[เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่11 13/06/2557 p.4 01:11 น. จบแล้วค่าาาาา^^
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] ลิขิตรัก **ตอนที่11 13/06/2557 p.4 01:11 น. จบแล้วค่าาาาา^^  (อ่าน 19260 ครั้ง)

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
มาดึกเชียว :)

มิวรู้จักพี่คลินด้วย??

ออฟไลน์ mtd

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 121
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
เอาแล้วๆๆๆ
พี่คลินกับมิวรู้จักกันด้วย?  :hao4:

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
เนื้อเรื่องอ่านได้เรื่อยๆ แต่สะดุดทุกครั้งที่บทสนทนาใช้แต่ กู มึง
พอถึงบทที่  3 น่าจะมีการพัฒนาใช้คำสุภาพเพิ่มตามมา ตายวัยลำดับขั้น เมื่อรู้ความจริง
การใช้กู มึง เพื่อแสดงความสนิทสนมนั้น อาจใช้ได้บ้างไม่ใช่ใช้ตลอด ใช้ตามจังหวะเวลากับบางบุคคลจะดีกว่า
เพราะดูแล้วทั้งคู่เป็นคนมีการศึกษา

หากมีการแก้ไข เนื้อเรื่องคง "งาม" ได้เพิ่มอีก บอกเล่าในฐานะผู้อ่านละกัน

ernnnxx

  • บุคคลทั่วไป
เหมือนคลินเป็นมนุษย์ที่โลกอยากรู้ประมาณคือใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร

มิวรู้จักเฮียแกได้ไง..ค้างมาก  :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ THE KOP

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-0
                                                                       ตอนที่ 5

“ว่าไงมิว”

แล้วไอ้คลินมันก็เดินลงมาจากรถ จากที่ตอนแรกไอ้มิวสงสัยกลายเป็นผมที่สงสัยซะเอง ไอ้เพ้นท์กับไอ้ตรียิ่งไม่รู้เรื่องอะไรเลยครับ งงเป็นไก่ตาแตก

“พี่มาทำอะไรที่นี่อ่ะ” ไอ้มิวถามขึ้นหลังจากที่มันเดินมาหยุดข้างๆผม

“มารับคน”

“หือ อย่าบอกนะว่าคนที่มึงบอกว่าจะมารับคือพี่คลินน่ะ” ไอ้มิวหันมาถามผม

“อือ ทำไมวะ?”

“หึหึ จนได้สินะ” เสียงไอ้มิวบ่นพึมพำอะไรไม่รู้

“เดี๋ยวนะๆ ไอ้มิว...มึงรู้จักกับคนที่มารับไอ้แอลหรอวะ” ไอ้เพ้นท์ที่เงียบมานานถามขึ้น

“นั่นน่ะสิ เรางงอ่ะ” ไอ้ตรีอีกคน

“อ๋อ กูกับพี่คลินเป็นญาติกัน แม่พี่คลินเป็นพี่ของพ่อกู” อ๋อ ผมเข้าใจละ โคตรบังเอิญเลย

“แล้ว...”

“เออ ตอนนี้พวกเราหิวกันมากแล้วเนอะ งั้นพวกเราไปหาไรกินกันดีกว่า...ไปละนะพี่คลิน ไปแล้วเว้ยไอ้แอล เจอกันพรุ่งนี้”

เสียงไอ้เพ้นท์กำลังจะพูดแต่ไอ้มิวก็ขัดขึ้นมาก่อน มันหันไปไหว้ไอ้คลินแล้วก็บอกลาผมอย่างรวดเร็ว ลากไอ้เพ้นท์กับไอ้ตรีที่ยืนงงๆอยู่ไปที่รถมันอีกทางนึง สองคนนั้นแทบจะยกมือไหว้ไอ้คลินไม่ทันเลย

“กูไม่เห็นรู้เลยว่ามึงกับไอ้มิวเป็นญาติกัน” เงยหน้าพูดกับคนที่อยู่ข้างๆ

“อืม เป็นญาติกันมานานละ”

มันกวนตี-ผมป๊ะเนี้ย มันก็ต้องเป็นญาติกันตั้งแต่เกิดอยู่แล้วหนิ ผมก็เลยมองหน้ามันอย่างเคืองๆ แต่มันกลับยกยิ้มน้อยๆอย่างอารมณ์ดี มีความสุขสินะที่เห็นผมหงุดหงิดเนี้ย

“ขึ้นรถๆ”

มีการเอาใจผมด้วยการเปิดประตูรถให้อีกนะ แต่ผมก็ยังไม่ลืมเรื่องที่มันกวนผมเมื่อกี๋หรอก จนมันเปิดประตูรถเข้ามานั่งฝั่งคนขับผมก็ยังไม่คุยกับมันอยู่ดี มันค่อยๆขับรถออกจากมหาลัย จะพาผมไปไหนก็ไม่รู้

“งอน?”

เงียบครับ ไม่สนใจมัน

“หึหึ”

แล้วมันก็เป็นฝ่ายเงียบไปครับ เงียบจริงๆ เงียบจนผมทนไม่ไหวอ่ะ

“ไอ้บ้า ง้อนิดง้อหน่อยก็ไม่ได้”

ผมหันไปเหวี่ยงใส่มันเลย คือถ้าผมไม่คุยเชื่อเลยว่ามันก็ไม่คุยกับผมอ่ะ จนได้ยินเสียงหัวเราะอารมณ์ดีจากมัน

“เพราะกูรู้ไงว่ามึงไม่ได้งอนกูจริงๆจังๆหรอก”

“เออ ถ้ากูงอนมึงจริงๆ มึงก็ไม่มีทางง้อกูหรอก”

“หิวข้าวยัง?” มันเปลี่ยนเรื่องเฉยเลยอ่ะ==

“หิวมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”

“งั้นกินข้าวที่บ้านกูละกัน”

“ห๊ะ!” ผมได้ยินถูกใช่ไหม บ้าน บ้านมันน่ะหรอ

“บ้านใคร? บ้านไหน?”

“บ้านกู บ้านจริงๆ บ้านพ่อแม่กู”

ผมอึ้งแดกไปแล้วครับ บ้านมัน บ้านมันนนนนนนนนนนนนนน

“กูต้องแวะไปเอาของกับแม่ที่บ้านก่อน มึงทนไหวใช่ไหม?”

แม่!! แม่มันน่ะนะ คือผมไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนเลยไงครับว่าต้องเจอแม่หรือครอบครัวมัน เอาตรงๆก็อดกลัวไม่ได้ ไม่รู้ว่าครอบครัวมันจะว่ายังไง แล้วจะบอกว่าเป็นอะไรกันอีก(ขนาดตัวผมเองยังไม่รู้เลย) ผมอายุน้อยกว่ามันมากบอกว่าเพื่อนแม่มันไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด เอาไงดีๆๆๆๆๆ

“แอล”

“หะ ห๊ะ มึงว่าไงนะ”

“กูถามว่าทนหิวได้ใช่ไหม อีกประมาณ10นาที”

“อะ อือ ได้ๆ” แล้วผมก็กลับมาคิดต่อ ถ้าแม่มันดุมากผมก็ไปไม่เป็นนะครับ ผมเป็นพวกไม่ค่อยเข้าหาผู้ใหญ่อ่ะ

“คลิน ไม่สิๆ กูสมควรจะเรียกมึงว่าพี่สินะ พี่คลิน”

พอจะเรียกมันปกติก็คิดได้ ถ้าผู้ใหญ่ได้ยินมันคงดูไม่ดีมากแน่ๆเลย ผมควรจะเรียกมันตั้งแต่ตอนนี้เพื่อที่จะได้ชิน ที่จริงผมก็สมควรจะเรียกมันว่าพี่นะ เพราะคิดดูแล้วมันก็อายุมากกว่าผมตั้งหกเจ็ดปีแหนะ

“หือ เรียกกูว่าอะไรนะ”

“พี่คลิน...พี่คลินไง แอลเป็นน้องพี่ตั้งหลายปีก็ต้องเรียกว่าพี่สิ”

“หึหึ ไม่ต้องอะไรขนาดนั้นก็ได้ สบายๆเหมือนที่ตัวมึงเป็น แม่กูไม่ดุหรอก”

“ไม่ได้ๆ ยังไงแอลก็ต้องเรียกพี่ว่าพี่”

“งั้นก็ตามใจ”

ผมนั่งจินตนาการถึงแม่‘พี่คลิน’ไปต่างๆนาๆว่าจะเป็นแบบไหน ถ้าดุมากผมต้องทำยังไงที่จะให้ท่านเอ็นดู โอ๊ย!! ผมเครียดมากเลยอ่ะ นั่งบีบมือตัวเองแน่นสัมผัสได้ว่ามือตัวเองเย็นมากๆ จนรถเคลื่อนมาถึงประตูบ้านหลังหนึ่ง พี่คลินบีบแตรส่งสัญญาณให้คนข้างใน ซักพักประตูก็ค่อยๆเลื่อนออกแล้วมันก็ขับรถเข้าไปสู่บ้านที่มัน...ใหญ่มากกกกกกกกกกกกกก! เหมือนคฤหาสน์เลย แต่สิ่งที่เรียกร้องสายตาผมได้มากกว่าไม่ใช่บ้านมันหรอกแต่เป็นผู้หญิงที่ยืนอยู่ประตูเข้าบ้านมากกว่า ผู้หญิงที่ถึงแม้จะดูว่ามีอายุแล้วแต่ก็ยังถือว่าสวยมากอยู่เลยครับ จนมันดับรถหัวใจผมยิ่งเต้นรัวมากขึ้น แต่สัมผัสอุ่นๆของคนที่เอื้อมมือมาจับมือผมทำให้ผมพอจะใจเย็นลงได้บ้าง

“กลัวอะไร ไม่ต้องเกร็ง”

มือของผมถูกบีบเบาๆ ผมจับมือนั้นแน่นขึ้นทันที ไม่รู้อะไรบางอย่างที่บอกผมว่าทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดีจนผมเผลอพยักหน้าตอบคนที่มองมาอย่างให้กำลังใจ จนพี่คลินเปิดประตูรถออกไปแล้วอ้อมมาเปิดประตูให้ผมด้วยบอกตรงๆว่าตอนยืนขาผมสั่นมากๆ จนมาหยุดอยู่หน้าผู้หญิงที่ดูนิ่งไปซะหน่อย

“สวัสดีครับแม่” คนเป็นลูกยกมือขึ้นไหว้แม่ตัวเอง แต่แม่พี่คลินยังนิ่งๆอยู่ ฮือ..ผมกลัวอ่ะ

“แม่ครับ นี่แอล”

“สะ สวัสดีครับ” ผมยกมือขึ้นไหว้ผู้หญิงที่ยืนหน้านิ่งอยู่ข้างหน้า รับรู้ว่ามือตัวเองสั่นน้อยๆอ่ะ

“คลิน...” เสียงเรียกชื่อเรียบๆที่ออกจากริมฝีปากสวยๆทำเอาผมยิ่งสั่น

“ครับ”

“โอ๊ย นี่ใครน่ะ แฟนเราใช่ไหม ทำไมหน้าตาน่ารักขนาดนี้ แม่ปลื้มมากๆ ชื่อแอลใช่ไหมลูก มาๆให้แม่กอดหน่อย”

สมองผมยังไม่ได้ประมวลผลอะไรเลยครับ คนที่เมื่อกี๋ยังทำหน้านิ่งก็เข้ามาสวมกอดผมที่ยืนอย่างงงๆ ภาพที่ท่านเป็นคนนิ่งๆหายวับไปกับสายลมละครับ ผมยืนให้ท่านลูบหน้าลูบตาอยู่อย่างนั้นได้ยินแต่คำว่าผมน่ารักอย่างนู้น น่ารักอย่างนี้><

“ปะ เข้าบ้านกันดีกว่าลูก แอลหิวรึยัง? ไปทานข้าวกันดีกว่าเนอะ”

ผมยังไม่ทันจะตอบอะไรท่านกับจับแขนผมให้เดินตามท่านไป ผมหันมาหามันที่ยืนอยู่ข้างหลังก็เห็นมันยิ้มแล้วก็พยักหน้าให้ ผมก็เลยยิ้มตอบแล้วก็เดินตามท่านไปจนถึงห้องอาหาร

“อิ่ม ตั้งโต๊ะเลยจ้ะ”

ท่านหันไปบอกกับแม่บ้านที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่ แล้วพี่อิ่มก็พยักหน้าก่อนจะไปจัดอาหารเข้ามา แม่ของมันนั่งอยู่หัวโต๊ะครับ ผมกับพี่คลินนั่งคนล่ะฝั่ง ผมนั่งซ้ายมือของท่าน ส่วนพี่คลินนั่งขวามือ

“แล้วพ่อล่ะครับแม่” นั่นน่ะสิ ผมยังไม่เห็นพ่อพี่คลินเลย

“พ่อติดงานตามสไตล์เขาน่ะแหละ..ปล่อยเขาไปเถอะๆ ว่าแต่น้องแอลชอบทานอะไรลูก เดี๋ยวแม่จะบอกแม่บ้านเขาทำเผื่อไว้ให้น้องแอลถ้าน้องแอลมาทานข้าวที่บ้านเราอีก” แล้วท่านก็หันมาถามผมซะอย่างนั้น

“แอลทานอะไรก็ได้ฮะ แต่ว่าแอลไม่กินเผ็ด”

“โอเคจ้ะ เดี๋ยวแม่บอกแม่บ้านไว้ให้”

“เอ่อ ขอบคุณครับคุณป้า” ผมยกมือไหว้ท่าน

“ต๊าย ป้าอะไรกันคะลูก ต้องเรียกแม่สิ”

ผมหันหน้าไปหาพี่คลินอย่างขอความเห็นแล้วก็ได้รับการพยักหน้ากลับมา

“ครับ คะ..คุณแม่”

ดูท่าจะพออกพอใจมากครับกับการที่ผมเรียกท่านว่าคุณแม่ ผมเองก็ดีใจที่ผู้ใหญ่เอ็นดูตอนแรกก็กลัวมากๆเลย แล้วอาหารก็ลำเลียงมาส่งครับ ถือว่าที่นี่ทำอาหารได้อร่อยเลยครับแต่ป้าสาที่บ้านผมก็ทำอาหารเยี่ยมมากเหมือนกันนะ^^ แล้วทุกคนก็กินข้าวเงียบๆ มีบ้างที่สนทนากันแต่ส่วนมากจะเป็นคุณแม่ที่ชวนคุยซะมากกว่า ทำให้ผมลดการเกร็งไปได้เยอะเลยครับ

“เดี๋ยวกูไปคุยเรื่องงานกับแม่แป๊บนะ มึงดูทีวีไปก่อน”

มันเดินมาบอกตอนที่ผมอยู่ห้องรับแขกครับ คุณแม่แยกไปตั้งแต่ทานข้าวกันเสร็จแล้ว ผมพยักหน้าตอบกลับไป ร่างสูงเลยเดินขึ้นไปชั้นสองของบ้าน ผมก็กดดูทีวีไปเรื่อยๆ ไม่นานก็เดินลงมาทั้งสองคนเลยครับ แต่คุณแม่เดินมาหาผมก่อนพี่คลินอีก ท่านเดินมาจับมือผมไว้ทั้งสองข้าง

“คราวหลังแวะมาทานข้าวที่บ้านอีกนะลูก ทีนี้เดี๋ยวแม่บอกคุณพ่อไว้ด้วย เอาให้ครบทุกคนเลยนะ...แต่หนูแอลจะมาคนเดียวโดยไม่มีพี่เขาก็ได้นะลูก บ้านนี้ยินดีต้อนรับหนูเสมอ”

“ขอบคุณมากนะครับ”

“จ๊ะ มา แม่กอดหน่อย”

แล้วท่านก็เข้ามากอดผมทันทีครับ อ้อมกอดของท่านอบอุ่นมากครับ ผมรู้สึกเหมือนกอดแม่เลย

“งั้นผมกลับก่อนะครับแม่ ส่วนเรื่องงานเดี๋ยวผมจัดการให้” เสียงพี่คลินพูดขึ้นหลังจากที่ท่านผละออกไป

“จ้ะ ขับรถกลับดีๆนะ ดูแลน้องด้วยนะคลิน”

“ครับ สวัสดีครับแม่”

”สวัสดีครับคุณแม่”

ผมลาท่านก่อนที่จะกลับ แล้วท่านก็เดินมาส่งเราทั้งสองที่หน้าบ้านพร้อมกับย้ำนักย้ำหนาว่าให้ผมมาทานข้าวที่นี่บ่อยๆ

“เห้อ~”

พอขึ้นรถมาได้ผมก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก จนคนขับต้องหันมามอง

“แม่พี่ใจดีเนาะ ตอนที่อยู่หน้าบ้านล่ะนิ่งซะจนแอลใจหายเลย”

“หึหึ ท่านก็เก๊กแกล้งไปงั้นแหละ”

“อื้อ ท่านใจดีมากๆเลย”

“แม่กูก็เงี้ย”

“ไม่เอา!”

“หือ?”

“พี่คลินต้องแทนตัวเองว่าพี่สิ แล้วก็เรียกแอลว่าแอล” ก็ผมเรียกเขาว่าพี่แล้วอ่า พี่คลินก็ต้องพูดเพราะๆกับผมบ้างดิ><

“เอาจริง?”

“อื้อ” เห็นพี่คลินยกยิ้มแล้วก็โคลงหัวน้อยๆแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา

“เรียก เรียกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”

ใบหน้าที่ดูอารมณ์ดีไม่น้อยหันมามองหน้าผมหลังจากที่มาถึงหน้าบ้านผม เอาสิ ถ้าไม่เรียกผมก็ไม่ยอมลงจากรถอ่ะ ผ่านไปเกือบ5นาทีที่จ้องหน้ากันอยู่อย่างนั้น

“น้องแอลครับ....”

เสียงที่ทอดอ่อนลงพร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มน้อยๆทำให้หัวใจของผมเต้นแรงอย่างน่ากลัว น่ากลัวมาก กลัวว่ามันจะทะลุออกมาข้างนอก...แล้วก็กลัวว่าตัวผมจะตกหลุมรัก รักคนที่ผมสบตาอยู่ตอนนี้...รักหลังจากเจอกันไม่ถึงอาทิตย์ด้วยซ้ำ






                               ----------------------------------------------------------------------------------------



    ขอบคุณคุณ wan_sugi ที่ท้วงเรื่องสรรพนามนะคะ มันดูขัดกันจริงๆนั่นแหละ คนแต่งก็เลยจัดการให้เปลี่ยนตอนนี้ซะเลย55555 เปลี่ยนมาเรียกพี่แล้วนะเออ~ ดูมุ้งมิ้งขึ้นเยอะเลยอ่า :-[ :-[ ขอบคุณที่มาแสดงความคิดเห็นจริงๆค่ะ จะได้ปรับปรุงพัฒนาต่อไป ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เข้ามาคอมเม้นท์มากๆเลยค่ะ มาสั้นดีกว่าไม่มาเนาะ(ใช่ไหมเอ่ย) :mew3: :mew3:

ออฟไลน์ mtd

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 121
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
น้องแอล พี่คลิน น่าร้ากกกกก :-[
พี่คลินพาลูกสะใภ้ไปไหว้แม่ซะแล้ว :katai2-1:

ernnnxx

  • บุคคลทั่วไป
แอลคิดมากไปสินะ แม่ออกจะเจนเทิลเกิร์ล (?)

"น้องแอลครับ..." ได้ยินแล้วเหมือนหยุดหายใจ ฟินสุดยอดดดด  :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :mew3: แม่ชอบซะงั้น อิอิ

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
พาไปเปิดตัวเลยอ่ะ

ไวไฟฝุดๆ :hao7:

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
น้งแอลน่ารักค่ะลูก 5555

ว่าแต่ไหนๆแล้วขอแนะนำอะไรนิดนึงนะคะ คือเรื่องรถน่ะน่าจะใช้คำว่าขับมากขี่นะเราว่า ขี่น่าจะใช้กับลพวกรถมอเตอร์ไซด์อะไรแบบนี้ แต่ถ้าเป็นรถยนต์ใช้คำว่าขับดีกว่าค่ะ ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ =นีรนาคา=

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +296/-6
งื้อออ น่ารัก
พี่คลิน น้องแอล  :mew3:
คุณแม่พี่คลินก็ใจดี ตอนแรกก็แอบกลัว คริคริ

ออฟไลน์ jessiblossom

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
พี่คลิน ต้องมีอะไรบางอย่างแน่เลย >,<

ออฟไลน์ MK

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
น้องแอลน่ารัก   :hao7:  เปลี่ยนสรรพนามเรียกกันแล้ว ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
แก้แล้วน่ารักดีเน้... :mew1:
อีกนิดนะคะ หัว"มัน"เต็มไปหมดเลยตอนนี้ ลองแบบนี้ดูไหม 

ORG -มันกวนตี-ผมป๊ะเนี้ย มันก็ต้องเป็นญาติกันตั้งแต่เกิดอยู่แล้วหนิ ผมก็เลยมองหน้ามันอย่างเคืองๆ แต่มันกลับยกยิ้มน้อยๆอย่างอารมณ์ดี มีความสุขสินะที่เห็นผมหงุดหงิดเนี้ย

ไอ้พี่คลินกวนตีนผมหรือเปล่านี่ ยังไงมันก็ต้องเป็นญาติกันตั้งแต่เกิดอยู่แล้วนิ ผมก็เลยมองหน้าพี่เขาอย่างเคืองๆ แต่คนอายุมากกว่ากลับยกยิ้มน้อยๆอย่างอารมณ์ดี มีความสุขสินะที่เห็นผมหงุดหงิดเนี้ยแบบนี้

นิดๆ หน่อยๆ เป็นข้อเสนอแนะละกันนะคะ ถ้าไม่หงุดหงิดกันไปก่อน :กอด1:


ออฟไลน์ THE KOP

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-0
ไม่รู้ว่าจะมีคนรอไหมแต่มาบอกไว้นะเออ5555555 ช่วงนี้คนแต่งค่อนข้างยุ่งมากค่ะ แล้วก็เนื่องจากต้องมีการตรวจทานที่ถี่ถ้วนขึ้นเลยต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นอีก(พยายามแก้ไขให้มันดีขึ้นกว่าตอนนี้ :mew2: :mew2:) แนะนำ ติชม กันมาได้เลยค่ะ ทุกคอมเม้นต์ที่ส่งมาจะทำให้คนแต่งได้รู้ข้อบกพร่องแล้วรีบแก้ไขให้มันดีขึ้นนะคะ ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ ทุกคนที่เข้ามาอ่านมากๆค่ะ :pig4: :pig4:

  ปล.คาดว่าจะมาอัพพรุ่งนี้ตอนดึกๆนะคะ  :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ mtd

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 121
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
รอค่าาาาา  :กอด1:

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7

ernnnxx

  • บุคคลทั่วไป
รอได้เสมอ  :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ THE KOP

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-0
                                                                        ตอนที่ 6

ผมทรุดตัวลงนั่งที่เตียงอย่างเหม่อลอย เสียงเรียกชื่อของใครอีกคนที่ผมบังคับให้เรียกยังติดอยู่ในหัว ประโยคแค่คำสามคำ ‘น้องแอลครับ’ดังสะท้อนไปสะท้อนมา พร้อมกับหัวใจที่เต้นระรัว หลังจากที่ผมมัวแต่อึ้งกับประโยคนั้น พี่คลินก็ทำลายความเงียบด้วยการเตือนสติว่าถึงบ้านผมแล้ว ผมจึงได้แต่ลุกลี้ลุกลนลงจากรถแล้วเอ่ยคำว่าขอบคุณที่มาส่งโดยที่ไม่รู้ว่าคนที่ผมต้องการบอกจะได้ยินมันรึเปล่า เดินลงจากรถแล้วตรงเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว ไม่สนที่จะทักทายใครหรือคุยกับคนในบ้านเลยซักนิด รีบเปิดประตูเข้ามาในแล้วทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว ผมเอามือกุมหน้าอกที่เต้นแรงของตัวเองแล้วพยายามหายใจเข้าลึกๆเพื่อที่จะให้มันกลับมาเต้นเป็นปกติ

“เป็นอะไรนะแอล เป็นอะไร”

ผมถามตัวเองอย่างไม่แน่ใจ...หรือผมจะรักพี่คลินเข้าให้แล้ว




“กูว่ามึงรักเขาแล้วแหละ”

เสียงไอ้เพ้นท์ตอกย้ำความคิดผมดังขึ้น วันนี้เรานัดกันมาก่อนเวลาเรียน2ชั่วโมงเพื่อที่จะเคลียร์เรื่องที่ผมหายไปวันนั้นให้เรียบร้อย ผมก็เล่าให้พวกมันฟังทุกอย่างซึ่งพวกมันก็ช็อคแล้วก็ถามผมเยอะมากๆเลยครับ กว่าจะซักนู้นซักนี่เอาซะตัวผมสะอาด โปร่งหมดเลย พอเล่าเรื่องที่ผมหายไปเสร็จ ผมก็ปรึกษาเรื่องความรู้สึกที่ผมมีพี่คลินเลยทันที

“มึงอยากเห็นหน้าเขาตลอดไหม รู้สึกอยากคุยกับเขาทุกวันรึเปล่า”

ผมลองนึกตามคำพูดของไอ้มิวแล้วก็ได้คำตอบเลยล่ะว่า...ใช่ ผมอยากเห็นหน้าเขาบ่อยๆ อยากรู้ว่าทำอะไรอยู่ อยากคุยกด้วยทุกๆวัน ขนาดวันนี้พี่คลินส่งข้อความมาบอกแล้วแท้ๆว่างานยุ่งจะไม่ได้มารับ ผมก็อยากเจออยู่ดี

“อืม”

“นั่นไง” เสียงไอ้เพ้นท์ดังขึ้นโดยที่ไอ้ตรีก็ยังนั่งฟังเงียบๆตามสไตล์

“แล้วกูจะทำยังไงต่อไปวะ”

ผมถามพวกมันออกไปอย่างคนไม่รู้จะทำยังไง อาจดูตลกที่จะบอกว่าตกหลุมรักพี่คลินโดยที่เจอกันแค่ไม่กี่วัน แล้วตั้งแต่วันนั้นที่มีอะไรกันเขาก็ไม่ได้มีท่าทีเกี่ยวกับเรื่องพรรค์นั้นกับผมเลยซักนิด แต่ความรักมันเป็นสิ่งที่กำหนดไม่ได้ คนบางคนตามจีบผมมาเป็นปีผมยังไม่รักเลย ผมเชื่อมาตลอดว่าถ้าเรารักใครซักคนมันต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่บอกเรา บอกว่าคนๆนั้นแหละคือคนที่ใช่ แล้วผมก็รู้สึกว่าความรู้สึกนั้นมันเกิดขึ้นแล้ว...

“ทำอย่างที่หัวใจมึงอยากทำแอล มึงรู้ดีที่สุดว่ามึงต้องการอะไร”

นั่นสินะ...ผมคิดตามสิ่งที่ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มพูด ตัวผมเองย่อมรู้ดีว่าผมต้องการอะไร ถ้าผมอยากอยู่ใกล้พี่คลินผมก็แค่เดินเข้าไปหา ถ้าอยากได้ยินเสียงก็โทรหา ถ้าอยากได้ความรักจากเขาตอบก็ต้องให้ความรักเขาก่อน...

“ถึงกูจะเป็นญาติกับพี่คลิน แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของพวกมึง มึงต้องตัดสินใจเอง...แต่สิ่งที่กูจะบอกมึงคือทำอะไรก็ได้ที่มึงอยากทำ”

“ขอบใจพวกมึงมากนะ” ผมรู้สึกขอบคุณพวกมันจริงๆ

“แต่เราไม่ได้ช่วยอะไรแอลเลยอ่ะ” ไอ้ตรีมันนั่งฟังอย่างเดียวครับ นับคำที่มันพูดได้เลย

“มึงแค่นั่งฟังก็พอแล้วตรี ขอบคุณมากที่มึงฟังกู”

“ปะ พอๆ ขึ้นเรียนเว้ย ใกล้ได้เวลาละๆ”

ผมมองดูนาฬิกาหลังจากที่ไอ้มิวพูดขึ้น เหลือเวลาไม่มากนักพวกเราเลยรีบขึ้นเรียนอย่างรวดเร็ว พอเลิกเรียนพวกเราทุกคนก็ออกมากินข้าวที่ห้างเนื่องจากอากาศร้อนมากๆครับ ที่จริงก็กินตามร้านทั่วๆไปแหละ แต่วันนี้ร้อนมากจริงๆก็เลยเลือกมาใช้บริการห้างสรรพสินค้า ตกลงกันได้ว่าจะกินอาหารญี่ปุ่น

“เห้ยๆ นั่นมันพี่คลินนี่หว่า”

ตอนนี้เรานั่งรออาหารกันโดยที่มิวขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แต่อยู่ดีๆไอ้เพ้นท์ก็ร้องขึ้นมาพร้อมกับชี้มือหาใครบางคน ผมหันไปตามมือของมันก็เจอกับคนที่บอกว่าวันนี้ติดงาน พี่คลินมากับผู้ชายที่ดูมีอายุแล้วครับแต่ไม่ได้มีท่าทีคล้ายคลึงกันไม่น่าจะเป็นพ่อของเขาหรอก

“แล้วเขามาทำอะไรที่ห้างอ่ะ”

ไอ้ตรีถามขึ้นโดยที่ผมได้แต่ส่ายหัวเบาๆว่าไม่รู้ สายตายังคงจับจ้องร่างสูงที่ดูเหมือนว่าวันนี้จะแต่งตัวดูภูมิฐานกว่าปกติ พี่คลินใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวทับด้วยสูทสีดำปลดกระดุมสองเม็ดบนสุดพร้อมกับกางเกงเนื้อเรียบสีเดียวกับสูทที่ดูก็รู้ว่ามีราคา รองเท้าสีดำมันวาวเชียว ดูเหมือนจะพูดคุยกับคนที่มาด้วยตลอดเพราะคนที่ดูมีอายุคอยจดอะไรบางอย่างลงบนสมุดพกบนมืออยู่ตลอด ทั้งคู่เดินดูรอบๆจนลับสายตาพวกเราทั้งหมดไป

“แต่งตัวเหมือนมาทำงานแฮะ แต่มึงก็บอกเองว่าผับที่เราไปเป็นของเขาหรือเขาทำงานหลายอย่าง?” ผมได้แต่ส่ายหัวให้ไอ้เพ้นท์ ผมไม่ได้ถามนี่นาว่าที่บอกว่าวันนี้งานยุ่งคือทำงานอะไร พอดีกับคนที่ไปเข้าห้องน้ำกลับมาพอดี ยังไม่ทันที่จะนั่งลงเก้าอี้ดีเลยด้วยซ้ำคนที่เป็นเพื่อนผมอย่างไอ้เพ้นท์ก็ถามขึ้นอย่างรวดเร็ว ดูท่าจะสนใจเรื่องของพี่คลินมากอ่ะ==

“มิวๆ เมื่อกี๋กูเห็นพี่คลิน มึงรู้ป๊ะว่าเขามาทำอะไร แต่งตัวเหมือนมาทำงาน แต่มาทำงานอะไรที่นี่วะ” ดูท่ามันจะสนใจมาก

“หืม พี่คลินเดินมาชั้นนี้หรอ” ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มหันมาถามผมซึ่งนั่งอยู่ข้างๆกัน

“อืม มึงรู้ไหมว่าเขามาทำอะไร” ผมลองถามดูเผื่อคนที่เป็นญาติจะรู้

“ก็คงจะมาทำงานอ่ะ”

“งานอะไร!” ทั้งผมทั้งไอ้เพ้นท์ถามพร้อมกัน

“อ้าว ก็เขามาทำงานก็ไม่เห็นแปลก นี่ห้างของบ้านพี่คลิน” O_o

“อ้าว ไหนไอ้แอลบอกว่าพี่เขาเปิดผับ”

“แล้วคนๆนึงทำธุรกิจหลายอย่างไม่ได้หรอวะเพ้นท์ แต่ผับน่ะเป็นธุรกิจส่วนตัวของพี่คลิน ส่วนห้างนี้เป็นของครอบครัว มีบ้างที่พี่คลินจะเข้ามาดู เช็คนู้น เช็คนี่ แต่คนที่ดูแลส่วนมากจะเป็นพี่ครีมเพราะพี่ครีมจบมาด้านนี้ ส่วนพี่คลินน่ะเขาจบวิศวะ ทั้งตรีทั้งโทเลย”

“แล้วทำไมเขาไม่ไปทำงานด้านวิศวะอ่ะ” หลังจากฟังมิวพูดมาเยอะ ผมเลยถามบ้าง

“กูก็เห็นเขาทำๆอยู่นะ แต่จะรับเป็นจ๊อบเล็กๆน้อยๆ ไม่ได้เป็นจริงเป็นจัง งานหลักจะอยู่ที่ผับแล้วก็ห้างนี่แหละ”

“งั้นพี่เขาเรียนวิศวะมาทำไมอ่ะ” บุคคลที่เงียบและเรียบร้อยสุดในกลุ่มถามขึ้น

“ก็ชอบด้านนี้ไง เด็กวิศวะก็กินเหล้าเก่งๆทั้งนั้น แกก็เลยเปิดซะเองเลย แล้วก็ต้องแบ่งเวลามาดูงานที่ห้างอีก ถ้าว่างๆพี่คลินถึงรับงานวิศวะ”

“อ๋อ แลดูยุ่งเนาะ”

“มึงถามเรื่องพี่คลินมากกว่าไอ้แอลอีกนะเนี้ยเพ้นท์”

“มึงไม่รู้เหรอว่าเรื่องชาวบ้านคืองานของกู”

มีการทำหน้าเหมือนภูมิใจด้วยนะ แต่จริงๆครับ ผมเห็นเพ้นท์มันรู้ทุกเรื่องจริงๆ ต่างคณะ ต่างมหาลัยยังรู้เลยอ่ะ ผมจดจำเรื่องที่ไอ้มิวเล่าให้ฟังอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคนที่ผม‘เริ่ม’ รู้สึกรัก ถือว่าได้รู้อะไรเพิ่มขึ้นเยอะเลย แล้วอาหารก็เริ่มทยอยมาส่งพอดี ที่นี้ไม่พูดพร่ำทำเพลงกันเลยครับ กินแทบไม่เหลืออะไรเลย ผมขับรถกลับบ้านโดยที่พุงการกันเลยทีเดียว อิ่มมากๆ กว่าจะกลับมาบ้านก็ทุ่มสองทุ่มแล้วครับ เดินดูนั่นดูนี่จนทั่วห้าง ยิ่งรู้ว่าใครเป็นคนดูแลผมยิ่งสนใจห้างนี้มากขึ้นเป็นพิเศษ(แอบตกใจที่รู้ว่าห้างที่ผมเดินบ่อยๆเป็นของพี่คลิน) แต่ยังไม่ทันจะเข้าไปอาบน้ำเสียงโทรศัพท์ที่ผมวางไว้โต๊ะข้างหัวก็ดังขึ้นก่อน

 ‘Klin’

ชื่อที่โชว์ขึ้นทำเอาผมที่นั่งอยู่ขอบเตียงยิ้มออกมาเลย เป็นชื่อที่เขาเซฟไว้นั่นแหละครับ

“ฮัลโหล”

(ทำอะไรอยู่)

“กำลังจะอาบน้ำ พี่คลินล่ะ”

(พึ่งเคลียร์งานเสร็จ กำลังจะออกไปดูร้าน) คงจะหมายถึงผับ

“อ้าว แล้วไม่ได้ทำงานแค่ที่ผับเหรอ” ผมแกล้งทำเป็นไม่รู้

(อืม อันนี้เป็นงานของครอบครัว)

“งานอะไรบอกได้ป๊ะ”

(ดูแลห้างWWW นั่นธุรกิจครอบครัวพี่เอง แต่ส่วนมากจะเป็นพี่ครีมมากกว่า) ฟังเขาพูดแทนตัวเองว่าพี่แล้วก็ยังไม่ชิน ขนาดผมเป็นคนให้เขาพูดนะ ฟังแล้วยังเขินๆอยู่เลย><

“อ๋อ ที่บ้านนี่รวยดีเนอะ” ผมอดแซวหน่อยๆไม่ได้

(ก็ของพ่อกับแม่ทั้งนั้น แอล...อาทิตย์นี้งานค่อนข้างยุ่ง จะไม่ได้ไปหานะ)

“ยุ่งมากเลยเหรอ” แค่รู้ว่าจะไม่ได้เจอกันใจก็แฟบลงแล้วครับTT

(อืม ห้างกำลังจะปรับปรุงบางส่วนใหม่)

“อื้อ แต่ต้องโทรมาหาทุกวันเลยนะ” ต่อรองออกไป ขอแค่ได้ยินเสียงก็ได้

(โอเค พี่ต้องออกไปดูร้านแล้ว ฝันดีนะ)

“ครับ พักผ่อนบ้างนะ บ๊ายบาย”

ผมวางสายด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยวลงเล็กน้อย เห้อ...แต่ก็เอาเถอะ ไม่ได้เจอกันวันนี้เดี๋ยวค่อยเจอกันวันหลังก็ได้นี่นา คิดได้ดังนั้นผมก็อาบน้ำแล้วก็ออกมาทำงานที่อาจารย์สั่งทันที ซักสี่ทุ่มห้าทุ่มก็เข้านอน


KLIN’S PART
ตลอดอาทิตย์ผ่านมาเรียกว่าผมทำงานแทบตัวเป็นเกลียวเลยทีเดียวครับเพราะกิจการของที่บ้านต้องมีการปรับปรุงผมเลยต้องเข้ามาช่วยพี่สาวดูแล ให้พี่ครีมได้มีเวลาดูแลความเรียบร้อยด้านอื่นบ้าง ไหนจะงานที่ผับของผมเองก็ต้องเข้าไปดูทุกคืน เวลานอนยังแทบไม่มีเลย สัญญาที่บอกว่าจะโทรหาแอลทุกวันเลยทำไม่ค่อยจะได้ บางวันที่ไม่ไหวจริงๆก็ส่งข้อความบอกน้องเอา ที่ผมมาวันนี้ก็เพื่อจะมาไขข้อข้องใจว่าต้นเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้นมันมีความเป็นมายังไง...

   เรื่องวันนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกครับมันเป็นเรื่องที่ผมตั้งใจให้เกิดขึ้นเอง ผมเคยเจอแอลเมื่อประมาณ3ปีที่แล้วก่อนที่ผมจะไปเรียนต่อที่อังกฤษ(ผมเรียนปริญญาตรีที่ไทยแต่ไปต่อโทที่อังกฤษ) วันหนึ่งผมไปช่วยเพื่อนขายภาพวาดที่ตลาดนัด เขามีให้เช่าแบบตั้งเตนท์เป็นห้องๆครับ เพื่อนผมเรียนจบสถาปัตย์มาไงก็ตามประสานั่นแหละ มันลองเอาภาพวาดไปขายดูเล่นๆซึ่งฝีมือเพื่อนผมคนนี้นี่ระดับเทพจริงๆ จะว่าผมไปช่วยขายก็ไม่ถูกซะทีเดียว ไปนั่งดูมากกว่าแล้วก็มีเพื่อนหลายคนที่ไปช่วยด้วยครับ ผมก็ขายให้บ้างถ้าคนเยอะๆเพราะว่าฝีมือเพื่อนผมมันดีไง บางคนก็สั่งแล้วนัดรับก็มี วันนั้นลูกค้าค่อนข้างเยอะมากครับ ผมก็นั่งอยู่ในร้านดูเพื่อนๆหลายคนกำลังรับลูกค้า สายตาก็มองไปยังผู้คนมากมายที่มาจับจ่ายใช้สอย แต่แล้วก็ไปหยุดอยู่กับเด็กผู้ชายคนนึงที่ใส่ชุดนักเรียนม.ปลายกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ตรงทางเดิน ร่างที่ถ้าเทียบกับผมก็ดูตัวเล็กมากกว่าโข ตาโตหน่อยๆ ผิวขาวอมชมพูทั้งตัว ริมฝีปากบางเป็นกระจับ ใบหน้าเล็กๆนั่นหันซ้ายหันขวาราวกับกำลังหาบางสิ่งบางอย่างทั้งๆที่คุยกับปลายสายไปด้วย ผมมองน้องเขาอย่างนั้นจนเขาเดินหายไปอีกทาง ได้แต่คิดกับตัวเองว่าอยากทำความรู้จักให้มากกว่านี้ รู้สึกเหมือนเนื้อในอกเต้นแรงขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ ตัวผมเองก็ไม่ได้มีใครมาซักพักแล้ว ไม่เคยมีใครที่สะกดสายตาหรือทำให้หัวใจผมเต้นขนาดนี้มาก่อนเลยไม่ว่าจะหญิงหรือชาย ผมยังคงมองที่ที่ร่างขาวๆนั่นเคยอยู่จนเพื่อนผมเดินเข้ามาหา

“มึงมองอะไรวะคลิน”

“มึงคิดว่าเราจะตกหลุมรักใครซักคนได้ในทันทีไหม” ผมไม่ได้ตอบว่ามองอะไร เงยหน้าขึ้นมองคนที่เดินเข้ามา แล้วถามไปอีกเรื่อง

“ถามอะไรของมึงวะ อืม...แต่ถ้าให้ตอบอ่ะนะ ความรักไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ระยะเวลาหรอกว่ะ บางคนเห็นกันวันเดียวก็รัก สามวัน อาทิตย์นึง บางคนเห็นเป็นปีพึ่งรักกันก็มี แม้แต่เสี้ยววินาทีเราก็รักใครซักคนได้ มึงถามทำไมวะ”

คำตอบของเพื่อนผมเยี่ยมมากๆครับ ด้วยความเป็นคนที่มองโลกอย่างกว้างขาง เป็นบุคคลที่มีทัศนะคติที่ดีมากๆในทุกเรื่องข้อนี้ทุกคนในกลุ่มรู้ดีแล้วมันก็มักจะเป็นที่ปรึกษาของเพื่อนเสมอ

“กูร็สึกเหมือนว่ากูตกหลุมรักใครซักคนแค่เสี้ยววินาทีว่ะ”

“ใครวะ?”

“เขาหายไปแล้ว กูเจอที่นี่แหละ”

“ดีแล้วที่มึงไม่ตามไปคลิน มึงจะไปเรียนต่ออาทิตย์หน้าแล้วนะ อย่าเริ่มพัฒนาทั้งๆที่รู้ว่ามันจะจบยังไงเลย กูเจอมานักต่อนักแล้วไอ้เรื่องระยะทางเป็นเหตุ” ใช่ครับ อีกแค่อาทิตย์เดียวผมก็ต้องไปเรียนที่อังกฤษแล้ว นาทีนั้นผมคิดว่าถ้าผมตามหาต้องเจอแน่ๆอะไรบางอย่างบอกอย่างนั้น และถ้าผมเจอผมก็ไม่สนว่าเขาจะมีใครหรือไม่มี  แต่คำพูดของเพื่อนก็เตือนสติผมไว้ก่อน จนได้แต่ถอนหายใจออกมา

“คลิน...สิ่งที่กูจะบอกมึงก็คือ ถ้ามึงกับเขาเป็นเนื้อคู่กัน วันนึงโชคชะตาจะนำพาให้มึงเจอเขาอีกครั้ง”

คำพูดของเพื่อนในวันนั้นเป็นสิ่งที่ผมจดจำมาตลอด 2ปีที่ไปเรียน หลายครั้งที่มีภาพนี้สะท้อนเข้ามาในหัว ผมไม่เคยลืมน้องเขาเลย ตอนอยู่อังกฤษผมไม่ได้คบใครเป็นจริงๆเป็นจัง ความรู้สึกผมบอกว่ามันไม่ใช่ ไม่มีใครที่ผมต้องการ กลับมาที่เมืองไทยได้ซักระยะ ผมก็เข้ามาเรียนรู้งานกับพ่อและพี่สาวเพื่อที่จะได้แบ่งเบางานของครอบครัวบ้างถึงจะไม่ได้จบมาด้านบริหารก็ตาม แล้วผมก็ได้แต่ขอให้คำพูดของเพื่อนในวันนั้นเกิดขึ้นจริงๆ ผมอยู่ไทยมาได้ซักเดือนสองเดือนก็อยากลองทำธุรกิจเองบ้าง ที่เลือกเปิดผับก็เพื่อที่จะได้เป็นที่รวมกลุ่มของเพื่อนๆเองครับ เหมือนเป็นสถานที่ที่เรามาชุมนุมกันได้สะดวกๆเลยลองทำดู ดีที่ว่าอยู่ที่นั่นผมทำงานไปด้วยเลยมีเงินเก็บแล้วก็เงินที่ผมเก็บตั้งแต่เด็กอีกอยู่แล้ว กว่าจะเริ่มทำนู้นทำนี่ก็หนักเอาการเลยครับ ดีที่ได้ทั้งเพื่อนทั้งครอบครัวมาช่วยทำให้กิจการผมเป็นรูปเป็นร่างอย่างรวดเร็วมากๆภายในไม่กี่เดือน ผมทำงานจนไม่มีเวลาคิดเรื่องอะไรเพราะช่วงเริ่มต้นเป็นช่วงที่ค่อนข้างยากมาก โดยที่ไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ผมเฝ้ารอจะเป็นจริง...

“พี่คลิน กิจการเรียบร้อยยัง”
'มิว' ลูกสาวคนโตของน้าผมถามขึ้นในวันรวมญาติครับ ผมเข้ามาในครัวเพื่อมาเอาอาหารออกไปแล้วเจอมิวพอดี นัดกันมากินข้าวเป็นครอบครัวใหญ่ที่บ้านผมเองโดยใช้ข้ออ้างว่าเลี้ยงตอนรับที่ผมกลับมา ทั้งๆที่ผมกลับมาได้เกือบครึ่งปีแล้ว แม่เป็นลูกสาวคนกลางครับมีพี่ชายน้องชายอย่างละหนึ่งคน พ่อของมิวเป็นลูกคนสุดท้อง ส่วนฝั่งพ่อผมคุณปู่กับย่ามีลูกชายสองคนโดยที่พ่อผมเป็นลูกชายคนโต วันนี้รวมมาทุกครอบครัวเลยครับทั้งฝั่งพ่อและแม่

“เรียบร้อยแล้ว เหลืออีกนิดๆหน่อยๆเท่านั้น”

“ดีเลย เดี๋ยวมิวพาเพื่อนไปเจิม” ดูท่าลูกพี่ลูกน้องผมจะถูกใจมาก

“มาดิ เดี๋ยวพี่เลี้ยงฟรีทุกอย่าง”

“จริงอ่ะ!!!!! แต่อาทิตย์นี้มีทำรายงาน มิวคงจะไปอาทิตย์หน้าแหละ”

“อืมๆ วันไหนก็แล้วแต่เรา”

“โอเคค่ะ ถ้าจะไปวันไหนเดี๋ยวมิวโทรบอกอีกที”

“ตามสบาย พี่เอาอาหารออกไปและ”

แล้วก็ประมาณอาทิตย์นึงจริงๆเจ้าตัวก็โทรมาหาผมบอกว่าจะเข้าไปผับ เลยบอกให้มิวบอกพนักงานคิดเงินได้เลยว่าเป็นน้องผมเพราะผมบอกพนักงานไว้แล้ว ผมก็นั่งดูเอกสาร สมุดบัญชีไปเรื่อยๆอยู่บนห้องทำงานซึ่งอยู่ชั้น2 ห้องทำงานผมจะสามารถมองเห็นข้างล่างได้หมดแต่คนข้างล่างจะไม่มีทางเห็นผม ผมพักจากการดูเอกสารแล้วกวาดสายตาไปข้างล่างจนเจอกับกลุ่มของมิวเข้า ผมจะไม่ตกใจเลยถ้าเพื่อนในกลุ่มของลูกพี่ลูกน้องจะไม่มีคนที่ผมภาวนาให้ได้เจอกันอีกครั้งตลอดเวลาสองปีกว่าๆที่ผ่านมา!!!!!



                        ---------------------------------------------------------------------------------------
               มาเฉลยความเป็นไปเป็นมาของพี่คลินแล้วนะเออ ตอนหน้าจะมาอีกส่วนนึง แต่ตอนนี้เป็นตอนเฉลยของเรื่องแล้วนะคะ...เป็นที่มาของเรื่องเลย คงหายข้องใจกันบ้างแล้วเนาะ :mew3: :mew3: ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ทุกคนที่เข้ามาอ่านมากๆค่ะ :L1: :L1:

                  **พรุ่งนี้จะมาต่ออีกตอนเน้อ
                  **ตอนนี้แอบแต่งยากมาก :monkeysad: :monkeysad:

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
ฮิฮิ
มาเฝ้ารออ่านส่วนของพี่คลิน

เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ

ออฟไลน์ mtd

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 121
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
อรั๊ยยยยยยยย
คนนึงก็รัก อีกคนก็เริ่มรัก
ชูป้ายไฟพี่คลินน้องแอลรัวๆ :mew1:

ernnnxx

  • บุคคลทั่วไป
ความรักของคลินเหมือนดอกไม้ขาวสะอาดมาก มันดูบริสุทธิ์ สวยงาม และจริงใจ อร้ายยยย โคตรหวานอ่ะ
ส่วนแอลถึงจะเริ่มรักแต่ก็ดูชัดเจน มันช่างลงตัวจริงๆ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ปล. คนเขียนไฟท์ติ้ง เป็นกำลังใจให้

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
เรื่องนี้น่ารักอ่ะ

ออฟไลน์ jessiblossom

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
มาต่อนะค่า :mew1:

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
อ๋อ...เล็งมานานแล้วนี่เอง
เจอปุ๊บเลยจับแซ่บปั๊บ  :impress2:

ออฟไลน์ MK

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
อ๋อ  มันเป็นอย่างนี้นี่เอง  พี่คลินเลยจัดเลยใช่ไหม?   :z1:

ออฟไลน์ THE KOP

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-0
                                                                       ตอนที่ 7

     นาทีนั้นผมรู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะก่อนจะกลับมาเต้นอีกครั้งอย่างรุนแรง สายตาจับจ้องลงไปยังคนที่นั่งหัวเราะ

เฮฮาอยู่กับเพื่อน รอยยิ้มหวานๆที่ทำให้ใบหน้าน่ารักนั้นยิ่งน่ามองและดึงดูดมากขึ้น วันนั้นที่ผมเห็นยังเทียบไม่ได้กับวันนี้

น้องดูโตขึ้น น่ารักขึ้นกว่าวันนั้นมาก ผมรู้สึกราวกับถูกมนต์สะกดแล้วคำพูดของเพื่อนผมในวันนั้นก็ดังก้องเข้ามาในหัว

“คลิน...สิ่งที่กูจะบอกมึงก็คือ ถ้ามึงกับเขาเป็นเนื้อคู่กัน วันนึงโชคชะตาจะนำพาให้มึงเจอเขาอีกครั้ง”

ผมดีใจที่สิ่งที่ผมภาวนามาตลอดมันเป็นจริง รู้สึกขอบคุณโชคชะตาหรืออะไรก็ตามที่ทำให้ได้เจอเขาอีกครั้ง
 
และผมก็ได้สัญญากับตัวเองแล้วว่าผมจะไม่มีวันปล่อยเขาเฉยๆเหมือนอย่างวันนั้น ผมจึงโทรศัพท์ลงไปที่หน้าเคาท์เตอร์

แล้วสั่งให้พนักงานไปบอกกับผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มชองโต๊ะ34ว่าผมเชิญให้ขึ้นมาที่ห้องทำงาน พอวางสายเสร็จก็เห็นพนักงาน

ซักคนเดินมาที่โต๊ะก่อนจะพูดคุยกับมิว เจ้าตัวพยักหน้าแล้วหันไปบอกอะไรบางอย่างกับเพื่อนในกลุ่มอีกสามคนที่เหลือ

แล้วเดินตามพนักงานขึ้นมาที่ชั้นสอง ทำให้ผมต้องละสายตาจากร่างเล็กที่อยู่ข้างล่างเพื่อไปนั่งรอคนที่กำลังจะขึ้นมาหา

อยู่ที่โซฟารับแขก เสียงเคาะประตูดังขึ้นแล้วถูกเปิดเข้ามาหลังจากที่เสียงอนุญาติของผมดังขึ้น

“มีอะไรอ่ะพี่คลิน” ประตูถูกปิดลงพร้อมกับที่มิวเดินเข้ามานั่งที่โซฟาเดี่ยวข้างๆผม

“พี่มีอะไรจะถามเราหน่อย”

“ว่า?”

“เพื่อนในกลุ่มเราที่ใส่เสื้อสีน้ำเงินวันนี้ชื่ออะไร เรียนที่ไหน” ผมถามถึงน้องนั่นแหละครับ วันนี้เขาใส่เสื้อสีน้ำเงิน

“หืม ไอ้แอลอ่ะนะ” คนตรงหน้าดูจะแปลกใจไม่น้อย แน่ล่ะ อยู่เฉยๆก็ถามถึงเพื่อนตัวเอง ใครบ้างที่จะไม่แปลกใจ

“เพื่อนเรามีใส่เสื้อสีน้ำเงินกี่คนล่ะ”

“ก็มีแค่ไอ้แอลคนเดียวแหละงั้น มันชื่อแอล เรียนที่เดียวกันคณะเดียวกันกับมิวนี่แหละ ว่าแต่...พี่ถามทำไมอ่ะ”

“ก็แค่อยากรู้”

“หืม อย่าบอกนะว่าพี่สนใจเพื่อนมิว!”

“ถ้าพี่บอกว่าใช่ล่ะ” ผมตอบรู้พี่ลูกน้องออกไป คนที่นั่งอยู่อีกข้างดูจะตกใจนิดๆ

“จริงอ่ะ!! มิวพึ่งรู้ว่าพี่ชอบผู้ชาย” เพราะผมไม่ค่อยคบใครเป็นจริงเป็นจังถึงยังไม่เคยพาไปเปิดตัวกับที่บ้าน ไม่แปลกใจที่น้องผมจะไม่รู้ว่าผมชอบเพศไหน

“พี่ก็คบแบบนี้มาหลายคนแล้ว ผู้หญิงพี่ก็คบ เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่ความรู้สึก ไม่ใช่เพศ” ผมตอบในสิ่งที่ผมคิดมาตลอด

“ว้าว หล่อเลย ฮ่าๆๆๆ มิวก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก แค่แปลกใจเพราะพี่ดูปกติมากๆ แต่เรื่องของแอลมิวบอกพี่แค่นี้แหละ

อยากรู้อะไร อยากทำอะไรก็ช่วยตัวเองแล้วกันนะพี่ชาย”

ดูเหมือนเจ้าตัวจะสนุกกับการแกล้งไม่บอกผมเรื่องของเพื่อนตัวเองไม่น้อย แล้วร่างของผู้เป็นญาติก็เดินออกจากห้องโดยที่ผม

รั้งไว้ไม่ทัน แต่ก็ไม่ได้คิดจะรั้งไว้อยู่แล้วครับ เพราะข้อมูลแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ผมรู้มหาลัยเขา รู้คณะ รู้ชื่อเล่นก็พอซะยิ่งกว่าพอ

ผมเดินไปยังจุดที่มองลงไปข้างล่างได้เช่นเดิม แล้วก็เห็นว่าคนที่คุยกับผมเมื่อกี๋กลับไปยังโต๊ะของตัวเองแล้ว แต่สายตาผมก็ยัง

ให้ความสนใจไปที่คนๆเดียว จ้องมองเขาอยู่อย่างนั้นจนเห็นเขาลุกออกไปจากโต๊ะแค่คนเดียว ซึ่งที่ที่เขาจะไปผมคาดว่าเป็น

ห้องน้ำเพราะเห็นถามอะไรบางอย่างจากมิวก่อนจะเห็นเขาเดินตรงไปทางห้องน้ำ ผมรีบเปิดประตูห้องลงไปอย่างรวดเร็ว

แล้วเดินไปห้องน้ำ และเห็นแค่หลังเขาไวๆเข้าไปแล้วครับ ผมได้แต่ดักรออยู่ทางเดิน พอเห็นเขาเดินออกมาไม่รู้ว่า

อะไรบางอย่างทำให้ผมฉุดเขาแล้วก็ลากขึ้นมาที่ห้องชั้นสองซึ่งนอกจากจะมีห้องทำงานแล้วยังมีห้องนอนของผมอีกด้วย

เขาดิ้นขัดขืนแล้วก็ร้องมาตลอดทางนะครับไม่ได้ยอมง่ายๆแต่ดูขนาดตัวเขากับขนาดตัวผมสิ ดิ้นให้ตายก็ไม่มีทางหลุดไปได้

แล้วด้วยความที่ผู้คนส่วนมากจะอยู่ที่โต๊ะกันซะมากกว่าเลยทำให้แถวนั้นไม่มีคน ยิ่งขึ้นมาชั้นสองได้นี่ไม่ต้องห่วงเลยเพราะคน

ภายนอกไม่มีทางเข้าได้แน่นอน พอปิดประตูห้องได้ก็ยังไม่ทันจะเปิดฟงเปิดไฟผมก็จู่โจมจูบเขาแล้ว ตอนแรกก็ต่อต้านนะครับ

แต่นานๆไปเขาก็คงเมื่อยแล้วก็เคลิ้มเลยปล่อยเลยตามเลย ตอนนั้นไม่รู้อะไรดลใจให้ผมทำแบบนั้น ไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าถ้าการที่

ผมทำแบบนี้แล้วเขาเกลียดผมมากขึ้นมาจนไม่อยากจะมองหน้าจะทำยังไงแต่โชคดีที่ไม่ได้เป็นแบบนั้น ผมคิดแค่ว่าจะไม่ยอม

ปล่อยเขาไปเลยทำแบบนี้เพื่อที่จะผูกติดเขาเอาไว้กับผม อย่างน้อยผมก็อ้างเรื่องความรับผิดชอบแล้วค่อยๆทำให้เขารักผมก็ได้

ด้วยประสบการณ์ที่มากกว่าทำให้เขาไม่อาจต่อต้านผมได้ในที่สุด ยิ่งผมสัมผัสร่างกายเขามากเท่าไหร่ผมยิ่งต้องการมากขึ้นๆ

เสียงครางที่ออกมาจากริมฝีปากหวานๆของเขาทำให้ผมได้ใจ คนใต้ร่างเริ่มตอบสนองผมแล้วเป็นฝ่ายเรียกร้องจากผมเองบ้าง

ผมบอกได้เลยว่าผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน การได้สัมผัสเขาแล้วเป็นหนึ่งเดียวกันมันเป็นเรื่องที่วิเศษจริงๆ น้องบริสุทธิ์มากๆ

เขาไร้เดียงสาแต่ก็ไม่ได้ซื่อกับเรื่องพวกนี้ขนาดนั้น ผมดีใจที่หลังจากผ่าน‘กิจกรรม’(หลายรอบ)ไปเขาไม่ได้ลุกขึ้นมาชี้หน้าด่า

แล้ววิ่งออกจากห้องหรือว่าโวยวายอะไร ผมไม่ว่าหรอกครับที่เขาจะพูดมึงๆกูๆ เพราะแน่นอนว่ากับคนที่ไม่รู้จักแล้วก็ยิ่งมาทำ

แบบนี้จะให้เขามาพูดจาดีๆหวานๆก็คงไม่ใช่ แล้วมันก็คงจะดูน่าแปลกใจไปซักหน่อยถ้าผมจะทำดีหรือพูดดีกับเขามากเกินไป

ดีที่บุคลิกผมเป็นคนนิ่งๆดุๆอยู่แล้วเลยไม่มีปัญหา รอจนเขาหลับไปผมก็ลุกขึ้นมาหยิบกางเกงที่อยู่ข้างเตียงมาใส่

เพื่อเตรียมของใช้ โทรบอกให้คนของผมไปหาเสื้อผ้าไซส์ที่คิดว่าเขาจะใส่ได้มา จนทุกอย่างเรียบร้อยผมค่อยขยับเข้าไปกอด

เขาแล้วหลับตาม

   สภาพเขาตอนที่ตื่นนอนนี่เรียกว่าค่อนข้างย่ำแย่เลยครับ ดูเหมือนจะไม่สบายด้วย พอเขาออกจากห้องน้ำเลยบอกให้เขา

หลับไปก่อน แต่งตัวเสร็จผมเลยอุ้มคนที่นอนอยู่ไปที่รถเพื่อจะไปส่งบ้านแล้วเขาก็ตื่นพอดี ถามทางไปบ้านเสร็จเขาก็หลับต่อ

ตอนอุ้มร่างเล็กๆนั่นผมสัมผัสได้ว่าอุณหภูมิร่างกายเขาสูงขึ้น ไปถึงห้องนอนน้องก็พุ่งไปที่เตียงแล้วก็หลับทันที ที่จริงอยากอยู่

เฝ้าให้แน่ใจว่าเขาจะไม่เป็นไรมากไปกว่านี้จนถึงเช้านั่นแหละครับ แต่พอผมลงไปขอใช้ครัวทำกับข้าวไว้ให้คนป่วยเสร็จพนักงาน

ที่ร้านก็โทรมาบอกว่าที่ร้านเกิดเรื่อง เหมือนว่ามีคนมาส่งยาในร้านผมเลยต้องรีบกลับไปจัดการ แต่ก็ไม่ลืมเขียนจดหมายเล็กๆไว้

ให้เขา เลยได้แต่กำชับกับชับป้าสาไว้ว่าให้ขึ้นไปดูน้องบ่อยๆ(เพราะผมถามป้าสาเรื่องพ่อกับแม่แอล แกบอกว่าพ่อกับแม่แอลไป

ต่างประเทศกลับอาทิตย์หน้า) ผมกลับมาจัดการเรื่องที่ร้านเสร็จก็ดูพวกเอกสารต่อ เสียงเตือนข้อความจากคนที่ป่วยก็เข้ามา

พอดี ผมเลยโทรกลับหาเขา ได้คุยกันนิดหน่อยก็วางเพราะผมอยากให้เขาพักผ่อน อาจจะเพราะป่วยเลยทำให้น้องงอแงหน่อยๆ

แต่พอผมบอกว่าจะไปรับก็หายแล้ว ผมหาเรื่องไปเจอเขาทุกวันเพราะว่าอยากเจอ อยากทำความรู้จักกับตัวตนเขาจริงๆให้

มากกว่านี้ถึงแม้ว่าประวัติทั้งหมดของแอลจะมาอยู่ในมือผมแล้วก็ตาม อยากให้ความสัมพันธ์เราพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ 

ถ้าว่างผมก็อยากไปรับไปส่งเขาที่มหาลัยแต่ผมก็ไม่ได้ว่างขนาดนั้น พอวันนั้นที่ไปรับก็ไปเจอน้องอยู่กับมิวพอดี เย็นวันนั้นมิวก็

โทรหาผมเลยครับซักนู้นซักนี่ แล้วเขาก็คิดว่าที่เพื่อนเขาหายตัวไปคืนนั้นต้องเกี่ยวกับผมซึ่งตัวผมเองก็ยอมรับ แต่ผมก็บอกให้

ญาติตัวเองหายห่วงว่าผมจะไม่ขืนใจหรือบังคับอะไรน้องอีก อาจจะเพราะว่ามิวรู้ว่าผมเป็นคนยังไง คนที่โทรหาผมเลยได้แต่ถอน

หายใจแล้วก็บอกว่าอย่าคิดเล่นๆกับเพื่อนตัวเองเด็ดขาด ถึงมิวไม่บอกผมก็ไม่คิดเล่นๆกับเพื่อนเขาอยู่แล้วครับ ลูกพี่ลูกน้องผม

จึงวางสายไป แล้วตอนที่ผมพาแอลไปพบแม่เขาดูตื่นเต้นมากถึงขั้นต้องเปลี่ยนสรรพนามเรียกผมให้ดูสุภาพเลยทันที พอดีผม

ต้องเข้าไปเอาเอกสารงานเกียวกับห้างที่บ้านผมก็เลยคิดว่าการพาเขาไปเจอแม่ก็ไม่ได้เสียหายอะไรเลยพาเขาไปเจอแม่ด้วย

ซะเลย แล้วแม่ก็เอ็นดูน้องมากๆครับ ท่านชอบน้องยิ่งกว่าผมที่เป็นลูกแท้ๆซะอีก ตอนแรกแอลก็ดูเกร็งๆแต่ซักพักเขาก็เริ่มผ่อน

คลายเพราะแม่ผมท่านใจดี พอขึ้นรถจะไปส่งเขาเขาก็ยังไม่เลิกแทนตัวเองว่าแอลแล้วเรียกผมว่าพี่แต่ผมก็ไม่ได้จะคิดให้น้อง

เปลี่ยนอยู่แล้วเพราะว่ามันน่ารักดีหนิครับ ตอนเขาบอกให้ผมเปลี่ยนสรรพนามในการเรียกเขาแล้วก็การแทนตัวผมเองผมก็จะทำ

ตามอยู่แล้วเพราะมันดูดีกว่าการพูดมึงๆกูๆเป็นไหน ก็แค่อยากแกล้งเขาเลยเล่นตัวหน่อยจนเขาเกือบงอน แต่พอผมพูดออกไป

คนที่ฟังก็ดูจะช็อคไปเลย หน้าตาตอนเอ๋อของเขาน่ารักมากๆ แล้วดูท่าว่าจะอึ้งอีกนานจนผมต้องเตือนสติเขาไปว่าถึงบ้านแล้ว

เท่านั้นแหละร่างเล็กๆเลยได้แต่พึมพำว่าขอบคุณแล้วเดินเข้าบ้านไปอย่างรวดเร็ว ผมได้แต่มองแล้วก็ยิ้มตามน้อยๆ ผมก็อยาก

ไปรับไปส่งเขาทุกวันอย่างที่บอก แต่งานดันเข้าน่ะสิครับ พ่อผมเรียกประชุมเพราะมีแผนจะปรับปรุงห้างบางส่วนใหม่ ฃ

ที่นี้อย่าว่าแต่ไปรับไปส่งหรือไปหาน้องเลยครับ เวลานอนผมก็แทบไม่มี บางวันก็ไม่ได้โทรหาเขาเลย เขาโทรมาผมก็ไม่ได้รับ

 แต่ถ้าว่างก็โทรกลับ บางวันก็ได้แต่ข้อความหาเฉยๆ ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง...

                                                                      END KLIN'S PART


                               

                                                                       (ส่วนที่เหลือ)

“...อล แอล!!”

ผมสะดุ้งสุดตัวแล้วรู้สึกว่าขี้หูคงจะสะเทือนแล้วแหละ ก่อนจะเอามือแคะหูเล็กน้อยเพราะปวดหู

หันหน้าไปหาคนที่ตะโกนใส่อย่างงงๆว่าไอ้มิวมันตะโกนเสียงดังขนาดนี้ทำไม คนทั้งทางเดินหันมามองกันหมดเลยครับ

“เรียกเบาๆก็ได้ กูปวดหูหมดแล้ว” แค่ฟังเสียงแหลมๆของอาจารย์มาทั้งวันผมก็แย่แล้ว ไอ้มิวตะโกนใส่ยิ่งหนักเข้าไปอีก

“กูเรียกมึงมาสามพันครั้งแล้ว มึงไม่ได้มีทีท่าจะสนใจเสียงของกูเลยซักนิด มึงเป็นอะไรวะ

อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์กูเห็นมึงเหม่อๆ ซึมๆเหมือนจิตใจไม่อยู่กับตัวเลย”

“เออ กูก็ว่างั้นแหละ กูละกลัวมึงกลับไม่ถึงบ้านจริงๆ” ไอ้เพ้นท์พูดขึ้นมาอีกคน มีเพียงไอ้ตรีที่มองมาโดยที่ยังไม่ได้พูดอะไร

“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร”

“กูไม่เชื่อ!!” ตะโกนออกมาพร้อมกันจนผมกับไอ้ตรีสะดุ้งเลยครับ ผมได้ก้มหน้าเพราะเถียงอะไรเพื่อนทั้งสองไม่ได้เลย

เพราะผมก็รู้ตัวเองเหมือนกันว่าไม่ปกติเท่าไหร่ บอกตรงๆว่าที่ผมเป็นแบบนี้ก็เพราะพี่คลินนั่นแหละครับ

“เห้อ กูแค่...”

“แค่อะไร” ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มถามออกมา

“แค่...คิดถึงพี่คลิน” ผมตอบออกไปเสียงเบา ยอมรับอย่างไม่อายเลยว่าคิดถึงเขา หลังจากที่พี่คลินบอกว่างานยุ่ง

เราก็แทบไม่ได้คุยกันเลยครับ บางวันก็โชคดีที่ยังได้ยินเสียง แต่เชื่อไหมว่าคุยกันไม่เคยถึง5นาที เขาต้องไปทำงานตลอดเลย

“อาการหนักแล้วเพื่อนกู”

“กูว่างั้นแหละเพ้นท์ มาๆ มึงนั่งพักก่อน ก่อนที่จะเดินไปชนรถใครเข้า” ไอ้มิวลากผมนั่งลงที่ม้าหินอ่อนหน้าคณะ

ทุกคนนั่งล้อมผมไว้หมดเลย สายตาสามคู่จับจ้องมายังผมราวกับผมเป็นนักโทษเลย==

“เราว่าแอลเป็นหนักจริงๆนะ พักนี้เป็นเหม่อๆ” ขนาดผู้ที่ไม่ค่อยพูดยังได้เอ่ยปาก

“เห้อ กูไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวก็หาย” ผมบอกเพื่อให้ทุกคนสบายใจ สองสามวันแรกมันก็ยังพอทนนะครับ

แต่นี่เป็นอาทิตย์แล้ว ผมก็เลยเหี่ยวลงๆทุกวัน

“กูภาวนาให้เป็นอย่างที่มึงพูดแล้วกัน พี่คลินเขางานยุ่งจริงๆ ยุ่งทั้งบ้านแหละ กูแวะไปวันนั้นไม่มีใครว่างคุยกับกูเลย

ต้องเคลียร์งานกันหมด มึงก็ทำใจ เดี๋ยวงานเสร็จเขาก็มาหามึง”

“อืม เดี๋ยวกูกลับแล้วดีกว่า ต้องรีบกลับไปให้พ่อกับแม่เห็นหน้าหน่อย” ท่านทั้งสองกลับมาจากดูงานได้สองสามวันแล้วครับ

บอกลาเพื่อนทั้งสามคนเสร็จก็ตรงกลับบ้านทันที ตอนนี้5โมงเย็นนิดๆ พี่คลินจะทำอะไรอยู่นะ

เห้อ...ผมขับรถไปก็คิดถึงเรื่องของเขา เป็นเอามากนะผมเนี้ย ขับรถถึงบ้านฝ่าการจราจรที่ติดขัดมา

ใช้เวลาร่วมชั่วโมงกว่าจะถึงบ้าน แต่พอขับรถมาจอดที่โรงรถกลับพบว่ามีรถของใครก็ไม่รู้จอดอยู่ด้วย รถคันอื่นก็อยู่ครบนะครับ

“รถ ใครอ่ะ” ผมพึมพำกับตัวเองหลังจากล็อครถเสร็จ

“พ่อครับแม่ครับ แอลกลับมาแล้ววววววววววว~” เดินเข้ามาในบ้านพร้อมส่งเสียงออกไปก่อน

“อ้าวแอล มาพอดีเลยลูก พี่คลินเขามารอเราตั้งนานแหนะ” ห๊ะ!!!!!!!! ผมได้ยินถูกใช่ไหมหรือว่าหูเพี้ยนไปแล้ว

ผมวิ่งเข้าไปหาแม่ที่เดินมาบอกทันที

“อะไรนะแม่ แม่ว่าไงนะ!!” ผมถามออกไปลิ้นรัวเลย

“ก็พี่คลินไง เขามาหา มารอเราตั้งนานแล้วนะ นี่ก็นั่งคุยกับคุณพ่ออยู่ที่ห้องรับแขก” พอแม่พูดจบเท่านั้นแหละ

ผมรีบวิ่งไปที่ห้องรับแขกทันที แล้วก็เห็นผู้ชายต่างวัยสองคนคุยกันอย่างถูกคอเลยครับ

“อ้าว แอลมาพอดีเลย งั้นพ่อขอไปดูงานหน่อยแล้วกัน เจอกันที่โต๊อาหารนะคลิน” พ่อตบบ่าพี่คลินเบาๆ

ก่อนคนที่ผมคิดถึงจะตอบรับด้วยท่าทีอ่อนน้อม ผมค่อยๆเดินเข้าไปหาคนที่นั่งอยู่ช้าๆ กวาดสายตาไปทั่วตั้งแต่หัวจรดเท้า

คนตรงหน้าดูซูบลงเล็กน้อย แต่ที่เห็นได้ชัดคือขอบตาที่ค่อนข้างคล้ำลงของเขา

“มาตั้งแต่เมื่อไหร่” มัวแต่อึ้ง กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ เหมือนต่างคนกำลังสำรวจกันและกัน

“4โมงเย็น” ร่างสูงลุกขึ้นมายืนอยู่ตรงหน้าผม

“ทำไมไม่บอกอ่ะว่าจะมา”

“อยากเซอร์ไพรส์” คนตรงหน้ายิ้มน้อยๆ รอยยิ้มที่ทำให้ใจผมเต้นรัว ถึงแม้มันจะดูอ่อนแรงไปหน่อยก็เถอะ

“แล้วพ่อกับแม่แอลว่าไง ท่านไม่ถามเหรอ” ผมสงสัยเรื่องนี้มากครับ

“หึหึ ถาม”

“ถามแล้วตอบว่าไง” ผมคงจะแสดงออกว่าอยากรู้ทางสีหน้ามากไปเพราะคนตรงหน้าจะหลุดหัวเราะหน่อยๆ

“เดี๋ยวค่อยคุยกัน ไปช่วยแม่ดูกับข้าวก่อนไป” พี่คลินจับไหล่แล้วดันให้ผมเดินไปทางห้องครัว

ผมก็พยายามรั้งตัวเองไว้นะครับแต่เขาแรงเยอะจริงๆ ดูขนาดตัวผมกับเขาสิ

“เดี๋ยวววววววววว ตอบมาก่อนนนนนนนน” แต่มีเหรอที่ร่างสูงจะตอบ ยังคงเงียบเหมือนเดิม

“เอ้อ แล้วนี่มีการชวนกินข้าวที่บ้านด้วยเหรอ? ไปพูดอะไรกับพ่อกับมาบ้างอ่ะ บอกหน่อยๆ” ผมยังคงเซ้าซี้ต่อไป

จนมาหยุดที่หน้าห้องครัวเพราะแรงดันของคนข้างหลัง

“อ้าว คุยกันเสร็จแล้วเหรอจ๊ะ แม่ทำอาหารเสร็จพอดีเลย เดี๋ยวรอป้าสาตั้งโต๊ะแป๊บนึงนะ”

“ครับ” ไม่ใช่เสียงผมนะครับ แต่เป็นคนที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆผมนี่แหละ แหม..ทีตอนอยู่กับผมทั้งนิ่ง ทั้งพูดน้อย

คอยดูนะผมจะซักตั้งแต่ขับรถมาจอดที่หน้าบ้านผมเลย!!








                           ------------------------------------------------------------------------------------------


         ครบแล้วววววววว แต่สั้นนิดนึงนะคะ พอดูบอลเสร็จเป็นเบลอๆเลยมาแค่นี้5555555 พิมพ์แบบเบลอมากเลย :ling2: :ling2: ตอนนี้พี่คลินมาเจอพ่อกับแม่น้องแอลแล้วเนาะ คิดไวทำไวตลอดอ่ะคนนี้ o13 o13 ไปแล้วค่ะ..ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ ทุกคนที่เข้ามอ่านมากๆค่ะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

        *พรุ่งนี้อาจจะไม่ได้มาต่อนะคะ คาดว่าจะยุ่งมากเลยยยยยยยยย ตอนหน้าจะมายาวกว่านี้เน้อ



     
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-05-2014 23:57:44 โดย THE KOP »

ออฟไลน์ MK

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
พี่คลินก็น่ารักเหมือนกันนะ   :hao7:   แต่พี่รวบรัดน้องมากอ่ะ  มาเจออีกที ทำให้เป็นของตัวเองเลย

แต่แบบนี้ก็ดี   :hao6:  รอต่อจ้าาา  คิดถึงน้องแอล

ernnnxx

  • บุคคลทั่วไป
คิดเร็วทำเร็วมากคลิน  ดูจริงใจและโหยหาอยู่ในที

:katai5: :katai5: :katai5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด