ตอนที่ 9
ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาต้องบอกว่าผมมีสารถีรูปหล่อคอยมารับมาส่งทุกวันเลยครับ จนแม่ยังแซวว่าให้เอารถไปขาย
เพราะไม่ได้ใช้แล้ว ฮ่าๆๆๆๆ ความสัมพันธ์ของผมกับพี่คลินก็พัฒนาขึ้นอีกขั้น อาจจะเพราะด้วยความที่มีเวลาใกล้ชิดกันมากขึ้น
ก็เลยทำให้เราได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ซึ่งวันนี้ก็เป็นปกติที่พี่คลินมารับหลังเลิกเรียน เมื่อเช้าเขาก็มาส่ง ทุกวันแหละครับ
ยกเว้นว่าเขาจะไม่ว่างจริงๆ เพื่อนผมแซวจนเลิกแซวกันไปแล้ว
“เหนื่อย” พอขึ้นรถมาได้ผมก็บอกออกไป หลับตาลงอย่างอ่อนแรง เหนื่อยมากๆครับ วันนี้เรียนหนักมาก
มากจนพอเลิกคลาสผมแทบจะคลานออกจากห้องเลย เรียนตั้งแต่เช้าจนตอนนี้ห้าโมงเย็นอ่ะ
“เหนื่อยก็นอน” คนที่ยังไม่ออกรถเอื้อมมือมาคาดเข็มขัดให้เพราะผมไม่ได้สนใจมันซักนิด
พร้อมกับปรับเบาะให้เอนไปจนสุดเพื่อให้ผมนอนได้สบายมากขึ้น หยิบหมอนที่อยู่หลังรถมาซ้อนคอให้ด้วย
สัมผัสที่ลูบแผ่วๆไปตามแก้มและหัวเป็นยากล่อมชั้นดีที่ทำให้ผมหลับลงอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่คลินจะพาไปไหน
กว่าจะตื่นบรรยากาศโดยรอบก็มืดซะแล้ว การตกแต่งห้องก็ไม่คุ้นเคย ปรับสายตาให้ชินกับความมืดสักครู่
ถึงรู้ว่าที่นี่คือคอนโดพี่คลินนั่นเอง ผมเลิกผ้าห่มออกจากตัวแล้วเปิดประตูห้องออกไป
เดินตามเสียงโทรทัศน์จนมาเห็นร่างสูงที่กำลังดูข่าวเศรษฐกิจอยู่ ผมเดินไปนั่งข้างๆแล้วก็พิงไหล่คนตัวสูงทันที
รู้สึกยังไม่หายง่วงเท่าไหร่เลย
“หิวไหม?” ผมพิงแล้วก็หลับตาอยู่อย่างนั้น คนที่นั่งอยู่ขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้ผมได้พิงอย่างสบายตัวมากขึ้น
“หิวแต่ก็ง่วงด้วย”
“ไปอาบน้ำให้สดชื่นก่อนแล้วก็มากินข้าว ค่อยไปนอนนะ” น้ำเสียงพี่คลินดูจะอ่อนโยนกว่าครั้งไหน
ดูเหมือนจะไม่ได้สนใจข่าวแล้วด้วย
“ขี้เกียจจังงงงงงงงงง” ผมซุกหน้ากับไหล่แข็งแรงนั่นมากขึ้นไปอีกอย่างออดอ้อน ขี้เกียจจริงๆครับ
“ไปอาบน้ำก่อนไป แป๊บเดียว เดี๋ยวพี่ไปอุ่นอาหารให้” ร่างสูงดันหน้าผมขึ้นแล้วลูบหัวเบาๆ
สายตาที่มองมาก็ดูอ่อนโยนกว่าทุกครั้ง อาจจะเพราะว่าเขาเห็นว่าผมหนื่อยมากๆด้วย
“พี่เตรียมทุกอย่างไว้ให้แล้ว อยู่ในห้องน้ำ วันนี้ค้างที่นี่ พี่โทรบอกคนที่บ้านแอลแล้ว พรุ่งนี้วันเสาร์พอดีด้วย”
ผมพยักหน้าอย่างไม่มีแรงก่อนจะรีบลุกขึ้นเดินไปที่ห้องน้ำในห้องนอนพี่คลิน แล้วก็เห็นทุกอย่างวางไว้ที่อ่างล้างหน้า
มีทุกอย่างจริงๆครับ เป็นของใหม่ที่ยังไม่ได้แกะป้ายหมดเลย ชุดนอนพอดีตัวเป็นชุดเสื้อแขนสั้นกางเกงขายาว แปรงสีฟัน
ชั้นใน ผ้าเช็ดตัว ผมรีบคว้าผ้าเช็ดตัวไปที่ฝักบัวทันที อยากรีบอาบรีบเสร็จ จะว่าไปนี่ก็เป็นครั้งแรกเลยนะที่ผมได้มาค้างที่นี่
ถ้าเป็นเวลาอื่นคงตื่นเต้นมากๆ แต่ตอนนี้ที่ความเหนื่อยและง่วงมีมากกว่า มันเลยไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่
ใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวเร็วมาก เร็วที่สุดของผมเลยครับ เสร็จแล้วเดินมาหาคนตัวสูงที่ห้องครัว
“เสร็จแล้วเหรอ พี่ตั้งโต๊ะเสร็จพอดี” ผมทรุดนั่งลงที่เก้าอี้ทันที ก็เป็นอาหารไทยง่ายทั่วๆไป
เขาคงจะไปซื้อมาจากแถวๆนี้แหละครับ พี่คลินเขาชอบกินอาหารไทย พวกอาหารญี่ปุ่น อิตาเลียน ไม่ใช่แนวเขาหรอก
เขาก็กินแค่อาหารไทยนี่แหละ คงจะมีนานๆทีที่กินอาหารต่างชาติ เห็นบอกว่าเลี่ยนแล้วก็ไม่มีประโยชน์เท่าอาหารไทย
“แล้ววันนี้พี่คลินไม่ต้องออกไปดูผับเหรอ” ผมถามคนที่นั่งลงตรงข้ามกันหลังจากที่เขาตักข้าวให้ทั้งผมและตัวเองเสร็จ
“ไม่หรอก พี่เคลียร์งานทุกอย่างแล้ว วันนี้เลยไม่ต้องเข้าไปก็ได้” ผมพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะลงมือทานข้าวทั้งๆที่ตาจะปิด
พอทานข้าวเสร็จกำลังจะเก็บ แต่คนตัวสูงบอกว่าจะเก็บเอง ผมจะทำยังไงก็ไม่ยอม ไล่ให้ผมไปนอนท่าเดียว
แถมยังทำตาดุใส่อีกต่างหาก ผมก็เลยจำใจเดินเข้าไปห้องนอนที่อยู่ชั้นสองทั้งที่เกรงใจเจ้าของห้องจะตาย
วันนี้เขาดูแลผมมาทั้งวัน ไม่ยอมให้ผมทำหยิบจับอะไรเลย ผมก็ได้แต่คิดเท่านั้นแหละครับแต่ทำอะไรไม่ได้
เลยเข้ามาแปรงฟันล้างเท้า พอเสร็จแล้วออกมานอน ตัวถึงเตียงหัวถึงหมอนผมก็หลับลงอย่างรวดเร็ว
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่คลินเข้ามาตอนไหน
ผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้าคนข้างตัวยังไม่ตื่นหรอกครับ เราไม่ได้นอนกอดกันเหมือนละครหวานแหววอะไรพวกนั้น
ผ้าห่มก็ห่มคนละผืน แต่เนื่องจากว่าบังเอิญเรานอนหันหน้าเข้าหากัน ผมเลยได้มีโอกาสเห็นใบหน้าตอนหลับของพี่คลิน
ดูไม่มีพิษมีภัยดีครับ ผมไล้มือไปตามโครงหน้าได้รูปของเขา หมั่นไส้อ่ะ คนอะไรดูดีชะมัด ขนาดตอนนอนนะเนี้ย
แต่ก็เอาเถอะครับ ปล่อยเขาไปพ่อแม่สร้างมาดีมากก็เงี้ย ผมตัดสินใจลุกจากที่นอน ปล่อยให้คนตัวสูงนอนต่อไป
ตอนนี้พึ่งจะ7โมงเช้าเท่านั้นเอง ผมไม่รู้ด้วยว่าเมื่อคืนเขาเข้ามานอนกี่โมง แปรงฟันล้างหน้าเรียบร้อย
ก็เดินลงมาห้องครัวแล้วเปิดตู้เย็น ผมพอจะทำข้าวต้มได้เลยลองทำดูเห็นว่ามีเนื้อหมูแล้วก็ผักอยู่พอดี
ใช้เวลาพอสมควรในการทำก็เสร็จเรียบร้อย รสชาติก็น่าจะพอใช้ได้ล่ะมั้งครับ ผมก็ไม่ได้ถนัดการทำกับข้าวมาก
แค่พอทำกินได้เป็นบางอย่าง
“ทำอะไร” ร่างสูงที่เดินเข้ามาในห้องครัว หัวยุ่งนิดๆจากการที่เพิ่งตื่นนอน หน้าตาเขาดูตลกดี มึนๆอึนๆ
“อ๋อ แอลทำข้าวต้มไว้น่ะ เห็นว่าพอมีเครื่อง”
“ทำเป็นด้วย?” ดูเขาจะแปลกใจนิดๆ ก่อนจะเดินเข้ามาดูหม้อแล้วก็พยักหน้าน้อยๆ
“พี่คลินจะทานก่อนไหมหรืออาบน้ำก่อน”
“อาบน้ำก่อนดีกว่า แอลไปอาบก่อนพี่เถอะ เดี๋ยวพี่อาบห้องข้างล่างก็ได้ เสื้อผ้าวางอยู่ที่เดิมแหละ พี่เตรียมชุดไว้ให้แล้ว
ชุดเก่าเอาไปให้แม่บ้านซักอยู่”
“โอเค” ผมกำลังจะเดินออกจากห้องครัว แต่แล้วก็นึกอะไรบางอย่างออก เลยหันกลับไปหาคนที่กำลังเดินตามมาข้างหลัง
จุ๊บ~
“มอร์นิ่งครับพี่คลิน” เขย่งตัวไปหอมแก้มพี่คลิน หลังจากนั้นก็ใส่เกียร์หมาวิ่งขึ้นไปห้องอย่างรวดเร็ว เขินอ่ะ>///////<
หัวใจเต้นตึกๆเลย ผมอยากทำก็เลยทำออกไปก็เท่านั้นเอง อาบน้ำไปทั้งๆที่หน้าแดงและก็รับรู้ว่า
ตัวเองยิ้มอยู่ตลอดเวลาเลยครับ พอเสร็จแล้วก็ค่อยๆย่องลงมาข้างล่างแต่ก็ไม่เห็นคนหน้านิ่งเลย ผมก็เลยมาที่ห้องครัว
ซึ่งก็อยู่จริงๆ ปั้นหน้าตัวเองซักหน่อยก่อนเดินเข้าไปหาคนที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเช่นเดียวกัน
“มาพอดี พี่กำลังจะไปตาม” ร่างสูงหันมาด้วยท่าทีปกติ อะไรอ่าาาาา ไม่รู้สึกอะไรที่ผมทำเมื่อกี๋เลยเหรอ
ผมก็เลยเชิดใส่เขาอย่างงอนๆ นั่งลงเก้าอี้ที่ตรงหน้ามีถ้วยข้าวต้มวางไว้อยู่แล้ว พี่คลินจัดการอีกเหมือนเคย
“พี่พึ่งรู้ว่าแอลทำอาหารเป็น” คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าพูดขึ้น
“ก็พอทำได้ไม่กี่อย่าง ข้าวต้มแอลก็พอทำได้ แต่ไม่ได้ถนัดอะไรหรอก” ผมตอบแล้วก็ลงมือทาน
เห็นพี่คลินตักข้าวต้มเข้าปากไปแล้ว เขาก็กินไปเรื่อยๆปกติ
“เป็นไงบ้าง ใช้ได้ไหม?” ผมอดถามออกไปไม่ได้ กลัวเขาไม่ชอบ
“อืม ก็ใช้ได้” แล้วเขาก็นั่งกินไปเรื่อยๆ แค่นี้ก็โอเคแล้วครับ ผมก็นั่งกินของผมไปเรื่อยๆจนหมด
ซึ่งพี่คลินทานหมดไปก่อนซักพักแล้ว
“เดี๋ยวแอลเก็บเองนะ” ผมบอกดักเขาไว้ก่อนเลยครับ
“หืม เอาสิ งั้นพี่ไปดูเอกสารงานแป๊บนึง”
“อ่าฮะ” ผมก้มลงเก็บถ้วยซ้อนกันว่าจะเอาไปไว้อ่าล้างจานแต่พี่คลินก็เรียกไว้ก่อน
จนผมต้องวางถ้วยลงเมื่อคนตัวสูงเดินเข้ามาหา
จุ๊บ~
“พี่ลืมมอร์นิ้งคิสเมื่อเช้า” แล้วพี่คลินก็เดินออกไปจากห้องครัวให้ผมนิ่งอึ้งอยู่อย่างนั้น ยกมือขึ้นลูบริมฝีปากตัวเอง
สัมผัสแผ่วๆเกิดขึ้นทำให้หัวใจผมเต้นแรงอีกแล้ว
“พี่คลินบ้า มาทำแบบนี้ให้ใจเต้นแรงทำไมเล่า” ผมได้แต่บ่นให้คนที่เดินออกไปแล้วทิ้งให้ผมใจเต้นแรงอยู่คนเดียว
ยกถ้วยไปล้างทั้งๆที่หน้าร้อนๆแล้วก็ใจสั่นๆ กว่าจะสงบจิตใจได้ก็จนเก็บทุกอย่างเรียบร้อยนั่นแหละ
ผมเลยมานั่งดูโทรทัศน์รอคนที่บอกว่าขึ้นไปดูเอกสาร ยังไม่ได้คุยกันเลยว่าผมจะกลับตอนไหน แต่ผมอยู่ถึงเย็นก็ได้นะ
ผมว่างมากกกกก
“แอล”
“หืม” ผมนอนเอกเขนกอยู่ที่โซฟาตัวยาว ขานรับเมื่อได้ยินเสียงคนที่เพิ่งเดินลงมาเรียก
“จะกลับตอนไหน” ผมลุกขึ้นนั่งเพื่อให้พี่คลินนั่งลงข้างๆด้วย
“ตอนเย็นได้ไหม วันนี้พี่คลินว่างรึเปล่า” ผมก็อยากอยู่กับเขานานๆนี่นา
“ได้ ตามใจ แล้วจะอยู่แบบนี้เหรอ ไม่เบื่อ?”
“อืม ออกไปซื้อของได้ป๊ะ อยากได้เสื้อผ้าใหม่” เมื่อเห็นเขาถามผมก็นึกได้ว่าอยากช็อปปิ้ง ไม่ได้ซื้อของนานละ
“อืม พอดีเลย พี่ว่าจะไปซื้อของเข้าห้อง”
“โอเค งั้นไปตอนไหนดี”
“เที่ยงแล้วกัน ออกไปทานข้าวข้างนอกด้วย”
“โอเค” แล้วเราก็นั่งดูโทรทัศน์ไปเรื่อยๆครับ ไม่มีไรทำ อีกสองชั่วโมงกว่าๆแหนะ ดูเป็นหนังแอคชั่นฝรั่งครับ
เห็นว่าน่าสนใจเลยหยุดดู พี่คลินเองก็ดูกับผมด้วยเหมือนกัน
********************************
“พี่คลินๆ ตัวไหนสวยกว่า”
“สีขาว” ผมยืนเพ่งตัวที่พี่คลินบอกว่าสวยซักพักแล้วก็เห็นด้วยตามเขา เพราะดูดีเทลมันสวยกว่าจริงๆ
ตั้งแต่มาถึงห้าง(ของพี่คลิน)ผมก็เข้าออกร้านนู้นร้านนี้เป็นว่าเล่น ซื้อเสื้อผ้าได้หลายชุดแล้ว
“1,569 บาทค่ะ”
ผมกำลังจะล้วงบัตรให้แต่ใครอีกคนก็เร็วกว่าที่จะยื่นบัตรให้พนักงานก่อน
“พี่คลิน ไม่เอานะ เอาบัตรแอลสิ” ตั้งแต่มานี่ผมยังไม่ได้ใช้เงินตัวเองเลยนะครับ เขาออกให้ตลอดซึ่งผมเกรงใจมากๆ เ
ถียงกันมาหลายร้านแล้วแต่ผมไม่เคยชนะเขาเลย นี่เขาหมดเป็นหมื่นๆแล้วอ่ะ
“เอาบัตรผมนั่นแหละ”
“ค่ะคุณคลิน” แน่นอนว่าเป็นคำสั่งเจ้านาย พนักงานก็ต้องเลือกบัตรเขาอยู่แล้ว
“พี่คลิน ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย” ผมหันไปเคลียร์กับเขาหลังจากที่พนักงานเอาเสื้อไปจัดการคิดเงิน
ผมไม่โอเคกับการที่เขาต้องออกค่าอะไรก็ตามให้ผม ไม่ใช่ว่าผมรวยอะไร แต่ผมเกรงใจเขามากๆ
ยิ่งเห็นว่าเขาทำงานหนักขนาดไหนมันยิ่งทำให้ผมเกรงใจเขามากขึ้น ‘คนรักกัน’ควรยุติธรรมซึ่งกันและกัน
ไม่เอาเปรียบฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนี่นา
“พี่คลินออกค่าอะไรต่อมิอะไรให้แอลตั้งเยอะแล้วอ่ะ” ผมบอกเขาไปอีก
“พี่ซื้อให้” คนตรงหน้ากล่าวออกมาเรียบๆ
“ไม่เอา แอลไม่เอาแบบนี้ ถ้าพี่จ่ายเราก็ต้องจ่ายเท่ากัน”
“แอลเลี้ยงข้าวพี่แล้วกัน”
“นั่นยังไม่ถึงครึ่งที่พี่จ่ายให้แอลเลย ถ้ารู้ว่ามาซื้อของกับพี่แล้วเป็นแบบนี้นะ คราวหลังไม่มาด้วยแล้ว” ผมเกรงใจเขานี่นา
ไม่ใช่ว่าเขาทำงานมีเงินแล้วต้องออกให้ผมตลอด เล็กๆน้อยมันก็โออ่ะ อันนี้เขาเล่นจะออกให้ทุกอย่าง สำหรับผมมันไม่โอเค
“งั้น เอาไว้คราวหน้าแอลมาซื้อเสื้อผ้าให้พี่แล้วกัน” พี่คลินดูจะยิ้มน้อยๆ
“อืม ก็ได้ ดีเหมือนกัน” ผมชอบนะกับการที่จะเห็นเขาใส่เสื้อผ้าที่ผมเป็นคนเลือก คิดแล้วก็ยิ้มอยู่คนเดียว
“ได้แล้วค่ะ” พนักงานเดินมาพร้อมกับส่งถุงเสื้อผ้าให้ผม แล้วก็ส่งใบเสร็จให้พี่คลินเซ็นต์ ตอนนี้ก็เที่ยงเกือบบ่ายแล้วเลยตรงไป
ที่ร้านอาหารทันที เพราะขืนผมเดินซื้อของต่อพี่คลินก็คงจะจ่ายให้อีกผมเลยคิดว่าค่อยมากับเพื่อนผมอีกทีดีกว่า
มาร้านที่เป็นร้านอาหารนานาชาติครับ มีอาหารทุกประเภทซึ่งแน่นอนว่าพี่คลินก็ยังเลือกกินอาหารไทยเหมือนเดิม
ผมเลือกกินเป็นสเต๊กครับ คนละขั้วกับเขามากอ่ะ
“พี่คลิน แอลว่าช่วงนี้จะย้ายมาอยู่คอนโดดีกว่า พ่อกับแม่จะไปดูงานอีกแล้วแต่คราวนี้ไปเป็นเดือนแหนะ”
คอนโดผมมันใกล้มหาลัยมากกว่าอ่ะครับ ไม่อยากอยู่คนเดียวที่บ้านเลยกะว่าจะมาอยู่คอนโดลากพวกเพื่อนๆผมมาอยู่ด้วยดีกว่า
“อยู่บ้านก็ดีแล้ว” พี่คลินเงยหน้าจากการทานข้าวมาคุยกับผม
“ไม่อยากอยู่คนเดียวนี่นา เดี๋ยวเรียกพวกไอ้มิว ไอ้เพ้นท์ ไอ้ตรีมาอยู่ด้วย”
“อยู่บ้านก็มีป้าสา มีคนงานตั้งเยอะ ทำไมต้องมาอยู่คอนโด อันตราย” เขาดูจริงจังกับเรื่องนี้มาก
“หืม อันตรายตรงไหน ไม่หรอก” ผมแย้งเขาออกไป ผมว่ามันก็ไม่อันตรายนะครับ ความปลอดภัยของคอนโดก็เยี่ยม
ที่ที่ผมอยู่ก็ไม่ได้เปลี่ยวอะไรด้วย
“งั้นก็มาอยู่กับพี่”
“ห๊ะ?” เพราะเขาพูดออกมาแบบเฉยๆเรียบๆผมก็เลยสงสัยนิดหน่อยว่าเขาพูดจริงหรือเปล่า
“งั้นก็มาอยู่ที่คอนโดพี่ เพื่อนแอลจะได้ไม่ลำบากย้ายของมาอยู่ด้วย คอนโดพี่ก็ไม่ได้ไกลจากมหาลัยแอลมากด้วย”
คอนโดพี่คลินก็ไม่ได้ใกล้กับมหาลัยมากหรอกครับ แต่ก็ใกล้กว่าที่บ้านผม
“อืม...ก็ได้ อยากให้แอลไปอยู่ด้วยล่ะสิ ใช่ไหมๆ” ผมถามอย่างหยอกเขาหน่อยๆ
“เปล่า หลงตัวเอง”
“โหว พี่คลินอ่ะ โกหกบ้างก็ได้” ผมบ่นให้เขา เขาส่ายหน้าน้อยๆแล้วก็ดุว่าให้ทานข้าวต่อได้แล้วผมเลยทานข้าวของผมต่อ
เดี๋ยวต้องกลับบ้านไปบอกแม่กับพ่อซะแล้วว่าระหว่างที่ท่านไม่อยู่ผมจะไปค้างกับพี่คลิน อิอิ
ผมไม่ได้ใจง่ายเกินไปหรอกใช่ไหม แค่คิดว่าผมจะเจอกับเขาทุกวัน กินข้าวด้วยกันทุกวัน หัวใจก็พองโตขึ้นมาแล้ว
“พี่คลิน ทำไมไม่ใช่ซอสยี่ห้อนี้หล่ะ” มาเลือกของใช้เข้าห้องกันครับ ตอนนี้อยู่โซนพวกซอส
“ตัวนั้นมันไม่เหมาะกับการปรุงรส เหมาะกับการจิ้มกับอย่างอื่นมากกว่า” โหว ซอสนี่มีประเภทแบบนี้ด้วย ผมไม่เคยรู้เลย
เห็นที่บ้านใช้ยี่ห้อนี้มันก็อร่อยดีนะครับแต่ส่วนมากจะเห็นวางอยู่บนโต๊ะอาหาร ผมไม่ค่อยเข้าครัวด้วยแหละ
เลยไม่รู้ว่าเขาใช้มันปรุงอาหารด้วยไหม ผมมองดูคนตัวสูงมาเลือกของเข้าห้องโดยที่ได้แต่มองครับ
เพราะไม่มีความรู้ด้านนี้ซักเท่าไหร่ พอถามว่าทำไมถึงรู้เรื่องของใช้พวกนี้ดี เขาบอกว่าชอบทำอาหารกินเอง
ชอบอะไรก็ใส่ได้ตามใจอยากกินแบบไหนก็ได้มันสะดวกกว่า ผมก็ได้แต่เออออแล้วเข็นรถให้เขาได้เลือกของอย่างเดียว
ซื้อเสร็จนี่ก็เต็มรถเลยครับ กว่าจะขนมาได้ก็เหนื่อยเล็กน้อยครับ ก็คนที่ขนมันเขานี่นา ผมก็ถือแค่เล็กๆน้อยๆเท่านั้นเอง
“ฮ๊า ร้อนๆๆๆ” พอเข้ามานั่งในรถปุ๊บผมก็ถลาใส่แอร์รถทันที อากาศที่บ้านเรานี่สุดๆจริงๆ
“เดี๋ยวก็ปวดหัว อากาศร้อนมากๆแล้วเข้ามาหันแอร์ใส่หน้าตัวเองแบบนี้” ร่างสูงบ่นให้ผมเล็กน้อยแล้วก็เอาทิชชู่มาซับเหงื่อ
ตามไรผม การกระทำที่ทำให้ผมรู้สึกอุ่นๆไปทั้งใจ
“ก็แอลร้อนนี่นา”
“แต่หันแอร์ใส่ตัวเองแบบนี้เดี๋ยวไม่สบาย”
“คร้าบบบบบบ โอเคๆ งั้นหันออกก็ได้” ผมเลยกันแอร์ออกจากหน้าแต่ก็ยังถูกตัวอยู่ดี เดี๋ยวคนตรงหน้าจะบ่นไม่หยุด
เขาเอาทิชชู่ทิ้งขยะเล็กๆที่หลังรถแล้ว ผมหันไปเห็นเหงื่อเล็กๆของเขาเหมือนกันเลยดึงทิชชู่มาเช็ดหน้าให้
ร่างสูงดูชะงักไปเล็กน้อย
“เหงื่อออกแหนะ” ค่อยๆซับเหงื่อไปตามโครงหน้าของพี่คลิน
“อ๊ะ เสร็จแล้ว” ผมเอี้ยวตัวไปด้านหลังเพื่อทิ้งทิชชู่ พอหันหน้ากลับมาก็สะดุ้งเล็กน้อยเพราะสัมผัสจู่โจมเข้าที่ริมฝีปาก
โดยที่ผมไม่ได้ตั้งตัว พอตั้งสติได้ก็ตอบรับจูบนั้นกลับไปพร้อมกับหลับตาลงเพื่อซึมซับความรู้สึกนี้
สัมผัสที่กี่ครั้งหัวใจผมก็เต้นแรง แต่ก็งงๆหน่อยที่อยู่ดีๆพี่คลินก็จูบผมซะงั้น แต่ตอนนี้ไม่คิดอะไรแล้วครับ
สมองล่องลอยไปกับสัมผัสของคนตรงหน้า
จุ๊บ~
พี่คลินกดจูบลงมาหนักๆครั้งสุดท้ายกอดผละออกไป ผมรีบโกยอากาศเข้าปอดอย่างเร็ว
แล้วก็เขินจนต้องซบหน้ากับไหล่แข็งแรงของคนตรงหน้าพี่คลินกดจูบเบาที่หลังคออีกสองสามที ง่ะ เขินอ่ะ>////<
“อยากจูบเฉยๆ” ลมหายใจร้อนเป่ารดที่คอผม
“อืม ก็ไม่ได้ว่าอะไรซะหน่อย” ผมอุบอิบบอกไป ผมยังกอดเขาอยู่อย่างนั้นซักพักก่อนจะผละออก
คิดว่าหน้าตัวเองต้องแดงมากแน่ๆ พี่คลินมองหน้าผมก่อนจะเลื่อนมือมาลูบแก้มเบาๆ
“ออกรถได้แล้ว” ผมบอกไปพร้อมกับหลบสายตาคนตรงหน้า ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอก่อนที่พี่คลินจะผละออกไป
รถก็ค่อยๆเคลื่อนออกจากที่จอดรถ บนรถเราไม่ได้คุยอะไรกัน มีเพียงความเงียบและเสียงแอร์ทำงานเบาๆ
แต่ผมกลับอิ่มเอมใจกับความเงียบนั้น
“พี่คลิน ทำไรอ่ะ” พอเก็บของอะไรเรียบร้อยแล้ว พี่คลินก็ยังไม่ออกไปซะทีเห็นเขาหยิบหม้อเล็กๆออกมาด้วย
“ว่าจะทำวุ้นกะทิ ออกไปรอข้างนอกก่อนไป”
“หืม พอดีเลย แอลอยากกิน” ผมอยากกินพอดี ไม่ได้กินนานแล้วครับ
“งั้นก็ไปรอข้างนอกก่อน ทำแป๊บเดียว”
“มันทำง่ายเหรอ?” ผมถามออกไป ดูเขาพูดเหมือนมันจะใช้เวลาเพียงสั้นๆ
“อืม ไม่ยากหรอก แต่ต้องรอมันแข็งตัวแล้วก็ค่อยแช่ตู้เย็นให้มันเย็น” เห็นเขาเตรียมพวกอุปกรณ์ แม่พิมพ์อะไรออกมาด้วย
ผมเลยคิดว่าไม่กวนเขาแล้วดีกว่า
“งั้นแอลไปดูโทรทัศน์รอนะ”
เขาพยักหน้าแล้วก็ง่วนกับการเตรียมของของเขาไป ผมไม่อยากกวนหรอกครับให้เขาทำไปดีกว่า
เลยเดินออกมาดูโทรทัศน์รอ
“หูย อร่อยดีอ่ะ วันหลังสอนแอลทำอาหารง่ายๆบ้างดิ” ผมกินวุ้นที่พี่คลินเอามาให้ รสชาติกำลังดีเลยครับ
ไม่หวานจนเกินไป หอมกะทิด้วย อร่อยมากอ่ะ
“ถ้าอยากทำเดี๋ยวพี่สอน”
“ดีเลยๆๆ” ผมกินเยอะกว่าคนที่ทำซะอีก พอตอนจะกลับพี่คลินก็ยกกล่องวุ้นออกมาให้ บอกว่าให้เอาไปให้คนที่บ้านกิน
โอ๊ย...อะไรจะเป็นพ่อบ้านพ่อเรือนขนาดนั้น พอเดินเข้ามาในบ้านก็เอากล่องขนมให้ป้าสา
“คุณคลินนี่เก่งนะคะ ทำขนมหวานได้ด้วย เด็กสมัยนี้น้อยคนนะคะที่จะทำอาหาร”
“นี่ป้าสาว่าแอลอยู่รึเปล่าอ่ะ”
“เปล่านะคะ ป้ายังไม่ได้ว่าอะไรคุณแอลเลย ไม่เอาละค่ะ...ป้าไม่คุยกับคุณแอลแล้ว ป้าไปตรวจความเรียบร้อยของบ้านดีกว่า”
แล้วป้าสาก็เดินไปตรวจความเรียบร้อยอย่างปกติ ผมก็เดินขึ้นห้องมาอาบน้ำ เสร็จแล้วว่าจะนอนอ่านหนังสือซะหน่อย
เพราะมีสอบย่อยวันพุธแต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นก่อน
“ฮัลโหล”
(พี่ถึงห้องแล้ว แอลทำอะไรอยู่?)
“แอลกำลังจะอ่านหนังสือ อาทิตย์หน้ามีสอบย่อยอ่ะ”
(อืม งั้นก็อ่านหนังสือต่อซะ พี่ก็จะอาบน้ำ เดี๋ยวก่อนออกไปดูผับพี่จะโทรหาอีกที)
“ครับ”
แค่นี้ล่ะครับ ผมแค่อยากรู้ว่าเขาถึงบ้านแล้วจริงๆเลยย้ำให้เขาโทรมาถ้าถึงห้องแล้วหลังจากที่มาส่งผม
พอวางสายก็ตั้งใจมาอ่านหนังสือของตัวเองต่อ จมอยู่กับการอ่านหนังสือ เล็กเชอร์ส่วนสำคัญ
ตรงไหนที่คิดว่าอาจารย์จะออกก็เน้นเอาไว้ จนได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกที ผมเลยวางหนังสือที่อ่านอยู่ลง
(พี่จะออกไปดูผับแล้วนะ)
“กลับมาแล้วข้อความมาบอกแอลด้วยนะ”
(ครับ)
พอวางสายเสร็จก็กลับมาอ่านหนังสือต่อจนไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยไปตอนไหน ดูนาฬิกาก็ตี1กว่าๆแล้วเลยวางหนังสือ
เดินเข้าไปแปรงฟันล้างเท้าเพื่อจะเข้านอน แล้วก็ส่งข้อความบอกคนที่ทำงานอยู่ว่าผมจะนอนแล้วถ้าเขาเสร็จงาน
ให้ข้อความมาบอกผม พร้อมกับบอกฝันดีล่วงหน้าเขาไปด้วย แล้วก็ได้รับข้อความตอบรับกลับมาว่าฝันดีเช่นกัน
ถ้าเสร็จงานเดี๋ยวเขาข้อความมาบอก พออ่านข้อความเสร็จผมจะปิดไฟอะไรให้เรียบร้อยแล้วก็เข้านอน
----------------------------------------------------------------------------
มาแล้วค่าาาาาาา ไปหาหมอแล้วไม่เป็นไรมากค่ะ โล่งเลยยยยยยยยย(หมอบอกว่าเส้นเอ็นขากรรไกรอักเสบ) มาต่อแล้วเนาะ มีความคิดเห็นยังไงคอมเม้นต์มาได้เช่นเคยค่ะ จะบอกว่าช่วงสองสามวันที่ผ่านมานอกจากจะป่วยยังมีเรื่องให้คิดเพิ่มด้วยเนื่องจากคนแต่งเป็นแฟนคลับEXO ใครเป็นอซฟ.น่าจะรู้เนาะว่าเรื่องอะไร(ขอเม้านิดนึงเผื่อมีแฟนคลับEXO>>>เค้าอยากระบาย><) คนแต่งไม่โทษใครทั้งนั้นสำหรับเรื่องนี้ เสียใจไหม? บอกเลยว่ามากค่ะ อยากเห็นคนทั้ง12คนมีความสุข เห็นเขาทุกข์เรายิ่งทุกข์ ถ้าสิ่งที่เขาเลือกคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขาเราก็พร้อมสนับสนุน ทุกคนมีเหตุผลเป็นของตัวเองเสมอ ถ้าเลือกได้ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น สำหรับคนแต่งแล้วยังไงก็จะรักผู้ชายทั้ง12คนนี้ตลอดไป จะสนับสนุนพวกเขาต่อไปแน่นอนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม...เพ้ออารายยยยยยยยยย~ ขอระบายนิดนึง มันอัดอั้นอ่ะ ใครรำคาญก็ขอโทษนะคะ
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์ ทุกคนที่เข้ามาอ่านมากๆค่ะ