีเวลากลับบ้าน
หรือบางทีมันอาจจะเป็นเพราะนัทต้องการจะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับใครบางคนด้วย นัทก็เลยไม่คิดจะกลับไป

ฟ้าลุกขึ้นแล้ว และหันหลังกำลังจะก้าวขาเดินออกจากห้องโดยมีสายตาของใครบางคนมองตาม และยิ้มออกมาอย่างถูกใจ

ถูกใจและพอใจเมื่อสิ่งที่ตั้งใจไว้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี น่าสนุกจะตายเวลาที่จะได้เห็นใบหน้าหลากหลายของใครบางคนที่ทำเป็นเพียงแค่นิ่งเงียบ

สีหน้าที่เรียบเฉยแบบนั้น ใครจะไปรู้ว่าแอบแฝงอะไรบางอย่างเอาไว้มากมาย

ผลประโยชน์มันกลืนกินชีวิตคนเราได้เสมอ และผลประโยชน์มันก็ให้สิ่งที่เราต้องการได้เสมอเช่นกัน

ในเมื่อจะเลวในเมื่อจะร้าย นัทก็จะทำให้มันสุด ทำให้เห็นไปเลยว่านัทเลวและคิดอะไรแย่ ๆ ได้มากขนาดไหน

“เออนี่คุณรัชชานนท์”

ฟ้าถึงกับชะงักเท้าและหันกลับมามองใครบางคนที่นั่งยิ้มกริ่มอยู่บนเก้าตัวเดิม และส่งยิ้มชวนคลื่นไส้มาให้ไม่เลิก

“มัดใจผมหน่อยเพราะถ้าคุณทำได้นั่นหมายถึงฐานะที่มั่นคงและสภาพคล่องของบริษัทคุณเอง เผื่อคุณลืมผมเลยอยากบอกให้รู้เอาไว้”

กูนี่ก็เล่นบทเหี้ยๆ ได้สมบทบาทดีเหมือนกันนะ อยากจะชมตัวเองใจแทบขาด แต่สิ่งที่ต้องทำคือพยายามปั้นหน้าและฝืนยิ้มเข้าไว้

“ผมจะจำไว้ครับ ผมจะจดจำเอาไว้ให้ขึ้นใจ”

ได้รับคำตอบ จากคนที่มีสีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก

และนั่นก็ยิ่งทำให้นัทเปล่งเสียงหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะที่เยาะเย้ยตัวเอง แต่ไม่เคยมีใครได้รู้

“คุณรัชชานนท์ คุณนี่มันน่าสนใจจริง ๆ ผมหวังว่าการลงทุนของผมจะคุ้มค่านะ คงต้องรบกวนคุณแล้วล่ะ”

รบกวนเหรอ ช่างเยาะเย้ยกันได้ขนาดนี้เลยนะ

ผมมันก็แค่หมาจนตรอก ส่วนคุณมันคือหมาล่าเหนือ

มันช่วยไม่ได้ที่คนเราต้องสู้เมื่อหลังชนฝา แม้มันจะไร้ศักดิ์ศรีเกินทน

แต่จะสู้หรือถอย มันขึ้นอยู่กับคนเลือก และฟ้าเลือกที่จะสู้ ไม่ใช่ถอย

“ผมจะปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด สัญญาต่างตอบแทนผมเข้าใจดี และผมมีจรรยาบรรณมากพอที่จะไม่ทำผิดสัญญาขอให้คุณนัทสบายใจได้ ไม่ต้องเป็นกังวล”

สิ่งที่ฟ้าคิด กับสิ่งที่นัทคิดสวนทางกันเสมอ

ฟ้าก้าวขาเดินออกไปแล้ว

สิ่งที่คิดในหัวคือโล่งอก เมื่อเรื่องที่พ่อขอร้องให้ทำ สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี กลับไปพร้อมเช็คที่อยู่ในมือ และคงไม่สามารถบอกใครได้ถึงความวิปริต ของไอ้เด็กนัทที่ให้เช็คมาพร้อมกับการขอทำเรื่องทุเรศ ๆ บางอย่างด้วย

แค่รอเวลา รอเวลาที่จะต้องไปมีความสัมพันธ์กับไอ้เด็กนัท ที่มันทั้งหยิ่งยโสโอหัง และเห็นชีวิตคนอื่นเป็นของเล่น

นิสัยมันเคยแย่ยังไง มันก็ยังแย่อยู่แบบนั้น เคยเกลียดแค่ไหนวันนี้ยิ่งเกลียดมากขึ้นกว่าเดิม

นัทมองตามคนที่เดินจากไปแล้ว และยิ้มกับตัวเองอย่างหมองเศร้า

เท่านี้สิ่งที่นัทหวังก็เป็นจริงแล้ว สิ่งที่นัทอยากได้รับ มันกำลังจะเป็นจริงแล้ว

“นัท”

“คุณนัทครับ”

“คุณนัท”

นัทเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เมื่อได้ยินเสียงเรียกของใครบางคน

“ถ้าไม่กินอะไร นี่คงช่วยได้ อย่างน้อยนมก็ช่วยเคลือบกระเพาะ”

มองไปที่นมช็อคโกแลตหนึ่งกล่อง ที่วางเอาไว้ มันเป็นแบบที่นัทชอบกิน พี่ฟ้ารู้ได้ยังไงว่านัทกินแบบนี้

ไม่ได้ถาม แต่รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะยิ้ม อยากยิ้มแต่ยิ้มไม่ได้ ทำไมพี่ฟ้ารู้ล่ะ นัทไม่เคยบอกนะ บางทีมันอาจเป็นเรื่องของความบังเอิญก็เป็นได้

ไม่กล้าเข้าข้างตัวเอง และฟ้าก็หยิบกล่องนมขึ้นมาและใช้หลอดเจาะไปที่กล่อง และวางเอาไว้ที่เดิม

“หกโมงเย็นแล้ว กินซะหน่อย คิดว่าคุณนัทคงอยู่ทำงานอีกนาน”

ใช่ นัทคงยังนั่งทำงานแต่พี่ฟ้าจะกลับเลยก็ได้นะ นัทไม่ได้ว่า

“เลยห้าโมงเย็นแล้ว เวลาเลิกงานคือห้าโมงเย็น คุณจะกลับก็กลับได้เลยคุณรัชชานนท์ ผมไม่มีอะไรแล้ว เหลือแค่อ่านเอกสารและทำความเข้าใจไปเรื่อย ๆ”

เอ่ยบอกออกไป และคุณรัชชานนท์ก็เลิกคิ้วขึ้นสูง พยักหน้ากับสิ่งที่นัทพูด

“ผมก็มีเอกสารที่ต้องอ่านและทำความเข้าใจเหมือนกัน ผมไม่ค่อยเข้าใจระบบที่นี่เท่าไหร่ ผมเป็นเลขาผมก็ควรต้องปฏิบัติหน้าที่ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ผมไม่ชอบความไม่สมบูรณ์แบบ และผมไม่อยากให้คุณพ่อคุณว่าผมเอาได้ ว่าไม่มีความอดทน”

ไม่เห็นเกี่ยวกับพ่อเลย พ่อจะว่าพี่ฟ้าได้ยังไง ถ้านัทไม่พูด

นัทก้มหน้าก้มตากลับลงไปแล้ว และไม่ลืมจะหยิบกล่องนมที่วางเอาไว้ขึ้นมา

กัดไปที่หลอดและหมุนเล่น ทำเหมือนที่เคยทำ

แต่มันเรียกรอยยิ้มเล็กๆ จากใบหน้าของเลขาหน้านิ่งได้

คุณรัชชานนท์ที่กำลังอมยิ้ม รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ พยายามตีหน้าขรึม และพยายามจะไม่แสดงความรู้สึกใด ๆออกมา

ทำไมจะไม่รู้ว่ากินนมรสชาติไหน ยี่ห้ออะไร แล้วทำไมจะไม่รู้ว่าใครบางคนมีนิสัยชอบกัดหลอด ยากตรงไหนแค่มองไปที่ถังขยะใต้โต๊ะของคุณนัทก็เห็นแล้ว มีแต่กล่องนมยี่ห้อนั้น และสภาพหลอดถูกกัดจนบี้แบน แค่นี้ก็รู้แล้วว่าพฤติกรรมของใครบางคนเป็นยังไง

กัดจริง ๆ สินะ กัดหลอดเล่น กัดจนหลอดบี้

เด็กยังไงก็ยังเป็นเด็กวันยังค่ำ ต่อให้พยายามปั้นหน้าทำเป็นเคร่งขรึมและรักษาฟอร์มทำเป็นผู้ใหญ่แค่ไหน มันก็ไม่มีทางเป็นไปได้

แล้ว....แบบไหนคือตัวจริงของไอ้เด็กนัทกันล่ะ หยิ่ง ยโสโอหัง พูดจาเห็นแก่ตัว

หรือว่าจะเป็น...ไอ้เด็กคลั่งเป็ดหน้าตาน่ารัก ดวงตาใสแจ๋วที่ทำตาโตใส่เมื่อคืน

แบบไหนคือตัวจริงของไอ้เด็กนี่กัน อยากรู้จริง ๆ ว่าแบบไหนคือตัวตนที่แท้จริงของคุณกันล่ะ ...คุณนัธพันธ์....


 Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2818.0)
      และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 60
เริ่มหัวข้อโดย: ultue ที่ 28-05-2014 22:44:00
เย้เย้มาลงให้แล้วดีใจจัง  :pig4: :mew5: :L1: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 61
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 28-05-2014 23:07:04
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 61
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 28-05-2014 23:18:31
สารภาพว่าตอนแรกคิดว่านังน้องนัทนี่มันช่างร้ายกาจจริงๆ นึกว่านางจะจิ้มพี่ฟ้าด้วยแหละ
หลังๆหลุดเอ๋อตลอด ยิ่งอ่านยิ่งฮา+สงสาร เป็ดน้อยตัวจริงน่ารักสุดๆอะ
คนอ่านตั้งตารอวันพี่ฟ้าทวงสัญญาเลย ในห้องทำงานด้วยนะ  :haun4:
ปล.ใส่ภาพ กับชื่อเรื่องผิดรึป่าวเอ่ย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 61
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 28-05-2014 23:30:37
 :monkeysad: เมื่อไรพี่ฟ้าจะกระเทาะเปลือกน้อง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 61
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 28-05-2014 23:31:01
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน กลับมาทำไม

“ติดหรูหรือเปล่า”

ห๊ะ ติดหรูหรือเปล่า หมายความว่ายังไง ติดหรู ก็ไม่นะคิดว่าไม่

“ไม่ครับ ผมยังไงก็ได้”

ตอบกลับไปแล้วทั้งที่งงกับคำถามในเวลาห้าทุ่มครึ่ง

“ร้านข้าวต้มข้างทางกินได้มั้ย”

ได้

ว่าแต่ ร้านข้าวต้มข้างทางมันทำไมเหรอ ไม่เข้าใจ

“ก็...ได้ครับ” ไม่เข้าใจคำถาม แต่ก็ตอบออกไปแล้ว

และคุณรัชชานนท์เลขาหน้านิ่งก็ลุกขึ้นยืนและคว้ากุญแจรถมาถือไว้ในมือ ก่อนจะปลดเนคไทออก และวางเอาไว้บนโต๊ะ

อ่า... ดึกแล้วนี่นะ จะมาผูกเนคไทด์อยู่ตลอดมันก็ยังไง

นัทมองคนที่ปลดเนคไทด์ออกแล้วก็ลงมือปลดเนคไทของตัวเองบ้าง และหยิบเอกสารที่อ่านค้างไว้ขึ้นมาอ่านต่อ

“ไปหรือยังครับ”

ไป...
ไปไหนเหรอ
ไป...

เลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความสงสัย และมองไปที่คุณเลขารัชชานนท์ที่ยืนรอ และยังมีหน้าเดิมคือหน้านิ่งสนิท แต่โคตรเท่ห์สุด ๆ

“หมายถึง....”

เพราะไม่เข้าใจ ก็เลยถาม และคุณเลขาก็เลิกคิ้วขึ้นสูงเพื่อเป็นการถามกลับเช่นกัน

“ทานข้าวไงครับ แถวนี้มีร้านข้าวต้มโต้รุ่งใกล้ ๆ ขับออกไปไม่ถึงถนนใหญ่ คุณนัทน่าจะพอกินได้ ถ้าไม่ติดหรูอย่างที่ว่า”

อ่า นัทไม่เคยติดหรูนะ แต่ว่าพี่ฟ้า ไม่น่าใช่ ออกจะเป๊ะซะขนาดนี้ กินแบบนั้นได้ด้วยเหรอ นัทไม่อยากเชื่อ

“ผมเอ่อ ยังไม่ค่อยหิว”

ที่ถูกคือ ผมกลัวไม่มีตังค์จ่าย ตอนนี้คำว่าโคตรจนที่สุดในชีวิตมันซึมเข้ากระแสเลือดของนัทไปเรียบร้อยแล้ว
ที่จริงอยากไปนะ พี่ฟ้าอุตส่าห์ชวน แต่มัน....ไปไม่ได้

“งั้นก็ตามใจครับ”

ตามใจ

“ผมไปล่ะ”

คุณเลขาหน้านิ่งเดินออกจากห้องไปแล้ว และนัทก็ถึงกับอยากร้องไห้ พี่ฟ้าคงคิดว่านัทเรื่องมาก บอกว่าไม่ติดหรู แต่พอชวนไปกินแล้วก็ไม่ยอมกิน ทำเป็นกินไม่ได้ แบบนี้ก็คงจะสวนทางกับสิ่งที่นัทพูดสินะ คงจะสวนทางและยิ่งเพิ่มความเกลียดให้พี่ฟ้าอีกเป็นแน่ คิดแล้วก็เศร้า เศร้าแล้วก็ชักอยากร้องไห้

คุณเลขาไม่หันหน้ากลับมามองเลย เดินออกประตูไปแล้ว

นัทลุกขึ้นเดินไปดูที่หน้าต่างและเห็นว่ารถของคุณรัชชานนท์ขับออกนอกประตูโรงงานไปแล้ว

ขับผ่านประตูโรงงาน จากไปเรียบร้อย และนัทก็กลับมานั่งหน้าเศร้าอยู่คนเดียว อยากจะอ่านเอกสารต่ออยู่หรอกนะ และอยากจะทำความเข้าใจกับมันให้มากขึ้น แต่ก็รู้สึกหงอยเหงาเศร้าซึมจนเหมือนจะทนไม่ไหว

วันนี้ไม่ค่อยหิว เพราะพี่ฟ้าหาขนมและของกินมาให้ตลอดทั้งวัน

เกือบเที่ยงคืนแล้ว อ่านไปก็ไม่รู้เรื่อง อาบน้ำดีกว่า อาบน้ำให้ร่างกายสดชื่น แล้วก็ค่อยกลับมาอ่านเอกสารต่อก็ได้

บางทีนะ บางที

บางทีการอาบน้ำก็คงช่วยได้ เผื่อว่าพอร่างกายสดชื่นแล้วจะได้มีกระจิตกระใจทำงานต่อไป แล้วก็จะได้ไม่ต้องคิดอะไรมาก เวลาที่พี่ฟ้าไม่ยอมสนใจ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 61
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 28-05-2014 23:31:32
หยิบกิ๊บหนีบผมรูปเป็ดสีเหลืองมาติดที่ผมที่กำลังปรกมาที่หน้าผาก

ไม่มีอะไรน่าอายหรอก ทุเรศแค่ไหน ก็คงไม่มีใครเห็นแล้ว ดึกป่านนี้ พี่ฟ้าคงกลับถึงบ้านเรียบร้อย
เหนื่อยมาทั้งวัน จะให้เป็นคนบ้างานแบบนัทที่อ่านแต่เอกสารไม่ยอมหยุดมาเป็นเดือนแบบนี้ได้ยังไง

นัทหยิบกระจกเล็ก ๆ ที่วางอยู่มาส่องดูที่หน้าตัวเอง

สิวผุดขึ้นที่แก้มหนึ่งเม็ด คงเป็นเพราะเครียด ขอบตาเริ่มคล้ำ ๆ เป็นหมีแพนด้า แต่หมีแพนด้าไม่มีหนวดแมวแบบนี้หรอกนะ เห็นหน้าตัวเองแล้วก็ขำ มีหนวดแมวลายพร้อย ยิ่งเห็นก็ยิ่งตลก

พี่ฟ้าขำบ้างมั้ยนะ เวลาเห็นสภาพนัทแบบนี้

มองหน้าตัวเองแล้วก็ขำไม่เลิก ก่อนจะเปลี่ยนจากขำเป็นทำหน้าเศร้า ต่อให้หน้าเป็นลายเพราะแป้งที่ทาลงไปขนาดไหนก็ไม่มีอะไรต้องกลัวหรอก เพราะยังไงก็มั่นใจว่าคงไม่มีใครมาเห็นอีกแล้ว หยิบดินสอมาหมุนเล่น และนั่งชันเข่าอยู่บนเก้าอี้ กอดเข่าและอ่านเอกสารไปเรื่อย ๆ อ่านแล้วก็งง งงแล้วก็เพ่งสายตามอง เปิดลิ้นชัก และหยิบแว่นสายตาขึ้นมาใส่ ไม่อยากใส่คอนแทคเลนส์ ให้ดวงตาได้พักผ่อนบ้าง ใส่คอนแทคเลนส์ทั้งวันมันคงไม่ค่อยดี

“อืมมมม ทำไมถึงไม่แยกประเภทสินค้าออกไป เอาจับมารวมกันแบบนี้ทำไมวะ”

รวบรวมข้อมูลได้มากมายและบางอย่างที่ไม่ควรทำ ก็เห็นว่าบางแผนกในโรงงานก็ยังทำ สัปดาห์หน้าจะเปิดการประชุมครั้งแรก และนัทคือผู้ที่ต้องเข้ารับฟังการประชุม มีข้อซักถามมากมาย และต้องรู้ให้ได้ว่าอะไรเป็นอะไร

“อันนี้มัน....อืมมมม”

กอดเข่า และใช้คางเกยไปที่โต๊ะมองข้อมูลในเอกสารด้วยความสงสัย

“ไม่น่าจะใช่ ไม่น่าจะ....อืมมม”

มึนงงกับสิ่งที่กำลังพิจารณา และก็ถึงกับสะดุ้งเฮือกเมื่อประตูห้องถูกเปิดออก พร้อมกับเสียงของใครบางคนที่เอ่ยขึ้นเสียงดังฟังชัด

“ทานข้าวได้แล้วครับคุณนัท”

ห๊ะ

ทานข้าว

ได้แล้ว....

ทานยัง......ไง

มือที่ถือเอกสารลดลงแล้ว และดวงตากลมโตภายใต้แว่นสายตาก็เบิกกว้างขึ้น

เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

อีกแล้วกู

ใช่ อีกแล้วมึง

อีกแล้วกูไอ้นัท

ใช่ อีกแล้วไงมึงไอ้โง่นัท

ทำไมวะ ทำไม ทำไมกูถึงได้เป็นมนุษย์ที่โคตรซวยขนาดนี้ กูยังมีอะไรเหลืออีกมั้ยในชีวิตนี้ หยิบเนคไทน์มาผูกตอนนี้จะทันมั้ย อย่างน้อยมันก็คงดูสุภาพ หรือว่าจะ....มุดหายลงไปใต้โต๊ะแล้วไปโผล่ที่นอกโลก ทำอย่างนั้นได้มั้ย หรือกูควรทำยังไง
เสือกจัดเต็มอีกนะวันนี้ กางเกงลายสก็อตเลยมึง กับเสื้อโดนัลดั๊กเน่าตัวเดิม

หึ คงไม่มีอะไรเหี้ยกว่านี้อีกแล้วล่ะในชีวิตนี้ กูสาบานได้

“ข้าวต้มง่าย ๆ มีผัดผักบุ้ง แล้วก็ยำกุ้งแห้ง กับอะไรอีกสองสามอย่าง เชิญครับ”

เชิญครับ

หึ หึ หึ หึ หึ หึ ฮ่า ฮ่า ฮ่า แล้วยังไง แล้วยังไงล่ะ ผมบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าผมไม่หิว แล้วคุณจะหิ้วถุงข้าวต้มพร้อมกับข้าวกลับมาทำไม คุณกลับมาทำไมครับคุณรัชชานนท์ คุณกลับมาทำไม

“เชิญครับ….ทานในครัว”

เน้นย้ำคำว่าเชิญอีกรอบ แล้วนัทก็ถึงกับไปไม่เป็น ยอมเอาขาลงจากเก้าอี้และลุกขึ้นยืน เดินลากรองเท้าเป็ดสีเหลืองตัวใหญ่นำหน้าคุณรัชชานนท์ที่หิ้วถุงข้าวต้มและกับข้าวตามหลัง มีอะไรต้องอายอีกล่ะมึงไอ้นัท ไม่มีแล้ว มึงไม่มีอะไรเหลือแล้วในชีวิตนี้

ที่ต้องทำ คือมึงต้องฝึกหน้าด้านเข้าไว้ และทำหน้าให้นิ่งสนิท

ขอร้องอย่างหนึ่งนะนัท มึงอย่าอาย มึงห้ามอาย

ห้ามอายเด็ดขาด เข้าใจมั้ย

แล้วมันทำได้ง่าย ๆ ที่ไหนกันเล่า ไม่รู้หรือไง ชีวิตกูแม่งเลยคำว่าอายไปนานแล้วโว้ยยยยยยยยยยยยยยย

 TBC.
 
Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2818.0)
      และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 61
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 28-05-2014 23:48:11
น้องเป็ดชีวิตหนูช่างลำเข็ญจริงๆ
เมื่อไหร่พี่ฟ้าจะรู้ความจริงเนี่ย  :mew2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 61
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 28-05-2014 23:48:50
น้องหน้าแมว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 61
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 28-05-2014 23:50:48
ไอ่เด็กคลั่งเป็ดหน้าตาน่ารัก


 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 61
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 28-05-2014 23:52:22
ไอ้เด็กนี่จี้ชะมัดเลย  :m20:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 61
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 28-05-2014 23:56:47
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน อาหารมื้อดึก

ดีนะ มีคนคอยบริการ โคตรดีเลย แถมคนบริการยังทั้งหล่อทั้งเท่ห์ แบบนี้จะไปหาได้ที่ไหน

ผัดผักบุ้ง ยำกุ้งแห้ง ไข่เจียวหมูสับ ต้มยำกุ้งน้ำข้น และผัดบวบ มองอาหารที่ถูกเทใส่ถ้วยและจาน แล้วก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที
ไม่ได้ทำอะไรเลย ก็แค่เดินเข้ามาในครัวแล้วพี่ฟ้าหน้านิ่งก็จัดการลากเก้าอี้มาให้นั่ง เท่านั้นยังไม่พอ อยากจะช่วยแกะอาหารใส่ถ้วยใส่จานแต่พี่ฟ้าบอกว่าไม่ต้อง เดี๋ยวจัดการเอง

ดีเนอะ ดีจะตายมีคนคอยบริการแบบนี้ การมีเลขานี่ก็ดีเหมือนกันนะ เป็นอะไรที่เยี่ยมยอดมาก

มันคงจะดีกว่านี้ถ้านัทอยู่ในสภาพที่ดีกว่านี้ ไม่ใช่ เด็กเอ๋อ หน้าแป้ง ที่สวมวิญญาณเป็ดเหลือง แม่งกูอย่างทุเรศ แล้วดูพี่ฟ้าสิ จะหล่อไปไหน ดึกขนาดนี้แล้ว ยังจะดูดีแบบหัวจรดเท้าอีกเหรอ คนอะไร ดูดีไปทุกกระเบียดนิ้ว หล่อทุกมุม ดูดีทุกองศา
หาคนที่ดูดีได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงแบบนี้คงไม่มีอีกแล้ว

จานใส่ข้าว ถูกนำมาวางไว้ให้พร้อมกับช้อนและส้อม อุปกรณ์สำหรับใส่อาหารไม่ได้สวยหรูเท่าไหร่ ถ้วยจานชามไม่ได้เข้าชุดกันเลย แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีใส่กับข้าว

หิวแล้วล่ะ หิวแล้วในเวลาเที่ยงคืน

“เชิญครับคุณนัท”

โอเคครับ คุณรัชชานนท์

อื้มมมม อะไรก็น่ากินไปหมด แล้ว.....พี่ฟ้า....ไม่กินด้วยกันเหรอ

“แล้วคุณรัชชานนท์ล่ะ”

“ผมเรียบร้อยแล้ว”

อ้าวเหรอ แล้วยังไงล่ะ นัทจะนั่งกินข้าวโดยมีพี่ฟ้านั่งมองแบบนี้เหรอ มันยังไงล่ะ มัน เอ่อ....

“เชิญครับ”

คำว่าเชิญครับอีกรอบสำหรับนัทมันแปลว่า ...มึงรีบกินได้แล้วอย่าลีลามากนัก... แปลได้ใจความแบบนี้ และก็แอบเหลือบสายตามองคนที่ดึงเก้าอี้ออกมานั่งและหยิบหนังสือเล่มเล็ก ๆ มาอ่าน ไม่กล้าขัดใจ กำลังจะใช้ช้อนตักกับข้าว แต่อะไรบางอย่างมันดึงดูดสายตา

อะไรล่ะ

พี่ฟ้าอ่านอะไร

“ขายหัวเราะ”

เผลอออกเสียงไป และฟ้าก็หันมามองหน้าคนที่ถือช้อนและส้อมค้าง

“ใช่ครับ ก็เพลินดีนะ เวลาเครียด ๆ”

เอ่อ

รีบก้มหน้าก้มตากลับมาสนใจกับจานข้าว

เหี้ยยยยยยยยยยย เอาจริงดิ พี่ฟ้าเนี่ยนะ อ่านขายหัวเราะ แม่งอย่างเข้ากันเลย ตรงไหนวะ
มันดูเข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ ผู้ชายมาดเท่ห์ไม่มีหลุดแม้ในยามเที่ยงคืน กำลังนั่งอ่านขายหัวเราะด้วยใบหน้าคร่ำเคร่งเหมือนกับว่ากำลังอ่านหนังสือสอบอยู่อย่างนั้นแหละ

แอบอมยิ้มเล็ก ๆ แต่ก็ต้องรีบหุบยิ้ม นัทพยายามจะไม่สนใจอีกฝ่ายให้มากนัก เพราะถ้ายิ่งสนใจ เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าวิตกจริตเข้าไปใหญ่ ตักกับข้าวใส่จาน และใช้ช้อนตักข้าวเข้าปากไปเรื่อย ๆ กินข้าวด้วยสภาพใบหน้าที่ขาวไปด้วยแป้ง และทรงผมเปิดหน้าผากที่มีกิ๊บเป็ดเหลืองติดไว้ที่เส้นผม

ใครบางคน กำลังฝึกความอดทนอย่างเข้มข้น รู้สึกอึ้งตั้งแต่เปิดประตูเข้ามาและเจอกับเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารัก ที่เอาคางเกยโต๊ะและนั่งชันเข่า ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใคร มีอยู่คนเดียว เจ้าเก่าเจ้าเดิม ถุงกับข้าวที่หิ้วมาแทบจะหล่นลงกับพื้น แต่ก็ต้องพยายามข่มความรู้สึกเอาไว้ คำว่าน่ารักเกินไป ฟ้าไม่เคยรู้จัก และในเวลานี้ก็ได้สำนึกว่าคำว่าน่ารักเกินไป มันมีอยู่จริง

มีอยู่จริงอย่างไม่น่าเชื่อ และมันมาพร้อมกับไอ้เด็กหน้าขรึม วางมาดยโสโอหัง และพูดจาแย่ ๆ คนนั้น

ไอ้เด็กนัท ไอ้เด็กเป็ดเหลืองนัท ดวงตาที่เบิ่งโตภายใต้กรอบแว่น การลุกขึ้นยืนและก้าวขาเดินนำหน้าเข้าไปในครัว
ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมากจนฟ้าไม่ทันได้ตั้งตัวกับสิ่งที่ได้พบเห็น สำหรับคุณนัทคงไม่คิดอะไร อาจเป็นสิ่งที่ทำเป็นประจำ
แต่คุณรัชชานนท์ที่กำลังทำหน้ายุ่งและขมวดคิ้วมุ่น ชักเริ่มคิดอะไรบางอย่าง

ทำไมถึงได้ทำแบบนี้ มีกี่คนที่รู้ว่า ไอ้เด็กนัทเป็นแบบนี้ ด้วยมาดนิ่งสนิทและหน้าขรึม ๆ อยู่ตลอดเวลาแบบนั้น
เป็นที่เลื่องลือกันไปทั่ว ถึงกิตติศัพท์ความนิ่งและพูดจาบาดลึก แต่แล้วสิ่งที่เห็นนี้มันคืออะไร

เด็กน้อยหน้าจ๋อย ที่มายืนอยู่ในครัวด้วยท่าทางสับสนไม่รู้จะทำยังไงต่อไปนี่มันอะไร

“เชิญนั่งครับ”

ลากเก้าอี้ให้นั่ง และคุณนัทก็นั่งลงเรียบร้อย แถมยังมีการเงยหน้าขึ้นมามองกันอีก เล่นเอาใครบางคนที่วางมาดนิ่งอยู่เสมอทำตัวไม่ถูกขึ้นมา

ดวงตากลมโตคู่นั้นที่จ้องมองมามันคืออะไร มันหมายความว่ายังไง รีบค้นหาจานชามและหยิบถุงอาหารมาแกะ และจัดจานชามให้กับคนที่นั่งมองกับข้าว มองและเหมือนว่าดวงตาจะพราวระยับและยิ้มเล็ก ๆ ซะด้วย

อืมมม

มันคืออะไร ทำแบบนั้นต้องการอะไรกันล่ะ คุณนัท

ถึงกับไปไม่เป็น ทำอะไรไม่ถูก นึกขึ้นได้ว่าแวะซื้อหนังสือการ์ตูนไทยมาหนึ่งเล่ม และคิดว่าเอาไว้อ่านเพลิน ๆ เวลาว่าง ๆ เพราะไม่อยากจะเครียดให้มากนัก

หยิบขึ้นมาอ่าน และไอ้เด็กนัทก็เกิดสนใจขึ้นมา ทำไมล่ะ ก็ขายหัวเราะไง สนุกดีออก เคยอ่านบ้างหรือเปล่าล่ะ ท่าทางจะไม่เคย ก็วางมาดซะขนาดนี้ จะไปเคยอ่านได้ยังไง

นั่น ยังไม่พออีก กินข้าวอย่างเดียวไม่ได้หรือไง ทำไมต้องทำเป็นชะเง้อชะแง้ทำเหมือนอยากอ่านด้วย

ไม่ได้ตั้งใจอ่านหรอกนะ มุกที่อ่านก็ไม่ได้ขำเท่าไหร่ ที่มองแล้วน่าขำ บวกความน่ารักมันเด็กแถวนี้ต่างหาก

“คุณนัท”

ครับ อะไรเหรอพี่ฟ้า เรียกนัททำไม

หนังสือการ์ตูนถูกวางลงแล้ว และฟ้าก็เอื้อมมือมาจัดการกับกิ๊บรูปเป็ดสีเหลืองที่ติดอยู่ที่ผมตรงหน้าผากของคนที่ถือช้อนกับส้อมค้าง

“จะหลุดแล้ว”

อ่า

จัดการติดกิ๊บให้เรียบร้อย และฟ้าก็หยิบหนังสือการ์ตูนขึ้นมาอ่านอีกครั้ง หน้ายังคงนิ่งสงบ ไร้อารมณ์ ดวงตาเพ่งมองไปที่ตัวหนังสือและภาพประกอบที่ไม่มีอะไรน่าขำ และนัทก็อยู่ในสภาพ อึ้ง และนิ่งเงียบ กินข้าวไปเรื่อย ๆ และมีหลายครั้งที่แอบเหลือบมองคุณเลขาหน้านิ่งที่ไม่เคยมีความรู้สึกอะไรเลย นอกจากความสงบ และเย็นชา

ไม่รู้สิ จะทำไปตามหน้าที่ หรือทำไปเพระอะไรก็แล้วแต่ แต่นัทว่า แบบนี้มันทำให้นัทมีความสุขมากเลยพี่ฟ้า ยังไงล่ะ ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่งพี่ฟ้าจะมาดูแลนัทแบบนี้ ถึงจะตามหน้าที่ก็เถอะ ไม่เป็นไรหรอก นัททำใจยอมรับได้ แล้วใครจะไปคิดล่ะ ว่านัทจะได้มาเห็นพี่ฟ้าทำหน้าเฉยอ่านหนังสือการ์ตูนแบบนี้

มันยิ่งกว่าฝันอีกนะ แบบนี้มันยิ่งกว่าฝัน

อยากจะยิ้มแต่ต้องปั้นหน้าขรึม ทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรทั้งที่ภายในหัวใจกำลังพองโต และอยากจะยิ้มออกมาให้ได้ แต่ก็ต้องฝืนเอาไว้ ฟ้าเปิดหนังสือการ์ตูนอ่านไปเรื่อย ๆ และมีบางครั้งที่เหลือบสายตามองคนที่นั่งหลังตรงและกำลังตักข้าวเข้าปาก

“กินผักด้วยครับ”

พูดลอย ๆ และนัทก็ถึงกับชะงักช้อนที่กำลังตักไข่เจียว ก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมาย เป็นการใช้ส้อมพันผักบุ้ง และตักมาใส่จาน
มองผักบุ้งในจาน แล้วก็ตักเข้าปาก เคี้ยวกินไปเรื่อยๆ และคนที่นั่งอยู่ก็วางหนังสือลง และลุกไปกดน้ำใส่แก้วมาวางไว้ให้

มองแก้วน้ำที่มีน้ำเย็น ๆ อยู่ในนั้น

มองไปที่ผู้ชายหน้านิ่ง ที่ทำเหมือนไม่สนใจกันเลยสักนิด และกำลังหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านอีกรอบ มองแล้วก็อยากจะยิ้ม อยากจะยิ้มให้กว้าง ๆ แต่ก็ทำไม่ได้ ได้แต่พยายามก้มหน้าก้มตากลั้นรอยยิ้มเอาไว้

“กินผัดบวบด้วยครับ”

ช้อนกลางที่ตักผัดบวบมาใส่จานให้ และคนตักให้ ก็กลับไปอ่านหนังสือเหมือนเดิม นัทอยากจะยิ้มออกมาให้กว้าง ๆ แต่ก็ยังพยายามจะข่มความรู้สึกเอาไว้ ข่มเอาไว้ไม่ให้แสดงความรู้สึกออกมา

อย่ายิ้มเชียวนะมึงไอ้นัท ห้ามเชียวนะ อย่านะเว้ยเฮ้ยยยยยยยย ขอเตือนเอาไว้ก่อน เขาก็ทำไปตามหน้าที่นะ อย่าคิดว่าเขาดีด้วย แล้วมาทำเป็นดีใจล่ะ รัชชานนท์เขาก็ทำไปตามหน้าที่เท่านั้น มึงอย่าลืม

“เอ่อ...ขอบคุณมากครับคุณรัชชานนท์”

พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และควบคุมใบหน้าให้นิ่งเฉยเข้าไว้ และคุณรัชชานนท์ที่ทำเหมือนไม่สนใจกันก็หันมามอง

หันมาด้วยมาดอันเท่ห์ และยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่ทำให้นัทต้องกระพริบตาปริบ ๆ มองและถึงกับนิ่งค้างอยู่นาน

“ยินดีครับ....คุณนัธพันธ์”

 TBC.

 Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2818.0)
      และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 61
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 29-05-2014 00:05:14
 :-[
มีอีกมั้ย มามะ มามะ เรารออยู่
เป็ดน้อยน่ารัก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 61
เริ่มหัวข้อโดย: @rnon ที่ 29-05-2014 00:06:04
 :mew1:

เอาใจช่วยคุณนัทนะคับ
ยิ่งอ่านยิ่งอึกอัด เหมือนคนสองคน เดินสวนทางกันไปเรื่อย ๆ
เมื่อไหร่จะเข้าใจกันน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

 :katai1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 61
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 29-05-2014 00:08:43
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 61
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 29-05-2014 00:39:06
 :hao6:หิวเลย อยากกินข้าวต้มแบบน้องนัท
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 61
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 29-05-2014 00:43:32
 :impress2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 61
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 29-05-2014 00:55:48
แอร๊ยยยยยยย จะน่ารักอะไรขนาดนี้
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 61
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 29-05-2014 07:05:33
อ่านไปขำไปจริงๆๆ ชอบน้องนัทมากๆๆ น้องนัทเป็ดน้อยแสนน่ารัก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 61
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 29-05-2014 07:09:02
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน เมื่อย//เรื่องที่เราเกลียดกัน

ล้างถ้วยและจานคว่ำไว้เรียบร้อย จัดการเคลียร์โต๊ะกินข้าวแล้วและเดินกลับมาในห้องทำงาน ฟ้าไปนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวเอง และหยิบเอกสารที่ออกมาพิจารณาดูบ้างและนัทก็เดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง นั่งลงบนเก้าอี้ และเอียงคอไปมา

ปวดหลังและปวดไหล่มาพักใหญ่แล้ว คงเป็นเพราะนั่งนาน และก็เกร็งอยู่ตลอด เลยมีอาการปวดแบบนี้ และถ้าขืนปล่อยไว้นาน ๆ กว่านี้คงจะไม่ค่อยดี ยกมือขึ้นบีบที่ไหล่ของตัวเองเบา ๆ และกด ๆ ไปที่ต้นคอ

“เมื่อยเหรอครับ”

หยุดชะงักมือ และเงยหน้าขึ้นมองคนที่ถาม และนัทก็เห็นว่าคุณรัชชานนท์มองตรงมาอย่างสนใจ ก็เมื่อย ธรรมดาไม่ใช่เหรอ
นั่งหลังขดหลังแข็งทั้งวัน จะไม่ให้รู้สึกอะไรเลยก็คงไม่ได้

“นิดหน่อยครับ”

ไม่นิดหรอก จริงๆ แล้วก็ปวดเยอะอยู่เหมือนกัน แต่ก็ต้องรักษาฟอร์มที่ไม่มีจะเหลือเอาไว้

“เดี๋ยวผมจัดการให้”

ยังไง จัดการที่ว่า คือ.... คุณรัชชานนท์ เลขาหน้านิ่ง ลุกขึ้นและก้าวเดินมาหา เดินมายืนซ้อนอยู่ข้างหลังนัท และ.....

เฮือก........

ถึงกับสะดุ้ง และนัทก็เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อมองคนที่กำลังแตะมือเบา ๆ ที่ไหล่ และเริ่มกดปลายนิ้วลงไป
พี่ฟ้า อย่าทำแบบนี้สิวะ นัทจะตาย นัทจะขาดใจตายอยู่แล้วนะ พี่ฟ้าทำแบบนี้ได้ยังไง

“หายเจ็บหน้าผากแล้วเหรอครับ มันยังดูบวม ๆ อยู่นะผมว่า”

ห๊ะ

ยกมือขึ้นจับที่หน้าผากของตัวเอง และก็รู้สึกว่ายังเจ็บอยู่จริง ๆ

“เดี๋ยวผมนวดยาที่หน้าผากให้ก่อนแล้วกัน”

ง่า อ่ะ ยังไงก็ได้ ยอมหมดแหละ ทุกอย่างเลย นวดยา นวดไหล่ นวดอะไรนัทก็เอาหมดนั่นแหละพี่ฟ้า

แต่ว่า....แบบนี้มันกำลังจะทนไม่ไหวนะ ตาเยิ้มหรือเปล่าวะนัท มึงไม่ได้ตาเยิ้มใช่มั้ย คงจะไม่หรอกมั้ง ไม่มีทางหรอก
อยากเช็คสภาพดวงตาของตัวเอง แต่คนที่วางมือและเดินไปหยิบหยอดยามาทาลงที่ปลายนิ้ว และเชยคางนัทขึ้นอย่างรวดเร็วนั่นก็ทำให้หมดเวลาจะมาพิจารณา

“ง่วงเหรอครับ ตาเยิ้มเลย”

ชัดครับ ไม่ต้องเช็คหรอก แบบนี้ชัดเลย นัทเปล่าง่วงนอนครับ นัทแค่เคลิ้ม เวลาที่พี่ฟ้าทำอะไรหลาย ๆ อย่างให้
แม้จะทำไปตาม “หน้าที่” ก็เถอะ ไม่กล้าสบตาไม่กล้ามอง มีคนทายาให้ที่หน้าผาก แต่สายตาของนัทกลับมองไปที่แผงอกกว้างภายใต้เสื้อเชิตสีขาว

พี่ฟ้า พี่ฟ้า พี่ฟ้า.... พี่ฟ้ามีไฝเล็ก ๆ ที่คอด้วย แล้วพี่ฟ้าก็น่าจะโกนหนวดไปเมื่อวาน เพราะถ้าเพ่งมองดี ๆ จะเห็นว่าเริ่มมีไรหนวดเล็ก ๆ ขึ้นมาที่ปลายคาง

พี่ฟ้า พี่ฟ้า พี่ฟ้า

“เสร็จแล้วครับ ยานวดนี่น่าจะพอนวดไหล่กับต้นคอได้”

ครับ นวดได้เหรอ ก็คง ได้หรอกมั้ง

“ช่วยเปิดผมที่ต้นคอด้วยครับคุณนัท”

เหรอ ๆ ได้ ๆ นัทจะทำเดี๋ยวนี้แหละ
ก้มหัวลงเล็กน้อย และใช้มือเปิดที่ต้นคอของตัวเอง และคนที่บอกให้เปิดต้นคอก็ถึงกับชะงักก่อนจะเมินหน้าหนีไปทางอื่นเพื่อตั้งสติ

ขาวไปหรือเปล่า แบบนั้นมันเรียกว่าอะไร ไรผมที่คลอเคลียอยู่ที่ต้นคอ ผิวขาว ๆ ที่ปรากฏให้ได้เห็น มันชักจะมากเกินไปแล้ว
ฟ้าแตะปลายนิ้วลงไปที่ต้นคอของคนที่เปิดให้ทายา แต่ใบหน้าเมินมองไปทางอื่น โดยที่นัทไม่เคยรู้

นวดคลึงเพื่อคลายความเมื่อยล้าให้กับคนที่นั่งหลังขดหลังแข็งทำงานมาทั้งวัน

“อือออ”

อะไรอีก เสียงครางแผ่ว ๆ นั่นมันอะไร แบบนี้มันชักจะ.....

“ลงมาหน่อยครับคุณรัชชานนท์”

อะไร ลงมาตรงไหน ลงมา...

“อาส์ สบายจังเลยครับ”

ไม่ต้องทำเสียงแบบนั้นก็ได้ ไม่เห็นต้องทำแบบนั้น ไม่เห็นต้อง....

“เสร็จแล้วครับ”

รีบผละมือออกอย่างรวดเร็ว และวางหลอดยาเอาไว้บนโต๊ะและนัทที่เกิดอาการงง ก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ใบหน้าของคุณเลขารัชชานนท์หน้านิ่ง ที่ดูดีตลอดเวลาแม้ในเวลาเที่ยงคืน

มองแล้วก็เกิดความสงสัย ทำไมถึงได้ทำหน้าเฉยได้ตลอดเวลาวะ

ตอนที่อยู่ในครัวนั่นก็เหมือนกัน ตอนแรกนึกว่าคุณรัชชานนท์ยิ้ม แต่สงสัยจะคิดไปเอง เพราะเมื่อตั้งใจจะมองจริง ๆ กลับไม่พบรอยยิ้มที่ใบหน้าของคุณรัชชานนท์เลย

และในเวลานี้ก็เช่นกัน แม้หน้าจะนิ่งเฉย แต่ทำไมถึงได้สัมผัสถึงอารมณ์ขุ่นมัวแปลก ๆ ที่ไม่สามารถอธิบายได้ ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยนั้น เหมือนไม่พอใจอะไรบางอย่าง แล้วมันคืออะไร

ไม่เข้าใจจริง ๆ แต่ก็ไม่ใช่ไม่เข้าใจหมดทุกเรื่องหรอก เบื้องลึกเบื้องหลังของเรามันเยอะ ตั้งแต่สมัยไหนมาแล้ว

อย่านึกว่าคุณรัชชานนท์จะยินดีกับเรื่องที่ทำให้แบบนี้ แต่เพราะเป็นหน้าที่และถูกสั่งให้มาทำในตำแหน่งเลขา และคณรัชชานนท์ก็ไม่ชอบความไม่สมบูรณ์แบบ อะไรก็ตามที่ไม่สมบูรณ์แบบบ คุณรัชชานนท์ไม่ชอบ

เหมือนในเวลานี้ แม้จะไม่อยากทำ แม้จะไม่ชอบ แต่เพราะต้องดูแลทุกเรื่องในตำแหน่งเลขา ก็เลยฝืนใจทำให้นั่นเอง
นัทพยักหน้าอย่างช้า ๆ และใช้มือกดเบา ๆ ไปที่ไหล่ของตัวเอง

ที่หน้าผากก็ทายาให้ แถมต้นคอยังทาให้อีก แล้วยังจะเอาอะไร แค่ไหล่นวดเองก็ได้ อย่าให้มันมากเกินไปนักนะนัท แค่นี้มันก็ถือว่ามากเกินไปแล้ว

“เอ่อ...ขอโทษที ผมลืมไปว่าคุณนัทปวดที่ไหล่ด้วย”

ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวที่เหลือนัทจัดการเอง

“อย่ารบกวนเลยครับคุณรัชชานนท์”

หมายความว่ายังไง อย่ารบกวน แปลว่า ผมทำงานไม่เรียบร้อยหรือไง บอกแล้วไง ว่าไม่ชอบความไม่สมบูรณ์แบบ อย่ามาดูถูกกันแบบนี้ ไม่ชอบหรอกนะ ไอ้เด็กนัท ฟ้าจัดการบีบเจลจากหลอดยา และเดินกลับไปซ้อนอยู่ด้านหลังของนัทที่ยังเกิดอาการงุนงงสงสัย

ทำไมถึงได้เย็นชาขนาดนั้นวะ กูไปทำอะไรให้พี่ฟ้าไม่พอใจอีกเนี่ย เดี๋ยวก็นิ่ง เดี๋ยวก็เงียบ ปกติหน้าตานิ่งสนิท ไร้อารมณ์ก็เดาความรู้สึกไม่ออกอยู่แล้ว นี่ยังจะบรรยากาศชวนเครียดอีก แล้วแบบนี้กูควรทำยังไงวะ

แล้วไอ้นัทควรทำยังไงล่ะครับ คุณรัชชานนท์

“ตรงนี้หรือเปล่าครับ”

ง่า

ตรงนี้ตรงโน้นตรงไหนไม่รู้แหละ

แต่ฝ่ามืออุ่น ๆ ที่สอดแทรกเข้ามาและวางไว้บนผิวเนื้อที่ไหล่ มันคืออะไร

เหี้ยกูเขิน นัทเขินโว้ยยย มาแตะเนื้อต้องตัวกันขนาดนี้ อย่างเขินนะเนี่ย นัทขบริมฝีปากตัวเองเอาไว้ กลัวว่าจะเผลอยิ้มออกมา
แม้ฝ่ายที่ยืนอยู่ข้างหลังจะมองไม่เห็น แต่ก็ไม่กล้ายิ้ม

ไม่กล้าเลยจริง ๆ ทั้งที่ตอนนี้รู้สึกใจเต้นระทึก และอยากจะให้ใครบางคนทำอะไรเลยเถิดมากกว่านี้ด้วยซ้ำ

แต่สงสัยจะอยากได้มากเกินไป แบบนี้ชักจะไม่ค่อยดี ไม่ดีเลยจริง ๆ

“อ๊ะ อือออ”

เพราะมันเย็นสบาย เพราะฝ่ามือของใครบางคนที่บีบเคล้นลงมาช่วยคลายอาการเมื่อยล้า เพราะอะไรไม่รู้ แต่รู้สึกว่า.....โคตรสบาย เอียงหัวไปมา และยกมือขึ้นลูบที่ต้นคอของตัวเอง ทั้งที่มีใครบางคนกำลังนวดบ่าและไหล่ให้

“คุณรัชชานนท์ครับ”

ว่ายังไงล่ะ ไอ้เด็กเป็ดเหลืองนัท ยังไม่ทันได้ตอบ ยังไม่ทันได้พูด แล้วนัทที่นั่งหันหลังให้ตลอดก็หันมาหา เงยหน้าขึ้นมอง และกระพริบตาปริบ ๆ สองสามครั้ง

ดวงตากลมโต ใบหน้าขาว ๆ ท่าทางที่เหมือนกำลังสับสนและไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรมันทำให้ฟ้าถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เหมือนกำลังคิดจะพูด แต่ไม่กล้าพูด หรุบสายตาลงอีกครั้ง ก่อนจะช้อนขึ้นมอง

มองและจ้องไปที่ใบหน้าของคนที่พยายามทำหน้านิ่งเฉย แต่ตอนนี้รู้สึกเหมือนความสามารถในการควบคุมใบหน้าจะลดต่ำลงเรื่อยๆ

“คุณรัชชานนท์ครับ คือว่า....”

คือว่าอะไร คืออะไร อยากจะพูดอะไรก็พูดมา อย่ามาทำหน้าแบบนี้ อย่ามากระพริบตาแบบนี้ อย่ามาขบริมฝีปากใส่แบบนี้ และอย่า...

“ช่วยนวดลงไปที่แถว ๆ สะโพกหน่อยได้มั้ยครับ คือตอนสายที่ตกเก้าอี้ผมยังเจ็บอยู่เลย แต่ทายาเองคงทาไม่ถนัด ยังไงถ้าคุณรัชชานนท์ไม่ว่าอะไร ผมก็.....”

ก็...

“สะโพกใช่มั้ยครับ”

อืมม ใช่ พี่ฟ้าจะด่านัทมั้ยวะ ไหน ๆ ก็ทาแล้ว อีกสักหน่อยจะเป็นไรไป พี่ฟ้าไม่ได้คิดอะไรกับนัทหรอก ก็ทำไปตามหน้าที่เหมือนเคย

เกลียดจะตาย ก็รู้อยู่ แต่มันเจ็บมากจริง ๆ

ทาเองก็มองไม่เห็น ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ทาให้หน่อยเถอะพี่ฟ้า

“ยืนขึ้นสิครับ ผมจะทายาให้”

อ่ะ ได้ ได้ ทายาให้

ลุกขึ้นยืน และหันหลังให้กับคนที่กำลังยืนหน้าเครียด

แบบนี้ต้องการอะไรวะ หมายความว่ายังไง

ไอ้เด็กนัท ไอ้เด็กเป็ดเหลืองนัท ไอ้เด็กบ้า

คิดจะทำอะไรกันแน่วะ คิดจะ….

“ช่วยเปิดเสื้อขึ้นด้วยครับ แล้วก็ดึงกางเกงลงหน่อย ผมไม่รู้ว่าคุณนัทปวดตรงไหน ถ้าไม่ชี้ให้ดู”

นัทเปิดเสื้อขึ้นเหนือเอว และดึงสูงขึ้นไปอีก ก่อนจะใช้ฟันกัดที่ปมเสื้อและร่นกางเกงที่สวมลง

ใครบางคนเกิดอาการสะดุ้งเล็กน้อย ตั้งแต่ชายเสื้อเริ่มพ้นจากเอว
และเมื่อไล่สายตามองไปตามแนวกระดูกสันหลัง และเอวที่คอดลงรับกับสะโพก ฟ้าก็ถึงกับต้องเมินหน้าหนี

สองหนึ่งสอง สองสองสี่ สองสามหก สองสี่แปด
สองห้าสิบ สองหกสิบสอง สองเจ็ดสิบสี่.. สองแปดสิบหก
สิบหก สิบหก สิบหก อะไรต่อนะ สอง กะ กะ กะ เก้า เก้า
สิบ สิบ แปด สองอ่า....

กลายเป็นผู้คว่ำหวอดในวงการคณิตศาสตร์ขึ้นมาแบบทันที ทันใด นึกอะไรไม่ออกฟ้าก็เลยท่องสูตรคูณในใจเพื่อแก้ไขอาการไม่เป็นตัวของตัวเอง

นัท นัท คุณนัท ไอ้นัท ไอ้เด็กนัท ไอ้เด็กเป็ดเหลืองนัท
นัท นัท นัท น้อง....เป็ด...เหลือง ตา แป๋ว นัท

อ่า

“คุณรัชชานนท์ ผมว่าผมเจ็บแถว ๆนี้”

แค่นั้นยังไม่พอ
นอกจากบอกว่าเจ็บตรงไหนแล้ว ไอ้เด็กเป็ดเหลืองยังมีการเหลียวมามอง และร่นกางเกงลงให้ดูเป็นขวัญตา

นัทใช้ฝ่ามือจับไปที่ปมเสื้อและไม่ใช่แค่กางเกงที่สวมอยู่ แต่หมายรวมถึงกางเกงชั้นในสีขาวที่ถูกดึงลงเล็กน้อยด้วย

มันจะขาวไปไหน ผิวเนียน ๆ ที่ปรากฏต่อสายตา สะโพกมนที่โผล่ออกมานอกร่มผ้าที่ได้เห็น แม้ไม่มากมายแต่ถ้าดึงกางเกงต่ำลงไปอีกหน่อยก็คงได้เห็นไปถึงไหนต่อไป อันตรายเกินไปแล้ว ไอ้เด็กเป็ดตัวนี้

“เจ็บตรงแถว ๆ นี้ครับ มันเป็นรอยหรือเปล่าคุณรัชชานนท์”

รอยเหรอ

ก็....พิจารณาโดยใช้สายตาแล้ว ก็....

ขาวแล้วก็เนียนดี ไม่มีรอยฟกช้ำดำเขียวอะไร กำลังจะตอบ แต่ไอ้เด็กเป็ดนัทมันยังมีการใช้ปลายนิ้วกดไปที่สะโพกของตัวเองอีก มันจะทำอะไรของมันกันวะ

“น่าจะตรงนี้ครับ มันเจ็บ ๆ พิกล”

เหรอครับ คุณนัธพันธ์

คุณเลขารัชชานนท์หน้านิ่ง ไม่ได้ทำอะไรมาก ก็แค่ใช้เจลสำหรับนวดคลายกล้ามเนื้อทาลงที่ปลายนิ้ว และใช้มือจับเอวของคนที่เปิดเสื้อและดึงขึ้นสูง ไล้ปลายนิ้วไปที่สะโพกมนเนียนขาวแผ่วเบาและถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคอ

“โอ้ยยย เจ็บ เจ็บจริงคุณรัชชานนท์”

อะไรล่ะ ทำไมจะต้องนิ่วหน้าแบบนั้นด้วย ทางนี้ต่างหากที่ควรจะ....

ฟ้าพยายามหายใจเข้าลึก ๆ และพยายามตั้งสติ สงบจิตสงบใจไล่สายตามองไปที่ผิวเนื้อตรงสะโพกที่นัทเปิดให้เห็นเพื่อทายาให้ แล้วก็ไล้ปลายนิ้ววนไปที่บางส่วนของร่างกายของคนที่บอกว่าเจ็บ จนนิ่วหน้า

“อือ”

นัทร้องออกมาเสียงแผ่วเบาเมื่อปลายนิ้วของใครบางคนกดลงบริเวณผิวเนื้อที่มีอาการเจ็บ

“เรียบร้อยแล้วครับ”

อ้าวเหรอ ขอบคุณครับคุณรัชชานนท์ ขอบคุณมาก รวดเร็วดีเหมือนกันเนอะ ทาแป๊บ ๆ ก็เสร็จแล้ว ดีที่คุณรัชชานนท์ช่วย เพราะถ้าทำเองนัทคงทำไม่ได้

แล้วทำไมคุณรัชชานนท์ต้องทำเหมือนโกรธกันด้วยล่ะ รีบ ๆ ทายาแล้วก็ดึงเสื้อของนัทลง และจัดการดึงกางเกงขึ้นให้เสร็จเรียบร้อยด้วยอีก

เป็นอะไรหว่า

เหมือน ๆ โกรธ คล้าย ๆ จะโกรธ แต่นัทยังไม่ได้ทำอะไรให้เลยนะ ก็แค่ให้ช่วยทายาให้แค่นั้น

ทำเหมือนโกรธกัน แต่ก็เหมือนจะเฉย ๆ สีหน้าแววตายังคงนิ่งสงบเหมือนเดิม แต่ทำไมถึงสัมผัสได้ถึงอารมณ์ไม่พอใจบางอย่างล่ะ

มันหมายความว่ายังไง

ความเย็นจากเจลนวด ทำให้นัทรู้สึกผ่อนคลายสบายขึ้นมาบ้าง

ส่วนคุณเลขาหน้านิ่ง ไปนั่งอยู่ที่เก้าอี้ของตัวเองเรียบร้อยและหน้าดำคร่ำเคร่งกับการทำงานมากกว่านัทซะอีก

ทำไมเป็นแบบนั้น

อยากจะถามแต่ก็ต้องเก็กหน้า ไม่กล้าถามมาก ก้มหน้าก้มตากลับลงไปสนใจกับกองเอกสาร

ก่อนจะฟาดมือดังเพี้ยะลงไปที่แขนของตัวเองเสียงดังลั่น จนคนที่กำลังทำงานอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นมามอง

“เอ่อ ยุงมันเยอะครับ โทษที”

ยุงมันเยอะ แล้วทำไมต้องฟาดมือเสียงดังซะขนาดนั้น เดี๋ยวก็เป็นรอยแดงขึ้นมาอีกหรอก ผิวยิ่งขาว ๆ อยู่ มีร่องรอยอะไรก็คงเห็นชัด

“เวลานอน ไม่มียุงเหรอครับ”

อ๋อ เวลานอนเหรอ มันก็มีบ้างแหละ แต่นัทหลับก็เลยไม่รู้ว่าถูกยุงกัดหรือเปล่า

“มีมั้งครับ”

ตอบออกไปแล้ว และคนที่ได้ฟังคำตอบก็ไม่พอใจกับคำตอบที่ได้รับเลยสักนิด

“ตกลงมีหรือไม่มีครับคุณนัท”

แล้วทำไมต้องเน้นเสียงด้วยวะ นัทไม่ได้ไปทำอะไรผิดที่ไหนซะหน่อย อย่าโหดนักเลย แค่นี้ก็กลัวจะแย่แล้ว

“ก็คงมีมั้งครับ”

ตอบออกไปอีกครั้ง และฟ้าที่ได้ฟังคำตอบก็ยังไม่พอใจกับสิ่งที่ได้ยิน

“ตกลงมีหรือไม่มีครับคุณนัท”

เฮ่อออออ ก็ได้ นัทตอบแล้ว

“มีครับ”

พอใจหรือยังพี่ฟ้า มีก็มี

“แล้วถูกยุงกัดหรือเปล่าครับ”

มันก็ต้องมีบ้างแหละ

“ก็มีรอยที่แขนกับที่แก้มสองตุ่ม แต่ไม่เป็นไรสองสามวันก็หาย”

ไม่ใช่ประเด็น หายหรือไม่หาย มันคือประเด็นหรือไง แล้วจะนอนให้ยุงกัดไปอีกนานแค่ไหน

“พรุ่งนี้ผมจะไปซื้อมุ้งครอบมาให้ ที่จริงจะให้ใช้เครื่องไล่ยุงไฟฟ้า แต่ผมว่ามันน่าจะมีสารเคมี ใช้มุ้งครอบคงดีกว่ากัน”

ห๊ะ แล้วทำไมนัทต้องใช้ด้วย มุ้งครอบเนี่ยนะ ไม่ใช่แล้วมั้ง นัทไม่เห็นจำเป็นต้องใช้เลย นอนแป๊บ ๆ เดี๋ยวก็ตื่นแล้ว
จะโดนยุงกัดเท่าไหร่กันเชียว

“ผมไม่รบกวนคุณรัชชานนท์ดีกว่า”

รีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว และก็ได้รับความเงียบมาเป็นการตอบกลับ

“ตามใจครับ”

อือ ตามใจ ดีแล้วแหละ ตามใจก็ตามใจ นัทเป็นคนนอน พี่ฟ้าก็ต้องตามใจนัทอยู่แล้ว นิ่งเงียบกันไปพักใหญ่ และต่างฝ่ายต่างก็จมอยู่ในความคิดของตัวเอง

หลายครั้งที่ฟ้าแอบเหลือบสายตามองไปที่เด็กเป็ดเหลืองที่มีแป้งขาว ๆ ลายพร้อยเป็นแมวที่กำลังกัดดินสอเล่น

ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร

ในเวลาไม่นาน สิ่งที่เคยคิดว่าใช่มาตลอด กำลังถูกสั่นคลอนลงไปอย่างช้า ๆ

แม้ว่าจะดูน่ารักน่าใคร่ขนาดไหน แต่ไอ้เด็กนัทมันก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่วันยังค่ำ

พูดจาเหมือนคนโตแล้ว เรียกคุณรัชชานนท์ทุกคำ ทั้งที่ทางนี้อายุมากกว่า และมีศักดิ์เป็นน้องเขยด้วย แม้เราจะไม่ใช่ญาติกันโดยตรงแต่มันก็น่าจะมีความใกล้ชิด สนิทสนมกันบ้าง แต่นี่ไม่ใช่เลย ไม่มีอะไรในแง่ความสัมพันธ์แบบสนิทสนมเลยสักนิด

ไม่ลืมหรอกว่ามาอยู่ตรงนี้ในสถานะอะไร และบางสิ่งบางอย่างมันก็ตอกย้ำให้เราไกลกันออกไปเรื่อยๆ

แต่ไหนแต่ไรแล้วก็เรียกแบบนี้มาตลอด ไม่เคยเรียกอย่างอื่น และลงท้ายคำพูดอย่างสุภาพด้วยความว่าครับทุกคำ

แล้วทำไมในเวลานี้ถึงมีความคิดแปลก ๆ อยากให้ ทางนั้นลองเรียกอย่างอื่นดูบ้าง

.....พี่ฟ้า.....

นึกถึงชื่อของตัวเอง และพาลให้นึกไปถึงใครบางคนที่ห่างไกลออกไป และไม่มีทางจะหวนคืนกลับมาอีกแล้ว

ชาไปไกล จนพี่ไม่มีวันเอื้อมถึง เราไกลกันออกไปจนไม่มีทางที่จะมาบรรจบกันได้อีก

มันเจ็บปวดทรมานที่รู้ว่าเราจะไม่มีทางได้กลับมาเป็นแบบเดิมอีกแล้ว

สิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่คือความรู้สึกในใจลึก ๆ และความทรงจำเก่า ๆ ที่เคยสวยงามและหยุดนิ่งลงเพียงเท่านั้น

ฟ้าก้มหน้าลง และรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองที่เคยคิดว่าเข้มแข็งดีแล้ว กลับอ่อนแอลงอีกครั้ง เมื่อนึกถึงใครคนนั้น

“ชาขอให้พี่โชคดี ได้เจอคนที่สามารถอยู่กับพี่ฟ้าได้จริง ๆ คนที่ทำให้พี่ฟ้าเปิดใจรักเขา และเขาก็รักพี่ฟ้ามากไม่น้อยไปกว่าชา”

ไม่มีหรอก คน ๆ นั้นน่ะ นอกจากชาแล้วพี่ไม่คิดจะรักใครอีกแล้ว แค่ชาคนเดียวก็เกินพอ และพี่จะอยู่กับมันให้ได้ พี่จะอยู่กับหน้าที่ที่ตัวเองต้องรับผิดชอบให้ได้

บางสิ่งบางอย่างตกตะกอนอยู่ในใจ และไม่มีวันลบเลือน ช่วงเวลาที่สวยงามที่ได้ใช้ด้วยกัน มันหมดไปตั้งนานแล้ว

และฟ้าไม่คิดว่าดอกไม้ในหัวใจจะถูกปลูกขึ้นมาได้อีก ไม่ว่ากับใครก็ตาม หากมันจะเกิดความรู้สึกอะไรก็คงเป็นเพราะร่างกายและสัญชาติญาณเรียกร้อง

แต่หัวใจไม่เคยเปิดรับใคร ไม่มีวัน และไม่มีทางจะเป็นเช่นนั้น

“คุณรัชชานนท์ครับ”

“คุณรัชชานนท์”

นัทเรียกชื่อคนที่นั่งเหม่อแล้วก็ถึงกับขมวดคิ้วมุ่น พี่ฟ้าเป็นอะไร ทำไมอยู่ดี ๆ ก็เหม่อแบบนั้น

หน้ายังคงราบเรียบนิ่งเฉย แต่เหมือนมีบางอย่างที่กำลังคิดอยู่

บางอย่างที่อยู่ในใจ

บางอย่างที่นัทคิดว่า........ถ้าไม่ใช่เรื่องที่บ้านเรื่องครอบครัวก็คงเป็นเรื่องความรัก ความรักและความรู้สึกส่วนตัว

พี่ฟ้าแต่งงานกับยัยหนิงแล้วก็จริง แต่ก็เป็นอันรู้กันว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่เป็นไปในทิศทางไหน
แล้วความรู้สึกในใจลึก ๆ ของพี่ฟ้าล่ะเป็นยังไง ไม่ใช่เรื่องที่นัทจะรับรู้ด้วยหรอก ถ้าไม่บังเอิญว่าวันนั้น นัทไปอยู่ในที่ ที่ไม่ควรอยู่อีกครั้ง

ร้านอาหารเล็ก ๆ ที่นัทมักไปนั่งกินเป็นประจำ

ใครบางคนที่นั่งอยู่ด้านหลัง กำลังพูดคุยกัน คล้าย ๆ จะทะเลาะกัน แต่ก็ไม่ได้รุนแรงขนาดนั้น ฝ่ายหนึ่งง้อ ฝ่ายหนึ่งต้องการจะไป

ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลของตัวเอง คนหนึ่งกำลังทำหน้าที่ลูกที่ดี ส่วนอีกคนไม่ต้องการเป็นชนวนก่อเหตุของเรื่องไม่ดีในอนาคต

น่าเศร้า น่าเห็นใจ และสุดท้าย

“ชาขอให้พี่โชคดี ได้เจอคนที่สามารถอยู่กับพี่ฟ้าได้จริง ๆ คนที่ทำให้พี่ฟ้าเปิดใจรักเขา และเขาก็รักพี่ฟ้ามากไม่น้อยไปกว่าชา”

พี่ฟ้า ชื่อของใครบางคนที่อยู่ในความคิด ทำให้นัทถึงกับสะดุ้ง และตั้งใจฟังสิ่งที่ไม่ควรจะได้ยินให้ชัดขึ้น

“พี่ขอโทษชา พี่ฟ้าขอโทษ ที่ผ่านมาพี่ขอโทษ”

คล้ายได้ยินเสียงสะอื้นในน้ำเสียงของใครคนนั้น

“ไม่มีใครผิดหรอกพี่ฟ้า เราต่างต้องไปทำหน้าที่ของตัวเอง ชารู้ว่าพี่ฟ้าจะไปต่อได้ ชาก็จะไปต่อให้ได้เหมือนกัน ชา...จะไปต่อให้ได้...อึ้ก ....พี่ฟ้าก็...ต้องไปให้ได้...นะ สัญญากับชานะพี่ฟ้า”

มันเจ็บปวด เจ็บปวดที่สุดที่ต้องได้ยินแบบนั้น

นัทถึงกับก้มหน้า และกลั้นน้ำตาของตัวเองเอาไว้

ที่เจ็บไม่ใช่ตัวเอง แต่เป็นใครบางคนที่คงเจ็บปวดมากกว่า เจ็บมาก.....จนอาจจะแทบไม่อยากหายใจ
ใช้หลังมือปาดน้ำตาทิ้ง และยิ่งเป็นการตอกย้ำให้รู้ว่าไม่มีพื้นที่ว่างตรงไหนเป็นของตัวเอง ไม่มีเลยสักนิด

ไม่มีและไม่เคยมี

“พี่รักชานะ”

“ลืมมันไปซะพี่ฟ้า ชาก็จะลืม เพื่อเริ่มต้นใหม่ ชาจะเริ่มต้นใหม่ พี่ฟ้าก็ต้องทำให้ได้”

แต่พี่ทำไม่ได้ พี่ไม่อยากทำ และพี่จะไม่เริ่มต้นใหม่กับใครอีก ไม่มีทาง ไม่มีทางที่จะรักใครได้เท่าชาอีกแล้ว

“ชาต้องกลับแล้วนะ ดึกมากแล้ว เดี๋ยวแฟนชาจะเป็นห่วง คงไม่ดีใช่มั้ยพี่ฟ้า ถ้าชาออกมาดึกดื่นแบบนี้ ป่านนี้เขาคงนั่งรอชาแล้วล่ะ”

มันเป็นช่วงเวลาที่นุชาสับสนกับชีวิตมากที่สุด และใช้วิธีการโกหกออกไป แฟนที่ว่า ไม่มีอยู่จริง และอาจจะไม่มีทางเป็นไปได้ด้วยซ้ำ คุณซ้งที่ไม่เคยมองมาเลย ไม่เคยเลย และคิดว่าคงไม่มองไปตลอดชีวิต ไม่มีทางจะมาเป็นแฟนชาได้หรอก

แต่มันก็ช่วยเร่งให้พี่ฟ้า ตัดใจได้เร็วขึ้น

“ครับ แฟนชาคงเป็นห่วงแล้ว กลับเถอะ”

ร้านอาหารที่ไม่ค่อยมีผู้คน มุมที่แทบไม่มีใครเดินผ่าน มุมส่วนตัว และนัทก็เห็นว่าคนทั้งคู่ลุกขึ้นและกำลังจะเดินออกจากบริเวณนั้น

พี่ฟ้า
พี่ฟ้าจริง ๆ ด้วย
ใบหน้าที่ดูหมองเศร้า และใครอีกคนที่จำได้ดีว่า คือพี่นุชา

เหมือนกำลังจะก้าวขาออกเดินแต่พี่นุชาก็ถูกรั้งแขนเอาไว้พร้อมกับที่พี่ฟ้าดึงพี่นุชาเข้ามากอด
กอดเอาไว้แน่น และเหมือนกับพี่ฟ้ากำลังร้องไห้ การร้องไห้ที่ไร้หยดน้ำตา มีเพียงเสียงสะอื้น และนัทก็เห็นชัด

เห็นชัดเจน และคนสองคนที่กอดกันก็รีบผละออกห่างจากกันทันทีเมื่อพบว่าอีกครั้งที่มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญร่วมอยู่ในนั้นด้วย

นัทไม่ได้แนะนำตัว เหมือนครั้งที่แล้ว แต่ลุกขึ้นยืน และเดินจากไปเงียบ ๆ

ทำเหมือนไม่รู้ ทำเหมือนไม่เห็น

ทั้งที่ภายในใจกำลังร้องไห้ ร้องแต่ไม่กล้าให้ใครได้เห็น เดินจากไปเงียบ ๆ และไม่ได้สนใจว่าคนสองคนจะอยู่ต่อหรือกลับไปตอนไหน

กลับบ้านไปและนัทก็ร้องไห้ไม่ยอมหยุด เมื่อรู้เรื่องที่น่าเศร้าของคนสองคน ไม่ได้สงสารตัวเองและไม่เคยคิดจะไปแทนที่ใคร

เพราะรู้ว่าแม้แต่ความฝันก็ไม่มีทางเป็นไปได้

ไม่อยากให้เป็นแบบนี้ สงสารแต่ก็ทำอะไรไม่ได้

“คุณรัชชานนท์”

“คุณรัชชานนท์ครับ”

อีกครั้งที่เอ่ยเรียก และคุณรัชชานนท์ที่ว่าก็หันกลับมามองกันอย่างช้า ๆ

มอง
และเหมือนไร้ความรู้สึก
ไม่เคยมีความรู้สึกอะไรเลยในแววตาคู่นั้น นอกจากความเงียบงัน และนิ่งสงบ

“ครับคุณนัท”

ขานรับและนัทก็นิ่งมองใบหน้าที่เรียบเฉยของใครบางคน

“กลับบ้านเถอะครับ ดึกแล้ว อีกสักพักผมก็จะเข้านอนแล้วเหมือนกัน”

กลับเหรอ กลับบ้านเหรอ

ที่ไหนล่ะ บ้านที่ว่า บ้านตัวเองหรือบ้านของใคร

มีที่ให้กลับไปได้จริง ๆ เหรอ ท้องฟ้ากว้างใหญ่ แต่มีที่ให้อยู่ได้จริง ๆ เหรอ

ลุกขึ้นยืน และฟ้าก็ลงมือเก็บเอกสารรวบรวมเอาไว้ ใส่ตระกร้าบนโต๊ะ

หันไปมองนาฬิกา เป็นเวลาเกือบตีหนึ่งแล้ว
กลับบ้านสินะ

กลับบ้าน

“คุณรัชชานนท์”

ครับ

เงยหน้าขึ้นและนัทก็ทำเหมือนลังเลที่จะพูดอะไรบางอย่าง คิดอยู่นาน คิดและขบริมฝีปากของตัวเองแน่น

อยากรู้ อยากจะถามออกไป แต่ไม่รู้ว่าจะตอกย้ำตัวเองไปทำไม

จะตอกย้ำตัวเองไปถึงไหน

แต่มันก็ดีกว่า การคิดเข้าข้างตัวเองเล็กๆ ให้มันชัดเจนไปเลย จะได้ไม่มีอะไรต้องคิดอีกต่อไป

“ครับมีอะไรก็พูดกับผมตรง ๆ อย่าอ้อมค้อม ถ้าผมทำหน้าที่ได้ไม่ดีจะได้ปรับได้ถูก ผมเป็นเลขา ผมมาทำหน้าที่เลขา ผมพร้อมจะทำให้งานของผมสมบูรณ์”

นัทรู้
นัทเข้าใจ
แต่ที่นัทอยากจะรู้ก็คือ....

“คุณรัชชานนท์......”

ครับ

นิ่งสบตากันสักพัก และนัทก็เป็นฝ่ายกลั้นใจถามออกไป

“คุณเกลียดผมมากมั้ย”

มากมั้ย
เกลียดมากมั้ย

เรื่องนั้น เรื่องนั้นมัน

เรื่องนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่ต้องพูดออกมาหรอกนะ ในอนาคตมันอาจจะมีผลกระทบต่องาน เรื่องบางเรื่องหลีกเลี่ยงและไม่พูดมันออกไปซะดีกว่า ให้มันเป็นปริศนาและเก็บเงียบไปอย่างนี้ตลอดก็ดีแล้ว

“คุณรัชชานนท์.....คุณเกลียดผมมากแค่ไหน”

ถามย้ำอีกครั้ง เพราะนัทอยากจะรู้คำตอบจริง ๆ ตอบนัทออกมาเถอะพี่ฟ้า แค่บอกว่าเกลียด และนัทจะไม่บ้าเข้าข้างตัวเองเล็ก ๆ แบบนี้อีก

แค่ตอบออกมา

“ผม...ไม่จำเป็นต้องตอบคำถามของคุณ”

เป็นคำตอบที่ทำให้นัทก้มหน้าลง หลังจากฟังคำพูดนั้น ก้มหน้าลง และรู้สึกว่าเจ็บแปลบเข้าไปในหัวใจ

นั่นสิ

ไม่จำเป็นต้องตอบ

ก็รู้ ๆ กันอยู่ ว่าอะไรเป็นอะไร

ก็รู้ ๆ กันดี

“เข้าใจแล้ว....คุณคงเกลียดผมมากจนไม่มีคำบรรยายสินะ”

เกลียดมาก จนไม่มีคำบรรยาย ใช่ เกลียดมาก เคยเกลียดมาก

เคย....

“พี่...ฟ้า....”

น้ำเสียงที่เบาแผ่วโหย ชื่อที่ครั้งหนี่งเคยมีใครบางคนเรียก

ฟ้าถึงกับยืนนิ่งงัน และมองตรงไปที่ใครบางคนที่เรียกชื่อนั้น และคน ๆ นั้นกำลังทอดสายตามองมาอย่างหมองเศร้า

มองมา มองตรงมา

และพูดบางอย่างที่ทำให้ฟ้ารู้สึกเหมือนว่ากำลังจะหายใจไม่ออก

“....แต่ไหนแต่ไรแล้ว...คุณคงเกลียดผมมาก...ถึงวันนี้ก็ยังเกลียดอยู่...และคงจะเกลียดไปตลอด...ผมเข้าใจนะว่าเพราะอะไร...ผม....เข้า...ใจ เหตุผลของคุณมีมากพอที่จะเกลียดผมตลอดไปได้ ผมรู้ว่าจะต้องอยู่กับมันไปตลอด.....คุณรัชชานนท์ไม่ต้องคิดอะไรนะ....มันจะไม่มีผลกับงานหรอก ........เพราะนัทรู้ดีเสมอว่าพี่ฟ้าคิดกับนัทยังไง.......”

TBC.
 Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?

topic=2818.0)
      และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)

หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 61
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 29-05-2014 07:32:19
อิ่มข้าวต้มมาเจอมาม่าอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 61
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 29-05-2014 08:49:13
ตอนที่นัทถามพี่ฟ้า ปวดใจแทน
  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 61
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 29-05-2014 09:01:15
ฟ้าเริ่มหวั่นไหวไปกับความขาวความโก๊ะของคุณนัท แต่เด็กเป็ดนัทเราคิดมากไปกันใหญ่

เค้าไม่ได้เกลียดตัวเองหรอก แต่แค่เริ่มรู้สึกหวั่นไหวไปกับเราเท่านั้นเอง :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 61
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 29-05-2014 09:18:49
ปมและความรู้สึกของแต่ละคน

รักไม่สมหวัง...มันเจ็บ :hao5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 61
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 29-05-2014 09:25:12
 :mew1:น้องเป็ดเริ่มมาดหลุดให้พี่ฟ้าเห็นเรื่อยๆแระ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 61
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 29-05-2014 09:42:15
เด็กมันยั่วสินะๆ
แพ้ความขาว  :haun4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 61
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 29-05-2014 10:15:12
ดราม่า
มาม่า
หน่วง

---------------------
ปล.ชอบอิมเมจมากเลยอ่ะ
      เดนนิสโอ กับ จงชิน
      มันใช่เลย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 61
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 29-05-2014 11:12:07
 :o12:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 61
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 29-05-2014 12:06:05
เด็กเป็ดมันเอ๋อจริงๆ 55
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 61
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 29-05-2014 12:17:12
สงสารหนูนัทงิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 61
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 29-05-2014 12:38:42
 :hao5: :hao5:  :hao5:
 :m15: :m15: :m15:
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:

น้องนัทจ๋าาาาา น่าสงสารมากเรยอ่ะ  :o12:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 61
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 29-05-2014 13:17:23
เจ็บอะ  :m15:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 61
เริ่มหัวข้อโดย: tepintpilai ที่ 29-05-2014 14:15:24
สงสารน้องนัทททททท  :hao5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 61
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 29-05-2014 17:56:42
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน เมื่อคุณนัทโกรธ


เกร็ง..... หลังเกร็ง หน้าเกร็ง ตัวเกร็งไปหมดแล้วไอ้นัทเอ้ยยยย บ้าไปแล้ว มึงมันบ้า เริ่มบ้าตั้งแต่ดราม่าแตกเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน และตอนนี้กำลังจะบ้าหนักขึ้นไปอีก

คุณรัชชานนท์ไม่ตอบคำถาม ไม่พูดอะไรเลย แต่ถอนหายใจออกมาหนักๆ ครั้งเดียว คิดว่าจะมีอะไรต่อจากนั้นให้น้ำตานอง แต่เปล่าเลย คุณเลขารัชชานนท์ผู้อยู่ในอาการนิ่งสงบมาตลอด ก้มลงไปที่ลิ้นชักและรื้อบางอย่างออกมา

อะไรวะ

กระเป๋าผ้า
กระเป๋าผ้าเล็กๆ หนึ่งใบ ที่มี..... เสื้อหนึ่งตัว และกางเกงหนึ่งตัว และ...อืมมม มองไม่ทันว่ะ กางเกงในสีอะไรวะ น่าจะสีขาว
แล้วก็อะไรอีกนั่น แปรงสีฟันและอะไรวะ ไม่รู้เหมือนกัน น่าจะอะไรสักอย่างเดาไม่ออก

“ผมไม่ได้เอาผ้าเช็ดตัวมา คุณนัทมีผ้าเช็ดตัวกี่ผืน”

ผ้าเช็ดตัว มีเอ่อ...ผืนเดียวนั่นแหละ ตากเอาไว้แล้ว ก็คงแห้งแล้วมั้งป่านนี้แล้ว

ผ้าเช็ดตัวก็คงแห้งแล้ว ทำไมเหรอ

“มีผืนเดียวครับ แต่คงแห้งแล้ว”

ถ้าพูดมาซะขนาดนี้ก็คงต้อง......ตามนั้น

แต่นั่นใช่เรื่องที่ต้องมาคิดเหรอ มันต้องคิดเรื่องอื่นมากกว่ามั้ย เช่นว่า พี่ฟ้าจะมาขอยืมผ้าเช็ดตัวนัททำไม แล้วจะเอาเสื้อผ้าออกมาทำไม พี่ฟ้าจะค้างกับนัทหรือไง

พี่ฟ้าจะ ค้างกับนัท…หรือไง

เฮ้ยยยย

เรื่องใหญ่แล้วกู เพิ่งเปิดศึกดราม่ากันมาเมื่อกี้ พี่แกเล่นจะมาขอค้างกับกูซะงั้น กูไปไม่ถูกนะ คืนนี้จะไม่ให้อยู่ในอารมณ์หม่นหมองคนเดียวเงียบๆ เลยเหรอ พี่ฟ้าจะ....ค้างกับนัทจริง ๆ ใช่มั้ย

“แล้วไหนล่ะครับผ้าเช็ดตัว”

เฮ้ยยย เอาจริงแล้วไงไอ้นัท งานนี้ท่าจะจริงซะแล้ว

นัทลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว และกำลังจะก้าวขาออกมา

แต่....ความซวยก็มาเยือนอีกครั้ง

“โอ้ยยยย”

ร้องออกมาเสียงดังลั่นเพราะเตะเข้ากับถังขยะที่อยู่ใต้โต๊ะ และของที่อยู่ในถังขยะก็หล่นออกมาเกลื่อน

กล่องนม
กล่องขนม
เศษกระดาษ

“เฮ่อ”

ก็นัทรีบ นัทไม่ทันมอง นัทก็เลยเตะถังขยะ พี่ฟ้าทำไมต้องถอนหายใจใส่นัทด้วยล่ะ

เบ้หน้าด้วยความเจ็บ ตั้งใจจะไปหยิบผ้าขนหนูให้ แต่เพราะความรีบร้อนซุ่มซ่ามมันถึงได้เป็นแบบนี้ อาการเจ็บที่หัวเข่าทำให้นัทต้องก้มลงลูบไปที่หัวเข่าตัวเอง พร้อมกับที่คุณรัชชานนท์วางสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นไว้บนโต๊ะและก้าวขาเดินมาหาคนที่กำลังนิ่วหน้า

“ได้แผลทั้งวัน”

คล้าย ๆ จะเป็นเสียงบ่นและนัทก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ก็ไม่ได้ตั้งใจให้ได้แผลแต่คนมันรีบจะให้ทำยังไง

“ไหนมาดูซิ”

อะไรล่ะพี่ฟ้า แผลแค่นี้ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก ก็แค่ฟกช้ำเดี๋ยวก็หาย

“วันนี้เป็นแบบนี้กี่ครั้งครับคุณนัท”

ไม่รู้จำไม่ได้ หลายครั้งมั้ง แล้วไงล่ะ นัทไม่ได้เป็นบ้าที่จะหาเรื่องให้ตัวเองเจ็บตัวตลอดเวลานะ ก็มันมองไม่เห็นจริง ๆ

“เจ็บมั้ยครับ”

เจ็บสิครับ

ไม่ได้ตอบรับแต่พนักหน้า ยืนมองคุณรัชชานนท์ที่นั่งคุกเข่าลงกับพื้นและแตะปลายนิ้วไปที่หัวเข่าของนัท และคนที่ไม่เคยแสดงอารมณ์ความรู้สึกอะไรเลยก็เงยหน้าขึ้นมามอง และขมวดคิ้วมุ่น

"เจ็บมากมั้ย"

เจ็บมากมั้ยเหรอ  มันก็เจ็บอยู่เหมือนกันพี่ฟ้า มันก็.......เจ็บ

“เจ็บแต่ก็ทนได้ ไม่เป็นไรครับ”

ตอบออกไป และเม้นปากแน่น เพราะไม่กล้าสบตากับคนที่มองตรงมา

“สายตาสั้นก็ต้องระวังมาก ๆ ค่อย ๆ คิดค่อย ๆ ทำอย่ารีบ”

รู้แล้วพี่ฟ้า นัทรู้แล้ว

“เดี๋ยวผมไปเอาผ้าขนหนูให้คุณรัชชานนท์ก่อนนะ”

ไม่ต้องไปแล้วล่ะ แบบนี้

“คุณนัทอยู่เฉย ๆ เถอะเดี๋ยวผมจัดการเอง”

แค่พูดไม่พอ แต่คุณรัชชานนท์ยังกดไหล่ให้นัทนั่งลงที่เก้าอี้เหมือนเดิม

ขยะที่หล่นออกมาจากถัง กล่องนม กล่องใส่ขนม รวมทั้งเศษกระดาษที่หล่นออกมาถูกเก็บใส่ถังขยะเรียบร้อย
และคุณรัชชานนท์ก็เดินลิ่วเข้าไปที่ห้องที่ต่อเติมเอาไว้

นัทแค่มองตาม มองแล้วก็นั่งนิ่ง หลังเกร็ง หน้าเกร็ง และถอนหายใจเฮือกใหญ่

อย่างเครียดว่ะ

กูล่ะเครียด

ยังไงวะ เอาไงต่อ

“ผืนนี้ใช่มั้ยครับคุณนัท”

ผืน อ่ะ ใช่ ผืนนี้แหละ ลายเป็ดเหลืองนี่แหละ มีอยู่ผืนเดียว

ผ้าขนหนูถูกยื่นให้ดู และนัทก็พยักหน้ารับ กำลังพยายามปั้นหน้านิ่ง แต่ก็เหมือนจะทำหน้าไม่ถูก
คุณรัชชานนท์เดินไปหยิบถุงผ้าและของใช้บางอย่างเดินจากไปแล้วด้วยมาดอันสง่างามแม้ในยามตีหนึ่งครึ่ง

จากไปพร้อมกับการทำให้นัทเกิดอาการหัวใจเต้นระส่ำ   และเมื่อคุณเลขาเดินออกจากห้องไปเท่านั้น นัทก็ถึงกับทรุดฮวบ และใช้คางเกยโต๊ะเอาไว้ และนึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมา

พี่ฟ้าไม่ตอบคำถามที่นัทถาม แต่สิ่งที่ทำไม่ต้องเดาก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร

ค้างด้วยเนี่ยนะ กูกำลังดราม่านะเฮ้ยยยยย พี่ฟ้าจะมาค้างกับนัทได้ยังไง เรื่องการขอค้างด้วยว่าน่าอึ้งแล้วนะ
แต่เสื้อผ้าที่เตรียมใส่กระเป๋าผ้าเอาไว้นั่นมันชวนอึ้งยิ่งกว่า นี่เล่นเตรียมเสื้อผ้าเอาไว้เลยเรอะ พี่ฟ้าจะเป็นพวกเตรียมความพร้อมได้อย่างสมบูรณ์แบบไปถึงไหน

ได้แต่เครียด

นัทนั่งอยู่แบบนั้น กรอกตาไปมาด้วยความมึนงงก่อนจะซบใบหน้าลงที่โต๊ะและยืดแขนไปจนสุดเพื่อใช้หนุนแทนหมอน

พี่ฟ้า พี่ฟ้า พี่ฟ้า
พี่ฟ้าเป็นคนแบบไหนกันวะ
พี่ฟ้าเข้าใจยากจัง พี่ฟ้า พี่ฟ้า
อืมมมม พี่ฟ้า พี่ฟ้า คุณรัชชานนท์ คุณเลขารัชชานนท์หน้านิ่ง คุณเลขารัชชานนท์เย็นชา

คุณเลขารัชชานนท์
คุณเลขารัชชานนท์ทำไมไม่ตอบคำถามผมล่ะ
ถามแล้วก็ไม่ยอมตอบ

ทำไมถึงไม่ตอบกันนะ

ทำไม ทำไม ทำไม

นัทใช้แขนหนุนแทนหมอนและเหม่อลอยคิดอะไรไปเรื่อย คิดไปเรื่อยเปื่อย

กระพริบตาปริบ ๆ และเกาหัวด้วยความสงสัย

เออใช่ ลืมไปอย่าง พรุ่งนี้ว่าจะถามแผนกบิลว่าทำไมถึงแยกใช้ใบกำกับภาษีเป็นสองชุด ทำไมไม่รวมเข้าชุดด้วยกัน แล้วทำไมไม่ออกใบกำกับภาษีพร้อมกันไปเลย แยกบิลทำไม

ลุกขึ้นและหยิบเอกสารที่สงสัยมานั่งดู พิจารณาด้วยความมึนงง ก่อนจะค่อย ๆ เลื้อยลงไปนอนอีกครั้ง
ยกเอกสารขึ้นอ่าน ในขณะที่ใช้แขนหนุนแทนหมอน มองแล้วก็ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจ
ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไม

ทำไมถึงได้ทำมั่วไปหมดว่ะ พรุ่งนี้ต้องเรียกคุยหน่อยแล้ว ขืนปล่อยให้เรื่อยเปื่อยแบบนี้คงไม่ดี

“อืมมมม อั๊ง อัง อัง คืออะไร คืออะไรไม่เข้าใจ มึ้น มึน งง งง งง ง๊ง งง”

ไร้สาระที่สุดในโลก เพลงที่ไม่เป็นเพลง และคนที่ร้องเพลงไม่เป็นเพลงก็หยิบดินสอที่วางเอาไว้ขึ้นมากัด
กัดเล่นและสะดุ้งเฮือกและรีบลุกขึ้นนั่งหลังตรงตัวตรงเมื่อปรากฏว่ามีใครบางคนมายืนอยู่ตรงหน้า

คนที่ยืนอยู่กำลังมองมาและเหมือนกำลังอึ้งกับสิ่งที่นัททำ

โว้ยยยยยยยยยไอ้นัท มึงเอาอีกแล้ว มึงเอาอีกแล้ว

แต่จะว่าเป็นความผิดมึงคนเดียวก็ไม่ใช่หรอก

เพราะมันคือความผิดของพี่ฟ้า
พี่ฟ้า
พี่ฟ้ามาตอนไหนทำไมไม่ให้สุ้มให้เสียง

แบบนี้นัทก็ไม่ทันได้เก็กน่ะสิ โธ่โว้ยยยยยยย

“อ่ะ ...อาบ...อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอคุณรัชชานนท์”

เอ้ออออ ก็ใช่สิวะ มึงก็ถามโง่ ๆ ไอ้นัท ถ้าอาบยังไม่เสร็จเขาจะมายืนอยู่ตรงนี้ได้ยังไง

“เรียบร้อยแล้วครับ เดี๋ยวผมจะตากผ้าขนหนูให้”

แม่ง ขนาดว่าจะเป็นเวลาเข้านอนแล้วนะ พี่ฟ้ายังดูดีทุกมุมทุกองศา

มีสองอย่างที่เปลี่ยนไปคือเปลี่ยนจากชุดทำงานเป็นชุดนอน

ใช่ชุดนอน

พี่ฟ้าใส่ชุดนอน

เป็นเสื้อสีน้ำเงินและกางเกงขายาวสีน้ำเงินท่าทางจะใส่สบาย ไม่เหมือนกูหรอก ชุดบ้าอะไรก็ไม่รู้ โคตรทุเรศ

ปกติพี่ฟ้าไว้ผมเปิดหนาผากตลอด แต่ตอนนี้เส้นผมที่เปียกเล็กน้อยลู่ลงมาที่หน้าผาก

พี่ฟ้าเวลาที่ไม่ทำผมเปิดหน้าผาก ก็ดูดีไปอีกแบบ ดูสบาย ๆ และน่ามอง ผิดกับกูลิบลับ ทรงผมห่าอะไรก็ไม่รู้ แถมยังกิ๊บเป็ดเหลืองที่ติดอยู่กลางกบาลนี่อีก โคตรทุเรศเลยเอาง่าย ๆ

พี่ฟ้ายิ่งกว่าดูดี  มีแต่กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ยิ่งอยู่ใกล้ ยิ่งชื่นใจ

“คุณรัชชานนท์ง่วงหรือยังครับ”

มึงโง่เปล่านัท ใครมันจะไปตาค้างเหมือนนกฮูกได้ตลอดเวลาเหมือนมึงล่ะ เขาก็ต้องง่วงเป็นธรรมดา ถามอะไรโง่ ๆ อีกแล้ว

“เอ่อ ผมหมายถึงว่า ผมกำลังจะเข้านอนอยู่พอดี เชิญทางนี้ครับ”

นั่นแหละถูกแล้ว สมควรจะพูดแบบนั้น

ลุกขึ้นยืนและลากรองเท้าเป็ดเดินนำหน้าเข้าไปในห้องที่มีเพียงฟูกนอนผืนไม่ใหญ่ และสามารถพับเก็บได้ และหมอนใบเล็ก ๆ อีกสองใบ

“คับแคบหน่อยนะครับ คุณรัชชานนท์ก็อาจจะลำบากหน่อยเดี๋ยวผมจะหามาเปลี่ยนแล้วกัน”

เจ้าบ้านที่ดีมันต้องให้ได้อย่างนี้

กำลังจะปูที่นอน แต่คุณรัชชานนท์บอกว่าไม่ต้องแล้วก็ให้ยืนดูอยู่เฉย ๆ

เฮ้ยยยยยยยยยย คุณรัชชานนท์ปูที่นอนให้เลยนะ
พี่ฟ้าปูที่นอนให้นัทเลยนะ

ทำเล่นไป

“เรียบร้อยแล้วครับคุณนัท”

สวยงามครับ เป็นการปูฟูกนอนที่ดูดีที่สุดในจักรวาลแล้ว

ลงมานั่งเป็นที่เรียบร้อย นั่งลงมาด้วยใจระทึกแต่ใครบางคนไม่ได้ตามลงมา

นัทหยิบหมอนหนุนหนึ่งใบมากอดเอาไว้ และมองไปที่คนบางคนที่ยืนอยู่และหน้ายังคงเหมือนเดิมคือนิ่งเฉย

“คุณนัทดูท่าทางจะชอบเป็ดสีเหลืองมากนะครับ ขนาดฟูกนอนยังเป็นเป็ดเหลือง”

กูเกลียดเป็ด
นัทเกลียดเป็ด
สาบานได้ว่านัทเกลียดมันจริง ๆ ตอนแรกไม่เกลียดแต่ตอนนี้บอกได้เลย ว่า เกลียดโคตร ๆ

ทั้งหลายทั้งปวงภาพพจน์ที่ไม่มีเหลือมันก็เพราะของใช้โง่ ๆ พวกนี้

“ผมเปล่าชอบเป็ด”

ปฏิเสธออกไปแล้ว และคนที่ได้ฟังก็พยักหน้าอย่างช้า ๆ เหมือนว่าเข้าใจ แต่.... ไม่เข้าใจ

“แล้วคุณนัท...อืมมม”

แล้วนัททำไมพี่ฟ้า แล้วนัททำไม นัทก็แค่เกลียดเป็ด พี่ฟ้าเข้าใจเอาไว้เลยว่านัทเกลียดเป็ดที่สุด
ไม่เคยเกลียดหรอกนะ แต่เริ่มเกลียดนับตั้งแต่เป็ดมันทำร้ายภาพพจน์ของนัทเนี่ยแหละ

“ครับ ว่าไงครับคุณรัชชานนท์”

แล้วจะว่าไงยังไงล่ะครับคุณรัชชานนท์ คุณรัชชานนท์จะว่ายังไง

“คุณนัทเข้าห้องน้ำหรือยังครับ”

ห๊ะ ทำไมนัทต้องเข้าห้องน้ำด้วย ไม่เห็นมีเหตุผลที่นัทต้องเข้าห้องน้ำไม่ใช่เหรอ

“คือว่า ผมเคยมีหลาน ก่อนนอนผมก็ต้องพาหลาน ๆ ไปเข้าห้องน้ำ กลางดึกจะได้นอนหลับสบายไม่ต้องลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำอีก”

แล้ว…
แล้วไงล่ะ

แล้วยังไง

นัทไม่ใช่หลานของพี่ฟ้านะ

นัทไม่ใช่

แล้วนัทก็ไม่ใช่เด็กด้วย

“ผมโตแล้ว ผมไม่ใช่เด็กครับคุณรัชชานนท์”

อะไรก็ยอมได้ แต่เห็นนัทเป็นหลานพี่ฟ้าแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน แม่งเกลียดกันขนาดไหนก็ทนได้นะ แต่มามองเหมือนกับว่านัทเป็นหลานพี่ฟ้าแบบนี้ นัทโกรธจริงนะพี่ฟ้า

“โทษทีครับ ผมนึกว่าคุณเพิ่งจะห้าขวบเต็มปีนี้”

ห๊ะ

นัทไม่ใช่ห้าขวบเต็มนะ นัทโตแล้ว พี่ฟ้าพูดมาได้ยังไง

“คุณรัชชานนท์ ถ้าคุณไม่หยุดว่าผมนะ ผมจะโกรธคุณแบบจริงจัง และมันจะมีผลกระทบกับหน้าที่การงานของคุณในอนาคตแน่นอน”

เหรอ

เหรอครับคุณนัท

มีผลกระทบกับหน้าที่การงานของผมเหรอครับ แล้วคุณก็ลงไปนอนหันหลังให้แบบนี้ทั้งที่ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยเนี่ยนะ
ก็ถ้ามันจะมีผลกับงานเพราะว่า...เป็ดเหลืองมันงอนและไม่ถูกใจก็เอาสิ ผมไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว

เพราะถ้าคิดกันดี ๆ

เป็ดเหลืองหน้าแมว ที่ไม่เก็กหน้าทำเป็นหยิ่ง และพูดจาร้าย ๆ ใส่ผมเหมือนที่ผ่านมา

ผมว่า........ ในความคิดของผมนะ

เป็ดเวลามันทำหน้าเหวี่ยงและออกอาการเหมือนกำลังงอน มันก็...ดูน่ารักดีเหมือนกัน

TBC.
 Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2818.0)
      และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 61
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 29-05-2014 18:00:09
ตกหลุมรักเป็ดน้อยแล้วใช่มะพี่ฟ้า กิ๊วๆๆๆ :m1: :m3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 61
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 29-05-2014 18:10:40
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน แล้วจะหลับได้ยังไง


ห้าขวบเหรอ ห้าขวบได้ยังไง พี่ฟ้าเห็นนัทอายุห้าขวบจริง ๆ หรือไง โตแล้วไม่ใช่เด็ก ๆ ทำไมต้องว่ากันแบบนี้

นอนหันหลังให้ และรู้สึกโมโหกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด มันดูจริงจังมาก พี่ฟ้าหน้านิ่งมาก และดูจริงจังกับคำพูดที่พูดมาขนาดนั้นจะให้แปลความหมายเป็นอย่างอื่นได้ยังไงล่ะ นอกจากแปลว่านัทมันคงดูบ้าบอและเหมือนเด็กจริง ๆ

ไฟปิดเรียบร้อย และคุณเลขาก็มาล้มตัวลงนอนอยู่ข้าง ๆ

ไม่รู้ล่ะ เคือง ว่าอะไรก็ว่าได้นะ แต่อย่ามาว่าเป็นเด็ก ไม่รู้หรือไงว่าอย่างเคือง นัทขยับถอยห่างออกมาอีกเล็กน้อย และยังคงทำหน้ายุ่ง ส่วนคุณรัชชานนท์นอนหงายมองเพดานห้องพักปเรื่อยๆ นอนมองและคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

คิดยังไง กับคำถามที่ถูกถามแบบนั้น มันตรงเกินไป จนไม่กล้าตอบ รู้กันอยู่ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ทำไมถึงไม่ยอมตอบ แม้อีกฝ่ายจะถามย้ำอีกครั้ง แต่ก็ไม่ยอมตอบ มันเป็นเพราะอะไร เพราะดวงตาเศร้าสร้อยหม่นหมองที่มองมาเหรือเปล่า เลยไม่กล้าจะหักหาญน้ำใจ แบบนี้ไม่คิดว่าใจดีเกินไปหน่อยเหรอ ที่ถูกควรต้องบอกไปตรง ๆ แล้วทำไมถึงไม่ยอมพูด

แค่บอกว่าเกลียดมาก แต่ถ้าพูดออกไปจริง ๆ แล้วเด็กหน้าเศร้านั้นจะเป็นยังไง

จะยิ่งเศร้ามากขึ้นขนาดไหน เด็กคนที่ว่านั่นน่ะ

....พี่ฟ้า กับ ... นัท...งั้นเหรอ…

ไม่ได้สงวนชื่อนี้ไว้สำหรับให้ใครเพียงคนเดียวเรียก

พ่อแม่ น้องชายหรือเพื่อน หรือแม้แต่คนรัก ก็เรียกชื่อนี้กันทั้งนั้น เพียงแต่ว่า ไม่เคยเห็นใครเรียกแล้วทำหน้าเศร้าได้มากขนาดนี้มาก่อน และนี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็น

มันชัดเจนเกินไป ชัดเจนจนนึกสงสาร ใช้วิธีการหลีกเลี่ยงไม่ยอมตอบ เพราะกลัวว่าผลที่ออกมามันจะแย่มาก แย่จนไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ สุดท้ายก็เลยเลี่ยงที่จะไม่พูดซะ แบบนี้เรียกว่าขี้โกงหรือเปล่า แต่คงไม่ รักษาน้ำใจกันบ้าง อุตส่าห์ต้องมาเป็นเจ้านายกับเลขากันแล้ว แถมยังต้องเป็นไปเรื่อย ๆ อีกตั้งนาน แบบไม่รู้กำหนดเวลา

เกลียดส่วนเกลียด งานส่วนงาน แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันได้ มันก็จบ

แล้วนี่เป็นอะไร

ถ้าพูดกันตามจริงแล้ว แค่ขับรถกลับมันจะกินเวลาสักเท่าไหร่กัน อาจจะประมาณครึ่งชั่วโมง หรืออาจจะเร็วกว่านั้น

แล้วทำไมถึงไม่ยอมกลับ โมเม ขอค้างด้วย แบบไม่รอให้ฝ่ายนั้นปฏิเสธ ทำไมต้องทำแบบนี้ ไม่เห็นจำเป็นเลย แต่ก็ทำไปแล้ว
โดยที่ฟ้าก็ตอบไม่ได้ว่าทำไปเพราะอะไรเหมือนกัน

“คุณนัท”

เรียกชื่อคนที่นอนหันหลังให้ และนัทที่กำลังทำหน้ายุ่งก็ขานรับ

“ครับคุณรัชชานนท์”

คล้าย ๆ โมโหเล็ก ๆ นะ หรือยังไง

“ผมขอถอนคำพูดนะที่บอกว่าคุณอายุห้าขวบเต็มปีนี้”

เหรอ
แต่นัทโมโหไปแล้ว พี่ฟ้าจะให้นัททำยังไง ทำไมพี่ฟ้าต้องหลอกด่า หาว่านัทบ้าบอปัญญาอ่อนด้วย นัทไม่ชอบเลย พี่ฟ้าไม่รู้หรอก การที่ถูกบอกว่าเป็นเด็กมันก็คล้ายดูถูกนัทแหละ ว่านัทไม่มีศักยภาพเพียงพอ

“ดีครับ เพราะผมไม่ได้อายุห้าขวบ คุณก็น่าจะรู้”

ตอบกลับออกไปแล้ว อารมณ์หงุดหงิดไม่พอใจคลายลงเล็กน้อย

ก็ดีที่พี่ฟ้าบอกว่าไม่ใช่เด็กห้าขวบ ไม่งั้นนัทจะยิ่งโมโหจนไม่เป็นอันหลับอันนอน

“ผมขอเปลี่ยนเป็นสี่ขวบครึ่งแล้วกันนะ”

ห๊ะ

สี่ขวบครึ่ง

นัทไม่ได้สี่ขวบครึ่งนะ

“คุณรัชชานนท์ผมไม่ใช่เด็กสี่ขวบครึ่ง”

ขึ้นเสียงสูง แม้จะไม่หันมามอง แต่ฟ้าก็พอจะเดาสีหน้าของคนที่นอนหันหลังให้ได้

“เหรอครับก็จริงอย่างคุณนัทว่า งั้นผมเปลี่ยนเป็นสามขวบแล้วกัน”

นัทไม่..... พี่ฟ้า นัทไม่ใช่ สามขวบ

นัทไม่ใช่

ฮึ่ยยยยย

“ถ้าคุณจะเปลี่ยนอายุให้ผมขนาดนั้น คุณไม่บอกว่าผมอายุหกเดือนเลยล่ะ”

ประชดประชันออกไป และฟ้าก็แทบจะหลุดขำ แต่ก็ต้องรีบยกหลังมือขึ้นปิดปากเอาไว้ เพราะกลัวว่าคนที่นอนหันหลังให้จะได้ยินเสียง

ขำจนตาหยี แต่ก็กลั้นเสียงเอาไว้ และพยายามข่มใจอยู่พักใหญ่เพื่อให้ทุกอย่างสงบลง

“ก็จริงของคุณนัทนะ อายุหกเดือนก็น่าจะโอเค”

ไม่รู้เป็นอะไร ไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวเองกำลังเป็นอะไร แต่มันนึกอยากจะแกล้งนึกอยากจะหยอกล้อใครบางคนที่แสดงท่าทางเหมือนกำลังโกรธ แต่มันดูน่ารักมากกว่าจะนึกกลัว ไม่รู้ทำไมถึงกลายเป็นคนแบบนี้ ทั้งที่ไม่ใช่นิสัยของตัวเองแท้ ๆ แต่กลับทำบางอย่างได้หน้าตาเฉย

“คุณรัชชานนท์”

คราวนี้คนที่นอนหันหลังให้ ลุกพรวดพราดขึ้นนั่ง และฟ้าก็รีบยกหลังมือออกจากปาก พยายามทำหน้านิ่งให้มากที่สุด และมองไปที่คนที่ทำเสียงฮึดฮัดโมโห

“ครับคุณนัท”

กล้าที่จะตอบออกไปและฟ้าก็พยายามข่มน้ำเสียงเอาไว้ไม่ให้ขำออกมา

“ผมไม่ใช่เด็กหกเดือน”

นั่นผมรู้ครับ ผมก็แค่หยอก ไม่เห็นต้องโมโหขนาดนั้น ไม่พูดเปล่าแต่คุณนัทยังลุกพรวดพราดขึ้นยืนและคราวนี้ฟ้าก็ชักจะเริ่มรู้แล้วว่าอีกฝ่ายคงโกรธจริงจัง

“จะไปไหนครับคุณนัท”

ไปไหนก็ได้ ที่พี่ฟ้าไม่แกล้งนัทแบบนี้ ไปไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ อย่ามาถามเลย นัทไม่อยากพูดกับพี่ฟ้าอีก

“แถว ๆ นี้”

แถว ๆ นี้นี่มันแถว ๆ ไหน ถ้าไม่บอกจะรู้มั้ย มันก็มีแค่ส่วนสำนักงาน แล้วก็ห้องทำงานด้านหน้า ระบุสิครับ ว่าจะไปแถว ๆ นี้ที่ว่าน่ะ มันส่วนไหน

“ห้องน้ำเหรอครับ”

นัทไม่ไปอยากไปห้องน้ำ นัทไม่ใช่เด็กน้อยที่จะต้องลุกไปเข้าห้องน้ำก่อนนอน

นัทไม่ใช่

“ใช่ ผมจะไปเข้าห้องน้ำ”

ตอบกลับออกไปแล้วและกำลังจะก้าวขาเดินออกไปจริง ๆ และคุณรัชชานนท์ก็ลุกขึ้นตาม

“แล้วคุณจะไปไหนคุณรัชชานนท์”

จะไปไหนล่ะพี่ฟ้า เห็นนัทลุกขึ้นก็จะลุกตาม มันดึกแล้วพี่ฟ้าง่วงไม่ใช่เหรอ ง่วงก็ต้องนอนจะมาลุกขึ้นเดินตามเพราะนัทโมโหและงี่เง่าใส่แบบนี้มันไม่ได้ เดี๋ยวนัทรู้สึกผิด

นัทไม่อยากรู้สึกผิดและเป็นต้นเหตุให้พี่ฟ้าไม่ได้หลับได้นอนนะ ที่นัทจะไปก็แค่ไปสงบสติอารมณ์ไม่ให้โกรธเคืองเวลาที่ถูกพี่ฟ้าว่าเท่านั้น

นัทไม่ได้ตั้งใจจะป่วนพี่ฟ้าหรอก เชื่อเถอะ

“คุณนัทไปที่ไหน ผมก็ไปที่นั่นแหละมั้ง”

แต่....

นิ่งชะงักค้างอยู่อย่างนั้น และนัทก็ต้องรีบบอกบางอย่างกับตัวเอง

อย่าเรื่องมากนัท
อย่าเรื่องมาก
อย่าทำตัวเรื่องมาก อย่างี่เง่า อย่าหาเรื่องให้คนอื่นเดือดร้อนไปด้วย อย่าทำแบบนี้นัท อย่าทำ

“ผมไม่ไปแล้ว คุณก็พักผ่อนเถอะ”

สงบสติอารมณ์และลงมานั่งเป็นที่เรียบร้อย

บ้าบอ
อย่าทำตัวบ้าบอนัท
พี่ฟ้ามาอยู่ด้วยแล้วแทนที่จะดีใจ กลับทำตัวเรื่องมากมีปัญหา แบบนี้มันไม่ดี อย่าทำแบบนี้อีก อย่าทำ
ล้มตัวลงนอน และหันหลังให้อีกเช่นเคย และคราวนี้ฟ้าก็เริ่มยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก ไม่เข้าใจความคิดของเด็กที่นอนหันหลังให้อยู่ข้าง ๆ หรอกนะ ไม่เข้าใจหรอกว่าคิดอะไร แต่ว่า.....

“คุณนัทครับ”

“ครับคุณรัชชานนท์”

น้ำเสียงยังเจือด้วยความขัดเคืองอยู่เล็กๆ แต่ว่าอ่อนลงเยอะแล้ว แบบนี้คงพอคุยกันต่อได้ไหว

“ผมขอโทษที่หยอกคุณแรงไปหน่อย คุณไม่ได้เด็กขนาดนั้นหรอกเชื่อได้”

คุณโตกว่านั้นเยอะ หน้าตาก็อยู่ที่ประมาณสิบเจ็ดสิบแปด นิสัยก็เหมือนเด็กห้าขวบบางเวลา และบางครั้งก็โตเท่ากับอายุจริงเวลาที่จริงจัง เรื่องความรับผิดชอบผมตีให้ว่าเกินผู้ใหญ่บางคนไปเยอะ อันนั้นแหละที่เป็นข้อดีของคุณนัท

แต่เรื่องอะไรจะต้องบอก ไม่เห็นต้องบอกเลยก็ได้ ดูเด็กเป็ดงี่เง่าและเหวี่ยงใส่ไปเรื่อยๆ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน

“ผมโตแล้วคุณก็น่าจะรู้”

ใช่ผมรู้ว่าคุณนัทโตแล้ว โตเยอะแล้วด้วย บางทีมันก็มากพอที่จะทำอะไรหลาย ๆ อย่างได้แล้ว
คิดอะไรทะลึ่ง ๆ และอมยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก ก่อนจะลุกขึ้นและดึงผ้าห่มคลุมให้กับคนที่นอนอยู่ข้างๆ

และนัทก็นิ่งอยู่อย่างนั้น

ห่มผ้าให้

ก็คงทำไปตามหน้าที่อีกเหมือนเดิมสินะ เป็นเลขาก็ต้องทำไปตามหน้าที่

ห่มผ้าให้นี่ก็คงตามหน้าที่เหมือนเคยแล้วนัทจะไปทำอะไรได้ นัทก็เป็นเจ้านายพี่ฟ้าไปตามหน้าที่นั่นแหละ

ไม่รู้ว่าคิดอะไรทำไมมากมาย คิดไปก็ปวดหัว ไม่เห็นเป็นไปอย่างที่เคยคิดเลย ถ้านอนใกล้กันขนาดนี้มันก็ต้องมีอารมณ์แบบว่าใจเต้นระทึกบ้างแต่นี่ไม่มีเลยสักนิด มีแต่หงุดหงิดเพราะถูกคุณรัชชานนท์แกล้ง นัทไม่รู้ว่าจะคิดเรื่องไร้สาระบางอย่างให้ปวดหัวไปทำไม

นอนนิ่ง ๆ เงียบ ๆ ไปเรื่อย ๆ

หลับตาลงอย่างเชื่องช้า ไม่ทันรู้ตัวก็เผลอหลับไป หลับไปเหมือนทุกคืน แต่แตกต่างจากคืนก่อน ๆ ตรงที่มีคนบางคนมานอนอยู่ข้างๆ เท่านั้น สิ่งที่ต่างออกไปจากคืนก่อน ๆ ก็มีแค่นี้เอง

“อึ่ก”

ฟ้าถึงกับสะดุ้งตื่นขึ้นมา เมื่อพบว่ามีบางอย่างพาดเกยมาที่ลำตัว

แขน.... และตามมาด้วย...ขา อยากจะขยับหนี แต่คราวนี้หน้าของคนที่นอนหันหลังห่างออกไปเมื่อหลายชั่วโมงก่อน กำลังมาซุกแนบอยู่ที่อก ซุกเข้าหา และกอดเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย อยากจะขยับตัวแต่ก็ขยับไม่ได้ ยกแขนของคนที่หลับสนิทออกให้พ้นตัว แต่มันก็ยังกลับมาที่เดิมและคราวนี้กอดแน่นยิ่งกว่าเดิมจนแกะแทบไม่ออก

“นัทจะฆ่าเป็ดให้หมดโลกเล้ยยยยยยย อืออออ”

เกลียดเป็ด จะฆ่าเป็ด แต่คุณนัทเล่นกอดผมซะแน่น ผมไม่ใช่เป็ดคุณไม่ต้องอยากจะฆ่าผมให้ตายด้วยการรัดซะแน่นขนาดนี้ก็ได้

คุณเลขารัชชานนท์หน้านิ่ง นอนลืมตาอยู่ในความมืด และไม่สามารถขยับตัวได้อีกแล้ว สิ่งที่ต้องทำในเวลานี้คือ....
พยายามท่องสูตรคูณในใจต่อไป

สามหนึ่งสาม สามสองหก สามสามเก้า สาม สาม สาม สามอะไร สาม...

คิดไม่ออกจริง ๆ สามอะไรต่อ
อ๋อ สามสี่สิบ สิบ สิบ แล้วไงต่อ แล้วอะไรต่อล่ะ

แล้วจะท่องต่อไปยังไง

ไอ้เด็กนี่ก็กอดแน่นซะจริง จนแทบจะรวมร่างกันได้อยู่แล้ว แล้วสามอะไรต่อล่ะ สามอะไรต่อดี สามสี่สิบ สิบ สิบ...เอ่อ
สิบอะไรต่อไป

 TBC.

 Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2818.0)
      และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 29-05-2014 18:37:40
เหวย คุณรัชชาน้นนนนน
 :impress2: :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 29-05-2014 18:43:33
สงสัยท่องเเม่สูตรคูณจะยากไป

เปลี่ยนเป็น A-Z ก็ได้นะคุณรัชชานนท์
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 29-05-2014 18:52:59
ก่อนที่จะฆ่าเป็ด สงสายพี่ฟ้าจะตายซะก่อน รัดแน่นขนาดนี่ พี่ฟ้าไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะ เดี๋ยวลักหลับซะหรอก :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 29-05-2014 19:00:29
คนฆ่าเป็ดดูท่าจะฟินนักแล อิๆๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 29-05-2014 19:04:19
 :กอด1:เจอเป็ดน้อยกอดทีเดียวพี่ฟ้าไปไม่เป็นเลย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 29-05-2014 19:06:29
พี่ฟ้าเผลอแล้ววว
อ่านตอนก่อนๆไม่ได้คิดอะไร แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าพี่ฟ้าจะหัวเราะจากใจจริงได้แล้ว ยิ้มได้จากใจจริงได้แล้ว แต่ยังไม่รู้ตัวหรือเปล่า
ส่วนคุณนัท บทจะดราม่าก็ไม่บอกกันก่อนเลย เสียน้ำตาเลย
แล้วอะไร มันต้องต่างคนต่างแยกย้ายดิ แล้วพี่ฟ้ามานอนด้วย เหมือนเรื่องมาม่าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนไม่เคยเกิด... งั่มๆ ตีมึนๆ
 :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 29-05-2014 19:13:39
อ่านะ ไม่ได้อ่านเมื่อวานวันเดียว มาอ่านอีกที มีพัฒนาการโว๊ย เหอๆๆ
ตอนล่าสุด คุณนัทกอดแน่นๆนะ กอดให้ถึงเช้าด้วย ตื่นมาจะได้รู้ว่าตัวเองทำไรไว้ อิอิ

ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไป ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 29-05-2014 19:53:55
 :o12:  สงสารเป็ด  555+ อย่าฆ่ามันหมดโลกเลยคะ มันมุ้งมิ้งออก  :mew2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 29-05-2014 19:57:33
 พี่ฟ้าถึงกับท่องสูตรคูณผิดกันเลยทีเดียว :hao7:

นัทนี่มันซุ่มซ่ามจริงๆ
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 29-05-2014 20:43:50
เป็ดตัวที่1 :ped144:


เป็ดตัวที่2 :ped149:


เป็ดตัวที่3 :5775:


น้องนัทไหนๆก็จะฆ่าเป็ดแล้วตัดของพี่ฟ้าให้เป็ดกินก่อนดีมั้ย!!!
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 29-05-2014 21:06:28
เอาเลยน้องนัททททท 5555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 29-05-2014 22:44:54
เป็ดน้อย เป็ดน้อย เป็ดน้อย~~~~~~!!!!!!
น่ารักซะจิง อย่าฆ่าเป็ดเรยนะนัท จะได้สมหวังในรักก้อเพราะเป็ดนี่ล่ะ 5555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 30-05-2014 00:57:46
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน เพราะคุณนัทเคยขอเอาไว้

ไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ แบบนี้ไม่คิดว่า…มันแปลกหรือไง

นัทกระพริบตาปริบ ๆ และนอนนิ่งอยู่อย่างนั้น

รู้สติดีทุกอย่างว่าในเวลานี้กำลังนอนเกยอยู่กับใคร ซบหน้าอยู่ที่อกของใคร

รู้ว่าเป็นพี่ฟ้า แต่ไม่ได้ขยับ และไม่ได้ผละจาก ยังคงนอนนิ่งอยู่อย่างนั้น

รู้สึกดี เวลาที่ได้อยู่ใกล้หรือสัมผัสกับคนที่รัก แม้ว่าพี่ฟ้าจะไม่รู้สึกอะไรกับนัทก็ตาม แต่นัทก็ยังรู้สึกดี

พี่ฟ้าตัวอุ่น
พี่ฟ้าอบอุ่น
มันคงเป็นความฝันที่นัทได้ใกล้ชิดพี่ฟ้าขนาดนี้ บางทีมันคงเป็นแค่ความฝันและนัทคงกำลังหลับตาอยู่

ถ้านัทตื่นขึ้นมาแล้ว สิ่งที่ได้รู้สึกได้สัมผัสในเวลานี้คงไม่มีจริง คงจะเลือนหายไป

นัทนอนนิ่งอยู่อย่างนั้นและกระพริบตาอยู่ในความมืด มือพาดไปที่ลำตัวของคนที่นอนให้กอด

อยากหยุดเวลาไว้ อยากให้เวลาหยุดเดิน อยากหยุดเวลาไว้ช่วงที่มีความสุขที่สุด

อยากหยุดเวลานี้เอาไว้

อากาศยามเช้าเย็นจนต้องขยับตัวเพื่อหาไออุ่นจากร่างที่กอด และนัทก็ขยับตัวแนบชิดเข้าไปกับแผ่นอกกว้างนั้นอีก

บางทีนัทก็อยากเจ้าเล่ห์บ้าง บอกว่านอนละเมอ บอกว่าหลับไม่รู้เรื่อง เหตุผลมากมายที่จะใช้อ้าง เหตุผลมีมาก และนัทก็คิดเอาไว้แล้วว่าจะใช้เหตุผลอะไร นัทมีเหตุผลให้พี่ฟ้าแล้ว หลับตาลงอีกครั้ง หลับลงพร้อมกับรอยยิ้ม

รอยยิ้มที่ไม่ได้มีมากเกินร้อย แต่เป็นรอยยิ้มที่เจือจางไปด้วยความเศร้า นัทไม่รู้หรอกว่าจะทำยังไงต่อไป แต่อย่างน้อยในเวลานี้นัทก็ได้รู้แล้วว่าพี่ฟ้าอุ่นขนาดไหน นัทได้รู้แล้วว่าความอบอุ่นจากร่างกายของพี่ฟ้าเป็นยังไง

บอกตัวเองในใจลึก ๆ พูดกับตัวเอง โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าใครบางคนตื่นก่อนนัทตั้งนานแล้ว

ไม่ได้ขยับตัว แต่นอนนิ่ง ๆ ให้กอด ให้ไอ้เด็กเป็ดกอดแน่น และฟ้าก็แตะฝ่ามือเบา ๆ ไปที่เส้นผมของร่างที่กอดรัดเอาไว้แน่น
แตะเบา ๆ และลูบไล้เล่น

ลูบไล้ไปที่เส้นผมนิ่มของเด็กเป็ดหลืองที่แทบจะขึ้นมาเกยอยู่เหนืองร่าง

ลูบด้วยความรู้สึกไหนกันแน่

ด้วยความรู้สึก...ยังไง

ฟ้านิ่งชะงักมือ ไม่ได้ลูบอีก แต่เปลี่ยนเป็นกอดเอาไว้แบบหลวม ๆ และขมวดคิ้วมุ่น จากกอดแค่เล็กน้อย กลายเป็นกอดกระชับแน่นขึ้น และดึงผ้าห่มมาคลุมให้เมื่อรู้สึกถึงความหนาวเย็นเพราะอากาศในตอนเช้าที่ฟ้ายังไม่สาง

นัทรับรู้ได้หมดทุกสัมผัส ตั้งแต่ถูกลูบผมแล้ว แค่กอดก็รู้สึกอุ่น แต่ฝ่ามือใหญ่ที่แตะมาที่เส้นผมและลูบไล้แผ่วเบามันให้ความรู้สึกที่มากกว่า

นัทไม่รู้ว่าพี่ฟ้าทำแบบนี้ไปทำไม ไม่รู้เลยสักนิด ไม่รู้เลยจริง ๆ แล้วยังอ้อมแขนที่กอดรัดแน่นนี่ล่ะ ทำไมพี่ฟ้าถึงได้ทำแบบนี้
ทำไมถึงได้กอด บางทีที่กอดก็คงไม่ได้มีความหมายอะไร ไม่มีความหมายเลยสักนิด

นัทไม่เข้าใจหรอกนะว่าพี่ฟ้าคิดอะไรอยู่ถึงกอดนัท บางทีนี่คงเป็นฝันจริง ๆ ฝันดีที่นัทไม่อยากตื่น อยากจะฝันดีแบบนี้ไปนาน ๆ อยากจะฝันดีแบบนี้ตลอดไป

นัทนอนนิ่ง และใครบางคนที่กอดนัทเอาไว้ก็นอนนิ่งเช่นกัน

ความอบอุ่นที่ถ่ายทอดให้กัน มันทำให้รู้สึกดีเกินกว่าจะมาหาคำตอบ รู้สึกดีเกินกว่าจะมามัวหาคำตอบให้กับความรู้สึกนี้
แค่รู้สึกดีก็เพียงพอแล้วจะต้องวุ่นวายหาคำตอบไปทำไม

“คุณนัทครับ ตื่นหรือยังครับ”

ตื่นหรือยังเหรอ

ตื่นหรือยัง....

นัทตื่นตั้งนานแล้ว ตื่นได้พักใหญ่แล้ว แล้วพี่ฟ้าล่ะตื่นนานหรือยัง

นัทค่อย ๆ ขยับร่างกาย และลุกขึ้นนั่งอย่างช้า ๆ ยกมือขึ้นขยี้ตา และคุณเลขารัชชานนท์ก็ลุกขึ้นตาม

“ยังไม่เช้าเลย นอนต่ออีกนิดก็ได้นะครับเดี๋ยวผมปลุก”

นัทเอื้อมมือไปหยิบนาฬิกาปลุกที่วางเอาไว้บนหัวนอนมากดดูเวลา และก็เห็นว่ายังเป็นเวลาเช้ามาก

04.12 น.

ใบหน้ายุ่งเหยิง และดึงหมอนหนุนขยับออกห่าง กลับลงไปนอนอีกครั้ง และนอนหันหลังให้กับคนที่บอกว่าจะปลุกให้ตื่นเมื่อถึงเวลา

“คุณรัชชานนท์ก็นอนต่ออีกหน่อยเถอะ ผมตั้งนาฬิกาปลุกไว้แล้ว เดี๋ยวประมาณหกโมงครึ่งค่อยตื่นอาบน้ำก็ได้”

เอ่ยบอกและคุณรัชชานนท์ก็ค่อย ๆ เอนกายลงไปนอนคู่กันแต่ห่างออกไป

เพียงไม่นาน แล้วก็เหลือบสายตาไปมองที่เด็กน้อยที่นอนหันหลังให้ ยังไงล่ะคุณนัท เดาอารมณ์ไม่ถูกหรอกนะ ว่าเป็นอะไร

“โกรธอะไรผมหรือเปล่าครับคุณนัท”

โกรธเหรอ ไม่ได้โกรธนะ นัทจะไปโกรธพี่ฟ้าได้ยังไง

หันกลับไปมองคนที่ถามคำถามบางอย่าง และก็ทันได้สบตากับคุณรัชชานนท์ในความมืด

โกรธเหรอ คนที่ต้องพูดแบบนั้นคือพี่ฟ้าต่างหากล่ะ โกรธหรือเปล่าที่นัทไปนอนเบียดแล้วกอดแน่นแบบนั้นทั้งคืน พี่ฟ้าโกรธหรือเปล่าที่นัททำอะไรเกินพอดี

“ผมจะโกรธคุณรัชชานนท์เรื่องอะไร ผมสิสมควรถูกโกรธที่ไปนอนเบียดคุณรัชชานนท์ให้อึดอัดทั้งคืน”

ผมไม่ได้โกรธคุณนัทหรอกนะ เพียงแต่มันทำให้ผมคิดอะไรเตลิดไปไกลแค่นั้น
ไม่รู้สิ มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายยาก เพราะไม่คิดว่าจะรู้สึกอยากเข้าใกล้ใครอีกเลยตลอดชีวิต

แล้วทำไมอยู่ ๆ ถึงอยากเข้าใกล้คนนี้ขึ้นมา ไม่ใช่แค่อยากเข้าใกล้ไม่ใช่แค่อยากเข้าไปหาคุณนัท
แต่อยากให้คุณนัทเข้ามาหามาอยู่ใกล้ ๆ ด้วย

มันเป็นเพราะอะไร ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้สึกแบบนี้เลย

ไม่ว่ากับใครก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้ด้วยอีกเลยถึงแม้เปิดใจให้ขนาดไหน แต่ก็ไม่รู้สึกได้เท่าคนนี้

เพราะเจ็บปวดมาจากรักครั้งเก่า อยากปิดตายหัวใจไปซะ แต่เพราะคำขอร้องจากนุชา ฟ้าก็เลยยอมเปิดใจให้คนเข้ามาศึกษานิสัยใจคอบ้าง

แต่ก็ผ่านเลยไป ไม่เคยมีใครทำให้ฟ้ารู้สึกสนใจได้มากเท่าคนนี้

ไม่มีใครทำให้รู้สึกสนใจได้เท่ากับคุณนัทเลย

ไม่มีใครทำให้รู้สึก... หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะ คุณนัทมีบางอย่างที่น่ารักน่าใคร่ กิริยาอาการบางอย่างที่น่ามอง

การแสดงออกที่ได้เห็นทั้งในเวลาที่คร่ำเคร่งกับหน้าที่การงาน และบางเวลาที่เป็นตัวของตัวเอง

ฟ้ากำลังอมยิ้มเล็ก ๆ และรู้สึกว่าอยากจะยิ้มแบบนี้ไปอีกนาน ๆ ยิ้มให้มาก ๆ แต่ก็ไม่สามารถทำได้
พยายามปั้นหน้าให้นิ่งเข้าไว้ทั้งที่อยากจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

เพราะการขยับตัวถอยหนีของไอ้เด็กเป็ดนัทที่ในเวลานี้ขยับหนีออกไปซะไกล

“เป็ดอาบน้ำในคลอง ตาก็จ้องแลมอง...เพราะในคลองมี....อืมมม มีอะไรนะคุณนัทเพราะในคลองมีอะไร”

ไม่ได้ร้องเพลง แต่ฟ้ากำลังท่องบางอย่างให้นัทฟัง ท่องแล้วคนที่นอนหันหลังให้ก็ลุกขึ้นและขยับเข้ามาใกล้ ทำหน้าเหมือนโมโหกันซะขนาดนี้เป็นอะไรล่ะคุณนัท

เพราะคุณรัชชานนท์สมบูรณ์แบบ และไม่มีทางมาพูดอะไรประหลาดแบบนี้ นัทเลยรู้สึกว่านี่อาจเป็นการล้อเลียน

ที่เคยคิดมาตลอดว่าคุณรัชชานนท์ดีด้วย แท้ที่จริงแล้วอาจอยากจะล้อเลียน

อะไรก็ตามที่ผ่านมา นัทคงคิดผิดไป คิดผิดไปเยอะ มีอะไรหลายอย่างที่พี่ฟ้ากล้าทำ แต่นัทไม่รู้ เช่นเรื่องวันนี้
ที่อยู่ดีๆ พี่ฟ้าก็มาค้างด้วยแบบดื้อ ๆ ไม่มีการขอ ไม่มีอะไรเลย อยู่ดี ๆ ก็เป็นอันรู้กันว่าจะขอค้างด้วย

และเราก็ค้างด้วยกัน แถมยังนอนกอดกันจนถึงเช้าอีก แบบนี้แล้ว พี่ฟ้าก็ยังจะบอกว่าทำไปตามหน้าที่อีกมั้ย

“ผมไม่ใช่เด็กอนุบาลผมจะไปรู้ได้ยังไง ว่ามีอะไรในคลอง”

ตอบออกไปง่าย ๆ และฟ้าก็แอบลอบยิ้มเล็ก ๆ กับคำตอบนั้น

“ที่จริงผมไม่ได้อยากรู้หรอกนะว่าในคลองมีอะไร แต่ผมอยากรู้ว่า.....”

อยากรู้ว่าอะไรเหรอพี่ฟ้า

อยากรู้ว่าอะไร

พี่ฟ้าอยากรู้ว่าอะไรนัทไม่เข้าใจ

ตั้งอกตั้งใจฟัง เพราะความอยากรู้

“คุณอยากจะพูดอะไรคุณรัชชานนท์”

อยากจะพูดอะไรงั้นเหรอ ก็.......อยากจะ....

“เรื่องที่คุณนัทบอกว่าอยากทำอย่างว่ากับผมในห้องนี้ ผมไม่ได้แกล้งลืมหรอกนะ สบายใจได้ เพราะคุณนัทเป็นคนบอกเองว่าผมควรต้องมัดใจคุณนัทให้ได้ งั้นผมจะเริ่มทำแล้ว ที่ตั้งใจค้างด้วยก็เพราะแบบนี้ คุณถอดเสื้อผ้าสิ แล้วเรามาเริ่มทำกัน"

 TBC.

 Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2818.0)
      และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: LYNN ที่ 30-05-2014 01:05:36
กรี๊ดดดดดดดดดดด ตัดกันดื้อๆเลย T____T
ทำอะไรคะพี่ฟ้าทำอะไรรร ต่อได้ไหมมมต่อเลยยย?
หลงรักเป็ดไปอีกคนแล้วนะคะเนี่ยยยย -//////-

ขอบคุณมากๆนะคะ น้องอ่านจากในบอร์ดมาหมดแล้ว มาเจอพี่ฟ้ากับคุณนัทนี่แหละที่ไม่เจอในบอร์ด
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: ultue ที่ 30-05-2014 01:13:09
เย้ดีใจที่มาอัพ :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 30-05-2014 01:17:05
ทวงตอนนี้เลยหรอ จะดีหรอคุณพี่ฟ้า
คนอ่านว่าดีนะ แต่เดี๋ยวเป็ดจะตื่นก่อนมั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 30-05-2014 01:19:48
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน อยากได้แต่ไม่อยากได้

แทบอยากร้องไห้เมื่อเจอคำพูดแบบนี้นัทมันโง่ที่คิดอะไรโง่ ๆ และทำอะไรโง่ ๆ อยากจะรู้ว่าถ้าทำเรื่องแบบนั้นกับพี่ฟ้าจะเป็นยังไง จะรู้สึกดีมั้ย แต่ไม่ใช่แบบนี้ เคยคิดว่าแค่สักครั้งก็ได้ แต่ทำไมพอจะได้จริงๆ กลับไม่ได้รู้สึกดีเลย แล้วนัทเป็นอะไร อยากได้ก็กำลังจะได้แล้วนี่ไง แต่ทำไมยังจะเรื่องมากอยู่อีก ทำไม..

“ผม...ไม่….”

ไม่อะไรวะนัท ไม่อะไร พยักหน้าไปสิ ตอบออกไปเลยว่าพร้อม ทำไมถึงไม่อยากได้ล่ะ นั่นน่ะพี่ฟ้าที่เคยชอบมาตลอด
ทำไมถึงเกิดไม่อยากได้ขึ้นมา ทำไมถึง....

“เซ็กส์....แค่เซ็กส์ผมจะใช้เซ็กส์มัดใจอย่างที่คุณเคยเสนอผมเอาไว้”

ใช่แค่เซ็กส์ ที่นัทเสนอ...เอาไว้ ใช่ มันคือสิ่งที่นัทเสนอเอาไว้ นัทไม่ลืมหรอก และนัทยังใจกล้าหอมแก้มพี่ฟ้าวันนั้นเลย นัทจะลืมมันไปได้ยังไง มันควรจะเป็นแค่เซ็กส์ง่ายๆ และจบ ถ้าเราไม่ต้องมาทำงานร่วมกันอีก ถ้าเราไม่ต้องมาร่วมงานกัน นัทคิดว่ามันจะจบ แค่สั้น ๆ ง่าย ๆ และนัทก็จะได้รู้ แต่มันไม่ใช่ตอนนี้ ไม่ใช่เวลานี้ ไม่ใช่วันนี้ที่นัทรู้สึกว่าไม่อยากได้แค่เซ็กส์ให้จบๆ แล้วเราก็มาทำเป็นปั้นหน้าใส่กันว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่เรามีอะไรกันไปถึงไหนต่อไหน นัทไม่คิดว่าจะทำใจได้

“ว่ายังไงคุณนัท”

ว่ายังไง ว่ายังไงอะไร เงยหน้าขึ้นมองคนที่เอ่ยถามและเหมือนเป็นการเร่งเร้าอยู่ในที นัทไม่คิดว่าตัวเองจะว่ายังไง ไม่คิดจริง ๆ ว่าต้องว่ายังไง

“ถ้าคุณจะ...ทำตอนนี้...ผมว่า...ก็ดี”

กลั้นใจพูดออกไป กลั้นใจพูด และฟ้าก็ขยับเข้ามาใกล้ ขยับเข้ามาหา แต่นัทไม่ได้ต้องการอยากจะได้อะไรเลย

ฝ่ามืออุ่น ๆ ของใครบางคนวางลงเบา ๆ อยู่ที่ไหล่ และอาการสะดุ้งน้อย ๆ ก็ทำให้ฟ้าขมวดคิ้วมุ่น

ทำไมต้องสะดุ้งขนาดนั้น ก็อยากได้เองไม่ใช่เหรอ ตั้งแต่แรกที่เสนอมาก็เพราะว่าอยากจะได้ ตอนนี้ก็จะทำให้แล้วนี่ไง
สนองให้ จะสนองให้เท่าที่ต้องการ ร่างกายไม่ได้รับการปลดปล่อยมานานแล้ว จะเสียหายอะไรถ้าในเวลานี้จะทำเรื่องอย่างว่ากับใครสักคนที่พร้อมจะทำด้วย ต่างฝ่ายต่างพอใจ แล้วก็จบๆ กันไป กลับมาทำงานร่วมกันเหมือนเดิม

ทำตามหน้าที่ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วถ้าต้องการจะมีอย่างว่ากันอีกก็แค่ทำอีกเมื่อต้องการ สนองกันด้วยความต้องการของร่างกายล้วน ๆ แล้วก็จบ ..........สนองกันด้วย.... ทำไมต้องสั่น ทำไมแค่จับไหล่เอาไว้แบบนี้ต้องสั่น
ไม่ได้ทำอะไรมากก็แค่วางมือแตะลงที่ไหล่ทั้งสองข้างแค่นั้นแล้วทำไมต้องสั่นขนาดนี้

ทำไม...

ไม่จำเป็นต้องหยุด เพราะไม่เห็นมีเหตุผลอะไรที่ต้องหยุด จะอะไรมากมาย ทางนี้ก็ได้ผลประโยชน์ ทางนั้นก็ได้ปลดปล่อยความต้องการ เท่าเทียมกันทั้งคู่ ต่างฝ่ายต่างได้สิ่งที่ต้องการ ใจแข็งเข้าไว้ อย่าใจอ่อน เคยเกลียดยังไงก็ขอให้เกลียดอย่างนั้น เคยนึกเกลียดชังน้ำหน้าไอ้เด็กนัทยังไงก็ขอให้เกลียดอยู่อย่างนั้น แล้วก็ทำ ๆ ให้มันเสร็จ ๆ ไปซะ เดี๋ยวก็จบ

แล้วก็ดีเอง ไอ้เด็กนี่มันอุตส่าห์พยายามให้เข้าหาขนาดนี้แล้ว ก็ทำไปซะ ทำไปซะให้จบเรื่อง ทำไป....ให้.. จบ..เรื่อง

ก้มหน้าลงไปหา และฟ้าก็กดปลายจมูกเข้าที่ซอกคอของคนที่กำลังนั่งก้มหน้าอยู่ตรงหน้า แต่กลับรู้สึก....ว่าคนที่บอกให้ทำบางอย่าง เบี่ยงหน้าหลบ และถอยห่างออกไปเล็กน้อย จนฟ้าต้องบีบไหล่ทั้งสองข้างของอีกนัทเอาไว้ พยายามจะแตะปลายจมูกเข้าไปที่ซอกคอของคนที่ทำเหมือนจะหนี แต่เป็นคนเดียวกับที่บอกให้ทำเรื่องอย่างนี้ได้แท้ ๆ

“คุณนัท ผมปลุกอารมณ์คุณไม่ได้ ถ้าคุณไม่ยอม”

นัทจะยอม ก็ได้... นัทจะยอม พี่ฟ้าจะทำอะไรนัทก็จะยอม นัทจะ...
ใช้มือยันแผ่นอกของฟ้าเอาไว้ และนัทก็พยายามเงยหน้าขึ้น และเมื่อเงยหน้าขึ้นคนที่บอกให้อยู่เฉย ๆ ก็จู่โจมเข้ามาหา กดปลายจมูกแรงๆ เข้าที่ข้างแก้ม และซุกไซร้ลงมาที่ซอกคออย่างรวดเร็ว

พี่ฟ้าไง
พี่ฟ้า

นัท อย่าลืมนี่คือพี่ฟ้า ที่เคยอยากได้มานานจะได้วันนี้ ที่เคยอยากรู้ว่าเซ็กส์จากพี่ฟ้าเป็นยังไงก็จะได้วันนี้ ที่เคยต้องการมานาน ก็จะได้วันนี้

แต่ทำไม ทั้งที่เป็นสัมผัสจากคนที่รักและชอบมานาน แต่ทำไมไม่รู้สึกดีเลย ไม่รู้สึกดีสักนิด ไม่เลยจริง ๆ ทั้งปลายจมูกที่ซุกไซร้เคล้าเคลียอยู่ที่ซอกคอ ทั้งฝ่ามือที่กำลังลากไล้และสอดเข้าไปภายในเสื้อ สัมผัสหยาบกระด้างไม่มีความหมายอะไรเลย นอกจากปลุกเร้าและกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัวเพื่อพร้อมกับการมีเรื่องอย่างว่า แน่ใจแล้วเหรอว่าอยากได้แบบนี้ แน่ใจแล้วใช่มั้ย คิดว่าตัวเองแน่ใจแล้วหรือไงนัท

คิดว่า.....

“อื้ออ ฮึก”

กลั้นเสียงของตัวเองเอาไว้ กลั้นเอาไว้ เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรับรู้ ไม่ใช่เสียงครางเพราะความรู้สึกซาบซ่านจากสิ่งที่กำลังจะได้รับ  แต่เป็นเสียงสะอื้นไห้เล็ก ๆ และพยายามฝืนทนเก็บกดความรู้สึกเอาไว้ แต่ดูเหมือนกำลังจะทำไม่ได้

น้ำตามันไหล เวลานี้น้ำตากำลังไหล หยดน้ำตาหลั่งริน เพราะความสับสน รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่หวัง
แค่ขอเซ็กส์จากใครบางคน แลกกับการช่วยเหลือเรื่องการเงิน ไหนว่าจะเอาแค่นั้น แล้วทำไมถึงได้โลภมากขนาดนี้
จะเอาอะไรอีกนัท จะเอาอะไร อยากได้อะไรมากกว่านี้หรือไง อยากได้อะไรที่ไม่มีวันได้มาหรือไง จริง ๆ แล้วอยากได้อะไร

นัทกำมือแน่น และปล่อยให้น้ำตาร่วงหล่นลงอาบแก้ม ไม่อยากร้องไห้ แต่กลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ไม่ได้

ร่างกายมันสั่น ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เป็นเพราะใจลึก ๆ แอบหวังว่าจะได้อะไรที่มากกว่าการพยายามกระตุ้นอารมณ์จากใครบางคน
ความอ่อนโยน สัมผัสแผ่วหวานแบบคนรัก แต่ไม่มีความรู้สึกนั้น ไม่มีเลยสักนิด ไม่มี... แล้วจะให้มีได้ยังไง ในเมื่อพี่ฟ้าไม่ได้คิดอะไรกับนัทเลย จะมีแบบนั้นได้ยังไง มันจะมีทางเป็นไปได้ยังไง คิดแล้วก็ท้อ ท้อและน้ำตาก็ไม่หยุดไหล

เหมือนเพิ่งรู้สึกตัว และฟ้าที่กำลังซุกไซร้ปลายจมูกคลอเคลียอยู่ที่ซอกคอของนัทก็หยุดชะงักนิ่ง

หยุด และผละออกห่าง ผละร่างกายห่างออกมา และจับไหล่ทั้งสองข้างของนัทเอาไว้

ทำไม
ร้องไห้ทำไม
แล้วยังตัวสั่นขนาดนี้ เพราะอะไร
ถ้าคุณนัทอยากได้เซ็กส์ผมก็กำลังจะทำให้ แล้วมีอะไรไม่พอใจหรือไง มีอะไรที่ทำให้คุณไม่พอใจอีกหรือไง

“คุณยังอยากได้อะไรอีกคุณนัท คุณอยากได้อะไร”

อยากได้อะไร นัทไม่รู้ว่าตัวเองอยากได้อะไร บางทีคงเป็นความอ่อนโยนสักเล็กน้อย หรือเศษเสี้ยวสายตาที่มองมาที่นัทบ้าง

“ผมไม่ค่อยมีอารมณ์”

ตอบออกไปง่าย ๆ และฟ้าก็ขมวดคิ้วมุ่น ไม่เข้าใจว่าหมายความว่ายังไง ไม่เข้าใจเลยสักนิด แต่รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ถาโถม....ความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว จากคนที่อยู่ตรงหน้า

ไอ้เด็กเป็ดเหลืองที่นั่งก้มหน้าก้มตากำลังตัวสั่น และน้ำตาไหลหยดอาบแก้ม ปากบอกว่าไม่มีอารมณ์ แต่ทำไมต้องร้องไห้ เหมือนกับว่าไม่เต็มใจเลยสักนิด ถ้าไม่เต็มใจทำไมไม่พูด ทำไมไม่บอก ปล่อยให้ทำอะไรบ้าๆ อยู่ได้ตั้งนาน

“คุณนัท”

เรียกชื่อ และคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าก็ยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาแต่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามอง

“คุณนัทเงยหน้าซิ”

บอกไปก็เท่านั้น เพราะนอกจากไม่เงยแล้ว ดูเหมือนว่าไหล่ของคนตรงหน้ายิ่งสั่นสะท้านมากขึ้นกว่าเดิม

“คุณนัทครับ”

เรียกกี่ครั้งก็ไม่ขาน เรียกกี่ครั้งก็ไม่ยอมตอบ

สงสาร ทำไมถึงสงสาร แต่เห็นแบบนี้ยิ่งสงสาร จนไม่กล้าจะพูดอะไรอีก ไม่กล้าจะพูดอะไรเลย นอกจากเชยคางของคนที่ก้มหน้าก้มตาร้องไห้และกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ให้เงยหน้าขึ้นมามองกัน ตากลมโตใสแจ๋วที่เห็นอยู่บ่อย ๆ ยามที่อีกฝ่ายพลั้งเผลอ
ในเวลานี้มีแต่หยดน้ำตา ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยไล้ออกให้ แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่จางหายไปง่าย ๆ

แล้วจะให้ทำยังไง แล้วจะ...ให้ทำยังไงอีก คุณจะให้ผมทำยังไง

รั้งร่างของคนตรงหน้าให้เข้ามาหา ดึงเข้ามากอด กอดเอาไว้แน่น และลูบไล้ฝ่ามือเบา ๆ ไปที่แผ่นหลังของคนที่ยังไม่ยอมหยุดร้องไห้ หัวใจมันกระตุกวูบ เมื่อรู้ว่าตัวเองคือสาเหตุที่ทำให้คนในอ้อมแขนร้องไห้ไม่หยุด

“คุณนัทครับ คุณนัท ผมขอโทษนะอย่าร้องไห้เลย คุณนัทครับคุณนัท”

เรียกซ้ำ ๆ เรียกชื่อนี้ซ้ำ ๆ และยังคงลูบไหล่ลูบหลังให้คนตัวเล็กกว่าหยุดร้องไห้

ยิ่งลูบ ยิ่งรู้สึกอึดอัดใจ  สงสาร และไม่อยากเห็นแบบนี้ เหมือนหัวใจไหวเอนและกระตุกวูบไปมา ยิ่งเห็นนัทไม่ยอมหยุดร้อง ก็ยิ่งเหมือนจะทำใจไม่ได้

“แล้วคุณรัชชานนท์แกล้งผมทำไม คุณรัชชานนท์แกล้งผมแบบนี้ทำไม ฮือออ อึก ฮือออ”

แกล้งทำไมไม่รู้ ก็ตอนนั้นบ้า คิดอะไรบ้าๆ ทำอะไรบ้า ๆ แต่เห็นแบบนี้แล้วใครจะกล้าคิดแบบนั้นอีก ไม่มีอีกแล้ว ไม่กล้าอีกแล้ว ไม่กล้าทำอะไรแล้วจริง ๆ ไม่กล้าทำหรอกสาบานได้

กอดเอาไว้ และรู้สึกว่าตัวเองช่างเป็นคนบ้าบอที่ไร้สติ ทำอะไรเหมือนขาดความยั้งคิด แล้วก็ทำให้เด็กคนหนึ่งร้องไห้ ทำให้เสียใจ ทำให้ร้องไห้ไม่ยอมหยุดแล้วแบบนี้จะปลอบใจยังไง จะปลอบใจยังไงถึงจะหยุดร้อง ทำยังไงถึงจะหาย
กอดคนในอ้อมแขนเอาไว้แน่น และขมวดคิ้วมุ่นด้วยความกลุ้มใจ พูดอะไรไม่ออก ได้แต่ปลอบโยนไปตามที่จะคิดได้

“คุณนัทครับ คุณนัท......น้องนัทครับต่อไปพี่ฟ้าไม่กล้าแกล้งนัทแล้วจริง ๆ”

 TBC.

 Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2818.0)
      และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 30-05-2014 01:50:59
เป็นพี่ฟ้าแล้วเว้ยเฮ้ย :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 30-05-2014 01:54:44
เด็กเป็ดเอ้ยยยยยยย
โอ๋ๆ พี่ฟ้าไม่แกล้งแล้ว อย่าร้องน๊าา
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 30-05-2014 02:21:32
โอ้ย เป็ดน้อย ไม่เป็นไรนะลูกนะ
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 30-05-2014 03:23:45
น้องนัทกับพี่ฟ้า ฮอลลลลลลลลลลลล  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 30-05-2014 03:25:29
 :hao7: ไม่นานแล้วแบบนี้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 30-05-2014 06:32:28
อิๆ ยังมีลุ้นๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 30-05-2014 07:02:10
เริ่มเป็นพี่ฟ้ากะน้องนัทแล้ว เดี๋ยวอะไรๆก็จะค่อยๆดีขึ้นใช่ม๊ายยยย
เอ๊ะ รึไม่ใช่?

ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไป ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: praseat ที่ 30-05-2014 07:28:40
บ่องตรง......"ฟิน"...อิอิ :oni1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 30-05-2014 07:29:59
ว่าจะโกรธอีพี่ฟ้าแล้วที่ทำร้ายจิตใจนุ้งนัทเป็ดน้อย  แต่มาเจอประโยคนี้เข้าไป


อ้างถึง
“น้องนัทครับต่อไปพี่ฟ้าไม่กล้าแกล้งนัทแล้วจริง ๆ”


     ชั้นจะไม่ทน...   :m3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: FahFon ที่ 30-05-2014 07:46:09
กรี๊ดดดดดดด พี่ฟ้าๆๆๆ >/////////<
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 30-05-2014 09:00:58
ลุ้นๆๆๆ น้องเป็ดน้อย น่าสงสาร  :mew4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 30-05-2014 09:22:00
อีกสักตอนดีไหม...น่ะ ลุ้น
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: miyaki ที่ 30-05-2014 09:27:12
ลุ้นเหมือนกันอะ จะรักกันอะยัง
รอพี่ฟ้ากับน้องนัท  :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 30-05-2014 09:33:39
น้องนัท กับ พี่ฟ้า
คิคิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 30-05-2014 12:00:14
เป็ดน้อยเริ่มงอแง >//< # พี่ฟ้า โอ๋   :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: foolishbeat ที่ 30-05-2014 12:04:23
คู่นี้เข้ามาอ่านรวดเดียวเลย
พี่ฟ้าน้องนัท
เด็กเป็ดเหลืองน่ารักจังเนอะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 30-05-2014 12:22:58
น้องนัทที่น่าสงสาร ร้องไห้เลย พี่ฟ้าแกล้ง(??)

แต่ว่านะ เป็นแบบนี้พี่ฟ้าต้องใจอ่อน ยอมน้องนัทแน่เรยยยยย 555555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 30-05-2014 12:50:31
พี่ฟ้าาาาาาาาา ทำนัทร้องไห้เลย
ปลอบใจด่วนนนนนนน
 :mew4: :mew4:
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 30-05-2014 14:58:05
 ไปแกล้งน้องๆร้องเลยเห็ยมั้ย :hao5:


ทำจริงๆเลยสิน้องนัทจะได้ยิ้ม :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 30-05-2014 17:21:22
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน คุณรัชชานนท์ก็งอนเป็นเหมือนกัน


“เดี๋ยวคุณนัทไปล้างหน้าล้างตาแล้วก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ”

เด็กเป็ดตาแดงหน้ายุ่ง ยกหลังมือขยี้ตาซ้ำ ๆ และคุณเลขาหน้านิ่งก็ดึงมือเอาไว้ไม่ยอมให้ทำตามใจตัวเอง

“อย่าขยี้ตาครับ”

ยอมหยุดมือเรียบร้อย แต่นัทก็ยังนั่งก้มหน้าก้มตา ไม่ยอมเงยหน้ามาคุยกับคนที่ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อไป

โกรธ
แบบนี้ก็คงโกรธ ทั้งที่ไม่ได้รู้จักกันมากมายเท่าไหร่ และเพิ่งได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน แต่ก็รู้ ว่านี่คือการแสดงความรู้สึกโกรธของคนที่นั่งก้มหน้าไม่ยอมพูดด้วย

“คุณนัทกินข้าวต้มนะ เช้า ๆ กินข้าวต้มจะได้อุ่นท้อง ข้าวต้มหมูหรือเป็นข้าวต้มกุ้งดีครับ”

ไม่ตอบ ไม่มีการตอบรับ และคนตั้งคำถามก็เงยหน้าขึ้นก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
คงไม่อยากพูด แต่ว่ากันไม่ได้ เพราะนี่ไม่ใช่เวลางาน ถ้าคุณนัทจะงอนหรือจะโกรธก็สามารถทำได้ เพราะมันนอกเวลางานแล้ว
แบบนี้จะให้ทำยังไง

“ข้าวต้มกุ้งนะครับ”

ถามแต่เน้นเสียงเหมือนเป็นการตัดสินใจแทน และนัทที่ก้มหน้าไม่ยอมพูดก็พยักหน้ารับ

“อย่าโกรธเลยนะครับคุณนัท ผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว”

นัทไม่ได้โกรธพี่ฟ้าหรอก แต่นัทแค่รู้สึกเศร้า และเสียใจ ที่จะต้องมีอะไรกันเพราะความต้องการของร่างกายมันเรียกร้องเท่านั้น แค่มีซะให้มันจบ ๆ มันไม่ยาก

แต่นัทกลับรู้สึกเศร้าใจ

รู้สึกว่าเศร้าใจ

เศร้าใจที่อีกฝ่ายไม่ได้มีความรู้สึกอะไรด้วยเลย  แค่อยากระบายความอัดอั้นออกไปเท่านั้น
เคยคิดว่าได้แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว แต่เอาเข้าจริงกลับทำใจยอมรับมันไม่ได้ ทำใจไม่ได้จน......นั่งร้องไห้เป็นเด็กๆ

ที่ไม่เงยหน้าคุยด้วย ไม่ใช่ว่าโกรธ แต่เป็นเพราะว่าอาย และรู้สึกเสียฟอร์มมากที่อ่อนโลกกับเรื่องแบบนี้จนถึงกับร้องไห้ มันดูไร้สาระและบ้าบอสิ้นดี

แล้วพี่ฟ้าคิดยังไง นัทว่าพี่ฟ้าคงจะนึกขำ ที่นัททำอะไรโง่เง่าและบ้าบอ เรื่องแค่นี้ก็ถึงกับร้องไห้ จนพี่ฟ้าต้องมานั่งปลอบใจเหมือนเด็ก ๆ มันใช่เรื่องที่ไหน เสียฟอร์มก็ว่าแย่แล้วนะ นี่มันเสียความมั่นใจร่วมด้วย จะให้ทำยังไง ใครจะกล้าพูดด้วยใครจะไปกล้าคุยกับคุณเลขาหน้านิ่ง ที่แม้จะปลอบใจก็จริง แต่หน้าก็ยังนิ่งเหมือนเดิม ก็คงจะปลอบใจไปตามหน้าที่

“คุณนัทครับ”

นิ่งฟัง

เมื่อไม่กี่นาทีก่อนใครบางคนเรียกชื่อนัทในแบบที่แตกต่างออกไป และก็ทำให้นัทหยุดร้องไห้

คำพูดแทนตัวที่ฟังแล้วหวานหู

“พี่ฟ้า”

คุณรัชชานนท์แทนตัวเองแบบนั้นตอนที่พูด และเพียงแค่ได้ฟังนัทก็หยุดร้องไห้ได้ทันที เหมือนเราใกล้กันขึ้นมาอีกนิด แม้จะแค่นิดเดียว แต่ก็รู้สึกดีที่คล้ายกับว่าเราเริ่มใกล้ชิดกัน อยากจะเข้าข้างตัวเองว่าน้ำเสียงที่เรียกชื่อในเวลานี้มันคล้าย ๆ กับตอนนั้น เหมือนเป็นการแสดงความรู้สึกว่าเป็นห่วงเป็นใย

คล้าย ๆ กับห่วงใย แล้วจริง ๆ มันคืออะไร

“เดี๋ยวผมจะขับรถไปที่หน้าถนนใหญ่ อยากได้อะไรเพิ่มมั้ยครับ ขนมหรือของกินเล่น เอามั้ยครับ”

ขนมหรือของกินเล่น นัทไม่เอาหรอก นัทบอกแล้วว่านัทไม่ใช่เด็ก แต่พี่ฟ้าก็ทำเหมือนนัทเป็นเด็ก ขนมอะไร นัทก็ไม่เอา

“ช็อคโกแลตมั้ยครับ หรือเป็นท็อฟฟี่”

นัทไม่กิน หน้านัทมันเหมือนเด็กอายุห้าขวบอย่างที่พี่ฟ้าว่าจริง ๆ หรือไง

“ผมไม่กินของแบบนั้นหรอกครับคุณรัชชานนท์”

ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ และเงยหน้าขึ้นมองคุณเลขารัชชานนท์ที่พยักหน้ารับทำความเข้าใจ
เราเข้าสู่การเป็นเลขากับเจ้านายกันอีกแล้ว นัทเก็กหน้านิ่ง ทำเสียงให้ปกติ และคุณรัชชานนท์ก็พยักหน้ารับ

ไม่กินช็อคโกแลต ไม่กินท็อฟฟี่ ที่ถามไม่ใช่อยากจะให้กินจริง ๆ หรอก แค่อยากให้พูดด้วย ไม่อยากให้เมินกัน

“สรุปว่าข้าวต้มกุ้งอย่างเดียวแล้วกันนะครับ ขนมไม่เอา”

อะไรก็ได้ พี่ฟ้าอยากซื้ออะไรให้นัทกินก็ได้ นัทกินได้หมดนัทไม่เรื่องมาก แค่พี่ฟ้าซื้อให้

“ครับ”

ยอมพูดด้วย ยอมตอบกลับ และฟ้าก็ลุกขึ้นยืน คุณเลขารัชชานนท์หน้านิ่งในชุดนอนสีน้ำเงิน ดูดีกว่าใครบางคนที่สวมเสื้อยืดลายโดนัลดั๊กเน่าคอย้วยและกางเกงลายสก๊อตสีหม่น ๆ หลายร้อยเท่า มองคุณรัชชานนท์แล้วนัทก็รู้สึกว่าสภาพตัวเองในเวลานี้มันดูทุเรศสิ้นดี

เราเพิ่งตื่นนอนกันไม่นาน เล่นสงครามประสาทกันไปอีกเล็กน้อย เพื่อประลองฝีมือกันและในเวลานี้ เราก็นิ่งเงียบแข่งกัน ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเรายังนอนกอดกันอยู่เลย ทำไมมันช่างเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่มีความหลากหลายเกิดขึ้นได้มากมายขนาดนี้

คุณรัชชานนท์ไม่ได้ทำอะไรมาก แค่ปัดผมเล็กน้อยก็ดูดีแล้ว แต่ดูสภาพนัทสิ หัวคงยุ่งเหยิง และหน้าก็ยับยู่ยี่แถมยังเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอีก แย่เกิน ดูทุเรศและแตกต่างกันจนเกินไป

“คุณนัทครับ”

เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง และคนที่เรียกชื่อก็ก้มตัวลงเล็กน้อยพร้อมกับดึงแขนให้นัทยืนขึ้น

“ผมจะเก็บที่นอนให้”

ไม่..........ไม่เป็นไรหรอกพี่ฟ้า เดี๋ยวนัทเก็บเอง ไม่เป็น.....เอ่อ
อยากจะพูดว่าไม่เป็นไรจริง ๆ แต่คุณรัชชานนนท์ก็จัดการพับที่นอนและผ้าห่มให้เรียบร้อยและจัดวางไว้ที่มุมอย่างมีระเบียบ

นัทได้แต่ยืนมอง มองแล้วก็คิดได้ว่า คนที่มาทำหน้าที่เลขาต้องทำงานให้ได้ทุกอย่างเลยหรือเปล่า แต่พี่รัตติไม่เห็นเก็บที่นอนให้นัทเลย แล้วก็....พี่รัตติไม่เคยกอดนัทแล้วก็โอ๋นัทตอนที่ร้องไห้หรอกนะ

ไม่เคย...

นึกแปลกใจที่อยู่ดี ๆ ก็ยิ้มออกมาได้ พี่ฟ้าเป็นเลขาของนัทก็จริง แต่สิ่งที่พี่ฟ้าทำให้ตามหน้าที่มันทำให้นัทมีความสุข มีความสุขมากจนชักจะไม่ดี เริ่มชินกับการถูกปฏิบัติเหมือนเป็นคนสำคัญแบบนี้ แต่พี่ฟ้ามาทำหน้าที่ และพี่ฟ้าไม่ชอบความไม่สมบูรณ์แบบทุกอย่างที่พี่ฟ้าทำ ก็คงอยากได้ความสมบูรณ์แบบสินะ จากยิ้ม กลายเป็นหน้าเศร้าและนัทก็ลอบถอนหายใจเล็ก ๆไม่ให้อีกฝ่ายรู้

“ใส่รองเท้าสิครับ”

รองเท้าเป็ดเหลืองที่ฟ้าจัดการหยิบมาให้ ถูกนำมาวางเอาไว้ให้ และนัทก็มอง มองไปที่รองเท้าตุ๊กตาโง่ ๆ คู่หนึ่งที่คิดเล่น ๆ ว่าใส่ให้มันตลก ๆ เพื่อทำให้ชีวิตมีสีสันขึ้นมาบ้าง แต่ในเวลานี้ รองเท้าคู่นั้นถูกนำมาวางไว้ให้ที่เท้าและคนที่จัดรองเท้าให้ก็บอกให้นัทใส่รองเท้า

“คุณไม่ต้องทำให้ผมขนาดนี้ก็ได้ คุณรัชชานนท์”

เอ่ยบอกออกไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ดีใจนะ แต่แบบนี้สำหรับนัทมันมากไป นัทได้รับมากเกินไป มากเกินจน....

“ผมเต็มใจทำให้”

พี่ฟ้าคงลืมต่อคำว่าตามหน้าที่ไว้ข้างหลังประโยคด้วยหรือเปล่า
พี่ฟ้าคงลืม..............

“คุณเต็มใจทำให้ตามหน้าที่ใช่มั้ยครับคุณรัชชานนท์”

พูดออกไปแล้ว พูดสิ่งที่อยากพูดออกไปแล้ว และฟ้าก็ลุกขึ้นยืน ยืนขึ้นเต็มความสูง และพยักหน้ารับกับสิ่งที่นัทบอก

“คงงั้นมั้งครับ”

ใช่ คงจะเป็นอย่างนั้น ผมคงทำไปตามหน้าที่ คงจะใช่อยู่หรอก ถ้าคุณนัทจะคิดอย่างนั้นมันก็ไม่เห็นแปลก ในเมื่อผมมาทำหน้าที่ผมก็ต้องทำให้ดีที่สุด แล้วผมทำได้ไม่ดีหรือไง หรือว่าผมทำได้ไม่ดี

ฟ้าไม่พูดอะไรอีก ไม่มองหน้าคนที่ถามคำถามบางอย่างเดินลิ่วออกไปจากห้อง ทิ้งให้นัทอยู่คนเดียว

ยืนอยู่เพียงลำพังคนเดียวในห้อง มองไปที่รองเท้าที่ถูกวางเอาไว้ให้ และนัทก็สวมใส่มันอย่างช้า ๆ
เดินออกจากห้องและเห็นคุณเลขาหน้านิ่งกำลังยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงาน

“คุณรัชชานนท์ครับ”

ประหลาดที่สุด คนสองคนที่อยู่ในชุดนอนและมีสภาพไม่พร้อมที่จะเจอหน้าผู้คนเท่าไหร่ กลับพูดกันด้วยภาษาเป็นทางการ
ทั้งที่ไม่ใช่เวลางาน แต่ฟ้าก็รู้สึกไม่ชอบใจกับการที่ต้องพูดคุยกันด้วยคำพูดแบบในเวลานี้

แล้วทำไมต้องไม่ชอบใจ ทำไมต้องรู้สึกไม่ชอบใจ ทำไมต้อง.....

“นัทเรียกพี่ฟ้าเหรอครับ”

เน้นเสียงทุกคำ และนัทก็นิ่งชะงักกับบางอย่างที่ใครบางคนพูดออกมา

“ผม...เอ่อ”

อึ้งและไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปดี ไม่รู้ว่าจะพูดยังไง....

“นัท แทนตัวเองว่านัท มันคงไม่ยากเกินไปสำหรับคุณนัทใช่มั้ย”

มันไม่ยาก แต่มันไม่ใช่

“ผมไม่ได้อยากเป็นเลขาให้คุณนัทตลอดเวลาหรอกนะ เรื่องเมื่อกี้ที่ทำให้ด้วย ผมก็ไม่ได้ทำในเวลางาน ผมชอบความสมบูรณ์แบบก็จริง แต่ผมไม่ได้บ้า คุณนัทจะให้ผมใช้ชีวิตเหมือนกำลังทำงานตลอดเวลา ผมทำไม่ได้ ผมไม่ได้เก่งขนาดนั้น”

นัทรู้........... นัทรู้ครับ แต่นัทไม่รู้ว่าพี่ฟ้าคิดอะไร พี่ฟ้าคิดอะไรอยู่นัทไม่รู้

ตอนนี้เหมือนพี่ฟ้าโกรธนัท..........เหมือนพี่ฟ้าโกรธนัทอยู่จริง ๆ แล้วพี่ฟ้าโกรธนัทเรื่องอะไร

“คุณรัชชานนท์”

เรียกแบบนี้อีกครั้ง และคนที่ถูกเรียกก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะหันหลังให้และหยิบถุงผ้าที่วางเอาไว้บนโต๊ะมาค้นหาแปรงสีฟันและยาสีฟัน เตรียมตัวจะไปอาบน้ำและเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย นี่ไม่ใช่เวลางาน บางครั้งฟ้าก็เป็นคนไร้เหตุผลได้อย่างไม่น่าเชื่อ ถ้าคิดขึ้นมาได้ว่าไม่เอาแล้ว ยังไงก็ไม่เอา และไม่สนไม่แคร์ทำเหมือนไม่ใส่ใจกันได้แบบง่ายๆ

นอกเวลางานผมจะเป็นยังไงจะทำอะไรมันก็เรื่องของผม แล้วเรื่องที่คุณนัทหาว่าผมทำไปตามหน้าที่ นั่นผมก็อยากบอกว่าไม่ใช่
ผมไม่รู้ว่าตอนนั้นทำแบบนั้นไปทำไป รู้แต่ว่าอยากทำ แค่อยากทำให้ ไม่มีเหตุผลอะไรเจือปนเลยสักนิด ไม่มีเลย แล้วทำไมถึงมาแปลค่าเป็นอย่างอื่นไปได้ โกรธ และไม่ชอบกับสิ่งที่คุณนัทพูดออกมา ยอมรับตรง ๆ เลยก็ได้ว่าไม่ชอบจริง ๆ

“พี่ฟ้าครับ นัทไปกินข้าวต้มกับพี่ฟ้าข้างนอกได้มั้ย นัทอยู่แต่ในโรงงานมาเป็นเดือนแล้ว ไม่ได้ออกไปไหนเลย แทนที่จะซื้อมากินที่นี่ เราออกไปกินข้างนอกด้วยกันดีมั้ย”

ฟ้ากำลังค้นหาแปรงสีฟันและยาสีฟันในกระเป๋า แต่ก็หยุดมือลงเพราะคำพูดของใครบางคน เลิกคิ้วขึ้นสูง แต่ไม่ได้หันหน้ามาหา
บางทีคงเป็นเรื่องบ้าบอที่สุด ที่อยู่ดี ๆ ฟ้าก็ยิ้มออกมา ยิ้มกว้าง ยิ้มอย่างพอใจ และนึกชอบคำพูดที่ใครบางคนพูด

ชอบที่เรียกว่าพี่ฟ้า ชอบเวลาที่ฝ่ายนั้นแทนตัวเองว่านัท รู้สึกชอบอย่างไร้เหตุผล ไม่รู้จริง ๆว่าทำไมถึงรู้สึกชอบและทำให้ยิ้มได้ขนาดนั้น หันกลับมาและทำหน้านิ่งใส่ และนัทก็ยืนรอฟังว่าคุณรัชชานนท์จะพูดอะไร

“งั้นนัทก็ไปอาบน้ำสิครับ เดี๋ยวพี่ฟ้าจะพาไปกินข้าว รีบไปอาบน้ำนะครับ เราจะได้ออกไปพร้อมกัน”

 TBC.

 Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2818.0)
      และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 30-05-2014 17:34:19
พี่ฟ้า....เริ่มมีใจล่ะซิ ส่วนน้องนัท นะเทให้หมดใจไปนานแล้ว รอ พี่ฟ้า ปล้ำ น้องนัทอยู่นะ 555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: holefiller ที่ 30-05-2014 17:36:53
เยี่ยมๆๆๆ   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: FahFon ที่ 30-05-2014 17:37:15
หลงรักพี่ฟ้า >//////<
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า
เริ่มหัวข้อโดย: cowinsend ที่ 30-05-2014 18:09:50
อ่านแล้วฟินเกิ๊นนนนนน มีความสุขมากๆ คือพี่ฟ้าขา อย่าซึนมากไปกว่านายเอกเลย 555
น้องนัทน่ารักมากมาย (ฟัดๆ) ขอใส่กระเป๋าขนกลับบ้านได้มั้ย
รอตอนต่อไปนะคะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 30-05-2014 18:13:51
เหยดดดด
เปลี่ยนสรรพนามแล้ววววว อะไรๆก็คืบหน้า
แอบคิดไปว่าถ้านัทยอมแล้วกลับไปเป็นไม่มีอะไร แบบใส่หน้ากากไว้เรื่องคงดราม่ากว่านี้สินะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 30-05-2014 18:39:57
โผล่มาอีกที เค้าหวานกันแล้ววว ปลื้มมมมมม  :mew3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 30-05-2014 18:43:22
ค่อยเป็นค่อยไปเนอะ ^^

รอตอนต่อไปนะคะ วันนี้เข้ามาrefreshดูทั้งวันเลย ติดมาก 555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 30-05-2014 18:55:19
โอ๊ะ....เริ่มมีพัฒนาการ พี่ฟ้า & น้องนัท
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: tepintpilai ที่ 30-05-2014 19:26:45
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก เขินสิบแปดตลบ

แกร๊!!! เค้าเริ่มมุ้งมิ้งกันแล้ววววววว

ปล.พี่ฟ้าอย่าทำหน้านิ่งมากสิ น้องนัทเค้าใจบ่ดี   :hao7: :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 30-05-2014 19:48:32
นัท พี่ฟ้า นัท พี่ฟ้า
อร๊ายยยยยยยยยยย
บ้า คุณรัชชาน้นนนน บ้าาาา
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: thejaoil ที่ 30-05-2014 19:51:30
 :hao7:พี่ฟ้าาาา น้องนัทททท วิ้ววววว :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 30-05-2014 19:56:28
พี่ฟ้าน้องนัทออกไปข้างนอกด้วยกันแล้ว
พัฒนาขึ้นเยอะ แต่จะดีกว่านี้ถ้าพี่ฟ้าเลิกซึน
 
แล้วอย่าคิดเองเออเอง มโนกันเก่งจริงๆ
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 30-05-2014 20:00:21
หวานขึ้นมานิดๆละ :mew3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: miyaki ที่ 30-05-2014 22:07:10
อยากอ่านพี่ฟ้ากับน้องนัทก่อนนอน
จะมีมุ้งมิ้งมั้ยนะ ??? :o8:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: mildmint0 ที่ 30-05-2014 22:26:32
อร้ายยยยยยยยยยยยยยย
ชอบคู่นี้ พี่ฟ้า น้องนัท
จิกๆๆ จิกหมอน
อะไรกัน งอลไป งอลมา
น้องนัทก็ โธ่ว อ้อยมาถึงที่แล้ว
ฮ๋าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 62
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 30-05-2014 22:28:39
คืนนี้จะมาอีกซักตอนไหมน๊อออ~~~
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 63
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 30-05-2014 22:47:58
พี่ฟ้า~~~~~!!!! นัท~~~~~!!!!
มุ้งมิ้ง ชอบอ่ะ 5555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 63
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 30-05-2014 23:05:52
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน ฝึกให้ชิน

“เอาออกทำไม”

ถามอะไรแบบนั้นล่ะ ถึงแม้เส้นผมจะปรกตาขนาดไหน นัทก็จะไม่ติดกิ๊บเป็ดเหลืองแบบนี้ออกไปนอกโรงงานเด็ดขาด นัทก็รู้จักอายชาวบ้านเขาเหมือนกัน

นัทเงยหน้าขึ้นและมองไปที่คนที่ยืนอยู่ข้างรถ และเกิดความสงสัย พี่ฟ้าถามนัทเหรอ เหมือนพูดลอย ๆ แล้วมันยังไงล่ะ ไม่เข้าใจ

คุณรัชชานนท์เลขาหน้าเฉย ขึ้นรถไปเรียบร้อยและนัทก็เปิดประตูรถเพื่อขึ้นไปนั่งข้างคนขับ จัดการยกมือขึ้นปัดไปที่เส้นผมที่ปรกหน้าปรกตาของตัวเองสองสามครั้ง เพื่อให้สภาพไม่น่าเกลียดจนเกินไป

คุณรัชชานนท์เปลี่ยนจากชุดนอนเป็นชุดลำลองง่าย ๆ แต่งกายดูดีที่สุดในโลกแม้จะแค่ไปกินข้าวต้มที่ถนนใหญ่
ส่วนลูกชายเจ้าของโรงงานกลายร่างเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นที่แต่งตัวแสนจะธรรมดา ด้วยเสื้อผ้าใส่สบาย ง่าย ๆ แต่มันน่ามองมากสำหรับใครบางคน ไม่ใช่เด็กชายเป็ดเน่าอายุห้าขวบ แต่กลายเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่น หน้าตาน่ารัก ผิวขาวเนียน และดวงตากลมโต ไม่ได้ดูหล่อเหลาจนคนเหลียวมอง แต่ก็ไม่ใช่ว่าธรรมดาจนไม่มีใครสนใจ

ไม่มีใครพูดอะไร นัทจับไปที่เข็มขัดนิรภัยที่คาดเอาไว้และเอนหลังพิงกับเบาะนั่ง นั่งมองทิวทัศน์สองข้างทางและคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

นึกถึงสมัยที่เป็นเด็ก ๆ แล้วพ่อขับรถไปส่งที่โรงเรียนพร้อมยัยหนิง ตอนนั้นนั่งอยู่เบาหลังและแม่ก็จะวุ่นวายกับการป้อนข้าวให้กับลูกชายและลูกสาวสองคนที่อยู่ในชั้นประถมต้น

นานแล้วนะ นานจนเกือบลืมเลย พอขึ้นมัธยมก็ไปโรงเรียนพร้อมกับเพื่อน ๆ ไม่ยอมให้พ่อแม่ไปส่ง เพื่อนไปโรงเรียนยังไงก็จะไปอย่างนั้น จะให้คนขับรถมารับมาส่งมันก็ไม่ใช่เรื่อง พาลจะโดนล้อว่าเป็นลูกแหง่ ลูกคุณหนู ซึ่งนัทไม่ชอบเลยที่ถูกเรียกแบบนั้น

นัทไม่ได้สบายจนทำอะไรไม่เป็น พ่อไม่ได้เลี้ยงดูให้นัทเป็นลูกคุณหนูแสนสบาย แต่พ่อให้รู้จักดูแลตัวเอง สมัยมัธยม กิจการเริ่มไปได้ดี พ่อไม่ค่อยมีเวลา และแม่ก็ต้องไปช่วยพ่อบริหารโรงงาน ช่วงนั้นจำได้ว่านัทต้องไปรับไปส่งยัยหนิง จนยัยหนิงโตเป็นสาวและมีแฟน ถึงไม่ยอมให้ไปรับอีก ยัยหนิงตัวร้าย เด็กสาวท่าทางเรียบร้อย หัวอ่อน แต่ใครจะรู้ว่านั่นมันเป็นภาพพจน์ที่ยัยหนิงสร้างขึ้นเพื่อตบตาทุกคน ร้ายกาจที่สุด เป็นน้องสาวที่เอาแต่ใจกับพี่ชายที่สุด ถ้าอยากจะทำอะไร ยืนยันอยากจะทำอะไรไม่มีทางห้ามได้เด็ดขาด เป็นเด็กผู้หญิงแท้ ๆ แต่เอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์เป็นน้องสาวที่นัทภาคภูมิใจจริง ๆ

เข้าเรียนมหาวิทยาลัย นัทไปอยู่หอพัก ใช้ชีวิตเองคนเดียว ลำบากที่ต้องทำทุกอย่างเอง แต่อยู่ไปนาน ๆ ปรับตัวได้ก็สนุกสนาน
อยู่กับเพื่อน เที่ยวบ้าง ติวบ้าง โดดเรียนบ้างแต่ก็ไม่ได้บ่อยจนประคองตัวเองไม่ได้

เลือกเรียนวิชากฎหมาย เพราะถูกหาว่าคอยจะสงสารคนอื่นไปทั่ว เลยกลัวว่าความสงสารมันจะมากับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง อยากใช้ความถูกต้องนำทางให้กับชีวิต พ่อไม่ได้ห้าม แม้จะไม่ได้เลือกเรียนบริหาร ขอแค่มีความรับผิดชอบก็พอ

พ่อกับแม่มีเหตุผลมากพอที่จะไม่บังคับหรือฝืนใจบางอย่างจนเกินไป พักหลัง ๆ มา กิจการของครอบครัวเรายิ่งเจริญรุ่งเรืองและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เราก็เลยคุยกันน้อยลงเรื่อย ๆ จนตอนหลังพ่อบอกว่าอยากให้ยัยหนิงแต่งงาน แต่งงานกับลูกชายของลูกน้องเก่าพ่อ

“พี่นัทชอบคุณรัชชานนท์เหรอ”

คำถามนั้นมันชวนให้สะอึก และนัทก็อายเกินกว่าจะยอมรับ พยายามปฏิเสธและเลี่ยงไม่ยอมตอบคำถาม

“บ้าแล้วหนิง นัทจะไปชอบผู้ชายด้วยกันได้ไง”

ใช้วิธีการเดินหนี แต่ยัยหนิงไม่เคยยอม ถ้าต้องการจะรู้ยังไงก็ต้องรู้ให้ได้

“พี่นัท หนิงไม่ได้หูหนวกตาบอดนะ หนิงรู้ตั้งนานแล้วว่าคนที่พี่นัทชอบ จะมาแต่งงานกับหนิง”

ยัยหนิงพูดไปหัวเราะไป ไม่เห็นว่าจะตลกตรงไหน แต่น้องสาวที่ชอบการบังคับพี่ชายเป็นที่สุดก็หัวเราะร่าอย่างมีความสุข
เท่าที่นัทรู้ คือพ่ออยากให้ครอบครัวเราห่างไกลความเสี่ยงเรื่องผู้ที่จะมาสืบทอดกิจการต่อในยุคถัดไป พ่อต้องการใครสักคนที่มีศักยภาพมากพอที่จะช่วยให้กิจการเจริญเติบโตต่อไปได้ พ่อจึงเลือกพี่ฟ้า พ่อของพี่ฟ้าเคยเป็นลูกน้องเก่าพ่อนัท เมื่อนานมาแล้ว และครอบครัวพี่ฟ้าก็ไปประกอบกิจการเล็ก ๆ จนภายหลังเติบโตเป็นโรงงานขนาดย่อมๆ

พิษเศรษฐกิจพักหลัง ๆ ทำให้ภาวะการขาดทุนเกิดขึ้นที่โรงงานและพ่อก็เป็นคนช่วยเรื่องสภาพคล่องของโรงงานพ่อพี่ฟ้า
ไป ๆ มา ๆ ไม่รู้พ่อพี่ฟ้ากับพ่อนัทคุยกันยังไง เลยจะให้สองฝ่ายเกี่ยวดองกัน และยัยหนิงก็ไม่ปฏิเสธคำขอของพ่อเลย

“ถ้าหนิงแต่งแล้วพี่นัทก็สวมรอยเลย สมัยนี้เขาไม่ถือกันแล้ว”

เป็นการลองเชิงที่นัทได้แต่นิ่งเงียบและไม่ตอบอะไร

“หนิงรู้นะว่าพี่นัทชอบคุณรัชชานนท์ แล้วคุณรัชชานนท์ก็มีแฟนอยู่แล้วด้วย ชื่อนุชา”

ยัยหนิงสืบมาหมดแล้วจริง ๆ จะแปลกอะไร ถ้ายัยหนิงจะรู้ว่านัทแอบชอบพี่ฟ้าอยู่ลึก ๆ แต่นัทใช้วิธีการปฏิเสธ เพราะเรื่องบางอย่างไม่เห็นมีเหตุผลอะไรที่ต้องยอมรับ เงียบ ๆ ไปคงดีกว่า นิ่งเงียบ ตอบอะไรไม่ได้ และยัยหนิงก็หัวเราะทำเหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องสนุกสนานในชีวิต

“จะมาเป็นสามีหนิงทั้งทีจะไม่ให้หนิงตามสืบเลยเหรอ ยิ่งรู้ว่าเป็นคนเดียวกับที่พี่นัทชอบด้วยนะ หนิงยิ่งต้องแต่ง ไอ้ประเภทที่ว่าจะไม่ยอมแต่ง ดื้อรั้นแบบไม่เข้าท่านะ หนิงไม่ทำหรอก แต่ง ๆ ไปซะก็จบ แล้วหนิงก็จะคุยกับคุณรัชชานนท์ด้วยว่าหนิงรู้นะว่าเขาเป็นอะไรแบบไหน”

นั่นแหละยัยหนิง

“พี่นัทก็จะได้เห็นหน้าเค้าบ่อยๆ ไงดีมั้ยล่ะ”

ดีที่ไหน หนิงไม่รู้หรอกว่าพี่ฟ้าเกลียดนัทจะตาย เห็นหน้าไปก็ไม่มีประโยชน์

“คิดดีแล้วเหรอหนิง”

ทักท้วงไปก็เท่านั้น เพราะยัยหนิงตัวร้าย ผู้หญิงเรียบร้อยที่เหมือนคล้อยตามพ่อแม่ไปทุกอย่าง แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่เลย
ยัยหนิงฉลาดมาก ฉลาดและชอบที่จะถือไพ่เหนือกว่าคนอื่น

“คุณรัชชานนท์ทำอะไรหนิงไม่ได้หรอก แต่งงานคืนแรก หนิงจะหนีเที่ยวให้ดู พี่นัทคอยดูแล้วกัน คราวนี้แหละชีวิตจะได้เป็นของหนิงจริง ๆ หนิงล่ะมีความสุขที่สุดในโลกเลย”

ยัยหนิงเห็นพี่ฟ้าเป็นทางผ่านที่จะช่วยปลดพันธนาการจากความเป็นห่วงของพ่อกับแม่ ก็เลยยอมแต่งแบบไม่มีการขัดขืน

“แฟนหนิงด่าหนิงใหญ่เลย แต่ก็นั่นแหละ หนิงจะทำ แล้วยังไงล่ะ ต้องรับให้ได้สิ เป็นแฟนหนิงต้องอดทน”

น้องสาวผู้แสนจะเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ แท้จริงร้ายกาจเหลือเกิน หลังแต่งงาน ยัยหนิงยิ่งร้ายกาจขึ้นเรื่อย ๆ
พ่อกับแม่ไม่ค่อยได้กลับบ้าน ยัยหนิงก็ไปอยู่คอนโดกับแฟน โดยที่พ่อกับแม่ไม่รู้ แต่คนที่รู้คือพี่ฟ้า

ส่วนนัทหนีมาอยู่ที่โรงงาน ไม่ยอมกลับบ้าน ไม่ใช่ไม่อยากกลับ แต่ไม่กล้าเจอ เจอหน้ากันแล้วอยู่ด้วยกันสองคนท่ามกลางบรรยากาศชวนอึดอัดแบบนั้นจะอยู่ได้ยังไง ยังไงก็อยู่ไม่ได้ เลยหนีมาอยู่ที่โรงงาน อยู่ไปอยู่มาก็เลยเหมือนจะชิน

“อยู่คนเดียวเหงาแย่ ชีวิตก็แสนจะน่าเบื่อ แต่พี่นัทเป็นพี่ชายต้องเสียสละเพื่อหนิงสิ ให้หนิงใช้ชีวิตเที่ยวเล่นก่อนนะ แล้วหนิงพร้อมเมื่อไหร่จะเข้าไปช่วยงาน ของใช้พวกนี้หนิงซื้อให้พี่นัทนะ ก็มันน่ารักดีออกเป็ดสีเหลือง พี่นัทต้องใช้ หนิงไม่สนหรอกว่าพี่นัทจะชอบหรือไม่ชอบ เพราะหนิงชอบพี่นัทก็ต้องชอบรู้มั้ยพี่นัท ชีวิตจะได้มีสีสันบ้างไง”

ชีวิตก็เลยมีสีสันมาพักใหญ่ เพราะความต้องการของยัยหนิงคนเดียว ทั้งของใช้ที่ไม่น่าจะซื้อมาให้ผู้ชายใช้ ยัยหนิงก็ซื้อมา
กิ๊บติดผมบ้าบออะไรพวกนี้อีก อุตส่าห์ซื้อมาให้ และสุดท้ายนัทก็หยิบมาใช้ ทั้งที่ไม่อยากใช้เท่าไหร่ แต่มองซ้ายมองขวาไม่มีจริง ๆ ก็เลยจำเป็นต้องใช้ อยู่คนเดียวแบบนี้มาพักใหญ่จนเกือบชินแล้ว และอยู่ดีๆ พ่อก็ส่งพี่ฟ้ามาเป็นเลขานัทเฉยเลย

พี่ฟ้าไม่เต็มใจ นัทรู้อยู่ก่อนแล้ว รู้ตั้งนานแล้วว่าพี่ฟ้าไม่เคยเต็มใจ เรามีคดีเก่ากันอยู่หลายเรื่อง เหตุการณ์ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะย้อนวนไปวนมาอยู่ที่เดิมตลอด และนัทก็เข้าไปรับรู้โดยไม่ได้ตั้งใจถึงสองครั้งสองหน จะแปลกอะไรที่ฟ้าเกลียดนัท เพราะนัทไปรู้เรื่องที่พี่ฟ้าไม่อยากให้ใครรู้ ส่วนหนึ่งก็เพราะนัททำตัวเองด้วย คิดและทำอะไรโง่ ๆ หลังจากเราต้องมาเกี่ยวดองกัน

ถ้าพี่ฟ้าจะเกลียดเพราะการกระทำที่ไร้หัวคิดของนัท จะแปลกอะไร นัทก็มีส่วนที่ทำให้พี่ฟ้าเกลียดเพิ่มขึ้นด้วย จะว่าไปนัทก็ทำตัวเองแท้ ๆ จะไปโทษใครได้ แล้วตอนนี้ล่ะ เราได้รู้จักกันมากขึ้น แม้เพียงไม่นาน แต่พี่ฟ้ายังเกลียดนัทมากมายเหมือนเมื่อก่อนมั้ย

พี่ฟ้ายังเกลียดนัทมากมายเหมือนเมื่อก่อนอยู่มั้ย

“ร้านนี้แหละครับ”

จอดรถหน้าร้านข้าวต้มเรียบร้อย แม้เป็นร้านข้าวต้มโต้รุ่งข้างทาง แต่ก็ดูสะอาดสะอ้าน น่าเข้า ลงจากรถ ในเวลาหกโมงกว่า ๆ ที่ฟ้ายังไม่สาง เดินมาหาที่นั่ง เพื่อสั่งอาหาร และก็พบว่าโต๊ะข้าง ๆ มีชายหนุ่มสองคนนั่งกินอาหารอยู่

“กินข้าวต้มหรือจะสั่งแบบกับข้าวครับ”

หยิบเมนูมาดูและฟ้าก็เอ่ยถามคนที่เดินมานั่งด้วยกันอยู่ฝั่งตรงข้าม

“ข้าวต้มกุ้งครับ”

รับออเดอร์เรียบร้อยและฟ้าก็ลุกขึ้นเดินไปบอกเจ้าของร้าน กลับมานั่งที่ และนั่งมองหน้าของคนที่เหมือนทำตัวไม่ถูก และเหลียวมองไปทั่วทั้งร้าน

“ไม่ได้ติดหรูใช่มั้ยครับ....น้องนัท”

ประเด็นมันไม่ใช่ว่าติดหรูหรือไม่หรูหรอก แต่มันอยู่ที่คำว่า .....น้องนัท......

ไม่ใช่คุณนัท แต่เป็นน้องนัท อยากจะยิ้มให้แก้มระเบิด แต่นัทก็ก้มหน้าก้มตาลง เพราะเหมือนกับว่าจะควบคุมใบหน้าของตัวเองไม่ได้

กลัวจะยิ้มออกมา กลัวจะเผลอยิ้มออกมา

“กระเพราปลาหมึกครับ กับผัดบวบ”

ออเดอร์จากลูกค้าที่สั่งทำให้ฟ้าหันไปมอง

อ๋อ ผัดบวบ เมื่อคืนก่อนก็สั่งมากิน รสชาติใช้ได้ แต่ไม่ได้สั่งกระเพราปลาหมึก คิด ๆ ดูแล้วก็น่าลองกินอยู่เหมือนกัน

“ซื้อกับข้าวไว้เผื่อกินตอนกลางวันมั้ยครับ น้องนัท”

อ่า... กับข้าวไว้กินตอนกลางวันเหรอ ก็...แล้วแต่พี่ฟ้า อะไรก็ได้ นัทกินได้หมด ไม่เรื่องมาก

“ครับ”

ตอบรับ และหันหน้าหนีไปทางอื่น เพราะเหมือนว่าตัวเองกำลังจะยิ้ม

กำลังจะยิ้มเพราะคำว่า ....น้องนัท....แค่การเรียกชื่อแบบง่าย ๆ แต่นัทรู้สึกดีที่ใครบางคนเรียกแบบนั้น

“ต่อไปถ้าอยู่ในเวลาทำงาน ผมจะเรียกคุณว่าคุณรัชชานนท์แล้วกันนะ แต่ถ้านอกเวลางานผมขอเรียกว่า....คุณฟ้า”

ไม่กล้าเรียกว่าพี่ฟ้าตรง ๆ ทั้งที่ก็เรียกไปหลายครั้ง

“พี่ฟ้าไม่ใช่คุณฟ้า”

อ่า พี่ฟ้า...ก็พี่ฟ้า

พยักหน้ารับ และคนที่เอ่ยบอกก็ทำหน้านิ่งไร้ความรู้สึกเหมือนเดิม
ยังไงล่ะพี่ฟ้า เหมือนจะไม่อยากให้เรียก แต่ก็ยอมให้เรียกอย่างนั้นเหรอ หรือยังไง

“นัทก็เรียกพี่ว่า พี่ฟ้า แต่ถ้าเวลางานจะเรียกว่าคุณรัชชานนนท์ก็โอเค ไม่มีปัญหาอะไร”

อธิบายได้หน้าตาเฉย และนัทก็พยักหน้า

“พี่ฟ้า”

เรียกชื่อนี้ออกมา และนัทก็ทันได้สบตากับคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ทำไมรู้สึกเหมือนพี่ฟ้าอยากจะยิ้ม แต่ฝืนและเก็กหน้าไม่ยอมยิ้ม
ทำไมรู้สึกอย่างนั้น ทำไมรู้สึกว่าพี่ฟ้าก็กำลังวางฟอร์มอยู่เหมือนกัน วางฟอร์มเหมือนที่นัททำ

“นัทเรียกพี่ฟ้าทำไมครับ”

ทำไมเหรอ

ทำไม

ทำไมกันล่ะ เรียก....ทำไม

“เปล่าครับ...ก็ลองเรียกดูเฉย ๆ จะได้ชินเร็ว ๆ”

ตอบกลับแบบไม่ได้คิดอะไร แต่เรียกรอยยิ้มเล็ก ๆ ของคนที่กำลังพยายามปั้นหน้าได้ไม่ยาก นัทไม่ทันสังเกตเห็นว่าใครบางคนก็แอบลอบยิ้มอย่างพอใจกับคำพูดที่นัทพูด

“น้องนัท”

“ครับ”

นัทรีบขานรับ และเงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียก เพราะอยากรู้ว่าอีกฝ่ายเรียกทำไม

“เปล่าครับไม่มีอะไร...ก็แค่ลองเรียกดูเฉย ๆ จะได้ชินเร็ว ๆไม่มีอะไรครับ.....พี่ฟ้าก็....พยายามเรียกบ่อย ๆ จะได้ชินเหมือนกัน”

 TBC.
 Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2818.0)
      และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 64
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 30-05-2014 23:20:19
 :-[ พี่ฟ้ากับน้องนัท
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 64
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 30-05-2014 23:35:23
โอ๊ยเขินนนนนนนน   :o8: :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 64
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 30-05-2014 23:41:51
รอๆๆๆ ตอนพี่น้อง.....
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 64
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 30-05-2014 23:42:34
มาต่อแล้วววว กรี๊ดดด นั่งรอเลยทีเดียว อยากอ่านต่อไวๆ
พี่ฟ้า...น้องนัท.... :hao7:
จะเป็นยังไงต่อนะ จะรักกันยังไงนะ น้องหนิงจะมาช่วยไหม
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 64
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 30-05-2014 23:52:44
เริ่มมุ้งมิ้งละนะ พี่ฟ้าน้องนัท !!!
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 64
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 31-05-2014 00:01:39
เฮ้ย....
จะได้ชินเร็ว


ตอนต่อไปจะมาเร็วๆด้วยไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 64
เริ่มหัวข้อโดย: FahFon ที่ 31-05-2014 00:05:52
รู้สึกถึงบรรยากาศมุ้งมิ้งมากขึ้น มากขึ้น มากขึ้น มากขึ้น คึคึ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 64
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 31-05-2014 00:07:13
พี่ฟ้า น้องนัท เรียกกันไปมา ระวังข้าวต้มจะหวานนะคับ อิอิ
หวังว่าความสัมพันธ์จะค่อยๆดีขึ้น และดีขึ้นเรื่อยๆนะคับ

ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไป ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 64
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 31-05-2014 00:15:01
แง้วววววว
 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 64
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 31-05-2014 00:25:21
เดทแรกที่ร้านข้าวต้ม โดยมีสักขีพยานคือพี่บุ้งกับน้องเกาหลีนี่เอง
 :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 64
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 31-05-2014 00:30:01
จะได้ชอนเนาะพี่ฟ้า แอร๊ยยยยยย  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 64
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 31-05-2014 06:22:13
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน ไม่เก็กก็ได้

นัทกำลังก้มหน้ามองที่เนคไทด์ของตัวเอง ผูกไม่ค่อยดีหรือเปล่า อาจจะต้องแก้แล้วผูกใหม่

“เนคไทด์ไม่ค่อยตรงครับคุณนัท”

นัทเงยหน้าขึ้นมองคนที่พูดบางอย่างด้วยความประหลาดใจ นัทคิดอยู่แล้วว่าเนคไทด์ไม่ตรง แต่ไม่คิดว่าพี่ฟ้าจะสังเกตเห็น

ผูกเป็นอยู่หรอกนะ แต่มันก็คงไม่แปลกที่ผูกไม่ค่อยตรง ก็นัทไม่ใช่ผู้ชายเพียบพร้อมสมบูรณ์แบบเหมือนพี่ฟ้านี่ เวลาผูกเนคไทด์มันก็เลยออกมาเป็นแบบนี้

“เวลาผูกต้องผูกแบบนี้นะครับ”

คนพูดลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินเข้ามาหา

ผูกแบบไหนเหรอ แบบนี้ที่ว่า

แบบนี้ที่ว่าคือการที่คุณรัชชานนท์มายืนซ้อนอยู่ข้างหลัง และเอื้อมมือสองข้างมาจับเนคไทด์ของนัทเอาไว้และสอนให้นัทผูกตาม

สอนกันขนาดนี้เลยเหรอถ้าจะสอนกันขนาดนี้ก็คงต้องยอม

“เอาปมค้างไว้แล้วก็ใช้เส้นนี้สอดขึ้นมานะครับ ไหนลองจับเนคไทด์ไว้สิครับ”

อ่า..........

เหรอครับ

ได้กลิ่นหอมเฉพาะตัวของคนที่กำลังผูกเนคไทด์ให้ และนัทก็รู้สึกถึงอาการใจเต้นแรงของตัวเอง

มันคืออะไรวะ..........

“เป็นอะไรครับทำไมมือสั่น”

หง่ะ แค่ใจสั่นมือก็สั่นตามเลยเหรอวะ ..........มือสั่นเหรอ..........มือนัทสั่นเหรอ มือสั่น... เออว่ะ จริงด้วย มือ...สั่น

นัทถึงกับต้องปล่อยมือจากเนคไทด์ และรีบแนบฝ่ามือไปที่ข้างลำตัว ยืนตัวตรง โดยมีใครบางคนที่เกิดอาการมึนงงสงสัยว่าอยู่ดี ๆ นัทปล่อยมือออกจากเนคไทด์ทำไม

“ไม่ผูกแล้วเหรอครับ”

ก็อยากจะผูกอยู่หรอก ถ้าไม่เพราะว่ามือสั่นอย่างที่คุณรัชชานนท์ว่าจริง ๆ นัทก็คงจะผูก

“เอ่อ ผมงงน่ะครับ”

เป็นคำตอบที่โง่สิ้นดีแต่ก็ไม่รู้จะเอาอะไรมาอ้าง และฟ้าก็ดึงมือที่แนบอยู่ข้างลำตัวของคนที่ยืนนิ่งขึ้นมา

“ค่อย ๆ ผูกครับ เริ่มจากจับไว้ครับ จับเส้นนี้ แล้วก็ดึงออกมาเลย”

กำลังจะหายใจไม่ทันเพราะถูกจับมือให้ทำตาม  และนัทก็รีบดึงรีบผููกตามที่คุณรัชชานนท์เลขาหน้านิ่งสอน
รีบ ๆ เหอะ ก่อนที่นัทจะสั่นมากกว่ามือ พี่ฟ้าไม่รู้เหรอว่าในเวลานี้ อาการสั่น มันเกิดขึ้นกับทั้งมือทั้งใจของนัท

“เรียบร้อยแล้วครับ”

บอกว่าเรียบร้อยแล้ว และคุณรัชชานนท์เลขาหน้านิ่งก็ผละออกมายืนมอง พิจารณาและใช้มือขยับไปที่ปมเนคไทด์อีกเล็กน้อยเพื่อให้เกิดความสวยงาม

“ขอบคุณครับ”

นัทก้มหัวให้กับคนที่ผูกเนคไทด์ให้จนเสร็จ และก้าวเดินไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง นั่งลงและเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ในสภาพที่เปลี่ยนเป็นคนละคนกับเด็กน้อยเป็ดเน่า และวัยรุ่นชายหน้าตาน่ารัก

เวลางาน นัทพยายามใส่ใจอยู่กับการทำงาน และคุณเลขารัชชานนท์หน้านิ่งก็เช่นกัน

“ขอสายคุณโบว์ครับ”

กดอินเตอร์โฟนออกไปข้างนอก เพื่อสั่งงาน และก็มีเสียงตอบรับจากปลายสาย

“ค่ะ โบว์ค่ะ”

“ผมขอเอกสารเกี่ยวกับพื้นที่ว่างเปล่าที่ใช้สำหรับเป็นสถานที่ทดลองสารเคมีด้วย ผมอยากทราบว่าปริมาณสารเคมีที่ฉีดพ่นเข้าไปแต่ละครั้ง มีผลยังไงกับแปลงสาธิต คุณจัดการให้ห้องแลปส่งเอกสารเข้ามาให้ผมด้วยนะครับ”

สั่งงานเรียบร้อย และปลายสายก็รับคำอย่างขะมักเขม้น

นัทกดวางสายเรียบร้อย และเงยหน้าขึ้นมองคุณรัชชานนท์ที่กำลังยุ่งกับการจัดการแยกข้อมูลของเอกสาร

“คุณรัชชานนท์ครับ”

ครับ

ฟ้าเงยหน้าขึ้นเพื่อฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร

“ครับคุณนัท”

ตั้งใจฟังอย่างเต็มที่และนัทก็ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะหยิบเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา

“ผมขอแบบนี้อีกชุดนะครับ แล้วก็ช่วยออนไลน์แจ้งบริษัทที่เป็นลูกค้าของเราด้วย เรื่องกำหนดการที่จะประชุมครั้งแรกของปีนี้ เตรียมของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ด้วยนะครับ รายชื่อเบื้องต้น คุณลองถามจากคุณอิ๋วดู เธอน่าจะให้ข้อมูลคุณได้เพิ่มขึ้น”

ครับ

“ผมจะจัดการให้เสร็จภายในวันนี้ครับ”

รับคำเสร็จเรียบร้อย และฟ้าก็เดินไปหยิบเอกสารปึกใหญ่เพื่อไปที่ห้องถ่ายเอกสาร ภายในสมองกำลังเรียงลำดับขั้นตอนการทำงานว่าจะเริ่มทำสิ่งไหนก่อน และงานไหนทำท้ายสุดได้ งานเลขาไม่ใช่งานที่ยาก แต่เป็นงานจุกจิก ที่ต้องอาศัยความอดทนและต้องมีความสามารถในการเตรียมพร้อมรับกับทุกสถานการณ์

คนที่ไม่เคยทำงานเลขาอย่างคุณรัชชานนท์พยายามเรียนรู้งานไปเรื่อยๆ  และคิดว่าอีกไม่นานก็จะสามารถทำงานเลขาได้อย่างสมบูรณ์แบบแน่นอน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 64
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 31-05-2014 06:22:52
พระอาทิตย์ตกดินไปนานแล้ว แต่คนสองคนยังคงยุ่งวุ่นวายอยู่กับสิ่งที่ตัวเองต้องทำ

นัทวุ่นวายอยู่กับการเรียงลำดับความคิดในสมองและแยกเป็นข้อ ๆ เพื่อเตรียมตัวสำหรับการประชุมครั้งแรก แยกข้อมูลเอาไว้อย่างเสร็จสรรพว่าต้องการจะรู้อะไรบ้าง เพราะวัยวุฒิไม่ถึง แต่ต้องทำให้ผู้ร่วมประชุมรู้สึกเกรงใจและไม่คิดว่านัทเป็นเด็กที่ไม่มีความพร้อมในการบริหารงาน

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการแสดงศักยภาพและวิสัยทัศน์ของตัวเองออกมา แสดงออกมาให้มากพอเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับบริษัทคู่ค้าว่านัทเป็นผู้บริหารยุคใหม่ แม้จะเด็กและไร้ประสบการณ์แต่ก็ทำการบ้านมาดี และต้องแสดงความสามารถให้มากพอที่จะไม่ถูกดูหมิ่นจากคนเก่าคนแก่รุ่นก่อน ๆ ได้

นัทกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมความพร้อม และฟ้าก็กำลังยุ่งอยู่กับการตรวจสอบเอกสารจากแผนกต่าง ๆ ที่ถูกส่งมาให้ก่อนจะถึงมือของผู้บริหารที่กำลังนั่งหน้าเครียด

เหลือบมองนาฬิกาและก็เห็นว่าเป็นเวลาเกือบสองทุ่ม

“คุณนัทครับ”

นัทที่กำลังเรียบเรียงสติ วางเอกสารไว้บนโต๊ะและรีบเงยหน้าขึ้นมอง

“คุณนัทครับ ทานข้าวได้แล้วครับ”

แค่พูด และฟ้าก็ลุกขึ้น วางมือจากเอกสารและเปิดประตูห้องเพื่อเป็นการเรียกให้คนที่นั่งอยู่เดินออกจากห้องด้วยกัน

“น้องนัทครับ ไปกินข้าวกัน”

ย้ำอีกครั้ง แต่สรรพนามเปลี่ยนไปเรียบร้อย และคนที่เงยหน้าขึ้นมองและกำลังจะอ้าปากปฏิเสธ เพราะกำลังยุ่งก็เลยต้องหุบปากเงียบ และเก็บคำพูดที่จะพูดเอาไว้ การพยายามทำหน้านิ่งไม่เคยได้ผล เวลาที่ใครบางคนพูดคำพูดที่ทำให้นัทรู้สึกดี

และคำพูดพวกนั้นทำให้ความเหนื่อยล้าตลอดทั้งวันของนัทแทบจะจางหายไปเกือบหมด

ลุกขึ้นและเดินตามคนที่เดินนำหน้ามาอย่างง่าย ๆ เดินเข้ามาในครัว และเห็นพี่ฟ้ากำลังวุ่นวายกับการเตรียมอาหารง่าย ๆ ให้นัท

“ไม่ต้องช่วยครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง”

เอ่อ.... แต่ว่ามันเลยเวลางานแล้ว นัทกับพี่ฟ้าสถานะก็เท่าเทียมกันแล้ว

“ไม่เป็นไร นัทช่วย”

เปลี่ยนคำพูดเรียบร้อย และคนที่ได้ฟังก็รีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เพราะรู้สึกว่ากำลังจะยิ้มออกมาอีกแล้ว

เก็บรักษาอาการดีใจเล็ก ๆ เอาไว้ และจัดการเทอาหารที่ซื้อมาตั้งแต่เช้าใส่ถ้วยและจาน นำใส่เครื่องไมโครเวฟ

คนหนึ่งยืนรอ อีกคนนั่งรอ มองจานใส่อาหารที่หมุนไปมาอยู่ในเครื่องไมโครเวฟและพยายามหาเรื่องคุย

“วันนี้ยุ่งทั้งวันเลยนะครับ”

เป็นนัทที่ชวนคุยก่อน และฟ้าก็หันมามองคนที่ชวนคุย

“ครับ”

รับคำและมองไปที่คนที่นั่งอยู่ วันนี้ยุ่งทั้งวันและคุณนัทก็เครียดทั้งวัน ทางนี้ก็ยุ่งทั้งวันเหมือนกัน เพราะการประชุมแรกที่จะมีขึ้นใกล้เข้ามาแล้ว เสียงเครื่องไมโครเวฟเตือนว่าอาหารที่อุ่นสามารถกินได้แล้ว และฟ้าก็ใส่ถุงมือกันความร้อนและจัดการลำเลียงอาหารมาไว้บนโต๊ะให้กับคนที่นั่งมอง

ไม่ใช่แค่มองแต่เริ่มจะกลายเป็นอาการเหม่อ

“กินได้แล้วครับ”

เตรียมกินอาหารพร้อมกัน และฟ้าก็ปลดกระดุมที่แขนเสื้อและพับขึ้นสองสามทบ ส่วนนัทกำลังทำตาม

“ยื่นแขนมาครับ”

นัททำตามสิ่งที่อีกฝ่ายบอกและฟ้าก็จัดการพับแขนเสื้อให้กับคนที่กำลังจะกินข้าว

“คุณนัทครับ”

ชี้มือไปที่เนคไทด์และนัทก็ก้มลงมอง ก่อนจะคลายปมเนคไทด์และดึงออกจากคอเสื้อ

และคนบอกให้นัทดึงเนคไทด์ออกก็ทำแบบนั้นเช่นกัน แต่ต่างกันตรงที่ว่า แม้คุณรัชชานนท์เลขาหน้านิ่งจะไม่มีเนคไทด์อยู่ที่คอและพับแขนเสื้อขึ้นมา ดูสภาพไม่น่าจะเรียบร้อย แต่สำหรับนัท ในเวลานี้คนที่อยู่ตรงหน้าก็โคตรจะดูดี

ทำไมถึงได้ดูดีตลอดเวลาขนาดนี้ก็ไม่รู้ แปลกมาก

“เป็ดเอ๋อ”

ห๊ะ .........อะไรนะ

ถึงกับอึ้งกับสิ่งที่อีกฝ่ายเรียก และฟ้าก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจ ทิ้งให้นัทอึ้งอยู่อย่างนั้น พร้อมกับปริศนาที่ว่า เมื่อกี้นี้ คนบางคนพูดบางอย่างออกมาหรือเปล่า แล้วพูดว่าอะไร

“ว่ายังไงนะครับ”

ว่ายังไงเหรอ ก็ไม่ได้ว่ายังไงนี่ครับ

“เปล่าครับ”

อือ เปล่าเหรอ นัทคงหูแว่วและหูฝาดไป

“เป็ดเหลือง...น่ารักดีนะครับ”

ห๊ะ ....คราวนี้ได้ยินชัด และนัทก็เงยหน้าขึ้นมามองด้วยความไม่เข้าใจ

ยังไงเป็ดเหลืองที่ว่า หมายถึง..... ย่นหัวคิ้วและทำหน้ายุ่ง เพราะรู้แล้วว่าสิ่งที่ได้ยินก่อนหน้านี้ไม่ใช่เพราะหูแว่วไปเอง

“พี่ฟ้า...ขี้เก็ก”

เล่นบ้าง .....พูดเสร็จแล้วก็ก้มหน้าก้มตากินข้าว ทิ้งให้คนที่ได้ยิน นิ่งอึ้งและแอบขำเล็ก ๆ แต่ก็ยังพยายามเก็บสีหน้า

“แล้วหล่อป่ะล่ะ”

ห๊ะ .........นัทเงยหน้าขึ้นและทันได้สบสายตากับคนที่นั่งนิ่งและกำลังมองมา

ถามว่าอะไรนะ

ถามว่า....

หล่อหรือเปล่า

ก็...

“ไม่รู้ครับ แต่นัทไม่ได้เอ๋อ”

เลี่ยงที่จะตอบ และอธิบายสิ่งที่คิดว่าตัวเองไม่ได้เป็น

“คุณนัทครับ”

ครับ

เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง และคราวนี้นัทก็ถึงกับนิ่งอึ้งกับสิ่งที่เห็น

ใครบางคนกำลังยิ้ม

รอยยิ้มหวาน  ๆที่ทำให้นัทถึงกับกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก นิ่งมอง และรู้สึกว่าคนบางคนสว่างเจิดจ้าจนนัทแทบละลาย

“พี่ยิ้มขนาดนี้แล้ว........นัทต้องถอนคำพูด ห้ามว่าพี่เก็กอีกนะครับ"

 TBC.

 Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2818.0)
      และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 64
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 31-05-2014 07:08:02
โอ๊ย.......เขิน เขิน เขิน นี่เค้าคุยอะไรกัน งุ้งงิ้ง มุ้งมิ้ง กันสองคน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 64
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 31-05-2014 07:11:14

         :impress3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 64
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 31-05-2014 07:37:39
อ๊าย~! ฟินนนนน!!!!!!
>\\\\<
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 64
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 31-05-2014 07:39:41
โอยๆๆๆ อ่านแล้วเขินมากมาย มุ้งมิ้งกันอยู่ 2 คน

รอตอนต่อไป  //จะลงแดงตาย 555 ^^
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 64
เริ่มหัวข้อโดย: cowinsend ที่ 31-05-2014 08:46:48
อั๊ยย่ะๆ เขินเว้ยยยยย พี่ฟ้ารุกหนักจั๊งๆเลย ชอบคู่นี้จังน่ารักมากกก โลกมันเป็นสีชมพู :mew1:
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 64
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 31-05-2014 08:47:26
ตายๆๆๆๆๆๆๆมดแถวนี้เป็นหนักหวานตายแน่ๆๆๆๆๆๆ


ไม่เบามันละความหวานนะ :impress2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 64
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 31-05-2014 09:52:28
อร๊ายยยยยยยยย พี่ฟ้าน้องนัท
เริ่มหวาน มดเริ่มเดินมาล่ะ
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 64
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 31-05-2014 10:10:52
น้องเป็ดเอ๋อไปเลยจริงๆ 5555
โดนรอยยิ้มพิฆาต
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 64
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 31-05-2014 10:21:57
น้องนัทน่ารักมาก ยกเป็ดเหลือ ให้ทั้งเล้าเลย อิอิ :3059: :ped144: :ped149: :5775: :3130: :3043: :3129:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 64
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 31-05-2014 11:04:56
โอ๊ยยยย พี่ฟ้า ยิ้มแบบนี้เป็ดน้อยเรายิ่งเอ๋อไปใหญ่ อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 64
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 31-05-2014 11:26:56
ทำไปเพราะอะไรรรร รู้ว่าเริ่มเปิดใจหรืออะไรรรรร
น้องนัทได้ละลายสลายเป็นไอกันพอดี
น่ารักอะ เรียกน่ารักๆ แล้วคืนนี้จะนอนด้วยอีกหรือเปล่านะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 64
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 31-05-2014 11:28:43
อย่างนี้น้องนัทก็ไปไม่เป็นซิ ขนาดพี่ฟ้าไม่เก็กยังเป็นขนาดนี้  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 64
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 31-05-2014 11:44:15
เอิ่มมมมมม ขอยาดมซิยาดมมมม อ้ากก น่ารักไปแล้วจะเป็นลม งือออ
 :o8:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 64
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 31-05-2014 11:58:27
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน หาเพื่อน

นัทถึงกับมึนงงกับรอยยิ้มสว่างเจิดจ้าที่ได้เห็น

พี่ฟ้าบอกว่านัทต้องถอนคำพูด ห้ามว่าพี่ฟ้าเก็กอีก   และในเวลานี้นัทก็กำลังตื่นตาตื่นใจกับรอยยิ้มที่ได้เห็น มองแล้วก็ได้แต่อึ้ง อ้าปากค้างไปเล็กน้อย แล้วอยู่ดี ๆ คนที่ยิ้ม ก็หุบยิ้มไปดื้อ ๆ แถมยังก้มหน้าก้มตาตักอาหารใส่จานทำเหมือนไม่สนใจกันเลย

อะไรวะ พี่ฟ้าทำอะไรวะ พี่ฟ้าทำอะไรกันเนี่ย  ทำแบบนี้เหมือนแกล้งชัด ๆ
ยิ้มไม่ถึงสองวินาทีแล้วก็หุบยิ้ม กลับไปตีหน้าขรึมเหมือนเดิม แบบนี้มัน…. อ่า... ทำร้ายจิตใจกันชัด ๆ

“มุกเยอะเหมือนกันนะ”

แกล้งแซวและฟ้าก็เงยหน้าขึ้นมองคนที่พูดบางอย่าง มุกไม่เยอะหรอกครับ แค่ลองหยอกคนแถวนี้ดู

ไม่รู้สิ ยอมรับนะว่าเคยอคติ ก็ใครใช้ให้ไอ้เด็กเป็ดเหลืองโผล่มาทุกครั้งที่เกิดปัญหาล่ะ
จะไม่ให้เกลียดยังไงไหว เคยไม่ชอบและก็ถอยห่าง ไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยมาตลอด

ยอมรับว่าไม่ชอบหน้า แค่เห็นก็หงุดหงิดแล้ว แต่ต้องรักษาอาการเอาไว้ แต่พอได้มารู้จักกันจริง ๆ คนบางคนมันมีอะไรมากกว่าที่ตาเห็น เคยประเมินเอาไว้ยังไง ก็ยังประเมินอยู่อย่างนั้น แต่ความรู้สึกดี ๆ ที่เพิ่มขึ้นทุกวันนี่ล่ะ มันคืออะไร

ปากร้ายจริงหรือเปล่า ไม่แคร์ความรู้สึกคนจริง ๆ หรือเปล่า อันนี้ยังไม่รู้แน่ชัด ของแบบนี้ต้องดูกันยาว ๆ
แต่เรื่องความน่ารัก.... หมายถึงพฤติกรรม วิธีการแสดงออกหลาย ๆ อย่างก็... ยอมรับว่า...

“น่ารัก”

ห๊ะ

นัทเงยหน้าขึ้นมองและรู้สึกสะดุดหูกับคำพูดบางอย่างของคนบางคน

อะไร.....
ยังไง.....
ใคร......

“เก็ก”

พูดบ้าง และก้มหน้าลงทำเหมือนไม่ได้พูดอะไร จัดการก้มหน้าก้มตาตักกับข้าวใส่จาน และคนที่ได้ยินคำพูดบางอย่างก็อมยิ้มน้อย ๆ ลอบยิ้มและสังเกตอาการของคนที่ทำเป็นเมิน และสนใจกับการกินข้าวมากเกินปกติ

“ไม่ได้เก็ก”

ตอบกลับ และฟ้าก็ทำเป็นเมินเหมือนไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่นัทก็ได้ยินถนัด

“ไม่ได้น่ารักเหมือนกัน”

มันใช่ที่ไหนล่ะ อย่ามาปฏิเสธให้ยาก

“น่ารัก”

เฮ้ยยย......... บอกว่าไม่ได้น่ารักไง ทำไมถึงไม่เชื่อกันบ้าง บอกว่าไม่ได้น่ารัก
นัทเงยหน้าขึ้นแล้ว และคนที่แกล้งเมินก็เงยหน้าตามขึ้นมา หน้าบึ้งและขมวดคิ้วมุ่น ทำแบบนี้ไม่รู้หรือไงว่า....

“นั่นไง ทำหน้าน่ารักอีกแล้ว”

ไม่ใช่

“คุณรัชชานนท์ ผมจะพักงานคุณ”

.......โหดไปหรือเปล่า พักงานเลยเหรอ

“ถ้าพักงาน คุณนัทก็ไม่มีใครหาข้าวให้กิน”

นั่นใช่ปัญหาที่ไหนล่ะ ปัญหามันใช่เรื่องนี้ที่ไหนกัน

“ต้มบะหมี่กินเองก็ได้”

เถียง และคนที่ทำเป็นเก็กหน้าก็ตอบกลับมาให้นัทหงุดหงิดเล่น

“กินแต่บะหมี่ถ้วยพวกนั้น แล้วเมื่อไหร่จะโต”

โธ่โว้ย ไม่ใช่ว่านัทกินแต่บะหมี่พวกนั้นหรอกนะ อย่างอื่นนัทก็กิน

“นมก็กิน ทำไมจะไม่โต”

เถียงกลับแบบไม่ยอมลดละและฟ้าก็ยังแกล้งยั่วอารมณ์ของคนที่กำลังทำหน้างอใส่

“กินนมรสช็อคโกแลต ส่วนผสมก็มีแต่น้ำตาล ส่วนของนมแท้ ๆ กี่เปอร์เซ็นต์ กินเท่าไหร่ก็ไม่โตหรอก”

ฮึ่ยยยยยยยยยยยยย

นัทถึงกับหน้าหงิกหน้างอ วางช้อนและส้อมลง รู้สึกว่าตัวเองงี่เง่ากับเรื่องบางอย่างขึ้นมาแบบไร้สาเหตุ
ไม่ชอบเวลาที่ถูกมองเป็นเด็ก ไม่ชอบเวลาที่ใครมาบอกว่าเหมือนเด็ก ไม่ชอบ เวลาที่ถูกเปรียบเทียบไปในทำนองว่าตัวเองเป็นเด็ก ยังไงก็ไม่มีทางชอบ

“ผมอิ่มแล้ว”

สำหรับนัทมันคือความรู้สึกไม่พอใจ แต่สำหรับฟ้า สิ่งที่เห็นในเวลานี้ เรียกว่า .......งอนสมบูรณ์แบบ......

“กินผักให้หมด”

ขู่กันแบบตรง ๆ และฟ้าก็ทำหน้านิ่งยิ่งกว่าเดิม น้ำเสียงที่พูดจริงจังมากขึ้น และนัทก็จำใจต้องตักผักที่อยู่ในจานเข้าปากทั้งที่ยังหน้างอ ตักผักใส่ปากแล้วก็เคี้ยว เคี้ยวแล้วก็กลืน กลืนแล้วก็พูดคำเดิม

“ผมอิ่มแล้ว”

ยืนยันว่าอิ่มแล้ว และวางช้อนไว้เรียบร้อย

“กินข้าวให้หมด”

อะไรล่ะ กินข้าวไม่หมดแค่นี้ทำไมต้องเอ็ดกันด้วย ไม่ชอบนะ เข้าใจมั้ย ยังไงนัทก็ไม่ชอบ ที่มาทำเหมือนนัทเป็นเด็ก ๆ

“ผมไม่ใช่เด็กครับคุณรัชชานนท์”

ตอบกลับไปแล้ว และไม่ยอมหยิบช้อนกับส้อมขึ้นมา ฟ้าเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เพื่อทำความเข้าใจกับสิ่งที่นัทต้องการบอก

“โตแล้วก็ต้องรู้ ว่าไม่ควรกินทิ้งกินขว้าง ถ้ากินไม่หมดตั้งแต่แรกทำไมไม่บอก”

ไม่ใช่ว่าเถียงไม่ออก แต่ไม่อยากเถียง นัทนั่งนิ่ง ๆ อยู่อย่างนั้นและไม่พูดไม่จา

“ผัดบวบกินเข้าไป”

มองผัดบวบที่ถูกตักมาใส่ในจานข้าว แล้วก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบใจมากขึ้นเรื่อย ๆ

“กระเพราปลาหมึกด้วย กินเข้าไป”

ไม่ใช่แค่ผัดบวบแต่ตามมาด้วยกระเพราปลาหมึกที่ถูกตักเข้ามาใส่จานข้าว นัทนั่งมองกับข้าวในจานแล้วก็ยังทำหน้าบึ้ง มองแล้วก็นิ่งเงียบ มองแล้วก็ยังทำเป็นเมินเฉย ไม่ยอมพูด

“ขนาดงอนยังน่ารัก ถ้าไม่อยากถูกมองว่าน่ารัก ก็ห้ามงอน”

นัทไปทำแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ชี้ที่หน้าตัวเองเหมือนเป็นการตั้งคำถาม

“มองยังไงถึงว่าน่ารัก”

ถามย้ำอีกครั้ง และคนที่ตีหน้าขรึม ก็เงยหน้าขึ้น นิ่งมองใบหน้า มองที่คิ้ว ที่จมูก ที่แก้ม ที่คาง และสุดท้ายจ้องมองที่ดวงตา

“ก็มองแบบนี้แหละครับคุณนัท”

มองแบบนี้ และคนที่บอกว่ามองแบบนี้ก็ใช้สายตาจ้องมองกันแบบตรง ๆ มองนิ่ง ๆ จ้องหน้าของนัทนิ่งงันอยู่อย่างนั้น

มองแบบนี้
มองแบบนี้
มองแบบนี้
มอง.........เป็นนัทที่ต้องรีบก้มหน้าเพราะไม่สามารถสู้กับดวงตาคมที่จ้องมองมาได้ จ้องแบบนิ่ง ๆ ขนาดนั้น จ้องแล้วทำหน้านิ่งขนาดนั้น ใครจะไปสู้ได้วะ นัทจะไปสู้พี่ฟ้าได้ยังไง มีแต่ต้องยอมแพ้

“กินข้าวให้หมดนะครับ คุณนัธพันธ์”

คำสั่งที่ย้ำมาอีกครั้ง ทำให้นัทยิ่งขมวดคิ้วมุ่น ทำไมต้องทำเสียงเข้ม ทำไมต้องทำเสียงดุ ทำไมต้องพูดกันถึงขนาดนั้น

“น้องนัท...”

เงยหน้าตามเสียงเรียก

เวลาที่ถูกเรียกแบบนี้ รู้สึกว่าชอบ และอยากให้คนบางคนเรียกแบบนี้เยอะ ๆ บ่อย ๆ มันมีความสุขในใจลึก ๆ ชอบเวลาที่คล้ายกับว่าเราสนิทกัน

“ครับ”

ขานรับ ทั้งที่พยายามจะเก็กหน้าตามคนเรียก

“เชื่อกันบ้าง บอกให้กินก็ต้องกิน พ่อนัทฝากพี่ไว้ พี่ก็ต้องดูแล”

อ่า ครับ เพราะว่าพ่อฝากไว้ก็เลยต้องดูแล ที่มาเป็นเลขาก็เพราะว่าพ่อฝากให้มาดูแลด้วย ที่ทำให้ทั้งหมดไม่ว่าจะนอกเวลางานหรือในเวลางานก็เพราะทำตามหน้าที่ล้วน ๆ

“ผมจะกินตามหน้าที่แล้วกันครับ”

ประชดประชัน และฟ้าก็ดูออกว่าใครบางคนกำลังไม่พอใจ ยิ่งกว่าคราวแรก ทำเหมือนงอน ทำเหมือนไม่พอใจ แล้วมันเป็นเพราะอะไรกัน เรื่องที่บอกให้กินข้าวเหรอ หรือเรื่องอื่น ถ้าเป็นเรื่องที่บอกให้กินข้าวก็.....

“ที่บอกให้กินข้าวไม่ใช่อยากบังคับหรอกนะ พี่กินข้าวคนเดียวตลอดนัทก็รู้  ถ้าไม่รังเกียจก็ถือว่ากินข้าวเป็นเพื่อนพี่เถอะ กินข้าวคนเดียวทุกวัน ไม่อร่อยเลย แต่กินสองคนกับข้าวอร่อยขึ้นเยอะ กินคนเดียวมันเหงาจะตายแล้วครับ นัทไม่รู้สึกแบบนั้นบ้างเหรอพี่ไม่ได้พูดเล่นนะครับ พี่พูดจริง ๆ”

 TBC.

 Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2818.0)
      และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 65
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 31-05-2014 12:14:28
 :impress2:พี่ฟ้ารุกน้องนัทใหญ่แล้วทำไงดี
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 65
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 31-05-2014 12:17:31
พ่อแง่แม่งอน   :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 65
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 31-05-2014 12:17:45
โหยยย พี่ฟ้าหยอดแบบนี้
เป็ดหายงอนชัวร์
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 65
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 31-05-2014 12:30:16
ุ้ถ้าจ้องตาแล้วท้องได้ นัทคงท้องละ พี่ฟ้าเล่นทั้งจ้อง ทั้งมอง ดูนัททุกอิริยาบถเลย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 65
เริ่มหัวข้อโดย: HolyWings ที่ 31-05-2014 13:00:58
กรี๊ดดด อ่านแล้วเขินนนนนน คือดีมากกกกกกกกกกกกกกกก

แอร้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย มาตามทุกวันนะคะ ชอบที่สุดในสามโลก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 65
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 31-05-2014 13:09:01
คู่นี้มันจริงๆเลย
 :hao7: :hao7

หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 65
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 31-05-2014 13:28:27
'น่ารัก' ก้อบอกว่าน่าร๊ากกกก
น่ารักมากๆอ่ะ ทั้งพี่ฟ้า แระน้องนัท
น้องนัทอย่างพึ่งงอลนะจร้า
เด๋วพี่ฟ้าจะง้อเองง  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 65
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 31-05-2014 13:30:07
เจอฮุกขวาเข้าไปเต็มๆเลยนัท โฮะๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 65
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 31-05-2014 13:50:31
เป็ดน้อยขี้งอน น่าร๊ากกกกกกกก  :impress2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 65
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 31-05-2014 15:11:46
โอ้...เป็ดน้อยแสนน่ารัก :heaven พี่ฟ้า ขอได้ไหม :man1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 65
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 31-05-2014 15:21:32
เป็ดเอ๋อกับขี้เก็ก  :z3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 65
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 31-05-2014 15:29:02
ในบรรดาตัวละครทั้งหมดของคุณเท็น อ่านตอนแรกว่าปลื้มคู่พี่บุ้งน้องมีนแล้วนะ เจอคู่นี้ตายไปเลย เค้ารักคู่พี่ฟ้ากับน้องนัท  :-[  :heaven
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 65
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 31-05-2014 16:13:16
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน ไม่เข้าใจ

ถึงกับเฉา เมื่อมองใครบางคนที่กำลังล้างถ้วยจานและคว่ำเอาไว้

ไม่รู้สิ

ก็แค่เฉา และอาจลามไปถึงอาการหงอยเหงา และซึมเศร้า เพราะพี่ฟ้าคงกลับบ้านวันนี้ ส่วนนัทก็ทำงานต่อไปจนดึกดื่นเหมือนทุกวัน ไม่มีอะไรมากมาย ก็แค่ชิน อยู่คนเดียวทุกคืนอยู่แล้ว แค่มีใครบางคนมาค้างด้วยหนึ่งคืนอย่าทำตัวมีปัญหาเลยนัท

พี่ฟ้าจะมาค้างตามหน้าที่อยู่ตลอดเวลาได้ยังไง ก็ต้องอยากมีเวลาส่วนตัวบ้าง

“สามทุ่มแล้ว อาบน้ำได้แล้วนะครับ”

อือ
อาบก็อาบ
ก็คงต้องอาบแล้วค่อยมานั่งทำงานต่อ

นัทกำลังพยายามทำหน้าเฉยทั้งที่ในใจกำลังเหี่ยวเฉา หยุดตั้งสองวัน พรุ่งนี้เป็นวันหยุด พี่ฟ้ามาอยู่ด้วยหนึ่งวัน
ก็ดีแล้ว

“วันนี้กลับบ้านด้วยกันมั้ยครับ”

หือ

กลับบ้าน

กลับบ้านด้วยกันเหรอ แต่ว่า....นัท...

“อย่าเลยครับ ผมไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่”

ไม่ค่อยสะดวก หมายความว่ายังไง ก็บ้านของตัวเองไม่ใช่เหรอ แล้วจะบอกว่าไม่สะดวก มันหมายความว่ายังไง

นัทตอบเพียงเท่านั้นและเลี่ยงด้วยการเดินหนีออกจากห้องครัวทิ้งให้ใครบางคนที่กำลังคว่ำจาน หันหน้าไปมอง

มองตามแล้วก็รู้สึกว่า.... คนที่เดินหนีไปแล้ว คงมีอะไรในใจ คล้ายๆ จะซึมไปเล็กน้อย เกิดจากสาเหตุอะไรไม่รู้ แต่ก็รับรู้ได้ว่าซึม
ซึมเศร้าเหงาหงอย แต่ไม่รู้ว่าเพราะเรื่องอะไร

นัทเดินออกจากห้องครัวไปแล้ว และฟ้าก็ปิดไฟที่ครัวก่อนจะเดินตาม เดินกลับเข้ามาในห้องทำงาน และก็เห็นว่าคนที่ทำหน้าซึมเศร้ากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม และหยิบเอกสารที่วางเอาไว้ขึ้นมาอ่านอีกแล้ว

งานเยอะ งานยุ่ง แต่ไม่พักเลยแบบนี้มันก็เกินไป พ่อคุณนัทไม่ได้โหดขนาดที่จะบังคับให้ลูกชายมานั่งทำงานหลังขดหลังแข็งจนไม่เป็นอันกินอันนอนแบบนี้หรอก พ่อคุณนัทไม่ได้ใจร้ายใจดำกับลูกชายที่เพิ่งเข้ามาบริหารงานขนาดนั้น และสิ่งที่รับรู้ได้ตอนนี้คือ ใครบางคนหางานให้ตัวเองทำเยอะ ๆ เพื่อเลี่ยงบางอย่าง

“แล้วพบกันวันจันทร์นะครับ คุณนัท”

เอ่ยบอกและนัทที่นั่งก้มหน้าอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมองและพยักหน้ารับ

“ครับ เจอกันวันจันทร์”

เก็บของเรียบร้อย และฟ้าก็หันไปมองนาฬิกา สามทุ่มกว่าแล้ว คงจะทำงานยาวไปเรื่อย ๆ ส่วนทางนี้ก็ไม่มีเหตุผลอะไรจะค้าง
จะใช้เหตุผลอะไรดีล่ะ เหตุผลที่ว่าคืออะไร คิดเหตุผลไปด้วยระหว่างที่เก็บของ คิดไปเรื่อย ๆ และฟ้าก็หันไปมองคนที่นั่งอ่านเอกสารเงียบ ๆ

“ไป....ไปดูหิ่งห้อยกันมั้ยครับ”

ไปดูอะไรนะ นัทเงยหน้าขึ้นและเลิกคิ้วขึ้นสูง ไปดูอะไรนะพี่ฟ้า พี่ฟ้าพูดอีกที

“อะไรนะครับ”

ไม่แน่ใจกับสิ่งที่ได้ยิน และคุณรัชชานนท์เลขาหน้านิ่งก็ตอบออกไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และสีหน้ายังคงเรียบเฉยไร้ความรู้สึก

“ไปดูหิ่งห้อยกันมั้ยครับน้องนัท”

หมายความว่ายังไง ไป...

“ตอนนี้เหรอครับ”

งงและสงสัยกับสิ่งที่อีกฝ่ายถาม ไปดูหิ่งห้อยเนี่ยนะ ตอนนี้เหรอ มัน....

“ไปเถอะครับ ไปดูหิ่งห้อยกัน”

ไม่ไปหรอก นัทจะไปได้ยังไง นัท....ไม่มีเงินแล้วนะพี่ฟ้า นัทไปไม่ได้

“งานผมเต็มโต๊ะไปหมด จะไปได้ยังไง”

อ้างเหตุผลออกไป และเตรียมจะก้มหน้าลงอีกครั้ง แต่ก็ช้ากว่าคุณรัชชานนท์ที่มายืนอยู่ข้าง ๆ แถมยังดึงแขนของนัทให้ลุกขึ้นด้วย

“ไปดูหิ่งห้อยกันครับ เดี๋ยวห้าทุ่มจะมาส่ง ไปแป๊บเดียวนะครับสมุทรสงครามแค่นี้”

ไม่ นัท...ไม่ไป พี่............... ไม่ต้องรอให้พูดมาก ฟ้าจัดการดึงแขนให้ใครบางคนที่ทำท่าจะขัดขืนลุกขึ้นเดินตามออกมาทันที

“คุณรัชชานนท์ ผมยังทำงานไม่เสร็จ ผมยัง....พี่ฟ้า”

ชื่อแรกไม่ยอมหัน แต่พอเรียกว่าพี่ฟ้าเท่านั้น ฟ้าก็หันมาหาทันที

“ครับ”

หันมาหาก็เท่านั้น เพราะว่าฟ้าก็ยังคงดึงแขนให้นัทเดินตามมาอยู่ดี

“ไปดูหิ่งห้อยกันไงครับ ไปดูหิ่งห้อยกัน แป๊บเดียวเอง”

ไม่ได้หรอก ไม่ได้

ไม่

ไม่รู้จะห้ามไปทำไม เพราะห้ามไปก็เท่านั้น ข้อมือนัทถูกจับเอาไว้แน่น และฟ้าก็ดึงให้เดินตามลงมา จนมายืนอยู่ที่รถ

“ไปดูหิ่งห้อยกันนะครับ”

มาจนถึงตรงนี้แล้ว ไม่ไปได้ยังไง ก็คงต้อง....ไป ประตูรถถูกเปิดออกและนัทก็ขึ้นมานั่งอยู่ข้าง ๆ คนขับ ฟ้าสตาร์ทรถและเหยียบคันเร่งขับออกมาจากโรงงาน ไปดูหิ่งห้อยกัน นั่นคือสิ่งที่นัทได้ฟังและรับรู้ เรื่องบางอย่างเกิดขึ้นแบบไม่คาดฝัน

ไม่มีเวลาคิด ไม่มีเวลาเตรียมตัว ไม่มีอะไรเลยทั้งนั้น

เสื้อผ้าไม่ได้เปลี่ยน ไม่มีชุดเปลี่ยน ไม่มีอะไรเลย ใส่ชุดทำงานเพื่อไปดูหิ่งห้อย เข้ากันดีเหลือเกิน

“เดี๋ยวพามาส่งนะครับ ไม่พาไปทิ้งที่ไหนหรอก”

นัทรู้แล้ว ว่าไม่พาไปทิ้งที่ไหน แต่ว่า ทำไมพี่ฟ้าถึงเกิดอยากจะดูหิ่งห้อยขึ้นมา

“คุณรัชชานนท์”

นอกเวลางานหรือในเวลางาน อารมณ์นัทตอนนี้ก็ไม่อยากจะเรียกอีกฝ่ายว่าพี่ฟ้า

ทุกอย่างที่พี่ฟ้าทำ ก็เพราะหน้าที่ทั้งนั้น ใครจะไปรู้ ที่พามาดูหิ่งห้อยก็อาจจะเป็นหน้าที่ก็ได้

“ครับคุณนัท”

ใครบางคนที่สนใจอยู่กับการมองถนนและเร่งความเร็วของรถขึ้นเรื่อย ๆ ขานรับเมื่อคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ

“คุณพาผมไปดูหิ่งห้อยตามหน้าที่เหรอครับ”

หมายความว่ายังไง ไปดูตามหน้าที่ ทำไมต้องตามหน้าที่ด้วย

“ตรง ๆ มั้ย”

ตรง ๆ เหรอ ตรง ๆ ก็ได้ ถ้าจะพูดแบบตรง ๆ ก็พูดมา

“ครับ ตรง ๆ”

ก็....ไม่มีอะไร แค่.....

“ชาชอบอัมพวา ชาชอบดูหิ่งห้อย ชาชอบอยู่ใกล้แม่น้ำ”

สามคำที่อธิบายเหตุผล และนัทก็ถึงกับนิ่งอึ้ง และรู้สึกเจ็บแปลบไปทั้งใจ พี่นุชาชอบ พี่นุชาชอบที่นั่น แต่นัทไม่ได้ชอบ
นัทไม่ได้....อยากไปที่นั่น แล้วทำไมนัทต้องไปด้วย ทำไมนัทต้องไป

“ผมคงไม่ได้ชอบอัมพวา ผมไม่ได้อยากดูหิ่งห้อย และผมก็ไม่ได้รู้สึกสนุกที่จะอยู่ใกล้แม่น้ำ”

พูดออกไปตรงๆ และฟ้าก็เลิกคิ้วขึ้นสูง เหลือบสายตามองคนที่นั่งอยู่ด้วย มองแล้วก็ขมวดคิ้วมุ่น

ทำไมล่ะ ก็แค่พาไปเที่ยว เดี๋ยวก็พากลับแล้ว ทำไมต้องโกรธกันขนาดนั้นด้วย เห็นว่าเครียดทั้งวันหรอกนะ อยากจะพาไปพักผ่อน เพราะอยากให้รู้สึกผ่อนคลาย สบายใจบ้าง จะได้มีแรงทำงาน

“ผมก็ไม่ได้จะให้คุณนัทชอบนี่ครับ”

ไม่ให้นัทชอบแล้วจะพานัทไปทำไม ไม่ได้ชอบ.....แล้วพี่ฟ้า....จะ...มายัดเยียดความ...เจ็บปวดให้นัททำไม

ไม่ได้ชอบแล้ว....
นิ่งเงียบ และนัทก็ก้มลงมองที่ปลายนิ้วของตัวเอง
มือกำลังสั่น และรู้สึกว่าอึดอัดจนเหมือนจะหายใจแทบไม่ออก

หายใจแทบไม่ออก
เจ็บไปหมดทั้งใจ
ร้าวไปหมดทั้งข้างใน
ทำไมต้องเป็นกูด้วยวะ ไม่สมหวังก็รู้อยู่แล้ว แต่ทำไมต้องเป็นกูด้วยวะที่ต้องเจ็บปวด

ทำไมต้องเป็นนัทด้วยวะ คนอื่นไม่มีแล้วหรือไง นัทไม่ได้อยากเจ็บนะ ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ ยิ่งอยู่ใกล้กันมากขึ้นเห็นหน้ากันมากขึ้น นัทยิ่งรู้ว่าตัวเองยิ่งเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากขึ้นเรื่อย ๆ

ไม่น่าเลย ไม่น่าให้เป็นแบบนี้เลยจริง ๆ วางตัวอย่างที่เคยตั้งแต่แรกก็จบแล้ว วางตัว เก็กหน้า และเป็นอย่างที่ไม่อยากเป็น สร้างกำแพงเอาไว้แบบนั้นมันก็ดีแล้ว นั่งมองนิ้วของตัวเองอยู่นาน และนัทก็เบนสายตาออกไปนอกหน้าต่างรถ มองออกไปที่แสงไฟระยิบระยับจากหมู่บ้านในความมืด มีแสงไฟเล็ก ๆ อยู่ตลอดสองข้างทาง นัทไม่พูด ไม่คุย ไม่ทำอะไรทั้งนั้นนอกจากนั่งเงียบและปล่อยใจคิดอะไรไปเรื่อย ไม่รู้สิ ไม่ได้อยากจะเป็นแบบนี้ ไม่ได้อยากจะ.... น้ำตาคลอแบบนี้หรอก

มันอิจฉา อิจฉาคนที่อยู่ในทุกความคิดของพี่ฟ้า อิจฉา ที่ตัวเองไม่มีทางไปยืนอยู่ตรงนั้นได้ แอร์เย็นเฉียบ จนรู้สึกหนาว หนาวทั้งตัวหนาวทั้งใจ และนัทก็หลับตาลงช้า ๆ จะมีใครรู้ว่านัทร้องไห้ ร้องไห้และเก็บน้ำตาเอาไว้ข้างใน

“คุณนัทครับ เป็นอะไรหรือเปล่า”

ไม่เป็นหรอก นัทจะเป็นอะไร

“ผมสบายดีไม่ได้เป็นอะไร”

ไม่ได้เป็น แต่ซึมลงยิ่งกว่าเดิมอีก ซึมลงอย่างเห็นได้ชัด ฟ้าแค่สังเกตอาการแต่ไม่สามารถคาดคะเนสาเหตุได้
เงียบกันทั้งคู่ ต่างฝ่ายต่างเงียบ และตกอยู่ในความเงียบอย่างนั้นเป็นนาน คิดว่าไม่ควรถามอีกฝ่ายว่ากำลังเป็นอะไร
ไม่ควรถาม และฟ้าก็ตั้งใจอยู่กับการขับรถ สายตามองถนน และลืมสนใจคนที่นั่งอยู่ข้างตัวไปชั่วขณะ

นัทยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา แต่ไม่มีใครรู้ คุณเลขารัชชานนท์ หน้านิ่งไม่เคยรู้ ว่ามีใครบางคนกำลังร้องไห้ ไม่รู้ว่าทำร้ายจิตใจให้เจ็บช้ำขนาดไหน ไม่รู้ตัวเลยสักนิด เพราะถ้ารู้ ก็คงไม่ทำ ไม่คิด....ที่จะทำร้ายจิตใจของคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เลยจริง ๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 65
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 31-05-2014 16:14:12
นัทเงยหน้ามองแสงระยับระยับที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า

อากาศเย็นลงเรื่อย ๆ รู้สึกถึงความผ่อนคลาย เย็นสบาย จนอยากจะยิ้มออกมา

“สวยมั้ยครับ”

สวยสิ
สวย….
นัทชอบนะ มันดูสวยงาม แม้ไม่ตระการตา แต่อากาศเย็น ๆ และเรือที่ค่อยๆ เทียบที่ต้นลำพูแต่ละต้น มันทำให้รู้สึกว่าชีวิตช้าลง

ไม่ต้องเร่งรีบ ไม่ต้องรีบร้อนอย่างที่เป็นอยู่ทุกวัน

ฟ้าแอบลอบมองใบหน้าด้านข้างของคนที่เงยหน้ามองแสงระยิบระยับจากหิ่งห้อย ครั้งหนึ่งคนที่เคยนั่งตรงนี้คืออีกคน แต่วันนี้เปลี่ยนเป็นใครบางคนที่ไม่เคยแม้แต่จะคิดว่าจะมาอยู่ในสถานที่แห่งความทรงจำแบบนี้ได้

ครั้งหนึ่งคนที่หันมา และส่งยิ้มให้ คือ นุชา แต่ครั้งนี้ สายตาของฟ้ากำลังมองไล่ตามไปที่ใบหน้าด้านข้างของใครบางคน

คุณนัท

คนที่อยู่ในเกือบจะทุกช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดจากความรัก คนที่ฟ้าไม่เคยคิดว่า วันหนึ่งจะได้ทำอะไรแบบนี้ด้วยกัน

“หนาวมั้ยครับ”

ไม่หรอก อากาศกำลังเย็นสบายเลย นัทชอบนะ ที่บอกว่าไม่ชอบ เพราะว่านัทยังไม่ได้เห็นบรรยากาศแบบนี้ แต่ตอนนี้บอกว่าชอบก็ได้ เพราะนัทได้เห็นแล้ว พี่นุชาก็คงชอบบรรยากาศแบบนี้เหมือนกัน พี่นุชาก็คงชอบ พี่นุชาคงชอบที่นี่มาก พี่ฟ้าถึงได้อยากมา อยากมาระลึกความหลัง แต่พานัทมาเป็นเพื่อนด้วยเท่านั้น

คิดไปทำไม คิดไปก็เศร้า แล้วยังไงล่ะ ตอนนี้มีใครบางคนอยู่ในหัวใจของพี่ฟ้าตลอดเวลา แล้วนัทจะไปทำอะไรได้ ก็แค่เฉย เพราะก็รู้ดีอยู่แล้วว่าพี่ฟ้าไม่มีทางญาติดีด้วยแบบจริง ๆ จัง ๆ

“ตรงโน้นเป็นบ้านพัก สวยมากนะ ติดแม่น้ำ นัทสนใจก็มาพักได้นะครับ”

ก็คงมา ถ้ามีโอกาสได้มาก็คงจะมาเที่ยวเล่นอยู่หรอก แต่ต้องหมายความว่ามีโอกาสจริง ๆ นะ

“เรือจะวนกลับที่เดิมนะครับ”

เอ่ยบอกและนัทก็พยักหน้ารับ พยักหน้าตอบกลับ แต่ไม่พูดอะไรเลย ไม่ยอมพูด และซึมเศร้าลงไปเรื่อย ๆ
จนฟ้าไม่แน่ใจจริง ๆ ว่าคนที่นิ่งเงียบผิดปกติในเวลานี้เป็นอะไร

“คุณนัทครับ ไม่สบายหรือเปล่า”

สบายดี
นัทสบายดี
ทำไมถึงคิดว่านัทจะไม่สบายล่ะ นัทสบายดีอยู่ตลอดแหละพี่ฟ้า

“อาจจะเหนื่อยมั้งครับ ก็เลยเพลีย”

ตอบกลับแบบง่าย ๆ แต่ฟ้าก็รู้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมันอาจไม่ใช่ คิดว่าจะไม่ถามให้ยุ่งยากวุ่นวาย แต่สีหน้าแววตาที่เจ้าตัวอาจไม่รู้ว่าแม้จะฝืนทำเหมือนไม่มีอะไร แต่มองยังไงก็รู้ว่ามีบางอย่างอยู่ในใจ

ไม่รู้จะพูดยังไง
ไม่รู้ต้องทำยังไง

ขึ้นจากเรือเรียบร้อย และมองผู้คนที่ขึ้นตามมา ท้องฟ้ามืดมิด เงยหน้าแล้วก็มองเห็นดาว ดวงดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้า และดวงจันทร์ที่ส่องแสงนวลตา

นัทไม่รู้ว่าทำไมถึงยืนมองท้องฟ้าและดวงจันทร์แบบนั้น อยากจะนั่งอยู่ใต้ต้นลำพูข้างแม่น้ำ รับลมเย็น ๆ ไปเรื่อย ๆ

ไม่อยากกลับไป รู้สึกว่าไม่อยากกลับไปเลย บางครั้งก็รู้สึกเหนื่อย และไม่เข้าใจว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่

ไม่เข้าใจ

“กลับถึงคงเกือบตีหนึ่ง ไหวมั้ยครับ”

ไหวมั้ยเหรอ ก็ไม่รู้ว่าไหวหรือเปล่า

“ถ้าไม่ไหวค้างมั้ยครับ แล้วตอนเช้าค่อยกลับ”

ค้างเหรอ บางทีก็ดีเหมือนกันนะ ค้างที่นี่หนึ่งคืน แล้วตอนเช้าค่อยกลับ

“ครับ”

พยักหน้ารับ แต่มันดูเฉื่อยชามากเหลือเกิน เดินด้วยกันมาเรื่อย ๆ เดินมาด้วยกันจนถึงรถ และนัทก็ตัดสินใจพูดบางอย่างออกมา

“พี่ฟ้า....พี่นุชาเขาเป็นยังไงบ้าง”

ไม่เคยพูดกัน ไม่เคยคุยกัน แต่ไม่อยากค้างคาใจ ไม่เกี่ยวกับตัวเองเลยสักนิด แต่ก็กล้าจะถาม ถ้าถามแล้วอีกฝ่ายไม่ชอบ ก็แค่เกลียดกันเพิ่มขึ้น หรือถ้าดีกว่านั้นหน่อย ก็อาจจะได้รับคำตอบกลับมา

ฟ้ายืนนิ่งเงียบและไม่พูดไม่จา ครุ่นคิดบางอย่าง ทำไมถึงอยากรู้เรื่องของชา จะอยากรู้ไปทำไม

“ผมไม่จำเป็นต้องบอกคุณ”

เป็นคำตอบที่ยิ่งกว่าทำร้ายจิตใจ และนัทที่ยืนอยู่ก็ยิ้มออกมาคนเดียวเงียบ ๆ  คิดเอาไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้แต่ก็ยังจะถาม
เข้าใจดีว่าอีกฝ่ายคงกำลังไม่พอใจ ที่ไปละลาบละล้วงอยากรู้เรื่องส่วนตัว

“เมื่อก่อนคงจะตอบแบบนั้น แต่ถ้าเป็นตอนนี้ จะไม่ตอบแบบที่เคยตอบแล้วล่ะครับ”

จะไม่ตอบแบบที่เคยตอบ

คุณรัชชานนท์มองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ และมองไปที่ท้องฟ้าเหมือนที่นัทเคยมอง มองแล้วก็นิ่งเงียบ เหมือนกำลังครุ่นคิด ก่อนจะพูดบางอย่างออกมา

“ชาคงสบายดีแล้ว เคยเห็นครั้งล่าสุดตอนที่ไปชลบุรี เจอเขาโดยบังเอิญ เขาไปเดินซื้อของในตลาดอะไรสักอย่างเกือบค่ำ ๆ แล้ว ชามีคนอยู่ข้าง ๆ แล้วตอนนี้  ชายิ้มได้แล้ว ชาคงสบายดีแล้ว คนบางคนไม่ใช่ของเรา ให้ตายยังไงก็ไม่มีทางใช่ พี่ก็เจ็บนะ เสียใจเยอะมาก เสียใจไปเรื่อยๆ จะมีประโยชน์อะไร อย่างน้อยเราก็เคยได้มีช่วงเวลาดี ๆ กับคนที่เรารัก มีความทรงจำดี ๆ ให้นึกถึงเมื่อมองกลับไป พี่มีอะไรจะเสียใจอีกล่ะ ยังจะมีอะไร....ให้ต้องเสียใจอีก”

เป็นครั้งแรกที่นัทได้ฟังบางอย่างจากคนที่นัทไม่เคยคิดว่าจะมาพูดเรื่องแบบนี้ให้นัทฟัง

พี่ฟ้ารักพี่นุชา
ถึงวันนี้ก็ยังรัก

ไม่มีวันที่ใครจะไปแทนที่พี่นุชาได้ ยิ่งนัทด้วยแล้ว ให้ตายก็ไม่มีวัน ไม่มีวันที่จะเป็นจริง

“เคยรักใครหรือเปล่าล่ะครับ ความรู้สึกที่ได้รักมันดีมากนะ ถึงสุดท้ายจะไม่ได้ครอบครอง แต่มันก็ยังมีแง่มุมดี ๆ ให้เรานึกถึง เราจะได้เรียนรู้ เพื่อจะโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้”

นัทมีคนที่ชอบนะ คนที่นัทรัก

อย่างที่พี่ฟ้าบอกนั่นแหละ
มันก็เจ็บปวดนะ ที่เป็นแค่รักข้างเดียวมาตลอด เจ็บปวด และยากจะตัดใจ แต่มันก็เท่านั้น มันก็อาจยังมีแง่มุมดีๆ ให้นัทนึกถึงบ้าง ไม่อย่างนั้น คงไม่ทนเจ็บปวดมาได้จนถึงป่านนี้

“คนที่นัทชอบ เขาไม่เคยมองมาที่นัทหรอก”

บอกออกไป และฟ้าก็นิ่งมองคนที่พูดเรื่องบางอย่างให้ฟัง

“ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะครับ”

ทำไมเหรอ ทำไมกันล่ะพี่ฟ้า

“ก็เขาไม่รักนัท จะให้นัททำยังไง ไม่รู้ครับ ดี ๆ ร้าย ๆ แต่มันก็เป็นแบบนี้มาสี่ปีแล้ว”

สี่ปีเลยเหรอ
นานอยู่เหมือนกันนะ

“แล้วตอนนี้ยังรักเขาอยู่หรือเปล่า”

รักสิ ก็ยังรักอยู่

นิ่งมองไปที่ใบหน้าของคุณรัชชานนท์ที่แม้จะเป็นเวลาดึกดื่นป่านนี้ ก็ยังเห็นว่าดูดีได้ตลอด

ดูดีมาก แต่นัทสิ เหมือนอะไรไปแล้วก็ไม่รู้

สี่ปีก่อน ที่เราเจอกัน พี่ฟ้าไม่รู้หรอก ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับนัทเลย แต่หลังจากนั้นเป็นนัทที่รู้เรื่องของพี่ฟ้าทั้งหมด และนัทก็ได้แต่อยู่ในที่ของตัวเอง

มองจากที่ไกลๆ และรับรู้อยู่ตลอดว่าไม่มีทางเป็นไปได้

แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้ดึงดันที่จะรักอยู่คนเดียวเงียบ ๆ มาตลอด

รักไปเจ็บไป ไม่มีใครรับรู้ด้วย มีก็แค่ตัวเองที่บ้าบอและงี่เง่าเจ็บปวดอยู่คนเดียว

“นัท.....รัก....พ...พี...”

อยากจะพูดอะไรบางอย่างออกไปให้หมด แต่ก็ต้องรีบหุบปากเงียบ และก้มหน้าลง

อย่าบ้าน่า จะมีประโยชน์อะไร อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะนัท ถ้าทำอะไรบางอย่างลงไป ทุกอย่างที่เป็นมาจนถึงตอนนี้อาจจะพังทลายลงไปเลยก็ได้ แม้แต่หน้า คราวนี้พี่ฟ้าก็คงไม่มอง

“ช่างมันเถอะครับ”

มันก็เท่านั้นแหละไอ้นัท มันก็เท่านั้น อย่าไปคิดอะไรกับมันมาก อยู่ในที่ของตัวเองไปเรื่อยๆ แบบนี้ก็ดีแล้ว

“พี่นึกว่านัทจะบอกว่า รักพี่ฟ้าซะอีก”

ห๊ะ

รีบเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว และคนที่พูดบางอย่างก็ยังทำหน้านิ่งเฉย

“เตรียมดีใจไว้แท้ ๆ ทำไมถึงได้ผิดแผนแบบนี้ล่ะ”

ยังไง ล้อกันเล่นใช่มั้ย

“ทำไมผมต้อง.....”

ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่เข้าใจ และฟ้าที่ทำหน้าเฉยก็มีสีหน้าไม่ต่างกัน

“แล้วทำไมถึงจะไม่ต้องล่ะ”

ก็ไม่ทำไม ก็แล้วทำไมต้อง...ด้วยล่ะ ไม่เข้าใจ

กลายเป็นฟ้าที่ตีรวน เหมือนแกล้งพูด และนัทก็ยิ่งไม่เข้าใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด

“สมมติว่าคนบางคน รอความกล้าจากคนบางคนอยู่   ไม่งั้นจะกล้าเข้าหาได้ยังไงถ้าคนบางคนไม่ต่อให้ก่อน คนบางคนก็เปิดเผยอะไรให้เห็นเยอะแยะแล้วมั้ง คนบางคนก็น่าจะเห็นบ้าง แต่คนบางคนก็ยังไม่เห็น แล้วคนบางคนจะกล้าทำอะไรมากกว่าที่เป็นอยู่นี้ได้ยังไง”

อะไรของพี่ฟ้า

คนบางคนอะไรตั้งหลายคน แล้วนัทจะไปเข้าใจได้ยังไง ว่าตกลงคนบางคนที่ว่าคือใคร
พูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่อง

“ช่างมันเถอะครับนัท ก็ถือซะว่าพี่ไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน”

ช่างมันได้ยังไงล่ะ

ช่างมันอะไร

“แล้วคนบางคนที่ว่ามันคือใครล่ะครับ”

ถามกลับไปด้วยความสงสัย และฟ้าก็ไม่ยอมตอบ เปิดประตูรถและขึ้นไปนั่งที่คนขับเรียบร้อย

ไม่รู้นะว่าพูดอะไรออกไปบ้าง แต่มันก็อึดอัดใจถ้าไม่พูดอะไรออกไป

ก็รู้สึกดีด้วย อยู่ใกล้ ๆ ก็รู้สึกดี แล้วก็ไม่คิดว่าจะปิดใจเรื่องความรู้สึกของตัวเอง ถ้าเกิดจะรู้สึกดีแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ มันจะผิดตรงไหนกันล่ะ

แต่นัทมาบอกว่ามีคนที่ชอบอยู่แล้ว

แบบนี้จะให้ทำยังไง

แบบนี้จะไปทำอะไรได้ ก็คงต้องถอยออกมา เพราะมันเหมือนเป็นการตีกรอบให้เรียบร้อยแล้วว่าทางนั้นมีคนที่ชอบอยู่แล้ว จะเข้าหาหรือเข้าไปวุ่นวายไม่ได้

นัทกันตัวเองซะขนาดนั้น แล้วทางนี้จะมีปัญญาทำอะไร นอกจากทำเป็นเฉย ๆ ไปซะ

“คุณรัชชานนท์”

ครับ คุณนัธพันธ์

“คนบางคนคือใคร”

ยังจะมาถามย้ำอีก จะใครล่ะก็มีกันอยู่แค่สองคน ไม่ใช่ผมก็คงเป็นคุณนัทล่ะมั้ง หรือถ้าไม่ใช่คุณนัทก็คงเป็นผมนี่แหละ

“ไม่มีหรอกครับ มีแต่คนบ้า”

อะไรล่ะพี่ฟ้า ทำไมถึงได้ทำเหมือนโกรธกันแบบนั้น นัททำอะไรผิดไปหรือไง ทำไมถึงได้....

“นัท”

ได้ยินเสียงเรียกและนัทก็นิ่งมองคนที่เรียก ไม่เข้าใจหรอกว่าพี่ฟ้าเป็นอะไร นัทรู้แค่ว่าเหมือนพี่ฟ้าหงุดหงิดและไม่พอใจอะไรบางอย่าง

“คนที่นัทแอบชอบนั่นน่ะ เลิกชอบไปซะได้ก็ดีเหมือนกันนะ แล้วลองมองไปรอบๆ ตัวบ้าง ไม่แน่ว่าในบรรดาคนที่นัทไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร หนี่งในนั้นอาจมีคนที่เริ่มชอบ หรือหลงรักนัทมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็เป็นได้ ส่วนนัทจะเปิดใจให้เขาหรือเปล่า นัทก็ลอง ๆ คิดดูไปเรื่อย ๆ แล้วกัน”

 TBC.

 Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2818.0)
      และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 65
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 31-05-2014 16:28:11
นัท พี่ฟ้าเค้าทอดสะพานลงมาแล้ว ยังจะไม่รู้ตัวอีก เดินขึ้นสะพานไปเลยจร้า พี่ฟ้าเค้ารออยู่ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 65
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 31-05-2014 16:51:02
 :ling2:  น้องเป็ด กำลังอึน  อึนเรื่องคนบางคน  คนบางคน  อื้ม.... รอมาตั้ง 4 ปี สุดๆ จริงๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 65
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 31-05-2014 16:56:03
อ๊ากกกกกกกกกกก
คุณรัชชานนท์ คุณรัชชาน้นนนนนน
*เขย่าคอเสื้อรัวๆ*
 :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 65
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 31-05-2014 17:08:57
 :ling1:คนบางคน ทำให้คนอ่านลุ้นนนนนน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 65
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 31-05-2014 17:11:25
อ้อมโลก
ใครจะบอกก่อนกันนะ พี่ฟ้าหรือน้องนัท
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 65
เริ่มหัวข้อโดย: posh ที่ 31-05-2014 17:23:58
รีเฟรชทุกสองนาที ลุ้นสุด ๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 65
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 31-05-2014 17:28:00
โถ่พี่ฟ้า บอกนัทไปตรงๆเถอะพี่ น้องเค๊าซื่อ อ๊อออออค สุดยอดอ่ะตอนนี้ ทั้งซึ้งทั้งเจ็บปวด o13
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 65
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 31-05-2014 17:31:16
กรี๊ด พี่ฟ้าอ่อยอ่ะ อ่อยเห็นๆ อ่อยชัดๆ น้องนัทรู้ม๊ายยยยย
โอยยย ลุ้นระทึก ตอนต่อไปเย็นนี้ รึคืนนี้ รอๆๆๆจ้า ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 65
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 31-05-2014 17:45:37
มาอีกๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 65
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 31-05-2014 17:51:10
เล่นแง่ทั้งคู่แล้วเมื่อไหร่จะรู้เรื่องกันละเเจ้ :katai1:
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 65
เริ่มหัวข้อโดย: cowinsend ที่ 31-05-2014 18:00:10
น้องนัทคะ เปิดโอกาสแล้วก็จัดหนักเลยเถอะค่ะ อย่าทำให้พี่ค้างคา กรีดร้องงงงงง  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 65
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 31-05-2014 18:27:19
 :mew5: ลุ้น ๆๆๆๆๆ น้องนัทเป็ดน้อย อย่างอยน่ะ ไม่ชอบเป็ดเศร้า
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 65
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 31-05-2014 18:31:48
น้องนัทคะ เปิดโอกาสแล้วก็จัดหนักเลยเถอะค่ะ อย่าทำให้พี่ค้างคา กรีดร้องงงงงง  :katai1: :katai1:


555 เห็นด้วยกะรีนี้ที่ซู๊ดดดดดด
น้องนัทควรจัดให้หนักนะคะ อิอิ ^_~
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 65
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 31-05-2014 18:56:06
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน เตือนแล้วต้องฟัง

แล้วมันยังไงกันล่ะ แล้วไอ้ที่อยู่บนหัวของนัทนี่มันอะไร

“ไหนดูซิ”

ดูอะไร มองแล้วก็ทำหน้าเฉยอยู่ได้ นัทคงดูตลกมากเลยสิ ถึงได้ทำแบบนี้กับนัท

“น่ารักแล้ว”

นัทพยายามจะดึงหมวกเป็ดเหลืองที่อยู่บนหัวออกให้ได้ แต่ใครบางคนที่เดินมาด้วยกัน ก็ไม่ยอมให้เอาออก

“ห้ามถอดนะ”

ทำไมล่ะ ทำไมถึงไม่ให้ถอด มันทุเรศจะตาย นัทโตแล้ว แล้ัวไอ้หมวกเป็ดเหลืองนี่มันมาอยู่บนหัวนัทได้ยังไง
ทำหน้างี่เง่าใส่ แต่ก็ไม่กล้าถอด ไม่รู้ต้องทำยังไง ก็เลยใส่ไอ้หมวกเป็ดงี่เง่าเดินมาตลอดทาง จนถึงหน้าบ้านพัก

“นัทไม่ใช่เป็ด”

พูดไปแล้ว แต่คนฟังก็ทำหน้าเฉยไร้ความรู้สึก ไม่รู้ว่าพี่ฟ้าคิดอะไรอยู่ ระหว่างที่กำลังจอดรถและเดินเข้ามาที่บ้านพัก พี่ฟ้าเห็นมีช็อปเล็ก ๆ สำหรับขายหมวกและของฝากเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่บ้านพักเปิดให้บริการ แล้วพี่ฟ้าก็ไม่พูดอะไรเดินลิ่ว ๆ เข้าไปแล้วก็ลากนัทตามเข้าไปด้วย ไปยืนเลือกหมวกตุ๊กตา ไปถึงก็ถามเลยว่ามีที่เป็นตุ๊กตาเป็ดมั้ย คนขายก็ชี้ให้เลือกได้ตามใจชอบ สรุปว่าหัวนัทเป็นที่ลองหมวก แล้วพี่ฟ้าก็ซื้อมาแล้วบังคับให้นัทใส่

น่ารักตรงไหน...............

เดินผ่านพนักงาน แล้วมายืนอยู่ที่เคาร์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ระบุบ้านพักเรียบร้อยแล้วก็ลากแขนนัทให้เดินตาม
ไม่เห็นหรือไงว่าคนเขามองกันหมดแล้ว นัทกลายเป็นตัวประหลาดไปแล้ว ไม่เข้าใจหรือไงพี่ฟ้า ที่จริงง่ายนิดเดียว แค่ถอดหมวกออกซะก็สิ้นเรื่อง แต่ไม่รู้ทำไม ทั้งที่ไม่อยากใส่ ทั้งที่รู้สึกอาย แต่นัทก็ใส่เดินมาได้ตลอดทาง จนมาถึงบ้านพัก

“ไม่ได้เห็นเป็นเป็ดหรอก เห็นเป็นคน”

ดีแล้วไง ก็เอาออกซะที พยายามจะขัดขืนด้วยการดึงหมวกออกจากหัวของตัวเอง แต่เมื่อใครบางคนที่บอกว่าห้ามเอาออก หันมามองแล้วทำหน้านิ่ง นัทก็ต้องหยุดมือ ไม่กล้าทำอะไร

“จะเอาออกเหรอ”

ใช่สิ จะเอาออก ใครมันจะบ้าใส่หมวกอยู่ในบ้านกันล่ะ เดินข้างนอกก็อายพอแล้ว จะบ้าใส่อยู่ในบ้านอีก ก็เกินไป
ถอดหมวกออกแล้วถือเอาไว้ ไม่พูดไม่จา และคนที่เห็นว่านัทไม่ยอมฟังที่พูดก็เมินไปทางอื่นไม่พูดกับนัทเหมือนกัน

ทำไมทำเหมือนโกรธนัทอีกแล้ว

ทำไมล่ะ ไม่เข้าใจหรือไงว่านัทอาย ลองมาเป็นพี่ฟ้าใส่แบบนี้ดูบ้างมั้ย จะได้รู้บ้างว่าอายเป็นยังไง

“คุณรัชชานนท์”

เรียก แต่คนถูกเรียกไม่ยอมหันมามอง ฟ้าวางกระเป๋าสตางค์ไว้บนโต๊ะเล็ก ๆ และถอดนาฬิกาข้อมือออกวาง และนัทก็ได้แต่ยืนนิ่งเงียบ นัทไม่รบด้วยหรอกนะ มันดึกแล้ว พลังงานชีวิตของนัทก็ใกล้จะหมดเต็มที

“ไปอาบน้ำได้แล้วคุณนัท”

อาบยังไง ชุดก็ไม่มีเปลี่ยน จะอาบได้ยังไงกันล่ะ

“อาบแล้วใส่ชุดเดิมเหรอ”

เป็นคำถามที่น่าคิด และฟ้าก็เลิกคิ้วขึ้นสูง อาบน้ำแต่ไม่มีชุดเปลี่ยน มันจะเป็นยังไง

“เดี๋ยวหาชุดให้เปลี่ยน ไปอาบน้ำก่อนเถอะครับ”

บอกออกไปและนัทก็พยักหน้ารับ

“อาบแล้วรอแป๊บเดียว เดี๋ยวพี่มา”

ก็ได้ นัทจะไปก็ได้  กำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ แต่ก็ถูกเรียกเอาไว้

“มาใกล้ ๆ ก่อนคุณนัท”

ยังไง มาใกล้ ๆ แล้วพี่ฟ้าก็พยักหน้าเรียก    นัทไม่เข้าใจแต่ก็เดินเข้ามาหาแบบง่าย ๆ ยืนอยู่ตรงหน้าคุณรัชชานนท์หน้านิ่งที่นั่งอยู่บนเตียง แล้วก็มอง มองด้วยความไม่เข้าใจ ก้มหน้าลงมอง และคนที่นั่งอยู่ก็เงยหน้าขึ้น

มองหน้านัททำไมเหรอพี่ฟ้า ไม่เข้าใจ

“เป็นอะไร ไหนคุยกันตรง ๆ ซิ”

แค่นี้ก็ชัดเจนแล้ว ถ้าพูดแบบนี้งั้นนัทไม่คุยหรอก

“ไม่มีอะไร”

ปฏิเสธออกไปและหลบสายตาไปทางอื่น กำลังจะเดินถอยห่างออกมา แต่ก็ถูกรั้งข้อมือเอาไว้ ไม่ให้หนี

“มองตาได้มั้ย เวลาพูดว่าไม่มีอะไร”

ก็มันไม่มีอะไร แล้วจะให้นัทมีอะไรหรือไง ก็บอกว่า..

“ไม่มีจริง ๆ”

ยิ่งปฏิเสธยิ่งรู้สึกว่ายิ่งไปกันใหญ่ ตั้งท่าจะหนีอย่างเดียว และฟ้าก็เลยดึงข้อมือของนัทเอาไว้ทั้งสองข้าง และรั้งเอาไว้ไม่ยอมให้หนี

“คุณนัท”

อะไร ไม่ต้องมาเรียกนัทหรอก นัทไม่ได้กลัวเลยสักนิด

“ทำไมเหมือนงอน”

ไม่ใช่แล้ว  พี่ฟ้าคิดมากไปเองหรือเปล่า นัทไม่ได้งอน จะงอนได้ยังไง อย่ามาใช้คำพูดแปลก ๆ เลย ถ้าเกิดใครมาได้ยินเดี๋ยวจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่ว่าเรามีความสัมพันธ์แบบแปลก ๆ กัน

“ฮื่อออ”

ไม่ปฏิเสธ แต่หน้างอ และร้องออกมา แทนที่จะตอบปฏิเสธแต่นัททำเสียงงี่เง่าใส่คนที่ไม่ยอมปล่อย

“เป็ด หันหน้ามาซิ”

นัทไม่ใช่เป็ด บอกแล้วว่าไม่ใช่

“ถ้าไม่หันอย่าหาว่าโหดนะ”

อะไร ถ้าไม่หันแล้วจะทำไม พี่ฟ้าจะทำอะไรนัทหรือไง

“นัทไม่ใช่เป็ด อย่ามาเรียกนัทแบบนี้ นัทไม่ชอบ เป็ดบ้าบออะไรนั่น เลิกเรียกได้แล้ว”

อะไรกันล่ะ แล้วทำไมต้องพูดไปแล้วก็ทำหน้าแบบนั้นไปด้วย มันยิ่งน่ารัก ไม่เข้าใจหรือไง พูดไปบ่นไป แล้วก็ยังพยายามจะหนีอีก เป็นอะไร ไม่รู้ตัวบ้างหรือไง ว่าทำตัวเกินคำว่าน่ารักไปแล้ว

“แล้วจะไปไหน”

เอ่ยถามแล้วนัทก็หันหน้ามามอง

“ปล่อยดิ ก็จะไปอาบน้ำไง บอกให้ไปอาบแล้วจะดึงไว้ทำไมวะ”

อะไรนะ ดึงไว้ทำไมวะ พูดแบบนี้เป็นด้วยเหรอ ปกติก็มีแต่คุณรัชชานนท์ ผมอย่างงั้นผมอย่างงี้ แล้วนี่อะไร

“พูดไม่เพราะเลยวะ เป็นผู้บริหารได้ไงวะเนี่ย”

อะไรนะ พี่ฟ้า ล้อเลียนนัทใช่มั้ย

“พูดได้ มากกว่านี้ก็พูด ที่เห็นนั่นต้องรักษาภาพพจน์ ถ้าไม่ต้องรักษาภาพพจน์นัทพูดได้มากกว่านี้อีก”

เหรอครับ

“เช่น.....”

อะไรล่ะ เช่นอะไร ไม่มีอะไรทั้งนั้น จะมาเช่นอะไร

“เช่น.....ลองยกตัวอย่างซิ”

จะมาให้ยกตัวอย่างอะไรตอนนี้ ไม่ยกตัวอย่างอะไรทั้งนั้นแหละ

“ว่ามา พูดอะไรได้อีก”

ไม่พูด

“นัท”

อะไร

“ไอ้พี่ฟ้า ปล่อยนัทสิวะ”

น้ำเสียงอยู่ในโทนปกติ แถมคนพูดยังทำหน้านิ่ง เก็กหน้าตามคนที่ชอบทำเป็นเฉย และฟ้าก็ถึงกับอึ้งกับสิ่งที่ไอ้เด็กเป็ดพูด

อะไรนะ ไอ้พี่ฟ้าเหรอ แล้วบอกให้ทำอะไรนะ บอกให้ปล่อยเหรอ แบบนี้ใครจะปล่อย

“ไอ้เป็ดเหลืองเน่า”

ไอ้พี่ฟ้า แม่ง แกล้งนัทใช่มั้ยวะ

อยากจะพูดออกไปอยู่หรอกนะ แต่ไม่อยากให้เรื่องไปกันใหญ่เลยกัดฟันและเมินหน้าหนีไปทางอื่น

“ไหนเมื่อกี้พูดอะไรนะ เอาใหม่อีกทีซิ”

ไม่

“ไม่พูด”

ไม่พูดได้ไง อย่ามาบอกว่าไม่พูดนะ พูดมา พูดออกมาอีกที

“พูดเดี๋ยวนี้”

“ไม่พูด นัทไม่พูด พี่ฟ้าจะทำไมวะ”

นั่นไงล่ะ ไหนว่าไม่พูด ก็เห็นพูดออกมาแล้ว ดื้อใช่มั้ย จะด่ากันก็ให้กล้า ๆ หน่อย อย่ามาทำเป็นพูดครั้งเดียวแล้วก็ไม่ยอมพูดให้ชัด ๆ แบบนี้

“นัท”

อะไร

“ไอ้พี่ฟ้า ปล่อยนัทเดี๋ยวนี้นะโว้ยยยยยย”

คราวนี้ไม่ใช่แค่พูด แต่ใช้วิธีสะบัดข้อมือออก หวังว่าจะหลุด แล้วเดินหนีไปได้ แต่ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรเลย เพราะแรงน้อยกว่า และเพราะไม่รู้ตัวว่าไปยั่วโมโหคุณรัชชานนท์เข้า   คุณรัชชานนท์ยืนขึ้นทันทีแถมยังทำหน้าดุยิ่งกว่าที่เคยทำ แล้วบรรยากาศสุดสยองนี่มันอะไรวะ พี่ฟ้าโกรธแบบไม่ต้องสงสัยเลยใช่มั้ย

“นัท”

อะไรพี่ฟ้า ก็พี่ฟ้ามาจับแขนนัทไว้ทำไม นัทไม่ชอบนัทก็ต้องบอกให้ปล่อยก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอ
สายตาเย็นยะเยือกที่มองมา ใบหน้าที่นิ่งเฉยราบเรียบไร้ความรู้สึก ยิ่งเห็นก็ยิ่งรู้สึกกลัว....แย่แน่ หาเรื่องให้ตัวเองแท้ ๆ

ข้อมือถูกปล่อยออกแล้ว และนัทก็เตรียมตั้งท่าจะเดินหนี แต่ถ้าหนีไปตอนนี้ก็เสียฟอร์ม เรื่องอะไรจะยอม
สู้สายตาพี่ฟ้าซะหน่อยเป็นไงให้รู้ว่านัทไม่ได้กลัวหรอกนะ ทั้งที่จริง ๆ แล้ว ก็ยอมรับว่ากลัวอยู่เหมือนกัน

“อย่ามาทำตัวน่ารักให้มันมากนัก”

อะไรนะ อย่ามาทำตัว........น่า...รัก....ใคร... แล้วน้ำเสียงที่เย็นชาและสายตาที่มองมาแบบนี้ มันคือ...อะไร พี่ฟ้าพูดอะไร...นัทไม่เข้าใจ

“ไอ้ท่าทางแบบนี้ วิธีการพูดแบบนี้ ทำหน้าแบบนี้ อย่าไปทำให้ใครเห็นเด็ดขาดรู้มั้ย”

ทำยังไง นัทยังไม่ได้ทำอะไรเลย นัทก็อยู่ของนัทเฉย ๆ ยังไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น พี่ฟ้าก็เห็น

“เดี๋ยวจะโดนแบบนี้ไม่รู้ตัว”

โดนแบบไหน

โดนแบบ..... นัทกำลังยืนนิ่ง  ดวงตาเบิกตากว้าง และรู้สึกว่าใบหน้าร้อนจนแทบระเบิดไม่สามารถยืนต่อไม่ได้และถึงกับทรุดนั่งลงกับพื้นทันที อาการหน้าร้อนผ่าวมาเยือนอย่างรวดเร็ว และจากหน้าคงลามไปที่หูและคงเลยมาที่คอเรียบร้อยแล้ว
ฝ่ามือเย็นเฉียบและเหมือนร่างกายถูกช็อตด้วยความรู้สึกบางอย่าง อย่างรุนแรง

คุณรัชชานนท์ไม่ได้ทำอะไรมาก แค่มองหน้านัทเล็กน้อยและจัดการกดปลายจมูกหนัก ๆ เข้าที่ข้างแก้มของนัท

กดหนัก ๆ แรง ๆ จนรู้สึกถึงผิวแก้มและจมูกที่แตะเข้าหากัน ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะผละจาก และยังทำหน้าเฉยเหมือนเดิม
ส่วนนัทลงไปนั่งบนพื้นและมองหน้าของคุณรัชชานนท์ในสภาพดวงตาเลื่อนลอย  และถึงกับทำอะไรไม่ถูก ไปต่อไม่เป็น

“จำไว้ เตือนแล้ว ต้องหัดฟัง”

หัดฟังอะไร
หัดฟังยังไง

กระพริบตาปริบ ๆ และยังนั่งเอ๋ออยู่ที่พื้น  นัทยกฝ่ามือขึ้นแตะที่แก้มของตัวเอง  มองหน้าของคุณรัชชานนท์ด้วยความสับสนมึนงง และไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่

“ลุกขึ้นไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวพี่ฟ้ากลับมา”

อ่า เหรอ เหรอ เหรอ เหรอ ไปอาบน้ำเหรอ

ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม และคนที่ก้าวขากำลังจะเดินออกจากห้องก็หันมาสั่งอีกครั้ง

“นัทอย่านั่งอยู่อย่างนั้น ไปอาบน้ำเร็วเข้าอย่าให้พี่พูดหลายครั้ง”

อาบน้ำ ไปอาบน้ำ

“ครับ”

ถึงกับสะดุ้ง และนัทก็ก้มหน้าก้มตารับคำง่าย ๆ และพยุงร่างกายตัวเองให้ลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปโดยมีสายตาของคนที่ออกคำสั่งมองตาม

มองแล้วก็เริ่มยิ้มออกมา ยิ้มกว้าง ยิ้ม....ทั้งที่ไม่เข้าใจตัวเองว่าจะยิ้มทำไมมากมายก็แค่ไอ้เด็กเป็ดเหลืองเอ๋อ ทำหน้าตาท่าทางน่ารักให้เห็นแค่นิดเดียว

“ไอ้เด็กเป็ดเหลืองเน่า”

คุณรัชชานนท์บ่นกับตัวเองทั้งที่ยังยิ้มไม่เลิก

“คุณนัท.......คุณนี่ชักจะทำตัวมีปัญหามากขึ้นทุกวันแล้วนะ  จะทำให้หลงรักให้ได้จริง ๆ ใช่มั้ย ขืนทำตัวแบบนี้ทุกวัน ทางนี้ก็คงได้หลุดฟอร์มกันบ้าง  ภาพพจน์ที่สร้างมาทั้งหมดคงไม่ต้องเหลือกันล่ะคราวนี้”

 TBC.

 Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2818.0)
      และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 66
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 31-05-2014 19:06:40
โดนพี่ฟ้าจูบ เป็ดเหลืองเอ๋อหนักเลย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 66
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 31-05-2014 19:15:26
พี่ฟ้าคะ หลอกเป็ดมันบาปนะคะ 5555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 66
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 31-05-2014 19:27:18
อ่านตอนนี้แล้วอยากเอาหัวโขกหมอน แล้วก็บิดตัวเป็นเกลียวซัก3รอบ 555
เพราะมันเขินมากกกกกก ประหนึ่งเป็นน้องนัทเสียเอง เหอๆๆ
พี่ฟ้ารุกใหญ่เลยน๊าาาา กิ๊วๆๆๆ 555

ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไป ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 66
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 31-05-2014 19:39:53
หลุดเถอะพ่อคุณ อยากเห็นจะแย่

เขินแทนนัทอะ :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 66
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 31-05-2014 19:47:40
อ๊ากกก เขินนนนน
อ่านแล้วเขินน คู่นี้มัน... :hao7: ตกลงพี่ฟ้าเปิดใจรับแล้วสินะ
ก็เหลือให้เป็ดเหลืองรับรู้เสียที
อยากอ่านต่อไปเรื่อยๆเลยคู่นี้....//บิดเขิน :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 66
เริ่มหัวข้อโดย: mickymod ที่ 31-05-2014 20:06:15
 :-[ :-[ นอกจากเจ้จะเป็น fc วิเชียร แล้ว
น้องเป็ดเหลืองน้อย ก็เป็นอีกคนที่เจ้ปลื้มปริ่ม
และเอ็นดูมาก เด็กอะไร น่ารัก ทำเจ้ฟินตัวจะแตก

***ชูป้ายไฟ love love น้องนัท***
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 66
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 31-05-2014 20:13:15
 :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 66
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 31-05-2014 20:42:51
น้องเป็ดรู้ตัวแล้วรึยังลูก  :impress2:
พี่ฟ้าแกเผยไต๋หมดเปลือกแล้ววนะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 66
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 31-05-2014 21:09:18
ฟอร์มจัดกันทั้งคู่ แล้วเมื่อไหร่จะได้กินตับ เอ้ยไม่ใช่จะได้รู้ใจกันเนี้ยะ :katai4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 66
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 31-05-2014 21:10:05
อ่ะจ้าาาา

จากคุณนัท -------> น้องนัท -------> เป็ด -------> ไอ้เป็ดเหลืองเน่า -------> ....(เป็ดที่รัก??)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 66
เริ่มหัวข้อโดย: tepintpilai ที่ 31-05-2014 21:36:26
อ๊ากกกกก เขินนมากก ตอนนี้ ><   :-[

น้องนัทจ๊ะ... ตอนนี้เป็นโอกาสดี เลิกซึน แล้วจับพี่ฟ้าปล้ำ ยัดเหยียดความเป็นเมียโล่ดดดดดด  :hao6:

ปล.ตอนแรกว่าชอบคู่ อ้น-พีท มากกก ตอนนี้รักคู่เจ้านายเลขาฝุดๆๆ  :mew1:

ปล2.พี่ฟ้า อย่าพูดถึงแฟนเก่าต่อหน้านัทสิ มันจะทำให้นัทคิดว่าพี่รักและมีเยื่อใยต่อแฟนเก่านะ เพราะเป็นเราเราก็ไม่กล้าเปิดใจนะ 555

 :กอด1:คุณ aa_mm แน่นนนนน

ปูเสื่อนอนรอตอต่อไปจร้าา :L1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 66
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 31-05-2014 21:37:54
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน รันเพื่อนรัก

มันน่าตกใจขนาดไหน ที่กลับเข้ามาในห้องแล้วพบว่า มีใครบางคนนั่งรออยู่บนเตียง ไม่แปลกหรอกที่มีคนรอ แต่คนรอไม่รู้บ้างหรือไง ว่าทำให้คนที่กลับเข้ามาแทบจะลืมหายใจ

นัทหันหน้าไปมองคนที่เปิดประตูบ้านพักเข้ามา มองแล้วก็หันกลับไปที่เดิม ส่วนคนที่เดินเข้ามากำลังเริ่มท่องสูตรคูณในใจอีกแล้ว

ทุกอย่างปกติดี จะมีที่ทำให้ไม่ปกติก็คนที่อยู่บนเตียงนั่นแหละ นุ่งผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนเดียว แล้วก็นั่งรอ

สภาพผมเปียกลู่ และผิวขาว ๆ ทั้งร่างเผยให้เห็นหมด มันก็ไม่ได้แปลก ถ้าเป็นคนอื่นก็คงจะรู้สึกเฉย ๆ เพราะก็มีอะไรไม่ต่างกัน แต่พอเป็นไอ้เด็กนัทแล้วมัน….

“นัทเปลี่ยนเสื้อก่อน”

รับเสื้อมาถือเอาไว้ และคนที่นั่งอยู่ก็ทำตามอย่างว่าง่าย ลุกขึ้นยืนและใส่เสื้อต่อหน้าคุณเลขารัชชานนท์หน้านิ่ง
ผิวเนียนไปไหน จะขาวไปไหน แล้วไอ้จุดสีชมพูอ่อนสองข้างที่แผ่นอกเนียนขาวที่เห็นได้ชัดนั่นมันอะไร

ถึงกับเมินหน้าหนีไปอีกทาง ไม่กล้าจะมองกันตรง ๆ มันจะเกินไปแล้วคุณนัท ทำแบบนี้มันเกินไปหน่อยแล้ว คิดอะไรอยู่ถึงได้ทำแบบนี้  คิดจะทำให้ผู้ชายที่เพิ่งหอมแก้มตัวเองไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนเป็นบ้าใช่มั้ย ไม่รู้ตัวบ้างเลยว่าทำแบบนี้ มันเสี่ยงแค่ไหน

“คุณรัชชานนท์”

หันหน้ากลับมามอง และนัทก็ก้มหน้าก้มตาอย่างอาย ๆ

“นั่น”

เสื้อผ้าบางส่วนถืออยู่ในมือและยังไม่ได้ส่งให้ และในเวลานี้ฟ้าก็ยื่นของที่อยู่ในมือให้ กล่องเล็ก ๆ ที่มีกางเกงในอยู่นั้น
นัทรับมาถือเอาไว้แล้วแกะกล่อง หยิบบางอย่างที่อยู่ในนั้นออกมาคลี่ดู

“ใส่ได้หรือเปล่าไม่รู้นะ กะเอาว่าประมาณนี้”

อะไรนะ กะเอาว่าประมาณนี้ ประมาณนี้มันประมาณไหน

นัทถึงกับทำหน้าไม่ถูก พูดอะไรไม่ออก อยากจะวิ่งหนีออกไปซะให้พ้น ๆ แต่ทำแบบนั้นมันก็ดูจะเกินไป

“หมายถึง............."

เบิ่งตากว้างขึ้นและนัทก็มองหน้าของคุณรัชชานนท์ที่เพิ่งรู้ว่าพูดอะไรบางอย่างแปลก ๆ ออกไป

"หมายถึงกางเกงครับ ไม่ใช่ เอ่ออ...”

 และก็กลายเป็นฟ้าที่ชักจะทำหน้าไม่ถูกขึ้นมาซะเอง

“อ่า กางเกงครับ  นัทก็คิดว่ากางเกงเฉย ๆ ไม่ใช่อย่างอื่น...”

นัทรีบชิงพูดตาม และกำลังจะสวมสิ่งที่ได้รับมาต่อหน้าคุณเลขาหน้านิ่งที่เริ่มไม่รู้ว่าจะจัดการกับอารมณ์แปลก ๆ ของตัวเองยังไง

“พี่อาบน้ำก่อนแล้วกันนะครับ นัทนอนเลยก็ได้”

ใครจะไปยืนอยู่ได้ล่ะ ขืนมากกว่านี้ก็ชักจะไปกันใหญ่ เด็กนั่นก็ยิ่งยั่วอารมณ์อยู่ด้วย เคยรู้ตัวบ้างมั้ยว่าทำอะไรลงไป
ท่าทางจะไม่เคยรู้ตัว

ฟ้าหันหลังและหยิบผ้าขนหนูมาถือเอาไว้ รีบเดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว ทิ้งให้นัทยืนหน้าแดงอยู่คนเดียวเงียบ ๆ

ตกใจกับคำพูดแปลก ๆ ของคนที่เดินเข้าไปอาบน้ำ พี่ฟ้าพูดอะไร นัทงงมากตอนที่พี่ฟ้าพูดว่า กะขนาดมาให้

คิดไปไกลถึงไหนแล้ว ยังดีที่พี่ฟ้าพูดให้ชัดเจนขึ้น ไม่งั้นคงได้คิดอะไรไปไกลยิ่งกว่านี้

“บ้านัทเอ้ย”

บ่นตัวเองแล้วก็ขบริมฝีปาก ไม่รู้เป็นอะไร คิดอะไรบ้าบอไปเรื่อยเปื่อย ก็พี่ฟ้ามาหอมแก้มนัททำไม
ก็เพราะพี่ฟ้า มาทำให้นัทไม่เป็นตัวของตัวเอง หยอกล้อกันเล่น ทำแบบนั้นก็คงไม่ได้คิดอะไร คงแค่อยากจะแกล้ง

พี่ฟ้า.........แกล้งนัทแบบนั้น มันทำให้นัทยิ่งคิดอะไรไปกันใหญ่ และพาลจะเข้าข้างตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ

ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย และนัทก็มายืนอยู่ที่หน้ากระจก มองหน้าตัวเอง แล้วก็รู้สึกว่าเหมือนกำลังหน้าแดง และตาเยิ้ม

“ไอ้นัท อย่ามาทำเป็นยิ้ม”

ว่าตัวเองในกระจก แล้วสุดท้ายก็เผลอยิ้มออกมาจนได้ ชี้หน้าตัวเองแล้วก็ส่ายหัวน้อย ๆ

“ยิ้มทำไมว๊า”

บ่นกับตัวเองเสียงเบา และก็เดินมานั่งอยู่บนเตียง มองไปที่ประตูห้องน้ำ แล้วก็ขมวดคิ้วมุ่น ไม่หรอกมั้ง เข้าข้างตัวเองเกินไปไม่ดีนะนัท พี่ฟ้าเนี่ยนะ จะมีใจ คิดไปเองแล้วแบบนี้ เพ้อเจ้อน่า

คิดอะไรไปเรื่อย คิดแล้วก็พาลแต่จะยิ้ม

แต่เพราะเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นปลุกให้หลุดจากภวังค์และนัทก็เดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู

“รัน”

อ่านชื่อแล้วก็กดรับสาย ไม่ทันได้พูด เพราะเสียงจากปลายสายดังไกลข้ามทวีปมาหาเรียบร้อย

“นอนยังวะ”

ยัง
ยังไม่นอน

“โทรมาถามแค่นี้เหรอ นอนแล้วมั้ง ที่รับสายอยู่นี่คงรับจากในฝัน”

แกล้งยียวนกวนประสาท แล้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะลั่นของคนที่โทรมา

“นัทไม่ใจร้ายหรอกวะ ถามจริง ๆ จะปล่อยให้กูเหี่ยวเฉาตายจริง ๆ หรือไง”

ได้ก็ดี แต่คงไม่ตายหรอกมั้ง ได้ข่าวว่ามีเมียแหม่มเรียบร้อยแล้ว ชีวิตคงจะสดชื่นสดใสน่าดู

“แต่งงานแล้วดิ”

แต่งแล้ว แต่งได้พักหนึ่งแล้ว

“หย่าแล้ว”

เฮ้ยยยยย ทำไมเป็นงั้นล่ะ

“กี่ปีวะเนี่ย”

กี่ปีอะไรล่ะ ยังไม่ถึงปีเลยมั้ง

“ช่างแม่งเหอะ รู้เปล่า เขามีชู้แล้วมาบอกว่าเป็นลูกของกู แม่งอย่างเหี้ย โดนฝรั่งหลอกต้มซะเปื่อยเลย”

ยังไงล่ะนั่น กำลังจะอ้าปากถาม แต่ไม่ต้องให้ถาม เพราะว่าคนที่อยู่ปลายสายเล่าออกมาเป็นฉาก ๆ และท่าทางจะเล่ายืดยาว
นัทมองไปที่ประตูห้องน้ำที่ถูกเปิดออก พี่ฟ้ามาแล้ว เกรงใจแย่ มาคุยโทรศัพท์ดึก ๆ ดื่นๆ ป่านนี้

นัทเดินออกไปนอกบ้านพัก นั่งตรงระเบียงส่วนที่ยื่นออกไปริมน้ำ เปิดไฟ และไปนั่งรับลมอยู่ตรงนั้น โดยมีสายตาของใครบางคนมองตาม

“ต่อดิ ยังไงวะ”

ไม่ยังไงหรอก

“ก็นั่นแหละ โดนหลอก แต่งได้แป๊บเดียว เอากันไม่ถึงสองที แป๊บ ๆ จะคลอดลูกซะแล้ว แบบนี้มันหมายความว่ายังไง”

ไม่หมายความว่ายังไงหรอก ก็หมายความว่าโดนหลอกไง

“แล้วไม่รักกันเหรอ อภัยไม่ได้เลยเหรอ”

รักอยู่หรอก แต่โดนหลอกแบบนี้ ก็ไม่ไหวเหมือนกัน

“แล้วให้ทำยังไง ถ้าบอกตรง ๆ ก็ไม่ได้ว่าหรอก แต่นี่มาหลอก ทำไมต้องหลอกด้วยวะ เห็นเป็นเอเชียแล้วโง่มากจนไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยเหรอว่าถูกหลอก”

เออนะ ก็จริง

“แล้วหนุนรู้ยัง”

รู้อะไรล่ะ ใครจะไปกล้าคุยด้วย ห่างกันไปตั้งพักใหญ่ เกิดโทรไปหา คงโดนด่า ว่ามีความสุขแล้วลืมกัน หายหัวไปเป็นชาติ แล้วแบบนี้ใครจะกล้าโทร

“คนมีแฟน ไปยุ่งด้วยก็ไม่ดี นัทยังโสดอยู่เปล่าวะ เมื่อไหร่หาเมีย”

คงหาได้หรอกนะ สภาพอย่างนี้

“ยังไม่คิด”

ตอบกลับไปง่าย ๆ ไม่ใช่ไม่คิดหรอก แต่คิดแล้วมันก็เป็นไปไม่ได้เลยไม่กล้าคิด แต่นาน ๆ ไปก็ชักจะเริ่มคิดเหมือนกัน เผื่อเป็นไปได้

“นัทคนดี ใครไม่เอาคนดีอย่างมึงก็โง่แล้วนัท”

เยอะแยะ

“เออสงสัยคนโง่กันทั้งโลก”

ตอบกลับไปแล้วก็ยิ้มน้อย ๆ  รันก็มีเรื่องของรัน ไม่ได้คุยกันนานมาก ไม่คิดว่าวันนี้จะโทรมา

“สบายดีมั้ยวะ จะอยู่ที่โน่นตลอดเลยเหรอ ไม่คิดกลับมาหรือไง”

คิดอยู่หรอก ก็คิดจะกลับ

“กลับแน่ คงเป็นกลางเดือนหน้า อย่าบอกหนุนนะ เดี๋ยวมันสมน้ำหน้า ว่าไปแล้วเอาตัวไม่รอด จริง ๆ ก็จะมาพักก่อน เหนื่อยว่ะ อยู่ที่ที่ไม่ใช่บ้านเมืองเรามันเหนื่อย พ่อแม่เขาชิน ส่วนรันไม่ค่อยชินว่ะ ยิ่งโดนหลอกแบบนี้ด้วยนะ กลับบ้านหาสาวไทยดีกว่า”

เกินไปพูดแบบนั้นก็เกินไป

“สาวไทยที่โน่นก็มี”

มีก็จริง

“แต่ไม่เหมือนสาวไทยที่เมืองไทย รบกวนเปล่าเนี่ย จะนอนยัง มาฟังบ่นแบบนี้คงรำคาญแย่เลยดิ”

ก็รำคาญอยู่หรอก

“โคตรขัดจังหวะเลย กำลังจะได้กันกับคนที่พามานอนด้วยแล้ว”

แกล้งพูดออกไป แล้วนัทก็ได้ยินเสียงหัวเราะจากปลายสาย

“ร้ายนะมึง ไม่เจอไม่ทันไร รู้จักพาผู้หญิงมานอนด้วยแล้ว”

โดนแซวและนัทก็หัวเราะร่วน ผู้หญิงอะไรล่ะ ผู้ชายนะนั่น ปากดีไปงั้น ขืนรันรู้ว่าโม้ อายแย่

“ว่างเปล่าเดือนหน้า เดี๋ยวมากินข้าวด้วย”

ว่าง

“มาดิ แต่เลี้ยงนะ กูไม่มีตังค์ว่ะ ช่วงนี้จน”

โห เจ้าของโรงงานแต่มาบอกว่าจน ใครจะไปเชื่อ

“มีเงินไม่ถึงห้าสิบล้าน ก็เลยบอกว่าตัวเองจนว่างั้น”

แกล้งแหย่แกล้งแซวแล้วนัทก็หัวเราะเพิ่มขึ้นกว่าเดิม

“เออจนจริง ๆ ดีหน่อยที่เลขาเลี้ยงดูอย่างดี หาข้าวหาขนมให้กิน ไม่งั้นกินแต่บะหมี่ถ้วย ผอมตายแน่กู”

คุยไปเรื่อยเปื่อย คุยไปหัวเราะไป

“เลขาสวยเปล่าวะ หรือว่าที่บอกว่าพามานอนด้วย”

ไม่ใช่หรอก เลขาไม่สวย แต่เลขา หล่อมาก และดูดีทุกองศา ไม่เว้นแม้กระทั่งเวลานอน

“เลขาไม่สวยเลย ดุ ชอบทำหน้านิ่ง แต่ว่าดูแลดีตลอดเวลา ขนาดนอนยังดูดีเลย ถ้าจะมีแฟนก็อยากได้แบบเลขานี่แหละวะ เข้าถึงยากดี”

ขนาดนอน โห จะเกินไปแล้วไอ้นัท

“ไปเห็นเขานอนแล้วหรือไง ร้ายนี่หว่า จะเคลมเลขาเหรอวะ”

ไม่รู้สิ คงไม่ยอมให้เคลมหรอก เคลมได้ก็เคลมไปแล้ว เจอหน้าดุแบบนั้น ใครจะกล้า

“เห็นแล้วสิ ระดับกู ไม่มีโดนหลอก”

ขอบใจมากไอ้นัท ที่สมน้ำหน้ากู

“อยู่ใกล้นะ มึงตายไปแล้วไอ้นัท”

“บังเอิญอยู่ไกลว่ะ กูเลยรอด”

เออ ปากดีเหอะมึง อย่าให้กูกลับมาก่อนแล้วกัน จะไปดูหน้าเลขามึงซะหน่อย ว่าจะเข้าถึงยากอย่างที่ว่าจริงหรือเปล่า

“ไปนอนกับเลขามึงเหอะ รบกวนเวลากูมากแล้ว”

พูดผิดพูดใหม่ได้นะ ที่โทรมามันทางโน้นไม่ใช่เหรอ แล้วก็มารบกวนเวลากูด้วย ไม่รู้จักเกรงใจซะบ้าง

“ครับ ขอโทษครับ คุณรัน”

เออดีมาก

“เอากับเลขาให้สนุกนะ กูรู้หรอก เลขามึงอยู่ข้าง ๆ”

ไอ้รัน มึงอย่ามาทำเป็นรู้ทัน

“อยู่ข้าง ๆ แต่เอาไม่ได้โว้ย เดี๋ยวแม่งบีบคอกูตาย”

พูดแล้วก็หัวเราะ ต่างฝ่ายต่างหัวเราะ ด้วยความชอบใจ

“ตกลงเอากันแล้วดิ สรุป”

เอากันที่ไหน แค่โดนหอมแก้มทีกูยังจะเป็นลมเลย เรื่องนั้นอีกยาวไกล จะเป็นไปได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย

“ไม่หรอก เขาไม่ได้ชอบกู เขามีคนที่ชอบแล้ว แห้วไปตามระเบียบ ที่อยู่ใกล้กันทุกวันนี้ก็แค่มอง ได้แค่มอง ชอบไปก็ไม่มีประโยชน์”

คล้าย ๆ จะเศร้าเลยนะ

“อย่าบอกนะว่ามึงชอบเลขาตัวเองเข้าให้แล้ว”

ไม่ใช่เพิ่งชอบ ชอบมานานแล้ว แต่บังเอิญว่าพี่ฟ้าเพิ่งมาเป็นเลขาให้ก็เท่านั้น

“มีประโยชน์อะไร เผลอ ๆ เขาก็คงเกลียดกูจนอยากฆ่าทิ้งวันละสามสิบรอบล่ะมั้ง”

บ่นไปเรื่อยเปื่อย พูดไปเรื่อย และก็มองไปที่แสงไฟระยิบระยับที่มองเห็นได้จากที่ไกล ๆ น้ำค้างลงมาแล้ว เพราะรู้สึกว่าไม่ใช่แค่อากาศเย็น แต่เริ่มจะหนาว ดึกมากแล้วสินะ แต่ก็ยังไม่นอน

“จีบสิวะ จีบไปจีบมาเดี๋ยวก็ติดเอง ใกล้ชิดด้วย งานนี้สบาย”

เออ จะลองทำดูแล้วกัน ถ้าไม่โดนเขาด่าเอานะ ก็ว่าจะลองดู

“เดี๋ยวจะลองดู”

ตอบรับไปเรื่อย และคุยเรื่องอื่นไปเรื่อยเปื่อย นัทนั่งอยู่ที่ระเบียงที่ยื่นออกไปที่ท่าน้ำ ส่วนใครอีกคน กำลังนั่งอยู่บนเตียงในห้อง
เอนหลังพิงกับเตียง แต่ไม่ได้ล้มตัวลงนอน

เปล่า ไม่ได้แอบฟัง ไม่เคยคิดจะแอบฟังเลย แต่เวลาดึกดื่น เสียงนาฬิกาเดินก็ยังได้ยิน แล้วนับประสาอะไรกับเสียงคุย

ไม่ได้คุยดัง แต่เพราะเวลานี้ทุกอย่างหยุดนิ่ง และเงียบสงบยิ่งกว่าเวลากลางวัน ประตูระเบียงถูกปิดจริง แต่พอปิดแล้วประตูก็กระเด้งกลับ จนเหลือพื้นที่ว่างระหว่างประตู และในเวลานี้ฟ้าก็ได้ยินสิ่งที่ใครบางคนพูดทั้งหมด

ไม่ได้คิดอะไรมาก ก็แค่ฟังไปเรื่อย ๆ มีบางครั้งที่ฟังแล้วยิ้ม บางครั้งก็รู้สึกเศร้าแทน และนึกสงสาร นัทนั่งคุยโทรศัพท์อยู่อีกพักใหญ่ ก่อนจะวาง และเดินเข้ามาในห้อง เดินเข้ามาและก็เห็นว่าใครบางคนเหลือบสายตามอง

“ยังไม่นอนอีกเหรอครับ”

ทักทายไปตามมารยาท และมานั่งอยู่บนเตียงของตัวเอง กดโทรศัพท์เพื่อเปลี่ยนเวลาการปลุก และฟ้าที่กำลังพยายามจะไม่ยิ้ม ก็ชักจะเริ่มฝืนเอาไว้ไม่ไหว

“นัท”

หือ อะไรเหรอ

“มานั่งนี่”

ทำไม มีอะไรหรือไง

“ไปทำไม”

เอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ และคนที่เรียกให้เข้าไปหาก็เรียกซ้ำอีกรอบ

“มาเถอะน่า”

ทำไมล่ะ พี่ฟ้ามีอะไร

“พี่ฟ้าเป็นเลขา พี่ฟ้านั่นแหละที่ต้องมา”

เป็นข้อต่อรอง ที่ทำให้คนฟังอยากจะหัวเราะให้ดังลั่น ถ้าจะพูดกันขนาดนี้ แล้วจะไปทำอะไรได้

“ไม่มาใช่มั้ย”

ใช่ ไม่..... ก็ว่าจะไม่ไปหาอยู่หรอกนะ แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ไป ไปนั่งอยู่บนเตียง ข้าง ๆกับคุณเลขารัชชานนท์หน้านิ่ง
สงสัยว่าอีกฝ่ายจะเรียกมาทำไม แต่ไม่ต้องรอนาน ความสงสัยตั้งแต่แรกกระจ่างชัดทันที

“ตกลงคนที่ชอบคือใคร”

ใครอะไร ใครไม่มี ไม่มีใคร ลุกขึ้นเตรียมเดินหนีและก็เหมือนเดิม ยังคงช้ากว่าคนที่อยากได้คำตอบ

“เดี๋ยวค่อยไปซิ”

ทำไมล่ะ แล้วพี่ฟ้าจะทำไม

“มาให้กอดที”

อะไรนะ  หมายความว่ายังไง ไม่ได้ อย่ามาเล่นแบบนี้ อย่ามาแกล้งกันเล่นแบบนี้ อย่ามาทำกับนัทแบบนี้ ไม่ต้องเลยไม่ต้องไม่...

ถูกรั้งเข้าไปกอด   กอดเอาไว้แน่น แล้วนัทก็ได้แต่นั่งนิ่งตัวแข็งทื่อ

นั่งนิ่งเงียบตาค้างและทำตัวไม่ถูก  คนกอด กอดจนพอใจ กอดอย่างที่อยากกอด แล้วก็ยอมปล่อยให้นัทเป็นอิสระได้

อะไร เกิดอะไรขึ้น งง ไม่เข้าใจ ที่พี่ฟ้าทำ หมายความว่ายังไง

ลุกขึ้นยืนอย่างมึนงง และกลับมาที่เตียงของตัวเอง ล้มตัวลงนอน .....นอนโดยมีสายตาของใครบางคนมองตาม

มองแล้วก็ยิ้ม ยิ้มแล้วนัทก็หันไปมอง แล้วต้องรีบหันกลับมาอย่างรวดเร็ว

อะไรวะ พี่ฟ้าเป็นอะไร  พี่ฟ้าเป็นอะไรไปแล้ว ไม่เข้าใจ มองขนาดนี้ มองกันแบบจะให้ตายกันไปข้าง ถ้าจะมองกันขนาดนี้ แกล้งตายไปเลยดีกว่า จะได้จบเรื่องไปซะ

นัทรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง    เอาสิ คลุมขนาดนี้ไม่มีอะไรจะให้เห็นแล้ว คราวนี้จะได้เลิกมอง

แต่นัทคิดผิด ที่คิดว่าอีกฝ่ายจะเลิกมอง เพราะไม่ใช่แค่มอง คนที่มองยังยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ และส่ายหน้ากับสิ่งที่นัททำ

ให้มันได้อย่างนี้สิ

คนเรานะ ถ้าคิดจะน่ารักก็น่ารักซะให้พอเลย จะได้มีภูมิต้านทานเยอะ ๆ เวลาที่เจอความน่ารักขั้นสุดยอด ต่อไปคงสงบจิตสงบใจได้บ้างถ้าต้องเจอความน่ารักของนัทที่มากกว่านี้

คิดจะเคลมเลขาเหรอนัท ช่างคิดได้นะ ถ้าไม่กลัวถูกเลขาเคลมกลับก็ลองดู

 TBC.

 Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2818.0)
      และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 66
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 31-05-2014 21:47:59
 :-[ เขินแทนเป็ดน้อย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 66
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 31-05-2014 21:55:44
เคลมเลยๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 66
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 31-05-2014 22:43:50
 :-[ เดี๋ยวหอมแก้ม เดี๋ยวกอด อ๊ายเขินๆแทนน้องเป็ด
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 66
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 31-05-2014 22:50:56
คุยไม่ดูทางเรยน้องนัท~~~~~!!!!!
พี่ฟ้าเค้ารู้หมดแร้ว
โดนแน่!! โดนเคลมอ่ะนะ หุหุ -.,-
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 66
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 31-05-2014 22:52:30
แง้วววววว
เคลมเบย เคลมเบยยยยย
ไวๆเลยคุณรัชชานนท์
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 66
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 31-05-2014 23:21:07
เอ้ย....พี่ฟ้าเริ่มคิดจะเคลมเป็ดเอ๋อแล้วเหรอ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 66
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 31-05-2014 23:31:29
 เคลมเลยๆๆๆ  :ped149: :ped149: :ped149:
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 66
เริ่มหัวข้อโดย: cowinsend ที่ 31-05-2014 23:36:05
ตอนแรกนึกว่าพี่ฟ้าจะไปแอบฟัง ที่ไหนด้ายยยยย น้องนัทนี่ไม่ระวังเลย(พี่ช๊อบชอบ)  :man1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 66
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 31-05-2014 23:57:49
นั่นน รู้หมดแล้ว รู้หมดแล้ววววว
งานนี้พี่ฟ้าก็รุกหนักเลยอะดิ
อยากอ่านต่อเรื่อยๆจัง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 66
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 01-06-2014 00:10:30
เอาเเล้วงานนี้

ใครจะเคลมใคร เเหม่

พี่ฟ้าก็คงจะชนะอะงานนี้

ก็ดูน้องนัทสิ ไม่เคยปากจะตรงกะใจ

หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 66
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 01-06-2014 00:22:20
เสร็จกันน้องนัท พี่ฟ้ารู้ความจริงหมดแล้ว ท่าทางจะรอดยากนะ คืนนี้เลยเป็นไง....พี่ฟ้าจัดให้หน่อย 555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 66
เริ่มหัวข้อโดย: FahFon ที่ 01-06-2014 00:34:10
โอยยยยยยยย ชอบพี่ฟ้าอ่ะ มึนๆซึนๆ ชอบๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 66
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 01-06-2014 00:37:49
อยากดูเค้าเคลมกัน      :haun5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 66
เริ่มหัวข้อโดย: HolyWings ที่ 01-06-2014 01:11:17
 :-[ :-[ :-[ เขินนนนนนนนนนนนนมวากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 66
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 01-06-2014 02:24:23
เอาอีกกกกกกกกกกกกกกกกกก  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 66
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 01-06-2014 02:54:06
เคลม อิอิ ใครเคลมใคร น่ะน้องนัท  :hao7: ใกล้เข้าไปอีกนิดชิดเข้าไปอีกหน่อย นัทฟ้า
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 66
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 01-06-2014 07:40:49
ว๊ายๆๆๆ เค้าจะเคลมกันที่ไหน ยังไง?
จะได้ตามไปส่องถูก ฮี่ๆๆ

ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไป ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 66
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 01-06-2014 07:42:31
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน หยั่งเชิง


ไม่รู้หรอกว่าหลับไปตอนไหน แต่มารู้สึกตัวตื่นอีกที ก็ตอนเกือบรุ่งเช้า นัทขยับตัวและยกแขนสองข้างขึ้นก่อนจะเกร็งร่างกายไปซ้ายและขวา

“อื้อออ”

เสียงร้องครางเบา ๆ ทำให้คนที่นอนหลับอยู่ที่เตียงข้าง ๆ ปรือตาตื่นขึ้น

ตื่นขึ้นและกระพริบตามอง

เด็กเป็ดที่นอนอยู่เอื้อมมือคว้าหมวกเป็ดเหลืองที่อยู่บนโต๊ะหัวเตียงมาสวม แล้วก็มุดหายลงไปภายใต้ผ้าห่มนวมผืนหนา

ไม่ยอมตื่น และคงจะหนาวมากจนอยากซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ฟ้ามองก้อนกลม ๆ ห่อด้วยผ้านวมสีขาวบนเตียงแล้วก็ยิ้มออกมา เมื่อคืนนี้นอนมองก้อนกลม ๆ นั้นจนเผลอหลับไป แล้วเช้านี้ก็ยังต้องมานอนมองอีกรอบ

ไม่ได้เรียก แต่ค่อยๆ ขยับกายลุกขึ้นนั่ง

น้องนัทเป็ดเหลืองมีอะไรมาทำให้ยิ้มได้เสมอ เช่น เรื่องที่ได้ยินเมื่อคืน

ยอมรับว่าตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน ถึงกับขมวดคิ้วมุ่น ประหลาดใจ ตกใจ และไม่อยากจะเชื่อ ว่าใครบางคนที่เคยไม่ชอบหน้ากันมาตลอด จะมีความรู้สึกแบบนี้ให้ ไม่ได้รู้สึกแย่ อธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก พยายามชะเง้อหน้าเพื่อมองว่าคนพูดกำลังรู้สึกยังไงตอนที่พูด แล้วความรู้สึกไม่ชอบใจเล็กๆ ก็จางหายไป

นัทเป็นคนช่างพูด เมื่อได้พูดคุยกับเพื่อน แต่ไม่เคยที่จะพูดคุยกับทางนี้เลย

แรก ๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ในเวลานี้รู้แล้ว และการได้รับรู้ครั้งนี้ ก็ทำให้ฟ้าถึงกับยิ้มออกมา

คำว่าน่ารักมันยังน้อยไป คนที่เลยคำว่าน่ารักไปไกลแล้วอย่างนัทคงไม่รู้สึกตัว

แบบนี้มันเป็นการเร่งเร้าให้อยากเข้าหา
อยากจะเข้าหา ให้มากขึ้นและมากขึ้น ยิ่งรู้ว่าแอบมีใจให้แบบนี้ ยิ่งอยากจะเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ

ฟ้าค่อย ๆ ดึงผ้าห่มออกจากร่างกาย
ลุกขึ้นและหย่อนขาลงมาข้างเตียง สวมร้องเท้าสำหรับเดินในบ้าน และค่อย ๆ ก้าวขามาที่เตียงของคนที่นอนหลับอยู่

พื้นที่บนเตียงของนัทยังพอมีเหลือให้นั่งได้ แล้วฟ้าก็ค่อย ๆ ขยับไปใกล้กับคนที่นอนขดตัว
โถมตัวลงไปหาอย่างรวดเร็ว และกอดรัดก้อนกลม ๆ ที่อยู่ใต้ผ้าห่มเอาไว้แน่น

“โอ้ยยยยยยยยยยย ปล่อยยยย จะทำอะไรวะ ปล่อยโว้ยยยย”

ได้ยินเสียงร้องโวยวายและคนที่อยู่ภายใต้ผ้าห่มก็พยายามดิ้นรนเพื่อจะให้รอดพ้นจากการถูกกอด

“ปล่อยยยยยยยย อื้ออออ ปล่อยเด๊ พี่ฟ้า ปล่อยยยย นัทเจ็บนะโว้ยยยย”

แล้วยังไงล่ะ จะร้องทำไมให้มากมาย หยอกเล่นนิดเดียวทำเป็นเล่นตัวไปได้

“ไม่ปล่อย สู้เหรอ”

ไม่ให้สู้ได้ยังไง ก็เล่นแกล้งกันแบบนี้ ตัวก็ไม่ใช่เล็ก ๆ แล้วก็มากอดแน่นแบบนี้ ใครมันจะไปอยากเล่นด้วยกันวะ

“ไอ้พี่ฟ้า ปล่อย ไอ้พี่..........อื้ออออ ปล่อยเซ่”

นัทดิ้นรนอยู่ใต้ผ้าห่ม และสามารถโผล่หน้าออกมาได้ แหกปากร้องและไม่ยอมถูกกอดง่าย ๆ ขัดขืนดิ้นรนต่อสู้ไปมา
ผิวแก้มขาว ๆ เริ่มขึ้นสีแดงเรื่อเพราะความเหนื่อย และหยาดเหงื่อใส ๆ ก็ซึมออกมาที่ขมับและหน้าผาก

“อะไร”

ก็อะไรล่ะ พี่ฟ้านั่นแหละอะไร มันใช่เวลามาเล่นหรือไง คนกำลังนอนเพลิน ๆ แล้วอยู่ดี ๆ ก็กระโดดลงมาใส่แบบนี้ มันหมายความว่ายังไงวะ

“คุณรัชชานน์ ผมจะ.....โอ้ยยยยยยยย พี่ฟ้า ปล่อยนัทซะทีสิวะ”

กำลังจะใช้อำนาจใหญ่โตแล้วคราวนี้นัทก็ต้องดิ้นรนขัดขืนเพราะคนที่กำลังจะถูกสั่งไม่ยอมฟังคำสั่ง แถมยังทำท่าจะกอดแน่นกว่าเดิมซะอีก

ทำไมพี่ฟ้าเป็นคนแบบนี้ ไม่เห็นเหมือนที่คิดไว้เลย พี่ฟ้าต้องนิ่งเงียบ แล้วก็วางมาดตลอดเวลาไม่ใช่เหรอ แล้วคนที่มาแกล้งนัทแบบนี้เป็นใคร

“ก็บอกมาก่อนสิ ว่าคนที่ชอบคือใคร”

เฮ้ยยย แล้วจะอยากมารู้เรื่องนัททำไมแต่เช้าแบบนี้

“ก็บอกว่าไม่บอกไง อย่าถามได้มั้ย”

อ๋อ ได้ ไม่ถามก็ได้

“ปรึกษาหน่อยได้มั้ยครับคุณนัท”

ปรึกษาอะไร ปรึกษาได้ แต่เมื่อไหร่จะเลิกกอดนัทซะที มันหายใจไม่ออก

“อะไรล่ะคุณรัชชานนท์”

พยายามจะเก็กหน้า ทำเป็นนิ่ง และพยายามขืนตัวออกห่าง

“นี่อย่าดื้อสิ อยู่เฉย ๆ ฟังก่อน แล้วจะปรึกษาได้มั้ยเนี่ย”

ก็แล้วมันเกี่ยวอะไร พี่ฟ้ามากอดนัทแบบนี้มันไม่เกี่ยวกับที่จะมาปรึกษาเลยนะ มันหมายความยังไงกันล่ะทำแบบนี้
นัทไม่เล่นด้วยหรอกนะ ถ้าพี่ฟ้าจะแกล้งหยอกล้อกันขนาดนี้ นัทก็ไม่อยากเล่น

“ก็รีบ ๆ พูดมาสิครับ ผมจะหายใจไม่ออกตายอยู่แล้ว”

“ชู่ววว เบา ๆ แล้วฟังก่อนสิ”

ฟ้ายกมือปิดปากคนที่พยายามจะพูดบางอย่าง และนัทก็เบี่ยงหน้าหลบ หันหนีไปทางอื่นทันที
อะไรวะ จะปิดปากนัทหรือไง แค่นี้ไม่ทำให้นัทหยุดพูดได้หรอก

“ก็พูดมาซะทีสิ คุณรัชชานนท์”

กระชากเสียงใส่ และฟ้าก็รู้สึกว่าคนที่ขยับตัวไปมาและไม่ยอมให้กอด กำลังทำหน้าตางี่เง่าได้น่ารักที่สุดในโลก

..........น่ารักเกินไปแล้วคุณนัท

“จะถามว่าชอบหมวกที่ซื้อให้หรือเปล่า”

โว้ยยยยย ถามบ้าบออะไรอย่างนี้วะ ปัญญาอ่อนสิ้นดี ไอ้พี่ฟ้า คิดจะหยอกนัทจริง ๆ ใช่มั้ย จะได้ไม่ต้องคุย เลิกกอดนัทเดี๋ยวนี้

“พูดไม่เห็นรู้เรื่องเลย อย่ามากอดได้มั้ย หายใจไม่ออกแล้ว”

ร้องลั่น ทำเสียงโวยวายใส่ แล้วฟ้าก็เลยยิ่งกอดคนในอ้อมแขนแน่นขึ้นกว่าเดิม

“ถ้าสมมติมีคนมาจีบนัท นัทจะชอบคนที่มาจีบมั้ย”

ถามบ้าอะไรวะ ทำไมถึงต้องมีคนมาจีบนัทด้วย มันเคยมีที่ไหนกันเล่า

“ไม่มีใครจีบผมหรอกคุณรัชชานนท์ ถ้าชอบใครเดี๋ยวผมไปจีบเองได้”

ตอบไปคนละทิศละทาง และฟ้าก็ถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทำไมถึงไม่เข้าใจคำถามที่ถามออกไปเลยนะ

“ก็สมมติว่ามีคนมาจีบไง จะทำยังไง สมมติครับ เข้าใจคำว่าสมมติมั้ย”

นัทไม่ได้โง่ถึงจะไม่เข้าใจว่าสมมติคืออะไร

“แล้วสวยป่ะล่ะ ถ้าสวยก็ชอบ นัทชอบคนสวย”

ตอบออกไปแบบไม่คิดอะไร ตอบออกไปแบบกลางๆ แล้วคนฟังก็ขมวดคิ้วมุ่น ตอบยังไงเนี่ย ไม่คิดบ้างเลยเหรอตอนที่ตอบ

“แล้วถ้าไม่สวยแต่เปลี่ยนเป็นหล่อ แล้วก็ดูดีตลอดเวลาล่ะ จะว่าไง”

ห๊ะ

ดูดีตลอดเวลา อะไรของพี่ฟ้า นัทไม่เข้าใจหรอก พี่ฟ้าพูดอะไร แล้วยังเรื่องสมมติอีก

“ไม่เอา ดูดีอะไรก็ไม่เอาทั้งนั้น ปล่อยนัทได้แล้วโอ้ยยยยยยย เจ็บ พี่ฟ้า ปล่อยซะทีสิวะ”

ยิ่งพูดยิ่งไปคนละเรื่อง ยิ่งพูดยิ่งไปกันใหญ่

“ไม่เอาสิ ฟังก่อน ตอบให้มันดี ๆหน่อย ถ้าสมมตินะ สมมติว่าคนที่มาจีบนัทเป็นพี่ นัทจะว่ายังไง”

ว่า
ว่ายังไง
ว่ายังไงคืออะไร

ว่ายังไงที่ว่า

ถึงกับนิ่งอึ้งและหยุดดิ้น และนัทก็ขบริมฝีปากเอาไว้ ผลักไสคนที่กอดเอาไว้แน่นให้ห่างตัว และไม่ยอมตอบคำถามอะไรเลย

“ไม่รู้ เรื่องสมมติ ก็คือเรื่องสมมติ ไม่ตอบ ไม่รู้ พี่ฟ้าก็ถามตัวพี่ฟ้าเองสิ เรื่องสมมติอะไร ไม่เห็นเข้าใจเลย”

ยิ่งพูดยิ่งหนี ยิ่งพูดยิ่งไม่ยอมให้กอด แต่คุณรัชชานนท์ก็ยังกอดแน่นไม่ยอมปล่อย

“แล้วถ้าไม่ใช่เรื่องสมมติล่ะ ถ้าเป็นเรื่องจริง นัทจะทำยังไง”

ถ้าเป็นเรื่องจริง

ถ้าเป็นเรื่องจริง

นัทก็....

นิ่ง ค้าง และนัทก็หยุดการเคลื่อนไหวแบบฉับพลัน เงยหน้ามองคนที่กำลังมองตรงมา

ไม่กล้าสบตาแต่รีบก้มหน้าหลบ

อย่าหยอกนัทแบบนี้
อย่าแกล้งนัทแบบนี้
โกรธ หรือเกลียด นัทไม่ว่า แต่อย่ามาแกล้งทำเหมือนมีใจแบบนี้

มันทำให้นัทกลัว
กลัวว่าจะชินกับสัมผัสอบอุ่น และคำพูดหวาน ๆ เวลาที่ต้องรู้ว่ามันไม่มีอยู่จริง นัทคงเจ็บปวดมาก

เพราะนัทไม่ดีเอง เลยต้องรับผลที่ตัวเองทำ

“อย่าแกล้งผมเลยคุณรัชชานนท์”

น้ำเสียงที่แผ่วโหย มาพร้อมกับการที่ฟ้า พยายามก้มหน้าลงไปหาคนที่เอาแต่ก้มหน้า และยิ่งก้มต่ำลงเรื่อย ๆ เมื่อถูกเร่งเร้าอยากได้คำตอบ

“นัท”

ครับ

“อย่าน่ารักกว่านี้อีกเลยได้มั้ย”

นัทไม่ได้น่ารัก อย่ามาใช้คำนี้ นัทไม่ชอบ มันทุเรศเวลามีคนพูดแบบนี้ใส่

นัทคงน่ารักเหมือนเด็กอนุบาล เหมือนเด็กประถม หรือเหมือนเป็ด เหมือนหมา เหมือนแมว เหมือนกระรอก กระต่าย
สำหรับพี่ฟ้า คำว่าน่ารักคงมีความหมายแบบนั้น แต่นัทไม่ชอบ เพราะนัทไม่ใช่หมา แมว เป็ด กระรอก แต่นัทเป็นคน

นัทไม่ชอบเวลาใครมาบอกว่าน่ารัก นัทไม่ชอบเลยจริง ๆ มันเหมือนเป็นการย้ำว่านัท มันไม่ได้มีดีอะไร นอกจากภาพลักษณ์ภายนอกที่คนมองว่าน่ารัก เหมือนสัตว์เลี้ยงขนปุยพวกนั้น

นัทไม่ชอบ และนัทไม่เข้าใจว่าคำว่าน่ารักแท้จริงแล้วมันหมายความว่ายังไง

“ผมไม่ได้น่ารักคุณรัชชานนท์ อย่ามองว่าผมน่ารัก ผมไม่ได้อยากเป็นแบบที่คุณพูด อย่ามายัดเยียดให้”

อะไรกันล่ะ ทำไมต้องพูดแบบนี้ด้วย หาเรื่องให้อยากแกล้งนักนะ หาเรื่องให้หมั่นไส้ ฟ้ายอมปล่อยคนที่อยู่ในอ้อมแขนออกอย่างง่าย ๆ และลุกขึ้นยืน เดินออกจากห้องและเปิดประตูระเบียงเพื่อเดินไปนั่งหย่อนขาที่ระเบียงที่ยื่นออกไปที่ท่าน้ำ

ใครบางคนเดินหนีไปแล้ว
และนัทก็นั่งอยู่บนเตียง นั่งเงียบ ซึมเศร้าอีกแล้ว

ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ไม่รู้ว่าควรทำอะไร สุดท้ายลุกขึ้นจากเตียงและเดินอย่างเชื่องช้าออกไปหาคนที่นั่งอยู่ที่ระเบียงที่ท่าน้ำ

มายืนอยู่ใกล้ ๆ แต่ไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่ทำหน้าเศร้า และฟ้าที่นั่งอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมองก่อนจะก้มกลับลงไปอีก แกล้งทำเหมือนไม่สนใจ

นัทก็เลยได้แต่ยืนอยู่อย่างนั้น จะนั่งก็ไม่กล้า จะไปก็ไม่กล้า ไม่รู้ว่าจะทำยังไง

สุดท้ายได้แต่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ และกำลังจะหมุนตัวกลับแต่ก็ถูกดึงข้อมือเอาไว้

“มานั่งตรงนี้ครับ”

นั่งตรงนี้.........

นัทค่อย ๆ นั่งลงช้า ๆ นั่งข้างๆ คนที่ดึงแขนเอาไว้ และก็หย่อนขาลงไปในน้ำ

สัมผัสได้ถึงความเย็นของน้ำ และเมื่อเงยหน้าก็มองเห็นพระอาทิตย์ที่กำลังเริ่มจะโผล่ขึ้นมาจากขอบฟ้า

นั่งอยู่ด้วยกัน นั่งข้าง ๆ กัน และคนที่นั่งอยู่ด้วย ก็ยกแขนขึ้นโอบไหล่นัทเอาไว้

ทำไมพี่ฟ้าทำแบบนี้ นัทไม่เข้าใจ
พยายามดึงมือของคนที่โอบไหล่ให้ออกห่าง แต่คนที่แกล้งก็ไม่ยอมเลิกราง่าย ๆ ยิ่งถูกผลักไส ยิ่งเข้าหา

ยิ่งต่อต้าน ยิ่งอยากเข้าใกล้

“คุณรัชชานนท์จะโอบผมทำไม”

ก็ไม่ทำไม ก็ชอบ แล้วคุณนัทจะทำไม

“หรือคุณนัทจะโอบผมแทนล่ะ”

เป็นคำตอบที่นัทได้แต่นิ่งอึ้ง และทำหน้าจ๋อย
พี่ฟ้าไม่เห็นเป็นอย่างที่เคยคิดเลย พี่ฟ้าคนนี้ไม่เห็นเหมือนคุณรัชชานนท์เลขาหน้านิ่งเลยสักนิด

ปกติคุณรัชชานนท์เป็นพวกไม่แสดงอารมณ์ ทำงานเหมือนหุ่นยนต์ ทำตามคำสั่งได้ทุกอย่าง นิ่งเงียบ เคร่งขรึมที่สุดจนบางครั้งนัทก็นึกกลัว

ส่วนพี่ฟ้าคนที่นัทอยู่ด้วยตอนนี้  หน้านิ่งไม่แสดงอารมณ์เหมือนคุณรัชชานนท์ ต่างกันตรงที่พี่ฟ้าชอบเข้าหาแบบถึงเนื้อถึงตัว ชอบหยอก ชอบแกล้ง บางครั้งก็พูดจาแปลก ๆ ใส่ จนนัทนึกหวั่นใจ บางครั้งก็ใจดี บางครั้งก็แกล้งนัทแรงๆ จนแทบอยากร้องไห้ แต่ถ้าเป็นคุณรัชชานนท์จะไม่มีทางทำแบบนี้กับนัทเด็ดขาด

“นี่คุณนัทผมจะบอกอะไรให้อย่างนะ”

อือ
บอกอะไรเหรอ

ตั้งใจฟัง
ฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ

“มาพักผ่อนก็รีแล็กซ์บ้าง ที่หยอกที่แกล้งก็ไม่ใช่อะไรหรอกนะ ผมทำเพื่อให้เราได้สนิทสนมกันมากขึ้น เวลาทำงานมันจะได้ไม่ต้องพูดกันมาก แค่มองหน้าก็เข้าใจกันแล้ว คุณนัทว่าแบบนี้ดีมั้ย”

นัทคิดไปเองสินะ คิดไปว่าพี่ฟ้าเริ่มมีใจ แต่แบบนี้ก็ดีแล้ว แบบนี้ก็ดี เพื่อที่เราจะได้สนิทสนมกัน เพื่อจะได้สนิทกันมาก ๆ เวลาทำงานจะได้ราบรื่น แค่นั้น.....เองสินะ

พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ และคราวนี้นัทก็ยอมให้ฟ้าโอบไหล่ได้

โอบได้ง่าย ๆ และไม่ฝืนตัวออกห่างอีก

มองไปที่แสงสีส้ม ที่ระยิบระยับอยู่ที่เส้นขอบฟ้า มองพระอาทิตย์ดวงโต ที่กำลังโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมาเรื่อย ๆ

ก่อนจะหันมามองคนตรงหน้า เพราะปลายนิ้วแกร่งที่เชยคางนัทเอาไว้และดึงให้หันหน้ามาหา

“น้องนัทครับ อย่าคิดมากนะ ผ่อนคลาย สบาย ๆ แล้วก็กล้า ๆ กว่านี้หน่อย คนที่นัทชอบ เขาสมควรจะได้รู้นะว่านัทชอบเขา”

เขาไม่สมควรรู้หรอกว่านัทชอบเขา เขาไม่....สมควร...รู้จริง ๆนะ....พี่ฟ้า

เปลือกตาปิดลงช้า ๆ พร้อมกับใบหน้าของใครบางคนที่โน้มลงมาหาใกล้ ๆ นัทกำชายเสื้อของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น และสัมผัสได้ถึงปลายจมูกโด่งและริมฝีปากที่ประทับลงที่เปลือกตาและข้างแก้ม ก่อนที่ริมฝีปากอุ่น ๆ จะแตะซ้ำอีกครั้งที่ริมฝีปากของนัทเบา ๆ

ไม่เรียกร้อง ไม่รุนแรง แต่เป็นการแตะซ้ำเบา ๆ ขบเม้มและดูดดุนที่ริมฝีปากของนัท เพื่อให้นัทยอมเปิดปากรับปลายลิ้นที่สอดเข้าไปในโพรงปาก เพื่อเกี่ยวกระหวัดรัดกัน

“อืออ”

ไม่รู้ว่าส่งเสียงครางแบบนี้ออกไปได้ยังไง นัทไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด

ไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้เลยจริงๆ

หลับตาและรับสัมผัสแผ่วหวานแบบนั้น หลับตาและไม่รู้ว่าความรู้สึกหลุดหายไปตอนไหน

ใครบางคนทิ้งตัวเข้ามาในอ้อมแขนของฟ้า และฟ้าก็ลืมตาขึ้น ชายเสื้อยังถูกกำเอาไว้แน่น แต่คนบางคน หลับกลางอากาศไปเรียบร้อย ไม่ได้ตกใจแต่รู้สึกว่าแบบนี้มันน่ารักเกินไป

กอดเอาไว้และเกลี่ยไล้ไปมาที่เส้นผมที่ลู่ตกลงที่หน้าผากของคนในอ้อมแขนและฟ้าก็ยิ้มออกมา

ให้ตายเถอะวะ ถ้าจะน่ารักขนาดนี้ ก็อย่าได้คิดเลย ว่าทางนี้จะยอมปล่อยไปง่าย ๆ ไม่มีทางปล่อยแน่ ๆ ไม่ว่ายังไงก็จะไม่มีวันปล่อยไปเด็ดขาด  ถ้านัทคิดจะหนี ก็จะวิ่งตามไปเรื่อย ๆ

ครั้งนี้จะไม่มีวันปล่อยหัวใจของตัวเองไปไหนอีก

พอแล้วกับความเจ็บปวด  คราวนี้คุณรัชชานนท์ไม่คิดจะปล่อยให้หัวใจของตัวเองต้องเจ็บปวดทรมานเหมือนครั้งที่ผ่านมาอีกแล้ว

ยังไงก็ไม่มีวัน

 TBC.

 Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2818.0)
      และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)
 
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 66
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 01-06-2014 07:56:21
นัทเจอพี่ฟ้ารุกหนักแน่
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 66
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 01-06-2014 07:58:49
อ้อมไปอ้อมมาเมื่อไหร่จะคุยกันจริงจังซะที  :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 66
เริ่มหัวข้อโดย: @rnon ที่ 01-06-2014 08:46:19
 o13

พี่ฟ้า... เจ๋งมาก
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 66
เริ่มหัวข้อโดย: cowinsend ที่ 01-06-2014 08:57:49
โหยยย พี่ฟ้ามันสุโค่ยโคตรๆๆๆ  อ่านแล้วฟินค่ะ อินี่ฝันหวานไปแล้ว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 66
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 01-06-2014 09:26:05
ได้จูบแล้วววว เหยดดด น้องนัทชิงหลับไปนี่คือแกล้งหรือหลับจริง
งานนี้กลับไปได้เจอพี่ฟ้ารุกหนักแน่
ไม่รู้ว่าถ้าพี่ฟ้ารู้ว่าที่นัทจนเพราะให้เงินพี่ฟ้า พี่ฟ้าจะรู้สึกยังไงนะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 67
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 01-06-2014 10:02:09
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน ทำแบบนี้เท่ากับฆ่ากันทางอ้อม

ไม่รู้ยังไงนะ แล้วก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรด้วย อยู่ดี ๆ ก็วูบไปและตอนนี้ก็มานอนหนุนตักใครก็ไม่รู้

ปรือตาตื่นขึ้นและสัมผัสได้ถึงสายลมเย็น ๆ ที่พัดผ่านใบหน้า สัมผัสได้ถึงฝ่ามืออุ่น ๆ ที่ลูบไล้อยู่ที่เส้นผม
ไม่อยากตื่น แต่ก็ไม่กล้านอนต่อ นัทค่อย ๆปรือตาตื่นขึ้น สิ่งแรกที่ได้เห็นคือปลายคางของใครบางคน

มองดี ๆ กระพริบตาปริบ ๆ สองสามทีก็ยิ่งแน่ใจว่าคนที่ให้หนุนตักคือพี่ฟ้า

พี่ฟ้าของจริงของแท้เลยล่ะ แค่นั้นยังไม่พอ พี่ฟ้ายังก้มหน้าลงมามองแล้วก็เลิกคิ้วขึ้นสูงเหมือนเป็นการตั้งคำถามว่านัทกำลังมองอะไร

และมองทำไม

ไม่รู้ มองทำไมล่ะ ก็ไม่ได้มองทำไมนะ ก็เห็นว่าเป็นพี่ฟ้า ก็เลยมอง ไม่ได้หรือไงวะ
มองแค่ปลายคางก็คงไม่ใช่ คราวนี้นัทก็เลยมองไปที่...ริมฝีปาก

มองแล้วถึงเพิ่งนึกขึ้นได้

ชัดเลยแบบไม่ต้องสงสัย
พี่ฟ้า….
ยกหลังมือขึ้นปิดปากของตัวแล้วรีบลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว

หน้าคงเริ่มแดง เพราะรู้สึกถึงอาการร้อนวูบที่ใบหน้า

จริงหรือเปล่าวะ หรือว่าเพ้อ หรือว่าฝันไป หรือว่าอะไรยังไง ไม่เข้าใจ หรือบางทีไม่แน่ก็อาจจะละเมอคิดไปเอง

พี่ฟ้าเนี่ยนะ พี่ฟ้าเลยนะเว้ยยย พี่ฟ้าเลยนะมึงนัท พี่ฟ้าเลยนะ ใช่พี่ฟ้าเนี่ยแหละ ใช่เลย พี่ฟ้า.....

“พี่ฟ้า”

พูดเสียงงึมงำอยู่ในลำคอ และคนที่นั่งมองหน้านัทก็ขานรับ

“ใช่พี่ฟ้าเอง เรียกทำไมเหรอนัท”

ไม่ทำไมไง ก็ไม่ทำไม ไม่มีอะไร ก็แค่ยกหลังมือขัดถูที่ริมฝีปากตัวเอง แล้วก็แค่ไม่กล้ามองหน้าพี่ฟ้าด้วย
นัทไม่ได้ทำอะไรมากก็แค่ลุกขึ้นยืน ก้าวขาเดินลิ่ว ๆ เข้าห้อง และไปนั่งอยู่บนเตียงพร้อมอาการมึนงง ก่อนจะเบะหน้า แล้วก็นึกอยากจะตะโกนออกมาให้สุดเสียง

“เวรแล้วไอ้นัท”

ทำหน้าไม่ถูก พูดอะไรไม่ออก

หรือว่านี่เป็นการล้อเล่นแบบแผลง ๆ ของพี่ฟ้า นี่เป็นแค่สิ่งที่พี่ฟ้าล้อเล่นกับนัทหรือเปล่า
พี่ฟ้าไม่เข้าใจหรอก ว่าเล่นแบบนี้มันกำลังจะทำให้นัทตาย

เล่นแบบนี้

“ฮื่อออออออออ”

ดึงหมอนมาปิดหน้าตัวเองเอาไว้ แล้วนัทก็ล้มตัวลงไปนอนอยู่บนเตียง ตายแน่แล้วงานนี้ ทำตัวไม่ถูกแล้ว จะให้ปั้นหน้าต่อไปก็คงไม่ไหวอีกแล้ว

แล้วจะให้ทำยังไง แบบนี้จะให้ทำยังไง

ไม่ทำยังไงหรอกนัท ก็แค่ตั้งสติ แล้วค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ คิดนะนัท ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ คิดไป ค่อย ๆ คิดไปแล้วก็ใจเย็น ๆ

พยายามเรียกสติตัวเองกลับมา แล้วนัทก็นอนนิ่ง ๆ โดยมีหมอนปิดหน้า ไม่ยากหรอก อยู่เฉย ๆ นิ่ง ๆ เอาไว้ อย่ามีปัญหา อย่าทำตัวแปลก ๆ พี่ฟ้ายังไม่เห็นจะคิดอะไรเลย งั้นทางนี้ก็ต้องนิ่ง ๆ เข้าไว้

นิ่งๆ ไว้นัท นิ่ง ๆ ไว้ นิ่ง ๆ แล้วมันจะนิ่งยังไงไหว

นิ่งแล้ว

“ฮื่ออออออ”

กระสับกระส่ายนอนพลิกตัวไปมาด้วยความกลุ้ม โดยไม่ได้สำนึกเลยว่า ในเวลานี้มีใครเดินเข้ามาในห้อง แล้วก็ลากเก้าอี้มานั่งมองทุกกิริยาท่าทางของนัทอยู่

มองแล้วก็ยิ้ม ยิ้มกับอาการกระสับกระส่ายทุรนทุรายของคนที่เอาหมอนปิดหน้าแล้วกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง

มองเพลิน

มองไปเรื่อย แล้วฟ้าก็ยิ้ม
ไม่รู้สิ
น่ารักดี
ทำบ้าอะไรไม่รู้ล่ะ แต่น่ารักดี น่ารักดีจนต้องลากเก้าอี้มานั่งมอง

แต่ดูเหมือนไม่ใช่แค่มอง เพราะอะไร ๆ ชักจะเลยเถิดไปใหญ่ กลิ้งอยู่บนเตียงก็จริง แต่กางเกงร่นขึ้นไปจนถึงขาอ่อน

แถมซ้ำยังชายเสื้อที่เลิกขึ้นสูงจนเห็นผิวเนื้อขาว ๆ แถว ๆ หน้าท้องเนียนนั่นอีก

พอเถอะนัท อย่าทำให้ต้องท่องสูตรคูณอีกเลยได้มั้ย จะไม่ไหวนะแบบนั้น
ไม่คิดจะระวังตัวเองบ้างเลยหรือไงกัน

“นัท”

ห๊ะ

หยุดกลิ้ง และแกล้งตาย

นัทนอนนิ่ง ๆ ไม่ขยับ ทั้งที่มีหมอนปิดอยู่ที่ใบหน้า นิ่งไงนัท นิ่งไว้ สงบสติอารมณ์ไว้ นิ่งแล้วก็....

ฟ้าลุกขึ้นจากเก้าอี้ และถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ถอนหายใจเสียงดังจนนัทได้ยิน และคนที่ถอนหายใจก็เดินมายืนอยู่ที่ข้างเตียง และจัดการดึงเสื้อที่เลิกขึ้นสูง และดึงขากางเกงที่ร่นขึ้นไปจนถึงขาอ่อนลง

ตายสิครับ

นัทเปล่าทำอะไรเลยนะ เสื้อกับกางเกงมันถลกขึ้นไปเอง นัทเปล่าทำอะไรเลย เปล่าจริง ๆ

“ชอบโชว์หรือไง ถ้าชอบไม่ถอดซะให้หมดเลยล่ะ”

เปล่า
นัทไม่ได้ชอบโชว์
นัทหลับแล้ว

ที่เห็นนั่นไม่เกี่ยวกับนัทนะ นัทแค่นอนละเมอเฉย ๆ

ไม่มีเสียงตอบรับ นอกจากการที่คนที่อยู่บนเตียงยังนอนนิ่งโดยมีหมอนปิดบังใบหน้าอยู่

“นัทเป็นอะไร”

ไม่ได้เป็นอะไร แค่......แม่ง...อย่างอาย
หมอนถูกดึง และนัทก็ไม่ยอม ใช้มือจับหมอนเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

“นัท...ปล่อย”

ไม่
ทำไมนัทต้องปล่อยด้วย
ไม่มีทาง นัทจะไม่ปล่อยเด็ดขาด ยังไงก็ไม่

“นัท…ปล่อยมือเดี๋ยวนี้”

ไม่
ยังไงก็ไม่

“นัท ปล่อยมือ ไม่งั้นอย่าหาว่าพี่ไม่เตือน”

ยังไงก็ยืนยันคำเดิมว่ายังไงก็...ไม่

ไม่
และ...........
มือหนึ่งจับที่หมอนเอาไว้แน่น ส่วนอีกมือดึงชายเสื้อของตัวเองเอาไว้

อย่าทำนัทเลย
อย่าแกล้งนัทเลย

อย่าทำแบบนี้กับนัทเลย

อย่าเลยพี่ฟ้านัทขอร้อง อย่า....

เพราะว่าชายเสื้อถูกเลิกขึ้นสูง พร้อมกับที่นัทสัมผัสได้ถึงฝ่ามือร้อนรุ่มที่สอดเข้ามาและวางมือสัมผัสลูบไล้เบา ๆ ที่หน้าท้อง

“จะปล่อยมั้ยนัท”

ไม่ปล่อย ยังไงก็ไม่

จะปล่อยได้ยังไง

ปล่อยนัทก็โชว์หน้า พี่ฟ้าไม่รู้หรอกว่าหน้านัทแดงไปถึงไหนแล้ว บางทีมันก็คงแดงลามไปถึงคอแล้วป่านนี้

“ฮื่ออออ”

ร้องออกมาและพยายามบิดกายหนีไปอีกทาง แต่ฟ้าไม่ยอมให้คนบางคนทำตามใจตัวเองอีกแล้ว

“ไม่ปล่อยพี่ปล้ำนะ เอางั้นมั้ย”

ไม่

ไม่เอาแบบนั้น ไม่เอา

ไม่เอา

ยอมลดมือลง และคนที่พยายามดึงหมอนออกก็สามารถดึงออกได้ง่าย ๆ

เด็กเป็ดหน้าแดงเถือก หลับตาแน่น แถมยังเม้มปากอีก

แบบนี้มันยิ่งกว่ายั่ว แบบนี้มันยิ่งกว่าจะยั่วกันให้ตาย

“ไอ้เด็กเป็ดเหลืองเน่าเอ้ยยยย”

เฮ้ยยยยย

อะไรวะ อยู่ดี ๆ ก็มาด่านัทเฉยเลย พี่ฟ้าทำแบบนี้กับนัทได้ไง พี่ฟ้าด่านัททำไม แถมยัง.....

ไปไหนล่ะพี่ฟ้า ไปไหน นัทยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ แล้วพี่ฟ้าจะไปไหน

“พี่ฟ้า....นัทยังไม่ได้กินข้าวเช้านะ พี่ฟ้าจะไปไหน นัทหิวข้าวแล้ว”

ตะโกนถาม และคนที่ไปยืนทำหน้ายุ่งอยู่ที่หน้าประตูก็เดินกลับเข้ามาในห้อง พร้อมกับวางกระเป๋าสตางค์เอาไว้ให้

“อยากกินอะไรกิน...เปิดกระเป๋าหยิบเอาเลยแล้วกัน”

อืม
รู้แล้ว
แต่พี่ฟ้าทำไมต้องทำเหมือนโกรธนัทด้วย แล้วพี่ฟ้าจะไปไหน

“อีกครึ่งชั่วโมงพี่จะกลับมา รออยู่ที่นี่เฉย ๆ เข้าใจมั้ย”

ได้
เข้าใจ
แต่พี่ฟ้ายังไม่ได้บอกนัทเลยว่าจะไปไหน

“พี่ฟ้า...จะไปไหนบอกนัทก่อนนะครับ”

แล้วจะเรียกแบบนั้นทำไม แล้วจะทำท่าทางเหมือนกำลังอ้อนแบบนั้นทำไม เกินไปแล้วคุณนัท แบบนี้มันเกินไป

“เดี๋ยวคุณรัชชานนท์จะกลับมานะคุณนัท คุณนัทรอคุณรัชชานนท์อยู่ที่นี่นะ จะกินอะไรก็ซื้อ อยากจะดูรายการโทรทัศน์อะไรก็ดู หรือจะไปนั่งเล่นที่ระเบียงอีกก็ได้”

รู้แล้ว แต่ที่นัทอยากรู้คือพี่ฟ้ากำลังจะไปไหน

“แล้วพี่ฟ้าจะกลับมาอีกครึ่งชั่วโมงใช่มั้ย”

ประมาณนั้น ไม่แน่ก็อีกซักพัก พักใหญ่ ๆ ขอไปสงบสติอารมณ์ก่อน รับรองเดี๋ยวกลับมาแน่ ๆ ยังไงก็จะกลับมา

“ความลับครับ บอกไม่ได้”

เหรอ

ความลับเหรอ งั้นนัทไม่ถามก็ได้ นัทไม่อยากรู้แล้ว
พยักหน้ารับ แล้วนัทก็มองตามคนที่เดินออกจากประตูห้องไป

พี่ฟ้าเป็นอะไรไม่รู้ อยู่ดี ๆ ก็มาแกล้ง แกล้งเสร็จก็เดินหนีออกจากห้องไป

เดินหนีออกจากห้อง

พี่ฟ้าคิดอะไรอยู่ …
พี่ฟ้าคิดอะไรอยู่ในหัวเหรอ นัทไม่เข้าใจ

วางมือไว้ที่หน้าท้องของตัวเอง บริเวณที่คนบางคนแกล้งลูบไล้เล่นเมื่อไม่กี่นาทีก่อน

สัมผัสจาง ๆ ยังอยู่ในความทรงจำและไม่ทันจางหาย

นัทวางมือเอาไว้แบบนั้นก่อนจะลองลูบไล้ฝ่ามือวนเล่นเหมือนที่ฟ้าแกล้งทำให้

ลูบไปเรื่อย และเริ่มรู้สึกถึงความร้อนของร่างกาย

ไม่ใช่แค่ที่หน้าท้อง แต่ตอนนี้นัทเริ่มสอดมือเข้าไปภายในกางเกง

อารมณ์ความรู้สึกร้อนรุ่มมาพร้อมกับรสสัมผัสที่ยังไม่ทันจาง

นัทขบริมฝีปากแน่น และลุกขึ้นนั่ง ขยับเอนหลังพิงกับหัวเตียงและลูบไล้บางอย่างที่กำลังแข็งขืนอยู่ภายในกางเกงอย่างช้า ๆ
เริ่มขยับมือขึ้นลง และหลับตา

ริมฝีปากขบเข้าหากันแน่น สมองเริ่มคิดภาพบางอย่างไปเรื่อย

คิดไปถึงใครบางคน

“พี่ฟ้า อือออออ”

ขบริมฝีปากเอาไว้ เพราะความรู้สึกชักเริ่มเตลิดไปไกล

ในหัวมีแต่หน้าพี่ฟ้า

พี่ฟ้า

พี่ฟ้า

“พี่ฟ้า...อื้อออพี่ฟ้าครับ ช่วยนัทด้วย นัทไม่ไหวแล้วจริง ๆ”

 TBC.

 Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2818.0)
      และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 67
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 01-06-2014 10:07:25
ผูกพันด้วยแส้แห่งรัก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 67
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 01-06-2014 10:08:08
ตอนท้ายมัน  :pighaun:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 67
เริ่มหัวข้อโดย: FahFon ที่ 01-06-2014 10:08:10
ลุ้นตัวโก่งเลยยยยยย รอตอนใหม่อย่างใจจดจ่อ >__<
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 67
เริ่มหัวข้อโดย: foolishbeat ที่ 01-06-2014 10:16:44
เดี๋ยวพี่ฟ้าก็มาช่วยเด็กเป็ดเหลืองสินะ
มาอีหรอบนี้ ฮื่อออ น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 67
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 01-06-2014 10:20:30
แหล่วๆๆๆๆๆ 55555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 67
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 01-06-2014 10:35:09
เฮืออออออก เด่วพี่ฟ้ามาเห็นนะนัท   :z1: ตื่นเต้นเลย   :jul1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 67
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 01-06-2014 10:49:18
เฮือก!!!! เม้นไม่ออก บอกไม่ถูก
ตอนสุดท้ายมันคืออาร๊ายยยยยยย
หวังว่าพี่ฟ้าคงไม่ได้เห็นไม่ได้ยินนะ
ไม่งั้นไอ้เป็ดเหลือง ตายๆๆๆๆ  555

ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไป ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 67
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 01-06-2014 10:58:38
พี่ฟ้า......กลับมาเถิด......น้องมันไม่ไหวแล้ว....พี่ฟ้าอยู่หน่ายยยยยยย


 :o8:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 67
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 01-06-2014 11:56:46
 :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 67
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 01-06-2014 11:58:22
 :ling1:ฆ่าคนอ่านด้วยยยยยย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 67
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 01-06-2014 11:58:42
นัท มันคืออะไร
ไม่ต้องแล้วพี่ฟ้า กลับมาช่วยนัทดีกว่าาาาาาาา
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 67
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 01-06-2014 12:13:17
เริ่มลงตัว :hao4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 67
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 01-06-2014 12:30:07
ไม่ใช่พี่ฟ้าเดินกล้บมาแล้วเห็นภาพนี้ตะบะแตก แดกตับทันทีเลยนะ  สาธุขอให้ใช่ :call:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 67
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 01-06-2014 12:44:24
^
^
ชอบความเห็นรีบน ตบะแตกแดกตับ 55555
เคลมเลย เคลมเลย
 :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 67
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 01-06-2014 13:01:53
ตายๆๆๆ กับฉากสุดท้าย น้องเป็ดเหลือกำลังจะ.... :jul1: พี่ฟ้าช่วยน้องด่วน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 67
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 01-06-2014 13:40:52
แอบมาส่อง ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 67
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 01-06-2014 13:49:15
ถ้าพี่ฟ้ากลับมาเจอตอนนี้ คงได้ช่วยนัทแน่ๆ :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 67
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 01-06-2014 13:53:42
รอคอยความกล้าของพี่ฟ้า
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 67
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 01-06-2014 14:09:54
อร๊ายยย น้องนัท  :m24:
พี่ฟ้ากลับมาช่วยน้องเป็ดเร๊ววว  :oo1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 67
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 01-06-2014 14:25:23
 :katai5: :hao7:วิ่ง เข้าเล้า...เพื่อรอดูน้องนัทให้พี่ฟ้าช่วย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 67
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 01-06-2014 14:40:12
เหยยยย พี่ฟ้าจงลืมของแล้วกลับมาเดี๋ยวนี้นะครัชชช
น่ารักมากอะคู่นี้ ที่หนึ่งเลย
อยากอ่านต่อไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ ไม่อยากให้จบเลย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 67
เริ่มหัวข้อโดย: yaoigirl ที่ 01-06-2014 14:54:58
เข้ามารอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ  :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 67
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 01-06-2014 14:58:48
 :m25: อ๊ายอะไรเนี่ยน้องนัท คนอ่านเตลิดนะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 67
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 01-06-2014 15:14:54
เห็นชื่อคุณเท็นที่หัวเรื่องเลยมาตามอ่านเรื่ิองนี้
คุณเทนเทพจริงๆ แต่งให้เรารักได้ทุกคน
ขอบคุณคนลงเรื่อง อัพเร็วแบนนี้เลิฟ เลิฟ

ชอบมากๆทุกคู่เลย บริษัทนี้ยังไงแซ่บเวอร์ทุกแผนก (ของเค้าแรงจริง
เป็นกันทั้งบริษัท)
ลำเอียงรักแผนกขนส่งสุดฮอต แต่เขยสะใภ้แผนกขายก้อได้ใจสุดๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 67
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 01-06-2014 16:14:20
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน แผนของนัทคือเขียนจดหมายลาตาย

นอนอยู่ภายใต้ผ้าห่ม

นอนคลุมโปงและไม่กล้าโผล่หน้าออกมา สาบานกับตัวเองว่าจะไม่มีทางโผล่ออกมานอกผ้าห่มเด็ดขาด ไม่ว่ายังไงก็จะไม่มีทางโผล่ออกมาแน่ ๆ ไม่มีทาง

พี่ฟ้าจะพูดจะว่าอะไร จะทำอะไรนัทก็ช่าง แต่นัทจะไม่ออกไป ยังไงก็จะไม่ออกไป
ไม่มีทาง
ยังไงก็ไม่..........

“นัทครับ นัท”

ไม่เอา ฮือออออออออ
 
ร้องไห้ให้ตายก็ไม่มีประโยชน์หรอก ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีประโยชน์

โง่นัทเอ้ย
คิดจะทำอะไรทำไมไม่รู้จักดูหน้าดูหลังก่อน เป็นแบบนี้ทุกที ถูกเห็นเรื่องอะไรก็ไม่น่าอายเท่าเรื่องนี้
แม่ง กำลังได้ที่เลย.......ไอ้โง่นัทเอ้ยยยยยยยยยย

“ทำซะให้เสร็จ นัท เร็วออกมาคุยกันก่อน”

ไม่ทำอะไรทั้งนั้น
ให้แม่งค้างตายแบบนี้ไปเลย
นัทจะไม่ช่วยตัวเองไปตลอดชีวิต คอยดูสิโว้ยยยยยยย ไอ้โง่นัท

ถ้าไม่ยอมออกมา ก็ต้องเข้าไปหา สิ่งที่ฟ้าคิดได้ คือถ้าไม่ยอมออกมาก็ต้องเข้าไปหา วิธีการเข้าหามีเยอะแยะ เช่น....สอดมือเข้าไปใต้โปงผ้าห่ม และใช้วิธีการลุกไล่ให้ไม่มีทางต่อสู้

“นัท”

ได้ยินเสียงเรียก และนัทก็พยายามจะหยุดมือที่โผล่เข้ามาหา

“พี่ฟ้า ไม่เอา นัทไม่เอา อย่าทำนัทเลย ไม่เอาแล้ว นัทขอโทษ”

ขอโทษอะไร ขอโทษตอนนี้ก็สายไปแล้ว

“นัทเอาพี่ไปทำอะไรบ้าง นัททำไมทำกับพี่ฟ้าแบบนี้”

ไม่ได้ทำอะไรจริง ๆ นัทสาบานได้ ว่านัทไม่ได้ทำอะไร นัทแค่คิดอะไรไปคนเดียวเฉย ๆ

“ไม่ได้ทำ นัทไม่ได้ทำจริง ๆ พี่ฟ้าอย่าโกรธเลย นัทไม่ได้ทำจริง ๆ”

ยิ่งปฏิเสธยิ่งอยากร้องไห้

อ่อนแรง
กัดฟัน สะกดกลั้นความอับอาย
น้ำตากำลังหยด แต่ก็กัดปากตัวเองเอาไว้ไม่ให้มีเสียง

“ไม่เชื่อ นัททำอยู่ชัด ๆ”

“นัทขอโทษ ฮืออออออออออ”

ไม่ต้องกลั้นน้ำตาอีกแล้ว เพราะทนแรงกดดันไม่ไหวแล้วจริง ๆ ทั้งอาย ทั้งทุเรศตัวเอง แถมยังโดนคาดคั้นสารพัด จนต้องร้องไห้

“นัทร้องไห้เหรอนัท ร้องไห้ทำไม นัทร้องไห้ทำไม”

ร้องทำไมไม่รู้ แต่กูไม่ไหวแล้วโว้ยยยยยยยย

แม่ง...คิดอะไรไม่ออกแล้ว รังแกนัทซะให้พอใจเลยสิโว้ยยยย โชคชะตาบ้าบออะไรเนี่ย

ไม่ต้องเหลืออะไรแล้วชีวิตนี้ ไม่มีอะไรทุเรศได้ขนาดนี้อีกแล้ว

ยังไงก็ไม่มี
เทียบกับสภาพเป็ดเน่าที่เคยคิดว่าทุเรศที่สุดแล้ว ยังไม่ได้เศษเสี้ยวของความอายในครั้งนี้ มันเทียบกันไม่ได้จริง ๆ

“นัทคุยกับพี่ก่อน”

คุยแล้ว
มา
อยากคุยอะไรก็ว่ามา

เอาให้มันบ้าตายไปข้างเลย คุยเสร็จนัทจะกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย เดี๋ยวจะเขียนจดหมายอำลาครอบครัวก่อนเลยด้วย

“นัท มันก็แค่อารมณ์ธรรมดา แบบนี้พี่ก็เป็น นัทจะกลัวอะไร กลัวพี่เห็นเหรอ พี่ก็เห็นแล้ว นัทจะกลัวอะไรพี่อีก ไหนบอกพี่สิ นัทกลัวอะไร”

ไม่ได้กลัวอะไรแล้ว ตอนนี้คือช่วงสั่งเสีย ก่อนฆ่าตัวตาย

“นัท.......นัทครับ”

ฮือออออ

ไม่ต้องเรียกแล้วพี่ฟ้า พอแล้ว

นัทร้องไห้ไม่ยอมหยุด และยกหลังมือขึ้นขยี้ตา

เอาเลย
อยากทำอะไรก็ทำ เป็นการทำอย่างว่าครั้งสุดท้ายก่อนตาย โคตรเท่ห์อ่ะ ไอ้นัท มีที่ไหนแบบนี้
อย่างเท่ห์ ตายไปจะได้ไปบอกยมบาลได้ ว่าได้เสียวก่อนตายแล้วนะ หมดห่วงแล้ว

กัดปากไปก็เท่านั้น เพราะใครบางคนไม่ยอมให้ทำอย่างนั้น
โน้มหน้ามาหาและแนบริมฝีปากประกบแนบแน่นกับริมฝีปากของนัท  ยึกปลายคางของนัทเอาไว้ ไม่ให้หันหน้าหนี
สอดปลายลิ้นเข้ามาในโพรงปากที่เม้มแน่น และในเวลาไม่นานแม้จะไม่ยอมให้จูบ  แต่สุดท้ายก็ต้องยอม

ทำตัวไม่ถูก อยู่ในสภาพ เก้ ๆ กัง ๆ
พาลจะหายใจไม่ทันอยู่หลายรอบ ดีที่คนที่สอนยอมอ่อนข้อให้ด้วยการผละใบหน้าออกห่างเป็นพัก ๆ เพื่อให้นัทรู้วิธีหายใจ

มือดึงชายเสื้อของคนที่จูบเอาไว้แน่น

ทั้งดึงทั้งขยำ ทำหน้าไม่ถูก อยากหายไปจากโลกนี้ในพริบตา เมื่อรู้ว่าฝ่ามือร้อนรุ่มลากยาวจากขาอ่อนมาหยุดที่กลางหว่างขาและลูบไล้ฝ่ามือไปมาอยู่บริเวณนั้น

มันตื่นไปหนึ่งรอบ แล้วก็หายตัวไปอย่างลึกลับ และตอนนี้มันก็ตื่นขึ้นมาอีกรอบเรียบร้อยแบบไม่ต้องสงสัย

“ครางให้ฟังหน่อยซิ”

ไม่
ผละใบหน้าออกห่างและนัทก็ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองแล้วก็ส่ายหน้า

สายตาร้อนแรงที่มองมามันคืออะไร

หน้าผากที่แตะเข้าหากัน

ปลายจมูกที่โน้มลงมาซุกไซร้ที่ซอกคอ นัทรู้เลยว่าอาการของคนใกล้ช็อคตายมันเป็นยังไง

“ฮืออออ”

ปิดปากและกลั้นเสียงเอาไว้ เมื่อฝ่ามือร้อน ๆ ลูบเข้าไปภายในกางเกงชั้นในและดึงส่วนที่อยู่ภายในออกมา

“นัทครับ น้องนัท เดี๋ยวพี่ฟ้าทำให้นะ นัทไม่ต้องอายนะครับ ครางให้พี่ฟังหน่อยได้มั้ย นะนัทนะ”

ไม่ไง
บอกว่าไม่
ยังไงก็ไม่
ไม่มีทางหรอกเว้ยยยย

“อึก อือ”

ฝ่ามือที่ขยับขึ้นลง ความร้อนรุ่มของฝ่ามือที่นัทไม่เคยคิดว่าจะได้สัมผัสทำให้สติกระเจิง

ดวงตาลอยคว้าง หยาดน้ำตาที่คลอรินอยู่ที่หน่วยตา หยดลงที่ข้างแก้ม
ร้องไห้ แต่ก็ยอมให้ทำ ไม่รู้ว่าตัวเองคิดอะไรอยู่กันแน่

เห็นแบบนี้แล้วคุณรัชชานนท์ก็นึกสงสาร  ทั้งสงสารทั้งอยากแกล้ง

ทั้งที่ตัวเองก็ยังเอาตัวไม่รอด

นัทนอนมองหน้าของคนแกล้งและยังคงร้องไห้ ฝ่ามือยังปิดปากเอาไว้ไม่ยอมส่งเสียง
เสื้อผ้าไม่ได้ถูกถอด แต่เสื้อที่สวมถูกดึงร่นขึ้นไปจนเผยให้เห็นผิวขาว ๆ และยอดอกสีชมพูเรื่อ ยั่วยวนสายตาให้คนที่มองก้มลงไปหา ขบเม้มดูดดุน ไล้เลียเล่น ก่อนจะลากปลายลิ้นลงมาจนถึงหน้าท้อง และขยับฝ่ามือขึ้นลง สัมผัสร่างกายส่วนที่ตื่นตัวเต็มที่ของคนที่นอนร้องไห้ตามไปด้วย

“ฮื่อออ อึก อื้อ”

นัทหลับตาและขบริมฝีปาก ทั้งที่มือยังปิดปากเอาไว้ แต่พยายามไม่ส่งเสียงใด ๆ ออกมา

รู้สึกถึงแรงขยับของฝ่ามือที่แรงรัวขึ้นเรื่อย ๆ แรงจนนัทต้องแอ่นสะโพกขึ้นเมื่อรู้สึกว่าความรู้สึกในร่างกายทั้งหมดกำลังจะประทุออกมา

“ไม่เอาแล้วพี่ฟ้า พี่ฟ้าปล่อยนัท ไม่เอา พี่ฟ้า ฮื่ออออออ”

ดึงมือของคนที่กำลังขยับฝ่ามือแรงขึ้นให้ออกห่างจากร่างกาย
กำลังจะทนไม่ไหว เวลานี้กำลังจะทนไม่ไหว แต่คนที่ทำบางอย่างให้ก็ไม่ยอมหยุด

“อยู่เฉย ๆ นัท เดี๋ยวก็ดีเอง รู้มั้ยครับ”

ไม่ได้ อยู่เฉย ๆ ไม่ได้ นัทอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ นัทจะเสร็จแล้ว พี่ฟ้าจะให้นัททำยังไง

พี่ฟ้า
จะให้ทำยังไง

อยากร้องก็ร้องไม่ได้
อยากร้องไห้ก็ทำได้ไม่สุด

มือสองข้างถูกรั้งให้โอบรัดรอบคอของคนที่ทำบางอย่างให้

และนัทก็ได้แต่นอนมองหน้าของพี่ฟ้าในระยะประชิดที่สุดแบบไม่คาดฝันว่าในชีวิตจะได้ใกล้ชิดขนาดนี้
มองตาแล้วก็อยากจะหลบ แต่พี่ฟ้าไม่ยอมให้หลบ และยังดึงให้หันหน้ามาหา ให้มองหน้ากันตรง ๆ

“อึก อื้ออ อื้อ พี่ฟ้า พี่ฟ้า พี่ฟ้า.....อื้อออออ”

ไม่ได้กลั้นเสียง ไม่ได้ทำอะไรอีกแล้ว นอกจากเรียกชื่อของคนที่อยู่ตรงหน้าเสียงดังลั่น

ร้องครางออกมาเพราะสะกดอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ ร่างกายเกร็งไปหมดทั้งร่าง และนัทก็แอ่นเอวขึ้นสูงเมื่อความต้องการในร่างกายพุ่งทะยานถึงขีดสุด และไม่มีอะไรจะฉุดรั้งเอาไว้ได้

ลมหายใจหอบถี่เร็วขึ้น และหรี่ปรือตามองหน้าของคุณรัชชานนท์ด้วยแรงอารมณ์ ดวงตายังมีหยดน้ำคลอริน แต่แก้มขาว ๆ ขึ้นสีแดงเรื่ออย่างเห็นได้ชัด

และในจังหวะสุดท้ายของอารมณ์นัทก็ขบริมฝีปากและกำชายเสื้อของคนที่กำลังปรนเปรอความรู้สึกให้เอาไว้แน่น

ดวงตาลอยคว้าง  ภายในหัวขาวโพลน  ลมหายใจสะดุดและขาดหายไปเป็นบางช่วง

"พี่ฟ้า...อื้อออออออออออ อึก อืออ"

น้ำเสียงครางเครือในจังหวะสุดท้ายทำให้ฟ้าต้องนิ่งมอง  เกลี่ยไล้ปลายนิ้วไปที่ความแข็งแกร่งที่อยู่ในมือที่อ่อนแรงลงอย่างช้า ๆ

หยดน้ำขุ่นขาว เปรอะเปื้อนไปหมดทั้งฝ่ามือ และฟ้าก็แกล้งแตะปลายนิ้วไปที่ริมฝีปากของคนที่หันหน้าหนี

“ไม่เอา พี่ฟ้าไม่เอา”

ได้ยังไงล่ะนัท

ถึงขนาดนี้แล้ว

เสียงหัวเราะแผ่วเบาในลำคอ ทำให้นัทต้องหลับตาแน่นเมื่อสัมผัสได้ถึงปลายจมูกที่กดลงมาที่ข้างแก้ม

“พี่ก็เพิ่งไปทำแบบที่นัททำมารู้มั้ยครับ”

ห๊ะ
ทำอะไรนะ
ทำอย่างที่นัททำ

ทำ.....

พี่ฟ้าทำ.....

“ถ้ารู้ว่ากลับมาแล้วจะเจอแบบนี้ ใครจะบ้าทำคนเดียวกันล่ะกลับมาทำพร้อมนัทซะก็หมดเรื่อง”

ทำพร้อมนัทซะก็หมดเรื่อง....ทำหมายถึง ทำอย่างว่า...

“อยากให้นัทเรียกชื่อพี่ฟ้าเหมือนเมื่อกี้อีกรอบจัง เห็นแล้วจะทนไม่ไหว รู้มั้ยครับ”

ไม่
ไม่รู้
ไม่รู้อะไรทั้งนั้น

ไม่ ไม่ ไม่
นัทนอนนิ่ง ๆ และคนที่บอกบางอย่างก็ช่วยจัดการทำความสะอาดร่างกายให้กับนัทจนเรียบร้อย ก่อนจะลงมานอนข้างกัน และกอดเอวของนัทที่ไม่ยอมพูดอะไรอีกเลย ไม่ยอมพูด และฟ้าก็ไม่ได้คาดคั้นให้พูด นอกจากรั้งร่างของคนที่นอนหันหลังมากอดแน่น และกดปลายจมูกลงไปที่ข้างแก้มของนัทหนัก ๆ ซ้ำ ๆ อีกหลายครั้ง

ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้ นอนกอดกันอยู่ภายใต้ผ้าห่ม นัทมองไปเรื่อย มองไปที่นอกระเบียง มองไปที่ผ้าม่าน
มองอะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่การมองหน้าของคนที่นอนกอดเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

“นัท นัท นัท น้องนัท น้องนัท น้องเป็ดเหลืองนัท น้องนัทเป็ดน้อย นัท นัท นัท”

ไม่ต้องมาน้งมานัทอะไรแล้วพี่ฟ้า ไม่มีแล้วพี่ นัทเป็ดน้งเป็ดน้อย มีแต่ไอ้นัทบ้ากาม

ด่าตัวเองในใจ แต่ไม่ยอมพูดออกมา นอนลืมตาเงียบๆ อยู่อย่างนั้นโดยมีใครบางคนนอนซ้อนอยู่ด้านหลัง

แม่งบ้า บ้าไปแล้วไอ้นัท นัทมันบ้า ไอ้นัท มันบ้า มันเป็นบ้า

ยกมือขึ้นปิดหน้าของตัวเองเอาไว้ แล้วอยากจะตะโกนให้ได้ยินกันไปทั้งโลก

แม่งอายที่สุดแล้วในชีวิตนี้ ทำบ้าอะไรยังไม่สำนึก ยังมีหน้ามานอนให้พี่ฟ้ากอดเล่นอยู่ได้ ทำตัวไม่รู้สึกรู้สากับเรื่องที่เกิดขึ้นเลยสักนิด

ทำไมเป็นแบบนี้วะ ทำไมถึง....

แต่แม่งอย่างอาย

นัทบอกตรง ๆ ว่าอายยิ่งกว่าอาย โคตรอาย อายมากซะจน....

........นัทอายจนอยากจะตายแล้วจริง ๆ โว้ยยยยยยยยยยย….

 TBC.

 Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2818.0)
      และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 67
เริ่มหัวข้อโดย: yaoigirl ที่ 01-06-2014 16:41:30
กรี๊ดดดดด ขอมากกว่านี้ได้ไหมอ่าาาา น้องนัทเป็ดน้อยยยยย. น่ารักอ่าาา :z1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 67
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 01-06-2014 16:42:53
พี่ฟ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา.....ทำไมทำกับเป็ดน้อยแบบนี้้้!!!!!! เป็ดน้อยอายไปหมดแล้ว!!!! แต่คนอ่านช๊อบ ชอบ !!! :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: foolishbeat ที่ 01-06-2014 16:48:36
ดิฉันก็อายแทนน้องนัท
แต่ของอย่างนี้ต้องร่วมด้วยช่วยกันนะลูกถึงจะดี  :mc4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 01-06-2014 16:53:22
ตายอย่างสงบสุข .... น้องนัทเป็ดน้อยแสนน่ารัก : ตายเพราะเสียวตาย :jul1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 01-06-2014 17:02:22
โถ่ น้องนัทเป็ดน้อย
อายไปได้

คืนต่อไปพี่ฟ้าต้องจัดอีกซักรอบ สองรอบ หลายๆรอบ
เอาหายน้องเป็ดนัท ลืมอาย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 01-06-2014 17:13:02
 :ruready เซ็งไม่ได้กินตับเป็ด แต่ก็ใกล้ๆอีกสักตอนสองตอนเหอะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 01-06-2014 17:15:09
จบแค่นี้จริงๆหรอ นอนกอดกันแค่นี้จริงๆหรอ
แล้วสัญญาที่แลกกับเงินเล่าาาาา//ลากเสียงสูง :hao6:
ขำน้องนัท สงสัยถ้าวาปได้วาปหนีไปละ
แล้วตกลงพี่ฟ้าทำขนาดนี้แล้วยังไม่บอกรักอีกหรอ ส่วนน้องนัทจะเข้าใจเหตุการณ์นี้ว่าอะไรหรอ
"ทำตามหน้าที๋"หรือเปล่าหนออออ จะลงเอยยังไงเนี่ยยย :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 01-06-2014 17:37:04
 :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 01-06-2014 17:59:09
เนอะพี่ฟ้า หน้าจะทำร่วมกันเนอะ เสียดายอ่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 01-06-2014 18:19:07
นัทคงจะอายขั้นสุดยอดละ ขนาดถ้าให้แปลงร่างเป็นซุปเปอร์เซย่าคงทำไปแล้ว

พี่ฟ้าหื่นกว่าน้องนัทอีก ถ้าได้ทำจริงน้องนัทได้ช้ำแน่ ฟันธง :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 01-06-2014 18:36:07
 :mew3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 01-06-2014 19:14:25
กรี๊ดดดด
น้องเป็ดดดดด พี่ฟ้าตะไมทำกับน้องเป็ดแบบนี้ ทำไมทำแค่นี้
 :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 01-06-2014 19:21:32
 :haun4:   จะว่าไป พี่ฟ้า ดูเป็นผู้ชายมุ้งมิ้ง แบบแพ้ความน่ารัก 555+  แพ้ความแบ๊ว ชอบอะไรน่ารัก ๆ ดูเหมือนจะแพ้ทางอะไรน่ารัก ๆ ตลอดเลยด้วย   ขนาดชมน้องนัท ยังน้องนัท น่ารัก น่ารัก ๆ ๆ น้องนัท น้องนัท  นี่คือ... พี่ฟ้าเป็นผู้ชายมุ้งมิ้งสมบูรณ์แบบโดยแท้คะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: piengtavan ที่ 01-06-2014 19:28:35
แอร๊ยยยยยยยยยยยยย  คืบหน้าไปสองวาแล้วฮ่ะ จากกระดื๊บทีละนิ้ว แอร๊ยๆๆๆๆ

ต้องขอบคุณน้องรันซินะ ที่โทรมาชวนเมาท์แล้วพี่ฟ้าได้ยินเลยได้ทีรุกคืบก้าวฮึบ ก้าวฮึบแบบนี้ อรั๊ยๆๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 01-06-2014 19:29:51
ว๊ายยย เสร็จพี่ฟ้า
5555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 01-06-2014 19:30:59
 พี่ฟ้าแกล้งลูกเป็ดนัทหรอ ใจร้ายจริงๆ เป็ดนัทจะตัวสุกอยู่แล้วนะ นิสัยไม่ดี
ทำไมพี่ฟ้าเป็นคนแบบนี้ ทำอะไรต้องทำจริงจังสิ ต้องทำให้ถึงที่สุดสิ บ่มีไก๊จริงๆเล๊ยยย o16
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 01-06-2014 19:31:32
5555555555เสร็จพี่ฟ้า :heaven
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 01-06-2014 19:53:38
น้องนัทโดนแกล้งซะแล้ว อิอิ
มึนทั้งเจ้านายทั้งเลขา
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 01-06-2014 20:00:17
 :ling1:คืนนี้คนอ่านนอนตายตาไม่หลับ.แน่ถ้าไม่มาต่อ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 01-06-2014 20:02:54
มารอ :katai5:
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: cowinsend ที่ 01-06-2014 20:11:13
อ๊ากกกกกก เขิลเว้ย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 01-06-2014 20:18:23
มารอชุดใหญ่จากพี่ฟ้า  :z1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 01-06-2014 20:22:16
พี่ฟ้ายังไม่อายเลย ทำอะไรๆให้นัทตั้งเยอะ นัทอย่าอายเลย คึคึ  :o8:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 01-06-2014 20:39:50
รออย่างใจจดจ่อ  :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 01-06-2014 20:55:20
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน ทำอะไรไว้ต้องรับผิดชอบ

ไปด้วยกัน เดินด้วยกัน ทำทุกอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะถูกจูง ถูกลากไปทางไหน นัทก็ยอมเดินตามโดยไม่มีปากมีเสียง

เดินตามต้อย ๆ เหมือนเป็ดน้อยตามแม่ พี่ฟ้าอยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ ไม่มีอะไรจะเหลือแล้วนี่ เห็นไปซะขนาดนั้น แถมยังช่วยให้ทำไปถึงที่หมายอีก มีอะไรต้องมาอายอีกวะ ไอ้นัท  หมดกันตั้งแต่เช้าแล้ว

“นัท”

เงยหน้ามอง แต่ไม่ยอมพูด และฟ้าก็ส่งไอศกรีมแบบแท่งสีแดงเย็น ๆ มาให้

เหรอ ดีเนอะ กินไอติม น่ารักมาก เข้ากับนัทเหลือเกิน

ไม่ได้พูด ไม่ได้ถาม ไม่ตอบรับ ไม่ปฏิเสธ แต่รับมาถือเอาไว้แล้วก็เดินตามคนที่โอบไหล่พาเดินเข้าตรอกเล็ก ๆ และทั้งจับแขนจับมือของนัทไปเรื่อย

นั่นแหละ
สุขใจเขาแล้วล่ะ
เอาเลย เต็มที่ไปเลย

“ไม่กินล่ะ”

กินก็ได้

ไม่ได้ทำอะไรมากมายแค่ใช้ลิ้นแตะ ๆไปสองสามทีแล้วก็ใช้ฟันกัดไปที่ไอติมแท่งสีแดงที่อยู่ในมือ

คนมองก็ไม่ได้ทำอะไรมากแค่เมินหน้าหนีไปทางอื่น

เอาเข้าไป

เช้าๆ ยังไม่พอใจ อยากมีรอบบ่ายต่อว่างั้น นัทเอ้ยยยย นัท รู้ตัวบ้างมั้ยว่าทำอะไรลงไป

“ตกลงวันนี้จะไม่พูดใช่มั้ยครับ”

ไม่รู้ว่ะ ไม่ใช่ไม่อยากพูดนะ แต่แค่คิดจะพูดก็เหมือนมีบางอย่างมาปิดปากเอาไว้ ทำให้ไม่อยากพูด

ไม่อยากพูดเลยจริงๆ  ถึงอยากจะพูดแล้วยังมีอะไรที่พูดได้อีกล่ะ 

ตอนเช้าถูกเห็นว่าทำอะไรลงไปบ้าง แล้วยังถูกกอดให้นอนด้วยกันอีก

อยากจะหลับอยู่หรอกนะ แต่หลับไม่ลง คนที่หลับได้อย่างสบายใจก็คือพี่ฟ้า ที่ยกแขนพาดไว้ที่เอวนัทตลอด แถมยังมานอนหายใจรดต้นคออีก

แล้วยังไง
แล้วจะให้นัททำยังไง ก็นอนตาค้างหน้าแดง ตัวแข็งทื่ออยู่อย่างนั้นจนเที่ยง พี่ฟ้าก็ไม่ได้สนใจเลยว่านัทจะเป็นจะตายยังไง
นอนกอดได้กอดดี

เอาซะให้พอ มีอะไรอยากทำอีกมั้ย ทำซะให้พอใจเลย

“ไอติมอร่อยมั้ยครับ”

ไม่รู้ คงอร่อยมั้ง

นัทก้มหน้าก้มตาไม่ยอมตอบ และยังคงใช้ฟันแทะเล็มไปที่ไอติมแท่งสีแดงที่เริ่มละลายหายไปเรื่อยๆ ปลายลิ้นเริ่มขึ้นสีแดงและริมฝีปากก็กำลังไล้เลียที่ไอติมไปมา

“กลับบ้านพักอีกรอบท่าจะดี”

หมายความว่ายังไงพี่ฟ้า
เหลือบสายตาขึ้นมอง และหยุดการกิน มองหาถังขยะเพื่อจะเอาไอติมที่กินไม่หมดไปทิ้ง

จะกลับไปทำไมบ้านพัก มีอะไรน่าสนใจขนาดต้องกลับไปเลยหรือไง

“ตกลงจะไม่ยอมพูดใช่มั้ยครับ”

อะไรวะ จะบ่นนัททำไม นัทไปทำอะไรให้พี่ฟ้าล่ะ นัทก็ยอมอยู่เฉย ๆ ตามคำสั่งพี่ฟ้าทุกอย่าง จับให้หันซ้ายก็หันซ้าย บอกให้หันขวาก็หันขวา ไม่ขัดคำสั่งเลยแม้แต่คำเดียว แล้วยังจะบ่นจะว่านัทอีกทำไม ไม่เข้าใจ

“อยู่เฉย ๆ ซิ”

ก็อยู่เฉย ๆ แล้วนี่ไง แค่เช็ดปาก นัทเช็ดเองได้ ไม่ต้องเช็ดให้นัทหรอก

ถึงอยากจะพูดแบบนั้นแต่ก็ใช่ว่าจะพูดได้

เพราะปลายนิ้วของใครบางคนกำลังเกลี่ยไล้ที่ข้างริมฝีปากของนัทและนัทก็เลยรีบยกมือขัดถูที่ริมฝีปากตัวเอง

จัดการกับสภาพตัวเองเรียบร้อย และนัทก็เดินก้มหน้าก้มตาไม่พูดไปตลอดทาง
ส่วนฟ้ายังคงแกล้งทำหน้าเฉยอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่อยากจะยิ้มให้กว้าง ๆ กับคนความน่ารักของคนที่เดินตาม

มีชวนคุยบ้างบางครั้งเพื่อไม่ให้บรรยากาศเงียบเกินไป แต่คุณนัทก็ไม่ยอมตอบ ไม่ยอมพูดอะไรด้วยเลย
ขนมและของฝากสองสามอย่างถูกหิ้วมาไว้ที่ท้ายรถ และฟ้าก็เปิดประตูรถโดยมีคนที่เดินตาม อ้อมไปนั่งที่ข้างคนขับเรียบร้อย

“นัทลืมอะไรหรือเปล่า จะซื้ออะไรเพิ่มเติมมั้ยครับ”

ไม่มีหรอก
นัทไม่ได้ลืมอะไร

จะให้ซื้ออะไรนัทก็คงซื้อไม่ได้ด้วยเพราะนัทไม่มีตังค์

ส่ายหน้าแทนคำตอบ และนัทก็หันหน้าหนีไปมองที่นอกรถ มองผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมา อากาศยามบ่าย ร้อนจนนัทต้องหยีตา

“นัท”

หันไปตามเสียงเรียกแล้วถุงกระดาษถุงเล็ก ๆ ก็ถูกส่งมาให้

อะไร
ถุงอะไร

รับมาถือเอาไว้ ไม่รู้ว่าของที่อยู่ข้างในคืออะไร เปิดถุงกระดาษออกดู และหยิบบางอย่างที่อยู่ในนั้นออกมา

พวงกุญแจเป็ด

แทบอยากจะโยนทิ้งซะเดี๋ยวนั้น

นัทถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ และอยากจะโยนของที่ได้รับทิ้งออกหน้าต่าง

“เป็ด”

เงียบ และนิ่ง นิ่งและเงียบ นัทมองพวงกุญแจรูปเป็ดเหลืองแล้วก็มองหน้าของคนที่ซื้อให้
ไม่รู้นะว่าซื้อมาตอนไหน แต่นัทไม่ชอบ ไม่ชอบเลย

“ชื่อนัทไม่ได้ชื่อเป็ด”

ตอบกลับออกไปและฟ้าก็เลิกคิ้วขึ้นสูง

พูดได้แล้วนี่ คุณนัทพูดได้แล้ว

นัทวางของที่ได้รับไว้ที่หน้าคอนโซลรถ วางทิ้งไว้แล้วเมินหน้าหนีไปทางอื่น ทำไมถึงได้ซื้อของแบบนี้ให้นัทอีกแล้ว นัทเหมือนเด็กอนุบาลมากเลยหรือไง

นัทเหมือน....เด็กที่ยังไม่โตจริง ๆ ใช่มั้ยพี่ฟ้า

มองเมิน และคนที่ถูกเมินก็รับรู้ได้ถึงอารมณ์บางอย่างของคนที่ไม่ยอมพูดจา

“นัท”

แกล้งเรียกแต่นัทก็ไม่ยอมหันมา และยิ่งไม่ยอมพูดด้วย

“เป็ดงอนน่ารักดีนะ”

นัทไม่ใช่เป็ด นัทไม่ได้งอน บอกกี่ครั้งแล้วว่า........

“นัทไม่ใช่เป็ดนะพี่ฟ้า”

บอกเอาไว้ และคนฟังก็นิ่งฟัง ฟังอย่างตั้งใจ

“คุณนัท ที่แซวที่เล่นด้วย ก็แค่หยอกล้อนะไม่มีเจตนาจะทำให้โกรธ ต่อไปนี้พี่ฟ้าจะไม่เรียกนัทว่าเป็ด หรือพูดอะไรให้สื่อไปหาว่าคุณนัทเป็นเป็ดน้อยอีกแล้ว”

ดี
เลิกเรียกนัทแบบนั้นเถอะนัทไม่ชอบ
ดีแล้ว แบบนี้ก็ดีแล้วพี่ฟ้า

“แต่ก่อนจะเลิกทำแบบนั้น นัทช่วยบอกหน่อย ถ้าคำว่าน่ารักใช้กับนัทไม่ได้ แล้วนัทจะให้พี่แทนคำว่า “น่ารัก” กับนัทด้วยคำว่าอะไร”

ยังไง
อะไรไม่เข้าใจ
ยังไง
น่ารักก็คือน่ารัก ไม่น่ารักก็คือไม่น่ารัก

แล้วพี่ฟ้าต้องการจะสื่ออะไร พี่ฟ้าอยากจะพูดอะไร

“ไม่รู้ แต่นัทไม่ได้น่ารัก”

งั้นเหรอ โกรธสินะแถมอาการงอนร่วมด้วย

“โกรธพี่ฟ้าเรื่องอะไรครับ”

ถามกันตรง ๆ แต่นัทก็ไม่ยอมพูด

“เรื่องที่ถูกเห็น แล้วพี่ก็ทำบ้า ๆ กับนัทเหรอ”

คิดขึ้นมาแบบทันทีทันใด แล้วหน้าก็ขึ้นสีแดงเรื่อขึ้นมาทันที คนที่ถูกตั้งคำถามรีบก้มหน้าก้มตาลง เห็นแบบนั้นแล้วฟ้าก็อยากจะหันรถกลับบ้านพักอีกรอบ

นัทไม่รู้ตัว
นัทไม่เคยรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป
นัทไม่เคยรู้ว่าทุกอย่างที่นัททำ ทุกอย่างที่นัทเป็น มันยั่วสายตาให้คนรอบข้างคิดอะไรเตลิดไปไกล

“ถ้าโกรธเรื่องนั้น พี่ฟ้าก็จะบอกว่า พี่ฟ้าก็ทำแบบที่นัททำเหมือนกัน เพียงแต่ว่าพี่ฟ้าทำแล้วนัทไม่เห็นแค่นั้นเอง เราเสมอกันแล้ว นัทยังจะโกรธพี่อีกมั้ย”

ไม่ต้องบอกนัทหมดทุกอย่างแบบนี้ก็ได้

“แล้วจะให้บอกมั้ยว่าทำไมถึงทำ จินตนาการในหัวมีแต่ชื่อแล้วก็หน้าของใคร รู้มั้ยเพราะใครพี่ถึงต้องไปทำอะไรแบบนั้น”

ไม่รู้
ไม่ต้องบอก
แบบนั้นมันเกินไป
พี่ฟ้าไม่ต้องบอกนัท นัทไม่อยากรู้

ไม่อยากรู้ แต่ก็อยากฟัง อยากฟัง แต่ก็ไม่อยากได้ยิน

ในหัวมีแต่ความสับสนวุ่นวาย และนัทก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมพูด ใบหน้ายิ่งแดงเรื่อเข้าไปใหญ่ เมื่อคนบางคนพูดเรื่องบางอย่างได้หน้าตาเฉย โดยไม่หันมามองว่าคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ มีอาการเขิน และร้อนไปหมดทั้งหน้า จนแทบละลาย

“ที่พี่ต้องไปทำอะไรแบบนั้นก็เพราะนัทคนเดียว  พี่เสียหายหมดแล้วนะ นัทสงสารพี่มั้ยครับ รู้อย่างนี้แล้วนัทจะรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นกับพี่ฟ้า.......ยังไง”

 TBC.

 Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2818.0)
      และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 01-06-2014 20:59:19
นัทเขินให้ตายไปเลยหนู ดูท่าอีกไม่นานเสร็จพี่ฟ้าแน่
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 01-06-2014 21:07:42
รับผิดชอบพี่ฟ้าเลยนัท 555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 01-06-2014 21:08:53
รับผิดชอบๆๆๆ :mc4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 01-06-2014 21:12:48
โถ่
น้องนัท
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 01-06-2014 21:15:00
รับผิดชอบพี่ฟ้าด่วนค่ะเป็ดน้อย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 01-06-2014 21:27:56
พลีกายเลยนัท รับผิดชอบพี่ฟ้าหน่อย หยอดซะขนาดนี้  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: yaoigirl ที่ 01-06-2014 21:48:16
รับผิดชอบพี่ฟ้าซะดีๆ เลยนัท
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 01-06-2014 21:59:27
เขินเว้ยยยยยย
อ๊ากกกก
สารภาพแล้วววววววว งานนี้ก็เหลือแต่หนูนัทจะตีมึนหรืออะไรหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 01-06-2014 22:05:44
ยิ่งนานวันพี่ฟ้ายิ่งรัก โคตรน่ารักขึ้นทุกวัน
น้องเป็ดน้อยไม่เหลือมาดประธานโหด
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 01-06-2014 22:13:13
พี่ฟ้าเรียกร้องความรับผิดชอบจากนัท
แล้วนัทเต็มใจรับผิดชอบไหม
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 01-06-2014 22:26:59
น้องนัทต้องรับผิดชอบพี่ฟ้าด้วยตัวและหัวใจของนู๋เดี๋ยวนี้เลยนะจ๊ะ !!!!  :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 01-06-2014 22:30:04
ใช่แล้ว น้องนัทต้องรับผิดชอบพี่ฟ้านะ พี่ฟ้าเสียหายหมดแล้ว 555
โอยยๆๆ ทั้งขำ ทั้งเขิน ไม่รู้จะช่วยยังไงว่ะนัท ^_~

ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อปายยย
โพล แอบโหวตพีทเจ้าค่ะ ชอบผู้ชายปากแข็ง อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 01-06-2014 22:43:25
นัท ต้องรับผิดชอบพี่ฟ้าด่วนเลย ...อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: tepintpilai ที่ 01-06-2014 22:52:20
ชั้นคิดว่านัทร้ายมาก แผนสูง มาเหนือเมฆนะ..

ยังไง.. ก็ฮีเอาเงินส่วนตัวให้ครอบครัวพี่ฟ้าเป็นสินสอดแล้วน่ะสิ

แล้วไหนจะส่งตัวเข้าหอกันแล้ว มาฮันนีมูนดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์เค้าแสงหิ้งห้อยแล้ว

ยังไงซะนัทต้องรับผิดชอบพี่ฟ้าเลยนะ พี่ฟ้าเค้าเสียหาย  :z2:

#งานมโนต้องมา #รีเฟรชทุกสิบนาที #ปูเสื่อรอตอนต่อไปจร้า  :mew1: :bye2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: foolishbeat ที่ 01-06-2014 23:01:53
พี่ฟ้าผู้หล่อทุกอิริยาบถตอนนี้เจ้าเล่ห์ทุกอิริยาบถไปแล้ว
สงสารน้องนัทจัง ตามพี่ฟ้าไม่ทันเลยเนี่ย โธ่

มาโหวตน้องโยนะ ตอนแรกเลือกไม่ถูก
แต่ดิฉันชอบผู้ชายที่เหมือนแมวมากค่ะ :-[
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: cowinsend ที่ 01-06-2014 23:14:19
555 พี่ฟ้าแม่งเปลี๊ยนไป หรือนี่คือสันดานเดิม ฮาอ่ะ :laugh:
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: cowinsend ที่ 01-06-2014 23:15:57
ใครมีปัญหาเหมือนกันบ้างคะ เวลาจะเมนต์ต้องลบ Re: ข้างหน้าทิ้งก่อนตรงหัวข้อ
เรื่องอื่นไม่เป็นนิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 01-06-2014 23:18:20
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน ตกลงสัญญา

นอกจากไม่รับผิดชอบต่อความรู้สึกของคนอื่นแล้ว ยังทำเป็นเฉยแล้วก็ไม่สนใจไยดีกันเลยสักนิด

เมินหน้าหนีทั้งวัน พูดด้วยก็ไม่พูด ถามคำก็ตอบครึ่งคำ

แต่หน้า.....จะทำหน้าตาน่ารักขนาดนั้นไปถึงไหน แก้มแดง ๆ ที่ขึ้นสีเรื่อเป็นพัก ๆ
ริมฝีปากที่ขบเม้มเข้าหากัน และการก้มหน้าเล็กน้อยเวลาที่ไม่ชอบใจอะไรบางอย่าง

มันทำให้......ทางนี้กำลังจะไม่เป็นตัวของตัวเอง

กลับถึงโรงงานอย่างปลอดภัย คุณนัทยืนยันว่าไม่กลับบ้าน ไม่ยอมกลับ ให้มาส่งที่โรงงาน แล้วใครมันจะไปเลี้ยวรถกลับคนเดียวกันล่ะ

“วันนี้วันเสาร์นะนัท”

ใช่ บ่ายวันเสาร์

และนัทก็รู้สึกว่าตัวเองง่วงนอน นัทต้องรีบกลับไปนอนเพื่อตื่นมาทำงานคืนนี้

“ทำไมไม่กลับบ้านล่ะ ยังไงก็กลับบ้านด้วยกัน พี่ไม่มีเสื้อผ้าใส่นะ ค้างไม่ได้แล้ว มีก็แต่ชุดนี้”

แล้วยังไง

“นั่นแล้วแต่คุณรัชชานนท์ครับ อีกอย่างผมนอนที่นี่คนเดียวมาตลอด ค้างหรือไม่ นั่นคุณรัชชานนท์เป็นคนคิดไม่ใช่ผม”

แล้วทำไมถึงได้พูดแบบนั้นกันล่ะ พูดแล้วก็เดินหนีขึ้นชั้นสองของอาคารไป แล้วเรื่องอะไรจะไม่เดินตาม
หิ้วของฝากขึ้นมาด้วย โดยมีคุณนัทเดินนำหน้าเข้าห้องทำงาน

ไม่ได้เปิดแอร์ แต่นัทเดินไปเปิดหน้าต่างของห้องทำงานเพื่อให้อากาศในห้องถ่ายเทได้สะดวก
และฟ้าก็วางของฝากมากมายทั้งขนมและของเล็ก ๆ น้อย ๆ เอาไว้บนโต๊ะทำงานของตัวเอง

“คุณนัทครับ”

นัทไม่ได้หันมามอง แต่เปลี่ยนเป็นเดินหนีเพื่อเลี่ยงไปอีกทาง จะหนีทำไม อยู่กันแค่สองคน เดินวนไปวนมามันก็อยู่ในนี้อยู่ดี

“นัท เรากำลังไม่เข้าใจกันใช่มั้ย นัทโกรธพี่เรื่องอะไรพี่ก็พอเดาได้ แต่ว่าเรื่องนั้นเราก็ทำกันแล้วจริง ๆ”

จริง ๆ อะไรล่ะ จริง ๆ ยังไง

คุณรัชชานนท์ พูดบางอย่างด้วยสีหน้าเรียบเฉยนิ่งสนิท แต่นัทถึงกับสะดุดขาตัวเองเดินไม่ตรงทาง

มันเป็นความผิดของนัทเอง นัทมันโง่เอง นัทมันไม่ฉลาด นัทมัน….

“คุณรัชชานนท์ไม่มีเสื้อผ้าใส่แล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่กลับบ้าน”

แล้วทำไมต้องกลับ ฟ้าเลิกคิ้วขึ้นสูง และยืนมองคนที่เดินวนไปวนมาในห้อง เดินขนาดนั้น พื้นจะสึกอยู่แล้วนะนัท

เวลาพูดทำไมไม่สบตา คิดว่าน่ารักขนาดนี้ จะมีใครทนไหวหรือไง

“ถ้าหาเสื้อผ้าใส่ไม่ได้ ก็แค่แก้ผ้า….นัทจะแก้ผ้าด้วยกันมั้ย”

ห๊ะ

ทำไมต้องแก้ด้วยกัน
ไม่ ไม่

นัทมีชุดใส่ มีเสื้อผ้าอีกสองสามชุดอยู่ในตู้ นัทซักเองรีดเอง นัทไม่ใช่คุณหนูแสนสบาย อะไรนัทก็ทำเป็นหมด

“นัทจะไปไหน”

ไม่ได้ไปไหน จะเข้าห้อง เหนื่อย รู้สึกเหมือนอยากนอนพัก

“นัทไปไหน”

ไม่ได้ไปไหน แค่จะไป...

“คุณนัธพันธ์จะไปไหนครับ”

ไม่ใช่เวลางาน ไม่ต้องเรียกแบบนั้นได้มั้ย

“นัท”

ไม่ใช่แค่เรียก แต่เข้าหาแบบถึงเนื้อถึงตัว ก้าวขาแค่สองสามก้าว คุณรัชชานนท์เลขาหน้านิ่งก็มาดึงข้อมือของคนที่กำลังจะเข้าห้องเอาไว้ได้

“ผมเหนื่อยครับ”

ก็บอกตั้งแต่แรกสิ เล่นไม่พูดแล้วจะรู้ได้ไง

“เหนื่อยมากมั้ยครับ”

ที่จริงแล้วไม่มาก แต่แค่อยู่ใกล้พี่ฟ้าแล้วนัทรู้สึกว่าตัวเองลุกลี้ลุกลนเฉย ๆ

“ผมขอเข้าห้องไปนอนพักด้วยได้มั้ยครับคุณนัท ในห้องมีที่นอน อยากนอน”

หมายความว่ายังไง
ในห้องมีที่นอน

แล้วคำว่าอยากนอน ทำไมมาพร้อมกับสายตาที่ยิ่งกว่าร้อนแรงแบบนี้

ถึงกับอึกอัก และหน้าร้อนผ่าว จะเงยหน้าก็ไม่ได้ จะก้มก็ไปไม่ถูก ยืนมึน ๆ งง ๆ อยู่แบบนั้น แล้วสุดท้ายนัทก็ก้มหน้าลง ก่อนจะยอมพยักหน้ารับ

ตกลงแล้วสินะ

ตกลงว่าขอนอน.....กับนัท แล้วนัทอนุญาตใช่มั้ย

ฟ้าเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย กลัวว่าจะแสดงสีหน้าบางอย่างออกไป ยอมปล่อยข้อมือของคนที่อยู่ตรงหน้า และนัทก็เดินเข้าไปในห้อง
เปิดแอร์ เพื่อให้ความเย็น ปูที่นอนผืนเล็ก ๆ และคนที่เดินตามมาด้วยก็ช่วยปูที่นอน

ฟ้าไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร อยากจะยิ้ม และอยากจะหัวเราะกับท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ของคนที่กำลังทำอะไรบางอย่าง
จัดหมอนเรียบร้อย และก็เป็นฟ้าที่ค่อย ๆ ล้มตัวลงนอน โดยมีคนที่นั่งอยู่ ค่อย ๆ ล้มตัวลงข้าง ๆ

ขยับออกห่าง เล็กน้อย และนอนหันหลังให้

แล้วมันจะหลับลงมั้ยแบบนี้ แบบนี้แล้วมันจะหลับลงมั้ย

เหนื่อยและเพลียจากการเดินทาง นัทคิดจะนอนพักแล้วค่อยตื่นขึ้นมาลุยงาน ชอบทำงานตอนกลางคืนเพราะมีสมาธิมากกว่า
ในวันเสาร์มีบ่อยครั้งที่แอบนอนกลางวัน เพื่อจะทำงานในช่วงกลางคืนให้ได้ยาวนานขึ้น

แต่ฟ้านอนหงายและใช้มือรองไปที่ต้นคอของตัวเอง เหลือบสายตามองคนที่นอนหันหลังให้

นัทนอนนิ่งเงียบ ไม่พูด ไม่คุย ไม่ถาม กลายเป็นฟ้าที่ต้องเป็นฝ่ายพูดบางอย่างออกมา

“อยู่ด้วยกันมาพักหนึ่งแล้ว ผมทำงานเป็นไงบ้างคุณนัท พอจะเป็นเลขาให้คุณนัทได้มั้ย”

ได้
พี่ฟ้าทำได้
พี่ฟ้าเก่งมาก พี่ฟ้าเป็นเลขาที่ให้คำแนะนำดี ๆ กับนัทเสมอ

“คุณเป็นคนเก่งคุณรัชชานนท์ จนหลายครั้งผมละอายใจที่พ่อดึงคุณมาจากโรงงานของคุณ”

กลายเป็นฟ้าที่อึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน หันไปมองคนที่นอนหันหลังให้ มองแผ่นหลังเล็ก ๆ นั้น มองตรง ๆ และค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งอย่างช้า ๆ

“ไม่รู้สิ ผมมันเด็กน้อย จนพ่อต้องหาคนมาช่วย เพราะพ่อรู้ว่าถ้าได้คุณรัชชานนท์มาช่วย มันจะทำให้กิจการบ้านเราไปได้ด้วยดี พ่อเลือกคุณรัชชานนท์มาช่วยที่บ้านเราตั้งแต่แรก พ่อคงอยากให้ความมั่นคงกับโรงงาน เราเห็นแก่ตัวที่ดึงคุณมาจากโรงงานของตัวเอง”

คำพูดง่าย ๆ แต่ทำให้ฟ้านั่งเงียบ

“ผมแต่งกับคุณหนิง ผมไม่ได้เต็มใจหรอกนะ แต่ผมก็อยากช่วยที่บ้านผมเหมือนกัน มันก็เป็นทางหนึ่งที่ช่วยรับประกันความมั่นคงเรื่องฐานะทางการเงินของที่บ้านผม ถ้ามองแบบนั้นเราต่างฝ่ายต่างได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ  เราแลกเปลี่ยนกัน”

ใช่ เราแลกเปลี่ยนกัน

พูดกันแบบนั้น แล้วต่างฝ่ายต่างก็นิ่งเงียบ

นัทไม่ได้พูดอะไรต่อ ยังนอนหันหลังอยู่แบบนั้น

พี่ฟ้ามาทำหน้าที่ของตัวเอง มาเพื่อช่วยประกันความมั่นคงให้กับฐานะของที่บ้าน พี่ฟ้าก็ทำเพื่อโรงงานของตัวเอง นัทก็กำลังทำเพื่อโรงงานของตัวเองเหมือนกัน แต่....นัทไม่คิด ว่านัทจะได้ความรู้สึกบางอย่างจากพี่ฟ้าด้วย  นัทอยากให้พี่ฟ้าอยู่ใกล้ ๆ นัทไปตลอด แต่ถ้าทำแบบนั้น พี่ฟ้าก็ยิ่งไปดูแลกิจการที่โรงงานพี่ฟ้าช้าลงเรื่อยๆ

บางครั้งนัทก็อยากจะเหลวไหลอยู่หรอกนะ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะรู้สึกแย่เกินกว่าจะทำแบบนั้น นัทรีบเรียนรู้งาน นัทพยายามมากกว่าคนอื่น ๆ หลายเท่า นัททำเพื่อโรงงานของตัวเอง และนัทก็ทำเพื่อพี่ฟ้าด้วย นัทไม่อยากถูกพี่ฟ้าเกลียดหรอกนะ

เรื่องส่วนตัวของเรามันไม่น่าจดจำเท่าไหร่ พี่ฟ้าก็คงไม่อยากจดจำ  เรื่องที่พี่ฟ้าไม่ชอบหน้านัทมาแต่ไหนแต่ไร นัทก็รู้ และนัทก็บ้าบอที่ไปตอกย้ำความเกลียดชังของพี่ฟ้ามากขึ้น

นัททำตัวเอง แต่นัทก็กำลังทำบางอย่างเพื่อพี่ฟ้าอยู่เหมือนกัน

“ขอบคุณที่พาไปเที่ยวนะครับ ผมรู้สึกดีและสบายใจมาก”

คนพูด พูดบางอย่างออกมา ส่วนคนฟังขมวดคิ้วมุ่นกับสิ่งที่ได้ยิน ก่อนจะวางมือลงไปเบา ๆ ที่ไหล่ของคนที่นอนหันหลังให้

“เวลาขอบคุณต้องหันมามองกันตรง ๆ ครับ”

ครับ
นัทเข้าใจ

นัทขอโทษที่เสียมารยาท

ยอมหันกลับมา

ยอมหันกลับมาหา

นอนมองหน้าของคนที่นั่งอยู่

มองแบบไม่คิดอะไร

ไม่คิด.......ว่าอีกฝ่ายจะคิดอะไรด้วย....แค่มอง แค่สบตา แค่มองหน้า นิ่งมองตากันตรง ๆ

นัททำแค่นั้น แต่สำหรับคนบางคนไม่ใช่แค่นั้น เราเพิ่งทำอะไรด้วยกันมา นัทก็น่าจะรู้ เราเพิ่งทำเรื่องแปลก ๆ ด้วยกันมา นัทก็รู้
เราเพิ่ง...จะทำเรื่องที่ใกล้เคียงกับเรื่องอย่างว่าด้วยกันมา นัทก็รู้ยิ่งกว่ารู้

ใช่
นัทรู้ยิ่งกว่ารู้ และไม่ต้องรอให้คิดอะไร นัทรีบลุกขึ้นนั่งทันที  แต่ช้ากว่าคนที่รวบร่างของนัทเข้ามากอดแน่น และคนที่ถูกกอดก็หน้าขึ้นสี

“คุณรัชชานนท์ คุณทำอะไร กลางวันแสก ๆ ผมเป็นเจ้าของโรงงาน คุณเป็นเลขาคุณจะมาทำอย่างนี้กับผมได้ไง”

ไม่รู้สิ ไม่รู้เหมือนกันว่าได้หรือไม่ได้ แต่เป็ดมันยั่ว เด็กเป็ดเหลืองนัทมันยั่วโดยไม่รู้ตัวเองเลยสักนิด แล้วใครจะไปทนไหว

“คุณนัท เรารู้จักกันมานานแล้ว เพียงแต่ไม่สนิทกันเท่าไหร่ แต่ตอนนี้เราสนิทกันแล้ว คุณไม่รู้นิสัยของผมบ้างเลยเหรอ คุณน่าจะพอรู้บ้างนะ บางครั้งผมก็เป็นคนชอบเอาแต่ใจตัวเอง”

ใช่ พี่ฟ้าชอบเอาแต่ใจตัวเอง ทำแบบเนียน ๆ ด้วย อันนั้นนัทก็รู้ แต่ไม่นึกว่ามันจะถึงขนาดนี้

“แต่คุณไม่ชอบหน้าผมนะ แต่ไหนแต่ไรแล้ว ที่คุณทำอยู่คุณล้อผมเล่นใช่มั้ย”

ใช่ ที่เคยไม่ชอบ แต่ไม่ใช่ที่ล้อเล่น เพราะไม่รู้ว่าจะล้อเล่นไปทำไม

“ไม่ชอบก็ใช่ เกลียดก็ใช่ คิดตลอดเวลาด้วย ว่าอย่างไอ้เด็กนี่จะทำอะไรได้ พูดจาดูถูกคนอื่นไปเรื่อย ไร้หัวใจ เห็นชีวิตคนอื่นเป็นของเล่นหรือไง”

นัทไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะ นัทไม่เคยเห็นชีวิตคนอื่นเป็นของเล่นด้วย

“ผมไม่....คุณรัชชานนท์ ปล่อยก่อนเถอะ ผมจะหายใจไม่ออกแล้ว”

ก็หายใจไม่ออกไปสิ แล้วยังไงล่ะ แล้วมันจะยังไง

“ตอนนี้รู้แล้ว ว่าไอ้เด็กเป็ดมันแกล้งทำ เนียนใช้ได้เลยนะ แต่มาจับได้ก็ตอนที่ได้อยู่ใกล้ ๆ นี่แหละ ถ้าไม่ได้อยู่ใกล้คงคิดแบบนั้นไปอีกนาน”

อะไรล่ะ
นัทประสบความสำเร็จกับการทำแบบนั้นอยู่นะ หลาย ๆ คนก็เกรงใจนัท ไม่มองว่านัทเป็นลูกเจ้าของโรงงานที่ทำอะไรไม่เป็น ใครหลายคนไม่มองว่านัทเป็นคุณหนูที่ทำอะไรไม่เป็นอีกต่อไปแล้ว

“ผมเสียคนรักไปคุณก็น่าจะรู้ ผมคิดว่าผมคงไม่มีหัวใจไปตลอด แต่ตอนนี้ผมว่ามันชักไม่ใช่”

เรื่องพี่นุชานัทรู้ยิ่งกว่ารู้ แต่เรื่องหัวใจมันคืออะไร

“อยู่ใกล้คุณนัทผมมีความสุข ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกแบบนี้เรียกว่าอะไร แล้วผมก็ไม่รู้ด้วยว่าคุณนัทรู้สึกอะไรกับผมบ้างมั้ย”

นัทรู้สึกสิ  รู้สึกมานานแล้ว แต่นัทก็รู้ว่านัทไม่ใช่ ยังไงนัทก็ไม่ใช่

“ผมเดาแบบเข้าข้างตัวเอง ว่า....คุณนัทอาจจะมีใจ...มันน่าจะเป็นแค่คำว่าอาจจะไปตลอด จนกระทั่งผมได้ยินจากปากคุณนัทเอง ผมก็เลยแน่ใจ”

ได้ยินอะไร นัทเปล่าพูดอะไรเลยนะ นัทไม่ได้พูดอะไรกับพี่ฟ้าเลยสักคำ พี่ฟ้าจะมารู้เรื่องของนัทได้ไง

“ผมยอมให้เคลมนะ ขึ้นอยู่กับว่าคุณนัทอยากจะเคลมผมเมื่อไหร่”

ห๊ะ

เรื่องนั้นมัน
เรื่องนั้น..........

“เฮ้ยยยยยยยย คุณรัชชานนท์ คุณไม่ต้องพูดแล้ว คุณไม่ต้องบอกผมแล้วผมไม่อยากรู้ คุณไม่ต้อง....ฮื่ออออออออออ”

เข้าใจอย่างชัดเจน และใบหน้าที่ขึ้นสีอยู่แล้ว ก็ยิ่งแดงเรื่อไปจนถึงต้นคอ

เวรแล้วไง ซวย ที่สุด ยิ่งกว่าที่สุด ของที่สุด ที่สุด ที่สุด ไอ้นัทเอ้ยยยยยยยยย คิดว่าเรื่องที่เห็นตอนทำอย่างว่าแบบนั้นซวยแล้วใช่มั้ย คิดผิดไปแล้ว มันยังมีเรื่องที่ซวยยิ่งกว่ามหาซวยอยู่อีก เช่นเรื่องนี้

“นัทไม่ได้พูดนะ นัทเปล่า นัทไม่ได้คิดจะเคลมพี่ฟ้าจริง ๆ นะ นัทไม่ได้พูด ฮื่ออ”

ดิ้นรน พยายามหนีจากอ้อมแขน พูดจาไม่รู้เรื่อง หัวใจเต้นรัว ภายในอกเหมือนมีบางอย่างกำลังจะระเบิดออกมา

ไม่ ไม่ นัทไม่ได้........นัทไม่ได้

“เลิกดิ้นซิ แล้วหันหน้ามามองพี่ตรง ๆ จะเอายังไงก็ว่ามา พูดมาซิ เก็บเรื่องอะไรของพี่ไปคิดบ้าง บอกพี่ฟ้าตรง ๆ ซิ พี่ฟ้าอยากจะเข้าใจ”

ไม่ต้อง
ไม่ต้องเข้าใจ ไม่ต้องมาอยากรู้อะไรเลย ไม่ต้อง.........

“นัทมันซวยเอง นัทมันบ้า พี่ฟ้าอย่าสนใจเลย พี่ฟ้าอย่าเก็บมาใส่ใจเลย นะพี่ฟ้านะ ลืม ๆ มันไปซะเถอะ เรื่องอะไรลืมมันได้ก็ลืมมันไป”

ได้ เรื่องอะไรลืมได้ก็ลืมไป

“พี่ลืมว่าเคยเกลียดนัท  ถ้าตอนนี้ไม่ได้เกลียดแล้วนัทว่าพี่ควรรู้สึกกับนัทยังไง”

ไม่รู้ นัทจะไปรู้กับพี่ฟ้าได้ยังไง พี่ฟ้าอยากรู้สึกอะไรก็รู้สึกไปได้เลย ไม่ต้องบอกนัท

นัทมันซวยเอง นัทแค่รู้สึกว่านัทซวย นัทมันทั้งโง่ ทั้งบ้า ทั้งซวย ตอนนี้ในหัวนัทก็คิดแต่แบบนี้

“คุณจะทำยังไงก็ทำไปเถอะ แล้วแต่คุณนั่นมันเรื่องของคุณ  จัดการเอาตามใจชอบเลยแล้วกัน”

เหรอ จัดการตามใจชอบเลยแล้วกันเหรอ ก็ได้..... จัดการตามใจชอบ.....ย่อมได้

แล้วคนที่ได้รับอนุญาตให้จัดการตามใจชอบ ก็กดปลายจมูกแรงๆ ไปที่ต้นคอของคนที่อยู่ในอ้อมแขนและดิ้นหนีตลอดเวลาจนฟ้าต้องใช้แรงที่มีกอดรัดเอาไว้ไม่ให้คนที่เขินจนทำตัวไม่ถูกหนีออกจากอ้อมแขนไปได้

“ผมจะไม่หยุดหอมแก้มคุณ ผมจะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าคุณนัทจะคิดได้ว่าคุณนัทต้องรับผิดชอบที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนี้ ตกลงคุณนัทจะเอายังไง หืออออออออออ”

พูดเสร็จก็จัดการกดปลายจมูกไปที่ข้างแก้ม และซอกคอของคนที่ย่นคอหนี และพยายามจะเบี่ยงหน้าหลบไปอีกทาง

“ตกลงนัทจะว่ายังไง ตกลงนัทจะรับผิดชอบความรู้สึกพี่ฟ้ายังไงครับ ไหนบอกพี่ฟ้าซิ ว่านัทจะรับผิดชอบเรื่องนี้ยังไง”

ให้นัทรับผิดชอบยังไงล่ะ นัทไม่รู้หรอก นัทจะไปรู้ได้ยังไง นัทจะทนไม่ไหวแล้ว พี่ฟ้าอย่าทำแบบนี้กับนัทอีกเลย นัทกำลังจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

“พี่ฟ้า........ปล่อยนัทเถอะ นัทอาย ฮื่อออ นัททำตัวไม่ถูกแล้ว พี่ฟ้าอย่าแกล้งนัทเลย นัทกลัวว่านัทจะอายจนตายไปนะพี่ฟ้า”

ได้ ปล่อยก็ได้ เห็นแก่ความน่ารัก จะยอมปล่อยก็ได้

“ปล่อยแล้วจะรับผิดชอบมั้ย”

มันไม่เกี่ยวกับเรื่องรับผิดชอบหรือไม่รับผิดชอบนะ มันไม่เกี่ยวกัน เรื่องนั้นมันเกี่ยวกันซะที่ไหน

“แล้วพี่ฟ้าจะให้นัทรับผิดชอบยังไง พี่ฟ้าจะให้นัททำอะไร”

ก็ไม่ต้องทำอะไร

“แค่เป็นตัวของตัวเอง แล้วเลิกทำเป็นวางฟอร์มใส่พี่ก็พอ”

ได้ นัททำให้ได้ ของแบบนั้น นัททำให้ก็ได้ แล้วพี่ฟ้าจะปล่อยนัทจริง ๆ ใช่มั้ย

“ได้ครับ  ถ้าแค่นั้น นัททำได้”

ดีมาก

ยอมปล่อยง่าย ๆ เพราะว่าคุณนัทตกลงรับคำแล้ว

ฟ้ายอมปล่อยคนที่ทำหน้าอื่นไม่ได้ นอกจากหน้าแดง แล้วก็ก้มหน้าด้วยความอาย

“พี่ลืมบอกไปอย่างนะครับ ความรับผิดชอบทั้งหมด มันรวมไว้แล้ว ทั้งกาย วาจา และใจ”

อือ
ได้
รวมอะไรก็รวมไป นัทรวมให้ได้หมดเลย

“ถ้านัทคิดจะรับผิดชอบใจพี่แล้ว นัทก็ช่วยบอกด้วยว่านัทจะรับผิดชอบกับร่างกายของพี่ตอนนี้ยังไง”

ยังไง

“คิดว่าทำแบบนั้นต่อหน้าพี่ แล้วพี่จะไม่มีอารมณ์กับนัทเลยหรือไง”

อะไร ทำแบบไหน ทำแบบว่า.......

“นัทสัญญาแล้วว่าจะรับผิดชอบ เพราะฉะนั้นเมื่อพี่ช่วยนัทครั้งที่แล้ว คราวนี้พี่ก็อยากให้นัทช่วยพี่บ้างเหมือนกัน รับปากแล้วนะว่าจะรับผิดชอบ ห้ามมีข้ออ้างเด็ดขาด ไม่งั้นพี่ฟ้าจะถือว่านัทผิดสัญญา.......”

TBC.

Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2818.0)
      และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 01-06-2014 23:26:37
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 01-06-2014 23:29:17
 :man1:คืนเน้ฝันดีแล้วนะ จากติ่งน้องเป็ด
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 01-06-2014 23:31:53
อ๊ากกกดด นี่ใช่พี่ฟ้าเพอร์เฟคแมนคนนั้นจริงๆเหรอ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 68
เริ่มหัวข้อโดย: tepintpilai ที่ 01-06-2014 23:37:29
แล่ว แล่ว แล้วววววววววววววว  :m25:

เข้าจะได้กันแล้วพ่อแม่พี่น้องงงงง //ปิดซอยฉลองแพล่บบบบบ  :hao7:

ปล.พี่ฟ้ารุกมากกกกกกกกกกก แต่อุษาชอบบบบบบ  :hao6:

ปล2.น้องนัท เทอต้องรับผิดชอบพี่ฟ้านะจ่ะ ถ้าไม่เข้าใจเรื่องนี้ต้องปรึกษา 'วิเชียร' กูรูผู้คว่ำหวอดวงการนี้  :z2:

#ปูเสื่อนอนรอตอนต่อไปจร้า  :L2: :3123: :L1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 69
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 01-06-2014 23:51:36
เปิดเจอก่อนนอน....พี่ฟ้า กะ น้องนัท ต้อรับผิดชอบ  คนอ่านน่ะ ตอนนี้ค้าง :a5: อิอิ  มาอีกตอนน่ะ :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 69
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 01-06-2014 23:56:55
อยากอ่านอีกนะ  ได้โปรด  งือ  อยากอ่านจัง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 69
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 01-06-2014 23:58:38
ตัดฟึบ

น้องเป็ดจะช่วยยังไงนะ
5555รอตอนหน้า พรุ่งนี้เอาเเบบ7-8ตอนเลยนะ

๕๕๕ มันติดอะตัว
เปิดมาดูทุกชม.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 69
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 02-06-2014 00:13:18
ไปโหวตมาล่ะ พี่โยเลิศมาก(ไม่เอาตอนเจ้าชู้นะ)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 69
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 02-06-2014 02:16:57
เคลมเลย เคลมเลย

อีตาพี่ฟ้าเจ้าเล่ที่สูดดดด
 :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 69
เริ่มหัวข้อโดย: HolyWings ที่ 02-06-2014 04:20:15
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ฮือออ

คนเขียนมาต่อไวมากๆค่ะ ปลื้มปิติรัญจวนใจมากๆ

แต่ขณะนี้ก็ค้างมากเช่นกัน

ฮือออออออออออออ

 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 69
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 02-06-2014 07:04:57
เฮ้อ....ถ้าน้องนัทต้องรับผิดชอบฟ้าล่ะก้อ

คนเขียนก้อต้องรับผิดชอบคนอ่านด้วยซิ.....เค้าค้างนะมาต่อเหอะ อยากรู้ว่าน้องนัทต้องทำไง 5555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 69
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 02-06-2014 07:23:04
กรี๊ดมาก....รอคอยๆๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 69
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 02-06-2014 07:37:07
พี่ฟ้าจัดเต็มมาก น้องเป็ดเราจะรับมือไหวป่ะเนี่ย
รอคอยตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อเจ้าค่ะ  ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 69
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 02-06-2014 07:39:06
กรี๊ดดดดด
นัทรับผิดชอบเลยนะ  :impress2:
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 69
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 02-06-2014 07:55:10
 :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 69
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 02-06-2014 09:54:30
 :hao7:มารอน้องนัท
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 69
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 02-06-2014 11:05:53
อยากอ่านแล้วอ่าาาาา  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 69
เริ่มหัวข้อโดย: miyaki ที่ 02-06-2014 11:11:49
หุหุ รู้สึกว่าน้องนัทจะตามพี่ฟ้าไม่ทันนะเนี่ย
เป็ดเหลืองโดนแกล้งอะ อยากอ่านตอนรับผิดชอบแล้วสิเนี่ย  :z3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 69
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 02-06-2014 12:21:52
พี่ฟ้าแม่งงงง
รุกซะเขินแทนนัทเรยอ่ะ  :m3: :m3: :m3:

น้องนัทจ๋า ตอนหน้าโดนแน่ 555 -.,-
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 69
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 02-06-2014 12:42:29
กรี๊ดด พี่ฟ้า~~ :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 69
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 02-06-2014 12:50:15
แอบมาดูตอนเที่ยง ^.^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 69
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 02-06-2014 12:57:37
 :oni2: :oni2: :oni2: :oni2: :oni2: :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 69
เริ่มหัวข้อโดย: tepintpilai ที่ 02-06-2014 13:02:03
ชั้นรีเฟรชรอพี่ทุกชั่วโมงเลยยยย  :z2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 69
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 02-06-2014 13:14:38
กรี๊ดดดด ตอนต่อไป  :oo1:

ถึงคราวนัทรับผิดชอบมั่งแล้ว :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 69
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 02-06-2014 13:27:57
 :hao6: วายยยย น้องนัทจะรอดมั้ย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 02-06-2014 13:57:21
 :z1: จะรอดไหมนะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 69
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 02-06-2014 14:16:49
รับผิดชอบด่วนๆเลยนะน้องนัท
จัดไปเลย พี่ฟ้าแกอยากแซ่บ อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 69
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 02-06-2014 16:44:49
 :ling1: น้องนัทไม่มาอ่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 69
เริ่มหัวข้อโดย: yaoigirl ที่ 02-06-2014 17:39:12
ทำไมเป็ดน้อยยังไม่มาอ่ะ ฮืออออ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 69
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 02-06-2014 18:01:13
วันนี้เข้ามาช้าๆหวังว่าจะได้อ่านเยอะๆ แย่จริง...//แดดิ้น ลงแดง
พี่ฟ้ารุกหนัก เหมือนน้องนัทคนเก่งคนฉลาดจะหายไปแล้วเสียแล้ว เหลือแต่คนตามเกมพี่ฟ้าไม่ทัน -.,-
แล้วอย่างนี้น้องนัทจะรับผิดชอบยังไงนะ เจอพี่ฟ้าเจ้าเล่ห์เข้าให้เสียแล้ว
อยากอ่านต่อแบ้วววว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 69
เริ่มหัวข้อโดย: Sbatandty ที่ 02-06-2014 18:15:01
ฟ้าจะกินเป็ดแล้ว....
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 69
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 02-06-2014 18:27:56
ใจจะขาดดดดดด  T_T
หัวข้อ: รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 69
เริ่มหัวข้อโดย: cowinsend ที่ 02-06-2014 18:31:18
กรี๊ดดดด ค้างค่ะ พี่ฟ้าแม่งอ๊ายยยยย รอตอนต่อไปค่ะ อยากรู้แล้วว่าจะได้กินกันจริงๆสักทียัง ลุ้นมานาน :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 02-06-2014 19:12:28
 :o12:  พี่ฟ้าาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 69
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 02-06-2014 19:21:00
มาปูเสื่อนอนรอพี่ฟ้า
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 69
เริ่มหัวข้อโดย: tepintpilai ที่ 02-06-2014 20:45:28
โอม จงมา ๆๆๆ  :z2:

พี่รู้ไหม อุษานอนรอพี่ที่หน้านี้ทุกชัวโมงเลยยยยยยย  :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 69
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 02-06-2014 20:55:14
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน นัทของพี่ฟ้า

มันเป็นอาการของคนที่ทำอะไรไม่ถูก เมื่อพบว่าในเวลานี้ตัวเองกำลังทำอะไรอยู่

“อื้อออ พี่ฟ้า นัทไม่ได้ นัท ฮื่อออออ”

ภาพเมื่อช่วงเช้าย้อนกลับมาอีกครั้ง ทุกอย่างเหมือนเดิม ยกเว้นสถานที่ ที่เปลี่ยนจากเตียงนอน เป็นฟูกนอนเล็กๆ ที่คนสองคนเบียดเสียดร่างกายเข้าหากัน

“ยังไงครับ ไม่อะไรครับนัท บอกพี่ซิว่านัทไม่อะไร”

หน้ายังคงนิ่งเหมือนเดิม แต่น้ำเสียงที่ควรจะนิ่ง ไม่นิ่งอีกแล้ว สำหรับนัทมันมีความรู้สึกบางอย่างแฝงมาในคำพูดนั้น น้ำเสียงกระเส่าที่แฝงด้วยความร้อนแรง

พี่ฟ้า....

เงยหน้าขึ้นสบตากับคนที่กำลังจ้องหน้านัทอยู่ แล้วดวงตาร้อนแรงคู่นั้นก็ทำให้นัทต้องเบี่ยงหน้าหนีไปทางอื่น
สู้ไม่ไหว ทนสายตาแบบนี้ของพี่ฟ้าไม่ไหว

“นัท ทำให้พี่ฟ้าด้วยนะครับ”

ทำแบบนั้น นัททำได้แต่ว่า.....
ฝ่ามือถูกจับให้วางไว้ที่ความแข็งแกร่งที่อยู่ภายใต้เนื้อผ้า แม้จะดึงมือหนี แต่ก็ถูกกุมเอาไว้ไม่ให้ปล่อยมือ

“นัท”

รู้
นัทรู้ว่าพี่ฟ้าหมายถึงอะไรแต่ว่านัท…. นัทไม่เคยทำแบบนี้ให้ใคร พี่ฟ้าจะให้นัททำยังไง

“เดี๋ยวนัททำตามที่พี่ทำให้นัทนะครับ”

รู้ว่าต้องทำยังไง แต่พอถึงเวลาต้องทำจริง ๆ กลับทำอะไรไม่ถูก ดูเงอะงะและสับสนไปหมด มือวางนิ่งอยู่อย่างนั้น
ใครบางคนจับมือนัทให้สอดเข้าไปสัมผัสบางอย่างที่อยู่ภายใต้กางเกง บางอย่างที่กำลังตื่นตัวขึ้นอย่างช้า ๆ เมื่อนัทลองกำมือ ความใหญ่โตนั้นก็เข้ามาอยู่ในมือของนัททั้งหมด บางสิ่งบางอย่าง....ที่นัทรู้ดีว่ามันคืออะไร

“อื้ออออ พี่ฟ้า”

ถึงกับร้องครางออกมา และก็ต้องซบหน้าลงบนไหล่ของคนที่เคลื่อนฝ่ามือเข้าไปภายในกางเกง ลูบไล้ฝ่ามือสัมผัสแตะต้องความแข็งขืนที่พร้อมสำหรับการทำบางอย่างและรั้งให้ออกมาอยู่นอกกางเกง และคนที่ทำบางอย่างให้ก็รูดรั้งฝ่ามือไปที่ความแข็งขืนนั้น หยอกล้อเล่น และเกลี่ยไล้ไปที่ส่วนปลายและกดเอาไว้ ไม่ให้มีหยดน้ำใส ๆ หลั่งรินออกมา

“แบบนี้ครับ นัททำแบบที่พี่ทำให้นัทแบบนี้”

ยังไง

ให้นัท….

ก้มลงมองที่ท่อนเอ็นที่อยู่ในกำมือ และนัทก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนที่กำลังมองหน้าของนัทอยู่ตลอดเวลา

“นัทชอบมั้ยครับ”

แบบนี้มัน...

อีกครั้งที่อารมณ์กระเจิดกระเจิงไปไกลสุดกู่ และนัทก็ทำเพียงแค่ขบริมฝีปากแน่น ก่อนจะต้องแหงนเงยใบหน้าขึ้นเพื่อรองรับริมฝีปากร้อนแรงที่ประทับลงมาและบดเบียดเข้าหา

หายใจแทบไม่ทัน หลับตาแน่น และร้องครางอยู่ในลำคอ เมื่อปลายลิ้นที่สอดเข้าหาเริ่มดูดดุนและไล้เลียความนุ่มหยุ่นในโพรงปากของคนที่ยอมเปิดปากให้บางอย่างเข้าไปรุกราญ ดูดกลืนปลายลิ้นของกันและกัน

จากไม่รู้เรื่องไม่ชำนาญการ ในเวลานี้นัทเริ่มรู้แล้วว่าการจูบกันอย่างลึกซึ้งต้องทำยังไง เรียนรู้จากสิ่งที่ได้รับ และเมื่ออีกฝ่ายถอนริมฝีปากออกและขบเม้มเบา ๆ ที่ริมฝีปากที่เผยอขึ้น และเริ่มหอบหายใจหนัก นัทก็ถึงกับจะทำอะไรไม่ถูก

ฝ่ามือหยุดการเคลื่อนไหว แต่รู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่เริ่มขยับเคลื่อนไหวไปมาได้เองภายในกำมือ ก้มลงมอง แล้วก็หน้าแดงซ่าน เมื่อได้เห็นว่าท่อนเอ็นขนาดใหญ่ที่อยู่ในมือ มีหยดน้ำใสหลั่งรินออกมาไหลหยดเป็นทาง

“พี่มีอารมณ์กับนัท ถึงได้เป็นแบบนี้”

รู้ว่าหมายความว่ายังไง แต่นัทก็กลัว ๆ กล้า ๆ
พยายามทำอย่างที่พี่ฟ้าสอน และเงยหน้าขึ้นสบตาคนที่สอนนัท เป็นพัก ๆ มองหน้ากันแล้วก็กลายเป็นนัทที่ทำยังไงก็ข่มความอายลงไม่ได้

พี่ฟ้าแบบนี้ไม่เคยเห็น อยากเห็นมากกว่านี้ ทั้งสีหน้าทั้งแววตา ทั้งความรู้สึกแบบที่ไม่เคยได้เห็น อยากเห็น แต่ก็อายที่จะได้เห็น เวลานี้นัทคงกำลังฝันไป คงกำลังฝันและเพ้อเจ้อไปเองว่าพี่ฟ้ากำลังทำบางอย่างด้วย มันยากเกินจะเชื่อว่าเป็นจริง

“อย่ามองหน้าพี่แบบนี้นะครับ ถ้านัทอยากปลอดภัยไปเรื่อย ๆ”

ยังไง อย่ามองหน้าแบบนี้

“อ๊า พี่ฟ้า พี่ฟ้า ฮื้อออ”

ร้องครางออกมา เมื่อจุดกึ่งกลางของร่างกายถูกรูดรั้งไปมาอย่างรุนแรง ความรู้สึกไหลวนอยู่ภายในท้องน้อย และวิ่งวนไปจนถึงส่วนที่กำลังตื่นตัวอย่างถึงที่สุด ซบใบหน้าลงที่ไหล่ของคนที่ทำบางอย่างให้อีกครั้ง และนัทก็ได้แต่ร้องครางเสียงเบา
และมันยิ่งเป็นการกระตุ้นเร่งเร้าให้ฟ้านึกอยากจะแกล้งเด็กเป็ดเหลืองน่ารักให้คลั่งตาย

แอ่นสะโพกขยับไปมา เพื่อให้ร่างกายเสียดสีกับฝ่ามือขาว ๆ ของคนที่พยายามเลียนแบบการกระทำ แบบที่กำลังทำให้
ขยับเอวขึ้นลง และก็ซุกไซร้ปลายจมูกไปที่ซอกคอและข้างแก้มของคนที่เบี่ยงหน้าหลบ ทั้งที่ยังหลับตาแน่น สองขาเกยกันอยู่ และนัทก็เริ่มแยกขาออกกว้าง เพื่อให้ความร้อนในร่างกายที่ใกล้จะประทุได้ระบายออกมา

ไม่รู้ตัว ไม่รู้สึกตัว ว่าทำอะไรลงไปบ้าง

น่ารักเกินไปแล้วนัท

ใบหน้าที่แสดงความรู้สึกออกมาอย่างโจ่งแจ้ง เสียงร้องครางแผ่วในลำคอ ร่างกายที่ปรากฏให้เห็นทั้งหมด
เห็นแบบนี้มันยิ่งทนไม่ไหว ฟ้าจัดการถอดเสื้อนัทออกและเหวี่ยงทิ้งไว้ข้างตัว จูบไล่ตั้งแต่ข้างแก้ม ซอกคอ ไล้เรื่อยลงมาที่ลาดไหล่ และหยุดลงที่จุดสีชมพูเข้ม   ดูดเม้ม และขบกัดเบา ๆ

“พี่ฟ้า อย่าทำนัทเลย นัทไม่ไหว นัทจะไม่ไหวแล้ว อื้ออออ”

น้ำเสียงครางเครือในลำคอ ใบหน้าที่ขึ้นสีและลามไปหมดทั้งตัว ผิวขาว ๆ ขึ้นสีแดงเรื่อ ดวงตาหรี่ปรือปรอยยิ่งเพิ่มความรู้สึกให้อีกหลายเท่า

“นัทครับ น้องนัท ร้องออกมา ถ้านัทอยากร้องนัทก็ร้องออกมา”

ลมหายใจที่หอบหนัก เสียงครางแผ่ว ๆ ที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ฟ้ายิ่งขยับมือให้เร็วขึ้น และนัทก็ได้แต่ร้องครางจนแทบหมดเสียง

“พี่ฟ้า พี่ฟ้า พี่ฟ้า อ๊าส์ ฮื่ออออออออ พี่ฟ้า”

ยิ่งได้ยินเสียงเรียก ยิ่งหยุดไม่ได้ ยิ่งนัทส่งเสียงครางมากเท่าไหร่ ยิ่งหยุดไม่ได้ ร่างกายที่เบียดเสียดเข้าหา สองแขนที่ยกขึ้นโอบกอดรอบลำคอแกร่งเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวยิ่งทำให้ไม่สามารถหยุดอารมณ์เอาไว้ได้ นัทแนบใบหน้าเข้ากับข้างแก้มของคนที่ทำบางอย่างให้ ยั่วยวนและน่ารักน่าใคร่เกินกว่าใครจะทนได้

“พี่ฟ้า ฮื่อ ช่วยนัทด้วย นัทไม่ไหวแล้วพี่ฟ้า อือออ”

จะมีใครยั่วยวนได้น่ารักกว่านี้อีกมั้ย เจ้าตัวคงไม่รู้ แต่พูดกันถึงขนาดนี้ แล้วใครจะใจร้ายกับนัทได้ลงคอ

“จะเสร็จแล้วใช่มั้ยครับ”

ใช่ นัท....จะ....ไม่มีเสียงตอบรับ แต่ลมหายใจที่หอบกระเส่าก็เป็นสัญญาณบ่งบอกได้ดี ว่าคนที่กอดฟ้าเอาไว้แน่นกำลังรู้สึกยังไง
เรียวขาที่แยกออกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ความแข็งขืนที่อยู่ภายในอุ้งมือของฟ้าถูกรูดรั้งอย่างรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

“พี่ฟ้า พี่ฟ้า”

ครับ
พี่ฟ้าอยู่นี่แล้วนัท พี่ฟ้าอยู่ที่นี่แล้วนะครับ

“พี่ฟ้า...อึ่ก อ๊าส์ พี่ฟ้า.......”

น้ำเสียงที่แผ่วโหย ถูกกลืนหายไปในลำคอ เมื่อฟ้าประกบริมฝีปากลงไปที่ริมฝีปากที่เผยอรับปลายลิ้นที่สอดเข้าหา

ไม่มีเสียงร้องเล็ดรอดออกมา และร่างของนัทก็เริ่มเกร็ง แอ่นสะโพกเข้าหาฝ่ามือที่รูดรั้งให้รุนแรงขึ้น แหงนเงยใบหน้าขึ้น เมื่อถึงจังหวะสุดท้าย

หยดน้ำขุ่นขาวหลั่งทะลักออกมา และนัทก็ถึงกับหมดเรี่ยวแรง สองมือกอดรัดรอบคอของคนที่กอดเอาไว้แน่น เพื่อช่วยพยุงร่างกาย นิ่งเงียบ และเรี่ยวแรงที่มีก็หายไปแบบกะทันหัน

“นัทครับ นัท”

ได้ยินเสียงเรียก และนัทก็หรี่ปรือตาขึ้นมอง

เหนื่อย
เหนื่อยจนแทบขาดใจกว่าครั้งก่อน นัททำแบบนี้กับพี่ฟ้า นัททำเรื่องแบบนี้กับพี่ฟ้า
เพิ่งสำนึกได้ว่าทำอะไรลงไปบ้าง และเมื่อเงยหน้าขึ้นมองคนที่กอดเอาไว้ นัทก็ยังเห็นความร้อนแรงในดวงตาคู่นั้นเหมือนเดิม

นิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น และก้มลงมองร่างกายของตัวเองที่อ่อนแรงลง แต่ร่างกายของคนบางคนยังคงแข็งแกร่ง และในเวลานี้ความแข็งแกร่งใหญ่โตนั้นก็อยู่ในอุ้งมือของพี่ฟ้า และมันกำลังเริ่มขยับไปมาตามการรูดรั้งที่เพิ่มจังหวะจากเชื่องช้าเป็นแรงเร็วขึ้นเรื่อย ๆ มองส่วนนั้นและก็จ้องมองที่ใบหน้าของคนที่ให้ซบไหล่ สลับกันไปมา

“ช่วยพี่ได้มั้ยครับนัท”

ช่วยยังไง

ช่วย....

นันต้องทำยังไง นัทต้องทำยังไงล่ะพี่ฟ้า ยอมปล่อยแขนออกจากคอของคนที่ให้กอด และนัทก็ขบริมฝีปากแน่น เพราะรู้ว่าต้องทำบางอย่าง ใครบางคนค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน และความร้อนแรงแข็งขืนที่ใหญ่โตก็มาอยู่ตรงหน้านัทพอดี

มองส่วนนั้นแล้วก็เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของคนที่ยืนอยู่

ยิ่งกว่าอาย แต่ยอมทำ

ฝ่ามืออุ่น ๆ ที่แตะลงที่เส้นผมนิ่ม ริมฝีปากของคนที่โน้มตัวลงมาหาประทับเบา ๆ ที่กลางกระหม่อมของนัทที่ทำได้แค่ก้มหน้าก้มตา และหน้ายิ่งแดงไปกันใหญ่

“ใช้ปากให้พี่นะครับนัท”

ใช้
นัทไม่....

นัทจะทำเป็นได้ยังไง

หยดน้ำใส ๆ คลอรินที่หน่วยตา ไม่ใช่ว่ากลัว แต่ใบหน้าร้อนผ่าวจนแทบจะระเบิดออกมา ร้อนจนน้ำตาแทบจะไหล ทำไมเป็นแบบนี้ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้

นั่งอยู่นิ่ง ๆ ก่อนจะยอมขยับเข้าใกล้ท่อนเอ็นใหญ่โตนั้น ฝ่ามือแตะต้องลงไปเบา ๆ เพื่อเกาะกุมเอาไว้

เงยหน้ามองคุณรัชชานนท์เลขาหน้านิ่งที่ยังมีแค่หน้าเดิม แต่ประกายความร้อนแรงในดวงตาแทบเผาผลาญให้นัทหลอมละลาย
สบตากันอย่างนั้น และนัทก็ก้มลงมา ใช้ปลายลิ้นแตะเบา ๆ ไปที่ส่วนปลายของความแข็งแกร่งนั้น แตะเบา ๆ และก็ผละใบหน้าออกห่าง

“นัทครับ...นะครับนัท”

น้ำเสียงออดอ้อนจากใครบางคนยิ่งทำนัทแทบอยากร้องไห้ยิ่งกว่าเดิม

พี่ฟ้า...
เพราะเป็นพี่ฟ้านัทถึงทำ
เพราะเป็นพี่ฟ้า

อายแค่ไหน ก็ยอมทำ

ไล้เลียปลายลิ้นไปที่ส่วนปลายของท่อนเอ็นที่อยู่ในมืออีกครั้ง แตะปลายลิ้นเบา ๆ ไปตลอดความยาวของท่อนลำ เหมือนเด็กน้อยที่หัดกินของหวาน แตะแล้วก็ถอยหนี

ปลายนิ้วของคนที่ยืนอยู่ค่อย ๆ สอดเข้าไปภายในโพรงปากของนัท หยาดหยดที่อยู่ในปากไหลซึมเป็นทางยาว และนัทก็ต้องยกหลังมือขึ้นเช็ดที่ริมฝีปากของตัวเอง
 
“อาส์ นัทครับ เอาเข้าไปในปากนัททั้งหมดเลยได้มั้ยครับ”

เข้าไป

ทั้งหมด

เงยหน้าขึ้นอีกครั้งเพื่อฟังคำสั่ง และนัทก็ยอมอ้าปากกว้างขึ้น เพื่อให้ความแข็งแกร่งใหญ่โตดุนดันเข้ามาในโพรงปาก
ขยับลึกจนถึงในคอ และนัทก็สำลักออกมา เพราะไม่ทันตั้งตัว

“แค่ก แค่ก ๆ อือออ”

ยกหลังมือขึ้นเช็ดที่ริมฝีปากของตัวเอง และฟ้าก็ยิ้มออกมา

น่ารักเกินไปแล้ว แบบนี้มันยิ่งกว่าน่ารัก ไม่รู้ตัวบ้างหรือไงครับนัท

แม้จะอาย แม้จะไม่ชิน แม้จะกลัว แต่เมื่อตั้งสติได้ นัทก็ลองใช้ปลายลิ้นไล้เลียไปที่บางสิ่งบางอย่างที่ขยับไปมาอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง ก่อนจะค่อย ๆ กลืนกินส่วนนั้นเข้าไป และเป็นฟ้าที่ช่วยขยับสะโพกโดยที่นัทไม่ต้องทำอะไร เพียงแค่ใช้ภายในโพรงปากเป็นที่ห่อหุ้มท่อนเอ็นแข็งแกร่งนั้นเอาไว้ก็พอ

“อาส์ นัท พี่จะเสร็จเพราะนัทอยู่แล้วนะ..... นัทครับ นัท”

ดวงตากลมโตที่เวลานี้หรี่ปรือปรอย นัทเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่มีแต่อารมณ์ร้อนแรงของคนที่ยืนอยู่อีกครั้ง

“ซี้ดดดดส์ นัทครับ น้องนัท โอ้ยยย อย่าให้โดนฟันนะครับ นั่นแหละดีมากนัท เก่งมากครับ”

เป็นนานที่สะโพกที่กระแทกเข้าออกเป็นจังหวะเพื่อให้ความแข็งแกร่งเสียดสีภายในความนุ่มหยุ่นภายในโพรงปากมากขึ้น
แอ่นสะโพกอีกไม่กี่ครั้ง ความต้องการภายในร่างกายก็แทบสิ้นสุด รั้งส่วนที่อยู่ภายในปากของนัทออก และใช้ฝ่ามือรูดรั้งอย่างรุนแรงเพื่อให้ความร้อนที่อยู่ภายในร่างกายระบายออกมา

“นัทครับน้องนัท อาส์ ...นัทน่ารักมากครับ ซี้ดดดส์”

ฟ้าถึงกับแหงนเงยใบหน้าขึ้น และส่งเสียงคำรามลั่น เมื่อแรงอารมณ์ที่โหมกระหน่ำกำลังจะถึงจุดสิ้นสุด สอดปลายนิ้วไปที่เส้นผมนิ่ม และขยับฝ่ามือขึ้นลงด้วยความรุนแรง

“อ้าปากหน่อยครับนัท”

ทำตามคำสั่ง นัททำตามสิ่งที่อีกฝ่ายบอก ยอมอ้าปาก แล้วความร้อนที่อยู่ภายในอุ้งมือของฟ้าก็พุ่งทะยานออกมา หลั่งรินหยดลง และนัทก็หลับตาแน่น เมื่อรู้ว่าอะไรบางอย่างกำลังพุ่งทะยานเข้ามาภายในปาก

หยดน้ำขุ่นข้นสีขาว ยังหลั่งรินทะลักออกมาไม่ขาดสาย เข้ามาทั้งหมด และนัทก็ต้องอ้าปากรับเอาไว้
บางส่วนเปรอะเปื้อนที่ข้างแก้มขาว ๆ แต่ส่วนใหญ่ หลั่งลงภายในปากของนัทที่อ้าปากรอรับ

คายบางอย่างที่หลั่งเข้ามาในปากออกทั้งหมด และคนที่ยืนนิ่งอยู่และเริ่มปรับลมหายใจได้ ก็มองสิ่งที่นัททำ

ยิ้ม
ถึงกับยิ้มออกมา
เมื่อได้เห็นสิ่งที่คนตรงหน้าทำ

ย่อตัวลงมาหา และยิ้มใส่ตาคนที่หันหน้าหนีไปอีกทาง นัทไม่ยอมสบตา เอาแต่หันหน้าหนี

เห็นแล้วมันน่าแกล้ง  และฟ้าก็จับมือที่เปรอะเปื้อนไปด้วยของเหลวขุ่นขาวให้ลูบไล้ไปที่ลำตัวและยอดอกสีเข้ม

“มันเปื้อนพี่ฟ้า...ไม่เอา”

ร้องบอก แต่คนที่จับมือนัทเอาไว้ ก็ไม่ยอมให้เลิกทำ แถมยังประกบริมฝีปากไปที่ริมฝีปากแดงเรื่อของคนที่เบี่ยงหน้าหลบตลอดเวลา ไล้ปลายลิ้นไปตามริมฝีปาก และผละจากก่อนจะประคองใบหน้าของนัทให้หันมาสบตากันตรง ๆ

“ร้ายนักนะ เป็ดดื้อนัทของพี่ฟ้า”

ไม่...นัทไม่ได้ร้าย

“ทำกับพี่แบบนี้หมายความว่ายังไงครับ”

ไม่..นัทไม่รู้.... พี่ฟ้าอย่าล้อนัทแบบนี้

พี่ฟ้า...

หน้ายังไม่หายแดง แถมยังรู้สึกร้อนจนเหมือนหน้ากำลังจะระเบิดออกมา นัทยังขบริมฝีปาก และพยายามจะหันหน้าหนีไม่ยอมสบตา กลายเป็นฟ้าที่ต้องรั้งร่างของคนที่กำลังทำตัวไม่ถูกให้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขน

กอดเอาไว้แน่น

กอดเอาไว้และประทับริมฝีปากเบา ๆ ที่ข้างแก้มเนียนขาวและหน้าผากของนัทอีกครั้ง

“นัทครับนัท”

อือ พี่ฟ้าเรียกนัทอีกแล้ว

“พี่จะไม่ยอมเป็นแบบเมื่อก่อนอีกแล้ว ต่อให้มีอะไรเกิดขึ้น พี่ก็จะไม่ยอมห่างจากนัทเด็ดขาด”

ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ไม่รู้ความหมายของมันด้วยซ้ำ แต่ก็ทำให้นัทเบิ่งตากว้างขึ้น เมื่อได้ฟังคำพูดนั้น

พี่ฟ้า...

ยกแขนขึ้นกอดตอบอีกฝ่ายเอาไว้ และในเวลานี้รู้แล้วว่าสิ่งที่ได้เห็นได้สัมผัสในเวลานี้ไม่ใช่ความฝัน โง่เง่าบ้าบอมากที่ทำอย่างว่าเสร็จแล้วถึงค่อยร้องไห้  ไม่รู้ว่าทำไมถึงร้องไห้ น้ำตามันไหลออกมาโดยไม่ทันรู้ตัว

“พี่ฟ้า”

ได้แต่เรียกชื่อนี้เบา ๆ และรับรู้ถึงสัมผัสอุ่น ๆ ที่ลูบหลังลูบไหล่ให้เหมือนปลอบโยน

“พี่ไม่ยอมเป็นเหมือนเมื่อก่อนหรอกนะนัท พี่จะทำเพื่อตัวเองบ้าง”

ไม่รู้หรอกว่าจะทำได้หรือเปล่า แต่ที่แล้วมามันเหนื่อยและหนักเกินพอแล้ว

ขอร้องเถอะ
ขอร้องสักครั้งในชีวิต เพราะไม่เคยขออะไรเลย แต่ครั้งนี้อยากจะขอสักครั้ง

“พี่จะไม่ปล่อยนัทไปไหนเด็ดขาด นัทของพี่ฟ้า พี่ไม่มีทางปล่อยนัทไปแน่ ๆ พี่สัญญา”

 TBC.

 Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2818.0)
      และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 69
เริ่มหัวข้อโดย: thisispom ที่ 02-06-2014 21:04:16
กรี๊ดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 69
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 02-06-2014 21:05:52
 o13 เเจ่มกินน้ำผึ้งพระจันทร์กันเรียบร้อย ต่อไปก็กินตับ  :hao7: :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 69
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 02-06-2014 21:12:21
กรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง อ๊ากกกก ทำไรกันค๊าาสองคนนี้ อิคนอ่านจะเป็นลม
ต่อไปนี้จะเข้าใจกันได้แล้วใช่ไหมๆๆๆ กลัวอ่ะ กลัวอุปสรรคโผล่ T_T

ขอบคุณนะคะ รอตอนต่อไปจ้า  //ยาดม ชั้นขอยาดม ด่วน!!
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 69
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 02-06-2014 21:14:37
อ๊าซซซซซซซซซซซซยังๆๆๆยังไม่.....อีกนิ๊สสสสสสสสสสนึง :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 69
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 02-06-2014 21:31:22
กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆนัท ของ พี่ฟ้า :heaven ในโลก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 69
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 02-06-2014 21:58:00
โถ่ 

พี่ฟ้าของน้องนัท
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 71
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 02-06-2014 22:04:55
 :pighaun:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 71
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 02-06-2014 22:09:44
อร๊ายยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 71
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 02-06-2014 22:10:31
 :jul1:สุดยอดนัทของพี่ฟ้า ทำคนอ่านเลือดจะหมดตัว
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 71
เริ่มหัวข้อโดย: cowinsend ที่ 02-06-2014 22:11:04
พี่ฟ้าคะ พูดงี้แต่งงานกับน้องนัทเลยดีกว่า จะได้เข้าหอจริงจังซะที  :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 71
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 02-06-2014 22:22:45
อ๊ากกกกกกกก เขินนนนนนนน
ใกล้แล้วววววว ใกล้แล้วววว จะตัดฉับหรือจะดำเนินต่อนะ ุล้นๆ โอยรู้ไหม รอตลอดทั้งวันเลยคู่นี้น่ะ :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 71
เริ่มหัวข้อโดย: tepintpilai ที่ 02-06-2014 22:27:46
"นัทของพี่ฟ้า"

ประโยคนี้ ทำเอาอุษากรี๊ดลั่นบ้านเลยคร๊าาาาาาาาา  :o8:

ถึงแม้เค้ายังไม่ได้ขอเปนแฟนกัน ทำไมฟินไม่หยุดล่ะ?  :ling1:

ปล. เรื่องของน้องนัท-พี่ฟ้า นี่เกิดก่อนของน้องมีน-พี่บุ้ง ป่ะ ..จำได้คร่าวๆว่าน้องมีน-พี่บุ้งไปเหนคู่นี้สวีทกันร้านข้าวต้ม  :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 71
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 02-06-2014 22:32:50
ไอ้พีฟ้า ร้ายจริงๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 71
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 02-06-2014 22:45:33
กรี๊ดๆๆๆๆ พี่ฟ้าของเป็ดน้อย น่ารักอะไรอย่างนี้

จะไม่ปล่อยมือจากนัท สู้ๆๆนะ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 71
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 02-06-2014 23:07:32
เค้าเสร็จกันไปอีกหนึ่งยก. ....  รอน้องนัทของพี่ฟ้าเสียตัวอยู่นะ อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 71
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 02-06-2014 23:14:58
อ๊ากกกกกกก นัทของพี่ฟ้า
เขิน เขิน :-[ :-[
บทจะหวานขึ้นมา พี่ฟ้านี่ไม่แพ้ใครเลยนะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 71
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 03-06-2014 00:01:23
ตอนเค้าพุ่งเข้าปาก ไอ้เราข้าวต้มก็เกือบพุ่งออกจากปาก  :laugh:  แอร๊ยยยส์ เสร็จไปทีละขั้นตอน นี่เค้าเก็บของอร่อยไว้กินตอนท้ายหรอ คึคึ :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 71
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 03-06-2014 01:48:05
ไม่เอาแค่นี้ พี่ฟ้ายังไม่กินน้องเลย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 71
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 03-06-2014 02:12:05
โหยยย ลงนอนไปกองกับพื้น
ร้อนแรงมาก เลือดแทบพุ่ง อิอิ
พี่ฟ้า น้องนัท
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 71
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 03-06-2014 06:26:57
อิๆๆๆ ปฐมบทแห่งการเริ่มต้น.......
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 71
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 03-06-2014 06:37:23
ขั้นแรกเริ่มล่ะ  :-[

รอขั้นต่อปายยยย  :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 71
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 03-06-2014 08:03:21
ฮึ้ยยยยยยยยยย :z3: อีกนิดเดียวววววววววววววววววววว :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 71
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 03-06-2014 08:53:33
นัทของพี่ฟ้า เด็กเป็ดของพี่ฟ้า แอร๊ยยยย เขิน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 71
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 03-06-2014 09:11:19
เราก็จะไม่ยอมแล้วเหมือนกัน เราจะไม่ยอม ให้ความน่ารักของพี่ฟ้ามาทำเราหวั่นไหว :o8:
 
ความน่าเอ็นดูของนัทก็ด้วย อ๊ายยยยย น่ารักจริงๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 71
เริ่มหัวข้อโดย: FahFon ที่ 03-06-2014 09:31:01
กรี๊ดดดดดดดดดดด ไม่คิดว่าพี่ฟ้าจะกล้าขอให้นัททำไรแบบนี้ >////////< พี่ฟ้าหื่นใช้ได้เลยอ่ะ 555555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 71
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 03-06-2014 09:57:38
พี่ฟ้านี่แอบหื่นนะเนี่ย :hao7:
ส่วนน้องนัทนี่พี่ฟ้าขออะไรก็ทำตามหมดเลย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 71
เริ่มหัวข้อโดย: yaoigirl ที่ 03-06-2014 09:59:26
โอมมมมม พี่ฟ้า น้องนัท จงมาต่อ......เพี้ยงงง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 71
เริ่มหัวข้อโดย: miyaki ที่ 03-06-2014 10:53:45
ข้ามขั้นกันไปแล้ว พี่ฟ้าน้องนัท :m25:
รอๆคะ อยากอ่านตอนต่อไปแล้วคะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 71
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 03-06-2014 11:47:04
โอ๊ยยยยยยยยยยย... น้องนัท  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 71
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 03-06-2014 16:14:36
ระหว่างรอตอนต่อไป ก็มานั่งอ่านเม้นของชาวเล้า
โอย มีแต่ฮาๆทั้งนั้นเลย 99.99% อยากให้น้องนัทโดนพี่ฟ้ากินทั้งนั้น 555

รีเฟรช และรอต่อปายยยย ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 71
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 03-06-2014 17:08:15
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน กังวล


“กินนมเยอะ ๆ จะได้โตไว ๆ”

นมคงไม่ช่วยอะไรหรอก ป่านนี้แล้ว กินให้ตายก็คงไม่โตไปมากกว่านี้แล้ว

นัทเหลือบสายตาขึ้นมองกล่องนมที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน แล้วก็ก้มกลับลงมาสนใจกับเอกสารที่อยู่ในมือ อ่านแล้วก็ทำเหมือนเดิม คือขีดข้อความคั่นเอาไว้ เพื่อจะได้เข้าใจให้มากขึ้น

อีกสองวันจะเข้าประชุมครั้งแรก นัดชี้ชะตา จะสร้างความน่าเชื่อถือและศรัทธาได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการเปิดตัวครั้งนี้

นัทต้องพยายาม และคนที่ถือกะละมังซักผ้าใบเล็กเดินผ่านหน้าไป ก็คงต้อง....
พี่ฟ้าจะพยายามหรือเปล่านัทไม่รู้นะ แต่ว่า...พี่ฟ้าแค่ซักผ้าและกำลังจะเดินไปตากผ้า ทำไมถึงได้ดูดีจัง

พี่ฟ้าซักผ้าเสร็จแล้ว และก็กำลังจะไปตากผ้า

อ่า...นั่นสินะ ไม่ซักก็ไม่มีชุดใส่ แล้วทำไมไม่ขับรถกลับบ้านไปเอาชุดล่ะ ไหนคุณรัชชานนท์เป็นผู้ชื่นชอบความสมบูรณ์แบบไง
บางทีผ้าที่ตากอาจจะดูดีมากก็เป็นได้ เพราะคนที่ไปตากผ้า เดินด้วยมาดอันแสนเท่ห์ผ่านหน้าไปแล้ว

ดูดีทุกอิริยาบถ ผิดกับผู้บริหารเป็ดนัท ที่อยู่ในสภาพนั่งหงอย อ่านเอกสารไป กัดหลอดที่อยู่ในกล่องนมไป อ่านไปอ่านมาก็เลยใช้คางเกยโต๊ะ แล้วก็ยกเอกสารในมือขึ้นสูง

ดูดีมาก

เป็นภาพบรรยากาศการทำงานที่น่าประทับใจ และเลขารัชชานนท์หน้านิ่งก็ยืนมองด้วยความสนใจ

นัทครับ.....ถ้าจะตั้งใจอ่านขนาดนี้นะนัท

“เป็ด”

ห๊ะ

ได้ยินเสียงเรียก แล้วนัทก็ลดมือที่ถือเอกสารลง มองคนที่เรียกทั้งที่ยังคาบหลอดเอาไว้ในปาก

“กินนมหมดแล้วทำไมไม่ทิ้งกล่อง แล้วนั่นคาบหลอดเล่นทำไมครับ”

ไม่ทำไม ก็มันเพลินดี นัทก็เลยเอาหลอดมากัดเล่น จะเอาเหตุผลเหรอ นัทยังไม่ทันคิดเลย ขอคิดก่อนได้มั้ยพี่ฟ้า

นัททำหน้ายุ่งเหยิง ก่อนจะดึงหลอดออกมาจากปากแล้ววางทิ้งไว้บนโต๊ะ

“เอาทิ้งถังขยะสิคุณนัท”

ก็ได้

หยิบกล่องนมและหลอดที่วางไว้บนโต๊ะ โยนลงใส่ถังขยะใต้โต๊ะ แล้วก็ได้ยินเสียงบ่นจากใครบางคน

“พี่จะเอาถังขยะออกจากใต้โต๊ะนัทแล้ว ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป”

เอาออกทำไมล่ะ มันอยู่ของมันแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว

ก้มลงมองถังขยะใต้โต๊ะ และนัทก็วางเท้าไว้บนขอบถังขยะและใช้ขาหนีบถังขยะเล่น

มีแต่เศษกระดาษแล้วก็กล่องนมของนัทแค่นั้น ไม่ได้มีอะไรเลย จะเอาไปไว้ที่อื่นทำไมล่ะ นัทจะเอาไว้วางเท้า

“คุณรัชชานนท์ครับ อยากกินโกโก้เย็น”

เจ้าของโรงงานสั่ง และเลขาที่กำลังจะเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานก็ยืนนิ่ง ก่อนจะหันไปมองอย่างช้า ๆ

“เพิ่งกินนมไป เดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงค่อยกิน”

อ้าว แล้วมันเกี่ยวกันตรงไหนล่ะ ก็อยากกินโกโก้ นมก็ส่วนนม โกโก้ก็ส่วนโกโก้สิ ทำไมพี่ฟ้าต้องมีหลักเกณฑ์หลักการอะไรเยอะแยะจัง

แม้จะแอบขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้ดื้อรั้น นัทยังคงอ่านเอกสารเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนท่านั่งเป็นนั่งขัดสมาธิอยู่บนเก้าอี้แล้วเอาคางเกยโต๊ะเอาไว้

“อยากกินโกโก้เย็นจังเลยครับ คุณรัชชานนท์”

มีเสียงร่ำร้องมาจากท่านประธาน และคุณรัชชานนท์เลขาหน้านิ่งก็มองไปที่คนที่กำลังอ่านเอกสาร เวลาที่อีกฝ่ายเรียกร้องความสนใจ บางครั้งต้องห้ามสนใจเด็ดขาด ไม่งั้นจะเคยตัว เวลาได้อย่างใจแล้ว เป็ดนัทจะเคยตัว จะเอาแต่อ้อนไม่เลิก แล้วจะกลายเป็นทางนี้ที่ทนลูกตื้อลูกอ้อนไม่ไหว

“ถ้าได้โกโก้เย็นนะ คงอ่านได้เยอะกว่านี้แล้วก็มีกำลังใจเยอะกว่านี้มากเลยเนอะคุณรัชชานนท์ว่ามั้ย”

อย่ามาทำเป็นชวนคุย ต่างคนต่างทำงานไป แม้จะเป็นวันหยุด ก็ต้องทำงาน

“เฮ่อออออ อยากกินโกโก้เย็นจังน๊อ”

ครับ

“อยากกินเป็ดจังครับ”

เป็นการดวลกันที่สมศักดิ์ศรีที่สุด คนหนึ่งอยากกินโกโก้ ส่วนอีกคนอยากกินเป็ด

นัทถึงกับหุบปากเงียบทันที และเปลี่ยนท่าทางจากนั่งขัดสมาธิเป็นการนั่งยืดขา หลังตรงตัวตรง ทำตัวเรียบร้อยแบบทันทีทันใด
สมมาดผู้บริหาร

นั่งอ่านเอกสารด้วยท่าทางอันแสนเคร่งขรึม กวาดสายตาไปตามตัวอักษร ตั้งอกตั้งใจทำงาน ขยันขันแข็ง และดูจริงจัง
ทั้งที่หน้า.......แดงเรื่อไปถึงไหนต่อไหน

น่ามองที่สุดแล้วแบบนั้น

คุณรัชชานนท์เลขาหน้านิ่ง หันมาสนใจกับจอคอมพิวเตอร์ และเริ่มลงมือกับงานของตัวเองเช่นกัน แกล้งทำเป็นไม่เห็นสีหน้าและแววตาของใครบางคน แกล้งไม่เห็น แกล้งทำเป็นมองไม่เห็น ทั้งที่อยากจะเข้าหาและไปนั่งจ้องหน้าซะให้เข็ด

คำว่าน่ารักยังน้อยเกินไปสำหรับคนบางคน และคนบางคนที่ว่า คือคุณประธานนัธพันธ์ ที่วางมาดได้น่ารักมากจนเกินห้ามใจ
ฟ้าแกล้งทำทีเป็นสนใจอยู่กับงานของตัวเอง แต่แอบเบี่ยงหน้ามาเล็กน้อยเพื่อลอบมองคนที่ตั้งอกตั้งใจทำงานเป็นระยะ

เป็ดเอ้ยเป็ด คุณนัทนะคุณนัท ทำตัวน่ารักน่าใคร่ขนาดนั้น คิดว่าจะรอดไปได้อีกนานแค่ไหนกัน

ที่ปล่อยก็เพราะสงสารหรอกนะ คุณนัทยังต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะ เรื่องนั้นก็เหมือนกัน คงเร็วเกินไปที่จะเร่งเร้าเอาแต่ใจ
ไม่ควรดึงดัน ดื้อรั้นทำไปจนถึงที่สุด เพราะดูก็รู้แล้วว่าคุณนัทไม่มีประสบการณ์

แต่แบบนั้นแหละที่น่ารัก น่ารักมาก จนอดใจไม่ไหว ต้องขอมานอนกอดนอนเฝ้าแทบทุกคืน

หลังจากวันนั้นที่ทำบางอย่างด้วยกันแล้ว ก็ไม่กล้าฝืนทำอะไรอีก ค่อย ๆ เริ่ม ค่อย ๆ ไปเรื่อย ๆ ค่อย ๆ เรียนรู้

เดี๋ยวซักพักคุณนัทคงชินมากกว่านี้

แค่ใช้คำพูดสื่อความหมายไปทางนั้น เด็กเป็ดเหลืองนัทน่ารักก็ยังทำตัวไม่ถูก ลุกลี้ลุกลนอย่างเห็นได้ชัด
น่ารักก็น่ารักอยู่ แต่แกล้งมาก ๆ ก็สงสาร คุณนัทคงไม่ค่อยรู้สึกดีเท่าไหร่ ที่ถูกแกล้งแบบนั้น

จะปล่อยเวลาไปเรื่อยๆ ให้เราเรียนรู้กันไปเรื่อย ๆ เรียนรู้กันและกัน และอยู่ด้วยกัน อย่างสบายใจ ไม่รีบร้อน

จะทำอย่างนั้น
จะพยายามทำให้ได้อย่างนั้น
แม้หลาย ๆ ครั้งจะอยากกระโดดเข้าใส่ และอยากทำให้ร้องไห้ และร้องครวญครางอยู่ใต้ร่างกายนี้ขนาดไหนก็ตาม
แต่ก็ต้องอดใจไว้ อดใจเอาไว้ให้ได้ เพราะคนบางคน ยิ่งหักห้ามใจได้มากเท่าไหร่ เวลาที่ได้ลิ้มลองจะรู้ได้ทันทีว่าคุ้มค่าแก่การรอคอยจริง ๆ

++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 71
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 03-06-2014 17:08:56
“โกโก้เย็นครับ”

นัทเงยหน้าขึ้นมา และก็เห็นแก้วโกโก้เย็นมาตั้งไว้ให้บนโต๊ะ ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ตรงเป๊ะไม่มีขาดมีเกิน โคตรตรงต่อเวลาเลยครับคุณรัชชานนท์ คุณนี่สุดยอดจริงๆ ผมยอมรับเลย

นัทมองแก้วโกโก้ที่ถูกวางไว้ให้ แล้วก็อมยิ้มเพราะรู้สึกดีใจที่ได้รับการเอาใจใส่ พักสายตาจากเอกสารกองมหึมา และยกแก้วขึ้นจรดทีริมฝีปาก

อร่อย ชื่นใจ

ยืดแขนยืดขาและบิดร่างกายเอียงไปทางซ้ายและขวา

เมื่อย

นั่งจนเมื่อย นั่งจนปวดไปหมดทั้งแขนและขา

ยกแก้วขึ้นอีกครั้งและดื่มโกโก้เย็นอย่างแสนจะมีความสุข ก่อนจะใช้ปลายลิ้นไล้เลียเบา ๆ ไปที่ริมฝีปาก

“หวานดี นัทชอบ”

บอกกับคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ และฟ้าก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ใบหน้ายังคงเรียบเฉย แต่มันทำให้นัทถึงกับเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง

“หวานอยู่แล้วครับ ยิ่งกว่าหวาน”

อะไรล่ะพี่ฟ้า นัทหมายถึงโกโก้ที่พี่ฟ้าชงให้ พี่ฟ้าหมายถึงอะไร

“หวานใช่มั้ยครับ”

อะไร

หวานมั้ย นัทไม่รู้....นัทไม่...

“หวานมั้ยครับนัท”

ไม่

นัทไม่รู้

พี่ฟ้าไม่ต้องขยับมาใกล้นัทก็ได้ ไม่ต้องจ้องหน้านัทแล้วทำหน้านิ่งขนาดนี้

นัทจะหายใจไม่ออก

นัทสู้สายตาพี่ฟ้าไม่ได้ พี่ฟ้าก็น่าจะรู้ นัท.....

“ตกลงหวานหรือเปล่าครับ”

ถึงกับงง และนัทก็ทำเพียงแค่หันหน้าหนีไปทางอื่น แต่คนที่ยืนอยู่และขยับเข้ามาใกล้ ก็ยกแก้วโกโก้ขึ้น และยกมาป้อนให้ถึงปาก

“นัทกินอีกสิครับ แล้วบอกพี่ฟ้าว่าหวานมั้ย”

อ่า....
ครับ

เมินหน้าหนีไปทางอื่น แต่ยอมดื่มโก้โก้เย็นที่คุณเลขารัชชานนท์ป้อนให้

ดื่มไปเล็กน้อย และแก้วก็ถูกวางไว้บนโต๊ะ ส่วนคนที่ถามคำถาม ยื่นหน้าเข้ามาใกล้กับใบหน้าของนัทมากขึ้น

มากขึ้นเรื่อย ๆ

พี่ฟ้า อย่าแกล้งนัทเลย อย่าทำแบบนี้กับนัทเลย นัทขอร้อง นัทกำลังจะไม่เป็นตัวของตัวเองอีกแล้ว อย่าแกล้งนัทเลยพี่ฟ้า

“รสชาติเป็นยังไงครับ”

รสชาติ

“หวาน”

ตอบออกไปแล้ว ก้มหน้าก้มตาตอบ และคนที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ก็อมยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก

แค่เพียงนิดเดียว แล้วรอยยิ้มชวนให้หวั่นไหวนั้นก็จางหายไป คุณรัชชานนท์กลับมาเป็นเลขาหน้านิ่งเหมือนเดิม
และถอยกลับไปยืนที่ของตัวเองเรียบร้อย ส่วนนัท เอาแต่ก้มหน้าก้มตา และยกหลังมือขึ้นเช็ดถูไปที่ริมฝีปากตัวเอง

พี่ฟ้าชอบแกล้งนัท   พี่ฟ้าชอบทำให้อารมณ์นัทกระเจิดกระเจิง พี่ฟ้า.....ชอบเห็นเวลานัททำตัวไม่ถูก แต่นัท...ไม่ชอบที่ควบคุมอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองไม่ได้

นัทไม่ชอบแบบนี้เลย

มันคงดูตลกมากในสายตาพี่ฟ้า บางทีนัทคงเป็นคนบ้าบอที่ดูตลกมากในสายตาพี่ฟ้าสินะ

“เที่ยงคืนไปอาบน้ำกันนะครับคุณนัท”

เที่ยงคืน ไปอาบน้ำกัน อาบน้ำ.............

“คุณนัทกับผม ไปอาบน้ำพร้อมกันตอนเที่ยงคืนนะครับ เราต้องประหยัดน้ำ”

ประหยัดน้ำ

ประหยัดน้ำประปา แต่นัทคงไม่ต้องประหยัดน้ำ....เพราะคงไม่มีเหลือเมื่อเลยหลังเที่ยงคืน

พี่ฟ้าไม่ชอบถ้าไม่ได้ทำบางอย่างกับนัท เรา...ใกล้เคียงกับคำว่ามีอะไรกันมากขึ้นเรื่อย ๆ เวลาปกติ เราเป็นเจ้านายกับเลขา
แต่เวลานั้น เราแทบจะเป็นของกันและกัน เพียงแต่มันยังไม่สมบูรณ์เท่านั้น และพี่ฟ้าก็ปล่อยนัทไปเสมอ ไม่เคยเรียกร้องทำจนถึงที่สุด ปล่อยให้นัทสบายกายสบายใจ และนอนหลับไปทั้งอย่างนั้นได้ทุกคืน

“คิดอะไรนัท”

ห๊ะ

นัทคิดอะไรเหรอ นัท .......... ยอมรับก็ได้ว่ามีบางที่ทำให้คิดจริง ๆ

“ในสายตาพี่ฟ้า นัทตลกมากหรือเปล่า นัทจะพยายามทำตัวให้เป็นปกติไม่ทำท่าทางแบบนี้ให้พี่ฟ้าเห็นอีกนะ....นัทจะพยายาม”

ใครขอให้พยายามกันล่ะ แบบนั้นใครอยากได้ ไม่เคยขอร้องให้พยายามทำอะไรแบบนั้นเลยสักครั้ง

“ไม่ทราบสิครับ ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณนัทคิดอะไรอยู่ในหัว แต่สิ่งที่ผมคิดคือ ผมชอบคุณนัทที่เป็นแบบที่ผมเห็น พี่ฟ้าชอบนัทที่เป็นแบบนี้”

ชอบแบบนี้ หมายถึงชอบแบบไหน ชอบยังไงเหรอพี่ฟ้า คำว่าชอบแบบนี้

“คุณนัทจะคิดว่าตัวคุณนัทเป็นยังไงในสายตาผม คุณนัทก็คิดไปได้เลย แต่ผมไม่ชอบนะ ถ้าคุณนัทคิดในแง่ที่ทำให้ตัวเองวิตกหรือเป็นกังวล”

พี่ฟ้า....นัทกำลังเป็นแบบที่พี่ฟ้าพูดนั่นแหละ แล้วก็เป็นมากซะด้วย กังวลไปหมดเลยพี่ฟ้า นัทยอมรับก็ได้ว่านัทเป็นกังวลมาก

“พี่ชอบทุกอย่างที่นัทเป็น แล้วพี่ก็เป็นกังวลอยู่เสมอว่านัทมองพี่ยังไง อยู่ใกล้นัทมาก ๆ พี่ทำตัวไม่ค่อยถูก ในหัวของพี่มีแต่เรื่องของนัทเต็มไปหมด พี่เป็นได้ถึงขนาดนี้ เพราะนัทคนเดียว”

TBC.

Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2818.0)
      และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 71
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 03-06-2014 17:26:13
กรี๊ดดดด
รับผิดชอบคร่าาาาาาา  คืนนี้......นัทจะเป็นเหมือนที่ผ่านๆมาไหมนะ นอนหลับสบายคนเดียว
พี่ฟ้าแผนสูง อดเปรี้ยวไว้กินหวานนนน
แล้วตกลง นัทเปลี่ยนชื่อเป็นเป็ดใช่ไหมนะ  เรียกเป็ดละก็หัน-..-
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 72
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 03-06-2014 17:27:40
มดไต่จอแย้ววววว  :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 72
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 03-06-2014 17:39:33
พี่ฟ้าชอบแกล้งให้นัทเขิน
ลูกเป็ดเอ๋อใกล้โดนกินเข้ามาทุกที
 :hao6: :hao6:
ยิ่งอ่านยิ่งฟิน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 72
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 03-06-2014 17:59:56
“คุณนัทกับผม ไปอาบน้ำพร้อมกันตอนเที่ยงคืนนะครับ เราต้องประหยัดน้ำ”  แหม๋ ไม่เนียนเลยๆ
พาเป็ดไปอาบน้ำๆๆๆ  :haun4: อยากดูเป็ดอาบน้ำ จ๋อมแจ๋มๆ
พี่ฟ้าน่าจะเป็นเจ้าของโรงงานน้ำตาลนะ  :o8:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 72
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 03-06-2014 18:02:27
หวานนนนน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 72
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 03-06-2014 19:35:03
จะบ้าตายกับบทสนทนาของคุณสองคน
มันชวนให้อมยิ้ม คิดไปไกล ใจสั่น ^^

ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไป...
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 72
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 03-06-2014 19:49:31
 :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 72
เริ่มหัวข้อโดย: tepintpilai ที่ 03-06-2014 19:54:38
แกร๊ๆๆๆๆๆๆๆ

พี่ฟ้าบอกชอบน้องนัทแล้วววว  :o8:

กรี๊ดดดดดดดดดด ทำไมชั้นฟินอ่ะ ทั้งที่เค้ายังไม่ได้บอกรัก บอกคบกันเลย  :ling1:

ถ้าเค้าบอกรักกัน อุษาไม่ต้องฟินจนน้ำเดินเลยหรอคะ งานนี้  :z2:

 :L2: :L1:


หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 72
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 03-06-2014 20:17:17
หวานมาก :laugh:
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 72
เริ่มหัวข้อโดย: cowinsend ที่ 03-06-2014 20:24:20
พี่ฟ้านี่จริงๆเป็นหมาป่าสุดเจ้าเล่ห์ใช่มั้ยคะ :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 72
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 03-06-2014 20:26:13
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[


 :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 72
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 03-06-2014 20:28:21
ฟินจุงเบย :heavenน้องนัทน่ารักขึ้นทุกวัน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 72
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 03-06-2014 20:51:06
 :-[ พี่ฟ้าชวนน้องนัทประหยัดน้ำซะเราเขินเลย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 72
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 03-06-2014 21:33:14
พี่ฟ้าจะงาบลูกเป็ดแล้วชิมิเคอะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 72
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 03-06-2014 21:42:50
รอวันเวลาความรักสุกงอมซินะ พี่ฟ้า เป็นผู้ชายที่อดทนจริงๆ สามารถต้านทานความน่ารักของลูกเป็ดได้ไม่ธรรมดา

 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 72
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 03-06-2014 21:47:33
อาบน้ำด้วยก๊านนนนนน จะเหลือมั้ยล่ะน้องนัท. อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 72
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 03-06-2014 23:35:09
เข้ามารอตอนดึก จะมาอีกตอนไหมน๊ออออ   T_T
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 72
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 04-06-2014 00:22:58
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน ขี้เกียจอาบน้ำ

“นัทอาบน้ำได้แล้ว”

เป็นแบบนี้ทุกวัน เถียงกันเรื่องนี้ทุกวัน แล้วก็เป็นฟ้าที่ต้องหงุดหงิดกับเรื่องนี้.....ทุกวัน

“อื้ออออออออ ม่ายอาวววว ง่วงแล้ว”

นั่นไงล่ะ นี่แหละสาเหตุหลัก ที่กลับบ้านไม่ได้ แรก ๆ ไม่รู้ แต่ตอนนี้รู้แล้ว ว่าคุณนัทนิสัยแบบนี้ ถ้าทำงานเพลินแล้วเผลอหลับไป มีอย่างเดียวคือตื่นไปอาบน้ำพรุ่งนี้เช้า หน้าไม่ต้องล้าง น้ำไม่ต้องอาบ ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ คงเสียนิสัย เป็ดอะไรไม่ชอบอาบน้ำ เป็นเป็ดแท้ ๆ ทำแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน เพราะอย่างนี้ไงถึงได้ต้องลากไปอาบน้ำด้วยกันทุกวัน

“ทำไมเป็นคนแบบนี้นัท ลุกขึ้นมา”

ฮื่ออออออออ ม่ายอาววววววววว จานอนแล้วววว คอพับคออ่อน แกล้งตายได้ก็ทำ ซบหน้าลงบนโต๊ะ แล้วก็เลื้อยลงไปอีก ลากก็แล้ว ดึงก็แล้วสุดท้ายก็เป็นเหมือนเดิม

“ไม่อาบเดี๋ยวจะจับแก้ผ้าตรงนี้เลยเอามั้ย”

“อื้อออ ม่ายอาวพี่ฟ้า”

ไม่เอา แล้วทำไมไม่ลุกขึ้นมา บอกกี่ครั้งแล้วทำไมถึงดื้ออย่างนี้

“นัท”

“อืออออออีกห้านาที”

ไม่ต้องแล้ว ไม่ต้องเดี๋ยวแล้ว มัวต่อเวลาแบบนี้เมื่อไหร่จะได้อาบ เสียเวลา ยิ่งเรียกยิ่งดื้อ ยิ่งดึงตัวขืนให้ลุกขึ้นยิ่งจะลงไปหลับ
สุดท้ายก็เหมือนเดิม ต้องทำเหมือนเดิม ทำเหมือนที่เคยทำ เดินเข้าไปหา และจัดการสอดมือเข้าไปที่ใต้แขนทั้งสองข้างของคนที่ไม่ยอมลุก แล้วก็ดึงขึ้นมาทั้งตัว

“อื้อออออออออ พี่ฟ้า”

นัทลุกขึ้นยืนในสภาพโงนเงน แล้วก็เดินเซไปเซมาไม่ตรงทางโดยมีคุณเลขารัชชานนท์ ลากแขนให้เดินตาม ยืนตัวตรงได้ เมื่อมาถึงห้องน้ำ แล้วนัทก็ยังขยี้ตา งัวเงีย ไม่อยากตื่น ยืนอยู่นิ่ง ๆ แบบนั้นให้คนที่อยู่ตรงหน้าช่วยถอดเสื้อให้

“ยืดแขน”

ยกแขนขึ้นสองข้าง แล้วเสื้อที่ใส่ก็พ้นออกจากตัว

“กางเกงไม่ต้องครับ นัทถอดเอง”

นึกว่าจะต้องให้ช่วยถอดให้เหมือนวันก่อน

ตื่นเต็มตา จากง่วงนอน คราวนี้นัทก็ถึงได้ตื่นเต็มตา เพราะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเริ่มถอดเสื้อออกแล้ว ไม่ตื่นยังไงไหว พี่ฟ้ามาแก้ผ้าให้ดูทั้งคน มองยังไงก็ไม่เบื่อ ยิ่งมองยิ่งเพลิน แล้วก็ยิ่งอยากจะมองไปเรื่อย ๆ

พี่ฟ้า
พี่ฟ้า
พี่ฟ้า

“นัท”

ห๊ะ

ไม่ได้ขานรับ แต่เลิกคิ้วขึ้นสูง ทั้งที่ตาลอย ดวงตากลม ๆ มีแววเหม่อลอย แก้มขาวๆ เริ่มขึ้นสีแดงเรื่ออีกครั้ง

“มีอารมณ์เหรอครับ”

ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมตอบ ไม่ชินกับคำถามแปลก ๆ แบบนี้ซะที ตกลงเราเป็นอะไรกัน ทำไมเราถึงได้อาบน้ำด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน นอนด้วยกัน ทำเรื่องบางอย่างที่เกินเลยไปไกลด้วยกัน เรา....เป็นอะไรกันเหรอพี่ฟ้า...นัทอยากรู้ว่าสำหรับพี่ฟ้า นัทเป็นอะไรสำหรับพี่ฟ้า นัทอยากรู้...ว่าเราเป็นอะไรกัน

คิด แต่ไม่กล้าพูด

แล้วนัทก็ค่อย ๆ แกะกระดุมกางเกง รูดซิปลงและถอดกางเกงออกไปพ้นตัว สภาพเกือบเปลือย แต่ก็คงน้อยกว่าอีกคนที่ถอดออกหมด และในเวลานี้ไม่มีอะไรปิดบังร่างกาย ทุกสัดส่วน จากลาดไหล่ไล่ไปที่แขน แผ่นอกกว้างเรื่อยลงมาที่เอว และนัทก็มองเรื่อยลงมา...

“นัท”

“ครับ”

ถึงกับสะดุ้ง แล้วก็กลายเป็นนัทเองที่ทำหน้าเลิ่กลั่ก ไปไม่ถูก หันซ้ายหันขวาและทำท่าจะเดินออกจากห้องน้ำ แต่ก็ถูกฟ้าเรียกเอาไว้

“จะไปไหน ทำไมไม่ถอดกางเกงใน แล้วจะอาบได้ยังไงครับคุณนัท”

ง่า

รู้แล้ว

ก็รู้แล้วไง ก็กำลังจะถอดอยู่นี่ไง พี่ฟ้าก็อย่าเร่งสิ

ก้มหน้าก้มตาลง แล้วก็ค่อย ๆ ดึงกางเกงในที่สวมอยู่ออกไปให้พ้นขา

โคตรอาย แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไร ทั้งที่ในเวลานี้คงไม่ใช่แค่หน้าที่แดง แต่คงแดงไปหมดทั้งตัว

“เมื่อไหร่จะชินครับ อาบน้ำด้วยกันทุกวัน ไม่ชินซะทีนะนัท”

มันชินได้ง่าย ๆ เหรอพี่ฟ้า แรก ๆ หนักกว่านี้ ไม่เป็นอันได้อาบกันหรอก มัวแต่ทะเลาะกันไปตลอด ตอนนี้ถือว่าดีแล้ว
นัทกล้าถอดเสื้อผ้าเองแล้ว ทั้งที่เมื่อก่อนมีแต่พี่ฟ้าที่ต้องปล้ำถอดอยู่นาน กว่านัทจะยอมถอดและยอมอาบน้ำด้วย

ก็มันไม่ใช่แค่อาบน้ำ มันมีอย่างอื่นแถมมาด้วยเสมอ แล้วก็เป็นนัทที่หมดเรี่ยวหมดแรง หลับสนิทเป็นตายเกือบทุกครั้งที่ถูกพี่ฟ้าอาบน้ำให้

“มายืนใกล้ ๆ สิ”

อือ

ก้าวขาเข้าไปยืนใกล้อีกนิด และมือสองข้างก็ยังพยายามเกาะกุมบางอย่างที่อ่อนแรงอยู่ที่หว่างขา น้ำจากฝักบัวถูกเปิดและฟ้าก็หันมามองคนที่มายืนก้มหน้าก้มตาอยู่ข้าง ๆ ตัวเปียกแต่ไม่ยอมทำอะไร อาบน้ำยังไง ยืนนิ่งตัวแข็งทื่อแบบนั้น

“มาพี่อาบให้”

“ไม่เอาพี่ฟ้า นัทอาบเอง นัทจะอาบเดี๋ยวนี้แล้ว”

ครับ
อาบเองก็อาบซะที ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นจะไปรู้ได้ยังไงว่าอาบหรือไม่อาบ

“นัท”

“ครับ”

หันไปตามเสียงเรียกแล้วก็เป็นอีกครั้ง ที่ถูกดันให้หลังชนอยู่กับฝาผนังห้องน้ำ

“พี่ฟ้า ไม่เอา พี่ฟ้า ไม่เอาแล้วพี่ฟ้า พี่ฟ้าอย่า ฮื่ออออ”

ร้องไปก็เท่านั้น ขัดขืนไปก็เท่านั้น สุดท้าย เมื่อริมฝีปากร้อนรุ่มแตะย้ำลงมา นัทก็ตัวอ่อนปวกเปียกไม่เคยมีแรงดิ้นรนขัดขืนได้สักครั้ง

ยืนอยู่อย่างนั้น ทำบางอย่างด้วยกันอย่างที่เคยทำ

“ถ้าวันนี้ยืนไม่ไหวก็เกาะไหล่พี่ไว้เหมือนวันก่อนนะครับ”

ครับ

รู้ว่ายืนไม่ไหวอยู่แล้วครับ ก็คงต้องทำเหมือนเดิม คือกอดคอพี่ฟ้าเอาไว้เพื่อจะได้ไม่ทรุดลงไปนั่งกับพื้นเหมือนคราวก่อนที่ถึงกับเข่าอ่อนแล้วทรุดลงไปนั่ง อาบน้ำด้วยกันก็จริง แต่เอาเข้าจริง ๆ ความสนใจไม่เคยอยู่ที่การอาบน้ำ

นัทก้มลงมองร่างกายของตัวเองที่ตื่นตัวขึ้นและคนที่กำลังทำบางอย่างให้ ก็เค้นคลึงไปที่ส่วนปลายของความแข็งขืนนั้น ขัดถูเบา ๆ เพื่อขจัดคราบไคลที่สะสมอยู่ออกให้หมด

พี่ฟ้าอาบน้ำให้จริง ๆ แล้วก็เป็นนัทที่ต้องยืนดูตัวเองถูกอาบน้ำ เงยหน้ามองคนที่ตั้งอกตั้งใจทำบางอย่างให้แล้วก็อยากจะยิ้มออกมา

พี่ฟ้า ทำให้นัทขนาดนี้ นัทก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วแหละพี่ฟ้า

“ยิ้มอะไร ขืนอาบเองก็เรื่อยเปื่อย วิ่งผ่านน้ำ”

นัทไม่ทำอย่างนั้นหรอกน่า แต่ชอบที่พี่ฟ้าอาบให้ สะอาดหมดจดทุกซอกทุกมุม พี่ฟ้าอาบให้มันดีอย่างนี้นี่เอง

“หันหลังซิ”

อืมมม

หันหลัง

หมุนตัวหันหลัง และใช้มือสองข้างยันกำแพงเอาไว้

กัดฟันแน่น เมื่อรู้ว่ากำลังจะถูกทำอะไร

“อืออออ พี่ฟ้า”

ไม่รู้ทำไมถึงคราง ก็แค่มีบางอย่างรุกล้ำเข้ามาในร่างกาย ปลายนิ้วแกร่งที่สอดแทรกเข้ามาในช่องทางแสนคับแคบ และสัมผัสได้ถึงความนุ่มลื่นของฟองสบู่ที่ถูกขัดถูไปมาที่บริเวณนั้น

“ครางขนาดนั้น เดี๋ยวก็ได้เสียตัวหรอก”

นัทเปล่าอยากเสียตัว.........แต่พอโดนทำแบบนั้นแล้ว มันเริ่มรู้สึกจริง ๆ

“เสร็จแล้วครับหันมาซิ”

สั่งให้หันซ้ายก็หันซ้าย สั่งให้หันขวาก็หันขวา สั่งให้หันหน้ามา นัทก็ต้องหันมา และ....

“อะไรนัท จ้องพี่ทำไม”

ไม่ทำไมหรอก นัทก็รู้ว่าพี่ฟ้าต้องการ ต้องการทั้งหมด แต่พี่ฟ้าไม่เคยขอ และนัทก็ยังไม่พร้อมถ้าถูกพี่ฟ้าขอ เราก็เลยต่างคนต่างแกล้งทำเป็นไม่นึกถึงแบบนี้ไปเรื่อย ๆ

ส่วนนั้นมันเริ่มโปงนูนขึ้นมาแล้ว และนัทก็เห็น

เห็นชัด และก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าของคนที่ทำหน้านิ่งเฉยอีกครั้ง หน้าแดง อายก็อาย แต่ก็ยังใจกล้าวางมือแตะเบา ๆ ที่ท่อนเอ็นแข็งแกร่งที่เริ่มขยับไหวไปมาอย่างช้า ๆ ไม่มีคำพูด ไร้คำพูดใด ๆ และนัทก็ก้าวเข้ามาใกล้ชิดกับคนที่ยืนนิ่งไม่พูดไม่จา

ปล่อยให้ส่วนกึ่งกลางของร่างกายที่ขยายใหญ่ขึ้นแตะสัมผัสกับความใหญ่โตแข็งแกร่งที่ขยับไปมา

มองแล้วก็นึกเขิน และเป็นฟ้าที่เงยหน้าขึ้นเพื่อสูดลมหายใจเข้า ก่อนจะก้มกลับลงมาเพื่อสบตากับคนที่ยังมีทีท่ากล้า ๆ กลัว ๆ ไม่กล้าทำอะไรมาก

“วันนี้นัทจะทำอะไรให้พี่ฟ้าบ้างครับ”

ทำอะไรเหรอ

นัท....
นัทจะ....

“นัทจะ...จะช่วย...ช่วยพี่ฟ้าอาบน้ำบ้าง”

อ่อ

ครับ ดีครับ เป็นความคิดที่ดีมาก แล้วนัทจะเริ่มอาบจากตรงไหนดีครับ

“พี่อยากให้นัทช่วยทำให้ตรงนี้สะอาด”

ฟ้าขยับร่างกายเข้ามาใกล้อีกนิด และท่อนเอ็นแข็งแกร่งก็สัมผัสเบา ๆ กับร่างกายของนัทที่ตื่นตัวอย่างเต็มที่

“นัทจะ...พยายาม”

รับปากเอาไว้ และต้องทำให้ได้ สองมือประคองไปที่ความแข็งแกร่งของตัวเองและส่วนที่ใหญ่โตแข็งขืนของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า

ร่างกายส่วนนั้นแนบชิดกัน และนัทก็กดให้ส่วนปลายหยอกเย้ากันไปมา เสียดสีและสัมผัสกัน สุดท้ายจับแนบประกบเข้าด้วยกัน และนัทก็รูดรั้งท่อนเอ็นสองแท่งที่อยู่รวมกัน ขยับมือไปมาอย่างช้า ๆ และรอดูปฏิกิริยาของอีกฝ่ายว่าเป็นยังไง

“อาส์ นัท ดีมากครับ นัทเก่งมาก”

ถึงกับครางกระเส่า และฟ้าก็ลากฝ่ามือลงมาที่สะโพกมน บีบเค้นที่ความนุ่มหยุ่นเต็มไม้เต็มมือทั้งสองข้าง และแอ่นสะโพกให้บางอย่างเสียดสีกันมากขึ้นเรื่อย ๆ

“เร็วเถอะครับ ดึกแล้ว วันนี้ไม่ต้องกลั้น เราจะได้ไปพักผ่อนเร็ว ๆ”

อือ
เข้าใจแล้วพี่ฟ้า
นัทจะรีบทำ

นัทจะรีบทำ….

แต่ว่า....ของพี่ฟ้ามันร้อนแล้วก็....

“อื้อออ พี่ฟ้านัทจะยืนไม่อยู่”

ร้องบอก และก็เงยหน้าขึ้น ดวงตากลมโตหรี่ปรือปรอย แก้มสองข้างแดงเรื่อ

ครับ
น้องนัท
เชื่อแล้วว่าจะยืนไม่ไหว เดี๋ยวพี่ทำให้นัทก็ได้ ทำหน้าแบบนี้แล้วใครจะไปใจร้ายกับนัทได้ลงคอ

จับให้แขนสองข้างของนัทโอบกอดไว้ที่รอบคอเพื่อประคองร่างกายเอาไว้ และฟ้าก็จัดการรูดรั้งความต้องการให้กับคนตรงหน้าที่เริ่มครางกระเส่าไม่หยุด เพราะถูกปฏิบัติบางอย่างให้

“พี่ฟ้า นัท จะไม่ไหวแล้ว นัทจะออกแล้วพี่ฟ้า อ๊าส์ ซี้ดด พี่ฟ้า พี่ฟ้าครับ พี่ฟ้า”

ร้องครางและน้ำเสียงก็เริ่มขาดหายไปเป็นห้วง ๆ ร่างกายร้อนรุ่มไปหมด แม้จะอยู่ท่ามกลางสายน้ำ โอบรัดรอบลำคอแกร่งเอาไว้ เพื่อประคองร่างกายให้สามารถยืนอยู่ได้ ความร้อนแรง ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จังหวะมือที่รูดรั้งให้อย่างรุนแรง สุดท้ายนัทก็ถึงกับร้องครางออกมาเสียงลั่น หมดเรี่ยวแรง เกือบจะทรุดลงอีกครั้ง ดีที่คนที่รู้อยู่ก่อนแล้วว่านัทกำลังจะไม่ไหว กอดเอวนัทเอาไว้
ประคองให้สามารถยืนอยู่ได้

ร่างกายหลั่งความต้องการออกมาจนหมด และน้ำรักที่หลั่งออกมาก็หยดลงบนพื้นและเลือนหายไปหมดเพราะสายน้ำ

นัทค่อย ๆ พยายามปรับลมหายใจให้เป็นปกติ และยืนมองท่อนลำแข็งแกร่งที่เริ่มถูกรูดรั้ง เงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังทำบางอย่างอีกครั้ง

สายตาร้อนแรง ที่ส่งมาถึงทำให้นัทแทบหลอมละลาย สิ่งที่ทำได้ในเวลานี้ก็มีเพียงแค่กระตุ้นความต้องการของอีกฝ่ายให้มากขึ้น

มากขึ้นและเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

เขย่งปลายเท้า และใช้ปลายลิ้นแตะเบา ๆ ไปที่ปลายคางของคนที่มองตรงมา สิ่งที่นัททำได้มีแค่นี้ นัทจะทำ นัทจะพยายามทำ
และแม้จะเล็กน้อยเหลือเกินในความคิดของนัท แต่สำหรับฟ้ามันไม่ใช่ เพราะสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่นัททำมันดูน่ารักน่าใคร่จนแทบอดใจไว้ไม่ไหว

แก้มแดง ๆ ผิวขาว ๆ ที่แดงเรื่อไปหมดทั้งตัว

ความพยายามในการช่วยปลุกอารมณ์ให้ แม้ไม่ได้คล่องแคล่วแต่ก็ดูตั้งอกตั้งใจ ไม่ใช่แค่ปลายคาง แต่นัทยังใช้ปลายลิ้นแตะไปที่ยอดอกสีเข้มและดูดเม้มกลืนกินให้

ทำไม่เป็น แต่ก็พยายามทำ แตะ ๆ แล้วก็ผละออก ทำอยู่แบบนั้นหลายครั้ง และก็เรียกรอยยิ้มของฟ้าได้

นัทเอ้ยยย....นัท แบบนั้นไม่ทำให้เสียวหรอกนะ แต่มันทำให้รู้สึกว่ายิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่านัทน่ารัก ยิ่งทำ ก็ยิ่งน่ารัก ไม่รู้ว่านัทจะทำตัวน่ารักไปถึงไหน

“นัทครับ พี่จะเสร็จแล้วนะครับ นัทหันหลังหน่อยได้มั้ย พี่จะลองเข้าไป”

ลอง…เข้าไป ลองเข้าไปเหรอ เข้าไปที่.....

รู้…
รู้ดีว่าคืออะไร
แต่ก็ยอม

นัทยอมหันหลังให้ ใช้มือยันฝาผนังห้องน้ำเอาไว้ และมืออีกข้างก็ค่อย ๆ ขยับแยกก้อนเนื้อแน่นที่สะโพกสองข้างออกจากกันเพื่อเปิดทางให้ความแข็งขืนใหญ่โตของใครบางคนเข้ามาได้

อาย

โคตรอาย

อายยิ่งกว่าอาย แต่อย่างน้อยพี่ฟ้าก็ไม่เห็นว่านัทกำลังทำหน้ายังไง

“อ๊าส์ พี่ฟ้า เจ็บ พี่ฟ้า”

มีบางอย่างสอดแทรกเข้ามาและนัทก็ขบริมฝีปากแน่น ก่อนจะร้องครางออกมาเสียงเบา เมื่อรู้ว่ายังไม่สามารถตอบรับความแข็งขืนใหญ่โตนั้นได้ และคนที่กดแทรกร่างกายของตัวเองเข้ามาก็รีบถอนร่างกายออกก่อนจะขยับมือไปมาอีกสองสามครั้ง

ประกบฝ่ามือไปที่หลังมือของนัทที่ยันกำแพงไว้

จูบเบา ๆ ไปที่แผ่นหลังเนียนขาว และขบเม้นเบา ๆ เพื่อฝากร่องรอยเอาไว้

ขยับฝ่ามือแรงรัวขึ้นจนใกล้ถึงที่หมาย

“นัทครับ นัทบอกสิ ว่าอยากให้พี่ฟ้าทำนัทแรง ๆ บอกหน่อยสิครับ”

บอกเหรอ บอก...ว่า....

“พี่ฟ้า...ทำนัทแรง ๆ สิครับ”

“ทำแรงแค่ไหนก็ได้ นัทชอบให้พี่ฟ้าทำรุนแรงกับนัท”

บ้า
พูดจาบ้า ๆ บอ ๆ ไร้ความคิด และเป็นฟ้าที่ยิ้มออกมาอย่างพอใจ กับคำพูดแบบนั้นของคนที่ไม่ได้หันหน้ามาหา

ชอบนะ
ชอบให้พูด มันดูยั่วยวนและกระตุ้นอารมณ์ได้ดี ฝึกให้มาก ๆ ฝึกเยอะ ๆ แล้วเราคงได้ทำอย่างที่นัทพูดเข้าสักวัน
เร่งมือให้เร็วขึ้น ใช้ฝ่ามือกำแน่นที่ความใหญ่โตนั้น รูดรั้งเร็วขึ้น และฟ้าก็แนบใบหน้าลงที่แผ่นหลังเนียนขาวที่มีร่องรอยแดงช้ำประปรายอีกครั้ง

ขบเม้มจนเป็นรอยฟัน ก่อนจะถอนใบหน้าออก และฝ่ามือก็กำแน่นที่หลังมือของนัทที่ยันฝาเอาไว้

“นัทครับ นัทพูดอีกสิครับ พูดอะไรก็ได้”

พูดเหรอ พูดว่าอะไรเหรอ พูดอะไร...

“พี่ฟ้า ตะ...แตก...เข้ามา...ในตัวนัทเลยก็ได้...นัทอยาก...ให้น้ำพี่ฟ้า...อยู่ในตัวนัทเยอะ ๆ”

ไอ้บ้านัท
ไอ้นัท ไอ้บ้า

พูดอะไรไม่รู้ แต่หลังจากพูดไปแล้วก็ได้ยินเสียงคำรามเล็กๆ จากคนที่อยู่ด้านหลัง

“นัท...อ้าส์....พี่จะแตกข้างในตัวนัทให้หมดเลยครับ นัทครับ นัท ........อึ้ก ฮ้า นัท...นัทสุดยอดเลยครับ น้องนัทครับ ซี้ดดด อาส์”

รู้ว่าพี่ฟ้าทำอะไร รู้ว่าคืออะไร และรู้ว่าคนที่ครางเสียงแตกพร่าถึงที่หมายเรียบร้อย เพราะรู้สึกถึงความร้อนที่พุ่งทะยานหลั่งรดที่สะโพกหลายครั้งและค่อย ๆ เลือนหายไปกลายเป็นความเย็นของกระแสน้ำ

เสียงหอบหายใจหนัก ๆ เริ่มเป็นปกติแล้ว และนัทก็ค่อย ๆ หันหน้ากลับมาหาคนที่ถึงที่หมายเรียบร้อย

ดวงตาคม ๆ ยังมีร่องรอยของความร้อนแรงหลงเหลืออยู่ และนัทก็ต้องรีบก้มหน้าก้มตาหลบสายตาร้อนแรงคู่นั้น

“เมื่อกี้นัทพูดว่าอะไรครับ”

พูดอะไรไม่รู้หรอก นัทรู้แค่ว่า นัทพูดเพื่อพี่ฟ้า.....

“น่ารักเกินไปแล้วนะรู้ตัวบ้างมั้ยเรา”

ไม่รู้หรอก คิดอะไรได้นัทก็พูดไปแบบนั้น มันช่วยให้อารมณ์พี่ฟ้าสูงขึ้นเรื่อย ๆ ได้ อะไรที่ช่วยให้พี่ฟ้ารู้สึกดีได้ นัทก็พร้อม..จะทำ

“พี่ช่วยล้างตัวให้นะครับ เดี๋ยวจะได้ไปนอน อยู่แบบนี้นาน ๆ ไม่ดีเดี๋ยวจะป่วยเอาได้นะครับ นาน ๆ ทีก็ได้อยู่หรอก แต่พักนี้ดูเหมือนจะบ่อยเกินไปแล้ว”

บ่อยเกินไป
นัทก็รู้ แต่บอกตรง ๆ ว่านัทก็ชอบ นัทชอบเวลาที่ได้เห็นพี่ฟ้าเป็นแบบนี้ นัทชอบเวลาที่ได้เห็นทุกแง่มุมของพี่ฟ้า

อาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวเสร็จเรียบร้อย แล้วฟ้าก็จัดการปิดน้ำ และใช้ผ้าขนหนูซับไปมาตามร่างกายของคุณนัธพันธ์ที่เวลานี้กลายร่างเป็นเด็กน้อยหัวลู่ผมเปียกไปเรียบร้อย เช็ดเนื้อเช็ดตัว และก็สวมเสื้อคลุมให้ ก่อนจะจัดการสวมเสื้อคลุมให้ตัวเอง และถือเสื้อผ้าที่ถอดทิ้งไว้ออกมาด้วย

วางมือลงบนไหล่ของนัท ดึงเข้าหาตัวและแนบแก้มไปที่แก้มของนัทเบา ๆ

“ตัวเย็นหมดแล้วนะครับ พี่ขอโทษที่ทำให้นัทต้องอาบน้ำช้า”

เราก็ผิดด้วยกันทั้งคู่นั่นแหละพี่ฟ้า ถึงนัทจะตัวเย็น แต่ตัวพี่ฟ้าอุ่น นัทชอบ

“หนาวแย่แล้ว ปากซีดไปหมด ไปใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วนอนเถอะ ดึกแล้วต้องนอนแล้วนะครับคุณนัธพันธ์”

ครับ ครับ เข้าใจแล้วครับคุณรัชชานนท์

ไม่โทษพี่ฟ้าหรอก นัทก็ผิดเอง ที่ชอบเวลาที่เราได้ทำบางอย่างด้วยกันแบบนี้

ยอมรับตรง ๆ ก็ได้ว่านัทชอบเวลาที่ร่างกายเราได้แนบชิดและสัมผัสกัน นัทชอบเวลาที่พี่ฟ้าอ่อนโยน และนัทก็ชอบเวลาที่พี่ฟ้าร้อนแรง

“คุณรัชชานนท์ครับ”

ครับ
ว่าไงครับ คุณนัธพันธ์

“แล้วพรุ่งนี้....เรามาอาบน้ำด้วยกันอีกนะครับ.... คุณเป็นเลขาคุณมีหน้าที่ต้องช่วยเหลือผม.....ถ้ายังไงพรุ่งนี้คุณ...มาช่วยผมอาบน้ำอีกนะครับ ผมจะขอบคุณ..คุณเป็นอย่างมากครับคุณรัชชานนท์”

แล้วจะให้ตอบอะไรได้ล่ะ คุณเลขารัชชานนท์หน้านิ่งคงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้แล้ว นอกจากต้องปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดเท่านั้น

“ด้วยความยินดีครับ คุณนัธพันธ์”


TBC.
Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2818.0)
      และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 72
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 04-06-2014 00:35:28
 :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 72
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 04-06-2014 00:42:11
ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆแล้วนะพี่ฟ้า  :haun4: :katai5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 72
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 04-06-2014 01:04:50
 :hao6:อาบน้ำแบบนี้นี่เอง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 72
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 04-06-2014 01:08:45
น้องนัททททท
ดูคำพูดคำจาซิ
ชวนเสียตัวมาก
 :hao5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 72
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 04-06-2014 02:13:57
เพิ่งรู้จริงๆ ทำไมอีพี่ฟ้าขยันลากน้องนัทไปอาบน้ำ :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 72
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 04-06-2014 03:42:26
“แล้วพรุ่งนี้....เรามาอาบน้ำด้วยกันอีกนะครับ.... ”
 :pighaun: ปุ้งๆๆ ตัวคนอ่านระเบิดไปเลย โดนเป็ดนัทแอทแทค ร้ายกาจจริงๆ
เป็นฉันจะไม่ทนนนน  เด็กมันยั่วววว  :a5:  :katai1:
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 72
เริ่มหัวข้อโดย: cowinsend ที่ 04-06-2014 06:36:08
อ๊อกกก เลือดหมดตัว คู่นี้มันมาแรกๆเหมือนดราม่า สักพักก็ใสๆอบอุ่น และตอนนี้ก็ :jul1: :jul1: :jul1:

ตายอย่างสงบค่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 72
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 04-06-2014 06:42:00
 :m10: :m10:
เขาอาบน้ำหรือรีดน้ำ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 72
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 04-06-2014 07:13:18
เค้าอาบน้ำกัน แต่อิชั้นจะเป็นลม เหอๆๆๆ
รอดูเหตุการณ์ต่อปายยยยย  ^^
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 72
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 04-06-2014 08:56:53
น้องนัทมีแต่ได้กับได้ :L2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 72
เริ่มหัวข้อโดย: miyaki ที่ 04-06-2014 09:06:02
อร้ายยยยยย อาบน้ำแบบนี้บ่อยๆ พี่นัทจะตบะแตกมั้ยเนี่ย
จะเป็นแฟนกันรึยังคะ พี่ฟ้าน้องนัท
รออ่านตอนต่อไปคะ   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 72
เริ่มหัวข้อโดย: foolishbeat ที่ 04-06-2014 10:56:27
เป็นการอาบน้ำที่เปลืองน้ำจริงๆค่ะ
อ่านแล้วเขินแทนน้องนัท
จะลองเข้าอะไรกันคะพี่ฟ้า คนอ่านหัวใจไม่แข็งแรง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 72
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 04-06-2014 12:49:59
น้องนัท หนู หื่นใสใสมากเลยอ่ะ 55555 โอ๊ยนัทน่ารักเกินไปแล้วนะ  :oo1:  :jul1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 72
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 04-06-2014 14:09:14
ไม่ใช่แค่พี่ฟ้าหรอกที่หลงเด็กเป็ด
คนอ่านก็หลงแทบแย่แล้วเนี่ย
น่ารักจิงๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 72
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 04-06-2014 17:45:23
พรุ่งนี้มันจะมีอะไรพิเศษนอกจากอาบน้ำหรือเปล่า แบบว่า... ไหนๆนัทก็เอ่ยชวนแบบนี้แล้วอะ
แล้วตกลงเมื่อไหร่พี่ฟ้าจะขอน้องนัทนะ
หรือจะแสดงแต่การกระทำไม่พูดสักที
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 72
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 04-06-2014 18:23:10
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน สมัครงาน

“ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือครับ พ่อของผมบอกว่าถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือเรื่องเงินอุดหนุนจากคุณพ่อคงแย่”

เลขารัชชานนท์หน้านิ่ง กำลังพูดคุยอยู่กับเจ้าของโรงงานตัวจริงและในเวลานี้เจ้าของโรงงานกำลังยุ่งวุ่นวายกับการติดต่องานส่วนต่างประเทศ เพื่อป้อนงานสู่โรงงานที่ประเทศไทย

ได้รับความช่วยเหลือ ก็ต้องรู้จักขอบคุณความช่วยเหลือนั้น แต่สิ่งที่ได้ยินถัดจากนั้น กลับทำให้ฟ้าไม่เข้าใจ

“หมายถึงอะไรล่ะ เงินอุดหนุนที่ว่า ผมยังไม่ได้เซ็นเช็คแม้แต่ใบเดียวเลย ล้อเล่นอะไรกันรัชชานนท์”

ล้อเล่นหมายความว่ายังไง ล้อเล่นเหรอ เงินส่วนที่ได้รับนำมาหมุนเวียนในกิจการเรียบร้อยแล้ว แต่ผู้ที่ต้องขอบคุณที่สุด กลับไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเงินจำนวนนั้นเลย หมายความว่ายังไง

“ไม่ใช่คุณพ่อแล้วจะเป็นใครไปได้ครับ คุณพ่อล้อผมเล่นเรื่อยเลยนะครับ”

นิ่งสงบที่สุด พยายามให้ทุกอย่างนิ่ง และสงบที่สุด แต่เสียงหัวเราะจากปลายสาย และคำพูดที่ยืนยันหนักแน่นว่าไม่ได้เซ็นเช็คอะไรให้เลย ยิ่งทำให้ฟ้าต้องขมวดคิ้วมุ่นด้วยความประหลาดใจ

เก็บความสงสัยเอาไว้ และคิดว่าคงต้องคุยกับใครบางคนที่ให้เช็คมา ต้องคุยเรื่องที่มาที่ไปของเงินจำนวนนั้น ว่ามันมาได้ยังไง

“เรื่องที่โรงงานปกติดีครับ คุณนัทเป็นคนเก่ง เรียนรู้ได้เร็ว มีหลายเรื่องที่ผมต้องเรียนรู้จากคุณนัทด้วยครับ ผมกำลังทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถให้สมกับที่คุณพ่อไว้วางใจครับ ก็ดูแลตามที่คุณพ่อมอบหมายครับ ใช่ครับ สวัสดีครับ”

พูดคุยกันอีกพักใหญ่ และจบบทสนทนาพร้อมกับความคาใจ

มันเป็นเรื่องเมื่อสองชั่วโมงก่อน และในเวลานี้ ความสงสัยก็ควรได้รับการชี้แจงซะที

“คุณนัทครับ”

ตัดสินใจลุกขึ้นยืน และลากเก้าอี้มาอยู่ตรงหน้าของคนที่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับการอ่านเอกสาร

อ่านไปกินขนมไป และในเวลานี้ คนที่แทบจะนอนเลื้อยอยู่บนเก้าอี้ ลุกขึ้นนั่งตัวตรงเรียบร้อยแล้ว เพราะกลัวจะโดนเอ็ดหาว่าทำตัวไม่สมเป็นผู้บริหาร แม้จะเลยเวลางานมานานแล้วก็ตาม

“ไม่ใช่คุณนัทสิ แต่เป็น คุณนัธพันธ์ครับ”

ห๊ะ
ทำไมเป็นคุณนัธพันธ์ล่ะ จริงจังเหรอพี่ฟ้า หน้าเครียดเลย พี่ฟ้าหน้าเครียดขนาดนี้เพราะอะไร เกี่ยวกับนัทหรือเปล่า เรื่องนี้เกี่ยวกับนัทใช่มั้ย

“ครับ คุณรัชชานนท์”

ขานรับและทำหน้าจริงจังไปด้วย

อะไรล่ะพี่ฟ้า พี่ฟ้าหน้าเครียดแล้วก็ดูจริงจังขนาดนี้ มีอะไรหรือไงพี่ฟ้า นัทช่วยได้หรือเปล่า

นัทอยากช่วยพี่ฟ้า

“เรื่องเงินน่ะ”

เรื่องเงิน

เงินเหรอ

อย่าบอกนะว่าพี่ฟ้าจะทวงค่ากับข้าว

แย่แล้ว
เรื่องเงินน่ะ ตอนนี้นัทไม่มีหรอกนะ ยังไม่สิ้นเดือน นัทค่อยจ่ายตอนเงินเดือนออกได้มั้ย พี่ฟ้าอย่าทวงนัทเลยนะ ขอร้องล่ะ อย่าทวงเลย นัทยังไม่มีจริง ๆ

“ขอโทษที่นัทให้พี่ฟ้าเลี้ยงข้าวตลอด แต่ว่า...ช่วงนี้นัท....”

อยากจะชี้แจงอยู่หรอกนะ แต่ต้องรีบปิดปากเงียบ

ไม่ได้ แบบนั้น มันไม่ได้

“คือว่านัทหมายถึงว่า...”

คิดคำพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร แล้วนัทก็ยกมือขึ้นเกาหัวและพยายามคิดหาคำพูดที่ดีที่สุดมาพูด

“นัท”

ครับ

ทำไมพี่ฟ้าต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้นด้วย นัทกินเยอะไปใช่มั้ย พี่ฟ้าก็เลยต้องพูดตรง ๆ พี่ฟ้าอึดอัดใจหรือเปล่า

นัทขอโทษ

จากหน้านิ่งกลายเป็นหน้าเศร้า จากหน้าเศร้ากลายเป็นสลด และตอนนี้ก็เป็นนัทที่คิดอะไรไปไกล และนั่งก้มหน้าเพราะคิดคำพูดดี ๆ ไม่ได้

ยังไงล่ะพี่ฟ้า

ก็นัท....

“เช็คนั่น.......”

ไม่ต้องให้พูดต่อ นัทเงยหน้าขึ้นมอง และรู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังจะพูดคืออะไร

นิ่งเงียบ และต่างฝ่ายต่างก็จ้องหน้ากันนิ่งๆ

และเป็นนัทที่ต้องเป็นฝ่ายหลบตา หรุบสายตาลงต่ำและมองที่ปลายนิ้วของตัวเอง

“พ่อนัทไม่ใช่คนสนับสนุนเงินช่วยเหลือให้กับโรงงานพี่หรอก ใช่มั้ยครับ”

ใช่
พ่อไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ และถ้าพ่อรู้พ่อคงด่านัท แต่อย่างน้อย นัทใช้เงินเก็บส่วนตัวที่เก็บมาตลอด ยังไงมันก็คือเงินส่วนของนัท ถึงพ่ออยากพูดอยากว่า พ่อก็พูดได้ไม่เต็มปากหรอก

ส่วนเรื่องเงินของโรงงาน มันยากกับการเบิกจ่าย เงินมากขนาดนั้น นัทไม่มีสิทธิ์เบิก มันจะมีปัญหามากมายตามมา
เพราะฉะนั้นเงินนั่นเป็นของนัททั้งหมด ใครจะว่าอะไรนัทได้ล่ะ

“ในสายตานัท ครอบครัวพี่คงแย่มากสินะ”

“ในสายตานัท ครอบครัวพี่ฟ้าไม่ได้แย่”

รีบตอบออกไปตรงๆ และต่างคนก็ต่างนิ่งเงียบกันไป

นิ่งอยู่นาน
เงียบอยู่นาน
สิ่งที่ฟ้ารู้สึกได้ในเวลานี้คือ.....ละอายใจ....

“เช็คนั่นมาจากไหนเหรอนัท ถ้าไม่ใช่คุณพ่อนัทให้มา แล้วมันมาจากไหนเงินตั้งมากมายขนาดนั้น นัทไม่มีอำนาจเซ็นเอกสารสำคัญ พี่อยู่ตรงนี้พี่รู้ ถ้าไม่ใช่พ่อนัทช่วยแล้วนัทเอาเงินมากมายขนาดนั้นจากที่ไหนมาให้ครอบครัวพี่  นัทกำลังทำอะไรอยู่”

ชะงักกับคำพูดนั้น และนัทก็เงยหน้าขึ้นมองคนที่พูดบางอย่างออกมา นั่นเงินเก็บนัทนะพี่ฟ้า มันเป็นเงินส่วนของนัท พี่ฟ้าพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง หมายความว่านัท....ทำอะไร

“พี่ฟ้าคิดว่านัททำอะไร”

ลุกขึ้นยืน และมองหน้าของคนที่พูดบางอย่างที่ไม่ควรพูดออกมา

คิดว่านัทโกงบริษัทตัวเองหรือไง
คิดว่านัท....

“นัทไม่ได้บ้า ถึงขนาดซิกแซก ยักยอกเงินโรงงานตัวเองหรอกนะ”

พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น พี่ไม่ได้คิดเลยด้วยซ้ำ แต่พี่ไม่เข้าใจ และพี่ไม่รู้จริง ๆ ว่านัทกำลังทำอะไรอยู่กันแน่
นัทให้ความช่วยเหลือครอบครัวพี่ขนาดนี้ พี่....พูดอะไรไม่ออก ครอบครัวพี่ทำให้นัทลำบากอยู่ใช่มั้ย

นัทหาเงินมาช่วยเหลือครอบครัวของพี่มากขนาดนี้ โดยไม่ได้คิดดอกเบี้ยด้วยซ้ำ

ครั้งหนึ่งพี่เคยคิดว่า นัทดูหมิ่นและจะใช้พี่เป็นที่ระบายอารมณ์เพื่อขัดดอก แต่เอาเข้าจริงมันไม่ใช่ พี่สับสนไปหมดแล้วว่านัทกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ พี่ไม่เข้าใจสิ่งที่นัทคิดเลยจริง ๆ

“นั่นเงินเก็บของนัท เงินเก็บที่เก็บมาตลอด นัทจะทำอะไรกับเงินจำนวนนั้นก็ได้ นัทไม่รู้ว่าพ่อพูดยังไงกับพี่ฟ้าหรอกนะ.......ผมขอตัวสักครู่แล้วกันคุณรัชชานนท์ ถ้าคุณไม่ว่าอะไรผมขอตัวสักครู่”

บ้าบอ
รู้สึกว่าตัวเองบ้าบอ ที่อยู่ดี ๆ พูดไปพูดมาน้ำตาก็เริ่มคลอ

ไม่รู้นะ นัทไม่รู้จริง ๆ ว่าพี่ฟ้าคิดอะไรอยู่ และนัทก็ไม่พร้อมจะอธิบายอะไรด้วย นัทคิดว่าช่วงระยะเวลาหนึ่งที่เราอยู่ด้วยกัน พี่ฟ้าน่าจะรู้นิสัยของนัทบ้าง แต่พี่ฟ้ากลับไม่รู้เลย

พี่ฟ้าถามว่านัทกำลังทำอะไรอยู่ พี่ฟ้าคิดว่านัทกำลังทำอะไรล่ะ นัทไม่อธิบายหรอก ว่ากำลังทำอะไร
นัทไม่มีเหตุผลจะพูด เพียงแค่อยู่ ๆ นัทก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผล เพราะฉะนั้น นัทขอเวลาทำใจหน่อย เดี๋ยวนัทกลับมา

ลุกขึ้นเดินหนี
หนีออกจากห้อง
แต่ก็ยังไม่วายหันมาหาคนที่นั่งนิ่งเงียบอยู่บนเก้าอี้

“คุณรัชชานนท์ ผมขอไปนั่งสงบจิตสงบใจแถว ๆ นี้หน่อยนะ ถ้าคุณจะนอนคุณก็นอนไปก่อนเลย”

แถว ๆนี้มันแถวไหนล่ะนัท แถว ๆ นี้ที่ว่า คือตรงไหน

“คุณนัทจะไปไหนครับ”

ไปไหนเหรอพี่ฟ้า
ไปไหน......

“ผมจะไปนั่งแถว ๆ บันไดทางขึ้นตึก คุณไม่ต้องกังวล ผมขอเวลาอยู่เงียบ ๆ หน่อย แล้วผมจะกลับไปนอนเอง คุณไม่ต้องห่วง”

บอกเรียบร้อย และนัทก็ก้าวขาเดินลิ่ว ๆ ออกจากห้องไป

นัทเดินหนีไปแล้ว ทิ้งให้ใครอีกคนนั่งเงียบอยู่บนเก้าอี้

ไม่เคยเห็นนัทใช้เงิน บางครั้งเห็นต้มบะหมี่กิน มีหลายอย่างที่แม้ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าคนระดับผู้บริหารจะเป็นไปได้
ดูจากสภาพแล้ว นัทไม่น่าจะขัดสนเงินทองขนาดนั้น แต่เมื่อสังเกตจริง ๆ จะเห็นได้ชัด ว่าบางทีนัทไม่มีเงินติดตัวเลย

แล้วเพราะใครกันล่ะ เงินที่ว่า ถ้าเป็นเงินเก็บของนัททั้งหมดจริง ๆ แล้วการที่เอาเงินเก็บของตัวเองมาเทให้หมดแบบนั้น
นัทกล้าให้ได้ยังไงกัน

ครุ่นคิด วนไปวนมาอยู่แบบนั้น

ทำอะไรอยู่กันแน่ นัททำอะไรอยู่พี่ก็ไม่รู้

แต่สิ่งที่รู้คือ.......อาย..... อับอายที่ความช่วยเหลือทั้งหมด ไม่ใช่เพราะจากคนที่เป็นพ่อตา

แต่เป็นความช่วยเหลือจากนัท  นัทที่เคยคิดว่าเป็นแค่เด็กน้อย เด็กน้อยที่ทำอะไรบางอย่างมากมายเพื่อครอบครัวของฟ้า
ทำให้มากมายด้วยการตัดสินใจให้ความช่วยเหลือในช่วงที่ครอบครัวกำลังถึงจุดวิกฤติที่สุด

และคนที่ช่วยพยุงให้โรงงานยังอยู่ก็คือนัท

นัทรู้มั้ย ไม่ว่าเงินจำนวนนั้นมาจากไหน แต่ความจริงที่ว่า พี่ฟ้าติดหนี้บุญคุณนัทมันก็เป็นความจริง

ติดหนี้บุญคุณ

พี่ติดหนี้บุญคุณนัท

พี่ฟ้าและครอบครัว.....เราติดหนี้บุญคุณนัทอยู่จริง ๆ


++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 72
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 04-06-2014 18:24:18
นัทเงยหน้าขึ้นมองคนที่มายืนอยู่ข้าง ๆ

มันเป็นเวลามากกว่าสองชั่วโมง ที่นั่งคิดอะไรบางอย่างอยู่ที่ระหว่างขั้นบันไดขึ้นตึก

นั่งอยู่นาน คิดอะไรไปเรื่อย คิดไปเยอะแยะสารพัด ทั้งเรื่องวันนี้ เมื่อวาน วันก่อน ร่วมทั้งเรื่องเมื่อสองชั่วโมงก่อนนี้ด้วย
จะไม่ให้คิดได้ยังไง

มันหยุดความคิดไม่ได้ สมองมันคิดไม่ยอมหยุดเลย

คุณรัชชานนท์ เลขาหน้านิ่งไม่ยอมพูดอะไร  ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก และนัทที่มองหน้าของอีกฝ่ายก็เช่นกัน
ทำแบบเดียวกัน คือเงียบ และไม่พูด ลุกขึ้นยืน โดยไม่ปริปากพูด ไม่พูดกันเลยแม้สักคำเดียว แต่ก็เดินตามทางเดินมาด้วยกัน

ทั้งที่ไม่ได้พูดกัน นิ่งเงียบ อยู่ในบรรยากาศที่อึมครึมที่สุด

ใครบางคนที่เดินอยู่เคียงข้างนัท มีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่คุณรัชชานนท์หน้านิ่ง แต่ในเวลานี้กลายเป็นคุณรัชชานนท์หน้าเครียดแทน

เครียดมาก

เครียดจนไม่รู้จะพูดอะไร คิดอะไรไม่ออก พูดอะไรไม่ออก ไม่รู้ว่าจะทำยังไง สุดท้ายก็เลยก้าวขาให้ช้าลง และเดินเคียงข้างกัน
เดินด้วยกันและฟ้าก็ตัดสินใจคว้ามือของคนที่ไม่ยอมพูดด้วยเอาไว้

คว้ามือและบีบแน่นไม่ยอมปล่อย แม้ว่าฝ่ายนั้นจะพยายามยื้อมือกลับแค่ไหนก็ตาม หันไปมองที่มือตัวเอง ก้มลงมองที่มือที่เกาะกุมฝ่ามือของนัทที่พยายามจะดึงมือออก

ดวงตาสองคู่สบกันนิ่ง
ไม่นาน เพียงเวลาไม่นาน แล้วนัทก็ยอมปล่อยให้เป็นไปแบบนั้น

คนสองคนไม่ยอมพูดอะไรกันเลยสักคำ สิ่งที่ฟ้ารู้สึกคืออยากจับมือคนหน้าบึ้งที่เดินเคียงข้างกัน
อยากจับ อยากกุมมือ อยากจูงมือนัทแล้วเดินไปพร้อม ๆ กัน สุดท้ายไม่ใช่แค่มือ แต่เป็นการยกแขนขึ้นโอบไหล่ของคนที่ขืนตัวเอาไว้ไม่ยอมให้โอบ

“น้องนัท”

อย่ามาเรียกเลยพี่ฟ้า

นัทเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของพี่ฟ้าแล้ว พี่ฟ้าคงเกรงใจนัทมากสินะ คงจะรู้ว่านัทชอบพี่ฟ้ามากเลยมาทำแบบนี้ เพื่อสนองความรู้สึกให้นัทใช่มั้ย

พี่ฟ้ากำลังคิดจะทำให้นัทพอใจอยู่หรือเปล่า ทำให้นัทพอใจ “ตามหน้าที่” อีกแล้วสินะ พี่ฟ้าคงกำลังทำตามหน้าที่อยู่ในเวลานี้

“พี่ไม่รู้หรอกว่านัทคิดอะไรอยู่กันแน่”

พี่ฟ้าไม่มีวันรู้หรอก ตราบใดที่นัทไม่พูด พี่ฟ้าจะไม่มีวันรู้เด็ดขาด ไม่มีวัน………

“พี่ละอายใจที่ครอบครัวเราเบียดเบียนนัทขนาดนี้”

หยุดการก้าวเท้า และนัทก็หันไปมองคนที่พูดบางอย่างออกมา
นัทไม่ได้คิดว่าพี่ฟ้าเบียดเบียน นัทเต็มใจให้เอง และนัทก็รู้ผลมาแต่แรกแล้ว เพียงแต่นัทตกใจว่าทำไมเราสองคนถึงได้มาไกลกันได้ขนาดนี้

มันน่าแปลกใจ น่าประหลาดใจ ว่าเพราะอะไร ทำไม และนัทก็ไม่เคยถาม

“ไม่ว่านัทจะคิดยังไงก็แล้วแต่ นัทอาจจะคิดว่าพี่ทำตามหน้าที่หรืออะไรนัทก็คิดไปได้เลยพี่ไม่ว่า แต่สิ่งที่พี่อยากบอกให้นัทรู้จากใจจริงในเวลานี้มีแค่อย่างเดียว.......”

อย่างเดียวที่ว่า
อย่างเดียวที่ว่าคืออะไรล่ะ นัทไม่เข้าใจหรอก พี่ฟ้าจะตัดสินใจห่างจากนัทสินะ เรื่องของเราคงจบกัน
พี่ฟ้าเองก็คงโกรธนัทมากที่นัทหลอกว่าเป็นเงินสนับสนุนของพ่อ นัทไม่รู้ว่ายังไง แต่ถ้าเราจะต้องจากกันตอนนี้
นัทก็มีเรื่องที่อยากจะพูดกับพี่ตรงๆ เหมือนกัน

“พี่ไม่เคยรู้สึกไม่ดีกับนัทเลย”

“นัทไม่เคยคิดไม่ดีกับพี่ฟ้า”

พูดบางอย่างออกมาพร้อมกัน พูดกันแบบตรง ๆ พูดด้วยสีหน้าและแววตาที่ต้องการจะสื่อความรู้สึกออกมาให้มากที่สุด
และต่างฝ่ายต่างก็ชะงักนิ่งงันกับสิ่งที่ได้ยินเช่นเดียวกัน

“พี่ฟ้า……..”

“นัท.......”

เรียกชื่อของอีกฝ่าย และก็เป็นคนสองคนที่ไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินคำพูดบางอย่างเหมือนกัน

“พี่ฟ้ากำลังทำหน้าที่ลูกที่ดีอยู่หรือเปล่า”

ไม่เข้าใจหรอก
จะเข้าใจได้ยังไง

“นัท...คงเวทนาครอบครัวพี่...มากสินะ”

ไม่เข้าใจกันเลย แม้จะเป็นความรู้สึกดี ๆ ที่ต้องการจะสื่อถึงกัน แต่ไม่มีความเข้าใจกันเลยสักนิด

สบตากันตรงๆ มองหน้ากันตรง ๆ และสุดท้ายกลายเป็นความเงียบงัน นัทยืนนิ่งเงียบ ส่วนฟ้าก็ได้แต่มองเมินไปทางอื่น

ชอบ.....ไม่รู้ว่าทำไมความรู้สึกถึงได้เกิดขึ้นรวดเร็วได้ขนาดนี้ สิ่งที่รู้ก็คือชอบ อยากอยู่ใกล้ อยากอยู่ด้วย มีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกัน และแน่ใจว่ามันจะพัฒนาไปถึงคำว่ารักในที่สุด นัททำให้พี่ฟ้ารู้สึกแบบนี้

“พี่ไม่มีอะไรเลยนะนัท ครอบครัวพี่ยังต้องลำบากอยู่ แถมพี่ยังเบียดเบียนให้นัทลำบากด้วย พี่อายนัทมากนะ ยิ่งได้รู้แบบนี้แล้วพี่ยิ่งอาย”

ยืนฟัง
ฟังเงียบ ๆ

และเป็นนัทที่เงยหน้าขึ้นมอง และสบสายตากับคนที่พูดบางอย่างออกมา
ไม่มีมาดของคุณเลขารัชชานนท์แบบที่เคยเป็น
พี่ฟ้าไม่ได้ดูดีเลยในเวลานี้ พี่ฟ้ายืนก้มหน้าลงมา มีแต่ความหม่นหมอง นัทไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้ นัทไม่เคยอยากให้เราต้องเป็นแบบนี้

เงยหน้าขึ้นมอง ไร้คำพูด มีเพียงแค่สายตาที่มองสบกันนิ่ง ๆ และเป็นนัทที่ต้องรีบหรุบสายตาลงต่ำ
กลัว
กลัวสิ่งที่จะได้ยินถัดจากนี้

“จริง ๆ แล้วพี่ฟ้าเกลียดนัทใช่หรือเปล่า”

ไม่ใช่เรื่องที่ควรพูด แต่มันก็เป็นสิ่งที่นัทอึดอัดคาใจมาตลอด

ใช่

ไม่มีคำตอบใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะฟ้าเลือกที่จะเงียบ
ก้าวขาเดินไปตามทางเดินด้วยกัน และนัทก็ยอมเดินตาม เดินตามมาทั้งที่ยังมีเรื่องราวคาใจ
พี่ฟ้าไม่ตอบ พี่ฟ้าไม่พูด แล้วพี่ฟ้าจะเอายังไงกับนัทกันแน่

พี่ฟ้า....

“คุณนัธพันธ์ครับ”

อือ

นิ่งชะงัก และหันมามองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
ฟ้าหันกลับมาแล้ว และดึงมือนัทไปกุมเอาไว้แน่น และคล้ายบังคับให้เดินตาม เหมือนจะเป็นการบังคับ แต่นัทก็ยอมเดินตามมาด้วยง่าย ๆ

“ผมอยากยื่นเอกสารสมัครงานครับคุณนัธพันธ์”

ยื่นเอกสาร
ยื่นเอกสารอะไรเหรอพี่ฟ้า ยื่นเอกสารที่ว่า

“ผมรัชชานนท์ มีอาชีพเป็นเลขา สถานะโสดจริง ๆ การเงินทางบ้านยังมีปัญหาอยู่ต้องแก้ไขไปเรื่อย ๆ หน้าตาพอใช้ การศึกษาไม่ได้สูงมากอยู่ในระดับของคนทั่วไป แต่ผมรักใครผมรักจริง คุณนัธพันธ์จะกล้าพิจารณาตำแหน่งให้ผมมั้ย”

ตำแหน่ง
พิจารณาตำแหน่งอะไร นัทไม่เข้าใจ

“ตำแหน่งอะไรพี่ฟ้า”

หันไปถามด้วยความสงสัย และก็ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อคนที่พูดบางอย่างไปเรื่อย หันมามองและนัทก็คล้ายได้เห็นบางอย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็น

พี่ฟ้า....ที่เหมือนกำลังไม่กล้าพูดบางอย่าง พี่ฟ้าที่เบนหลบสายตาไปทางอื่น ก่อนจะหันกลับมา

พี่ฟ้า...ที่หน้าแดง และมีทีท่าไม่มั่นใจกับสิ่งที่กำลังจะพูด

พี่ฟ้า.....

“คุณนัทเปิดรับสมัครแฟนมั้ย ผมสนใจตำแหน่งนี้มากและหวังว่าจะไม่มีคู่แข่ง ถ้ายังไง.....คุณนัทช่วยเก็บผมไว้พิจารณาสักคนได้หรือเปล่า ถ้าคุณสมบัติข้อไหนที่ไม่ตรงตามเงื่อนไข ผมยินดีแก้ไขปรับปรุงตัว ขอแค่....คุณนัทไม่ทิ้งใบสมัครของผมลงตระกร้าไปก็พอ…ไม่ต้องรีบตัดสินใจนะครับ ผมกลัวรับความผิดหวังไม่ได้ ค่อย ๆ พิจารณาผมไปเรื่อย ๆ นะครับ ผมอยากพิสูจน์ตัวเอง ผมอยากเป็นคนที่มีคุณสมบัติมากพอ.....ที่คุณนัทจะรักได้ โดยไม่อายใครจริง ๆ ”

TBC.

Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2818.0)
      และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 72
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 04-06-2014 18:36:55
 :o12:  ปลาบปลื้มมมม   ใจเต้นตุ๊บๆ ๆ ๆ ๆ  ลุ้นละเกิน... 

พี่ฟ้า...สุดยอด    น้องนัทรับเลยคะลูก รับเป็นแฟนเลย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 73
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 04-06-2014 18:41:33
 :impress2: พี่ฟ้ายื่นใบสมัครตำแหน่งแฟน น้องนัทรีบรับสมัครเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 73
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 04-06-2014 18:55:55
รับพิจารณาไปเลยน้องนัท
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 73
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 04-06-2014 19:03:16
นัทรีบอนุมัติเลย ตำแหน่งนี้ว่าง
นัทต้องการด่วนไม่ใช่เหรอ
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 73
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 04-06-2014 19:14:12
นัทไม่ต้องพิจารณามาก รับเลยตำแหน่งนี้ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 73
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 04-06-2014 19:21:01
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 73
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 04-06-2014 19:29:15
โอ๊ยยยย พี่ฟ้าขาาาา
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 73
เริ่มหัวข้อโดย: tepintpilai ที่ 04-06-2014 19:29:33
พี่รู้ไหม? อุษานั่งกดรีเฟรชรอพี่ทุกชั่วโมงเลยยยยยย

 :z2:-------------------------------------------------------------- :z2:

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด  :mc4:

เค้าขอเปนแฟนกันแล้วนะเทอออออ

น้องนัทคะ ต้องพิจารณานะคะ ห้ามแอบทิ้งลงถังขยะ ข้อใดไม่ผ่านทำเป็นเมินๆบ้างก็ได้นะคะ  :hao3:

ปล.น้องนัทสารภาพเลยสิ ว่าคนที่ตัวเองแอบชอบเป็นใคร พี่ฟ้าเค้าจะได้หมดคู่แข่ง เอ๊ย! หมดความกังวล  :hao7:  :bye2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 73
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 04-06-2014 19:34:12
โอยยยยยยยยยย ลุ้นจนมดลูกหดหมดแล้ว นึกว่าจะเศร้าซะแล้ว 555
น้องนัทคับ พี่ฟ้าชัดเจนมากๆๆๆๆๆๆๆซะขนาดนี้ น้องนัทจะว่าไงคับ ?

ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไป ^^
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 73
เริ่มหัวข้อโดย: cowinsend ที่ 04-06-2014 19:45:08
ในที่สุดพี่ฟ้าก็รู้ความจริง  :mew1: และก็เริ่มคบกันอย่างจริงจัง ก้าวหน้าไปอีกขั้นแล้วน้าน้องนัท o13
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 73
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 04-06-2014 19:46:20
ได้ใจไปเลยอีพี่ฟ้า :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 73
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 04-06-2014 19:52:06
เราเป็นนัทเราโคตรปลื้มอ่ะ ปลื้มแทนนัท พี่ฟ้ารักนัท นัทก็รักพี่ฟ้า อ่านแล้วเพ้อเลยฉัน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 73
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 04-06-2014 19:58:31
เกือบดราม่า
น้องนัทรับแล้วล็อกคอไว้เลย ตำแหน่งนี้ห้ามลาออก  :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 73
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 04-06-2014 20:24:43
ร้อนแรงได้อีกอ่ะ อิๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 73
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 04-06-2014 20:31:50
 :hao5: ทำไมตอนนี้ไม่รีดน้ำ

นึกว่าสมัตรอะไรที่แท้ก็ตำแหน่งแฟน รับเลยจิๆนัท :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 73
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 04-06-2014 20:43:19
ตำแหน่งนี้ของนัท มีใบสมัครแค่ใบเดียวนะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 73
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 04-06-2014 20:50:39
อนุมัติคร่า น้องนัท ด่วนนน ปั๊มตรา ลงลายเซ็น
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 73
เริ่มหัวข้อโดย: bozang ที่ 04-06-2014 20:54:47
ไม่ได้เม้นเรื่องนี้สักพักนึงแล้ว ขอรวบรวมสติมาเม้นคู่พี่ฟ้าน้องนัทด้วยความชอบมาก กรี๊ดมาก 5555
คือในเรื่องนี้ทั้งหมด ตอนแรกชอบแก๊ปพู่ที่สุด แต่พอได้อ่านตอนพี่ฟ้าน้องนัทแล้วขอเบียดอันดับ 1 ไปนะคะ
ชอบมากจริงๆ แบบมาก ไม่รู้ทำไม อ่านไปตอนหวานๆ นี่แทบใจจะเต้นแรงตาม ตื่นเต้น เขิน ทุกอย่างรวมกัน
อินมาก ชอบมาก มีอะไรให้ลุ้นตลอด น้องนัทน่ารักมาก ทวิสต์มากเลยนะอิตอนแรกสุดกับที่แปลงร่างเป็นเป็ดเหลืองเนี่ย
นิสัยเด็กๆ น่าเอ็นดูมาก >.<
มามะน้องนัท เจ้จะชงนมให้กิน อิอิ

รออ่านต่อนะคะ ติดมาก บ่องตง 5555
เป็นกำลังใจให้คนแต่งด้วย อิอิ ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 73
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 04-06-2014 21:17:25
กรี๊ด กรี๊ด กรี๊ดดดด

คุณรัชชานนท์

คุณรัชชานนท์

คุณรัชชาน้นนนนนน

 :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 73
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 04-06-2014 21:18:23
ไม่ต้องพิจารณาแล้วนัท แต่อนุมัติไปเลยยยยยยยย  :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 73
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 04-06-2014 21:28:25
พี่ฟ้า~~~~~!!!!!!
อย่างเท่ กรี๊ด!!!!! ^[     ]^
เป็ดจ๋า รีบๆตกลงรับไปเรยค่ะลูกค่า 5555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 73
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 04-06-2014 22:48:28
อนุมัติไปเลยนัท ไม่ต้องทดลองงาน ใช้งานได้เลย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 73
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 04-06-2014 23:22:11
 :sad4: เป็ดน้อย รับไว้เลย แต่ทดลองทำงานก่อน ผ่านโปร"ทุกขั้นตอน"ค่อยอนุมัติ
ก็ตอนนี้เพิ่งเริ่มต้นแค่อาบน้ำให้เอง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 73
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 05-06-2014 01:12:19
เค้าทำเรื่องอนุมัติกันไปถึงไหนแล้วน๊อ
หรือสัมภาษณ์งานกันอยู่ ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 73
เริ่มหัวข้อโดย: holefiller ที่ 05-06-2014 01:30:12
รอคำตอบอยู่น้าาาาาาาาาาาาาาาาาาา  :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 73
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-06-2014 05:31:05
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน ไม่เชื่อ

ไม่เห็นแปลกถ้าคนรักกันชอบกันจะคุยกันอย่างเปิดอก แต่มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอที่เราคุยกันในสภาพนี้
มันยังไงล่ะพี่ฟ้า แบบนี้นัทไม่เข้าใจ

“ถามจริงๆ นัทชอบพี่หรือเปล่า แล้วถ้าชอบนัทชอบพี่มานานหรือยัง”

ห๊ะ

ชอบเหรอ นัท...คือว่านัท...

“นัทไม่รู้ นัทง่วงนอนแล้วพี่ฟ้า นัทไม่คุยแล้ว”

มีแต่จะเบี่ยงหน้าหนี และพยายามดึงผ้าห่มขึ้นมาเพื่อปิดบังใบหน้าของตัวเอง แต่คนที่นอนท้าวแขนมองก็ไม่ยอมให้นัททำแบบนั้น ยิ่งไม่ยอมเล่า ไม่ยอมพูด พี่ฟ้ายิ่งทำหน้านิ่ง ทั้งที่นัทเห็นอยู่ชัด ๆ ว่ามีบางเวลาที่พี่ฟ้าแอบยิ้ม

“ไม่ให้นอน คุยกันก่อน นัทชอบพี่ตอนไหนบอกมา”

อะไรกันเล่า จะคาดคั้นนัททำไม

“นัทไม่รู้เรื่องหรอก นัทจำไม่ได้แล้ว”

รีบตอบและพยายามจะหันหนี แต่คนที่ไม่ยอมให้หนีก็ยังทำเหมือนเดิมคือคอยแต่จะดึงไหล่ของนัทไว้ และทำท่าจะก้มหน้าลงมาฝังปลายจมูกที่ข้างแก้มนัทหลายครั้ง และนัทก็ทำได้เพียงแค่ใช้มือปิดแก้มของตัวเองเอาไว้ หน้าคงแดงมาก และถึงหน้าจะแดงมากขนาดไหน ดูเหมือนว่าพี่ฟ้าจะไม่สนใจนัทเลย

“พี่ฟ้าอย่าแกล้ง นัทเขินจริง ๆ นะ นัทจะไม่เล่าอะไรทั้งนั้น”

ยอมจำนน ยอมแพ้ทุกอย่าง ทำเรื่องแปลก ๆ ด้วยกัน ยังไม่อายเท่าการเปิดเผยความในใจ ความในใจที่เก็บมานาน

“นัท...เรื่องเงินที่ครอบครัวพี่ยืมไป พี่จะทยอยผ่อนจ่ายให้ พี่ขอโทษที่ทำให้นัทลำบากจริง ๆ นะ”

นั่นนัทก็รู้หรอกพี่ฟ้า นัทไม่ได้เก็บเอามาคิดเลยด้วยซ้ำ

“พี่ฟ้าอย่าคิดมากเลย แค่นัทได้ช่วยพี่ฟ้านัทก็พอใจแล้ว”

คำตอบง่ายแสนง่าย แต่ก็ทำให้ฟ้ารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่แย่มาก ไม่อยากเชื่อว่าเคยอคติ และเกลียดชัง คน ๆ นี้ ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองบ้าบอ เกลียดนัทได้ลงคอ ทั้งที่นัท...ดีด้วยขนาดนี้ แต่มองนัทในแง่ร้ายมาตลอด

ตั้งแต่เริ่ม จนเมื่อไม่นานมานี้ถึงได้รู้ว่าตัวเองคิดผิด และบ้าบอคิดไปคนเดียวอยู่นาน ยิ่งได้รู้เรื่องราวบางอย่างที่นัททำให้ยิ่งละอายแก่ใจ

“พี่ต้องบอกนัทก่อนตั้งแต่ตอนนี้ แต่พี่กลัวว่านัทจะคิดว่าที่พี่ทำทุกอย่างให้นัท เพราะพี่ติดเกรงใจเรื่องเงินที่นัทให้ยืมมา”

นิ่งเงียบ และนัทก็มองหน้าของคนที่บอกบางอย่าง มองแล้วก็คิด พี่ฟ้าขมวดคิ้ว พี่ฟ้าทำหน้าเครียด นัทยอมรับตรงๆ ก็ได้ ว่าการที่เรามานอนคุยกันเรื่อยเปื่อยแบบนี้มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อที่สุดในชีวิต นัทไม่รู้หรอกว่าจริง ๆ พี่ฟ้าคิดยังไง

แต่นัท....ชอบพี่ฟ้า...ชอบจนถึงป่านนี้ และถึงแม้พี่ฟ้าจะตอบกลับความรู้สึกของนัทด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม นัทก็ดีใจ ว่าพี่ฟ้ามีความรู้สึกบางอย่างให้นัทบ้างแล้ว ไม่ใช่ความรู้สึกเกลียดชังเหมือนที่ผ่านมา

“แล้ว....พี่ฟ้า...ชอบ...นัท..บ้างมั้ย”

เป็นคำถามที่ทำให้ฟ้าทิ้งตัวลงไปนอน และดึงผ้าห่มมาคลุมตัวทันที

“นอนได้แล้ว ดึกแล้ว ปิดไฟ ปิดไฟ”

ทำไมล่ะพี่ฟ้า

พี่ฟ้า
พี่ฟ้า
พี่ฟ้า

“อย่าเขย่าสิ ไปปิดไฟหน่อย นอนเถอะครับน้องนัท นอน นอน”

เฮ้ยยยยยยยยยยย ทำไมพี่ฟ้าทำแบบนี้ล่ะ

พี่ฟ้า
ทีพี่ฟ้ายังหาเรื่องพูดให้นัททำตัวไม่ถูกได้เลย แล้วทำไมพอถึงคราวพี่ฟ้าต้องตอบบ้าง พี่ฟ้าก็มาหนีหน้านัทแบบนี้ล่ะ

“พี่ฟ้า พี่ฟ้าชอบนัทบ้างหรือเปล่า พี่ฟ้า บอกหน่อยเถอะ พี่ฟ้า นัทอยากรู้”

ลุกขึ้นนั่งและเขย่าแขนของคนที่แกล้งหลับไม่ยอมหยุด

ทำไมพี่ฟ้าเป็นคนแบบนี้ พี่ฟ้าเอาเปรียบนัทชัด ๆ พี่ฟ้าทำแบบนี้กับนัทได้ยังไง

“ก็ทีนัทยังไม่เห็นตอบพี่ฟ้าเลย ว่าชอบพี่หรือเปล่า แล้วมาบังคับให้พี่ตอบได้ยังไง”

พูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่องเลยพี่ฟ้า แล้วทำไมพี่ฟ้าต้องแกล้งหลับแบบนั้นด้วย

พี่ฟ้าบอกนัทหน่อยเถอะนะ นะครับพี่ฟ้า

“คุณรัชชานนท์ ทำไมคุณไม่หาทางช่วยผมแก้ไขปัญหา สิ่งที่ผมไม่เข้าใจ ยังไงก็ไม่มีวันเข้าใจหรอกนะ”

แล้วคุณนัธพันธ์อยากเข้าใจอะไรล่ะครับ คุณนัธพันธ์อยากเข้าใจอะไร

“งั้นมาเล่นเกมส์สามคำถามกัน ตกลงมั้ยคุณนัธพันธ์”

เกมส์สามคำถามนัทไม่เข้าใจหรอกนะ แต่การที่พี่ฟ้าลุกขึ้นมานั่งประจันหน้ากับนัทแบบนี้ มันก็เป็นการเปิดทางให้นัทถามคำถามแล้ว

“พี่ให้นัทถามก่อนได้เลย”

ไม่ต้องให้ถามนัทก็จะถามอยู่แล้ว

“พี่ฟ้าคิดยังไงกับนัท”

“.....ตอนแรกพี่ยอมรับว่าอคติกับนัทมาก แต่มาเริ่มยิ้ม ๆ ได้ตอนเห็นนัทหลับในครัว ตั้งแต่นั้นก็เริ่มรู้สึกว่านัทน่ารักขึ้นเรื่อย ๆ”

นัทไม่รู้ว่าพี่ฟ้าคิดยังไงถึงพูดแบบนี้ แต่บอกตรงๆ ว่าตอนนี้หน้านัทร้อนมาก ร้อนจนต้องยกมือขึ้นโบกไปมา เพื่อให้ใบหน้าคลายความร้อนลงบ้าง

“นัทถามได้อีกสองข้อ นัทอยากถามอะไรครับ”

นัทเหรอ
นัท....ก้มหน้าก้มตาลง และหรุบสายตาลงต่ำ มองที่ปลายนิ้วของตัวเอง ก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมามองคนที่กำลังลุ้นให้นัทถาม

นัทเหรอ

“ตอนที่นัทเพิ่งเข้าเรียนใหม่ ๆ พี่ฟ้าหาสมาชิกชมรมเทควันโด้ แล้วเอาใบสมัครมายื่นให้แต่นัทไม่ยอมสมัคร ตั้งแต่ตอนนั้นพี่ฟ้าจำนัทได้บ้างมั้ย”

จำได้ลาง ๆ เหมือนคุ้น ๆ ว่าเคยเจอแต่นึกไม่ออกว่าคนที่ไม่ยอมรับใบสมัครคือนัท ไม่รู้จริง ๆ แต่ก็คุ้น ๆ อยู่บ้าง

“ตอนนั้นจำได้ว่ามีคนไม่สมัครอยู่หนึ่งคน พี่ใจเสียมากทำอะไรไม่ถูก ก็เลยต้องทำหน้านิ่งสยบทุกสิ่งทุกอย่างไง”

“ที่นัทไม่สมัครเพราะอยากให้พี่ฟ้าจำได้ว่านัทไม่ได้สมัคร”

หมายความว่า....มันยังไงล่ะนัท มันหมายความว่ายังไง

“พี่ฟ้าส่งใบสมัครให้ใคร ก็เห็นมีแต่คนรับ ถ้านัทไม่รับนัทอยากรู้ว่าพี่ฟ้าจะทำยังไง”

“พี่ฟ้าทำหน้านิ่งใส่นัทด้วยจำได้มั้ย”

ทำหน้านิ่ง เริ่มจำได้ลาง ๆ แล้ว ไอ้เด็กแว่นนิติคนนั้นนั่นเอง ตัวผอม ๆ หน้าตามึน ๆ แต่จำไม่เห็นได้ว่าน่ารักขนาดนี้ จำไม่เห็นได้ว่าคนเดียวกับนัทตอนนี้

“ที่พี่ทำหน้านิ่งเพราะพี่ไม่รู้จะพูดกับนัทต่อยังไง พี่อึ้ง ยอมรับก็ได้ว่าพี่อึ้งมาก”

อึ้งเลยเหรอพี่ฟ้า นัทกำลังยิ้ม ยิ้มและหัวเราะเล็กๆ เมื่อได้บอกเรื่องราวบ้า ๆ บอ ๆ ของตัวเองที่เคยทำ

“นัทใช้หมดทุกคำถามแล้วนะ คราวนี้พี่จะถามนัทบ้างแล้ว”

เฮ้ยยยยยยยยยย หมายความว่ายังไง นัทยังไม่ทันได้ถามสิ่งที่อยากถามเลย คำถามทั่วไปนั่นนะ นับด้วยเหรอพี่ฟ้า

“นั่นนับรวมด้วยเหรอ ไม่นับไม่ได้เหรอคุณรัชชานนท์”

ไม่นับไม่ได้ ก็พี่ฟ้าออกกฎมาแล้ว นัทก็ต้องปฏิบัติตามกฎสิ

“ไม่ได้ คราวนี้พี่จะถามนัทแล้ว”

จริงจังไปแล้วพี่ฟ้า มองนัทแล้วทำหน้าแบบนี้ พี่ฟ้าคิดจะถามอะไรนัทกันแน่

“งั้นพี่ยกคำถามของพี่ให้นัทสองข้อ พี่ขอเก็บคำถามสุดท้ายเอาไว้ นัทถามพี่ได้เลยสองคำถามที่เหลือ พี่จะตอบให้หมด”

ยกคำถามของตัวเองให้นัทแล้วเลือกเก็บไว้คำถามเดียวเหรอ

“พี่ฟ้า....เห็นนัทเป็นเด็กมั้ย”

“เห็นเป็นเด็กที่มีความพยายามมากกว่าผู้ใหญ่หลายคน ความรับผิดชอบและมุ่งมั่นนัทมีสูงมาก เพราะฉะนั้นอย่ากังวลเลยว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ เพราะพี่คิดว่านัทมีคุณสมบัติครบถ้วนมากพอที่จะบริหารคนบริหารงานได้”

ได้เหรอพี่ฟ้า ได้จริง ๆ เหรอ นัททำแบบนั้นได้จริง ๆ ใช่มั้ย

“ข้อสุดท้าย....นัทอยากรู้...จริง ๆ แล้วพี่ฟ้าชอบนัทบ้างมั้ย”

จริงด้วยสินะ

นัทกังวลใจและคิดว่าพี่ไม่รู้สึกอะไรกับนัทเลยจริง ๆ ด้วยสินะ กังวลใจมาตลอด แล้วพี่จะทำยังไงให้นัทเข้าใจความรู้สึกพี่บ้าง
สิ่งที่นัทไม่มีคือความมั่นใจ นัทไม่มีความมั่นใจว่าพี่ฟ้าจะชอบหรือรักนัทอย่างจริงจัง

“พี่ไม่คิดว่าความรู้สึกที่มีให้นัทตอนนี้เรียกว่าชอบนะครับ”

เป็นคำตอบที่จริงจังที่สุด และนัทที่นั่งลุ้นระทึกรอฟังคำตอบอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมา

เงยหน้าขึ้นมาแล้วอ้าปากค้าง รีบหรุบสายตาลงต่ำ และมองที่ปลายนิ้วตัวเองอย่างรวดเร็ว และไม่ต้องรอ แค่ก้มหน้าลงน้ำตาก็หยดลงที่ข้างแก้มแล้ว

“นัท”

อือ
นัทเข้าใจแล้วพี่ฟ้า มันคือการปฏิเสธ นัทเข้าใจ มันช่วยไม่ได้ ที่พี่ฟ้าจะไม่ชอบ นัทจะไปฝืนใจพี่ฟ้าได้ยังไง ยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาและเงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังอมยิ้ม พี่ฟ้ายิ้มทำไมนัทหน้าตาตลกมากใช่มั้ย

นัทคงดูตลกมาก สำหรับพี่ฟ้าใช่มั้ย

“พี่ฟ้ารักนัท....มันเลยคำว่าชอบไปนานแล้ว อย่างนี้นัทจะให้พี่ตอบคำถามนัทได้ยังไง”

รักยังไงได้ยังไง หน้านัทตลกขนาดนี้พี่ฟ้าจะรัก.......

เบิกตากว้างขึ้นอีกครั้ง และนัทก็ยกหลังมือขึ้นเช็ดน้ำตาของตัวเองที่หยดลงมากขึ้นกว่าเดิม

รักยังไง ไม่รู้ ไม่เข้าใจ พี่ฟ้าอย่ามาล้อเล่นกับความรู้สึกนัทนะ พี่ฟ้ารักนัทจริง ๆ หรือไง พี่ฟ้าจะรักนัทได้ยังไง พี่ฟ้า....

“ฮือออออออออ ไม่เชื่อหรอกพี่ฟ้าแกล้งนัท พี่ฟ้า”

กลายเป็นเด็กน้อยน่าสงสาร แล้วก็เป็นฟ้าที่ต้องยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

ไม่รู้หรอกนะ ที่จริงแล้วมันต้องรู้สึกแย่ที่ทำให้คนที่รักร้องไห้ แต่สำหรับนัท มันไม่ใช่ คนอะไร ร้องไห้ได้น่ารักเกินทน
ขนาดร้องไห้ยังน่ารัก แล้วจะให้พี่ทำยังไงล่ะนัท นัทจะให้พี่ฟ้าทำยังไง

“เป็ดเอ้ยยยย”

เรียกแล้วก็ยิ้ม ยิ้มแล้วก็รั้งให้คนที่ร้องไห้ไม่หยุด แล้วก็พูดคำว่าไม่เชื่ออยู่ตลอดเข้ามากอดเอาไว้ กอดแล้วนัทก็ยังร้องไห้ไม่ยอมเลิก

“อย่าทำให้พี่เขินมากนัก ถ้าต้องพูดซ้ำมันเขิน”

อะไรล่ะพี่ฟ้า ก็การที่พี่ฟ้าบอกนัทแบบนี้ มันเป็นสิ่งที่เหลือเชื่อที่สุดในชีวิตนัทจริง ๆ มันยากจะเชื่อ มันยากจะเชื่อจริง ๆ นะพี่ฟ้า แล้วพี่ฟ้าจะให้นัททำยังไง พี่ฟ้าไม่รู้หรอกว่านัทดีใจขนาดไหน นัทคิดว่าตัวเองคงกำลังฝันอยู่แน่ ๆ บางทีนี่คงเป็นความฝัน นัทคงกำลังฝันไป

“คำถามสุดท้ายเป็นของพี่ ตกลงนัทรับพี่เข้าทำงานหรือยัง”

รับเข้าทำงาน หมายถึง....

“ตำแหน่งแฟนพี่เริ่มงานได้หรือยัง”

ตำแหน่ง....

“อย่าเฉไฉนะนัท อย่าแกล้งพี่ พี่ก็ลุ้นไม่ต่างจากนัทหรอกนะ”

เฉไฉอะไรนั่น นัทไม่ทำหรอก แต่ที่นัทจะทำคือ....

“พี่ฟ้า”

เรียกแล้วนัทก็เงยหน้าขึ้นมอง มองทั้งที่ยังร้องไห้ แต่หน้าแดง ขยับตัวออกห่าง และนัทก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะพูดบางอย่างให้คนที่นั่งลุ้นระทึกฟัง

“คุณรัชชานนท์ครับ เคสนี้ผมตอบรับ และผมอยากให้คุณช่วยจัดการให้เรียบร้อยด้วยภายในหนึ่งนาทีนี้นะครับ”

ครับ เข้าใจแล้วครับคุณนัธพันธ์ ผมจะจัดการให้เรียบร้อยครับ ผมจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถให้สมกับที่คุณนัธพันธ์ไว้วางใจครับ

“ผมจะเริ่มจากจูบนะครับ แล้วหลังจากนั้นคงต้องแล้วแต่คุณนัธพันธ์จะพิจารณา”

TBC.

Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2818.0)
      และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 74
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 05-06-2014 05:52:06
ทางการมาก :laugh: เป็นแฟนกันแล้วจิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 74
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 05-06-2014 06:57:13
พี่ฟ้าดีใจด้วยน้องนัทอนุมัติให้เป็นแฟนแล้ว
 :-[ :-[ :-[
พออนุมัติก็เริ่มงานเลย  ดูท่าจะงานใหญ่ คริคริ
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 74
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 05-06-2014 06:58:16
เค้าเป็นแฟนกันแล้ว แต่อีกหนึ่งนาทีต่อจากนี้ไป เค้าจะเป็นสามีภรรยากันต่อ... 555 ตอนต่อไปมาเลยมั้ย

 :haun4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 74
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 05-06-2014 07:04:41
เริ่มจากจูบนะครับ 555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 74
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 05-06-2014 07:10:21
กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆ เขาเป็นแฟนอย่างเป็นทางการแล้วอิอิ :heaven :mew3: :mew1: เริ่มจากจูบใช่ไหม
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 74
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 05-06-2014 08:39:46
ตอนหน้ากินตับเป็ด เย่เย่เย่เย่เย่เยเ่ยเ่ยเ่ย่ :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 74
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 05-06-2014 08:54:23
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:  จัดการเลยพี่ฟ้า   อิอิ เป็ดเหลือง เสร็จแน่ ๆๆ  :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 74
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 05-06-2014 09:01:00
น่ารักอ่ะบอกเลยคู่นี้ ใช้คำพูดน้อยมาก แต่ความในใจนี้พรั่งพรู
555+ เริ่มงานทันทีด้วย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 74
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 05-06-2014 09:26:23
กรีดร้องงงงงงง มาต่อโดยพลันนนน  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 74
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 05-06-2014 09:39:32
กรี๊ดดดดดดด  เค้าเป็นแฟนกันแล้ว เจ้าข้าเอ๊ยยยยยย
คนอ่านมีความสุขจริงๆ  ^_______^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 74
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 05-06-2014 09:48:52
พี่ฟ้าต้องทดลองเป็นแฟน 3 เดือนก่อนผ่านโปรแฟนด้วยป่ะเนี่ย (ไม่งั้นคนอ่านคงอยากดิ้นตายยยยย :ling1:55555)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 74
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 05-06-2014 12:32:54
จิกหมอนคร้าาาาาาาาาา  :katai4:
ฟินมากก  :m3: :m3: :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 74
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 05-06-2014 12:40:41
ผ่านโลด :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 74
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 05-06-2014 12:43:22
แง้ว เคสนี้พิจารณาให้ผ่านแล้วววว รอดูการพัฒนา  :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 74
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 05-06-2014 13:42:04
เขินอ่ะ หัวใจจะวาย  :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 74
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 05-06-2014 14:01:41
 :-[ กรี๊ดดด เป็นแฟนกันแล้ว ชาร์ทเลือดเตรียมรอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 74
เริ่มหัวข้อโดย: miyaki ที่ 05-06-2014 14:12:04
เค้าๆ เป็นแฟนกันแล้ว :-[
อยากรู้ต่อจากหนึ่งนาทีแล้วคะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 74
เริ่มหัวข้อโดย: eaey ที่ 05-06-2014 16:55:31
 :-[ ขอตอนปฏิบัติหน้าที่ต่อเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 74
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 05-06-2014 18:35:28
ถ้าจะขยันทำงานเหมือนขยันรีเฟรชนิยายเรื่องนี้ ชีวิตคาดว่าจะเจริญ อิอิ ^_~
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 74
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 05-06-2014 19:11:24
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด
เป็นแฟนอย่างเป็นทางการรรรรรรแล้วววว อ๊ากกกน่ารักกกกกก
ก็แบบนึกว่าจะถามว่ารักตั้งแต่ตอนไหน อยากให้นัทตอบนะ เสียดายจัง
แล้วต่อจากนี้ ก็เริ่ม "ทำงาน" แล้วสินะ สินะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 74
เริ่มหัวข้อโดย: 1212312121 ที่ 05-06-2014 20:11:36
มารอ มารอ มารอ อิอิ >.<
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 74
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 05-06-2014 20:43:00
ขอตายในหน้าที่ แอบปิดตาแล้วดูลอดตรงช่องระหว่างนิ้ว เขินอะ

 :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 74
เริ่มหัวข้อโดย: fahhh ที่ 05-06-2014 21:32:07
แอบส่องมานานแล้วเรื่อง อยากบอกว่าชอบมากกกกกกกกกกกกกก :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ยิ่งเฮีย-วิเชียรยิ่งชอบ :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 74
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 05-06-2014 22:19:25
เค้าเริ่มปฏิบัติหน้าที่กันแล้วซินะ  :z1:

หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 74
เริ่มหัวข้อโดย: mickymod ที่ 05-06-2014 22:29:01
  :-[ ฟินแทนเป็ดเหลือง กรี๊ดดดดดด

กว่าพี่ฟ้าจะยืนยันว่ารัก ทำเอาเป็ดน้อยน้ำตาหยดแหมะๆ

รอพี่ฟ้าเริ่มปฏิบัติหน้าที่ หวังว่าทำหน้าที่""แฟน""

ได้ดียิ่งกว่าตอนเป็นเลขาสิบเท่า จึ๊กๆ :oo1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 74
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-06-2014 22:32:18
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน ยิ้ม ๆ

มันจะเป็นยังไงถ้าเริ่มด้วยการจูบ และคนพูดว่าจะจูบก็ทำเพียงแค่นิ่งเฉย และเชยคางให้นัทเงยหน้าขึ้นมามอง
มองหน้ากัน สบตากัน และคนที่บอกว่าจะทำบางอย่างกับนัท ก็ยังไม่ทำอะไร เพียงแค่เริ่มส่งยิ้มจาง ๆ ให้

“คุณนัธพันธ์เป็นหัวหน้างาน บางครั้งผมไม่เข้าใจว่างานมีลักษณะอย่างไร ผมขอให้คุณนัธพันธ์เริ่มก่อน เพื่อที่ผมจะได้เข้าใจ”

เข้าใจ

ฮือออออออออออออ ไม่เอา ไม่เข้าใจ ไม่อยากเข้าใจ

“จะให้นัทอธิบายอะไร”

ก็ไม่มีอะไรมากหรอกคุณนัธพันธ์ พูดแบบนี้แล้วมาทำหน้าแดงใส่ ไม่คิดว่ามันเกินไปหน่อยหรือไงครับ

“ตรงนี้ครับ”

ตรงนี้ที่ว่าของคุณคุณรัชชานนท์เลขาหน้านิ่งก็คือการใช้ปลายนิ้วแตะที่ริมฝีปากตัวเองเบา ๆ เหมือนเป็นการให้สัญญาณว่านัทควรเริ่มจากทำอะไรก่อนดี

อ้าปากเล็กน้อย และเรียกให้นัทเข้ามาใกล้ ๆ

พี่ฟ้าจงใจแกล้งชัด ๆ จงใจทำให้นัททำตัวไม่ถูก ชอบหรือไงเวลาที่นัทไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้ พี่ฟ้าชอบนักหรือไง

“นั่งนี่มานัท”

ถูกเรียก และนัทก็ถึงกับอึ้งกับสิ่งที่อีกฝ่ายบอก

นั่งนี่
คือนั่งไหน นั่งนี่ที่ว่าคือการที่…. คุณรัชชานนท์แตะมือเบา ๆ ที่หน้าขา และเรียกนัทให้นัทขึ้นมา

ยังไงล่ะพี่ฟ้า

“ไม่เอา”

ไม่เอาไม่ได้

“เร็ว”

เร็วอะไรล่ะพี่ฟ้า เร็วอะไรยังไง ไม่เห็นจำเป็นต้อง....

“หรือนัทอยากทำมากกว่านี้”

ห๊ะ
นัทไม่ได้อยากทำมากกว่านี้ นัทแค่.....

ส่ายหน้าปฏิเสธ และครั้งนี้คุณรัชชานนท์ก็ทำหน้านิ่ง เอาจริงเอาจังจนนัทต้อง.... ทำอย่างที่อีกฝ่ายต้องการจะให้ทำ
ค่อย ๆ ขยับร่างกายขึ้นไปนั่งคร่อมทับอยู่บนตักของคนที่เรียก และฟ้าก็กอดรัดรอบเอวของคนที่ขึ้นมาอยู่บนตัวเอาไว้

“อะไรล่ะคุณรัชชานนท์”

ก็ไม่อะไรครับ ตัวเบาดี มีอะไรมากกว่านี้หรือไงคุณนัธพันธ์

“หน้าแดงอีกแล้วนัท”

ใช่
นัทหน้าแดงอีกแล้ว แล้วที่นัทต้องเป็นแบบนี้มันเป็นเพราะใคร
สบตากันอยู่อย่างนั้น และเป็นฟ้าที่ยิ้มออกมา และนัทก็เป็นฝ่ายที่ต้องเมินหน้าหนี

“ทำไมล่ะพี่ฟ้า หน้านัทเป็นแบบนี้”

ใช่ครับ
หน้านัทเป็นแบบนี้ เพราะหน้าแบบนี้ถึงได้บอกว่าน่ารัก ยิ่งกว่าน่ารัก

“นัทลองจูบพี่บ้างสิครับ”

ลองเหรอ ทำแบบนั้น....มัน... หันหน้าหนีก็ไม่มีประโยชน์ เพราะขึ้นมาอยู่บนตักของคุณเลขาเรียบร้อย หนีก็ถูกดึงให้หันกลับมาแล้วจะหนียังไงล่ะ เล่นกอดเอวกันซะแน่นขนาดนี้ แล้วนัทจะหนียังไง

“นะครับ”

ก็....
ก็คงได้

สองแขนโอบรัดรอบคอของคนที่กอดเอวนัทไว้แน่น และก็จ้องตากับคนที่มองมาอย่างนึกอาย
ไม่กล้าสบตาเลยใช้วิธีหลับตาแน่น และค่อย ๆ ลองโน้มใบหน้าลงมา แตะริมฝีปากเบา ๆ กับริมฝีปากของคนที่เงยหน้ารอ

แตะแล้วก็ผละออกห่าง

“จูบแล้ว”

แบบนั้นเรียกเอาปากแตะกันครับ ไม่เรียกว่าจูบ

“เฮ่อ....ไหนลองทำแบบนี้อีกทีครับ”

ส่ายหน้า
ส่ายหน้าไม่ยอมทำ และก็เหมือนเดิม กลับเป็นเหมือนเดิม เมื่อคุณรัชชานนท์ทำหน้านิ่งใส่ นัทก็ไม่กล้าปฏิเสธ

ก็ได้พี่ฟ้า
ยังไงล่ะ
อีกทีก็....

ลองก้มหน้าลงมาอีกครั้ง และคราวนี้นัทก็ไม่มีโอกาสผละใบหน้าออกอีกแล้ว เพราะถูกฝ่ามืออุ่น ๆ ประคองที่สองแก้มและส่งปลายลิ้นเข้าไปค้นหารสชาติหวาน ๆ ภายในโพรงปากของนัททันที

“อือ”

ได้แต่ร้องครางอยู่ในลำคอ
เคลิ้ม….
เคลิบเคลิ้มไปกับรสสัมผัส เคลิบเคลิ้มมึนเมาไปกับปลายลิ้นที่แทรกเข้ามากระหวัดรัดพัวพัน ครั้งแรกถอยหนี แต่เมื่อปลายลิ้นที่ถูกส่งเข้ามาคลอเคลีย ไม่ยอมให้หนีและยังตามประกบตลอด นัทก็เลยต้องทำตามคนที่สอน

หลับตาแน่น เพราะรู้สึกว่ากำลังจะหายใจไม่ทัน

พยายามผละออกห่าง แต่คนที่ประคองใบหน้าของนัทเอาไว้ก็ไม่ยอมปล่อย

นาน
เนิ่นนาน ที่รู้สึกว่ากำลังดำดิ่งลึกลงไป และเมื่ออีกฝ่ายจูบจนพอใจ และยอมถอนริมฝีปากออก ก็เป็นนัทที่ถึงกับหอบหายใจหนัก และรีบยกหลังมือขึ้นขัดถูริมฝีปากตัวเองทันที

เขิน และไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อไป วางมือไว้บนไหล่ของคนที่ส่งยิ้มหวาน ๆ ให้ และนัทก็ไม่กล้าสบตาคนที่มองตรงมา

“พี่ฟ้ามองหน้านัททำไม”

ก็ไม่ทำไมครับ แค่อยากมอง

“เป็ด”

อะไรนะ
ไม่ใช่ นัทไม่ใช่อย่างที่พี่ฟ้าเรียก นัทไม่ใช่เลย

“นัทไม่ใช่เป็ด”

แล้วรู้ได้ยังไงว่าไม่ใช่ เป็ดเหลือง น่ารักด้วย อย่ามาอ้างว่าไม่ใช่ เห็นกันอยู่ชัด ๆ

“ไม่ใช่เป็ดแล้วนัทเป็นอะไร”

นัทก็ไม่ได้เป็นอะไร

“ก็เป็นนัทนี่แหละ จะให้เป็นอะไร”

ให้เป็นอะไรเหรอ ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่าต้องเป็นอะไร

“ไหนบอกอีกที”

บอกอีกทีก็พูดเหมือนเดิม

“ก็เป็นนัท”

ไม่ใช่

“อีกที”

ก็เป็นนัทนี่แหละ

“นัทชื่อนัท เป็นนัท ไม่เป็นเป็ด”

ไม่เป็นเป็ดก็ได้

“แล้วเป็นแฟนพี่ฟ้ามั้ย”

ไม่....

“นัทไม่.....ฮือออออออออออ ไม่เอาแล้ว”

จะตายเพราะคำพูดแบบนี้ของพี่ฟ้าจริง ๆ นะ พี่ฟ้าชอบแกล้งพูดอะไรแปลก ๆให้นัททำตัวไม่ถูกตลอด ดีใจยังไม่พอ ยังต้องมาเขินด้วย แบบนี้ไม่ไหวแล้ว

“ทำไมครับนัท ไม่เป็นเหรอ ไม่ได้นะ แบบนี้พี่ยอมไม่ได้เอายังไงจะเป็นหรือไม่เป็น”

ไม่รู้

นัทไม่รู้หรอก เรื่องนั้นนัทไม่รู้ พี่ฟ้าอย่าขู่แล้วทำหน้านิ่งใส่นัทแบบนี้ นัทยิ่งจะพาลทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่ อยากร้องไห้ เพราะรู้สึกว่าหัวกำลังจะระเบิด หน้าคงแดงเถือกไปถึงไหนต่อไหน

แล้วยังจะถูกแกล้งแบบนี้อีก

“พี่ฟ้าอย่าแกล้งเลย ไม่ไหวแล้ว แบบนี้นัทไม่ไหว”

บ่น
และกอดคนแกล้งแน่น เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นใบหน้าของตัวเอง

“ทำไมครับ”

ไม่ทำไมหรอกพี่ฟ้า มันไปไม่ถูก ไม่รู้จะทำยังไงดี ไม่รู้จริง ๆ ว่าจะทำยังไง ก็เลยต้องกอดพี่ฟ้าเอาไว้แบบนี้เพราะไม่อยากให้พี่ฟ้ารู้ว่าสภาพนัทตอนนี้มันเป็นยังไง

พี่ฟ้าอุ่น
พี่ฟ้าตัวอุ่น

นี่ไม่ใช่สิ่งที่นัทคิดฝันมาก่อนเลยในชีวิต ได้กอดพี่ฟ้า เราจูบกัน เรามีความรู้สึกดี ๆ ให้กัน มันไม่เคยเป็นสิ่งที่นัทเอื้อมถึง ไม่เคยแม้แต่จะคิด ไม่เคยเลย

“สี่ปีเลยนะ นัททนได้ยังไง สี่ปีมานี้นัททนได้ยังไง”

ไม่รู้หรอก
เพราะนัทไม่เคยรอคอย อยู่ไปเรื่อย ๆ แค่ได้คิดถึงก็พอแล้ว ไม่เคยคิดถึงเรื่องของเวลา ไม่มีสักวันที่นัทนึกถึง นัทไม่เคยหวัง เพราะนัทไม่กล้าและไม่เคยคิดที่จะหวัง แต่วันหนึ่งนัทได้รับ นัทเลยรู้สึกว่ามันยิ่งใหญ่และมากมายจนไม่รู้จะเอ่ยเป็นคำพูดได้ยังไง

พี่ฟ้ารู้มั้ยว่านัทดีใจขนาดไหน
พี่ฟ้าจะรู้บ้างมั้ย

ฝ่ามืออุ่น ๆ ลูบไล้เบา ๆ ที่แผ่นหลังของนัท

ไม่คิดว่าจะเปิดใจรักใครได้อีก แต่ก็เพราะเป็นคน ๆ นี้ ที่ทำให้รู้ว่ายังเป็นมนุษย์ ยังมีความรักได้อยู่

“พี่ฟ้า นัทไม่ใช่คนดีอะไรหรอกนะพี่ฟ้า นัทก็เป็นนัทแบบนี้ เราจะไปกันได้นานแค่ไหน”

ไม่รู้หรอก เรื่องนั้นพี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน

“พี่ไม่ปล่อยนัทไปหรอกนะ พอแล้ว พี่เหนื่อย ขอใช้ชีวิตเพื่อตัวเองบ้าง”

นัทเข้าใจ
พี่ฟ้าเหนื่อย
พี่ฟ้าเจ็บ
พี่ฟ้าผ่านการเสียใจมาแล้ว นัทรู้และนัทเข้าใจดี กว่าพี่ฟ้าจะผ่านช่วงเวลาเลวร้ายพวกนั้นมาได้มันยากลำบากแค่ไหน

พี่ฟ้าประคองตัวเองให้ผ่านมาได้ จนเรามาเจอกันอีกครั้ง พี่ฟ้า....นัทรักพี่ฟ้านะ รักมาก พี่ฟ้ารู้มั้ย นัทรักพี่ฟ้ามากจริง ๆ
ผละออกห่างและนัทก็จ้องมองที่ใบหน้าของคนที่รอคอยมานาน

คอยอย่างไม่เคยมีความหวัง ไม่เคยมีเลยสักวันที่คาดหวัง เกลี่ยไล้ปลายนิ้วไปที่ข้างแก้มของคนที่ส่งยิ้มให้

แก้มพี่ฟ้า
ปลายจมูก
หน้าผาก
ริมฝีปาก

ดวงตา......ดวงตาของพี่ฟ้า มองมาที่นัทแล้ว มองตรงมาที่นัท

“นัทเป็นแฟนพี่ฟ้ามั้ย”

อือ

“.........”

ไม่มีคำพูด มีแต่ความเต็มตื้นยินดี ที่ส่งผ่านมาทางสายตา สิ่งที่นัททำคือการพยักหน้า และนิ่งมองใบหน้าของคนที่เคยอยู่ไกลเกินเอื้อม

แตะมือเบาๆ ที่ข้างแก้มของคนที่เอ่ยถามคำถามที่นัทอยากได้ยินมาตลอดชีวิต

อยากได้ยินแบบนี้ แบบนี้ดีแล้ว เป็นแบบนี้ดีที่สุด นัทก้มหน้าลงมา ก้มลงมาหาและแตะปลายจมูกเบา ๆ ที่หน้าผากของคนที่เปลี่ยนสถานะจากคนรู้จักเป็นบางอย่างที่มีความหมายมากเกินกว่าจะคาดคิด

แตะเบา ๆ ที่หน้าผากของคนตรงหน้าและผละออก ก่อนจะก้มลงไปอีกครั้ง และกดปลายจมูกไปที่ข้างแก้มของคนที่กระพริบตามองหน้าของนัทนิ่ง ๆ อย่างนั้น มองแล้วก็ยิ้ม ยิ้มกับการกระทำของคนที่มาเกยอยู่บนตัก

ความสุขอยู่แค่นี้เอง

แค่ได้เห็นหน้า แค่ได้อยู่ใกล้ แค่ได้อยู่ด้วยกัน

ความสุขอยู่แค่นี้

“ไม่อยากทำอะไรนัทหรอกนะ พร้อมกว่านี้ก่อนแล้วค่อยทำ เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้เถอะนัท พี่ไม่คิดจะปล่อยนัทนานกว่านี้หรอก ที่สอนให้ทั้งหมดนั่น ไม่นานนัทได้ใช้แน่ ถึงเวลานั้นต้องห้ามอายเด็ดขาดนะ ไม่อย่างนั้นพี่คงได้คลั่งตายเพราะนัทคนเดียว”

TBC.

Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2818.0)
      และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 74
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 05-06-2014 23:02:46
ชอบฟีลแตะหน้าผาก อบอุ่นอ่อนโยน
 :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 74
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 05-06-2014 23:04:51
อ่านไปเขินไป :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 74
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 05-06-2014 23:13:45
เข้ามาฟินความหวานก่อนนอน......
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 74
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 05-06-2014 23:27:15
 :-[ เขิน ประหนึ่งว่าตัวเองเป็นเป็ดเหลืองซะเอง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 74
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 06-06-2014 00:03:18
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน ฝึก

“ทีนี้สิ่งที่คุณนัทควรทำคือการถามต่อที่ประชุมให้ชัดเจนว่าสุดท้ายแล้วจะใช้แนวทางไหนในการทำงาน ให้ผู้ร่วมประชุมเห็นชอบร่วมกัน”

ครับ

นัทกำลังนั่งหน้าเครียด

พยักหน้ากับสิ่งที่ได้ฟัง และเรียบเรียงหัวข้อที่จะต้องเข้าพูดในที่ประชุมวันพรุ่งนี้ เตรียมตัวมานานก็เพื่อสิ่งนี้ เพื่อวันพรุ่งนี้
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เก็บข้อมูลและทำความเข้าใจกับระบบของโรงงานทั้งหมดก็เพื่อเปิดตัวในที่ประชุม

พรุ่งนี้เป็นวันชี้ชะตา นัทเป็นเด็กน้อยไม่ได้แล้ว การสวมมาดผู้บริหารให้คนเชื่อถือและศรัทธาเป็นเรื่องจำเป็นที่สุด
นัทต้องแสดงให้ทุกคนเห็นว่านัทไม่ใช่เด็ก และเหมาะสมคู่ควรกับการเป็นผู้บริหารโรงงานรุ่นถัดไป

“คุณรัชชานนท์ ในส่วนของการเตรียมงานเบื้องต้นผมคงต้องรบกวนคุณเป็นธุระจัดการให้”

ไม่มีปัญหาครับ มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว

“เอกสารพร้อมเรียบร้อยครับ ทุกอย่างพร้อม เหลือแค่คุณนัทว่ามีความพร้อมกับวันพรุ่งนี้ขนาดไหน”

ก็ตอบได้เลยว่าเต็มร้อย พร้อมแล้ว เต็มที่แล้ว

“ประชุมเก้าโมงตรงครับ”

พยักหน้าอีกครั้ง และนัทก็วางเอกสารทุกอย่างลงอย่างช้า ๆ เก็บรวบรวมเป็นปึกและวางไว้ในตระกร้าเอกสาร

ไม่มีอะไรต้องหวั่นเกรงอีก เหลือแค่ต้องจัดการเรื่องของวันพรุ่งนี้ นัทพร้อมยิ่งกว่าพร้อม

“ไหวนะครับ คุณนัท”

พยักหน้ารับ และคุณเลขารัชชานนท์หน้านิ่งก็สิ่งยิ้มจาง ๆ มาให้

อะไรล่ะพี่ฟ้า นัทก็แค่พยักหน้า พี่ฟ้าจะยิ้มให้นัททำไม เสียมาดหมด เดี๋ยวก็พาลจะทำอะไรไม่ถูกอีกหรอก

“วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ห้าโมงเย็นพอดี ผมคิดว่าต้องตอกบัตรบ้างแล้ววันนี้”

พี่ฟ้าจะทำแบบนั้นเหรอ

“คุณรัชชานนท์ ไม่ได้ตอกบัตรเข้าทำงานมานานแล้ว ผมจะแน่ใจได้ยังไงว่าคุณมาทำงานจริง ๆ”

แกล้งแซวและทำหน้าขรึม เอนหลังพิงพยักเก้าอี้ และใช้สายตาจ้องมองไปที่คนที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะของตัวเอง อะไรล่ะนัท คิดจะทำอะไรกันแน่

“ผมจะถูกหักเงินเดือนเหรอครับ”

แกล้งถามและนัทก็พยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะส่งยิ้มน้อย ๆ มาให้ ท่าทางสมกับเป็นผู้บริหาร วางท่าได้ดูดีมากซะจนฟ้าต้องแกล้งทำหน้าขรึมใส่ ทั้ง

ที่อยากจะยิ้มแทบตาย

“ก็ไม่แน่นะครับ ผมรับประกันอะไรไม่ได้ ขึ้นอยู่กับคุณรัชชานนท์เอง”

อ่อ เป็นแบบนั้นเหรอ ขึ้นอยู่กับผมแบบนั้นใช่มั้ยครับ คุณนัท

“ผมเสียใจที่ทำให้คุณนัทไม่พอใจ”

คล้ายจะสำนึกผิด คล้ายจะรู้สึกผิด ทั้งที่ไม่รู้สึกอะไรเลย และฟ้าก็ยังทำเหมือนเดิม คือตีหน้าขรึม ทำเหมือนเคร่งเครียดมากทั้งที่จริง ๆ แล้วไม่

ได้มีความรู้สึกเคร่งเครียดอะไรเลยสักนิด ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูและก็เห็นว่าเป็นเวลาห้าโมงเย็น กับอีกหนึ่งนาที

หมดเวลางานแล้ว

เมื่อหมดเวลางาน ในเวลานี้ก็เป็นเวลาส่วนตัวแล้ว

“ไปกินข้าวข้างนอกกันนะนัทวันนี้”

เปลี่ยนอารมณ์อย่างรวดเร็ว และเป็นนัทที่ต้องทำหน้ามุ่ยและเริ่มกลับมาเป็นนัทคนเดิมที่แนบใบหน้ากับโต๊ะและบ่นพึมพำเสียงเบา

“อยากกินอะไรอร่อย ๆ เหนื่อยมากเลยพี่ฟ้า นัทเวียนหัวมากวันนี้”

บ่นไปเรื่อย และคนที่ยืนอยู่ก็อมยิ้มเล็กน้อย พับแขนเสื้อขึ้น และขยับเนคไทน์ออก

“เวียนหัวอะไร เห็นอู้งานทั้งวัน”

ทำไมพี่ฟ้าบ่นนัทแบบนี้ล่ะ นัทอู้งานตอนไหน แค่เผลอหลับไปตอนบ่ายแค่นั้น ก็เมื่อคืนนัทนอนดึก นัทก็ต้องง่วงตอนบ่ายเป็นธรรมดา ทำไม

พี่ฟ้าไม่เห็นใจนัทบ้างเลย พี่ฟ้าใจร้ายกับนัทได้ลงคอหรือไง

“บ่นนัทอีกแล้ว”

ทำเสียงกระเง้ากระงอด น้อยอกน้อยใจ และใช้คางเกยโต๊ะ มองคนที่กำลังถอดเนคไทน์ออกจากคออย่างเพลินตา

พี่ฟ้าเป็นคนที่ดูดีมาก ขนาดแต่งตัวไม่เรียบร้อย ยังดูดีเลย ผิดกับนัท ที่ดูไม่เข้าท่าเอาซะเลย แม้จะพยายามทำหน้าขรึม ๆ ดุ ๆ แต่ก็รู้ตัวเองดี

ว่าหน้านัทไม่ได้ดูดุหรือน่าเกรงขามเลยสักนิดเดียว

“มองอะไรนัท”

มองอะไรเหรอ ก็มองพี่ฟ้านั่นแหละ พี่ฟ้าดูดีนัทก็ต้องมอง

“คิดจะมองพี่แบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่”

ไม่มองก็ด้ายยยยยยยยยยย เปลี่ยนเป็นแนบแก้มเข้ากับโต๊ะ และนัทก็เมินมองสายตาไปทางอื่น

มองแค่นี้ทำเป็นดุ นัทไม่มองพี่ฟ้าก็ได้ สำหรับนัทคือการงอนเล็ก ๆ และไม่จริงจังนัก แต่สำหรับฟ้า กิริยาท่าทางแบบนั้นของคนบางคน มัน

น่ามองยิ่งกว่าน่ามอง อย่ามาทำอะไรน่ารักแบบนั้นหน่อยเลย มันยิ่งทำให้มองได้ไม่รู้เบื่อเข้าใจมั้ย

“เป็ด”

นั่นไง
เอาอีกแล้ว บอกว่าไม่ได้ชื่อเป็ดก็ยังจะขยันเรียก พี่ฟ้าชอบอะไรชื่อนี้นักหนา ชื่ออะไรก็ไม่รู้ ใครอยากจะชื่อเป็ดกันล่ะ

“ทำไมเหรอ พี่ฟ้าขี้เก็ก”

ตอบกลับเข้าให้ และก็เป็นฟ้าที่ถึงกับหัวเราะลั่น และเดินตรงเข้ามาหาคนที่ทำหน้านิ่ง แต่ก็เหมือนงอนอยู่ในที หยุดยืนอยู่ข้าง ๆ และวางมือ

ไปที่เส้นผมของคนที่ทำเหมือนงอน จัดการขยี้เส้นผมของนัทเล่น และนัทก็แกล้งถอยห่างทันที

“อะไรครับ”

อะไรล่ะ ก็พี่ฟ้านั่นแหละอะไร มาแกล้งนัทแบบนี้ทำไม เดี๋ยวนัทงอนจริงจังนะ

“พี่ฟ้า....”

เงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ สบสายตากับดวงตาคมที่มองตรงมา

ครับ ว่าไงครับน้องนัท มองพี่แบบนี้ ทำตาละห้อยแบบนี้ อยากได้อะไรครับ

“ครับ...เป็นอะไรนัททำหน้าเหมือนไม่สบายใจ”

ก็มีอยู่หรอกนะความไม่สบายใจนัทก็มีอยู่จริง ๆ

“นัทกังวลเรื่องพรุ่งนี้”

หมายถึงที่ต้องประชุมเหรอ

“นัทเตรียมตัวมาดีแล้ว ไม่ต้องกลัว พี่ก็อยู่ เราก็ช่วยกัน”

เหรอ นัทมีพี่ฟ้าอยู่ คอยเป็นกำลังเสริม งั้นนัทจะไม่กลัว

“ขอกำลังใจหน่อยได้มั้ยครับ”

กำลังใจเหรอ
หมายถึง....

“อะไรดีล่ะ”

แกล้งถามและเป็นนัทที่ต้องเมินหน้าหนี

อะไรก็ได้พี่ฟ้า ที่เป็นกำลังใจน่ะ ไม่ว่าอะไรนัทก็เอาหมดแหละ แค่พี่ฟ้าให้ ไม่ว่าอะไรนัทก็ดีใจหมดทุกอย่างเลย จริง ๆ

“ไม่พูดพี่ก็ไม่รู้นะนัท”

ก็....

“นัทเอ่อ....อยากจะ...”

ครับ
อยากจะอะไร
อยากได้อะไรนัทก็บอกพี่ฟ้ามาเลย

“ครับ”

อย่าเร่งรัดอย่ากดดันนัทเลยพี่ฟ้า ช่างมันเถอะ ช่างมัน ลืมอะไรได้ก็ลืมไปเถอะพี่ฟ้า นัทยังพยายามจะลืมมันเลย

“เลยเวลางานแล้ว นัทอาจจะอึดอัด นัทจะถอดเสื้อมั้ย”

ห๊ะ
ถอดเสื้อ หมายความว่ายังไง ถอดเสื้อที่ว่า

“พี่อยากเห็นนัทไม่ใส่อะไรเลย เวลาทำงาน”

อ๋อได้ ไม่ใส่อะไรเลยเวลาทำงาน ไม่ใส่......... เฮ้ยยยยยยยยยยย แบบนี้ไม่ได้ พี่ฟ้า อย่ามาแกล้งนัทแบบนี้
ไม่ได้ ไม่ได้ แบบนี้มันไม่ได้นะพี่ฟ้า แบบนี้ไม่ได้จริง ๆ

“ง่า...นัทไม่ได้ พี่ฟ้านัท เฮ้ยยยยยยยยย ไม่เอาพี่ฟ้า”

อะไรล่ะ ไม่สะดวกจะถอดเองเหรอ งั้นพี่ช่วยก็ได้

“พี่ฟ้า ไม่เอา.........นัท พี่ฟ้า ปล่อยนัท เถอะ ปล่อยยยยยย”

แล้วจะร้องไปทำไม แล้วจะบ่นไปทำไม แล้วจะดิ้นรนไปทำไม เพราะในเวลาไม่นาน คนที่บอกว่าอยากเห็นนัทไม่ใส่เสื้อผ้าเวลาทำงาน ก็ได้

เห็นจริง ๆ

กระดุมเสื้อเชิตหลุดออกเรียบร้อย เนคไทน์หล่นอยู่บนพื้น เหลือแค่กางเกงที่ยังสวมอยู่และคนที่เดินอ้อมมาอยู่ด้านหลังนัทและเริ่มลงมือปลดเข็มขัดให้ก็ทำให้นัทต้องพยายามยึดแขนของอีกฝ่ายเอาไว้

“พี่ฟ้า ไม่เอาได้มั้ย นัทไม่ทำแบบนี้ได้มั้ย”

ทำไมล่ะครับ พี่ออกจะอยากเห็น

“นัทไม่ต้องถอดก็ได้”

ได้ นัทไม่ต้องถอดก็ได้ ดีแล้วพี่ฟ้า ขืนนัทต้องถอดนัทคงไม่ไหว

หัวใจกำลังเต้นแรง และรู้สึกตื่นตัวกับเรื่องที่กำลังทำอยู่

“งั้น นัทช่วย.....”

ใครบางคนที่เดินอ้อมจากด้านหลังมาอยู่ที่ข้างโต๊ะกำลังบอกบางอย่างกับนัท

ดวงตาคมยังสงบนิ่ง แต่แววตาที่สื่อความหมายชัดเจนกำลังทำให้นัทรู้สึกหวั่นไหว กับความร้อนแรงที่ส่งมาจากดวงตาคมคู่นั้น

“ช่วยถอดเข็มขัดให้พี่หน่อยได้มั้ยครับ”

นัทรู้ว่ามันไม่ใช่แค่เข็มขัด ที่พี่ฟ้าบอก ทำไมนัทจะไม่รู้ เงยหน้าขึ้นและกลืนน้ำลายลงคออย่างช้า ๆ ถูกพี่ฟ้าแกล้งอีกแล้ว แก้มขาว ๆ เริ่มขึ้นสี

แดงเรื่อ และปลายนิ้วแกร่งก็เอื้อมลงมาแตะสัมผัสที่ยอดอกสีแดงเข้มที่ยั่วเย้าสายตา

“อื้ออ พี่ฟ้า”

ถอยหนี และนัทก็รู้ว่าใบหน้าของตัวเองกำลังแดงก่ำ เพราะความร้อนที่กำลังไหลเวียนไปทั่วร่างและร้อนผะผ่าวที่ใบหน้ามากกว่าที่อื่น

หลบสายตาไม่ยอมมอง และก็ต้องสะดุ้งตกใจเพราะว่ามือถูกจับให้สัมผัสกับความแข็งแกร่งที่เริ่มตื่นตัวอยู่ภายใต้กางเกงของคนที่อยู่ตรงหน้า

“น้องนัท”

อือ

เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง สบสายตาร้อนแรงคู่นั้นและก็เห็นรอยยิ้มชวนหลงใหลจากดวงตาของพี่ฟ้า ฝ่ามือแกร่งประคองที่ข้างแก้มสองข้างที่ขึ้นสีแดงแดงเรื่อ และคนที่ประคองแก้มของนัทไว้สองข้างก็ย่อตัวลงมาหาและยิ้มใส่ตาเหมือนอยากแกล้ง

พี่ฟ้าทำไมเป็นคนแบบนี้ พี่ฟ้าที่นิ่งเฉย และเย็นชาทำไมเป็นคนแบบนี้ แกล้งได้แกล้งดี คิดจะแกล้งอะไรนัทนักหนา แกล้งอยู่ได้ทุกวัน

“อือออ”

ร้องออกมาเบา ๆ เมื่อปลายจมูกของใครบางคนกดหนัก ๆ ที่หน้าผากของนัทและผละออกห่าง ก่อนจะลุกขึ้นและดึงแขนให้นัทลุกขึ้นยืนด้วยกัน

กอดเอวของนัทเอาไว้แน่น และดึงให้เข้าประชิดตัว

“หน้าแดงหมดแล้วนัท ทำยังไงนัทถึงจะชินซะทีนะ พี่ควรทำยังไงดี”

ไม่เห็นต้องทำยังไงเลยพี่ฟ้า
ก็....
ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ นัทก็คงจะชินเข้าสักวันหรอกมั้ง

ฝ่ามืออุ่น ๆ เริ่มเปะป่ายไปที่สะโพกมนของคนที่ยืนทำหน้าไม่ถูก และบีบเค้นคลึงที่สะโพกของนัทเบา ๆ

“พี่ฟ้า บีบทำไมเนี่ย”

บีบทำไมล่ะ ไม่เห็นแปลกเลย มันน่าบีบพี่ก็บีบสิ ทำไมล่ะนัท

“หรือนัทอยากให้ทำมากกว่าบีบแล้วหรือไง”

เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยย ไม่ใช่เลย ยังไม่ได้พูดแบบนั้นเลย

“พี่ฟ้าเป็นแบบนี้เองเหรอ”

ครับ พี่เป็นแบบนี้แหละ นัทไม่รู้เหรอ พี่เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว เสียดายที่นัทเพิ่งรู้ คิดจะกลับตัวก็ช้าไปแล้วล่ะครับ

“ถ้านัทไม่ให้พี่จับข้างหลัง งั้นพี่จะได้จับข้างหน้า พอใจมั้ย”

เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย มันใช่เรื่องที่ไหนพี่ฟ้า พี่ฟ้าหาเหตุให้นัททำอะไรไม่ถูกอยู่เรื่อย

“ไม่ได้อีก งั้นเอาเป็นว่า พี่ยอมเสียสละ”

เสียสละอะไรล่ะพี่ฟ้า

เสียสละด้วยการที่

นัทเบิกตากว้างขึ้น หวังจะก้าวถอยห่างแต่ก็ติดที่ถูกรั้งเอวเอาไว้ไม่ยอมให้ถอยหนีไปได้ ฝ่ามือถูกดึงให้ไปแตะต้องที่ความแข็งแรงโป่งนูนนั้น และคนที่เอ่ยบอกก็ส่งยิ้มร้อนแรงมาให้

“นัทต้องถอดเข็มขัดให้พี่แล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นพี่คงปล่อยมันออกมาไม่ได้”

ไม่ได้ยังไง นัทก็ไม่.....อ่า

“ครับ”

กลายเป็นเด็กน้อยว่าง่าย สุดท้ายก็เป็นเหมือนเดิม คือพยักหน้ารับ ขัดเขินทุกครั้งที่จะทำบางอย่างแบบนี้ด้วยกัน
ไม่ชิน ไม่ว่ายังไงก็ไม่ชิน แต่นัทก็พยายามจะเรียนรู้ในทุก ๆครั้ง เช่นครั้งนี้

แม้จะเคยเห็นกันอยู่บ่อยๆ ทำบางอย่างด้วยกันบ่อย ๆ แต่เมื่อเริ่มต้นใหม่ ไม่ว่าอีกกี่ครั้ง ทุกครั้งมักจะสร้างความตื่นเต้นและมักเพิ่มความร้อน

แรงขึ้นเรื่อย ๆ เสมอ

ไม่ต่างจากครั้งนี้ ที่แม้จะขัดเขินจนทำอะไรแทบไม่ถูก จนเมื่อเข็มขัดถูกปลดออกและซิปกางเกงถูกรูดลงช้า ๆ นัทถึงได้เงยหน้ามองคนที่บอก

ให้ทำบางอย่างให้อีกครั้ง

สบตากันตรง ๆ และฟ้าก็พยักหน้าเป็นการอนุญาตให้นัททำบางอย่างได้ นัทสอดมือเข้าไปภายใต้กางเกงชั้นในและรั้งความแข็งแกร่งใหญ่โตที่

อยู่ในนั้นให้ออกมาอย่างช้า ๆ

ทันที่ที่สิ่งนั้นหลุดพ้นมาจากเนื้อผ้า นัทก็ได้เห็นท่อนเอ็นแกร่งอย่างเต็มตา

“นัทครับ”

รู้
รับรู้ได้ว่าต้องทำอะไรบ้าง นั่งลงบนเก้าอี้ และฟ้าก็ขยับเข้ามายืนอยู่ตรงหน้า

ชัดเจน
เป็นอันรู้กันว่าต้องทำอะไรบ้าง

นัทเงยหน้ามองเจ้าของความแข็งแกร่งนั้นและใบหน้าก็ยิ่งแดงเรื่อขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกที่ได้เห็นไม่มีการปิดบัง และเมื่อก้มกลับลงมานัท

ตัดสินใจทำบางอย่าง

ค่อย ๆ ครอบริมฝีปากลงไปที่ส่วนนั้นอย่างเชื่องช้า อย่างกลัว ๆ กล้า ๆ และเมื่อความแข็งแกร่งเข้ามาอยู่ในโพรงปากจนเกือบหมด นัทก็รู้สึกถึงความใหญ่โตที่คับแน่นในปากจนไม่มีพื้นที่เหลือ

“ซี้ดดดดส์ นัทครับ น้องนัท เอาเข้าไปลึกๆ เลยครับ เข้าไปอีก”

ก็คงต้องเป็นแบบนั้น

อะไรที่เป็นความพอใจของพี่ฟ้า นัทก็อยากทำให้ ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องนี้ ที่นัทอยากเรียนรู้และทำให้

“อาส์ อีกครับอีก เข้าไปลึกกว่านี้อีก....นัท....น้องนัทครับ”

ส่งเสียงคำรามในลำคอ  และขยับสะโพกให้เร็วขึ้น และนัทก็หลับตาแน่นเมื่อความแข็งแกร่งใหญ่โตกระแทกเข้ามาในโพรงปากแรงรัวเร็วขึ้น

"อึก อือ อื้ออออ"

แทบจะหายใจไม่ออกเมื่อถูกกระแทกเข้ามา จนส่วนนั้นลงลึกเข้าไปในลำคอ

"อึก อืออ อืมมม"

น้ำเสียงครางเครือที่ได้ยิน  สายตาร้อนแรงที่จ้องมองมาที่ใบหน้าแดงก่ำของคนที่กำลังดูดกลืนท่อนเอ็นแกร่งเอาไว้ในโพรงปากยิ่งทำให้นัท

ต้องหลับตาแน่น

"อาส์ นัท น้องนัทครับ พี่จะเสร็จแล้ว"

เสร็จแล้วเหรอ จะเสร็จแล้วใช่มั้ย

นัทผละใบหน้าออกห่าง และนิ่งมองฝ่ามือแกร่งที่รูดรั้งท่อนเอ็นที่เปียกชุ่มอย่างรุนแรงตรงหน้านัท
นิ่งมองส่วนนั้นที่กำลังขยับไหวไปมา และเงยหน้าขึ้นมองหน้าพี่ฟ้าที่แสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมาทั้งหมด

"นัท ครับ นัท อาส์ อึก อืมมมมม"

บางสิ่งบางอย่างหลั่งทะลักออกมา และนัทก็ผละใบหน้าออกห่างเล็กน้อย นิ่งมองบางสิ่งบางอย่างที่พุ่งทะลักออกมาจนเปรอะเปื้อนไปที่แก้มขาว ๆ ที่ขึ้นสีแดงเรื่อของคนที่มองมาอย่างตั้งอกตั้งใจ

"อึก อือ"

ส่วนนั้นถูกปลดปล่อยออกมาจนหมดแล้ว และท่อนเอ็นแกร่ง ก็ถูดกดเข้าไปในโพรงปากของนัทอีกครั้ง ปลายลิ้นร้อนไล้เลียไปที่ส่วนปลาย กลืนกินทุกหยาดหยดที่ยังหลงเหลือเข้าไปจนหมด และก็ผละใบหน้าออกห่างและเงยหน้าขึ้นมองหน้าคนที่กำลังจ้องมองมาพร้อมรอยยิ้มหวาน ๆ ที่ส่งมาให้

"..........."

ไร้ซึ่งคำพูด และฟ้าก็มองที่ใบหน้าของนัทที่กำลังทำหน้าไม่ถูกและยกหลังมือขึ้นเช็ดที่ริมฝีปากของตัวเองเบา ๆ แก้เขิน

"ต่อไปก็นัทแล้วนะ"

ทำไมเหรอพี่ฟ้า

นัททำไม

ไม่ต้องพูดกันให้มากความ เพราะแค่กำลังจะอ้าปากพูด  ข้อมือก็ถูกฉุดรั้งให้ลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ

"อะไรพี่ฟ้า"

ไม่ต้องเสียเวลาถามให้มากความ

เพราะร่างกายถูกเอนให้นอนลงบนโต๊ะที่ใช้ทำงานอยู่เป็นประจำ

"พี่ฟ้าไม่เอา แบบนี้ไม่เอา พี่ฟ้า อย่า ไม่เอาพี่ฟ้า"

ร้องไปก็ไม่มีประโยชน์พูดมากไปก็เท่านั้น เพราะสุดท้ายเมื่อร่างกายเอนลงบนโต๊ะทำงาน นัทก็ร้องไม่ออกอีกเมื่อกางเกงถูกปลดซิปลงและบางอย่างที่อยู่ภายในกางเกงก็ถูกรั้งออกมาอย่างรวดเร็ว

อารมณ์ยังไปไม่ถึงที่สุด  แต่เมื่อถูกจ้องมอง  ส่วนนั้นก็ตื่นตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและในเวลานี้กำลังถูกจัดการด้วยฝ่ามือที่กำลังรูดรั้งเพื่อปลุกอารมณ์ให้

"ปล่อยตัวตามสบายครับ  นัทอย่าเครียด อย่าเกร็ง พี่ฟ้าจะค่อย ๆ ทำให้"

ไม่เครียดเหรอ  ไม่เกร็งเหรอ  พี่ฟ้าจะค่อยๆ  ทำให้เหรอ

"พี่ฟ้า......."

ครับ

ว่าไงครับนัท

ได้แต่ร้องครางในลำคอ  และนัทก็ยกหลังมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงครางของตัวเอง

สองขาถูกแยกออกกว้าง และนัทก็นอนมองร่างกายตัวเองที่กำลังถูกทำบางอย่าง 

ปลายลิ้นร้อนลากไล้ดูดกลืนที่ยอดอกสีแดงเข้ม และไล้เรื่อยช้า ๆ ลงมาจนถึงกลางลำตัว

"พี่ฟ้า อ๊า อื้อออออออออ พี่ฟ้า"

ส่งเสียงร้องครางเครือ  เมื่อความร้อนรุ่มจากปลายลิ้นร้อนกำลังไล่ผ่านลงมาจนถึงจุดกึ่งกลางของร่างกายอย่างช้า ๆ

"พี่ฟ้า ซี้ดดด มันเสียวพี่ฟ้า นัท อื้ออออ"

ร่างกายบิดเร่า  และนัทก็สอดฝ่ามือเข้าไปที่เส้นผมของคนที่กำลังครอบปากลงไปที่ร่างกายของนัทและทำบางอย่างให้อย่างที่นัททำ  ไม่ไหวแบบนี้ไม่ไหว ร่างกายทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว และนัทก็หลับตาแน่น

ถูกปลุกเร้าอย่างร้อนแรงในเวลาไม่นาน

หัวใจกำลังสั่น หน้าแดง  และร่างกายที่ถูกกระตุ้นก็ไม่สามารถต้านทานความรู้สึกทั้งหมดของตัวเองได้
หยดน้ำตาหลั่งรินรดที่ข้างแก้มพร้อมกับอาการเกร็งของร่างกาย เมื่อถูกทำบางอย่างจนถึงที่สุด

"อื้ออออออออ"

หน้าท้องเนียนขาวแอ่นเกร็งขึ้น เมื่อความรู้สึกทั้งหมดถูกดึงให้ไปอยู่ที่จุดเดียวกัน ทุกอย่างดูว่างเปล่า
ลมหายใจที่หอบหนักถี่กระชั้น ยิ่งทำให้คนที่ปรนเปรอความรู้สึกให้ต้องเร่งทำให้เร็วขึ้น

"อ๊า พี่ฟ้า นัท พี่ฟ้า อ๊าส์ นัท แตก แล้ว อื้อออออออ"

ร้องครางออกมาเสียงสั่น และร่างกายเกร็งขึ้นเมื่อถึงจังหวะสุดท้าย ปลดปล่อยความรู้สึกออกมาและความร้อนในร่างกายก็ถูกกลืนหายเข้าไปหมด

นัทหลับตาแน่น และนอนนิ่งอยู่อย่างนั้น เป็นนานกว่าที่ลมหายใจจะกลับเป็นปกติ และนัทก็ปรือตามองหน้าของพี่ฟ้าที่ใช้หลังมือเช็ดไปที่ริมฝีปากของตัวเอง

"........."

มีเพียงความเงียบงัน และนัทก็ได้เห็นรอยยิ้มหวาน ๆ ของคนที่ทำบางอย่างให้นัทจนถึงที่สุด

"ผมผ่านฝึกงานหรือยังครับคุณนัธพันธ์"

ผ่านฝึกงานหรือยังเหรอ

ผ่านฝึกงาน

"ฮือออออออออ พี่ฟ้าแกล้งนัท"

แกล้งอะไรครับ  ใครจะไปแกล้งนัทล่ะ

เสียงหัวเราะเบา ๆ ของคนแกล้งทำให้คุณนัธพันธ์ผู้ประเมินการทดลองงานต้องยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองด้วยความอายและไม่รู้จะพูดอะไรได้อีก

"ประเมินสิครับ ว่าผมผ่านทดลองงานหรือยัง"

จะให้ประเมินยังไงล่ะ  จะให้นัทประเมินยังไง

"อ๊า พี่ฟ้า ไม่เอา ไม่เอาแล้ว ผ่านแล้ว ผ่านแล้ว"

ไม่ผ่านก็ต้องให้ผ่านเพราะร่างกายเพิ่งอ่อนแรงไปไม่นาน ฝ่ามือร้อนรุ่มก็กอบกุมส่วนนั้นของนัทเอาไว้และแกล้งรูดรั้งเบา ๆ เหมือนเป็นการแกล้งกันชัด ๆ

"ยินดีครับที่ได้จะได้ร่วมรักอย่างเป็นทางการกับคุณนัธพันธ์  แล้วคุณนัธพันธ์อยากร่วมรักอย่างเป็นทางการกับคุณรัชชานนท์หรือยังครับ"

พี่ฟ้า.......แกล้งนัท

เอาเลย แกล้งกันซะให้พอใจเลยทำให้นัทเขินตายไปเลยก็ได้ ถ้าพี่ฟ้าจะทำกับนัทขนาดนี้ นัทจะไปทำอะไรได้

"คุณนัธพันธ์ไม่รู้ครับ  คุณรัชชานนท์ว่ายังไง ก็ว่าตามกัน"

TBC.

Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2818.0)
      และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 74
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 06-06-2014 00:09:48
 :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 74
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 06-06-2014 00:24:58
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน ก่อนวันหยุดยาว

“คุณนัทครับ ซิเฮ็ดจังได๋ดีแน”

ทำยังไงเหรอ จะทำยังไงล่ะ ถ้าไม่ลงของก็ไม่มีของส่งตามใบสั่งซื้อ

“กี่ลังครับลุง”

คุณรัชชานนท์ขมวดคิ้วมุ่น และกำลังคิดอะไรบางอย่าง

“ประมาณหนึ่งตู้คอนเทรนเนอร์ได้มั้ยลุง”

“ได้ครับคุณเลขา น่าซิประมาณนั้นได้อยู่ครับ”

ประมาณหนึ่งตู้คอนเทรนเนอร์ งั้นตอนนี้มีกันอยู่กี่คน

“คุณนัทไหวมั้ย”

ไหวสิ ยังไงก็ต้องไหว ถ้ามีกันแค่นี้ก็ต้องลงกันแค่นี้

“ไหวครับไม่มีปัญหา”

“คนงานกลับกันหมดแล้ว ยังมีใครเหลืออยู่มั้ยครับ คนสองคนก็ยังดีแถวหน้าโรงงาน”

ยามประจำโรงงานยืนครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ก่อนจะพยักหน้ารับ

“มีอยู่ครับ มีคุณนิวอยู่ครับ คุณนิวยังบ่กลับ แล้วก็มีคนที่ฝึกงาน เฮ็ดรถเครื่องอยู่”

แค่นั้นก็เกินพอแล้ว

“สี่คน พอไหว เดี๋ยวนัทไปบอกเอง คุณรัชชานนท์รับของก่อนเลย คนช่วยลงของเดี๋ยวนัทจัดการเอง”

มันคือความผิดพลาดของฝ่ายประสานงานที่นัดเวลาส่งของผิด ในวันหยุดยาวไม่ควรมีของมาส่ง ของที่ส่งควรจะส่งตั้งแต่ก่อนหยุด แต่ฝ่ายประสานงานนัดให้มาลงของในโรงงานในวันสุดท้ายก่อนวันหยุดยาว และเป็นเวลาเลิกงานที่ไม่มีใครอยู่

ด้วยเหตุผลอะไรนัทไม่ต้องการจะรู้ในเวลานี้ แต่ตามใบสั่งซื้อคือต้องส่งของให้ลูกค้าในวันเปิดงานวันแรก

ในเวลานี้สิ่งสำคัญไม่ใช่หาคนผิด แต่คือต้องลงของเข้าโกดังก่อน ในเวลาเกือบหกโมงเย็นก่อนหยุดยาว ไม่ว่าใครก็รีบกลับกันหมด เหลือคุณนิวที่อยู่แผนกตรวจสอบ กับเด็กฝึกงานอีกคน

“คุณนิวครับ”

นัทเดินลงมาหน้าโรงงานและเห็นคุณนิวกำลังพับแขนเสื้อขึ้นและกำลังก้าวขาเร็ว ๆ ไปที่บริเวณลานรับสินค้า

“คือเราเหลือกันอยู่ไม่กี่คน คงต้องขอแรงคุณนิวช่วย”

ไม่มีปัญหาครับ ผมยินดีช่วย

“น้องอีกคนที่อยู่แผนกซ่อมบำรุงเขาไปลงของแล้วนี่ผมก็กำลังไป ว่าจะตามคนมาช่วย แต่คนคงกลับบ้านกันหมดแล้ว หยุดยาวใคร ๆ ก็รีบกลับ เอายังไงดีครับนาย"

ก็ไม่เอายังไง ก็คงต้องเอาแบบนี้

“มีผม มีคุณรัชชานนท์ มีคุณนิว แล้วก็อีกคน พอไหวอยู่ครับ ผมว่าน่าจะไหว”

ครับงั้นเอาตามนั้นเลยก็ได้ครับ นิวรีบเดินไปที่ลานรับสินค้า โดยมีเจ้าของโรงงานเดินมาพร้อมกัน

ในสายตาของนิว คุณรัชชานนท์ เป็นผู้ชายที่ดูดีสมบูรณ์แบบไปหมดทุกอย่าง ท่าทางนิ่งเฉยมีมาดน่าเกรงขาม แต่ในเวลานี้ ใครบางคนที่นิวเคยคิดถึงรูปลักษณ์ในแบบนั้น พับแขนเสื้อขึ้นจนถึงข้อศอก และกำลังยกลังสินค้าโยนลงในพาเลทอย่างขะมักเขม้น เหงื่อหยดเป็นทาง

“คุณรัชชานนท์ไหวมั้ยครับเนี่ย”

ไหวครับ

“สบายมากครับ....ยังไงรบกวนคุณนิวด้วยนะครับ”

อ่อ ได้ครับ มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว

“แยกกันสองเลทแล้วกันครับ เดี๋ยวผมกับเพียรเลทนี้  นายกับคุณรัชชานนท์ไปเลทสองเลย”

ตกลงกันเป็นที่เรียบร้อย และต่างฝ่ายต่างก็ช่วยกันยกสินค้าขึ้นพาเลท ไม่มีใครพูดอะไร ต่างฝ่ายต่างเร่งทำงานกันอย่างเต็มที่ และในเวลาเพียงไม่ถึงสองชั่วโมง สินค้าหนึ่งตู้คอนเทรนเนอร์ก็ลงเสร็จเรียบร้อย

“หมดแล้ว”

นัทยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อ และลงไปนั่งยอง ๆ ด้วยความเหนื่อยจนแทบจะหมดแรง ร้าวไปหมดทั้งแขน แต่ในที่สุดก็หมดจนได้

“เอาการอยู่เหมือนกันนะคุณนิว”

ก็หนักใช่เล่นเลยล่ะ

“เดี๋ยวผมไปซื้อน้ำให้”

คุณเลขารัชชานนท์ที่นิวคิดมาตลอดว่าเป็นคนที่ดูเข้าถึงยากแต่ในเวลานี้กลับเป็นคนที่พูดจาได้อย่างเป็นธรรมชาติและไม่ได้ดูเข้าถึงยากอย่างที่คิด แม้กระทั่งนายที่เป็นเจ้าของโรงงานแท้ ๆในเวลานี้ก็ไม่ได้มีการวางมาดเลยสักนิด

“คุณนิวครับขอบคุณมากจริง ๆ”

ไม่เป็นไรครับ

“ไหวมั้ยครับนาย”

“สบายครับคุณนิว”

ถึงจะบอกว่าสบาย แต่ผิวแก้มขาว ๆ ก็ขึ้นสีแดงเรื่อ ถึงอย่างนั้นแล้วนายก็ยังยิ้มออกมาได้ และเงยหน้าขึ้นมองหน้าของพนักงานที่มาช่วยในเวลานี้

“เฮ้ยเพียร ไหวมั้ยเฮ้ย”

ไหวสิพี่ ยังไหวอยู่

“แม่งสุดยอดเลยว่ะพี่” พากเพียรยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อและส่งยิ้มแหย ๆ ให้รุ่นพี่ที่อยู่กันคนละแผนก

“ทำอย่างอื่นเหนื่อยกว่านี้มั้ง”

แกล้งแซว และรุ่นน้องต่างแผนกก็หัวเราะออกมาเสียงเบา อย่างอาย ๆ

“พี่ก็พูดเกินปายยยยย”

นัทกำลังยิ้ม เห็นพนักงานในโรงงานคุยกันแล้วก็ยิ้ม

“น้ำครับ”

น้ำเย็น ๆ สี่ขวดถูกส่งให้และพนักงานลงของจำเป็นก็เปิดดื่มกันจนหมดขวด

“คุณนิวไปไหนต่อมั้ยครับนี่ แล้วก็พากเพียรด้วย”

ไปไหนต่อเหรอ ก็คงกลับบ้านครับ พรุ่งนี้เช้าต้องขับรถพาไอ้งี่เง่าไปฝากตัวกับพ่อแม่ผมที่จันทบุรี

“เดี๋ยวก็จะกลับแล้วครับ”

กลับแล้วเหรอ

“งั้นขออนุญาตเลี้ยงข้าวสักมื้อ  ยังไงขอเชิญคุณนิวทานด้วยกันก่อนกลับนะครับ”

“พากเพียรด้วย”

โห

ผู้จัดการชวนกินข้าว ไอ้เด็กฝึกงานอย่างพากเพียรจะปฏิเสธได้ยังไง

“จะเป็นการดีมากกว่านี้เลยครับ ถ้านายประเมินผมให้ได้เกรดสี่ด้วยเลย”

ขอเกรดกันง่าย ๆ และเป็นนัทที่หัวเราะออกมาเสียงเบา

“จัดไปครับ”

พูดไปแบบไม่ทันได้คิด ลืมรักษามาดไปซะสนิท และทั้งนิวและนักศึกษาฝึกงานพากเพียรก็ถึงกับนิ่งมองค้าง เพิ่งรู้ว่านายหน้าเด็ก ก็พูดจาแบบนี้เป็น

“ขอบคุณคร้าบบบบบบบบบ”

พากเพียรหัวเราะร่า และนิวก็ถึงกับส่ายหน้ากับรุ่นน้อง ก่อนจะหัวเราะเสียงเบา

“งั้นเชิญเลยครับ เชิญเลย ไปรถผมแล้วกันนะครับ”

คุณเลขารัชชานนท์ เดินนำไปขึ้นรถ โดยมีพนักงานและเด็กฝึกงานอีกหนึ่งขึ้นมาอยู่บนรถด้วย

ที่หมายอยู่ไม่ไกล ร้านอาหารเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างจากโรงงานไปไม่ไกลนั่นเอง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 74
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 06-06-2014 00:26:41
“นัท พอแล้วเนอะ เหมือนจะเมาแล้วเนี่ย”

นายหน้าเด็กพยักหน้ายอมเชื่อฟังคุณเลขาเป็นอย่างดี

ส่วนนิวกำลังยิ้มระรื่นตาปรือ และนักศึกษาฝึกงานพากเพียรก็นั่งยิ้มตาเยิ้มไม่พูดไม่จาเลยสักคำอยู่ข้าง ๆ

“ขอโทษด้วยครับคุณรัชชานนท์ ปกติผมก็ไม่ค่อยจะกินอะไรแบบนี้เท่าไหร่”

เข้าใจครับ

“นาน ๆ ได้คุยกับคนที่มีแนวคิดคล้าย ๆ กันแล้วก็พูดคุยกันถูกคอมันก็เลยลากยาวแบบนี้ล่ะครับ”

ไม่หยิ่งจริง ๆ ด้วย

“ตอนแรกผมนึกว่าคุณรัชชานนท์เป็นถึงเลขานายจะแบบว่าหยิ่ง ๆ แต่เอาเข้าจริง ผมนี่คิดผิดไปถนัดเลยครับ”

หลายคนก็คงคิดแบบนั้นแหละครับ

“ผมก็เป็นลูกจ้างเหมือนกันแหละครับคุณนิว ทำงานไปตามหน้าที่เหมือนคุณนิวเหมือนกัน”

“ครับ....โห....นายนี่สงสัยพรุ่งนี้เช้าแฮงค์แน่ ๆ”

มองไปที่เจ้าของโรงงานหน้าเด็กที่นั่งนิ่งเงียบแล้วก็ได้แต่ยิ้มและพยักหน้ารับแต่โดยดี

“ผมคงปวดหัวแต่เช้าแน่ ๆ คุณนิว”

นายเป็นคนเอาจริงเอาจัง แม้อายุจะยังน้อย แต่ก็ใส่ใจกับงานเต็มที่ แม้หน้าตาจะไม่เหมาะสมกับตำแหน่งเท่าไหร่ แต่พอเห็นตอนที่ยกของลงพาเลทแล้วก็ต้องบอกว่าน่านับถือ ไม่ใช่ลูกคุณหนูทำอะไรไม่เป็นอย่างที่คิด

“กลับยังไงครับนี่ เดี๋ยวผมไปส่งแล้วกันครับคุณนิว”

ไม่เป็นไรครับไม่รบกวนคุณรัชชานนท์ดีกว่า

“หอผมอยู่แค่นี้เอง เดินไปแป๊บเดียวก็ถึง”

“เหรอครับ แล้วพากเพียรล่ะครับ”

อ่อ ไอ้เพียรเหรอครับ

“เดี๋ยวพี่ชายมันมารับครับ เห็นมันโทรบอกก่อนจะเมาแล้วว่าให้มารับมันด้วย”

เตรียมเมาเพื่อให้พี่ชายมารับ แปลกดี

“ช่ายคร้าบบบ เดี๋ยวพี่รันมารับ...ผมไม่ได้เมาเท่าไหร่หรอกครับ แต่ให้พี่รันมารับดีกว่า”

หมายความว่ายังไงไม่รู้ แต่การพูดแบบยานคางแบบนั้นมันทำให้ทั้งนิว และคุณรัชชานนท์หัวเราะออกมา
สมัยนี้มีด้วยเหรอ น้องชายที่อ้อนพี่ชายอยากให้มารับขนาดนี้

และในเวลาไม่นาน ทั้งคุณรัชชานนท์และนิวก็ได้เห็นพี่ชายของพากเพียรที่หน้าตาไม่เหมือนกันสักนิด

“สวัสดีครับ ผมเป็นพี่ชายของพากเพียร โห ไอ้.....เพียรหลอกเหรอเนี่ย นึกว่าเมาจริง”

รันกำลังมองสภาพของคนที่โทรตาม แต่สภาพของคนที่โทรตามมันก็มีความเป็นปกติถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์

“เมาสิพี่รัน นี่เมาอยู่นะเนี่ย”

เมาตรงไหนวะ หน้าแดงนิดเดียว แล้วมาบอกว่าเมา

“ผมกลับก่อนนะคร้าบบบบบบบบบบ พี่รันมารับแล้ว”

พากเพียรรีบยกมือไหว้และเพื่อนร่วมวงเหล้าก็รับไหว้ทันที รีบลุกขึ้นโดยมีพี่ชายต่างพ่อต่างแม่เดินนำหน้าและส่ายหัวกับสิ่งที่พากเพียรทำ

“พี่รันคร้าบบบบบบบ รอด้วย”

พากเพียรเดินตามคนที่เดินนำหน้าไปแล้ว และนิวที่ยกข้อมือขึ้นมองเวลาก็รู้ตัวว่าถึงเวลาที่ควรจะกลับซะที

“งั้นผมกลับเลยแล้วกันนะครับผู้จัดการ คุณรัชชานนท์ สวัสดีครับ”

ยกมือไหว้อำลาเรียบร้อย และนิวก็ขอตัวกลับและในเวลานี้คุณรัชชานนท์ก็สามารถหันมาสนใจคนที่อยู่ข้าง ๆ ได้อย่างเต็มที่

“นายครับนาย... เมาใช่มั้ยครับ”

เมาที่ไหนล่ะพี่ฟ้า มาเรียกนัทแบบนี้แซวกันชัด ๆ

“ไม่ได้เมา แค่เก็กหน้าเหนื่อยไปหน่อยแค่นั้นเองครับ”

จริงเหรอ

“แล้วลุกไหวมั้ยครับ”

ไหวครับ

นัทลุกไหวอยู่แล้ว

“สบายมาก”

ลุกขึ้นยืน แต่ก็เกือบเซ และคุณรัชชานนท์ก็รีบคว้าแขนของคนอวดดีว่าตัวเองไม่เป็นไรเอาไว้

“ไม่ไหวแล้วมั้งครับนัท”

ไหวสิ

“ทำอะไรได้อีกตั้งเยอะน่าพี่ฟ้า”

ทำอะไรเหรอ อีกตั้งเยอะที่ว่าน่ะจะทำอะไร

“เช่น”

“ก็....เช่น.....”

ไม่ตอบแต่ส่งยิ้มหวานเชื่อมให้คนที่จับแขนเอาไว้ และกลายเป็นคุณเลขาที่ต้องรีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่น และรีบจูงแขนให้คนที่เมาแล้วพูดจาไม่รู้เรื่องให้เดินตาม

“พี่ฟ้า”

อย่าเล่นนัท อย่ามาเล่นอะไรตอนนี้

“กลับโรงงานกันเร็วเถอะนัท”

อะไรล่ะพี่ฟ้า อะไร อะไร อะไร

นัทเดินตามคนที่จูงแขนมาขึ้นรถเรียบร้อย นั่งประจำที่ แต่แทนที่จะนั่งอยู่เฉย ๆ กลับเอาแต่จ้องหน้าของคนขับและกระพริบตาปริบ ๆ ส่งยิ้มหวานเชื่อมให้กับคนที่แทบอยากจะลากเป็ดเมาเข้าข้างทางซะตอนนี้

“นัท อย่ามาเล่น”

“พี่ฟ้า พี่ฟ้า พี่ฟ้า”

ฮึ่ยยยยยยยยยย

“ครับ เป็ดเมา เรียกทำไมครับ”

อืมมมมมมมมมมม

“อยากกินพี่ฟ้า”

อะไรนะ

“เมาหนักจริง ๆ แล้วนะเรา”

เมาหนักอะไรที่ไหนกันล่ะ

“นะพี่ฟ้านะ อยากกินพี่ฟ้า”

นัท..........

“แป๊บเดียวเดี๋ยวได้กินสมใจแน่รู้มั้ยครับ”

รู้ครับ

นัทกำลังยิ้มหวาน และไม่ได้รู้เลยสักนิดว่าพูดจาบ้าบออะไรออกไปบ้าง

“รู้คร้าบบบบ นัทรู้กั๊บพ้ม”

ยกมือขึ้นตะเบ๊ะทำเหมือนรับคำสั่งและก็เอนหน้าซบที่ไหล่ของคนที่กำลังพยายามตั้งหน้าตั้งตามีสติอยู่กับการขับรถให้มากที่สุด

“อยากกินพี่ฟ้าจริง ๆ นะกั๊บ”

รู้แล้ว

อยากจะบ้า
อยากจะเป็นบ้าตายกับไอ้เด็กเป็ดนัทนี่จริง ๆ

“นัทรู้ตัวมั้ยว่ากำลังพูดอะไรอยู่”

นัทพูดอะไรเหรอครับ นัทไม่ได้พูดอะไรซะหน่อย

“นัทกำลังพูดว่า..........อยาก.....กิน...พี่ฟ้า….มากที่สุด...เลยกั๊บ”

ชัดถ้อยชัดคำ
และคนพูดก็เงยหน้าขึ้นก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าหาคนที่กำลังพยายามสงบสติอารมณ์และเพ่งสมาธิอยู่กับการขับรถ

แนบปลายจมูกลงที่ข้างแก้มของคุณเลขารัชชานนท์เบา ๆ และผละออกห่าง ก่อนจะซบหน้าลงที่ไหล่ของคนที่ในเวลานี้สติแทบจะไม่เหลือและอยากจะแวะข้างทางเต็มที่แต่ก็พยายามสงบใจเอาไว้

นัทนะนัท
เป็ดเอ้ย เป็ด ทำอะไรกันแบบนี้ คิดจะทำอะไรกันแน่
รู้มั้ยว่าเมาแล้วยั่วได้ขนาดนี้

พี่ไม่เคยรู้เลยว่าเวลานัทเมาแล้วจะยั่วความรู้สึกกันได้ขนาดนี้ นัทคิดจะยั่วให้พี่ขาดใจตายกันไปข้างเลยใช่มั้ยครับ
พี่อยากจะรู้จริง ๆ

“พี่ฟ้า......ก็อยากกินเป็ดนัทเหมือนกัน”

TBC.

Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2818.0)
      และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 74
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 06-06-2014 00:29:36
เมื่อไหร่จะเสร็จพี่ฟ้าสักทีน้อ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 74
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 06-06-2014 00:33:06
เมื่อไหร่จะเสร็จพี่ฟ้าสักทีน้อ

ไม่รู้เหมือนกัน  ยังไม่ได้เขียนเลย ผ่านมาปีกว่าแล้ว ยังนึกไม่ออกว่าจะเขียนต่อยังไง 

หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 74
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 06-06-2014 00:34:50
ทดลองงานผ่านแล้ว
จะได้เป็นพนักงานประจำแล้ว
 :mew1: :mew1:
คงต้องรอหลังประชุม
เผื่อนัทมีไข้หมดแรงในที่ประชุม
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 75
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 06-06-2014 01:30:18
น้องนัทคับ ไม่รอดแน่คับ
โดนจับกินแน่ครับ
กินหัว กินหาง กินกลางตลอดตัวววว
 o13
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 75
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 06-06-2014 03:04:56
คนอ่านก็อยากเห็นน้องเป็ดนัท กินพี่ฟ้า กั๊บผม :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 75
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 06-06-2014 05:01:33
เป็ดนัทเอ้ย มันน่าฟัดให้หายมันเขี้ยว ฮั่มๆๆ
 :katai1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 75
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 06-06-2014 07:12:47
เป็ดเอ้ยยยย
ระวังพี่ฟ้าจะจัดชุดใหญ่ให้นะ 5555
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 75
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 06-06-2014 07:37:09
และแล้วพี่ฟ้าก็ได้กินเป็ดสมใจอยากก๊าบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :เหอะ1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 75
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 06-06-2014 08:39:36
อยากกินด้วย
น้องนัทอยากกินพี่ฟ้า
พี่ฟ้าก็อยากกินเป็ดจะแย่แล้ว (เป็ดมันยั่ว)
 :hao6: :hao6: :hao6:
อย่าแอบหลับนะเป็ด พี่ฟ้าค้างแน่ 555
 :hao7: :hao7: :hao7:

หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 75
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 06-06-2014 10:34:50
 :hao4: พี่ฟ้ากินเป็ดเถอะครับเป็ดจะได้กินพี่ฟ้าสักที
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 75
เริ่มหัวข้อโดย: miyaki ที่ 06-06-2014 11:18:26
อ๊ากกกกกก เป็ดกำลังจะโดนกินแล้ว
จัดไปอย่าให้เสียพี่ฟ้า  :m25:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 75
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 06-06-2014 11:23:04
ทำไมพี่ฟ้าแกล้งน้องนัทแบบนี้
กรี๊ดดดดด
เลือดหมดตัว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 75
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 06-06-2014 11:55:00
555+ นัทอยากกินพี่ฟ้าซะแล้ว ไม่รู้หรือไงพี่ฟ้าก็อยากกินเป็ดมาก ๆ เหมือนกัน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 75
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 06-06-2014 12:10:19
 :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 75
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 06-06-2014 12:38:24
คนอ่านก็อยากเห็นพี่ฟ้ากินเป็ดนัทเหมือนกัน 555555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 75
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 06-06-2014 13:22:17
อะไรจะกินของอร่อยกันแล้วหรอ :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 75
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 06-06-2014 15:30:37
:haun4:

ผ่านทดลองงานแล้ว  :hao6:

จัดไปยาวยาว พี่ฟ้า น้องนัท อยาก  :z1: อ้อนดีนัก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 75
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 06-06-2014 16:23:24
น้องนัทยั่วตลอด เดี๋ยวพี่ฟ้าก็ทนไม่ไหว ซะนี่
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 74
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 06-06-2014 19:02:48
เมื่อไหร่จะเสร็จพี่ฟ้าสักทีน้อ

ไม่รู้เหมือนกัน  ยังไม่ได้เขียนเลย ผ่านมาปีกว่าแล้ว ยังนึกไม่ออกว่าจะเขียนต่อยังไง 

ไม่จริ๊งงง บอกทีว่านี่เป็นเรื่องโกหก  :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 75
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 06-06-2014 19:52:02
กรี๊ดดดด ตอนเห็นโผลโหวตก็หวังว่าจะได้กินแล้ว
แต่ยัง..ยัง.....//ขูดจอ
ขอให้นึกออกไวๆน๊าาาา
แขกรับเชิญตอนแรกก็คิดว่า อาจจะเพียรนิว หรือนิวเพียร แต่ไปๆมาๆ มีรัน โอเค รันเพียร(หรือเราคิดเอง? หรือเราลืมคู่นี้ไป..?)

รออย่างใจจดใจจ่ออยากให้ต่อไวๆ ชอบคู่นี้มากกกก น่ารักก โอยย รักเป็ดเลยอะบอกเลย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 75
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 06-06-2014 22:09:58
ยังไม่จบไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวช่วงชิมเป็ดเราจิ้นเอง  :z1:

รอคู่ต่อปายยยยยยยยยย  :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 75
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 06-06-2014 22:10:52
อิๆๆๆๆ น่ารักกันจัง....
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 75
เริ่มหัวข้อโดย: foolishbeat ที่ 06-06-2014 22:38:04
โธ่ น้องนัทหมดสต็อกซะแล้ว เศร้าเลย
แต่ไม่ว่าคู่ไหนๆ ก็อยากอ่านทั้งนั้นค่ะ ขอแค่ลงมาเถอะ ขอบคุณมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 75
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 06-06-2014 23:02:51
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ o13

#แอบเห็นคู่พี่น้อง#ฟินอะ #อยากอ่านคู่นี้
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 75
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 07-06-2014 08:05:57
 :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 75
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 07-06-2014 08:27:05
ตอนล่าสุด น้องนัทยั่วไปนะลูก พี่ฟ้าจัดหนักเลย #จิ้นเอง 555

ขอบคุณนะคะ ยังไงก็รอนะ ^^
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 75
เริ่มหัวข้อโดย: cowinsend ที่ 07-06-2014 09:16:03
กลับเร็วๆนะคะ จะได้รีบกินกันเร็วๆอ๊ายยยยย :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องของนายกับคุณเลขา) หน้า 75
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 07-06-2014 20:37:07

มารออ่านเรื่องขอนินิวครัช    :impress:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke up ภาคพิเศษ (เรื่องคั่นเวลาระหว่างรอ)
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 07-06-2014 22:19:00
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)

ปล.ด้วยรักและคิดถึง# รอ


“พ่อครับ พ่อมารับกัสด้วยนะครับ พ่อต้องมารับกัสนะครับให้อามารับไม่ได้นะครับ พ่อต้องมานะครับ พ่อ…กัสรอพ่อนะครับ”

ใครบางคนที่มีท่าทางเหม่อลอยเป็นพัก ๆ กรอกเสียงพูดลงในโทรศัพท์ และกดวางสายเมื่อคนที่อยู่ปลายสายตอบรับเรียบร้อยแล้ว

นั่งเหม่อ รอคอยเวลาให้พ่อมารับ โตแล้ว แต่กลับบ้านเองไม่ได้ ไม่ใช่ไม่อยากกลับบ้านเอง แต่เป็นเพราะ.....

“หน้าตาดีนะ ถ้าไม่สังเกตดี ๆ ก็ไม่รู้หรอก”

ได้ยินเสียงนินทาลอยลมมาจากสาว ๆ กลุ่มหนึ่งที่อยู่ด้านหลังและคนที่ถูกนินทาก็ทำเพียงแค่ก้มหน้า

ก้มหน้าลงก่อนจะถอดหมวกออกและยกมือลูบไล้ไปที่หัวของตัวเองที่ในเวลานี้ไม่มีเส้นผมอยู่เลย

เพิ่งโกนหัว โกนเส้นผมออกจากหัวจนหมด และในเวลานี้ก็รู้สึกร้อนจนต้องถอดหมวกออก สายตายังคงเหม่อลอย และมองไปที่ลานกว้างตรงหน้าที่เป็นสนามบาส แต่ในเวลานี้ถูกเปลี่ยนสภาพเป็นสนามฟุตซอลเรียบร้อย

หลายคนวิ่งอยู่ในสนาม วิ่งตามลูกกลม ๆ ในสนาม และคนที่นั่งเหม่อลอยก็ยิ้มออกมา ก่อนจะยกมือข้างซ้ายขึ้นลง กำมือและหมุนข้อมือไปมา ดวงตาข้างซ้ายเริ่มกระตุกอีกแล้ว และมันก็หรี่ปรือเป็นพัก ๆ ก่อนจะกลับมาในสภาพเกือบปกติ

“เฮ้ยยยยยยยยยย เก็บบอลให้หน่อย”

ไม่รู้จัก จำไม่ได้ว่าเคยรู้จัก แต่เมื่อมีลูกกลม ๆ กลิ้งมาที่เท้า คนที่นั่งขยับแขนซ้ายของตัวเองไปมาก็ลุกขึ้นยืนและก้มลงเก็บลูกฟุตบอลโยนให้กับคนที่วิ่งมาที่ข้างสนาม

ดวงตาข้างซ้ายเริ่มกระตุกและหรี่ปรือและกลับเป็นปกติ  นั่งลงที่เก้าอี้อีกครั้ง และสายตาก็ยังเหม่อมองไปที่สนาม

“เฮ้ยยย ห้องไหนเนี่ย ไม่เคยเห็นหน้า”

ใช่
จะเคยเห็นได้ยังไง ในเมื่อไม่เคยมานั่งตรงนี้ เลิกเรียนก็ไปเที่ยวกับเพื่อน รวมกลุ่มกับเพื่อนและซิ่งมอร์เตอร์ไซด์ไปวัน ๆ
ไม่เคยสนใจเรียน ไม่เคยมองสิ่งที่อยู่รอบข้าง ไม่เคยมองหาอนาคต ไม่เคยสนใจอะไรเลย ใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆ และคิดว่าชีวิตแสนจะน่าเบื่อ จืดชืด

เบื่อบ้าน
เบื่อเพื่อนในโรงเรียน
เบื่อไปหมด

เกลียดคนรอบตัว
เกลียดทุกคน แบบไร้สาเหตุ โลกนี้มันช่างแสนน่าเบื่อ

จนกระทั่ง..........

ค้นหาโทรศัพท์เมื่อมีเสียงสัญญาณดังขึ้น กดรับและกรอกเสียงลงไป

“พ่อครับ กัสรออยู่ครับ พ่อจะมาช้าครึ่งชั่วโมงเลยเหรอ”

ใบหน้าซึมเศร้าลงและก็กดวางสาย ก่อนจะยกฝ่ามือขึ้นลูบเบา ๆ ที่หัวที่ปราศจากเส้นผมของตัวเองอีกครั้ง

“กัสปีสาม ที่เคยแว๊นใช่ป่ะ เฮ้ยยยย เหลือเชื่อว่ะ คิดยังไงมานั่งตรงนี้เนี่ย”

คิดยังไง
ไม่รู้

ไม่รู้จริง ๆ ว่าคิดยังไง รู้แค่ว่าตอนนี้กำลังกำมือและยกแขนขึ้นลง ไม่ได้ตอบอะไรออกไป เพราะในหัวไม่สนใจคำถามที่ถูกถาม

“เฮ้ยยยย ไอ้กัสปีสาม ที่แม่งเคยกระทืบเพื่่อนกู”

ได้ยินเสียงตะโกนของคนที่อยู่ข้าง ๆ และก็หันไปมองว่าคนที่อยู่ข้าง ๆ ตะโกนทำไม ตะโกนไปเพื่ออะไร การเคลื่อนไหวในสนามหยุดนิ่ง

สายตาทุกคู่หันมามองคนที่นั่งเหม่ออยู่บนเก้าอี้ กัสไม่รู้ว่าทุกคนที่อยู่ในสนามหยุดเคลื่อนไหวและหันมามองทำไม

ดวงตาข้างซ้ายเริ่มหรี่ปรือ และกระตุกเป็นพัก ๆ และกัสก็ยกแขนซ้ายขึ้นลงอีกสองสามครั้ง

หมอบอกว่าต้องหมั่นบริหารแขนและขา

กลัว ภายในใจมีแต่ความกลัวและกังวล
จะหายมั้ย แล้วกัสจะหายมั้ย กัสจะหายจากอาการเหล่านี้มั้ย

“มึงกระทืบเพื่อนกูใช่มั้ย”

ใคร.........
ไม่รู้จัก

เหม่อลอย และเงยหน้าขึ้นมองใครบางคนที่เดินเข้ามาหาและกระชากคอเสื้อให้ลุกขึ้น

เจ็บ

รู้สึกเจ็บ แต่ไม่รู้ว่าคนตรงหน้ามาทำร้ายกันแบบนี้ทำไม

“มึงไอ้กัสใช่มั้ยที่ยกพวกมารุมกระทืบไอ้โจ้ มึงชื่อกัสใช่มั้ย”

ใช่

พยักหน้ารับ ทั้งที่ดวงตายังเหม่อลอย และดวงตาข้างซ้ายก็กระตุกเป็นพัก ๆ อาการเหล่านี้มาพร้อมกับอาการชาที่แขนข้างซ้ายและกำลังเริ่มลามไปที่ขา

“ดี”

คืออะไร
ดีที่ว่าคืออะไร........
ดีที่ว่าคือการที่ คนที่ไม่รู้จัก อยู่ดี ๆ ก็ยกกำปั้นขึ้น

“เฮ้ยยย อาจารย์มา”

เสียงที่ดังขึ้น ทำให้คนที่ทำท่าเงื้อง้าหมัดต้องเปลี่ยนใจและปล่อยคอเสื้อของกัสทันที

“ถือว่าวันนี้มึงดวงดี”

ดวงดีคืออะไร หมายความว่ายังไง ไม่ต่อยกัสเพราะกัสดวงดี ไม่รู้ว่าทำไมคนเหล่านี้ต้องมาทำร้ายกันด้วย
คอเสื้อถูกปล่อยแล้ว และกัสก็ทรุดลงนั่งที่เก้าอี้อีกครั้ง ดวงตายังเหม่อมองไปที่สนามและใครบางคนที่กระชากเสื้อก็ยังหันมามองกัสเป็นพัก ๆ มองด้วยสายตาอาฆาต

แต่กัสไม่เข้าใจว่าคนนั้นจะมองกัสแบบนี้ทำไม ลุกขึ้นยืน และเซถลาเหมือนนกปีกหัก ประคองตัวเองแทบไม่อยู่ และวางมือไว้บนโต๊ะเพื่อไม่ให้ล้มลงไป เดินเซเอียงไปทางซ้ายหลายครั้ง และไม่นานก็เริ่มเดินตรงทาง

ก้าวขาออกไปจากข้างสนาม
เดินอย่างเชื่องช้า

กลัวไม่หาย กลัวจะเป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่หมอบอกว่ายังไงก็หาย ต้องอดทน ต้องพยายาม ไม่ว่ายังไงก็หายแน่ ๆ
ความทรงจำบางช่วงขาดหายไป หมอบอกว่าไม่นานความทรงจำนั้นจะกลับมา

กัสไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เคยทำอะไรไว้บ้าง ไม่รู้เลยว่าเคยทำตัวไม่ดียังไงไว้บ้าง

อีกครึ่งชั่วโมงพ่อจะมารับ กัสไม่เคยรู้ว่าพ่อรักกัสมากขนาดไหน จนเมื่อสลบไปสามวันเต็ม ๆ เพราะอุบัติเหตุรถมอร์เตอร์ไซด์ชนกับรถสิบล้อ

วันที่ลืมตาขึ้นมา กัสจำอะไรไม่ได้ เห็นพ่อร้องไห้ และร่างกายก็ชาไปหมด

ร้องไห้ เพราะกลัวจะไม่เหมือนเดิม พูดก็พูดไม่ได้ ไม่มีเสียงพูด ร่างกายชาไปหมดทั้งร่าง มีแต่ความหวาดกลัว
และเพิ่งสำนึกว่าพ่อที่กัสเคยคิดว่าเป็นคนน่าเบื่อแท้จริงแล้วรักกัสมากขนาดไหน

เหมือนเด็กอ่อน หัดกินหัดนั่ง หัดยืน หัดเดินหัดนอน แม้กระทั่งหัดเข้าห้องน้ำ

พ่อก็ทำให้

“พ่อครับ กัสอยู่หน้าโรงเรียนแล้ว พ่ออยู่ไหนครับ”

กดโทรศัพท์โทรหาและก็ยิ้มกว้างเมื่อพ่อกำลังขี่มอร์เตอร์ไซด์มาจอดที่หน้าโรงเรียน พ่อลงมาแล้วและสวมหมวกกันน็อคให้กัส

“ไอ้กัส ที่เหี้ยที่สุดของปีสามไม่ใช่เหรอวะ”

กัสไม่รู้จัก กัสคนที่ไม่ดีที่สุดในปีสามคนนั้นกัสไม่รู้จัก ไม่รู้ว่าคน ๆ นั้นคือใคร

“ใช่เหรอวะ ไหนว่าแม่งมอร์เตอร์ไซด์ชนสิบล้อตายไม่ใช่เหรอวะ แล้วทำไมแม่งเสือกรอดมาได้”

ไม่ได้ยิน
ไม่รู้ว่ามีใครพูดตามหลังมาบ้าง กัสซ้อนอยู่บนท้ายรถมอร์เตอร์ไซด์ของพ่อและเกาะเอวพ่อเอาไว้แน่น

เหมือนเด็ก คล้ายจะกลับมาเป็นเด็กอีกครั้ง ไม่สนใจเลยสักนิดว่าสายตาของคนที่อยู่นอกโรงเรียนมองมาอย่างไร

ไม่ใช่กัสคนก่อนอีกแล้ว ไม่ใช่ไอ้กัสที่เหี้ยที่สุดในปีสามอีกแล้ว เหลือแค่กัสที่เป็นเด็กหนุ่มธรรมดาที่มีครอบครัวอบอุ่นคนหนึ่งเท่านั้น

กัสคนที่ไม่สนใจกับสายตาของคนภายนอก กัสที่เห็นพ่อกับแม่สำคัญที่สุดในชีวิต

กัสที่ไม่สนใจสายตาและความคิดของใคร ๆ

“เหลือเชื่อ แม่งสุดยอดเลยว่ะ กูไม่อยากจะเชื่อเลยว่าไอ้กัสที่เหี้ยสุดของปีสามจะมานั่งดูกูเล่นฟุตซอล แถมยังเก็บบอลให้กูอีก บอกไปจะมีใครเขาเชื่อวะว่าไอ้กัสปีสามแม่งกลายเป็นเด็กน้อยใส ๆ ไปแล้วจริง ๆ”

TBC.
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและผูกพันเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 07-06-2014 22:34:43
ตอนใหม่คนใหม่น่าติดตาม :L1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและผูกพันเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 07-06-2014 22:35:31
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)

ปล.ด้วยรักและคิดถึง# ศัตรู

“ไม่เอาหรอก กูไม่คบใครทั้งนั้นแหละ เดี๋ยวย่าด่า”

จริงที่กลัวย่าด่า ย่าส่งมาเรียน แต่เสือกจะมาคิดเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ทำตัวแบบนี้ไม่สมควรกับที่ย่ารัก

“จิตใจดีจริงมึง แล้วชาตินี้มึงจะรักใครเป็นมั้ยเนี่ย”

เรื่องของกูเหอะ นี่มันชีวิตของกู มันเรื่องของกู

“แต่คงไม่ต้องห่วงหรอกมั้ง ยังไงไอ้นิวมันก็ยังตามรักตามห่วงมึงอยู่ดี”

หยุดพูดถึงคนที่ชื่อนิวนี่ซะทีเหอะ ยิ่งฟังยิ่งอยากเบือนหน้าหนี แม่งโรคจิตชัด ๆ

“เลิกพูดเรื่องไอ้นิวซะที กูไม่ชอบ”

เบือนหน้าหนี และก้มหน้าก้มตาเปิดหนังสืออ่าน ทั้งที่จริง ๆ แล้วไม่เคยคิดอยากจะอ่านเลยสักนิด ทำไมต้องล้อ ทำไมต้องแซวเรื่องไอ้นิวด้วยวะ  แถมตอนนี้ซวยหนัก ถูกยุบห้องให้ไปเรียนรวมด้วยกันอีก เป็นเรื่องที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตจริง ๆ คนรักกับคนที่ถูกรักความรู้สึกมันย่อมต่างกันเป็นธรรมดา สำหรับตองมันเป็นเรื่องที่แย่ที่สุด แต่สำหรับอีกคนมันไม่ใช่

ชอบมาตั้งแต่อยู่ประถมแล้ว เหลือบสายตาไปมองคนที่อยู่หลังห้อง ที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือแล้วนิวก็เริ่มอมยิ้ม

ชอบตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นประถม บอกออกไปแล้วว่าชอบ ท่าทีที่แสดงออก เรื่องของคนสองคนที่ไม่มีใครรู้
แต่ดูยังไงก็รู้ว่าทางนั้น..........ไม่เคยชอบ ไม่เคยแม้แต่จะมองมา

ไม่เคยเลย

.....ตัวมันเล็กก็จริง มันทำตัวอยู่ในกรอบ แต่มันกล้ากระโดดต่อยไอ้เจ๋ง โคตรได้ใจ.... อีกครั้งที่นึกถึงใครบางคนที่ถูกยุบห้องมารวมด้วยแล้วก็ทำให้ยิ้ม ยิ้มออกมา และเปลี่ยนรอยยิ้มเป็นใบหน้าเรียบเฉย ตองมันไม่ยอมรักใคร มันไม่ชอบถ้าใครจะบอกว่าจนแล้วไม่เจียม ตองอยู่กับย่า พ่อมีเมียใหม่ แม่ทิ้งไปตั้งแต่ป.4 เลยถูกส่งมาอยู่กับย่า ย่าด่าเช้าด่าเย็น ให้มันทำงานบ้านไม่ให้ออกไปไหน มันก็ทำ

ไม่เคยดื้อ ไม่เคยทำตัวมีปัญหา เว้นแค่คราวนั้นที่มันกระโดดต่อยไอ้เจ๋ง จนมีเรื่องราวใหญ่โตเพราะถูกไอ้เจ๋งล้อเลียนว่าเป็นลูกถูกทิ้ง

รักมัน

รักมานาน และอยากรักตลอดไป

ไม่กล้ายุ่งกับมันอีก ไม่กล้าโทรหา เพราะสร้างความรำคาญจนมันต้องเปลี่ยนเบอร์หนีไปสามรอบ แต่คราวนี้มันหนีไม่ได้ เพราะห้องถูกยุบรวม มันก็เลยจำใจต้องมาเรียนรวมที่ห้องเดียวกัน มันจำใจ และยิ่งถูกล้อ มันก็ยิ่งลำบากใจ

มันอาย มันคงอายมาก เวลาที่ถูกล้อ ว่ามีผู้ชายมาชอบ

กลางวันไม่เคยเห็นมันกินข้าว เพราะมันเก็บเงินค่าข้าวที่ย่าให้เอาไว้ บ้านมันอยู่ใกล้ ๆ เดินไม่เท่าไหร่ก็ถึงโรงเรียน สงสาร ทั้งรัก ทั้งสงสาร

…..ตอง........

“โฮ่ มองซะหวานขนาดนั้นเลย ไอ้นิวมองมึงอีกแล้ว ตอง”

ชะงัก และจากรอยยิ้มจาง ๆ ก็กลายเป็นหน้าเมินเฉย รู้ดีว่าตองมันจะทำหน้ายังไง รู้ดีว่าตองมันจะมีท่าทียังไง รู้ดีว่า เวลาที่มันถูกล้อ มันอายมากขนาดไหน

“โฮ่ววววววววว ไปไหนล่ะวะไอ้นิว น้องตองอุตส่าห์มาอยู่ห้องเดียวกับมึงเลยนะ จะได้ไม่ต้องเอาแต่ชะแง้แลมองตลอดเวลาไง”

ไม่ตลกหรอก ไม่มีอะไรตลกเลยสักนิด

สำหรับตองไม่เคยมีอะไรตลกเลย
รู้สิ
รู้ดี ทำไมจะไม่รู้

เราห่างกันเกินไป แม้เราจะอยู่ใกล้กัน ยิ่งใกล้กันเท่าไหร่ยิ่งห่างไกลออกไปทุกที รอยยิ้มที่เคยได้มีโอกาสเห็นจาก คนตัวเล็กที่สายตามุ่งมั่นจริงจัง ตองไม่เคยเล่นกับเพื่อนคนอื่น ทุกครั้งที่มีการแกล้งกัน ตองมันก็เอาแต่ยิ้ม และบางทีก็ทำหน้าเฉย

“กินข้าวบ้างสิวะตอง”

รู้ทุกอย่าง ได้ยินทุกอย่าง

“ไม่เอา เดี๋ยวก็เลิกเรียนแล้ว กลับไปกินข้าวบ้านประหยัดกว่า”

มันว่าอย่างนั้น และนิวก็ได้แต่ยิ้ม ตองมันน่ารัก ตองมันดีด้วยตัวของมันเอง ตองมันเป็นคนดี ที่ไม่มีทางเหลียวมองมาทางนี้ ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทาง

“จะจบปีสามแล้ว”

ใช่
กำลังจะจบปีสาม
ทุกอย่างมันรวดเร็วมากเหลือเกิน

ตั้งแต่ชั้นประถมที่เราเคยเรียนโรงเรียนเดียวกัน

วันที่ได้แอบมอง

กระเป๋าสตางค์ของตองไม่มีรูปใครอื่นเลย นอกจากรูปแม่กับตอง สิ่งที่ตองมันโหยหา ก็คือความรักจากแม่ ตองมันโหยหามาตลอด และมันไม่เคยแบ่งหัวใจไว้สำหรับรักใครเลย

......ตอง.... รักตองนะ นานแค่ไหนก็รัก ไม่ว่าอีกนานแค่ไหน.....ก็รักตอง

“พี่นิว ไปยัง เดี๋ยวโรงอาหารเต็มไม่มีที่นั่ง”

ได้ยินเสียงเรียกของใครบางคนที่อยู่หน้าห้อง และนิวก็หันไปมอง ก่อนจะส่งยิ้มให้

“ไปแล้ว นี่ไง แป๊บนึง”

โยนสมุดสองสามเล่มลงกระเป๋า และลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินไปหาคนที่มาเรียก

“เหี้ยยยย น้องจ๋า แม่งอย่างน่ารักอ่ะ”

เหรอ
แล้วไง

“มึงคงไม่มีทางมีแฟนน่ารักแบบนั้นหรอกใช่มั้ย ต้องรอให้เรียนจบซะก่อน ไม่อย่างนั้น ตองมีแฟนไม่ด้ายยยยยยย”

เออใช่ไง มาเรียนไม่ใช่มาคิดเรื่องไร้สาระ แฟนอะไรนั่นน่ะ ไม่คิดจะมีหรอก ย่ารู้ย่าคงด่ากระเจิง ทุกวันนี้ก็ยิ่งชอบด่าอยู่ด้วย

“ว่างเหรอ”

แกล้งว่า และเพื่อนที่เอาแต่แซวก็หัวเราะออกมา

“อ้าว พูดได้เหรอ กูนึกว่ามึงไม่ได้เอาปากมาเรียนด้วยซะอีก”

พูดได้ ทำไมจะพูดไม่ได้ ขึ้นอยู่กับว่าอยากพูดหรือเปล่าแค่นั้น

“ตอง”

เออ

ว่าไง

เรียกทำไม

“มึงอ่ะ ไม่ต้องชอบใครหรอก ย่าส่งมาเรียนก็เรียนไปเหอะ”

เออ

ไม่ได้ตอบรับไม่ได้พยักหน้า ตองแค่หันไปมองที่นอกหน้าต่าง และมองไปที่ท้องฟ้าสีฟ้า ก้อนเมฆกำลังเปลี่ยนรูปร่าง มองแล้วก็จินตนาการว่าเป็นรูปต่าง ๆ

ก้อนเมฆลอยไปเรื่อย ๆ

ลอยไป.....

“ตอง”

เออ

ไม่ได้ตอบ ไม่ได้พยักหน้า แต่เพราะรู้จักกันมานาน อีกฝ่ายจึงรับรู้ได้ว่าตองกำลังฟังอยู่ แม้จะไม่ได้พูด

“มึงอย่าชอบใครนะ เรียนจบก่อนแล้วค่อยคิดนะเรื่องแฟนอะไรนั่นน่ะ มันไร้สาระ กูก็เห็นอย่างมึงว่าแหละ กูถึงไม่มีแฟนนี่ไง”

ก็ต้องเป็นแบบนั้นแหละ กูไม่คิดหรอก แต่มึงก็ไม่จำเป็นต้องทำเหมือนกูก็ได้นี่หว่า

ผู้หญิงชอบมึงเยอะแยะ มึงไม่เลือกชอบไปสักคนวะ เหมือนที่ไอ้นิวมันก็มีแฟนไปแล้ว และมันคงเลิกมาวุ่นวายกับกูอีก ซึ่งเป็นแบบนั้นได้ก็ดี

“กูไปซื้อน้ำก่อนนะ”

ไปเหอะ

ตองไม่ได้ตอบ ยังคงนั่งมองก้อนเมฆที่เปลี่ยนรูปร่างไปเรื่อย ๆ หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาดู และเปิดออกเพื่อมองรูปถ่ายของตัวเองในวัยเด็ก กับแม่

ยิ้ม...มองแล้วก็ยิ้ม

ตองไม่รู้หรอกว่าแม่เป็นยังไง สบายดีมั้ย แต่ตองคิดว่าแม่คงสบายดี ตองไม่ได้คิดหรือหวังให้แม่มารับตองไปอยู่ด้วยหรอกนะ
ตองก็ต้องโตเป็นผู้ใหญ่เหมือนกัน จบปี 3 ตองจะหางานทำ ตองจะเลี้ยงย่า

ตองจะดูแลย่า เรื่องแฟนเรื่องความรักแบบนั้น ให้ตายตองก็จะไม่นึกถึง พ่อมีเมียใหม่สามคนแล้ว ตั้งแต่แม่ไม่อยู่ แถมยังเอาน้องคนเล็กมาทิ้งไว้ให้ย่าเลี้ยงอีก แม่คงมีแฟนใหม่ไปแล้วป่านนี้ แม่เองก็คงไม่อยู่แบบไม่มีคู่ไปตลอดชีวิตแต่ตองจะไม่ทำแบบพ่อกับแม่หรอกนะ ความรักแบบนั้น ตองจะไม่รับรู้มันเด็ดขาด ตองไม่มีทางรักใครแบบนั้น ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีวัน

ตองแค่คิดในส่วนที่ตัวเองอยากจะคิด ปิดกั้นและไม่เคยยอมเปิดใจให้ใคร ใครบางคนที่อยู่เคียงข้างตองมาตลอด กำลังเดินลงไปซื้อน้ำ

ก้าวขาลงบันได และสวนทางกับคนที่กำลังเดินขึ้นมา

มองหน้ากัน

มองหน้า

แม้ไม่เคยพูดกันอย่างจริงจัง แต่ก็เป็นอันรู้กันในใจลึก ๆ ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร

“มึงไม่มีทางสมหวังหรอก”

ใช่ ไม่มีทางสมหวัง

“มึงก็ไม่ต่างกันไม่ใช่หรือไง”

ใช่ ถึงไม่มีทางสมหวัง แต่ก็ยังดีกว่ามึงเยอะ

“แล้วไง ยังไงตองก็อยู่กับกูตลอด”

ใช่ ตองอยู่กับมึงตลอด แล้วยังไง คิดว่าความเจ็บปวดของมึงน้อยกว่ากูหรือไง

“กูเจ็บอยู่ไกล ๆ แต่มึงเจ็บอยู่ใกล้ ๆ”

ถ้อยคำเย้ยหยัน และรอยยิ้มที่เหมือนสาแก่ใจมันทำให้ใครบางคนถึงกับสะอึกและพูดอะไรไม่ออก

“ใกล้หรือไกล ก็เจ็บไม่ต่างกันหรอก เพราะใจของตองไม่เคยอยู่ที่ใครเลย ทั้งมึงทั้งกู”

นั่นก็ใช่
ยอมรับ....
ว่านั่นก็ใช่.....

“มึงกับกู....ยังไงซะ สถานะก็ไม่ได้ต่างกันเลยสักนิด เพราะไม่ว่ายังไง ตองก็ไม่มีทางหันมามอง”

พูดกันแค่นั้น และต่างฝ่ายต่างก็ต้องเก็บถ้อยคำของอีกฝ่ายไปคิด

นิวเดินขึ้นบันไดไปแล้ว ส่วนใครอีกคนกำลังก้าวเดินลงบันไดอย่างช้า ๆ ขมวดคิ้วมุ่น และในหัวก็มีแต่ถ้อยคำของคนบางที่เดินสวนกันก้องอยู่ในหัวตลอดเวลา

“ไม่มีทางสมหวังงั้นเหรอ ก็ใช่แหละวะ หึ...แต่มึงเองก็ไม่ต่างกันไม่ใช่หรือไง มึงเองก็ไม่มีทางได้รับความรักจากตองเหมือนกัน ไอ้นิว”

TBC.
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและผูกพันเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 07-06-2014 22:42:52
หึๆๆอีกตอนอ่านๆๆๆๆๆๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและผูกพันเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 07-06-2014 23:06:38
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง# ความทรงจำ

“ปล่อยหมามันออกมาได้แล้ว”

ชื่อเจ๋ง แต่เสียท่าให้กับคนตัวเล็กที่อยู่ดี ๆ มันก็กระโดดใส่เหมือนหมาบ้า

หมาบ้าชัด ๆ ไอ้ตอง เห็นหน้าแบบนี้ ก็มีความบ้าใช้ได้ กูไม่ได้ชื่นชมมึงหรอกนะ แค่อยากเล่นกับมึงหน่อย

“กระทืบแม่งดิ”

แค่คำพูดเดียว แล้วคนทั้งกลุ่มก็รุมกันยำคนตัวเล็กที่ลงไปกองกับพื้น ไม่ได้อยากให้ตาย แค่อยากสั่งสอนให้มันรู้สำนึก
คนอย่างกู ไม่เคยถูกหยามฟรี มึงจะได้จำว่ากำลังเล่นกับใคร

“เฮ้ยยย ขอเถอะ อย่าทำมันเลย กูขอ อย่าทำมัน”

ขอเหรอ มึงเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาขอ ก็ได้ ขอก็ได้ กูจะให้มึงอีกคนก็ได้

“พวกมึงจัดให้ไอ้โจ้มันหน่อยสิ งานนี้มันบอกว่าขอ”

ชี้หน้า และแสยะยิ้ม และคนที่เข้ามาปกป้องก็ถึงกับผงะ

คนถัดไปที่จะถูกรุมกระทืบคือกู ใช่แน่แล้ว

“พี่กัส แล้วไอ้ตองล่ะ”

ก็ไม่ทำไม ก็แค่กระทืบ เอาพวกมันมากองรวมกันแล้วกระทืบมึงว่าเป็นเรื่องยากหรือไง

“ใครกัส พ่อมึงเหรอ ชื่อกัส”

“อ่ะ พี่...พี่เจ๋ง....กระทืบรวมใช่มั้ย”

ใช่
อย่าให้กูต้องพูดมากได้มั้ย รำคาญ กูขี้เกียจให้พวกมึงเซ้าซี้

“กลับมากูต้องได้เห็นเลือดมันนะ”

แค่สั่ง แล้วก็ลุกขึ้นยืน สบายอารมณ์ เมื่อหันกลับไปมองแล้วก็เห็นว่าไม่มีพื้นที่ว่างพอให้เห็นได้ว่ามีใครอยู่ตรงกลางวง
ทำงานใช้ได้แล้วก็ไม่ต้องให้สาวมาถึงกูแล้วกัน กูขี้เกียจรำคาญ

เจ๋งเดินจากไปเงียบ ๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่เคยมีความจริงใจ

ไร้เสียง
คนที่นอนจมอยู่ใต้ตีนของคนนับสิบ นอนนิ่งเงียบ ไร้เสียง
เจ็บจนจุก

จุกเพราะเจ็บ
แต่ไม่มีเสียงร้อง

“ตอง ตอง เป็นไงมั่ง”

ไม่ตาย
ยังไม่ตาย
แค่จุก

“พอ”

แค่คำเดียว แล้วทั้งมือทั้งตีนที่มาเป็นสิบก็หายไปในพริบตา ตองนอนนิ่งเงียบ ดวงตาปูดโปน และเริ่มรู้สึกถึงความเจ็บที่กำลังประเดประดังเข้ามาตามร่างกาย

“ตอง เป็นไงมั่ง ตอง”

ที่ควรถามนั่นมึงมากกว่า

“ไอ้โจ้มึงมันแส่หาเรื่องชัด ๆ”

เจ็บปาก พูดแทบไม่ออก และต่างคนก็ต่างนอนนิ่งอยู่อย่างนั้น

เจ็บ ไม่มีแรงลุก

“ไอ้เจ๋งไม่ปล่อยมึงแน่”

ใช่มันไม่ปล่อยแน่ ๆ ก็รู้ ที่มันทำก็แค่สั่งสอน ว่าอย่าหือกับมัน แค่สั่งสอนเท่านั้น และมันก็เป็นการสั่งสอนที่เจ็บพอตัว
ยกมือขึ้นเช็ดคราบเลือดที่ริมฝีปากและเพื่อนที่นอนอยู่ก็ทำเหมือนกัน

“มึงลุกไหวมั้ย”

ไหว ของแค่นี้สบายมาก ยังไม่ตายยังไงก็ลุกไหว ค่อย ๆ ขยับตัวอย่างช้า ๆ และก็เป็นโจ้ที่พยายามลุกขึ้นก่อนและดึงแขนตองให้มาพาดไว้ที่ไหล่ คนสองคนช่วยกันพยุงร่างของกันและกันเพื่อให้เดินได้ พากันเดินออกจากสนามบาสที่เวลานี้ไร้ผู้คน

ต่างฝ่ายต่างช่วยกัน โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาของใครมองอยู่ห่าง ๆ

“ขอบใจมากนะกัส กูขอเถอะคนนี้กูขอ อย่าทำมันเลย”

ใครบางคนกำลังกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์

“ใครกัส พ่อมึงเหรอ”

ได้ยินเสียงตอบรับจากปลายสาย และก็เป็นนิวที่ต้องนิ่งเงียบ เมื่อถูกตวาดกลับมา

“เห็นเป็นมึง กูจะปล่อยมันไปก็ได้ แต่ถ้ามีอีก หน้ามึงกูก็ไม่ไว้เข้าใจมั้ยนิว”

เข้าใจ
กูเข้าใจ

“แล้วไม่ต้องเสือกสะเออะโทรหากูอีก คราวหน้าถ้ามันยังไม่เลิกปากดี กูจะให้แม่งตายทั้งเป็น มึงก็รู้กูทำได้”

ใช่
รู้

รู้ว่ามึงทำได้

มึงทำได้ เพราะความเป็นคนของมึงเหลือน้อยลงเต็มที

“ขอบใจนะเจ๋งที่ยังเห็นกูเป็นเพื่อน”

มึงไม่ใช่เพื่อนกูตั้งนานแล้ว กูไม่เคยอยากได้เพื่อน

“เหี้ย เลิกพร่ำเพ้อเรื่องเพื่อนห่าเหวอะไรของมึงนั่นซะทีกูไม่เคยเป็นเพื่อนมึง”

ปลายสายถูกตัดไปเรียบร้อยและนิวก็ยืนมองโทรศัพท์เงียบ ๆ ไม่รู้ว่าที่มึงยอมอ่อนข้อให้กูขนาดนี้เพราะมึงยังเห็นกูเป็นเพื่อนหรือเปล่า

แต่กูก็หวังแบบนั้น กูหวัง และขอให้เป็นแบบนั้น หากความเป็นเพื่อนของเรายังอยู่ กูก็ได้แต่หวังอย่างนั้น
มองไปที่ตองที่ถูกพยุงโดยไอ้โจ้แล้วก็ได้แต่รู้สึกเจ็บปวดจนเสียดแทงเข้าไปข้างในใจลึก ๆ

โชคยังดีที่วันนี้กูทันมอง ไม่งั้นมึงคงยิ่งแย่และสภาพคงดูไม่จืดยิ่งกว่านี้

.....และคนที่มึงยอมให้อยู่ข้าง ๆ ไม่ใช่กู..........แต่เป็นไอ้โจ้....

ยืนมอง ได้แต่มองตามอยู่อย่างนั้น เงียบงัน ความรักที่ไปไม่ถึง แม้ส่งเท่าไหร่ก็ไม่มีวันไปถึง รับรู้ แต่ไม่เคยตอบรับ
ตองไม่เคยตอบรับ ไม่ว่ากับใคร

“กูพยายามแล้วนะตอง วันนี้กูช่วยได้แค่นี้ วันที่เหลือถัดกจากนี้มึงคงต้องเซฟตัวเอง”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและผูกพันเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 07-06-2014 23:09:19
“อย่าดื้อให้มากนักกัส อย่าพยศ อย่าหาเรื่องใส่ตัวเอง อยู่เฉย ๆ ซะบ้าง”

แล้วใครจะเชื่อ

“เรื่องของใครเรื่องของมัน เรื่องของมึงกูไม่ยุ่ง เรื่องของกูมึงก็อย่ามายุ่งเหมือนกัน”

มันก็เป็นซะแบบนี้ เด็กมีปัญหา หาเรื่องให้ตัวเองไม่พอ ยังขยันหาเรื่องให้คนอื่นด้วย สำนึกบ้างมั้ย อย่าทำตัวเลว เพราะเวลาเลว คนอื่นเขาเดือดร้อน หัดมีจิตสำนึกซะบ้าง

“เตือนแล้วต้องฟัง”

“มึงไม่ใช่พ่อกู พ่อกูยังไม่ว่าเลย แล้วมึงเป็นใครเสือกอะไรด้วย”

หมดคำพูด เงยหน้ามองคนที่ทั้งดื้อทั้งรั้น ทั้งขยันหาเรื่องให้คนรอบข้างเจ็บตัว แล้วก็ได้แต่นิ่งเงียบ

“กูไม่ใช่พ่อมึง แต่กูเป็นอะไรกับมึงก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ อย่าให้ต้องพูดมากกัส สำนึกตัวเองบ้าง”

อย่ามาทวง อย่ามาอ้างสิทธิ์ เอากันแค่ครั้งสองครั้ง ไม่ได้แปลว่ากูจะต้องยอมเป็นทาสมึง

แค่ความอยาก
มึงอยากกูอยาก แรก ๆ อาจไม่ใช่ แต่พอนานวันไป ต่างคนต่างอยาก ก็แค่มาเจอกัน มาเอากัน เสร็จแล้วก็ต่างคนต่างไป

“มึงก็อยู่ในโลกของมึงไป กูก็อยู่ในโลกของกู เราต่างคนต่างอยู่ มึงไม่ต้องส่งใครมาสืบเรื่องของกูด้วย กูรำคาญ”

ลุกขึ้นยืน และหยิบผ้าขนหนูติดมือไปด้วย

“กัส”

เรียก และฝ่ายที่ถูกเรียกก็หันกลับมามอง

แค่มอง
มองนิ่ง ๆ
มองอย่างไม่รู้สึกรู้สา แค่สายตาที่คล้ายจะว่างเปล่า แต่มีอะไรบางอย่างอยู่ในนั้นเสมอ

“กูจะไปเมืองนอก พ่อกูได้งานที่นั่นไม่เกินสองสัปดาห์นี้กูคงต้องไป”

ก็ไปสิ

“แล้วมาบอกกูทำไม กูไม่ได้อยากรู้”

เหมือนไม่แคร์ เหมือนไม่สน ไม่ใส่ใจว่าอีกฝ่ายจะมีตัวตนอยู่ในโลกนี้หรือไม่
เย็นชา ไร้ความรู้สึก ไม่รัก ไม่ผูกพันกับใคร ไม่เคยรู้สึกอะไรกับใครเลยสักนิด ใครจะเป็นจะตายยังไงก็ช่าง

ไม่เกี่ยวกับกู มึงจะไปไหนก็เรื่องของมึง

ไม่เกี่ยวกับกู

เปิดน้ำและโยนเสื้อผ้าทิ้งเอาไว้ เปิดน้ำฝักบัวจนสุด และเงยหน้าขึ้นมองสายน้ำที่กำลังหยดลงมา สายน้ำให้ความเย็น และช่วยให้ร่างกายสดชื่น

ใครบางคนที่ไร้หัวใจ กำลังยืนกระพริบตา มองสายน้ำที่กำลังหลั่งรินรดร่างกาย

แสยะยิ้มที่มุมปาก

สิ่งสุดท้ายที่คิดได้ คือความรู้สึกสมเพช

สมเพชตัวเอง

ไม่น่าให้เวลามันยาวนาน ไม่น่ารู้สึกอะไรกับใคร ไม่น่าเลย ไม่ควร.............มีความรู้สึกให้ใครเลยจริง ๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและผูกพันเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 07-06-2014 23:10:26
คล้ายเห็นภาพบางอย่างวนไปวนมาในหัวหลายครั้ง

หลังจากการพูดคุยกับคนใครสักคน กัสรับรู้ว่าตัวเองขับมอร์เตอร์ไซด์ด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะบิดได้ วันนั้น จำได้ว่าเร่งความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ และไม่คิดจะสนใจอะไรอีกแล้ว หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น จำแทบไม่ได้ ภาพบางอย่างมักวนไปวนมาในหัวเสมอ ใครสักคนที่คล้ายๆ จะอยากให้เลือนหายไป แต่ก็ปรากฏตัวออกมาให้เห็นอยู่บ่อย ๆ ในความนึกคิด

.....แล้วนี่มัน.......รูปของใคร

กัสพลิกรูปถ่ายใบเล็ก ๆ ที่ถูกไฟเผาแทบไม่เหลือ รูปที่ไหม้ไฟมากกว่าครึ่งถูกเก็บไว้ในกล่องแสตนเลสเล็ก ๆ ที่ซุกอยู่ในมุมหนึ่งของลิ้นชักโต๊ะ มีเพียงใบหน้าครึ่งเสี้ยวของใครบางคนที่ไม่รู้จัก ถ้าเผาจนไหม้ขนาดนี้ แล้วจะเก็บเอาไว้ทำไม

แทนที่จะทิ้งไป ทำไมถึงได้ยังเก็บเอาไว้

“อย่า...ให้ต้อง...เป็นห่วงนักนะ..”

บ่นพึมพำและพูดประโยคบางอย่างที่คล้าย ๆ จะจำได้ มันดังวนไปวนมาอยู่ในหัวเสมอ บางสิ่งบางอย่างที่คล้ายจะชัดเจน แต่ก็เลือนลางหายไป ยิ่งนึกยิ่งปวดหัว ปวดหัวจนต้องใช้ปลายนิ้วคลึงไปที่ขมับเบา ๆ

ปวดร้าวไปหมดทั้งหัวทั้งตา เดินลงมาข้างล่าง และเห็นพ่ออ่านหนังสือพิมพ์อยู่

“พ่อครับ กัสปวดหัว พ่อครับ ปวดหัว”

พูดแทบไม่เป็นภาษา บางครั้งที่เหมือนจะบังคับการพูดของตัวเองได้ แต่ก็เหมือนว่าเวลาที่รีบคิดและรีบพูด ลิ้นมักจะพันกันจนบางทีพูดจาไม่รู้เรื่อง

“เหรอ มานั่งกับพ่อก่อน เดี๋ยววันนี้ให้อาไปส่งนะ พ่อต้องรีบไปส่งเอกสาร”

ไม่เอา ไม่อยากให้อาไปส่ง

“พ่อไปส่งกัสไม่ได้เหรอ กัสอยากให้พ่อไป”

ลากเก้าอี้ออกมา และนั่งลงข้าง ๆ พ่อ มองไปที่กระเป๋าใส่เอกสารใบใหญ่ สลับกับการมองหน้าของพ่อ

“พ่อต้องไปส่งเอกสารหลายที่เช้านี้มีแต่งานเร่ง ให้อาไปส่งนะ”

ให้อาไปส่งก็ได้

“แล้วตอนเย็นพ่อจะไปรับกัสมั้ย”

อ้อนเหมือนเด็ก ๆ มองหน้าพ่อ แล้วก็ถามคำถามง่าย ๆ แต่ทำให้พ่อถึงกับนิ่งเงียบ

“วันนี้คงจะวิ่งหลายที่ ให้อาไปรับนะ”

คำตอบที่ทำให้คนฟังมีสีหน้าห่อเหี่ยวและสลดลงอย่างเห็นได้ชัด

“เดี๋ยววันไหนที่ไม่มีส่งเอกสารตอนเช้าพ่อจะไปส่งกัสนะ”

“คร้าบบบบ”

ไม่ใช่อยากจะพูดเสียงยานคาง แต่ไม่สามารถควบคุมระยะห่างระหว่างคำพูดได้ แขนที่มีอาการชา ถูกดึงขึ้นและพ่อก็หยิบยานวดที่วางอยู่มาบีบยาใส่มือให้ ลงมือนวดคลึงเบา ๆ เหมือนทุกวันที่ทำให้

“พ่อคร้าบบบ กัสจะหาย....มะ...มั้ยครับ”

ถามออกไปด้วยใบหน้าหมองเศร้า และมองที่แขนของตัวเอง

“หายสิ หมอบอกว่าหาย ยังไงก็หาย”

หายจริง ๆ นะพ่อ กัสจะหายใช่มั้ยพ่อ กัสจะ....หายจริง ๆ ใช่มั้ย

“ที่ผ่านมา ทำให้พ่อเสียจาย มาตลอดดดด แด่...แต่”

พูดไม่ออก คิดประโยคถัดไปไม่ออก สุดท้ายได้แต่นิ่งเงียบ และมองแขนของตัวเองที่พ่อกำลังนวดคลึงยาให้อย่างตั้งอกตั้งใจ

“แค่กัสยังอยู่ แค่กัสยังมีลมหายใจอยู่ แค่กัสยังอยู่กับพ่อ แค่นี้พ่อก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว”

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและผูกพันเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 07-06-2014 23:14:38
อ่านแล้วงงๆ งงตัวละคร 555 รอต่อค่าาา  :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและผูกพันเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 07-06-2014 23:28:54
กัสน่าสงสารรรรร  :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและผูกพันเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 07-06-2014 23:29:36
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล. ด้วยรักและคิดถึง#ความรู้สึกของหยก

หิมะตกแล้ว

นั่งกอดเข่าและมองหิมะที่ค่อย ๆ ร่วงหล่นลงมา คนที่อยู่ทางโน้น ไม่เคยมีใจ ไม่เคยรู้สึกอะไรต่อกันเลย
ที่จากมาก็เพราะว่ายิ่งอยู่นานไป ยิ่งจมลึกลงไปกับความรู้สึกของตัวเอง

รักข้างเดียวมันเหนื่อย กอดให้ตายความรู้สึกก็ไม่เคยส่งไปถึง

“แค่เอากัน ถ้าอยากก็มา เสร็จแล้วก็จบ อย่าบอกนะว่ามึงมีใจ”

คำพูดเสียดแทง รอยยิ้มเหยียดหยันแววตาที่มองตรงมา ไม่เคยมีสักครั้งที่จะรู้สึกถึงบางอย่าง นอกจากความต้องการทางร่างกายที่รอการปลดปล่อย แล้วมันก็จบลงด้วยการที่ต่างคนต่างไปในทุก ๆ ครั้ง ไม่เคยได้อยู่ด้วยกันถึงเช้า

ไม่มีสักครั้ง
ไม่เคยเลย

พลาด
ยอมรับว่าพลาด

พลาดมาก ตั้งแต่ได้รู้จักกันอย่างไม่คาดคิด พลาดที่ข้ามขั้นไปไกล จนคำว่ารักไม่ทันได้เอ่ย ประโยชน์มีเพียงแค่ร่างกายที่เอาไว้รับการตอบสนองเมื่อความต้องการเข้าครอบงำ สุดท้ายทุกอย่างก็เป็นเพียงความฝันเลือนลางของคน ๆ นี้เท่านั้น

ห่วงให้ตาย
รักให้ตาย แต่ไม่กล้าแม้แต่จะแสดงออก ความรักที่เงียบงัน มีเพียงร่างกายที่เชื่อมถึงกัน แต่หัวใจห่างไกลกันเหลือเกิน

“กูจะไปเมืองนอก พ่อกูได้งานที่นั่นไม่เกินสองสัปดาห์นี้กูคงต้องไป”

มันเป็นแค่คำขู่ ที่หวังเพียงให้สายตาคู่นั้นหันกลับมามองกันบ้าง

คนที่ไร้หัวใจ

คนที่ไร้ความรู้สึก

สิ่งที่กัสมีคืออารมณ์รุนแรงที่พร้อมจะทำลายทุกอย่างที่ไม่เป็นไปอย่างใจ พร้อมจะตรงเข้าห้ำหั่นทุกอย่างให้หายวับไปกับตา

“แล้วมาบอกกูทำไม กูไม่ได้อยากรู้”

ใครบางคนลุกขึ้นและเดินเข้าห้องน้ำไป ทิ้งให้คนที่หวังใช้คำบอกเล่าสุดท้ายเป็นการฉุดรั้งเอาไว้นั่งอยู่อย่างนั้น และจมอยู่กับความเงียบงันเพียงลำพัง

กัสไม่เคยถาม ไม่เคยสนใจแยแส ไม่เคยเลย

ไม่มีความรู้สึกใด ๆ เลยสักนิด มันก็เป็นเหมือนทุก ๆ วันที่เสร็จกิจอย่างว่าแล้วก็ต่างคนต่างไป

มันเหมือนทุกวัน แต่ที่ต่างกันคือคำสุดท้ายที่ได้ยิน และแอบหวังให้อีกฝ่ายรั้งเอาไว้ แค่เพียงหันกลับมามองและสนใจกันบ้าง

หวังแค่เพียงเท่านั้น แต่สิ่งที่กัสทำคือการเมินเฉยและเย็นชา

ไม่มีความรู้สึก ไร้ความรู้สึกเหมือนเคย

“เคยรักกันบ้างมั้ย”

อยากจะถาม
อยากจะถามให้รู้กันไป แต่ก็จนใจจะพูด กัสไม่เคยต้องการอยากจะฟัง เป็นเพียงความฝันเลือนลางที่ไม่มีวันเป็นจริง

จากมาไกล
ไม่มีคำอำลา ไม่มีการบอกลาใด ๆ ทั้งสิ้น มีเพียงความเงียบงันและว่างเปล่า ไม่เคยมีข้อความ ไม่เคยโทรหา เราไม่มีอะไรเชื่อมโยงถึงกันเลย นอกจากร่างกายอุ่น ๆ ที่ได้กกกอด นอกจากนั้นแล้วไม่มีอะไรเลย

เคยเข้าใจบ้างมั้ยว่าสองปีที่ผ่านมา มันไม่เคยเป็นเรื่องเล็ก ๆ เลย สำหรับทางนี้แล้ว ช่วงเวลาเล็กน้อยที่ได้ครอบครองมันทำให้หัวใจที่แห้งแล้ง ชุ่มชื่นขึ้นได้อย่างน่าประหลาด

เสียงร้องครวญครางใต้ร่าง หยาดน้ำตาที่คลอรินจากดวงตาคู่นั้นที่ได้เห็นเป็นครั้งแรกและมันติดตาตรึงใจมาจนถึงวันนี้

วันที่เราต้องห่างกัน

กัสไม่เคยรู้สึกอะไรเลยเหรอ ไม่เคยสักนิดเลยหรือไง

ไม่เคย.........รู้สึก.....เลยเหรอ ว่าคนที่ได้แนบชิดร่างกายเข้าหากันเมื่อความปรารถนาและความต้องการถึงจุดสิ้นสุดในทุก ๆ ครั้งต้องการอะไร

แค่ความอยาก กัสคิดว่ามีแค่นั้นเองเหรอ

ถ้า....มีเพียงแค่นั้น จะไปหาจากที่ไหนก็ได้ แต่เพราะเป็นกัส
เพราะรัก....เพราะจิตใจมันผูกมัดอยู่กับ ๆ คน ๆ นี้เลยไม่สามารถดึงตัวเองออกมาจากวังวนของทุก ๆ ความรู้สึกได้

“หยก.....มึงรีบหายไปจากชีวิตกูซะทีเหอะ กูเบื่อ กูรำคาญ”

สีหน้าและแววตาที่แสดงออกอย่างเห็นได้ชัดว่าเบื่อและหงุดหงิดรำคาญแค่ไหน มันทำให้คนทางนี้ได้แต่นิ่งเงียบและพยายามหาถ้อยคำบางอย่างมาพูด เพื่อลดความรู้สึกตะขิดตะขวงใจที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

“หาผู้หญิงที่ถูกใจได้ก่อน แล้วจะเลิกใช้บริการ”

ตอบกลับไป และก็ได้เห็นว่าฝ่ายนั้นแสยะยิ้ม และไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเลย

แล้วกัสไม่รู้เหรอ ไม่รู้บ้างหรือไง ว่าความรู้สึกมันไม่เคยมีเพียงเท่านั้น

ที่ทำอะไรทุกอย่างไปมันไม่เคยมีแค่นั้น
ไม่เคยเลย บางสิ่งบางอย่างมันไม่เคยมีเท่าที่ตาเห็น แต่มีมากกว่านั้นเสมอ

ถ้าต้องการเรื่องอย่างว่าแบบนั้นอีก คงหาที่ลงได้ไม่ยาก
โง่เอง ที่หลงติดอยู่ในวังวนที่ว่ายข้ามไปไม่พ้น มาอยู่ไกลขนาดนี้ แต่ทุกครั้งที่เผลอ หัวใจก็เรียกร้องอยากจะกลับไปหา

อยากกลับไป แต่ก็เท่านั้น หนีหัวใจตัวเองมาได้ไกลขนาดนี้ จะไม่มีทางกลับไปอีกเด็ดขาด

จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ จะไม่กลับไปอยู่บนเส้นทางเก่า ๆ เส้นทางเดิม ที่ยิ่งนานวันหัวใจยิ่งปวดร้าว เพราะความรู้สึกที่สื่อไปไม่เคยถึง

ไม่ว่าดีหรือเลว กัสเป็นคนเลือก สิ่งที่หวังก็แค่ขอให้กัสผ่านพ้นมันไปให้ได้ และเติบโตขึ้น ไม่หลงไปทางที่ผิด
ไม่หลงมัวเมาไปกับเส้นทางที่พาให้ตัวเองแย่และตกต่ำไปมากกว่านี้

ยังคงเป็นห่วงเสมอแม้ในเวลานี้ที่เราไม่ได้เจอกันอีกต่อไปแล้ว และไม่รู้ว่าชาตินี้จะได้เจอกันอีกมั้ย

หยิบรูปถ่ายใบเล็ก ๆ ที่เคยได้ถ่ายคู่กันขึ้นมา ฉีกแบ่งกันคนละครึ่ง

ครึ่งที่มีหน้าของตัวเอง แอบสอดไว้ในกระเป๋าสตางค์ของกัสไม่รู้ว่าป่านนี้ในเวลาที่เปิดกระเป๋าจะได้เห็นรูปที่ถูกฉีกแบ่งครึ่งไว้หรือเปล่า

แต่รูปของกัสที่ถ่ายเอาไว้ ยังอยู่ในมือ ใบหน้าบูดบึ้ง และเมินมองไปทางอื่น จำใจ และไม่ยอมให้เรามีรูปคู่ของกันและกันเอาไว้เลย

มองกี่ครั้ง ภาพวันนั้นก็ยังย้อนกลับมาเสมอ

“กูไม่ถ่าย เหี้ยยยยยยยยยย บอกว่าไม่ถ่ายไงเล่า”

ดึงให้มาร่วมเฟรมกันและเป็นทางนี้ที่แอบอมยิ้มเล็ก ๆ ที่คนที่ไม่ยอมถ่ายรูปดึงดันที่จะหันหน้าหนีไปอีกทาง

“ที่ระลึก”

จำได้ว่าบอกไปอย่างนั้นและจัดการล็อคคอให้กัสมาถ่ายรูปคู่กันจนได้

นานมาแล้ว เรื่องแบบนั้นมันผ่านมานานแล้ว และในเวลานี้สิ่งสุดท้ายของช่วงระยะเวลาสองปีที่มีโอกาสได้เจอกันแค่บนเตียง ก็สูญสลายหายไป เหลือไว้เพียงแค่ความว่างเปล่า กับความทรงจำที่ปวดร้าว

ความรู้สึกไม่เคยส่งไปถึง นานแค่ไหนก็ไม่เคยส่งไปถึง แม้ในเวลานี้ก็เช่นกัน ต่อให้พยายามแค่ไหน มันก็เท่านั้น

คงลืมกันไปหมดแล้วสินะ ช่วงเวลาที่ผ่านมาก็แค่ฝันไปเท่านั้น.......มีแค่กูที่ตัดใจไม่ได้อยู่คนเดียว มึงใจร้ายกับกูมากนะกัส สำหรับมึง กูก็เป็นได้แค่อะไรสักอย่างที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป กูไม่ใช่คนที่มึงอยากจำ สำหรับมึงแล้วกูมันไม่มีอะไรให้มึงต้องจดจำ

มองรูปถ่ายในมืออีกครั้ง อยากจะฉีกทิ้งแต่ก็ยังทำใจไม่ได้

“โชคดีแล้วกัน กูขอให้มึงโชคดีนะกัส...ส่วนกูก็จะไปตามทางของกู แล้วจะพยายามลืมมึงให้ได้เร็ว ๆ กูจะได้หายเจ็บเพราะมึงซะที”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและผูกพันเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: holefiller ที่ 07-06-2014 23:37:11
นุ้งกัสสสสสสสสสส  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและผูกพันเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 07-06-2014 23:38:32
จะสงสารกัสก็ทำได้ไม่เต็มที่ เพราะไม่รู้อดีตเกเรถึงขั้นไหน  :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและผูกพันเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 07-06-2014 23:42:40
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง # ลูกชายของน้าขจร

“ลูกหนูเป็น LD”

นายขจร อาชีพแมสเซนเจอร์ส่งเอกสารไม่มีวันเข้าใจหรอกว่าไอ้โรคแอลดีที่ว่าคืออะไร แต่เพราะเพื่อนร่วมงานที่เป็นผู้รวบรวมเอกสารและแยกให้ส่งและจัดคิวสำหรับการส่งในแต่ละวันมาพูดคุยด้วย และบ่นอยู่เป็นประจำว่าลูกชายอายุ 12 ปีเป็นเด็ก LD น้าขจรก็เลยชักอยากจะรู้ขึ้นมา ว่ามันเป็นโรคอะไร

เกิดมาจนอายุปาเข้าไปเกือบห้าสิบ เพิ่งเคยได้ยินชื่อโรคนี้ก็ครั้งนี้ครั้งแรก

“ไอ้แอลดีอะไรนี่มันเป็นแบบเด็กปัญญาอ่อนหรือเปล่า”

ถามและเรียงเอกสารลงกระเป๋าสำหรับจะเตรียมส่งในรอบเช้าด้วย และหญิงสาววัยกลางคนที่เป็นเพื่อนร่วมงานก็เริ่มเล่าให้ฟังถึงโรคแอลดีที่ว่า

“คือลูกหนู มันเรียนไม่เก่ง ทั้งที่หนูว่ามันก็ฉลาดนะน้า ทำอะไรก็ทำได้ มันเก่งมาก แต่ทำไมยิ่งเรียนมันก็ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ ยิ่งเรียนก็ยิ่งไม่รู้เรื่อง แล้วเวลาโมโหก็โมโหมาก เสียใจก็เสียใจมาก ครูบอกว่าจะไม่ให้จบ ป.6 เพราะมันอ่านหนังสือแทบไม่ออก”

เหรอ
เด็กมันโง่เองหรือเปล่า

“ตอนแรกหนูก็ทะเลาะกับลูกทุกวัน ทำไมไม่ตั้งใจเรียน ทำไมสอนเท่าไหร่ก็อ่านไม่ได้ แล้วก็ไม่รู้จักจำ คำง่าย ๆ มันยังสะกดไม่ได้เลย บางทีให้อ่านก็เดาเอาบ้าง อ่านข้ามบ้าง จ้างครูมาสอนมันก็ก้าวร้าวใส่ครู หนูก็คิดมาตลอดว่าลูกหนูมันทำไมไม่ใส่ใจจะเรียน”

เหมือนไอ้กัสนะ
สมัยก่อนตอนมันเด็ก ๆ มันจำเก่งมาก ความจำดี จนน้ากับแม่ของมันคิดวาดฝันเอาไว้ว่ามันเก่งขนาดนี้ อยากจะส่งมันเรียนหมอ มันต้องเรียนได้แน่ ๆ แต่พอเริ่มให้อ่านหนังสือมันจะงอแงแล้วก็ไม่ยอมอ่าน ทั้งที่มันหัวดีมาก แต่ทำไมทำยังไงมันก็อ่านหนังสือไม่คล่อง อ่านยังไงก็อ่านไม่ออกซะที

“ทีนี้มาเดือดร้อนก็ตอนที่ครูจะไม่ให้จบนี่แหละ พอดีหนูเปิดดูโทรทัศน์เขาพูดถึงไอ้เรื่องโรค LD แล้วอาการทุกอย่างมันตรงกับลูกหนูเลย หนูถึงเพิ่งรู้ว่าหนูเข้าใจลูกผิดมาตลอด หนูไม่รู้เลยว่าลูกเป็นอะไร หนูเป็นคนกดดันและทำให้ลูกเก็บกดและกลายเป็นเด็กก้าวร้าว”

“น้าเอานี่ลองอ่านดู หนูปริ้นเก็บไว้เยอะเลย”

กระดาษสามแผ่นที่มีตัวหนังสือยาวเต็มหน้ากระดาษ
น้าขจรไม่ได้คิดจะอ่าน แต่พออ่านถึงหัวข้อแรก น้าขจรแมสเซนเจอร์ของบริษัทที่เตรียมตัวจะออกไปส่งเอกสาร ก็ถึงกับหยุดอ่านไม่ได้

ยิ่งอ่าน
ยิ่งเพิ่มความสงสัย
ยิ่งอ่านยิ่งเหมือนเห็นบางอย่างที่มองข้ามไป
ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้ถึงความผิดปกติบางอย่าง ของลูกชาย


อาการของโรค LD (http://www.autisticthailand.com/sthaiparentscouncil/LD/LDcontent/LD4.htm)

น้าขจรที่เปิดอ่านเอกสารที่ถูกปริ้นออกมา ขมวดคิ้วมุ่น เมื่อรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันตรงไปหมดทุกข้อ

กัสมันเป็นคนที่เก่งเลขมาก ตอนเด็กๆ ให้มันคิดเลขอะไรมันก็คิดได้หมด แต่พอให้อ่านหนังสือ มันกลับอ่านไม่ได้

มันอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง และมันเขียนหนังสือคำง่าย ๆ ไม่ได้

ให้เขียน ถ.ถุง มันก็จะคอยจะเขียนแต่ ภ. สำเภา ให้เขียน ผ.ผึ้ง มันก็จะเขียนแต่ พ. พาน แยกแค่นี้มันยังแยกไม่ออก

สอนไปสอนมาก็โมโหกันและพาลทะเลาะกันมาตลอด
เพราะสอนเท่าไหร่กัสมันก็ไม่ยอมจำ ยังจะเขียนหนังสือหัววน ๆ อยู่อย่างนั้นตลอด ตีมือก็แล้ว ด่าก็แล้ว มันก็ยังทำ

สุดท้ายเลยต้องเลิกสอน
เพราะยิ่งสอนยิ่งโมโห แล้วตัวมันเองก็งอแง พูดอยู่คำเดียวว่าอ่านไม่ได้ เขียนไม่ได้ แล้วก็ร้องไห้จนน่าโมโห

เลยพาลทะเลาะกันทั้งบ้าน
ทั้งแม่มัน ทั้งไอ้กัสด้วย คราวนี้ก็เลยเป็นเรื่องราวกันไปใหญ่โต

สุดท้ายก็เลยต้องเลิกสอน ให้แม่มันสอนก็ไม่ได้ เพราะแม่มันอ่านหนังสือไม่ออก เรียนจบมาแค่ ป.4 อ่านได้ก็แค่เล็ก ๆ น้อย ๆ

จนถึงป่านนี้

ที่มันก็ยังเรียนหนังสือไม่รู้เรื่อง ส่งมันเรียนมันก็เรียนแบบงู ๆ ปลา ๆ คอยหาแต่เรื่องต่อยตีไปวัน ๆ
มีเรื่องกับใครเขาไปทั่วมันถนัดนัก

ดีแต่สร้างปัญหาให้ตลอด

จะเกิดอะไรกับเด็กแอลดี (LD) เมื่อเขาโตขึ้น?
• ในเด็กบางคนที่เป็น LD อาการจะหายไปได้เมื่อโตขึ้น เชื่อว่าสาเหตุมาจากสมองกลุ่มนี้พัฒนาช้า แต่ในที่สุดก็สามารถพัฒนาไปได้ แต่ในเด็กส่วนใหญ่อาการยังคงอยู่ หากไม่ทำการช่วยเหลือแล้ว การเรียนรู้ที่สับสนและลำบากมักนำไปสู่การล้มเหลวในการเรียนและปัญหาทางอารมณ์


• ในสมัยก่อนยังไม่ค่อยมีใครเข้าใจเรื่อง LD มากนักคนที่เป็น LD เลยต้องประสบปัญหา หลายคนปรับตัวไม่ได้และต้องออกจากโรงเรียนบางคนกลายเป็นอันธพาลเกเร บางคนหางานทำไม่ได้ เป็นต้น


• การที่เด็กเรียนรู้แบบปกติไม่ได้ ทั้งๆที่สติปัญญาดีนั้นมักทำให้เด็กมีความหงุดหงิดใจ รู้สึกตัวเองโง่เด็กมักถูกเพื่อนๆล้อ ถูกผู้ใหญ่ตำหนิว่าไม่พยายาม เด็กจะมีปฏิกิริยาต่อประสบการณ์ดังกล่าวในหลายลักษณะ เช่นอาจมีอาการวิตกกังวล ซึมเศร้า หรือไม่ก็มีพฤติกรรมก้าวร้าว ซึ่งก็ทำให้ปัญหาการเรียนที่มีอยู่นั้นแย่ลงไปอีก

อ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้วน้าขจรก็ถึงกับทรุดลงไปนั่งอยู่บนเก้าอี้
ไม่เคยคิดเคยฝันว่าจะได้รับรู้เรื่องอย่างนี้ แต่เมื่ออ่านข้อมูลทุกสิ่งทุกอย่างซ้ำไปซ้ำมา มันก็ชัดเจนอย่างไม่ต้องสงสัย
เพราะกัสมันไม่เหมือนเด็กออทิสติก และเพราะมันไม่เหมือนเด็กปัญญาอ่อน

กัสมันเหมือนเด็กปกติทุกอย่าง เพียงแต่มันไม่ยอมเรียน ไม่ตั้งใจเรียน แล้วเวลาที่ดีใจก็ดีใจมากเกินปกติ และเวลาที่เสียใจก็เสียใจมากอย่างไม่น่าเชื่อ

“กัส”

นั่งนิ่งและรู้สึกถึงอาการชาที่หน้า
เหมือนถูกตบหน้าอย่างแรง
เมื่อรู้ว่าลูกชายที่ทั้งเกเร และก้าวร้าว ดีแต่ทำตัวแย่ ๆ มาตลอดแท้ที่จริงแล้ว เพิ่งจะรู้ว่าสาเหตุทั้งหมดมันมาจากอะไร

แม่กัสมันเสียไปได้ห้าปีแล้ว
และกัสมันก็เสียใจและน้ำตาไหลทุกครั้งเมื่อพูดหรือทะเลาะกันเรื่องแม่

เราทะเลาะกัน

บางครั้งเมื่อถึงที่สุดของความโมโหก็พลั้งมือทำร้ายตบตีมันไปเพราะมันเอาแต่พูดคำเดิมว่าพ่อไม่เคยรัก ถ้าเกลียดมันมากนักทำไมไม่ฆ่าให้ตายไปซะตั้งแต่เกิด

แม่ก็ไม่อยู่แล้ว ไม่มีใครคอยปกป้องอีกต่อไปแล้ว
มันคงเสียใจมาก ลูกคงเป็นทุกข์มาตลอดหลายปีที่ผ่านมาที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ทั้งที่รู้เรื่อง และมันเป็นคนเก่งแท้ ๆ แต่ไม่สามารดึงสติปัญญาที่มีอยู่ออกมาใช้ได้

ผิดที่ใคร
เพราะอะไรลูกชายถึงได้เป็นคนก้าวร้าว และโมโหร้ายได้ขนาดนี้

ผิดที่ใคร......
หลายครั้งที่พยายามจะเข้าใจ แต่ยิ่งเข้าใกล้กันก็มีแต่พาลจะทะเลาะกันรุนแรงเสมอ

“แล้วโรคพวกนี้จะหายมั้ยหนู ถ้าเป็นแล้วมันรักษาได้มั้ย”

ลุกขึ้นและเดินไปถาม เพื่อนร่วมงานที่กำลังจัดเรียงเอกสารเพื่อส่งงานให้ในช่วงเช้า และเธอก็เงยหน้าขึ้นมามองและส่งยิ้มให้พร้อมกับคำอธิบาย

“รักเขามาก ๆ เข้าใจเขามาก ๆ ใจเย็นกับเขามาก ๆ ลูกหนูดีขึ้นเยอะเลย ตั้งแต่หนูรู้ว่าเขาเป็นอะไร หนูเข้าใจแล้วว่าเขาไม่ได้อยากเป็นอย่างนี้ พอเราเข้าใจเขานะน้า เราจะไม่โกรธที่เขาแสดงท่าทีบางอย่างกับเรา ตอนนี้ลูกหนูอ่านหนังสือเก่งขึ้นเยอะ แล้วก็มีสมาธิขึ้นเยอะ หนูโชคดีที่รู้ว่าลูกเป็นอะไร แต่บางคนไม่รู้ไปจนโต เด็กก็เลยกลายเป็นเด็กก้าวร้าว กลายเป็นปัญหาสังคม ทั้งที่เขาก็ไม่ได้อยากเป็นอย่างนั้น”

เหมือนที่น้ากำลังทำให้ไอ้กัสมันเป็นอยู่
น้าเองมีส่วนผิดมาก ถ้าแม่มันอยู่คงดีกว่านี้ แต่เพราะน้าเองที่ไม่เข้าใจ น้าเองที่ไม่เคยเข้าใจลูก

“น้าขอเอาเก็บไว้อ่านต่อได้มั้ย”

“ได้ค่ะ น้าเอาไว้เลย หนูอ่านหมดแล้ว”

น้าขจร แมสเซนเจอร์วัยล่วงเลยเกือบเข้าเลขห้า ม้วนกระดาษที่ได้รับและเก็บยัดเข้าใส่กระเป๋า

เสียใจที่รู้ว่าทำเรื่องบางอย่างผิดพลาดมาตลอด
แต่ก็ดีใจที่อย่างน้อยก็ได้รู้

ที่เอ็งเป็นแบบนี้ก็เพราะพ่อมีส่วนด้วย
เย็นนี้กลับไปพ่อจะคุยกับเอ็ง
พ่อจะเปิดใจคุยกับเอ็ง พ่อจะไม่ทำผิดต่อเอ็งอีกแล้วกัส....พ่อจะไม่ทำให้เอ็งต้องทุกข์ใจเหมือนที่ผ่านมา

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและผูกพันเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 07-06-2014 23:43:25
น้ำตาของพ่อหลั่งรินอาบหน้า เมื่อมองสภาพลูกชายที่มองยังไงก็แทบจะไม่เหลือสภาพของคนให้ได้เห็น
สายน้ำเกลือ สายอะไรต่อมิอะไรห้อยระโยงระยางเต็มไปหมด ร่างของลูกชายนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงในห้องไอซียู
มีเครื่องอะไรก็ไม่รู้รายล้อมรอบเตียงเต็มไปหมด

กัส.....เอ็งอย่าไปไหนนะ
อยู่กับพ่อก่อน

พ่อทำผิดกับเอ็งไว้เยอะ
ให้พ่อได้มีโอกาสแก้ตัวบ้าง พ่อรอเอ็งกลับบ้าน จนดึกดื่นเอ็งก็ไม่ยอมกลับ พ่อคิดว่ามันก็คงเหมือนทุกวัน ที่เอ็งเอาแต่เที่ยวเล่นและไปซิ่งรถกับเพื่อน แต่พ่อไม่นึกว่าต้องมาเห็นเอ็งในสภาพนี้

กัส....
พ่อไม่ดีเอง
ที่ไม่เคยเข้าใจเอ็งเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่แม่เอ็งไม่อยู่ เอ็งคงทุกข์ใจเพราะพ่อมาตลอด
อย่าจากพ่อไปเลยนะกัส

กลับมาเถอะ
เอ็งรีบกลับมาหาพ่อเร็ว ๆ
อย่าไปไหน อย่าเพิ่งไปไหน พ่อคงอยู่ไม่ได้ถ้าเอ็งมาจากไปอีกคน

อย่าไปเลยกัส
เอ็งอย่าไปเลยนะ

น้าขจร ชายวัยกลางคน ยืนน้ำตาอาบหน้าและดึงมือของลูกชายที่ไม่ขยับเขยื้อนมากุมเอาไว้แน่น
มองหน้าของลูกชายที่เหมือนมีแต่ร่างกายแต่ไร้วิญญาณ
เสียใจที่สุดในชีวิต
ความเสียใจครั้งที่สองหลังการจากไปของภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่อยู่กันมาสิบเก้าปี เท่าอายุของลูกชายที่ดูเหมือนกำลังจะจากไปอีกคน

“หมอขอให้คุณพ่อทำใจนะครับ คงอยู่ได้ไม่เกินพรุ่งนี้”

เพียงเท่านั้น
แล้วคนเป็นพ่อก็ถึงกับปล่อยโฮออกมา
น้ำตานองหน้า และเอาแต่พร่ำเพ้อถึงชื่อลูกชายที่อยู่บนเตียงผู้ป่วยในห้องไอซียูไม่เลิก

“กัส ไอ้กัสลูกพ่อ ไอ้เสือของพ่อ กัสเอ็งอย่าไปไหนเลย อย่าทิ้งพ่อไปเลยกัส...เอ็งอย่าทิ้งพ่อไปแบบนี้ พ่อขอโทษ ที่ผ่านมาพ่อขอโทษที่ไม่เคยดูแลเอ็งให้ดี อย่าไปไหนเลยกัส กลับมาหาพ่อเถอะ กลับมากัส...กลับมาหาพ่อนะลูก กลับมาหาพ่อเถอะ พ่อขอร้อง จะให้พ่อทำยังไงเอ็งถึงจะกลับมาหาพ่อ เอ็งอย่าทิ้งพ่อไปเลย กลับมาเถอะไอ้ลูกชาย ถ้าเอ็งกลับมา พ่อสัญญา ต่อจากนี้ไปพ่อจะไม่ทอดทิ้งเอ็งให้ต้องทุกข์ใจอีก ชีวิตพ่อที่เหลือขอตายแทนเอ็งเถอะกัส กลับมาหาพ่อเถอะลูก กัส....กลับมา...ได้ยินพ่อมั้ย เอ็งต้องกลับมาหาพ่อสิ เอ็งต้องกลับมา...”

เสียงที่ส่งไปไม่รู้ว่าส่งไปถึงคนที่อยู่ในภวังค์และไม่รู้สึกตัวหรือเปล่า

แต่สิ่งที่น้าขจรรับรู้ได้ในเวลานี้
คืออาการหัวใจสลาย เจ็บปวดจนร้องไห้ไม่หยุด ร้องจนน้ำตาแทบจะเป็นสายเลือด เมื่อรู้ว่าลูกชายกำลังจะจากไปอีกคน

ความหวังเลือนลาง แต่น้าขจรก็ไม่ยอมหมดหวัง
ยังเอาแต่พร่ำเรียกชื่อของคนที่ไม่ได้สติ
เรียกให้กลับมา ร่ำร้องเรียกชื่อของลูกชายตลอด และขอร้องให้กัสกลับมา

“กลับมากัส กลับมาหาพ่อ ไอ้ลูกชายของพ่อ กลับมาเถอะ จากนี้ต่อไปพ่อสัญญา พ่อจะไม่ทำให้เอ็งต้องเสียใจอีกเลย พ่อจะไม่ทำให้เอ็งเป็นทุกข์ กลับมาหาพ่อนะกัสลูกพ่อ เอ็งกลับมาหาพ่อเถอะกัสลูก....กลับมา....”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและผูกพันเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 07-06-2014 23:54:06
เฮ่ย หยกนายอย่ามโนเอาเองสิ
ยังไม่ได้เริ่มอะไรเลยก็ตัดใจแล้วเรอะ

พอมีเรื่องพ่อมาคั่นน้ำตาแตกเลย
ฮือออออออออ โรคนี้มันยากจะเข้าใจนะคะ
ปกติแล้วคนเจอจะเป็นคนใกล้ชิด หรือครู
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและผูกพันเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 07-06-2014 23:58:19
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)

ด้วยรักและคิดถึง# ข่าว

มึงจำไอ้เจ๋งได้ป่าว เห็นว่าขับมอร์’ไซด์ชนกับสิบล้อ”

ทรุดลงไปนั่งกับพื้น หน้าชา ตัวชา เย็นวาบไปทั้งตัว

คุยกับเพื่อน
สอบถามความเป็นไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างที่ไม่อยู่

เหงา
ยอมรับว่าเหงา มาอยู่ที่นี่ไม่ได้สบาย ทำงานเลี้ยงตัวเองตลอด พ่อได้งานเป็นกุ๊กที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ส่วนแม่ก็ได้งานที่เดียวกับพ่อ เงินรายได้ของพ่อและแม่มากพอที่จะส่งเสียให้เรียนต่อที่นี่ได้ แต่ค่าใช้จ่ายบางอย่างก็ต้องหาเอาเอง

“เป็นอะไรมากมั้ย ไอ้เจ๋งขับรถมอร์เตอร์ไซด์ชนเมื่อไหร่ ผิดคนหรือเปล่า ไอ้เจ๋งที่ชื่อกัส แว๊นหรือเปล่า คนที่ตัวขาว ๆ แล้วชอบยิ้มแบบกวนตีน กวนตีนหรือเปล่า”

เอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นไหว แม้จะพยายามแล้วแต่ก็ระงับความรู้สึกที่เหมือนมีบางอย่างกดทับลงมาในอกไม่ได้

“คนเดียวกันนั่นแหละ เห็นว่ารถชนได้สองเดือนแล้วนี่ ตั้งแต่ที่มึงไปอังกฤษนั่นแหละ แต่แม่งไม่ตายว่ะ ไอ้ห่านี่นอกจากจะบ้าเลือดแล้วยังดวงแข็งอีก สุดยอดจริง ๆ นรกแม่งยังไม่เอาเลย”

สองเดือน ตั้งแต่วันที่มาที่นี่

ตั้งแต่วันที่.......ความสัมพันธ์ของเราจบลงอย่างง่ายดาย กัส........

“ตอนนี้ดีแล้วใช่มั้ย หายแล้วใช่มั้ย”

เป็นห่วงเป็นใยอย่างเห็นได้ชัด เป็นห่วงมากจนเพื่อนจับสังเกตอาการได้

“มึงจะอะไรกับมันนักหนา สนิทกันหรือก็เปล่า กูก็ไม่รู้อะไรมากหรอก มีหลายกระแส บางคนก็ว่ามันตาย บางคนก็ว่ามันเป็นเจ้าชายนิทรา บางคนก็ว่าวิญญาณใครไม่รู้มาเข้าร่างมัน”

พูดเพ้อเจ้ออะไรวะ กูต้องการข้อมูลที่เป็นเนื้อหาไม่ใช่เรื่องใส่สีตีไข่บ้าบอพวกนี้

“ตกลงมันเป็นยังไง เอาให้ชัวร์สิวะ กูขอแบบชัวร์ที่สุด”

ชัวร์ที่สุดเหรอ ก็คงเป็น.....

“มันหยุดพักรักษาตัวเดือนครึ่ง เห็นว่าพอแม่งกลับมาอีกทีก็เป็นห่าอะไรไม่รู้ เหมือนพวกเด็กเอ๋อ นั่งเฉย....ตาลอย ไม่คุยกับใคร ใครด่าใครกวนตีนขนาดไหนก็เฉย”

กัส....

“ช่วยกูอย่างหนึ่งได้มั้ย”

ให้ช่วยอะไรวะ

“ดูกัสให้หน่อยได้มั้ยวะนิว มึงช่วยดูให้หน่อย อย่าให้ใครทำอะไรมัน ขอร้องนะ มึงช่วยดูให้หน่อยเถอะระหว่างนี้”

มึงนี่ชักจะยังไงแล้วนะไอ้หยก มึงทำเหมือน.........มีใจ....

“ทำไมกูต้องดู”

สงสัยและไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่อยู่ไกลถึงอังกฤษต้องร้อนรนเพราะใครบางคนที่ได้ชื่อว่าไม่น่าคบหามากที่สุด

“ถือว่าช่วยกู ได้มั้ยนิว กูขอร้องจริง ๆ ช่วยหน่อย”

ก็....ถ้ามึงขอร้องขนาดนั้น กูก็คงจะช่วยดูให้ แต่คงได้แค่ห่าง ๆ จะไปยุ่งวุ่นวายมากก็ไม่ค่อยดี

“มีคนจ้องกระทืบมันอยู่ ตั้งแต่มันกลายเป็นแบบนี้เพื่อนก็หายหมด ที่เคยซิ่งด้วยกันก็หาย ที่เคยรวมกลุ่มก็หาย กลุ่มมันพอไม่มีไอ้เจ๋งแล้วก็ไม่มีความหมาย”

ก็คงจะอย่างนั้น เพราะว่าไม่มีใครขึ้นมาแทนมันได้ มันทั้งบ้า ทั้งไม่กลัวตาย เลือดร้อน และพร้อมจะวิ่งเข้าชนทุกอย่าง

ไม่รู้ว่าทำไมกัสมันถึงได้บ้าบอได้ขนาดนั้น เคยคิดว่ามันเล่นยา แต่ก็ไม่ใช่ เพราะแม้แต่บุหรี่มันก็ยังไม่สูบ แบบนั้นมันผิดปกติเกินไป

บางครั้งที่เหมือนมันดีใจ แค่ของเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ถ้ามันอยากได้แล้วได้มาไว้เป็นของตัวเอง มันจะดีใจมาก

ดีใจจนเกินเหตุ

และบางครั้งที่มันเสียใจมันก็เสียใจมาก อาการหนัก....แม้จะไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน แต่เวลาที่ได้เจอ จะรู้ได้ทันทีว่ากัสมันเสียใจ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันแสดงออกมาทางสีหน้าหมด

สิ่งที่กัสไม่เหมือนคนอื่นคือมันคอยแต่จะถามเวลา

กี่โมงแล้ว
จะไปกี่โมง
จะกลับกี่โมง
จะนัดเจอกันกี่โมง

เหมือนเวลาของมันทุกวินาทีมีค่ามาก มันมักจะพะว้าพะวงอยู่กับเข็มนาฬิกาเสมอ แล้วเวลาที่อยู่กับกู..มึงเคยคิดเรื่องเวลาบ้างมั้ย คิดมั้ยว่าผ่านไปกี่นาทีแล้ว และเรายังจะได้เจอกันอีกนานแค่ไหน

..........มึงเคยคิดบ้างมั้ยกัส........

“จะยังไงก็แล้วแต่ กูฝากมึงด้วยนะนิว ดูให้กูหน่อย ขอบใจมากนะ แค่นี้ก่อนนะ กูต้องไปทำงานพิเศษแล้ว”

วางสายไปเรียบร้อย

และในหัวมีแต่ความรู้สึกบางอย่าง พะว้าพะวง จิตใจสับสนว้าวุ่นไปหมด

ไม่น่าเลย ไม่น่ามาไกลถึงขนาดนี้ มาถึงนี่เพื่ออะไร มาเพื่อหนีความรู้สึกที่ตามหลอกหลอน มาเพื่อจะเริ่มต้นทุกอย่างใหม่ แต่สุดท้ายก็เพิ่งจะรู้ว่าหนีอะไรก็หนีได้ แต่หนีความรู้สึกของตัวเองไม่พ้น

ห่วง
เป็นห่วง
ตอนนี้มีแต่ความกังวล เพราะได้ฟังเรื่องราวของใครบางคนที่บอกตัวเองเอาไว้ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยอีก

แล้วทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ ถึงได้ว้าวุ่นใจ และเหมือนกับจะเป็นจะตายแทนคนที่อยู่ห่างไกลออกไปขนาดนี้

กัส....ไม่เป็นปกติ
ไม่เหมือนอย่างที่เคยเป็น

อยากกลับไป
อยากกลับไปให้เห็นกับตา

อยากรู้ อยากเห็นด้วยตาตัวเอง อยากมั่นใจว่ากัสจะไม่เป็นอะไร

อยาก.....กลับไปดูหน้าอีกสักครั้ง

แต่จะกลับไปได้ยังไง ในเมื่อไม่มีเงิน ไม่มีเงินมากพอที่จะกลับไป

ต้องหาเงิน ต้องรีบหาเงินให้เร็วที่สุด ต้องล้างจานกี่ใบ ต้องทำงานกี่ชั่วโมง ทำเกินเวลาที่กำหนดก็ไม่ได้ แล้วจะทำยังไง

มัวคิดไปก็เปล่าประโยชน์
ต้องลงมือทำถึงจะถูก

หยกลุกขึ้นยืน และเดินไปหยิบเสื้อโค้ทมาสวมทับและหยิบร่มติดมือมาด้วย

ใช่....ถ้าจะกลับไปต้องหาเงินค่าตั๋วเครื่องบินให้ได้ก่อน
ทำงาน....
ต้องรีบไปทำงาน มามัวนั่งคิดเป็นห่วงกังวลอย่างเดียวอยู่แบบนี้ไม่ได้ เปิดประตูและก้าวขาเดินมาตามทางเดิน
อากาศที่นี่มืดครึ้มอยู่เสมอ และแทบไม่มีแดด ทำให้จิตใจที่หม่นหมองยิ่งหมองเศร้าเพิ่มขึ้นกว่าเดิม

เงยหน้ามองท้องฟ้าแล้วก็เห็นหยาดฝนโปรยปรายเป็นละอองลงมา

อากาศทั้งเย็นทั้งหนาว แต่ไม่แย่เท่าหัวใจที่กำลังเย็นยะเยือก

เดี๋ยวกูจะรีบกลับไปนะกัส กูจะรีบกลับไปเร็ว ๆ อย่าเพิ่งถูกใครกระทืบตายห่าไปซะก่อนล่ะ รอกูก่อน กูจะกลับไปสมน้ำหน้ามึงให้สะใจ กูบอกแล้วก็ไม่เคยเชื่อว่าอย่าดื้อ อย่าหาเรื่องให้ตัวเองมากนัก แล้วทำไมมึงถึงไม่เคยเชื่อกูเลย

แล้วทีนี้เป็นยังไง
ซึ้งเลยมั้ย

เสือกเป็นตอนที่กูไม่อยู่ด้วย มึงมันขยันหาเรื่องให้กูเป็นห่วงได้ตลอดเวลานะกัส

ที่กูไม่เคยพูดถึงเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับมึง ไม่ใช่ว่ากูไม่รู้ แต่เพราะกูรู้ทั้งหมดแม้มึงจะไม่เล่าก็เถอะ แต่จะมีประโยชน์อะไร

ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดถึงทุกเรื่องที่มึงไม่อยากเล่า กูไม่พูด เพราะพูดไปมึงยิ่งไม่พอใจ

ทั้งที่ไม่ว่าเวลาไหนกูก็เป็นห่วงมึงตลอด
แม้ในเวลานี้ที่กูพยายามตัดใจและยุติเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับมึงแล้วทั้งหมด

แต่กูก็ยังโง่เดินหลงวนเวียนไปมา ในเขาวงกตที่เห็นทางอยู่ข้างหน้าแต่กูก็ไม่ยอมออกไปซะที

ยังจะเฝ้าวนเวียนอยู่อย่างนั้น

“มึงมันเหี้ยมากไอ้กัส เมื่อไหร่มึงจะเลิกทำตัวแบบนี้ ก็เพราะมึงขยันหาเรื่องให้เป็นห่วงแบบนี้ได้ตลอด กูก็เลยเลิกเป็นห่วงมึงไม่ได้ซะที”


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและผูกพันเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 07-06-2014 23:59:07
โอ้ยยยยย หนูร้องไห้จริงไม่ต้องจ้างสตั๊นเลย ไหลนองประหนึ่งพายุน้ำป่า  :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและผูกพันเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-06-2014 00:04:22
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)

ด้วยรักและคิดถึง# เด็กฝาก

มือสั่น
ตักข้าวแล้วแต่ต้องถือช้อนค้างไว้แบบนั้น เพราะว่าไม่สามารถบังคับมือที่ถือช้อนได้ สุดท้ายก็เลยต้องวางช้อนลง และนั่งมองข้าวในจาน

มันจะดีขึ้นเรื่อย ๆ จากนี้จะดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อก่อนแม้แต่จะลุกขึ้นนั่งยังทำไม่ได้เลย
พ่อบอกว่าต้องใจเย็น ๆ
ต้องใจเย็น ๆ

แล้วจะต้องเย็นไปจนถึงเมื่อไหร่ ถึงเมื่อไหร่ ถึงเมื่อไหร่

จะต้องใจเย็นไปจนถึง................

รู้ว่ากำลังโมโห มันจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อาการพวกนี้ไม่เคยดีขึ้นเลย ความรู้สึกหงุดหงิดไม่พอใจที่บางครั้งไม่สามารถควบคุมได้
มันจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

และมันจะดีขึ้นถ้า........

กัสใช้ช้อนตักข้าวเข้าปากอย่างรวดเร็ว และครั้งนี้ ...สามารถตักข้าวใส่ปากได้แล้ว...

มองช้อนมองชาม มองอาหารที่ยังพร่องไม่ถึงครึ่ง แต่ก็ดีใจ วันนี้....กินข้าวเองได้แล้ว กินได้มากกว่าวันก่อน

สามารถใช้มือตักข้าวได้ดีกว่าวันก่อน

แค่เพียงเท่านี้ ทำได้แค่นี้ แต่ก็ดีใจ ดีใจมาก

ไม่สนใจคนรอบข้าง
ไม่สนใจว่าจะมีใครมอง

ไม่สนใจถ้าถูกมองว่าเป็นตัวประหลาด

นั่งตาลอย และดวงตาก็เริ่มหรี่ปรือลงเป็นพัก ๆ

ใครบางคนนั่งอยู่ห่างออกไป
มองอยู่ห่าง ๆ

เป็นแบบนี้มาพักใหญ่ เพราะว่ามีคนฝากให้ดูแล แต่ไม่รู้จะดูแลยังไง

ใช่ที่เคยรู้จักกัน แต่นั่นมันไอ้เจ๋ง ไม่ใช่คนที่นั่งเหม่อและไม่มีพิษมีภัยกับใครคนนี้

ก้มมาสนใจกับการกินข้าว และไม่นานก็ต้องเงยหน้าขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่ามีใครบางคนกำลังเดินไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าคนที่เพื่อนฝากให้ดูแล

“ชิบหายแล้วไงล่ะ กูว่าแล้ว”

ไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะท่าทางทุกอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นกำลังเป็นอย่างที่คิด นิวลุกขึ้นและรีบก้าวขายาว ๆ ไปที่โต๊ะที่เริ่มมีคนหลายคนลุกขึ้นมารุมล้อมอยู่

“เฮ้ย มีอะไรกันวะ”

ตะโกนมาแต่ไกล และคนที่อยู่ในกลุ่มก็หันไปมองคนที่ตั้งคำถาม

หลายคนในกลุ่มสลายตัวเรียบร้อย และก็เป็นนิวที่มายืนอยู่ตรงหน้าของคนที่กำลังเงยหน้าขึ้นมามอง

“มีอะไรวะ”

ถามไปก็เท่านั้นเพราะคนที่ทำตาลอย แค่เงยหน้าขึ้นมองและนั่งนิ่ง ๆ เหมือนเดิม

“มึงอ่ะ”

ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง แค่พูดก็ยังพูดไม่ออก สุดท้ายก็เลยนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม และจ้องมองใบหน้าของคนที่นั่งเหม่อและเหมือนไม่ได้สนใจคนที่อยู่ตรงหน้าเลยสักนิด

“เมื่อก่อนมึงไม่ธรรมดา เข้าใจใช่มั้ย”

เข้าใจ
เข้าใจสิ เพียงแต่ภาพมันไม่ค่อยชัดเท่านั้น แต่ก็ไม่ใช่ไม่รู้ว่าตัวเองเคยทำอะไรมา

ไม่ได้สูญเสียความทรงจำไปทั้งหมด มันจะค่อย ๆ เริ่มกลับมา จะเริ่มจำทุกสิ่งทุกอย่างได้เรื่อย ๆ เลยไม่แปลกใจที่ถูกหาเรื่อง ก็รู้ว่าจะต้องเจอแบบนี้

“ถ้าหนี....ก็......ถ้า..หนี...ต้อง.....ถ้าหนีต้องหนีไปตลอด”

เรียบเรียงประโยคที่จะพูด และก็สามารถพูดออกมาได้

คำพูดง่าย ๆ ที่คล้ายไม่เป็นประโยคแต่เมื่อฟังดี ๆ ก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดอะไร นิวถอนหายใจเฮือกใหญ่

ก็รู้ตัวนี่หว่าว่าจะต้องเจอแบบนี้ แต่แม่งก็ยังกล้ามาเรียน มันรู้ด้วยว่าจะถูกมองแบบไหน แต่มันก็ยังกล้ามา
ไม่ว่าจะคนนี้หรือคนเดิม สิ่งที่เหมือนกันคือความบ้าของมัน

ไม่คิดจะหนี
ไม่เคยถอย

“มึงมันเจ๋งสมชื่อมึงนั่นแหละ”

ไม่ใช่
นั่นไม่ใช่ชื่อที่อยากให้เรียก

“กัส…กัส...ชื่อ...”

ชี้นิ้วไปที่ตัวเอง และพยายามพูดออกมา

พูดชื่อของตัวเองที่อยากให้ใคร ๆ เรียก ไม่ใช่ชื่อเดิม แต่เป็นชื่อนี้ที่อยากให้ทุกคนเรียก

“เออ...กัส ก็กัส....”

อือ
ใช่
เรียกแบบนั้น เรียกแบบนั้นถูกแล้ว

พอใจกับชื่อที่ถูกเรียก และกัสก็เริ่มใช้ช้อนตักข้าวอีกครั้ง
ค่อย ๆ ทำ
ค่อย ๆ ตัก

เปลี่ยนมือเป็นพยายามใช้ส้อมจิ้มอาหาร ค่อย ๆ ...... ใช้ส้อมจิ้มไปที่หมูทอดในจาน และไม่ว่าพยายามแค่ไหนก็ไม่สามารถทำได้

ทำไม่ได้...และคนที่นั่งมองอยู่ก็ดึงส้อมที่อยู่ในมือกัสออกและช่วยจิ้มชิ้นหมูทอดส่งให้

เงยหน้าขึ้น
มองหน้าคนที่ช่วยเหลือเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ
และก็เป็นนิวที่เพียงแค่ได้สบตาตรง ๆ กับดวงตาคล้ายเลื่อนลอยของคนที่อยู่ตรงหน้า และเมื่อได้เห็นประกายของความรู้สึกบางอย่างในดวงตาคู่นั้นก็ทำให้นิวถึงกับนิ่งงัน

ความรู้สึกดีใจอย่างท่วมท้น มันฉายชัดในดวงตาคู่นั้น แค่ช่วยใช้ส้อมจิ้มชิ้นหมูทอดให้แค่นี้ทำไมถึงได้มองกูขนาดนั้นวะ

ดีใจอะไรนักหนา
ทำเหมือนว่าดีใจมาก

ทำเหมือนว่าดีใจมากจนทางนี้ยังรู้สึกได้

ทำไมวะ.....เรื่องแค่นี้เองทำไมถึงได้ดีใจ

“นิว”

จำได้
จำได้ว่าคนนี้ชื่อนิว ไม่ได้คุยกันบ่อย ๆ แต่เคยเห็นและจำได้ลาง ๆ

ชื่อนิว

จำได้
ชื่อนิว จำได้ว่าชื่อนิว ชื่อนิว จำได้

กัสถือส้อมเอาไว้ และกำลังพยายาม....

“ช่วย”

แค่จับข้อมือ นิวช่วยจับข้อมือให้ และกัสก็สามารถใช้ส้อมที่จิ้มหมูทอดเข้าปากได้

เคี้ยว
ค่อย ๆ เคี้ยว

ก่อนจะอมยิ้ม
รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก สายตาที่มองมามีแต่ความดีใจ ดีใจ จนนิวต้องนิ่งมอง และสบตากับดวงตาคู่นั้นตรงๆ

ความรู้สึกหลากหลายที่อธิบายไม่ได้แบบนี้มันคืออะไร

“ขอบ....ใจ”

คำพูดง่าย ๆ
คำพูดง่ายดายที่ทำให้นิวแทบลืมหายใจ และสายตาก็จับจ้องไปที่ใบหน้าของคนที่เอ่ยคำว่าขอบใจนิ่ง ๆ

มองแล้วก็ไม่เข้าใจความรู้สึกที่เกิดขึ้น
มองแล้วก็ได้แต่นิ่ง

สุดท้ายคิดอะไรไม่ออกนอกจากพูดได้คำเดียว

“เอ่อ...เรื่องแค่นี้เอง.....ไม่เป็นไร”

 

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและผูกพันเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-06-2014 00:07:37
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)

ปล.ด้วยรักและคิดถึง # ใคร

เรารู้จักกันโดยบังเอิญเมื่อสองปีก่อน และความทรงจำมันก็ยังคงกระจ่างชัดจนถึงวันนี้

“พี่หยกแม่งหล่อว่ะ”

เพ้อเจ้ออะไรพูดไม่เห็นรู้เรื่อง
หยกถึงกับส่ายหน้าเมื่อรุ่นน้องที่นั่งติวอยู่โต๊ะเดียวกันเริ่มชมรอบที่ร้อยของวัน

“เรียนไป”

ออกคำสั่งและส่ายหัวเพราะรุ่นน้องก็ยังจ้องหน้าไม่วางตา

“เอาจริงๆ นะพี่ ถ้าผมเป็นผู้หญิงนี่นะ กรี๊ดพี่ตายห่า”

ตลกน่า เลิกพูดจาเหลวไหลเหอะ

“เอามั้ยล่ะ หล่อแต่จน ไม่มีเหี้ยอะไรสักอย่าง นอกจากมอร์ไซด์เก่า ๆ หนึ่งคัน”

พูดแล้วก็หัวเราะเสียงเบา ก่อนจะใช้ปากกาขีดไปที่ข้อความในหน้าหนังสือและส่งให้รุ่นน้องอ่าน

“ติวมากก็ไม่ใช่ว่าจะตั้งใจติว กลับบ้านไปอ่านเองเหอะ กูจะกลับหอแล้ว”

ปิดหนังสือและหย่อนลงในกระเป๋าเป้ที่เอามาด้วย ก็ถ้าน้องรหัสมันจะไม่ตั้งใจเรียนขนาดนี้ ติวไปก็เสียเวลาเปล่า เหนื่อยๆ ด้วย อยากกลับบ้านไปนอน

“โห่พี่ ก็วันนี้ผมไม่มีแรงจะติวจริงๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้นะพี่”

“นี่กูชื่อหยกไม่ใช่ชื่อรัน มึงเลิกทำตาละห้อยเหอะ ไม่งั้นกูจะโบกกบาลซะทีให้หายเพี้ยน”

แกล้งว่าและก็หัวเราะชอบใจเมื่อรุ่นน้องทำหน้าเซ็งโลกและปิดหนังสือตามก่อนจะหย่อนลงในกระเป๋า

“มึงอย่าลืมนะเพียร หน้านั้นปีไหนก็ออกตลอด”

เน้นย้ำไปอีกครั้ง และรุ่นน้องก็พยักหน้ารับ ก่อนจะพนมมือไหว้พร้อมกับเอ่ยปากขอบคุณ

“พี่หยกขอบคุณมากพี่”

เออ ไม่เป็นไร ถือว่าช่วย ๆ กัน

“เออ กูกลับหอก่อน ง่วงนอนว่ะ แล้วเจอกัน”

ลุกขึ้นและสะพายกระเป๋าเรียบร้อย ก่อนจะล้วงมือไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบกุญแจรถมอร์เตอร์ไซด์คู่ชีพที่ขับมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมจนถึงป่านนี้

ก็อย่างที่บอกไอ้เพียรนั่นแหละ หล่อแต่จน ใครเขาจะเอา อีกอย่างก็ไม่เคยคิดเรื่องพวกนั้นด้วย มัวแต่สนใจอยู่กับการเรียน ถ้าขืนมัวแต่คิดเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ไม่รู้ชาติไหนจะเรียนจบ เอาจิตใจไปฝักใฝ่คิดแต่เรื่องอื่นซะหมด ต่อไปในอนาคตคงลำบาก

พ่อแม่ส่งมาเรียน ก็เรียนให้คุ้มกับเงินที่พ่อแม่ส่ง พ่อกับแม่อุตส่าห์ช่วยกันทำงาน เพื่อให้เรียนอย่างเดียว ไม่ต้องทำงานจะได้จบเร็ว ๆ แล้วเรื่องอะไรถึงไม่เคารพในความพยายามของพ่อแม่และไม่รีบตั้งใจเรียนให้จบ ๆ ล่ะ

คิดอะไรไปเรื่อย และหยกก็เดินมาถึงลานจอดรถ มองหามอร์เตอร์ไซด์คู่ชีพก่อนจะเสียบกุญแจรถลงไป หยิบหมวกกันน็อคมาสวมและขึ้นมานั่งเรียบร้อย บิดคันเร่งและขับออกไปจากมหาวิทยาลัย จุดมุ่งหมายถัดไปคือกลับหอ

เหนื่อย
และง่วง
การติวให้รุ่นน้องก็เหมือนเป็นการทบทวนการเรียนไปในตัว
ได้ประโยชน์ทั้งคนเรียน คนสอน แต่เมื่อคืนนี้อ่านหนังสือดึกไปหน่อยก็เลยรู้สึกว่าวันนี้ทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย

อยากกลับไปนอนพัก
รู้สึกว่าล้าไปหมด ทั้งล้าทั้งเหนื่อย กลับไปนอนที่หอ นอนหลับสักตื่น คงจะดีขึ้น

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและผูกพันเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-06-2014 00:08:48
“ไปสิโว้ยยย มึงจะรอให้พวกเหี้ยนั่นมากระทืบกูหรือไงวะ ไฟแดงเหี้ยอะไรเนี่ย มึงก็ฝ่าไปสิโว้ยยยยยยยยย เหี้ยเอ้ยยย”

เฮ้ยยยยย

หยกถึงกับทำอะไรไม่ถูก เมื่ออยู่ดี ๆ คนที่ไม่รู้จักก็กระโดดขึ้นมาซ้อนท้ายอย่างรวดเร็ว

มั่นใจยิ่งกว่ามั่นใจ
แน่ใจว่าไม่รู้จักคนที่กระโดดมาซ้อนท้ายแน่ ๆ

แล้วอยู่ดี ๆ ก็มาสั่งแล้ว...........เฮ้ยยยยยยยยย

มีกลุ่มนักเรียนกลุ่มใหญ่วิ่งตรงมาทางนี้พร้อมอาวุธครบมือ แค่เห็นหยกก็รู้แล้วว่าต้องบิดคันเร่งทันที

ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าขืนไม่บิดคันเร่งคนที่ซ้อนท้ายอยู่คงไม่รอดแน่ ๆ
หยกตัดสินใจบิดคันเร่งมอร์เตอร์ไซด์ และขับฝ่าไฟแดงไปแบบไม่คิดชีวิต

เหี้ยยยยยยยยยยย
มันเรื่องอะไรของกูวะเนี่ย

ปัง..........

เสียงดังสนั่นหวั่นไหวดังไล่หลังมา คงเป็นเสียงปืน และหยกก็ยิ่งต้องบิดคันเร่งให้มากขึ้นจนถึงร้อย

มึงยิงกัน แล้วมาเกี่ยวอะไรกับกูวะ
กูไม่ได้อยากยุ่งกับพวกมึงนะโว้ยยยยยยยยย แล้วไอ้คนซ้อนท้ายที่เป็นใครวะ

ไม่ถาม
ไม่ทันถามอะไรทั้งนั้น นอกจากบิดหนีให้เร็วที่สุด
ฝ่าออกไป โชคดีที่ไม่มีรถตาม ไม่อย่างนั้นคงยิ่งแย่กว่านี้

ขับไปแบบไม่รู้ทิศรู้ทาง สุดท้ายนึกขึ้นได้ว่าเป็นทางลัดกลับหอ

มองไปที่สองข้างทาง เห็นว่าทางสะดวกแล้วคิดจะชะลอรถแต่สัมผัสได้ถึงบางอย่างที่แนบมาที่แผ่นหลัง

อ้าวเหี้ย
ซบกูเฉยเลย

ยังไงวะ.....

ยังไง......
ชะลอรถ และค่อย ๆ เลี้ยวเข้าข้างทาง จอดรถเรียบร้อยและเหมือนคนที่ซบอยู่ที่หลังจะรู้สึกตัวจึงยอมผละออกห่าง

ไม่รู้จัก
แน่ใจว่าไม่รู้จักแน่ ๆ

จอดรถเรียบร้อย และคนซ้อนก็ลงมายืนประจันหน้าด้วย

เด็กผู้ชายวัยรุ่นสภาพเหมือนผ่านศึกสงครามมาอย่างดุเดือด ฝ่ามือกุมแน่นที่ต้นแขน และหยดเลือดก็ไหลซึมออกมาตลอดเวลา

“เฮ้ยยย น้อง ยังไงเนี่ย ไปหาหมอมั้ย”

ถามออกไปด้วยความตกใจ แต่คนตรงหน้าส่ายหน้าและหยิบมีดพกออกมาขู่

“อย่าเสือก กูจะไปบ้านมึง”

อ้าววววววววว เหี้ยแล้วมั้ยล่ะ
พี่อุตส่าห์ช่วยนะครับ เสือกชักมีดมาขู่กันแบบนี้ แล้วดูสภาพเลือดโชกขนาดนี้ ยังกล้าชักมีดมาขู่

บอกตรง ๆ กระโดดถีบทีเดียวก็อยู่แล้ว

“ขอร้องกันดี ๆ ก็ได้ เก็บมีดไปดีกว่ามั้ย ไหน ๆ พี่ก็ช่วยน้องขนาดนี้แล้ว ไม่ขอบคุณพี่ไม่ว่านะครับ แต่พลเมืองดีอย่างพี่ต้องมาเจอแบบนี้เหรอ นี่มันคุ้มกับการทำดีมั้ยครับน้อง”

ใช้น้ำเย็นเข้าลูบ

ยกมือขึ้นสองข้างเหมือนเป็นการบอกว่าไม่ได้มีเจตนาร้าย ขอให้วางใจได้

และก็เป็นฝ่ายนั้นที่มีสีหน้าเหมือนลังเลชั่วครู่ ก่อนจะยอมพับมีดและเก็บใส่กระเป๋าเสื้อเหมือนเดิม

“โอเคครับ ดีแล้วล่ะ ยังไงพี่ไปส่งโรงพยาบาลมั้ย”

โรงพยาบาล

ไม่ไป
ยังไงก็ไม่ไป ถ้าพ่อรู้แย่แน่ ๆ

“ใครน้องมึง”

อ้าว ปากอย่างนี้ น่าปล่อยให้โดนกระทืบตายซะหมดเรื่อง
ไม่น่าช่วยแม่งเลยจริง ๆ สันดานเสียสุด ๆ
พ่อแม่สั่งสอนบ้างมั้ยวะ สันดานแบบนี้ไงถึงจะถูกกระทืบตายคาตีน ไม่แปลกใจเลย คนอุตส่าห์ช่วยแท้ ๆ

“งั้นก็แล้วแต่คุณเถอะครับ ไม่ไปก็ไม่ไป งั้นผมไปล่ะ”

ก็ไม่ได้ปรารถนาจะให้ช่วยไม่ใช่เหรอ
แล้วเลือดออกแค่นี้ คงไม่ถึงกับตายหรอกมั้ง
คนจะตายที่ไหนเขาเอามีดขู่คนที่ช่วยชีวิตล่ะ ไม่ขอบคุณไม่ว่า แต่ยังมาด่ากันซะอีก ก็แล้วแต่แล้วกัน

ช่วยให้พ้นขนาดนี้แล้ว ที่เหลือก็เอาตัวรอดเองเถอะ

“กูจะไปบ้านมึง”

อ้าว

มึงบ้าหรือเปล่า ใครเขาจะให้โจรเข้าบ้านกันล่ะ ถึงจะใส่ชุดนักศึกษาก็เถอะ แต่แบบนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับโจรหรอก

“ไม่ได้ครับ”
เตรียมตัวจะขับมอร์เตอร์ไซด์ชิ่งหนีให้เร็วที่สุดและไอ้เด็กเวรนั่นก็หยิบมีดพกออกมาอีกครั้ง

“มึงจะไปไม่ไป”

เออดี
มึงขอร้องคนด้วยวิธีนี้เหรอ เลือดจะหมดตัวตายอยู่แล้วก็ยังกล้า ฤทธิ์เยอะชิบหายเลยวะ แล้วมันจะกลายเป็นเรื่องชาวนากับงูเห่ามั้ยเนี่ย

ไม่ได้กลัว
แต่ท้อใจ
ไม่ใช่คนใจดำ แต่ก็อดสงสารไม่ได้
หยกถึงกับส่ายหน้าด้วยความระอา ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่และพูดกับคนตรงหน้าที่เลือดยังไหลไม่หยุด และก็เห็นว่ามีเหงื่อผุดขึ้นที่ใบหน้าซีดขาวนั้นเต็มไปหมด

“เก็บมีดไปเหอะ แล้วเดี๋ยวจะพาไปทำแผลแล้วกัน ถ้าจะให้ช่วยก็ขึ้นมา”

เอ่ยบอก
และหยกก็จัดการสตาร์ทมอร์เตอร์ไซด์

ไอ้เด็กนั่นขึ้นมาซ้อนท้ายเรียบร้อย และมันก็เก็บมีดพกใส่กระเป๋าไปแล้ว

มึงจะกลัวอะไรนักหนาวะ
กูเนี่ยพลเมืองดีที่สุดในโลกแล้ว

ถ้าเป็นคนอื่นนะ โดนมึงชักมีดขู่ขนาดนี้เขากระทืบมึงตายไปนานแล้วไม่ปล่อยให้มึงยืนขู่เขาได้หรอก

แล้วก็ไม่มีใครหน้าไหนบ้าพอที่จะพาคนที่ขู่กันขนาดนี้ขึ้นรถมาด้วยหรอก

เพราะมันเสี่ยงแล้วก็อันตราย
แต่พอดีกูทนเห็นคนตายต่อหน้าต่อตาไม่ได้ ก็เลยช่วย

ก็เลยโง่ช่วยมาด้วย
ทั้งที่แม่ง...........อ้าว......ซบกูอีก

ซบกูซะงั้น
ซบเข้าไปสิ
ซบเข้าไปสิวะ

ซบจนกูจะหวั่นไหวอยู่แล้วเนี่ย

ถ้าจะซบหลังกูขนาดนี้นะ ถึงหอเมื่อไหร่ คงได้ลากไปทำอย่างว่ามากกว่ารักษาแผลกันพอดี

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและผูกพันเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-06-2014 00:09:31
ไม่เคยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับคนที่พามาด้วยเลย

ตั้งแต่วันนั้นที่ได้เจอกันแบบไม่เคยคิดฝัน
จำได้ว่ากัสนอนไข้ขึ้นอยู่ที่หออยู่เกือบสี่วัน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงต้องดูแล แต่คนที่นอนป่วยในสภาพสิ้นฤทธิ์ก็ทำให้อดสงสารไม่ได้

ดูแลอยู่นานถึงสี่วัน
และในวันที่ห้า กัสก็หายไป

หายออกไปจากห้องโดยไม่มีการขอบคุณสักคำ

น่าโมโหที่สุด
ทำตัวน่าโมโหมาก

โมโหจนถึงกับโกรธอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยงเมื่อกลับหอมาแล้วพบแต่ความว่างเปล่า ไม่เจอคนที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงเหมือนทุกวัน

หิ้วข้าวมาเก้อ

ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้โมโหนักหนา ตลอดสี่วันแทบไม่ได้พูดคุยกันเลยด้วยซ้ำ เพราะกัสไม่ยอมพูดอะไรเลย
ไม่บอกชื่อ ไม่บอกว่าเป็นใครมาจากไหน นึกอยากจะไม่พูดก็ไม่พูดซะอย่างนั้น

เป็นทางนี้ที่หงุดหงิดโมโห แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากดูแลไปตามสภาพ และคิดหวังจะให้คนที่ทำตัวแย่ ๆ คนนั้นรีบ ๆ ออกจากห้องไปให้เร็วที่สุด

แต่เมื่อออกไปจริง ๆ โดยที่ไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้ให้ติดตามก็กลายเป็นหยกที่ใจหายซะเอง เมื่อมองไปในห้องที่เคยว่างเปล่าและมีคนหนึ่งคนมาขออยู่ด้วยแค่สี่วัน ห้องมันดูอุ่นขึ้น รู้สึกเหมือนมีใครกำลังรอคอย แต่วันที่กลับมาแล้วไม่เจอใครเลย ความรู้สึกบางอย่างที่ไม่น่าเชื่อว่าจะรู้สึกได้ ก็ทำให้หยกรู้สึกขึ้นมา ทั้งที่อยู่คนเดียวมานานไม่เคยรู้สึกอะไร

แต่วันที่กัสออกจากห้องไปโดยไม่บอกกล่าวก็ทำให้รู้สึก

เหงา.....สินะ แบบนี้เองที่เรียกว่าเหงา

อาการเหงามันเป็นแบบนี้นี่เอง

ความรู้สึกนั้นมันก็คงคล้ายวันนี้
บางทีมันก็คงจะเหมือนวันนี้........ที่สัมผัสกับความเหงาอย่างเต็มที่

“กัส....รอหน่อยนะ”

เอ่ยบอกบางอย่างที่ไม่เคยส่งไปถึง คำพูดบางอย่างที่ไม่เคยส่งไปถึงใครบางคนที่อยู่แสนไกล

หยกไม่เคยคิดว่าคำพูดนั้นจะส่งไปถึงใครบางคนที่ไม่เคยยอมรับรู้ความรู้สึกบางอย่างของหยกเลยสักนิด

กัสยังคงพยายามใช้ส้อมจิ้มหมูทอด
และความพยายามครั้งนี้ก็ล้มเหลวอีกเช่นเคย

และคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าก็ทำเหมือนที่เคยทำ

“ช่วย”


แค่จับข้อมือ
นิวช่วยจับข้อมือให้ และกัสก็สามารถใช้ส้อมที่จิ้มหมูทอดเข้าปากได้

เคี้ยว
ค่อย ๆ เคี้ยว

ก่อนจะอมยิ้ม
รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก
สายตาที่มองมามีแต่ความดีใจ

เหมือนเห็นเงาของใครบางคนซ้อนมาในความรู้สึก

ครั้งหนึ่งเหมือนเคยพยายามจะจับส้อมจิ้มอาหาร แต่ก็ทำไม่ได้ และคล้ายมีใครบางคนช่วยให้สามารถกินอาหารได้ แบบนี้

ไม่รู้ว่าคนที่ช่วยเป็นใคร
มันเลือนลางมาก และเหมือนเห็นเงาของใครบางคนซ้อนขึ้นมา

“ขอบ....ใจ”

ครั้งหนึ่งเหมือนเคยพยายามจะพูดคำพูดนี้ออกไป แต่ไม่สามารถทำได้

ทำไม่ได้
ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่พูดคำว่าขอบใจออกไป

แต่ครั้งนี้กัสกล้าพูดมันออกมาแล้ว

ทั้งที่ก่อนหน้านั้นกับใครบางคนไม่เคยกล้าที่จะพูด

ใคร.....
คนที่เหมือนลืมไปแล้ว และคิดไม่ออกคนนั้นคือใคร

คนที่มีรอยยิ้มเย็น ๆ และคอยช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลาคนนั้นคือใคร

คนที่กอดเอาไว้เมื่อรู้สึกถึงความเหงา และเหน็บหนาวที่สุดคนนั้นคือใคร

กัสได้แต่นั่งตาลอย และมองอาหารในจาน เคี้ยวข้าวในปากไปเรื่อย ๆ แต่ในสมองกำลังพยายามนึก

นึกถึงใครบางคน
ที่ความทรงจำเกี่ยวกับคนนั้นหล่นหายไป

ใคร....

คนนั้นเป็นใคร

ตอบตัวเองไม่ได้ และยังคงสงสัยอยู่ตลอดเวลา
ใครคนนั้นที่ทำให้รู้สึกเป็นสุข และสบายใจทุกครั้งที่อยู่ใกล้
คน ๆนั้น คือใคร…..


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและผูกพันเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-06-2014 00:20:15
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง # การเอาคืนของโจ้

พ่ออยู่ไหนครับ ป่านนี้พ่อยังไม่มารับกัสเลย พระอาทิตย์กำลังจะตกดินแล้ว ไม่มีใครอยู่ที่นี่เลย
สนามบาสเก็ตบอลที่ใช้เป็นสนามฟุตซอล เงียบสงัดเพราะผู้คนทยอยกลับบ้านไปหมด

เหลือกัสอยู่คนเดียว
พ่อทำไมมารับกัสช้า

โทรศัพท์มือถือแบตเตอรี่หมดไปนานแล้ว เบอร์โทรศัพท์ของพ่อกัสก็จำไม่ได้ พ่อทำไมยังไม่มารับกัส ป่านนี้แล้วทำไมพ่อถึงยังไม่มา อาก็ไม่มา กัสรอพ่อตั้งแต่เลิกเรียน ป่านนี้พ่อก็ยังไม่ยอมมา


กัสนั่งเหม่อที่เก้าอี้ตัวเดิมข้างสนาม
นั่งรอมานาน จนยุงเริ่มกัดที่ขา
เจ็บ...
ใช้ฝ่าตบยุง แต่ก็ตบไม่โดน พลาดไปโดนขาตัวเองหลายครั้ง เกาไปที่แขนที่เป็นรอยแดงเพราะยุงกัด

เมื่อไหร่พ่อจะมา

ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ มีเศษเหรียญอยู่ไม่กี่บาท มองไปที่สนามที่มีเพียงความเวิ้งว้างแล้วสุดท้ายกัสก็ยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา

พ่อไม่ยอมมารับ
เสียใจ

ทำไมถึงได้เสียใจขนาดนี้
ทำไมพ่อยังไม่มา ทำไมพ่อมาช้า ทำไมพ่อ...ไม่มารับกัสกลับบ้านซะที

ทำไมพ่อ.....

ถามตัวเองแบบนั้น ถามย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ แต่ก็ไม่ได้คำตอบ
ไม่ทันจะลุกขึ้นยืนด้วยซ้ำ อยู่ดี ๆ ก็ลงไปกองกับพื้น โดยมีใครบางคนคร่อมทับเหนือร่างและกระหน่ำกำปั้นใส่ที่ใบหน้าของกัสอย่างรุนแรง

เจ็บ...
และรู้สึกถึงรสเค็มปร่าในปาก

อีกสองหมัดที่กระแทกซ้ำลงมาที่ใบหน้า และกัสก็นอนนิ่งอยู่อย่างนั้น

ในหัวเหมือนมีเสียงก้องบางอย่าง
มันฟังเหมือนเสียงวิ๊ง ๆ แต่กัสไม่รู้ว่ามันคือเสียงอะไร

นอนตาลอยอยู่อย่างนั้น และยกหลังมือขึ้นเช็ดที่ริมฝีปาก

ใครบางคนที่ยังกระชากคอเสื้อของกัสและกระแทกกัสลงกับพื้นอีกครั้ง ตอนนี้ยอมปล่อยกัสแล้ว และคนนั้นก็ยืนอยู่ตรงหน้ากัส พร้อมอาการหอบหายใจหนัก

“นั่นที่มึงเคยทำกูไว้”

กัสเคยทำไว้
เคยทำ.........อะไร

ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งอย่างช้า ๆ และคนที่ยืนอยู่ก็นั่งลงและกระชากคอเสื้อกัสอย่างแรงอีกครั้ง

“สะใจมั้ย ที่มึงเคยทำ”

ไม่สะใจเลย กัสไม่สะใจ
ผลักมือของคนที่กระชากคอเสื้อออก และเหมือนเห็นรอยยิ้มหยันบนใบหน้าของคนนั้น

โชคดีที่ฝ่ายนั้นยอมปล่อยแต่โดยดี และกัสก็มองหากระเป๋าที่กระเด็นออกห่างตัวไปไกล เอื้อมมือคว้ากระเป๋าและสะบัดหัวด้วยความมึนงง

เจ็บที่มุมปาก เจ็บที่ใบหน้า
เจ็บ แต่ไม่ได้ร้องไห้เสียใจ

ค่อย ๆ พยุงร่างกายและลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ
และก็เซล้มกลับลงมานั่งที่เดิม

ไม่ได้เสียใจหรือโกรธที่ถูกต่อย แต่ที่เสียใจที่พ่อยังไม่ยอมมา

พ่อไม่ยอมมารับกัส
พ่อทิ้งกัสไว้จนเย็นป่านนี้ พ่อ.........ทำไม....

เสียใจ
จนหยุดความรู้สึกตัวเองไม่ได้

น้ำตาหยดลงที่ข้างแก้มและเสียงสะอื้นไห้เบา ๆ ก็ทำให้คนที่นั่งมองด้วยความสะใจถึงกับชะงัก

รอยยิ้มหยันแปรเปลี่ยนเป็นความตกใจ

“ฮือ ฮึก ฮือออออ”

แรงขึ้นเรื่อย ๆ
จากที่เพียงแค่น้ำตาไหล เวลานี้คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าสะอื้นไห้จนตัวโยน เหมือนเด็ก ๆ ที่ถูกรังแก

ไม่ว่าใครเห็นแบบนี้ก็ต้องสงสาร

แม้กระทั่งโจ้
คนที่กัสเคยพาพวกมารุมกระทืบเมื่อหลายเดือนก่อน
และวันนี้ก็เป็นโอกาสที่โจ้จะได้เอาคืนซะที

“เป็นเหี้ยอะไรวะ โดนแค่นี้บ่อน้ำตาแตกเลยหรือไง เฮ้ยยยยกูถามว่ามึงเป็นอะไรของมึง ไอ้เจ๋ง ร้องไห้ทำเหี้ยอะไรวะ อ่อนชิบหายเลย ไม่เห็นเหมือนไอ้เจ๋งคนก่อนเลยนี่หว่า ลูกหมาชัด ๆ คนอย่างมึง”

ไม่ได้โกรธที่ถูกด่า
แทบจะไม่ได้ฟังด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายพูดอะไร
สิ่งที่คิดอยู่ในหัวมีแค่เรื่องที่พ่อไม่ยอมมารับอย่างเดียวเท่านั้น

“กลับ...อยาก...บ้าน...จะกลับ...บ้าน”

พูดไม่รู้เรื่อง และกัสที่นั่งร้องไห้และใช้หลังมือปาดน้ำตาเป็นพัก ๆ ก็พยายามประคองตัวเองให้ลุกขึ้นและเดินเซแทบไม่ตรงทาง

กลับบ้านเหี้ยอะไร
กลับ.......

เห็นสภาพของคนที่เดินเหมือนเด็กหัดเดินแล้วก็กลายเป็นโจ้เองที่กำลังทำตัวไม่ถูก

กูต้องช่วยหรือไง
คนที่แม่งพาพวกมารุมกระทืบกูเมื่อหลายเดือนก่อน
กูจะใจดียอมช่วยมันหรือไง

ต่อยไปหลายหมัดแต่แทนที่จะหายคับแค้นใจกลับรู้สึกบางอย่าง

ทำไมวะ

เรื่องที่ว่าไอ้เจ๋งมันเปลี่ยนไปจากเดิมแล้ว
จริงหรือเปล่ากูไม่รู้หรอก รู้แค่เพียง.......แม่งเดินเหมือนปูเลย เฉไปเฉมาขนาดนั้น

มัน..........


”เฮ้ยยยยยยย เดี๋ยวก่อน มึง.............จะ...ไป...”

ถามแล้วแต่ไม่จบประโยค
กระชากแขนของคนที่เดินหนีให้หันกลับมามอง และเมื่อเห็นแววตาเซื่อง ๆ ที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา โจ้ก็ถึงกับสะดุดลมหายใจตัวเอง

น่าสงสาร
แบบนี้โคตรน่าสงสาร

หยดเลือดที่มุมปาก เริ่มไหลซึมออกมาอย่างเห็นได้ชัด

“เช็ดเลือดมึงซะ”

ไม่ทำตาม
สิ่งที่กัสทำคือมองเมิน และพยายามดึงแขนตัวเองออกจากการเกาะกุม

ไม่ยอมพูดด้วย ไม่อยากพูดกับคนนี้
ไม่อยากพูดไม่อยากมองหน้า อยากกลับบ้าน

อยากกลับบ้านแล้ว กัสจะกลับบ้าน

“เหี้ยฤทธิ์เยอะนักนะมึง หน้าไม่เหลือเค้าเดิมขนาดนี้แล้วมึงยังฤทธิ์มากอีกหรือไงวะ”

ไม่รู้
ไม่สนใจ
จะกลับบ้าน

ดึงแขนของตัวเองออกจากการเกาะกุมและกัสก็พาตัวเองก้าวขาเซไปเซมา และพยายามยืนตั้งหลักให้ได้

ต้องเดินให้ตรงทาง
เดินให้ตรง

ยิ่งพยายามก็เหมือนยิ่งลำบาก เดินตรงทางและดีขึ้นมาพักใหญ่ แต่ในเวลานี้เหมือนความสามารถในการควบคุมศูนย์ถ่วงในร่างกายจะลดลง

ไม่ได้อยากประคอง
ไม่ได้อยากช่วย เป็นคนต่อยมันคว่ำแท้ ๆ แต่นี่มันบ้ามากที่มาประคองคนที่เพิ่งต่อย

แต่ทำยังไงได้

“บ้าน.....มึงอยู่ไหนกูจะพาไป”

พาไปจริงๆ สิ่งที่โจ้คิดได้ในเวลานี้คือจะพาไปจริง ๆ จะพาไปส่งบ้าน

พาเด็กหลงทางไปส่งบ้าน

และแค่ได้ยินคำว่าจะพากลับบ้าน กัสก็ยอมให้คนที่เพิ่งทำร้ายเมื่อไม่กี่นาทีก่อน พาเดิน

เดินมาด้วยกัน

กัสคิดถึงแต่ทางกลับบ้าน
แต่โจ้ที่เหลือบสายตามองหน้าของอีกฝ่ายเป็นพัก ๆ กำลังรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างภายในใจ

กูแม่งบ้าไปแล้ว
รอจังหวะจัดการไอ้เจ๋งอยู่นาน และพอมีโอกาสได้ทำจริงๆ ไม่เห็นรู้สึกดีเลยสักนิด แถมยังต้องมาประคองพามันเดินกลับบ้านซะอีก

แบบนี้มีที่ไหน แม่งบ้าไปแล้ว
แบบนี้มันบ้าชัด ๆ

“หิว”

หิว…..
เหี้ยเอ้ยยยย มึงเสือกบอกกูว่าหิวด้วยเนี่ยนะ แล้วกูจะทำยังไง
มึงเล่นร้องไห้ไปทำหน้าน่าสงสารไป แถมซ้ำยังมาบอกกูว่าหิว

แล้วกูต้อง.........ทำยังไง

“มีร้านข้าวแถวนี้ มึงจะ...แวะกินหรือไง”

ไม่เคยคุยกัน ไม่เคยพูดกัน ไม่เคยคิดว่าจะมาพูดคุยกันในสภาพนี้ และกัสก็ทำหน้าเศร้า หิวแต่กินไม่ได้ เพราะเงินของกัสหมดแล้ว

ไม่มีเงินแล้ว

ไม่มีเงินสำหรับกินข้าวแล้ว
แต่หิว
กัสหิวข้าว
พ่อทำไมไม่มารับกัส พ่อทิ้งกัสไป

พ่อ.....ทิ้งกัส

น้ำตาเริ่มคลอ และกัสรู้ว่าตัวเองกำลังร้องไห้
ร้องไห้ด้วยความเสียใจ และก็กลายเป็นโจ้ที่ยืนอ้าปากค้างและปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปไม่ได้

“หิวก็กิน แค่นี้เอง กูพาไปกินก็ได้ มึงจะร้องไห้ทำห่าอะไรวะ แค่หิวข้าว โธ่โว้ยยยยย”

โจ้รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะเป็นบ้า

พาคนที่ไม่เคยคิดว่าจะพามาด้วยเดินลัดเลาะไปตามทางเดินและไปหยุดยืนที่ร้านข้าว

หยุดยืน และก็ดึงแขนให้คนที่พามาด้วยเดินตามเข้ามา

“จะกินอะไร”

ไม่รู้ กัสจะกินข้าว

“ข้าว”

กูรู้แล้วว่าข้าว แต่ที่จะกินกับข้าวคือมึงจะกินอะไร

“กับข้าวอะไรมึงก็สั่งสิ”

กับข้าว........

“กินข้าว”

กินข้าว กูรู้แล้วว่าข้าว แต่กับข้าวมึงไม่สั่งแล้วจะกินเข้าไปได้ยังไงวะ

“ข้าวสวยสอง แกงจืดเต้าหู้แล้วก็ผัดผักบุ้งไฟแดงครับ”

สั่งกับข้าวเรียบร้อย และก็มานั่งถอนหายใจเฮือกใหญ่
กูทำอะไรลงไปวะ

กู.......ทำ

เลือดออกอยู่เลยนี่หว่า ดวงตาก็เริ่มบวมช้ำขึ้นเรื่อย ๆ
ข้างแก้มขาว ๆ มีรอยฟกช้ำที่กำลังขึ้นเป็นรอยห้อเลือด

ฝีมือกูเอง

“เช็ดซะ”

หยิบกระดาษทิชชู่ส่งให้คนที่นั่งตาลอยอยู่ฝั่งตรงข้ามและกัสก็มองกระดาษทิชชู่ที่ถูกส่งให้

นั่งมอง
และกระพริบตาไม่ตอบโต้ไม่พูดคุย ไม่ทำอะไรนอกจากนั่งมองเฉย ๆ แบบนั้น กลายเป็นโจ้ที่ทนไม่ได้ ต้องใช้ทิชชู่ซับแรง ๆ ไปที่มุมปากที่มีหยดเลือดแห้งกรัง

“โอ้ยยยยยยยยยยยยยยย”

ร้องลั่น ร้องออกมาเสียงดังด้วยความเจ็บ
และคนทั้งร้านก็หันมามองเป็นตาเดียวกัน

“ร้องทำเหี้ยอะไร อายชาวบ้านเค้า”

ยกมือปิดปากคนที่ร้องและกัสก็มองหน้าของคนที่ทำเหมือนโกรธกันมานาน ด้วยความไม่เข้าใจ

ทำไม....

ทำไมต้องเชื่อ ทำไมต้องเชื่อคนนี้ด้วย ทำไมต้องเชื่อ

ลุกขึ้นยืน และก็เป็นโจ้ที่ดึงแขนของกัสให้นั่งลง

“มึงจะไปไหนวะ สั่งข้าวแล้วไม่กินเดี๋ยวก็โดนเจ้าของร้านเอาปังตอไล่ฟัน นั่งลง”

นั่งลง
และกัสก็ยอมนั่งลง

หิว

หิวข้าว

มีอาหารสองอย่างและข้าวสวยมาวางอยู่ตรงหน้า
เจ็บที่ปาก แต่ก็หิวเกินกว่าจะคิดอะไร

หยิบช้อนมาถือเอาไว้ และอาการเห็นภาพซ้อนก็ตามมา

ปวดหัว
ถือช้อนนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น และค่อย ๆ กระพริบตาเพื่อปรับสายตา

ตักต้มจืดใส่จาน แต่กลายเป็นตักทิ้งออกนอกจาน
และกัสก็นั่งมองต้มจืดที่หกเรี่ยราดอยู่บนโต๊ะ

เสียใจอีกแล้ว

เสียใจอีกแล้ว

เสียใจอีกแล้ว

กัสเสียใจอีกแล้ว ต้มจืดไม่ยอมมาอยู่ในจานข้าว แล้วจะกินข้าวได้ยังไง

สิ่งที่โจ้เห็นคือดวงตาเลื่อนลอยที่เหมือนกำลังจะร้องไห้อีกแล้ว และเป็นโจ้ที่เมื่อมองแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“อาการมึงหนักมากจริงๆ นี่หว่า”

เป็นเสียงบ่นพึมพำของโจ้ที่ และเริ่มรู้สึกสำนึกผิดกับการกระทำเลวร้ายชั่ววูบที่ทำลงไป

“มึงจะกินใช่มั้ย เดี๋ยวกูช่วยแล้วกัน ต้มจืดใช่มั้ย”

ตักข้าวและกับข้าวใส่ช้อน และป้อนข้าวให้คนที่นั่งเหม่อแต่ยอมอ้าปากรับ

กินข้าว
เพราะหิวข้าว
กัสอยากกินข้าวไว ๆ

เพราะหิวข้าว

เพราะว่าหิวมาก และอยากให้พากลับบ้านเร็ว ๆ กัสถึงยอมอยู่นิ่ง ๆ ให้อีกฝ่ายป้อนข้าว

โจ้ไม่รู้ตัวเองเลยสักนิด ว่าลืมสนใจผู้คนภายในร้านที่หันมามองด้วยความประหลาดใจ ที่ผู้ชายสองคนมานั่งป้อนข้าวกันในร้านอาหารเล็ก ๆ แบบนี้

บางคนแอบกระซิบ บางคนแอบหัวเราะ
แต่โจ้ลืมมอง ลืมสนใจไปสนิท

สายตาจับจ้องไปที่ใบหน้าเรียบเฉย ที่มีบาดแผลอยู่บนใบหน้า หยดเลือดยังแห้งกรังอยู่ที่มุมปาก

แต่การนั่งเหม่อและเคี้ยวข้าวตามที่โจ้ป้อนมันทำให้คนป้อนรู้สึกถึงอารมณ์ความรู้สึกบางอย่าง

กูคงบ้าไปแล้ว
ต่อยมันซะคว่ำ แต่ต้องมารับผิดชอบด้วยการป้อนข้าวมันแบบนี้

กูคงเป็นบ้าแน่ๆ
กูคงเป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ


TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและคิดถึงเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 08-06-2014 00:45:00
โอ้ยยยย ผู้ชายมาติดพันเยอะนะกัส
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและคิดถึงเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 08-06-2014 00:48:47
เดายังไม่ถูกเลย ใครจะเป็นคู่กับกัส มีคนเหมือนจะหลงเสน่ห์สองคนซะแล้ว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและคิดถึงเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-06-2014 07:35:03
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)

ปล.ด้วยรักและคิดถึง# ฉายาโจ้หน้าโง่

"มันปิ้ง"

ใช่ ไอ้ที่เห็นคือมันปิ้ง

เดินผ่านไปแล้ว และก็ต้องเดินกลับมาใหม่ เพราะว่าคนที่โจ้พาเดิน มันไม่ยอมก้าวขาไปไหน ยืนมองมันปิ้งอยู่อย่างนั้น
กระตุกแขนให้เดินก็ยังยืนนิ่ง ก็แค่มันปิ้ง มึงจ้องเหมือนอยากกินขนาดนั้น แล้วคิดว่ากูจะใจร้ายไม่ซื้อให้มึงกินได้ลงคอหรือไง

“เท่าไหร่ครับ”

สุดท้ายก็เลยถามราคาและจ่ายเงินให้แม่ค้าขายมันปิ้ง ยื่นถุงใส่มันปิ้งส่งให้คนที่ยืนมอง และทำท่าเหมือนจะกิน แต่พอยื่นให้มันก็ไปรับ

“แล้วมึงมองทำไม ซื้อมาเสียดายของนะแบบนี้”

เริ่มหงุดหงิดโมโห ไม่พอใจคนที่ทำเหมือนอยากกินแต่พอซื้อให้ก็ไม่ยอมกิน

“ไม่อยากกินแล้วมองทำไมวะ”

รู้สึกว่ากำลังหัวเสียและก็ต้องหิ้วถุงมันปิ้งมาถือไว้ซะเอง กูไม่ได้อยากกินหรอกนะ แต่ซื้อมาแล้วไม่กินจะซื้อมาทำห่าอะไรวะ
แม่ง เหี้ยเจ๋ง มึงกำลังทำให้กูอยากต่อยมึงอีกรอบแล้วรู้ตัวบ้างมั้ย

“กิน...”

ใครกิน กูไม่ได้อยากกิน กูแค่.....

ไอ้เจ๋งมันชี้มาที่ถุงใส่มันปิ้งแล้วก็บอกให้กูกินเนี่ยนะ

แล้วกูก็บ้าบอ กินให้มันดูเนี่ยนะ

ห่าแล้วมั้ยล่ะ บ้าแล้วแบบนี้

แค่กินมันปิ้ง และดวงตาที่เหมือนเหม่อลอยและหรี่ปรือลงเป็นพัก ๆ ของคนที่อยู่ตรงหน้ากำลังจ้องมอง

มองแบบไม่วางตา มึงจะมองว่ากูจะกินหมดมั้ยแบบนี้เหรอ มันใช่เรื่องเหรอวะ กูจะพามึงกลับบ้านไม่ใช่มายืนกินมันปิ้งให้มึงดู

แล้วทำไมต้องจ้องขนาดนั้น
ทำไมต้องมองขนาดนั้น
ทำไมมองแล้วก็เริ่มก้มหน้าลงและทำเหมือนจะร้องไห้แบบนั้น

มองแล้ว........

กัสยืนนิ่ง มองคนที่เคี้ยวมันปิ้ง
ไม่รู้…..
ไม่รู้อะไรทั้งนั้น รู้แค่ว่ามีคนชอบกินมันปิ้งอยู่หนึ่งคน

คนนั้นชอบกิน คนที่นึกชื่อไม่ออก คนที่นึกหน้าไม่ออก แต่รู้ว่าชอบกิน

รอยยิ้มเย็น ๆ ยังตราตรึงในความรู้สึก รอยยิ้มที่ได้เห็นและจำฝังใจมาตลอดแม้จะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่หล่นหายจากความทรงจำไปคนนั้นคือใคร

แต่รู้สึกบางอย่าง
รู้สึกถึงเสมอ
ในบางครั้งท่ามกลางความรู้สึกที่เลือนลางเหลือเกิน แต่ความทรงจำของคนนั้นจะปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน ก่อนจะลบเลือนหาย เหมือนอยากจำแต่จำไม่ได้ พยายามจะนึกแต่ก็นึกไม่ออก ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่แค่คน ๆ นั้นคนเดียว ที่อยากจะนึกให้ออก

อยากรู้ว่าหายไปไหน
อยากรู้ว่าทำไมถึงได้หายไปจากความทรงจำ

มันเจ็บปวดอยู่ข้างใน ทุกครั้งที่พยายามจะนึกถึง แม้จะเจ็บปวดแต่ก็มีความรู้สึกอุ่น ๆ อยู่ในใจเสมอ

“....หาย...ไป...อีกแล้ว...”

พูดกับตัวเองเสียงเบา กัสกำลังบ่นพึมพำกับตัวเอง เงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าแล้วก็ได้แต่พยายามนึก

แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก มีแต่จะเพิ่มความปวดหัว และกัสก็ก้มหน้าลง ก่อนจะพยายามก้าวขาให้ตรงทาง แม้จะเซเล็กน้อย แต่ก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ

กลายเป็นโจ้ที่ชะงักมือ และก็หิ้วถุงมันปิ้งเดินตาม ไม่ได้ประคองให้เดิน แต่มีหลายครั้งที่เหลือบสายตามองใบหน้าที่เต็มไปด้วยร่องรอยฟกช้ำ

กูโคตรรู้สึกผิดเลยว่ะ

ถ้ามันเป็นไอ้เจ๋งคนก่อน กูคงสะใจที่ได้ทำแบบนี้ แต่พอเห็นมันกลายเป็นแบบนี้แล้ว บอกตรง ๆ ว่าโคตรสงสาร
ดวงตาเหม่อลอย ท่าทางที่ขาดความมั่นใจ และเหมือนเด็กหลงทาง มันทำให้ปล่อยทิ้งเอาไว้ไม่ได้

“ต้องขึ้นรถสายไหนวะ”

เอ่ยถามและกัสก็ชี้มือไปที่รถที่กำลังแล่นเข้ามาเทียบ รถมาแล้วและโจ้ก็โยนถุงที่หิ้วมาด้วยลงถังขยะ

แค่กลับบ้าน ถ้าจำเป็นจะต้องกลับเองจริง ๆ ก็กลับได้
แต่ที่พ่อเป็นห่วงเพราะว่ากลัวจะเดินตกคลองเหมือนคราวก่อนที่สภาพร่างกายยังย่ำแย่ แต่ดึงดันจะกลับบ้านเอง แล้วก็ตกลงไปในคลอง โชคดีที่มีคนผ่านมาและช่วยเอาไว้ ไม่อย่างนั้นคงได้กลายเป็นผีเฝ้าคลองไปแล้ว

หลังจากนั้นพ่อไม่ยอมให้กลับบ้านเองอีก พ่อมารับเสมอ และบางครั้งถ้าพ่อมาไม่ได้ก็จะให้อามารับ

แต่วันนี้.....ทั้งพ่อและอาไม่มา พ่อ....ทิ้งกัส....

เจ็บปวดหัวใจ เมื่อนึกขึ้นได้แบบนี้

พ่อทิ้งกัส
ครั้งหนึ่งพ่อก็เคยทิ้งกัส
พ่อเกลียดกัส กัสเป็นแบบนี้แล้วพ่อก็ยังทิ้งกัสได้ลงคอ

พ่อไม่รักกัส

พ่อ....

“เจ๋ง ไอ้เจ๋ง มึงเป็นอะไรอีกแล้ว เจ๋ง...ร้องไห้ทำไมวะ ลูกผู้ชายซะเปล่า แต่ไหนแต่ไรมึงร้องไห้ง่ายขนาดนี้ตลอดเลยหรือไง”

เปล่า
กัสไม่ใช่คนที่จะมาร้องห่มร้องไห้ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
แต่หลังจากอุบัติเหตุที่ผ่านมา หมอบอกว่าจากนี้ไปถ้ากัสจะดีก็ดีไปเลย แต่ถ้าร้ายก็จะเลวร้ายไปเลยชนิดที่กู่ไม่กลับ

กัสไม่รู้ว่ากัสอยู่ตรงไหนของสิ่งที่หมอพูด
กัสรู้แค่ว่ากัสเสียใจมาก

เศร้ามาก

ทำไมถึงได้ห้ามน้ำตาไม่อยู่เวลาที่เสียใจ

หมอบอกว่ามันจะดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่กัสไม่รู้จะจัดการกับอารมณ์ที่ไม่มั่นคงของตัวเองแบบนี้ยังไง

กัสไม่อยากสนใจใครทั้งนั้น เวลาที่ร้องไห้ กัสรู้แค่ว่าตัวเองปวดใจ เศร้าใจ และเสียใจ น้ำตาก็เลยไหลออกมา

กัสยกหลังมือปาดน้ำตาและพยายามคิดในแง่ดี พยายามสงบจิตสงบใจ

เงยหน้ามองรถโดยสารที่มีผู้คนแออัดยัดเยียดในยามค่ำแล้วก็ก้าวขาขึ้นรถไปโดยมีใครบางคนตามขึ้นไปด้วย และแทรกตัวมายืนอยู่ข้าง ๆ

“โหนรถเมล์ได้มั้ยวะ”

ได้
กัสทำได้ มันอาจจะยากหน่อย แต่สภาพร่างกายแค่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ กัสทำมันได้ ทำได้..........

แต่มือกำลังชา
แขนขวากำลังชา

อยากจะจับราวเอาไว้ แต่กล้ามเนื้อไม่มีแรง และแขนก็ทิ้งลงข้างตัว

“จับชายเสื้อไว้นะ”

เงยหน้ามองและคนที่บอกให้จับชายเสื้อเอาไว้ ก็จับราวโหนบนรถโดยสารแน่น มืออีกข้างจับที่พยักเก้าอี้ของผู้โดยสารเอาไว้แน่น เพื่อเป็นหลักให้กัส หากรถโดยสารมีการเบรคหรือจอดเทียบท่า

กัสจับชายเสื้อของโจ้เอาไว้แน่น ตามที่โจ้บอก

หลายครั้งที่เหมือนจะเซ แต่โจ้ก็จะใช้แขนดึงเอวของกัสเอาไว้ไม่ให้เซไปตามการเบรกของรถ

โจ้....

คนที่ถูกกัสรุมกระทืบเมื่อคราวก่อน

ถ้ารู้ว่าในเวลาที่ลำบากที่สุดคนที่คอยช่วยเหลือจะกลายเป็นโจ้ กัสจะไม่ทำร้ายโจ้เลย

เพราะกัสมันโง่ และนิสัยไม่ดี
ถึงได้ทำกับโจ้แบบนั้น

เสียใจ

กัสเสียใจที่ทำให้โจ้เจ็บ และทำให้โจ้ต้องอยู่กับความคับแค้นใจมาตลอด

กัสไม่ดีเองที่ทำให้โจ้เจ็บ ทั้งที่ในเวลานี้ โจ้เมินเฉยไปก็ได้ ไม่จำเป็นต้องตามมาเลยด้วยซ้ำ แต่โจ้ก็มา

มาเพราะรู้ว่าสภาพร่างกายของกัสเป็นยังไง

โจ้อาจสงสาร กัสไม่ได้อยากได้ความสงสาร

ถึงไม่อยากได้ความสงสาร แต่ความใจดีของโจ้มันทำให้กัสยิ่งเสียใจที่เคยทำไม่ดีกับโจ้เอาไว้

“โจ้”

เรียกชื่อของคนที่พยายามยืนนิ่ง ๆ ประคองร่างกายตัวเองให้นิ่งที่สุด เพื่อที่กัสจะได้มีหลักยึดไม่เซถลาล้มลงไป

แค่นี้ก็ดีแล้ว

สิ่งที่โจ้ทำให้จะเรียกว่าใจดี สงสาร หรืออะไรก็แล้วแต่

แต่มันทำให้กัสรู้สึกดี ที่มีคนใส่ใจแบบนี้

“ขอโทษ...ตอนนั้น..ขอ...”

พยายามจะพูด แต่เมื่ออยากจะพูดให้จบประโยคก็พูดไม่ได้

บางอย่างมันตีตื้นขึ้นมา และคำพูดที่อยากจะพูดให้อีกฝ่ายได้ยินชัด ๆ ก็ถูกกลืนหายลงไปในคอ

“...หายกันแล้ว...”

จริงนะ หายกันแล้วจริง ๆ นะ

กัสเงยหน้าขึ้น ทั้งที่ยังมีสีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด แต่นั่นก็ทำให้โจ้ต้องพยายามเมินหน้าหนีไปทางอื่น
ไม่สบตากับดวงตาเลื่อนลอยที่มองตรงมา

เหี้ยแล้วไง

กูหวั่นไหวอยู่หรือเปล่าวะเนี่ย

ไม่จริงมั้ง

แค่นี้ไม่ทำให้หวั่นไหวได้ง่าย ๆ หรอก ไอ้เจ๋งเนี่ยนะ ไอ้เหี้ยที่แม่งกวนตีน และเหี้ยสุดในชั้นปีเนี่ยนะ กำลังทำให้กูหวั่นไหว

แม่งบ้าแล้ว

ไม่มีทางหรอก

ไม่มี..........ทาง.......... แต่ว่ามึง.......เหี้ยโจ้....มึงมัน....โง่…

ใครใช้ให้มึงเผลอสบตาไอ้เจ๋งวะ มึงเห็นมั้ย คราวนี้มึงเข้าใจหรือยังว่าสุดท้ายแล้วเป็นไง

ไม่เห็นเป็นไง

ก็แค่.....กู... เลิกมองหน้าไอ้เจ๋งไม่ได้ ไม่สามารถถอนสายตาจากใบหน้าที่มีแต่รอยฟกช้ำของไอ้เจ๋งได้

ทั้งหมดนั้นต้องยอมรับว่า “กูมันหน้าโง่” แค่นั้นเอง......

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและคิดถึงเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-06-2014 07:37:16
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง# แค่แวะมาหาเฉย ๆ

“เฮ้ยยยยย”

งง
เปิดประตูออกมาแล้วก็เกิดความงง เมื่ออยู่ดี ๆ ไอ้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้ามันก็เดินดุ่ม ๆ เข้ามาในห้องโดยไม่ต้องรอให้เชิญ

“เฮ้ยยยยย”

พูดไม่ออก ได้แต่ร้องด้วยความอึ้ง
ทำไมจะจำไม่ได้ว่าใครที่เข้ามาในห้อง จำได้ดี ไม่ต้องใช้เวลาในการคิดให้เสียเวลา

ไอ้เด็กที่ซ้อนท้ายรถมาด้วยเมื่อสองเดือนก่อน
ตอนนี้ดูแล้วสภาพมันคงหายดีแล้ว และตอนนี้มันก็เพิ่มแผลใหม่ให้กับตัวเองเรียบร้อย ดูจากสภาพใบหน้าแล้วคงได้แผลใหม่เมื่อไม่นานมานี้
แล้วมันเรื่องอะไรที่อยู่ดี ๆ มึงก็เข้ามาในห้องกู
แล้วรองเท้า เฮ้ยยยยยยยยยยยยยย มึงทำไมไม่ถอดรองเท้าไอ้เด็กเหี้ย หยุดเดี๋ยวนี้

ไอ้.............

จะด่าให้ได้อะไรขึ้นมา ในเมื่อนึกไม่ออกว่าจะด่าใคร
ไม่รู้จักชื่อ
รู้จักแค่หน้า และไอ้เด็กกวนประสาทนั่นก็เดินเข้าห้องน้ำไปเรียบร้อย ประตูห้องน้ำก็ไม่ปิด

นี่มันห้องกูนะ
มึงเป็นใคร อะไร....ยังไง

อ่า..........

เสียงกดชักโครกทำให้หยกที่ยืนอ้าปากค้างและนึกคำด่าไม่ออกต้องไล่สายตามองไปที่ประตูห้องน้ำ และไอ้เด็กนั่นก็เดินออกมา หน้าตาแบบนี้

บวมช้ำมาเลยนี่หว่า
ไปมีเรื่องอะไรกับใครมาอีกวะนั่น

แล้ว.........

มาล้มตัวลงนอนบนเตียงกูเฉยเลย นอนคว่ำหน้าแล้วก็หลับตา

รองเท้าก็ไม่ถอด

มันจะถือวิสาสะเกินไปแล้วนะ ไอ้เด็กเวร

“น้อง ที่บ้านไม่สอนเรื่องมารยาทเหรอครับ”

ด่า
แต่คงอ้อมโลกเกินไปกัสเลยไม่เข้าใจ

หรี่ปรือตาขึ้นมามองคนที่ยืนทำหน้าตาประหลาดแล้วกัสก็หันหน้าหนีไปทางอื่น

บ่นห่าอะไรวะ
รำคาญชิบหาย

“เฮ้ยยยยยยย พี่พูดได้ยินมั้ยน้อง ไอ้เด็กเวรนี่”

เออ.... ได้ยินแล้ว
น่ารำคาญว่ะ
จะตะโกนทำไม อยู่ใกล้แค่นี้ กูไม่ได้หูตึงซะหน่อย

“รองเท้าทำไมไม่ถอดวะ เฮ้ยยยยยยยย ลุกขึ้นโว้ยยย”

ทำไมต้องตะคอกด้วยวะ
เรื่องแค่นี้เอง ทำเป็นมีปัญหาไปได้ แค่รองเท้า
กูถอดให้ก็ได้วะ

กัสลุกขึ้นนั่งด้วยความหงุดหงิด สะบัดรองเท้าสองข้างออกจากเท้าทิ้งไว้ข้างเตียงแล้วก็ลงไปนอนอีกครั้ง

นอนคว่ำหน้าและเมินหน้าหนีไปทางอื่น
หลับตาลง และเริ่มรู้สึกอาการปวดตุบ ๆ ที่ข้างแก้มและมุมปาก

เหนื่อยแล้ววันนี้
อยากนอน

แต่นอนที่ไหนก็ไม่เคยหลับสบายได้เท่านอนในห้องนี้
บนเตียงนี้

จำอะไรไม่ค่อยได้ ที่จำได้คือคราวก่อนที่โดนวิ่งไล่และโดนฟันที่แขน

มานอนที่นี่ นอนป่วยเพราะแผลที่แขนอักเสบ
ห้องของใครก็ไม่รู้ ไม่รู้จักเจ้าของห้อง ไม่รู้จักกันเพราะไม่เคยถาม พูดกันแบบนับคำได้

และดูเหมือนทางนั้นก็ไม่ได้ดีใจนักหรอกที่มีภาระที่ไม่ได้ตั้งใจเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคน

แต่ไม่รู้ทำไม
ทั้งที่ตอนนั้นไม่คิดอะไร แต่หลังจากกลับบ้านไปแล้ว

ถึงเพิ่งนึกได้ ว่าตลอดเวลาสี่วันที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วนั้น
เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่กัสสามารถนอนหลับได้อย่างสบายใจ และตื่นขึ้นมาอย่างมีความสุข

แปลก
ความรู้สึกแบบนี้ไม่เคยได้รับจากใคร

ตอนเช้าที่ลืมตาตื่นขึ้นมา มียาเม็ดสองสามเม็ดใส่แก้วเล็ก ๆ วางไว้ให้พร้อมข้าวเช้าหนึ่งมื้อ

ตอนเย็นมียาเม็ดสองสามเม็ดใส่แก้วเล็กๆ วางไว้ให้พร้อมกับข้าวเย็นอีกหนึ่งมื้อ

และข้าวสำหรับมื้อกลางวันแช่อยู่ในตู้เย็นตลอด
พร้อมกับมีกระดาษแผ่นเล็กๆ แปะติดไว้ที่หน้าตู้เย็น กัสไม่อยากจะอ่านข้อความยาว ๆ ยิ่งเห็นตัวอักษรแล้วก็หงุดหงิดปวดหัว แต่เห็นคำว่าข้าวในข้อความยาว ๆ นั้น ก็เลยพอจะรู้ว่าข้าวสำหรับกินตอนกลางวันอยู่ในตู้เย็น

มีแค่นั้นจริง ๆ

สี่วันนั้นเราใช้ชีวิตกันแบบไหนไม่รู้
กัสแทบจะลืมมันไปแล้ว

แต่จำได้ว่าทุกครั้งที่รู้สึกตัวตื่นก็เพราะสัมผัสเย็น ๆ จากผ้าขนหนูชุบน้ำที่เช็ดให้ตามร่างกาย ความเย็นสดชื่นปลุกให้ตื่นจากการหลับใหลเพราะฤทธิ์ยา

ทุกครั้งที่นอนอยู่บนเตียง และลืมตาขึ้นมาจะเห็นแผ่นหลังของคนที่เป็นเจ้าของห้อง ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม

ตื่นขึ้นมากัสก็จะเผลอมองคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนเก้าอี้ตัวนั้นเป็นนาน

ไม่เคยจดจ่อกับอะไรได้นาน ๆ
แต่กับคนนี้ ไม่รู้ทำไมถึงได้นอนมองได้นานขนาดนั้น

มองจนหลับไปทุกคืน
และจะสะดุ้งตื่นอีกครั้งเพราะอาการไหวยวบของที่ฟูกนอนเมื่อคนที่อ่านหนังสือจนดึกดื่น มาล้มตัวลงนอนข้าง ๆ และดึงผ้าห่มมาคลุมให้ทุกครั้ง

สารภาพจากใจ….
กัสโหยหาความรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยโดยไร้เงื่อนไขแบบนั้นมานาน

แม้แทบไม่ได้พูดกันสักคำ แต่กัสกลับรู้สึกถึงความอ่อนโยนและใจดีของอีกฝ่ายที่มอบให้โดยไม่ถามถึงที่มาที่ไปของกัสด้วยซ้ำ

ทำไมถึงทำให้ล่ะ
อยากได้อะไรตอบแทน กูไม่มีจะให้หรอกนะ

เพราะฉะนั้นเมื่อตื่นขึ้นมาในวันหนึ่งและพบว่าตัวเองหายป่วยแล้ว กัสจึงหายออกไปจากห้อง โดยไม่อยู่รอขอบคุณเจ้าของห้อง

ไม่ใช่ไม่อยากทำ

แต่คำว่า “ขอบคุณ” กัสสะกดมันได้ แต่ไม่แน่ใจว่าสะกดถูกหรือเปล่า จากความคิดที่ว่าจะแปะกระดาษบอก กัสเลยเปลี่ยนใจไม่ยอมเขียนอะไรเลย

เพราะรู้สึกอาย
ถ้าแม้แต่คำว่าขอบคุณ ยังเขียนไม่ถูก

ก็เลยเลือกที่จะไม่ทิ้งอะไรไว้ และเดินออกจากห้องนั้นมาเงียบ ๆ

ไม่นึกไม่ฝันจริง ๆ ว่าวันนี้จะกลับมา

และความรู้สึกที่ได้รับในวันนี้ไม่ต่างจากสี่วันแห่งความทรงจำเลยสักนิด

กลับมาอยู่ที่นี่
ที่ ที่มีคน ๆ นี้อยู่

คนที่กัสไม่รู้ว่าชื่ออะไร

แต่น่าแปลกที่เป็นอีกครั้งที่กัสสามารถหลับตาลงได้อย่างสงบและไม่ต้องอยู่อย่างหวาดระแวง

แค่เพียงหัวถึงหมอน และในเวลาไม่นานกัสก็หลับสนิทโดยมีใครบางคนยืนมองด้วยความหงุดหงิดโมโหอยู่ข้างเตียง

ไอ้เด็กเวร
อะไรของมันวะ

นึกอยากจะมาก็มา นึกอยากจะไปก็ไป มันเห็นที่นี่เป็นอะไรวะ ทำไมถึงได้เดินเข้ามาแล้วก็มานอนหลับอยู่บนเตียงของคนอื่นง่ายดายขนาดนี้

นึกแล้วก็ยิ่งไม่พอใจ
ยืนมองแล้วก็อยากจะด่าและลากไอ้เด็กเวรที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนออกไปจากห้องซะ

แต่สุดท้ายก็ไม่ทำ

หยกยืนมองคนที่มายึดเตียงและนอนหลับสบายไปเรียบร้อย
ปล่อยให้ทางนี้หงุดหงิดโมโหไม่พอใจอยู่ฝ่ายเดียว

สิ่งที่หยกไม่เข้าใจคือทำไมไม่ทำอย่างที่ใจคิด
แค่ลากไอ้เด็กเวรนี่ออกไปจากห้องซะ ก็จบเรื่อง

แล้วทำไมถึงไม่ทำ

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
ไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น

สุดท้ายมองไปที่รองเท้าผ้าใบที่ถอดทิ้งเอาไว้ข้างเตียง
มองแล้วก็ก้มลงหยิบไปวางไว้ในตู้ใส่รองเท้า ก่อนจะเดินกลับมายืนมองคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงอีกครั้ง

ลงไปนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม

นั่งมองคนที่นอนหันหลังให้

ขมวดคิ้วมุ่น

และเพียงไม่นานหยกก็เริ่มมีรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก

ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้คืออะไร

และเดาเล่น ๆ ว่าพอตื่นขึ้นมาไอ้เด็กนี่ก็คงหายตัวไป และคงไม่มีการพูดขอบคุณแน่ ๆ

แค่คำว่าขอบคุณคงยากเกินไป

แล้วมันไม่คิดบ้างเหรอว่าสิ่งที่มันกำลังทำอยู่ เป็นเรื่องยากและคงไม่มีใครหน้าไหนกล้าทำแบบนี้

ส่ายหัวและกอดอกนั่งมองคนที่หลับอยู่บนเตียงไปเรื่อย ๆ
สุดท้ายสิ่งที่หยกทำได้ก็คือหัวเราะออกมาเสียงเบาและบ่นพึมพำกับตัวเอง

“เฮ่ออออออ.....มึงทำห่าอะไรของมึงอยู่วะ...ไอ้เด็กเวร”

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและคิดถึงเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-06-2014 07:40:28
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)

ปล.ด้วยรักและคิดถึง#เรื่องราวเก่า ๆ ในความทรงจำ

จะดื้อไปถึงไหน พูดเท่าไหร่ก็ไม่เคยฟัง
ไม่ฟังไม่ว่า แต่ท่าทีเมินเฉยและเอียงหน้าหนีนี่มันอะไร

“ดีนะรอบนี้ยังไม่ตาย”

แน่ล่ะ ไม่ตายอยู่แล้ว คนอย่างกูไม่ตายง่าย ๆ หรอก
มีหน้าที่ทำอะไรก็ทำไป มีหน้าที่ทายาก็ทาไป มีหน้าที่ทำแผลก็ทำไป แม่งทำไมพูดมากบ่นมากน่ารำคาญขนาดนี้วะ

“ซ่านักนะมึง”

เรื่องของกู ซ่าหรือเปล่า ไม่ใช่หน้าที่ที่มึงต้องมาแสดงความคิดเห็น แล้วก็หยุดพล่ามซะที ไม่รู้หรือไงว่ากูโคตรรำคาญ
ถ้าปัญหาเยอะขนาดนั้น มึงไม่ต้องทำแผลให้กูก็ได้ เลียสองทีก็หายแผลแค่แมวข่วนแค่นี้ อย่ามาทำเป็นพูดอะไรให้ต้องหงุดหงิดมากไปกว่านี้ไม่ได้หรือไงวะ กูเบื่อที่จะ........ฟ...ฟั...

“โอ้ยยยยยยยยยยยยย เหี้ย กูเจ็บนะ”

ผลักมือของคนที่แต้มยาลงไปที่หน้าผาก และกัสก็ถอยห่างไม่ยอมให้คนที่ใส่ยาแตะต้องร่างกายได้อีก

“ทีนี้มาร้องว่าเจ็บ ทีไปกระทืบชาวบ้านเขาไม่คิดว่าเขาเจ็บหรือไง”

สันดาน
นั่นมันเรื่องของกู ใครใช้ให้แม่งทำหน้ากวนตีนก่อนล่ะ โดนกระทืบสองสามที ทำอย่างกะว่ามันจะตาย แน่จริงก็มาเอาคืนสิ กูไม่เคยกลัวเลย ที่ไหนเมื่อไหร่ว่ามาเถอะ หมาลอบกัดกูก็ไม่กลัว จะเอายังไงก็ว่า.......

“โอ้ยยยยยยยยยย กูบอกว่าเจ็บไงเล่า เหี้ยยยยยยย ปล่อย ไม่ต้องทำแล้วแผลห่าอะไรเนี่ย”

อย่ามาร้อง
อย่ามาทำเป็นมีอารมณ์โมโห
ทางนี้ก็โมโหเหมือนกัน

“จะตายหรือไง ถ้าไม่ได้ต่อยตีกับชาวบ้าน อยู่ให้มันสงบ ๆ ไม่ได้หรือไง”

เรื่องของกู

บ่นเหี้ยอะไรนักหนาวะ

บาดแผลทั้งหมดใส่ยาเรียบร้อย รอยฟกช้ำที่เกิดขึ้น กัสใช้ยานวดมาแต้มและบีบคลึงเพื่อคลายความปวด

แม้จะทั้งเจ็บทั้งแสบ และคนทำแผลให้ทำไปด่าไปก็ตาม
แต่แปลกที่กัสไม่ได้รู้สึกว่าคนที่ทำแผลให้รู้สึกเกลียดชังหรืออยากซ้ำเติม แต่เป็นความห่วงใยในแบบแปลก ๆ ของคนบางคน

“หยก”

เรียก และคนที่จัดการรวบรวมสำลีและอุปกรณ์สำหรับทำแผลใส่กล่อง ก็เงยหน้าขึ้นมามอง

“กูรุ่นพี่มึงกี่ปี เรียกชื่อเฉย ๆ เหรอ มึงนี่มันปีนเกลียวไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่จริง ๆ”

ด่าเข้าให้
และกัสก็นิ่วหน้า แต่ก็ยังจะเรียกชื่อของอีกฝ่ายแบบเดิมซ้ำ ๆ

“ดีแค่ไหนกูไม่เรียกไอ้หยก”

“มึงก็ลองเรียกสิ ไอ้เด็กเหี้ย กูถีบมึงคว่ำแน่ แล้วแผลที่หน้ามึงเนี่ยกูก็จะช่วยซ้ำ เอาให้แม่งตายห่าจริง ๆ ไปเลย”

เหรอ

โคตรน่ากลัวเลย

“นึกว่าอ่านเป็นแต่หนังสือซะอีก ต่อยตีเป็นด้วยเหรอ”

แกล้งยั่วอารมณ์โมโหของอีกฝ่าย และสิ่งที่ได้รับคือการที่หยกแกล้งดึงคอเสื้อของคนที่ยั่วโมโหขึ้นและก้มหน้าลงไปหาเล็กน้อย ก่อนจะทำหน้าโหดและพูดใส่หน้าอีกฝ่ายเบา ๆ

“มึงจะลองดูมั้ยล่ะ”

แค่นั้นเอง
แค่นั้นจริง ๆ

แต่คำพูดง่าย ๆ และดวงตาที่เผลอสบกันนิ่ง มันทำให้ทั้งคนถูกยั่วและคนแกล้งยั่ว ลมหายใจติดขัด

อะไร

มันคืออะไร

ชั่วขณะหนึ่งที่ลมหายใจห่างกันแค่เพียงปลายจมูก

มันมีความรู้สึกบางอย่างมากกว่าการหยอกล้อ

“เด็กเหี้ย”

หยกรีบปล่อยมือจากคอเสื้อของคนที่จ้องหน้าและทำให้รู้สึกถึงอาการแปลก ๆ ของตัวเอง และกัสก็รีบหลบสายตาแกล้งเมินมองไปทางอื่น และบีบนวดที่แขนของตัวเอง

“กูเหี้ยแล้วช่วยกูทำไม”

“ใครอยากช่วยมึง เข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า”

อ่อ
ไม่ได้อยากช่วย

กัสที่นวดแขนอย่างช้า ๆ ถึงกับชะงักมือ และเงยหน้าขึ้นมองคนที่ไปนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิมและหันหลังให้

มันก็เหมือนเดิม
ไอ้หยกมันก็เป็นเหมือนเดิม

ไม่เคยสนใจ ไม่เคยแยแส แต่ไหนแต่ไรก็เป็นแบบนี้
เหมือนจะไม่สนใจ แต่จริง ๆ แล้วเป็นคนใจดี ที่พูดดี ๆ ไม่ค่อยเป็น

เรียนรู้สิ่งที่อีกฝ่ายเป็นอย่างไม่รู้ตัว

ทุกครั้งที่เจ็บ ทุกครั้งที่เสียใจ
จะกลับมาที่นี่....
ไม่รู้ว่าที่นี่เรียกว่าอะไร แต่เป็นที่ที่มีหยกอยู่ แม้หยกจะไม่เคยพูดจาดี ๆ ด้วย แต่หยกก็ไม่เคยทิ้ง

ด่าทุกครั้งที่มีแผล แต่ไม่เคยที่จะละเลยและไม่เคยไม่ช่วยเหลือ

คนใจดี ที่ทำให้กัสรู้สึกดี และอยากอยู่ใกล้ ๆ ตลอดเวลา

“เฮ้ย มึงอ่ะ ตกลงชื่ออะไรเนี่ย แล้วเมื่อไหร่จะอ่านหนังสือคล่องซะที หนังสือ ก. ไก่สำหรับอนุบาลมันไม่ได้ยากไปหรอกใช่มั้ย”

ใครว่าไม่ยาก
มึงไม่รู้อะไรซะแล้ว
ไอ้หนังสือเหี้ยสำหรับเด็กอนุบาลที่มีรูปการ์ตูนพวกนี้แหละ ทำกูปวดประสาทมาแล้ว

“อ่านให้ฟังซิ อ่านได้หรือยัง”

ไม่อ่าน
กูไม่อ่านเด็ดขาด ขืนอ่านแม่งก็รู้กันพอดี ว่ากูอ่านหนังสือได้เหี้ยมาก แถมยังเขียนหนังสือได้ห่วยที่สุด

ล้มตัวลงนอนทันที
และก็เป็นหยกที่ละสายตาจากหนังสือ และหันไปมองคนที่ล้มตัวลงนอนบนเตียง นอนคว่ำหน้าและหันหน้าหนีไปทางอื่น ท่าทางเหมือนเดิม ทุกอย่างเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือความรู้สึกบางอย่าง

ไอ้เด็กเหี้ยนี่มักจะมาปรากฏตัวในเวลาที่ไม่เคยคิดว่ามันจะมา

สองสามครั้งแรกมึนงงกับสิ่งที่มันทำ แต่หลังจากนั้น เริ่มชิน ถ้าไปเรียนและกลับมาตอนเย็นเห็นมอร์เตอร์ไซด์จอดไว้ที่หน้าหอ แค่เห็นป้ายทะเบียนก็จำได้ แค่เห็นก็รู้แล้วว่ามันมา

บางครั้งนั่งเล่นอยู่ที่เก้าอี้ที่หอพักจัดไว้ให้
บางครั้งก็ไปนั่งดูลูกหมาที่วิ่งไล่กันหน้าหอ

บางครั้งมันก็พาตัวเองไปนั่งรอจนถึงหน้าห้อง

เราไม่เคยพูดกันด้วยซ้ำ แค่เห็นหน้าก็รู้

มาถึงก็มาขอนอน ไม่เคยสร้างปัญหา ไม่เคยถามไม่เคยพูดคุย และนานวันเข้า ก็เริ่มพูดกัน

จากประโยคสั้น ๆ กลายเป็นการพูดกันด้วยประโยคยาว ๆ
จากนิ่งเงียบ กลายเป็นหยกที่ด่าว่า คนที่มีแผลมาโชว์หราทุกครั้งที่มา

และสุดท้าย
กลายเป็นหยกที่เป็นฝ่ายเป็นเดือดเป็นแค้นทุกครั้งที่คนบางคนมันไม่เคยยอมฟัง และไม่เคยเชื่อในสิ่งที่หยกพูดซะที

“หยก”

เรียกทำห่าอะไร นอนหลับไปเลยไป ไอ้เด็กเหี้ย กูยิ่งโมโหอยู่ พรุ่งนี้จะสอบอยู่แล้ว ยังอ่านหนังสือไม่ถึงไหนเลย
ไม่ได้สนใจจะฟัง หันหลังให้และก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อไป

“หยก”

คราวนี้จะทำเป็นไม่สนใจก็ไม่ได้ หยกหันกลับไปมองและคนที่นอนหันหลังให้ก็ไม่ได้หันมามองแต่ยังคงเรียกชื่อหยกอยู่อย่างนั้น

ทำตัวกวนตีน สันดานเสียแบบนี้ไง ถึงได้ขยันหาเรื่องใส่ตัวทุกวัน

“จะพูดอะไรก็ไม่เสือกพูด รบกวนเวลาอ่านหนังสือ”

เออ

“กูชื่อเจ๋งนะ”

เจ๋งบ้านมึงดิ

มึงนึกว่ากูหูหนวกตาบอดจนไม่รู้เลยเหรอว่าคนที่มาอยู่ด้วยบ่อย ๆ เป็นใครมาจากไหน ชื่ออะไร

กูเหมือนคนไม่อยากสนใจใคร
แต่กูโคตรสนใจเลยจะบอกให้

“มึงชื่อกัส มึงอายุเท่าไหร่ บ้านอยู่ไหน กูคงไม่ต้องพูดต่อหรอกนะ”

กัสรีบปรือตาตื่นขึ้นทันที และหันไปมองคนที่พูดเรื่องบางอย่างที่ไม่เคยเล่าให้ใครที่ไหนฟัง แต่หยกก็รู้

รู้ได้ยังไง

หยกรู้ได้ยังไง

“มึงสืบเรื่องของกูเหรอ”

เปล่าสืบ แค่บังเอิญรู้เฉย ๆ
“มึงน่าสืบนักหรือไง กูไม่ว่างมาสนใจชีวิตมึงหรอกนะว่าจะเป็นจะตายยังไง บังเอิญคนรู้จักกูมันรู้จักมึงแค่นั้นแหละ ดังใช้ได้เลยนะ อายุน้อยกว่าเพื่อนแท้ ๆ แต่กิตติศัพท์เรื่องความเหี้ย ไม่เป็นสองรองใคร อยากชื่อเจ๋ง ก็เจ๋งสมใจอยากมึงดี”

รู้ได้ไงวะ

“กูเคยมีอะไรดีมั่ง”

กัสก้มหน้ากลับลงมาแล้ว และหันหน้าหนีไปอีกทาง
บ่นพึมพำเสียงเบากับตัวเอง และเป็นหยกที่นิ่งชะงัก ดวงตาที่ไล่มองไปตามตัวหนังสือหยุดนิ่งเพียงเท่านั้น และหันไปมองคนที่บ่นพึมพำเสียงเบา

ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจงใจให้ได้ยินหรือเปล่า
แต่ในเวลานี้หยกก็ได้ยินมันแล้ว ได้ยินชัดเจน

และเมื่อได้ยินก็เป็นหยกที่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
มองแผ่นหลังของคนที่นอนหันหลังให้แล้วก็เลยต้องลุกขึ้นและเดินไปหา เดินไปหยุดอยู่ที่ข้างเตียงและนั่งลงข้าง ๆ กัสอย่างช้า ๆ

ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร
ไม่รู้ว่าคำพูดไหนที่สมควรพูด

สุดท้ายได้แต่นั่งเงียบอย่างนั้นโดยไร้คำพูด
และก็เป็นกัสที่รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของคนที่มานั่งข้าง ๆ

หันมามองอย่างช้า ๆ

ดวงตามีแต่ความหมองเศร้า

มันมีแต่ความซึมเศร้าจนหยกเองก็ไม่กล้าจะพูดอะไรออกมาแม้แต่คำปลอบใจ

คำพูดสวยหรูไม่เคยมีออกมาจากปากของหยกสักครั้ง
แต่เป็นการกระทำที่สวนทางกับความรู้สึกเสมอ
“พรุ่งนี้แวะมาอีกนะ แผลที่หน้าผากต้องใส่ยา แล้วก็อย่าให้แผลโดนน้ำด้วย มันจะยิ่งหายช้า”

เป็นอย่างนี้ทุกที

ไม่เคยปลอบใจ
ไม่เคยพูดดี ๆ ด้วย
แต่ก็ทำให้กัสรู้สึกดีได้ทุกที ที่อยู่ใกล้

เรื่องแค่นั้นทำไมจะไม่รู้ แผลโดนน้ำมาไม่รู้กี่รอบแล้วไม่เห็นแม่งเป็นห่าอะไร ก็เห็นหายทุกที

เกิดจะไม่หายขึ้นมาตอนนี้ก็เกินไป
หนักกว่านี้ก็เคยมาแล้ว สนใจอะไรกับแผลแค่นี้ ไกลหัวใจ แค่นี้ไม่ตายง่าย ๆ หรอก

แต่ว่า.....

“มาทำไม อยากมาเดี๋ยวกูมาเอง”

เหรอ

ปากดีนักนะมึงไอ้เด็กเหี้ย พูดจาหมาไม่แดกแบบนี้ น่าปล่อยให้ตาย ๆ ไปซะ วันหลังโดนตีนมาก็ไม่ต้องมาหากูนะ ตายห่าไปซะจะได้หมดเรื่องหมดราว ไม่เป็นภาระกูด้วย

“สำลีมันเหลืออีกครึ่งม้วน มึงคิดว่ากูซื้อมาถูกๆ หรือไงวะ”

ด่าเข้าให้

และก็เป็นกัสที่ต้องนิ่งเงียบ

แค่สำลีกูซื้อใช้คืนให้ก็ได้ ทำไมต้องทำเป็นเรื่องใหญ่

“ไหนจะผ้าก๊อซ ยาแดง ยาล้างแผล เก็บไว้ยามันก็มีแต่จะหมดอายุ”

เหรอ

เอาจริงดิ เก็บไว้ก็มีแต่จะหมดอายุ มึงก็โยนทิ้งไปซะสิ แค่นี้ก็หมดเรื่อง กูไม่ใช่หนูทดลองยาของมึงซะหน่อย

“ไม่มา อยากมาเดี๋ยวกูก็มาเอง”

ยังคงดื้อดึงจะใช้คำพูดเดิม ๆ และหยกที่ขมวดคิ้วมุ่นก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังโมโห

“พรุ่งนี้กูต้องอ่านหนังสือจนถึงเช้า มึงอยู่กูก็หลับไม่ลงจะได้อ่านให้มันจบ ๆ ”

มึงอ่านถึงเช้าอยู่ตลอดแหละ ไม่เห็นต้องบอกเลย กูก็เห็นแบบนี้ประจำ หลับลงไม่ลง พอตื่นมากูก็เห็นมึงหลับฟุบคาโต๊ะทุกที

“ก็กูบอกแล้วว่าอยากมาเดี๋ยวกูมาเอง”

พูดไม่รู้เรื่องหรือไงวะ

กัสลุกขึ้นนั่ง และก็เป็นหยกที่หันมามองด้วยความหงุดหงิดโมโห พูดเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง แค่หาเหตุให้มาทำแผลแค่นี้มึงจะมากเรื่องไปถึงไหนวะ มาซะก็จบ จะมากเรื่องไปทำไม

“แล้วพรุ่งนี้มึงจะอยากมาหรือไงวะเด็กห่าพูดไม่รู้เรื่อง”

ก็ใช่ไง

“ก็พรุ่งนี้กูก็อยากมา แล้วมึงจะทำไม”

กูก็ไม่ได้ทำไมนี่

“ก็แค่นั้น นอนไปเลยไป”

คุยกันรู้เรื่อง
คุยกันจบเรียบร้อย

กัสลงไปนอนอยู่บนเตียง นอนคว่ำหน้าเหมือนเดิม และหยกก็กลับมานั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง หนังสือที่อ่านค้างไว้ถูกเปิดอ่านอีกครั้ง สายตากำลังไล่ไปตามตัวอักษร แต่แปลกที่เริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังมีรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก

และใครบางคนที่นอนอยู่บนเตียงก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นอย่างช้า ๆ ก่อนจะจับจ้องสายตาไปที่แผ่นหลังของคนที่นั่งอ่านหนังสือ

หยก.....ใจดี

อยู่ด้วยแล้วมีความสุข

ถ้าถามว่าในโลกนี้อยู่กับใครแล้วสบายใจและมีความสุขที่สุด
กัสก็สามารถตอบได้ทันทีว่า อยู่กับแม่....และ....อยู่กับหยกรู้สึกดีที่สุด

ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหยกเลย
ไม่รู้ว่าหยกเรียนที่ไหน เรียนอะไร ไม่รู้จักสังคมของหยก ไม่รู้อะไรเลย
แต่รู้ว่าหยกอยู่ที่นี่ อยู่ด้วยในเวลานี้ เจ็บปวดทั้งใจและกายถ้าได้กลับมาที่นี่จะรู้สึกว่าจิตใจสงบลง

หยก...

หลับตาลง และไม่สามารถอธิบายความรู้สึกของตัวเองได้ว่ารู้สึกยังไงกันแน่กับคนที่อยู่ด้วยกันในเวลานี้

ทำไมเป็นหยก
ทำไมอยู่กับคนอื่น ๆ แล้วไม่เห็นเหมือนอยู่กับหยก

แต่ไม่อยากเข้าไปในโลกของหยก
ไม่อยากให้หยกเข้ามาในโลกที่อยู่

อยากต่างคนต่างอยู่
รู้จักกันที่โลกตรงกลาง

อยากให้มันเป็นอย่างนั้น.....แค่ในเวลานี้ที่อยากอยู่อย่างสงบ

โลกใบเล็ก ๆ ที่มีเวลาอยู่ด้วยกันเล็กน้อย
แค่เพียงช่วงระยะเวลาหนึ่งที่หาข้ออ้างมาอยู่ในโลกที่มีเพียงแค่เราสองคน และก็กลับไปผจญอยู่ในโลกของตัวเอง

โลกที่ไม่มีหยกอยู่
โลกข้างนอกที่ไม่มีหยกอยู่ตรงนั้น

อยากกลับก็กลับไม่ได้
อยากไปก็ไปไม่ถึง

ได้แต่อยู่อย่างครึ่ง ๆ กลาง ๆ กับความรู้สึกประหลาดที่ไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันคือความรู้สึกยังไงกันแน่

“กัส”

กูเปล่าชื่อนั้น

“เจ๋ง กัสนั่นพ่อมึงเหรอ”

ไอ้เหี้ยนี่เล่นแรง กวนตีนถึงพ่อกูเลยเหรอ ลามปามเกินไปแล้วนะ

“เดี๋ยวกูถีบไอ้เด็กเหี้ยนี่ ไม่มีสัมมาคารวะเลยนะมึง ตกลงพรุ่งนี้มึงจะ..... “อยาก” มาใช่มั้ย....”

พรุ่งนี้เหรอ

ตกลงว่า.....

“เอาไงจะมาหรือไม่มา”

มาหรือไม่มาเหรอก็บอกแล้วไม่ใช่หรือไง ว่ามา
อยากมา

หูแตกหรือหูตึง เรื่องแค่นี้ทำไมต้องถามซ้ำ ๆ ด้วยวะ กูขี้เกียจตอบไม่เข้าใจหรือไง

“อยาก...มา.....”

คำตอบง่าย ๆ และก็เป็นหยกที่เผลอยิ้มกว้างออกมา
ยิ้มโดยไม่รู้ตัว และก็มองคนที่นอนอยู่บนเตียง

มองแล้วก็ยิ้ม
ยิ้มและก็พูดบางอย่างเสียงเบา พอให้ได้ยินกันแค่สองคน

“เออมาก็ดี มาเร็วหน่อยแล้วกันนะประมาณทุ่มกว่า ๆ จะได้ออกไปกินข้าวข้างนอกด้วยกัน”

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและคิดถึงเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-06-2014 07:42:33
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#โลกของเรา

“ว่ากันตรง ๆ เลยนะ ผมว่าพี่หยกเนี่ย ติวเก่งยิ่งกว่าติวเตอร์ซะอีก ตอนเรียนไม่เห็นเข้าใจเท่าที่พี่หยกติวให้เลยว่ะ”

สรรเสริญเกินไปแล้วมึง
แล้วจะถามอะไรอีกมั้ยเนี่ย

“เข้าใจก็พอแล้วนะ พรุ่งนี้ค่อยติวต่อแล้วกัน วันนี้กูรีบ”

รีบไปไหนพี่
หรือว่า.......

“นัดสาวไว้เหรอพี่”

สาว
สาวเหี้ยอะไรของมึง กูไม่มีเวลาว่างมาจีบสาวหรอกนะ เรื่องนั้นเรื่องนี้เต็มหัวไปหมด ทั้งเรื่องเรียน เรื่องสอบ เรื่องติวรุ่นน้องเรื่องกิจกรรมชมรม ไหนจะเรื่องวันกีฬามหาวิทยาลัยอีก ช่วงนี้มีแต่ความยุ่งเหยิง

“เพ้อเจ้อแล้วมึงไอ้เพียร”

ด่ารุ่นน้อง และหยกก็รีบรวบหนังสือยัดเข้ากระเป๋า มองที่นาฬิกาข้อมือแล้วก็เห็นว่าเป็นเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม

เวรแล้วมั้ยล่ะ

ไม่ใช่ว่าป่านนี้ไอ้เด็กเหี้ยนั่นมารอกินข้าวแล้วนะ

“มึงมีอะไรอีกมั้ยเนี่ย กูรีบ”

รีบขนาดนี้คงไม่ต้องแก้ตัวแล้วมั้งพี่ สาวชัวร์เลย

“ผู้หญิงแบบไหนวะที่ทำให้พี่หยกรีบร้อนตาลีตาเหลือกได้ขนาดนี้เนี่ย”

โดนแซว และก็เป็นหยกที่ขมวดคิ้วมุ่น
สาวที่ไหน พูดอะไรไม่เข้าท่า

“กูต้องรีบไปให้ข้าวหมา”

หมา
พี่หยกเนี่ยนะเลี้ยงหมา

“หอพี่เขาให้เลี้ยงหมาด้วยเหรอ แหม่ เขินดิพี่ โกหกไม่เนียนเล้ยยยย พี่กู”

ไม่ใช่หมาก็ได้

“กูต้องรีบไปให้ข้าวแมวด้วย แมวแม่งชอบมาไม่เป็นเวลา นึกอยากจะไปก็ไป นึกอยากจะมาก็มา เรื่องผู้หญิงอะไรนั่นมึงเลิกพูดซะทีเหอะ เพ้อเจ้อว่ะไอ้เพียร”

โห่
ผมก็นึกว่าพี่หยกจะมีสาวกับเขาบ้าง
หน้าตาพี่ก็หล่อขนาดนี้ ผมเป็นผู้ชายยังว่าพี่หล่อเล้ยยยย
แล้วพี่จะเก็บความหล่อของพี่ไว้ให้ใครชื่นชม พี่ต้องรีบหาสาวมาชื่นชมความหล่อของพี่ได้แล้วนา

“แมวก็แมววะพี่ ผมเชื่อพี่ก็ได้วะ”

เชื่อหรือไม่เชื่อก็เรื่องของมึง
แต่ตอนนี้กูต้องรีบ........ไปให้ข้าว.....แมวจริง ๆ นี่หว่า

แมวตัวผู้ แมววัยรุ่นที่ซ่าชิบหาย เที่ยวกัดกับแมวฝูงอื่นเขาไปทั่ว เนื้อตัวมีแต่แผล ตีก็ไม่จำ ด่าไปแม่งขู่กลับอีก พอจะโมโหใส่เสือกทำหน้าจ๋อย จะโกรธก็โกรธไม่ลง จะตีให้ตายก็ทำไม่ได้ อารมณ์ดีหน่อยเสือกมากัดมือกัดขากูซะงั้น

นิสัยเสียจริง ๆ ไอ้แมวเหี้ยตัวนี้

“พี่ยิ้มอะไรวะ ไหนว่าไปให้ข้าวแมวไงพี่”

ยิ้มเหรอ
กูไปยิ้มตอนไหนวะ
ไม่ได้ยิ้มเลย ตาฝาดแล้วมึงไอ้เพียร

“มึงนี่ขยันจับผิดกูจังเลยเนอะ ว่างขนาดนั้นก็กลับบ้านไปอ่านหนังสือเองเหอะไป กูกลับแล้ว”

ยกกระเป๋าเป้ใส่บ่า และล้วงมือหยิบกุญแจรถมอร์เตอร์ไซด์คู่ชีพคันเก่าที่ใช้มานานหลายปี

เดินไปที่ลานจอดรถและมองหารถตัวเองก่อนจะเสียบกุญแจสตาร์รถและขี่ออกไปจากลานจอดรถของมหาวิทยาลัย

ยกข้อมือขึ้นมองเวลา

ทัน ยังไงก็ไปทัน มันต้องทันสิวะ
หอไม่ได้อยู่ไกล

แป๊บเดียวก็ถึง
ปลอบใจตัวเอง และบิดคันเร่งเพื่อขับไปให้ถึงจุดหมาย

รอก่อนเหอะวะ ไอ้แมวบ้า ทำตัวดี ๆ นะ แล้วจะพาไปกินอาหารดี ๆ ที่มึงอยากกิน อย่ารีบกลับไปซะก่อนล่ะ เดี๋ยวกูก็ไปถึงแล้ว อย่าเพิ่งรีบโมโหจนกลับไปซะก่อนล่ะ รอหน่อยนะมึง รอนะ ไอ้กัส ไอ้แมวซ่าปากดี

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและคิดถึงเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-06-2014 07:43:04
“โอ้ยยยย ยุงเหี้ยนี่ก็ขยันกัดอยู่ได้ ตัวกูจะลายหมดแล้ว ห่าเอ้ยยย”

กัสตบฝ่ามือลงไปที่แขนของตัวเองครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ แต่ที่รู้คือ ตบจนมีแต่รอยฝ่ามือของตัวเองเต็มไปหมด

กี่โมงแล้ววะ
กูยิ่งดูนาฬิกาไม่ค่อยเป็นอยู่ด้วย

กี่โมงแล้วป่านนี้

คาดเดาเวลาไม่ถูก ไม่พกนาฬิกา ไม่รู้เวลา มองไปรอบตัวมีแต่ความมืด นั่งอยู่บนรถมอร์เตอร์ไซด์ของตัวเองที่จอดรอตั้งแต่หกโมงครึ่ง แต่คนที่นัดก็ไม่ยอมมาซะที

“น้อง ๆ กี่โมงแล้ว”

เรียกคนที่เดินผ่านหน้าไป เพราะเห็นว่าทางนั้นใส่นาฬิกาข้อมือ

และคนที่กำลังจะเดินผ่านไปก็ก้มมองที่ข้อมือและบอกเวลาให้

“ทุ่มห้าสิบแล้วพี่”

ทุ่มห้าสิบ ก็น่าจะเกือบสองทุ่ม สองทุ่มมันก็มืดแล้วนี่หว่า

แล้วไอ้หยกมันนัดไว้กี่โมงวะ หรือมันจะนัดเวลาอื่น

หรือว่ามันนัดวันอื่นไม่ใช่วันนี้
หรือว่า........
หรือว่า..........
หรือว่า...........

โอ้ยยยยยยยยยยยยย กูขี้เกียจคิดแล้ว ปวดหัว ตกลงแม่งนัดวันไหนวะ วันนี้หรือวันไหน

ก็บอกว่าให้มาล้างแผลไม่ใช่เหรอ
แล้วทำไมถึงไม่มาซะที

หงุดหงิด หงุดหงิด
โมโห โมโห

ไอ้หยก ไอ้หยก ไอ้หยก ไอ้หยก เมื่อไหร่จะมา

ให้ทำอะไรก็พอทำได้อยู่หรอก แต่ให้รอ ทำไม่ได้
เกลียดที่สุดคือการรอคอย ไม่ชอบการที่ต้องมารอแบบนี้ไม่ชอบเลย ไม่ชอบ ไม่ชอบ ไม่ชอบ ไม่ชอบ

“โว้ยยยยยยยยยยยยยย”

หงุดหงิดโมโห และกัสก็บิดกุญแจมอร์เตอร์ไซด์รถ

ไม่รอแม่งแล้ว

ไม่รอแล้ว ไม่รอ ไม่รอ ไม่รอ กูไม่ชอบรอ

ทั้งหงุดหงิดทั้งโมโห และกัสก็บิดคันเร่งจนรถมอร์เตอร์ไซด์ที่ขี่พุ่งทะยานออกไปจากหน้าหอพักทันที

บิดคันเร่งเพื่อเร่งความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่สนใจว่าถนนเส้นนี้ใครจะเป็นคนสร้าง

ไอ้หยกนัดแล้วก็ไม่มา
ทำไมนัดแล้วทำแบบนี้
ถ้าแผลกูเน่าขึ้นมา มึงจะรับผิดชอบไหวมั้ย
ไอ้หยก ไอ้หยก ไอ้หยก ไอ้หยก ไอ้หยก ไอ้...........โว้ยยยยยยยยยยย กูโมโหแม่งจริง ๆ โว้ยยยยยยยยยยย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและคิดถึงเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-06-2014 07:44:08
สามทุ่ม

หยกถึงกับทรุดลงนั่งที่ริมฟุตบาธ

เข็นรถมาตั้งแต่หน้ามหาวิทยาลัย คิดว่าไม่น่าจะเกินสิบนาทีแต่ตอนนี้ผ่านมาเกือบสองชั่วโมง

ทิ้งรถไม่ได้
แถวนี้ก็ไม่มีร้านซ่อมรถ
ถึงรถจะเป็นแค่มอร์เตอร์ไซด์เก่า ๆ คันหนึ่งแต่ไม่สามารถจอดทิ้งไว้ได้

เรื่องนัด ลืมไปได้เลย ป่านนี้คงไม่มีใครรอแล้ว

เหนื่อย
เข็นรถมาจนถึงหน้าหอพักแล้ว และมั่นใจว่าไม่มีใครรอยู่แน่ ๆ

ตะปูเต็ม ๆ เลย ล้อไม่มีลมจะขี่ไปได้ยังไง

อ้าวแล้ว........

น้ำ.....ฝน......

เอออออ ให้มันได้อย่างนี้สิวะ ซวยซ้ำซวยซ้อน ฝนตกอีก ดีนะที่ถึงหน้าหอแล้ว ถ้าเกิดว่ายังอยู่กลางทางกูคงยิ่งซวยกว่านี้

หยกรีบเข็นรถเข้ามาจอดใต้หอ ก่อนที่ฝนจะตกหนักไปมากกว่านี้ เนื้อตัวเปียกปอน และเริ่มรู้สึกถึงความหนาวเย็น

“ฮั่ดชิ่ววว”

อย่าเป็นหวัดเด็ดขาดนะเว้ย สอบ มีสอบนะ ห้ามป่วยเด็ดขาดนะมึงหยก ห้ามป่วยนะ

บอกตัวเองและรีบก้าวขาขึ้นหอพักอย่างรวดเร็ว
ก้าวยาว ๆ มาหยุดอยู่ที่หน้าห้อง

ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะจำได้ว่านัดใครไว้ แต่มาผิดเวลา

ก็.........ป่านนี้แล้ว แม่งคงด่ากูตายห่าไปแล้วมั้ง

คงด่ากูเละเทะไม่มีดี

ไขกุญแจห้อง และเปิดเข้ามา ควานหาสวิตไฟและเปิดไฟจนสว่างทั่วทั้งห้อง

หนาว....ต้องรีบอาบน้ำ เดี๋ยวจะเป็นหวัดไปซะก่อน
ต้อง...........

“เหี้ยยยยยยยยย ไอ้.......มึง...”

ตะโกนเสียงดังลั่นเมื่อเห็นว่าใครนอนอยู่บนเตียง

มาได้ไงวะ
มาได้.....แล้วยังมานอนอยู่บนเตียงซะอีก

หรือว่า....
ไอ้กัสมึง....
นี่มึงจะมากไปแล้วนะ มึงจะ.....แล้ว..โห แล้วรองเท้าทำไมมึงไม่รู้จักถอดรองเท้า มึงทำไมไม่รู้จัก…..

เดินเข้ามาหา
ปรี่เข้ามาหาถึงเตียงและกัสก็หรี่ปรือตาขึ้นมอง ก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทางและใช้หมอนอุดหูเอาไว้

“มึงอย่าด่ากูมากได้มั้ย กูจะนอน”

มันใช่เรื่องเหรอ
มึงเข้ามาได้ยังไง นี่มึงถึงขนาดงัดแงะห้องแล้วเหรอ
ไอ้กัส ตื่นมาคุยกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้ ไอ้.........

“มึงงัดห้องเหรอ ไอ้กัสตื่น มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน ตื่นมาเดี๋ยวนี้”

ลากแขนให้คนที่นอนงัวเงียไม่ยอมตื่น ให้ลุกขึ้นมาคุยกันและก็เป็นกัสที่แกล้งทำเป็นไม่มีแรง จะลงไปนอนบนเตียงให้ได้แม้จะถูกดึงถูกลากให้ลุกขึ้นแค่ไหน ก็ไม่ยอมลุก

“งัดห้องหรือไง ไอ้กัส ตอบ งัดห้องกูเหรอวะ”

งัดห่าอะไร
กูเปล่างัดซะหน่อย

“โอ้ยยยยยยยยยย ปวดหัว ทำไมต้องตะโกนใส่หน้าด้วยวะ ถ้ากูงัดแล้วมึงจะทำไม”

ไม่ทำไมหรอก
ถ้างัดกูจะได้ตีมึงให้ตาย

“มึงริเป็นโจรเหรอ มึงนี่มัน นอกจากหาเรื่องเขาไปทั่วแล้วยังจะริเป็นโจรหัดงัดห้องใช่มั้ย”

ไม่ใช่
กูไม่ได้งัด

“ถ้าใช่แล้วจะทำไม”

ตื่นเต็มตา และมองหน้าหยกด้วยความโมโห
แล้วยังไงถ้ากูงัดแล้วมึงจะทำไม จะต่อยกับกูมั้ยล่ะ

“ทำไมทำแบบนี้”

กูไม่ได้ทำ

อย่ามาถามกูแบบนี้

“อยากมาไม่เคยว่า อยากได้กุญแจขอกันดี ๆ ก็ได้ ทำไมต้องงัดห้อง”

ไม่ได้งัด

กูไม่ได้งัดห้องมึง

“พูดมา ทำไมต้องงัด”

ไม่ได้ทำ
กูออกไปแล้ว แล้วกูก็กลับเข้ามาอีก มานั่งรอมึงที่หน้าห้อง รอนานแล้วมึงไม่ยอมมาซะที กูว่าจะกลับแล้ว แต่พอลองบิดลูกบิดประตูเล่น ๆ ถึงได้รู้ว่าห้องมึงไม่ได้ล็อค

“เมื่อเช้ามึงลืมล็อคห้อง”

คำพูดง่าย ๆการตอบง่าย ๆ ทำให้หยกเลิกคิ้วขึ้นสูง

ลืมล็อคห้อง
มึงจะกวนตีนขนาดไหนกูไม่ได้ว่า

แต่อย่ามาโกหกหน้าตาย เถียงแบบข้าง ๆ คู ๆ แบบนี้กูไม่ชอบ

“กูลืมล็อคห้องเนี่ยนะ มึงหา........”

ลืม...ล็อค...ห้อง
กุญแจก็ไม่ได้อยู่ที่ตัว เมื่อมองไปก็เห็นว่าทั้งแม่กุญแจและกุญแจวางทิ้งเอาไว้บนโต๊ะอ่านหนังสือ

“กู....”

ชะงัก

นิ่ง
และก้มลงมามองคนที่หยกดึงคอเสื้อไว้

“แต่ถ้ามึงคิดว่ากูงัด เอาตามนั้นก็ได้ กูงัดเองก็ได้”

กัส...

ลดมือลงแล้ว
ปล่อยคอเสื้ออีกฝ่ายแล้ว
และกัสก็นิ่งเงียบไป

สายตามองไปที่อื่น

และหยกก็ได้แต่ยืนนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น

“กูงัดห้องมึงเองแหละ”

มึงไม่ได้งัดหรอก
กูลืมกุญแจเอง

ดีที่เป็นมึงมาเจอ ถ้าเป็นคนอื่น ของกูคงโดนยกเค้าหายเกลี้ยงไม่เหลือแล้วป่านนี้

“มึงไม่ได้งัดหรอก”

แต่เมื่อกี้มึงบอกว่ากูทำ กูเข้าห้องมึงมาได้เพราะกูงัดห้องมึง

“กัส”

“พ่อมึงเหรอชื่อกัส กูชื่อ....”

“เออมึงเจ๋ง…มึงอยากจะชื่ออะไรก็เอาเหอะ แล้วกินข้าวหรือยัง”

กินแล้ว

ไม่รู้ว่าตอนนี้มันกี่ทุ่ม ไม่ชอบดูนาฬิกาแต่ก็รู้ว่าดึกแล้ว

“กูกินแล้ว ข้าวมึงอยู่บนโต๊ะ มันปิ้งด้วย”

เหรอ
ข้าว........อยู่บนโต๊ะ
มันปิ้ง........ก็....

หันไปมองที่โต๊ะที่มีข้าวกล่องและถุงใส่มันปิ้งวางอยู่

ซื้อมาให้
งั้นเหรอ

“กัส”

ไม่ยอมพูดด้วย

คนที่ควรพูดด้วย ไม่ยอมพูดด้วย
กัสเมินหน้าหนีไปทางอื่น และดึงผ้าห่มมาคลุม

“จะนอนมึงต้องหัดถอดรองเท้าซะบ้าง นอนแบบไม่ถอดรองเท้าแบบนี้ไม่ได้ ดินมันจะหล่นบนเตียงรู้มั้ย”

รู้

กัสค่อยๆ ขยับกายลุกขึ้นนั่ง
แค่ถอดรองเท้า ถ้ามันยากนัก กูไม่อยู่ก็ได้

กูไม่อยู่ที่นี่ก็ได้
กูไม่มาอีกก็ได้

“แค่รองเท้า มันยากเย็นอะไรนักหนาวะ แค่ถอดแค่นี้ มึงจะเป็นอะไรของมึงนักหนาห๊ะ กัส”

กูไม่ถอดแล้วกูก็ไม่อยู่แล้ว
กูจะ....

กำลังจะขยับลุกขึ้นยืน แต่เป็นหยกที่กำลังด่าว่าและดึงข้อเท้าของกัสเอาไว้ และจัดการถอดให้ทั้งถุงเท้ารองเท้า

มอง

สิ่งที่กัสทำได้ คือนิ่งและมอง

กำลังจะท้วง กำลังจะอ้าปากพูดบางอย่าง
แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่อ้าปากค้างและมอง

“แค่นี้ก็เรียบร้อย นอนไปก่อนนะ เดี๋ยวกูอาบน้ำก่อน เปียกไปหมด จะเป็นหวัดหรือเปล่าก็ไม่รู้”

ไม่รู้เหมือนกัน
ว่าจะเป็นหวัดหรือเปล่า

กัสเองก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นหวัดหรือเปล่า
แต่ก็ไม่อยากให้เป็น

ไม่อยากให้ป่วย
ไม่อยากให้หยกไม่สบาย

ไม่อยากให้.....

มองตาม สายตามองไล่ตามไปที่คนที่กำลังหยิบผ้าขนหนูและกำลังจะเดินเข้าไปอาบน้ำ

ก่อนอาบน้ำหยกหันกลับมาหากัส
หันมาหาและพูดบางอย่าง
พูดกัน
พูดให้ได้ยินกันสองคน

“ขอโทษนะ”

ขอโทษ

เหรอ

ขอโทษ.......

“กูปรักปรำมึง มึงคงเสียความรู้สึกมาก ทั้งที่มันเป็นเพราะความสะเพร่าของกูแท้ ๆ”

เงยหน้าขึ้น
เงยหน้ามองหน้าของคนที่พูดคำว่าขอโทษ โดยไม่มีฟอร์มใด ๆ

หยก......

“คราวหน้าคราวหลัง จะได้ไม่ต้องมาทะเลาะกันด้วยเรื่องแบบนี้อีก”

หยกเดินมาที่โต๊ะ เปิดลิ้นชักออก และหยิบกุญแจสำรองอีกดอกที่อยู่ในโต๊ะออกมายื่นให้คนที่มอง

ยื่นให้และกัสก็ยังไม่ยอมรับเอาไว้ จนหยกต้องยัดเยียดใส่มือให้

“เก็บไว้”

บอก

และหยกก็เดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว โดยมีกัสนั่งมองกุญแจห้องที่อยู่ในมืออยู่อย่างนั้น

หยกให้กุญแจ

กุญแจที่หยกให้เก็บเอาไว้

มันคือความดีใจอย่างท่วมท้นที่หยกไม่เคยรู้มาก่อน

สำหรับกัส
การที่ให้กุญแจก็เหมือนกับให้ที่อยู่

ที่ ที่ไม่ว่ายังไง ก็จะกลับมาได้เสมอ เวลาที่เจ็บปวด
ที่ที่กัสแอบเก็บเอาไว้ในใจคนเดียว โดยที่หยกไม่เคยรู้

โลกของเราสองคน
โลกตรงกลางที่แบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งให้หยกเข้ามาอยู่ด้วย

เราอยู่ด้วยกันที่โลกตรงกลาง

โลกใบนี้ที่เอาไว้อยู่กันแค่สองคน

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและคิดถึงเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-06-2014 07:51:11
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#อย่าทอดทิ้งคนที่รอ

ช็อคสิครับงานนี้

ไม่ให้ช็อคยังไงไหว ยังยืนอยู่ได้นี่กูก็ว่ากูโคตรเก่งเลยนะ

“โจ้”

มึงบ้าแล้วแบบนี้
จะเงยหน้าขึ้นมาทำไม แล้วไม่ต้องจับชายเสื้อกูแน่นขนาดนั้นก็ได้

ทำสายตาหวั่นไหวและมองไปรอบตัวเหมือนเด็กน้อยหลงทางนี่มันอะไรของมึงวะ

“กดกริ่ง...ถึง...จะ..ถึง...แล้ว”

จะถึง
มึงหรือกูที่ถึง เหี้ยยยยยยยยยยยยยยย

ไม่ต้องรอช้า
โจ้เหมือนคนบ้า พยายามฝ่าฝูงชนออกมาโดยไม่ลืมจะดึงแขนของคนที่เกาะชายเสื้อไม่ยอมปล่อยให้ออกมาด้วยกัน กดกริ่งเรียบร้อย และเดินนำหน้าโดยมีคนที่กำชายเสื้อแน่นเดินตาม

รถจอดเรียบร้อยและในเวลานี้ โจ้ก็มายืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์โดยมีไอ้เจ๋งตาบวม แก้มช้ำตามลงมาด้วย

แต่มันก็ยังไม่ยอมปล่อยมือจากชายเสื้อ

“ไปทางไหนต่อวะ”

ถามทางและเมินหน้าหนีไปทางอื่น
ใครจะอยากมองหน้าแม่งวะ ทำหน้าแบบนี้แม่งกวนตีนกูชัด ๆ

เดี๋ยวก็ได้พากลับบ้านกูซะหรอก ไม่ต้องไปส่งแม่งแล้วบ้านมัน

“โจ้”

เออออออออออ กูได้ยินแล้ว มึงเลิกเรียกกูซะทีเหอะวะ กูจะบ้าแล้วเนี่ย

“ไปนะ”

ไปไหนวะ ไป...

แล้วมันก็ปล่อยมือจากชายเสื้อที่กำแน่นมาตลอดทาง
แล้วมันก็เดินไม่ตรงทางจากไป

แล้วก็เป็นกูที่ได้แต่มอง
ก็มาส่งแล้วไง ก็มาถึงแล้วไงทางเข้าบ้านมัน
มันก็เลยแยกตัวเดินจากไป
มาส่งมันแล้ว
และมันก็ถึงทางเข้าบ้านมันแล้ว

กูก็สมควรจะ.....กลับบ้านตัวเองได้แล้วใช่หรือเปล่าวะ

แล้วทำไมกูถึงต้องมายืนเกาหัวอยู่ที่ป้ายรถเมล์ในเวลานี้ด้วยเนี่ย แล้วทำไมกูถึงต้องมายืนมองมันเดินเป๋ไปเป๋มาแบบนี้ด้วย

เออออออออออออ ก็ได้
แค่ไปส่ง

ไปส่งถึงหน้าบ้านเลยก็ได้วะ

“เฮ้ยยยย ไอ้เจ๋ง”

เรียก

ร้องเรียกและเดินตาม แต่อีกฝ่ายไม่ยอมหันหน้ามาหา
ยังคงเดินอย่างเชื่องช้าและก็เป็นโจ้ที่ต้องวิ่งตาม และมาหยุดอยู่ข้าง ๆ กัสที่หันมามอง เมื่อเห็นว่ามีใครอยู่ข้าง ๆ

“เดี๋ยวกูไปส่งหน้าบ้านก็ได้วะ”

ไม่เป็นไร
กลับได้แล้ว ไม่ได้ลืมทางกลับบ้าน แค่เศร้า
เศร้าที่พ่อกับอาคงลืมกัสทิ้งไว้และไม่ยอมไปรับ
ไม่ได้เป็นอะไรมาก เมื่อก่อนคิดว่าตัวเองเสียใจมาก แต่ตอนนี้กำลังพยายามปรับตัว เพื่อไม่ให้เป็นภาระกับคนอื่นมากนัก แบบนี้ก็ดี กัสจะได้หัดกลับบ้านเอง

ถ้ากัสกลับบ้านเองได้แล้ว
พ่อกับอาก็ไม่ต้องมารับ
ไม่ต้องเป็นห่วงกัสและกัสก็จะไม่เป็นภาระของพ่อและอาอีกต่อไป

เดินอย่างเชื่องช้า มีบางครั้งที่เซ แต่คนที่เดินมาด้วยก็พยายามดึงแขนเอาไว้

อยากขอบคุณแต่พูดไม่ออก
เวลาพูดมันลำบาก ก็เลยก้มหัวให้และส่งยิ้มให้กับคนที่พามาส่งจนถึงหน้าบ้าน

เป็นโจ้ที่กำลังทำตัวไม่ถูก
แค่ยิ้มให้

ก็รู้สึกถึงอาการแปลก ๆ ของตัวเอง

มันเคยอยู่ไกล ไอ้เจ๋งมันเคยอยู่ที่สูง จะเข้าหาตัวมันไม่ใช่ง่าย เมื่อก่อนเห็นมันก็แค่จากที่ไกล ๆ ไม่เคยคิดเคยฝันไม่เคยสนใจจะมองแม้กระทั่งหน้า เพราะรู้กิตติศัพท์และนิสัยของมันจากคนรอบข้าง

เมื่อก่อนมันเคยเป็นยังไงก็รู้ดี
แต่ตอนนี้มันเป็นยังไง คนอื่นๆ คงไม่รู้

พอมันลงมาจากที่สูง
มาอยู่ใกล้ ๆ ให้เห็นชัด ๆ แบบนี้ถึงเพิ่งรู้สึกว่าแท้จริงแล้ว
ไอ้เจ๋งมันก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง

เป็นคนธรรมดาที่..........

มึงก็ผู้ชายเหมือนกูนะ

มองยังไงมึงก็เป็นผู้ชาย แต่ทำไมกูถึงรู้สึกว่ามึงแม่งน่ารักชิบหายเลยวะไอ้เจ๋ง

มึง....ทำแบบนี้ไม่คิดว่าเกินไปหน่อยหรือไง
เที่ยวแจกยิ้มหวาน ๆ ให้คนอื่นเขาไปทั่วแบบนี้
ถึงเป็นผู้ชายก็อันตรายได้เหมือนกันนะเว้ย

กัสหยุดยืนที่หน้าบ้านที่เป็นทาวเฮาส์เล็ก ๆ หลังหนึ่ง
มองตรงเข้าไปในข้างในบ้านและเห็นว่าใครกำลังยืนอยู่

“อา”

จำได้ว่าเป็นอาของตัวเอง และเมื่อได้ยินเสียงเรียก อาก็รีบหันมามองและวิ่งออกมาหากัสทันที

“กัส ไอ้กัสลูก เขาเป็นห่วงกันหมดบ้านแล้วลูก เอ็งหายไปไหนมา พ่อเขาตามหาเอ็งจนทั่ว”

อารีบเปิดประตูบ้านให้และกัสก็เข้ามาอยู่ในบ้านเรียบร้อย

“เพื่อน...โจ้...มาส่ง”

เพื่อนเหรอ เพื่อนที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน
อามองหน้าโจ้ด้วยความประหลาดใจ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยเห็นว่ากัสจะพาเพื่อนมาบ้าน แต่ละคนที่ผ่านมามีแต่ต้องด่าให้กระเจิดกระเจิง แต่คนนี้ไม่เหมือนเพื่อนคนอื่นๆ

ท่าทางไม่ได้เป็นเด็กเกเร และดูจะมีสัมมาคารวะดี

อายกมือรับไหว้คนที่พากัสมาส่งและเชื้อเชิญให้เข้ามาในบ้านก่อนจะกดโทรศัพท์โทรหาพ่อของกัส

“พี่ขจร ไอ้กัสมันกลับมาแล้วพี่ เพื่อนมันมาส่ง อยู่กับฉันนี่ พี่รีบกลับมาได้แล้ว ไอ้กัสมันโดนตีมาด้วย หน้าตาเนื้อตัวมีแต่แผลเต็มไปหมด”

ได้ยินชัด

และเป็นโจ้ที่ถึงกับหน้าซีดเผือด เมื่อได้ยินคำพูดของอา

“ไปโดนอะไรมาลูก ใครทำเอ็งบอกอาเดี๋ยวอาจะไปจัดการให้”

บอก....

ว่าเป็น........

“ไม่เป็นไร...”

ตอบง่ายๆ และโจ้ที่หน้าซีดแล้วซีดอีกก็หันไปมองคนที่ตอบคำถามง่ายๆ ที่อาถาม

ละอาย

สิ่งแรกที่ผุดขึ้นในหัวคือคำว่า “ละอายแก่ใจ”

กูทำมึงเอง
มึงบอกอามึง แล้วอามึงก็คงไล่กระทืบกู แม้กูจะเป็นคนพามึงมาส่งบ้าน แต่ก็คงไม่รอดเพราะกูทำมึงเจ็บ

โจ้ก้มหน้าลงเล็กน้อย
รู้สึกผิดและคิดว่าตัวเองเลวร้ายอย่างไม่น่าให้อภัย

“ที่จริงแล้วผม.........เป็นคน....”

กำลังจะพูดต่อ ไม่กลัวที่จะสารภาพ ทำแล้วก็ต้องรับผิดชอบ
แค่ทำคนไม่มีทางสู้ ก็เหี้ยพอแล้ว

“อา.....โจ้...มาส่ง..โจ้ดี”

อย่าให้กูรู้สึกผิดไปมากกว่านี้

“ที่ไอ้เจ๋งหน้าเป็นแบบนี้เพราะผมเองแหละครับ ผมทำให้มันต้องเป็นแบบนี้”

คนเราทำอะไรต้องมีศักดิ์ศรี
และโจ้ก็เป็นคนมีศักดิ์ศรีมากพอที่จะไม่โกหกปิดบังในสิ่งที่ตัวเองทำ

“มันเคยกระทืบผม ผมก็เลยกระทืบมันคืน แต่ผมไม่นึกว่ามันจะเป็นแบบนี้”

คนที่นิ่งคืออา
อาผู้หญิงเพ่งมองไปที่หน้าหลานชายและเพื่อนที่มาส่ง
สิ่งแรกที่รู้สึกคือโกรธ

โกรธและโมโห

อยากจะอ้าปากด่า แต่สิ่งที่อาคิดได้อีกอย่างคือต้องยอมรับว่าไอ้หนุ่มคนนี้มันกล้าใช้ได้

“ทำมันทำไม เห็นมันเป็นแบบนี้แล้วเอ็งยังทำมันได้ลงคออีกเหรอ”

ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้

ผมก็เลยทำ

ถ้ารู้ว่ามันเป็นแบบนี้ผมคงไม่ทำ

“แต่จะไปโทษใครได้ เมื่อก่อนไอ้กัสมันไปทำเขาไว้ซะทั่วจะมีคนเอาคืนก็ไม่แปลก ก็นับว่าโชคยังดีที่เอ็งไม่ทำมันถึงตาย”

ผม.....
ขอโทษครับ

ก้มหน้ายอมรับความผิด

และอาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่

ไม่รู้ว่าเป็นมายังไง แต่ที่รู้คือถึงมันจะทำหลานชาย แต่มันก็เป็นคนพาหลานชายมาส่ง

ไม่รู้ว่ายังไง
เรื่องมันถึงกลับตาลปัตรไปได้ขนาดนี้

แต่อย่างน้อย ตอนนี้......กัสมันก็ปลอดภัยแล้ว

“ไอ้กัส”

เสียงตะโกนมาจากหน้ารั้วประตูบ้าน พร้อมกับที่ชายวัยกลางคนที่จอดมอร์เตอร์ไซด์เอาไว้รีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหา

“เป็นอะไรลูก เอ็งไปโดนอะไรมา พ่อขอโทษ พ่อไปรับเอ็งช้า เอ็งเลยโดนแบบนี้ ใครทำเอ็งบอกพ่อซิ ใครทำเอ็ง”

ใครทำ

เป็นโจ้ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
กำลังจะอ้าปากพูด แต่อาก็ยกมือห้ามเอาไว้

“เอ็งไม่ต้องพูด”

“มันไม่เป็นไรก็ดีแล้วพี่ ทีหน้าทีหลัง เราจะได้ไม่ละเลยมันอีก หายไปคราวหน้า คงไม่ใช่จะไปตามหาจากที่ไหนได้ง่าย ๆ แล้ว”

ใช่

สิ่งที่พ่อของกัสคิดได้ก็มีแค่นี้

ใจจะขาดเมื่อหาลูกไม่เจอ

ผิดเองที่ไปรับช้า เพราะติดงาน ผิดที่ไปรับช้า ลูกชายถึงได้หน้าบวมช้ำเพราะถูกคนทำร้ายแบบนี้

“พ่อทิ้งกัส”

ไม่ได้อยากพูด
แต่บางครั้งสมองก็ไม่สามารถควบคุมปากไม่ให้พูดออกมาได้

คำพูดง่าย ๆ แต่ทำให้น้าขจรถึงกับยืนนิ่งเงียบและน้ำตาไหล

“พ่อไม่ทิ้งเอ็ง พ่อไม่ได้ทิ้ง เอ็งอย่าคิดแบบนี้อีก พ่อขอโทษ พ่อขอโทษ ต่อไปพ่อจะไม่ปล่อยเอ็งไว้แบบนี้อีกแล้ว อย่าโกรธพ่อเลย”

ได้แต่พร่ำพูด
ได้แต่พร่ำบอก ได้แต่กอดลูกชายเอาไว้แน่น แต่กัสก็ยังพูดคำเดิมซ้ำ ๆ

ก่อนที่หยดน้ำตามากมายจะหลั่งรินออกมา

“พ่อทิ้งกัส พ่ออย่าทิ้งกัสอีก พ่ออย่าทิ้งกัส”

ร้องไห้

น้ำตาไหล

ยิ่งพูดยิ่งปวดใจ

คนฟังยิ่งฟังก็ยิ่งปวดใจ
มันเจ็บปวดเมื่อรู้ว่าถูกละเลย มันเจ็บปวดที่รู้ว่าไม่เป็นที่ต้องการ ทำไมพ่อต้องทิ้งกัส พ่อทิ้งกัสไว้ทำไม มีคำถามมากมายเกิดขึ้นเต็มไปหมด อยากเกลียดที่พ่อทิ้งไป อยากโมโหอยากร้องไห้ แต่ความจริงที่ว่าพ่อทิ้งไปก็คือเรื่องจริง

หนีได้ยังไง
จะให้ทนเจ็บปวดได้ยังไง
แค่คิดว่าที่พ่อไม่ยอมมารับก็เพราะว่าพ่อทอดทิ้ง มันเจ็บปวดมากพอแล้ว

เจ็บปวดจนหยุดคำพูดไว้ไม่ได้
อยากให้ตัวเองหยุดพูด แต่ก็เจ็บปวดจนหยุดคำพูดไม่ได้

“พ่อครับ พ่ออย่าทิ้งกัสนะครับ พ่อ”

ร้องไห้เหมือนเด็กน้อย และกอดพ่อเอาไว้แน่น
กอดเพื่อให้ตัวเองมั่นใจว่าจะไม่ถูกทอดทิ้ง กอดแน่นและร้องไห้เหมือนเด็ก ๆ เพราะไม่อยากถูกทิ้งเอาไว้

“พ่อไม่ทิ้งลูก พ่อไม่ทิ้งกัสนะลูก เอ็งอย่าร้องไห้สิ พ่อไม่ทิ้งเอ็งหรอกนะ พ่อสัญญา”

เป็นบทเรียนสำคัญอีกบทหนึ่งที่น้าขจรจะไม่มีวันลืม
ห้ามทิ้งไว้อีก ห้ามทิ้งไว้เด็ดขาด

เพราะกัสมันจะคิดซ้ำ ๆ ว่าพ่อทิ้งมัน

และมันจะจำฝังใจว่าถูกพ่อทิ้ง

“พ่อไม่ได้ทิ้ง พ่อขอโทษ พ่อขอโทษ พ่อไม่ได้ทิ้งเอ็ง”

เป็นโจ้ที่ยืนมอง
ยืนมองเงียบ ๆ และได้แต่ก้มหน้าลงอย่างช้า ๆ

ความรู้สึกบางอย่างแค่ดวงตาได้เห็นมันไม่เท่าความรู้สึกที่ท่วมท้น

คนที่เจ็บปวด
คนที่ในเวลานี้ไม่ต่างอะไรกับเด็กอนุบาล
ทั้งที่คิดอย่างนั้นแต่ก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดอย่างท่วมท้นของคนสองคน

คนที่คิดว่าตัวเองถูกทิ้งเอาไว้
กับคนที่พยายามจะปกป้องสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต

มันเจ็บปวดได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ

เจ็บปวดมากสินะ

คงเจ็บปวดมาก

“อย่าทิ้งกัสอีก พ่อครับ....อย่าทิ้งกัส...”

ถ้อยคำที่ได้ยินซ้ำ ๆ มันสะท้อนเข้าไปถึงในใจของคนที่ได้เห็น

อายืนนิ่ง
น้ำตาซึมจนต้องยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา
และโจ้ก็ได้แต่ยืนมองภาพนั้นนิ่งงัน พร้อมกับโทษตัวเอง และกร่นด่าตัวเองในใจไม่เลิก

กูไม่ควรทำมันเลย ไม่น่าไปทำมันเจ็บขนาดนี้

โง่ชะมัด ทำไมถึงได้ทำอะไรโง่ ๆ แบบนี้
มันรอพ่อของมันอยู่ดี ๆ กูก็ไปกระทืบมันซะเละไม่มีดี

กูแม่งก็เหี้ย

ทำคนไม่มีทางสู้

กูแม่งก็เหี้ยเหลือเกินจริง ๆ

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและคิดถึงเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-06-2014 07:54:45
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)

ปล.ด้วยรักและคิดถึง#เรื่องของโจ้กับนิว

เราควรทำยังไงกับของที่ฝากเอาไว้

หนึ่ง.....มองและเฝ้าดูให้เรื่อย ๆ โดยที่ไม่ทำอะไรเลย รอเจ้าของกลับมาเอาคืน

หรือสอง ลองแกะของออกดูถ้าถูกใจก็แอบเก็บเอาไว้เป็นของเราเพราะไม่มีใครรู้ใครเห็น

เหอะ
ถ้าใครแม่งกล้าทำอย่างที่สองก็คงเหี้ยมาก
แม้ว่าจะอยากทำมากขนาดไหนถ้ายังมีสามัญสำนึกอยู่บ้างก็ไม่สมควรทำ

ไม่สมควรจะทำ

นิวกดวางสายเรียบร้อย คุยโทรศัพท์แท้ ๆ แต่สายตากลับมองไปที่คนที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่ที่โต๊ะห่างออกไป ปกติไอ้เจ๋งมันจะกินข้าวคนเดียว แต่แปลกที่วันนี้มีคนมานั่งกินด้วย

และคน ๆ นั้นคือไอ้โจ้

แปลกที่เป็นไอ้โจ้
จำได้ว่าไอ้เจ๋งมันสั่งคนกระทืบไอ้โจ้ปางตาย แต่ทำไมอยู่ดีๆ มันถึงมานั่งกินข้าวด้วยกันได้

ในสมองกำลังครุ่นคิดบางอย่างด้วยความประหลาดใจ
ทั้งที่เพิ่งวางสายหลังจากพูดคุยกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนแท้ ๆ ทั้งที่คุยกัน แต่เป็นทางนั้นที่เป็นฝ่ายพูดซะมากกว่า
ส่วนนิวก็ทำเพียงแค่รับฟังและคอยเห็นด้วยกับสิ่งที่แฟนพูดเท่านั้น

จะว่าแฟนก็ไม่ใช่ จริง ๆ แล้วทางนั้นมาขอคบมากกว่า
ว่าง ๆ อยู่ด้วย ก็เลยลองคบ

เอาเข้าจริงการเป็นคนดีนี่มันก็ยากใช้ได้

ตัดใจปล่อยตองไปได้แล้วแท้ ๆ
และตอนนี้ก็คงต้องเล่นบทพระรองแสนดีต่อไป

ปล่อยไอ้เจ๋งไปอีกคนก็ได้วะ

เพราะกูมันเป็นแค่พระรอง

มองไปที่โต๊ะห่างออกไป
เห็นใครบางคนนั่งอยู่ตรงนั้น
องครักษ์เขาให้พิทักษ์ตอนที่มันต้องการความช่วยเหลือ จะเสนอหน้าออกไปตลอดเวลามันก็จะเป็นการแย่งซีนตัวแสดงประกอบอย่างไอ้โจ้เกินไป

ไอ้โจ้

เหรอ

ตั้งแต่ตองย้ายไป
ไอ้โจ้มันดูซึมไปพักใหญ่
ไม่ได้สนใจจะมองว่ามันเป็นยังไง แต่พักหลังๆ ชักเริ่มต้องจับตามอง เพราะมันมาวุ่นวายเกาะแกะกับของที่ฝากเอาไว้มากเกินไป

ไม่ควรมีอะไรให้เกี่ยวพันกัน

แต่ทำไมไม่ว่ากี่ครั้งก็เข้ามาเกี่ยวข้องกันจนได้

เหมือนตอนนี้

ถ้ามึงไม่รีบกลับมานะไอ้หยก

กูว่าของของมึงมีสิทธิ์โดนสอยได้ง่าย ๆ ชนิดที่องครักษ์อย่างกูก็คงช่วยอะไรไม่ได้

อย่านึกว่ากูโง่จนดูไม่ออกว่าทางนั้นมันคิดอะไร

กูว่ากูดูคนออกนะ สิ่งที่มึงคิดคงไม่ต่างจากกูเท่าไหร่หรอก

จริงมั้ย ไอ้โจ้


นิวลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วและเดินเข้าไปทักทายคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกัส และโจ้ก็เงยหน้าขึ้นมามองเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคือใคร

ไอ้.....นิว

“เอ้ยยย กินอะไรวันนี้เจ๋ง”

“ว่าไงมึงไอ้โจ้”

มันคงทักพอเป็นพิธีเพราะไม่ว่ายังไงก็ไม่มีเรื่องต้องพูดกันอยู่แล้ว

“คิดถึงตองเนอะ”

นั่นไง

เน้นคำกันชัด ๆ

กลายเป็นโจ้ที่เงยหน้าขึ้นมองคนที่ทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ทั้งที่เมื่อกี้พาดพิงกันเห็น ๆ

กูดูมึงออก
และกูก็ไม่แปลกใจถ้ามึงจะดูกูออกเหมือนกัน

“เฮ้ยยยยยยยยย กินข้าวต้มเหรอเจ๋ง เออดี ๆ”

มึงจะเห็นดีเห็นงามอะไรนักหนาแค่ไอ้เจ๋งมันกินข้าวต้ม

“หน้าไปโดนอะไรมาเจ๋ง”

ถามและขมวดคิ้วมุ่น ไม่ต้องให้เชิญก็นั่งลง และกำลังจะใช้มือแตะไปที่ข้างริมฝีปากของคนที่นั่งเหม่อ


“เฮ้ยยย”

อะไร
กูแค่จะแตะ ไม่ได้แตะหน้ามึง ไม่เห็นจำเป็นจะต้องทำเป็นโวยวายเดือดร้อนขนาดนั้น
ชะงักมือนิ่งค้าง และหันไปมองหน้าคนที่ทำเสียงเหมือนไม่พอใจ

“ไหนมึงมาคุยกับกูหน่อยดิ๊”

เหรอ

ได้
คุย
แค่คุยทำไมกูจะคุยไม่ได้

โจ้ลุกขึ้นและนิวก็พยักหน้ารับ มองหน้าของเด็กฝากที่ยังเหม่อลอยและตักข้าวต้มเข้าปากอย่างแสนเชื่องช้า กว่าจะกินได้ปาเข้าไปหลายนาที

เห็นแบบนี้นิวก็เลยได้แต่ถอนหายใจ

“กินไปก่อนนะ เดี๋ยวมา”

ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายฟังที่พูดหรือเปล่า แต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับสักนิด

นิวลุกขึ้นเดินตามคนที่เดินนำหน้า และมาหยุดยืนนิ่งประจันหน้ากัน

“ว่า”

ถามและก็เป็นฝ่ายนั้นที่ขมวดคิ้วมุ่น
น่าจะเป็นกูมากกว่านะที่ต้องเครียด มึงจะทำหน้าเครียดไปทำไม

“คนนี้กูขอ”

ง่ายไปหรือเปล่า
คนนะไม่ใช่สิ่งของ

มึงคิดว่าทุกอย่างในโลกมันง่ายไปหมดทุกอย่างหรือไง
คิดอยากจะขออะไรก็ขอได้ง่าย ๆ เหรอวะ มึงคิดอะไรง่ายไป

“เพื่อนกูฝากไว้ คงให้ไม่ได้”

เพื่อนเหรอ
เพื่อนฝากไว้เหรอ

“อ้างได้เหี้ยมาก”

รอยยิ้มหยัน ๆ ของโจ้ทำให้นิวนิ่งชะงักค้าง สายตาและรอยยิ้มยียวนกวนประสาทที่มองมา มันทำให้นิวต้องยืนนิ่งเงียบทั้งที่ในใจกำลังครุกรุ่นด้วยความโมโห

แต่ความสงบ
สยบความเคลื่อนไหวได้เสมอ

“แล้วแต่มึงจะคิด”

“แล้วถ้ากูคิดถูกล่ะ”

นั่นก็เรื่องของมึง ไม่เกี่ยวกับกู

“ก็ขึ้นอยู่กับว่าถูกของมึงมันถูกแค่ไหน แล้วถูกจริงหรือเปล่า หรือมันถูกเพราะมึงคิดเอาเองว่าถูก แต่คนอื่น ๆ อาจมองว่ามันผิด”

ถูกหรือผิด
มึงไม่ใช่ผู้ตัดสิน อย่าเอาตัวเองมาเป็นบรรทัดฐานไอ้นิว

“ของเขามีเจ้าของ กูมันก็แค่รับฝาก แต่อย่างมึง.......”

ปรายตามองไปที่คนที่กำลังเริ่มโมโหและก็เป็นโจ้ที่โมโหจนแทบจะพูดไม่ออก

“กูทำไม อย่างกูแล้วทำไม มึงเองก็ใช่ว่าจะดี......ของที่เขาฝากไว้มึงเองก็คิดไม่ซื่อ”

กระแทกใจเข้าอย่างจัง
และนิวก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจจนแทบจะพูดไม่ออก
บางสิ่งบางอย่างมันก็เป็นความจริงที่ไม่น่าฟัง

ไม่น่าฟังเลยสักนิด

แต่อย่างน้อย........สิ่งที่ยึดมั่นนิวเอาไว้ก็คือความถูกต้อง

ความถูกต้องและหน้าที่ที่ต้องรักษาสัญญาว่าจะดูแลปกป้องของสำคัญของเพื่อนให้ได้ จนกว่าทางนั้นจะกลับมา

“กูคิดไม่ซื่อ แต่กูก็ไม่เคยมีความคิดจะแย่งของรักของใครเหมือนกัน”

เหรอ

มึงก็ดูฉลาดดีนี่หว่า แถมยังสามัญสำนึกดีสุด ๆ

“เหมือนที่มึงไม่แย่งตองเหรอ”

ไม่ใช่

นั่นมันไม่เหมือนกัน

ไม่ใช่ไม่แย่ง แต่ตองไม่เคยคิดอะไรกับกู การอยู่ใกล้มันทำให้เจ็บปวด ห่างมาซะก็ยังดีกว่าทนเจ็บ

“ตองไม่ได้เลือกใคร”

เพราะตองไม่เลือก และตองไม่อยากทนความอึดอัดใจ มันถึงเลือกหายไป
อ้างว่าลาออกไปเพื่อทำงาน

แล้วทำไมต้องย้ายที่เรียน
แค่นี้ก็ดูออกว่ามีบางอย่างที่ซับซ้อน และตองมันก็เลือกที่จะไม่ทำร้ายใครด้วยการหยุดปัญหาทุกอย่างที่ตัวมันเอง

“ไอ้เจ๋งก็ยังไม่ได้เลือกใคร”

นั่นผิดถนัด

“ทั้งมึงหรือกู หรือคนที่มึงอ้างว่าฝากของเอาไว้ ทุกคนมีสิทธิ์และที่กูรู้แน่ ๆ คือตอนนี้ไอ้เจ๋งมันไม่ได้เลือกใคร”

เหี้ยโจ้
มึงกำลังทำให้กูเขว

“มันไม่แฟร์ ตั้งแต่เรื่องของตองแล้ว กูอยากแข่งแบบแฟร์ ๆ มึงแค่ไม่ต้องทำตัวเป็นองครักษ์ ส่วนกูก็ทำอย่างที่กูควรจะทำ”

ข้ออ้างและเหตุผลใช้ได้

แต่จะใช้ได้กว่านี้ถ้ามึงใส่คำว่าคุณธรรมเข้าไปด้วย

“มันไม่แฟร์ยิ่งกว่า ถ้ามึงจะยัดเยียดตัวตนของมึงเข้าไปในพื้นที่ความทรงจำใหม่ของไอ้เจ๋ง และเขี่ยความทรงจำเก่าของมันทิ้งอย่างไม่ไยดี”

ไม่ยุติธรรมตรงไหน
จะความทรงจำใหม่หรือเก่า คนที่สร้างก็คือไอ้เจ๋ง และคนที่ยอมรับก็คือไอ้เจ๋งไม่ใช่กู

“มึงไม่ใช่คนเลวโจ้ กูรู้ อย่าให้ความรู้สึกชั่ววูบของมึง ทำลายคนสองคนไปชั่วชีวิต”

กูไม่ใช่คนเลวเหรอ มึงรู้ได้ยังไง บางทีกูอาจเลวยิ่งกว่าที่มึงคิดก็ได้ ใครจะไปรู้

“มึงก็ไม่ใช่คนเลวนิว กูรู้ แต่อย่าให้ความดีของมึงทำลายชีวิตมึงทุกอย่าง การเป็นคนดีมันต้องมีขอบเขต เลวบ้างก็ได้ ถ้าบางทีความเลวมันจะทำให้มึงได้ครอบครองสิ่งที่ควรเป็นของมึงมาไว้ในมือ”

กูประเมินมึงผิดไปโจ้
มึงมันหูหนวกตาบอด และพร้อมจะแย่งของของคนอื่นได้ง่าย ๆ แบบไม่รู้สึกผิด โดยยัดเหตุผลเข้าข้างตัวเองเข้าไป

การบอกแบบง่ายๆ คงใช้ไม่ได้ซะแล้ว และกูคงต้องออกมาเป็นองครักษ์แบบเต็มตัว

“ดีหรือเลว และอะไรที่มีผลกับชีวิตกู กูคิดเองได้ไม่ต้องให้มึงมาสอน แต่นับจากนี้ สงสัยกูกับมึงคงมีเรื่องต้องคุยกันอีกยาว”

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและคิดถึงเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 08-06-2014 08:27:14
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและคิดถึงเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 08-06-2014 08:40:10
ในที่สุดก็ทัน  :katai5:

หยกรีบกลับมาด่วนๆ  :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและคิดถึงเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 08-06-2014 09:28:57
นิวโจ้ :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและคิดถึงเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 08-06-2014 09:46:38
หยกถ้ามาช้า มีหวังกัสหลุดมือ

สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและคิดถึงเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 08-06-2014 10:04:02
ตอนแรกอ่านแล้วงง อ่านไปอ่านมา ก็เข้าใจ อดีตกับปัจจุบัน สลับกัน มีคู่รันเพียรเข้าแทรกนิดหน่อย

อ่านไปร้องไห้ไป กัสน่าสงสารมากเลย เดาไม่ออกว่าจะคู่ใคร จะหายจากอาการที่เป็นไม

สงสารพ่อ  :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและคิดถึงเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 08-06-2014 10:41:26
รอค่ะรอ สนุกมากกกกกกกก :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและคิดถึงเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 08-06-2014 10:43:32
กรี๊ดดดดด!!!!
อ่านแร้วมันช่างซับซ้อน (ที่ความคิดตัวละครไม่เคยตรงกัน 555)
ทั้งซึ้ง ทั้งเศร้า ทั้งฟิน >//////<
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและคิดถึงเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: thehackzzi ที่ 08-06-2014 10:45:58
มาลงชื่อไว้อ่าน ฟินๆๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและคิดถึงเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 08-06-2014 10:51:12
ทำไมพระเอกมันไม่มีบทเลยวะ ปล่อยให้พระรองกับต้วร้ายมันปะฉะดะกันซะจนแย่งซีนหมดแล้ว
ปล. นิวคู่โจ้ หยกคู่กัส อืม น่าจะแบบนี้นะ  :hao7:
ปล.๒ เมื่อไหร่พระเอกมันจะเก็บตังซื้อตั๋วเครื่องบินมาหากัสได้สักทีเนี้ยะสงสารเด็กน้อย เหลือเกิน :hao5:
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและคิดถึงเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 08-06-2014 11:23:00
 :hao5:

แต่เช้า :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและคิดถึงเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 08-06-2014 11:40:51
 :mew5:ไม่เดาๆๆ

คลำทางจากการอ่าน
นิวกับ"งี่เง่า"ที่รออยู่
เพียรให้"พี่ชาย"มารับ

แล้วโจ้ หยก กัส ล่ะ :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและคิดถึงเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 08-06-2014 13:15:25
หยกรีบๆกลับมา
หนูกัสจิโดนสอยแว้ว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและคิดถึงเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 08-06-2014 13:21:24
มาอีกๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและคิดถึงเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 08-06-2014 13:22:02
ตามอ่านทันแล้ววววว
ตอนแรกก็งงๆแต่ตอนนี้เหมือนจะไม่งงแต่ก็มึน(??)
มันเป็นเรื่องสมัยเรียนของนิว... เพราะฉะนั้นนิวคงเป็นพระเอก
แต่คิดๆดูแล้ว พี่หยกอาจจะแห้วก็เป็นได้ โดนงาบไปหมด555 หรือจะไปคู่กับโจ้นะ
ตองก็ตัดทิ้งไปเพราะย้ายไปแล้ว หรือจะกลับมาเจออีกก็ไม่แน่...
ที่่คิดไว้ นิวอาจคู่กับกัส  ไม่ก็นิวโจ้(แย่งไปแย่งมาคู่กันเองเบย555)
พี่หยกจะรู้ไหมนะว่าฝากปลาย่างไว้กับแมว ถ้ากลับมา มันตีวนวุ่นไหมนะ แต่จริงๆในใจกัสก็รักพี่ตองนี่นา แง่มๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและคิดถึงเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 08-06-2014 14:04:53
หยกรีบกลับมาหากัสนะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและคิดถึงเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 08-06-2014 15:31:10
 ตอนแรกเหมือนจะมาม่า
ซดไปซดมา
อุ๊ย! แซ่บ!!

น้องกัสเยอะดี555
ลุ้นนิวโจ้
 o13
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและคิดถึงเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-06-2014 17:28:13
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#ปราม

คุณจะทำอย่างไรเมื่อหลงรักคนที่ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีวันหันมามอง

โจ้.........แค่ได้อยู่ใกล้ๆ เจ็บแค่ไหนก็ยอม หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง ยิ่งห่างไกลเท่าไหร่ยิ่งเจ็บเท่านั้น อยู่ใกล้ๆ นี่แหละดี รู้ก็ยังดีกว่าไม่รู้ จะได้เจ็บจนชาแล้วอีกหน่อยก็ชินไปเอง

นิว.......รู้ว่าเขาไม่รัก แล้วจะอยู่ใกล้ทำไม ถอยไปให้ไกลดีกว่า ไม่พบเจอได้ยิ่งดี ความเจ็บมันอาจรุนแรงในช่วงแรก แต่อีกหน่อยก็ลืม ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ ถ้าไม่อยากเจ็บต้องถอยห่างออกมาให้ไกล ๆ


โจ้..........ใช้อารมณ์ความรู้สึกและสัญชาติญาณในการตัดสินใจเรื่องต่าง ๆมากกว่าจะมาคำนึงเรื่องเหตุผล

นิว..........ใช้เหตุผลร้อยแปดประกอบการตัดสินใจ พิจารณาหาความเสี่ยงและความเป็นไปได้ตลอดเวลา ถ้าประเมินแล้วไม่คุ้มเสี่ยง ก็จะหยุดอยู่เฉย ๆ และไม่ทำอะไรเลย

โจ้..........ไม่กลัวเจ็บ จึงใช้วิธีพุ่งชน อย่างมากก็แค่พังแล้วตั้งต้นนับหนึ่งใหม่จะกลัวอะไรชีวิตมันก็มีแค่นี้

นิว..........กลัวเจ็บ จึงใช้วิธีถอยมาตั้งหลักและหาทางเดินทางอื่นเพื่อก้าวเดินต่อไปข้างหน้าให้ได้

ไม่ว่าจะสู้หรือถอย ทั้งหมดล้วนเป็นกลไกปกป้องตัวเองจากอาการบาดเจ็บทางใจด้วยกันทั้งคู่
มันขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนเจอประสบการณ์ชีวิตแบบไหนมา
และใช้โปรแกรมป้องกันตัวเองจากความเจ็บปวดแบบไหน

นิสัยของโจ้
หนักแน่น เด็ดเดี่ยว รักใครแล้วไม่เคยเผื่อใจ เพราะจะทำอะไรมันต้องให้สุด ๆ เจ็บก็เจ็บไปเลยทีเดียว จะกลัวอะไรเกิดมาก็มีชีวิตเดียว เจ็บแค่นี้ไม่ถึงตาย

นิสัยของนิว
นิ่ง สงบ สยบความเคลื่อนไหว รักใครต้องเผื่อใจ รักมากไปไม่เผื่อเอาไว้เจ็บ เวลาเจ็บมามันยิ่งทรมาน ถ้าสถานการณ์รอบข้างดูแล้วไม่ปลอดภัยก็อย่าเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง เดินทางสายกลาง ยังไงก็ปลอดภัย ชีวิตคนเราไม่แน่นอน ขืนใช้ชีวิตไม่รู้จักวางแผน ยังไม่ทันไรก็ตายซะก่อน มันจะคุ้มกันมั้ยกับการประคับประคองชีวิตให้อยู่รอดมาถึงป่านนี้ คนเราต้องใช้ชีวิตอย่างมีสติ อย่าประมาท


“เมื่อไหร่จะมีสนามฟุตซอลซะทีวะ เล่นบาสก็เล่นไม่ได้ เพราะมัวแต่แย่งสนามกับพวกเตะฟุตซอลนี่แหละ”

เพราะสนามมีสนามเดียว และผู้เล่นส่วนใหญ่ไม่มีใครนิยมเล่นบาส สนามที่ควรเป็นสนามบาสจึงกลายเป็นสนามฟุตซอล

คนลงเล่นก็หน้าเดิม ๆ เวลาเย็นย่ำป่านนี้แล้วไม่มีใครอยู่ กลับบ้านกันไปหมด
แล้วทำไมป่านนี้โจ้ยังไม่กลับ.... สาเหตุหนึ่งเดียวก็เป็นเพราะ.......

“ว่างั้นมั้ยวะเจ๋ง”

เอ่ยถามคนที่นั่งเหม่ออยู่ข้าง ๆ และคนที่ถูกถามก็ไร้ปฏิกิริยาตอบกลับเช่นเคย

พูดเมื่ออยากพูด
ถ้าไม่อยากพูด ต่อให้ชวนคุยแค่ไหนก็ไม่ยอมพูดออกมา

เพราะเมื่อต้องพูดแต่ละคำมันต้องเรียบเรียงประโยค การเรียบเรียงประโยคคำพูดในเวลานี้เป็นปัญหาใหญ่สำหรับกัส

สิ่งที่กัสทำในเวลานี้คือเปิดกระเป๋าและหยิบหนังสือสอนสะกดคำสำหรับเด็กขึ้นมาอ่าน

หนังสือสะกดคำ.......

หนังสือเล่มนี้ถูกวางเอาไว้บนโต๊ะในห้องนอน
เป็นหนังสือที่มีรูปภาพประกอบเป็นภาพการ์ตูนชวนให้อ่าน

กัสแตะมือเบา ๆ ไปที่ลายมือของใครบางคนที่เขียนชื่อของตัวเองทิ้งเอาไว้ที่หน้าแรกตรงหัวมุมซ้ายของหนังสือ

หยก.....4/03/255x

ใช้ปลายนิ้วแตะไปที่ชื่อของคนที่เขียนตัวอักษรทิ้งไว้ให้
ลายมือสวย
หยกเป็นคนเขียนหนังสือสวย

แต่หยกเป็นใคร
ถามพ่อ พ่อไม่รู้จัก ถามอา อาก็ตอบไม่ได้ว่าหนังสือเล่มนี้มายังไง ถามเพื่อน....ตอนนี้กัสไม่มีเพื่อนแล้ว

ถามโจ้ โจ้จะตอบได้มั้ย

“หยก...เป็นใคร”

หันหน้าไปถามคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ และโจ้ก็หันมามองหน้าคนถาม

หยกเป็นใคร

กูจะไปรู้ได้ไงวะ หยกเหรอ
มองตามนิ้วที่ชี้ที่ตัวอักษร และโจ้ก็อ่านชื่อของคนที่เขียนข้อความทิ้งเอาไว้

“ก็เจ้าของหนังสือดิ เขียนซะหราขนาดนี้”

เหรอ

หยกเป็นเจ้าของหนังสือเหรอ
หยกเป็นเจ้าของหนังสือ แล้วหนังสือมาอยู่ที่กัสได้ยังไง

“นิว....หยก....เป็น...ใคร”

หันไปหานิวที่นั่งห่างออกไป และนิวที่กำลังมองไปในสนามก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นและมองเลยไปที่โจ้ ที่กำลังมองมาที่นิวเหมือนกัน

โจ้กำลังครุ่นคิดบางอย่าง กูไม่รู้หรอกว่าหยกที่ว่าเป็นใคร และกูก็คิดว่ามึงคงไม่รู้เหมือนกันใช่มั้ยนิว

แต่ที่แน่ ๆ คนที่ชื่อหยกอะไรนี่คงเป็นเจ้าของหนังสือหัดอ่านเล่มนี้แน่ ๆ อาจเป็นเพื่อนเป็นพี่หรือคนรู้จักของไอ้เจ๋ง ที่ให้หนังสือมันมาหัดอ่านเพื่อรื้อฟื้นความทรงจำก็เป็นได้

“หยก....เหรอ”

กัสพยักหน้ารับ และนิวก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะมองไปที่สนามฟุตซอลที่หลายคนในนั้นกำลังวิ่งไล่ลูกฟุตบอลอยู่ในสนาม

หยกเหรอ

มันก็....

“เดี๋ยวอีกหน่อยก็รู้เองแหละว่ามันเป็นใคร”

คำพูดเรียบ ๆ แต่แฝงไว้ด้วยความหมายบางอย่างทำให้กัสขมวดคิ้วมุ่นและมองไปที่ตัวอักษรที่ปรากฎอยู่ที่หน้าแรกของหนังสือเล่มที่กำลังพยายามอ่าน

มองที่ตัวหนังสือที่เขียนเอาไว้ แตะปลายนิ้วเบา ๆ ลงไปที่ชื่อของคนเขียน

“หยก....”

เรียกชื่อ ชื่อที่ไม่เคยเรียก แต่เมื่อได้เรียกก็รู้สึกเหมือนคุ้นเคยกันมานานแสนนาน

“หยก…”

กัสยังคงมองที่ชื่อที่ถูกเขียนเอาไว้และเอ่ยชื่อเจ้าของหนังสืออีกครั้ง

ปวด....
รู้สึกเจ็บปวดหัวใจ
ทำไมถึง...รู้สึกเหมือนอยากร้องไห้
ทำไมถึงได้...อยากร้องไห้ขึ้นมา

หยก.....เป็นใคร

กัสได้แต่ถามตัวเองซ้ำ ๆ และยังคงแตะปลายนิ้วไปมาที่ชื่อของหยกด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้

มันเจ็บอยู่ข้างใน
แต่ก็อุ่นจนอยากจะยิ้มออกมา

หยก.....

โจ้กำลังมองตรงไปที่นิว สายตาจับจ้องนิ่งสนิท มองอย่างไม่วางตา

มึงรู้อะไรที่กูไม่รู้ใช่มั้ย

เช่นเรื่องของคนที่ชื่อหยก
บางทีมึงคงรู้เรื่องบางอย่าง

เรื่องบางอย่างที่กูไม่รู้

เมินหน้าหนีไปอีกทาง และเบนสายตามองไปที่สนาม

ในใจกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องบางอย่าง

ถ้ารักใคร แค่ได้อยู่ใกล้ ๆ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว มีบ้างที่แอบหวังไว้ในใจ ว่าบางทีความใกล้ชิดอาจจะนำไปสู่ความรักในอนาคตก็ได้ แต่มันไม่เคยเกิดขึ้นจริง

สิ่งที่โจ้ต้องยอมรับอยู่เสมอ คือปล่อยให้ใจเจ็บไปเรื่อยๆ จนกว่าหัวใจมันจะชาและเริ่มชินไปเอง
อยู่ใกล้ ๆ
แค่การที่ได้อยู่ใกล้ ๆ ได้มองเห็นอยู่ตลอดก็สุขใจเกินพอ

แต่แค่นี้มันจะพอแน่เหรอ

แค่นี้......มันจะพอจริง ๆ หรือไง

แล้วไอ้นิวล่ะ ตัวมันเอง สิ่งที่มันจะทำจริง ๆ ก็คือจะยอมเป็นแค่องครักษ์เฝ้าของอย่างที่มันว่าจริง ๆ หรือไง

“พ่อมารับแล้ว”

กัสค่อย ๆ เก็บหนังสือสำหรับหัดอ่านเข้าไปในกระเป๋า ลุกขึ้นยืนและหันกลับมามองคนที่มานั่งรอเป็นเพื่อนทั้งสองคน

ไม่มีคำบอกลา

เพียงแค่มองมาและเป็นนิวที่ยกมือขึ้นเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าให้กลับบ้านดี ๆ

ใครคนหนึ่งเดินเกือบไม่ตรงทาง แต่สุดท้ายก็พยายามเดินให้ตรงจนได้

พ่อของกัสมารับเหมือนเคย
และนิวก็มองตามจนรถมอร์เตอร์ไซด์ที่กัสซ้อนท้ายขับออกไปไกลจนสุดตา

“หยกที่ว่า.....เป็นคนที่ฝากของกูไว้”

พูดแค่นั้น และนิวก็ลุกขึ้นยืน ไม่ทันได้เดินจากไป เพราะถูกตั้งคำถามจากใครบางคนที่ลุกขึ้นมายืนประจันหน้า

“แล้วมึงได้บอกไอ้หยกอะไรนั่นหรือเปล่าล่ะ ว่ามึงคิดไม่ซื่อกับของ ของมัน”

นิ่งงัน แต่ไม่มีวันที่นิวจะหลบตา

รอยยิ้มเล็ก ๆ จุดขึ้นที่มุมปาก
แม้ไร้คำพูด แต่โจ้ก็พอจะเดาความคิดของอีกฝ่ายได้

“ความรู้สึกมันห้ามกันไม่ได้ แต่ถ้ามึงยังมีสามัญสำนึกอยู่บ้างมึงก็ควรต้องรู้วิธีจัดการกับความรู้สึกของตัวเองไม่ให้ถลำลึกมากไปกว่านี้ ยิ่งรู้ว่ามีเจ้าของแล้ว ยิ่งไม่ควรทำ”

คนเราจะกลัวอะไรแค่เจ็บ
ถ้าต้องเจ็บมันก็ควรเจ็บให้สุด แล้วไม่นานมันก็จะหาย

“แล้วมึงจะเอายังไงไอ้นิว”

เอายังไงเหรอ
กูก็คงไม่เอายังไง

“กูมีหน้าที่ของกู กูก็แค่ทำหน้าที่ของกูจนกว่าเจ้าของตัวจริงมันจะกลับมาเอาของของมันคืน....ก็เท่านั้น”

หึ

มึงก็พูดดีไปอย่างนั้นเอง ที่จริงแล้ว มึงก็ไม่ต่างจากกูหรอก
มึงกับกูไม่ต่างกันเลยสักนิด

แค่นับวันรอ
รอให้เจ้าของตัวจริงเขากลับมาเอาของของเขาคืน

“มึงก็เฝ้าให้ดีแล้วกัน อย่าเผลอ....ไม่งั้นกูไม่รับประกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง”

คำขู่ที่ดูเหมือนจริงจัง แต่สำหรับนิวแล้ว แค่ฟังก็รู้ว่าไม่ใช่อย่างที่คิด

กูรู้จักมึงมากี่ปี
กูกับมึงดูเชิงกันมากี่หน
ถ้ากูไม่รู้ทางมึงเลย กูก็คงโง่เกินไป

แม้ที่ผ่านมาจะไม่เคยพูดกัน แต่กูก็ดูมึงออก แค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว

“โจ้ที่ผ่านมากูไม่เคยผิดหวังในตัวมึง และครั้งนี้มึงก็อย่าทำให้กูผิดหวัง”

คำพูดปริศนา
ที่โจ้แกล้งทำเหมือนไม่เข้าใจ แต่ก็เข้าใจมันดีที่สุด เข้าใจมันอย่างลึกซึ้ง

ไม่ว่าจะคราวตอง หรือคราวนี้ ไอ้นิวมันก็ดูออก
มันดูออกว่าไม่มีหวัง มันถึงได้กล้าปล่อยและออกไปยืนมองห่าง ๆ ในที่ของมัน

เพียงแค่ครั้งนี้มันต้องมาทำหน้าที่ตามที่มันบอกก็แค่นั้น
มันถึงได้ต้องลงมาเล่นด้วย

โจ้ก้มหน้าลง ความรู้สึกภายในใจกำลังไหววูบอย่างรุนแรง มองเห็นหนทางข้างหน้า ทางที่ยังไม่ทันได้เริ่มก็รู้แล้วว่าเป็นไปไม่ได้

“อย่าเอาความอยากของมึง ทำลายชีวิตคนอื่น”

ทิ้งคำพูดสั้น ๆ ไว้ให้คิด และนิวก็ก้าวขาเดินจากไป ทิ้งให้โจ้ยืนนิ่งงันอยู่ตรงนั้น

คำพูดตรง ๆ แต่แทงลึกตรงเข้าไปในหัวใจ ทำให้โจ้ต้องหยุดทบทวนสิ่งที่กำลังจะทำ

....อย่าเอาความอยากของตัวเอง ทำลายชีวิตของคนอื่น...

มึง....ด่าได้เจ็บมากเหี้ยนิว แค่ได้ฟังกูถึงกับหน้าชาจนพูดอะไรไม่ออก

มึงเป็นแบบนี้เสมอ ไม่ว่าเมื่อไหร่ มึงก็เป็นแบบนี้

ใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ความรู้สึก คนอย่างมึง ชาตินี้คงไม่มีทางรักใครอย่างสุดหัวใจได้
มึง.......วางกับดักทำลายคนอื่นไว้หลายชั้น

ที่มึงพูด........ทำให้กูเจ็บปวดมากกว่าการโดนชกหน้าร้อยครั้ง เหี้ยนิว.....มึงมันยิ่งกว่าร้ายกาจจริง ๆ

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและคิดถึงเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: holefiller ที่ 08-06-2014 18:00:13
โจ้นิว - นิวโจ้   :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและคิดถึงเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 08-06-2014 18:16:20
อ่ะ...คนอกหักมารักกันเองเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ด้วยรักและคิดถึงเรื่องระหว่างรอ)P.76
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 08-06-2014 19:03:45
......พออ่านตอนนี้เริ่มเปลี่ยนใจ ขอให้เป็นนิวโจ้ ดีกว่า...หรือโจ้นิว?? เพราะไม่รู้ขนาดตัวและรูปร่างแต่น่าจะเท่าๆกันสินะ
แต่ก็เริ่มเอนเอียงไปทางนิวจะเมะกว่าโจ้นะ อิอิ
ส่วนน้องกัส รอพี่หยกกลับมานะ พี่หยกก็รีบๆทำงานแล้วกลับไปหาน้องนะ น้องรักนะเนี่ย ในใจกัสมีพี่หยกอยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.77
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-06-2014 19:51:10
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#เตือน

“จริงมั้ยนิว”

ห๊ะ
จริงมั้ยเหรอ ก็.........
พยักหน้ารับ และส่งยิ้มน้อย ๆ ให้กับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนและเธอกำลังนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

เหตุผลที่คนเราจะเป็นแฟนกันได้ มีอยู่ไม่กี่ข้อ เหตุผลที่เธอเป็นแฟนของนิวก็เพราะเหตุผลไม่กี่ข้อเช่นเดียวกัน

ข้อหนึ่งเธอน่ารัก ผู้หญิงที่มีหน้าตาน่ารัก มองยังไงก็ไม่เบื่อ
ข้อสองเธอน่ารัก ผู้หญิงที่มีนิสัยน่ารัก อยู่ด้วยยังไงก็ไม่เบื่อ
ข้อสามเธอน่ารัก ผู้หญิงที่อยู่ด้วยแล้วรู้สึกได้ถึงความน่ารักของเธอเสมอ จะทำให้เรา ไม่เบื่อ

“คนเราคบกันนะนิว เหตุผลเป็นสิ่งสำคัญแต่อารมณ์ความรู้สึกก็เป็นสิ่งจำเป็น นิวคิดว่ายังไง”

คำถามที่ถูกถามทำให้นิวเงยหน้าขึ้นมองและส่งยิ้มแบบเดิม ๆ ให้กับคนที่ตั้งคำถาม เธอมองมา ยิ้มหวานละมุน และให้ความรู้สึกดี ๆ เหมือนเดิม เธอมักตั้งคำถามที่ทำร้ายจิตใจคนตอบได้เสมอ นี่แหละเสน่ห์ของเธอ

“รักด้วยใจหรือรักด้วยสมอง นิวอยากเลือกตอบอ้อแบบไหน”

สองตัวเลือกที่โหดเกินไป ไม่ว่าเลือกทางไหน มันก็ยากจะหาคำอธิบายเพิ่มเติมทั้งนั้น
คำอธิบายเพิ่มเติมที่ว่า คือการหาคำพูดมาสนับสนุนให้ตัวเองถูกที่สุดที่เลือกคำตอบนั้น

“อ้อใจร้ายกับผมอีกแล้ว”

เลี่ยงที่จะไม่ตอบ และเป็นหญิงสาวยิ้มหวานเป็นฝ่ายตอบให้เอง

“อ้อดีใจที่นิวเลือกที่จะรักอ้อ แต่รู้มั้ยนิว.....คนเราออกแบบความรักไม่ได้หรอกนะ”

นี่เรากำลังนั่งถกปัญหาเรื่องความรักอยู่หรือไง ไม่ใช่การมาเที่ยวด้วยกันและมีความสุขด้วยกันหรอกหรือ

“อ้อชอบเวลาที่นิวคิดนะ นิวเท่ห์ที่สุดก็ช่วงนี้แหละ”

ช่างเป็นคำพูดหยอกเย้าที่ทำร้ายจิตใจได้ดีจริง ๆ
เธอยังคงยิ้มหวาน และน่ารักเสมอ แม้ในยามประชดประชัน และนิวก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากรู้สึกแสบ ๆ คัน ๆ ที่หัวใจ

“อยากจับมืออ้อมั้ย”

อยากสิ

ไม่รอให้ถามซ้ำ เอื้อมมือไปแตะเบา ๆ ที่หลังมือของเธอและดึงมากุมเอาไว้

เธอเป็นแฟน
หน้าที่แฟนที่ดี คือดูแลเธอ ..............และค่อย ๆ พัฒนาความรู้สึกไปถึงคำว่ารักกับเธอ

“นิวอบอุ่นเสมอนะ ขนาดไม่รัก นิวยังทำให้คนที่อยู่ด้วยอบอุ่นเลย”

คราวนี้เธอเล่นแรง

รอยยิ้มของเธอดูสว่างสดใส

เธอยิ้มกว้าง ยิ้มจนตาหยี และค่อย ๆ หุบยิ้มลงอย่างช้า ๆ ก่อนจะดึงมือออกและนั่งก้มหน้าเงียบ ๆ

เธอยังคงน่ารักเสมอ
เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักเสมอ
อยู่กับเธอแล้วรู้สึกได้ถึงความน่ารักของเธอเสมอ

เพียงแต่รัก.....มันออกแบบไม่ได้
อย่างที่เธอว่า....

อย่าคิดว่าตัวเองสามารถควบคุมทุกอย่างในโลกนี้ได้ เพราะท้ายที่สุดแล้วมันไม่ใช่เลยสักนิด

คนอย่างนิว
ถ้าเห็นอยู่แล้วว่ามันเสี่ยง ก็ใช้ทางเลี่ยงทางอื่นดีกว่า

และครั้งนี้ความเสี่ยงมันก็เริ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนมีบางครั้งที่นิวคิดจะถอนตัว แต่ก็พยายามประคับประคองมันเรื่อยมา

“อ้อขอร้องนะนิว นิวอย่าทำแบบนี้กับใครอีก ถ้าไม่รัก นิวอย่าทำ......อ้ออยากให้นิวรักอ้อจากใจไม่ใช่เพราะคิดแล้วว่าอ้อเหมาะสม”

เธอทำให้อึ้งมาแล้วด้วยการพูดคำพูดง่าย ๆ แต่คนฟังแทบกระอักเลือดตาย

เธอลุกขึ้นยืน เธอเดินจากไปแล้ว เธอมีศักดิ์ศรีมากพอ เธอไม่ร้องไห้ฟูมฟาย ไม่โวยวาย ไม่ทำตัวไร้ค่า เธออยู่สูงเสมอ แม้เธอเจ็บปวดมากขนาดนี้

นิวไม่แก้ตัว ไม่พูดอะไรเลย เพราะรู้ว่าพูดไป ผลตอบรับที่ได้ ก็คงเหมือนเดิม การง้อไม่ใช่เรื่องยาก แต่การง้อครั้งนี้ก็เพื่อดึงเธอให้กลับมาสู่วงจรเดิม ๆ

.............อย่าเอาความอยากของตัวเอง....ทำร้ายเธอมากไปกว่านี้.....

เรื่องมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน เจ็บจี๊ดไปถึงใจ

ใครว่ากูไม่รักอ้อล่ะ

นี่เพราะกูรักหรอกนะ ถึงได้ถอย ที่ไม่พูดว่ารัก ที่ไม่บอกว่ายังรักอยู่ นั่นก็เพราะยิ่งนานวัน ยิ่งรู้ว่าตัวเองไม่เหมาะสมกับเธอเลยสักนิด

อยากได้แฟนน่ารัก เธอเป็นให้แล้วไง แล้วยังจะอยากได้อะไรอีก

เอาเข้าจริง ๆ พอเริ่มรู้สึกว่ารักเธอมากมายและกำลังจะขาดเธอไม่ได้ สุดท้ายความสามารถในการควบคุมตัวเองลดต่ำลงและกำลังจะรักเธอด้วยการใช้หัวใจรัก

นั่นแหละที่กูรับตัวเองไม่ได้

ถ้าสมองที่ให้มากำลังจะไม่มีประโยชน์ในเรื่องทฤษฎีความรัก ก็อย่ารักแม่งเลย

เลิกเหอะ

วันหนึ่งคนเราเลิกกันวันละเป็นร้อยคู่ กูเป็นหนึ่งในนั้นด้วยก็ได้ มันจะเป็นห่าอะไรนักหนา ก็แค่.....

นั่งมองคนที่กำลังเตะฟุตซอลในสนามบาสกับ  ของที่เพื่อนฝากเอาไว้ และนั่น....ไอ้โจ้ คนที่ไม่ต้องการให้อยู่ในทุกสารบบความคิดมากที่สุด

สันดาน ห่านี่ก็ใช้แต่อารมณ์ล้วน ๆ ไม่เคยใช้สมองหรอก หัวแม่งกลวง

บอกอยู่ปาว ๆ ว่าของเขามีเจ้าของแล้วยังจะเสือกยุ่งด้วยอยู่ได้ และไอ้ของฝากนี่ก็ขยันทำให้กูหวั่นไหวเหลือเกิน
นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งหรือเปล่าวะที่กูเลิกกับอ้อ

แม่ง....คิด ๆ ดูแล้ว ท่าทางจะใช่ ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงล่ะวะ

เหี้ยหยก ไหนมึงบอกว่าฝากแมวไว้กับกูหนึ่งตัวไง ที่ไหนได้ นี่มันปลาย่างชัด ๆ

“พ่อมารับแล้ว”

มันก็เป็นเหมือนทุกวัน นั่งเฝ้าทุกวัน นั่งรอให้พ่อมันมารับทุกวัน โดยมีคนที่ไม่ควรรอเป็นเพื่อน อ่อ ไม่ใช่สิ ไอ้โจ้คงไม่รอคิดจะรอเป็นเพื่อน มันคงรอเป็นอย่างอื่นมากกว่า ไอ้ลูกแมวน้อยไร้เดียงสา เดินเป๋ไปเป๋มาเพื่อไปซ้อนท้ายรถมอร์เตอร์ไซด์ของพ่อที่มารับเหมือนทุกวัน

มองจนรถมอร์เตอร์ไซด์ขับจากไป และก็กลับมามองหน้ากันเหมือนเดิม

ต่างคนต่างมอง

มองแล้วก็รู้ว่าหน้าที่วันนี้จบลงแล้ว

ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างไม่สนใจกัน

มีหรือไม่มีตัวตนของอีกคนอยู่ มันก็ไม่ได้มีผลอะไรกับชีวิต

กูมีหน้าที่เฝ้าของจนกว่าเจ้าของจะกลับมาเอาของมันคืนแค่นั้น

“เฮ้ย”

นั่นคงเป็นการเรียกของมัน วิธีการแม่งทั้งถ่อย ทั้งสถุนสิ้นดี เหมาะสมกับคนแบบมันแล้ว

นิวหันไปมองและก็เป็นโจ้ที่มีสีหน้าลังเลใจชั่วครู่

อะไรวะ ทำเหมือนมีอะไรอยากพูด แล้วไม่เสือกพูด

กูไม่ว่างมาเดาใจมึงหรอกนะ เรื่องของตัวเองก็ยังยุ่ง ๆ อยู่

ยังไม่รู้จะเอายังไงดี จะง้อ หรือจะไม่ง้อ ตอนนี้อยู่ระหว่างคิดทบทวนว่าผลดีผลเสียของการคบกันต่อคืออะไร และจะไปต่อได้มั้ย

ยุ่งไปหมด
และกูก็ไม่มีเวลามาสนใจท่าทางอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ของมึงหรอกนะ

กูไม่ได้ว่างขนาดนั้น

“เวลามึงเครียด มึงจะพาให้คนอื่นเครียดไปด้วย บางทีมึงคงไม่ค่อยรู้ตัวเอง วันนี้ไอ้เจ๋งมันเครียดตามมึง แต่กูว่ามึงคงไม่สังเกต เพราะวันนี้ในหัวมึงมัวแต่คิดเรื่องอื่นอยู่”

ห๊ะ

หมายความว่ายังไง

กูนั่งของกูอยู่เฉย ๆ ตากูมองไปที่คนที่กำลังเตะบอลชัด ๆ แล้วจะมีใครเครียดเพราะกูได้ไง

“ข้อดีของมึงคือมึงมีการคิดแบบเป็นระบบซึ่งกูทำไม่ได้”

ใช่
กูก็คิดว่าแม่งดี แบบนี้แหละที่ใช่และกูคิดว่าคนอย่างมึงก็คงคิดไม่ได้

“แต่ข้อเสียของมึงก็คือ.....บางทีมึงทำเหมือนคิดเรื่องของคนอื่นอยู่ แต่จริง ๆ แล้วมึงก็คิดเพื่อตัวมึงเองทั้งนั้น”

เหี้ยโจ้ มึงอย่ามาวิเคราะห์กู กูไม่ชอบ กูไม่ได้ต้องการคำวิจารณ์ แล้วกูก็ไม่ต้องการอยากจะรู้ความคิดเห็นของมึง

“ถ้ามึงพูดได้ กูก็พูดได้.....มึงเองก็อย่าเอาความอยากของตัวเอง มาทำร้ายคนอื่น....เหมือนกัน”

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.77
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 08-06-2014 19:59:42
 :mew5: อารมณ์ ณ ตอนจบ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.77
เริ่มหัวข้อโดย: ยัยหมูตัวกลม ที่ 08-06-2014 20:10:40
โจ้นิว   โจ้นิว    โจ้นิว    โจ้นิว :m1: :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.77
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 08-06-2014 20:18:57
ตอนแรก เรา งอน เพราะรอ เป็ดนัทอยู่.... :mew2: พอ อ่านน้องปลาแมวกัดอยู่ อ่านไป ร้องไห้ไป ยิ้มไป และขำกะ โจ้และนิวอิอิ ชอบอ่ะ แล้วเมื่อไหร่พี่หยกจะกลับมาจ๊ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.77
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 08-06-2014 20:23:22
เคมีเข้ากันดีนะนิวโจ้ ทะเลาะกันบ่อยลูกดกเค่อะ  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.77
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 08-06-2014 20:45:42
นิวโจ้ออกแนวคู่รักปากร้ายแน่ๆ เจอหน้ากัดตลอด
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.77
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-06-2014 20:56:51
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#ห้าม

“ชื่ออะไร บ้านอยู่ไหน เรียนที่ไหน คำถามพวกนั้นมึงเคยคิดจะถามกูบ้างหรือเปล่า”

ไม่

ไม่เคยคิดจะถาม ถ้าจะรู้เดี๋ยวมันก็ได้รู้ ทำไมกูต้องถามให้เมื่อยปากด้วย กูจะรู้เรื่องของมึงไปทำไม รู้ไปกูก็จำไม่ได้อยู่ดี

กัสกำลังเปิดหนังสือสำหรับฝึกอ่านสระ และพยัญชนะสำหรับเด็ก

บ้าแล้ว แบบนี้แม่งเรียกว่าบ้าไปแล้ว หนังสือพวกนี้กูไม่อ่านเด็ดขาด เหี้ยมาก

หนังสือแบบฝึกอ่านภาษาไทยเล่ม 1 ฝึกประสมสระ
เหมาะสำหรับน้อง ๆ ปฐมวัย-ประถมต้น

อาดูคูนามีรูงูกะปะ
มานีมีวิชากะกิริยาดี บิดากะตาทาสีศาลา
ตาสำลีหัวเราะดูระบำ ในเรือสำเภามีไหใบโต เอาไปทำเหี้ยอะไรวะ ไหใบโตหนักตายห่า

ขมวดคิ้วมุ่น และพยายามสะกดคำที่ยิ่งอ่านเท่าไหร่ยิ่งอยากเห็นหน้าคนเขียนคำ มึงบ้าแล้ว เขียนห่าอะไรแบบนี้กูจะอ่านออกมั้ย ถึงอ่านได้ ก็ไม่เข้าใจว่ามันจะสื่ออะไรของมันอยู่ดี

แล้วยังเล่มนี้อีก
แบบฝึกอ่านภาษาไทย เล่ม 2 ฝึกผัน วรรณยุกต์ เหมาะสำหรับน้อง ๆ ปฐมวัย-ประถมต้น

ตาอู๋บ้าจี้ไปป่าดูไก่แจ้ เจ้ากาดำปี๋เกาะเก้าอี้ตัวเตี้ย
อาป๊าดุปิติตีตู้ใบเก่าบู้บี้ จ๊ะเอ๋ดี๊ด๊าได้ไก่แจ้เก้าตัว
อาหาไข่กะฉู่ฉี่ใส่ข่าให้ป้า เวลาค่ำแม่ค้าถือท่อไปที่ท่าน้ำ ถือไปทำเหี้ยอะไรครับท่อกูไม่เห็นเข้าใจว่าแม่งจะถือไปทำไม

โอย ไม่ไหวแล้ว ปวดหัว ขืนอ่านต่อไปกูต้องบ้าก่อนแน่

“ชอบมั้ย ของฝาก”

ชอบบ้านมึงดิ กูไม่ใช่เด็กปฐมวัย และกูก็ไม่ได้เรียนประถมต้นด้วย กวนตีนใช่มั้ย หรือคิดจะแกล้งกู

วางหนังสือที่มีรูปภาพการ์ตูนสองสามเล่มลงและเงยหน้ามองคนที่หมุนเก้าอี้เล่น แถมยังอมยิ้มเวลาที่เห็นกัสอ่านหนังสือสำหรับฝึกอ่าน

พยายามสะกด แต่ไม่ยอมออกเสียง

ไม่แปลกใจถ้าไอ้เด็กแว๊นอย่างมันจะอ่านหนังสือไม่คล่อง ก็เอาเวลาไปทำเรื่องไร้สาระอยู่ จะอ่านคล่องเขียนคล่องได้ยังไง
สำหรับมัน แค่อ่านแบบผ่าน ๆ ได้ก็นับว่าดีสุด ๆ แล้วมั้ง

“อุตส่าห์ซื้อให้ ไม่ถูกใจหรือไง”

กูไม่มีทางถูกใจไอ้หนังสือหัดอ่านบ้าบอพวกนี้หรอกเห็นแล้วเวียนหัว เขียนห่าอะไรก็ไม่รู้ ลิ้นกูจะพันกันตายห่าอยู่แล้ว
วางหนังสือลงและทำท่าจะลุกขึ้น และคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ก็ไถลเก้าอี้เข้ามาหา

“อ่อน”

เหี้ย
อ่อนบ้านมึงเหรอ

กูอ่านได้หรอก ถ้าไม่เขียนประโยคบ้าบอพวกนี้มาให้อ่าน ไม้เอกไม้โทไม้ตรี ไม้จัตวาเต็มไปหมด ไหนจะสระที่ซ้อนกันนี่อีก

ปกติกูก็มีทักษะการอ่านเขียนในระดับที่โคตรแย่อยู่แล้ว
มาเจอแบบนี้บอกตรง ๆ ว่า........

“ง่าย ๆ แค่นี้ทำไมกูจะอ่านไม่ได้”

เหรอ

“งั้นก็อ่านสิ อ่านให้ฟังหน่อย”

ใครจะไปอ่าน ขืนอ่านกูก็ได้หน้าแตก แม่งก็รู้กันพอดีว่ากูอ่านเขียนได้ในระดับแย่สุดกู่

“กัส”

กูไม่ได้ชื่อกัส เรียกกูก็ไม่สนใจหรอก ชื่อเหี้ยอะไรวะ หน่อมแน้มชิบ

“กัสจัง”

เหี้ยหยกกวนตีนแล้วมึง

“กัสจังพ่อมึงดิ”

ปากดีนัก มันก็เป็นซะแบบนี้ ชอบทำหน้าจริงจัง แล้วก็ชอบเอะอะเสียงดัง

อยู่กับมันแล้วก็เพลินดี ตลกเวลามันทำหน้าตางี่เง่า
ขำเวลาที่มันขึ้นเสียง

“ชื่อกัสไม่ดีตรงไหนวะ”

“มันเหี้ยตรงที่มึงเรียกนี่แหละ”

เหรอออออออออออออออ

“หรืออยากให้เรียกน้องกัส”

ไอ้หยก

“กูเกลียดชื่อนี้”

“ซูกัส”

เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยย
ไม่ชอบ ไม่อยากถูกเรียกแบบนี้ รู้ว่าถูกแกล้งแหย่ หงุดหงิดและไม่ชอบ แต่แปลกที่ไม่ได้รู้สึกโกรธจนทนไม่ได้

ก็คนพูด มันพูดไปยิ้มไป หมุนเก้าอี้เล่นไปเรื่อย

“กัส กัส กัส กัส”

ไม่ใช่แค่เรียก แต่หยกแกล้งทำเสียงสูงเสียงต่ำใส่ จนคนที่คิดว่าตัวเองหงุดหงิด เริ่มยิ้มออกมา

ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร

ปกติไม่ใช่แบบนี้

“เด็กแว๊นเอ้ยยยยยย เมื่อไหร่จะเลิกแว๊นวะ”

ก็ไม่เมื่อไหร่หรอก เบื่อแล้วเดี๋ยวเลิกเอง

“มึงไม่รู้หรอกตอนที่บิดได้เร็วที่สุดนะ โลกทั้งโลกมันสว่างวาบ นาทีนั้นนะ การชนะได้นี่มันสุดยอดมาก จนคิดว่าถ้าตายไปตอนนี้ก็ช่างแม่งเหอะ”

กัส ทำไมมึงพูดอย่างนี้ กูไม่ชอบสิ่งที่มึงพูดเลย

“ตายไปมึงจะมาหลอกกูเปล่าเนี่ย กูเอายันต์ก.ไก่ แบบผันวรรณยุกต์โยนใส่แม่งเลยนะ มึงสู้กูไม่ได้หรอก”

ยิ้ม
กัสเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองกำลังยิ้มกับคำพูดหยอกล้อของคนที่หมุนเก้าอี้เล่น

โลกของมึงเป็นยังไงวะหยก มันคงสงบ แล้วก็สวยมากเลยสิ มึงถึงยิ้มได้ทั้งวัน มีความสุขทั้งวัน
โลกของมึงคงต่างจากกูมากเลยนะ มึงคงมีความสุข มึงก็เลยเป็นคนที่ใจดีที่สุดในโลก และไม่ว่าใครที่ได้อยู่ใกล้ก็คงจะมีความสุขเหมือนกูแน่ ๆ

แล้วโลกข้างนอกของมึง มีคนอื่นด้วยหรือเปล่า คนที่......มึงอยากทำให้เขาอบอุ่น

โลกของมึง....ไกลจังเลยวะ

มองและก็คิด มองและได้แต่ครุ่นคิดไปเรื่อย บางสิ่งบางอย่างใกล้กันแค่นี้แต่ไปไม่ถึง กูไม่เข้าไปในโลกของมึงหรอกนะ เพราะมึงไม่ได้เปิดโลกของตัวเองให้กูรับรู้

กูอยู่เงียบ ๆ ของกูตรงนี้ได้

“ชีวิตวัยรุ่น มันมีเรื่องสนุก ๆ ให้ทำเยอะแยะ ดีนะมีสีสันดี ถ้ามึงคิดจะใช้ชีวิตให้คุ้มกูก็เห็นด้วย แต่มึงก็ไม่ควรใช้แบบไม่สนใจอนาคต ถ้ามึงยังมีชีวิตอยู่ มึงก็ต้องมีวันพรุ่งนี้หรือวันถัด ๆ ไป ถนอมตัวเองหน่อย อย่าให้มันเลยเถิดเกินไป”

นิ่งฟัง

ตั้งใจฟัง

ฟังทุกสิ่ง ตั้งใจฟังทุกอย่างที่หยกพูด

ไม่เคยตั้งใจฟังใครมากเท่านี้ แต่ไม่รู้ว่าทำไมพอเป็นหยกพูดแล้วอยากฟัง
เพราะเสียงหยกน่าฟัง เพราะน้ำเสียงทุ้มนุ่ม และแฝงไปด้วยความรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยโดยไม่มีอะไรเจือปน

“แต่คืนนี้ต้องไป นัดพวกไว้แล้ว”

มันเลิกไม่ได้
ในเมื่อมีเพื่อนรออยู่ โลกของเราสองคนมันมีแค่ตรงนี้
แต่โลกข้างนอกของกูมันมีบางอย่างเยอะแยะมากมายที่สลัดให้หลุดไปไม่ได้

“กัส”

เออ

“เคยคิดมั้ยว่ามีคนเป็นห่วง”

เคยพยายามจะคิด แต่บังเอิญมันไม่มี ก็เลยไม่รู้จะคิดไปทำไม

ที่บ้านเหรอ ที่บ้านมีใคร พ่อกับอา

อาด่าเช้าด่าเย็น เข้าบ้านทีไรก็มีแต่ด่า พาเพื่อนไปที่บ้านก็มีแต่ด่าเละ พ่อเหรอ ไม่ต้องพูดถึงหรอก วัน ๆ เคยเจอหน้ากันที่ไหน พ่อเกลียดกูจะตายห่า กูมันลูกเหี้ย เรียนก็ไม่เก่งโง่ ไม่เคยสร้างเรื่องดี ๆ ให้พ่อภูมิใจหรอก

แล้วจะให้ทำได้ยังไง
คิดจะทำอะไรก็มีแต่ด่า มองกูเหมือนเป็นตัวอะไรสักอย่าง

สรุปกูอยู่บ้านนั้นกูเป็นคนหรือเป็นหมาวะ
บ้านอบอุ่นนั่นมันโลกในฝัน
บ้านแบบนั้นมันไม่เคยมีอยู่จริงในโลกของกูหรอก

“ชีวิตกูไม่ได้มีค่าให้ใครมาห่วงขนาดนั้น”

อารมณ์น้อยใจพุ่งทะยานสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
เป็นแบบนี้เสมอ ไม่ว่าจะรู้สึกอะไร ความรู้สึกมันจะพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงเสมอ

ทำยังไงก็ไม่เคยหาย
เป็นแบบนี้มานานตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยระงับความรู้สึกตัวเองได้ ดีใจหรือเสียใจ มันจะชัดเจนมากจนคนรอบข้างรู้สึกได้ทันที

และหยก....ก็รู้สึกถึงความน้อยใจของกัส....เป็นอย่างดี รู้ได้จากน้ำเสียง จากกิริยาท่าทาง จากแววตา

“ถ้ามึงอ่านแบบฝึกอ่านภาษาไทยนั่นได้จนหมดเล่ม กูมีอะไรจะให้”

อะไร

สนใจของ แต่ไม่สนใจอยากอ่านหนังสือ

“อ่านก่อนแล้วกูจะให้”

เหี้ย ทำไมวะ ให้เลยไม่ได้หรือไง กูอยากได้ของแล้ว มึงเอาของซ่อนไว้ไหน คืออะไรวะ กูอยากเห็น มึงจะให้อะไร

“อ่านก่อน”

อ่าน

อ่านหนังสือบ้าบอพวกนี้ให้มึงฟังเนี่ยนะ

กู...........อ่านได้ซะที่ไหนกันเล่า

นี่มันยากเกินไปมึงไม่รู้หรือไง

“เอานี่ กูให้เลย แต่มึงต้องอ่านให้กูฟังจนหมดเล่มนะ”

หยกถอดแหวนเงินที่ใส่ติดนิ้วอยู่เป็นประจำออก และดึงมือกัสมาแบออกและวางแหวนเงินใส่มือให้

“เนี่ย รุ่นพี่เขาให้กูมา มึงไม่ได้อยู่ในรุ่น แต่ไม่เป็นไร ไม่ได้เรียนที่เดียวกัน แต่กูอยากให้ ที่จริงต้องส่งให้สายรหัส แต่กูให้มึง แบบนี้พอไหวมั้ย”

แหวนเงินไม่ได้น่าใส่หรอก
เป็นแหวนที่สลักอะไรสักอย่างที่กัสไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร

“อ่านหนังสือให้จบสองเล่มนะ แล้วกูให้”

ดึงแหวนที่อยู่ในมือกัสกลับคืน และสวมกลับเข้าไปที่นิ้วมือของตัวเอง

“มึงเรียนเก่งไม่เก่งกูไม่รู้หรอก แต่ว่ากูจะทำให้มึงมาเรียนที่เดียวกับกูให้ได้ มึงก็รู้ว่าที่นี่เด็กรุ่นมึงอยากมาเรียนกันจะตายห่า ถ้ามึงเข้ามาได้ มึงก็เป็นรุ่นน้องกู ถึงไม่ใช่สายรหัสก็ไม่เป็นไร”

ที่นี่......

หยกเรียนที่ไหนไม่รู้ แต่เห็นตรา....ก็รู้ว่าเป็นที่ไหน

“มึงเรียนที่นี่จริงเหรอ”

มอง
และหยกก็ยักคิ้วให้ ก่อนจะอมยิ้มน้อย ๆ และไถลเก้าอี้เล่น สุดท้ายหยุดนิ่ง กอดอกและมองหน้าของกัสตรง ๆ ก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงเบา

“อยากรู้เรื่องของกูบ้างแล้วใช่มั้ย”

ไม่

ไม่อยาก
 
“เรื่องของมึงเกี่ยวอะไรกับกู กูไม่เห็นอยากรู้ประวัติอะไรของมึงเลย”

ทำไมวะ

ทำไมถึงไม่อยากรู้

“อยู่ด้วยกันไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวมึงก็รู้เองแหละ ไอ้เด็กน้อย”

ไอ้หยก
กูไม่ใช่เด็กน้อย มึงพูดบ้าอะไรกูไม่ชอบ

“ซิ่งดีกว่า หนังสือห่าเนี่ย กูอยากอ่านกูอ่านเองได้ ไม่ต้องให้มึงเอาของอะไรมาล่อหรอก แหวนแบบนี้กูซื้อใส่เองได้อีกสิบวง”

ลุกขึ้นยืน
และหยิบกุญแจรถมอร์เตอร์ไซด์ยัดใส่กระเป๋ากางเกง

“กัส...ถ้าสองเล่มมันเยอะไป วันนี้อ่านแค่เล่มเดียวก็ได้”

ไม่อ่าน
กูไม่อยากอ่าน
กูนัดเพื่อนไว้

“เอางี้ มึงอ่านแค่ครึ่งเล่มก็ได้”

หน้าเดียวกูยังไม่อยากอ่านเลย จะให้กูอ่านครึ่งเล่ม มึงพูดเป็นเล่นไปได้ กูไม่อ่านหรอก ยังไงกูก็ไม่........

“งั้นสิบหน้า”

“หรือมึงจะอ่านห้าหน้า”

อะไรกูก็ไม่เอาทั้งนั้นแหละ กูไม่อยากอ่าน มึงเป็นเหี้ยอะไรของมึง

“เอาตรง ๆ มั้ยหยก”

ได้
ว่ามา
ตรง ๆ ยังไงก็ได้

“หนังสือแบบเรียนพวกนั้นมันยากเกินไปสำหรับกู”

เสียฟอร์มที่สุดแล้วในชีวิต แต่ไม่รู้ทำไมกัสถึงยอมพูด

“แต่มันไม่ยากเกินไปสำหรับกู กูจะสอนให้”

หยิบหนังสือขึ้นมาและเปิดหน้าแรก
ลุกจากเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ กัส เปิดหนังสือหน้าแรก และทดลองให้กัสอ่านให้ฟัง

และคนที่จำใจต้องอ่าน ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“กูต้องไปซิ่ง”

แล้วกูห้ามหรือยัง กูไม่ได้ห้ามซะหน่อย แค่อยากให้มึงอ่านหนังสือให้ฟังหน่อยแค่นั้น

“ก็เดี๋ยวค่อยไป อ่านก่อน ไหนลองอ่านซิ”

อ่าน....

เซ้าซี้จริงวะ

อ่านก็อ่าน

แม่ง..........อ่านก็ได้

“อา...........................ดูคู............นามี......รูงูกะปิ”

“งูกะปิมีที่ไหนกัส มีแต่งูกะปะ”

ก็ใช่ไงกูจะอ่านว่างูกะปะ แต่มึงมองมาแบบนี้ทำเหมือนเร่งกูก็เลยลน

“งูกะปะ...ไง ก็งูกะปะ...”

“เจ้ากา.........ดำปี้.....เก้าอี้...ตัว.....”

“ไอ้กัสสสสสสสสสสส มันอ่านว่าเจ้ากาดำปี๋ มึงอ่านอะไรของมึง”

ก็ใช่ไง
กูจะอ่านแบบนั้นแหละ มึงมาท้วงกูเลย........
หน้างอ อ่านไปก็หน้างอ อ่านไปอ่านมาก็โมโหเมื่อคนที่นั่งอยู่ด้วยเอาแต่หัวเราะ

กัสจะปิดหนังสือและไม่ยอมอ่านหลายครั้ง แต่เพราะอีกฝ่ายสัญญาว่าจะไม่หัวเราะและจะตั้งใจฟังเป็นอย่างดี

กัสถึงได้ยอมอ่านต่อ

อ่านแบบผิด ๆ ถูก ๆ เรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มน้อย ๆ ให้กับคนที่สอนอ่าน

อ่านไปอ่านมา อ่านไปเรื่อย และหยกก็นั่งฟังไปเรื่อย มีหลายครั้งที่ยิ้ม และบางครั้งที่การยิ้มไม่ใช่เพราะสิ่งที่กัสอ่าน
แต่เป็นเพราะหน้าของกัส ที่ทำเหมือนกำลังกินยาขม แต่เจ้าตัวก็พยายามอ่าน

“กา อา กา กา เอก ก่า กาโท..........”

“ก้า”

ช่วยสะกด และกัสก็เริ่มใจชื้นขึ้น พยายามอ่าน ลองพยายามดู และมันเหมือนจะดีขึ้นทันทีในคราวแรก

เพลิน

อยู่ด้วยกันแล้วเพลิน

ใช้ปลายนิ้วไล่ไปตามตัวอักษร และหยกก็มองปลายนิ้วของกัส

มองแล้วก็ยิ้ม

ยิ้มและก็นึกอยากจะถอดแหวนให้เดี๋ยวนี้

“ถ้ามึงอ่านสองเล่มนี้จบนะ กูถอดแหวนยกให้มึงเลยเอาจริงๆ”

“ใครอยากได้วะ”

“ถึงไม่อยากได้ก็จะยัดเยียดให้ จะเอาไม่เอา”

“เอา”

ตอบรับทันที และกัสก็พยายามอ่านตัวอักษรที่ซ้อนกันวกวนไปมา

อ่านไปเรื่อย
อ่านไปตามที่หยกช่วยสอน

อ่านไปอ่านมา ก็เลยเวลาไปซิ่งรถกับเพื่อนพอดี

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.78
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 08-06-2014 21:25:01
หยกกลับมาเร้วววว  :o12:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.78
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 08-06-2014 21:48:28
เวลาอยู่ด้วยกันสองคนมันก็น่ารักดี

เวลาของคนสองคน

แล้วเมื่อไร..... :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.78
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 08-06-2014 22:01:49
หยกกกก เมื่อไหร่จะกลับมาได้ซักทีนะ  :sad11:

หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.78
เริ่มหัวข้อโดย: tartar ที่ 08-06-2014 22:02:04
หยกกลับมาได้แล้ว กัสรออยู่
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.78
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 08-06-2014 22:27:51
หยกเป็นผู้ชายอบอุ่น อร๊างงงง  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.78
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 08-06-2014 23:38:30
เรื่องของหยกกับกัสน่ารักมากเลย
กัสก็น่าสงสารมากเลย อ่านแล้วมีแอบน้ำตาซึม
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.78
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 08-06-2014 23:55:51
พี่หยกดีและเอาใจใส่กัสมาก
รีบกลีบมาหากัสนะพี่หยก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.78
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 09-06-2014 00:11:27
อ่านแล้วอมยิ้ม แต่เศร้าที่หยกยังไม่ได้กลับมาดูน้อง
ร่วมเชียร์นิวโจ้ อยากเห็นพระรองมารักกันเอง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.78
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-06-2014 01:15:13
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#ตัวช่วยในการอ่านหนังสือ

เกลียดพ่อ เกลียดอา เกลียดหมดทั้งบ้านนั่นแหละ จะขับไล่ไสสงกูไปไหน กูมีที่ไปด้วยเหรอ ให้ไปนอนบ้านเพื่อน ก็ไปได้ ทำไมจะไปไม่ได้ แต่มันใช่เรื่องเหรอ

กูชื่อเจ๋งนะ ไอ้เจ๋งโดนพ่อไล่ออกจากบ้าน กูจะไปบอกใครได้ กูไม่กล้าบอกใครนะโว้ย กูเกลียดทุกคนนั่นแหละ เกลียดหมดเลย มีแต่เรื่อง มีแต่ทำให้กูเครียด ต้องให้กูตายตามแม่ไปใช่มั้ย ถึงจะพอใจ

โมโห
โกรธ
และความรู้สึกสองอย่างก็มาพร้อมกับความเสียใจ
น้อยใจ
เศร้าใจ
ทุกข์ ทรมาน และสุดท้าย กูไม่ได้อยากใส่หมวกกันน็อคนะ มีเอาไว้ก็ไม่เคยได้ใช้ แต่วันนี้เสือกต้องใช้ เพราะขี่มอร์เตอร์ไซด์ไปร้องไห้ไป

แม่งเหี้ยที่สุดเลย ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางเห็นน้ำตากูหรอก ทั้งพ่อทั้งอา ทั้งเพื่อน ทั้งคนรอบข้าง กูจะไม่ร้องไห้ให้พวกแม่งเห็นเด็ดขาด

กูมันเหี้ย ไม่มีใครต้องการ บ้านตัวเองยังอยู่ไม่ได้เลย

ถ้าแม่ยังอยู่คงไม่เป็นแบบนี้หรอก แม่ต้องเข้าใจ แม่คงไม่ปล่อยให้กัสเป็นแบบนี้ใช่มั้ยครับ

แม่...ทำไมแม่ทิ้งกัสไป แม่รู้มั้ย ตั้งแต่แม่ไม่อยู่ กัสทรมานมากแค่ไหน แม่รู้มั้ยครับ พ่อเกลียดกัส พ่อด่ากัสทุกวัน อาก็เกลียดกัส อาด่ากัสทุกวันเหมือนพ่อ ไม่เห็นมีใครเหมือนแม่เลย ไม่เห็นมีใครเข้าใจกัสเหมือนแม่เลย

แม่ครับ.... แม่ทิ้งกัสไว้คนเดียวแบบนี้ได้ยังไง แม่...ทิ้งกัสไว้คนเดียวแบบนี้ทำไม

ร้องไห้

และบิดคันเร่งเพิ่มขึ้นเมื่อเห็นว่าถนนมีพื้นที่ว่างและพอจะแทรกเข้าไปได้

ขับรถแบบนี้พ่อมึงสร้างถนนเหรอ เอากระจกข้างกลับบ้านซะดีมั้ย พวกมึงรวยกันมากนักนี่ เดี๋ยวกูจะสอยกระจกข้างไปเก็บเป็นสะสมแก้เซ็ง

แม่ง....

คิดอะไรไปใหญ่ ทำอะไรแย่ ๆ ไปเรื่อย

ไม่มีที่ไป
สุดท้ายก็ขี่มอร์เตอร์ไซด์มาจอดที่หน้าหอพักของใครบางคน

หอพักที่หยกพักอาศัยอยู่

จอดรถไว้หน้าหอและถอดหมวกกันน็อคออก ปาดน้ำตาทิ้ง และทำเหมือนไม่เป็นอะไร ก้มหน้ามองไปที่กระจกรถมอร์เตอร์ไซด์ และก็ยังเห็นว่าดวงตายังคงแดงก่ำ และจมูกก็ยังแดงจนเห็นได้ชัด

ไม่ดีแน่ แบบนี้ไม่ค่อยดี

เดี๋ยวหยกแม่งถาม เพราะฉะนั้นไม่ขึ้นไปดีกว่า นั่งอยู่แบบนี้แหละ เดี๋ยวสักพัก....ค่อยคิดว่าจะไปไหนต่อ

ไม่ขึ้นไปหาเด็ดขาด ยังไงก็ไม่ไป

หยกมันใกล้สอบ ตอนนี้คงกำลังนั่งอ่านหนังสืออย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะฉะนั้นต้องไม่รบกวนมัน ยังไงก็ห้ามขึ้นไป

มอง ๆ ดูแล้วแถว ๆ นี้ก็มีเก้าอี้ ถ้าไปซื้อยากันยุงมาจุดก็คงพอนอนได้ หนาวหน่อย แต่ก็ไม่เป็นไร เอาเสื้อห่มเอาก็ได้

คิดอะไรโง่ ๆ
คิดจะทำตัวเป็นคนจรจัด

คิดเอาง่าย ๆ ว่าแค่หาที่นอนได้ก็พอ ไม่คิดอะไรมากไปกว่านั้น คิดแบบกัส และทำแบบกัส แบบของคนไม่แคร์โลก

“ยุงเยอะชิบหายเลยวะ”

นั่งอยู่บนรถมอร์เตอร์ไซด์ ตบยุงที่เริ่มมากัดที่แขนและขา ถ้าจะกัดกูขนาดนี้นะ กูกรีดเลือดให้เลยมั้ยจะได้แดกกันให้อิ่ม แล้วเลิกมากัดกูซะที

เออ...........เข้าท่าดีนะ
กรีดเลือดให้แม่งแดกให้พอ แล้วจะได้เลิกมากัดกูซะที

เจ็บนะเนี่ย ตียุงจนเจ็บมือ แถมยังเจ็บที่แขนขาเพราะแรงจากมือของตัวเองที่ตบแรง ๆ หนัก ๆ ไปตามร่างกายจนจะครบทุกส่วนแล้ว ไม่เว้นแม้กระทั่งที่หน้า

ประสาทแล้วกู
บ้าแล้วมึงไอ้เจ๋ง

ตบหน้าตัวเอง

เหี้ยว่ะ

ยิ้ม
เริ่มอมยิ้มและหัวเราะเบา ๆ กับเรื่องที่คิดได้

เงยหน้ามองขึ้นไปบนหอพักจากบนเบาะรถที่นั่งอยู่พอเห็นได้ว่าไฟจากห้องพักห้องนั้นยังสว่าง

ชัวร์แหละ
หยกแม่งคงกำลังอ่านหนังสือแน่ ๆ ช่วงสอบแล้วนี่ คงอ่านทั้งวันทั้งคืน

ชัดแหละ
ยังไงกูก็จะไม่มีทางไปหามันเด็ดขาด

ไม่มีทางหรอก

เรื่องอะไรกูต้องมาหามันบ่อย ๆ ด้วยวะ เดี๋ยวมันก็คิดว่ากูไม่มีที่ไป

แม้จะเป็นความจริง แต่คนเราก็ต้องมีฟอร์มมีศักดิ์ศรีกันบ้าง

เหตุผลในการไปหา จะเอาแบบเดิม ๆ ก็ไม่ได้
เดินดุ่ม ๆ ไปหาตลอดแบบนั้น

ถ้าเกิดวันไหนหยกมันถามหาเหตุผลขึ้นมาว่า ทำไมมาหามันบ่อย ๆ ก็ไม่รู้จะตอบยังไง

เพราะฉะนั้นวันนี้ต้อง..... หาที่นอนเอาแถวนี้แหละวะ

ถ้าง่วงจัดก็หาที่นอน แค่หลับตา ไม่นานก็เช้า
ตอนเช้าก็มีที่ไปแล้ว

ถ้าถึงตอนเช้า......... ไม่ว่าที่ไหนก็ไปได้

ถึงตอนเช้าแล้ว....... ไม่มีอะไรน่ากลัว

แต่กลางคืนมันน่ากลัว ถึงเวลากลางคืนที่ไรจะรู้สึกวังเวงทุกที บางครั้งต้องหาอะไรทำไม่กล้านอนตอนกลางคืน

เพราะบางคืน จะนึกถึงวันที่แม่ไม่อยู่
แม่จากไปตอนกลางคืน
เกลียดกลางคืน เพราะมันกลืนชีวิตแม่ไป

กลางคืนมันเหงา มันน่ากลัว มันเคว้งคว้าง ถ้าไปซิ่งรถ มันจะมีอะไร เวลาที่มีอะไรทำจะไม่รู้สึกอะไร

อยู่ได้
และคิดว่ากลางคืนก็ไม่ต่างจากกลางวัน

.....จะไม่เหงา ไม่เศร้า  ไม่เสียใจ และไม่รู้สึกอะไร

แต่วันนี้อยากนอน

อยากนอนหลับสบาย ๆ อยากหนุนตักแม่ อยากให้แม่กอด

แม่ครับ.......แม่ไม่สงสารกัสเหรอ แม่ทิ้งกัสไปแบบนี้ แม่ไม่สงสารกัสเหรอ

พ่อไม่รักกัส พ่อเกลียดกัส อาก็เกลียดกัส

ทุกคนเกลียดกัส.....ไม่มีใครรักกัสจริง ๆ เลยสักคน ไม่มีใครรักกัสเท่าแม่เลย

คิดไปเรื่อย

คิดแล้วก็เริ่มรู้สึกน้อยใจ เสียใจอีกครั้ง

แล้วสุดท้าย.....น้ำตาก็เริ่มไหล

เวรแล้ว

แบบนี้ทั้งตาทั้งจมูกก็คงเห็นชัด ใครเห็นคงรู้ว่ากำลังร้องไห้

เออใช่
ร้องไห้อยู่
ร้องไห้อยู่นี่ไง

ทำไมวะ.........กูร้องไห้บ้างไม่ได้หรือไง

ทำอย่างกับว่าพวกมึงไม่เคยร้องไห้ พวกมึงก็ร้องไห้เหมือนกูนี่แหละวะ แต่มันต่างกันตรงที่ว่า พวกมึงมีคนปลอบใจ

มีคนคอยรัก คอยห่วงใย

แต่กู.........แม่งไม่มี

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.78
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-06-2014 01:16:29
ใครวะคุ้น ๆ

หยกกำลังพยายามเพ่งมองไปที่คนที่นั่งอยู่บนรถมอร์เตอร์ไซด์และฟุบหน้าหลับ

ไม่ใช่แค่คุ้นแล้วแบบนี้
เป๊ะเลย

ไอ้เด็กเหี้ยนี่เอง

ไอ้กัส...............

แล้วเป็นอะไรของมัน มาแล้วก็น่าจะขึ้นไปรอข้างบน กุญแจห้องก็ให้แล้วทำไมไม่เสือกขึ้นไปหาบนห้องวะ มานอนฟุบหลับอะไรอยู่แบบนี้

เล่นบ้าอะไรของมันวะเนี่ย

“กัส”

“ไอ้กัส....เฮ้ยยยย กัส”

เรียก เบา ๆ และคนที่ฟุบหน้าอยู่ก็เริ่มรู้สึกตัว

ขยับตัวและค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมามองและเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่มาเรียกก็เผลอยิ้มออกมา

“หยก”

เรียกชื่ออีกฝ่าย
รู้สึกดีใจ
ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกดีใจ แต่มันรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ

หยก.........เป็นหยกจริง ๆ ด้วย

หยก........

ยิ้มกว้าง ยิ้มจนตาเป็นประกาย

ดีใจ

นิสัยเดิม ๆ ของกัสคือถ้าดีใจจะดีใจมากจนคนที่เห็นยังรู้สึกประหลาดใจ

และครั้งนี้เมื่อหยกได้เห็นแววตาและการแสดงออกทางสีหน้าของกัส ก็ทำให้หยุดชะงักกับรอยยิ้มที่เหมือนดีใจมากมายของอีกฝ่าย

แค่มาปลุกเฉย ๆ มึงจะดีใจจนเว่อร์เกินไปแล้วไอ้เด็กเหี้ย

“มานอนอะไรตรงนี้ ทำไมไม่ขึ้นไปหาวะ”

มานอนอะไรตรงนี้เหรอ

ลืม
ลืมตัวไปชั่วขณะ และเมื่อนึกขึ้นได้ว่าหน้าตาท่าทางของตัวเองคงจะแสดงอาการชัดเจนว่าดีใจมาก

กัสก็เลยต้องพยายามปรับสีหน้าให้เร็วที่สุด กูต้องเก็บอาการ จะทำให้หยกมันรู้ไม่ได้ว่าดีใจขนาดไหน

กูไม่อยากเสียฟอร์ม

“ตกลงมาทำอะไรวะ ทำไมไม่ขึ้นไปข้างบนล่ะ มานอนหลับอะไรตรงนี้เดี๋ยวยุงก็หามตายห่า”

มาทำอะไรเหรอ
มาทำ........

ไม่ได้มาทำอะไร ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น

“พอดีผ่านมาแถวนี้”

อ้าวเหรอ แค่ผ่านมาเหรอ

ผ่านมาบ่อยเนอะ ผ่านหอกูบ่อยมากเลยนะ

“เหรอ เออดี ผ่านมาก็ดีแล้ว ไปซื้อของเป็นเพื่อนหน่อย”

ไปซื้อของเหรอ
ไปซื้ออะไรวะ

ดึกป่านนี้จะให้ไปซื้ออะไร

“กี่โมงแล้วจะไปซื้อของ”

ถามแล้วกัสก็ดึงกุญแจรถมอร์เตอร์ไซด์ออก และหย่อนใส่กระเป๋าเสื้อ

ไม่ต้องรอช้า แค่ชวนนิดเดียว กัสก็รีบไปด้วยทันที

ซื้อของเหรอ
ซื้อของ….
ไป ไป
ไปซื้อของ

“ไม่ต้องเอารถไปหรอก เดินไปแค่นี้เอง”

แค่นี้เองเหรอ

แค่นี้....

และหยกก็ชี้นิ้วไปที่ร้านสะดวกซื้อที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

“ป่ะ เดินไปเป็นเพื่อนหน่อย ไปคนเดียวเดี๋ยวกูโดนฉุด กูยิ่งหน้าตาดีอยู่ คนสมัยนี้ก็เลยอิจฉากูเยอะ กูกลัวคนมองเยอะ แล้วต้องมาคอยแจกลายเซ็น”

เหี้ย
เหี้ยมาก
เหี้ยที่สุดแล้ว คนอย่างไอ้หยก มั่นใจในตัวเองโดยที่ไม่เคยถามความคิดเห็นจากใคร

แม้เรื่องที่หยกมันเป็นคนหน้าตาดีจะเป็นเรื่องจริงแต่มันก็ไม่ควรเอามาพูดเยินยอตัวเองแบบนี้

เพราะกูฟังแล้วอยากจะอ้วกในความหลงตัวเองของมัน

กัสไม่รู้ว่าตัวเองกำลังผ่อนคลายและอาการเครียดก็ทุเลาเบาบางลง แค่เพียงได้เห็นหน้าของหยก และได้อยู่ใกล้ๆ หยก

ก้าวขาเดินตาม
กัสเดินตามหยกมาเรื่อย ๆ
เดินมาด้วยกัน ในระยะใกล้ ๆ ก็ถึงร้านสะดวกซื้อ

“กัส มึงกินข้าวมั้ย ข้าวกล่อง”

หยกหยิบกล่องข้าวแช่แข็งขึ้นส่งให้

“ไม่ค่อยชอบ”

ปฏิเสธไปเรียบร้อย และหยกก็เลยซื้อเฉพาะข้าวกล่องของตัวเองหนึ่งกล่องและส่งให้พนักงานอุ่นอาหารให้

มองไปที่คนที่ทำหน้าจ๋อย และมองอะไรไปเรื่อยเปื่อยแล้วหยกก็ยิ้มน้อย ๆ

ทำไมดูเด็กน้อยขนาดนี้วะ

ท่าทางจ๋อย ๆ หน้าตามึน ๆ เหมือนไม่รู้จะพูดอะไรดีแบบนี้ ใครเห็นก็ต้องมอง
เพราะดู ๆ แล้วไอ้กัสมันก็น่ารักดี น่ารักแบบแปลก ๆ แบบที่มันไม่ค่อยรู้ตัวเองเท่าไหร่

“กินไอติมมั้ยวะ”

ไอติมเหรอ

“กูไม่ใช่เด็ก กูไม่กิน”

เหรอ

ก็ดีนะ ปฏิเสธเรียบร้อย

หยกเดินไปที่ตู้แช่ไอศรีม และหยิบมาสองอย่าง

และกัสก็ได้แต่มอง

มองแต่ไม่พูดอะไร

หยกจ่ายเงิยเรียบร้อย ก้าวเท้าเดินออกจากร้านสะดวกซื้อ และหยิบไอศครีมรสผลไม้รวมจากในถุงออกมา แกะและยื่นส่งให้กับคนที่เดินเรื่อย ๆ ข้าง ๆ กัน

“ไม่เอา กูไม่ใช่เด็กกูไม่กินเด็ดขาดไอติมหลอกเด็กเนี่ย”

แล้วกูบอกให้มึงกินเหรอ

“ฝากถือเฉย ๆ”

อ้าวเหรอ

แล้วก็ไม่บอก

ฝากถือก็ฝากถือ

ถือไอศรีมให้ และสิ่งที่ถือเอาไว้ก็เริ่มละลาย

“ไอ้หยกมึงให้ถือทำไมเนี่ย ละลายหมดแล้ว มึงกินดิ๊”

ส่งไอศรีมที่ถือให้กับคนที่เดินอยู่ข้าง ๆ และหยกก็ทำเหมือนนึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้

“อ้าว เพิ่งนึกขึ้นได้ กูซื้อมาสองแท่งนี่หว่า”

แค่พูดยังไม่พอ เพราะหยกรีบหยิบไอศครีมรสผลไม้ที่ซื้อมาอีกแท่งออกมาแกะซองพลาสติกออกและกินไอศครีมหน้าตาเฉย

และกัสก็ทำได้เพียงแค่ยืนงง

“มึงคงต้องกินแท่งนั้นแล้วแหละ นั่นกูเลี้ยงมึงแล้วกัน”

เลี้ยง

เลี้ยงไอติมละลายเนี่ยนะ เหี้ยหยกกกกกกกกกกก

อยากจะบ้า แต่ก็ต้องจำใจกินรีบจัดการไอศรีมที่กำลังละลายด้วยท่าทีที่หงุดหงิดเล็กน้อย

“กัส”

กัสหันมามองคนที่เรียก และขมวดคิ้วมุ่น

“ทำไมมาแล้วไม่ขึ้นไปหา มานั่งให้ยุงกัดเล่นทำไมวะ”

เปล่า

ไม่ใช่

“ก็บอกแล้วไงว่าพอดีผ่านมา”

มึงโกหกได้เหี้ยมากกัส บอกตรง ๆ ถ้ามึงจะโกหกขนาดนี้นะ มึงก็โกหกต่ออีกหน่อยแล้วกัน

“ให้กุญแจห้องไว้ ถ้ากลัวกูไม่อยู่มึงก็ไขเข้ามาได้นี่หว่า”

เรื่องนั้นน่ะ
ไม่เคยทำหรอก
มีกุญแจห้องก็จริง แต่ไม่เคยเข้ามา มึงไม่อยู่กูก็ไม่อยากมา เพราะมีมึงอยู่ในห้องนั้น กูก็เลยอยากมา

“กูไม่ว่าง”

พูดไปกินไป และสุดท้ายเหลือแต่ไม้ไอศครีมเล็ก ๆ อยู่ในมือ

“แต่กูโคตรว่างเลย วันนี้มาอ่านหนังสือให้ฟังหน่อยดิ๊ อ่านไปถึงไหนแล้ว”

ไม่เอา
กูเกลียดหนังสือเหี้ยนั่น

กูจะไม่อ่านเด็ดขาด ไม่มีทางอ่านให้มึงฟังอีกแน่ ๆ

“กูจะกลับแล้ว”

เกิดอยากจะกลับขึ้นมาเวลานี้ มีเวลาตั้งนานไม่เสือกกลับวะ

“กัส....ไปช่วยลากเตียงหน่อยดิ๊ ช่วงนี้ปวดหลังลากไม่ไหว มึงขึ้นไปช่วยลากเตียงหน่อย กูจะย้ายของในห้องให้เป็นระเบียบ”

ไปช่วยลากเตียงเหรอ
ถ้าไปช่วยลากเตียงงั้น....ก็ได้

เดินตามมาเรื่อย ๆ และเมื่อถึงห้อง หยกก็ไขกุญแจและเดินเข้ามาโดยมีกัสเดินตามเข้ามาด้วย

“ไหน.....จะเลื่อนจะย้ายตรงไหนวะ”

อ๋อ
พอดีกูยังคิดไม่ออก

“พอดีคิดขึ้นได้ว่ามุมนี้ก็ดีแล้ว งั้นเอาเป็นว่า ย้ายหนังสือหัดอ่านพวกนี้ไปไว้ที่มึงแล้วกันนะ”

เหี้ย
มึงหลอกกูเหรอ
กูบอกแล้วไงว่ากูไม่อ่านหรอกหนังสือเหี้ยพวกนี้
ยังไงกูก็ไม่อ่าน

“น่า กูไม่ได้บังคับซะหน่อย มึงแค่เปิดผ่าน ๆ สองสามหน้าดูภาพประกอบไปก่อน เดี๋ยวกูนึกได้ว่าจะย้ายเตียงไปฝั่งไหนแล้วมึงค่อยช่วยกูย้าย เนี่ยปวดหลังมากเลย รอแป๊บเดียว เดี๋ยวกูคิดออกก่อน”

ห่าหยก
มึงหลอกให้กูอ่านหนังสือพวกนี้นี่หว่า กูไม่อ่านหรอก

ยังไงกูก็ไม่อ่านเด็ดขาด

“กูเลี้ยงไอ้ติมมึงแล้ว มึงกินไอติมที่กูเลี้ยงแล้วมึงก็ต้องตอบแทนบุญคุณกูบ้าง เดี๋ยวไม่เกินสิบนาที กูขอเวลาคิดก่อนถ้าคิดได้แล้วเดี๋ยวมึงช่วยกูย้ายเลย แป๊บเดียวแหละ แล้วมึงก็กลับบ้านได้ นัดใครที่ไหนไว้ ไปได้เลย กูไม่ห้าม”

จริงนะ

ก็ได้

ถ้างั้นก็ได้วะ

ยอมนั่งลงบนเตียงแต่โดยดี และยอมเปิดหนังสือหัดอ่านไปเรื่อยๆ ในระหว่างที่รอ

หยกวางกล่องข้าวลงแล้ว แต่ยังไม่กิน
เปลี่ยนเป็นนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม และสนใจกับการอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบก่อนปิดภาคการศึกษา

ที่จริงแล้วไม่ได้คิดจะย้ายเตียงเลยสักนิด

แต่บางครั้งคนบางคนพูดอะไรกับมันตรง ๆ มันก็ไม่เคยทำตาม ก็เลยพูดอ้อมไปอ้อมมาให้มันสับสน

คนอย่างไอ้กัส บังคับให้ทำอะไรสักอย่างยากยิ่งกว่ายาก

แต่ถ้าพูดกับมันดี ๆ และให้เหตุผลบางอย่างเข้าไป มันถึงจะเชื่อและยอมทำตามอย่างว่าง่าย

เหมือนในเวลานี้ที่พอบอกให้ช่วยย้ายเตียงมันก็อุตส่าห์มีน้ำใจมานั่งรอ

รอไปรอมา
รอไปเรื่อย เปิดหนังสืออ่านไปเรื่อย อ่านในใจ แค่ให้มันผ่านตา
ไม่ได้อยากอ่าน อาศัยดูรูปภาพก็เพลิน

เพลินไปเพลินมาก็เลยเลื้อยลงไปนอนบนเตียง นอนมองหนังสือภาพสำหรับสะกดคำและหัดอ่าน ยิ่งมองก็ยิ่งง่วง

ง่วงจนเผลอเคลิ้มหลับ หลับไปในเวลาไม่ถึงห้านาที

และหยกที่มองนาฬิกาอยู่ตลอดเวลาก็หันไปหาคนที่มาช่วยย้ายเตียง

หมดสภาพ
นอนหลับไปทั้งอย่างนั้น
นอนหลับไปพร้อมกับหนังสือสำหรับหัดอ่านของเด็ก

หยกกำลังมองคนที่มาเผลอหลับอยู่บนเตียงแล้วก็ได้แต่ยิ้ม

ยิ้มและก็ส่ายหน้า

ไม่รู้จะนึกเอ็นดูหรือสงสารมันดี

เด็กเหี้ยแบบนี้ สงสารมันมากไม่ได้ สันดานยิ่งเสีย ๆ อยู่ ทั้งดื้อทั้งรั้น ทั้งปัญหาเยอะ
แต่พอเห็นสภาพดวงตาแดงก่ำเพราะผ่านการร้องไห้ของมันมาก็ทำให้เมินเฉยกับมันไม่ลง

รู้ว่ามันร้องไห้แบบนี้เพราะใคร มีคนเดียวที่ทำให้มันร้องไห้ได้ ไม่ยากที่จะรู้ แต่รู้แล้วต้องทำยังไงต่อไปนี่แหละยิ่งยากกว่า

มองแบบนี้แล้วก็ไม่รู้จะช่วยยังไงนอกจากลุกขึ้นแล้วเดินไปหา

อีกแล้ว แม่งสันดานเสียตลอด บอกเท่าไหร่ก็ไม่เคยจำ ว่าให้ถอดรองเท้ามันก็ไม่เคยฟังกันเลย

จะให้ต้องพูดต้องด่ากี่ครั้งวะถึงจะจำ ไอ้เด็กเหี้ย แต่ก็เอาวะ วันนี้จะยอมให้หนึ่งวัน

ก็มึงเล่นร้องไห้ตาบวมมาซะขนาดนี้ กูไม่สงสารเลยมันก็จะใจร้ายเกินไป

หยกเดินมายืนมองคนที่นอนหลับและก็ยิ้ม มองแล้วก็ได้แต่ยิ้ม และพูดกับตัวเอง

“ไม่มีที่ไปที่นี่ก็เปิดรอมึงเสมอนะ คิดจะฟอร์มเยอะก็อย่าให้มันมากนักสิวะ”

บ่นพึมพำกับตัวเองเสียงเบา และจ้องมองคนที่สิ้นฤทธิ์ไปแล้ว สุดท้ายคว้าผ้าห่มมาห่มให้ และแตะเบา ๆ ที่ไหล่ของกัสเบา ๆ สองสามครั้ง

กุญแจห้องกูก็มีนี่หว่าแล้วทำไมไม่รู้จักไขเข้ามาเอง

ก็ถ้ามึงจะเอากุญแจห้องที่กูให้ร้อยใส่สร้อยแล้วคล้องคอตัวเองไว้ขนาดนี้นะกัส มึงเอาแหวนที่นิ้วกูไปห้อยด้วยเลยดีกว่า

ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว

เหลือแต่มึงนั่นแหละอยากจะพูดอะไรหรือเปล่า

“ไอ้เด็กเหี้ยเอ้ยยยย ในที่สุดวันนี้มึงก็ยอมมาอยู่กับกูได้อีกวันแล้วนะ นึกว่าวันนี้มึงจะไม่มาซะแล้ว กูนั่งรอตั้งนานที่ไหนได้เสือกไปนอนหลับอยู่บนรถ”

ไม่รู้ว่าคนหลับได้ยินหรือเปล่า แต่หลังคำพูดนั้นเป็นหยกที่ยิ้มอย่างเอ็นดูและยืนมองคนที่นอนหลับสนิทไม่รู้เรื่อง

“ใครใช้ให้มึงเป็นแบบนี้วะ ทำตัวแบบนี้บ่อย ๆ เดี๋ยวกูหวั่นไหวแล้วจะหาว่ากูไม่เตือนไม่ได้นะ”

เพราะสบายใจแล้วที่ไม่ต้องรอ

ดังนั้นหลังจากรู้ว่ามีคนมานอนหลับอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว หยกก็คลายความกังวลลง และอ่านหนังสือได้เรื่อย ๆ

ไม่เหมือนช่วงแรกที่อ่านไปมีแต่ความกังวล เหมือนรอคอยบางอย่าง ไม่มีสมาธิในการอ่านเลยสักนิด ผิดกับเวลานี้ลิบลับ

ทีนี้มึงเชื่อหรือยัง ว่ามึงต้องมา ไม่งั้นกูอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง เพราะคอยเอาแต่กังวลว่ามึงจะไปซิ่งรถแล้วไปเสยกับใครที่ไหน มึงควรรู้ได้แล้วนะว่ามึงมีผลกับการอ่านหนังสือของกูมาก เกรดจะดีหรือแย่ ทั้งหมดตอนนี้มันขึ้นอยู่กับมึงคนเดียวจริง ๆ ไม่รู้บ้างหรือไง ไอ้เด็กดื้อ

เพราะฉะนั้นวันหลังอย่าให้กูคอยนานนะ ถ้าการเรียนกูตกขึ้นมา กูจะโทษว่าเป็นความผิดของมึงคนเดียวเต็ม ๆ เลย

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.78
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-06-2014 01:51:04
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#วิธีรักษาอาการตาแดง

ขยับร่างกายออกห่างเล็กน้อย และปรือตาตื่นขึ้นมาเมื่อรู้สึกว่าที่นอนไหวยวบลง

หันกลับไปมอง แม้จะมืด แต่ก็พอเห็นว่ามีใครมานอนอยู่ข้าง ๆ

“ตื่นมาทำไมวะ นอนไปเดี๋ยวก็เช้าแล้ว”

เช้าเหรอ

กี่โมงแล้ววะ ป่านนี้

“หยก กี่โมงแล้ว”

กี่โมงเหรอ ก็.......

“ตีสามครึ่งได้แล้ว”

เหรอ
ตีสามครึ่งเหรอ

“กูต้องไปแล้ว”

ไปไหนวะ ไปตอนนี้เนี่ยนะ ตลกเกินไปหน่อยแล้ว มึงบ้าหรือไง ตีสามครึ่งไม่ต้องไปไหนแล้ว

สว่างแล้วค่อยไป อย่าหาเรื่องให้มันมากนัก

“ไปแว๊นดิ ช่วงนี้กำลังตั้งแถวเตรียมซิ่งเลยใช่มั้ย”

แกล้งว่า และกัสที่นอนอยู่ก็เตรียมจะผุดลุกขึ้นนั่ง
แต่มีคนลุกขึ้นก่อน

“มึงนอนไปเลย ถ้ามึงขยับตัวอีกนิดเดียวนะ กูจะนอนไม่หลับ ถ้ามึงเปิดประตูห้องเดินออกไปก็เป็นการรบกวนกู ยิ่งทำให้กูนอนไม่หลับ”

ไม่เกี่ยว
กูไม่อยู่คงดีกว่า
มึงจะได้นอนสบาย ๆ ไม่ใช่มานอนเบียดกันแบบนี้

“กูยังไม่ได้อาบน้ำจะนอนเข้าไปได้ยังไง”

เออ ช่างแม่งเหอะ
เน่าอีกไม่กี่ชั่วโมงจะเป็นไรไป
แค่ไม่อาบน้ำ ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรสำหรับกูหรอก
แต่ถ้ามึงจะไปตอนนี้ นั่นแหละปัญหาโคตรใหญ่สำหรับกูเลย

“นอน ๆ ไปเหอะ มัวพูดกูยิ่งนอนไม่หลับ แล้วก็ไม่ต้องขยับตัวด้วยนะ กูจะนอน”

อะไรวะ
มันไม่เกี่ยวเลย

เตรียมจะขยับตัวอีกรอบ แต่ก็ได้ยินเสียงขู่ที่ทำให้กัสทำอะไรไม่ได้

“ไอ้กัส”

แค่เรียกชื่อ และกัสก็เลยต้องจำใจนอนอยู่นิ่ง ๆ และกรอกตาไปมาพร้อมกับทำหน้ายุ่งเหยิง ขมวดคิ้วมุ่น
“อะไร”

“มือมึงอยู่ไหน”

มือเหรอ มือ..........
กัสยกมือขึ้นและหยกก็จัดการดึงมือของกัสมาจับเอาไว้แน่น กลายเป็นกัสที่ได้แต่นิ่งอึ้งและหันไปมองคนที่ทำเป็นเฉยและแกล้งหลับตานอนนิ่งเงียบอยู่ข้าง ๆ

“ป้องกันมึงหนี”

ป้องกันทำไม แล้วทำไมกูต้องหนี
มันไม่มีเหตุผลอะไรที่กูต้องหนีหรอกนะ

“กูยังไม่ได้อาบน้ำ”

ยืนยันคำเดิม และหยกก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่

กูรู้แล้ว
นั่นกูก็รู้แล้ว มึงไม่ต้องย้ำหรอกน่า
“กัส พรุ่งนี้กูสอบ ถ้ามึงตื่นก่อนมึงปลุกกูด้วย เจ็ดโมงเช้านะ แล้วไปส่งกูด้วย มอร์เตอร์ไซด์กูเสีย เข้าใจมั้ย”

เข้าใจ

กูไม่ได้โง่

จะให้กูไปส่ง แค่นี้ไม่ได้ลำบาก เดี๋ยวกูไปส่งมึงก็ได้

“แต่ว่า...หยก...กูยังไม่ได้อาบน้ำ”

พูดไม่รู้จักฟัง
มึงยังไม่ได้อาบน้ำแล้วไงวะ ยังไม่ได้อาบก็ไม่ต้องอาบแล้วค่อยอาบพรุ่งนี้เช้ารวดเดียวเลย

“เอออออออออออ กูรู้แล้ว”

ลากเสียงยาว ๆ และคราวนี้ไม่ใช่แค่มือที่จับเอาไว้แน่น แต่เป็นการที่หยกจัดการลากคนที่พูดประโยคเดิม ๆ ซ้ำ ๆ เข้ามากอดไว้แน่น แถมซ้ำยังแกล้งกดปลายจมูกหนัก ๆ ไปที่เส้นผมของกัสและแกล้งสูดหายใจแรง ๆ จนคนที่นอนอยู่ถึงกับนอนนิ่งตัวแข็งทื่อ

“มึงหอมมมม มึงไม่ได้เน่าจนรับไม่ได้หรอก แต่ที่กูจะทนไม่ได้คือวันหลังมึงอย่าใส่รองเท้านอนอีก กูต้องมาคอยถอดให้ทุกที นั่นแหละที่กูโมโหยิ่งกว่ามึงไม่อาบน้ำ”

เหรอ

เป็นแบบนั้น...........โอ้ยยยยยยยยย ไอ้หยก

“มึงทำอะไร”

ถาม แม้ต้นเสียงจะดุแต่ปลายเสียงแผ่วลง

“กอดมึงไง”

กอดทำไม

“กูไม่....ได้….”

ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ เพราะมีคนชิงพูดให้เรียบร้อย

“อาการตาแดงต้องไปหาหมอ ให้หมอสั่งยาหยอดตามาให้ ถึงจะหาย แต่ถ้าอาการตาแดงมันมีผลมาจากจิตใจ มันก็ต้องหาทางอื่นรักษา เช่นว่า ให้ความอบอุ่น อย่าทำให้เศร้า การกอดมันก็เป็นวิธีการหนึ่งนะ มึงจะคิดอะไรมาก มันเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาสไตล์กู”

แต่กูไม่ได้ตาแดง....

กูไม่ได้

“พอดีกูเป็นตาแดงอันเนื่องมาจากสภาพจิตใจเปราะบาง มึงก็ช่วยรักษากูหน่อยแล้วกันวะกัส ถือว่าได้บุญ ไม่งั้นพรุ่งนี้กูไปสอบไม่ได้นะ จิตใจกูท้อแท้ กลัวสอบตก กูต้องการกำลังใจ”

ไม่ใช่

แต่ว่ากู....
“มึง....เครียดจริงเหรอหยก”

อ้าว

“มึงว่าจริงเปล่าล่ะ”

จริงหรือเปล่าไม่ต้องรู้หรอกกัส มึงรู้แค่ว่ากูถอนหายใจแรงก็พอ

“เฮ่ออออออออออ นอน ๆ กูเครียด”

เปล่าเครียดเรื่องสอบนะ

กูเครียด “เรื่องมึง”

ไม่ได้บอก แค่ยิ้ม ๆ และคนที่ถูกกอดก็มองไม่เห็น

บทมันจะว่าง่าย มันก็ทำตัวว่าง่ายจริงวะ

นอนนิ่งไม่ขยับเลย

“หยก หลับยังวะ”

ยัง

แต่กูจะแกล้งหลับ

“หยก...”

“มึงหลับจริงเหรอหยก”

ไม่จริง

กูแกล้ง

แล้วสุดท้ายคนที่เรียกก็ขยับร่างกายเข้ามาหาและค่อย ๆ วางแขนลงบนตัวของหยก

กอด....รักษาอาการแดง
ไม่ใช่ตาแดงเพราะมีปัญหาที่ตา

แต่ที่ตาแดง เพราะมีปัญหาที่ใจ
ใช่....

มีปัญหาที่ใจ

มีปัญหาที่ใจจนทำให้ตาแดง
หยกพูดถูก

“อึก”

มันคงเป็นการร้องไห้ที่เงียบงันที่สุด
เพราะกัสทำเพียงแค่ปล่อยให้น้ำตาไหลเงียบ ๆ และค่อย ๆ หลับตาลง

มันเหงา
มันเศร้า
ไม่มีใครให้พูดคุยด้วยได้อย่างสบายใจแบบนี้
ไม่เคยมีใครเห็นการมีตัวตน ไม่เคยมีใครเห็นว่ากัสมีชีวิตอยู่ตรงนี้

ทุกอย่างมันไร้ค่าไร้ความหมาย
อยู่หรือตาย มันไม่เคยมีค่าสำหรับใครเลย

ไม่เคยมีค่า....สำหรับใคร

พยายามไม่ให้มีเสียง

พยายามไม่รบกวนอีกฝ่ายให้มากไปกว่านี้

ถ้าขยับตัวแล้วหยกจะตื่น และหยกเครียดเพราะว่าพรุ่งนี้จะสอบ

ต้องตื่นก่อนแล้วปลุกหยก
ปลุกแล้วค่อยไปส่งหยก

ไปส่ง.....

เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าตัวเองต้องทำบางอย่างเพื่อใครสักคน
เรื่องเล็กน้อย ที่มันกลายเป็นเรื่องใหญ่สำหรับกัส

หยก....

เรื่องของหยก....เรื่องที่พรุ่งนี้หยกต้องไปสอบ

มันเป็นเรื่องสำคัญมาก

คิดไปเรื่อย ๆ และคนที่แกล้งหลับก็หรี่ปรือตาขึ้น

เสือกร้องไห้ซะงั้นไอ้กัสเอ้ยยยย

เล่นเอากูใจอ่อนยวบทำอะไรไม่ถูกเลย

เฮ่ออออออ
ทำไมมันถึงได้เป็นแบบนี้ไปได้วะ

กูไม่ได้อยากคิดอะไรกับมึงเกินเลยนะ
เห็นว่าเด็กกว่า และเหมือนเด็กมีปัญหา กำลังสับสนชีวิต

ที่ทำอยู่ ที่หยอกบ้างเล่นบ้าง มันก็เพราะว่าสนุกดี
เวลาเห็นมึงทำหน้างง ๆ หรือบางทีก็งี่เง่า

แค่เพลิน
แค่มองแล้วเพลิน อยู่ด้วยแล้วสนุกดีเท่านั้น

แต่พักหลัง ๆ กูว่ากูเริ่มรอมึงนะ บางทีสายตากูก็มองไปที่หน้าหออยู่บ่อย ๆ ว่ามีรถมึงจอดอยู่หรือเปล่า

นอกจากนั้นแล้วกูก็ชอบมองไปที่เก้าอี้ที่มึงชอบมานั่งรอ
มองไปที่หมาแมวข้างหอที่บางครั้งมึงก็มาเล่นด้วย

สุดท้าย........บ่อยครั้งที่กูกลับมาถึงห้อง สายตากูชอบเผลอมองไปที่เตียงและแอบหวังว่าเปิดประตูห้องมาแล้วจะเจอมึงนอนคว่ำหน้าหลับสนิท และไม่ยอมถอดรองเท้าอีกเหมือนเคย

กูหวังจะได้ด่ามึงด้วยความโหโหแต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องคอยถอดรองเท้าให้มึงตลอด

มึงเป็นมากกว่าที่กูคิดไว้เยอะ

มึงเป็นมากกว่าเด็กที่กูเก็บมาได้จากข้างทาง

มึงทำให้กูคิดเรื่องของมึงได้ และทำให้กูอยากรู้เรื่องของมึงมากขึ้นทุกวัน

“กัส”

อ้าว เหี้ย แม่งไม่ได้หลับนี่หว่า
แล้วหยกมันจะรู้มั้ยวะ ว่าเมื่อกี้กูร้องไห้

“พรุ่งนี้มึงรอกูที่คณะนะกัส สอบเสร็จแล้วกูจะพามึงไปไหว้พระสะเดาะเคราะห์ เผื่อชีวิตมึงจะดีขึ้นบ้าง”

ชีวิตกูจะดีขึ้นบ้างเพราะไปสะเดาะเคราะห์เหรอ
ไม่ไปหรอก
คนอย่างกูเข้าวัดได้ที่ไหน ร้อนตายห่า

“ไม่ไป”

ไม่ได้ มึงต้องไป

“เออ ไม่ต้องไปหรอก รถกูเสีย มึงพากูไปหน่อยแล้วกัน กูอยากไป”

ถ้าแบบนั้น
ก็ได้…..

“แต่กูไม่เข้าไปนะ”

“เออ ไม่ต้องเข้าไปหรอก มึงรอข้างนอกแหละเดี๋ยวกูเข้าไปเอง แค่ไปส่งหน่อยแค่นั้น”

ก็ได้

“นอนเหอะ พรุ่งนี้กูต้องตื่นเช้า”

เหรอ

นอนก็ได้

“แต่กูยัง.......”

“น้ำไว้อาบพรุ่งนี้ เอาเสื้อกูเปลี่ยน นอนได้แล้ว กูง่วง”

เออวะ นอนก็นอน

แล้วเล่นกอดกูซะแน่นขนาดนี้เลยเหรอ กูจะนอนหลับหรือไง

กู....ทำตัวไม่ถูกนะ

แต่ว่า ถ้ามันจะทำให้มึงหายเครียดได้บ้าง

กูจะอยู่แบบนี้ก็ได้ กอดก็กอดวะ

ถ้ามึงอยากจะกอดขนาดนั้น กูก็ไม่ได้อยากพูดมาก
เพราะกูก็รู้สึกว่า........กอดกันแบบนี้แล้ว

กูก็รู้สึกดีอยู่เหมือนกัน

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.78
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-06-2014 01:53:43
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#หนุ่มสก๊อยคนแรกที่ได้ซ้อนท้าย

“กัส ช่วยหน่อยซิ”

ช่วยอะไรไม่รู้ รู้แค่บอกให้ช่วย และกัสก็ลุกขึ้นยืน โดยมีใครบางคนยืนกางแขนอยู่ตรงหน้า

“ติดกระดุมเสื้อให้หน่อยซิ”

ไอ้หยก
มึงเป็นบ้าหรือไง กระดุมเสื้อแค่นี้มึงติดเอาเองไม่ได้หรือไง

“ไม่ทำ”

นั่งลงทันที และหยกก็ขมวดคิ้วมุ่น ตีหน้าขรึม และแกล้งบ่นพึมพำเสียงเบา

“สมัยนี้โรคเยอะ แปรงฟันอยู่ดี ๆ แม่งนิ้วก็ล็อค เจ็บชิบหาย ติดกระดุมเสื้อก็ไม่ถนัด แม่ง จะมีกระดุมเสื้อทำไมวะ มันลำบากคนที่นิ้วล็อคนะเว้ย”

ปรายตามองไปที่คนที่นั่งอยู่เล็กน้อย และกัสก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ยื่นมือออกมาตรงหน้าและจัดการติดกระดุมเสื้อให้คนที่แกล้งบ่นให้ได้ยิน

ติดจากเม็ดล่างขึ้นมา
แค่ติดกระดุมเสื้อให้โดยมีคนบางคนยืนทำหน้าเฉยอยู่ตรงหน้า มันไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นหรอกนะ

“ทำไมมือสั่นวะกัส”

มือไม่ได้สั่น

“เปล่า”

ปฏิเสธออกไปและหยกที่ยืนทำหน้าเฉยก็พยายามสะกดกลั้นรอยยิ้มของตัวเองเอาไว้ ไม่ให้เผลอยิ้มออกมา

ไม่รู้ว่าเป็นอะไร รู้สึกอยากให้กัสมันทำบางอย่างให้ แค่เรื่องง่าย ๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ อาบน้ำอยู่ดี ๆ ก็นึกขึ้นมาได้ว่าอยากเห็น

อยากเห็นหน้ามันแบบชัด ๆ ตรง ๆ

“เจาะหูด้วยเหรอ”

มองไปเรื่อย มองหน้าแบบผ่าน ๆ ถ้ามองตรง ๆ ก็จะผิดสังเกตเกินไป ก็เลยมองไปเรื่อย มองเลยไปถึงใบหูแล้วก็เพิ่งสังเกตเห็นว่ากัสเจาะหู

“อือ”

เหรอ

“สองข้างเลยป่ะ”

“เปล่า”

อ่อ

“เหรอ”

อือ

“หิวป่ะ”

ไม่

กัสส่ายหน้าและก็ติดกระดุมมาถึงเม็ดบนสุด
มองที่ปลายคางของคนที่ชวนคุย และก็ผละออกห่างเมื่อติดกระดุมเสื้อให้อีกฝ่ายเสร็จ

“ขอบใจ”

ยิ้มเล็ก ๆ และกัสก็มองเห็นว่าอีกฝ่ายยิ้ม

ยิ้มทำไมวะไม่เข้าใจ

“มึงยิ้มทำไม”

ก็ไม่ทำไม อยากยิ้มก็ยิ้ม

“ก็มึงเป็นคนดีของสังคม กูก็ยิ้ม”

กูเปล่าเป็นคนดีของสังคม เพราะฉะนั้นมึงไม่เห็นต้องยิ้ม
ถ้ากูเป็นคนดีจริง พ่อกับอาคงไม่เกลียดกูขนาดนี้หรอก
ถ้ากูดีจริงคงไม่ถูกไล่ออกจากบ้านแบบนี้

“ไปอาบน้ำเหอะ แล้วก็ใส่ชุดนี้”

ชุดนี้ที่ว่า คือเสื้อเชิ้ตขาวแบบที่หยกใส่ และกางเกงยีนส์ตัวที่หยกเลือกให้

“กูไม่ใช่นักศึกษาแบบมึง ให้กูใส่แบบนี้ทำไม”

ก็ไม่ทำไม

“จะได้กลมกลืน”

เหรอ

“ไปส่งกูแล้วรอกูด้วยนะ กูจะไปไหว้พระ นิ้วก็ล็อค รถก็พังดีนะที่มีมึงอยู่ด้วย ไม่งั้นกูคงโคตรลำบาก”

ไม่จริงมั้ง

“เพื่อนมึงไม่มีหรือไง”

เพื่อนมี
มีเยอะด้วย
แต่กูไม่ได้อยากให้เพื่อนทำเรื่องแบบนี้ให้นี่หว่า กูอยากให้มึงทำ

“โทษทีว่ะ กูก็ลืมไปว่ารบกวนมึง”

เปล่า
ไม่ใช่แบบนั้น

“ไม่ได้พูดว่ารบกวน”

“เออช่างเหอะ กูไปเองก็ได้”

“ไม่ต้อง เดี๋ยวกูไปส่งเอง”

ก็แค่เนี่ยะ น่ารักนะมึง ทำหน้าลังเลใจ ทำท่ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออกอย่างนี้แหละ กูว่ากูชอบมองนะ ไม่รู้ทำไม ชอบดูหน้าไอ้กัสทำหน้าเหมือนปลาสำลักน้ำ

“ไปอาบน้ำไป กูจะสายแล้ว”

ก็ได้

กัสเดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว และหยกที่ยืนอยู่ก็มองตาม

ไม่รู้ยังไงเหมือนกันนะ เป็นแบบนี้มาพักใหญ่แล้ว
ใครว่าไอ้กัสมันดื้อ ใครเกลียดมันได้ลงคอก็แปลกแล้ว
ทำไมวะ แค่เข้าหามันหน่อย เข้าใจมันหน่อย สังเกตพฤติกรรมและความรู้สึกของมันบ้างไม่ได้หรือไง

มันน่ารัก
มันเป็นเด็กดี
เพียงแต่เหมือนมีบางอย่างที่ทำให้รู้สึกว่ามันดูขาด ๆ เกิน ๆ และหยกก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร

เรื่องอ่านหนังสือไม่คล่องนั่นก็แปลก โตป่านนี้แล้วทำไมถึงยังจำคำอ่านง่าย ๆ บางคำไม่ได้ ทั้งที่บางครั้งมันก็อ่านข้อความยาว ๆ บางประโยคได้คล่อง แต่บทจะอ่านไม่ได้ขึ้นมาคำง่าย ๆ มันก็อ่านไม่ได้ซะงั้น

แบบนี้มันเป็นเพราะอะไร

เรียนมาได้ สอบมาได้ขนาดนี้ ยังสงสัยอยู่ว่ามันทำได้ไง

มันบอกมันลอกเพื่อน

ดูมันตอบ
สติปัญญาระดับมัน ถ้าจะทำมันก็น่าจะทำได้ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงทำไม่ได้ ตัวเลขบวกลบคูณหารยาก ๆ บางอันมันก็ทำได้ แต่พอใส่ตัวหนังสือเป็นคำอธิบายเข้าไป ไอ้กัสมันกลับนั่งงง มันหมายความว่ายังไง

“หยก”

“เอ้อออ”

ขานรับ และก็รอฟัง ว่าคนในห้องน้ำจะพูดว่าอะไร

“ไม่มีผ้าขนหนู”

เหรอ

หยิบผ้าขนหนูที่แขวนอยู่มาถือเอาไว้ และก็เรียกคนที่อยู่ในห้องน้ำให้ออกมารับผ้าขนหนู

กัสเปิดประตูห้องน้ำออกมา
ยื่นมือออกมารับ แง้มประตูห้องน้ำออกมา และคนที่ยื่นผ้าขนหนูให้ก็ถึงกับยืนนิ่งอึ้ง

กระจกหน้าเคาร์เตอร์ล้างหน้ามันอยู่ตรงประตูห้องน้ำพอดี

ไม่ได้มองเข้าไปในห้องน้ำ แต่สายตาเหลือบไปมองที่กระจกและภาพสะท้อนที่ได้เห็นก็ทำให้หยก ถึงกับยืนอึ้ง

เหี้ยกัส

ประตูห้องน้ำถูกปิดเรียบร้อยแล้ว
และคนที่อยู่ในห้องน้ำก็ไม่ได้รู้เรื่องเลยสักนิดว่าเผลอทำให้ความรู้สึกของใครบางคนเตลิดไปไกล

เหี้ยยยยยยยยย
กูไม่เห็นอะไรนะ
กูไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
กูแค่เห็นแว่บเดียว แค่เห็นนิดเดียว แค่เห็นว่าขาว
แล้วมึงจะขาวไปไหน

ผิวมึงตัวมึงมันจะขาวไปไหนมากมาย

แค่แว่บเดียว แต่ภาพมันติดตา ร่างกายเปลือยเปล่าของใครบางคนที่ได้เห็นเพียงแค่ไม่นาน มันติดตาจนทำให้หยกถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ

ไม่ได้มีส่วนเว้าส่วนโค้งแบบผู้หญิง
แต่แปลกที่มันดูน่าแตะต้องน่ามองน่าสัมผัส

“เหี้ยกัส”

บ่นพึมพำกับตัวเองเสียงเบา และหยกก็ถึงกับขมวดคิ้วมุ่น พยายามยืนอยู่นิ่ง ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง

กูเปล่าคิด
จะให้กูคิดอะไร
ร่างกายแบบเดียวกัน อะไรทุกอย่างมันก็มีเหมือนกูแหละ
ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลยสักนิด เพียงแต่มัน...........

บ้า
เหี้ยเกินไปแล้ว
แม่งท่าจะบ้า

สะบัดหัวไล่ความคิดบ้าบอออกอย่างรวดเร็ว และหยกก็เตรียมอุปกรณ์สำหรับการสอบลงกระเป๋า

เสียงน้ำจากฝักบัวในห้องน้ำ ยิ่งพาให้จิตใจเตลิดไปไกล

คิดอะไรวะ
คิดอะไรเพ้อเจ้อแต่เช้าวะ เดี๋ยวก็ต้องไปสอบ จะให้คิดอะไรวะ มันก็ผู้ชายเหมือนกัน กูมีอะไรแม่งก็มีเหมือนกูแหละ จะไปคิดอะไรเยอะแยะวะ

นั่นมันไอ้กัส
ไอ้เด็กเหี้ย ที่ชอบทำตัวน่าเป็นห่วง และเป็นเด็กมีปัญหา

มันก็คือไอ้กัส

ไอ้เด็กกัส

“หยก ให้กูใส่ชุดนี้ใช่หรือเปล่า”

ใครบางคนเปิดประตูห้องน้ำออกมาแล้วและนุ่งเพียงผ้าขนหนูผืนเดียว ก่อนหน้านี้เห็นไม่ชัด แต่ตอนนี้เห็นโคตรชัด

คนเราถ้าไม่เคยคิดอะไรก็ไม่คิด แต่เวลาที่คิดขึ้นมา
ความคิดมันก็น่ากลัวจนแม้แต่ตัวเองยังกลัวความคิดของตัวเอง

“หยก”

แล้วก็เพิ่งได้สติ หยกรีบเมินหน้าหนีไปทางอื่นแล้วค่อยตอบคำถาม

“เออ.... ชุดนั้นแหละ”

เหรอ

เปลี่ยนเสื้อผ้าตรงนั้น และเป็นหยกที่ต้องเดินหนี

กัสไม่รู้ปัญหา ไม่รู้ว่าหยกเป็นอะไร
มองแล้วก็ไม่ทันได้คิด

แต่งตัวเรียบร้อย ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย และเอาผ้าขนหนูไปตากไว้ และเดินมาหาหยกที่กำลังเก็บหนังสือลงกระเป๋า

“ป่ะ”

เหรอ

กัส....

ไปก็.....

เอ่อ.......ไปวะ ไปก็ไป

ก้าวขาเดินออกมาจากห้องด้วยกัน ล็อคประตูห้องเรียบร้อย เดินข้าง ๆ กัน

สิ่งที่หยกกำลังรู้สึกแปลกใจตัวเองก็คือ
นานแล้วที่ไม่ได้รู้สึกถึงอาการสั่นไหวของหัวใจที่เต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ แบบนี้
เพียงแค่เหลือบมองเสี้ยวหน้าของคนที่เดินอยู่ข้าง ๆ

ทุกอย่างยังคงเป็นปกติดี แต่มีบางอย่างที่แปลกออกไป

“กัส”

กัสเงยหน้าตามเสียงเรียก และหยกก็รีบเมินหน้าไปทางอื่น เพราะคิดไม่ออกว่าจะพูดอะไร

“เออ”

แล้วกูจะพูดอะไรวะ คิดไม่ออกจริง ๆ ว่าจะพูดอะไร

“มึง...มาห้องกูบ่อย ๆ แล้วแฟนมึงไม่ไปหาบ้างเหรอ”

แฟนเหรอ
แฟน

ยังไง
หมายความว่ายังไง แฟน.......

นิ่งเงียบ และกัสก็ขมวดคิ้วมุ่น หมายความว่ายังไงวะ
แฟน......บางทีมันอาจจะแปลว่า มาบ่อย ๆ หยกมันก็มีแฟนเหมือนกัน มันก็คงอยากพาแฟนมันมา

แล้วบางที.....

“ก็....เดี๋ยวจะไปหา”

ไม่ได้ไปหาแฟนนะ แต่หมายถึงว่า เดี๋ยวค่อยหา ถ้ามันจำเป็นต้องมี ก็ควรต้องหาหรือเปล่า จะว่าไปเพื่อนในกลุ่มก็มีแฟนกันทั้งนั้น แล้วทำไมกูถึงไม่มีวะ ในหัวไม่เคยคิด ลืมไปด้วยซ้ำว่าควรต้องมีแฟน แล้วมีไว้ทำไมวะ แฟนเอาไว้ทำอะไรได้บ้าง กูไม่รู้จริง ๆ

หรือว่ามีไว้ทำอย่างว่ากัน
แต่บางคนก็มีไว้รักกัน
บางคนก็ทำได้ทั้งสองอย่าง

กัสรู้เพียงแค่นั้น และเริ่มขมวดคิ้วมุ่น มันคงเป็นแบบนั้น แต่บางทีก็เห็นว่ายุ่งยาก เพื่อนชอบทะเลาะกับแฟน ด่ากันด้วยถ้อยคำหยาบคาย กูไม่ชอบแบบนั้น ถ้าให้มีแฟน กูไปซิ่งรถยังสนุกกว่า ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ บิดไปเรื่อย ๆ ให้ชนะก็พอ

“แฟนมึงสวยป่ะ แล้วรุ่นมึงนี่มันต้องมีเด็กซ้อนท้ายไม่ใช่เหรอ เวลามึงแว๊น”

ใช่
บางคนก็มี
บางทีกูก็ยืมเพื่อน ก็ไม่เห็นมันว่าอะไร เมียเพื่อนบางคนยังชอบซ้อนกูเลย

“สวย”

ตอบกลับไปง่าย ๆ และเป็นหยกที่ถึงกับนิ่งเงียบ

เหรอ

ก็....คงสวยแบบที่มันชอบล่ะมั้ง

“แล้วแฟนมึงสวยมั้ยหยก”

ถามกูกลับซะงั้น สวยมั้ยเหรอ แฟนกูเหรอ

“ก็น่ารักดี”

ตอบเพียงแค่นั้น ไม่ได้พูดอะไรมาก แต่แค่ได้ฟังกัสก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา

เศร้ามาก จนรู้สึกอยากร้องไห้
เหมือนโดนแย่งของรัก

ใจหยกมีให้คนอื่นมันก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก มันจะแปลกตรงไหนในเมื่อหยกมันหน้าตาดี นิสัยก็ดี อยู่ด้วยก็รู้สึกดี

แล้วจะแปลกตรงไหนถ้าหยกมันจะมีใครสักคน

“น่ารักมากมั้ย”

ถามย้ำไปอีกครั้งเหมือนลืมตัว และหยกที่เดินเรื่อย ๆ ก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบสายตามองคนข้าง ๆ

“ไม่รู้คนอื่นมองยังไง แต่สำหรับกู กูว่าแม่ง...น่ารักมาก มองแล้วก็...กูว่าแม่งน่ารักสุดแล้ว...น่ารักแบบ....แปลกๆ”

มีด้วยเหรอวะ น่ารักแบบแปลก ๆ

“มีตาสิบดวงหรือไง”

ไม่ใช่หรอก

“มีตาแค่สองดวง สภาพร่างกายก็ดูปกติดี แต่แม่งพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง”

แล้วมึงคุยกับเขารู้เรื่องได้ยังไง

ไม่ได้ถามต่อ เพราะไม่รู้จะถามไปทำไม ยิ่งถามยิ่งปวดใจ ยิ่งถามยิ่งเศร้า เศร้ามากจนรู้สึกว่าไม่อยากเดิน

อาการมันฟ้อง
ชัดเจนจนหยกที่เดินมาด้วยกันยังดูออก

“เป็นอะไร ทำหน้าอย่างกับคนจะร้องไห้”

หน้ากูเหมือนคนจะร้องไห้เหรอ
กูเปล่าร้องไห้ กูพยายามอยู่

“ไม่ได้เป็นอะไร”

ตอบกลับง่าย ๆ แต่คนที่อยู่ด้วยก็ดูออก ชัดซะขนาดนี้ เวลามึงโกหกใครคงลำบาก เพราะหน้ามึงมันออกอาการชัดเจนแบบไม่ต้องให้เดา

“มีที่ไหนล่ะแฟน กูก็หาอยู่เนี่ย ยังมีไม่ได้หรอก แฟนคลับกูเยอะ ขืนมีเดี๋ยวเสียเรตติ้ง กูมันคนของประชาชน”

ไอ้หยก

เหี้ย

ไอ้เหี้ยหยก

มึง..........

หน้ายังเหมือนเดิม แต่อาการเศร้าไม่เท่าเดิม กัสรู้ว่าตัวเองอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ เร็วมากเหมือนคนบ้า

และเวลานี้ยิ่งรู้สึกว่ามันชัดเจนมาก

เดี๋ยวเศร้าใจ เดี๋ยวก็อยากจะร้องไห้ พอมาตอนนี้รู้สึกโล่งใจจนอยากร้องไห้

โล่งใจ..........แต่ก็ยังอยากร้องไห้

“เป็นอะไร”

ไม่รู้ กูไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร มันบ้า ๆ บอ ๆ อารมณ์มันไม่มั่นคง กูไม่รู้จริง ๆ ว่ากูเป็นอะไร

“ใครจะไปเหมือนมึง มีสาวซ้อนท้ายคืนหนึ่งคงเปลี่ยนหน้าไปเรื่อย ๆ”

ไม่มี
กูยืมเพื่อน

กูไม่มีหรอกสาวซ้อนท้ายอะไรนั่นน่ะ กูชนะตลอด ทำไมต้องมีใครซ้อนท้าย มีแต่กูจะได้ของ แล้วแบ่งให้เพื่อน

“ไม่มี”

ตอบแบบไม่ทันคิด ตอบตามอารมณ์ และก็เป็นหยกที่หัวเราะออกมาเสียงเบา เพราะพอใจกับคำตอบนั้น

“จริงดิ”

จริง...

พยักหน้าน้อย ๆ และกัสก็เมินมองไปทางอื่น ไม่ได้มองหน้าคนที่ยิ้มกว้าง หยกยิ้มสวย ยิ้มจนกัสไม่กล้ามอง

“วันนี้มึงไปส่งกู แบบนี้กูก็ซ้อนมึงคนแรกเลยดิ”

ใช่....

ไม่ตอบ แต่หยกก็พอจะเข้าใจ
พยักหน้าน้อย ๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่กัสไม่ทันได้มองเห็น เพราะเมินหน้าหนีไปทางอื่น

“ดีใจนะเนี่ย มึงอย่าขับตกหลุมตกบ่อบ่อย ๆ นะเดี๋ยวกูหวั่นไหว แม่ง มึงออกจะหล่อ หน้าตาดีขนาดนี้ คนซ้อนอย่างกูก็กลัวหวั่นไหวนะทำเล่นไป”

พูดอะไรของมึง
เหี้ยหยก พูดอะไรไม่เห็นเข้าใจ พูดไปยิ้มไป มึงเป็นบ้าหรือไง

“เป็นเหี้ยอะไรแต่เช้า”

ไม่รู้จะพูดอะไร รู้สึกเหมือนคล้าย ๆ ว่า.........กำลังเขิน
ไม่รู้จริง ๆ ว่าอาการแบบนี้เรียกว่าอะไร
แบบนี้อาจเรียกว่าเขิน จนพูดไม่ออก
บางทีมันอาจเป็นแบบนั้น

และคนที่ได้ฟังก็ยิ่งอมยิ้มเข้าไปใหญ่ ยิ้มหวาน ๆ และแกล้งพยักหน้าทำหน้าจริงจังใส่

“นั่นดิ กูไม่รู้ว่ะ แม่งไม่รู้เป็นอะไรจริง ๆ สงสัยอ่านหนังสือเยอะไปหน่อย เลยปวดหัวปวดตาแต่เช้า ไปส่งกูแล้วอย่าไปไหนนะ เผื่อกูเป็นลม นั่งรออยู่หน้าคณะห้ามไปไหนเด็ดขาดนะกัส กูกลัวเป็นอะไรไปแล้วไม่มีใครดู”

ไม่จริงมั้ง

แต่จะว่าไป ......... หน้ามึงก็ซีดอยู่เหมือนกัน

“รอก็ได้ กูไม่ไปไหน”

นั่นแหละ เข้าทางเลย กันไว้ก่อน เผื่อแม่งหงุดหงิดทนไม่ไหวแล้วหนี ที่ว่าจะพามันไปไหว้พระคงจบกัน

“ขอบใจนะ มึงนี่พึ่งได้จริง ๆ”

พึ่งได้จริง ๆ
พึ่งได้ อย่างกูเนี่ยนะพึ่งได้ เกิดมาไม่เห็นมีใครเคยบอกว่ากูพึ่งได้เลย มีแต่บอกว่าสร้างแต่ปัญหา เป็นภาระ
นี่ก็อีกเรื่องเหมือนกัน ที่ทำให้กูรู้สึกอยากร้องไห้

แต่ทำไม่ได้

“เออ กูรอจะให้รอตรงไหนก็บอกแล้วกัน เดี๋ยวกูจะนั่งรอ”

เป็นคำตอบที่ทำให้หยกยิ่งยิ้มกว้างเข้าไปใหญ่

ยิ้มไปเรื่อย และแอบเหลือบมองเสี้ยวหน้าของคนที่เดินข้าง ๆ อยู่เรื่อย ๆ

ไม่รู้นะ

ไม่รู้เหมือนกันว่ารู้สึกยังไง

แค่รู้สึกว่า

ไอ้เด็กเหี้ยนี่ แม่ง........เอาเข้าจริง ก็น่ารักดี น่ารักมาก ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงน่ารักได้ขนาดนี้วะ

มึงรู้ตัวเปล่าเนี่ย ว่ามึงน่ารักขนาดไหน

แต่ดูท่าทางแล้ว สงสัยแม่งจะไม่รู้ตัวเลยสักนิดจริง ๆ

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.78
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 09-06-2014 03:18:56
น่ารักดีค่ะคู่นี้ :mew1:
ขอบคุณคนโพสและคนเขียนค่ะ :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.78
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 09-06-2014 03:33:47
กัสหยกน่ารักได้อีก

น่ารักได้อีกกกกก

 :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.78
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 09-06-2014 07:30:52
เข้าใจตะล่อมเด็กนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.78
เริ่มหัวข้อโดย: puppyluv ที่ 09-06-2014 07:46:16
ตามอ่านถึงหน้า 20
ขอบอกว่าวิเชียรโดนใจจ๊อดที่สุด 555
 :hao7:
บวกและเป็ดขอบคุณ
ชื่อคนแต่งนี้ไม่เคยผิดหวังเลย
ชอบๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.78
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 09-06-2014 08:21:30
ชอบมากเลยคู่นี้  ถึงจะหม่นๆหน่วงๆไปบ้าง

แต่เวลาที่อยู่ด้วยกันแล้ว รู้สึกได้ถึงคำว่ารัก เข้าใจ และอบอุ่นมันลอยอยู่รอบๆตัวคนทั้งสองเสมอ

เพราะอารมณ์ของกัสไม่คงที่ แต่หยกก็มีวิธีเข้าหาเสมอ  ปรับตัวเองเพื่อเข้าหาอีกคนให้เขามีความเข้าใจและทำให้ใจเป็นสุข

กับสิ่งที่อีกคนกำลังเป็นทุกข์และไม่เข้าในตัวเอง

พร้อมกับที่ตัวของหยกเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.78
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 09-06-2014 10:20:35
กลับมาจากเสาอาทิตย์ก็มาเจอคู่ใหม่เลย
แอร๊ยยยยยยยยยย
ยังรอนัทกับฟ้านะคะ
ชอบทุกคู่ที่เท็นเขียนเลย อิอิ
ขอบคุณทั้งคนโพส คนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.78
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 09-06-2014 10:31:13
กัสตามหยกไม่ทันหรอก 555

น่ารักกันขนาดนี้แล้วไหงตอนหลังถึงกลายเป็นแบบนั้นได้น้า
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.78
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 09-06-2014 11:51:25
หยกรีบกลับสิ ตอนนี้กัสน่ารักกว่าเดิมอีกนะะะะ  :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.78
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 09-06-2014 13:55:39
อยากเห็นกัสมีความสุขเร็วๆ หยกเมื่อไหร่เธอจะกลับมา  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.78
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 09-06-2014 13:58:48
 :impress2: คู่นี้น่ารักมากหยกกัส
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.78
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-06-2014 16:23:29
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#หยกคือข้อผิดพลาดในชีวิต

คนเรามันไม่ได้มีแค่ด้านดีด้านเดียว ด้านที่ผิดพลาดก็มีกันทุกคน

หยกโยนเศษขนมปังลงไปและปลาตัวใหญ่หลายตัวในคลองก็หุบขนมปังกิน โยนซ้ำลงไปจนหมดและก็หยิบแถวใหม่มาบิเศษขนมปังและโยนลงไปอีก และคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็ทำตาม

“เห็นเด็กขายขนมปังป่ะ เนี่ยถ้าลูกกูอยู่นะ ก็คงประมาณนี้แหละ”

กัสหันไปมองใบหน้าด้านข้างของคนที่เอ่ยเรื่องราวบางอย่างให้ฟัง แล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้วมุ่น

ลูกยังอยู่หมายความว่ายังไง

“ตลกแหละ”

เหรอ

กัสไม่ได้ถามต่อ แต่เป็นหยกที่หัวเราะร่วน และยังคงโยนเศษขนมปังลงไปเรื่อย ๆ สายตาเหม่อมองไปที่ปลาตัวใหญ่ที่กระโดดหุบเศษขนมปัง

ไม่รู้เหมือนกัน
บางครั้งก็มีเรื่องที่ต้องคิด บางครั้งก็มีเรื่องให้กังวลใจ ในเวลาที่ตัดสินใจอะไรบางอย่างไม่ได้ เรื่องส่วนตัว เรื่องที่ต้องคิด บางครั้งมันก็มีเยอะแยะเต็มไปหมด

“พ่อแม่กูเขารักกูมากเลยนะ”

แต่พ่อกูไม่เคยรักกู อาก็เหมือนกัน ทุกคนเกลียดกูหมด มีแค่แม่คนเดียวที่รัก นอกนั้นคงเห็นกูเป็นตัวปัญหา พ่อคงคิดว่าบีบคอกูให้ตายซะตั้งแต่เกิดคงดีกว่าปล่อยให้โตมาจนถึงป่านนี้

“แต่เขาไม่รู้หรอกว่ากูก็มีด้านเหี้ยเหมือนกัน ด้านที่จนป่านนี้เขาก็ยังไม่รู้”

อีกครั้งที่กัสหันไปมองหน้าของคนพูด ที่ยังคงพูดไปยิ้มไป

หมายความว่ายังไง
เรื่องที่พูด หมายความว่ายังไง ไม่เข้าใจ

“มึงเนี่ยนะ”

เออสิ กูเนี่ยแหละ มึงคิดว่าใครล่ะ

“กูหล่อดิ”

เกี่ยวกันตรงไหน หน้าตามึงดี แต่ไม่เห็นเกี่ยวกับเรื่องที่มึงพูดถึง

“ก็เพราะหน้าแบบนี้แหละ กูเลยมีปัญหา”

จากที่ยิ้มเรื่อย ๆ สิ่งที่กัสรู้สึกในเวลานี้คือความหมองเศร้า
มันหม่นหมองจนกัสรู้สึก และเมื่อฝ่ายนั้นหันมามอง พร้อมกับรอยยิ้มน้อย ๆ ที่ไม่สดใส มันยิ่งทำให้กัสยิ่งไม่เข้าใจ

“ตอนกูขึ้นม.4ใหม่ ๆ กูไปทำงานพาร์ทไทม์ เพื่อนชวนไปทำกูก็ไปตามเพื่อน”

แล้ว

“หน้ากูตอนนั้นมันก็ซื่อ ๆ ใส ๆ ไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก สมัยก่อนขี้อาย เป็นเด็กเอ๋อ ๆ ขนาดตอนไปทำงาน ยังขอไปล้างจานเลย ไม่กล้าออกมาข้างนอก กลัวทำพลาด กลัวทำของเขาเสียหาย”

เหรอ
แล้วยังไง...

“ทีนี้ผู้จัดการร้านเขาก็แซวตลอด บอกว่ากูน่ารัก กูก็อายสิ แซวไปแซวมาก็สนิทกัน เห็นกูเป็นแบบนี้ เขาก็คอยแนะนำ กูก็เลยติดเขา มีอะไรก็ถาม มีอะไรก็ขอให้เขาช่วย เขาคงนึกเอ็นดู เห็นกูเป็นน้อง”
อืมมม

“ตอนงานเลี้ยงปีใหม่ กูเมาไม่รู้เรื่องเลย เขาไม่ได้พากูไปส่งบ้านนะ เขาพากูไปนอนที่หอเขา”

แล้ว

“แล้วยังไงเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่มึงเหี้ยไม่เหี้ยไม่เห็นเข้าใจ”

ก็ไม่ทำไม

“ก็ดี ได้เมียเป็นผู้จัดการร้านเลย โคตรโชคดี”

มันคงเป็นเรื่องที่ตลกมาก ถ้าคนพูดไม่พูดไปและทำหน้าเหมือนคนกำลังจะร้องไห้ มันคงจะเป็นเรื่องตลกกว่านี้ ถ้าหยกไม่นั่งนิ่งเงียบ และก้มหน้าลงขบริมฝีปากแน่น

นิ่งงันจนกัสยังรู้สึก

“ไม่มีใครรู้นะเรื่องนี้ มึงคนแรกเลยที่รู้”

กู.....ควรดีใจหรือไง เรื่องของมึง เรื่องที่กูรู้ ควรดีใจหรือไง

“ใคร ๆ เขาก็มีครอบครัวกัน มึงอาจมีเร็วหน่อย แล้วมันยังไง กูไม่เข้าใจหรอก”

นั่นสิ มันก็คงจะดีกว่านี้ ถ้าตอนนั้นกูไม่ใช่เด็ก

“กูก็ยังทำงานไปเรื่อย ๆ เขาก็ดูแลกูดี อยู่กันไปแบบนั้น พ่อกับแม่ก็ไม่รู้ จนเขาท้อง”

อีกครั้งที่กัสหันหน้าไปมองคนที่พูดไปจนถึงประโยคสุดท้ายและนิ่งเงียบลง

“พอเขาท้อง เขาก็เอาออก…..จบแล้ว”

โยนขนมปังชิ้นสุดท้ายลงไป และหยกก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว เตรียมจะก้าวขา แต่กัสรีบดึงแขนเอาไว้ รั้งเอาไว้ไม่ให้ไป
เงยหน้าขึ้นมอง และเป็นหยกที่ยืนนิ่งและมองหน้าของกัสที่ไม่พูดอะไรแต่นิ่งมอง

มองตรง ๆ

“ยังไม่จบ มีต่อ”

จบแล้ว
เรื่องมันก็จบแค่นั้น

“ไม่มีต่อแล้ว”

มี

“เล่าต่อ เล่าให้จบ…….จะฟัง”

ยิ่งคิดจะเดินหนี ยิ่งถูกดึงแขนเอาไว้ไม่ให้ไป สีหน้าและแววตาที่มุ่งมั่น ดวงตาที่จ้องนิ่งมองมาเหมือนอยากจะให้หยกเข้าใจว่ายังไงก็จะตั้งใจฟัง เหมือนลังเลใจที่จะพูด และสุดท้ายหยกก็ยอมกลับลงมานั่งข้าง ๆ กัสอีกครั้ง

ขนมปังในมือถูกส่งให้ และหยกก็บิเศษขนมปังโยนลงไปในบ่ออีกครั้ง ปลาตัวใหญ่หลายตัวกระโดดขึ้นมางับเศษขนมปัง

“ตอนท้องเขาไม่บอก เขาบอกตอนเอาออกแล้ว”

“ทำไมล่ะ เขาไม่อยากมีลูกกับมึงเหรอ”

นั่นสิแล้วมึงคิดว่ายังไงล่ะ มึงคิดว่าเขาอยากมีลูกกับกูเหรอ

“กูเพิ่งอยู่ม.4 นะ เขาเป็นผู้จัดการร้านอายุแก่กว่ากูเป็นสิบปี มึงคิดดูสิ ขนาดอยู่ด้วยกันยังต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ เลย อนาคตกูนี่ไม่ต้องพูดถึง มึงว่าเขาจะกล้ามีลูกกับกูมั้ย แล้วมึงคิดว่าเขาจะบอกที่บ้านยังไง มึงคิดว่าเขาจะกล้าบอกคนรอบข้างมั้ยว่าเขามีลูกกับกู”

“มึงคิดว่า........”

แล้วเสียงของคนพูดก็ขาดหายไป

นิ่งงัน

หยกเหม่อมองไปไกล
เหมือนอยากปล่อยใจให้ล่องลอย
ลอยไปไกลแสนไกล ในที่ที่ไม่ต้องถูกกำหนดด้วยกฎเกณฑ์ใด ๆ

“รักกันเหรอ”

นั่นสิ
บางทีนะ

“กูเสียลูกไป ก่อนที่กูจะรู้จักความรักซะอีก”

คำตอบง่าย ๆ แต่ไร้คำจำกัดความ

“มึงดูสิ หน้าตากูก็ดีนะ กูใช่คนขี้เหร่ที่ไหน เรียนหนังสือกูก็เรียนดี แถมกูยังติวให้รุ่นน้องได้อีก โดยรวมแล้วกูมีข้อดีเยอะแยะ แต่ถึงจะมีข้อดีขนาดไหน ตอนนี้กูก็ยังรับผิดชอบชีวิตใครไม่ได้ เพราะความพร้อมไม่มี กูตอนนี้กับกูตอนนั้น มันไม่ได้ต่างกันหรอกกัส.....กูแค่โตขึ้น แต่ทุกอย่างก็เหมือนเดิม กูก็ยังเป็นเด็กที่ไม่มีปัญญาดูแลชีวิตใครเหมือนเดิม เมื่อไม่มีปัญญาดูแลใครได้ ก็อย่ามีเลย แฟนหรือคนรักอะไรนั่นน่ะ”


ตั้งใจฟัง
ฟังจบแล้ว
และกำลังคิดตาม

อย่างนั้นเหรอ
อย่ามีเลยเหรอ แฟนหรือคนรักอะไรนั่น........บางทีอาจไม่จำเป็นต้องมี

ก็คงเป็นอย่างนั้น เหมือนที่กูไม่รู้ว่ามีแฟนไปทำไม
แฟนทำอะไรได้บ้าง กูก็ไม่รู้ แล้วกูก็ลืมไปสนิท

ว่าคนเราบางคนอาจต้องมีแฟน

เหมือนที่เพื่อน ๆ ก็มี แต่กูไม่มี เพราะกูไม่รู้ว่าการมีแฟนมันจะต่างจากการอยู่แบบนี้ตรงไหน

กูก็เลยไม่เข้าใจ เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ อะไรนั่น กูไม่รู้จัก และไม่รู้ว่ากูจะรู้จักมันเมื่อไหร่

“วันเกิดลูก.....กูไม่รู้หรอก แต่วันที่เขาไม่อยู่ คงเป็นวันนี้ กูก็ไม่รู้จะทำอะไรให้เขาได้ ก็เลยทำบุญให้เขา ไม่รู้ว่าจะถึงหรือเปล่านะ บางทีกูก็หลอกตัวเองมากไป ที่ทำก็คงเพื่อความสบายใจของกูคนเดียวแหละ”

ไม่รู้สิ
ถึงหรือเปล่ากูก็ไม่รู้หรอก

แต่ก็อยากให้ถึงนะ บางทีกูก็คงหลอกตัวเองเหมือนกัน

“ถ้าถึงก็ดีนะ อยากส่งของให้แม่ ไม่เคยทำแบบนี้ให้แม่เลย ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ตอนนี้รู้แล้วว่าต้องทำยังไง จะได้มาทำให้แม่อีก……ถ้าทำบุญแล้วส่งไปถึงแม่ได้ก็คงดี”

มันคือความเจ็บช้ำลึกลงไปในใจที่ไม่เคยมีใครได้รับรู้

กัสค่อย ๆ ยิ้มออกมาเมื่อคิดว่าบางทีสิ่งที่ทำอาจส่งไปถึง
เหมือนที่หยกก็อยากจะเชื่อว่าบางอย่างที่ส่งไปอาจจะถึงคนที่ไม่เคยเห็นหน้า แต่ติดอยู่ในความรู้สึกเสมอ

ติดอยู่ในใจ
จนถึงป่านนี้ก็ไม่เคยจางหายไป

“แล้วยังได้เจอกันอีกมั้ย คนนั้น”

เจอ

เคยเจอกัน
พยักหน้ารับ

“เขาแต่งงานไปแล้ว มีลูกแล้ว แฟนเขาก็ดูดี เขามีชีวิตของเขาไปแล้ว กูก็เป็นเพียงแค่ความผิดพลาดในชีวิตเขา ที่เขาคงไม่อยากนึกถึงเท่าไหร่หรอกมั้ง”

อาจมีบางอย่างที่ผิดพลาดในช่วงระยะเวลาหนึ่งของชีวิต
หยกอาจเป็นความผิดพลาดในชีวิตของใครสักคน

และหยกไม่อยากเป็นความผิดพราดในชีวิตของใครอีก จึงพยายามอยู่ในโลกของตัวเองเงียบๆ ไม่เข้าหาหรือยุ่งวุ่นวายกับใคร
เพราะไม่อยากจะกลายเป็นข้อผิดพลาดในชีวิตของใครซ้ำอีก

ใช้วิธีเลี่ยงและอยู่คนเดียวเรื่อยมา

ไม่รัก ไม่ผูกพันกับใคร ใช้ชีวิตอย่างที่ควรจะเป็น

“กลับเหอะป่ะ เย็นแล้ว”

ลุกขึ้นยืน และกัสก็ลุกขึ้นตาม

เรื่องราวบางอย่างในชีวิต ผ่านมาเพื่อให้เรียนรู้ เพื่อก้าวข้ามผ่าน และเพื่อให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น และหยกหวังจะเป็นผู้ใหญ่ที่ดี
อย่างน้อยก็ต้องดีกว่านี้ ดีกว่าที่เป็นอยู่ในเวลานี้

“กัส”

เรียกคนที่เดินอยู่ข้าง ๆ และกัสก็หันหน้ามามอง ดวงตานิ่งมองสบกัน บางสิ่งบางอย่างที่คนสองคนไม่รู้ว่ามันคืออะไร
ความรู้สึกเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความหมายมากมายที่ไร้เหตุผล ไร้คำตอบ

“กูหวังว่ากูคงไม่ใช่ความผิดพลาดในชีวิตของมึงอีกคนหรอกนะ”

จริงจัง
คำพูดจริงจัง มาพร้อมกับสีหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกหลากหลาย

ข้อผิดพลาดในชีวิตคืออะไรวะ

ในความไม่ดี มันย่อมมีความดีอยู่ในนั้นเสมอ ถ้ามองเป็น คิดเป็น และไม่มองโลกในแง่ร้ายเกินไป

ในความไม่ดี มีบางอย่างแฝงไว้ให้คิดอยู่เสมอ อย่างน้อย ในความเจ็บปวด เราจะได้ความเข้มแข็ง
ยิ่งเจ็บมาก ยิ่งเข้มแข็งมาก และมีความอดทนสูงขึ้นเรื่อย ๆ

“มึง....เป็นเรื่องที่ดีที่สุดในชีวิตกู ตั้งแต่แม่ไม่อยู่”

ตอบกลับง่าย ๆ
และกัสก็ก้าวขาออกเดินอย่างช้า ๆ

ไม่รู้ตัว
ไม่เคยรู้เลยสักนิด ว่าแค่คำพูดง่ายๆ เพียงเท่านั้น ก็ทำให้หัวใจของคนที่เดินอยู่ด้วยกันพองโตขึ้น มันฟูฟ่องล่องลอยไปไกล หัวใจเต้นแรง พร้อมกับที่ใบหน้าแต้มไปด้วยรอยยิ้มสดใส

“มึง....เป็นเรื่องที่ดีที่สุดในชีวิตกู ตั้งแต่แม่ไม่อยู่”

“มึง....เป็นเรื่องที่ดีที่สุดในชีวิตกู ตั้งแต่แม่ไม่อยู่”

“มึง....เป็นเรื่องที่ดีที่สุดในชีวิตกู ตั้งแต่แม่ไม่อยู่”

คำพูดของกัส ยังวนเวียนในหัวของหยกอยู่ตลอดเวลา

แม้กระทั่งในเวลานี้ เวลาที่หยกกำลังยกอาหารใส่ถาด เพื่อเตรียมเสริฟให้ลูกค้า

“เออเว้ย วันนี้มันยิ้มได้ว่ะ มีอะไรดี ๆ หรือไงหยก”

ลูกชายเจ้าของร้านเป็นคนไทย

สมัยก่อน เคยทำงานพาร์ทไทม์ และล้างจานอยู่ในครัวตลอด แต่ตอนนี้เปลี่ยนหน้าที่เป็นเด็กเสริฟเรียบร้อยแล้ว

“ยิ้มบ้างพี่ คนเรามันต้องมีความหวัง มีความหวังก็ต้องยิ้มดิพี่”

เอ่ยบอก และลูกชายเจ้าของร้านก็หัวเราะร่วนกับคำตอบของหยก

“ก็ดี แต่พี่ไม่ไหวว่ะ เรื่องดี ๆ ไม่ค่อยมี กลับเมืองไทยดีกว่า”

เหรอ ก็....โชคดีพี่

“แล้วจะกลับมาอีกมั้ยพี่รัน”

กลับมาอีกหรือเปล่าเหรอ ไม่รู้เหมือนกัน อยู่ต่อก็ไม่มีอะไร กลับไปที่ที่จากมาดีกว่าอย่างน้อยที่นั่นก็ให้ความรู้สึกของบ้านมากกว่าที่นี่

“พี่อยากกลับบ้านว่ะ”

บ้านเหรอ
บ้าน..........

หยกถือถาดอาหารค้างอยู่อย่างนั้น และเริ่มยิ้มกว้างขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อนึกถึงสถานที่ที่ทำให้รู้สึกว่าที่นั่นคือบ้าน

บ้าน....
อยากกลับบ้านเร็ว ๆ
อยากกลับไปบ้านเร็ว ๆ
เพราะที่บ้านมีคนรอให้กลับไปหา

“เหรอพี่.....ผมก็........กำลังหาทางกลับไปหา “คนที่บ้าน” อยู่เหมือนกัน...”

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.78
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-06-2014 16:29:34
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#เรื่องของหยกกับเธอคนนั้น

“น้องหยกน่ารักคะ ช่วยเก็บจานชุดนี้ล้างให้หน่อยค่ะ”

มันอาจเป็นคำพูดธรรมดาสำหรับใครบางคน แต่สำหรับหยกมันไม่ใช่

“ครับ”

ก้มหน้าก้มตาตอบ และค่อย ๆ เทเศษอาหารทิ้ง และจัดการล้างจานเซ็ทที่ถูกนำมาวาง

“วันนี้สำนักงานใหญ่อนุญาตให้จัดปาร์ตี้ปีใหม่ได้ หลังเลิกงานสาขาเราจะไปเลี้ยงกันน้องหยกกินเหล้าได้มั้ย”

ไม่ได้
ไม่เคยกิน
แต่ว่า........ถ้า.....มันจำเป็นต้องกิน ก็....ได้

“ผมคอไม่แข็งนะพี่แตง ไปจะดีเหรอ”

ดีนะ
น่าจะดี

“ไปเถอะน่า ไปกันทั้งร้าน เดี๋ยวเอาของขวัญไปจับฉลากที่ร้านเลย นะน้องหยก ไปเถอะ”

พี่แตงเป็นผู้จัดการร้าน เก่ง สวย และฉลาด มีคนมาจีบพี่แตงเยอะแยะ แต่ไม่เห็นพี่แตงชอบใคร
แรก ๆ ก็คิดว่าพี่แตงเป็นคนยังไง ชอบแกล้งชอบแหย่ ชอบแซวทุกคนในร้าน แต่เวลาที่จริงจัง ก็จริงจัง พี่แตงมีความสามารถ เป็นผู้หญิงแต่คุมทั้งร้านอยู่

พี่แตงเก่ง

“ไปชุดนี้ได้เหรอครับ”

แล้วทำไมไม่ได้ล่ะ

“ไม่เป็นไรน่า แค่หน้าน้องหยกก็ผ่านแล้ว น่ารักจะตาย ใส่ชุดไหนก็น่ารัก”

พี่แตงยิ้มหวาน ยิ้มสวย และหยกก็ได้แต่หัวเราะอย่างอาย ๆ

ไม่รู้ว่าพี่แตงคิดยังไง บางทีก็เหมือนล้อกันเล่น บางครั้งก็เหมือนจริงจัง

ไม่รู้จริง ๆ ว่าพี่แตงคิดกับหยกยังไง แต่มีหลายครั้งที่หวั่นไหว เวลาที่พี่แตงเข้าใกล้ และยิ้มให้
และทุกวันนี้สายตาของหยกก็เอาแต่ไล่มองไปที่พี่แตงเสมอ

แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง ได้แค่แอบมองไปเรื่อย พี่แตงจะมาสนใจเด็กพาร์ทไทม์แบบนี้ได้ยังไง ยากเกินกว่าจะคิด

เลิกมองได้แล้วไอ้หยก พี่แตงไปถึงโน่นแล้ว

ก้มหน้าก้มตาล้างจาน และรอยยิ้มก็จุดขึ้นที่มุมปาก เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง และก็เห็นพี่แตงกำลังสั่งงานที่หน้าเคาร์เตอร์อยู่

ไปงานปีใหม่เหรอ
ไปงานปีใหม่

พี่แตงก็ไปด้วย
แบบนี้ก็ดี จะได้ไม่ต้องเขิน เพราะถ้าทำตัวไม่ถูก ก็ถามพี่แตงได้ พี่แตงไม่เอ็ด และให้คำปรึกษาอยู่เสมอ

พี่แตงดีกับหยกมาก.....จน......บางครั้งหยกก็เผลอคิดไปไกล คิดเลยเถิดไปไกลกับพี่แตง ซึ่งในความเป็นจริง ไม่มีทางเป็นไปได้

ยิ้มอย่างเหงา ๆ และก้มหน้าก้มตาล้างจานต่อไปเรื่อย ๆ

คืนนี้มีงานเลี้ยงปีใหม่
งานเลี้ยงปีใหม่เหรอ
ไปก็ไปวะ ยังไงซะก็มีพี่แตงไปด้วย ไม่มีอะไรน่ากังวลหรอก

ไปเที่ยวซะบ้าง เดี๋ยวโทรบอกที่บ้านก่อนว่าจะกลับดึก
เดี๋ยวพ่อกับแม่จะเป็นห่วง โทรบอกซะพ่อกับแม่จะได้สบายใจ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.78
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-06-2014 16:31:06
“น้องหยก อย่าคิดมาก....น้องหยกเมา พี่แตงก็เมา”

มันไม่ใช่แค่เมา ผมไม่รู้ว่าทำอะไรลงไปบ้าง ที่ผมรู้คือไม่ใช่เรื่องดี

ตื่นมาในสภาพนี้
สภาพที่ไม่มีเสื้อผ้าติดตัวแบบนี้ ต่อให้เป็นเด็กไร้เดียงสาขนาดไหน ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะรู้

หยกได้แต่นั่งนิ่ง

นิ่งเงียบ และพี่แตงก็แตะปลายนิ้วนวดเบา ๆ ไปที่หน้าผาก

“ปวดหัวจังเลย สายแล้ว น้องหยกต้องกลับบ้านหรือเปล่า เดี๋ยวพี่แตงต้องเข้าสำนักงานใหญ่วันนี้”

เธอยังคงเป็นเธอ พี่แตงเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองเสมอ
แม้กระทั่งเรื่องนี้ พี่แตงก็ไม่มีทีท่าอะไรเลย

มันควรต้องเป็นยังไง การที่เรามีอะไรกัน ด้วยความมึนเมา แบบนี้แล้ว........มันควรต้องเป็นยังไงต่อไป

“อย่าทำหน้าแบบนี้สิน้องหยก ก็เราเมาไง น้องหยกเมาพี่แตงก็เมาไง”

เธอทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สำหรับเธออาจจะใช่ แต่สำหรับหยกมันไม่ใช่เลยสักนิด

“ผมจะรับผิดชอบ”

รับผิดชอบเหรอ

รับผิดชอบยังไง

“น้องหยกไม่ต้องรับผิดชอบอะไรหรอก ไม่มีอะไรต้องรับผิดชอบ เนอะ”

เธอยังคงพูดไปยิ้มไป และเป็นหยกที่นั่งนิ่งเงียบ และไม่สามารถทำอะไรได้

ทำไม......

ทำไมถึงรับผิดชอบไม่ได้ เพราะอะไร เพราะเป็นเด็กใช่มั้ย เพราะว่าแม้จะพูดว่ารับผิดชอบ แต่ไม่มีอะไรที่จะสามารถรับผิดชอบได้ใช่มั้ย

“พี่แตงครับ”

“ค่ะ น้องหยก”

เธอยิ้ม แม้สีหน้าจะไม่ค่อยสดชื่น แต่เธอก็ยิ้ม ยิ้มและแตะฝ่ามือบนเส้นผมของหยกเบา ๆ

“เด็กน้อยเอ้ยยยย น้องหยกยังเด็ก ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ เชื่อพี่แตงสิ พี่แตงบอกว่าไม่ต้องทำอะไรก็คือไม่ต้องทำ เชื่อพี่แตงมั้ยครับ”

เชื่อ....

แต่จะให้เชื่อยังไง.....

“พี่แตงต้องไปอาบน้ำแล้วล่ะ สายแล้ว”

เธอเอื้อมมือคว้าผ้าขนหนูมาคลุมกาย และลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำ
สิ่งที่หยกเห็นทำให้ต้องก้มหน้าลง ไม่เคยรู้จักความรู้สึกแบบนี้

แม้จะเมา แม้จะมีอะไรกัน แต่ไม่ใช่เรื่องที่จะชินได้ในชั่วข้ามคืน

หน้าคงแดง และคนที่กำลังจะก้าวขาเดินเข้าห้องน้ำ ก็เห็นชัด

“นี่เราเป็นผู้ชายหรือเปล่าเนี่ย ผู้ชายที่ไหนเขาอายผู้หญิงกัน อายขนาดนี้ พี่แตงชักไม่อยากจะเมาแล้วนะ เดี๋ยวเถอะ”

เป็นคำพูดหยอกล้อที่หยกได้แต่ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างกายตัวเองและพูดไม่ออก นั่งหน้าแดงก่ำอยู่อย่างนั้น
และเธอก็ยังทำเหมือนเดิม เอื้อมมือมาแตะที่เส้นผมของหยกเหมือนเดิม แตะเบา ๆ และส่งยิ้มน้อย ๆ ให้

“อย่าคิดมากนะน้องหยก ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล ทำใจให้สบายนะ”

มันควรจะสบายใจใช่มั้ย
เรื่องแบบนี้

ความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนแบบนี้ ควรต้องสบายใจ....ใช่มั้ย

หยกได้แต่มองตามร่างบอบบางที่เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนเงียบ ๆ และยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก

ทำยังไง

ต้องทำยังไง

ควรสบายใจอย่างที่พี่แตงว่าจริง ๆ เหรอ ควรทำแบบนั้นจริง ๆ เหรอ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลยหรือไง

ไม่ต้องรับผิดชอบ.......เธอเลยหรือไง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.78
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-06-2014 16:33:17
“น้องหยกคะ เซ็ทนี้ช่วยจัดการให้ด้วยนะคะ”

ทุกอย่างคล้ายจะเป็นแบบเดิม
ทุกอย่างอาจเป็นเหมือนเดิม ถ้าหยกไม่หลบตาและนิ่งเงียบ ไม่ปริปากพูดอะไรออกมาสักคำ

“น้องหยก”

เงยหน้าขึ้นอีกรอบ และมองไปที่ใบหน้าของหญิงสาวรุ่นพี่ที่กำลังส่งยิ้มให้

“ได้นอนบ้างหรือเปล่า ยังคิดมากเรื่องนั้นอยู่อีกเหรอ”

ใช่
ยังคิดมาก
คิดมากจนนอนไม่หลับ บางทีอาจจะคิดถึงพี่แตงด้วย บางที........สิ่งที่เป็นอยู่อาจเรียกว่าคิดถึง

“ผมรับผิดชอบไม่ได้ใช่มั้ยพี่แตง”

คำถามง่าย ๆ แต่ทำให้หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นิ่งงัน

รับผิดชอบเหรอ

แล้วจะรับผิดชอบยังไง ยังไงที่เรียกว่ารับผิดชอบ

จริงอยู่ การมีสัมพันธ์แบบนั้นผู้หญิงดี ๆ ที่ไหนคงไม่ทำกัน นอนกับใครง่าย ๆ ด้วยเหตุผลเพียงข้อเดียวคือเมา
แต่แตงไม่ใช่คนแบบนั้น

ตั้งแต่วันแรก ที่ได้เจอ

หยกมีบางอย่างที่แตกต่างจากคนอื่น ในความเป็นเด็ก มีความเป็นผู้ใหญ่ หยกอาจจะเหมือนคนนิ่ง ๆ เงียบ ๆ แต่หยกมีบางอย่างที่แตกต่างจากคนอื่น ภายใต้ท่าทีขี้อายมันมีเสน่ห์บางอย่างอยู่

น่ารัก

ไม่ใช่แค่หน้า แต่เป็นนิสัยส่วนตัว คล้ายกับคนที่เคยอยู่ในโลกนี้แต่ไม่มีตัวตนอีกต่อไปแล้ว

คล้ายกับใครบางคนที่เคยผูกพันกัน สมัยที่เรียนมัธยม และคน ๆ นั้นก็ไม่มีชีวิตอยู่ในเวลานี้อีกต่อไปแล้ว
คล้ายจนหลายครั้งที่สายตาก็แอบมองมา และคิดว่าบางทีวันเวลาคงย้อนกลับมาอีกครั้ง

แต่มันก็ไม่ใช่
เป็นแค่เพียงภาพลวงตา และไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางใช่

หลายครั้งที่หัวใจหวั่นไหวไปกับน้องหยก แต่ก็ดึงตัวเองกลับมาทุกครั้ง และได้แต่บอกตัวเองว่าไม่มีทางที่จะเป็นไปได้

ไม่มีทาง
ไม่มีวัน
สิ่งที่ทำก็เพียงแค่มองหน้าน้องหยก และยิ้มให้ ส่งยิ้มให้และอยู่ข้าง ๆ ให้ความช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้

“น้องหยก พี่แตงอายุมากกว่าน้องหยกกี่ปี พี่แตงไม่ใช่เด็กสาวที่ต้องเรียกร้องความรับผิดชอบจากใคร น้องหยกยังต้องไปอีกไกล แต่พี่แตงอาจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ทำงานไปเรื่อยๆ และวันหนึ่งก็อาจมีครอบครัวและแต่งงานไป”

แล้วผมล่ะ

แล้วหยกล่ะพี่แตง

“น้องหยกจะให้พี่แตงคาดหวังอะไรจากน้องหยกเหรอ”

ง่ายดาย
แต่หยกเพิ่งเข้าใจ

เพิ่งเข้าใจ ว่าตัวเองไร้ค่า เพิ่งเข้าใจ ว่าตัวเองเป็นแค่คนไร้ค่าสำหรับใครบางคน
ไม่มีประโยชน์ และไม่สามารถคาดหวังได้

“ผมจะดีกว่านี้”

ใช่ น้องหยกจะดีกว่านี้ แล้วดีกว่านี้ที่ว่า มันเมื่อไหร่กันล่ะ

“น้องหยกจะดีกว่านี้ค่ะ พี่แตงเชื่อ น้องหยกจะมีอนาคตที่ดีกว่านี้”

แต่ไม่ใช่ตอนนี้ใช่มั้ย

ไม่ใช่ตอนนี้
ไม่ใช่เวลานี้ใช่มั้ย

ในเวลานี้ผมเป็นแค่คนที่ไม่สามารถทำอะไรได้ใช่มั้ย

“น้องหยก....พี่แตงไม่เคยรู้สึกไม่ดีกับน้องหยกนะ จนถึงตอนนี้พี่แตงก็ยังคิดว่าน้องหยกน่ารักมากสำหรับพี่แตงอยู่ดี”

แต่ผมไม่ใช่

ถึงจะบอกว่าน่ารัก ถึงจะบอกว่าไม่เคยรู้สึกไม่ดี แต่ผมก็ไม่ใช่

“น้องหยกมีความรับผิดชอบ พี่แตงดีใจ แต่พี่แตงคืนความรับผิดชอบนั้นให้น้องหยกนะ พี่แตงอยากให้น้องหยกเก็บเอาไว้ เก็บไว้ให้คนที่น้องหยกพร้อมที่จะรับผิดชอบเขาจริง ๆ”

เธอเป็นคนดี
เธอเป็นผู้หญิงที่ดี
เธอเข้มแข็ง

เธอยิ้มสวย เธอเป็นคนที่ทำให้หยกรู้สึกอยากอยู่ด้วยใกล้ ๆ ตลอดไปเสมอ

“จัดการจานเซ็ทนี้ได้แล้ว พี่แตงไปดูเคาร์เตอร์ก่อนนะ”

เธอผละจากไปแล้ว และสายตาของหยกก็ยังคงมองตรงไปที่เธอเสมอ มองตรงไป และสัมผัสได้ถึงอาการใจสั่นทุกครั้งที่อยู่ใกล้เธอ

พี่แตง............

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.78
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-06-2014 16:33:50
“น้องหยก เดี๋ยววันนี้เลิกงานแล้วพี่แตงขอคุยด้วยหน่อยนะคะ”

ทุกอย่างคล้ายจะเป็นปกติเหมือนทุกวัน

พี่แตงยังแวะเวียนเข้ามาพูดคุยอยู่ด้วยเรื่อย ๆ
เธอใจดีกับหยกเสมอ
บางครั้งหาขนมมาให้ มีบางครั้งที่เราไปกินข้าวหลังเลิกงานด้วยกันสองคน

ความสัมพันธ์ของเราเหมือนจะไปกันได้ด้วยดี

ดีจนหยกเริ่มคิดอะไรไปไกล

แต่พี่แตงไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ เราจึงแอบไปด้วยกันหลังเลิกงานเสมอ
เหมือนวันนี้ ที่หยกพยักหน้ารับ และจัดการจานชามกองใหญ่ที่วางเอาไว้

ทำหน้าที่เหมือนเดิม
ทำงานที่ได้รับมอบหมายให้ทำเหมือนเดิม

พี่แตงไม่สบาย หยุดพักไปเกือบหนึ่งสัปดาห์
โทรหา ก็ไม่รับสาย ส่งข้อความไปก็บอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวไม่กี่วันก็มาทำงานได้แล้ว

และวันนี้เธอก็กลับมา
หยกดีใจที่อาการของเธอไม่ได้แย่อย่างที่คิด

เธอหายป่วยแล้ว
อาจจะเป็นไข้หวัด

ดีแล้วที่เธอหายป่วย ไม่อย่างนั้น หยกคงเอาแต่เป็นห่วงจนไม่เป็นอันทำงาน คอยแต่จะโทรถามอาการเธอตลอด

เลิกงานวันนี้ จะได้ไปกินข้าวกัน ไปกินข้าวกับพี่แตง

ไปกินข้าวด้วยกัน หลังจากที่ไม่ได้กินข้าวพร้อมพี่แตงหลังเลิกงานนานกว่าหนึ่งสัปดาห์

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.78
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-06-2014 16:36:36
“พี่แตงจะบอกอะไรให้ พี่แตงท้องแหละน้องหยก”

พี่แตง....บอกว่า.....พี่แตงท้อง
หน้าชา
มือชา
ตัวชา

มองหน้าของพี่แตงตรง ๆ ยืนนิ่งอึ้ง พูดอะไรไม่ออก ท้อง........

พี่แตง....กำลังท้อง และพี่แตงก็ท้องกับ......

“ลูกของหยกใช่มั้ยครับ”

อึ้ง

นิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก

ในหัวมีแต่ความมึนงงสับสนไปหมด

ดีใจไม่ออก
เสียใจก็ไม่ใช่

ลูกเหรอ

เพิ่งอยู่ ม.4 เองนะ ลูกเหรอ แต่ว่าเพิ่งอยู่ ม.4 แต่ว่าลูก ......... กำลังจะมีลูกเหรอ
ลูกเหรอ เด็กตัวแดง ๆ ตัวเล็ก ๆ เหรอ

ลูกเหรอ

ลูก........

งง
มึนงง พูดไม่ออก ในหัวกำลังประมวลผลสิ่งที่ได้ฟัง
ลูกคือเด็ก เด็กตัวเล็ก ๆ ที่นอนแบเบาะ มีขวดนม และมีของเล่น

ลูก.......... คิดภาพแทบไม่ออก และนั่งนิ่งเงียบ มองหน้าของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า

พี่แตงยิ้ม
พี่แตงหัวเราะเบา ๆ

“อะไรกันน้องหยก ตกใจขนาดนั้นเลย ไม่เป็นไรน่า อย่ากลัวเลย พี่แตงบอกตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอว่าน้องหยกไม่ต้องรับผิดชอบหรอก แล้วตอนนี้พี่แตงก็เอาเด็กออกแล้ว น้องหยกสบายใจได้”

สบายใจได้

ลูก....

เอาลูกออกแล้ว

ลูก.........ของหยก.....เอาออกแล้ว

เอาออก....

ยิ่งกว่าถูกค้อนทุบหัว

มึนงง ยิ่งกว่าตอนที่ได้รู้ว่ากำลังจะมีลูก

เอาออก

ลูกของหยกกับพี่แตง ลูก...........เอาออก

พี่แตงเอาลูก.......ออกแล้ว

พี่แตง.........

“ทำไมทำแบบนี้”

เหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างมาจุกอยู่ที่อก พูดไม่ออก อยากจะหายใจก็ทำได้ลำบาก เอาลูกออกแล้ว พี่แตงเอาลูกออกแล้ว

“ทำไมทำแบบนี้ พี่แตงทำไมทำแบบนี้ พี่แตงทำแบบนี้ทำไม ลูกหยกนะ นั่นลูกของหยกนะ พี่แตงทำแบบนี้ได้ยังไง พี่แตงทำแบบนี้กับ...........หยก..ได้ ฮึก ฮืออออ ยังไง พี่แตงทำทำไม พี่แตงทำลูกหยกทำไม พี่แตง....ฆ่าลูกหยกทำไม พี่แตงฆ่าลูกทำไม”

ยืนขึ้น

และน้ำตามันก็ไหลออกมาเอง

น้ำตาไหล

น้ำตามันไหลไม่ยอมหยุด

และคำพูดเดิม ๆ ยังคงดังก้องซ้ำ ๆ

เอาลูกออกแล้ว
เอาออกแล้ว

ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกังวล เอาออกแล้ว

พี่แตงทำทำไม พี่แตงฆ่าลูกของหยกทำไม

“พี่แตง.......ทำไม.......ทำแบบนี้ นั่นลูกของหยกนะ ลูก.....ของหยกนะ.......นั่นลูกของหยกนะพี่แตง พี่แตงทำได้ยังไง”

พูดไม่รู้เรื่อง พูดจาไม่รู้เรื่อง พูดไปร้องไห้ไป
ไม่รู้ว่าโกรธ โมโห หรือเสียใจ

ทุกอย่างมันปนเปสับสนไปหมดตีกันอยู่ในหัว

วุ่นวาย สับสนมึนงง เจ็บปวด หัวใจกำลังสั่น และทั้งมือและร่างกายก็สั่นตามไปด้วย

“น้องหยก แล้วน้องหยกจะให้พี่แตงทำยังไง น้องหยกคิดว่าพี่แตงกล้าบอกครอบครัวเหรอ ว่าพ่อของเด็กเพิ่งอยู่แค่ ม.4 น้องหยกจะให้พี่แตงทำยังไง น้องหยกคิดว่า........พี่แตง...ต้องทำ.......ยังไง ฮึก ฮืออออออออออ”

คำพูดของเธอมันทำร้ายจิตใจ

ทำไมวะ

ม.4 แล้วยังไง เด็กม.4 ไม่ใช่คนเหรอ ผมไม่ใช่คนเหรอพี่แตง ผมเป็นพ่อคนไม่ได้เหรอ หยกเป็นไม่ได้เหรอพี่แตง
แค่เพราะหยกอยู่ม.4 เหรอพี่แตง

แค่เพราะ...........เรื่องแค่นี้

พี่แตงเลยเอาลูกของหยกออกเหรอ

เพราะแค่นี้........

“น้องหยก........นั่นลูกพี่แตงนะ นั่นก็ลูกพี่แตงเหมือนกัน แต่ถ้าเขาเกิดมามันจะเป็นยังไง ทั้งน้องหยกแล้วก็พี่แตงจะเป็นยังไง”

ไม่รู้
ผมไม่รู้
ผมไม่รู้

พี่แตงฆ่าลูกผม
พี่แตงฆ่าลูกผมทำไม

“พี่แตงใจดำ ฆ่าคนทั้งคน พี่แตงใจดำ พี่แตงไม่สมควรเป็นแม่คน พี่แตงฆ่าลูก พี่แตงฆ่าลูกของหยก”

ตะโกนใส่หน้า

ตะคอกใส่หน้า

ด่าทอเธอด้วยถ้อยคำต่าง ๆ นานา

เธอยืนร้องไห้
หน้าของเธอซีด
แต่หยกก็ไม่หยุดด่าว่า ไม่หยุดที่จะประณามให้เธอเจ็บปวด สิ่งที่คิดได้ คือพี่แตงฆ่าลูก

“น้องหยก”

ผมเกลียดพี่แตง
พี่แตงฆ่าลูกของผม

“อย่ามาใกล้ผม พี่แตงใจร้าย พี่แตง.....ฆ่าลูกผมทำไม”

ถ้อยคำโหดร้าย สาดเสียเทเสีย

ไม่เคยสักครั้งที่หยกจะเป็นแบบนี้ ไม่เคยทำกิริยาก้าวร้าวใส่ใคร และนี่เป็นครั้งแรกที่ดูเหมือนสติจะหลุดลอยไปไกล

อารมณ์โกรธรุนแรง และไม่คิดจะสนใจเหตุผลอะไรทั้งนั้น เธอกำลังร้องไห้ และกำลังก้าวเข้ามาหา แต่หยกถอยหนี
ยิ่งเธอก้าวเข้ามาหา หยกยิ่งถอยหนีห่างออกมา

ก้าวเดินหนีจากเธอมาอย่างช้า ๆ

พร้อมน้ำตาที่รินไหลไปตลอดทาง

ลูก........ของหยก
ลูกถูกเอาออกแล้ว

ลูก........ไม่อยู่แล้ว

ลูกของหยก.......ทำไมต้องฆ่าลูกของผมด้วย ทำไมพี่แตงต้องฆ่าลูกของหยกด้วย

ผมไม่อยากเห็นหน้าพี่แตงอีก
ไม่อยากเห็น

ไม่อยากเห็นหน้าพี่แตงอีกตลอดชีวิต

ผมเกลียดพี่แตง

เกลียดพี่แตงที่สุด

พี่แตงใจดำ พี่แตงฆ่าลูกของผม ผมเกลียดพี่แตง

ผมจะไม่มีทางญาติดีกับพี่แตงเลยตลอดชีวิตนี้

ไม่มีวัน

“ผมเกลียดพี่แตง พี่แตงฆ่าลูกผม พี่แตงใจร้าย พี่แตงฆ่าลูกผมทำไม ผมไม่มีวันอภัยให้พี่แตงเด็ดขาด พี่แตง ฮืออออ พี่แตง ฆ่าลูกผมทำไม พี่แตง ฆ่า.........ลูกของหยกทำไม....”

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.79
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 09-06-2014 19:12:23
โอ้วววดราม่าทุกคนเลยทีเดียว คงเหลือดราม่าของโจ้ใช่ไหมนะ ที่ยังไม่ละเอียด....
โอยย พี่หยกน่าสงสาร รีบกลับมาหากัสเร็วๆนะ กัสรออยู่ แต่กัสก็อ่อนไหวไปกับนิวแล้วหรือเปล่า....เอ๊ะ...ยังไงดีนะ เรื่องมันซับซ้อนยังไงไม่รู้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.79
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 09-06-2014 19:39:35
ปมอดีตของแต่ละคน :hao5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.79
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 09-06-2014 21:14:02
แต่ละคนก็มีอดีตอันขมขื่น :hao5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.79
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 09-06-2014 21:28:21
อ่า....ความหลังอันขมขื่น
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.79
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 09-06-2014 21:47:47
จริงๆเริ่มไม่อยากรู้อดีต อยากให้หยกกลับมาไวไว
แต่เพื่ออรรถรสและความต่อเนื่องก็ต้องรอต่อปายยยยยยยยย  :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.79
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-06-2014 22:01:26
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#ไม่ใช่คนเรื่องมาก

มองหน้ามันแล้วก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี
พูดอะไรดีวะ

พูดว่า....

“ไปนะ”

หยกไม่ต้องพูด เพราะกัสพูดให้เรียบร้อย จอดรถส่งที่หน้าหอ และหยกก็ลงมายืนอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ มองหน้าคนที่พามาส่ง

คิดไม่ออกว่าจะพูดอะไรดี อยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็พูดไม่ออก มึน ๆ งง ๆ อยู่อย่างนั้น และสุดท้ายคนที่เป็นฝ่ายพูดกลายเป็นกัสซะเอง

“เออ....ไปเหอะ”

ตอบรับแต่หยกก็ยังมองหน้าของกัสนิ่งงันอยู่อย่างนั้น

กลับเหรอ…. เอาจริงดิ มึงจะกลับจริงเหรอวะกัส

กัสกำลังจะบิดคันเร่ง แต่เป็นหยกที่รีบตะครุบมือของกัสเอาไว้ไม่ให้ไป

“มึงจะไปไหนต่อหรือเปล่ากัส”

ไปไหนเหรอ
ไป....ไหน...กูก็ไม่รู้เหมือนกัน
กลับบ้านมั้ง กลับไปให้พ่อกับอาด่า ไม่รู้จะไปไหนก็คงกลับบ้านหรือไม่ก็ไปนอนค้างบ้านเพื่อนก็คงได้

“ไป”

ตอบคำถาม และหยกก็เลยต้องจำใจปล่อยมือ

ไปเหรอวะ
แล้ว....

“กูไปนะ”

อีกครั้งที่คนพูดมีสีหน้าลังเลใจและคนที่ยืนอยู่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปเหมือนกัน

“เออ....”

ประโยคเดิม คำพูดเดิม ตอบรับเหมือนเดิม และเป็นอีกครั้งที่กัสกำลังจะบิดคันเร่ง

และก็ถูกหยกตะครุบมือเอาไว้

“กูลืมกินข้าว”

รีบพูดอย่างรวดเร็ว และคนฟังก็เลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความประหลาดใจ

อะไรวะ ลืมกินข้าวเหรอ….
เออใช่ บางทีก็อาจจะเป็นเหมือนกัน บางที.........กูก็เป็น บ่อยไปที่กูลืมกินข้าว วันนี้กูก็ลืมกินข้าวเหมือนกัน ถ้ามึงไม่ทักกูก็ลืมไปแล้ว

“จริงด้วยว่ะหยก กูก็ลืมกินข้าวเหมือนกัน”

เหรอ แบบนี้ก็เหมือนกันเลยสิวะ กูก็ลืมมึงก็ลืม งั้น....

“วันก่อนที่บอกว่าจะรอมึงกินข้าว ก็ไม่ได้ไป.....วันนี้มึงกับกูไปกินข้าวด้วยกันสักมื้อก็ดีเหมือนกันนะกัส”

เหรอวะ ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ลืมกินข้าวมันก็ไม่ค่อยดีใช่มั้ยล่ะ เห็นเมื่อคืนมึงก็อ่านหนังสือดึกด้วย กว่าจะนอนก็ปาเข้าไปตีสามตีสี่ ทั้งวันก็ลืมกิน สอบเสร็จก็ไปวัดกัน เลยลืมไปว่าทั้งวันยังไม่ได้กินข้าว

“ขึ้นมาดิ ไปกินที่ไหนล่ะ”

ไปกินที่ไหนเหรอ แถว ๆ นี้ก็ได้

“โต้รุ่ง ร้านแถว ๆโต้รุ่ง มีกับข้าวขายเยอะอยู่เหมือนกัน กินแถวนั้นมั้ยล่ะ”

ก็ได้ กูไม่มีปัญหา กินอะไรก็ได้

“เออ”

หยกก้าวขึ้นไปซ้อนท้ายเรียบร้อย และก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนกลายเป็นเด็กน้อยอีกครั้ง

ไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากอยู่ใกล้ ๆ คนบางคน ไม่รู้ทำไมถึงยังไม่อยากให้อีกฝ่ายรีบกลับไป สิ่งที่รู้แค่อยากให้อยู่ต่ออีกหน่อย แต่ก็ไม่รู้จะเอาเหตุผลอะไรมากมายมารั้งเอาไว้

แค่อยากให้อยู่ด้วยกันอีกนิด อยู่ต่ออีกนิดเดียวก็ได้ ให้ระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันแบบนี้ยาวนานออกไปอีกหน่อย

สิ่งที่หยกรู้สึกก็ไม่ต่างจากที่กัสรู้สึกเหมือนกัน อยากอยู่ต่ออีกหน่อย แต่ไม่รู้จะเอาเหตุผลอะไรมาอยู่ต่อ

ไม่มีเหตุผล

และไม่รู้จะพูดยังไง อยากจะจอดรถมอร์เตอร์ไซด์และรีบขับหนีไปให้ไกล ๆ แต่เอาเข้าจริงก็ทำไม่ได้
ไม่รู้ว่าทำไมถึงทำไม่ได้ แค่รู้สึกว่าไม่อยากทำ แต่ก็ไม่รู้จะเอาเหตุผลอะไรมาใช้เป็นข้ออ้างที่จะไม่ทำ

“เลี้ยวขวาแยกหน้า”

ชี้บอกทาง และกัสก็ไปตามทางที่หยกบอก

สัมผัสอบอุ่นแตะเบา ๆ ที่เอว

มือ……

มือของหยกแตะอยู่ที่เอว มันก็ไม่เห็นจะแปลก ที่อีกฝ่ายทำแบบนี้ แต่คนที่รู้สึกว่าตัวเองแปลกไปคือทางนี้ต่างหาก

ตั้งแต่ออกมาจากวัดแล้ว พอโดนแตะแบบนี้แล้วรู้สึกแปลก ๆ ไม่ใช่ไม่ดี แต่อธิบายไม่ได้ว่ารู้สึกยังไง

มันหวิว ๆ ในใจพิกล รู้สึกชอบด้วยซ้ำ ที่หยกแตะแบบนี้

รู้สึกชอบ ที่หยกทำแบบนี้
อบอุ่น.......  สัมผัสที่แผ่วเบา มันให้ความรู้สึกที่ดี ๆ ได้ ไม่ใช่จากใคร ๆ ทั่วไป แต่เป็นหยก เพราะเป็นหยกถึงได้รู้สึกดี

รถมอร์เตอร์ไซด์ขับมาจอดที่หน้าร้านโต้รุ่งที่เปิดขายตั้งแต่ต้นคืนจนเกือบสว่าง คนซ้อนและคนขับลงจากรถมาเรียบร้อย ถอดหมวกกันน็อคแขวนไว้ที่รถ และก็ก้าวเดินมาด้วยกัน

“กินอะไร”

กินอะไรเหรอ อะไรก็ได้มั้ง กูไม่ใช่คนเรื่องมาก ก็แล้วแต่มึง มึงกินอะไรกูก็คงจะกินแบบนั้น กูกินง่าย ไม่มีปัญหา

“ตกลงมึงอยากกินอะไรกัสคิดได้ยัง”

อ้าวหยก กูนึกว่ามึงจะคิดซะอีก กูจะได้กินตาม ขี้เกียจคิดอะไรมาก

“มึงกินอะไรกูก็กินนั่นแหละ ขี้เกียจคิด”

เหรอ

“เกี๊ยวน้ำมั้ย”

“ไม่เอา มีผักกวางตุ้งกูไม่ชอบ”

“ราดหน้า”

“กูเกลียดผักคะน้า”

“ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ”

“ไม่เอา กูไม่ชอบเปรี้ยว”

“เย็นตาโฟร์”

“กูไม่กินซอสเย็นตาโฟร์”

“ก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำตก”

“กูไม่กินเลือดหมู”

“ข้าวมันไก่”

“น้ำจิ้มข้าวมันไก่แม่งมีแต่เผ็ด ๆ”

“ข้าวหมูแดง”

“น้ำราดหมูแดง รสชาติเหี้ยพอ ๆ กับน้ำจิ้มข้าวมันไก่นั่นแหละ”

“แล้วมึงจะแดกอะไรเหี้ยกัส”

“แล้วแต่มึง”

ไม่ได้โมโห แต่หยกกำลังยืนขำ ขำกับสิ่งที่คนที่อยู่ข้าง ๆ ตอบออกมา กูพูดหมดทุกอย่างแล้วที่ขายแถวนี้ เสือกบอกว่าแดกไม่ยาก เหี้ยกัส นี่มันยิ่งกว่าแดกโคตรยากอีก กูไม่รู้จะเลือกอะไรให้แล้ว

“ขำอะไรวะ”

ขำมึงนั่นแหละ แม่งขำว่ะ เหี้ยกัส มึงโคตรตลกเลยว่ะ หน้าเฉย ๆ แล้วก็ตอบไปเรื่อย ๆ เวลาที่มึงมึนแบบนี้ กูไม่ไหวจะพูดอะไรต่อแล้วเหมือนกัน โคตรขำ

“เอ้า เหี้ยหยกมึงขำอะไรนักหนาวะ ตลกมากหรือไง”

เออ ตลกมาก

ยิ่งกว่าตลกอีก คิดได้ไงวะ แต่ละอย่าง แล้วเสือกบอกว่าแล้วแต่กู พอกูเลือกให้ก็ไม่กินซะงั้น แบบนี้จะแล้วแต่กูได้ยังไง มันต้องแล้วแต่มึงแล้วแบบนี้

“กินข้าวไข่เจียวเหอะมึงอ่ะ กินอย่างอื่นไม่ได้แล้ว ลำบากชีวิตตายห่า”

เออใช่ พูดมาซะตั้งแต่แรกก็หมดเรื่อง

“ใช่ ใช่ ข้าวไข่เจียว ใส่หมูสับ แล้วไม่เสือกคิดตั้งแต่แรกวะ พูดชื่อเหี้ยอะไรอยู่ได้ตั้งนาน”

ความผิดกูเหรอเนี่ย ตกลงกูผิดใช่มั้ย

“ขอโทษครับ น้องกัส พี่หยกผิดไปแล้ว ทำไมน้องกัสไม่บอกพี่หยกตั้งแต่แรกล่ะครับ ว่าจะแดกข้าวไข่เจียว ไม่งั้นก็จบตั้งนานแล้ว”

กูไม่ได้โง่หรอกนะ มึงประชดกูอยู่ใช่มั้ยหยก

“แต่ถ้ามึงไม่อยากกินข้าวไข่เจียว มึงจะไปกินสารพัดก๋วยเตี๋ยวของมึงก็ได้ กูไม่ได้ว่าอะไร”

เฮ้ยยยยยยยยยยยยย กูยังไม่ได้พูดเลย อย่ามาทำแบบนี้สิวะกัส

ทำแบบนี้....... เหมือนมึงงอนเลยนะ อาการคล้าย ๆ เหมือนมึงกำลังงอน แล้วก็เป็นการงอนที่.........น่ารักเหี้ยๆ เลยว่ะ

“กินข้าวไข่เจียวกับมึงนี่แหละ ใส่หมูสับเยอะ ๆ”

พูดจาเอาใจ และกัสก็หันมามองหน้าของหยกตรง ๆ

หยกเป็นเหี้ยอะไรวะ พูดไปยิ้มไป พูดไปทำตาเยิ้มไป หิวมากจนตาลายหรือไง หรือว่าอ่านหนังสือมากไปจนเบลอ เวลาพูดก็เลยมองหน้ากูแล้วตาเยิ้มไปด้วย

“มึงเป็นอะไรมากมั้ยหยก”

เป็นอะไรเหรอ  กูเป็นอะไร กูก็เป็นกูนี่แหละ จะให้กูเป็นอะไรวะ

“กูหล่อขึ้นเหรอ ธรรมดานะ กูชินแล้ว”

เหรอ แม่งเมาชัวร์ สงสัยอ่านหนังสือมากไปจริง ๆ ด้วย

“มึงตัวร้อนเปล่าเนี่ยหยก”

เปล่า กูไม่ได้เป็นอะไร กูเหมือนคนเป็นอะไรหรือไง กูก็ปกติดีทุกอย่าง

“เหมือนจะป่วยว่ะ อากาศมันร้อนๆ หนาว ๆ พิกล สงสัยกูเครียด”

เอาจริงดิ

“งั้นกินข้าว แล้วก็กลับบ้านไปกินยานอนพักเดี๋ยวก็หาย”

เหรอ

“ห่วงกูดิ”

เงียบ

กัสไม่พูด แต่ใช้วิธีการนิ่งเงียบ และก็เป็นหยกที่เลิกคิ้วขึ้นสูงและพยายามจะมองหน้าของอีกฝ่ายตรง ๆ

ทำไมวะ

เป็นอะไร

อยู่ดีๆ ก็เงียบ มึงเป็นอะไรวะกัส

“อือ”

กัสไม่ตอบเป็นคำ แต่พยักหน้านิดเดียว และก็เป็นหยกที่ถึงกับยิ้มกว้าง และเดินไปยิ้มไป โดยมีคนข้าง ๆ กำลังทำหน้างง
ไม่เข้าใจว่าหยกจะยิ้มทำไมมากมาย ยิ่งยิ้มก็ยิ่งทำให้ทำตัวไม่ถูก ยิ้มแล้วก็มองหน้า

อะไรของแม่งวะ ไอ้หยกท่าจะอาการหนักแล้วนะแบบนี้

“กัส...กินข้าวแล้วมึงอย่าลืมไปส่งกูที่หอนะ”

ก็ต้องไปอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ไม่ไปส่งแล้วมึงจะเดินกลับไปคนเดียวหรือไง เดินจากตรงนี้กลับหอมึงก็ตั้งไกล กูคงไม่ใจดำไม่ขี่รถไปส่งมึงหรอก

“อือ”

แค่การตอบรับ ด้วยการพยักหน้าเหมือนเดิม แต่คราวนี้หยกยิ่งยิ้มกว้างเข้าไปใหญ่

ไม่รู้นะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แค่รู้สึกว่าชอบแบบนี้ ชอบเวลาที่กัสมันทำหน้าเฉย ๆ แล้วก็ตอบรับแบบนี้

แม้มันจะทำหน้าเฉย แต่ก็มีบางครั้งที่แอบเห็นว่ามันเองก็ยิ้มเหมือนกัน
แม้มันจะทำเหมือนไม่ยิ้ม แต่มันก็ยิ้มแหละวะ

หน้าไอ้กัสดูง่ายจะตาย ดีใจหรือเสียใจ ดูยากที่ไหน ยิ้มหรือไม่ยิ้ม หรือพยายามฝืนจะไม่ยิ้มก็ดูไม่ยากเหมือนกัน
กูบอกแล้วมึงมีปัญหาที่หน้า อารมณ์ไหนรู้สึกยังไง มึงก็แสดงอารมณ์ชัด ๆ ออกมาทางสีหน้าตลอด มีหรือกูจะดูไม่ออก

ยิ่งมึงทำหน้าแบบนี้นะ กูยิ่งชอบมอง ไม่รู้ว่าทำไมถึงชอบมอง แต่กูชอบมองหน้ามึงแบบนี้จริง ๆ อยากมองไปเรื่อยๆ อยากจะมองแบบนี้ไปเรื่อย ๆ มองไปนาน ๆ

“ข้าวไข่เจียวมื้อนี้แม่งคงโคตรอร่อยเลยว่ะ”

มันจะไปอร่อยตรงไหนวะ มันก็เป็นข้าวไข่เจียวธรรมดานี่แหละไม่เห็นว่ามันจะพิสดารกว่าเดิมตรงไหน

“ทำไม...เขาเอาไข่ไดโนเสาร์มาทอดให้มึงแดกหรือไง”

มึงก็ฮาเหมือนกันนะเนี่ย เห็นงง ๆ เหม่อ ๆ แบบนี้ แต่ระดับความรุนแรงทางวาจาถือว่าใช้ได้

“ก็ไข่ไก่นี่แหละ แต่มันคงอร่อยมาก”

อะไรของแม่งวะ หยกคงจะเครียดมากจริง ๆ มันถึงได้แต่เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จนกูจะยิ้มตามมันไปด้วยอยู่แล้ว

“มันจะอร่อยมากไปได้ยังไง มันก็ข้าวไข่เจียว”

เหรอ

มึงว่างั้นเหรอ

แต่กูว่าไม่น่าจะใช่นะ

“มันเป็นการกินข้าวด้วยกันกับมึงครั้งแรกนี่หว่า หลังจากที่พลาดจากคราวก่อนที่ไม่ได้กินข้าวด้วยกันไง กูก็อยากจำเรื่องดี ๆ หน่อย กูก็เลยต้องคอยบอกตัวเอง เผื่อเวลาผ่านไปนาน ๆ ถ้ามึงถามกูอีก ว่ากินข้าวกับมึงครั้งแรกรู้สึกยังไง กูจะได้ตอบว่าโคตรอร่อย”

เหี้ยหยกแม่งท่าจะบ้า

บ้าไปแล้ว

“กูอยากเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของมึงจริง ๆนะกัส มึงก็รีบ ๆ บอกตัวเองด้วย...รีบ ๆ บอกให้ตัวเองจำ ว่ากินข้าวกับกูครั้งแรกรู้สึกยังไง มึงรีบจำใส่สมองมึงไว้เยอะ ๆ เลยนะ ว่ากินข้าวกับกูครั้งแรก......แม่งโคตรอร่อยเลยจริง ๆ”

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.79
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-06-2014 22:03:17
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#คนในความทรงจำ

“ไม่ชอบต้นหอมทำไมไม่บอก ไปสั่งมาใหม่เหอะ เขี่ยออกขนาดนั้น เละจนกินไม่ได้แล้วกัส”

หยกเอ่ยบอกคนที่พยายามจะใช้ช้อนพลาสติกเขี่ยต้นหอมออกจากไข่เจียว ยิ่งเขี่ยยิ่งเละ ไข่เจียวที่ถูกเขี่ยต้นหอมออก มีสภาพเละจนไม่น่ากิน

กัสกำลังโมโหเพราะข้าวไข่เจียวที่อยู่ในกล่อง

กูจะไปรู้เหรอ ว่าเขาจะเผลอใส่ต้นหอมเข้าไปด้วย แม่งโคตรเกลียดต้นหอม ใส่เข้ามาทำไมวะ

กูเกลียดต้นหอมที่สุด

“สั่งใหม่ไม่ได้หรอก”

ตอบออกไป และหยกที่กำลังใช้ช้อนพลาสติกตักข้าวจากกล่องโฟมเข้าปาก ก็ชะงักมือที่กำลังตักข้าว

ทำไมวะ แค่ข้าวไข่เจียว สั่งมาอีกกล่องก็ได้ จะเป็นไรไป กล่องละไม่กี่บาท

“มึงไม่มีตังค์ดิ”

ชะงักช้อนที่กำลังเขี่ยต้นหอมออกจากไข่เจียว และกัสก็ไม่ตอบอะไรออกมาสักคำ

“กัส มึงไม่มีตังค์ดิ”

แล้วไงวะ มีหรือไม่มี เกี่ยวอะไรกับมึง พ่อกูไม่ได้ผลิตเงินได้ แค่เขาให้เงินกูใช้เป็นสัปดาห์ก็ดีถมเถไปแล้ว

อย่าพูดเรื่องไปทำงานพาร์ทไทม์หรืออะไรทำนองนั้นนะ กูเคยลองทำแล้ว พอทำไปได้ไม่นาน ก็มีปัญหากับเขาตลอด
สาเหตุเดียวเลย คือบางครั้งกูทนทำอะไรนาน ๆ ไม่ได้ โดนดุนิดเอ็ดหน่อยกูจะคุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยได้ และหน้ากูจะแสดงอารมณ์ชัดเจนมาก

พยายามแล้ว พยายามจะไม่แสดงความรู้สึกทางสีหน้า แต่ทำไม่เคยได้ สุดท้ายไม่ว่าทำงานที่ไหน ก็ต้องออกมา ก่อนจะถูกเขาไล่ออก ก็เลยซิ่งรถ บางทีก็ได้เงินจากการแข่งรถมาไว้ใช้บ้าง เวลาที่มีการลงขันกันกูจะเป็นคนซิ่ง ถ้าชนะกูก็ได้ส่วนแบ่ง มีเที่ยวเตร่บ้าง แต่ส่วนหนึ่งก็เก็บไว้ใช้ เวลาที่ทะเลาะกับพ่อ แล้วพ่อไม่ยอมให้เงิน

มันก็เป็นแบบนี้
เป็นแบบนี้มานานจนชิน บางครั้งเงินมันก็อยู่ในมือมีให้ใช้ไม่เคยขาด แต่ช่วงนี้ไม่ได้แข่ง แล้วก็ไม่ได้กลับบ้าน จะแปลกอะไรที่เงินจะขาดมือ

ไม่เห็นน่าแปลกตรงไหน กูก็อยากจะหยิ่งให้มาก ๆ หรอก แต่หยิ่งมากไป บางทีก็กลัวอดตาย

“ข้าวไข่เจียว ไม่ใส่ผัก ใส่แต่หมูสับนะกัส เดี๋ยวกล่องนี้กูกินเองมึงไม่ต้องกินแล้ว”

อย่าใจดี
บางครั้งมึงก็ใจดีกับกูมาก
จนกูรู้สึกว่ากูกำลังเอามึงเป็นที่พึ่งทางใจ
ตั้งแต่แม่ไม่อยู่ ไม่เคยมีใครดีกับกูจากใจจริงแบบนี้ ไม่มี แม้แต่เพื่อนที่คบ กูก็รู้ว่าไม่เคยมีใครจริงใจ

ไม่เคยมีใครห่วงกูอย่างจริง ๆ จัง ๆ
ผิดกับมึงโดยสิ้นเชิง

มึงดีกับกูมาก

มากจนกู....ยึดมึงไว้เป็นของตัวเองคนเดียว โดยที่....ไม่เคยบอกมึงเลย

“ไม่ต้อง กูเขี่ยต้นหอมออกหมดก็กินได้แล้ว”

ตั้งหน้าตั้งตาเขี่ยต้นหอมออก และตักเศษไข่เจียวเละ ๆ ที่อยู่ในกล่องข้าวเข้าปาก เงินซื้อข้าวแค่นี้ ถ้ากูซิ่งรถชนะ กูซื้อได้อีกยี่สิบกล่อง จะซื้อมากกว่านี้เท่าไหร่ก็ได้ แต่บังเอิญว่า ตอนนี้กู...ยังไม่มีเงิน อย่างที่มึงพูดจริง ๆ

“วางเหอะ ไม่ต้องฝืน ไม่อยากกินก็คือไม่ต้องกิน เข้าใจมั้ยกัส เรื่องแค่นี้มึงอย่าฝืน ข้าวกล่องเดียว กูซื้อให้มึงกินได้ หรือมึงคิดว่ากูไม่มีปัญญาซื้อให้มึงกิน”

เงยหน้าขึ้น
เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของคนที่อยู่ตรงหน้าตรง ๆ มองและไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่มอง และหยกก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
ส่งกล่องข้าวของตัวเองให้กัสถือเอาไว้

“ฝากถือหน่อย กินน้ำอะไร แค่น้ำกูก็ซื้อให้มึงกินได้กัส มึงบอกคำเดียวจะกินอะไร กูจะซื้อให้”

ง่ายดาย ถ้อยคำง่าย ๆ แต่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นของคนมีน้ำใจ

หยกมีน้ำใจ
หยกใจดี

จนบางที กัสก็รู้สึกว่าหยกใจดีมากเกินไป มากจน....บางครั้งกลัวที่จะอยู่ใกล้....

กลัวเวลาที่ได้อยู่ใกล้ กลัว...ใจตัวเอง...กลัวจะคิดเป็นอื่นไปไกล

“อย่าตอบว่าอะไรก็ได้นะ เพราะเวลากูถามมึงก็ไม่ชอบกินสักอย่าง อยากกินอะไรบอกเลย กูซื้อให้ได้ ของแค่นี้”

อย่าใจดีเลย
อย่าใจดีกับกูมากกว่านี้เลยหยก กูกลัวจะยึดติดมึงเอาไว้กับตัวไม่ยอมปล่อย

“กูจะกินน้ำแดงโซดา กินมั้ย”

กิน...
น้ำแดงโซดา

กิน

พยักหน้าอย่างช้า ๆ และหยกก็ยิ้มออกมาน้อย ๆ เมื่อมองหน้าของคนที่มีสีหน้าลำบากใจ

“กัส....”

เออ

เงยหน้าตามเสียงเรียก และหยกก็ส่งยิ้มให้ หยกเป็นคนยิ้มสวย รอยยิ้มของหยก สว่างสดใสเสมอในสายตาของกัส มันเต็มไปด้วยความสุข และสว่างสดใสเสมอ

หยก....

“เดี๋ยวกูมานะ รอแป๊บเดียว”

มองตาม
มองตามแผ่นหลังของคนที่เดินไปที่ร้านข้าวไข่เจียว
มองตาม
ได้แต่มอง..... จ้องตรงไปที่แผ่นหลังของหยก มองตรงไป แม้ผู้คนจะเดินกันขวักไขว่ไปมา แต่ในสายตาของกัสมีเพียงแค่หยก

มองแค่หยกเท่านั้น มองแค่หยกเพียงคนเดียว แม้มีผู้คนมากมายอยู่รอบตัว แต่คนที่กัสมอง และทำให้กัสรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่อยู่ใกล้มีเพียงหยกคนเดียว เพียงแค่หยกคนเดียวเท่านั้น

“หยก....”

เอ่ยชื่อของคนที่กำลังยืนสั่งข้าว เรียกชื่อของคน ๆ นั้นเบา ๆ พร้อมรอยยิ้ม

ดีใจที่ได้เจอกัน โชคดีที่ได้เจอกัน หยกคือความโชคดีที่สุดในชีวิตตั้งแต่แม่ไม่อยู่ ขอบคุณโลกกลม ๆ ใบนี้ที่ทำให้ได้เจอหยก
เพราะได้เจอหยก เพราะได้พบเจอหยก เพราะได้อยู่ใกล้ ๆ หยก

กัสเคยมองว่าโลกนี้มันแย่ และเลวร้าย จนไม่อยากสนใจทุกสิ่งที่อยู่รอบตัว แต่เมื่อมาเจอหยก เมื่อได้รู้จักกัน ถึงเพิ่งรู้ ว่าท้องฟ้าสีฟ้าบางครั้งเมื่อแหงนหน้ามองก็รู้สึกถึงความสดใส

ในยามค่ำคืน ที่คิดว่าเป็นเวลาที่เลวร้ายที่สุด แต่เมื่ออยู่กับหยก สามารถหลับตาลงได้อย่างสงบ

แค่มีหยกอยู่ข้าง ๆ อยากมีหยกอยู่ข้าง ๆ อยากให้เป็นแบบนี้ตลอดไป สิ่งที่กัสแอบภาวนาขอไว้ในใจเล็ก ๆ สิ่งที่หยกไม่เคยรู้

ขอให้เรา.....ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปนาน ๆ ..... ขอให้เราได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ทุกวัน

ขอให้หยก...ยังอยู่ด้วยกันตรงนี้ อยากให้อยู่ด้วยกันตลอดไป

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.79
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-06-2014 22:04:02
“ไม่กินข้าวเหรอ”

คนที่ถามขมวดคิ้วมุ่น เมื่อเห็นกัสนั่งมองข้าวในจานอยู่อย่างนั้นเป็นนาน นั่งมองไปเรื่อย ๆ เหมือนคิดอะไรบางอย่างและไม่แม้แต่จะหยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวใส่ปากเลยสักคำ

“ไม่กินเหรอ”

อยากกินอยู่หรอก แต่ไม่ชอบ ไม่ชอบกินแบบนี้ ไม่ชอบกิน....

“แล้วอยากกินอะไร”

กัสเงยหน้าขึ้นมองอย่างรวดเร็ว สิ่งที่รู้สึกในเวลานี้ ถ้อยคำบางอย่างของคนที่อยู่ตรงหน้ามันแสนคุ้นหูและรู้สึกคุ้นเคย

แล้วจะกินอะไร.......
อยากกินอะไรเหรอ
ไม่รู้สิ กินอะไร...เหรอ กิน... ถ้าจะให้กินอะไรก็ได้ แล้ว...แต่...

“แล้วแต่...มึ....”

เกือบจะหลุดคำพูดบางอย่างออกไป แต่ก็หยุดเอาไว้ และกัสก็ค่อย ๆ ก้มหน้าลงอย่างช้า ๆ

ขมวดคิ้วมุ่น

รู้สึกบางอย่าง รู้สึกว่าเคยชิน
เคยชินกับการถูกถามและเคยชินกับการตอบกลับแบบนี้ เคยชินกับการพูดบางอย่างแบบนี้กับใครสักคน ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนี้
การเอาแต่ใจตัวเอง นิสัยเอาแต่ใจตัวเองแบบไม่รู้ตัว ที่กล้าทำกับใครบางคน

“แล้วแต่กู แต่กูซื้ออะไรมาก็เห็นมึงกินแค่คำสองคำเองกัส ไม่มีอะไรที่ชอบเลยหรือไง มีอะไรที่ชอบกินบ้างหรือเปล่า”

ไม่มี
คิดว่า....ไม่
แต่บางทีอาจจะมี บางทีอาจจะ...

“อันนี้....ก็....กินได้”

มองข้าวในจาน และหยิบช้อนมาถือเอาไว้ มองแล้วก็ค่อย ๆ เขี่ยเม็ดข้าวในจานไปมา

ข้าวหมูแดง...น้ำราดหมูแดงไม่ชอบเลย ไม่ชอบ....แต่ก็ต้องฝืนใจกิน ฝืนใจกินทั้งที่ไม่ชอบ

ถ้าหยกสั่งให้ จะไม่สั่งข้าวหมูแดงมาเด็ดขาด
เพราะหยกรู้ว่า.........

“นิว”

เรียกชื่อของคนที่กินข้าวอยู่ฝั่งตรงข้าม และนิวก็เงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียก

ดวงตาของกัส เริ่มหรี่ปรือลงอย่างช้าๆ และไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ อาการเดิม ๆ ที่จะค่อยๆ ดีขึ้นอย่างช้า ๆ เมื่อระบบประสาทที่สูญเสียได้รับการฟื้นฟูอย่างถูกต้อง

“หย....ก......”

กำลังจะถามว่าหยกเป็นใคร แต่ก็หุบปากเงียบเอาไว้ และก้มหน้าก้มตาใช้ช้อนตักข้าวอย่างทุลักทุเล โดยมีคนที่นั่งอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามคอยช่วยเหลืออยู่ตลอด

นิวจะไปรู้ได้ยังไงว่าหยกคือใคร ชื่อที่อยู่ดี ๆก็ผุดขึ้นมาในหัว แต่เมื่อพยายามนึกก็นึกไม่ออก สุดท้ายก็เลยต้องนิ่งเงียบ และตักข้าวเข้าปาก

กินของที่ไม่ชอบ กินของที่คิดว่าไม่อร่อย แต่ก็ต้องกิน จำใจต้องกินเพราะอีกฝ่ายอุตส่าห์มีน้ำใจซื้อมาให้ ก็เลยต้องกิน จำใจต้องกิน

ทั้งที่.....ในใจลึก ๆ อยากจะบอกว่า ข้าวไข่เจียว...ที่เคยกิน เมื่อนานมาแล้ว อร่อยกว่าข้าวหมูแดงที่กินอยู่ในเวลานี้มาก
อร่อยมาก อร่อยที่สุด โคตรอร่อย และบางที...มันอาจจะอร่อยกว่าอาหารมื้อไหน ๆ ที่เคยกินมาก็ได้

แต่เคยกินจากที่ไหนล่ะ
กินกับใคร....
ใคร.....

“มึงรีบจำใส่สมองมึงไว้เยอะ ๆ เลยนะ ว่ากินข้าวกับกูครั้งแรก......แม่งโคตรอร่อยเลยจริง ๆ”

แล้วกินกับใคร
ที่ว่าอร่อย

กินข้าวกับใคร.....แล้วทำไมถึงต้องจำว่าข้าวมื้อแรกที่กินด้วยกัน อร่อยมาก

ทำไมต้องจำว่า ข้าวที่กินด้วยกันมื้อแรก.....................

“โคตรอร่อยเลยจริง ๆ”

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.79
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 09-06-2014 22:09:53
 :L2:

สิ่งดีๆมันเตือนจิตใจให้นึกถึงอยู่เสมอเมื่อเรารู้สึกสุขใจ

สิ่งร้ายๆคือทุกอย่างที่อยากจะลืมแต่กลับลืมมันไม่ได้จากจิตใจเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.79
เริ่มหัวข้อโดย: shenta ที่ 09-06-2014 22:26:10
.
เป็นคนที่ร้องไห้ง่าย แต่ก็ชอบอ่านดราม่า
.
.
.
เป็นพาร์ที่่ชอบที่สุด กัส +หยก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.79
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 09-06-2014 22:32:18
น้ำตาไหลให้ข้าวไข่เจียวที่อร่อยโคตรๆ  T^T
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.79
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 09-06-2014 22:32:40
อ่านแล้วเศร้าแต่โคตรฟิน
รอวันหยกกลับมาหากัส
ขอให้ไม่จบเศร้านะจร้า

ขอบคุณคนแต่ง&คนอัพ
สุดยอดทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.79
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 09-06-2014 22:47:02
กัสหยก หยกกัส รอค่ะรอ มาต่อไวไวน้า  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.79
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-06-2014 23:15:58
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#เพราะไม่รู้ว่ารัก

“เอ็งหายไปไหนมาหลายวัน บ้านช่องไม่รู้จักกลับ เคยรู้บ้างมั้ยว่าทำให้อาเป็นห่วงจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ เมื่อไหร่เอ็งจะสำนึกบ้าง”

กัสยืนนิ่งเงียบ ฟังสิ่งที่อากำลังบ่น

บ่นแบบนี้ทุกที บ่นทุกครั้งที่เห็นหน้ากัน
อาทำหน้าดุ และบ่นอะไรยืดยาวไปเรื่อย จนกัสรู้สึกว่าไม่อยากฟัง ไม่อยากจะฟัง และเบื่อที่จะฟังเต็มที

“กัสไม่อยู่หลายวัน อาก็ไม่ต้องด่ากัสให้เมื่อยปากไม่ดีหรือไง”

น้อยใจ และเสียใจ
มันเป็นอาการปกติ ที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ เวลาที่กลับบ้าน
โชคดีหน่อยที่วันนี้พ่อยังไม่กลับ ไม่อย่างนั้นกลับมาคงโดนด่ายิ่งกว่านี้

อาแค่บ่น จนน่ารำคาญ แต่พ่อด่า ด่าแบบรุนแรง และเหมือนไม่สนใจเลยด้วยซ้ำว่ากัสจะรู้สึกยังไง

“อาเป็นห่วงเอ็งเคยเข้าใจบ้างมั้ยกัส”

ไม่เข้าใจหรอก จะไปเข้าใจได้ยังไง มีแต่ด่าว่ากัสทำตัวมีปัญหาสร้างแต่ปัญหาตลอด แล้วจะให้คิดยังไง
คิดว่าห่วงเหรอ

ถ้าห่วงจริง กลับมาก็น่าจะดีใจ ไม่ใช่บ่นใส่ขนาดนี้

“อาเกลียดกัสมากใช่มั้ย เห็นหน้าทีไรอาก็ด่ากัสตลอด”

พูดออกมาตามที่ใจคิด พูดออกมาตรง ๆ
สีหน้าและแววตาที่แสดงออก ทำให้อาต้องหยุดการบ่นและถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้ม

“เฮ่ออออออ ไอ้กัสเอ้ยยยย”

นี่ก็อีกอย่าง
อาทำไมต้องถอนหายใจใส่กัสด้วย อาเกลียดอาก็บอกมาตรง ๆ เลย ไม่ต้องถอนหายใจใส่แบบนี้ อาไม่รู้หรือไงว่ากัสเสียใจ

กัสเสียใจมากนะ เวลาที่อาทำแบบนี้ใส่

“ที่ด่ากัสทุกวัน ก็เพราะอาเกลียดกัสนั่นแหละ”

ฝังจิตฝังใจว่าถูกเกลียด และเตรียมจะเดินหนีขึ้นห้อง

“เอ็งกินข้าวมาหรือยัง”

กินแล้ว
กินกับหยกมาแล้ว

“ไอ้กัส”

ได้ยินเสียงเรียก แต่ไม่ยอมพูดด้วย ไม่ยอมตอบ ไม่ยอมพูด

“เฮ่ออออ เอ็งมันก็เอาแต่คิดมาก คิดว่าอาเกลียด เอ็งจะให้อาเกลียดเอ็งเหรอ อาเลี้ยงเอ็งมากับมือนะกัส ตอนเด็ก ๆ เอ็งไม่ใช่เด็กดื้อแบบนี้ แต่พอโตมาทำไมเอ็งเป็นแบบนี้ล่ะ”

ไม่รู้
จะไปรู้ได้ยังไง กัสเป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว แต่อานั่นแหละที่เปลี่ยนไป สมัยก่อน ตอนเด็ก ๆ อาใจดีกว่านี้

อาไม่เคยด่าว่ากัสแบบนี้
แล้วทำไมตอนนี้อาถึงได้เอาแต่บ่นเอาแต่ด่าทุกครั้งที่เจอ

อานั่นแหละที่เปลี่ยนไป
ไม่ใช่กัสที่เปลี่ยน แต่เป็นอาต่างหากที่เปลี่ยนไป

“เอ็งก็เป็นแบบนี้เรื่อย ไม่พอใจไม่ชอบ ก็ไม่เคยหัดที่จะเอาใจเขามาใส่ใจเรา เอ็งหัดเปิดใจให้คนอื่นเขาบ้าง คนอื่นเขาก็มีเหตุผลของเขาเหมือนกัน”

แต่อาไม่มีเหตุผล

อาด่ากัสทำไม อาจะบ่นจะด่าจะว่ากัสไปถึงไหน
อาไม่รู้บ้างเหรอ ว่ากัสเสียใจ ไม่รู้เลยหรือไงว่ากัสน้อยใจ

ทำอะไรก็ไม่เคยดีสักอย่าง ขนาดกลับบ้านมา ยังถูกด่าเลย
แล้วจะให้ทำยังไง จะให้อยู่ตรงไหนส่วนไหนของบ้านถึงจะไม่โดนด่า

จะให้ทำยังไงถึงจะพอใจ

“ไม่ต้องไปพูดกับมัน ไอ้เด็กเวร เลี้ยงเสียข้าวสุก เคยทำตัวมีประโยชน์บ้างมั้ย วัน ๆ เอาแต่ซิ่งรถ กวนเมือง หนังสือหนังหาเคยไปเรียนบ้างมั้ย เห็นมีแต่หนังสือจากครูมาตลอด มึงจะเรียนหรือไม่เรียนไอ้กัส ถ้าไม่เรียนก็ออกม ออกไปเป็นโจรให้รู้แล้วรู้รอดไป ไอ้ลูกเหี้ย”

พ่อกลับมาแล้ว
พ่อเดินเข้ามาในบ้านตอนไหนไม่รู้

และเมื่อพ่อมาถึงและเห็นหน้ากัส พ่อก็ชี้หน้าด่า

พ่อด่ากัสอย่างรุนแรง กัสเสียใจ สิ่งที่กัสรู้สึกคือความเสียใจและน้อยใจอย่างรุนแรง มันเจ็บปวดยิ่งกว่าที่อาด่า

เจ็บปวดมาก เพราะทุกถ้อยคำจากพ่อที่สรรหามาด่าให้คนฟังเสียใจ

กัสต้องทนฟังถ้อยคำที่ไม่อยากฟัง
พ่อด่าแบบเสีย ๆ หาย ๆ
พ่อไม่เคยรัก พ่อไม่เคยสนใจ พ่อมีแต่ด่า พ่อเกลียดกัส
พ่อเกลียดกัสมาก ถ้าเกลียดขนาดนี้ ทำไมไม่ฆ่าให้ตายซะ บีบคอให้ตายตั้งแต่เกิดซะสิ จะปล่อยให้โตมาขนาดนี้ทำไม

โตมาให้เป็นภาระของพ่อ
โตมาให้พ่อเกลียด

แล้วพ่อเลี้ยงให้โตขนาดนี้มาเพื่ออะไร

“พูดแล้วยังทำเฉย ทำหูทวนลม ด่าแล้วยังไม่รู้จักสำนึก เพื่อนเหี้ย ๆ เลว ๆ นั่นน่ะคบเข้าไปสิ ไอ้เด็กเหี้ย เมื่อไหร่มึงจะรู้จักสำนึกบ้าง วัน ๆ กูทำงาน งก ๆ เพื่อส่งมึงเรียน แต่มึงไม่เคยตั้งใจเรียน ทำตัวเลว ๆ ได้ทุกวัน หายหัวไปตั้งนานนึกว่าจะตายห่าไปซะแล้ว ยังกลับมาได้อีก ไอ้ลูกเหี้ย”

มันเจ็บปวดที่ได้ฟัง
ทุกถ้อยคำ มันกรีดลึกเข้าไปในหัวใจ
ทุกย่างก้าวที่ขากำลังเดินขึ้นบันไดบ้าน มันเต็มไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว

พ่อกำลังโมโห
พ่อด่าไปโมโหไป แล้วพ่อไม่คิดบ้างหรือไงว่ากัสก็โมโหเป็น

โมโห

และ.....เกลียด

เกลียดพ่อที่สุด

หันหน้ากลับมามองหน้าของคนที่ได้ชื่อว่าพ่อ
นี่เหรอพ่อ เราเป็นพ่อเป็นลูกกันจริง ๆ ใช่มั้ย

พ่อต้องรักลูกไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่ด่าว่ากันแบบนี้
พ่อต้องห่วงลูกไม่ใช่เหรอ
พ่อต้อง.........

“พูดแล้วยังมองหน้า มึงจะมองหน้ากูทำไมไอ้กัส มึงอยากลองดีใช่มั้ย ไอ้ลูกเวร”

กัสไม่รู้ว่าพ่อโมโหอะไร พ่อโมโหมาก
พ่อด่าแล้วพ่อก็โมโห แค่หันไปมอง พ่อก็ตะโกนด่าแรงขึ้นเรื่อย ๆ

สุดท้ายพ่อคว้าหนังสือพิมพ์ขว้างขึ้นไปโดนหน้าของกัส

“พี่ ไปทำมันทำไม พ่อแล้ว พี่ขจร พี่ขจรเลิกด่ามันได้แล้ว”

อารีบมาดึงแขนของพ่อ และกัสที่ถูกหนังสือพิมพ์ขว้างใส่หน้าก็ได้แต่ยืนนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น

มองไปที่หนังสือพิมพ์ที่หล่นอยู่ที่ขั้นบันได

มองแล้วก็รู้สึกว่าน้ำตากำลังหยดลงที่ข้างแก้ม

“ไอ้กัส ขึ้นบ้านไป”

อาตะโกนบอก แต่กัสได้แต่ยืนนิ่งเงียบน้ำตาไหล

“ปกป้องมันทำไม ไอ้เด็กเหี้ยนี่โดนแค่นี้ยังน้อยไป มันต้องโดนมากกว่านี้”

พ่อกำลังมองหาบางอย่างที่จะสามารถขว้างปาใส่กัสได้ และเป็นอาที่รีบดึงแขนห้ามพ่อเอาไว้

“ไอ้กัส เอ็งจะยืนอยู่ทำไม ขึ้นห้องไปสิ ขึ้นไป”

ก้มหน้าลง
ก้มหน้าและรู้สึกว่าน้ำตาไม่ยอมหยุดไหล

เสียใจกับสิ่งที่พ่อทำ
น้อยใจเพราะสิ่งที่พ่อทำ

ก้าวขาเดินเงียบๆ เข้าห้อง และปิดประตูเสียงดังสนั่น

“ดูมันทำ ดูมันทำนะ ถ้าไม่มีปัญญาสร้างก็อย่าทำลายของ ๆ กู ไอ้กัส ไอ้เด็กเหี้ยยยย”

เสียงตะโกนดังลั่นโหวกเหวกมาจากชั้นล่าง

พ่อยังตะโกนด่าขึ้นมาด้วยถ้อยคำเลวร้าย
และกัสก็ได้ยินเสียงอาห้ามไม่ให้พ่อด่าอีก

ทำไมวะ
การที่คนเราเกิดมาเป็นคนที่ไม่ดีพร้อม มันเป็นเรื่องที่แย่มากนักเหรอ

การที่อ่านหนังสือไม่ออก พยายามเท่าไหร่ก็จดจำตัวหนังสือพวกนั้นไม่ได้ มันผิดมากนักหรือไง

ปัญหามันเริ่มขึ้นตั้งแต่เข้าเรียนชั้นประถม และยิ่งโตขึ้นเรื่อยๆ กัสก็ยิ่งสับสนงุนงงกับตัวหนังสือที่เขียนปนเปกันไปหมด จนอ่านไม่ออก

ถูกเพื่อนล้อว่าโง่เป็นควาย
ถูกครูด่าหาว่าไม่ตั้งใจเรียน

ทั้งที่ตั้งใจแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมการอ่านและเขียนหนังสือถึงเป็นเรื่องยากสำหรับกัสมาก

พ่อพยายามจะสอนหนังสือให้กัส เพราะแม่อ่านหนังสือไม่ออก แต่ยิ่งสอนกัสยิ่งอ่านไม่ได้ จนพ่อโมโห

โมโหมากเข้าก็ด่าหาว่าโง่
บ่อยครั้งที่อ่านข้อความเดิม ๆ ไม่ได้ พ่อก็ตี หาว่าสอนเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักจำ

เกลียดการเรียน
เกลียดการอ่าน การเขียน เพราะมันทำให้กัสโดนครูว่า โดนเพื่อนล้อ และโดนพ่อตี

แม่เป็นคนเดียวที่เข้าใจ และแม่บอกให้กัสค่อยๆ อ่าน
ใจเย็น ๆ ค่อยๆ หัด แม่ไม่เคยตี แม่กอดและบอกว่าไม่เป็นไร แม่ก็อ่านหนังสือไม่ออกเหมือนกัน แต่แม่ก็อยู่ได้

แม่เป็นช่างเย็บผ้า
ไม่ต้องรู้หนังสือมากนัก แต่แม่ก็เย็บผ้าให้ลูกค้าได้

แต่กัสไม่ใช่ช่างเย็บผ้าเหมือนแม่ ต่อไปกัสจะทำอะไร ถ้ากัสไม่รู้หนังสือ

กัสไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็นยังไง ถ้าแม่ไม่อยู่แล้ว ใครจะดูแล
ใครจะกอด ใครจะบอกกัสว่าไม่เป็นไร ถ้าไม่มีแม่แล้วกัสจะอยู่ยังไง

นอนร้องไห้ทุกคืน เมื่อแม่จากไปจริง ๆ
เสียใจที่รู้ว่าแม่ทิ้งกัสไป แม่ไม่ยอมกลับมาหากัสอีกแล้ว

แม่ไม่มีทางกลับมา

ทุกวันที่ยังต้องไปโรงเรียน เพื่อนยังล้อว่ากัสโง่เหมือนควาย
ครูยังด่าหาว่ากัสไม่ตั้งใจเรียนหนังสือและเขียนสมุดพกส่งมาที่บ้าน

พ่ออ่านและพ่อด่าว่ากัสทุกครั้ง

หนัก ๆ เข้า พ่อก็ตี
เจ็บไปหมดทั้งตัว แต่ไม่รู้จะทำยังไง นอกจากร้องไห้

พ่อบอกว่า เพราะทำตัวแบบนี้ แม่ถึงไม่กลับมา
เป็นความผิดของกัสจริง ๆ หรือเปล่า เพราะกัสไม่ดี เพราะกัสอ่านหนังสือไม่ออก แม่เลยจากไป

กัสไม่อยากให้แม่ตาย

แม่ทำไมต้องตาย

ทำไมแม่ต้อง.....จากกัสไปไกลขนาดนี้
นั่งร้องไห้อยู่บนเตียง

กอดเข่าและซบใบหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่คนเดียวเงียบ ๆ

น้ำตาไม่ยอมหยุดไหล
ยิ่งร้องมากเท่าไหร่ยิ่งปวดใจมากเท่านั้น

ตั้งแต่แม่ไม่อยู่ กัสต่อยเพื่อนที่หาว่ากัสโง่ไปหลายคน
ครูเชิญผู้ปกครองมาพบ และบอกว่ากัสมีพฤติกรรมก้าวร้าว เข้ากับเพื่อนไม่ได้ ไม่ตั้งใจเรียน และรังแกเพื่อน

กลับมาถึงบ้าน พ่อตีกัสจนไม้หัก
ตีและด่า ทั้งตีทั้งด่าว่าไปทำเพื่อนทำไม ไปทำแบบนั้นทำไม

กัสไม่รู้
ทำไมเพื่อนต้องหาว่ากัสโง่ด้วย
ทำไมทุกคนหาว่ากัสโง่ และไม่ตั้งใจเรียน ทั้งที่พยายามแล้วแต่มันทำได้แค่นี้

ทำไมไม่เคยมีใครเข้าใจ
ทำไมพ่อไม่เคยเข้าใจ

มีแค่แม่คนเดียวเท่านั้นที่รักและเข้าใจกัสตลอด

แต่แม่ไม่อยู่แล้ว

แม่ไม่อยู่นานแล้ว
แม่ไม่อยู่.........

น้ำตายังคงรินไหลไม่ขาดสาย เสียงสะอื้นไห้ที่ไม่เคยส่งไปถึงคนรอบข้าง

กัสกำมือแน่น และซบหน้าร้องไห้เงียบๆ อยู่อย่างนั้น
โดยไม่เคยมีใครรู้หรือเข้าใจเลยสักคน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.79
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-06-2014 23:16:54
“มันเป็นแบบนี้ มันไม่เคยปรับปรุงตัวเอง ด่าก็แล้วว่าก็แล้ว เมื่อไหร่มันจะสำนึกบ้าง เอ็งก็เหมือนกัน เข้าข้างมันจนมันเสียคน ถ้าข้าไม่อยู่แล้วมันจะอยู่ยังไง มันคงไปติดคุกติดยาเข้าสักวัน”

พ่อกำลังคุยกับอา
คุยกันหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว

“พี่ห่วงมันฉันก็เข้าใจ แต่พี่ก็ไม่น่าไปทำกับมันแบบนั้น”

รู้ว่าไม่สมควร
แต่ดูเหมือนลูกชายจะทำตัวย่ำแย่จนเกินเยียวยา

พูดดีไปก็เปล่าประโยชน์
ด่าขนาดนั้นมันยังเฉย ไม่เคยสำนึก จนไม่รู้จะทำยังไง

“เอ็งไม่ดูมันทำตาขวางใส่ข้าล่ะ มันติดยาหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพื่อนมันมีแต่เลว ๆ ทั้งนั้น อนาคตต่อไปคงไม่ต้องคุย ข้าห่วงมันมากนะ ข้ามีลูกชายอยู่คนเดียว ไม่ให้ข้าห่วงมันแล้วจะให้ข้าห่วงใคร”

อาได้แต่ฟัง
ฟังแล้วก็ถอนหายใจ
ปัญหาเดิม ๆ ซ้ำ ๆ แต่ไม่เคยแก้ไขได้

พ่อก็รุนแรง ลูกก็ต่อต้าน ถ้ากัสมันเข้าใจว่าพ่อมันห่วงมันมากก็คงจะดี

“ตกลงมันหายไปไหนมาหลายวัน มันบอกเอ็งมั้ย”

ส่ายหน้า

อาได้แต่ส่ายหน้าและพ่อก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่

“มันมีตังค์ใช้หรือเปล่าวะ ตั้งแต่มันกลับมา เอ็งเห็นมันกินข้าวกินปลาหรือยัง”

ถามด้วยความเป็นห่วง

หน้าตาซีดเซียวกลับมาแบบนั้น เป็นใครก็ต้องห่วง
หายไปหลายวัน ไม่รู้มันไปกินไปอยู่ที่ไหนของมันได้ตั้งนาน ทำเหมือนไม่มีบ้านอยู่ เร่ร่อนไปเรื่อย

“ถามมัน มันก็ไม่อยากพูดด้วย หาว่าฉันเกลียดมัน”

ทั้งพ่อและอาได้แต่นั่งถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้ม

“เอาตังค์ให้มันหน่อยนะ ถามมันว่ามีค่าอะไรที่โรงเรียนต้องจ่ายหรือเปล่า”

พ่อเปิดกระเป๋าสตางค์ใบเก่าที่ขาดแล้วขาดอีก

เปิดดูเงินในนั้นและยื่นธนบัตรใบสีเทาให้กับอา

“ฝากให้มันด้วยนะ แต่เอ็งไม่ต้องบอกนะว่าข้าฝากไว้ให้”

อารับเงินมาถือเอาไว้ และมองหน้าพ่อของกัส

“รักมันขนาดนี้ มันจะรู้บ้างหรือเปล่า ว่าพ่อมันรักมันมาก ไอ้กัสเอ้ยยย”

ส่ายหน้า และทั้งพ่อและอาก็ได้แต่นั่งเงียบด้วยความกลุ้มใจ

“บางทีนะ ถ้าแม่มันยังอยู่ มันคงไม่เป็นแบบนี้ ข้ามันผิดเองที่เลี้ยงลูกไม่เป็น.........ถ้าแม่มันรู้ คงด่าข้าจนหูชาแน่”

ยิ้มเมื่อพูดถึงคนที่ไม่อยู่แล้ว
พ่อยังยิ้มได้เสมอ เมื่อพูดถึงคนที่จากไปแล้ว

เปิดกระเป๋าสตางค์ใบเก่าที่ใช้มานานปี
กระเป๋าสตางค์ที่แม่ของกัสซื้อให้ และไม่เคยปล่อยให้ห่างตัว

มองรูปถ่ายขาวดำที่สอดไว้ในซองพลาสติกในกระเป๋าสตางค์และพ่อก็ยิ้มอย่างเศร้า ๆ

“ขอโทษนะนี.....พี่ขอโทษ....พี่เลี้ยงลูกได้ไม่ดีเท่าเอ็ง ถ้าไอ้กัสมันจะเลว ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะพี่.....พี่มันเป็นพ่อที่ใช้ไม่ได้ พี่ขอโทษจริง ๆ นี”

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.79
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 09-06-2014 23:32:08
 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: เป็นเรื่องที่เศร้าจนน้ำตาไหลแล้วววววววว รีบมาอัพไวๆนะคะ  :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.79
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-06-2014 23:42:10
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#สเปคของหยก

“พี่หยก มันยังไงพี่ ผมงงว่ะ”

งงเหรอ

ก็มันไม่ยังไงหรอก ก็แค่ว่า.....

“เดี๋ยวอธิบายใหม่ตั้งแต่เริ่มเลยแล้วกัน ตรงไหนงง ถามเลย เดี๋ยวจะชี้ให้เห็นเลยว่า เพราะอะไร”

ไม่ใช่พี่
ที่ผมงงไม่ใช่ที่พี่สอน แต่เป็นหน้าพี่ กับอารมณ์ของพี่

“อกหักมาเหรอพี่หยก”

อกหัก
กูเนี่ยนะ อกหัก คนไม่มีแฟนจะอกหักได้ยังไงวะ

“กูไม่มีแฟน”

คนไม่มีแฟนก็อกหักได้พี่ เหมือนผมที่แค่เจอแว่บเดียวก็ทำอะไรไม่ได้ หลอนเกินกว่าจะจีบ

อกหักตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม

“ก็พี่ทำหน้าเหมือนคนอกหัก เหมือนถูกแฟนทิ้ง ผมก็คิดว่าพี่อกหักดิ”

กูไปทำหน้าแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่วะ

“เพ้อแล้วมึงไอ้เพียร”

ไม่ได้เพ้อหรอกพี่ พี่ทำหน้าแบบนั้นจริง ๆ

“พี่ไม่ได้อกหักแล้วพี่เป็นอะไร พี่ถอนหายใจรอบที่ร้อยแล้วมั้งผมว่า”

พูดเป็นเล่น กูเนี่ยนะถอนหายใจ บ้าแล้ว

“กูไปทำตอนไหนวะ”

ไม่ตอนไหนหรอกพี่

“ตอนนี้พี่ก็ทำ”

เฮ้ยยยยยยยยยยย

ไม่จริงมั้ง แต่จะว่าไปก็..........ดูท่าจะจริง

“ผมอกหักบ่อยพี่ อาการแบบนี้ผมเป็นบ่อย ตอนแรกผมนึกว่าพี่จะเป็นไม่กี่วัน แต่นี่พี่เป็นแบบนี้มาเป็นอาทิตย์แล้ว ติวไปถอนหายใจไป ถามจริง ๆ เหอะ ใครวะทำให้พี่เป็นได้ถึงขนาดนี้”

แม่ง มั่ว
พูดจามั่วซั่วไปเรื่อย มีที่ไหนวะ ในเมื่อยังไม่ได้คิดจะไปมองใครเลยด้วยซ้ำ

ไม่รู้สิ
พอดีช่วงนี้ไอ้กัสมันหายไปมั้ง
มันหายไปเป็นอาทิตย์แล้ว

ไม่เจอมาเป็นอาทิตย์แล้ว ตั้งแต่คราวนั้นที่เจอกัน แล้วไปกินข้าวด้วยกัน ก็ไม่เจออีก

นึกว่ามันจะหลุด ๆ มาหากันบ้าง
แต่นี่มันเงียบสนิท
หายไปเลย เป็นอาทิตย์แล้ว จะไปตามที่ไหนก็ไม่ได้
จะโทรหาก็ไม่ได้ เพราะมันไม่ยอมให้ติดต่อ

นี่จะเล่นสงครามประสาทกันหรือไง
ไม่รู้หรือไงว่าหงุดหงิด

“กูไม่เป็นไรนี่หว่า มึงพูดอะไรของมึง”

เหรอพี่

“ทำไมพี่ต้องทำเสียงสูงด้วยวะ แสดงว่าพี่เป็นดิ”

เป็นห่าอะไร กูไม่ได้เป็น อย่ามารู้มากไอ้เพียร
กูยังไม่รู้เลยว่ากูเป็นอะไร มึงอย่ามารู้ดีกว่ากู

“สวยป่ะพี่ หรือน่ารักวะ สเปคพี่นี่ยังไง ต้องนมใหญ่ป่ะ”

อ้าวไอ้เหี้ย

“สมองมึงนี่คิดได้เนอะ”

“นมเล็กดิ”

พี่หยกกกกกกกกกกกกกกกก

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เหี้ยยยยย พี่หยกสเป็กพี่เหรอนั่น ชอบแบบนมเล็กก็ไม่บอกนะพี่”

มึงจะขำอีกนานมั้ย

พากเพียรนั่งหัวเราะเพราะคำตอบแบบกวน ๆ ของรุ่นพี่ และเป็นหยกที่อมยิ้มเล็ก ๆ และส่ายหน้ากับอาการขำไม่ยอมหยุดของรุ่นน้อง

“เกินไปแล้วมึง ให้ขำห้าสิบ มึงเอาซะพันแปด”

ไม่ขำได้ไงพี่ นาน ๆ พี่จะกวนตีนซะที ไม่ใช่ว่าจะเห็นได้บ่อย ๆ นะพี่ทำเล่นไป

ผมก็เลยโคตรฮาเป็นธรรมดา

“เอาจริงดิพี่ ชอบแบบนมเล็กเหรอพี่”

อะไรของมึง
กูพูดเล่น ไอ้นี่ทำเป็นจริงจัง

“พี่นี่ก็ร้ายใช้ได้ มองนมเหมือนกันดิพี่ นี่ผมนึกว่าพี่ซิง”

นั่นปากมึงเหรอนั่น

“เออกูยังซิงอยู่ จะเก็บความบริสุทธิ์ไว้ให้คนที่กูรัก”

คำตอบบ้าบอ และทำให้พากเพียรยิ่งขำจนหยุดไม่ได้

ส่วนหยกได้แต่ส่ายหน้าและยิ้มน้อย ๆ กับพฤติกรรมบ้าบอของรุ่นน้อง

ตอบไปงั้น
กวน ๆ ประสาทไปงั้น เอาขำเข้าว่า แต่ไอ้เพียรก็เส้นตื้นเกินไป เล่นขำซะไม่ยอมหยุดแบบนี้ก็เกินไป

“เอาจริงดิพี่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

เอาจริงอะไรของมึง ถามอะไรไม่รู้จักคิด

“ยังไม่ได้เอากัน แค่มองหน้ากันเฉย ๆ มึงนี่ทะลึ่งนะเนี่ย”

และพากเพียรก็เลยหัวเราะไม่ยอมหยุดกับคำตอบนั้น

“พี่หยกแม่งฮาว่ะ หน้านิ่ง ๆ ผมนึกว่าพี่แม่งเก็กนะตอนแรก แต่เวลาพี่ยิงมาแต่ละที ผมจะตายว่ะ พี่หยกโคตรจี้”

เหรอ
เอาซะให้พอ
มึงก็ขำซะให้พอแล้วกัน

เพราะกูไปเล่นมุกเรื้อน ๆ เกรียน ๆ แบบนี้กับคนบางคนไม่ได้ไง เพราะไอ้กัสมันไม่เข้าใจ

แถมมันยังจะทำหน้างงใส่กูอีก หาว่ากูพูดอะไรไม่รู้เรื่อง

ก็ยังดีที่มึงฮา
เป็นไอ้กัส แม่งคงนั่งเงียบกริบ

นาน ๆ จะยิ้มที
ยิ้มเป็นหรือเปล่ายังไม่รู้เลย ไม่รู้แม่งเป็นห่าอะไร
ทำได้อยู่สองหน้า คือหน้าเฉย กับหน้าหงิก

ทำอย่างกับว่าคนทั้งโลกเป็นศัตรูกับมันอย่างนั้นแหละ
ทั้งที่กูก็เปล่าเลย ไม่เคยเห็นมันเป็นศัตรู

ทั้งที่ไอ้กัสทำได้แค่หน้าหงิกกับหน้าเฉย แต่กูโคตรชอบมองหน้ามันเลย

เวลาที่มันดีใจ
มันจะทำให้กูรู้สึกใจเต้นแรง
เพราะมันทำเหมือนมันดีใจมากกกกกกก จนกูเองก็เหมือนจะดีใจไปกับมันด้วย
บางครั้งแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ นะ แต่เวลาที่ไอ้กัสมันยิ้มได้

แม่ง.....ตรงๆ เลย.... โคตรน่ารักเลยว่ะ
แล้วมันก็.....คงไปยิ้มแบบนั้น....ให้คนอื่นเห็น เวลาที่มีคนทำอะไรถูกใจมันสินะ

มันคงเที่ยวไปแจกยิ้มให้คนอื่นเขาไปทั่ว

“แล้วจีบกันนานหรือยังพี่ แฟนพี่อ่ะ ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องเลยวะ พี่ไปจีบกันตอนไหนเนี่ย”

อะไรของมึง
กูยังไม่ได้จีบใครเลย

แฟนอะไรก็ไม่มีหรอก มึงก็ถามไปเรื่อย

“กูไม่มีหรอก อยู่แบบนี้ก็ดีแล้ว กูไม่มีปัญญาไปรับผิดชอบชีวิตใคร ก็ต้องอยู่ตัวคนเดียวไปแบบนี้แหละ”

พี่หยกก็พูดเกินไป
ผู้หญิงสมัยนี้เขารับผิดชอบตัวเองได้ พี่ไม่ต้องไปรับผิดชอบอะไรเขานักหนาหรอก

“พี่ไม่เปลี่ยวใจแย่เหรอ พี่ไม่น่าอยู่คนเดียวว่ะ ผู้หญิงเสียดายพี่กันทั้งคณะแหละ พี่ไม่เลือกเอาสักคนวะ”

เลือกได้เหรอ
คนนะไม่ใช่ผักปลาถึงจะได้เลือก

“มึงอย่าคิดอะไรตื้น ๆ เพียร ของบางอย่างอย่าคิดว่าเราเลือกได้ ที่จริงคนเลือก มันอาจไม่ใช่เราเสมอไป”

และพากเพียรก็ทำได้แค่นิ่งเงียบกับสิ่งที่รุ่นพี่พูด

เออก็จริงว่ะ
บางทีคนที่เลือกอาจไม่ใช่เราจริง ๆ นั่นแหละ

“แล้วใครมันโง่ไม่เลือกพี่วะ”

ที่ไม่เลือกไม่ได้แปลว่าโง่หรอก

“เยอะแยะไป กูมีอะไรดีล่ะ ถึงได้คิดว่าคนอื่นต้องมาเลือก กูก็คนธรรมดา มีอะไรดึงดูดให้ใครอยากมาอยู่ด้วยที่ไหนล่ะ ถึงมาจริง กูก็ไม่รู้จะมีปัญญาดูแลเขาหรือเปล่า เพราะฉะนั้น อยู่คนเดียวนี่แหละดีแล้ว”

เหรอพี่
พี่พูดซะจนผมอยากอยู่คนเดียวเลยว่ะ
แต่แม่งทำไม่ได้จริง ๆ ผมขาดความรักไม่ได้

มันเป็นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ผมเลยกลัวเวลาที่ไม่มีความรักอยู่กับตัว ก็เลยแสวงหาไปเรื่อยๆ และจนถึงป่านนี้ก็ยังไม่เจอซะที ไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหนว่ะ รักแท้เนี่ย มันอยู่ที่ไหนวะพี่ บอกผมทีผมจะไปหามัน

“ชอบโสด ๆ แบบนี้ก็อยู่โสด ๆ แบบนี้ไปเรื่อย ๆ พี่...เอาตามที่เราสบายใจ”

ก็แน่ล่ะ
กูสบายใจที่จะอยู่แบบนี้ กูก็อยู่ของกูแบบนี้

แม้บางทีกูไม่อยากอยู่แบบนี้กูก็ต้องอยู่

แม้บางที กูอาจจะเผลอ.....คิดถึงใครบางคน

ที่แม่งไม่เคยขำกับมุกที่กูพยายามจะเล่นด้วยก็ถาม

ถึงแม้ว่า..........

“เฮ่อออออ”

นั่นไง ชัดเลย

พากเพียรอมยิ้มและมองหน้ารุ่นพี่ที่ยิ้มกว้าง เพราะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังทำอะไร

“เออว่ะ กูถอนหายใจจริงด้วย ถ้ามึงไม่ทักกูก็ไม่รู้ตัวนะเนี่ย แต่กูไม่ได้เป็นอะไรนะ กูแค่.....เซ็งแค่นั้นเอง”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.79
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-06-2014 23:42:53
ถ้ากอดได้นี่กูจะกระโดดกอดแล้วนะ

แต่แม่งกอดไม่ได้ไง ก็เลยได้แต่ยืนมอง

มันมาแบบเดิม สไตล์เดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือ คราวนี้มันถอดรองเท้าวางไว้เรียบร้อย

ไอ้กัส….

หยกมองรองเท้าผ้าใบสีซีดที่ถูกจัดวางเอาไว้อย่างเรียบร้อยที่ชั้นวางรองเท้า

มองแล้วก็ยิ้ม
มันเริ่มฟังแล้วนี่หว่า แล้วมันก็เริ่มทำตามแล้ว ที่พูดไปมันเข้าใจแล้วว่าควรต้องทำ แบบนี้ก็อยู่กันได้

ไขกุญแจห้องเข้ามา และพบว่ามีใครบางคนนอนคว่ำหน้าหลับสนิทอยู่บนเตียง

มันไม่รู้ตัวบ้างเลยเหรอว่าเจ้าของห้องกลับมาแล้ว

ไอ้กัส.....

หยกวางของไว้บนโต๊ะและลากเก้าอี้มาอยู่ข้างๆ คนที่นอนหลับอยู่บนเตียง

หมุนเก้าอี้ไปอีกทางนั่งลงและใช้คางเกยไว้บนพนักเก้าอี้

สายตาจ้องนิ่งไปที่ใบหน้ายามหลับของคนที่ไม่รู้ตัวสักนิดว่ามีใครบางคนกำลังมองอยู่

มึงหายไปไหนมาตั้งนาน
มึงไม่รู้เหรอกัส ว่ากูรอมึงทุกวัน

ทุกครั้งที่กลับมาจะมองหาว่ารถของมึงจอดอยู่มั้ย
บางทีมองเลยไปที่เก้าอี้หน้าตึก มองหมาแมวที่วิ่งไปมาและมองหามึงเผื่อมึงจะมาเล่นกับหมาที่ตึก….เพื่อรอกู....

อาทิตย์หนึ่งเต็มๆ เลยนะกัส
ที่กูรอ....

มึงไม่รู้หรอกว่ากูทำอะไรบ้างระหว่างที่รอ
หาอะไรทำไปเรื่อย อ่านหนังสือรอบ้าง รอให้ถึงเช้า และรอให้ถึงเย็น เพราะมึงชอบมาช่วงเย็นๆ มืด ๆ

แต่พอผ่านเที่ยงคืนไปแล้ว กูก็ได้แต่ปิดหนังสือ และเข้านอนไปทั้งอย่างนั้น เพราะรู้ว่ามึงคงไม่มาแล้ว

ทำแบบนั้นมาเป็นอาทิตย์
เร่งเวลาให้ถึงตอนเย็นทุกวัน เพื่อจะได้กลับมาและเผื่อจะได้เห็นว่ามึงรอกูอยู่เหมือนกัน

แต่มึงก็เงียบหาย ทำเหมือนกูไม่มีตัวตนในความคิดของมึงเลย

“กัส....ตื่นเถอะ...ลุกขึ้นมาอ่านหนังสือให้กูฟังซิ”

แกล้งพูดเสียงเบา
พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องตื่นขึ้นมาในเวลานี้

หยกกำลังยิ้ม
รอยยิ้มหวาน ๆ เรื่อย ๆ ที่กัสไม่รู้ตัวสักนิดว่ามีใครบางคนส่งยิ้มแบบนี้ให้

หยกยังคงนั่งเอาคางเกยพยักเก้าอี้มองคนหลับอยู่อย่างนั้น

มองแล้วก็ได้แต่ยิ้ม

ยิ้มไปเรื่อย ๆ และมองไปที่ร่างกายของอีกฝ่าย จากใบหน้าเรื่อยลงมาที่แผ่นอกที่ขยับขึ้นลงตามการหายใจ

ยิ้ม และส่ายหน้ากับบางสิ่งบางอย่างที่เคยพูดไว้กับรุ่นน้อง

บางทีนี่คงเป็นสเปคของกู

บางทีนี่อาจเป็นสเปคของกูจริง ๆ ก็ได้

บางทีกูคงชอบคนนมเล็ก หรืออาจจะหนักกว่านั้น

เพราะว่าไอ้กัส แม่ง......ไม่มีนมเลย

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.79
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-06-2014 23:47:44
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#ไม่รู้

แล้วมันก็ลุกขึ้นมานั่ง ทำหน้างัวเงีย ยกหลังมือขึ้นขยี้ตา

มองหน้ากันแว่บเดียว แล้วมันก็ก้มหน้าลง

เป็นอะไรวะ
เจอหน้ากันแทนที่จะทัก นี่ไม่พูดอะไรสักคำ

แล้วก็ลุกขึ้นแล้วก็จะเดินไปไหนของมัน

“กัส”

เรียกชื่อ และคนถูกเรียกก็นิ่งชะงักก่อนจะหันมามองหน้าหยกแต่ไม่พูดอะไรออกมา

เป็นอะไรของมัน

“กลับเลยเหรอวะ”

ถามแต่ไม่อยากฟังคำตอบ ยังไม่อยากให้มันกลับตอนนี้

มันนึกจะมา มันก็มา พอมันนึกจะไปมันก็....จะ....ไป เคยเห็นกูอยู่ในสายตาบ้างมั้ยเนี่ย อยากรู้จริง ๆ

“อือ”

มันนึกอยากมาก็มาจริง ๆ พอมันจะไปมันก็ไปจริง ๆ ตกลงมึงจะไปจริง ๆ ใช่มั้ย

“ไปยังไงไม่เห็นรถมึงข้างล่าง”

ก็ไปแบบที่มา มายังไงก็ไปอย่างนั้น

“เดิน”

มึงอย่ามาพูดเล่น กัส เดินห่าอะไรของมึง ไม่ใช่ใกล้ๆ หรือมึงจะบอกว่ามาหากูเนี่ย มึงก็เดินมา

“เดินจากนี่กลับบ้านมึงหรือไง”

เปล่าไม่ได้เดินจากที่นี่กลับบ้าน แต่เดินจากที่นี่ไปไหนไม่รู้

“ไม่รู้”

ทำไมชอบตอบแบบนี้วะ ถามอะไรมึงก็น่าจะคิดบ้างไม่ใช่ตอบว่าไม่รู้อย่างเดียว

“ตกลงมึงจะเดินกลับบ้านมึงใช่มั้ย”

“ไม่รู้”

“แล้วมึงมายังไง”

“ไม่รู้”

ไอ้กัส กวนตีนแล้วมึง ถามอะไรตอบอยู่อย่างเดียวคือไม่รู้ มีอะไรที่รู้บ้างมั้ย

“ไม่รู้หรือไม่อยากพูด”

ไม่รู้ว่าอยากพูดหรือเปล่า แต่ไม่รู้จริง ๆ ไม่อยากตอบคำถามอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าคำถามอะไรก็ไม่อยากตอบ อยากอยู่เฉย ๆ เดินไปเรื่อย ๆ ไปที่ไหนก็ไม่รู้ แค่เดินไป

“ตกลงรถมึงอยู่ไหนกัส คิดก่อนตอบ อย่าตอบว่าไม่รู้”

ทำไมต้องกดดันด้วยวะ
แค่รถคันเดียว มันจะไปหายไปไหนก็ช่างแม่งเหอะ

มันจะหายไปไหนก็ไม่ต้องไปสนใจหรอก
แค่รู้ว่ามันไม่มีแล้วก็พอ

“ตกลงคือไม่ใช่ไม่รู้ แต่เป็นไม่อยากพูด เออ ไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด งั้นนั่งก่อน นั่งเล่นก่อน เดี๋ยวคิดออกว่าอยากพูดตอนไหนบอกกู กูรอได้”

รอได้จริง ๆ
ไม่ใช่แกล้งพูดว่ารอได้

และกัสก็นั่งลงจริง ๆ ตามคำชวน
นั่งลงบนเตียงและมองหน้าของคนที่ยังเอาคางเกยพนักเก้าอี้และมองตรงมา

“เหนื่อยมั้ยกัส”

ไม่เหนื่อย แต่ไม่อยากทำอะไรเลย ไม่อยากพูด ไม่อยากคุย ไม่อยากทำอะไรอยากอยู่เงียบ ๆ

นั่งเงียบ ๆ มองหน้าหยกไปเรื่อย ๆ
อยู่กับหยกไปเรื่อย ๆ

“..........เฮ่อออออ........มึงนี่นะ เอาแต่ใจตัวเองจังวะ นึกอยากจะไม่พูดกับกูมึงก็ไม่ยอมพูด ทำไมเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้ว๊า”

ไม่พูดแปลว่าเอาแต่ใจตัวเองเหรอ ถ้าไม่พูดแปลว่ากูเอาแต่ใจตัวเอง แต่ถ้าพูด..... พูดกับมึง ทั้งที่กูไม่รู้จะพูดอะไร แล้วก็ไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไง

เหรอ.....

มันต้องเป็นแบบนั้นใช่มั้ย

“พ่อยึดกุญแจรถไปแล้ว”

ก็.........ชัดเจน เข้าใจแล้ว
พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ และก็เป็นกัสที่นั่งนิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรอีก

“ซิ่งรถไม่ได้สิมึง”

ได้
รถเพื่อนก็มี ถ้าจะซิ่ง เอารถเพื่อนก็ได้ แค่พูดคำเดียวก็มีรถแล้ว ไม่ใช่เรื่องยาก

แต่ว่า.... ตอนนี้อยากอยู่เงียบ ๆ ไม่อยากทำไม่อยากคิดอะไร ก็เลยมาหาหยก

แต่หยกไม่อยู่

หยกไม่อยู่ก็รู้ แต่มันทั้งเหนื่อยทั้งล้าเกินกว่าจะทำอะไรได้ และนี่เป็นครั้งแรกที่กัสไขกุญแจเข้ามาในห้องนี้ ในเวลาที่หยกไม่อยู่ แต่ขอแค่มีความรู้สึกของหยกอยู่ก็พอแล้ว

ในที่ ๆ ที่มีความรู้สึกของหยก อยากดึงมาเก็บไว้กับตัว ในเวลาที่ไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อไป

“มีตังค์ใช้มั้ย”

มี
ตอนนี้ไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินทอง เงินหมุนมาอยู่ในมือเรียบร้อย และกัสได้เรียนรู้ว่าบางครั้งก็มีช่วงเวลาที่ลำบาก และเริ่มรู้จักวิธีการเก็บเงินเอาไว้ใช้เวลาที่ไม่มี เมื่อก่อนไม่เคยคิดเพราะเงินมันหาได้ง่าย ๆ แต่เวลาที่อยากพักใจ เงินมันก็ใช่ว่าจะอยู่ในมือ ต้องเรียนรู้ที่จะเก็บเอาไว้บ้าง อย่างน้อยก็เอาไว้ซื้อข้าวกิน จะได้ไม่ต้องเป็นการสร้างภาระให้หยกด้วย

แค่มาขอนอน

บางทีมันก็อาจมากเกินไปด้วยซ้ำ

“กูมีตังค์กินข้าว”

ดีแล้ว
อย่างน้อยก็ดีกว่ามึงตอบว่าไม่รู้ แล้วมึงเป็นอะไรมากมั้ย พูดกับกูแต่ละที เหมือนคิดแล้วคิดอีก มึงจะพูดตามที่อยากพูดบ้างไม่ได้เลยหรือไง หรือการพูดแบบนั้นมันลำบากยากเย็น จนสุดท้ายมึงก็ใช้แต่คำพูดเดิม ๆ คือ....ไม่รู้.....

“ทั้งอาทิตย์มึงทำอะไรบ้าง”

ไม่ได้ทำอะไร ก็เหมือนเดิม ไปเรียน ไปซิ่ง ไม่เข้าบ้าน ไปนอนบ้านเพื่อน ไปเรียนเอาจริง ๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะตั้งใจเรียน สอนอะไรก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจ ยากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ต้องเข้าไปเช็คชื่อบ้าง ก่อนที่จะหมดสิทธิ์สอบ

“ก็ทำเหมือนเดิม”

เป็นคำตอบที่หยกได้แต่ถอนหายใจ

มันก็ตอบแบบนี้ตลอด แล้วไม่รู้บ้างหรือไงว่าเหมือนเดิมของมึงคือกูไม่รู้อะไรเลย

มึงไม่เคยบอกว่ามึงทำอะไร แต่มึงตอบกูว่าเหมือนเดิม แล้วกูจะรู้มั้ยว่าเหมือนเดิมของมึงคืออะไร สุดท้ายหยกก็เลยได้แต่ถอนหายใจในคำตอบที่ได้

แบบนี้ทุกที.....

“มึงถอนหายใจทำไม”

อ้าว
กูถอนหายใจกูผิดอีก ก็มึงชอบทำให้กูป่วน แล้วกูก็บ้าตรงที่ชอบที่จะปล่อยให้สมองปั่นป่วนเพราะคิดแต่เรื่องของมึงซะด้วย

“กูไม่มาก็ได้ ถ้ามันทำให้มึงต้องเอาแต่ถอนหายใจ”

เฮ้ยยยยยยยยยยย มันไม่ใช่แบบที่มึงคิดนะ กูแค่รู้สึกว่าตัวเองบ้าบอที่ในเวลานี้ไม่ว่ามึงจะทำอะไรกูก็อยากรู้ไปหมดทุกอย่าง

กูไม่ได้คิดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับมึง
กูแค่หงุดหงิดตัวเอง

หยกรีบเอามือขึ้นปิดปากตัวเอง
และมองหน้าของกัส

มองแต่ไม่อธิบาย ไม่พูด และเป็นกัสที่ขมวดคิ้วมุ่นและเริ่มทำหน้างี่เง่าใส่

“อูอ๋อโอ้ดดดดดดดดดด พอดี กู.....มีปัญหากับโพรงจมูกไม่ได้มีปัญหากับมึง”

ปิดปากและพูดจาไม่รู้เรื่อง และแกล้งทำหน้าเลิ่กลั่ก
ใส่และเป็นกัสที่จากหน้างอ กลายเป็นมองแล้วก็ขบริมฝีปากตัวเองไม่ยอมยิ้ม

แต่มึงยิ้มไอ้กัส
กูเห็น

เต็มๆ ตาเลยด้วย

“แน่ะ ยิ้มแล้ว ไม่โกรธดิว๊า หน้ามึงอย่างหล่อ พอหงิกปุ๊บกูรับไม่ได้เลย นะกัสจังนะ”

ใครกัสจัง

“กูไม่ได้ชื่อกัส”

เออออออออออ มึงไม่ได้ชื่อกัสก็ได้

“ครับพี่เจ๋ง พี่เจ๋งมากครับ พอใจมั้ยครับพี่”

ได้แต่เมินหน้าหนีไปทางอื่น และคราวนี้กลายเป็นหยกที่หัวเราะร่วนและใช้ขาดันเก้าอี้ให้ขยับเลื่อนเข้ามาใกล้กับคนที่จะยิ้มก็ไม่ยิ้ม จะทำหน้าบึ้งก็ทำไม่ได้ หน้ามึงมันฟ้องตลอดแหละ ปิดยังไงก็ไม่มิดหรอก ไม่ว่าดีใจหรือเสียใจ

“อ่านหนังสือให้กูฟังหน่อยสิ”

ไม่

กูไม่อ่าน

กัสหันหน้ามามองคนที่บอกให้อ่านหนังสือ มองตรง ๆ และคราวนี้หน้าหงิกหน้างออย่างเห็นได้ชัด

อะไรวะ แค่อ่านแค่นี้ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้นด้วย กูไม่ได้บอกให้กินยาพิษซะหน่อย ทำไมต้องโกรธกูขนาดนี้

“นะ”

ไม่เอา

“นะ นะ นะ”

ไม่

“อ่านหน่อยเหอะ กูไม่ได้เจอมึงตั้งหลายวัน อ่านให้ฟังหน่อยสิ สองบรรทัดก็ยังดีนะพี่เจ๋งนะ”

ไม่อ่าน กูไม่อ่านอะไรทั้งนั้น ไม่เอา

“นี่.......กูซื้อมาใหม่ เล่มนี้ภาพอย่างสวย มีพี่หมีน่ารักด้วยแม่งอ่านเพลินรับรอง”

รีบหยิบหนังสือฝึกอ่านคำที่มีภาพการ์ตูนมาวางให้กัสดูและเป็นกัสที่อยากจะโยนหนังสือหัดอ่านบ้าๆ ที่ถูกยัดเยียดให้พวกนี้ทิ้ง

มึงบ้าหรือไง กูโตขนาดนี้แล้ว จะให้มาประทับใจอะไรกับพี่หมีอะไรของมึงกูไม่ใช่เด็กอนุบาล

“ไอ้หยก”

เอออออออออออ

“ครับพี่เจ๋ง”

ขานรับ และกัสก็ถอนหายใจออกมาดังๆ ให้เห็นชัด ๆ ว่าไม่พอใจ

“แล้วมึงถอนหายใจใส่กูทำไมเนี่ย ทีกูถอนหายใจแม่งด่ากูชิบหาย ทีมึงทำบ้างล่ะ มึงไม่เห็นใจกูบ้างเลยนะกัส”

ไม่รู้

นั่นไม่เกี่ยวกัน

ไม่เห็นเกี่ยว

“หน้านี้เลย มึงต้องอ่านหน้านี้ โทษฐานที่มึงถอนหายใจใส่กู กูเสียใจมาก เสียความรู้สึกสุด ๆ มึงอ่านเลย ไม่งั้นกูไม่หายเสียใจ”

อะไร

อะไรวะ

แบบนี้..........

หยกรีบเปิดหนังสือที่มีภาพการ์ตูนหลากหลาย และมองหน้ากัสพร้อมกับแกล้งเบะหน้าไปด้วย

“หน้านี้เลยนะ ไม่อ่านหน้านี้กูเสียใจจริงด้วย”

ไอ้....

“เหี้ยหยก”

ด่ากูอีก ด่ากูใช่มั้ย ด่ากูนักงั้นได้

หยกรีบลุกจากเก้าอี้และมานั่งลงข้าง ๆ คนที่ยิ่งกว่าขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่พอใจ

“อะไรมึง เหี้ยกัส ด่ากูอีก เพิ่มอีกหนึ่งหน้าเลย มึงทำกูเจ็บปวด”

ไม่

“โธ่โว้ยยย”

เออใช่ไง โธ่โว้ยไง แล้วยังไง มึงรีบอ่านเลย ไม่งั้นกูจะโธ่โว้ยบ้างแล้วมึงจะหนาว

“พูดมาก เพิ่มอีกหนึ่งหน้า ถ้ายังไม่หยุดพูดกูจะเพิ่มอีกสิบหน้า มึงกล้าหือก็ลองดู”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.79
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 09-06-2014 23:48:26
กัสใช้ปลายนิ้วไล่ไปตามตัวอักษรและถอนหายใจทุกครั้งที่ต้องออกเสียง อ่านไปเรื่อย ๆ ผิด ๆ ถูก ๆ อ่านไปทะเลาะกับคนฟังไป แต่คนฟังดูท่าจะชอบใจ เพราะทะเลาะไปยิ้มไป สอนไปยิ้มไป

“ตาสี....ไป....เฝ้า...ไข่...ตาสา”

เหี้ยกัส

“ตาสีจะไปเฝ้าไข่ตาสาทำเหี้ยอะไร ไปเฝ้าไข้สิ มึงอ่านดี ๆ”

นั่นไง กูว่าแล้ว กูก็คิดว่าแม่งจะไปเฝ้าไข่กันทำไมวะ

“เออเฝ้าไข้”

แน่ะ มีการงอนด้วย ยิ่งอ่านยิ่งไปกันใหญ่ ยิ่งอ่าน ยิ่ง.....น่ารักนะมึง

“เถ้าแก่....ขา..เป๋...ถือเป้...ไป..สุขา”

“ปู่เอา...สุดา...”

“ปู่ที่ไหนเอาสุดา แม่งเดี๋ยวก็โดนแจ้งความจับกันพอดีไอ้กัส”

ก็มันอ่านแบบนี้จริง ๆ มึงดูสิ

“ปู่เอาแส้...ให้...”

งอน ยิ่งอ่านยิ่งเพี้ยน ยิ่งอ่าน กัสก็ยิ่งงอนคนสอน

“ไม่อ่านแล้ว”

มีแต่จะปิดหนังสือ และหยกก็เหลือบสายตามองหน้าคนที่ไม่ยอมอ่าน

“กูไม่ได้ขำนะมึงก็เห็น แต่กูบอกทุกอันหรือเปล่าว่ามึงอ่านผิด เวลามึงอ่านผิดความหมายก็เปลี่ยน มันยิ่งจะเป็นการยากที่จะสื่อสารกับคนอื่น ถ้ามึงอ่านถูกมันก็จบใช่มั้ยล่ะ”

มันก็ใช่

แต่มึงยิ้ม

“มึงไม่ได้หัวเราะเยาะกูหรือไง”

บ้าน่า คิดแบบนี้ไม่ถูกเลยกัส คิดแบบนี้กูจะเสียใจจริง ๆนะ

“ทำไมกูต้องหัวเราะเยาะด้วย มึงว่ากูควรหัวเราะเยาะกับความพยายามของมึงเหรอ กูนิสัยเหี้ยขนาดนั้นเชียว”

ก็ไม่ใช่แบบนั้น

ไม่ใช่ว่าจะ..........

“ที่กูยิ้มเพราะกูชอบเวลามึงตั้งใจ กูสัญญาแล้วไม่ใช่หรือไงว่าจะไม่หัวเราะ แล้วกูผิดสัญญาหรือเปล่าล่ะ”

เปล่า
ไม่ได้ผิดสัญญา
มึงไม่ได้ทำแบบนั้น

ใจชื้นขึ้นมาบ้าง และเงยหน้าขึ้นมองหน้าของคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ

“มึงเก่งขึ้นตั้งเยอะแล้ว อ่านประโยคยาว ๆ ได้ดีกว่าเมื่อก่อนตั้งเยอะ.....เนอะ”

จริงเหรอวะ ดีกว่าเมื่อก่อนจริง ๆ เหรอวะ

“วันนี้พอแค่นี้ก็ได้ เดี๋ยวอ่านมากไป มึงจะยิ่งเครียด”

ไม่ วันนี้ไม่พอแค่นี้

“กู....จะอ่าน...อีก.........สองหน้า....”

กัสพูดออกมาเสียงเบา และเปิดหนังสือหัดอ่านหน้าถัดไป โดยมีหยกนั่งอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ

“เก่งนะเนี่ย วันนี้อ่านเพิ่มเองด้วย เดี๋ยวอ่านเสร็จกูตัดเล็บให้ เล็บมึงยาวแล้ว ทำไมไม่รู้จักตัด แล้วดูสภาพซิ อย่าบอกนะว่ามึงกัดเล็บด้วย สกปรกตายห่าไอ้กัส”

ใช่
กูกัด
มึงรู้ได้ไง

“อย่ากัดเล็บมันสกปรก วันหลังอย่ากัดเล็บอีกนะกัส มีแต่เชื้อโรค เดี๋ยวจะไม่สบาย”

ให้เหตุผล อธิบายเหตุผล และเป็นกัสที่ตั้งใจฟัง และพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

“ตัดเลยแล้วกัน มา เดี๋ยวกูตัดให้ แล้วค่อยอ่านต่อ”

หยกลุกขึ้นไปหยิบกระดาษที่ไม่ใช้แล้วมาหนึ่งแผ่น และหยิบกรรไกรตัดเล็บมาด้วย

“นั่งนี่ดิ เอามือมึงมานี่ด้วย”

ลากแขนให้คนที่นั่งอยู่บนเตียง ลงมานั่งที่พื้น และดึงมือของกัสมาจับเอาไว้

แค่ตัดเล็บ ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น

ก็แค่....

กัสกำลังมองหน้าของคนที่ทำบางอย่างให้ มองด้วยความรู้สึกหลากหลาย มองและจ้องนิ่งอยู่อย่างนั้น
นานแล้ว ไม่เคยมีใครใจดีกับกูแบบนี้ ไม่เคยมีใครทำอะไรให้กูแบบนี้ ไม่เคยมี.....

“หยก….”

เรียกชื่อของคนที่กำลังตั้งใจตัดเล็บให้ และหยกก็เงยหน้าขึ้นมามองคนที่เรียก

มองหน้าและเลิกคิ้วขึ้นสูงเหมือนเป็นการถามว่า เรียกทำไม
และกัสก็ได้แต่มองหน้าของหยกนิ่งงันอยู่อย่างนั้น ไม่พูด....แต่มอง

มองแล้วก็เงียบ

และเป็นหยกที่ส่งยิ้มให้กับคนเรียก รอยยิ้มสดใส ที่ไม่ต้องมีคำอธิบายอะไร แต่กัสก็พอเข้าใจ

“มึงก็เป็นแบบนี้อยู่เรื่อย อยากพูดอะไรก็ไม่ยอมพูด แล้วกูจะเข้าใจได้ยังไง กับกูมึงอยากพูดอะไรก็พูดมาเถอะ อย่าคิดให้มันมากเลย ด่าพ่อกูมึงยังด่ามาแล้ว นับประสาอะไรกับเรื่องอื่น”

ไม่ใช่

ไม่ใช่ว่าอยากจะพูดอะไรก็พูดได้

แต่มันนึกไม่ออกจริง ๆ ว่าอยากจะพูดอะไร แค่อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่พอคิดจะเรียบเรียงประโยคออกมาพูด มันทำไม่ได้
มันก็เลยมีแค่ประโยคง่าย ๆ ที่หวังว่ามึงจะเข้าใจ

“กูไม่รู้ว่ามาหามึงทำไม”

เหรอ

ไม่รู้เหรอ

เออช่างแม่งเหอะ ไม่รู้ว่ามาหาทำไมก็ไม่ต้องคิดมาก รู้ว่ามาแล้วก็พอ มันก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่หรอกกัส
กูก็ไม่รู้เรื่องบางอย่างเหมือนกันแหละ และกูก็ไม่ได้อยากให้มึงคิดมากจนไม่กล้าพูดกับกูด้วย

“กูก็....ไม่รู้ว่า.....รอมึง...ทำไมทุกวันเหมือนกัน”

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.79
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 09-06-2014 23:49:12
เวลาคือคำตอบของทุกสิ่ง :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.79
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 09-06-2014 23:53:55
 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.79
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 10-06-2014 00:33:15
 :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.79
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 10-06-2014 00:52:09
ติดเรื่องนี้มากกกก รีเฟรชทุก5นาที อ่านจบก็รออออออ อ่านไปก็เขิน :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.79
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 10-06-2014 01:10:26
โอ้ยยย น้องกัสสสส
โอ้ยยย พี่หยกกกก

พี่โหยกกกกก
 :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.79
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 10-06-2014 01:44:25
อ่านหยก กัส แล้วเดี๋ยวยิ้มเดี่ยวน้ำตาคลอ นี่เป็นอะไร สงสัยจะซึ้ง  :mew6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.79
เริ่มหัวข้อโดย: meeoldly ที่ 10-06-2014 03:10:50
อันทันแล้ววว  :hao5:

อ่านแล้วเหมือนใจจะาด :serius2:

สงสารจนน้ำตาไหล หวังว่าตอนจบคงไม่มีมาม่ารอนะค่ะ

 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.79
เริ่มหัวข้อโดย: Scream ที่ 10-06-2014 03:33:29
น้ำตาจะไหล  :sad4:
น้องกัสน่าสงสารจัง หยกรีบกลับมาเลย ฮือ
อีกสองคู่เป็นไงบ้างแล้ว ดูแลกัสดีๆนะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.79
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 10-06-2014 04:07:52
 :sad4: เป็นอีกเรื่องที่เสียน้ำตา
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.79
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 10-06-2014 06:48:40
อ่านไปร้องไห้ไป :mew4: สลับขำ :m20: เราเป็นไรไปเนี่ย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.79
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 10-06-2014 09:24:39
 :o12: :o12: :o12: :o12: รีบอัพไวๆนะคะ รออยู่ สงสารกัสจังงงงง  :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.79
เริ่มหัวข้อโดย: khuan ที่ 10-06-2014 13:20:18
พี่หยกค๊าบบบบบ  ทำงานเก็บเงินไวๆ กลับมาหาน้องกัสได้แล้ววววว  ป้าใจจะขาด
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.79
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 10-06-2014 14:08:13
หยกกลับมาหาน้องไวๆนะ
สงสารน้องมันอ่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.79
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 10-06-2014 15:24:29
โอย หยกนี่เป็นผู้ชายอบอุ่นจริงๆ ใจละลายกันไปเลย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.79
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 10-06-2014 15:45:38
รออยู่น้าาาาาา  :mc4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.79
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 10-06-2014 16:51:22
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#พูดไม่คิด

“ยังไง”

อะไรยังไง ไม่ยังไง ก็ไม่ได้อะไรยังไง

“เปล่า”

ไม่ใช่สิ ทำไมต้องเปล่าด้วย ทำไมถึงใช้คำตอบว่าเปล่า

“มึงบอกว่ารอ.....”

เฮ้ย พอ ๆ ไม่พูดแล้วเรื่องนี้ ไม่ต้องพูดมากแล้ว

“ไหนมึงจะอ่านกี่หน้านะเมื่อกี้บอกว่าอ่านเพิ่มกี่หน้า”

ไม่ใช่สิ
ไม่ใช่เรื่องอ่านกี่หน้า แต่ว่า....

“ยังไง”

ยังถามคำถามเดิม และก็เป็นหยกที่เริ่มทำหน้าแปลก ๆ ยังไงอะไรล่ะ เลิกถามได้แล้ว อ่านหนังสือ อ่านหนังสือได้แล้ว

“ไม่มีอะไรน่า”

ไม่อยากตอบเหรอ

“ยังไง”

ยังคงดื้อรั้นจะถามคำถามเดิม และหยกก็มองหน้ากัสตรง ๆ จ้องตรง ๆ ไม่ได้ยิ้มแต่มองตรง ๆ

“อยากรู้มากนักหรือไง”

ก็อยาก.... แต่ก็อาจจะ...ไม่อยากแล้วตอนนี้ กัสหลบสายตาคนที่จ้องมอง และหยกก็ทำแบบเดียวกับที่กัสทำ

“กัส”

ได้ยินว่าอีกฝ่ายเรียก แต่กัสไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามอง เลี่ยงด้วยการลุกขึ้นไปหยิบหนังสือมาเปิดอ่าน
บอกว่าจะอ่านเพิ่มอีกสองหน้า ก็จะพยายามอ่านให้ได้

จะพยายาม...

ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ หยกลุกขึ้นยืน ไม่ได้ไปนั่งข้างคนที่เปิดหนังสือภาพการ์ตูนและสะกดคำในใจ
เลี่ยงเดินไปนั่งที่เก้าอี้ และถอยห่างออกมา ถอยออกมานั่งอยู่ห่าง ๆ ทั้งที่สายตายังมองไปที่คนที่กำลังอ่านหนังสือ

กัสรู้ว่าถูกมอง และการถูกจ้องมองก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยสักนิด

เหลือบสายตาขึ้นมาและก็เห็นว่าอีกฝ่ายมองอยู่จริง ๆ มองแบบตรงๆ และกัสก็ก้มหน้าลงอีกครั้ง
ทำทีเหมือนสนใจกับการอ่านหนังสือ แต่ใจเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

ทำไมวะ มองหน้าทำไม หน้ากูมีอะไรให้มองวะ จ้องอยู่ได้

เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง และหยกก็ยังทำเหมือนเดิมคือจ้องไม่เลิก

มอง.......

“มองกูทำไม”

ถามออกไปเพราะไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง มองได้ก็มอง มึงมองกูก็มองบ้างแหละ ไม่ใช่ว่ากูจะต้องกลัว เวลาที่ถูกมอง

“แล้วมึงมองกูทำไมล่ะกัส”

ไม่รู้

ก็มึงมองกูก่อน กูก็มองกลับ

“ไม่รู้”

ใช้คำตอบแบบเดิม และเป็นหยกที่อมยิ้มน้อย ๆ กับคำตอบที่ได้รับ

มึงก็เป็นซะอย่างนี้ ตอบได้แต่แบบนี้ อะไรก็ไม่รู้ไว้ก่อน แล้วมึงจะรู้อะไรบ้างมั้ยเนี่ย ชีวิตมึงอ่ะ

“งั้นกูก็ไม่รู้ว่ามองมึงทำไมเหมือนกัน”

ไอ้หยก

โมโห
โมโห
หงุดหงิด
หงุดหงิด

แล้วทำไมต้องทำตัวไม่ถูกด้วย ทำไมถึงรู้สึกว่าตัวเองร้อนรนผิดปกติ

ทำไม....

ปิดหนังสือและวางทิ้งไว้บนเตียง

ไม่ชอบแบบนี้ ไม่ชอบเวลาที่ถูกมองแบบนี้ เหมือนกำลังถูกแกล้ง คล้ายกำลังถูกแกล้ง

ลุกขึ้นและก็เป็นหยกที่เรียกเอาไว้

“กัส”

ไม่ตอบ แต่กำลังจะเดินออกจากห้อง และเป็นหยกที่ได้แต่มองตาม

“ไอ้กัส มึงจะไปไหน”

ไม่รู้

ไปไหนก็ได้
ไปไหนก็แล้วแต่กู

“กัสไปไหน”

ไม่รู้

“ไปไหนกัส”

ลุกขึ้นและมายืนตรงหน้าของคนที่คิดจะเดินหนี ทำไมถึงเป็นคนไม่มีเหตุผลแบบนี้

ทำไมไม่เคยพูด ทำไมไม่เคยตอบ ทำไมไม่เคยบอกว่าอยากได้อะไร อยากให้ทำอะไร แบบไหนชอบ แบบไหนไม่ชอบ
ทำไมถึงต้องให้เดาความรู้สึก ทำไมถึงชอบให้สังเกตสีหน้า ทำไมถึงไม่พูดอะไรออกมาตรง ๆ

“ไปไหนบอกก่อน”

ไม่บอก
จะบอกได้ยังไง
กูไม่รู้จริง ๆ ว่าจะไปไหน

แค่ไปก่อน เดี๋ยวก็รู้เอง

“กัสจัง”

กูเกลียดวิธีการเรียกแบบนี้ ชื่อประหลาดแบบนี้กูไม่ชอบ กูเกลียดชื่อแบบนี้ กูเกลียด

“หลีก”

ผลักให้อีกฝ่ายออกห่าง และเป็นหยกที่คราวนี้ขมวดคิ้วมุ่น
อะไรอีก
เป็นอะไร

ทำไมถึงต้องโกรธขนาดนี้ ทำไมถึงทำเหมือนโมโหกันแบบนี้ แค่มึงบอกว่าจะไปไหนแล้วกูจะให้ไป บอกมาสักคำไม่ได้หรือไง หรือว่ากูมันไม่เคยมีตัวตนให้มึงต้องสนใจ

“แค่บอกว่าไปไหน บอกกูไม่ได้เลยเหรอกัส”

ก็มันบอกไม่ได้ จะให้บอกยังไง กูก็ไม่รู้ว่าจะไปไหนเหมือนกัน แล้วกูจะบอกได้ยังไง

“ไม่รู้”

ยืนยันคำเดิม และยังพยายามผลักอีกฝ่ายให้ถอยหนี ไม่อยากถูกขวาง ไม่ชอบ ทำไมต้องขวางทาง ทำไมถึงต้องไม่ให้ไป

กูจะไป

หลีก

หลีกเดี๋ยวนี้

ถ้าไม่หลีกนะ ถ้ามึงไม่หลีก......

“มึงจะต่อยกูหรือเปล่า ถ้ากูไม่ทำตามใจมึงบ้าง”

ต่อย

ถ้ามึงไม่หลีกกูจะต่อย

“ไม่รู้ หลีกสิวะ”

เออ ให้มันได้อย่างนี้

ให้มันได้อย่างนี้สิวะ
ทำตัวน่าโมโห กูไม่ใช่คนใจเย็นได้ตลอดเวลาหรอกนะ กูก็คนธรรมดา บางอย่างที่มึงทำ กูไม่เข้าใจ ยิ่งกูไม่เข้าใจ มึงก็ยิ่งไม่ยอมพูด

กูรู้มึงไม่ชอบพูด

แต่อย่างน้อยมึงก็น่าจะบอกอะไรกูบ้าง ว่ามึงไม่ชอบใจอะไร มึงน่าจะบอกกูบ้างว่าไม่พอใจอะไร กูทำตัวไม่ถูก

“มึงไม่มาเป็นอาทิตย์ ระหว่างนั้นมึงเคยนึกถึงกูบ้างมั้ยกัส”

นึกสิ

นึก

ทำไมจะไม่นึกถึงล่ะ มันอาจจะมากกว่าคำว่านึกถึงก็ได้ เพราะกูมาทุกวัน วนรถมอร์เตอร์ไซด์มาที่นี่ทุกวัน แค่กูไม่ขึ้นมาหามึงแค่นั้น

กูมาวันละหลาย ๆ ครั้ง ไม่ใช่มาแค่ครั้งเดียว

มึงไม่รู้หรอก ว่ากูมาที่นี่วันละหลายๆ ครั้ง แต่กูไม่รู้จะใช้เหตุผลอะไรมาหามึงดี กูไม่รู้จะใช้เหตุผลอะไร

มันจะดีหรือเปล่า ที่มานั่งอยู่เฉย ๆ กูไม่รู้ว่าควรต้องทำยังไง เลยได้แต่แหงนหน้ามองห้องมึง แล้วก็กลับไป

“ไม่รู้”

ยังยืนยันคำเดิม คำตอบที่หยกไม่อยากฟัง แต่ต้องฟัง ทำไมถึงไม่รู้วะ ทำไมถึงไม่รู้ มึงเคยรู้อะไรบ้างกัส มึงเคยรู้อะไรบ้างมั้ย
อะไรบางอย่างที่ผูกเราไว้ด้วยกัน มึงรู้มั้ยว่ามันคืออะไร ถ้ากูจะถามแล้วมึงเคยคิดจะตอบบ้างมั้ย

“มึงเคยรู้อะไรบ้าง”

“ไม่รู้”

“มึง....นี่นะ ทำไมถึงได้ทำตัวกวนตีนขนาดนี้วะ กูไม่ใช่พ่อแม่มึงนะ ถึงจะต้องมาอดทนกับมึง”

นิ่ง

กัสถึงกับหยุดชะงักนิ่งค้างกับสิ่งที่ได้ยิน

มองหน้าของหยกตรงๆ คำพูดบางอย่างบางครั้งคนพูดไม่ทันคิด แต่คนฟังคิดไปไกลแสนไกล

ใช่....

มึงไม่ใช่พ่อ.........กู

แล้วมึงก็ไม่ใช่.....

..............แม่................

สิ่งที่หยกพูด มันทำให้กัสรู้สึกว่าหัวใจหล่นวูบ ลมหายใจกระตุก ชั่วขณะหนึ่งที่สบตากับดวงตาของคนที่จ้องมองมา
สิ่งที่กัสส่งกลับไปถึงหยกคือความปวดร้าว

ความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวจากภายในใจ

เจ็บปวดเหลือเกิน...กับคำพูดที่หยกไม่ทันรู้ตัวว่าเผลอทำร้ายใครบางคน ด้วยคำพูดเพียงแค่คำเดียวที่ไม่ทันคิด

“มึงไม่ใช่พ่อแม่กูไง เพราะมึงไม่ใช่ไง กูถึงได้มาอยู่ที่นี่”

หมายความว่ายังไงกัส ที่พูดหมายความว่ายังไง

“เพราะมึงไม่ใช่พ่อไง มึง........ไม่เหมือนพ่อเลยสักอย่างเดียว”

ใช่กูไม่ใช่พ่อมึง แต่ว่านะกัส ทำไมมึงถึงต้องทำเหมือนโกรธกูขนาดนี้ ทำไมถึงได้ มองกูแบบนี้

“แล้วก็เพราะมึงไม่ใช่แม่.....มึงไม่ใช่แม่กูด้วย มึงไม่ใช่”

กูไม่ใช่

นั่นถูกแล้ว แต่ว่ากู..........

“เพราะมึงเป็นมึง กูถึงมา ก็เพราะว่ามึงเป็นมึงกูเลยต้องมาอยู่ที่นี่...เพราะว่า....อึก”

หยุดพูด เพราะรู้สึกว่าน้ำตากำลังจะไหล ยกหลังมือปิดปากของตัวเอง และกำลังจะเดินหนีจากไปแต่ช้ากว่าหยกที่คว้าแขนเอาไว้ และดึงให้คนที่เดินหนีหันมาเผชิญหน้ากันตรง ๆ

“ไม่ให้ไป”

จะไป

“กูจะไป”

แล้วถ้าไม่ให้ไป มึงจะทำไมกัส ถ้ากูไม่ให้มึงไป มึงจะทำไม

จะต่อยกูจริง ๆ ใช่มั้ย มึงจะทำแบบนั้นกับกูจริง ๆ ใช่มั้ย

“มึงจะต่อยกูเหรอกัส มึงทำได้ลงคอเหรอ มึงจะทำแบบนั้นกับกูจริง ๆ หรือไง”

กูจะทำ

กูจะทำแน่ ๆ

ยังไงกูก็จะทำ

“ไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้จะไปไหน ก็อยู่นี่ ถ้ามึงไม่รู้จะไปไหนก็อยู่ที่นี่ก่อน กูพูดไม่ดีกับมึงกูขอโทษ แต่มึงอย่าไปไหนเลย ได้มั้ย”

ไม่...
กูไม่เข้าใจหรอก
อย่าใจดี

อย่ามาทำเป็นใจดี
อย่าทำแบบนี้
อย่า....

พยายามแล้ว แต่ความรู้สึกมันยากเกินห้ามไหว น้ำตากำลังหยดและเป็นหยกเองที่รู้สึกเหมือนหัวใจกำลังจะหลุดออกมาจากอกเพราะเห็นน้ำตาของคนที่อยู่ตรงหน้า

กัส...

ไอ้กัส...

ไอ้โง่กัส

ไอ้กัสเอ้ยยยยยยยยย ไอ้.....

คว้ามากอด

รั้งเข้ามากอด

ขัดขืนก็จะกอด ยิ่งหนียิ่งจะกอด จะกอดให้พอใจ จะกอดจนกว่าจะหยุดร้องไห้ จะกอดเอาไว้แบบนี้ แม้ไม่เต็มใจให้กอด ก็จะกอดเอาไว้

“มึงไม่ใช่พ่อแม่กูนะ มึงไม่ใช่ อึก ไม่ใช่นะไม่....ใช่”

กูรู้แล้วกัส
กูไม่ใช่หรอก กูไม่ใช่พ่อแม่มึง กูไม่ใช่ ตอนนี้กูยิ่งกว่ารู้ว่ากูไม่ใช่ เพราะกูไม่ใช่ มึงถึงได้มาหากู เพราะว่ามึงรู้ว่ากูไม่ใช่

“กูขอโทษที่พูดไม่รู้จักคิด แต่มึงจำกูแบบนี้ก็ดีแล้ว กูหยกนะ กูชื่อหยกนะกัส มึงห้ามลืมกูเด็ดขาดนะ กูชื่อหยก อย่าลืมกูเด็ดขาด มึงต้องนึกถึงกูเยอะ ๆ มึงต้องคิดถึงกูที่สุดมากกว่าใคร ๆ มึงต้องจำกูไปจนวันตาย”

ย้ำให้ฟัง

ไม่รู้เพราะอะไรถึงทำแบบนั้น

แต่กอดเอาไว้ โอบกอดร่างกายที่สั่นสะท้านของคนในอ้อมแขนเอาไว้แน่น

กอดแน่น พูดบางอย่างซ้ำ ๆ ทำอย่างนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า และแตะฝ่ามือเบา ๆ ไปที่แผ่นหลังของร่างที่กำลังสั่นสะท้านลูบไล้ปลอบโยนให้อีกฝ่ายคลายจากความรู้สึกเสียใจ

“ทำไมกูต้องอดทนกับมึงขนาดนี้ด้วยวะกัส....กูไม่เคยรู้สึกกับใครขนาดนี้มาก่อนเลยนะ มึงรู้บ้างมั้ยทำไมกูถึงได้รอมึงทุกวันแบบนี้ และอยากให้มึงคิดถึงแต่กูเยอะ ๆ แบบนี้”

เอ่ยบอกถ้อยคำบางอย่างออกไป และกัสก็ตอบอะไรไม่ได้ นอกจากร้องไห้

ทำไมต้องร้องไห้

แค่หยกบอกว่าไม่ใช่พ่อไม่ใช่แม่ ไม่เห็นจำเป็นต้องอดทนด้วย แล้วทำไมต้องร้องไห้

ทำไมถึงได้ร้อง

ทำไมถึงได้เสียใจ

ทำไมถึงเสียใจ

ทำไม

“ไม่รู้....กูไม่รู้”

ใช่ มึงไม่รู้ ไม่เป็นไรกัส ไม่ต้องรู้หมดทุกเรื่องก็ได้ กูเองก็ไม่รู้เรื่องอะไรเยอะแยะ เรื่องของโลกใบนี้มีหลายเรื่องที่กูไม่รู้และไม่เข้าใจเต็มไปหมด

“อย่าร้องไห้เลย มึงร้องแล้วกูจะขาดใจ”

ได้แต่พูดซ้ำ ๆ ได้แต่ปลอบใจซ้ำ ๆ ด้วยคำพูดเดิม ๆ และเป็นกัสที่เหมือนจะเข้าใจบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาลาง ๆ
ที่อยากมาหาหยกมันไม่ใช่ความรู้สึกธรรมดา ที่อยากมาเจอ อยากมาอยู่ใกล้ ๆ ไม่ใช่เรื่องธรรมดา

ที่รู้สึกดีเวลาถูกโอบกอด ที่รู้สึกดีเวลาที่หยกยิ้มให้ไม่ใช่ความรู้สึกธรรมดา แต่เป็นความรู้สึกพิเศษที่แตกต่างออกไป

หยกเท่านั้น หยกที่แตกต่างจากคนที่อยู่รอบข้างทั่วไป

……อย่าทิ้งกูนะหยก.......อย่าเมินเฉย อย่าทำเหมือนไม่สนใจ อย่าทำเหมือนกูไร้ค่าไม่มีตัวตน เหมือนที่ใคร ๆ ทำ อย่าทำแบบนั้นกับกู เพราะกูคงทนอยู่ต่อไปไม่ไหว

“ไอ้กัสเอ้ยยยยย มึงนี่นะ อะไรของมึงนักหนาวะ มึงทำให้หัวของกูมีแต่เรื่องของมึงเต็มไปหมด แค่มึงร้องไห้กูก็จะขาดใจตายแล้ว มึงช่วยรู้สักทีเถอะ ว่าที่กูเป็นแบบนี้เฉพาะกับมึงมันเป็นเพราะอะไร มีแต่มึงเท่านั้นแหละที่ตอบได้ จะเพราะอะไรก็เถอะ มึงช่วยบอกที”

อย่าถามเลย เรื่องยาก ๆ แบบนั้น แค่เรื่องง่าย ๆ กูยังไม่มีปัญญาตอบเลย เรื่องยากแบบนั้นยิ่งแล้วใหญ่ กูจะเอาปัญญาที่ไหนมาตอบ

แต่แค่มึงกอดกูแบบนี้ มันก็ทำให้กูมีความสุขที่สุดแล้ว แค่มึงทำแบบนี้ กูก็รู้ว่ากูมีความสุขที่สุดแล้ว

“มึงไม่ใช่พ่อแม่กูนะหยก ฮืออออ”

กูรู้แล้ว
กูรู้แล้วว่าไม่ใช่ และกูก็ไม่ได้อยากเป็นพ่อแม่มึงด้วย กูอยากเป็นแบบนี้แหละ อะไรก็ได้ที่มึงตอบว่าไม่รู้

อะไรก็ได้ที่มึงไม่รู้ว่ากูคืออะไรสำหรับมึง อะไรก็ได้ ให้กูเป็นอะไรก็ได้ แล้วแต่มึงจะคิด

“สักวันถ้ามึงตอบได้ มึงต้องบอกกูนะกัส ถ้ามึงตอบได้ว่ากูเป็นอะไรสำหรับมึง มึงต้องบอกกูเข้าใจมั้ย”

เข้าใจ

เข้าใจแล้ว

เข้าใจ

จะตอบ
จะบอกคนแรก จะบอกว่ามึงคืออะไรสำหรับกู ไม่ลืม ยังไงกูก็จะบอกมึงแน่ ๆ แต่ขออย่างเดียว

อย่างเดียวที่ขอ อย่าทิ้งกูไป อย่าจากไปไหน อยู่ตรงนี้ รอคำตอบของกู แค่มึงรอนะหยก แค่มึงรอ

....และกูเชื่อว่าคำตอบที่ได้ มันจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด และเป็นคำตอบของมึงเพียงแค่คนเดียว.....

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.80
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 10-06-2014 17:01:52
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#(นิว-โจ้) ทะเลาะ

ถ้าใจไม่มีให้ แล้วทำไมยังจะดึงดัน และฝืนจะเข้าใกล้ เข้าไปหา

แบบนี้เรียกว่าเหี้ย แบบนี้เรียกสันดานเสีย เหี้ยแบบรู้ตัว แต่ก็ยังจะทำ

“มึงอยากรู้มั้ยว่าหยกที่ไอ้กัสมันชอบพูดถึงอยู่บ่อย ๆ เป็นใคร”

นิวกำลังอมยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก มองหน้าของคนที่นั่งตัวตรง และเมินมองไปทางอื่น เริ่มพูดอะไรไปเรื่อย ๆ แม้อีกฝ่ายไม่อยากฟัง

“อยากได้ไอ้กัสมากล่ะสิ แต่อย่าฝันเลย เมื่อกูไม่ได้ คนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์ได้ คนที่ควรต้องได้ ก็คือคนที่ควรต้องได้และไม่ใช่ทั้งมึงทั้งกู”

หมายถึงใคร พูดแบบนี้หมายถึงใคร

ไอ้หยกห่าอะไรนั่นเหรอ มีตัวตนจริงหรือเปล่ายังไม่รู้เลย อย่ามาใช้วิธีการหลอกเด็กให้ยาก กูอาจจะเชื่อ แต่กูไม่ทำตาม แล้วมึงจะทำไม

“แบบมึงนะโจ้ แถวบ้านกูเรียก.....เลว”

ไอ้นิว

โจ้ลุกขึ้นยืนและกระชากคอเสื้อของคนที่พูดบางอย่างให้ลุกขึ้นตาม รอยยิ้มเย็นๆ แต่แววตาดุดัน สำหรับโจ้สิ่งที่เห็น โจ้เรียกสายตาแบบนี้ว่าสายตาที่น่าเกลียดชัง

น่าชิงชัง

“ตั้งแต่คราวตองแล้ว มึงจะเอายังไงกับกูก็ว่ามาไอ้นิว”

คราวตองเหรอ

นั่นกูหลีกทางให้ ทั้งที่ใจกูเจ็บ กี่ครั้งแล้วที่ต้องเป็นแบบนั้น เพราะกูรู้ว่าตองไม่เลือกมึง และตองก็ไม่เลือกกู กูเลยใช้วิธีที่ตัวเองเจ็บปวดน้อยที่สุด

แล้วสิ่งที่มึงทำคืออะไร อยู่ใกล้ ๆ และทำเหมือนตองมีใจให้มึง ถามจริง ๆ เถอะ มึงคิดว่าความใกล้ชิดของมึงจะทำให้ใครบางคนแพ้ใจให้มึงหรือไง การทำแบบนั้น มันเรียกว่าแอบแฝง มึงมีเจตนาอย่างอื่นมากกว่าจะมีน้ำจิตน้ำใจที่ดีให้

ซึ่งกูไม่ชอบ

ไอ้หยกเป็นเพื่อนกู และกูก็ไม่ต้องการให้ใครมาทำให้เพื่อนกูเจ็บปวด ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม เพราะมันเป็นเพื่อนกู กูถึงไม่ทำเรื่องเลว ๆ ที่เป็นการทำร้ายและหักหลังมัน

แต่มึงไม่ใช่
เราไม่ได้เป็นอะไรกัน

มึงก็อยู่ส่วนมึง มึงควรอยู่ในส่วนของมึง แต่มึงไม่อยู่ มึงดิ้นรน จะเข้ามาในพื้นที่ส่วนของเพื่อนกู และมึงดิ้นรนที่จะมายุ่งวุ่นวาย กับของ ของเพื่อนกู มันฝากของกูเอาไว้ กูก็มีหน้าที่ดูแลปกป้องก่อนที่เจ้าของเขาจะกลับมาเอาของเขาไป

ส่วนมึง ที่คิดจะมาคว้าเอาไปง่าย ๆ กูคงไม่ใจดีปล่อยให้มึงทำแบบนั้น

“ความดีในแบบเหี้ยๆ ของมึงไม่มีใครเขาอยากได้หรอก มึงก็อยากได้ แต่ทำเป็นคนดีปกป้อง กูเลวเพราะกูเลว แต่มึงเลวแล้วทำเหมือนตัวเองดี”

โจ้กำลังด่านิว

แต่นิวยิ้ม
แสยะยิ้ม และมองตรงมา

กูไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น นั่นมึงคิดไปเองคนเดียว

“ดีหรือเลว.....มันไม่ได้มีผลอะไรกับของที่มึงอยากได้หรอก ใจมันไม่เคยมีไว้ให้มึง หรือแม้แต่จะมีให้กูแค่เศษเสี้ยวก็ไม่มีขนาดมันจำอะไรไม่ค่อยได้ ใจมันยังคิดถึงแต่ไอ้หยกเลย แล้วมึงจะเอาอะไรมาสู้”

กูมีก็แล้วกัน

“เพราะฉะนั้นนะโจ้ มึงอย่าสะเออะ ยุ่งกับของ ของเพื่อนกู”

นิวจับมือที่ดึงคอเสื้อออก และปัดไปที่ไหล่ของตัวเอง

“เพราะมันจะเป็นเสนียด”

ไอ้นิว

โจ้แทบจะกระโจนเข้าหาคนที่พูดจาบางอย่าง คำพูดที่ไม่น่าจะมีใครทนรับฟังได้ แต่นิวกลับพูดมันอย่างง่ายดาย พร้อมรอยยิ้มหยันที่โจ้ได้แต่กัดฟัน

กูไม่ทน ไม่มีเหตุผลอะไรที่กูจะต้องทนฟังคำพูดของมึง

“กูเกลียดมึง”

แล้วคิดว่ากูชอบมึงหรือไง

“โจ้เอ้ยยยย มึงก็น่าจะคิดได้ ว่ากูไม่จำเป็นต้องสนใจที่มึงพูด”

นิวยังคงยิ้มได้เสมอ แต่โจ้กำลงคลุ้มคลั่งเหมือนคนบ้า โมโหจนสั่น แต่ทำได้แค่ยืนกัดฟันและจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาอาฆาตมาดร้าย

“ใจเย็น ๆ สิ มึงกับกูยังต้องเจอกันอีกนาน ทะเลาะกันตอนนี้ก็ลำบากแย่สิวะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับกู กูคงต้องบอกไอ้กัสว่า โดนมึงทำอะไรบ้าง”

ใช่

คงต้องบอก

“มึงคงได้บอกแน่ ๆ ถ้ามึงกล้า”

จ้องหน้าของอีกฝ่ายด้วยสายตาอาฆาตมาดร้าย
นิวขมวดคิ้วมุ่น เพราะไม่เข้าใจความหมาย ไม่เข้าใจว่าโจ้กำลังพูดอะไร และกำลังพยายามคาดเดา

“อย่าลืมบอกให้หมดก็แล้วกัน ว่าปากมึงแตกเพราะอะไร”

อะไร

ปากแตกเพราะ........

เป็นโจ้ที่เหลียวมองไปรอบตัว

มืดแล้ว

เป็นเวลาเย็นย่ำ ที่ไม่มีผู้คนหลงเหลืออยู่ภายในที่แห่งนี้อีก สนามฟุตซอลไม่เหลือผู้คน
รอจนมืดค่ำเพื่อส่งใครบางคนกลับบ้าน

ไม่ได้อยากรอพร้อมกับไอ้มนุษย์เหี้ย ที่พูดจากวนตีนและอ้างแต่เรื่องเฝ้าของ ไม่ได้อยากรอและไม่เคยคิดอยากเห็นหน้ามันสักนิด แต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่เคยอยากเห็นหน้ามัน

“บอกให้หมดว่าปากมึงแตกเพราะอะไร”

กระโดดเข้าหา ล็อคคอของอีกฝ่ายเอาไว้ และกระแทกริมฝีปากหนัก ๆ เข้าไปที่ริมฝีปากของคนที่ยังยืนนิ่งทำหน้างง

กระแทกแรงอย่างไม่น่าเชื่อ และนิวก็ผลักอกของอีกฝ่ายออกห่าง ไม่ใช่แค่กระแทกริมฝีปากลงมา แต่ไอ้โจ้มันกัด
มันกัดที่ที่ริมฝีปากและนิวก็รู้สึกถึงอาการเจ็บแปลบ และได้กลิ่นคาวเลือด

“อื้ออออออออออ ไอ้ อื้อออ เหี้ยโจ้”

ผลักใบหน้าของอีกฝ่ายออก และโจ้ก็ยอมปล่อย ผละออกมายืนห่าง ๆ และหอบหายใจหนัก ใช้หลังมือเช็ดถูไปที่ริมฝีปากของตัวเอง และเป็นนิวที่เจ็บจี๊ดจนต้องใช้ลิ้นเลียเลือดที่ริมฝีปากของตัวเอง

“ปัญญาอ่อน ไอ้เหี้ยโจ้”

ตะโกนด่าเสียงดังลั่น และรู้สึกถึงความโมโหอย่างรุนแรงที่ตีตื้นขึ้นมาจนห้ามไม่อยู่

ทำอะไรล่ะ

กูทำอะไร

ต่อยมึงไม่ได้ แล้วยังไง นึกว่ากูไม่กล้าทำอะไรอย่างอื่นหรือไง แค่นี้ ก็ถือว่ากูได้เอาคืน

ปากอย่างมึง มันก็ต้องเจอแบบนี้ เล่นบทคนดีห่าเหวอะไรอยู่ได้ แล้วกูอยากเล่นบทคนดีกับมึงมั้ย

“สะใจมึงมั้ยล่ะ”

นิวกำลังโมโห แต่ต้องพยายามระงับอารมณ์และบังคับใจตัวเอง

ใจเย็นไว้
ใจเย็นไว้

แค่ควบคุมสถานการณ์ไม่ใช่เรื่องยาก ใจเย็นไว้ ใจเย็นไว้ กูต้องคุมสถานการณ์ให้ได้

“สัด”

คิดว่าคุมได้ เหมือนจะคุมได้ แต่ก็เหมือนคุมไม่ได้ ที่คุมไม่ได้ไม่ใช่สถานการณ์ แต่เป็นอารมณ์โกรธของตัวเอง

“แล้วไง ไอ้เหี้ยนิว มึงมันก็คนดีแต่เปลือก แน่จริงมึงก็บอกไอ้กัสมันสิ มึงบอกให้ได้แล้วกัน ว่ามึงปากแตกเพราะอะไร ใครทำมึง”

แน่ล่ะ กูจะบอกได้

ยังไงกูก็บอกได้แน่
ไม่ต้องมาทำเป็นพูดหรอก ยังไงกูก็บอกได้แน่ ๆ

“กูจะบอกว่ามึงอยากได้มันมาก คิดอะไรไม่ออก เลยคลั่ง”

ใช่

กูอยากได้มาก
กูอาจจะคลั่ง

แล้วกูก็หาที่ลงไม่ได้

“แล้วกูก็มาลงที่มึงไง”

แสยะยิ้ม และเหมือนว่าตัวเองจะเป็นผู้ชนะ แต่โจ้คิดผิด เพราะเมื่ออีกฝ่ายควบคุมอารมณ์ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างนั้น

“เปล่า มึงไม่ได้มาลงที่กูหรอก..........กูก็แค่สงเคราะห์หมาขี้เรื้อนตาดำ ๆ ตัวหนึ่งแค่นั้น.....ที่มึงทำมันเด็กๆ กลับบ้านไปนอนคิดมาใหม่นะ ไอ้วิธีการโง่ ๆ แบบมึงเนี่ย ใครรู้เข้าคงสมเพชน่าดู เอาเป็นว่ากูจะไม่พูดอะไรมากนัก ที่แล้วก็แล้วกันไป”

เพราะแบบนี้กูถึงเกลียดมึง
เพราะแบบนี้กูถึงเกลียดมึงมากไงนิว

เพราะมึงเป็นแบบนี้ เพราะมึงมันเย็นยะเยือกและน่าชิงชังแบบนี้ กูถึงได้เกลียดมึงนัก

มึงอาจจะเล่นบทคนดีกับใคร ๆ มึงอาจเป็นเจ้าชายแสนดีกับคนอื่น แต่มึงไม่เคยทำแบบนั้นกับกู

มึงเลวได้ถึงที่สุดเวลาที่อยู่กับกู มึงใช้คำพูดได้เหี้ยที่สุดเวลาที่อยู่กับกู

มึงมัน.............

“โจ้ กูสงสารมึงนะ ที่คิดว่าฉลาดแล้วแต่ที่ไหนได้ มีแต่วิธีการโง่ ๆ ทำอะไรได้แค่ตามอารมณ์ไม่ใช้สมองคิดให้ถี่ถ้วน ไม่เคยมีแผนการณ์ล่วงหน้า ผลสำเร็จมันก็เลยมีแค่นี้”


เป็นโจ้ที่กำลังจะคลั่ง
และนิวก็เดินเข้ามาหา แตะมือที่ริมฝีปากของตัวเองที่ยังมีหยดเลือดและป้ายไปที่เสื้อของโจ้ช้า ๆ สายตาเย็นยะเยือกจ้องมองไปที่ใบหน้าและแววตาที่กำลังวาวโรจน์เพราะอารมณ์โมโหที่กำลังพุ่งทะยานขึ้น

“ไหน ๆ กูก็ได้เลือดแล้ว ก็ฝากไว้กับเสื้อมึงหน่อยแล้วกัน”

ขยะแขยง

กูไม่ได้อยากให้เลือดมึงมาอยู่ที่เสื้อกูสักนิด

“มึงมันน่าสมเพช รักให้ตายก็ไม่มีใครเอาหรอก ตัดใจซะตอนนี้ดีกว่ามั้ง หรือถ้ามันตัดใจยากมากนักก็ไปตายซะ จะได้ไม่ต้องลำบากคนอื่นเขา คนอย่างมึง....ก็ได้แต่แฝงตัวแบบนี้ไปวันๆ แหละวะ .....ขนาดอยู่ใกล้ ตองยังไม่เอามึงเลย แล้วคิดเหรอว่าไอ้กัสมันจะเอา......ฝันไปหรือเปล่า....ถ้ายังไม่ตื่นจากฝันกูจะช่วยปลุกก็ได้นะ”

ไม่ใช่แค่พูด แต่นิวส่งยิ้มให้โจ้

ยิ้มเย็น ๆ

และไม่กี่นาทีถัดมา โจ้ก็ล้มคว่ำลงไปกอง เพราะกำปั้นหนัก ๆ ที่ซัดแรงๆ ไม่ยั้ง ก่อนจะถูกกระชากคอเสื้อขึ้นมา
และนิวก็ชี้หน้าคนที่มีเลือดกลบปาก

“นี่สำหรับวิธีการโง่ ๆ ของมึง แค่สั่งสอนนะ ของจริงเก็บไว้ให้ลุ้น วันหลังถ้าคิดจะทำแบบนี้ก็ปรึกษากันบ้าง ทำแบบนี้กูก็เขินแย่.....ไม่ยักรู้ ว่ามึงอยากดูดปากกู ถ้าอยากขนาดนั้น กูจะสงเคราะห์ให้ก็ได้ แต่เอาไว้วันหลังนะ วันนี้กูไม่ว่างแล้ว นัดเด็กไว้ อย่าลืมบอกไอ้กัสด้วยนะ ว่ากูสงเคราะห์อะไรมึงบ้าง มันจะได้ซึ้งใจว่ามึงรักมันมากขนาดไหน เผื่อบางทีเผลอ ๆ มันอาจจะมีใจให้มึงนิดหน่อยก็ได้ ในฐานะที่มึง.........เสียสละ หน้าให้กูต่อยเล่น....เพื่อมัน”

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.80
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 10-06-2014 18:29:37
เหยดดดดด
นิวโจ้ๆๆๆๆๆ(อย่าสลับเป็นโจ้นิวนะ เงิบเลยทีเดียว)
รอพี่หยกกลับมาาาาาา
รู้สึกว่าตอนแรกที่อ่านตอนพี่หยกจะไป กัสเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลย แต่ทำไมพออ่านอดีตก่อนไปแล้ว เราว่าตอนหยกพูดแบบนั้นกัสน่าจะคิดและรู้สึกอะไรบ้างนะ ใจแข็งมากอะ บอกเลย  พี่หยกกลับมาเร็วๆๆๆนะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.80
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 10-06-2014 19:28:33
พี่หยกกก เมื่อไหร่จะกลับปล่อยให้คู่รองเค้าตีกันจะตายอยู่แล้ว น้องกัสรอยู่
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.80
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 10-06-2014 19:45:56
โจ้-นิวตีกันแล้ว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.80
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 10-06-2014 19:48:01
ยังคงบอกตัวเองต่อไปว่านิวโจ้ลูกดก 55555  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.80
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 10-06-2014 20:19:17
นิวโจ้คู่นี้ดุเดือดถึงขั้นแจกเลือดกันทีเดียว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.80
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 10-06-2014 21:13:45
กัดกันฟัดกันโหดดีคู่นี้ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.80
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 10-06-2014 21:38:36
หยกเอ๊ยยยย เก็บเงินได้เท่าไหร่แล้ววว เมื่อไหร่จะกลับมาซะที  :ling2:

โจ้กะนิวนี่รักกันแบบมันส์ดีวุ้ยยย  :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.80
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 10-06-2014 21:48:37
หยกรีบเก็บเงินไวๆนะ น้องกัสจังรออยู่  :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.80
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 11-06-2014 01:18:08
หยกมาหากัสจังเร้วววว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.80
เริ่มหัวข้อโดย: Scream ที่ 11-06-2014 03:08:42
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด นิวโจ้นี่น่าลุ้นมากกกก
ชอบแนวนี้ อ๋ายยยยยยยย หยกรีบกลับมาหากัสเร็ว T^T
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.80
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-06-2014 04:40:07
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#(นิว-โจ้) น่าจะบอกตั้งแต่แรก

ปากแตกด้วยกันทั้งคู่ ไม่มีอะไรแตกต่าง ต่างกันอยู่อย่างเดียว คือ นิวยิ้มเย็น ๆ ส่วนโจ้กำลังหงุดหงิดเหมือนหมาบ้า

“อากาศช่วงนี้ร้อนนะว่ามั้ยวะ”

นิวอมยิ้มและเริ่มพูดคุยกับคนที่นั่งตาลอยอยู่ข้าง ๆ พูดให้คนหนึ่งฟัง แต่อีกคนกำลังถลึงตาใส่ เพราะรู้เจตนาคนพูดและต้องพยายามปั้นหน้าและมองหน้ากัสที่กำลังมองคนสองคนที่มีสภาพไม่ต่างกัน

“อ้าวโจ้ มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ยกูเพิ่งเห็น”

กูนั่งอยู่ตั้งนานแล้ว เสือกบอกว่าเพิ่งเห็น ไอ้เหี้ยนิว
นิวนั่งกินข้าวอย่างมีความสุข แต่โจ้กำลังอยากจะเอาจานข้าวยกราดหัวไอ้คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

“สัดนิว”

ได้แต่สบถและพึมพำเสียงเบา และเป็นนิวที่หัวเราะร่วนชอบใจ

“แหมข้าวมื้อนี้มันอร่อยจังว๊า”

เออมึงอร่อย แต่กูอยากกระทืบมึงให้ตายคาตีนตอนนี้เลย สันดานแบบนี้ แม่งไม่ตายดีแน่ ๆ

“....นิว”

อือ

นิวมองคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ และกัสก็หรี่ตามอง มองหน้าของนิว มองด้วยความสนใจ

“...ใคร...ทำ”

อ๋อ

เนี่ยเหรอ ไม่มีใครหรอก

“โดนไอ้โจ้กัด”

ตอบออกไปง่าย ๆ และเป็นโจ้ที่ถึงกับสำลักข้าว ข้าวพุ่งออกมาจากปากทันที และต้องรีบยกมือทุบหน้าอกตัวเอง สำลักเม็ดข้าวจนหน้าดำหน้าแดง

“แอ่ก แค่ก แค่ก อ่อก แอ่ก”

“พอดีเมื่อวานเรากัดปากกันเล่นนิดหน่อย”

ยังไม่ยอมหยุด ยังไม่ยอมเลิกพูด แถมตีหน้าเฉยเหมือนเรื่องที่พูดเป็นเรื่องธรรมดา นิวมองโจ้ที่สำลักข้าวเฉย แทนที่จะช่วย กลับเลิกคิ้วขึ้นสูงและเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงปกติ

“อ้าวสำลักข้าวเหรอ มึงก็ใจเย็นโจ้ ค่อย ๆ เคี้ยวข้าวสิวะ กินไปโมโหไปแบบนี้ ก็สำลักกันพอดี อย่าเพิ่งโมโห”

ไอ้เหี้ยใครไม่โมโหก็บ้าแล้ว มึงเลยคำว่ากวนตีนไปไกลสุดกู่แล้ว มึงมันมนุษย์เหี้ยตัวจริง

“ไอ้แอ่ก แค่ก ๆ”

เหมือนคนบ้าและยกหลังมือขึ้นเช็ดปาก แต่เผลอไปโดนแผลที่ริมฝีปากเต็ม ๆ

“โอ้ยยยยย ไอ้นิว มึง แอ่ก แค่ก แค่ก”

ไม่รู้ว่าจะเริ่มแก้ปัญหาตรงไหนดี หยุดโมโห หรือหยุดสำลัก เลือกไม่ถูก สุดท้ายเป็นกัสที่ส่งแก้วน้ำให้

“กินก่อน”

แม่ง

รับแก้วน้ำมายกขึ้นดื่มด้วยความโมโห และสายตาก็ยังจับจ้องมองใบหน้าราบเรียบนิ่งสนิทของคนที่ทำให้ต้องสำลักข้าวไม่เลิก

“ก็มึงให้กูบอกได้”

ยังมีหน้ามาทำเหมือนเรื่องที่พูดเป็นเรื่องปกติธรรมดา มึงพูดได้ยังไง สัดนิว แบบนี้มันตรงเกินไปแบบนี้มันเกินไปแล้ว
แล้วยังจะลอยหน้าลอยตาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มึงยังกินข้าวได้เฉย ๆ แต่กูนี่สติแตกไปแล้ว

“โว้ยยยยยยยยย แอ่ก แค่ก ๆ”

ไม่รู้ต้องทำยังไง หันรีหันขวาง และทั้งกัสทั้งนิวก็มองหน้าโจ้พร้อมกัน

คนหนึ่งงงจริง ส่วนอีกคน แกล้ง...งง

“เป็น...อะไร”

เป็นอะไรล่ะ ไม่ได้เป็นอะไรหรอก กำลังจะเป็นบ้า เพราะไอ้สัดนิวนี่แหละ

ยอมสงบสติอารมณ์และลงมานั่งทั้งที่อาการสำลักข้าวยังไม่หายดี มองหน้าของคนที่ตาลอย และหรี่ตาเป็นพัก ๆ ถึงเริ่มตั้งสติได้
มองหน้าของกัส มองนิ่ง ๆ จ้องตรง ๆ และกัสก็มองตอบ มองและกระพริบตาเรื่อย ๆ
พิจารณาที่คิ้ว ดวงตา ข้างแก้ม จมูก เรื่อยมาจนถึงริมฝีปากของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

มองแล้วก็เริ่มยิ้ม

ยิ้มให้โจ้

อะไรวะ

อะไรเนี่ยะ
อะไร....ของมึงวะ
เล่นเอากูไปต่อไม่เป็นเลย โมโหอยู่ดี ๆ ตอนนี้หายโมโหซะงั้น

“เรื่องที่จะไปดูหนังด้วยกัน...เดี๋ยวพ่อมึงมา กูบอกเลยนะ พ่อมึงคงไม่ว่า กลับดึกหน่อย แต่เดี๋ยวกูไปส่ง คงไม่เป็นไร”

ดูหนังเหรอ

ดูหนัง ด้วยกันเหรอ

“จะ...บอก....พ่อ...ให้....ใช่ ใช่ ใช่ มะ มั้ย”

ใช่ จะบอกพ่อมึงแล้วก็ถ้าพ่อมึงไม่ว่าอะไรก็ จะได้ไปกัน

“นิวไป...ด้วย...นะ นะ นะ”

แน่นอนไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก แค่พูดคำว่า "นะ" ครั้งเดียวกูก็ไปแล้ว นี่พูดมาสามครั้งเลยนะ ใครไม่ไปก็บ้าแล้ว

“ไปดิ”

เหี้ยยยยยยย

“มึงจะไปทำเหี้ยอะไรวะ”

โจ้หันไปมองหน้าของคนที่จะไปด้วย แล้วก็ถลึงตาใส่
หงุดหงิด หงุดหงิด มึงเป็นอะไรของมึงนักหนาวะ จะไม่ปล่อยเลยหรือไงแม่ง

“เสือกอะไรกับมึง กูไปดูไม่ได้ไปดูบนหัวมึงแล้วกันไอ้โจ้”

แต่นี่มันยิ่งกว่าไปดูบนหัวกูอีก สัดนิว มึงนี่มัน....มึงทำหน้าที่ผู้พิทักษ์ได้สมบูรณ์แบบมากเกินไปแล้ว

อย่าเผลอเชียวนะมึง

อย่าเผลอก็แล้วกัน

ต่างคนต่างไม่ชอบสิ่งที่อีกฝ่ายทำ คนหนึ่งหงุดหงิด อีกคนไม่พอใจ
โจ้กำลังหงุดหงิดโมโห และนิวก็กำลังรู้สึกไม่พอใจสิ่งที่อีกฝ่ายทำ

มึงก็เอาเลยสิ มึงกล้าขอพ่อไอ้กัสมึงก็ขอเลย กูก็ขอได้เหมือนกัน มึงไปได้กูก็ไปได้ ไปด้วยกันหลายๆ คนไม่สนุกหรอก แค่ประสาทจะแดกตายแค่นั้น ประสาทแดกพร้อมกันหลายคนนี่แหละดี ไม่เหงาด้วย กูนี่แหละจะช่วยประสาทแดกไปพร้อมกับมึง

ไอ้โจ้มึงมันรั้น หาจังหวะตลอด จ้องตลอด

อยากได้นักหรือไงวะ ของที่ไม่ใช่ของตัวเองเนี่ย เตือนก็แล้ว ห้ามก็แล้ว พูดดี ๆ ก็แล้ว ด่าก็แล้ว ยังจะเสือกหน้ามืดตามัวจะเอาให้ได้อีก สามัญสำนึก แม่งตายห่าไปจากหัวแล้วใช่มั้ย คนเรานี่แค่เรื่องสามัญสำนึกคงไม่ต้องสอนกันหรอก

“สัดนิว”

โจ้ยังบ่นพึมพำคนเดียวไม่เลิก และเป็นนิวที่เงยหน้าขึ้นมามอง และใช้เท้าถีบไปที่หน้าขาของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
ถีบเสร็จก็รีบลุกขึ้นยืนทันที และโจ้ที่ถีบกลับก็ต้องร้องเสียงดังลั่นเมื่อเท้ากระแทกกับขาโต๊ะแทนที่จะเป็นขาของนิว

“โอ้ยยยยยยยยยย สัดนิว”

“เออ ทำไมเหี้ยโจ้ เป็นอะไร ขาหักแล้วมั้ง ไปห้องพยาบาลมั้ยเดี๋ยวกูพาไป”

กูไม่จำเป็นต้องไปห้องพยาบาล เจ็บแค่นี้ไม่เท่าไหร่ แต่เจ็บใจยิ่งกว่า
มองหน้ากัน โจ้มองหน้านิว และนิวก็ยักคิ้วใส่โจ้ ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ และคนที่จับตาดูคนสองคนทะเลาะกันเงียบ ๆ ก็เริ่มอมยิ้มน้อย ๆ

เหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“อย่าดื้อ...ให้มาก....นัก...สิวะ”

อยู่ดี ๆ ก็นึกขึ้นได้ ประโยคที่คุ้นเคย และฝังอยู่ในหัว พูดออกมาแล้วก็เงยหน้ามองหน้านิวสลับกับมองหน้าโจ้

“...ชอบกัน...เหรอ..”

ยิ้มเรื่อย ๆ

รอยยิ้มที่ถ้าเป็นเวลาปกติ โจ้คงจะเคลิ้มตาม แต่ในเวลานี้ไม่ทันได้เคลิ้มตามแต่ทำหน้าสงสัยว่ากัสกำลังพูดอะไรและหมายความว่ายังไง

“อะไรนะ...ใคร...ชอบ...”

ถามด้วยความมึนงง และนิวก็เลิกคิ้วขึ้น เพราะคำถามของโจ้ที่ถามคนที่ยังอมยิ้มเรื่อย ๆ ไม่เลิก ยิ้มและหรี่ตามองหน้าของคนสองคนที่ทำเหมือนกำลังสงสัยบางอย่าง

อะไรใครชอบกัน

ใครชอบกันวะ

หมายถึงใคร

“หมายถึง..........กู...กับ”

หยุดแค่นั้น

โจ้หยุดพูดแค่นั้น และก็มองหน้ากันเอง

“ฮึ่ยยยยยยยยยยยยยย บ้าแล้ว”

ทำท่าขนลุกขนพอง และลุกขึ้นขยับถอยไปห่างจากคนที่ทำหน้านิ่งเฉย

“ขยะแขยงตัวเองก่อนเหอะไอ้โจ้ ก่อนจะทำเป็นขยะแขยงคนอื่น”

เหน็บแนมเข้าให้ และนิวก็แกล้งเบะหน้าใส่โจ้ และส่ายหน้าสองสามครั้ง

เหอะ

ให้ชอบกับเหี้ยโจ้เนี่ยนะ กูยอมเปลี่ยวตายไปตลอดชีวิตดีกว่า

“นิสัยแบบนี้แม่งเอาไม่ลง”

เหรอ ทำอย่างกับว่าตัวเองดีนักหนา

“พวกใช้สมองได้ไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ก็ปากดีแบบนี้แหละนะ”

“เหี้ยนิวมึงพูดถึงใคร”

พูดถึงใครเหรอ เปล่านี่

“ร้อนตัวนักก็รับไปไม่มีใครห้าม”

แกล้งพูดลอยลมไปเรื่อย และคราวนี้กัสที่นั่งตาลอยก็หัวเราะออกมาเบา ๆ หัวเราะจนทั้งโจ้และนิวต้องมองตาม และไม่เข้าใจว่าคนที่ทำเหมือนมึนงงตลอดเวลากำลังหัวเราะอะไร

“อะไรมึงไอ้กัส หัวเราะเพื่อ....”

ไม่มีอะไรหรอก แต่ที่หัวเราะเพราะคิดว่า สองคนนี้ ไม่ค่อยพูดกันแต่เวลาพูดกันแล้ว เหมือนไม่อยากหยุด ต่อปากต่อคำกันไปเรื่อย ไม่มีใครอยากหยุด

“...อย่าดื้อสิ...อย่าดื้อ”

พูดประโยคเดิม และเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง

ยิ้ม

กัสส่งยิ้มให้กับคนคนสองคนที่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก

อะไรวะ อย่าดื้อสิ อย่าดื้อ คืออะไรวะ

ไม่เข้าใจ

“ถ้า...ชอบ..นิว..โจ้อย่าดื้อสิ”

เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยย

ไอ้กัสมึง ….. เอ๋อจริงเปล่าเนี่ย นี่เรียกว่าแซวใช่มั้ย แซวได้น่าขนลุกมาก

“ฮึ่ยยยยย”

มองหน้าของคนที่ไม่ชอบหน้าแล้วโจ้ยิ่งอยากจะบ้า ไม่ไหว แค่คิดยังขนหัวลุก

แบบนี้ท่าจะไม่ไหวจริง ๆ

โจ้พูดไม่ออก

แต่นิวพูดไม่หยุด

“อ้าว มึงชอบกูเหรอ ถ้าชอบกูก็อย่าดื้อสิวะโจ้ แล้วไม่บอกแต่แรกว่าชอบ รู้อย่างนี้เมื่อวานกูให้ดูดปากฟรี ๆ ไม่ต่อยกลับด้วย แล้วไม่บอกแต่แรกว่าชอบวะ เห็นมั้ย เลยเจ็บปากฟรีเลยมึง”

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.80
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-06-2014 05:28:48
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#(นิว-โจ้) อยากรู้เหมือนกัน

ตกลงกันว่าจะไปดูหนังแล้วทำไมโปรแกรมมันพลิกผันได้ขนาดนี้

“อาครับ แล้วเอาหมูเสียบไม้ได้เลยใช่มั้ยครับ”

ไอ้เหี้ยนั่นก็อีก มึงจะเป็นพ่อบ้านพ่อเรือนเกินไปหน่อยแล้ว ทำคะแนนใหญ่เลยนะมึง

“ก็เสียบไม้เลยจ่ะ แล้วก็เอามาเรียงกัน แล้วค่อยย่าง”

อากำลังอธิบายบางอย่างและนิวก็ใช้ไม้เสียบหมูสะเต๊ะและวางเรียงใส่ถาด
อากำลังทำน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ โดยมีลูกมือเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งตั้งใจเสียบหมูสะเต๊ะใส่ไม้เป็นอย่างดี

ผิดกับอีกคนที่........พัดจนมือจะหงิกแล้ว แต่ยังติดเตาถ่านไม่ได้ เตาถ่านนี่มันทำไมติดยากติดเย็นจริงวะ
เหี้ยยยยยยยยยยย

โจ้กำลังหงุดหงิด และใช้กระดาษพัดเตาถ่านอย่างเอาเป็นเอาตาย

แม่ง

ลำบากจริงโว้ยยย กว่าจะได้กิน

“เฮ้ย ไอ้หนุ่ม เอ็งพัดแบบนั้นไม่ได้ เอ็งต้องเอาถ่านสุมก่อนแล้วค่อยจุดไฟ เอ็งเล่นเอาแต่กระดาษใส่ลงไปแล้วไฟมันจะติดตอนไหนวะ”

อ่าครับ

คุณพ่อ

กลายเป็นลูกมือที่น่ารักเรียบร้อย สงบเสงี่ยมเจียมตัว อันที่จริงไม่ได้ช่วยติดเตาถ่าน แต่เป็นการมาสร้างภาระให้ซะมากกว่า
และโจ้ก็ยิ้มแหย ๆ มองวิธีติดเตาถ่านที่พ่อของกัสสอน แล้วถึงได้ทำตาม

“เอ้า ไอ้เจ้าของวันเกิด เสริฟน้ำซิเอ็ง”

พ่อเรียกเด็กเสริฟน้ำท่าทางเฉื่อยชา แต่เต็มใจบริการเป็นอย่างดีให้เสริฟน้ำ

และกัสก็คีบน้ำแข็งใส่แก้วอย่างเชื่องช้า กว่าจะเล็งลงแก้วได้ก็ใช้เวลานาน โดยมีทั้งคนติดเตาถ่าน และคนเสียบหมูสะเต๊ะช่วยลุ้นอยู่เงียบ ๆ

“พ่อ....เอา...น้ำอะไร...คร้าบบบ”

“แล้วแต่เจ้าของวันเกิดสิวะ กัสเอาแก้วไหนให้พ่อล่ะ”

ยืนมองน้ำอัดลมหลากสี และกัสก็ครุ่นคิด
สีอะไร พ่อ....ให้พ่ออันไหนดี

“พ่อ.........อันนี้ของพ่อ”

กัสเทน้ำส้มใส่แก้ว และประคองแก้วอย่างดีเพราะกลัวแก้วหลุดจากมือ ค่อย ๆ ยื่นส่งให้พ่อ และพ่อก็มองภาพที่กัสค่อยๆ ประคองแก้วมาส่งให้

แม้จะต้องใช้มือสองมือช่วยกันประคอง แต่ก็เสริฟน้ำได้แล้ว พัฒนาขึ้นแล้ว ร่างกายของกัสดีขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวัน

“เอ้อเว้ย ขอบใจ ขอบใจ เอาให้อากับเพื่อนเอ็งด้วย”

พ่อรับแก้วน้ำมาถือเอาไว้ และรู้สึกใจชื้นขึ้น ดีใจที่ร่างกายของลูกชายฟื้นตัวได้เร็วขึ้นเรื่อย ๆ ความหวังที่ลูกจะกลับมามีร่างกายเป็นปกติเหมือนคนทั่วไป คงอีกไม่นาน

“อาเอาเหมือนพ่อเอ็งนะกัส”

เด็กเสริฟน้ำ แม้จะเชื่องช้า ไม่ทันใจ แต่ผู้ร่วมงานวันเกิดทุกคนไม่มีใครว่า มีแต่ช่วยลุ้น และเอาใจช่วย ทุกครั้งที่กัสคีบน้ำแข็งใส่แก้ว

โจ้ขออนุญาตพ่อของกัสในเย็นวันหนึ่งเรื่องจะชวนกันไปดูหนัง แต่ไป ๆ มา ๆ กลายเป็นพ่อที่คิดจะจัดงานวันเกิดเล็ก ๆ ให้กับลูกชาย และชวนเพื่อนของกัสทั้งสองคนที่มานั่งคอยส่งกัสกลับบ้านตอนเย็น ทุกวันให้มาร่วมงานด้วย

วันนี้จึงเป็นงานวันเกิดเล็ก ๆ ที่ทำอาหารง่าย ๆ กินกันแบบครอบครัว หมูสะเต๊ะย่างและอาหารที่ทำกินกันที่พื้นที่เล็ก ๆ บริเวณหน้าบ้าน

“แตงกวาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แบบนี้เหรอครับอา”

โหหหหหห ไอ้พ่อครัวคนเก่ง ไอ้คนดีศรีห้องครัว มึงจะเกินไปหน่อยแล้ว ไหนว่าเป็นผู้พิทักษ์อย่างเดียวไง แบบนี้เรียกว่ามาทำคะแนนชัด ๆ แม่งใครเชื่อเรื่องที่มันบอกว่ารับฝากของโดยไม่หวังผลตอบแทนก็โง่เต็มทีแล้ว

“เดี๋ยวนิว หั่นชิ้นเล็ก ๆ แบบนี้ใส่จานไว้ก็ได้ อาจะผสมน้ำจิ้ม”

แม่ง
ยิ้มแย้มแจ่มใสเชียวนะมึง แต่กูเห็นหรอก บางครั้งที่เผลอมึงก็มองเด็กเสริฟน้ำเหมือนกูแหละวะ มึงแอบมองเด็กเสริฟน้ำบ่อย ๆ นึกว่ากูไม่รู้หรือไง

“เอาเหมือนโจ้ โจ้เอาน้ำอะไร นิวเอาแบบนั้นแหละ”

แล้วมึงจะมาอยากกินแบบกูทำห่าอะไร สรรพนามมึงเปลี่ยนเลยนะ ปกติ เห็นมีแต่แทนตัวเองว่ากูตลอด พ่ออยู่ต่อหน้าพ่อกับอาไอ้กัส เรียกตัวเองว่านิวอย่างนั้นนิวอย่างนี้ขึ้นมาทันทีเลยนะ

สันดาน

“ตะแกรงย่างมันอยู่ไหน เมื่อกี้ก็ว่าเห็นแว่บ ๆ”

อ๋อครับ ตะแกรงย่างเหรอครับ ไม่ต้องห่วงครับพ่อ

“เดี๋ยวโจ้ดูให้ครับพ่อ”

โจ้ลุกขึ้นและมองหาตะแกรงสำหรับย่างหมูสะเต๊ะ และคนที่กำลังหั่นแตงกวาอยู่ห่าง ๆ ก็ถึงกับหลุดขำออกมาเพราะสรรพนามที่เปลี่ยนไปไกลสุดกู่ของใครบางคน

เหี้ยโจ้แม่งก็ตามน้ำชิบหาย

เออว่ะ

แบบนี้มันก็ใช้ได้เหมือนกันนี่หว่า ถึงจะทำอะไรตามอารมณ์ไปบ้าง แต่บางครั้งมันก็ทำตามสถานการณ์ได้ดี

แม้จะฟังขัด ๆ หูไปหน่อยก็เถอะ แต่แบบนี้ก็......

“ขำเหี้ยอะไรมึง สัดนิว”

อ้าว

เมื่อกี้ยังพูดจาไพเราะอยู่เลย พอมาอยู่ใกล้กูนี่ปากหาเรื่องทันทีเลยนะมึง

“ขำโจ้ครับพ่อ.....มั้ง”

เอ่ยบอกเสียงเบา และโจ้ที่กำลังมองหาตะแกรงสำหรับย่างหมูสะเต๊ะ ก็นึกอยากจะเอาตระแกรงฟาดหัวไอ้คนกวนประสาทที่พูดไปยิ้มไปขึ้นมาทันที

ถ้าไม่ติดว่าเป็นงานวันเกิดไอ้กัสนะ กูฟาดไม่ยั้งแล้ว แม่ง

“ก็ยังดีกว่านิวนะครับ นิวอย่างนั้น นิวอย่างนี้”

เหรอ ดีกว่าตรงไหนวะ ก็เหมือนกันชัด ๆ

“ปากแบบนี้น่าดูดปากกันอีกที”

พูดลอย ๆ และโจ้ที่กำลังค้นหาตะแกรงก็ถึงกับชะงักมือนิ่งค้าง ก่อนจะมองหน้าคนที่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและตั้งหน้าตั้งตาหั่นแตงกวาไปเรื่อย

สัดนิว นี่มึงจะเอาให้ได้จริง ๆ ใช่มั้ย ไอ้เหี้ยนี่แม่ง ปากสมควรตายมาก ระดับความเฮี้ยนดูเหมือนจะไต่อันดับขึ้นไปเรื่อย ๆ แล้วนะมึง

“กูต่อให้นะรอบนี้ เดี๋ยวกูเปิดก่อนเลย มึงจะได้ไม่ต้องอาย แต่แบบมึงไม่น่าอายนะ ได้ข่าวว่ารู้ว่าเขามีคนของเขาแล้วก็ยังจะเอา”

ไอ้นิว

“เสือก”

ด่าใส่หน้า เป็นการด่าที่เบาที่สุด และต่างฝ่ายต่างก็จ้องหน้ากันเงียบ ๆ โดยไม่มีใครยอมใคร

“ฝากไว้ก่อนเหอะมึง”

ก็ฝากมาสิ กูเป็นคนใจดี เต็มใจรับฝากอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง

นิวไม่ได้พูดโต้ตอบอะไร เพียงแค่ยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก ก้มหน้าก้มตาหั่นแตงกวาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

โจ้หาตะแกรงเจอแล้ว และเดินหนีไปวุ่นอยู่กับการติดเตาถ่าน ยังคงรอและใช้กระดาษ พัดไปเรื่อย ๆ
และไม่นานเด็กเสริฟน้ำก็ประคองแก้วน้ำมาส่งให้

“โจ้...กินน้ำ”

อ่า

เงยหน้าขึ้นและก็มองคนที่พยายามยื่นแก้วน้ำส่งให้
มองแล้วก็ยิ้ม

ก็เพราะแบบนี้แหละวะ ที่กูรีบมาตั้งแต่สี่โมงเย็น มาก่อนเวลาตั้งนานสองนานก็เพราะสิ่งนี้สิ่งเดียวนี่แหละวะ

รับแก้วน้ำมาถือเอาไว้ แต่สายตายังมองไปที่ใบหน้าของกัสไม่เลิก แม้ว่าดวงตาจะหรี่ปรือลงเป็นพัก ๆ แต่อาการโดยรวมตอนนี้ถือว่าดีกว่าเมื่อก่อนมาก

กัสรู้สึกว่าดวงตาไม่ได้หรี่บ่อย ๆเหมือนช่วงแรก ๆ บางทีกล้ามเนื้อและระบบประสาทอาจกำลังเริ่มทำงานประสานกันได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ก็เป็นได้

“ขอบใจว่ะ”

น้ำที่กินก็น้ำอัดลมธรรมดา ไม่ใช่ว่าจะมีรสชาติที่ดีกว่าปกติเท่าไหร่ แต่เพราะคนที่ชอบเอามาเสริฟให้ โจ้เลยรู้สึกว่าน้ำแก้วนี้อร่อยยิ่งกว่าน้ำแก้วไหนที่เคยกินมา

“โจ้....หน้าเปื้อน....โจ้”

รอยดำจากการที่เผลอเอามือจับถ่านติดเตาป้ายหน้าโดยไม่รู้ตัว ทำให้ใบหน้าของโจ้มีรอยดำเป็นขีดยาว และโจ้ก็ใช้หลังมือเช็ดไปที่หน้าของตัวเอง ตามจุดที่กัสชี้ให้

เช็ดเท่าไหร่ก็ไม่ถูก เช็ดเท่าไหร่ก็ไม่ถูกจุด สุดท้ายกัสก็เป็นฝ่ายเอื้อมมือเตรียมจะเช็ดรอยดำออกให้
แต่ช้ากว่าใครบางคนที่มาเร็วมาไวโดยมิได้รอให้ใครเชื้อเชิญ

“เปื้อนตรงนี้ มันต้องเช็ดตรงนี้”

สังเกตทุกกิริยาอาการของโจ้อยู่ตลอด จึงไม่ควรที่นิวจะปล่อยช็อตเด็ดช็อตนี้ข้ามผ่านไปได้

“สัดนิว”

ได้แต่บ่นพึมพำเสียงเบาในลำคอ แต่ทำอะไรไม่ได้ เมื่อคนที่ไม่ได้ต้องการให้มาช่วย โดยไม่ได้ร้องขอเลยสักนิด

“ใจเย็นครับโจ้ เดี๋ยวนิวจะเช็ดให้ครับ”

ไอ้..........
โมโห แต่ออกอาการไม่ได้ เพราะไม่ได้อยู่กันแค่นี้ แต่ะมีผู้ใหญ่อยู่ด้วย

นิวแตะปลายนิ้วเบา ๆ ไปที่ข้างแก้มของโจ้ แต่แทนที่จะเช็ดเบา ๆ กลายเป็นขัดถูเต็มแรง จนโจ้ต้องสะบัดหน้าหนี

“ทำเหี้ยอะไรของมึงวะ”

อยากจะชี้หน้าด่า แต่เพราะสายตาของทั้งอาและพ่อของกัสกำลังมองมา

โจ้จึงได้แต่สบถเสียงเบา กัดฟันพูดเสียงรอดไรฟัน และพยายามทำให้อารมณ์เป็นปกติมากที่สุด

“ขอบใจมากนะ........นิว....”

กัดฟันพูดและนิวก็ทำหน้าเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลอยหน้าลอยตาพูด น่าหมั่นไส้ที่สุดในสายตาของโจ้

“ไม่เป็นไร เกรงใจอะไรวะ เราเพื่อนกัน”

เพื่อนกันบ้านมึงสิ ใครเพื่อนมึง เหี้ย กูไปเป็นเพื่อนมึงตั้งแต่เมื่อไหร่ โธ่โว้ยยยย กูแม่งอยากฆ่าไอ้นิวให้ตายห่าไปจริง ๆ เลยวะ

“จีบกัน....ไปก่อน....นะ เดี๋ยว...มา”

ไปไหนล่ะ
ไปไหนแล้ว จีบกันที่ว่าคือ

จีบกันที่ว่า จีบ..............

เฮ้ยยยยยยยยยย เข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่าเนี่ย ไม่ใช่นะเฮ้ยกัส เดี๋ยวก่อนสิ มึงฟังกูอธิบายก่อน คือว่านะ........
กำลังจะอ้าปากพูด โดยปกติกัสจะเดินช้าแต่ทำไมในเวลานี้โจ้รู้สึกว่ากัสเดินเร็วเกินไป จนแค่จะอาปากพูดอะไรยังพูดไม่ทัน

“อ่า กัส....คือ มึง เข้าใจผิดแล้ว เฮ้ยยยย”

หมดเวลาอธิบายและเป็นนิวที่แกล้งตีหน้าเฉยและพูดบางอย่างให้โจ้ได้ยิน พูดกันพอให้ได้ยินกันแค่สองคน

“กูดูมึงอยู่.....อย่าคิดว่ากูจะพลาด”

เหรอ
เหี้ยเหอะ มึงก็จับตาดูต่อไปแล้วกัน ยังไงมึงก็ต้องพลาดเข้าสักวันแหละวะ

กูมั่นใจว่ามึงต้องพลาดสักวัน

นิวเดินออกมาแล้ว และทำทีเหมือนสนใจอยู่กับการเสียบหมูสะเต๊ะใส่ถาดไปเรื่อย ๆ
ทั้งที่ในใจเริ่มเจ็บแปลบ เพราะรู้ว่าความคิดของตัวเองมักทำร้ายตัวเองเสมอ

ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ
ยิ่งเห็นยิ่งเจ็บ

ยิ่งใกล้ยิ่งหวั่นไหวยิ่งใกล้ยิ่งชอบมากขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้มันทรมานเกินไป

ไม่คิดว่าจะต้องมาเสี่ยงแบบนี้ ไม่เคยคิดเลยจริง ๆ แต่ไหนแต่ไรมาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะต้องประเมินสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นข้างหน้าได้ตลอด

และก็เหมือนคราวนี้ที่รู้อยู่แล้วว่าสุดสายปลายทางจะเป็นยังไง

แต่เป็นครั้งแรกที่ไม่รู้จะใช้เหตุผลอะไรมาหลีกเลี่ยงได้ นิวแอบลอบถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
ก่อนจะเงยหน้าไปมองเด็กเสริฟจำเป็นที่กำลังพยายามตักน้ำแข็งใส่แก้วอีกแก้ว และคงเอามาเสริฟให้นิวแน่ ๆ

เจ็บว่ะ

ยิ่งเห็นยิ่งเจ็บ ขืนต้องอยู่ใกล้แบบนี้ไปเรื่อย ๆ คงมีสักวันที่ควบคุมความรู้สึกของตัวเองไม่ได้

โชคดีที่ยังมีไอ้โจ้อยู่ เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าโชคดีที่มีไอ้โจ้คอยดึงความสนใจไปได้บ้าง

อย่างน้อยการห้ามไอ้โจ้ก็เหมือนเป็นการเตือนสติตัวเองอยู่กลาย ๆ เตือนเรื่อยๆ แม้จะเตือนไปเจ็บไปเรื่อยๆ ก็ไม่ควรให้สติขาดลงในวันใดวันหนึ่ง

กูไม่ต้องการแย่งของ ของใคร
แม้จะมีอะไรเกิดขึ้น คุณธรรมในจิตใจต้องมาก่อนเสมอ

กูจะไม่มีวันหักหลังเพื่อน และแย่งของรักของเพื่อนมาเป็นของตัวเองเด็ดขาด

นิวกำลังบอกตัวเอง บอกอย่างนี้ทุกวัน บอกไปเรื่อย ๆ ให้หัวใจพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ให้ได้

ถอนหายใจออกมาหนัก ๆ และคิดว่าคงไม่มีใครรู้ใครเห็น
แต่นิวก็พลาดให้คนที่ไม่ควรเห็น ได้เห็น

โจ้ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อมองไปที่คนที่กำลังเสียบหมูสะเต๊ะและก็เห็นว่านิวถอนหายใจยาว

ถอนหายใจ.... ทำไมวะ

ทำไมถึงได้...........
นิ่งมองอยู่อย่างนั้น และนิวก็เงยหน้าขึ้นทันทีที่รู้สึกตัวว่ากำลังถูกจ้องมองจากคนที่ไม่ปรารถนาจะให้มองมากที่สุด

โจ้รีบหลบตาและทำเป็นสนใจอยู่กับการวางตะแกรงให้พอดีกับเตา
มันอาจเป็นการผิดพลาดครั้งใหญ่ที่ไปเห็นใจคู่อริเข้า

กูไม่ใช่เพิ่งรู้จักมึงวันนี้หรือเมื่อวาน แต่กูรู้จักมึงมานานหลายปี พฤติกรรมบางอย่างและวิธีคิดบางอย่างของมึง มีหรือกูจะไม่รู้

สิ่งที่เห็นคงไม่ต้องเดาอะไรกันมาก
บางทีมึง.....ก็กำลังคิดไม่ตกเรื่องของคนๆ หนึ่งอยู่เหมือนกันใช่มั้ยวะ

และคน ๆ นั้นก็คงเป็นคนเดียวกับที่กูคิดซะด้วย

มึงอาจแสดงท่าทางนิ่งเฉยได้เนียนจนใครหลายคนจับความรู้สึกที่แท้จริงของมึงไม่ได้
แต่ไม่ใช่กับกูแน่ๆ เพราะในเวลานี้ไม่ว่ามึงหรือกู ก็คงคิดเรื่องเดียวกัน

มึงเองก็คง......กำลังคิดเรื่องของ ไอ้กัส....เหมือนกูใช่มั้ยวะ มึงเองก็คิดเรื่องเดียวกับที่กูคิดอยู่เหมือนกัน นิว

มึงเองคงพยายามตัดใจจากไอ้กัสอยู่
แต่ครั้งนี้มันไม่ง่ายเหมือนก่อน ที่มึงใช้วิธีเลี่ยงได้ เพราะครั้งนี้ มึงต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดบ้าง

กูก็อยากรู้เหมือนกัน ว่ามึงจะรับได้ขนาดไหน ถ้าไม่หนีเหมือนคราวก่อน ๆ

มึงจะทำยังไงต่อไปวะ

กูก็อยากรู้ว่ามึงจะทำยังไงต่อไปเหมือนกัน.....นิว......

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.80
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 11-06-2014 06:49:01
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.80
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 11-06-2014 07:40:34
หยกปลาย่างกำลังโดนแย่งแล้ว :hao3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.80
เริ่มหัวข้อโดย: ultue ที่ 11-06-2014 16:43:58
โจ้นิวคู่กัดที่สมกันมาก :mew1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.80
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 11-06-2014 16:47:40
กัสมันยังร้ายเหมือนเดิมนะ ร้ายแบบน่ารักน่าเอ็นดู
อยากออกตังค์ค่าเครื่องบินให้พี่หยกกลับมาไวๆจริงๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.80
เริ่มหัวข้อโดย: Sbatandty ที่ 11-06-2014 17:27:00
เมื่อไรหยกจะกลับมาหากัส
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.80
เริ่มหัวข้อโดย: mildmint0 ที่ 11-06-2014 17:37:24
ตามอ่าน กัส หยก จนทัน แอบลุ้นคู่ โจ้ นิว กรี๊ดมากกกกก
แล้วเพียรคู่ใครอ่ะะะ สงสัยจุงเบยยย
โจ้ นิวนี่ ให้โจ้เป็นรุกนะ ฮ่าๆๆๆๆๆ นิวต้องโดนเสียบให้จนได้
แต่หยกนี่ ฝากปลาย่างไว้จริงๆ
ถ้าไม่รีบกลับมาล่ะก็ ... หึหึ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.80
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 11-06-2014 19:37:56
อ่า...อ่านแล้วก็คิดไม่ตกว่าสมการ จะอยู่ตรงไหน เพราะบางทีชื่อนำหน้าแต่ก็เป็นเคะ...//เสียใจแปบ
อยากให้นิวเมะจริงๆนะเนี่ยยยยย หวังว่าจะสมการนี้จะถูก นิวโจ้
ส่วนพี่หยก กลับมาเร็วๆน๊าาาา
ว่าแต่หนูกัส ตามีแววนะเนี่ยยยย รู้ด้วยว่าจีบกัน//กร๊ากกก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.80
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 11-06-2014 19:56:19
อ่านต่อ ยังตามไม่ทันเลยอ่า  T__T
 :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.80
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 11-06-2014 21:15:23
หยกถ้าช้ากว่านี้ก็ตกแท่นพระเอกแล้วนะ  :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.80
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-06-2014 21:27:45
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง(นิว-โจ้)#ให้ด่าฟรี

“กัส มานี่หน่อย มีคนจะคุยด้วย”

นิวลุกขึ้นและกัสที่กำลังยกแก้วน้ำอัดลมขึ้นดื่ม ก็มองตาม แล้วก็ลุกขึ้นเดินตามนิวออกมา

“อ่ะ”

ยื่นโทรศัพท์ให้ และกัสก็มองโทรศัพท์ที่นิวยื่นส่งให้ด้วยความสงสัย ให้ทำไม มีใครจะคุยด้วยเหรอ

ใคร....

“ฮา...โหล...”

“....................”

แล้ว....ทำไมเงียบล่ะ ไม่เห็นพูดเลย

“ฮา....โหล...กัสนะ..ฮาโหล”

“..............................”

แต่ปลายสายก็ยังเงียบ และกัสก็เลยยิ่งสงสัยมากขึ้นว่าทำไมอีกฝ่ายถึงไม่ยอมพูดอะไรเลย

“ไม่เห็น...มี...เสียง..ใคร...”

ส่งโทรศัพท์คืนให้และเป็นนิวที่ขมวดคิ้วและกรอกเสียงลงไป

“เออ เฮ้ย ยังอยู่ป่าว”

อยู่
ยังอยู่

“เออ”

ได้ยินเสียงตอบกลับมา แต่นิวไม่เข้าใจว่าทำไมหยกถึงไม่พูดอะไรกับอีกฝ่ายเลย

“มึงไม่คุยวะ”

ไม่ใช่ไม่คุยแต่..... กู......แค่.... พูดไม่ออก

“ตกลงมึงจะคุยกับไอ้กัสมั้ย”

คุย ได้ยินเสียงแบบนี้แล้วยิ่งอยากคุย
อยากคุย และ....รู้สึกว่าภายในอกมันตื้อไปหมด แน่นและจุกอยู่ในคอ จนพูดอะไรไม่ออก

“ส่งโทรศัพท์ให้มันหน่อย”

“เอองั้นมึงก็คุยดิ”

ยื่นโทรศัพท์ส่งให้กัสอีกครั้ง และกัสก็รับมากรอกเสียงลงไป

“ฮาโหล...ฮาโหล”

พยายามทักทาย และในที่สุดกัสก็ได้ยินเสียงตอบกลับมา

“กัส….”

ใช่
กัสเอง....แล้วนั่นใคร....นั่นเสียงใครพูด เสียงของ.......

“พี่......หย.....ก.....”

เรียกชื่อของอีกฝ่ายออกมาโดยไม่ต้องคิด กัสกำโทรศัพท์เอาไว้แน่น นิ่งงันและหัวใจก็กำลังสั่นสะท้านและเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ

ในไม่ช้า

น้ำตาก็หยดลงอาบแก้ม

“กัส.....”

ใช่

กัส

ใช่

กัสเอง ใช่ นี่กัสเอง ใช่......กัส คนนี้คือกัส ใช่....

“.................อึก..ฮือ”

ยกหลังมือขึ้นเช็ดน้ำตา แต่น้ำตาไม่ยอมหยุดไหล ไม่มีคำพูดอะไรอีก นอกจากความเงียบงัน
แม้จะอยู่ในความเงียบ แต่เหมือนช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันและเรียนรู้กัน มันทำให้เข้าใจความหมายบางอย่างของคนที่อยู่กันคนละซีกโลก

ไม่ยากที่จะเข้าใจ

แต่กัสไม่อยากเข้าใจอะไรเลย

ยื่นโทรศัพท์ส่งคืนให้กับนิว และเป็นนิวที่รับมาถือเอาไว้ มองโทรศัพท์ในมือสลับกับมองหน้าของคนที่ยืนร้องไห้ไม่หยุด

จะทำยังไง

เอื้อมมือไปหาและคว้ามากอดเอาไว้เพื่อปลอบใจงั้นเหรอ

ทำไม่ได้
เห็นคนที่อยู่ตรงหน้าร้องไห้ นิวก็ได้แต่ขบริมฝีปากตัวเองและก้มหน้าลง

ไม่มีสิทธิ์

ไม่ว่าทางไหนก็ไม่มีสิทธิ์

“หยก มึงทำอะไรมัน ไอ้กัสมันร้องไห้ใหญ่แล้ว”

ทำเหรอ
ทำสิ

ก็คงทำ

บางทีกูคงเป็นคนทำให้กัสมันร้องไห้

ที่เราเลิกกัน มันเพราะอะไร ที่ต้องหนีมาอยู่ไกลขนาดนี้เพราะอะไร ทำไมเราต้องห่างกันขนาดนี้ ทั้งหมดมันก็เพราะความโง่เขลาของตัวเองทั้งนั้น

เราอยู่ด้วยกันมาพักใหญ่ แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันทุกวัน แต่เราเหมือนใช้ชีวิตด้วยกัน
สุดท้ายแล้วเรามีความสัมพันธ์ที่เลยเถิดเกินกว่าจะเป็นเพื่อนกันต่อไปได้ และเราต่างไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่กันแน่

เคยมั่นใจว่ากัสมีใจให้ แต่ทุกครั้งที่มีเรื่องอย่างว่าเข้ามาเกี่ยวข้อง มันเหมือนทำให้เราห่างกันออกไปเรื่อย ๆ

ไม่รู้ทำไมกัสมันถึงต้องใช้เหตุผลว่า “แค่มานอนด้วยให้หายอยาก”

ทำไมต้องใช้เหตุผลนั้นทุกครั้งที่เจอกัน ทำไมไม่ใช้เหตุผลว่าอยากมาหา อยากมาอยู่ด้วย

ทำไม.....ถึงได้ทำร้ายจิตใจกันได้ลงคอ ทั้ง ๆ ที่ทางนี้มีใจให้ขนาดนี้แล้ว แต่ทำไมถึงยังไม่เข้าใจกันบ้าง ทำไมถึงไม่เคยเปิดใจ ไม่เคยพยายามจะสานสัมพันธ์ที่ดีด้วย

มันเจ็บปวด ตลอดสองปีที่ผ่านมา
แรก ๆ การเริ่มต้นมันสวยงาม ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี แต่นานวันเมื่อบางอย่างเลยเถิดไปไกล เรากลับไม่เข้าใจกันเลย

ไม่เข้าใจกันเลยสักนิด

และสุดท้าย คนที่คิดจะจากไปก่อน ก็คือกัส....

กัสมันอยากจบ....

มันเคยพูดว่ามันอยากจบ

และหลายครั้งที่มันหายไปนาน ๆ และทำเหมือนทางนี้ไม่มีตัวตนให้รู้สึกถึงเลยสักนิด

ทำเหมือนที่พูดจริง ๆ
มันทำเหมือนที่มันพูด ถ้าอยากแล้วจะมาหาเอง แล้วมันก็ทำแบบนั้นจริง ๆ

ทำแบบนั้น เพื่อมีอะไรกัน สุดท้าย ทุกอย่างมันก็จบลงอย่างง่ายดาย
จบลงเพราะทางนี้ทนแบกรับความรู้สึกที่เหมือนไม่มีตัวตนในสายตาของกัสต่อไปไม่ได้

ทนไม่ได้

ถึงได้จากมา

เพราะทนไม่ได้.....ก็เลยจากมา..... โง่เขลาจนไม่รู้ว่า....แท้จริงแล้ว อีกฝ่ายคิดยังไงกันแน่

ไม่รู้เลยว่ากัสมันคิดยังไงด้วย

แต่ตอนนี้ เหมือนรับรู้บางอย่างได้ลาง ๆ

บางสิ่งบางอย่าง ที่ค้างคาใจมานาน และถึงแม้อยากรู้และเฝ้าเพียรถามเท่าไหร่ ก็ไม่เคยได้รับคำตอบ
ไม่เคยได้คำตอบอะไรเลย จนกระทั่งวันนี้.....

“ขอคุยกับมันอีกหน่อยได้มั้ย กู....ขอคุยกับกัสมันอีกหน่อยได้มั้ย.....นิว”

ได้

ยื่นโทรศัพท์ส่งให้คนที่ยืนร้องไห้ แต่กัสก็ไม่ยอมรับ ไม่ยอมพูดไม่ยอมคุย จนนิวต้องยัดเยียดโทรศัพท์ใส่มือให้

“กูไม่รู้หรอกว่าระหว่างมึงสองคนมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่กูอยากให้คุยนะ กูอยากให้พวกมึงคุยกัน”

ถ้าความเจ็บปวดมันแสดงค่าออกมาได้ ในเวลานี้ความเจ็บปวดของนิวคงแสดงค่าถึงขั้นสูงสุดและพร้อมจะระเบิด

ไม่อยากรับรู้
ไม่อยากรับฟัง

ไม่อยากรู้อะไรทั้งนั้น เดินจากมา เดินออกมา และมานั่งอยู่ข้าง ๆ คนที่มองตามตลอดเวลา

มองหน้าของโจ้นิ่ง ๆ

มองและนิวก็หันกลับมาหยิบหมูสะเต๊ะที่กำลังปิ้งได้ที่และหยิบใส่จาน

“พ่อล่ะ”

เข้าบ้านไปแล้ว ไปดูข่าว และอาก็รอไปดูละครหลังข่าวในบ้านกับพ่อของกัส

“อยู่ในบ้าน”

เหรอ

ก็เหลือกันสามคน งานเลี้ยงเล็ก ๆ ที่มีผู้ร่วมงานแค่นี้ มันเป็นการเลี้ยงกันเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ก็มีความสุขดี

สุขดีจริง ๆ งั้นเหรอ

“นิว”

เพราะถูกเรียก และนิวก็หันมามองคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ

ดวงตาสองคู่สบกันนิ่งงัน มองกันเงียบ ๆ

นิ่งมอง

และไม่มีคำพูดอะไรออกมา นอกจากบางสิ่งบางอย่างจากสายตาที่แฝงความเจ็บปวดรวดร้าวมากมายท่วมท้นจนแม้แต่โจ้ก็ยังสัมผัสและรับรู้ได้ไม่ยาก

“มึงไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”

ไม่เป็น

กูจะเป็นอะไร

มึงสิต้องเป็น ถ้ามึงรู้ว่าไอ้กัสคุยกับใคร มึงคงต้องเป็นยิ่งกว่ากู

“ไอ้หยกที่ว่า....มัน....กำลังจะ...กลับมาใช่มั้ย”

ใช่

มันก็คงใช่
มันกำลังจะกลับมาแล้ว มันกำลังจะกลับมาหาคนของมัน

มันกำลังจะกลับมา

โจ้ไม่พูดอะไรอีก และนิวก็นิ่งเงียบไม่ตอบคำถาม

ครั้งหนึ่งโจ้เคยคิดว่านิวเข้มแข็งมาก และคิดว่านิวเป็นคนที่ใช้สมองมากจนแทบจะไม่แสดงอารมณ์อะไร เหมือนไม่รู้สึกอะไร แต่ในเวลานี้โจ้กำลังคิดว่าตัวเองเข้าใจบางอย่างผิดไป

นิวไม่เหมือนใคร

มันไม่เหมือนใคร ๆ แบบที่เคยเห็นมา
บางทีเรื่องบางเรื่องที่ทุกครั้งมันเลี่ยงการเผชิญหน้า และถอยไปตั้งหลักไม่ใช่เพราะมันเป็นคนคิดเก่ง วางแผนเก่ง

แต่เป็นเพราะมันรู้ตัวว่ามันรับความเจ็บปวดได้ไม่มาก

มันเลยใช้วิธีถอย ก่อนจะเจ็บปวดไปมากกว่านี้

ที่จริงแล้ว

นิวเป็นคนที่รู้สึกกับเรื่องบางอย่างได้ง่ายๆ เจ็บปวดง่าย และจะรู้สึกเจ็บปวดรุนแรงกว่าคนอื่น มันถึงเลี่ยงการเผชิญหน้า

มันเลี่ยงความเจ็บปวดด้วยการมีสติอยู่เสมอ

มันอาจใช้วิธีนั้นมาตลอด แต่วันนี้มันเลี่ยงไม่พ้น มันหนีไม่พ้น มันเลยมีสภาพแบบนี้

“กูเข้าใจ”

ใช่

มึงเข้าใจ

มึงเข้าใจที่สุดแหละ ไม่มีใครเข้าใจกูขนาดนี้อีกแล้ว ความเจ็บปวดแบบนี้ไม่มีใครเข้าใจหรอก

ไม่ว่าใครก็ไม่มีวันเข้าใจ

ไม่มีใคร.....เข้า...ใจ
เป็นครั้งแรกที่โจ้เพิ่งรู้ว่าคนที่ทำเหมือนไม่มีหัวใจ ที่สุดแล้วก็เป็นแค่คนธรรมดา

คนธรรมดาที่...ร้องไห้เป็น

และนิวก็กำลังร้องไห้

นั่งร้องไห้เงียบๆ

อาจมองไม่เห็นน้ำตา แต่ลาดไหล่ที่สั่นสะท้านและการยกมือขึ้นกุมที่หน้าผากของตัวเองเอาไว้ตลอดเวลามันทำให้โจ้รู้ ว่าในเวลานี้อีกฝ่ายกำลังร้องไห้ให้กับใคร

และโจ้เองก็มีความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน ภายในใจกำลังโหวงเหวง และไหววูบ หันไปมองคนที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ห่างออกไปก็ยิ่งทำให้รู้สึก

จริงเหรอวะ

ไอ้กัสมันไม่ใช่ของกูจริง ๆ เหรอวะ มันไม่มีทางใช่ของกูจริง ๆ ใช่มั้ย ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางได้มาใช่มั้ย

“แม่งเจ็บชิบหาย”

โจ้ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เงยหน้าขึ้นและพยายามกล้ำกลืนบางอย่างที่กำลังจะไหลซึมผ่านออกมาจากดวงตา

“เหี้ยทำไมแม่งเจ็บขนาดนี้วะ”

พูดจาเพ้อเจ้ออยู่คนเดียว ก่อนจะก้มหน้าลงมาและหันไปมองคนข้าง ๆ ที่ยังนั่งกุมหน้าผากและไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาพูดอะไรด้วย

ไม่มีคำพูดบาดหู
ไม่มีคำพูดเยาะเย้ยถากถาง
มีเพียงความเงียบงันและโจ้ก็ยังพูดจาเพ้อเจ้อไปเรื่อยไม่ยอมหยุดพูดเพื่อระบายความอัดอั้นตันใจของตัวเอง

“กูบอกมึงแล้วใช่มั้ยว่าให้แย่ง มึงก็ไม่เชื่อ กูแย่งไม่ได้ แต่มึงยังพอมีสิทธิ์ เหี้ยนิว มึงก็โง่ไม่ยอมแย่ง แล้วเป็นไง ทีนี้เป็นไง”

ช่างเหอะ
จะแย่งไม่แย่งหรืออะไรก็แล้วแต่ กูเป็นคนเลือก และเมื่อกูเลือกแล้ว กูรู้ผลอยู่ตลอด และกูก็ยอมรับผลนั้นด้วยตัวกูเอง

กูยอมรับมัน และคิดว่าทำใจได้ แต่เอาเข้าจริง ..............แม่ง เหมือนจะทำไม่ได้

“มึงมันดีเกินไปเหี้ยนิว แต่อย่าว่าเลย คนไม่ใช่ยังไงมันก็ไม่ใช่ เลว ๆ อย่างกู ยังสอยมันลงมาไม่ได้เลย นับประสาอะไรกับคนดีอย่างมึง”

คำปลอบใจที่ไม่สวยงาม แต่เต็มไปด้วยความจริงใจ ที่คนสองคนต้องยอมรับให้ได้ และนิวก็เข้าใจ

นิวเข้าใจคำปลอบใจจากคนบางคนที่ไม่เคยพูดจากันดี ๆ เลยสักครั้ง

“หรือยังไงวะ หรือดูดปากกันอีกทีมั้ย จะได้หายเศร้า”

มึงนี่แม่ง น่าเอาตีนยัดปากมากเหี้ยโจ้

แม้จะกำลังเศร้าถึงขีดสุด แต่นิวก็หลุดขำออกมาได้
หัวเราะเสียงเบาในลำคอ และเงยหน้าขึ้นมามองคนที่แม้คำพูดจะดูตลก แต่ไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าของโจ้เลยสักนิด

“เหี้ย กูเจ็บว่ะ มันเจ็บข้างในนี้ จนเหมือนกูกำลังจะตาย”

ไม่ใช่แค่คำพูดเลื่อนลอย แต่เป็นสีหน้าและแววตาของโจ้ที่แสดงออกมาให้นิวเห็นคำว่าจะตายอย่างที่ปากพูดจริง ๆ

“มึงไม่ตายหรอก เชื่อเหอะ ไม่เคยมีใครตายเพราะความรัก ความโง่เขลาเท่านั้นที่ทำให้คนต้องตาย”

เหี้ยนิว
เจ็บขนาดนี้แม่งยังมีปรัชญาชีวิตแฝงไว้อีก กูล่ะโคตรเชื่อมึงเลย

“โอ้ยยยยยยยยยย แต่กูนี่แหละกำลังจะตาย ทำไมรักใครก็แห้วแดก อกหัก โดนเมินตลอดเลยวะ ชีวิตกูแม่งเป็นเหี้ยอะไรมากมาย....เซ็งโว้ยยยยยยยยย”

กูจะไปรู้ได้ยังไง

กูยังเอาตัวไม่รอดเลย แล้วกูจะไปตอบคำถามโง่ ๆ ของมึงได้ยังไงถ้าตอบได้แม่งก็บ้าแล้ว

“แล้วอีกอย่างนะ ความรักก็ไม่ได้ทำให้คนพูดจาเพ้อเจ้อไร้แก่นสารด้วย”

แล้ว………….
แล้วยังไงต่อวะ แล้วทำไมไม่พูดต่อล่ะ กูกำลังฟังอยู่เนี่ย แล้วยังไง.....

“ความรักไม่ได้ทำให้มึงเพ้อเจ้อ แต่สันดานที่ติดตัวมึงต่างหากที่ทำให้มึงเพ้อเจ้อพูดจาโง่ ๆ ไม่ยอมหยุด”

สัดนิว

ขนาดนี้แล้วนะ

ขนาดที่ว่ามึงเองก็เจ็บปวดไม่แพ้กู มึงก็ยังหาเรื่องกัดกูได้เรื่อยๆ นะ มึงแม่งสุดยอดมาก

“กูเจ็บนะนิว แต่ดูท่ามึงจะเจ็บหนักกว่ากูเยอะ”

ใช่

มึงพูดถูกโจ้บางทีมันอาจจะใช่อย่างที่มึงพูดนั่นแหละกูไม่มีอะไรจะเถียงหรือแก้ตัวใด ๆ ทั้งสิ้น

“เพราะฉะนั้นนะนิว ........... ในเมื่อมึงเองก็เจ็บขนาดนี้แล้ว กูจะไม่ตอบโต้อะไรมึงนะ.....กูให้มึงด่าฟรีได้หนึ่งวัน อะไรก็ได้ด่ามาเถอะ....กูจะไม่โกรธมึงหนึ่งวัน”

แบบนี้มันผิดจากนิสัยปกติของมึงเกินไป พูดมาได้ยังไงว่าให้กูด่าฟรีหนึ่งวัน มึงก็ช่างคิดได้

“อย่างน้อยฟังมึงด่า ก็ทำให้กูลืมคิดไปว่ากูกำลังเสียใจ...มึงด่าเหอะ อยากด่า ก็ด่าไป...กูจะได้ลืมว่ากูแม่งอยากร้องไห้จะตายห่า แต่เสือกไม่กล้าร้อง….เชื่อมั้ยนิว ตอนนี้กูรู้สึกว่ากูมันน่าสมเพชอย่างที่มึงเคยว่าจริง ๆ ”

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.81
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 11-06-2014 21:30:04
 สายใยบางๆระหว่างใจของกันและกันยังมีอยู่:3123:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.81
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 11-06-2014 21:39:45
ไม่เป็นไรนะโจ้นิว ใครเค้าไม่รักเรา เราก็รักกันเองดีที่สุด  :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.81
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 11-06-2014 21:59:09
หยกกัส อยากอ่านแล้วอ่าาาาา  :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.81
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-06-2014 22:38:18

(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง (นิว-โจ้)#เบื่อแห้ว

“เป็นไงบ้าง คุยกันบ้างหรือเปล่า”

ยังไง
หมายความว่ายังไง คำว่าคุยกันบ้างหรือเปล่า

“ก็ไม่ยังไง ก็คุยอยู่หรอก ถ้ามีอะไรจำเป็นก็คุยอยู่”

โจ้ตอบออกไปแล้ว และยืนมองหน้าของใครบางคนที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาพักใหญ่

“ไม่ติดต่อเลยเนอะ ใจดำจริงวะตอง”

มันเป็นความบังเอิญ ที่ได้มาเจอหน้าใครบางคนอีกครั้ง
เราอยู่ด้วยกันเสมอ ช่วงที่เรียนด้วยกัน

แล้วอยู่ดีๆ ตองมันก็ย้ายที่เรียน แค่ย้ายไม่พอ ทั้งเบอร์ติดต่อหรือที่อยู่ มันก็ไม่ยอมบอก หายไปแบบเงียบ ๆ เฉย ๆ

เป็นทางนี้ ที่ถึงกับไปไม่เป็น
และมึนงงกับสิ่งที่ตองทำไปพักใหญ่
“ไม่ใจดำไม่ได้ ยิ่งเสน่ห์แรงอยู่ เดี๋ยวมึงก็ไม่ยอมตัดใจจากกู”

เป็นคำพูดหยอกล้อที่ทำให้โจ้ยิ้มออกมาได้
และขยี้เส้นผมของคนที่อยู่ตรงหน้าเหมือนที่เคยทำ

“แล้วให้รักหรือไง”

ไม่ให้หรอก
จะรักได้ยังไง ก็เคยบอกไปตั้งแต่แรกแล้ว ว่าจะไม่คบใครเด็ดขาด เดี๋ยวย่าด่า

เหตุผลฟังดูไม่ค่อยน่าเชื่อ
แต่สำหรับตองมันคือเรื่องจริง

ไม่ว่าใครจะมาชอบหรืออยากคบหาด้วย ยังไงก็ไม่มีทางคบด้วยแน่

“รอรวยก่อน แล้วค่อยมีแฟน ให้ย่าสบายก่อนค่อยคิดเรื่องนี้”

คำตอบยังเป็นเหมือนเดิม
ตองเคยตอบยังไง มันก็ยังตอบแบบนั้นเหมือนเดิม

ยืนยันหนักแน่นในคำพุดของตัวเองเสมอไม่เคยเปลี่ยนแปลง

“แล้วย้ายหนีเนี่ย หนีกูด้วยดิ”

ก็ไม่เชิง

“บังเอิญได้ทุน โอนย้ายหน่วยกิตได้ด้วย มันก็จะได้ทุ่นค่าใช้จ่ายไปอีกหน่อย ก็เลยไป”

แล้วก็ไปแบบไม่บอกกล่าวกันเลยเนอะ

“หลบหน้าสิไม่ว่า”

โจ้มองหน้าของตองแล้วก็ยิ้ม อมยิ้มเล็ก ๆ และตองก็ยิ้มตอบกลับเหมือนเดิม


“ก็ส่วนหนึ่ง ถ้าไม่ทำแบบนี้คนบางคนมันก็ไม่ยอมรู้ใจตัวเอง”

รู้ใจอะไรวะ
ไม่เห็นรู้เรื่อง

ใครจะมารู้ใจใครอะไร งง

“รู้ใจตัวเองตั้งนานแล้ว แต่คนบางคนมันไม่ยอมให้รู้ใจไง ก็เลยไม่รู้จะทำยังไง”

แกล้งตัดพ้อต่อว่า และคราวนี้ตองยิ่งหัวเราะร่วนและจ้องหน้าของโจ้ตรง ๆ

“แล้วใกล้จะรู้หรือยัง”

ยังมั้ง
คิดว่าคงยัง........แล้วนี่พูดเรื่องอะไรเนี่ย
รู้ใจใครวะ งงหนักเข้าไปใหญ่แล้ว

“ไม่เจอกันแค่ไม่นาน เดี๋ยวนี้พูดจายอกย้อนเก่งขึ้นนะ”

ก็นิดหน่อย

“แล้วนี่มอง ๆ ใครอยู่หรือเปล่า”

มองใครเหรอ
ก็...
ใครจะไปยอมพูดกันล่ะ บอกคนที่เคยชอบว่ามีคนที่ชอบคนใหม่แล้วเนี่ยนะ มันจะไม่แปลกหรือไง

“รอตองแหละ”

ไม่ได้รอจริง ๆ ไม่ใช่เหรอ โจ้ฉลาดจะตาย แม้จะทำอะไรตามสัญชาติญาณไปหมดทุกอย่างก็เถอะ

แต่โจ้ฉลาดพอที่จะไม่ทำเรื่องบางอย่างแน่ ๆ

“รอกูหรือรอไอ้ นิว”

เหี้ย
พูดอะไรเรื่อยเปื่อย
ตลกน่า
ไปรอมันทำไมไอ้นิว พูดเรื่องอะไรเนี่ย ชักจะงงไปกันใหญ่แล้ว

“เกี่ยวอะไรกับมัน พูดกันแค่เท่าที่จำเป็นแค่นั้น เดี๋ยวนี้ยิ่งไม่มองหน้ากันด้วยซ้ำ”

เหรอ

“โจ้ไม่มองนิว ..... ก็ใช่....แล้วเคยสังเกตมั้ยว่านิวมองโจ้บ้างหรือเปล่า”

แล้วมันจะมองกูทำไม

ไม่เคยหรอก

มันจะมองทำไม
มันหยิ่งจะตาย ปกติแม่งโคตรหยิ่ง ไม่ลงมาเสวนากับคนอย่างกูหรอก

“ไม่ไหวจะมอง แม่ง ทำตัวอย่างกับเทวดา”

ค่อนขอดกระแนะกระแหน แม้อีกฝ่ายจะไม่อยู่ตรงนี้ แต่โจ้ก็ยังสามารถพูดถึงและทำหน้างี่เง่าได้

“โจ้....ถามจริง ๆ เหอะ นายชอบเราจริง ๆ เหรอ แน่ใจได้ยังไงว่าชอบ ไม่ใช่เพราะใครบางคนมันมีท่าทีกับเราเหรอ นายถึงยอมไม่ได้”

ใคร

ไม่มีหรอก
ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าอะไรเป็นอะไร
แล้วจะให้ใครมาชอบ ไม่ใช่มั้ง

คนที่ชอบมันคนนี้ต่างหาก

ตองต่างหาก

คนที่ชอบมาตลอดน่าจะเป็นตอง

และคนที่ควรชอบในตอนนี้ก็ควรเป็น...........
ไอ้คนที่กำลังคุยโทรศัพท์นั่น

คนที่คุยโทรศัพท์อยู่ตรงนั้น
ไม่ใช่ ไอ้คนที่นั่งเงียบ ไม่พูดไม่จาอยู่ข้างๆ

เรื่องบางอย่างที่ทำให้โจ้รู้สึกแปลกใจตัวเอง
มันเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้

ก่อนหน้าที่จะทำอะไรแปลก ๆ โง่ ๆ ไปเมื่อคราวก่อน
ไม่เคยคิดถึงเรื่องบางอย่างที่ตองเคยพูดเอาไว้

ไม่เคยแม้แต่จะคิดเลยสักนิด
แต่หลังจากวันนั้น
กลับเริ่มคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา

เริ่มสังเกตบางสิ่งบางอย่างที่อยู่รอบตัว
คนบางคนที่เห็นกันจนชิน
แต่เมื่อไม่นานมานี้ โจ้รู้สึกว่าไม่ค่อยชิน เพราะมีบางอย่างที่แปลกตาออกไป

นิวเป็นคนที่มีหน้าตาน่ามองคนหนึ่ง
ไม่เคยมอง แต่ตั้งแต่วันนั้น โจ้ก็เริ่มมอง
เหลือบมองบ้าง มองใบหน้าด้านข้างบ้าง
มองไปมองมาก็เริ่มรู้สึกว่าชักจะเพลินตา
โดยที่ไอ้นิวมันไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิด

ขืนรู้แม่งก็ตายห่าดิ
เดี๋ยวมันสวดกูยาวเลย ให้กูคิดเหตุผลร้อยแปดมาตอบแล้วใครจะไปตอบได้วะ ว่ากูจะมองมันไปหาพระแสงของ้าวอะไร

“เจ้าของเขามาทวงแล้ว ชาติหน้าเหอะมึงไม่มีทางได้แอ้มหรอก”

แล้วกูสนมั้ย กูเคยสนหรือไงนิว มึงก็รู้ว่ากูไม่เคยสน

“อกหักอีกแล้วโว้ย”

แกล้งพูดและโจ้ก็เหลือบสายตามองหน้าคนที่แค่นยิ้มอยู่ข้างๆ

คล้ายจะเห็นบางอย่าง

“ตั้งแต่แรกแล้ว มึงเองก็มีสิทธิ์ แล้วทำไมไม่แย่งวะนิว”

หยั่งเชิง
ลองหยั่งเชิง และนิวยิ่งแค่นยิ้มเหมือนกำลังเยาะเย้ยตัวเอง

แย่งเหรอ
นั่นสิ
ทำไมวะ ทำไมไม่แย่งวะ

“ก็กูคนดีไม่ใช่มึง ....สันดาน”

ด่ากูซะงั้น

“แล้วมึงคิดว่ากูจะจบง่าย ๆ หรือไง ไอ้ทางโน้นจะกลับมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ กูอยู่ทางนี้ ใกล้ชิดเห็น ๆ แค่เปิดโอกาส มึงจะตายหรือไงวะ กูอาจจะดีกว่าไอ้หยกอะไรนั่นก็ได้”

เลิกพูดซะทีเหอะ

“รำคาญ มึงหยุดซะทีได้มั้ย กูเหนื่อย”

อ้าว
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับกูล่ะ มึงเหนื่อยแล้วไง มึงเหนื่อยมึงก็เลิกเป็นผู้พิทักษ์ห่าอะไรนี่ของมึงซะทีสิ

ง่าย ๆ
แค่มึงเปิดโอกาส

ไม่ได้เลยหรือไง

“นิว”

“..............”

“นิว.....”

“......................”

“ไอ้นิว มึงฟังหน่อยสิ เปิดใจรับเงื่อนไขกูหน่อยไม่ได้เลยหรือไง กูรักจริง ชอบจริง ไม่ทิ้ง แค่ให้โอกาสกูหน่อย”

เงื่อนไขเหี้ยอะไรวะ
กูไม่อยากฟัง

“มึงบอกใคร”

จะบอกใคร
ก็บอกมึงนั่นแหละ

“มึงก็รับเงื่อนไขหน่อยสิ กูรักจริง ชอบจริง ไม่ทิ้ง”

นิวยิ่งขมวดคิ้วมุ่นและหันหน้ามามองคนที่พูดเรื่องบางเรื่องในเวลาที่ไม่ควรพูด

ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ และอยากจะเดินหนีไปให้ไกล ๆ

“มึงบอกใคร”

เอ้า ไอ้นี่ กูพูดมึงไม่ฟังเลยหรือไง มึงคิดจะฟังหูซ้ายทะลุหูขวาใช่มั้ย

“กู.........ชื่อโจ้...........กูกำลังบอกมึง.........ไอ้นิว....เปิดโอกาสให้กูหน่อยมั้ย..........กูรักจริง.........ชอบจริง.........ไม่ทิ้ง”

เหี้ยนี่กวนตีนชิบหาย

“มึงบอกใคร”

นี่มึงฟังบ้างมั้ย

“กู.........บอก..........มึง”

เน้นคำให้ชัดเจนขึ้น และคราวนี้นิวถึงกับส่ายหน้าและขมวดคิ้วมุ่นด้วยความเซ็ง

“เลิกพูดเหอะ ไร้สาระว่ะ กูบอกแล้วว่าของเขามีเจ้าของ ทำไมมึงยังหน้าด้าน จะเอาให้ได้วะ”

มันเรื่องของกู
ก็กูจะเอา แล้วมึงจะทำไม

“แล้วจะเอายังไงวะ”

เอายังไงอะไรของมึง

“เลิกยุ่งกับไอ้กัสได้มั้ย กูขอร้อง กูเหนื่อย กูไม่อยากอยู่ใกล้มันมากไปกว่านี้ กูเหนื่อยแล้ว กู.....จะไม่ไหวแล้ว”

นั่นกูรู้แล้ว
โดยนิสัยมึงแล้ว ทนอยู่กับความเจ็บปวดนาน ๆ ไม่ได้
มึงเลี่ยงการเจ็บปวดเสมอ อะไรที่เลี่ยงได้มึงก็เลี่ยงมาตลอด ไอ้คนเจ้าแผนการ ไอ้คนเจ้าความคิด

“กูชื่อโจ้ รักจริง ชอบจริง ไม่ทอดทิ้ง”

เหี้ยน่ารำคาญว่ะโจ้ มึงเพ้อเจ้ออะไรของมึงเนี่ย

“พอ”

ไม่พอ มึงก็ฟังสิ มึงฟังกูบ้างมั้ยเนี่ยนิว
กูพูดทำไมมึงถึงไม่ฟัง มัวคิดแต่เรื่องอะไรของมึง

“กูชื่อโจ้”

เอออออออออออออ

“เหี้ย กูไม่ได้เป็นอัลไซเมอร์ มึงจะย้ำทำไมพร่ำเพื่อ มึงชื่อโจ้แล้วยังไงวะ แม่ง กวนตีนนะมึง กูไม่มีอารมณ์มาพูดอะไรไร้สาระกับมึงนะ”

เอออออออออออออออออ แล้วกูมีอารมณ์มาไร้สาระกับมึงหรือไงวะ

“มึงว่าใครไร้สาระวะ ไอ้นิว”

ถามมาได้ว่าใคร
อย่าโง่ได้ป่าว ปกติมึงก็โง่อยู่แล้ว อย่ามาแกล้งทำเป็นโง่ได้ป่าว กูยิ่งเครียด ๆ อยู่

“กูชื่อโจ้”

ไอ้เหี้ยนี่ไม่เลิก

“กูรู้แล้ว กูชื่อนิว แล้วมึงจะทำไมไอ้เหี้ยโจ้ พอซะทีได้มั้ย”

ไม่ได้
กูไม่พอ

“กูรักจริง ชอบจริง”

ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

“กูไม่ฟังมึงแล้ว”

นิวลุกขึ้น เพราะกำลังรู้สึกว่าตัวเองเริ่มโมโห
เวลาคนเราโมโหมักจะควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้

และถ้าเราควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เราจะอ่านสถานการณ์ไม่ออก

เราจะสูญเสียหนทางที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาในแต่ละสถานการณ์

เราจะ.....

“คบกันมั้ยวะ สัด……….”

กวนตีนแล้ว แดกตีนกูก่อนมั้ย

“อย่าปัญญาอ่อนไอ้โจ้……..กูบอกแล้วว่าของเขามีเจ้าของ”

ไม่เห็นมี
กูเฝ้ามาพักใหญ่แล้ว

ไม่เห็นมีแม้กระทั่งโทรศัพท์สักกริ๊ง ก็ไม่เห็นมี

ไอ้คนมีเจ้าของ กูพยายามไม่คิดอะไรมาพักใหญ่แล้ว
แต่คนไม่มีเจ้าของ กูเพิ่งเริ่มคิดเมื่อไม่นานมานี้

แต่ไม่ค่อยชัวร์ตัวเอง
จนมาเห็นอะไรบางอย่าง จะจะวันนี้ กูเลยคิดว่า ทำอะไรบางอย่างไปก็เท่านั้น

คนมันเป็นได้แค่เพื่อน
แม่งก็เป็นได้แค่เพื่อนแหละวะ

แต่คนที่ไม่เคยเป็นเพื่อน แต่รู้ทุกอย่างแบบไม่ต้องพูดก็เข้าใจและมันก็อยู่ใกล้แค่นี้

ทำไมไม่ลองพัฒนาดูวะ
ถึงสันดานจะเหี้ยไปหน่อย ตรงที่ชอบเล่นบทคนดีกับคนอื่นไปทั่ว แต่เล่นบทคนเลวกับกูคนเดียว

แต่ก็นั่นแหละ
มีอะไรก็พูดออกมาเลยไม่ต้องเก็บไม่ต้องกั๊ก

มึงไม่คิดจะพัฒนาไปทางอื่นบ้างเหรอวะ

กูก็ไม่ได้ชอบอะไรมึงหรอกนะ แค่....คิดว่า บางทีมันก็เหนื่อยเวลาที่ต้องวิ่งไล่ตามบางอย่าง แต่เหมือนหาไม่เจอไปไม่ถึง

“กูชื่อ...........”

หุบปากไปเลยกูไม่ฟังแล้ว

นิวลุกขึ้นและโจ้ก็ลุกตาม ไม่ใช่แค่ลุกตาม แต่มายืนดักหน้าไม่ให้คนบางคนเดินหนี

“จีบหน่อยไม่ได้หรือไงวะ เหี้ยหยิ่งชิบหายกูไม่อยากแดกแห้วแล้ว มึงไม่เข้าใจหรือไง ว่ากูเอียนแห้วเต็มที”

นั่นมันเรื่องของมึง

“กูบอกว่าของ..........”

ของอะไร
ของใคร

ของอะไรของมึง

“กูไม่อยากแดกแห้ว กูเอียน สันดานหยิ่ง นิสัยเสีย เหี้ย ๆ อย่างมึงแก้ไม่หายง่ายๆ หรอก ให้กูจีบเหอะ จะได้จบ ๆ เรื่องไป”

อ้าวไอ้เหี้ย มึงพูดอะไรเนี่ย
มึงบ้าหรือเปล่า

มึงประสาทหลอนไปแล้วหรือไงไอ้โจ้
เป็นห่าอะไรของมึง

สมองมึงคิดอะไรอยู่

“กูจะพูดอีกคำเดียวนะ กูเบื่อแห้ว ถ้าไม่อยากให้กูต้อนไอ้กัสมึงก็ลอง ๆ ให้กูจีบมึงแทนซะ จบ.......โอเคป่าว”

แม่งบ้าไปแล้ว

“มึงก็รู้กูทำตามอารมณ์ อารมณ์ตอนนี้กูอยากจีบมึง กูอยากจีบจริง ๆ เอาแบบจริง ๆ จัง ๆ ไม่เอาเหมือนคนก่อน ๆ หรือคนอื่น ๆ ลองมั้ย ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ลองเหอะ”

ลอง

ลองเนี่ยนะ

คิดอะไรอยู่เนี่ย
“หรือมึงกลัว”

ห๊ะ
นี่คือการจีบกันเหรอ มึงแน่ใจว่านี่เรียกจีบกัน??????????????

แล้วการท้าทายแบบนี้ หมายความว่ายังไง
หมายความว่าถ้ากูไม่กลัว ก็ลองดูใช่มั้ย

“ปัญญาอ่อน”

โดนด่า และนิวก็ทำหน้าเซ็งโลกใส่คนที่พูดจาไม่รู้เรื่อง เดินหนีเข้าบ้าน แต่สายตาเหลือบมองคนที่กำลังยืนคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่ข้างบ้าน

“อ้าวไอ้เหี้ย แบบนี้เรียกกลัวนี่หว่า มึงไม่กล้าไง ถึงได้เดินหนี ไอ้นิว กลับมาก่อนดิ คุยดี ๆ ตกลงเอายังไง”

เดินตาม
โจ้ก้าวขาเดินตามนิว

แต่สายตาก็ไม่อาจเลี่ยงหนีใครบางคนที่กำลังยืนคุยโทรศัพท์ได้

“ไม่.....ดื้อ........กัส.....ไม่ดื้อ....กับพี่....หยก...แล้ว”

โห

ตายเลยกู

แม่งอย่างหวาน

มึงคุยกันแม่งอย่างหวาน จนกูไปไม่เป็น
นี่ขนาดเอ๋อ มึงยังพูดกันได้ขนาดนี้ แล้วถ้าเป็นตอนดี ๆ มึงจะพูดกันขนาดไหนวะ

“แดกแห้วทั้งไร่ ชัดเจนแล้วกู”

โจ้มองคนบางคนที่เดินวนไปวนมา และก็ยิ้มกับตัวเอง

ดีนะที่ไม่เทไปหมดหน้าตัก
เหลือใจเผื่อเอาไว้บ้าง เพราะการพูดบ่นด่า ของไอ้นิวทุกวันแท้ ๆ

โชคยังดี ที่คราวนี้คงถอนตัวไม่ยาก

“แล้วไม่ดื้อกับกูบ้างไม่ได้หรือไงวะ”

เงยหน้าขึ้นและมองไปที่คนที่เดินเข้าไปในบ้าน และโจ้ก็ค่อย ๆ ก้าวขาเดินตาม

ไม่รู้ล่ะ

ลองดู

ลองดูสักตั้งวะ

ไม่มีอะไรจะเสียนี่หว่า

ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร

กูมีอะไรจะเสียที่ไหนล่ะ

แค่จีบไอ้นิว...........ของแบบนี้จะให้คิดอะไรมาก

ก็แค่.....ลองจีบดู ชิล ชิล ช่วงอกหักจะได้ไม่เหี่ยวเฉา ดูเหมือนมีอะไรทำดี ไม่ต้องคิดเรื่องอกหักให้มากความ

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.81
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-06-2014 22:47:17
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#หยุด

ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ไม่รู้ว่าแบบนี้เรียกว่าอะไร

มันคืออะไรไม่รู้ แต่........สัมผัสแบบนี้ มันให้ความอบอุ่นได้มากมาย เหมือนในใจเคยร่ำร้องอยากได้ความรู้สึกแบบนี้กลับคืนมา
และเมื่อได้มาก็ไม่อยากจะปล่อยมือไป

“ทำไมชอบท้าวแขนวะ มันจั๊กจี้”

ไม่รู้เหมือนกัน
นั่งด้วยกันแต่ไม่รู้จะทำอะไร ก็ไปท้าวแขนใส่หน้าขาของคนที่นั่งขัดสมาธิ และก็เป็นหยกที่ลองวางมือบนไหล่ของคนที่อยู่ดี ๆ ก็เอาแขนมาท้าวไว้บนหน้าขา

เท่านั้นยังไม่พอ มันยังมีหน้าวางปลายคางไว้บนหลังมือของตัวเองและหันมามองหน้ากันแบบกวน ๆ อีกด้วย

“ไอ้กัสเอ้ยยยยย”

อะไร

“ทำไมไอ้หยกเอ้ยยยยยยยยย”

ต่อปากต่อคำด้วย และหยกก็ใช้มือขยี้เส้นผมของคนที่ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่

“สอนไม่รู้จักจำ กูพี่มึงกี่ปีเนี่ย เรียกพี่หยกซิ”

ไม่มีทาง

“เรียกทำไม”

อ้าวแล้วคนที่เขาเรียกกันแบบนี้ เขาเรียกทำไมวะ

“นิสัย”

“นิสัยดี รู้นานแล้วไม่ต้องบอกก็รู้”

นิสัยดีอะไร แบบนี้เนี่ยนะเรียกนิสัยดี ไม่ใช่มึงแล้วมั้ง

“เอาแขนออกดิ๊ กูจั๊กจี้”

ไม่

“แค่นี้ทำหวงตัวไปได้”

เหรอ มึงปากดีนักนะ เดี๋ยวเหอะมึง

หยกแกล้งวางมือไว้บนหน้าผากของกัส และเอามืออีกข้างตีที่หลังมือตัวเอง เสียงดังเพี้ยะ และกัสก็แกล้งร้องเสียงหลง ทั้งที่ไม่ได้เจ็บเลยสักนิด

“เหี้ยหยก ตีกูทำไม เจ็บนะเหี้ยยยย”

อ้าวเหรอ ทำเหมือนเจ็บจริง มึงตลกมากไปแระกัส

“ถ้ากูทำจริงนะ มึงตายห่าไปนานแล้ว ไหนเรียกพี่ดิ๊ พูดเป็นเปล่า”

เป็น แต่ไม่พูด

“ชาติหน้ามั้ย”

ไม่ต้องชาติหน้าหรอก ชาตินี้แหละ

“เร็ว”

เซ้าซี้ว่ะ แค่เรียกชื่อแค่นี้ ทำไมต้องอยากให้กูเรียกด้วยวะ มันจะทำให้มึงเท่ห์ และข่มกูได้สองเท่าหรือไง

“ไม่เรียก มึงรอไปเหอะ”

เนี่ย
ก็เป็นแบบนี้ตลอด ทำไมวะ แค่เรียกแค่นี้ทำให้ไม่ได้หรือไง

“กูจะงอนนะเอาจริง ๆ”

เออ งอนไป กูไม่ง้อหรอก

“หยกแม่งปัญญาอ่อนว่ะ แล้วแบบนี้จะให้กูเรียกพี่ มึงพูดเล่นใช่ป่ะ”

ใครพูดเล่น พูดจริงต่างหากล่ะ แยกไม่ออกหรือไงเรื่องจริงหรือเรื่องเล่น

“ไม่เรียกโว้ยยยยยยยยยยยยยย”

ลอยหน้าลอยตา และยิ่งกดข้อศอกลงไปที่หน้าขาของหยกซ้ำเข้าไปอีก เหมือนแกล้ง และคนที่ยอมให้กัสแกล้งก็ร้องออกมาเสียงดังลั่น

“โอ้ยยยยยยยย พอแล้ว อะไรของมึงเนี่ย กูเจ๊บบบบบ เจ็บนะเนี่ยเอาจริง เหี้ยกัสมึงนี่”

เจ็บซะ จะได้เลิกเซ้าซี้

“นิสัย”

“นิสัยดีไง”

เออ มึงนิสัยดี นิสัยดีตลอดแหละ ทำตัว....แม่ง

แกล้งใช้สองมือดึงแก้มสองข้างของกัส และกัสก็ร้องออกมาเพราะรู้สึกว่าเจ็บจริง ๆ

“โอ้ยยยยยยยยยยยกูเจ็บ เหี้ยหยกทำกูทำไมเนี่ย”

ก็ไม่ทำไม

“ฮึ่ยยยยยยย โดนซะบ้าง แม่งให้เรียกพี่ไม่รู้จักเรียก เด็กเหี้ยนิสัยปีนเกลียวนะมึง”

อะไรล่ะ

“หยกกกกกกกกกกกก พอแล้ว กูเจ๊บบบบบบบบบบบ”

ที่จริงไม่ได้เจ็บเท่าเสียงที่ร้อง แต่แกล้งร้องเสียงดัง ๆ เข้าไว้เพราะรู้ว่าหยกใจอ่อนง่าย และก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ
คนที่ดึงแก้มยอมปล่อยมือ และก็ใช้นิ้วจับปลายคางของกัสและจับหันหน้าไปมาซ้ายขวาเพื่อสำรวจร่องรอย

“อะไรของมึง ร้องเกินเหตุ ไม่เห็นเป็นอะไรเลย มารยานะมึงเนี่ย”

ก็มารยากับมึงคนเดียวแหละว๊า

“พี่หยกกกกกกกกกกกก ทำไมมึงทำงี้อ่ะ กูเจ็บจริงนะโว้ยยยยย”

เหรออออออออ มึงเจ็บจริงเหรอ

“พี่หยกก็สั่งสอนกัสไงครับ ว่าทีหลังอย่าดื้อกับพี่หยกอีก อย่าดื้อนะครับ วันหลังอย่าดื้อ”

เออ กูคงเชื่อมึงเนอะ

“ขนลุกว่ะ พี่หยก..........ฮึ่ยยยย อย่าดื้อนะอย่าดื้อออออ เลี่ยนชิบหายยยยยยยยย”

เลี่ยงตรงไหน พูดกันดี ๆ คุยกันดี ๆ เหมือนคนอื่นบ้าง สอนไม่รู้จักจำนะมึง พูดจาให้มันดี ๆ ใคร ๆ เขาก็รัก ถ้าพูดจาดี คนก็อยากพูดด้วย พูดจาหมาไม่แดกแบบมึง ใครเขาจะอยากพูดด้วย

“หมดเวลาพักแล้ว วันนี้จะอ่านกี่หน้า”

ห๊ะ
อ่านกี่หน้า ไม่เอาแล้ววววววววววว กูไม่อยากอ่านแล้วววววววว

“มึงพูดกับใครนะ ไอ้กัสไม่อยู่ กูเป็นเพื่อนมันมีอะไรฝากไว้แล้วกัน เดี๋ยวกูบอกมันให้”

ตลกแระ

“เนียนนะมึง”

“ห๊ะ อะไรนะ มึงไม่เชื่อกูเหรอ กูไม่ใช่ไอ้กัสนะ กูชื่อเจ๋งกูเพื่อนมัน มีอะไรฝากไว้ได้”

ยังจะเล่นต่อไปเรื่อย ๆ และเป็นหยกที่ถึงกับส่ายหน้าในวิธีหลบเลี่ยงไม่ยอมอ่านหนังสือของกัส
ไอ้หน้าด้าน นี่มึงพูดจาหน้าด้าน ๆ ได้โดยไม่คิดบ้างหรือไงว่าใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ

“หยกกกกกกกกกก”

อะไรมึง เรียกทำห่าอะไร อะไรของมึงนักหนาวะ

“มึงจะลุกไม่ลุก”

ไม่เอา กูไม่อ่านแล้ว นี่กูอ่านไปสองหน้าแล้วนะ มึงยังจะให้กูอ่านอีกเหรอ

“กูป่วย”

ไม่แค่บอกว่าป่วย แต่กัสยังลงไปนอนกองกับพื้นและแกล้งไอเสียงดัง

“แค่ก แค่ก กูจะตายมั้ยเนี่ย”

มึงจะโดนกูเหยียบมากกว่า เล่นซะเนียนเลยนะมึง

“เร็ว ไม่เล่นดิ มาอ่านก่อนเร็ว อีกสองหน้า”

ไม่เอาแล้ว กูไม่อยากอ่านแล้วจริง ๆ

“ฮือออออออออ ไม่เอาแล้ว ไม่เอา กูแข่งว่ายน้ำอยู่ จะเข้าเส้นชัยแล้ว เอ้าฮึ่ย ฮึ่ย เวลากำลังจะหมดแล้ว กำลังจะถึงเส้นชัยแล้ว เอ้าเร็วเข้า”

นอนคว่ำและใช้แขนวาดไปในอากาศทำท่าเหมือนกำลังว่ายน้ำ และหยกก็ถึงกับส่ายหน้ากับสิ่งที่อีกฝ่ายทำ จินตนาการมึงกว้างไกลจังเลยเนอะ

“และนี่คือท่าขาไขว้เดนตาย ถ้าไม่หยุดว่ายน้ำมึงตายห่าแน่ไอ้กัส”

กัสนอนคว่ำหน้า และขาสองข้างก็ถูกจับไขว้กันและกดลงที่สะโพกอย่างรวดเร็ว

“โอ้ยยยยยยยยยยย ยอมแล้ว ยอมแล้ว เหี้ยหยก กูยอมแพ้แล้ว”

ใช้มือตบไปที่พื้นหลายทีและหยกก็ยังไม่ยอมเลิกแกล้ง

“ยอมยัง”

ยอมแล้ว

“ไม่สู้แล้วครับ ยอมแพ้แล้วครับพี่ อย่าฆ่าผมเลยครับ”

ถึงจะบอกว่าไม่สู้ แต่หัวเราะเสียงดังลั่น เจ็บแต่หัวเราะ และหยกก็เลยปล่อยและมายืนอยู่ตรงหน้าคนที่นอนคว่ำหน้า

“หยกกกกกกกกกกกก”

กอดข้อเท้าของคนที่มายืนอยู่ และใช้แก้มสีไปมาเบา ๆ ที่หน้าแข้งของคนที่ยืนท้าวเอวมอง

“หยกจ๋า อ่านหน้าเดียวนะ กูอ่านหน้าเดียวพอไม่ได้เหรอ เดี๋ยววันหลังมาอ่านอีกไม่ได้เหรอ กูปวดหัวจริง ๆ นะ”

เออ

“ลุกขึ้นมาดิ๊ หน้าเดียวก็หน้าเดียว”

ไม่รู้จะพูดอะไร
ทำไมมันดื้อด้านแบบนี้วะ เข็นยากชิบหาย แล้วชาตินี้มึงจะอ่านหนังสือคล่องมั้ยเนี่ย ขนาดของประถมต้นมึงยังอ่านได้เหี้ยขนาดนี้เลย แล้วชั้นถัดไปมึงจะอ่านได้มั้ย

“เร็ว ลุกขึ้นสิ จะอ่านก็ลุกขึ้น”

โห่

“ขออีกห้านาที”

มึงจะเกินไปแล้ว

ต่อรองเยอะไปแล้ว ดื้อไปไหนมากมายวะ แค่อ่านหนังสือแค่นี้ ทำเหมือนจะเป็นจะตาย อะไรของมึงนักหนาวะ

“ลุกขึ้นนนนนนนนนนนนนน”

ไม่ใช่แค่พูดแต่หยกยังจัดการลากคนที่ไม่ยอมลุกขึ้นยืนให้ลุกขึ้น และไอ้ตัวแสบมันก็แกล้งทำเป็นตัวอ่อน ยอมลุกซะทีไหนขนาดทั้งลากทั้งดึง

“ฮึ้บบบบบบบบบบ ไอ้กัสสสสสมึงนี่ อย่าดื้อสิวะ ไม่ดื้อสักวันไม่ได้หรือไง”

ด้ายยยยยยยย

ลากขึ้นมาอยู่บนเตียง และคนถูกลากก็หัวเราะชอบใจ ไม่ใช่แค่หัวเราะ แต่ยังดึงคอคนที่ลากลงมาด้วย

“หยกกกกกกกกกกมานอนดิ๊ นอน นอนก่อนสิ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

ตลกไปเรื่อย เล่นไปเรื่อย และคนที่ถูกดึงคอให้ลงมาหา ก็ใช้สองแขนยันฟูกนอนเอาไว้เหนือร่างของคนที่ดึงไปหัวเราะไป

“ไอ้กัสปล่อยเลยนะมึง”

อะไรวะ

ปล่อยทำไม

ยังคงหัวเราะอย่างสนุก โดยไม่รู้ตัวสักนิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำ มันทำให้คนที่ถูกดึงคอให้ลงมาหา กำลังรู้สึกยังไง

ใบหน้าที่อยู่ใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจ เสื้อยืดที่ใส่อยู่ร่นขึ้นไปจนจะถึงแผ่นอกเนียนเรียบที่หยกได้มองเห็น

บางครั้ง เรื่องบางอย่างก็เกิดขึ้นเร็วเกินไป

ความรู้สึกเป็นเรื่องที่ควบคุมยาก อารมณ์รักใคร่ ชอบพอก็เช่นเดียวกัน

“กัสไม่เอาแล้ว มึงอย่าดึงสิ”

ไม่

จะดึง

“นอนก่อน หยกนอนสิ นอน นอน”

เลิกหัวเราะแล้ว แต่เปลี่ยนเป็นยิ้ม และมองหน้าของหยกที่ตอนนี้ร่างกายทาบทับอยู่เหนือร่าง

“อะไรวะ กัสอยากนอนแล้วพี่หยก นะ ได้หรือเปล่า”

อะไร

คืออะไร

อยากนอนอะไรของมึง

“หยก”

“หยก....เป็นอะไร”

ขมวดคิ้วมุ่น และมองหน้าของคนที่กำลังทำหน้าแปลก ๆ ไม่ใช่แค่หน้าแต่สายตาก็แปลกออกไปจากทุกที

แปลก และกัสไม่เข้าใจ

มันมีบางอยางแฝงมา อะไรบางอย่างที่ร้อนแรง และเป็นอันตรายต่อความพยายามในการควบคุมอารมณ์

“หยก.......ลุกก่อนดิ๊ กูหนัก...ลุกก่อนได้มั้ย”

ได้

ลุกก่อนก็.........

สีหน้าและแววตาที่มีแววตื่นตระหนกนิด ๆมันปลุกสัญชาติญาณบางอย่าง ริมฝีปากที่ขยับไปมาเวลาพูด มันน่าลิ้มลองน่าเข้าหาฃ
หยกไม่สามารถต้านทานกับความรู้สึกของตัวเองที่มันกำลังเพิ่มขึ้น และมากขึ้นเรื่อย ๆ ได้

โน้มใบหน้าลงมาหา

อยากจะสัมผัสริมฝีปากคู่นั้น อยากลอง ว่าที่สุดแล้วจะเป็นยังไง

“หยกไม่เอา....อย่าแกล้งกู”

เบี่ยงหน้าหลบ และปลายจมูกของหยกก็แตะสัมผัสเบา ๆ เข้าที่ซอกคอของกัสที่เบี่ยงหน้าหนี

“กัส”

อะไร

อะไรวะ

“หยก ไม่เอาแล้ว ไม่เอา”

ไม่รู้ว่าพูดอะไรออกไปบ้าง ไม่รู้ว่าสมองคิดอะไรอยู่

หลังคำพูดนั้น ฝ่ามือทั้งสองข้างของกัสก็ถูกประกบเอาไว้จากฝ่ามือของร่างที่คร่อมทับไม่ยอมปล่อย ในเวลานี้ เลือดในกายกำลังพลุ่งพล่าน ไม่ว่าอะไรก็คงฉุดรั้งเอาไว้ไม่อยู่

“อืออออออ”

ไม่รู้ว่าพูดอะไรไปบ้าง ไม่รู้ว่าทำอะไรบ้าง แต่สติกำลังเตลิดไปไกล เพราะความรู้สึกที่ไม่เคยรู้จัก
ปลายจมูกที่แตะซ้ำอยู่ที่ซอกคอซุกไซร้เรื่อยไปถึงข้างแก้มและแตะซ้ำเบา ๆ อยู่อย่างนั้น

มันทำให้กัสต้องหรี่ปรือตาลง และคอยฟังอยู่ตลอดว่าหยกกำลังพูดอะไร

“กัส.....”

อะไร

ทำไมเรียก

เรียกทำไม

ทำไมเรียกแบบนี้ ทำไมถึงเรียก

“กูชอบมึงนะกัส......... แต่ถ้ามึงไม่คิดอะไรกับกู มึงก็ช่วยหยุดกูที”

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.81
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 11-06-2014 22:51:43
ไม่ดื้อ กัสไม่ดื้อ กับ พี่หยก แล้ว......อ้าย พี่หยก กลับมาด่วนๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.81
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 11-06-2014 22:58:38
ตามลุ้นคู่หยกกัสคนในอดีต
พอๆกับคู่โจ้นิว ที่อยูกับปัจจุบัน
รอดูคู่อดีตที่จะมาพบกันในอนาคต
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.81
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 11-06-2014 23:38:22
ความทรงจำในอดีต :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.81
เริ่มหัวข้อโดย: POPEA ที่ 12-06-2014 00:43:04
ชอบทุกคู่เลย โดยเฉพาะอ้นพีท ร้อนแรงได้ใจ  :haun4:
เสียดายไม่ได้อ่านต่อคู่พี่ฟ้าน้องนัทอ่า T^T'
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.81
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 12-06-2014 05:45:24
ในที่สุดอิโจ้ก็ตาสว่างมาจีบนิว 5555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.81
เริ่มหัวข้อโดย: Orange151987 ที่ 12-06-2014 09:47:58
 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.81
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 12-06-2014 12:29:02
อยากให้ถึงตอนที่เค้า มุ้งมิ้ง กันแร้วอ่าาาาาาา
ตอนดราม่าพาสๆไปได้ป่ะ (ล้อเล่น) 55555+

ส่วนคู้โจ้ กะ นิว ก้อชอบมากกกกก
จีบกันมึนๆ อ่านไปก้อฟินไปแบบมึนๆ ^////^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.81
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 12-06-2014 12:56:04
อย่าหยุด อย่าหยุด 55555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.81
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 12-06-2014 13:19:59
โจ้จีบนิว 5555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.81
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 12-06-2014 14:39:28
ต้อง ปรบมือให้น้องตอง อย่างแรง  :katai2-1:  น้องชี้ทางสว่างให้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.81
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 12-06-2014 16:34:02
โอ้ยย อยากให้พี่หยกกลับมาหาน้องกัสไวๆจังเลยยย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.81
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 12-06-2014 16:46:08
ดราม่าสุดติ่ง (สำหรับเรา) เลยอ่านแบบข้ามๆไปก่อน  :hao5:
หลานเราก็เป็นเด็ก LD ค่ะ ต้องใส่ใจมากๆจริงๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.81
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 12-06-2014 16:46:21
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#(นิว-โจ้) โจ้งอน

โจ้กำลังอมยิ้มเล็ก ๆ และแอบเหลือบสายตามองหน้าของนิวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ส่งกัสกลับบ้านแล้ว และพรุ่งนี้หยุด วันนี้ก็ไม่รู้จะไปไหน เพราะฉะนั้น ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว มันก็ควรต้องเป็นแบบที่ควรจะเป็น

“ที่เคยชวนไปดูหนัง ไปวันนี้เลยนะ”

เหรอ

“เออ”

เป็นการตอบรับที่ทำให้โจ้ถึงกับอึ้ง

เหี้ยตอบง่ายจริงวะ เป็นอะไรมากมั้ยนั่น

นิวตอบรับง่าย ๆ และก้มหน้าลงถอนหายใจยืดยาว

และโจ้ก็เห็นชัด และเริ่มเข้าใจแล้วว่าเพราะอะไรคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ถึงได้ยอมตกลงใจไปด้วยง่าย ๆ

“ดูพวกเตะบอลก่อนนะ อีกสิบนาทีจะหมดเวลาแล้ว”

เหรอ

“กูไม่ไปแล้ว”

อ้าวเหี้ย ทำงี้ได้ไง มึงรับปากแล้ว อย่ามามั่วนิ่มไม่ไปง่าย ๆ แบบนี้สิวะ

“เออไปแล้ว ไปแล้ว ไปตอนนี้เลย”

ลุกขึ้นทันทีและโจ้ก็พยายามจะดึงแขนคนที่นั่งอยู่ให้ลุกขึ้นยืนด้วยกัน

“กูไม่ไปแล้ว”

เฮ้ยยยยยยยย ทำไมไม่ไปวะ ทำไมนึกอยากจะไปก็ยอมตกลงไปง่าย ๆ แต่พอไม่อยากจะไป มึงก็จะไม่ไปเฉย ๆ แบบนี้เลยเหรอ

“สัด.......ทำไมสัญญาไม่เป็นสัญญาวะ”

ไม่ชอบ และโจ้ก็ขมวดคิ้วมุ่น มองหน้าของนิวที่ทำได้หน้าเดียวคือหน้าเซ็งโลก

“มึงสัญญาว่าไง”

ไม่รู้
กูลืม
กูเปล่าสัญญา

“ไม่รู้”

ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ มึงสัญญาแล้วนะ

“แต่มึงสัญญาแล้ว”

กูไม่ได้สัญญา มึงบังคับให้กูต้องสัญญา เพราะฉะนั้นถ้ากูอยากไปกูจะไป แต่ตอนนี้กูไม่อยากไป กูก็ไม่ไป โดยเฉพาะไปกับมึง กูแม่งหมดอารมณ์อยากไปแล้วตอนนี้

“นิว”

ได้ยินเสียงเรียกแต่รำคาญที่จะฟัง นิวลุกเดินออกมาเฉย ๆ โดยมีโจ้เดินตามออกมาอย่างหงุดหงิดที่เรื่องบางอย่างไม่เป็นอย่างใจ

“ทำไมไม่ไป ไปดูหนังแค่นี้ ทำไมไม่ยอมไป”

มันเรื่องของกู

“โจ้ มึงเซ้าซี้หาพ่อมึงเหรอ”

เฮ้ย กูไม่ได้เซ้าซี้หาพ่อกูนะ กูเซ้าซี้หาพ่อมึงต่างหากล่ะ

“ถ้ามึงไม่เลิกงี่เง่า กูจะจีบไอ้กัสอีกรอบ”

โธ่โว้ยยยยยยยยยยย

“มึงเป็นอะไรนักหนาวะ ทำไมชอบหาเรื่องให้ กูจะประสาทแดกตายห่าอยู่แล้วไอ้เหี้ยโจ้ ไอ้งี่เง่า”

ใครงี่เง่า

“กูงี่เง่าเพราะกูอยากมีคู่”

มึงก็ไปหาเอาข้างหน้าโน่น กูไม่ว่างเป็นคู่ให้มึงหรอก

“แต่กูไม่อยากมี”

“เรื่องของมึง แต่กูอยากมี อยู่เฉย ๆ ให้กูจีบซะที แม่งเล่นตัวชิบหาย มึงอ่ะ แดกแห้วเหมือนกูนั่นแหละ อย่าเรื่องมากได้มั้ย”

ไม่ไหวแล้ว แม่งไม่ไหวกับไอ้โจ้แล้ว ไม่ไหวจริงๆ วันนี้ไม่อยากจะรับอะไรอีกแล้ว

“ไปดูหนังไปวันหลังได้มั้ยโจ้ วันนี้กูเหนื่อย”

ไม่ได้

“เหนื่อยก็ต้องไป”

แต่กูไม่อยากไป

“ทำไมกูต้องไปด้วยวะ เหี้ยเอ้ยยยยย”

ก็ไม่ทำไม

“แล้วมึงจะให้กูทำยังไงกับตั๋วหนัง กูซื้อล่วงหน้าไว้แล้ว”

ห๊ะ

มึงบ้าเปล่าเนี่ย ตกลงวันนี้มึงมุ่งมั่นจะไปดูหนังให้ได้จริง ๆ ใช่มั้ย เชื่อแม่งเลยจริง ๆ ว่ะ

“มึงให้กูทำยังไง กูไม่ได้บ้านรวยนะ จะให้กูทิ้งตั๋วหนังที่ซื้อมาลงถังขยะมั้ย”

เรื่องของมึง

“แล้วแต่มึงเหอะ”

ไม่สนใจ และไม่อยากฟังอะไรอีก นิวตั้งหน้าตั้งตาก้าวขาเดินลิ่ว ๆ ออกมาบนทางเดิน โดยมีโจ้วิ่งตามมาด้วยความไม่พอใจ

“เออ มึงกลับบ้านไปนอนให้สบายใจนะ กูจะได้จีบไอ้กัส คราวนี้กูไม่เชื่อมึงแล้วนะ กูจะเอาจริงไม่เล่นแล้ว”

ช่างหัวมึงเหอะ

ขู่อยู่นั่นแหละ มึงคิดว่ากูจะหลอนมาก จนยอมอ่อนข้อให้มึงหรือไง

นิวไม่ยอมฟัง และไม่สนใจ
ยิ่งก้าวขาให้เร็วขึ้น เดินออกมาเรื่อย ๆ แต่คราวนี้โจ้ไม่ได้วิ่งตามออกมาด้วย

คิดอะไรของแม่งอยู่วะ

กูไม่เข้าใจว่ามึงคิดอะไรอยู่กันแน่เหี้ยโจ้ มึงเล่นตลกอะไรของมึง สิ่งที่มึงกำลังทำอยู่ มึงสนุกมากใช่มั้ย แต่กูไม่สนุกด้วยหรอกนะ

ตอนนี้กูกำลังอ่อนแอ ขนาดหน้าไอ้กัส วันนี้กูยังไม่กล้ามองแม่งตรง ๆ เลย

ใจจะขาดอยู่แล้ว มีใครเข้าใจกูบ้างมั้ย ว่ากูก็เจ็บเป็น กูไม่อยากเป็นคนดีแล้ว

แม่ง ยิ่งเห็นยิ่งเจ็บ

ทำไมวะ กูไม่มีหัวใจหรือไง กูก็เจ็บเป็นนะโว้ย

แม้ในหัวจะครุ่นคิดบางอย่างจนตีกัน  แต่ในเวลานี้สิ่งที่ควรต้องทำก็ยังต้องทำอยู่ดี

นิวพยายามนับเลขในใจ หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด เก้า สิบ.............สองร้อย
สองร้อยหนึ่ง........... ดูเหมือนใจจะค่อย ๆ เย็นลงเรื่อย ๆ และเวลานี้สิ่งที่นิวคิดจะทำก็คือการแก้ปัญหาไปทีละอย่าง

แก้ไปก่อน

แก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าไปก่อน หยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อขึ้นมา และสูดหายใจลึก ๆ เข้าปอด
กดหมายเลขที่ต้องการจะโทร และกรอกเสียงลงไปเมื่ออีกฝ่ายรับสาย

“โจ้......กูเอง....นิวนะ....มึงเดินออกมาที่ป้ายรถเมล์ดิ๊ จะดูเรื่องอะไรก็มาเร็ว ๆ เดี๋ยวไปช้า หนังจะฉายไปซะก่อน กูรอข้างหน้านี่แหละ มึงรีบเดินออกมาเลย”

กรอกเสียงลงไป และแค่เงยหน้าก็เห็นคนบางคนมายืนอยู่ตรงหน้า

“ไปดิ ไปเลยป่าว”

เหี้ย

ตกใจหมด
นี่แสดงว่าแม่งเดินตามมาตั้งนานแล้ว และเห็นกูยืนทำใจด้วยนี่หว่า

“เออ”

ไม่อยากพูดอะไรมาก และนิวก็ลอบถอนหายใจเงียบๆ แต่ก็ไม่พ้นสายตาของโจ้ที่กำลังอมยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก

ไม่รู้นะ

ก็ไม่รู้อะไรหรอก

ความรู้สึกรักใคร่ชอบพอ มันไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ
แต่ตอนนี้รู้สึกสนุก เวลาที่มีอะไรให้ทำ นอกจากการนั่งเสียใจ เมื่อก่อนไม่เคยคิดอะไร แต่ตอนนี้ชักรู้สึกสนุกขึ้นเรื่อยๆ เวลาที่ข่มขู่คนบางคนได้

โจ้กำลังยิ้ม และนึกถึงเหตุการณ์การบังคับชวนไปดูหนังเมื่อวันก่อน ที่สุดท้ายนิวก็ไม่สามารถปฏิเสธได้

คืนงานวันเกิดไอ้กัส หลังจากเลยเที่ยงคืนไปแล้ว ระหว่างที่กำลังจะเคลิ้มหลับ ก็ได้ยินเสียงถอนหายใจจากใครบางคน

นิวกำลังเครียด
พยายามข่มตาเท่าไหร่ก็หลับตาลงไม่ได้ซะที

ทำไมถึงเป็นได้ขนาดนี้วะ
ถอนหายใจยาวเหยียด และทำให้คนที่นอนอยู่ข้าง ๆ หันมามอง

ไม่มีใครพูดอะไร

ไร้คำพูด มีเพียงสายตาที่มองเห็นกันได้อย่างเลือนลางในความมืด

นิวไม่พูด และโจ้ก็ไม่พูด แต่ใช้วิธีนอนจ้องหน้าคนที่นอนไม่หลับในความมืด
ปิดไม่มิดหรอก ความรู้สึกของมึง ทำยังไงก็ปิดไม่มิด

“คบกับกูซะก็หมดเรื่อง”

พูดเหี้ยอะไรของมึง ปัญญาอ่อนไม่เลิก เพ้อเจ้อห่าอะไร

เหลือบสายตามองและนิวก็ไม่พูดอะไร

เสียงดังไม่ได้ จะทะเลาะกันยังไง ในเมื่อมีคนนอนอยู่ด้วยถัดไปอีกหนึ่งคน

ไอ้กัสหลับไปแล้ว และก็ต้องมานอนคั่นกลางอยู่แบบนี้ เพราะไอ้ตัวปัญหาเสือกหาเรื่องไม่ยอมกลับบ้าน มั่วนิ่มจะค้างให้ได้
ก็เลยต้องค้างด้วย ขืนปล่อยให้มันค้างคนเดียวเดี๋ยวเป็นเรื่ิอง

มือของใครบางคนแตะมาที่แก้ม และนิวก็ปัดทิ้งทันที

“เหี้ย”

ไม่ชอบ และรู้ว่าไอ้โจ้มันกำลังเล่นสงครามประสาทด้วย

มึงคิดจะก่อกวนกูใช่มั้ย
แค่นี้กูก็เครียดจนข่มตาให้หลับไม่ได้แล้ว มึงยังจะก่อกวนกูอีกนะ

สันดาน

“หันมานี่ดิ๊ ไม่งั้นกูจะไปนอนฝั่งโน้น”

อะไรของมึง เซ้าซี้หาพ่อมึงเหรอ

“กูจะนอน”

นอนห่าอะไร มึงนอนซะที่ไหน มึงนอนไม่หลับเห็น ๆ แล้วเสือกบอกว่าจะนอน
เอาฮาหรือไง สัด

“ก็นอนดิ”

นอนได้ยังไง จะให้นอนได้ยังไง ในเมื่อมึงกระแซะเข้ามาซะใกล้กูขนาดนี้

นิวขยับกายถอยห่างออกมาเล็กน้อย และโจ้ก็เป็นฝ่ายขยับเข้ามาใกล้ชิด

กวนตีน

“เหี้ยยยยยยยยย”

เริ่มหงุดหงิดไม่พอใจ และใช้สายตาอาฆาตมองหน้าของคนที่ก่อกวน

มึงเป็นเหี้ยอะไรนักหนาวะ

“คบ”

คบพ่อมึงดิ

เมื่อไหร่จะเลิกเล่นวะ ไหนมึงจะเอาไอ้กัสให้ได้ แล้วทีนี้เกิดเปลี่ยนใจ แบบนี้มันกะทันหันไปมั้ย ไม่จริงจัง อย่ามาพูดเหอะ พูดจามักง่าย

“นิว”

มึงจะเอาใช่มั้ยเนี่ย กูชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ

นิวกำลังจะลุกขึ้นนั่ง แต่ช้ากว่าใครบางคนที่ใช้วิธีก่อกวนในขั้นสูง

มึงลุกกูก็คร่อม เอาดิ แบบนี้แหละเข้าทาง เสร็จกู

“ไอ้เหี้ยโจ้….ทำเหี้ยอะไรของมึง”

พูดด้วยน้ำเสียงเบาแสนเบา และนิวก็รีบหันไปมองคนที่หลับอยู่ข้าง ๆ

ไอ้กัสมันนอนอยู่ มึงทำอะไรไม่มีหัวคิดบ้างวะ เกิดไอ้กัสตื่นมา กูจะทำยังไง

“คบดิ๊”

คบเหี้ยอะไรมึง

“คบดิ๊”

ไม่ใช่แค่พูดแต่คนคร่อมทับยังจัดการกดข้อมือทั้งสองข้างของนิวเอาไว้ อยากขยับไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าออกแรง คนที่นอนอยู่คงตื่นมาเห็นฉากเด็ด และไม่มีปัญญาจะอธิบายอะไรแน่ ๆ

“คบ”

ไม่พูดเปล่าคนพูดมันยังก้มหน้าลงมาและปลายจมูกห่างกันแค่คืบ

“คบซะ”

ไอ้เหี้ยโจ้ มึงทำเหี้ยอะไรของมึง

นิวไม่สนใจสิ่งที่โจ้พูด แต่หันไปมองคนที่นอนอยู่ด้วยความหวาดระแวง และโจ้ยิ่งยิ้มร่าอย่างได้ใจ ที่ได้คุกคามให้นิวหวาดวิตกได้

นาน ๆ จะได้เห็นแบบนี้ซะที ชัยชนะไม่ใช่ได้มาได้ง่าย ๆ
และชัยชนะครั้งนี้มันก็ต้องแลกกับความเสี่ยง แต่เป็นความเสี่ยงที่ดูท่าจะคุ้มกับการลงทุนไม่น้อย

“ไอ้เหี้ยโจ้ ปล่อยกู”

นิวกำลังรู้สึกว่าตัวเองกำลังแสดงอาการบางอย่างจนเห็นได้ชัด หันไปมองหน้าของกัสที่นอนหลับอยู่สลับกับการมองหน้าของคนที่เหมือนกำลังยิ้มกริ่มในความมืด

แม่งต้องจู่โจมแบบนี้แหละ
เหี้ยนิว ถ้าเกิดเล่นกับมันแบบไม่ให้ตั้งตัวโอกาสชนะมีสูง แต่ถ้ามันตั้งสติได้เมื่อไหร่ แม่งมีหนาว ฉวยโอกาสนี้ก่อนแหละวะ

“ไม่งั้นมึงไปดูหนังกับกู”

ไอ้เหี้ยโจ้

มึงบ้าหรือไงวะ

มึงแม่ง.........

คนที่นอนหลับยกหลังมือขึ้นถูจมูก เห็นแค่นั้น นิวก็รีบร้อนละล่ำละลักยอมตกลงทันที

“เออ เออ ปล่อยกูได้แล้วสัด”

แบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย ได้ ได้ จะปล่อยเดี๋ยวนี้แหละจ่ะ

“จุ๊บ”

แกล้งแตะริมฝีปากไปที่หน้าผากของคนที่นอนนิ่งให้กด
ไม่ได้แตะแรง แต่จงใจให้เกิดเสียง และนิวก็ถึงกับของขึ้นโมโหจนแทบจะลุกขึ้นนั่งได้โดยไม่ต้องออกแรง
แต่ช้ากว่าโจ้ที่ผละจากออกมาง่าย ๆ และเตรียมตั้งรับอยู่ก่อนแล้ว

“ฝันดีนะจ๊ะ บ้ายบาย”

รีบขยับหนีทันที และก็โดนคนที่ลุกขึ้นนั่งใช้เท้ายันมาที่หลัง

ไม่ได้เจ็บมาก แต่ก็มีเสียงดังอั่ก และโจ้ก็รู้สึกว่าไอ้คนถีบจงใจถีบหาเรื่องไม่ใช่จงใจถีบเล่น ๆ

แต่ก็คุ้มวะ แม่งคุ้มชิบหาย

คุ้มมาก จนได้มายืนรอรถกับไอ้นิวที่ป้ายรถเมล์แบบนี้ ยืนรอและโจ้ก็ยิ้มเล็ก ๆ ยิ้มไปเรื่อยเปื่อย
ผิดกับนิวที่มีสีหน้าเหมือนแบกโลกเอาไว้ทั้งโลก

“นิว”

เออ

เรียกหาพ่อมึงเหรอ

“คบนะ ตกลงคบกันนะ”

กวนตีนนะมึง สัดยังจะพยายามอีก

“ว่างมากไง”

ก็ใช่ไง

“ก็กูว่างไง ถึงชวนมึง ถ้าคบกับมึงกูจะได้ไม่ว่าง ไม่รู้เป็นอะไรเวลาว่างแม่งชอบคิดมาก......กูก็เป็นพวกชอบแดกยาแรงซะด้วย อยู่ใกล้ ๆ ทุกวันมันจะได้ชิน พอนาน ๆ ไปจะได้ไม่รู้สึกอะไร มึงว่างั้นมั้ย”

ไม่....

“ถ้าชอบแล้วรู้ว่าเป็นไปไม่ได้กูจะเดินหนีออกมา”

เหรอ

“อ๋ออออออออออ งั้นที่มึงเดินหนีกูออกมานี่ ก็เพราะชอบกูงั้นสิ”

นิวไม่ตอบ แต่มองหน้าคนบางคนอย่างเอือมระอา

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ให้กูบอกไอ้กัสเลยมั้ย ว่ามึงกับกูคบกัน.....ใจง่ายจริงนะมึงเนี่ย .....รักใครก็รักง่ายๆ บทจะเลิกรักก็ทำได้ง่าย ๆ คนแบบมึงนี่ถามจริงๆ เหอะเกิดมาเคยรักใครจริงบ้างมั้ย”

นิวกำลังประชด แต่โจ้ขมวดคิ้วมุ่น และจ้องหน้าของนิวตาไม่กระพริบ

“กูไม่ดูแล้วหนัง ฝากทิ้งตั๋วด้วยแล้วกัน”

ยัดตั๋วหนังใส่มือของนิว และโจ้ก็โบกแท็กซี่ที่กำลังขับเข้ามาจอด เดินไปเปิดประตูรถและขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว
ท่ามกลางความมึนงงของนิวที่ไม่ทันได้พูดอะไรคนบางคนก็ไปซะแล้ว

“อ้าว ไอ้เหี้ยโจ้”

พูดอะไรไม่ออก และมองตั๋วหนังที่อยู่ในมือ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดหาหลายเลขที่ควรโทรตาม

มองอยู่นาน มองไปเรื่อย คิดว่าจะโทรออก แต่สุดท้ายก็ไม่โทร หย่อนโทรศัพท์ใส่ลงในกระเป๋าเสื้ออีกครั้ง

รถเมล์เข้ามาจอดที่ป้ายและนิวก็ก้าวขาขึ้นรถ นั่งลงบนเก้าอี้ว่างและมองออกไปนอกหน้าต่างรถ

มอง..........และครุ่นคิดไปเรื่อย คำพูดบางอย่างมันก็รุนแรงเกินไป

รุนแรงเกิน...........และไม่ควรพูดออกไป

หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ได้โทรหาแต่พิมพ์ข้อความบางอย่าง
ข้อความถูกส่งไปแล้ว และนิวไม่รู้คำตอบว่าจะออกมาแบบไหน แต่ก็แอบลุ้นในใจเงียบ ๆ

.........อยากดูหนัง...ก็รีบตามมา.............

TBC.  
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.81
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 12-06-2014 17:17:52
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.81
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 12-06-2014 19:16:02
เหยยย อ่านไปอ่านไปมาก็เริ่มรู้สึกว่านิวคงจะเคะจริงๆละนะ...T_T จากตอนแรกที่ดูเหมือนจะเมะ
อืม...โจ้ทำเพราะหวังจะได้ไม่เศร้าตอนอกหัก แต่ก็ไม่ได้รักจริงๆนั่นละ อย่าเล่นเลยโจ้
ส่วนหยก รีบกลับมาาาาา น้องกัสรออยู่ เร็วเร้วๆ มาพร้อมสินสอดทองหมั้นเลยนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.81
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 12-06-2014 20:55:27
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.81
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 12-06-2014 22:02:05
 :impress2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.81
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 12-06-2014 22:40:27
โจ้จีบนิวได้นักเลงมาก บอกนิวง่ายๆ ไม่อยากแดกแห้ว งั้นนิวแจกอะไรให้โจ้ดี :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.81
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 12-06-2014 23:19:39
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#(นิว-โจ้) นิวงอน

ดูหนังจบแล้ว และนิวก็ลุกขึ้นยืน หนังรักปนตลก ดูได้เรื่อย ๆไม่ได้มีอะไรน่าสนใจมากนัก แต่ก็ไม่ถือว่าขาดทุนอะไร ดูเพลิน ๆ

ดูไปเรื่อย ๆ ขำบ้าง ง่วงบ้าง แต่จะเอาอะไรมากมาย มันก็ต้องแบบนี้แหละ

การดูหนัง...........คนเดียว...........

ใช่ว่าจะไม่ชินกับการดูหนังคนเดียว ชินมาเกือบพักใหญ่แล้ว หลังจากเลิกกับอ้อ เสียใจหรือเปล่ายังตอบไม่ได้เลย
แต่ที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือ ระหว่างที่ยังคบกับอ้ออยู่ หัวใจมันเอนเอียงไปหาใครซะแล้ว แบบนี้มันไม่ต่างอะไรจากการหักหลัง
ไม่ได้อยากเลว แต่ความรู้สึกไม่ใช่จะห้ามกันได้ง่าย ๆ ยับยั้งชั่งใจได้ถึงขนาดนี้ก็นับว่าดีแล้ว

ผิดกับไอ้...........

เออช่างมันเหอะ

ไม่ได้คิดจะง้อมันหรอก แต่เพราะเหตุผลจำเป็นหลาย ๆ อย่างประกอบเข้าด้วยกัน ก็เลยต้องทำ ทำเพราะมีเหตุผลมารองรับ ทำเพราะมีคำว่าควรหรือไม่ควร และมองออกว่าอะไรจะตามมาบ้างถ้าไม่ยอมง้อ

ก็เลยง้อ

กูง้อมึงแล้วนะ ไม่ใช่ง้อเพราะรู้สึก แต่ง้อเพราะเหตุผล มีเหตุผลสนับสนุนมากพอ ว่าสมควรง้อ
ข้อแรกคือกูพูดแรงไป เรื่องบางอย่างรู้แก่ใจแต่พอกลายเป็นคำพูดมันก็ดูหนักหนา และแรงเกินกว่าที่คนฟังจะรับได้

แต่ว่า... ปกติกูก็ไม่เคยจะมาสนใจนี่หว่า ว่าแม่งจะแรงไปหรือเบาไป

ปกติแค่คิดว่า ด่าเอามันส์ ให้แม่งสำนึกซะบ้าง ไม้นวมเล่นไม่ได้ ก็ใช้ไม้แข็ง ด่ากันซึ่งหน้าก็ทำมาแล้ว รู้ด้วยว่าจะมีอะไรตามมา
แต่ก็ไม่เคยจะสนหรือใส่ใจ

แล้วอยู่ดี ๆ ........... ก็มีเหตุผลในการง้อขึ้นมา

แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรต้องคิดมาก ปราม ๆ ไว้ เล่นไม้อ่อน เผื่อบางที มันอาจจะหยุดพฤติกรรมโง่ ๆ ของไอ้โจ้ได้บ้าง

ประมาณนั้น

ก็คงจะ.........ประมาณนั้น

แล้วก็...

นิวเดินเรื่อยมาตามทางเดินที่ปูด้วยพรมหนานุ่ม หยุดมองโปสเตอร์หนังเรื่องอื่น ๆ ที่มีกำหนดเข้าฉาย และก็เดินออกมาเรื่อย ๆ

สายตามองไปที่ใบปิดโฆษณาหนังที่น่าสนใจ แต่ไม่ได้หยุดดู เดินลงบันได และกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ ไปเรื่อย แต่ก็มาสะดุดสายตากับใครบางคนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้

“...........”

ชะงัก และยืนนิ่งมอง

ใครบางคนนั่งหน้าบึ้งอยู่ที่เก้าอี้นวม มีแก้วน้ำสองแก้ว และถังใส่ป๊อปคอร์นวางอยู่บนโต๊ะ

ไม่ได้พูดอะไรกันมาก

และนิวก็นั่งลงไปนั่งบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ข้าง ๆ กับคนที่นั่งหน้าบึ้ง

มองหน้าของอีกฝ่ายแว่บเดียวและก็แกล้งมองเมินไปทางอื่น เอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ และคนที่อยู่ตรงหน้าก็ทำแบบเดียวกัน

ยังไงวะ

ตกลงคือยังไง

“ไม่เข้าไปดูวะ”

จะเข้าไปดูได้ยังไง ตั๋วอยู่ที่มึง แถมกูก็จำไม่ได้ด้วยว่าโรงไหน ที่นั่งที่เท่าไหร่
กระหืดกระหอบนั่งแท็กซี่ตามมา และซื้อทั้งน้ำและป๊อปคอร์น เพื่อจะได้ไปกินด้วยกัน

แต่โทรหาเท่าไหร่แม่งก็ไม่รับ

จะโทษไอ้นิวก็ไม่ได้ อยู่ในโรงหนังรับโทรศัพท์คงแปลก คนข้าง ๆคงด่าน่าดูถ้าทำแบบนั้น

“เออ ช่างแม่งเหอะ กูซื้อน้ำมาสองแก้ว มึงเอาไปกินแก้วหนึ่งไป”

อ้าว

ไม่ดูหนัง แต่ซื้อน้ำมาให้กินเนี่ยนะ ยังไงวะ ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังตั้งแง่หรือคิดอะไรอยู่กันแน่

นิวไม่ได้คิดอะไรเลย ไม่ทันคิด สิ่งที่ทำก็เพียงแค่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา

ว่าเวลานี้เป็นเวลาเท่าไหร่ และแค่เห็นหมายเลขโทรเข้ามากกว่าสามสิบสาย ก็เข้าใจทันที แบบนี้นี่เอง

“มึงจะดูรอบมิดไนท์มั้ยล่ะ กูจ่ายค่าตั๋วเอง”

มันก็แค่คำพูดลอย ๆ ของนิวที่คนพูดไม่ได้มองหน้าของคนที่ต้องฟัง และคนที่รู้ว่าตัวเองต้องฟัง ก็ฟังเงียบ ๆ โดยไม่ออกความคิดเห็น

แม่งไม่รู้ยังไง กูรู้สึกเหมือนตัวเองงอนว่ะ

เกิดอาการงอนแบบไม่มีเหตุผล งอนขึ้นมาดื้อ ๆ ซะงั้น โคตรไม่มีเหตุผลเลยกู

“ไม่ดู”

โจ้ตอบออกไปแล้ว และนิวก็ทำเพียงแค่เลิกคิ้วขึ้นสูง และเหลือบสายตามองหน้าของคนที่ตอบคำถามแบบโง่ ๆ ออกมา

เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าเสื้อเรียบร้อย และนิวก็นั่งกอดอกมองหน้าของคนที่ทำเป็นอยู่หน้าเดียวคือหน้าบึ้ง

ยังไง

เป็นเหี้ยอะไร

นี่กูว่ากูง้อแบบเต็มที่สุด ๆแล้วนะ แฟนก็ไม่ใช่ ไม่ได้เป็นอะไรกันด้วยซ้ำ แล้วมันเรื่องอะไรที่กูต้องมาง้อมึงด้วยวะ

กูขี้เกียจหาเหตุผลสนับสนุนแล้ว ทั้งที่จริง ๆ กูจะทำแบบนั้นก็ได้ แต่กูก็ชักขี้เกียจจะทำแล้วจริง ๆ

“เป็นเหี้ยอะไร”

กูไม่ได้เป็นเหี้ย กูยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นอะไร แม่งหงุดหงิดโดยไร้เหตุผล บอกไม่ถูกจริง ๆ

“เออ ช่างกูเหอะ”

แน่ล่ะ มันก็ต้องช่างมึงอยู่แล้ว

รำคาญว่ะ แม่ง
นิวลุกขึ้นยืน และไม่คิดจะสนใจคนที่ทำหน้าบึ้งอีก

ไม่คิดจะสนใจ

ไม่คิด

“รอบมิดไนท์ก็ได้”

เหรอ

“ก็ดูสิ”

ตอบแค่นั้น แต่ไม่ได้บอกว่าจะดูด้วย นิวเดินออกมาทันที ทิ้งให้โจ้นั่งอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น

หยิบแก้วน้ำและกล่องใส่ป๊อปคอร์นเดินตามออกมา ก้าวขาเร็ว ๆ และแทบจะกลายเป็นวิ่งเมื่อคนที่เดินนำหน้ากำลังกดลิฟท์เพื่อลงไปชั้นล่าง

รีบวิ่งเข้าลิฟท์แทบไม่ทัน และมายืนข้าง ๆ คนที่ยืนกอดอกอยู่ในลิฟท์ก่อนแล้ว

ยืนนิ่ง และโจ้ก็เหลือบสายตามองนิว คิดว่าอีกฝ่ายคงไม่รู้ตัวว่าถูกมอง

เหลือบมอง โดยลืมนึกไปว่าตรงหน้าคือกระจก และนิวก็เห็นชัดเต็ม ๆ ตาว่ามีใครมอง

ชัดนะมึง อาการเยอะเกินไปนะ กูอายชาวบ้านเขา

ประตูลิฟท์เปิดออกแล้ว และนิวก็ก้าวขาออกมาโดยมีโจ้วิ่งตามออกมาด้วย

ไม่พูดกัน
ไม่มีใครพูด

คนหนึ่งเดินหนี อีกคนเดินตาม

ไว้ฟอร์มกันอยู่ในที แต่จริง ๆ ก็รู้กันว่าอะไรเป็นอะไร

พื้นที่ตรงหน้าเป็นลานกว้าง ในยามค่ำคืนสายลมเย็น ๆ ที่พัดมาปะทะใบหน้า มันชวนให้อยากหาที่นั่งพักผ่อนเพื่อมองวิวทิวทัศน์ในเวลาดึกที่ผู้คนยังมีเดินกันขวักไขว่ และทุกคนคงมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือกลับบ้าน

กลับไปพักผ่อน

แต่นิวมองหาที่นั่ง

และก็ได้ที่นั่งอย่างที่ต้องการ ปีนขึ้นไปนั่งบนพื้นที่ว่าง ที่ลาดยาวปูด้วยหินอ่อน ใช้สำหรับเป็นที่นั่งได้

และโดยไม่ต้องคิด มีเพื่อนมานั่งด้วยหนึ่งคน

โจ้ยื่นแก้วน้ำส่งให้ และนิวก็รับมาถือเอาไว้ หมุนหลอดเล่นและก็วางแก้วน้ำทิ้งไว้ข้าง ๆ

“ไม่กินวะ น้ำแข็งละลายหมดแล้ว”

เออ

ก็ได้

ยกแก้วน้ำขึ้นและดูดน้ำในแก้วพอเป็นพิธี ก่อนจะวางเอาไว้ข้างตัว และมองไปที่ผู้คนที่กำลังเดินกันขวักไขว่ แต่ไม่ได้มากมายเหมือนช่วงหัวค่ำ

นั่งไปเรื่อย ๆ

มองไปเรื่อย ๆ

ทอดอารมณ์ไปกับภาพที่เห็น แสงไฟระยิบระยับจากตึกสูง แสงจากรถที่กำลังแล่นกันขวักไขว่บนท้องถนน นิวนั่งมองอะไรไปเรื่อยเปื่อย โดยมีโจ้นั่งเป็นเพื่อน

นั่ง.........เป็นเพื่อน....

“คิดอะไรวะ”

คิดอะไรเหรอ

คิดอะไรดีวะ ไม่รู้สิ พอดีกูไม่ได้คิดอะไร

“แล้วมึงคิดอะไรล่ะ”

เหี้ยนิวกูถามมึงแทนที่จะตอบ เสือกยอกย้อน
คิดอะไรเหรอ
คิดอะไรดีวะ คิดอะไร..........

โจ้ไม่รู้จะตอบยังไง หาเหตุผลมาตอบคำถาม แต่สายตาเหลือบมองไปที่ใบหน้าด้านข้างของคนที่ถามคำถามบางอย่างขึ้นมา

........คิด....เรื่อง...ของมึง....อยู่.....มั้ง.....

“เปล่า”

เป็นคำตอบง่าย ๆ แต่ก็ทำให้นิวเลิกคิ้วขึ้นสูง ก่อนจะอมยิ้มน้อย ๆ และหันมามองใบหน้าของอีกฝ่ายตรง ๆ

มองหน้า มองนิ่ง ๆ และกลายเป็นจ้องในที่สุด

นิวจ้องหน้าของโจ้ตรง ๆ และโจ้ก็จ้องกลับไม่แพ้กัน

“กูไม่เล่นเกมส์”

เป็นนิวที่พูดออกมาก่อน และโจ้ก็นิ่งฟังอย่างตั้งใจ

กูรู้

“กูก็ไม่เล่นเกมส์เหมือนกัน”

ก็ดี

งั้นเรื่องนี้คงพูดไม่ยากเท่าไหร่ เพราะดูจากท่าทางแล้วแม่งคงไม่ได้พูดเล่น

“มึงไม่เล่นเกมส์แล้วที่มึงทำอยู่สองสามวันนี้เรียกอะไรโจ้”

ก็ไม่เรียกอะไร มึงก็น่าจะดูออก

“จีบ”

อ่อ

ตอบง่ายดีนะ ถ้าแบบนี้เรียกจีบ กูคงโง่มากที่ไม่รู้ว่ามึงจีบ

“เป็นวิธีจีบที่เหี้ยมาก มึงเอานิ้วหัวแม่ตีนคิดใช่มั้ย”

กูไม่ได้เอาอะไรคิดทั้งนั้นแหละ มุกสดทั้งนั้น

“เออ ก็ให้ทำไง จีบคนแบบมึง ต้องทำไงล่ะ แม่งอย่าเรื่องมากเหอะ กูขี้เกียจคิด”

เป็นคำตอบที่คนฟังควรดีใจมาก ไอ้เหี้ยโจ้ ใครได้ฟัง คงดีใจจนช็อคตายห่า อยากเอาตีนนาบหน้าแม่งชิบหาย
 
“กูว่ามึงพอเหอะ แม่งไม่เวิร์คว่ะ กูพูดจริง”

ไม่เวิร์คก็ช่างมึง นี่มันเรื่องของกู ปัญหาของกู กูจัดการเองได้

“ให้จีบไอ้กัส หรือให้จีบมึง”

กูเกลียดมุกเหี้ยนี่มากเลย คิดได้ยังไง มึงพูดแบบนี้อะไรมันก็ชัดเจนไปหมดแล้ว

“มึงกำลังเล่มเกมส์กับกูอยู่นะโจ้”

กูไม่เรียกว่าเล่นเกมส์ กูเรียกมันว่าข้อต่อรอง

“กูไม่ได้เล่นเกมส์ แต่กูบีบให้มึงยอมให้กูจีบอยู่”

คิดได้ยังไงวะ มึงก็คิดได้เนอะ

“แล้วกูต้องยอม?”

ใช่

มึงคงต้องยอม

“มึงไม่ยอมก็เรื่องของมึง กูจะจีบซะอย่าง มึงจะทำอะไรกูได้”

นิวถึงกับส่ายหน้าด้วยความเซ็ง และโจ้ก็หยิบป๊อปคอร์นโยนใส่ปากกินรอเวลา

กูรู้มึงกำลังคิดอยู่ว่าจะเอายังไงต่อไป แต่กูว่าคำตอบมันก็มีทางเดียวนั่นแหละ

“มึงจะจีบกู มึงก็จีบไป แต่มึงอย่ายุ่งกับไอ้กัส”

ได้ฟังคำนี้คำเดียว เมื่อก่อนคงจะโมโห แต่ในเวลานี้อยู่ดี ๆ ความโมโหก็เปลี่ยนความหงุดหงิดไม่พอใจ

ปกป้องกันชิบหายนะ

ตกลงนี่ถือเป็นข้อแลกเปลี่ยนเหรอ ถ้าใช่ กูจะรับเอาไว้ก็ได้

“มึงให้กูจีบแล้วนะ งั้นกูตกลงจะไม่ยุ่งกับไอ้กัสเด็ดขาด ตลอดระยะเวลาที่มึงยอมให้กูจีบ”

เหอะ ปัญญาอ่อนซะให้พอ มึงจะเล่นบ้าบอคอแตกอะไร ก็เล่นไป มึงอยากจะทำอะไรก็ทำไป เรื่องของมึง จีบบ้าบอห่าเหวอะไรนี่อีก กูไม่เล่นด้วยมันก็จบ

แค่ไม่เล่นด้วยก็จบแล้ว มีอะไรหรือไง

คิดพิจารณาดูแล้ว มันก็ไม่มีอะไรต้องเสีย แค่เฉยซะแล้วมองไอ้ตัวปัญหาบ้าบอเป็นอากาศธาตุ ทุกอย่างมันก็จบ

“เชิญตามสบาย”

ได้

เชิญตามสบายเองนะ เชิญตามสบายงั้นกูจัดให้

โจ้กระโดดลงจากที่นั่ง และรีบคว้ามือของนิวมาแตะที่ริมฝีปากเบา ๆ ไม่ทันได้ทำอะไรมากกว่านั้น ก็ต้องเซถลาเพราะแรงถีบของนิวที่ตั้งสติได้ก็ถีบเข้าที่ยอดอกของโจ้เต็มแรง

“ไอ้เหี้ยยยยยยยยย”

โดนด่า และโจ้ก็ถอยห่างออกมายืนมองหน้าของนิว ที่กำลังสะบัดมือไปมาและเช็ดถูที่หลังมือของตัวเองด้วยความขยะแขยง

“ตอนนี้ทำเป็นถือตัวไปก่อนเหอะ แต่อีกไม่นานกูจะทำให้มึงอยากให้กูทำยิ่งกว่าที่ทำตอนนี้”

ไอ้โจ้แม่งเป็นห่าอะไรวะ เพ้อเจ้ออะไรของมันไม่ยอมหยุด

“ประสาทกลับหรือไง สัด”

เออ กูประสาทกลับ ตอนนี้มึงก็พูดไปเหอะ มึงอยากพูดอะไรก็พูดไปแล้ว แล้ววันหนึ่งมึงจะซึ้งจนร้องไม่ออก
สักวันหนึ่งกูจะทำให้มึงซึ้งจนพูดอะไรไม่ออกให้ได้

“ดูถูกกูไปเหอะ แล้วก็ระวังตัวของมึงไว้แล้วกันไอ้นิว...อีกไม่นานมึงเป็นแฟนกูแน่ แล้วอย่ามาหาว่ากูไม่เตือน”

TBC.  
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.81
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 12-06-2014 23:35:03
คู่ยี้ฮาร์ดคอร์มากกกกกก  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.81
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 12-06-2014 23:43:04
เป็นการจีบที่สุดสวิงดิงโก้มากอ่ะ 5555
โจ้จีบได้โหดมาก กร๊ากก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.81
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 12-06-2014 23:49:43
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#ฝัน

“จะ...ทำ...อะ....ไร...”

ดวงตาที่จ้องมองตรงมา มีแววตื่นตระหนก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ของหยกลดน้อยลงไปได้เลยสักนิด

“ทำ...อะ...ฮื่อออ”

กัสเบี่ยงหน้าหลบไปอีกทาง เมื่อปลายจมูกของใครบางคนฝังลงที่ซอกคอ กดซ้ำ ย้ำ ๆ และซุกไซร้เรื่อยลงมาที่ลาดไหล่

ไม่ได้ผลักไส เพราะไม่รู้จะจัดการกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นยังไง

ดวงตาลอยคว้าง พยายามทำความเข้าใจ กับสัมผัสแผ่วหวาน แต่ทิ้งความร้อนเอาไว้ทั่วทั้งร่าง

ไม่รู้จัก ไม่เข้าใจ

“กัส ฮืออ”

ได้ยินเสียงเรียก และมีเพียงความสับสนมึนงงไม่เข้าใจ

ทำไมทำแบบนี้

ทำไมเรียกแบบนี้

ทำไมถึงทำแบบนี้ด้วย .........เพราะอะไร...

กัสนอนนิ่ง ดวงตาเลื่อนลอย เหม่อมองไปที่เพดานห้อง

สับสน มึนงง และเมื่อหยกผละใบหน้าออกจากซอกคอ และจ้องมองตรงมา กัสถึงได้เริ่มรู้สึกตัว

แม้จะมีบางอย่างที่ทำให้ไม่เข้าใจ

หวั่นใจ

และอาจรวมไปถึงหวั่นไหว แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นและไม่ทันตั้งรับได้

“ถ้าไม่ห้าม จะไม่หยุดให้หรอกนะ”

แต่ถ้าห้ามจะหยุดใช่มั้ย

“.............”

ไม่ห้าม เพราะพูดไม่ออก ที่ไม่ห้าม เพราะไม่รู้ว่าห้ามแล้วทุกอย่างจะจบลงยังไง มันอาจจะกลายเป็นความเงียบงัน และคงจะไม่สามารถต่อกันติดได้อีก

แต่ถ้าไม่ห้าม.........และอะไรบางอย่างเลยเถิดไปไกล จะเป็นยังไง เราอาจจะมองหน้ากันไม่ได้อีกเลยตลอดชีวิต

แต่.....อย่างน้อย การได้รู้สึกถึงตัวตนของหยก มันก็เป็นสิ่งที่อยากได้รับมากที่สุด

อ้อมกอดแสนอบอุ่น รอยสัมผัสหวาน ๆ ที่แตะเบา ๆ ซ้ำ ๆ ที่ข้างแก้ม

ถ้าจะให้หยุด ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าไม่หยุด แล้วทุกอย่างจะเป็นยังไง สุดท้าย ทุกอย่างมันจะจบลงอย่างง่ายดายหรือเปล่า

ทั้งที่หยกต้องการ บางทีนี่อาจเป็นความต้องการที่หยกไม่เคยเรียกร้อง แต่เมื่อหยกขอ แล้วทำไมถึงไม่ให้

”กัส”

น้ำเสียงทุ้มนุ่มแผ่วเบาที่เรียกกัสอยู่เสมอ

มองหน้าของหยก มองไปที่ดวงตา และเมื่อดวงตาสบกัน เกิดเป็นความเงียบงันระหว่างคนสองคน เงียบจนได้ยินเสียงหัวใจที่กำลังเต้นระทึก ฝ่ามืออุ่น ๆ แตะเบา ๆ ที่หน้าผาก และปลายจมูกของหยกก็ตามลงมา

แตะสัมผัสแผ่วเบา มันอบอุ่น อ่อนหวาน จนไม่อยากให้สัมผัสแบบนี้จางหายไป

บางทีเวลานี้คงกำลังอยู่ในความฝัน ความฝันที่ทำให้ล่องลอยไปไกลแสนไกล

ปราศจากความรู้สึกผิดชอบชั่วดี มีเพียงแค่ความอบอุ่นเท่านั้น ที่อยากได้ การได้รับรู้ถึงตัวตนของอีกฝ่ายเท่านั้น ที่อยากได้ในเวลานี้

“กัส”

มองที่มือของตัวเอง สัมผัสแผ่วเบาที่ประทับลงที่หลังมือ

รอยจูบที่ร้อนผ่าว และเมื่อริมฝีปากคู่นั้นจูบซ้ำลงมาหลายครั้ง ก็ยิ่งทำให้กัสไม่คิดจะหยุดอะไรอีกต่อไปแล้ว
หยกเกลี่ยปลายนิ้วที่เส้นผมที่ปรกอยู่ที่หน้าผากของคนที่ทำเพียงอย่างเดียวคือนอนนิ่ง และจ้องมอง

ไม่มีคำพูด

มีเพียงดวงตาที่มองตรงมา มองทุกการกระทำ และเหมือนกำลังพยายามจดจำทุกสิ่งทุกอย่างทุกวินาทีที่เกิดขึ้น

บางทีนี่คงเป็นแค่เพียงความฝันแสนหวานที่เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาก็คงจะหายไป

แต่ถ้ามันเป็นความฝัน มันก็เป็นฝันหวานที่สุด

ไม่ว่าจะถูกชักจูงไปทางไหน แม้จะไม่รู้จักการจูบ ไม่รู้วิธีการ แต่เมื่อริมฝีปากร้อนรุ่มแนบประทับลงมา กัสก็พยายามเรียนรู้วิธีการที่อีกฝ่ายปรนเปรอมอบให้

โหยหา

แม้จะเพิ่งเคยลิ้มลอง แต่ก็โหยหา ร่ำร้องอยากได้ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก ไม่รู้จบ

ยกแขนโอบรัดรอบคอของคนที่กำลังมัวเมาอยู่กับริมฝีปากนิ่มที่เปิดรับปลายลิ้นที่สอดเข้าหาและเกี่ยวกระหวัดพัวพัน

ยิ่งได้ลิ้มลอง ชิมรสชาติภายในโพรงปากที่อีกฝ่ายเต็มใจมอบให้ยิ่งรู้ว่าทุกอย่างไม่มีทางหยุดได้อีกแล้ว
หยกลากฝ่ามือเข้าไปภายในเสื้อยืดผืนบาง ลูบไล้สัมผัส และจัดการถอดออกและโยนทิ้งไว้ข้างเตียง

ไล้เลียปลายลิ้นไปที่ยอดอกที่แข็งขืนขึ้น
ก่อนจะลากฝ่ามือลงมาที่กางเกงและสอดฝ่ามือเข้าไปแตะสัมผัสบางอย่างที่อยู่ภายใน ครอบครองทุกอย่างเอาไว้ด้วยฝ่ามือ ขยับเพียงแผ่วเบา และทุกครั้งที่ขยับมือ ใบหน้าเนียนจะขึ้นสีแดงเรื่อ พร้อมเสียงครางแผ่ว ๆ เหมือนเด็กน้อยที่เพิ่งเริ่มรู้จักสัมผัสแบบนี้

เกาะกุมส่วนนั้นเอาไว้ รูดรั้งขึ้นลง แผ่วเบา จนแข็งขืนขึ้น ก่อนจะรั้งออกมาทั้งหมดและดึงกางเกงออกจนหลุดไปจากปลายเท้า
จับมือของกัสให้สัมผัสกับความร้อนรุ่มนั้น และหยกก็หยัดกายขึ้นปลดกางเกงของตัวเองออก

ความแข็งขืนใหญ่โตชูชันเต็มที่จนเห็นชัด เพียงแค่กางเกงชั้นในหลุดพ้นออกจากปลายเท้า ความใหญ่โตที่เปียกชุ่มไปด้วยหยดน้ำใสจากส่วนปลาย ขยับขึ้นลงให้รู้ว่าพร้อมยิ่งกว่าพร้อม

กัสปรือตาขึ้นมองแล้วก็ได้แต่เบิ่งตากว้าง สลับกับมองหน้าของหยก

ไม่กล้าแตะ แต่เมื่อหยกดึงมือให้ลองจับเอาไว้และให้ลองใช้มือขยับขึ้นลงให้ ก็รับรู้ได้ถึงการขยายตัวขึ้นของสิ่งที่อยู่ในฝ่ามือ ร้อนรุ่มไปหมดตลอดทั้งความยาว

“ขอนะ”

ไม่มีการตอบรับมีเพียงดวงตาที่สบกันนิ่ง และหยกก็เข้าใจมันได้ในทันที

หยิบบางอย่างจากหัวเตียงออกมา เทชโลมและสอดปลายนิ้วเข้าไปที่ช่องทางคับแคบที่ไม่ยอมเปิดรับ

กดนิ้วแทรกเข้าไปหลายครั้ง เพื่อให้คุ้นชิน และคนที่นอนนิ่งก็แอ่นเอวขึ้นสูง เปล่งเสียงร้องครางแผ่วเบา

“อื้อออ อ่ะ เจ็บ”

ไม่เจ็บหรอก

“อย่าเกร็งนะ ทำเบา ๆ”

กดปลายนิ้วเข้าออกอีกหลายครั้ง กดแทรกเรื่อย ๆ และสังเกตสีหน้าอาการของคนที่เริ่มแยกขาออกกว้างและชันเข่าขึ้น

กัสขมวดคิ้ว และจิกปลายเล็บไปที่ฟูกนอน เพื่อระบายความเจ็บปวด

หยกใช้มือประคองที่ความอ่อนไหวที่ไร้เรี่ยวแรงก่อนจะใช้ฝ่ามือรูดรั้งขึ้นลง เพื่อเพิ่มความรู้สึกให้ และในเวลาไม่นานส่วนนั้นก็ตื่นตัวขึ้นอีกครั้ง สอดแทรกปลายนิ้วเข้าออกหลายครั้งที่ช่องทางนุ่มหยุ่นและเอ่ยถามคนที่เริ่มแยกขากว้างขึ้นเรื่อยๆ

“หายเจ็บหรือยัง”

“อือ”

พยักหน้ารับ

และเมื่อช่องทางที่ถูกขยายเริ่มคุ้นเคยกับสิ่งแปลกปลอมที่แทรกเข้าไปมากขึ้น เริ่มเปิดรับปลายนิ้วที่สอดเข้ามามากกว่าหนึ่งนิ้ว

ในเวลาไม่นาน บางสิ่งบางอย่างที่ใหญ่โตกว่าก็ถูกแทนที่เข้ามากดแทรกส่วนปลายเข้าไป และมันเทียบไม่ได้กับนิ้วที่เล็กกว่าไม่รู้กี่เท่า

”โอ้ยยยยย เจ็บ”

ถ้าให้หยุดคงหยุดไม่ไหว สิ่งที่ทำได้ในเวลานี้คือ

อย่าให้อีกฝ่ายรู้ตัว

โถมกายลงมาไม่ให้ตั้งตัว และท่อนลำแข็งแกร่งก็ดำดิ่งสอดลึกเข้าไปในช่องทางคับแคบที่ดูดกลืนบางอย่างเข้าไปจนหมด
ทาบทับร่างกายอยู่บนร่างของคนที่มีหยดน้ำตาคลอรินที่ดวงตา

หยกรู้สึกอึดอัดจนทนไม่ไหว ร่างกายอยากปลดปล่อยในเวลานี้

แต่กัสขบริมฝีปากแน่น และแทบไม่ยอมร้องออกมา แม้หยดน้ำจะคลอรินที่หน่วยตา

เห็นแล้วก็สงสาร แต่นอกจากความสงสารแล้วความรู้สึกร้อนแรงก็แฝงมาด้วย

อยากลอง

แม้จะกลัว แต่ก็ไม่ปริปากออกมาสักคำ

ไม่ห้าม และไม่มีแม้แต่คำว่าอย่า

ก็เลยต้องประกบริมฝีปากเข้าหาที่ริมฝีปากที่เม้มแน่น เพื่อดึงความสนใจ

จูบสัมผัสแผ่วเบา สลับกับขบเม้มที่ยอดอก และจูบไล่ไปที่ลาดไหล่ ร่างกายยังคงสอดประสานกัน และยังนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น

ในเวลาไม่นาน หยกก็หยัดกายขึ้น ทั้งที่บางส่วนของร่างกายยังกดแทรกอยู่ในความนุ่มหยุ่นที่กำลังตอดตุบ และรูดรั้งบางอย่างที่กำลังอ่อนตัวลงของกัสเพื่อเพิ่มความรู้สึกให้ ขยับมือไปเรื่อย ๆ จนส่วนนั้นเริ่มตื่นตัวขึ้น จึงค่อย ๆ ขยับสะโพกขึ้นลงอย่างเชื่องช้า

เชื่องช้าจนแทบไม่รู้สึก

ดวงตายังคงจ้องมองไปที่ใบหน้าของร่างที่นอนหลับตาแน่น และขบริมฝีปาก

สังเกตตลอดเวลาว่าอาการดีขึ้นหรือยัง จนเมื่อได้ยินเสียงครางแผ่ว ๆ จึงเริ่มขยับสะโพกเข้าออก กดเข้าไปและทิ้งไว้อย่างนั้น ก่อนจะ กดซ้ำเข้าไปอีกครั้ง

ค่อย ๆ ขยับเข้าออกไปเรื่อยๆ

พร้อมกับช่วยรูดรั้งส่วนกึ่งกลางของร่างกายของร่างที่เปิดรับความแข็งแกร่งเข้าไปให้ด้วย

ขยับฝ่ามือขึ้นลงเบา ๆ สลับกับกดแทรกร่างกายเข้าหา

หยดน้ำที่คลอรินที่หน่วยตาหยดลงที่ข้างแก้ม ไม่มีเสียงสะอื้น แม้แต่น้อย กัสยังคงขบริมฝีปากตัวเองจนขึ้นห้อเลือด และหลับตาแน่น จนหยกต้องแนบร่างกายลงไปหา และเกลี่ยปลายนิ้วไปที่ข้างแก้มขาว ๆ จูบเบา ๆ ที่ดวงตา และริมฝีปาก

“มองหน้ากันสิกัส มองหน้ากันบ้าง”

กระซิบบอกเสียงเบา และกัสก็ยอมปรือตาตื่นขึ้นมามอง ยอมทำตามที่ถูกร้องขอ

ร่างกายส่วนล่างยังขยับเชื่อมความรู้สึกถึงกัน และทุกการขยับไม่ว่าจะกี่ครั้ง ดวงตาสองคู่ก็ยังสบกันอยู่ตลอดเวลา

ทั้งความหวั่นไหว ความหวาดกลัว ทุกสิ่งทุกอย่างที่สื่อออกมา ต่างรับรู้ได้แม้ไม่ต้องพูดกันสักคำ

ทุกครั้งที่รู้ว่ากัสเจ็บ หยกจะแตะริมฝีปากไปที่ริมฝีปากของกัสหนึ่งครั้งเพื่อให้ร้อง ร้องออกมา แต่ไม่ต้องการให้ใครได้ยิน

ทุกครั้งที่เริ่มขยับ ทุกครั้งที่ร่างกายแนบชิดกัน ดวงตาสบกันเสมอ

“ดีหรือยัง แบบนี้พอไหวหรือยัง”

พยักหน้า

ไม่ตอบแต่พยักหน้า และหยกก็ยิ้มออกมาน้อย ๆ แต่เป็นรอยยิ้มที่ร้อนแรงที่สุดตั้งแต่กัสเคยเห็นมา
รั้งแขนของคนที่นอนนิ่งให้โอบรัดที่รอบคอ และเริ่มขยับสะโพกไปมา

ขยับขึ้นลงเชื่องช้า แม้จะรู้ว่าในเวลานี้กำลังจะหมดความอดทนลงเรื่อย ๆ

“ดีหรือยัง”

พยักหน้ารับ และคราวนี้หยกก็เริ่มเพิ่มแรงกดกระแทกจากเชื่องช้าเป็นเร่งจังหวะเร็วขึ้น

เกือบจะทนไม่ไหวตั้งแต่เริ่มสอดใส่ แต่พยายามอดทน พยายามไม่ขยับเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ชิน
แต่คราวนี้เมื่อชินแล้ว ก็เลยกระแทกสะโพกกดเข้าไปในช่องทางที่ตอดรัดความแข็งแกร่งที่อยู่ภายใน

เหมือนจะทนไม่ไหว กำลังจะทนไม่ไหว

แต่ก็รู้ว่าทางนั้นคงไม่สามารถทนความเจ็บปวดได้มากกว่านี้อีก

ถอนร่างกายออก พร้อมกับรวบความแข็งแกร่งชูชันของอีกฝ่ายเข้ามาอยู่ในอุ้งมือด้วยกัน แนบชิดความแข็งแกร่งและความร้อนรุ่มเข้าหากัน และขยับฝ่ามือไปมาพร้อมกันอย่างรุนแรง

แรงขึ้นเรื่อย ๆ

แรงจนสะโพกเกร็งและแหงนเงยใบหน้าขึ้น

ก่อนจะปล่อยความแข็งขืนของอีกฝ่ายให้เป็นอิสระ และกดแทรกท่อนลำแกร่งเข้าไปในช่องทางที่เปิดรับอีกครั้ง

กดส่วนปลายเข้าไป และขยับเข้าออกอีกไม่นาน

สอดปลายนิ้วกุมกระชับกับฝ่ามือของกัสที่นอนหลับตาแน่น และสัมผัสได้ถึงความร้อนผ่าวแข็งแกร่งที่ขยับอยู่ภายใน
รู้สึกถึงการสอดแทรกเร็วแรงอีกไม่กี่ครั้ง

ก่อนที่หยกจะครางออกมา

“อือออ เสร็จแล้ว กัส เสร็จแล้ว อาส์”

แหงนเงยใบหน้าขึ้น และกัสก็ปรือตาขึ้นมองและได้รู้ว่าอีกฝ่ายก็มีอารมณ์ร้อนแรงแบบนี้เหมือนกัน ยิ่งได้เห็นยิ่งรู้สึกว่าใบหน้ากำลังร้อนผ่าวจนต้องเมินหน้าหนีด้วยความอาย

และเมื่อสิ่งที่อยู่ภายในร่างกายถูกถอดถอนออก หยดน้ำสีขาวขุ่นก็ไหลตามออกมา และกัสก็ถึงกับสะดุ้ง เมื่อบางอย่างที่อยู่ในร่างกายมาพักใหญ่ถูกถอนออก

หยกมองหน้าของกัสที่ยังมีแววหวั่นไหว

รู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่ถึงจุดหมาย ขยับลงมานอนข้าง ๆ และรูดรั้งส่วนของร่างกายที่ยังตื่นตัวถึงขีดสุด ดูดดุนปลายลิ้นไปที่ยอดอกเพื่อเพิ่มความรู้สึกให้

“กัส จะเสร็จแล้วบอกนะ”

อือ

หอบหายใจหนัก มากขึ้น และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับที่ถูกขบเบา ๆ ที่ยอดอก ความร้อนกำลังแล่นพล่านไปทั่วร่างจนต้องร้องครางออกมา

“อืออออ อ่ะ อื้อออออ”

แอ่นสะโพกขึ้นและเกร็งไปทั้งร่างเมื่อหยกขยับมือแรงขึ้นและเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

“ไม่ไหวแล้ว ไม่ไหว อื้อออออ”

ความรู้สึกร้อนผ่าวไหลเวียนไปที่จุดเดียว ร่างกายกำลังถึงจุดสิ้นสิ้น

“อาส์ อึก อา เสร็จ...แล้ว หยก อือออ”

หยาดหยดขุ่นข้นหลั่งรินออกมา ปลดปล่อยออกมาทุกหยด หลั่งทะลักออกมาเปรอะเปื้อนไปทั่วทั้งฝ่ามือของคนที่อมยิ้ม และจูบเบา ๆ ที่ริมฝีปากของกัส

“น่ารักจริงวะ”

ไม่ได้ฟัง ไม่ทันฟัง เพราะหมดเรี่ยวแรง พูดอะไรต่อไม่ได้อีกแล้วนอกจากหลับตาแน่น และความรู้สึกร้อนรุ่มที่อัดแน่นภายในร่างก็ค่อย ๆ จางหายไป

เหมือนฝัน

ล่องลอย

ไปไกลแสนไกล

ไม่อยากตื่น

ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่อยากตื่น ไม่ว่าจะถูกจูบซ้ำ ๆ อีกกี่ครั้ง

ในเวลาไม่นาน สัมผัสได้ถึงความเย็นสบายของผ้าขนหนูที่เช็ดไปทั้งร่างกายไม่เว้นแม้กระทั่งช่องทางที่มีหยดน้ำขุ่นขาวเปรอะเปื้อนอยู่

รู้หมดทุกสัมผัส รู้สึกแต่ปรือตาตื่นขึ้นมาไม่ไหว เหนื่อย..... เจ็บ..... และไร้เรี่ยวแรง

ได้แต่นอนนิ่งเงียบ

และในเวลาไม่นานก็สัมผัสได้ถึงอ้อมแขนอุ่น ๆ ที่รั้งร่างของกัสเข้าไปในอ้อมแขน และจูบประทับที่หน้าผากเบา ๆ อีกหลายครั้งนับไม่ถ้วน

“เป็นไงบ้าง ทำไมเงียบแบบนี้วะ”

ได้ยินเพียงแค่นั้น และสำนึกได้ว่ามันคงเป็นแค่ความฝัน ฝันหวานที่ไม่อยากตื่น

อยากหลับแบบนี้ไม่ยอมตื่นไปตลอด

“หยก.....”

คนที่กอดเอาไว้คือหยก
ขยับร่างกายเข้าหาไออุ่น และแนบใบหน้าเข้าที่แผ่นอกกว้างของคนที่กอดกระชับไว้แน่น และสัมผัสได้ถึงแรงจูบเบา ๆ ที่เส้นผม

ฝันดี

อยากฝันดีแบบนี้ตลอดไปไม่อยากตื่น

อยากฝันดี

อยากให้ในฝันมีหยกอยู่ข้าง ๆ กายแบบนี้ตลอดไป

อยากนอนหลับไปตลอด และไม่ต้องตื่นขึ้นมาพบเจอกับความเจ็บปวดในชีวิตอีกเลย

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 12-06-2014 23:57:41
ฝันดี :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 13-06-2014 00:12:43
ฝันดีจริงๆๆ..ฝันดีตามกัสไปเลย

คู่นิวโจ้ก็น่ารัก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: Scream ที่ 13-06-2014 00:13:44
ชอบโจ้นิวมาก  :katai1: :katai2-1: :hao7:
เป็นอะไรที่น่ารัก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 13-06-2014 00:34:28
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#ใช่

“กัส”

ได้ยินเสียงเรียก

น้ำเสียงแผ่วเบา ที่กระซิบเรียกที่ข้างหู ปลุกให้คนที่หลับใหลค่อย ๆ ปรือตาตื่นขึ้นมา

ใบหน้าของใครบางคนอยู่ห่างกันแค่คืบ
ดวงตาที่จ้องนิ่งมองมา ทำให้มึนงง สับสนและไม่เข้าใจ

“กินข้าวนะ แล้วเดี๋ยวกินยา”

ทำไมต้องกินข้าว แล้วทำไมต้องกินยา

“ตัวยังร้อนอยู่เลย เดี๋ยวกินข้าวกินยาแล้วจะเช็ดตัวให้”

ทำไมต้องเช็ดตัว

ได้แต่มอง แต่ไม่รู้จะพูดอะไร
มองแล้วก็ขมวดคิ้วมุ่น

อาการปวดหัวกำลังเล่นงาน และรู้สึกว่าการกลืนน้ำลายแต่ละครั้งเป็นเรื่องยากลำบาก

เจ็บคอ

ปวดตามเนื้อตามตัว

แสบตาไปหมด และ.......

ยกหลังมือขึ้นปิดหน้าตัวเอง และพลิกกายหันหนีไปอีกทางอย่างรวดเร็ว

“กัส”

ไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมา และสำนึกได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างก่อนหน้านี้

จะเริ่มทำตัวไม่ถูก ไม่กล้ามองหน้า ไม่กล้าพูดด้วย

มันคืออะไร สิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร

“โกรธได้ แต่ต้องกินข้าวกินยา แล้วก็เช็ดตัว ไม่งั้นก็ไม่หาย ไข้ขึ้นสูงมาสองวันแล้ว เดี๋ยวก็ต้องเหน็บยาอีก”

รู้

ทำไมจะไม่รู้

แล้วไอ้เรื่องเหน็บยานี่อีก
คงไม่ต้องเหน็บยา ถ้าไม่ไปทำเรื่องบ้า ๆ บอ ๆ ที่ไม่ควรทำมา

กับ....

“กัส”

ฝ่ามือของคนที่นั่งอยู่ด้านหลังแตะเบา ๆ ที่ไหล่ และกัสก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง นอกจากนอนนิ่งตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับ

“เกลียดกันแล้วสินะ”

เกลียดเหรอ

เกลียด

ไม่ใช่

ไม่ได้เกลียด
ไม่ได้เกลียดหยก ไม่เกลียด ไม่เคยเกลียด

ไม่ได้เกลียด

“กูแม่งเหี้ย หน้ามืด ทำเรื่องเหี้ย ๆ กับมึง ดีมึงไม่ลุกขึ้นมาเอามีดแทงกูตายห่า โดนมึงเกลียดแค่นี้ นับว่ายังน้อยไป”

ไม่ได้เกลียด
เปล่า
ไม่ได้เกลียด

ขมวดคิ้วมุ่น และความคิดในหัวก็ตีกันสับสนยุ่งเหยิงไปหมด

“ขอโทษ”

ฝ่ามือที่แตะอยู่ที่ไหล่ ผละจากไปแล้ว และเป็นกัสที่ต้องรีบหันกลับมา

หันกลับมามอง และอยากจะอ้าปากพูดบางอย่าง

แต่เมื่อสบตากับดวงตาที่มีแววเจ็บปวดรวดร้าว กัสก็ได้แต่นิ่งเงียบ

คิดคำพูดไม่ออก

ไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี

“เออ...ยังไงก็...กินข้าวก่อนแล้วกันนะ ลุกไหวมั้ย”

ไม่รู้

รู้แค่เจ็บ

มันเจ็บไปหมด และ........เมื่อขยับร่างกายแค่เพียงเล็กน้อยก็รู้สึกได้ตลอดเวลาถึงบาดแผลที่อยู่ภายใน

“โอ้ยยย”

ร้องออกมาเมื่อพยายามจะลุกขึ้นนั่ง

และหยกที่ได้ยินและได้เห็นก็ถึงกับทำหน้าไม่ถูก

มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว ว่าคนที่อยู่ตรงหน้า มีสภาพแบบนี้เพราะใคร

ไม่ต้องพูดก็รู้
ที่มันทำอะไรไม่ได้ ขยับตัวนิดหน่อยก็เจ็บ

ต้นเหตุมันมาจากใคร ก็รู้กันอยู่

“ไหวมั้ยเนี่ย”

ไหว

แค่นี้........

ไม่เป็น...อะ....ไร

ก้มหน้าลงแต่ยังคงไม่กล้าพูดอะไร

ยอมนั่งอยู่เฉย ๆ และหยกก็จัดการตักข้าวต้มในชามที่ยังอุ่นอยู่ เป่าเบา ๆ และป้อนให้คนที่นั่งก้มหน้าเงียบ

“ไม่ร้อนแล้ว”

มันคือความอึดอัดใจ ระหว่างคนสองคน

ฝ่ายหนึ่งพยายามพูด ส่วนอีกฝ่ายพยายามพูดแต่พูดไม่ได้
เพราะไม่รู้จะพูดอะไร

เหลือบสายตามองหน้าของคนที่ป้อนข้าวต้มให้ และกัสก็ก้มหน้าก้มตามองแต่ปลายนิ้วของตัวเอง

กินข้าวไปเงียบ ๆ
ไม่มีคำพูดอะไรเลยระหว่างคนสองคน

คนป้อน ป้อนไปมองหน้ากัสไป

คนถูกป้อน กินไปมองนิ้วของตัวเองไป

กินไปเรื่อย
ข้าวต้มหมดแล้ว
และหยกก็หยิบเม็ดยามาส่งให้พร้อมกับน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว

เทเม็ดยาลงคอไปเรียบร้อยและดื่มน้ำตาม

คืนแก้วน้ำให้กับคนดูแลและกัสก็เอนตัวลงนอนอย่างช้า ๆ

“เออ.......มันต้องเหน็บยานะกัส ไม่งั้น....ก็...ไม่หาย”

เหน็บยา

เหี้ยยยยยยยยยยยยยย

“ไม่อาวววววววววว”

ดึงผ้าห่มมาคลุมตัวและใช้หลังมือปิดตาตัวเอง

คิดไม่ออกไม่รู้จะพูดอะไร
แต่เวลาปฏิเสธ พูดได้ชัดถ้อยชัดคำ

“อย่าดื้อสิวะ แค่เหน็บยาเองไม่มีอะไรหรอก”

ไม่มีเหี้ยอะไรล่ะ

มันใช่เรื่องที่ไหน มันไม่ควรต้องเป็นแบบนี้

“ไม่อ้าววววววววว”

ร้องเสียงสูง และเมื่อฝ่ามือของหยกแตะลงที่ไหล่กัสก็ถอยออกห่างทันที

“แล้วมันจะหายมั้ย”

ช่างหัวแม่ง หายไม่หายก็ช่างแม่งเหอะแต่แบบนี้…..

“ไม่เอา หยก ไม่เอา”

ทั้งปฏิเสธทั้งร้องบอก

และหยกที่ทำตัวไม่ถูกมาตลอดสองวันก็เริ่มยิ้มออกมาได้

ไม่รู้ยังไงนะ

แต่ไอ้กัสตอนนี้ แม่ง.......
อย่างน่ารัก

หน้ามันแดง
แก้มมันแดง
เนื้อตัวมันเริ่มขึ้นสีแดงเรื่อ ยิ่งเวลาขยับ พาลให้มองเห็นไปถึงข้างใน

ลาดไหล่และซอกคอ ที่ยังมีร่องรอยบางอย่างเด่นชัด

“กัส”

เรียกอีกครั้ง
และคนที่พยายามดึงผ้าห่มมาคลุมก็เงียบเสียงลงแล้ว
เหมือนตั้งใจฟัง

กำลังตั้งใจฟังสิ่งที่หยกพูด

“ไม่งั้นแผลจะอักเสบนะ”

“แล้วถ้าแผลอักเสบคราวนี้เรื่องใหญ่นะ”

“แล้วถ้าเรื่องใหญ่ ต้องไปหาหมอเลยนะ”

“ถ้าไปหาหมอ หมอก็ต้องถามว่าเป็นอะไรนะ”

“แล้วก็...............”

“ไม่อ้าววววววววววววววว”

ยังได้ยินเสียงร้องปฏิเสธเหมือนเดิม และหยกก็ยิ่งยิ้มกว้าง

แม่ง.....

“กัส ต้องเหน็บยานะ ไม่งั้นแผลจะอักเสบเข้าใจมั้ย”

ยิ่งพูดก็ยิ่งไปกันใหญ่
คนที่อยู่ใต้โปงผ้าห่ม สั่นหน้าจนหยกที่นั่งมอง ยิ่งหุบยิ้มไม่ได้

ห่วงมันก็ห่วงอยู่หรอกนะ

แต่แบบนี้มันก็.......ทั้งน่ารักแล้วก็น่าสงสารไปพร้อมกัน

“มึงอย่ามาขู่กูนะ”

เป็นเสียงพูดที่มาจากใต้ผ้าห่มของคนที่ดึงผ้าห่มปิดหน้า

แค่ได้ฟัง หยกก็ถึงกับหัวเราะเสียงเบา

“หัวเราะหาพ่อมึงเหรอ....”

ถ้าพูดได้ขนาดนี้ ก็คงไม่ต้องห่วงแล้วมั้ง ไม่มีอะไรน่าห่วง
ก็ถ้ามันจะพูดขนาดนี้ก็คง.......

ขยับไปนั่งใกล้ ๆ และดึงคนที่ไม่ยอมออกมาจากโปงผ้าให้ออกมาคุยกันดี ๆ

“กัส”

“อย่ามายุ่งกับกู”

โดนปัดมือ และยิ่งพยายามดึงหรือรั้งให้ออกมาเผชิญหน้ากันอีกฝ่ายยิ่งไม่ยอม และทั้งดื้อทั้งดิ้นรนหนี

สุดท้ายเป็นหยกที่ต้องจัดการดึงแขนและลากออกมา

ใช้มือสองข้างกดข้อมือของกัสเอาไว้และตรึงเอาไว้กับที่นอน

“ทำไมดื้อนักวะ”

เหี้ยยยยยยยยยยยย
กูไม่ได้อยากดื้อหรอกนะ แต่กูไม่รู้จะทำยังไงแล้ว

“เหี้ยหยก ไม่เอาแล้ว ปล่อยกูดิ๊”

มันจะอะไรกันนักหนา แค่เหน็บยา

“อย่าดื้อซิ”

หยกพอแล้ว
อย่าทำแบบนี้

อย่ามองหน้า อย่ายิ้มยั่ว อย่าทำเสียงแบบนี้
อย่า..........

ไม่กล้ามองหน้า ยิ่งถูกตรึงแขนไว้แบบนี้ กัสยิ่งเบี่ยงหน้าหนีไปอีกทาง

“โอเค ไม่เอาก็ไม่เอา หันหน้ามาคุยก่อนซิ แล้วจะปล่อย”

จริงเหรอ

หันหน้ามาเหรอ

แล้วจะปล่อยจริงเหรอ

ค่อย ๆ หันกลับมา
หันกลับมามองหน้าของหยก

มองและก็ได้สบตากับดวงตาของคนที่ทั้งจ้องและก็ส่งยิ้มหวาน ๆ มาให้

ไม่ได้คิดอะไร

ไม่อยากคิด

แต่แค่มอง ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่เพิ่งผ่านพ้นไปไม่นาน ก็ย้อนกลับมาเป็นฉาก ๆ

มันชัดเจน
เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีก่อน

และแค่มองหน้ากันก็เหมือนต่างฝ่ายต่างรู้

หยกยอมปล่อยข้อมือของกัสให้เป็นอิสระ ผละออกห่าง และแตะฝ่ามือเบา ๆ ที่หน้าผากที่ยังมีไอร้อนของคนที่นอนมองหน้าตาแป๋ว

มันก็ไม่ต่างจากคราวก่อนที่ไอ้กัสมานอนซมเป็นไข้อยู่สามสี่วันให้ดูแล

ไม่มีอะไรต่างกันเลยสักนิด

แต่ถ้ามันจะต่างก็คงต่างอยู่นิดเดียวเท่านั้น

ตรงที่ว่า..........

“มองหน้าทำไมวะ เดี๋ยวก็โดนจัดอีกดอกหรอกไอ้กัส คราวนี้ถึงเหน็บยาก็เอาไม่อยู่นะ....บอกให้”

เป็นการขู่ที่ทำให้กัสต้องรีบดึงผ้าห่มมาคลุม และนอนนิ่งไม่พูดอะไรอีก

ส่วนคนที่พูด ยืนขึ้น และพยายามหุบยิ้มของตัวเองไม่ให้ยิ้มกว้างไปมากกว่านี้

ปกติก็คิดว่าบางครั้งไอ้กัสมันก็น่ารักดีนะ

แต่แม่ง...........ไม่คิดว่ามันจะน่ารักได้ขนาดนี้

ถ้ามึงจะน่ารักขนาดนี้ มึงก็นอนป่วยไปนาน ๆ แล้วกัน

ยังไงซะ กูก็พร้อมจะดูแลมึงไปตลอดชีวิตอยู่แล้ว

หยกยังคงอมยิ้มไปเรื่อยเปื่อย

นึกไปถึงเรื่องเมื่อสองวันก่อน

ก็ยิ่งทำให้หัวใจชุ่มชื่นดีพิกล
ก็ถ้าไม่มีเรื่องวันนั้น ป่านนี้ไอ้กัสก็คงไปซิ่งรถอยู่ที่ไหนแล้วก็ไม่รู้

ไม่มานอนซมให้ดูแลแบบนี้หรอก

แต่ว่า เป็นแบบนี้ก็ดีนะ..........พอมันเป็นแบบนี้แล้ว
ก็ทำให้รู้อะไรบางอย่างชัดเจนมากขึ้น

หลังจากที่เคยสงสัยความรู้สึกตัวเองมานาน

หยกหันไปมองคนที่นอนคลุมโปงอยู่บนเตียง

มองแล้วก็ได้แต่ยิ้ม

ยิ้มกว้าง และส่ายหน้าเมื่อเห็นว่าคนที่เคยเก่งกล้าสามารถ ถามคำตอบคำ แต่ถ้าถามไม่ถูกใจหนึ่งคำมันจะด่ากลับมาสองคำ

แล้วทำไมวันนี้
ถามอะไรก็ไม่อยากจะตอบวะ

ถามอะไรทำไมไม่อยากตอบและไม่ยอมพูด

แต่ก็ดีแล้วที่มึงไม่พูด

ขืนถ้ามึงพูดมากกว่านี้ คิดสภาพไม่ออกแล้วว่ามึงจะเป็นยังไง

ที่เคยคิดเอาไว้
ในเวลานี้มันยิ่งชัดเจนและกระจ่างชัดจนแทบจะหมดข้อสงสัย

ที่เคยคิดว่าบางทีมึงก็น่ารัก มันไม่ใช่ความคิดแปลก ๆ หรอก

แต่เป็นเพราะว่า...........

.........กูชอบมึง……….

ก็เลยรู้สึกกับมึงแบบนี้.............

แล้วถ้ามึงไม่ชอบกู ตอนนั้นมึงคงต่อยกูหน้าหงายไปแล้ว
ที่มึงต้องมานอนซมแบบนี้ กูเป็นตัวการสำคัญเลยยอมรับก็ได้

แต่ก็เพราะว่าชอบถึงได้ทำไปถึงขนาดนั้น

และมันก็มีคำตอบอยู่ในนั้นแล้วว่ามึงก็ชอบกูเหมือนกัน ถึงได้ยอมให้ทำ

ไอ้กัสเอ้ยยยยยยยยยย

มึงนี่นะ
เข้ามาตอนไหนวะ เข้ามาอยู่ในใจกูเนี่ย มึงมาตอนไหน

วน ๆ เวียน ๆ ทั้งกวนทั้งป่วนมาพักใหญ่ แล้วทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้

มองคนที่นอนคลุมโปงแล้วหยกก็ยิ่งต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ทั้งที่หน้ายังยิ้มไม่ยอมหุบ

“กัส.....”

เรียก แต่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ยอมหันมาแน่
และเป็นหยกที่เงยหน้าขึ้นและพยายามบังคับเสียงตัวเองไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่ากำลังยิ้ม

“เดี๋ยวพี่.........ลงไปข้างล่างแป๊บเดียวนะ เดี๋ยวพี่หยกมา”

เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยย
มึงพูดอะไรของมึงเนี่ย

กัสหลับตาแน่น และฟังทุกสิ่งทุกอย่างที่อีกฝ่ายพูด

มึงบ้าเปล่าเนี่ย พี่ห่าอะไรของมึง ร้อยวันพันปีไม่เคยพูด อยู่ดีๆ มาพูดแบบนี้ มึงจะให้กูตอบยังไงวะ หยกแม่งบ้าไปแล้ว

“กัสอยู่ได้เนอะ พี่ไปแป๊บเดียวเอง”

มึงจะไปไหนก็ไปเหอะ กูไม่ได้รั้งไว้เลย นี่กูเกร็งจะตายห่าแล้ว มึงรีบ ๆ ไปเร็ว ๆ เลยยิ่งดี

เสียงประตูเปิด และปิด พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ก้าวเดินออกจากห้อง

กัสเปิดโปงผ้าห่มออกและมองไปที่ประตูห้อง

“เหี้ยหยกแม่งเป็นบ้า”

ด่าคนที่ไม่อยู่ และขมวดคิ้วมุ่น

ด่าแต่ยังทำหน้ายุ่งเหยิง ก่อนจะรู้สึกว่าหน้าที่ร้อนผ่าวเพราะพิษไข้ มันอาจไม่ใช่เพราะพิษไข้ แต่มีบางอย่างร่วมด้วย

“พี่หยก........เหี้ยอะไรวะ”

บ่นพึมพำกับตัวเองเสียงเบา
และยังขมวดคิ้วมุ่นไม่เลิก

“พี่หยก...อะไรของมึง....พี่หยก...พี่หยก”

ยังคงพูดประโยคที่ได้ยินซ้ำ ๆ ไปเรื่อย

“พี่..........ห....ย......ก”

พูดไปพูดมา ก็เริ่มจะยิ้มออกมาคนเดียว

“พี่หยก พี่หยก พี่หยก พี่หยกห่าอะไรวะ....ไม่เห็นเข้าใจเลย เหี้ยหยกแม่งเป็นบ้า”

บ่นพึมพำไปเรื่อย แต่ก็ยิ้มออกมาได้เรื่อย ๆ

มองที่ประตูแล้วก็เริ่มรู้สึกว่าไม่สามารถหุบยิ้มได้ ทั้งที่ไม่ควรจะเป็นแบบนี้

“หยก.....”

จดจำได้เสมอ จดจำทุกสิ่งทุกอย่างของใครบางคนไว้ในใจได้เสมอ

ไม่เคยลืม ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหน

และในเวลานี้ทุกสิ่งทุกอย่างยิ่งชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ

“พี่...หยก”

ไม่ว่าเมื่อไหร่ ก็ไม่เคยลืม

แม้จะพยายามลืมแค่ไหน ก็ไม่เคยลืม แม้กระทั่งในเวลานี้ที่อยากลืม ก็ไม่สามารถลืมได้

แค่ได้ยินเสียง

ก็รู้ว่าตัวเองไม่เคยลืม

ความรู้สึกทุกสิ่งทุกอย่างของคน ๆ นี้ ที่แค่ได้ยินเสียง กัสก็จำได้ดีว่าคือใคร

“พี่......หย.....ก.....”

เรียกชื่อของอีกฝ่ายออกมาโดยไม่ต้องคิด กัสกำโทรศัพท์เอาไว้แน่น นิ่งงันและหัวใจก็กำลังสั่นสะท้านและเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ

ในไม่ช้า

น้ำตาก็หยดลงอาบแก้มทันที

“กัส.....”

ใช่

กัส

ใช่
กัสเอง ใช่ นี่กัสเอง ใช่......กัส คนนี้คือกัส ใช่....

“.................อึก..ฮือ”

ยกหลังมือขึ้นเช็ดน้ำตา แต่น้ำตาไม่ยอมหยุดไหล

ไม่มีคำพูดอะไรอีก นอกจากความเงียบงัน

แม้จะอยู่ในความเงียบ แต่เหมือนช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันและเรียนรู้กัน มันทำให้เข้าใจความหมายบางอย่างของคนที่อยู่กันคนละซีกโลก

ไม่ยากที่จะเข้าใจ
แต่กัสไม่อยากเข้าใจอะไรเลย

ยื่นโทรศัพท์ส่งคืนให้กับนิว และเป็นนิวที่รับมาถือเอาไว้

“หยก มึงทำอะไรมัน ไอ้กัสมันร้องไห้ใหญ่แล้ว”

“ขอคุยกับมันอีกหน่อยได้มั้ย กู....ขอคุยกับกัสมันอีกหน่อยได้มั้ย.....นิว”

ได้

ยื่นโทรศัพท์ส่งให้คนที่ยืนร้องไห้ แต่กัสก็ไม่ยอมรับ ไม่ยอมพูดไม่ยอมคุย

จนนิวต้องยัดเยียดโทรศัพท์ใส่มือให้

“กูไม่รู้หรอกว่าระหว่างมึงสองคนมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่กูอยากให้คุยนะ กูอยากให้พวกมึงคุยกัน”

มองหน้าของนิว และกัสก็รับโทรศัพท์มาถือเอาไว้

เหมือนทุกครั้งที่คิดคำพูดไม่ออก
และเหมือนอีกฝ่ายก็อยู่ในความเงียบงันไม่ต่างกัน

ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของกันและกัน
แต่ก็รับรู้ถึงการมีตัวตนของอีกฝ่ายอยู่ในใจเสมอ

“ที่ผ่านมา พี่ไม่ดีเอง กัสยกโทษให้พี่ได้มั้ย”

ทำไมหยกต้องโทษตัวเอง
หยกไม่ต้องโทษตัวเองแบบนี้

มันเป็นเพราะอะไรหลาย ๆ อย่าง
มันเป็นเพราะความกลัว
มันเป็นเพราะความไม่เข้าใจ   

“ห.......ยก.....พี่.....หยก”

พยายามจะพูด แต่น้ำตาไม่ยอมหยุดไหล ได้แต่สะอึกสะอื้นและยกหลังมือขึ้นเช็ดน้ำตาครั้งแล้วครั้งเล่า

“กัสไม่สบาย กัสต้องดูแลตัวเองมาก ๆ พี่ไม่อยู่กัสต้องไม่ดื้อนะ กัสต้องเชื่อพี่ ห้ามดื้อ เข้าใจหรือเปล่า”

“ไม่.....ดื้อ........กัส.....ไม่ดื้อ....กับพี่....หยก...แล้ว”

ไม่ต้องการคำอธิบายเพิ่ม
ไม่เคยคิดอยากจะไถ่ถามและรุกไล่มากไปกว่านี้

หยกเงยหน้าขึ้น
ไม่ร้องไห้

ร้องไห้ไม่ได้

เด็กทางโน้นมันขี้แยขนาดนี้ ห้ามร้องไห้ให้มันรู้เด็ดขาดว่าในเวลานี้คิดถึงมันมากขนาดไหน

อยากกอดมันมากขนาดไหน

อยากอยู่ใกล้มันมากขนาดไหน

“กัส.......คิดถึงพี่บ้างมั้ย”

คิด..........

“....รีบ.....กลับ.....มา....นะ”

รีบกลับมาสิ แบบนี้ต้องรีบกลับมา
กัสพูดกับพี่แบบนี้ บอกกับพี่แบบนี้ พี่ยิ่งต้องรีบกลับ

ยังไงก็ต้องรีบกลับมาหากัสให้ได้ พี่จะรีบกลับไปหากัสให้เร็วที่สุด

“แล้วกัสคิดถึงพี่หยกมั้ย”
คิด

“.....................”

ไม่มีเสียงตอบรับ แต่หยกก็รู้ การไม่ตอบไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายไม่อยากตอบ แต่เพราะเวลาเรียบเรียงคำตอบเป็นคำพูดมันยาก

เวลาที่กัสมันคิดจะตอบอะไรบางอย่าง เป็นเรื่องยาก แต่นั่นแปลว่ามันคิด คิดที่จะพูดด้วย มันถึงต้องพยายามเรียบเรียงประโยคคำพูดในใจก่อนตอบ

“กัสคิดถึงพี่...ใช่มั้ย แค่กัสตอบว่าใช่ ไม่ต้องคิดอะไรมากหรอกนะ ถ้ากัสคิดถึง กัสแค่ตอบพี่ว่าใช่แค่คำเดียวนะ”

ใช่

“.............ใช่....ใช่.......ใช่...ใช่ ฮึก ฮือออออ ใช่….”

แค่ได้ยิน

แค่ฟัง

เท่านี้จริง ๆ

ที่ผ่านมาเราไม่เคยสื่อความรู้สึกได้ตรงกันเลยสักครั้ง
และนี่เป็นครั้งแรกที่หยกได้รับรู้ความรู้สึกของใครบางคน
มากขนาดนี้

ที่ไม่พูด

ไม่ใช่เพราะกัสมันไม่อยากพูด

แต่เป็นเพราะมันคิดไม่ออกว่าจะพูดอะไร มันถึงกลัวเวลาที่พูดผิดพูดถูก

โง่งมงาย ไม่เคยเข้าใจเลยว่า ที่ผ่านมาเป็นเพราะอะไร

กัสมันไม่สบาย

มันไม่เหมือนคนอื่น

ไม่เคยรู้ แม้จะสงสัยมานาน แต่ก็ไม่เคยรู้ จนเมื่อเร็ว ๆ นี้ไอ้นิวมันบอกเรื่องบางอย่างให้รู้

ถึงได้เข้าใจ

ที่ผ่านมา

โง่งมงาย คิดไปได้ตลอดเวลาว่ากัสมันไม่เคยรัก ไม่เคยมีใจให้

และก็ทำทุกอย่างด้วยความคิดของตัวเองล้วน ๆ
ทำแบบโง่ ๆ

กว่าจะรู้ตัว ก็เกือบสายเกินไป

“พี่จะกลับไปหากัสเร็ว ๆ นะ อีกไม่นาน พี่จะกลับไป”

น้ำตายังคงไม่หยุดไหล และกัสก็กำโทรศัพท์ในมือเอาไว้แน่น

“แต่.......ไม่....เหมือน.....”

ไม่เป็นไร

กัสจะเป็นยังไงก็ช่าง พี่เคยสัญญาเอาไว้แบบไหน พี่ไม่เคยลืมสัญญา

“กัส.......ทุกอย่างเหมือนเดิมเสมอ สำหรับพี่ ไม่เคยมีอะไรเปลี่ยน ไม่ว่าก่อนหน้านี้หรือวันนี้ เวลานี้ ความรู้สึกไม่เคยน้อยลงหรอกนะ กัสยังรู้สึกกับพี่เหมือนเดิมใช่มั้ย แค่ตอบว่าใช่”

ใช่

ไม่เปลี่ยน

ไม่เคยเปลี่ยนไป แม้จะพยายามลืม แม้ความทรงจำบางส่วนจะหายไป

แต่ในเวลานี้ ทุกอย่างมันกระจ่างชัด

หน้าของหยกชัดขึ้นเรื่อย ๆ

ในความรู้สึกในความทรงจำ

ทุกสิ่งทุกอย่าง ชัดเจนยิ่งกว่าชัดเจน

“ใช่.......พี่...หยก...ใช่...”

แค่นี้แหละที่อยากได้ยิน แค่นี้เองที่อยากฟัง

แค่นี้เองจริง ๆ

“อย่าร้องไห้นะ อย่าดื้อด้วยเข้าใจมั้ย แล้วอีกไม่นาน พี่จะกลับไปหากัส รอพี่หยกนะ พี่จะกลับไปหากัสแล้ว พี่จะไม่หายไปไหน ต่อไปนี้พี่จะไม่ทำให้กัสเสียใจอีกเลยพี่สัญญา”

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 13-06-2014 00:47:10
กรีดร้องงง
หยกจิกลับมาแล้ว โอย ดีใจแทนกัสจังจริงๆง่ะ
อ่านไปนี่ยิ้มไป
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 13-06-2014 00:54:12
 :mew6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 13-06-2014 06:36:16
รีบกลับเลยนะพี่หยก. สงสารกัส รีบกลับมาเลย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 13-06-2014 06:47:01
อ๊าย...หยกน่ารัก อิๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 13-06-2014 07:04:10
กรี๊ดดดเเ พี่หยก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 13-06-2014 07:39:38
ความรู้สึกและความทรงจำที่หวนคืน :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 13-06-2014 08:24:09
 :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 13-06-2014 08:47:27
 :o12: :o12: :o12: :o12: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 13-06-2014 09:47:55
มันปริ่มค่ะคุณขาาาาาาา
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: Scream ที่ 13-06-2014 10:16:23
แบบบบบบบบ ทำไมน้ำตาหยด ฮืออออ
รีบกลับมาเถิ้ดพี่หยกกกกก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 13-06-2014 12:41:03
ในที่ซู้ดดดดด

ก้อได้อ่านตอนที่เค้าคุยโทรศัพท์กานนน
ซึ้งน้ำตาจะไหล  :hao5: :hao5:

พี่หยกรีบกลับมาน๊าาาา กัสรออยู่
แระเราก้อรอตอนหวานๆด้วย อิอิ  :hao3:  :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: Cheeze ที่ 13-06-2014 12:55:38
สวัสดีค่ะ พึ่งมีโอกาสได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้ เลยพึ่งจะได้เม้น
ไม่ได้ซุ่มแต่อย่างใดค่ะ5555555555
อ่านเรื่องน้องมีนกับพี่บุ้งจบก็มาเม้นให้เลย
อยากบอกว่าชอบมากกกกกกกกก หลงรักน้องมีน
น่ารักกกก พี่บุ้งก็น่ารักแบบโหดๆ ฮาร์ดคอ เค้าชอบบ ที่หวานก็เขินเลย
เรื่องนี้ตลกมากค่ะ รักวิเชียรด้วย ตัวฮาจริงๆ
แต่ตอนแรกแอบงงกับการเล่าเรื่องจริงๆค่ะเพราะไม่มีใครเล่าแบบนี้
ตอนแรกจับทางไม่ถูกเลยว่านี่ใครพูด นี่ความคิดจากใคร5555555
แต่พออ่านไปก็เริ่มจับทางได้ค่ะ สนุกกก
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆนะคะ อ่านแล้วก็ยิ้มตามแล้วหัวเราะตลอดเลย
ขอตอนพิเศษน้องมีนพี่บุ้งอีกหน่อยน้าา คิดถึงงงงงงงงง

 :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: Sbatandty ที่ 13-06-2014 13:24:05
อยากให้พี่หยกกลับมาเร็วๆๆ...
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 13-06-2014 13:47:07
โอย บทจะน่ารักก็น่าเขินซ้าาา บทจะหวานซึ้งก็หวานมดไต่กันเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 13-06-2014 14:03:57
โอ้ยยยย พี่หยกจะเป็นคนดีแซงหน้าพี่ฟ้าแล้วใช่มั้ยคะ  :katai2-1:

โอ้ยยยย กัสน่ารักมาก งื้ออออออออออออออ :heaven
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 13-06-2014 14:24:50
พี่หยกรีบกลับเลยพี่หยกกกก

นิวโจ้น่าร้ากกกก
 :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 13-06-2014 17:01:33
พี่หยก กลับมาไวๆนะ น้องกัสรออยู่
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: BeeQ ที่ 13-06-2014 17:07:07
พี่หยกกลับมาาาาาา :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 13-06-2014 17:19:43
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#(นิว-โจ้) เรื่องธรรมดา

มีน้ำผลไม้ปั่นสามแก้ว แก้วแรกของกัส แก้วที่สองของโจ้ และแก้วที่สาม………….

โจ้พยักเพยิดใบหน้ากับคนที่นั่งเหม่อลอยอยู่ตรงกลาง และกัสก็หันมามองว่าโจ้กำลังพยายามจะทำอะไร
ส่งแก้วน้ำมาให้ และพยักหน้าส่งสายตาว่าให้ส่งให้กับคนที่นั่งขมวดคิ้วมุ่นอยู่ถัดไป

“ฮื่อ”

ส่งสายตาเป็นการบอกเป็นนัย และกัสก็หันไปมองหน้าของโจ้ด้วยความมึนงง

ไม่เข้าใจ ถ้าจะส่งให้นิว ทำไมถึงไม่ส่งเอง

“....ของ.....นิว”

ยื่นแก้วน้ำส่งให้และเป็นนิวที่หันมามองและเลิกคิ้วขึ้น

ซื้อมาตอนไหนวะ ดูจากสภาพแล้ว ไอ้กัสคงไม่ใช่คนซื้อ น่าจะเป็น......... ไม่ได้ปฏิเสธ แค่รับมาวางไว้ข้างตัว และมองไปที่สนามที่ในเวลานี้เป็นการดวลกันระหว่างทีมฟุตซอลปีหนึ่งและปีสอง

ดวลกันเล่น ๆ หลังเลิกเรียน ไม่ใช่การแข่งขันอย่างเอาเป็นเอาตาย เป็นการเล่นรอเวลา และนิวกับโจ้ก็นั่งรอให้พ่อมารับกัสเหมือนทุก ๆ วัน

“ทำไม....โจ้....ไม่ให้....เอง”

ฉลาดพูดนะมึง เดี๋ยวนี้ฉลาดพูด ทีเมื่อก่อน เอ๋ออย่างเดียว หลัง ๆ มานี้ชักเก่งขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่..........คุยกับไอ้หยกคราวก่อน
และมันก็โทรมาหาทุกวัน ครูมึงดี มึงเลยพูดเก่งสินะ แต่พูดเก่งแบบนี้ก็ดี พูดซะเข้าทางตลอดเลย

“ก็ใครมันจะกล้าซื้อให้ตรง ๆ แม่งหยิ่งชิบหาย”

โจ้แกล้งพูดเสียงดังให้นิวได้ยิน และนิวก็ส่ายหน้าและหันไปมองโจ้

“ถ้ากล้ามาให้ก็ไม่ได้ว่า”

ตอบกลับไปแบบลอย ๆ และคราวนี้โจ้ก็ลุกขึ้นและมานั่งอยู่ข้าง ๆ นิว

“เหรอ”

มั้ง

ไม่ได้ตอบ แต่นิวแสยะยิ้มเย็น ๆ และหันไปมองหน้าของโจ้ที่มานั่งมองหน้าของนิวตรง ๆ
ไม่ตอบ ไม่มีการตอบอะไรใด ๆทั้งสิ้น เฉยชาและมองไปที่สนามจนโจ้ชักเริ่มหงุดหงิดไม่พอใจ

เหี้ยนิว อะไรของมึงวะ ทำไมถึงได้กวนตีนขนาดนี้ นี่เหรอที่บอกว่ายอมให้จีบได้ มึงกำลังปั่นหัวกูอยู่ชัด ๆ เลยนี่หว่า

“...กวนตีน”

กวนตีนอะไร ยังไม่ได้ทำอะไรเลย นั่งดูฟุตซอลเฉย ๆ

“แล้วแต่จะคิด”

นี่ไง แบบนี้ไง เรียกว่ากวนตีน ไม่เรียกว่ากวนตีนแล้วจะให้เรียกว่าอะไร

“งั้นกูคิดว่ามึงกวนตีน”

สวนกลับไป และนิวก็หันมามอง ไม่ตอบ ไม่มีคำตอบ มีแค่สายตาที่มอง สายตาที่โจ้อยากจะเข้าใจ แต่ทำยังไงก็อ่านไม่ออก

“เหี้ย..นิว”

โจ้ขมวดคิ้วมุ่นและถอนหายใจเฮือกใหญ่

ไม่ชอบใจสิ่งที่นิวทำ ทำไมวะ ทำไมทำเหมือนคนอื่นโง่กว่าอยู่ตลอดเวลา ทำไมชอบทำท่าทางหยิ่งจองหองแบบนี้วะไม่เข้าใจเลยจริง ๆ

“กัส พ่อมาแล้ว”

นอกจากไม่สนใจโจ้แล้ว นิวยังหันไปคุยกับคนที่นั่งตาลอยและมองตรงไปที่สนามฟุตซอล

“คืนนี้ไอ้หยกจะโทรหาใช่มั้ย”

คืน....นี้....หยก....จะ....โทร...หา

“อื้อ”

พยักหน้ารับ และกัสก็ยิ้มออกมาอย่างเขิน ๆ

ยิ้ม

รอยยิ้มหวาน ๆ ที่มีไว้ให้ใครบางคน แค่เพียงคนเดียว

ซึ่งไม่ใช่นิว

มองแล้วก็ต้องยอมรับสภาพ มองแล้วก็ได้แต่ส่งยิ้มให้ แม้รอยยิ้มนั้นไม่มีความสดใส แต่ก็เป็นการพยายามอย่างถึงที่สุดของนิว

“คุยกันดี ๆ นะ”

กลั้นใจตอบไป ทั้งที่ในใจเริ่มเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ มันทรมาน กูมันอ่อน ถนัดแต่การเดินหนี เพื่อไม่ให้ตัวเองเจ็บปวด
แต่เวลานี้หนีไม่ได้ เพราะหน้าที่มันค้ำคออยู่ กูไม่ได้เข้มแข็งมากขนาดนั้น เพราะรู้ว่าจิตใจอ่อนแอกว่าที่คิด ถึงได้ใช้วิธีเลี่ยงการเจ็บปวดมาตลอด

แต่เวลานี้ ..........................

สายตาที่นิวมองกัส ไม่ว่าใครก็ดูออก และโจ้ก็ดูออกแบบไม่ต้องสงสัย

มึงเก็บอาการไม่หมดนะไอ้นิว ไหนว่าเป็นองครักษ์ไง สายตามึงที่มองไอ้กัส มันชัดเจนมากขึ้นทุกวันแล้ว ไหนบอกให้กูเลิก
แต่มึงกลับเป็นซะเอง ไหนว่าอะไรที่ไม่ใช่ของเรา ยังไงก็ไม่ใช่ไง แล้วที่มึงกำลังทำอยู่ตอนนี้ล่ะ เ รียกว่าอะไร

แบบนี้.......มันเจ็บนะ

มีหรือที่กูจะไม่รู้ กูเห็นมึงมากี่ปี ของแค่นี้ ทำไมกูจะดูไม่ออก .........บางที กูเองก็กำลังใช้มึงเป็นเครื่องมือ ....ทำให้ตัวเองไม่เจ็บปวดเหมือนกัน.......หรือถ้ามันจะเจ็บมาก ก็จะได้ไม่ทรมานมาก เพราะมีคนที่มีสภาพไม่ต่างกันอยู่ข้าง ๆ

เหมือนเห็นเงาของตัวเอง เงาที่ทิ้งไม่ได้

“ไป...นะ....”

กัสสะพายกระเป๋า ลุกขึ้นยืน แต่ยังมีอาการเซ จนนิวต้องรีบจับแขนเอาไว้ แค่แตะ แค่จับแขน ทำได้แค่นั้น แล้วก็ต้องรีบปล่อยให้กัสยืนด้วยตัวเอง

“โจ้...ไป...นะ”

กัสหันมาบอกคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ และโจ้ก็แค่พยักหน้ารับ

กัสเดินออกไปหาพ่อที่จอดรถมอเตอร์ไซด์รออยู่หน้าโรงเรียนเพื่อรับกัสกลับบ้านเหมือนทุกวัน นิวยังคงมองตามไปเรื่อย ๆ จนพ่อของกัสขับมอร์เตอร์ไซด์ออกไป

มอง.....จนลับตา

ไม่ต่างจากโจ้ที่ทำแบบเดียวกัน มองที่คน ๆ เดียวกัน มองตรงไปที่คน ๆ เดียวกันเสมอ หน้าที่ของวันนี้จบลงแล้ว และนิวก็ถอนหายใจยาว ถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้ม

ยิ่งนานวัน ยิ่งรู้ว่าต้องนับวันเวลาเพื่อรอให้เจ้าของที่แท้จริงกลับมารับของไป นับวันยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองไร้ความสามารถในการควบคุมจิตใจมากขึ้นเรื่อย ๆ

อยู่ด้วยกันทุกวัน ได้เห็นบางสิ่งบางอย่าง ยิ่งได้เรียนรู้ ยิ่งได้เห็น ยิ่งเหมือนจะหยุดความรู้สึกของตัวเองไม่ได้

เป็นแบบนี้.....

การรักใครสักคนที่เขาไม่ได้เกิดมาเพื่อเรา มันทรมาน......แบบนี้

ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึก นอกจากคนที่อยู่ข้าง ๆ แบบไม่เต็มใจ และเมื่อนิวมองไปที่โจ้ก็ได้เห็น ในเวลานี้โจ้ก็มีอาการไม่ต่างกัน

โจ้นั่งเงียบ กำลังใช้ความคิดทั้งที่สายตามองไปที่สนามฟุตซอล มองรุ่นพี่รุ่นน้องที่เริ่มทยอยเดินออกมาจากสนามจนเกือบหมด

นัดนี้จบลงง่าย ๆ โดยไม่รู้ว่ามีใครเป็นผู้ชนะ และก็ถึงเวลาที่ต่างคนต่างต้องทยอยแยกย้ายกลับบ้าน

“มันทรมาน แบบนี้กูว่ากูจะทนไม่ไหว”

คำพูดเลื่อนลอย ออกมาจากปากของคนที่นั่งอยู่

และนิวก็ได้แต่เงียบ ไม่รู้จะตอบอะไร ไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่ยืนนิ่งเงียบ เงียบงันอยู่อย่างนั้นเป็นนาน ก่อนจะพูดบางอย่างออกมา

“ทรมานก็ต้องทนให้ได้”

เหี้ยนิว มึงทนไปคนเดียวเถอะ ทำไมกูต้องทนด้วยวะ กูไม่ใช่องครักษ์ กูไม่จำเป็นต้องเชื่อที่มึงพูดก็ได้
ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ คนที่กลับไม่ได้ไปไม่ถึง ก็คือกู ไม่ใช่มึง

“อย่าคิดว่าคนอื่นจะทำได้อย่างมึง”

เปล่า ไม่เคยคิดว่าใครจะทำได้หรือไม่ได้ แต่กูกำลังทำหน้าที่อยู่ สัจจะ ต้องเป็น สัจจะ บอกว่าจะดูแลให้ก็จะต้องดูแลให้ถึงที่สุด

“เกลียดที่สุดก็ความทรมานนี่แหละ”

โจ้พูดขึ้นมาเสียงดัง และนิวก็หันมามอง มองและขมวดคิ้วมุ่น

“แต่มึงต้องทำ”

แล้วทำไมกูถึงต้องทำ กูไม่อยากทำ และกูก็ไม่ต้องการจะทำด้วย

“ไม่”

ตอบปฏิเสธออกไปชัดถ้อยชัดคำ และจ้องหน้าของนิวตรง ๆ มองไปที่ดวงตา มองลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้น

“ไม่ยากหรอก มึงใจง่ายจะตาย เดี๋ยวรักคนนั้นเดี๋ยวชอบคนนี้ไปเรื่อย ๆ เคยรักใครจริง ๆ หรือก็เปล่า”

บางครั้งนิวก็ไม่อยากใช้ความคิดให้มากนัก ควบคุมจิตใจตัวเองยากขึ้นทุกที จิตใจมีแต่แกว่งไกวไหวเอนไปมา ยิ่งมาเจอคนที่พูดแล้วไม่ยอมฟัง ไม่ยอมเข้าใจ นิวยิ่งไม่ชอบ และรู้สึกว่าตัวเองเริ่มมีอารมณ์โกรธ

“กูไม่ได้ใจง่าย เหี้ยนิว”

ทะเลาะกัน แค่เปิดฉากพูดกันก็เริ่มทะเลาะกัน ต่างคนต่างจ้องหน้ากัน และปล่อยให้อารมณ์โกรธเป็นใหญ่ และมีอิทธิพลเหนือเหตุผล

“มึงใจง่าย ไอ้โจ้ หลายครั้งแล้ว ไม่ว่ากูชอบใครมึงก็ชอบเข้ามายุ่งด้วยตลอด ทำไม ชอบกูมากหรือไง ถึงได้ตามแย่งของกูอยู่ได้ อยากเรียกร้องความสนใจจากกูว่างั้น อย่าคิดว่ากูดูไม่ออก”

ใครอยากเรียกร้องความสนใจจากมึง หลงตัวเองมากเกินไปหน่อยแล้วไอ้นิว มันแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น

“เหี้ยนิว ไม่น่าเชื่อว่ามึงจะเพ้อเจ้อได้ขนาดนี้ กูล่ะผิดหวังจริง ๆ”

เรื่องที่มึงต้องผิดหวังยังมีอีกเยอะ แต่กูแค่ยังพูดออกมาไม่หมดเท่านั้น

“ชอบกูมากนักเหรอ ถึงได้เรียกร้องความสนใจ ที่ตะโกนปาว ๆ ว่าจะจีบกูเนี่ย เพราะจริง ๆ แล้วชอบกูล่ะสิ”

เหี้ยนิวมึงบ้าหรือเปล่า

“หรือยังไง หรือจะบอกว่าไม่ชอบ จีบเล่น ๆ ไปงั้น เผื่อติด แต่ก็คงไม่ต้องลงทุนขนาดอยากไปดูหนังกับกูหรอกมั้ง สารภาพมาสิ พูดมาสิ ว่ามึงชอบกู แอบชอบกูมานานแล้วใช่มั้ยโจ้”

ไม่ใช่แค่พูด แต่นิวยังก้าวเท้าเดินเข้าหาโจ้ที่เริ่มถอยหนี นิวแม่งบ้าหรือเปล่าวะ อยู่ ๆ แม่งก็เกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมา พูดห่าอะไรวะ พูดไม่ยอมหยุด

“มึงชอบกูดิ”

บางทีในบางครั้ง คนเราก็แค่อยากหวังได้ยินคำ ๆ หนึ่งจากใครสักคน เพื่อปลอบใจตัวเอง และเพื่อดึงสติตัวเองให้กลับมา

แค่คำว่าชอบ พูดเล่น ๆ ไม่ต้องจริงจังก็ได้ แต่ได้โปรดพูดมาเถอะ พูดให้กูยังคิดว่าตัวเองมีความสำคัญกับใครสักคนบ้าง อะไรก็ได้ ที่จะดึงสติ ดึงจิตใจของกูให้กลับมา ไม่ให้หลงไปกับคนที่ไม่มีทางเป็นจริง หลอกกูหน่อย พูดออกมาได้มั้ย เพราะโมโห หรือแค่อยากล้อเล่น อะไรก็ได้ พูดมา

“เหี้ยนิวมึงเป็นอะไรมากมั้ยเนี่ย”

ไม่ได้เป็น

ไม่ได้เป็น

พยายามจะไม่เป็น

เหมือนเริ่มรู้สึกตัว นิวพยายามดึงตัวเองกลับมา นิ่ง ต้องนิ่ง ต้องสงบ อย่าเอะอะโวยวาย นิ่งเข้าไว้

กูไม่เคยเป็นแบบนี้

กลับมา นิวกลับมาเป็นคนเดิม กลับมา

“ถ้าไม่ชอบกูแล้วมึงอยากได้อะไร”

คำถามที่เอ่ยถาม เป็นการเปิดประเด็นที่โจ้รอจังหวะมานาน และก็รู้ว่าครั้งนี้ที่นิวเปิดจังหวะให้ เพราะมันจงใจ

“…..มึง......”

ตอบออกไปโดยไม่รอให้คิด เป็นการขอที่ไร้ซึ่งความรู้สึกรักใคร่ใด ๆทั้งสิ้น เป็นแค่การอยากเอาชนะ
แค่อยากจะเอาชนะเท่านั้น

“อย่าโง่โจ้”

แล้วแบบไหนถึงเรียกว่าฉลาดล่ะ แบบมึงหรือแบบไหน

“มึงก็อย่าฉลาดให้มากนักนิว”

อย่าฉลาดให้มากนักเหรอ
สะดุดกับคำพูดตรง ๆ ของคนที่จ้องหน้ากันตาไม่กระพริบ

เป็นเวลาเกือบพลบค่ำที่ผู้คนทยอยกลับบ้านกันไปเกือบหมด และในเวลานี้ก็ไม่มีใครเหลืออยู่อีกแล้ว นอกจากคนสองคนที่ยังไม่ยอมกลับบ้านเพราะยิ่งพูดยิ่งไม่เข้าใจ ยิ่งพูด ยิ่งไปกันใหญ่

“มึงอยากได้อะไร พูดดี ๆ กูให้โอกาสมึงพูดอีกครั้ง”

ไม่ต้องให้พูดหรอก ไม่ว่ากี่ครั้งกูก็จะพูดเหมือนเดิม

“มึงไง.......จะให้พูดอีกกี่ครั้งถึงจะเข้าใจ”

หยิบยื่นโอกาสให้เลือกแต่ไม่เสือกเลือก

แถมยังลอยหน้าลอยตาพูด เจ็บจากทางโน้นแล้วจะหาตัวแทน แบบนี้ก็หนักไป กูไม่ใช่ตัวเลือกของใคร
เพราะ.........ถ้ากูจะต้องถูกใครเลือก...กูต้องเป็นทางเลือกเดียวเท่านั้น และกูจะไม่ให้โอกาสคนที่คิดจะเลือกกูไปเลือกใครได้อีก

ไม่มีทาง

“โจ้....ไหนมึงมานี่ดิ๊”

กวักมือเรียก และโจ้ก็ก้าวเท้าเดินเข้ามาหา

สบตากับนิวตรง ๆ จ้องหน้ากันตรง ๆ และพยายามจะทำความเข้าใจอีกฝ่ายให้มากขึ้น

“ขอร้องเถอะ มึงอย่าทำให้กูเป็นบ้า”

เป็นครั้งแรกที่โจ้ได้เห็น ความสับสนว้าวุ่นในแววตาของอีกฝ่าย ที่โจ้เพิ่งเคยได้รับรู้เป็นครั้งแรก
นิวไม่ใช่คนที่นิ่งสงบอย่างที่คิด แท้จริงในแววตาของนิวมีพายุอยู่ในนั้นเสมอ เพียงแต่ทุกครั้งที่ผ่านมา พายุไม่เคยเกิด และมันสงบนิ่งมาตลอด จนกระทั่งวันนี้

“มันจะกลับมาวันไหน”

วันไหนเหรอ เร็ว ๆ นี้ คุยกันแล้ว อีกไม่นาน

“ที่วันนี้มึงสติแตกเพราะรู้กำหนดวันมาของมันแล้วใช่มั้ย”

ใช่

เมินหน้าหนีไปอีกทาง และเป็นโจ้ที่ต้องมายืนจ้องหน้าของนิวตรงๆ

“ใช่มั้ย”

ถามย้ำอีกครั้ง แต่ไม่มีคำตอบ นอกจากอาการถอนหายใจ และนิวก็ก้มหน้าก้มตาลง

“นิว”

ได้ยินเสียงเรียก แต่นิวก็ยังคงก้มหน้า

อย่าให้ต้องพูดอะไรเลย กูกำลังจะหมดแรงพูด กูจะไม่มีแรงเหลืออีกแล้ว

พยักหน้ารับ

พยักหน้าและคว้าหนังสือสองสามเล่มที่วางอยู่มาถือเอาไว้ ไม่อยากพูด ไม่อยากคุย ไม่อยากจะสนใจอะไรทั้งนั้น

มันเหนื่อย มันเจ็บ มันล้า อยากกลับไปนอน นอนหลับซะ หลับตาเพื่อหลีกหนีจากเรื่องที่ทำให้จิตใจสับสนว้าวุ่นตลอดวัน

ก้าวขาเดินออกมา โดยมีใครบางคนวิ่งตามมาด้วย

โจ้ไม่พูด ไม่คุย ไม่พูดจาอะไรให้ต้องรู้สึกกระทบกระเทือนจิตใจอีก แค่เดินด้วยกัน

ก้าวขาเดินอย่างช้า ๆ ออกมาด้วยกัน ถนนข้างทางไร้ผู้คน ในเวลาพลบค่ำ แต่ละก้าวที่เดิน มันช่างแสนเชื่องช้า
คนหนึ่งเดินมองตรงไปข้างหน้า อีกคนหันมามองคนที่เดินอยู่ข้าง ๆ เสมอ

สิ่งที่ทำอยู่มันดูไร้ค่า ความรู้สึกที่คล้ายคลึงกัน แต่ส่งไปไม่เคยถึงคนสำคัญมันน่าเจ็บปวด

“กูไปส่งมั้ย”

นิวหันมามองหน้าคนที่เอ่ยถามบางอย่าง ทำไมต้องไปส่ง บ้านกู กูไม่ได้ลืม กูไม่ใช่ไอ้กัส แค่กลับบ้านกูกลับเองได้

“กูแค่ควบคุมอารมณ์เศร้าไม่ได้อย่างที่คิด กูไม่ได้สมองกระทบกระเทือนจนจำทางกลับบ้านไม่ได้”

เหรอ

แล้วทำไมมึงไม่ควบคุมปากบ้างวะ พูดแต่ละอย่าง จะซับซ้อนไปถึงไหน คนฟังงง มึงจะหัดพูดให้มันง่าย ๆ หน่อยไม่ได้หรือไง

“เชื่อ....คนสมองกระทืบกระเทือนที่ไหน จะพูดจาเหน็บแนมได้เจ็บแสบขนาดนี้”

หยอกล้อ แต่นิวไม่มีอารมณ์อยากเล่นด้วย กำลังจะถอนหายใจออกมาอีกครั้ง แต่เป็นโจ้ที่แกล้งถอนหายใจใส่นิวซะก่อน

“เฮ่อออออออออ เฮ่อ เฮ่อออออออออ เนี่ย มึงถอนหายใจแบบนี้ทั้งวัน มึงจะถอนหายใจทำไมมากมายวะ กูเหนื่อยแทน”

กูเปล่า

กูไม่ได้.........

ไม่อยากพูด และกำลังจะถอนหายใจ แต่ก็เหลือบมาเห็นคนที่เดินเคียงข้าง ที่มีรอยยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก

“มึงจะถอนใจอีกแล้วใช่มั้ย”

ใช่
แต่กูไม่ถอนหายใจให้มึงเห็นหรอก กูไม่อยากเป็นอย่างที่มึงพูด

“นิว”

อะไรของแม่งอีกวะ เรียกอยู่ได้

หันไปมองหน้าของโจ้ที่ไม่ใช่แค่อมยิ้ม แต่คราวนี้ยิ้มกว้าง ยิ้มและแถมซ้ำยังมีเสียงหัวเราะเบา ๆ ตามมาด้วย

“ครั้งแรกเลยมั้งที่กูได้คุยกับมึงแบบนี้ มันอาจไม่มีอะไรเยอะแยะหรอก แต่กูว่ากูรู้สึกดีกว่าเมื่อก่อนเยอะ”

อะไร

พูดห่าอะไรวะไม่เห็นรู้เรื่อง

แล้วพูดไปยิ้มไปอีก กูจะเข้าใจกับมึงมั้ย ไอ้พวกทำตัวตามอารมณ์นึกอยากจะยิ้มก็ยิ้ม อยากหัวเราะก็หัวเราะ อยากพูดอะไรก็พูดเรื่อยเปื่อยแบบมึงเนี่ย กูไม่อยากเข้าใจหรอกนะ

“พล่ามห่าอะไรอยู่ได้”

เหรอ กูคงพล่ามล่ะมั้ง ก็คงใช่

“บางทีถ้าเราคบกันคงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรหรอกนะนิว กูไม่มีปัญหาหรอก แต่มึงหัดมองมาที่กูบ้างก็ได้”

เรื่องอะไรกูต้องมองมึง เพ้อเจ้อ

นิวไม่ตอบ และยังคงก้าวเท้าเดินไปเรื่อยๆ โดยมีโจ้เดินอยู่เคียงข้าง ปลายนิ้วแตะโดนกันเพียงเล็กน้อย และนิวก็รีบหันมามองคนที่เดินทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ทำไม ก็กูอยากจับมือมึง แต่มึงคงไม่ให้ แค่นิ้วโดนกันแค่นี้ทำเป็นหวงไปได้”

มันใช่เรื่องที่ไหน ไม่ว่าจะนิ้ว จะแขนจะขา จะอะไรก็ไม่ต้องมาจับมาโดนตัว กูไม่ชอบ ไม่ใช่ว่ากับใครก็อยากแตะต้องไปหมด อย่ามาพูดจาง่าย ๆ

“ทีจูบกันเรายังจูบกันแล้วเลย ทีแค่นี้ทำเป็นหวง”

ยังไม่เลิกพูด ยังไม่เลิกตอแย และนิวก็หยุดเดินและหันมามองหน้าโจ้ตรง ๆ

แม่งจะเอาอะไรนักหนาวะ กวนตีนอยู่ได้ ไม่ยอมเลิก

“ฝากถือหน่อยดิ๊”

นิวยื่นหนังสือให้โจ้ช่วยถือ และโจ้ก็รับมาถือเอาไว้ด้วยความมึนงง
ให้ถือทำไมวะ ให้ช่วยถือหนังสือทำไม

“ถือดี ๆ นะ แน่น ๆ ด้วย”

เพื่อ...........

กำลังจะอ้าปากถาม อยากจะถามว่าจะให้ถือไว้ทำไม แต่ก็ไม่มีสิทธิ์ถาม หมดโอกาสพูด เพราะนิวใช้ฝ่ามือสองข้างประกบไปที่แก้มสองข้างของโจ้ จับเอาไว้แน่น และกดริมฝีปากหนัก ๆ ไปที่ริมฝีปากของโจ้เต็มแรง

“อืออออออออออออออ”

ทำเพียงแค่นั้น และผละใบหน้าออกมา

มันก็แค่การหยอกเย้า แค่นี้ไม่เคยคิดจริงจัง .......ไม่เคยคิด........จริงจัง........

แต่โจ้กลับยืนนิ่งค้าง ถือหนังสือเอาไว้ก็จริง แต่อยู่ดี ๆ หนังสือที่ถือก็ร่วงจากมือ ดวงตายังลอยคว้าง สมองยังมึนงงสับสน
ไม่เข้าใจว่าเมื่อไม่กี่นาทีก่อนเกิดอะไรขึ้น

ไม่เข้าใจ

“แค่เอาปากประกบกัน ไม่เรียกว่าจูบ ของแค่นี้กูทำกับใครก็ได้ ไม่เคยคิดเอามาเป็นสาระ”

มันง่าย แค่คำพูดมันง่าย แต่โจ้ไม่คิดว่ามันง่าย สองครั้งแล้ว ที่เป็นแบบนี้ สองครั้งแล้วที่นิวทำให้หัวใจเต้นระทึกและทำตัวไม่ถูกแบบนี้

“เฮ้ย โจ้ ไอ้โจ้”

ได้ยินเสียงเรียก แต่สติยังไม่กลับคืนมา และเมื่อกระพริบตาถี่ ๆ อีกสองสามครั้งถึงได้เริ่มรู้สึกตัว

“เหี้ยยยยยยยยยยยยยยย มึงทำเหี้ยอะไรเนี่ยนิว”

ทำอะไร กูไม่ได้ทำอะไรเลย แค่เอาปากประกบปากให้มึงเข้าใจ ว่าไอ้ที่ทำคราวก่อนมันไม่เรียกว่าจูบ มันก็แค่ปากโดนกันแค่นั้น มึงจะมาเรียกว่าจูบได้ยังไง แล้วนี่จะตะโกนอะไรวะ

“ทำอย่างกับว่าไม่เคยทำแบบนี้กับใครไปได้ ของแค่นี้ ทำอีกสิบครั้งยังเฉย ๆ อ่อนหัดหรือไงมึง”

อ่อนหัด

เปล่า
ไม่ใช่

ไม่ได้อ่อนหัด ไม่ได้........

ไม่รู้จะพูดอะไร โจ้ไม่กล้าพูด ไม่กล้าบอกว่าบางทีบางสิ่งบางอย่างอาจเป็นแบบที่นิวพูดก็ได้

“หรือมึงอ่อนหัดจริง ๆ”

เปล่า

ไม่ได้อ่อนหัด ไม่มีอะไรต้องอ่อนหัด กูแค่.........กูแค่........

“อ่อนหัดเหี้ยอะไร ของแค่นี้กูก็เฉย ๆ เหมือนกัน”

เหรอ แต่ท่าทางมึงไม่เห็นเหมือนที่พูดเลยนะ

โจ้ยกหลังมือเช็ดถูที่ริมฝีปากตัวเองหนัก ๆ และนิวก็ขมวดคิ้วมุ่นกับปฏิกิริยาและท่าทางแปลก ๆ ของอีกฝ่าย มึงอย่าบอกนะว่ามึงไม่เคย

“เฮ้ย”

แตะมือไปที่ไหล่ของโจ้เต็มแรง และรับรู้ได้ถึงอาการสั่นสะท้านของร่างกายของอีกฝ่าย และโจ้ก็ถึงกับผงะและถอยหนี

“เหี้ยโจ้”

ขมวดคิ้วมุ่น และมองหน้าของโจ้ที่เอาแต่ขัดถูไปที่ริมฝีปากของตัวเองไม่ยอมหยุด

เริ่มยิ้ม

ยิ้มออกมาทีละน้อย

“อะไรมึง”

อะไรเหรอ

ก็ไม่อะไร ก็ไม่ได้อะไร..........

“มึงยังซิงอยู่ดิ”

เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

โดนถามตรง ๆ และเป็นโจ้ที่ถึงกับพูดไม่ออก มองหน้าของนิว และหน้าก็เริ่มแดงเมื่อถูกถามตรง ๆ

“เหี้ยโจ้ เอาจริงดิ มึงยังซิงอยู่จริงดิ”

เอาจริงอะไรของมึง

“พูดเหี้ยอะไรเนี่ย”

อย่ามาเล่นกูนะ กูไม่เล่น

“เหี้ยโจ้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

อะไรของมึง จะขำทำไม จะขำทำไมวะ มึงจะขำชีวิตคนอื่นทำไม

“โอเคเลย โอเค มึงจะจีบกูใช่มั้ย เอาเลยเต็มที่ กูยอมแล้วเหี้ยน่ารักนะมึงเนี่ย”

น่ารักอะไร กูไม่ได้คิกขุแบ๊ว ไม่ต้องมาบอกว่ากูน่ารัก กูไม่ได้น่ารัก

“ไปส่งกูหน่อยซิ”

เอ้า ทีเมื่อกี้มึงยังบอกว่าสมองไม่ได้ถูกกระทบกระเทือนอยู่เลย แล้วก็บอกว่ากลับบ้านเองได้ด้วย อะไรของมึงวะ ตกลงจะเอายังไงแน่

“อะไรของมึงเนี่ย”

ถาม และอาการหน้าแดงก็ยังไม่หาย และนั่นยิ่งทำให้นิวยิ้ม

เป็นครั้งแรกในรอบหลาย ๆ วันที่ยิ้มได้ เพิ่งยิ้มได้ เพราะรู้ความลับบางอย่างของใครบางคน ไอ้โจ้ก็มีมุมน่ารักเหมือนกันนี่หว่า
ไม่น่าเชื่อ ว่ามันจะมีมุมน่ารักแบบนี้ด้วย

“หรือมึงจะไม่ไป”

แกล้งพูด และพยายามบังคับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ไป”

ดีมาก

นิวไม่รู้ว่าโจ้คิดอะไร แต่ในเวลานี้ นิวกำลังมีเรื่องบางอย่างให้คิด

..........แม่ง.........ไม่อยากเชื่อ.........ทำไมอยู่ดี ๆ .....ก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาวะ.......เมื่อกี้แค่แตะไหล่ก็ยังรู้ว่าไอ้โจ้มันตัวสั่น

สั่นแบบนี้มันน่า.... กอด

สั่นแบบนี้มันน่าทำอะไรบางอย่างด้วย

สั่นแบบนี้มันน่า..........

เหลือบสายตามองหน้าของโจ้ที่ยังยกหลังมือขึ้นมาขัดถูริมฝีปากเป็นพัก ๆ และนิวก็เมินหน้าหนีไปทางอื่น พยายามบังคับใบหน้าไม่ให้ยิ้มออกมา แต่ก็คล้ายจะหยุดไม่ได้

สั่นแบบนี้มัน...........มึงมันน่ารักจริง ๆ เลยวะ.....โจ้ กูเพิ่งเคยเห็น กูเพิ่งได้รู้เรื่องของมึงเนี่ยแหละ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะ ไม่เคยคิดเลยว่าเวลามึงสั่น….

มึงแม่ง..............โคตร น่ารัก เลยจริง ๆ

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 13-06-2014 17:45:01
จากอารมณ์เทาๆ ไหงตอนหลังสว่างซะงั้น 55555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 13-06-2014 17:51:37
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 13-06-2014 18:45:45
ตกลงโจ้เคะใช่ป่ะ  :impress2:
ถ้าเคะจะดีมากๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 13-06-2014 20:03:53
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#(นิว-โจ้) มือใหม่หัดง้อ

ความหึงหวงนี่มันไม่เข้าใครออกใครจริง ๆ ว่ะให้ตายเถอะ

“อ้อว่างวันไหนล่ะ เดี๋ยวนิวไปรับก็ได้ วันเกิดอ้อทั้งที”

แม่ง คุยไปยิ้มไป สาบานเหอะว่าแม่งเลิกกันแล้วจริง ๆ

“ทำไมล่ะ นิวไม่ได้ลืมหรอก แค่ไม่กล้าโทร นิวทำไม่ดีกับอ้อไว้เยอะ”

แล้วมึงก็ยิ้มลอย ๆ ตอนที่บอกว่าทำกับแฟนเก่ามึงไว้เยอะ เหี้ยยยยยยยยยยยย

“ที่ไม่ดีคือนิวเอง นิวรู้ตัว”

แล้วมึงก็ถอนหายใจเนี่ยนะ

“อย่าลืมนะอ้อ เราเป็นเพื่อนกันนะ นิวรักษาสัญญาเสมอ ถ้าวันหนึ่งเราเป็นแฟนกันไม่ได้แล้ว ขอให้เรายังเป็นเพื่อนกันได้อยู่ กับนิว อ้อไม่ต้องเฉยหรอก อ้ออยากพูดหรืออยากทำอะไรแค่บอกนิวตรง ๆ”

กูว่ากูกำลังจะทนไม่ไหวแล้วนะ

“ครับผม.....วันไหนว่างเราไปกินข้าวด้วยกันนะ”

เหี้ยยยยยยยยยย โมโหโว้ยยยยยยยยย โมโห

“สวัสดีครับ”

มันคุยโทรศัพท์ภาษาห่าอะไรกันวะ เลี่ยนชิบหาย คนไม่ได้เป็นแฟนกันแล้ว คุยกันขนาดนี้เลยเหรอ กูอยากจะบ้า
โมโหโว้ยยยยยยยยยยย โมโห

โจ้ยกมือขึ้นขยำหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิดโมโห ลุกขึ้นยืนก็หลายครั้ง ลุกแล้วก็นั่ง นั่งแล้วก็ลุก
หงุดหงิดไม่ชอบใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ ก็เลยได้แต่เป็นบ้าและโมโหอยู่คนเดียว โดยที่นิวไม่ได้รู้เรื่องด้วยเลย

“เป็นเหี้ยอะไร”

นั่น เสือกจะมาถามกูอีกว่าเป็นเหี้ยอะไร มึงเลย เพราะมึง ไอ้ที่กูเป็นบ้าแบบนี้ ก็เพราะมึงนั่นแหละ

“เรื่องของกู”

อ่อ

“เรื่องของมึง ก็เรื่องของมึง”

แค่นี้เนี่ยนะ แล้วมึงจะไม่ง้อกูหน่อยเหรอ มึงจะไม่ถามต่ออีกหน่อยเหรอว่ากูเป็นอะไร นี่มึงไม่คิดจะ...........
เหี้ยเอ้ยยยยยยยยยยยยยย

ยิ่งทวีคูณความหงุดหงิดโมโหเพิ่มขึ้นไปอีก

นิวไม่ได้สนใจว่าโจ้จะมีอาการอย่างไร และโจ้ก็เพิ่งสำนึกว่าตัวเองเป็นบ้าอยู่คนเดียว โดยไม่มีใครสนใจ

“กูกลับแล้ว”

เหรอ

เออ ก็กลับไปสิ ใครไปรั้งมึงไว้ล่ะ

ไม่มีแม้กระทั่งปรายตามอง ไม่มีอะไรเลย ความสนใจเข้าขั้นติดลบ คนหนึ่งเฉย คนหนึ่งกำลังจะเป็นบ้า

โจ้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ และสายตาก็มองไปที่นิวที่ยังกดโทรศัพท์เล่นไปเรื่อย ๆ และมีบางครั้งที่มองไปที่สนาม
แต่ไม่มีสักครั้งที่หันมามองคนที่กำลังจะเป็นบ้าตายอยู่ข้าง ๆ

“สนใจกูบ้าง”

พูดออกมาลอย ๆ และนิวก็เลยหันไปมองคนที่พูดบางอย่างออกมา

ทำไมต้องสนใจ

มีปัญญาจีบกู ก็จีบไป สนใจหรือไม่สนใจ นั่นกูคิดเองได้ ไม่ต้องรอให้มึงมาช่วยคิดช่วยตัดสินใจหรอก
สมองกู ความคิดกู กูจัดการระบบความคิดกูได้

“สนใจเพื่อ….”

สนใจเพื่อเหรอ

เออ จะสนใจเพื่อห่าอะไรก็สนใจเหอะ แต่หัดสนใจกูบ้าง แค่สนใจบ้างไม่ได้เลยหรือไง

“กูจะเป็นแฟนมึงนะ มึงก็หัดสนใจกูบ้าง”

อ้อมแอ้มตอบ แต่พูดได้ไม่เต็มปากเต็มคำ และแค่ได้ฟังนิวก็เลิกคิ้วขึ้นสูง ก่อนจะหลุดขำออกมา

“ขนาดนั้นเลย”

ตกลงกูต้องสนใจมึงเพราะมึงจะมาเป็นแฟนกูเหรอ แค่นี้เหรอเหตุผล

“ขำห่าอะไรวะ”

ไม่ขำห่าอะไรหรอก กูแค่ขำมึง

“อาการหนักนะมึง”

หนักสิ ไม่หนักกูไม่เป็นขนาดนี้หรอก ตอนแรกกูแค่คิดว่าเหมาะสม ต่อมากูแค่คิดว่าอยากลองของ
ถัดมาอีกไม่รู้เป็นไง อยู่ใกล้มึงแล้วมันรู้สึกมีความสุขแบบแปลก ๆ แต่เรื่องนั้นช่างแม่งเหอะ เพราะตอนนี้ กูโกรธ

มึงทำเหมือนกูไม่มีตัวตน

“ก็ถ้ามึงไม่สนใจกูบ้าง อีกสองสามวันกูจะเลิกจีบมึงแล้ว”

ง่ายดีเนอะ นึกอยากจะจีบก็จีบ นึกอยากจะเลิกจีบก็เลิกจีบ สมควรแล้วแหละ มึงมันเป็นพวกทำอะไรตามอารมณ์ล้วน ๆ สันดานแบบนี้ไง กูถึง...........ไม่กล้ารัก......มึง

ต่อให้มึงมีระดับความน่าสนใจขนาดไหน แต่กูก็ไม่กล้ารักหรอก มึงเล่นบอกจะจีบกูง่าย ๆ มึงรักคนนั้นคนนี้ง่าย ๆ
เดี๋ยวมึงก็ชอบคนนั้น เดี๋ยวมึงก็รักคนนี้ ขนาดไอ้กัสมึงว่ามึงชอบมันนักหนา ตามจีบมัน สุดท้ายมึงมาบอกว่าจะจีบกู

ง่ายเกินไป

แบบนี้มันง่ายเกินไป

“แล้วแต่มึงเหอะ....มึงรักใครง่าย ๆ อยู่แล้วนี่ เดี๋ยวมึงก็ไปรักคนอื่นไปจีบคนอื่น”

นิวไม่สนใจ พูดแบบไม่มองหน้า ทำให้รู้ว่าไม่สนใจ และคนที่หงุดหงิดโมโหเป็นบ้าอยู่คนเดียวก็ถึงกับหน้าชา

หน้าชาตัวชา

ยืนนิ่งค้าง และอึ้งกับคำตอบที่นิวตอบออกมา แล้วแต่กูเหรอ..........แล้วแต่...........กู เพราะกูเป็นพวกรักง่าย ชอบง่าย

ทำไม
ทำไมวะ
ทำไม...........ต้องแล้วแต่กูด้วย ทั้งหมดนั่นแล้วแต่มึงบ้างไม่ได้หรือไง

เกิดอาการช็อค ที่ถูกปฏิเสธ มันอาจจะไม่เป็นอย่างนี้ ถ้าการปฏิเสธของนิวไม่มาพร้อมความเย็นชา ถ้าทะเลาะกันอยู่ ถ้าโมโหใส่กัน ก็คงไม่รู้สึกช็อคขนาดนี้

นิว........แม่งใจร้ายว่ะ มึงคิดว่ากูเล่นเหรอ กูจริงจังนะ จริงจังแบบไม่รู้ตัวเลย

กูไม่รู้ตัวว่าเมื่อไหร่ที่กูเริ่มจริงจัง ..............กับมึง..............

ไม่พูด ไม่ตอบ ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย นอกจากนิ่งงันและโจ้ก็ก้มหน้าก้มตาหยิบหนังสือสองสามเล่มที่วางทิ้งไว้ใส่กระเป๋า

เหี้ยเหอะ กูแม่งเหมือนจะเป็นบ้า หน้าชา มือชา ตัวชา โคตรอาย อายอะไรไม่ว่า อายที่โดนตอกหน้าแบบนี้ มันโคตรอาย
มันก็ถูกที่กูชอบใครง่าย ๆ รักใครง่าย ๆ แต่มันไม่นานเท่ามึง ไม่เคยมีใครขวางหูขวางตาและน่าหงุดหงิดโมโหเท่ามึง

ไม่เคยมีใครเย็นชาเหมือนมึง ไม่มีใคร..........ทำให้กูปวดหัวได้เท่ามึง

“เฮ้ย”

ได้ยินเสียงเรียก แต่โจ้ไม่ยอมตอบ หยิบหนังสือใส่กระเป๋าและไม่มองหน้าของคนเรียก

“เฮ้ย ไอ้โจ้”

เรื่องของกู อย่ามายุ่งกับกู จะอะไรก็เรื่องของกูไม่ใช่เหรอ ทั้งหมดแหละ ทุกอย่างเลย เรื่องของกูหมดเลย อะไรก็เรื่องของกู
เรื่องของกูทั้งหมดนั่นแหละ อะไร อะไร อะไรมันก็เรื่องของกู

“พูดแค่นี้ร้องไห้ทำไม”

ร้องไห้เหี้ยอะไร กูไม่ได้ร้อง ผงมันเข้าตา ฝุ่นแม่งเข้าตา สนามเหี้ยนี่ก็มีแต่ฝุ่น โต๊ะแม่งก็มีแต่ฝุ่น หนังสือนี่ก็ฝุ่น
มีแต่ฝุ่นเท่านั้น ฝุ่นแม่งเข้าตากู

“ไอ้โจ้ คุยกันดี ๆ ซิ มึงจะงอนทำเหี้ยอะไรเนี่ย”

ไม่ได้งอน กูทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอ มึงบอกว่าแล้วแต่กูนี่ แล้วแต่กูก็แค่ผงมันเข้าตา แค่ผงมันเข้าตา

“โจ้”

ไม่ใช่แค่พูดแต่ครั้งนี้นิวกระชากแขนของคนที่เก็บของเสร็จแล้วกำลังจะเดินหนี กระชากแรง ๆ ให้อีกฝ่ายหันมาคุย แต่โจ้ก็ไม่ยอมหันมา

ยกหลังมือเช็ดน้ำตาที่เหมือนมันกำลังจะหยดลงมา

ไม่ได้ร้องไห้ ร้องทำไม มีอะไรน่าร้อง แค่มันจี๊ดมันโมโหจนขึ้นสมอง แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะผงมันเข้าตา

“อะไรของมึงเนี่ย”

อะไรของกูล่ะ

มันจะมีอะไร

“เรื่องของกูไง เหี้ยนิว ก็เรื่องของกูไง ก็นี่ไงเรื่องของกู”

กวนประสาทไม่รู้จักเวล่ำเวลา ไม่มองหน้าแถมยังพูดจาไม่รู้เรื่อง
อยากจะปล่อยอยู่หรอกนะ แต่เพราะมันพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้ไง ถึงไม่ยอมปล่อยแขนมัน

“เกิดจะเจ้าน้ำตาอะไรขึ้นมา ตุ๊ดเหรอมึง”

เออสิ

“ตุ๊ดไง ไม่ตุ๊ดคงไม่ชอบมึงหรอกมั้ง”

ตอบกลับทั้งที่ถูกดึงแขน ตอบแต่ไม่มองหน้า

“ปัญญาอ่อน”

เออสิ

“เหี้ยมึงก็ปล่อยกูดิ กูปัญญาอ่อนไง กูแม่งตุ๊ดด้วย กูใจง่ายกูรักง่ายชอบง่าย เห็นใครถูกใจก็รักไปหมด กู..........แม่ง....รักง่าย.........อึก....”

อยากพูดแต่พูดไม่ออก พูดไปก็ยิ่งไปกันใหญ่ และนิวก็ปล่อยจริง ๆ
ปล่อยแขนโจ้ และโจ้ก็เดินลิ่ว ๆ จากไปจริง ๆ

ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร

ทะเลาะ
โกรธ
น้อยใจ
เรียกว่าอะไรไม่รู้ แต่ที่รู้คือมันทำให้หัวใจของนิวไหววูบไปมา

“กูไม่ง้อหรอกนะ”

อยากจะหันไปมองคนที่เดินจากไป แต่ก็ไม่ยอมมอง

มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก

ไม่มีอะไรง่ายขนาดนั้น ใครจะรู้นี่อาจเป็นการเรียกร้องความสนใจของไอ้โจ้ก็ได้

เรียกร้องความสนใจ

ให้หวั่นไหวตาม

..........เรียกร้อง...........ความสนใจ

ก้มมองที่มือตัวเอง ถึงได้รู้ว่ามือเริ่มสั่น

เหี้ยโจ้
ไอ้เหี้ยโจ้

ไอ้เหี้ยโจ้

มึงทำเหี้ยอะไรของมึงเนี่ย มึง........ทำอะไรของมึง แค่มารยาแกล้งร้องไห้ ไม่ได้ทำให้กูใจอ่อนง่าย ๆ หรอกนะ

ไม่ได้ทำให้กูคิดอะไรหรอกนะ

ไม่ได้ทำให้กูนึกอยากสนใจมึงขึ้นมาหรอกนะ

มึงมันใจง่าย ชอบคนนั้นคนนี้ไปทั่ว แม้กระทั่งปากที่พูดออกมาว่าจะจีบกู มึงก็พูดพล่อย ๆ พูดเรื่อยเปื่อย เห็นเป็นเรื่องสนุก
เรื่องที่จะให้กูหวั่นไหวเพราะคำพูดมักง่ายของมึง มันไม่มีทางหรอก

ไม่มี..........

อยากจะคิดอะไรต่อ อยากจะจัดการระบบความคิดของตัวเองทั้งหมด แต่สิ่งที่นิวต้องทำในเวลานี้ คือการกำมือ

กำแน่น

และพยายามให้มือของตัวเองหยุดสั่น

เฉย ๆ

ไม่คิดอะไร

ไม่มีอะไร แค่แม่งมารยาร้องไห้ใส่กูเพื่อเรียกร้องความสนใจเท่านั้น

เฉย ๆ ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร

ไม่มี.........อะ........ไร.........เลย....

ไม่มี.........

ไอ้เหี้ยโจ้ มึงเล่นงานกูแบบนี้ได้ยังไง มึงทำขนาดนี้ได้ยังไง ที่มึงทำมันเกินไปแล้วนะ ถึงขนาดแกล้งบีบน้ำตาเลยใช่มั้ย
มึงต้องลงทุนขนาดนี้เลยใช่มั้ย เพื่อแลกกับการเรียกร้องความสนใจ ต้องลงทุนทำขนาดนี้เลยเหรอวะ

ต้องลงทุน.........

ทำ...

โธ่โว้ยยยยยยยยยยยยย

ความคิดเป็นสิ่งน่ากลัว ยิ่งนิวคิด ความรู้สึกลึก ๆ ในใจมันก็เหมือนกำลังถาโถม มือยังไม่หยุดสั่น

และที่ตามมาคืออาการใจสั่นร่วมด้วย

นั่นน่ะ เรียกว่าร้องไห้จริง ๆ นะ ไม่ใช่แค่แกล้งร้องหรือมารยา แม่งร้องไห้จริง ๆ นะ ร้องจริง ไม่ได้แกล้ง
รู้จักมันมาตั้งนาน ทำไมจะดูไม่ออกว่ามารยาหรือของจริง ทำไมจะดูไม่ออกว่าแม่งร้องจริงหรือแกล้งร้อง

แล้วจะร้องไห้ใส่กูทำเหี้ยอะไรวะ กูไปทำอะไรให้ ถึงต้องมาร้องใส่กู

เหี้ยโจ้ มึงนี่...........มึงนี่มัน………โธ่โว้ยยยย

ไม่อยากง้อ
ไม่เคยคิดจะง้อ
ไม่เคยคิดจะสนใจ

ไม่อยากใส่ใจ ไม่อยากจะรู้สึกอะไรด้วยทั้งนั้น

แต่ครั้งนี้นิวเพิ่งรู้สึก

ครั้งแรก

เป็นครั้งแรกที่รู้สึกแบบนี้ ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับใครบางคนที่รู้จักกันมานานแต่ไม่เคยคิดจะสนใจหรือใส่ใจ ความรู้สึก.........เป็นห่วงเป็นใย.........โดยไร้เหตุผล

สุดท้าย นั่งอยู่ได้ก็คงแปลก

นิวถอนหายใจเฮือกใหญ่ และยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่แค่เดิน แต่ก้าวเท้ายาว ๆ และมันคงไม่ทันใจสุดท้ายเลยต้องวิ่ง

วิ่งทำไม

วิ่งเพื่ออะไร

วิ่งไปหาใคร..........

วิ่งไปหาไอ้โจ้ที่.....แม่ง...........

กูจริงจังนะเนี่ย มึงจะเดินไปร้องไห้ไปทำไมวะ มึงจะเดินไปยกหลังมือเช็ดน้ำตาไปทำไม
กูไปทำอะไรให้นักหนา ถึงต้องมาตุ๊ดแตกน้ำตาไหลใส่เพราะเรื่องที่กูยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตกลงมึงกับกูทะเลาะกันเรื่องอะไร

“เฮ้ยยยยยยยย ร้องไห้หาพ่อมึงเหรอ”

ร้องไห้หาพ่อกูหรือพ่อใครมันก็เรื่องของกู

“ไอ้เหี้ยยยยยยยย”

โดนโจ้ด่า

และนิวก็ได้แต่ยืนนิ่งอึ้ง อ้าปากค้าง

ด่ากูเหรอ มึงด่ากูเหรอ มึงด่ากู........เหรอ มึงกล้าด่ากูขนาดนี้เลยเหรอ มึงกล้าด่า.........

“ร้องไห้หาพ่อมึงเหรอ”

ยังถามย้ำไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้สายตาของนิวจ้องมองไปที่หน้าของคนที่ไม่ยอมหยุดคุยด้วย ยังคงก้าวขาเร็วขึ้นเรื่อย ๆ และนิวก็ทำได้แค่เดินตามให้เร็วขึ้น

“ตุ๊ดนี่หว่ามึง”

ไม่มีการตอบโต้ ไม่ยอมพูด มีแต่เงียบ และมันก็หยุดร้องไห้ แต่ตาแม่งแดงก่ำ

ตาอย่างแดง

“ตุ๊ดเอ้ยยยย ร้องไห้หาพ่อมึงจริงดิ”

“พ่อกูตายไปแล้ว”

อ่า

เหรอ

พ่อมึง

ตายไปแล้ว.........เหรอ

“..............”

“โจ้.....ถ้ามึงจะจีบกูต่อก็ได้นะ กูไม่ได้ว่า”

ไม่เอาแล้ว

“อีกสองสามวันกูจะเลิก”

เหรอ

“แต่ตอนนี้ยังไม่เลิกนี่”

มันก็ใช่

“........................”

“กูไปส่งบ้านมั้ย”

เป็นเหี้ยอะไรนึกอยากจะไปส่งกูที่บ้านขึ้นมา

“กูไม่ใช่ไอ้กัส กูจำทางกลับบ้านได้”

เอออออออออออ นั่นกูรู้แล้ว

“ก็ใช่ว่าจะอยากไปส่งหรอกนะ กูก็ไม่ได้คิดจะไปส่งอะไรมึงหรอก”

แล้วจะไปทำเหี้ยอะไร สงสารกูหรือไง ไม่ต้องมาสงสาร อีกสองสามวันกูก็จะเลิกจีบมึงแล้ว ไม่ต้องมาทำเห็นใจอะไรกูหรอก
กูไม่สนใจมึงแล้ว

“กูเนี่ยนะ จะไปส่งมึงไอ้โจ้ กูไม่มีความคิดจะไปส่งมึงหรอก เอาจริง ๆ เลย กูจะบอกตรง ๆ เลยก็ได้”

ใช่ไง

นั่นกูรู้แล้ว

มึงไม่ต้องย้ำหรอก กูไม่อยากฟัง ไม่ต้องมาทำเป็นสงสารกูหรอก กูจัดการชีวิตตัวเองได้

“แต่ที่จำใจอยากจะไปส่งก็ไม่มีอะไรมาก.......”

เอออออออออออออ กูกลับเองได้ ไม่ต้องมายุ่งกับกูหรอกไอ้เหี้ยนิว มึงไม่ต้องยุ่งกับกูเลยก็ได้ ไม่ต้องมาจำใจทำเหี้ยอะไรทั้งนั้นแหละ ไม่ต้องมาจำใจทำอะไรเพราะกู
ไม่ต้องมา.............

“เออโจ้ บางทีมึงควรต้องรู้บ้าง ว่าตอนนี้กูแค่...กำลัง.........ง้อมึงอยู่...เข้าใจมั้ย”

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 13-06-2014 20:05:40
สงสารกัสพี่หยกรีบกลับมาเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 13-06-2014 20:36:35
โธ่ คุณชายนิว บอกเขาไปแต่แรกก็จบแล้ว ฟอร์มเยอะนะเราน่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 13-06-2014 20:55:33
โจ้ช่างอ่อนไหว ฮือๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 13-06-2014 20:59:04
นิวเอ๊ยยยบอกตรงๆก็จบล่ะ  :hao7:

ส่วนหยก กลับมาสักทีเถอะพอคู้นนนนนน กัสรอแย่แล้ววว  :mew6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 13-06-2014 21:31:23
น่ารักกันแบบมึนๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 13-06-2014 21:41:24
ThankS
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 13-06-2014 21:53:54
555 มีการบอกด้วยว่ามาง้อ

โจ้ร้องเลยอ่ะ นิวมาง้อแล้วนะ อิอิ
รีบๆหายงอนหล่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 13-06-2014 22:20:14
กลับมาได้แล้วพี่หยก :hao3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 13-06-2014 22:22:08
พี่โหยกกกกกกกกกกก กลับมาเถอะ โจ้นิแย่งซีนไปหมดแย้ว  :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 13-06-2014 22:51:33
เอ๊ะ...
ตกลงจะนิวโจ้หรือโจ้กัส ดูยากจริงๆ พอมาตอนนี้คะแนนความเมะของนิวแซงทางโค้งจนโจ้ตกลงไปเคะเรียบร้อยแล้วจ้า..//เย่ๆๆๆๆ
ส่วนน้องกัส ดีใจทีี่รู้ใจตัวเองแล้ว รอพี่หยกกลับมานะ อย่าดราม่านะ ขอให้พี่หยกกลับมาเร็วๆเถอะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 13-06-2014 23:06:23
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#(นิว-โจ้) หลง

ง้อก็ง้ออยู่หรอกนะ ก็ยอมรับว่าง้อ แต่แม่งง้อแล้วทำแบบนี้เหรอวะ มึงเฉยใส่กูแบบนี้เหรอ นี่มึงต้องเมินกูขนาดนี้เลยเหรอวะ ขนาดเดินมาส่งจนถึงหน้าบ้านแล้วเนี่ยนะ ยังไม่เสือกพูดกับกูสักคำเลยใช่มั้ย

ตั้งแต่อยู่บนรถแล้ว จนถึงตอนนี้ แม่งก็ยังไม่ยอมพูด นี่กูลงทุนเดินมาส่งถึงหน้าบ้านเลยนะ ตกลงจะเอายังไง

“จะชวนกูเข้าบ้านมั้ย”

ถาม และโจ้ก็หันมามองคนที่มันบอกว่า “จำใจ” มาส่ง และมันก็ “จำใจ” มาจนถึงหน้าบ้าน จะ “จำใจ” เข้ามาในบ้านอีก ก็คงไม่มีอะไร “จำใจ” ไปมากกว่านี้แล้วล่ะ

“ก็มาดิ”

เหี้ย เล่นตัวชิบหาย

เออ

นี่ต้องบอกให้ชวน ถึงยอมชวนเข้าบ้านใช่มั้ย

ประตูบ้านถูกเปิดออก และนิวก็เดินตามโจ้เข้ามาในบ้าน บ้านเงียบ แถมยังปิดไฟ ไม่มีใครอยู่เลยหรือไงวะ

โจ้เดินนำเข้ามาในบ้าน และเปิดไฟสว่างที่ชั้นล่างของตัวบ้าน พื้นที่ชั้นล่างของตัวบ้านเป็นห้องโล่ง ๆ มีเก้าอี้ชุดวางอยู่ และต่อออกไปด้านหลังตัวบ้าน เป็นห้องครัว

ไม่ต้องรอให้เชิญ นิวก็ลากเก้าอี้มานั่งเรียบร้อย และมองสำรวจไปรอบๆ บริเวณบ้าน

เจ้าของบ้านแม่งก็เล่นตัว รินน้ำใส่แก้วแล้วก็เอามาตั้งไว้ให้ มึงงอนเกินไปแล้ว

“กูกลับแหละ”

เออ กลับไปเลย

ไม่รั้ง เพราะอารมณ์ติสแตกเยอะเกินเหตุ

ไม่มองหน้า เพราะ กูงอน

นิวยกน้ำขึ้นดื่ม และก็ลุกขึ้นยืน

แม่ง ให้ง้อมากไม่ไหว แฟนก็ไม่ใช่ เห็นว่าร้องไห้หรอกวะ ถึงได้ง้อ จะให้กูง้อไปถึงไหน มันจะเกินขีดความสามารถของกูเกินไปแล้วแบบนี้ กำลังจะก้าวขาเดินออกจากบ้าน แต่สายตาก็ไปสะดุดกับภาพถ่ายที่แขวนอยู่ที่ฝาผนัง

อะไรวะ ใคร หน้าคุ้น ๆ อืมมมมมมมมมม หน้าเหมือน......หันไปมองคนที่ยืนกอดอกทำหน้าเฉยใส่ แล้วก็เทียบหน้ากับเด็กประถมที่แขวนภาพถ่ายแขวนอยู่ที่ฝาผนัง แม่ง.....มีรางวัลการันตีด้วยเว้ย ........ผู้ชนะการประกวดเดี่ยวจะเข้ ปี 25xx …….

กูรู้จักมึง รู้จักมานาน แต่เรื่องส่วนตัวอะไรพวกนี้ กูไม่เคยสนใจใคร่รู้เท่าไหร่

“มึงเหรอเนี่ยโจ้”

เอ่ยถามและก็หันไปมองคนที่ยืนทำหน้าเฉยอยู่ แม่งไม่ตอบวะ แค่พยักหน้าทีเดียว

“จริงดิ”

ก็จริงดิ ถามทำไมมากมายวะ

“ปกติผู้ชายมันต้องตีระนาดอะไรพวกนี้ไม่ใช่เหรอ แล้วนึกยังไงถึงดีดจะเข้วะ”

ไม่นึกยังไง ก็มันมีจะเข้ตั้งอยู่ที่บ้านตั้งแต่กูยังเด็ก ไม่มีอะไรเล่นกูก็เลยเล่น ของย่าทวดมั้ง ของเดิมไม้เก่าแล้ว ตอนนี้ตัวที่เล่นอยู่เป็นตัวใหม่ที่ซื้อมาหลายปีแล้ว แต่เลิกเล่นไปนานเพราะไม่มีเหตุผลอะไรต้องเล่นต่อ

อยากเล่นต่ออยู่หรอก แต่พอโตขึ้นเรื่อย ๆ ก็เลิกไป ไม่รู้ทำไมถึงเลิก เท่าที่รู้เป็นนักดนตรีไม่มีจะกิน เล่นไปก็เท่านั้น ไป ๆ มา ๆ สุดท้ายก็เลยเลิกเล่น ลืมไปแล้วว่าเล่นจนถึงขนาดไปแข่งขันได้รางวัลมา

“นอกจากจะร้องไห้เก่งแล้ว ยังสาวแตกขนาดเล่นจะเข้เลยเหรอมึง”

แกล้งแซวแกล้งว่า แกล้งปากเสียใส่ และโจ้ก็เลยเบ้หน้า

เออช่างกูเหอะ กูจะร้องไห้เก่งจะสาวแตกอะไรมันก็เรื่องของกู กูไม่สนใจมึงหรอก อีกสองสามวันกูก็จะเลิกจีบมึงแล้ว

“เออน่าสนุกดีว่ะ เล่นให้กูฟังบ้างซิ”

เล่นให้ฟังเหี้ยอะไร กูเลิกเล่นมาสี่ห้าปีแล้ว จะเข้สายเพี้ยนหมดแล้วมั้ง ไม่ได้แตะไม่ได้จับเลย วางทิ้งไว้เอาผ้าคลุมป่านนี้ฝุ่นจับหนาจนมองไม่เห็นจะเข้แล้ว

“ดิ”

อะไรของมึง จะเร่งเร้าเอาอะไร

“เฮ้ยกูอยากฟังจริง ๆ มึงเล่นให้ฟังหน่อยสิ อยากรู้ว่าแชมป์จะเข้นี่มันเล่นได้ขนาดไหนวะ”

นั่นไม่ใช่กูตอนนี้ เมื่อก่อนใช่อยู่ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว

“อยากฟังไปทำไม”

ก็ไม่ได้อยากฟังไปทำไม อยากฟังก็คืออยากฟัง ทำไมวะ อยากฟังไม่ได้หรือไง

“เออน่า มึงยังเล่นได้อยู่หรือเปล่า กูอยากฟัง”

คะยั้นคะยอให้เล่นให้ฟัง และโจ้ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่

“ห่าอะไรนักหนาวะ”

บ่นใส่ แต่ก็เดินไปที่มุมห้อง ยกจะเข้ที่มีผ้าคลุมอยู่ออกมา และเปิดผ้าคลุมออก

สายแม่งหย่อนหมดแล้วจริงด้วย กี่ปีแล้ววะเนี่ยที่ไม่ได้เล่น น่าจะตั้งแต่จบชั้นประถม มันกี่ปีวะ นานแล้วนะ นานจน.....จำแทบไม่ได้ว่าเล่นยังไง

ใช้ผ้าคลุมเช็ดเอาฝุ่นออก และโจ้ก็เริ่มตั้งสายจะเข้ ลองดีดและก็พบว่าเสียงเพี้ยนจนฟังแทบไม่รู้เรื่อง

ขมวดคิ้ว และลองดีดดูสองสามครั้ง โดยมีสายตาของนิวที่มองมาด้วยความสนใจ

ลากเก้าอี้มานั่งอยู่ข้าง ๆ นั่งมองว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไร สุดท้ายเห็นมันพันนิ้วกับอะไรสักอย่าง และก็เริ่มดีด

“ดีดเหี้ยอะไรวะ ฟังไม่เห็นรู้เรื่อง”

มันจะรู้เรื่องได้ยังไง กูยังไม่ได้ดีดกูแค่ลองเสียงเฉย ๆ

เงยหน้าขึ้นมองคนที่มากเรื่อง และนิวก็เข้าใจได้ทันทีว่ากำลังถูกโจ้ด่าทางสายตา

“เออ เออ กูไม่ว่าอะไรแล้ว มึงเล่นซะทีสิ กูจะฟัง”

ก็นี่ไง จะเล่นอยู่นี่ไง

มองหน้านิว แล้วโจ้ก็ถอนหายใจ เร่งอะไรนักหนา จะฟังดนตรีมันต้องใจเย็น ๆ

ยกมือขึ้นพนมและหลับตา ก่อนจะจรดปลายนิ้วลงช้า ๆ ที่สายจะเข้

“......................”

เพลงแปลก ๆ ที่ไม่เคยฟัง ไม่ได้ไพเราะแว่วหวาน แต่ฟังแล้วเพลิน จากที่สายตามองไปที่ปลายนิ้วของคนเล่นด้วยความสนใจว่าเครื่องดนตรีที่ว่าเล่นยังไง ตอนนี้สายตาของนิวมองไปที่หน้าของคนเล่น มอง..........นิ่ง ๆ มองไปเรื่อย ๆ

จิตใจล่องลอยไปกับเสียงดนตรีไทยจังหวะอ้อยอิ่งเชื่องช้า แต่ดึงหัวใจให้ล่องลอยตามไปด้วย ใครบางคนที่อยู่ตรงหน้าเพ่งดวงตาจ้องมองที่จะเข้ ปลายนิ้วพริ้วไหวไปมาทุกครั้งที่กดนิ้วลงไปเพื่อให้เกิดเสียง

มีติดขัดบ้าง เพราะห่างหายจากการเล่นไปนาน แต่มันก็ไม่ได้สะดุดจนทำให้คนที่ไม่คิดว่าจะตั้งใจฟังหยุดความสนใจไปได้

เพลงอะไรไม่รู้ ไม่รู้ว่าเพลงอะไร แต่มันน่าฟัง ฟังจนเคลิ้ม เผลอมองเรื่อยไปทั่วทั้งใบหน้าของคนที่ตั้งอกตั้งใจดีดจะเข้ให้ฟัง

ปกติไม่เคยคิดอะไร แต่ทำไมวันนี้ เวลานี้ มึงโคตร............น่ามองเลยวะโจ้ น่ามอง จนต้องนิ่งมอง หูฟังเสียงแว่วหวานแต่สายตาจับจ้องมองไปที่ใบหน้าของคนที่ยังก้มหน้าก้มตาเล่น เพลินจนแทบลืมหายใจ

เพลินจน..........อยากจะลงไปนั่งใกล้ ๆ เพลินจนต้องลุกจากเก้าอี้มานั่งใกล้ ๆ
ลุกจากเก้าอี้เพียงแค่อยากจะมานั่งมองให้ชัด ๆ ว่าไอ้โจ้มันใช้เล่ห์กลอะไรทำไมถึงได้ทำให้รู้สึกอยากเข้ามาอยู่ใกล้ ๆ ขนาดนี้

เข้ามาขนาดนี้ เพียงเพื่อแค่จะมานั่งมอง

โจ้ยังคงสะบัดมือไปตามจังหวะดนตรี แต่ขมวดคิ้วและมองหน้าของคนที่มานั่งมองหน้า

อะไรวะ

แค่คิดในใจ แต่ไม่ได้หยุดเล่น ปล่อยจิตใจให้ไหลไปตามบทเพลงที่เล่น จนสุดท้าย.......... หยุดมือ และยกมือขึ้นพนมมือไหว้
แล้วไอ้คนที่อยู่ตรงหน้าแม่งก็เสือกรับไหว้

“กูไม่ได้ไหว้มึง กูไหว้ครูบาอาจารย์ที่สอน”

อ่า

เหรอ

รับไหว้เก้อ และนิวก็ได้แต่ทำหน้าเหรอหรา เออก็ไหว้ไง

ก็.......

“กูก็ไหว้ครูบาอาจารย์มึงด้วยไง ก็เออไง ใช่ ใช่”

ใช่ห่าอะไร ไม่ได้เล่นด้วย เสือกจะมาไหว้ด้วย เป็นเหี้ยอะไรของแม่งวะ

“อีกเพลงดิ”

อีกเพลงอะไรของมึง แค่เพลงเดียวก็พอแล้ว ไม่ได้เล่นนานกูเจ็บนิ้ว

“อะไร”

ไม่อะไร ก็แค่เล่นอีกเพลงไม่ได้เหรอ มันแปลก ๆ ฟังเพลิน ๆ ดี

“อีกเพลงดิ”

อะไรวะ เป็นอะไรของแม่ง คะยั้นคะยอให้เล่นอยู่ได้ อีกเพลงก็อีกเพลงวะ อีกเพลงก็....... แล้วยิ้มทำไมวะ

“ขำอะไรของมึง”

ห๊ะ ขำเหรอ กูยังไม่ได้ขำเลย กูเปล่าขำ

ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ และทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“เออน่ามึงเล่นไปเหอะ กูจะฟัง”

ก็เล่นไง ก็เล่นอยู่นี่ไงวะ

ขมวดคิ้ว และสะบัดปลายนิ้วไปมาอีกครั้ง เริ่มเล่นเพลงถัดไปที่เกือบลืมวิธีการเล่น เล่นไปเรื่อย ๆ และนิวก็นั่งฟังไปเรื่อย ๆ
เพลิน..... ไม่ใช่แค่ฟัง แต่เพลินเพราะมองหน้าคนเล่นไปด้วย

มึงหน้าตาดีขึ้นหรือเปล่าวะโจ้ ตามึงสวยขึ้นหรือเปล่า จมูกมึงมันรับกับรูปหน้ามึงมากกว่าเดิมหรือเปล่า แก้มมึงมันเนียนน่าแตะผิดจากทุกวันหรือเปล่า แล้วปากมึง ที่เม้มเข้าหากันตอนที่มึงเล่นจะเข้มันดูน่ามองมากกว่าทุกวันหรือเปล่า

มึงมีอะไรดึงดูดใจกูมากกว่าทุกวันหรือเปล่า มีอะไร.......

“เฮ้ย....”

ห๊ะ

เพิ่งรู้สึกตัวว่ากำลังปล่อยใจดำดิ่งลึกลงไปโดยไม่รู้สึกตัว

แค่ถูกเรียก นิวถึงกับสะดุ้งและเลิกคิ้วขึ้นสูงเหมือนเป็นการตั้งคำถามว่าอีกฝ่ายเรียกทำไม

แล้วหยุดเล่นทำไมวะ กำลังฟังเพลิน ๆ หยุดเล่นทำไม

“ไม่เล่นต่อวะ”

เล่นต่อห่าอะไร

“กูเล่นไปเกือบสิบเพลงแล้ว มึงฟังหรือเปล่าเนี่ย จนจะเล่นรอบสองแล้ว มึงไม่ได้ฟังทำไมไม่บอกวะ เหม่ออยู่นั่นแล้วหลอกให้กูเล่นเหรอวะ”

กูไม่ได้หลอกให้มึงเล่น กูตั้งใจฟังจริง ๆ กูไม่ได้ตั้งใจฟังตอนไหนล่ะ กูนั่งฟังอยู่เนี่ย ตั้งใจฟังจน..........

โจ้กำลังปลดเชือกที่พันนิ้วออก และพันไว้กับตัวเครื่องจะเข้ ดึงผ้ามาคลุม และกำลังจะลุกขึ้นยืน

“อะไรวะ เลิกแล้วเหรอ”

เออสิ เล่นต่อทำไม ไม่ได้ตั้งใจฟังก็น่าจะบอกกันตั้งแต่แรกหลอกให้เล่นอยู่ได้ตั้งนานสองนาน นี่ถ้าไม่สงสัยว่าทำไมมึงนั่งเหม่อตาลอยก็คงไม่รู้หรอกว่ามึงไม่ได้ฟังที่กูเล่นเลย

“เลิกเล่นแล้ว”

อะไรวะ เลิกเล่นทำไม กูกำลังเพลิน

“ดึกแล้ว มึงกลับบ้านมึงเหอะไป”

เหรอ ลักษณะแบบนี้เรียกว่าไล่นะ

“รีบไล่เชียวนะ”

เออใช่ รีบไล่

โจ้ลุกขึ้นยืนโดยมีนิวลุกขึ้นยืนด้วย ก็ไม่ได้อยากจะชมหรอกนะ แต่......ว่า........

“ก็สมควรได้รางวัลเนอะ เพราะชิบหาย”

ยังไงวะ เพราะชิบหาย

“เพราะชิบหาย นั่นเรียกว่าด่านะไม่ใช่ชม”

กูชม กูไม่ได้ด่า

“เพราะมากครับ”

แก้ไขคำพูดเรียบร้อย และนิวก็ยิ้มออกมาน้อย ๆ ยกมือขึ้นลูบที่ท้ายทอยตัวเอง

“มึงยังไม่บอกเลยว่ามึงนั่งจ้องหน้ากูทำไม”

กูเนี่ยนะจ้องหน้ามึง ผิดหรือเปล่า กูเนี่ยนะจ้อง กู...........ไม่ได้จ้อง...... กูแค่.....มอง.......เฉย ๆ

“กูฟังที่มึงเล่น....ไม่ได้จ้องมึงซะหน่อย”

แก้ตัวไปเรื่อย และโจ้ก็ไม่ได้เชื่อกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเลยสักนิด

ส่ายหน้าให้รู้ว่าไม่ได้เชื่อกับสิ่งที่นิวพูด และเป็นนิวที่ทำหน้าไม่ถูก

ยังไงล่ะ เออ ยอมรับก็ได้ว่ามอง ก็มองไง ทีมึงยังชอบมองกูบ่อย ๆ เลย ทีกูมองมึงบ้างแค่นี้ทำเป็นมีปัญหาไปได้

“กลับแหละ”

เออ ก็กลับไปดิ

“อีกสองสามวันยังไม่ต้องเลิกจีบกูก็ได้มั้ง”

กูจะเลิกจีบ

“จีบมึงมีแต่เสียฟอร์ม กูไม่อยากเสียฟอร์มแล้ว”

อะไรนะ จีบกูมีแต่เสียฟอร์มเหรอ เสียฟอร์มยังไงล่ะ เสียฟอร์มยังไง ไหนบอกสิ เสียฟอร์มยังไง

“ไม่เสียฟอร์มหรอกน่า”

ไม่เสียห่าอะไร กูเสียฟอร์มตั้งแต่ตอนที่สติแตกเพราะมึงคุยกับแฟนเก่ามึงนั่นแหละ

ไม่รู้เป็นยังไง...........กูหึง.......... หึงทั้งที่มึงยังไม่ได้คิดอะไรกับกูเลย แล้วยังเสือกมาเสียฟอร์มหนักตอนที่จี๊ดจนน้ำตาแตกเพราะทำอะไรไม่ได้อีก

“กูรักคนง่าย อีกสองสามวันกูก็ไปชอบคนอื่นแล้ว”

เหี้ยยยยยยยยยยยยย

มึงใจง่ายจริงดิ อีกสองสามวันก็จะไปชอบคนอื่นได้ง่าย ๆ จริง ๆ ใช่มั้ย พูดแบบนี้ พูดจาแบบนี้ มันเรียกว่ายั่วโมโหกันชัด ๆ

“มึงไม่ต้องไปใจง่ายกับใครแล้ว เสียเวลา ถ้าจะใจง่ายก็ใจง่ายกับกูไปก่อน”

อะไรวะ เดี๋ยวบอกได้ เดี๋ยวบอกไม่ได้ เดี๋ยวจะให้จีบ เดี๋ยวจะไม่ให้จีบ เดี๋ยวก็ว่ากูใจง่าย เดี๋ยวก็จะให้ใจง่ายกับมึงไปเรื่อย ๆ

“มึงนี่มันทฤษฎีเยอะชิบหาย มึงจะเอายังไงแน่”

ไม่เอายังไงหรอกน่า

“มึงมันใจง่าย ใจง่ายไปเรื่อย เห็นใครก็ชอบง่าย ๆ รักใครง่าย ๆ”

ไอ้นิว มึงจะทำให้กูโมโหอีกแล้วใช่มั้ย มึงคิดจะตอกย้ำกูอีกแล้วใช่มั้ย

“วันหลังกูจะมาฟังมึงเล่นจะเข้อีก”

ไม่ต้องมาเหอะ

“ฟังไปทำไม แม่ง”

จะให้ฟังไปทำไมล่ะ ก็ฟังไปแบบนี้แหละ มึงคิดว่าจะให้กูฟังไปทำไมล่ะ

“ทำไมกูจะฟังไม่ได้มึงก็แค่เล่นให้กูฟัง”

แล้วจะฟังทำไมก็บอกมาสิ

“กูไม่เล่น”

“แต่กูจะฟัง”

ก็บอกสิว่าทำไมถึงต้องจะฟังด้วย

“กวนตีน กูไม่เล่นให้มึงฟังแล้ว”

ไม่ได้ กูจะมาฟัง

“กูจะฟัง”

“แต่กูไม่เล่น”

“แต่มึงต้องเล่น”

“เรื่องอะไรกูต้องเล่น”

เริ่มเถียงกัน เริ่มหงุดหงิดโมโหใส่กัน และเป็นนิวที่ขมวดคิ้วมุ่น เพราะไม่รู้จะตอบยังไง

“เออ ก็เล่น ๆ ไปเหอะ”

เล่นไปเหอะเหี้ยอะไร ก็แล้วทำไมไม่บอกว่าทำไมกูต้องเล่นให้มึงฟังด้วยล่ะ

“ไม่”

อย่ามาดื้อ

“ต้องเล่น”

“กูไม่เล่น”

“ไอ้โจ้”

“ทำไม........ไอ้นิว”

ไม่ทำไมหรอก ไม่ได้ทำไม

“กูชอบ”

เหี้ย คำตอบของมึงเหรอเนี่ย.....ชอบ…… ชอบเนี่ยนะ

“ชอบฟังจะเข้เนี่ยนะ”

มีเครื่องหมายคำถามเต็มหน้า และโจ้ก็ส่ายหน้าด้วยความเซ็ง

“ไม่ได้ชอบฟังจะเข้........กูชอบคนเล่นจะเข้”

ห๊ะ

เงยหน้าอีกครั้ง และมองหน้าของนิวที่เหมือนเพิ่งรู้สึกตัวว่าพูดอะไรบางอย่างผิดไป

ยังไง

“อีกทีดิ”

อีกทีอะไร ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรซะหน่อย

ไม่ตอบ แต่นิวเดินลิ่วจากไปทันที ไม่มองหน้าคนที่กำลังทำหน้าเหรอหรา เพราะเข้าใจว่าฟังอะไรบางอย่างผิดไป

นิวเดินออกจากประตูบ้านไปแล้ว และโจ้ก็กำลังเดินเข้าบ้าน

ชอบคนเล่นจะเข้

อืมมมมม คนเล่นจะเข้มีเยอะแยะ มันก็ไม่ได้แปลว่าชอบกูอยู่ดี

ถอนหายใจและเดินเข้าบ้าน

โจ้เดินเข้าบ้านไปแล้ว และนิวก็ก้าวขายาว ๆ มาตามถนนเพื่อเดินออกไปที่ถนนใหญ่ ก้าวขาเดินลิ่วแบบไม่หันหลังกลับไปมอง
ไม่หันหลังกลับ ทั้งที่คล้ายได้ยินเสียงจะเข้แว่วหวานอยู่ในหู ภาพใบหน้าของคนที่ตั้งใจเล่นจะเข้ให้ฟังก็ยังลอยไปลอยมาและปรากฏชัดอยู่ในทุกความรู้สึก เดินเร็วไป หัวใจก็เลยเต้นแรง ก้าวขาเร็วไป มันก็ต้องเหนื่อยหอบเป็นธรรมดา

การที่อัตราการเต้นของหัวใจมันถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ก็เพราะว่าก้าวขาเร็วขึ้นเรื่อย ๆ แค่นั้น ไม่ต้องคิดอะไรมาก เรื่องอาการหัวใจเต้นแรงถี่รัวมันเป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่มีอะไรเกี่ยวของกับเรื่องบางอย่างเลยสักนิด

การที่หัวใจเต้นถี่แรงขนาดนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับอาการ.............หลง...........คนเล่นจะเข้เลยจริง ๆ

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.82
เริ่มหัวข้อโดย: Scream ที่ 13-06-2014 23:14:47
เอาแล้วนิว เจอเสียงเพลงกล่อมหลงคนเล่นจะเข้เลย 555555
สองคนนี้นี่เหมาะกันสุดแล้ว รักกันซะก็หมดเรื่องเนอะโจ้  >.<
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 13-06-2014 23:52:36
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#(นิว-โจ้)หวั่นไหว

มันก็อาจจะมีบ้าง ที่บางครั้งจิตใจคนเราก็สับสนว้าวุ่นโดยไม่มีสาเหตุ

นิวกดรีโมทโทรทัศน์ไปเรื่อย ๆ ไม่รู้ว่ากดไปทำไม กดดูรายการอะไร รู้แค่ว่ากดไปเรื่อยแต่ไม่รู้จะดูช่องไหน

“กูจะดูอะไรวะ”

เบลอและมึนไปชั่วขณะ ทำอะไรบางอย่างโดยไม่รู้ตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่

ปกติกูไม่ใช่คนที่มึนขนาดนี้นี่หว่า แล้วทำไมวันนี้มึนจังวะ กูเป็นอะไรของกูเนี่ย

สุดท้ายไม่รู้จะดูอะไรเลยเปิดค้างไว้ที่ช่องที่กำลังฉายภาพยนตร์ต่างชาติ ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แต่เอนหลังลงนอนเพื่อจะดู
แต่แปลกตรงที่ ยิ่งดูยิ่งไม่รู้เรื่อง

“เหี้ยยยยยยยยย หนังห่าอะไรวะเนี่ย”

สะบัดหัวสองสามที และลุกขึ้นนั่ง ขมวดคิ้วมุ่น และลุกขึ้นปิดรายการโทรทัศน์ที่กำลังดูอยู่
ทำไมกระวนกระวายขนาดนี้วะ ทำไมจิตใจมันว้าวุ่นขนาดนี้วะ เป็นอะไรเนี่ยไม่เข้าใจเลยจริง ๆ

เดินขึ้นบันไดบ้าน เพื่อเข้าห้องนอน และก็มาทิ้งตัวลงนอนอยู่บนเตียง

“เฮ่อออออออออออ”

นอนคว่ำหน้า ถอนหายใจยาวเหยียด และกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง ผุดลุกผุดนั่งอยู่หลายรอบ นอนไม่หลับ
ทั้งที่ในเวลาดึกดื่นเลยเที่ยงคืนไปแล้วแบบนี้ควรต้องนอนหลับพักผ่อน มันเป็นวันหยุดยาวที่คนในครอบครัวเดินทางไปต่างจังหวัดกันหมด ก็เลยอาสาเฝ้าบ้าน ไม่ได้คิดจะไปไหน เกลียดความวุ่นวายยุ่งยาก ไปถึง ก็ต้องเจอกับญาติคนนั้น อาคนนี้ น้าคนโน้น เดินไหว้กันจนมือหงิกไปข้าง

เหนื่อยขนาดนั้น เฝ้าบ้านดีกว่า

ก็เลยเฝ้าบ้าน แต่ไม่คิดว่าการเฝ้าบ้านมันจะน่าเบื่อขนาดนี้

ดึกแล้ว ทำอะไรดีวะ

คิดไม่ออกว่าจะทำอะไร ก็เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ใครยังไม่นอนบ้างวะป่านนี้ ก็คงจะนอนกันหมดแล้ว
ดึกขนาดนี้ แล้ว.............คนเล่นจะเข้มันนอนยังวะ

ไม่รู้ว่าทำไมจิตใจคอยแต่ครุ่นคิดถึงใครบางคน กดหมายเลขไปเรื่อย ๆ เพื่อค้นหาชื่อ
ไม่ได้กดโทรออก แต่แค่เห็นชื่อที่บันทึกไว้ในเครื่องก็ทำให้ยิ้มได้

โจ้...โจ้...โจ้........ไอ้โจ้

นอนมองชื่ออยู่นาน ไม่มั่นใจว่าควรกดโทรออกดีมั้ย เอาไงดีวะ

โทรหรือไม่โทร แล้วถ้าโทรไปจะโทรไปทำไมวะดึกป่านนี้ มันก็ไม่มีเหตุผลให้โทรอยู่ดี ถ้าแม่งนอนแล้ว มันก็คงจะลุกขึ้นมาด่า ถ้ามันลุกขึ้นมาด่าก็แค่บอกไปว่าโทรผิด

ยากตรงไหนถ้าคิดจะโทร แต่ปัญหาคือ โทรไปหาเพื่อบอกว่า “โทรผิด” เหรอ มันจะไม่บ้าบอเกินไปหรือไง
แล้วเรื่องอะไรถึงต้องโทรหามันด้วยวะ

นิวขมวดคิ้วมุ่น และวางโทรศัพท์ทิ้งไว้ข้างตัว

ไม่เข้าใจว่ากำลังเป็นอะไร แค่เรื่องโทรไปหาใครบางคนทำไมต้องคิดให้ยุ่งยากมากมาย ทำไมต้องหาเหตุผลมาสนับสนุนด้วย ก็แค่โทร

เออใช่

อยากโทรก็แค่โทร มีปัญหาอะไร ก็แค่..........

หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง และค้นหาหมายเลขที่ต้องการโทรออก แนบโทรศัพท์ไว้ที่หู และรอฟังเสียงสัญญาณ

หัวใจกูเต้นดังจังวะ จะระทึกอะไรกันนักหนาแค่โทรหาไอ้โจ้

กูแม่งก็บ้า ลุ้นอะไรขนาดนี้เนี่ย บ้าหรือเปล่าวะ แล้วเป็นห่าอะไรถึงไม่รับสาย

ห่าโจ้ แม่ง นอนหลับไปแล้วใช่มั้ยวะ ทำไมถึงไม่รับสายเนี่ย รู้มั้ยว่ากู..............

“................”

“เหี้ยยยยยยยยยยยยยย”

บ่นออกมาเสียงดังคนเดียว เมื่อเสียงสัญญาณสุดท้ายสิ้นสุดลงและระบบแจ้งเตือนให้ฝากข้อความหลังได้ยินเสียงสัญญาณ

เกิดอาการหงุดหงิดแบบไม่มีเหตุผล แค่อีกฝ่ายไม่รับสายในยามดึกดื่นก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา

รู้ว่าดึกแล้ว แต่มันน่าหงุดหงิดตรงที่ว่า กูอุตส่าห์โทร อุตส่าห์คิดเหตุผลในการโทร คิดนั่นคิดนี่คิดอะไรไว้เยอะแยะ

สุดท้ายพอโทรไปจริง ๆ แม่งเสือกไม่รับโทรศัพท์เนี่ยนะ นี่กูอุตส่าห์โทรเลยนะเนี่ย

กูอุตส่าห์โทรเลยนะ

โยนโทรศัพท์ทิ้งไว้ข้างตัว และกลายเป็นนิวที่โทรเองหงุดหงิดเอง
หน้าหงิก คิ้วขมวด จากเดิมที่นอนไม่หลับ ในเวลานี้ยิ่งเกิดอาการตาค้างหนักกว่าเดิม

“เหี้ยโจ้”

ด่าฝากสายลมไปเรื่อย กำลังจะลุกจากเตียง แต่เพราะมีสายเรียกเข้าจึงรีบคว้าโทรศัพท์มาดูอย่างรวดเร็ว

“ไอ้..........โจ้.........”

มองที่ชื่อของคนที่โทรเข้ามาหา แล้วก็นิ่งคิดบางอย่าง กดรับสายอย่างรวดเร็วและกรอกเสียงลงไป

“ฮา...โหลลลล เอออออมีอารายยยยวะ”

ลากเสียงยาว ๆ แกล้งทำเหมือนงัวเงีย ทั้งที่ยังไม่ได้นอนและรอลุ้นว่าปลายสายจะตอบว่าอะไร

“อ้าวเหี้ยนอนอยู่เหรอ กูก็นึกว่ามึงมีอะไร เห็นโทรมาซะดึก”

ใช่ กูโทรหา แต่มึงเสือกไม่รับสาย แล้วกูก็หงุดหงิดจะตายห่าแล้วเนี่ย ที่มึงไม่ยอมรับโทรศัพท์กู
เสียงใสซะขนาดนี้ ยังไม่นอนอีกเหรอวะ

“สงสายยยยมือไปโดนม้างงงงงงงงง อื้มมมม”

เล่นได้เนียน ทั้งที่นั่งหลังตรงตาค้างมาค่อนคืน

“เหรอ เออ งั้นแค่นี้แหละกูวาง.....”

“เอ้ยยยยยยยย โทรมาแค่นี้เนี่ยนะแล้วก็จะวางเหรอวะ”

ใช่สิ ไม่มีธุระอะไรไม่ใช่หรือไง กูก็วางสิวะ จะให้กูบังคับคุยกับคนนอนหรือไง กูไม่ได้ไร้มารยาทขนาดนั้น

“อะไรเนี่ย มึงไม่คิดจะโทรมาจีบกูมั่งเลยหรือไง ไหนว่าจะจีบก็โทรมากู้ดไนท์ฝันดีก็ได้”

ห๊ะ มึงบ้าเปล่าเนี่ย
กูจีบใครกูก็มีสไตล์การจีบของกู จะให้มาหวานอะไรแบบนี้กูทำเป็นที่ไหน

“นิวครับ”

งง ไม่เข้าใจว่าไอ้นิวเป็นอะไรมากหรือเปล่า ทีกูจีบแม่งก็ไม่สน พอกูจะไม่จีบเสือกจะให้กูจีบมันซะงั้น

อะไรของแม่งวะ กูงงนะเนี่ย

“ครับโจ้”

พูดจาไพเราะเพราะพริ้งใส่กัน แบบกวน ๆ ต่างฝ่ายต่างก็รู้ว่าอีกฝ่ายกวนประสาทอยู่ แต่แปลกที่นิวกลับชอบวิธีการกวนประสาทกันแบบนี้ แถมยังเล่นตามน้ำไปด้วย

“กู้ดไนท์ครับ ฝันดีนะ ห่มผ้าด้วย ฝันถึงผมบ้างนะ จุ๊บ พอใจมั้ยไอ้สัด”

นิวถึงกับหัวเราะออกมาเสียงเบา เมื่อนึกถึงหน้าของคนที่พูดจาหวาน ๆ ชวนเลี่ยน แต่กลับทำให้นิวยิ้มกว้างได้เพราะคำพูดแบบนี้

“ดีหมดแหละ ยกเว้นคำว่าไอ้สัด เสียบรรยากาศหมด ไอ้เหี้ย”

อ้าว มึงก็เหมือนกัน ทำเสียบรรยากาศหมด

ทุกอย่างดีหมด ยกเว้นแค่

“คำว่าไอ้เหี้ยของมึงดีตายห่าเลยเนอะ”

ไม่รู้สิ ก็ไม่ได้ดีอะไรหรอกก็แค่.....ทำให้มึงหงุดหงิดได้แค่นั้นเอง น้ำเสียงแบบนี้ เหมือนไม่พอใจอยู่ชัด ๆ แล้วเวลาไม่พอใจ ไอ้โจ้มันทำหน้ายังไงวะ ก็คงจะ ขมวดคิ้ว แล้วก็ทำหน้าเบ้เหมือนที่มันทำให้เห็นอยู่บ่อย ๆ

“มึงนี่มันปากดีจริง ๆ โจ้ขยันหาเรื่องกูเหลือเกิน กูก็เอาไว้หยอกมึงเล่นแค่นั้นเอง”

เออดี หยอกกูเล่นว่างั้น

“หยอกกูตอนเที่ยงคืนจะตีหนึ่ง สนุกมากเลยเนอะ”

ก็มากอยู่ มาก มาก เลยล่ะ

“แล้วทำไมไม่นอน”

มันเรื่องของกู จะหลับจะนอนจะนอนหรือไม่นอนมันมีปัญหาอะไรนักหนาวะ นี่มันเรื่องของกูนะเนี่ย ยุ่งกับชีวิตกูจัง

“กูโทรมาจีบมึงอยู่ เหี้ยจะให้กูนอนยังไง มึงให้กูจีบกูก็จีบมึงอยู่เนี่ย กูจะข่มตาหลับลงได้ยังไง ในเมื่อห้วงหัวใจของกูเอาแต่คิดถึงแต่มึงคนเดียว”

ฮานะมึง เหี้ยโจ้แม่งฮา

“จริงอ่ะ คิดถึงกูจริงดิ”

ถามกลับไปอย่างรวดเร็วโดยที่นิวไม่รู้ตัวว่าหน้ากำลังยิ้ม ยิ้มกว้าง และเผลอแสดงน้ำเสียงเริงร่าออกไปโดยไม่รู้ตัว

ผิดจากทุกที ที่เคยนิ่งสงบ ไม่เคยแสดงความรู้สึกอะไรออกไป นอกจากเฉยและนิ่ง

“เออ...กูคิดถึงมึงจริง ๆ”

แค่อยากหยอกล้อ แต่พอได้ฟังคำนี้จริง ๆ นิวก็ถึงกับชะงักนิ่งค้าง ..........คิดถึง.............จริง ๆ .............กูคิดถึง....มึง....จริง ๆ

เงียบสนิท โดยมีคำพูดบางอย่างของคนที่อยู่ปลายสายก้องไปก้องมาในหัว

หน้าเริ่มแดง และเริ่มรู้สึกถึงอาการใจสั่นสะท้าน หัวใจกำลังเต้นแรง และไม่รู้ว่าอีกฝ่ายก็มีอาการแบบเดียวกัน

เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย แม่งเหี้ยแล้ว กูพูดอะไรออกไปเนี่ย

ก็ใช่ที่จีบ ก็ใช่ที่พูดจาหวาน ๆ เลี่ยน ๆ ใส่ ก็ใช่ที่ฝ่ายนั้นคือไอ้นิว ที่ไม่เคยมีความรู้สึกอะไรนอกจากเฉยชาใส่กูลูกเดียว

แต่มันจะรู้มั้ย ว่าตอนที่มันโทรมา กูเหวอจนไม่กล้ารับโทรศัพท์มัน
แล้วที่ตาค้างอยู่จนถึงป่านนี้ก็เพราะมัน นอนไม่หลับ เพราะสายตาของมันที่จ้องไม่กระพริบเมื่อวันก่อน

แล้วไอ้นิวมันจะรู้มั้ยว่ากูเกือบเก็บอาการไว้ไม่อยู่

แม่ง..........หวั่นไหวอย่างแรง แล้วอยู่ดี ๆ ก็โทรมาก่อกวนให้จิตใจเตลิดไปไกล พอโทรกลับเสือกนอนอยู่ซะงั้น
แถมยังบอกอีกว่าสงสัยมือไปโดนไม่ได้ตั้งใจโทร ไม่คิดบ้างเหรอว่ากูจะเหวอจนไปไม่เป็น จีบไอ้นิวแม่งเสียฟอร์มจริง ๆ ด้วย

ขนาดตอนนี้ ยังเสียฟอร์มเลย .........กูคิดถึงมึงจริงนะ......... ไม่ได้ล้อเล่น

แล้วทำไมต้องอึ้ง แล้วก็เงียบไปซะขนาดนั้นด้วยวะ กูใจแป้วหมดแล้ว ไม่รู้บ้างหรือไง

“มึงนอนต่อเหอะ กูไม่กวนแล้ว”

ตั้งใจจะชิ่ง รีบชิงวางสายก่อนจะเสียฟอร์มไปมากกว่านี้ แต่นิวที่เพิ่งได้สติก็รีบรั้งเอาไว้

“อะไรของมึงเนี่ย คิดถึงกูไม่ใช่เหรอ.........คิดถึงก็....ต้อง....ต้องคุยกันต่ออีกหน่อยไม่ใช่หรือไง”

ชัดเลยงานนี้ แม่ง...........เหี้ยนิว ล้อกูนี่หว่า ทำแบบนี้ ล้อกูชัด ๆ

“อีกสองสามวันกูจะเลิกจีบมึงแล้ว”

เหี้ยยยยยยยยย เอาอีกแล้วไง เรื่องนี้อีกแล้ว ทำไมต้องอีกสองสามวันด้วยวะแล้วมาบอกว่าคิดถึงเนี่ยนะ

มาทำให้กูใจเต้นแล้ว ก็จะไม่สานต่อง่ายๆ แบบนี้เนี่ยนะ เห็นแก่ตัวเกินไปแล้วเหี้ยโจ้

“อะไรของมึงเนี่ย กูบอกแล้วทำไมไม่ฟังบ้างวะ อยากใจง่ายก็ใจง่ายกับกูนี่ ใจง่ายกับกูไปพลาง ๆ ก่อน ทำไมเรื่องมากจริงวะพูดไม่รู้จักฟัง”

ทำเสียงดุใส่ และนิวก็กำลังขมวดคิ้วมุ่น

อะไรก็ได้นะ แต่ไอ้เรื่องจะเลิกจีบเนี่ย ขอเหอะ แม่งไม่รู้ทำไม กูไม่อยากฟังจริง ๆ

กูไม่ชอบ แล้วก็ไม่อยากฟังด้วย เรื่องที่จะเลิกสนใจกูเนี่ย

“กูไม่อยากเสียฟอร์มแล้ว”

เรื่องเดิม ๆ ยังจะย้ำอีก เสียฟอร์มอะไรนักหนา ไหนทีแรก ทำท่ายังกะจะปล้ำกูซะด้วยซ้ำ พอทีนี้เสือกถอดใจ รักง่ายเลิกง่ายจริง ๆ นะมึง

“ไอ้โจ้”

เรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงดัง และก็เป็นโจ้ที่กำโทรศัพท์แน่น

มึงจะโมโหใส่กูทำไมนักหนาวะ แค่นี้กูก็ว่าเยอะแล้วนะ ทำไมนิวแม่งเดาใจยากนักวะ จะทำตัวให้คนเข้าใจง่าย ๆ หน่อยไม่ได้หรือไง คิดอะไรอยู่กันแน่ กูชักจะตามไม่ทันแล้วนะ

“....................”

“อ้าวเหี้ยเงียบอีก ฟังกูหรือเปล่าเนี่ยโจ้”

ฟังอยู่สิ ไม่ฟังจะรู้ได้ยังไงว่ามึงตะโกนกรอกหูกูอยู่

“ตกลงมึงจะโทรมาเพราะคิดถึงหรือโทรมากวนตีน”

มึงคิดว่ากูจะเลือกอันไหนก็เลือกให้เลย ไม่ต้องให้กูเลือกเองหรอกกูขี้เกียจคิดมันยุ่งยาก

“.....................”

ไม่ยอมตอบ และเป็นนิวที่กลายเป็นคนหงุดหงิดซะเองที่อีกฝ่ายไม่ยอมตอบคำถาม

“แม่งสันดาน มึงงอนเปล่าเนี่ย”

งอนเหี้ยไร กูไม่ได้งอน กูแค่ไม่ชอบเวลามึงพูดจาเสียดแทงใจกูเฉย ๆ

“...............”

“โจ้”

“....................”

“.....จีบกูมึงกลัวเสียฟอร์ม แล้วมึงไม่กลัวกูเสียใจบ้างหรือไง”

อะไรวะ เสียใจยังไง  ไม่เห็นเข้าใจเลย

“มึงจะมาเสียใจได้ยังไง กูเลิกจีบมึง มึงน่าจะดีใจ”

ใช่ มึงเลิกจีบกู กูน่าจะดีใจ แล้วมึงไม่คิดหรือไงว่าก่อนกูจะดีใจกูมีความรู้สึกอย่างอื่นด้วย

“เออ งั้นแค่นี้นะโจ้ มึงนอนเหอะ กูก็จะนอนแล้ว”

ไม่อยากพูดอะไรให้มากความ พูดไม่ออก ถึงเวลาที่ต้องพูดแต่ไม่รู้จะพูดอะไรดี ความรู้สึกไหววูบในอกจะให้กูอธิบายยังไง
กูต้องพูดยังไงมึงถึงจะเข้าใจ

“มึงก็ดีแต่ทำแบบนี้แหละ เย็นชา.... เฉยใส่กูตลอด คิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้ กับคนอื่นก็ทำเป็นดี ทีกับกูมีแต่ไม่พอใจ”

เออใช่ กูมันเย็นชา กูมันเฉย กูมันดีกับแต่คนอื่น ทีกับมึงกูทำอยู่อย่างเดียวคือทำเป็นไม่พอใจ
พูดอีกก็ถูกอีก ที่มึงพูดทั้งหมดใช่หมดนั่นแหละ

“ก็คนอื่นมันไม่ทำให้หวั่นไหวเหมือนอยู่กับมึงนี่หว่า......อยู่กับใครกูก็ควบคุมตัวเองได้หมดไม่เหมือนอยู่กับมึง อยู่กับมึงทีไรกูเหมือนจะไม่เป็นตัวของตัวเองทุกที”

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 14-06-2014 00:26:19
กัดหมอน กรีดร้อง มะไรๆๆๆจะได้ดังใจแม่ยก   :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 14-06-2014 00:39:17
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 14-06-2014 00:50:03
เหยดดดด
ตกลงโจ้เคะจริงๆดังหวังใช่ไหม
ตาสวยนะ....-.,-b เยี่ยมเลยยยยย แล้วตอนแรกลูกไปกัดปากเขา(?) จะจับเขาปล้ำ ทำเอาคดีเกือบพลิกเลยทีเดียว นิวต้องเอาคืนนะลูก :hao7:
นิวโจ้ๆๆๆๆๆ :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 14-06-2014 09:22:58
เชด~~~~!!!!
'อยู่กับมึงทีไร ก้อเหมือนไม่เป็นตัวเองทุกที'
คนอ่านฟินคร้า า า า า า า า >\\\<
โจ้ ว่าไงบ้างจ๊ะ หายงอนรึยัง 5555

โจ้เคะอ่ะ เราชอบ ดีดนะเข้ได้ด้วย -^.,^-
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 14-06-2014 10:16:12
5555 ชอบก็รุกหนักๆไปเลยโจ้
แต่สถานะบนเตียงหนูต้องรับนะ กร๊าซซ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 14-06-2014 13:30:43
หวั่นไหว :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 14-06-2014 13:57:19
หวั่นไหว...อิๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 14-06-2014 13:57:42
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#(นิว-โจ้) สบายใจ

“เหี้ยตังค์หมด”

โจ้ลุกขึ้นนั่งและมองโทรศัพท์ในมือที่สัญญาณขาดหายไปเรียบร้อย

คุยอะไรกันวะ คุยจนไม่เหลือเงินค่าโทร เช็คดูเวลา ปาเข้าไปห้าชั่วโมงกว่า

แม่งบ้าแล้ว

คุยอะไรกัน ตั้งแต่เที่ยงคืนกว่าจนถึงเกือบหกโมงเช้า แบบนี้เรียกว่าบ้า

เรื่องที่คุย จับต้นชนปลายไม่ได้ ไม่มีเนื้อหาสาระที่ชัดเจน แต่คุยกันจนเช้า

กูบ้าหรือมันประสาทวะ

ได้ยินเสียงนกร้อง และเมื่อหันไปมองนอกหน้าต่างฟ้าก็ใกล้สว่างแล้ว

ง่วงนอนมั้ย ตอบได้ว่าไม่ค่อยง่วงเท่าไหร่

บอกไม่ถูกว่าตอนนี้อารมณ์เป็นยังไง ใจมันฟู ๆ ล่องลอยแปลก ๆ ชอบกล

“อื้มมมมมมมม”

เอนกายลงนอน ซุกหน้าลงที่หมอน และนอนยิ้มคนเดียว

บ้าแล้วกู

ยิ้มทำไมวะ ไม่เห็นมีเรื่องห่าอะไรให้ต้องยิ้มเลย เช้าแล้วทำไมไม่นอน ต้องนอนแล้ว ต้องนอน ต้องนอน และ…..

เสียงสัญญาณเตือนจากโทรศัพท์ทำให้โจ้ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูและกดอ่านข้อความที่ส่งเข้ามาหา

ข้อความจากนิว

..............เจ้าหน้ามน....นอนได้แล้ว.......

เออ รู้แล้ว กูก็นอนอยู่นี่ไง แค่ไม่หลับแค่นั้นเอง กูกำลังยิ้มอยู่

ยิ้มแม่งห่าอะไรมากมายไม่รู้

โจ้ซุกหน้าที่หมอนอีกครั้ง และยังคงยิ้มอยู่คนเดียว

อะไรวะ

ชอบจริงจังแล้วมั้งแบบนี้ เวลาที่คนที่เรารู้สึกดีด้วย ตอบรับความรู้สึกกลับมา แม้เพียงเล็กน้อยมันทำให้รู้สึกดีได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ

แต่นั่นมันไอ้นิวนะ นั่นมันไอ้นิว ไอ้นิวหน้านิ่ง ชอบด่ากูแบบลอย ๆ เรื่อยเลยนะ

นั่นน่ะมัน.........ไอ้นิว..........

ใช่
ไอ้นิวนั่นแหละ มันคือไอ้นิว แต่มันเล่นทำให้กูนอนยิ้มไม่ได้หลับไม่ได้นอน ก็เพราะไอ้เหี้ยนิวคนเดียวนั่นแหละ

กูต้องนอนไม่หลับ เพราะยิ้มไปเรื่อยในตอนเช้าตรู่ขนาดนี้มันก็เพราะมึงไอ้นิว เพราะมึงคนเดียว แม่งเอ้ยยยยยยยยยย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 14-06-2014 13:59:02
“ก็คนอื่นมันไม่ทำให้หวั่นไหวเหมือนอยู่กับมึงนี่หว่า......อยู่กับใครกูก็ควบคุมตัวเองได้หมดไม่เหมือนอยู่กับมึง อยู่กับมึงทีไรกูเหมือนจะไม่เป็นตัวของตัวเองทุกที”

หมายความว่ายังไงวะ มันด่าหรือมันชม หรือยังไง

โจ้ขมวดคิ้วมุ่น และนิ่งเงียบไปชั่วอึดใจ

ทางนั้นมันต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ กูไม่เข้าใจ มึงจะด่า หรือมึงจะประณาม หรือมึงจะเอายังไง

“หวั่นไหวเพราะกูเนี่ยนะ เกือบเชื่อแล้วเชียว”

ตอบกลับออกไป และเบะหน้าเพราะรู้สึกเหมือนว่ากำลังถูกหยอกล้อหลอกล่อให้หลงกลกับคำพูดแปลก ๆ

เชื่อเถอะ พอมันโยนหินถามทางเรียบร้อย แล้วพอกูตอบไปนะ แม่งรับรอง ตลบหลังให้กูได้อายชัวร์

“ไม่เชื่อก็เรื่องของมึง ไม่ได้ง้อ”

มึงไม่เคยง้อกูอยู่แล้ว พูดอย่างกับว่ามึงเคยง้อกูงั้นแหละ ไม่มีหรอก
ตั้งแต่แรกเริ่มที่รู้จักกันเลยด้วยซ้ำ ประมาณป.5

“มึงจำครูประจำชั้นเราตอนป.5ได้ป่ะ ที่ผมหยิก ๆ แล้วชอบให้หัวหน้าห้องจดชื่อเวลาแกไปประชุมอ่ะ”

ครูประจำชั้นเหรอ ตอนป.5 อืมมมม จำได้นะ

“กูไม่โดนจดหรอก มึงใช่ป่ะที่โดน แล้วต้องไปเช็ดโต๊ะครูอยู่เป็นอาทิตย์เพราะมึงพูดมาก เลยโดนจดชื่อใช่ป่ะโจ้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า จำได้สิ จำได้”

ขอบคุณ จำแต่เรื่องอัปยศของกูเนอะ ไม่จำเรื่องดี ๆ บ้างเลยใช่มั้ย

“มึงก็แบบนี้ตลอด แต่ไหนแต่ไรแล้ว เอาตัวรอดคนเดียวตลอดเลย นั่งสงบเป็นเสาหิน ไม่เบื่อบ้างหรือไงกูว่าจะถามนานแล้ว”

เบื่อมั้ยเหรอ ก็ไม่เบื่อนะ กูชอบนั่งอยู่เฉย ๆ แล้วก็มองมากกว่าจะไปวิ่งเล่นให้เมื่อยขา

“เหงื่อออกเยอะ เหม็นเหงื่อ เนื้อกูหอมไปเล่นแบบนั้นเดี๋ยวแฟนคลับกูตกใจ”

นั่นเหตุผลมึงเหรอ แฟนคลับห่าอะไร ที่คนเข้าหามึงเพราะมึงเรียนเก่ง แล้วก็ยิ้มให้ทุกคนตลอด เรียกง่าย ๆ ว่าอัธยาศัยดี ก็เลยไม่แปลกใจที่เพื่อนทั้งผู้หญิงและผู้ชายจะชอบเข้าใกล้

แต่ก็แปลกนะ ทั้งที่ไม่ค่อยวิ่งเล่น นิ่ง ๆ เฉย ๆ มาตลอด แต่เวลามีกีฬาสี ก็เห็นลงเล่น   ไม่ได้เป็นลูกคุณหนูไม่เอาอะไรสักอย่าง แพ้บ้างชนะบ้าง ถึงเวลาซ้อมมันก็ซ้อม

“กูแบ่งเวลาเป็น เวลาไหนควรเรียนเวลาไหนควรเล่น ไม่เหมือนมึง ทางไหนก็ทางนั้น เล่นกีฬาก็เล่นจนไม่เป็นอันเรียน แบ่งเวลาไม่เป็น ได้ข่าวว่าตอนนั้นมึงอยู่สีส้มแล้วตอนแข่งฟุตบอล มึงเตะจุดโทษไม่เข้า แล้วสีส้มก็แพ้ไป มึงเลยซึมเป็นอาทิตย์เสียจริตไปเลยนี่ ทำอะไรไม่เคยเผื่อใจเลยเนอะแต่ไหนแต่ไรแล้วมึงอ่ะ”

ก็ใช่

ไม่เคยเผื่อใจ ถ้าชอบอะไรก็จะไปทางนั้น ทุ่มเท จนไม่เหลือพื้นที่อะไรไว้ทำอย่างอื่นอีก

มันก็เลยติดนิสัยแบบนั้นไปหมดกับทุกเรื่อง ถ้ารักใครก็จะไปให้สุด เข้าหาให้ได้ ถ้าต้องเสียใจก็จะยอมเสียใจ เกิดมาทั้งทีต้องเอาให้สุด ทำให้สุด ๆ ไปเลย ไม่รู้จะกลัวไปทำไม ชีวิตมันก็แค่นี้

“ไม่รู้จะเผื่อใจไปทำไม เจ็บก็จะได้รู้ว่าเจ็บ เวลาเจ็บสุด ๆ จะได้รู้ไปเลยว่าเจ็บสุด ๆ มันเป็นยังไง”

นั่นแหละตัวตนของมึงเลยโจ้

บางทีกูก็อยากเป็นให้ได้อย่างมึงนะ ไม่ได้อยากเซฟตัวเองขนาดนี้หรอก กูมันคนอ่อนแอมั้ง ไม่กล้าเจ็บ ถ้ารู้ว่าเจ็บก็ไม่เข้าใกล้

คนเรามีวิธีการป้องกันตัวเอง สู้หรือถอย มึงสู้ แต่กูเลือกถอย นั่นคงเป็นสิ่งที่เราต่างกัน

“มึงก็เรียนเก่งนะนิว แล้วทำไมถึงมาเรียนที่นี่ล่ะ ทำไมไม่ไปเรียนอย่างอื่น”

ทำไมเหรอ

“มึงก็รู้ แล้วยังจะมาถามอีก”

มันก็ใช่

รู้

แต่รู้แบบไม่ทั้งหมด เพราะกูไม่ได้คิดว่าจะใส่ใจอยากจะรู้ แต่แปลกที่รู้เรื่องของมึงมากกว่าที่คิด

“ถ้าพ่อมึงไม่ล้มละลายมึงคงไปเรียนมหาวิทยาลัยดี ๆ”

อืม ก็....คงอย่างนั้น

“เรียนที่นี่ก็ดี จบแล้วหางานทำได้เลย”

มันเป็นเรื่องขมขื่นของใครบางคน ที่โจ้รับรู้มาตลอดแต่ไม่ได้เจาะลึกลงไปที่รายละเอียด เป็นแค่เรื่องที่เคยได้ยินคร่าวๆ ว่าพ่อนิวล้มละลาย จากลูกคุณหนูเคยสบายมาตลอดเปลี่ยนมาเป็นคนที่ต้องดิ้นรนต่อสู้ชีวิต

สมัยเรียนประถมและมัธยมเคยเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน โรงเรียนของรัฐธรรมดา นิวเป็นนักเรียนใหม่ที่ย้ายมาตอน ป.5 ก่อนหน้านั้นนิวเรียนอีกที่ โรงเรียนชั้นนำของประเทศที่คนทั่วไปเชื่อว่าดีกว่าโรงเรียนประถมที่นิวย้ายเข้ามาเรียน

ด้วยใบหน้าและท่าทางที่ดูดี ผิวพรรณหน้าตาแตกต่างจากเด็กคนอื่น ๆ ในชั้น เลยทำให้นิวไม่เป็นที่ถูกใจของเด็กผู้ชาย แต่ถูกใจเด็กผู้หญิง และในเวลาไม่นาน แม้เพื่อนผู้ชายก็ยังชื่นชมนิว

เพราะความที่เป็นคนยิ้มง่าย เรียนเก่ง เลยทำให้ยิ่งมีคนเข้าหามากขึ้นเรื่อย ๆ

อย่างนิวไม่น่าเข้ามาเรียนในโรงเรียนแห่งนี้ แต่ในเวลาไม่นานก็ได้รู้ว่าเพราะอะไร

สถานที่ที่ไม่เหมาะกับนิวเลยสักนิด แต่ต้องมาอยู่มาปรับตัวใหม่มันยากและลำบาก ทุกอย่างเปลี่ยนไป แม้ไม่อยากมาเรียน และมีคำถามต่างๆ เต็มไปหมด แต่ก็ต้องจำใจมา

“เราไม่เหมือนเดิมแล้วลูก นิวอดทนนะ นิวต้องอดทนนะลูก”

เสียงแม่ยังก้องอยู่ในหัว ดีแค่ไหนแล้วที่ได้เรียนประถมอีกครั้ง หลังจากที่แม่พานิวหนีหนี้ไปทั่ว อาจจะทั่วประเทศด้วยซ้ำ อยู่แต่ละจังหวัดได้ไม่นาน ก็ต้องย้ายหนีอีก เพราะถ้าเจ้าหนี้รู้ข่าวก็จะตามมาทวงถามให้ได้

เป็นแบบนั้นมากกว่าสองปี ไม่ได้เรียนหนังสือเลย ตลอดสองปี

เดิมทีบ้านมีฐานะ ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายมาตลอด เรียนในโรงเรียนชั้นนำ พ่อแม่มีหน้าตาฐานะทางสังคม แต่หลังจากพ่อหมดตัวจากการทำธุรกิจเพราะถูกโกง ทุกอย่างก็พลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ

แม่บอกเสมอ อย่าเชื่อใจใคร เผื่อใจไว้บ้าง ทุกสิ่งทุกอย่างให้มองสองด้าน ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะไม่กล้าคาดหวังกับใคร กลัวเจ็บ กลัวเสียใจ

เผื่อใจกับทุกสิ่งทุกอย่างมาตลอด จนกระทั่งตอนนี้ ถ้ารู้ว่าเสี่ยงจะรีบถอยหนีทันที

“ทุนก็มีเยอะแยะ ทำไมตั้งแต่แรกไม่เลือกไปเรียนมหาวิทยาลัย มึงเรียนเก่งขนาดนั้น ถ้าจะเอาจริง ๆ ก็ไม่ยากหรอก”

ลืมอะไรไปหรือเปล่า ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงใช่ แต่ตอนนี้ก็น่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร

“ถ้าไม่ได้พ่อหยกช่วย ป่านนี้ต่อให้เป็นที่นี่กูก็ไม่มีปัญญาได้เรียนหรอก”

อึ้งไปชั่วขณะ

พ่อหยก

พ่อไอ้หยก หมายถึงพ่อของ..........ไอ้........

“เจ้าของเหรอ”

เจ้าของ….
ใช่
เจ้าของ

“พ่อแม่หยกช่วยบ้านกูไว้เยอะ เขาไม่ได้ร่ำรวยหรอกนะ แต่เพราะได้เขาช่วย ที่บ้านกูเลยเริ่มตั้งหลักได้อีกครั้ง”

ช่วยไว้เยอะงั้นเหรอ

เพราะแบบนี้หรอกเหรอ เพราะแบบนี้สินะ มึงเลยยอมเป็นคนเฝ้าของ ทั้งที่กูคิดมาตลอดว่าอย่างมึงไม่น่ายอมเฝ้าของ มึงเป็นพวกชอบถอย

ถ้าชอบแล้วรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ มึงจะถอย แต่คราวนี้ ทั้งที่มึงก็ชอบ แล้วก็เห็นอยู่ทุกวัน แต่มึงก็ก้มหน้าก้มตาเฝ้าของ

ทั้งที่มึงก็คงเจ็บไม่น้อย ที่ต้องเฝ้าของที่ไม่มีวันเป็นของตัวเอง

นิว.......... กูไม่เคยรู้นะ

อาจจะรู้เรื่องมึงบ้าง แต่ไม่ทั้งหมด บางครั้งเรื่องของมึงก็ถูกใส่สีตีไข่จนไม่รู้ว่าเรื่องไหนจริงเรื่องไหนหลอก แม้เราจะอยู่ห้องเดียวกัน เรียนด้วยกันจนจบมัธยม แต่เราก็ไม่เคยคุยกันจริงจัง

คิดมาตลอดว่ามึงเป็นคนหน้าตาดี ที่ชอบเก็ก ชอบยิ้มเรื่อย ๆ และทำดีกับคนอื่น ยกเว้นกู ไม่รู้ทำไมแต่ไหนแต่ไรมึงก็ชอบกระแนะกระแหนกู เรารู้จักกันดี แต่ก็เลี่ยงการเผชิญหน้ากันมาตลอด

“มึงดีนะโจ้ ได้ทำอะไรสุด ๆ มึงรักใครก็รักสุด มึงอยากทำอะไรมึงก็ทำสุด ๆ น่าอิจฉา”

น่าอิจฉา

น่าอิจฉาเนี่ยนะ กูน่าอิจฉาตรงไหนวะ

“ไม่จริงมั้ง กูไม่มีอะไรให้น่าอิจฉาหรอก”

มีสิ มีเยอะเลยด้วย

“มึงนึกอยากทำอะไรมึงก็ทำได้อย่างใจ แล้วมึงดูกูสิ ทำอะไรแต่ละอย่างก็ต้องมานั่งคิด คิดแล้วคิดอีก”

นั่นมันข้อดีของมึงไม่ใช่เหรอ มึงเป็นคนคิดอะไรมีแบบแผน มีเหตุและผล ทำอะไรก็น่าเชื่อถือ ไม่เหมือนกูที่ทำอะไรเรื่อยเปื่อยไปตามอารมณ์ หาหลักเกณฑ์อะไรก็ไม่ได้ บางทีกูยังรำคาญตัวเองเลยที่ไม่ค่อยมีเหตุผล มีบ่อย ๆ ที่อยากเปลี่ยนตัวเอง

แต่แม่งทำไม่ได้ซะที ก็เลยเป็นแบบนี้มาเรื่อย

“โจ้”

“หือ”

ขานรับ และคนที่เรียกก็เงียบไป ได้ยินเพียงเสียงถอนหายใจเบา ๆ จากปลายสาย ไม่มีอะไรต้องพูดกันให้มากความ แค่ความเงียบ แต่ก็เหมือนจะเข้าใจกันดีทุกอย่าง

“ครั้งแรกเลยหรือเปล่าที่เราคุยกันดี ๆ”

อืมมม
ใช่
ครั้งแรกที่เราคุยกันดี ๆ แล้วกูก็ได้รู้เรื่องของมึงขึ้นเยอะ

“จะเลิกจีบกูป่ะ อีกสองสามวันที่ว่าจะเลิกจีบกูนั่นน่ะ มึงจะทำจริง ๆ หรือเปล่า”

ก็..........

“......................”

“นั่น.....เงียบอีก เงียบตลอดนะมึง แล้วทำไมต้องอีกสองสามวันด้วย อีกสองสามวันมันมีอะไรวะ”

มันก็ไม่มีอะไร ก็คล้าย ๆ การผลัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อย ด้วยความหวังว่าจะหยุดความรู้สึกของตัวเองได้ในวันหนึ่ง

“หรือจะให้เลิกจีบวันนี้วะ”

โห ไม่คิดว่ามันเกินไปหน่อยเหรอ

“อย่าใจร้าย”

อะไรนะ อย่าใจร้ายอะไร กูเปล่าใจร้ายซะหน่อย ที่ใจร้ายมันมึงต่างหาก

“ใครกันแน่”

ใครล่ะ ไม่เห็นมีใครเลย

“กูไม่ได้ใจร้าย กูไปใจร้ายตอนไหน”

ตอนไหนเหรอ อย่าให้สาธยายเหอะ เดี๋ยวแม่งจะยาว

“ก็มึงต่อยกู”

อ้าว

เป็นงั้นไป แล้วไม่ให้ต่อยได้ไง

“แล้วใครมันปล้ำจะดูดปากกูก่อนล่ะ”

ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยย

“........................”

พูดไม่ออก ได้แต่เงียบ และในหัวก็ย้อนนึกไปถึงเรื่องราวในวันนั้น

เรื่องวันนั้น..........

และโจ้ก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองหน้าแดง และเริ่มคิดไม่ออกว่าจะพูดอะไรต่อไป ดีที่คุยกันทางโทรศัพท์ ขืนเจอหน้ากันเวลาคุย กูคงไม่รู้จะทำหน้ายังไง

“ฉวยโอกาสกับกูตลอดนะ ตอนไปดูหนังด้วยกันอีก”

ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยย มึงเลิกพูดเห้ออออออออออออออ

“แล้วทีมึงทำกูตอนเดินกลับบ้านล่ะ”

อันนั้นมันเหมือนกันที่ไหนล่ะ

“อ้าว.....กูก็ทำเพื่อมึงนะ จะได้รู้ว่าไอ้การประกบปากกันเฉย ๆ ไม่ได้เรียกว่าจูบ เดี๋ยวมึงจะเข้าใจผิดไปตลอด แล้วไปทำแบบนี้กับคนอื่นมันจะขายหน้า”

เหรอ

“มึงคิดว่ากูจะไปทำแบบนี้กับคนอื่นเลยกลัวกูจะขายหน้าเหรอ”

ไปทำแบบนี้กับคนอื่น

ไปทำแบบนี้.......... ถ้าไอ้โจ้ไปทำแบบนี้กับคนอื่น ถ้ามันไปทำ.........

“ถ้ามึงอยากทำกับคนอื่น มึงอย่าให้กูรู้ กูไม่อยากรับรู้ด้วย”

แปลว่าไปทำกับคนอื่นได้ แค่อย่าให้มึงรู้ใช่มั้ย

“เดี๋ยวพรุ่งนี้กูจะไปหาคนลองทำด้วยดูดีกว่า”

โจ้แกล้งพูด แล้วก็หัวเราะเสียงเบา โดยที่ไม่รู้ว่าแค่คำพูดเดียวของตัวเองทำให้นิวรู้สึกโมโหขึ้นมาทันที

“ไอ้โจ้”

“อะไร”

ไม่อะไร..........จะให้อะไรได้ล่ะ จะให้อะไร จะไปทำอะไรได้

“ทำอย่างกับจะหึงกู”

ทำไม หรือว่าหึงไม่ได้

“เออ”

ห๊ะ........

กูฟังผิดไปใช่มั้ย กูฟังผิดไปและ........... ปลายสายตัดไปเรียบร้อย และนิวก็ลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว

มองที่โทรศัพท์ของตัวเอง และขบริมฝีปากตัวเองแน่น

คุยอะไรกันก็ไม่รู้ คุยกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องไม่มีเนื้อหาสาระ

คุยกัน..............นานขนาดนี้ได้ยังไง เหลือบมองนาฬิกาที่ฝาผนัง เป็นเวลาเกือบหกโมงเช้า

สายตัดไปหลายครั้ง และโทรซ้ำหากันหลายครั้ง จนสุดท้าย คุยกันจนเช้า

เช้าแล้วและฟ้าข้างนอกก็เริ่มสว่าง

นิวค่อย ๆ เอนกายลงนอน

ความหงุดหงิดในใจยังมีอยู่ แต่เมื่อนึกถึงเวลาแล้วมันก็สมควรจะนอนหลับพักผ่อนซะที ทั้งที่หัวใจกำลังปั่นป่วน ปัญหามาจากคนที่นิสัยตรงข้ามกันเกือบทุกอย่าง

ไอ้โจ้.....

หัวคิ้วยังขมวดมุ่น ในเวลาไม่นานกลับค่อย ๆ คลายออกอย่างช้า ๆ

แปลกที่กล้าเล่าเรื่องบางอย่างที่ไม่เคยมีใครรู้ให้โจ้ฟัง และหลังจากได้พูดไปแล้ว ความรู้สึกกดดันในใจตลอดหลายปีเหมือนจะคลายลง

สบายใจ รู้สึกผ่อนคลายและสบายใจที่ได้คุยกับใครสักคน

หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและคิดจะกดโทรหาอีกครั้งแต่ก็เปลี่ยนใจ ......กูหึง.............อย่าไปทำแบบนั้นกับใครเด็ดขาด......

กดตัวอักษรจนเป็นข้อความยาว ๆ และกำลังจะกดส่ง แต่ก็รีบเปลี่ยนใจ

บ้า....... เรื่องอะไรจะบอกมันวะ ใช่เรื่องที่ไหน ไม่ใช่เรื่องที่จะไปบอกไอ้โจ้มันแบบนั้น
เปลี่ยนใจไม่ยอมส่ง และพิมพ์ข้อความใหม่อีกครั้ง

..............เจ้าหน้ามน....นอนได้แล้ว.......

กดส่งข้อความเรียบร้อย และนิวก็อมยิ้มอยู่คนเดียว

หรี่ปรือตาลงอย่างช้า ๆ ใบหน้ายังแต้มไปด้วยรอยยิ้ม ทั้งใบหน้าและเสียงพูดของคนบางคนยังลอยไปลอยมาอยู่ตลอดในความรู้สึก

“เกินไปนะ อาการหนักแล้วนะ เฮ้ยยยยยยยยนอนได้แล้ว....เป็นเอามากเหมือนกันนะเนี่ยกู”

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 14-06-2014 14:33:03
เขินอ่ะ >●<
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 14-06-2014 14:55:23
 :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 14-06-2014 15:27:36
 :L2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 14-06-2014 17:10:42
อ่านไปยิ้มไป แก้มจะแตก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 14-06-2014 17:17:17
เขินด้วยคน
นิวหึงด้วยอ่ะ แหมๆๆ
แถมยังยอมรับด่วยว่าหึง สุดยอดดด
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 14-06-2014 17:19:58
 :t4: :m3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 14-06-2014 17:36:08
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#(นิว-โจ้) ตกลงนอนกี่โมง

“มึงอยู่ไหนเนี่ย”

กรอกเสียงลงไปด้วยความหงุดหงิด เดินวนไปวนมาหลายรอบ มองซ้ายก็แล้วมองขวาก็แล้ว แต่ไม่เห็นเจอคนที่นัดให้ออกมาหา

“ก็อยู่เนี่ย”

อยู่เนี่ยพ่อมึงดิ อยู่เนี่ยตรงไหนกูหาจนกูชักจะโมโหมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนะสัด

“มึงอยู่ไหนกันแน่วะ แม่ง”

หันซ้ายหันขวารอบที่ร้อย แต่ก็ยังไม่เห็นคนที่สมควรจะได้พบเจอ สรุปมึงนัดกูออกมาเพื่อกวนตีนใช่มั้ย

“อยู่นี่”

อยู่นี่ อยู่นี่เหี้ยอะไร กูไม่เห็น...........

“อ้าวไอ้เหี้ยนิว”

นี่คือคำทักทายเหรอวะ เห็นหน้ากูแทนที่จะพูดดี ๆ มันเสือกทักซะเสียหาย

“อะไรล่ะไอ้สัดโจ้”

แน่ะ มึงพูดได้กูก็พูดได้เหมือนกัน

“พูดจาหมาไม่แดก”

มึงไม่มีสิทธิ์ว่ากูแบบนี้นะ มึงเองก็พูดจาหมาไม่แดกเหมือนกันไม่ใช่หรือไง

นิวหย่อนโทรศัพท์ลงในกระเป๋าเสื้อและมาตั้งหน้าตั้งตาต่อปากต่อคำกับคนที่ทำหน้าหงิก

“ปากดี”

เออ

“ปากดีก็เรื่องของกู”

โจ้มองหน้าของคนที่พูดไปทำหน้านิ่งเฉยไป แล้วก็เบะหน้าใส่ ก็เป็นแต่แบบนี้เนี่ยแหละ

จะให้พูดจากันดี ๆ ไม่มีทางหรอก แต่ไหนแต่ไรก็เป็นแบบนี้ ขืนพูดจาผิดไปจากทุกทีคงประหลาดน่าดู

“เอออออ เรื่องของมึงก็เรื่องของมึง แล้วเมื่อเช้านอนกี่โมง”

อะไร เมื่อเช้านอนกี่โมงอะไร ก็นอนตอนที่วางโทรศัพท์จากมึงนั่นแหละจะให้นอนกี่โมงล่ะ ถามอะไร....แปลก ๆ

หลบสายตา และแกล้งเมินหน้าไปทางอื่น ถ้าอาการเขินขึ้นมาแบบกะทันหันมันไม่มีผลกับหน้าของโจ้ก็คงดี

แต่นี่........มีผลแบบเต็ม ๆ

นิวอยากจะยิ้มก็ยิ้มไม่ได้ ฝืนบังคับหน้าตัวเองไว้ และมองไปในทิศทางตรงกันข้ามกับโจ้

มึงเขินหรือเปล่าวะนั่น แล้วทำไมเวลาเขินจากหน้าปกติที่กูไม่เคยสนใจอยากจะมองมันทำให้ความ “น่ามอง” ของมึง เพิ่มขึ้นอีกสิบเท่าหรือเปล่าวะ

“เรื่องของกู”

เหรอ เรื่องของมึงเหรอ แต่มันทำให้กูอยากรู้เรื่องของมึงมากเลยนะ

แบบว่า.......

“แล้วไม่มีเรื่องของเราบ้างเหรอ”

คำพูดลอย ๆ ที่นิวไม่ตั้งใจพูด มันดูเลื่อนลอยและอาจจับต้นชนปลายไม่ได้ แต่ก็ทำให้โจ้ถึงกับชะงัก และดวงตาก็เบิ่งกว้างขึ้น

เรื่องของเราห่าอะไร

มีที่ไหนวะ

ไม่มีหรอกเรื่องของ.....เรา.....อะไรนั่นน่ะ

“อะไรมึง”

ไม่มีอะไรนี่ ไม่มีอะไรหรอกน่า

“เปล่า”

เออ ก็ว่างั้น ก็ต้องเปล่าอยู่แล้ว กูก็คิดมากไป แล้วก็คงฟังผิดไป

จากอาการหัวใจพองโต อยู่ดี ๆ ก็แฟบลงอย่างกะทันหัน

เออสิ มันจะไปมีได้ยังไงล่ะ เรื่องของเรา กูก็ฟังผิดตลอดแหละ ฟังผิดได้ตลอด แม่ง

“โจ้”

“อือ”

ขานรับเมื่อถูกเรียก และทำหน้าเซ็งจนนิวสังเกตเห็น
อะไรล่ะ เดี๋ยวก็ทำหน้าเขินให้กูใจแกว่ง แล้วทำไมเปลี่ยนอารมณ์กะทันหันมาทำหน้าเซ็งโลกใส่กูแบบนี้ล่ะ

“กูได้งานแล้วนะ โรงงานแถวบ้าน”

เหรอ

“อือ”

ตอบแค่นั้น และเหลือบสายตามองหน้าของนิวแค่แว่บเดียว

“กูคงไม่เรียนต่อ ได้งานแล้วก็ดี เดี๋ยวเอาวุฒิไปให้เขาแล้วเดือนถัดไปกูก็จะเริ่มทำงานเลย”

เหรอ

“อือ”

อยากจะถามอยู่หรอกนะ
อยากจะถามอยากจะสนใจอยู่หรอก แต่ว่า.......กูมีสิทธิ์ถามด้วยเหรอ ไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย

“กูไปสัมภาษณ์กับเจ้าของโรงงานเลยนะแม่งหน้าโคตรเด็ก มอง ๆ ไปกูนึกว่าเด็กมัธยม แต่หน้าตาโคตรน่ารัก”

หันไปมองอย่างรวดเร็ว

โจ้หันไปมองหน้าของนิวอย่างรวดเร็ว และขมวดคิ้วมุ่น

น่ารักแล้วไง บอกกูทำเพื่อ กูถามเหรอ กูอยากรู้หรือไง ไม่เห็นจำเป็นต้องบอกกูก็ได้

“บอกกูเพื่อ”

อ๋อ

ก็ไม่ได้บอกเพื่ออะไร เหตุผลเหรอ บอกเพื่ออะไรวะ ก็บอกเพื่อ........

“เผื่อกูชมคนอื่นแล้วมึงหึง”

เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

“อะไรของมึ้งงงงงงงงงง”

ขึ้นเสียงสูงทันที และโจ้ก็ทำหน้าเลิ่กลั่กจนนิวจับสังเกตอาการได้

ไม่ต้องเลิกคิ้วขนาดนั้นก็ได้มั้ง แล้วก็ไม่ต้องทำท่าลุกลี้ลุกลนแบบนั้นก็ได้

กูฮาหน้ามึงจะแย่แล้ว

“มึงนี่ทำหน้าได้โคตรฮามาก”

ฮาอะไร ฮาตรงไหน หน้ากูตลกมากหรือไง พูดจาอะไรวะ ฟังไม่เห็นเข้าใจเลย

ถ้าจะเห็นหน้ากูแล้วตลกขนาดนี้นะ มึงไม่ต้องลากกูออกมาข้างนอกแบบนี้หรอก กูไม่ได้อยากมาเลย

“ฮาบ้านพ่อมึงดิ”

อีกแล้ว

พูดจาให้มันดี ๆ หน่อยไม่ได้หรือไง ถ้ามึงพูดจากับกูดี ๆ กว่านี้ มึงจะเพิ่มดีกรีความน่ามองขึ้นอีกเยอะเลยนะ

“พูดจา”

พูดจาทำไมวะ
พูดจาทำไม ก็พูดจาแบบนี้แหละ ทำไมล่ะ กูก็เป็นแบบนี้มาตลอด จะให้พูดจายังไง

“แล้ว........ตกลงเมื่อเช้านอนกี่โมง”

ห๊ะ มึงยังไม่จบอีกเหรอเรื่องนี้ มึงจะวนกลับมาเรื่องนี้เพื่ออะไรเนี่ย กูไม่รู้จะตอบคำถามยังไงนะ

“ถามกูแล้วทีมึงไม่เห็นบอก”

อ้าว ถ้าอยากให้บอกก็ถามสิ ไม่ถามแล้วจะรู้ได้ยังไงล่ะ ว่าอยากรู้

นิวถึงกับส่ายหน้าและแทบจะหลุดขำออกมา

ยังไม่ได้ตอบ แต่ก้าวขาขึ้นบันไดเลื่อนโดยมีโจ้ก้าวขึ้นมายืนอยู่ข้าง ๆ

มันมีอะไรน่าสนใจกว่านั้นนะ

คือกูกับมึงเนี่ย เดินมาด้วยกันตั้งแต่หน้าห้างสรรพสินค้า แล้วก็เดินเข้ามาข้างใน แล้วก็ขึ้นบันไดเลื่อนไปด้วยกัน
ขึ้นมามากกว่าสามชั้นแล้ว ตกลงว่า กูยังไม่ได้คุยกับมึงเลยนะว่ามึงกับกูเนี่ยจะไปไหนแล้วมาทำอะไรที่นี่กัน

“จะไปชั้นไหนเนี่ย”

อ้าว มาถามกู แล้วกูจะรู้มั้ย มึงเป็นคนนัดออกมาเองนะ แล้วก็ลากให้กูออกมาด้วยเนี่ย

สรุปมึงไม่ได้คิดหรือไงว่าจะมาทำอะไรที่นี่

“ชั้นรักเธอมั้ง......ถามกูแล้วกูจะรู้มั้ย  วางแผนนักไม่ใช่หรือไง ก็คิดเองสิวะ”

อ่อ........ชั้นรักเธอเหรอ  จริงอ่ะ  จริงป่ะ

นิวอมยิ้มน้อย ๆ และแกล้งทำเป็นเมินหน้าหนีเพราะคำตอบของคนบางคน
พูดแล้วเสือกหลบตาหันไปทางอื่น  มันหมายความว่าไงว๊า

แล้วมาด่ากูทำไมเนี่ย  กูผิดหรือไง ใจคอจะให้กูวางแผนตลอดเลยหรือไง
แค่คิดว่าอยากมา กูก็ชวนมึงมาบ้างไม่ได้หรือไงล่ะ

“แล้วไม่มีอารมณ์อยากเดินไปชั้นนั้นชั้นนี้บ้างหรือไง”

อ้าวไอ้เหี้ย มาเดินนี่ต้องมีอารมณ์ด้วยเหรอ

มาเดินมันไม่จำเป็นต้องใช้อารมณ์เลยนะ

“อารมณ์ห่าอะไรของมึง”

โจ้แกล้งด่าคนที่เดี๋ยวก็ทำหน้ายิ้มกวน ๆ เดี๋ยวก็ทำหน้าเฉยใส่และเป็นนิวที่ยืนขำ

อะไรของมึงอีก ตลกมากนะมึง

“อารมณ์เงี่ยนมั้งไอ้สัด”

ห๊ะ อารมณ์.........เงี่ยน...........เหี้ยนิว มึงถ่อยกว่ากูอีก

“พูดจาหมาไม่แดก”

ด่าเข้าให้ และนิวก็ถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง

ทำไมล่ะ ทีมึงยังพูดจาหมาไม่แดกได้เลย ทีกูพูดบ้างไม่ได้หรือไง

“ขัดกับหน้าตาเกิน หน้าตาก็ดูออกจะเป็นผู้ดี เสือกพูดจาได้เหี้ยมาก”

ด่ากูเหรอ

“ผู้ดีตกอับเหรอ”

หันมาส่งยิ้มให้และหัวเราะน้อย ๆ แต่เป็นโจ้ที่เงียบไปกับคำพูดง่าย ๆ ของนิว

ชะงักนิ่งค้าง

.........เรื่องนั้นน่ะ มึงไม่ต้องตอกย้ำตัวเองก็ได้ กูไม่เคยคิดกับมึงในแง่ไม่ดีนะ เรื่องของมึงกูไม่เคยคิดดูหมิ่นหรือเยาะเย้ย

“มึงก็พูดไปนิว”

เสียงอ่อย และเป็นนิวที่ก้มหน้าลงเล็กน้อย นึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาแล้วก็ถอนหายใจเล็ก ๆ

“ก็มันเรื่องจริง กูมันคุณหนูตกอับจริง ๆ นี่หว่า”

พอเหอะ กูไม่ได้อยากให้มึงรู้สึกแบบนี้นะ

“แล้ว.......ตกลงเรื่องงานมึงอ่ะ.......กูถามได้ป่ะ”

ได้สิ
ทำไมถามไม่ได้ล่ะ ถามได้แน่นอน ก็เพราะว่าเรื่องได้งานแล้วนี่แหละ ถึงได้ชวนมึงออกมาข้างนอก

“หาเพื่อนฉลองน่ะ ยินดีกับกูหน่อยน่า”

เหรอ

“อืมมม”

มองที่บันไดเลื่อน และก้าวขาเดินขึ้นชั้นบนของห้างสรรพสินค้า

“กินหรูไม่ได้นะ เอาไว้กูทำงานแล้วเงินเดือนออกจะพาไปกินหรู ๆ แล้วกัน”

มันไม่ใช่แบบนั้นหรอก

หรูหรือเปล่า มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องมานั่งคิดแบบนั้น

“ได้งานแล้ว กูเลี้ยงฉลองให้มึงดีกว่ามั้ง ไม่ต้องเลี้ยงกูหรอก”

ได้ยังไงล่ะ

กูพามาฉลองไม่ใช่ให้มึงมาเลี้ยงกู แบบนั้นมันก็ผิดวัตถุประสงค์กันพอดี

“ทำไม กูไม่ได้จนขนาดนั้นนะ เลี้ยงมึงแค่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกน่า แค่มึงอย่าเลือกร้านหรูมากก็พอ”

ทำไมล่ะ

มันไม่ใช่แบบนั้นจริง ๆ

ไม่ได้คิดว่าใครจะเลี้ยงใคร ใครจนกว่าหรือใครรวยกว่า

“แชร์แล้วกัน”

เฮ้ยยยยยยยย

“กูจนมากเหรอ”

ไม่ใช่
ไม่ใช่ว่ามึงจนหรือรวย

“นิว”

เงยหน้าขึ้นมองคนที่เรียก และนิวก็นิ่งเงียบไป

“เออ........แชร์ก็แชร์”

มันอาจมีความปวดใจเล็ก ๆ อยู่ลึก ๆ ภายใน ถึงแม้บ้านจะไม่ได้มีฐานะเหมือนเมื่อก่อน แต่การเลี้ยงข้าวใครสักคนมันไม่ได้ลำบากขนาดนั้น

เข้าใจที่โจ้มัน........... “เข้าใจ”

แต่เวลาที่มัน........ “เข้าใจ” ความจริง ก็ทำให้ปวดใจได้เหมือนกัน

ดีที่มันยัง เอาคำว่า “แชร์” มาใส่ไว้ให้ในพื้นที่ตรงกลางไม่อย่างนั้นคงได้ทะเลาะกัน

เพราะปมของตัวเอง

“แต่มึงติดกูไว้นะ ทำงานได้ มึงต้องเลี้ยงกู”

หัวเราะออกมาเสียงเบา และมองหน้าของคนที่ทำหน้าเป็นจริงเป็นจัง

เรารู้จักกันมานาน แต่ไม่ได้เจาะลึกลงไปในตัวตนของกันและกัน

บางทีเราอาจเสียเวลาไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่องและลืมมองไปที่คนที่อยู่ใกล้กันมากแต่ไม่เคยมองเห็นหรือใส่ใจ

วันหนึ่งคนที่เคยอยู่ใกล้แต่เหมือนไกล เมื่อถึงเวลาที่ต้องได้รู้จักกันจริง ๆ ระยะห่างที่เคยเป็นช่องว่างมาตลอดก็เหมือนจะบรรจบเข้าหากันอย่างช้า ๆ

“แล้วตกลงเมื่อเช้านอนกี่โมง”

เฮ้ยยยยยยยยยยยยย มึงยังจะถามไม่เลิกอีกเหรอ นอนกี่โมงก็ช่างกูเหอะน่า จะอยากรู้ไปทำไมเนี่ย

“ฝันถึงกูป่ะ”

ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยย

หันไปมองหน้าของนิวที่พูดไปทำหน้าเฉยไป แล้วโจ้ก็ถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่

ทั้งที่ภายในใจกำลังปั่นป่วน

มึง..........มามุกไหนวะ ตั้งแต่วันก่อนที่บ้านกูแล้ว พูดจาแปลก ๆ ได้ตลอดเวลา

มึงเอาไงแน่เนี่ย
ทำแบบนี้กูงงนะ

ถามจริง ๆ เหอะ มึงเล่นอะไรอยู่กันแน่ มึงกำลังเล่นกับความรู้สึกของกูอยู่หรือเปล่าวะ

มึงกำลังทำอะไรของมึงอยู่กันแน่นิว

“มึงล่ะ”

ถามกลับ และนิวก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าของโจ้ที่ทำหน้าสงสัยแบบจริงจัง

กูรู้นะว่ามึงคิดอะไร

อยากรู้จริง ๆ มั้ย

ถ้าอยากรู้กูจะบอกให้ก็ได้...........

“ตกลงเมื่อเช้านอนกี่โมงวะโจ้”

เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

โจ้ถึงกับอ้าปากค้างและเกิดอาการหงุดหงิดโมโหกระฟัดกระเฟียด อยากจะกระโดดถีบยอดหน้าไอ้คนกวนตีนให้ตกลงไปกับบันไดเลื่อนซะให้รู้แล้วรู้รอด

“หกโมงโว้ยยยยยยยยยย”

เออ
ก็แค่เนี้ยะ
ให้ถามอยู่ได้ตั้งนาน ตอบมาซะก็หมดเรื่อง

“แล้วฝันถึงกูป่ะ”

“เอ้ออออออออออออออ”

ตอบเพราะอยากกวน ตอบเพราะอยากประชด

แต่มันทำให้นิวยิ้ม ยิ้มกว้างและหัวเราะออกมา และโจ้ก็ได้แต่ยืนมองใบหน้าที่แต้มไปด้วยรอยยิ้มของนิวด้วยความรู้สึกสับสนที่นับวันยิ่งเพิ่มขึ้นและมากขึ้นทุกวัน

“กู......ก็......เหมือนกัน”

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 14-06-2014 17:48:13
ฮิ้วววววววววววววววว.... :mc4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 14-06-2014 18:12:44
คู่นี้จีบกันแปลกๆ 5555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-06-2014 18:14:15
 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 14-06-2014 18:59:36
 :L2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 14-06-2014 19:31:18
 :z13: ลุ้นๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 14-06-2014 20:01:56
 :impress2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 14-06-2014 20:04:46
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#(นิว-โจ้) บางทีนิวก็พูดจาบ้า ๆ ไม่มีหัวคิด

ไอ้นิวมันไม่ธรรมดา

มันทำหน้าเฉยก็จริง แต่ก็รู้ว่าหลัง ๆ มานี้มันไม่ธรรมดาเลย

หน้ามันนิ่งก็จริง แต่คำพูดบางคำของมันไม่ได้นิ่งตาม บางครั้งฟังมันพูดอยู่ดีๆ มันจะแถออกไปเรื่องอื่นอย่างรวดเร็ว แล้วก็วกกลับมาเรื่องเดิมที่กำลังคุยกัน

เป็นใครจะไม่งง ชะงักค้างก็หลายหน มันขยันหยอดมาก นิดหน่อยมันก็เอา แต่พอถามจริงจังมันกลับทำเฉย หรือไม่ก็แกล้งทำเป็นไม่ตอบ ปล่อยให้คิดเอาเองฝ่ายเดียวมาตลอด

แล้วมึงอยากจะให้กูคิดยังไงถามจริง ๆ กูเหมือนจะคิดไม่ตกเรื่องของมึงมากขึ้นทุกวันแล้วนะ แล้วทำไมไม่ทำอะไรให้มันชัดเจนวะ หยอดไปหยดมาแบบนี้ กูจะบ้าตายอยู่แล้ว ทำไมไม่บอกว่าตกลงมึงจะเอายังไง

“คุยกับหยกเป็นไงบ้างช่วงนี้”

กูก็อยากรู้ด้วยเหมือนกัน แต่ไม่กล้าถาม คล้าย ๆ จะแบบว่า เกรงใจคนแถวนี้

มั้ง.........

“ดี”

กัสมันตอบแค่นั้น แล้วก็ก้มหน้าลง แล้วมันก็ยิ้มเล็ก ๆ บอกตรง ๆ ว่า โคตรน่ารัก และกำลังจะเคลิ้มไปกับมันอีกรอบถ้าไม่เงยหน้าขึ้นมาแล้วเห็นสายตาของใครบางคนที่ควรมองไอ้กัส แต่แม่งเสือกมองหน้ากูซะงั้น

เวรแล้วมั้ยล่ะ จะเอาอะไรกับกูอีก มองกูทำไม ก็มึงหยอดกูตลอดแต่ไม่ชัดเจน กูก็ต้องมีเผลอมองคนอื่นบ้างแหละ เรายังไม่ได้เป็นอะไรกันเลยนี่หว่า
 
“ดีแล้ว”

ตอบไอ้กัส แต่แม่งเมินหน้าใส่กูซะงั้น

อะไรวะ

อะไรยังไง ถามจริง ๆ กูผิดเหรอเนี่ย

กูเปล่านะ กูยังไม่ได้ทำอะไรเลยจริง ๆ แค่ไอ้กัสมันน่ารักเฉย ๆ กูพยายามไม่คิดอะไรกับมันแล้วนี่ไง กูบอกว่าไม่ยุ่งแล้วก็คือไม่ยุ่งสิ แล้วจะมาทำหน้าแบบนี้ใส่กูทำไม

อย่าเมินกูแบบนี้สิวะนิว

“กูได้งานแล้ว จะเริ่มไปทำเลย หยกมันกลับมาก็พอดีแหละ”

พอดีเหรอ
พอดีอะไร

กัสเงยหน้าขึ้นมองคนที่พูดบางอย่างด้วย และก็เห็นว่านิวหันมาส่งยิ้ม ให้

ยิ้มและหันหน้าหนีไปมองที่สนาม

เรานั่งอยู่ด้วยกันทุกวัน แม้เราไม่ได้คุยกันมากแต่สิ่งที่กัสรับรู้ได้อยู่เสม

นิวเป็นคนดี
เป็นคน....ที่ดี

แต่ไหนแต่ไรก็เป็นแบบนี้ ก่อนหน้านั้นตั้งแต่ยังไม่มีสภาพแบบนี้ก็รู้มาตลอดว่านิวเป็นคนที่ดี

ถ้าไม่เพราะวันนั้นนิวมันขอเอาไว้ คงได้ตีโจ้จนตายหรือไม่ก็ไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มที่โรงพยาบาล

ยอมรับว่าเมื่อก่อนใจร้อน และอารมณ์รุนแรงน่ากลัว เรียกง่าย ๆ ว่าใจถึง ทำอะไรได้ง่าย ๆ แบบไม่กลัวตาย

แต่นั่นไม่ใช่ตอนนี้ ไม่ใช่ในเวลานี้

นั่นเพราะคิดว่าตัวคนเดียว อยู่หรือตายก็ไม่มีใครสนใจอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ไม่ใช่ ยิ่งรู้ว่ามีคนรักมากขนาดนี้ยิ่งทำแบบเมื่อก่อนไม่ได้

นิวเป็นคนที่มีแบบแผนในการดำเนินชีวิตสูง มนุษย์สัมพันธ์ดี ใครอยู่ใกล้ก็มีแต่สงบใจลงได้ นิวเป็นรุ่นพี่ในสายวิชา เป็นรุ่นพี่โดยตรง แม้ไม่ให้ความเคารพแต่เรื่องสายรุ่นก็ต้องมีความเกรงใจกันบ้าง

แต่นิวรู้ว่าไม่ได้เกรงใจ แต่ที่ยอมหยุดบางอย่างให้ก็เพราะต้องรักษาหน้าของสายรุ่น

ให้เกียรติในฐานะที่นิวเป็นรุ่นพี่โดยตรง

แต่มันไม่เหมือนในเวลานี้ ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว การเดินคนเดียวทำได้ยาก และช่วงแรกที่เป็นแบบนี้ยิ่งยากมากถ้าเดินคนเดียว

แต่เพราะอยู่ดี ๆ นิวก็มาเดินด้วย นิวยิ้มให้กับทุกคน และขอเอาไว้ เรื่องมันถึงได้นิ่งมาจนถึงป่านนี้

และมันยิ่งนิ่งสงบมากขึ้นเมื่อโจ้มาเดินด้วยอีกคน

รู้อยู่ในใจลึก ๆ ว่าสองคนมาด้วยจุดประสงค์อะไร
แต่เมื่ออยู่ด้วยกันบ่อย ๆ และเรียนรู้นิสัยของกันและกันไปเรื่อย ๆ

ถึงได้รู้บางอย่าง

เราเป็นมากกว่ารุ่นพี่ เราเป็นมากกว่าเพื่อน แต่เราต่างก็รู้ว่าไม่สามารถก้าวข้ามผ่านไปเป็นบางอย่างที่มากกว่านั้นได้

มันเป็นความจริง ที่เราเข้าใจกันดี และปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างที่ควรจะเป็นมาตลอด จนถึงวันนี้

วันที่รู้สึกว่า

คนที่เคยอยู่ด้วยกันมาตลอดสองคน น่าจะมีความรู้สึกที่พิเศษต่อกัน แต่ที่ไม่มีอะไรคืบหน้าคงเป็นเพราะต่างฝ่ายต่างสงวนท่าทีต่อกัน

“ไอ้หยกมันโชคดีที่มีคนรอมัน”

เป็นเพียงคำพูดลอย ๆ จากนิวที่ตายังมองที่สนามแต่ก็ชวนกัสคุยอะไรไปเรื่อย แม้ในใจจะรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

ตัดใจมันไม่ใช่เรื่องง่าย ความรู้สึกดี ๆ ที่มีให้กับใครบางคนมันไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ

และเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว มันก็ไม่ง่ายเหมือนกันที่จะหยุดคิดหรือตัดใจจนไม่เหลือความรู้สึกใด ๆ ไว้เลย

นิวรู้ ความรู้สึกนี้มันยังตัดไม่ขาด

และตราบใดที่มันยังไม่ขาด ก็ยังไม่กล้าจะเดินดิ่งเข้าไปหาใครบางคนแบบเต็มตัว

มันไม่แฟร์กับคนนั้น

มันไม่แฟร์กับ..........

หันกลับมา และมองเลยผ่านไปที่โจ้ ที่นั่งก้มหน้าฟังเงียบ ๆ

ไม่ใช่ว่ากูไม่อยากชัดเจนนะ แต่กูคิดว่ามึงน่าจะรู้ดีว่าเพราะอะไร

“โจ้”

เรียกคนที่นั่งนิ่ง และโจ้ก็เงยหน้าขึ้นมามอง มองและก้มกลับลงไปอีกครั้ง

ไม่ต้องบอกกูก็เข้าใจ

“อือ”

ตอบกลับเพียงง่าย ๆ และนิวก็หันกลับไปมองที่สนามอีกครั้ง

“ลงเล่นบ้างดีมั้ยวะ”

มึงจะลงเหรอ

ถ้ามึงอยากลง ก็เอา

“เดี๋ยวกูลงด้วย”

ตอบกลับ และนิวก็หัวเราะออกมาเสียงเบา

“กูไม่ลงหรอก เดี๋ยวเหม็นเหงื่อ”

เหี้ยยยยยยยยยยยยยย มึงนี่เหลือเกินจริง ๆ มึงจะกลัวเหม็นเหงื่อไปทำไม แม่ง มึงอ่ะตุ๊ดยิ่งกว่ากูอีก ไอ้สำอางค์เอ้ยยยยยย

“แล้วทำมาพูด”

อ้าว กูก็อยากพูดบ้างแล้วทำไมวะ แต่ถ้ามึงอยากลงจริง ๆ กูก็จะนั่งดู

“กูไม่ชอบเตะบอลกลางแจ้ง กูชอบเตะบอลในร่ม”

ในร่มห่าอะไรของมึง

เตะบอลในร่ม..........เตะบอลใน.........ร่ม.........เตะ....

โจ้หันไปมองหน้านิวด้วยความมึนงง

และนิวก็อมยิ้มน้อย ๆ แต่ไม่ยอมพูดอะไร

อะไรของแม่งวะ

กูจะเข้าใจมั้ย พูดแล้วก็ยิ้มอยู่คนเดียว

“กัสมึงเข้าใจมันมั้ยวะ ไอ้เหี้ยนี่แม่งประสาท”

ด่านิวแล้วก็ส่ายหน้ากับคำพูดบ้าบอที่ไม่มีที่มาที่ไป

และเป็นกัสที่หันมามองหน้าโจ้และส่งยิ้มให้

“นิว.......คง...อยาก...ชวนโจ้...ไปเตะ...บอลใน...ร่ม”

เหรอ กลางแจ้งก็ได้ จะต้องเจาะจงไปเตะทำไมวะในร่ม

“อะไรของมึง”

ยิ่งไม่เข้าใจหนักเข้าไปใหญ่ พูดอะไรวะ ทั้งคู่เลย
ไอ้กัสก็พูดไปยิ้มไป

ยิ่งไอ้นิวแม่งถึงกับหลุดขำเลย เหี้ยถามจริง มึงตลกมากป่ะ

ขำเหี้ยอะไรกันวะ

“กัสถามไอ้โจ้ดิ ว่ามันจะไปเตะด้วยกันป่ะ”

นิวย้ำคำพูดบางอย่างอีกครั้ง และคราวนี้ทั้งนิวทั้งกัสก็พากันหัวเราะออกมา แต่โจ้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเข้าใจ

“เหี้ยยยยยยยยยยยยยย พวกมึงขำห่าอะไรกันเนี่ย”

ขำอะไรล่ะ ก็.....

“น้องโจ้ยังซิง น้องโจ้ไม่เข้าใจหรอก”

แล้วมึงมายุ่งอะไรกับกูวะ จะซิงไม่ซิงมันก็เรื่องของกูนะเนี่ย มึงจะมาพูดจาแบบนี้ทำเหี้ยอะไร

“แม่งเดี๋ยวอีกวันสองวันกูไม่ซิงแล้วก็ได้”

เหรอ

เหรอ

อีกวันสองวันมึงจะไม่ซิงเหรอ แล้วมึงจะทำยังไงมึงถึงจะไม่ซิงไหนลองบอกกูหน่อยซิ

“มึงจะไปเปิดซิงว่างั้น”

เอ้อออออออออออออ

“เรื่องของกู”

เรื่องของมึงไม่ได้ เรื่องของมึงได้ไง ไม่ได้ มึงหยุดเลย อย่าแม้แต่จะคิด

“มึงกล้ามึงก็ลองดู”

กูกล้าอยู่แล้ว มันใช่เรื่องเสียหายที่ไหนล่ะ ของแบบนี้

“เออ กูจะไปขึ้นครูวันนี้เลยเหี้ยนิว”

สัดโจ้ มึงหยุดเลยนะ ขึ้นครูห่าอะไรมึงหยุดเลย อย่าแม้แต่จะคิดมึงหยุดคิดได้เลย

“มึงหยุดไปเลย”

หยุดไปเลยห่าอะไร เรื่องอะไรล่ะ ก็มึงล้อกู ไอ้เรื่องซิงเหี้ยอะไรนี่ล้อกูอยู่ได้ แม่งไปขึ้นครูซะก็จบจะได้เลิกล้อกูซะทีไม่งั้นแม่งก็ล้ออยู่แบบนี้ไม่เลิก

“กูจะไป”

ไม่ให้ไป

ไม่รู้ว่าทำไมอารมณ์โมโหถึงเกิดขึ้นง่ายนัก นิวรู้สึกว่าตัวเองกำลังหงุดหงิดโมโห กับคำพูดไม่เข้าท่าของคนบางคน บอกแล้วไม่รู้จักฟัง ไอ้เรื่องนั้นน่ะไม่ได้อะไรหรอกนะ จะช้าจะเร็วมันก็เรื่องปกติ แต่ทำไมมันจี๊ดขนาดนี้วะ แม่งโมโหเหี้ย ๆ ยิ่งไอ้โจ้มันพูดไปทำหน้าจริงจังไปด้วย ยิ่งโมโห

โมโหมันทำไมไม่รู้ รู้แค่ว่าโมโหและมันเหมือนจะคุมตัวเองไม่ได้

“สงสัยนิว...หึง”

ใช่

กูหึง

กูหึงมากด้วย กูไม่ชอบ อยู่ใกล้มึงทีไรการควบคุมตัวเองของกูจะลดน้อยลงเรื่อย ๆ มันจะลดลงจนถึงจุดต่ำสุดและพร้อมจะดิ่งลงเหวได้เสมอ

“มึงว่าไงนะกัส”

คนที่นั่งฟังการทะเลาะกันและเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตายของคนสองคนกำลังอมยิ้ม และกัสก็เงยหน้าขึ้นมองโจ้และพูดย้ำให้โจ้ฟังอีกครั้ง

“นิว....หวง....โจ้”

หวงกู

หวงกูเนี่ยนะ มาหวงกูทำไม เมื่อกี้มึงยังทำตาละห้อยใส่ไอ้กัสอยู่เลย แล้วทีนี้จะให้เชื่อว่ามึงหวงกูเนี่ยนะ

ไม่ใช่แล้วมั้ง

ไม่ใช่หรอก

“แค่หวงเฉย ๆ เหรอวะ”

ก็อยากจะเข้าใจอยู่หรอกนะ แต่มันไม่ใช่เรื่องที่จะเข้าใจกันได้ง่าย ๆ

แม้มึงจะหยอดกูบ่อย ๆ ช่วงพักหลัง ๆ มานี้ก็เถอะ แต่ว่า.... มันไม่ชัดเจนเลย ไม่มีอะไรชัดเจนเลยสักนิดว่า มึงคิดอะไรเกินเลยกับกู

ไม่มี...อะไรที่ชัดเจนเลย

“นิว...หึง...ด้วย”

นี่ยิ่งไม่ใช่เข้าไปใหญ่ ทั้งหึงทั้งหวงอะไรเนี่ย ไม่ใช่หรอก ยังไงก็ไม่ใช่ ไม่ใช่หรอก ว่ามั้ย

“กัสมึงก็พูดไป เจ้าตัวมันยังไม่พูดเลย มึงก็เล่นตลอดเลยนะ”

จากที่ขึ้นเสียงและหงุดหงิดโมโห คราวนี้โจ้เสียงอ่อยลง

ก็มันจริงนี่หว่า

ให้กูคิดยังไงล่ะ แม่งไม่เคยชัดเจน กูจะจีบต่อแม่งก็ล้อกูจัง แถมบางครั้งยังเสือกหยอดใส่กูแบบหน้ามึนอีก แล้วจะให้ทำยังไงวะ

กูไม่รู้จะทำยังไงแล้วจริง ๆ เลยต้องปล่อยแบบนี้ไปเรื่อย ๆ กูก็เลย.......ว่าจะปล่อยไปแบบนี้เรื่อย ๆ

“วันนี้กูจะไปเปิดซิง จะได้ไม่ถูกแม่งล้ออีก”

สัด

เป็นนิวที่ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว และมองหน้าของโจ้ด้วยความโมโห

“ไอ้โจ้มึงหยุดเลย”

เหี้ยอะไรล่ะ นี่มันชีวิตกูนะ ให้กูหยุดได้ยังไงล่ะ มึงจะมาบงการชีวิตกูได้ยังไง แม่งไม่ใช่แล้วนะแบบนี้

“เรื่องของกูเถอะ”   

ยังจะดื้อรั้นไม่เลิก และคราวนี้นิวก็เหมือนจะหมดความอดทน

ตะโกนใส่หน้าโจ้ด้วยความโมโหและรู้สึกเหมือนสติกำลังจะขาดลงง่าย ๆ ไม่มีเหลือ

“กูชอบมึง...มึงจะเอาอะไรอีกไอ้เหี้ย”

เอาอะไร

เอาอะไรล่ะ

กูเปล่าจะเอาอะไรนะ

กูเปล่า

มาตะคอกกูทำไมล่ะ ...... กูไม่ได้ว่าอะไร ไม่ได้จะเอาอะไรเลยนะ

“เหี้ยนิว....”

อะไรอีก มึงจะเอาอะไรอีก

“ไหนมึงจะเอาอะไรอีก มึงอยากได้อะไร”

ไม่ไม่ กูไม่ได้อยากได้อะไรแล้ว แต่ไอ้กัสมันนั่งขำใหญ่เลย มึงไม่คิดอะไร แต่กูอายนะ มึงเข้าใจมั้ย ว่ากูอาย มึงไม่ดูหน้ากูเหรอ หน้ากูแดงเถือกไปหมดแล้วไอ้เหี้ย กูทำตัวไม่ถูกแล้วนะ ใจกูสั่นจะตายห่าแล้วไอ้เหี้ยนิว มึงก็ทำไปได้

“ขำอะไรมึงกัส”

ขำ.....สองคนนี้

ไม่ได้ขำอะไร แค่ขำสองคนนี้แค่นั้น

“นิว.......ร้อนแรง...ดี”

ร้อนแรงดีห่าอะไร

มึงรู้มั้ยตอนนี้กูตั้งสติได้แล้ว เวลาที่สติมากูก็เริ่มรู้แล้วว่าพูดอะไรออกไป

แล้วมึงคิดว่ากูจะมองหน้าไอ้เหี้ยโจ้ที่นั่งอ้าปากค้างกระพริบตาปริบ ๆ นี่ยังไง

มึงคิดว่ากูจะทำหน้ายังไงวะ

มึงคิดว่า

“มาทำเป็นอายห่าอะไรแค่กูบอกชอบแค่นี้ทำเป็นอาย...มึงไม่ได้น่ารักหรอกนะไอ้โจ้”

เห้ยยยยยยยยยยยยยยย มันความผิดกูที่ไหนล่ะ มาลงกับกูแบบนี้ไม่แฟร์เลยนะ กูผิดที่ไหนกันล่ะ ก็มึงไม่เคยเป็นแบบนี้จะให้กูทำหน้ายังไงล่ะ รู้จักกันมาตั้งนาน ใครจะคิดว่ามึงเป็นคนแบบนี้ไปได้

“ร้อนชิบหาย ไปซื้อน้ำแดกดีกว่าแม่ง”

ชิ่งหนีกันไปดื้อ ๆ หมุนตัวแล้วเดินลิ่ว ๆ จากไปทิ้งให้โจ้นั่งอ้าปากค้างหน้าแดงอยู่อย่างนั้น

“กูผิดเหรอเนี่ย ตอนไอ้หยกบอกมึงมันทำแบบนี้เปล่าวะกัส”

ตอนพี่หยกบอกเหรอ พี่หยกไม่ได้ทำแบบนี้หรอก

“พี่หยกบอกว่า.......เหี้ยกัส....รัก..นะ...เข้าใจหรือเปล่า”

เหรอ

ห่านี่ก็เปิดเผยดีเนอะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนกูคงจี๊ดจนฟังไม่ได้ แต่ตอนนี้แบบว่า.....อืมมมมม

มันพูดแบบนั้นเหรอ

“ก็ยังดีวะ อย่างน้อยแม่งก็ถือว่าใช้คำพูดได้ถ่อยในระดับที่กูรับได้ แต่ไอ้นิวแม่งก็เหลือเกิน มาตะคอกกูซะงั้นแล้วแบบนี้กูควรทำยังไงต่อไปวะ....กูแม่ง...ทำตัวไม่ถูกจริง ๆ”

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 14-06-2014 20:11:35
 :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 14-06-2014 20:31:45
ชอบกัน ชอบกัน ชอบกัน
^[++++++++]^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 14-06-2014 20:41:55
กัสอาการดีขึ้นมากแล้วนะ  แซวคนอื่นได้แล้วนิ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 14-06-2014 22:01:35
กัสดีขึ้น...ดีใจๆๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 14-06-2014 22:12:45
แหมมม นู๋กัสเริ่มมีเเซว  :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 15-06-2014 00:13:14
กัสน่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 15-06-2014 01:54:39
ย่องมาอ่านตอนดึก ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 15-06-2014 10:54:26
นิวหลุดปากมาอีกแล้ว 5555
คราวนี้บอกชอบเลยวุ้ย อิอิ
ดีใจจัง กัสอาการดีขึ้นเยอะเลย มีซงมีแซวเค้าด่วย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 15-06-2014 14:59:48
 :L2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 15-06-2014 17:26:13
นิวก็พูดหวานๆหน่อยสิ ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: Elleelle1234 ที่ 15-06-2014 21:52:40
 :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 15-06-2014 21:55:53
น้องกัสจัง ไปไหน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 15-06-2014 22:48:23
นิวโจ้ๆๆๆๆๆๆเย่เย่ๆๆ
พี่หยกจะกลับมาแล้ววว
กัสเปิดเผยนะเราาาา รอวันที่พี่หยกกลับมาจะได้มุ้งมิ้งๆงุ้งงิ้งกันต่อ อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 16-06-2014 01:24:06
นิว โจ้ นี่หวานมาแรงแซงทางโค้งจริงๆ แต่ละตอน เขินเลย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 16-06-2014 05:35:00
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#ถ้าหยกต้องรอ

หยกถึงกับยืนนิ่ง เมื่อมองบเตียงที่ว่างเปล่า

แล้วมันก็หายไป

อยู่ให้ดูแลแค่เพียงห้าวันแล้วมันก็หายไปเงียบ ๆ อีกแล้ว

นิ่งเงียบเมื่อกลับเข้ามาในห้องและพบว่าห้องทั้งห้องว่างเปล่าไม่มีแม้แต่เงาของคนที่ควรจะนอนหลับอยู่บนเตียงเหมือนเมื่อห้าวันก่อน

มันไปอีกแล้ว ไอ้กัส มันหายไปอีกแล้ว

ได้แต่ทรุดกายลงนั่งและถอนหายใจเฮือกใหญ่

ทำไมวะ ห้าวันที่อยู่ด้วยกันมันไม่ซึมซับอะไรเข้าไปในหัวบ้างเลยหรือไงวะ

ทำไมถึงได้เมินเฉยกันขนาดนี้ มึงเข้าใจมั้ยกัส มึงเคยเข้าใจอะไรบ้างมั้ย ว่าตอนนี้กูกำลังจะเป็นบ้าเพราะมึง

ไอ้เด็กเวรเอ้ยยยยย

หยกกำมือแน่นและทุบลงไปบนเตียงด้วยความหงุดหงิดโมโห

อยากจะใจเย็นกว่านี้ แต่ดูสิ่งที่มันทำ มันนึกอยากจะมามันก็มา พอมันจะไปมันก็ไป ข้อความอะไรก็ไม่ทิ้งเอาไว้ให้เลย

เสื้อผ้าที่มันใส่ถูกซักแล้วตากไว้ที่นอกระเบียง ของอะไรก็ไม่มี นอกจากแปรงสีฟัน

ทำยังไงถึงจะมัดมันเอาไว้กับตัวได้วะ เบอร์ติดต่อมันยังไม่เคยทิ้งเอาไว้ให้เลย

มันจะเกินไปแล้วนะแบบนี้ มัน..........ทำแบบนี้ก็เกินไป

ไม่รู้บ้างหรือไง ว่าการที่มันทำแบบนี้มันจะทำให้คนรอเป็นบ้าเข้าสักวัน

หยกได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า มองห้องทั้งห้องที่ว่างเปล่าแล้วก็ไม่รู้จะทำยังไง

เอนกายลงนอนบนเตียงและแตะปลายนิ้วเบา ๆ ที่หมอนอีกใบที่คนบางคนที่มาอยู่ด้วยใช้หนุนนอนตลอดทุกคืนที่ผ่านมา
กดปลายจมูกลงที่หมอนและหลับตาลงอย่างช้า ๆ เหมือนร่องรอยการมีตัวตนของคนบางคนมันยังอยู่

ผละใบหน้าออกห่างและดึงหมอนที่กัสใช้หนุนนอนมากอดเอาไว้แน่น

กอดและถอนหายใจยาวเพราะไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่รออีกแล้วใช่มั้ย

ไอ้เด็กเวรนั่นมันทำแบบนี้อีกแล้ว มันทำให้รอด้วยความจนใจแบบนี้ตลอด

แล้วเมื่อไหร่มันถึงจะมาอีก เมื่อไหร่มันจะมา.... ต้องรอถึงเมื่อไหร่กว่ามันจะมาหา

ทำแบบนี้........มึงไม่เข้าใจหรือไง หรือคำว่าชอบของกูมันไม่เคยซึมเข้าไปในสมองของมึงเลย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 16-06-2014 05:36:32
“พี่หยก”

“พี่หยกพี่”

“พี่หยกเอ้ยยยยยยยย”

ห๊ะ ว่าไงนะ
หยกถึงกับสะดุ้ง เมื่อถูกรุ่นน้องตะโกนเรียก รีบดึงความรู้สึกที่หลุดลอยไปกลับมาอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงของรุ่นน้อง

ถึงไหนแล้ววะ

“เออโทษที ช่วงนี้กูนอนน้อยไปหน่อย เลยมึน ๆ”

มันเป็นคำตอบที่ไม่เข้าท่าเอาซะเลย แต่มันก็ใช่อย่างที่พูดจริง ๆ นอนน้อยมาก นอนน้อยมาหลายคืนจนจะเป็นเดือนแล้ว

ใจมันรอ ได้ยินเสียงย่ำอยู่ที่หน้าประตูห้องบางครั้งก็เผลอคิดว่าเป็นไอ้กัส

แต่ก็ดีใจเก้อ กลับหอก็มองหา มองไปรอบ ๆ บริเวณตลอด และหวังว่าจะได้เจอหน้ากันสักครั้งแต่ก็ไม่เจอ รอนานเป็นเดือน แต่ก็ไม่เจอ ให้รอขนาดนี้ มึงจะให้กูรอจนตายไปข้างเลยหรือไงวะ

มึงจะให้กู...........รอ.........จน...

“พี่หยก ผมว่าพี่กลับหอไปนอนดีกว่ามั้ง พี่ดูมึน ๆ เบลอ ๆ ว่ะ”

เหรอ กูคงดูอาการหนักมากใช่มั้ยวะ

ก็คงงั้น แต่กลับไปก็ใช่ว่าจะนอนหลับลงได้ ทำยังไงก็ไม่สามารถหลับสนิทได้เลย ล้มตัวลงนอนแต่ไม่เคยมีวันไหนที่หลับตาได้สนิท

“มึงเคยคิดถึงใครบางคนแต่รอเท่าไหร่คนที่มึงคิดถึงก็ไม่ยอมมาหาบ้างมั้ยวะ”

เห้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ยังไงวะพี่
ยังไงเนี่ย
ยางงายยยยยยยยว๊าพี่หยก ไปชอบสาวแถวไหนกันวะพี่ ร้อยวันพันปีพี่กูไม่เคยพูดแบบนี้นี่หว่า

ใครแม่งโชคดีทำให้พี่หยกเป็นได้ขนาดนี้วะ พี่กูใจแข็งจะตาย แล้วอยู่ดีๆ ใครมันขโมยหัวใจพี่กูไปวะ อยากรู้นะเนี่ย

“พี่....คิดถึงสาวที่ไหนว๊า น่ารักขนาดไหนเนี่ยทำพี่กูเป็นได้ถึงขนาดนี้เนี่ยยยยยยยยยย ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

น่ารักห่าอะไร ทั้งพูดไม่รู้เรื่อง อ่านหนังสือก็ไม่ได้ นิสัยก็ทั้งดื้อทั้งรั้นเอาแต่ใจ แถมตอนนี้แม่ง ทิ้งกูไปอีก มันจะน่ารักไปได้ยังไงวะ

“กูคุยผิดคนจริง ๆ”

เฮ้ยยยยยยยยยยยยย พี่
จะผิดคนได้ไงเนี่ย ไม่ผิดคนหรอก พี่คุยกับผมเนี่ยแหละถูกคนแล้ว ผมนี่เซียนยิ่งกว่าเซียนปรมาจารย์ขั้นเทพเลยพี่ ไม่อยากจะโม้

“เฮ้ยยยยยยยยยยย พี่หยก ความรักมันก็แบบนี้แหละพี่ คนในฝันมันก็คือคนในฝัน มีสิทธิ์แค่คิดถึงแต่ไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของหรอกพี่ เหมือนผมกับรันไง เนี่ยผมนะ.............”

เพ้อเจ้ออีกแล้ว เสียเวลาฟังมาก

“กูไปนะ ฟังมึงพล่ามแล้วบอกตรง ๆ ว่ากูง่วงขึ้นมาทันที”

หยกลุกขึ้นยืน ส่ายหน้าและยัดหนังสือใส่กระเป๋า

ไอ้เพียรมันเพ้อ ขืนฟังมันพูดมากเดี๋ยวจะยิ่งเครียดไปกันใหญ่ สาระอยู่ตรงไหนคงไม่ต้องหา เพราะแม่งไม่มี

“อะไรวะพี่ น้องอุตส่าห์หวังดี พี่หยกพี่ ไปไหนวะพี่ พี่หยก”

ตะโกนเรียกไปก็เท่านั้น เพราะนอกจากหยกจะไม่สนใจฟังแล้ว ยังส่ายหน้าด้วยความเอือมระอารุ่นน้องที่หาสาระอะไรไม่ได้ นอกจากทำตัวติงต๊องไปวัน ๆ

“ไอ้เพี้ยนเอ้ยยยยยยยยย”

บ่นออกมาเสียงเบา และหยิบโทรศัพท์จากในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาดูเพราะได้ยินเสียงเรียกเข้า

“เออ.....ว่าไงนิว กูอยู่มหาลัย...มึงอ่ะ เหรอ เอาตังค์เข้าไปให้ที่บ้านก็ได้ ไม่งั้นก็โอนเข้าบัญชีแม่กู เดี๋ยวบอกพ่อกับแม่ให้ว่าเย็น ๆ มึงจะโอนเงินเข้าไปให้”

ตอบกลับคนที่โทรเข้ามา เป็นแบบนี้ทุกสิ้นเดือน นิวจะเป็นคนโอนเงินเข้ามาให้ที่บ้านเพื่อจ่ายค่าอะไรสักอย่าง
เรื่องของผู้ใหญ่ไม่ค่อยรู้เรื่องมากนัก แต่ก็จัดการให้ตามที่ได้รับมอบหมาย

“เออ หนังสือที่มึงให้ช่วยหากูหาไว้แล้วนะ มึงเอาไปถ่ายเอกสารแล้วกันแล้วค่อยเอามาคืน มาเลยมั้ยล่ะเดี๋ยวกูออกไปรอข้างนอก”

มีเรื่องให้ช่วยเหลือกันบ้างเล็ก ๆน้อย ๆ สนิทกันดีในระดับหนึ่ง แต่ไม่มากมายนัก สิ่งที่พอจะรู้บ้างคือไอ้นิวเป็นคนที่คบได้ นิสัยใช้ได้คนหนึ่ง

และวันก่อนมันก็ให้ช่วยหาหนังสือให้ ถือว่าช่วยเหลือกันไม่ใช่เรื่องใหญ่โต แค่เรื่องเล็กน้อย

“เออ ได้ งั้นมึงรอกูตรงประตูทางออกฝั่งซ้ายแหละ เดี๋ยวกูไปแค่นี้นะ”

นัดหมายกันเรียบร้อยและหยกก็รีบก้าวขาเดินให้เร็วขึ้นเพื่อไปที่ประตูทางออกฝั่งซ้ายของมหาวิทยาลัย

เดินไปเรื่อย

และมีบางครั้งที่คิดอะไรไปเรื่อยระหว่างที่เดิน

ไอ้กัสมันเคยรู้บ้างมั้ยวะ ว่าขนาดเดินกูยังคิดถึงแต่มันเลย บางทีชาตินี้มันคงไม่รู้หรอก ชาตินี้ทั้งชาติต่อให้พูดกรอกหูมันขนาดไหนแม่งก็คงไม่เข้าใจ สิ่งที่ทำได้ก็แค่รอมันอย่างนี้แหละ รอมันไปเรื่อยๆ รอ..........แต่ไม่รู้เมื่อไหร่มันจะมาซะที

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++   
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 16-06-2014 05:38:05
“ยังไง จะเอาไปถ่ายเอกสารเลยมั้ย เดี๋ยวกูรอก็ได้ ร้านถ่ายเอกสารอยู่ข้างหน้า แล้วแต่มึงเลย”

แล้วแต่กูได้ยังไงล่ะ มันหนังสือมึงก็ต้องแล้วแต่มึงสิ

“เออ เดี๋ยวไปถ่ายเอกสารเลยดีกว่าจะได้ไม่ต้องลำบากมึงด้วย มึงจะได้เอาไปคืนเลย ขอบใจมาก”

นิวรับหนังสือที่หยกส่งให้ เปิดอ่านสองสามหน้าแล้วก็หยิบเสื้อของตัวเองที่ม้วนและวางเอาไว้เตรียมยัดใส่กระเป๋า
เสื้อชอร์ปที่คุ้นตา ลักษณะคุ้นตาจนหยกต้องขอดู

“เสื้อมึงเหรอ”

อ๋อ เนี่ยเหรอ ใช่ ใส่เฉพาะตอนเข้าโรงฝึก ขืนเอามาใส่ข้างนอกเป็นเรื่องราวใหญ่โตมันจะยุ่ง

“อือ”

พยักหน้าให้และยังเปิดหนังสือหน้าถัดไปเพื่อมองเนื้อหาที่จะนำไปถ่ายเอกสาร

“มึงเรียนที่นี่เหรอ”

ก็ใช่อีกนั่นแหละ มีอะไรหรือเปล่าวะ

“อือ”

ไม่มีอะไรหรอก แค่ตราโรงเรียนมันคุ้น ๆ เหมือนกับ...........

เหมือน..........

“รุ่น ๆ เดียวกับมึงนี่มีคนชื่อกัสป่ะ”

กัสเหรอ ไม่มีหรอก โรงเรียนไม่ใช่ว่าใหญ่โตอะไร รู้จักกันหมดถ้าถามว่าชื่อกัสนี่ไม่ต้องย้ำหรอก รู้เลยว่าไม่มี

“ไม่มีหรอกชื่อน่ารักซะ”

น่ารักเหรอ ชื่อน่ารักเหรอ เออกูก็ว่างั้น ถ้าชื่อมันน่ารักมากไป..........งั้น....

“แล้วชื่อเจ๋งมีมั้ย”

เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

นิวเงยหน้าขึ้นมองคนที่ถามและก็ถึงกับนิ่งอึ้งทันที

“โห...เล่นซะตัวท็อปเลยเนอะ...ของแรงนะนั่น”

พูดแบบนี้ก็แสดงว่า....รู้จักใช่มั้ยวะ แทบจะเก็บสีหน้าเอาไว้ไม่อยู่ จากซึมเศร้ามาตลอดเกือบเดือน ในเวลานี้หยกกำลังยิ้ม
อยู่ดี ๆ หน้าก็ยิ้มออกมา ยิ้มกว้าง และเหมือนหัวใจที่แห้งเหี่ยวเริ่มจะฟูฟ่องขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“เฮ้ย เอาจริงดิ รู้จักจริงป่ะ งั้นช่วยอะไรอย่างหนึ่งได้มั้ยวะ”

ช่วยเหรอ
ได้
ให้ช่วยอะไรล่ะ

ให้ช่วย......... นิวพยักหน้าให้ และหยกก็เอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างช้า ๆ

ดีใจ จะให้บอกยังไงว่าดีใจ

ที่จริงจะไปตามไอ้เด็กเวรนั่นเลยก็ได้ แต่ก็อย่างที่มันเคยบอก มันมีพื้นที่ส่วนตัวของมัน ขืนทะเล่อทะล่าเข้าไปหา คงได้เป็นเรื่อง

ขนาดเบอร์โทรมันยังไม่ยอมให้ เรื่องไปเจอกันข้างนอก ยิ่งเป็นไปได้ยาก ในเมื่อมันแสดงเจตนารมณ์อย่างชัดเจนว่าไม่อยากเจอกันข้างนอกขนาดนั้น ถ้าขืนบุกรุกเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวของมัน

คราวนี้แม้แต่รอก็คงไม่ต้องรอ เพราะมันคงหายไปเลยตลอดชีวิต ไม่ยอมเข้ามาใกล้อีกเลย

สิ่งที่ได้รับในวันนี้ถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว

อย่างน้อยก็ยังได้รู้อะไรบางอย่าง อย่างน้อยก็ยังมีช่องทางให้รับรู้บ้างว่าไอ้กัสมันอยู่ยังไงเวลาที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน

อย่างน้อย การได้รับรู้เรื่องของมันอยู่ห่างๆ แบบนี้

ก็ดีกว่า รอไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้อะไรเลย

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.83
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 16-06-2014 05:40:57
หยกกำลังยิ้ม เดินอมยิ้มมาเรื่อย ๆ ตามทางเดิน วันนี้อารมณ์ดี หลังจากยิ้มไม่ออกเลยตลอดหนึ่งเดือน
มีเรื่องดี ๆ หนึ่งเรื่อง เรื่องดี ๆ ที่มันอาจไม่ใช่เรื่องดี ๆ ของคนอื่น แต่เป็นเรื่องดี ๆ ของหยกคนเดียว

อย่างน้อยกูก็ได้รู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับมึงวะ

อย่างน้อยกูก็ได้รู้ว่ามึงสบายดี อย่างน้อยกูก็ได้รู้ว่ามึงไม่เป็นอะไรแล้ว อย่างน้อยกูก็ได้รู้ว่า..........ว่า...

ล้วงมือไปในกระเป๋ากางเกง หยิบกุญแจออกมาเพื่อจะไขประตูห้อง แต่ประตูห้องไม่ได้ล็อค........

ไม่ได้ล็อค หรือว่าตอนออกไปกูจะลืมล็อคอีกแล้ววะ แบบนี้ไม่ไหว อันตรายเกินไป แบบนี้มันอันตรายหรือไม่ก็...ที่ห้องไม่ได้ล็อค อาจเพราะ..... รีบเปิดประตูอย่างรวดเร็ว และก้าวขาเข้ามาในห้อง

มองไปรอบ ๆ ห้อง แต่ภาพที่เห็นไม่เป็นอย่างที่คิด สิ่งที่คาดหวังคือ อยากจะเห็นใครบางคนนอนคว่ำหน้าหลับสนิทอยู่บนเตียง

แต่ก็ไม่มี.....

ไม่มีเลย

ไม่มีใครอยู่ในห้องเลยสักคน

จากหน้ายิ้ม ๆ กลายเป็นซึมเศร้าและหดหู่อย่างรวดเร็ว แม่ง........กูดีใจเก้อใช่มั้ยเนี่ย
กูดีใจเก้ออีกแล้วใช่มั้ยวะ

ถอนหายใจยาวและเหวี่ยงกระเป๋าทิ้งไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือ ทิ้งกายลงนั่งบนเก้าอี้และยกมือขึ้นขยี้ผมตัวเองด้วยความกลุ้ม

“โว้ยยยยยยยยยยยยยย ไอ้เหี้ยกัสทำอะไรของมึงอยู่วะ แม่ง”

มันคงเป็นความหงุดหงิดใจอย่างถึงที่สุดและไม่สามารถระบายกับใครได้ แค่เพียงตะโกนเสียงดังด้วยความหงุดหงิดโมโห ก่อนจะหันไปมองที่ประตูห้องน้ำเพราะได้ยินเสียงเปิดประตู

มอง...........และพบว่า มีใครบางคนก้าวขาเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว ทั้งหน้าทั้งผมเปียกลู่ไปตามรูปหน้าของคนที่กำลังยืนทำหน้าไม่ถูกห่างออกไป

“โทษที พอดีกู....อยากอาบน้ำ”

ได้
มึงอยากอาบน้ำกูไม่ว่า มึงอยากทำอะไรก็ได้ กูไม่เคยว่าอะไรมึงเลย

มึงอยากจะทำอะไรมึงก็ทำเลย ตามแต่ใจ มึงอยากจะทำอะไรมึงก็ทำ..........มึงทำได้หมดนั่นแหละกัส
ทำไปเลยหมดทุกอย่าง ทำไปให้พอใจมึงเลย ทำซะให้พอใจ

“มึงมัวทำอะไรของมึงอยู่วะ มึงมัวทำอะไรของมึงอยู่ตั้งนานสองนาน”

ไม่ใช่แค่พูดแต่หยกลุกขึ้นและเดินเข้าไปหาคนที่ยืนทำหน้าไม่ถูกอยู่หน้าประตูห้องน้ำอย่างรวดเร็ว

ก้าวเข้าไปหา และกระชากตัวของคนที่ยืนนิ่งเงียบเข้ามาหา ดึงให้เข้าหาตัวและกอดเอาไว้แน่น
กอดแน่นจนแทบจะแหลกคามือ กอดจนกัสอึดอัดหายใจแทบไม่ออก

“หยกกกกกกกกก เหี้ยกูเจ็บนะ ”

เออดีเจ็บซะให้พอ ชอบขยันหาเรื่องนักนี่ ให้แม่งตายห่าไปเลยยิ่งดี ตาย ๆ ไปเลยแม่ง

ทำแบบนี้ได้ไง มึงไม่เคยรู้อะไรเลย มึงมันไม่เคยรู้อะไรเลยทั้งนั้นแหละไอ้กัส มึงเคยรู้อะไรบ้างล่ะความรู้สึกของคนที่รอเนี่ย

มึงเคยเข้าใจอะไรบ้างมั้ย

“แม่งคิดถึงชิบหาย คิดถึงจะตายอยู่แล้วมึงเคยเข้าใจอะไรบ้างมั้ยวะ...พูดไปบอกไปมึงเคยเข้าใจอะไรบ้าง กูอยากจะรู้จริง ๆ มึงเคยเข้าใจความรู้สึกกูบ้างมั้ย”

เข้าใจอะไร
เข้าใจว่า.......
เข้าใจความรู้สึกที่ว่าของหยก คือเข้าใจอะไร
เข้าใจที่ว่าของหยกมันคืออะไร........จะให้เข้าใจ....ว่าอะไร

“เหี้ยกัส....รัก..นะ...เข้าใจหรือเปล่า กูรักมึง กูชอบมึง มึงเข้าใจบ้างหรือเปล่าจะให้กูทำยังไง มึงถึงจะเข้าใจกูซะที.....กัสจะให้พี่ทำยังไง กัสจะให้พี่ทำยังไงวะ ถึงจะเข้าใจ จะต้องทำยังไงกัสช่วยบอกพี่ที”

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.84
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 16-06-2014 07:12:51
ช่วยบอกพี่หยกมันทีกัส 


เพราะอะไรพี่หยกมันบอกเท่าไรก็ยังไปไม่ถึงหัวใจของกัสเลย :กอด1:

หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.84
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 16-06-2014 11:15:16
 :a5: นึกว่าหยกกลับแล้ว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.84
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 16-06-2014 11:57:18
หยกน่าสงสารอ่า
กัส ไปๆมาๆแบบนี้ ชิๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.84
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 16-06-2014 12:31:11
อยากอ่านตอนถัดปายยยยยยยยยยย >[  ]<
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.84
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 16-06-2014 17:30:18
คู่นิวโจ้เค้าจะลงเอยกันแล้วนะคู่กัสยังไม่กลับมาเลย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.84
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 16-06-2014 18:07:00
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#สอนไม่รู้จักจำ

มันคงคิดว่าทำตัวแบบนี้ดีแล้วสินะ มันคงจะคิดแบบนี้ถึงได้ทำแบบนี้

“มีแต่ฟันแล้วทิ้ง นี่ให้ฟันแล้วคิดจะทิ้งกันใช่มั้ย”

อะไรวะ
ไม่ใช่เลย
ไม่ใช่อย่างนั้นเลย หยก........ก็พูดเกินไป

“ไม่ต้องเลยมึงไอ้กัส ไม่ต้องมาทำเป็นเงียบเลย เมื่อไหร่จะเลิกทำแบบนี้ซะที”

เลิกทำอะไร ยังไม่ได้ทำอะไรเลย อยู่เฉย ๆ แล้ว เปล่าทำอะไรทั้งนั้น แค่.....

“แล้วนี่จะยุกยิกทำไมวะ นิ่ง ๆ ซิ”

ก็อยากจะเฉยหรอก แต่ยังไงล่ะ .........

หยกใช้ขนหนูเช็ดที่เส้นผมของคนที่นั่งก้มหัวอยู่ตรงหน้า อยากจะตีให้ตาย ไอ้เด็กเวรทำกูเป็นบ้า

มันคงเป็นการบ่นที่น่าฟังที่สุดของกัส เงยหน้าขึ้นมามองและท้าวแขนนั่งฟังที่หยกบ่น มองหน้าของคนที่บ่นไปเช็ดผมไปแล้วก็รู้สึกบางอย่าง

จริงด้วย
เวลาอยู่กับหยกแล้วมีความสุขจริง ๆ ด้วย ใจมันสงบลง ไม่ว่าหยกจะพูดอะไร หรือบ่นอะไร แต่เวลาที่ได้ฟังใจมันก็สงบลงอย่างช้า ๆ

เป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็มที่ไม่ได้ฟังเสียง ไม่ได้เห็นหน้า อยากรู้ว่าถ้าไม่เจอกันแล้วจะเป็นยังไง

สิ่งที่ได้เรียนรู้คืออยู่ได้
ถึงไม่มีหยก ไม่ได้เจอหยกก็ยังอยู่ได้ เจอเรื่องต่าง ๆ มากมายตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ยังซิ่งรถเหมือนเดิม โดนพ่อด่าเหมือนเดิม ไปเรียนก็เรียนไม่รู้เรื่องเหมือนเดิม

ทุกอย่างยังเหมือนเดิม สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมมีอย่างเดียว ตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา แม้จะใช้ชีวิตแบบเดิมแต่หลายครั้งที่สมองคิดไปถึงใครบางคนตลอดเวลา

แล้วจะมาหาหยกได้ยังไง จะมาเจอหน้ากันได้ยังไง ในเมื่อรู้อยู่ตลอดเวลาว่าเรื่องบางเรื่องเลยเถิดไปไกลจนไม่รู้จะมองหน้าหยกได้ยังไง ไม่ได้รู้สึกแย่ ที่จริงแล้วรู้สึกดีมากด้วยซ้ำที่ได้กอดกันแบบนั้น ทำไมจะไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำลงไปมันไม่ถูก และไม่มีผู้ชายที่ไหนทำกันแบบนี้

แต่ก็ยังทำ

หยกรู้มั้ย ทุกวันที่คิดเหตุผลไม่ออกว่าจะใช้เหตุผลอะไรมาหาหยก มันยากที่จะหาเหตุผล และหยกคงไม่รู้ว่าทุกวันที่ผ่านไปแค่ได้มาจอดรถแล้วมองหน้าต่างห้องหยกก็สุขใจที่สุดแล้ว

อยากจะทนให้ไหว แต่มันก็ทนไม่ไหว

และเมื่อถึงที่สุด วันนี้ก็เลยต้องมา ยืนพะว้าพะวงอยู่นานสองนาน และสุดท้ายจึงตัดสินใจเปิดเข้าไป

รอหยกนะ

รอ....แต่ไม่รู้จะใช้เหตุผลอะไรในการมาหาครั้งนี้ดี

อยากมาหา แต่ไม่รู้จะทำหน้ายังไงเวลามา

เรื่องนั้นมันไปไกลเกินกว่าที่ควร เพราะอารมณ์ หรือเพราะอะไรกัสก็ไม่แน่ใจ ตลอดระยะเวลาที่เราอยู่ใกล้กัน แน่นอนที่รู้สึกอบอุ่นและมีความสุข หยกเป็นแสงสว่างแสงเล็ก ๆ ที่ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้พบเจออีก

แต่สิ่งที่ทำให้ไม่เข้าใจคือ

“รัก” คืออะไร

สำหรับหยกคำว่ารักคืออะไร หมายถึงอะไร ต่อให้อยากเข้าใจแต่ในเวลานี้ก็ยังไม่เข้าใจ

ต่อให้ฟังที่หยกพูดอีกกี่สิบครั้ง ไม่ว่ายังไงก็ไม่เข้าใจ

ไม่เข้าใจจริง ๆ

ความรักเหรอ.........ฟัง....แต่ไม่อาจซึมซับเข้าไปในหัวใจได้

รับรู้ แต่ไม่เคยรู้จัก

จริง ๆ แล้ว คำว่ารักมันหมายความว่ายังไง

แม้ในเวลานี้หยกจะพูดอีกกี่ครั้ง ก็ไม่อาจเข้าใจได้ รู้เพียงแค่ว่า เวลาอยู่ด้วยกันมีความสุข ได้เป็นตัวของตัวเอง อยากพูดหรือทำอะไรก็ทำได้อย่างใจคิด และสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่หยกทำให้ในเวลามันทำให้มีความสุข

อุ่นที่ใจ และร่างกายก็อุ่นตามไปด้วยเวลาที่หยกกอด

แค่อยากให้หยก........กอด....ให้หายหนาว อุ่นกายและอุ่นไปถึงหัวใจ ตอนที่หยกดึงเข้าไปหาและกอดแน่น พร้อมทั้งพูดคำว่ารักซ้ำแล้วซ้ำเล่า

อยากจะเข้าใจ แต่ไม่อาจเข้าใจ

“อย่ามาทำมอง ฟังบ้างหรือเปล่าวะ จะให้ทำยังไงไหนบอกมาซิ”

ทำอะไรยังไงเรื่องอะไรเหรอ
ทำอะไรยังไง

“.....กัส....มึงเข้าใจที่พูดบ้างมั้ย”

มองหน้าหยก สบตาหยก และเหมือนว่าหยกพยายามจะสื่อสารบางอย่างออกมา

บางอย่างที่ไม่เข้าใจ

และสายตาก็มองไล่เรื่อยไปที่ใบหน้าของหยก ดวงตาสีดำสนิทที่จ้องนิ่งตรงมา และเหมือนมีแววไหวระริกในดวงตาคู่นั้น
ปลายจมูกโด่งที่อยากจะเกลี่ยปลายนิ้วเล่น ริมฝีปากที่ขยับขึ้นลงทุกครั้งเวลาที่หยกบ่น แค่นี้ที่อยากเห็น แค่นี้เอง ใบหน้าแบบนี้ คน ๆ นี้ที่อยู่ตรงหน้า

ตลอดหนึ่งเดือนเต็มที่ไม่ได้เจอ โหยหาและอยากจะได้พบเจอใบหน้าของคน ๆ คนนี้มาตลอด

“มองทำไม มองแล้วทำไมถึงไม่ยอมพูดวะ”

อยากจะพูด แต่ไม่รู้จะพูดอะไร มันสับสนและตื้อไปหมดทั้งหัว
แค่อยากมอง

“กัส”

ได้ยินเสียงเรียก แต่ไม่อาจละสายตาไปจากใบหน้าของหยกได้

หยก.....

อยากบอกว่าคิดถึง แค่คำว่าคิดถึงพูดไม่ยาก แต่ทำไมไม่สามารถขยับปากและพูดออกไปได้ แค่คำว่าคิดถึงมันง่ายสำหรับคนบางคน แต่สำหรับกัสมันยากเหลือเกินที่จะพูดออกไป

ได้แต่ใช้แววตาสื่อความหมาย และไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจสิ่งที่สื่อออกมาหรือเปล่า

แต่แค่ได้มอง แค่ได้มองเห็นหยกแบบนี้ก็มีความสุขที่สุดแล้ว

“ไปเที่ยวเล่นจนลืมกันไปแล้วจริง ๆ ใช่มั้ยวะ ถึงได้จ้องกันขนาดนี้”

หยกกำลังยิ้ม รอยยิ้มที่มีแววหม่นหมองเล็ก ๆ

อยากจะเข้าใจความคิดและความรู้สึกของคนที่อยู่ตรงหน้า แต่ไม่ว่ายังไงก็เหมือนจะเข้าไม่ถึง

ทำไมมันยากขนาดนี้

กัส.......มึงเป็นคนที่เข้าหายากมาก บทจะเข้าใกล้ได้ง่าย ๆ ก็ง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ แต่พอเข้าใกล้ไม่ได้ ต่อให้อยากปีนกำแพงเข้าไปหามากขนาดไหน แต่ก็เข้าไปไม่ได้อยู่ดี

มันก้าวเข้าไปในความคิดของคนตรงหน้าไม่ได้

เข้าไปไม่ได้จริง ๆ

“วันนี้ค้างได้หรือเปล่า นอนที่นี่ได้มั้ย”

อือ

ได้

ที่จริงไม่คิดว่าหยกจะกลับมาเร็ว แต่ว่า....ค้างได้

“เฮ้ย ไม่ใช่อะไรนะ ไม่ใช่ว่าอยากจะอะไรด้วยแล้วมาชวนหรอกนะ”

ออกตัวก่อน และแทนที่คนฟังจะหน้าแดง กลายเป็นหยกเองที่หน้าแดงขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
ใช่ที่ทำเรื่องอะไรเลยเถิดกันไปถึงขนาดนั้น

และมันเป็นเรื่องสำคัญที่ทำให้คิดว่าเพราะแบบนั้นหรือเปล่า ไอ้กัสถึงไม่ยอมมาหาอีกเลย

บางทีมันคงผิดหวังที่ฉวยโอกาสทำกับมันแบบนั้น

แต่.....

ถ้ามันไม่ชอบ และ....การมีอะไรกันมันเป็นการฝืนใจบังคับและเป็นส่วนหนึ่งของการที่กัสมันไม่ยอมมาหาอีกเลย
ไม่อยากให้มันคิดแบบนั้นอีก

“สาบานจะไม่ทำอะไรอีกเด็ดขาด”

แล้ว....ทำไมถึงต้องไม่ทำ

“ทำ...ได้”

มองหน้าของคนที่ตอบบางอย่างออกมาง่าย ๆ และเมื่อสบตากับอีกฝ่ายที่มองมาอย่างจริงจังก็ทำให้หยกยิ่งไม่เข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ

หมายความว่ายังไง

เรื่องอย่างว่าที่เราทำกัน

ทำไมถึงตอบออกมาได้ง่าย ๆ ว่าทำได้

“ไอ้กัส”

อือ

“อย่าให้ใครทำแบบนี้กับมึงเด็ดขาดเลยนะ เข้าใจมั้ย”

เข้าใจ

“หยก....มึงคิดว่ากูจะไปทำอย่างนี้กับคนอื่นได้หรือไง”

ตอบออกมาง่ายแสนง่าย แต่แววตาจริงจังจนหยกยังรู้ ว่าอีกฝ่ายพูดจริง

“ทำไมบางครั้งพี่เหมือนจะเข้าใจกัสวะ แต่ทำไมบางครั้งก็ไม่เข้าใจเลย”

กัสก้มหน้าลงอีกครั้ง และถอนหายใจยาว

ไม่ได้หวังให้ใครมาเข้าใจ ไม่ได้หวัง หรืออยากให้ใครมาเข้าใจสิ่งที่เป็นอยู่ในเวลานี้

ไม่ได้หวัง

แค่เพียงไออุ่นจากหยก อะไรก็ได้ ที่จะตอบแทนคำว่ารักของหยกได้ ไม่ว่าอะไร ก็จะยอมอ่อนข้อให้ ถ้าหยกต้องการ

“.......................”

นิ่งเงียบและก้มหน้าลง ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีก แค่นิ่งเงียบและหยกก็ยังคงเช็ดผมให้กัสต่อไปเรื่อย ๆ

มึงนี่นะ

อะไรก็ได้ จะยอมให้ทุกอย่างแต่ขอเถอะอย่าหายไปแบบนี้อีกได้มั้ย กูจะบ้าเอาง่าย ๆ

“แล้วนี่....หายไปไหนมา”

หายไปไหนเหรอ ไม่ได้หายไปไหนหรอก อยู่ตลอด เพียงแค่ไม่เคยเข้ามาหาหยกแค่นั้น

“ทำไมหยกชอบบ่นจังวะ”

แกล้งพูดและอมยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก และนั่นก็ทำให้คนที่กำลังเช็ดผมให้กัสชะงักมือนิ่งค้าง ก่อนจะแกล้งเช็ดแรง ๆ จนกัสร้องลั่น

“หยกกกกกก มึงจะฆ่ากูเหรอเนี่ย”

ร้องเสียงดังและหัวเราะออกมาเมื่อมองหน้าของคนที่เช็ดผมให้แต่ขมวดคิ้วมุ่น

ไม่พอใจอะไรนะ

ทำหน้าแบบนี้ เหมือนว่าไม่พอใจ

“กูแก่กว่ามึงกี่ปี อย่าให้ด่า”

อันนั้นรู้แล้ว

รู้ตั้งนานแล้ว

“อยากให้กูเรียกว่าพี่เหรอ”

อยาก แล้วจะทำไม

“หรือมึงอยากเรียกว่าผัวล่ะ”

ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยย

กำมือและชกเบา ๆ ที่ท้องของคนที่แกล้งพูดบางอย่างหน้าตาเฉยแต่ก็รู้ว่านั่นคือการหยอกล้อของหยก

“โอ้ยยยยยยยยยยย นี่กูไม่ใช่กระสอบทรายนะ ต่อยมาได้เดี๋ยวฆ่าตายซะเลยไอ้เด็กเวรนี่”

อยากให้กูเรียกพี่ แต่มึงก็ยังเรียกกูว่าไอ้กัสอยู่ดีไม่ใช่หรือไงวะ

“เหี้ยหยก”

ด่าและขบริมฝีปากแน่น และหยกก็เลิกคิ้วขึ้นสูง นั่งจ้องหน้าของคนที่ด่า จ้องนิ่ง ๆ และแกล้งทำหน้าขรึมใส่

“ไหนมึงเรียกทีซิ มึงเรียกว่าไงนะ”

ก็เรียกเหมือนเดิม ฟังแล้วก็น่าจะได้ยินชัด แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินใช่มั้ย

“เรียกว่าเหี้ยหยก”

เหรอ ไหนมึงลองเรียกอีกทีซิ

ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ และจ้องนิ่งไปที่ดวงตาของคนที่เริ่มจะเบนหน้าหลบสายตา

“อีกที”

อีกทีอะไร จะอีกกี่ครั้งกี่หน ก็คงจะเรียกเหมือนเดิม

“ไหนเรียกซิ เรียกอีกที”

ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเดิม และน้ำเสียงที่ถามก็แทบจะกลายเป็นเสียงกระซิบแผ่ว ๆ ที่ได้ยินกันสองคน

“หยก”

ทำไมสอนแล้วไม่รู้จักจำ นั่นมันเป็นการปีนเกลียวชัด ๆ บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่ามาปีนเกลียวเรียกเหมือนเพื่อนแบบนี้
จะให้บอกอีกแค่ไหนถึงจะจำ

“กัสเรียกพี่ว่าอะไรนะ”

ใบหน้าอยู่ห่างกันแค่คืบ สบตากันนิ่ง ๆ และกัสก็ใช้ฝ่ามือผลักอกของคนที่ขยับเข้ามาใกล้ให้ออกห่าง

“ทีมึงยังเรียกกูว่าไอ้กัสเลยนะ”

อ่อ ที่ไม่ยอมเรียกเพราะแบบนี้ใช่มั้ย เพราะมีเรื่องที่ไม่ชอบ ก็เลยไม่ยอมเรียกใช่มั้ย

“พี่ขอโทษ แล้วกัสจะเรียกพี่ว่าพี่หยกมั้ย”

เรียกมั้ยเหรอ

เรียก........มั้ย

ไม่ตอบ แต่นั่งนิ่งเฉยและกระพริบตาปริบ ๆ เมื่อพบว่าใบหน้าของหยกยื่นเข้ามาหา

ใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจแผ่ว ๆ ของอีกฝ่ายที่เป่ารดเบา ๆ ที่ข้างแก้มก่อนที่หยกจะกดปลายจมูกลงที่ข้างแก้มขาว ๆ

ทำเพียงแค่นั้นและผละออกห่าง ดึงมือทั้งสองข้างของคนที่นั่งเงียบมากุมเอาไว้
มองที่มือของกัสที่เย็นเฉียบ กุมเอาไว้จนเริ่มรู้สึกได้ถึงความอุ่นที่เพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ

“อยากเรียกอะไรก็เรียกเถอะ....แต่อย่าหายไปแบบนี้อีกนะ”

อย่าหายไป

แบบนี้อีก

อย่า..........

ทั้งที่ไม่ได้อยากหายไป เพียงแค่ไม่มีเหตุผลที่จะมาหาเท่านั้น

หยก........

คิดถึง.....

คิดถึงหยกมากนะ อย่าไปไหนเลย อย่าไปไหน อยู่ตรงนี้ตลอดไปได้มั้ย

แล้วสัญญาจะไม่สร้างความอึดอัดใจให้หยก จะไม่สร้างปัญหา

แค่หยก....เท่านั้น

แค่มีหยกอยู่ แค่รู้ว่าหยกอยู่ตรงนี้ แม้ไม่รู้จะสื่อความรู้สึกที่มีอยู่ออกไปยังไง แต่หวังจะให้หยกรับรู้เสมอนะ

ว่าหยกคือทุกสิ่งทุกอย่างในเวลาที่ไม่เหลือใคร

หยกเป็นทุกสิ่งทุกอย่างเสมอ

“มองหน้าอีกแล้ว เป็นแบบนี้เรื่อย มองแล้วก็ไม่ยอมพูด กัสเอ้ยยยย”

แตะเบา ๆ ที่เส้นผมที่ยังเปียกชื้นและหยกก็หัวเราะเสียงเบาเมื่อมองหน้าของคนที่ชอบนั่งจ้องหน้าหยกตลอดเวลาแต่ไม่เคยมีคำพูดอะไรออกมา

“………………….”


“กัสจำได้มั้ย ว่าตอนแรก ๆ พี่ให้กัสเรียกว่าพี่หยกกัสก็ไม่ยอมเรียก”

หยกกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ เก็บของที่จำเป็นต้องใช้ลงกระเป๋าเดินทาง และก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ จากปลายสาย

“จำ...ได้.....”

เดี๋ยวนี้คนที่อยู่ไกลพูดอะไรเก่งขึ้นเยอะ เข้าใจอะไรขึ้นมากกว่าเมื่อก่อน

หัวเราะง่ายขึ้น และแม้จะอยู่ไกลขนาดไหน แต่รู้สึกเหมือนใกล้กันมากกว่าช่วงเวลาที่เคยอยู่ด้วยกันแต่ไม่เข้าใจกันซะอีก

“จำได้ว่ายังไงนะ ไหนบอกพี่ซิ”

จำได้
จำได้หมดเลย

ทุกอย่าง ทุกสิ่งที่หยกอยากให้ทำ จำได้หมด

“ให้เรียก...พี่หยก.....”

ใช่

ใช่แล้วล่ะ เมื่อก่อนเคี่ยวเข็ญแทบตาย แต่กว่าจะพูดได้แต่ละคำต้องหลอกล่อสารพัด

“เก่งขึ้นเยอะแล้วนะกัส”

เพราะพี่หยก
เพราะอยากคุยกับพี่หยก กัสเลยพยายามพูดให้มากขึ้น พยายาม..........พูด พยายามคิดที่จะพูด

และเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเริ่มง่ายขึ้น เพราะหยกคือคนที่กัส อยากพูดด้วย จึงมีความพยายาม

“กัสเรียกอีกซิ พี่ชอบฟัง”

ได้

เรียกอีก....

เรียก....

“พี่....หยก....คิด....คิดถึง...พี่หยก...”

เพียงเท่านี้

แล้วคนฟังก็ได้แต่นั่งยิ้ม ยิ้มอยู่คนเดียว ขณะที่ลงมือพับเสื้อผ้าลงกระเป๋าไปเรื่อย ๆ

“คิดถึงเหมือนกัน.....พี่จะไปหาแล้วนะ......พี่กำลังจะกลับไปหาแล้ว......อีกไม่นานเราจะได้เจอกัน”

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.84
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 16-06-2014 18:18:20
 :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.84
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 16-06-2014 18:24:06
ยังย้อนอดีตอยู่แสดงว่ายังมีอะไรๆให้รู้
อิอิ รอนิวโจ้ รอหยกกัส กลับมาเร็วๆนะ อยากรู้ว่ากลับมาจะเป็นอย่างไรต่อ
--------------------------เม้นก่อนจะมีตอนใหม่มาสดๆ>W<----------------------------
อ๊ากกก จะกลับมาแล้ววว อย่าดราม่าเครื่องบินตกนะ ไม่เอานะ
เจอกันจะกอดกันกลมดิ๊กไหมนะ
แล้วนิว รุก โจ้ หนักๆเลย  :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.84
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 16-06-2014 19:00:27
จะกลับมาแล้ว.....เย้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.84
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 16-06-2014 19:09:31

พี่หยกจะกลับมาแว๊ว    :m11:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.84
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 16-06-2014 20:14:05
มาเร็วๆเหอะพ่อพระเอกกก น้องกัสรอแย่แล้ว :hao5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.84
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 16-06-2014 21:25:09
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#(นิว-โจ้) ข้ามผ่านวันเวลา

การเดินกลับบ้านพร้อมกันสองคน มันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

ปกติก็ใช่ว่าจะพูดกันมากมาย นาน ๆ จะคุยกันบ้าง เว้นแต่ช่วงแกล้งกัน ที่จะมีโอกาสคุยกันมากขึ้น

แต่วันนี้การเดินกลับบ้านพร้อมกันมันต่างจากทุกวัน

โจ้หน้านิ่ง
ส่วนนิวหน้านิ่งยิ่งกว่า

เดินมาด้วยกันและทิ้งระยะห่างจากกันพอสมควร

“ไกลไปมั้ย จะตกถนนแล้วมึง”

นิวหันไปมองคนที่เดินมาด้วยกันก็จริงแต่มันเดินล้ำเข้าไปจนแทบจะตกถนนอยู่แล้ว รังเกียจขนาดนั้นเชียว

“อะไรมึง”

อะไรล่ะ

ก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าอะไร อย่ามาทำหน้าเฉยเหมือนกูหน่อยเลยไอ้โจ้

แกล้งทำเป็นโกรธกัน ทั้งที่ไม่มีอะไรจะให้โกรธ

โจ้ทำหน้ามุ่ย ส่วนนิวยังเก็กขรึมไม่เลิก

แปลกที่ว่าการแกล้งโกรธกันมันไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดหรือทรมานแต่......รู้สึก...........มีความสุขเล็ก ๆ
เพราะที่มาของการโกรธกันมันเป็นเพราะต่างฝ่ายต่างทำตัวไม่ถูก

ต่างฝ่ายต่างเขิน

ทุกอย่างจึงเป็นอย่างที่เห็น มีหลายครั้งที่นิวเหลือบหางตามองคนที่เดินห่างออกไปเป็นโยชน์ และมีหลายครั้งที่พยายามกลั้นรอยยิ้มของตัวเองเอาไว้ด้วยการขบริมฝีปากแน่น

อย่าเชียวนะมึง อย่าได้แสดงความรู้สึกออกมาเหมือนเมื่อช่วงก่อนกลับบ้านนะ

อายชิบหาย

แม่งกูก็ทำไปได้

แล้วทำแบบนั้นไปคนที่เดินข้าง ๆ นี่มันรู้สึกยังไงบ้างก็ไม่รู้ เห็นทำตาโตอ้าปากค้างใส่กูเฉยเลย นอกจากนั้นแล้วไม่มีปฏิกิริยาอะไรใด ๆ เลยทั้งสิ้น

“กูบอกชอบมึง......ไม่ใช่ว่ากูจะมาทำจิ๊จ๊ะจี๋จ๋าใส่หรอกนะ”

แล้วกูจะให้มึงทำแบบนั้นใส่เหรอ มึงบ้าเปล่าเนี่ย กูยังไม่ได้บอกเลยว่าจะให้มึงทำแบบนั้นใส่กู

“จิ๊จ๊ะจี๋จ๋าห่าอะไร”

อ้อมแอ้มตอบไป และเป็นนิวที่เบือนหน้าหนีไปทางอื่น ห่าโจ้ มึงอย่ามาทำเสียงงุ๊งงิ๊งมุ้งมิ้งใส่กูหน่อยเหอะ ไม่เข้ากับมึงหรอก

“เผื่อมึงจะคาดหวังอยากได้อะไรแบบนั้น”

กูไปคาดหวังตอนไหนวะ กูยังไม่ได้คาดหวังอะไรเล้ยยยยยยยย

“มึงก็บอกอยู่แล้วว่าไม่ทำไม่ใช่เหรอ”

เออ กูไม่ทำ
ไอ้จะมาเอ๊าะแอ๊ะ น่ารักใส่กันนั่นไม่ใช่กูหรอก  กูไม่ใช่ไอ้หยกไอ้กัสที่จะมาหวานแหววใส่กัน

มัน.........ไม่ใช่

ซะที่ไหนกันเล่า กูก็อยากทำเหมือนกันแหละ แต่กู........... เหี้ย กูเขินมึงเข้าใจป่ะเนี่ย

“กลับไง”

ได้ยินที่นิวถามแล้วโจ้ก็ขมวดคิ้วมุ่น กลับยังไงห่าอะไรวะ กูก็กลับแบบนี้แหละ มึงนี่ก็เหลือเกินนะ จะมึนจะอะไรกูไม่ว่าหรอก แต่ท่าทางเก็กมากกว่าเดิมสิบเท่านี่มันอะไร

กูไม่เข้าใจ

“มึงอ่ะ”

กูถามมึงไม่ใช่ให้มึงมาถามกู ถามก็น่าจะตอบ นี่มาย้อนถามกลับ มันใช่ที่ไหนกันล่ะ

“ก็ไปส่งมึงก่อนแล้วค่อยกลับ”

ห่า

ไปส่งกูทำไม บ้านกูไม่ได้หายไปไหน กูกลับเองด้ายยยย

“อยากไปส่งกูดิ”

พูดทั้งที่หน้าพยายามเก็กขรึมเข้าไว้ ทั้งที่ในใจพองโตไปถึงไหนต่อไหน

“ก็ไปส่งได้แค่ช่วงนี้แหละ พอทำงานแล้วก็คงไม่ค่อยได้เจอกัน มึงก็ไปใช้ชีวิตนักศึกษา กูก็ไปใช้ชีวิตคนทำงาน”

เหี้ยยยยยยยยย

จะเลิกคุยกับกูงั้นสิ

วางแผนเลิกคุยกับกูทั้งที่มึงเพิ่งบอกชอบกูเนี่ยนะ อยู่ใกล้กูมันหวั่นไหวมาก แล้วก็คิดว่าจะไม่มีทางเป็นจริงใช่มั้ยถึงได้มาพูดแบบนี้

“มึงชอบกูจริงเปล่าเนี่ย”

คราวนี้โจ้ขมวดคิ้ว และเริ่มรู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาจริง ๆ

กูอยากคบ แต่นิวแม่งอยากเลิก ถามจริง ๆ กูผิดอะไร

“...............”

ไม่มีคำตอบ และโจ้ก็หยุดชะงักเท้า ไม่ยอมก้าวเดินต่อ และนิวที่เดินนำหน้าไปแล้วก็หยุดเดิน

ชอบกับใช่ มันคนละเรื่องกัน

ชอบแต่ไม่ได้แปลว่าต้องได้อยู่ด้วยกัน ไม่ได้แปลว่าจะรักใคร่และอยู่ด้วยกันไปตลอด

กูมันคุณหนูตกอับ ต้องทำงานใช้หนี้ ทำงานสร้างตัวอีกนานเท่าไหร่กว่าจะประคองตัวเองได้

ส่วนมึงแม้จะไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไร แต่มึงก็ไม่ได้ลำบาก ถ้ามึงจะคบกับใครสักคน คน ๆ นั้นจะต้องดีกว่านี้ไม่ใช่กูที่เป็นแบบนี้ในเวลานี้

“ยังมีโอกาสกลับไปชอบผู้หญิงได้มั้ยมึงอ่ะโจ้”

เหี้ยนิว มึงถามแบบนี้หมายความว่ายังไง

“ถามแบบนี้มึงจะกลับไปคบผู้หญิงใช่มั้ย”

กูไม่ได้พูดแบบนั้น แค่คิดว่าถ้ามึงยังมีโอกาส กูก็อยากให้กลับไปทางนั้นมากกว่า

“ผู้ชายคบกันมันไม่ยืดหรอก”

นั่นมึงคิดไปเอง มึงดูไอ้กัส ไอ้หยกสิ มันก็ยังรอกันได้ มึงเอาหัวสมองที่ไหนมาคิดแบบนี้วะ มึงคิดได้ยังไง

“มึงไม่อยากคบกับกูมึงพูดมาตรง ๆ”

ใช่ กูไม่อยากคบ กูจะพูดกับมึงตรง ๆ ก็ได้

“อือ”

พยักหน้ารับทั้งที่ไม่ยอมมองหน้าของคนที่พูดอยู่ข้างหลัง

ใช่ กูไม่อยากคบ กูชอบนะ แต่สำหรับเราทุกอย่างมันเปราะบางเกินไป

มันจะดีแค่ช่วงแรก ๆ และเมื่อเราต่างคนต่างไม่ได้อยู่ใกล้กัน ความสัมพันธ์มันก็จะเจือจางลงไปเรื่อย ๆ

สุดท้าย เราจะห่างกันไปเอง

จะห่างกันตอนนี้ หรือจะไปห่างกันตอนนั้น ก็ไม่ต่างกัน ห่างกันไปตอนนี้เลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องเจ็บต้องเสียใจเยอะ ไม่เริ่ม ก็ไม่เสี่ยง ไม่เสี่ยงก็ไม่ต้องเจ็บมาก

“แล้วมึงจะบอกว่าชอบกูทำเหี้ยอะไรวะ สัดเอ้ยยยยยยยย”

กูชอบมึงไปแล้วจริงๆ นะนิว
มึงทำแบบนี้กับกูได้ยังไง ทั้งที่มึงก็ชอบกูไม่ใช่เหรอ มึงจะกลัวอะไรเรื่องอนาคตนักหนา ยังไม่ได้เริ่มด้วยซ้ำแต่มึงก็จะเลิกแล้ว

กูเกลียดวิธีคิดแบบนักวางแผนของมึงจริง ๆ อะไรที่รู้ว่าเสี่ยงมึงก็จะหยุดมันไว้ทั้งหมดเลยเหรอ
มึงไม่คิดว่าในความเสี่ยง มันอาจจะรอดพ้นไปสู่จุดที่ดีที่สุดก็ได้ มึงไม่คิดบ้างเหรอ

มึงไม่คิด..........บ้าง...เลย...เหรอ...นิว

“โจ้...มึงอย่าหวังอะไรมาก”

มีเพียงความนิ่งงันระหว่างคนสองคน
โจ้ก้มหน้าลง

ยืนก้มหน้านิ่ง ๆ
ไม่เข้าใจ ไม่อยากเข้าใจอะไรทั้งนั้น

มึงมันขี้กลัว แล้วจะให้กูก้าวข้ามเข้าไปได้ยังไง ในเมื่อมึงไม่ยอมเปิดให้กูเข้าไปหา

มึงรู้ได้ยังไงว่าเป็นไปไม่ได้

มึงรู้ได้ยังไง

“เหี้ยนิว กูเกลียดมึง มึงอยู่ของมึงไปเถอะ มึงอยู่แบบนี้ของมึงไปเลย ไอ้โง่ แล้วมึงจะเสียใจ”

ถ้าไม่ชอบก็คงไม่รู้สึก แต่ที่รู้สึกก็เพราะชอบไปแล้ว

กูรู้มึงคงผิดหวังและเจ็บปวด แต่กูไม่อยากให้บางอย่างมึนยืดยาวไปไกล ชอบไม่ได้แปลว่าต้องคบกัน

ชอบ.....มึง แต่ไม่ได้แปลว่ามึงกับกูจะได้คบกันไปตลอดหรอกนะ
ใช่.......มันไม่ได้แปลว่าอย่างนั้น

นิวได้แต่มองตามแผ่นหลังของคนที่เดินลิ่วจากไปอย่างรวดเร็ว

มองตามและไม่แม้แต่จะคิดฉุดรั้งเอาไว้

กูมันคนขี้กลัว
มึงพูดถูก

เหตุผลร้อยแปดอะไรนั่นมันไม่มีหรอก ที่มีก็อย่างที่มึงพูด กูมันคนขี้กลัว กลัวจนไม่กล้าก้าว ได้แต่อยู่ในที่ของกูแบบนี้ตลอดไป

กูคงต้องอยู่แบบนี้โดยไม่มีมึงมาอยู่ข้าง ๆ ตลอดไป

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.84
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 16-06-2014 21:27:49
นิวได้งานแล้ว พนักงานในโรงงานเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง  และมันเป็นเรื่องยากที่จะได้ใช้ชีวิตแบบเดิม  ๆ
ชีวิตเปลี่ยนไปแล้ว   ไม่สามารถเป็นนิวอย่างที่เคย  กลายเป็นนิวที่ต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น

แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนไป คือบางสิ่งบางอย่าง  เรื่องระหว่างคนสองคนที่ยังไม่เปลี่ยนแปลง

ถ้ามีตัวเลือกให้สองข้อ ระหว่างสู้ต่อ หรือถอยหนี นิวคงใช้เหตุผลร้อยแปดมาพิจารณาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อประกอบการตัดสินใจ
ถ้าการลงทุนไม่คุ้มเสี่ยง นิวเลือกที่จะถอย

แต่โจ้ไม่คิดจะถอยกับเรื่องอะไรทั้งนั้น ถ้าอยากจะทำ กูก็จะทำ จะเจ็บจะช้ำ กูไม่แคร์

ก็ในเมื่อคนบางคนมันกลัวที่จะสู้มากนัก กูก็จะสู้แทนมันเอง ในเมื่อแม่งก็ชอบกูนี่หว่า แล้วเรื่องอะไรกูต้องถอยด้วย

ไม่มีทาง

“ฮาโหล มึงกินข้าวยังเนี่ย....ที่รัก”

กรอกเสียงลงไป ฟังดูกระโชกโฮกฮาก แต่คนฟังคงไม่รู้ว่าคนพูดกำลังอาย

นี่คืออะไร มันคือการจีบของมึงเหรอ มึงจีบได้แนวมาก เชื่อมึงเลยไอ้โจ้

“กินแล้ว มึงอ่ะ”

ตอบกลับและนิวก็นั่งขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

ไอ้โจ้มันโทรหาสิบสาย และมันก็ส่งข้อความมาว่า ถ้าครั้งที่สิบเอ็ดยังตีรวนตั้งแง่ไม่ยอมรับสายอีก ...........กูจะปีนหอมึง..........
ดูมันทำ มันรู้ทุกอย่าง มันเข้าใจทุกอย่าง แต่มันดื้อแพ่ง สันดานมันเป็นแบบนี้ เอาอารมณ์เป็นใหญ่เข้าว่า

อยากทำก็จะทำ ห้ามมันได้ที่ไหน

“กูกินแล้ว ที่รักทำอะไรอยู่ล่ะ”

ก็อยากจะโมโหหรอกนะ แต่สรรพนามบ้า ๆ ที่มันใช้เรียกนี่แหละที่ทำให้โกรธมันไม่ลง

กูนึกหน้ามึงออกเลย หน้านิ่ง ๆ พยายามเก็ก แต่.....
มึงน่ามองเสมอแหละโจ้ บางทีเวลามึงพูดแบบนี้กูก็อยากจะเห็นหน้ามึงจริง ๆ ว่ามึงกำลังทำหน้ายังไง ใช่อย่างที่กูคิดหรือเปล่า

“มึงเลิกเรียกแบบนี้เหอะ กูขนลุก”

ขนลุกทำเหี้ยอะไร มึงขนลุกก็เรื่องของมึงสิ กูไม่ได้ขนลุกด้วยซะหน่อย คิดจะเลิกกับกูเหรอ เร็วไปร้อยปีแสงแล้วเหี้ยนิว

ยังไม่ทันคบ จะมาเลิกได้ยังไง ชอบกูแล้ว อย่าหวังจะหลุดมือกูไปง่าย ๆ กูไม่ปล่อยมึงหรอกคอยดู กูจะจีบแบบของกูนี่แหละ สัด
เอาให้แม่งรู้กันไป ว่าจะไม่ใจอ่อน

“กูคิดถึง กูชอบมึง กูจะพูดกับคนที่กูชอบแบบนี้ กูพูดไม่ได้หรือไง”

มึงก็ตรงเกินไป  กูไปไม่ถูกเลย

“มึงชอบดิ ที่กูพูดแบบนี้ แล้วกูขอบอกไว้เลยนะ ว่ามึงใจแข็งได้ไม่นานหรอก กูจะตื้อมึง”

มึงชัดเจนเกินไปหน่อยแล้วโจ้

“ไอ้บ้า”

ฮี่ ฮี่ ฮี่ ด่ากูแบบนี้ แบ๊วนะมึง

“เป็นเพื่อนกันไปก่อนก็ด๊ะ.........เอาป่ะล่ะ”

โห

มึงเอาจริงเกินไปแล้วเหอะโจ้


"......................................"


“เงียบทำไมวะ มึงก็พูดมาสิ มึงจะเอายังไง แต่ไม่ต้องพูดเรื่องจะไม่คบกับกูนะ เพราะกูไม่สน คบหรือไม่คบกูไม่แคร์ เพราะยังไงตอนนี้เราก็คบกันอยู่”

คบกันอยู่เหี้ยอะไรล่ะ

มึงแม่งโมเมได้ใจมากไอ้โจ้

“อะไรของมึง”

อะไรของกูก็ช่างกูเหอะ

“นิว.......”

อือ

นิ่งเงียบตั้งใจฟัง และเป็นโจ้ที่ไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปดี ถอนหายใจยาวจนนิวที่รอฟังก็ยังรับรู้ได้ว่าโจ้ก็มีเรื่องให้คิดอยู่เหมือนกัน

“มึงอย่าเลิกชอบกูง่าย ๆ นะนิว”

เรื่องนั้น.....

มึงเลิกคิดมากซะทีได้มั้ย ยังไงตอนนี้เราก็ได้ชอบกันแล้วไม่ใช่เหรอนิว

มึงชอบกู แล้วกูก็ชอบมึง มึงอย่าบังคับให้กูคิดเรื่องที่ยังมาไม่ถึงได้มั้ย กูไม่อยากคิด กูอยากคิดแค่เรื่องปัจจุบันแค่นั้นนะนิว

“ตัดใจขาดแล้วเหรอมึงอ่ะ มาถามกูแบบนี้”

ตัดใจ
ขาด
หรือยัง

ขาดหรือไม่ขาด นั่นมัน….มันใช่เรื่องที่ไหนกันล่ะ จะขาดหรือไม่ขาด ตอนนี้กูก็ชอบมึงไม่ใช่หรือไง

“มึงบั่นทอนกำลังใจกูเรื่อยเลยนะ.....”

ถ้าจะคิดอย่างนั้น มันก็ใช่

มันก็ใช่เสมอแหละ
กูพยายามบั่นทอนกำลังใจมึง แต่จะให้ตัดขาดเลย มันก็ทำไม่ได้ ช่วงระยะเวลาหนึ่งที่ได้อยู่ใกล้กันจริง ๆ จัง ๆ มันทำให้กูตัดขาดไม่ได้

พอมึงรุกเร้าเข้ามาใกล้ กูก็ใจอ่อนทุกที บ่อยไปที่ต่างคนต่างใส่อารมณ์และตะคอกใส่หน้ากันเรื่องจะคบหรือไม่คบ

ฝ่ายหนึ่งเดินหนีตลอด ส่วนอีกฝ่ายก็ยืนยันจะวิ่งไล่ตาม

“มึงหนีให้ได้ตลอดแล้วกันนิว”

กูก็พยายามหนีอยู่นี่ไง

“นอนได้แล้วเหอะไปมึงอ่ะ โทรมาก่อกวนกูตลอดเลยนะ กูจะไปเข้างานแล้ว”

กูไม่ได้จะโทรมาก่อกวนมึงหรอก กูแค่โทรมาให้กำลังใจมึงก่อนไปทำงานเฉย ๆ

“สู้ ๆ นะนิว”

อย่าพูดจาน่ารักเหอะ  กูไม่ชินกับความแบ๊วของมึงนะโจ้
 
“เออ”

ตอบกลับและตั้งใจจะวางสาย แต่เมื่อเหลือบมองตุ๊กตาหมีที่ทำเป็นนาฬิกาและในนั้นก็มีรูปของใครบางคนอยู่ นิวก็เลยยิ้มอยู่คนเดียวเงียบ ๆ .............กูให้ เอาไว้เป็นยันต์ ถ้าใครเข้าห้องมึง แล้วเห็นหน้ากูเขาจะได้ถาม ว่ากูเป็นใคร ถ้ามึงหน้าด้านตอบว่ากูเป็นแค่เพื่อนมึงได้ ก็เอา.......... วันที่สอบเสร็จวันสุดท้าย ไอ้โจ้มันยัดเยียดให้

ทำท่าจะไม่รับ แต่มันก็ทำหน้าขึงขังใส่

“ถ้ามึงไม่รับ คืนนี้กูจะไปปีนบ้านมึง”

มันบอกแบบนั้น

ก็เอาสิ มึงนี่ขยันขู่กูได้ตลอดเนอะ เอะอะคิดอะไรไม่ออก ก็จะปีนบ้านกู ระวังพ่อกูคิดว่าเป็นขโมยแล้วจะสอยมึงร่วงจากหลังคาเข้าสักวัน

ขู่มันไปขนาดนั้นมันก็ยังไม่สน  ก็เลยจำใจรับ

บอกตัวเองว่าจำใจรับ แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่

ความตั้งใจที่จะไม่สานต่อ ยังคงมีอยู่เหมือนเดิม แต่เหนือกว่านั้นมันมีความรู้สึกอื่นตามมาด้วย กูชักชอบให้มึงไล่ล่ากูแบบนี้ทุกวันซะแล้วสิโจ้

“นิว”

อือ

ไม่ตอบ แต่ปลายสายก็รู้ว่านิวกำลังฟังอยู่

“คิดถึงกูป่ะ”

ตลกแล้ว

อย่ามาพูดจาเรื่อยเปื่อยใส่กูหน่อยเลย ถามกูได้ทุกวัน จะให้ตอบอยู่ได้ทุกวัน เราไม่ได้คบกันซะหน่อย คนเป็นเพื่อนกันที่ไหนเขาจะมาพูดว่าคิดถึงกันแบบนี้ มึงก็บ้าเกินไปไอ้โจ้

“บ้า”

เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย

“นิวมึงแบ๊วมากอ่ะ”

เออ แบ๊วตามมึงแหละ อยากให้กูแบ๊วมากกว่านี้มั้ยล่ะ

“ตกลงคิดถึงกูใช่มั้ย”

ยังไงล่ะ คิดถึงที่ว่านั่นน่ะ

“เอาตรง ๆ ป่ะ”

เออ ตรง ๆ

“กูพูดเสร็จกูวางเลยนะ แล้วมึงไม่ต้องโทรมากวนกูเพราะกูเข้ากะสองวันลากยาว”

ได้

มึงว่ามาได้เลยกูจะรอฟัง

“พูดมา”

รอฟัง
และโจ้ก็ได้ยินเหมือนเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่จากคนที่อยู่ปลายสาย

“เออออออออออออ”

ห๊ะ   

เออ

เออเนี่ยนะ

แปลว่าอะไรวะ   แปลว่า...................คิดถึงมั้ย  มันตอบว่า  เออ

เออเหรอวะ   นิวมันตอบ ว่า เออ  ......มึงแม่งเหี้ยมากนะนิว พูดจาแบบนี้ได้ยังไงวะ

เสียงสัญญาณตัดไปเรียบร้อย

และโจ้ก็นั่งขบริมฝีปากตัวเองอยู่อย่างนั้น หน้าแดง หลังได้ฟังคำพูดของคนที่วางสายไปเรียบร้อยและไม่ยอมให้ติดต่อได้อีก

“เหี้ยนิวมึงพูดแค่เออคำเดียวเนี่ยนะ กวนตีนสัด”

ด่า แต่ไม่รู้ว่าคนที่ถูกด่าจะได้ยินหรือเปล่า

คนด่าด่าไป ส่วนคนพูดกำลังยิ้ม นิวยิ้มกับตัวเองคนเดียว ก่อนจะหยิบเสื้อมาสวมอย่างช้า ๆ

ภายในหัวใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ จากการที่ได้หยอกล้อกับใครบางคนที่ทั้งตื้อทั้งหยอด ทั้งหลอกล่อสารพัด
เพื่อไม่ให้นิวยุติความสัมพันธ์ที่คลุมเครือลง

“เพื่อนกันเขาไม่คุยกันแบบนี้หรอกโจ้......แต่มึงเป็นเพื่อนคนพิเศษกูเลยพูดกับมึงแบบนี้ได้”

ครึ่งใจ คือไม่อยากไปต่อ แต่อีกครึ่งใจเริ่มลังเลว่าคงไม่อาจตัดขาดได้ มันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวัน ความรู้สึกที่มีให้
ไม่ใช่กลับไม่ได้ไปไม่ถึงเหมือนเมื่อก่อน แต่มันเหมือนจะก้าวหน้าไปเรื่อย ๆ แบบไม่น่าเชื่อ

ถ้ากูหลุดพ้นจากความกลัวไปได้

มันก็คงจะดี

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.84
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 16-06-2014 21:28:24
“เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยย เท่ห์ว่ะ”

โจ้นั่งกอดอกและยิ้มร่า เมื่อมองคนที่ก้าวเข้ามาในร้านอาหารแห่งหนึ่งที่นัดกันไว้

ไม่ค่อยได้เจอกันมาพักใหญ่ หลังจากเรียนจบ

นิวได้งานแล้ว ตรงกับสายที่เรียนมา และมันบอกว่าถ้าอะไรเริ่มลงตัว ต้องเรียนต่อเพื่อให้วุฒิการศึกษาสูงขึ้นกว่านี้
หลังจากไม่ได้เจอกัน วันนี้เมื่อได้เจอ โจ้ถึงเพิ่งรู้ว่านิวเปลี่ยนไป รูปลักษณ์ภายนอกเปลี่ยนไปแล้ว แม้จะใส่ชุดสำหรับพนักงานโรงงาน แต่ก็ดูดีไม่น้อย บางทีอาจไม่ใช่เพราะชุด แต่เพราะคนบางคนมันดูดีมาแต่ไหนแต่ไร พอมาใส่ชุดแบบนี้มันเลยยิ่งน่ามอง

“อะไรมึง”

ขัดเขินเกินกว่าที่จะยอมรับการชมแบบกวน ๆ จากอีกฝ่ายหนึ่งได้

ทรุดกายลงนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม และก็เห็นชัดว่าคนตรงหน้าดูเปลี่ยนแปลงไปเยอะ แม้แทบจะไม่ได้เจอหน้ากันเลยตลอดครึ่งปี แต่ได้ยินเสียงกันเกือบทุกวัน

“กูหล่อขึ้นป่ะ”

นิวส่ายหน้าเมื่อถูกถาม และโจ้ก็เบะหน้าเพราะนอกจากอีกฝ่ายจะไม่ชมแล้วมันยังเมินหน้าหนีไปทางอื่นอีก

“หวาน ๆ กับกูบ้างก็ด้ายยยยยยย”

ใครจะไปทำแบบนั้นล่ะ บ้าหรือเปล่า

“ไม่อ่ะ”

เออออออออออออ ใช่เซ่ กูมันไม่ได้หล่อหรือดูดีขึ้นนี่ ใครจะไปเหมือนมึงล่ะ

“แต่ลูกคุณหนูเขาดูผิวพรรณผ่องใส หน้าตาดีหล่อเหลาขึ้นเยอะ”

เออ
แน่นอนอยู่แล้ว เคยเจอแดดที่ไหนล่ะ เลิกงานก็กลับบ้านนอนสลบ ตื่นมาก็คุยกับมึง จะเอาเวลาที่ไหนไปเจอแดด
อีกอย่างกูก็เป็นลูกคุณหนูผิวพรรณดีกว่ามึงมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว จะดูดีขึ้นอีกนิดก็ไม่เห็นจะแปลกอะไร

“นิว สนใจกูหน่อยสิ มึงจะไปมองโต๊ะอื่นทำไมวะ กูนั่งอยู่เนี่ย”

ให้มองอะไรล่ะ

มึงก็เป็นมึงเหมือนเดิม ผิดจากเดิมก็แค่ว่า ผมยาวขึ้น โตขึ้น หน้าตา.........ดูเหมือนจะน่ารักขึ้นเยอะมาก.....ตั้งแต่เป็นเด็กมหาลัย

“หน้ามึงไม่ได้น่ามองหรอกโจ้”

เหี้ยนิวอ่ะ

“งั้นกูมองมึงแทนนะเพราะกูอยากมอง”

เหอะ เอาเลยตามสบาย

“มองมาก ๆ ระวังท้องนะมึง”

เหรอ กูท้องได้ที่ไหนกันล่ะ

“มึงจะทำให้กูท้องเหรอ”

เออ ให้มันได้อย่างนี้สิ ตลอดเลยนะมึง กูหยอดหน่อยยิ้มหน้าบานเลย แล้วก็ทำหน้าเคลิ้มมีความสุขได้ตลอด เห็นแล้วมันน่าหมั่นไส้

“โอ้ย ทำอะไรของมึงเนี่ยไอ้โจ้”

หน้าแข้งโดนเตะ และนิวก็หันกลับมามองคนที่เตะ

“สนใจกูบ้าง”

สนใจห่าอะไร เพราะสนใจหรอกถึงไม่มองหน้า

มึงน่ามองขึ้นเรื่อยๆ กูถึงไม่กล้ามองตรง ๆ เดี๋ยวความรู้สึกกูจะไปกันใหญ่ แล้วมาเตะหน้าแข้งกูแบบนี้ เดี๋ยวมึงเจอ....

“อยากลองดีนักนะมึง”

ขู่
และนิวก็หันไปมองรอบ ๆ ร้านให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ ก่อนจะยื่นขาไปแตะเบา ๆ ที่เป้ากางเกงของโจ้

“เหี้ยนิว”

ถึงกับสะดุ้ง และโจ้ก็รีบเอามือกุมเป้าของตัวเองไว้เพราะโดนแกล้งกลับ

เล่นเหี้ยอะไรของมึงเนี่ย

มึง.......

“หน้าแดงแล้วโจ้”

แดงเหี้ยอะไร จะมาแดงอะไรล่ะ หน้ากูก็เป็นแบบนี้ตลอดแหละจะมาแดงไปไหนมากมาย

“แค่โดนสะกิด ตั้งเลยหรือไงมึง เอ้า หน้าแดงใหญ่แล้วโจ้”

สันดานไม่ดีนะมึงไอ้นิว

“หน้าแดงก็เรื่องของกูเหอะ มึงอ่ะ คิดถึงกูป่ะ”

นั่นไง
มาแล้ว พอเสียท่านี่เล่นกูกลับเลยนะ

นิวไม่ตอบ และแกล้งมองไปรอบ ๆ ร้านเรื่อย ๆ

“นิว”

ได้ยินเสียงจากคนที่แม้จะหน้าแดงแต่มันก็ยังกล้าเรียก

“นิวอ่ะ”

หนักเข้านอกจากเรียกแล้ว มันยังทำหน้างี่เง่าใส่อีก

“เบา ๆ อายชาวบ้านเขาบ้าง”

อายทำไมอ่ะ ไม่ต้องอายหรอก

“คนเยอะแยะอายทำไม”

เหรอ

ไม่ต้องอายเหรอ

“กูมากินข้าวนะไม่ใช่มาให้มึงแทะโลมจีบไปเรื่อย”

มันจะเกินไปหน่อยแล้ว ทำไมมึงถึงได้เรื่องเยอะขนาดนี้วะ ไม่เจอหน้ากูตั้งนาน พูดจาหวานๆ กับกูบ้างไม่ได้เลยเนอะ
ทีกูยังพูดกับมึงหวานๆ เลย

“นิวววววววววววววอ่า”

นิวสูดหายใจเข้าลึก ๆ เต็มปอด และหันกลับมามองหน้าของโจ้ช้า ๆ

“หยุด”

หยุดทำไมวะ
หยุดทำไมวะ

หยุดทำไม
หยุดทำไม

“นิว”

ยังไม่เลิก และนิวก็ถลึงตาใส่คนที่ยังไม่รู้ตัวเองว่ากำลังทำเรื่องไม่สมควรอยู่

“นิวอ่ะ นิว นิว นิว นิว”

ไอ้โจ้ กูบอกว่าอย่าเรียก มึงยังไม่เข้าใจอีกใช่มั้ย

ถลึงตาใส่ก็แล้ว งี่เง่าใส่ก็แล้ว แต่โจ้ก็ยังทำหน้าระรื่นเรียกไปเรื่อยไม่ยอมเลิก

จนนิวทนไม่ไหว ชักเริ่มหงุดหงิดโมโหจนต้องลุกขึ้นและชะโงกหน้าเข้าไปใกล้เพื่อพูดบางอย่างให้ได้ยินกันสองคน

“สัด....กูเงี่ยน.....ถ้ายังไม่พร้อมเสียซิงให้กู....เลิกยั่วกูด้วยการเรียกแบบนี้ซะที.....หยุดเลยนะไอ้โจ้.....ถ้ายังไม่หยุดมึงโดนแน่....หรือมึงจะเอา”

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.85
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 16-06-2014 21:53:03
เอาเลยโจ้ เราเชียร์ อิอิ :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.85
เริ่มหัวข้อโดย: Elleelle1234 ที่ 16-06-2014 22:51:04
โจ้น่าร้ากกกกก   :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.85
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 16-06-2014 22:51:28
เอาเลยนิวววว กดเลยยยย
โจ้น่ารักขึ้น งั้นแสดงว่า..นิวเมะใช่ไหม//เราอ่านไปก็ใจตุ้มๆต่อมๆว่าตกลงมันจะพลิกบทไม่เหมือนที่คิดไว้หรือเปล่า
มันยากจริงๆที่จะอ่านตำแหน่งของสองคนนี้ ถถถถถ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.85
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 16-06-2014 22:56:35
ตอบรับเลย ไหนๆก็ไหนๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.85
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 16-06-2014 23:40:47
หยกจิมาแล้ว (กรีดร้อง)
ดีใจมากๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.85
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 17-06-2014 00:08:26
แล่วๆๆๆ ประโยคสุดท้ายทำเอาลุ้นกะตอนถัดไป ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.85
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 17-06-2014 02:15:01
นิวโจ้ทำเราฟินไม่แพ้คู่อื่น
โจ้นี่ยื่งโตยิ่งเคะได้ใจ 555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.85
เริ่มหัวข้อโดย: ultue ที่ 17-06-2014 17:40:57
รอพี่หยกกลับมา :mew2: :mew2: :mew3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.85
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 17-06-2014 18:09:10
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#(นิว-โจ้) ชม


“นิวอ่ะ”

สัด

"หงุดหงิดชิบหาย  เงียบปากมั่งไปมึงอ่ะ"

ได้แต่บ่น และนิวก็ขมวดคิ้วมุ่น

แทนที่จะหุบปาก ห่านี่แม่งทั้งเรียกทั้งยิ้มหนักกว่าเดิมอีก เอาซะให้พอเลยมึงไอ้โจ้ มึงเอาซะให้พอ

นิวรู้ว่าตัวเองกำลังหงุดหงิดกับท่าทีกวนประสาทของใครบางคน

มันเป็นแบบนี้ตลอด ทำให้กูหงุดหงิดและประสาทเสียได้ตลอด

นิสัยแบบนี้ สันดานแบบนี้ กูชอบแม่งเข้าไปได้ยังไงวะ

โจ้ไม่ยอมเลิก   บอกให้หยุด มันยิ่งพูดไม่ยอมหยุด

โจ้อยากให้คนบางคนที่ชอบทำเป็นใจเย็นนิ่งเฉยไม่รู้สึกอะไรเลยแสดงความรู้สึกออกมาซะบ้าง
อยากให้แสดงความรู้สึกออกมาเยอะ ๆ ไม่ว่าจะดีหรือร้ายก็อยากให้แสดงออกมาให้หมด

“จิตหงุดเงี้ยวเหรอ”

ยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกนะมึงไอ้โจ้

“ข้าวจะแดกมั้ย ถ้าไม่แดกกูจะได้กลับ”

โห

“พูดดี ๆ ก็ได้ ข้าวจะกินหรือเปล่าโจ้ ถ้าไม่กินนิวจะกลับ พูดแบบนี้กับโจ้ก็ได้นะครับ”

อย่ามาทำหน้าซื่อตาใส อย่ามาทำเป็นพูดจาแบบนี้

“คิดถึงมึงจังเลยว่ะนิว”

อะไรของมึง อย่ามาทำหน้าเศร้าตาละห้อยแบบนี้ใส่กูหน่อยเลยกูไม่ใจอ่อนง่าย ๆ หรอก

“มึงอ่ะทำไมไม่พูดกับกูดี ๆ วะ”

เป็นห่าอะไรถึงอยากได้คำพูดหวาน ๆ เลี่ยน ๆ ก็รู้ว่ากูไม่ชอบพูด ยังจะหาทางให้กูพูดอยู่ได้

“มึงเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเองมากเลยนะนิว แล้วมึงก็เอาแต่ใจคนอื่นด้วย แต่มึงไม่เคยเอาใจกูเลยเนอะ”

ชะงักกับพูดง่าย ๆ ของโจ้ คำพูดง่าย ๆ ที่ทำให้นิวนิ่งชะงัก
คนพูด พูดเสร็จแล้วก็ก้มหน้าลง ก่อนจะตักข้าวใส่จานส่งให้นิว ยื่นจานข้าวมาวางไว้ให้ที่ตรงหน้า และเปลี่ยนเรื่องคุยทันที

“กินข้าวเหอะ ร้านนี้บรรยากาศดี เพลงก็ฟังสบาย อย่าให้เสียบรรยากาศเลย”

รอยยิ้มดูฝืนจนนิวยังรู้สึก

ที่ไม่ดี.....มันคือกูเองนี่แหละ ถ้าคบกัน ก็ต้องยอมปรับตัว ต้องอ่อนข้อให้บ้าง
แต่กูไม่รู้จริง ๆ ว่าเราจะคบกันได้หรือเปล่า กูถึงไม่รู้ว่าจะลดความเป็นตัวเองลงดีมั้ย

ถ้าจะทำจริง ๆ มันไม่ใช่เรื่องยาก แต่ที่กูไม่ยอมทำอาจเป็นเพราะคิดว่า ทำไปก็เท่านั้น ใช่ว่าคบกันแล้วจะไปกันยืด สักวันก็ต้องเลิกกันอยู่ดี

“มึงไม่ยอมคบกับกูเนอะ แต่ทีแฟนเก่ามึง มึงยังคบได้เลย”

อีกครั้งที่นิวนิ่ง

แฟนเก่า

ทำไมถึงได้คบ ทำไมถึงได้คบกับอ้อ ทำไมถึง.......แต่กับโจ้ทำไมถึงไม่ยอมคบ

“มันไม่เหมือนกัน”

ไม่เหมือนกันตรงไหนล่ะไอ้ห่า ก็แฟนเหมือนกัน

ทีแฟนเก่ามึงคบได้ แต่กูมึงไม่ยอมคบ มึงจะเอายังไง กฎเกณฑ์ของมึงคืออะไรกันแน่ กูตามไม่ทัน

“แล้วทำไมคบกับกูไม่ได้วะ”

ที่คบไม่ได้..........เพราะ.... มึง....ไม่รู้จริง ๆ เหรอ มึงไม่รู้จริง ๆ หรือแกล้งไม่รู้เนี่ย

“......................”

โจ้มองไปที่เวทีที่มีนักร้องขึ้นมาเล่นกีต้าและร้องเพลงคลอ

บรรยากาศดี แต่.......คนตรงหน้าคงไม่ซึ้งไปกับบรรยากาศ

นิวแม่งเป็นพวกชอบหนี ถ้ามันรักมันแล้วรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ มันจะเลิกและถอยห่างออกมา

มันชอบตองแต่มันก็ถอย

มันชอบไอ้กัสแต่มันก็ถอย

แต่ที่มันคบกับแฟนเก่ามัน เพราะมันไม่ได้ชอบ เลยไม่มีเหตุผลที่ต้องถอย

และมันชอบ..........กู.............มันถึงได้.............จะ....ถอย

“เฮ้ย............นิว”

โจ้ถึงกับยิ้มกว้าง เมื่อนึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ ร้องเรียกชื่อของคนที่นั่งหน้าขรึมอยู่ตรงหน้าเสียงดัง
และนิวก็เงยหน้าขึ้นมองและทำหน้ายุ่งเหยิงใส่

“อะไรอีก”

ไม่มีอะไร

ไม่มีอะไรจริง ๆ

“กูแค่อยากมองหน้ามึง”

มองทำเหี้ยอะไรล่ะ หน้ากูมีอะไรน่ามองนักหนาหรือไง ถึงได้มองอยู่ได้

“เลิกเรียกกูแบบนี้ด้วย มึงไม่เข้าใจที่กูพูดหรือไงวะ”

เข้าใจสิ กูถึงได้พูด

“เข้าจายยยยยยยยยยย”

เข้าใจแล้วยังไม่หยุดพูดอีก ยังจะทำเสียงแบบนี้ใส่กูอยู่ได้

“ไอ้เสียงงุ๊งงิ๊งง๊องแง๊ง ที่มึงทำ มันไม่ได้น่ารักหรอกนะ ไม่ได้ดูเข้ากับมึงด้วย แม่งทุเรศ”

เออ ช่างกูเหอะ ไม่เคยชมแถมยังด่าให้เสียหายตลอดแหละมึงอ่ะ นี่ถ้าไม่ติดว่าตามไล่ล่าจีบมึงอยู่นะ กูก็ว่าจะทำเสียงแปลก ๆ ใส่มึงยิ่งกว่านี้อีก

“ไอ้กัสมันยังทำใส่ไอ้หยกแบบนี้เลย”

นั่นมันเหมือนกันเหรอ

นั่นมันคนอื่น นี่มันมึง

“ตัวอย่างกะควาย เสือกเอาส้นตีนคิดหรือไงว่าจะดูน่ารัก”

โห มึงก็แรงไป กูเสียใจนะ

“แล้วทำยังไงมึงถึงชอบกูล่ะ”

ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นแหละ

“อยู่เฉย ๆ เหอะ กูรำคาญ”

โห อยู่เฉย ๆ มึงก็ไม่ได้ชอบกูมากไปกว่านี้หรอก งั้นกูก็ทำแบบที่กูอยากทำนี่แหละ มึงมันเหตุผลเยอะร้อยแปดกูตามไม่ทันหรอก กูทำตามอารมณ์กูนี่แหละ ดีที่สุดแล้ว

“ด่ากูเยอะ ๆ เดี๋ยวกูก็เลิกซะเลยนี่”

พูดไปเรื่อย ๆและคนฟังก็หันมามองหน้าของโจ้ทันที

เลิก
เลิกเหรอ

“..........................”

นิ่งงัน และนิวก็มองหน้าโจ้ ด้วยหัวใจเต้นระทึก

ไม่ได้อยากหยุดความสัมพันธ์ แต่ก็ไม่กล้าไปต่อ ไม่อยากให้โจ้เข้ามาในหัวใจ แต่ก็ไม่อยากให้หายไป
ไม่อยากให้โจ้ไปคบคนอื่น แต่ก็ไม่ยอมคบกับโจ้ ไม่อยากให้โจ้ไปชอบคนอื่น เพราะชอบโจ้ แต่ไม่ยอมก้าวไปข้างหน้าพร้อมโจ้

“กูมันเห็นแก่ตัวใช่มั้ยล่ะ”

เรามากินข้าวกันเพราะเราไม่ได้เจอกันมาพักใหญ่นะ ที่มากินข้าวด้วยกันเพราะกูคิดถึงมึง กูอยากเจอมึง

และมึงก็คิดถึงกูเหมือนกันใช่มั้ยนิว แม้มึงจะทำทีเป็นอิดออด แต่มึงก็รีบมา กูรู้
กูไม่เข้าใจเรื่องในหัวมึงหรอก แต่ในเวลานี้กูแค่อยากให้เราอยู่ด้วยกันแบบไม่ต้องทะเลาะกัน

“กูต่างหากที่เห็นแก่ตัว”

โจ้.........

“กูตื้อมึง กูเข้าหามึงตลอด เพราะไม่เคยมีใครชอบกู แต่พอรู้ว่ามึงก็ชอบกูเหมือนกัน กูเลยปล่อยไปไม่ได้ มีคนมาชอบกูด้วยนะตอนนี้ แต่กูไม่ชอบคนนั้น กูชอบมึงนะนิว เพราะว่าเราก็ต่างชอบกัน แต่กูไม่ยอมเข้าใจเหตุผลของมึง กูมันรั้น กูต่างหากที่เห็นแก่ตัว”

อย่าพูดแบบนี้โจ้ มันทำให้กูพูดอะไรไม่ออก

“ทำไมก้าวไปกับกูไม่ได้วะ ในเมื่อเรารู้จักกันขนาดนี้ จะมีใครรู้จักกูดีเท่ามึงคงไม่มีแล้วนะนิว และมึงคิดว่าจะมีใครรู้จักมึงเท่ากูอีกหรือเปล่าล่ะ ..............กูว่าแม่งก็ไม่มี”

ใช่

แบบนั้นมันก็ใช่

“มึงไม่อยากคบเพื่อเป็นอย่างอื่น งั้นเราก็เป็นเพื่อนกันไปแบบนี้เรื่อย ๆ ก็ได้ มึงหยอกกู กูหยอกมึง กินข้าวด้วยกัน โทรหากันบ้าง กูขอได้มั้ย ให้กูกับมึงเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่ามึงจะเจอคนที่ใช่.....คนที่มึงคิดว่าจะสามารถมีความรักและใช้ชีวิตกับคนนั้นไปได้ตลอดชีวิต”

เอาเข้าจริง นิวก็พูดอะไรไม่ออก เพราะคน ๆ หนึ่งที่นิวเคยคิดมาตลอดว่ามันรักใครง่าย ๆ ชอบใครง่าย ๆ ไปหมด ที่จริงแล้วทุกครั้งที่มันรักใคร มันจริงจัง


ตั้งแต่วันแรกที่โจ้รู้ว่าชอบ โจ้ก็ชัดเจนมาก ชัดเจนจนนิวยังหวั่นใจ ว่าอีกไม่นานคงใจอ่อนแน่ ๆ

“เออช่างแม่งเหอะ ถือว่ากูไม่ได้พูดอะไรแล้วกัน กูไม่อยากบีบมึง เดี๋ยวจะยิ่งไปกันใหญ่”

ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ไม่ใช่

“ลืม ๆ ลบ ๆ ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่มึงเถอะมีสาวโรงงานมาจีบเยอะเลยสิ”

มี

เรื่องมีมันก็มีอยู่หรอก

“อือ”

มึงตอบแบบนี้ ทำร้ายจิตใจกูชัด ๆ เลยนะนิว มึงตอบแบบนี้ไม่ถนอมน้ำใจกูเลย

“มึงก็เหมือนกันมีโอกาสจีบสาวมหาลัยมึงก็รีบ ๆ จีบซะ”

ตอกกลับบ้าง และโจ้ก็เงยหน้าขึ้นเพื่อมองหน้าของคนที่พูดประโยคนี้ออกมา กูกำลังประเมินมึงอยู่

กูกำลังประเมินสายตามึง กูกำลังประเมินท่าทางมึง และกูก็รู้ว่ามึงคิดอะไร

“มึงหึงแรงเหมือนกันเนอะนิว”

สัด

กูไปหึงมึงตอนไหน กูยังไม่ทันได้หึงเลยด้วยซ้ำ มึงอย่ามาโมเมเอาเองขอร้อง

“ประสาทหรือไง”

ไม่ประสาทหรอก จะประสาทได้ยังไง ก็เสียงมึงเหวี่ยงซะขนาดนั้น

“มึงหึงกูยอมรับเหอะ”

หึงเหี้ยอะไร

“กูเนี่ยนะ ไม่มี๊”

เสียงมึงสูงเกินไปแล้ว แถมหน้ายังนิ่งสนิทอีก เอาตรงๆ มึงหึงกูล่ะสิ

“ให้จริงเห้ออออออ”

ไม่จริงหรอก

กูแม่งโคตรหึง

“.....................”

แน่ะแบบนี้ยิ่งชัด

“หึงกูจริงด้วย  มึงหึงกูมากเลยสิ”

พอเหอะ ชักจะมากเกินไปแล้วมึงไอ้โจ้ ให้มันน้อย ๆ หน่อย

“มึงแต่งตัวดูเข้าท่าดีนะวันนี้”

อะไรวะ

อะไรเข้าท่า

ถามเรื่องนี้ไปพูดเรื่องอะไรไม่รู้

อยู่ ๆ มาบอกว่ากูแต่งตัวเข้าท่า แล้วก็มองเมินไปทางอื่น กูจะเข้าใจมึงมั้ยเนี่ย

กูจะเข้าใจมั้ย.....

“ประมาณยังไงวะ เข้าท่าเนี่ย คือดูดีหรือไม่ดีวะ”

มึนงงสงสัย และเกิดอาการพาซื่อขึ้นมาแบบกะทันหัน

และคนที่มองเมินไปทางอื่น ก็หันมามองหน้าของโจ้ มองแล้วก็พูดลอย ๆ และหันไปทางอื่นทำเป็นไม่สนใจอีก ทั้งที่คำพูดบางอย่างทำให้โจ้นั่งอึ้งหน้าแดงหัวใจเต้นระทึก และก้มหน้าก้มตาอมยิ้มกับสิ่งที่นิวพูด

“ก็หมายถึงน่ารักนั่นแหละ.......หมายถึงว่าวันนี้มึงดูน่ารักดี”

ให้มันได้อย่างนี้สิวะ

ให้มันได้อย่างนี้ พูดจาให้กูใจเสีย แล้วก็มาตบท้ายให้กูใจสั่นแบบนี้ตลอด แล้วแบบนี้กูจะกล้าไปไหน.......ก็ต้องตามจีบมึงไปเรื่อย ๆ แบบนี้จนกว่ามึงจะใจอ่อนนั่นแหละ

“มึงก็เท่ห์ว่ะ แม่งอย่างเท่ห์เลยตอนกูเห็นแว่บแรกที่มึงเดินเข้ามา มึงดูดีขึ้นมากเลยนิว กูพูดจริง ๆ นะ”

เหรอ

พูดจริงเหรอ

นิวเมินหน้าไปทางอื่น เพราะตอนนี้กำลังพยายามบังคับหน้าไม่ให้ยิ้ม

สัดโจ้

อย่าชมมากกูเขิน กูจะทำหน้าไม่ถูกอยู่แล้วเนี่ย จะให้หันไปทางไหนอีกวะ ไม่รู้จะหันไปทางไหนดีแล้ว

“เออเหอะ.....เห็นแว่บแรกกูก็ว่ามึงน่ารักขึ้นนั่นแหละโจ้....อันนี้กูก็พูดจริงเหมือนกัน”

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.85
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 17-06-2014 18:25:54
เค้าชมกันเอง2คน
แล้วทำไมเราต้องเขินตามด้วยเนี่ย >_<
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.85
เริ่มหัวข้อโดย: Elleelle1234 ที่ 17-06-2014 19:26:35
เมื่อไหร่ นิวจะรักโจ้สักที หรือต้องให้โจ้ไปคบคนอื่นก่อนนน หรอนิวว :mew5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.85
เริ่มหัวข้อโดย: มายาสีเงิน ที่ 17-06-2014 19:29:18
อ้าวหี้วววววววว.... :mc3:..จับโต๊ะกันไว้ให้แน่นๆน้าาาเดี๋ยวจะตัวลอยไปใกลไม่รู้น้าา 555  :laugh5:
ชมกันไปชมกันมาซะชนาดนี้
เขินแทนเลยชั้น :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.85
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 17-06-2014 19:51:29
หมั่นไส้นิวเจงๆ 55555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.85
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 17-06-2014 19:57:39
ข้าวไม่ต้องกินกันละ เพลงก็ไม่ต้องฟังละ   :mew1:  ชมกันไปชมกันมา

แต่... เมื่อไหร่จะขยับ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ คบกันระยะประชิดซักที

ยังรอพี่หยกกลับมานะคะ

ยังรอคุณเลขา+ท่านประธานเป็ดด้วย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.85
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 17-06-2014 20:18:28
 :3123:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.85
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 17-06-2014 20:27:20
ชมกันไปชมกันมา ก็ต่างเขิน
แต่คนอ่าน อ่านไปอ่านมา ตัวบิดเป็นเกลียวเลยทีเดียว
อ๊ากกน่ารักกกกกก
ตกลงนิวโจ้จริงๆนะ ขอให้จิ้นถูกเถอะ
รอวันที่นิวมั่นใจและตกลงสักทีนะ
พี่หยกตีตั๋วกลับมายังงงง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.85
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 17-06-2014 20:59:19
คงไม่ต้องกินอะไรกันแล้วมั่ง ชมกันไปชมมาคงอิ่มอกอิ่มใจน่าดู  :mew3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.85
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 17-06-2014 21:41:56
ขัดใจนิว โจ้โมเอ้มากอะ  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.85
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 18-06-2014 06:01:00
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#(นิว-โจ้) อีกไกลแค่ไหน

“พยายามจะทำวิธีต่างๆ ให้เธอนั้นรักฉัน พยายามทุกวัน มอบให้ทุกอย่างที่เธอต้องการ”

เหี้ย อายชาวบ้านเขา ทำอะไรตามอารมณ์อีกแล้วไอ้ห่า

นิวนั่งตัวแข็งทื่อ ไม่อยากจะหันหน้าหนีไปไหนเพราะจะเป็นการผิดสังเกต

มึงจะมองกูทำไม แล้วมองซะขนาดนั้น เกินไปแล้ว สัดโจ้

มันก็เขินอยู่

แค่ชมไปนิดเดียว ไอ้ห่านั่นเสือกประสาทแดกเป็นเหี้ยอะไรขึ้นมาไม่รู้ ไปส่งกระดาษให้พนักงานเสริฟ
กูก็นึกว่ามันขอเพลง แต่ที่จริง ไม่ใช่ขอเพลง แต่เสือกขอขึ้นไปร้องเองเลย

กูรู้มึงเล่นดนตรีได้ แต่ไม่ต้องถึงขนาดขึ้นไปนั่งร้องโชว์อะคูสติกกีต้าขนาดนั้นก็ได้

“เหี้ยโจ้ แม่งบ้าชิบหาย”

อยากจะด่าอยู่หรอก แต่ไอ้คนที่ขึ้นไปเล่นกีต้าและร้องเพลงอยู่บนเวทีก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะสำนึกเลย
อะไรก็พอทนหรอกนะ แต่นี่มันเสือกร้องซะเพราะ จนนักร้องยังอายเลย

“แต่ทำไม เดินมาเนิ่นนานไม่ถึงซักที แต่ทำไม มองดูเส้นทางเหมือนยาวออกไป อยากรู้ว่าฉันต้องทำตัวอย่างไร”

เรื่องนั้น มึงไม่ต้องเอากูขึ้นไปประจานก็ได้นะ ก็เข้าใจอยู่ กับสิ่งที่มึงต้องการจะบอก แต่ว่า........

มันยังสับสนและไม่แน่ใจแค่นั้น

“อีกไกลแค่ไหน จนกว่าฉันจะใกล้ บอกที อีกไกลแค่ไหนจนกว่าเธอจะรักฉัน”

นิ่งฟัง และเข้าใจความหมายของคนที่อยู่บนเวทีอย่างชัดเจน

ไกลแค่ไหนเหรอ นั่นกูตอบไม่ได้หรอก มันอาจจะไกลอย่างไม่น่าเชื่อ และบางทีมันอาจจะใกล้แค่นี้เองก็ได้

กูชอบมึง
กูไม่ปฏิเสธ

ตอนนี้ก็ยังชอบ ตั้งแต่แรกไม่เคยคิดว่าจะชอบ แต่ไม่รู้มันเกิดขึ้นตอนไหน ตั้งแต่วันที่ล้อกันเล่น หยอกกันแบบไม่คิดอะไร แค่คิดจะกลั่นแกล้งให้อีกฝ่ายเจ็บปวด โมโห และสุดท้ายบางอย่างมันก่อเกิดขึ้นมาอย่างรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ

ยิ่งหนี ก็เหมือนยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ

มึงไม่ต้องทำอะไรหรอก มึงก็อยู่แบบนี้ไป กูไม่คิดให้มึงทำอะไรอยู่แล้ว ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับมึง

กูก็บ้า หนีก็ไม่ได้ ไปด้วยกันก็ไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ได้สักอย่าง ได้แต่แกล้งมึนแบบนี้ไปเรื่อย ๆ
กลัวเสียมึงไป แต่ก็ไม่อยากได้มึงไว้ครอบครอง

กูมันบ้า

ความหมายของคำว่ารักกูคงตอบไม่ได้

แต่ถ้าถามความรู้สึกตอนนี้ ตอบตรง ๆ “กูยังอยากให้เราเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ทุกวัน”

ปลายนิ้วที่ดีดกีต้าหยุดลงแล้ว เมื่อถึงท่อนสุดท้ายของเพลง โจ้มองตรงมาที่โต๊ะที่นิวนั่งกอดอกและพยายามทำหน้าเฉยอยู่

หัวใจกำลังเต้นระทึก

สิ่งที่พยายามทำคือ พยายามนิ่งเฉย และเมื่อโจ้คืนกีต้าให้กับนักดนตรี ก็ได้รับเสียงปรบมือตามมา

ยิ้มร่ารับเสียงปรบมือและยกมือไหว้ขอบคุณคนที่ปรบมือให้

สัดโจ้ ทำอย่างกะเป็นดารา กูล่ะเชื่อมึงเลย

โจ้ยังยิ้มและก้าวเดินลงมาจากเวที เดินลิ่ว ๆ มาหาคนที่นั่งนิ่งกอดอก ยิ้มจนตาหยี แต่คนที่นั่งอยู่ดูท่าจะไม่เล่นด้วย

“นิว”

อะไรของมึง เรียกหาพ่อมึงเหรอ

“กูร้องไม่ดีเหรอ”

ไม่ใช่ร้องไม่ดี แต่ร้องดีเกินไป จนกูขนลุก

“..............”

จากหน้ายิ้ม ๆ คราวนี้กลายเป็นโจ้หน้าหงอยขึ้นมาทันที

“จะให้ทำยังไง กูก็พยายามทุกวิธีแล้วนะ”

ก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่ามึงไม่ต้องทำอะไรหรอก แค่อยู่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ ก็พอ

“.................”

โจ้มองหน้านิว และลากเก้าอี้ออกมา หยิบแก้วเบียร์ขึ้นกระดกและวางเอาไว้ที่เดิม

“ที่ขึ้นไปร้องนั่นเพราะมึงกำลังกรึ่ม ๆ เลยใช่มั้ย”

ก็ใช่แต่ไม่ทั้งหมด

“มึงพูดได้ด้วยเหรอ ถามอะไรก็ไม่เห็นตอบ แต่เวลากระแนะกระแหนกูนี่แม่ง ไม่ต้องรอให้ถามเลยเนอะ”

ก็แน่นอนอยู่แล้ว

“รู้นี่”

เออใช่สิ กูก็รู้อยู่แล้ว ทำไมกูจะไม่รู้ล่ะ ก็มีแต่กูนี่แหละที่รู้ ไม่มีใครรู้ใจมึงเท่ากูหรอก เชื่อเหอะ

“แต่ทำไมเดินมาเดินไปไม่ถึงซะที แม่งโคตรชัดเจน เมื่อไหร่จะเดินถึงซะทีวะ”

อะไรนักหนา

“มึงไม่ใช่แค่กรึ่มมั้ง เมาแล้วใช่มั้ยเนี่ย”

เมาเหี้ยอะไร ถ้ากูเมา กูกระโดดจูบมึงไปแล้ว นี่แค่กรึ่ม ๆ เฉย ๆ

“เออ เมา แม่งเมารัก ไอ้เหี้ยที่ไหนไม่รู้แม่งเล่นตัวชิบหาย ทั้งเล่นตัวทั้งเก็ก เมื่อไหร่จะใจอ่อนสักทีวะ”

เป็นการตัดพ้อที่ทำให้นิวถึงกับหลุดขำออกมา และยกแก้วเบียร์ของตัวเองขึ้นจิบ มันก็มีบ้าง กินไปคุยไป เพลิน ๆ
ไอ้คนที่บอกว่าเมารักนี่ หน้าแม่งก็เริ่มแดงแล้ว ไม่ใช่แค่เมารักหรอกมั้ง เมาเบียร์ด้วยชัด ๆ

“หมดแก้วนี้กูต้องกลับแล้วนะ”

เออ กลับก็กลับ คนทำงานจะให้กินจนเมาหัวราน้ำก็ใช่ที่ กูก็รู้หรอกว่าพรุ่งนี้มึงต้องทำงาน

“อือ”

พยักหน้ารับ และโจ้ก็ยกแก้วเบียร์ขึ้นกระดกจนหมดแก้วและเทส่วนที่เหลือในขวดใส่เพิ่มเข้าไปในแก้วอีก

“คุณหนูนิวก็เกินไป แก้วเดียวตั้งแต่เย็นจนป่านนี้ก็ยังไม่พร่อง”

แล้วจะทำไมกูล่ะ กินเอาบรรยากาศ ไม่ได้กินเอาเป็นเอาตายเหมือนคนบางคน

“อะไรมึง ไอ้ขี้เมา”

ด่ากูเหรอ

“เดี๋ยวกูสั่งมาอีกลังเลยดีมั้ย สัด ด่ากูอยู่ได้”

พอเห้อออออ ตาเยิ้มแล้วมึงอ่ะ

“กินไปคนเดียวแล้วกัน กูกลับบ้านนอนดีกว่า”

มึงก็แบบนี้แหละ เป็นแบบนี้ตลอด

ใจแข็งแถมยังไม่สนใจกูอีก

ถามจริงเหอะ มึงบอกว่าชอบกูเนี่ย มึงพูดจริงหรือพูดเล่น ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ผ่านมาเป็นชาติแล้ว จะพูดซ้ำอีกสักครั้งก็ยังไม่มีเลย ถามไปเหอะ ถามให้ตาย แม่งก็มึนแล้วก็ไปพูดเรื่องอื่น

พอกูเผลอล่ะหยอดกูจัง พอถามเอาจริงเอาจัง แม่งนอกจากจะไม่ตอบแล้ว ยังหาว่ากูเป็นบ้าอีก

ไอ้นิวนะไอ้นิว

“แม่งใจดำ ไม่เคยดูดำดูดีกูเลย ระวังเหอะ กูหมดใจขึ้นมาวันไหนแล้วมึงจะเสียใจ”

นั่นกูบังคับมึงได้เหรอ

“กูมันใจง่ายนี่ หาว่ากูใจง่าย เหี้ยนิวคนใจง่ายอย่างกูโคตรจริงจังกับมึงเลยนะโว้ย สัด”

มึงเมาแล้วแหละแบบนี้

“ถ้าเมาแล้วโวยวาย คราวหลังไม่ต้องกินนะ”

ฮืออออออออออ นิวอ่ะ

“กูไม่ได้โวยวาย กูแค่น้อยใจ”

เหี้ยแล้วมั้ยล่ะ เมื่อกี้ขึ้นไปโชว์ร้องเพลงหวานซึ้งจนกูเคลิ้ม พอมาทีนี้เสือกกลายเป็นไอ้หนุ่มช้ำรักไปซะได้
ปรับตัวตามสภาพแอลกอฮอล์ในร่างกายเร็วจริงนะมึง

“น้อยใจเรื่องอะไร”

ก็เรื่องมึงแหละจะให้น้อยใจเรื่องอะไรล่ะมีอยู่เรื่องเดียว

“มึงตอบกูหน่อยได้มั้ย มึงยังชอบกูอยู่จริง ๆ ใช่มั้ยนิว”

ไม่ตอบล่ะ เช็คบิลเลยดีกว่า นิวยกมือเรียกพนักงานเสริฟให้มาช่วยคิดเงินและโจ้ก็มองตาม เตรียมค้นหากระเป๋าสตางค์ของตัวเองแต่คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามห้ามเอาไว้

“กูติดมึงไว้หนึ่งมื้อ ที่เคยสัญญาเอาไว้ ถ้ากูหาเงินได้ กูจะเลี้ยงข้าวมึง”

เมื่อไหร่เหรอที่สัญญากัน

เมื่อไหร่..........ที่สัญญา....

“กูจำไม่เห็นได้”

จำไม่ได้เหรอ

“วันที่เราคุยกันจนเช้า แล้วตอนบ่ายกูโทรไปชวนมึงออกมากินข้าวไง”

นานแล้วไม่ใช่เหรอ นั่นน่ะ มันนานจนกูลืมไปแล้วนะ แล้ว....ทำไมมึงยังจำได้อีกล่ะ....ทำไมมึงยังจำได้

“กูไม่เห็นจำได้เลย……มึงพูดเล่นหรือเปล่า”

ใช่ที่จำไม่ได้ในคราวแรก แต่พอพูดถึงเรื่องวันที่คุยกันจนเช้า บางสิ่งบางอย่างที่เลือนลางก็เหมือนจะเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ

กูจำได้ว่าเราคุยกัน แต่จำไม่ได้ว่ามันเป็นวันที่เราคุยกันจนถึงเช้าหรือเปล่า
ไม่สำคัญว่าใครจะเป็นฝ่ายเลี้ยงข้าวแต่มันสำคัญตรงที่ว่า

นิวมันจำได้......มันจำได้จริง ๆ มันจำทุกอย่างได้หมด

นิว.....

จากที่กำลังน้อยใจ ในเวลานี้โจ้ค่อย ๆ ยิ้มอย่างช้า ๆ ยิ้มหวาน และตาเยิ้มเพราะอาการมึนเมาเล็ก ๆ

“แล้วมึงจำได้มั้ย ว่าวันนั้นกูนอนกี่โมง”

แกล้งถาม และนิวที่ค่อย ๆ ละเลียดจิบเบียร์ไปเรื่อย ๆ ก็เหลือบสายตาขึ้นมอง คำถามที่มาพร้อมกับรอยยิ้มของคนโจ้
มึงจะยิ้มอะไรขนาดนั้นวะ

นิววางแก้วลง และขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะตอบออกไปแบบไม่ต้องคิดให้เสียเวลา

“ไม่รู้ จำไม่ได้”

คำตอบง่าย ๆ แต่ทำให้คนที่กำลังยิ้ม หุบยิ้ม อย่าคาดหวังอะไรให้มาก พอหวังไว้เยอะเวลาเสียใจมันจะเสียใจเยอะ ก็เหมือนเรื่องบางเรื่องที่หวังให้ไอ้นิวจำได้ แต่แม่งเสือกจำไม่ได้ขึ้นมาซะงั้น แล้วหวังอะไรไว้ล่ะ หวังให้มันจำได้เหรอ มันจะเป็นไปได้ยังไง

“แล้วตกลงนอนกี่โมง”

เหลือบสายตาขึ้นมองหน้าของคนที่ถาม และโจ้ก็หรุบสายตาลงมองที่ปลายนิ้วของตัวเอง มึงไม่เคยสนใจกูหรอก มึงก็เป็นแบบนี้ตลอด

“ช่างกูเหอะ”

ตอบไปแล้ว และนั่งเงียบ จะมาถามทำห่าอะไรวะ จำไม่ได้แล้วยังจะถามกวนตีนอีก

“แล้วตกลงนอนกี่โมงวะ”

เงยหน้าขึ้นมองคนที่ถามคำถามซ้ำซาก และก็เหมือนเห็นรอยยิ้มจาง ๆ จากใบหน้าของคนที่ถาม
เหมือนไอ้นิวมันยิ้ม แต่มองดี ๆ ก็เหมือนไม่ใช่ ตกลงมันยิ้มหรือไม่ยิ้มวะ สรุปมันยิ้มหรือเปล่า

“ถามทำไมวะ”

ก็ไม่ถามทำไมหรอก ก็ถามไปงั้น ๆ ไม่มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ

“มึงจำไม่ได้เหรอ วันนั้นมึงบอกกูว่ามึงนอนตอนหกโมง แล้วตอนที่กูถามว่ามึงฝันถึงกูป่ะ.............”

เงียบไปชั่วอึดใจ นิ่งเงียบไปเหมือนรอให้ลุ้น และนิวก็อมยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก รอยยิ้มที่โจ้มั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้ม ไม่ได้คิดไปเองแน่ ๆ

“มึงตอบว่าเออ”

เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยย

“กูตอบว่าเออ แต่มึงบอกว่า เหมือนกัน”

เหมือนกันห่าอะไรกูไปตอบแบบนั้นตอนไหนล่ะ

แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง และเมื่อพนักงานนำบิลมาส่งให้นิวก็จ่ายเงินค่าอาหารเรียบร้อย ลุกขึ้นยืนและเป็นโจ้ที่ยังมึนงง แต่ก็รีบลุกตามทั้งที่เกิดอาการเซเล็ก ๆ แต่ก็ยังเดินต่อไปไหว

ไม่ได้เมา แค่ลุกขึ้นเร็วไปหน่อยก็เลยเสียศูนย์เล็กน้อย

ไม่รู้ว่าหน้าแดงเพราะเบียร์ที่กินเข้าไป หรือหน้าแดงเพราะคำพูดของคนบางคนที่แกล้งมึนได้ยิ่งกว่าคนกินเบียร์

โจ้เดินตามนิวออกมา เดินไปยิ้มไป และมาหยุดยืนเพื่อเรียกแท็กซี่กลับบ้าน

“กลับไหวมั้ยเนี่ย”

กลับไหวสิ ไม่ได้เมาขนาดนั้น แค่กรึ่ม ๆ ยิ้ม ๆ เฉย ๆ

“ถ้าบอกว่าเมาแล้วมึงจะให้ไปค้างด้วยหรือไง”

อ่า....

โจ้เมินหน้าไปทางอื่นตอนที่ตอบคำถาม และนิวก็หันมามองคนที่พูดบางอย่างออกมา ก่อนจะรีบหันไปมองถนนอย่างรวดเร็ว

“พูดจาแบบนี้ เขาเรียกให้ท่านะ”

ให้ท่าห่าอะไรล่ะ กูไม่ได้ให้ท่าซะหน่อยกูก็พูดไปตามที่ใจคิด แต่ถ้ามึงจะแปลเจตนาว่ากูให้ท่ากูจะไปพูดอะไรได้

“กูแค่อยากไปค้างกับมึงเฉย ๆ กูไม่ได้ให้ท่า”

มันต่างกันตรงไหนวะ

“นั่นแหละเขาเรียกว่าให้ท่าแล้ว”

เหรอ

“ถ้ากูไปค้างกับมึง แล้วมึงจะทำอะไรกูหรือไง”

“จะไปมั้ยล่ะ”

ไป

“ไปแล้วมึงจะทำอะไรกูป่ะล่ะ”

ท้าทายนะมึง อย่าทำหน้าท้าทายแบบนั้น เดี๋ยวกูของขึ้น

“แต่ถึงเอากันเสร็จ ยังไงสุดท้ายมึงก็ไม่คบกูอยู่ดี แล้วจะชวนกูไปค้างทำไม”

ใช่

นั่นมึงก็พูดถูก

โจ้หันมาสบตานิว มองจ้องเข้าไปในดวงตาคู่นั้น มองนิ่ง ๆ อยากจะรู้ความรู้สึกอยากจะรู้ความหมายว่านิวกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

แต่จ้องได้เพียงไม่นานและสุดท้ายก็ต้องเมินมองไปทางอื่น

“รถมาแล้ว กูไปล่ะ”

แท็กซี่กำลังใกล้เข้ามา และโจ้ก็โบกแท็กซี่ที่แล่นเข้ามาเทียบอย่างช้า ๆ เปิดประตูรถ และกำลังจะเข้าไปนั่ง แต่ก็ถูกนิวดึงแขนเอาไว้ให้กลับออกมา

“โทษครับพี่ไม่ไปแล้ว ขอโทษทีพี่”

นิวรีบขอโทษขอโพยคนขับแท็กซี่เป็นการใหญ่ และคิดเอาไว้ว่าคงโดนด่าไล่หลังแน่ ๆ
และก็เป็นดังคาด ดึงแขนให้คนบางคนลงจากรถมาเรียบร้อยและเป็นโจ้ที่ยังเกิดอาการมึนงงว่านิวทำแบบนี้ไปทำไม

บางทีอาการมึนงงแค่นี้คงน้อยไปเพราะนอกจากไม่ได้รับคำตอบแล้ว นิวยังลากให้เดินตามมาด้วยกันบนทางเท้า

อะไรวะ

อะไรของมึงเนี่ย

อะไร ยังไง ไม่เข้าใจ แล้วทำไมไม่ปล่อยแขน แค่ไม่ปล่อยกูก็ว่าหนักแล้วนะ นี่เสือก.............

จับมือกูทำไมเนี่ย

เกิดใครมาเห็นเข้ามึงไม่อายเขาหรือไง

“นิวมึงเป็นอะไรวะ”

ไม่ได้เป็น กูปกติดี กูไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้นแหละ เฉย ๆ ไม่มีอะไร มึงก็อยู่เฉย ๆ เหอะ จับมือแค่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตหรอก

“...............”

ถามแล้วมันก็ไม่ตอบ ถามแล้วมันก็ไม่เคยตอบกลับมาสักครั้ง แต่มือ แม่งอย่างอุ่น จับมือกูซะแน่นขนาดนี้ มันหมายความว่ายังไง

“นิว”

“..............”

“มึงโกรธอะไรกูป่ะเนี่ย………นิว”

ไม่ได้โกรธ กูไม่ได้โกรธไม่ได้อะไรทั้งนั้นแหละ กูแค่โมโหตัวเองที่ไม่มีความกล้าที่จะเสี่ยงไปพร้อมกับมึง

“ค้าง....กับกูสักคืนแล้วกัน มึงเมาแล้ว”

เมาเหี้ยอะไร กูไม่ได้เมาขนาดนั้น แล้วกูก็มั่นใจว่ากูกลับบ้านเองได้แน่ ๆ

“กูไม่ได้เมา มึงก็รู้”

ใช่ มึงไม่ได้เมา อันนั้นกูรู้ดี

“งั้นกูเมาเอง มึงไปส่งกูหน่อยแล้วกัน”

เฮ้ยยยยยยยย มึงเอาแบบนี้เลยเหรอ ตกลงนี่บทมึงจะหน้ามึน มึงก็หน้ามึนแบบนี้เลยใช่มั้ยเนี่ย

“มึงเงี่ยนจริง ๆ เหรอวะนิว”

เออ กูเงี่ยน

“มึงหุบปากไปเลยไป”

ด่ากูทำไมเนี่ย กูผิดตรงไหนอีกวะ กูไปทำอะไรให้มึงไม่พอใจอีก ทำไมมึงพูดกับกูแบบนี้ตลอดเลยวะ

“………….”

นิวไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดยังไงดี เรื่องที่ควรพูด เมื่อถึงเวลาต้องพูด อยู่ดี ๆ ก็นึกไม่ออกว่าจะพูดอะไร

สุดท้ายจูงมือโจ้ให้เดินมาด้วยกันก็จริง แต่หัวใจเหมือนห่างกันออกไปเรื่อย ๆ จนในเวลานี้ยังรู้สึก

กุมฝ่ามือของอีกฝ่ายให้แน่นขึ้นและก้าวเดินช้าลง จากที่เดินลิ่วในเวลานี้ก้าวเดินช้าลงแล้วและโจ้ก็ยอมเดินช้าลงไปพร้อมกับนิวด้วย โดยไม่ปริปากพูดอะไรออกมาเลยสักคำ

“ชวนไปค้างไม่ได้แปลว่าเพราะเงี่ยนและอยากพามึงไปเอากันให้จบ ๆ หรอกนะโจ้”

.......................

“ที่จริงกูอยากพามึงไปเที่ยวตั้งนานแล้ว แต่กูไม่รู้จะพูดยังไงแค่นั้น”

...................................

“แค่นอนกอดกันก็พอแล้ว.....กูไม่อยากข้ามขั้น”

...................................

“เอาไว้วันไหนถ้ากูมั่นใจกับมึงแบบเกินร้อย เรื่องนั้นมันไม่ใช่ปัญหาหรอกอยากเอากันวันไหนเลือกวันมาเลยก็ยังได้”

.....................................

“แล้วมึงเป็นเหี้ยอะไรเนี่ย ให้กูพล่ามคนเดียวอยู่ได้ มึงจะพูดอะไรมึงก็พูดมาสิวะ ออกความเห็นมา มึงคิดว่าไงมึงก็พูดมา”

อ่า ให้แสดงความคิดเห็นเหรอ จะดีเหรอ ดีแน่นะ ไม่ใช่แสดงความคิดเห็นแล้วด่ากูเปิดเปิงขึ้นมาทำไงล่ะ
ถ้าให้แสดงความคิดเห็นเรื่องนั้นกูไม่มีหรอก แต่ถ้าให้พูดอะไรที่อยากพูด กูว่าตอนนี้กูมีหนึ่งอย่างว่ะ

“เหี้ยนิวววววววววววววว กูอาย....พูดอะไรของมึงเนี่ยะ  กูเขินโว้ยยยยยยย”

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.85
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 18-06-2014 06:08:28
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#(นิว-โจ้) คนแพ้

อาบน้ำเสร็จแล้ว และนิวก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้าและเช็ดผมแต่สายตากำลังเหลือบมองไปที่ใครบางคนที่นั่งเอาหลังพิงฝา และกำลังถือตุ๊กตากรอบรูปที่มันเคยให้ไว้วันที่สอบวันสุดท้าย

มึงยิ้มทำไมนั่น

“เอามาด้วยเหรอวะ”

ก็เอามาด้วยสิ ไม่ให้เอามาด้วยมันจะมาสิงสถิตอยู่ในห้องกูได้ยังไง

“ทิ้งก็เสียดาย มันมีนาฬิกาด้วย เอาไว้ดูเวลา”

โห จ๋อยเลยกู

โจ้วางตุ๊กตากรอบรูปกลับไปตั้งไว้บนหัวเตียงเหมือนเดิมและยืดขาออกไปจนสุด มองหน้าของคนที่เดินเช็ดผมไปเรื่อยแล้วก็ไม่รู้จะพูดอะไร

มึงลากกูมาค้าง แต่ทำเหมือนไม่เต็มใจให้มา ตกลงมึงให้กูมาค้างทำไมวะ กูไม่เข้าใจเลยจริง ๆ

“พรุ่งนี้มึงเรียนกี่โมง”

พรุ่งนี้เหรอ

“สิบโมง”

เหรอ

“แล้วมึงทำงานกี่โมงล่ะ”

พรุ่งนี้คงเข้าช่วงบ่าย ๆ วันนี้นอนดึกได้

“เล่นเกมส์ป่ะ”

เหรอ

เล่นก็เล่น

โจ้ขยับลงจากเตียง และนิวก็จัดการลากเครื่องเล่นเกมส์ออกมาต่อสายสัญญาณเรียบร้อย และส่งจอยอีกอันให้คนที่ลงมาจากเตียงและมานั่งข้าง ๆ

“เขาเรียกเตะบอลในที่ร่ม”

อ่อ

เตะบอลในที่ร่มเหรอ

“เล่นเกมส์มันก็ต้องมีเดิมพันใช่มั้ย มันถึงจะสนุก”

เออ

โจ้พยักหน้ารับ แต่ตากำลังมองไปที่หน้าจอโทรทัศน์ ขยับนิ้วไปมาเพื่อเลือกรายชื่อนักฟุตบอลในทีมและวางตำแหน่ง

“เดิมพันมึงจะเอาอะไร มึงว่ามาได้เลยโจ้”

ให้กูเลือกเลยเหรอ มึงจะมีอะไรล่ะ อย่างเดียวที่กูอยากได้ตอนนี้ก็คงไม่พ้น.......

“มึง”

หันขวับไปมองหน้าของโจ้อย่างรวดเร็ว แต่นิวไม่รีรอที่จะตอบ

“ได้”

เหี้ย

เป็นโจ้ที่ถึงกับตาค้างและจ้องหน้าของนิวนิ่ง ๆ มึงบ้าแล้วแบบนี้ บทจะไม่เอาเหตุผลอะไรเลย มึงก็ไม่เอาเลยจริง ๆ เหรอวะเนี่ย มึงนี่มันคาดการอะไรไม่ได้เลยจริง ๆ

“แปลว่ากูต้องชนะอย่างเดียวเลยใช่มั้ยเนี่ย”

ใช่

นิวพยักหน้ารับ และไม่สนใจอีกว่าโจ้จะเลือกใครมาอยู่ในทีม ไม่สนว่าโจ้จะเกิดอาการตะลึงค้างขนาดไหน

“มึงจริงจังป่ะเนี่ย”

ทำไม หน้ากูเหมือนคนไม่จริงจังหรือไง

“เหี้ยนิว มึงเอาจริงดิ”

ทำไมถามมากนักวะ

“มึงจะเล่นไม่เล่น ไม่เล่นกูยิงเข้าแล้วเสือกร้องไห้ไม่ได้นะ”

ห๊ะ
เล่นสิ
ไม่เล่นได้ไง

กูเล่นแล้วเนี่ย

สติมา สติมา สติมา สติ สติ สติ ปลายนิ้วควบคุมทิศทาง และสายตากำลังจ้องตรงไปที่หน้าจอ เรื่องเล่นเกมส์กูก็ไม่เคยเป็นสองรองใครเหมือนกันบอกมาเหอะ เกมส์อะไรกูเล่นได้หมด

“อ่อน”

มึงดิอ่อน ลากยาว ๆ โง่ ๆ แบบนั้นไม่เห็นเหรอว่ากูจับไว้หนึ่งตัวแล้ว ไอ้หน้าโง่นิว

“เมพจริงไม่คุยเว้ยยยย”

เหรอ มึงเมพนักเหรอ แน่จริงมึงเอาเลยสิ มือกดจอยเป็นระวิง สายตาจ้องหน้าจอไม่กระพริบ เดิมพันนี้สูงเกินไป กูไม่พลาดเด็ดขาดไอ้นิว

“เหอะ ไอ้ขี้โม้โจ้ ถ้ามึงคิดว่าง่ายนักก็ลองดู”

“กูมั่นใจว่ากูชนะแน่....ไม่เชื่อมึงดูผลงานกูซะให้เต็มตา แล้วมึงจะเสียใจที่ดูถูกกู”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.85
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 18-06-2014 06:09:23
กูอยากร้องไห้

โจ้นั่งเงียบ และมองหน้าจอด้วยอารมณ์เซ็งที่สุดในชีวิต

กูสู้สุดใจขาดดิ้นแล้วนะ แต่นิวแม่งแรง มันวางแผนเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วที่จะมาชนะกู ต่อให้เล่นเทพให้ตายขนาดไหน กูก็ไม่มีทางชนะหรอก ถ้าแม่งจะดักทุกทางขนาดนี้

“มึงยังรู้จักกูไม่ดีพอโจ้”

เออใช่สิ กูรู้จักมึงไม่ดีพอ

วางจอยเกมส์เอาไว้ และโจ้ก็ลุกขึ้น มึงพูดถูกกูรู้จักมึงไม่ดีพอ เพราะถ้ารู้จักดีพอแล้ว กูคงไม่โดนมึงหลอกจนแพ้
มีใจให้กู แทนที่จะแกล้งแพ้ให้กูหน่อยไม่ได้เลยหรือไง เหี้ยนิว มึงก็แรงเกินไป กูทำใจไม่ได้แล้วเนี่ย

“อ่อน ไม่โม้ต่อเหรออ่อน”

ไม่ล่ะ กูอ่อนจริงนั่นแหละ ถ้าไม่อ่อนคงชนะมึงไปแล้ว แต่นี่กูแม่งอ่อนจริง ๆ ถึงได้แพ้มึงอยู่นี่ไง

“แค่หนึ่งศูนย์ ซึมขนาดนี้เลย”

เออ

ซึมขนาดนี้แหละ ช่างกูเหอะ ให้แม่งซึมตายห่าไปเลย มึงมันใจดำกับกูตลอด สมใจอยากมึงแล้วนี่

“เฮ้ย งอนจริง”

กูมีสิทธ์งอนด้วยเหรอ เล่นเกมส์แพ้ไม่ว่า แต่แพ้เดิมพันนี่แหละมันจี๊ด ชัดเจนเลยว่ามึงตั้งใจมาชนะกู

เหี้ยนิว

“ใจดำสัด”

อะไรวะ ด่าแบบนี้ได้ไง มึงต้องด่าตัวเองสิที่อ่อน มือไม่ถึงเอง มึงจะได้จำว่าอย่าเดิมพันอะไรง่าย ๆ ถ้ายังไม่เคยดูฟอร์มของคู่ต่อสู้ นิวปิดโทรทัศน์เรียบร้อย และมานั่งอยู่ข้างคนที่กำลังนั่งพิงฝายืดขาเหยียดยาวและกำลังดึงผ้าห่มมาห่ม เตรียมล้มตัวลงนอน

“เฮ้ย ขยับไปหน่อยซิ มึงนอนกินที่”

เออ ดีเนอะ ชวนกูมาค้าง แล้วก็มาบอกว่ากูนอนกินที่

“กูยังไม่ทันนอนเลย มึงหาว่ากูกินที่แล้วเนี่ยนะ เหี้ยยยยย”

อารมณ์ค้างจากแพ้เกมส์ยังไม่พอ ต้องมาอารมณ์ค้างต่ออีกรอบเพราะการพูดจาที่แสนโหดร้ายของคนที่ชวนมาค้างด้วย

“ก็ถ้ามึงนอนลงไปมึงก็กินที่อยู่ดี”

เออใช่สิ เอาให้พอเลยมึง แม่ง ว่ากูซะให้พอ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วนี่ กูแพ้เกมส์กูก็ประสาทแดกพอแล้ว นี่ยังโดนหาว่ากินที่อีก

“เหี้ยยยยยยยยยยยยย”

โจ้ขมวดคิ้วมุ่นและถอนหายใจเฮือกใหญ่ แกล้งทำตัวลีบและขยับไปจนชิดฝาเพราะอยากประชด และนิวก็ล้มตัวลงนอนโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกยังไง

“ปรับแอร์หน่อยซิ แล้วก็ไปปิดไฟด้วย”

ใช้กูอีก เหวี่ยงใส่กู แล้วก็ยังมาใช้กูอีก กูไม่ใช่ขี้ข้าของมึงนะเนี่ย ตกลงนี่มึงชวนกูมาค้างทำไมมึงชวนกูมาค้างเพื่ออะไรวะ
โจ้หน้ามุ่ย กำลังจะลุกขึ้นจากเตียง แต่ไม่ทันได้ลุก คนที่ล้มตัวลงนอนและหันหลังให้ก็ลุกขึ้นก่อนอย่างรวดเร็ว

“เออกูลืมบอกไปเรื่องเดิมพัน”

มึงจะตอกย้ำไปทำไมเนี่ย กูรู้แล้วว่ากูแพ้ ขอร้องอย่าย้ำได้มั้ย

“มึงไม่ต้อง พูด.......อื้อ........ก็.......”

พูดบางอย่างแต่ยังไม่ทันจบประโยค แล้วนิวก็ยื่นหน้าเข้ามาหา และแตะริมฝีปากหนัก ๆ ที่ริมฝีปากของโจ้ ก่อนจะผละออกอย่างรวดเร็ว และมองหน้าโจ้นิ่ง ๆ อยู่อย่างนั้น

“อ่า”

อึ้ง และได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ ไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายทำ

“นั่นไม่เรียกจูบนะ เป็นการเอาปากแตะกันเฉย ๆ เรียกง่าย ๆ ก็.....แค่จุ๊บกัน”

สัด คำศัพท์อะไรของมึงเนี่ยโคตรน่ารักไม่เข้ากับหน้ามึงตอนอธิบายให้กูฟังเลย

“กูให้กำลังใจที่มึงพยายามแล้วแต่ก็ยังเสือกแพ้”

เฮ้ยยยยยยยยยย เอาจริงดิ๊ นิว

“....................”

โจ้ยังนั่งนิ่งตาค้าง และเริ่มรู้สึกถึงอาการใจเต้นไม่ส่ำ หน้าแดงตาเยิ้ม และก็เบิ่งตากว้างขึ้น จ้องหน้าของนิว และรู้สึกว่าตอนนี้กำลังยิ้ม

เฮ้ยยยยยยยยย กูเขินจริงจังนะเนี่ย เอาจริง ๆ สิ ยังไงล่ะ ดี ๆ สิวะ อย่าพูดไปทำหน้าไร้อารมณ์แบบนั้นไปสิ
กูใจสั่นหมดแล้วเนี่ย ไม่เห็นหรือไง

“แล้ว.......เดิมพันมึงอ่ะ”

เอ่อ เดิมพันกูเหรอ ก็ไม่มีอะไรหรอก

“ก็ถ้ากูชนะมึง………กูก็..........จะ”

ก็จะอะไรวะ ก็อะไร ถ้าชนะแล้วมึงก็จะอะไร กูลุ้น

“อื้อออออออออออ ง่วงแล้วว่ะ ไปปิดไฟซิ”

เฮ้ยยยยยยยยยย มึงจะชิ่งหนีดื้อ ๆ แบบนี้ไม่ได้นะนิว มึงจะทำเป็นเนียนแล้วหนีกูไปดื้อ ๆ แบบนี้ไม่ได้ ทำแบบนี้ไม่ถูกเลยนะ
ทำแบบนี้……

“นิว มึงทำไมไม่พูดให้จบวะ มึงทำไมทำแบบนี้วะนิว มึง.........ฮื่อ โธ่โว้ย”

เกิดอาการขัดใจ และหงุดหงิดจนอยากถีบไอ้คนกวนตีนให้ตกเตียง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ สัดนิว มึงปั่นหัวกูได้ตลอดเลยนะ มึงปั่นหัวกูได้ตลอดเลย

โจ้รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะประสาทตายเพราะใครบางคนที่ไม่ยอมพูดเรื่องบางอย่างให้จบประโยค

ลุกขึ้นไปปิดไฟ แต่ยังมีเสียงฮึดฮัดให้ได้ยินตลอดเวลา ตอนที่ล้มตัวลงนอน
โมโหก็โมโห หงุดหงิดก็หงุดหงิด เหลือบสายตามองไอ้คนที่นอนหลับหันหลังให้ยิ่งอยากจะยกตีนถีบแม่งจริง ๆ

“นิว”

เรียกแล้ว แต่อีกฝ่ายเงียบสนิท

มึงอย่าบอกนะว่าหัวถึงหมอนปุ๊บมึงก็หลับเลยทั้งที่ปั่นหัวกูจนกูจะประสาทแดกไปแล้วเนี่ยนะ
มึงนี่มันเหลือเกินจริง ๆ มึงนี่แม่งเหลือเกินจริง ๆ วะ

“เหี้ยยยยยยยยยยยยยย”

ได้แต่ด่า ได้แต่หงุดหงิดเป็นบ้าอยู่คนเดียว นอนก็นอนไม่หลับ กระสับกระส่ายไปมาอยู่อย่างนั้นเป็นนาน
ผิดกับคนบางคนที่มันหลับได้หน้าตาเฉย ไม่เคยสนใจกูเลยสักนิด

โจ้ยังคงกระสับกระส่ายด้วยความไม่พอใจอยู่เป็นนาน

สุดท้ายเผลอหลับไปเพราะความง่วง หลับไปแล้ว หลับสนิทเพราะเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอบ่งบอกชัดเจน
และคนที่ควรจะหลับไปก่อนหน้านี้ กลับปรือตาขึ้นอย่างช้า ๆ

นิวยังไม่นอน แม้จะแกล้งหลับ แต่ที่จริงแล้วแค่หลับตา ไม่ได้หลับจริง ๆ
ขยับร่างกายเล็กน้อย และพลิกตัวหันไปมองคนที่นอนอยู่ด้านหลัง นิ่งมองใบหน้าของอีกฝ่ายในความมืด
แม้เห็นได้แค่เลือนลาง แต่นิวก็พยายามจะมอง

แตะปลายนิ้วเบา ๆ ที่ปลายจมูกของคนนอนหลับและโจ้ก็ปัดมือของนิวออก นี่ขนาดหลับนะ ปฏิกิริยายังไวชะมัด
นิวกำลังยิ้ม  นอนมองหน้าของโจ้แล้วก็อมยิ้ม

เมื่อไหร่ที่รู้สึกมีความสุขเวลาที่มึงมาอยู่ใกล้ ๆ แบบนี้วะ ถึงทะเลาะกันบ้าง โมโหใส่กันบ้าง แต่ก็มีความสุข
ตั้งแต่คบกับใครมา ไม่เคยมีความสุขเท่านี้มาก่อนเลย

“เฮ้ย หลับลึกจริงวะ”

ลองเรียก แกล้งพูดกับอีกฝ่ายเสียงเบา และก็ยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ เพราะนอกจากโจ้ไม่รู้เรื่องแล้ว ยังส่งเสียงอืออาในลำคอให้ได้ขำอีก

“ตอนนี้กูก็ยังชอบมึงอยู่ ไม่ลุกขึ้นมาฟังเหรอวะ”

พูดออกมาเสียงเบา แต่ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ของคนที่หลับลึก

นิวยังคงยิ้ม ยิ้มไปเรื่อยเปื่อย และสายตาก็ยังจับจ้องใบหน้าของโจ้ในความมืดอยู่อย่างนั้น
มองสำรวจไปทั่วทั้งใบหน้า ความรู้สึกไม่ต่างจากวันนั้นเลย

วันที่มึงเล่นจะเข้เสียงเพราะ ๆ ให้กูฟัง วันนั้นกูก็มองมึงแบบนี้แหละ เพียงแค่มันต่างกันตรงที่ตอนนี้มึงยังหลับอยู่แค่นั้น ที่ไม่สอนมึงจูบ ไม่ใช่ไม่อยากทำหรอกนะ แต่มันจะหยุดไม่อยู่ ของแบบนี้มันไม่ใช่จะหยุดกันได้ง่าย ๆ ยิ่งอยู่กันสองต่อสองแล้ว เรื่องเลยเถิดมันเกิดไม่ยาก

กูรู้ดี

และกูไม่คิดจะมีอะไรเลยเถิดในเวลาที่ไม่มีความชัดเจนแบบนี้ กูไม่ชอบให้อะไรมันผิดแผน เพราะมันจะควบคุมยาก

อารมณ์คิดถึง และรักใคร่ มันคงจะยิ่งเพิ่มขึ้นอีกถ้าได้ครอบครองหมดทั้งร่างกายทั้งหัวใจ
คราวนี้แม้พยายามไม่คิดถึง มันก็ยิ่งทำได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วกูก็คงไม่เป็นตัวของตัวเองแน่ ๆ

เกลี่ยปลายนิ้วเบา ๆ ที่ข้างแก้มของคนที่นอนหลับและสายตาที่นิวมองตรงไปที่โจ้ ก็เข้าใกล้คำว่า รักมากขึ้นทุกที
นิวลุกขึ้นนั่งและดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมกายให้คนที่นอนอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะค่อย ๆ วางมือไปที่รอบเอวของโจ้ และขยับเข้าหา

กดแนบปลายจมูกเบา ๆ ที่หน้าผากของคนที่นอนหลับและรั้งให้คนหลับเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนอย่างช้า ๆ
และโจ้ที่เหมือนเริ่มรู้สึกตัวก็ยอมขยับเข้ามาใกล้ และเริ่มหรี่ปรือตาขึ้น

“นอนซะ มึงอย่าพูดมาก”

อ่า

นอนซะ....เหรอ
นอนแบบนี้เหรอ นอนแบบนี้เนี่ยนะนิว มึงจะให้กูนอนแบบนี้จริง ๆ เหรอวะมึงแน่ใจแล้วใช่มั้ย

ไม่มีคำพูดใด ๆ หลุดออกมาจากปากโจ้สักคำ

นิว

มึงทำอะไรเนี่ย มึงทำอะไรวะ มึง...........
อยากจะถาม แต่ก็ติดตรงที่ถูกห้ามไม่ให้พูด โจ้ก็เลยได้แต่นอนกระพริบตาอยู่ในอ้อมกอดของคนกอดอยู่อย่างนั้น
อุ่นที่ร่างกายคงไม่เท่าไหร่ แต่อุ่นไปถึงภายในใจนี่เรียกว่าสุดยอดมาก

นิว..........

กูมีความสุขจนจะตายอยู่แล้ว หรือว่ากูกำลังฝันอยู่วะ แม่งกูคงฝันอยู่แน่ ๆ เลย แบบนี้มันยิ่งกว่าฝันดีซะอีก
อยากนอนหลับฝันดีแบบนี้ไปเรื่อยๆ จังเลยวะ

โจ้หลับตาลงอีกครั้ง หลับตาแต่รอยยิ้มยังปรากฏชัดบนใบหน้า นอนหลับไปทั้งที่ยังยิ้มอยู่
ถ้านอนหลับแล้วฝันดีได้ขนาดนี้ กูไม่อยากตื่นเลยจริง ๆ

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.85
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 18-06-2014 07:48:29
แบบนี้มันฝันดีทั้งๆที่ยังลืมตา :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.85
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 18-06-2014 11:10:04
รอพี่หยก น้องกัส
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.85
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 18-06-2014 11:18:54
ฝันดีเนอะ  ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.85
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 18-06-2014 11:43:01
เขินอ่ะ นิวเป็นสุภาพบุรุษมากอ่ะ โคตรๆเลย โอยยยย เขินแทนโจ้

โจ้ก็น่ารักกกกกกกกก :ling1:  :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.85
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 18-06-2014 12:55:36
โอ้ยยย มั่นใจเถอะค่ะ นิว
ถ้าจะมุ้งมิ้งกันขนาดนี้~~~~~~!!! =_=

รอหยก กัส อ่าาาาา >O<
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.85
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 18-06-2014 16:25:16
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#(นิว-โจ้) ตั้งใจอ่านหนังสือ

“มึงอยู่ไหนเนี่ย”

กูอยู่บ้าน

“โจ้...มึงอยู่ไหนเนี่ย ได้ยินเปล่าวะ”

ได้ยินแล้ว กูอยู่บ้าน มึงไม่ได้ยินเหรอวะ

“สัญญาณมันขาด ๆ ว่ะ ได้ยินยัง”

ได้ยินแล้ว ชัดเจนอยู่

“อยู่บ้าน”

“ไม่มีเรียนเหรอวะ”

มีแต่กูไม่ไป หยุดอ่านหนังสือ จะสอบแล้ว

“เตรียมสอบ”

อ้าวเหรอ

เออ

“แล้ว.........”

แล้วอะไรเหรอ แล้วอะไรวะ

“คิด....................”

อยากถามแต่ไม่กล้าถาม คิดจะพูดแต่ไม่พูด สุดท้ายก็เลยเงียบ

“คิดอะไรวะนิว”

คิดอะไรเหรอ ไม่มีอะไรเหรอก

“แค่นี้นะ”

อือ แค่นี้ก็แค่นี้

ปลายสายวางไปเรียบร้อยแล้ว และโจ้ก็เปิดหนังสือหน้าถัดไป เรียนที่นี่ทำตัวเลื่อนลอยเหมือนเดิมไม่ได้

นิวมันบอกว่ามันไม่มีโอกาสได้เรียน เพราะฉะนั้นถ้าเห็นใจกัน ก็ช่วยตั้งใจเรียนในส่วนของมันด้วย
นิวมันเก่ง หัวดี แต่มันมีภาระทำให้เรียนต่อไม่ได้ ที่ตั้งใจได้ขนาดนี้ก็เพราะมัน จากที่เมื่อก่อนเหลวไหลเรื่อยเปื่อยแต่ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว

คบกันมีแต่เรื่องดี ๆ พยายามทำตัวให้ดีขึ้นเพื่อไม่ให้นิวมันว่าเอาได้

กูอยากดีพอที่มึงจะรัก และเทใจให้ ไม่ใช่เป็นไอ้โจ้คนเก่าที่เหลวไหลเรื่อยเปื่อย ทำอะไรตามอารมณ์ไม่รู้จักคิด
กูอยากจะเป็นคนที่ดี เพื่อมึงด้วย ไม่ใช่แค่เพื่อกูคนเดียว

อ่านหนังสืออย่างตั้งใจ ขยับแว่นสายตาเพื่อการมองที่ชัดขึ้น กูอ่านมามากกว่าสองชั่วโมงแล้ว อ่านเก็บมาตลอด สุดท้ายเขียนลงในกระดาษทำเป็นเล็คเชอร์เล็ก ๆ สรุปเฉพาะใจความที่สำคัญ ที่เป็นเนื้อหาหลักจริง ๆ วิธีนี้นิวมันเป็นคนสอน อย่าอ่านมั่วไปเรื่อย ให้อ่านเก็บ ๆ และดึงความสำคัญของแต่ละหัวข้อออกมา ถ้ามึงไปเรียนแทน คงจะเก่งน่าดูนะนิว

หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และกดหมายเลขของใครบางคนเพื่อที่จะโทรไปหา

“ฮาโหลนิว”

เออ

“ว่า”

ไม่มีอะไร กูแค่อยากบอกว่ากูอ่านหนังสือจบแล้วนะ

“วันนี้กูไปหานะ มึงหยุดใช่ป่ะ กูเครียด อ่านไปหลายรอบแล้ว ไปนั่งเล่นเกมส์ห้องมึงนะ”

สัด

“อย่าไร้สาระ”

โดนด่า ด่ากูทำไมวะ ก็กูอยากเล่นเกมส์บ้างไม่ได้หรือไง นี่กูเครียดนะ เห็นใจกูบ้าง

“มึงก็แบบนี้ทุกที”

รู้ก็ดีแล้วนี่ แล้วแม่งยังจะพูดห่าอะไรอีกวะ

“จะมาก็มา”

น่านไง ใจดีซะด้วยวันนี้ ใจอ่อนกับกูแล้วล่ะเซ่

ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว และกรอกเสียงเข้าไปในโทรศัพท์

“คิดถึงกูล่ะเซ่ อยากเห็นหน้ากูก็บอกมาเหอะ”

พอ ๆ เพ้อเจ้อตลอด กูไม่อยากฟังหรอก ห่าโจ้

“มึงไม่ต้องมาแล้ว แม่งน่ารำคาญ”

อ้าว เป็นงั้นไป

“กูน่ารำคาญจริงเร้อออออออออ”

ไม่จริงหรอก

“เออ มึงน่ารำคาญ”

จริงหรือครับ ผมน่ารำคาญจริงหรือครับคุณหนูนิว

“ไม่ไปก็ได้วะ”

แกล้งทำเสียงเศร้า ทั้งที่อมยิ้ม เอาไงล่ะมึง เอาไงล่ะทีนี้ ไหนดูซิมึงจะทำยังไง

“เรื่องมากชิบหาย จะมาก็คือมา ถ้าไม่มาก็อย่าพูดเรื่อยเปื่อยตั้งแต่แรก”

เก็กเสียงอีกแล้วนะมึง อยากให้กูไปหาก็พูดดี ๆ ทำเป็นฟอร์มเยอะอยู่ได้

“กูไม่ไปแล้วก็ได้วะ มึงรำคาญกูเรื่อยเลย”

เหี้ยนี่ จะเอายังไงของมันวะ

“เออมึงอยู่บ้านนั่นแหละ”

เฮ้ย ไม่ง้อกูหน่อยเลยเรอะ ง้อกูหน่อยสิ ง้อให้กูไปหาหน่อยเดียวไม่ได้หรือไงวะ ใจแข็งอีกแล้วนะมึง

“เดี๋ยวกูไปหาที่บ้านเอง”

เฮ้ยยยยยย บ้า มึงบ้าแล้ว มึง................. มึงทำให้กูดีใจอีกแล้วนะนิว

“กินข้าวหรือยังล่ะ เดี๋ยวกูซื้อเข้าไปให้ก็ได้”

ใจดีตลอดเลยนะมึง แต่ฟอร์มจัดไม่เคยตกเลย

“มึงมาทำให้กินหน่อยสิ”

อ้าว ไอ้เหี้ยเรื่องมากอีก ซื้อกินก็จบแล้ว ยังจะให้กูถ่อไปทำให้กินถึงบ้านอีกนะ

“อย่าเรื่องมากได้ป่ะ”

ได้

“งั้นไม่กิน”

เฮ้ยยยยยยยยยย

“ไอ้โจ้ เอาดี ๆ พูดมาจะกินอะไร จะได้ซื้อเข้าไปถูก”

กูล้อเล่น

“อะไรก็ด๊ะ....แล้วแต่นิวจะจัดให้”

อย่า อย่า ไอ้เสียงก๊องแก๊งง๊องแง๊งแบบนั้นมึงเลิกซะที ไม่ได้น่ารักเลยจริง ๆ ขอร้องเลิกทำไปเถอะ กูไม่ไหวจะฟัง

“ปัญญาอ่อน”

แต่ก็ชอบใช่ป่ะล่ะ เหอะ มึงอ่ะชอบให้กูง๊องแง๊งใส่ แต่ทำเป็นฟอร์มเยอะ

“ทำไมล่า.....นิวไม่ชอบแบบนี้เหร้ออออออออ”

ขนลุก อันนี้ก็เยอะไป

“ถ้ามึงไม่เลิกทำเสียงแบบนี้กูจะวางนะ”

โห่

“รีบมาเร็ว ๆ นะ”

เออ

“ถ้าหิวมากก็หาอะไรกินรองท้องไปก่อน ไม่ต้องรอ”

ไม่ต้องรอไม่ได้ ต้องรอสิ

“อยากกินข้าวพร้อมนิว งั้นรอนะ”

เหี้ยโจ้

“เรื่องของมึง แค่นี้แหละ”

แค่นี้ก็แค่นี้ โจ้กำลังยิ้ม หลังจากที่ปลายสายวางสายไปเรียบร้อยแล้ว
ไม่รู้นะว่าคบกันหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ นิวมันลดฟอร์มลงเยอะและก็ทำอะไรชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ

จากเมื่อก่อนที่ไม่ค่อยง้อ ตอนนี้มันก็เริ่มง้อบ้างแล้ว อยู่ด้วยกันบ่อย ๆ ก็รู้สึกดี แรก ๆ มีเรื่องให้คิดมากไปหมดทุกเรื่อง แต่ตอนนี้มีเรื่องที่ต้องทำเยอะแยะเต็มไปหมดจนไม่เหลือเวลาว่างมาคิดเรื่องไร้สาระ

นิวมันก็ทำงาน มันยุ่ง ส่วนทางนี้ ก็พยายามตั้งใจเรียนและแทบไม่มีเวลาว่างเหลืออยู่เลย
ยุ่งจนลืมคิดเรื่องคบกันหรือไม่คบ ทั้งที่ต่างฝ่ายต่างยุ่งตลอดเวลา แต่แปลกที่ไม่ลืมจะโทรหากัน

นิวมันจะโทรหาก่อนจะเข้างานทุกวัน ไม่ว่ามันจะเข้าตอนไหน เช้า สาย บ่าย เย็น มันจะโทรมาหาตลอด

ไม่เคยสายเคยเลทสักนาที ถึงเวลาโทรมาตรงเป๊ะ ไม่ต้องให้กูโทรตาม รายงานตัวได้ตลอด
แม้จะโทรมาพูดแค่คำสองคำก็เถอะ แต่มันก็แสดงสปิริตให้เห็นว่ามันไม่เคยลืม และมันใส่ใจที่จะจำ

บางทีแบบนี้มันยิ่งกว่าคืบหน้า ไม่เคยบีบเวลาของกันและกัน อยู่ในสถานะอะไรก็ได้ไม่เคยระบุ เป็นแบบนี้มาเรื่อย นานจนลืม ว่าแรก ๆ เรามีปัญหาเรื่องความไม่ชัดเจนทางความรู้สึกจนทะเลาะกันบ่อย ๆ แล้วปัญหาพวกนั้นมันหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่วะ กลายเป็นการเรียนรู้สิ่งที่อีกฝ่ายเป็น และปรับตัวเข้าหากันเรื่อย ๆ

ไปนั่งเล่นที่ห้องนิวบ้าง นิวมันมาหาบ้าง เวลาที่มีเวลาว่างตรงกัน

หยอกกัน เล่นกัน ทะเลาะกัน งี่เง่าใส่กัน ดีกัน แต่มันก็เป็นช่วงเวลาดี ๆ ที่น่าจดจำเสมอสำหรับเรา

กูโสดครับ แฟนไม่มี และคนที่มีอยู่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในสถานะแฟน เป็นอะไรกันก็ไม่รู้
รู้แค่อย่างเดียว เวลาที่ได้ใช้ร่วมกันมีความสุขที่สุด

ส่วนเรื่องนั้น ที่มึงไม่เคยบอกหรือระบุว่าเรามีสถานะอะไรต่อกันกูไม่สนใจแล้ว
เพราะที่เป็นอยู่ กูว่ามันยิ่งกว่าคนที่เป็นแฟนกันบางคนซะอีก

เราเป็นอะไรกันไม่รู้ แต่ที่รู้ ๆ กูชอบช่วงเวลาที่เราได้ใช้ร่วมกันแบบนี้

นิว...........

ใจอ่อนกับกูขนาดไหนแล้ววะ อย่าฟอร์มเยอะมากนักไม่ได้หรือไง แค่นี้กูก็รักมึงจะตายห่าแล้ว

รีบ ๆ เลิกวางฟอร์มใส่กูซะที

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.85
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 18-06-2014 16:25:44
“หิวขนาดนี้ทำไมไม่หาข้าวกินก่อนวะ”

กูรอมึงไง

โจ้ยิ้มกว้าง ทั้งที่ท้องร้องด้วยความหิว

“เจียวไข่ให้กินหน่อย นะนิวนะ”

เรื่องเยอะเหลือเกินนะมึง เรื่องอ้อนขอให้บอกเหอะ ไอ้โจ้ทำได้แบบเนียน ๆ เกรียน ๆ ตลอด

“นะนิวนะ”

อะไรของมึ้งงงงงงงงงงง

“ไม่เอา”

โห ไรว๊า

“ใจดำ”

นิวถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ ส่ายหน้าด้วยความกลุ้ม
กูซื้อก๋วยเตี๋ยวกับขนมมา ห่านี่เสือกบอกอยากกินไข่เจียว แล้วไม่บอกตั้งแต่แรกวะ กูจะได้ไม่ต้องซื้อให้เสียเวลา ถ้าไม่กิน ก็น่าจะบอกกันตั้งแต่แรก

“มึงนี่ก็เหลือเกินจริง ๆ วะห่านี่”

เหลือเกินแล้วมึงยอมทำให้กูกินป่ะล่ะ

“อยากกินไข่เจียวเนอะ”

อย่าพล่าม

“เออ”

ลุกขึ้นทั้งที่ทำหน้าหงุดหงิด เดินเข้าครัวและไปจัดการเปิดตู้เย็นค้นหาของมาทำกับข้าว

ขอบคุณมากที่สร้างความลำบากให้กู

นิวเดินเข้าครัวโดยมีโจ้เดินตาม ยิ้มกริ่มอย่างมีความสุขและมองว่านิวกำลังจะทำอะไร

แหม คล่องจริงวะ คุณหนู หยิบนั่นหยิบนี่เหมือนเป็นเจ้าของบ้านเลยนะ ของบางอย่างกูยังไม่รู้เลยว่าอยู่ตรงไหน นี่มึงหาเองเสร็จสรรพทันใจดีจังเลยเนอะ

“นิวจ๋า”

เหี้ย อะไรของมึงเนี่ย

“กอดคอกูทำเหี้ยอะไร มันใช่เวลามั้ยเนี่ย”

ไม่ใช่เวลาก็ไม่ใช่เวลาสิ ก็กูอยากกอดคอมึงบ้างไม่ได้หรือไง

“จุ๊บทีดิ”

จุ๊บบ้านพ่อมึงดิ

“อะไรของมึง”

นะ

โจ้พยักหน้าและทำตาละห้อยใส่ จนนิวต้องส่ายหน้าและมองหน้าของคนที่เข้ามานัวเนียวุ่นวายไม่เลิก

“ไม่ต้องทำแล้วมั้งไข่เจียว”

ทำเหอะ ทำ ทำ นะ นะ นะ

“ทำไมอ่า”

ไม่ทำไมหรอก

“ก็มึงวุ่นวาย”

วุ่นวายตรงไหน กูก็อยากทำแบบนี้บ้าง กูชอบ ไม่ได้หรือไง

“ก็จุ๊บหน่อยดิ๊ กูก็ไม่วุ่นวายแล้ว”

ประสาทใหญ่แล้วนะมึง นิวไม่ตอบแต่ยื่นหน้าเข้าไปหา แม้จะทำหน้างี่เง่าใส่
แต่ภายในใจชุ่มชื่นและเต็มตื้นไปด้วยความสุข

อ้อนเก่งจริงนะมึง

สิ่งที่โจ้ทำก็แค่เอียงแก้มให้และไม่มีอะไรมากก็แค่นิวแตะปลายจมูกเบา ๆ ที่ข้างแก้มของโจ้เท่านั้น

“ง่า ชื่นใจ แค่นี้ก็พอใจแล้ว”

ปัญญาอ่อนเอ้ยยยยยยยย

ถึงกับส่ายหน้าที่โจ้มันยิ้มกว้างหน้าระรื่น ก็ได้แค่นี้แหละ แตะ ๆ กอด ๆ หยอกกันเล่นกัน แต่ไม่เคยจริงจังและเลยเถิดซะที

“หลบไปได้ยัง”

ได้แล้ว

โจ้ลากเก้าอี้ออกมา เดินไปหยิบจานมาวางไว้ให้ และเปิดถุงอาหารที่นิวซื้อเข้ามา

มีขนมด้วย ขนมอะไรเนี่ย ขนมปังนึ่ง แล้วก็มีสังขยา เก็บไว้ก่อนเดี๋ยวค่อยกิน

แล้วก็....

“นิวกินมาหรือยัง ให้แกะเลยมั้ย”

เออ

“แกะเลย”

จัดการเทก๋วยเตี๋ยวลงชาม และเทน้ำซุปตาม

“นิวใส่น้ำซุปครึ่งเดียวใช่ป่ะ”

ใช่

“นิว”

ห่าอะไรอีกเนี่ย กูยุ่งอยู่ จะเรียกวันละร้อยรอบเลยหรือไง

“เหี้ยเรียกอยู่ได้ อะไรของมึ้งงงงงงงง”

ไม่มีอะไร กูแค่อยากเรียก

“เร็วดิ”

ก็เร็วอยู่เนี่ย

นิวจัดการปิดแก๊สและใช้ตะหลิวตักไข่เจียวใส่จาน ก่อนจะนำมาวางไว้ให้คนที่มันเรียกร้องอยากจะกินเหลือเกิน

“มีให้กินอย่างหนึ่ง ก็เสือกอยากจะกินอีกอย่างหนึ่ง”

ที่จริงกูไม่ได้อยากกินหรอก แต่ที่ให้มึงทำให้กิน เพราะกูอยากให้ทำ กูชอบ เวลาที่มึงยอมทำนั่นทำนี่ เล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กู เหมือนมึงไม่ใส่ใจกู แต่จริง ๆ แล้วมึงโคตรใส่ใจ

“ยิ้มอะไรวะ อยากกินนักก็กิน ๆ เข้าไป”

อ่า

“ขอบคุณก๊าบบบบบบ คุณหนูนิว”

เหอะ แม่งบ้า เอาอะไรกับมันไม่ได้หรอก ทั้งบ้าทั้งประสาท

“สอบก็ตั้งใจ อ่านหนังสือเยอะ ๆ”

รู้แล้ว ก็ตั้งใจอ่านแล้วไง กูไม่ได้เหลวไหลเลยนะ ตั้งใจอ่านสุด ๆ จนจบเล่มแล้ว ตั้งใจอ่านขนาดนี้ก็เพราะมึงเลยนะเนี่ย

“คร้าบบบบบบบบบ”

ทะลึ่งนะมึง

“กวนตีน”

ก็กวนแค่เฉพาะกับมึงคนเดียวแหละ เนอะนิวเนอะ

“ด่าแล้วยังทำหน้าระรื่นอีก มึงบ้าเปล่าเนี่ย”

เออ กูบ้า ช่างกูเหอะ ปล่อยกูบ้าไปเรื่อยๆ คนเดียวแบบนี้แหละดีแล้ว

“บ้าก็รักมึงคนเดียวนะ”

ประสาท

นิวก้มหน้าก้มตาใช้ตะเกียบคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปาก ทำเป็นไม่สนใจทั้งที่แค่ได้ฟังคำพูดของโจ้แล้วแทบจะหุบยิ้มไม่ได้แต่ก็ยังพยายามปั้นหน้าเฉย

ไอ้โจ้แม่งก็เยอะ ทำอะไรตามใจตัวเองเรื่อย มันนึกอยากจะพูดมันก็พูด นึกอยากจะทำอะไรมันก็ทำ
ผิดกับทางนี้ ที่คิดแล้วคิดอีก จะพูดอะไรสักอย่างก็ยากเหลือเกินต้องมานั่งคิดนั่งทบทวนไปหมด
จนบางทียังนึกโมโหตัวเอง ที่ไม่มีความบ้าได้เท่ากับใครบางคนที่มันนึกอยากจะพูดอยากจะทำอะไรมันก็ทำ

“กินมือเดียวได้ป่ะวะ ก๋วยเตี๋ยวอ่ะ”

อ๋อ เนี่ยเหรอ ได้ ไม่มีปัญหา สบายมาก

โจ้พยักหน้ารับ และวางมือไว้บนโต๊ะ

ทำไมต้องกินมือเดียวด้วยวะ อีกมือจะให้เอาไว้ทำอะไร กูไม่เข้าใจนิวจริง ๆ

ยังคงมึนงงสงสัย แต่ก็เพียงไม่นานเพราะนิวไม่ปล่อยให้โจ้สงสัยนาน จัดการดึงมือของโจ้มาจับเอาไว้
ไม่ได้จับแน่น แต่คนที่ถูกจับมือก็ถึงกับแทบจะสำลักเส้นก๋วยเตี๋ยว

คาบเส้นก๋วยเตี๋ยวนิ่งค้างไว้อย่างนั้น และสายตาก็มองที่มือของตัวเองสลับกับมองหน้าของคนที่ยังใช้ตะเกียบคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปาก แต่หน้านิ่งสนิท นิวมันกำลังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เฉยสนิท แต่กูแม่ง..........กำลังจะตายเพราะความเขิน

เออ ให้มันได้อย่างนี้สิวะ ให้มันได้อย่างนี้ คุณชายนิวไม่ค่อยพูดมาก แต่ถ้ามันจะทำมันก็ทำเลยโดยไม่ต้องรีรอ

มึงอ่ะ แม่งติสต์แรงกว่ากูอีก นิว................. มึงนี่แม่งได้ใจกูจริง ๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.85
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 18-06-2014 16:26:17
"โจ้ มึงเพิ่งกินข้าวเสร็จ อย่านอน”

ทำไมล่ะ ก็กูจะนอน

“โจ้”

เรียกไปเถอะ เพราะมันไม่ฟัง แถมยังจะทิ้งตัวลงนอนอีก

“เหี้ยโจ้ ไอ้โจ้ ไอ้เหี้ยโจ้ แม่งงงงงงงงงงง มึงนี่ เหี้ยเอ้ยยยย”

แล้วสำเร็จเหรอ ด่ากูแล้ว กูสำนึกเหรอ

“นิวมึงก็อย่าด่ากูนักเลย”

อะไรวะ กูไม่ได้มาเพื่อให้มึงทำอะไรโง่ ๆ ใส่กูแบบนี้นะ

“เอาหมอนไป จะมาหนุนตักกูทำไมเนี่ย ไอ้โจ้ ลุกขึ้น โจ้มึงจะลุกหรือไม่ลุก เดี๋ยวกูตบหัวทิ่ม”

อย่าเล่นตัวมากนักเลยวะ

“ไม่”

นิวถอนหายใจ และส่ายหน้าเมื่อคนที่ทิ้งตัวลงนอนแกล้งหลับตาและขืนตัวเอาไว้ไม่ยอมลุกขึ้นนั่ง

“ขอหนุนตักแค่นี้เอง”

แม่ง แค่นี้ก็แค่นี้

ทำเหมือนไม่อยากให้เข้าใกล้ แต่ที่จริงแล้ว สิ่งที่เป็นอยู่ในเวลานี้มันยิ่งกว่ามีความสุข

“มึงมันดื้อ”

ใช่

กูดื้อ ถ้ากูไม่ดื้ออย่างนี้ มึงก็คงหลุดลอยไปไกลแล้ว

“กูต้องทำแบบนี้แหละ ไม่งั้นมึงจะหายไป”

นิวนิ่งชะงักกับสิ่งที่โจ้พูด

ใช่

บางทีอาจเป็นเพราะความดื้อรั้นของมัน ตอนนี้ถึงยังอยู่

ยังอยู่ตรงนี้

“ถ้ากูไม่ดื้อ มึงก็คงหายไปจากชีวิตกูตั้งแต่เรียนจบแล้วใช่มั้ย”

ใช่

นิวนิ่งเงียบ และเมินมองไปทางอื่น มันเป็นความอึดอัดใจที่คลี่คลายลงไปมากแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าหายไปทั้งหมด
โจ้ปรือตาตื่นขึ้น สายตากำลังจ้องมองไปที่ปลายคางของคนที่นั่งเงียบ

อะไรก็ได้ ให้ทำยังไงก็ได้ แค่มึงไม่หายไป แค่มึงไม่หายไปจากชีวิตกู

“นิว”

ได้ยินเสียงเรียกและนิวก็ก้มหน้าลงมามองคนที่หนุนตัก   มองนิ่ง ๆ และวางมือไว้ที่หน้าผากของโจ้เบา ๆ
วางมือลงและลูบไล้เส้นผมของอีกฝ่ายเล่น

นิวไม่ได้ยิ้ม แต่ดวงตาสื่อความหมายได้มากมาย ทุกสิ่งทุกอย่างในใจทั้งหมด ส่งผ่านมาถึงคนที่รอคอยคำตอบเสมอ

รอคำตอบ

ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ก็ยังรอ

“ถ้ากูไม่ดื้อ กูจะได้หนุนตักมึงแบบนี้มั้ยวะนิว”

ใช่

คงไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น และกูคงไม่รู้ว่าการมีใครสักคนอยู่ข้างๆ มันทำให้ชีวิตมีค่าและมีความสุขมากมายขนาดนี้

โจ้

ไม่ว่าความรู้สึกในเวลานี้เรียกว่าอะไร กูก็อยากบอกมึงว่าเฉพาะมึงเท่านั้น ที่ทำให้กูรู้สึกดีได้ขนาดนี้

“ให้กูดื้อกับมึงแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เถอะ”

นั่นเป็นสิ่งที่กูยอมให้มึงทำตั้งนานแล้ว

ฝ่ามือที่ลูบไล้ที่เส้นผมของโจ้หยุดลงแล้ว และโจ้ก็ดึงมือของคนที่ลูบผมมาแตะที่ใบหน้า ดึงมือของนิวมาจูบเบา ๆ ที่กลางฝ่ามือและจับเอาไว้

กูรักมึงขนาดนี้แล้ว มึงเลิกใจแข็งกับกูบ้างไม่ได้เลยเหรอ

“โจ้....กูมีพักร้อนสี่วัน ถ้าสอบเสร็จแล้ว ไปเที่ยวด้วยกันมั้ย”

ไปเที่ยวเหรอ ไปเที่ยว……

“ไป”

ไม่ต้องให้ถามซ้ำอีกครั้ง  โจ้ก็รีบพยักหน้าทันที

ไปสิ อยากไป  ที่ไหนก็ได้ถ้านิวไปด้วย ที่ไหนกูก็อยากไปทั้งนั้นแหละ ไม่ว่าที่ไหนกูก็อยากไปกับมึง

“งั้นตั้งใจสอบให้ได้คะแนนดี ๆ นะ ไปวันไหนล่ะ อยากไปเที่ยวแล้ว”

ยังไม่ทันสอบเลย ร้องอยากจะไปเที่ยวซะแล้วนะมึงไอ้โจ้

“อยากไปแล้วอ่ะ วันไหนล่ะ พาไปเที่ยวหน่อย อยากไป อยากไป”

อย่ามาทำหน้าระรื่นดีใจเกินเหตุไปหน่อยเลย

“สอบให้เสร็จก่อน”

อีกแล้ว แบบนี้ทุกทีเลยวะ ชอบพูดให้ลุ้นแล้วก็เฉยใส่ตลอดปล่อยให้กูลุ้นอยู่คนเดียวเนี่ย ตลอดเลยนะนิว

ทำแบบนี้ตลอด

“อีกแระ”

ทำไมบอกไม่รู้จักจำวะ ว่าอย่ามาทำเสียงเล็กเสียงน้อยใส่กูแบบนี้ เมื่อไหร่มึงจะจำซะทีเนี่ย

“ง๊องแง๊งอีกแล้วนะมึง”

เหรอ กูก็เป็นแค่กับมึงคนเดียวแหละวะ กับคนอื่นกูกล้าทำใส่ที่ไหน

“ไม่ชอบแล้วยิ้มทำไมว๊า”

กูไปยิ้มตอนไหน กูทำหน้าเฉยอยู่เนี่ย อย่ามาโมเมให้มากนัก

“..................”

น่านนนนนนนนนไง เงียบเลย เขินดิ๊ ชอบเหอะ กูรู้หรอก  มึงเขินกูอยู่ล่ะสิ  นิว

“มึงไม่ชอบงั้นกูเลิกทำใส่มึงแล้วก็ด๊ะ”

มึงเพิ่งจะบอกว่าจะเลิกทำ แต่มึงเพิ่งทำใส่กูอีกแล้ว นั่นเรียกว่าเลิกทำได้หรือไง

“.......................”

อ้าวสัด เงียบสนิทเลยทีนี้ เวรแล้วไง อารมณ์ไหนอีกวะเนี่ย แม่งไม่ใช่โกรธกูแล้วเส้นเลือดในสมองแตกตายห่าแล้วก็ช็อคไปแล้วนะนิว  เฮ้ยยยยยยยยย กูไม่ทำแล้วก็ได้ ถ้ามึงไม่ชอบกูเลิกทำแล้วจริง ๆ

“มึงจะทำก็ทำไป...........”

เอายังไงแน่เนี่ย เดี๋ยวบอกให้ทำเดี๋ยวก็ด่าไม่ให้กูทำ แล้วมึงจะเมินหน้าไปทางอื่นทำไมล่ะ
บอกกูแบบนี้แล้วเมินหน้าไปทางอื่นเนี่ยนะ อะไรเนี่ย อย่าบอกนะว่าโกรธกูขึ้นมาแล้วจริง ๆ

โจ้หน้าเสีย

แต่นิวหน้านิ่ง

นิ่งจนโจ้แทบอยากจะลุกขึ้นนั่ง ถ้าไม่ติดตรงที่ประโยคสุดท้ายที่นิวพูด

“ที่จริง.........อืม.....กูก็ไม่ใช่ว่าไม่ชอบที่มึงทำหรอกนะ......แต่พอมึงทำแบบนี้บ่อย ๆ เข้า.........กูก็ชอบคิดว่ามึง....น่ารักขึ้นทุกที”

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.86
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 18-06-2014 16:51:28
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#(นิว-โจ้) โปรดอ่านฉลากให้ถี่ถ้วนก่อนกินยา

“ถึงแล้วครับพี่ ตอนนี้ผมอยู่นี่เลยเสม็ด เสร็จทุกราย ไม่เสร็จจะมาทำไมล่ะครับพี่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ”

สิ่งที่ทำให้นิวอึ้งยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดก็คือ ตั้งแต่ออกเดินทางจนถึงที่พัก โทรศัพท์ไอ้โจ้ดังไม่ขาดสาย
ดังจนมันต้องปิดเสียงโทรศัพท์ และเปลี่ยนเป็นระบบสั่นแทน

นี่มันอะไรกันวะ หมายความว่ายังไง

มันคือปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลยตลอดเกือบสองปีที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่อยู่ดี ๆ โทรศัพท์ไอ้โจ้ก็มีสายเข้ามาถี่ขนาดนี้
มึงทำอะไร มึงกำลังทำอะไรของมึง

“คุยอะไรนักหนาวะ”

ไม่อยากพูด แต่มันมากจนล้นจนเกินจะเข้าใจได้ ว่าทำไมโทรศัพท์มันถึงได้ดังถี่ขนาดนี้

“เออ ปิดทั้งระบบสั่นทั้งระบบเสียงก็ได้วะ”

ไม่ใช่ นั่นไม่ใช่เรื่องที่อยากให้ทำ แต่มันมีเรื่องที่น่าสงสัยมากกว่านั้น

ทำไมถึงได้มีแต่ผู้ชายโทรมา และไอ้โจ้ก็บอกว่าพี่ ๆ เพื่อน ๆ ที่ชมรมโทรมา แล้วนี่มันต้องโทรหากันถี่ขนาดนี้เลยเหรอวะ ไม่เข้าใจ

“มึงเล่นอะไรโจ้”

เปล๊า ไม่ได้เล่นอะไรเล้ยยยยยยยย จริง จริ๊ง

“มึงหึงดิ”

หึงเหี้ยอะไร กูรำคาญ ไม่ใช่หึง

“ไม่มีหรอก”

“อะไรล่ะ หึงดิยอมรับมา”

ไม่มีทาง กูเนี่ยนะหึง ถ้าจะหึงกูคงหึงไปนานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาหึง แต่จะว่าไป...... ไอ้เรื่องหึงหวงนั่นน่ะ........
อย่าพูดได้มั้ย กูไม่อยากคิดหรอก ว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้เรียกว่าหึง กูไม่ชอบที่ตัวเองต้องเป็นแบบนั้น

กูไม่ชอบเลยจริง ๆ

++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.86
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 18-06-2014 16:52:37
“วู้ววววววววววววว กูรักทะเลโว้ยยยยยยยยยย”

มึงรักก็รักไปเถอะ มึงชักจะรักมากเกินไปแล้ว มึงรักทะเลตั้งแต่บ่ายจนพระอาทิตย์ตกดินแล้ว

ไม่ไหวจริง ๆ กูชักเริ่มปวดหัวแล้ว แต่ดูท่าไอ้โจ้จะไม่คิดอย่างนั้น เปียกไปหมดทั้งตัวและมันก็นอนกลิ้งเกลือกอยู่บนผืนทราย

โง่เอ้ย

“ชอบทะเลว่ะ กูจะนอนแบบนี้ทั้งวันเลย”

นอนไป ให้น้ำทะเลาะมันเซาะเนื้อมึงให้หลุดออกมาหมดทั้งตัวนั่นแหละ

“ไปไหนวะนิววววววววว”

กูจะขึ้นแล้ว นานเกิน เล่นตั้งแต่บ่ายจนถึงป่านนี้กูชักเริ่มปวดหัวแล้ว

“ไปนอน”

เหี้ยยยยยยยย ไปนอนได้ไง มึงนี่ ตั้งใจจะมานอนอย่างเดียวเลยหรือไงวะ

“อ่อน”

เออมึงเล่นไปคนเดียวซะให้พอเหอะ กูขึ้นแล้ว

นิวไม่สนว่าโจ้จะพูดยังไง เพราะรู้สึกถึงอาการปวดหัวที่เริ่มทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ เดินหนีขึ้นมา และโจ้ที่นอนกลิ้งเกลือกอยู่บนผืนทรายก็ผุดลุกขึ้นทันที

แม่งสงสัยจะปวดหัวมาก กูนึกว่ามึงโกรธก็เลยอ้างเรื่องปวดหัว ที่ไหนได้ ดูท่าจะเป็นจริง หน้าก็ดูซีด ๆ

“นิว”

ตะโกนเรียกและวิ่งไล่ตามมาหา กอดไหล่ของอีกฝ่ายและเฝ้าแต่เพียรถาม เพราะเริ่มสังเกตว่าอาการของนิวดูเหมือนจะไม่ค่อยดี

“นิวเป็นไงวะ กินยามั้ย”

ก็น่าจะดี เดี๋ยวก็ดีขึ้น มาเที่ยวแต่เสือกมาปวดหัว โทษทีว่ะ

“งั้นมึงขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะนอนไปก่อนก็ได้ จะกินอะไรมั้ย เดี๋ยวสั่งมากินก็ได้เอามั้ย”

ไม่เอา กูปวดหัว อยากนอน

นิวส่ายหน้าและก้าวขาเดินขึ้นบ้านพัก รีบตรงดิ่งเข้าห้องและเดินไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที

“นิว มีอะไรเรียกกูนะ”

รู้แล้ว มีอะไรเดี๋ยวกูเรียก คงไม่เป็นอะไรมากหรอก

รีบอาบน้ำสระผม และเดินออกมานอกห้อง ภายในหัวกำลังเต้นตุบ และนิวก็ต้องรีบเป่าผมให้แห้ง

“กูเป่าผมให้”

ไม่เป็นไรหรอก กูทำเองได้

“มึงไปอาบน้ำก่อนเถอะโจ้ ตัวมึงก็เปียก เปียกนาน ๆ มันไม่ดี”

ไล่ให้โจ้ไปอาบน้ำ ส่วนตัวเอง ดึงไดร์เป่าผมมาและต้องรีบจัดการผมของตัวเองให้แห้งโดยไว

“นิว ในกระเป๋ากูมียาพารานะ”

ได้ยินเสียงบอก และนิวก็ลุกขึ้นไปค้นหายาตามที่โจ้บอก

ยาพาราเหรอ

ยาพารา

“อยู่ไหนวะ”

หาแต่ไม่พบ ค้นไปเรื่อยจนเจอกล่องสี่เหลี่ยมใบเล็กที่อยู่ส่วนล่างของกระเป๋า กล่องแบบนี่น่าจะใส่ยาได้ คงจะเป็นกล่องยา

“ยาพารา..........ยา.......”

เปิดกล่องที่ยังไม่ได้แกะออกดูเพื่อค้นหายา เม็ดสีขาวนี่คงเป็นยาพารา แต่นอกจากยาพารา มันมีอย่างอื่นด้วย

“เจลหล่อลื่น......”

ไอ้เหี้ยโจ้

“ถุง....ยาง แบบบาง....เฉียบ”

ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยย นี่ไม่ใช่แค่บางเฉียบ แต่แม่งมีหลายแบบเลย พกมาทำเหี้ยไรเนี่ย เป็นแพ็คเลยมึง....ไอ้โจ้มึงนี่มัน.....

นิวรีบจัดการยัดของบางอย่างใส่กระเป๋าของโจ้เหมือนเดิม มองไปที่ประตูห้องน้ำแล้วก็ถึงกับส่ายหน้า ห่านี่เตรียมตัวมาเปิดซิงเต็มที่เลยเหรอวะ

ชัดเจนจริง ๆ เลยมึง

ลุกขึ้นไปรินน้ำใส่แก้ว กินยาไปสองเม็ด และเดินมาล้มตัวลงนอน ดึงผ้าห่มมาคลุมตัว เพราะเริ่มรู้สึกหนาว
บางทีคงเป็นอาการเมาแดด เมาเรือผสมกันเลยมีสภาพอย่างที่เห็น

โจ้เปิดประตูห้องน้ำออกมาแล้ว และนุ่งแค่กางเกงขาสั้นตัวเดียวและกำลังยืนเช็ดผม แต่สายตามองมาที่นิว

“มึงนอนไปก่อนนะ”

เออ

กูก็อยากจะนอนอยู่หรอก แต่ไอ้ที่เห็นเมื่อกี้มันอะไร มึงจะเตรียมพร้อมเกินไปหน่อยแล้วโจ้

อยากจะยิ้มก็อยาก ปวดหัวก็ปวดหัว สายตายังจับจ้องไปที่คนที่เดินหัวลู่ผมเปียกและเดินเช็ดผมไปทั่วห้อง

กูกำลังป่วย ใจเย็นไว้ ใจเย็นไว้ แต่แบบนี้มันให้ท่ากันชัด ๆ เลยนี่หว่า ถ้ามึงจะเตรียมตัวมาพร้อมขนาดนี้นะโจ้

นิวพยายามข่มใจและข่มตาของตัวเองให้หลับ

และรู้สึกได้ถึงฝ่ามือที่ตบเบา ๆ ที่หลังและไหล่ เมื่อโจ้เดินมานั่งอยู่ข้าง ๆ เตียง ปรือตาตื่นขึ้นและเห็นหน้าของคนที่มานั่งอยู่ด้วย

ปวดหัว และรู้สึกถึงอาการร้อนผ่าวที่ใบหน้า เอายังไงวะ ตกลงจะรู้สึกยังไงกันแน่

“นิวมึงไหวป่ะเนี่ย”

ไหวอยู่ ไม่ได้ป่วย แค่ปวดหัวเฉย ๆ กินยาไปเดี๋ยวก็ดีขึ้น

“ตัวก็ไม่ร้อนนี่หว่า แล้วทำไมหน้าแดงวะ”

หน้าแดงเหรอ จริงเหรอวะ หน้าแดงจริง ๆ เหรอ

“มึงเป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ยนิว”

แค่เพียงฝ่ามือแตะที่หน้าผากเบา ๆ นิวกลับรู้สึกถึงอาการสะดุ้งของตัวเอง

เหี้ย กูเป็นอะไรวะเนี่ย  รู้สึกว่ามันร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ร้อน...ร่างกายมันค่อย ๆ ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ

“นิว มึงเป็นอะไร”

กูไม่รู้จริง ๆ กูไม่ได้เป็นอะไร กูคงปวดหัวมาก กูคงเครียด กูคงเป็นหลายอย่างรวม ๆ กัน
กูคง..........นิวค่อย ๆ หรี่ปรือตาลง อยากนอน จะได้หายปวดหัว อยากนอนอาการจะได้ดีขึ้น

อยากจะนอน

แต่..........

“ไอ้โจ้ เสียงโทรศัพท์มึงดัง”

เฮ้ยยยยย กูว่ากูปิดเสียงไปแล้วนะ มันดังได้ไงวะ หรือกูเผลอไปเปิดเสียงอีกแล้ว

“ไปรับสิ”

รับเหรอ มึงจะโกรธมั้ยล่ะ มึงเพิ่งบ่นกูไปเรื่องที่คุยโทรศัพท์ตลอดเวลาตั้งแต่ออกเดินทาง รับมึงก็โกรธสิ

“ไม่เอา”

ไม่เอาได้ยังไง

“เผื่อที่บ้านโทรมา ไปรับซะ”

เหรอ เอางั้นเหรอ เอางั้นก็ได้วะ
โจ้ลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ที่วางทิ้งไว้ขึ้นมาดู......เบอร์เดิม สายเดิม พี่ ๆ ที่ชมรม แต่ถ้าคุยในนี้ ไอ้นิวแม่งก็จะรำคาญ กูคุยนอกห้องก็ได้วะ

โจ้เดินถือโทรศัพท์ออกไปนอกบ้านพัก เดินออกมาและกดรับสาย

“ฮาโหลครับ”

“พี่โจ้ น้องโจ้ โจ้ ไอ้โจ้”

เฮ้ยยยยยยยยยยยยย ทำไมเสียงมันดังเซ็งแซ่ขนาดนี้วะ อยู่กันทั้งชมรมเลยเหรอนั่น

“เฮ้ยยยยยยย อะไรเนี่ย อยู่กันครบหมดเลยเหรอ”

ถามออกมาเสียงดังและต้องรีบเอามือป้องปาก เพราะกลัวจะรบกวนคนที่นอนอยู่ในบ้าน

“ในกล่องมีของขวัญจากพวกพี่นะเว้ย”

อ๋อ กล่องนั่นเหรอ ที่ให้มาตอนที่บอกว่าจะมาเที่ยวเสม็ดใช่มั้ย

“อ๋อ เออยังไม่ได้แกะเลย ขอบคุณมากคร้าบบบบบ”

ขอบอกขอบใจพี่ ๆ เพื่อน ๆ ในชมรมเป็นการใหญ่ และก็ได้ยินเสียงหัวเราะโห่ฮามาตามสาย
แม่งจะโห่แล้วก็หัวเราะกันขนาดนั้นทำไมวะ

“เพราะว่าโจ้จะไปกับแฟนไง พวกพี่ก็เลยจัดของขวัญเซ็ทใหญ่ให้ ถ้ากลัวหมดแรงจัดไปหนึ่งเม็ดสีขาว อึดทั้งคืน”

เหี้ยอะไรวะ อึดทั้งคืน

“โห่พี่ อะไรวะอึดทั้งคืน”

ยังคงงง สงสัยและไม่เข้าใจสิ่งที่รุ่นพี่พูดเลยสักนิด

“อ้าวนี่ยังไม่ได้เปิดดูจริงๆ เหรอวะ”

ยังดิ ก็ว่าจะเอามาเปิดดูที่นี่ พวกพี่บอกผมให้มาเปิดที่เสม็ดไม่ใช่เหรอวะ ผมก็เชื่อฟังเป็นอย่างดี

“ก็พวกพี่ไม่ให้เปิดผมก็ไม่เปิดสิพี่”

โจ้กำลังมึน และเสียงโห่ฮาก็ดังขึ้นเป็นระยะ อะไรวะเนี่ย ตกลงจะโห่แล้วก็หัวเราะเสียงดังลั่นกันขนาดนั้นทำไมวะ

“พวกพี่ไม่กวนแล้ว โชคดีนะโจ้นะ อย่าลืมนะโจ้ ถ้าหมดแรงหนึ่งเม็ดสีขาว อึดทั้งคืน”

เหี้ยยยยยยยย กูชักรู้แล้วว่าในนั้นมีอะไร

“พวกพี่ก็เกินไป ผมไม่ได้จะมาทำอะไรอย่างน้านนนนน ยังไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกันเลยคร้าบบบบ”

พูดไปหัวเราะไป และก็ได้ยินเสียงหัวเราะจากรุ่นพี่ดังสนั่น

“เออ ก็เป็นกันคืนนี้เลยไงโจ้ เอาวะพวกพี่ไม่รบกวนเอ็งแล้ว คืนนี้ขอให้มีความสุข สนุกแฮปปี้สุด ๆ นะโจ้นะ”

ขอบคุณค้าบบบบบ

โจ้หัวเราะเสียงเบาและเหลือบสายตามองไปที่ประตูห้องพัก ถ้าจะเอากันนะพี่ เอากันไปตั้งแต่ครึ่งปีก่อนแล้ว ไม่มาเอากันที่เสม็ดหรอกพี่

คุณหนูนิวแม่งหวงตัวจะตายห่า อ้อนมันนิดอ้อนมันหน่อย มันก็แทบจะถีบผมแล้ว แม่งไม่ยอมเล่นด้วยเล้ยยยย
ไอ้เรื่องนั้นมันไกลเกินกว่าจะคิด ชาตินี้กูคงซิงรอมันจนแก่นั่นแหละวะ

“ครับพี่ เดี๋ยวผมไปดูก่อน สงสัยไม่ค่อยสบาย เห็นบ่นปวดหัวนี่ก็เพิ่งกินยาไป”

เอ่ยปากขอตัว และรุ่นพี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ยอมให้วางสายแต่โดยดี
โจ้วางสายเรียบร้อย และก้าวขาลุกขึ้นเปิดประตูบ้านพักเข้าไปดูคนที่บ่นว่าปวดหัว

นิวมันเป็นอะไรมากมั้ยวะ หน้าก็แดงซะขนาดนั้น กูเป็นห่วงนะเนี่ย

“นิว........หลับแล้วเหรอวะ”

ไม่มีเสียงตอบรับ มีแค่ความเงียบ
มึงจะนอนคลุมโปงอะไรขนาดนั้นวะ เห็นว่ามึงไม่สบายกูไม่กล้ารบกวนหรอก นั่งลงบนเตียงและก็มองคนที่ขยับกายเล็กน้อยอยู่ภายใต้โปงผ้าห่ม

“นิวมึงคลุมซะขนาดนั้น เดี๋ยวก็หายใจไม่ออกตายห่าหรอก”

ดึงผ้าห่มของคนที่นอนคลุมโปงออก แต่นิวไม่ยอมปล่อยผ้าห่ม ขืนเอาไว้และไม่ว่าโจ้จะพยายามดึงออกแค่ไหนก็ไม่เป็นผล

“นิว มึงจะหายใจไม่ออกตายห่านะ เชื่อกูบ้างสิวะ ดื้ออะไรไม่เข้าเรื่อง”

พยายามแล้ว ดึงแล้ว แต่ไม่ได้ผลเลย แถมยังได้ยินเสียงบ่นพึมพำจากใต้โปงผ้าห่มอีก

“อย่าเพิ่งยุ่งกับกู”

อ้าวเหี้ย ไม่ให้ยุ่งได้ยังไง ก็มึงไม่สบายอยู่นะ ไม่ให้กูยุ่งแล้วมึงจะให้ใครยุ่ง

“มึงมาคุยกันก่อนดี ๆ ซิ มึงจะคลุมโปงขนาดนี้ทำไมเนี่ย”

อย่ามายุ่งกับกู อย่าเพิ่งมายุ่ง อย่ามายุ่งกับกูตอนนี้ ขอร้อง

“นิว”

ยิ่งเรียก อีกฝ่ายยิ่งถอยหนี
มึงเป็นอะไรมากมั้ยเนี่ย แค่ปวดหัว ไม่เห็นต้องเล่นตัวขนาดนี้เลยก็ได้

ยอมหยุดมือ ไม่ยื้อไม่รั้งและลงไปนั่งบนพื้น

เออ มึงนอนไปแล้วกัน กูขอดูหน่อยว่าพวกพี่ที่ชมรมแม่งให้อะไรมาวะ แล้วบอกให้กูมาเปิดดูที่เสม็ด
กูล่ะอยากรู้จริง ๆ ว่าข้างในนี้มีอะไร

โจ้เปิดกระเป๋า ค้นหากล่องที่ได้รับมาและก็แปลกใจเมื่อพบว่ามีร่องรอยของการแกะ

กูไม่ได้แกะนะ กูยังไม่ได้แกะออกดูเลยด้วยซ้ำ แล้วใครแกะวะ
ขมวดคิ้วมุ่น และเปิดฝากล่องออกดู ให้อะไรมาวะ ทำไมถึงได้โห่กันซะขนาดนั้น

ให้อะไรมา.........ให้..........

เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย

อะไรเนี่ย ถุงยาง.....โธ่โว้ยยยย ให้มาทำไมเนี่ย แล้วยังนี่อีก....เจลหล่อลื่น เอามาทำไมวะ
แล้วนี่........ชื่อสามัญ....ไม่ต้องเดา ไวอากร้า....แกะแล้วสองเม็ดด้วย....ใครแกะวะ

ใคร.........

เงยหน้าขึ้นอย่างช้า ๆ เมื่อพบว่าคนที่ควรนอนเพราะบ่นว่าปวดหัวมันลุกขึ้นนั่ง

นิวดึงผ้าห่มออกจากตัว และสายตาก็มองตรงมาที่โจ้ มองนิ่ง ๆ จ้องมองตรงมาและโจ้ก็เห็นความผิดปกติบางอย่างในดวงตาคู่นั้น

“มึง...........กิน.....”

อยากจะถาม แต่เมื่อมองแล้วก็ไม่มีอะไรที่ต้องถาม

“ยาพารา....ไม่ใช่เหรอ”

ยาพารามันอยู่นี่ มันอยู่กระเป๋าข้างไม่ใช่ในกล่องนี้

“แล้ว.......กินไป....สองเม็ด....เลยใช่.....ป่ะ”

คงไม่ต้องเอาคำตอบ เพราะแค่มองหน้าก็รู้......แบบนี้แม่ง.....ชัด

“.............................”

อ่า

“โจ้......กูร้อน....”

นั่นกูรู้แล้ว......แต่แบบว่า....

“ทำไมร้อนขนาดนี้วะ ไม่ไหวแล้ว.”

เหี้ยแล้วไงล่ะ ไม่ต้องเดาแล้วงานนี้

“คืองี้นะนิว”

ไม่ต้องอธิบายแล้ว ไม่ต้องอธิบายอะไรทั้งนั้น

“เรื่องนี้มันมีที่มาที่ไป....คือว่า.....”

มันคงช้าเกินกว่าจะอธิบาย เพราะนิวโยนผ้าห่มออกจากตัวเรียบร้อย และจัดการถอดเสื้อที่สวมอยู่และโยนทิ้งไว้ข้างตัว

ชัดเลยกูงานนี้

นิวแม่งสติแตกไปเรียบร้อยแล้ว

“เหี้ยยยยยยยยยยยยยย มึงอย่าเล่นงี้สิวะนิว ใจเย็นไว้  กูก็อยากจะเสียซิงอยู่หรอกนะ แต่แบบนี้แม่งก็เกินไป นิว หายใจเข้าลึก ๆ นะ มึงหายใจเข้า ลึก ๆ เชื่อกูมึงหายใจเข้าลึก ๆ นิว มึงจะถอดทำไมวะ กูยังไม่ได้ทำใจมานะเฮ้ยยย เหี้ยนิว ใจเย้นนนนน”

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.86
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 18-06-2014 17:14:32
อ่านถึงหน้า4แล้ว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.86
เริ่มหัวข้อโดย: jaszer ที่ 18-06-2014 17:16:38
โอ้ยฮา ขำจนใส้ติ่งสั่น รีเฟรชมันทุกๆห้านาทีเลยทีเดียว #จี้อ่ะคนเขียน 55555555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.86
เริ่มหัวข้อโดย: seraty ที่ 18-06-2014 17:25:45
 :hao7:หวานนิดๆ น่ารักหน่อยๆ :mew4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.86
เริ่มหัวข้อโดย: Elleelle1234 ที่ 18-06-2014 17:29:02
 :o8: :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.86
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 18-06-2014 18:19:24
555 นิวเอ้ย งานเข้าแล้ว
เอ๊ะ รึจะงานเข้าโจ้หว่า คึๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.86
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 18-06-2014 18:48:02
โอยยยย ทำไมหยุดค้างอย่างนี้
ตกลงใครจะเสียตัว
รอลุ้นนน พี่ๆเหมือนจะเชียร์โจ้นิว แต่เราขอให้เป็นนิวโจ้เถอะนะ มาถึงขนาดนี้แล้ว ;a;
เกาะเสม็ด เสร็จทุกรายจริงๆด้วยเว้ยยย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.86
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 18-06-2014 18:58:59
55555555  งานเข้าาาา
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.86
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 18-06-2014 20:08:11
งานนี้เชียร์โจ้ (ให้เสียตัว) กร๊ากกกกกกก นิวบุกเลยยยยยยยยย :m11:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.86
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 18-06-2014 20:19:25
55555น้องโจ้สู้ๆๆ นิวกินแค่สองเม็ดเอง ทั้งฮึดทั้งทน  :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.86
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 18-06-2014 21:25:34
ขาดการติดตามหนึ่งวัน  ไปเสม็ดแล้ววววว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.86
เริ่มหัวข้อโดย: Scream ที่ 18-06-2014 21:45:44
ตลกโจ้ 5555555555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.86
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 18-06-2014 22:57:41
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.86
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 18-06-2014 23:17:25
อร๊ากกกกกกกกกกก ตัดฉับ  :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.86
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 18-06-2014 23:55:13
รอนิวโจ้ ตอนล่าสุดตัดจบได้น่าลุ้นมาก
ขำโจ้ ยอมๆไปเถอะน้อง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.86
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 19-06-2014 04:41:42
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#(นิว-โจ้) มึงไม่ใช่นิว

“นิวไปไหนนิว”

เรียก และคนที่ลุกขึ้นก็ไม่ยอมตอบ

“นิว”

เรียกซ้ำอีกครั้งและคนที่ไม่ยอมตอบก็หันมา ดวงตาคมหรี่ปรือปรอย และริมฝีปากก็แห้งผากอย่างเห็นได้ชัด
เห็นแบบนั้นแล้วโจ้ก็ต้องก้มหน้าหลบสายตาของนิวที่มองตรงมา

“ที่กูกินไม่ใช่ยาพาราใช่มั้ย”

ใช่....

โจ้ไม่ตอบ แต่นิวก็เหมือนจะรับรู้อยู่กลาย ๆ ว่าที่ร่างกายมีอาการผิดปกติอย่างนี้เพราะอะไร

“กูกินเข้าไปเอง มึงไม่ได้บังคับ งั้นกูก็ต้องรับผิดชอบตัวเองไป”

แม่ง โคตรจะแมนเหอะ สัด

นิวสูดหายใจเข้าลึก ๆ หน้าตากูตอนนี้คงหื่นมาก แม่งเหี้ยจริง ๆ วางแผนการเที่ยวมาซะดิบดี แต่ต้องมาผิดแผนเพราะเรื่องเหี้ยนี่ อยากจะด่าตัวเองที่โง่ไม่รู้จักดูอะไรให้ถี่ถ้วน

แบบนี้ต้องเรียกว่าโง่เอง

นิวกำลังจะเดินเข้าห้องน้ำและโจ้ก็ยังเรียกเอาไว้

“มึงจะไป......”

ถามไม่ทันจบประโยคและนิวก็ชิงตอบให้ก่อนเสร็จสรรพ

“อาบน้ำ”

อาบทำไมมึงเพิ่งอาบ จะอาบอีกรอบไปทำไม

“ร้อนมากหรือไง มึงเพิ่งอาบไปนะ”

ใช่
อาบแล้วก็อาบอีกได้ อาบน้ำอีกรอบ จะได้หายร้อน

“แอร์ก็เปิดขนาดนี้ มึงยังจะร้อนอีกเหรอ”

ใช่
ร้อน ยังร้อนอยู่
มันร้อนไปหมดทั้งตัว ร้อนไปจนถึงบางส่วนของร่างกาย

“นอนก่อนเลยโจ้ กูขออาบน้ำอีกรอบ”

นอนยังไง

นอนก่อน

ไม่กล้าพูดอะไรอีก ได้แต่นั่งนิ่งเงียบและกลืนน้ำลายลงคอ

เสียงแม่งอย่างสั่น จนกูไม่กล้าพูดอะไรต่อเลย

“กูขออาบน้ำอีกรอบ เผื่ออะไรมันจะสงบลงบ้าง”

นิวพูดแค่นั้นและหยิบผ้าขนหนูเดินลิ่วเข้าห้องน้ำไปแล้ว

กูรู้มึงไม่ได้อาบน้ำ
กูรู้มึงเข้าไปทำอย่างอื่น ที่ไม่ใช่แค่การอาบน้ำ

มึงเข้าไปทำอย่างอื่นในนั้น

กูรู้
แต่กูไม่กล้าพูด

โจ้นั่งนิ่ง หน้าชาตัวชา หันไปมองที่ประตูห้องน้ำที่มีเสียงน้ำจากฝักบัวให้ได้ยิน   สมองเริ่มจินตนาการเตลิดไปไกล

กูกำลังจะตายเพราะความรู้สึกของตัวเอง

ไม่ใช่แค่มึงที่รู้สึก แต่ตอนนี้กูก็รู้สึก

ถ้ามึงทนไม่ไหว กูก็คงทนไม่ไหวเหมือนกันนิว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.86
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 19-06-2014 04:43:03
โจ้กำลังขบริมฝีปากแน่นเพื่อไม่ให้ส่งเสียงครางออกมา ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่างกาย และหอบหายใจหนัก

นานมากกว่าสิบนาทีที่นิวหายเข้าไปในห้องน้ำ และอ้างเหตุผลว่าเข้าไปอาบน้ำ
กูรู้มึงเข้าไปทำอะไร และกูเองก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน

รอไม่ไหวแล้ว

ยิ่งคิดยิ่งเตลิด ยิ่งคิดยิ่งจินตนาการไปไกล

หรี่ปรือตาลง และค่อย ๆ ล้วงมือเข้าไปในกางเกงอย่างช้า ๆ รั้งบางส่วนของร่างกายออกมานอกกางเกง สัมผัสแผ่วเบากับบางส่วนของร่างกายที่ค่อย ๆ ตื่นตัวขึ้น ลงมือรูดรั้งขึ้นลงอย่างช้า ๆ

หอบหายใจหนักเพราะอารมณ์ความรู้สึกกระเจิดกระเจิงไปไกล

หูยังฟังเสียงน้ำจากฝักบัวในห้องน้ำ แต่อารมณ์ความรู้สึกเตลิดไปถึงไหนต่อไหน เพราะรู้ว่าคนที่อยู่ในห้องน้ำก็คงทำบางอย่างไม่ต่างกัน

“นิว อื้ออออ ซี้ดส์”

เรียกชื่อของคนที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันในเวลานี้ ครางออกมาเสียงแผ่วเบา และแตะปลายนิ้วที่ยอดอกคลึงเคล้นและสูดอากาศหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าของนิวที่เพิ่งได้เห็น ยังลอยไปลอยมา มันชัดเจนทุกความรู้สึก และโจ้ก็รู้ว่าตัวเองคงไม่อาจจะทนเก็บความรู้สึกแบบนี้ได้นาน

กูมีอารมณ์เพราะมึง

“นิว....อึก ซี้ดส์ นิว”

ไม่อยากร้อง แต่ก็หยุดเสียงครางของตัวเองไม่ได้ ส่วนที่อยู่กึ่งกลางของร่างกายแข็งขืนขึ้นและอยู่ในอุ้งมือที่ขยับขึ้นลง กระชับฝ่ามือแน่นขึ้นเมื่อแตะต้องตรงส่วนปลายและพบว่ามีหยดน้ำใสไหลซึมออกมา

“เหี้ยเอ้ย….แม่ง”

ด่าตัวเอง และอยากจะเอาหัวโขกเตียงให้รู้แล้วรู้รอดเพราะความไม่กล้า

ทำไมกูต้องมาทำอะไรแบบนี้คนเดียวด้วยวะ ทั้งที่กูอยากจะตายห่าแล้ว แถมกูก็มากับไอ้นิวด้วย แล้วมันเรื่องอะไรที่กูต้องมาทำอะไรโง่ ๆ แบบนี้คนเดียวด้วย

โมโหตัวเอง ด่าตัวเอง แต่ก็เท่านั้น เมื่อสุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้
ได้แต่ปลุกปั่นอารมณ์ให้ตัวเอง และสิ่งที่ทำได้ก็มีเพียงแค่โมโหฮึดฮัดอยู่ฝ่ายเดียว

“เหี้ย นิวโธ่โว้ยยยยย”

แหกปากตะโกนออกมาเสียงดังลั่น ด้วยความลืมตัว และต้องรีบหยุดมือ ลุกขึ้นนั่งทันทีและรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนถึงคอ เมื่อประตูห้องน้ำถูกเปิดออก และคนที่ออกมาจากห้องน้ำก็นุ่งเพียงแค่ผ้าขนหนูผืนเดียว สภาพร่างกายเปียกโชกไปทั้งตัว เส้นผมเปียกลู่เพราะหยดน้ำ

“มึงเป็นอะไรโจ้ มึงเป็นอะไรวะ”

กูมันบ้า
กูไม่ได้เป็นอะไร
กูมันโง่
กูมันทั้งโง่ทั้งบ้าที่ทำแบบนี้

โจ้รีบจัดการร่างกายของตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง ดีที่กูเอาผ้าห่มคลุม แม่งถึงไม่รู้ว่ากูกำลังทำอะไร

“มึง.....มึง....อาบ...อาบน้ำ...เสร็จแล้วเหรอ”

พูดจาแทบไม่เป็นภาษา สูดหายใจเข้าลึก ๆ และไม่ยอมสบตาคนที่เดินตัวเปียกโชกออกมาจากห้องน้ำ

“ยัง....กำลัง...อาบ...อยู่”

นิวเองก็ตอบคำถามในสภาพที่ไม่ต่างกัน

กูไม่ได้อาบน้ำ

ที่อยู่ในห้องน้ำ กูไม่ได้อยากอาบน้ำ แต่กูเปิดน้ำอาบเพื่อให้หัวเย็นลง ทั้งที่ร่างกายไม่ได้เย็นลงสักนิด

“เอ่อ.....มึงจะเข้าห้องน้ำเหรอ...โจ้”

เปล่า
กูไม่ได้จะเข้าห้องน้ำ
กู....

โจ้ทิ้งตัวลงนอน

กระชับผ้าห่มที่คลุมกายเอาไว้แน่น และพยายามข่มอารมณ์ที่พุ่งทะยานขึ้น

กูจะไม่ไหวแล้วนะ

กูจะไม่ไหวแล้ว

“โจ้”

เหี้ยนิว ไม่ต้องเรียกกูเลย มึงทำอะไรทำไมกูจะไม่รู้ แต่ที่กูไม่เข้าใจ ทำไมมึงไม่ทำกับกูซะให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
มาถึงขนาดนี้แล้ว มึงยังจะใจแข็งไปถึงไหน

“โจ้”

ได้ยินเสียงเรียก แต่โจ้กำลังหลับตาแน่น และกำผ้าห่มเอาไว้

กูไม่ไหว มึงไม่ต้องเรียกกูแบบนี้

“โจ้.....มึงเป็นอะไร กูทำอะไรให้มึงไม่พอใจหรือไง”

ไม่รู้ มึงไม่ได้ทำ กูแค่ทำตัวเอง

นิวเดินมานั่งข้าง ๆ คนที่นอนคลุมโปงและหันหลังให้

มึงไม่เข้าใจหรอกโจ้ ร่างกายกูตอนนี้ไม่ปกติ ทั้งที่เพิ่งปลดปล่อยออกไป แต่ทำไมตอนนี้กำลังรู้สึกขึ้นมาอีกรอบ

ทำไมถึงเริ่มรู้สึกถึงความร้อนรุ่มภายในร่างกายที่เหมือนมันไม่ยอมหมดลงง่าย ๆ
ส่วนนั้นมันเริ่มตื่นตัวขึ้นอีกแล้ว ทั้งที่เพิ่งจะผ่านไปไม่ถึงสิบห้านาทีที่ร่างกายปลดปล่อย

กูรู้ว่าทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะอะไร กูเข้าใจดี แต่ที่ยอมรับไม่ได้คือแบบนี้มันไม่ธรรมดา มันผิดปกติเกินไป

ยาห่านี่แม่งแรงใช้ได้จนกูรู้สึก

“โจ้”

เรียกคนที่อยู่ในโปงผ้าอีกครั้ง แต่ทุกอย่างยังเหมือนเดิม และนิวก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อมองไปที่ร่างของคนที่ใช้ผ้าห่มคลุมตัวแล้วก็เริ่มจินตนาการบางอย่างไปเรื่อยจนชักกลัวใจตัวเอง

กูกำลังจะเป็นบ้า

กูบ้าไปแล้ว

กูอยากทำอะไรมึงหมดทุกอย่าง แต่มันไม่ควรเป็นแบบนี้ กูแค่อยากให้ดีกว่านี้ ให้บรรยากาศมันพาไป ไม่ใช่มาหื่นกระหายสักแต่ว่าทำไปให้จบ ๆ

มันไม่ควรเป็นแบบนี้ มันไม่ควรต้องเป็นแบบนี้เลย

ลำคอกำลังแห้งผาก และนิวก็รู้สึกถึงความร้อนภายในร่างกายตัวเองที่กำลังตีตื้นขึ้นมาอีกครั้ง
ความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ภายในไม่ได้มอดลงไปเลยสักนิด จนต้องคิดหาวิธีจัดการหยุดความรู้สึกตัวเองให้ได้

“กูไปอาบน้ำก่อนนะ”

กำลังจะลุกขึ้น แต่คนที่นอนหันหลังให้ก็รีบหันมามอง โจ้รีบโผล่หน้าออกมาจากใต้ผ้าห่ม มองตรงมาที่นิว
มองนิ่งตรงมา และแค่เห็นสายตาที่ส่งมานิวก็อ่านออกทันทีว่าอะไรเป็นอะไร

“..................”

นิ่งเงียบ และกำลังจะลุกขึ้นจริง ๆ เพราะรู้ว่าความอดทนกำลังจะสิ้นสุด

“นิว....”

มึงอย่าเรียกกูแบบนี้นะ

“..................”

“นิว.....”

อีกครั้งที่ถูกเรียก แต่น้ำเสียงของคนเรียกดูเหมือนจะแผ่วโหยลงเรื่อย ๆ

แต่ดวงตาที่จ้องมองมาไม่ได้แผ่วโหยตามน้ำเสียง

กูกำลังจะหมดความอดทน อะไรบางอย่างที่พยายามฝืนเอาไว้ กำลังถูกทำลายลงอย่างช้า ๆ

“กู..........”

อะไรอีก มึงจะพูดอะไรอีกโจ้ มึงจะพูดอะไรของมึง

“หยุด มึงหยุดเรียกกูแบบนี้ได้แล้ว”

ทำไมต้องบอกให้หยุดด้วย ทำไมกูจะเรียกไม่ได้ ถ้ากูอยากเรียกแล้วมึงจะทำไม

“นิว”

“หยุด พอได้แล้วโจ้ มึงไม่ต้องเรียกกูแบบนี้ มึงพอได้แล้ว”

“ไม่หยุด....กูจะเรียกมึง.....นิว นิว นิว นิว นิว นิวววววววววว”

ไม่ทันได้ตั้งตัว แล้วโจ้ก็ต้องล้มตัวลงนอนอย่างรวดเร็ว เพราะคนที่บอกให้หยุดพูดโถมกายลงมาหา
ดวงตาที่จ้องมองมาร้อนแรงเกินกว่าที่โจ้จะคาดเดาได้ ข้อมือทั้งสองข้างถูกกดตรึงเอาไว้กับเตียง ดวงตาสองคู่ยังสบกันนิ่ง

“นิว กูจะเรียก....กูจะเรียกไปเรื่อย ๆ นิว นิว นิว”

“พอแล้ว โจ้ ขอร้องมึงพอได้แล้ว กูให้โอกาสมึงครั้งสุดท้าย”

ให้โอกาสกี่ครั้งกูก็จะเรียก จะเรียกแบบนี้ไปเรื่อย ๆ

“นิว”

โจ้สบสายตากับคนที่ให้โอกาสเป็นครั้งสุดท้าย และนิวก็จ้องตาของโจ้นิ่ง ๆ
จ้อง และมองนิ่งตรงมา   หยุดขยับการเคลื่อนไหว มีเพียงลมหายใจแผ่วเบาที่เป่ารดใส่กัน

“นิว อื้อออออออออออออ”

ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้เพียงแค่หลังประโยคนั้น คนที่เหมือนจะเคยสงบมาตลอด กลายสภาพเป็นพายุร้อนแรงไปแล้ว

ทั้งริมฝีปากที่บดคลึงลงมาอย่างรุนแรงที่ริมฝีปากของโจ้ และไม่เปิดโอกาสให้พูดได้อีก ปลายจมูกซุกไซร้ถาโถมลงมาที่ซอกคอ
ความร้อนแรงจากฝ่ามือที่ลูบไล้บีบเคล้นคลึงไปทั่วร่าง

เร่าร้อนรุนแรงจนยากที่จะคาดเดา

โจ้รู้ แบบนี้ไม่ใช่ธรรมดา สองมือจิกทึ้งไปที่ลาดไหล่แกร่งที่ยังเปียกชื้นไปด้วยหยดน้ำ
ผ้าขนหนูที่ห่อหุ้มร่างกายของนิวปลิวหายไปนานแล้ว และกางเกงที่โจ้ใส่อยู่ก็ร่นหายตามไปด้วย

“ฮื้ออออออออออ”

แอ่นสะโพกขึ้นสูง เมื่อริมฝีปากร้อนรุ่มกำลังโลมไล้ไปที่ความแข็งแกร่งของร่างกายที่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง
จิกทึ้งฝ่ามือไปที่แผ่นหลังของคนที่กำลังทำบางอย่างให้

เรียวขาแยกออกกว้าง และแอ่นสะโพกขึ้นทุกครั้งที่ถูกปลายลิ้นร้อนไล้เลียไปที่ส่วนกึ่งกลางของร่างกาย

“เจลอยู่ไหน”

อยู่โน่น ชี้มือไปที่กระเป๋าที่วางเอาไว้ และนิวก็ก้าวขาลงจากเตียงไปหยิบของที่จำเป็นต้องใช้
เทชโลมบางอย่างที่เปียกลื่นไปทั่วทั้งความแข็งแกร่งของร่างกาย ก่อนจะกลับขึ้นมาบนเตียง และแยกขาของคนที่นอนปรือตาออกให้กว้างขึ้น

“ทำอะไรวะ”

ทำอะไรไม่รู้ รู้แค่ว่ากูจะทำ

“เอามึง”

เหี้ยยยยยยยยยยยยยยย

“ห๊ะ”

โจ้ลุกพรวดพราดขึ้นและนิวก็กดไหล่ของโจ้ให้เอนตัวลงไปบนเตียงอีกครั้ง

“เอา.......กู”

เออ

เอามึงนั่นแหละ

“พูดเป็นเล่น”

ไม่พูดเล่น กูเอาจริง

“เหี้ยนิว งั้นไม่เอาแล้ว กูว่าวเอาเองก็ได้”

มึงหมดโอกาสแล้ว กูให้โอกาสมึง แต่มึงทำลายโอกาสนั้นเอง

“บอกช้าไปแล้ว”

ช้าไปแล้วตรงไหนวะ ช้าไปแล้วตรงไหนกูยังไม่ได้บอกช้าไปแล้วเลย

“เหี้ยยยยยยยยย”

“ห้ามร้อง”

ห้ามร้องได้ยังไง กูจะร้อง กูไม่เอา กูไม่ได้เตรียมตัวมาเพื่อทำแบบนี้นะ

“นิววววว”

อยากจะร้องไห้ก็สายเกินไปแล้ว

เพราะแม่งจะปล้ำกูจริง ๆ นิวแม่งหน้ามืดไปแล้ว มันจะเอากูให้ได้แน่ ๆ

“มึงจะทำอะไรกูเนี่ย”

ไม่รู้เหมือนกัน แล้วมึงให้กูทำอะไรได้บ้างล่ะ

“ทำหมดเลย”

ห๊ะ

ไม่เอาโว้ยยยย แบบนี้กูไม่เอา

“ปล่อยกู เหี้ยนิว ปล่อยยยยยยยยย”

แค่เพียงเสียงร้องโวยวาย อารมณ์ที่เหมือนหยุดไม่ไหวและไปไกลสุดกู่ก็ถูกดึงกลับมา

ตกใจกับอาการขัดขืนอย่างเห็นได้ชัด

เหี้ย

กูเงี่ยน กูหน้ามืด กูแม่งบ้าไปแล้ว

“มึงปล่อยกู เหี้ยนิว”

โจ้ดิ้นหลุดไปได้แล้ว และหน้าแดงก่ำเพราะออกแรงจากการขัดขืน

นิวนั่งนิ่งเงียบ ทั้งที่อารมณ์ความรู้สึกแสดงให้เห็นชัดเจนผ่านทางร่างกาย

ดึงสติกลับมาได้ และนิวก็ถึงกับหอบหายใจหนัก ๆ ก้มหน้าลงขบริมฝีปากตัวเอง ก่อนจะยอมละมือออกจากไหล่ของโจ้

คว้าผ้าขนหนูมาพันเอว และลุกขึ้นจากเตียง ก้มหน้าก้มตาเตรียมเดินเข้าห้องน้ำอีกรอบ
และเป็นโจ้ที่ถึงกับตะลึงค้าง

มึง..... ถ้ามึงจะบังคับเอา มึงอาจจะได้ แต่นี่มึงไม่บังคับ และแค่กูบอกว่า ไม่ คำเดียว มึงก็ปล่อยกูเลย

นิว.....

มองไปที่คนที่กำลังจะเดินลิ่วเข้าห้องน้ำ และโจ้ก็ได้สติเรียกอีกฝ่ายเอาไว้

“นิว มึง....จะไปไหน”

ไม่น่าถาม ชัดขนาดนี้แล้ว มึงคิดว่ากูจะไปไหนล่ะ

“ชักว่าว”

เหี้ยยยยยยยยยยยยยย

ลุกขึ้นนั่ง ทั้งที่ตัวเองก็มีสภาพไม่ต่างกันกับคนที่บอกว่าจะไปทำบางอย่างในห้องน้ำ

“มึง....อยากทำ....กับกูจริง ๆ ใช่มั้ย”

อยาก

แต่กูเกลียดที่สุดคือการใช้กำลังบังคับ มันผิดแผนไปหมด กูไม่ได้คิดอยากจะให้มันเป็นแบบนี้

กูไม่คิดเลย

“ครับ”

พยักหน้ายอมรับ และโจ้ก็นั่งก้มหน้านิ่ง

“มึงจะทำหมดทุกอย่างเลยใช่มั้ย”

ถ้าจะทำ กูก็คงทำหมดทุกอย่าง

“ครับ”

เหี้ยนิวมึงก็ตอบนิ่งซะจนกูไม่กล้าพูดอะไร

“กูไม่......เอ่อ เรื่องนี้มึงก็รู้ใช่มั้ย”

รู้
กูถึงไม่กล้าทำอะไรมึงจนถึงป่านนี้ก็เพราะรู้ว่ามึงไม่เคยไปลองทำแบบนั้นที่ไหน ที่กูไม่ทำไม่ใช่ไม่กล้า แต่ที่ไม่ทำเพราะกูอยากรอเวลาที่เหมาะสม และทุกอย่างมันจะดี กูคิดเอาไว้ มันควรต้องดีกว่านี้ ไม่ใช่แบบที่กำลังเป็นอยู่

เอากันให้หายอยากแล้วก็จบ กูไม่อยากให้เป็นแบบที่กำลังจะเป็นอยู่ในเวลานี้

“ครับ”

โจ้ถอนหายใจยาว ก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ

กูว่าหน้ากูแม่งกำลังแดง แต่จะแดงหรือไม่แดงก็ช่างหัวแม่งเถอะ เพราะตอนนี้ไม่ว่าอะไรกูก็ยอมหมดแล้ว

นิวแม่งดีเกินไปจริงๆ

ขนาดนี้แล้ว มึงก็ยังห้ามใจตัวเองได้ กูนับถือในความอดทนของมึงจริง ๆ

“มึง........เบามือให้กูหน่อยได้มั้ย”

โจ้….. มึงอย่าน่ารัก อะไรก็ได้กูจะให้ทุกอย่าง แต่ขออย่างเดียว มึงอย่าน่ารัก

“พูดอะไรของมึง…โจ้....”

กูพูดจริง ๆ มึงเบามือให้หน่อยได้มั้ย นี่มันเรื่องใหญ่สำหรับชีวิตกูเลยนะ  แล้วดูขนาดของมึงก็ไม่ใช่เล็ก ๆ แล้วให้กูยอมมึง

กูยอมให้ก็ได้ แต่มึงช่วยเบามือให้กูหน่อยไม่ได้หรือไง กูยังไม่อยากตาย

นิวก้าวเดินกลับมาหาคนที่นั่งก้มหน้าดึงผ้าห่มมาปิดบังร่างกายทั้งที่เพิ่งจะได้เห็นกันหมดไปทั้งตัวถึงไหนต่อไหน

“เบาแค่ไหน”

ไม่รู้
มึงเบาได้แค่ไหนล่ะ
มึงจะเบาแค่ไหน

ตอบไม่ได้ ได้แต่นั่งนิ่ง ๆ และนิวก็แตะปลายนิ้วมือเบา ๆ ไล้ไปที่ข้างแก้มของคนที่นั่งก้มหน้าไม่ยอมพูด

แค่แตะอีกฝ่ายก็ถึงกับสะดุ้ง และค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมามองอย่างช้า ๆ

มองที่ตา สบตากันนิ่ง ๆ และนิวก็โน้มใบหน้าเข้าหา แตะริมฝีปากแผ่วเบาที่ริมฝีปากของโจ้ก่อนจะผละออกห่าง

“เบาแค่นี้พอไหวมั้ย”

เหี้ย
มึงก็หวานไป
เบาแค่นี้ ถ้าจะเบาแค่นี้ก็พอไหว

พยักหน้ายอมรับและอีกครั้งที่ก้มหน้า เอนกายลงนอนโดยมีร่างของใครอีกกำลังทาบทับลงมา

แค่เพียงรอยจูบแผ่วเบาที่ริมฝีปากก็ทำให้จิตใจอ่อนยวบลง ปลายจมูกของใครบางคนแตะสัมผัสเบา ๆ ที่ข้างแก้ม เหมือนอยากปลอบโยน และกำลังจะกลับไปที่จุดเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง

“ไม่ต้องเครียดนะ ใจเย็น ๆ โจ้ ไม่มีอะไร ถ้าเจ็บมึงบอก กูจะหยุดให้”

จริงนะ

“ถ้าไม่หยุดกูถีบนะ”

มึงนี่ก็เหลือเกิน เวลานี้แล้วยังจะเสือกทำให้กูหัวเราะได้อีก

“เอออออออ ให้ยิ่งกว่าถีบเลย สัญญา”

ถึงเวลานี้ ที่ควรจะเครียดหรือกลัว กลับหายเป็นปลิดทิ้ง

“แล้วยาห่านี่มันจะออกฤทธิ์ถึงเมื่อไหร่วะ”

นั่นกูไม่รู้หรอก

แต่ที่กูรู้แน่ ๆ มึงคงต้องเสียน้ำหลายรอบ

“สงสัยจนกว่าน้ำมึงจะหมดตัว”

เออ รู้ดีจริงนะมึง ท่าทางจะศึกษามาดี

“หมดไม่หมด มึงก็ต้องรับผิดชอบให้กูเอาออกให้หมด หางานให้กูได้ตลอดนะมึง ตัวดีจริง ๆ ”

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.86
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 19-06-2014 04:44:35
“แม่งเจ็บเหี้ย สัดเอ้ยยยย”

โจ้แหงนเงยใบหน้าและพยายามสูดหายใจเอาอากาศเข้าไป เมื่อรู้สึกว่าความใหญ่โตจากส่วนของร่างกายจากร่างที่ทาบทับอยู่กดแทรกเข้าไปในร่างกายของตัวเอง จนหมดสิ้น

“อือ”

กูเจ็บ ไอ้สัดนี่เสือกอือ คำเดียว ไอ้เหี้ย.....นิ.....

อยากจะอ้าปากด่า แต่เมื่อปรือตาขึ้นมามองหน้าของคนที่อยากด่า ก็มีอันต้องหุบปากเงียบ
แม้ร่างกายจะแนบสนิทเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว แต่ไม่มีแม้แต่การขยับเคลื่อนไหวเลยสักนิด

“.......................”

นิวไม่ยอมพูดอีกเหมือนเคย มีเพียงแค่สายตาที่สื่อความรู้สึกทั้งหมดมาให้

หยาดเหงื่อที่ผุดขึ้นที่หน้าผากของร่างที่ทาบทับอยู่ ทำให้นิว ต้องแตะฝ่ามือเบา ๆ ที่หน้าผากมน

กูรู้มึงเจ็บ

แต่กูก็ไม่รู้จะทำยังไง

กูทนไม่ไหวจริง ๆ แค่ทำให้จบมันง่าย แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว กูไม่อยากให้มันจบ มันควรเป็นเรื่องดี ๆ ที่ควรจำ
สัมผัสครั้งแรกที่ลึกซึ้งของเรา มันควรจะต้องยิ่งกว่าน่าจดจำ

แม้จะรู้ว่าทุกอย่างไม่ปกติ
แต่ถ้าพยายามข่มใจเอาไว้ และใช้ความรู้สึกเป็นตัวช่วยในการนำทาง
เซ็กส์ที่เกิดจากความรู้สึกดี ๆ ที่มีให้กัน มันจะไม่ใช่แค่เซ็กส์เพียงแค่ให้ผ่านพ้นและจบ ๆ ไป

เพราะกูไม่คิดจะให้เรามีความรู้สึกกันแค่นั้น แล้วก็จบ

“อื้อออ......นิว กู....เจ็บ อึก”

น้ำเสียงแผ่วโหยที่เอ่ยบอก ทำให้นิวต้องพยายามขบริมฝีปากตัวเองแน่น และค่อย ๆ ขยับสะโพกอย่างเชื่องช้า

“มึงจะถีบกูมั้ย”

ไม่

โจ้ส่ายหน้าทั้งที่ความเจ็บปวดกำลังแล่นพล่านไปทั่วร่าง จิกปลายนิ้วไปที่ลาดไหล่ของร่างที่ทาบทับ และพยายามปรับลมหายใจให้เข้ากับจังหวะเชื่องช้าเนิบนาบที่เพิ่งเริ่มต้น

“เปลี่ยนท่ามั้ย มึงจะได้ไม่เจ็บมาก”

สัด

ท่านี้กูก็จะตายห่าแล้ว ยังจะให้เปลี่ยนท่าอีก ใส่เข้าใส่ออกหลายที กูทำใจลำบากไม่รู้หรือไง
แม่งกว่าจะเข้าไปได้ แล้วจะให้กูเปลี่ยนไปท่าอื่น แล้วมาใส่ ๆ ถอด ๆ อีกนะ

มึงคิดว่ากูเทิร์นโปรแล้วหรือไง

“เดี๋ยว”

ไม่ใช่ไม่อยากเปลี่ยนท่านะ แต่กูขอทำใจก่อนแป๊บเดียว เพราะแม่งเริ่มเสียวขึ้นมาทีละน้อยแล้ว

“โจ้เอ้ยยยยยยยย มึงนี่นะ”

อะไรล่ะ มึงจะว่าอะไรกูหรือไง หรี่ปรือตาขึ้นมองหน้าของคนที่พูดบางอย่างใส่และก็เห็นว่านิวกำลังยิ้มใส่ตา
ยิ้มหาพ่อมึงหรือไงสัด

“มองหน้ามึงกูก็จะแตกแล้ว.....หน้ามึงตอนเงี่ยนเป็นงี้เองเหรอโจ้”

ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยย มึงเลิกพูดเหอะ หน้ามึงดูดีกว่ากูนักนี่ ความเงี่ยนมันแสดงออกทางสายตาของมึงยิ่งกว่ากูสิบเท่าเหอะ

โจ้ยกแขนขึ้นสองข้างเพื่อปิดบังใบหน้าของตัวเองเอาไว้ หยุด....กูว่าจะไม่อายแล้วนะ แต่นิวแม่งกำลังทำกูอาย

“หน้าแม่งโคตรเซ็กส์ชิบหาย”

สัดนิว มึงเลิกพูดได้แล้ว

“อ่ะ เหี้ย อึก อ่ะ นิววววววววว”

ชอบเวลามึงร้องแบบนี้ ชอบเวลามึงครางแบบนี้ ชอบทุกอย่าง ชอบไปหมดทุกสิ่งทุกอย่าง
ชอบที่ได้อยู่ในร่างกายมึงแบบนี้ ชอบที่ได้ครอบครอง ชอบที่ได้ดิ่งลึกลงไปพร้อมกับความรู้สึกที่ร้อนแรงด้วยกันแบบนี้

“ชอบ”

ชอบเหี้ยไร มึงไม่ต้องแนบใบหน้าลงมาแล้วมาครางเสียงกระเส่าใส่หูกูแบบนี้ สัดนิว

“ชอบบ้านมึงดิ สัด”

ไม่ได้ชอบบ้านกู แต่ชอบมึง

“ชอบโจ้”

ไอ้นิว

“ชอบหน้ามึง”

หยุด

“ชอบตัวมึง”

มึงจะหยุดไม่หยุดเนี่ย

“ชอบเวลากูเข้าไปอยู่ในตัวมึง”

ไม่พูดก็ว่าหนักแล้ว เวลาพูดแม่งหนักหนากว่าอีก มึงไปเก็บกดที่ไหนมาถึงพูดจาได้ฉอด ๆ ไม่หยุดแบบนี้
มึงไปเก็บกดที่ไหนมาวะ

จากปิดหน้าของตัวเอง ในเวลานี้โจ้จัดการยกมือขึ้นปิดปากคนพูด
ปิดเอาไว้ และแทนที่ทุกอย่างจะดีขึ้น กลับสัมผัสได้ถึงปลายลิ้นร้อนชื้นที่กำลังไล้เลียที่ฝ่ามือ

“สัดนิว กูจะถีบมึง”

กำลังจะดึงมือกลับ แต่ช้าไปแล้วเพราะนิวจับข้อมือของโจ้เอาไว้
และใช้ปลายลิ้นไล้เลียจากฝ่ามือขึ้นมาจนถึงปลายนิ้ว แต่สายตายังจับจ้องไปที่ใบหน้าของคนที่นอนหอบหายใจหน้าแดงก่ำ

“พอใจยัง”

ไม่พอใจ มึงแกล้งกู มึงกำลังแกล้งกู มึง…..

“อ๊า”

ร้องออกมาเสียงดังลั่นและแหงนเงยใบหน้าขึ้นอีกครั้งเมื่อรู้สึกถึงท่อนเอ็นแข็งแกร่งที่กระแทกเข้ามาในร่างอย่างรุนแรง

“สัด อึ่ก อ่ะ ซี้ดดดดดดดด เหี้ยนิว”

ไม่ได้อยากร้องไห้ แต่น้ำตามันไหลเอง กูเสียวแต่กูก็เจ็บ มึงคิดว่าของมึงมันธรรมดามากหรือไง
กระแทกทีเล่นเอาจุกจนแทบจะลืมหายใจ

นิวร้องครางเสียงแหบต่ำในลำคอ ยิ่งได้เห็นใบหน้าที่แสดงความรู้สึกหลากหลายออกมายิ่งหยุดไม่อยู่ ข้างในมันตอดรัดจนแทบจะปลดปล่อยออกมาซะให้ได้

ก้มหน้าลงมาหาคนที่น้ำตาคลอปริ่มแล้วก็แทบจะขาดใจตาย

“มึงกำลังทำให้กูคลั่ง”

ประกบริมฝีปากร้อนเข้ากับริมฝีปากที่ขบเข้าหากัน

เคลื่อนไหวร่างกายให้ความใหญ่โตสัมผัสลึกเข้าไปภายในช่องทางที่บีบรัดรับสัมผัสมากขึ้น แทรกผ่านเข้าหาบดคลึงและกระแทกกระทั้นเข้าไปเรื่อย ๆ

บดสะโพกให้แนบชิดทุกการสัมผัส และรั้งต้นขาของคนที่นอนร้องครางเสียงสั่นมาพาดอยู่บนไหล่เพื่อให้ทุกการสอดแทรกเพิ่มความแนบชิดให้มากขึ้น

“ดีมั้ย หือ มันส์มั้ย เสียวหรือยัง”

โจ้ได้แต่หอบหายใจหนัก และฝ่ามือทั้งสองข้างก็ถูกกุมกระชับแน่น สะโพกที่กระแทกกระทั้นขึ้นลงยังไม่หยุดการเคลื่อนไหว

ท่อนเอ็นที่รุกล้ำเข้าไปภายในร่างอัดกระแทกขึ้นลงซ้ำ ๆ และนิวก็เฝ้ามองทุกกิริยาของร่างที่ยินยอมให้ทำบางอย่างให้

มึงกำลังทำให้กูหยุดไม่อยู่โจ้ มึงรู้ตัวมั้ย ว่าหน้ามึงตอนนี้เป็นยังไง
ใบหน้าขาว ๆ ขึ้นสีแดงเรื่อ ดวงตาหรี่ปรือปรอย ลมหายใจหอบหนักทุกครั้งที่ถูกสอดแทรก
เสียงร้องครางแผ่วในลำคอแบบนั้นมันยิ่งทำให้หยุดไม่อยู่

ไม่อยากจะทนความรู้สึกที่เกิดขึ้น ไม่ต้องการจะเก็บกดสิ่งที่อยู่ภายในเอาไว้อีก ช้อนแผ่นหลังของร่างที่หอบหายใจหนักและหลับตาแน่นให้ลุกขึ้นมาอยู่ข้างบน ขยับร่างกายในจังหวะเนิบนาบเชื่องช้าเพื่อให้คนที่ยังไม่คุ้นชินกับการถูกทำบางอย่างได้ปรับตัว

“ทำสิ”

ดึงมือของโจ้ให้ลงมาแตะต้องที่ร่างกายส่วนที่ไวต่อความรู้สึก

สัมผัสแผ่วเบา และให้โจ้จัดการกับร่างกายของตัวเองเพื่อผ่อนคลายความเจ็บปวดและเพิ่มความรู้สึกร้อนแรงให้มากขึ้น ภายในช่องท้องกำลังปั่นป่วน แม้จะขยับมือเพื่อรูดรั้งร่างกายของตัวเองแต่ก็รับรู้ได้ถึงความใหญ่โตที่ขยับเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าอยู่ภายใน

“อึก อื้อออ เหี้ย “

รู้สึกถึงการมีตัวตนของกันและกันทุกครั้งที่เอวของนิวทำหน้าที่อัดแทรกร่างกายเข้ามา รับจังหวะการรุกเร้าและขยับร่างกายไปพร้อม ๆ กัน

“อาส์ อาส์ อาส์ “

อารมณ์ร้อนแรงกระเจิดกระเจิงไปไกล ความรู้สึกที่ต่างฝ่ายต่างปรนเปรอให้กันไม่สามารถหยุดลงได้แล้วในเวลานี้ ยิ่งได้ยินเสียงครางของโจ้ นิวยิ่งกระแทกร่างกายเข้าไปเน้นย้ำหลายต่อหลายครั้ง

“อ่ะ ซี้ดส์ อื้มมมม”

สุดที่จะทน คนหนึ่งรุกเร้า อีกคนจิกฝ่ามือไปที่ลาดไหล่แกร่ง ร้องครางอออกมาเสียงกระเส่าเมื่อการเคลื่อนไหวของคนที่อยู่เบื้องล่างเร่งเร้ามากขึ้น

“โจ้ ดีมั้ย โจ้ เสียวมั้ย”

เหี้ยยยยยยย กูเสียวจนจะขาดใจตายอยู่แล้ว ไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้าน ได้แต่แยกขาให้กว้างขึ้นทุกครั้งที่ถูกกระแทกกระทั้นร่างกายเข้าหา

“แม่งมันส์ชิบหาย อาส์ โจ้ เหี้ยมึงตอดกูอยู่”

กูรู้แล้ว สัดไม่ต้องพูดแล้ว กูจะไม่ไหวแล้ว

“เอาอีกมั้ย เอามั้ย แรงกว่านี้อีกมั้ย เห็นมั้ยว่าเข้าไปขนาดไหนแล้ว รู้มั้ย”

สัดนิว มึงมันเงี่ยนเกินกูจะรับได้ไหว

จังหวะของการกระแทกยังคงเคลื่อนไหวไม่หยุดและโจ้ก็ได้แต่ใช้ฝ่ามือลูบไล้ที่ร่างกายของตัวเอง

เมื่ออีกฝ่ายไม่หยุดให้ แล้วจะไปทำอะไรได้นอกจาก ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปเรื่อย ๆ

“ เข้าไปขนาดนี้สะใจมึงหรือยัง ห๊ะ อยากได้มากกว่านี้มั้ย”

ไม่รู้
กูไม่รู้

ได้แต่ร้องออกมา เมื่อถูกคว้าเอวเข้าไปกอดแน่น และถูกยัดเยียดบางอย่างเข้ามาไม่หยุด
ริมฝีปากร้อนรุ่มที่ไล้เลียขบเม้มไปที่ยอดอก ยิ่งทำให้แรงอารมณ์โหมกระพือขึ้น  โอบกอดร่างกายอีกฝ่ายเอาไว้แน่น สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของกันและกัน

“ชอบกูมากมั้ยโจ้ รักกูมากหรือเปล่า”

เออ

แต่ตอนนี้กูจะไม่ไหวแล้ว มึงอยากจะทำอะไรกูก็ได้ ขอร้องเถอะ อะไรก็ได้ที่อยากจะทำ ช่วยทำให้มันจบ ๆ ลงซะทีกูจะไม่ไหวอยู่แล้ว

“...อึก อื้อออ”

ได้แต่ร้อง และครางออกมาเสียงสั่นเมื่ออยู่ดี ๆ คนที่ทำบางอย่างให้ก็หยุดการเคลื่อนไหว และส่งสายตาอ้อนวอนให้โจ้เป็นฝ่ายควบคุมจังหวะการเคลื่อนไหวเอง

“อาส์ โจ้ แม่งตอดกู มันแน่นไปหมด ซี้ดส์”

ไอ้เหี้ย มึงมันถ่อย

“อาส์ อาส์ สัด ”

ร้องครางแข่งกัน ทั้งที่ร่างกายสอดประสานกัน ขึ้นลงและขยับไปพร้อมกัน

“อื้ออออ ไม่ไหวนิว แม่ง”

คนที่ถูกคร่อมทับ จับไหล่ของโจ้เอาไว้ และลากฝ่ามือไปที่ยอดอกสองข้าง บีบเค้นคลึงเพื่อเพิ่มความรู้สึกให้
ริมฝีปากคลึงเคล้าเข้าหากัน แลกปลายลิ้นกระหวัดรัดพัวพันกันไปมาเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้สึกต่อกัน

“อื้อออ”

นิวผ่อนร่างของคนที่รองรับความรู้สึกทั้งหมดให้เอนลงนอนอีกครั้ง เรียวขาแยกออกกว้างมากขึ้นเพื่อรองรับการถาโถมร่างกายลงมาหา

จัดการรั้งร่างกายของตัวเองออกมาและเทชโลมหยดน้ำใสเพื่อช่วยให้การสอดแทรกเป็นไปอย่างราบลื่นมากขึ้นจำต้องหยุดนิ่งเพราะร่างกายกำลังจะทนไม่ไหว ซบหน้าลงที่แอ่นอกกว้างของคนที่ให้ทำบางอย่างและร้องครางลั่นเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยให้หยุดการเคลื่อนไหว

จัดการแอ่นสะโพกขึ้นซ้ำ ๆ เพื่อให้ช่องทางที่บีบรัดได้รับความรู้สึกที่มอบให้มากขึ้น

“อาส์ อ๊า อื้อออ นิว นิว อื้อมมมม”

แล้วเพียงไม่นานก็เหมือนถูกแกล้ง เมื่อความรู้สึกทวีสูงขึ้น นิวก็หยุดการเคลื่อนไหวไปดื้อ ๆ
เป็นโจ้ที่ต้องเปลี่ยนกลับมาคุมจังหวะเองอีกครั้ง

แยกขาออกกว้างอยู่เหนือท่อนเอ็นแกร่ง และเป็นฝ่ายขยับร่างกายไปมา

“อาส์ อาส์ โจ้ อีก โจ้ เอาอีก”

จัดการสอดแทรกท่อนเอ็นแกร่งที่เปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดหยดที่ชโลมลงไปในช่องทางร้อนที่เต้นตุบตอดรัดอีกครั้ง
กดเข้าไปอย่างช้า ๆ จนสุดทาง

“พร้อมมั้ย จะปล่อยให้แตกแล้วนะ”

พร้อมห่าอะไร พร้อมอะไรวะ

พร้อม........

“โอ้ยยยยยยย นิว นิว เดี๋ยวก่อน อื้ออออออออออ ซี้ดดดส์”

ร่างกายถึงกับสั่นสะท้านเมื่อจังหวะการเคลื่อนไหวเชื่องช้าเนิบนาบกลายเป็นรุนแรงร้อนรุ่มขึ้นมาในเวลาไม่นาน
แก่นกายแกร่งกระแทกลึกเข้าไปจนลึกสุดถึงภายใน

“แรงกว่านี้อีกมั้ย หือออ อยากให้ทำแรงกว่านี้อีกมั้ย”

สัด

จะถามทำเหี้ยอะไรวะ กูเสียวจะขาดใจตายอยู่แล้ว

ได้แต่แอ่นกายรับความใหญ่โตที่ถาโถมเข้ามาหา ครวญครางไปตามจังหวะการถูกกระแทกกระทั้น

“อาส์ ซี้ดดดดดดดดด โอ้ยยยย สัด นิวววววววว”

จนถึงป่านนี้แล้วมึงยังกล้าด่ากูอีกเหรอ มึงทำแบบนี้ได้ยังไง มึงกล้าด่ากูเหรอวะ

“บอกให้กูแรงอีกโจ้.....อยากได้อีกมั้ย พูดออกมา”

เหี้ย มึงจะทำให้กูขาดใจตายอยู่แล้ว

“อื้อ....แรง....อีก...ฮื่อออ อ๊า”

ยอมพูด แต่อีกฝ่ายก็เหมือนแกล้ง

“ไม่ได้ยิน พูดสิ ว่าอยากให้แรงอีกมั้ย”

ไอ้เหี้ยยยยยยยยย

“แรงอีกโว้ยยยยยยยยย สัด....แรงอีกได้ยินมั้ยวะ ห๊ะ อ๊าส์”

ได้ยิน ได้ยินแล้ว.........กูกำลังทำตามใจมึงอยู่เห็นมั้ย

“ว่าวตามเลยโจ้…”

กูรู้แล้ว

อ่าส์………มึงจะฆ่ากูใช่มั้ย มึงทำแบบนี้จะฆ่ากูใช่มั้ย

จับที่ท่อนเอ็นของตัวเอง สาวมือไปตามจังหวะที่ถูกกระแทกกระทั้น

“ดีมากโจ้ มึงเก่ง”

เก่งเหี้ยอะไร กูจะขาดใจอยู่แล้ว

“อื้มมมมมมม”

ร้องออกมาเสียงดังลั่นเมื่อถูกจับที่สะโพกและนิวก็กระแทกเข้ามาอย่างรุนแรงซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จนเสียงเนื้อกระทบกันดังลั่น

“อาส์ นิว นิว”

ร้องอีก ครางออกมา มึงเป็นของกูคนเดียวนะโจ้ มึงเป็นของกูคนเดียวเท่านั้น

“อาส์ อึก ”

มันส์มั้ย ดีมั้ยวะ ร้องออกมาอีก

ท่อนเอ็นแข็งแกร่งชูชันขยับไปตามจังหวะมือ ทุกครั้งที่มีการกระแทกบางอย่างเข้ามาในร่างกาย
และโจ้ก็รู้สึกว่าตัวเองแทบอยากจะหยุดหายใจ

“โอ้ยยยยยยยย อา อาส์ อาส์ อาส์ จะแตกแล้วนิว ไม่ไหวแล้ว”

โจ้ร้องครางลั่นและแอ่นกายขึ้น สองขาเกี่ยวกระหวัดรัดที่รอบเอวของคนที่ยังไม่หยุดการเคลื่อนไหว
สะโพกแกร่งยังอัดกระแทกเรี่ยวแรงที่มีทั้งหมดเข้ามาภายในซ้ำ ๆ ย้ำ อีกหลายครั้ง

สาวมือไปตามจังหวะ ความรู้สึกอัดแน่นท่วมท้นวนมาที่ท้องน้อย และเหมือนจุดสิ้นสุดของอารมณ์ใกล้เข้ามาถึง
ทุกขณะ

“โอ้ยยยยยยยยยยยยยย นิว อื้อออ นิว”

โจ้ร้องครางเสียงลั่น แอ่นเอวขึ้นสูง และรู้สึกได้ถึงแรงกระแทกซ้ำแล้วซ้ำเล่า แรงขึ้นเรื่อยๆ

“ชอบมั้ยโดนแบบนี้ ชอบใช่มั้ย ร้องสิ ร้องออกมา”

อาส์ ไอ้เหี้ย

ได้แต่ครางทั้งที่ท่อนเอ็นของตัวเองแข็งขืนและชูชันทุกครั้งที่โดนกระแทก

“โอ้ยยยยยยยยยยยยยย ไม่ไหวแล้วนิว ไม่ไหวแล้ว อ๊า นิว อือ อึก อา”

หยาดหยดที่อัดแน่นอยู่ภายในร่างกายพุ่งทะยานออกมา เปรอะเปื้อนไปทั้งฝ่ามือ และพุ่งออกมาเปรอะเลอะไปที่หน้าท้อง แถมบางส่วนยังกระเด็นไปที่หน้าท้องของคนที่ยังไม่หยุดการเคลื่อนไหว

หัวหมุนลอยคว้าง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำร่วมกันถึงจุดสิ้นสุด แต่ไม่สามารถหยุดนิ่งได้ เมื่ออีกคนยังไม่ถึงจุดหมาย

“โจ้ อาส์ มึงสุดยอดมากโจ้ อ๊าส์”

จังหวะการกระแทกครั้งสุดท้าย มาพร้อมกับความร้อนที่พุ่งทะยานเข้าไปภายในร่างกายของโจ้และกลั่นกรองออกมาเป็นหยาดหยดขาวขุ่นฉีดพ่นเข้าไปภายในร่างกาย

นอนตาลอยคว้างโดยมีคนที่เพิ่งจะถึงที่หมายของอารมณ์ ทรุดร่างลงมาทาบทับ และหอบหายใจหนักแข่งกัน
ไม่มีเรี่ยวแรงจะพูด เป็นนานกว่าจะปรับลมหายใจให้เข้าที่ได้

พักหายใจได้ไม่นาน และนิวก็หยัดร่างกายขึ้นทั้งที่บางส่วนยังแทรกอยู่ภายในช่องทางที่บีบรัด

“ถ้ากูแข็งขึ้นมาอีกมึงต้องช่วยกูนะโจ้”

สัด

มึงเพิ่งจะปล่อยใส่กูไปเมื่อกี้นี้ พักไม่ถึงสิบห้านาทีเลยนะ มึงต่ออีกรอบได้แล้วหรือไง เหี้ยเอ้ยยยยยยยยยย กูอยากจะบ้า

“บอกสิ ว่าช่วย”

มึงอย่า….ขอร้อง มึงอย่าทำหน้าแบบนี้ใส่กู

มึงเป็นใครเนี่ย กูไม่รู้จักมึงมาก่อน ปกตินิวไม่ใช่แบบนี้ มึงบอกมานะว่ามึงเป็นใคร

“โจ้”

ไม่พูดเปล่ามันยังแนบใบหน้าลงมาที่ซอกคอและกระซิบเรียกด้วยน้ำเสียงกระเส่า

“ช่วยกูนะ”

ช่วยเหี้ยอะไร กูจะตายอยู่แล้วนะ มึงเข้าใจมั้ย ว่ามึงเล่นกูหนักขนาดไหน มึงเข้าใจบ้างมั้ย

“โจ้”

ให้มันได้อย่างนี้ ให้มันได้อย่างนี้สิวะ มึงไม่ใช่ไอ้นิวแน่ ๆ กูสาบานได้ว่ากูไม่เคยรู้จักมึงที่เป็นแบบนี้

“เหี้ยนิว มึงให้กูพักหายใจหน่อยได้มั้ย”

ได้

พักหายใจก็ได้

“กูเงี่ยนเพราะยา มึงเข้าใจกูนะ”

หน้ามึงไม่ได้บ่งบอกเลยว่าเป็นเพราะยา กูว่ามึงเล่นจริงอารมณ์จริงล้วน ๆ

“เอากูเพราะยาด้วยมั้ย”

ไม่ใช่

“เปล่า......เอามึงเพราะอยากได้มึงมานานแล้วแต่ไม่กล้า”

ห๊ะ ว่าไงนะ มึงพูดว่ายังไงนะ อย่าบอกนะว่า นี่กูเข้าใจอะไรผิดมาตลอดอยู่คนเดียวใช่มั้ย

“แล้วทำไมมึงถึงไม่กล้า”

ถามออกไปด้วยความมึนงงสงสัย

และนิวก็หยัดกายขึ้น และแตะปลายนิ้วไปที่ปลายจมูกและริมฝีปากของโจ้เบา ๆ ดวงตายังสื่อความหมายได้ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่เว้นแม้กระทั่งเวลานี้

เพียงแค่ได้สบตา โจ้ก็ต้องรีบเบือนหน้าหนี และหัวใจกำลังเต้นระทึกกับบางสิ่งบางอย่างที่นิวกำลังจะพูด

“เพราะกูจะรักมึงหลงมึงจนโงหัวไม่ขึ้น.....”

เหี้ยยยยยยยยยยยยยยย

นิวมึงมาพูดอะไรตอนนี้ มึงไม่รู้หรือไงกูเพิ่งมาอายก็ตอนมึงพูด ทั้งที่ทำอะไรกันไปขนาดนั้นกูยังไม่รู้สึกอายเท่านี้

“หน้ามึงแดงแล้วโจ้”

ไม่ให้แดงได้ไง มึงอย่ามาพูดอะไรหวาน ๆ เลี่ยน ๆ ใส่กูตอนนี้ได้มั้ย กูกำลังจะทำตัวไม่ถูกอยู่แล้ว

“เหี้ยพอ.......กูเขิน”

เออดีนะ มึงทำกับกูไปขนาดนี้ มึงเสือกมาเขินกูเพราะกูพูดแค่นี้

“เหี้ยโจ้..........แม่ง.....มึงเป็นอะไรวะ.....มึงจะเขินแล้วทำหน้าได้น่ารักไปทำไมมากมาย รับผิดชอบกูเลยนะ กูแข็งอีกแล้ว.........มึงมันตัวต้นเหตุใหญ่.....มึงลุกขึ้นมารับผิดชอบกูอีกรอบเลยนะมึง”

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.86
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 19-06-2014 06:56:21
 :jul1: เสียเลือดแต่เช้า แต่เขินนิ้วมากๆๆ เนาะโจ้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.86
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 19-06-2014 06:57:41
 เอาใหญ่เลยนะนิว 

นิวเค้าบอกรักแล้วเว้ยเฮ้ย :z2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.86
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 19-06-2014 07:43:52
 :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.86
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 19-06-2014 08:10:06
อือหืิอ....่น่ารักเชียว..
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.86
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 19-06-2014 09:26:35
อ๊าย เขินแทนมากเลย
นิวบอกรักแล้ว  :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.86
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 19-06-2014 11:12:20
ร้อนแรงมากสองคนนี้
เป็นฝั่งเป็นฝาทางพฤตินัยละนิวโจ้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.86
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 19-06-2014 12:01:46
 :pighaun:อ๊ายย สองคนนี้ในที่สุดก็ทำเราเสียเลือดเลย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.86
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 19-06-2014 12:26:35
ในที่สุดก็ได้กันนนน กรี๊ดดดดด
นิวทำเพราะรักเพราะหลง กรี๊ดดดดด
แล้วจะไม่ให้โจ้เขินมันก็เกินไป
น่ารักกกกก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.86
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 19-06-2014 12:54:04
โอ้ววววววววววววว
 :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun:
เค้าได้กันแร้ว!!! เพราะงั้นรีบๆเป็นแฟนกันนะจร้า
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.86
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 19-06-2014 13:11:22
คุณชายนิว เห็นเงียบ ๆ ใจแข็ง ๆ  แต่คุณชาย อารมณ์มาเต็มมากเลยคะ 555+ พูดเยอะด้วยนะคะ :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.86
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 19-06-2014 13:19:19
เข้ามาอีกที คู่นี้ได้กันแล้ววว

นิวนี่ดูแอบซาดิสต์เบาๆ จะเจริญรอยตามคู่หัวหน้าแผนกขายไหมนี่
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.86
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 19-06-2014 15:08:39
นิวโจ้ๆๆๆๆ ชาบูๆคู่นี้ ชอบบบ

นิวเบามือหน่อยลูก หลายรอบเดียวคนรับมิรอด 555
 :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.86
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 19-06-2014 16:41:15
เรียบร้อย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.86
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 19-06-2014 17:13:40
วันนี้ยุ่ง เพิ่งอ่านหมดหน้า4 เอง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.86
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 19-06-2014 20:09:42
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด
นิวโจ้ ฝันเป็นจริงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
ถึงตอนนี้จะยังไม่ต่อ แต่รู้สึกโล่งใจ นิวโจ้ นิวโจ้
กลับไปคราวนี้ พวกพี่ๆแซวโจ้ใหญ่แน่เลย ว่าแต่เหมือนเขาจะเชียร์โจ้ให้กดนิว แต่เหมือนโจ้จะโดนกดแทนใช่ไหม?? หรือยังไงหรอ อิ๊อิ๊
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.86
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 19-06-2014 20:18:14
โอยยย...หัวใจจะวาย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.86
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 19-06-2014 21:04:24
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#(นิว-โจ้) เพิ่งเข้าใจ

มันคือช่วงเวลาใกล้รุ่งสางที่ร่างกายยังไม่สามารถหยุดพักได้ ลืมเวลา ลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปจนหมดสิ้น

อีกครั้งที่สองร่างเปลือยเปล่าไม่สามารถแยกห่างจากกันได้

โจ้ค่อย ๆ ขยับร่างกายอย่างช้า ๆ คว้าความแข็งแกร่งอวบใหญ่จับให้ตั้งตรงและค่อย ๆ กดสะโพกลงมาเพื่อครอบครองความใหญ่โตนั้นเอาไว้

“ฟิตชิบหายเลยว่ะ....เข้าได้มั้ย ซี้ดดดส์”

ไม่ได้

เหี้ยแม่งมันยังเข้าไปไม่ลึกเลย

กูเจ็บ

“ฮื่ออออ”

ค่อย ๆ ขยับร่างกายลงมาเรื่อยๆ เพื่อครอบครองส่วนนั้นให้ลึกสุด
คร่อมทับอยู่เหนือร่างกายของคนที่กำลังขบริมฝีปากแน่น และขยับเอวขึ้นลงให้สัมผัสจากภายในเสียดสีกันมากขึ้น

“อาส์”

หมดความรู้สึกเขินอายเมื่อร่างกายหลอมรวมเป็นของกันและกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ไม่อยากจะคิดอะไรให้มาก เพียงปล่อยให้การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างเชื่องช้า

“อืมมม นิว”

ขยับร่างกายอยู่เหนือร่างของคนที่แยกขาออกว้าง และปล่อยให้ท่อนเอ็นแกร่งเคลื่อนไหวไปมาตามจังหวะอย่างเชื่องช้า

“อาส์ อาส์”

“ชอบมั้ยโจ้”

ดีที่สุด แบบนี้ยิ่งกว่าดี ดีจนไม่อยากจะพูดอะไรอีกแล้ว

“อาส์ โจ้ เก่งมาก ดีมาก กูเสียวไปหมดแล้ว”

นิวค่อย ๆ หยัดกายลุกขึ้นและประกบริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากของคนที่โน้มใบหน้าลงมาหา ไล้เลียปลายลิ้นของกันและกันดูดกลืนความปรารถนาที่ยังถาโถมได้ไม่หยุด

ทุกครั้งที่ท่อนเอ็นใหญ่โตสอดแทรกเข้าไปภายในช่องทางคับแคบบีบรัดจะมีเสียงครางของความสุขสมของคนสองคนตามมาด้วยทุกครั้ง

“อ๊า อ่ะ เสียวว่ะ อีก แรงอีกนิว อาส์ ไม่ไหวแล้ว"

อีกครั้งที่ไม่สามารถหยุดการเคลื่อนไหวร่างกายได้ และปล่อยให้จังหวะสะโพกของใครบางคนเคลื่อนไหวไปตามอิสระ

โจ้พยายามขบริมฝีปากของตัวเองไม่ให้ส่งเสียงมากไปกว่านี้ ทั้งที่หลายครั้งทนแทบไม่ไหว
สบตากับดวงตาที่ส่งความรู้สึกร้อนแรงมาให้ตลอดเวลา และรู้ความหมายของกันและกันดี

“สัดนิว….อื้ออออ มึงแกล้งกู ซี้ดดดดดส์”

กดปลายนิ้วจิกทึ้งไปที่ลาดไหล่กว้าง และสุดท้ายก็โอบกอดกันแนบแน่น เพื่อถ่ายทอดความอบอุ่นให้แก่กัน

“อาส์ อาส์ นิว นิว”

ร้องเรียกชื่อคนที่กำลังปรนเปรอบางอย่างให้

และรู้สึกว่าหลายครั้งหลายหน ร่างกายก็เรียกร้องมากอย่างไม่น่าเชื่อ

ใช่ ตรงนั้น
เข้ามาอีก

แรงอีก

อย่าหยุด

อาส์

สะโพกแกร่งเคลื่อนไหวรุนแรง กระแทกซ้ำ ๆ ในจุดเดิมเมื่อรู้ว่าเป็นจุดที่สร้างความรู้สึกลึกล้ำให้กับร่างที่กำลังเคลื่อนไหวไปมาตามการสอดแทรก

“ใช่มั้ย ตรงนี้ใช่มั้ย”

ใช่

โจ้พยักหน้ารับและขบริมฝีปากแน่น

“แรง ๆ ซี้ดส์”

ใช่ตรงนั้น ใช่

“อ๊า อึก อืมมม”

ความรู้สึกซาบซ่านวนเวียนเหมือนกระแสไฟไปทั่วร่าง ปล่อยให้เรียวขาแยกออกและรับการกระแทกกระทั้นของท่อนเอ็นใหญ่โตเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า

“อ๊ะ อ๊ะ อาส์ อาส์ อึก โจ้ กูเสียวตรงหัวชิบหายเลยว่ะ”

กูรู้แล้ว สัด มึงไม่ต้องบอกกูทั้งหมดก็ได้

สะโพกแกร่งยังคงกดย้ำซ้ำเข้าไปภายในตรงจุดเดิมขยับกายขึ้นลงให้ภายในเสียดสีกัน และเน้นไปที่จุดเดียวที่รวมความรู้สึกเอาไว้ทั้งหมด

“อาส์อ่ะ โจ้”

ขยับกายเข้าออกรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เน้นไปที่จุดเดิมเพราะรู้ว่าจะยิ่งเพิ่มความร้อนแรงให้

“อ๊า อ๊า อ๊า อืออออออออ อ๊า”

โจ้ถึงกับกลั้นเสียงเอาไว้ไม่อยู่  ร้องครางเมื่อถูกบางอย่างแทรกสอดเข้ามา หรี่ปรือตาและปล่อยให้อารมณ์ความรู้สึกเป็นไปตามที่ควรเป็น ฝ่ามือแกร่งบีบเคล้นสะโพกแน่นทั้งสองข้างของร่างที่กำลังถูกอัดความรู้สึกแทรกเข้ามาให้ทุกจังหวะ

ไม่ไหวแบบนี้ไม่ไหว ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปคงถึงจุดหมายเร็วกว่าที่คิด

นิว ค่อย ๆ ถอนความแข็งแกร่งของร่างกายออกมา
และขยับลงมายืนที่ข้างเตียง ก่อนจะจัดการแยกขาของอีกฝ่ายให้แยกออกกว้าง และยัดเยียดร่างกายซ้ำเข้าไปอีกครั้งอย่างรุนแรง จนโจ้ถึงกับสะดุ้ง และร้องครางออกมาเพราะถูกกลั่นแกล้ง

“โอ้ยยยยยยย เหี้ยนิว กูเจ็บ อาฮะ อาฮ๊า ซี้ดดด อาส์ “

มันเป็นความรู้สึกสุขสมที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน แม้มีความเจ็บปวดร่วมด้วย แต่มันก็มีความรู้สึกอื่นตีตื้นขึ้นมาไม่แพ้กัน เสียงร้องครางลั่นและดวงตาที่หลับแน่นยิ่งทำให้นิวหยุดความรู้สึกของตัวเองไม่อยู่

ร่างกายเป็นหนึ่งเดียวกันไปแล้ว และทุกครั้งที่ส่วนนั้นฝังลึกอยู่ภายในที่ตอดรัดมันอบอุ่นและอยากจะมอบความรู้สึกให้ตลอดไป

อยากเป็นหนึ่งเดียวกันไปตลอด ให้ร่างกายเป็นของกันและกันแบบนี้ไปตลอด

“โอ้ยยยย อ๊าส์ อ๊าส์”

โดนกระแทกเข้าไปซ้ำ ๆ และโจ้ก็ได้แต่ร้องครางและหลับตาแน่น เพราะร่างกายร้อนไปหมดทุกส่วน

“อ๊าส์ อ๊ะ อ๊า อ๊า อื้อออออออ โอ้ย ฮาส์ อาส์”

นิวถึงกับขมวดคิ้ว และหลับตาแน่น สูดหายใจเข้าลึก ๆ มองทุกการสอดแทรกร่างกายของตัวเองที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ แหงนเงยใบหน้าเพื่อสูดหายใจลึก  ก่อนจะก้มกลับลงมามองใบหน้าที่แดงซ่านและเต็มไปด้วยความปรารถนาของโจ้อีกครั้ง

กูอยากโทษยา แต่กูก็อยากโทษมึงด้วย ที่ทำให้กูคลั่งได้ขนาดนี้

นิวยังคงกระแทกสะโพกเข้าไปไม่หยุด เสียดสีร่างกายเข้าหากันจนเกิดเสียง

กระแทกเข้าไปจนลึกในสุด และวนสะโพกไปมาอีกหลายครั้งปล่อยให้อารมณ์ไหลเรื่อยไปตามความรู้สึก
ภายในที่กำลังบีบรัด ยิ่งทำให้ส่วนปลายที่ได้รับการเสียดเสียโดยตรงใกล้จะปลดปล่อยออกมา

“นิว....จะ...จะแตกยัง อื้ออออ”

ยัง

แต่มึงสงสัยกำลังจะแตกแล้ว

“มึงแตกเลยโจ้ กูใกล้แล้ว ซี้ด แม่งเอ้ยยยยยยยยย เสียวโคตรเลยสัด”

เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายใกล้ถึงที่หมาย

และโจ้ก็จัดการรูดรั้งร่างกายของตัวเองทันที กำมือแน่น และขยับฝ่ามือรุนแรงไปตามจังหวะที่ถูกสอดแทรก
สุดท้าย ร้องครางออกมาเสียงลั่น และจิกมือไปที่แขนของร่างที่คร่อมทับ

“นิววววววววว อื้อออ กู...แตกแล้ว ...อือ”

กระตุกและเกร็งไปทั้งร่าง แอ่นสะโพกขึ้นและปล่อยให้หยาดหยดในร่างกายที่แทบไม่มีเหลือปลดปล่อยออกมา

นิวพยักหน้ารับและก้มลงไปบดจูบคลึงเคล้าปลายลิ้นกับร่างที่กำลังเรียกร้องอย่างถึงที่สุด

กระแทกกระทั้นสะโพกเข้าไปอีกเพียงไม่กี่ครั้ง และในเวลาไม่นานก็ถึงจุดหมายในเวลาไล่เลี่ยกัน

“.....เสร็จ....อ๊าส์ ซี้ดดดดดดดดดด โจ้...แตกแล้ว เหี้ยยยย”

อัดกระแทกร่างกายเข้าไปครั้งสุดท้ายและปล่อยให้น้ำรักที่อยู่ภายในท่อนเอ็นแกร่งฉีดพ่นความรู้สึกทั้งหมดหลั่งรินออกมาภายในช่องทางที่ยังเต้นตุบและบีบรัด

เหนื่อย และรู้ว่าแบบนี้มันหนักหนาสาหัสเกินไป แต่ก็ผ่านความรู้สึกแบบนี้มาพร้อมกันหลายต่อหลายครั้ง

ทรุดกายลงและยังโอบกอดร่างกายอบอุ่นของคนที่ยังหอบหายใจหนัก

เหนื่อยล้าอย่างถึงที่สุด

นิวจูบซ้ำเบา ๆ ที่ริมฝีปากของคนที่นอนหลับตานิ่ง ๆ และมีหยาดเหงื่อรินไหลลงมาจากหน้าผาก

“โจ้”

อือ

ปรี่ตาขึ้นมองและเห็นหน้าของคนที่เพิ่งจะพ่นน้ำรักออกมาอีกครั้งและจำไม่ได้ว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่

กูพูดอะไรไปบ้างไม่รู้  แต่ที่แน่ ๆ ไม่สมควรจะมีอะไรเหลือให้อายได้อีกแล้ว

แม้จะแทบไม่มีเรี่ยวแรง แต่คนแกล้งก็ยังยัดเยียดส่วนนั้นเข้าไปภายในช่องทางนุ่มหยุ่นที่รองรับความรู้สึกทั้งหมด
ขยับร่างกายขึ้นลงอีกไม่กี่ครั้ง เพื่อให้หยาดหยดทั้งหมดฝังลึกเข้าไปในร่างกายของอีกฝ่าย

“เหี้ยนิว พอแล้ว”

รู้ว่าถูกแกล้ง โจ้เลยจัดการทุบไหล่ของคนแกล้งแรง ๆ เพื่อให้อีกฝ่ายสำนึก

“อยากให้น้ำกูอยู่ในตัวมึง”

มันใช่เรื่องที่ไหนล่ะ มึงก็ทำเกินไป

นิวค่อย ๆ หยัดกายขึ้น รั้งบางส่วนของร่างกายออกมา และปล่อยให้ทุกหยาดหยดที่อยู่ภายในไหลรินตามออกมาด้วย

“อื้ออ”

ได้ยินเสียงครางแผ่ว ๆ ของคนที่นอนหลับตานิ่ง ๆ แล้วนิวก็เลยจูบซับเบา ๆ ที่หน้าผากของโจ้

“อีกรอบไม่ให้เข้าแล้วนะ กูไม่ไหวแล้ว ระบมไปหมด”

รู้แล้ว

ไม่เข้าไปแล้ว สภาพมึงตอนนี้ไม่ใช่ว่าจะดีหรอก ถึงขนาดนี้ ก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว

“โจ้”

ได้ยินเสียงเรียกแล้วโจ้ก็ค่อย ๆ หรี่ปรือตาขึ้น มองหน้าของคนเรียก เห็นสายตาที่มองตรงมาแล้วก็อดไม่ได้ที่จะคิด
กูรู้จักมึง แต่กูไม่รู้จักด้านนี้ของมึง

นิวเป็นคนที่ร้อนแรงมาก และเก็บอะไรเอาไว้ภายในใจเยอะแยะมากมาย
ความรู้สึกของมันทั้งหมด ที่ไม่เคยพูดออกมา มันแสดงออกมาทั้งหมดในคราวนี้

“………………..”

ไม่มีคำพูดออกมาจากปากของนิวอีกเหมือนเคย แต่สายตาที่มองตรงมา มันสื่อทุกความรู้สึกที่มีเอาไว้แล้ว

ปลายนิ้วที่เกลี่ยไล้เล่นไปตามแนวกระดูกสันหลัง ทำให้โจ้รู้สึก

“หลงกูดิ”

เออ
หลง

“ใช่......ห......ล.......อืมมมมม”

โจ้หัวเราะออกมาเสียงเบา เมื่ออีกฝ่ายยอมรับความรู้สึกของตัวเองออกมาง่าย ๆ ขยับร่างกายเข้าใกล้คนที่นอนตะแคงข้างและนอนจ้องหน้าของโจ้ตลอดเวลา แล้วก็รีบเอามือปิดปากคนที่เหมือนจะพูดบางอย่าง

“มึงห้ามพูดนะนิว”

เป็นการห้ามที่ทำให้นิวอมยิ้มน้อย ๆ และจับมือของคนที่เอื้อมมือมาปิดปากเอาไว้ จูบเบา ๆ ที่กลางฝ่ามือและกุมแน่นเอาไว้แบบนั้น

“ทำไมวะ”

ไม่ทำไมหรอก

เวลามึงพูด กูก็อยากฟัง แต่บางครั้งพอฟังแล้วไมเกรนกูจะขึ้น แม่ง แต่ละคำ ไม่รู้ไปสรรหามาจากไหนนักหนา
เล่นเอากูเขินจนไปไม่เป็น แล้วยิ่งเวลานี้ด้วยนะ กูรู้เลย ว่ามึงจะพูดอะไร

“เดี๋ยวกูเขิน”

ให้มันได้อย่างนี้สิ
ให้มันได้อย่างนี้

นิวหัวเราะออกมาเสียงเบา แต่สายตายังจ้องมองไปที่ใบหน้าของคนที่นอนคว่ำหน้าหลับตานิ่ง ๆ ทั้งที่ใบหน้าเริ่มซีดเผือด เพราะผ่านสงครามดุเดือดมาตลอดทั้งคืน

“แบบนี้เหรอวะ ที่เรียกว่าหลงจะเป็นจะตาย”

อะไรของมึง ก็แบบนี้แหละ หรือมึงจะเอาแบบไหนล่ะ

“แล้วดีมั้ยล่ะ”

ดีสิ ไม่คิดว่ามันจะดีขนาดนี้

“แล้วมึงหลงกูป่ะโจ้”

เหี้ย มึงก็ถามอะไรโง่ ๆ เนอะ

โจ้รีบซุกหน้าลงกับหมอน ทั้งที่ใบหน้ายังอมยิ้มน้อย ๆ และเพียงแค่ได้เห็นนิวก็หัวเราะออกมา

โคตรมีความสุขเลยว่ะแบบนี้ ไม่เคยเห็นไอ้โจ้เป็นแบบนี้มาก่อน แต่บอกตรงๆ ตั้งแต่ได้เห็น โคตรมีความสุขเลย

นิวแตะฝ่ามือเบา ๆ ที่เส้นผมของคนที่ซุกหน้าลงกับหมอน และขยับเข้าใกล้ แตะปลายจมูกเบา ๆ ที่เส้นผมของคนที่ยังนอนหลับตานิ่ง ๆ และบอกบางอย่างออกมา

“กูเป็นมากจริง ๆ นะ โจ้ ท่าทางกูจะหลงมึงมากจริง ๆ ........”

เออดีแล้ว

แม่ง หลงซะให้ตายไปเลยมึง สะใจว่ะ คราวนี้มึงจะได้รู้สำนึกซะบ้างว่าที่ผ่านมากูรู้สึกยังไง

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.87
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 19-06-2014 21:12:39
เร่าร้อนอ๊าาาา  :ling1: :ling1: :ling1:
หลังๆมาหวานจนอดเขินไม่ได้  :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.87
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 19-06-2014 22:22:09
 :m25: เลือดหมดตัว เอิ๊ก

รัก ร้อน แรง

ปล. น้องกัสกับพี่หยกไปไหนเอามาเสริฟด้วย :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.87
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 19-06-2014 22:46:26
ดุเดือดกันดีนะคู่นี้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.87
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 19-06-2014 23:00:25
โจ้ งานนี้หุบขาไม่ลงกันเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.87
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 19-06-2014 23:14:04
สองบรรทัดสุดท้ายอ่านแล้วเขินนนน  :-[ 555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.87
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 19-06-2014 23:22:35
โอ๊ะ ร้อนแรงอ้ะ !
 :o8:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.87
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 20-06-2014 00:04:25
นี่คือการทบต้นทบดอกใช่ไหมคร๊าาาา
เอาซะคุ้มจนได้กำไรเลย
แล้วโจ้...ขนาดนี้....เดินไหวไหมมมมมม เป็นห่วงนะเนี่ยยยกลัวจะไม่สบาย อิ๊อิ๊
พอนิวเปิดเผยก็หวานซะจนน้ำเชื่อมเรียกพี่(น้ำตาลน่าจะหวานน้อยกว่าน้ำเชื่อมอีก555)
แล้วหยกกับกัส เจอกันยังงงงงง คิดถึงงงง แต่ก็อยากอ่านนิวโจ้ต่อ 5555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.87
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 20-06-2014 00:45:54
เผลอไปไม่กี่วันเอ๊งง เค้าได้กันแล้วหรอเนี่ย
 :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.87
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 20-06-2014 06:13:58
อิๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.87
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 20-06-2014 07:22:26
 :pighaun:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.87
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 20-06-2014 07:33:04
 :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.87
เริ่มหัวข้อโดย: miyaki ที่ 20-06-2014 09:45:59
และแล้วก้อได้รู้ว่าใครเป็นเคะ
อ่านแล้วเขิลลลลลล  :-[
อยากอ่านคู่หยกกัสแล้ว จะกลับมารึยังคะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.87
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 20-06-2014 12:47:18
นิวฮะ ถนอมโจ้หน่อยดิ จะได้เก็บไว้กินนานๆๆๆๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.87
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 20-06-2014 13:56:13
เป็นอะไรที่ดุเดือดเผ็ดมันส์จริงๆ
ในที่สุดก็เป๋นของกันและกันแล้วนะ เย้ๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.87
เริ่มหัวข้อโดย: McKnight ที่ 20-06-2014 20:37:35
ในที่สุด ก็อ่านทันหน้าล่าสุดแล้ว (p. 87)
อ่านรวดเดียวแบบข้ามวันข้ามคืน พอเริ่มอ่านแล้วมันหยุดไม่ได้เลยจริง ๆ

อยากบอกคุณเท็นว่าชอบทุกคู่เลยครับ แต่งเรื่องนี้ได้สุดยอดมาก
เหมือนติดกล้องสอดแนมฉายเรียลริตี้จากในโรงงานนี้ครบทุกจุด...ทุกซอก...ทุกมุม...ทุกหลืบเลย
มันเรียลมากทุกคู่.......สนุกมากครับ

ยังรอลุ้นคู่น้องนัทกับพี่ฟ้าอยู่นะครับ เป็นคู่เดียวเลยที่ยังไม่.....สุดๆ อ่ะนะ ฮิฮิ

คู่น้องกัสพี่หยกนี่น้ำตาคลอตามเลย อยากอ่านตอนพี่หยกกลับมาเมืองไทยแบบตัวเป็นๆมาอยู่หน้าน้องกัส
และคู่สุดท้าย นิวนี่อึนซึนที่จะไม่คบกับโจ้มาตลอด ไม่คิดว่าจะร้อนแรงมากขนาดนี้...
คิดว่าไม่ใช่เป็นเพราะยา 2 เม็ดนั่นแล้วล่ะนะ (มันคือความรู้สึกล้วนๆ คงอัดอั้นมานานสินะนายนิว 555)
ยอมรับเลยว่า....นิวโจ้นี่ ร้อนแรงไม่แพ้คู่เฮียกับวิเชียรแล้วก็คู่พีทอ้นเลยครับ

ขอบคุณคุณเท็นมากครับ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.87
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 20-06-2014 21:09:10
 :jul1:เลือดจะหมดตัว นี่ขนาดยังไม่หลงกันมากๆนะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.87
เริ่มหัวข้อโดย: redcapet2013 ที่ 20-06-2014 21:27:21
 :haun4: :jul1: :fire: :sad4:ร้อนแรง...ทั้งโจ้และนิว แฮะ.....แฮะ....ตามติดมานาน...รอลุ้นจนทั้งคู่ได้ที่.......สมความตั้งใจ..... :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.87
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 20-06-2014 21:55:14
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#(นิว-โจ้) ควันหลง

นิวใช้ปลายนิ้วเกลี่ยไล้เบา ๆ ที่ข้างแก้มของคนที่นอนคว่ำหน้าหลับตานิ่งอยู่ข้างกาย ใบหน้าของคนหลับยังมีร่องรอยของความเหนื่อยล้าอย่างยาวนานมาตลอดทั้งคืนให้ได้เห็น

“อือ”

โจ้ขยับกายเล็กน้อย ปรือตาตื่นขึ้นและสิ่งแรกที่เห็นก็คือสายตาของนิวกำลังนิ่งมอง มองนิ่ง ๆ แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายหลากหลาย

ปลายนิ้วแกร่งลูบไล้แผ่วเบาไปตามแนวกระดูกสันหลัง แตะสัมผัสแผ่วเบาเรื่อยลงมาจนถึงสะโพกทั้งสองข้าง และฝ่ามือร้อนรุ่มก็บีบเค้นคลึงเคล้าที่สะโพกแน่นเหมือนอยากจะหยอกเย้า

“อย่าเล่น”

เห็นรอยยิ้มหวานเชื่อมจากคนที่ทำบางอย่างแล้วโจ้ก็ต้องรีบหลับตาลงอีกครั้ง
 
เอาเข้าจริง ๆ นิวไม่ใช่คนช่างพูด แต่สายตามันสื่อความรู้สึกทุกอย่างออกมาได้ทั้งหมด

คืนทั้งคืนจนเกือบเช้าที่เพิ่งผ่านพ้นไป มาพร้อมกับความเมื่อยล้าตามร่างกาย
และตอนนี้โจ้ถึงเพิ่งสำนึกและเพิ่งเข้าใจคำว่า "ฟ้าเหลือง" ว่ามันเป็นยังไง

ยอมรับตรง ๆ เลยก็ได้ว่า กูซึ้งกับคำนี้มาก กูซึ้งกับคำนี้จริง ๆ

ได้ยินเสียงหัวเราะแผ่ว ๆ ของคนที่ยังหยอกเย้าและลูบไล้ฝ่ามือไปตามเนื้อตัวของโจ้ไม่ยอมหยุด สุดท้ายกำลังจะดึงผ้าห่มที่คลุมอยู่ที่สะโพกให้ร่นลง เพียงเท่านั้นโจ้ก็ต้องรีบดึงผ้าห่มเอาไว้

“แข็งอีกแล้วเหรอวะ”

ใช่

ไม่มีคำตอบ แต่เมื่อปรือตาขึ้นก็รู้อย่างชัดเจน

“ถ้ามึงเอากูแบบนี้ทุกวัน กูคงตาย”

บ่นพึมพำออกมาเสียงเบา แต่ก็ไม่ช่วยให้คนที่นอนท้าวแขนมองอยู่ หยุดการลากมือไปตามร่างกายของโจ้ได้

ริมฝีปากร้อน โน้มเข้ามาหา และประทับลงเบา ๆ ที่ลาดไหล่ทั้งสองข้าง แตะแผ่ว ๆ และผละใบหน้าออกห่าง ก่อนจะไล้ปลายนิ้วไปที่แก้มของโจ้และโน้มใบหน้าเข้าหาและแตะปลายจมูกเบา ๆ ที่ข้างแก้มและริมฝีปากก่อนจะผละออก และนิวยังคงนอนมองหน้าโจ้นิ่งๆ อยู่อย่างนั้น

คนที่ถูกหยอกเย้าหัวเราะออกมาเสียงเบาทั้งที่หลับตา ไม่มีคำพูดเพราะไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรในเวลานี้

นิวมันก็คงไม่อยากพูดอะไรเหมือนกัน มันก็เลยทำอย่างที่ทำอยู่ในเวลานี้

“พอทีนี้ล่ะใบ้แดกเลยนะมึงเหี้ยนิว”

แกล้งว่าแล้วก็เรียกเสียงหัวเราะแผ่ว ๆ ในลำคอของนิวได้
ปรือตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง และนิ่งมองคนที่ยังอมยิ้มน้อย ๆ แต่ยังไม่หยุดลูบไล้ฝ่ามือไปเรื่อย

“มึงจะลูบทำไมนักหนาวะ กูรู้แล้ว”

บ่นได้ไม่เต็มเสียง ขมวดคิ้วมุ่น แต่ก็ค่อย ๆ ขยับกายลุกขึ้นนั่งอย่างช้า ๆ

และนิวก็ขยับตัวและค่อย ๆ แยกขาออกกว้าง เพื่อเผยให้เห็นบางสิ่งบางอย่างที่กำลังตื่นตัวขึ้นอีกครั้ง

อารมณ์ความรู้สึกทั้งหมด ปรากฏให้เห็นชัดและโจ้ก็รู้ว่าต้องจัดการยังไงเพื่อให้อารมณ์ของนิวสงบลง
แตะปลายนิ้วเบา ๆ ไปที่ส่วนปลายของท่อนเอ็นแข็งแกร่ง กำเอาไว้ในมือและเริ่มรูดรั้งเพื่อเพิ่มขนาดให้ถึงที่สุด

“อาส์ ซี้ดดดดดดดดส์ อืมมมมม”

มึงครางได้อารมณ์มากนิว แถมยังสูดหายใจและหรี่ปรือตามองมา
ริมฝีปากที่ขบแน่นและใบหน้าที่แสดงอารมณ์ให้เห็นอย่างชัดเจนขนาดนั้น ทำให้โจ้อยากจะมองไม่ให้คลาดสายตา

อย่างเอ็กส์ว่ะ หน้านิวนี่แม่งสุดยอดมาก

กูไม่เคยเห็นมึงทำหน้าแบบนี้มาก่อนเลยนะ แต่เมื่อคืนเป็นครั้งแรกที่มึงทำหน้าแบบนี้ให้กูเห็นบอกตรง ๆ กูไปไม่เป็นเลยทีเดียว

เซ็กซี่มาก กูเพิ่งจะรู้ ว่าเวลามึงทำหน้าแบบนี้ใส่กู กูเหมือนแทบจะขาดใจตาย

“ดูดให้หน่อยโจ้ ไม่ไหวแล้ว”

คนที่บอกให้ทำบางอย่างให้ แตะปลายนิ้วไปที่ริมฝีปากของโจ้ ก่อนจะสอดปลายนิ้วเข้าไปในโพรงปาก และโจ้ก็ไล้เลียปลายนิ้วที่กดแทรกเข้าไป

“อึก อืมมมม”

หยดน้ำใสไหลลงที่มุมปาก และคนที่บอกให้ทำบางอย่างให้ก็โน้มใบหน้าเข้ามาหาและดึงปลายนิ้วออกมา

อ้าปากและดุนปลายลิ้นออกมาเพื่อให้โจ้เข้าหาและปลายลิ้นของนิวก็ดูดดุนไปที่ริมฝีปากของคนที่กำลังทำอย่างที่นิวทำดูดกลืนปลายลิ้นของกันและกัน

“อา อืมมมมมมมมม อึก อืออออ”

พัวพันปลายลิ้นเข้าหากัน เกี่ยวกระหวัดแนบแน่นจนแทบหยุดหายใจ
นิวขยำฝ่ามือไปที่ก้อนเนื้อแน่นนุ่มหยุ่น คลึงเค้นอย่างรุนแรง และรั้งให้คนที่นั่งอยู่ขยับกายเข้ามาหามากขึ้น

“อือ ไม่ไหวแล้วนิว เจ็บว่ะ ขึ้นให้ไม่ไหวจริง ๆ”

บ่นออกมาและนิ่วหน้า และนิวก็พยักหน้าเข้าใจ

“ขอจับหน่อยไม่เข้าไปหรอก แม่ง มันเสียวว่ะไม่รู้จะทำยังไง”

เออ เข้าใจก็ดีแล้ว รอบนี้ทำอย่างอื่นไปก่อน

“ดูดให้หน่อยได้มั้ย ไม่ไหวแล้ว อยากแตก มันปวดไปหมดแล้วเนี่ย ซี้ดดดดดดดส์”

เข้าใจอยู่หรอก นิวมันก็ไม่ได้อยากจะเป็นแบบนี้ แต่จะโทษใครได้ อย่างน้อยมันก็เข้าใจ และไม่คิดจะดื้อรั้นดึงดัน

โจ้ยอมขยับสะโพกเข้าหาแก่นกายแกร่ง สัมผัสเสียดสีแค่ภายนอกให้เกิดความรู้สึก

“อาส์ อืมมมม”

คร่อมทับร่างของคนที่นอนแยกขากว้างและจับให้แก่นกายอยู่ในแนวราบ เพื่อจะเสียดสีกับช่องทางที่ควรสอดใส่ แต่ทำไม่ได้
นิวกำลังขยับเคลื่อนไหวสะโพกขึ้นลงและแอ่นกายขึ้นเมื่อความตึงแน่นนุ่มหยุ่นเสียดสีขึ้นลงแผ่วเบา

“อาส์”

แหงนเงยใบหน้าและแอ่นสะโพกขึ้นเพื่อให้การเสียดสีสัมผัสแนบชิดกันมากขึ้น

เอื้อมมือไปจับที่แก่นกายของตัวเอง และกดไปที่ส่วนปลายเมื่อน้ำใส ๆ หลั่งรินออกมาจนชุ่มเยิ้ม ลงมือรูดรั้งโดยมีร่างของใครบางคนคร่อมทับและจับจ้องมองที่ความใหญ่โตแข็งขืนที่ขยับขึ้นลงอย่างเชื่องช้าไปตามจังหวะมือ

จากเชื่องช้ากลายเป็นรุนแรงขึ้น และในเวลาไม่นานโจ้ก็ขยับกายออกห่างจากความแข็งขืนนั้น

“อาส์ จะออกแล้ว อาส์ ซี้ดดดดดดดดดด อึก เหี้ยเอ้ยยยยยยย อ๊าส์”

แอ่นสะโพกขึ้นสูง และขบริมฝีปากแน่น ก่อนจะปล่อยมือออกและปล่อยให้หยาดหยดภายในร่างกายประทุและหลั่งรินออกมา

“อ้าปากหน่อยโจ้”

อ้าปากเหรอ

ได้

โจ้ก้มหน้าลงมาให้ตรงกับท่อนเอ็นแกร่งที่กำลังขยับไปมา ครอบริมฝีปากลงไปจนสุดความยาวของท่อนเอ็นแกร่ง ดูดกลืนจนสุดคอ และเมื่อความใหญ่โตกระแทกเข้าไปภายในโพรงปากอีกครั้งก็ถึงกับสำลัก

“แอ่ก แค่ก ๆ”

หยาดหยดที่หลั่งออกมาทะลักเข้าไปในโพรงปาก และยังหลั่งออกมาอีกเล็กน้อย
คายคราบคาวเหนียวข้นออกจากโพรงปากจนหมด ให้ไหลลงเปรอะเปื้อนไปที่หน้าขาของคนที่นอนหอบหายใจหนัก

“แฮ่ก ฮื่อ อือออ”

ก้มหน้าลงไปอีกครั้งเพื่อไล้ปลายลิ้นเบา ๆ ที่ส่วนปลายของความแข็งแกร่งที่ดูเหมือนกำลังอ่อนแรงลงอย่างช้า ๆ ผละใบหน้าออกและมองไปที่คนที่นอนหอบหายใจ และนิวก็กำลังมองตรงมา

“รอบนี้จะหมดหรือยังวะ”

ไม่รู้ ไม่รู้ว่าหมดหรือเปล่า แต่ไม่มีแรงเหลือแล้ว
อยากจะนอนหลับไปซะให้รู้แล้วรู้รอด หลังจากผ่านค่ำคืนแห่งความทรมานมาจนถึงเช้า

“นิว”

โจ้ค่อย ๆ ขยับกายเข้ามาหา และแตะฝ่ามือเบา ๆ ไปที่หน้าผากของคนที่กำลังหรี่ปรือตาและยังมีอาการหอบหายใจหนัก

“พี่มันบอกว่ากินยาเข้าไปแล้วจะปวดหัว แล้วก็มึน ๆ ด้วยเพราะเลือดมันวิ่งลงไปเลี้ยงที่จุดเดียว มันจะมีอาการปวดตัวร่วมด้วยแล้วเขาก็ให้กินยาพาราดักไว้ถ้าเริ่มปวดหัวมาก ๆ ”

อือ

นิวพยักหน้ารับและรู้สึกว่าเริ่มปวดหัวแล้วจริง ๆ

ใช่ มันมีอาการปวดหัวร่วมด้วยและอาการปวดตามร่างกายก็กำลังเล่นงาน

“กินยาพาราไปแล้วหายปวดหัวหรือยัง ดีขึ้นมั้ย”

มันมีอย่างอื่นที่ต้องสนใจมากกว่ามานั่งเขินอายกันเพราะเรื่องที่ทำด้วยกัน
เห็นกันมาหมดแล้วทุกซอกทุกมุม ไม่รู้ว่าจะยังเขินกันอยู่ทำไมในเมื่อมีอย่างอื่นที่น่าเป็นห่วงมากกว่า

“ขนาดนี้แล้วกูคงไม่แข็งขึ้นมาอีกแล้วมั้ง  ถ้าอีกรอบกูคงตายคาเตียงแน่ ๆ ว่ะ ไม่ไหวแล้ว”

กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะนิว มึงเท่านั้นแหละที่ตอบได้ ไม่ใช่กู

“แม่ง..น้ำกูออกมาหมดตัวแล้ว....ถ้ายังมีออกมาอีก ก็คงเป็นเลือดแล้วล่ะว่ะ”

ได้ยินเสียงบ่นเบา ๆ และโจ้ก็แตะไปที่ใบหน้าของนิว

กูเป็นห่วงมึงนะ มันก็ดีที่เราก้าวหน้า แต่มันแย่ที่แบบนี้มันก็เกินไป
เซ็กส์ที่แลกกับความทรมานแบบนี้ กูไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้นหรอก ถ้าเลือกได้กูก็ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้

แต่ตอนนี้มันเลือกไม่ได้ ก็เลยต้องทำแบบนี้ จนกว่าจะหมดฤทธิ์ยา

“โจ้ มึงโดนกูเอาไปซะขนาดนั้น เจ็บมากเลยสิ จะอักเสบมั้ยวะ เอายาแก้อักเสบมาด้วยมั้ย”

ไม่ต้องห่วงหรอก กูกินแล้ว เพราะรู้สึกถึงอาการปวดหนึบภายในร่างกาย

“ยังไหวอยู่”

นิวปรือตาตื่นขึ้นและรั้งร่างของโจ้ที่กำลังแตะฝ่ามือไปตามหน้าผากอย่างแผ่วเบาให้เข้ามาในอ้อมแขน

กอดเอาไว้ กอดแน่นและแนบใบหน้าลงที่กลางกระหม่อมของโจ้

“ขอโทษว่ะ ขอโทษจริง ๆ”

ที่ต้องขอโทษคงเป็นกูมากกว่า ถ้าไม่เพราะกูเอากล่องนั่นมาด้วยมึงคงไม่ต้องเป็นแบบนี้ กว่าจะหมดฤทธิ์ยาแทบตายกันไปข้าง

“มึงไหวป่ะเนี่ย นิว”

อือ ไหว ยังไหวอยู่

“นอนอีกตื่นสองตื่นคงหมดฤทธิ์ยาแล้วมั้ง”

ก็ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะ เจอมึงสภาพหน้าซีดหน้าเซียวหมดเรี่ยวหมดแรงแบบนี้กูก็ไม่ได้รู้สึกดีนักหรอก

“มึงก็นอนก่อนเถอะ โดนกูเอาไปทั้งคืนแล้วมึงก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”

นิวนี่แม่งก็เหลือเกิน กูห่วงมึงหรอกสัด ถึงได้ถ่างตาลุกขึ้นมาช่วยมึง ยังจะเสือกพูดจาห่าอะไรอยู่ได้

“สัดนิว”

ด่าออกมาเสียงเบา และนิวที่หลับตาอยู่ก็หัวเราะออกมา

“โจ้เอ้ย มึงนี่ก็เนอะ เขินกูดิ”

เขินเหี้ยอะไร กูไม่มีหรอกมาเขินเอาป่านนี้ เอากันไปไม่รู้กี่รอบแล้ว มึงยังจะให้กูเขินอีกหรือไง

“อะไรมึงนิว”

เงยหน้าขึ้นมองคนที่หลับตาและนิวก็ปรือตาตื่นขึ้นมามองหน้าของคนที่กำลังพูดอะไรบางอย่าง

มึงเขินกูเหอะ แล้วมึงยังจะกล้าเงยหน้ามามองกูอีกนะ

“แล้วอะไรของมึงล่ะโจ้”

อะไรของกูล่ะ อะไรของกูไม่เห็นจะมีอะไรเลย อะไรล่ะไม่เห็นจะมีอะไรสักนิด

“โง่เอ้ย มึงอ่ะเขินกูหน้าแดงหมดแล้วโจ้”

เขินเหี้ยอะไร ไม่มีหรอก

โจ้ก้มหน้าลงมา และพยายามบังคับหน้าตัวเองไม่ให้ยิ้ม

อะไร กูเนี่ยนะเขิน กูเขินก็ยังดีกว่ามึงแหละวะ

“นิวแม่งกวนตีน”

แล้วไงวะ กูก็กวนตีนแค่กับมึงคนเดียวไม่ใช่หรือไง แล้วกูก็รู้เวลากวนตีนมึงด้วยเพราะตอนนี้มึงเขิน กูเลยกวนตีนใส่ มึงจะได้ไม่ต้องเขินมากไปกว่านี้

“โจ้....”

เออ

“รับผิดชอบกูเลยนะ กูคงไปจากมึงไม่ได้แล้ว”

เฮ้ยยยยยยยยยยยยยย นั่นมันต้องเป็นกูพูดไม่ใช่เหรอวะ มึงเอากูแล้ว แต่กูต้องรับผิดชอบมึงเนี่ยนะ มึงพูดผิดไปหรือเปล่านิว

“มึงบ้าเปล่าเนี่ย กูต้องรับผิดชอบมึงเนี่ยนะ”

เออใช่ มึงนั่นแหละต้องรับผิดชอบกู

“ให้กูเอาแล้วนี่ มึงจะทำอะไรกับจิตใจกูก็ได้ ต่อไปกูคงไม่มีปัญญาจะควบคุมความรู้สึกตัวเองได้อีกแล้ว”

เหี้ยยยยยยยยย นั่นมันต้องเป็นกูที่พูดเปล่าวะ หรือยังไง

“นิวแม่งบ้า”

เออสิ กูบ้า

“นอนไปเหอะมึงอ่ะ นอนเอาแรงไป เผื่อต้องลุกมาช่วยกูอีกรอบ”

โห แม่งยังไม่หมดอีกเหรอวะ

มึงสะสมน้ำเก็บไว้ตั้งแต่ชาติไหน มึงจะเก็บไว้เอารางวัลหรือไง ยังจะเหลือให้ออกมาอีกเหรอ
แต่ก็ช่วยไม่ได้ ถ้ามันต้องทำอีก กูก็ต้องลุกขึ้นมาช่วยอีกรอบแหละวะ

“มึงยังจะช่วยกูอีกหรือเปล่า”

เออ ไม่ให้กูช่วยแล้วมึงจะให้ใครช่วย

“อือ”

ตอบอะไรเสียงเบาขนาดนั้นวะ ไม่เห็นได้ยินเลย

“โจ้....มึงจะช่วยกูป่ะ”

เอออออออออออออ

“กูจะลุกขึ้นมาขย่มมึงเองเลย พอใจมั้ยสัด”

โจ้ผุดลุกขึ้นนั่งและแกล้งตะคอกใส่หน้าคนที่นอนหลับตาและอมยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก

“ปากดีนักนะมึง ยังจะกล้า”

ก็กล้านั่นแหละ ยังไงกูก็คงต้องกล้า

“ว่าแต่มึงไม่เป็นอะไรแน่ ๆ จริง ๆ นะนิว”

เออ ไม่เป็นไรหรอก กูไม่เป็นไรจริง ๆ แค่ใช้แรงมากไปหน่อย ไม่เป็นอะไรน่า อย่ากังวลเลย

“ห่วงกูเหรอ”

เออ ไม่ให้ห่วงมึงแล้วจะให้ไปห่วงใคร

“มึงอยากให้กูขึ้นให้ กูก็จะขึ้นให้ กูพูดจริง ๆ นะ”

พอแล้วโจ้ มึงเองก็สะบักสะบอมไปหมด เนื้อตัวเป็นรอยช้ำที่กูทำรอยไว้เมื่อคืน จนป่านนี้รอยก็ยังไม่จางหายไปไหน

“ขอโทษนะ ทำมึงลำบากไปด้วย”

ไม่หรอก ก็แค่เอากันไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหมดฤทธิ์ยา มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร มึงอย่าเครียด อย่าคิดมากเลย

“กูก็ห่วงมึงนิว”

รู้แล้ว

กูรู้แล้วว่ามึงห่วง กูรู้หมดแล้ว กูรู้หมดทุกอย่างเลย

“ไม่ต้องพูดแล้ว กูซึ้ง เดี๋ยวกูร้องไห้”

บ้า มึงก็เว่อร์ จะร้องไห้ทำไมวะ จะร้องไห้อะไรไม่เห็นเข้าท่า

นิวรั้งร่างของโจ้เข้ามากอดอีกครั้ง กอดแน่น และลูบไล้ฝ่ามือไปมาที่แผ่นหลังเปลือยเปล่า

จูบซ้ำเบา ๆ ที่หน้าผากและค่อย ๆ หรี่ปรือตาลงด้วยความเหนื่อยล้า

“นอนซะนะ นอนซะ”

ก็นอนอยู่นี่ไงวะ กูก็นอนให้มึงกอดอยู่นี่ไง

“ถ้าตื่นขึ้นมาแล้วมีแรง เราไปดูพระอาทิตย์ตกดินกันนะ”

ได้ ตื่นขึ้นมาเราไปดูพระอาทิตย์ตกดินด้วยกัน

โจ้กำลังยิ้ม ยิ้มกว้างอย่างดีใจ และไม่ต่างจากนิวที่มีรอยยิ้มจุดขึ้นที่ใบหน้า

บางอย่างมันผิดแผนไปไกล แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไรมากนัก บางทีถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดแบบนี้
กูคงไม่ได้รู้ว่าที่จริงแล้ว กูอยากได้มึงและก็คลั่งมึงมากขนาดไหนนะโจ้

อย่างน้อยตอนนี้กูก็เริ่มเข้าใจตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่ากูรู้สึกกับมึงยังไง
และมันก็ชัดเจนขึ้น จนถึงตอนนี้กูมั่นใจเกินร้อยแล้ว กูมั่นใจมากขึ้นแล้วจริง ๆ นะโจ้ว่าตอนนี้กูรู้สึกยังไง

ความรู้สึกที่กูมีให้มึงตอนนี้ มันเลยคำว่าชอบไปไกลแล้วจริง ๆ

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.87
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 20-06-2014 22:18:20
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.87
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 20-06-2014 22:25:00
ฟินม๊ากกกกกกก!!!!!
ในที่สุดนิวก้อยอมรับสักทีว่าขาดโจ้ไม่ได้แร้ว อิอิ
แระรู้ตัวได้เร่าร้อนจิงๆ 2 ตอนติด ♥
เลือดจิหมดตัว
 :pighaun: :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.87
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 20-06-2014 22:36:41
ละมุนนน  :-[ :-[ :-[ 
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.87
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 21-06-2014 00:05:15
เลยไปไกลล้าวววว
 :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.87
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 21-06-2014 00:08:26
ร้อนแรงไดัอีก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.87
เริ่มหัวข้อโดย: McKnight ที่ 21-06-2014 07:41:24
ตอนนี้  ยิ่งกว่าหลงแล้วมั้ง......คึคึ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.87
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 21-06-2014 11:47:58
เลยคำว่าชอบ ก็กลายเป็นคำว่ารักกก
ต่างคนต่างระบมสินะ.... แต่ฝ่ายรับน่าจะเหนื่อยกว่า โจ้น่ารักจริงๆเลยอะะะะ
ทั้งห่วงทั้งดูแลนิวทั้งๆที่ตัวเองก็เหนื่อย อ๊ายยยย
ชอบทุกคู่ในเรื่องนี้เลย มันแบบไม่สามารถเรียงลำดับความชอบได้ รอน้องเป็ดอยู่น๊าาาา
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.87
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 21-06-2014 13:55:02
โจ้เอ๊ย ไหวไหมลูก ท่าจะระบมน่าดู เหอๆๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.87
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 21-06-2014 17:16:01
อ่านจบหน้า8แล้ว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.87
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 21-06-2014 19:52:04
เม้นหลังจากอ่านมาเกือบเดือนถึงทัน....
แล้วก็มารักสุด ๆ คือหนูกัสที่เลวร้าย..เอ๊ะ..ไม่ร้ายหรอก
ต้องอภัยให้เพราะว่าเป็นโรคชนิดนึงนี่นา   อ่านทุกคนรักทุกคน
แต่ขอคู่นี้เป็นคู่ในดวงใจแล้วกันนะ อ่านมาหมดอย่างละเอียด
แต่มาน้ำตาร่วงเป็นโอ่ง ๆ เพราะว่า...พ่อ พ่อจ๋า พ่อทิ้งกัส...
ขนาดนั่งเม้นอยู่ยังน้ำตาคลอไปด้วย  :mew2: :mew2: :mew2:
รอหนูกัส รอว่าเมื่อไหร่หนูซุกัสของแม่จะพบความสุขที่แท้จริง
ได้อยู่กับพ่อและอาที่รัก พร้อมกับได้พี่หยกที่แสนรักกลับมา
มาเร็ว ๆ นะพี่หยกครับ.....กัสคิดถึงพี่หยก..... :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.87
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 21-06-2014 21:19:18
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#(นิว-โจ้) คุยกันมากขึ้นเข้าใจกันมากขึ้น

ทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแต่จะมีเปลี่ยนไปเล็กน้อย ซึ่งน้อยจริง ๆ ก็คือการที่
ถ้าถามคำ นิวแม่งจะเปลี่ยนจากไม่ตอบ มาเป็นตอบหนึ่งคำ ยกตัวอย่างเช่น

“หมาป่านี่มันล่าเป็นฝูงเนอะ”

“อือ”

สุดยอดมาก ทุกทีมันจะไม่ตอบนะ ไม่สนใจกูเล้ย แต่นี่มีปฏิกิริยาดีขึ้นมาหน่อยตรงที่มีการตอบว่า อือ บ้างแล้ว เยี่ยมไปเลยจริง ๆ

“โจ้”

อะไรวะ มีอะไร นิวมันเรียกจริงนะ แต่พอมันเรียกเสร็จมันก็หันมามองแล้วก็ขมวดคิ้ว ทำหน้ายุ่ง แล้วก็ไม่พูด
แล้วจะเรียกกูทำไมเนี่ย เรียกแล้วไม่พูด

“ว่า”

ไม่พูดต่อจริง ๆ นะนั่น นิ่งใส่กูเฉยเลย ทำไมเป็นงั้นล่ะ

มันเป็นการนั่งดูรายการโทรทัศน์ที่สงบเงียบที่สุดตั้งแต่เคยมีมา

โจ้นั่งเอนหลังพิงพนักเตียง ส่วนนิว นั่งหย่อนขาอยู่ปลายเตียง ตามองที่รายการโทรทัศน์ก็จริง แต่ใจคิดไปถึง......คนที่นั่งเหยียดขาอยู่ด้านหลัง

ยังไงวะ มันก็อยากจะทำอะไรแบบน่ารัก ๆ หวานๆ อยู่หรอกนะ

แต่เหี้ยโจ้ก็มึนเกิน เฉยเกินไป นี่กูกับมึงเพิ่งได้กันนะ ทำไมมึงทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลยวะ ไม่มานัวเนีย
หรือออเซาะกูหน่อยเหรอ อย่างที่มึงเคยทำตัวบ้า ๆ บอ ๆ ใส่กูนั่นก็ได้ แต่ทำไมถึงเฉยได้ขนาดนี้วะ

มีหน่อยก็ได้มั้ง ไม่เห็นต้องพยายามทำเฉยใส่กูขนาดนั้นเลยนี่หว่า

นิวคิดอะไรไปเรื่อย ในหัวมีแต่เรื่องไม่สมควรคิด

ใช่ที่ชอบการสัมผัสแตะต้อง แต่เวลาที่ไม่ได้ทำอย่างว่ากัน ก็ไม่รู้จะเข้าหายังไง

โจ้มันจะคิดยังไงวะ จะคิดว่า......กูแปลกไปหรือเปล่าวะ ถ้ากูจะเป็นคนเริ่มบ้าง

มันต้องหาว่ากูบ้าแน่  ชัวร์เหอะ ห่าเนี่ย ต้องคิดแน่ ๆ เผลอ ๆ มันอาจจะล้อด้วยซ้ำว่าพอได้กันแล้ว ทำตัวใส่ใจมันเกินเหตุ
ซึ่งนั่น.....มันก็จริง แต่แบบว่า....อ่า.....

“แดดร้อนขนาดนี้ มึงคงลงเล่นน้ำลำบากเลยเนอะโจ้”

พูดอะไรของมึงวะนิว  ปกติไม่ใช่แบบนี้นะ  เออแน่ะ มีการห่วงกูอีก

โจ้กำลังงงกับพฤติกรรมแปลก ๆ ของนิว และก็ขมวดคิ้วมุ่น

เมื่อวานนี้ยังด่ากูอยู่เล้ย ว่าเล่นให้ตัวเปื่อยไปซะ แล้ววันนี้เกิดอารมณ์ไหนขึ้นมาวะ เป็นห่วงกูขึ้นมาซะงั้น
แล้วมันยังไงวะคำว่าเล่นน้ำลำบาก มีความหมายแฝงอะไรหรือเปล่า เหี้ยนี่ยิ่งชอบคิดอะไรซับซ้อนอยู่ด้วย

“เออ...นิว”

ห๊ะ

นิวรีบหันมาตามเสียงเรียกทันที และก็ได้เห็นว่าโจ้มองตรงมา มองนิ่ง ๆ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่

ถอนหายใจใส่กูทำไม  เป็นอะไร  กูยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ทำไมทำหน้าแบบนี้ใส่กูวะ

“ยาหมดฤทธิ์ พอหายเงี่ยนก็เย็นชาใส่กูเลยเนอะ”

เปล่า ไม่ใช่

ไม่ใช่ว่าเย็นชา แต่.....กูแค่ทำตัวไม่ถูก

นิวเมินหน้าหนีกลับมามองดูรายการโทรทัศน์ต่อ และเป็นโจ้ที่ถึงกับนิ่งอึ้ง

เหี้ย
แม่งเมินกู
มึงเมินกูขนาดนี้เลยเหรอวะนิว
มึงเมินกูจริงดิ

“นิว”

เรียกอีกครั้ง แต่คราวนี้นิวไม่ตอบ และยังคงนั่งเงียบอยู่อย่างนั้น

มันเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ทุกอย่างเหมือนเดิม

ในเมื่อความรู้สึกตอนนี้มันไปไกลเกินกว่าที่เคยเป็นไปสุดกู่ "มึงเป็นของกู" ความคิดนี้มันแย่ แต่นิวก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่ากำลังคิดแบบนั้นจริง ๆ

คิดจริงจัง ความรู้สึกแบบนี้มันน่ากลัว แต่มันเกิดขึ้นกับตัวเองแล้วจริง ๆ

“มึงเป็นอะไรเนี่ย”

ไม่เป็น กูไม่ได้เป็น

กูแค่คิดว่าตัวเองกำลังแปลกไปจริง ๆ

นิวไม่ยอมพูดอะไรอีกเลย  และเป็นโจ้ที่ค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้คนที่นั่งเงียบ ขยับเข้ามาหา และดึงไหล่ของนิวให้หันมามองหน้ากันตรง ๆ

“กูรู้มึงคิดอะไร แต่บางครั้งกูไม่เข้าใจว่ามึงคิดทำไมนะนิว”

บางครั้ง ไม่รู้ว่าคิดทำไมเหรอ

ใช่ บางครั้ง กูคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องไปทำไมวะ

“มึงชอบกูจริงจังป่ะเนี่ยนิว”

ชอบสิวะ ไม่ชอบกูจะมากับมึงจนถึงป่านนี้เหรอ ทั้งที่พยายามเดินห่างออกมาแล้วแท้ ๆ แต่ยังตามมาไล่ล่ากูอยู่ได้

เห็นมั้ย ใจอ่อนเลย

“จุ๊บกูหน่อยสิ”

เหี้ยนี่เอาอีกแล้ว อ้อนกูอีกแล้วไงล่ะ ไม่ทำก็ไม่ได้ เพราะมันจับหน้าเอาไว้ไม่ยอมให้หันหนีด้วย แม่งร้ายจริง ๆ

เป็นโจ้ที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ เกือบที่ริมฝีปากจะแตะกันแล้วแต่โจ้ก็หยุด หยุดและยิ้มออกมาเมื่อพบว่าคนที่อยู่ตรงหน้าหลับตานิ่ง ๆ

“พริ้มเลยนะมึง”

นิวปรือตาตื่นขึ้นทันที และก็เห็นรอยยิ้มของคนที่มันหาเรื่องแกล้งให้เขิน

“อะไรของมึงโจ้”

ไม่อะไรของกูหรอก

“เขินกูดิ๊”

เหี้ย เขินห่าอะไร อย่ามาตลกเหอะ

“เฮ้ยยยยยยยย เขินกูจริงด้วย เขินนี่หว่า”

นั่นไงล่ะว่าแล้ว สันดานมันเป็นแบบนี้ ชัดเจนไม่ต้องพูด แล้วดูมันทำ ลงไปนอนกลิ้งอยู่บนเตียงแล้วก็ขำอย่างเอาเป็นเอาตาย ให้มันได้อย่างนี้ เหี้ยโจ้ ให้มันได้อย่างนี้

“ขำมากมั้ย”

มากสิ ขำมาก

“นิวแม่งอายว่ะ แม่งอย่างฮา กูล่ะขำจริง ๆ”

ที่ทำเป็นเฉยใส่กู เพราะจริง ๆ แล้วแม่งทำตัวไม่ถูก แล้วก็เขินนี่หว่า ฮาว่ะ

“ไอ้โจ้”

อะไร

“ครัมผม พี่นิว”

ต่อปากต่อคำด้วย ทั้งที่ยังนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง

ดูมันทำตัว

หายดีแล้วใช่มั้ยมึง เห็นร้องโอดโอยจะเป็นจะตาย พอได้กินยาแล้วนอนหลับพักผ่อน ดูเหมือนมึงจะหายเป็นปกติเร็วดีเหลือเกินนะ

“ตลกห่าอะไรของมึงโจ้”

ไม่ได้ตลกห่าอะไร กูตลกมึงว่ะนิว นิวแม่งจี้เกิน กูสิต้องอาย ไม่ใช่มึงต้องอาย แล้วนี่อะไรวะ แม่งกลับกันเฉยเลย

“เฮ้ย นิวอายว่ะ แม่งเขินกูจริงด้วย”

ไม่เลิกนะมึง ไม่เลิก

นิวจัดการลากคนที่นอนกลิ้งอยู่บนเตียงให้ลุกขึ้นมา แต่โจ้ก็ไม่ยอมลุกขึ้น ปล่อยให้นิวลากอยู่อย่างนั้น

“ลุกขึ้นมาเลย”

ไม่เอา

“ลุกไม่ไหว”

ไม่ไหวห่าอะไร ปากดีล้อกูอยู่ได้ พอทีนี้เสือกไม่ลุกขึ้นมากวนตีนกูเนอะ

“ลุก”

ไม่เอา

“ลุกไม่ไหวจริง ๆ”

ทำไมวะ

นึกว่าอีกฝ่ายแกล้ง แต่เมื่อมองสบตากับคนที่ยังยิ้มได้ ทั้งที่ถ้ามองดี ๆ แล้ว ไม่ใช่แบบนั้น

“โจ้”

เรียกแล้ว แต่คนที่นอนกลิ้งอยู่บนเตียงกลับทำหน้าแหยใส่

วางมือแตะเบา ๆ ที่หน้าผากของคนที่ทำเหมือนไม่เป็นอะไรและก็สัมผัสได้ถึงความร้อนที่ส่งผ่านมาทางฝ่ามือ

“ไข้แดกแล้วเหอะมึง”

เออ ช่างกูเหอะ

“ไม่เป็นไรหรอก มาเที่ยวไม่ใช่มาป่วย”

คิดได้ยังไงวะ

“ป่วยก็คือป่วย มันห้ามกันได้ด้วยหรือไง”

ได้สิ กูก็พยายามห้ามไม่ให้ตัวเองป่วยอยู่นี่ไง

“ไม่สบายก็ไม่พูดมึงนี่นะโจ้”

ก็กูไม่อยากให้มึงด่ากูนี่หว่า ไม่เห็นเป็นไรเลย แค่ตัวร้อนเฉย ๆ ไม่มีอะไรหรอก กินยาอีกเม็ดสองเม็ดก็หาย ไปเล่นน้ำทะเลต่อได้แล้ว มึงทำหน้าเครียดแบบนั้นกูไม่ได้ดีใจหรอกนะ

“ห่วงกูดิ๊”

มึงยังจะมีหน้ามาทำเป็นเล่นอีกเนอะ

ถามจริง ๆ มึงเป็นอะไร ทำไมถึงชอบทำหน้าระรื่นใส่กู ทั้งที่ร่างกายมึงก็ใช่ว่าจะเป็นปกติดี

“กูห่วงเมียกูไม่ได้ไง”

โหหหหหหหหหห แม่ง มึงโคตรเท่ห์ว่ะเหอะ เอาใจกูไปเลยครับพี่นิว หล่อมาก จนกูอยากจะกรี๊ด สาวแตกงานนี้กูก็ยอมวะ

คำพูดง่ายๆ ของนิว แม้จะมาพร้อมกับการที่คนพูดทำหน้าเฉย แต่การที่นิวยอมแสดงความรู้สึกรักใคร่ห่วงใยออกมาทางคำพูด มันทำให้คนที่รอคอยที่จะฟังอยู่เสมอ รู้สึกดี….. อยากฟังอีกทีว่ะ ฟังแล้วกูเคลิ้มมาก โคตรดีใจที่มึง......มีความรู้สึกแบบนี้ให้กู

“แม่งไม่อยากนอนแล้ว จีบกูอีกซิ นิวแม่งใจว่ะ ชอบ ๆ”

ห่านี่ ได้ทีเอาเลยนะมึง กูพูดได้ครั้งเดียวนั่นแหละ อย่ามาเซ้าซี้ให้มากความ

“เพ้อเจ้อ....นี่กูมีเมียเพ้อเจ้อเหรอวะเนี่ย”

ตายสิครับงานนี้ หน้านิ่งซะ แต่ทำกูใจละลาย นิวแม่งสุดยอดว่ะ

“กูรักมึงอ่ะนิวววววววววววววววว”

ปัญญาอ่อนว่ะ กูหลงผิดเปล่าวะเนี่ย ที่หลวมตัวไปกับมึงด้วย

“มานั่งนี่ซิ”

ถูกเรียกให้มานั่งด้วย  แต่โจ้ส่ายหน้าไม่ยอมลุก ทั้งที่หน้ายังยิ้มระรื่นแต่สภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวย และนิวก็ขยับมานั่งอยู่กลางเตียง แตะเบา ๆ ที่ไหล่ของคนที่มีอาการไม่ปกติให้ลุกขึ้นมาและโจ้ก็ยอมลุกขึ้น และค่อย ๆ ขยับมานั่งเอนหลังซบกับแผ่นอกอบอุ่น และนิวก็กอดเอวของอีกฝ่ายเอาไว้หลวม ๆ

กูว่ามันชักจะหวานเกินไปแล้ว มึงว่ามั้ยนิว

โจ้เหยียดขาออกไปและยังอมยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก นี่เลยสุดยอดปรารถนา ท่านนิวเวอร์ชั่นหวานซึ้งที่หาดูได้ยาก

“ยิ้มอะไรของมึง”

ก็ยิ้มดิ นิวแม่งโคตรหวานเหอะวันนี้

“ไม่ยิ้มได้ไง นาน ๆ นิวแม่งจะหวานใส่กูที”

เหอะ แซวกูจังเลยเนอะ

“แล้วปกติกูไม่หวานหรือไง”

ใช่ ปกติมึงไม่หวานเลย มีแต่เฉยใส่กู แล้วก็หยอดให้กูคิดไปเองเพิ่งจะมีวันนี้แหละที่หวาน ๆ กันซึ่งหน้าแบบไม่เก็ก

“มึงเคยทำที่ไหนล่ะ ดีแต่หาเรื่องแกล้งกูตลอด”

ตอกย้ำกันเข้าไป นี่ไงล่ะกูถึงไม่ค่อยกล้าแสดงความรู้สึก พอทำแบบนี้แล้ว แม่งก็แซวกูจัง

“พูดมาก”

แน่ะ เขินอีกแว้ววววดิ๊

“อย่าเอ็ดกูเลยนิว กูกลัวแล้ว”

กลัวแล้วห่าอะไร กลัวแล้วแต่หัวเราะเนี่ยนะ ให้มันน้อย ๆ หน่อยเหอะวะ

“ไหล่มึงเป็นไงบ้างเนี่ยะนิว”

ไม่เป็นอะไรมากหรอก แค่โดนกัด โดนจิก โดนข่วน ฝีมือใครไม่รู้ ฝากรอยรักไว้เต็มหลังกูเลย

“จะดูมั้ยล่ะ กูถอดเสื้อให้ดู”

เออ ได้ก็ดี

“มาดิ”

ได้

นิวจัดการถอดเสื้อที่สวมอยู่ออก และโยนทิ้งไว้ที่ข้างเตียง รอยฟันและรอยเล็บที่ข่วนยาวไปตลอดทั้งหลัง ทำให้โจ้ได้แต่นิ่วหน้า นี่กูทั้งกัดทั้งข่วนขนาดนี้เลยเหรอวะ รอยเพียบ ทั้งไหล่ทั้งหลัง แม้กระทั่งเอว รอยเลือดยังซิบ ๆ อยู่เลย

“ทายาป่ะ”

ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวก็หาย ถือว่าเป็นร่องรอยแห่งความรัก

“แล้วมึงเป็นไงมั่งโจ้ ขอดูมั่งซิ”

โหหหหหหหหหห เหี้ยนิว พอเห้ออออออออ

“จะให้กูถอดกางเกงให้ดูว่างั้น”

มึงกล้ามั้ยล่ะ เดี๋ยวกูจะดูให้

“มาดิ”

พูดด้วยใบหน้านิ่งเฉย แต่จริง ๆ แล้วโจ้ก็ดูออกว่าอีกฝ่ายกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ ร้ายนะมึง ร้ายกาจจริงนะมึง เหี้ยนิว

“โห อายอะไร กูเห็นหมดแล้ว แค่นี้เอง”

เหอะ มันไม่ใช่เรื่องที่จะให้มาดูแลกันขนาดนั้น

โจ้ไม่ตอบ แต่แกล้งผลักหัวของคนที่บอกว่าจะดูให้ไปหนึ่งครั้ง

“อะไรวะ คนอุตส่าห์หวังดีจะช่วยดูให้ก็ไม่ให้ดู”

มึงไม่ต้องหวังดีกับกูเรื่องนี้หรอก กูจัดการตัวเองได้

“นั่งนี่มาโจ้”

เรียกให้โจ้กลับลงมานั่งที่เดิม และนิวก็หัวเราะออกมาเสียงเบา เวลาที่คนบางคนมันทำหน้าเขิน

“กูล้อเล่น.....”

มึงไม่ได้ล้อเล่นหรอก มึงจะเอาจริง กูรู้

“ระวังตัวไว้ให้ดีเหอะมึง คราวหน้ามึงจะยิ่งกว่าเสียน้ำหมดตัวแน่ ๆ แล้วหลังมึงไม่ต้องห่วง กูจะฝากรอยไว้ทุกพื้นที่เลยคอยดู”

เหรอ

ก็ดีนะ

กูว่าก็เป็นความคิดที่ดีมากถ้ามึงจะทำได้จริงอีกครั้ง

“เข้าท่าเนอะ.........ถ้าตอนเงี่ยนจัด ๆ คงมันส์น่าดู มึงทำได้นะ กูให้มึงห้าดาวเลย มึงสุดยอดมากโจ้ ตามนั้นเหอะ กูยอม”

ขอบใจมากที่ยกความดีความชอบทั้งหมดให้กู ไม่เก็บความดีไว้กับตัวมึงบ้างเลยเนอะ

สัดนิว

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.88
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 21-06-2014 21:38:34
โอ้ยๆๆ เขาหวานกัน :mc4: ฉลอง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.88
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 21-06-2014 21:54:52
คิดถึงน้องกัส
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.88
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 21-06-2014 22:25:13
นิว >_<
พริ้มเลยนะมึง 55555555 โจ้เอาซะอารมณ์สะดุดหัวทิ่มเลย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.88
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 21-06-2014 23:36:46
หวานๆ

รอพี่หยกกลับมา :L2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.88
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 22-06-2014 00:43:08
หวานแรงๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.88
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 22-06-2014 01:24:01
5555 ฮาตอนจะจุ๊บ
นิวฮาอ่ะ พริ้มเลยนะ กร๊ากก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.88
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 22-06-2014 19:34:51
 :catrun: :ped144:คิดถึงน้องนัทเป็ดน้อย กะ น้องกัสจัง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.88
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 22-06-2014 22:33:12
 :z3: ติดเรื่องนี้งอมแงม
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.88
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 22-06-2014 22:47:10
แหนะ
กระหนุงกระหนิงกันน่ารักกกกกกก ตกลงโจ้ฝืนไม่ให้ไม่สบายใช่ไหมเนี่ยยยย น่ารักจริงๆ
แอบคิดถึงพี่หยกกับน้องกัส แต่ก็อยากอ่านนิวโจ้ต่อ
แล้วก็รอน้องเป็ดอยู่น๊าา
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.88
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 22-06-2014 23:46:09
มดกัดคร่าาาา  หวานเกิ๊น
คนอ่านเขินนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.88
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 23-06-2014 05:52:59
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#(นิว-โจ้) จบเรื่องของนิวกับโจ้

โจ้กำลังนั่งมองหน้าของนิว

สิ่งที่คิดในเวลานี้คือนิวแม่งรักกูบ้างหรือเปล่าวะ ทำไมมันถึงได้เป็นมนุษย์ที่เฉยเมยและเย็นชาใส่กูได้มากขนาดนี้วะ
นาน ๆ จะหวานใส่ที หยอดใส่ที แต่ก็ต้องแล้วแต่อารมณ์แม่งอีกถ้าในเวลาปกติแบบนี้มันก็อยู่ของมันเฉย ๆ

โลกส่วนตัวแม่งสูงเกิน แล้วกูอยู่ส่วนไหนในโลกของมึงวะอยากรู้จริง ๆ

โจ้ยังคงนั่งท้าวคางมองหน้าของคนที่กำลังนั่งอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ ทั้งที่รายการโทรทัศน์ก็เปิดอยู่

มันไม่ได้ดูด้วยหรอก นิวมันกำลังอ่านหนังสือ เพราะมันกำลังจะสอบ
หลังจากทำงานไปได้พักใหญ่ นิวก็กลับมาเรียนในภาคพิเศษสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับสายงานที่กำลังทำอยู่

เรื่องความขยันไม่ต้องให้พูด ไอ้นักวางแผน แม่งเขียนตารางร่ายมาเลยว่ามันจะอ่านหนังสือวันไหน ตอนไหน เวลาไหน
มึงมันเก่ง ทำได้อย่างมึงกูคงจบมาแบบเกียรตินิยม แต่เรื่องพวกนี้มันก็ว่ากันไม่ได้ คนจะอ่านหนังสือเตรียมสอบจะให้ไปวุ่นวายด้วยก็ไม่ถูก

"กูปิดโทรทัศน์นะ"

เอ่ยบอกคนที่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือแล้วโจ้ก็กำลังจะกดรีโมทปิดโทรทัศน์ แต่คนที่ก้มหน้าอ่านหนังสือก็เงยหน้าขึ้นมาทันที

"กูดูอยู่"

อ้าวเหี้ย
ดูห่าอะไร กูเห็นมึงก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือชัด ๆ ยังจะบอกว่าดูได้ยังไง ขนาดกูเปลี่ยนไปสามร้อยกว่าช่อง กูยังไม่เห็นมึงเงยหน้าขึ้นมาสนใจเลยว่ากูกดรีโมทเล่นไปถึงไหนแล้ว แล้วเสือกบอกว่าดูอยู่เนี่ยนะ

โจ้หยุดมือที่กำลังจะกดปิดโทรทัศน์และก็เปิดทิ้งเอาไว้แบบนั้น
ทั้งที่ตายังคอยมองที่คนที่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือและใช้ปากกาขีดไปตามข้อความต่าง ๆ

ทำไมไม่รู้นะ กูเหมือนกำลังน้อยใจเลยว่ะ เวลาเจอกันไม่ค่อยมีหรอก จะได้เจอก็วันที่นิวได้หยุด แล้วพอหยุดมันก็ต้องอ่านหนังสือ แล้วกูอยู่ส่วนไหนในชีวิตของแม่งวะ

นาน ๆ ไปมันก็คงเป็นแบบนี้ เบื่อสินะ อาการเบื่อและชินชากับความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่ แล้วจะไปโทษใครได้ ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปแบบนี้เรื่อย ๆ จนกว่าวันหนึ่ง จะต้องต่างคนต่างไป

ขนาดคำว่ารัก แม่งยังไม่เคยพูดให้กูได้ยิน จำได้ว่ามันพูดครั้งแรกก็ตอนที่มันตะโกนใส่หน้าสมัยเรียน
จนป่านนี้แล้วก็ไม่เห็นมันเคยพูดอีกเลย ตกลงมันคิดกับกูยังไงกันแน่วะ มันรักกูบ้างหรือเปล่าอยากจะรู้จริง ๆ

โจ้เอนกายลงนอนบนเตียง และแอบถอนหายใจออกมา มันเป็นเสียงถอนหายใจที่เบาบางเหลือเกิน
แต่ก็ทำให้นิวที่กำลังใช้ปากกาขีดไปตามตัวอักษรถึงกับนิ่งอึ้ง และหยุดชะงักมือค้างไว้อย่างนั้น

โจ้.....................

นิ่งเงียบ และนิวยังคงเปิดหนังสือหน้าถัดไปแม้ไม่มีกะใจจะอ่านอีกแล้ว
รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในเวลานี้ รู้ทั้งหมดทุกสิ่งทุกอย่าง ผิดที่ตัวเองด้วย ที่มีแผนการณ์ร้อยแปดในหัว แต่ไม่ถนัดเรื่องแสดงความรู้สึกที่ชัดเจนออกไปให้อีกฝ่ายรับรู้ บางทีกูก็อายตัวเอง ที่ทำอะไรบ้าบอแบบที่มึงทำไม่เป็น

ทั้งที่บางทีกูก็อยากทำนะ ทำแบบนั้นเวลาเราอยู่ด้วยกันสองคน
การออดอ้อนกันแบบนั้น ที่จริงกูชอบให้มึงทำ แต่กูเองที่ขัดเขินทุกครั้งที่จะทำกับมึง แล้วก็เลยกลายเป็นเฉย ๆ จนถึงป่านนี้แม้จะหลงมึงขนาดนี้ แต่กูก็ไม่รู้จะแสดงความรู้สึกออกไปยังไง

ไม่ใช่ไม่สนใจมึงนะโจ้
สนใจมึงยิ่งกว่าอะไร แต่ในเมื่อนิสัยกูมันแก้ยาก กูเลยเอาความสม่ำเสมอเข้าช่วย

ถ้านึกถึงกู กูอยากให้มึงนึกถึงใครสักคนที่มีเสมอต้นเสมอปลายกับมึงตลอด
โทรรายงานตัวแบบไม่ต้องให้มึงกังวล พูดคุยกันด้วยประโยคเดิม ๆ แต่กูก็อยากให้มึงรับรู้ ไม่ว่าวันไหน กูก็ยังเป็นเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน

ไม่เคยมีวันไหนที่กูเปลี่ยนไป
ยังคงรู้สึกดี ๆ กับมึงอยู่ทุกวัน ไม่เคยน้อยลงมีแต่จะมากขึ้น

กูไม่เคยละเลยมึงหรอกนะ แต่ติดที่กูแสดงความรู้สึกไม่ค่อยเก่ง กูจะพยายามทำให้มากขึ้นเพื่อไม่ให้มึงต้องรู้สึกอย่างที่เป็นอยู่ในเวลานี้ กูรู้มึงกำลังเป็นอะไร และคิดอะไรอยู่ มันผิดที่กูเอง ไม่ได้ผิดที่มึง

"โจ้"

เอ่ยเรียกคนที่นอนหลับตาอยู่บนเตียง และโจ้ก็หันมาหาคนที่เรียก

"เออ"

ตอบกลับเหมือนอย่างที่เคย และนิวก็ยังขมวดคิ้วมุ่นอยู่อย่างนั้น วางปากกาลงและลุกขึ้นมานั่งอยู่บนเตียง
นั่งมองหน้าของคนที่นอนอยู่ และนิวก็แตะเบา ๆ ที่ไหล่ของโจ้

มองสบตากัน และโจ้ก็ลุกขึ้นเอนหัวหนุนตักคนที่นั่งนิ่งเงียบ

เราเข้าใจกันดี แค่มองหน้าก็รู้แล้วว่าต้องทำอะไร โจ้แค่นอนนิ่งเงียบและนิวก็แตะเบา ๆ ที่เส้นผมของคนที่นอนอยู่

แตะเบา ๆ แตะไปเรื่อย ๆ ลูบไล้ไปมาที่หน้าผากของโจ้เบา ๆ

"เหนื่อยหรือยังวะ"

ได้ยินคำถาม และโจ้ก็นิ่งเงียบ
นิ่ง
ไม่ได้ตอบอะไรออกมานอกจากเงยหน้าขึ้นมองคนที่ส่งยิ้มบาง ๆ ให้

เหนื่อยสิ บางทีกูก็เหนื่อยกับการวิ่งไล่มึงนะ
กูกำลังวิ่งไล่มึงหรือเปล่าวะ ที่ผ่านมากูวิ่งไล่มาตลอด แต่เมื่อวิ่งนานเข้ากูก็คล้าย ๆ จะเหนื่อย ยังไงไม่รู้

"อยากพักก็บอกได้ทุกเมื่อนะ"

มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอวะ มึงพูดคำนี้ได้ง่าย ๆ ขนาดนั้นเลยเหรอวะ

เงยหน้าขึ้นมองหน้าของคนพูดที่ยังส่งยิ้มบาง ๆ ให้และโจ้ก็ถึงเพิ่งรู้ตัวว่าในเวลานี้

น้ำตากำลังจะไหล

มึงทำไมพูดกับกูแบบนี้ล่ะ มึงพูดกับกูแบบนี้ได้ยังไง
มึงจะเลิกกับกูใช่มั้ย พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงจะเลิกกับกูใช่มั้ย

นิวแม่งทำไมใจร้ายกับกูได้ลงคอวะ

"มึงทำไมใจร้ายกับกูขนาดนี้วะ"

น้ำตาคลอ และลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว

กลายเป็นเด็กน้อยขี้แย และเป็นนิวที่ได้แต่นั่งเงียบมองคนที่ยกหลังมือปาดน้ำตา

เด็กงอแง ที่ไม่ว่าจะมองยังไงก็เป็นเด็กงอแงตัวโตที่แม่งน่ารักที่สุดในโลก

"กูไปใจร้ายกับมึงตอนไหน"

แล้วมาบอกให้กูหยุดพักบ้างทำเหี้ยอะไร พูดแบบนี้มันก็ชัดยิ่งกว่าชัดแล้ว

"มึงจะเลิกกับกูเหรอ มึงทำไมพูดแบบนี้ กูยังพยายามไม่พออีกหรือไง มึงจะเอาอะไรอีก หัวใจมึงทำด้วยอะไรวะ ไหนว่าน้ำหยดลงหินทุกวัน หินยังกร่อนไง แล้วทำไมมึงยังใจแข็งกับกูได้ลงคอ"

ไปกันใหญ่แล้ว มึงบ่นอะไรของมึงเนี่ย

"ใจเย็น ๆ มั้ย พูดใหม่อีกทีซิ มึงเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า"

เข้าใจผิดเหี้ยอะไร บอกอยู่ชัด ๆ ว่าถ้าเหนื่อยให้กูพักแบบนี้จะต่างจากบอกเลิกกูตรงไหนวะ เหี้ยนิว

"มึงมันใจร้าย หลอกให้กูรัก แล้วก็จะมาทิ้งไปง่าย ๆ แบบนี้ มึงไม่รู้หรอกว่ากูพยายามขนาดไหน ไอ้เหี้ยนิว มึงมันเหี้ย"

อ้าว เฮ้ย กูผิดอีก ด่ากูไม่หยุดเลย มึงจะด่าได้น่ารักขนาดนี้ไปถึงไหนวะ กูจะขำนะเนี่ย

"ขยันแปลงสารเนอะ กูไปบอกตอนไหนว่าจะเลิกกับมึง"

บอกตอนไหนล่ะ ก็มึงพูดอยู่เนี่ย พูดอยู่ปาว ๆ เลย กูไม่ได้หูตึงนะโว้ยสัดนี่

"เหี้ยนิว มึงจะเลิกกับกูมึงไม่ต้องอ้อมโลกเลย สัดนิว ฮือออออออ"

อ้าว ไปกันใหญ่แล้วไอ้โจ้เอ้ยยยยยยยย

"ร้องไห้ได้เหี้ยที่สุดเล้ยยยยมึงเนี่ยโจ้"

นิวหัวเราะออกมา และก็จัดการใช้มือสองข้างเช็ดน้ำตาให้คนที่นั่งร้องไห้เป็นเด็ก ๆ

มันยังไงวะ
ไม่โกรธด้วยนะ ไม่มีแววโกรธเลย แต่แม่งเหมือนน้อยใจกูมากกว่า

ใช่
น้อยใจ
โจ้แม่งน้อยใจ
เป็นใครก็มองออก แต่จะไม่ให้น้อยใจยังไงไหว ในเมื่อมันก็มีบางอย่างน่าน้อยใจจริง ๆ

"กูไม่ถนัดทำอะไรหวาน ๆ มึงรู้ใช่ป่ะ"

รู้
นั่นกูรู้ตั้งแต่แรกแล้ว มึงถนัดแต่เฉยใส่กู กูทำใจรับได้ ตอนนี้กูชินแล้ว

"กูจน กูไม่ใช่ลูกคุณหนูมึงเข้าใจใช่มั้ย"

นั่นกูก็รู้ตั้งแต่แรกแล้ว กูไม่สนว่ามึงจนหรือรวย มึงก็เป็นมึงแบบนี้ไป กูไม่เคยเอามาคิดเป็นข้อแบ่งแยกเรื่องบางอย่างระหว่างเรา

"เพราะฉะนั้นนะโจ้"

เออ
เพราะฉะนั้น
เพราะฉะนั้นอะไรวะ พูดแล้วก็ทำหน้าเครียด เพราะฉะนั้นอะไรของมึง พูดมาเลยตรง ๆ อย่ามาหาเหตุผลอ้อมโลกเพื่อพูดเหมือนจะดีแต่สุดท้ายก็ทำร้ายจิตใจกู

"บอกตรง ๆ กูกลัวว่าสุดท้ายแล้วจะโดนมึงทิ้งไว้ข้างหลังถ้ามึงวิ่งเร็วขึ้นเรื่อย ๆ"

ห๊ะ
พูดอะไรวะ
หมายความว่ายังไง แม่งไม่เห็นเข้าใจเลย

"กูจะทิ้งมึงไว้ข้างหลังได้ยังไงวะ กูวิ่งตามมึงอยู่เนี่ยนิว"

ใช่ที่ตอนนี้มึงวิ่งตามอยู่
แค่หัวใจเท่านั้นที่กูแกล้งทำเฉยเพื่อให้มึงวิ่งตาม แต่อย่างอื่นกูไม่มีอะไรที่น่าภาคภูมิใจสำหรับมึงเลยในเวลานี้

"กูอยากดีพอ เพื่อวันหนึ่งถ้ามึงอยากแนะนำกูกับใครบางคน ว่าเรา "คบกันอยู่"มึงจะได้ไม่อายใครที่มีแฟนอย่างกู"

โจ้หยุดร้องไห้แล้ว
หยุดนิ่งและเงยหน้ามองคนที่กำลังพูดบางอย่างทั้งที่สีหน้าเรียบเฉย

"กูไม่อยากให้ใครดูถูกมึงว่ามึงมีแฟนเป็นแค่เด็กเรียนไม่จบและทำงานโรงงานธรรมดา ไม่มีอะไรเลย"

กูไม่เคยคิดเรื่องนั้นเลย
ไม่เคยแม้แต่จะคิด เรื่องพวกนั้นไม่มีในหัวเลยสักนิด

"กูไม่ได้คิดจะให้เราเป็นแค่เพื่อนกันไปเรื่อย ๆ หรอกนะ เพื่อนกินเพื่อนนอน กูไม่ได้อยากให้เราเป็นแค่นั้น"

นิว........

"ที่จริงกูคิดมานานแล้ว แต่ยังไม่ได้พูด ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วก่อนที่มึงจะเข้าใจอะไรผิด ๆ แล้วก็น้อยใจกูมากไปกว่านี้"

เหี้ย
มึงกำลังจะพูดอะไรเนี่ย
แล้วยัง..........

นิวลุกขึ้นและเดินไปเปิดลิ้นชักตู้ที่หัวเตียง หยิบกล่องเล็ก ๆ ที่อยู่ที่หัวเตียงออกมา เปิดออก และวางแหวนทองสองวงไว้ในมือ

มองหน้าของคนที่นั่งมองแล้วก็รู้สึกขัดเขินขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ลงมานั่งที่เตียงและมองหน้าของโจ้นิ่ง ๆ ก่อนจะก้มหน้าลงและอมยิ้มน้อย ๆ

"เขินว่ะ ทีแรกกูตั้งใจจะให้บรรยากาศมันดีกว่านี้นะเหี้ยโจ้ มึงนั่นแหละทำงี่เง่างอแงใส่กู กูไม่รู้จะง้อมึงด้วยวิธีไหนหรอกนะ แม่ง"

เอ้ยยยยยยยยยย มันใช่ที่ไหนล่ะ
มึงเขินแล้วมาลงที่กูได้ไงวะ มึงเขินมึงก็เขินไปสิ แต่กูขออึ้งหน่อยได้มั้ย นิวแม่งอย่างเท่ห์จริงวะ

มึงจะเท่ห์เอาโล่ห์เหรอมึง สัด

"ตอนนี้กูยังหาได้แค่นี้ก่อนนะ แต่กูไม่อยากได้เพื่อน แล้วก็ไม่อยากได้แฟนแล้ว"

อ้าวเหี้ย
ถ้ามึงไม่อยากได้เพื่อนและไม่อยากได้แฟน แล้วมึงอยากได้อะไรล่ะห่านี่ มึงจะจีบกูหรือมึงจะหาเรื่องด่ากูกันแน่วะ เหี้ยนิว

"กูอยากได้คู่ชีวิตแล้ว มึงเป็นให้กูหน่อยแล้วกันนะ ถือว่ากูขอร้อง กูขอมัดจำไว้แค่นี้ก่อนมึงจะยอมเป็นให้มั้ย"

นิว.............

"นิว กูซึ้งอ่ะ น้ำตากูจะไหล"

โห ไอ้โจ้ อะไรของมึงเนี่ย มึงพูดให้มันดี ๆ หน่อยไม่ได้หรือไง เสียเส้นหมดกูยิ่งเขิน ๆ อยู่

"เอามือมึงมาดิ๊"

เป็นการขอที่ไร้ซึ่งความหวานชื่นเป็นที่สุด และคนที่นั่งทำซึ้งก็ช้าเกินและไม่ทันใจนิว จนนิวต้องดึงมือของโจ้ออกมาและจัดการสวมแหวนทองเกลี้ยงให้ที่นิ้ว

"เหี้ย ใส่ไม่เข้าล่ะกูซวยเลยนะ อุตส่าห์ขอทั้งที สัด"

มึงบ่นทำไมล่ะนั่น มึงเขินแล้วชอบบ่นแบบนี้ตลอด แม่งน่ารักเกินไปแล้วนะมึงนิว

"ใส่ได้ดิ"

พูดไปเรื่อย แต่อมยิ้มเล็ก ๆ เมื่อนิวสวมแหวนให้และโจ้ก็มองที่นิ้วของตัวเอง

"แม่ง หวานที่สุดตั้งแต่คบกันมาเลยนะมึง"

อะไร
กูก็พยายามแล้วมันได้แค่นี้
กูทำซึ้งไม่เป็น นี่กูพยายามที่สุดแล้วนะ แถมบรรยากาศที่กูวางแผนไว้มันไม่ใช่แบบนี้ด้วย อยู่กับมึง กูทำอะไรผิดแผนตลอดเลยห่า

"กูต้องใส่ให้มึงด้วยนิ"

เออ
เพิ่งรู้เหรอ
ยื่นมือให้และโจ้ก็สวมแหวนให้ที่นิ้วเดียวกับที่นิวสวมให้ พลิกมือของนิวไปมาหลายครั้งและหัวเราะเสียงเบาอย่างชอบใจ

"นิวแม่งเขินอีกแล้ว"

เออเอาให้พอเลยมึง ล้อกูให้พอเลยเหอะ สนุกมากมั้ยสัดโจ้

"นิวของโจ้.......แม่งโคตรน่าร้ากกกกกกก"

กูจะอ้วก พูดเหี้ยอะไรของมึงเนี่ย แค่พูดยังไม่พอ ยังมีการจับมือกูมาหอมอีก เยอะนะมึง เยอะเกินไปหน่อยแล้ว

"ชอบให้กูอ้อนดิ๊"

ใช่

"ถ้าชอบแล้วมึงจะทำไม"

ตอบ
แต่หน้านิ่ง
หน้านิ่งก็จริง แต่โจ้ก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเขิน แฟนกูเขินน่ารักจังวะ ชอบแม่งจริงๆ เวลาเขินแล้วทำหน้ามึนใส่เนี่ย

"นิว"

ไม่ใช่แค่หอมที่มือ แต่โจ้โผเข้ากอดคนที่พยายามปั้นหน้าเฉยทั้งที่ขัดเขินเกินกว่าจะพูดอะไรต่อไปได้

"นิว นิว นิว นิว นิว กูไม่ใช่เพื่อนมึงแล้วนะ ไม่ใช่แฟนด้วย กูไม่ใช่แล้ว ไม่ใช่ ไม่ใช่ ไม่ใช่"

ดีใจเกินไปแล้วมึง
เหี้ยโจ้

"เออ"

ขนาดตอบว่าเออมึงยังน่ารักเลยนิวไม่เสียแรงที่ไล่ล่าตามจีบมานาน มึงใจอ่อนกับกูซะทีนะ ใจอ่อนกับกูได้ซะที

กูโคตรดีใจเลยนะนิว

"เออโจ้ กูว่าจะบอกมึงอีกอย่างด้วย"

บอกเหรอ
บอกอะไรวะ
มึงจะบอกอะไรกูก็ว่ามาเลย
ผละออกห่าง และมานั่งอยู่ตรงหน้าของนิว มองและก็ยิ้ม ยิ่งมองยิ่งต้องยิ้มเพราะตอนนี้นิวกำลังขบริมฝีปากตัวเองและถอนหายใจเฮือกใหญ่ แถมยังกำลังทำหน้าเลิ่กลั่กเหมือนกำลังทำอะไรไม่ถูกอีกด้วย

"คืองี้"

เออ คืออะไรวะ คืออะไร

ลุ้นชิบหายเลย ชอบให้กูลุ้นเรื่อยเลยนะมึง

นิวตัดสินใจจ้องหน้าของโจ้ตรง ๆ จ้องนิ่ง ๆ ทั้งที่อาการขัดเขินกำลังเล่นงานอย่างเต็มที่จนพาลจะมือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูก
แต่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ถ้าคิดจะทำก็ต้องทำให้ครบถ้วนสมบูรณ์ทั้งที่บางอย่างมันผิดแผนมาตั้งแต่ต้น

คว้าต้นคอของคนที่นั่งมองด้วยใจระทึกเข้ามาหาแตะปลายจมูกเบา ๆ ที่ข้างแก้มของโจ้และผละออกห่าง ท่ามกลางความตกตะลึงของโจ้ที่ไม่เข้าใจว่านิวกำลังพยายามทำอะไร

นิวกลับมาก้มหน้าก้มตาอีกครั้ง และถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเงยหน้ามองคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยใจเต้นระทึกไม่เป็นส่ำ

พูดอะไรนิว
มึงอยากพูดอะไรพูดมาเลย กูรอฟังอยู่พูดมาเลยนิว พูดมา

"กู......................"

กูอะไรวะนิว กูอะไรมึงพูดสิ พูดเลย กูอยากฟังจะแย่แล้ว มึงดูหน้ากูนี่แม่งโคตรระทึกจะตายห่าอยู่แล้ว

"ปวดเยี่ยววะ กูไปเยี่ยวก่อนได้มั้ย"

เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยย กูจะฆ่ามึงเหี้ยนิว
โจ้แกล้งเอามือบีบคอคนที่พูดบางอย่างออกมาแบบไม่มีกาลเทศะ และเป็นนิวที่หัวเราะร่วนด้วยความชอบใจกับสิ่งที่โจ้ทำ

ก็กูเขินมึงจะให้กูทำยังไงล่ะ งั้นไม่ไปเยี่ยวก็ได้ เอาแบบนี้ดีมั้ย

"กูรักมึงว่ะโจ้"

โจ้หยุดมือทันที หยุดนิ่งชะงัก และนั่งนิ่งอ้าปากค้าง ตาโต

กูรอจนกูจะหมดใจอยู่แล้ว ในที่สุดกูก็ได้ยินคำนี้ซะที ในที่สุดกูก็ได้ยินคำนี้จากมึงแล้ว

ในที่สุด

"นิว..............."

เรียกคนที่กำลังหน้าแดงและทำอะไรไม่ถูกออกมาเสียงดังลั่น และโจ้ก็โผเข้ากอดนิว กอดแน่นและหัวเราะออกมา

"ติดกับกูแล้วไง มึงติดกับกูแล้ว ในที่สุดมึงก็พูดคำนี้ซะที รักมึงเหมือนกันนิว รักมึง รักมึง จะตายห่าแล้ว รักมึงจริง ๆ"

พูดเหี้ยอะไรวะ เพ้อเจ้อชิบหาย

แม่งเหี้ยโจ้นี่ก็ประสาท เคยไร้สติและทำตัวตามอารมณ์แบบไหนตอนนี้ก็ไม่เคยเปลี่ยน สันดานเคยเป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้นตลอด

แก้ไม่หายหรือไงวะ แม่ง

มึงจะเป็นแบบนี้อีกนานมั้ยวะ

นิวยกมือขึ้นลูบที่แผ่นหลังของคนที่โผเข้ามากอดและอมยิ้ม

ยิ้มออกมา และนึกดีใจที่วันนั้นปล่อยให้โจ้ดื้อดึงเอาแต่ใจจนได้ก้าวเดินมาด้วยกันในวันนี้

"รักมึงได้ไงวะ....กูแม่งยอมแพ้มึงเลยจริง ๆ"

พูดเยอะ ๆ กูชอบฟังมึงพูด พูดอีกนิว พูดอีก พูดอีก พูดเยอะ ๆ พูดซ้ำ ๆ กูอยากฟังแบบนี้ไปเรื่อยๆ พูดกับกูอีกนะนิว

พูดกับกูไปตลอดชีวิตได้มั้ย เพราะกูอยากฟังคำนี้ของมึง ไปตลอดชีวิตกูเลย

Fin.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.88
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 23-06-2014 06:03:56
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#หยกคือทุกสิ่ง

หยกยืนมองร่องรอยบางอย่างที่แผ่นหลังของคนที่นั่งกอดเข่าเหม่อลอยอยู่บนเตียง ไม่รู้ไอ้กัสมันมองเหม่อไปถึงไหน
แต่หูคงกำลังฟังเพลงที่เปิดทิ้งไว้

นั่งลงข้าง ๆ คนที่นั่งเหม่ออยู่ ทำไมชอบกอดเข่านั่งเหม่อ เสื้อก็ไม่ใส่ ใส่แค่กางเกงขาสั้นตัวเดียว และสิ่งที่หยกสังเกตเห็นจากแผ่นหลังขาว ๆ ของกัส คือบางสิ่งบางอย่าง

รอยเส้นสีแดงเล็ก ๆที่มองเห็นได้ลางๆ
รอย.....

“ไอ้กัส มึงจะสักหรือไงเนี่ย”

ขมวดคิ้วมุ่น และเรียกคนที่นั่งกอดเข่าให้หันมาคุยกัน

แต่คนที่นั่งเงียบก็ไม่มีทีท่าสนใจ ไม่พูด และไม่ตอบ

แม้จะไม่ตอบ แต่นั่นกลับเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุด

“พี่ไม่ให้สัก”

หยกรีบบอกออกไป และกัสก็หันไปมองหน้าของคนที่ออกคำสั่งบางอย่าง

“กูจะสัก”

มันเป็นคำพูดง่าย ๆ ที่หยกไม่อยากได้ยิน แต่ก็ต้องจำใจนิ่งเงียบ

ไม่พูด เพราะแค่นี้ก็ชัดเจนว่าไม่ควรพูดอะไรออกไป

และกัสก็ก้มหน้ากลับลงมา
ดวงตายังเหม่อลอย แต่หัวใจไหววูบเอนไปเอนมา เมื่อเห็นสายตาของหยก

หยกไม่ชอบ

แค่เพียงหยกไม่ชอบ ก็ไม่อยากทำต่อ

แต่เพราะหยกบอกว่าอย่าทำ
อยู่ดีๆ ก็เกิดนึกโมโหหยกขึ้นมา
ทำไมหยกต้องทำแบบนี้ ทำไมต้องพูดแบบนี้ ทำเหมือนผู้ปกครอง

หยกไม่ใช่เจ้าชีวิตนะ
ทำไมต้องสั่ง
อย่าสั่งได้มั้ย แค่หยกบอกดี ๆ แค่พูดด้วยดี ๆ ก็จะไม่ทำ

แค่พูดดีๆ ด้วยก็จะไม่ทำ

จริง ๆ นะหยก แค่หยกบอกดี ๆ ก็จะไม่ทำจริง ๆ นะหยก

มันคือวันเลวร้ายที่สุดในชีวิตอีกวันหนึ่งของกัส

พ่อด่า และบอกว่าไม่ต้องกลับไปเหยียบที่บ้านอีก
เป็นเด็กเฮงซวย หาแต่เรื่องมาให้

นอนในห้องขังสองคืนเต็ม ๆ เพราะถูกจับคดีซิ่งรถ

บอกไปว่าไม่มีผู้ปกครองและยอมนอนอยู่ในนั้น
แต่เพื่อนก็ยังไปบอกพ่อให้มาประกันตัว

และพ่อก็มา
พ่อมาประกันตัว
แต่สายตาที่พ่อมองมา มันช่างน่ากลัว สายตาที่มองมาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

และแค่เดินออกจากห้องขัง พ่อที่นิ่งเงียบมาตลอดก็ฟาดฝ่ามือมาที่หน้าของกัสเต็มแรง

“ไอ้เด็กเหี้ย มึงมันเลว หาแต่เรื่องเดือดร้อนให้กู”

พ่อด่า
ก็เหมือนทุกครั้งที่พ่อด่า
สะท้อนใจ แต่ไม่อยากฟัง

ทำไมจะไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งที่ได้ยิน เจ็บแทบตาย และน้ำตาก็เหมือนจะทะลักออกมา

ไม่มีรถมอร์เตอร์ไซด์ เพราะถูกยึดเอาไว้
นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ อยากซิ่งเมื่อไหร่ ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะแค่เอ่ยปาก ยังไงก็มีรถให้ซิ่ง

แต่สิ่งที่คิดได้ในเวลานี้คือ อยากร้องไห้

อยากจะร้องไห้ อยากจะร้องให้ตายไป
แต่ทำไม่ได้ เดินไปเรื่อยๆ ไม่หันมามองพ่อที่ตะโกนด่าไล่หลังมา

ก้าวเดินไปเรื่อยๆ
เดินไปเรื่อย ๆ
ทั้งหิว ทั้งเหนื่อย ทั้งร้อน แต่ไม่เท่าสภาพจิตใจที่เหมือนจะค่อยๆ แตกสลายอย่างช้า ๆ

เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่พยายามหาหนทางอยู่รอดให้กับตัวเอง

ไม่ได้อยากเลว

เคยเข้าไปทำงาน แต่แค่เพียงไม่นานถ้าไม่ถูกไล่ออกก็ต้องลาออกมาเอง

เพราะไม่มีความอดทนมากพอ
เหมือนในหัวมีระเบิดลูกเล็ก ๆ ฝังอยู่ มันพร้อมจะระเบิดออกมาได้ตลอดเวลา แค่ถูกกระทบกระทั่งจากใครบางคนเพียงเล็กน้อยระเบิดในหัวก็ระเบิดออกมา

ทำยังไงก็ไม่หาย
อยากจะแกะระเบิดออกไปจากหัว แต่ไม่ว่ายังไงก็ทำไม่ได้

สุดท้ายการซิ่งรถแลกเดิมพัน คือการหาเงินให้ตัวเองได้กินใช้และเที่ยวเล่น

ยิ่งถูกคู่แข่งจี้แซง ความโกรธยิ่งเป็นตัวเร่งและผลักดันให้บิดคันเร่งไปจนสุด

ไม่กลัวตาย
เพราะอยู่หรือตาย ก็ไม่ต่างกัน บางทีตายไปอาจจะดีกว่าอยู่ก็ได้

บางที.....ถ้าตายไปคงดีกว่า

ในเวลาที่หัวใจล่องลอยไร้หลัก สถานที่เดียวที่กัสนึกถึงอยู่เสมอคือที่นั่น

หยก....
ไปหาหยก
ไปอยู่ในที่ ที่มีกลิ่นไอของหยก ไปในที่ที่มีหยกอยู่

ที่ห้องนั้น

ห้องเล็ก ๆ ห้องนั้น
โลกใบเล็ก ๆ ที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ได้เข้าไปก็ได้พบเจอแต่ความอบอุ่นและสุขใจอยู่เสมอ

แต่จะเข้าไปบ่อย ๆ ได้ยังไง
ถึงอยากเข้าไปมากแค่ไหน แต่ก็ไม่อยากให้หยกรำคาญหรือเดือดร้อนใจ

ไม่อยากถูกไล่
ถ้าวันหนึ่งหยกไม่ชอบใจขึ้นมา
หยกจะไล่ให้ออกไปหรือเปล่า

จะไล่ให้ออกไปจากห้องเล็ก ๆ โลกใบเล็ก ๆ ใบนั้นหรือเปล่า

สมองยังคิดไปเรื่อย ๆ
และหยดน้ำตาก็หยดลงที่ข้างแก้ม ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ใช้หลังมือปาดทิ้ง นับครั้งไม่ถ้วน
ไม่สนใจผู้คนที่เดินผ่านและมองมา
บางคนซุบซิบนินทา บางคนเห็นแล้วก็เมินเฉยทำเหมือนไม่เห็น

แต่กัสไม่สนใจผู้คนที่เดินผ่านไปมา

ขายังก้าวไปเรื่อย ๆ และมือก็กุมที่ลูกกุญแจที่แขวนไว้ที่คอ

ก้มหน้าก้มตาเดินต่อไปเรื่อย ๆ

ใจไปถึงเรียบร้อย
ใจเดินทางไปหาใครคนนั้นเรียบร้อย และขาก็ยังก้าวไปเรื่อย ๆ

เดินไป
แม้ระยะทางจะไกลแสนไกล และแดดร้อนจัดแค่ไหนก็ไม่สนใจ

สิ่งที่ทำได้คือก้าวขาเดินให้เร็วขึ้น
ก้าวเดินไปเรื่อย ๆ

เดินไป

ไปหา

หยก.....
ไปที่ห้องนั้น
ไปที่ที่มีหยกอยู่

“กัส”

ได้ยินเสียงเรียก แต่ก็ไม่กล้าหันไปหา กลัวจะร้องไห้
กลัวหยกเห็น

กลัวหยกรู้ว่ากำลังเสียใจ จนอยากจะร้องไห้

นิ่งเงียบ และไม่ขานรับ
ยังนั่งกอดเข่าเงียบๆ อยู่อย่างนั้น และหยกที่เลี่ยงไปนั่งอยู่บนเตียงก็ถอนหายใจออกมายาว ๆ

แค่เพียงเสียงถอนหายใจ
กัสก็รู้ว่าไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกแล้ว

ไม่อยากถูกหยกไล่
ไม่อยากให้หยกหนักใจ
ไม่อยากให้หยกลำบากใจ

ลุกขึ้นยืน และคว้าเสื้อที่แขวนอยู่มาสวม เดินไปหยิบรองเท้าผ้าใบคู่เก่าที่ในเวลานี้พื้นรองเท้าสึกจนแทบจะเหมือนเดินเท้าเปล่า

หยกหันไปมองคนที่กำลังทำบางอย่าง

เห็นแบบนั้น ยิ่งรู้สึกโมโห

ทำไมวะ
มีอะไรทำไมไม่เสือกพูดออกมาบ้าง เป็นอะไรกัน อยู่ในสถานะไหนของกันและกัน

แค่คนที่นอนด้วยกันแค่นั้นหรือไง
นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป แล้วใจคนคอยล่ะมันเคยนึกถึงบ้างหรือเปล่า

มันไม่เคยนึกถึงเลย
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าทำยังไงสิ่งที่สื่อไปก็เหมือนไม่เคยถึง

มันไม่เคยฟัง หรือบางทีมันอาจฟังแต่ไม่สนใจไยดีที่จะทำให้

ถ้านิวไม่ช่วยดูให้จะรู้มั้ยว่ามันหายไป ไม่ยอมไปเรียนเป็นหลายวัน และนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้โมโห

โกรธ แต่ทำอะไรไม่ได้
ได้แต่นิ่งเงียบ และรอให้มันมาหา

ทำไมวะ

กูไม่มีหัวใจหรือไง พี่ไม่มีหัวใจหรือไงวะกัส ทำไมมึงทำกับพี่แบบนี้

ในสายตามึง
ในความคิดมึง
พี่เป็นอะไรสำหรับมึงวะ สำหรับกัสแล้ว พี่.............เป็นตัวอะไรสำหรับกัสกันแน่

ช่วยบอกที

กัสโยนรองเท้าลงบนพื้นและสวมเท้าเข้าไป กลัดกระดุมเสื้อสองสามเม็ด และก้มหน้าก้มตาไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาเพราะน้ำตากำลังเอ่อล้นออกมา

หยกยังนั่งเงียบอยู่บนเตียง และกัสก็เปิดประตูห้องเดินออกไป

เสียงประตูที่ปิดลงทำให้หยกที่นั่งนิ่งเงียบต้องหันไปมองที่ประตู

มึงคิดจะมาก็มา
คิดจะไป
มึงก็ไป

เหมือนเดิม มึงเป็นแบบนี้ทุกที
มึงทำแบบนี้ทุกที ทำแบบนี้เหมือนทุกครั้ง โดยไม่แยแสคนที่รักคนที่รอมึงเลย มึงไม่เคยคิดถึงจิตใจของคนรอเลย

พี่ไม่รู้ว่ามึงเป็นอะไร
ในสมองมึงคิดอะไรอยู่กันแน่ ทำไมมึงทำแบบนี้

ทำไมมึงทำแบบนี้
เคยแคร์กันบ้างมั้ย

เคยแคร์ความรู้สึกกันบ้างมั้ย เคยสนใจความรู้สึกกันบ้างมั้ย

เคย.....

รัก..........พี่..........บ้างมั้ยวะ

เคยรักพี่บ้างมั้ยกัส..........อยากรู้จริง ๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.88
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 23-06-2014 06:04:26
ไม่มีที่ให้ไป

ไม่รู้จะไปไหนแล้ว

กัสได้แต่นั่งกอดเข่าอยู่คนเดียวเงียบ ๆ
อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ ดึกป่านนี้แล้ว แต่ไม่รู้ว่ากี่ทุ่มกี่ยาม

แผ่นหลังพิงแนบกับเสาและนั่งกอดเข่าอยู่ที่พื้นบนทางเท้า
ใบหน้าแหงนเงยขึ้นไป และมองเห็นหน้าต่างห้องของใครบางคน

ไฟยังเปิดสว่างจ้า

หยกยังไม่นอน

ป่านนี้หยกก็ยังไม่นอนเหรอ

ก้มหน้ากลับลงมาอีกครั้ง และแตะปลายนิ้วเบา ๆ ที่กุญแจห้องที่หยกให้เอาไว้

ดวงตาเหม่อลอยไปไกลแสนไกล
ไม่คิดอะไรทั้งนั้น ไม่อยากคิด ไม่มีอะไรให้คิด
ไม่อยากฝัน เพราะไม่มีอะไรให้ฝัน ไม่อยากหวัง เพราะไม่มีอะไรให้หวัง

มีเพียงความว่างเปล่าและความทรงจำเลือนลางของวัยเด็ก

“แม่...กัสหนาว”

บ่นพึมพำคนเดียวเงียบ ๆ และโอบกอดร่างกายของตัวเองให้คลายหนาว

หนาวเพราะอากาศเย็นยังพอทนไหว
แต่หนาวเหน็บไปถึงหัวใจ จะให้ทำยังไง

“หยก”

เอ่ยชื่อของคนที่เมินเฉยกันในวันนี้ และก็ยิ้มกับตัวเองเงียบ ๆ
ซุกซบใบหน้าลงที่เข่า และเอนหลังพิงกับเสาเอาไว้

กี่โมงกี่ยามแล้ว
จะให้นอนยังไง
จะให้ข่มตาหลับลงไปได้ยังไง ทั้งที่หัวใจปวดร้าวขนาดนี้

จะให้ร้องไห้อีกแค่ไหน
ไม่อยากร้องอีก
ไม่อยากให้ใครเห็นว่าร้องไห้
ไม่อยากให้ใครเห็น ไม่อยากให้ใครรู้

ไม่อยาก.......

นั่งนิ่งเงียบ ซุกซบใบหน้าลงที่หัวเข่า สะอื้นไห้เบา ๆ จนตัวโยน

แต่จะมีใครรู้....และเข้าใจ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.88
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 23-06-2014 06:05:16
สำหรับหยกมันคือความโง่เขลาเบาปัญญาของตัวเองขั้นร้ายแรง ทำอะไรลงไปไม่รู้ แต่ยากจะข่มตาให้หลับลงได้
ที่ผ่านมาคืออะไร ไออุ่นจากร่างกายที่เคยได้สัมผัสมันคืออะไร

ความรู้สึกทั้งหมดคืออะไร ทุ่มเทอยู่ฝ่ายเดียว รักใคร่และรอคอยอยู่ฝ่ายเดียวอย่างนั้นหรือไง

โง่เง่าที่สุด

เอนกายลงนอน และสอดแขนไว้ที่ใต้คอ นอนนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น และดวงตาเหม่อมองไปที่เพดานห้อง

ตั้งแต่ใครบางคนก้าวขาเดินออกจากห้องไป ไม่เคยปวดใจเท่าครั้งนี้

เพราะรู้ว่าทุกครั้ง มันไปเพราะใจมันสงบลงแล้วมันถึงได้ไป

แต่ครั้งนี้ต่างกัน

กัสมันเดินออกไปทั้งที่........แค่มองก็รู้ว่ามันคงไปเจออะไรมาอีกแล้วแน่ ๆ

แล้วทำไมถึงไม่เข้าใจ
ทำไมถึงไม่พยายามเข้าใจมันเลย

แล้วจะให้เข้าใจอะไร ในเมื่อมันไม่เคยให้ความสำคัญไม่เคยบอกไม่เคยเล่า ปิดประตูส่วนของมันแน่น และไม่ยอมให้ก้าวเข้าไปหา

จะให้ทำยังไง จะให้เป็นคนบ้าอยู่คนเดียวแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่

อีกเมื่อไหร่

ทำไมต้องสนใจคนที่ไม่เคยคิดแยแสกันแบบนั้นด้วย ทำไมถึงได้เอาแต่สนใจและวิ่งไล่ตามอยู่คนเดียว ทำไมวะ

ทำไม....

คิดไปก็เปล่าประโยชน์
หยกลุกขึ้น และเดินไปทิ้งตัวอยู่บนเก้าอี้ หยิบหนังสือขึ้นมาเปิดอ่าน เผื่อจะหยุดคิดเรื่องที่ไม่ควรคิดบ้าง

อ่านหนังสือทั้งที่อ่านไม่รู้เรื่อง อ่านไม่รู้เรื่องเลยสักนิด แต่ก็ยังจะอ่าน ยังมุ่งมั่นที่จะอ่าน แม้จะอ่านไม่รู้เรื่อง
หยิบปากกามาขีดเน้นข้อความสำคัญ แต่แค่ลงมือขีด กลับไม่มีร่องรอยของปากกา ขีดซ้ำอีกครั้งถึงได้รู้

แม้แต่หมึกปากกายังไม่เป็นใจให้เขียนเลยเหรอวะ

แค่นยิ้ม และส่ายหน้ากับเรื่องไร้สาระบ้าบอ ตีสองกว่าแล้ว แต่ยังข่มตาให้หลับลงไม่ได้ ยังทำบ้าอะไรอยู่จนถึงป่านนี้

คิดถึงแต่คน ๆ เดียว
คน ๆ เดียวที่ทำให้บ้าบอและไม่มีสมาธิได้ถึงขนาดนี้

มันจะรู้บ้างมั้ย มันไม่เคยรู้ ไม่เคยรับรู้เลย จิตใจครุ่นคิดเรื่องเดิมซ้ำ ๆ และสายตาก็เหม่อมองไปที่หนังสือหัดอ่านสองสามเล่มที่วางทิ้งเอาไว้

ยิ้มเยาะตัวเอง และลุกขึ้นอย่างช้า ๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เดินไปหยิบหนังสือสองสามเล่มมาเปิดดู
เปิดดูข้อความและตัวอักษรที่โย้ไปเย้มาที่ใครบางคนเคยเขียนเอาไว้

อ่านไม่เป็นประโยค อ่านไม่รู้เรื่องไม่ว่าประโยคไหนก็เป็นคำที่ไม่สมบูรณ์

กา ก่า ก้า ก๊า ก๋า

ขา...ข่า ข้า ข๊า ข๋า

คา ค่า ค้า ค๊า ค๋า

อ่านแล้วก็ได้แต่ยิ้ม เมื่อเห็นรอยปากกาแดงของตัวเองที่ขีดทับข้อความที่ไม่ถูกต้อง ผันวรรณยุกต์ได้เพี้ยนขนาดนี้ อยากบอกว่าอย่าผันเลยนี่มันย่ำแย่กว่าเด็กประถมอีก

ย่ำแย่ยิ่งกว่า....

และ เมื่อเปิดไปเรื่อย ๆ จนเกือบถึงกลางหน้ากระดาษสิ่งที่หยกได้เห็นคือตัวหนังสือสวย ๆหลายตัว

เหมือนคนเขียนพยายามคัดลายมือให้สวยที่สุด

หยก หยก หยก หยก หยก หยก หยก หยก หยก หยก หยก
หยก................................................................................

ข้อความมากมายเต็มหน้ากระดาษ
ชื่อเดิม ๆ
ตัวอักษรสามตัว

เขียนซ้ำ ๆ แบบเดิมนับไม่ถ้วน

จนถึงตัวอักษรตัวสุดท้าย......หยก หยก หยก หยก หยก หยก หยก หยก หยก หยก.............. กัส

สายตาสะดุดเข้ากับตัวหนังสือตัวสุดท้ายที่ถูกเขียนทิ้งเอาไว้

หยกนิ่งมองอยู่อย่างนั้น ก่อนจะแตะปลายนิ้วไปที่ชื่อตัวสุดท้ายที่ถูกเขียน หัวใจกำลังไหวสะท้าน
แค่มองแค่เห็นก็อยากจะชกหน้าตัวเองที่ทำอะไรงี่เง่า

งี่เง่าที่ไม่รั้งเอาไว้ งี่เง่าที่ไม่ถาม งี่เง่าไม่พูดด้วย ไม่รั้ง และเอาแต่คิดอยู่ฝ่ายเดียวว่าอีกฝ่ายไม่แยแสไม่สนใจ

ทั้งที่......ก็รู้อยู่ว่าแต่ไหนแต่ไร คนบางคนก็เป็นแบบนั้นอยู่เสมอ

หลายครั้งที่เหมือนมันพยายามจะพูด แต่ก็ขมวดคิ้วมุ่นและไม่ยอมพูดออกมา

ทำไมถึงไม่รับรู้ ทำไมถึงปล่อยให้ความโง่เง่าบังตา ไม่รู้ว่ากัสมันเป็นอะไร แต่ที่แน่ใจคือมันไม่เหมือนคนอื่น
มันไม่เหมือน

ไม่เหมือนและไม่มีทางเหมือน แล้วทำไมถึงปล่อยมันไปแบบนั้น ปล่อยให้มันเดินออกไปง่ายๆ แบบนั้น

ทำไมถึงปล่อยไป

กูมันโง่
กูมันบ้า
กูมันทั้งโง่ทั้งบ้าที่สุด

คิดอะไรไม่ออก นอกจากก้มหน้านิ่ง ๆ และขบริมฝีปากแน่นด้วยความรู้สึกเจ็บร้าวในใจ

ไม่รู้ว่าจะไปตามหาที่ไหน
ไม่รู้เลยสักนิด

แต่ต้องเขียนหนังสือ ต้องตรวจสิ่งที่ไอ้กัสมันเขียนทิ้งเอาไว้ มันเขียนไม่ถูก หลายตัวอักษรมันเขียนมั่วไปหมด

ต้องไปซื้อปากกา ต้องไปซื้อปากกาแดงมาตรวจข้อความ เผื่อคราวหน้า ถ้าเผื่อคราวหน้ามันมาอีก จะได้เอาให้มันดูว่ามันเขียนผิด

มันเขียนหนังสือผิดหลายคำ และมันควรต้องหัดเขียนให้ถูกต้องกว่านี้ มันต้องปรับปรุงแก้ไข

จะบอกจะสอน จะค่อยๆ สอนจนกว่าจะเข้าใจว่าแบบไหนถึงเรียกว่าถูก จะไม่ต่อว่า จะสอนให้มันอ่านหนังสือยาก ๆ ให้ได้ จะทำให้ได้

คว้ากระเป๋าสตางค์มาถือเอาไว้ สวมรองเท้าและก้าวขาเดินออกจากห้อง

ก้าวขาอย่างรวดเร็ว

เดินลงมา

ก้าวขาลงมาเรื่อย ๆ กำลังจะเดินออกนอกตัวอาคาร

ใครบางคนนั่งกอดเข่าพิงเสาอยู่หน้าอาคาร

“ไอ้กัส”

ภาพที่เห็นมันทำให้หยกสะท้อนใจ ทั้งสะท้อนใจทั้งรับไม่ได้กับสิ่งที่เห็น

เดินไปหาและไปหยุดยืนนิ่งเงียบอยู่ตรงหน้าคนที่กอดตัวเองเอาไว้เพื่อให้คลายความหนาว

ทรุดกายลงนั่งตรงหน้า สายตาจ้องนิ่งมองอยู่อย่างนั้น

ค่อย ๆ แตะฝ่ามือแผ่วเบาลงไปที่เส้นผมของคนที่ซุกซบใบหน้าอยู่ที่หัวเข่า และกัสก็สะดุ้งและรีบเงยหน้าขึ้นมาทันที
ปัดมือของคนที่แตะออก และเมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็ได้รู้ว่าใครที่มานั่งอยู่ตรงหน้า

หยก.....

อยากจะเรียก อยากจะพูด แต่พูดไม่ออก ได้แต่จ้องนิ่งงันอยู่อย่างนั้น

จ้องหน้าของหยกนิ่ง ๆ มองนิ่ง ๆ และหยกก็จ้องหน้าของกัสนิ่งงันเช่นกัน

ต่างคนต่างจ้องมองกัน มองนิ่ง ๆ และเมื่อหยกเอื้อมมือแตะที่เส้นผมของกัสอีกครั้ง

คราวนี้ไม่มีการผลักมือให้ออกห่าง

แต่.....หยดน้ำตามากมายค่อย ๆ ร่วงหล่นจากดวงตาที่จ้องมองมานั่นทำให้หยกใจหายวูบ

เหมือนจะหายใจไม่ออก หัวใจเบาโหวงเหวงไปหมด ภายในกำลังสั่นสะท้าน แต่คงไม่เท่าใครบางคนที่ยังคงจ้องมองนิ่ง ๆ แต่น้ำตายังไม่หยุดไหล

“หนาวมั้ย”

กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา และกัสก็พยักหน้ารับ พยักหน้ารับและก้มหน้านิ่ง ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับหยกอีก

“หนาวก็ขึ้นไปนอนได้แล้วนะ”

คำพูดแสนเรียบง่าย แต่ก็ทำให้กัสพยักหน้าซ้ำอีกครั้ง ไม่เคยมีคำตอบอะไรออกมาเลย

สำหรับกัสไม่เคยมีคำตอบอะไรออกมา มีแค่เพียงการพยักหน้ารับรู้และตอบรับกับสิ่งที่หยกพูด

“ไปเถอะ”

ดึงแขนให้คนที่นั่งอยู่ลุกขึ้น และหยกก็กุมมือกัสแน่น จูงมือให้เดินตาม และกัสก็ก้าวขาเดินตามมาง่าย ๆ

เดินมาด้วยกันสองคน ไม่สนใจผู้คนที่เดินสวนไปมาและมองด้วยความประหลาดใจ

ไม่สนใจใคร ๆ ที่มอง

จูงมือให้คนที่เกือบหายไปให้เดินมาด้วยกัน

ฝ่ามือเย็นชื้นเริ่มมีความอุ่นขึ้นมาบ้าง อุ่นขึ้นเรื่อย ๆ อุ่นจนหยกไม่อยากปล่อยมือนี้ไปตลอดชีวิต

กัสมองที่มือของตัวเองที่ถูกกุมกระชับแน่น และมองเลยไปที่แผ่นหลังกว้างของคนที่จูงให้เดินตาม

หยก

ไม่ขออะไรอีกแล้ว

จะไม่ขออะไรอีก แค่มีหยกอยู่ตรงนี้ อยู่ตรงนี้ได้มั้ย อยู่ตลอดไป อยู่ไปตลอด อย่าทิ้งกันไปเลยนะขอร้อง

อย่าทิ้งไปเลย แค่หยกอยู่ตรงนี้ อยู่ด้วยกันในโลกเล็ก ๆ ใบนี้ ขอแค่มีหยกอยู่เท่านั้น

แล้วชีวิตนี้จะไม่ขออะไรอีกเลย

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.88
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 23-06-2014 06:24:43
 :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.88
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 23-06-2014 06:53:11
 หยก-กัส..   มันซึ้งอะ     :impress:



 เข้าใจหัวอกหยก มันอึดอัดมาก ไม่เข้าใจกัส

 กัสก็ไม่รู้จักวิธีแสดงออก

 เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่     :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.88
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 23-06-2014 07:37:54
รักที่ต้องใช่ความเข้าใจดูแลใจ :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.88
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 23-06-2014 08:57:21
กัส หยก เศร้าอ่ะ..เมื่อไรจะถึงปัจจุบันอ่ะนะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.88
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 23-06-2014 09:03:09
 :mew4: เศร้าปนซึ้งอ่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.88
เริ่มหัวข้อโดย: McKnight ที่ 23-06-2014 12:35:28
ในที่สุดคุณชายนิวปากแข็งก็ขอโจ้เป็นคู่ชีวิตซะที โอ้ยลุ้นแทบแย่
มีการสวมแหวนแทนใจด้วย เห็นเงียบๆ ไม่ค่อยพูด ออกแนวเฉยชาแบบนี้ก็โรแมนติกเป็นเหมือนกันนะ
หวานๆๆๆ

ส่วนคู่ของหยกกับกัสนี่ ซึ้งน้ำตาคลออีกแล้วผม
ความเข้าใจผิดทุกสิ่งทุกอย่างนี่เกิดจากต่างคนต่างคิดมโนไปคนละอย่าง นี่ละปัญหาสำคัญของชีวิตคู่เลย
ความคิดน้องกัสในทุกๆเรื่องก็เศร้าเหลือเกิน สงสารจับใจ....

หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.88
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 23-06-2014 14:12:54
นิวโจ้ คือมันดีอ่ะ ชอบ แฮปปี้ >_<

กัสหยก หน่วง น้ำตาแตกอีกแล้ว พี่หยก แงงงง
 :o12:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.88
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 23-06-2014 16:51:07
ในที่สุด คู่โจ้-นิว ก้อ Happy ending
แบบเกือบๆจะหวาน 55555+
แต่ไหงคู่พี่หยก-น้องกัส มันหน่วงเยี่ยงนี้~~~~~~~~~!!!!
TTTT^TTTT
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.88
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 23-06-2014 17:33:59
ชอบที่กัสคัดลายมือเป็นชื่อหยกจัง อ่านแล้วแบบ...อยากร้องไห้เบาๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.88
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 23-06-2014 17:44:36
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
 :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.88
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 23-06-2014 19:21:53
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#เขียน

มือเย็นเนื้อตัวเย็นไปหมด นั่งอยู่ข้างนอกตั้งนานในเวลาดึกดื่นขนาดนี้ กัสมันคงจะหนาวมากเลยนะ
แล้วเพราะใครถึงทำให้กัสมันต้องไปนั่งหนาวอยู่ตรงนั้นเป็นนานสองนาน

ถ้าไม่ใช่.....เพราะ....

“โกรธพี่มากแค่ไหน”

ไม่เคยโกรธ
ไม่เคยมีสักครั้งที่โกรธ ไม่เคยโกรธเลย ชีวิตนี้ไม่เคยกลัวอะไรในโลกนี้ สิ่งเดียวที่กลัว คือกลัวทำให้หยกโกรธ กลัวทำให้หยกลำบากใจ กลัวทำให้หยกอึดอัดใจ

มีแค่นั้นเองที่กลัว มีแค่เรื่องนี้จริง ๆ

“เมื่อไหร่จะตอบวะ เมื่อไหร่จะพูดออกมาบ้าง ที่อยู่ในหัวเนี่ยเมื่อไหร่จะให้มันหลุดออกมาบ้าง”

คำพูดเรียบเรื่อย แกล้งหยอกล้อเล่น และหยกก็กอดคนที่นั่งก้มหน้าจากด้านหลัง กอดเอาไว้และซบใบหน้าลงที่ไหล่ของคนที่ไม่เคยมีคำตอบอะไรออกมาเลยเหมือนทุก ๆ ครั้ง

กอดเพราะอยากกอด กอดแล้วก็เอนตัวไปมา

“อะไรมันอยู่ในหัวบ้างว๊า อยากจะแกะออกมาดูจริง ๆ มีอะไรในนี้บ้างวะกัส”

หยกแตะฝ่ามือที่หน้าผากของคนที่ยังไม่ตอบคำถาม และยังขมวดคิ้วมุ่นอยู่เหมือนเดิม

“เฮ่ออออออออออ”

เสียงถอนหายใจยาว ๆ มาพร้อมรอยยิ้มจาง ๆ

“ช่างมันนะ ไม่ต้องอะไรมาก ตอบได้เมื่อไหร่ก็ตอบ แต่อย่าหายไปนาน ๆ อีก คนแถวนี้เป็นห่วง สงสารคนรอบ้างเถอะนะ.....”

อย่าพูดแบบนี้เลยหยก อย่าพูดแบบนี้เลย หยกเป็นของสำคัญที่สุดที่เหลืออยู่ในเวลานี้นะ

“ร้อน”

เอ่ยบอกออกมาเบา ๆ และคนที่กอดอยู่ก็เลิกคิ้วขึ้นสูง

อะไรนะ

ไอ้กัสมันบอกว่าร้อนเหรอ ร้อน.........หมายความว่ายังไงวะ

หมายความว่าไม่ให้กอดเหรอ หมายความว่ารำคาญเหรอ หรือหมายความว่ายังไง
หยกขมวดคิ้วมุ่น และรู้สึกใจหายกับคำบางคำที่ได้ยิน

ค่อย ๆ คลายอ้อมแขนออกอย่างช้า ๆ และกัสก็ขมวดคิ้วมุ่น

ทำไมถึงปล่อย ทำไมถึงไม่กอดอีก

ทำไม.....
ถึงได้....

หยกนิ่งเงียบ และกัสก็หันไปมองคนที่อยู่ ๆ ก็นิ่งเงียบทันที

ทำไมล่ะ ทำไมไม่กอดอีก ทำไมถึงปล่อยล่ะ

ทำไม......

“ทำไมพี่ใจเย็นได้น้อยลงเรื่อย ๆ วะ......พออยู่กับมึงทีไรพี่ก็รู้สึกเหมือนความใจเย็นของพี่มันเหมือนจะค่อย ๆ หมดลงไปเรื่อย ๆ”

หยกเอ่ยบอกคนที่นั่งนิ่งเงียบอยู่ตรงหน้า และสิ่งที่ทำได้ในเวลานี้ก็แค่นิ่งมองใบหน้าของกัสอยู่อย่างนั้น

คิดมาก  คิดทุกคำที่กัสพูด  เมื่อก่อนไม่เคยเป็นแบบนี้ แต่พอรู้ตัวว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือคนสำคัญ ทุกคำพูดทุกการกระทำเลยเก็บเอามาใส่ใจจนหมด จนแทบจะไม่เป็นตัวของตัวเองอยู่แล้ว

โดนไอ้กัสมันเล่นงาน แค่คำพูดของมันคำเดียว แม้ไม่มีความหมายอะไร แต่ก็ทำให้ปวดใจได้ง่าย ๆ

เหมือนเช่นคำนี้คำเดียว แค่คำว่า “ร้อน”  หมายความว่ารำคาญ หมายความว่าไม่ชอบ ตีความเอาเองหน้าตาเฉย ทั้งที่จริง ๆ แล้วมันหมายความว่ายังไงกันแน่ก็ยังไม่รู้

“ร้อนนี่คืออะไรวะ แปลว่าเหนียวตัวอยากอาบน้ำ หรือร้อนแปลว่ารำคาญที่พี่กอดมึงวะกัส”

กัสไม่เข้าใจสิ่งที่หยกพูด
ร้อนแปลว่าอะไร ร้อนก็แปลว่าร้อน มันร้อนรุ่มไปหมดทั้งตัวเวลาที่หยกกอด เวลาที่ใกล้ชิดกันแบบนี้ อากาศไม่ได้ร้อน แต่พอหยกกอดแล้วมันร้อนไปหมดทั้งตัว

รู้สึก.....ร้อน

หน้าร้อน แก้มร้อน ทั้งตัวก็เหมือนจะร้อนไปหมด แล้วจะบอกสิ่งที่คิดอยู่ในหัวออกไปยังไง
ก้มหน้าก้มตาลง และขบริมฝีปากแน่น ไม่กล้าจะบอกความหมายของคำว่าร้อนที่พูดถึง

มันหมายความว่าร้อนไปหมดทั้งตัว ทั้งร่างกาย

ไม่รู้จะพูดอะไร ไม่รู้จะตอบยังไงสิ่งที่ทำก็แค่ดึงมือหยกเข้ามาหา และใช้ปลายนิ้วขีดเบาๆ ที่กลางฝ่ามือของหยก

ไม่พูด แต่ขีดฝ่ามือหยกเล่นไปเรื่อย ๆ และคนที่นั่งมองฝ่ามือตัวเองถูกขีดเล่นก็ไม่เข้าใจสิ่งที่กัสทำ

ท้าวคางมองและเริ่มมีคำถามเกิดขึ้น

ทำอะไรวะ กัสมันเล่นอะไรของมัน

“จะเขียนก็ไม่เขียน ขีดอยู่นั่น”

ใช่ จะเขียนก็ไม่เขียน ขีดอยู่นั่น ขีดทำไมไม่รู้ แต่..............อยาก............ขีด

“เฮ้ย ทำอะไรของมึงวะกัส”

อมยิ้มน้อย ๆ และท้าวคางมองคนที่กำลังทำหน้าลำบากใจและยังตั้งหน้าตั้งตาใช้ปลายนิ้วขีดเล่นที่กลางฝ่ามือของหยกไปเรื่อย ๆ

“สนุกมากมั้ยวะ ไหนมาเล่นบ้างดิ๊”

หยกดึงมือของกัสมาหงายฝ่ามือออกและใช้ปลายนิ้วขีดไปเรื่อย ๆ

“นี่.........ตัวอะไร”

เริ่มลากปลายนิ้วให้เป็นตัวอักษร และกัสก็พยายามอ่านตาม

“ห......ย..........ก....หยก”

เออ เก่งนี่หว่า แล้วหยกทำไมต่อ

“นี่ล่ะ”

อมยิ้มเล็กน้อย และมองหน้าของคนที่ตั้งใจมองและจดจำสัมผัสที่ปลายนิ้วที่กำลังขีดเป็นตัวอักษร

“ร........รั.......ก.....รัก.....กั....”

กัสรีบดึงมือกลับทันที เมื่อหยกเริ่มเขียนอักษรคำถัดมา และเป็นหยกที่ไม่ยอมปล่อยและรั้งฝ่ามือของคนที่คิดจะดึงมือหนีเอาไว้

“อะไรวะ ยังเขียนไม่จบเลย เดี๋ยวก่อน ให้เขียนต่ออีกสิ”

ไม่เอา จะเขียนอะไรล่ะ

“ไม่ให้เขียน”

เหรอ ไม่ให้เขียน แต่จะเขียน มีอะไรมั้ย เอามือมานี่เดี๋ยวนี้

“อย่าดึงมือหนี เอามานี่เร็ว ๆ”

แกล้งใช้กำลังบังคับ และกัสที่รู้สึกว่าร่างกายเริ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ก็ไม่ยอมให้หยกเขียนข้อความ
กำมือแน่น และแม้หยกจะพยายามดึงนิ้วออกทีละนิ้วให้กัสแบมือ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ จนต้องเล่นไม้สุดท้าย

ไม่แบมือใช่มั้ย ไม่แบมือก็ต้องเจอแบบนี้แหละ
ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ยิ้มหวานใส่ตาคนที่ขมวดคิ้วมุ่น และใช้ปลายนิ้วเกลี่ยไล้ไปที่ข้างแก้มของคนที่ไม่ยอมแบมือ

“หยกกกกกกกกกกกกกก ไม่เอ้า”

“ทำไมวะ”

ก็แบบนี้มันยิ่งทำให้ร้อน ทำแบบนี้มันยิ่งทำให้ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ

“ไม่รู้”

อีกแล้ว ไม่รู้อีกแล้วเหรอ

“ไม่แบมืองั้นก็ทำอย่างอื่นแทนไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะแบมือ”

ไม่ได้ ทำอย่างอื่นไม่ได้

“จะแบมือมั้ยล่ะ”

กัสส่ายหน้าและพยายามกำมือแน่นไม่ยอมปล่อย

“เหรอ”

เห็นแบบนี้แล้วยิ่งอยากแกล้ง หยกแกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกนิด คราวนี้ใช้ปลายจมูกคลอเคลียไปที่ข้างแก้มของคนที่เบี่ยงหน้าหลบ

“หยก อย่าแกล้งดิ๊ ไม่เอ้า”

กัสยกมือขึ้นปิดแก้มของตัวเอง และขยับถอยห่างออกมาเล็กน้อย และคราวนี้คนที่ชักรู้สึกสนุกขึ้นมาก็เลยได้ที
ไม่รู้เป็นอะไร อยู่ดี ๆ ก็นึกอยากแกล้งขึ้นมา

“บอกก่อนสิ ทำไมมาสะกิดฝ่ามือพี่เล่นแบบนี้ล่ะ.....อยาก...โดนเหรอ”

แกล้งกระซิบถามเสียงพร่า และกัสก็ถึงกับผงะ ทำหน้าไม่ถูกและหัวใจก็เต้นระทึกไม่เป็นส่ำ
คำถามที่ถูกถาม ตรงประเด็นที่สุด และกัสก็หมายความว่าอย่างนั้นจริง ๆ

ใช่

อยาก

แต่....

ต้องพูดยังไง พูดไม่เป็น

“อือ”

พยักหน้าตอบรับ และหยกก็ถึงกับนิ่งอึ้ง หุบยิ้มเพราะคิดจะแกล้งแต่กลับถูกแกล้งซะเอง

“เพื่อนมันบอกว่าถ้า....เวลา....อยากจะ...........”

จะอะไร พูดต่อให้จบซิ จะอะไรวะกัส

“สะกิดแบบนี้เหรอ...........”

ดึงมือกัสออกมาแบออก และหยกก็เกลี่ยปลายนิ้วไปที่กลางฝ่ามือของกัสช้า ๆ

“แล้วอยากมากอยากน้อย จะสะกิดยังไงล่ะ”

แกล้งถาม แกล้งทำเป็นสงสัย และกัสก็ก้มหน้าลงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทั้งที่ถ้าสังเกตดี ๆ หยกก็เห็น ว่า.....

“ทำไมหน้าแดงวะกัส”

หน้าเหรอ ทำไมแดงเหรอ ก็.....เพราะ...

“ไม่รู้”

มันตอบแบบนี้อีกแล้ว ตอบแล้วก็เมินหน้าหนี ทั้งที่ปล่อยให้สะกิดอยู่ได้

“งั้นพี่สะกิดเยอะนะ ...... เพราะกัสมาสะกิดพี่ก่อน....เอาแบบนี้มั้ย”

กัสพยักหน้ารับ

และหยกก็ถึงกับยิ้มกว้างและหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น

มึงน่ารักเกินไปแล้วไอ้กัส ตอบง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอ นี่มึงขอพี่ก่อนเลยนะ ไม่อยากจะเชื่อเลย

“ที่มาสะกิดนี่ก็อยากอยู่เหมือนกันป่ะเนี่ย”

แกล้งแซวแกล้งล้อ และกัสก็ทำหน้าไม่ค่อยถูกเท่าไหร่ แต่ก็ยอมรับว่ามันคือเรื่องจริง นั่นคือสิ่งที่อยากทำ

“อยากแบบนี้มากี่วันแล้ว”

ขยับเข้ามาใกล้ ไม่มองหน้า แต่คนถามก็ค่อย ๆ ลากปลายนิ้วไปมาอย่างช้า ๆ ที่กลางฝ่ามือของกัสไปเรื่อยๆ

“ทุกวัน”

อะไรของมึงวะกัส ตอบขนาดนี้ จะให้คนฟัง ยิ้มให้ตายเลยใช่มั้ย

“แล้วทำไมไม่มาหา”

เพราะกลัวหยกด่า กลัวหยกรำคาญ แล้วก็ไม่รู้จะบอกหยกยังไง ว่าอยากทำ

“ไม่รู้”

เชื่อมั้ยกัส มึงคือคนที่พูดคำว่าไม่รู้ ได้น่าทำให้รู้มากที่สุดในโลกเลยว่ะ
ตอบว่าไม่รู้ แต่ก้มหน้าก้มตาตอบขนาดนี้ พี่อยากสอนให้มึงรู้จริง ๆ ว่ะ

“อยากรู้มั้ยล่ะ”

ก็อยาก

พยักหน้ารับ และคราวนี้หยกก็ยิ่งยิ้มกว้างมากขึ้นกว่าเดิม
มองหน้าของคนที่ก้มหน้าไปพยักหน้าไป แล้วก็แทบอยากจะคลั่งตายซะเดี๋ยวนั้น

“ร้อนแปลว่าอยากด้วยหรือเปล่าวะ”

“ไม่รู้”

แบบนี้แหละชัด คำว่าไม่รู้ของไอ้กัส แปลได้จากน้ำเสียงของมัน ถ้าไม่รู้จริง ๆ น้ำเสียงมันจะหงุดหงิดและแสดงให้เห็นชัด ๆ ว่ารำคาญ แต่ถ้าตอบว่าไม่รู้ แต่น้ำเสียงอ่อยลงแบบนี้ มันหมายความว่า ไม่รู้จะตอบยังไง ไม่ใช่มันไม่รู้ มันรู้แต่มันคงหาคำพูดมาอธิบายไม่ได้ มันเลยตอบว่าไม่รู้ ทั้งที่จริง ๆ แล้วมันรู้สึกอยู่ แต่มันอธิบายไม่ได้

“เหรอ……..ไม่รู้แบบนี้ตลอดพี่ก็แย่สิวะกัส”

แกล้งพูดและตีหน้าขรึม ทั้งที่ยังใช้ปลายนิ้วสะกิดที่ฝ่ามือของกัสไม่เลิก

ก่อนจะเริ่มเขียนข้อความบางอย่าง ลากเส้นลงไปอย่างช้า ๆ

“อยาก.....”

ไม่ใช่แค่เขียน แต่อ่านให้ด้วย และกัสก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าของคนที่เขียนและอ่านข้อความบางอย่างให้ฟัง

“เอา...........”

หยกกำลังจะเขียนข้อความสุดท้าย แต่กัสรีบดึงมือกลับ แต่ครั้งนี้หยกไม่ยอมปล่อยอีกแล้ว และไม่ว่าจะพยายามดึงมือออกและกำแน่นขนาดไหน คราวนี้หยกก็ไม่ยอมปล่อย

“อ่านว่า.........กัส......รวมเป็น อยาก เอา...........อื้อออ”

ไม่ทันได้พูด เพราะกัสใช้มืออีกข้างปิดปากหยกเอาไว้  และหยกก็หัวเราะเสียงเบาก่อนจะดึงมือกัสออกอย่างช้า ๆ

“เขินมั้ย”

เขินสิ

พยักหน้าตอบรับ และหยกก็ขยับเข้ามาใกล้อีกเล็กน้อยก่อนจะโอบมือไปที่เอวของคนที่ไม่ยอมพูดด้วยอย่างช้า ๆ
จับมือทั้งสองข้างของกัสให้มาโอบรัดรอบคอ

“เขินแล้วชอบให้พี่ทำแบบนี้มั้ย”

ส่งยิ้มหวาน ๆ มาให้ และสอดฝ่ามือเข้าไปในเสื้อของคนที่นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่ตรงหน้า ลูบไล้แผ่วเบา ลากฝ่ามือจากเอวขึ้นไปที่แผ่นอกและวนปลายนิ้วเล่นที่ยอดอกทั้งสองข้างสะกิดเล่นจนเริ่มเป็นตุ่มแข็ง

คนถูกทำถึงกับสะดุ้งสุดตัว และค่อย ๆ ซบใบหน้าลงมาที่ไหล่ของคนที่แกล้งปลุกเร้าอารมณ์ให้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

“ชอบหรือเปล่ากัส บอกพี่สิว่ากัสชอบแบบนี้มั้ย”

ชอบ อยากให้ทำ อยากให้ทำอีกมากกว่านี้

“ไม่...รู้.....แล้วแต่...หยก”

แล้วแต่หยก งั้นหยกก็ต้องจัดให้แล้วล่ะงานนี้

“ตัวแสบเอ้ยยยยย นี่มันยั่วกันชัด ๆ เลยนะเข้าใจหรือเปล่า”

ไม่เข้าใจ ไม่ได้ยั่ว แค่บอกให้รู้ว่าอยากเฉย ๆ แล้วก็อยากรู้ว่าหยก อยากเหมือนกันหรือเปล่าแค่นั้น

“ไม่ได้ยั่ว”

จะเชื่อก็แล้วกันนะ จะยอมเชื่อว่าไม่ได้ยั่วก็ได้

“ไม่ได้ยั่วแต่พี่เป็นขนาดนี้แล้ว”

ฝ่ามือถูกดึงให้วางสัมผัสเบา ๆ ที่หว่างขาของคนพูด และกัสก็ลูบไล้ฝ่ามือไปมาที่ส่วนที่แข็งนูนโป่งออกมา

อะไรล่ะ ก็.....ไม่มีอะไรนี่

“ของหยกทำไมแข็งเร็วจัง....ยังไม่ได้ทำอะไรเลย”

“ยังไม่ได้ทำอะไรที่ไหนล่ะ.....มันเริ่มแข็งตั้งแต่มึงเริ่มสะกิดมือพี่แล้ว…..แล้วคราวนี้กัสจะให้พี่ทำยังไงต่อไป...ไหนช่วยบอกพี่ทีสิ”

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.89
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 23-06-2014 19:44:01
 :impress2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.89
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 23-06-2014 19:50:51
หุ๋ย~~~~ กัสน่ารักอ่ะ.....
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.89
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 23-06-2014 19:52:06
 :-[  พี่หยก ความรู้สึกไวนะคะ 555+ ดีคะ ชอบ...

กลับมาไวไวพี่หยก  นี่ยังไม่ถึงตอนแยกย้ายกันเลย  อยากให้พี่หยกกลับมาแล้ว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.89
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 23-06-2014 20:00:06
กัสน่ารักอ๊า....ต้องมีเหตุผลอะไรแน่เลย ที่ทำให้กัสบอกหยกว่า แค่อยาก ก็เลยมาหาหยก. ....งื้อออ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.89
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 23-06-2014 20:05:37
อุ้ยยยยย กัสกัส
 :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.89
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 23-06-2014 20:09:27
เวลาหน่วงก็สุดแสนเศร้า


เวลาจะเอาก็หวานซะ


แล้วเพราะอะไรต้องมาจากกันไกล อยากรู้!!
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.89
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 23-06-2014 20:12:08
กรี๊ดดดดดดดดดด
ขีดมือคืออยากหรออออ ว๊ายยย เขิน5555
น่ารักอ่าาาา ไทม์ไลน์ปัจจุบันจะเจอกันยังนะ ลุ้นๆๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.89
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 23-06-2014 20:32:53
ไม่ได้เข้ามาซะหลายตอน โจ้นิวแฮปปี้ไปอีกคู่แล้วววว :mew3:

ส่วนคู่หยกกับกัสก็ยังคงต้องติดตามต่อไป  :impress2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.89
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 23-06-2014 21:28:23
หนูกัสทำน้ำตาแม่ร่วงอีกแล้ว....
คู่นั้นเค้าแฮปปี้แล้วนะลูก....
คู่หนูจะอีกนานมั๊ย?  แม่จะได้
เตรียมทิชชู่ไว้เป็นลังเลยเนอะ...ลูกกัส....
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.89
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 23-06-2014 22:26:27
เขียนลงฝ่ามือคนแต่ง.....อยาก...อ่าน...อีก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.89
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 23-06-2014 23:01:50
นิวโจ้โคตรน่ารักอะ เขินน
หยกกัสนี่ก็โศกอะ ดราม่าแบบซึ้ง ๆ  อ่านไปน้ำตาร่วงหลายรอบละ   :hao5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.89
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 24-06-2014 02:10:43
กัสจังเนี่ย เห็นหงิมๆ ยั่วพี่หยกซะงั้น 555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.89
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 24-06-2014 09:06:38
ขอบคุณ  :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.89
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 24-06-2014 10:20:33

 นุ้งกัสน่าร๊ากอ้า      :give2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.89
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 24-06-2014 22:08:48
หลังนิวโจก้อมาฟินกับหยกกัส
น้องดูมุ้งมิ้งผิดลุคนักเลง
ก่อนที่จะประสบอุบัติเหตุ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.89
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 25-06-2014 17:26:59
กลัวลืมว่าอ่านถึงหน้า10แล้ว  บางทีลืมจริงว่าอ่านเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.89
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 25-06-2014 17:56:27
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.89
เริ่มหัวข้อโดย: McKnight ที่ 26-06-2014 05:10:55
เขินวุ้ย ขอกันโต้งๆเลยน้องกัส

เวลาอยาก....แล้วขีดมือนี่คือมันใช่อ่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.89
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 26-06-2014 12:31:41
รอน้องกัส
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.89
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 26-06-2014 21:42:48
คิดถึงคุณเท็น เมื่อไหร่จะมาาาาาาคะ เค้าคิดถึงแล้วน้าาาาาาาาาาาาาาาา  :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.89
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 26-06-2014 22:07:05
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#ก่อนจะไม่ได้เจอกันอีก

ไม่เข้าใจ.........ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าในหัวของมันคิดอะไรอยู่กันแน่

ทำไมถึงไม่พูด ทำไมถึงไม่ตอบ ทำไมไม่เคยคิดที่จะถาม ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้

แล้วทำไมกูถึงได้ทนได้ทุกอย่าง ไม่ว่ามันจะนิ่ง หรือมันจะเฉยขนาดไหน ทำไมกูถึงอดทนกับสิ่งที่มันเป็นได้

จะมีอะไรอีก ถ้าไม่ใช่เพราะ .....รักไอ้เด็กนี่....

หยกแตะฝ่ามือเบา ๆ ที่เส้นผมของร่างที่นอนคว่ำหน้าหลับตานิ่งอยู่บนเตียง

มองไปที่ใบหน้ายามหลับของคนที่เพิ่งผ่านความรู้สึกอ่อนหวานร้อนแรงมาด้วยกัน แล้วก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

กัส...... พี่ไม่รู้จริง ๆ นะว่ามึงกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ พี่ไม่รู้หรอกว่ามึงคิดอะไร และกำลังพยายามทำอะไร

สิ่งที่พี่รู้ในตอนนี้คือพี่รักมึงนะ ........รักมาก ไม่รู้ทำไมถึงได้ทั้งรักทั้งห่วง

มันยากที่จะเข้าใจทุกอย่างในโลกนี้ และมันก็เป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจสิ่งที่มึงคิด

แต่พี่ก็จะพยายาม.......

จะพยายามอดทน จะพยายามเข้าใจมึงให้มาก ๆ แม้ว่าพี่อาจจะไม่เข้าใจอะไรเลยก็ตาม

พี่จะ.....พยายาม...

ปลายนิ้วเกลี่ยไล้เล่นที่ข้างแก้มของคนที่นอนหลับสนิท รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏที่ใบหน้า

บางทีก็ป่วยการที่จะหาเหตุผลอะไรให้ยุ่งยากกับเรื่องบางเรื่อง ในเมื่อบางครั้ง บางสิ่งบางอย่างก็ไม่จำเป็นต้องใช้เหตุผลเลยสักนิด

แค่เพียงความรู้สึกเท่านั้น

แค่เพียงความรู้สึกเท่านั้นที่หยกคิดว่ามันมากพอ

ทั้งที่ในบางครั้ง ในบางเวลา......และในบางสถานการณ์ หยกอาจไม่เคยรู้ ว่าแค่นั้นมันยังไม่มากพอ

หยกลุกขึ้นและเดินไปหยิบผ้าขนหนูเพื่อเข้าไปอาบน้ำ แต่เพราะเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นเลยทำให้ต้องเดินไปหยิบโทรศัพท์มาดู
เห็นหมายเลขที่โทรเข้ามาแล้วก็กดรับ

“ครับพ่อ....”

เสียงพูดเบา ๆ ในความมืด แม้ไม่ดังนัก แต่ก็ปลุกให้คนที่หลับใหลอยู่บนเตียงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา และหรี่ปรือตามองหาในความมืด

หยกเดินคุยโทรศัพท์อยู่ในห้อง คุยกับ.....น่าจะเป็นที่บ้าน

หลับตาลงอีกครั้ง และไม่ได้คิดจะแอบฟังการสนทนาของหยกเลยสักนิด

ไม่ได้คิดจะฟัง แต่บังเอิญได้ฟัง

“ไม่ไปหรอกพ่อ อยู่ที่นี่แหละดีแล้ว เมืองนอกหรือเมืองไทยมันก็เหมือนกันแหละ”

ไป......

เมืองนอกหรือเมืองไทย
ไปไหน

แม้จะหลับตาลงแล้ว แต่กัสก็ปรือตาตื่นขึ้นอีกครั้งทันที หัวคิ้วขมวดมุ่นเข้าหากัน ไม่ไป....ไม่ไปที่ไหนวะ

หยกจะไม่ไปที่ไหน

“ก็รู้แหละพ่อ ว่าไปมันก็อาจจะมีภาษีดีกว่า แต่หยกก็ไม่รู้จะไปทำไม อยู่นี่แหละ หางานทำได้ อีกอย่าง หยกก็......”

หยกไม่ได้พูดต่อ แต่เงียบเสียงไป และหัวเราะเสียงเบา

หยก.....ก็...อะไร

“หยกมีคนที่ห่วงอยู่ทางนี้ ใครจะกล้าไปล่ะ”

ได้ยินเสียงหัวเราะแผ่ว ๆ ของหยกและไม่นานสายที่คุยกับหยกก็ตัดไป พร้อมกับการที่หยกเดินเข้าห้องน้ำไปแล้วและกัสก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งอย่างช้า ๆ

หยก....

มีภาระให้ห่วงงั้นเหรอ

ภาระ..... ที่ทำให้ห่วง ภาระที่น่าเป็นห่วง ภาระที่ทำให้ไปไหนไม่ได้ ภาระที่ทำให้ไปในที่สูงและไกลกว่านี้ไม่ได้

ภาระ.....

ใจมันสะท้าน อยู่ดี ๆ ภายในใจก็เกิดสะท้านขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ไม่รู้ ที่ผ่านมาไม่เคยรู้ว่ากลายเป็นภาระให้ใครบางคนต้องเป็นห่วงมาตลอด

เพิ่งเข้าใจว่าการมาที่นี่เป็นภาระสำหรับหยก

เข้าใจ   แต่ไม่นึกว่าจะเป็นภาระมากถึงขนาดนี้ ภาระที่ทำให้หยกไปในที่ที่สูงกว่านี้ และดีกว่านี้ไม่ได้ ภาระ..........

ไม่

ไม่อยากเป็น

ไม่อยากเป็น สิ่งที่เรียกว่า ภาระ ไม่อยากเป็น ไม่อยากให้หยกมีภาระ ไม่อยาก......ไม่อยาก

ไม่อยาก....

เป็นภาระของใคร ๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.89
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 26-06-2014 22:08:14
“มึงนี่ มึงกล้าถีบกูเหรอ กูเป็นพี่มึงกี่ปี จำไม่ได้หรือไงไอ้เด็กเหี้ยนี่ อย่าอยู่เลยมึงงงงงงง ไอ้กัส”

หยกทำหน้าขึงขัง ท่าทางเอาจริงเอาจัง และกำลังพยายามใช้มือสองข้างกดไปที่หลังคอของไอ้เด็กกวนตีนที่มันบังอาจแกล้งเอาตีนเตะที่หลังของหยกเบา ๆ หลายครั้ง

นอนดี ๆ ไม่ได้ มันอยากตายมากนัก ก็ต้องจัดให้มัน

“โอ้ยยยยยยยยยย หยก เหี้ย กูเจ็บ ปล่อย  อ๊อยยย หยก ปล่อยเด๊”

ร้องให้ตายห่าไปเลย กูไม่เลี้ยงมึงไว้หรอก มึงกล้ามากที่เอาตีนมาเตะหลังกูเล่น มึงก็สมควรจะต้องโดนแบบนี้แหละ

“ตายห่าซะมึงไอ้กัส ตายแม่งเลย เด็กเวรนี่”

ด่าก็จริง
แกล้งก็จริง ทำหน้าขึงขัง ทำเสียงดุดัน ทำเหมือนโมโห ก็จริง
แต่คนที่ถูกกดคอให้นอนคว่ำและดิ้นรนไปมาอยู่บนเตียง มันทั้งขำ ทั้งหัวเราะเสียงดังลั่น

“โอ้ยยย เจ็บ หยกปล่อยดิ เจ็บ เหี้ย หยกกกก”

นั่นไง มึงกล้าด่ากูดีนัก มึงกล้ามาก มึงไม่สมควรมีชีวิตอยู่หรอก มึงต้องโดนยิ่งกว่านี้อีก

ยกฝ่ามือฟาดไปหนัก ๆ ที่สะโพกของคนที่นอนดิ้นอยู่ และคนโดนตีก็ร้องเสียงดังลั่นมากกว่าเดิม แต่ก็ยังหัวเราะไม่ยอมหยุด

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า โอ้ยยย เจ็บจริง หยก ปล่อยกูเซ่”

ปล่อยมึงทำไม อย่างมึงมันสมควรตาย ตายห่าไปซะตอนนี้เลยยิ่งดี

“ยอมยัง ยกมือยอมแพ้ซิ”

แกล้งขู่ และคนที่ถูกกดหลังก็ไม่ยอมแพ้ แถมซ้ำยังหัวเราะเสียงดังลั่น ใบหน้าจมอยู่บนหมอน และพยายามหันมามองหน้าของคนที่ล็อคแขนและกดคอเอาไว้

“หยกอ่า ไม่ยอมโว้ยยยยยยย”

ไม่ยอมจริง ๆ

แค่ไม่ยอมยังไม่พอ คราวนี้กัสออกแรงทั้งหมดเพื่อจะสลัดคนแกล้งให้หลุดให้ได้

เล่นกันแรง ๆ
แกล้งกันแรง ๆ

และหยกก็อมยิ้มที่มุมปาก

“ฤทธิ์เยอะจริงวะ”

ฤทธิ์เยอะแน่ล่ะ ก็ใครมันชอบแกล้งแรง ๆ แบบนี้วะ พอเลือดเริ่มขึ้นหน้า ก็ชักจะหยุดไม่ค่อยอยู่ด้วย

“ไม่เล่นแล้วนะ พอแล้ว”

เอ่ยบอกเสียงเรียบ และปล่อยมือจากการล็อคแขนของคนที่นอนคว่ำหน้า

ลุกขึ้นยืนและกัสที่นอนอยู่บนเตียงที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระก็ค่อย ๆ ขยับกายลุกขึ้นนั่ง และจัดการจัดแต่งเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยให้เข้าที่

“หิวยังวะ ไอ้กัส หัวยุ่งหมดแล้วมึงอ่ะ กินข้าวมั้ย”

ข้าวเหรอ

ข้าว

อยากกินข้าวแล้ว รู้สึกว่าหิว ท้องเริ่มร้อง และเมื่อยกมือลูบท้องและเบ้หน้า หยกที่ยืนกอดอกอยู่ก็หัวเราะออกมาเสียงเบา เมื่อมองท่าทางแบบนั้นของคนที่มาอยู่ด้วยในวันนี้

“เด็กยากไร้เอ้ยยยยยย”

หัวเราะเสียงดังลั่น และหยกก็ใช้มือขยี้ไปที่เส้นผมของคนที่นั่งทำหน้ามุ่ยอยู่บนเตียง

“ไปลุก ไปกินข้าวกัน”

เรียกให้คนที่อยู่บนเตียงลุกขึ้น และเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์มาถือเอาไว้

“ไม่ลุกอีก เร็วสิวะ”   

เรียกซ้ำอีกครั้ง และคราวนี้คนที่นั่งอยู่ก็ลุกขึ้น ลุกขึ้นยืนและเดินตามหยกมา

ไม่ทันถึงหน้าห้อง

อยู่ดี ๆ หยกก็รู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่าง

อยู่ดี ๆ ไอ้กัสเด็กยากไร้ ก็เข้ามากอด
กอดจากด้านหลัง กอดแน่น และซบใบหน้าที่แผ่นหลังของหยกนิ่ง ๆ

นิ่งงันอยู่อย่างนั้น

ในความเงียบงัน หยกกำลังรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง
ความรู้สึกลึก ๆ ภายในใจของใครบางคนถ่ายทอดมากับไออุ่นจากร่างที่อยู่ด้านหลัง

“เป็นอะไรวะกัส ถ้าไม่บอกพี่ไม่รู้นะโว้ย”

ใช่ หยกไม่รู้หรอก หยกไม่มีวันรู้ และก็ไม่มีทางที่จะให้หยกรู้เด็ดขาด
แม้จะอยากบอกอยากเล่า แต่ก็ไม่อยากให้หยกรู้

จะผ่านมันไปให้ได้
จะผ่านมันไป

แค่รู้ว่ามีหยกอยู่ตรงนี้ จะผ่านมันไปให้ได้ ไม่ว่ายังไงก็จะผ่านมันไปได้แน่ ๆ

ไม่ว่ายังไงเรื่องแย่ ๆ พวกนี้ก็จะให้มันผ่านไป

“พี่อยู่ตรงนี้ตลอดนะกัส พี่อยู่ตรงนี้กับมึงตลอด”

น้ำเสียงที่แสนอบอุ่น ร่างกายที่เคยโอบกอดเอาไว้ อบอุ่นเสมอ....

ไม่ต้องอยู่ด้วยกันตลอดไปแล้วนะหยก ไม่ต้องอยู่ด้วยกันไปตลอดก็ได้ แค่ในเวลานี้ที่ได้รู้ว่าหยกอยู่ตรงนี้ แค่ในเวลานี้ ที่อยากให้เวลาหยุดเดิน

จะจดจำมันเอาไว้ จนวันสุดท้ายของชีวิต
บอกตัวเองว่าจะจดจำช่วงเวลาดี ๆ เหล่านี้เอาไว้
และต่อไปถ้าไม่มีหยกอยู่ใกล้ ๆ อีก

ก็อย่าได้เสียใจ

จะไม่เสียใจเด็ดขาด ไม่ว่ายังไงก็จะไม่มีวันเสียใจ

เพราะช่วงเวลาที่ได้ใช้ด้วยกัน มันคือความสุขที่สุดในชีวิตแล้วจริง ๆ

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.89
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 26-06-2014 23:23:02
ไม่นะ กัสอย่าตัดสินใจอะไรทำร้ายทั้งตัวเองและหยกแบบนั้นสิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.89
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 26-06-2014 23:55:52
เพราะรักมากเลยต้องตัดใจสินะ เรื่องนี้สงสารกัสที่สุด
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.89
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 27-06-2014 02:36:12
กัสกัส
 :o12:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.89
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 27-06-2014 03:07:34
ถ้าหยกรู้ว่ากัสทำไมถึงทำแบบนั้น
หยกจะรุสึกไงนะ
กัสน่าสงสารมากอ่ะ ทั้งอดีตและปัจจุบันเลย T.T
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.89
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 27-06-2014 05:15:59
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#รักคงยังไม่พอ

“แค่เอากัน ถ้าอยากก็มา เสร็จแล้วก็จบ อย่าบอกนะว่ามึงมีใจ”

ถ้าสิ่งนี้เรียกว่าความเจ็บปวดสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้หลาย  ๆ ครั้ง ที่หยกหาเหตุผลของการเปลี่ยนไปไม่เจอของคนที่อยู่ตรงหน้า คงเรียกว่าความเจ็บปวดที่ยิ่งกว่า

ทั้งที่รู้สึกถึงความรัก
ทั้งที่รู้ว่ารัก
แต่ทำไม  ท่าทีของไอ้กัสถึงได้เปลี่ยนไปจนน่าตกใจขนาดนี้  หยกก็ตอบไม่ได้
มันคล้ายจะเป็นการเล่น  แต่มันก็จริงจังเกินกว่าจะเล่น

ท่าทางที่แปลกไปขนาดนั้น  หยกไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นจากอะไร

เหตุผลล่ะ

"พี่ทำอะไรผิดวะ  มึงอยากได้อะไร  มึงจะเอาอะไร อยากให้พี่ทำอะไรมึงพูดสิ  ทำไมมึงทำแบบนี้ ทำไมมึงพูดกับพี่แบบนี้กัส"

พยายามทุกวิธีแล้ว หาทุกวิธีมาพูด   ทำทุกอย่างเพื่อให้อีกฝ่ายรู้  ว่าไม่ว่าอะไรที่พอจะทำได้  ก็จะทำให้  ขอแค่บอก  ขอแค่คุยกันด้วยเหตุผล  ไม่ใช่คุยกันด้วยอารมณ์ที่สับสนว้าวุ่นขนาดนี้

ทำไมถึงทำตัวเปลี่ยนไป ทำไมทำเหมือนเย็นชา ทำไมถึงเกรี้ยวกราดโมโหใส่แบบไร้เหตุผล ทั้งที่มันไม่เคยเป็นแบบนี้

 ใช่ที่กัสมันเป็นแบบนี้ในช่วงแรก แต่หลังจากนั้นไม่เคยมีอีกเลย

หยกพยายามแล้ว
พยายามทำหมดทุกอย่างแล้ว
พยายามหาคำตอบ  พยายามหาเหตุผลของการเปลี่ยนไป  แต่ถามเท่าไหร่ ไม่เคยได้คำตอบ

ปกติแล้ว มันจะไม่มาหาเด็ดขาด  แต่พักหลังมันมาหาตลอด
มาหาอย่างสม่ำเสมอ  การมีสัมพันธ์ทางกายกันเพื่อบอกรัก  มันไม่ใช่เรื่องผิดอะไร
และหยกก็รู้ว่าเราเข้าใจกันมากขึ้น   รักกันมากขึ้น

แต่หลังจากนั้นล่ะมันคืออะไร

เราทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไร  หยกก็ตอบไม่ได้ 
หยกไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเอาเรื่องอะไรมาทะเลาะกับหยกนักหนา   
เหมือนมันหาเหตุให้เราต้องทะเลาะกัน   หาเรื่องให้เราบาดหมางกัน 

หยกหาคำตอบไม่เจอว่าทำไม
ทั้งที่เรารักกันแท้ ๆ  และก็เข้าใจกันมากด้วย  แต่ทำไมกัสถึงพยายามจะทำให้เกลียด

หยกไม่เข้าใจ
ไม่เข้าใจอะไรเลย

หยกเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งที่มีขีดจำกัดของความอดทน

และในวันที่ผู้ชายใจเย็นหมดความอดทน  ทุกอย่างก็พัง

“กูจะไปเมืองนอก พ่อกูได้งานที่นั่นไม่เกินสองสัปดาห์นี้กูคงต้องไป”

มันเป็นแค่คำขู่ ที่หวังผลเพียงแค่อยากให้อีกฝ่ายรู้สึกอะไรบ้าง

แค่อยากให้มันคิดให้มาก ๆ  อยากให้คิดบ้าง ว่าถ้ายังไม่หยุดทำตัวไร้เหตุผล  หยกก็โมโหเป็นเหมือนกัน

“แล้วมาบอกกูทำไม กูไม่ได้อยากรู้”

แล้วสิ่งที่หยกไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น  เป็นใครก็ต้องช็อค ได้ฟังแบบนั้น เป็นใครก็ต้องอึ้ง

นอกจากไม่สนใจแล้ว  หยกยังรู้สึกว่าอีกฝ่าย ต้องการให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น

ทำไมวะ  ทำไมถึงได้พูดขนาดนี้  ทำไมวะ  ทำไม

หรือจะคิดไปเองคนเดียว  หรือว่าที่ผ่านมา คิดไปเองคนเดียวจริง ๆ

“แค่เอากัน ถ้าอยากก็มา เสร็จแล้วก็จบ อย่าบอกนะว่ามึงมีใจ  มึงมันทุเรศว่ะหยก  มึงคิดจริง ๆ เหรอ   มึงรักกูเหรอ   เอากันแค่นี้  มึงคิดว่ากูจะรักมึงกลับเหรอ  คิดง่ายไปหรือเปล่า”


หยกถึงกับเซในวันที่ได้ฟังคำพูดนั้น
ทำอะไรไม่ถูก

มือไม้เย็นเฉียบ เหมือนคนโดนตบจนหน้าชา

สายตาที่มองมา  มีแต่ความเย้ยหยันเย็นชา

ต่อให้ความอดทนสูงขนาดไหน  สุดท้ายหยกก็รู้  หยกเป็นแค่คนธรรมดาที่มีรัก โลภ โกรธ หลง
และวันนั้นคือวันสิ้นสุดความอดทน

หยกเพิ่งรู้  ว่าตัวเองโง่เง่าและบ้าบออยู่คนเดียว ที่ผ่านมากัสมันไม่เคยคิดอะไรด้วยเลยจริง ๆ  หรือไง แค่มีอะไรกันแค่นั้น ความห่วงใย ความรู้สึกที่มีให้กันมาตลอดไม่เคยมีค่าและไม่เคยมีความสำคัญอะไรเลย

ความรู้สึกที่มีให้กัน เป็นแค่หยกคิดไปเองคนเดียว

บางทีในวันนั้นน่าจะเฉลียวใจสักนิด ว่าภายใต้ท่าทีแข็งกร้าว มันมีความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวแฝงอยู่ในแววตาคู่นั้นเสมอ

แต่แปลกที่เมื่อความโง่งมเข้าบังตา ไม่ว่าอะไรก็มองไม่เห็น
ตีความเอาตามใจตัวเอง และไม่เคยรู้สักนิดว่าตัวเองเป็นคนโง่ที่สุดที่ปล่อยให้ไอ้กัสมันหลอกเอาได้

“เคยรักกันบ้างมั้ย”

เคยสงสัยและเคยคิดจะถาม แต่ในวันนี้หมดความสงสัยไปเรียบร้อยแล้ว

“หยก.....มึงรีบหายไปจากชีวิตกูซะทีเหอะ กูเบื่อ กูรำคาญ”

“หาผู้หญิงที่ถูกใจได้ก่อน แล้วจะเลิกใช้บริการ”

โง่ที่สุดที่ตอบออกไปแบบนั้น
โง่ที่สุด
โง่สุด ๆ ที่ทำตัวไม่สมกับที่โตกว่า
โง่ที่สุด ที่ใช้คำพูดประชดประชันโง่เง่าแบบไร้เหตุผล
โง่ที่สุดที่ไม่ยอมสังเกต โง่ที่สุดที่ใช้ความโกรธความโมโหบังตา

เราจบกันในวันนั้น

และกัสก็หายไปจากชีวิตหยกจริง ๆ
จากหนึ่งวันเป็นหนึ่งเดือน  และกลายเป็นหลาย ๆ เดือน ที่หยกต้องปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความทุกข์ทรมานกับการรอคอย

แม้จะรู้ข่าว  แม้จะรู้ความเป็นไปของอีกฝ่าย  แม้จะรอคอย  แต่กัสไม่เคยมาหาอีกเลย

ไม่เคยมา

แม้กระทั่งวันที่หยกฝากนิวไปบอก ว่าจะไม่อยู่แล้วจริง  ๆ

กัสก็ไม่มา

ไม่ยอมมาหา
หยกรู้ว่าตัวเองพร้อมจะยกเลิกเที่ยวบินทันที  แค่เพียงอีกฝ่ายเดินมาบอกว่าอย่าไปเลย

แต่ไม่มีวันนั้น
การรอคอยไม่มีผลอะไรกับความรู้สึกของกัสเลย

หยกกำลังจะไปในที่ ที่ไม่มีความรู้สึกเดิม ๆ จากคนที่ทำร้ายจิตใจหลงเหลืออยู่

แต่คนที่ยืนมองเงียบ ๆ ในวันที่หยกจากไปได้แต่ยืนร้องไห้และเก็บความรู้สึกเจ็บปวดอย่างถึงที่สุดของตัวเองไว้ในใจ

หยกไปแล้ว
หยกไปจริงๆ  แล้ว
และหยกไม่กลับมาอีกแล้ว

มองภาพแผ่นหลังของคนที่เดินจากไป และกัสก็ได้แต่ยืนร้องไห้คนเดียวเงียบ ๆ

มันถึงจุดจบแล้ว
มันถึงที่สุดแล้ว

ที่ผ่านมาเป็นเพียงฝันดีที่กัสไม่อยากจะตื่น แต่เมื่อถึงเวลาก็ต้องตื่นขึ้นมาเพื่อพบกับความจริง

หยดน้ำตามากมายเอ่อล้นออกมาตลอดไม่ยอมหยุด  และกัสก็กำคันเร่งรถมอร์เตอร์ไซด์เอาไว้แน่น  บิดคันเร่งให้ถึงที่สุด  และปล่อยให้รถมอเตอร์ไซด์พุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วสูงเท่าที่จะไปได้

ดีใจกับหยกที่จะได้ไปในที่ ที่สูงกว่านี้
แต่เสียใจที่ตัวเองเป็นได้แค่นี้

แค่รัก..........แม้จะมากขนาดไหน  แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะเป็นไปอย่างที่หวัง
กัสยกหลังมือขึ้นเช็ดน้ำตา หัวใจเจ็บปวดจนรู้สึกว่ากำลังจะรับไม่ไหว  และในชั่วเสี้ยววินาที  แสงสว่างวาบจากท้ายรถบรรทุกก็ทำให้กัสตาพร่า

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

เร็วจนไม่ทันได้ตั้งตัว

วินาทีสุดท้ายก่อนที่ความรู้สึกทั้งหมดจะดับวูบลง มีเพียงความฝันที่ล่องลอย  อบอวลในอากาส

พ่อครับ  กัสรักพ่อ
อาครับ  กัสรักอา

หยก.........กูรักมึงมากนะ รักมากที่สุด  รักแบบไม่เคยรักใครมาก่อน  รักจนไม่รู้จะพูดออกมายังไง  แต่กูต้องไปแล้ว

แม่................รอกัสนะ  กัสจะไปหาแล้ว
แม่...........  กัสไม่ต้องทุกข์ใจอีกแล้ว  กัสจะไปอยู่กับแม่  กัสจะไปนอนหนุนตักแม่ 
กัสรักแม่ที่สุดนะครับ

ดวงตาปิดลงแล้ว และความรู้สึกทั้งหมดก็ดับวูบลงเมื่อร่างกายร่วงหล่นลงกระแทกพื้นถนน

เสียงไซเรน  เสียงพูดคุย  เสียงตะโกน  ท่ามกลางความสับสนอลหม่านที่เกิดขึ้น  และผู้คนที่มุงดู  ไม่ทำให้ร่างที่ไร้สติรู้สึกรู้สาอะไรอีก

"กลับมากัสลูก  กลับมาหาพ่อ  มึงอย่าทิ้งพ่อไปแบบนี้ กัส ลูก ฮือออออออ"

เสียงของพ่อไปไม่ถึง
เสียงของใคร ๆ ก็ไปไม่ถึง

ทุกอย่างสงบนิ่งไร้การตอบสนอง

หยกมองออกไปภายนอก เห็นเพียงความมืดมิดของท้องฟ้า  และมีเพียงอาการเจ็บร้าวที่เกิดขึ้นภายในอกอย่างรุนแรงและหยกก็ได้แต่หลับตาลงอย่างช้า ๆ พร้อมกับความเจ็บปวดของหัวใจที่ยังเกิดขึ้นไม่ยอมหยุด

สิ่งที่หยกคิด  มีเพียงเรื่องเดิม ๆ ของคนใจร้าย ที่ทำร้ายจิตใจกันได้ลงคอ
โชคดีกัส  ขอให้มึงโชคดี 

พี่คงไม่ได้เกิดมาเพื่อให้มึงรัก
เราคงไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นของกันและกัน  เราคงไม่ได้เกิดมาเพื่อจะอยู่ด้วยกันตลอดไป

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.90
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 27-06-2014 06:06:53
ฮือ ฮือ ฮือ ไม่อยากร้องไห้  หยก กลับมาเร็วๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.90
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 27-06-2014 06:33:04
เศร้าอะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.90
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 27-06-2014 06:52:12
ม่ายยยยยยย อย่าค้างไว้แบบนี้  :sad4:  :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.90
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 27-06-2014 07:28:07
เศร้า
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.90
เริ่มหัวข้อโดย: มะลิลา ที่ 27-06-2014 08:01:15
หวานอยู่แท้แท้ ไหงขมปี๋แบบนีเนี่ย
สงสารกัสที่สุด
ขอจบแบบมีความสุขนะ
ไม่อยากกินมาม่าอยากกินหวานอ่ะ :z3: :hao5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.90
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 27-06-2014 08:13:30
 
  :sad4:     บีบคั้นจิตใจกันเกินไปแล้ว


  คือพล็อตมันเดิม ๆ มาก รักเขา แต่อยากให้เขาทิ้ง เลยทำตัวเหี้ยม ๆ ใส่เขา จนเขาทนไม่ไหว...
 
  แต่ทำไมพอเป็นกัสทำกับหยกแล้ว เราทนไม่ได้ อ่านไปใจมันจะขาด      :sad2:

 
  เหมือนไหร่พี่หยกจะกลับมาหากัสเสียที     o21

หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.90
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 27-06-2014 08:27:05
กัสทำป้าร้องไห้แต่เช้าเลย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.90
เริ่มหัวข้อโดย: Money11 ที่ 27-06-2014 09:05:54
วันนี้มาอีกนะมาอีก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.90
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 27-06-2014 09:11:45
ทำไมกัสทำแบบนี้อะ ดูถูกความรักพี่หยกเกินไปแล้ว ทำคนอ่านซดมาม่าเลย ฮือๆๆๆ  :sad4:
ดีนะที่รอดเลยมีโอกาสได้คุยกันอีกครั้ง  รอตอนต่อไปป
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.90
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 27-06-2014 10:11:44
 :o12:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.90
เริ่มหัวข้อโดย: miyaki ที่ 27-06-2014 10:50:05
หน่วงมากๆๆ  :sad4:
เมื่อไหร่หยกจะกลับมา อยากอ่านหยกกัสแล้วคะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.90
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 27-06-2014 11:05:56
 :o12:  ตอนนี้เข้าใจแล้ว... พี่หยกกลับมาได้แล้ววววว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.90
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 27-06-2014 13:05:16
 :hao5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.90
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 27-06-2014 13:14:07
โอยยย ชีวิตรันทด  T_T
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.90
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 27-06-2014 13:16:49
โอ๊ย สงสารทั่ง2คนเลยอ่ะ
เศร้าเลย....ดีนะที่กัสรอดมาได้อ่ะ โล่งอกไปนิด
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.90
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 27-06-2014 18:58:56
หลังจากนี้มันต้องดี กลับมาปัจจุบันสินะ สินะ สินะ///ปาดน้ำตา
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.90
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 27-06-2014 19:08:02
ไม่ว่าจะอ่านตอนไหนน้ำตาร่วงตลอด...
รักอ้อนทานแล้ว ยังรักคู่นี้ที่สุดและน้ำตาร่วงมากที่สุด...
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.90
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 27-06-2014 19:20:19
ตอนนี้เศร้าเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.90
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 27-06-2014 20:26:59
 :monkeysad:ขอผ้าเช็ดน้ำตาเพิ่มด่วน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.90
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 27-06-2014 20:57:23
ไม่ได้เข้ามาหลายวัน ตอนล่าสุดเจอมาม่าพุงกางเลยยยยย  :mew6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.90
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 28-06-2014 07:13:44
แวะมาทักทายตอนเช้าวันหยุด :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.90
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 28-06-2014 09:04:08
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#พอแล้วการรอคอย (จบ)

“แค่เอากัน ถ้าอยากก็มา เสร็จแล้วก็จบ อย่าบอกนะว่ามึงมีใจ”

ใครจะจำไม่ได้ กับประโยคนั้นที่คนบางคนพูดออกมา
ทำไมถึงได้โง่นักทำไมถึงไม่เคยเข้าใจ ทำไมถึงไม่เคยรู้สึก ในวันนั้นกัสมันพูดแบบนั้นทำไม มันพูดเพื่ออะไร

เคยสงสัยมาตลอดว่ากัสมันไม่เคยมีใจให้ ไม่เคยรู้สึกอะไรจริง ๆ ใช่มั้ย
หรือที่จริงแล้วมันรักมาก แต่มันอาจมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ต้องทำแบบนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าใจ กัสมันเป็นแบบนั้นมาแต่ไหนแต่ไร ก็รู้ตั้งนานแล้ว

และก็แปลกใจตัวเองที่พักหลัง กัสมันก็ทำตัวแปลกไปมาก แปลกไปจนน่าตกใจ

ทำตัวเปลี่ยนไป มีแค่ความเย็นชา และอารมณ์เกรี้ยวกราดโมโหใส่ ทั้งที่มันไม่เคยเป็นแบบนั้น ใช่ที่มันเป็นแบบนั้นในช่วงแรก แต่หลังจากนั้นไม่เคยมีอีกเลย

ถามเท่าไหร่ ไม่เคยได้คำตอบ

ปกติแล้ว มันจะไม่มาหาเด็ดขาด แต่พักหลังมันมาหาตลอด
มาหาอย่างสม่ำเสมอ มาเพื่อเหตุผลเดียว คือเพื่อมีอะไรกัน

หลังจากทำอย่างว่ากันไปแล้ว มันจะหาเรื่องชวนทะเลาะทันที ทะเลาะกันทุกวัน

และในเวลาไม่นาน เป็นหยกเองที่คิดและทำอะไรโง่เง่า

“กูจะไปเมืองนอก พ่อกูได้งานที่นั่นไม่เกินสองสัปดาห์นี้กูคงต้องไป”

มันเป็นแค่คำขู่ ที่หวังเพียงให้สายตาคู่นั้นหันกลับมามองกันบ้าง

คนที่หยกเคยคิดว่าไร้หัวใจ

คนที่หยกเคยคิดว่าไร้ความรู้สึก

“แล้วมาบอกกูทำไม กูไม่ได้อยากรู้”

เป็นใครก็ต้องช็อค ได้ฟังแบบนั้น เป็นใครก็ต้องอึ้ง

นอกจากไม่สนใจ ยังมีแค่ความเย็นชาเท่านั้นที่ส่งผ่าน
หยกถึงกับเซในวันที่ได้ฟังคำพูดนั้น ทำอะไรไม่ถูก
มือไม้เย็นเฉียบ และก็รู้ได้ทันที ว่าตัวเองโง่เง่าและบ้าบออยู่คนเดียว ที่ผ่านมากัสมันไม่เคยคิดอะไรด้วย แค่มีอะไรกันแค่นั้น ความห่วงใย ความรู้สึกที่มีให้กันมาตลอดไม่เคยมีค่าและไม่เคยมีความสำคัญอะไรเลย

ความรู้สึกที่มีให้กัน เป็นแค่หยกคิดไปเองคนเดียว

บางทีในวันนั้นน่าจะเฉลียวใจสักนิด ว่าภายใต้ท่าทีแข็งกร้าว มันมีความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวแฝงอยู่ในแววตาคู่นั้นเสมอ

แต่แปลกที่เมื่อความโง่งมเข้าบังตา ไม่ว่าอะไรก็มองไม่เห็น
ตีความเอาตามใจตัวเอง และไม่เคยรู้สักนิดว่าตัวเองเป็นคนโง่ที่สุดที่ปล่อยให้ไอ้กัสมันหลอกเอาได้

“เคยรักกันบ้างมั้ย”

เคยสงสัยและเคยคิดจะถาม แต่ในวันนี้หมดความสงสัยไปเรียบร้อยแล้ว

“หยก.....มึงรีบหายไปจากชีวิตกูซะทีเหอะ กูเบื่อ กูรำคาญ”

“หาผู้หญิงที่ถูกใจได้ก่อน แล้วจะเลิกใช้บริการ”

โง่ที่สุดที่ตอบออกไปแบบนั้น
โง่ที่สุด
โง่สุด ๆ ที่ทำตัวไม่สมกับที่โตกว่า
โง่ที่สุดที่ไม่ยอมสังเกต โง่ที่สุดที่ใช้ความโกรธความโมโหบังตา

หยิบรูปถ่ายครึ่งที่มีหน้าของกัสที่แบ่งเอาไว้ในกระเป๋าสตางค์ของตัวเองขึ้นมาดูแล้วก็ได้แต่อมยิ้มกับตัวเอง รูปของกัสที่ถ่ายเอาไว้ ยังอยู่ในมือ

ใบหน้าบูดบึ้ง และเมินมองไปทางอื่น

ยิ้มกับภาพที่เห็น ยิ้มจนตาหยี และก็หัวเราะออกมาเสียงเบาเมื่อนึกถึงหน้าของคนที่ทำให้คิดถึงแทบตาย

“กูไม่ถ่าย เหี้ยยยยยยยยยย บอกว่าไม่ถ่ายไงเล่า”

ดึงให้มาร่วมเฟรมกันและเป็นทางนี้ที่แอบอมยิ้มเล็ก ๆ ที่คนที่ไม่ยอมถ่ายรูปดึงดันที่จะหันหน้าหนีไปอีกทาง

“ที่ระลึก”

จำได้ว่าบอกไปอย่างนั้นและจัดการล็อคคอให้กัสมาถ่ายรูปคู่กันจนได้

นานมาแล้ว

เรื่องแบบนั้นมันผ่านมานานแล้ว
ผ่านการรอคอย ผ่านความรู้สึกเลวร้าย ผ่านคืนวันที่ต้องเจ็บปวดอยู่เพียงลำพังมาจนถึงวันนี้.

หยกกำลังก้มหน้าก้มตายิ้ม

ยิ้มกว้างเพียงคนเดียว
ยิ้ม และเงยหน้าขึ้นอย่างช้า ๆ ก่อนจะถอดหมวกแก๊ปที่สวมเอาไว้ออก และเอ่ยบางอย่างออกมาด้วยความรู้สึกทั้งหมดในใจที่มี

“พี่กลับมาแล้วกัส”

บอกกับคนที่อยู่ตรงหน้า บอกกับคนที่แม้จากกันนานแค่ไหน ก็ยังจำได้เสมอ
สิ่งที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย คือแววตาที่ฉายแววทุกข์ใจตลอดเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน มันเปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

ภายในดวงตาคล้ายเหม่อลอยคู่นั้น มีความสุขอยู่ล้นเต็มเปี่ยม
ได้รู้ว่าช่วงเวลาที่ผ่านมากัสมันผ่านความเจ็บปวดมาได้ด้วยตัวเองแล้ว

มันเก่งแค่ไหน ทำไมจะไม่รู้
กัสมันเก่ง
มันเก่งมากที่ผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตมาได้
แม้มันจะต้องทุกข์ทรมานแต่ช่วงเวลานั้นก็ผ่านไปแล้ว

ผ่านไปนานแล้ว

จนในที่สุดก็ได้มีวันนี้

ไม่มีคำพูดใด ๆ หลุดออกมาสักคำจากริมฝีปากคู่นั้น
มันไม่เคยพูด จนถึงวันนี้บางอย่างอาจเปลี่ยนไปบ้าง แต่หยกรู้แล้วว่าภายใต้ความเงียบนั้น คือความรู้สึกยินดีอย่างเต็มเปี่ยมที่ได้เห็นใบหน้าของหยกในเวลานี้

ดวงตาของกัสจ้องตรงมาที่หยกเสมอ
และดวงตาของหยกก็จ้องตรงมาที่กัสเช่นกัน

หยดน้ำใส ๆ ที่คลอปริ่มที่หน่วยตาคู่นั้น หยดลงอย่างช้า ๆ
ไม่ใช่ความทุกข์ทรมานใจอย่างที่ผ่านมา แต่เป็นความสุขใจจนไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้

หยกคว้าร่างของคนที่แสนคิดถึงมากอดเอาไว้แน่น
สวมกอดกันแนบแน่น และเอ่ยบอกคำบางคำซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้อีกฝ่ายได้ยิน ให้มั่นใจ ว่าจะไม่มีทางหนีหายไปไหนอีก

“พี่กลับมาแล้วกัส พี่กลับมาแล้ว พี่ไม่ทิ้งกัสไปไหนแล้วนะ”

บอกซ้ำ ๆ พูดซ้ำ ๆ หลับตาลงและกระชับอ้อมแขนกอดรัดร่างของคนที่คิดถึงยิ่งกว่าคิดถึงเอาไว้แน่น

ความรู้สึกอบอุ่นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความโหยหามาตลอดถูกส่งผ่านไปถึงคนที่อยู่ในอ้อมแขน

ไม่ใช่แค่สองคนที่ส่งผ่านความรู้สึกคิดถึงและห่วงหาถึงกันและกันได้ แต่มันยังส่งมาถึง คนที่มารอที่สนามบินและมายืนรอเป็นเพื่อนกัสอยู่นานสองนาน

นิวก้มหน้าลงอย่างช้า ๆ และรู้แล้วว่าในเวลานี้ สิ่งที่ตัวเองเป็นได้ก็แค่คนเฝ้าของจริง ๆ เป็นได้แค่คนเฝ้าของเท่านั้น ฝ่ามืออุ่น ๆ ของใครบางคนบีบเบา ๆ ที่ไหล่ของนิวและส่งยิ้มบางๆ ให้ก่อนที่คนสองคนจะเงยหน้าขึ้นและมองตรงไปที่หยกและกัสที่เดินโอบไหล่กันเข้ามาหา

“นิว....ขอบใจว่ะ”

ไม่เป็นไร.........ดีแล้วที่หยกกลับมา ดีแล้ว ที่กลับมา ดีแล้วที่กลับมา ดีแล้ว.....

“นิว....”

มองไปที่คนที่มีท่าทางเก้อเขินและเหมือนกำลังพูดอะไรไม่ออก แล้วนิวก็ได้แต่ยิ้มรับ และพยักหน้าให้

“ไม่ต้องทนฟังแต่เสียงแล้วนะกัส ตัวจริงกลับมาแล้ว”

เอ่ยบอกและนิวก็ส่งยิ้มบาง ๆ ให้กับกัสที่ค่อย ๆ ยิ้มออกมา
แม้จะพอมองเห็นคราบน้ำตาบ้าง แต่ก็ไม่ใช่น้ำตาแห่งความทุกข์ เป็นความสุขใจที่ล้นออกมาในเวลานี้

สิ่งที่เคยหายไป และไม่เคยคิดว่าจะได้กลับคืน
แต่ในเวลานี้สิ่งนั้นก็กลับมาอยู่ในมืออีกครั้ง

“พี่หยก....พี่...”

มันยากที่จะพูด แต่ไม่ยากที่จะเข้าใจ หยกเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและหัวเราะออกมาเสียงเบา

โอบไหล่ร่างที่อยู่ข้าง ๆ เข้าหาตัว และวางมือไว้เบา ๆ ที่เส้นผมของคนที่เงยหน้าขึ้นมองและยังคงยิ้มกว้าง

“ต่อไปนี้ พี่จะไม่ทำอะไรโง่ ๆ อีกแล้ว จะดูแลกัสไปตลอด จะไม่ไปไหนอีกแล้วจริง ๆ .....สัญญา”

END
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.90
เริ่มหัวข้อโดย: shenta ที่ 28-06-2014 09:35:01
 :m15: :m15:

พี่หยกกลับมาแล้ว

ดีใจกับกัสด้วย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.90
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 28-06-2014 11:20:43
พี่หยก น้องกัส
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.90
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 28-06-2014 11:50:11
 :hao5:  พี่หยกกลับมาแล้ว เย้เย้  แต่... จบแล้วหรอ   :o12:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.90
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 28-06-2014 12:01:47
คู่นี้หน่วงอารมณ์แต่สั้นเน๊อะ 


ลุ้นมาตลอด จบแระ :katai2-1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.90
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 28-06-2014 12:11:41
โอ้ยยยยยยยยยยยย
จบแร้วอ่าาาา T^T
อยากได้ตอนหวานๆน้ำตาลขึ้นอ่ะ *O*
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.90
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 28-06-2014 13:41:17
จบแล้วหรออ ไม่มีแบบสเปเชี่ยลว่าเขาหวานแหววกันยังไงหรอ ฮืออ กลับมาเจอกันสักที รอตั้งนานนนน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.90
เริ่มหัวข้อโดย: miyaki ที่ 28-06-2014 14:49:09
จบแบบนี้จิงๆหรอ
หยกกลับมาแล้ว ขอหวานสักตอน :z3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.90
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 28-06-2014 14:59:39
อยากได้โมเม้นท์หยกกัสอีกอ่าา อยากรู้จะมีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง หลังจากยอมรับใจตัวเอง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke ภาคพิเศษ(ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.90
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 28-06-2014 15:00:39
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#ภาคพิเศษ นิวกับโจ้ บ่น บ่น บ่น

“เฮ้ยยยยยยยยยยย โตขึ้นแล้วนี่หว่า โตขึ้นเยอะเลยนะเฮ้ยยยย จำพ่อได้ป่าว กุปปี้ จำได้มั้ยเนี่ยไอ้ตัวเล็ก”

มันตัวเล็กซะที่ไหนล่ะ ตัวแม่งใหญ่ขนาดนี้ มึงยังจะเรียกมันตัวเล็กอีกเนอะ

“กุปปี้มานี่”

เรียกให้หมาหน้ามึนลายจุดเข้ามาใกล้ และเจ้าหมาลายจุดตัวโตก็วิ่งเข้ามาใกล้ และก็โดนโจ้เตะเบา ๆ ไปที่ลำตัว

“โฮ่ง หงิง หงิง”

เยี่ยม ไอ้ซาดิสต์โจ้ มึงรักหมาได้น่ารักมากไอ้เหี้ย

“มึงไปเตะมันทำไมเนี่ย”

บ่นแต่ไม่มีประโยชน์เพราะโจ้หัวเราะร่า และหมาที่โดนเตะก็กระโดดเข้าใส่โจ้ แต่คราวนี้ยิ่งคึกหนักกว่าเดิม กระโดดไปมาเหมือนที่โดนเตะไปไม่ได้รู้สึกอะไรเลยสักนิด

“กูเคยเตะจริงที่ไหนล่ะ แม่งชอบแกล้งสำออย ฉลาดจะตายหมาห่าเนี่ย.....ฉลาดเหมือนใครวะกุปปี้....เหมือนพ่อนิวมึงป่ะ”

แกล้งมองหน้าใครบางคนที่นั่งชันเข่าอยู่ที่สนามหญ้าและนิวก็มองหน้าของคนพูด

กวนตีนนะมึง

“แล้วหน้ามึนเหมือนใครกุปปี้ พ่อโจ้มึงป่ะ”

เออใช่เซ่ กูมันมึนเหอะ
มีอะไรดีบ้างมั้ยเนี่ย เคยมีอะไรดีบ้างมั้ย

“พ่อโจ้มันหน้ามึน ไม่มีอะไรดีเล้ยยยยยยยยยย ไอ้คนฉลาดมันถึงได้ปั่นหัวเล่นประจำ”

น้อยใจอีกแล้วสิมึง นิวถึงกับส่ายหน้ากับบางสิ่งบางอย่างที่โจ้พูด
และไอ้คนบ่นน้อยใจก็ลงมานั่งอยู่ข้าง ๆ กัน โดยมีไอ้กุปปี้หมามึนมานอนหมอบอยู่ข้างๆ

สงสัยแม่งจะเหนื่อย แม่บอกมันเล่นกับนิวตั้งแต่นิวมา
และในเวลานี้ก็เป็นเวลาของโจ้หน้ามึนที่นั่งถอนต้นหญ้าไปทำหน้างอไป

“กว่าจะมาหาเนอะ”

ก็มาแล้วนี่ไง วันไหนมาได้ก็มา เคยเหลวไหลที่ไหน วันนี้เลิกงานปุ๊บก็มาหามึงเลย

“โปรแกรมเมอร์มือหนึ่งแผนกไอทีของบริษัทไฮไซ เขาก็มาน้อยใจคนทำงานโรงงานหาเช้ากินค่ำอย่างเราเนอะ”

แกล้งแหย่ไป และโจ้ก็หันมามองหน้าของคนที่แกล้งพูดใส่พูดไปยิ้มไป แต่กูรู้หรอก มึงแกล้งแหย่กูเล่นให้กูทำหน้างี่เง่าอีกแล้วใช่มั้ย แกล้งกูตลอดแหละมึงอ่ะ

“ดูแต่งตัวสิ น่ามอง ไหนดูหน้าตาซิ โห อย่างนี้เดินไปทางไหนก็ไม่อายชาวบ้านเขาแล้ว……พนักงานโรงงานจน ๆ อย่างเราจะไปกล้าเมินเขาได้ยังไง”

เหรอ คล้ายจะดีเนอะ แต่จริง ๆ แม่งประชดชัด ๆ

“ได้ข่าวว่าปรับขึ้นเป็นรองหัวหน้าส่วนแล้วไม่ใช่”

ข่าวล่ามาเร็วนะมึง

“นั่นแหละที่กูเครียด แล้วก็เซ็ง เข้าไปไม่นานแต่ไปข้ามหน้าข้ามตาคนที่อยู่มาก่อน เส้นสายก็ไม่มี เสือกไปเข้าตากรรมการซะงั้น วันๆ โดนลองของวันละเป็นร้อยรอบ เฮ่ออออ”

เสียงถอนหายใจยาว ๆ ของนิว ทำให้โจ้ต้องนิ่งฟัง และส่งยิ้มบางๆ ให้

กูรู้มึงเครียด มึงอยากก้าวหน้า มึงทำอะไรมึงก็ทำอย่างจริงจังและตั้งใจ มันก็ไม่แปลกยิ่งมึงก้าวกระโดดไวเท่าไหร่ คนไม่ชอบหน้ามึงก็มีมากเท่านั้น

“เก็บเงินได้สักก้อน จะออกมาหาค้าขายอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นนายของตัวเองก็ยังดีกว่าไปอยู่ท่ามกลางคนหมู่มาก ยิ่งสูงแม่งก็ยิ่งหนาว”

ค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ เหรอ

“ได้ข่าวว่าติดต่อค้าขายอะไหล่รถ ค้าขายไม่เล็กแล้วมั้ง เสี่ยนิว”

รู้ทันตลอด แค่รู้ทันยังไม่พอ แม่งยังส่งยิ้มยียวนกวนตีนให้กูได้ด้วย

“เออออออ มีเมีย เมียแม่งก็เจริญก้าวหน้าจนจะเปิดบริษัทเองอยู่แล้ว จะมาย่ำต๊อกไปวันๆ มันก็ใช่เรื่อง ใครจะยอมได้วะเรื่องแบบนี้”

เหรออออออออออ

“กูไม่ใช่คู่แข่งมึงนา”

ใครว่ามึงเป็นคู่แข่งล่ะ มึงเป็นแรงผลักดันที่ทำให้ต้องพยายามให้มากกว่านี้ต่างหาก

“พ่อกับแม่ เขาก็คงคาดหวังอยากให้มึงมีครอบครัว หาผู้หญิงดี ๆ สักคนที่มึงรักมาแต่งด้วย…….กว่าจะถึงตอนนั้น กูก็ยังพอมีเวลาสร้างตัว......วันหนึ่งเกิดเขาคิดแบบนั้น และถ้าเขามองมาที่กูแล้วเห็นกูมีฐานะที่มั่นคงพอที่จะทำให้เขาเชื่อได้ว่า กูจะดูแลมึงได้ดีกว่าผู้หญิงดี ๆ สักคนแน่ ๆ เราจะได้มีเกราะป้องกันไงโจ้..........อย่างน้อยถ้าคิดอะไรไม่ออก เขาก็ยังพอมองออกได้ว่ากูเอง....ถึงเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่ก็ดีพอที่จะดูแลมึงไปได้ตลอดชีวิต”


นิวเป็นคนคิดเยอะ วางแผนเยอะ เรื่องที่กูคิดคือน้อยใจที่มันไม่ค่อยว่าง ไม่มีเวลาให้
เรื่องที่กูคิด คือ การคิดไปเองว่านิวแม่งไม่ค่อยสนใจ ไม่ทำอะไรหวาน ๆ ซึ้ง ๆ น่ารักอย่างที่คนอื่นทำ
เรื่องโง่ ๆ ที่เอาแต่คิดไปเรื่อย ทั้งที่สิ่งที่นิวมันคิด คือเรื่องใหญ่ ๆ เรื่องความมั่นคง และสร้างความมั่นใจให้กับเราสองคน และรวมไปถึงการสร้างความเชื่อมั่นให้กับครอบครัวของเราด้วย

กูแม่งปัญญาอ่อนว่ะ งี่เง่ากับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทั้งที่นิวมันต้องพยายามอยู่ตลอดเวลา
มึงเหนื่อย กูรู้ แต่บางทีกูก็งี่เง่าเอาแต่ใจ หาเรื่องให้มึงกลุ้มใจอยู่บ่อย ๆ

บางครั้งใครสักคน อาจมีข้อด้อย ที่มีบางอย่างไม่ได้อย่างใจเรา แต่คนที่มีข้อด้อยคนนั้น ก็มีข้อดี ที่มากมายจนข้อด้อยกลายเป็นสิ่งที่เราสามารถมองข้ามมันไปได้

ไม่เคยมีใครดีพร้อมสมบูรณ์สำหรับใคร มีแค่คนที่อยู่ด้วยกันและยอมรับทั้งข้อดีและข้อเสียของกันและกันได้ และปรับเข้าหากัน จนพอดี พอดีสำหรับเราอาจไม่เหมือนคนอื่น
แต่มันก็คือเรา มันคือความพอดี ในแบบของเรา ที่คนอื่นเขาอาจจะอยากทำเหมือนเรา แต่เขาก็ทำไม่ได้

และมันก็เป็นความพอดี ที่เราชอบน้อยใจคิดไปเองว่าทำไมเราไม่เหมือนคู่อื่น ทั้งที่จริง ๆ แล้วเพราะเราเป็นแบบนี้ เราถึงได้พอดีในแบบของเราและไม่มีใครเลียนแบบความพอดีของเราได้

“บางทีกูก็น้อยใจมึงนะนิว”

กูรู้ กูเข้าใจว่าทำไมมึงถึงคิดแบบนั้น กูเข้าใจดี แต่กูรู้มึงจะอดทน เราเลยคำว่ารักหรือไม่รักไปแล้ว เราเลยการปรับตัวให้เข้ากันไปแล้ว สิ่งที่เรากำลังก้าวไปด้วยกันในเวลานี้

คือทำให้คนรอบข้างยอมรับในตัวเรา

มันเป็นก้าวเล็ก ๆ แต่ยิ่งใหญ่สำหรับเราในเวลานี้มาก และกูรู้.........มึงจะเดินไปพร้อมกับกูได้ โดยไม่ปริปากบ่น
แม้จะเหนื่อยแค่ไหน แต่กูรู้ ว่ามึงจะไม่ปล่อยมือกูระหว่างทางแน่นอน

“กูจะพยายามแสดงออกกับมึงเยอะ ๆ มึงน้อยใจกูได้ แต่อย่าท้อจนทิ้งกูไปซะก่อนนะ มึงมาจีบกูแล้ว มึงทำให้กูเป็นแบบนี้ ถ้ามึงทิ้งกูกลางทางกูเอาตายแน่”

อย่าทำแบบนี้นิว อย่าทำหน้าเฉยแบบนี้ แล้วพูดจาแบบนี้ มันยิ่งทำให้กูรักมึงเพิ่มขึ้นอีกร้อยเท่า
โจ้กำลังยิ้ม ยิ้มกว้างและยิ้มหวาน จนนิวต้องเมินหน้าหนีไปทางอื่น

เกินไปอีกแล้วนะมึง ไอ้เรื่องแสดงอารมณ์ดีใจเกินเหตุแบบไม่เก็บอาการนี่ล่ะเก่งนัก กูล่ะอยากจะทำให้ได้อย่างมึงจริง ๆ

“รักกูป่ะ”

เหอะ เอาแล้วไง มาแนวนี้อีกแล้ว มึงจะถามวันละสามสิบแปดรอบเลยใช่มั้ย

“อะไรของมึงนักหนาวะ”

แน่ะเขิน ให้พูดแค่นี้ทำเป็นเขิน

“รักกูป่ะเนี่ยยยยยยยยยยยยยย”

ลากเสียงยาวเชียวนะมึง แล้วเลิกเล่นซะที บทหน้าเศร้าเคล้าน้ำตาเนี่ย รันทดไปไหนของมึง อย่ามาทำเป็นเรื่องมากปัญหาเยอะหน่อยได้มั้ย

“แม่บอกจะไปซื้อกับข้าวที่ตลาด เห็นบอกจดรายการอยู่ ถ้าไปเดี๋ยวจะมาเรียก นั่นจะไปแล้วมั้ง เดินมาโน่นแล้ว”

เลี่ยงเหรอมึง เลี่ยงกูเหรอมึง

“ไปยังครับ แม่ครับ”

เหรออออออออออ

“แม่หุงข้าวก่อนนิว เดี๋ยวแม่เรียก อ้าวแล้วทำไมโจ้ไม่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าล่ะลูก ตั้งแต่กลับมาก็ใส่ชุดนี้ตลอดเลยเหรอ โตแล้วทำไมต้องให้แม่พูดมากอีกโจ้”

อ้าว งานเข้ากูอีก แล้วแม่ไม่ดูบ้างว่านิวมันก็ใส่ชุดทำงานมันเหมือนกัน แล้วทำไมแม่ไม่บ่นมันบ้างล่ะแม่

“ลำเอียงเห็น ๆ”

ได้ยินเสียงบ่นของใครบางคนแล้วนิวก็ได้แต่อมยิ้ม
ก็สมควรโดนบ่นอยู่หรอก ชุดทำงานกูมันใส่ทำอะไรได้สารพัด แต่ชุดทำงานมึง........ลักษณะเหมือนไปเดินแคทวอร์คมา

“ก็เมื่อเช้าไปพรีเซ้นจ์งานมาหรอก ไม่งั้นใครจะใส่ชุดนี้วะร้อนชิบหาย”

ร้อนแต่ก็ไม่ไปเปลี่ยน สมควรโดนบ่นอยู่หรอก

“ก็ไม่ไปเปลี่ยนซะล่ะ”

ก็เผื่อมึงจะบอกว่าน่ามองขึ้นมาตอนไหนใครจะไปรู้
รอให้มึงชมอยู่เนี่ย แม่งก็ไม่ยอมพูดเหอะ เล่นกับลูกมึงอยู่ได้

คิดแต่ไม่พูด และโจ้ก็พยายามขยับเนคไทด์ไปมาสองสามครั้งทำเหมือนสะบัดเสื้อแต่จริง ๆ อยากให้นิวเห็นว่าเนคไทด์ที่อยากโชว์เป็นของใครซื้อให้

อ่อ

นิวถึงกับอมยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก และลากหมาลายจุดที่นอนหมอบอยู่ข้าง ๆ ให้เข้ามาใกล้อีกนิด และยังลูบหัวลูกรักเล่นไปเรื่อย ๆ ทั้งที่อยากจะขำให้ตาย กับพฤติกรรมความน่ารักแบบสุดขั้วของใครบางคน

“กูรสนิยมดีใช่มั้ยล่ะ ก็บอกแล้วว่ามึงใส่เส้นนี้กับเสื้อตัวไหนก็ขึ้น”

เหรอ

แล้วไม่คิดว่าเพราะกูดูดี ก็เลยใส่เนคไทด์เส้นนี้ แต่งตัวแบบนี้ก็เลยทำให้กูดูดีไม่ใช่เหรอ

“แค่เนี้ยะ”

เออ แค่นี้แหละ อยากได้อะไรอีกล่ะ แค่นี้ไม่พอใจอีกหรือไง

“มึงนี่น๊า นิว....เฮ่อออออ”

อะไร ถอนหายใจแบบนั้นทำไม กูรู้หรอกว่ามึงหมายความว่ายังไงแต่กูแค่แกล้งมึงเฉย ๆ ให้มึงทำหน้างองี่เง่า เพลินดี

มองแล้วก็เพลิน เวลาที่สีหน้าของมึงแสดงอารมณ์หลากหลาย

“พรุ่งนี้จะไปเลือกให้อีกเส้นนะเทคไทด์น่ะ บางทีตอนนี้มึงก็ดูดีจนกูอาย”

นิว….
ชมแบบนี้ไม่เอาสิ ชมแบบจริงจังอย่างที่มึงคิด กูไม่เอา ไม่อยากได้
กูอยากให้มึงชมกูไป ประชดกูไป แบบที่มึงชอบทำ นั่นสมกับเป็นมึงดี
ชมไปด่าไป กูรู้มันไม่ได้หวานซึ้ง แต่กูชอบฟังแบบนั้นมากกว่าจะได้รู้ว่าในหัวมึงกำลังคิดอะไรที่จริงจัง

เช่นกูดูดีจนมึงอาย ซึ่งจริง ๆ แล้วกูไม่ได้ต้องการแบบนั้น

“เสี่ยนิว มีแฟนหน้าตาดี ดูดีก็ถูกแล้ว จะได้เป็นที่เชิดหน้าชูตาเวลาไปไหน ๆ ไง”

เพราะมันเป็นแบบนี้ เราถึงได้อยู่กันรอด
เพราะโจ้มันคิดอะไรในแง่สนุกสนาน ทำให้คนเครียด ๆ อย่างกูยิ้มออกมาได้

มันเป็นของมันแบบนี้ ถึงได้อยู่กันรอดมาถึงป่านนี้
เพราะความอดทนของมัน เพราะความเข้มแข็ง เพราะความมั่นคง เพราะการที่พยายามมองโลกในแง่สนุกสนานของมัน ถึงทำให้คนอีกคน ยิ้มได้

และมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ ๆ

“แล้วจะไปจันทบุรีเมื่อไหร่”

ช่วงวันหยุดยาวก็จะแวะไป มึงหยุดเหมือนกันนี่จะได้ไปด้วยกันเลย

“ตกลงหยุดเหมือนกันใช่มั้ย จะได้ให้พ่อดูผลไม้ไว้ให้”

หยุดสิ ไม่หยุดได้ไง ใครเขาก็หยุดกันทั้งนั้น

“พ่อกับแม่นิวเขาก็เลยไม่กลับมาอยู่ที่นี่แล้วใช่ป่ะ เมื่อก่อนทำงานส่งแต่หนี้ เดี๋ยวนี้ทำงานซื้อที่ เป็นเสี่ยค้าอะไหล่ต่อไปก็เป็นเจ้าของสวน โห... รวยว่ะ ไม่ได้แล้ว ปล่อยไม่ได้ต้องเกาะแน่น ๆ”

แล้วมันก็ทำอย่างที่พูดจริง ๆ ยื่นมือมาเกาะแขนแล้วก็กระพริบตาถี่ ๆ ส่งสายตาปิ๊ง ๆ ใส่

ตลกมากป่ะ ตลกมากนักนะมึง

“เหี้ยโจ้ มึงนี่”

ด่ากูไปเห้ออออออออ แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากเขิน แล้วก็ผลักหัวกูเนี่ยนะ

“เจ็บบบบบบบบบ นิวแม่งชอบเล่นแรง ๆ”

แรงเหี้ยอะไร ผลักหัวแค่นี้ไม่ได้ทำให้สมองมึงได้รับความกระทบกระเทือนหรอก
มารยาสาไถดีจริง ๆ นะมึง

“รวยแล้วจะได้มาขอมึงกับพ่อแม่มึงได้ เขาจะได้ยกให้ง่าย ๆ กูจะได้เอามึงไปใช้แรงงานปีนต้นไม้ซะให้เข็ด แทนแรงงานพม่า แถมค่าแรงก็ไม่ต้องจ่ายอีก โคตรคุ้ม”

โห เกินไปแล้ว มึงชักจะเกินไปแล้วนิว เห็นใจกูหน่อย กูไม่ได้สบายมาก แต่กูก็ไม่เคยลำบากนะเว้ย

“กูปีนต้นไม้ให้ฟรี ๆ แต่ถ้าขายผลไม้ได้ กูยึดค่าขายหมดเลยได้ป่ะล่ะ”

ฉลาดขึ้นมาแล้วนี่ ฉลาดเลวขึ้นเรื่อยๆ นะมึง

“เอาไปเห้ออออออออออ ไอ้ขี้งก”

นิวหัวเราะร่วน และโจ้ก็มองใบหน้าที่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มของคนที่กว่าจะยิ้มได้น่ามองขนาดนี้ ต้องใช้เวลานานหลายปี

นาน.......จนลืมว่าเราใช้ชีวิตด้วยกันแบบนี้ เป็นกำลังใจของกันและกันแบบนี้มานานเท่าไหร่

“หยกบอกว่าให้ดูต้นไม้ให้ด้วย พ่อไอ้กัสจะเอามะม่วงมาลงที่หน้าบ้าน มึงช่วยกูจำนะ เดี๋ยวกูลืม แม่งด่ากูตายห่า”

เออ เดี๋ยวกูช่วยจำ
วันนี้กูก็แวะไปเอาขนมที่ร้านมันมา ตอนมีสัมมนาก็ได้ขนมกับกาแฟร้านมันนั่นแหละมาเลี้ยงแขกที่มาสัมมนา ไม่แพง รสชาติใช้ได้ แถมกูได้หน้าอีก

“ไอ้กัสมันคล่องแล้วเดี๋ยวนี้ แต่ไม่พูดเหมือนเดิมนะ แม่งยิ้มลูกเดียว แต่มันก็ขายของคนเดียวได้แล้วเดี๋ยวนี้ เก่งขึ้นเยอะ คิดเงินคล่องแล้ว”

ดีแล้ว แบบนี้ก็ดีแล้ว

“ไม่แวะไปหามันบ้างวะ ยังทำใจไม่ได้อีกเหรอ เวลาเจอหน้ามัน”

เรื่องนั้นน่ะ มันนานมาแล้วโจ้ กูเลิกคิดอะไรแบบนั้นไปตั้งนานแล้ว
แรก ๆ ตอนที่หยกกลับมาใหม่ ๆ มึงก็รู้ว่ากูยังทำใจไม่ได้ แต่ตอนนี้ กูลืมเรื่องนั้นไปสนิทแล้ว
เวลามองหน้าไอ้กัส กูไม่ได้รู้สึกกับมันในแง่อื่นอีกแล้ว

ความทรงจำดี ๆ ไม่เคยจางหายไป เพียงแค่ความรู้สึกเท่านั้นที่เปลี่ยนไป

“กูมีมึงแล้ว....จะให้กูคิดอะไรกับคนอื่นอีก กูทำไม่ได้หรอก”

แมนสัดอีกแล้วมึง กูปลื้มมึงก็เพราะแบบนี้แหละ
เวลามึงชัดเจนมึงก็ชัดเจนเกิ๊น จนกูทั้งเขินทั้งซึ้ง

“รักกูป่ะ”

อ้าวแม่ง ออกอ่าวไปได้ตั้งไกล เสือกย้อนกลับมาเข้าทางไอ้โจ้อีกจนได้

“เออ”

ไม่ได้ยินว่ะ

“อะไรนะอีกที ขอแบบชัด ๆ”

อย่ามาแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินไอ้โจ้ อย่ามาทำตัวเล่ห์เหลี่ยมเยอะขอร้อง

“นิว ไปยังลูก อ้าวไอ้เจ้านี้ ก็ยังไม่เปลี่ยนชุดอีก แม่บอกแล้วไม่ใช่หรือไงโจ้ เรานี่มันช้า เฉื่อย ชา เรื่อยเปื่อยได้ตลอด”

โดนบ่น และโจ้ที่กำลังยิ้มก็หน้ามุ่ยทันที
ลุกขึ้นยืนโดยมีใครอีกคนลุกขึ้นตาม กูเห็นนะ มึงยิ้มเยาะกูใช่มั้ย กูดื้อกับใครก็ได้ แต่คนนี้กูแพ้ตลอด
เออ กูต้องยอม ต้องยกให้หนึ่งคน แบบทำอะไรไม่ได้

“ไปเดี๋ยวนี้แหละ เดี๋ยวโจ้มา แม่อย่าเพิ่งไปนะ”

รีบเดินเข้าบ้าน โดยมีหมาลายจุดตัวใหญ่วิ่งตาม

“ไอ้กุปปี้ ไม่ต้องตาม ไปหาพ่อมึงโน่น”

อาการแบบนี้เรียกเหวี่ยง
และนิวก็ส่ายหน้ากับอาการที่เรียกว่าเหวี่ยงของคนที่เดินเข้าบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้า

“เนี่ยมันเป็นแบบนี้ตลอด โตป่านนี้ก็ต้องให้แม่บ่น ไม่รู้จักรับผิดชอบตัวเอง”

อยากให้มึงมาฟังจริง ๆ เลยว่ะโจ้ หน้ามึงคงหงิกน่าดู

“นิวก็อย่าไปตามใจมันมาก เฉื่อยแฉะขนาดนี้ เล่นไปวัน ๆ ไม่รู้บริษัทจ้างมันไปทำงานได้ยังไง”

นิวยังคงยิ้มรับกับสิ่งที่แม่พูดไปเรื่อยๆ ยิ้มไปเรื่อยและก็พยักหน้ารับฟังทุกสิ่งที่แม่พูด

“เห็นอย่างนั้น มีคนแย่งตัวมันหลายคนครับ โจ้มันเก่ง”

ชมให้แม่ได้ยินซึ่ง ๆ หน้า และแม่ก็ยิ้มกับสิ่งที่นิวพูด

“ฝากหน่อยนะนิว อย่าทิ้งกัน หนักนิดเบาหน่อยก็อภัยให้กัน อย่าถือสาลูกแม่ เวลาที่มันดื้อหรือทำอะไรไม่ดี ก็อย่าไปถือโทษโกรธ...อยู่ด้วยกันดูแลกันแบบนี้ไปนาน ๆ นะลูกนะ”

นิวกำลังอึ้งกับสิ่งที่แม่ของโจ้พูด ผู้ใหญ่ยังไงก็ดูออก แต่จะพูดหรือไม่พูดแค่นั้น

เตรียมใจมาตลอด เตรียมใจเอาไว้เสมอ ถ้าหากถูกถามเรื่องนี้ก็จะพูดตรง ๆ เพราะคุยกับโจ้ไว้แล้ว ว่าจะทำให้ชัดเจน

แต่ไม่นึกว่า....แม่จะรับได้ขนาดนี้ ไม่นึก....ว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้
นิวก้มหน้าลง ก่อนจะยกมือขึ้นไหว้แม่ของโจ้และพูดบางสิ่งบางอย่างออกมา

“นิวขอเป็นลูกชายแม่อีกคนนะครับ นิวจะดูแลโจ้ให้ดี ๆ จะไม่ทำให้แม่ผิดหวังครับ”

แม่รับไหว้และแตะมือเบา ๆ ที่ไหล่ของนิว

“ฝากโจ้มันด้วยนะนิวนะ”

ครับ
ผมจะไม่ทำให้ผิดหวังครับ จะดูแลให้ดี ผมสัญญา จะดูแลให้ดีที่สุดเท่าที่คน ๆ หนึ่งจะทำเพื่อใครสักคนได้

“ไอ้กุปปี้ บอกให้ไปหาพ่อมึงไงเล่า พันขาอยู่ได้ เฝ้าบ้าน บอกให้เฝ้าบ้าน”

แค่รู้ว่าโจ้เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองและเดินออกมาจากบ้าน เจ้าหมาตัวโตก็วิ่งเข้าไปคลอเคลียทันที
และนิวก็มองตามคนที่เดินเข้ามาหาและยังบ่นอะไรเรื่อยเปื่อยไม่เลิก

“ไอ้กุปปี้มันชอบพันขาว่ะ แม่....ไปยังแม่”

โจ้โอบไหล่ของแม่ตัวเองและยังบ่นไม่เลิก

“ก็ไปสิ มัวแต่โอ้เอ้ชักช้าอยู่นั่น ชาวบ้านเขาไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว เราก็มัวแต่ช้า”

ยาว

บ่นยาวเลยงานนี้

“โอ้ยยยยยยยยยยยยย ปวดหู แม่บ่น บ่น บ่น บ่น จนโจ้หูชาแล้ว”

ยังงี่เง่างอแงแบบเด็ก ๆ ไปเรื่อย และโอบไหล่พาแม่มาขึ้นรถ

“หาว่าแม่บ่นปวดหู เดี๋ยวจะโดนดี ทำไมเรามันเป็นคนแบบนี้”

ไอ้กองกำลังสนับสนุนแม่งก็ยิ้มจัง แทนที่จะช่วยกูนี่ไม่มีเลยเนอะ ยิ้มลูกเดียว ห่านิว แทนที่จะช่วยกูบ้าง ไม่มีเลยนะมึง

นิวยังคงยิ้มเรื่อยเปื่อย ยิ้มอย่างมีความสุข
แต่โจ้ยังงอแงใส่แม่ไม่เลิก

“แม่รักโจ้ป่ะ”

มันเล่นไม้เดิมอีกแล้ว และแม่ก็ส่ายหน้าและต้องยอมตอบคำถามที่โจ้ถาม

“แม่ก็ต้องรักโจ้สิ ถามอะไรไม่เข้าเรื่อง”

ฟังแล้วมันก็ยิ้ม แค่ยิ้มไม่พอมันยังมีหน้าหันมาถาม

“แล้วนิวรักโจ้ป่ะ”

เป็นการบีบบังคับกลาย ๆ ที่ทำให้นิวอึ้ง ไม่รู้จะตอบยังไง ได้แต่ยืนนิ่งอึ้ง ควรตอบหรือยืนนิ่งเฉยไปดี

“ตอบ ๆ มันไปนิว ไม่งั้นก็จะเพ้อเจ้อแบบนี้ทั้งวัน”

แม่โบกไม้โบกมือและเดินขึ้นรถ
ไม่สนใจว่าลูกชายจะพูดอะไรต่อไป และเป็นนิวที่ถึงกับตาโตและด่าคนที่ถามอะไรไม่รู้จักคิด

“เหี้ยโจ้”

อะไรล่ะ ไม่เห็นมีอะไรซะหน่อย ก็ถามแบบนี้ทุกวัน มึงก็แค่ตอบแค่นั้น

“ไม่ตอบกูฟ้องแม่กูนะ เอาดิ”

ไอ้เหี้ยโจ้ มึงก็คิดได้เนอะ

นิวถึงกับส่ายหน้าและพูดไม่ออก ทั้งอยากจะยิ้มทั้งอยากจะตบกบาลไอ้คนถามที่ไม่รู้จักดูเวล่ำเวลา

“เออ.....รัก...จนอยากจะเบิ๊ดกระโหลกมึงอยู่แล้ว”

ก็แค่เนี้ยะ

“แอ่ะ เขิน เขิน ฮิ้ววววววววววว นิวเขินว่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

แล้วไอ้ตัวกวนประสาทก็เข้าไปอยู่ในรถเรียบร้อยทิ้งให้นิวได้แต่ส่ายหน้าและยิ้มอยู่อย่างนั้น

บางครั้ง สิ่งที่เราสองคนต้องการอาจเป็นเพียงแค่ความเรียบง่ายที่เป็นอยู่ในเวลานี้เท่านั้น
แค่อยากอยู่กับใครสักคนด้วยความเข้าใจ แค่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปเรื่อย ๆ

สำหรับเรา เพียงเท่านี้ ก็มีความสุขที่สุดแล้ว

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.91 นิว-โจ้
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 28-06-2014 15:15:54
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#ภาคพิเศษ นิว-โจ้ ง้อ ง้อ ง้อ (จบเรื่องของนิวกับโจ้แล้วจริง ๆ)

ไอ้โจ้มีตำแหน่งหน้าที่การงานใน บริษัทเกี่ยวกับระบบไอที งานของมันคือเขียนระบบ หน้าอย่างนี้ เขียนระบบได้ ต่อไปน้ำก็คงท่วมหลังเป็ดได้ไม่ใช่เรื่องแปลกแล้วล่ะ

“ทำไมวะ กูทำได้สิ เห็นงี้กูไม่ใช่ธรรมดานะ ท่านรอง”

นี่ก็อีกอย่าง
ท่านรองบ้าบออะไรของมัน การได้เลื่อนตำแหน่งไม่ได้น่าดีใจเท่าไหร่หรอกนะ เพราะมันมาพร้อมกับภาระที่หนักหนาสาหัสขึ้นเป็นลำดับ

“เท่ห์นะมึงเนี่ย”

โจ้ก้มลงมองสภาพตัวเอง แล้วก็นึกขัดเขินขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

ไอ้คนตรงหน้ามันก็ใส่ชุดฟอร์มโรงงานมันนั่นแหละ
แต่กู..........

“สูทเต็มยศเลยนะมึง”

ทำไมวะ ก็กูต้องพรีเซ้นต์กับลูกค้า จะให้กูแต่งตัวบ้า ๆบอ ๆ เหมือนตอนที่อยู่กับมึงได้ไงล่ะ

“ทำไมวะ กูแต่งงี้ไม่ได้...ไง้”

เสียงสูงเลยสัด แล้วทำหน้าเลิ่กลั่กอย่างนั้นไปทำไม ไม่ได้ว่าอะไรนี่

“กิน ๆ ไป อย่าพูดมาก”

อะไรวะ มาถึงก็บังคับกูกินอยู่ได้ แล้วไม่ยอมพูดต่อด้วยนะว่ากูแต่งตัวแบบนี้แล้วมันทำไม

กูรู้สึกแปลก ๆ นะ
แต่งตัวแบบนี้อยู่ต่อหน้าลูกค้ากูก็ไม่รู้สึกอะไรหรอก แต่พอมาอยู่ต่อหน้าไอ้นิวหน้านิ่งเดาอารมณ์ไม่ถูกนี่แหละ
กูไปไม่เป็นเลย

โจ้ใช้ตะเกียบคีบปลาดิบเข้าปาก กินไปเรื่อยๆ ตามองอาหาร มองเลยไปโต๊ะข้าง ๆ มองไปข้างนอก

ทำไมไม่มีคนเลยวะ มีโต๊ะกูอยู่โต๊ะเดียวเนี่ย

มองไปเรื่อยเปื่อย แต่ไม่ทันมองคนที่อยู่ตรงหน้า ว่ามีหลายครั้งที่นิวที่ทำเหมือนเฉย แอบลอบมองหน้าโจ้บ่อย ๆ

มองแล้วก็รีบก้มหน้าก้มตาทำเฉย ทั้งที่หลายครั้งแอบลอบยิ้มด้วยความพอใจ

“โจ้”

เออ

“ว่า”

ใช้ตะเกียบคีบอาหารเข้าปากไปเรื่อย ก้มหน้าก้มตากิน

ไม่อยากจะพูดมาก เดี๋ยวแม่งก็หาว่ากูพูดมากอีก กูพูดก็ไม่ได้ เงียบไปเลยดีกว่า จะได้พอใจแม่งเลย
เหี้ยนิว

“งอนดิ”

“งอนเหี้ยไร”

ตอบออกไปทั้งที่อาหารเต็มปาก กูมีสิทธิ์งอนหรือไง ทำอะไรได้ล่ะ อย่างกูเนี่ยจะไปทำอะไรได้ แล้วแต่ท่านนิวจะเมตตาแหละ อยากทำอะไรกูก็ได้หมดทุกอย่างนี่

เออ กูรักมึง กูยอมมึงทุกอย่างแหละ ทำร้ายจิตใจและเมินเฉยกูซะให้พอ
เอาให้พอใจมึงเลย เหี้ยนิว

“ไม่งอนแต่หน้างอ”

เรื่องของกูเหอะ มึงอย่ามาทำเป็นสนใจหน้ากูหน่อยเลย

“หน้ากูเป็นงี้มานานแล้ว”

ชัดเลยงานนี้

“โดยเฉพาะเวลางอน”

โดยเฉพาะเวลางอนเหี้ยอะไร
เออ
โดยเฉพาะเวลางอนก็ได้ แล้วมึงจะทำไม จะง้อกูหรือไง

“น่ารักนะมึง”

น่ารักเหี้ยอะไร

โจ้เงยหน้าขึ้นทันที และนิวก็รีบใช้ตะเกียบคีบกุ้งเท็มปุระใส่จานให้คนที่ทำท่าจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง

“กูง้อไม่เก่ง มึงก็รู้”

เออกูรู้

“แล้วมึงก็ง้อกูด้วยกุ้งชิ้นเดียวเนี่ยนะ”

ถามออกไป และก็ถือตะเกียบค้างอยู่อย่างนั้น เลิกคิ้วขึ้นสูงและก็มองหน้าของคนที่ทำหน้านิ่งเฉยใส่

“เออ”

เหี้ยยยยยยยยยยยยยย

เชื่อเลยว่ะ กูล่ะเชื่อมึงเล้ยยยยยยยยยยย ง้อกูด้วยกุ้งทอดตัวเดียว
โจ้ส่ายหน้าด้วยความกลุ้ม จะยิ้มก็ยิ้มไม่ออก จะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก

“แฟนกูนี่..........แม่ง....ไม่มีอะไรจะบรรยายเลยจริง ๆ”

บ่น
และมองกุ้งแห่งการง้อด้วยความซาบซึ้งจนยากเกินจะบรรยายความรู้สึก โจ้กำลังทำหน้าเซ็งโลก

แต่นิวกำลังอมยิ้ม มองหน้าของคนที่กำลังทำหน้าเซ็งโลกแล้วก็เริ่มยิ้มกว้างขึ้นเรื่อย ๆ

“ยิ้มห่าอะไรของมึง กูงอนมึงเข้าใจป่ะเนี่ย”

เข้าใจ กูก็ง้อแล้วนี่ไง กุ้งทอดตั้งหนึ่งตัว มึงก็น่าจะหายงอนได้แล้ว

“เอาขิงดองไปด้วยมั้ยจะได้หายงอน”

เหี้ยนิว บ้านมึงดิ เอาขิงดองมาง้อกู

“มึงบ้าป่ะเนี่ย…เหี้ย...”

บ่นไปเรื่อย และนิวก็ตั้งท่าจะใช้ตะเกียบคีบขิงดองใส่จานให้โจ้จริง ๆ

“หยุด ... เหี้ยนิวมึงเลิกง้อกูด้วยวิธีประหลาดแบบนี้ได้แล้ว กูจะประสาทแดก...สัด”

รีบใช้ตะเกียบกดตะเกียบของนิวเอาไว้ไม่ให้คีบขิงดองมาใส่จานและนิวก็ยิ่งยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิม

“กวนตีนชิบหาย…แม่ง”

ทั้งบ่นทั้งหน้างอ แต่คนแกล้งกลับรู้สึกมีความสุขและสนุกอย่างบอกไม่ถูก

ไม่ค่อยมีเวลาว่างได้เจอกัน เจอกันก็นัดกันมาหาอะไรกินด้วยกัน คุยกันบ้าง แกล้งกันบ้าง แต่มันก็เป็นชีวิตเรียบเรื่อยที่มีความสุขดี

“งานเป็นยังไงบ้าง”

เอ่ยถามและโจ้ที่กำลังทำหน้าเซ็งโลกก็เริ่มยิ้มออกมา

“ผ่านสิ ระดับกู อาศัยหน้าตาและคารม ใครไม่รับโปรเจคกูก็โง่เต็มที”

กูว่าคนที่รับโปรเจคมึงนั่นแหละที่โง่

“สงสารคนรับโปรเจคมึงเนอะ”

เหี้ยนิว

“ขัดกูตลอด กูเคยมีอะไรดีบ้างมั้ยเนี่ย ในสายตามึง”

หน้าไปแล้วเรียบร้อย ระดับความงอนเกินล้าน กุ้งทอดกับขิงดองก็เอาไม่อยู่ ต่อให้ยกปลาดิบให้ทั้งหมด ก็คงหายงอนยาก งานนี้อุปกรณ์เสริมไม่ต้อง คงต้องอาศัยคารมล้วน ๆ

“กูอิจฉามึง มึงไปไกล บางทีกูก็กลัวมึงทิ้งกูไว้ข้างหลังคนเดียวว่ะ”

โจ้ที่กำลังงอน หันมามองหน้านิวทันที หลายครั้งที่เป็นแบบนี้ เรื่องเดียวที่จะทำให้เราทะเลาะกันอย่างจริงจังก็มีแค่เรื่องนี้

“กูไม่อยากเดินคนเดียวหรอกนะ”

มองหน้าของคนที่ส่งยิ้มบาง ๆ ให้และโจ้ก็บอกออกไปตามที่ใจคิด

“กูพยายามให้ดีให้เก่ง เผื่อส่วนที่มึงอยากทำแต่ทำไม่ได้ กูพยายามจนมายืนตรงนี้ได้ส่วนหนึ่งก็เพราะมึง”

เหรอ

“มึงก็รู้กูเล่นเกมส์แพ้มึงตลอด.......”

ใช่ มึงเล่นเกมส์แพ้กูตลอด

“กูก็อยากเล่นเกมส์ชนะมึงบ้าง กูจะได้เอาไว้ต่อรองกับมึงเวลากูอยากได้อะไรจากมึง”

โจ้เอ้ยยยย มึงนี่นะ

“มึงทำระบบได้แล้ว แต่มึงก็ยังเล่นเกมส์แพ้กูอยู่ดี”

เออสิ กูถึงต้องพยายามอยู่นี่ไง

“หลงตัวเองชิบหาย กูต้องชนะมึงได้สักวันแหละ”

อืม มึงอยากชนะกูเหรอ

“กูแข่งกับมึงมาตลอด อยู่ดี ๆ จะให้กูยอมแพ้มึงไปง่าย ๆ มันไม่ใช่เรื่องเลยนะนิว”

ก็จริง

“เพราะฉะนั้นตอนนี้กูอาจจะก้าวขาไปไกลกว่ามึงครึ่งก้าว แต่กูก็ประมาทไม่ได้หรอก เดี๋ยวมึงแซงกู มึงร้ายจะตาย ไม่ได้ ไม่ได้ กูยอมมึงไม่ได้”

มันเป็นคำพูดหยอกเย้าที่ทำให้นิวยิ้มออกมาได้

ความกลัวที่จะถูกทิ้งไว้ข้างหลังมันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มันเพิ่มขึ้น......เมื่อรักไอ้โจ้มากขึ้น

“นิว”

อือ

“มึงเคยบอกไว้....กูทำให้มึงเป็นแบบนี้แล้ว ห้ามทิ้งมึงเด็ดขาด”

ใช่ กูเคยพูด มึงยังจำได้อยู่อีกเหรอ

“มึงกลัวอะไรนิว กูไม่ปล่อยให้มึงเดินคนเดียวหรอกนะ”

คำพูดง่าย ๆ แต่จริงจังเมื่อคนพูดจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของนิว จ้องลึกลงไป และอยากสื่อไปให้ถึงภายในใจของคนที่อยู่ตรงหน้า

“แมนสัดเว้ย เมียกู น่าจัดให้สองดอก”

ปากหมาเหมือนเดิม

“เหี้ย แทนที่จะซึ้ง”

โจ้ถึงกับเบะหน้า และเข้าสู่สภาวะปกติเหมือนเดิมคือ ……งอน……

“โหหหหหหหหหห งอน งอน มีงอน”

เออสิ

“ก็มึงอ่ะ”

ทำไมล่ะ กูเป็นยังไง กูก็เป็นกู จะให้กูเป็นอะไร

“กูทำไมวะ....กูก็แฟนมึง”

เหี้ย
อย่ามาพูดแบบนี้เหอะ กูจะลอยแล้วเนี่ย ชอบฟังมึงพูดแบบนี้จริง ๆ กูอยากฟังวันละร้อยรอบเลย

“งอน แต่เสือกยิ้ม อะไรของมึ้งงงงงงง โจ้”

อาร้ายยยย ไม่มีอะไร ก็กูชอบฟัง มึงก็พูดไปสิ กูชอบฟัง มึงก็พูดไปเล้ยยยย พูดไปเรื่อย ๆ
อยากฟังอะไรทำนองนี้ไม่ใช่จะได้ฟังง่าย ๆ ต้องให้ท่านนิวครึ้มอกครึ้มใจจริง ๆ แม่งถึงจะยอมพูดออกมาบ้าง
ไม่ดีใจตอนนี้จะให้ดีใจตอนไหน

“เอ้า ยิ้มอยู่นั่น กุ้งนี่ไม่ต้องกินแล้วมั้ง มานี่กูกินเอง”

ได้ไง กุ้งของกู

“มึงเอามาง้อกูแล้ว”

รีบจัดการคีบกุ้งเข้าปากทันที และเคี้ยวกินอย่างเอร็ดอร่อย และนิวก็ได้แต่นั่งยิ้ม มองหน้าของโจ้แล้วก็ยิ้ม
มีความสุข เวลาที่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ เวลาที่ได้ใช้ด้วยกันเรื่อย ๆ กินข้าวด้วยกัน คุยกัน งอนกันบ้าง โกรธกันบ้าง ง้อกันบ้าง เป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ก็มีความสุขดี

“อยากจับมือมึงว่ะโจ้”

อะไรของมึง บทจะทำกูเขินมึงก็ทำได้หน้าตาเฉยเนอะ

“ไม่จับล่ะ”

เหลือบสายตามองไปรอบ ๆ ตัว และก็หันมามองหน้าของคนที่บอกว่าอยากจับมือในเวลานี้

“จับได้ป่ะวะ มึงจะจับป่ะล่ะ”

เอ่ยถามทั้ง ๆ ที่กล้าๆ กลัว ๆ และโจ้ก็วางมือไว้บนโต๊ะอาหาร
วางเอาไว้และยังคงมองไปรอบ ๆ ตัวว่ามีใครสังเกตสิ่งที่กำลังทำอยู่หรือเปล่า

“ไม่เอาดีกว่า”

สัด

อะไรของมึงอีกเนี่ย เหี้ยนิวเล่นกูอีกแล้ว กูอุตส่าห์หาจังหวะ เสือกบอกไม่เอาเนี่ยนะ

“แม่ง”

บ่นออกมาเสียงเบา และนิวก็หัวเราะออกมาเมื่อเห็นโจ้ทำท่าหงุดหงิดงี่เง่าใส่

“หัวเราะ....หา.......พ่.......อื้ออ..อ่ะ”

เหี้ยยยยยยยยยยยยย
โจ้รีบยกหลังมือขึ้นเช็ดปากตัวเองอย่างรวดเร็ว มองซ้ายมองขวาเลิ่กลั่ก ดวงตาเบิกกว้าง เพราะกลัวจะมีใครเห็น

“เหี้ยนิววววววว”

เสียงสูง แต่พูดไม่เต็มเสียง อยากจะกระโดดถีบยอดหน้าไอ้คนที่นั่งหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดี
เล่นเหี้ยอะไรของมึง ไม่อายหรือไง สมัยนี้เปิดกว้างแล้วก็จริง แต่ทำอะไรประเจิดประเจ้อขนาดนี้ ชาวบ้านได้ด่ากันตายห่า

“วันนี้มึงบอกว่าจะไปพรีเซ้นจ์โปรเจคแรกของมึง กูรู้มึงทำได้ กูเลยพามึงมาฉลอง มุมนี้มีแต่มึงกับกูแหละ แพงหน่อยแต่มึงได้โปรเจคแรกทั้งที กูว่าก็คุ้มอยู่”

ว่าไงนะ

“กูเปิดหาร้านตั้งแต่อาทิตย์ก่อน ร้านนี้ดีนะ มันก็โอเคอยู่สำหรับการฉลองกันสองคน”

มึงบ้าป่ะเนี่ย

“กูไม่ค่อยชมมึงบ่อย ๆ แต่มึงดูดี มึงหล่อขึ้น มึงน่ามองที่สุดสำหรับกู ข้อดีของมึงมีเยอะแยะ ที่กูไม่ชมไม่ได้แปลว่ามึงไม่ดี”

อะไรของมึงเนี่ย

“อยากจับมือมึงว่ะโจ้”

ไม่ใช่แค่พูด แต่นิวลุกขึ้นและยื่นมือไปดึงมือของโจ้มากุมเอาไว้ กุมแน่น และโจ้ก็ได้แต่ยิ้ม
พูดไม่ออก ได้แต่ยิ้ม นิวมันไม่ค่อยแสดงความรู้สึกอะไรมากมาย แต่ถ้ามันจะทำแปลว่าสิ่งที่มันทำต้องดีที่สุด
ไอ้ที่บรรยากาศมันดีขนาดนี้ ทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมสำหรับการพลอดรักขนาดนี้ ก็คงเป็นมันนั่นแหละคงวางแผนเอาไว้หมดแล้ว

“หวานพอมั้ย”

พอสิ ยิ่งกว่าพออีก

“เหี้ยนิวแบบนี้ก็หวานไป๊”

ก้มหน้าก้มตายิ้ม และโจ้ก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก ได้แต่เงยหน้าขึ้นมองหน้าของนิวและก้มลงอมยิ้มเป็นพัก ๆ

“ได้อารมณ์จีบกันใหม่ ๆ เลยว่ะห่า”

เออสิ

“แล้วชอบมั้ยล่ะ”

ชอบสิ

“โคตรชอบ”

ตอบแบบนี้มันค่อยคุ้มกับที่กูนั่งคิดนอนคิดแผนการออกเดทหน่อย

“ตอบแทนกูด้วยนะ”

ห๊ะ อะไรวะ ต้องตอบแทนด้วยเหรอ ไม่ตอบแทนไม่ได้หรือไง หวังผลนี่หว่า
โจ้แกล้งทำหน้างอ แต่ยังอมยิ้มเล็ก ๆ และก็พยักหน้าช้า ๆ

“เออ”

ดีมาก

“มึงได้วันหยุดเมื่อไหร่เราไปเสม็ดกัน”

สัด

“ไปทำเหี้ยอะไร”

ยิ้ม แต่ก็ด่า กูรู้หรอกมึงจะไปทำอะไร

“ระลึกถึงวาระการเสียตัวครั้งแรกของมึงมั้ง”

เหี้ยนิว

“กูเทิร์นโปรนานแล้วเหอะสัด”

เหรอ

“จริงดิ”

เออ

“ไม่จริงมั้ง”

แน่ะ

“กลับบ้านแล้วขอพิสูจน์หน่อยซิ”

หาเรื่องอ้อมโลกก็เพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะแหละมึงอ่ะ

“จัดไป”

กล้าพูด

“จัดหนักนะ”

ก็แล้วแต่มึงจะจัด

“เอออออออออออออ”

โจ้ตอบกลับและหัวเราะน้อย ๆ และนิวก็ก้มหน้าก้มตาขำสิ่งที่อีกฝ่ายพูด

“แฟนใครวะ น่ารักจริง”

“แฟนมึงไง”

เหี้ยโจ้ ไม่ปล่อยเลยเนอะ จะทำกูขำตายอยู่แล้วนะ

“ครับ ครับ.....แฟนกูก็แฟนกูมึงนี่แม่ง......น่ารักจริงจริ๊งงงงงงงงงง”

ก็แน่ล่ะ มึงต้องบอกว่ากูน่ารักอยู่แล้ว

“พูดอีกสิ”

พูดอะไร ไม่พูดแล้ว

“พูดเยอะ ๆ กูชอบฟัง”

อะไรของมึง ไม่พูดแล้ว พูดแค่นี้ก็พอแล้ว

“นิวววววววววววววว”

อย่าโจ้ มึงอย่ามาทำเสียงแบบนี้ แล้วก็ไม่ต้องมาทำหน้าอ้อนกูแบบนี้

“พูดอีก”

“พอแล้ว”

ไม่เอาดิ

“พูดอีก”

“พูดอะไรวะ”

อะไรก็ได้ พูดมาอีก พูดแบบที่พูดเมื่อกี้ พูดอีก กูชอบฟังกูอยากฟังเยอะ ๆ

“แบบเมื่อกี้”

เออ แล้วจะตั้งใจฟังห่าอะไรขนาดนี้ล่ะ

“มึงน่ารัก”

“อีก”

อะไรล่ะ

“มึงน่ารัก”

เออ

“อีก”

“มึง.........น่ารัก”

พอแล้วมั้ง

“กูรักมึงอะนิว”

เออ นั่นกูรู้แล้ว รู้ตั้งนานแล้ว ไม่ต้องยิ้มขนาดนั้นก็ได้ รู้ตลอดแหละ ว่ามึงรักกู กูรู้ตลอดว่ามึงรักกู รู้อยู่เสมอ และจำได้เสมอ ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหน กูก็จำได้

“.....เหมือนกัน.....”

Fin...
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.91 นิว-โจ้
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 28-06-2014 15:48:02
เหมือนกัน :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.91 นิว-โจ้
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 28-06-2014 16:12:39
 :hao5:ในที่สุดพี่หยกก็กลับมาหากัสซักที
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.91 นิว-โจ้
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 28-06-2014 16:20:44
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#ภาคพิเศษ เรื่องที่ทำให้น้าขจรครุ่นคิด

“สมัยนี้โลกเปลี่ยนไปแล้ว ผู้ชายกับผู้ชายอยู่ด้วยกันเยอะแยะ คนรักกัน จะเพศไหนมันก็ไม่สำคัญหรอก ช่วยกันทำมาหากินไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใครก็พอแล้ว เผลอ ๆ ดีกว่าผู้หญิงผู้ชายบางคู่อีก”

น้าขจร รับเอกสารที่ต้องส่งมาใส่กระเป๋าเอกสาร และครุ่นคิดตามสิ่งที่เพื่อนร่วมงานที่เป็นคนจัดเอกสารให้ตลอดหลายปีที่ผ่านมาพูดให้ฟังอยู่เสมอ

“หนูไม่คิดอะไรมากนะน้า ยอมรับความจริงว่ายุคนี้อะไรก็เป็นไปได้หมดทุกอย่าง เราต้องเข้าใจและเปิดใจ”

น้าขจรอยากจะเข้าใจโลกยุคใหม่ที่เปลี่ยนไป
แต่มันก็ยากเกินกว่าจะเข้าใจจริง ๆ คนในยุคของน้าขจรไม่รู้จักเกย์ รู้จักแต่กระเทย หรือชายที่มีท่าทางเป็นผู้หญิงและมีจิตใจอยากเป็นผู้หญิง

สิ่งที่หญิงสาวพูดให้ฟัง มันจึงยากเกินจะทำความเข้าใจได้จริง ๆ

“ฟ้าคงผ่าตายห่ากันบ้างล่ะงานนี้”

น้าขจรบ่นพึมพำเสียงเบา และปิดกระเป๋าเอกสาร และหญิงสาวผู้จัดคิวการส่งก็หัวเราะออกมาเสียงเบา

“ถ้าฟ้ามันจะผ่าจริง คงผ่าร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำที่หนูฝากน้าซื้อบ่อย ๆ แล้วมั้ง นั่นก็เห็นช่วยกันขายของ ตั้งแต่แฟนเขายังเรียนหนังสืออยู่เลย จนป่านนี้ก็ยังเห็นช่วยกันอยู่ เขาไม่ได้ไปทำความเดือดร้อนเสียหายให้ใคร เราต้องเปิดใจน้า ยุคนี้ โลกมันไร้กฎเกณฑ์แล้ว”

น้าขจรได้แต่พยักหน้า และถอนหายใจยาวเหยียด
เรื่องบางอย่างมันยากจะยอมรับและทำความเข้าใจได้ง่าย ๆ น้าขจรไม่เข้าใจ แม้จะอายุล่วงเลยมาในวัยนี้แต่สิ่งที่เห็นอยู่ทุกวันน้าขจรไม่รู้จะจัดการยังไงจริง ๆ

ลูกชายไม่เหมือนคนอื่น แน่นอนว่ามันมีผลมาจากความผิดปกติบางอย่างที่น้าขจรเพิ่งได้รู้เมื่อไม่นานมานี้

รู้วิธีประคับประคอง แต่ไม่มีวิธีรักษา ต้องปล่อยให้เป็นไปและหวังว่าอาการแบบที่เคยเป็นอยู่จะดีขึ้นเรื่อย ๆ

และมันก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ จริง ๆ ดีขึ้นมาก จนถึงขนาดที่ในเวลานี้ไอ้กัสมันสามารถจดของที่ลูกค้าสั่งได้แล้ว

จดผิด ๆ ถูก ๆ บ้าง แต่ก็ดีกว่าเมื่อก่อนเยอะมาก

ความดีความชอบทั้งหมด ก็คงต้องยกให้ไอ้หนุ่มคนนั้น

ตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอ วันที่มันแวะเวียนมาที่บ้าน
สิ่งที่น้าขจรเห็น คือ เพื่อนคนนี้ของไอ้กัส ดูแตกต่างไปจากคนที่เคยเจออยู่บ่อย ๆ

ผิวพรรณหน้าตา กิริยาท่าทาง แม้กระทั่งการศึกษาก็ดูดีไม่น้อย

มันน่าแปลกใจ ถามไปถามมาก็ถึงได้รู้ว่าเป็นเพราะอะไรถึงได้รู้จักกัน

สิ่งสำคัญไปกว่านั่นไม่ใช่แค่เรื่องพื้นฐาน

แต่เป็นความอดทนอย่างเหลือเชื่อ และความเสมอต้นเสมอปลายของไอ้หนุ่มนั่น

ไปมาหาสู่อยู่เสมอ
ดูแลไอ้กัสดี ดูแลดีมากจนนึกแปลกใจว่าทำไมถึงได้ดูแลดีขนาดนั้น

ดึกดื่นแค่ไหน ถ้าเลิกงานจะต้องแวะมาหา มาสอนหนังสือแค่วันละเล็กละน้อย ก็ยังอุตส่าห์มา

วันที่ได้หยุด ก็ยังพาไปทำกายภาพ จนทุกวันนี้แทบใกล้เคียงกับคนปกติทั่วไป

จะมีก็แค่บางครั้ง ลูกชายต้องนึกคำพูดบางอย่างที่ยาก ๆ อยู่นานกว่าจะพูดออกมาได้ แต่ก็นับว่าดีมากที่สุดแล้ว

เพราะความดีของไอ้หนุ่มนั่น ทำให้ในเวลานี้แม้จะอยากปฏิเสธสิ่งที่คิดมาเสมอ และกันให้ห่างออก แต่ก็ยากเกินกว่าจะทำได้เสียแล้ว

น้าขจรครุ่นคิดอยู่นาน
ความสัมพันธ์ที่เมื่อผ่านไปนานวันเข้า ก็รับรู้ได้ว่าทั้งลูกชายและคนที่มาคอยดูแลอยู่ไม่เคยห่างไม่ใช่แค่รักใคร่กันในฐานะพี่ชายน้องชาย

แต่มันมากกว่านั้น
และสังเกตได้ไม่ยากเลย แม้ว่าจะไม่มีการแสดงท่าทางประเจิดประเจ้อ แต่ก็ไม่ยากที่จะเข้าใจ

มันดีหรือมันไม่ดีกันแน่วะ

น้าขจรได้แต่ขมวดคิ้วมุ่นครุ่นคิดเรื่องราวบางอย่างไปต่าง ๆ นานา ก้าวขาเดินเรื่อยไปจนถึงรถมอร์เตอร์ไซด์คันเก่าที่ใช้ทำงานมาหลายปี

สมองยังไม่สามารถหยุดความคิดได้
สุดท้ายได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ และสตาร์ทมอร์เตอร์ไซด์ขับออกไปส่งเอกสารเหมือนทุกวัน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.91 นิว-โจ้
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 28-06-2014 16:21:15
สตาร์ทเท่าไหร่ แต่ก็ไร้ประโยชน์ เช็คดูคร่าว ๆ แล้วก็ไม่เห็นความผิดปกติอะไร

สุดท้ายน้าขจรก็ได้แต่เข็นมอร์เตอร์ไซด์ไปตามถนนที่นาน ๆ จะมีรถผ่านมาสักคัน

มันเป็นถนนลาดยางเข้าเขตพื้นที่รอยต่อจังหวัดใกล้เคียง
ขี่มอร์เตอร์ไซด์มาไกล หลายครั้งก็เคยมีกรณีแบบนี้ แต่ไม่นึกว่าคราวนี้จะเป็นคราวซวย

จะขอความช่วยเหลือใครก็นึกไม่ออก
ไม่อยากจะรบกวนใครเลยจริง ๆ

น้าขจรเข็นมอร์เตอร์ไซด์มาตามทาง แดดในเวลาเที่ยงวันร้อนจนเหงื่อไหลหยดเป็นทาง
มันคงเป็นคราวซวยจริง ๆ

แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้

เข็นรถไปเรื่อย ๆ และเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นจากในกระเป๋าเสื้อก็ทำให้น้าขจรต้องหยิบขึ้นมาดู เพื่อดูว่าเป็นหมายเลขของลูกค้าที่รอให้ไปส่งเอกสารหรือเปล่า

แต่เมื่อดูแล้วก็รู้ว่าไม่ใช่

“ฮาโหล เอ้อ ว่าไงล่ะหยก”

กรอกเสียงไปตามสาย และหยุดเข็นรถ เพื่อหลบแดดที่ใต้ร่มไม้

“พ่อเหรอครับ ช่วงเย็นผมจะแวะเข้าไปครับ พอดีกัสบอกว่าพ่ออยากได้แว่นใหม่ เพราะอันเก่าเริ่มมัว ๆ แล้ว เย็นนี้พ่อจะเข้ามากี่โมงครับ เดี๋ยวจะได้แวะไปร้านแว่นกัน”

น้าขจรกำลังยืนนิ่งอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน
ไม่รู้จะตอบยังไงดี
เหมือนญาติมิตร เหมือนลูกชายอีกคนไปแล้ว พูดคุยกันได้เป็นเรื่องธรรมดาที่สุด ถ้าตอนนี้ต้องตัดคนดี ๆ แบบนี้ออกไป น้าขจรไม่รู้ว่ามันจะดีหรือไม่ดีกันแน่

“เออ พ่อคงเข้าไปดึกหน่อยล่ะ รถมอร์เตอร์ไซด์มันจอดตายอยู่ สงสัยคงจะค่ำเลย”

ตอบกลับไปแล้ว และหยกที่อยู่ในระหว่างพักครึ่งการทำงานก็ขมวดคิ้วมุ่น

“ที่ไหนครับพ่อ”

น้าขจรไม่ได้คิดอะไรเลยสักนิด ตอบออกไปง่าย ๆ
และในนาทีถัดมา ก็ได้ยินเสียงจากปลายสายตอบกลับมา

“อ๋อ แถวนั้นผมรู้จัก เดี๋ยวอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงครับพ่อ เดี๋ยวผมไปถึง พ่อจอดรออยู่ตรงนั้นนะครับ แค่นี้ก่อนนะครับเดี๋ยวผมไปรับ”

น้าขจรได้แต่นิ่งงันกับคำตอบที่ได้รับ ไม่ทันได้พูดอะไร
ไม่ทันได้เอ่ยห้าม เพราะความเกรงใจไม่อยากสร้างความลำบากให้

แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่และทำได้แค่จอดรถรออยู่ที่ใต้ร่มไม้

สมัยนี้ อะไรก็เปลี่ยนไปแล้ว ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องคู่กับผู้ชายอีกต่อไป

น้าขจรไม่อยากจะยอมรับเลยสักนิด ถึงความสัมพันธ์ที่ผิดไปจากปกติของลูกชาย และชายหนุ่มที่เข้ามาช่วยเหลือดูแลมากกว่าสามปีที่ผ่านมา

มันยากที่จะทำใจยอมรับได้
มันยากที่จะยอมรับความเป็นจริงที่เห็นอยู่ทุกวัน

ถ้าเปิดใจ เข้าใจ และตัดอคติออกไป
หรือบางที การที่ไอ้หนุ่มนี่มาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวมันก็อาจจะเป็นผลดีมากกว่าผลเสียก็เป็นได้

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.91 นิว-โจ้
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 28-06-2014 16:22:05
ตลอดบ่ายนั้น ไม่ว่าจะเป็นธุระเรื่องการซ่อมรถ
การส่งเอกสารให้เป็นไปตามกำหนด และแม้กระทั่งการพาน้าขจรไปร้านตัดแว่น หยกก็เป็นธุระจัดการให้ทั้งหมด

น้าขจรได้แต่ยอมรับให้หยกช่วยทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างลุล่วงไปด้วยดี

จนกระทั่งตรวจวัดสายตาเสร็จและอยู่ในระหว่างรอรับแว่นในอีกสามชั่วโมงข้างหน้า

น้าขจรก็เลยได้มีโอกาสนั่งพูดคุยกับหยกจริง ๆ สักที

“รถจะได้อีกไม่เกินสองวันครับพ่อ ระหว่างนี้เดี๋ยวผมหารถให้พ่อวิ่งส่งเอกสารไปก่อนแล้วกันนะครับ”

จะเรียกว่าอะไรดี

มันคือความเสมอต้นเสมอปลาย เคยดียังไงก็ดีอย่างนั้นไม่เคยเปลี่ยน เคยช่วยเหลืออย่างไร ก็ช่วยเหลืออย่างนั้นมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นธุระเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่

หยกก็ช่วยจัดการให้หมดทุกอย่าง
แม้กระทั่งเรื่องลูกชาย

“หยก พ่อขอบใจมากนะ”

ไม่เป็นไรครับ

“มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว”

หน้าที่เหรอ หน้าที่อะไรกัน หน้าที่ที่ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบดูแลขนาดนี้ก็ได้ แต่หยกก็ทำให้หมดทุกอย่าง ไม่ใช่แค่ลูกชาย แต่เผื่อแผ่ไปถึงคนที่บ้าน

คนดี ๆ แบบนี้จะไปหาที่ไหนได้

“พ่อครับ ผมว่าส่งเอกสารมันค่อนข้างเสี่ยงนะ ผมไม่อยากให้พ่อทำงานที่ค่อนข้างเสี่ยงขนาดนี้ อาเขาก็อยากให้พ่อหยุดแล้ว ผมก็คุยกับกัสแล้วอยากให้พ่อหยุดดีกว่า”

จะให้หยุดยังไง
อาชีพนี้ทำมาตั้งแต่หนุ่มจนแก่ จะให้เปลี่ยนไปทำอย่างอื่นคงไปไม่รอด

“กัสมันบอกว่า พอมีเงินเหลือเก็บจากร้านบ้างแล้ว แล้วพ่อก็พอจะเย็บผ้าได้ พื้นที่ตรงหน้าบ้านเอาจักรมาลงสักตัว ก็เย็บผ้าปะผ้าเป็นรายได้ได้ดีกว่าส่งเอกสาร พ่อคิดว่าไงครับ ทำงานที่บ้าน ไม่ต้องเสี่ยงด้วย อย่าหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย กัสมีแค่พ่อกับอานะครับ ทุกวันมันก็กังวลตลอด กลัวไปสารพัด ที่พูดแบบนี้เพราะเราห่วงพ่อนะครับ”

แบบนี้คงเรียกว่ากล่อม
และเป็นการกล่อมที่น้าขจรยากจะปฏิเสธได้ซะด้วย

แต่มันจะดีแน่แล้วเหรอแบบนี้

“ก็จะลองดูแล้วกันนะ”

น้าขจรไม่ใช่คนหัวรั้น มีเหตุมีผลมากพอ ประสบการณ์ที่ผ่านมาเพราะขาดความรู้และความเข้าใจกับเรื่องบางอย่าง ทำให้พลาดพลั้งและเสียโอกาสไปสิ่งเหล่านี้สอนให้น้าขจรใช้เหตุผลมากกว่าการตัดสินเพราะอารมณ์

“เออ.....หยก…..พ่อว่าจะถามหลายครั้งแล้วแต่ไม่ได้ถามซะที”

มีความอึดอัดภายในใจ และบางทีน้าขจรก็อยากจะตัดความอึดอัดนี้ออกไปซะที

“ครับ ถามได้เลยครับพ่อ”

ตั้งใจฟังเป็นอย่างดี และน้าขจรก็มองหน้าของคนอ่อนวัยกว่า มองตรง ๆ ก่อนจะเอ่ยถามบางอย่างที่ค้างคาใจมานาน

“หยกอย่าโกหกพ่อนะ หยกเป็นคนดี พ่อไม่อยากให้หยกเสียโอกาสที่ดี ๆ ไป ไอ้กัสมันไม่เหมือนคนอื่น แล้วมันก็เป็นผู้ชายด้วย หยกจะรักมันเห็นมันเป็นน้องไปตลอดได้มั้ย”

น้อง.....

น้องเหรอ

แค่ได้ฟัง หยกไม่ได้โง่ขนาดที่จะแปลไม่ออกว่าสิ่งที่น้าขจรต้องการจะบอกคืออะไร

ก้มหน้าลงเล็กน้อย และหยกก็ยิ้มบาง ๆ
สามปีมานี้ อยู่ในขอบเขตที่ควรจะเป็นมาตลอด ทำใจไว้ตั้งนานว่าวันหนึ่งอาจจะถูกตั้งคำถามแบบนี้ และเตรียมคำตอบเอาไว้เสมอ หากต้องถูกถาม และวันนี้คำตอบที่เตรียมเอาไว้ก็ได้ใช้จริง ๆ

“พ่อครับ......กัสเป็นน้องผมเสมอ ตลอดห้าปีมานี้ตั้งแต่ได้รู้จักกัน ไม่มีวันไหนที่ผมจะไม่ห่วงมัน......ผมรู้ว่าพ่อไม่อยากให้ผมกับกัสเป็นไปในแบบที่สังคมตัดสินว่าผิด แต่พ่อครับ......หลายครั้งผมก็อดคิดไม่ได้... การที่ผมอยากจะดูแลคนสำคัญของผมให้ดีที่สุดไปตลอดชีวิต ทำไมพวกเราต้องถูกสังคมตัดสินว่ากำลังทำสิ่งที่ผิดด้วยครับ”

น้าขจรได้แต่นิ่งเงียบ ฟังสิ่งที่หยกพูด

คำพูดเรียบเรื่อย แม้คนพูดจะมีสีหน้าเศร้าสร้อย แต่ก็ยังยิ้มออกมาบาง ๆ ในเวลาตอบคำถามข้อนี้

“ผมเข้าใจครับพ่อ ผมเข้าใจดี และก็ไม่คิดจะดื้อรั้นหรือต่อต้านอะไร ผมแค่อยากดูแลกัสไปเรื่อย ๆ แบบนี้ครับ ผมขอแค่โอกาสให้ได้ดูแลกัสได้หรือเปล่าครับ”

น้าขจรได้แต่นิ่งเงียบ
ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เพราะไม่รู้ว่าบางสิ่งที่สังคมตัดสินว่าผิด แท้ที่จริงมันผิดหรือเปล่า

ทั้งที่ก็เห็นอยู่แล้ว ว่าไม่ได้ผิดเลย ถ้ามองกันด้วยเหตุและผล
และคิดดูโดยไม่ใช่อคติ แท้จริงแล้วก็ไม่มีอะไรผิดเลยอย่างที่หยกว่าจริง ๆ แล้วจะให้น้าขจรตอบออกไปว่ายังไง

เรื่องจะให้ยอมรับกันตรงๆ บางทีคนสมัยเก่าอย่างน้าขจรก็ไม่อาจจะทำใจยอมรับได้ง่าย ๆ เหมือนกัน

“ไอ้กัสมันชอบกินขนมปังลูกเกด ตอนเด็ก ๆ แม่มันซื้อให้กินบ่อย ๆ เห็นเป็นไม่ได้ ร้องไห้งอแงให้แม่มันซื้อให้ตลอด”

ครับ
นั่นผมก็พอจะรู้อยู่บ้าง บางทีกัสมันก็บอกว่าไม่ใช่คนเรื่องมากแต่เลือกอะไรให้กินมันก็บอกว่าไม่เอา ไม่กินตลอด

เรื่องนั้นทำให้ผมหัวเราะอยู่บ่อย ๆ ครับ

“ถ้ายังไงนะ พ่อจะรอเอาแว่นอยู่ตรงนี้ หยกช่วยซื้อไปฝากไอ้กัสมันหน่อยนะ.....ซื้อให้มันหน่อย.....ซื้อขนมให้มันกินบ้าง ช่วยสอนหนังสือให้มันบ้าง.......ฝากหน่อยนะหยก...ดีที่หยกช่วย.....พ่อก็....ขอบใจแล้วก็ดีใจ....ที่ไอ้กัสมันมีคนมาดูแลแล้วก็เข้าใจมัน........เห็นแบบนี้แล้ว....พ่อก็คงหายห่วงได้ซักที”


Fin…
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.91 ภาคพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 28-06-2014 16:38:44
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#ภาคพิเศษครอบครัวเล็ก ๆ ของเรา

ครั้งแรกที่มาบ้านของใครบางคนที่เมื่อก่อนแม้จะอยากเข้าใกล้แค่ไหน แต่มันก็ไม่เคยให้ก้าวล่วงเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของมัน

พื้นที่ในส่วนที่กัสเคยใช้อยู่คนเดียว และไม่มีหยกอยู่ข้าง ๆ

“นั่ง...ก่อน...นะ”

ท่าทางขัดเขิน และไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไง มันทำให้หยกยิ้มออกมา

กัสมันดูลุกลี้ลุกลนแปลก ๆ
ไม่ได้เจอกันนานอยากกอดให้สมกับที่คิดถึงหรอกนะ
แต่ที่นี่ คงไม่ได้ แม้อยากจะรั้งเข้ามากอดมากแค่ไหน

แต่นี่ไม่ใช่พื้นที่เฉพาะสำหรับเราสองคนที่จะมาทำอะไรตามใจตัวเอง

“แล้วคนบอกให้นั่งไม่นั่งเหรอ”

เอ่อ.....นั่ง....ก็ได้แต่ว่า...

“จะไป...ยกน้ำ...มา...”

มันยากเวลาที่ต้องพยายามพูดออกมาแต่ละคำ โดยการที่สมองต้องเค้นคำพูดเพื่อให้เป็นประโยค สำหรับใครหลายคนที่พูดจาได้อย่างปกติคงไม่คิดอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำ

แต่สำหรับกัส...แต่ละคำที่พยายามจะพูด แต่ละคำที่พยายามจะบอก....มันยากเหลือเกิน

และหยกก็เข้าใจดี

“ไม่เป็นไร เราไปนั่งเถอะ เดี๋ยวพี่จัดการให้”

ยิ้ม และลุกขึ้นเดินเข้าไปหาคนที่ยังมีท่าทีขัดเขินให้เห็นอย่างชัดเจน

“ไปนั่งเร็ว”

ไปนั่งก็ได้
กัสเดินมานั่งและมองไปที่คนที่เดินไปหยิบแก้วน้ำที่คว่ำไว้ในชั้นวางและเปิดตู้เย็นรินน้ำจากขวด และถือมาวางให้กัสที่นั่งรออยู่

นั่งรอ

และต่างฝ่ายต่างก็มองหน้ากันเงียบ ๆ

เราเคยไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้ แต่เราไม่เคยอยู่ในสถานที่ที่เป็นพื้นที่ของเราเอง โดยมีอีกฝ่ายเข้ามาอยู่ด้วย

สำหรับกัสมันเป็นเรื่องแปลกใหม่
และสำหรับหยก ความแปลกใหม่นี้เป็นสิ่งที่ดี เป็นพัฒนาการที่ดี ที่เคยคิดและหวังมาตลอดและหยกก็รู้สึกดีใจมากที่วันนี้หยกได้ก้าวเข้ามาและได้เห็นว่า

..........กัสยอมให้เข้ามาในโลกใบเล็ก ๆ ที่เป็นพื้นที่ส่วนตัวแล้ว......

“พี่...ยิ้ม....ทำ...ไม”

ยิ้มสิ

เป็นใครก็ต้องยิ้ม กัสไม่รู้เหรอว่านี่มันเหมือนความฝันเลยนะ สิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นได้ แต่มันเกิดขึ้นจริง ๆ แล้วในเวลานี้

“ยิ้มสิ....ได้มองหน้ากัสแบบนี้ พี่ก็ต้องยิ้มสิ”

บอกออกไปตามตรง รอยยิ้มหวาน ๆ นุ่มละมุน และอบอุ่นส่งไปถึงหัวใจของคนที่ต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการรอคอย

เพื่อที่จะได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง

“กัส....เราอย่าคิดและทำอะไรอย่างที่เคยทำอีกเลยนะ ถ้าพี่ไม่มีกัสอยู่....ชีวิตที่อยู่ต่อไปของพี่ มันก็ไร้ความหมาย”

ดวงตาที่จ้องมองมา มีแต่ความจริงจัง ฉายแววแห่งความรู้สึกที่อยู่ส่วนลึกของหัวใจออกมาทั้งหมด
ความกลัวมันกัดกร่อนหัวใจ

เสียน้ำตาไปกี่ครั้งกับเรื่องที่เกิดขึ้น และหัวใจคนเราไม่ได้เข้มแข็งมากพอที่จะรับเรื่องเลวร้ายได้ทุกอย่าง

“ถ้าพี่ต้องเสียเราไป พี่คงใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างทุกข์ทรมานที่สุด”

ก้มหน้าลง
ตั้งใจฟัง
มีอะไรให้คิดได้อีกนะ สิ่งที่ทำลงไป ในวันที่คิดว่าชีวิตไร้ความหมาย อยู่หรือตายต่างกันที่ตรงไหน

แต่วันนี้ถึงเพิ่งรู้
รู้ซึ้งเป็นอย่างดี ว่าชีวิตที่เคยไร้ความหมายสำหรับเรา
แต่สำหรับคนที่รักและปรารถนาดีกับเรา

ชีวิตเรามีค่ามากที่สุด

“ขอ...โทษ”

ได้แต่สำนึกผิด และก้มหน้านิ่งอยู่อย่างนั้น

จริง ๆ นะ รู้สึกผิด รู้สึกผิดมาก และขอบคุณสิ่งที่อาจเรียกว่าปาฏิหาริย์
ที่ทำให้ยังมีชีวิตอยู่รอดได้จนถึงวันนี้ เพื่อที่เราจะได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง

หลังจากที่เราต่างต้องผ่านช่วงเวลาที่ยาวนานของการรอคอย

รอเพื่อจะเติบโตขึ้น

รอเพื่อจะได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง

รอ...

“กัส”

อือ

เงยหน้าขึ้นมองหน้าของคนที่ส่งยิ้มมาให้เสมอ
หยกเป็นแสงสว่างที่เห็นได้ชัดเจนไม่ว่าเวลาไหนตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกัน จนกระทั่งวันนี้ หยกก็ยังเป็นแสงสว่างของชีวิตไม่เปลี่ยนแปลง

“พี่ต้องขอโทษกัสมากกว่า อะไรที่พี่ทำ มันโง่เง่า จนพี่ต้องด่าตัวเองหลาย ๆ ครั้ง”

อย่าด่าตัวเองเลย
หยกดีเสมอ
หยกเป็นคนดีที่ที่สุดในชีวิต อย่าด่าตัวเองเลยนะ

“ไม่...ให้...ด่านะ”

หากมีคำนิยามคำว่าน่ารัก ว่าหมายถึงอะไร หยกอยากจะบอกว่าสิ่งที่กัสเป็นอยู่ในเวลานี้ คงเป็นหนึ่งในนิยามของคำว่า “น่ารัก”
อย่าก้มหน้าก้มตาทำหน้าหงอยเหงาแบบนั้น
และอย่าเงยหน้าขึ้นทำหน้าตกใจและมีสีหน้าลำบากใจขนาดนั้นเวลาที่พูดจาเพื่อปกป้องใครสักคน เช่น ...ไม่ให้ด่า..นะ

ไม่ให้ด่าใครล่ะกัส

ไม่ให้ด่าได้ยังไงก็พี่มันโง่เง่าบ้าบอ จะไม่ให้พี่ด่าตัวเองได้ยังไง

“ปกป้องทำไม ปกป้องไอ้หยกคนแย่ ๆ ในอดีตทำไม พี่ที่อยู่ในปัจจุบันก็หึงเป็นนะ”


หึง......หมายความว่ายังไง หมายความว่าอะไรไม่เข้าใจ ทำไมหยกในปัจจุบันหึงหวงหยกในอดีต

หมายความว่า.....

“แน่ะ ยิ้มให้ใคร ยิ้มแบบนั้นทำไม ยิ้มให้ไอ้หยกคนแย่ ๆ ในอดีตหรือเปล่า แบบนี้พี่ไม่ชอบเลยนะ เราทำแบบนี้ได้ยังไงกัส”

หยกกำลังทำสีหน้าจริงจัง จริงจังที่สุด แต่รอยยิ้มที่ค่อย ๆ ปรากฏบนใบหน้านั้น ก็ทำให้กัสค่อย ๆ ยิ้มออกมาและเงยหน้ามองใบหน้าของหยกตรง ๆ

เรานั่งห่างกัน

เพราะการนั่งใกล้กันเกินไป ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ

เราเคยอยู่ไกลกันมาก แม้หน้าก็ไม่ได้เห็น แต่ไม่ได้แปลว่าเราไม่เข้าใจกัน

เราเคยอยู่ใกล้กัน แต่ความใกล้ชิดของเรามันอาจทำให้ความเข้าใจกันค่อยๆ หายไปอย่างช้า ๆ

และในเวลานี้เรานั่งห่างกันไม่มาก แต่เรามีพื้นที่ส่วนตัวของเราร่วมกันแค่เพียงเราสบตากัน แค่เพียงเรามองลึกเข้าไปภายในดวงตาของกันและกัน

“อย่าเอ็ดกัส.......เลย....นะ”

ทำไมเหรอ ไม่ให้ดุได้ยังไงก็ชอบทำแบบนี้

ชอบมาทำแบบนี้ใส่

ความน่ารักมันเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมสิบเท่าหรือเปล่า

เพิ่มขึ้นมากจนในเวลานี้ก็ไม่อยากจะคิดถึงความเหมาะสมเลย
ไม่อยากคิดเรื่องเวลาและสถานที่ด้วย

แต่ทำแบบนั้นได้ที่ไหนกัน

“ไม่ได้หรอก ต้องดุ ต้องทั้งดุทั้งเอ็ดเลย กัสมันดื้อ”

ไม่หรอก
ไม่ดื้อแล้ว
ไม่ได้เป็นแบบนั้นจริง ๆ สัญญาแล้วว่าจะไม่ดื้อ
อย่าเอ็ดเลยนะ

“ไม่ดื้อ...แล้วจริง...นะ...พี่หยก”

จริงเรอะ

แน่ใจนะว่าไม่ดื้อจริงๆ

“งั้นแบมือแล้วก็เอานิ้วกลางกับนิ้วนางลงให้พี่ดูซิ”

แบบไหนเหรอ

กัสมองที่มือของตัวเอง แบมือให้หยกดูและเอานิ้วนางและนิ้วกลางลง

มอง...ที่มือของตัวเองที่มีสัญลักษณ์บางอย่าง

สัญลักษณ์ของคำว่า...............

“…..มากมั้ยครับ”

มากมั้ยเหรอ

เอามือลงแล้ว และกัสก็ก้มหน้าลงอย่างช้า ๆ หัวเราะกับตัวเองเสียงเบา และมีท่าทางขัดเขินอย่างเห็นได้ชัด

ก่อนจะพยักหน้าซ้ำ ๆ กันหลายครั้ง

“อือ”

สิ่งที่หยกทำได้ในเวลานี้ มีแค่การเงยหน้าขึ้นและอยากจะเขกหัวตัวเองแรง ๆ

ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการพยายามนั่งนิ่ง และยิ้มอยู่คนเดียว

แล้วจะทำอะไรได้ล่ะ แล้วจะไปทำอะไรได้

ก็ได้แต่ต้องเก็บอาการ และระงับความรู้สึกของตัวเองอยู่แบบนี้

แย่ที่สุด
แบบนี้มันแย่ยิ่งกว่าแย่

แย่จริง ๆ เลยวะ ให้ตายสิ

หยกกำลังกร่นด่าตัวเองในใจ แต่ก็ด่าได้ไม่นาน เพราะเมื่อมองไปที่ประตูบ้าน ก็มีใครบางคนกำลังก้าวเข้ามาในบ้าน

น่าจะเป็น.....อาของกัส

อาผู้หญิงที่ช่วยดูแลในเวลานี้ อาที่ช่วยดูแลกัสมาตลอดตั้งแต่แม่กัสไม่อยู่

อายืนนิ่งมอง และมองหน้าหยกอย่างพินิจพิจารณา

และหยกก็ยกมือไหว้ และกล่าวทักทายไปตามมารยาท

“สวัสดีครับ ผม.....หยกครับ....เป็น....เอ่อ รุ่นพี่กัส คือหมายถึงว่า....ก่อนหน้านี้กัสให้ผมช่วยสอนหนังสือบ่อย ๆ ก็เลยสนิทกันครับ วันนี้เลยแวะมาเยี่ยมกัสว่าเป็นยังไงบ้าง”

อาที่ถือถุงกับข้าวอยู่ งุนงงเล็กน้อย แม้ไม่ได้รับไหว้กลับแต่ก็สิ่งยิ้มให้

“มาครับผมช่วยดีกว่า”

หยกรีบลุกขึ้นและเดินไปช่วยอาถือถุงข้าวของที่หิ้วพะรุงพะรังไปไว้ที่โต๊ะ

“ขอบใจมากจ่ะ แล้ว นี่มายังไงล่ะ พอดีอาไปตลาดมา แล้วนี่ยังไงคุยกันแล้วเหรอ แล้วเอ็งบอกพี่เขาไปบ้างหรือยัง ว่าเอ็งเป็นไงบ้างกัส”

ถามหลานชาย และกัสก็พยักหน้ารับแต่ไม่มีคำพูดอะไร

“ครับ.....”

หยกหันไปบอก และกัสก็พยายามพูดตามสิ่งที่หยกสอน

“ครับ”

อากำลังยืนมองหน้าหลานชาย สลับกับมองชายหนุ่มท่าทางดูดีผิดแผกแตกต่างจากเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ ที่เคยได้เจอ
ก่อนหน้านี้เพื่อนที่กัสเคยคบหาด้วย มีท่าทางไม่น่าไว้วางใจ เพื่อนที่พ่อเคยด่าไล่หลัง สมัยตอนที่กัสมันทำตัวแย่ ๆ

แต่คนนี้แตกต่างไปอย่างลิบลับ แม้ไม่ได้ดูดีเหมือนคนมีอันจะกินหลาย ๆ คน

แต่ก็ดูดีในแบบที่ควรจะเป็น

และเป็นแบบที่อาค่อนข้างชอบใจไม่น้อย

“มันก็แบบนี้แหละนะ ไม่ค่อยอยากพูด แต่ไหนแต่ไรแล้ว พอไม่สบายก็ยิ่งไม่อยากพูดเข้าไปใหญ่ ยังไงก็....หนุ่ม...ช่วยคุยช่วยสอนมันหน่อยแล้วกันนะหนุ่มนะ”

หน้าที่โดยตรงของผมอยู่แล้วครับ

หยกส่งยิ้มให้กับอา และอาก็ยิ้มตอบกลับมา

“เดี๋ยวเย็น ๆ โน่นแหละพ่อไอ้กัสถึงจะกลับ บางทีก็ต้องพากันออกไปเดินสองคนพ่อลูก เพราะหมอเขาอยากให้บริหารร่างกายเยอะ ๆ จะได้ฟื้นตัวเร็วขึ้น”

ครับ
ผมคุยกับกัสบ้างแล้ว และผมก็คิดว่าน่าจะมีเวลามากพอที่จะ พากัสไปเดินออกกำลังกายบ้าง

“แล้วนี่กินอะไรมาหรือยังล่ะ กินข้าวเย็นด้วยกันเลยนะหนุ่ม”

จะดีเหรอครับ
แต่ก็....

“ผมทำอาหารได้ครับ ตอนอยู่เมืองนอกก็ทำอยู่ร้านอาหารไทย รสชาติอาจไม่ได้เรื่องครับ แต่หั่นผักกับหมู ผมเก่งมาก”

เมืองนอกเรอะ
ไปอยู่ถึงเมืองนอกเมืองนา
แล้วมาเป็นเพื่อนไอ้กัสเนี่ยนะ มันยังไงกันล่ะเนี่ย คงต้องคุยต้องถามที่มาที่ไปกันหน่อยแล้ว ว่าไปไงมาไงถึงได้มารู้จักกัน

“เหรอ งั้นช่วยอาหน่อยแล้วกัน จะทำน้ำพริกหน่อย ช่วยตำน้ำพริกแล้วกัน กัสเอ้ย มาช่วยอาหน่อยลูก”

เรียกให้หลานชายลุกขึ้นเพื่อเดินเข้าครัวไปทำอาหารเย็น
พร้อมกัน

และตลอดบ่ายนั้น หยกก็ได้เข้ามาอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวของกัสจริง ๆ ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยคิด แต่เมื่อผ่านวันเวลาที่เลวร้ายมาได้ถึงเพิ่งรู้

เราก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตเพื่อจะได้ไปเจอสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความสุขนั่นเอง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.91 ภาคพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 28-06-2014 16:39:28
“หยกทำอร่อย พ่อไอ้กัสเขาว่าหยกทำน้ำพริกอร่อย”

อากำลังหยิบจานชามออกไปวางบนโต๊ะกินข้าว โดยมีพ่อครัวประจำบ้านกำลังสาละวนอยู่กับการใส่ทั้งหัวหอม และพริกแห้งลงไปในครก

“ครูดี สูตรดี ก็อร่อยเป็นธรรมดาครับ”

ถ่อมตัวและไอ้ตัวเล็กที่กำลังตักข้าวใส่จานอยู่ก็ตะโกนแซวออกมา

“เจง เจง อ่ะ”

จริงสิ

ทำไม มีปัญหาเหรอ

“กัสจะมีปัญหากับพี่หรือไง….เดี๋ยวพี่ฟ้องพ่อนะ”

อ๋อ จะฟ้องพ่อเลยว่างั้น

“ไม่ยุ่งหร๊อก....คนดีของสังคม...ใครจะอยากยุ่ง”

เดี๋ยวนี้มันรู้จักประชดประชัน พูดจาวกวนยอกย้อน

“งอนเลยนั่น”

แกล้งชี้ชวนและอมยิ้มน้อย ๆ เมื่อไอ้ตัวเล็กที่ว่าเดินไปกอดแขนอาและทำหน้าหงอย

“อา......”

เป็นวิธีการอ้อนที่อาได้แต่ยิ้มและส่ายหน้ากับสิ่งที่หลานชายทำ

“อา......”

หยกแกล้งเรียกและทำเสียงเลียนแบบกัสบ้าง ก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงเบา

“พี่หยก วันหลังก็เรียกแบบนี้บ้าง”

แกล้งทำเป็นทอดเสียงช้า ๆ ใส่ และกัสก็ค่อย ๆ คลี่ยิ้มออกมา ก่อนจะเดินไปหาคนที่แกล้งทำเป็นงอนและกอดแขนหยกเอาไว้ เอนหัวไปแตะที่ไหล่ของหยกและเอ่ยบอกเสียงเบา

“พี่หยก.....”

ทำจริง ๆ ทำแบบที่หยกบอกให้ทำจริง ๆ หยกก็เลยต้องแกล้งเบะหน้าใส่ และหัวเราะออกมาเสียงเบา

“อาครับ ดูกัสมันทำ...ประชดใช่มั้ยเนี่ย ไปห่างๆ ก่อน เดี๋ยวพริกเข้าตา”

ไล่ให้ออกห่าง และกัสก็เลยถอยห่างออกมา เพื่อไปเปิดประตูบ้านเพราะพ่อตะโกนเรียกที่หน้าบ้านแล้ว

“ไอ้กัสเอ้ยยยยยยยยย”

ไม่ใช่แค่เดินแต่ต้องวิ่ง เพราะพ่อเอาของมาด้วย ท่าทางจะหนักมาก คงเป็นผ้าที่ลูกค้าส่งงานมาให้

“มันเยอะเลยนะพ่อรอบนี้”

ก็เยอะแหละ เยอะก็ดี จะได้มีรายได้เพิ่มขึ้น กัสช่วยพ่อหิ้วถุงใส่ผ้าใบใหญ่สองถุงเข้ามาในบ้าน วางเอาไว้ที่เก้าอี้และพ่อก็เดินตามเข้ามาด้วย

“หยกกลับมาแล้วเหรอ”

กลับมาแล้ว

“พี่หยกทำน้ำพริกอยู่”

เออดี วันนี้กำลังอยากกินพอดี แล้วทำไมวันนี้กลับเร็ว
พ่อเดินเข้าครัวไปพร้อมกัส ข้าวสุกแล้ว และอาหารเย็นก็พร้อมสำหรับครอบครัวที่มีกันอยู่สี่คน ครอบครัวเล็ก ๆ กับอาหารง่าย ๆ ที่ทำกินกันอยู่ทุกวัน

“พ่อหวัดดีครับ”

พ่อแค่พยักหน้ารับ และหยกก็เตรียมน้ำพริกใส่จานเรียบร้อย ยกมาวางบนโต๊ะอาหารเล็ก ๆ แต่พอนั่งกันได้สี่คนสบาย ๆ

“มีน้ำพริกกินนะวันนี้ พี่ขจร เจ้านี้เขาว่าเห็นพี่ขจรบอกวันก่อนว่าอยากกิน เลยหิ้วของมาตั้งแต่เย็น”

น้าขจรกำลังยิ้ม

ยิ้มกว้าง และพยักหน้ารับกับสิ่งที่อาเล่าให้ฟัง

“กินข้าวกันเถอะ ไอ้กัสมันหิวแย่แล้ว ใช่มั้ยลูก”

เอ่ยถามลูกชายที่กำลังตักข้าวใส่จาน และกัสก็หันมายิ้มกับพ่อ

“กินเสร็จเดี๋ยวจะช่วยพ่อเลาะผ้า”

มันพูดเก่งขึ้นเยอะ สิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้เป็นสิ่งที่ดี

สำหรับน้าขจรแล้ว ในเวลานี้ไม่เคยคิดสนใจอีกเลย ว่าคนภายนอกจะมองลูกชายและชายหนุ่มที่มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทุกวันนี้ว่าอะไร ใครจะมองว่าสิ่งนี้เรียกว่าอะไรน้าขจรไม่รับรู้และไม่สนใจคิดให้เสียเวลา

เพราะน้าขจรเรียกสิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ว่า “ครอบครัว”

 Fin.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.91 ภาคพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 28-06-2014 16:39:40
ซึ้งง  :hao5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.91 ภาคพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 28-06-2014 16:55:55
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#ภาคพิเศษ เรื่องของตอง คนที่ไม่มีบท

บางทีกูว่าไอ้ปิ๊กแม่งก็เกินไป

มือขาว ๆ ยื่นมาแตะที่ไหล่ ทำให้สะดุ้งตกใจ แล้วไอ้คนแตะไหล่ก็กอดรัดแน่นจากด้านหลังและแตะจมูกลงมาที่ข้างแก้มหนัก ๆ หลายครั้ง กดย้ำลงไป โดยไม่สนใจสายตาคนรอบข้างที่ตกตะลึงพรึงเพริดกับสิ่งที่ปิ๊กกำลังทำ

“มองทำไม ใครยุ่งกับเมียกู กูเอาตาย”

หวงได้แนบเนียน และคนที่ถูกทำบางอย่างก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะกำมือเขกกะโหลก ไอ้ตัวก่อกวนที่ทำอะไรไม่รู้จักดูเวล่ำเวลา

“ทำผัวทำไมล่ะเมียจ๋า”

เอาซะให้พอ

“มึงเลิกเล่นแบบนี้ซะทีเถอะ ทำขนาดนี้ไม่ตีหัวกูแล้วลากเข้าถ้ำไปเลยวะ จะได้เสร็จสมอารมณ์หมายสมใจอยากมึง”

โธ่ ทูนหัวของปิ๊กก็ว่าไป

“ตองจ๋า เพราะปิ๊กรักหรอกนะ ปิ๊กถึงได้ปกป้อง”

ขอบคุณ
ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ ชื่อเสียงป่นปี้ไม่มีเหลือ เพราะไอ้ปิ๊กสาระแนแถหน้าเข้ามาหาตั้งแต่วันแรก และตั้งตัวเป็นผัวกูซะตั้งแต่วันแรกที่ได้พบเจอ

ด้วยเหตุผลง่ายๆ เพียงข้อเดียว หน้าตองคล้ายเมียเก่าปิ๊ก คนนี้ปิ๊กรักมาก อกหักช้ำรักมานาน ขอให้ปิ๊กได้เป็นผัวตองไปจนวันตายเถอะนะ

ปิ๊กขอร้อง

เอาซะให้พอ พวกเล่นหน้ามึนเข้ามาสวมบทบาทเป็นผัวกูซะงั้น

ถามว่าแคร์มั้ย ตอบตรงๆ ว่าไม่

ไม่รู้จะแคร์อะไร เพราะไม่ได้มีจิตพิศวาสอะไรกันเลยสักนิด แม้ไอ้ปิ๊กจะคลุกวงใน ซุกไซร้ซอกคอ จูบไปเรื่อยจนถึงติ่งหูขนาดนี้

แต่บอกได้คำเดียวตรงๆ

ไม่รู้สึกอะไร นอกจากรำคาญเป็นบางครั้ง หักลบกับความดีที่มันมีให้ ก็ถือว่าเจ๊ากันไป

“พวกมึงเล่นกันซะ กูขนหัวลุก เกือบเชื่อแล้วนะเนี่ยว่าพวกมึงเป็นคู่เกย์กัน”

จะเชื่อก็ได้ หรือจะไม่เชื่อก็ไม่ว่า

“ย่าไม่ให้มีแฟน บอกเรียนจบก่อนค่อยมี”

มุ่งมั่นเกินไปแล้วมึง นี่มุ่งมั่นจะไม่มีแฟน หรือมึงเป็นกามตายด้าน ถามจริง ๆ

“ตองไม่เสียวบ้างเหรอวะ นี่บางทีปิ๊กไซร้ ๆ ไป ของปิ๊กยังลุกเลยนะทำเล่นไป”

ก็พูดได้หน้าตาเฉยเนอะ เพื่อนนั่งกันเต็มเลย

“นี่เมียนะไม่ใช่ที่บำบัดความเงี่ยน”

เล่นไปด้วย และตองก็อมยิ้มน้อย ๆ เมื่อเพื่อนในกลุ่มถึงกับทำหน้าเหรอหราด้วยความตื่นตระหนก

“กูถามจริง ๆ นะ พวกมึงเป็นจริง ๆ ใช่ป่ะ บอกกันตรง ๆ เพื่อนรับได้ไม่ว่าอะไร”

ก็มันไม่ได้เป็นนี่สิจะให้ทำไง

“ถามปิ๊กดิ”

ชี้มือชี้ไม้ไปที่คนที่ไปนั่งเกยอยู่บนโต๊ะและเริ่มแทะข้าวโพดที่ซื้อมาจากปากซอย

“กินอยู่ ไม่ว่างตอบ ตองตอบดิ๊”

สนใจซะที่ไหน ไม่มีเลยสักนิด คนหนึ่งกิน คนหนึ่งลอกการบ้าน

“ตองกินป่ะ”

แทะข้าวโพดไปเกือบหมดฝักแล้วก็ยื่นส่งให้คนที่กำลังหน้ามุ่ยเร่งมือเขียนแบบตามให้เสร็จ ตองอ้าปากกัดข้าวโพดไปหนึ่งคำ
และคนส่งก็เอามากินต่อ โดยมีสายตาของเพื่อน ๆ ในกลุ่มที่มองมาด้วยความไม่เข้าใจ

“ตกลงพวกมึงนี่ยังไงเนี่ย”

ไม่ยังไง ก็เป็นอย่างนี้แหละ

“ปิ๊กกับตอง ตองกับปิ๊ก หวานจริง ๆ เรียกชื่อกันน่าร้ากกกก”

นั่นเป็นคำประชดไม่ใช่คำชื่นชม และตองก็เงยหน้าขึ้นมองเพื่อนที่ส่ายหัวกับพฤติกรรมแปลก ๆ ของคนสองคนที่สนิทสนมกันจนน่ากลัว

ถึงเนื้อถึงตัวกันจนเป็นเรื่องปกติ ใครไม่รู้คงคิดว่าสนิทกันมานาน แต่ความจริงคือ เพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่ถึงสองเดือน หลังจากที่ตองย้ายมาเรียนที่นี่

บางทีอาจเรียกว่าหนีมา หนีความรู้สึกของเพื่อนที่สนิทที่สุดมา ไม่อยากให้เรื่องบางอย่างดำเนินต่อไป แต่ก็ไม่กล้าทำลายลงไปซึ่งๆ หน้า

หนีมาอยู่ที่นี่ และคิดจะเริ่มต้นทุกอย่างใหม่ทั้งหมด ปิ๊กมีแฟนแล้ว ถึงจะเล่นกันขนาดไหน ถึงเนื้อถึงตัวกันขนาดไหน แต่ความเป็นจริงที่ว่าปิ๊กมีแฟนแล้ว และอยู่กับแฟนก็เป็นเรื่องจริง เพียงเท่านี้ก็ทำให้มั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่าจะไม่มีอะไรเกินเลยจากความสนิทสนมของเรา

ยิ่งสนิทกัน
ยิ่งใกล้ชิดกัน ยิ่งแตะต้องกันมากเท่าไหร่ ยิ่งห่างไกลคำว่าหวั่นไหวมากเท่านั้น เพราะเมื่อยิ่งสัมผัสกัน ความเคยชินก็จะเพิ่มมากขึ้น

ตองรู้ว่าปิ๊กไม่คิดอะไร และตองก็ไม่เคยคิดอะไรกับปิ๊กไปในทางอื่นเช่นกัน

ไม่หวั่นไหวและไม่มีความคิดไปในเชิงชู้สาว ปิ๊กเองก็ไม่รู้สึกอะไรด้วย

ตองหน้าเหมือนแฟนคนแรก แต่ถึงเหมือนมากแค่ไหน ก็เป็นผู้ชาย ปิ๊กไม่คิดจะไปฝักใฝ่ทางนั้น

ไม่คิด

ไม่เคยมีสักวันที่คิด

เรื่องพฤติกรรมการชอบแตะต้องสัมผัส เพื่อน ๆ รับรู้หมดแต่มาเป็นหนักกับตอง เพราะบางทีก็ยอมรับว่าตองมันน่าฟัดไม่น้อย

“แขนแม่งอย่างแน่น”

แตะมือไปที่ต้นแขนของตองและขยำเล่นอย่างมันส์มือ และคนที่กำลังลอกการบ้านก็ขมวดคิ้วมุ่น

“อย่าเพิ่งเล่นดิ ลอกยังไม่เสร็จ”

เหลืออีกกี่แผ่นล่ะ

“มาช่วย เดี๋ยวเขียนองศากับตัวเลขให้”

ดึงกระดาษสองสามแผ่นที่วางทับกันออกมา และลากโต๊ะอีกตัวมาอยู่ใกล้ ๆ

ใช้ปากกาเขียนข้อมูลบางอย่างลงไปให้ชัดเจน ช่วยกันทำงานจนเพื่อน ๆ ในห้องต้องมอง

“พวกมึงเอากันแล้วจริง ๆ ใช่ป่ะ”

บ้าน่า คิดได้ไง

ปิ๊กส่ายหน้าและหัวเราะเสียงเบาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหน้าคนที่ยังขมวดคิ้วมุ่นและไม่สนใจที่ถูกเพื่อนล้อ

“เป็นเมียปิ๊กนะ”

กระพริบตาถี่ ๆ และส่งยิ้มหวานจ๋อยให้คนที่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามอง

ตองไม่สนใจสิ่งที่ปิ๊กพูด แต่คำพูดง่าย ๆ ของปิ๊กก็เรียกเสียงฮือฮาของเพื่อนทั้งห้องได้

“นั่นไง พวกกูว่าแล้ว พวกมึงใช่แน่”

เสียงโห่ฮาดังไปทั้งห้อง แต่ตองก็ยังขมวดคิ้วมุ่น ไม่คิดจะสนใจไยดีคนที่ช่วยงานไปเล่นไปเลยสักนิด

“น่าอัดเสียงส่งให้เจ๊มิ้นฟังเนอะ เดี๋ยววันหลังจะดัดเสียงเป็นผู้หญิง คอขาดแน่มึงไอ้ปิ๊ก”

ตองส่ายหน้าและก้มหน้าก้มตาลอกงานให้เสร็จและเพียงเท่านั้นก็ทำให้เพื่อนทั้งห้องถึงกับขำออกมา

“กูว่าแล้ว ไอ้ปิ๊กมันมาหาเศษหาเลยกับไอ้ตอง เพราะมันหาสาวไม่ได้ เดี๋ยวเจ๊มิ๊นแม่มันฆ่าตายนี่เอง เวรกรรมของมึงจริงจริ๊งไอ้ปิ๊ก เมียดุยิ่งกว่าหมา”

อย่ายุ่งกับเมียกู คนนั้นกูเอาไว้บนหิ้ง

“พวกมึงอย่าพูด เดี๋ยวแม่งโทรมา กูหลอนจะตายห่าแล้วเนี่ย”

พูดไปหัวเราะไป และตองก็หัวเราะตามไปด้วย เงยหน้ามองคนที่ทำหน้าแหยแล้วก็ส่ายหน้า

“รีบ ๆ ทำเลยนะ ถ้ากูไม่มีงานส่ง กูจะโทรฟ้องเจ๊มิ๊น ว่ามึงไปเหล่สาวพาณิชย์อีกแล้ว”

ไอ้ตอง ขอร้องอย่าแตะของสูง มึงก็รู้ว่ากูกลัว และเกรงใจมิ้นมากขนาดไหน ก็เอามาข่มกูได้ลงคอเนอะ

“ตองใจร้ายทำร้ายจิตใจผัวได้ลงคอ”

อย่าทำเป็นมีน้ำตา ทั้งที่หน้ายังยิ้มระรื่น

“งั้นจะบอกเจ๊มิ๊นให้ ว่าวันนี้ปิ๊กเป็นคนดี ช่วยตองทำงาน”

แบบนี้ค่อยคุยกันได้ยาวหน่อย

“ทูนหัวของผัว ผัวรักเมียจริง ๆ”

ปิ๊กพูดแบบนั้นก็จริง แต่ก็เป็นคำพูดล้อเล่นขำขันเหมือนทุกวัน เพื่อนในห้องยังคงโห่ร้องและขำกับคนสองคนที่ล้อเล่นกันเป็นประจำและสร้างเสียงหัวเราะให้กับเพื่อน ๆ เสมอ

ถ้าไม่มีปิ๊กกับตอง ห้องคงเงียบสนิท ไร้สีสันน่าดู

Fin.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.91 ภาคพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 28-06-2014 16:59:06
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/06/08/ปลnh9ZN.jpg)
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#ภาคพิเศษ สุดท้ายของการรอ (จบแล้วจริง ๆ)

ไม่รู้จะเรียกสิ่งนี้ว่าอะไร จะให้นิยามก็คงทำไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าจะนิยามยังไงดี ก็อย่างที่เห็น อย่างที่เป็นอยู่ในเวลานี้

“ค้างมั้ยวะกัส”

มันมาถึงมันก็มาถอดรองเท้าทิ้งเอาไว้ แล้วก็นอนหลับเป็นตายเหมือนทุกที

กี่ครั้งแล้วที่เป็นแบบนี้ กี่ครั้งแล้วที่คนรอก็รอ คนให้รอมันนึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป นี่มันกี่ครั้งแล้วที่ต้องหงุดหงิดโมโหอยู่คนเดียว แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจาก “รอ”

หยกแตะฝ่ามือเบา ๆ ไปที่เส้นผมของคนที่นอนหลับอยู่และหยกก็รู้ว่าอีกฝ่ายเริ่มรู้สึกตัวตื่นมาพักใหญ่แล้ว แต่มันแค่ไม่ยอมลุกไปไหนแค่นั้น

เหนื่อยมาอีกแล้ว มันไม่เคยเล่า ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หยกรู้หมดทุกอย่างว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

เรื่องทุกอย่าง หยกรู้หมด แต่ไม่เคยพูด ได้แต่เก็บเงียบเอาไว้ และรอคอยวันที่กัสจะพูดมันออกมาเอง แต่หยกไม่รู้ว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่

“ค้างเหอะวะ ดึกแล้ว นอนนี่แหละได้มั้ยวะ”

มันคือการออดอ้อน ขอร้อง และอยากให้เป็นไปอย่างใจ แต่ก็เตรียมความผิดหวังเอาไว้ เพราะหลายครั้งที่แม้จะหวังแต่ก็ได้แค่หวัง เพราะบ่อยครั้งที่ต้องพบเจอกับความผิดหวัง จนหยกเกือบจะชิน

“ไม่ค้าง อือออออออออ”

คนเพิ่งตื่น ซบหน้าอยู่กับหมอน และรีบปัดมือหยกออกห่าง

ไม่ใช่ไม่ชอบที่หยกทำแบบนี้
ไม่ใช่ไม่ชอบที่หยกใส่ใจแบบนี้
ไม่ใช่ไม่ชอบที่หยกแสดงความรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยแบบนี้
ไม่ใช่ไม่ชอบที่ได้รับสัมผัสแผ่วเบาแบบนี้

แค่กลัว....... กลัวว่าจะยึดติดความรู้สึกแบบนี้เอาไว้กับตัว และกลัวว่าวันหนึ่งถ้าไม่มี คงจะเจ็บปวดทุรนทุราย

กลัวว่าตัวเองจะชิน ที่หยกแสดงความใส่ใจห่วงใย......

ไม่ใช่ไม่อยากค้าง แต่ที่คิดเอาไว้ตั้งแต่แรกคือ แค่มาขอนอนเท่านั้น แค่พอให้ตื่นมาแล้วมีแรงก็จะไป

สิ่งที่กัสรู้

หยกกำลังอ่านหนังสือสอบ เป็นช่วงการเตรียมสอบที่หยกต้องอ่านหนังสือหามรุ่งหามค่ำ อ่านหนังสืออย่างหนักหนาสาหัส

รู้ดี

และกลัวว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายสร้างความยุ่งยากวุ่นวายให้กับหยกเลยตัดปัญหาด้วยการไปเสียดีกว่า

โดยไม่ทันคิด
สำหรับหยก.......อยากจะให้กัสรบกวนแทบตาย แต่ก็ต้องทำใจเพราะรู้อยู่แล้ว ว่าการบังคับฝืนใจให้อีกฝ่ายทำตามใจตัวเองเป็นเรื่องยากยิ่งกว่ายาก

“เวลาที่มึงไม่นอนที่นี่ มึงไปอยู่ที่ไหนวะกัส มึงไม่รู้บ้างเหรอว่าพี่เป็นห่วง”

อย่าห่วงใย
อย่าใส่ใจ
แม้อยากได้มากแค่ไหน แต่ขอร้องเถอะ อย่าทำแบบนี้เลย อย่าทำ อย่าแสดงความห่วงใยมากมายขนาดนี้ได้มั้ย

มันยิ่งทำให้อึดอัดจนจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว

“เรื่องของกู”

การตอบกลับที่ทำให้คนฟังถึงกับชะงักนิ่งค้าง

กัสหันหน้าหนีไปอีกทางและหลับตาแน่น ทำเหมือนไม่ใส่ใจ ทำเหมือนไม่สนใจ แต่รับรู้และได้ยินเสียงถอนหายใจยาว ๆ ของหยก เสียงถอนหายใจมันทำให้คนได้ยินสะท้อนใจ แต่ที่ทำได้ก็มีเพียงแค่นี้ ทั้งที่อยากได้ แต่ก็กลัวการได้รับ

หยกลุกขึ้นจากเตียงแล้ว และกัสก็ปรือตาตื่นขึ้น

ไม่รู้ว่าระหว่างเราเรียกว่าอะไร ความสัมพันธ์แปลก ๆ ที่ก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ นี้เรียกว่าอะไร กัสไม่รู้ ได้แต่ขมวดคิ้วมุ่น และกระพริบตาอยู่อย่างนั้นก่อนจะค่อย ๆ หันกลับไปมองว่าหยกลุกขึ้นไปไหน

และในเวลานี้ หยกยืนอยู่นอกระเบียง ยืนนิ่ง ๆ อยู่นอกระเบียง และใช้แขนท้าวไปที่ขอบระเบียง

ยืนมองแสงไฟระยิบระยับที่มองเห็นได้จากนอกระเบียง สายลมเย็น ๆ ที่พัดแผ่ว ช่วยคลายความรู้สึกอึดอัดกดดันได้บ้าง หยกไม่ได้อยากมายืนอยู่นอกระเบียงเพื่อชื่นชมทิวทัศน์ในยามค่ำคืน

แต่แค่อยากให้ตัวเองหายใจได้สะดวกขึ้น

แค่อยากมีพื้นที่หายใจได้สะดวก เพราะบางทีการอยู่ในพื้นที่แคบ ๆ ภายในห้องด้วยกันสองคนมันอาจเป็นการแย่งอากาศหายใจของไอ้กัสมากเกินไป

สายตามองเหม่อไปเรื่อย ถามตัวเองหลายครั้งว่าเป็นอะไร ทำไมถึงได้ทำเรื่องโง่ ๆ แบบนี้อยู่ทุกวัน
ไม่รู้ว่าต้องรอไปอีกนานแค่ไหน ไม่รู้อะไรเลย รู้แค่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ เพื่อรอเวลาให้ไอ้กัสมันมาหา

กูมีสิทธิ์เลือกได้ตั้งเยอะแยะหลายทาง ทำไมต้องปักใจอยู่ที่มึงคนเดียวด้วยวะ

ไอ้เด็กเหี้ยที่ไม่รู้ว่ามันจะมาเมื่อไหร่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเห็นที่นี่เป็นอะไร มันคิดอะไรอยู่ก็ไม่เคยรู้

มึงปั่นหัวกูให้บ้าไปเลยมั้ยไอ้กัส

กูทั้งโง่ทั้งบ้าก็เพราะมึงคนเดียว

ใคร ๆ อาจมองเห็นว่ากูเป็นคนที่พึ่งพาได้ เป็นพี่ที่ดีของรุ่นน้อง เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ และยังถูกคาดหวังว่าจะเป็นแฟนที่ดีของใคร ๆ ด้วยซ้ำ

แต่จะมีใครรู้ กูเป็นแค่คนธรรมดา ที่ใช้ชีวิตให้ถึงวันพรุ่งนี้ กูแค่พยายามทำให้ทุกวันเป็นวันที่ดีที่สุดเท่านั้น
กูไม่ใช่คนดีมาจากไหน เป็นคนที่มีอดีตผิดพลาดโดยที่พ่อแม่ยังไม่เคยรู้ว่ากูเคยทำอะไรมาบ้าง

กูมันก็แค่นี้

แค่คนธรรมดา ไม่ได้ดีกว่าใคร ๆ คนธรรมดา ที่ทั้งบ้าทั้งโง่ รักมึงให้ตาย มึงก็ไม่เคยจะรับรู้หรือคิดจะใส่ใจความรู้สึกของกูเลยด้วยซ้ำ

“เหี้ยหยกมึงมันโง่”

ได้แต่ด่าตัวเอง กร่นด่าตัวเองออกมาเสียงเบา และถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง
ก้มหน้าลงอย่างช้า ๆ และแค่นยิ้มกับตัวเอง ก่อนจะมองเหม่อไปที่แสงไฟในความมืดที่เมื่อมองแล้วก็เริ่มรู้สึกผ่อนคลายลงได้บ้าง

ผ่อนคลายจากความกดดัน เพราะเรื่องโง่ ๆ ที่กำลังทำอยู่

กูอยากรู้.............. กูรอเหี้ยอะไรอยู่กันแน่วะ ไอ้โง่หยกเอ้ยยยยยยยยยย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.91 ภาคพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 28-06-2014 17:00:21
มีคนมายืนอยู่ข้าง ๆ

คน ๆ นั้นไม่ใช่ใคร

มีอยู่แค่.........คนเดียว ไอ้กัส......
มันมายืนอยู่ข้าง ๆ นานแล้ว มายืนอยู่ด้วยพักใหญ่ โดยที่ไม่พูดอะไรเลย

มันยืนนิ่ง และหยกก็ยืนเงียบ ต่างคนต่างเงียบ เหมือนไม่รู้จะพูดอะไรกันดี ไม่รู้จะคุยอะไร ไม่รู้จะพูดอะไร อยู่ในความเงียบงัน ที่แสนน่าอึดอัด

หยกยืนเหม่ออยู่อย่างนั้น และมีบางครั้งที่ใช้หางตาเหลือบไปมองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไอ้กัสมันยืนมองทิวทัศน์ในยามค่ำคืนแบบที่หยกทำ

เพียงแต่มันไม่พูด และหยกก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร

ในเวลาไม่นาน จากความเงียบงันกดดัน กลายเป็นเริ่มผ่อนคลายอย่างช้า ๆ
หัวคิ้วของหยกที่เคยขมวดมุ่น ในเวลานี้คลายออกแล้ว และก็เลยหันไปมองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ให้เต็มตา

มองนิ่ง ๆ และคนที่ยืนนิ่ง ๆ ให้มองก็ไม่ได้ขยับหนีหายไปไหน มันรู้ว่าถูกมอง แต่มันไม่ยอมหันมามองกันบ้างเลย

ทำแบบนี้ทำไมวะ มึงทำแบบนี้ทำไมวะกัส พี่อยากจะรู้

“มองไปบนฟ้าซิ.....รู้มั้ยว่าดาวเหนืออยู่ตรงไหน”

ดาวเหนือเหรอ ดาวเหนือ........ มองตามแต่ไม่รู้จริง ๆ ว่าดาวเหนืออยู่ตรงไหน

“รู้มั้ยว่าไหนดาวเหนือ”

ไม่รู้หรอก

กัสได้แต่ส่ายหน้า และนึกสงสัยอยู่ในใจ ดาวเหนือเหรอ เคยได้ยินแต่ชื่อ แล้วมันอยู่ตรงไหนวะ

“ไหนดาวเหนือ”

อยากรู้ และก็มองตามนิ้วของหยกที่ชี้ไปบนท้องฟ้า

“โน่นไง ที่สว่างกว่าดาวดวงอื่น ๆ”

ไม่เห็นจะสว่างเลยวะ มันก็เหมือน ๆ กันนั่นแหละ

“ไหนวะ ไม่เห็นเลย”

ยิ่งมองก็ยิ่งงง ยิ่งงง ก็ยิ่งสับสน ขมวดคิ้วมุ่นและก็พยายามจะมองให้ชัด ๆ ว่าดาวเหนือที่ว่า มันคือดาวดวงไหนกันแน่

“มองตามนิ้วสิวะ โน่นเลย ดวงนั้น ที่มันกระพริบได้นั่นไงล่ะ”

กูก็เห็นว่าแม่งกระพริบได้ทุกดวงนั่นแหละ หยกทำไมชี้ไม่เห็นรู้เรื่องเลยวะ

“ไหน”

อยากรู้อยากเห็น และชะเง้อชะแง้มองตาม เหมือนกับว่าถ้าชะเง้ออีกนิด จะเห็นดาวเหนือได้ชัดขึ้น ทั้งที่ท้องฟ้ามันก็เห็นได้กว้างขนาดนี้ แต่กัสก็ยังจะชะเง้อมองตามนิ้วของหยกอยู่ดี

มองด้วยความสนใจ มองด้วยความอยากรู้ พยายามจะมอง........โดยที่หยกไม่รู้ว่าการพยายามทำเรื่องโง่ ๆ แบบนั้น.....เพราะกัสอยากเอาใจ

การง้อทำแบบไหนไม่รู้ แต่กัสก็พยายามในแบบที่ตัวเองพอจะทำได้

“ไหนวะหยก....ตกลงมันดาวดวงไหน”

สนใจในเรื่องที่หยกอยากให้สนใจ มองในสิ่งที่หยกอยากให้มอง อยากเห็นในสิ่งที่หยกอยากให้เห็น

และสิ่งที่กัสทำอยู่ก็ทำให้คนที่ถามตัวเองว่ารออะไรอยู่กันแน่ ลืมเลือนคำถามนั้นไปจนหมดสิ้น

และเมื่อสายตาหันมามองที่ใบหน้าของคนที่กำลังชะเง้อคอมองหาดาวเหนือตามที่หยกบอก โดยไม่รู้ตัว หยกก็ยื่นหน้าเข้าไปหา และใช้ปลายจมูกกดลงหนัก ๆ ที่ข้างแก้มของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ภายในใจทั้งหมด

คิดถึงมึงจะตายห่าแล้วไอ้กัส

ทำไมไม่สำนึกบ้าง ว่าทำให้ทางนี้คิดถึงแทบจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว เมื่อไหร่มึงจะสำนึกได้ซะทีวะ
ว่าเวลาที่ต้องรอมึง พี่กำลังจะเป็นบ้าตาย

มันคือความรู้สึกที่หยกอยากจะพูดออกไปแต่ก็ทำไม่ได้เพราะอีกฝ่ายไม่พยายามจะรับรู้
ผละออกห่าง และทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

...........พยายาม.....ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น.......

ทั้งที่ต่างฝ่ายต่างก็รู้ดีว่ามีอะไรเกิดขึ้น

รู้ดี....

และหยกก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ท้องฟ้าอีกครั้ง

“นั่นไง เห็นยัง ดาวดวงนั้นไง”

ไม่ยากที่จะมองว่าดาวดวงไหนคือดาวเหนือ กัสรู้ตั้งนานแล้ว แต่ที่ทำเหมือนไม่รู้อยู่นาน ก็เพราะอยากให้หยกหายโกรธ

อยากให้หยกสบายใจขึ้น และหยกก็สบายใจขึ้นแล้วจริงๆ

“อือ”

ตอบกลับสั้น ๆ เพื่อเป็นการบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าเห็นแล้ว และรู้แล้วว่าดาวดวงไหนคือดาวเหนือ

และก็เตรียมจะก้าวขากลับเข้าห้องไป แต่คนที่เงยหน้ามองท้องฟ้าในเวลานี้รีบหันกลับมามองหน้าของกัสอีกครั้ง

สายตาที่มองมาเหมือนอยากอ้อนวอน การอ้อนวอนที่กัสก็รู้.....ว่าสิ่งที่หยกอยากได้ที่สุดในเวลานี้คืออะไร

“ไม่อยากรู้เรื่องดาวดวงอื่น ๆ บ้างเหรอ”

มันคือการอ้อนวอนร้องขอให้อยู่ต่ออีกนิด อยู่ด้วยกัน.......ให้ยาวนานขึ้นอีกนิด

“อยากรู้หน่อยได้มั้ย”

น้ำเสียงทุ้มนุ่มแผ่วเบาที่เอ่ยถาม มันทำให้คนฟังได้แต่ก้มหน้าลงและนิ่งงันเหมือนกำลังตัดสินใจบางอย่าง

“ไม่”

ตอบกลับสั้น ๆ และจะเดินหนีเข้าห้อง แต่คนที่อ้อนวอนให้อยู่ด้วยกันอีกนาน ๆ ก็รั้งข้อมือของกัสเอาไว้

ไม่ให้ไป

ไม่ให้เดินหนีไปไหน

“อยากรู้หน่อยได้มั้ย อยากรู้เถอะนะ”

ไม่ได้อยากรู้ แต่ก็ทำได้แค่เงียบ และเงยหน้ามองหน้าของหยกที่มองตรงมา

“นะ”

ไม่ใช่แค่มอง แต่เป็นฝ่ามืออุ่น ๆ ที่แตะเบา ๆ ที่ข้างแก้มของกัส ต่างฝ่ายต่างจมอยู่ในความเงียบ หยกรั้งร่างคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าให้เข้ามาในอ้อมแขนและกอดเอาไว้ทั้งตัว

กอดและกดปลายจมูกลงที่เส้นผมนิ่มหลายครั้ง จูบเบา ๆ ที่ข้างแก้มของคนที่ยืนนิ่งให้กอดได้และก็พร่ำพูดคำพูดบางอย่างออกมา

“กัส......มึงจะตอบว่าได้ซักหน่อยมันจะตายหรือไงวะ หือออ”

ไม่ได้ตายหรอก แต่แค่ไม่รู้จะตอบมันออกไปยังไงเท่านั้น

ไม่รู้จริง ๆ ว่าจะตอบออกไปยังไง เลยเลือกที่จะปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ไอ้กัสนะไอ้กัส ไอ้เด็กเหี้ยเอ้ยย มึงจะตอบให้พี่ชื่นใจบ้างไม่ได้เลยหรือไง ว่าอยากอยู่กับพี่ มึงจะตั้งแง่ไปถึงไหนวะ”

แม้จะเป็นคำพูดที่คล้ายกับการบ่น แต่หยกไม่รู้ว่าทำไมในเวลานี้ถึงยิ้มออกมาได้

ยิ้มกว้าง ยิ้มอย่างมีความสุข มีความสุขที่สุด แม้ว่าต้องรอไปอีกนานแค่ไหน ก็รู้ว่าจะรอได้

รอได้เสมอ ไม่ว่านานแค่ไหน ก็ยังรอคอยได้เสมอ

“รู้มั้ยว่าไหนดาวเหนือ”

รู้ แต่ไม่แน่ใจว่าดาวดวงไหนเรียกว่าดาวเหนือ

“ไหน”

มองไปที่ท้องฟ้า และก็เห็นแสงระยิบระยับที่อยู่บนท้องฟ้า

“ไหนดาวเหนือ นั่นดาวเหนือมั้ย”

กัสชี้นิ้วไปที่กลุ่มดาวที่เรียงกันหลายดวง และหยกก็หัวเราะออกมาเสียงเบา

“นั่นดาวลูกไก่ ใช่ดาวเหนือที่ไหนล่ะ”

ไม่ใช่เหรอ แล้วไหนดาวเหนือ

“พี่หยก”

ครับ

หันหน้ามามองตามเสียงเรียก และก็เห็นว่าไอ้ตัวเล็กที่ยืนข้าง ๆ มาซบหัวลงที่ไหล่ของหยก และขมวดคิ้วมุ่น

“ไหนดาวเหนือ”

ไม่รู้สิ

ไหนกันล่ะ ดาวเหนืออยู่ไหน

“กัส”

เรียกให้คนที่ซบอยู่ที่ไหล่มองตามไปที่นิ้วที่กำลังชี้ไปที่ดาวเหนือ และกัสก็ยิ้มออกมาเมื่อมองตามนิ้วที่หยกชี้

“ดวงนั้นดาวเหนือใช่มั้ย”

ใช่

นั่นแหละดาวเหนือ

“เก่งจริงวะ”

เป็นคำชมที่กัสได้แต่หัวเราะชอบใจกับสิ่งที่หยกชม และหยกก็ยิ้มกว้างขึ้น ยกแขนโอบไหล่คนที่มายืนอยู่ข้าง ๆ
ให้เข้ามาใกล้อีกนิดจนสัมผัสได้ถึงไออุ่นของกันและกันในเวลานี้

ครั้งหนึ่งหยกเคยเอาแต่ครุ่นคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่

เคยถามตัวเองซ้ำ ๆ ว่า “รอ” อะไร และวันนี้หยกได้รู้แล้ว ว่าสิ่งที่รอก็มีแค่นี้

แค่ทำให้วันนี้ดีที่สุด รอทำให้วันนี้ดีที่สุดกว่าทุก ๆ วันอย่างที่จะสามารถทำเพื่อใครสักคนได้

รอเพื่อจะได้รู้ ว่าในที่สุดวันนี้ก็มาถึง

วันที่การเล่าทุกสิ่งทุกอย่างให้ฟังไม่ใช่สิ่งจำเป็นอีกต่อไป เพราะเราได้ใช้เวลาร่วมกันและรู้ทุกสิ่งทุกอย่างของกันและกันพร้อมกันแล้ว

หยกเพิ่งรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองรอ ก็รอเพื่อให้ถึงวันนี้

รอวันที่เราจะได้เป็นส่วนหนึ่งของกันและกันโดยที่คำพูดไม่ใช่สิ่งสำคัญอะไรอีกต่อไป

END.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.91 จบภาคพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 28-06-2014 17:12:45
 :hao5:เข้าสู่โหมดความสุขแล้วใช่ไหม?

คนอ่านปลื้มปริ่มอื่มเอมมาก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.91 จบภาคพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 28-06-2014 17:13:54
แปะไว้ก่อนเดี๋ยวมาอ่านค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.91 จบภาคพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 28-06-2014 17:54:02
กัสหยก อบอุ่น

นิวโจ้ น่ารัก

ขอบคุณค่า จะรอพี่ฟ้ากับน้องเป็ดนัทนะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.91 จบภาคพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 28-06-2014 19:00:12
น่ารักมากๆๆ ทั้งสองคู่เล้ยย  :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.91 จบภาคพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 28-06-2014 19:08:02
กัสน่ารัก ยังไม่อยากให้คู่นี้จบเลย
ขอต่ออีกซัก 4-5-6-7-8 โอ๊ยยยย!!!!....
ต่อไปเรื่อยๆๆๆๆๆๆได้ม๊าาาาาา..... :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.91 จบภาคพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 28-06-2014 19:14:57
ในที่สุดการรอคอยอย่างอดทนก็ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าและหอมหวาน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.91 จบภาคพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 28-06-2014 23:48:26
รักกัสหยกมากมาย ในที่สุดก้อได้เจอ

นิวโจ้ น่ารักจริงๆคู่นี้ อ่านไปยิ้มไป
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.91 จบภาคพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 29-06-2014 07:59:23
กว่าจะมีวันนี้...รักและเข้าใจกัน

สิ้นสุดการรอคอยความรักจากกัส...ของหยก


สมหวัง...มีความสุข :กอด1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.91 จบภาคพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 30-06-2014 00:00:11
จบแล้วจริงเหรอ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.91 จบภาคพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: CanonDNattari ที่ 30-06-2014 10:17:20
ชอบตัวละครของคุณเท็น ทุกตัวมากเลยค่ะ ดูมีมิติ ตัวละครน่ารัก มากค่ะ



เคย เม้นท์ไปแล้ว งง ว่าเม้นท์เราหายไปไหน t_t
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.91 จบภาคพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 30-06-2014 10:54:17
ในที่สุดก็แฮปปี้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.91 จบภาคพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 30-06-2014 11:05:22
จบแบบมีความสุข
ดีใจกับหยก กัส ด้วยนะ
เรื่องร้ายๆผ่านไปสักที
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.91 จบภาคพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 30-06-2014 11:37:48
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.91 จบภาคพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 30-06-2014 18:02:32
น่ารักเวอร์ นิวโจ้ก็กุ๊กกิ๊กกันต่อไป
หยกกัสก็รักแบบใช้สายตาและการกระทำคุยกัน คำพูดไม่ต้องมากแต่เข้าใจกัน โอยยย มดกัด -..-
รอน้องเป็ดอยู่ว่าจะมาเมื่อไหร่ ขอให้เขียนออกมาเร็ววันนะจ้าาาา
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.91 จบภาคพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 30-06-2014 18:59:16
 :mew1:มีความสุขจบแบบแฮปปี้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.91 จบภาคพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 30-06-2014 19:12:24
เป็นเรื่องที่อ่านได้อย่างจุใจ เนื้อหา เงื่อนปมต่างๆ เยอะแยะไปหมด
กว่าจะคลี่คลาย กว่าจะมีความสุข ก็เสียน้ำตา(คนอ่าน)ไปหลายปี๊บ

ขอบคุณค่ะ ยังรอพี่ฟ้ากะเป็ดนัทอยู่เสมอ ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ปล.ด้วยรักและคิดถึง) P.91 จบภาคพิเศษ
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 30-06-2014 23:24:25
ปาด
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.92
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 30-06-2014 23:38:31
อ๊ายยยยยยยย รออ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.92
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 30-06-2014 23:45:25
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/07/05/ไฟล์เปล่า13M9a5D.jpg)

(เรื่องสั้นไร้ความต่อเนื่อง..... "เด็กกว่าแล้วไง") เมื่อ อคิราห์มาฝึกงาน

"อคิราห์" ลูกพี่ลูกน้องของคุณไอศูรย์ที่ถูกส่งมาฝึกงาน มักแอบเรียกคุณพิชาญเลขาของคุณไอศูรย์ลับหลังว่า

"แมวขาวขี้เก็กหน้าแว่น"

ส่วนคุณพิชาญ แอบเรียกเด็กฝากที่โดนส่งตัวมาฝึกงาน ว่า "เด็ก ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม"

++++++++++++++++++++++++++++++++

"พิมพ์งานไม่ใช่เรื่องยาก แต่สำหรับคุณ ตั้งใจ พิมพ์งานคงเป็นเรื่องยากมาก"

ลักษณะนี้ เรียกง่าย ๆ ว่าคล้ายการด่า แล้วถามสิ ว่าผมสนมั้ย ก็ตอบได้ง่าย ๆ ว่าไม่สน

"คุณพิชาญ ทำไมคุณถึงได้ตั้งแง่คอยแต่จะหาเรื่องผมจัง นี่คุณเห็นมั้ยว่าผมตั้งใจทำงานสุด ๆ แล้ว คุณอย่าลืมนะ ว่าผม
เรียนบริหาร มา ไม่ได้เรียนจบเอกพิมพ์ดีด ผมพิมพ์ได้แค่นี้ก็ดีถมเถแล้ว"

เถียงไปหน้าตาเฉย และคุณพิชาญที่มองหน้าของเด็กฝึกงานกิติมศักดิ์ด้วยหางตา แล้วก็แค่แสยะยิ้มน้อย ๆ

"ผมจบ วิศวกรรมเครื่องกล ไม่ได้จบเอกพิมพ์ดีดมาเหมือนกัน"

ตอบออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และคุณพิชาญก็จัดการหยิบคีย์บอร์ดขึ้นมาและพิมพ์ข้อความลงไปด้วยอัตราความเร็วในการพิมพ์ 120 คำ ต่อนาที

"ก็บอกสิว่าแค่มานั่งเล่นให้ผ่านไปวัน ๆ จะได้ไม่ต้องสอนงาน"

คุณพิชาญไม่แม้แต่จะมองหน้าของอคิราห์ที่ยืนนิ่งด้วยความโมโห

คุณพิชาญ มนุษย์แว่น ที่แสนเย็นชา
ถือว่าเป็นเลขาพี่ไอซ์หรือไงวะ ถึงได้ทำเป็นวางมาด ไม่ยอมลงให้ใคร

"ต่อไปผมมาบริหารงานคุณก็เป็นลูกน้องผม เพราะฉะนั้นคุณพิมพ์งานไปมันก็ถูกแล้ว มันควรเป็นผมมากกว่าที่จะเป็นฝ่ายสั่งให้คุณพิมพ์อะไรก็ได้"

คุณพิชาญแค่เพียงเลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ และเงยหน้าขึ้นมองเด็กฝึกงานกิติมศักดิ์ตัวโตที่ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม แต่ยังทำเป็นเก่ง และวางมาด

"ร้องขนาดนี้ หิวนมเหรอครับ ที่บ้านไม่ชงนมใส่ตะกร้ามาให้เหรอวันนี้"

คุณพิชาญ คุณนี่มัน

"ก็เพราะคุณเป็นแบบนี้ไง ถึงไม่มีแฟน เพราะคุณเป็นแบบนี้แหละ ถึงได้ไม่มีใครรัก ไม่มีใครสนใจ คุณก็คงเป็นเลขาพี่ไอซ์ไปตลอดชีวิตนั่นแหละ"

นั่นไม่ใช่ปัญหาชีวิตของผมเลยนะ ได้ข่าวว่านั่นคือปัญหาของคุณล้วน ๆ พูดอะไรผิดไปหรือเปล่า คุณอคิราห์

"เด็กหนอเด็ก"

เด็กเหรอวะ

เด็ก เด็ก เออ เด็ก

"เด็กแต่ผมก็จีบคุณได้แหละวะ เลิกทำเป็นเฉยซะทีเหอะ จะเอายังไงกับผมก็บอกมา ก่อนที่ผมจะทนไม่ไหว แล้วเอาคุณมาเป็นของผมโดยไม่รอความเห็นจากใครหน้าไหนทั้งนั้น"

คิดว่าทำได้ขนาดนั้นเลยเหรอ

"สิ้นคิด"

คุณพิชาญแค่พูดคนเดียวเสียงเบา และก็ยักไหล่ไปสองที

ความรู้สึกของเด็ก มันพัฒนาไปไกลกว่านี้ไม่ได้หรอก ร้อนแรง รัก ลุ่มหลง แล้วมันก็จะค่อย ๆ จางหายไปทีละน้อย

ผมอายุขนาดนี้แล้ว เจอความรักมาก็มาก เจ็บปวดมาก็มาก พอที่จะมองความรักด้วยความรู้สึกเฉย ๆ และไม่คิดจะสนใจไยดีกับมันอีก

"ผมชอบคุณมาห้าปีแล้วนะ เมื่อไหร่คุณจะตอบรับความรู้สึกของผมสักที"

แล้วผมไปบีบคอให้คุณมาชอบผมหรือไงคุณหนูอคิราห์

"ผมไม่มีเวลามาเล่นกับเด็กฝึกงานกิติมศักดิ์อย่างคุณหรอกนะ งานการผมมีเยอะแยะ"

ไม่ว่ายังไงคุณก็ไม่เคยมีเวลาเล่นกับผมทั้งนั้นแหละ

"เอามานี่ แค่พิมพ์ให้หมดนี่ใช่มั้ย ผมทำได้ ไอ้ความพยายามบ้าบออะไรเนี่ย ผมทำได้หมดแหละ คุณพิชาญแล้วคุณจะเสียใจ สักวันคุณจะต้องมาเป็นของผม แล้วคุณจะต้องมาเป็นคนของผมจนได้คอยดู"

ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมแบบนี้เหรอ ผมไม่คิดว่าตัวเองจะสิ้นคิดไปเป็นของคุณง่าย ๆ หรอกนะคุณอคิราห์

"หึ"

คุณพิชาญแค่เพียงแสยะยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากและส่ายหน้า
เรื่องจัดการกับคนน่าปวดหัวแบบนี้ขอให้บอก คุณพิชาญมีร้อยแปดวิธี

ก็แค่เด็กนรกเอาแต่ใจตัวเองคนเดียว ทำไมคุณพิชาญจะจัดการไม่ได้

คุณพิชาญจัดการกองเอกสารไปเงียบ ๆ

ส่วนอคิราห์พิมพ์งานไป ด่าแป้นพิมพ์ไปเรื่อย ๆ ไม่ยอมหยุด

"มันอยู่ตรงไหนล่ะวะ ไอ้ตัว การันต์เนี่ย มันอยู่ไหน"

ใช้นิ้วจิ้มแป้นพิมพ์ไปทีละนิ้ว และก็ขมวดคิ้วมุ่น

ข้อความหนึ่งหน้ากระดาษ อคิราห์ใช้เวลาในการพิมพ์หนึ่งวัน

และคุณพิชาญก็ส่ายหน้าและก็หัวเราะออกมาคนเดียวเสียงเบา

แค่นี้ก็จัดการ  หยุด ความน่ารำคาญของเด็กฝึกงานกิติมศักดิ์ได้แล้ว

และคุณไอศูรย์ที่ใช้นิ้วกดม่านในห้องเพื่อมองดูสถานการณ์ข้างนอกก็อมยิ้มออกมาน้อย ๆ ในความสามารถของคุณพิชาญ

......โดนบังคับแกมขอร้อง จากคุณป้า ให้เอาอคิราห์มาฝึกงานให้ได้ แถมยังโดนอคิราห์โทรตามตื้อ ตั้งแต่มันยังไม่จบปีสี่.......

"พี่ไอซ์ ผมขอมาฝึกงานกับพี่  ต่อไปผมจะได้ช่วยพี่ทำงานได้ไง"

มันใช้ข้ออ้างแบบนั้น แต่ชาวบ้านชาวเมืองก็รู้กันหมด ว่าอคิราห์ขอมาฝึกงานที่นี่เพราะอะไร

"เปิดโอกาสให้แล้ว ก็ใช้ให้เต็มที่แล้วกัน คุณพิชาญยังไงผมก็ฝากคุณด้วยแล้วกันนะ"

คุณไอศูรย์เดินมานั่งที่เก้าอี้ แต่ยังคงอมยิ้มน้อย ๆ

.......คุณเป็นเลขาที่ผมไว้วางใจนะคุณพิชาญ เพราะฉะนั้น เรื่องจัดการกับอคิราห์ให้อยู่หมัด มันก็เป็นอีกเรื่องที่ผมอยากเห็นความสามารถในการจัดการของคุณ...ผมว่าปัญหาแค่นี้คุณคงจัดการได้ไม่ยาก ผมเองก็อยากรู้ว่าไอ้อัค ที่มันเที่ยวบอกใครไปทั่วว่ามันชอบคุณ สุดท้ายแล้ว มันจะชอบคุณไปได้สักกี่นาน ตัวผมเองก็อยากรู้อยู่เหมือนกัน

Fin.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.92
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 01-07-2014 00:04:29
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/07/05/ไฟล์เปล่า13M9a5D.jpg)

(เรื่องสั้นไร้ความต่อเนื่อง..... "เด็กกว่าแล้วไง")รักแรกของอคิราห์

"พี่ไอซ์ล่ะ"

อคิราห์เดินเหงื่อโทรมเข้ามาในห้องปกครอง

และก็พบว่าคนที่มานั่งอยู่ในห้องปกครองไม่ใช่พี่ไอซ์แต่เป็นคุณพิชาญเลขาของพี่ไอซ์

คุณพิชาญอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพี่ไอซ์ เห็นว่าเป็นเลขากันมาตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นพ่อ จนถึงรุ่นนี้ ลูกชายหลานชายของเลขาพ่อพี่ไอซ์ ก็ยังคงมาทำงานกับบริษัทอยู่ดี

สุดยอดของความสุดยอดเลยว่ะ ไม่คิดจะไปทำงานทำการอย่างอื่นกันเลยเนอะ

"ผมเป็นตัวแทนของคุณไอศูรย์ถือว่ารับมอบอำนาจมาจากคุณไอศูรย์โดยตรง"

อ่อ

ตามนั้นเลย จะรับมอบอำนาจจะอะไรก็เอาเถอะ รีบ ๆ ช่วยจัดการให้หน่อย ผมจะโดนฝ่ายปกครองเล่นงานตายอยู่แล้ว

"แกค่อนข้างต่อต้านโลกค่ะ เวลาเข้าเรียน แกก็แอบกระโดดกำแพงไปกินข้าวผัดปูที่ข้างโรงเรียน ห้ามเดินลัดสนามแกก็ทำ วันที่มีกีฬาสีแกก็ขึ้นไปกระโดดบนแสตนด์จนแสตนด์พัง แอบเอาลูกแมวเข้ามาเรียนในห้องเรียนด้วย และที่สำคัญ
แกละเมอด่าอาจารย์ที่ปรึกษาตอนที่เผลอหลับไปในคาบวิชาภาษาไทย"

และนี่คือสาเหตุให้นายอคิราห์นักเรียนชายชั้น ม. 5 ในวัย 17 ปี
ต้องถูกเรียกผู้ปกครองมาพบ

ไม่ใช่เรื่องราวใหญ่โต แต่เป็นเรืองเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ลุกลามไปใหญ่เพราะสร้างความวุ่นวายให้กับโรงเรียนอย่างไม่น่าเชื่อ

"ผมจะตักเตือนแกให้มากครับ แล้วก็จะให้แกเข้าฝึกสมาธิเพื่อให้แกมีสติมากกว่านี้จะได้ไม่ทำอะไรแปลก ๆ ให้คนรอบข้างเดือดร้อน"

ผู้ปกครองจำเป็นอย่างคุณพิชาญ ใช้วิชาการเจรจาขั้นสุดยอดกับฝ่ายปกครอง และอาจารย์ฝ่ายปกครองก็ส่งยิ้มให้

"แกดูขวางโลกนิด ๆ ค่ะ แต่โดยรวมก็ถือว่าไม่มีอะไร แกไม่เคยมีปัญหาเรื่องชกต่อยวิวาทกับใคร เพียงแต่บางครั้งแกดูเหม่อ ๆ แปลก ๆ เท่านั้นเองค่ะ อยากให้ผู้ปกครองช่วยดูแลแกอย่างใกล้ชิดหน่อยแค่นั้นเอง"

อคิราห์อยากจะตะโกนบอกอาจารย์ฝ่ายปกครอง ว่าผมไม่ได้ขวางโลกและไม่ได้อยากทำตัวมีปัญหา แต่มันก็เท่านั้น เมื่อมองหน้าของคุณพิชาญที่ส่งสายตาดุ ๆ มาให้แล้วก็ได้แต่หงอ ก้มหน้าก้มตารับกรรมต่อไป

การพูดคุยกับระหว่างผู้ปกครองจำเป็นกับอาจารย์ฝ่ายปกครองจบลงแล้ว

และอคิราห์ในวัย 17 ปีก็เดินหน้ามุ่ยออกมาจากห้องปกครองโดยมีคุณพิชาญเดินตามออกมาด้วย

"ผมเปล่าเป็นเด็กมีปัญหานะ"

บ่นพึมพำ งอแงเป็นเด็กน้อย และคุณพิชาญก็พยักหน้าเข้าใจ

"วันนี้ผมก็ไม่ได้ทำตัวมีปัญหาด้วย ผมแค่ลองเอานิ้วใส่เข้าไปในกบเหลาดินสอแล้วมันก็แค่บาดนิ้วผมนิดเดียว ผมบอกคุณไว้ก่อน เดี๋ยวจะหาว่าผมขวางโลกและพยายามฆ่าตัวตาย ดูสิ นิ้วผมเลือด...อ่ะ...อ่ะ ฮืออออ เลือดดดดดด"

มองนิ้วตัวเองแล้วอคิราห์แทบจะเป็นลม เมื่อพบว่าในเวลานี้เริ่มมีเลือดไหลซึมออกมาที่ปลายนิ้วและเมื่อดึงเสื้อมาเช็ดเลือด เสื้อก็เปื้อนเลือดแต่นิ้วก็ยังเลือดไหลไม่หยุด

"เฮ้ยยยย"

หน้าซีดจนแทบจะเป็นลม เห็นเลือดคนอื่นพอไหว แต่พอเห็นเลือดตัวเองเหมือนจะเป็นลมให้ได้

คุณพิชาญเห็นท่าไม่ดี รีบดึงผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อออกมาและดึงนิ้วของอคริห์ที่กำลังมีเลือดหยดออกมาให้อยู่นิ่ง ๆ และจัดการใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นพันเอาไว้เพื่อช่วยห้ามเลือด

"อีกไม่เกินสองนาทีเลือดก็หยุด"

ชั่วขณะหนึ่งที่คุณพิชาญตอบบางอย่างโดยไม่ทันคิดอะไร

แต่หัวใจของเด็กหนุ่มมัธยมที่มีปัญหากับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างอคิราห์กลับโดนขโมยไปเรียบร้อยแล้ว

คุณพิชาญเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและขยับแว่นสายตาให้เข้าที่

"มองหน้าผมทำไม"

มองทำไม

มองทำไม

มองทำไม

อคิราห์ไม่รู้ว่าตัวเองมองทำไม แต่ที่รู้คือหัวใจล่องลอยตามคุณพิชาญไปเรียบร้อยแล้ว

"เอาล่ะ เรียบร้อย ผมขอตัวก่อนแล้วกันคุณอคิราห์"

คุณพิชาญเดินจากไปแล้ว และอคิราห์ก็มองตามจนสุดสายตา

ก้มลงมองที่ผ้าเช็ดหน้าที่พันที่ปลายนิ้วอีกครั้ง แล้วหัวใจก็เริ่มเต้นไม่เป็นส่ำ

เกิดมา 17 ปี อคิราห์ไม่เคยรู้จักความรัก

รักแรกของอคิราห์เมื่ออายุ 17 ปี คือคุณพิชาญ และหลังจากนั้นอีก 5 ปีต่อมา

รักแรกจนถึงรักปัจจุบันของอคิราห์ ก็ยังคงเป็นคุณพิชาญอยู่ดี

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.92
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 01-07-2014 00:05:30
ฝนกำลังตกหนัก

มันน่าโมโหเมื่อคิดได้ว่า เวลามีให้ตกเยอะแยะ แต่ทำไมต้องมาตกในเวลาที่เร่งรีบขนาดนี้ด้วยก็ไม่รู้

ที่สำคัญ มาตกตอนที่คุณหนูอคิราห์พยายามพาตัวเองติดสอยห้อยตามออกมากินข้าวด้วยกันที่หน้าบริษัทนี่สิ มันน่าหงุดหงิดจริง ๆ

"บอกว่าไม่ต้องตามออกมาก็ไม่เชื่อ เป็นคุณหนูรอกินข้าวสบาย ๆ ในออฟฟิศไม่ชอบ ชอบลำบาก"

แกล้งพูดลอย ๆ ให้เด็กฝึกงานกิติมศักดิ์ได้ยิน แล้วอคิราห์ก็หันมายักคิ้วใส่แถมยังอมยิ้มทำหน้าระรื่นมีความสุขมากมาย

"ถ้าผมไม่ออกมา ผมก็ไม่ได้มาติดฝนกับคุณพิชาญสิ โอกาสโรแมนติกแบบนี้คุณว่ามันมีบ่อยๆ เหรอ ฟ้าฝนมันช่างเป็นใจกับผมซะจริง"

เด็กเอ้ยยย
แค่มายืนหลบฝนใต้หลังคาผุ ๆ แบบนี้ เอาที่ไหนมาคิดว่ามันแสนจะโรแมนติก

"จินตนาการลึกล้ำจริง ๆ"

ทำไมต้องว่าผมด้วยวะ จะมีสักครั้งมั้ยที่คุณไม่หาเรื่องผม พูดกับผมดี ๆ บ้างไม่ได้เลยหรือไง

"หวั่นไหวกับผมตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ผมยังไม่เข้ามหาวิทยาลัย เนี่ยจนผมจะจบมหาวิทยาลัยแล้ว ก็ยังจะทำเป็นฟอร์มใส่ผม คุณนี่เป็นคนยังไง ชอบผมสักหน่อยมันแย่มากเลยเหรอคุณพิชาญ"

ถามออกไปลอย ๆ และสายตาของอคิราห์ก็มองไปเม็ดฝนตรงหน้าที่โหมกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย

เรื่องบางอย่างต่อให้ทั้งโง่ทั้งเด็กแค่ไหน แต่มันก็พอมีเซ้นส์ ดูออกไม่ยาก ถ้าไม่คิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไป ผมรู้ว่าแต่ไหนแต่ไร เวลาคุณอยู่กับผมคุณก็มีความสุขไม่น้อย ถ้าผมไม่บ้าคิดไปเองคนเดียว ผมว่าสิ่งที่ตัวเองคิดอยู่มันใช่ยิ่งกว่าใช่

"นี่ไงสาเหตุที่ผมเกลียดเด็ก คิดเอง เออเองไปเรื่อย ดูการ์ตูนมากไปหรือไงถึงได้จินตนาการไปได้ลึกล้ำขนาดนี้"

นั่นสิ

คงใช่

สงสัยจะใช่อย่างที่คุณว่าจริง ๆ

"ฝึกเสร็จผมก็ไปเรียนต่อเลยนะ คุณจะไม่คิดถึงผมเลยเหรอ สักนิดก็ไม่มีจริง ๆ เหรอคุณพิชาญ"

สักนิด

แค่เพียงนิดเดียว

แค่เพียงนิดเดียวเท่านั้น

นั่นสินะ บางทีมันอาจไม่ใช่แค่นิดเดียว แต่มันอาจจะยิ่งกว่ามากก็เป็นได้

"พ่อแม่พี่น้องก็มี ให้เขาคิดถึงคุณเถอะ อีกอย่างผมก็ไม่ได้ว่างขนาดมาคิดเรื่องเด็กฝึกงานที่ฝึกเสร็จไปแล้วให้รกสมองหรอก"

เหรอครับ

อคิราห์เงยหน้ามองสายฝนที่ยังสาดกระเซ็นเข้ามา
หนาวจนไหล่เริ่มสั่นขึ้นทีละน้อย

หันไปมองคุณพิชาญที่กำลังยืนมองสายฝนอยู่ด้วยกันแล้วอคิราห์ก็ขยับเข้าไปใกล้คุณพิชาญอีกนิด

และฉวยโอกาสที่คุณพิชาญไม่ทันตั้งตัว รีบคว้ามือของคุณพิชาญมากุมเอาไว้

"เฮ้ย น้อย ๆ หน่อยไอ้เด็กเมื่อวานซืน เห็นคุยด้วยหน่อย นี่คิดจะทำอะไรโง่ ๆ ขนาดนี้เลยเหรอ ปล่อยซะตอนนี้ดี ๆ หรือจะไปยืนตากฝนข้างนอก"

นั่นสินะ

บางทีคุณคงอยากให้ผมไปยืนตากฝนข้างนอกมาก ก็คุณมันใจร้ายใจดำกับผมอยู่แล้วนี่ ต่อให้ผมเป็นหวัดตายคุณก็คงไม่สนใจหรอก ใช่มั้ย

"แค่ตอนนี้ไม่ได้เหรอ เดี๋ยวผมก็ไม่อยู่แล้วนะ แกล้งทำเป็นเฉย แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นสิ่งที่ผมทำอยู่ตอนนี้หน่อยได้มั้ย......ช่วยให้ผมได้เก็บความทรงจำดี ๆ ครั้งสุดท้ายก่อนที่ผมจะไม่อยู่ให้คุณเห็นหน้าให้รำคาญตา....ได้มั้ย"

อคิราห์ยังกุมมือของคุณพิชาญเอาไว้แน่น และพูดบางอย่างออกมา

ดวงตาเลื่อนลอยเหม่อมองสายฝนที่ยังคงซัดสาด แต่ฝ่ามือที่กำแน่นที่มือของคุณพิชาญเริ่มสั่นน้อย ๆ เหมือนเจ้าตัวก็หวาดกลัวกับการกระทำโง่ ๆ ของตัวเอง

"ขอบคุณครับที่ไม่ต่อยผมและไม่ถีบผมออกไปยืนตากฝนข้างนอก"

คำขอบคุณมาพร้อมกับน้ำเสียงที่แผ่วโหยโรยแรงของอคิราห์

และคุณพิชาญก็ได้แต่ยืนนิ่งกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

คุณพิชาญเผลอกระชับฝ่ามือของอคิราห์ให้แน่นขึ้น และยืนมองสายฝนอยู่ด้วยกันแบบนั้น

ความทรงจำแสนหวานของอคิราห์ คือการได้จับมือคุณพิชาญครั้งแรกและครั้งเดียวเท่านั้น

่ก่อนที่ทุกอย่างจะจบลงในวันสุดท้ายของการฝึกงาน

เมื่อคุณพิชาญบอกว่า.......ให้ตายก็ไม่มีทางคิดอะไรกับเด็กอย่างอคิราห์ได้จริง ๆ

Fin. 
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.92
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 01-07-2014 07:14:41
เรื่องใหม่ น่าสนใจ :3123:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.92
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 01-07-2014 08:07:13
ต่อๆ คนแก่ซืนกินเด็กอีกแล้ว :hao3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.92
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 01-07-2014 09:17:36
 :hao3:น่าสนใจเด็กน้อยจะรุกคนแก่ให้ใจอ่อนยังไงน้า
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.92
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 01-07-2014 09:28:58
รักข้าวเดียวหวานอมขมนิด ๆ  ติดตามๆ  คุณพิชาญจะใจอ่อนมั้ย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.92
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 01-07-2014 14:12:51
งึดดดดดด
คิดถึงเฮียกับวิเชียรจัง
ชอบคู่นี้สุดๆ
อยากให้มีหวานๆออกมาหวานกันนอกบ้าน
อะไรแบบนี้บ้าง
ชอบจริงจัง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.92
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 01-07-2014 14:42:00
 :hao6: :hao6:  :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.92
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 01-07-2014 18:32:53
เด็กกว่ารุกใช่ไหมมม เดาถูกไหมมมมม
อ่าาาาชอบโมเม้นคนแก่กว่าซึนๆจัง ถ้าเคะด้วยจะดีมาก
รอต่อไปๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.92
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 01-07-2014 23:33:59
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/07/05/ไฟล์เปล่า13M9a5D.jpg)

(เรื่องสั้นไร้ความต่อเนื่อง..... "เด็กกว่าแล้วไง") ความรักที่ไม่มีทางสมหวัง


รักข้างเดียวที่ไม่มีทางสมหวัง แต่จะให้ทำยังไง ในเมื่อต่อให้พยายามตัดใจแค่ไหน แต่ก็ทำไม่เคยได้ซักที
อคิราห์พยายามแล้วที่จะตัดใจเป็นร้อย ๆ ครั้ง แต่ผ่านไปนานแค่ไหน  ความรู้สึก รัก ก็ไม่เคยน้อยลงซักวัน

สิ่งที่เกิดขึ้นกับอคิราห์เมื่ออายุ 17 ปี คือความรู้สึกนี้ หลังจากนั้นอีก 5 ปีเต็ม ความรู้สึกที่เคยมีให้คุณพิชาญก็ไม่เคยน้อยลงเลยสักวัน

จนตอนนี้กำลังจะจบปีสี่แล้ว

"ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงชอบคุณ ผมตอบตัวเองไม่ได้ คุณไม่เคยหันมามองผมเลยสักครั้ง ไม่เคยเห็นว่ามีตัวตน ต่อให้คนทั้งโลกยกย่องเชิดชูผมขนาดไหน มีแต่คุณเท่านั้นที่ไม่เคยเห็นผมอยู่ในสายตา"

ชอบแบบโดนทำร้ายจิตใจว่างั้น

คุณพิชาญ ถึงกับส่ายหน้าอย่างหน่าย ๆ

ยึดติดเกินไปแล้ว ไ็อ้เด็กน้อยเอ้ยยยยย

"ก็มัวแต่คิดอะไรเพ้อเจ้อแบบนี้ไง ถึงได้ไม่โตสักที ผมไม่ชอบเด็กนะบอกตรง ๆ"

คำตอบที่ได้มา ยังคงเป็นเหมือนเดิม และอคิราห์ก็ได้แต่ถอนหายใจหนัก ๆ

"ผมจะไปเรียนต่อแล้วนะ คุณจะคิดถึงผมหรือเปล่า"

ก็น่าจะรู้คำตอบอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ

"อย่าให้พูดเลย เดี๋ยวคุณจะปวดใจซะเปล่า ๆ คุณเด็กฝึกงานกิติมศักดิ์"

สิ่งที่คุณพิชาญพูด มันทำให้อคิราห์ต้องนิ่งมอง

สามเดือนของการฝึกงาน เกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย แต่สุดท้ายมันก็จบลงง่าย ๆ และความพยายามของอคิราห์ก็ไม่เคยเป็นผล แม้กระทั่งในเวลานี้

"พรุ่งนี้ผมบินนะ คุณจะไปส่งผมมั้ย"

ไม่ล่ะ

"พ่อแม่คุณก็มี ครอบครัวคุณก็มี ได้ข่าวว่าคุณแค่บินไปฉี่ที่ญี่ปุ่น แล้วบินกลับมาพรวนดินรดน้ำต้นไม้ตอนเย็นที่เมืองไทยก็ยังได้นี่ ไปเรียนต่ออะไรของคุณ บินไปบินมาเดือนละสองสามครั้ง ยังสบาย ๆ ไม่ใช่เหรอ เห็นว่าที่บ้านรวยมากไม่ใช่หรือไง"

คุณพิชาญยังคงพิมพ์งานต่อไปเรื่อย ๆ โดยไม่มองหน้าของเด็กฝึกงานกิติมศักดิ์ที่มาฝึกงานวันนี้วันสุดท้าย

"พอเหอะ แค่นี้ผมก็จี๊ดที่หัวใจมากแล้ว"

ก็ดีแล้วไง นั่นแหละที่ผมต้องการให้เป็นพอดี

"จัดการพิมพ์เอกสารแผ่นนี้ส่งให้ผมด้วย วันสุดท้ายคุณก็ต้องทำงาน ไม่งั้นผมประเมินให้คุณผ่านไม่ได้"

คุณพิชาญยังคงเป็นคุณพิชาญเหมือนเดิม

อคิราห์ลงมานั่งบนเก้าอี้ และพิมพ์งานที่คุณพิชาญสั่งให้ทำเงียบ ๆ

และคนสั่งงานก็ไปนั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง และตรวจสอบเอกสารก่อนจะส่งเซ็นต์

ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกรู้สาอะไรหรอกนะ

ไม่ใช่ว่าไม่มีหัวใจ ไม่คิดอะไรเลย

แต่ที่ทำเป็นเฉยอยู่แบบนี้ เพราะผมไม่อยากมีปัญหาภายหลัง

...............ที่บ้านคุณคงดีใจน่าดู ถ้าวันหนึ่งผมคบกับคุณขึ้นมา.............

อนาคตคุณยังอีกไกล คุณอคิราห์ อย่าให้ความหลงใหลแบบเด็ก ๆ มาบังตา

ผมทำตามใจตัวเอง เพื่อให้คุณทิ้งทุกอย่างทั้งหมดเพื่อผมไม่ได้หรอก

ถึงจะรู้ว่าคุณทำได้ก็เถอะ

แต่ผมไม่ใช่คนบ้า ที่เอาความรักมาเป็นเครื่องมือ เพื่อต่อรองเอาอะไรอย่างใจตัวเอง

เพราะว่า "ชอบ" ถึงต้องทำให้จากไป
เพราะว่า "ชอบ" ถึงต้องทำให้หายไป

เพราะว่า"ชอบ" ถึงไม่สามารถเอาความสุขตัวเองเป็นที่ตั้ง จนไปสร้างปัญหาให้กับชีวิตคนอื่น

และเพราะว่า "รัก" ถึงได้ทำให้จบ ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม

ถ้าระยะเวลาที่คุณบอกว่ายึดติดอยู่กับผม คือ 5 ปี

คุณคงไม่รู้ว่า ระยะเวลาจากห้าปี ไปถึงตลอดชีวิตมันคงนานยิ่งกว่า

ความรักไม่ได้แปลว่าต้องได้มาและครอบครอง นั่นผมเข้าใจ

และคุณก็ต้องเรียนรู้และเข้าใจด้วย ว่าการที่คุณรู้สึกกับผมแบบนี้ไม่ได้แปลว่าเราจะได้อยู่คู่กันตลอดไป

คุณพิชาญทำงานไปเงียบ ๆ
ส่วนอคิราห์ก้มหน้าก้มตาทำงานวันสุดท้ายไปทั้งน้ำตา

..............พยายามให้ตาย ก็ส่งไปไม่ถึง ...................

ถ้าไม่ตัดใจตอนนี้ยิ่งเจ็บหนัก......

ไม่ใช่ไม่รักแล้ว แต่แค่ทนเจ็บซ้ำซากไม่ไหว

......ขอบคุณสำหรับความรู้สึก "ไม่รัก" ที่มีให้ผมตลอดห้าปีที่ผ่านมา......

......และถึงแม้ว่าผมจะจบเรื่องนี้ลงด้วยตัวเอง แต่ไม่ได้แปลว่าต่อจากนี้ไปผมจะเลิกรักคุณ....

เพียงแต่ผมจะไม่ไขว่คว้าให้คุณมาอยู่ข้างกายอีกแล้ว

แค่เพียงความทรงจำเล็ก ๆ นี้ที่ผมจะขอเก็บมันเอาไว้ตลอดไปเท่านั้น

ตลอดชีวิตของผม จะยังรู้สึกกับคุณแบบนี้เสมอ....
และมันจะไม่มีวันเปลี่ยนไปแม้เราจะกลายเป็นคนแปลกหน้าต่อกันในอนาคต

........คุณพิชาญ...........

Fin.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.92
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 01-07-2014 23:42:56
 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.92
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 01-07-2014 23:46:02
ฮึ่ยยยยยยยยยยย ไม่นะ รีบๆ โตซะทีสิ อคิ เป็นผู้ใหญ่รับผิดชอบตัวเองให้ได้แล้วค่อยมาจีบใหม่นะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.92
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 02-07-2014 00:45:21
ทำไมมันหน่วงๆ  :sad4: :sad4:
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.92
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 02-07-2014 12:20:57
รักของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

เพื่อเขาหรือเพื่อตัวเอง

ต่างก็เจ็บมากหรือน้อย ..แต่มันก็เจ็บ

ต่างคนต่างไป...เหลือสิ่งดีๆเก็บไว้ในใจ

ไว้เพื่อนึกถึงความรู้สึกดีๆ ...ว่าเคยรักใครคนนึง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.92
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 02-07-2014 15:31:32
คือแบบ มัน... เฮ้อ มาก  สงสารตัวเองที่สุดอะ  ทำไมอินขนาดนี้ 555+
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.92
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 02-07-2014 15:56:14
เรื่องส้ั้นเรื่องนี้
ไม่เห็นอ่านเพลินๆเรยอ่ะ
มาม่าสุดๆๆ T^T
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.92
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 02-07-2014 16:52:51
ต่างคนต่างรัก คนหนึ่งรักและพยายามไขว่คว้า อีกคนรักแต่จำต้องปล่อย
บัดซบสิ้นดี!!!! :beat: :beat: :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.92
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 02-07-2014 22:02:43
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/07/05/ไฟล์เปล่า13M9a5D.jpg)

(เรื่องสั้นไร้ความต่อเนื่อง..... "เด็กกว่าแล้วไง")ผมกลับมาแล้ว

"ถ้าถูกมองว่าเป็นเด็ก แล้วก็ยังทำตัวเป็นเด็กต่อไป ก็จงเป็นเด็กในสายตาคุณพิชาญไปตลอดชีวิตเถอะ อคิราห์"

พี่ไอซ์ไม่ใช่คนพูดมาก

แต่ไหนแต่ไร พี่ไอซ์เป็นคนที่เด็ดขาด พูดคำไหนคำนั้น
และญาติ ๆ ทุกคนก็ต้องให้ความยำเกรง แม้จะอายุน้อย แต่ความนิ่งเฉยและเด็ดเดี่ยวของพี่ไอซ์ทำให้ อคิราห์ คิดอยู่เสมอ

อยากเป็นให้ได้สักครึ่งหนึ่งของพี่ไอซ์
เผื่อคุณพิชาญจะหันกลับมามองกันบ้างสักนิดก็ยังดี

"อยู่เมืองนอก ทำตัวเสเพล ผลาญเงินคุณป้า ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น ตลอดชีวิตของนายก็เป็นได้แค่เด็กไม่รู้จักโตเท่านั้น เคยเป็นเด็กยังไงก็คงเป็นแบบนั้นไปตลอดนั่นแหละอคิราห์ คิดดี ๆ แล้วปรับปรุงตัวซะใหม่ ห้าปีของนายจะปล่อยให้สูญเปล่า ก็แล้วแต่นายแล้วกัน"

เพราะคำพูดวันนั้นของพี่ไอซ์ ถึงทำให้อคิราห์ได้คิด

ไปเรียนต่อทั้งที่หัวใจบอบช้ำ ไม่ได้อยากไป แต่ที่ไปก็เพราะต้องการหนีสภาพแวดล้อมเดิม ๆ ที่ทำให้คิดถึงคุณพิชาญ

"พี่พร้อมช่วยเสมอ แต่ถ้านายไม่คิดจะทำตัวให้หลุดจากคำว่าเด็ก นายก็เป็นไอ้เด็กไม่รู้จักโต เป็นไอ้ขี้แพ้ไปตลอดชีวิตเลยแล้วกัน"

ในวันนั้น
อคิราห์ที่ทำตัวเสเพล เอาแต่เที่ยวเล่นไปวัน ๆ หยุดทุกอย่างและกลับมาเริ่มนับหนึ่งใหม่

หยุดความคิดโง่ ๆ ของตัวเอง และหันมาตั้งใจเรียนจนจบได้ในระยะเวลาแค่ปีครึ่ง

ทุกวันทุกคืน เอาแต่ครุ่นคิดว่าจะต้องกลับมาอย่างสมภาคภูมิ และเมื่อวันนั้นมาถึง

อคิราห์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าของคุณพิชาญในฐานะของผู้บริหารฝ่ายต่างประเทศของบริษัทไอศูรย์ขนส่ง ก็ทำให้คุณพิชาญแปลกใจไม่น้อย

"ยินดีที่ได้คุณมาเป็นผู้ช่่วยครับ คุณพิชาญ จากนี้ไปผมต้องขอรบกวนด้วย"

ไม่เหลือเค้าของไอ้เด็กน้อยโยเยเมื่อสองปีก่อน

อคิราห์ตรงหน้า คือชายหนุ่มท่าทางสงบเสงี่ยมและดูดีมีมาดอย่างไม่น่าเชื่อ

..............จะทำเป็นฟอร์ม และพยายามทำเป็นมีมาดไปแบบนี้ได้นานแค่ไหนกัน...............

แม้แต่คุณพิชาญ ที่ได้เจออคิราห์อีกครั้ง ก็ยังอดไม่ได้ที่จะไม่มั่นใจในตัวไอ้เด็กเมื่อวานซืนที่โตแต่ตัว แต่ปากก็คงยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเหมือนเดิม

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.92
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 02-07-2014 22:03:33
"ผมฝากด้วยคุณพิชาญ ประสบการณ์ของคุณมีประโยชน์กับผมเสมอ"

คุณอคิราห์ผู้บริหารฝ่ายต่างประเทศ เป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง ที่พร้อมจะปรับเปลี่ยนทัศนคติเพื่อเปิดรับแนวคิดใหม่ ๆ อยู่เสมอ

และคุณพิชาญเองก็ยังนึกแปลกใจที่อคิราห์เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้

"ด้วยความยินดีครับ คุณอคิราห์"

เราใช้ฐานะเจ้านายกับลูกน้องในการพูดจากันเสมอ ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม

แต่แปลกที่นานวันคุณพิชาญก็รู้สึกว่าทุกอย่างไม่เหมือนเดิม

ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนนั้น เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์แบบไปแล้ว

และคำพูดที่เคยได้ยินได้ฟังเมื่อสองปีก่อน ก็คงจางหายไปด้วย เมื่ออคิราห์ได้พบโลกที่กว้างใหญ่ขึ้น

ดีแล้วที่เป็นแบบนี้

ดีแล้วที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้

อคิราห์เด็กน้อยคนนั้น ไม่มีตัวตนอีกต่อไปแล้ว ที่อยู่ตรงหน้าก็มีเพียงคุณอคิราห์ชายหนุ่มที่เพียบพร้อมทั้งรูปลักษณ์ และฐานะการงาน

"ผมฝากเอกสารชุดนี้ด้วยนะครับ คงต้องรบกวนคุณพิชาญหน่อย"

แฟ้มเอกสารการติดต่อกับลูกค้าต่างประเทศถูกส่งให้กับคุณพิชาญที่รับมาถือเอาไว้เงียบ ๆ

"ผมจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุดครับ"

ตอบกลับไปและคุณพิชาญก็กำลังจะก้าวขาออกจากห้องไปเงียบ ๆ

แต่ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

"คุณอคิราห์ครับ แล้วแฟ้มการประ......"

รีบหันมาเพื่อจะถาม
และก็ทันได้สบตากับดวงตานิ่งคมคู่นั้นที่จ้องมองมาอยู่ก่อนแล้ว
คุณอคิราห์ไม่ได้หลบตาแต่จ้องกลับนิ่ง ๆ และกลายเป็นคุณพิชาญเองที่ต้องเป็นฝ่ายเมินหน้าหนีไปทางอื่นและรู้สึกถึงอาการใจเต้นระทึกขึ้นมาดื้อ ๆ โดยไม่มีเหตุผล

ชั่ววินาทีที่ตั้งสติได้ คุณพิชาญก็รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ

และก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

"แฟ้มการประชุมครั้งก่อน จะดูเลยหรือเปล่าครับ"

แฟ้มการประชุมครั้งก่อนเหรอ

"ผมยุ่งหน่อยช่วงนี้ ยังไงฝากคุณพิชาญจัดการได้เลย"

ตอบปฏิเสธไปแล้ว และคุณพิชาญก็พยักหน้ารับก่อนจะก้าวขาออกจากห้องไป
และรู้สึกได้ถึงสายตาของคนที่อยู่ในห้องที่จ้องมองตามไปตลอดทุกก้าวที่เดิน

จนทำให้คุณพิชาญถึงกับหายใจสะดุด และรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองขึ้นมา

ผมไม่รู้ว่าตอนนี้คุณมองผมแบบไหนแล้วนะคุณพิชาญ

แต่ผมค่อนข้างมั่นใจว่าคุณไม่ได้มองผมเป็นแค่เด็กน้อยเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไปแล้ว

ความหวังที่เลือนลางของผม คล้ายจะค่อย ๆ สว่างเจิดจ้าขึ้นมาทีละน้อย

วันหนึ่งที่คุณมองผมว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีค่าพอให้รัก

ผมจะมีความสุขขนาดไหนนะคุณพิชาญ

ผมนับวันเฝ้ารอ และอยากขอให้วันนั้นมาถึงผมในเร็ววัน

Fin
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.92
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 02-07-2014 22:22:26
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/07/05/ไฟล์เปล่า13M9a5D.jpg)

(เรื่องสั้นไร้ความต่อเนื่อง..... "เด็กกว่าแล้วไง") ความเจ็บปวด
ระดับความอดทนของคนเรามันมีถึงแค่ไหนอคิราห์ไม่รู้ แต่ที่รู้ตอนนี้กำลังจะทนไม่ไหวแล้ว

"ในส่วนของระบบคุณต้องใช้เครือข่ายที่ติดตั้งเอาไว้ เรื่องความเสถียรผมตรวจสอบดูแล้วระบบค่อนข้างเสถียร และคุณไอศูรย์ก็เห็นด้วย ถ้าเราจะใช้ระบบนี้ในการติดต่อกับต่างประเทศ ทีนี้ให้คุณลองคิดและเปรียบเทียบกับระบบเก่าว่ามันดีกว่าหรือแย่กว่ายังไง คุณเป็นผู้บริหารรุ่นถัดไป คุณควรเป็นคนพิจารณาจะดีที่สุด"

ครับ

ตั้งใจทำงานอยู่ก็จริง แต่สายตาของอคิราห์แทบไม่ได้มองที่หน้าจอคอมพิวเตอร์เลย

คอยแต่จะเผลอมองไปที่หน้าของคุณพิชาญแทน

........รู้มั้ยผมคิดถึงคุณ.....

สายตาที่อคิราห์จ้องมองมา มีหรือที่คุณพิชาญจะไม่รู้สึก แต่ก็ต้องทำเป็นนิ่งเฉย ทั้งที่เริ่มร้อน ๆ หนาว ๆ มาได้พักใหญ่แล้ว

"คุณมีอะไรสงสัยมั้ย"

สงสัยเหรอ

"คุณคิดว่าระบบเราต้องมีการปรับเปลี่ยนจริง ๆ เหรอ"

พยายามตั้งสติ ให้อยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์หลายครั้ง แต่หัวใจกำลังล่องลอยอย่างมีความสุข

กลิ่นหอม ๆ ของคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ที่กำลังคลิกเมาส์ไปด้วยระหว่างอธิบายมันกำลังจะทำให้ความอดทนของอคิราห์หมดลงทุกที

ดวงตาเริ่มเลื่อนลอย ใบหน้าเริ่มเหมือนจะยิ้มแต่ก็ต้องพยายามข่มเอาไว้

ผมอยากอยู่แบบนี้ไปนาน ๆ

อยากอยู่ไปเรื่อย ๆ

"คุณพิชาญ"

ครับ

หันไปตามเสียงเรียก และก็ทันได้สบตากับดวงตาคมร้อนแรงคู่นั้นที่จ้องนิ่งมองมา

คุณอคิราห์ เมื่อก่อนคุณเป็นยังไง ผมก็ยังพอหักห้ามใจตัวเองให้ไม่คิดอะไรกับคุณได้

แต่ตอนนี้ ยิ่งพยายาม ความพยายามที่มีก็เหมือนจะลดลงทุกวัน

"คุณคลิกช่องผิดหรือเปล่า นั่นมันข้อมูลภายในต่างประเทศไม่ใช่เหรอ"

อ่า...ข้อมูล....................

"คุณควรรู้ข้อมูลภายในประเทศประกอบด้วย บางครั้งมันก็มีผลกับระบบของตลาดต่างประเทศ"

งั้นเหรอ

ผมกำลังพยายามทำความเข้าใจกับมันอยู่นะ

"คุณต้องกลับไปช่วยคุณไอศูรย์ดูเอกสารเมื่อไหร่ล่ะ ผมคิดว่าผมเรียนรู้งานพอจะไหวแล้ว ถ้าคุณเห็นว่าปล่อยผ่านได้ คุณปล่อยได้เลยนะ อะไรที่ผมไม่รู้ ผมจะถามคุณทีหลังแล้วกัน"

นี่เรียกว่าผลักไสหรือเปล่า

ถ้าใช่

คุณพิชาญ จะได้ไม่แปลกใจที่รู้สึกปวดใจขึ้นมาเล็ก ๆ

เมื่อก่อนยังพอทำใจไหว แต่หลัง ๆ มานี้ เหมือนเริ่มจะไม่ไหวขึ้นมา

"งั้น พรุ่งนี้คุณเริ่มทำงานด้วยตัวเองแล้วกันนะ วันนี้มีอะไรก็ถามผมมาแล้วกัน ผมจะอธิบายให้"

ครับ

"ขอบคุณมากคุณพิชาญ"

"ยินดีครับ"

ก็แล้วจะให้ตอบอะไร ในเมื่อตอบได้แค่นี้ก็ดีถมเถแล้ว

คุณพิชาญหยิบแฟ้มเอกสารที่อยู่ตรงหน้ามาทั้งหมด และก็เดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง

วางแฟ้มลง แล้วก็เริ่มจัดการเปิดไปที่หน้าที่ค้างอยู่ พิมพ์ข้อความเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น

พยายามตั้งใจอยู่กับงาน

และไม่ทันได้มอง ว่ามีใครบางคนกำลังแอบลอบมองอยู่เงียบ ๆ

.....คุณคิดว่าผมเหนื่อยมั้ยคุณพิชาญ.....

นี่มันเจ็ดปีแล้วนะ

คุณว่าผมเหนื่อยมั้ย

คำตอบคือผมเหนื่อยมาก เหนื่อยเหลือเกิน เหนื่อยจนบางครั้งผมก็เหมือนจะทนไม่ไหว ผมจะทนถูกคุณปฏิเสธได้อีกนานแค่ไหน

เหมือนว่าทุกอย่างจะเริ่มดีขึ้นตอนที่กลับมานับหนึ่งใหม่ แต่พอนาน ๆ ไปยิ่งอยู่ใกล้คุณไปเรื่อย ๆ ใจผมยิ่งเริ่มกลับมาเหนื่อยอีกครั้ง

"คุณพิชาญ ผมถามอะไรหน่อยสิ"

ถามเหรอ

คุณพิชาญเงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสารและหันไปมองคนที่บอกว่าจะถาม

"ครับ เท่าที่ผมตอบได้"

คุณคงตอบได้อยู่แล้วล่ะ เพราะเรื่องนี้ผมถามคุณไม่รู้กี่รอบแล้ว

"มีสักวินาที ที่คุณคิดจะรักผมมั้ย"
"........................."

คำถามเรียบง่าย คนถาม ถามไปคลิกดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ไป ส่วนคนตอบ กำลังกำมือแน่น และพยายามบังคับสีหน้าให้ราบเรียบที่สุด เพื่อจะยืนยันคำพูดเดิม ๆ ของตัวเอง

"ไม่"

ไม่สินะ ไม่.....

"ตอนนี้คุณสบายใจมั้ย ที่ผมไม่ได้คิดอะไรกับคุณแล้ว"

สบายใจงั้นเหรอ

"ก็โอเคนะครับ มันทำให้การทำงานราบรื่นขึ้น เรื่องความสัมพันธ์ในที่ทำงาน ผมไม่เห็นว่ามันเป็นเรื่องที่สมควรเท่าไหร่"

นั่นสินะ

".......ไม่ว่าผมจะเปลี่ยนไปแค่ไหน คำตอบของคุณก็ยังเป็นเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ"

ใช่ครับ

คำตอบของผมไม่เคยเปลี่ยน

ตั้งแต่คุณเป็นแค่นักเรียนมัธยม เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย หรือแม้กระทั่งตอนนี้ที่คุณกลายเป็นเจ้านายผมไปแล้ว คำตอบของผมก็ยังเป็นเหมือนเดิม

และมันจะเป็นเหมือนเดิมตลอดไป ไม่เปลี่ยนแปลง

อคิราห์กำมือแน่น และมือที่กำลังคลิกเมาส์อยู่ก็หยุดนิ่งค้าง

พอๆ กับที่คุณพิชาญที่ค่อยๆ เปิดแฟ้มเอกสารไปทีละหน้า เริ่มรู้สึกถึงอาการใจหายวูบ และรู้สึกเจ็บปวดไม่น้อยกับคำพูดที่ตัวเองตอบออกไป

คนฟังคงไม่รู้สึกอะไรแล้ว

เพราะใบหน้าเรียบเฉยสนิท ส่วนคนพูด เจ็บจี๊ดในหัวใจไม่น้อย

แย่ชะมัด พูดเองเจ็บเอง ไม่น่าเชื่อ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้

"ขอโทษที่ผมทำให้คุณอึดอัดและลำบากใจมาตลอดหลายปี"

คุณพิชาญหันไปมองหน้าของอคิราห์ที่พูดบางอย่างออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

แต่ครั้งนี้ต่างกันเล็กน้อยตรงที่ คนพูดไม่ได้จ้องไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่มองมาที่ใบหน้าของคุณพิชาญแทน

มองนิ่ง ๆ

มองตรงมา

และคุณพิชาญก็สัมผัสได้ถึงสายตาที่ปวดร้าวที่จ้องมอง

มันต่างจากทุกครั้ง จากเดิมที่ทุกอย่างคล้ายจะสงบลงแล้ว แต่ในครั้งนี้ความรู้สึกเดิม ๆ มันกำลังกลับมาอีกครั้ง

หลายเดือนมานี้ ที่ได้ร่วมงานกันมา สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับ คืออคิราห์ พร้อมที่จะเรียนรู้งาน และตั้งใจทำงานเป็นอย่างดี

ไม่เคยพูดถึงเรื่องเก่า ๆ ไม่เคยพูดจาแบบเดิม

ใช่ที่คุณพิชาญเกือบจะสบายใจ แต่ก็ใจหาย ที่ความสำคัญของตัวเองถูกลดระดับลงจากคนที่อคิราห์เฝ้ารัก เฝ้ารอ กลายเป็นเพียงแค่พนักงานคนหนึ่งที่มีหน้าที่ดูแลให้ฝ่ายบริหารทำงานได้สะดวกขึ้น

แต่เมื่อวันหนึ่ง อคิราห์ย้อนกลับมาพูดเรื่องนี้อีกครั้ง แม้จะเป็นการพูดในแบบที่เรียกว่าให้คนฟังสบายใจ

แต่คุณพิชาญแทบไม่ได้รู้สึกสบายใจอะไรเลย

"แค่คุณไม่ยึดติดแล้วก็ที่ไม่คิดอะไรแบบที่ผ่าน ๆ มาทุกอย่างมันก็จบ เราต่างก็ทำงานด้วยกันอย่างแฮปปี้ คุณโอเค ผมก็โอเค"

งั้นเหรอคุณพิชาญ

คุณโอเค ผมก็....โอเค งั้นเหรอ

"นั่นสินะ"

อคิราห์เบือนสายตากลับไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์

ตอบเพียงแค่นั้น แล้วก็ก้มหน้าก้มตาทำงานไปเงียบ ๆ

คุณพิชาญ....กำลังกำมือแน่น และภาวนาขอให้ตัวเองไม่แสดงความรู้สึกออกไปทางสีหน้าแววตาทั้งหมด

อคิราห์เด็กน้อย เปลี่ยนไปแล้ว ที่เห็นตรงหน้า คือผู้ชายคนหนึ่งที่มีท่าทีเงียบขรึมและแค่เพียงสายตาที่มองมาเพียงเล็กน้อย ก็ทำให้คนถูกมองหายใจไม่ทั่วท้อง

คุณพิชาญเริ่มรู้สึกว่าความอดทนของตัวเองกำลังเหลือน้อยลงเรื่อย ๆ

เจ็ดปีของคุณที่เจ็บปวด มันก็ไม่ได้ต่างจากผมหรอกนะ

คุณไม่รู้หรอก การหลงรักเด็กมัธยมที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย มันเป็นเรื่องแย่ที่สุดในชีวิตผม

แล้วคุณก็ไม่รู้หรอก การต้องพยายามหักห้ามใจ ไม่ให้ใจอ่อนกับนักศึกษาฝึกงานที่ชื่ออคิราห์มันยากลำบากแค่ไหน

ที่ผมทำได้ก็แค่ปกปิดมันเอาไว้ให้ลึกที่สุด ทำเหมือนผลักไสไม่สนใจ ทั้งที่ผมอยากร้องไห้ทุกครั้งที่ต้องบอกตัวเองให้ปฏิเสธคุณ

คุณคิดว่า ตลอดเจ็ดปี ที่ผมไม่คบหาใครเลย มันเป็นเพราะอะไร

แต่เรื่องนี้จะให้ผมบอกใครได้ ผมอายเกินกว่าจะบอกให้คนทั้งโลกรู้

ผมหลงรักเด็กน้อยคนนั้นที่เจอกันที่ห้องปกครอง ผมชอบเด็กคนนั้นตั้งแต่วันที่เขาร้องไห้งอแง บอกว่าเลือดไหลจากนิ้วไม่หยุด

แล้วคุณคิดว่าผมควรทำยังไงตั้งแต่แรก....

มันควรต้องจบตั้งแต่วันนั้น แต่เป็นผมเอง ที่ปล่อยให้ความรู้สึกในใจเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดมา

คนที่เจ็บไม่ใช่คุณคนเดียว คุณลองมาเป็นผมดูมั้ย จะได้รู้
ว่าความรู้สึกที่ไม่สามารถแสดงออกได้ เจ็ดปีเต็มมันเป็นยังไง

บอกตรง ๆ นะคุณอคิราห์......ผมโคตรเจ็บปวด ทุกครั้งที่ต้องพยายามทำหน้านิ่งเฉยเพื่อปฏิเสธความรู้สึกของคุณ

แต่จะให้ทำยังไงได้ ในเมื่อคุณก็เห็นอยู่ว่าผมคือใคร

ผมพิชาญนะ คุณพิชาญที่ไม่เคยย่อท้อกับเรื่องอะไรทั้งนั้น

แต่น่าเศร้า ที่ต้องมาตายน้ำตื้น

เรื่องอะไรผมก็ไม่เคยท้อ แต่เรื่องของคุณ มันทำให้ผมท้อตั้งแต่ยังไม่เริ่ม

ปลายทางมันจบไม่สวยหรอก คุณก็รู้ แล้วผมจะไปทำอะไรได้ นอกจากตัดใจซะตั้งแต่ยังไม่เริ่ม ทั้งที่ป่านนี้ผมก็ยังตัดให้ขาดไม่ได้

คิด ๆ ดูแล้ว ผมน่ะ มันน่าสมเพชสิ้นดี

TBC.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.92
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 02-07-2014 22:27:19
เอาละเจอเด็กปล่อยหมัดฮุกไปเต็มๆ ติดสตั้นไปเลยนะครับแหม่งานนี้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.92
เริ่มหัวข้อโดย: Elleelle1234 ที่ 02-07-2014 22:34:58
รอตอนต่อไปค่าาาา  :mew1:
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.92
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 02-07-2014 23:48:10
เจ็บเหมือนเดิม :laugh:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.92
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 03-07-2014 05:11:49
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/07/05/ไฟล์เปล่า13M9a5D.jpg)

(เรื่องสั้นไร้ความต่อเนื่อง..... "เด็กกว่าแล้วไง") คุณแม่ของอคิราห์

"พี่แพท บ่ายนี้มีเรื่องด่วนเข้ามาค่ะ คุณแม่ของคุณอคิราห์ขอพบพี่แพทหน่อย ท่านให้ถามว่า พี่แพทจะสะดวกพบท่านหรือเปล่า"

หมายความว่ายังไง

อยู่ ๆ คุณแม่ของคุณอคิราห์ก็ขอพบงั้นเหรอ

"เอ่อ....บ่ายนี้..งั้นเหรอ...รีบโอนสายท่านเข้ามา เดี๋ยวพี่คุยกับท่านเอง"

จัดการให้ลูกน้องโอนสายเข้ามา ทั้งที่เกิดอาการหายใจไม่ทั่วท้อง

มาแล้วสินะ

เรื่องที่ไม่เคยคิดฝันว่าจะต้องพบเจอ มีสองเรื่องให้เลือก
ระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว

เรื่องงานแทบไม่เกี่ยว แต่เรื่องส่วนตัว รับรองเกินร้อย

"สวัสดีครับ ผมพิชาญครับ พอดีลูกน้องแจ้งว่าคุณป้าราศรีต้องการพบผม มีอะไรให้รับใช้ครับ คุณป้าราศรี"

พูดออกไปด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรที่สุด

และคุณป้าราศรี ที่ทุกคนเรียกกัน ก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงนิ่งสนิท

"คุณแพทนะ ดิฉันราศรีค่ะ บ่ายนี้ขอพบหน่อยนะ พอดีมีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย"

อ่า

คุณพิชาญใจหายวูบ

กำโทรศัพท์เอาไว้แน่น และก็พยายามฝืนให้น้ำเสียงเป็นปกติมากที่สุด

"ยินดีครับ"

ตอบไปเพียงเท่านั้น และปลายสายก็วางไปแล้ว

งานเข้าแล้วสินะ

งานช้างเลยด้วย

หึ พิชาญเอ้ยยยยย พิชาญ นายมันน่าสมเพชจริง ๆ

ไม่มีอะไรต้องแก้ตัวหรอก แค่ไปบอกว่าไม่คิดอะไรกับอคิราห์ซะก็จบ

อยู่ที่คุณป้าราศรีแล้วล่ะว่าจะคิดยังไง

ผมทำได้แค่นี้แหละครับ มากกว่านี้ผมก็คงทำอะไรไม่ได้

ก็คงได้แต่ ก้มหน้าก้มตารับทั้งหมดเอาไว้แค่นั้น เรื่องแบบนี้ผมไม่ถนัดนักหรอก

แต่ก็ต้องยอมรับ ....... เรื่องนี้มันทำให้ผมหนักใจจริง ๆ ..........

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.92
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 03-07-2014 05:12:33
"นั่งก่อนสิคุณแพท"

คุณป้าราศรี เป็นสาวใหญ่ ที่แต่งกายภูมิฐาน แม้เธอจะมีฐานะเป็นถึงคุณป้าของเจ้าของบริษัทไอศูรย์ ขนส่ง ที่คุณไอศูรย์ค่อนข้างให้ความเกรงใจอยู่ไม่น้อย

แต่เธอก็ไม่เคยวางอำนาจใส่ใคร

เธอไม่ค่อยอยู่ที่ประเทศไทย ส่วนใหญ่เธอใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น เธอมักจะสนุกสนานกับการทำแปลงดอกไม้ มากกว่าจะเข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ในสังคมชั้นสูง

ชีวิตของเธอเรียบง่าย และใคร ๆ ต่างก็ชื่นชมที่เธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาที่ไม่เคยฟุ้งเฟ้อหรูหรา เหมือนคนมีอันจะกินคนอื่นๆ ที่ขยันออกงานและพร้อมจะอวดเพชรพลอยที่ประโคมมาอวดกันจนเต็มที่

"ดิฉันทำเอแคลมาค่ะ แบ่งให้ทานกันจนทั่วแล้ว คุณแพทจะรับสักหน่อยมั้ย"

นี่มันยิ่งกว่าบรรยากาศชวนขนหัวลุกอีกนะ

คุณพิชาญได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก แต่ก็พยายามฝืนยิ้ม

"ขอบคุณมากครับ คุณป้าราศรี ขอบคุณแทนน้อง ๆ ด้วยที่คุณป้าราศรีอุตส่าห์นำขนมมาฝาก"

ไม่เป็นไรหรอก

"ดิฉันจะไม่อ้อมค้อมแล้วกันนะคุณแพท...ดิฉันว่าคุณแพทน่าจะทราบว่าดิฉันมาหาคุณแพทวันนี้ด้วยเรื่องอะไร"

บังเอิญผมไม่ทราบครับ

แต่ถ้าให้เดา ก็คงจะ.......

"อากิ...เขาไม่มีพ่อนะ คุณแพทพอจะทราบใช่มั้ย"

อากิ หมายถึง.....

"คุณอคิราห์สินะครับ"

ใช่

"ค่ะ....หมายถึงอคิราห์...จริง ๆ แล้ว เขาชื่ออาคิระ....คุณพ่อเขาตั้งให้"

เธอยิ้ม เมื่อพูดถึงคุณพ่อของคุณอคิราห์

"คุณพ่อเขาค่อนข้างบ้างาน เหมือนชาวญี่ปุ่นทั่วไป สมัยก่อนที่ดิฉันจะแต่งงาน ที่บ้านค่อนข้างจะกีดกันพอสมควรค่ะ เนื่องจากคุณพ่อของเขา เป็นแค่วิศวกรจากญี่ปุ่นที่เข้ามาทำงานในบริษัท ส่วนดิฉันเป็นลูกสาวเจ้าของ พอรู้ว่ารักชอบกัน คุณพ่อท่านก็ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ แต่ก็ฝ่าฟันจนได้แต่งงานกันนั่นแหละค่ะ"

เรื่องราวชีวิตของเธอ
เป็นเรื่องที่คุณพิชาญต้องยิ้มตาม

"คุณพ่อเขาเสียตั้งแต่เขาได้ห้าขวบ"

ครับ

ผมพอจะรู้อยู่บ้าง

"เขาไม่มีพี่มีน้อง ดีที่มีตาไอซ์เล่นด้วย เหมือนเป็นพี่เป็นน้องของเขา เขาก็เลยรักพี่เขามาตลอด มีอะไรก็เชื่อฟังพี่ มีเรื่องอะไรก็ขอให้พี่ไอซ์ช่วย"

เธอเล่าไปยิ้มไป

ก่อนจะหันมามองหน้าของคุณพิชาญและอมยิ้มน้อย ๆ

"เขาไม่เคยขอร้องอะไรดิฉันเลย แต่ครั้งนี้เขามากราบที่ตักดิฉันและขอร้องให้ช่วยเรื่องนี้หน่อย"

หมายถึงเรื่อง....

"ดิฉันพอจะทราบเรื่องของคุณแพทมาบ้าง และดิฉันก็คอยเฝ้ามองแกมาตลอด แรก ๆ ดิฉันคิดว่าเป็นความรัก ความหลง แบบเด็ก ๆ คิดว่าไม่นานมันก็จะจางหายไป

แต่มันไม่เท่านั้น หนึ่งปีก็แล้ว สองปีก็แล้ว ห้าปีก็แล้ว เจ็ดปีก็แล้ว เขาก็ยังไม่เปลี่ยน"

เรื่องนั้นน่ะ ผม....

"คำว่า "รัก" ของอากิ จนถึงป่านนี้ก็ยังเหมือนเดิมเสมอ และดิฉันคิดว่ามันก็ยังคงอยู่ต่อไปถัดจากนี้เรื่อย ๆ หรือบางทีอาจตลอดชีวิตของเขา"

อึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน

แต่คุณพิชาญก็ได้แต่รับฟังนิ่ง ๆ โดยไร้คำพูด

"ดิฉันต้องขอโทษด้วย ที่อากิสร้างความลำบากใจให้กับคุณแพทบ่อย ๆ แต่ถ้าพอจะมีโอกาสสักนิด แค่เพียงนิดเดียว......คุณแพทช่วยเปิดโอกาสให้อากิด้วยค่ะ ถือว่าดิฉันขอร้อง"

ไม่ใช่แค่พูด

แต่คุณป้าราศรี ใช้วิธีก้มหัวลงเล็กน้อย แบบคนญี่ปุ่น เพื่อเป็นการขอร้อง

และกลายเป็นคุณพิชาญที่ถึงกับทำอะไรไม่ถูก

ต้องรีบยกมือไหว้คุณราศรีซ้ำ ๆ

"คุณป้าราศรีครับ อย่าทำแบบนี้เลยครับ ผมเข้าใจแล้วครับ ผมเข้าใจแล้ว อย่าทำแบบนี้เลย ผมลำบากใจครับ"

ได้แต่อึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น

และคุณป้าราศรีก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าของคุณพิชาญ แววตาของเธอมุ่งมั่นให้เห็นชัดเจนว่าคำขอร้องของเธอไม่ใช่ขอร้องเล่น ๆ แต่เธอจริงจังกับมันมาก

"เข้าใจแล้วครับ"

คุณพิชาญต้องเป็นฝ่ายก้มหัวให้แทน

และคุณป้าราศรีก็ส่งยิ้มให้กับคุณพิชาญที่กำลังทำหน้าไม่ถูก

"ดิฉันทราบว่าเป็นเรื่องลำบากใจ แต่ขอโอกาสให้อากิ สักนิดจริง ๆ ค่ะ"

ทราบแล้วครับ ผมทราบแล้ว

ตอนแรกผมทำใจมารับการด่าว่าเสียดสีอย่างเต็มที่

แต่มันกลายเป็นคำขอร้อง ที่ทำให้ผมทำอะไรไม่ถูก

"ขอบคุณมากค่ะ"

เธอก้มหัวเพื่อเป็นการขอบคุณ และก็พูดอะไรอีกบางอย่าง

"แกแปลกๆ ไม่ค่อยเหมือนคนอื่นหน่อยค่ะ แต่เรื่องความจริงจัง แกไม่ต่างคุณพ่อของแก ขอให้คุณแพทวางใจได้"

วางใจครับ

วางใจมาก

วางใจจนไม่อยากเชื่อ ว่าอคิราห์จะเล่นไม้นี้

"เรื่องของความเหมาะสมอะไรนั่น คุณแพทไม่ต้องกังวลนะคะ ดิฉันเองก็ผ่านความรู้สึกแบบนั้นมาแล้ว และทั้งคุณพ่อของอากิ และดิฉันเราก็ฝ่าฟันด้วยกันมาได้ ขอให้คุณแพทเปิดใจให้เขาก็พอ แล้วคุณแพทจะรู้ว่าแกจริงจังกับคุณแพทจริง ๆ"

เรื่องนั้นผมซึ้งเลยครับ

ผมซึ้งกับมันมาก

"เดี๋ยวดิฉันมีเรื่องต้องไปทำอีกเล็กน้อย ขอตัวก่อนแล้วกันนะคะคุณแพท"

เธอลุกขึ้นยืน และคุณพิชาญก็ต้องเป็นฝ่ายพาเธอมาส่ง

แต่บางทีการมาส่งอาจไม่จำเป็นแล้ว เพราะมีคนมายืนรอเธออยู่ที่หน้าห้อง

"สวัสดีครับคุณพิชาญ ไม่ได้เจอกันนานสบายดีนะครับ"

สบายดีงั้นเหรอ
สบายดีมาก

สบายดีมาก ๆ เลยล่ะคุณอคิราห์

"คุณแม่ครับ เชิญทางนี้ครับ"

หึ

ร้ายกาจเกินไปแล้ว

มองตามคนที่ประคองคุณราศรีไปส่ง และอคิราห์ก็หันมามองหน้าของคุณพิชาญแต่ไร้คำพูด

ดวงตาคมมีแววไหวระริกเล็กน้อย แล้วก็หันกลับไปประคองคุณราศรี

ผมไม่นึกว่าคุณจะทำได้ถึงขนาดนี้

บอกตามตรงนะ ผมอึ้งจริง ๆ กับสิ่งที่คุณทำ......
จากเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม

กลายเป็นชายหนุ่มที่โตขึ้นเพื่อกลับมาปั่นหัวผมสินะ

เรามีเรื่องต้องคุยกันหน่อยแล้วคุณอคิราห์

คุณทำแบบนี้ผมว่า "มันก็เกินไป" จะยิ้มก็ยิ้มไม่ได้จะทำหน้ายังไงก็ทำไม่ถูก

คุณมันร้ายกาจเกินไปแล้ว คุณอคิราห์

Fin
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.92
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 03-07-2014 06:52:36
ให้มันได้อย่างนี้สิ ทำมันทุกทางทุกอย่าง ให้มันรู้ไปว่าจะไม่สมหวัง :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.92
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 03-07-2014 08:31:55
ชอบก็ให้แม่มาขอ อย่ารอให้มันนานเลย เอิ๊กๆ เล่นไม้นี้สินะ ฮฮ่าๆ ร้ายกาจ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.92
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 03-07-2014 10:35:29
 :ling1: :ling1: อากินายแน่มากกกกกก
อยากอ่านต่อแย้วววว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.92
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 03-07-2014 12:30:53
เรื่องใหม่ แซ่บไม่แพ้ใคร อากิ สู้สู้นะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.92
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 03-07-2014 18:11:52
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/07/05/ไฟล์เปล่า13M9a5D.jpg)

(เรื่องสั้นไร้ความต่อเนื่อง..... "เด็กกว่าแล้วไง") สามทุ่มตรง

"คุณกำลังทำอะไรอยู่เหรอครับคุณพิชาญ"

ทำอะไรงั้นเหรอ

"ทำงาน"

ตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และคนถามก็เกิดอาการน้อยใจขึ้นมากะทันหัน

ทำงานเหรอ

ทำงาน ทำงาน ทำงาน แล้วพอทำงานแล้ว ก็ไม่อยากคุยกับผมเหรอ

"คอมพิวเตอร์ผมเสีย ผมจะให้ใครช่วยดูให้ดี"

นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่นะ

"ผมจะติดต่อแผนกซ่อมบำรุงให้ ถ้ามีปัญหาอะไรคุณอคิราห์สามารถติดต่อตามหมายเลขนี้ได้เลย"

นั่นสินะ

ติดต่อตามหมายเลขนี้ได้.......เลย

"ครับ"

ไม่รู้ควรทำยังไงต่อไปดี อคิราห์ได้แต่ยืนนิ่ง และก็ขบริมฝีปากแน่น

"คุณแม่ผม ท่านว่ายังไงบ้าง"

อ่อ

มาแนวนี้เลยเหรอ

ฟอร์มเนียนใส่ก่อนเลยนะ ก็ได้ ผมจะเล่นให้เนียนกับคุณไปก็ได้

"ก็ไม่มีอะไรนี่ครับ แค่แวะนำขนมมาฝากพนักงานเฉย ๆ"

งั้นเหรอ

แค่นั้นเหรอ แค่นั้นเองเหรอ

"แล้วคุณได้กินเอแคลหรือยัง พอดีผมกับคุณแม่ช่วยกันทำ"

ช่วยกันทำเหรอ

"อร่อยมากครับ"

เหรอ อร่อยมากเหรอ แค่นั้นเองเหรอ

"ครับ"

รับคำและอคิราห์ก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปดี เปิดประตูและกำลังจะเดินออกไปจากห้อง

หรือคุณพิชาญจะไม่มีใจจริง ๆ แล้วปฏิกิริยาที่แสดงออกตอนนี้
ก็คือการบ่งบอกให้รู้ว่าไม่พอใจ ที่อคิราห์ใช้วิธีการแบบเด็ก ๆ พาแม่ มากดดัน....

แล้วแบบนี้ใครจะกล้าปฏิเสธ คงจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่สินะ

คิดแล้วก็อยากจะเขกหัวตัวเองนัก เด็กชะมัดที่ใช้วิธีนี้

หันกลับมาอีกครั้ง เพื่อจะขอโทษคนที่นั่งทำงานอยู่ในห้อง แต่สิ่งที่ได้เห็นคือคุณพิชาญกำลังนั่งยิ้ม

ยิ้ม.....

ยิ้มเนี่ยนะ

หมายความว่ายังไง

"คุณยิ้มอะไรของคุณ...คุณพิชาญ"

ยิ้มงั้นเหรอ

คุณพิชาญรีบหุบยิ้มทันที ไม่นึกว่าคนที่กำลังจะออกไปแล้ว จะหันกลับมามอง

"เปล่าครับ"

เปล่าได้ยังไง ก็ผมเห็นอยู่ว่าคุณยิ้ม

"ผมคงตลกสำหรับคุณมากสินะ"

เปล่า ไม่ได้ตลก ไม่ได้ตลกเลยจริง ๆ นะ

อคิราห์ทำหน้านิ่งเฉย ยืนนิ่ง ๆ เพราะคิดไม่ตกว่าจะขอโทษคุณพิชาญยังไง

และคราวนี้คุณพิชาญก็ยิ่งยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม

เคยคิดว่าอคิราห์เด็กน้อยคนนั้นหายไปแล้ว แต่พอวันนี้ถึงได้รู้ว่าอคิราห์คนนั้นยังอยู่

ความรักของเด็กคนนั้นยังคงเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ มันจะรู้สึกดีขนาดไหน ถ้าได้รู้ว่า เรายังคงเป็นคนที่เขารักอย่างมั่นคงอยู่เสมอ เจ็ดปีมันนานพอดูเลยนะ คุณมั่นคงกับผมเกินไปแล้ว คุณอคิราห์

คุณจริงจังกับผม มากเกินพอแล้ว

"คุณอัคครับ....วันนี้ผมมีเวลาว่างตอนประมาณสามทุ่มครึ่ง"

พูดออกมาลอย ๆ

และอคิราห์ก็หันมามองหน้าของคุณพิชาญที่ทำหน้าให้นิ่งเฉยที่สุด ไม่แสดงปฏิกิริยาอะไรออกมา

"ครับ"

"สามทุ่มครึ่งคุณอัคยุ่งหรือเปล่าครับ"

สามทุ่มครึ่งไม่ยุ่งแล้ว เป็นเวลาที่ต้องพักผ่อนอยู่กับบ้าน

"คุณมีเรื่องอะไรล่ะคุณพิชาญ บอกผมได้เลยตรง ๆ"

บอกได้เลยตรง ๆ งั้นเหรอ

ถ้าได้เลยตรง ๆ งั้นก็......

"สมัยเรียนมัธยม คุณอัคชวนผมไปดูหนัง แต่ผมไม่ว่าง"

ใช่

นั่นผมจำได้ เป็นการขอร้อง ขู่ บังคับ หรืออะไรสักอย่าง แต่คุณปฏิเสธแถมยังบอกให้ผมเอาเวลาว่างไปท่องหนังสือซะ จะได้เลิกฟุ้งซ่าน

"พอดีตอนนี้.......ผมว่างแล้ว คุณอัคยังจะไปดูหนังอยู่หรือเปล่าครับ"

ว่างแล้ว
และ......

ครั้งแรกที่อคิราห์รู้สึกว่ากำลังดีใจกับคำพูดของคุณพิชาญที่สุด

หันไปมองหน้าของคุณพิชาญและสายตาก็จ้องมองที่ใบหน้าของคุณพิชาญที่ก้มหน้าก้มตาทำงาน ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

"ขอโทษด้วยครับ ตอนนี้ผมไม่มีความรู้สึกอยากดูหนังอีกต่อไปแล้ว"

ตอบปฏิเสธไปดื้อ ๆ และคุณพิชาญก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าของอคิราห์นิ่ง ๆ

และนึกอยากจะเดินไปเบิ๊ดกระโหลกคนที่ปฏิเสธกันดื้อ ๆ ทั้งที่อุตส่าห์ลงทุนชวน

บอกตามตรงว่าโมโหขึ้นมานิด ๆ

และอคิราห์ก็ยังคงทำหน้าเฉยไม่เลิก แถมยังพูดบางอย่างให้คุณพิชาญอยากจะลุกขึ้นไปบีบคอคนพูดให้ตาย ๆ ไปซะ

"ผมขอดูแค่หน้าคุณอย่างเดียวได้หรือเปล่า หนังอะไรนั่นผมไม่อยากดูแล้ว ผมแค่อยากดูหน้าคุณ มองหน้าของคุณให้เต็มตากว่านี้ ..... ได้หรือเปล่าครับ"

ไอ้เด็กนี่

ถ้าจะเก็กขรึมแล้วมาจีบกันแบบตรง ๆ ดื้อ ๆ แบบนี้ เอาปืนมายิงกันเลยดีกว่ามั้ย

เล่นเอาผมเขินจริงจังเลยนะ

"งั้นผมไม่ว่างแล้ว"

ทำไมล่ะ ก็เมื่อกี้คุณเป็นคนบอกเองนะว่าว่าง แล้วตอนนี้จะมาปฎิเสธผมได้ยังไง

"ทำไมคุณพูดแล้วไม่เป็นคำพูดแบบนี้ล่ะคุณพิชาญ"

ตัดพ้อต่อว่าไปแล้ว และอคิราห์ก็ได้แต่ก้มหน้าลงน้อย ๆ และเริ่มทำหน้ามุ่ย

"เด็กเอ้ยยยยย"

เด็กเหรอ

อคิราห์เงยหน้าขึ้นมองคนที่พูดคำพูดบางอย่าง แต่แทงใจดำของคนฟังอย่างอย่างรุนแรง

"คำก็เด็กสองคำก็เด็ก เด็กมันไม่มีหัวใจหรือไง"

ไม่ใช่ว่าเด็กมันไม่มีหัวใจ อย่าเพิ่งตีความไปในความหมายที่ไม่ดีสิ

"เด็กอย่างคุณมันทำให้ผมเสียความมั่นใจ....คุณยังคิดว่าตัวเองเป็นแค่เด็กธรรมดาคนหนึ่งสำหรับผมอีกมั้ย"

"ไม่...ผมเป็นคนพิเศษสำหรับคุณนานแล้ว แต่คุณไม่ยอมรับมันเท่านั้น"

นั่นสินะ

ก็คงใช่

"อย่ามาหลงตัวเองให้มากนัก"

ไม่หลงไม่ได้แล้ว ก็คุณเองไม่ใช่เหรอ ที่ให้ความหวังผมแบบนี้

"อย่ามาทำให้รักแล้วบอกว่าไม่มีใจอีกนะ คุณพิชาญ"

ใครจะไปทำล่ะ

"อย่าคิดว่าที่บอกว่าไม่รัก แปลว่าไม่มีใจสิคุณอคิราห์"

อ่า

แปลว่ามีใจสินะ

"สามทุ่ม ผมไปรับคุณพิชาญที่บ้านแล้วกัน"

ก็.....ตามนั้น

ไม่ได้พยักหน้ารับ ไม่ได้ปฏิเสธ และอคิราห์ที่พยายามบังคับสีหน้าตัวเองไม่ให้ยิ้มอออกมา   ก้าวเดินหนีออกจากห้องโดยไม่มีคำพูดใด ๆ ออกมาทั้งสิ้น

ของบางอย่างไม่ต้องพูดกันให้มากความก็รู้

คุณพิชาญทำงานไปเงียบ ๆ ทั้งที่ยังอมยิ้ม

ส่วนอคิราห์ยิ้มไปเปิดคอมพิวเตอร์ดูงานไปเรื่อย ๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้อ้างว่าคอมพิวตอร์เสีย ทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไร

สามทุ่มสินะ

สามทุ่ม

การไปดูหนังด้วยกันครั้งแรก หลังการรอคอยอย่างยาวนานมาเจ็ดปีเต็มเพื่อให้คุณพิชาญว่างพอมีเวลาไปดูหนังด้วย

อคิราห์นึกอยากให้เวลาสามทุ่ม....มาถึงเร็ว ๆ จริง ๆ

Fin.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.93
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 03-07-2014 18:57:42
เจ็ดปีเชียวนะซึ้งอ่ะ
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.93
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 03-07-2014 19:59:10
ตอนนี้สองทุ่มรออีกหน่อยละกัน5555555

 :hao3: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.93
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 03-07-2014 20:45:31
จะสามทุ่มแล้วนะ จะไปดูหนังกันยังงงงงงงง  :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.93
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 03-07-2014 20:57:35
ดีจังที่ลงเอยด้วยดี
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.93
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 04-07-2014 02:26:31
ความรักเริ่มต้นมานาน
ช้าแต่ชัวร์นะคู่นี้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.93
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 04-07-2014 19:22:41
นั่น พอเปิดใจละหายหน่วงเลย เขินแทน
คุยกันแบบน้ำตาลขึ้นอะ =.,= แต่7ปีนี่จริงจังเลยทีเดียว
รอคุณเป็ด ก๊าบก๊าบ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.93
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 04-07-2014 20:10:09
(เรื่องสั้นไร้ความต่อเนื่อง..... "เด็กกว่าแล้วไง") ......สงครามป๊อปคอร์น....

หนังผี!!!!!!!!

คุณพิชาญเลือกหนังผี เพราะจำได้ว่าเมื่อนานมาแล้ว อคิราห์ชวนไปดูหนังโดยบอกว่า เลือกหนังเรื่องอะไรก็ได้ แต่ขอร้องว่าอย่าเลือกดูหนังผี เหตุผลร้อยแปดที่อคิราห์ยกมามันไม่ยากที่คนอายุมากกว่า อย่างคุณพิชาญจะเข้าใจ

ยอมรับมาง่าย ๆ ว่ากลัวผีซะก็จบ แต่ไอ้เด็กนี่ยังพยายามแถว่าไม่กลัว

และเมื่อโตขึ้น คุณพิชาญก็ค่อนข้างมั่นใจ ว่าอคิราห์ยังกลัวการดูหนังผีอยู่เหมือนเดิม

และเพราะรู้ว่ากลัว คุณพิชาญเลยเลือกหนังผีเพื่อให้เราได้เข้าไปดูหนังร่วมกันอย่างมีความสุข

สิ่งที่อคิราห์ทำ คือนิ่งเฉย ไม่มีการปฏิเสธใด ๆทั้งนั้น

การดูหนังครั้งแรกระหว่างเราไม่มีอะไรน่าจดจำอย่างที่อคิราห์คิด

บรรยากาศหวานชื่นลืมไปได้เลย เพราะตั้งแต่หนังเริ่มฉาย

อคิราห์ก็อยู่ในสภาพคนใบ้ นั่งนิ่งหลังเกร็งตัวเกร็ง และคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็แอบลอบยิ้มอย่างพอใจ

อคิราห์คือคนที่คุณพิชาญคิดว่าน่าแกล้งที่สุด

.....กลัวสินะ ท่าทางจะกลัวมาก ดูสิ ช็อคไปแล้ว นั่งนิ่งเงียบไม่มีการขยับร่างกายเลย

ยิ่งเห็นยิ่งตลก ยิ่งเห็นยิ่งขำ

เด็กหนอเด็ก ยังไงเด็กก็เป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ

คุณพิชาญกำลังรู้สึกสนุก แต่อคิราห์ไม่รู้สึกสนุกด้วย ดวงตาจ้องมองที่หน้าจอก็จริง แต่จิตใจล่องลอยไปไกลแล้ว

หนังน่ากลัว สยดสยอง แต่อคิราห์นั่งนิ่ง ๆ

พยายามกระพริบตาให้ถี่ขึ้น และพยายามมองหน้าจอแบบเบลอ ๆ

กลัวจนขนหัวลุก แต่จำใจต้องนั่งเกร็งตัวแข็ง และไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงหรือขยับกาย จากเดิมที่คุณพิชาญเห็นเป็นเรืองสนุก แต่เมื่อหันมามองท่าทางนั่งนิ่งตัวเกร็งของอคิราห์แล้ว จากที่มองว่าตลก ตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่

ถ้ากลัว ก็แค่แสดงออกมาว่ากลัว ทำไมต้องทนนั่งอยู่ด้วย
จะร้องโวยวาย จะขยับไปซ้ายหรือขวา จะทำอะไรก็ทำเถอะ

แต่อย่ามาฝืนทนแบบนี้

เป็นเด็กก็ยอมรับว่าเป็นเด็กมันก็ไม่ได้แย่ตรงไหน

ตอนแรกสนุกก็จริง แต่พอเห็นอคิราห์ในสภาพนั่งนิ่งกระพริบตาปริบ ๆ ดูหนังผีที่น่ากลัวไปเรื่อยๆ แล้ว คุณพิชาญก็นึกสงสาร

เป็นผู้ใหญ่กว่า แต่แกล้งเด็ก ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำเลยสักนิด
แต่คุณพิชาญก็ทำ

ไม่ต้องดูแล้วล่ะ เห็นแบบนี้ก็พาลให้นึกสงสาร

ขยับกายเข้าหาคนที่นั่งนิ่งเงียบ และกระซิบถามที่ข้างหูอคิราห์เสียงเบา

"กลัวก็พอเหอะ ไปข้างนอกกัน"

กลัวเหรอ

กลัว......

ใช่ที่ผมกลัว แต่เพราะคุณพิชาญอยากดูเรื่องนี้ ผมเลยไม่อยากทำให้คุณพิชาญต้องรู้สึกแย่ที่มาดูหนังเรื่องแรกกับผม แล้วผมกลายเป็นคนเรื่องมากที่ทำให้คุณพิชาญรำคาญ

"ไม่"

ตอบปฏิเสธไปแล้ว และคุณพิชาญก็ขมวดคิ้วมุ่น

ทำไมถึงปฏิเสธ ทำแบบนี้หมายความว่ายังไง คนอุตส่าห์นึกสงสารไม่อยากให้ต้องทนดูอีก แล้วทำไมมาปฏิเสธกันง่าย ๆ

งั้นก็ดูไป
ดูซะให้พอ แล้วก็หลอนไปเลยทั้งคืน อย่าหวังว่าคืนนี้จะได้นอน เพราะหนังเรื่องนี้คงตามหลอกตามหลอนคุณอคิราห์ไปตลอดทั้งคืน

คุณพิชาญหันมาสนใจกับการดูหนัง และไม่ยอมหันไปมองคนที่นั่งนิ่งตัวแข็งทื่อและยังคงกระพริบตาปริบ ๆ ไปเรื่อย

ดื้อนักก็ตามใจ

อยากจะดูนักก็ดูไป

เด็กดื้อที่พยายามทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่แบบอคิราห์ไม่ได้น่ารักหรอก

เพราะสิ่งที่อคิราห์ทำอยู่ตอนนี้มันทำให้คุณพิชาญหงุดหงิดโมโห

เด็กกว่าแท้ ๆ อยู่ดี ๆ ก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมา

มันน่าเจ็บใจนัก

คุณพิชาญรู้ว่าไม่สามารถทำอะไรได้ เลยได้แต่หงุดหงิดโมโหอยู่คนเดียว

ไอ้เด็กดื้อ อยากดูนักก็ดูไป ดูจบช็อคตายทางนี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้นนะ

ในเมื่อเจ้าตัวอยากรนหาที่เอง ก็ดูซะให้พอ อยากจะช็อคตายมากขนาดนั้นก็ตามใจ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.93
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 04-07-2014 20:10:36
คุณพิชาญตัดสินใจดึงมือของอคิราห์มากุมเอาไว้

ฝ่ามือของอคิราห์เย็นจนแทบเป็นน้ำแข็ง และหยดเหงื่อก็ซึมออกมาที่ฝ่ามือ

สิ่งที่คุณพิชาญทำได้ก็มีแค่นี้

ไอ้เด็กดื้อเอ้ย กลัวขนาดนี้แต่ก็ยังจะดื้อดูหนังต่อให้จบเรื่องให้ได้

จากเดิมที่สนุกที่ได้แกล้ง ในเวลานี้คุณพิชาญนึกสงสารอคิราห์ขึ้นมาจับใจ

สงสารจนต้องตัดสินใจดึงมือของอคริาห์มากุมเอาไว้

ดวงตาคมคู่นั้นหันมามองหน้าของคุณพิชาญนิ่ง ๆ

ไม่ใช่แค่หน้า แต่อคริาห์ก้มมองไปที่มือของตัวเองที่ถูกกุมเอาไว้ด้วย

ความอบอุ่นค่อย ๆ ไหล่บ่าเข้ามาที่ฝ่ามือทีละน้อย
หัวใจของอคิราห์ก็กำลังเต้นระทึก จนอคิราห์นึกกลัวว่าหัวใจของตัวเองจะหลุดทะลักออกมา

ความดีใจ ผสมปนเปไปกับความหวาดกลัว

อคิราห์ไม่ได้ยิ้ม แต่หันไปจ้องมองที่หน้าจอหนังที่กำลังฉายหนังผีชวนสยอง

ครั้งแรกรู้สึกหวาดกลัวกับหนังผีเรื่องที่ดู แต่ในเวลานี้แม้จะกลัวขนาดไหนก็เฝ้าภาวนาขอให้หนังอย่าเพิ่งรีบจบ ขอให้เวลาที่เราได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ยาวนานต่อไปอีกหลายชั่วโมง

จากกลัวเป็นกล้า

จากรู้สึกขนหัวลุก กลายเป็นมีความสุขอย่างไม่น่าเชื่อ

อคิราห์ยังคงมองไปที่หน้าจอ แต่จิตใจเอาแต่จดจ่ออยู่ที่ฝ่ามือ

กุมกระชับฝ่าของคุณพิชาญให้แน่นขึ้น แล้วอคิราห์ก็ยิ้มคนเดียวในใจอย่างมีความสุข

เดทแรกในโรงหนังของเรา เป็นสิ่งที่อคิราห์รู้สึกดีและประทับใจที่สุด

เจ็ดปีแห่งการรอคอย ยิ่งกว่าคุ้มค่า

อคิราห์รู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมากที่สุดในวันนี้

แม้หนังผีจะน่ากลัว แต่มีคุณพิชาญอยู่ข้าง ๆ อคิราห์ก็ไม่คิดจะกลัวอะไรอีกแล้ว

ขอบคุณนะคุณพิชาญ ที่จับมือผมเอาไว้ ผมมีความสุขมากที่ได้ดูหนังกับคุณ

ขอบคุณนะคุณพิชาญที่ตอบรับความรู้สึกของผมทีละน้อย

แค่สิ่งที่คุณทำให้ผมในวันนี้ ผมก็ไม่รู้จะตอบแทนอะไรคุณได้ นอกจากคำพูดคำเดียว

คือ.....ขอบคุณ.....

+++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.93
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 04-07-2014 20:11:31
"โอ๋ โอ๋ กลัวเหรอ กลัวก็บอก ทำเป็นฟอร์ม เด็กเอ้ยยยยยย"

คุณพิชาญนึกขำอคิราห์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ และพยายามจะยื่นมือไปแตะที่เส้นผมของอคิราห์ให้ได้

"ผมไม่ใช่เด็ก อย่ามาทำแบบนี้ ผมไม่ชอบ"

งอน

มีงอนอีก นี่อุตสาห์โอ๋เลยนะ ยังจะเรื่องมากอีก คุณคิดว่าผมถนัดทำเรื่องแบบนี้มากนักหรือไงคุณอคิราห์ ผมเองก็ไม่ถนัดมาโอ๋เด็กแบบนี้หรอกนะ บอกตามตรง

"................."

"ผมกลัว ยอมรับก็ได้"

ยอมพูดว่ากลัว และอคิราห์ก็หันไปมองที่นอกหน้าต่างรถ

ก็ได้ ผมมันเด็ก ผมมันเด็กที่กลัวการดูหนังผี ก็ผมทำใจดูเป็นเพื่อนคุณได้แค่นี้
ผมมันไม่ดีเอง ที่กลัว แล้วคุณจะให้ผมทำยังไงอีก คุณพิชาญ

"....ผมไม่ได้ว่าอะไรนะ ที่คุณอัคกลัว ผมยังไม่ได้ว่าอะไรสักคำ"

แต่คุณก็คิดว่าผมเป็นเด็กอยู่ดีนั่นแหละ

"เพราะว่าเห็นผมกลัวก็เลยมาโอ๋ผมเหมือนผมเป็นเด็กสามขวบสินะ"

ไม่ใช่

ไม่ได้จะหมายความว่าแบบนั้นสักหน่อย

อย่าโกรธกันเลยคุณอคิราห์ ผมรู้ว่าคุณน้อยใจ ผมเองก็ผิดที่คิดจะแกล้ง
ผมไม่นึกว่าจะยิ่งทำให้คุณคิดว่าผมล้อคุณว่าเป็นเด็ก

ผมไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นหรอกนะ

"งั้นผมจะโอ๋คุณแบบผู้ใหญ่เขาโอ๋กัน ตกลงมั้ย"

อคิราห์หันหน้าไปมองหน้าของคุณพิชาญ แล้วก็ขมวดคิ้วมุ่น

โอ๋ แบบผู้ใหญ่ หมายความว่ายังไง

"ยังไง"

ยังไงเหรอ ก็เช่นว่า ........

คุณพิชาญจ้องหน้าอคิราห์นิ่ง ๆ และคนถูกจ้องก็ขมวดคิ้วมุ่น

อะไร.....โอ๋แบบผู้ใหญ่ คืออะไร.....

อคิราห์ยังคงมองหน้าของคุณพิชาญ และคุณพิชาญก็โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้และแตะริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากเย็นชื้นของอคิราห์เบา ๆ

".....อ่ะ...."

คิดไม่ถึงว่าคุณพิชาญจะทำแบบนี้ คิดไม่ถึงว่าจะได้รับการโอ๋แบบนี้

คุณพิชาญผละใบหน้าออกห่างแล้ว และก็ไปนั่งตัวตรงก่อนจะหันมามองหน้าของอคิราห์และทำหน้านิ่งเฉยใส่ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ทั้งที่คนที่ลงมือก่อน ก็เกิดอาการหน้าแดงใจเต้นไม่เป็นส่ำ พอ ๆ กับคนที่ถูกกระทำ อย่างอคิราห์ที่ทำอะไรไม่ถูก ทำได้แค่เพียงนั่งนิ่ง ๆ และกระพริบตามองหน้าของคุณพิชาญอยู่อย่างนั้น

"............."

อคิราห์ยกปลายนิ้วขึ้นแตะที่ริมฝีปากตัวเองและก็ก้มหน้านิ่ง ๆ เพราะไม่รู้จะทำตัวยังไง

ใบหน้าแดงก่ำขึ้นเรื่อย ๆ และคุณพิชาญที่หันมามองก็ต้องรีบเบือนหน้าหนีอย่างรวดเร็ว

น่ารักเกินไปแล้วคุณอัค

น่ารักเกินไปแล้วแบบนี้

คุณมันน่ารักเกินไป

"ผมโอ๋คุณแล้ว จะหายโกรธหรือไม่หายโกรธ ก็แล้วแต่คุณนะ"

ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่กว่า คุณพิชาญก็ได้แต่พูดออกไปอย่างนั้น ทั้งที่ก็ต้องยอมรับว่าการที่อคิราห์ไม่รู้เรื่องแบบนี้ มันก็ทำให้คุณพิชาญรู้สึกดีไม่น้อย

เจ็ดปีที่ผ่านมา คุณไม่ได้เถลไถลออกนอกข้างทางบ้างเลยเหรอ

อย่าบอกนะว่านั่นเป็นจูบแรกของคุณ และผมก็เป็นคนที่ได้มันเอาไว้

"เขินอะไรขนาดนั้นคุณอัค ทำอย่างกับไม่เคยทำแบบนี้ไปได้"

แกล้งหยิบป๊อปคอร์นที่เหลืออยู่ในกล่องออกมาปาใส่หน้าของอคิราห์ไปหนึ่งเม็ดแก้เก้อ

และอคิราห์ก็พยายามทำหน้าให้นิ่งที่สุด ก่อนจะล้วงมือลงไปในกล่องป๊อปคอร์นที่กินเหลือแล้วหยิบขึ้นมาปาใส่หน้าคุณพิชาญกลับไป

"ไม่เคยแล้วผิดหรือไง"

ผิดเหรอ ไม่ผิดหรอก แต่อย่ามายอมรับกันง่าย ๆ แบบนี้ มันทำให้ผมดีใจนะรู้มั้ย

"แล้วทำไมไม่หัด"

หยิบป๊อปคอร์นอีกเม็ดมาปาใส่หน้าอคิราห์แล้วอคิราห์ก็หยิบป๊อปคอร์นที่หล่นอยู่ที่ตักมาปาใส่หน้าคุณพิชาญกลับไปอีกครั้ง

"ก็รอให้คุณสอน"

งั้นเหรอ

ไอ้เด็กน้อยเอ้ย ไอ้เด็กน้อย มันจะเกินไปหน่อยแล้ว

"แล้วถ้าผมไม่สอน มีอะไรมั้ย"

ยังคงหยิบป๊อปคอร์นปาใส่หน้าของอคิราห์ไม่หยุด และคราวนี้อคิราห์ก็ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยไปที่ปลายจมูกของตัวเอง เพื่อจะเขี่ยเศษป๊อปคอร์นออกจากใบหน้า

"อย่าทำแบบนั้นสิ มันไม่ได้ติดตรงนั้น มันติดตรงนี้ต่างหาก"

ยื่นปลายนิ้วไปเกลี่ยเศษป๊อปคอร์นออกจากหน้าให้อคิราห์ และกลายเป็นคุณพิชาญที่ต้องเบือนหน้าหนี และพยายามข่มใบหน้าตัวเองไม่ให้แสดงความรู้สึกออกมามากไปกว่านี้ เมื่อเห็นสายตาร้อนแรงของอคิราห์ที่จ้องมองมา

"ถึงตอนนี้คุณจะเริ่มคิดเรื่องของเราสักเล็กน้อย ได้บ้างหรือยัง"

ทวงถามกันดื้อ ๆ แล้วจะให้ตอบยังไงล่ะคุณอัค

".....เอาไว้ค่อยคุยกันวันหลัง......"

เอาไว้ค่อยคุยกันวันหลังเหรอ

เอาไว้ค่อยคุยกันวันหลังสินะ

อคิราห์ก้มหน้าลงน้อย ๆ และคุณพิชาญก็หันไปมองหน้าของอคิราห์อีกครั้งและแตะปลายนิ้วเบา ๆ ที่ข้างแก้มของคนที่เริ่มทำหน้าเศร้า

"ใครใช้ให้เอาป๊อปคอร์นปาใส่หน้าผมล่ะ ตอนแรกว่าจะคิดแล้ว แต่คุณกล้าเอาป๊อปคอร์นมาปาใส่หน้าผมเอง ผมก็เลยไม่คิดอะไร"

ได้ยังไงล่ะแบบนี้ขี้โกงกันชัด ๆ

"งั้นผมให้คุณปาปอปคอร์นใส่หน้าผมอีกกี่ครั้งก็ได้ แล้วคุณจะเริ่มคิดกับผมมากกว่านี้ได้มั้ย"

งั้นเหรอ

คุณพิชาญไม่ได้ตอบรับ แต่หยิบป๊อปคอร์นในกล่องปาใส่หน้าของอคิราห์ ไปอีกสองสามเม็ด

"วันหลังจำไว้อย่าปาป๊อปคอร์นใส่หน้าผมอีก"

ครับ

ผมจะไม่ทำอีกแล้ว

"แล้วก็นะคุณอัค"

ครับ แล้วก็อะไรครับคุณพิชาญ

"ป๊อปคอร์นติดเต็มหน้าแล้ว ตลกชะมัด"

คุณพิชาญอมยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ และจัดการงับเศษป๊อปคอร์นที่ริมฝีปากของอคิราห์เบา ๆ และผละออกห่าง

และคราวนี้ทั้งคุณพิชาญและอคิราห์ก็เกิดอาการไปไม่เป็นขึ้นมาพร้อมกันทั้งคู่

คุณพิชาญแกล้งมองเมินไปนอกรถ และอคิราห์ก็ได้แต่เก็บเศษป๊อปคอร์นที่หล่นอยู่บนตักใส่กล่องไปเงียบ ๆ

ทั้งที่ทั้งเขินและอาย แต่หัวใจก็เต็มตื้นฟูฟ่องลอยละล่องอย่างมีความสุข

ระหว่างเราผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหรอกนะคุณพิชาญ

แต่ผมมีความสุขมากที่สุดกับเดทแรกของเราวันนี้

ต่างคนต่างนั่งนิ่งเงียบอยู่ในมุมของตัวเอง และในเวลาไม่นานต่างฝ่ายต่างก็เริ่มอมยิ้มขึ้นมาน้อย ๆ

"กลับบ้านกันเถอะนะครับ"

อคิราห์เอ่ยชวนและคุณพิชาญก็พยักหน้าตอบรับ

ระหว่างทางกลับบ้านไม่มีใครพูดอะไรสักคำ นอกจากต่างคนต่างเงียบ
ไม่ใช่ความเงียบที่มาพร้อมความกดดัน แต่มันคือความเงียบ ที่ต่างฝ่ายต่างอยากจะซึมซับความรู้สึกหวาน ๆ ที่มีให้กันแบบนี้ไปเรื่อย ๆ

ุคุณพิชาญอมยิ้มน้อย ๆ และอคิราห์ก็ยิ้มได้ไม่ต่างกัน

คุณเริ่มคิดเรื่องของเราแล้วสินะคุณพิชาญ เจ็ดปีของผม มันไม่ได้สูญเปล่าเลยจริง ๆ

Fin
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.93
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 04-07-2014 20:26:52
โอ๊ยยยยยยยยยยยยย หวานมากต้องปัดมดออกจากจอคอมฯ

วุ้ย 7 ปีไม่เสียเปล่านะอากิจังงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.93
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 04-07-2014 21:02:33
เห้ย เห้ย เห้ย มันจะมุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้ง คลุ๊กคลิ๊ก เกินไปแล้ววววววว :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.93
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 04-07-2014 21:39:47
ดีใจแทนอคิราห์ หวานน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.93
เริ่มหัวข้อโดย: Nabee ที่ 04-07-2014 22:02:16
ขอไบรก้อนขวดนึงฮะ หวานจนมดขึ้นแว้วววว อร๊ายๆๆๆๆๆ เก๊าจิกหมอนแทบขาด ><
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.93
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 04-07-2014 22:14:03
ไม่รู้ใครหลงใคร
หวานไม่แคร์สื่อ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.93
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 04-07-2014 23:28:00
เดทกันแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.93
เริ่มหัวข้อโดย: zitronen-tee ที่ 05-07-2014 01:26:21
หมอนจะขาดแล้ว มดเต็มจอ หวานเกิ๊น เรายิ้มแก้มแตกเลย
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.93
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 05-07-2014 07:19:39
นานนะเจ็ดปี เก่งมากที่รอได้ขนาดนี้

บางคนเจ็ดนาทีมันก็ลืมแล้ว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.93
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 05-07-2014 10:51:51
อะไรคือการปาป๊อบคอร์นแล้วหวานฟรุ้งฟริ้ง อยากทำอย่างนี้กับใครสักคนบ้าง >W<
ตายละมดขึ้นคอม
7ปีคุ้มแหะ ที่ได้ความรับตอบมาบ้างแล้ว แถมยังเก็บความบริสุทธิ์ไว้ให้อีก สุดยอดดด
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.93
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 05-07-2014 11:42:01
กรีดร้องงงง ก็มีโมเม้นหวานๆนะเออ  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.93
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 05-07-2014 17:36:09
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/07/05/ไฟล์เปล่า13M9a5D.jpg)

(เรื่องสั้นไร้ความต่อเนื่อง..... "เด็กกว่าแล้วไง")ดึกป่านนี้แล้วนอนเหอะ


นี่มันอะไรกัน  สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เรียกว่าอะไร

การที่คุณอคิราห์  ผู้อำนวยการฝ่ายต่างประเทศของบริษัทไอศูรย์ขนส่ง โทรมาพูดจาแบบนี้กับคุณพิชาญในยามดึกดื่น

มันหมายความว่ายังไง..................

"อัคเป็นเจ้านาย  แพทก็ต้องเอาใจอัค"

"เยอะไปแล้ว"

คุณพิชาญตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย แต่อคิราห์หัวเราะออกมาเพราะชอบใจกับสิ่งที่คุณพิชาญพูด

"แพทต้องเรียกอัค ว่าคุณอัค"

ใครจะไปเรียกวะ ถ้าให้เรียกเพราะอยากประชดก็พอได้อยู่

"เพ้อเจ้ออะไร.......คุณหนูอัค"

"ทำไมถึงเรียกคุณหนูอัคล่ะ  แบบนั้นตลกตาย  แพทก็เป็นซะแต่แบบนี้  แล้วเมื่อไหร่เราจะพัฒนาซะที  แพทเอาแต่เขิน และทำเหมือนไม่มีใจให้อัคตลอด"

แปลว่าอะไรวะ ผมว่าคุณจะน่ารักเกินไปแล้วนะคุณอคิราห์

"จะพัฒนาไปไหน  มีอะไรให้พัฒนานักหนา"

ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่งสนิท   แต่หน้าของคุณพิชาญยิ้มกว้างตั้งนานแล้ว โดยที่คนที่อยู่ปลายสายไม่รู้

"แพทจะไม่พัฒนาจริง ๆ เหรอครับ"

อย่ามาทำเสียงอ่อยแบบนั้น เดี๋ยวคนที่แก่กว่าจะเสียฟอร์ม  ยอมโอ๋ง่าย ๆ

"แค่นี้นะ  พรุ่งนี้ผมต้องประชุมเช้า  คุณเองก็ต้องประชุมเหมือนกันไม่ใช่เหรอ  ยังจะมาพูดจาอะไรแปลก ๆ ตอนดึก ๆ ขนาดนี้อยู่ได้"

โธ่  แพท..........

"ก็คิดถึงนี่"

คิดถึง.................คิดถึงเนี่ยนะ   เพิ่งจากกันเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนเนี่ยนะ  จะรีบคิดถึงไปไหนครับคุณอคิราห์

"อาการหนักแล้วนะคุณหนูอัค"

อัคยังอาการหนักได้มากกว่านี้อีกนะแพท   แพทไม่เข้าใจหรอก  เจ็ดปีเลยนะ  มันตั้งเจ็ดปีเลยนะ  วันหนึ่งเมื่อสิ่งที่เคยคิดว่าไม่มีทางเป็นจริงได้  ก็กลายเป็นจริงขึ้นมา  เป็นใครจะไม่ดีใจ

แล้วการที่อัคดีใจ  และแสดงความรู้สึกกับแพทตรง ๆ แบบนี้  ทำไมแพทถึงได้บ่ายเบี่ยงและไม่คิดจะยอมรับมันบ้างเลย

"แพท"

อย่ามาเพ้อเจ้อ  แล้วก็เลิกเรียกผมแปลก ๆ แบบนี้ซะที  ผมไม่ใช่เพื่อนเล่นคุณนะ  มาปีนเกลียวเรียกผมแบบนี้หมายความว่ายังไง

"คุณพิชาญ  กรุณาเรียกใหม่อีกที"

ไม่เอา

"แพทครับ"

ยังอีก

"ถ้ายังปีนเกลียวไม่เลิก จะวางสายแล้วนะ"

โธ่  แพท.......

"ขอโทษครับ"

ยอมขอโทษง่าย ๆ และปลายสายก็เงียบไป จนคุณพิชาญต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

"เป็นอะไร"

"ไม่ได้เป็นอะไรครับ  แค่เสียใจเฉย ๆ"

โธ่โว้ย  แค่เสียใจเฉย ๆ พูดมาได้ยังไงว่าเสียใจเฉย ๆ แค่ไม่ได้เรียกผมแบบแปลก ๆ มันจะชวนให้เสียใจอะไรนักหนา

"ทำไมถึงโตขึ้นมาเป็นคนแบบนี้"

คุณพิชาญบ่นพึมพำเสียงเบา  และอคิราห์ก็ยังคงนิ่งเงียบไม่ตอบอะไรกลับมา

"คุณหนูอัค"

เรียกชื่ออีกฝ่าย  และคุณพิชาญก็ได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ  จากปลายสาย

"ถอนหายใจทำไม"

ไม่ทำไมหรอก

"คุณพิชาญล้อเลียนผมด้วยการเรียกผมว่าคุณหนูอัค  แต่ผมเรียกคุณพิชาญว่าแพทไม่ได้........คนที่รักกับคนที่ไม่รัก มันต่างกันอย่างนี้นี่เอง   โดนรังแกทำให้เสียใจขนาดไหนก็ต้องทน  เพราะว่ารักไปแล้ว  จะพูดจาอะไรก็ไม่ได้ กลัวแพทโกรธ"

กลายเป็นคุณพิชาญที่ต้องนิ่งเงียบกับสิ่งที่อคิราห์พูด

มันก็จริง

ไม่แปลกที่คนที่อยู่ปลายสายจะคิดแบบนั้น  ในเมื่อ.............

"คิดเล็กคิดน้อยเกินไปหรือเปล่า"

นั่นสิครับ

"เฉพาะเรื่องของคุณพิชาญที่ผมเอาแต่คิดเล็กคิดน้อย"

จริงจังไปแล้ว
จริงจังจนทางนี้รู้สึกผิดเลย

"เพ้อเจ้ออีกแล้วคุณหนูอัค"

"แต่ก็รักแพทคนเดียวนะ"

แทนที่จะสำนึก

"ไปกันใหญ่แล้ว ไปนอนไป"

ไล่ให้คุณหนูอัคไปนอน และตัวเองก็รีบชิงกดวางสายแบบไม่มีการรีรอ

และเมื่อล้มตัวลงนอนก็มีข้อความจากไลน์ที่ส่งมาให้เป็นรูปตุ๊กตาหมีกอดกับกระต่ายนอนหลับปุ๋ย

คุณพิชาญได้แต่นอนมองและอมยิ้มคนเดียว

จะให้อยู่ดี ๆ ปุบปับก็ทำตัวหวานแหววแตกต่างออกไป  มันก็ใช่ว่าจะทำได้ง่าย ๆ
เคยแต่เก็กฟอร์มทำเป็นผู้ใหญ่มาตลอด  อยู่ดี ๆ ก็จะให้ทำท่าจี๋จ๋า หวานจ๋อยด้วย  คุณพิชาญก็ทำใจลำบาก

ไม่รู้จะแสดงออกแบบไหนถึงเรียกว่าพอดี

นอนมองรูปกระต่ายกอดกับหมีที่อคิราห์ส่งมาให้  คุณพิชาญก็ได้แต่อมยิ้ม

รูปของอคิราห์ที่ส่งมาเป็นรูปน่ารัก  แต่รูปที่คุณพิชาญส่งกลับไปคือ รูปปืนกำลังยิง

"ทำไมแพทถึงได้ใจร้ายกับผมนักนะ"

อคิราห์ได้แต่ขมวดคิ้วมุ่น และบ่นพึมพำคนเดียวเสียงเบา

ล้มตัวลงนอน แต่ก็ยังคิดเรื่องของคุณพิชาญไม่เลิก   เรื่องที่ไปดูหนังด้วยกัน  เรื่องที่.....แกล้งปาป๊อปคอร์นใส่กันบนรถ.....

เรื่องที่...........จูบกัน.............

คิดได้ถึงตอนนั้น แล้วความรู้สึกเศร้าใจเล็ก ๆ ของอคิราห์ก็หายเป็นปลิดทิ้ง
ดึงหมอนมาปิดหน้าตัวเอง และนอนยิ้มคนเดียว

ถึงแพทจะยังไม่แสดงท่าทีอะไรมากมาย แต่แค่นั้นมันก็มากพอที่จะทำให้อคิราห์มีความหวังมากมาย

เสียงข้อความจากโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง
และอคิราห์ก็เลื่อนปลายนิ้วแตะที่หน้าจอเพื่อดูข้อความของ.........คุณพิชาญ.........

รูปก่อนสุดท้ายเป็นรูปปืนกำลังยิง
แต่รูปถัดมาเป็นรูปหัวใจ

และหลังจากนั้นเป็นข้อความ ที่ทำให้อคิราห์ยิ้มกว้าง  และทิ้งตัวลงนอนอย่างมีความสุขที่สุดในคืนนั้น

..............Good night kiss ครับ.......ฝันดีครับคุณหนูอัค.............

แล้วคืนนั้นทั้งคืน  อคิราห์ก็นอนยิ้มตลอดทั้งคืนด้วยความสุข

..............Good night kiss.....ฝันดีเหมือนกันครับ แพท...............

Fin.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.93
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 05-07-2014 19:00:48
หวาน หวาน หวาน เรียกพี่แพทซิ พี่แพท  แล้วพี่แพทก้อเรียกน้องมันว่า น้องอัค  อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.93
เริ่มหัวข้อโดย: baka_bunny ที่ 05-07-2014 19:06:53
กีสสสส สนุกมาก!!! ยังอ่านไม่จบแต่อยากเม้น พี่บุ้งกับน้องมีนน่ารักเกินไปแล้วววว :mew1:

โอ้ยยย ยังเหลืออีหลายคู่เลย ต้องตามอ่านให้ทัน!!! :katai4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.93
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 05-07-2014 20:54:03
พี่แพทใจอ่อนแล้ว  คุณหนูอัคสู้ ๆ  อีกอึดใจเดียวเท่านั้น  :katai2-1:
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.93
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 05-07-2014 21:46:33
 :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.93
เริ่มหัวข้อโดย: love AJ ที่ 05-07-2014 23:02:01
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.93
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 05-07-2014 23:09:52
โอ๊ยยยยยยยย กู๊ดไนท์คิสสสสสสครับ เขินอ่ะครับ :-[

อ่านตอนพี่แพทกับคุณหนูอัตแล้วทำให้เรามีความหวังเลยค่ะ :hao5:
 
การรักใครซักคนแล้วรักมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง ยอมที่จะรอ  :sad4: สุดท้าย

ปลายทางมันหวานชื่นแบบนี้นี่เองอ่ะ เขินนนนนนนน :o8: :impress2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.93
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 06-07-2014 12:40:33
น้ำตาลเรียกพี่อีกคู่แล้ววววว
มิหวายมิหวายยยยย น้ำตาลในกระแสเลือดเยอะเกินต้องไป555
อ่านไปก็เขินไป เป็นอีกคู่ที่น่ารักมากๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.93
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 06-07-2014 12:47:39
 :m3: :m3: :m3: :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.93
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 06-07-2014 16:40:37
แหม่...good night kiss
ปลอบใจคนขี้น้อยใจใช่ไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.93
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 06-07-2014 21:51:20

(http://เวปมีไวรัส/images/2014/07/05/ไฟล์เปล่า13M9a5D.jpg)

(เรื่องสั้นไร้ความต่อเนื่อง..... "เด็กกว่าแล้วไง").....พัฒนาการ....

"อคิราห์"

"อาคิระ"

"อากิ"

"อัค"

"จะอะไรก็เรียกเถอะผมไม่มีปัญหาหรอก ขออย่างเดียว "แพท" ช่วยเรียกผมด้วยน้ำเสียงหวาน ๆ แบบนี้บ่อย ๆ นะ
ฟังแล้วผมจะสำลักความสุขตาย"

"งั้นเหรอ คุณอัค ที่น่ารักของผม ถ้าซาบซึ้งใจพอแล้ว ก็จัดการกับกองเอกสารพวกนี้ซะ ผมไม่ได้มีเวลาว่างมากพอจะมาจ้ำจี้จ้ำไชคุณหรอกนะ งานผมยุ่งมากพอแล้ว"

โธ่ แพท

"อัค ดองงานไว้ให้แพทมาหา งานแค่นี้อัคดูห้านาทีก็เสร็จแล้ว"

งั้นก็ดูซะสิ

"ผมให้เวลาครึ่งชั่วโมง ถ้าไม่เสร็จ ไม่ต้องคุยกัน"

โหหหหหหห

"ยี่สิบนาทีไม่ได้เหรอ ครึ่งชั่วโมงมันนานไป"

มีการต่อรอง แล้วคุณพิชาญก็จัดการใช้นิ้วดีดไปที่หน้าผากของอคิราห์เบา ๆ ด้วยความหมั่นไส้ แล้วคนโดนดีดก็ร้องออกมาเสียงหลง และยกมือขึ้นกุมที่หน้าผากตัวเอง

"โอ้ยยยยย แพทใจร้าย"

ก็สมควรร้ายมั้ยล่ะ

"รู้แล้วว่าเก่ง ไม่ต้องโชว์พาวให้มันมากนักก็ได้ ดูให้ละเอียด"

ครับ ทราบแล้วครับ

"ถ้าอัคทำเสร็จแล้ว อ้คไปหาแพทที่ฝ่ายได้มั้ย"

ได้

"ไม่ได้ห้ามนี่"

แพททำไมน่ารักจัง งั้นอัคจะตั้งใจทำงานเดี๋ยวนี้

สำหรับคุณพิชาญ อคิราห์น่ารักเสมอ มีงอแงบ้างเล็กน้อย ในเวลาที่เครียดหรือไม่สบาย นอกจากนั้นคุณอคิราห์ตั้งใจทำงานเป็นอย่างดี และคุณพิชาญก็รู้สึกดีที่อคิราห์ตั้งใจทำงาน ไม่ทำตัวเหลวไหล หรือทำตัวเป็นเด็กในเวลางาน

แต่ในเวลาอื่น ก็มีบ้างที่อคิราห์จะเผลอกลับมาเป็นเด็กน้อยน่ารักขี้อ้อน ซึ่งคุณพิชาญก็มองว่าเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย
คนที่เด็กกว่า และมีความเป็นผู้ใหญ่ในตัวในเวลาที่สมควรแบบนี้ใช่ว่าจะหาได้ง่าย ๆ

"คุณอัค ทำตัวดี ๆ นะแล้วจะพาไปกินขนม"

ผมไม่ใช่เด็กอนุบาลถึงจะได้ปลื้มกับการกินขนมหรอกนะ

"ผมไม่ใช่เด็ก"

ก็ไม่ได้บอกว่าเด็ก

"ขนมนี่เขาไม่ได้ให้เด็กกิน ผมจะพาไปกินขนมแบบผู้ใหญ่เขากินกัน"

อ่า.....

งั้นก็ได้

อมยิ้มน้อย ๆ และอคิราห์ก็ก้มหน้าก้มตาทำงาน ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองคุณพิชาญอีก

อาการเขินแบบน่ารัก ๆ แบบนั้นมันทำให้คุณพิชาญต้องนิ่งมองค้าง และต้องพยายามบอกตัวเองในใจซ้ำ ๆ หลายรอบ
........ตั้งใจทำงานก่อน ตั้งใจทำงาน อย่าเพิ่งออกนอกลู่นอกทาง เป็นผู้ใหญ่กว่า อย่าชวนให้คุณอัคเสียการเสียงาน

ท่องอะไรไปเรื่อย และคุณพิชาญก็ต้องพยายามทำหน้าให้ขรึมที่สุด ก่อนจะเดินออกจากห้องก็ไม่ลืมที่จะหันไปบอกลา

"ผมไปนะ"

แล้วอคิราห์ที่ก้มหน้าก้มตาอยู่ก็พยักหน้าตอบรับ แต่ทำให้คุณพิชาญแทบอยากเป็นบ้าตาย

"ครับพ้ม"

แค่เนี้ยะ พูดแค่เนี้ยะ แต่ตอนพูดใบหน้าขาว ๆ ขึ้นสีแดงเรื่อ ยิ่งมองยิ่งน่ารักที่สุด เห็นแบบนี้แล้ว คุณพิชาญก็ชักไม่อยากจะกลับฝ่ายเลยจริง ๆ  แต่ก็ต้องกลับ   ขืนอยู่นานกว่านี้  เดี๋ยวจะเผลอแสดงท่าทีแปลก ๆ ออกไป ให้อคิราห์จับได้

ว่าอยากจะอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปอีกนาน ๆ

ไม่ดี ไม่ดี  อายุมากกว่า  จะมาชวนคุณหนูอัค เสียการเสียงานแบบนี้  ไม่ใช่เรื่องที่ควรเลยจริง ๆ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.93
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 06-07-2014 22:02:17
"เก่งใช้ได้เลย  แบบนี้ต้องมีรางวัลนะเด็กน้อย"

เด็กน้อยอะไรล่ะ ไม่ต้องเลย

อคิราห์ ต้องใช้ทักษะขั้นสูงในการหลบการโดนยีหัวจากคุณพิชาญ นี่ผมระดับผู้บริหารนะ คุณทำกับผมแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด อย่าทำกับผมแบบนี้ ถึงจะเป็นเวลาเลิกงานแล้วก็เถอะ  คุณก็ไม่ควรจะทำแบบนี้กับผมนะ

"มานี่"

ไม่มา

เกิดอาการงอน และเบี่ยงหน้าหลบให้พ้นเงื้อมมือของคุณพิชาญ ที่ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ ไม่ได้อยากแกล้งนะ แต่เพราะหนีแบบนี้ไง มันถึงต้องโดน

"จะชมว่าเก่ง มาให้ยีผมซะดี ๆ"

ไม่

"ผมไม่ใช่เด็กนะ"

งอแง งอน จะเรียกว่าอะไรก็แล้วแต่ อคิราห์ไม่สน สิ่งที่สนคือ ทำไมต้องแกล้งด้วย นี่ผมไม่ได้เด็กขนาดนั้นนะ แพทเห็นผมเป็นอะไร ยังจะยืนยันว่าผมเป็นเด็กให้ได้ใช่มั้ย

"หนูอัค มานี่"

นั่นไง หนูอัคอีก เอาเข้าไป ทำไมถึงเรียกผมแบบนี้

"อย่าให้ต้องพูดหลายรอบได้มั้ยหนูอัค"

ไม่

ยังจะส่ายหน้าอีกเหรอคุณอคิราห์ งั้นต้องเจอแบบนี้

คุณพิชาญเดินอ้อมโต๊ะไปหาและอาศัยจังหวะเผลอจัดการกับไอ้เด็กงอแงที่ไม่ยอมให้ลูบผม เป็นเด็กกว่าแท้ ๆ อย่ามาบังอาจมีปัญหากับคนที่อายุมากกว่า   ไม่งั้นจะโดนแบบ.....................นี้

"อย่าแกล้งผมอีกเลยนะครับแพท"

ไม่ใช่คุณพิชาญที่สามารถจัดการกับอคิราห์ได้ แต่เป็นอคิราห์ที่อาศัยจังหวะที่คุณพิชาญยื่นมือเข้ามาหา จับข้อมือทั้งสองข้างของคุณพิชาญเอาไว้ ไม่ให้คุณพิชาญทำอะไรอย่างใจได้

"ปล่อย"

ไม่ปล่อย

อคิราห์ส่ายหน้า และเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยังมีความพยายามจะยื่นมือมายีผมให้ได้

"อย่าแกล้งอัคเลยนะครับ"

พูดย้ำอีกครั้งและเงยหน้าขึ้นมองคนที่อยู่ตรงหน้า ดวงตาคมจ้องนิ่งตรงมาที่ใบหน้าของคุณพิชาญ
และกลายเป็นคุณพิชาญที่ทำหน้าไม่ถูกและต้องเมินหน้าหนีไปทางอื่น

"แกล้งผม ผมเอาคืนนะ"

อย่าให้มันมากนัก หนูอากิ

"............"

"แกล้งผม ผม "เอา"...คืน..นะ"

พูดจาแปลก ๆ และอคิราห์ก็ลุกจากเก้าอี้ขึ้นมา ทั้งที่ยังจับข้อมือทั้งสองข้างของคุณพิชาญเอาไว้และกลายเป็นคุณพิชาญที่ต้องถอย และรู้สึกหงุดหงิดใจ ที่ไอ้เด็กน้อยตรงหน้า มันกลายร่างเป็นผู้ใหญ่อีกแล้ว

คุณพิชาญเงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาคมคู่นั้น แล้วก็ทำได้แค่ขมวดคิ้วมุ่น

"เลิกเล่น"

เลิกได้ยังไง ก็แพทเป็นคนเริ่มก่อนนะ

"อัค....หยุด.... บอกว่าเลิกเล่น"

เลิกเล่นได้ยังไง ก็แพทเล่นก่อน แล้วทำไมทีผมเล่นบ้าง แพทต้องทำเหมือนโกรธด้วย

"เล่นอีก...ผมอยากเล่น"

อย่ามาอยากเล่นตอนนี้

อคิราห์เดินเข้าหา และยังจับข้อมือของคุณพิชาญเอาไว้ แต่คุณพิชาญถอยหนีจนแทบจะไม่มีที่ให้ถอยได้อีก

"เล่นอีกนะครับ"

อย่ามาทำเสียงกระเส่าใส่แบบนี้ อย่ามองแบบนี้  อย่าทำสายตาแบบนี้   หยุด....ผมไม่เล่นกับคุณแล้ว...

"พอแล้วอัค"

ก็..........ได้ครับ........
ทำไมแพทต้องทำเสียงดุใส่อัคแบบนั้นด้วย  ทั้งที่เหมือนแพทกำลังเขินอยู่แท้ ๆ

ยอมปล่อยข้อมือของคุณพิชาญแต่โดยดี และคุณพิชาญก็เดินไปหยิบแฟ้มเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาถือเอาไว้

"ผมเก่งใช่มั้ย"

อย่ามาถาม

"แพทจะชมผมแบบผู้ใหญ่เขาชมกันมั้ย"

ไม่ชง ไ่ม่ชมอะไรทั้งนั้นแหละ

"....เดี๋ยวจะโดน"

คุณพิชาญคาดโทษอคิราห์เอาไว้และทำหน้าจริงจังใส่  ก่อนจะเดินหนีออกไปจากห้องโดยไม่หันมามองอีก

อคิราห์ทิ้งกายลงนั่งบนเก้าอี้เงียบ ๆ และดวงตาคมก็ไหวระริก ริมฝีปากขบเม้มเข้ากันแน่น และหัวใจก็เต้นระทึก
มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่อยู่ ๆ จะทำตัวรุกไล่แบบนี้  ต้องอาศัยความกล้าขนาดไหนแพทจะรู้บ้างมั้ย

สิ่งที่อคิราห์คิดได้ในเวลานี้

แพทเวลาเขิน และไม่เป็นตัวของตัวเอง มันช่างน่ารักจนเกินที่อคิราห์จะอดทนไหว

แม้จะบอกว่าตัวเองเก่งขนาดไหน  แต่เวลาอยู่คนเดียวแบบนี้  อคิราห์ก็แนบใบหน้าลงกับโต๊ะทำงานและใบก็ร้อนผ่าวขึ้นมา  เมื่อนึกได้ว่าตัวเองทำอะไรลงไปบ้าง

บ่นพึมพำกับตัวเองเสียงเบา  ทั้งที่หัวใจยังเต้นระทึกเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้  ที่แค่มองตากัน  ก็เกิดความรู้สึกมากมาย

"แพทครับแพท...เมื่อไหร่แพทจะสอนอัคแสดงความรักแบบที่ผู้ใหญ่เขาทำกันสักที"

Fin.
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 07-07-2014 06:53:31
 :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: puppyluv ที่ 07-07-2014 08:08:50
ความรักแบบผู้ใหญ่
ฮว้ากกกกกก!!!
บวกและเป็ดแทบไม่ทัน
อย่างนี้ต้องมีตอนต่อ
 :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 07-07-2014 08:55:16
คุณแพททท ผู้ใหญ่กว่าแล้วไง เด็กมันน่ารักแล้วก็รักคุณแพทจะแย่อยู่แล้วว  :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 07-07-2014 11:36:50
 :m11: :m11: :m11: :m11: :m11: :m11:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: Nabee ที่ 07-07-2014 12:57:56
เขินกันไปก็เขินกันมา น่ารักจริงๆคู่นี้ ><
ว่าแต่คุณหนูอัคเค้ารอคุณแพทสอนการแสดงความรักแบบผู้ใหญ่อยู่น้าาาาาา
คุณแพทก็รีบๆสอนคุณหนูอัคให้เป็นเร็วๆ คราวนี้จะได้หายเขินกันสักที อิอิ >\\\\\\\\\\\\<
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 07-07-2014 17:42:04
เป็นอีกคู่ที่ชอบมากๆๆๆๆๆเลยค่ะ คุยกันงุงหงิง แต่ทำไมมันหว๊านหวานมดขึ้นจอขนาดนี้  :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 07-07-2014 17:50:28
นั่น เมะนิสัยเด็ก น่ารักอ่าาาา แพทจะเผยไต๋ก่อนไหมให้หนูอัคได้รู้แล้วรุกด้วยสัญชาตญาณไม่ต้องให้แพทสอน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 07-07-2014 17:51:20
คู่นี้นี้ผลัดกันจีบผลัดกันอายเนอะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 09-07-2014 11:51:56
กว่าจะอ่านทันใช้เวลาหลายวันเลย
สนุกค่ะ ชอบคู่นัทกับฟ้าน่ารักมากเลย คู่อื่นก็โอนะ แต่วิโรจน์ไม่ไหวหื่นเกินลิมิต  :hao4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 10-07-2014 15:51:07
ใครจะรุกใครก่อนนะคู่นี้อย่ามัวแต่เขินสิจ๊ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 11-07-2014 07:42:02
ThankS
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: BizcuitO ที่ 15-07-2014 19:15:01
น่ารักทุกคู่เลยยยยยยยย ครบรส ร้อนแรง หวานแหวว ใสๆ(???)

แต่กรี๊ดสุดๆๆ กับคู่พี่บาสกับหนูกิ  >//_//<

ปล. รากบุญภาคสอง ที่เพิ่งมาฉาย ดูยังไงก็หามาร์กี้ไม่เจออะ เค้าเจอแต่ "พี่โยกับน้องบัว" อร๊ายยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 17-07-2014 19:53:33
อยากอ่านเรื่องอื่นๆบ้างเเล้วววววววววววววววววว สู้ๆ มาไล่อ่านอีกรอบดีกว่า กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: boyslover ที่ 17-07-2014 20:06:31
หายไปไหนเอ่ยยย
หัวข้อ: Re:@@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-07-2014 20:09:34
น่ารักทุกคู่อ่ะ :hao7: :hao3: :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 17-07-2014 23:11:07
คิดถึงหนูอัคกับพี่แพท คิดถึงน้องนัทกับพี่ฟ้าด้วยค่ะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 18-07-2014 13:53:05
รออ่านนะค่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 19-07-2014 04:22:06
คิดถึงคู่ล่าสุด เมื่อไหร่พี่แพทจะมาสอนน้อง 555

ปล เรื่องนี้ขาดช่วง กำลังลุ้นรัก7ปีให้หวานกันบ่อยๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: nakayu ที่ 22-07-2014 14:05:56
พะ พะ พะ พี่บุ้ง...... (กรีดร้อง) อยากจะจุดพลุฉลองชัย  ลุ้นพี่บุ้งมาตั้งนานบทพี่จะหื่นพี่ก็หื่นได้ใจมากค่ะ
โอย ๆ ๆ สนุกมากอะ  เราไม่มีปัญหากับวิธีการเขียนของไรเตอร์เลยค่ะ  ชอบมากด้วยซ้ำมันเหมือนได้แอบอ่านความคิดของคนอื่นน่ะ
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: cowinsend ที่ 13-08-2014 18:56:59
คิดถึงความน่ารักของหนูอัคกับเจ้าเป็ดขึ้นทุกที รออยู่น้า :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 15-08-2014 19:34:39
ในที่สุด!!!! ในท่สุดก็ตามอ่านทัน
 o7
ปาดเหงื่อออ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 16-08-2014 20:39:44
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/26/ไฟล์เปล่า1Nn1wdplLDb.jpg)
เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ (ภาคพิเศษ) เราทุกคนมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน

ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหัวใจ  อาจเป็นเพราะเหงา เหงามานาน  ชินชากับความเจ็บปวดมานาน   
สิ่งที่เกิดขึ้นมันตอกย้ำและอยู่ในใจมานานหลายปี
จากที่เจ็บปวดมากที่สุด  จนแทบทนไม่ไหว 
จนกระทั่งผ่านคืนวันเหล่านั้นมาอย่างช้า ๆ  ก้าวข้ามผ่านความเจ็บปวดมาอย่างช้า ๆ

ฟ้าไม่คิดว่าตัวเองจะยิ้มได้อีกครั้ง 
ไม่คิด
ไม่เคยคิดเลยจริง ๆ
จนถึงวันที่รอยยิ้มค่อย ๆ จุดขึ้นที่มุมปากได้ในวันหนึ่ง   
รอยยิ้มที่ค่อย ๆ กว้างขึ้นในทุกวัน   และสุดท้ายฟ้าเพิ่งรู้  ว่าตัวเองยังหัวเราะได้และยังมีหัวใจ

ไม่มีสักวันที่จะยิ้มหรือหัวเราะได้จากใจจริง ๆ
ไม่มีเลยสักวัน....................จนกระทั่งวันนี้ที่หัวใจกลับมาเต้นแรงได้อีกครั้ง

".............................."   
ก้มหน้าลงมองที่จอคอมพิวเตอร์และรวบรวมเอกสารลงไปในแฟ้ม   
เอกสารสำหรับการประชุมที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

"คุณรัชชานนท์"

เสียงเรียกของใครบางคนที่อยู่ห่างออกไป  ทำให้ฟ้าต้องเงยหน้าขึ้นมามอง และก็พบว่าสายตาคู่หนึ่งกำลังมองมา

".....เอ่อ.....ดึกแล้วครับ.....คุณรัชชานนท์....จะอาบน้ำเลยมั้ย....ครับ"

คนพูด  ทำสีหน้าจริงจัง  และคนฟังก็พยายามทำสีหน้าให้จริงจังตามไปด้วย
แกล้งเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย  ก่อนจะพยักหน้าอย่างช้า ๆ

ใบหน้าขาว ๆ ของคนที่ชวนอาบน้ำขึ้นสีแดงเรื่อ  แต่ก็ยังพยายามจะรักษาฟอร์มของตัวเองต่อไป

".......เอ่อ....คุณรัชชานนท์ครับ  คือแบบว่า.....วันนี้.....สระผมให้ผมด้วยได้หรือเปล่าครับ"

ได้สิ
ทำไมถึงจะไม่ได้ล่ะ   แค่สระผมมันไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไรเลย 

พยักหน้ารับตามที่อีกฝ่ายร้องขอ  และก็เห็นว่าคุณนัทขยับกายลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินไปที่ห้องด้านหลังที่กั้นไว้เป็นห้องพักส่วนตัว   พร้อมกับถือผ้าขนหนูออกมาด้วย

เรายังอยู่ในชุดทำงานด้วยกันทั้งคู่
มันคงเป็นภาพที่แปลกตาน่าดู  ที่เจ้านายและเลขากำลังยืนเผชิญหน้ากัน  และเป็นคุณเลขารัชชานนท์ที่กำลังปลดกระดุมเสื้อและดึงปมเนคไทด์จากคอเสื้อของคุณณัฐพันธ์ประธานบริษัทหน้าเด็ก  ที่กำลังพยายามยืนทำหน้าขรึมอยู่  ทั้งที่ในเวลานี้หัวใจกำลังเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก

และท่าทางที่ดูผิดปกติแบบนั้น  ก็ทำให้เลขารัชชานนท์ถึงกับยิ้มออกมา

บางครั้ง  นัทก็ทำตัวน่าเอ็นดูเกินไป
บางครั้ง นัทก็ทำตัวน่ารักเกินไป
บางครั้ง  นัทก็ทำให้พี่  ยิ้มมากเกินไป    เช่นในเวลานี้ที่พี่กำลังยิ้มเพราะสิ่งที่นัททำ
หรือเรียกง่าย ๆ อีกอย่างว่า  "กำลังพยายามหัดทำ"  อยู่  ไม่ต้องพูดให้มากความ  ป้ายประกาศก็แปะหราอยู่ที่กลางหน้าผากของประธานเป็ดน้อยแล้วเรียบร้อย

....................ขออภัย  มือใหม่หัดยั่ว........................

แบบนี้มันก็น่ารักเกินไป

"พี่ฟ้ายิ้มอะไร  ขำหน้านัทอีกแล้วเหรอ"

ไม่ใช่ครับ  ไม่ใช่ยิ้มเพราะขำ  แต่ยิ้มเพราะ...............

"งั้นไม่ยิ้มเพราะขำ  แต่ยิ้มเพราะ  "หื่น"  ได้มั้ยครับ"

ห๊ะ
เฮ้ยยยยยยยยยยยยย  พะ พะ พะ พี่  พี่  ฟ้า............พูดเล่นแบบนี้ก็เป็นด้วยเรอะ

"หะ....หื่น  หื่นอะไร   คุณรัชชานนท์พูดจาแปลก ๆ จนผมงงไปหมดแล้วนะครับ"

นั่นไม่เรียกว่างง    เขาเรียกว่าเขินต่างหากล่ะ

"ไม่หื่นก็ได้ครับ"

พูดอย่าง  แต่ทำอีกอย่าง
เสื้อเชิตสีขาวถูกถอดออกเรียบร้อยและวางอยู่บนโต๊ะทำงาน  แต่ไม่สำคัญเท่ากับการที่ยอดอกทั้งสองข้างของท่านประธานเป็ดน้อยถูกปลายนิ้วร้อน ๆ เกลี่ยไล้เล่นและคลึงเคล้าเบา ๆ จนทำให้นัทถึงกับทำอะไรไม่ถูก

"อะ...เอ่อ  ผะ ผม  ว่า  .....เอ่อ...."

ยังไงล่ะนัท
อยากพูดอะไร

"ครับ ว่ายังไง"

ไม่ว่ายังไงหรอกพี่ฟ้า   นัทจะไปว่ายังไงล่ะ  ก็............แบบว่า.....อย่าง....อย่างนั้น
มะ....มั้ง.....มั้งครับ เอ่อ...........ก็แบบว่า......

ไม่รู้จะพูดอะไรดี
สุดท้ายนัทก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น  ทั้งที่ความร้อนภายในร่างกายแล่นพล่านไปทั่วร่างแล้ว  จากใบหน้าไล่ลงมาที่คอขาว ๆ และกำลังจะลามไปทั้งตัวเพราะสายตาร้อนแรงที่จ้องมองมาแบบนิ่ง  ๆ พร้อมรอยยิ้มจาง ๆ ที่ส่งผ่านมาพร้อมกับสายตาคม ๆ ร้อนแรงคู่นั้น

"ร้อนมั้ยครับนัท"

ร้อนมากครับ

พยักหน้ารับและฝ่ามือก็ค่อย ๆ เคลื่อนไปที่รอบลำคอของคนที่เอ่ยถาม 
ดวงตากลมโตไหวระริก  ลำคอแห้งผาก  และใบหน้าก็ร้อนวูบวาบไปหมด

ต้านทานไม่ไหว
ห้ามใจตัวเองไม่ไหวจนต้องเขย่งปลายเท้าขึ้นและแนบริมฝีปากแตะสัมผัสกับริมฝีปากนุ่มร้อนคู่นั้น ที่ค่อย ๆ เผยรอยยิ้มออกมาทีละน้อย

จูบแบบที่ถูกสอน
สัมผัสอย่างที่อีกฝ่ายเคยสัมผัส
สอดปลายลิ้นแทรกเข้าไปภายในโพรงปากร้อน และพยายามจะดูดกลืนปลายลิ้นที่หลบหลีกหนีห่าง

"อือ  พี่ฟ้า.....ทำไมหนี"

ขมวดคิ้วมุ่น เมื่อถูกแกล้งให้ต้องสอดแทรกปลายลิ้นควานเข้าไปค้นหาความร้อนรุ่มภายในโพรงปากของอีกฝ่าย

"แล้วนัทคิดอะไรอยู่......."

คิดเหรอ
คิดอะไรอยู่เหรอ  คิด...............ใช่......คิด
คิดมากด้วย  ยอมรับเหอะวะว่าคิด
คิดมากด้วย 

"กำลังกลัวอะไรอยู่หรือเปล่านัท"

กลัวเหรอ
กลัว
ใช่..........กำลังกลัว

บางอย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ครอบครอง   
สิ่งที่เคยอยู่แค่ในความฝันแล้ววันหนึ่งก็กลับกลายเป็นจริง   บางครั้งมันก็ทำให้คิดว่า  ที่จริงแล้ว เวลานี้กำลังฝันอยู่หรือเปล่า

กลัว และกังวล ว่าที่จริงแล้ว ความสุขที่ได้รับในเวลานี้  เป็นเพียงความฝันหรือเปล่า
และถ้าหากมันเป็นแค่ความฝัน   ก็ไม่อยากจะตื่นจากฝันดีแบบนี้เลยตลอดชีวิต

"คนเรามีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน  พี่มีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน  นัทเองก็กำลังอยู่กับปัจจุบัน  พี่ไม่รู้เรื่องของอนาคต  สิ่งที่พี่เห็นก็คือเรื่องในอดีต"

ใช่
นัทรู้
ที่พี่ฟ้าพูดมาทั้งหมดนั่น  นัทก็รู้

"พี่ผ่านอดีตเพื่อเรียนรู้ เพื่อรัก  เพื่อพลัดพราก เพื่อเจ็บปวด เพื่อเก็บความทรงจำทั้งดีและร้ายเอาไว้  เพื่อมาเจอกับปัจจุบัน  และมาทำให้ปัจจุบันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด"

ปัจจุบัน............เหรอพี่ฟ้า
ปัจจุบัน.............

"และนัทคือ  ปัจจุบันของพี่"

เงยหน้าขึ้นมองหน้าของคนที่พูดบางอย่างให้ได้ฟัง
ฟังทั้งหมดทุกคำพูด

ฟังทั้งหมดอย่างตั้งใจ

"คนที่ใช่ในเวลาที่ไม่ใช่  สุดท้ายมันก็ไม่ใช่ แม้จะพยายามให้ตายก็เท่านั้น"

......................

"แต่คนที่ใช่  ในเวลาที่ใช่..............ในเวลาที่เหมาะสม  ในวันที่พี่มีแรง  ในวันที่นัทพร้อม  ในวันที่เราเรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่างเพื่อมาเจอกัน  เพื่อมาเป็นคนที่ใช่ของกันและกัน.............แล้วยังจะมีอะไรให้นัทต้องกังวลอีกล่ะ"

นั่นสินะ
มีอะไรให้กังวลอีก

ยังต้องกังวลอะไรอีก

"จริง........ นัทเองก็ไม่รู้เรื่องอนาคตเหมือนกันพี่ฟ้า   กังวลแล้วได้อะไร  นอกจากจะทำให้ตัวเองรู้สึกแย่............ตอนนี้นัทอยู่กับปัจจุบัน..........พี่ฟ้าอยู่กับปัจจุบัน เราอยู่กับปัจจุบันด้วยกันทั้งคู่อย่างที่พี่ฟ้าว่าจริง ๆ นั่นแหละ"

ใช่
เราอยู่กับปัจจุบัน
เราให้ความสำคัญกับปัจจุบัน
ครั้งหนึ่งเมื่อเคยวาดอนาคตไว้อย่างสวยหรูแล้วต้องพังครืนลงมาไม่เป็นท่า 
สุดท้ายต้องกล้ำกลืนฝืนทนกับความเจ็บปวด  เพราะอยู่บนความหวังที่มากเกินไป
หวังมาก   พยายามไขว่คว้ามากทั้งที่ไม่ใช่เวลาของตัวเอง

สุดท้ายต้องอยู่กับความเจ็บปวด   ต้องร้องไห้มากแค่ไหน ต้องเจ็บปวดมากแค่ไหน  กว่าจะลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง

หวังแค่พอดี
อยู่กับความพอดี
อยู่กับสิ่งที่พอดี  อยู่กับสิ่งที่ใช่  คนที่ใช่

"พี่อยู่กับปัจจุบัน  และปัจจุบันของพี่วันนี้ก็ดูจะร้อนแรงเป็นพิเศษกว่าทุกวัน"

ร้อนแรงเป็นพิเศษนั่นมันก็............ไม่เถียงหรอกพี่ฟ้า 
กลับมาเรื่องปัจจุบันแล้วเหรอ   ร้อนแรงมั้ย  นัทก็ว่าร้อนแรงใช้ได้เลยล่ะ

"ก็.....ก็ไม่ค่อยเท่าไหร่หรอก.....ครับ"

ใช่
ไม่ค่อยเท่าไหร่หรอก  ก็แค่...................แสดงออกให้เห็นว่าต้องการมากกว่าทุกวันก็แค่นั้น

"ให้พี่สระผมให้ใช่มั้ยครับวันนี้"

ครับ
สระผมครับ

สระผมให้นัทหน่อยนะครับ

พยักหน้ารับจนคอแทบจะหลุด  และกลายเป็นคุณเลขารัชชานนท์ที่หัวเราะออกมาเพราะความเอ็นดูท่านประธานเป็ดน้อยที่ชอบทำตัวน่ารักน่าใคร่  น่ารังแกอยู่บ่อย ๆ

"แล้วนัทสระผมให้พี่ฟ้าด้วยได้มั้ยครับ"

ได้ ได้

พยักหน้ารับอีกรอบและคุณเลขารัชชานนท์ก็ได้แต่หัวเราะด้วยความขำกับสิ่งที่คนที่อยู่ตรงหน้าทำ

"นัทเป็ดน้อยเอ้ยยยยยยยย"

จะมานัทเป็นน้งเป็ดน้อยอะไรล่ะ   ทีเมื่อกี้ยังทำหน้าจริงจังอยู่เลย  มาเรียกว่านัทเป็ดน้อยอีกแล้ว  บอกตรง ๆ ว่าเคืองเหอะวะ

"พี่ฟ้าเก็กเอ้ยยยยยยยยยย"

เอาบ้าง
ล้อเลียนอีกฝ่ายบ้าง
และคราวนี้ยิ่งเรียกรอยยิ้มให้คนฟังได้อีกไม่น้อย

ยิ้มได้
หัวเราะได้

และคุณเลขารัชชานนท์รู้สึกว่าตัวเองกำลังมีความสุข

สุขมาก ๆ กับปัจจุบัน
มีความสุขที่สุดกับปัจจุบันจนอยากจะให้ปัจจุบันเชื่อมต่อไปถึงอนาคต

"นัทเป็นปัจจุบันของพี่และพี่จะทำให้ปัจจุบันกลายเป็นอนาคตของพี่ด้วย"

พูดบางอย่างให้คนที่กำลังล้อเลียนได้เข้าใจ  และนัทก็เข้าใจ  เข้าใจทุกอย่างดี

"นัทไม่เป็นหรอกนะอนาคตของพี่ฟ้าน่ะ"

ไม่เป็น............อนาคตเหรอ
ไม่เป็น......................
ทำไมถึงไม่เป็นล่ะ

"อนาคตอยู่ตรงไหนนัทไม่เห็นสนเลย   เพราะนัทคือปัจจุบัน  และนัทจะเป็นปัจจุบันของพี่ฟ้าทุก ๆ วัน ทุก ๆ นาที  ทุก ๆ วินาที  ไปทุก ๆ ปีทุก ๆ วัน...............นัทอ่ะ  คือปัจจุบันของพี่ฟ้าตลอดไป"

Fin.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (เรื่องสั้น ไม่ต่อเนื่อง อ่านเพลิน ๆ) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 16-08-2014 20:41:23
 :z13: คิดถึงนะ

ฟินไปสามโลก เป็ดน้อย มือใหม่หัดยั่ว :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ นายกับคุณเลขา) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 16-08-2014 20:58:47
ฟิน ตัวเท่าโลก น้องนัทเป็ดน้อยของพี่ฟ้ามาแล้ว...
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ นายกับคุณเลขา) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 16-08-2014 22:51:44
 คู่นี้เนี่ยนะ แบบว่า :-[ :-[ :-[ 
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ นายกับคุณเลขา) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 16-08-2014 23:29:37
น่ารัก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ นายกับคุณเลขา) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 17-08-2014 00:43:44
ขอบคุณค่ะที่มาต่อ กำลังคิดถึงน้องนัทเป็ดน้อยกับพี่ฟ้าอยู่เลย ชอบคู่นี้มากๆ (จริงๆก็ชอบทุกคู่ค่ะ)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ นายกับคุณเลขา) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 17-08-2014 09:04:06
  มาแล้วคุณนัทเป็ดน้อยของพี่ฟ้า
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ นายกับคุณเลขา) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 17-08-2014 09:27:31
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ นายกับคุณเลขา) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 17-08-2014 09:35:33
น่ารักกกกกกก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ นายกับคุณเลขา) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: cowinsend ที่ 17-08-2014 09:52:19
โอ๊ยๆ แบบว่าอย่างนี้ฟินตายเลย เป็ดน้อยของพี่  :ling1:

หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ นายกับคุณเลขา) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 17-08-2014 10:31:31
 :impress2: อ๊ายน้องนัทน่ารักจะเป็นปัจจุบันของพี่ฟ้าทุกนาที เฮียแกปลื้มตายเลย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ นายกับคุณเลขา) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 17-08-2014 12:02:18
กลับมาแล้ว ชอบบริษัทนี้มากเลย มีทุกคู่
คิดถึงจัง อยากให้มีแนวสมาคมพ่อบ้านแผนกขนส่งนินทาภรรยาบ้างจัง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ นายกับคุณเลขา) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 17-08-2014 13:31:45
ฟิน ปริ่ม ฝุดๆ
น้องนัทเป็ดน้อยของพี่ฟ้ายังน่ารักเสมอเลย
 :mew3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ นายกับคุณเลขา) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 17-08-2014 13:53:11
โฮๆๆๆ คิดถึงพี่ฟ้ากะเป็ดนัท
เป็นปัจจุบันของกันและกัน ซึ้งอ่ะ  ⌒.⌒
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ นายกับคุณเลขา) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 17-08-2014 19:22:46
เป็ดน้อยหัดยั่วน่ารักกกกกก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ นายกับคุณเลขา) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 17-08-2014 19:56:02
 :o12:  ดีใจ   ท่านประธานเป็ดน้อย กับ คุณเลขาขี้เก็ก กลับมาแล้วววว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ นายกับคุณเลขา) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 18-08-2014 08:49:00
เค้าหวานกันมาก
อิจฉาาาาา
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ นายกับคุณเลขา) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 11-09-2014 08:36:30
ThankS
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ นายกับคุณเลขา) P.94
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 28-09-2014 22:07:05
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/19/256IqDzo.jpg)
เรื่องของหัวหน้าแผนกจัดซื้อ ไอศูรย์-จุมพล ภาคพิเศษ คุณไอศูรย์เป็นคนเย็นชา


“ลูกอมรสนม  นี่ก็มิ้น นี่รสผลไม้”

เลือกขนมไปทีละอย่าง และไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
หยิบไปเรื่อย ๆ จนเต็มสองมือ  และคนที่กำลังยืนอยู่ข้าง ๆ ก็หันมามองและถึงกับส่ายหน้าเมื่อเห็นสิ่งที่จุมพลทำ

“อะไรครับคุณไอศูรย์  ส่ายหน้าคือยังไงครับ  หมายความว่า....”

ถามออกไป  และยิ่งขมวดคิ้วมุ่นยิ่งกว่าเดิม  เพราะนอกจากคุณไอศูรย์ไม่ยอมตอบแล้ว  ยังเดินหนีไปอีก

อะไร
ทำไมต้องเมิน  แค่ซื้อขนมกินเล่นแค่นี้  ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้นใส่ด้วยวะ  ทำแบบนี้บ่อย ๆ ก็เคืองเป็นเหมือนกันนะ
จุมพลกำลังรู้สึกหงุดหงิด  แต่ไม่ได้ปริปากพูดอะไรออกมา

ไม่ซื้อก็ได้วะ
เพราะคุณไอศูรย์ทำหน้าไม่พอใจใส่   งั้นกูประชดด้วยการไม่ซื้อแม่งซะเลย

จุมพลมองไปที่ใครบางคนที่กำลังยืนมองของเล่นเด็กที่อยู่บนชั้นวาง  โมเดลหุ่นยนต์ถอดประกอบได้ กำลังเป็นที่สนใจของคุณไอศูรย์อยู่แน่ ๆ

และ.........นั่นไง..........กูว่าแล้ว แม่งต้องหยิบแน่ ๆ

ทำอะไรเอาไว้ก็ต้องโดนแบบเดียวกัน

จุมพลเดินมาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ คุณไอศูรย์และแกล้งเลิกคิ้วขึ้นสูงและส่ายหน้าไปมา 

“................................”

ทำแบบเดียวกันและคุณไอศูรย์ก็เลยหันมามอง

“คุณมีปัญหาหรือไง”

ไม่มีปัญหาหรอก  ใครจะกล้าไปมีปัญหากับคุณไอศูรย์ล่ะครับ

“.........ผมไม่กล้ามีปัญหากับคุณไอศูรย์หรอกครับ.....”
แบมือสองข้างและยกไหล่ขึ้นเล็กน้อย  ทำหน้าได้กวนประสาทที่สุดและคุณไอศูรย์ก็เลยเดินผละออกไปจากชั้นวางของเด็กเล่นทันที

การแวะซื้อของเล็กๆ  น้อย ๆ ก่อนขึ้นห้องจบลงด้วยการที่ต่างฝ่ายต่างไม่มีอะไรติดมือมาเลย

คุณไอศูรย์เดินนำหน้า โดยมีจุมพลเดินตามมาเรื่อย ๆ ผ่านเคาร์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของคอนโด  และเดินเรื่อยไปถึงลิฟท์  และเมื่อลิฟท์เปิดออกทั้งจุมพลและคุณไอศูรย์ก็เข้าไปยืนเรียบร้อย

จุมพลยืนกอดอก  คุณไอศูรย์ยืนเอามือล้วงกระเป๋า ด้วยมาดนิ่งสงบ

และจุมพลที่มองอีกฝ่ายผ่านเงาสะท้อนของกระจกในลิฟท์ก็ถึงกับถอนหายใจออกมา

“................”

“เป็นอะไรของคุณ”

ก็ไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับคุณไอศูรย์  แค่รู้สึกว่า..............

“ผมไม่ชอบแบบนี้เลย”

ไม่ชอบแบบนี้  หมายความว่ายังไงที่ว่าไม่ชอบ

“แล้วแบบไหนถึงจะชอบ”

คุณไอศูรย์ถามแบบนี้ ผมก็งงแย่เลยนะครับ

ถอนหายใจออกมาอีกเฮือกใหญ่  และจุมพลก็ขยับเข้าไปใกล้คุณไอศูรย์อีกนิด

เงยหน้าขึ้นมองหน้าคุณไอศูรย์ที่เลิกคิ้วขึ้นสูงเหมือนเป็นเชิงถามว่าต้องการอะไรแล้วจุมพลก็ก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจทำบางอย่าง

“............................”

ดึงมือของคุณไอศูรย์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง และแทรกปลายนิ้วของตัวเองเข้าไประหว่างนิ้วมือของคนที่กำลังยืนมอง

“.........................”

เงยหน้าขึ้นมองหน้าคุณไอศูรย์อีกครั้งและก็เห็นสายตาของคนที่มองมา

มองตรงมา
จ้องตรงมาที่ใบหน้าของจุมพล

“..........จุ้ม..........”

เออ
เข้าใจหรอก
เรียกซะเสียงสูงขนาดนี้  กูไม่จับก็ได้วะ  แค่มือเนี่ย  ก็ไม่ได้อยากจะจับหรอกนะ

จุมพลปล่อยมือออกจากมือคุณไอศูรย์และเงยหน้าขึ้นมองตัวเลขบอกชั้นที่กำลังจะขึ้นไปถึง

ยืนกอดอกเหมือนเดิม  และไม่ได้มองอีกว่าคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กำลังทำหน้ายังไง

คุณไอศูรย์เป็นคนเย็นชา
คนเย็นชาอย่างคุณไอศูรย์มีชื่อเล่นว่าไอซ์...
พี่ไอซ์เป็นคนเย็นชาสมชื่อ
คนที่อยู่กับคนเย็นชาอย่างจุมพล  ก็เลยได้แต่ถอนใจ

“คุณอยากได้ขนมทำไมไม่ซื้อ”

เรื่องนั้นเหรอ

“คุณไอศูรย์ก็อยากได้โมเดลหุ่นยนต์ของเล่นแต่ก็ไม่ซื้อเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”

นั่น มันก็ใช่

“..............................”

“ผมก็แค่ดูเฉย ๆ และผมก็ไม่จำเป็นต้องซื้อด้วย”

“ผมก็ดูเฉย ๆ และผมก็ไม่ได้อยากซื้อลูกอมพวกนั้นเหมือนกัน”

นี่เรากำลังทะเลาะกันอยู่หรือเปล่า
บางทีอาจจะใช่
เป็นการทะเลาะกันด้วยเรื่องที่โคตรงี่เง่าและไร้สาระที่สุดซะด้วย

“ผมไม่ได้ห้ามถ้าคุณจะซื้อขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนั้น แต่ผมไม่ชอบ.......ทำไมคุณต้องจ้องขนมพวกนั้นแล้วทำหน้ามีความสุขขนาดนั้นด้วย”

ห๊ะ…..
ทำไมต้องจ้องขนมแล้วทำหน้ามีความสุข
ทำไมต้อง จ้อง........
ทำไมต้อง....

เฮ้ยยยยยยยยยยย
ชิบหายแล้ว
พี่ไอซ์กูหึงขนม
ขนมเนี่ยนะ
ขนมนะนั่น 
นั่นมันขนมเว้ย

เฮ้ยยยยยยยยยยยยยย  นี่มันเรื่องฮาที่สุดในรอบหลายปีเลยนะ

“พูดเป็นเล่นไป  อำป่ะเนี่ย”

พูดเป็นเล่นอะไรล่ะ

“ผมไม่อยากพูดกับคุณแล้ว  พูดไปคุณก็ไม่เข้าใจอยู่ดี”

มันก็ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจ
แต่มันแบบว่า..................

“พี่ไอซ์โคตรน่ารักเลยว่ะ”

น่ารัก
น่ารักเนี่ยนะ  พูดจาเพ้อเจ้ออะไรอีกล่ะจุมพล

“ผมไม่ได้รู้สึกดีกับคำพูดของคุณหรอกนะ”

อ้าว
ไม่รู้สึกดีซะอีก

“เออ  กูมันไม่มีอะไรดีเลยครับ  พี่ไอซ์ก็เลยเย็นชาใส่ตลอดเลยล่ะคร้าบบบบบ  ”

พูดแบบนั้น  แต่ในใจกำลังเต้นระทึกเพราะความดีใจ
พี่ไอซ์ก็น่ารักไป   หึงแม้กระทั่งขนมเนี่ยนะ  ผมโคตรดีใจเลยนะเนี่ย

“บ้าบอ”

แน่ะ   บ้าบออีก  ว่าผมตลอดเลยนะครับคุณไอศูรย์

“บ้าบอแต่ตอนนี้ผมมองแต่คุณคนเดียวนะครับคุณไอศูรย์”

อะไรอีกล่ะจุมพล
พูดจาเพ้อเจ้อไม่จบไม่สิ้น   

“ว่าแต่คุณจะกอดอกอีกนานมั้ยจุมพล”

ทำไมมาเรื่องนี้ได้วะ
กอดอกอีกนานมั้ยเหรอ  ก็ไม่นานนะ  มีอะไรเหรอพี่ไอซ์

“ทำไมเหรอครับ”

จุมพลกำลังสงสัยกับคำถามของคุณไอศูรย์  และในเวลาไม่นานก็ได้คำตอบ เพราะคุณไอศูรย์คว้ามือของจุมพลมากุมเอาไว้แน่น

และจุมพลก็ได้แต่อ้าปากค้างกับสิ่งที่คุณไอศูรย์ทำ

“พี่ไอซ์”

พยายามดึงมือของตัวเองออก เมื่อลิฟท์เปิด และมีคนกำลังเดินเข้ามาในลิฟท์   หันไปมองหน้าของคนที่ยืนทำหน้านิ่งเฉย และไม่ยอมปล่อยมือ  จุมพลเลยได้แต่ต้องก้มหน้าและเม้มปากแน่น 

คุณไอศูรย์ไม่ได้พูดอะไร  และเมื่อลิฟท์เปิดออก  ก็เดินจูงมือจุมพลออกจากลิฟท์โดยไม่สนใจสายตาของใคร ๆ ก็ตามที่กำลังมองมา

“พี่ไอซ์  พี่.........”

อะไร
มีอะไรหรือไงจุมพล

“แบบว่า มันจะดีเหรอแบบนี้  มัน...........”

“ทำไมถึงไม่ดี.....ผมไม่แคร์สายตาใครอยู่แล้ว.........ที่ผมแคร์มีแค่สายตาคุณคนเดียวเท่านั้น  เข้าใจสิ่งที่ผมพูดมั้ย...”

ไม่รู้ว่าตัวเองเข้าใจหรือเปล่า
แต่ที่แน่ ๆ จุมพลกำลังยิ้มกว้างและก้มหน้าก้มตาพยักหน้ารับสิ่งที่คุณไอศูรย์บอก

คุณไอศูรย์เป็นคนเย็นชา
คนเย็นชาอย่างคุณไอศูรย์มีชื่อเล่นว่าไอซ์...
พี่ไอซ์เป็นคนเย็นชาสมชื่อ
แต่คนเย็นชาอย่างพี่ไอซ์  โคตรชัดเจนและจริงใจที่สุด 

สิ่งที่จุมพลทำได้ในเวลานี้มีเพียงกระชับฝ่ามือของตัวเองกับมือของคุณไอศูรย์ให้แน่นขึ้นกว่าเดิม

และพยายามจะหุบยิ้มให้ได้ 
แต่ไม่ว่ายังไง 
ก็ทำไม่สำเร็จสักที


Fin…
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ คุณไอศูรย์เป็นคนเย็นชา) P.95
เริ่มหัวข้อโดย: puna ที่ 28-09-2014 22:23:13
กรี๊ดแปบ  :man1:
คิดถึงจังเลย ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ คุณไอศูรย์เป็นคนเย็นชา) P.95
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 28-09-2014 22:29:59
น่ารักอ่ะ :-[
พี่ไอซ์หึงขนมด้วย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ คุณไอศูรย์เป็นคนเย็นชา) P.95
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 28-09-2014 22:51:12
 :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ คุณไอศูรย์เป็นคนเย็นชา) P.95
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 28-09-2014 23:08:47
คือ น่ารักอีกแล้วอะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ คุณไอศูรย์เป็นคนเย็นชา) P.95
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 28-09-2014 23:15:28
พี่ไอซ์น่ะ น่ารักที่สุดเลย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ คุณไอศูรย์เป็นคนเย็นชา) P.95
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 28-09-2014 23:24:33
น่ารักอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ คุณไอศูรย์เป็นคนเย็นชา) P.95
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 28-09-2014 23:46:45
อ่านในเฟสแล้วก็เขิล ตามมาอ่านในนี้อีกรอบ ก็ยังเขิลอยู่ดี พี่ไอซ์น่ารักกกกกก  :o8:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ คุณไอศูรย์เป็นคนเย็นชา) P.95
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 29-09-2014 00:38:29

 พี่ไอซซซซซซซซซซซซซซ์.....     :m3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ คุณไอศูรย์เป็นคนเย็นชา) P.95
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 29-09-2014 12:44:37
ฟิน
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ คุณไอศูรย์เป็นคนเย็นชา) P.95
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 29-09-2014 12:54:26
อ๊ายยยยย มาให้หายคิดถึงอ่าาา
ฟินแปป น่ารัก พี่ไอซ์หึงขนม 5555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ คุณไอศูรย์เป็นคนเย็นชา) P.95
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 29-09-2014 14:26:18
โอ๊ยยยยยย น่ารักไปนะ คุณไอศูรย์
หึงแม้กระทั่งขนม  :mew3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ คุณไอศูรย์เป็นคนเย็นชา) P.95
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 29-09-2014 16:58:21
มีความสุข เมื่อได้เห็นว่ามีตอนใหม่ๆ ทุกครั้งค่ะ  ขอบคุณนะค้าาาาาาาา
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ คุณไอศูรย์เป็นคนเย็นชา) P.95
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 29-09-2014 17:59:42
พีไอซ์หึงขนม กร๊ากๆๆๆๆ
โอยน่ารักไปนะ จุ้มรักตายเลยเนี่ย อิอิ ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ คุณไอศูรย์เป็นคนเย็นชา) P.95
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 29-09-2014 20:20:38
ฮิ้วๆๆๆไ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ คุณไอศูรย์เป็นคนเย็นชา) P.95
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 29-09-2014 20:28:16
 :o8: อ๊ายยยนี่เหรอพี่ไอซ์เป็นคนเย็นชาโคตรน่ารัก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ คุณไอศูรย์เป็นคนเย็นชา) P.95
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 01-10-2014 09:36:03
โอ้ยยยยยยยย
น่ารักกกกกกกกก
มาหงมาหึงขนมอร๊ายยยยพี่ไอซ์
จุ้มมันเอาคืนโคตรมุ้งมิ้ง
การจับมือ จับมือ
ทำไมแค่จับมือมันให้ความรู้สึกฟินแบบนี้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ คุณไอศูรย์เป็นคนเย็นชา) P.95
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 02-10-2014 20:43:44
เขิน :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ คุณไอศูรย์เป็นคนเย็นชา) P.95
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 02-10-2014 20:52:26
ฮิ้วววววววว พี่ไอซ์ขี้หึงจุัง คึคึ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke(ภาคพิเศษ จุมพล-ไอศูรย์ ไม่พูดจะรู้มั้ย) p.97
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 13-10-2014 18:11:00
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/19/256IqDzo.jpg)
เรื่องของหัวหน้าแผนกจัดซื้อ ไอศูรย์-จุมพล ภาคพิเศษ ไม่พูดแล้วจะรู้มั้ย

“จุมพล ทำไมคุณต้องเล่นเกมส์ตลอดเวลาด้วย  คิดจะสนใจผมบ้างมั้ย”

แค่คิดแต่ยังไม่เคยพูดออกไป
 
คุณไอศูรย์หันไปมองคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาเล่นเกมส์อยู่ 

คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยก่อนจะหันกลับมาทำงาน เปิดแฟ้มเอกสารเช็คข้อมูลอะไรบางอย่างอีกเล็กน้อย  และค่อย ๆ เอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้

ยืดแขนออกไปจนสุดและเอียงตัวไปทางซ้ายและขวาเพื่อผ่อนคลายร่างกาย

“เฮ่ออออออออ”

ถอนหายใจยาว ๆ และยกมือขึ้นปิดปาก รู้สึกว่าง่วงแต่ก็ยังไม่ได้อาบน้ำ ตั้งแต่กลับมาก็จมอยู่กับกองเอกสาร  มีกาแฟหนึ่งแก้ววางอยู่บนโต๊ะ  คนชงให้รู้หน้าที่  แค่นั่งไม่ถึงห้านาทีก็ลุกไปชงกาแฟให้แล้วโดยไม่ต้องมีการเอ่ยปากให้มากความเหมือนเมื่อก่อน

ทำเสร็จแล้วเจ้าตัวก็ไปนั่งเล่นเกมส์ในมุมของตัวเอง

“อาบน้ำยังจุ้ม”

เรียกคนที่กำลังคร่ำเคร่งอยู่กับการเดินทางไปตามแผนที่ในเกมส์และจุมพลก็ไม่ได้ตอบอะไรออกมา

“จุ้ม”

“......................”

“จุมพล”

“ครับ”

ต้องให้เรียกชื่อจริง กว่าจะขานรับได้แต่ละคำ 

“ช่วยสระผมให้หน่อย”

ห๊ะ

สมาธิที่กำลังจดจ่ออยู่กับการฟาดฟันมอนสเตอร์ในเกมส์มีอันต้องหยุดชะงักเพราะคำพูดของคุณไอศูรย์ที่อยู่ดีๆ ก็พูดจาแปลก ๆ ออกมา

“สระผม.........??????”

ไม่ได้กวนประสาทนะ แต่แค่สงสัยเฉย ๆ ว่าทำไมต้องให้สระให้ด้วย  ไม่เคยจะทำแบบนั้นสักที  เอาจริง ๆจนถึงป่านนี้แทบไม่เคยอาบน้ำด้วยกันเลยด้วยซ้ำ

แล้วอยู่ดี ๆ คิดยังไงถึงมาชวนให้ไปสระผมให้

จุมพลยังคงสงสัย แต่คุณไอศูรย์ลุกขึ้นและเดินเข้าห้องไปแล้ว

“..........................”

อ้าว

ไม่ตอบกูซะงั้น 

เฮ้ย หรือว่าจะฟังผิดไปวะ

เกิดอาการมึนงง  และยังคงสงสัยว่าตัวเองอาจหูแว่วคิดไปเองว่าคุณไอศูรย์บอกให้ช่วยสระผมให้หน่อย

ส่ายหัวให้กับความคิดของตัวเอง และยังคงมุ่งมั่นจะเล่นเกมส์ต่อไปเรื่อยๆ 

สงสัยกูจะหูแว่วจริง ๆ

แล้วก็........นี่มันดึกแล้วนี่หว่า  ปิดคอมแล้วไปนอนได้แล้วสินะ

จุมพลจัดการปิดคอมพิวเตอร์ ปิดสวิทไฟ และลุกขึ้นเดินเข้าห้องตามคุณไอศูรย์ไป

คุณไอศูรย์เข้าห้องน้ำไปแล้ว และจุมพลก็เดินไปหยิบรีโมทย์เครื่องปรับอากาศมากดเปิดเครื่อง

มันคือหน้าที่ประจำ
การดูแลกันด้วยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เวลาที่อยู่ด้วยกัน
เรียนรู้และพยายามเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ  ให้อยู่ในเส้นทางที่สามารถเดินไปด้วยกันได้เรื่อยๆ แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ  น้อย ๆแต่ก็เป็นสิ่งที่ทำเป็นปกตินิสัย

“จุ้ม.............”

ห๊ะ

อะไรวะ  จะเอาอะไรทำไมทำน้ำเสียงจริงจังขนาดนั้น

“คร้าบบบบบบบบบ เอาอะไรอ่ะ เดี๋ยวหยิบให้”

เดินไปที่หน้าห้องน้ำเพื่อรอฟังว่าอีกฝ่ายต้องการให้ช่วยอะไร  แต่ก็ไม่เห็นว่ามีอะไรที่ต้องช่วย
นอกจากการที่คุณไอศูรย์เปิดประตูออกมาและ..............

“สระผมให้หน่อยซิ”

สระผม........
ให้.....
ตอนนี้เหรอ....

“เดี๋ยวผมไม่แห้งหรอก พี่ไอซ์”

ไม่แห้งก็ไม่แห้ง นั่นใช่ปัญหาเหรอ

“คุณก็จัดการสิ  แค่เป่าผมให้คงไม่ใช่เรื่องยากเกินไปสำหรับคุณหรอกนะจุมพล”

ครับ
มันก็ไม่ใช่เรื่องยากหรอกครับ เพียงแต่ว่า.........ผมงง นิดหน่อยครับ ว่าคุณเป็นอะไร
อยู่ดีๆ มาบอกให้ช่วยสระผม บอกให้ช่วยเป่าผมให้ 

ก็โอเค  ไม่เรื่องมาก   ไม่ได้อยากรู้ให้มากความหรอก จัดการให้ก็ได้เรื่องแค่นี้
ว่าแต่...............

“สระแค่ผมเหรอ   แล้ว...........”

มีบางสิ่งบางอย่างของคุณไอศูรย์ที่ดูไม่ค่อยปกติเท่าไหร่  และเมื่อมองให้ชัด ๆ ก็จะเห็นว่าส่วนนั้นกำลังดันผ้าขนหนูที่คุณไอศูรย์พันไว้ที่เอวอย่างหมิ่นเหม่

ชัดเจนแล้วล่ะงานนี้  พี่ไอซ์กูอารมณ์มาเต็มเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ไปเรียบร้อยแล้ว

“.....................”

ไม่ต้องพูดจาให้มากความ
จุมพลก้าวขาเข้าไปหาคุณไอศูรย์และยกแขนขึ้นสองข้างให้คุณไอศูรย์ช่วยถอดเสื้อให้และในเวลาไม่นานกางเกงที่ใส่นอนก็ปลิวลงตะกร้าไปด้วย

“มีอารมณ์ก็ไม่บอก   ชวนสระผมอยู่ได้  ใครจะไปเข้าใจ”

แกล้งบ่นพึมพำให้อีกฝ่ายได้ยิน และคุณไอศูรย์ก็ขมวดคิ้วมุ่น

“ไม่เกี่ยว  นี่มันผลพลอยได้ต่างหากล่ะ”

เหรออออออออออออออออ

เหรอครับคุณไอศูรย์ครับ

ผลพลอยได้งั้นเหรอครับ

“งั้นไม่ทำนะ”

“อย่ามางอแงตอนนี้จุ้ม”

แน่ะ  มีการว่ากูงอแงด้วยเว้ย  ใครกันแน่วะที่งอแง

“อ้าว ก็พี่ไอซ์บอกว่าเป็นผลพลอยได้ งั้นก็ไม่ต้องทำดิ  มันจะไปยากอะไร”

เล่นแง่ไปอีกเล็กน้อย จนคุณไอศูรย์ถึงกับต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่  และรั้งร่างของจุมพลเข้ามากอดเอาไว้  กดปลายจมูกหนักๆ ที่แก้มขาว ๆ ด้วยความหมั่นไส้และลูบไล้ฝ่ามือเรื่องลงมาจากแผ่นหลังจนถึงสะโพก

“พี่ไอซ์โกงนี่หว่า”

โกงอะไร
ไม่ได้โกงซะหน่อย
ก็แค่.................

“......ผมจะทำอะไรก็ได้....มันเรื่องของผม  คุณมีปัญหามั้ย”

เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยย นี่แสดงว่าอารมณ์ไปแล้วเกินล้านนะนั่น ไม่งั้นท่านเจ้าคุณไอศูรย์ไม่มีทางพูดจาแบบนี้ออกมาได้หรอกวะ

“อยากก็บอกว่าอยาก  อ้อมโลกขนาดนั้น  ไม่เห็นเข้าท่าเลยพี่ไอซ์”

ไม่เข้าท่าที่ว่าไม่ใช่ไม่เข้าท่าตรงที่พี่ไอซ์พูดนะ  แต่ไม่เข้าท่าตรงที่……….

“เขินก็บอกว่าเขินเหอะจุ้ม อย่ามาทำเป็นว่าคนอื่นเขาหน่อยเลย”

ถูกต้องนะคร้าบบบบบบบบบบบบบ

“แล้วพี่ไอซ์ไม่เขินไง”

ถามอะไรไม่เข้าท่า

“อย่าพูดมากน่า  ตกลงว่าไง”

ว่าไงเหรอครับ

“ระดับจุมพลเหอะพี่ไอซ์ พี่ไอซ์ว่ายังไงจุ้มก็ว่าตามกันล่ะคร้าบบบบบบบบบบบบบ”

ให้มันได้อย่างนี้สิจุ้ม

“คุณนี่มันเหลือเกินจริง ๆ นะจุมพล”

เหลือเกินแล้วดีป่ะล่ะ

“เหลือเกินหรือเปล่าไม่รู้ครับ แต่ที่แน่ ๆ รับประกันว่าถึงใจคุณไอศูรย์แน่นอน”


Fin..
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke(ภาคพิเศษ จุมพล-ไอศูรย์ ไม่พูดจะรู้มั้ย)
เริ่มหัวข้อโดย: มนัสชา ที่ 13-10-2014 18:16:04
 :katai2-1: เย้ๆ อัพแล้ว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke(ภาคพิเศษ จุมพล-ไอศูรย์ ไม่พูดจะรู้มั้ย) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: PiSCis ที่ 13-10-2014 18:48:29
 :-[  :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke(ภาคพิเศษ จุมพล-ไอศูรย์ ไม่พูดจะรู้มั้ย) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 13-10-2014 19:33:14
ตลกอ่ะไปซะอ้อมโลกเชียว
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke(ภาคพิเศษ จุมพล-ไอศูรย์ ไม่พูดจะรู้มั้ย) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: cowinsend ที่ 13-10-2014 19:39:43
น่ารักกันจริงเชียว รู้ทันกันอย่างนี้สินะคนประหลาดสองคนถึงอยู่ด้วยกันได้555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke(ภาคพิเศษ จุมพล-ไอศูรย์ ไม่พูดจะรู้มั้ย) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 13-10-2014 19:41:04
เรื่อยๆ แต่หื่น
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke(ภาคพิเศษ จุมพล-ไอศูรย์ ไม่พูดจะรู้มั้ย) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 13-10-2014 21:04:44
พี่ไอซ์ยังซึนคงเส้นคงวาเช่นเคย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke(ภาคพิเศษ จุมพล-ไอศูรย์ ไม่พูดจะรู้มั้ย) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 14-10-2014 18:28:28
คู่นี้เข้าใจกันแบบแปลกๆ แต่ก็รักกันดี ^_^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke(ภาคพิเศษ จุมพล-ไอศูรย์ ไม่พูดจะรู้มั้ย) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 15-10-2014 07:08:44
ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันเสียนี่กระไร ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke(ภาคพิเศษ จุมพล-ไอศูรย์ ไม่พูดจะรู้มั้ย) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 15-10-2014 10:35:05
โอเคๆๆ ให้เค้าเข้าใจกันสองคนก็ได้เนอะ
เรามันคนนอก 55555

หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke(ภาคพิเศษ จุมพล-ไอศูรย์ ไม่พูดจะรู้มั้ย) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: puppyluv ที่ 15-10-2014 12:02:07
จุ้มทำเอาสำลักตายคาอ่างตรงประโยคสุดท้ายนี่ล่ะ
แอบร้ายต้องให้พี่ไอซ์ปากหนักจับตีก้น
555
 :mew3:
บวกและเป็ดขอบคุณ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke(ภาคพิเศษ จุมพล-ไอศูรย์ ไม่พูดจะรู้มั้ย) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 15-10-2014 12:25:43
โอ้ๆๆๆๆๆ แอบหวานแกมหยิก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke(ภาคพิเศษ จุมพล-ไอศูรย์ ไม่พูดจะรู้มั้ย) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 26-10-2014 00:00:00
(http://เวปมีไวรัส/images/2014/05/19/256IqDzo.jpg)
เรื่องของหัวหน้าแผนกจัดซื้อ ไอศูรย์-จุมพล ภาคพิเศษ จุมพลเป็นคนเพ้อเจ้อ


“เอ็งชื่อไอ้จุ่มอย่างนั้นรึ เหตุใดข้าไม่เคยเห็นหน้าเอ็งมาก่อน”

ใช่แล้วขอรับ ท่านเจ้าคุณไอศูรย์ทูนหัวของบ่าว
ทาสชายนามว่าไอ้จุ่ม ก้มหน้าก้มตาหมอบกราบอยู่แทบเท้าท่านเจ้าคุณไอศูรย์และเงยหน้าขึ้นมาสบตากับท่านเจ้าคุณที่กำลังมองมาด้วยความไม่ชอบใจนัก

“เอ็งมีสัมพันธ์กับอีลำเจียกรึ”

ใครคืออีลำเจียกวะ ไม่เห็นรู้จัก

“หามิได้ขอรับ กระผมไม่รู้จักแม้กระทั่งว่าอีลำเจียกนั้นเป็นผู้ใด”

ทาสหนุ่มนามว่าไอ้จุ่ม เงยหน้าขึ้นมาตอบท่านเจ้าคุณไอศูรย์พร้อมกับยิ้มยิงฟันดำ ๆ ให้ท่านเจ้าคุณได้เห็น

“ข้าไม่เชื่อเอ็ง ข้าจะเฆี่ยนเอ็งด้วย หางกระเบนแช่เยี่ยว ณ บัดนาว”

“โอ้ ไม่นะขอรับ อย่าทำบ่าวเลย ท่านเจ้าคุณไอศูรย์ของบ่าว”

“อย่าเฆี่ยนบ่าวเบยยยยยยยยย นะขอรับท่านเจ้าคุณ”

เพ้อเจ้อ

คุณไอศูรย์เจ้าของบริษัทไอศูรย์ขนส่งถึงกับส่ายหน้าและถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“อาการหนัก”

บ่นพึมพำเสียงเบาและทาสในเรือนเบี้ยอย่างไอ้จุ่ม ก็เกาะแขนท่านเจ้าคุณไอศูรย์เอาไว้

“อย่าเฆี่ยนบ่าวเลยขอรับ ได้โปรดเถิดท่านเจ้าคุณไอศูรย์ของบ่าว”

ยังไม่เลิกเพ้อเจ้อ
และท่านเจ้าคุณไอศูรย์ที่ว่าก็เลยจัดการดีดหน้าผากของจุมพลไปที

“โอ้ยยยยยยยย ท่านเจ้าคุณทำแบบนี้กับบ่าวได้เยี่ยงไรขอรับ”

“เล่นเอง พากส์เอง แสดงเอง สนุกมากมั้ย”

ไม่มากขอรับ แต่ก็ทำให้ท่านเจ้าคุณไอศูรย์อมยิ้มเล็ก ๆ ได้

“แหม่ ก็รถมันติด บรรยากาศมันก็เครียด พี่ไอซ์ก็หน้ามุ่ย นี่อุตส่าห์ทำเพื่อความบันเทิงล้วนๆ”

แล้วสำเร็จมั้ย

“จะเครียดหนักกว่าเดิมล่ะสิไม่ว่า”

พี่ไอซ์ก็เป็นแต่แบบนี้

“ก็เล่นบ้างก็ได้ม้าง นานๆ ก็เล่นกับจุ้มบ้างก็ด้ายยยย”

งั้นเหรอ
ใครจะไปทำอย่างนั้น ไม่ได้เพ้อเจ้อแบบคนบางคนแถวนี้ จะให้ไปทำแบบนั้นได้ยังไง

“พูดมากจริงนะ”

คร้าบบบบบบบ พูดมากก็พูดมากคร้าบบบบ

“กลับบ้านไปข้าจะลงลิ้นให้หลังลาย”

เฮ้ยยยยยยยยยยย
ไม่ช่ายแล้ว ไม่ช่ายแล้ว พูดแล้วมีการหันมาทำหน้านิ่งใส่ด้วย แบบนี้มันไม่ใช่แว้ววววววว

“ผมนี้.....ถอดเสื้อรอเบยยยยยยยย”

อะไรจุ้ม

“แหน่ ชอบล่ะเซ่ จะลงลิ้นอะไรให้หลังลายขอรับท่าน”

ไม่รู้
พูดเล่นไปมั่ว ๆ

“ท่านก็หื่นเหมือนกันนะท่าน งั้นบ่าวจะยอมก็ได้ บ่าวจะยินยอมให้เฆี่ยนตีจนหลังลาย จนกว่าจะสาแก่ใจท่านเจ้าคุณไอซ์เบยยยยยยย”


Fin.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ จุมพลเป็นคนเพ้อเจ้อ) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 26-10-2014 00:12:21
กรี๊ดดดดด น่ารักมากมาย  :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ จุมพลเป็นคนเพ้อเจ้อ) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 26-10-2014 00:26:43
เกรงว่าบ่าวจุ่มจะข่วนหลังเจ้าคุณไอซ์ลายมากกว่านะเจ้าคะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ จุมพลเป็นคนเพ้อเจ้อ) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 26-10-2014 11:10:27
ถึงจุ้มจะเพ้อเจ้อ บ้าบอ ไปบ้าง
แต่จุ้มก็ทำให้ยิ้มได้เสมอๆ 55555
 :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ จุมพลเป็นคนเพ้อเจ้อ) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: cowinsend ที่ 26-10-2014 11:20:50
อยากเห็นเขาลงลิ้นกัน  :hao6:

คนขาดๆกับคนเกินๆมาอยู่ด้วยกันก็ดีเนาะ555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ จุมพลเป็นคนเพ้อเจ้อ) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 26-10-2014 12:00:31
น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ จุมพลเป็นคนเพ้อเจ้อ) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 26-10-2014 12:04:57
ตอนนี้ไปแอบส่องในเพจตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ จุมพลเป็นคนเพ้อเจ้อ) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 26-10-2014 12:17:52
รู้สึกฮาตัวเอง พอเห็นชื่อตอนนี้นี้เเล้วรู้สึกประมาณว่า

อืมมมม......เข้าใจล่ะ


ป.ล.งงงงงงง งงดิ 5555+
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ จุมพลเป็นคนเพ้อเจ้อ) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 26-10-2014 15:35:03
บทนางทาสกับท่านเจ้าคุณ เหมาะกับจุ้มและพี่ไอซ์มากเจ้าค่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ จุมพลเป็นคนเพ้อเจ้อ) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 26-10-2014 16:26:55
ฉากลงลิ้นจนหลังลาย หายไปไหนค๊าาาาาาาาา ><
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ จุมพลเป็นคนเพ้อเจ้อ) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 26-10-2014 20:27:21
5555+

“ผมนี้.....รออ่านตอนต่อไปเลยยยยยยยย”
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ จุมพลเป็นคนเพ้อเจ้อ) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 27-10-2014 10:04:39
น่ารักอ่ ะลงลิ้นให้หลังลาย คึคึ ท่านเจ้าคุณหื่นกว่าบ่าวจุ้มอีก  :-[ :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ จุมพลเป็นคนเพ้อเจ้อ) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: puppyluv ที่ 27-10-2014 11:09:28
เกรงว่าบ่าวจุ่มจะข่วนหลังเจ้าคุณไอซ์ลายมากกว่านะเจ้าคะ
555 กระหน่ำไลค์ด้วยบวกและเป็ดให้เม้นต์นี้
วัวพันปี ใช่เลย!

ปล. บวกและเป็ดให้จุ้มด้วย

---------------------------

อีกอย่าง...
ยกให้วิเชียรเป็นนายเอกในดวงใจ
ขำที่เฮฮา บ้าดีเดือด แต่ลึกๆ ข้างในห่วงใยคนอื่นสุโค่ย
ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเฮีย
หรือจริงๆ วิเชียรรักตัวเองมากก็ไม่รู้ 555
(เราต้องเห็นแก่ตัวแบบวินๆ ทุกฝ่าย ชิมิ วิเชียร)

แต่ขอโทษด้วย โหวตรอบแรกไม่ทัน
คอมมีปัญหาเข้ากระทู้นั้นไม่ได้
กลายเป็นว่าเลยช่วงเวลาโหวตไปแล้วถึงคิดวิธีฝากคนเข้าได้ ใช้อ้างถึงไปแปะกระทู้ หรือ pm บอกแอดมินไรงี้
ไม่เป็นไรเนาะ วิเชียรเป็นนายเอกที่จำได้แม่น
และเข้ามาอ่านบ่อยๆ แหละ

หวังว่าจะได้อ่านงานของคุณ aoikyosuke เรื่อยๆ
เป็นกำลังใจให้+รออยู่เสมอ
บวกและเป็ดขอบคุณ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ จุมพลเป็นคนเพ้อเจ้อ) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 27-10-2014 11:57:15
กรี๊ดดดดดดดด
อ่านมาตอนแรกๆก้อขำๆ จุ้มเพ้อเปนปกติ 5555
แต่มากรี๊ดเอาประโยคเด็ดของพี่ไอซ์ >\\\<
'จะลงลิ้นให้หลังลาย'
ทั้งฟิน ทั้งฮา -////////////-

รอตอนต่อๆไปนะจ๊ะ ^3
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ จุมพลเป็นคนเพ้อเจ้อ) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 01-11-2014 20:49:24
เล่นกันแบบนี้ รถติดๆ จะยิ่งอยากให้ถึงบ้านไวไวรึเปล่านั้น   :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ จุมพลเป็นคนเพ้อเจ้อ) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: aoaer ที่ 06-11-2014 23:01:33
 :mew1: :mew1: :mew1:   น่ารักทุกคู่เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ จุมพลเป็นคนเพ้อเจ้อ) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: sazzy_pee ที่ 01-12-2014 01:05:19
โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยย ตามอ่านทันจนมาถึงเป็ดนัทแล้ว เย่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
มีความสุขอ่าาาา

เป็นซีรีย์ feel goooooooooooooooood และร้อนแรงมากๆ ชอบๆเฮีย แต่งแบบนี้อีกเยอะๆๆ

อยากรู้มากว่าวริษัทนี้มันอยู่ตรงไหน จะไปสมัครงาน เป็นยามก็ยอมมมม
อ่านไปนี่คิดถึงหลายคู่ อย่านะพี่เท็น อย่ามาเนียน

พี่รันพากเพียรจบยัง ? เป็ดนัทจบยัง? พี่ขิง น้องของเพื่อนพี่รันจบยัง ? อ้ะๆ แอบเนียนนะเรา

กราบองค์งามๆแบบเบญจางคประดิษ ช่วยสิงหน่อยเถอะค่ะ อยากอ่านเป็ดจริงๆจัง อ่านมาตั้งแต่พี่ฟ้าไม่ได้กินเป็ด

จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้กิน ฮาาาา

โอ้ยยย คิดถึงปูฝนด้วย คิดถึงนุชา ฮ่าาา
อ่านเป็ดต่อก่อนนะ

ใครได้อ่าน แล้วจะรู้ว่าหลงรักเป็ดมันเป็นยังไง

เอ้อ พูดถึงแผนกขนส่งหน่อย
เอิ่มม อ่านจบไปสักพักแล้ว เอาไงดี

พี่บุ้ง มีน อันนี้ก็น่ารักกันดี น่ารักดีงามไปตามท้องเรื่อง แต่ตอนพิเศษแต่ละตอน นานวันมีนมันยิ่งยั่วเก่งเว้ย
เฮีย วิเชียร คู่นี้ก็ร้อนแรง ดุเด็ด ดุเดือด ชอบวิเชียรอะ แร่ดดดได้ใจ สุดยอดแห่งการเสือกของแผนกจริงๆ
พีท อ้น คู่นี้ก็เรียกเลือดตลอด แต่ชอบตอนพิเศษตรงระเบียงมาก ๕๕๕๕๕ มันรักกันแบบอึดอัดจริงๆ แต่ก็ถือว่าเป็นคู่ที่ใช้ภาษากายบอกรักแล้วเข้าใจกันดีที่สุดสินะ
แก๊ป พู่ #ทีมน้องพู่ งื้อออออออออออออ ชอบน้องพู่ คู่นี้ให้อารมณ์ใสๆ เหมือนเด็กมัธยมปั๊ปปี้เลิฟ อิพี้แก๊ป บทจะซื่อก็ซื่อ(หริอโง่) ก็ซื่อซะจนเหมือนจะส่งหญ้าไปให้ ๕๕๕๕ ส่วนน้องพู่ ดูแรงๆแต่จริงๆแล้วแม่ง โคตรรรรรรใสเลยน่ารักกกกกก
พี่บาส กิ คู่นี้ก็คู่ฟีลกู๊ดสินะ ไม่ค่อยมีอะไรดราม่า มีแต่บรรยากาศหวานๆอบอวล อ่านแล้วให้ฟีล เฮียก๋วยอยู่เหมือนกัน น่ารักดีค่ะ แต่ฉากซั่มกันน้อยไปอ้ะ (เอ๊ะ!!) 5555555555
พี่โย ฮัท #ทีมพีโย อื้อหือออออออออออออออ โคตรชอบคู่นี้เลยยยยยยยยยยยย ตอนแรกกัดกันได้ดุเด็ดมาก ชอบพี่โย กวนตีนได้โล่ แต่พอเอาเข้าจริงๆ คนอะไร โคตรอ้อนเลย โคตรรรรรรน่ารักกกกกกกกกก โอ้ยย พี่โยของโบว์ ฮัทก็นะ ตอนแรกก็โกรธเค้าอยู่นั่น คิดเองเออเอง แต่พอบทอ้อนนี่คือ ลูกแมวชัดๆ น่าร๊ากกกกกกกกกกกก
พี่ไอซ์ จุ้ม สั้นๆนะสำหรับคู่นี้

หมั่นไส้เว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

หวานแหววมุ้งมิ้งเกินหน้าเกินตาคู่อื่นไปล่ะะะ
ชิ ดราม่าไม่ใช่หรอ ไมตอนจบหวานซะมดขึ้นล่ะะะะ

ไปอ่านเป็ดแปป เพื่อเป็ดนัทเปิดสมัครงาน

ปล. ถึงพี่เท็น
องค์ลงเร็วๆนะเฮียนะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ จุมพลเป็นคนเพ้อเจ้อ) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: sazzy_pee ที่ 02-12-2014 20:13:54
บอกตรงๆเลยว่าช่วงแรกๆนี่โคตรเกลียดนัททททททททททท

อะไรมันจะกดขี่เค้าขนาดนั้น

ชีวีตครอบครัวตระกูลพี่ฟ้านี่โคตรรันทดหดหู่จริงๆนะ จะรักกับนุชาก็มีอุปสรรค ฝนก็โดนบังคับ TT โอ้ยยย อะไรกัน

แต่หนูฝนเค้าก็แฮปปี้กินปูไปแล้ว ว่าแต่เมื่อไหร่พี่ฟ้าจะได้กินเป็ดเนี่ยยยยย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ จุมพลเป็นคนเพ้อเจ้อ) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: sazzy_pee ที่ 02-12-2014 22:08:52
โอ้ยยยยยยยยยยยย ขอเม้นอีกนิดเหอะ

เป็ดเอ๊ยยยยยย สงสาร ถ้าการแกะกระดุมมันติดใหม่มันลำบาก

ถอดชุดนั่นออกแล้วไปคร่อมพี่ฟ้าเลยจ้ะะะะะะ

ปล. นุชาาาา งื้ออออ นุ่นของเค้าอย่างเศร้าน๊าา โอ๋ๆนะคะ ไปวิ่งกันนะนุ่นนะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ จุมพลเป็นคนเพ้อเจ้อ) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: am_am ที่ 02-12-2014 22:43:25
55555555555555  เม้นข้างบนเก็บกดอะไรรึเปล่าเนี่ย  :m20:
มาเยอะ มาเต็มบอกเลย  คริ คริ มาไม่ทันเค้าก็เงี๊ยแหละ

ตามความเห็นส่วนตัวนะ
วิเชียรดาวยั่วเนี่ย เป็นตัวจริงของเท็นจังช่ายยยยยยยยยม๊ายยยยยยย :z1:

คิดถึงหนูมีนอ่ะ  มาหาเจ้หน่อยจร้า  ไม่งั้นจะไปช่วยเป็ดแกะกระดุมแล้วนะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ จุมพลเป็นคนเพ้อเจ้อ) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: sazzy_pee ที่ 03-12-2014 20:26:49
55555555555555  เม้นข้างบนเก็บกดอะไรรึเปล่าเนี่ย  :m20:
มาเยอะ มาเต็มบอกเลย  คริ คริ มาไม่ทันเค้าก็เงี๊ยแหละ

ตามความเห็นส่วนตัวนะ
วิเชียรดาวยั่วเนี่ย เป็นตัวจริงของเท็นจังช่ายยยยยยยยยม๊ายยยยยยย :z1:

คิดถึงหนูมีนอ่ะ  มาหาเจ้หน่อยจร้า  ไม่งั้นจะไปช่วยเป็ดแกะกระดุมแล้วนะ  :impress2:


5555555555555555555 เอออ เค้าช้าาา เออออออ โอ้ยเจ้

บอกองค์สิงพี่เท็นหน่อย อยากอ่านเป็ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ จุมพลเป็นคนเพ้อเจ้อ) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: sazzy_pee ที่ 04-12-2014 00:14:21
เคลมมมมมมกันซะทีเถิดจ้าาา ถ้าจะทำให้คนอ่านเขินละลายตายอยู่ตรงนี้

บทพี่ฟ้าจะรุก แม่งก็เอาซะเป็ดไปไม่เป็น ใจเย็นค่ะพี่ใจเย็น เป็ดมันตื่น พี่ช่วยมีสเตปหน่อย ๕๕๕ ไม่ใช่เอะอะกอดจูบลูบคลำเขา

อย่างนัทมันต้องปล้ำเท่านั้น ฮ่าาา

โอ่ยยย นัทเอ้ยยย แกยังมีความน่ารักขั้นสุดยอดอีกหรอวะ ช่วยเปิดเผยตัวตนมาที เพราะที่เป็นอยู่นีก็น่ารักจะแย่แล้ววว
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ จุมพลเป็นคนเพ้อเจ้อ) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 19-12-2014 15:00:06
ThankS
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ จุมพลเป็นคนเพ้อเจ้อ) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 28-01-2015 12:50:45
รู้สึกว่ามันยังไม่จบ.... มาต่อด้วยนะคะะะะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ จุมพลเป็นคนเพ้อเจ้อ) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 30-01-2015 09:19:58
คิดถึงทาสจุ้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
กับ
ท่านเจ้าคุณไอศูรย์
งืดดดด
จะมีต่ออีกไหมค่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ จุมพลเป็นคนเพ้อเจ้อ) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcandy ที่ 30-01-2015 11:34:30
ขอ request ตอนพิเศษของพีท-อ้น อีกได้ไหมอ่า ชอบความไม่ธรรมดา    :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ จุมพลเป็นคนเพ้อเจ้อ) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: puppyluv ที่ 30-01-2015 13:13:46
เข้ามาอ่านอีกรอบ
ขอบอกว่าจุ้มได้ใจพี่ไอซ์ไปเต็มๆ
555
 :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ จุมพลเป็นคนเพ้อเจ้อ) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 30-01-2015 14:58:02
 :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่ง by aoikyosuke (ภาคพิเศษ จุมพลเป็นคนเพ้อเจ้อ) p.96
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 10-02-2015 20:13:06
คุณคือนักเขียนในดวงใจ. ตามอ่านทุกเรื่อง. เนื้อหาเรียบง่าย. แต่ลึกซึ้ง. มีทุกความรู้สึก. ทั้งเสียงหัวเราะและน้ำตา. ขอบคุณจากใจของนักอ่านตัวน้อยๆ. รักคุณมากมาย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษเมื่อวิโรจน์เริ่มจีบอ้นครั้งแรก p.97
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-03-2015 10:54:00

รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ภาคพิเศษเมื่อวิโรจน์เริ่มจีบอ้น ครั้งแรก



ความสัมพันธ์ทางกายมันไม่ได้ช่วยพัฒนาความรู้สึกให้เพิ่มขึ้นเลยสักนิดไม่ว่าทางใดก็ตาม

วิโรจน์รู้สึกว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในเวลานี้คือสิ่งที่เลวร้ายที่สุด

ผู้จัดการแผนกขาย ไม่ร้องไห้อีกแล้ว  และไม่ว่าจะมีความสัมพันธ์ทางกายกันอีกกี่ครั้ง สิ่งที่วิโรจน์ได้รับกลับคืนมามีเพียงแค่ท่าทางเย็นชาและแววตาที่เหมือนจะเย้ยหยันวิโรจน์อยู่ตลอดเวลา

นั่นทำให้วิโรจน์นึกสมเพชตัวเองมากขึ้น

ขาดไม่ได้

กลายเป็นตัวเองที่ขาดอีกฝ่ายไม่ได้

เรื่องที่ผ่านมามันช่างโง่เง่า  ใช้กำลังบังคับฝืนใจจนถึงที่สุด  ทั้งที่ไม่เคยนึกอยากได้มาครอบครอง
ไม่เคยคิดว่าสุดท้ายแล้ว  คนที่พ่ายแพ้กลายเป็นวิโรจน์ที่ขาดผู้จัดการแผนกขาย ไม่ได้อีกต่อไป

ทุก ๆ วันที่เฝ้ารอให้ถึงเวลาพลบค่ำ
รอ.....จนกว่าผู้จัดการแผนกขาย จะเลิกงาน   

ทุก ๆ วันเมื่อไฟบนออฟฟิศดับลง  วิโรจน์ก็เพียงแค่ลุกออกจากที่นั่งและก้าวขาเดินไปรอที่เดิม

ไม่มีคำพูด
ไม่มีการทักทาย
เพียงแค่เห็นหน้ากัน  ต่างฝ่ายต่างเข้าใจกันดี

ผู้จัดการแผนกขาย มองหน้าของวิโรจน์เพียงเล็กน้อย

ไม่เคยพูด
ไม่เคยถาม
ไม่เคยคิดหนี

สิ่งที่ทำให้วิโรจน์รู้สึกเจ็บปวดหัวใจอย่างถึงที่สุด คือการที่คนที่ไม่เคยคิดแม้แต่จะมีใจให้กัน  แต่ร่างกายกลับสนองให้กันอย่างไม่เคยพอ  ไม่ว่าจะเติมเข้าไปแค่ไหน

แต่ความต้องการไม่เคยพอ

ร่างกายเชื่อมต่อกัน ผูกพันกันแนบแน่น แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่ดวงตาของเราสองคนจะมองมาที่กันและกัน

เจ็บปวดเกินไป สิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้เราสองคนบาดเจ็บทางใจ

เพราะไม่มีใครกล้าเริ่มที่จะพูด

แค่คำพูดเพื่ออยากจะรู้สถานะของการมีตัวตนที่ชัดเจนของกันและกันในความรู้สึก  ยังไม่มีความกล้า

ไม่เคยมีใครเอ่ยปาก

ต่างฝ่ายต่างหวาดกลัวที่จะรู้  ว่าแท้จริงแล้วเป็นเพียงความว่างเปล่า 

แค่ความสัมพันธ์ทางกาย ปลดเปลื้อง ระบายออก  และจบกัน ถึงอยากให้ความรู้สึกไปไกลกว่านั้น
แต่สุดท้าย  ก็ได้แต่นิ่งเงียบ  และปกปิดเอาไว้ให้ลึกสุด เพราะไม่ต้องการให้อีกฝ่ายรู้ ว่าความรู้สึกที่ไม่ควรเกิดขึ้น  นับวันมันยิ่งพัฒนาไปไกลแต่ทำให้หัวใจเจ็บปวดชอกช้ำมากขึ้นทุกที

วิโรจน์แค่นยิ้มเย้ยหยันตัวเอง นึกสมน้ำหน้าตัวเองไม่น้อย  ผลกรรมมันตามทัน  ทำร้ายอีกฝ่ายก่อน  ทำเรื่องโง่ ๆ แบบไม่มีหัวคิด

แค่เพียงอยากสะใจ แค่เพียงทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวดแล้วจะพอใจ  สบายใจ
สุดท้าย..........กลายเป็นตัวเองที่ต้องเจ็บเอง เพราะไม่เคยมีสักครั้งที่สายตาของหัวหน้าแผนกขายจะมองมาที่วิโรจน์เลย

ไฟบนออฟฟิศดับลงแล้ว  เหมือนเช่นทุก ๆ วัน และวิโรจน์ก็ถอนหายใจยาว ๆ ด้วยความท้อใจ

แค่อยากเห็นหน้า ไม่ใช่ว่าในหัวจะคิดเพียงอยากมีความสัมพันธ์ด้วยเท่านั้น

สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงข้ออ้าง เพื่อที่จะได้มีช่วงเวลาที่ได้ใกล้ชิดกัน...........
แม้เพียงเล็กน้อย แต่ก็ทำให้หัวใจที่แห้งผากได้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง

สมเพชตัวเองที่ทั้งโง่ ทั้งหวาดกลัว ไม่กล้าแม้จะเอ่ยปากเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์  รู้อยู่แล้วว่าคำตอบจะเป็นยังไง
วิโรจน์จึงไม่กล้าแม้แต่จะคิด  ว่าเราจะมีความสัมพันธ์ทางใจร่วมกันได้

แค่เพียงเล็กน้อย  ยังไม่กล้า สุดท้ายก็วนเวียนกลับมาที่เดิม เจ็บปวดเพิ่มขึ้นกว่าเดิม  เพิ่มขึ้น  มากขึ้นจนแทบจะทนไม่ไหว
หลายครั้งที่คิดจะให้ทุกอย่างมันจบลงแค่นั้น  แต่ไม่ว่ากี่ครั้ง  ก็ไม่สามารถหยุดความสัมพันธ์แบบนี้ได้
ไม่เคยมีสักครั้งที่จะหักห้ามใจไม่ให้ไปหาผู้จัดการแผนกขายได้

เรื่องโง่ ๆ แบบเดิม ๆ ยังคงเกิดขึ้นซ้ำ ๆ วิโรจน์ได้แต่กร่นดาตัวเองในใจแต่ไม่มีปัญญาทำอะไรได้

วิโรจน์ก้าวขาเดินไปยืนรอที่ จุดเดิม เพื่อจะได้พบหน้ากับผู้จัดการแผนกขายเหมือนเช่นทุกวัน

และเมื่ออีกฝ่ายก้าวขาเดินลงมาจากทางเดินและเห็นคนที่ยืนคอยก็ทำแบบเดิมๆ  คือเดินนำไปที่ ๆ ใช้เป็นที่ระบายอารมณ์
เหมือนทุก ๆ วัน

“เดี๋ยว”

วิโรจน์เอ่ยทัก  และผู้จัดการแผนกขายก็ชะงักเท้าและหยุดยืนนิ่ง ๆ

ไม่ได้เอ่ยถาม เพียงแค่เอียงหน้าและใช้หางตาเหลือบมองคนที่มายืนคอยแค่นั้น

“วันนี้ไม่มีอารมณ์  รถผมสตาร์ทไม่ติดด้วย แค่จะติดรถไปลงที่หน้าถนนก็พอ”

นั่นอาจจะเป็นประโยคคำพูดยาว ๆ ครั้งแรก ๆ ที่คนสองคนที่มีความสัมพันธ์ทางกายกันมาพักใหญ่เริ่มพูดคุยกันด้วยเรื่องอื่น ๆ บ้าง

ไม่ใช่การสาดถ้อยคำรุนแรง เพื่อเร่งเร้าอารมณ์ของกันและกัน แต่เป็นการพูดกันด้วยเรื่องทั่วไป

ผู้จัดการแผนกขายหันกลับมามองหน้าวิโรจน์ที่เมินมองไปทางอื่น  และก้าวขาเดินนำมาที่รถที่จอดอยู่ห่างออกไป

วิโรจน์ก้าวขึ้นมานั่งอยู่บนรถของผู้จัดการแผนกขายและคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย

ภายในรถเปิดแอร์เย็นเฉียบ แต่จิตใจของคนสองคนกำลังร้อนรุ่ม
ผู้จัดการแผนกขายผู้มีความสามารถในการเจรจากับลูกค้ากลับต้องนิ่งเงียบ  ในสถานการณ์ชวนอึดอัดแบบนี้

ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องพูด ไม่มีอะไรต้องคุย ไม่จำเป็นที่จะต้องสรรหาเรื่องอะไรมาทำให้บรรยากาศขึ้น

อยู่ด้วยกันแบบอึดอัดใจ อยู่ด้วยกันแบบที่ต่างฝ่ายต่างรู้สึกลำบากใจ

แต่น่าแปลก ภายในความรู้สึกแย่ ๆ แบบนั้น กลับมีความรู้สึกอย่างอื่นแทรกเข้ามาด้วย

แม้เพียงเล็กน้อยแต่ก็ทำให้รู้สึก.........

อยากอยู่ด้วยกันแบบนี้อีกสักหน่อย โดยที่ไม่ต้องมีเรื่องอย่างว่าเข้ามาเกี่ยวข้อง

อยากอยู่ด้วยกันแบบนี้ให้นานขึ้นอีกหน่อยโดยลืมความขัดแย้งไปชั่วขณะ

อยากอยู่ด้วยกันอีกนิด  ให้นานกว่านี้

นานกว่านี้..........เท่าที่พอจะเป็นไปได้

รถเคลื่อนมาถึงถนนใหญ่  และวิโรจน์ก็ปลดสายเข็มขัดนิรภัยออก 

ผู้จัดการแผนกขายยังคงนิ่งเงียบ และไม่มีคำพูดใด ๆ กับวิโรจน์เลยสักคำ

ไม่ได้บอกให้ลงไป ไม่ได้พูดหรือถามอะไรตอนที่วิโรจน์กำลังจะก้าวขาลงจากรถ

เงียบงัน ไร้คำพูด

มือยังคงกำพวงมาลัยรถเอาไว้แน่น  และสายตามองตรงไปที่ถนน  ไม่ได้เหลือบสายตามามองคนที่กำลังขมวดคิ้วมุ่นอยู่ข้าง ๆ และเป็นวิโรจน์ที่ลอบถอนใจยาว  และกลับเข้ามาในรถอีกครั้ง

“ไปแวะที่ข้างตลาดแล้วกัน  ยังไงคุณก็ต้องผ่านตรงนั้นอยู่แล้ว ผมไปขึ้นรถตรงนั้นน่าจะง่ายกว่า”

วิโรจน์นึกอยากตบปากตัวเองที่พูดเรื่องโง่ ๆ แบบนั้นออกไป แต่เมื่อพูดไปแล้วก็ไม่เห็นมีปฏิกิริยาใด ๆ จากผู้จัดการแผนกขาย

เข้ามานั่งในรถอีกครั้ง  กลับเข้ามาอยู่ในบรรยากาศนิ่งเงียบชวนอึดอัด

สายตาของผู้จัดการแผนกขายยังคงมองตรงไปที่ถนน ไม่มีแม้จะเหลือบมามองคนที่นั่งข้าง ๆ ด้วยกันเลยสักนิด

วิโรจน์หันมองไปนอกหน้าต่างรถ กำมือแน่น และลอบถอนหายใจออกมายาว ๆ พร้อมกับกร่นด่าตัวเองในใ

...............ทำอะไรของกูอยู่วะ  นี่มันเรื่องโง่มากเลยนะ  ทำไมถึงได้ทำเรื่องโง่ ๆ แบบนี้ลงไปได้............

วิโรจน์ขมวดคิ้วมุ่น และนึกอยากจะต่อยหน้าตัวเองแรง ๆ ให้ได้สติ  แต่ก็ทำเพียงแค่เงียบงันและนิ่งเฉย อยู่ในบรรยากาศที่ชวนอึดอัดด้วยกันต่อไป วิโรจน์ไม่ทันรู้ สิ่งที่ทำลงไป  มันมีผลกับหัวใจของผู้จัดการแผนกขายไม่น้อย

แม้จะเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น แต่หัวหน้าแผนกขายก็ต้องเตือนตัวเองอยู่เสมอ

แม้จะรู้สึกดีที่ได้ใช้เวลาด้วยกัน
แม้จะเพียงแค่เล็กน้อย  แต่ก็ทำให้พอยิ้มได้บ้าง
แม้ไม่มีความหวัง  แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรให้หวัง

“ผมลงข้างหน้าแล้วกัน”

วิโรจน์เอ่ยบอก  และผู้จัดการแผนกขายก็ค่อย ๆ ชะลอรถเพื่อจะได้จอดเทียบบนทางเท้าก่อนถึงป้ายรถโดยสารประจำทาง

บางทีเวลาก็เดินเร็วเกินไป   เร็วเกินกว่าความจำเป็น

แม้ในรถจะมีแต่บรรยากาศที่ชวนอึดอัดใจ  แต่วิโรจน์และผู้จัดการแผนกขายต่างก็ยินดีที่จะยอมอยู่ในบรรยากาศแบบนั้นไปอีกนาน ๆ

วิโรจน์ปลดเข็มขัดนิรภัยออกอยากจะทำให้ช้ากว่านี้อีกนิด  แต่ก็ไม่มีเวลาให้อ้อยอิ่ง

ก่อนก้าวขาลงจากรถ วิโรจน์เริ่มนับเลขหนึ่งถึงสามในใจก่อนจะตัดสินใจทำบางอย่าง

เพียงเสี้ยววินาทีก่อนลงจากรถ วิโรจน์ยื่นหน้าเข้าไปแตะริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากของผู้จัดการแผนกขายเบา ๆ และผละออกห่างอย่างรวดเร็ว รีบก้าวขาลงจากรถ  ปิดประตูรถเรียบร้อย และรีบเดินลิ่ว ๆ เพื่อข้ามไปอีกฝั่งของถนน

ผู้จัดการแผนกขาย ยังคงเฉยชาไร้ความรู้สึกไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่มีความรู้สึกใด  ๆ เลยสักนิด
ทำมากกว่านี้ก็เคยมาแล้ว  นับประสาอะไรกับแค่การแตะปากกันเฉย ๆ

ทั้งที่คิดว่าจะไม่รู้สึกอะไรแล้วแท้ ๆ แต่อยู่ดี ๆ ดวงตากลมโตก็ไหวระริก อาการหัวใจเต้นระทึกกำลังเล่นงานหัวหน้าแผนกขายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย  มันเป็นเพียงแค่ความว่างเปล่าเท่านั้น

แม้จะคิดแบบนั้น แต่เมื่อปลายนิ้วแตะเข้าที่ริมฝีปากของตัวเองที่ยังหลงเหลือความรู้สึกของอีกฝ่ายเอาไว้ 
หัวหน้าแผนกขายก็ก้มหน้าลงแตะหน้าผากเข้ากับพวงมาลัยรถ

ความรู้สึกตอนนี้มันแย่  แบบนี้มันยิ่งกว่าขาดไม่ได้  จะทำยังไงถึงจะหยุดความรู้สึกของตัวเองได้  จะทำยังไง

หัวหน้าแผนกขายเอาแต่ครุ่นคิดแต่เรื่องของวิโรจน์ซ้ำ ๆ และต้องเตือนตัวเองดังๆ  เพื่อหยุดความรู้สึกของตัวเองให้ได้

“อ้น อ้น อ้น ไม่มีอะไรอ้น ไม่มีอะไรมากกว่านั้นหรอกอ้น ไม่มีมีอะไรหรอก อ้น......ไม่มีอะไร....”

ผู้จัดการแผนกขายที่ใคร ๆ มองว่าเย่อหยิ่งและเย็นชา  แท้จริงเป็นแค่เพียงเด็กน้อยไร้เดียงสาคนหนึ่งที่ไม่มีความกล้าและความมั่นใจกับเรื่องความรู้สึกของตัวเองเลยสักนิด

วิโรจน์ขึ้นรถโดยสารประจำทางไปแล้ว  และใบหน้ายังคงนิ่งเฉย ไร้ความรู้สึก

แต่สายตากลับมองไล่ไปที่รถที่จอดนิ่งอยู่บนถนนฝั่งตรงข้าม  ในเวลานี้วิโรจน์เพิ่งคิดได้ ว่าเผลอทำเรื่องโง่ ๆ ลงไปอีกแล้ว

“ชิบหาย.......แล้วกู”

ด่าตัวเอง และยกมือขึ้นตบหน้าผากด้วยความกลุ้มที่เผลอทำเรื่องที่ไม่ควรทำลงไป

กูหนอกู..............เป็นอะไรไปแล้ววะ  แค่นี้เรื่องมันก็แย่มากพออยู่แล้ว แล้วนี่ยังจะทำบ้าอะไรลงไปอีกวะกู........เวรจริง ๆ


Fin.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษเมื่อวิโรจน์เริ่มจีบอ้นครั้งแรก p.97
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-03-2015 11:58:02
กว่าจะเข้าใจกันในช่วงแรกหรือ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษเมื่อวิโรจน์เริ่มจีบอ้นครั้งแรก p.97
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 08-03-2015 14:31:27
รู้สึกหน่วงๆ จนน้ำตาคลอ

กระซิกๆ

 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษเมื่อวิโรจน์เริ่มจีบอ้นครั้งแรก p.97
เริ่มหัวข้อโดย: am_am ที่ 08-03-2015 16:37:18
เค้าน้ำตาซึมเลย อารมณ์ไหนเนี่ยเท็นจัง ชอบทำเค้าร้องไห้  :mew6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษเมื่อวิโรจน์เริ่มจีบอ้นครั้งทีสองp.97
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-03-2015 18:24:21

รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ภาคพิเศษเมื่อวิโรจน์เริ่มจีบอ้น ครั้งที่สอง


ชอบจริง ๆ นะ
แต่ความรู้สึกที่เรียกว่าชอบ แต่พูดออกมาไม่ได้  แสดงความรู้สึกออกมาไม่ได้ มันยิ่งกว่าทรมาน

ไม่ได้อยากพ่ายแพ้ต่อความรู้สึกของตัวเองทั้งที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อนตั้งแต่แรก
ควรจะต้องชนะสิ  แต่ในเวลานี้ สิ่งที่วิโรจน์คิด..............ชนะไปก็เท่านั้น.........
เพราะเวลานี้หัวใจเอาแต่ครุ่นคิดและพะว้าพะวงคิดถึงแต่เรื่องของหัวหน้าแผนกขายตลอดเวลา

“เออ กูยอมมึ้งงงง  รักไปแล้วนี่หว่า”

หันไปมองเพื่อนร่วมงานสองคนที่กำลังเช็คของอยู่อีกฝั่ง  แล้วก็ต้องส่ายหน้ากับพฤติกรรมของคนสองคนที่เช็คของกันไป  หยอกล้อกันไป  ทะเลาะกันไป 

เห็นแล้วมันน่าอิจฉา......

อำนาจกับน้องพู่
คนสองคนที่รู้สึกดีต่อกัน   ชอบกันรักกัน  และแสดงความรู้สึกออกมาได้แบบตรง ๆ    โดยไม่ต้องคอยกังวลกับสายตาของใคร  ๆ  แบบนี้มันยิ่งกว่าน่าอิจฉา

ถึงจะทะเลาะกัน  โกรธกันแบบนั้น แต่อย่างน้อยคนสองคนก็ได้รู้ความรู้สึกของกันและกัน

ได้ยิ้มได้หัวเราะไปพร้อม ๆ กัน

ไม่เหมือนวิโรจน์กับหัวหน้าแผนกขาย ที่คงไม่มีวันนั้น

“โรจน์”

ได้ยินเสียงเรียกแล้ววิโรจน์ก็เงยหน้าขึ้นมอง

“กฤษดาแม่งหน้าถมึงทึงมาเลย  สงสัยจะมาแดกหัวพี่บุ้ง  นี่ไปพลาดตรงไหนให้ไอ้กฤษดามาหาเรื่องถึงที่ได้อีกแล้ววะ”

วิเชียรทำหน้ายุ่ง และเดินมาบอกเรื่องบางอย่างกับวิโรจน์ถึงที่

วิโรจน์ผู้ไม่สนใจใคร
วิโรจน์ผู้รักความเป็นส่วนตัวและโดยปกติมักจะอยู่เงียบ ๆ เสมอ

วิโรจน์ผู้ที่................ รู้ความรู้สึกของตัวเอง แต่ยังทำเป็นฟอร์มจัดไม่ยอมเปิดเผยว่ารู้สึกยังไงกับหัวหน้าแผนกขาย

“กวนตีนจริง ๆ เมื่อไหร่จะมีคนจัดการมันวะ  แม่งผมล่ะโคตรเกลียด”

อำนาจถึงกับบ่นพึมพำเมื่อนึกถึงคนที่คอยมาหาเรื่องแผนกขนส่งอยู่ตลอดเวลา

“.................................”

วิโรจน์ลุกขึ้นและผละจากงานที่กำลังทำเดินออกจากโซนในไปอย่างรวดเร็ว

และวิเชียรก็ถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า กูนึกว่าจะทนได้นาน  ทำเป็นเฉยนะมึงไอ้โรจน์ทำเป็นเฉย”

แผนของมือเสือกระดับโลกที่ต้องการเช็คอาการของวิโรจน์ได้ผล  และน้องพู่ก็เงยหน้าขึ้นมองเพราะไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน

“นี่จริงเหรอเนี่ย  ไม่อยากจะเชื่อ  พี่โรจน์กับคุณกฤษดาอ่ะนะ”

ก็จะใครซะอีกล่ะ  น้องพู่ผู้อ่อนด้อย 

“นี่มึงเพิ่งรู้เหรอพู่  เขารู้กันตั้งนานแล้ว”

ได้ทีก็ทำเป็นข่ม และอำนาจก็ต้องหุบปากเงียบ  เมื่อคนที่ตัวเองข่ม  ถึงกับหน้ามุ่ยและก้มหน้าก้มตาเช็คของไม่ยอมพูดด้วย

งอนกันเห็น ๆ

“กูพูดเล่น   เรื่องแค่นี้ไม่น่าต้องงอน”

ใครงอนใครไม่รู้  แต่ที่แน่ ๆวิเชียรกำลังดำเนินการบางอย่าง

“เฮ้ย ใครอยู่ข้างนอก  จับตาดูสีหน้าผิดหวังของไอ้โรจน์ไว้.................เดี๋ยวพวกมึงจะ..............อ่ะ”

“ไปเยี่ยวมา.........มีอะไรหรือไง”

วิโรจน์เดินกลับเข้ามาโซนในและมานั่งเช็คของเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

คราวนี้ชาวเสือกก็เลยมีอันต้องหงอย  เพราะวิโรจน์รู้ทางและไม่ยอมจนมุมง่าย ๆ

หัวหน้าแผนกขายจะมาที่แผนกขนส่งได้ยังไง  ในเมื่อคุยกันแล้วตั้งแต่เมื่อคืน ว่าวันนี้จะออกไปข้างนอกเพื่อไปพบลูกค้าและไม่เข้ามาอีก 

วิโรจน์ก็เลยรู้ว่าวันนี้คงไม่ได้เจอกัน
ก็เลยนั่งซึมอยู่แบบนี้

แล้วเรื่องอะไรถึงจะไปโง่ ติดกับ  พวกขาเสือกที่เอาเรื่องแบบนี้มาหลอกล่อด้วย

คนอย่างวิโรจน์ไม่เคยหลุดให้ใครจับได้

ถ้าไม่..........เจตนา....................


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษเมื่อวิโรจน์เริ่มจีบอ้นครั้งทีสองp.97
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 08-03-2015 18:24:45
“รถผมซ่อมอยู่  วันนี้ติดรถไปลงที่หน้าถนนด้วยอีกวันแล้วกัน”

วิโรจน์พูดออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ  และหัวหน้าแผนกขายก็ทำแบบเดิม ๆ คือเดินนำไปที่รถ
และเมื่อวิโรจน์ก้าวขาขึ้นมาและคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย  ก็เหยียบคันเร่งออกรถทันที

บรรยากาศอึมครึมและเต็มไปด้วยความรู้สึกชวนให้อึดอัดใจยังเป็นแบบเดิม
ต่างจากเดิมเล็กน้อยตรงที่วันนี้หัวหน้าแผนกขายไม่ได้ขยับแว่นสายตาเหมือนที่เคย

“แว่นไปไหน”

วิโรจน์เอ่ยถามและหัวหน้าแผนกขายก็ตอบกลับสิ่งที่วิโรจน์ถาม

“ไม่รู้”

คำตอบง่ายๆ  เหมือนไม่ใส่ใจของหัวหน้าแผนกขาย ทำให้วิโรจน์รู้สึกหงุดหงิดโมโหขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“ต้องรู้สิ  ก็ใส่อยู่ทุกวัน ทำไมถึงตอบว่าไม่รู้”

ก็ไม่รู้จริง ๆ  วันนี้ยุ่งมาก  หาเอกสารทั้งวัน  ไหนจะไปเจอลูกค้าข้างนอก  ไหนจะต้องกลับเข้ามาทำงานที่ค้างเอาไว้  จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าถอดแว่นทิ้งไว้ที่ไหน  อาจจะลืมไว้ตอนที่ไปเจอลูกค้า หรืออาจจะตอนหาเอกสาร

จะเวลาไหนก็ช่างเถอะ

ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจสำหรับวิโรจน์เลยสักนิด  แล้วจะมาคาดคั้นอยากรู้ไปทำไม  แค่เรื่องแว่นสายตา

“ผมตอบว่าไม่รู้  เพราะผมไม่รู้  ใส่อยู่ทุกวัน แต่มันก็ไม่เห็นแปลกที่ผมจะไม่รู้ว่าตอนนี้แว่นของผมอยู่ที่ไหน  คุณจะถามไปทำไม  ลองคิดดูสิ  ผมกับคุณมีอะไรกันอยู่บ่อย ๆ  ผมยังไม่เคยรู้เรื่องของคุณเลย มันไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้นหรอกเรื่องแค่นั้นน่ะ  ผมกับคุณไม่รู้จักอะไรกันเลยด้วยซ้ำ  แล้วคุณจะมาอยากรู้เรื่องแว่นของผมทำไม”

เป็นการตอบกลับที่เจ็บแสบที่สุด
และวิโรจน์ก็ถึงกับชะงักนิ่งงันกับคำตอบของหัวหน้าแผนกขายที่ตอบกลับมาแบบง่าย ๆ แต่ทำให้วิโรจน์หน้าชา

“นั่นสิ..........คุณพูดถูก  ไม่จำเป็นที่ผมจะต้องรู้เรื่องของคุณ  เพราะคุณไม่ได้มีความจำเป็นสำหรับชีวิตผมเหมือนอย่างที่คุณพูดนั่นแหละ คุณหัวหน้าแผนกขาย”

ตอบกลับได้เจ็บปวดไม่แพ้กัน

และหัวหน้าแผนกขายก็นิ่งงันกับสิ่งที่วิโรจน์ตอบกลับมา
ในอกกำลังไหวสะท้าน   ความรู้สึกเจ็บปวดเสียใจที่ถูกเมินเฉย  และถูกปฏิบัติเหมือนสิ่งของไร้ค่ายิ่งตอกย้ำให้เจ็บปวด  จนหัวหน้าแผนกขายอยากร้องไห้ แต่ทำไม่ได้

เจ็บปวดยิ่งกว่าถูกทำร้าย
คือการถูกทำเหมือนไม่มีตัวตน

ต่างฝ่ายต่างนิ่งงัน  เมื่อทำร้ายกันด้วยคำพูดอย่างถึงที่สุด

เจ็บปวดเท่าๆ  กัน
เสียใจพอ ๆ กัน

เจ็บจนเริ่มชิน  และบอกให้ตัวเองพยายามทำใจจนเหมือนหัวใจกำลังด้านชาแทบจะไม่รู้สึกกับความเจ็บปวดอีกแล้ว

“พรุ่งนี้ผมอาจไม่เข้าออฟฟิศ”

หัวหน้าแผนกขายพูดออกมาลอย ๆ และวิโรจน์ที่เมินหน้ามองไปนอกหน้าต่างรถก็ทำเหมือนไม่ใส่ใจจะฟัง

ทั้งที่จริง ๆ แล้วยิ่งกว่า..........ตั้งใจฟัง................เพราะนั่นเหมือนเป็นการบอกวิโรจน์ว่าไม่ต้องรอ

รถมาจอดที่เดิม  และวิโรจน์ที่ตั้งใจจะลงก็นึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้

“มีร้านข้าวต้มอยู่ใกล้ ๆ”

วิโรจน์ไม่รู้ตัวว่าพูดแบบนั้นออกไปทำไม 

พูดแล้วก็นึกโมโหตัวเองที่พูดเรื่องที่ไม่ควรพูดไปอีกแล้ว   

จะพูดเพื่ออะไร
จะบอกไปเพื่ออะไร

หัวหน้าแผนกขายถึงกับนิ่งงันและกำพวงมาลัยรถเอาไว้แน่น   อยากจะเมินเฉยทำเป็นไม่ได้ยิน แต่ก็ทำไม่ได้

วิโรจน์ปลดเข็มขัดนิรภัยออก  และลอบถอนหายใจยาว ๆ ก่อนจะก้าวขาลงจากรถและยังด่าตัวเองไม่เลิกกับคำพูดโง่ ๆ ที่พูดออกไป

ก้าวขาลงจากรถเรียบร้อยและหัวหน้าแผนกขายก็ลงจากรถตามลงมาด้วย


วิโรจน์หันกลับไปมอง และต่างฝ่ายต่างก็แสดงท่าทางเมินเฉยใส่กัน

หัวหน้าแผนกขายเดินตามวิโรจน์มาเงียบ ๆ  และวิโรจน์ก็ก้าวขาให้ช้าลงเรื่อย ๆ เพื่อให้หัวหน้าแผนกขายเดินตามวิโรจน์ทัน 

“โทษคร้าบบบบ โทษคร้าบบบ หลบหน่อยครับพี่ หลบหน่อย  น้ำแข็งมาส่งคร้าบบบ”

วิโรจน์หลีกทางให้รถเข็นที่มาส่งน้ำแข็ง และหัวหน้าแผนกขายก็ยืนนิ่ง ๆ เมื่อถูกเบียดให้เข้าไปยืนชิดข้างทาง

ปลายนิ้วเราสัมผัสกันเพียงเล็กน้อย
แต่เมื่อเราแตะต้องสัมผัสกันกลับเหมือนกระแสไฟอ่อน ๆ ที่ลามจากปลายนิ้ววิ่งตรงขึ้นไปถึงหัวใจ

มากกว่านี้ก็เคยสัมผัส
แต่นั่นมันเป็นเพราะอารมณ์ใคร่ ที่ต้องการจะปลดปล่อยเท่านั้น  และไม่ทำให้รู้สึกอย่างที่เป็นอยู่ในเวลานี้

หัวหน้าแผนกขายกลับมายืนตัวตรงตอนที่รถเข็นน้ำแข็งผ่านไปแล้ว

และวิโรจน์ก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาในตอนที่หัวหน้าแผนกขายก้าวขาเดินนำวิโรจน์ด้วยใบหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก

ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกดีตอนที่ปลายนิ้วสัมผัสกัน
ไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากอยู่แบบนี้ด้วยกันไปอีกนาน ๆ

ไม่รู้ว่าทำไม..............วิโรจน์ถึงได้คว้ามือของหัวหน้าแผนกขายเอาไว้และรั้งให้หันกลับมาหา

“....................................”

ในเวลาที่เรามีความสัมพันธ์ทางกายกันอย่างเร่าร้อนรุนแรง  ไม่เคยมีสักครั้งที่เราจะกล้าสบตากันและกัน

และนั่นอาจเป็นเพราะเรากลัวจะตกหลุมพรางที่ตัวเองขุดเอาไว้

อาจเป็นเพราะอะไรหลาย ๆ อย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้
อาจเป็นเพราะอะไรสักอย่างที่ทำให้รู้สึกกลัว  และทำให้ไม่กล้า

ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไรก็ตาม
ในเวลานี้เมื่อเผลอสบตากันแบบจริงจัง วิโรจน์ก็รู้สึกตัวว่าแท้ที่จริงแล้วรู้สึกยังไงกับหัวหน้าแผนกขาย

“......................”

ยอมปล่อยมืออีกฝ่าย และคนสองคนที่ไม่เข้าใจกัน กำลังก้าวขาเดินตามด้วยกันมาเงียบ ๆ เพื่อไปที่ร้านอาหารข้างทางที่ไม่ได้มีความหรูหราเลยสักนิด  แต่เป็นสถานที่แรก ๆ ที่ได้ใช้เวลาร่วมกัน และไม่ใช่โรงเก็บของเก่า ๆ ซอมซ่อที่ใช้เป็นที่ปลดเปลื้องระบายอารมณ์

สั่งอาหารง่าย ๆ สองสามอย่างเรียบร้อย และหัวหน้าแผนกขายก็ปลดกระดุมที่ข้อมือ  และพยายามพับแขนเสื้อของตัวเองขึ้น   

วิโรจน์ที่มองอยู่ก่อนแล้ว  และเมื่อหัวหน้าแผนกขายจะพับแขนเสื้อข้างที่ไม่ถนัดวิโรจน์ก็ช่วยหัวหน้าแผนกขายพับแขนเสื้อขึ้นให้

ไม่มีคำพูด

หัวหน้าแผนกขายไม่ได้ร้องขอให้วิโรจน์ช่วยเหลือ และวิโรจน์ก็ไม่ได้สนใจว่าจะถูกร้องขอหรือไม่

เมื่อเงยหน้าขึ้นสบตากับหัวหน้าแผนกขายที่มองอยู่ก่อน วิโรจน์ก็ผละออกห่าง และเมินมองไปทางอื่น  ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ ระหว่างเราสองคนที่ไม่ได้รู้สึกอะไรต่อกัน  นอกจากต้องการปลดปล่อยความต้องการของร่างกายเท่านั้น

ไม่มีความรู้สึกใด  ๆ ทั้งสิ้นระหว่างคนสองคนที่ไม่จำเป็นต้องแสดงความรู้สึกต่อกัน

ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไม่มีอะไรต้องรู้สึก

ไม่มีอะไรเลย

นอกจากอาการหัวใจเต้นระทึกไม่เป็นส่ำ

และต่างฝ่ายต่างพยายามบังคับใบหน้าไม่ให้แสดงความรู้สึกว่าในเวลานี้กำลังไม่เป็นตัวของตัวเองเพราะสายตาของฝ่ายตรงข้าม

ยิ่งกว่าการที่ร่างกายเชื่อมต่อกัน คือการที่หัวใจเริ่มผูกพันกันอย่างช้า ๆ

วิโรจน์และหัวหน้าแผนกขายกินข้าวด้วยกันไปเงียบๆ  โดยไม่มีคำพูด

แต่เมื่อไหร่ที่เผลอสบตากัน ความรู้สึกมากมายท่วมท้นก็เหมือนจะถูกเปิดเผยออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ

“พรุ่งนี้ผมต้องส่งของที่ต่างจังหวัด  กลับมาช้าหน่อย ถ้ามืด ๆ แล้วคุณกลับเข้ามา ผมติดรถกลับบ้านด้วยอีกวันก็แล้วกัน”

หัวหน้าแผนกขายยังคงนิ่งเฉยกับสิ่งที่วิโรจน์บอก  ทำเหมือนไม่สนใจสิ่งที่วิโรจน์พูดสักนิด  แต่คำพูดตอบกลับมันทำให้วิโรจน์แทบจะหุบยิ้มไม่ได้

“ก็........ตามใจ”


Fin.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษเมื่อวิโรจน์เริ่มจีบอ้นครั้งทีสองp.97
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 08-03-2015 18:27:00
ต้องบอกความในใจไปนะพ่อวิโรจน์ ไม่งั้นแกจะไม่มีเมีย 555
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษเมื่อวิโรจน์เริ่มจีบอ้นครั้งทีสองp.97
เริ่มหัวข้อโดย: fangkao ที่ 08-03-2015 19:28:30
ทำเก๊ก ตกหลุมเขาแล้วยังไม่รู้ตัว หุหุ รอดูคนปากแข็งว่าจะทำไงต่อปายยยย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษเมื่อวิโรจน์เริ่มจีบอ้นครั้งทีสองp.97
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 08-03-2015 19:45:01
ปากแข็งทั้งคู่เลยน้าาาาาาา
แบบนี้ต้องใช้ภาษากาย เนอะๆ
รอตอนต่อไปปปปป
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษเมื่อวิโรจน์เริ่มจีบอ้นครั้งทีสองp.97
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 08-03-2015 23:21:12
นี่จีบกันแล้วใช่มั้ย 555  โอเค จีบกันๆ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษเมื่อวิโรจน์เริ่มจีบอ้นครั้งทีสองp.97
เริ่มหัวข้อโดย: puppyluv ที่ 09-03-2015 10:19:46
เราชูป้ายไฟเชียร์นายว่ะพีท
จีบเงียบๆ แบบบ้าเลือดให้เราคลั่งต่อไป
ชอบๆๆๆ
แต่ขอกระทืบไลค์ด้วยบวกและเป็ดให้วิเชียรจอมเสือก
5555
เช้านี้กรามค้างเพราะวิเชียรนี่ล่ะ
รักนายชะมัด
บวกๆๆๆ
มาอีกๆๆๆๆ
 :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษเมื่อวิโรจน์เริ่มจีบอ้นครั้งทีสองp.97
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 09-03-2015 19:24:09
ป่ามป๊ามกันก่อน แล้วค่อยจีบกัน คือนี่จีบกันแล้วใช่ม๊ายยยยยยยย 5555 ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษเมื่อวิโรจน์เริ่มจีบอ้นครั้งทีสองp.97
เริ่มหัวข้อโดย: am_am ที่ 12-04-2015 17:58:11
น่ารักอ่ะ จีบกันละมุนละไมเลยนะ :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษเมื่อวิโรจน์เริ่มจีบอ้นครั้งทีสองp.97
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-04-2015 18:28:36
ความหลังเมื่อครั้งจีบ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษเมื่อวิโรจน์เริ่มจีบอ้นครั้งทีสองp.97
เริ่มหัวข้อโดย: bodun ที่ 12-04-2015 19:08:48
 :impress2:เค้าก็ทำงานแผนกขนส่ง พอ อ่านแล้วแบบอย่างฟิน                             
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษเมื่อวิโรจน์เริ่มจีบอ้นครั้งทีสองp.97
เริ่มหัวข้อโดย: cowinsend ที่ 12-04-2015 20:27:30
คึกคึก นึกถึงวันวานแล้วเขิลลลล คิดถึงคู่นี้จริงๆ :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษเมื่อวิโรจน์เริ่มจีบอ้นครั้งทีสองp.97
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 12-04-2015 23:03:54
วิโรจน์ปากแข็งจริงจริ๊งงง
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษเมื่อวิโรจน์เริ่มจีบอ้นครั้งทีสองp.97
เริ่มหัวข้อโดย: โซ อึน ที่ 12-04-2015 23:46:05
แปะไว้ก่อนนะคร้า
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษเมื่อวิโรจน์เริ่มจีบอ้นครั้งทีสองp.97
เริ่มหัวข้อโดย: ▲TEACHCHY▼ ที่ 29-04-2015 12:53:40
กำลังตามอ่านเลยค่ะ ยังไม่จบ
อ่านยาวๆ สนุกมาก
แต่เสียดายอิมเมจที่แปะไว้มันไม่ขึ้นอะค่ะ :hao4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษเมื่อวิโรจน์เริ่มจีบอ้นครั้งทีสองp.97
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 29-04-2015 13:49:02
เริ่มต้นกันใหม่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้อึมครึม
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษเมื่อวิโรจน์เริ่มจีบอ้นครั้งทีสองp.97
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 29-04-2015 14:53:06
คู่นี้ถึงดาวอังคารแล้วค่อยมาจีบกันอ่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษเมื่อวิโรจน์เริ่มจีบอ้นครั้งทีสองp.97
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 29-04-2015 17:18:26
คู่รักคู่ "ซึน"   :hao7:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษเมื่อวิโรจน์เริ่มจีบอ้นครั้งทีสองp.97
เริ่มหัวข้อโดย: feoh ที่ 04-05-2015 09:47:36
เข้ามาไม่ทันรูปอิมเมจที่เคยลงไว้อ่ะ มีใครจำได้พอจะช่วยสงเคราะห์หน่อยได้มั้ยคะ ชอบทุกคู่เลย พยายามอ่านจากเม้นท์ก็มีโยธินนี่ ไมค์ พิรัชต์ แต่ไม่รู้บัวลอยเป็นใคร แล้วก็อยากรู้คนอื่นๆ ด้วยอ่ะ :mew2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษเมื่อวิโรจน์เริ่มจีบอ้นครั้งทีสองp.97
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 04-05-2015 11:26:17
ขอแค่ใครสักคน กล้าที่จะก้าวออกมาจากวงกลมที่ตัวเองขีดไว้ ก็จะมีความสุข
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษเมื่อวิโรจน์เริ่มจีบอ้นครั้งทีสองp.97
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 23-07-2015 09:40:43
 :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษเมื่อวิโรจน์เริ่มจีบอ้นครั้งทีสองp.97
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 02-09-2015 22:53:01
(http://www.ดังกังวาน.com/UploadImage/3b22b051-2e9b-4496-a1d8-c6ddabc1ce76.jpeg)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษเมื่อวิโรจน์เริ่มจีบอ้นครั้งทีสองp.97
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 03-09-2015 07:09:49
นี่จีบแล้วเหรอเฮียโรจน์
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษเมื่อวิโรจน์เริ่มจีบอ้นครั้งทีสองp.97
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 03-09-2015 08:55:55
วิโรจน์ :z6:เรื่องพูดจาทำร้ายเขาละพูดง่ายจัง






แล้วทำไม เวลาจะพูดดีๆกับเขา นายถึงทำไม่ได้ละห๊ะ :ling1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษเมื่อวิโรจน์เริ่มจีบอ้นครั้งทีสองp.97
เริ่มหัวข้อโดย: nin@ ที่ 25-09-2015 07:25:22
เพิ่งติดตามอ่านผลงานคุณเท็นไม่นานนี้เอง ไล่อ่านตามสารบัญเรื่องในหน้า 1 จนครบทุกเรื่องแล้ว แต่เห็นมีคนพูดถึงเรื่องของ "พากเพียรกับพี่รัน" เลยสงสัยว่าคุณเท็นเปิดเรื่องนี้หรือยังคะ เราพลาดไปช่วงไหน ใครพอทราบ รบกวนขอลิงค์ตอนแรกเรื่องของพากเพียรกับพี่รันหน่อยนะคะ   :L2:

ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ 
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษเมื่อวิโรจน์เริ่มจีบอ้นครั้งทีสองp.97
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 13-11-2015 19:34:05
น่ารักทุกคู่เลยครับ แต่ชอบคู่ วิเชียร - เฮีย มากที่สุด

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษเมื่อวิโรจน์เริ่มจีบอ้นครั้งทีสองp.97
เริ่มหัวข้อโดย: xxSunShinexx ที่ 11-12-2015 16:07:37
 :o8: :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษเมื่อวิโรจน์เริ่มจีบอ้นครั้งทีสองp.97
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 13-12-2015 18:39:29
ตามอ่านทีละคู่ ..
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษเมื่อวิโรจน์เริ่มจีบอ้นครั้งทีสองp.97
เริ่มหัวข้อโดย: psyche ที่ 24-12-2015 17:51:13
ชื่อนี้ไม่เคยผิดหวัง แต่งดี สนุก พระ นาย ไม่รวยล้นฟ้าจนเว่อ แต่ละตัวละครจับต้องได้
อ่านเรืรองของคุณเท็นมาเยอะมากก ชอบทุกเรื่องเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษเมื่อวิโรจน์เริ่มจีบอ้นครั้งทีสองp.97
เริ่มหัวข้อโดย: whitelavenders ที่ 16-02-2016 01:10:23
ความหลังซึนได้อีก ยังกะพระเอกนางเอกละครแน่ะ
5555555555
แต่น่ารักดีนะ ค่อยเป็นค่อยไปแบบเงียบๆ
หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้สถานการณ์ p.98
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 11-03-2016 21:36:30

รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ภาคพิเศษ วิโรจน์ผู้กอบกู้โลก

ในมือมีแค่ถุงพลาสติกหนึ่งใบ ภายในถุงพลาสติก มีเสื้อผ้าหนึ่งชุด เป็นกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดหนึ่งตัว

วิโรจน์ออกจากบ้านมาด้วยสิ่งของเพียงแค่นั้น 

ห้องเช่าเล็ก ๆ ราคาถูก  คือที่อยู่ใหม่ที่วิโรจน์ต้องอยู่และใช้ชีวิตนับจากนี้เป็นต้นไป

“แม่ก็รู้ว่าเพราะอะไรผมถึงต้องออกมา”

วิโรจน์กรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ น้ำเสียงที่พูดฟังดูเหนื่อยหน่ายและท้อแท้กับชีวิตเกินกว่าจะพูดอะไรได้อีก

“แม่แอบโอนเงินเข้าบัญชีไป  พีทเอาติดตัวไว้ใช้นะลูก”

เพราะพ่อรู้  ว่าแม่จะต้องแอบช่วย  วิโรจน์เลยมีเงินติดตัวจำนวนเพียงเล็กน้อยสำหรับเริ่มต้นชีวิตใหม่ 
มันถึงที่สุดแล้วจริง ๆ กับความกดดันในชีวิตตลอดหลายปีที่ผ่านมา   มันสุดจะทนแล้วจริง ๆ ถึงต้องก้าวออกมา

“พีทรักแม่นะ”

ตลอดชีวิตวิโรจน์ไม่เคยพูดคำนี้ได้เต็มปาก   ไม่กล้าแม้แต่จะแสดงความรักหรือความรู้สึกออกไปตรง ๆ แต่ครั้งนี้วิโรจน์กล้าที่จะพูดและแม่ก็นิ่งเงียบไป  วิโรจน์รู้ว่าแม่กำลังร้องไห้  แต่ไม่อยากให้วิโรจน์ได้ยิน  ไม่อยากให้วิโรจน์รู้ว่ากำลังเป็นทุกข์แค่ไหน

เป็นนานที่น้ำเสียงของแม่ขาดหายไป และวิโรจน์ก็ทำได้แค่รอให้แม่หยุดร้องไห้

“รักษาเนื้อรักษาตัวดี ๆ นะพีท  แม่รักพีทนะ”

ไม่ว่าครั้งไหน  คำว่ารักของแม่ไม่เคยทำให้วิโรจน์ซึ้งใจเท่ากับครั้งนี้  ในวันที่วิโรจน์ไม่สามารถอยู่กับแม่ได้อีกต่อไปแล้ว
เวลาที่วิโรจน์ยังไม่รู้ว่าจะได้กลับไปเจอหน้าแม่อีกเมื่อไหร่

“ครับ”

  “แค่นี้ก่อนนะพีท พ่อกำลังมา”

ก่อนโทรศัพท์จะตัดไป  วิโรจน์ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายด่าทอของพ่อดังเข้ามาในโทรศัพท์

“ปล่อยมัน  จะไปตายโหงตายห่าที่ไหนก็ช่างมัน  อย่าให้รู้ว่าช่วยเหลืออะไรมันนะ  ปีกกล้าขาแข็งแล้วปล่อยมันไป อย่าให้เห็นว่าซมซานกลับมาก็แล้วกัน”

เสียงสัญญาณโทรศัพท์ขาดหายไปแล้ว และวิโรจน์ก็ทำได้แค่กำโทรศัพท์ในมือเอาไว้แน่น  กัดฟันและพยายามระงับความโมโหที่เพิ่มขึ้น  แต่ไม่สามารถทำใจให้เลิกคิดเรื่องไม่ดีกับผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นบุพการีได้

ตั้งแต่วินาทีแรกที่ก้าวขาออกจากบ้านมา  วิโรจน์ไม่คิดจะกลับไปเหยียบที่นั่นอีกแล้ว

สิ่งเดียวที่ทำให้วิโรจน์ยังห่วงและอาลัยอาวรณ์ก็มีแค่แม่
แม่คนเดียวเท่านั้น  ที่วิโรจน์จะกลับไปหา  วิโรจน์จะกลับไปในวันที่มีทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมแล้ว  จะกลับไปรับแม่ออกมาอยู่ด้วยกัน    เราจะอยู่กันตามประสาแม่ ๆ ลูก ๆ อย่างมีความสุข  โดยไม่ต้องง้อคนอย่าง “พ่อ”  อีกต่อไป

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“ที่นี่วุฒิการศึกษาไม่สำคัญเท่าไหร่หรอก  สำคัญคือน้องอยู่ได้หรือเปล่า”

วิโรจน์ไม่รู้ว่าหัวหน้าแผนกขนส่งกำลังพูดถึงเรื่องอะไร  ตลอดชีวิตนี้วิโรจน์ไม่ค่อยอยากสุงสิงหรือวุ่นวายกับใคร  แต่ในเวลานี้ต้องพยายามนึกให้ออกว่าต่อจากนี้ไปจะต้องปรับตัวและเข้าหาคนอื่นยังไงถึงจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมคนทำงานได้

“ผมอยู่ได้ครับพี่”

กล้าที่จะพูดคำนี้  ทั้งที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะอยู่ได้หรือเปล่า  แต่ไม่ว่ายังไงวิโรจน์ก็ต้องอยู่ให้ได้  ถ้าไม่มีงานทำ ก็เท่ากับไม่มีเงิน
เมื่อไม่มีเงินจะใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกยังไง

“พี่จะคอยดู”

หัวหน้าแผนกขนส่งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดและโยนใบสมัครของวิโรจน์ลงตะกร้า  วิโรจน์ไม่รู้ความหมายว่าการทำแบบนี้หมายความว่ายังไง  และวิโรจน์ก็ขมวดคิ้วมุ่นเงยหน้าขึ้นมองหน้าของหัวหน้าแผนกขนส่งทันที

ทำไมต้องโยน

จะไม่รับก็บอกกันดี ๆ ก็ได้  ทำไมต้องทำท่าทางแบบนี้ใส่

“แปลว่าไม่รับใช่มั้ยครับ”

กล้าถามออกไปตรง ๆ และหัวหน้าแผนกขนส่งก็เลิกคิ้วขึ้นสูง  สายตาที่มองมาของวิโรจน์ไม่ใช่สายตาของคนที่ยอมใคร
แบบนี้ไม่เลว   ท่าทางจะหัวแข็งแต่ก็น่าจะอยู่กันได้ไม่ยาก

“ที่นี่งานหนักนะ  อย่างน้องจะไหวเหรอ ท่าทางก็ไม่น่าใช้แรงงานไหว  อยู่ที่นี่ต้องทำทุกอย่างเลยนะ พี่ถามอีกครั้ง น้องทำไหวแน่เหรอ ถ้าไม่ไหวก็บอกมาตรง ๆ อย่ามาสมัครแล้วมาทำแป๊บๆ  ก็ออก  พี่เห็นแบบนี้มาเยอะแล้ว  เบื่อจะมานั่งสอนงานกันใหม่”

มันคือการดูถูกกันชัด ๆ  และวิโรจน์ก็ลุกขึ้นยืน และมองหน้าของหัวหน้าแผนกขนส่งแบบตรง ๆ

“ถ้าพี่ไม่รับผม  แล้วพี่จะรู้ได้ยังไงว่าผมทำได้หรือไม่ได้  ก่อนหน้านี้ผมไม่รู้ว่าพี่เจอคนแบบไหนมา  แต่คนแบบผมถ้าตั้งใจจะทำอะไรก็จะทำจนถึงที่สุด  ถ้าพี่กล้ารับผม  ผมก็กล้าพิสูจน์ตัวเองให้พี่เห็น  มันอยู่ที่พี่ว่าจะกล้ารับผมหรือเปล่าก็แค่นั้น”

หัวหน้าแผนกขนส่งกระตุกยิ้มที่มุมปาก  และพอใจกับคำตอบของว่าที่พนักงานขับรถคนใหม่ของแผนกขนส่งไม่น้อย

“ก็ลองดู....แล้วเราจะได้เห็นกัน”

“ผมก็อยากให้พี่เห็นเหมือนกัน”

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

วิโรจน์เริ่มต้นการใช้ชีวิตใหม่คนเดียวครั้งแรกในชีวิต  ในห้องเช่าเล็ก ๆ เก่า ๆ ที่มีเพียงแค่ห้องโล่ง ๆ ว่างเปล่าไม่มี
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกใด  ๆ ทั้งสิ้น 
วิโรจน์ตัดสินใจซื้อหมอน  ผ้าห่ม  และเตารีดสำหรับรีดผ้า  ไม้แขวนเสื้อ  ไม้กวาดและไม้ถูพื้น  จานหนึ่งใบ แก้วน้ำและช้อน
ในหัวสมองของวิโรจน์คิดเพียงแค่จะใช้ชีวิตยังไงให้อยู่รอดต่อไป  โดยที่มีเงินติดตัวอยู่ไม่ถึงหนึ่งพันบาท
เงินบางส่วนถูกใช้ไปกับการซื้อเสื้อผ้าสำหรับใช้ใส่ไปสมัครงาน และจ่ายค่าที่อยู่อาศัย  วิโรจน์ไม่มีเวลาให้ตัวเองคิดถึงความสะดวกสบาย  แค่เพียงมีที่ให้ซุกหัวนอน มีงานให้ทำ  เพียงเท่านี้วิโรจน์ก็สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้แล้ว

อยู่ในโลกใบใหญ่ข้างนอก   เริ่มต้นใช้ชีวิตใหม่ในโลกที่ไม่คุ้นเคย

มันเป็นเรื่องยากลำบากอย่างถึงที่สุด 
ความกดดันต่าง ๆ นานา 
สายตาของเพื่อนร่วมงานที่มองวิโรจน์แบบแปลก ๆ คำพูดที่คอยกระทบกระเทียบอยู่ตลอดเวลาจากคนที่ไม่ชอบหรือไม่ถูกใจที่วิโรจน์มักจะปลีกตัวไปอยู่คนเดียวและไม่สุงสิงกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ 

“ผมมาทำงาน  ผมไม่ได้มาเดินเล่น  เวลางานผมทำจริงจัง เวลาว่างผมก็อยากมีเวลาเป็นส่วนตัว”

วันหนึ่งเมื่อถูกตีสนิทและถูกชวนให้ไปเที่ยวด้วยกันในตอนเย็น  วิโรจน์ก็ตอบเพื่อนร่วมงานแบบนั้น

คำตอบในแบบของวิโรจน์ทำให้ไม่มีใครอยากยุ่งด้วย   และวิโรจน์ถูกเพื่อนร่วมงานให้นิยามว่าเป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์โคตรแย่  แต่วิโรจน์ไม่คิดจะสนใจ

“วิโรจน์   ช่วยผมเช็คของหน่อยได้มั้ย ผมจะรีบไปธุระวันนี้”

อำนาจไม่อยากพูดกับเพื่อนร่วมงานคนนี้มากนัก  เพราะเป็นคนที่มีนิสัยตรงข้ามกับอำนาจทุกประการ
ไม่พูด  ไม่คุย ไม่เล่น ไม่ยิ้ม  และไม่เคยขาดลามาสาย   ไม่เคยทำผิดกฎข้อห้ามใด ๆ   ของแผนก  เป็นคนที่มีคุณสมบัติของการเป็นพนักงานที่ดี   แบบที่หัวหน้างานต้องการ  ยกเว้นแค่เรื่องมนุษย์สัมพันธ์ที่ถ้ามองว่าแย่ก็อาจจะใช่  แต่ถ้าพูดคุยหรือถามวิโรจน์เรื่องงานไม่มีครั้งไหนที่วิโรจน์จะตอบหรือพูดจาไม่ดีใส่

เวลาทำงาน  วิโรจน์มีแต่ก้มหน้าก้มตาทำงานและไม่เล่นหัวพูดคุยกับใครเหมือนคนอื่น ๆ  ทุกคนต่างรู้ว่าวิโรจน์มาทำงานเพื่อเก็บเงิน   ตั้งหน้าตั้งตาทำงานเก็บเงินไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย  หรือเอาเงินไปเที่ยวเตร่เหมือนพนักงานคนอื่น ๆ

อำนาจไม่ได้อยากพูดคุยหรือขอความช่วยเหลือจากวิโรจน์มากนัก

เพราะอำนาจคิดว่าตัวเองถูกมองว่าเป็นพวกไม่ได้เรื่อง  หัวไม่ค่อยดี  ทำงานมาตั้งนานก็ยังเป็นได้แค่ตัวสแปร์ไว้คอยช่วยเหลือผู้อื่น  หรือคอยเสริมตอนที่คนอื่นๆ ไม่อยู่

สิ่งที่วิโรจน์ตอบกลับอำนาจมีเพียงสายตาที่ไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก  และอำนาจก็ถอนหายใจยาว  ๆ อย่างหนักใจก่อนจะพูดอะไรบางอย่าง

ถ้าไม่ถึงขนาดนี้ก็จะไม่เอ่ยปาก   เพราะว่าตอนนี้ไม่มีใครอยู่แล้ว  จะมีเหลือก็แค่วิโรจน์เท่านั้น  ไม่อย่างนั้นอำนาจก็ไม่คิดอยากจะเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากวิโรจน์

ไม่เคยคิดว่าจะต้องขอความช่วยเหลือจากคนอย่างวิโรจน์เลยจริง ๆ

“ผมต้องรีบไปยืมเงินน้าข้างบ้านให้ทัน  ตอนนี้ผมไม่มีเงินติดตัวเลย  แม่ผมเข้าโรงพยาบาล ถ้าผมไปไม่ทัน น้าเขาออกไปทำงานก่อน  ผมจะไม่มีเงินจ่ายค่าหมอ”

ตัดสินใจบอกเรื่องที่ไม่อยากพูดให้ใครรับรู้ถึงเรื่องราวชีวิตและครอบครัวของตัวเอง

อำนาจไม่เคยนึกอยากจะบอกเรื่องส่วนตัวขนาดนี้ให้วิโรจน์รู้  แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจบอกไป  เผื่อว่าวิโรจน์จะเห็นใจและยอมช่วยเหลือกันบ้าง

“ไม่ต้องไปหรอก”

อำนาจเกลียดเพื่อนร่วมงานที่ไร้มนุษย์สัมพันธ์คนนี้ที่สุด
น้ำเสียงที่แสนเย็นชา  ใบหน้าที่เรียบเฉยและไร้ความรู้สึกตลอดเวลา   วิโรจน์เป็นคนไร้มนุษย์สัมพันธ์และเป็นคนที่หัวใจเย็นชาที่สุดตั้งแต่อำนาจเคยรู้จักใครในโลกนี้มา

“เอาที่ผมไปก่อน”

วิโรจน์ล้วงมือลงไปในกระเป๋าเสื้อและหยิบธนบัตรจำนวนหนึ่งออกมานับและยัดใส่มือให้อำนาจก่อนจะก้มหน้าก้มตากลับไปลากตะกร้าสินค้าที่อำนาจต้องเช็ค  และเริ่มตรวจนับเงียบ ๆ โดยไม่เอ่ยถามหรือตั้งข้อสงสัยกับสิ่งที่อำนาจบอกออกมาเลยสักคำ

อำนาจถือเงินที่วิโรจน์ส่งให้เอาไว้  เงินจำนวนหนึ่งที่มีค่ากับคนที่อำนาจรักมากที่สุดในเวลานี้

“......................”

อำนาจไม่ได้เอ่ยปากขอบคุณ  ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยสักคำ ทั้งที่ปกติเป็นคนที่พูดมาก พูดได้ไม่หยุด แต่ในเวลานี้กลับต้องนิ่งเงียบ  เพราะเหมือนมีก้อนอะไรแข็ง ๆ มาจุกอยู่ที่คอจนพูดอะไรไม่ออก

“รีบไปเถอะ ที่เหลือเดี๋ยวผมจัดการให้”

อำนาจก้าวขาเดินออกจากแผนกขนส่งมาเงียบ ๆ ทั้งที่ยังไม่ได้พูดแม้กระทั่งคำขอบคุณกับวิโรจน์เลยสักคำ 

สำหรับใครหลายคน  วิโรจน์เป็นคนเย็นชากับเพื่อนร่วมงาน  ไร้มนุษย์สัมพันธ์และไม่ค่อยอยากสุงสิงกับใคร
แต่ในเวลานี้อำนาจรู้แล้ว  คนบางคนไม่จำเป็นต้องมีคุณสมบัติที่ดีเพียบพร้อม  ไม่จำเป็นต้องร่าเริงเพื่อใคร  ไม่ต้องมนุษย์สัมพันธ์ดีไปทั่ว  ไม่ต้องเป็นคนอย่างที่ใคร ๆ ชอบ หรืออยากให้เป็น แค่เป็นตัวของตัวเองก็พอแล้ว

สำหรับอำนาจนับตั้งแต่วินาทีนั้น  สิ่งที่อำนาจรู้  คือเพื่อนร่วมงานคนนี้  แม้จะมนุษย์สัมพันธ์ไม่ค่อยดี  แต่ไม่ใช่คนแล้งน้ำใจ  อำนาจนึกขอบคุณวิโรจน์อย่างถึงที่สุดในความช่วยเหลือในเวลาที่ยากลำบาก  และต่อจากนี้อำนาจรู้แล้วว่าจะอยู่กับเพื่อนร่วมงานคนนี้ยังไง 

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“ไอ้กฤษดาแม่งอย่างเหี้ย  มาทีไรก็หาเรื่องมาให้ตลอด  กูเห็นหลายครั้งแล้ว จะแดกหัวทุกคนในแผนกนี้ให้หมดเลยหรือยังไง”

วิโรจน์เช็คของไปเงียบ ๆ และฟังสิ่งที่อำนาจบ่นไม่ยอมหยุด
หัวหน้าแผนกขาย  เป็นผู้ชายตัวเล็ก ๆ หน้าขาว ๆ  ใส่แว่น  ท่าทางน่าจะไปเรียนหมอมากกว่าจะมาเป็นหัวหน้าแผนกขาย
คำพูดคำจาไม่น่าฟังสำหรับใคร  แต่มักพูดเอาใจลูกค้าเป็นและได้รับออเดอร์ใหญ่ ๆ และสำคัญเสมอ

เป็นมนุษย์แบบที่วิโรจน์เกลียด

ทุกครั้งที่มาเยือนแผนกขนส่งมักนำเรื่องเดือดร้อนมาด้วยเสมอ  ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะมาดี  และวันนี้ก็ไม่ต่างกัน

“แล้วพี่บุ้งว่าไง”

“จะว่าไง  ก็ยิ้มอย่างเดียว  ก็คงไม่อยากยุ่งด้วยแหละ  แผนกเรามันก็ไม่ละเอียดจริง ๆ บางทีก็มีหลุด ๆ ไปบ้างให้คนอย่างไอ้กฤษดามาตามหาเรื่องได้ถึงที่  เล็ก ๆ น้อย ๆ แม่งก็ไม่ยอม  อยากต่อยหน้าแม่ง  พูดจาหมาไม่แดก”

อำนาจยังบ่นไปเรื่อย ๆ ไม่มีหยุด

และวิโรจน์ก็ฟังไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีการออกความคิดเห็น  รู้เรื่องกิตติศัพท์ของหัวหน้าแผนกขายมานาน ว่าเป็นคนที่ไม่น่าเข้าใกล้มากที่สุด  และวิโรจน์ก็คิดว่าชาตินี้คงไม่มีทางที่จะไปสุงสิงหรือพูดคุยกับหัวหน้าแผนกขายเด็ดขาด

ไม่มีทางที่จะได้ใกล้ชิดกัน

ไม่มีทางเป็นไปได้

ไม่ว่ายังไงก็.............ไม่มีทาง.............

“หน้าอย่างนี้ก็เป็นได้แค่พนักงานขับรถกระจอก ๆ แบบนี้ไปตลอดชีวิตนั่นแหละ” 

คำพูดร้าย ๆ ของใครบางคนที่มาระรานกันถึงแผนกขนส่งลอยเข้าหูของวิโรจน์แบบเต็ม ๆ   และวิโรจน์ที่เคยทำเพียงแค่มองผ่านมาตลอดและไม่เคยคิดจะสนใจอยากมองหรืออยากพูดกับหัวหน้าแผนกขายเลยสักนิดก็พูดบางอย่างขึ้นมาก่อนจะเดินผ่านไปเงียบ ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“คนเราวัดคุณค่าของคนที่ความเป็นคน  ไม่ได้วัดกันที่หัวโขนที่ใส่”

วิโรจน์พูดออกมาลอย ๆ และเดินจากไปเงียบ ๆ 
และเพื่อนร่วมแผนกคนอื่น ๆ ที่ทำได้แค่สังเกตการณ์เพราะไม่กล้ายุ่งมาตลอดก็ถึงกับนิ่งอึ้งกับสิ่งที่วิโรน์พูด  วิโรจน์ไม่เคยอยากข้องเกี่ยวกับใครแต่วิโรจน์พูดคำพูดแทนใจคนทั้งแผนกใส่หัวหน้าแผนกขายที่มาระรานกันถึงที่

การพบกันครั้งแรก  ของวิโรจน์กับหัวหน้าแผนกขาย  สร้างความประทับใจให้เพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ไม่น้อย

“ไอ้โรจน์พูดน้อยต่อยหนัก  ไอ้กฤษดาป่านนี้นอนชักตาตั้งตายห่าไปแล้วมั้ง  แม่งสะใจกูชิบหาย”

“เจอไอ้โรจน์เข้าไป  แม่งตาเหลือกพูดไม่ออกเลยไอ้สัด  โคตรสะใจกูเลย”

“ไอ้โรจน์แม่งเห็นอย่างนั้น  เวลาเล่นที แรงชิบหาย  กูยอมใจมันเลย”

“คนไม่พูด เวลาพูดที แม่งโคตรเจ็บ”

หลังจากนั้นวิโรจน์ไม่ใช่เพียงแค่คนที่ไม่สนใจโลกสำหรับเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ อีกต่อไปแล้ว
แต่วิโรจน์คือฮีโร่ขี่ม้าขาวที่มักจะมาปรากฏตัว ในเวลาที่ทุกคนกำลังเดือดร้อนอย่างถึงที่สุด    วิโรจน์จะมาช่วยฝ่าวิกฤตและเป็นผู้กอบกู้สถานการณ์ให้โลกใบนี้กลับมาสวยงามดังเดิม


Fin.
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 12-03-2016 01:38:14
ซี้ดดดด

โรจน์ปากน้อยต่อยหลังหัก

เจ็บแทนเลย
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-03-2016 04:46:09
 o13
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
เริ่มหัวข้อโดย: am_am ที่ 12-03-2016 07:33:33
วิโรจน์โคตรเท่ห์ อร๊ายยยยยยย  :-[
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 12-03-2016 08:55:28
อ้อยยย ... ย้อนกลับไปอ่านใหม่ดีกว่า :katai1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 12-03-2016 09:42:11
โห วิโรจน์โคตรเท่ ........ กลับไปอ่านใหม่รอบสองดีกว่า

หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 12-03-2016 11:37:11
คิดถึงผู้คนในแผนกขนส่งมากๆๆๆๆๆๆๆ o13


 :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 13-03-2016 11:23:32
อยากอ่านอีก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 13-03-2016 20:13:50
คิดถึงแผนกนี้จริงจัง  :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 15-03-2016 10:24:10
ในบรรดานิยายของคุณ aoikyosuke ชอบเรื่องนี้ที่สุดค่ะ มีครบทุกรสชาติ อ่านได้สบายๆ เอ่อ...บางทีก็ไม่สบายเท่าไหร่ บิดจนตัวเบี้ยว จิกหมอนขาด เลือดกำเดาพุ่ง อร๊ายยยยย

ที่ไม่ค่อยชอบคือหลายคู่เริ่มจากการไม่เต็มใจ (อ้น-พีท เชียร-เฮีย บัว-โย) มันนิย๊ายยยนิยาย แต่ในชีวิตจริงมันเป็นเรื่องที่โหดร้ายมากๆนะคะ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 15-03-2016 18:25:31
โอ้ วิโรจน์จัดหนัก 555
คิดถึงแผนกขนส่งจัง ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 08-05-2016 05:08:55
วิโรจน์ไม่ค่อยพูดแต่พูดทีเจ็บแสบ

ปล ตอนพิเศษทำให้คิดถึงคู่รักSM มาก อยากอ่านสเปคู่อื่นๆอีกนะคุณเทน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 18-05-2016 06:49:39
สนุกอ่ะ คืองานดีมาก อ่านไปขำไป ชอบบบ ผูกเรื่องเก่ง :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 18-05-2016 13:38:09
เอ่อ นิยามนี้ท่านได้แต่ใดมา อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 26-05-2016 23:29:47
 o13
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
เริ่มหัวข้อโดย: lllittled ที่ 03-08-2016 09:31:57
 :katai2-1:
 o13
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 14-09-2016 09:13:53
ตาวิเชี๊ยร  อูยย ซุ่มเร่าร้อนรุนแรงนะยะ ทำเอาเคลิ้มตามอ่ะ คำพูดดิบๆแต่อย่างฟินเว่อร์ :jul1: :pighaun:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 14-09-2016 10:16:08
ต๊าย มีความอิจวิเชียรมากมาย ได้ผัวรวยเป็นผู้มีอิทธิพลนะยะ ผัวรักผัวหลงด้วยสิ :hao7: :hao3:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 14-09-2016 11:20:36
พีทร้อนหลบในมาก เสียวแทนอ้นเถอะ เติมเลือดแพร๊บ :jul1: :oo1: :m25:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 14-09-2016 12:11:30
อิแม่ตายตาหลับแล้วค๊าลูกมีน ในที่สุดหนูก็ ได้เอา พี่พี่บุ้งแล้วว :z1: :m25:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 14-09-2016 18:50:35
วิเชียรสุดยอด คู่เฮียกับวิเชียรนี่ตัวพ่อตัวแม่มาเองขอบอก เอา กันได้จนคนอ่านถึงนิพพานไปด้วย เลอค่ามากมายก่ายกอง :oo1: :pighaun: :haun4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
เริ่มหัวข้อโดย: imseries ที่ 16-09-2016 19:37:50
เฮ้ยยยยอีพี่บุ้งหื่นแล้วโว้ยยย :hao6:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 19-09-2016 07:43:18
เห็นนิวเงียบๆแต่สกิลความร้อนแรงนิวเพียบนะค๊าา :pighaun:  :haun4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
เริ่มหัวข้อโดย: Shumi ที่ 21-09-2016 18:19:24
งานคุณเท็น มีเอกลักษณ์ประจำตัวเด่นชัดมากที่สุด เป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ยิ้มในแบบต่าง ๆ ได้ ทั้งยิ้มมีความสุข ยิ้มเขิน ยิ้มแบบซาบซึ้ง รวมถึงอารมณ์อื่น ๆ เป็นงานเขียนที่เหมือนจะเรียบง่ายแต่มีเสน่ห์สูง

เนื้อเรื่องไม่หวือหวา เข้มข้น เหมือนละครหลังข่าว แต่สามารถทำให้มีความสุขไปกับเหตุการณ์ของแต่ละตัวละครได้

ขอบคุณที่นำมาให้อ่านครับ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหากมีงานเขียนเรื่องใหม่ ๆ มา จะนำมาให้ได้อ่านอีก ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
เริ่มหัวข้อโดย: minchy ที่ 14-03-2017 12:12:32
กลับมาอ่านกี่ทีก็สนุก
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
เริ่มหัวข้อโดย: tear0313 ที่ 14-03-2017 19:44:43
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 17-06-2017 10:11:22
 :mew1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 18-06-2017 23:35:29
เห็นเรื่องนี้อยู่นาน เพิ่งได้มาตามอ่าน
ใช้เวลาสองวัน ตามจบทุกคู่
สนุกมากกกกกกค่าาา ไม่เสียชื่อคนเขียนเลย
ชอบทุกคู่เลยค่ะ แต่แอบปันใจให้เกาหลีนิดหน่อยๆอิอิ
ขอบคุณสำหรับเรื่องน่ารักๆแบบนี้นะคะ
 :hao6: :mew1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 23-06-2017 21:56:11
เหมือนจะพลาดคู่พี่ฟ้ากับเป็ดน้อยไป แหะๆ
มาตามอ่าน เรื่องของนายกับคุณเลขา ค่ะ
เป็ดน้อยเหลืองเน่าน่ารักมากกกกก อ่านไปเขินไป
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 21-07-2017 18:18:48
อ่านกี่ครั้งก็สนุกเหมือนเดิมน้าาาาา
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-07-2017 02:43:45
เรื่องนี้ ตามอ่านมาเกือบ ๆ อาทิตย์ ยกให้เป็นเรื่องที่สุดยอดเรื่องหนี่งเลยนะเนี้ย  o13 o13
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
เริ่มหัวข้อโดย: lucky ที่ 27-08-2017 19:50:59
ตามอ่าน ใกล้ทันละ อิอิ
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
เริ่มหัวข้อโดย: abc_b ที่ 06-04-2018 22:25:05
จนตอนนี้ก็ยังรออยู่ว่าเมื่อไหร่คุณนัทจะโดนพี่ฟ้ากิน  :impress2: :z13:
ชอบคู่พีทอ้นอีกคู่นึง รักกันเงียบๆแต่สะใจดี55
เป็นอะไรที่เข้ามาอ่านแล้วคู่เยอะม๊ากกกก แต่ละคู่มีสไตล์ของตัวเองแล้วก็คาแรคเตอร์แต่ละตัวชัดมากๆ หลงพี่บอสเลยอะอะไรจะแสนดีขนาดนี้ แล้วคนขี้เสือกอย่างเชียรด้วยตอนแรกชีวิตเหมือนจะดราม่าแต่ก็มีความสุขกับเฮียดี ป๋า สปอร์ต ใจดีกทม.สุดด
เสียดายอยูาอย่างเดียวคือรูปตัวละครมันไม่ขึ้นอ่า ไม่รู้เพราะเปิดในมือถือมั้ย อยากเห็นหน้านายวิเชียรสุดละว่าแบบไหนถึงมัดใจอาเฮียได้ตั้งหลายปี  :z1:

ขอบคุณสำหรับรอยยิ้มและอารมณ์ดี๊ดีตลอดวันแค่ได้เปิดอ่านเรื่องนี้นะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 09-06-2018 11:27:56
กลับมาอ่านอีกครั้ง ด้วยความคิดถึง ^^
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
เริ่มหัวข้อโดย: ปาลี ที่ 24-08-2020 14:37:17
อ่านมาถึึึึึึึงตอนนี้แล้วอยากยอกว่าขอบทุกคู่ยกเว้นคู่โยบัว ทำไมทักคนมองไปในทางเดียวกันว่าต่างคนต่างเมาแล้วก็ได้กัน นี่ถึงกับย้อนไปอ่านอีกครั้งมันก็เข้าแนวข่มขืนอยู่ดี  แถมพี่ ในแผนกทุกคนกลับบอกว่าบัวทิฐิ อยากให้พวกคนที่พูดโดนแบบบัวบ้างจังเลย ไม่คิดว่ามันจะทุกข์ขนาดไหนที่
ผู้ชายแท้ ๆ โดนอะไรแบบนี้บ้างเหรอ ทุกคนเจ้ากี้เจ้าการ แล้วอ้างว่าหวังดี ทำไมไม่คิดถึงจิตใจบัวบ้าง อินจนต้องหยุดอ่าน
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
เริ่มหัวข้อโดย: ปาลี ที่ 24-08-2020 14:56:33
เคยลอบวิเชียรมาตลอดพอถึงตอนนี้เกลียดชิบตัวเองโดนแล้วทำใจได้คนอื่นโดนแล้วต้องทำใจได้ด้วยเหรอ กลายเป็นว่าคนโดนข่มขืนต้องทำใจ ถ้าไม่ทำก็ต้องโดนด่าแบบนี้เหรอ เสียความรู้สึกดี ๆ ที่อ่านมาตั้งแต่แรกจริง ๆ อ่ะ 
หัวข้อ: Re: รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosukeสารบัญหน้าแรกปรับปรุงให้เข้าแต่ละกระทู้โดยตรงแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: kwan2211 ที่ 21-06-2021 15:54:56

รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ภาค บุ้ง -มีน
             หน้าที่ 1.....ตอน พี่บุ้ง//งานเข้าแล้วนะ// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2692979#msg2692979) หรืองานจะเข้ากูจริงๆ// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2693383#msg2693383)อย่าคิดมาก//  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2693390#msg2693390)ไม่อยากซวย  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2693809#msg2693809)
           หน้าที่ 2.....ตอน  กินไปงั้นๆ// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.30)งอนๆง้อๆ // (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2693843#msg2693843)การพนัน // (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2694152#msg2694152)อคติ//  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2694158#msg2694158) อากาศ// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2694480#msg2694480) แฟนเก่าบุ้งแต่แฟนใหม่มีน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2694482#msg2694482)
           หน้าที่ 3.....ตอน ลูกน้องควาย // (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2694834#msg2694834)เหตุการณ์ซ้ำ ๆ ที่มีนรับไม่ไหว//  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2695117#msg2695117)ปวดใจ//  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2695195#msg2695195)กำลังใจ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2695197#msg2695197)
           หน้าที่ 4.....ตอน ต้องทำใจ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2695363#msg2695363)
           หน้าที่ 5.....ตอน ผู้จัดการ//  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2695610#msg2695610)มีนคอแป๊บ//  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2695631#msg2695631)สิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2695841#msg2695841)
           หน้าที่ 6.....ตอน เรื่องของมีน//  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2696037#msg2696037)เรื่องที่บุ้งไม่เคยรู้//  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2696103#msg2696103)อาการของโรคซึมเศร้า  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2696242#msg2696242)
           หน้าที่ 7.....ตอน เด็กป่วย//  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2696404#msg2696404) แซว (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2696488#msg2696488)
           หน้าที่ 8.....ตอน ประโยชน์ของวิทยุสื่อสาร // (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2696666#msg2696666)คลิป  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2696831#msg2696831)
           หน้าที่ 10...ตอน เพลง // (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2697111#msg2697111) อยากได้ซีดีหนังเป็นเหตุ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2697157#msg2697157)
           หน้าที่ 17...ตอน งานเลี้ยงส่ง  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2699265#msg2699265)
           หน้าที่ 18...ตอน ก่อนจะเช้า  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2699548#msg2699548)
           หน้าที่ 20...ตอน วิธีการหลีกเลี่ยงการดักฟัง//  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2699993#msg2699993)แนะนำพนักงานใหม่ จบภาคบุ้งกับเมืองมีน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2700031#msg2700031)
           หน้าที่ 42...ตอน ภาคพิเศษ พี่บุ้งใจดี (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2709962#msg2709962)

-----------------------------------------------------------------------------------------


รักเกิดในแผนกขนส่ง.....by aoikyosuke ภาค วิเชียร-เฮีย
                             หน้าที่ 9.......ตอน เรื่องลับ ๆ ของหนุ่มนักพนัน// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2696956#msg2696956)เมื่อวิเชียรมุ้งมิ้ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2697034#msg2697034)
                        หน้าที่ 12.....ตอน เมื่อวิเชียรหิว  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2697691#msg2697691)
                        หน้าที่ 13.....ตอน อย่าทำให้วิเชียรโกรธ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.360)
                        หน้าที่ 22.....ตอน ก่อนท้องฟ้าจะสดใส (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.630)
                        หน้าที่ 23.....ตอน เรียนรู้กันและกัน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.660)
                        หน้าที่ 28.....ตอน ของเล่นใหม่ของวิเชียร (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.810)
                        หน้าที่ 44.....ตอน ภาคพิเศษเมื่อวิเชียรเศร้า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2710811#msg2710811) 

-------------------------------------------------------------------------------------------


รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ภาค วิโรจน์-คุณกฤษดา
                         หน้าที่ 13.....ตอน ทำไมต้องเกลียดพวกผมวะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2698380#msg2698380)
                     หน้าที่ 14.....ตอน อย่าเรื่องมากน่าคบกับผมซะเถอะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2698430#msg2698430)
                     หน้าที่ 15.....ตอน ปฏิกิริยาแรก// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2698621#msg2698621)คนชอบบังคับ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2698827#msg2698827)
                     หน้าที่ 16.....ตอน อ้นของพีท พีทของอ้น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2699005#msg2699005)
                     หน้าที่ 36.....ตอน ภาคพิเศษไปซื้อของกัน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2706353#msg2706353)
                     หน้าที่ 48.....ตอน ภาคพิเศษไม่ธรรมดา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2713145#msg2713145)

-----------------------------------------------------------------------------------------


รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ภาค อำนาจ-น้องพู่
                         หน้าที่ 19.....ตอน แล้วกูจะไปรู้ได้ไงวะ// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2699791#msg2699791)เห็นว่างอยู่ขอจีบได้ป่ะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2699946#msg2699946)
                     หน้าที่ 26.....ตอน เข้าใจไม่ตรงกัน// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2702326#msg2702326)โลกใบนี้สีชมพู (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2702410#msg2702410)
                     หน้าที่ 27.....ตอน อินเลิฟ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2702688#msg2702688)
                     หน้าที่ 29.....ตอน ไม่แน่จริง// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2703342#msg2703342)บ่อยครั้งที่เราทะเลาะกัน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2703466#msg2703466)
                     หน้าที่ 30.....ตอน หุงข้าว (จบภาคอำนาจ-พู่) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2703621#msg2703621)

-------------------------------------------------------------------------------------------


รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ภาค สุรชาติ-ยูกิ
                         หน้าที่ 21.....ตอน ประวัติส่วนตัว// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2700161#msg2700161)พื้นที่อันตราย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2700234#msg2700234)
                     หน้าที่ 22.....ตอน ลูกจ้างคนใหม่// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2700357#msg2700357)ตกลงยังไง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2700410#msg2700410)
                     หน้าที่ 23.....ตอน ไม่ได้เร่งแต่ก็อยากให้ไว// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2701092#msg2701092)ขาเสือกมากันครบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2701158#msg2701158)
                     หน้าที่ 24.....ตอน มาถ่ายรูปกัน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2701736#msg2701736)
                     หน้าที่ 27.....ตอน วางมัดจำ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2702560#msg2702560)
                     หน้าที่ 28.....ตอน ก่อนเข้าบ้าน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2702865#msg2702865)
                     หน้าที่ 30.....ตอน อยากเป็นอะไร// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2703647#msg2703647)ยูกิผู้ไม่ยอมแพ้// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2703797#msg2703797)ก่อนกลับ (จบภาค) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2703887#msg2703887)

-------------------------------------------------------------------------------------------


รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ภาค โยธิน-บัวลอย
                          หน้าที่ 31.....ตอน เด็กเกรียน// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2704027#msg2704027)ขอโทษ// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2704054#msg2704054)เรื่องของโยธิน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2704119#msg2704119)
                      หน้าที่ 32.....ตอน เพราะรักออกแบบไม่ได้// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2704196#msg2704196)ระวังรถของมึงให้ดี// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2704267#msg2704267)เลือนลาง// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2704376#msg2704376)เรื่องมันเพิ่งจะเริ่ม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2704468#msg2704468)
                      หน้าที่ 33.....ตอน แมวกับปลาย่าง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2704683#msg2704683)
                      หน้าที่ 34.....ตอน ความรู้สึกของโยธิน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2705527#msg2705527)
                      หน้าที่ 35.....ตอน เฮ ๆ ฮา ๆ// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2705650#msg2705650)ฝากเลี้ยง// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2706071#msg2706071)ใกล้กันมากขึ้นพูดกันมากขึ้น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.phptopic=41970.msg2706163#msg2706163)
                      หน้าที่ 36.....ตอน เรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวต้องแยกกัน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2706312#msg2706312)
                      หน้าที่ 37.....ตอน จริงจังจริงใจ// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2706956#msg2706956)ถ้าแบกไว้แล้วหนักก็วางลงซะบ้าง// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2707022#msg2707022)ปิ่นโตเถานั้น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2707264#msg2707264)
                      หน้าที่ 38.....ตอน ข้าวเช้าวันนี้ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2707893#msg2707893)
                      หน้าที่ 39.....ตอน ข้าวเช้าแห่งความเงียบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2708428#msg2708428)
                      หน้าที่ 40.....ตอน การเจรจาเป็นผล// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2708753#msg2708753)อะไรกันวะเนี่ย// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2709028#msg2709028)เหตุผลในการลาออก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2709225#msg2709225)
                      หน้าที่ 41.....ตอน ตำแหน่งของวิเชียร (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2709483#msg2709483)
                      หน้าที่ 42.....ตอน ผู้ดูแล// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2709873#msg2709873)เราเป็นรูมเมทกัน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2710187#msg2710187)
                      หน้าที่ 43.....ตอน เด็กอนุบาล// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2710267#msg2710267)จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2710552#msg2710552)งอน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2710739#msg2710739)
                      หน้าที่ 44.....ตอน กลับมาแล้ว// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2710977#msg2710977)  กรุณาอย่าไปนอนที่โซฟา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2711182#msg2711182)
                      หน้าที่ 45.....ตอน ง่วงนอน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2711648#msg2711648)                       
                      หน้าที่ 46.....ตอน เช้าแล้วครับ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2711981#msg2711981)
                      หน้าที่ 47.....ตอน เบื่อจะพูด// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2712670#msg2712670) งอนอะไร (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2712681#msg2712681) 
-------------------------------------------------------------------------------------------


รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ เรื่องเล่าในแผนกขนส่ง
                           หน้าที่ 25.....ตอน ปัญหาทุกข์ใจของสมาคมแม่บ้านแผนกขนส่ง// (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2701828#msg2701828)ไม่ใช่เรื่องบนเตียง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2701915#msg2701915)
                       หน้าที่ 31.....ตอน ทั้งแค้นทั้งเห็นใจตกลงมันยังไงกันวะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.msg2703997#msg2703997)

-------------------------------------------------------------------------------------------

❤❤❤ ❤❤❤ ❤❤❤ ❤❤❤ ❤❤❤❤❤❤ ❤❤❤  ❤❤❤ ❤❤❤ ❤❤❤❤❤❤ ❤❤❤ 



สารบัญนิยายเรื่องอื่น ๆ

01. - รักเกิดในแผนกขนส่ง (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41970.0) 02.  - รักเกิดในร้านก๋วยเตี๋ยว (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=4159.0) 03.   - รักเกิดในอู่ซ่อมรถ (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45186.0)

04. - ก็แค่ผู้ชายหยอกล้อกัน (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2531.0) 05.  - เพราะเรากัดกัน (ผูกพัน) (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=1539.0) 06.   - เพราะรัก(แน่เหรอ) ครับผม (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=7407.0)

07. - running..... (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14400.0) 08.  - สวัสดี (ยังไม่จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=8912.0) 09.   - เรื่องอื่น ๆ ใน Thaiboys ลองค้นดู (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=4686.0)


พูดคุยกัน ❤❤  Aoikyosuke Fanpage❤❤
 (https://www.facebook.com/pages/Aoikyosuke-%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%94/187318631478330)
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
เริ่มหัวข้อโดย: Sunset and Eeyore ที่ 11-02-2023 17:18:56
เป็นเรื่องที่ชอบมากๆเลยค่ะ อ่านแล้วอ่านอีก เล่มก็ซื้อ แต่ก็ยังชอบมาอ่านในนี้
หัวข้อ: Re: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
เริ่มหัวข้อโดย: TonyPat ที่ 19-02-2023 23:00:58
ขอบคุณมากครับ :pig4: :pig4: