ตอนพิเศษที่ 6 เช้าที่ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม แม้จะแสดงสีหน้าท่าทางปกติแต่ทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิม ในใจของผมรู้ วาดเองก็คงรู้ ตอนเช้าที่ลุกขึ้นมาเตรียมอาหารเช้าให้ผมก็มีแค่รอยยิ้มและการถามไถ่ปกติ แต่เรากลับไม่พูดเรื่องที่เราคิด ไม่พูดในสิ่งที่เรากังวล อาจเพราะรู้ว่าอีกคนจะไม่สบายใจ ทั้งวาดทั้งผมคงคิดแบบนั้น
“ หมอเซฟ หมอเซฟ " เสียงที่เรียกผมอยู่นาน เงยหน้าขึ้นตอนที่รู้ว่าใครเรียกผมก็ก้มหน้าก่อนจะยิ้มให้
“ ครับ หมอติน "
“ เหม่ออะไร "
“ เปล่าครับ " ผมปฎิเสธอีกคนก็ยิ้ม
“ ไม่จริงซะแล้วมั้ง " หมอตินที่หยิบแฟ้มคนไข้ผมที่เผลอถอนหายใจออกมาดูเหมือนจะทำให้อีกคนรู้ไปหมดว่ากำลังคิดอะไร " เครียด เรื่องวาดจะไปเรียนต่อเหรอ "
“ รู้กันหมดแล้วสินะครับ "
“ วาดเองก็วางแผนไว้นานแล้ว ว่าจะเรียนต่อเฉพาะทางเรื่องทันตกรรมเด็ก ตอนแรกจะเรียนที่ไทย แต่พ่อก็ออกความเห็นว่าไปเรียนเมืองนอกน่าจะดีกว่า จะได้เพิ่มความรู้ใหม่ๆ " ผมยิ้มตอนที่หมอตินบอกแบบนั้น ก็รู้อยู่แล้วว่ามันดี มันดีต่ออนาคต มันดีต่อวาด แต่มันไม่ดีต่อผม " หมอคงไม่คิดจะไม่เห็นด้วยหรอกนะ มันดีต่อวาดหมอเองก็น่าจะรู้ดี "
“ ครับ ผมทราบ " มันเป็นเรื่องของทางครอบครัว ผมเป็นแค่แฟน ไม่ใช่พี่ ไม่ใช่พ่อแม่ ไม่สามารถที่จะแสดงความเห็นแก่ตัวแบบแฟนกันสามารถทำได้อยู่แล้ว ' ไม่อยากให้วาดไปครับ ผมไม่อยากห่างเค้า ' ความคิดเห็นที่คิดได้แค่ในใจ แสดงออกไปให้วาดเห็นได้คนเดียวแบบนั้น น่าอึดอัดชะมัดที่ต้องมาพูดอยู่ตรงนี้ " ขอตัวไปตรวจคนไข้ก่อนนะครับ "
ตัดสินใจเดินออกมาจากการสนทนานั้น ผมที่เดินตรวจคนไข้ในห้องไอซียู มองดูผู้ป่วยที่มีอาการหนักที่ญาติบางท่านก็รออยู่ข้างนอกนั่น เพื่อรอให้เค้าได้ออกไปจากห้องนี้เสียที คนป่วยของผมคนนึง เธอเป็นผู้หญิงสวยที่มีคนรักอยู่แล้วแต่เพราะเกิดอุบัติเหตุรถชนทำให้เธอกระเด็นออกนอกรถอาการบาดเจ็บสาหัส อาการตอนนี้ก็ยังคงทรงตัว
สำหรับผม ความตายอยู่ใกล้เกินกว่าจะคิดว่ามันคือเรื่องเล็กๆ เวลาทุกช่วงวินาที มีค่าเสมอ และผมไม่อยากเสียไปสักนิด เพราะเราจะไม่รู้เลยว่า เวลานั้นจะหมดลงเมื่อไหร่ บางครั้งมันก็มาแบบไม่ให้เรารู้ตัว รวดเร็วเกินกว่าจะตั้งรับ ได้ไหว
' เรากำลังจะแต่งงาน ช่วยเธอด้วยนะครับหมอ ' นั่นคือคำว่าผู้ชายหน้าห้องที่กำลังรอเธออยู่พูดกับผม แต่หมอไม่ใช่เทวดา แม้จะทำทุกอย่างแล้วถ้าไม่รอดก็คือไม่รอด อาจจะฟังดูใจร้าย แต่นั่นก็เรื่องจริง
“ หมอคะ "
“ ครับ " หันไปหาพยายามที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอยิ้มก่อนจะถาม
“ วันนี้หมอเหม่อๆนะ คิดถึงหมอวาดเหรอ "
“ ครับ กำลังคิดถึงหมอวาด " ผมตอบเธอก็ยิ้มกว้าง
“ หื้มมมม น่าอิจฉาจริงๆเลย ยังมายิ้มหล่ออีก คนโสดตาร้อนเป็นไฟแล้วนะคะ " เธอพูด " แล้ววันนี้หมอวาดไม่เข้าเวรเหรอ "
“ ไม่ครับ "
“ ได้ข่าวว่าหมอวาดจะไปเรียนต่อเฉพาะทางเหรอคะ หมอ "
“ ข่าวไวจังนะครับ " ผมแซว
“ แอบได้ยินหมอคุยกับหมอตินนะคะ "
“ ก็คิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้นแหละครับ " ผมตอบก่อนจะยิ้ม ขาที่เดินเลี่ยงไปตรวจคนไข้เตียงอื่นผมถอนหายใจออกมา แน่นอนว่าต้องตอบคำถามนี้อีกหลายรอบแน่ๆ คำถามที่ทำให้รู้สึกแย่เข้าไปอีก
ช่วงเวลาเลิกงานที่เกินเวลาไปเกือบสามขั่วโมงเพราะต้องเข้าผ่าตัด ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเช็คตอนที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับบ้าน ผมพบว่ามีสายโทรศัพท์จากวาดโทรเข้ามาหลายสาย ข้อความก็ด้วย
' วันนี้อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ยจะทำให้กินนะ '
' วันนี้วาดไม่เข้าเวรที่คลีนิค หมอจะกินอะไรมั้ย '
' ผ่าตัดอยู่เหรอ '
' หมอ รีบกลับบ้านนะ วาดรออยู่นะ '
ผมสะดุดกับข้อความสุดท้ายที่อีกคนส่งมา ก่อนจะกดโทรออกหาอีกคน เสียงรอสายที่ดังอยู่นานกว่าอีกคนจะกดรับ " หมอ เพิ่งเลิกงานเหรอ "
“ อื้ม มีอะไรครับ วันนี้ไม่เข้าเวรเหรอ "
“ ไม่อยากเข้าน่ะ เลยขอลาไป หมออยู่ไหนแล้ว "
“ กำลังกลับบ้าน "
“ งั้นก็ขับกลับมาดีๆนะ ไม่ต้องรีบ "
“ ครับผม " ผมตอบรับอีกคนก่อนจะวางสาย แอบยิ้มกับความห่วงใยเล็กๆนั่นก่อนจะขับรถกลับบ้าน คอนโดสูงที่ผมขับมาถึง เคาะประตูห้องที่รอไม่นานก็ถูกเปิดออก
“ กลับมาเร็วจัง หมอ ขับเท่าไหร่เนี้ย "
“ 180 “ ผมตอบ
“ จริงเหรอ "
“ ถนนกรุงเทพคงขับได้หรอก 180 นี่พูดอะไรเชื่อไปหมดเลยใช่มั้ย " ผมดึงตัวเองเข้าไปกอดอีกคน วาดก็กอดกลับ " ทำไมวันนี้ไม่ไปทำงาน "
“ ไม่อยากทำ "
“ กลายเป็นคนนิสัยแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ " ผมแซว วาดก็หัวเราะ อาจเพราะอีกคนขยันมาตลอดวาดไม่เคยหนีงาน ไม่เคยลา ขยันซะจนบางทีผมก็อยากจะให้อีกคนขี้เกียจบ้าง
“ ก็มันเบื่ออะหมอ ไม่อยากไป อยากอยู่เฉยๆ "
“ ลาออกจากการเป็นหมอฟันแล้วมาเป็นแม่ไอ้ทีสเฉยๆที่บ้านมั้ยละ ไม่ต้องไปเมืองนอกด้วยนะ " ยื่นข้อเสนอให้อีกคนไปวาดก็หัวเราะ
“ ต้องเหงาแน่เลยเพราะหมอไม่ค่อยว่าง "
“ อยู่กับทีสไง จะเหงาได้ไง "
“ หมอ วันนี้วาดทำสปาเก็ตตี้คาโบนาร่าที่หมอชอบไว้ด้วยละ กินเลยมั้ย " วาดเปลี่ยนเรื่อง ผมก็พยักหน้า ปลดเนคไทลงก่อนจะดึงเสื้อออก นั่งลงตรงเก้าอี้ที่โต๊ะอาหาร กลิ่นหอมอ่อนๆของสปาเก็ตตี้จานโปรดก็วางลงตรงหน้า สองจาน
“ หน้าตาน่ากินเหมือนคนทำเลย "
“ อร่อยมากด้วยแหละ บอกเลย " วาดก่อนจะยิ้มกว้าง เรากินสตาเก็ตตี้ที่อยู่ตรงหน้า วาดเป็นคนทำอาหารอร่อยไม่ว่าอะไรที่ผมชอบอีกคนก็ทำได้อร่อยเสมอ เราก้มหน้ากินกันเงียบๆวาดก็ยื่นมือมาจับมือผมที่ตั้งไว้นิ่งๆบนโต๊ะ
“ อ้อนจังนะ วันนี้น่ะ " ยกมือขึ้นบีบจมูกอีกคนวาดก็ย่นจมูกใส่ " วาด "
“ หื้ม "
“ พ่อบอกรึยังว่าจะไปเรียนที่ไหน "
“ อเมริกา "
“ ไปก็ดีแล้ว " ผมบอกอีกคนที่ก็เงยหน้าขึ้นมา " จะได้มีประสบการณ์เยอะๆ ได้ทั้งภาษา แล้วก็ความรู้ ได้เพื่อนใหม่ แต่ห้ามได้แฟนใหม่กลับมานะ "
“ ไม่ได้หรอกน่า แต่หมอ โอเคแล้วเหรอ "
“ ทำไมจะไม่โอเคละ " เว้นเสียงตอนที่ผมวาดแบบนั้น ผมก็ทำเป็นหัวเราะออกมาให้อีกคนสบายใจ " ก็ใช่ ที่ตอนแรกเงียบไป คงเพราะตกใจเฉยๆน่ะ แต่ตอนนี้มันก็โอเคแล้ว พอมาคิดว่า วาดจะได้ประสบการณ์มากมาย ก็คิดว่าคุ้มอยู่นะ อยากเรียนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ "
“ ก็อยากเรียนแหละหมอ แต่ไม่คิดว่าพ่อจะให้ไปเมืองนอกจริงๆ " อีกคนตอบก่อนจะถอนหายใจออกมา " ผมน่ะ อยากเรียนแค่ในประเทศนี่น่า ไม่ได้อยากไปเมืองนอกสักหน่อย "
“ แปลกคน " หัวเราะออกมา วาดก็ถาม
“ แปลกยังไงล่ะ"
“ ก็มีแต่คนอยากเมืองนอก มีแต่คนนี้ละมั้ง ที่ไม่อยากไปน่ะ "
“ ก็คนนี้มีแฟนแล้วนิ คนนี้ก็เลยไม่อยากจากแฟนไปไหน " นิ้วชี้ ชี้เข้าหาตัวเองผมเผลอยิ้มออกมา วาดก็ก้มหน้าลงกินอาหารในจานต่อ ผมยอมรับว่าตัวเองเก่งแต่ปากและพูดออกไปแบบนั้นให้อีกคนสบายใจ ถ้าเรายังอยู่ในอารมณ์นี้ คนที่ไม่สบายใจที่สุดก็ดูเหมือนจะวาด
“ ไปนั่นแหละดีแล้ว ก็แค่อเมริกา เดี๋ยวว่างเมื่อไหร่จะบินไปหาบ่อยๆ "
“ หาเวลาโทรศัพท์หากันให้ได้บ่อยๆก่อนเถอะครับ ค่อยมาพูด " คำพูดตอบกลับที่มาพร้อมกับการยู่หน้าใส่ผม ส่ายหน้ากับความน่ารักนั่นก่อนจะบ่นออกไปตามประสา
“ ร้ายนักนะ "
“ กินเถอะครับ มัวแต่พูดมากของในจานเย็นหมดแล้วมั้ง "
“ ครับผม " ก้มหน้าลงกินอาหารในจานต่อจนหมด วาดเป็นคนทำความสะอาดจานและของทั้งหมดอีกครั้ง ส่วนผมก็ขอตัวออกมาอาบน้ำพร้อมกับหยิบเบียร์เข้าไปกินสองกระป๋อง
เดินเข้าไปในห้องนอน ผมเปิดม่านตรงมุมประตูกระจกที่ริมระเบียงก่อนจะเดินไปออกนั่งบนเก้าอี้ยาว วางเบียร์สองกระป๋องลงข้าวตัว ไม่ลืมหันไปเช็คว่าประตูและผ้าม่านได้ปิดลงสนิทแล้ว เพราะวาดไม่ชอบกลิ่นบุหรี่
“ ขอสูบสักตัวสองตัวเถอะนะ " ผมบอกกับตัวเองตอนที่เปิดกล่องเหล็กของตัวเองที่บรรจุบุหรี่เอาไว้ ผ่อนคลายอารมณ์กับความรู้สึกของตัวเองออกไปกับวิวที่อยู่เบื้องหน้า
ควันขาวที่ลอยออกไป ผมทำได้แค่นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย คิดถึงความรู้สึกของเราทั้งคู่ที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ คิดถึงตอนที่ไม่มี แล้วก็คิดถึงตอนที่หายไป คิดถึงเตียงที่ว่างเปล่า ห้องที่ว่างเปล่า คิดถึงทุกอย่างที่ยังไม่เกิดจนทำให้สมองหมุนไปหมด
“ ไหนบอกจะอาบน้ำไงครับ " เสียงทักที่ทำให้ผมทิ้งบุหรี่ที่ตัวเองกำลังสูบทันที เท้าที่ยื่นไปขยี้มัน วาดหัวเราะก่อนจะเดินมานั่งข้างๆ " ต้องขนาดนั้นเลยเหรอหมอ "
“ ตกใจ มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง "
“ ขวัญอ่อนไปได้ " ยื่นมือมาลูบผมข้างหูของผมตอนที่พูดคำนั้น ใบหน้าหวานที่อยู่ใกล้กัน ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกคนตอนที่หมายจะจูบลงบนแก้มอีกคนวาดก็ยื่นิ้วชี้มาปิดปากผมเอาไว้ " เหม็น "
“ เมื่อก่อนไม่เห็นขี้บ่นแบบนี้เลย " เมื่อก่อนต่อให้สูบแค่ไหนอีกคนจะแค่พูดว่า ให้สูบน้อยๆหน่อยก็เท่านั้น ไม่เคยบอกว่าเหม็นอะไรแบบนี้ให้เห็น ไม่แม้จะทำสีหน้าดุๆ ตอนผมสูบบุหรี่
“ ก็ไม่อยากให้หมอสูบบุหรี่ อยากให้หมอสุขภาพดี อยู่กับวาดไปนานๆ "
“ เหมือนเด็กตัวเล็กๆ กำลังขอให้พ่อเลิกสูบบุหรี่เลย " ผมแซว วาดที่หันมาถอนหายใจใส่ ผมแกล้งหันไปทางอื่น
“ ก็คงจะเป็นแบบนั้นมั้ง หมอเป็นหมอก็ย่อมรู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ว่ามันดีกับร่างกายตัวเองมั้ย พักผ่อนก็น้อย ทำงานก็หนัก ผมก็แค่เป็นห่วงเท่านั้นแหละ " วาดเริ่มบ่น " ถึงจะรู้ว่ามันพูดไปก็ช่วยอะไรไม่ได้เท่าไหร่ก็เถอะนะ "
“ แล้วถ้าเครียดอยากจะสูบจะทำยังไงละ "
“ ไม่รู้สิ กินลูกอมมั้ยละ " ลูกอมรสนมเม็ดนึงถูกยื่นมาให้ วาดแกะมันก่อนจะป้อนผม " อร่อยมั้ย "
“ รสชาติเหมือนในปากวาดเลย " คงเป็นลูกอมรสที่อีกคนกินบ่อยๆ วาดพยักหน้ารับ " เป็นหมอฟันแต่ชอบกินลูกอม รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอว่ามันทำให้ฟันผุ "
“ ถ้าไม่เคี้ยวก็ไม่ผุหรอกครับ ถ้าแค่อมก็ไม่ผุหรอก " วาดเถียง ผมก็เถียงกลับ
“ บุหรี่ก็เหมือนกัน ถ้าไม่สูบบ่อยก็ไม่เป็นอะไรหรอก "
“ ยังมีตอนที่ผมไม่เห็น ตอนที่หมออยู่คนเดียว ตอนที่หมอแอบสูบ ไม่เยอะเหรอครับ ปากก็เหม็น ตับก็ไม่ดี เหงือกก็ดำ เปลืองตังค์ด้วย มีอะไรดีบ้าง "
“ งั้นถ้าเครียดสูบอะไรดี " ผมถาม " สูบวาดได้มั้ยละ "
ดึงอีกคนเข้ามากอด ผมก้มลงจูบปากสวยนั้นเบาๆ ตอนที่ดันลิ้นเข้าไปอีกคนก็เผยอปากเล็กน้อย วาดกลั้นหายใจกับกลิ่นบบุหรี่ของผม ตอนที่ผละริมฝีปากออกวาดก็จ้องหน้าผม
“ ว่าไง สูบบุหรี่ไม่ได้ ถ้าเครียดพี่สูบวาดแทนได้มั้ยละ "
“ ได้นะ " อีกคนพยักหน้าก่อนจะหันไปทางอื่น
“ แต่จะไปเมืองนอกแล้วไม่ใช่เหรอ หลังจากนั้นจะทำไงดีละ " ผมถาม วาดที่กำลังจ้องหน้าก็ถอนหายใจขึ้นมา
“ เรื่องนี้ใช่มั้ยที่ทำให้หมอต้องสูบบุหรี่ ที่บอกว่าไม่เป็นไร ไปเถอะ ก็แค่พูดให้ผมสบายใจใช่มั้ยครับ ไม่ได้คิดแบบนั้นจริงๆใช่มั้ย " สายตาที่กำลังเค้นความจริงออกมาจากปากผม " หมอ เรารักกันไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่พูดความจริงว่าตัวเองรู้สึกยังไง "
“ พูดไปมันมีอะไรดีขึ้นมาละ " มือของผมเอื้อมมือไปจับแก้มของวาด ไม่มีส่วนไหนในร่างกายนี้ที่ผมจะไม่ชอบเลย หน้าตา นิสัย รูปร่าง ทุกอย่างที่ประกอบมาเป็นคนนี้คือสิ่งที่ผมชอบมากที่สุด ทั้งชอบและรัก จนไม่อยากจะเสียหรือให้ห่างกายไปไหน
“ หมอ "
“ ถ้าตัดสินใจพูดความจริงออกไปตามความรู้สึก นายคิดว่ามันจะดีจริงๆเหรอ ความจริงที่บอกว่า ฉันไม่อยากให้นายไปไหน ฉันไม่อยากให้นายห่างฉันไป อยู่ที่นี่ได้มั้ย อยู่กับฉัน ไม่ไปได้มั้ย ทิ้งสิ่งอยากจะทำแล้วอยู่กับฉันได้มั้ย " ผมเว้นเสียงตอนที่วาดถอนหายใจก่อนจะก้มหน้าลง " นั่นคือสิ่งที่อยากจะพูด เห็นแก่ตัว แล้วก็เอาแต่ใจ ถ้าได้ฟังแล้วจะรู้ยังไงละ รู้สึกดีเหรอ วาดเอง ก็ห่วงความรู้สึกฉันมากเลยไม่ใช่เหรอ ที่ไม่ไปทำงาน ไม่ใช่เพราะว่า เครียดจนไม่อยากจะทำอะไร ไม่ใช่เหรอ แล้วแบบนั้น ฉันจะทำแบบนั้นได้ไง จะทำให้วาดรู้สึกแย่ได้ไง "
“ แต่ วาดก็ไม่อยากให้หมอปิดบังความรู้สึกของตัวเองนะ วาดไม่ได้อยากให้หมอฝืนสิ่งที่หมอรู้สึก ไม่อยากให้หมอปิดบัง เพราะวาดรู้ว่า หมอเองก็เครียด "
“ แล้วจะให้ทำไงดี " ผมถาม
“ แบ่งมาสิ ความเครียดของหมอน่ะ ถ้ารู้สึกอะไรก็บอกกัน ถ้ามันเครียดมากเราก็มาระบายมันออกมา เรามีกันและกันอยู่นะ ผมมีหมอ หมอเองก็มีผม ถ้าเรากลัวว่าระยะทางที่ไกลกันจะทำให้เราคิดถึงกัน ทำไมตอนนี้เราไม่ทำให้มันใกล้กันละ "
“ ยังไง " ลูบผมนุ่มๆของอีกคนที่ยิ้มกว้าง วาดขยับตัวมานั่งใกล้ๆผม ใบหน้าหวานที่หันมาหา มือที่ยื่นมาจับมือผมกุมเอาไว้
“ ถ้าเรารู้ว่าต้องห่างกันทำไมไม่ทำให้ตอนนี้เราใกล้กันมากๆละ เอาไว้เพื่อทดแทนเวลาที่เราจะห่างกันไง "
“ ของแบบนี้มันทดแทนกันไม่ได้หรอก " นั่นคือสิ่งที่ผมคิด ตอนนี้ก็คือตอนนี้ และตอนนั้นก็คือตอนนั้น มันทดแทนกันไม่ได้หรอก ตอนนั้นไม่มีก็คือไม่มี ยังไงก็ต้องคิดถึงกันอยู่แล้ว
“ หมอ "
“ ขอเวลาหน่อยเถอะนะ สองวันแรก ยังทำใจไม่ได้หรอก แต่อีกหน่อยก็ทำใจได้ "
“ จริงเหรอ " วาดถาม
“ จริงสิครับ ไปเถอะ นั่งตรงนี้นานๆ ยุงกัดนะ " ผมลุกขึ้นจากที่ที่ตัวเองนั่ง มือที่ดึงวาดให้ลุกขึ้น อีกคนก็ก้มหน้าเดินตามผมเข้ามาในห้อง " ไปอาบน้ำก่อนมั้ย "
“ หมออาบก่อนเถอะ "
“ วาด "
“ พอคิดตามที่หมอพูดแล้ว มันก็จริงนะ มันทดแทนกันไม่ได้หรอก " พูดแบบนั้นก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผม " บางทีก็ลืมไปแล้วว่า ตัวเองไม่ได้มีตัวเองเป็นเจ้าของคนเดียวอีกแล้ว ผมมีหมอเป็นเจ้าของอีกคนครึ่งนึงของผมด้วย "
“ ไปหัดพูดคำพูดแบบนี้มาจากไหนกัน หื้ม ? "
“ ขอโทษนะหมอ ที่บอกแบบไม่ทันให้ตั้งตัว "
“ จะบอกตอนไหนมันก็เหมือนกันแหละ ไม่ต้องคิดมากหรอก " ดึงอีกคนเข้ามากอด วาดเองก็ซบลงตรงไหล่ของผม " เดี๋ยวเราก็ทำใจกันได้ " เชื่อว่าแบบนั้นนะ
มันเป็นทั้งอนาคต และ โอกาสของอีกคน จะมาเสียไปเพียงเพราะผม หรือ วาด ที่ไม่อยากจากกันคงเป็นเหตุผลที่ดูไม่เข้าท่าเท่าไหร่นัก ผมยอมรับว่ากังวล กลัว แล้วก็สับสน ไม่อยากให้ไป ไม่อยากห่างกัน รู้สึกทุกอย่างรอบข้างมันว่างเปล่าไปแล้ว ทั้งๆที่เราเองก็ยังยืนกอดกันอยู่ตรงนี้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร เหมือนตัวเองใช้เหตุผลมากมายในการปลอบใจตัวเอง มันดีแล้ว มันดีต่อเค้า แต่น่าแปลกที่เหตุผลพวกนั้น กลับทำให้รู้สึกดีขึ้นไม่ได้เลย
“ เวลาจะช่วยทำให้ชินเหรอครับ " วาดถาม
“ ใช่ ก็อาจจะเป็นแบบนั้น แต่ไม่เป็นไรหรอก ตอนที่ยังอยู่ด้วยกันก็มาทำอะไรที่เป็นความทรงจำด้วยกันเยอะๆสิ "
“ อย่างเช่น "
“ อย่างเช่นแบบนี้ " ผมหอมเค้าที่ข้างแก้มวาดเอียงหน้าไปตามแรงหอมผมก็หอมแก้มเค้าอีกข้าง " วาด " ผมเรียกอีกคนเอาไว้ตอนที่จูบลงไปบนปาก สอดลิ้นชื้นเข้าไปในปากอุ่น ผมกอดเอวอีกคนไว้ก่อนจะล้วงเข้าด้านในวาดหดตัวก่อนผละริมฝีปากออก
“ หมอ อย่างเช่นแบบนี้ คือเรื่องนี้เหรอ "
“ เค้าเรียกว่าเป็นแค่ส่วนนึงในความทรงจำดีๆของเรา " บอกแบบนั้นก่อนจะกอดอีกคนที่ดึงตัวเองให้ออกห่างจากผมเข้ามาอีกครั้ง จูบลงบนต้นคอ ก่อนจะดันให้ขาเล็ก เดินถอยหลังไปที่เตียง ผมดันให้วาดนั่งลงด้วยการจูบ ก่อนแผ่นหลังขาวจะนอนราบลงกับเตียงกว้าง
“ ข้ออ้างชะมัด " ตอนที่ปลดกระดุมเสื้อก็ได้ยินคำพูดแบบนั้น วาดไม่ได้มองผมแต่กลับหันไปอีกทาง ยามผมค่อมเค้าไว้แล้วถอดเสื้อตัวเองออก
“ ไม่หรอก ใครว่าละ ไม่ใช่ข้ออ้างเลยสักนิด " ก้มลงจูบบนแก้มอีกคน วาดเอียงหน้าไปทางอื่นตอนที่ผมร่อนเสื้อเสื้อตัวที่เค้าสวมอยู่ขึ้นไป จุกสีสดกลางหน้าอกที่กำลังขึ้นแข็งผมจูบมันเบาๆ ก่อนจะใช้นิ้วบี้อีกบ้างอย่าเท่าเทียม
“ หมอ " วาดเกร็งหน้าอกขึ้นตอนที่ผมเลียไปรอบๆจุกนั้น กัดปากของตัวเองแน่นมือก็กำผ้าปูเตียงเอาไว้
ผละจูบที่หน้าอกลงไล่ลงต่ำไปเรื่อยจนถึงขอบกางเกง ผมดึงกางเกงยางยืดที่อีกคนที่ใส่ไว้นั่นลง วาดก็ยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองไว้ จะนานเท่าไหร่ก็เป็นแบบนี้เสมอ วาดเขินเกินกว่าจะมองสิ่งที่ผมกระทำแบบตรงๆ
“ ทำไมต้องปิดหน้าไว้ตลอด "
“ ก็มันเขินนี่ครับ หมอชอบมองกันด้วยสายตาแปลกๆ " อีกคนบอกแบบนั้น ยามที่ผมดึงขาเค้าให้ยกขึ้นมาพาดบนไหล่ พลางดันตัวเองให้ก้มลงจูบปากอีกคนอย่างดูดดื่ม ลิ้นที่วนไปทั่วโพรงปาก วาดกลืนน้ำลายตัวเองและเกร็งตัวเล็กน้อยตอนที่ผมสอดนิ้วเข้าไปในร่างของเค้า " อื้ออ "
“ สายตาแปลกๆยังไง สายตาที่อยากจะกลืนกินนายทั้งตัวนะเหรอ "
“ สายตาหื่นๆ อื้ออ "
ตอนที่ครางออกมาก็ยกแขนมากอดคอผมไว้แน่น แรงรัดที่บอกความเจ็บของอีกคนยามที่ผมสอดนิ้วทั้งสามเข้าไป ผมผละริมฝีปากออกจูบไปตามซอกคอยามที่นิ้วทั้งสามหมุนวนไปมาในช่องทางอุ่นๆของอีกคน วาดขมิบช่องทางหลังตอนที่นิ้วแตะลงตรงส่วนจุดกระสันของเค้า
“ ตรงนี้รึเปล่า "
“ หมอ ไม่เอา ไม่ทำแบบนั้น " พยายามใช้มือดันมือของผมออก ผมดึงอีกคนขึ้นมานั่งขยับให้วาดขึ้นมานั่งบนตัก ใบหน้าแดงๆที่เอาแต่ก้มหน้าซบไหล่ของผม ผมใช้นิ้วดันจุดกระสันให้อีกคนจิกนิ้วลงบนแผ่นหลังของผมแทนเตียงที่ยับย่น " อื้ออ ตรงนั้น หมอ มันเสียวนะ "
“ งั้นจะเอาแบบไหนดี "
“ อะไรแบบไหนดีละ " วาดถาม " อ๊าา หมอ พอแล้วอย่า ตรงนั้นมัน "
“ จะเสร็จด้วยนิ้ว หรือเสร็จด้วยอันนี้ดีละ " ผมจับมือวาดมาจับส่วนกลางของผม ตอนที่พยายามบังคับให้เค้าขยับขึ้นลงผมก็กดจุดกระสันในร่างเค้าไปด้วย
“ อ๊ะ.. หมอ "
“ อะไรครับ "
“ ใจร้าย รู้แล้วยังจะถาม " อีกคนบ่นก่อนจะกระซิบข้างหูผม " ก็ต้องตรงนั้นสิ "
“ เรียกพี่เซฟให้ชื่นใจหน่อย "
“ เรื่องมาก อ๊าา หมอ พอแล้ว " บิดบั้นท้ายไปมาด้วยความเสียวที่ผมกระทำ วาดก้มหน้าลงมามอง " พี่เซฟ "
“ น่ารัก " ผมชมก่อนดึงนิ้วตัวเองออก แล้วขยับร่างวาดให้ขึ้นมาใกล้ส่วนกลางที่ตั้งชัน ยกตัวอีกคนขึ้นเล็กน้อยเพื่อสอดส่วนกลางเข้าไปในร่างอีกคน วาดเกาะไหล่ผมไว้แน่นจิกลงไปในเนื้อจนแทบจะร่อนติดนิ้วออกมา
“ อื้ออ พี่เซฟ วาดเจ็บ อ๊า " ดันเข้าไปทีเดียวจนสุดอีกคนร้องลั่นในช่วงเวลานั้น ผมก็นิ่ง วาดก็หันมาจ้องหน้า ใบหน้าหวาดที่มีน้ำตาหยดใสคลออยู่มันคงเกิดจากความปวดร้าวเมื่อครู่ " พี่เซฟ "
“ ครับ "
“ ทำไมไม่ต่อ " อาจเพราะสอดเสร็จแล้วนิ่งไปวาดก็เลยถาม
“ อยากให้วาดต่อให้ " ผมว่าก่อนจะยกสะโพกอีกคนขึ้นแล้วดันลง " แบบนี้ครับ ทำให้พี่ได้มั้ย "
“ ไม่เอาหรอก ไม่เคยทำ " ปฎิเสธทุกครั้งที่ขอ ผมก็นิ่ง
“ งั้นค้างไว้แบบนี้ก่อน "
“ ได้ไงละครับ ทรมานนะ " บอกผมแบบนั้นก่อนจะกัดปากตัวเองแล้วมองผม " พี่เซฟ "
“ ก็แค่ขยับขึ้นลง " คำพูดง่ายๆของผมบอกอีกคนที่ก็เอาหน้าผากมาซบลงที่ไหล่และขยับขึ้นลงด้วยเสียงบ่นนิดๆ
“ หมอนะหมอ "
“ อย่างงั้นแหละครับคนเก่ง " ผมหอมแก้มเขา ยามที่มองหน้าอีกคนกำลังเคลื่อนไหวตัวเองขึ้นลงอย่างเชื่องช้า เสียงครางหวานๆพร้อมกับมือที่กอดรัดช่วงคอเอาไว้
“ อื้ออ หมอ "
“ ถ้าช้ามันจะยิ่งทรมานนะ " ผมบอก อีกคนก็ส่ายหน้า
“ ก็ทำไม่เป็นนิ "
“ ยั่วสิ เดี๋ยวจะทำให้ " ชอบที่สุดก็แกล้งอีกคนในเวลานี้ วาดกอดผมไว้หลังประโยคนั้น ก่อนจะกัดใบหูผมเบาๆแล้วกระซิบ
“ พี่เซฟทำให้วาดหน่อยสิครับ "
“ ใจอ่อนอีกแล้ว " ผมดันอีกคนลงนอนกับเตียงดันส่วนกลางที่กำลังให้จมลึกลงไปในร่าง จับมือทั้งคู่ของอีกคนไว้เหนือหัวแล้วดันส่วนกลางเข้าออกอย่างรวดเร็ว
“ หมอ อ่าา อ๊ะ อ๊ะ "
เสียงเนื้อกระทบกันมันดังลั่นห้องผมคว้าเอาขาสองข้างของวาดรวบด้วยมือเดียวแล้วดึงให้สูงบีบให้ช่องทางหลังเด่นชัดก่อนจะสอดส่วนกลางเข้าออกอย่างรวดเร็ว แรงโยกที่มาพร้อมเสียงครางยาวๆ มือบางคว้ากระชากผ้าปูเตียงมากำเอาไว้แน่น " หมอ อ๊าาา อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ หมอ อ๊าห์ "
แรงดันสุดท้ายที่อัดเข้าไปพร้อมกับน้ำขุ่นในตัว ผมปล่อยขาคู่นั้นลงข้างๆ ตอนที่ล้มลงไปนอนกอดจากข้างหลังไม่ได้ดึงส่วนกลางออกแต่อย่างใด แต่กลับขยับตัวสอดมันให้ลึกอีกครั้ง
“ หมอ ยังไม่พออีกเหรอ อื้ออ หมอ วาดเจ็บนะ "
“ ต้องทบต้นทบดอกเอาไว้ ยามที่เราคิดถึงกัน "
“ ถ้าแบบนั้น งั้นไม่อยากไปแล้วละ เมืองนอกน่ะ เปลืองตัวชะมัดเลย "
................................................................
เซฟวาดน่ารัก เป็นคู่รัก ที่รักกันมาก และน่ารักสุดๆ
ในตอนพิเศษพิเศษของหนมจะมีเซฟวาดประมาณ 5 – 6 ตอนนะคะ แต่จะอัพให้อ่านกันประมาณ 3 ตอน
เพราะงั้นตอนหน้าก็ยังเป็นเซฟวาดจ้ะ
ใครถูกใจ หนมฝากแท็ก #Choiceต้องเลือก ในทวิตด้วยนะคะ
ส่วนใครที่สนใจอยากอ่านอีก ตอนนี้กำลังเปิดรวมเล่มนะคะ
ใครสนใจสามารถอ่านได้ตามรายละเอียดนี้เลยจ้า
#ตอนพิเศษจะเป็นแนวน่ารักๆ อ่านแล้วยิ้มได้นะคะ
ประกาศ !! เปิดจองนิยายเรื่อง : Choice รักที่ต้องเลือก
เปิดจองและโอนเงินตั้งแต่วันนี้ – 20 สิงหาคม 2558
หนังสือสามารถจัดส่งได้ภายในวันที่ 15 กันยายน 2558
รายละเอียดของหนังสือ
ผู้เเต่ง : K.Kanom
ขนาด : A5 กระดาษถนอมสายตา
จำนวนหน้า : 1000+ ( หนังสือมีจำนวน 2 เล่ม )
แบ่งเป็นเนื้อหา
ตอนหลัก 44 ตอนจบ
ตอนพิเศษ 15 ตอน ( อาจมีบวกลบเพิ่มเติม )
- เรื่องราวของโรมอิน
- เรื่องราวของเซฟวาด ( 5 – 6 ตอน )
- เรื่องของเต
- เรื่องของไฟท์
ของเเถม : ที่คั่น , โปสการ์ด , สมุดโน๊ต
ราคา : 900 ( ไม่รวมค่าจัดส่ง)
ค่าจัดส่งแบบลงทะเบียน - 60 บาท
ค่าจัดส่งแบบ EMS - 85 บาท
รูปแบบหน้าปกหนังสือ
( ตัวอย่างภาพปกแบบร่าง การลงสียังเป็นแบบร่าง ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ )

เนื้อเรื่องย่อข้างหลังปก
สิ่งที่เรารักที่สุด ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะได้มาครอบครอง
สิ่งที่เราเลือก ก็ไม่ได้จำเป็นว่าจะต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
สิ่งที่เราเสียใจ ก็ไม่ได้จำเป็นว่าเราจะต้องจดจำ
สิ่งที่เรายึดติด ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะดีเสมอไป
เพราะ
สิ่งที่เห็น อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เป็น
สิ่งที่เป็น อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ใช่
สิ่งใช่ อาจจะไม่ใช่ สิ่งที่รัก
และ
สิ่งที่รัก ก็อาจจะไม่ใช่ สิ่งที่คงอยู่
Choice รักที่ต้องเลือก
วิธีการสั่งจองและโอนเงิน
1. กรอกรายละเอียดดังต่อไปนี้
ชื่อจริง – นามสกุล =
ที่อยู่ ( อย่างชัดเจนและโดยละเอียด ) =
จำนวนหนังสือที่ต้องการสั่ง =
อีเมล์ =
2. ส่งมาที่อีเมล์ fic.kanom@ฮอตเมล์.com
#คุณจะได้รับอีเมล์ตอบกลับ เรื่องรหัสผู้สั่งจอง เรื่องการโอนเงิน ( บัญชีธนาคาร ) และการแจ้งชำระการโอนเงินภายในอีเมล์ตอบกลับค่ะ
3. เมื่อโอนเงินแล้ว กรอกรายละเอียดดังนี้
รหัสผู้สั่งจอง
ชื่อจริง – นามสกุล
ที่อยู่
ภาพถ่าย สลิปบัตรการโอนเงิน
เวลาที่โอนเงิน
ส่งมาที่อีเมล์ fic.kanom@ฮอตเมล์.com
4. รอรับอีเมล์ตอบกลับ เป็นอันเสร็จสมบูรณ์
หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามได้ที่
ทวิตเตอร์ // @realkanom
เพจเฟสบุ๊ค // หนมมี่ผู้ใสซื่อ
#อีเมล์จะตอบกลับภายใน 3 วันนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
