บทที่ 29 I’ll aways support your side ตึกสูงระฟ้ารูปทรงแปลกตาโดดเด่นแสดงส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างวัฒนธรรมตะวันออกและตะวันตกชัดเจน โรงแรมใหญ่หรูหราใจกลางเมือง เป็นวิวในชีวิตประจำวันที่คุ้นตา
ที่ห้องประธานกรรมการชั้นบนสุด
“ธารจะต้องอ่านรายงานสรุปการประชุมบอร์ดของต้นเดือนที่แล้วให้เสร็จภายในครึ่งชั่วโมง แล้วพี่จะช่วยแปลเอกสารพวกนี้ให้เป็นภาษาอังกฤษก่อนที่เราจะเข้าประชุมบ่ายพร้อมกัน ส่วนรายงานข้อมูลของฝ่ายต่าง ๆ ในเดือนนี้พี่จะทำมาให้ธารใหม่ทั้งหมด อาจจะต้องดูมันก่อนกลับบ้าน อ้อ อีกอย่าง คืนนี้มีกำหนดการไปงานเลี้ยงการกุศลเพราะฉะนั้นพี่จะเลื่อนนัดที่จะต้องคุยกับฝ่ายพัฒนาของบริษัทออกแบบออกไปก่อน แล้วอย่าลืมว่าประชุมบอร์ดจะเริ่มตอนบ่ายสองโมงเพราะฉะนั้นงานทุกอย่างของธารจะต้องเสร็จเรียบร้อยก่อนบ่ายโมงครึ่ง”
ดวงตาคมกริบจ้องมองคนข้าง ๆ ที่กำลังก้มๆเงยๆชี้แจงโน่นนี่อย่างละเอียด วารินช่วยวางคิวงานและสานเรื่องที่เขาจำเป็นจะต้องทำทุกอย่างในแต่ละวันโดยไม่ลืมที่จะเผื่อไปถึงอนาคต พอบอกเสร็จแล้วก็ทำท่าจะเดินออกไป เขาจึงผลักกองแฟ้มเอกสารที่อยู่ด้านหน้าให้กับคนตัวเล็ก
“กองเอกสารพวกนี้ผมอ่านเสร็จหมดแล้ว พี่เอามันไปสแกนส่งให้กับฝ่ายบุคคลของโรงแรมที่เชียงใหม่ด้วยก็แล้วกัน”
วารินเงยหน้ามองเขาทันที เอกสารพวกนี้เขาเพิ่งเอาเข้ามาให้เจ้านายคนใหม่อ่านไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ ทำไมถึงไมถึงได้อ่านเร็วนัก
“ผมไม่มีปัญหานะ ถ้าจะต้องคุยงานกับฝ่ายพัฒนาฯก่อนเข้าร่วมงานการกุศลในตอนเย็น งานกินเลี้ยงแบบนั้นเข้าสายหน่อยคงไม่น่าเกลียดอะไรมั้ง คิวสัมภาษณ์ผมก็เริ่มช่วงดึกอยู่แล้ว ถ้าหากพี่แพลนงานให้ผมได้ แล้วอย่าลืมเตือนคุณอ้อเรื่องจดหมายส่งออกในช่วงบ่าย ใช่สิ...บริษัทวีพลัสขอนัดพรีเซนต์งานกับทางเราผมจะเข้าดูเองนะพี่อย่าลืมแทรกคิวงานให้ผมด้วย อ้อ...แล้วช่วยลงไปเอาเอกสารที่หลังรถให้ผมทีผมลืมมันไว้เมื่อเช้า ที่สำคัญโรงแรมของคุณลุงที่ญี่ปุ่นแฟ็กซ์มาขอข้อมูลของฝ่ายออแกไนซ์ตั้งแต่ช่วงเช้าแล้วเห็นว่ามีโปรเจ็คใหญ่จะต้องดิวกัน พี่มีอีเมล์ของเลขาคุณลุงผมแล้วใช่ไหม อย่าลืมตอบไปให้เรียบร้อย”
วารินยืนอึ้งอยู่หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ก้มลงหอบแฟ้มเอกสาร มองคนที่กำลังมุ่งมั่นต่องานแล้วอดที่จะอมยิ้มออกมาหน่อย ๆ ไม่ได้ ธาราธารเก่งมากจริง ๆ เขาสองคนเข้างานพร้อมกันในช่วงเช้า ศศิธรหอบเอาแฟ้มเอกสารทั้งหมดมากองไว้ให้ ธาราธารศึกษาแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็แจกแจงงานได้รอบคอบขนาดนี้ ถือว่าก้าวแรกของเขาทำได้ดีเอามาก ๆ
“ครับบอส”
ทันทีที่วารินพูดจบ เขาเงยหน้าขึ้นมองทันที คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างสงสัยทำไมวารินเรียกเขาแบบนั้น
“ต่อไปเวลาอยู่ที่ทำงานพี่จะเรียกธารว่า ‘บอส’ เพราะธารเป็นเจ้านายของพี่ แล้วขอความกรุณาให้ธารเรียกพี่ว่า ‘คุณทราย’ ด้วยนะครับ”
“ไม่! พี่อยากเรียกผมแบบไหนก็ตามใจ แต่ผมจะเรียกพี่แค่คำว่า ‘พี่ทราย’ เท่านั้น ไม่มีคำอื่นแทนได้อีก”
เขาส่ายหน้านิดๆ แววตาท้าทายวารินสุดขีดบอกให้รู้ว่า 'ไม่' ของเขาก็คือ 'ไม่' จริง ๆ ว่าแล้วก็ก้มลงไปสนใจงานของเขาต่อ วารินไม่อยากต่อความให้ยืดยาวจึงหอบเอาแฟ้มบางกองที่อยู่บนโต๊ะแล้วเดินออกมา
ห้องทำงานประธารกรรมการใหญ่บัดนี้เปลี่ยนเจ้าของกลายมาเป็นลูกชายคนเดียวของคุณท่านคนก่อน วารินนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานขนาดกลางหน้าห้อง เครื่องใช้อุปกรณ์สำนักงานครบครัน นี่คือโต๊ะตัวเก่าของเขา เมื่อเช้าที่มาถึงอดที่จะแปลกใจไม่ได้ โต๊ะของเขายังคงวางอยู่ในตำแหน่งเดิมไม่ได้ถูกเคลื่อนย้ายออกไปแต่อย่างใดรวมถึงข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่าง เมื่อสอบถามจากศศิธรเลขาอีกคนที่โต๊ะหันหน้าเข้าหากันจึงได้ความมาว่า ธาราธารสั่งไว้ตั้งแต่คราวก่อนว่าไม่ให้ย้ายโต๊ะตัวนี้ออกไป
“ทราย ไปทานข้าวเถอะ เที่ยงกว่าแล้วนะ เดี๋ยวบ่ายทรายต้องเข้าประชุมกับบอสอีก ประชุมบอร์ดแบบนั้นมือใหม่อย่างคุณธาร คงต้องลากยาวเป็นครึ่งๆวันแน่ หาอะไรรองท้องไว้ก่อนดีกว่า งานค้างเดี๋ยวพี่จัดการต่อให้เอง”
ศศิธรเดินเข้ามาบอกเขาด้วยความหวังดี หากแต่วารินกลับไม่คิดแบบนั้น เขาพอจะดูออกว่าบอสคนใหม่ของเขาไม่ธรรมดาเลย ประชุมบอร์ดช่วงบ่ายอาจจะเลิกเร็วกว่าปกติด้วยซ้ำ
“ขอบคุณครับพี่อ้อ”
วารินเดินเข้าไปพบธาราธารที่ห้อง ชุดอาหารถูกจัดเสิร์ฟไว้แล้วเรียบร้อย แต่เจ้านายหนุ่มรูปหล่อยังไม่ยอมขยับจากกองงานมาแตะต้องมัน
“บอสครับเดี๋ยวบ่ายโมงครึ่งต้องเทสบรีฟเรื่องงานประชุมกันแล้ว ทานข้าวเที่ยงให้เรียบร้อยด้วยนะครับ”
“ทำไมอาหารมีแค่ชุดเดียว?” เขาเงยหน้าขึ้นถาม
“สำหรับบอสคนเดียว ส่วนผมต้องลงไปทานข้างล่างห้องอาหารของพนักงาน บอสทานเสร็จแล้วก็ปล่อยไว้ตรงนี้แหละครับเดี๋ยวแม่บ้านเขาจะมาจัดการเอง ผมขอตัวก่อน”
“สั่งขึ้นมาทานด้วยกัน! นับตั้งแต่วันนี้ไปพี่ต้องทานข้าวเที่ยงที่นี่กับผมทุกวัน ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น ไม่งั้นก็ไม่ต้องกินมันทั้งคู่นี่แหละ”
เขาว่าอย่างจริงจังแล้วจ้องหน้าจับสายตาอยู่ที่วารินไม่ยอมให้ขยับไปไหน เลขาจำเป็นได้แต่ส่ายศีรษะอย่างระอาใจในความเอาแต่ใจของเจ้านายตน ในที่สุดก็ต้องจำใจยกหูโทรศัพท์กดโทรออกสั่งไปที่แผนกอาหารให้ส่งขึ้นมาให้อีกหนึ่งชุด เขาสองคนทานอาหารด้วยกันครู่เดียววารินก็บังคบให้เจ้านายของเขาต้องดูเนื้อหาที่จะเข้าประชุมต่ออีกยก
“พี่ทรายมานี่ซิ เดินมาดูรายงานเล่มนี้ให้ผมที อ่านไม่ค่อยเข้าใจเลย”
“ไม่เข้าใจที่ตรงไหน”
วารินเดินเข้าไปใกล้ แต่ดูเหมือนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จะกระตุกขึ้นที่มุมปาก เขารวบเอาเอวบางนั้นไว้ทันที จูบเบา ๆ ลงที่หน้าท้องเนียนผ่านเชิ้ตสีอ่อนตัวบาง วารินตกใจมากรีบผลักเขาออก แต่แรงคนตัวเล็กจะไปสู้เขาได้อย่างไร
“ทำอะไรน่ะธาร! อย่าทำแบบนี้ที่นี่นะ”
“หมั่นไส้ เห็นพี่พูดจาห่างเหินแบบนี้แล้วมันอดไม่ได้นี่ ‘บอสอย่างนั้นบอสอย่างนี้ ผมอย่างนั้นผมอย่างนี้’ นี่ถ้าไปเป็นเลขาให้คนอื่นคงจะพูดจาออดอ้อนแบบนี้เหมือนกันสินะ”
“ธาร! พูดอะไรน่ะ”
“ไม่รู้ล่ะ ไม่ชอบนี่เวลาได้ยินพี่แทนตัวเองว่า ‘ผม’ แล้วมันขัดหูยังไงไม่รู้ไว้ อยู่ต่อหน้าคนอื่นค่อยพูดแบบนั้นเถอะ เวลาอยู่ด้วยกันเราพูดกันธรรมดาจะได้ไหม” เขาว่าแล้วจับวารินนั่งลงที่ตัก มือซุกซนทำท่าจะสอดไล้เข้าไปตามสาบเสื้อเชิ้ต
“ธารไม่ได้นะ! ห้ามทำอะไรแบบนี้ที่นี่ เกิดมีใครมาเห็นเข้าจะทำยังไง” วารินยื้อสุดตัวพยายามดันเขาออก ปัดมือที่อยู่ไม่สุขให้พ้นไปจากตัว แต่จะมีทางทำได้แน่หรือ
“ช่างสิใครจะมาเห็นกัน? ก่อนเข้าห้องผม ต้องเคาะประตูก่อนทั้งนั้น แล้วถึงจะเห็นจริง ๆ ผมก็ไม่สนใจหรอก”
“ธารอย่าพูดแบบนี้อีกนะ ทำแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด ธารเป็นถึงท่านประธาน เป็นผู้บริหาร ถ้าใครรู้เข้าจะเป็นยังไง”
“นิดเดียว ไม่นานหรอก ขอเติมพลังหน่อยเดียวเอง”
“ไม่เอา! ธารบ้าไปแล้วเมื่อคืนก็เพิ่งทำจะอะไรกันนักหนา พี่จะออกไปเตรียมงานให้แล้ว จวนจะได้เวลาเข้าประชุมแล้วนะ อย่าทำเป็นเล่น”
ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ฟังคำคนตัวเล็กเลยมือที่กอดเอวไว้รัดแน่นขึ้น เขาเอื้อมอีกมือกดเข้าที่ปุ่มล็อกประตูอัตโนมัตที่ติดตั้งอยู่บนโต๊ะแล้วจับบ่าเล็กหันเข้าหาตัวทันที
“ธาร! อย่านะไม่เอาอย่าทำ” วารินร้องห้ามกลัวใจเขาจริง ๆ เขาตัดสินใจลุกขึ้นดึงแขนคนตัวเล็กแล้วพาไปเหวี่ยงลงที่โซฟาไม่แรงนัก วารินหน้าซีดเผือด เขาปลดหัวเข็มขัดแล้วเดินหน้าเข้าหา
“ธาร!” วารินร้องเสียงหลงถดตัวถอยไปกับโซฟานุ่ม เมื่อเขาโน้มตัวกดลงมา ปลายจมูกโด่งซุกไซ้ลงที่ซอกคอหอม วารินเบี่ยงหลบไปทางไหนเขาก็เปลี่ยนมาซุกไซ้ลงอีกฝั่งเหมือนเดิม เมื่อเห็นว่าหมดหนทางรอดแน่ๆวารินจึงจำต้องเอ่ยขึ้น
“ถ้าธารยังไม่เชื่อฟังพี่อยู่แบบนี้ ประชุมบ่ายนี้ธารก็เข้ากับพี่อ้อเถอะ!”
สิ้นเสียงเล็ก ๆ เขาหยุดชะงักทันที ดวงตาคมมองสบสายตาที่เข้มแข็งแต่เด็ดเดี่ยวของคนตัวเล็ก ที่บัดนี้ไม่มีวี่แววของความหวาดกลัวเขาเลยแม้แต่น้อย
“ทำสิ! อยากทำอะไรทำเลย! ทำให้ถึงที่สุด ทำเสร็จแล้วพี่จะได้กลับเลย”
วารินจ้องหน้าเขาจริงจัง อยากสื่อให้รู้ว่าที่พูดนั้นเขาทำจริงแน่ไม่ใช่แค่ขู่
“ถ้าคิดว่าต้องการกันแค่เรื่องแบบนี้ เชิญ! อยากทำอะไรทำเลย!”
ร่างสูงใหญ่มองหน้าเขานิ่ง ก่อนตัดสินใจลุกออกจากตัวเขาทันที วารินรีบลุกขึ้นนั่งจัดเสื้อให้เข้าที่ ขณะที่ธาราธารยกสองมือเสยผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนเดินเข้าห้องน้ำไป ออกมาอีกทีเขาก็คว้าเอาเสื้อนอกที่พาดไว้ขึ้นมาสวมเหน็บปากกาลงที่กระเป๋าเสื้อหยิบมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วก้าวนำออกไป วารินที่ยืนรออยู่ก่อนแล้วโกยเอาแฟ้มเอกสารที่ตระเตรียมไว้แล้วตามเขาออกไปทันที
“ไม่ยอมให้ผมทำที่นี่ งั้นคืนนี้พี่ก็เตรียมตัวโดนจัดหนักแน่ ต่อไปไม่ต้องนอนแล้วห้องนั้น ขึ้นมานอนข้างบนกับผม”
หลังจากเงียบมาตั้งแต่ตอนนั้น เขาก็ว่าเสียงเข้มลอดไรฟันน้ำเสียงหัวเสียสุดขีด ก่อนก้าวออกจากลิฟต์ตรงเข้าห้องประชุมขนาดกลางที่ผู้ร่วมประชุมจากหลายฝ่ายต่างทยอยมารอกันพร้อมแล้ว
.
แล้วการคาดการณ์ของวารินก็แม่นยำเสียยิ่งกว่าจับวาง เมื่อการประชุมบอร์ดใหญ่ที่เคยใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสามสี่ชั่วโมงถูกประธานบริหารคนใหม่ย่นระยะเวลาให้เหลือเพียงแค่สองชั่วโมงเศษเท่านั้น ธาราธารแสดงความสารถให้ได้เห็นจริง ๆ ไม่เสียแรงที่บรีฟกันมาตั้งแต่เช้า เขาต้องการให้เป็นแบบนี้อยู่แล้วเพื่อเป็นการขู่ให้กรรมการและหุ้นส่วนคนอื่น ๆ เห็นถึงความสามารถของลูกชายคนเดียวของภัครจิรา ที่ตอนนี้มีเขายืนอยู่เคียงข้างที่โต๊ะประจำตำแหน่ง
“คุณธาราธารยอดเยี่ยมเหมือนคุณภัครไม่มีผิดเลยค่ะ ดิฉันดีใจที่ได้ร่วมงานกัน การประชุมครั้งหน้าฝ่ายวางแผนโครงการอย่างพวกเราคงต้องเตรียมเรื่องที่จะนำเสนอให้พร้อมกว่านี้เสียแล้ว”
คุณริสาหนึ่งในกรรมการฝ่ายแผนงานกล่าวชมเชย เธออายุน้อยกว่าภัครจิรานิดหน่อยทำงานร่วมกันมานาน ตั้งแต่ภัครจิราป่วยงานของฝ่ายต่าง ๆ ดูอ่อนขึ้นเยอะมากธาราธารเคยเข้าร่วมประชุมบอร์ดแล้วหนึ่งครั้งก็จริงแต่เธอยังไม่เห็นวี่แววอะไรจากเขา ไม่น่าเชื่อว่าการกลับมาใหม่ครั้งนี้ของประธานหนุ่มคนนี้จะสามารถจับความรู้สึกใครต่อใครได้อยู่หมัด
“ดีใจแทนภัครเขาจริง ๆ มีลูกชายที่เก่งขนาดนี้ได้ข่าวว่าเรียนหมอด้วย จะไหวหรืองานบริหารหนักเหมือนกันนะ”
คุณวิรัชฝ่ายจัดซื้อเข้ามาเอ่ยชมเชยด้วยอีกคน ธาราธารยิ้มให้น้อย ๆ ขณะที่วารินยืนเคียงข้างอยู่ไม่ห่าง
“อย่างว่าล่ะนะยังหนุ่มยังแน่น หนักขนาดไหนก็ต้องทนไหวแน่นอนอยู่แล้วล่ะ สู้ๆนะเรา” วิรัชว่าแล้วบีบลงที่ไหล่เขาเบา ๆ หนึ่งทีอย่างให้กำลังใจก่อนจะขอตัวแยกออกไป
“เก่งมากนะคะคุณธาร ป้าภูมิใจแทนคุณภัครเธอมากจริง ๆ” คราวนี้ถึงคิวของเข็มอัปสร ถ้ายังจำกันได้เธอคือคุณแม่คนเก่งของบัวชมพู ธาราธารจึงนอบน้อมกับเธอมากกว่าทุกคน
“ป้าถามหนูบัวอยู่บ่อย ๆ เห็นว่าช่วงนี้ไม่ค่อยได้คุยกับคุณธารน่าเสียดายนะ แต่เรื่องแบบนี้บังคับกันยากไม่ได้คบกันแต่ก็เป็นเพื่อน ๆ กันไว้นะลูกนะต่อไปมีอะไรช่วยเหลือกันได้”
“ขอบคุณมากครับคุณป้า” ธาราธารค่อยโล่งอกไม่คิดว่าเธอจะเป็นคนที่เข้าใจอะไรได้ง่าย ๆแบบนี้
วารินยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู จวนจะห้าโมงเย็นแล้ว งานสังคมจะจัดขึ้นที่โรงแรมใหญ่หมายเลขหนึ่งซึ่งที่นั่นภัครจิราถือหุ้นอยู่ถึงสิบเปอร์เซนต์เมื่อปีที่ผ่านมานี่เอง วันนี้อาจมีการเปิดตัวลูกชายทนายความคนสำคัญที่ดูแลผลประโยชน์ให้กับตระกูลของเจ้านายของเขา และธาราธารคงจะต้องถูกจับตามองจากสื่อมากแน่
“เดี๋ยวเราจะออกไปทานข้าวกันเลย จากนั้นค่อยแวะไปเปลี่ยนชุด ผมนัดที่ห้องเสื้อไว้ให้แล้ว” วารินว่าแล้วก้าวเดินตามเข้ามาที่ลิฟต์ส่วนตัวเพื่อขึ้นห้องประธานโดยเฉพาะ
“ทำไมต้องยุ่งยากด้วย เสื้อผ้าผมก็มีตั้งเยอะ”
“เพราะเจ้าของห้องเสื้อเขาติดต่อขอเป็นสปอนเซอร์เอาไว้ แล้วพี่อ้อก็ตอบตกลงไว้ก่อนแล้วเพราะอย่างนั้นธารจึงต้องใส่เสื้อผ้าของที่ร้านเขาน่ะ”
“ชุดใหม่หรือเปล่า ผมไม่ใส่ของเช่านะ แล้วผมก็ไม่ชอบให้ใครมาแตะต้องตัวด้วย ถ้าจะให้ผมแต่งตัวที่นั่นพี่จะต้องเข้ามาแต่งให้ผมเอง”
“ใหม่ทั้งชุดครับ เขาขอขนาดไปตัดเตรียมไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วพี่อ้อโทรมาถามพี่เอง”
“ถ้าอย่างนั้นใส่แล้วก็ซื้อเอาไว้เลยก็แล้วกัน ผมใช้แล้วไม่ชอบมาให้ใครใช้ต่อ”
ทันทีที่ประตูลิฟต์ปิดลง ร่างเล็กก็ถูกท่อนแขนกำยำรั้งเข้าสู่อ้อมกอดอย่างรวดเร็ว พร้อมจรดปลายจมูกโด่งลงบนแก้มเนียนนุ่มอย่างโหยหา
“เหมือนพี่นี่ไง เป็นของผมแล้วอย่าคิดไปมีใครคนอื่นอีกเด็ดขาด!”
“ธารอย่า”
วารินร้องห้ามพลางเอียงคอหลบ แต่ไม่เคยพ้น แก้มเนียนถูกเขาหอมแล้วหอมอีกไม่พอปลายจมูกโด่ง ๆ นั่นยังซอกแซกเข้าที่ซอกคอหอมสูดดมเหมือนคนตายอดตายอยาก แล้วดันตัววารินจนติดเข้ากับผนังลิฟต์
“นี่อดทนที่สุดแล้วนะ พี่ต้องให้รางวัลผมสิ ผมทำได้ดีไม่ใช่หรือ” เขาบอกอย่างเจ้าเล่ห์พร้อมผุดยิ้มขึ้นที่มุมปาก
วารินมองบนเพดานทันทีกลัวกล้องวงจรปิดจะเห็นพวกเขาสองคนกอดจูบกันอยู่แบบนี้
“ไม่มีหรอก ลิฟต์ส่วนตัวผมให้เขารื้อกล้องออกหมดแล้ว”
“เมื่อไหร่กัน! ทำไมธารทำแบบนั้น” วารินไม่อยากจะเชื่อเขาให้คนมาทำแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่
“ตั้งแต่มารอบที่แล้ว ให้ทินกรจัดการให้ ไม่ต้องถามนะว่าทำไมแค่นี้ก็น่าจะรู้คำตอบแล้วนี่” เขาว่าเรียบ ๆ เหมือนเป็นเรื่องธรรมดาช่างร้ายกาจมากจริง ๆ กระทั่งลิฟต์ก็ยังวางแผนไว้แล้วแบบนี้วารินจะหนีเขาให้รอดได้ยังไงกัน
“ทำในนี้ก็ตื่นเต้นดีนะ ยังไม่เคยซะด้วย ลองไหม?” เขาเอ่ยอย่างเจ้าเล่ห์วารินรีบผลักเขาออกทันทีพอดีกับที่ลิฟต์ส่วนตัวแล่นขึ้นมาจอดถึงห้อง วารินจึงรีบก้าวเดินออกไป ยืนอยู่ให้ห่างเขามากที่สุด
“ธารต้องระวังคุณวิรัชเอาไว้ให้มากนะ ฝ่ายจัดซื้อค่อนข้างอันตราย จำเป็นจะต้องตรวจเช็คอย่างรัดกุม คนบางคนเห็นเขาพูดจาดีกับเราแต่ลับหลังการกระทำของเขาจะเป็นอย่างไรนั้น เราไม่อาจคาดเดาได้เลย เรื่องผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใคร พี่อยากจะกำชับให้ธารจับตาดูคน ๆ นี้ไว้ให้ดีอย่าให้คลาดสายตาเด็ดขาด”
มือเล็กวางแฟ้มเอกสารลงแล้วเตือนเขาไว้อีกทาง ภัครจิราเคยเปรยเรื่องผู้ชายคนนี้ให้เขาฟังบ่อยครั้ง
“รู้น่า ขอพักหน่อยสิ เหนื่อยมาตั้งหลายชั่วโมงเดี๋ยวก็ต้องไปงานอีก ขอรางวัลผมนะ” สมกับที่เขาเป็นเด็กหนุ่มวัยกำหนัด เขาเดินหน้าเข้าอ้อน วารินรีบถอยหนีแต่มีหรือจะหนีพ้นมือเขาได้แขนเล็กโดนดึงเข้ามากอดไว้เสียแน่น
“ทำไมถึงทำแบบนี้กับพี่อยู่เรื่อยเลยนะธาร”
“อยากรู้ไหมว่าเพราะอะไร? หืมม ทำไมผมถึงทำ?”
วารินนิ่งทันที ใจหนึ่งก็อยากจะรู้คำตอบของเขาแอบคาดหวังว่าอาจจะเปลี่ยนไป.... แต่อีกใจก็กลัว กลัวที่จะได้ยินถ้อยคำเดิม ๆ อีกครั้ง
‘ที่ระบายอารมณ์เวลาผมอยาก’ เขาเคยพูดไว้แบบนั้น
“....ไม่ต้องรู้หรอก ไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้น”
....อยากจะเอ่ยคำว่ารักอีกสักครั้ง...แต่มันอาจเร็วเกินไปนิด...... เขานิ่งไปครู่ก่อนเอ่ยถ้อยคำเสียดใจออกมาแล้วรั้งเอวบางให้นั่งลงที่ตักเขา “ผมไม่อยากไปงานเลี้ยงน่าเบื่อนั่นเลย คืนนี้ไม่ไปได้ไหม” มือที่ทำงานรวดเร็วเสมอกับเรื่องแบบนั้นของเขาดึงชายเสื้อวารินออกนอกกางเกงแล้วสอดขึ้นลูบไล้ทันที มือเล็กรีบตะครุบมือเขาไว้เฉียดฉิวอย่างที่สุดเกือบจะโจมตีจุดระทวยของเขาได้อยู่แล้ว
“อย่าทำนิสัยเด็กแบบนี้อีกนะธาร ตารางงานมาเรียบร้อยแล้วด้วย ไหนสัญญากันแล้วไง” ถึงแม้ว่าจะผิดหวังที่เขาตอบแบบนั้นออกมาแต่วารินก็ไม่อยากจะสานต่อให้มากเรื่อง เพียงแค่ไม่อยากให้เขาเห็นตนเป็นที่ระบายอารมณ์เท่านั้น
เมื่อวารินลุกขึ้นมาจากหน้าตักเขาได้ ธาราธารดึงมือนุ่มนิ่มไว้ เงยหน้าเหมือนอยากจะถามว่า ทำไม?
“ไม่ใช่ที่นี่”
วารินเดินเลี่ยงออกมาแล้วยัดชายเสื้อเข้าในตามเดิม กดเรียกศศิธรแล้วบอกเดี๋ยวจะออกไปเอาแฟ้มงานที่วานให้เธอทำเตรียมไว้ให้
“ธารว่าจะอ่านรายงานสรุปข้อมูลแต่ละแผนกก่อนกลับใช่ไหม พี่อ้อทำไว้ให้แล้วนะ เดี๋ยวต้องรีบหน่อยเพราะต้องแวะไปเปลี่ยนชุดอีก ถ้าช้าจะเข้างานเลี้ยงสาย เราไปถึงที่นั่นราว ๆ สองทุ่มน่าจะกำลังดี”
บอสคนใหม่จำใจมานั่งอ่านสรุปของแผนกต่าง ๆ ต่ออีกครั้ง ส่วนเอกสารที่ต้องเซ็นอนุมัติเขาบอกให้วารินหอบกลับไปเคลียร์ที่บ้านด้วย กว่าจะได้ออกมาจากโรงแรมก็ปาเข้าไปเกือบ ๆ ทุ่ม
“ทานข้าวบนรถก็แล้วกันนะ เดี๋ยวพี่แวะซื้อแซนวิชให้ทานรองท้องไปก่อน ลุงทินกรครับช่วยแวะจอดซุปเปอร์ให้ผมด้วยนะ”
เขาบอกทินกรคนขับรถที่บัดนี้เปลี่ยนมาขับให้ธาราธารอย่างเต็มตัว ไม่นานนักรถก็จอดลงที่หน้าซุปเปอร์เล็ก ๆ วารินลงไปซื้อขนมปังและขนมที่ทานง่าย ๆ พอกลับขึ้นมาบนรถเจ้านายของเขาก็หลับไปเรียบร้อยแล้ว
“คงจะเหนื่อยน่ะครับคุณทรายปล่อยให้พักสักหน่อยเถอะครับ อย่าเคี่ยวกับคุณธารนักเลย”
ทินกรเห็นวารินทำท่าจะปลุกจึงปรามอย่างยิ้ม ๆ วารินมองดวงหน้าของคนที่กำลังเท้าแขนกับขอบประตูแล้วหลับใหลไม่รู้เรื่องแล้วก็นึกสงสาร ต้องมาลำบากลำบนอย่างนี้เพราะใครกันถ้าไม่ใช่เพราะเหตุการณ์แย่ ๆ ในคืนวันนั้น ทุกๆอย่างคงไม่เป็นแบบนี้ ธารคงจะเป็นนักศึกษาธรรมดาที่ตั้งใจเรียนเพียงแค่สิ่งที่ตนเองรัก ไม่ต้องมาฝืนทนทำงานที่ตัวเองไม่ได้สนใจจะทำ ไม่ต้องทนออกงานสังคมที่แสนน่าเบื่อแต่ละคนสวมหน้ากากเข้าหากัน หาความจริงใจแทบไม่ได้
“ให้ผมแวะที่ห้องเสื้อเลยใช่ไหมครับ”
ทินกรถามขึ้นวารินพยักหน้ารับ รถก็ชะลอจอดลงที่หน้าห้องเสื้อชื่อดัง ธาราธารตื่นได้จังหวะพอดี “โทษทีผมหลับไปนานไหม”
“ลงไปเปลี่ยนชุดนะธาร เดี๋ยวค่อยขึ้นมาทานขนมปังรองท้อง วันนี้อดทนหน่อยแล้วกัน”
รูปร่างสูงใหญ่สมส่วนในชุดทักสิโด้เต็มยศยืนหน้าตาไม่สบอารมณ์ให้พนักงานและเจ้าของร้านจัดแต่งเสื้อผ้าหน้าผมจนเรียบร้อย ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง คุณชายแห่งราชวงศ์อะไรสักอย่างก็ถูกเนรมิตขึ้นอย่างงดงาม
“คุณน้องทรายขาาาา บอสคนใหม่นี่รูปร่างหน้าตาจัดได้ว่าเพอร์เฟคมากกกก ไม่รู้ว่ารอดจากพวกแมวมองถ้ำมองมาได้ยังไง ถ้าพี่แน็ตตี้จะขอเป็นสปอนเซอร์ให้ทุกๆงานที่คุณธาราธารไปออกคุณน้องทรายจะว่ายังไงบ้างคะ ช่วยสนับสนุนให้ห้องเสื้อพี่บ้างสิ ทุกวันนี้หนุ่มหล่อไฮโซกำลังมาแรงแข่งกันดังเลย”
พี่แนตตี้ สาวประเภทสองที่แปลงทุกอย่างมาแล้วเรียบร้อยเจ้าของห้องเสื้อชื่อดังชั้นนำของเมืองไทย เอ่ยปากกับวาริน เธอเดินเข้าไปแตะลงที่หน้าอกกว้างอย่างถือวิสาสะเป็นครั้งที่สองหลังจากครั้งแรกตอนสวมเสื้อให้เธอลูบหน้าอกเขาเข้าอย่างเต็มมือเพราะหมั่นเขี้ยวในความฟิตของมัดกล้ามเนื้อที่สวยงามกำลังดี
“คุณธาราธารคงจะออกกำลังกายบ่อยนะคะ อกแน่นเปรี๊ยะแบบเนี้ยะ วิดพื้นบ่อยเหรอ คิคิ”
เธอว่ายิ้ม ๆ เหมือนตั้งใจให้ท่าเขาเต็มที่ คำว่าวิดพื้นของเธอคงหมายถึงเรื่องอย่างว่า ธาราธารรีบปัดมือเธอออกอย่างรังเกียจแล้วเดินไปยืนอยู่ข้าง ๆ วารินแทน เลขาหนุ่มรีบแก้ตัวให้แทบไม่ทัน
“ขอโทษนะครับพี่แน็ต บอสเขาไม่ชินกับคนแปลกหน้าน่ะครับ”
“ไม่เป็นไรจ๊ะ แบดๆแบบนี้พี่ชอบนักแหล่ะ หุหุ” เธอคว้าแขนวารินไว้แล้วบอกเบา ๆทำท่าทางเหมือนอยากให้รู้กันแค่สองคน กระซิบกระซาบทีเล่นทีจริง “แล้วบอสน้องทรายคนเนี๊ยะ มีคนรู้ใจรึยังคะ คนแถวนี้พอจะมีสิทธิ์กันบ้างไหมเอ่ย”
“เสร็จแล้วหรือยัง!”
ขณะวารินกำลังทำหน้าไม่ถูกไม่รู้จะตอบคำถามเธอยังไง จู่ ๆ เสียงทุ้มกระแทกกระทั้นจากธาราธารก็ดังขึ้น เขาเดินตามเข้ามายืนอยู่ข้าง ๆอีกครั้ง สายตามองมือที่เกาะเกี่ยวแขนเล็กไว้อย่างไม่พอใจ วารินรีบชักแขนตัวเองออกมาทันที
“ไปกันได้แล้ว” เขาว่าเสียงเครียดแล้วเดินนำออกไป ยังไม่เท่านั้นยังลากแขนอีกข้างของวารินติดมือไปด้วย
วารินรีบบอกลาแนตตี้เจ้าของร้าน เห็นเธอเป็นแบบนั้นแต่เธอก็แค่ชอบพูดเล่น กินเด็กเป็นงานอดิเรกไม่มีอะไรแอบแฝงแค่อยากให้ลูกค้าตลกๆ แต่ธาราธารไม่ได้ตลกไปกับเธอด้วย พอมาถึงรถเท่านั้น เขาเหวี่ยงคนตัวเล็กเข้าไปอย่างแรงจนทินกรถึงกับต้องหันดู วารินถึงกับเม้มปากรอฟังคำวีนแตกจากเขาแต่ผิดคาดพอขึ้นรถมาเขากลับเงียบ เงียบไม่พูดจาอะไรอีกเลยไม่หันมองวารินและที่สำคัญหน้าตาหล่อเหลานั่นขึงขังเหมือนโกรธใครมาเป็นชาติ
“ทานนี่รองท้องก่อนนะ กว่างานจะเลิกคงจะดึกเดี๋ยวเราค่อยทานกันอีกที” วารินยื่นขนมปังส่งให้ เขาหันมองมาหน่อยเดียวแล้วเมินหน้าออกไปมองข้างทาง วารินรู้ว่าทำเขาโกรธเข้าแล้ว คงไม่พอใจที่ให้คนมาแตะต้องเนื้อตัว โดยเฉพาะกับคนที่เขาไม่ได้รู้จักและไม่เต็มใจแบบนั้น
“พี่รู้ว่าธารไม่ชอบใจ แต่เดี๋ยวถึงงานแล้วฝืนยิ้มหน่อยก็แล้วกัน วันนี้มีนักข่าวมาทำข่าวด้วย คิวสัมภาษณ์ก็มีจากหนังสือหลายเล่มเลย คงจะต้องมีการถ่ายรูปเยอะหน่อย พี่ขอร้องธารให้ความร่วมมือด้วยนะครับ”
“........” ไม่มีคำตอบอะไรส่งมาเขายังเลือกที่จะเงียบ ไม่แม้แต่จะหันมามองเสียด้วยซ้ำ วารินพูดอะไรด้วยก็ไม่ตอบ แม้แต่รอยยิ้มร้าย ๆ ที่เขาเคยทำเสมอก็ไม่มีให้มา
จนในที่สุดเขาก็ยอมเอ่ยปากออกมา แต่นั่นทำเอาวารินถึงกับขำพรืด
"พี่ไม่หวงผมหรือไง ปล่อยให้ใครก็ไม่รู้มาลูบ ๆ คลำๆผมอยู่ได้ ผมไม่ชอบคนแบบนี้เลย เหมือนจะกระโจนจับผมยังไงไม่รู้ ผู้หญิงสมัยนี้น่ากลัวจริง ๆ "
"ธาร พี่แน๊ตตี้เขาไม่ใช่ผู้หญิงหรอกนะ นี่ธารดูไม่ออกจริงเหรอ?"
"รู้ แต่จะให้เรียกไงล่ะ เรียกเป็นผู้หญิงน่ะถูกแล้ว"
วารินหันมองบอสของเขายิ้ม ๆ ยื่นขนมปังในมือส่งให้อีกครั้ง คราวนี้เขารับไปกัดกินอย่างไม่อิดออด จนสักพักรถหรูเคลื่อนมาจอดลงที่หน้าล็อบบี้ทางเข้า ทั้งเขาและวารินเดินตามกันลงมา ดรอแมนเปิดประตูแล้วโค้งต่ำให้เขาสองคนอย่างสุภาพที่สุด ชายหนุ่มรูปหล่อเรือนร่างสูงใหญ่ในชุดทักสิโด้เต็มยศกับเลขาหนุ่มรูปหล่อดูดีไม่แพ้กันเดินตีคู่กันเข้ามาที่ลิฟต์ก่อนพนักงานด้านในจะบริการกดขึ้นไปจอดลงที่ชั้นจัดงานเลี้ยงหรูหราของเหล่าบรรดาเซเลปดัง
เพียงแค่ประตูลิฟต์เปิดออกเท่านั้น
“ธาร!”
เสียงสดใสจากคนที่เดินผ่านมาด้านหน้าพอดีเรียกเข้าอย่างดัง ทั้งนายทั้งเลขาหันมองเป็นตาเดียว
ชนาธิป!
Tbc.
นี่เราเขียนมาเกือบสามสิบตอนแล้วเหรอเนี่ย ลืมสังเกต กรรม T.T มิน่าทำไมชักเริ่มหมดไฟ กำลังนั่งเขียนเอ็นซีตอนต่อไปมันฟิลลิ่งไม่มาเลย T.T T.T น้องธารฉันจะลีลาตกก็คราวนี้ล่ะวันนี้มี Unseen-7(ทัตซี) เผื่ออยากอ่าน ตามไปที่เดิมนะจ๊ะ