✣✤|แมว หมา ดอกไม้ และพี่ชายข้างบ้าน|✤✣ ตอนพิเศษวันสงกรานต์ P.29
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✣✤|แมว หมา ดอกไม้ และพี่ชายข้างบ้าน|✤✣ ตอนพิเศษวันสงกรานต์ P.29  (อ่าน 269307 ครั้ง)

ออฟไลน์ GETIIZ

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-4
มันคงเป็นความรู้สึกที่หมือนจะคุ้นเคย
มีบางอย่างเชื่อมโยงกันเอาไว้
งื้อออออออ. ชอบบบบบบ

ออฟไลน์ Dark_Noah

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 841
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-3

ออฟไลน์ ASSASSIN

  • หรือว่า..ความรัก
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1551
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-1
 :heaven  ชอบอ่า ชอบๆๆๆๆๆๆๆ 15 กับ35  น่าร๊ากกกกที่สุด อิอิ   :heaven

ออฟไลน์ poohanddew

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2

ออฟไลน์ Jaiko★

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
งื้อออออออ ละมุนแท้ ;///////;
เอาไปเลยสิบแต้มค่ะ55555555
รอลุ้นให้พี่เอกกินเด็กสำเร็จเร็วๆนะฮ้าาา

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
บรรยากาศ ยังดูเขิน ๆ นะเนี่ย วสุสู้ ๆ

ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2683
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
พี่เอกแอบอ่อนหวาน แอร๊ยๆๆๆ >.<

ออฟไลน์ KilGharRah

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +169/-0
อ่า ได้คุยกันแล้ว เหมือนจะได้คุยกันเจอกันแค่แปปๆเองเนอะ
คู่นี้เหมือนใช้พลังจิตคุยกันอะ  :laugh:

อยากให้พี่เอกรู้ว่าวสุเป็นใครเร็วๆจัง แต่ก็นะ..แอบกลัวดราม่าหลังจากนั้น น้องมันจะเสียใจหรือป่าวถ้าคิดว่าตัวเองเป็นตันแทนของใคร เรานี่ดราม่าไปก่อนแล้ว  :z3:

ออฟไลน์ nn~~NN

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +295/-1
มาแนวรักจังหวะสโลว์  :กอด1:
กลัวอย่างเดียว กว่าจะรักกันนี่พี่เอกจะหงำเหงือกไปยังน้อ
55555555

ออฟไลน์ misso

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
วสุดูแบ๊วไปเลยจริงๆเมื่อเทียบกับตี๋เกรียน

ว่าแต่พี่เอกขา ทัดดอกไม้ที่ข้างหูน้องนี่ ที่ผ่านมาพี่ทำมาดขรึมไปงั้นเองใช่มั้ยคะ :o8:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Oo_oO

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ในที่สุดก็ได้เจอกัน ซึ้งใจ~~ :mew4:

ออฟไลน์ CMYK

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ตอนนี้ออกมาครบแล้วทั้ง แมว หมา ดอกไม้ และพี่ชายข้างบ้าน รวมถึงน้องชายบ้านข้างๆ ด้วย หุหุ

ออฟไลน์ saruttaya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 926
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-6
อ่านเรื่องนี้แล้วให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

ฮืออออ เค้ากลับมาเจอกันอีกครั้งแล้ว  :hao5:

ออฟไลน์ isBelle__

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
น้องวสุน่ารักแบบช้าๆ คือน้องดูเข้าใจกับตัวเองเร็ว แต่น้องประมวลผลตอนต้องตอบกลับข้า แต่มันน่ารักตรงพี่เอกก็ยืนฟังน้องจนจบนี่แหละ
ตอนท้ายก็มีทิ้งอะไรไว้ให้ พี่เอกคิดอะไรอยู่ คิดจะกินเด็กแล้วใช่มะ

ออฟไลน์ ★KVH™★

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3

ออฟไลน์ snack

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-0
พี่เอก..อีกหน่อยจะไม่ต้องเศร้าเหงาอยู่กับแต่เจ้าดุ๊กดิ๊กแล้วนะ

เด็กน้อยข้างบ้านกำลังจะมาเติมเต็มชีวิตที่ขาดหายไป....

ออฟไลน์ neno.jann

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
อ่านแล้วแอบหน่วงๆไงไม่รู้ พี่เอกดูเหงา วสุก็สับสน แต่ตอนสุดท้ายน่ารักมาก อบอุ่นอ่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
อยากให้พี่เอกยิ้มมมมมแบบมีความสุขได้อีกครั้งจริงๆ


วสุน่าเอ็นดู  :กอด1:

Der_Schwammkopf

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
อ่่านจบ เขียนต่อไม่เป็นเลย :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ toou

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-3

ออฟไลน์ michiri.sama

  • ลูกเป็ดที่หมกมุ่นในโลกสีม่วง (´∀`)♡
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
กลับไปอ่านตอนพี่เอกทีไรก็ร้าวหัวใจทู้กที T___T
ทีนี้พี่เอกก็จะมีความสุขแล้วนะคะ เฮียใหญ่วสันต์...ไม่สิ วสุ ด้วย
เฮียใหญ่กับวสุมีอะไรคล้ายกันจนเราเจ็บปวดเลยอะ
ทุกครั้งที่วสุนึกภาพเหตุการณ์สมัยเป็นเฮียใหญ่ออกเป็นฉากๆนี่มัน...
ฮึก ฮึก โฮ เค้าอยากให้จำได้จริงๆนะ

หลังจากนี้หวังว่าจะมีแต่เรื่องดีๆและอบอุ่นเข้ามานะคะ
แต่ตอนแรกๆที่ยังจำกันไม่ได้นี่หน่วงมากเลย น้ำตาแทบปริ
ถ้าถึงฉากสมหวังแล้วเราคงน้ำตาแตก

ป.ล. อิมเมจน้องวสุนี่สุดจะโมเอ้
ฉากทัดดอกไม้นั่นก็ โฮกกกกกกกกกก *ตายอีกรอบค่ะ*

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
พอได้พบกับพี่เอก จากที่เคยฝันร้ายซ้ำ ๆ  ก็เริ่มกลายเป็นฝันดี ๆ เข้ามาแทนที่แล้วสินะ
ความทรงจำในความฝันของน้องวสุ อ่านแล้ว มีความสุขไปกับพี่เอกและเฮียใหญ่ในตอนนั้นด้วยเลย
ตอนนี้ ได้พัฒนาขึ้นไปอีกหน่อยแล้ว ได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้น ได้รู้ชื่อกันและกันแล้วด้วย
พี่เอกปล่อยออร่า ผู้ชายอบอุ่นออกมาซะ น้องวสุของเราใจเต้นระส่ำ หน้าแดงไปหมดแล้ว 
เล่นมุกราตรีสวัสดิ์กับน้อง ก็ว่าน่ารักแล้ว แต่อะไรไม่เท่า ทัดดอกแก้วเหน็บหูให้น้องเนี่ย  :m3:
ถึงจะแค่เล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ทำเราเขินมากเลยอ่ะ พี่เอกอบอุ่น อ่อนโยนที่สุดเลย ชอบมากกก
เล่นทำให้ เด็กน้อยใจเต้นโครมครามซะขนาดนี้แล้ว ต้องรับผิดชอบเลยนะพี่เอก อยากรู้เหมือนกัน
ว่าพี่เอกรู้สึกยังไงตอนที่ทำแบบนี้  แต่ที่แน่ ๆ ก็คือ เอ็นดูเด็กน้อยวสุของเรามากแน่ ๆ ล่ะ

มีตี๋คิม มารับเชิญให้หายคิดถึงด้วย ถึงจะเหตุการณ์เดียวกันกับในเล่ห์รักฯ แต่พอผ่านทางน้องวสุ
รู้สึกตี๋คิมของเราเป็นผู้ใหญ่เชียว ดูเป็นพี่ชายที่เท่ห์และใจดี น่ารักมากเลย คิดถึงตี๋น้อยกับพี่ภพจัง  :กอด1:

ดุ๊กดิ๊ก น่ารักมาก คลอเคลียไม่ห่างกายพี่เอกเลย ชอบมากเลยที่มีการบรรยายความคิด ความรู้สึก
ของเหล่าผู้สังเกตการณ์อย่างดุ๊กดิ๊ก และคุณขาว สอดแทรกเป็นช่วง ๆ ด้วย ได้รู้ความเป็นไปต่าง ๆ
ของพี่เอกและน้องวสุ ผ่านมุมมองของสัตว์ทั้งสองหน่อ แล้วน่ารักดี โดยเฉพาะคุณแมวดำ แต่ชอบชื่อขาว
จากเดิมที่ทั้งเชิด ทั้งหยิ่ง แทบไม่เห็นน้องวสุในสายตา แต่ตอนนี้ แค่ได้รับชื่อเรียกเก๋ ๆ แค่นั้นแหละ
กลายเป็นแมวน้อยขี้อ้อนไปซะงั้น ตกลงคุณขาว มีปมด้อยเรื่องสีขนมาตลอดเลยใช่มั้ยเนี่ย ฮาอ่ะ  :pigha2:

บรรยากาศเศร้าสร้อย เหงาหงอย ที่อยู่รายล้อมตัวพี่เอกตลอดมา จนแทบกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของพี่เอก
แม้แต่ดุ๊กดิ๊กก็ยังสัมผัสได้ แต่สิ่งที่ดุ๊กดิ๊กคิด ว่าพี่เอกต้องอยู่อย่างนั้นไปตลอดชีวิตนั้นผิดแล้ว เมื่อเด็กน้อยวสุ
เริ่มก้าวเข้ามาในชีวิตพี่เอก อีกไม่นาน บ้านหลังสีขาวหลังนี้ ต้องเต็มไปด้วยบรรยากาศของความสุขตลบอบอวล
มีทั้งรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ รายล้อมไปทั่วแน่ ๆ อยากให้พี่เอก กลับมาหัวเราะด้วยความสุขได้อีกครั้งเร็ว ๆ จัง
เอาใจช่วยพี่เอกกับน้องวสุต่อไป รอตอนต่อไปนะจ้ะ ขอบคุณคนเขียนมากค่า  :L1:

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
ในที่สุดเราก็ได้เห็นแมว หมา ดอกไม้และพี่ชายข้างบ้าน
อยู่ในตอนเดียวกันแล้ว ^ ^
ยังนึกๆอยู่ค่ะว่าแล้วอะไรจะกระตุ้นความคุ้นเคยกันของทั้งสองฝ่าย
ส่วนหนูคิมก็ยังคงบุคลิกได้เหนียวแน่นมากกก ^_^

ออฟไลน์ Kimkibog

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น่ารักมากกกกกก
พี่เรนคะหนูตามอ่านงานพี่มานานแล้วแต่เพิ่งมาคอมเม้นท์ขอโทษด้วยจริงๆเนื่องจากทำไม่เป็น (ผลั๊วะ!)  :katai1:
เรื่องนี้น่ารักมากกกกกก อ่านแล้วน้ำตาฝึม นึกถึงตอนที่อ่านเรื่องพี่เอกในเรื่องของคิมแล้วทำใจไม่ได้เลยตอนคนรักตาย (อินจัด)
วสุ หนูน่ารักมากป้าไม่ไหวแล้ววววว  :hao6:  :hao6:  :hao6:

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ :)

ออฟไลน์ green1313

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เป็นเรื่องที่รอคอยเลย อ่านแล้วซึ้่งมาก :monkeysad:

ออฟไลน์ zvonek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ชอบฟิลของเรื่องมากเลยค่ะ

อบอุ่นแบบหม่นๆ อ่านแล้วโหยหายังไงไม่รู้

จะมานอนรอทุกวันเลยค่ะ ฮา

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
“แมว หมา ดอกไม้ และพี่ชายข้างบ้าน”





อาจดูเงอะงะ...แต่ก็ใสซื่อ

..เรียบง่าย ทว่าดึงดูด...

เหมือนกับ...

ดอกไม้สีขาว...?

...ใช่...เป็นเด็กที่เหมาะกับดอกไม้สีขาว..




บทที่ 2 ต้นกล้า





เอกภพเหยียดร่างบนโซฟายาว มองเพดานว่างเปล่าครู่หนึ่ง จากนั้นหลับตาลง ปล่อยความคิดแหวกว่ายอยู่ในสีดำสนิทหลังเปลือกตา จมจ่อมในความมืด...เงียบงัน...แต่ยังห่างไกลจากความสงบ คราวนี้เขาฟุ้งซ่านไปไกลยิ่งกว่าทุกที

เด็กคนนั้นชื่อวสุ..

“...วสุ..”

ชายหนุ่มกระซิบกับตัวเอง รู้ก่อนหน้านั้นแล้วเพราะคิมหันต์บอกตอนที่เจอกันเมื่อบ่าย แม้จะเพิ่งได้ถามซ้ำอีกครั้งเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้ แล้วยังรู้อีกด้วยว่าอายุสิบห้าปี น้องชายคนรักของเขาบอกเพื่ออะไรก็น่าสงสัย แต่ดูคล้ายเจ้าตัวจะให้ความสนใจเด็กผู้ชายชื่อวสุที่ว่าไม่น้อย ขนาดตัวเองร้องไห้ตาแฉะเพราะเรื่องพ่อแม่ไม่ยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างคนรักที่เป็นผู้ชาย กว่าจะคลี่คลายลงได้ก็ทำเอาเปลือกตาบวมช้ำ แต่คิมหันต์ยังมีแก่ใจหันมาบอกเขาในเรื่องที่ไม่น่าเกี่ยวกับตัวเองสักนิด

เมื่อนึกถึงคิมหันต์ ก็ชวนให้คิดเลยไปไกลถึงพี่ชายของเจ้าตัวขึ้นมา

พี่ชายคนโตของคิมหันต์ที่ชื่อ ‘วสันต์’ เจ้าของชื่อเคยบอกว่าคำแปลคือฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเขาคิดว่าเหมาะเหลือเกิน..

วสันต์...คนที่เป็นเหมือนฤดูใบไม้ผลิของเขา เด็กคนนั้นก็ไม่มีชื่อเล่น เป็นรุ่นน้องเขาสองปี พวกเขาเคยเรียนโรงเรียนเดียวกัน อยู่บ้านใกล้กัน ปั่นจักรยานกลับด้วยกันทุกเย็น ไม่ว่าอากาศจะหนาว ร้อน หรือฝนตกก็ยังมีแต่เสียงหัวเราะ

ความสัมพันธ์ดำเนินไปอย่างเรียบง่าย แต่ผูกพันเนิ่นนานนับสิบปี พวกเขาเป็นพี่น้อง..เป็นเพื่อน...เป็นคนรัก....เป็นมากกว่านั้น พวกเขาสัญญาว่าจะมีบ้านสีขาว เลี้ยงหมาโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ชื่อดุ๊กดิ๊ก มีขาตั้งวาดรูปไว้ในสวนหย่อม และจะอยู่ด้วยกันจนวันสุดท้าย

..จะอยู่ด้วยกันจนวันสุดท้าย..

คำมั่นที่ว่านั้นหวานซึ้ง..หากแต่เจ็บปวดไปพร้อมกัน ตัวเขาไม่เคยเอะใจสักนิด ว่าความหมายในคำพูดของวสันต์คืออะไร สัญญาอันแสดงถึงรักนิรันดร...หรือว่าเป็นถ้อยคำบอกลา?

จนกระทั่งทุกวันนี้ก็ไม่เคยรู้เลย เหตุใดร่างของเด็กหนุ่มคนนั้นจึงร่วงลงจากชั้นดาดฟ้าลงไปต่อหน้าต่อตาเขา ต่อหน้าต่อตาพ่อแม่และน้อง ๆ ของตัวเอง ในรุ่งสางสุดท้าย...ก่อนแสงไฟแห่งชีวิตจะดับลงเมื่อสิบห้าปีก่อน กะทันหันจนไม่มีใครตั้งตัวติด

เขาเห็นทั้งหมด อยู่ใกล้วสันต์ที่สุดในตอนนั้น แต่กลับทำอะไรไม่ได้สักอย่าง คว้ามือไว้ไม่ทัน ได้แต่มองร่างอีกฝ่ายร่วงหล่นลงไป ใบหน้าเด็กหนุ่มเลอะคราบน้ำตา..ทว่ารอยยิ้มยังปรากฏขึ้นบนนั้น...รอยยิ้มที่ทำคนมองเจ็บปวดจนแทบใจสลายในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ก่อนทุกอย่างจะสิ้นสุดลง..

ไม่มีใครรู้ว่าเป็นอุบัติเหตุหรือความตั้งใจของเจ้าตัว และไม่เคยมีใครถกเถียงเพื่อหาเหตุผลในเรื่องนั้น

เอกภพรู้เพียงแต่วสันต์จากไปแล้ว..

ฤดูใบไม้ผลิของเขาจากไปตลอดกาล

ตอนนั้นชายหนุ่มอายุเพียงยี่สิบปี ช่วงชีวิตซึ่งมีแต่รอยยิ้มเหมือนอย่างที่เคยใช้มันร่วมกับวสันต์สิ้นสุดลง

เขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากเอกภพที่เพื่อน ๆ ติดภาพว่าเป็นคนร่าเริง ขี้เล่น อบอุ่น กลับกลายเป็นซึมเศร้า เก็บเนื้อเก็บตัว ผลการเรียนตกต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด แม้ยังพอประคับประคองไปได้เป็นปี จมอยู่กับความทุกโศกจนคนรอบตัวเป็นห่วง...กระทั่งคนเหล่านั้นเหนื่อยจะห่วงและเลิกสนใจในที่สุด เหลือเพียงเพื่อนไม่กี่คนที่ค่อยช่วยเข็นช่วยดันหลังอยู่เสมอ

ราวหนึ่งปีหลังจากนั้นจึงพยายามเปลี่ยนตัวเอง คิดว่าหากมีใครใหม่คงจะลืมวสันต์และคำสัญญาเรื่องบ้าน...เรื่องหมา...เรื่องสวนหย่อม และทุกสิ่งทุกอย่างซึ่งยังไม่สามารถทำให้สำเร็จได้

ชายหนุ่มมองหาคนรัก..หวังว่าจะมีใครสักคนที่เข้ามามีอิทธิพลพอจะเปลี่ยนชีวิตเขา หากเจอเข้าละก็ คงไม่ต้องฟูมฟายอย่างโง่เง่าเช่นนี้ต่อไป

เอกภพคบทั้งผู้หญิงและผู้ชาย..ใครก็ได้...ใครสักคน... เขากิน ดื่ม เที่ยว เปลี่ยนคู่ไปเรื่อย ทุกคนที่เลือกมักมีจุดร่วมอย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งคล้ายวสันต์ อาจเป็นหน้าตา นิสัย รูปร่าง กระทั่งเสียงพูด แต่สุดท้ายแล้ว คนเหล่านั้นก็เป็นแค่คู่ควงหรือคู่นอน ไม่เคยได้เป็นคนรัก...ไม่แม้สักคนเดียว...

ไม่มีใครแทนที่วสันต์ได้เลย

เขาเลิกทำอย่างนั้นในช่วงปีสุดท้ายของมหาวิทยาลัย แม้การเรียนแทบล้มเหลวจนเกือบไม่ทันแล้ว แต่ก็ยังโชคดีที่ประคับประคองมาได้และมีเพื่อนแท้คอยช่วย กลับมาเป็นเอกภพที่คล้ายจะเหมือนคนเก่า ใคร ๆ อาจคิดเช่นนั้นและพากันโล่งอก

แต่ชายหนุ่มรู้ดีที่สุด...ทุกอย่างไม่มีวันเหมือนเดิมได้อีกแล้ว

ห้าปีของการเรียนในมหาวิทยาลัย แม้จะเป็นไปอย่างทุลักทุเล แต่เขาก็คว้าปริญญาสถาปัตยกรรมศาสตร์บัณฑิตมาจนได้ ทุกคนเฉลิมฉลองและร่วมแสดงความยินดี พ่อแม่โล่งใจอย่างที่สุดเพราะคิดว่าจะไม่รอดแล้ว ขนาดน้องชายยังถอนหายใจเฮือก ขณะที่เขาเอาแต่ครุ่นคิดว่าจะดีแค่ไหนกัน หากวสันต์ได้มาฉลองด้วยกันข้างกายในเวลาแบบนี้

หากวสันต์ยังอยู่...

เพราะความคิดเช่นนั้น เอกภพจึงกลับมาวาดรูปคนรักผู้จากไปแล้วอีกครั้ง เหมือนอย่างสมัยเจ้าตัวยังมีชีวิต วาดเก็บไว้มากมายจนมันเพิ่มพูน เริ่มคิดถึงสัญญาซึ่งเคยให้กันไว้ และค่อย ๆ ทำตามไปทีละอย่าง ราวกับจะชดใช้ในช่วงเวลาที่ไม่มีโอกาสได้ทำตอนอยู่ด้วยกัน

สองปีถัดมา เจ้าหมาขนทองชื่อดุ๊กดิ๊กก็เข้ามาเป็นสมาชิกอีกหนึ่งในบ้านเช่าอันเงียบเหงาของเขา หลังจากไม่ได้เลี้ยงมานานตั้งแต่เจ้าโรลล์ที่วสันต์เคยมาเล่นด้วยบ่อย ๆ ตายจากไป

หลังจากทำงานเป็นลูกน้องคนอื่นอยู่ได้ราวสี่ปี ชายหนุ่มก็ลาออกมารวมกลุ่มกับเพื่อนที่เคยสนิทเมื่อครั้งยังเรียนมหาวิทยาลัย บรรดาเพื่อนส่วนน้อยที่ไว้ใจได้ และไม่เคยหน่ายกับความเหลวแหลกของเขาสมัยเรียน คอยฉุดกระชากลากถูกระทั่งเรียนจบพร้อมกันจนได้นั่นเอง

พวกเขาลงทุนเปิดบริษัทเอกชนด้วยกัน เริ่มจากเล็ก ๆ และค่อยขยับขยายขึ้นมา จนตอนนี้ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพฯ รับออกแบบบ้านและสิ่งก่อสร้าง ไปจนถึงจัดหาวิศวกรและผู้รับเหมา เพื่อนที่เป็นหุ้นส่วนใหญ่ดูแลอยู่ ส่วนเขาขอดูแลสาขาย่อยอีกแห่งที่ราชบุรี ตอนปรึกษากันว่าจะแตกสาขาย่อยก็ยืนยันเองว่าขอเป็นที่ราชบุรี อย่างไรก็อยากกลับมาที่นี่ให้ได้ รู้สึกเหมือนจะได้อยู่ใกล้วสันต์อีกนิดหากเป็นสถานที่เดิม ๆ

นอกจากเพื่อนจะเข้าใจในเรื่องนั้นดี จึงไม่คิดซักไซ้ให้มากความแล้ว ยังไม่ว่าอีกที่เขาขอปฏิเสธงานบริหาร ไม่อยากนั่งเฝ้าห้องทำงาน แต่ขอเป็นเข้าออฟฟิศจันทร์ถึงพุธหรือพฤหัสบดี แล้วรับงานมาทำต่อที่บ้านเสียส่วนใหญ่ เด็ก ๆ ในออฟฟิศจึงไม่ค่อยเห็นหน้านัก เคยมีเด็กใหม่บางคนยังเข้าใจว่าเป็นฟรีแลนซ์ที่มาติดต่องานด้วยซ้ำไป เป็นเรื่องเล่าให้ขำกันจนทุกวันนี้ ส่วนงานบริหารนั้นยกให้เพื่อนอีกคนที่ตัดสินใจย้ายมาอยู่ราชบุรีในเวลาไล่เลี่ยกันเป็นผู้ดูแลแทน

เขาใช้เงินซึ่งเก็บหอมรอมริบไว้ตั้งแต่เริ่มทำงาน ซื้อที่ดินและสร้างบ้านในจังหวัดราชบุรี ไม่ไกลนักจากโรงเรียนเก่าที่เคยเรียนสมัยมัธยม สถานที่อันเต็มไปด้วยความทรงจำมากมายระหว่างเขากับวสันต์ และดาดฟ้าของที่นั่นซึ่งอีกฝ่ายจบชีวิตลงเมื่อสิบห้าปีก่อน

รู้ทั้งรู้ว่ายิ่งอยู่ใกล้คงยิ่งเจ็บปวด แต่ก็ยังนึกอยากย้อนกลับมาจุดเดิม ในกลิ่นอายเก่า ๆ ที่ยังหลงเหลือ ภาพเหล่านั้นไหวระริกสอดคล้องไปกับภาพในความทรงจำ และยังคงซ้อนทับกันเลือนรางแม้เวลาผันเปลี่ยน


เสียงครางหงิงดังขึ้นจากข้างโซฟา เขาผงกศีรษะขึ้นมอง ดุ๊กดิ๊กนั่งจ๋องอยู่ตรงนั้น เอาจมูกดุนขาเขาเบา ๆ  จากหางตาเห็นนาฬิกาแขวนผนังบอกเวลาห้าทุ่มครึ่ง จึงได้รู้ตัวว่าคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปนานถึงขนาดนี้ นานจนหมารักที่เหมือนว่าหลับไปแล้วรอบหนึ่งตื่นขึ้นมาเรียกเขา ทั้งที่ตอนบอกราตรีสวัสดิ์กึ่งจะล้อเลียนเรื่องวันก่อนใส่เจ้าเด็กเป๋อคนนั้นที่ริมรั้ว ยังเพิ่งราว ๆ หกโมงเย็นเท่านั้นเอง

ชายหนุ่มยกมือลูบคาง..ว่าแต่เขาจะไปติดใจล้อเลียนอะไรกับเด็กตัวแค่นั้นกันนะ ดูไม่ใช่นิสัยตัวเองอย่างที่เป็นช่วงหลังมานี้เลย ทำอย่างกับกลับไปเป็นสมัยมัธยมไปได้

“งี้ดด..”

คราวนี้หมารักเอาหัวดัน จากนั้นวางคางพาดไว้บนขา

เอกภพส่ายหน้าน้อย ๆ  เกาหูให้มันเบา ๆ

“เข้าที่ซะไปดุ๊กดิ๊ก”

เขาว่าพลางหมุนนิ้วเป็นวง ปลายนิ้วชี้ไปทางที่นอนประจำตรงมุมหนึ่งของห้อง ขณะที่ตัวเองลุกขึ้นเหยียดแขน สูดลมหายใจลึกแล้วถอนใจยาวออกมาเฮือกใหญ่ อยู่เงียบ ๆ คนเดียวอย่างนี้ก็อดคิดถึงเรื่องเก่าไม่ได้สักที แถมคราวนี้ยังมีฟุ้งซ่านเรื่องเด็กข้างบ้านที่เพิ่งย้ายมานั่นอีก นึกสงสัยว่าหรือจะกลายเป็นคนแก่ไปแล้วจริง ๆ

เอกภพมองสัตว์เลี้ยงเดินดุ่ม ๆ ไปนอนบนเบาะของตัวเอง จากนั้นก็เงยขึ้นมองตอบเขา แลบลิ้นพร้อมกับทำตาใส เมื่อตามไปลูบหัวเบา ๆ ก็หมอบลงแล้วทำท่าเคลิ้มหลับ

“พรุ่งนี้อาบน้ำดีกว่าไหมเรา”

หมาขนทองนอนนิ่ง แม้เนื้อตัวไม่ได้มอมแมมนัก แต่เห็นไล่จับแมวบ้านข้าง ๆ ทุกวันคงคลุกฝุ่นไม่ใช่น้อย เขาอดคิดไม่ได้ว่าน่าแปลกที่เขาอยู่บ้านหลังนี้มาตั้งสี่ปี กลับไม่ค่อยเห็นแมวมาป้วนเปี้ยนนัก แต่พอเด็กชื่อวสุย้ายมาอยู่บ้านข้าง ก็มีเจ้าแมวดำที่รู้สึกจะชื่อขาวมาเดินเฉิดฉายอยู่ริมรั้วบ่อยเหลือเกิน พอเจ้าดุ๊กดิ๊กเห็นเข้าเป็นต้องปรี่เข้าไปร่วมด้วยอีกตัว เด็กคนนั้นเป็นพวกดึงดูดสิ่งมีชีวิตพวกหมาแมวหรืออย่างไรกัน

เขาเดินเหม่อไปหยุดอยู่ริมหน้าต่าง เอียงตัวให้อยู่ในมุมอับหากถูกมองเข้ามาจากด้านนอก ทอดสายตาไปยังบ้านหลังข้างเคียง

ไม่เห็นมีอะไรต่างออกไปไม่ใช่หรือ?

ต้นไม้ยังขึ้นครึ้มเหมือนเดิม แม้ดูร่มรื่น แต่ก็ออกจะรกไปหน่อยในความเห็นเขา บ้านหลังนั้นไม่เคยมีอะไรน่าดึงดูดสายตาชายหนุ่มมาก่อน เพื่อนบ้านซึ่งเป็นหญิงวัยกลางคน กับลูกสาวลูกชายวัยรุ่นอย่างละคนนั้น นานครั้งจะได้คุยกันสักที อาจถูกนินทาว่าเป็นพวกมนุษยสัมพันธ์แย่ไปแล้วก็เป็นได้

แต่ช่วงหลัง เขามักเผลอลอบมองออกไปบ่อย ๆ ทั้งจากหน้าต่างห้องนี้ และห้องนอนตัวเองซึ่งมีหน้าต่างหันไปทิศเดียวกัน และทุกครั้งก็จะคอยระวังตนว่าอยู่ในตำแหน่งที่มองจากข้างนอกไม่เห็น กลายเป็นพฤติกรรมประหลาดซึ่งค่อนข้างน่าแปลกใจไม่น้อย

เวลาผ่านไปอีกครู่ใหญ่ เขาเห็นเพียงใบไม้ไหวอยู่ในบริเวณรั้วบ้านหลังนั้น แวบหนึ่งที่เหมือนมีแมวดำย่องอยู่บนแนวขอบรั้ว แต่เพ่งมองอีกทีก็คล้ายเป็นแค่เงาของพุ่มไม้ต้องลม และเอกภพเพิ่งนึกคลางแคลงตัวเองขึ้นมาว่าดึกป่านนี้แล้ว เขามัวมายืนมองบ้านคนอื่นไปเพื่ออะไร

ชายหนุ่มโคลงศีรษะ ผละออกไปจากบานหน้าต่าง ตั้งใจว่าอาบน้ำเสร็จแล้วจะเข้านอนเลย


ทั้งที่คิดอย่างนั้นแท้ ๆ...


แม้จะอาบน้ำเสร็จแล้ว เวลาก็ปาเข้าไปตั้งเที่ยงคืนกว่า แต่แทนที่จะนอน ก็ยังยืนพิงหน้าต่าง ลอบมองออกไปยังบ้านหลังเดิม

ชั่วขณะที่นึกได้ขึ้นมาอีกครั้ง กำลังจะผละออกมา สายตากลับเหลือบเห็นการเคลื่อนไหวที่ริมรั้วอีกฝั่ง หลังเพ่งดูจนแน่ใจว่าคราวนี้ไม่ใช่เงาไม้อย่างครั้งก่อน ก็ถึงกับต้องเลิกคิ้ว

“..วสุ?”

กับสมุด..หรือไม่ก็กระดาษสักปึกในมือของเจ้าตัว และอะไรที่น่าจะเป็นเครื่องเขียน แต่ความมืดและระยะห่างทำให้เห็นได้ไม่ชัดเจนนัก

เด็กหนุ่มเหลียวซ้ายแลขวา จากนั้นก็มองตรงมาทางนี้ เพ่งอยู่นานจนเอกภพเริ่มสงสัยแล้วว่าเด็กคนนั้นเห็นเขาหรืออย่างไรจึงได้จ้องมานัก

ชายหนุ่มขยับตัวเยื้องออกจากบานหน้าต่างอีกหน่อย โดยไม่ละสายตาจากร่างที่ยืนชะเง้ออยู่ริมรั้วสักนิด

วสุเดินย้อนกลับไป ครู่หนึ่งไฟข้างบ้านหลังนั้นสว่างขึ้น ก่อนเจ้าตัวจะกลับมายืนที่เก่า คราวนี้เขามองเห็นหน้าอีกฝ่ายได้ค่อนข้างชัดทีเดียวจากแสงไฟนั้น รวมทั้งของในมือที่แน่ใจแล้วว่าเป็นสมุดวาดเขียนกับพวกปากกาดินสอ

เด็กหนุ่มชะเง้อมาทางบ้านของเขาอีกครั้ง แม้ดูออกจะมีพิรุธ แต่ก็ยังห่างไกลจากอาการของพวกหัวขโมยไปโข ติดจะน่าเอ็นดูเสียด้วยซ้ำ ท่าทางเหมือนเด็กน้อยอยากรู้อยากเห็นนั้นตลกจนชายหนุ่มถึงกับเผลอหัวเราะออกมาเบา ๆ

วสุกางสมุดออก วางมันไว้บนขอบคอนกรีตสูงระดับอก จากนั้นก็ก้มลงไปขีดเขียนอะไรหยุกหยิกทั้งที่ยังยืนอยู่ริมรั้ว เป็นอย่างนั้นครู่หนึ่ง เจ้าแมวดำก็เดินเยื้องย่างเข้ามาใกล้

ท่าจะดึงดูดเจ้าพวกนี้จริงด้วยสิ

อีกฝ่ายคล้ายจะหัวเราะน้อย ๆ หันไปเล่นกับแมว จากนั้นก็อ้าปากหาวออกมาหวอดใหญ่ ทั้งอย่างนั้นแล้วกลับยังไม่เห็นวี่แววว่าจะเดินเข้าบ้าน ครู่หนึ่งก็ก้มลงขีดเขียนอะไรลงบนสมุดต่อ สลับกับเงยหน้าขึ้นมองบ้านเขาเป็นพัก ๆ

วาดรูปหรือ?

แมวดำชื่อขาวเดินวนไปมาอย่างเรียกร้องความสนใจ หลังวสุเกาคางให้อีกครู่หนึ่ง เจ้าเหมียวก็ทิ้งตัวลงบนสมุดซึ่งวางพาดไว้บนรั้วอีกที ผลจากความซุ่มซ่ามซึ่งไม่รู้ว่าของแมวหรือคน สมุดและเครื่องเขียนจึงได้ร่วงโครมเข้ามาในรั้วฝั่งนี้เกือบหมด ตอนนั้นเอกภพถึงกับอุทานออกไปเบา ๆ ด้วยเห็นเหตุการณ์อยู่ตลอด โคลงศีรษะไปมากับท่าทางตื่น ๆ ของเด็กหนุ่มบ้านข้าง อย่างนี้จะโทษคนหรือแมวดีละนี่

วสุก้ม ๆ เงย ๆ  หันไปทำท่าเหมือนบ่นกับแมวหงุงหงิง จากนั้นก็เดินย้อนกลับไป มีไม้ยาว ๆ ติดมือมาหนึ่งท่อน คงเป็นหนึ่งในซากต้นไม้จากสวนรก ๆ ของบ้านตัวเอง จากนั้นก็พยายามเขี่ยสมุดซึ่งร่วงมาอยู่ในอาณาเขตบ้านเขาขึ้นมา

พอทำท่าคล้ายว่าจะเกี่ยวสำเร็จจนอดลุ้นไปด้วยไม่ได้ สมุดเจ้ากรรมก็ทิ้งตัวลงบนพื้นอีกครั้ง..ในตำแหน่งที่ไกลกว่าเก่า เด็กเป๋อถึงกับยกมือกุมขมับ

“..ฮึ ๆ”

เอกภพหลุดหัวเราะอีกแล้ว คราวนี้เสียงค่อนข้างดังทีเดียว ในห้องเงียบที่อยู่ ๆ ก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้น อีกทั้งเขาก็ไม่ได้หลุดขำเช่นนี้มานาน ทำเอาแปลกใจตัวเองไม่น้อยจนต้องยกมือขึ้นปิดปาก กระนั้นก็ยังอดลุ้นไม่ได้ ว่าคราวนี้อีกฝ่ายจะทำอย่างไร ปล่อยสมุดทิ้งไว้อย่างนั้นรอเขามาเจอตอนเช้า หรือว่าหาทางเอามันกลับด้วยวิธีอื่น

วสุเหลือบมองซ้ายขวากล้า ๆ กลัว ๆ จากนั้นชะเง้อมาทางบ้านเขาอีกครั้ง ท่าทางคล้ายเด็กกำลังจะข้ามถนนที่มีรถวิ่งขวักไขว่ หลังหมดเวลาไปครู่ใหญ่กับอาการลังเล สุดท้ายก็ดูเหมือนจะตัดสินใจได้ในที่สุด

เด็กหนุ่มก้มมองรั้ว เอามือวางไว้ตรงขอบ โคลงศีรษะเบา ๆ อย่างอ่อนใจ จากนั้นออกแรงโหนตัวเอง ดึงร่างแล้วตวัดขาขึ้นมานั่งคร่อมบนขอบรั้ว

น่าแปลกที่เอกภพไม่รู้สึกขุ่นเคืองกับการกระทำนั้นแต่อย่างใด ทั้งที่หากจะว่ากันตามตรงก็ดูเป็นการบุกรุกยามวิกาลที่เจ้าของบ้าน(เสมือนหนึ่ง)ไม่รู้เห็น ตรงกันข้าม เขากลับช่วยลุ้นให้เด็กหนุ่มทำได้สำเร็จเสียอีก อาจเพราะมัวแต่ตลกกับท่าทางเงอะงะของเจ้าตัว งุ่มง่ามขนาดนั้นบอกชัดว่าคงไม่ใช่พวกชอบปีนป่ายเป็นแน่ ดูหย่อนความชำนาญจนหวาดเสียวจะพลาดร่วงลงมาได้ง่าย ๆ 

วสุยกขาอีกข้างตามเข้ามา จากนั้นหย่อนตัวลงบนพื้นฝั่งบ้านเขา ยกมือตบอกตัวเองเบา ๆ แล้วถอนใจเฮือก ก่อนจะก้มลงเก็บสมุดและเครื่องเขียนของตัวเองขึ้นมาจนครบ จากนั้นหันหลังกลับ

ทว่าแทนที่จะรีบออกไป พอมือแตะขอบรั้ว เจ้าตัวก็ชะงัก เหลียวกลับมามองทางหน้าต่างที่เขายืนอยู่ เอกภพมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่เห็นเขาในมุมอับแน่ แต่สายตาที่จ้องเขม็งก็อดทำให้รู้สึกแปลก ๆ ไม่ได้

เด็กหนุ่มหันหลังกลับมาเต็มตัว ปล่อยมือจากรั้ว ยืนครุ่นคิดอีกครู่หนึ่ง จากนั้นจึงค่อยย่องเข้ามาใกล้ตัวบ้าน ถึงตรงนี้เขาเริ่มแปลกใจจริง ๆ แล้วว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรกันแน่ ไม่ใช่เพียงแค่ปีนมาเก็บของของตัวเองหรอกหรือ

ร่างของวสุซึ่งฉาบด้วยแสงไฟเลือนรางจากอีกฝั่งรั้ว ตอนนี้ยืนอยู่ห่างจากตัวบ้านเขาราวหกหรือเจ็ดเมตร การเข้ามาใกล้ขนาดนี้โดยไม่ได้รับเชิญนับว่าสุ่มเสี่ยงมากทีเดียว

เอกภพอยากรอดูอีกหน่อยว่าเด็กหนุ่มต้องการทำอะไร แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าน่าจะสนุกพอแล้ว จึงได้เดินออกจากห้องไปยังแผงสวิตช์ที่ควบคุมหลอดไฟนอกบ้าน จากนั้นเปิดไฟดวงที่อยู่ข้างบ้านฝั่งเดียวกับที่วสุยืนอยู่ อย่างน้อยจะได้เป็นสัญญาณเตือนว่าควรรีบกลับ ก่อนจะสร้างความสงสัยมากไปกว่านี้

เขาสาวเท้าเร็ว ๆ กลับมาที่หน้าต่าง ดูผลจากคำเตือนเมื่อครู่ ซึ่งเรียกว่าใช้ได้ทีเดียว วสุทำหน้าเหรอหรา แทบปล่อยสมุดร่วงหลุดมือ ยืนค้างอย่างที่เขาคิดว่าถ้าเข้ามาด้วยเจตนาไม่ดีก็ไม่ควรเสียเวลาตรงส่วนนี้เลย ก่อนจะหันหลังแล้วรีบจ้ำไปยังริมรั้ว

ตอนนั้นเอง...ที่อะไรสักอย่างดลใจเขา อาจเป็นเพราะความค้างคาใจจากพฤติกรรมประหลาดของอีกฝ่าย จึงได้รุดไปยังประตูบ้าน กระนั้นก็ยังระวังฝีเท้าไม่ให้ส่งเสียงดัง รีบเปิดประตู จากนั้นมองหาก่อนเลยว่าเจ้าเด็กน้อยซุ่มซ่ามคนนั้นไปถึงไหนแล้ว

นั่น..ที่ขอบรั้วนั้น วสุกำลังโหนตัวขึ้นไปนั่งคร่อม แบบเดียวกับตอนที่ปีนเข้ามา แต่คราวนี้ดูลนลานหนักกว่าเก่า

อีกฝ่ายพอได้ยินเสียงเปิดประตูเข้าก็หันมาทางนี้ ทำหน้าตาตื่นเมื่อเห็นว่าเป็นเขา แม้อาจรู้อยู่แล้วว่าถูกเห็นตอนที่หลอดไฟข้างบ้านสว่างโร่ขึ้นมา แต่ท่าทางจะจะเตรียมตัวไม่พร้อมสำหรับการหนีเท่าไรนัก อาการลังเลเหมือนไม่รู้จะรีบโยนตัวเองลงอีกฝั่ง หรือจะยกมือไหว้ขอโทษเขาก่อนดี ทำเอาเจ้าตัวซวนเซอยู่บนขอบรั้ว

ชายหนุ่มรีบวิ่งเข้าไปใกล้ ไม่ชอบความรู้สึกตอนเห็นใครกำลังจะหล่นจากที่สูงเลย ต่อให้เพียงแค่ระดับอกก็เถอะ ทุกครั้งที่เกิดเรื่องแบบนั้น..ก็คอยจะคิดไปถึงตอนเห็นวสันต์ผู้เป็นคนรักของตัวเองร่วงลงไปจากขอบเตี้ย ๆ ของชั้นดาดฟ้าเสมอ ที่กั้นตรงนั้นก็สูงแค่ระดับอกเหมือนกัน

“ระวัง!”

เขาร้องเตือน เมื่อเห็นอีกฝ่ายซึ่งเอาแต่ลนจนเหวี่ยงขาไม่พ้นขอบรั้ว สมุดร่วงลงมาฝั่งบ้านเขา และดินสอหล่นไปฝั่งบ้านวสุ ขณะที่เจ้าตัวหงายหลังลงไปต่อหน้าต่อตา

“วสันต์!”

“เหวอ!”


หมับ!


“....”


มีต่อรีพลายถัดไปค่ะ
v
v
v
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-03-2014 19:20:35 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
บทที่ 2 (ต่อ)




เสียงหอบดังอยู่ในความเงียบงัน คลอไปกับเสียงหัวใจที่เต้นตุบ...ตุบ...กระแทกแผ่นอก ไม่รู้ว่าของเขาเองหรือของเด็กคนนี้ที่ดังกว่ากัน

ครู่ใหญ่กว่าพวกเขาจะขยับตัว เอกภพเป็นฝ่ายผละออกมาก่อน หลังจากเพิ่งคว้าร่างอีกฝ่ายไว้ได้ทันก่อนจะร่วงลงไปอีกฝั่ง ไม่ทันคิดว่าจะกลายเป็นดึงมากอดไว้แน่นเช่นนี้

เกิดบรรยากาศประหลาดขึ้นระหว่างพวกเขาครู่ใหญ่ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลย และในหัวชายหนุ่มก็มีเพียงความว่างเปล่า จนกระทั่งได้ยินเสียงวสุกระซิบขึ้นเบา ๆ ทั้งที่ยังก้มหน้าก้มตา แสงไฟจากบ้านทั้งสองฝั่งฉาบลงบนใบหูสีแดงระเรื่อของเด็กหนุ่ม

“..ขอโทษครับ..”

“..อา..” เขาพยักหน้า คล้ายว่าสติกลับเข้าร่างอีกครั้ง แต่ยังไม่รู้จะตอบรับอย่างไรดี จังหวะนั้นอีกฝ่ายก็รีบชี้แจงต่อ

“...คือ..ผมมาเก็บสมุดที่ทำตก....แล้วก็เห็นว่าบ้านพี่สวยดี..” วสุอ้อมแอ้ม ยิ่งพูดเสียงก็ยิ่งเบาลง “...กับสงสัยว่าดุ๊กดิ๊กอยู่หรือเปล่า...”

เขาเงียบ รอฟัง ระหว่างนั้นก็มองใบหูอีกฝ่ายที่เป็นสีแดงเข้มขึ้นเรื่อย

“ขอโทษด้วยจริง ๆ ครับ....คือผม...”

“..ไม่เป็นไร” เอกภพเอ่ยขึ้นในที่สุด แต่คนตรงหน้ายังคล้ายว่ามีอะไรค้างคา

“...คือ...” อีกฝ่ายเหลือบตาขึ้นมองเล็กน้อย สีหน้าลังเล ก่อนจะเอ่ยช้า ๆ  เบาจนแทบไม่ได้ยินเหมือนกำลังเกรงใจอย่างถึงที่สุด “...พี่เอกอาจจะจำชื่อผมผิด...เมื่อกี้ได้ยินเรียกว่าวสันต์..”

ชายหนุ่มใจหายวาบ ตระหนักได้ในตอนนั้นว่าเขาเอ่ยชื่อวสันต์ออกไปจริง ๆ คงเพราะเอาแต่หมกมุ่นกับความทรงจำเก่าตอนเห็นเด็กคนนี้กำลังจะร่วงลงไป

“...แต่ผมชื่อวสุ..”

อีกฝ่ายพึมพำ จากนั้นก็เงียบไป ยืนนิ่งราวกับรอการลงโทษ

“ขอโทษที..วสุ” เขาย้ำชื่อคนตรงหน้า อยากอธิบายว่าไม่ได้ลืม แต่ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรไม่ให้มันยุ่งยาก สำหรับการยืนคุยกันในสถานการณ์แปลก ๆ ตอนใกล้ตีหนึ่งเช่นนี้ คงเป็นเรื่องประหลาดหากจะมานั่งไล่เรียงถึงคนรักที่จากไปแล้วให้เด็กฟัง หนำซ้ำคนรักคนนั้นยังเป็นผู้ชายเสียอีก และเขาก็ไม่นึกอยากเอาเรื่องที่ว่ามาคุยกับคนที่เพิ่งรู้จักกันเพียงไม่นาน สุดท้ายจึงเพียงแต่ยอมรับไปเพื่อจะได้ไม่ต้องสาวความต่อ “...พี่อาจจำผิดไปจริง ๆ คงเพราะมัวแต่ตกใจ”

“ขอโทษครับ”

บรรยากาศช่างประหลาดเหลือเกิน เมื่อชายหนุ่มวัยกลางคนกับเด็กมัธยมต้นปีสุดท้ายมายืนขอโทษขอโพยกันไปมากลางดึก ทั้งที่เป็นเวลาซึ่งควรนอนหลับพักผ่อน และพวกเขาก็เอ่ยราตรีสวัสดิ์กันไปตั้งแต่ยังไม่ทันหนึ่งทุ่มแล้วแท้ ๆ  แต่ก็ชัดเจนว่าไม่มีใครนอนจริง ๆ สักคน

เอกภพก้มลงเก็บสมุดวาดเขียนบนพื้นขึ้นมา กระดาษปกพลิกเปิดนิดหน่อยพอให้ได้เห็นด้านในแม้ไม่ได้ตั้งใจแอบดู ลายเส้นดินสอในนั้นเป็นภาพสเกตซ์สิ่งของ สิ่งมีชีวิต ภาพวิว หรืออะไรเทือกนั้น ฝีมือไม่เรียกว่าดีนัก แต่ก็ไม่ถึงกับแย่

เขาหย่อนบางอย่างลงไปแล้วปิดสมุด ยื่นมันคืนให้เด็กหนุ่ม ตัดสินใจชวนคุยเรื่องอื่นก่อนเจ้าตัวจะหงอยไปกว่านี้

“ชอบวาดรูปหรือ?”

วสุพยักหน้า “ค่อนข้างครับ”

“ค่อนข้าง?”

“วาดไม่ค่อยสวย”

“แต่ก็ชอบนี่?”

วสุเหลือบมองเขา ทำเสียงยอมแพ้ “...จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ”

นี่มันยังไงดี...เอกภพรู้สึกว่าภายใต้ท่าทางยอมแพ้แบบหงอ ๆ นั่นก็กวนประสาทใช้ได้เลยเชียว นึกมันเขี้ยวจนเผลอเอามือไปยีผมเบา ๆ

“แล้วดึกป่านนี้ทำไมไม่นอน”

“...”

“ไหนบอกฝันดีราตรีสวัสดิ์อะไรนั่นตั้งแต่หกโมงกว่าเองไม่ใช่รึ?”

วสุอ้าปาก ทำท่าเหมือนจะท้วง แต่พอสบตากันเข้า เจ้าตัวก็ทำหน้าสลดลงนิดหน่อยทันทีเหมือนรู้ตัวว่ามีชนักติดหลัง หันไปบ่นงุบงิบทางอื่น

“ผมนอนไม่หลับ”

“ตัวกะเปี๊ยกแค่นี้น่ะหรือนอนไม่หลับ”

“พี่ไม่เข้าใจหรอก” ว่าพลางส่งสายตาตัดพ้อ

“เข้าใจสิ..พี่ก็เคยเป็นเด็ก”

“..ไม่..” เด็กหนุ่มส่ายหัวดิก “พี่ไม่ใช่เด็กที่ฝันประหลาดมาทั้งชีวิตนี่”

“หืม”

“ผมฝันพิลึกเกือบทุกคืน” วสุบ่นออกมาอย่างอัดอั้น “ฝันว่าเป็นใครไม่รู้ อยู่กับใครก็ไม่รู้ที่คอยเรียกผมว่าไอ้ตี๋ ๆ ถึงจะมีความสุขหรือฝันดียังไง สุดท้ายผมก็ตายในฝัน...ตกจากที่สูงลงมาตายซ้ำ ๆ...ถึงจะไม่ทุกคืน แต่เจอแบบนี้เข้าทีผมก็หลับ....ต่อ...ไ...ม่....ล.....”

หลังจากโวยวายออกมาเสียยืดยาว เด็กหนุ่มกลับยกมือขึ้นปิดปากตัวเองในตอนท้าย เสียงแผ่วลงจนขาดหายไป เพิ่งนึกได้ถึงคำพูดของคิมหันต์ก่อนหน้านี้ เขาพูดมากไป เพ้อเจ้อเกินไป หากอีกฝ่ายคิดว่าบ้าคงไม่ดีแน่ ๆ ยิ่งหลังจากไปปีนรั้วบ้านคนอื่นเข้าอีกต่างหาก

เขากลั้นใจเงยขึ้นสบตาเอกภพ เพื่อจะพบว่าชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นสูง สายตาเต็มไปด้วยความงุนงงยิ่งกว่าที่เขาคาดไว้เสียอีก

นั่นปะไร..วสุลอบถอนใจเฮือก เพลียตัวเองเหลือเกิน เขาทำคนอื่นตกใจด้วยคำพูดแปลก ๆ เรื่องความฝันอีกแล้ว

“..พี่ลืมมันไปเถอะ..” เด็กหนุ่มรีบตัดบท “...ผม...เพ้อเจ้อไปหน่อย...ความจริงคงแค่นอนไม่พอ ขอโทษด้วยครับที่พูดอะไรแปลก ๆ”

“..อืม..”

เอกภพตอบกลับมาจนได้ แค่พยางค์เดียวเท่านั้นเอง แต่สีหน้ากระอักกระอ่วนใจฉายชัดยิ่งกว่าคำพูด วสุนึกโมโหตัวเองขึ้นมาตอนนั้น แต่ก็ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไรดี ได้แต่ยืนนิ่งรอ เผื่อว่าอีกฝ่ายจะอบรมเขาที่ทำตัวเสียมารยาทไว้พอดู

แต่นอกจากชายหนุ่มจะไม่ต่อว่า กลับยังเอื้อมมือมาลูบผมเขาอีกครั้ง อ่อนโยนจนเผลอนึกไปวางหากวางมือไว้อย่างนี้นาน ๆ ก็คงดี

“..ลำบากหน่อยนะ”

“...”

“..ตกจากที่สูงหรือ?” เอกภพพึมพำ สายตาทอดมองมายังเขา แต่ก็คล้ายว่ากำลังมองอย่างอื่นไปด้วย...อธิบายไม่ถูกเลย เหมือนมองเห็นตัวเขาที่ไม่ใช่เขา “...มันคงเจ็บมากใช่ไหม”

วสุแทบไม่เชื่อหู ความฝันนั้นใช่ว่าเขาไม่เคยพูดให้คนอื่นฟัง แต่ไม่เคยมีใครตอบกลับมาแบบนี้แม้แต่คนเดียว

“...ปะ..ปกติแล้ว..ผมจะสะดุ้งตื่นก่อน...” ความรู้สึกประหลาดจากคำพูดและการกระทำซึ่งไม่คาดคิดนั้นทำเขาใจสั่น และปากก็คอยจะพูดติดอ่างตามไปด้วย “...ก็เลย...ไม่รู้สึกเจ็บ...”

“งั้นหรือ?” ชายหนุ่มยิ้มเศร้า “งั้นก็ดีแล้ว”

มืออีกฝ่ายยังวางอยู่บนศีรษะเขา แต่ก็รู้ได้จากการขยับว่าเจ้าของมือกำลังจะดึงมันออกไป วสุไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง เด็กหนุ่มยกมือขึ้นคว้าข้อมือนั้นไว้ ดึงเบา ๆ ให้วางกลับลงที่เดิม และเอกภพก็ไม่ได้ขยับหนีหรือแสดงท่าทีไม่พอใจ

ปลายนิ้วแทรกตามเส้นผมเขาอีกครั้ง กลิ่นหอมอ่อนคล้ายเพิ่งอาบน้ำจากร่างกายอีกฝ่ายในระยะใกล้ ผสมปนเปกับกลิ่นหอมหวานของดอกโมกไม่ไกลนักในฝั่งรั้วของเอกภพ

“...กลัวหรือ? ฝันของนาย..”

เสียงนั้นนุ่มนวล แผ่วเบาอยู่ข้างหู อุ่นใจพอจะทำให้เขาพยักหน้าตอบช้า ๆ

“...มันเหมือนว่าไม่เจ็บ...แต่ผมรู้ว่ามันจะเจ็บ...”

“ก็เลยกลัวสินะ”

เขาพยักหน้าอีกครั้ง

“...แล้วพอผมตื่น ก็จะยังเหลือความรู้สึกปวดหนึบที่หัวใจ..”

“...”

วสุรู้สึกว่าเริ่มพูดมากเกินไปอีกแล้ว จึงได้รีบตัดบทแล้วกันตัวไว้ก่อน “..แต่พี่อาจคิดว่ามันเพ้อเจ้อ..”

เอกภพส่ายหน้า ยกอีกมือหนึ่งขึ้นมาซ้อนมือเขาที่ยังเกาะกับข้อมือเจ้าตัวไว้อีกทอด

“ไม่หรอก..ไม่เพ้อเจ้อ”

“..แสดงว่าพี่เชื่อผม”

“หรือนายโกหกพี่ล่ะ?”

“ผมไม่ได้โกหก”

ชายหนุ่มยิ้มบาง “งั้นพี่ก็เชื่อ”

วสุเผลอจ้องอีกฝ่ายตาไม่กะพริบ ครุ่นคิดว่าตั้งแต่ลืมตาดูโลกมาเกือบสิบห้าปี เคยมีใครมองเขาด้วยสายตาอ่อนโยนอย่างนี้มาก่อนหรือเปล่า พลันหัวใจก็เต้นโครมคราม ความร้อนจากมือที่สัมผัสกันอยู่ราวกับเพิ่งส่งมาถึงในวินาทีนั้น ทั้งที่จับกันไว้ก็ตั้งนาน แต่เพิ่งจะมารู้สึกว่าแบบนี้มัน...น่าอาย...เกินไป ก็ไหนลูกพี่ลูกน้องสองคนซึ่งอยู่ที่นี่มาก่อน บอกว่าผู้ชายบ้านข้าง ๆ ออกจะนิ่งเฉยและเก็บตัว แต่ดูเหมือนเอกภพที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขาตรงนี้จะไม่เหมือนที่ได้ฟังมาเลย

เขาดึงมือตัวเองออกช้า ๆ  ขณะที่เอกภพก็ปล่อยอย่างง่ายดายแล้วกลับไปยืดตัวตรงเป็นปกติเช่นกัน

“นายกลับไปนอนได้แล้ว” ชายหนุ่มเป็นฝ่ายออกปาก

“...ผม...ยังไม่อยาก” เขาถอนใจ หาข้ออ้างยังไม่เข้านอนกับตัวเองไปเรื่อย “..พรุ่งนี้วันอาทิตย์”

“ไม่ฝันร้ายหรอก” อีกฝ่ายยืนยัน ไม่รู้ว่าไปเอาความมั่นใจมาจากไหน อดค่อนขอดในใจขึ้นมาไม่ได้ ตัวเองไม่ได้ลองเป็นแบบเขาบ้างนี่

“..จะอวยพรให้” ชายหนุ่มย้ำ

“ได้หรือ?”

วสุหลุดปากไปแล้วจึงเพิ่งมาคิดได้ สถานการณ์แบบนี้เขาควรบอกว่า ‘มันจะเป็นไปได้อย่างไรเล่า’ ต่างหาก

“ก็ลองดู”

เขาเม้มปาก ดูอย่างไรมันก็คำพูดหลอกเด็กชัด ๆ  คนตรงหน้าเห็นเขาอยู่ชั้นอนุบาลหรืออย่างไร แต่เหตุใดจึงพยักหน้าเออออไปด้วยก็ไม่รู้

“เอาละ..ไปนอน..” เอกภพพึมพำ ช่วยดันหลังเขาที่พยายามปีนรั้วกลับไปทางเดิมอย่างทุลักทุเล คอยระวังไม่ให้พลัดหล่นแบบเมื่อครู่ “..แล้วก็ฝันดีครับ..”

วสุก้มหน้าก้มตา กอดสมุดวาดเขียนที่รับมาจากอีกฝ่ายหลังเขากระโดดลงฝั่งรั้วบ้านตัวเองแล้ว งึมงำในคอจนแทบฟังไม่รู้เรื่อง

“..พี่ด้วยครับ”

“พรุ่งนี้เช้าเป็นไงก็มาเล่าให้ฟังสิ”

“เอ๋?”

“ว่าฝันดีหรือเปล่าไง”

“อา..” เด็กหนุ่มผงกศีรษะรับ ถึงจะไม่ค่อยเชื่อ แต่กลับรู้สึกสบายใจขึ้นมาก

เอกภพหันหลังให้เขา ทำท่าจะเดินเข้าบ้านตัวเอง

พอกำลังคิดว่าการพบกันริมรั้วครั้งที่สามก็ยังเป็นเหมือนเดิมตลอด คุยอะไรกันประหลาด ในบรรยากาศที่ชวนให้ใจเต้นไม่เป็นส่ำ แล้วจบที่แยกกันไปอย่างงง ๆ  แต่ครั้งนี้อีกฝ่ายกลับหันมาเมื่อเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ทำท่าครุ่นคิดอยู่อึดใจหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากกับเขา...บางสิ่งที่อาจทำให้บทสนทนาริมรั้วเปลี่ยนแปลงไปสู่ความสัมพันธ์แบบอื่น..

“ถ้าชอบวาดรูปละก็ จะมาขอยืมใช้อุปกรณ์ที่บ้านพี่ก็ได้”

“...หา..?”

“แล้วจะสอนให้”

วสุอ้าปากค้างน้อย ๆ  ขณะที่เสี้ยวหน้าหนึ่งของเอกภพเมื่อหันกลับไปคล้ายจะขำ แต่ไม่มีเสียงใดเล็ดรอดออกมาให้ได้ยิน เด็กหนุ่มจึงไม่แน่ใจว่าเป็นแค่แสงเงาที่เล่นตลกกับเขาหรือเปล่า ครั้นจะเพ่งมองให้ดี กลับเห็นแค่เพียงแผ่นหลังของอีกฝ่ายเสียแล้ว

เด็กหนุ่มระบายลมหายใจยาว มองหาเจ้าขาวก็ไม่เห็นเช่นกัน เดี๋ยวมาเดี๋ยวไป ทิ้งกันอยู่เรื่อย

เขาก้มลงเก็บดินสอที่ยังหล่นในฝั่งบ้านตัวเอง มองดูจนแน่ใจแล้วว่าครบจึงเดินไปปิดไฟ จากนั้นกลับเข้าบ้าน ย่องเข้าห้องนอนตัวเองเงียบเชียบ พองับประตูเรียบร้อยก็เดินไปทิ้งตัวลงบนเตียง ยังกอดสมุดวาดเขียนไว้แนบอก

กลิ่นหอมคล้ายกับตอนที่ยืนคุยกับเอกภพเมื่อครู่ติดอยู่แถวปลายจมูก วสุนึกสงสัยว่ามันมาจากไหน แต่ไม่ได้นึกใส่ใจนัก

เขาปิดไฟในห้อง เหลือแค่โคมไฟหัวเตียง พลิกตัวนอนคว่ำ หยิบสมุดที่เพิ่งเป็นต้นเหตุของการพบกันยามดึกมาเปิดดูรูปวาดไม่เอาไหนของตัวเอง แต่แล้วกลับต้องประหลาดใจกับสิ่งที่เห็น


..ที่มาของกลิ่นหอมอยู่ในนั้น..


นอกจากลายเส้นขยุกขยุยของเขาแล้ว ยังมีดอกไม้สีขาวเล็ก ๆ ถูกแทรกอยู่ในสมุดเล่มที่เขากอดไว้จนเดินกลับมาถึงห้องนอน

เขาหยิบมันขึ้นมาเบามือ ยื่นจมูกไปใกล้ ๆ  กลิ่นหอมละมุนนั้นบางเบา แต่เป็นแบบเดียวกับที่โชยอ่อนตอนยืนคุยกับเอกภพที่ริมรั้วอย่างไม่ต้องสงสัย มันอาจติดมาตอนสมุดเล่มนี้หล่นพื้น หรือไม่ก็เป็นอีกฝ่ายที่หย่อนมันลงมาตอนหยิบคืนให้เขา..จะใช่ดอกโมกหรือเปล่า? พรุ่งนี้หากได้คุยกันอีกเขาอาจลองถาม

วสุคลี่ยิ้มน้อย ๆ จ้องมองมันเนิ่นนานราวกับตกอยู่ในภวังค์ สุดท้ายก็วางเอาไว้ตรงหัวเตียงอย่างทะนุถนอม ข้างกันกับดอกแก้วที่เพิ่งได้รับมาเมื่อเย็น


ในช่วงเวลาอันคลุมเครือขณะเหยียบย่างสู่ห้วงนิทรา ดอกไม้สีขาวทั้งสองโชยกลิ่นหอมอ่อน คล้ายจะปลอบโยนด้วยเสียงกระซิบ


“ฝันดีครับ”


ใครบางคนเอ่ยเช่นนั้นกับเขา...ว่าแต่ใครกัน?


คนในความฝัน...หรือคนในความจริง?





โปรดติดตามตอนต่อไป




-✣-✤-✣-✤-✣-✤-✣-✤-✣-





มาต่อแล้วค่ะ ขอโทษที่นานไปหน่อย
มีของแถมเป็นดูเดิ้ลเด็กชายวสุด้วยค่ะ ยังไม่เต็มสิบห้าดีเลยลูกเอ๊ย... *ไอ "คุก ๆ ๆ ๆ" ใส่ลุง..เอ้ย...พี่เอก*

ขออนุญาตแอบเปลี่ยนชื่อตอนแรกนะคะ เพื่อความสอดคล้องบางอย่างที่เพิ่งคิดขึ้นได้ //หืม? 555

อากาศร้อนนะคะ มากินไอติมกัน ไอติมแบบหักแบ่งคนละครึ่ง เราว่ามันน่ารักดี :D


ส่วนอันนี้ ดูเดิ้ลจากตอนที่แล้วค่ะ พี่พี่เอกแกเนียนทัดดอกแก้วให้น้องเนอะ


เรื่องนี้คงจะไม่ม่าม่ากระจายอะไร ตั้งใจจะให้เนิบ ๆ ค่ะ แต่เนื่องจากมันเป็นผลสืบเนื่องมาจากเรื่องในอดีต(ในตอน .5 ของเล่ห์รักฤดูร้อน) ก็เลยมีโทนสีหม่นนิดหน่อย(รึเปล่า?) อย่างนี้ติดมาด้วย ต้องขอโทษด้วยค่ะ ทั้งที่ตั้งใจจะให้มันออกมาเบา ๆ แท้ ๆ เชียว Orz

พบกันตอนหน้านะคะ ขอบคุณคนอ่านทุกท่าน รักมาก ๆ ค่ะ ^_^

ปล. เรื่องที่ใช้แทนแมวหมาในเรื่องนี้ด้วยสรรพนามว่า "มัน" อ่านแล้วอาจขัดตา แต่เนื่องจากไม่ได้บรรยายผ่านบุรุษที่หนึ่ง จึงไม่สามารถใช้ "ผม" กับดุ๊กดิ๊กและขาวได้ แต่ไอ้ครั้นจะใช้ "เขา" ที่เป็นสรรพนามบุรุษที่สามกับสัตว์เลี้ยงก็ออกจะแปลก ๆ  เลยคงยังใช้ "มัน" อยู่ ต้องขอโทษด้วยและจะรับไปปรับปรุงในอนาคตนะคะ ขอบคุณที่แนะนำค่ะ >3<
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-03-2014 09:35:45 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ กฤษณ์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
ขนที่หลังคอลุกฟึ๊บเลยตอนวสุเล่าความฝัน   :ling2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด