...พี่เลี้ยง..THE DAY’ I was your man [15/05/57] The End.
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...พี่เลี้ยง..THE DAY’ I was your man [15/05/57] The End.  (อ่าน 422076 ครั้ง)

ออฟไลน์ coffeeQbread

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1218/-29


บทที่ 26 What is Love??



กลิ่นแอลกอฮอล์ไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือด เมื่อเขาตัดสินใจที่จะพึ่งมัน  ถึงแม้มันจะช่วยให้หาทางออกไม่ได้แต่ก็ทำให้เขาหลงลืมความเป็นจริงไปได้ชั่วขณะ
 

ร่างสูงใหญ่นั่งอยู่ริมเคาน์เตอร์บาร์สั่งเครื่องดื่มแก้วแล้วแก้วเล่ากระดกเข้าปากอย่างไม่สนใจสายตาของใครต่อใครที่จ้องมองมาสักนิด ชายหนุ่มหน้าตารูปร่างดูดีขนาดนี้ มานั่งซัดเหล้าอยู่คนเดียวซ้ำยังแสดงสีหน้าเหมือนคนเพิ่งถูกทิ้งมาสดๆร้อน ๆ


เขาส่ายหน้าปฏิเสธเด็กสาวที่เข้ามาเสนอตัวคนแล้วคนเล่า มือเรียวขาวสะอาดยกแก้วสีอัมพันขึ้นกรอก สายตาที่ทอดออกไปอย่างไร้จุดมุ่งหมาย จิตใจวนเวียนเฝ้าคิดซ้ำ ๆ อยู่กับคำพูดบ้า ๆ ที่เขาพูดมันออกไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา


“ผมไม่ได้รักพี่อีกแล้ว...ที่มีก็แค่ความใคร่ อยากจะทำให้เจ็บปวดเพื่อให้หายแค้นก็เท่านั้น คนอย่างพี่อยากจะไปทำอะไรกับใครต่อใครอีกผมก็ไม่ว่าหรอก แต่อย่ามาเอากับคนใกล้ตัวผม อย่าให้ผมเห็นว่าทำตัวสนิทสนมกับคนในบ้านผมเหมือนเมื่อตอนกลางวันอีกก็พอ”


ดวงตาที่หรี่ลงด้วยความคับแค้นคิ้วคมขมวดจนแน่น อยากจะเข้าใจและยอมรับให้ได้กับเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมด ไม่ว่าจะด้วยคำบอกเล่าของทัตพลพ่อของเขาและจากปากของวารินเอง


“พ่อกับทรายเราโดนวางยา ไม่มีใครอยากให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นเลย ลูกต้องฟัง!”


“แต่ลูกต้องฟัง! ลูกจะเข้าใจพ่อกับทรายผิดๆแบบนั้นไม่ได้”


“พ่อรู้ว่ามันอาจจะเชื่อยาก แต่พ่อพาทรายเขาไปทำธุระที่พังงา เราค้างที่นั่นกันสองคืนแล้วคืนที่สองมันก็เกิดเรื่องขึ้นมา นี่คือเรื่องจริง ๆ ที่เกิดขึ้นธารจะเชื่อหรือไม่พ่อคงไปห้ามความคิดลูกไม่ได้แต่ขอให้ลูกรู้ไว้ว่าพ่อกับทรายเราไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกันแบบนั้น”


“พี่ไม่ได้มีอะไรกับนายเตเลยทำไมธารไม่เชื่อ! แล้วกับพ่อของธารพี่เองก็ไม่ได้ตั้งใจ เราสองคนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ  ทำไมต้องมาโทษกัน!  ไม่คิดบ้างหรือไงว่าพี่เองก็เสียใจเป็น ทำไม!! ทำไมไม่ถามพี่บ้างว่าพี่สมัครใจที่จะเป็นแบบนี้บ้างรึเปล่า..ฮือๆ.. ทำไมเอาแต่โทษพี่ ทำไมต้องมาว่ากันร่าน! ทำไมๆๆ!!!!!!!!!”


“ได้โปรดอย่าทำแบบนี้กับพี่ธาร...พี่รักธารนะ รักธาร! ได้ยินไหมว่าพี่รักธาร ฮือๆๆ” 





หยาดน้ำเอ่อขึ้นในดวงตาคมเฝ้าคิดซ้ำๆ ถึงคำพูดของคนทั้งคู่  ถ้าหากเป็นอย่างที่พ่อของเขากับวารินบอกจริง  คนที่เลวแสนเลวก็คือเขาเอง ทำร้ายคนที่ตัวเองรักจนเจ็บปวดเจียนตายขนาดนั้น เขาพร้อมไหมที่จะอภัยให้กับคนที่เขารักและเมื่อถึงตอนนั้น คน ๆ นั้นจะยังรักเขาอยู่เหมือนเดิมอีกไหม 


เขากดยิ้มต่ำได้แต่สมเพชตัวเองที่ยังนั่งอยู่ตรงนี้ จะกลับก็กลับไม่ได้จะก้าวเดินต่อไปก็ไม่รู้จะยืนอยู่ตรงจุดไหน เมื่อแก้วเหล้าถูกเลื่อนส่งมาอีกเขาจึงส่งมันลงคออย่างไม่ลังเล


.

.


ขณะที่อีกฝากฝั่งของเมือง ชนาธิปค่อยเลื่อนผ้าห่มผืนหนาห่มลงที่หน้าอกของวิลาสินีแม่ของเขาอย่างเบามือเมื่อรู้ข่าวว่าเธอไม่สบาย เขารีบบึ่งรถจากศาลายากลับมาดูทันที วิสาสินีตรอมใจผ่ายผอมลงไปมาก ดวงหน้าที่เคยสวยงามแต่งแต้มสีสันจากเครื่องสำอางราคาแพงอยู่เสมอ บัดนี้หมองคล้ำไร้วี่แววของเครื่องประทินโฉมใดๆทั้งสิ้น


“ธิปโกรธแม่ไหมลูก  โกรธไหม? ที่แม่เป็นคนแบบนี้ แม่ขอโทษที่ทำให้เรื่องราวมันแย่”


น้ำตาเธอไหลรินพรั่งพรูบอกเล่าเรื่องราวตั้งแต่ครั้งก่อนเก่าให้ลูกชายคนเดียวของเธอฟังจนหมดเปลือก ไม่เหลือแล้วซึ่งความหวังใดๆ เมื่อคนที่เธอรักหนีหาย เธออยู่ไม่ได้เลยจริง ๆ ถ้าหากไม่มีเขา ‘ทัตพล’ คือคนที่เธอรักจนสุดหัวใจ แม้แต่ชีวิตเธอ เธอยังยกให้เขาได้  ครั้งนี้เขาลงโทษเธอหนักหนาสาหัสจริง ๆ


ตอนนี้สภาพของเธอไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายไปแล้วทั้งที่ยังมีลมหายใจอยู่


“ไม่โกรธหรอกครับ ถึงธิปจะไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของคุณพ่อแต่ธิปรู้ว่าคุณพ่อท่านรักธิปมาก ที่สำคัญธิปมีคุณแม่อยู่ทั้งคน  คุณแม่นอนนะครับ เรื่องของคุณพ่อไม่ต้องคิดมากเดี๋ยวธิปจะคุยกับท่านให้เอง คุณพ่อคงจะโกรธบางอย่างคงไม่ได้ตั้งใจพูดออกมาแบบนั้น  คุณแม่ทำใจให้สบายพักผ่อนนะ” 


เขาปลอบใจเธอทั้งที่ตนเองแสนจะเจ็บช้ำเมื่อได้รับรู้ว่าคนที่เรียกว่าคุณพ่อมาตลอดยี่สิบปี กลายไปเป็นคุณพ่อของคนอื่นแทนเสียแล้ว


“แต่แม่ทำผิด ผิดมาก พ่อเขาคงไม่ให้อภัยแม่อีกแล้ว”


รถยุโรปสีดำแล่นฉิวไปตามท้องถนนโล่งยามดึก ชนาธิปขับรถมาเรื่อยโดยไม่มีจุดมุ่งหมาย จิตใจยุ่งเหยิงสับสนไปหมด เรื่องยุ่ง ๆ ของครอบครัวทำให้อารมณ์เด็กหนุ่มขุ่นมัวมากมายเหลือเกิน
 

จะให้เขาทำใจได้อย่างไรในเมื่อมารู้เอาป่านนี้ว่าพ่อที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เด็กไม่ใช่พ่อที่แท้จริง แม้แต่แม่เขาก็ยังบอกไม่ได้ว่าใครกันคือพ่อของเขา



“ลูกชายคนเดียวของคุณทัตก็คือ ‘ธาราธาร โชติการุณ’ ตระกูลที่ทำธุรกิจโรงแรมคู่แข่งของบ้านเรา”


“เป็นเพราะแม่  เลยทำให้ ‘ภัครจิรา’ แม่ของเด็กนั่นต้องนอนป่วยเป็นอัมพาต เพราะความอิจฉาหน้ามืดทำอะไรไปโดยไม่ยั้งคิดของแม่”


“กระทั่งเดี๋ยวนี้คุณพ่อเขาก็ไม่ได้รักแม่”


“คุณทัตเขายอมเดินออกมาจากชีวิตของสองแม่ลูกนั่น มาอยู่กับเราโดยไม่เคยถามแม่สักคำว่าเด็กในท้องเป็นลูกของใคร คุณพ่อเขารักธิปมากนะลูก ถึงแม้ว่าธิปจะไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของเขาแต่เขาก็อบรมเลี้ยงดูธิปมาอย่างดี”


“ธิปอย่าเกลียดคุณพ่อนะลูกนะ คนที่ผิดคือแม่เอง ยกโทษให้แม่ด้วย”





ธาร?



ธารเป็นลูกชายของคุณพ่อ...  ความจริงอันแสนเจ็บปวดที่ว่าคุณแม่ของเขาทำให้แม่ของธาราธารต้องล้มป่วยแบบนั้น ถ้าธาราธารรู้ว่าเรื่องราวทุกอย่างว่าเกิดจากคุณแม่ของเขาธารคงจะเกลียดเขามาก
 

ชนาธิปตัดสินใจหักรถเลี้ยวเข้าชั้นใต้ดินของโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่ง  เลาจน์ของที่นี่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว ไม่บ่อยนักที่เขาจะแวะมาในที่แบบนี้ หากว่าเมามากก็สามารถเปิดห้องพักที่ชั้นบนได้เลย


เขาเลือกที่จะเดินเข้ามานั่งที่เคาน์เตอร์บาร์สำหรับคนที่มาดื่มกินเพียงลำพัง วันนี้ลูกค้าเยอะเป็นพิเศษแต่นั่นไม่ได้ทำให้ความเป็นส่วนตัวที่มีลดลงแต่อย่างใด ขณะกำลังหาที่นั่งเหมาะๆเขาก็เหลือบไปเห็นคนที่ไม่คาดคิดเลยว่าจะเจอกันอยู่ที่นี่ได้



มันบังเอิญเกินไปรึเปล่า? ผู้ชายที่แม้จะมองเพียงแค่ด้านหลังก็ยังดูดีได้



“ธาร?!”


เขาลองเรียกดู  อีกคนหันหน้ามามองอย่างเลื่อนลอย ใบหน้าหล่อเหลาดูมืดมนอย่างน่าประหลาด คล้ายคนที่กำลังมีเรื่องให้ต้องคิดต้องตัดสินใจมากมายเหลือเกิน


“บังเอิญจังนะธาร” ชนาธิปนั่งลงที่เก้าอี้ตัวติดกันทันที


“ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอธารที่นี่ ดูไม่เหมาะกับนายเลยนี่” เขายังว่าต่อ


ธาราธารหันมามองหน้าเขาอีกครั้ง ชนาธิปรู้ได้ทันทีว่าเขาคงจะมานั่งอยู่ที่นี่นานแล้วเพราะดูจากใบหน้าที่ซับสีเข้มของแอลกอฮอล์แบบนั้น ส่วนสาเหตุอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายต้องมาในที่แบบนี้นั้นเขาไม่รู้เลยจริง ๆ พักหลังดูเหมือนธาราธารแปลกไป  จากที่เย็นชาอยู่แล้ว กลับกลายเป็นหนักขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว ส่วนหนึ่งคงจะเป็นเพราะเรื่องแม่ของเขา


“ทำไม? อย่างฉันต้องเหมาะกับที่แบบไหนเหรอ”


เขาหันมาถาม ขณะรับเครื่องดื่มสีสวยจากบาร์เทนเดอร์มาเทอึกๆลงอีกแก้ว ชนาธิปเองก็รับแก้วของตนเองขึ้นมาจิบเบา ๆ


“ไม่รู้สิ  ธิปเคยเห็นแต่ธารใส่ชุดนักศึกษาสวมแว่นตาอยู่ที่มหาลัยนี่นา  ว่าที่คุณหมอมาอยู่ในที่แบบนี้มันไม่ค่อยคุ้นยังไงไม่รู้”


ดวงตาสวยเลื่อนลงมองกระดุมเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายที่ปลดลงมาจนเกือบถึงหน้าท้องสวยโชว์มัดกล้ามเนื้อฟิตสมชาย ขณะที่ธาราธารจ้องหน้าคนตัวเล็กนานแล้ว เขากำลังนึกไปถึงทัตพลพ่อของเขา  เรื่องราวต่างๆประดังประเดเข้ามาเป็นช็อตๆ


รวมถึงที่ว่าคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาตอนนี้คือลูกชายอีกคนของทัตพล นั่นก็แปลว่าชนาธิปเป็นน้องชายของเขา


“แล้วนาย? เหมาะกับที่นี่มากงั้นสิ” เขายกอีกแก้วขึ้นดื่มเสียงเริ่มเปลี่ยน หันหน้ามองชนาธิปตาเยิ้มเพราะฤทธิ์เหล้า


“พอดีมีเรื่องต้องคิดน่ะ ขับรถมาเรื่อย ๆ นึกอยากแวะก็แวะเลย พรหมลิขิตแน่ ๆ ได้มาเจอธารแบบนี้”


พรหมลิขิต ?


โชคชะตา ?


“..พรหมลิขิต? หึ...” เขาพึมพำ


ธาราธารรู้แค่ว่าชนาธิปเป็นลูกของทัตพลแต่เขายังไม่รู้ว่าชนาธิปไม่ใช่ลูกที่แท้จริง....เขามองหน้าคนข้าง ๆ แล้วนึกเรื่อยไปถึงคุณแม่ของชนาธิป  ถึงแม้ว่าจะไม่เคยเห็นแต่ข่าวลือซุบซิบที่มีออกมาให้ได้ยินในตอนนี้ก็คือ เธอระหองระแหงและมีปัญหากับสามีอาจถึงขนาดบ้านแตก


หรือว่าจะเป็นเรื่องจริงที่ว่าทัตพลเลิกกับคุณแม่ของชนาธิปแล้ว


เสียงเพลงเคล้าบรรยายกาศยามดึก มีบาร์เทนดี้สาวอีกคนเข้ามาช่วยชงเหล้า ยิ่งดึกลูกค้าโชนนี้ก็เริ่มบางตา เธอเลื่อนส่งเครื่องดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าให้พวกเขาสองคน ชนาธิปที่ค่อยๆดื่มไปเรื่อยจับสายตาไว้กับคนข้าง ๆ ที่บัดนี้คอพับคออ่อนคล้ายกับจะฟุบลงไปที่เคาน์เตอร์แล้ว


“ธาร เมามากแล้วนะพอเถอะ” เขาเขย่าเรียกคนที่ฟุบลงไปเรียบร้อย ได้ยินอีกฝ่ายคำรามฮื่อๆในลำคอเหมือนพูดว่ายังไม่เมาแต่สภาพนั้นดูไม่ได้แล้ว


“ธารขับรถกลับไหวไหม เราค้างที่นี่ก็แล้วกันนะ” 


ชนาธิปเรียกเช็คบิลแล้วให้พนักงานมาช่วยพยุงธาราธารขึ้นไปส่ง  เขาเปิดห้องค้างกันหนึ่งคืน


“เมาที่ไหน...ไม่ได้เมาสักหน่อย”


ร่างสูงใหญ่พูดจาอู้อี้ถูกทิ้งลงที่เตียงกว้าง  ห้องหรูหราภายในโรงแรมดังถูกใช้เป็นที่พักพิงชั่วคราว ชนาธิปส่งทิปแบงค์สีเทาให้กับพนักงานที่พาธาราธารขึ้นมาส่งจนถึงที่ เขาคุกเข่าลงที่ปลายเตียงถอดรองเท้าถุงเท้าให้อีกฝ่ายอย่างไม่รังเกียจ ธาราธารที่นอนคว่ำหน้าเมาไม่รู้เรื่องพูดพึมพำอะไรบางอย่างในลำคอ คนตัวเล็กเข้าไปจัดเตรียมผ้าชุบน้ำแล้วเดินมานั่งลงพยายามพลิกตัวเขาให้นอนหงาย ปลดกระดุมถอดเชิ้ตรัดรูปสีดำสนิทออกแล้วเช็ดหน้าเช็ดตา รวมถึงเช็ดตัวให้เขาอย่างเบามือ


สร้อยคอสีเงินเส้นเล็กรูปกุญแจซอลสะดุดตาเขาตั้งแต่ที่นั่งอยู่ในบาร์นั่นแล้วชนาธิปจับขึ้นมาดูให้ชัด แต่โดนมือใหญ่ปัดออกอย่างรำคาญ


“ฮื่ออ อย่ามายุ่งกับฉัน!”


เขาพึมพำอย่างเอาแต่ใจแต่ก็ยังหลับตาต่อ ชนาธิปนิ่ง จ้องมองดวงหน้าอีกฝ่ายอย่างหลงใหล ธาราธารเหมือนทัตพลมากจริง ๆ เขาไม่แปลกใจเลยที่ได้รู้ว่าคนๆนี้คือลูกชายตัวจริง  ร่างเล็กเดินเข้าไปเปลี่ยนผ้าชุบน้ำอีกครั้ง


“จะทำอะไร!” ธาราธารเบิกตา ตะปบมือที่กำลังเข้าปลดหัวเข็มขัดเขาไว้ทันที 


“ธิปจะถอดกางเกงให้ ธารจะได้นอนสบายๆไง”


“ไม่ต้อง!”


เขาพูดห้วนๆ อย่าคิดว่าเขาไม่รู้ตัว แค่ให้อีกฝ่ายถอดเสื้อให้ก็มากเกินพอแล้ว ชนาธิปไม่มีสิทธิ์ที่จะมาเห็นร่างกายของเขาด้วยซ้ำ ร่างสูงใหญ่ประคองตัวลุกขึ้นนั่ง ชนาธิปรีบเข้าพยุง


“อย่ามาใกล้ ไปให้พ้น!” ยิ่งรู้ว่าคน ๆ นี้เป็นลูกของทัตพลเขายิ่งรังเกียจ


“ธารจะไปไหน?” เสียงเล็กร้องถาม


“จะกลับ”เขาตอบอย่างคนเมาที่ดื้อดึง ไม่รู้ตัวเองสักนิดว่าแม้แต่เดินก็ยังเซ


“จะกลับได้ยังไง ธารเดินยังไม่ตรงแบบนี้จะขับรถไหวรึเปล่าก็ไม่รู้  ธิปไม่ให้ธารกลับหรอกนะ”


“หลีกไป!”


เขาผลักคนตัวเล็กที่วิ่งเข้าขวางที่หน้าประตูอย่างไม่ใยดีพยายามจะเดินออกไปให้ได้  ชนาธิปรีบถลาเข้ามาจับเมื่อร่างสูงใหญ่ทรุดฮวบลงที่พื้น


“ธาร!  บอกแล้วว่าเมามากไม่เชื่อ”  ชนาธิปเขย่าเรียกแต่คนในอ้อมแขนดับหลับไปเสียแล้ว เมื่อตะกี้ยังแผลงฤทธิ์อยู่เลย


ในที่สุดเขาพยายามลากคนตัวใหญ่ขึ้นมานอนบนที่นอนกว้างอีกครั้ง  ดวงหน้าหล่อเหลาคมคายอย่างที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วหลับตาพริ้มไม่รู้เรื่องราว  มือเล็กค่อยเลื่อนมาปลดหัวเข็มขัดของคนที่นอนอยู่ออก เส้นขนรำไรที่มัดกล้ามหน้าท้องสวยงามมันช่างดึงดูดสายตาของเขายิ่งนัก ชนาธิปรู้ตัวเองนานแล้วว่าเขานั้นชอบธาราธารมากหากแต่อีกฝ่ายไม่เคยคิดมีใจให้เขาแม้แต่น้อย


การได้มาพบเจอกันในวันนี้อาจเป็นโชคชะตาก็ได้ เขาลุกขึ้นดึงยีนส์สีเข้มของอีกคนลง เหลือไว้แต่บ็อกเซอร์สีขาวตัวเดียวเท่านั้น ชนาธิปใช้ผ้าเช็ดไปทุกสัดส่วนเพื่อให้คนเมารู้สึกสบายตัวมากที่สุด เสร็จเรียบร้อยจึงห่มผ้าให้  ตัวเขาเองก็ล้มลงนอนข้างกัน มือเล็กเอื้อมไปกวดเอวหนาไว้ซุกหน้าลงที่บ่ากว้าง


แต่ทว่าเรื่องที่ไม่คาดฝันที่สุดก็เกิดขึ้น ธาราธารพลิกตัวมาเอื้อมวงแขนกว้างรวบเอาตัวเขาเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน  ชนาธิปตัวสั่นทั้งดีใจทั้งหวาดกลัว เงยหน้าขึ้นไปมองเห็นคนกอดตัวเองไว้ยังหลับตานิ่งสนิท  เขารออยู่สักครู่ใบหน้าเล็กจึงเลื่อนขึ้นไปกดริมฝีปากจูบลงที่ปลายคางของธารเบา ๆ

           


“พี่ทราย...ผมขอโทษ...รักมาตลอด ไม่เคยมีวันไหนที่ไม่รัก...ขอโทษที่พูดแบบนั้น..”



พี่ทราย ?



ชนาธิปนิ่งงันตาเบิกกว้าง  วงแขนใหญ่ยิ่งรัดตัวเขาแน่นขึ้นอีกพร้อมกับเสียงพึมพำในลำคอแผ่วเบา พร่ำกล่าวแต่คำขอโทษกับบุคคลที่สาม มือเล็กค่อยยกขึ้นลูบหน้าเขาเบาๆ  ธาราธารคงจะกำลังนึกว่ากำลังกอดใครอีกคนที่เขาพร่ำเพ้อถึงอยู่ในอ้อมอก อ้อมกอดที่ทั้งอบอุ่นและอ่อนหวาน น่าอิจฉาคน ๆ นั้นเสียเหลือเกินเมื่อนึกไปว่าที่เขาต้องมาใช้เหล้าระบายความรู้สึกตัวเองในวันนี้คงมาจากมีเรื่องมีราวกับคนที่เขารัก



พี่ทราย ?



กลิ่นน้ำหออ่อนๆจากเขาลอยมาแตะปลายจมูกอีกครั้ง ชนาธิปเลื่อนปลายจมูกกดลงที่ซอกคอสวยงามของเขา สูดดมอยู่อย่างนั้น  สติสัมปชัญญะที่ถูกดูดหายไปส่วนหนึ่งจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้เขาเผลอไผลหลงลืมความอายทั้งหมดทั้งมวล


“..ธาร..”


ร่างเล็กละตัวออกมาเท้าแขนลงบนที่นอนนุ่ม จ้องมองลงที่ดวงหน้าแล้วเรียกชื่อเขาแผ่วเบา ขณะที่อีกมือยังเฝ้าลูบไล้ใบหน้าเขาไม่ห่าง กายที่โน้มลงไปแตะจูบเข้าที่เรียวปากได้รูปนั่นอย่างอดใจไว้ไม่ไหว  ธาราธารเปิดปากตอบรับทันทีตามสัญชาตญาณ มือใหญ่คว้าจับเข้าที่ไหล่เล็กบดจูบหนักหน่วงที่ริมฝีปากนิ่มจนอีกฝ่ายครางต่ำในลำคอด้วยความรัญจวนในรสจูบของเขา 


ชนาธิปเพิ่งรู้ตัวในวันนี้เองว่าคนที่เขาต้องการมาเติมเต็มในส่วนที่หายไปก็คือคนที่นอนอยู่คนนี้ ‘ธาราธาร’  ใบหน้าเล็กหลับตาพริ้มตอบรับรสจูบจากเขาอย่างไม่ให้น้อยหน้ากัน วงแขนกว้างเอื้อมมากกกอดร่างบอบบางแล้วพลิกตัวอีกคนให้นอนลงแทนอย่างรวดเร็ว แก่นกลางลำตัวเริ่มร้อนผ่าว รสเหล้าจากปลายลิ้นของทั้งคู่เกาะเกี่ยวดุนดันกันและกันจนชนาธิปเผลอครางแล้วครางอีก


“อืมม...ธาร...” เสียงเล็กอ่อนหวานครางเบาหวิว  ขณะที่เขากลับเรียกหาใครอีกคนด้วยเสียงที่รัญจวนใจไม่แพ้กัน


“..พี่ทราย..”


เขาละริมฝีปากออกมองลงมาที่คนใต้ร่างขณะที่มือสอดเข้าลูบไล้เรือนผมนิ่มนั้นไม่หยุด ดวงตาสั่นไหวแดงฉ่ำด้วยฤทธิ์ของเหล้า เขาเพ่งแล้วเพ่งอีกกระพริบตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า  ภาพวารินซ้อนทับกับภาพของชนาธิปสลับไปมา เขาสะบัดศีรษะอีกครั้งเพ่งมองให้ชัดๆ
 

ร่างสูงใหญ่ลุกพรวดละออกจากคนตัวเล็กที่เขาคร่อมทับอยู่ราวกับโดนของร้อน


“ขอโทษ!”


เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด สีหน้าของเขาดูเครียดขึงกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่อยู่มาก ชนาธิปที่นอนนิ่งงันด้วยความรู้สึกแสนเสียดาย ลุกขึ้นมากอดเอวเขาไว้ซุกไซ้ใบหน้าเข้าที่แผ่นหลังกว้าง


“ทำไม? ทำไมถึงไม่ทำต่อล่ะธาร”


ชนาธิปถามเสียงสั่น หลายครั้งแล้วที่เขาเสียโอกาสแบบนี้ไป ถึงแม้ครั้งนี้จะรู้ทั้งรู้ว่าที่ธาราธารกอดเขาเพราะเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นคนอื่น แต่ไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็อยากจะได้อ้อมกอดนั่น
 

“อย่ามายุ่งกับฉัน! ออกไปให้พ้น ฉันจะกลับ” ธาราธารดึงเขาออกห่างอย่างรังเกียจ พยายามพยุงตัวลุกขึ้น ชนาธิปที่ยังไม่ยอมรีบคว้าเขาเอาไว้


“ไม่เอา! ธิปไม่ให้ธารกลับธารเมาขนาดนี้ขับรถไม่ไหวแน่อยู่แล้ว ค้างที่นี่เถอะนะ”


เขาปัดมือเล็กที่เอื้อมเข้ามากอดออกไปให้พ้นตัว แต่พอลุกเท่านั้นก็เซมึนไปหมดต้องทรุดนั่งลงอีก ชนาธิป รีบกระโดดเข้าหาทันทีมือปัดเอาที่สร้อยคอเส้นเล็กที่มีจี้รูปกุญแจซอลนั่นร่วงตกลงมา แต่ธาราธารไม่ได้สนใจ


“ ทำไมถึงเป็นธิปไม่ได้! ทำไมธิปไม่เข้าใจ! ทั้งที่ธิปไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่านี้เลย ขอแค่ให้ธารกอดธิปแค่นั้น ธารไม่ต้องรับผิดชอบ ธิปจะอยู่ในส่วนของธิปเงียบ ๆ ไม่ไปรบกวนคนของธารเด็ดขาด”


เขาปัดคนตัวเล็กออกแต่อีกฝ่ายก็ยังเกาะเขาไว้แน่น


“นายนี่มัน!.....” เขาส่งเสียงลอดไรฟันหันมาจ้องมองคนตัวเล็กอย่างหมดความอดทน


“อยากรู้จริง ๆ ใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นฟังให้ดี เพราะว่านายเป็นน้องชายของฉันและเพราะว่าฉันมีคนที่ฉันรักอยู่แล้ว”


ในที่สุดเขาก็โพล่งออกมาซ้ำยังตอกย้ำว่าตนเองนั้นมีคนที่รักมากอยู่แล้ว


แต่ชนาธิปมีหรือจะยอม


“ไม่ใช่! ธารไม่ใช่พี่ชายธิป ธิปไม่ใช่ลูกจริง ๆ ของคุณพ่อ” เสียงเล็กตะโกนลั่น ธาราธารตื่นตะลึง


“คุณแม่เล่าให้ธิปฟังหมดแล้ว ธิปไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของคุณพ่อ ลูกชายคนเดียวของท่านก็คือธาร คราวนี้เข้าใจหรือยัง! ธารกอดธิปได้แล้วใช่ไหม!?”


“นายเป็นบ้าไปแล้วหรือไง ทำไมถึงทำอะไรแบบนี้นะ” เขาแกะมือไม้เล็กๆที่เกาะเขาออก แต่อีกคนก็ยังไม่ยอมขณะที่อาการเมาแทบจะหายเป็นปลิดทิ้ง ความจริงหลาย ๆ อย่างทำให้เขาตาสว่าง


“ธิปรักธาร คุณพ่อทิ้งคุณแม่ไปแล้ว ธารอย่าทิ้งธิปไปอีกคนนะ แค่นอนกอดเฉยๆก็ได้ ไม่ต้องทำอะไร แค่ธารกอดธิปไว้แค่นั้น”


ชนาธิปเสียงสั่นเขาอยากได้แค่ความอบอุ่นจากใครสักคนเข้ามาเติมเต็ม ในดวงตาเล็กๆสั่นไหวมีหยดน้ำตาไหลตกลงมา เมื่อเอ่ยถึงครอบครัวที่แตกระแหง  ธาราธารมองเขาด้วยแววตาที่อ่อนลง วงแขนเล็กสวมกอดเขาไว้แน่น ไหล่บางสั่นเทิ้มคงกำลังร้องไห้ เขาเข้าใจดีความรู้สึกโดดเดี่ยวพ่อไปทางแม่ไปทางมันเป็นเช่นไร เฝ้าโหยหาเพียงแค่อ้อมกอดอบอุ่นจากคนที่ตนเองรักเท่านั้น


มือใหญ่ยกขึ้นลูบศีรษะเล็กอย่างปลอบประโลม ไม่มีความรู้สึกอื่นใดแอบแฝง เขาแค่รู้สึกเห็นใจคนที่เจอเหตุการณ์ในชีวิตไม่ต่างกันก็เท่านั้น


“นอนเถอะ”


เสียงทุ้มเอ่ยเบา ๆ ทั้งสองคนเอนตัวนอนลงที่เตียงกว้างโดยที่ชนาธิปยังกอดเขาไว้ไม่ยอมปล่อยราวกับว่ากลัวเขาจะหนีหายไป ธาราธารหลับตานิ่งปล่อยให้วงแขนเล็กกอดเขาอยู่อย่างนั้น ห้องทั้งห้องมีแต่ความเงียบงัน ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศสาดซัดลงมาที่ร่างเล็ก ๆ ชนาธิปขยับเข้าใกล้เขามากยิ่งขึ้น


“ธาร” จู่ ๆ เสียงเล็กเรียกขึ้น ธาราธารที่กำลังจะหลับลืมตาขึ้นในความมืด


“สร้อยเส้นนี้ ธิปขอได้ไหม”


มือเล็กที่กำสายสร้อยไว้ตั้งแต่มันร่วงหล่นลงมายกชูให้เขาดู ท่ามกลางความมืดมิดจี้สีเงินรูปกุญแจซอลแกว่งไกวไปมาสะท้อนเป็นเงาบางเบา


“ธิปจะเก็บไว้เป็นตัวแทนของธาร จะสวมไว้ตลอดเลย เหมือนกับว่าธารอยู่ใกล้ธิปทุกๆวัน”


ธาราธารทั้งง่วงทั้งรำคาญไม่ได้ใส่ใจคำพร่ำเพ้อไร้สาระของอีกคนที่นอนอยู่ข้างกัน


“อยากได้ก็เอาไปสิ” เขาตอบส่ง ๆ ไปอย่างไม่ใส่ใจหลับตาลงแล้วนอนหลับไปทั้งอย่างนั้น




...ก็แค่สร้อยเส้นละไม่กี่ตังค์ ที่บังเอิญใส่ติดตัวมาตั้งแต่มอปลายก็เท่านั้น...


.


.



“พี่ทราย!!  พี่ทรายตื่นเร็วพี่!”


เสียงเรียกร้อนรนกับเสียงเคาะรัวที่ประตูจากนับดาวดังขึ้นกลางดึกวารินรีบเด้งตัวลุกขึ้นทันที


“คุณภัครเป็นอะไรไม่รู้ ตัวเกร็งไปหมดแม่ลงมาบอกเมื่อกี้ พี่เตไปถอยรถมารอที่หน้าบ้านแล้วพี่  พี่ทรายไปกับพี่เตนะ”


วารินหายงัวเงียทันทีตกใจสุดขีด รีบวิ่งเข้าไปคว้าเอากระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์ แล้ววิ่งตามนับดาวไปที่หน้าตึก เห็นเตโชกำลังอุ้มภัครจิราลงบันไดมา วันนาแม่ของดาวรีบไปเปิดรถรอทันที


“ทำไมเป็นรถคันนี้!  คุณธารล่ะ? แล้วลุงทินกรไม่อยู่เหรอ?”


วารินรัวถาม เข่าแทบทรุดเมื่อเห็นรถที่เตโชเคลื่อนมาจอดรอไว้เป็นรถกระบะเก่าๆที่ใช้บรรทุกดินทำสวนหรือก็คือรถที่วารินใช้ขับไปซื้อกับข้าวเท่านั้น


“คุณธารยังไม่กลับเลยพี่  ส่วนลุงทินกรวันนี้แกกลับไปค้างที่บ้าน ดันติดกุญแจรถใหญ่กลับไปด้วยนี่สิ”


“มีกุญแจสำรองไหม? เอารถคันใหญ่ไปดีกว่าเดี๋ยวฉันขับเองคุณภัครท่านจะได้นั่งสบาย ๆ ”


“ไม่ทันแล้วครับ คันนี้แหละเดี๋ยวผมขับเองคุณทรายขึ้นไปนั่งเลยเดี๋ยวผมจะวางคุณภัครไว้บนตัก รถตอนเดียวแบบนี้ต้องรบกวนคุณทรายอุ้มคุณภัครเธอนะครับ”


วารินพยักหน้ารับทันที รีบก้าวขึ้นไปนั่ง เตโชค่อยเลื่อนส่งภัครจิราไว้บนตักของเขาอย่างเบามือ มือเล็กรับเอาตัวเธอมาโอบอุ้มไว้บนตักเล็ก พยายามทำทุกอย่างให้เบามือที่สุดถึงแม้วารินจะตัวเล็กแต่จะอย่างไรก็สูงกว่าภัครจิราอยู่ดี


“ฝากคุณภัครด้วยนะคะคุณทราย เดี๋ยวป้าจะรีบเตรียมอาหารเช้าไปให้คุณท่านแต่เช้าเลยค่ะ” วันนาร้องบอก


“โทรหาคุณธาร ติดต่อให้ได้นะดาว” วารินสั่งความไว้แค่นั้น ก่อนที่รถกระบะคันเก่าจะแล่นออกไปจากคฤหาสน์หลังใหญ่ด้วยความรวดเร็ว


ใช้เวลาไม่นานนักรถก็มาจอดลงที่หน้าทางเข้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง ภัครจิราถูกเข็ญเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว วารินรีบก้าวตามขณะเตโชเลื่อนรถลงไปจอด ครู่เดียวก็เดินตามขึ้นมาสมทบ


“คุณหมอว่าอย่างไรบ้างครับ” เขาหย่อนตัวนั่งลงข้าง ๆ สังเกตเห็นว่าวารินสองกำมือแน่นจนแดงไปหมด คิ้วเล็กๆขมวดมุ่นอย่างเคร่งเครียด


“ยังไม่มีใครออกมาเลย หวังว่าท่านคงไม่เป็นอะไรมาก”


วารินเฝ้าภาวนามาตลอดทาง อย่าให้ภัครจิราเป็นอะไรไปมากกว่านี้ แค่เขาโอบกอดเธอไว้ตอนที่นั่งมาบนรถก็มีความรู้สึกว่าเธอผ่ายผอมลงมาก ความผิดที่เขาเป็นคนก่อถึงแม้จะมาจากความไม่ตั้งใจ แต่เหตุใดคนที่ต้องมารับกรรมถึงต้องเป็นผู้หญิงคนนี้ด้วย วารินกัดริมฝีปากแน่นโทษตัวเองซ้ำไปซ้ำมา


Tbc.


* เดี๋ยวคืนนี้จะลง Unseen-4 ไว้ให้นะ ถ้าสนใจตามไปอ่านกันได้….แต่ถ้ากลัวซีนอารมณ์จะมั่วกับเนื้อเรื่องหลักก็บายกันไปก่อน  ค่อยรออ่านรวบเดียวเลยก็ได้นะ เราแค่อยากให้เห็นว่าอันซีนเขาก็มีหวานกันอยู่บ้าง ใครล่ะจะด่ากันได้ทุกวี่ทุกวันทั้งที่ จุดจุดจุดกันก็ออกจะบ่อยเนอะ* :katai1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-04-2014 23:18:18 โดย coffeeQbread »

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
อ่านตอนนี้แล้ว อยากให้พี่ทรายกับธารกับทัตพล ต่างคนต่างอยู่ไปเลย เริ่มหงุดหงิดละ

ออฟไลน์ bvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
จะว่าไปคนที่ร้ายที่สุดน่าจะเป็นธิป(มั้ง)ในอนาคต เดาเอาน่ะ

ออฟไลน์ waza

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
คนที่เข้ามามีบทบาทสำคัญทำให้ทรายฮึดสู้ มันต้องเป็นชนาธิปแน่นอน แล้วในอนาคตฮีต้องร้ายเพราะรักแน่ :hao7:

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14
อีธิปนางคงคันมาก ชอบทรายนางเข้มแข็งนะ

ออฟไลน์ PoPuAr

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
น้องธิปมีบทกับเค้าสักที โผล่มาก็กลายเป็นนางร้ายจอมยั่วไปซะงั้น
โชคดีที่ธารไปเผลอตัวเผลอใจไปกับน้องธิป ไม่งั้นเรื่องยุ่งกว่านี้แน่ๆ
แต่เราเอะใจตอนที่น้องธิปของสร้อยของธารไป มันจะต้องเกิดเรื่องไม่ดีเพราะสร้อยเส้นนี้เป็นแน่แท้ (เดามั่วไปก่อน)
แล้วคุณภัทรจะเป็นอะไรมากมั้ยเนี่ย แอบเป็นห่วงเหมือนกัน และสงสารพี่ทรายนะ
รออ่านอันซีน 4 อยู่นะค้าบบบบ  :mew1:

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
ลุ้นจะแย่ กลัวธิปธารได้ใจ ขอบคุณธาามากที่ใจแข็ง ข้อดีเขาล่ะ
คุณภัครอย่าเป็นอะไรเลยนะ

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
สร้อยเส้นนั้นต้องมีความหมายแน่ๆ

ออฟไลน์ U_Ton

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
 :katai1: ชนาธิปนี่เเม่ชื่อสายน้ำผึ้งรึเปล่าคะ???... ทำไมไม่มียางอายเลยในเมื่อเขาไม่รัก เขาพูดแล้วว่าไม่เอา ยังไปเที่ยวยัดเยียด

ตัวเองให้คนอื่นเค้าอีก ความอายเป็นสิ่งที่ทุกคนมี น่าจะหยิบมาใช้ในเวลาเเบบนี้นะ... ธารก็นะเกือบไปแล้ว เกือบจะผูกปมให้มัน

เเน่นขึ้นอีกเเล้ว... หรอืจริงๆอาจจะผูกไปแล้ว สร้อยกุญเเจซอลนั่นต้องเป็นไฮท์ไลท์อะไรสักอย่างเเน่เลย อย่างน้อยทรายก็รู้เเหละ

ว่านี่คือของที่ติดตัวธาร ถ้าได้เห็นมีหรือทรายจะจำไม่ได้ แล้วถ้าเห็นของเเบบนี้ไปคล้องอยู่บนคอของคนอื่นก็ต้องคิดเเหละว่าธาร

เป็นคนให้ ชนาธิปทำตัวแย่ลงเรื่อยๆ ไม่รู้จะสงสารหรือสมเพชเวทนาดี... ไล่ล่าความรักที่ไม่ใช่ของตัวเองขนาดนี้เลยเหรอ เข้าใจว่า

เป็นเพราะขาด แต่ก็น่าจะสำนึกว่าตัวเองก็มีความรักจากเเม่ พ่อก็รักเเม้จะไม่ใช่ลูกเเท้ๆ แต่ทำไมชนาธิปถึงยังวิ่งไล่ไขว้คว้าความรัก

จากเพศเดียวกันอย่างไม่รู้จบขนาดนี้

คุณภัคจะเป็นยังไงบ้าง ถ้าเกิดอะไรขึ้นเดี๋ยวไม่ใช่ว่าธารพาลมาลงกับทรายอีกนะ ยิ่งเอะอะอะไรก็ทรายผิดทั้งนั้น  :z3: รับไม่ได้ที่

ธารเผลอไปจูบชนาธิปเข้านี่เเหละ (อคติกับชนาธิปไปแล้ว :hao3: ก็นะการกระทำนางงงง) คุณทัตจะโผล่มาอีกมั้ย? คุณภัคอาการ

เเย่ลงแต่ไม่เเน่อีกไม่นานอาจจะปรากฏว่าดีขึ้นก็ได้

ออฟไลน์ eye-lifestyle

  • พรุ่งนี้ไม่เคยมีจริง
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Cockroach

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ช่วงนี้มาม่าเต็มปากเต็มมาก T^T เค้าอยากกินเค้ก!!!

ออฟไลน์ viewier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
โอยยยยย โอยยยย น้องธิปครับกลับบ้านเก่าไปเถอะครับ
ทรายจัดการมันเลย ทั้งคู่ๆๆๆ
เกือบไปแล้วธาร เมิงงงงงงง
เจ๊ภัทรจะไหวมั้ยเนี้ย ลูกไม่มาดูเลย เมาหัวทิ่มอยู่นั่น
ทรายสู้นะเฮ้ย ถ้าไม่ไหวไปหาคุณทัตซะ (ชื่อนี้ป่าวว้า)
อินเจงๆๆ ยังกับเป็นทรายเอง ถ้าตบได้ตบแล้วอ่ะจริงๆ

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :katai1: แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ไม่ไหวกับอิธิปพยศนี่แล้ว  :z6: :z6: :z6:  :beat: :beat: :beat:
เอาจริงๆเคยแอบสงสารนิดๆว่าเป็นคนที่ถูกทอดทิ้ง
แต่ดูมันทำตัวสิ เสนอตัวทุกอย่างจนอิดอกบัวคู่ในตอนที่แล้วๆมาอายแทบจะโดดแม่น้ำบางปะกงตายไปเลยทีเดียว
ยังแอบดีนิดนึงที่ไม่ลักหลับธารหรือมอมเหล้าหนักๆ แต่ชั้นว่ามันอาจจะไม่ฉลาดพอก็ได้นะ กร๊ากกกกกกกก  :laugh:
ขอให้แห้วต่อไปนะจ๊ธิป เสนอตัวขนาดนี้ เราว่าแรดไม่รู้ตัวแบบพี่ทรายดีกว่าเยอะ

อ่านส่วนของธิปมาตั้งแต่แรก เสนอตัวอยากเป็นของธารตลอด
เชื่อตายแหละว่าจะไม่เกาะแกะธาร ไม่มีทาง มันก็แค่คำพูดสวยหรู อย่างแกกินธารที แกตามยิ่งกว่านางร้ายช่องสามแน่นอน

เรารู้สึกว่าธิปโรคจิตนะ ไม่รู้รู้สึกคนเดียวรึปล่าว ชอบธารเพราะเหมือนคุณธัตมาก
แปลว่าอินี่มันชอบพ่อตัวเองน่ะสิ ทีกับพ่อมามีศีลธรรม กับพี่ดันไม่สน
ทั้งๆพ่อและพี่ก็คนละสายเลือดกับแก จะข้ออ้างคนละสายเลือด มันฟังไม่ขึ้นอ่ะ  :fire:
แต่แกว๊อนท์อยากรวมร่างกับเขาเหลือเกินเป็นอะไรมากมั้ย  :beat: :beat:
จากที่อ่านๆมาถึงธารจะเป็นพี่ชายแท้ๆ อิธิปมันก็ไม่ถอยหรอก เชื่อสิ!
เสนอขนาดนี้ แม่มันรู้มั่งมั้ยเนี่ยว่ามันทำตัวแบบนี้

ในขณะที่อิเด็กธารนอนกอดอิธิป คุณภัครก็เข้าโรงพยาบาลไปแล้ว เจริญแหละพ่อคุณ  :fire:
แกทำตัวยังงี้ ก็ไม่ควรมีหน้าไปว่าทราย ห้ามทรายไม่ให้ดูแลคุณภัครแล้วนะ
ในขณะที่ลูกไปกก?กับลูกศัตรู ใครเล่าที่ดูแลแม่
จะอ้างว่าสุดวิสัย อันนี้ฟังไม่ขึ้นอ่ะ เพราะปกติอิเด็กธารมันนอนบ้างตลอดไง
แต่ดันไปตามใจอิธิปซะงั้น แล้วถึงจะไม่มีอะไรกับอิธิป อิธิปก็ต้องใช้ข้ออ้างอื่นในการเข้าหา
ที่สำคัญ มันใช้ความน่าสงสารเป็นอาวุธ ******* ในการปฏิบัติภารกิจต่อไป

เราขอเชียร์ให้พี่ทรายด่ากลับ ร้ายกลับใส่ธารไวๆ ให้มันสำนึกว่าไม่ควรสงสารใครพร่ำเพรื่อ
พี่ทรายคงคิดในใจนะว่า "ทีกูร้องไห้น้ำตาแทบเป็นเลือดดันไม่สงสาร ทีอิธิปร้องแหมะๆเสือกสงสารซะงั้น สรุปมึงรักใคร"

แหมน่าจะมีคลิปธารนอนฟัดธิปเนอะจะได้มาม่าแซ่บๆเท่าๆกัน

ปอลิง : Unseen นี่อิเด็กธารกินกาแฟอีกแล้วนะ แถมชอบครีมข้นๆด้วย หื่นเสมอต้นเสมอปลายดีจริง  :katai3:
ดีนะไม่มีกล้วยด้วย ฮ่าฮ่าฮ่า

ปอลิงปอลิ๊ง : ทำไม เม้นนี้ ฉันแลดูอารมณ์รุนแรง  :mew5:

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
เดี๋ยวทรายจะต้องเห็นสร้อยบนคอธิปแล้วต้องมีไรเกิดขึ้นแน่
ร้ายเลยนะร้ายเลยแบบเอาธารคืนมา ทั้งๆที่ธารไม่ได้ทำไร55555
แต่ต้องเข้าใจผิดกันอีกชัวร์
แล้วคุณภัครจะเป็นไรมากมั้ยเดี๋ยวธารผีเข้าทำร้ายพี่ทรายอีก
มันส์ค่ะบอกเลย

ออฟไลน์ NumPing

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
อิเด็กผีชนาธิป แกนี่มันเป็นลูกไม่ใต้ต้นของนางวิลาสินีจริงๆ เลยนะ
ดูซิมันจะสำแดงเดชอะไร แต่ชั้นว่าฝีมือแบบก็อปปี้มาจากหนังน้ำเน่าอย่างแก ไม่เท่าไหร่หรอกย่ะ ดรวก  :angry2:

ทราย อย่ายอมแพ้มันนะ อย่าให้ไอ้เด็กที่เกิดช้ากว่าเราเป็นรอบ มาฉกชิงของรักเราไปได้นะ ชั้นเอาใจช่วยเธออยู่   :laugh:

แต๊งค์ นักเขียนนะ  :mew1:

ออฟไลน์ ToeyTato

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-1
เครียดอ่ะ ไม่ชอบธิป ธารกลับมาสักทีเหอะเดี๋ยวก็เป็นเรื่อง

ออฟไลน์ Moose

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
อิธิปนี่นิสัยถอดแม่มาเต็มเลยนะ แม่เลวยังไงลูกก็เลวอย่างนั้น เชื่อว่าสร้อยเส้นนั้นต้องทำให้พี่ทรายเข้าใจอะไรผิดแน่เลย สู้ๆ นะพี่ทรายยยยยย


ออฟไลน์ manutty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 846
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-0
สมกับชื่อตอน  รักคืออะไร ถามง่ายแต่ตอบยาก เพราะนิยามและการแสดงออกของความรักแต่ละคนไม่เหมือนกัน :impress3:

ธารตอนนี้กำลังคิดหนักและสับสนอย่างมาก กับเรื่องที่เกิดขึ้น ชั่งน้ำหนักความเชื่อว่าควรจะเชื่อได้ไหม ทั้งจากทรายและพ่อ พยายามทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมาหลายครั้งหลายหน แต่ก็ยังอับจนว่าจะทำยังไง ในใจเกิดความขัดแย้งกันไปหมด ใจหนึ่งอยากจะลืมและเริ่มต้นใหม่ให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่อีกใจมันก็ฝังกับภาพของคนรักกับพ่อมีความสัมพันธ์กัน และสำนึกส่วนดีของธารที่คิดคือ ถ้าทุกอย่างเป็นความจริง คนที่เสียใจที่สุดก็คือตัวเองที่ทำแบบนั้นกับคนรักและคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อ แต่เชื่อว่าถ้าวันนั้นมาถึง ธารก็ลูกผู้ชายคนหนึ่งที่พร้อมจะยอมรับผิดในสิ่งที่ตัวเองทำลงไปแน่นอน  แต่สิ่งที่ธารกลัวมากกว่าคือ การที่คนรักจะให้อภัยและรักเขาเหมือนเดิมหรือเปล่า :m15: ซึ่งเรารู้อยู่แล้วว่าธารรักทรายมาก สงสารธารมากนะ ให้ยังไงธารก็คือเด็กวัยรุ่นธรรมดาคนหนึ่ง ที่ถูกปัญหารุมเร้าอย่างหนักหนาสาหัส มาแบบไม่ทันตั้งตัว ถึงตั้งตัวก็เกินจะรับมืออยู่ดีกับเด็กวัยนี้  ที่ไม่มีทั้งพ่อและแม่ให้คำปรึกษา ช่วยเหลือ ซึ่งในชีวิตจริงก็มีให้เห็นกันอยู่  :เฮ้อ:

แหมแต่ขอติอีเด็กดีของฉันหน่อย รวย เครียด กินเหล้า เข้าคอนเซ็ปเลย ทำมายแกไม่กินกาแฟวะ จะได้สมองปลอดโปร่ง และถ้าจะให้โล่ง กินพร้อมทรายไปเลย หื่นนนนน หื่นนนนนน เสียงตูเอง :haun4: แต่ก็ขอชื่นชมที่ธารยังมีสติไม่เผลอใจปล่อยตัวไปกับชนาธิปที่มีปัญหาแน่นอกเหมือนกัน ยังมีสามัญสำนึกคิดว่า ธิปเป็นพี่น้องต่างแม่ และในห้วงที่อ่อนแออ่อนไหวก็ยังนึกถึงทรายตลอด  และแม้กระทั่งธิปบอกความจริงว่าตัวเองไม่ใช่พี่น้องและลูกแท้ๆของทัตพล ธารก็ยังเด็ดขาดไม่เอาธิป  พูดประเลาะ  เล้าโลม ยอมแทบจะทุกอย่าง ฮีก็ไม่ยอมเอา นายแน่มาก ขอให้เป็นอย่างนี้ไปตลอดนะ เด็กดี o13

ส่วนธิปในตอนนี้จะขอพูดถึงในแง่ของความเห็นใจก่อน ตรงที่รู้ความจริงก็คงจะช็อคพอสมควร เพราะรักทัตพลที่เลี้ยงดู เอาใจใส่ ประดุจลูกแท้ๆ มาตลอด ความผูกพันฉันท์พ่อลูกมันฝังในจิตใจมานาน ธิปรักทัตพลในฐานะพ่อมากนะ ส่วนยายวิ ฉันโอเคกับหล่อนขึ้นมานิดหนึ่งที่ไม่เสี้ยมสอนลูกไปในทางที่ผิด พูดความจริงให้ลูกฟัง :katai2-1: วิก็เป็นอีกคนที่รักไม่เป็น รู้แต่รักแบบครอบครองโดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้น และนิสัยนี้ก็ตกมาถึงธิปด้วย ซึ่งน่ากลัวมาก เพราะธิปรู้แล้วว่าตัวเองไม่ใช่พี่น้องกับธาร ทีนี้ความรู้สึกที่ธิปมีต่อธารมาตลอดจะเริ่มรุนแรง จนเกิดความริษยาคนที่ธารรัก และคงทำทุกวิถีทางให้ได้มาในทางที่ผิดแน่นอน คาดว่าธิปคงเป็นตัวแปรหลักในตอนต่อๆไปจนกว่าจะจบ คงเป็นคนที่ทรายจะต้องรับมืออย่างหนัก และแสดงร่างที่แท้จริงออกมาก็ได้ และหวังว่าทรายคงร้ายกลับอย่างมีเหตุผล รับมืออย่างนายเอกที่ฉลาด เราเชื่อว่าทรายทำได้แน่นอน เพราะคนเขียนบอกแล้ว อิอิ o18 ส่วนเรื่องสร้อย เดาว่า ต้องมีส่วนให้เกิดปัญหากับธารแน่ เพราะมันใส่ติดตัวตลอด แต่เจือกให้ธิปไปไม่รู้ตัวนี่แหละ ไม่รู้ว่าเป็นสร้อยที่ทรายซื้อให้หรือเปล่าหนอ แต่มันดันจำไม่ได้ไง  :ruready

อีกด้าน คุณภัครก็เกิดมาอาการกำเริบในตอนที่ลูกชายไม่อยู่อีก น่าสงสารมาก ดีนะที่ยังมีทราย ป้าวันนา ดาว เตโช อยู่ที่บ้าน ไม่อย่างนั้นคงเลวร้ายไปกว่านี้ ต้องบอกว่าทรายทำได้ดีมาก ทำด้วยความรักและภักดีต่อภัครไม่เคยเปลี่ยน ไม่เคยหวังสิ่งตอบแทน ซึ่งอาจจะส่งผลดีกับทรายก็ได้  ถ้าอีเด็กธารมันไม่งี่เง่าหึงหวงเธอโดยไม่ดูสาถานการณ์นะ อีธารแกต้องไม่ทำให้ฉันผิดหวังนะ เพราะฉันอวยและเข้าข้างแกมาตลอด แกต้องนึกถึงแม่ก่อนนะโว้ย :m16: แต่แอบคิดว่าพอธารรู้ต้องบึ่งมาแน่นอน พร้อมพ่วงอีเด็กธิปมาด้วยหรือเปล่า กลัวจะเป็นอย่างนั้นจุงเบย อีกอย่างที่ฉันกังวล ฉันล่ะกลัวคุณทรายของฉันโทรหาทัตพลจริงๆเลย คือ ทรายทำด้วยความหวังดีไง แต่อีเด็กน้อยฉันนี่สิ จะตีความไปอีกอย่าง ต้องไม่ทำอย่างนั้นนะทราย แกด้วยธาร ถ้าเกิดพ่อแกมา แกต้องไม่หึงหวงและคิดอคติ แกพึงสำนึกห่วงแม่ที่ป่วย และควรซาบซึ้งพี่ทราย ที่พาแม่มาโรงพยาบาล อย่าเจือกด่าเขาล่ะ เรทติ้งแกฮวบแน่ ฉันขอเตือน   :angry2:

เครียดพอควรกับอาหารจานหลัก หนีไปหาของหวานกินดีกว่า อีเด็กนี่ทำฉันฟินอีกแล้ว :heaven ฉันว่าแกอย่าเป็นหมอเลยว่ะ ช่างจิตนาการอย่างนี้ เกิดไปเห็นอวัยวะคนไข้ทั้งภายในภายนอก โดยเฉพาะตับกับตูด นะแกเอ้ย ลำบากทรายตูแน่นอน มันต้องเกิดอาการอยากกิน ตับ ตับ ตับ แน่ ถ้ามันคิดได้ก็สวดยอดมนุษย์แล้ว แต่ที่รู้ตูคิดเองนี่หว่า :jul3:   ดูดู๊ กระทั่งขนมมันก็ยังโยงไปได้ ทรายก็แทนที่จะกินไม่ลง กลับสมยอมฟินตามมันซะนี่ เป็นไง สุดท้ายโดนกินพร้อมกาแฟเบย  :oo1:




ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
ธิป~ ไม่เอาลูกกก
ธารเป็นของพี่ทรายเค้า
อย่าเอานิสัยแม่มาใช้ อิ____อิ

เดี๋ยวตามไปอ่าน unseen
ขอบคุณนะคะ^^

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
ขอบคุณคนเขียนค่ะ ที่ไม่ทำให้เรารู้สึกแย่โดยให้ธารหน้ามืดมีอะไรกับธิปจริงๆ :z3:
แค่นี้ก็ตาบวมช้ำตามพี่ทรายไปแล้ว สู้ๆนะทราย :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ tsundere

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
อ่านจนตาไม่กะพริบ ลุ้นตลอดตอนเลยใจก็อยากเลื่อนให้สุด อีกใจก็ยั้งไว้ อ่าน ๆ ไป สะดุดกึก tbc  :katai1:
ธารฉันเกือบแล้ว ๆ เกือบมีชนักติดหลัง ตอนที่สำคัญ"สร้อย"คงเป็นคีย์เวิร์ดสำคัญของเรื่องต่อไป

สงสารสองแม่ลูกอีกแล้ว (มึงก็สงสารเขาไปทั่วเนาะ) เหมือนจะเข้าใจความรู้สึกลึก ๆ นะ
ก็เนาะแต่ยังไงไม่เจอกับตัวก็คงไม่รู้สึกจริง ๆ หรอก  แต่ก็เลือกที่จะกระทำได้
ซึ่งอิสองคนนี้คงไม่มีใครสอน ฮา (บางทีก็แรงไป) :jul3:

โฮววววววว เจ็บ เจ็บแทนธาร ฮา ทรายทำอะไรก็ผิดหมดสำหรับธาร
(แต่อิเด็กธารก็มานั่งคร่ำครวญลับหลังว่าทำถูกแล้วยุติธรรมแล้วในความคิดมัน)
แต่ธารนี่สิทำอะไรคนอ่านก็ด่าตลอด ๆ แถมซ้ำอีก กร๊ากกกก
ยังไงฉันก็อวยเด็กธารนะเคอะ เอาใจช่วยให้ธารรู้ว่าแม่อาการทรุดเร็ว ๆ นะ   :hao7:
เดี๋ยวตามไปอ่านอันซีนก่อน

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
คือ ..แบบดราม่ากระชากวิญญาณมากอ่ะ อ่านไปน้ำตาไหลไป :sad4: :sad4: :sad4:

เอาใจช่วยน้องธารน่ะ ลองให้โอกาสพี่ทรายบ้างน่ะธาร.. :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ Spelling_B

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
โอ๊ยนังชนาธิปขา อันเชิญคุณออกจากชีวิตธารด่วนๆ :z3:

ออฟไลน์ Theznux

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 197
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้ สนุกมากค่ะ แอบสงสารทรายน่ะ โดนพระเอกรังแกตลอด
ทั้งๆที่เป็นคนดี ชอบบททรายมาก เป็นคนมีความอดทนต่ออะไรหลายๆอย่าง
ติดตามค่ะ ชอบมากกกกกกก
 :mew1:

ออฟไลน์ smile_aex

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ Min61

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น้องธิปปปปปปป แรดนะคะ  :เฮ้อ:
ไม่ไหวๆ มันขนาดนั้นเลยหรอคะ ขนาดยอมแอบอยู่ในซอกหลืบไม่ให้ใครรู้เพื่อแลกกับได้ธารเลยหรอ  :katai1:
กลับไปกอดแม่ดีกว่ามั้ยคะน้องธิปปปปปป ไปดูแลสภาพจิดใจแม่ ดีกว่าสันหาเรื่องแบบนี้ แถมผู้ชายเขาไม่รักอีก
รู้แก่ใจอยู่แท้ๆ ถ้าได้ธารจริงๆจะมีความสุขหรอคะ ถามจริง ในเมื่อเขาไม่เคยแม้แต่ชายตามอง
อยากรู้มันจะมีความสุขมากแค่ไหน ถึงต้องยอมแลกถึงขนาดที่แบบ..ภาษาบ้านๆที่เข้าใจก็ เมียน้อย ช้ะ ?
อืมมมม...นั่นแหละ หรือเพราะหน้าตาเหมือนคนที่(คิดมาตลอดว่า)เป็นพ่อ ถึงอยากได้มากขนาดนี้
โอ๊ย กลุ้มค่ะ ถ้ารู้จักชนาธิปจริงๆ อิชั้นจะโบกหัวให้ ใครบอกให้ทำตัวแบบนี้
แม่เธอก็คราวนึงแล้วนะ ไม่อยากให้ลูกต้องเป็นแบบแม่อีกนะ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Moose

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
เข้ามารอ  :o12:

ออฟไลน์ Spelling_B

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
เข้ามารอเหมือนกัน

รอทั้งที่นี่ และทั้งที่บล็อกก็รอนะ (ในบล็อกตอนนี้อ่านอีกเรื่องหนึ่งรอ ซึ้งมากเลยค่ะ ชอบมากๆเรื่อง My Friends)

ออฟไลน์ SoN

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2965
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-15

ออฟไลน์ coffeeQbread

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1218/-29



บทที่27  Try to use your heart looking to me, don’t just use yr eyes




เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น วารินสะดุ้งตื่นจากห้วงความคิดทั้งหมด เป็นสายเข้าจากนับดาวโทรเข้ามารายงานว่ายังติดต่อธาราธารไม่ได้  วารินจึงบอกกลับไปว่าไม่เป็นไรให้นับดาวพักผ่อนได้แล้ว พรุ่งนี้จะได้มีแรงตื่นมาทำอาหารช่วยป้าวันเอามาให้คุณภัครท่านแต่เช้า  ก่อนจะกดวางสายลงไป


“คุณหมออกมาแล้วครับ” เตโชลุกขึ้นเรียกวารินให้เดินเข้าไปด้วยกัน คุณหมอเจ้าของไข้ที่ดูแลภัครจิราอยู่


“ไม่เป็นอะไรมากหรอกนะ เกิดภาวะช็อคแทรกซ้อนนิดหน่อยไม่มีอะไรมากแล้ว เดี๋ยวพวกคุณตามพยาบาลขึ้นไปเลยก็ได้ นอนค้างที่นี่สักคืนแล้วกันผมขอดูอาการต่ออีกหน่อยถ้าพรุ่งนี้ไม่มีปัญหาเย็นๆก็กลับได้แล้ว”


ทั้งวารินและเตโชยกมือไหว้อย่างสำนึกในบุญคุณ มองดูบุรุษพยาบาลเข็ญเตียงที่มีเจ้านายของพวกเขาทั้งคู่ออกมา สีหน้าเธอดีขึ้นมาก พวงแก้มเริ่มมีสีแดงระเรื่องแต้มแต่ง วารินค่อยหายใจโล่งไปเปราะหนึ่ง


“เดี๋ยวผมเอารถลงไปจอดดี ๆ แล้วจะตามคุณทรายขึ้นไปนะครับ” เตโชเอ่ยขึ้นก่อนเขาจะเดินแยกออกไป


พอขึ้นมาถึงบนห้อง วารินรีบเข้าไปล้างมือ ออกมากระชับผ้าห่มคลุมลงที่หน้าอกให้ภัครจิราอย่างเบามือ ขณะที่เธอนอนจ้องหน้าเขานิ่ง ภัครจิราพูดไม่ได้แม้แต่ร่างกายก็ไม่ขยับ เพราะฉะนั้นความรู้สึกทุกอย่างจะแสดงออกมาทางแววตาเท่านั้น


...ไม่ใช่ว่าวารินไม่สังเกต...


ตลอดทางที่นั่งรถมาเป็นวารินที่คอยหลบเลี่ยงที่จะสบสายตากับเธออยู่ตลอด ความรู้สึกผิดตีตื้นอยู่เต็มอก แต่ทว่าก็อยากช่วยอยากดูแลอยากทำทุกอย่างให้เท่าที่เขาจะสามารถทำได้  ทั้งที่กลัวว่าเธอจะรังเกียจดังนั้นเขาจึงคอยหลีกเลี่ยงที่จะสบสายตากับเธออยู่ตลอด


ฉับพลันคนตัวเล็กตัดสินใจมองดูหน้าเธอแวบหนึ่ง น้ำตาหยดหนึ่งไหลตกลงมาที่หางตาสวย...ภัครจิรากำลังร้องไห้...วารินคุกเข่าลงทันที


“คุณภัครครับ”  เขาว่าเสียงสั่นก้มหน้านิ่ง สองมือกำจิกเนื้อตัวเองจนสั่น 


“ผมรู้ถึงพูดไปก็เหมือนกับแก้ตัว แต่ผมอยากให้คุณรู้นะครับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นผมกับคุณทัตไม่ได้ตั้งใจ  เราสองคนโดนวางยาโดยใครบางคนที่คุณทัตเองก็บอกออกมาไม่ได้ ผมไม่รู้เหตุผลของเขาแต่ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นมาแล้ว ทั้งเลวร้ายและยอมรับได้ยากแต่ผม..อยากจะขอให้คุณให้อภัย ถ้าตอนนั้นสติสัมปชัญญะยังครบถ้วน ไม่มีวัน ที่ผมจะทำเรื่องราวแบบนั้นแน่นอนครับ!  ผมเองก็เสียใจ ยกโทษให้ผมด้วยเถอะนะครับ”


วารินหลั่งน้ำตากล่าวขอโทษเธอ ความผิดครั้งนี้ใหญ่หลวงมากนักจริง ๆ หากเขาเป็นเธอไม่แน่ว่าจะสามารถยกโทษให้ได้หรือไม่


ค่อยๆเงยหน้าขึ้น เขากล้าที่จะมองดูภัครจิราเต็มตาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เธอล้มป่วย บัดนี้แววตาที่เคยแข็งกร้าวทุกครั้งที่เขาคอยแอบมองเธอตลอดมา  ค่อยเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นมาบ้างแล้ว ถึงจะไม่เหมือนเดิมเหมือนอย่างเคย แต่ก็ไม่เย็นชาไร้ความรู้สึกเหมือนที่ผ่านมา


“คุณทรายนอนเถอะครับ เดี๋ยวผมจะดูคุณภัครต่อให้เอง”


เตโชเข้ามาแตะลงที่บ่าเล็ก วารินที่คุกเข่าอยู่ถึงกับสะดุ้งรีบเช็ดรอยน้ำตา ไม่รู้ว่าเขาเข้ามาตอนไหน รีบลุกขึ้นเทน้ำเปล่าใส่แก้วเสียบหลอดใส่ขณะที่เตโชเข้าไปขยับปรับเตียงให้สูงขึ้นอีกนิดเพื่อให้เธอดื่มน้ำได้สะดวก เมื่อยื่นแก้วไปชิดที่ริมฝีปากสวย ภัครจิราชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งในที่สุดยอมเปิดปากรับหลอดเล็กๆ ดูดน้ำสะอาดผ่านลำคอเข้าไป


“ไม่เป็นไรหรอกนายเตพักเถอะ เดี๋ยวฉันจะนอนตรงนี้นี่แหละ วารินว่าแล้วหมุนเตียงลงปรับตำแหน่งให้เหาะสมเพื่อให้คนป่วยนอนได้สะดวกสบายขึ้น ขณะที่เตโชเลี่ยงมานั่งลงที่โซฟาตัวยาว เวลาผ่านไปได้สักครู่เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูตอนนี้ตีสี่ครึ่งแล้ว แผ่นหลังเล็ก ๆ ฟุบหลับอยู่ที่ข้างเตียง ไฟในห้องถูกหรี่เป็นสีส้ม  เตโชเดินไปแตะลงที่หลังเรียกวารินเบา ๆ คนตัวเล็กงัวเงียแล้วเดินตามเขาออกมากึ่งนั่งกึ่งนอนลงที่โซฟา เตโชเองก็เอนตัวอยู่ข้างกัน พักเดียวทั้งคู่ก็หลับไป








ตุ่บบบบ!!!!!!




“จะนอนพิงกันต่ออีกนานไหม!”


น้ำเสียงฉุนเฉียวมาพร้อมกับเสียงฟาดหมอนลงใส่ที่ตักของทั้งคู่ ทั้งวารินทั้งเตโชสะดุ้งขึ้นพร้อมกัน ไม่รู้เมื่อคืนนั่งกันอิท่าไหนตอนเช้าหัวเลยเอนพิงกันอยู่แบบนั้น ช่างแสลงใจสำหรับผู้มาใหม่อย่างที่สุด เขาถึงกับจับหมอนเขวี้ยงใส่ทันที


วารินรีบยืนขึ้นขณะที่เตโชเดินเลี่ยงออกไปแถวหน้าประตูสบทบกับทินกรพ่อของเขา นับดาวและวันนา ที่เพิ่งเดินเข้ามาเช่นกัน


“เต  นายพานับดาวกลับไปก่อนก็ได้ไม่ใครอยู่เฝ้าบ้านเดี๋ยวทางนี้ฉันจัดการเอง” 


นับดาวสะดุ้งเฮือกทั้งที่เพิ่งมาถึงก็ถูกไล่ให้กลับเสียแล้ว  เธอรีบเดินเข้ามาดูภัครจิรา แล้วเลี่ยงออกไปหาเตโชทันที ท่าทางนายน้อยของบ้านอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก หากดื้อดึงจะขออยู่ต่อรังแต่จะหาเรื่องใส่ตัวเธอจึงได้แต่เงียบไว้


“ถ้าอย่างนั้นพี่กลับพร้อมดาวเลยก็แล้ว.....”


“ไม่ต้องไป!  เดี๋ยวกลับพร้อมผม”


เขาว่าขึ้นเสียงแข็ง แทรกขึ้นทันทีที่วารินกำลังจะลุกขึ้น  ใบหน้าเล็กมองเขากล้า ๆ กลัว ๆ ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรเพราะปกติแล้วเขาจะไม่อนุญาตให้วารินเข้ามาใกล้ภัครจิราได้แม้แต่นิดเดียว แต่ครั้งนี้วารินถึงกับมานอนเฝ้าอาจทำให้เขาดูโกรธเอามากๆแบบนี้  เขาเดินเข้าไปหาภัครจิราที่เตียง วารินจำต้องนั่งลงที่เดิม โบกมือให้ดาวกับเตโชที่กำลังจะกลับไปก่อน


เขาบีบมือคุณแม่เขาเบา ๆ แล้วพูดเสียงอ่อน “คุณแม่ครับ ผมมาแล้วนะ” ภัครจิราขยับตัวลืมตาตื่น รอยยิ้มน้อย ๆ ถูกจุดขึ้นทันทีที่เห็นใบหน้าของลูกชายคนเดียวของตน


“ขอโทษนะครับที่เมื่อคืนไม่ได้อยู่.....”


ขณะที่เด็กหนุ่มคุยกับคุณแม่ของเขาไปเรื่อยๆ วารินเพิ่งจะสังเกตเห็นใครบางคนที่เดินตามหลังเขาเข้ามา เด็กหนุ่มคนนั้นยืนรออยู่ใกล้ประตู


ชนาธิป ?


เด็กที่พี่ซีรับวาดรูปให้คนนั้น


“สวัสดีครับ” เป็นชนาธิปที่ทักขึ้นก่อนเขายกมือไหว้วาริน รู้สึกคุ้นหน้าวารินมาก นึกอยู่พักเดียวเขาก็จำวารินได้  แต่กระนั้นก็ยังจำไม่ได้ว่าน้องชายของภูวดลคนนี้ชื่ออะไร
 

“นั่งก่อนสิ”


วารินรับไหว้ขยับออกนิดหน่อยเพื่อให้เขานั่งลงข้างกันได้ ชนาธิปจึงถามไถ่ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นทำไมภัครจิราถึงต้องมาที่โรงพยาบาลกลางดึก อีกฝ่ายจึงบอกเล่าไปเท่าที่จะบอกให้ฟังได้  ครู่หนึ่งคุณหมอเจ้าของไข้เข้ามาตรวจอาการ


“วันนี้จะกลับตอนเย็นเลยก็ได้เดี๋ยวอาหมอทำเรื่องไว้ให้ ดูแลคุณภัครให้ดีนะธารมีอะไรโทรด่วนหาอาได้ยินดีรับใช้เสมอ” คุณหมอกำชับกับลูกชายของเธอก่อนขอตัวออกไป


“คุณธารกลับไปทานข้าวทานปลาก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวป้าดูแลทางนี้ให้เอง” วันนาเสนออกมา ธาราธารจึงพยักหน้ารับเขามองไปที่วาริน


“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมจะแวะไปส่งเพื่อนก่อน ช่วงเย็นจะแวะเข้ามารับคุณแม่นะครับ”


เขาก้มลงบอกคุณแม่ของเขา  ชนาธิปรีบเดินเข้าไปที่เตียงยกมือไหว้ภัครจิราด้วยใจที่แสนหดหู่ เขารู้ทั้งรู้ว่าคนที่ทำให้เธอต้องนอนป่วยอยู่แบบนี้คือวิลาสินีคุณแม่ของเขาเอง แต่จะให้พูดออกมาก็คงไม่ได้


ธาราธารพาชนาธิปเดินออกไปแล้ว แต่วารินยังคงนั่งเฉยอยู่เขาเลยเดินเข้ามาพยักหน้าเรียกอีกหน


“ธารไปส่งเพื่อนเถอะ เดี๋ยวพี่กลับ....”


“อย่าเรื่องมาก ลุกขึ้นแล้วตามมา”


เขาพูดแค่นั้นแล้วเดินออกไป  วารินจำใจคว้ากระเป๋าแล้วลุกตามบอกป้าวันว่าไม่รู้ตอนเย็นจะได้มารับไหม แต่จะลองขอให้ธาราธารพามาด้วยจะได้มาช่วยวันนาถือของเธอจึงลูบหลังเขาเบา ๆ ขอบคุณในความมีน้ำใจ วารินเข้าไปที่เตียงยกมือไหว้ภัครจิราบอกว่าจะกลับแล้ว  เดี๋ยวช่วงเย็นธารจะมารับเธอกลับบ้าน ภัครจิรามองเขานิ่ง ๆ


“กว่าจะออกมาได้นะ ไม่อยากนั่งหรือไงเบนซ์สปอร์ตสี่ที่นั่งแบบนี้ หรือชอบนั่งรถกระบะเก่า ๆ มากกว่า” พอขึ้นรถมาได้เขาก็แขวะทันที


“ธารทำไมไปว่าพี่เขาแบบนั้น”


ชนาธิปที่นั่งหน้าคู่กับเขาเอามือแตะที่หน้าขาเขาไว้ส่งเสียงปราม และหันมามองวารินที่ทำทีเหมือนไม่สนใจ จากนั้นมองดูหน้าคนขับอีกครั้ง



“ไปไงมาไงถึงมาด้วยกันได้  ทำไมไม่ให้ดาวพาคุณแม่มาหรือว่าอยากจะออกมากับไอ้เต  เลยเสนอตัวงั้นสิ”


“ธาร! หยุดนะ พูดอะไรน่ะ”


วารินหน้าเครียดรีบปรามเขาไว้เพราะชนาธิปก็นั่งอยู่ด้วยทำไมเขาถึงกล้าพูดออกมาไม่คิดแบบนั้น


“เมื่อคืนพวกเราตกใจกันมาก ธารเองก็ไม่อยู่ไม่ใช่หรือไง ไม่มีใครเขาคิดเรื่องอะไรแบบนั้นกันหรอก”


“ไม่ทันคิดเรื่องแบบนั้นแต่พี่ก็เลือกที่จะออกมากับไอ้เตมัน”


“ธาร!”


“ว่าไงครับ! พี่ทราย!”


เขาเน้นเสียงใส่ชัดถ้อยชัดคำ คำพูดของเขายิ่งกว่าด่ากันตรง ๆ  วารินหัวเสียยิ่งกว่าเดิม เขาเป็นบ้าอะไรนับวันพูดไม่รู้เรื่อง แค่เรื่องออกมากับเตโชแค่นี้ก็ทำเขาของขึ้นเป็นหมาบ้ากัดไม่เลือกแบบนี้


วารินกัดริมฝีปากเลือกที่จะเงียบ คนขับอย่างเขาจึงทำเสียงฮึดฮัดในลำคออย่างขัดใจเมื่ออีกคนไม่ส่งเสียงอะไรโต้ตอบกลับมา    ชนาธิปที่นั่งฟังสองคนพูดใส่กันแบบนั้นเริ่มฉุกใจคิดถึง ความสัมพันธ์ของทั้งสองคน   ธาราธารกับวาริน



ธาร...กับ...พี่ทราย




พี่ทราย ?!!!!




             “พี่ทราย...ผมขอโทษ...รักมาตลอด ไม่เคยมีวันไหนที่ไม่รัก...ขอโทษ..”




ชนาธิปปะติดปะต่อเรื่องได้ทันที แต่ก็อดที่จะตกใจไม่ได้เมื่อรู้ว่าคนที่ธาราธารรักมาตลอดคือวาริน เขารีบเอ่ย


“พี่ทรายอย่าว่าธารเลยนะครับ เมื่อคืนเราทั้งคู่ดื่มหนักไปหน่อยเลยเปิดห้องค้างคืนกันเสียเลย กว่าจะได้นอนก็เกือบเช้าแล้ว”


ทันทีที่พูดจบ วารินมองธาราธารทันที คำว่าเปิดห้องค้างด้วยกันมันมีความหมายอะไรที่ลึกซึ้งมากกว่านั้นอีกหรือเปล่า?  วารินกวาดตามองที่คนตัวเล็กกว่าเขาที่นั่งอยู่เบาะหน้า  ชนาธิปหันมาส่งรอยยิ้มไร้เดียงสาให้ พร้อมเอื้อมลำตัวมาคว้าเอากระเป๋าสะพาย   สร้อยเส้นเล็กรูปกุญแจซอลโผล่พ้นคอเสื้อออกมาให้วารินได้เห็นชัดๆเต็มสองตา



วารินเบิกตาขึ้นทันที!



....สร้อยเส้นที่ธาราธารสวมใส่ไว้ที่คอเป็นประจำ บัดนี้เปลี่ยนไปอยู่ที่ลำคอเล็กสวยงามของใครอีกคนที่นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถอยู่ข้างเขา   ใบหน้าเล็กชาวาบ ขอบตาร้อนผ่าว    เมื่อวานเขายังเห็นมันอยู่บนลำคอที่เปล่าเปลือยที่คร่อมทับร่างกายของเขาอยู่  แต่บัดนี้....บัดนี้เปลี่ยนไปอยู่กับใครอีกคนแล้ว...



“ไปนะครับพี่ทราย  ขอบใจนะธาร แล้วเจอกัน เดี๋ยวธิปโทรหา” ชนาธิปบอกลาวาริน แล้วโบกมือให้คนขับพร้อมส่งรอยยิ้มกว้าง เขาก้าวลงไปพร้อมหันหลังกลับมามองเมื่อรถแล่นออกไปจนลับตา ดวงตากลมหรี่ลงด้วยความริษยา  เฝ้าคิดวนเวียนซ้ำ ๆ


ทำไมต้องเป็นคน ๆ นี้ที่ธารรัก?  ทำไมต้องเป็นผู้ชายที่อายุมากกว่าธารเยอะขนาดนั้น?  ตัวเขาที่น่ารักกว่า ดูดีกว่า เด็กกว่า พร้อมกว่าแทบจะทุกอย่าง ธารกลับไม่เคยหันมามอง....ไม่เคยอยู่ในสายตาเลยสักครั้ง


พี่ทราย?  คน ๆ นี้คือคนที่ธาราธารรักมาตลอดอย่างนั้นหรือ??


.



“มานั่งนี่สิ หรืออยากให้ผมเป็นคนขับรถให้”


เมื่อรถขับออกมาได้สักครู่เห็นวารินยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมเขาจึงว่าใส่  วารินจึงย้ายมานั่งที่เบาะหน้าแทน ตัดสินใจหันไปมองที่ลำคอเขาแบบชัด ๆ พลางคิดไปว่านั่นอาจไม่ใช่สร้อยเส้นเดียวกันก็ได้ ของเด็กวัยรุ่นเหมือนกันเยอะแยะไป  แต่ทว่าวารินจ้องเท่าไหร่กลับไม่เห็นสร้อยเส้นนั้นสวมอยู่ที่ตำแหน่งเดิมของมันแล้ว



....มันหายไปจากคอเขา ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับคนทั้งคู่...


ขณะความคิดวนเวียนซ้ำๆ รอยขบสีแดงจางๆ ก็ปรากฏให้เห็นแว๊บๆอยู่แถวเนินหน้าอกกว้าง เพราะเขาติดกระดุมไม่ครบทุกเม็ด วารินพุ่งเข้าชาร์ตกระชากคอเสื้อเขาดูทันที ธาราธารเบรกรถเกือบไม่ทัน


แววตาผิดหวังถึงที่สุดจ้องหน้าเขานิ่ง ขณะที่ธาราธารกำลังตกใจมากที่จู่ ๆ วารินเป็นอะไรไปมากระชากเสื้อกันแบบนี้  เขารีบตีไฟเข้าข้างทาง


“มีอะไร?!” เขาถามหน้าตื่น   วารินนั่งเงียบสีหน้าเรียบเฉย  เลี่ยงมองไปที่กระจกด้านข้างเพราะกลัวว่าเขาจะเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความปวดร้าว   จิตใจชอกช้ำสุดจะเปรียบน้ำ ตารื้นขึ้นมาคลอหน่วย กัดฟันอดทนให้ถึงที่สุด


ชนาธิป?


เด็กคนนั้นเป็นลูกชายของทัตพล ถ้าธาราธารนอนกับเด็กนั่นจริง? ก็เท่ากับว่าธารหลับนอนกับน้องชายตัวเอง!!! วารินที่ไม่รู้ว่าชนาธิปไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของทัตพลถึงกับหน้าซีดตกใจสุดขีดรีบโพล่งถามขึ้น


“ธาร! ธารรู้ใช่ไหมว่าชนาธิปเป็นลูกชายของคุณทัต”  ทันทีที่วารินเอ่ยชื่อทัตพล เขาเหมือนถูกสะกิดแผลในหัวใจทันที 


“ทำไม!? พูดถึงเขาทำไม!”


“คุณทัตเป็นพ่อของชนาธิป แล้วธาร.. ค...คือเขาเป็นน้องธารนะ  ชนาธิปน่ะเขาเป็นน้องชายของธาร” วารินพูดไม่ออกเฉไฉไปอีกทาง ถ้าหากว่าธาราธารทำลงไปแล้วจริง คงจะต้องทนรับความผิดบาปไปไม่ได้แน่


“เขาไม่ใช่น้องชายผมหรอก ชนาธิปไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของผู้ชายคนนั้น เมื่อคืนเขาบอกผมเอง”


วารินหันมองเขาทันที อีกฝ่ายก็จ้องกลับมาไม่ลดละเช่นกัน เขาต่างฝ่ายต่างไม่รู้ความคิดของกันและกัน  ธาราธารไม่ชอบให้วารินเอ่ยถึงทัตพล  ใครหน้าไหนจะพูดถึงคน ๆ นี้เขาก็ไม่แสลงใจเท่ากับที่วารินพูดสักครั้ง ขณะที่วารินกลับคิดไปว่าทั้งคู่คงรู้ว่าไม่ใช่พี่น้องกันจริง ๆ หากมีอะไรกันไปคงไม่แปลก  รถหรูเคลื่อนตัวออกไปอีกครั้ง


“....เข้าใจแล้ว....”  เสียงเล็กเอ่ยเบา เอนแผ่นหลังพิงเบาะอย่างหมดแรง  เขารีบหันมาดู


“เป็นอะไร!”


“.....เปล่า”





“เดี๋ยวอีกสักครึ่งชั่วโมง เอากาแฟขึ้นไปให้ผมด้วยนะ เมื่อคืนไม่ค่อยได้นอน ง่วงมากเลย”


เมื่อรถจอดลงที่หน้าบ้านเขาบอกวารินไว้ก่อนลง กรามเล็กข่มแน่น คำว่าไม่ค่อยได้นอนของเขา ทำร้ายหัวใจกันได้ดีจริง ๆ


“พี่ทราย” เขาเรียก รั้งแขนเล็กไว้ยังไม่ให้ก้าวลงไป เพราะสีหน้าวารินไม่ค่อยดี


“เป็นอะไร ไหนหันมามองหน้าผมซิ”


วารินยังเฉยเขาเลยดึงแขนเล็กให้แรงขึ้นอีกเพื่อให้หันมาหาเขาดี ๆ ทว่าอีกฝ่ายก็ยังเลี่ยงที่จะสบตา  ทำสีหน้าเหมือนคนไม่พอใจอะไรบางอย่าง ความรู้สึกหึงหวงที่ยังเกาะกุมอยู่ในจิตใจเลยพาลพูดเรื่องไม่เข้าท่าขึ้นมาอีก


“หรือไม่พอใจที่ไม่ได้กลับมากับไอ้เต มากับผมแบบนี้ลำบากใจมาก ต้องนั่งรถไปกับมันใช่ไหมถึงจะยิ้มแย้มได้”


วารินหันขวับมองใบหน้าเขา และที่รวดเร็วยิ่งกว่าทั้งหมดคือมือเล็กคว้ากระเป๋าสะพายของตัวเองขึ้นมาฟาดใส่หน้าเขาอย่างหมดความอดทน แล้วก้าวลงจากรถอย่างรวดเร็ว  ธาราธารตกใจสุดขีดไม่คิดว่าวารินจะกล้าทำกับเขาถึงขนาดนี้  รีบตามเข้าไปในบ้านกระชากแขนเล็กไว้


“ผมถามว่าเป็นอะไร!” เขาตะคอกใส่


“หลีกไป! พี่จะไปหลังบ้าน ปล่อย!”


“ทำไม! พอมาถึงก็จะรีบเข้าหลังบ้านเชียวนะ คิดถึงมันขนาดนั้น? ห่างกันแค่ไม่กี่ชั่วโมงนี่ไม่ได้เลยใช่ไหม!”


“ธาร!”


ปากเขายังคงทำร้ายกันไม่เลิก วารินโมโหหนักสะบัดแขนออกอย่างแรง แรงกว่าทุกครั้งที่เคยทำเพราะความโกรธที่เขาพูดจาไม่น่าฟังแบบนี้ ทีตัวเองไปนอนค้างคืนกับใครต่อใครทำไมไม่คิดจะว่าตัวเองบ้าง  เขาออกไปกลางดึกกับเตโชก็เพราะพาภัครจิราเข้าโรงพยาบาลทำไมต้องมาพูดใส่กัน


แขนเล็กหลุดจากพันธนาการของเขาได้ วารินรีบจ้ำอ้าวเข้าหลังบ้านทันที


“พี่ทราย!” เขาเรียกเสียงดังขณะเดินตามมาด้วยความโมโห แขนเล็กถูกเขาคว้าจับเอาไว้ได้  “คุยกันให้รู้เรื่อง!”


“ไม่คุย! นายมันบ้าไปแล้วธาร พี่กับนายเตไม่ได้เป็นแบบที่ธารคิดอะไรทั้งนั้น!” วารินบอกเป็นครั้งสุดท้ายแล้วบิดแขนออกจากมือของเขาได้อีกครั้ง สายตาสบประสานกันครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจก้าวตัดออกไปที่หน้าห้องรับรอง


เขาจะคิดอย่างไรก็เชิญ  วารินไม่สนใจอะไรอีกแล้ว


“ไม่ให้ไป!”


มือใหญ่ตรงเข้ากระชากท่อนแขนบางอีกครั้งอย่างโกรธเกรี้ยว จนวารินที่กำลังจะเลี้ยวเข้าห้องหลังบ้านเซถลาลงที่พื้น แขนบาดเข้ากับหินประดับที่วางไว้แถวนั้นยาวเป็นทาง วารินล้มลงนั่งในทันที  ความเจ็บปวดแล่นพล่านไปลามทั้งแขน แผลถูกบาดเป็นรอยยาวเกือบคืบมีเลือดไหลทะลักออกมา มือเล็กอีกข้างบีบลงที่ข้อมือข้างที่เจ็บด้วยความทรมาน


ธาราธารยืนตะลึงตาค้างกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หัวใจเขาเหมือนร่วงหล่นลงไปกองอยู่ที่พื้น ความเจ็บปวดของคนที่ล้มลงบนพื้นโอบรัดให้เขาเจ็บปวดตามไปด้วยอย่างไม่รู้ตัว เขาตั้งสติได้รีบเข้าประคองสอดมือเข้าช้อนร่างของอีกคนพาอุ้มเข้าไปที่ด้านในอย่างรวดเร็ว เขาพาวารินเข้าไปล้างแผลในห้องน้ำจากนั้นพาออกมานั่งลงที่โซฟา สายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงฉายชัดออกมา เขารีบออกไปคว้าเอากล่องปฐมพยาบาลเข้ามาด้วยตัวเอง


“ยื่นแขนมา” เขาบอกหน้าเครียด


“ไม่ต้อง! พี่ทำเองได้” วารินปัดมือเขาออก พูดอย่างแข็งขืน


แต่เขาหรือจะฟังจับแขนวารินให้ยื่นออกมา ค่อยแต้มแอลกอฮอลล์ล้างแผลแตะลงไป แขนเล็กสั่นขึ้นนิดๆ


มองสบนัยน์ตาดุเข้มของเขาเหมือนความเจ็บช้ำจะตีตื้นขึ้นมา หัวใจเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เขาเคยรู้สึกรู้สากับการกระทำของตนเองบ้างหรือเปล่า? สะใจมากไหมที่เห็นเขาต้องเจ็บแบบนี้ หรือว่ากลัวว่าเขาจะตายไปเสียก่อนจึงได้ลงทุนเอายาล้างแผลมาทำให้กัน  ความอ่อนโยนจอมปลอม อยากรู้นักว่าหัวใจของเขาทำด้วยอะไร??


ธาราธารเปลี่ยนเป็นทิงเจอร์ไอโอดีนชุบสำลีแต้มลงที่แผล วารินกระตุกแขนนิดๆ ด้วยความแสบปากแผลที่ลากยาวเจ็บปวดขึ้นเป็นระยะ


“ธารไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้หรอก แผลแค่นี้พี่จัดการเองก็ได้”


น้ำเสียงเล็กสั่นเครือปนน้อยใจเมื่อความอ่อนโยนของเขากำลังเข้าทำร้ายกันอีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่สิ่งที่เกิดขึ้นมันมาจากน้ำมือของเขาล้วน ๆ


“ทำไม! หรืออยากให้ไอ้เตมันมาทำให้”


ปากของเขามันช่างทำร้ายจิตใจกันได้ไม่เลือกเวลาจริง ๆ เขาจะเคยรู้สึกบ้างไหมว่าสิ่งที่เขาพูดออกมามันทำให้อีกฝ่ายรวดร้าวแค่ไหน


“เมื่อไหร่ธารจะมองพี่ในแง่ดีบ้าง เมื่อไหร่จะเลิกเข้าใจพี่แบบนั้นเสียที”


วารินเงยหน้ามองเขาแล้วพูดจริงจัง มือที่ทำแผลชะงักลงทันที ใบหน้าคมแหงนเงยขึ้นสบดวงตากลมโตที่บัดนี้มีน้ำรื้นเอ่อขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด


เขาทาบผ้าปิดแผลแล้วปิดเทปพาดลงไปเป็นขั้นตอนสุดท้าย วารินหลับตาลงแน่นก่อนจะข่มอารมณ์ความเสียใจไว้ภายใน  เมื่อมองที่ดวงหน้าเขาอย่างจริงจังอีกครั้ง จึงเอื้อนเอ่ยประโยคที่อยากจะใช้มันเพื่อให้เขารับรู้ว่าตอนนี้ในหัวใจดวงเล็กคิดกับเขาเช่นไร เมื่อความอดทนที่ทำมาทั้งหมดมันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมาได้เลย
 


“ ธาร...พี่อยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างเรามันดีขึ้นกว่านี้   โปรดมองพี่ด้วยหัวใจสักครั้งจะได้ไหม?


น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด กับใบหน้าที่เต็มไปด้วยการร้องขอ ดวงตาที่ไหวระริกคู่หนึ่งกำลังจ้องมองที่เขา วารินหยิบยื่นสิ่งเหล่านั้นส่งให้เขาอย่างช้าๆ เขากำกล่องปฐมพยาบาลไว้จนแน่น คิ้วเข้มขมวดมุ่น เขากำลังใช้ความคิดอย่างหนัก


มองด้วยหัวใจอย่างนั้นหรือ?


ใช่! ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นมาเขามองวารินด้วย ‘อคติ’ มาตลอด แต่แท้จริงแล้วความจริงลึกๆในใจเขาย่อมรู้ดีว่าวารินเป็นเช่นไร แล้วทำไมเขายังทำสิ่งโหดร้ายกับคนตรงหน้าได้อีก ทั้งคำพูด ทั้งการกระทำของเขา หรือทั้งหมดเป็นเพียงเพราะเขาไม่อยากจะยอมรับความเป็นจริงว่า แท้จริงแล้วเขาอภัยให้กับความผิดของวารินได้อย่างง่าย ๆ



“แค่สักครั้ง ได้โปรดใช้หัวใจมองมาที่พี่ แล้วธารจะได้เห็นถึงความเป็นจริง อย่าใช้แค่ดวงตาตัดสินกัน ให้ใช้ใจลองมองดู  ขอเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริงใจของพี่จะได้ไหม ได้โปรด....”



เสียงเล็กสั่นเครือ  มีแต่ความเงียบงันเท่านั้นที่เป็นคำตอบ ริมฝีปากของเขายังนิ่งสนิทขณะที่เขากำลังพยายามที่จะหลบหลีกสายตาของอีกคน ร่างสูงลุกขึ้นยืนช้า ๆ หันหลังให้อย่างเยือกเย็น วารินเงยหน้ามองแผ่นหลังกว้างที่กำลังก้าวเดินออกไปด้วยจิตใจที่ร้าวรานเกินจะเปรียบ



....ขอแค่โอกาส....



.....สักครั้ง.....



....ขอแค่โอกาส หยิบยื่นมันให้แก่กัน แค่นั้นไม่ได้เชียวหรือ....




“รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดี๋ยวเราออกไปรับคุณแม่ด้วยกัน”




จู่ ๆ เขาพูดขึ้น วารินพอได้ยินอย่างนั้นถึงกับตกตะลึงเงยหน้ามองเขาทันที



เขาใช้คำว่า ‘เรา’ ?



เขาจะอนุญาตให้ไปรับภัครจิราได้หรือ?



“ถ้าพี่อยากจะไถ่โทษกับคุณแม่ผมจริง ก็แสดงให้ผมเห็น ต่อไปช่วยป้าวันดูแลท่าน”



ความผิดของวารินถ้าเฉพาะเรื่องของทัตพลพ่อของเขา  คงจะยกโทษให้ได้ไม่ยากเย็นอะไรเพราะทั้งคู่ก็ยืนยันถึงความไม่ตั้งใจ แล้วเขาก็พอจะดูรู้สองคนนี้ไม่น่ามีอะไรที่มาเกี่ยวพันกันได้  แต่ทว่าความผิดที่ทั้งสองคนก่อกลับส่งผลร้ายกับแม่ของเขาโดยตรงทำให้พอมองดูที่ภัครจิราทีไรใจของเขาเหมือนโดนตอกย้ำอยู่เสมอว่าที่เธอต้องกลายมาอยู่ในสภาพนี้ นั่นเพราะใคร?? 



แต่วันนี้วารินกลับต้องลำบากพาภัครจิราไปโรงพยาบาลดึกๆดื่น ๆ ดูแลเฝ้าไข้ ขณะที่เขาซึ่งเป็นถึงลูกกลับไปนั่งกินเหล้าทำตัวเหลวไหลอยู่นอกบ้านพอกลับมา แทนที่จะกล่าวขอบคุณสักคำเขาดันไปพูดจาประชดประชันบ้า ๆ ใส่ แล้วยังทำเรื่องจนวารินต้องได้เลือดมาแบบนั้น   



ความรู้สึกผิดตีตื้นขึ้นมาจนจุก หัวใจรวดร้าวเจ็บปวดอย่างที่สุด


เขาตัดสินใจจะมองคน ๆ นี้ใหม่อีกสักครั้ง


ใช้ใจมองกันอย่างนั้นหรือ??


อย่างน้อยคำว่า ‘ให้โอกาส’ อาจนำมาซึ่งสิ่งดีๆหลายอย่างมากมายในชีวิต


สำหรับวารินแล้วนี่เป็นเสมือนคำอนุญาตที่ยิ่งใหญ่จากเขา  หลงลืมเรื่องชนาธิปไปในบัดดล รอยยิ้มกว้างประดับขึ้นบนใบหน้าหวานพยักหน้าขอบคุณเนื่องเพราะตื้นตันเกินจะเอ่ย ไม่มีเกี่ยงงอนใดๆอีกแล้ว ในเมื่อเขาอนุญาตให้เข้าไปดูแลภัครจิราได้แบบนี้นั่นแสดงว่าความโกรธเกลียดที่เขามีต่อกันคงจะลดทอนลงไม่มากก็น้อย


“แต่ผมจะดูทีท่าของคุณแม่ด้วย ถ้าหากท่านต่อต้านไม่ยอมรับ พี่ก็ต้องทำใจเอาไว้ด้วย”


ใบหน้าเล็กพยักรับอีกครั้งอย่างเข้าใจ  วารินมองแผ่นหลังกว้างที่เลี้ยวหายออกไปด้วยความรู้สึกชื้นใจขึ้นมาบ้างอย่างบอกไม่ถูก สิ่งที่เขาพูดมานั้นมันตีความได้ว่าเขาจะลองมองกันใหม่อีกสักครั้ง เขาจะหยิบยื่นโอกาสให้กันแล้วนับจากนี้   ขณะที่คนที่ก้าวเดินออกมานอกห้องกลับครุ่นคิดอย่างหนัก



ชั่งใจระหว่าง  ‘มองกันด้วยใจ’  กับ  ‘มองกันด้วยอคติ’




วาริน...คนที่เป็นความรักครั้งแรกของเขา...และเป็นคนๆ เดียว ที่เขาเคยเอ่ยปากจะยอมให้เป็นรักครั้งสุดท้ายเช่นกัน....




Tbc.
*กดเข้าไปอ่าน Unseen-5 ต่อเลยนะ มันเป็นเรื่องต่อเนื่องกับตอนนี้*
*ฮิฮิ  คืนนี้คนเขียนไปเที่ยวแล้วนะ ไปด้วยกันไหม??  ถ้าว่างจะลงอันซีนสั้น ๆ ให้ เพราะมันลงในโทรศัพท์ได้  ส่วนเรื่องหลักเจอกันอีกทีโน่นเลยนะหลังวันหยุดยาว ถ้าคิดถึงกันไปอ่านเรื่องอื่น ๆ ในบล็อกเค้ารอได้นะคราบ   อนึ่ง.. มันก็เน่าเหมือนเรื่องนี้แหละ*

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด