เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ โดย ภัคD  (อ่าน 217365 ครั้ง)

KiKuMon

  • บุคคลทั่วไป
ครอบครัวนี้

โคตรจะ

แ น ว ! ! !

คิดได้ไง

แต่ละมุก

ชอบ

ที่บอกว่าอกหัก

 :laugh: :laugh:

อาจารย์..สีฟ้า

  • บุคคลทั่วไป
เขามาติดตามและเป็นกำลังใจให้พี่ทิพย์ครับ  :L2: :L2: :L2: :L2:

น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
ฉายตลกดีจัง ตอนบอกรักตะวัน  ยังห่วงหมูทอดอีกแน่ะ

sixty-3

  • บุคคลทั่วไป
ชอบอ่า..
 :m1:

เป็นกำลังใจให้ครับ

yukisaki

  • บุคคลทั่วไป
ครอบครัวนี้น่าอยู่ด้วยจริงๆ  :laugh: :laugh: :laugh:


รออยู่น้า~ :oni2: :oni2: :oni2: :oni2:

ออฟไลน์ Tetjinen

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
:laugh: ไปค้นหาตัวเองหรือหนีหนี้

ขอตอนต่อไป  :a4:

gift_deb

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาติดตามด้วยคนค่ะ :m1:

@^_^@PeaZa@^_^@

  • บุคคลทั่วไป

[D]a[D]a [T]oo[N]

  • บุคคลทั่วไป
ดูเป็นครอบครัวตัวพิลึกยังไงไม่รู้อ่ะ 555+

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
เรื่องของเด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ # บทที่ 2

ความรัก...ก็เหมือนภาพที่ยังวาดไม่เสร็จ


ไม่รู้ว่าผมเคยบอกไปหรือยังว่าพี่ตะวันวาดรูปเก่ง...ชอบวาดรูป และเลือกเรียนสายอาชีพสาขาวิชาจิตรกรรมแทนที่จะเรียนสายสามัญ

หรือถ้าจะให้พูดอีกอย่างคือ...พี่ตะวันเรียนหนังสือไม่เก่ง ไม่ชอบเรียนหนังสือ และหมดสิทธิ์เลือกเรียนสายวิชาสามัญ...เพราะสอบเข้าที่ไหนก็คงไม่ผ่าน

ในขณะที่ชื่อผมมักได้ขึ้นบอร์ดในฐานะนักเรียนที่ได้คะแนนสอบสูงสุด...ไม่ใช่แค่ระดับห้อง หากแต่เป็นระดับชั้น... ได้ใบประกาศเกียรติคุณสารพัดจนแม่เลิกเอามันใส่กรอบ หันมายัดใส่แฟ้มก่อนจะเทรวมลงกล่องไว้ในห้องเก็บของ เพื่อรอเวลาชั่งกิโลขายในที่สุด

ถ้าหนึ่งกิโลของเศษกระดาษที่ถูกชั่งกิโลขายเป็นใบประกาศเกียรติคุณของผมเสียครึ่งกิโล อีกครึ่งกิโลคือจดหมายเรียกผู้ปกครองไปพบของพี่ตะวัน

ผมอยากจะบอกว่ากฎข้อเดียวที่พี่ตะวันไม่ทำผิดก็คือ...อะไรสักข้อ...ซึ่งคิดให้ตายก็คิดไม่ออก

สำหรับพี่ตะวันดูคล้ายว่า กฎคือสิ่งที่ต้องทำผิด...

“ก็ทำไมล่ะ พอทำแล้วก็ไม่เห็นเกิดอะไรขึ้นเลยยกเว้นถูกด่าว่าทำผิดกฎ!”พี่ตะวันเถียงน้ำตานองหน้า เมื่อโดนแม่ของผมดุแค่ครึ่งประโยคยังไม่จบด้วยซ้ำ เมื่อทางอาจารย์เตือนมาว่า หากพี่ตะวันไม่ปรับปรุงตัว อาจจะโดนไล่ออกทั้งที่เกือบจะจบม.สามอยู่ไม่กี่เดือนข้างหน้าแล้ว

“ก็กฎมันมีไว้ให้ทำตาม คุณครูตะวันไม่ได้สอนเหรอ?”ผมที่ตอนนั้นยังอายุแค่สิบขวบและยังไม่หลงรักพี่ตะวันถาม พลางมองน้ำตาบนแก้มพี่ตะวัน

“ก็ทำไมต้องทำล่ะ ไม่ทำก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย!”

“ไม่เป็นแล้วร้องไห้ทำไม?”

“ฉาย เราเป็นน้องพูดกับพี่เขาแบบนี้ได้ยังไง?”พ่อหันมาดุผม ก่อนหันกลับไปพูดกับพี่ตะวัน

พ่อดุผมบ่อยๆเรื่องทำตัวไม่ค่อยสมกับเป็นน้อง แต่ผมว่าพ่อน่าจะดุพี่ตะวันมากกว่าที่ทำตัวไม่สมกับเป็นพี่

“ตะวัน...กฏมันมีไว้ให้ทำตาม เพื่อประโยชน์ของคนหมู่มาก...กฏในโรงเรียนตอนนี้ ตะวันอาจจะมองว่ามันไม่มีประโยชน์อะไร ไม่ก่อให้เกิดผลอะไรร้ายแรงถ้าทำผิด ใช่ไหม?”พ่อถาม และพี่ตะวันพยักหน้ารับ

“มันก็แค่ฝึกให้เรารู้จักบังคับตัวเองให้อยู่ในกฎ เคารพในสิ่งที่คนหมู่มากตั้งขึ้น เพื่อวันหนึ่งเราออกไปอยู่ในสังคมที่ใหญ่ขึ้น ผลของการทำผิดกฎ ก่อผลที่ร้ายแรงขึ้น ตะวันเข้าใจไหม?”พ่อถามอีก แต่คราวนี้พี่ตะวันส่ายหัว

“กฎไม่ได้มีไว้เพื่อตัวเรา ตะวันเข้าใจหรือเปล่า แต่มีไว้เพื่อปกป้องคนอื่นด้วย”พ่อถามอีกครั้ง

“ไม่เข้าใจ!”แต่เป็นผมที่ตอบ

“โง่!”และพี่ตะวันหันมาด่า

“ตอบแทนตะวันนั่นแหละ!”ผมบอก

“ฉาย!”พ่อหันมาปรามผมอีก ก่อนหันไปหาพี่ตะวัน

“เอาง่ายๆอย่างกฎจราจร...เราเคารพกฎจราจรไม่ใช่เพื่อความปลอดภัยของตัวเราอย่างเดียว จริงๆมันเพื่อปกป้องคนอื่นด้วย เหตุผลมันคล้ายๆกัน...เรามองเห็นแค่ตัวเรา การเคารพกฎคือการปกป้องคนที่เรามองไม่เห็น แต่อาจได้รับกระทบจากการกระทำของเรา ตะวันเข้าใจไหม?...กฏง่ายๆในโรงเรียนเพื่อสอนให้เราคุ้นเคยกับการทำตามกฎอื่นๆในสังคม ตะวันเข้าใจหรือเปล่า...การที่ตะวันบอกว่าทำแล้วก็ไม่เห็นเกิดอะไรขึ้น...ผลมันอาจเกิดขึ้นกับคนอื่น โดยที่ตะวันไม่รู้...ตะวันเข้าใจไหม?”พ่อถาม แต่พี่ตะวันเงียบ

“ถ้าฉายไม่เป็นน้อง ฉายจะบอกว่าตะวันโง่...”ผมพูด

“ฉาย!”และพ่อหันมาปรามอีกครั้ง

“อะไรล่ะ พ่อ...ฉายก็ไม่ได้ว่าตะวันซักหน่อย ฉายบอกไงว่าถ้าฉายไม่เป็นน้อง ฉายถึงจะว่า!”ผมอธิบาย และพ่อก็ส่ายหัว

แม่บอกผมว่า ไอ้ที่พ่อพูดกับพี่ตะวันได้คล่องปากน่ะ ก็เพราะครั้งหนึ่ง...หรือจริงๆคือน่าจะหลายๆครั้ง...พ่อเคยพูดกับน้าโอ๋...และแน่นอน เข้าหูซ้ายเพื่อออกหูขวา จนพ่อเลิกพูดเพราะเมื่อยปาก...

แต่กับพี่ตะวัน...จะว่าพ่อสอนดีหรืออย่างไรก็ยากจะบอกแต่หลังจากนั้น ก็ไม่มีจดหมายจากทางโรงเรียนอีก

“เลยไม่มีกระดาษไปชั่งขายเลย!”น้าโอ๋บ่นเมื่อไม่มีจดหมายตักเตือนจากทางโรงเรียนพี่ตะวันอีก

การเรียนอยู่กับเฟรมรูปและสี ดูจะทำให้ชีวิตในโรงเรียนของพี่ตะวันมีความสุขกว่าการเรียนอยู่กับสูตรคูณและการท่องจำ

“ภาพของตะวันได้รางวัลที่หนึ่ง!”พี่ตะวันยิ้มหน้าบาน บอกพ่อกับแม่ ที่พลอยดีใจหน้าบานไปด้วย

พี่ตะวันอวดได้แต่กับพ่อและแม่เท่านั้น ส่วนน้าโอ๋และน้ามะมักบอกว่า...ฝีมือเท่าหางอึ่ง...

ดังนั้น ผมจึงไม่ค่อยแปลกใจที่ในบ้าน มีภาพวาดฝีมือพี่ตะวันเพิ่มเข้ามาทีละภาพ ทีละภาพ และต้องยอมรับว่ารูปพวกนั้นสวยกว่าใบประกาศอะไรต่อมิอะไรของผมบนข้างฝาเป็นไหนๆ...และถ้าถามว่าผมน้อยใจหรือเปล่าที่แม่และพ่อเอารูปวาดของพี่ตะวันมาแขวนข้างฝาบ้านแทนใบประกาศสารพัดของผม...คำตอบก็คือไม่!...ทำไมน่ะเหรอ?...ก็บนฝาผนังบ้านพี่ตะวันก็มีแต่ใบประกาศของผมเต็มไปหมด แถมไม่ใช่ใบประกาศแบบธรรมดาๆ เพราะน้าโอ๋กับน้าม่ะน่ะ เอาไปแต่งใหม่ให้ซะสวยจนเพื่อนๆผมพากันอิจฉา ส่วนครูอยากยึดคืน...

พี่ตะวันชอบวาดรูปดอกไม้ แต่ไม่ชอบวาดรูปคน ยกเว้นแต่งานที่ต้องวาดส่งอาจารย์ พี่ตะวันจึงจะยอมวาด และรูปคนของพี่ตะวันมักทัดดอกไม้ไว้ที่หู แม้จะเป็นรูปผู้ชาย...

จนเมื่อน้าโอ๋กับน้ามะออกเดินทางไปค้นหาตัวเอง พี่ตะวันตัดสินใจจะไปขายตัวสามครั้ง ก็ไม่มีครั้งที่สี่อีก แถมมีเงินมาคืนแม่

“เพื่อนชวนตะวันไปวาดรูป รูปตะวันขายได้!”พี่ตะวันบอกและยิ้มหน้าบาน ตอนเอาเงินมาให้แม่

“เพื่อนคนเดียวกับที่ชวนไปขายตัวหรือเปล่า?”แม่ถาม และพี่ตะวันพยักหน้ารับ

“แล้วเขาขายไปถึงไหนแล้วล่ะ?”แม่ถามอีก ไม่รู้หมายถึงรูปหรือตัว

“พี่เขาวาดรูปสวยกว่าตะวัน เลยขายรูปได้เยอะกว่า แต่ตัวนี่ขายไม่ออก พี่เขาบอกว่าถ้าเป็นตัว ตะวันน่าจะขายได้เยอะกว่า!”พี่ตะวันยิ้มภูมิใจ

“ถ้าวาดสวยกว่าตะวัน แล้วทำไมตะวันได้ที่หนึ่ง”แม่ค้านอย่างไม่ยอมเห็นจริงด้วย

“ตะวันเอารูปพี่เขาไปซ่อน ตะวันเลยได้ที่หนึ่งแค่ครั้งเดียวไง ครั้งหลังๆตะวันได้แต่ที่สอง น้าโอ๋จำไม่ได้เหรอ?”พี่ตะวันบอกเล่าความจริงแบบไม่มีอายสักนิด

“อ๋อ!...แล้วเขายังขายตัวอยู่หรือเปล่า?”

“ขาย แต่ยังขายไม่ออก!”

“ไว้น้าไปดูบ้างดีกว่า เขาขายยังไง”แม่พูด ไม่รู้ว่าพูดจริงหรือพูดเล่น

“เขาติดป้าย ขายตัว แต่ไม่ขายหัวใจ!”

“อ๋อ!...แล้วตะวันล่ะ?”

“ตะวันเลยติดว่า...ขายหัวใจ แต่ไม่ขายตัว!”

“อ๋อ!...แล้วมีคนมาขอซื้อหัวใจตะวันยังล่ะ?”แม่ถาม และค่อยยิ้มออก

“มีแล้ว...ขายไปแล้ว!”

“จริงสิ?”

“จริงสิ!”

พี่ตะวันบอกและยิ้ม ส่วนแม่ยิ้มไม่ออกไปอีกครั้ง

หลังจากนั้น ผมก็เห็นพี่ตะวันวาดรูปบ่อยขึ้น เพียงแต่รูปดอกไม้ของพี่ตะวันดูยากขึ้น และพี่ตะวันก็วาดรูปคนด้วย...พี่ตะวันบอกว่าต้องขยันวาด จะได้เอาไปขาย...

“ก็รับวาดรูปเหมือนด้วยไง...เพื่อนพี่วาดรูปล้อเลียน”

“แล้วตะวันจะเหน็บดอกไม้ไว้ที่หูทุกคนหรือเปล่า ?”ผมถาม นึกถึงรูปดอกไม้บนหูของรูปคนที่พี่ตะวันวาด

“ไม่รู้สิ...ฉายเป็นแบบให้พี่ฝึกมือหน่อยสิ!”

“แต่ห้ามเอาดอกไม้มาเสียบที่หูฉายนะ!”ผมแกล้งพูด ทั้งๆที่ดีใจจะตายที่พี่ตะวันจะวาดรูปผม

ผมชอบเวลาพี่ตะวันวาดรูป มันต่างกันลิบลับกับเวลาพี่ตะวันนั่งทำการบ้านเลข

“ทำไม่ได้ ทำให้หน่อยสิ!”พี่ตะวันมักโอดครวญกับการบ้านเลขเสมอๆ เพียงแต่พี่ตะวันไม่เคยขอให้สอน หากแต่มักบอกว่า...ทำให้หน่อย...ซึ่งก็โทษใครไม่ได้ เพราะแต่เด็ก เวลาพี่ตะวันโยเยไม่ยอมทำการบ้าน ก็แม่กับน้าโอ๋หรือน้ามะนั่นแหละ นั่งเขียนลายมือที่พยายามให้ดูโย้ๆเย้ๆ แทนให้ประจำ ซึ่งผมก็ไม่นึกตำหนิพี่ตะวัน เพราะการบ้านวาดรูปตั้งแต่เด็กจนโตก็น้าโอ๋ น้ามะจนถึงพี่ตะวันนั่นแหละทำให้ผมเหมือนๆกัน

แต่เมื่อการบ้านที่ว่าไม่ใช่คัดก.ไก่ หรือก.กา จึงไม่มีใครทำแทนพี่ตะวันได้


“แม่ไม่รู้เรื่อง ทำไมวิชาเลขมีภาษาปะกฤษด้วยล่ะ?” น้าโอ๋บอก เมื่อพี่ตะวันผลักสมุดการบ้านเลขไปให้ แถมมีคำถามแถมท้ายเป็นการยืนยันว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ

“พ่อก็ไม่รู้เรื่อง!”น้ามะรีบออกตัว เมื่อพี่ตะวันเหล่ตามอง

“น้าจำไม่ได้แล้ว”แม่ก็อีกคน แต่ดูจะรักษาฟอร์มมากกว่า

“งั๊นพรุ่งนี้แม่ปลุกเช้าๆนะ ตะวันจะไปลอกเพื่อน!”มันมักจบลงที่ประโยคนี้ถ้าพ่อของผมไม่อยู่บ้าน เพราะถ้าพ่ออยู่ พ่อจะเป็นคนนั่งสอน และพี่ตะวันมักบอกว่า

“น้าเจดสอนเก่งกว่าครูตะวันอีก...ครูตะวันสอนไม่รู้เรื่อง แต่น้าเจดสอนเกือบรู้เรื่อง!” หมายความว่า พ่อค่อยๆสอน ค่อยๆอธิบาย จนเสร็จไปเป็นข้อๆ แบบพี่ตะวันนั่งฟังและแอบหาวอย่างเดียว...

หากแต่เมื่อการบ้านคือการวาดรูป พี่ตะวันดูจะทำอย่างมีความสุขเสมอๆ ไม่เคยร้องขอให้ใครทำแทน ซ้ำยังหวงอีกต่างหาก

“ใครมายุ่งงานของตะวันอีกแล้ว?”คือประโยคที่ได้ยินจนชิน เพราะพอพี่ตะวันเผลอ น้าโอ๋หรือน้ามะ มักแอบไปหยอดนิดเติมหน่อย ด้วยข้อกล่าวหาว่า...ก็ตะวันไร้ฝีมือ!...

ผมจึงชอบดูเวลาพี่ตะวันวาดรูป...โดยเฉพาะเมื่อผมคิดว่าตัวเองหลงรักพี่ตะวัน ผมก็ยิ่งชอบนั่งดูเวลาพี่ตะวันวาดรูป ดังนั้นมันจึงอดดีใจไม่ได้เมื่อพี่ตะวันจะวาดรูปผม

ผมตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวแต่เช้า สระผม ใส่เสื้อตัวโปรดที่คิดว่าตัวเองใส่แล้วโคตรหล่อ วิ่งไปเป็นแบบให้พี่ตะวันถึงที่บ้าน

“จะวาดรูปนู้ด!”พี่ตะวันบอก ก่อนปรายตามองเสื้อผม

“หมายถึงรูปโป๊?”

“อือ...นั่นแหละ!”พี่ตะวันบอก ผมถึงเพิ่งนึกได้ รูปคนที่พี่ตะวันวาดมักเป็นรูปเปลือยครึ่งตัวกับดอกไม้หนึ่งดอก

ผมเลยถอดเสื้อตัวโปรดที่อุตส่าห์ตื่นแต่เช้ามารีดจนเรียบกริบออก

“กางเกงด้วยดิ!”พี่ตะวันใช้ดินสอชี้มาที่กางเกงผม

“ทำไมล่ะ?”

“อ้าว ก็รูปนู้ดไง”

“ก็ตะวันวาดครึ่งตัวนี่”

“คราวนี้จะหัดวาดเต็มตัว...ถอดดิ”

ผมจำใจถอด ก็ไม่ได้เขินอะไร เพราะแก้ผ้าอาบน้ำกับพี่ตะวันมาแต่เด็ก

“กางเกงในด้วย!”

คราวนี้ผมเขิน เพราะแก้ผ้าอาบน้ำกับพี่ตะวันมาแต่เด็ก แต่ก็เลิกไปนานแล้ว

“เร็วดิ เป็นผู้ชายอายอะไร!”

“ไม่เอา!”

“ถอดดิ เร็ว!”

“ไม่!”

ให้นั่งยัน ยืนยัน สุดท้ายผมก็ต้องโป๊ยัน ตามใจพี่ตะวันจนได้

“เล็กชะมัด!”พี่ตะวันว่า เมื่อผมถอดกางเกงในออก

ผมยืนตัวแข็งมองดูพี่ตะวัน ที่ตาจับจ้องมาที่ผมสลับกับกระดาษที่ตรงหน้า...และสุดท้าย รูปที่พี่ตะวันร่างไว้ ก็เป็นแค่รูปครึ่งตัว

“ก็ไหนจะวาดเต็มตัว แล้วให้ฉายถอดกางเกงทำไม?”

“ก็มันเล็ก!”

“ฉายถามว่าให้ฉายถอดกางเกงทำไม?”

“ก็มันเล็ก...จิ๋วๆน่ะ รู้จักไหม จิ๋วหลิวเลย!”พี่ตะวันไม่พูดเปล่า ยังทำไม้ทำมือประกอบอีกต่างหาก

ผมไม่สนใจ เพราะผมรู้ว่ามันไม่เล็กขนาดนั้นซะหน่อย....ขนาดของมัน สมวัยต่างหาก!

เช้าวันใหม่ ผมวิ่งมาที่บ้านพี่ตะวันอย่างลิงโลด ตื่นเต้นนึกอยากเห็นรูปของตัวเองที่วาดโดยพี่ตะวัน และผมคิดว่าคงไม่โกรธหรอกถ้าพี่ตะวันจะวาดดอกไม้ไว้บนหูของผมด้วย...ผมตื่นเต้นด้วยซ้ำ ว่าที่ใบหูผมในรูปที่พี่ตะวันวาด พี่ตะวันจะทัดดอกอะไรไว้...

ภาพร่างของผมที่พี่ตะวันวาดค้างไว้ มันยังคงค้างคาอยู่เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเพิ่มขึ้นหรือลดลง

ตรงข้ามกับกระดาษอีกใบ ที่เสร็จสมบูรณ์ เพียงแต่ไม่ใช่รูปผม...และเป็นภาพเต็มตัว...นู้ด...และ...สมวัย...

“ก็เขาเท่กว่า ไม่ขี้ก้างเหมือนฉาย!”พี่ตะวันให้เหตุผล พลางมองรูปวาดที่เสร็จสมบูรณ์นั้นอย่างชื่นชม

“อ๋อ...ไม่จิ๋วหลิวด้วย!”พี่ตะวันหันมาสำทับแถมเหลือบตามองเป้ากางเกงผมอีกตะหาก

พี่ตะวันพูดไม่ผิด ผู้ชายในรูปไม่ได้อายุสิบสองเหมือนผม...ไม่ขี้ก้างเหมือนผม แถมเหน็บดอกไม้ที่หูก็ไม่น่าเกลียด...เพียงแต่ผมไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้คือใคร...ใช่คนที่ขอซื้อหัวใจของพี่ตะวันไปหรือเปล่า?

ผมชื่อตะวันฉาย เด็กชายอายุสิบสอง...ที่มีความรักและอกหัก

ความรักของผมก็เหมือนรูปใบนั้น มันแค่เริ่ม แล้วก็จบโดยไม่มีวันเสร็จสมบูรณ์...เพียงเพราะผมขี้ก้าง

อกมันกลัดหนองหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะมองไม่เห็น รู้แต่ว่าศักดิ์ศรีลูกผู้ชายวัยสิบสองขวบโดนย่ำยี

ผมเลยตั้งปณิธาน ...พรุ่งนี้ผมจะกินนมวันละลิตร วิ่งวันละหนึ่งกิโล ปลูกดอกชบาให้เต็มสวนที่บ้าน เผื่อว่าจะมีสักดอกที่เหมาะกับใบหูของผม และที่สำคัญ ต้องทำให้รูปนั้นเสร็จสมบูรณ์ให้ได้ เผื่อมันจะเป็นนิมิตอันดีว่า รักของผมอาจจะสมบูรณ์

จบ...ความรัก...ก็เหมือนภาพที่ยังวาดไม่เสร็จ



--------------------


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
ไหงงั้น

แงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ตะวันไปเอาใครมาเป็นนายแบบ

แล้วๆๆๆๆ


เปลือยด้วย

 :serius2: :serius2: :serius2:

ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
 :m4: :m4:

ตะวัน   น่าตื้บ o12
 
ฉาย    น่ารัก :m13:

เรื่องนี้.....น่าอ่าน..........ต่อ......................เร็วๆ :serius2:


ออฟไลน์ สาวตัวกลม

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2

อาจารย์..สีฟ้า

  • บุคคลทั่วไป
เห็นด้วยกับ สองรี บน   อิอิ  :m12: :m12: :m12:


เป็นกำลังใจให้พี่ทิพย์ครับ
  :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
ตะวันต้องได้เชื้อพ่อกับแม่มาเต็มๆแน่ๆ

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
ความรักของเด็กอายุสิบสอง   :m4:

รอตอนต่อไปค่า  :m1:

sixty-3

  • บุคคลทั่วไป

FOAM

  • บุคคลทั่วไป
สงสารฉายอ่ะ

แต่เดี๋ยวตะวันมีคู่แข่งก็รู้ตัวเองแหละ

gift_deb

  • บุคคลทั่วไป


 รู้แต่ว่าศักดิ์ศรีลูกผู้ชายวัยสิบสองขวบโดนย่ำยี





 :laugh: :laugh: :laugh: เดี๋ยวศักดิ์ศรีมันก็โตค่ะ 555555

Mono_Koro

  • บุคคลทั่วไป
มานั่งรอตอนต่อไปครับ


หุ หุ  :m13: :m13: :m13:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






[D]a[D]a [T]oo[N]

  • บุคคลทั่วไป
ครอบครัวตะวัน3คนเหมือนกันหมดเลยอ่ะ นิสัยแปลกๆ

ออฟไลน์ ( = ___ = )

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 605
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-1

:o อารายกานนี่... ตะวันจายร้ายยยยยย

เค้าเชียร์น้องฉายคนดี เชียร์คุงพี่ทิพย์คนจ๋วยยยยยย
และคุงภัคDคนแต่ง ที่เขียนเรื่องได้น่าติดตามมั๊กๆๆๆ
หลั่นล้า...รอติดตามตอนต่อปายยยยยจ้า :oni1:




ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
เรื่องของเด็กชายตะวันฉาย นายกรินกรณ์ กับพี่ชายปากบอน บ้านข้างๆ # บทที่ 3

ความรัก กับดวงตะวันใต้ฝ่าเท้า


ผ่านไปไม่กี่วัน ผมก็มีโอกาสพบกับผู้ชายในภาพวาด...

เขาไม่ได้อายุสิบสองเท่าผม และไม่ได้อายุสิบหกเท่าพี่ตะวัน

เขาบอกว่าเขาเรียนมหาวิทยาลัย ดังนั้นถ้าเขาไม่โง่จัดจนตกหล่นเกณฑ์หรือเรียนเท่าไหร่ก็ไม่จบ เขาก็น่าจะอายุประมาณ สิบเจ็ดถึงยี่สิบสามปี...แต่ถ้าประเมินจากใบหน้า ผมว่า น่าจะมากกว่านั้น...

เขาเหมาะกับดอกชบาเหมือนที่พี่ตะวันวาดมันไว้บนใบหูเขา...เพราะเขาตัวดำเหมือนเงาะป่าไม่มีผิด!

ผิดกับพี่ตะวัน ผมว่าถ้าพี่ตะวันวาดรูปตัวเอง พี่ตะวันต้องวาดดอกลั่นทมสีขาวไว้บนใบหูตัวเอง...แต่ผมก็ไม่เคยเห็นพี่ตะวันวาดรูปตัวเองเลย

พี่ชายคนนั้นชื่อกบ...พี่ตะวันเรียกเขาว่าพี่กบ...ผมก็เรียกเขาว่าพี่กบ แต่ไม่ใช่เพราะเขาชื่อกบ แต่เพราะปากเขากว้างเหมือนกบ...ยิ่งเวลาเขามาหัวเราะอยู่ใกล้ๆ ผมกลัวหัวจะหายเข้าไปในปากของเขา...

ดังนั้นแล้ว ผมว่าเขาคงไม่ใช่คนที่ซื้อหัวใจพี่ตะวันไปหรอก...ถ้าเพียงแต่ทุกสิ่งที่ผมพูดมาเป็นความจริง...

พี่ชายคนนี้เขาชื่อกบ...เขาชอบหัวเราะปากกว้าง และผมเห็นพี่ตะวันชอบมองดูและยิ้ม เวลาที่เขาหัวเราะ...พี่ตะวันว่ามันดูจริงใจดี...หัวเราะเหมือนพ่อ...พี่ตะวันเคยบอกผม และผมเห็นด้วย พี่กบหัวเราะปากกว้างและชอบเอียงหัวนิดๆเวลาหัวเราะ เหมือนน้ามะไม่มีผิด...

แล้วเขาก็เหมาะกับดอกชบา โดยเฉพาะเวลาที่เขานั่งเป็นแบบให้พี่ตะวันวาดรูป...ผิวเขาคร้าม แต่ยิ้มฟันขาว...เขาตัวสูงใหญ่ และผมอยากเป็นอย่างเขา...

พี่ตะวันเงยหน้ามองดูเขา ในขณะที่มองข้ามหัวผมไปแบบไม่เห็นแม้ปลายผมของผมในตำแหน่งที่สูงที่สุด ถึงผมจะเขย่งจนสุดปลายเท้าก็เหอะ...และเขามีกล้าม ส่วนผมมีแต่ก้าง...

แล้วเขาก็ไม่ได้โง่ แต่เรียนมหาวิทยาลัย และเป็นว่าที่วิศวกรในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าซะด้วย...

ยิ่งกว่านั้นเขามีรอยสักสุดเท่ที่ขาข้างขวา จากใต้หัวเข่าด้านนอกยาวลงไปถึงข้อเท้า

และพี่ตะวันอยากเอาอย่างบ้าง แต่แม่ต่อต้านสุดชีวิต

“งั๊นสักอันเล็กๆก็ได้”พี่ตะวันต่อรอง

“ไม่ น้าไม่ชอบ! แล้วที่โรงเรียนเขาให้สักเหรอ?”แม่ยืนกราน...ซึ่งผมว่าโรงเรียนก็คงปลงแล้ว เพราะสุดท้ายผมก็ไม่เห็นโรงเรียนจะจัดการอะไรได้กับผมทรงเดร็ดร็อคของพี่ตะวันได้

“แต่ตะวันชอบ!”พี่ตะวันก็ยืนกรานเหมือนๆกัน

“แต่น้าไม่ชอบ!”

“แต่ตะวันอยากสัก!”

“แต่น้าไม่อยากให้สัก!”

“แต่ตัวของตะวัน ตะวันจะสัก!”

“ถ้าตัวตะวัน ตะวันก็สัก แล้วก็ไม่ต้องมาถามน้าอีก!”แม่ว่าก่อนงอนตุ๊บป่อง กระแทกเท้าขึ้นชั้นบน เข้าห้องนอนไปตั้งแต่ยังไม่ถึงสองทุ่ม ส่วนพี่ตะวันก็นั่งน้ำตาหยดแหมะๆอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น...ของบ้านผม

ถึงผมจะหลงรักพี่ตะวัน แต่บางครั้งก็อดจะคิดไม่ได้ว่าพี่ตะวันงี่เง่า อย่างที่น้าโอ๋ชอบว่า...โดยเฉพาะเวลามานั่งร้องไห้ตอนผมนั่งทำการบ้าน

“จะสักไปทำไม ไม่เห็นเท่ตรงไหน?”ผมถาม

“ทำไมจะไม่เท่!”

“พี่กบสักเท่ แต่ตะวันสักไม่เท่หรอก...ตะวันก็ขี้ก้างเหมือนฉายนั่นแหละ!”ผมพูดตามจริง และผลของความจริงคือหัวปูด เพราะพี่ตะวันเอาแอปเปิ้ลครึ่งลูกที่กินค้างอยู่ ปาหัวผมแบบไม่มีพลาดเป้า

หลังจากวันนั้นพี่ตะวันก็ไม่พูดถึงเรื่องรอยสักอีก ส่วนแม่พอตื่นเช้าก็หายงอน ซ้ำพี่ตะวันไม่พูดเรื่องสักอีก แม่จึงสรุปว่า ผลของการงอนเป็นที่น่าพอใจ

ส่วนพี่กบ...เมื่อผมเจอพี่เขาบ่อยๆ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่แม่กับพ่อจะไม่เจอเขาบ่อยๆเช่นกัน จนวันนึงพี่กบก็มีที่นั่งประจำตำแหน่งที่โต๊ะกินข้าวบ้านผม

แรกๆแม่ก็ถูกใจพี่กบ แต่ไม่ถูกใจรอยสักที่ขาพี่กบ

“เท่จะตาย ไว้โตฉายก็จะสัก” ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับแม่เรื่องรอยสัก แต่แน่นอนก็ต้องลับหลังพี่กบ

“ไว้รอให้โตก่อน แล้วค่อยมาคุย”แม่บอก

“แล้วทำไมทีตะวันสักไม่ได้!”พี่ตะวันเรียกร้องสิทธิ์ทันที

“น้าไม่ได้บอกให้ฉายสักได้ น้าบอกไว้ค่อยคุย!”

“คุยยังไง น้าโอ๋ถึงจะให้สัก?”

“ก็ไม่ต้องคุยยังไง แค่ให้มันโตกว่าสิบสอง หรือสิบหกก็พอ!”

“อีกสามเดือนตะวันก็จะสิบเจ็ด...”

“สิบเจ็ดก็ยังไม่ได้!”

“น้าโอ๋ว่า...อีกสามเดือนพ่อกับแม่จะเที่ยวเบื่อหรือยัง?”อยู่ๆพี่ตะวันก็เปลี่ยนเรื่อง

“ไม่รู้พวกมัน ไว้มันกลับมา น้าจะไปบ้าง”แม่ตอบ ผมไม่ค่อยตกใจถ้าน้าโอ๋กับน้ามะกลับมาแล้วแม่กับพ่อจะหายตัวไปเที่ยวบ้าง ก็ดูอะไรมันก็ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงไปเท่าไหร่นัก จนตอนนี้ผ่านมาร่วมครึ่งปี พี่ตะวันก็ร้องไห้อยู่วันเดียวเท่านั้นเอง

“พาตะวันไปด้วยนะ!...น้าโอ๋จะไปไหน?”

“ตะวันอยากไปไหนล่ะ?”

“แล้วฉายละแม่?”ผมถาม เพราะแม่ทำท่าจะลืมผมที่เป็นลูกตัวเองไปซะงั๊น

“ตะวันอยากไปทุ่งดอกทานตะวัน”พี่ตะวันบอก

“เหมือนกันเลย น้าก็อยากเห็นทุ่งดอกทานตะวัน!”แม่เห็นด้วยกับพี่ตะวัน แต่ไม่เห็นยักกะได้ยินเสียงผม ที่นั่งเรียกร้องสิทธิ์อยู่ใกล้ๆ

“แล้วฉายล่ะแม่?!... แต่ฉายไม่อยากไปทุ่งดอกทานตะวันนะ!”ผมย้ำอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม และครั้งนี้ได้ผล เพราะแม่หันมาดุ

“ฉาย! ตะโกนทำไม!”แม่ดุเป็นอันนึกได้ว่าผมนั่งอยู่ด้วย แต่ก็แค่เดี๋ยวเดียว เพราะแม่หันไปคุยกับพี่ตะวันต่อ

“แต่ดูดอกตะวันต้องดูตอนเช้าๆนะ ตะวันจะตื่นเหรอ?”

“น้าโอ๋ก็ปลุกตะวันสิ!”พี่ตะวันบอกง่าย

“อ้าว!...แล้วใครจะปลุกน้าล่ะ?”แม่ถาม เพราะแม่กับพี่ตะวันน่ะ ชอบนอนตื่นสายพอๆกัน และผมนึกว่าแม่กับพี่ตะวันจะนึกได้ว่าให้ผมปลุก เพราะปกติผมตื่นเช้า...หากแต่แม่กลับบอก

“งั๊นเราเอานาฬิกาปลุก เสียงดังๆไปด้วย!”

“ดีน้าโอ๋...เอาไปหลายๆเรือนนะ!”พี่ตะวันสนับสนุน...ส่วนผมจะอ้าปากตะโกนอีกครั้งว่า...แล้วฉายล่ะแม่!...ก็พอดีเหลือบไปเห็นหมูแฮมในจานเหลืออีกแค่ชิ้นเดียว ผมเลยเลือกเก็บเสียง ล้มเลิกความตั้งใจจะเรียกร้องสิทธิ์ของความเป็นลูก แอบค่อยๆจิ้มหมูแฮมชิ้นสุดท้ายมาครอบครอง ไม่ให้แม่กับพี่ตะวันรู้ตัว...

ไม่ว่าพี่ตะวันจะอยากไปทุ่งดอกทานตะวันหรือผมจะไม่อยากไป แต่ไม่กี่วันหลังจากนั้น ดอกทานตะวันดอกแรกก็บานอยู่ข้างๆหน้าต่างบ้านพี่ตะวัน

พี่กบเป็นคนเอามาปลูก และพี่ตะวันยิ้มหน้าบานเท่าๆดอกทานตะวันเลย

ผมไม่อิจฉาพี่กบ เพราะจากหน้าต่างห้องนอนผมตอนเช้า จะมองเห็นพี่ตะวันยืนรดน้ำดอกทานตะวันที่หันไปทางตะวันออก และจากห้องนั่งเล่นบ้านผมตอนกลางวัน จะเห็นพี่ตะวันยืนคุยกับดอกทานตะวัน ส่วนตอนเย็นๆ ผมก็จะนั่งมองดูดอกทานตะวันที่หันหน้าไปทางตะวันตก จากห้องนั่งเล่นบ้านผม ...และแน่นอนว่านั่งดูกับพี่ตะวัน

เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าพี่ตะวันเหมาะกับดอกทานตะวันมากกว่าดอกลั่นทมสีขาว

และผมก็อยากให้พี่ตะวันเป็นดอกทานตะวัน เพราะพี่ตะวันจะได้หันมาทางผม...เด็กชายตะวันฉาย...ไม่สนใจกบตัวดำที่ตะเบ็งเสียงร้องอยู่ใต้ต้นทานตะวัน

แต่พี่ตะวันไม่ใช่ดอกทานตะวัน...พี่กบต่างหากที่เป็นทานตะวัน...เป็นกบทานตะวัน

ผมไม่ได้คิดเอง...มุกเห่ยๆแบบนี้ใครจะไปคิดได้ แต่พี่กบต่างหากชอบพูดว่าตัวเองตัวดำเพราะเป็นกบทานตะวัน

ผมไม่เห็นขำ แต่พี่ตะวันมักหัวเราะเมื่อพี่กบพูดแบบนั้น และแน่นอน เวลาลับหลังแม่กับพ่อเท่านั้น พี่กบถึงจะพูด

แรกๆผมก็ไม่ค่อยเข้าใจมุกเห่ยๆของพี่กบ จนเย็นวันหนึ่งก่อนวันเกิดพี่ตะวัน ผมถึงเข้าใจ

ก็ไม่มีอะไรมาก...สำหรับผมการเปิดประตูบ้านพี่ตะวันเข้าไปโดยไม่ขออนุญาต ไม่เรียกว่าถือวิสาสะ เพราะทำมาแต่เด็ก เพราะอย่างที่เคยบอกว่าผมกับพี่ตะวันเป็นเด็กสาธารณะระหว่างบ้านสองหลัง คือบ้านทั้งสองหลังเป็นของเราเท่าๆกัน

ดังนั้นมันจึงไม่แปลกตรงไหน ที่อยู่ๆผมจะเปิดประตูบ้านพี่ตะวันเข้าไป เพียงแค่เหตุผลว่าจะไปนั่งดูการ์ตูนเรื่องโปรด เพราะทีวีที่บ้าน แม่จองเวลาไว้แล้วสำหรับการถ่ายทอดสดอะไรสักอย่างที่แม่บอกว่าพลาดไม่ได้ และสำหรับผม การ์ตูนเรื่องนี้ก็พลาดไม่ได้เหมือนกัน ผมเลยวิ่งไปบ้านพี่ตะวันแทน

แต่ผมก็ไม่ได้ดูการ์ตูน เพราะที่โซฟาหน้าทีวี พี่กบจับจองที่นั่งไว้แล้วกับใครก็ไม่รู้ ที่ผมเห็นแค่ท่อนขาที่พาดไว้บนบ่าพี่กบ และใต้ฝ่าเท้าข้างขวาของขาคู่นั้น ผมเห็นรอยสักสีส้ม รูปดวงตะวัน...

ผมยืนอยู่ด้านหลังพี่กบ... ยืนมองอยู่นาน...ยืนมองรูปดวงตะวันใต้ฝ่าเท้า

พี่ตะวันไม่มีรอยสักใต้ฝ่าเท้า...แต่ผมก็ได้ยินพี่กบเรียกชื่อพี่ตะวัน...และได้ยินเสียงของพี่ตะวันด้วย

ผมยืนอยู่ด้านหลังพี่กบ...ยืนมองดูขาพี่ตะวันกับรูปดวงตะวันสีส้มใต้ฝ่าเท้า แล้วก็ดูดอกทานตะวันนอกหน้าต่าง

พี่ตะวันไม่ใช่ดอกทานตะวัน แต่พี่กบต่างหาก เป็นกบทานตะวัน...ผมเข้าใจมุกเห่ยๆของพี่กบชัดแจ้งแดงแจ๋...แต่ก็ไม่ขำอยู่ดี...ก็เรื่องอะไรมากินตะวันของผมล่ะ!

ผมชื่อตะวันฉาย เด็กชายอายุจวนจะสิบสาม และผมอกหัก

อกมันกลัดหนองหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะยังมองไม่เห็นมันเหมือนเดิม รู้แต่ว่า ฝันเปียกของผมมันพัฒนาไปอีกขั้น เพราะภาพและเสียงระดับสมจริง ที่เปิดโลกเด็กอายุสิบสองอย่างผมให้รู้ว่า ไอ้ที่เคยฝันมาน่ะ... มันเด็กๆ!

นอกจากนั้นภาพเหมือนของผมที่พี่ตะวันวาดค้างไว้ก็เสร็จสมบูรณ์โดยที่ผมไม่ต้องออกปากขอร้องให้มากคำ แค่บอกไปว่า...ถ้าไม่วาดให้เสร็จ ผมจะฟ้องแม่เรื่องรอยสักใต้ฝ่าเท้า...แต่ผมก็ไม่เคยบอกพี่ตะวันว่า เมื่อไหร่ที่ผมแอบเห็นรูปดวงตะวันที่ใต้ฝ่าเท้าของพี่ตะวัน...มันเป็นความลับของเด็กอายุสิบสองย่างสิบสามอย่างผม...และภาพเหมือนของผมที่พี่ตะวันวาดเสร็จ ก็ยังคงมีดอกไม้อยู่ที่หู เพียงแต่มันไม่ได้ทัดหู...มันเสียบอยู่ที่รูหูข้างหนึ่งและทะลุออกที่หูอีกข้าง...ผมเลยไม่แน่ใจว่ามันเป็นนิมิตหมายอันดีว่าความรักของผมจะสมบูรณ์อย่างภาพหรือเปล่า...

จบ...ความรัก กับดวงตะวันใต้ฝ่าเท้า


--------------------

@^_^@PeaZa@^_^@

  • บุคคลทั่วไป
เฮ้ย ตะวันได้กับพี่กบหรอ อ๊ายยยยยยยยยยยยยย  o7 o7 o7

sixty-3

  • บุคคลทั่วไป
 :m4:
ขำที่ฉายพูดเกี่ยวกับพี่กบ

ว่าแต่..
ท่อนขาพาดไว้บนบ่า..
ไม่นะ..
 :serius2:


@^_^@PeaZa@^_^@

  • บุคคลทั่วไป
ขอระบายอีกหนึ่งทีนะ  :o12:

โอ้ยยยยยยยยยยยยยย นี่มันอะไร เนี่ยยยยยยยยยยยยยยย บอกอารมณ์ไม่ถูก

  :m15: :serius2: :o12: o7 :m15: :serius2: :o12: o7

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดด

กบทานตะวัน

 :o

yukisaki

  • บุคคลทั่วไป
เสร็จพี่กบไปซะแล้ว=[]= :o :o :o :sad2: :sad2: :sad2:

กบทานตะวัน o12 o12 o12

เด๋วอีกหน่อยตะวันจะทานฉายรึเปล่าเนี่ย :laugh: :laugh:((หรือฉายจะทานตะวันหว่า :m12: :m12:))

ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
  o12ฮึ้ย!!!!ไอ้พี่กบ แกนะแก :angry2: :angry2: :angry2:

ทามมัยตะวันใจง่ายเยี่ยงนี้ฟระ :serius2: :serius2:
 แล้วฉายจะเป็นตากุ้งยิงมั๊ยเนี่ย :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:

nithiwz

  • บุคคลทั่วไป
 :m30: กบทานตะวันไปซะแล้ว   น่าสงสารตะวันฉายจริงๆ ครับ
อกหักตลอดฤดูกาลเลยนะเรา  -*-

ดูเหมือนเรื่องนี้คงไม่เครียดเหมือนเรื่อง หรือจะให้เป็นเพียงความทรงจำน่ะ -*- เห็นแล้วกลัวจาเครียดจีง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด