รักเกิดในแผนกขนส่ง....by aoikyosuke ภาคพิเศษ วิโรจน์ผู้กอบกู้โลก
ในมือมีแค่ถุงพลาสติกหนึ่งใบ ภายในถุงพลาสติก มีเสื้อผ้าหนึ่งชุด เป็นกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดหนึ่งตัว
วิโรจน์ออกจากบ้านมาด้วยสิ่งของเพียงแค่นั้น
ห้องเช่าเล็ก ๆ ราคาถูก คือที่อยู่ใหม่ที่วิโรจน์ต้องอยู่และใช้ชีวิตนับจากนี้เป็นต้นไป
“แม่ก็รู้ว่าเพราะอะไรผมถึงต้องออกมา”
วิโรจน์กรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ น้ำเสียงที่พูดฟังดูเหนื่อยหน่ายและท้อแท้กับชีวิตเกินกว่าจะพูดอะไรได้อีก
“แม่แอบโอนเงินเข้าบัญชีไป พีทเอาติดตัวไว้ใช้นะลูก”
เพราะพ่อรู้ ว่าแม่จะต้องแอบช่วย วิโรจน์เลยมีเงินติดตัวจำนวนเพียงเล็กน้อยสำหรับเริ่มต้นชีวิตใหม่
มันถึงที่สุดแล้วจริง ๆ กับความกดดันในชีวิตตลอดหลายปีที่ผ่านมา มันสุดจะทนแล้วจริง ๆ ถึงต้องก้าวออกมา
“พีทรักแม่นะ”
ตลอดชีวิตวิโรจน์ไม่เคยพูดคำนี้ได้เต็มปาก ไม่กล้าแม้แต่จะแสดงความรักหรือความรู้สึกออกไปตรง ๆ แต่ครั้งนี้วิโรจน์กล้าที่จะพูดและแม่ก็นิ่งเงียบไป วิโรจน์รู้ว่าแม่กำลังร้องไห้ แต่ไม่อยากให้วิโรจน์ได้ยิน ไม่อยากให้วิโรจน์รู้ว่ากำลังเป็นทุกข์แค่ไหน
เป็นนานที่น้ำเสียงของแม่ขาดหายไป และวิโรจน์ก็ทำได้แค่รอให้แม่หยุดร้องไห้
“รักษาเนื้อรักษาตัวดี ๆ นะพีท แม่รักพีทนะ”
ไม่ว่าครั้งไหน คำว่ารักของแม่ไม่เคยทำให้วิโรจน์ซึ้งใจเท่ากับครั้งนี้ ในวันที่วิโรจน์ไม่สามารถอยู่กับแม่ได้อีกต่อไปแล้ว
เวลาที่วิโรจน์ยังไม่รู้ว่าจะได้กลับไปเจอหน้าแม่อีกเมื่อไหร่
“ครับ”
“แค่นี้ก่อนนะพีท พ่อกำลังมา”
ก่อนโทรศัพท์จะตัดไป วิโรจน์ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายด่าทอของพ่อดังเข้ามาในโทรศัพท์
“ปล่อยมัน จะไปตายโหงตายห่าที่ไหนก็ช่างมัน อย่าให้รู้ว่าช่วยเหลืออะไรมันนะ ปีกกล้าขาแข็งแล้วปล่อยมันไป อย่าให้เห็นว่าซมซานกลับมาก็แล้วกัน”
เสียงสัญญาณโทรศัพท์ขาดหายไปแล้ว และวิโรจน์ก็ทำได้แค่กำโทรศัพท์ในมือเอาไว้แน่น กัดฟันและพยายามระงับความโมโหที่เพิ่มขึ้น แต่ไม่สามารถทำใจให้เลิกคิดเรื่องไม่ดีกับผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นบุพการีได้
ตั้งแต่วินาทีแรกที่ก้าวขาออกจากบ้านมา วิโรจน์ไม่คิดจะกลับไปเหยียบที่นั่นอีกแล้ว
สิ่งเดียวที่ทำให้วิโรจน์ยังห่วงและอาลัยอาวรณ์ก็มีแค่แม่
แม่คนเดียวเท่านั้น ที่วิโรจน์จะกลับไปหา วิโรจน์จะกลับไปในวันที่มีทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมแล้ว จะกลับไปรับแม่ออกมาอยู่ด้วยกัน เราจะอยู่กันตามประสาแม่ ๆ ลูก ๆ อย่างมีความสุข โดยไม่ต้องง้อคนอย่าง “พ่อ” อีกต่อไป
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ที่นี่วุฒิการศึกษาไม่สำคัญเท่าไหร่หรอก สำคัญคือน้องอยู่ได้หรือเปล่า”
วิโรจน์ไม่รู้ว่าหัวหน้าแผนกขนส่งกำลังพูดถึงเรื่องอะไร ตลอดชีวิตนี้วิโรจน์ไม่ค่อยอยากสุงสิงหรือวุ่นวายกับใคร แต่ในเวลานี้ต้องพยายามนึกให้ออกว่าต่อจากนี้ไปจะต้องปรับตัวและเข้าหาคนอื่นยังไงถึงจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมคนทำงานได้
“ผมอยู่ได้ครับพี่”
กล้าที่จะพูดคำนี้ ทั้งที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะอยู่ได้หรือเปล่า แต่ไม่ว่ายังไงวิโรจน์ก็ต้องอยู่ให้ได้ ถ้าไม่มีงานทำ ก็เท่ากับไม่มีเงิน
เมื่อไม่มีเงินจะใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกยังไง
“พี่จะคอยดู”
หัวหน้าแผนกขนส่งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดและโยนใบสมัครของวิโรจน์ลงตะกร้า วิโรจน์ไม่รู้ความหมายว่าการทำแบบนี้หมายความว่ายังไง และวิโรจน์ก็ขมวดคิ้วมุ่นเงยหน้าขึ้นมองหน้าของหัวหน้าแผนกขนส่งทันที
ทำไมต้องโยน
จะไม่รับก็บอกกันดี ๆ ก็ได้ ทำไมต้องทำท่าทางแบบนี้ใส่
“แปลว่าไม่รับใช่มั้ยครับ”
กล้าถามออกไปตรง ๆ และหัวหน้าแผนกขนส่งก็เลิกคิ้วขึ้นสูง สายตาที่มองมาของวิโรจน์ไม่ใช่สายตาของคนที่ยอมใคร
แบบนี้ไม่เลว ท่าทางจะหัวแข็งแต่ก็น่าจะอยู่กันได้ไม่ยาก
“ที่นี่งานหนักนะ อย่างน้องจะไหวเหรอ ท่าทางก็ไม่น่าใช้แรงงานไหว อยู่ที่นี่ต้องทำทุกอย่างเลยนะ พี่ถามอีกครั้ง น้องทำไหวแน่เหรอ ถ้าไม่ไหวก็บอกมาตรง ๆ อย่ามาสมัครแล้วมาทำแป๊บๆ ก็ออก พี่เห็นแบบนี้มาเยอะแล้ว เบื่อจะมานั่งสอนงานกันใหม่”
มันคือการดูถูกกันชัด ๆ และวิโรจน์ก็ลุกขึ้นยืน และมองหน้าของหัวหน้าแผนกขนส่งแบบตรง ๆ
“ถ้าพี่ไม่รับผม แล้วพี่จะรู้ได้ยังไงว่าผมทำได้หรือไม่ได้ ก่อนหน้านี้ผมไม่รู้ว่าพี่เจอคนแบบไหนมา แต่คนแบบผมถ้าตั้งใจจะทำอะไรก็จะทำจนถึงที่สุด ถ้าพี่กล้ารับผม ผมก็กล้าพิสูจน์ตัวเองให้พี่เห็น มันอยู่ที่พี่ว่าจะกล้ารับผมหรือเปล่าก็แค่นั้น”
หัวหน้าแผนกขนส่งกระตุกยิ้มที่มุมปาก และพอใจกับคำตอบของว่าที่พนักงานขับรถคนใหม่ของแผนกขนส่งไม่น้อย
“ก็ลองดู....แล้วเราจะได้เห็นกัน”
“ผมก็อยากให้พี่เห็นเหมือนกัน”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
วิโรจน์เริ่มต้นการใช้ชีวิตใหม่คนเดียวครั้งแรกในชีวิต ในห้องเช่าเล็ก ๆ เก่า ๆ ที่มีเพียงแค่ห้องโล่ง ๆ ว่างเปล่าไม่มี
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกใด ๆ ทั้งสิ้น
วิโรจน์ตัดสินใจซื้อหมอน ผ้าห่ม และเตารีดสำหรับรีดผ้า ไม้แขวนเสื้อ ไม้กวาดและไม้ถูพื้น จานหนึ่งใบ แก้วน้ำและช้อน
ในหัวสมองของวิโรจน์คิดเพียงแค่จะใช้ชีวิตยังไงให้อยู่รอดต่อไป โดยที่มีเงินติดตัวอยู่ไม่ถึงหนึ่งพันบาท
เงินบางส่วนถูกใช้ไปกับการซื้อเสื้อผ้าสำหรับใช้ใส่ไปสมัครงาน และจ่ายค่าที่อยู่อาศัย วิโรจน์ไม่มีเวลาให้ตัวเองคิดถึงความสะดวกสบาย แค่เพียงมีที่ให้ซุกหัวนอน มีงานให้ทำ เพียงเท่านี้วิโรจน์ก็สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้แล้ว
อยู่ในโลกใบใหญ่ข้างนอก เริ่มต้นใช้ชีวิตใหม่ในโลกที่ไม่คุ้นเคย
มันเป็นเรื่องยากลำบากอย่างถึงที่สุด
ความกดดันต่าง ๆ นานา
สายตาของเพื่อนร่วมงานที่มองวิโรจน์แบบแปลก ๆ คำพูดที่คอยกระทบกระเทียบอยู่ตลอดเวลาจากคนที่ไม่ชอบหรือไม่ถูกใจที่วิโรจน์มักจะปลีกตัวไปอยู่คนเดียวและไม่สุงสิงกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ
“ผมมาทำงาน ผมไม่ได้มาเดินเล่น เวลางานผมทำจริงจัง เวลาว่างผมก็อยากมีเวลาเป็นส่วนตัว”
วันหนึ่งเมื่อถูกตีสนิทและถูกชวนให้ไปเที่ยวด้วยกันในตอนเย็น วิโรจน์ก็ตอบเพื่อนร่วมงานแบบนั้น
คำตอบในแบบของวิโรจน์ทำให้ไม่มีใครอยากยุ่งด้วย และวิโรจน์ถูกเพื่อนร่วมงานให้นิยามว่าเป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์โคตรแย่ แต่วิโรจน์ไม่คิดจะสนใจ
“วิโรจน์ ช่วยผมเช็คของหน่อยได้มั้ย ผมจะรีบไปธุระวันนี้”
อำนาจไม่อยากพูดกับเพื่อนร่วมงานคนนี้มากนัก เพราะเป็นคนที่มีนิสัยตรงข้ามกับอำนาจทุกประการ
ไม่พูด ไม่คุย ไม่เล่น ไม่ยิ้ม และไม่เคยขาดลามาสาย ไม่เคยทำผิดกฎข้อห้ามใด ๆ ของแผนก เป็นคนที่มีคุณสมบัติของการเป็นพนักงานที่ดี แบบที่หัวหน้างานต้องการ ยกเว้นแค่เรื่องมนุษย์สัมพันธ์ที่ถ้ามองว่าแย่ก็อาจจะใช่ แต่ถ้าพูดคุยหรือถามวิโรจน์เรื่องงานไม่มีครั้งไหนที่วิโรจน์จะตอบหรือพูดจาไม่ดีใส่
เวลาทำงาน วิโรจน์มีแต่ก้มหน้าก้มตาทำงานและไม่เล่นหัวพูดคุยกับใครเหมือนคนอื่น ๆ ทุกคนต่างรู้ว่าวิโรจน์มาทำงานเพื่อเก็บเงิน ตั้งหน้าตั้งตาทำงานเก็บเงินไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย หรือเอาเงินไปเที่ยวเตร่เหมือนพนักงานคนอื่น ๆ
อำนาจไม่ได้อยากพูดคุยหรือขอความช่วยเหลือจากวิโรจน์มากนัก
เพราะอำนาจคิดว่าตัวเองถูกมองว่าเป็นพวกไม่ได้เรื่อง หัวไม่ค่อยดี ทำงานมาตั้งนานก็ยังเป็นได้แค่ตัวสแปร์ไว้คอยช่วยเหลือผู้อื่น หรือคอยเสริมตอนที่คนอื่นๆ ไม่อยู่
สิ่งที่วิโรจน์ตอบกลับอำนาจมีเพียงสายตาที่ไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก และอำนาจก็ถอนหายใจยาว ๆ อย่างหนักใจก่อนจะพูดอะไรบางอย่าง
ถ้าไม่ถึงขนาดนี้ก็จะไม่เอ่ยปาก เพราะว่าตอนนี้ไม่มีใครอยู่แล้ว จะมีเหลือก็แค่วิโรจน์เท่านั้น ไม่อย่างนั้นอำนาจก็ไม่คิดอยากจะเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากวิโรจน์
ไม่เคยคิดว่าจะต้องขอความช่วยเหลือจากคนอย่างวิโรจน์เลยจริง ๆ
“ผมต้องรีบไปยืมเงินน้าข้างบ้านให้ทัน ตอนนี้ผมไม่มีเงินติดตัวเลย แม่ผมเข้าโรงพยาบาล ถ้าผมไปไม่ทัน น้าเขาออกไปทำงานก่อน ผมจะไม่มีเงินจ่ายค่าหมอ”
ตัดสินใจบอกเรื่องที่ไม่อยากพูดให้ใครรับรู้ถึงเรื่องราวชีวิตและครอบครัวของตัวเอง
อำนาจไม่เคยนึกอยากจะบอกเรื่องส่วนตัวขนาดนี้ให้วิโรจน์รู้ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจบอกไป เผื่อว่าวิโรจน์จะเห็นใจและยอมช่วยเหลือกันบ้าง
“ไม่ต้องไปหรอก”
อำนาจเกลียดเพื่อนร่วมงานที่ไร้มนุษย์สัมพันธ์คนนี้ที่สุด
น้ำเสียงที่แสนเย็นชา ใบหน้าที่เรียบเฉยและไร้ความรู้สึกตลอดเวลา วิโรจน์เป็นคนไร้มนุษย์สัมพันธ์และเป็นคนที่หัวใจเย็นชาที่สุดตั้งแต่อำนาจเคยรู้จักใครในโลกนี้มา
“เอาที่ผมไปก่อน”
วิโรจน์ล้วงมือลงไปในกระเป๋าเสื้อและหยิบธนบัตรจำนวนหนึ่งออกมานับและยัดใส่มือให้อำนาจก่อนจะก้มหน้าก้มตากลับไปลากตะกร้าสินค้าที่อำนาจต้องเช็ค และเริ่มตรวจนับเงียบ ๆ โดยไม่เอ่ยถามหรือตั้งข้อสงสัยกับสิ่งที่อำนาจบอกออกมาเลยสักคำ
อำนาจถือเงินที่วิโรจน์ส่งให้เอาไว้ เงินจำนวนหนึ่งที่มีค่ากับคนที่อำนาจรักมากที่สุดในเวลานี้
“......................”
อำนาจไม่ได้เอ่ยปากขอบคุณ ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยสักคำ ทั้งที่ปกติเป็นคนที่พูดมาก พูดได้ไม่หยุด แต่ในเวลานี้กลับต้องนิ่งเงียบ เพราะเหมือนมีก้อนอะไรแข็ง ๆ มาจุกอยู่ที่คอจนพูดอะไรไม่ออก
“รีบไปเถอะ ที่เหลือเดี๋ยวผมจัดการให้”
อำนาจก้าวขาเดินออกจากแผนกขนส่งมาเงียบ ๆ ทั้งที่ยังไม่ได้พูดแม้กระทั่งคำขอบคุณกับวิโรจน์เลยสักคำ
สำหรับใครหลายคน วิโรจน์เป็นคนเย็นชากับเพื่อนร่วมงาน ไร้มนุษย์สัมพันธ์และไม่ค่อยอยากสุงสิงกับใคร
แต่ในเวลานี้อำนาจรู้แล้ว คนบางคนไม่จำเป็นต้องมีคุณสมบัติที่ดีเพียบพร้อม ไม่จำเป็นต้องร่าเริงเพื่อใคร ไม่ต้องมนุษย์สัมพันธ์ดีไปทั่ว ไม่ต้องเป็นคนอย่างที่ใคร ๆ ชอบ หรืออยากให้เป็น แค่เป็นตัวของตัวเองก็พอแล้ว
สำหรับอำนาจนับตั้งแต่วินาทีนั้น สิ่งที่อำนาจรู้ คือเพื่อนร่วมงานคนนี้ แม้จะมนุษย์สัมพันธ์ไม่ค่อยดี แต่ไม่ใช่คนแล้งน้ำใจ อำนาจนึกขอบคุณวิโรจน์อย่างถึงที่สุดในความช่วยเหลือในเวลาที่ยากลำบาก และต่อจากนี้อำนาจรู้แล้วว่าจะอยู่กับเพื่อนร่วมงานคนนี้ยังไง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ไอ้กฤษดาแม่งอย่างเหี้ย มาทีไรก็หาเรื่องมาให้ตลอด กูเห็นหลายครั้งแล้ว จะแดกหัวทุกคนในแผนกนี้ให้หมดเลยหรือยังไง”
วิโรจน์เช็คของไปเงียบ ๆ และฟังสิ่งที่อำนาจบ่นไม่ยอมหยุด
หัวหน้าแผนกขาย เป็นผู้ชายตัวเล็ก ๆ หน้าขาว ๆ ใส่แว่น ท่าทางน่าจะไปเรียนหมอมากกว่าจะมาเป็นหัวหน้าแผนกขาย
คำพูดคำจาไม่น่าฟังสำหรับใคร แต่มักพูดเอาใจลูกค้าเป็นและได้รับออเดอร์ใหญ่ ๆ และสำคัญเสมอ
เป็นมนุษย์แบบที่วิโรจน์เกลียด
ทุกครั้งที่มาเยือนแผนกขนส่งมักนำเรื่องเดือดร้อนมาด้วยเสมอ ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะมาดี และวันนี้ก็ไม่ต่างกัน
“แล้วพี่บุ้งว่าไง”
“จะว่าไง ก็ยิ้มอย่างเดียว ก็คงไม่อยากยุ่งด้วยแหละ แผนกเรามันก็ไม่ละเอียดจริง ๆ บางทีก็มีหลุด ๆ ไปบ้างให้คนอย่างไอ้กฤษดามาตามหาเรื่องได้ถึงที่ เล็ก ๆ น้อย ๆ แม่งก็ไม่ยอม อยากต่อยหน้าแม่ง พูดจาหมาไม่แดก”
อำนาจยังบ่นไปเรื่อย ๆ ไม่มีหยุด
และวิโรจน์ก็ฟังไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีการออกความคิดเห็น รู้เรื่องกิตติศัพท์ของหัวหน้าแผนกขายมานาน ว่าเป็นคนที่ไม่น่าเข้าใกล้มากที่สุด และวิโรจน์ก็คิดว่าชาตินี้คงไม่มีทางที่จะไปสุงสิงหรือพูดคุยกับหัวหน้าแผนกขายเด็ดขาด
ไม่มีทางที่จะได้ใกล้ชิดกัน
ไม่มีทางเป็นไปได้
ไม่ว่ายังไงก็.............ไม่มีทาง.............
“หน้าอย่างนี้ก็เป็นได้แค่พนักงานขับรถกระจอก ๆ แบบนี้ไปตลอดชีวิตนั่นแหละ”
คำพูดร้าย ๆ ของใครบางคนที่มาระรานกันถึงแผนกขนส่งลอยเข้าหูของวิโรจน์แบบเต็ม ๆ และวิโรจน์ที่เคยทำเพียงแค่มองผ่านมาตลอดและไม่เคยคิดจะสนใจอยากมองหรืออยากพูดกับหัวหน้าแผนกขายเลยสักนิดก็พูดบางอย่างขึ้นมาก่อนจะเดินผ่านไปเงียบ ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“คนเราวัดคุณค่าของคนที่ความเป็นคน ไม่ได้วัดกันที่หัวโขนที่ใส่”
วิโรจน์พูดออกมาลอย ๆ และเดินจากไปเงียบ ๆ
และเพื่อนร่วมแผนกคนอื่น ๆ ที่ทำได้แค่สังเกตการณ์เพราะไม่กล้ายุ่งมาตลอดก็ถึงกับนิ่งอึ้งกับสิ่งที่วิโรน์พูด วิโรจน์ไม่เคยอยากข้องเกี่ยวกับใครแต่วิโรจน์พูดคำพูดแทนใจคนทั้งแผนกใส่หัวหน้าแผนกขายที่มาระรานกันถึงที่
การพบกันครั้งแรก ของวิโรจน์กับหัวหน้าแผนกขาย สร้างความประทับใจให้เพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ไม่น้อย
“ไอ้โรจน์พูดน้อยต่อยหนัก ไอ้กฤษดาป่านนี้นอนชักตาตั้งตายห่าไปแล้วมั้ง แม่งสะใจกูชิบหาย”
“เจอไอ้โรจน์เข้าไป แม่งตาเหลือกพูดไม่ออกเลยไอ้สัด โคตรสะใจกูเลย”
“ไอ้โรจน์แม่งเห็นอย่างนั้น เวลาเล่นที แรงชิบหาย กูยอมใจมันเลย”
“คนไม่พูด เวลาพูดที แม่งโคตรเจ็บ”
หลังจากนั้นวิโรจน์ไม่ใช่เพียงแค่คนที่ไม่สนใจโลกสำหรับเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ อีกต่อไปแล้ว
แต่วิโรจน์คือฮีโร่ขี่ม้าขาวที่มักจะมาปรากฏตัว ในเวลาที่ทุกคนกำลังเดือดร้อนอย่างถึงที่สุด วิโรจน์จะมาช่วยฝ่าวิกฤตและเป็นผู้กอบกู้สถานการณ์ให้โลกใบนี้กลับมาสวยงามดังเดิม
Fin.