เขาคิดว่าชายหนุ่มวัยกลางคน ผู้เป็นเจ้าของบ้านสีขาวหลังงามนั้นชื่อ ‘เอก’
ทำไมเขาจึงคิดเช่นนั้น ทั้งที่ไม่เคยคุยกันเลยสักพยางค์เดียวน่ะหรือ?
นั่นสิ...ทำไมกันนะ?
“แมว หมา ดอกไม้ และพี่ชายข้างบ้าน”
บทนำ
กอพลับพลึงชูช่อดอกโดดเด่นอยู่ริมรั้ว ใบเขียวเรียวยาวไหวแผ่วเบายามต้องสายลมอ่อนหลังอาทิตย์ลับขอบฟ้า กลิ่นสบู่จาง ๆ ลอยอวลในอากาศ เคล้ากลิ่นหอมเย็นของดอกแก้วหิมาลัย
มันทำจมูกฟุดฟิด ปรายมองดอกไม้สีขาวโง่ ๆ เหล่านั้นด้วยสายตาเจนโลก ปลายเท้าเยื้องย่างลงบนรั้วคอนกรีตเงียบกริบ ขนดำสนิทกลืนไปกับสีสันของยามวิกาล บางแห่งขยุกขยุยและหลุดหายไปเป็นหย่อมแลกกับประสบการณ์ชีวิต ใบหูข้างซ้ายแหว่งวิ่นจากศึกชิงนางเมื่อปีก่อน นัยน์ตาสีเหลืองเป็นประกายวาววับเมื่อสะท้อนแสงไฟประดิษฐ์ฝีมือมนุษย์
ผู้คนที่พบเห็นล้วนเรียกมันว่าไอ้ดำ แต่ไม่เคยมีใครถามสักคำว่าอยากชื่อดำหรือไม่ คิดบ้างไหมว่าอาจอยากชื่อขาวเหมือนดอกพลับพลึงที่ไหวตามแรงลมตรงนั้นบ้างก็ได้
“ไอ้ดำ?”
..นี่ก็อีกคน
“เมี้ยว..”
มันบ่น ส่งสายตายขุ่นเคืองให้ไอ้เด็กหน้าง่วงผู้ด่วนตัดสินมันด้วยรูปลักษณ์ภายนอก เนื้อตัวกรุ่นกลิ่นสบู่เป็นเด็กน้อย แถมยังร้อง “เมี้ยว ๆ” ตอบกลับมาเสียอีก คิดว่ามันชวนคุยหรือไร ช่างงี่เง่าจริง!
มันเมินสายตาสงสัยใคร่รู้ ยังคงเดินต่อด้วยท่วงท่านวยนาดบนรั้วแบ่งอาณาเขตระหว่างบ้านสองหลัง สะบัดหางเหมือนอยากไล่เสียงเหมียวสำเนียงมนุษย์ที่เกาะตรงปลายขนแหว่ง ๆ
“เดี๋ยวสิ”
ไอ้เด็กนี่น่ารำคาญเป็นบ้า!
มันเชิดหน้าใส่ในท้ายที่สุด กระโจนแผล็วไปยังอีกฝั่งรั้ว แทรกตัวเองแนบเนียนกับความมืด กลืนหายไปกับสีดำสนิทเงียบเชียบ
วสุ นวสุธา เป็นเด็กหนุ่มวัยย่าง 15 ปีผู้ไม่มีชื่อเล่น
หลังโดนแมวดำเมินใส่ เดินเข้าบ้านไปหาขนมกินมาแล้วรอบหนึ่ง ตอนนี้กลับมายืนนอกบ้านอีกครั้งข้างกอพลับพลึง ทำตาปรอยอย่างง่วงงุน ด้วยมีปัญหาเรื่องการนอนหลับมาหลายคืน
ความฝันน่ากลัวซ้ำซากว่าตัวเองร่วงลงจากตึกสูงรบกวนการพักผ่อนของเขา แม้มีสลับไปฝันถึงเรื่องราวปกติบ้าง แต่มันก็วนเวียนอยู่กับภาพชุดเดิม ๆ คล้ายเป็นชีวิตประจำวันของใครสักคนที่ไม่ใช่ตัวเอง ตัวเขาในความฝันกับยามตื่นราวกับเป็นคนละคน..แต่กลับรู้สึกว่ามันถูกเชื่อมกันไว้ด้วยเส้นด้ายบาง ๆ ที่มองไม่เห็น และตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับป้าที่บ้านหลังนี้ได้ไม่นาน ฝันเหล่านั้นก็ปรากฏแจ่มชัดและบ่อยครั้งขึ้นโดยไม่สามารถหาสาเหตุได้
มือเขาเกาะรั้วสูงระดับอก ใบหน้าผินไปทางบ้านสีขาวหลังข้างเคียง แสงไฟลอดออกมาจากหน้าต่าง ไฟรั้วบ้านเปิดทิ้งไว้ดวงเว้นดวง สวนหย่อมและสนามหญ้าเขียวสด ในอาณาเขตของเพื่อนบ้านนั้นสวยงามลงตัวและดูร่วมสมัย ผิดกับฝั่งบ้านเขาที่ต้นไม้ขึ้นรกครึ้ม เต็มไปด้วยพรรณไม้ที่ป้านึกอยากปลูกตรงไหนก็ปลูก ล้อมรอบบ้านครึ่งอิฐครึ่งไม้สองชั้นซึ่งภายในได้รับการปรับปรุงให้มีสภาพดี แต่มองจากด้านนอกก็ยังดูเก่าแก่ราวอยู่คนละยุคสมัยกับบ้านข้าง ๆ
วสุอ้าปากหาว จากหางตา เขาเพิ่งเห็นว่าเจ้าแมวดำตัวเดิมกลับมาเดินเฉิดฉายอยู่ตรงนี้อีกแล้ว สีขนมันกลืนสนิทกับกลางคืน ติดแค่นัยน์ตาสีเหลืองวาววับที่สะดุด เขาจ้องมองหาสัญลักษณ์ที่ชี้ว่าอาจมีเจ้าของแต่ไม่พบ มีเพียงหูแหว่ง ๆ และขนที่หายไปบางกระจุกบอกให้รู้ว่าเจ้าแมวนี่ขึ้นตรงกับตัวเอง
“ดำ..” เขาลองส่งเสียงเรียกเหมือนเดิมตามลักษณะที่เห็น “เจอกันอีกแล้ว”
เจ้าแมวชะงัก ไอ้เด็กน่ารำคาญยังไม่รู้จักเข้าบ้านกินนมนอนอีก ดำ...เอ้อ...ไม่ใช่ดำ...นั่นแค่ชื่อเรียกเฉพาะกิจ แต่ก็หมายถึงไอ้ดำผู้ใหญ่ยิ่งและหยิ่งผยองตัวนี้นั่นละ มันเชิดคอขึ้นอย่างทระนงตน แม้สีขนบนร่างกายที่เคยมันปลาบยามต้องแสงไฟ บัดนี้จะหมองลงบ้างหลังเพิ่งไปคลุกฝุ่นมาพักใหญ่
“ผอมเชียว หิวไหมนั่น” วสุพึมพำ “มานี่ซิเมี้ยว ๆ”
ไอ้ดำนิ่งสงบอย่างไว้เชิง ค้างอยู่ในท่าเชิดคอ อย่างไรก็จะไม่ยอมก้มหัวแล้วทำตามคำสั่งเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนี่เด็ดขาด ไม่อย่างแน่นอน...หากมันเป็นกลิ่นน้ำนม ไม่ใช่กลิ่นปลาเส้นปรุงรสที่ลอยเตะจมูกแมวอย่างนี้น่ะนะ!
วสุหยิบปลาเส้นที่เขากินค้างไว้ในถุงแล้วติดกระเป๋าออกมาด้วย โบกมันไปมาตรงหน้าอาคันตุกะขนดำผู้หลุดปากร้องออกมาหนึ่งเหมียว
‘เมี้ยววว~’“สนไหม?”
ไอ้ดำยื่นหน้าเข้ามาใกล้แต่ยังงับไม่ถึง ถูกกลิ่นปลาเส้นสะกดจิตจนเผลอย่างเท้าเข้าหา ส่งเสียงร้อง
‘ม้าววว~’ ยาวอีกครั้งอย่างออดอ้อน เจ้าเด็กนี่ช่างหาจุดอ่อนมาล่อลวงมันได้อย่างเลือดเย็น แต่เห็นแก่ปลาเส้น จะยอมทำอ่อนข้อให้สักหน่อยก็ได้
วสุอมยิ้ม มือเด็กหนุ่มยื่นไปวางไว้บนหลังคอเจ้าเหมียวหน้ามู่ทู่ เกาเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู นึกชอบใจตาสีเหลืองซึ่งปรือลงอย่างเคลิบเคลิ้ม พอเลื่อนนิ้วมาถึงใต้คาง ลูบต่อไปได้เพียงหน่อยเดียว เสียงกรนครืดคราดก็ดังขึ้นจากลำคอไอ้ตัวหูแหว่ง
ไม่! ไอ้เด็กมนุษย์งี่เง่า! อย่าลูบตรงนั้น“สบายละสิ”
ไม่เห็น..จะ...สบ..า...ย....เ..ล...ย.... งือ...อ....ดำพลาดแล้ว เสียเชิงแมวเหลือเกิน
กลิ่นหอมจ่อเข้ามาใกล้จมูก ลืมตาจากที่หลับพริ้มอยู่จึงเห็นว่าปลาเส้นที่หมายปองยื่นมาจ่ออยู่ตรงปาก ไอ้ดำรีบงับไว้ทันที จังหวะเดียวกับที่เสียง
‘โฮ่ง!’ ดังขึ้นจากอีกฝั่งรั้ว
ดำพองขน ก้มลงทำตาขวางใส่ไอ้ก้อนขนสีทองหน้าโง่ที่โผล่เข้ามาร้องโฮ่ง ๆ ขัดจังหวะ แล้วยังสะบัดหางไปมาพร้อมกับทำน้ำลายหยดแหมะอย่างไร้มารยาท ไอ้มนุษย์ผู้ชายบ้านอีกฝั่งที่เป็นเจ้าของไม่รู้จักสั่งสอนหรืออย่างไร
‘โฮ่ง! โฮ่ง! งี้ดดด’‘ฟ่อออออ’วสุทำเสียงจุ๊ ๆ ปรามทั้งเจ้าแมวดำที่ทำตัวพองขู่ฟ่ออยู่บนรั้ว และเจ้าหมาโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ของเพื่อนบ้านที่ส่งเสียงเห่าลั่น แม้ดูเหมือนเป็นเสียงร้องขอเล่นด้วยมากกว่า แต่ก็คิดว่าออกจะดังไปสักหน่อย ถ้ายังเห่าไม่หยุดอย่างนี้ เดี๋ยวเจ้าของหมาขนทองผู้เป็นเพื่อนบ้านคงได้ออกมาดูแน่ เกิดเข้าใจผิดว่าเขาทำอะไรสัตว์เลี้ยงอีกฝ่ายคงไม่ดีนัก
“ชู่ววว”
เด็กหนุ่มยกนิ้วชี้ขึ้นแตะปาก ทว่ายังไม่ทันได้ทำอะไรต่อ เพื่อนบ้านหนุ่มก็สาวเท้ายาว ๆ มุ่งตรงมายังที่เกิดเหตุจนได้
“เงียบก่อนซี่” เขายังพยายามปราม “เจ้านายแกมาแล้วเห็นไหม”
‘โฮ่ง! โฮ่ง!’แมวดำต้นเหตุกระโจนหนีไปแล้ว เหลือเขาที่ยังพยายามยกมือห้ามเจ้าตัวที่ยังเห่าโฮ่งไล่หลัง ชื่ออะไรกันละนี่ หากเรียกชื่อเผื่อจะเชื่อฟังและหยุดเห่าได้บ้าง เงียบเสียที่เถอะน่าเจ้า--
“โรลล์!”/ “ดุ๊กดิ๊ก!”สองเสียงประสานขึ้นมาพร้อมกัน
วสุกะพริบตาปริบ ๆ เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม ณ อีกฝั่งรั้ว จากนั้นก็ก้มลงมองเจ้าหมาขนทองที่สงบลงเมื่อเห็นเจ้านาย
“ดุ๊กดิ๊ก เห่าอะไรน่ะ” ชายหนุ่มว่าพลางย่อตัวลงไปเกาคอสัตว์เลี้ยง มันสะบัดหางเป็นพวงไปมา เอาตัวเองไปคลอเคลียเจ้าของอย่างรักใคร่ เลิกสนใจทิศทางที่แมวดำเพิ่งกระโจนหนีไป ทำเหมือนเป็นหมาคนละตัวกับเมื่อครู่
วสุอ้าปากค้างโดยไม่รู้ตัว ผู้ชายตรงหน้าเพิ่งเรียกชื่อมันว่า ‘ดุ๊กดิ๊ก’ แล้วเมื่อกี้เขาเรียกเจ้าตัวนี้ว่าอะไรนะ...
โรลล์? เด็กหนุ่มยกมือแตะริมฝีปากตัวเอง ชื่อโรลล์ที่เพิ่งเอ่ยนั้นมาจากไหนกัน? เหมือนว่าอยู่ ๆ ก็แวบขึ้นมาในหัวโดยไม่รู้ที่มาที่ไป คลับคล้ายคลับคลาว่าความฝันประหลาดของเขาเคยมีหมาโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ชื่อโรลล์ปรากฎตัวอยู่..ใช่แล้ว...บางทีคงสับสนเอาเรื่องในฝันมาปนกับชีวิตจริง
คนตรงหน้าเงยขึ้นมองเขา รอยยิ้มบางที่ดูเศร้าบอกไม่ถูกวาดบนริมฝีปาก หัวคิ้วขมวดน้อย ๆ และแววตางุนงงของอีกฝ่ายทำวสุใจไม่ดี เขาทำให้ผู้ชายคนนี้หงุดหงิดหรือเปล่าที่เอาชื่ออะไรไม่รู้ไปเรียกสัตว์เลี้ยงของเจ้าตัว
“เมื่อกี้นายเรียกเจ้านี่ว่าอะไรหรือ?”
นั่นไง
“...ขอโทษครับ” วสุละล่ำละลัก
“ไม่ได้ว่าอะไร..” ชายหนุ่มโคลงศีรษะ “พี่แค่ได้ยินชื่อนั้นแว่ว ๆ เลยสงสัย...เมื่อกี้เรียกเจ้านี่ว่าโรลล์ใช่ไหม?”
เขาเม้มปาก เงียบไปอึดใจ จากนั้นก็พยักหน้า
“ทำไมถึงเป็นโรลล์ล่ะ?”
เด็กหนุ่มไม่รู้จะตอบอีกฝ่ายว่าอย่างไรดี ให้บอกตามตรงว่าเอามาจากในฝันมันคงฟังดูประหลาด เขาได้กลายเป็นคนเพี้ยนในสายตาเพื่อนบ้านตั้งแต่คุยกันครั้งแรกเป็นแน่
“เดาเอาครับ” วสุพยายามตอบอ้อม ๆ ส่งเสียงหัวเราะแก้เก้อตบท้าย “..แต่สงสัยจะเดาผิด”
ผู้ชายตรงหน้ายิ้มอ่อนโยน...แต่เอาอีกแล้ว ทำไมจึงได้ดูเศร้านักก็ไม่รู้ เบนสายตากลับไปมองสัตว์เลี้ยงของตัวเองอีกครั้ง พึมพำเสียงเบาจนต้องเงี่ยหูฟัง
“บังเอิญจังนะ แต่โรลล์ไม่อยู่แล้ว”
“เอ๋?”
“ตายไปนานแล้วละ” อีกฝ่ายมองหน้าเขาอย่างชั่งใจ จากนั้นก็พูดต่อแผ่วเบา “อาจจะตั้งแต่ก่อนนายเกิดด้วยซ้ำ”
วสุได้แต่ยืนเหวอ พูดอะไรไม่ออก ตกลงโรลล์ที่เขาหลุดปากไปไม่รู้ตัวนั้นมีตัวตนจริงหรือ? แล้วเป็นหมาหรือว่าเป็นอะไร?
“มืดแล้วยุงเยอะ นายก็เข้าบ้านเถอะ” ชายหนุ่มเอ่ยตัดบทเสียงเรียบ ไม่นำพากับท่าทีงุนงงของเขา ลุกขึ้นแล้วเดินกลับไปทางตัวบ้าน มีสัตว์เลี้ยงเดินตามต้อย ๆ
“...พี่ครับ”
เขาร้อง เรียกให้อีกฝ่ายชะงักแล้วหันกลับมาเลิกคิ้ว
“?”
“...อ่า...เจ้าตัวนั้น..ชื่อดุ๊กดิ๊กหรือครับ?”
คนฟังยิ้มละมุน ตอบกลับมาสั้น ๆ ว่า “ใช่” ก่อนจะเตรียมหันหลังกลับอีกครั้ง
“แล้วพี่..”
“หือ?”
ใจจริงอยากถามข้อสงสัยที่ค้างคาใจเขา ว่าอีกฝ่ายชื่อเอกใช่หรือเปล่า แต่วสุนึกไม่ออกว่าจะพูดอย่างไรไม่ให้ฟังดูพิลึก
“คือ..”
ชายหนุ่มยืนรอฟัง สบตากลับมาใต้แสงสลัว
เสียงตุบ ๆ ในอกเขาหนักหน่วงขึ้นโดยไม่รู้สาเหตุ คำถามถูกกลืนลงคอ ความฝันกับความจริงคล้ายว่าเชื่อมโยงกันแวบหนึ่ง ณ จุดที่เขายืนอยู่ จากนั้นจางหายไปอย่างรวดเร็วโดยยังจับต้นชนปลายไม่ได้สักนิด ที่ยังติดค้างอยู่ในหัวคือแววตาของคนตรงหน้าช่างดูคุ้นเคยเหลือเกิน วสุนึกคำพูดอย่างอื่นไม่ออกนอกจากเอ่ยราตรีสวัสดิ์ผิดเวล่ำเวลา ลืมนึกไปว่าใครเขาจะนอนตั้งแต่ยังไม่ทันสองทุ่มอย่างนี้
แต่พี่ชายข้างบ้านก็ยิ้มอ่อนโยน ตอบมาตามมารยาท เป็นการช่วยเขาไม่ให้หน้าแหก
“ฝันดีครับ”
จากนั้นก็เดินกลับไปเงียบ ๆ
วสุยืนมองจนร่างอีกฝ่ายผ่านประตูเข้าไปในบ้าน ดุ๊กดิ๊กหันกลับมามองเขาครั้งหนึ่ง ก่อนจะตามเจ้านายเข้าไปติด ๆ
เด็กหนุ่มยกมือตีแก้มสองข้างของตัวเองเบา ๆ เรียกสติ กลิ่นอายคล้ายคลึงกับในความฝันซ้ำ ๆ ตั้งแต่จำความได้เหล่านี้คืออะไรกัน
มันคุ้น แต่นึกไม่ออก คล้ายจะเป็นเรื่องของเขา แต่ก็ไม่ใช่ ชื่อและเหตุการณ์ที่เขามั่นใจว่าไม่เคยประสบคอยจะผลุบโผล่ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว กลิ่นดอกไม้กลางคืนที่ล่องลอยโดยรอบยิ่งทำให้ไม่แน่ใจ ว่าที่ยืนอยู่ตรงนี้คือความฝันหรือความจริงกันแน่
เขาชะเง้อมองเข้าไปผ่านหน้าต่างบ้านสีขาว ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าหวังจะได้เห็นอะไร
‘ฝันดีครับ’ อย่างนั้นหรือ?
น้ำเสียงและถ้อยคำที่เพิ่งได้ยินยังชัดเจนราวกับเจ้าตัวมากระซิบอยู่ข้างหู แต่รอยยิ้มเศร้าจนน่าแปลกใจของผู้ชายคนนั้นกลับติดตายิ่งกว่า
“เฮ้อ..”
วสุถอนหายใจยาว ตั้งแต่จำความได้ คำอวยพรฝันดีไม่เคยมีความหมายกับเขามาก่อน อีกหนึ่งตัวตนในความฝันมักลงเอยด้วยความโศกเศร้าจนปวดใจ ไม่ว่าฝันนั้นจะเริ่มต้นขึ้นอย่างไร หรือเขาจะจำเรื่องราวในนั้นได้แค่ไหน หลังตื่นขึ้นมามักทิ้งความโหยหาไว้ให้เขาเสมอ
เด็กหนุ่มฟาดมือลงบนแขนตัวเองดังเผียะ ยุงบี้แบนติดฝ่ามือมาหนึ่งตัว ยุงเริ่มเยอะจริง ๆ แล้ว เขาควรเข้าบ้านอย่างอีกฝ่ายเตือนเสียที ทว่าสายตายังเหลียวมองหน้าต่างบานเดิมอีกครั้ง รู้สึกอยากพูดคุยกับชายหนุ่มเพื่อนบ้านผู้เก็บเนื้อเก็บตัวมากกว่านี้สักหน่อย ทำไมจึงคาใจเหลือเกินก็ไม่รู้ แต่สุดท้ายทำอะไรไม่ได้ก็ได้แต่ตัดใจก้มหน้าเดินเข้าบ้านตัวเอง
ไม่ทันรู้ตัวว่าคนที่เขานึกอยากคุยด้วยก็กำลังลอบมองกลับมาเช่นกันโปรดติดตามตอนต่อไป
เปิดเรื่องใหม่อีกแล้วค่ะ Orz
*สิ้นสติสมประดี*
เราชอบคำคล้องจอง และเรื่องนี้ชื่อภาษาไทยเป็น "แมว หมา ดอกไม้ และพี่ชายข้างบ้าน" แต่ถ้าแปลงเป็นอังกฤษก็จะเป็น "Cat, Dog, Flower and Brother Next Door" คล้องจองทั้งไทยและอังกฤษเลยค่ะ ฮืออ ฟินเอง //ประสาท
เรื่องนี้ เป็น Side story ของเรื่อง
เล่ห์รักฤดูร้อน ค่ะ แต่เช่นเคยสำหรับนิยายเรา จะอ่านแยกเรื่องก็ไม่มีปัญหาค่ะ สามารถเข้าใจได้โดยไม่จำเป็นต้องไปตามอ่านเรื่องอื่นก่อน
แต่กระซิบ ว่าถ้าอยากรู้ที่มาล่วงหน้าของคู่นี้แบบรวบรัด อ่านแค่สองตอนตามลิ้งค์ข้างล่าง ก็น่าจะอินไปอีกแบบค่ะ (แต่ถ้าไม่อยากอ่าน จะไม่อ่านก็สามารถอ่านเรื่องนี้ได้เข้าใจค่ะ แฮร่ ๆ)
อันแรก >>
พักยก 49.5 - Till the spring comesกับอันนี้ >>
พักยก 63.5 - ภาพทับซ้อนและโดจินสั้น ๆ อันนี้ก็จะสมบูรณ์ขึ้นค่ะ (ฮา) >>
7 O'clockใจจริงอยากเขียนเรื่องนี้เป็นแนวอบอุ่นมุ้งมิ้ง แต่เริ่มต้นมาก็ดูไม่ค่อยอบอุ่นละ ติดสำเนียงรั่ว ๆ หน่อย ๆ แย่จังเลย Orz
แปะรูปวสุ ชึ้บ

หน้าตาประมาณนี้ค่ะ ^^
เพิ่งเคยเขียนฝั่งเคะที่ดูเป๋อ ๆ หน่อย ฝากเด็กน้อยด้วยนะคะ
ตอนนี้เขียนพร้อมกันสองเรื่องเลย อีกเรื่องเป็น Fanfiction ของเล่ห์รักฤดูร้อนอีกที (จะแตกกิ่งไปถึงไหน) เรื่อง
┤S i n c e r e├เป็น Twincest แฝดชายรักกัน สนใจข้ามเส้นศีลธรรมแวะไปเยี่ยมเยียนได้ค่ะ ^o^
ขอบคุณคนอ่านผู้น่ารัก แล้วพบกันตอนหน้านะคะ
