คุณกฤษดาหัวหน้าแผนกขาย วางตารางเวลาโดยรวมที่ติดไปกับบิลขายให้กับหัวหน้าแผนกขนส่ง และแค่คุณกฤษดาผู้ไม่เคยชอบใจแผนกขนส่งมาเยือน พนักงานขับรถก็พร้อมใจกันลงจากรถและเดินมาที่เคาร์เตอร์ลงตารางเวลาโดยไม่ต้องนัดหมายทันที
บางคนทำเป็นเดินเตร่ไปเตร่มาแถวนั้น บางคนทำทีเป็นมาเปิดเอกสารที่หน้าเคาร์เตอร์ลงเวลา
และบางคน..........ก็แค่มายืนข้าง ๆ คุณกฤษดาเงียบ ๆ เท่านั้น
“ขอบคุณมากคุณกฤษดา ที่กรุณาเอาลงมาให้ด้วยตนเอง”
หัวหน้าแผนกขนส่งเอ่ยบอก และคุณกฤษดาก็พยายามตีหน้าให้นิ่งเฉยที่สุด เมื่อเห็นว่าใครมายืนอยู่ข้าง ๆ
วิโรจน์ยืนนิ่ง และเมื่อเห็นว่าคุณกฤษดาทำธุระเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงค่อยเอ่ยบอกเบา ๆ พอให้ได้ยินกันสองคน
“ลงมาเองเลยเหรอ”
แค่คำทักทายแรกก็ทำให้พนักงานขับรถที่ด้อม ๆ มอง ๆ อยู่แถวนั้นถึงกับหูผึ่ง
“อือ”
คำตอบของคุณกฤษดาแม้ไม่ได้เป็นคำตอบที่ดีนัก แต่ก็สร้างความประหลาดใจให้คนในแผนกขนส่งได้ไม่น้อย
“แล้วกลางวันนี้จะลงมากินข้าวป่ะ”
ที่หนักกว่านั้นคือคำถาม ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าวิโรจน์จะกล้าถามหัวหน้าแผนกขายที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานาน
“อือ”
คุณกฤษดาพยักหน้ารับและตอบกลับเพียงแค่นั้น แต่มันยิ่งสร้างความมึนงงสงสัยให้กับพนักงานแผนกคนขนส่งคนอื่นไม่น้อย
“ผมรอแล้วกันนะ”
วิโรจน์ไม่ได้อยากได้คำตอบ เพราะก็รู้คำตอบอยู่ก่อนแล้ว
หันหลังเดินออกจากหน้าเคาร์เตอร์ไปดื้อ ๆ และคุณกฤษดาก็เงยหน้าขึ้นและพบว่าสายตาของพนักงานขับรถทุกคู่กำลังจับจ้องมองมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ผมไปล่ะ ยังไงก็ให้ลูกน้องคุณดูดี ๆ หน่อยแล้วกัน ถ้าเอกสารพวกนี้ติดไปกับแผนกอื่น มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่”
หัวหน้าแผนกขนส่งเลิกคิ้วขึ้นสูง และมองหน้าของหัวหน้าแผนกขายที่ไม่รู้ไปกินอะไรมา ร้อยวันพันปีไม่เคยนึกห่วงใยแผนกขนส่ง แต่อยู่ดีๆ วันนี้เกิดนึกห่วงขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
“ขอบคุณมากคุณกฤษดา ไม่ได้คุณช่วยผมคงแย่”
ตอบกลับไปตามมารยาท และคุณกฤษดาก็พยักหน้ารับ
“ไม่เป็นไร ถือว่าช่วย ๆ กัน”
นี่ยิ่งแปลกกว่าอีก..........ถือว่าช่วย ๆ กัน.....งั้นเหรอวะ ถือว่าช่วยๆ กันเนี่ยนะ
คุณกฤษดาเดินออกจากแผนกขนส่งไปเรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางพนักงานขับรถที่เริ่มหัวเราะกันดังลั่น
“วิโรจน์นี่เห็นหงิม ๆ เงียบ ๆ แต่แม่งไม่ธรรมดาเหมือนกันนี่หว่า เด็ดดอกฟ้ามาเชยชมซะด้วย ดอกฟ้าไม่ใช่ธรรมดานะ แต่เป็นดอกฟ้าที่เป็นคู่แข่งคนสำคัญของแผนกขนส่ง ไปทำอีท่าไหนว๊า กฤษดามันถึงได้อ่อนลงได้ขนาดนี้”
วิเชียรเป็นอีกคนหนึ่งที่สนใจเหตุการณ์หวานไม่แคร์สื่อของคู่รักสายฟ้าแล่บที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ไม่น้อย
และก็โดนหัวหน้าแผนกด่าจนจ๋อยสนิท
“เลิกเสือกเรื่องของชาวบ้านเขาซะที เรื่องของมึงเอาตัวให้รอดก่อน ได้ข่าวมาอีกแล้วว่าเฮียมึงจะลดการซื้อ มึงไปงอนอะไรคุณวิษณุอีกแล้ววะวิเชียร มึงนี่ขยันสร้างปัญหาจังเลย”
อะไรวะ แล้วทำไมต้องมาลงที่ผมด้วยเนี่ย มันความผิดของผมหรือไง
“ก็ไอ้เฮียแม่ง ขย่มผมติดกันสองคืน บอกว่าพอแล้วพอแล้วก็ไม่เลิก แม่งแทงเอา แทงเอาไม่ยั้ง คนจะหลับจะนอน ยังจะขอเอาอีกรอบให้ได้ ก็เลยงอนแม่งซะ”
คำตอบมาพร้อมกับการที่วิเชียรหน้าเง้าหน้างอสารภาพออกมาตามตรงอย่างไม่นึกอายถึงสาเหตุที่ต้องงอนเฮีย
และบุ้งก็ต้องรีบเอามือปิดหูของมีนที่ตั้งใจฟังจนหูผึ่งตาแป๋ว
“มึงเลิกพูดเลย มีนไม่ต้องไปฟังมัน ไอ้วิเชียรมันเพ้อเจ้ออีกแล้ว”
เพ้อเจ้ออีกแล้วเหรอพี่
เพ้อเจ้ออีกแล้วใช่ม้ายยยยยยยยย
“เกาหลีไม่ต้องไปเชื่อพี่บุ้งมัน พี่บุ้งแม่งไม่อยากให้เกาหลีรู้หรอก คนเราพอได้กันแรก ๆ นะแม่งจะเอากันจนขาถ่างกันไปข้าง ไอ้พี่บุ้งก็หวังจะเอาเกาหลีแบบที่เฮียเอาผมอยู่ อย่าหาว่าผมพูดเล่น หน้าแบบพี่บุ้งปิดผมไม่มิดหรอก เกาหลีระวังไว้ให้ดีเถอะ แม่งครั้งแรกจะเจ็บจนลุกไม่ขึ้น อย่าไปยอมพี่บุ้งมันเด็ดขาดนะ รู้หรือเปล่า”
สอนกันเสร็จสรรพ และบุ้งก็ถึงกับแยกเขี้ยวคำรามด้วยความโมโห
"ไอ้...........วิ.............เชียร.............มึงงงงงงงงงงง"
“โว้ยยยยยยยยย พอคนเขารู้ความจริงเข้าหน่อย ทำเป็นโมโหไล่เตะลูกน้องกลบเกลื่อนอีกแล้ว เกาหลีดูไว้ซะนะ แล้วเชื่อพี่ได้ ไอ้พี่บุ้งแม่งคิดแบบนี้จริง.......มันกะเอาเกาหลีจนขาถ่างแน่ ๆ ไม่เชื่อให้มาเตะพี่บุ้งได้เลย โว้ยยยยยยยยยย แม่งลูกพี่นี่ก็ขยันหาเรื่องมากระทืบกูซะจังเลยวะ”
วิเชียรวิ่งลิ่วจากไปแล้ว ทิ้งให้มีนนั่งหน้าแดงเถือกก้มหน้าก้มตาอยู่หน้าเคาร์เตอร์
“มึงอย่าไปเชื่อมันเด็ดขาดนะ แม่งพูดเหี้ยอะไรของมันก็ไม่รู้ เพ้อเจ้อชิบหาย”
เหรอพี่
ผมก็.........จะ...เชื่อ อย่างที่พี่ว่าแล้วกันนะ
มีนไม่พูด แต่ความเงียบก็เป็นคำตอบได้ดี และบุ้งก็ถึงกับขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นเด็กฝึกงานเริ่มขบริมฝีปากแน่นเหมือนคิดอะไรบางอย่าง
“ครั้งแรกพี่ไม่ทำแรงหรอก พี่ก็รู้ว่ามีนจะต้องเจ็บ ไม่ต้องไปเชื่อไอ้วิเชียรมันพูดเลยนะ เอากันจนขาถ่างห่าอะไรวะ พูดจาบ้าๆ ไม่รู้เรื่อง”
บุ้งยังคงหงุดหงิดไม่เลิก แต่เด็กฝึกงานคิดไปไกลเรียบร้อยแล้ว
“ตกลงผมต้องโดนพี่เอาจริง ๆ ใช่มั้ย”
คำถามง่าย ๆ พร้อมกับอาการก้มหน้าก้มตาทำให้บุ้งถึงกับตาค้าง และกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเมื่อมองหน้าของเด็กฝึกงานที่ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองหน้าของบุ้งอย่างช้า ๆ
ดวงตากลมโตมีแววไหวระริกอยู่ในนั้น น้ำเสียงของมีนดูเคร่งเครียด และบุ้งก็ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้มีนเครียดได้ถึงขนาดนั้น
อาจเป็นคำพูดบ้า ๆ บอ ๆ ของวิเชียร ซึ่งบุ้งไม่รู้ว่าควรจัดการยังไง
“ถ้า.......ถ้าพี่บุ้งคิดว่า.....จะเอาผมจริง ๆ ..........ผมก็ไม่ว่าอะไรนะ..........ถ้าเกิดว่าพี่บุ้งคิดจะเอาผมจริง ๆ ผมก็ว่า....จะยอม...ให้...เอา”
TBC.