┤S i n c e r e├
ถ้อยรักแด่คนผู้เดียว
ด้วยสัตย์สัญญาไม่แปรผัน
โปรดฟังคำฉัน...แล้วทิ้งทั้งโลกให้สิ้นความหมาย
ในยามฟ้าสาง และหมอกมลาย
จะมีเพียงรัก..
จะมีเพียงเรา..
05 : Not Again
คราวนี้เป็นวีที่ลุกไม่ไหวจริง ๆ สลับกับผมที่เมาแอ๋สลบเหมือดเมื่อคืนก่อน
ผมก้มหน้าลงไปดูเขาใกล้ ๆ อย่างสมัยเด็กที่ชอบแอบมองอีกฝ่ายยามหลับ ตอนนั้นต้องพยายามหายใจเบา ๆ เพราะกลัวจะทำให้ตื่น อยากแตะก็ไม่กล้า แต่เวลานี้ต่อให้ผมพูดออกมาเสียงดัง ๆ หรือเอานิ้วเขี่ยขนตา ก็ท่าทางว่าคงไม่สามารถปลุกวีได้เป็นแน่
“...วี..”
ผมกระซิบ ชอบเรียกชื่อเขาจัง อยากเรียกบ่อย ๆ อยากอ้อนเยอะ ๆ แล้วให้เขากอด รอดูหน้าตาภูมิใจเจือระอาของเขาตอนที่บ่นว่าผมเป็นน้องชายขี้อ้อนแต่ก็ยังโอบไว้แน่น ๆ
คราวนี้วีไม่ได้ลุกขึ้นมาส่ายหน้าอย่างทุกที มีแค่เสียงหายใจสม่ำเสมอล่องลอยในความเงียบ ดวงหน้าเขาสงบนิ่ง ตายังบวมนิดหน่อย หลับพริ้มอย่างน่ารัก เรื่องแปลกอีกอย่างคือแม้เราจะรูปลักษณ์ภายนอกเหมือนกัน แต่ผมกลับรู้สึกเสมอว่าวีน่ารักกว่าผม ไม่รู้เพราะอะไร
ผมชะโงกเข้าไปใกล้ขึ้นอีก ให้ลมร้อนจากปลายจมูกเขาเป่าลงแก้มตัวเอง จากนั้นก็หน้าบานอยู่เพียงลำพังเหมือนคนบ้า ปลื้มจนแทบทนไม่ไหว สุดท้ายก็สิ้นความพยายามในการควบคุมตัว หันไปกดจมูกลงบนแก้มเขาฟอดใหญ่
วีครางอือเบา ๆ คิ้วขมวดน้อย ๆ หันหน้าหนีทั้งที่ยังไม่ตื่น จากนั้นก็นิ่งสนิทเหมือนเดิม ปล่อยผ้าห่มร่วงจากไหล่ ต้นคอที่มีรอยแดงซึ่งผมทำไว้เลยโผล่ออกมาให้เห็น ภาพแบบนี้ทำผมอยากลาหยุดแล้วปีนกลับขึ้นเตียงไปซุกกับเขาให้รู้แล้วรู้รอด
“...นายอย่าน่ารักนักสิ” ผมตัดพ้อ “แบบนี้ฉันไปเรียนลำบากนะ”
ที่สุดแล้ว ผมก็ปีนตามกลับขึ้นเตียงวีจนได้ ทั้งชุดนักศึกษานั่นละ ตั้งใจว่าขอกอด ๆ ซุก ๆ หน่อยเดียวจะออกแล้ว งานผมเหลืออีกกองพะเนิน หนึ่งในนั้นยังมีงานกลุ่มอีกต่างหาก เป็นผลกรรมจากการทำตัวเหลวไหลในเวลาที่ควรเร่งงานให้เสร็จ และวันนี้ก็ตั้งใจจะไปขอใบรับรองแพทย์แทนเขาอย่างที่วีทำให้ผมเมื่อวานด้วย มัวเอ้อระเหยแบบนี้คงได้สายแบบไม่ต้องสงสัย
“...ฉันรักนายมากเลย...” ผมพึมพำข้างหูเขา ต่อให้เจ้าตัวจะไม่ได้ยิน มือก็กอดเอววีไว้หลวม ๆ “..เสียดายเวลาที่เราทำหายไปเพราะไม่เข้าใจกัน แต่ตอนนี้ดีใจที่สุดที่มีนายอยู่ข้าง ๆ...”
วียังหลับปุ๋ย เป็นการเปิดโอกาสให้ผมพล่ามต่อ กับอะไรที่ฟังดูออกจะ..หน้าหนา...และถ้าเขาตื่นอยู่คงมีใครสักคนเขินตายแหง ๆ
“..เราอยู่ด้วยกันตลอดไปนะ..ใครจะคิดยังไงก็ได้ แค่นายรักฉัน..อยู่กับฉันก็พอ..”
อาจเพราะเห็นอีกฝ่ายนิ่ง ยอมให้ออเซาะแต่โดยดี (แม้ความจริงคงเป็นเหนื่อยจนไม่ตื่น) เลยทำผมได้ใจ จากที่คลอเคลียอยู่แค่แถวใบหน้าเขาก็เริ่มลามปามลงมาต่ำกว่านั้นเรื่อย
ซอกคอเขาร้อนชะมัด ไฝเม็ดเล็ก ๆ ที่ต้นคอก็น่ารัก ผมซุกหน้าเข้าหา กดจูบครึ่งปากครึ่งจมูกไปเรื่อย มือสอดเข้าใต้ชายเสื้อเขา เลิกมันขึ้นจนถึงช่วงอก เกือบเสร็จโจรแล้วเชียว..
ตอนที่โทรศัพท์มือถือเขาแผดเสียงปลุกขึ้นพอดิบพอดี
ผมนึกได้ตอนนั้นแหละว่าตัวเองกำลังรีบไม่ใช่หรืออย่างไร
"..อือ..."วีขมวดคิ้ว ทำหน้ายุ่ง ตาหยีสู้แสง เห็นแล้วนึกถึงลูกแมวขี้เซา เขายื่นมือไปควานหามือถือที่ยังดังไม่หยุด ส่วนอีกมือควานมาแปะอยู่กลางหน้าผมพอดี
“อรุณสวัสดิ์” ผมทัก เอื้อมไปคว้าเครื่องมือสื่อสารที่ถูกใช้เป็นนาฬิกาปลุกแล้วกดปิดให้แทน ถือโอกาสจูบมือเขาที่วางอยู่บนหน้าไปด้วยเลย “เมื่อคืนทำขนาดนั้น นายยังตั้งนาฬิกาปลุกไว้อีกหรือ”
“..วิน!”
เขาอุทานหน้าตาตื่น จากนั้นพวงแก้มก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม เหมือนเพิ่งตระหนักได้ว่าตอนนี้ตัวเองนอนแผ่อยู่ใต้ร่างผม แล้วไหนจะยังเสื้อผ้าซึ่งอยู่ในสภาพไม่เรียบร้อยนัก ชายเสื้อร่นขึ้นมาจะถึงคออยู่แล้ว แต่ผมคิดว่าเขาอาจยังไม่รู้ตัว ว่าท่อนล่างใต้ผ้าห่มของเขานั้นว่างเปล่ายิ่งกว่าท่อนบนเสียอีก ก็เมื่อคืนผมใส่แต่เสื้อให้เขาก่อนนอนนี่นา
ผมลอบยิ้ม ก้มลงไปขบริมฝีปากเขาไว้เบา ๆ อย่างมันเขี้ยว วีหลับตาปี๋ในตอนแรก หดคอหนีไปนิดหน่อยด้วยความตกใจ แวบหนึ่งที่ผมคิดว่าเขาอาจจะผลักผมออก แต่แล้วหลังจากนั้นเขากลับยกแขนขึ้นโอบรอบท้ายทอยผม จูบตอบอย่างไม่ประสีประสา น่ารักขนาดนี้หากไม่หลงก็คงใจแข็งเกินไปแล้ว
ผมอาจเพลินมากไปหน่อย กระทั่งวีผลักผมออกจนได้ก่อนเหตุการณ์จะเลยเถิดแต่เช้า แต่ก็แค่เบา ๆ พอให้ใบหน้าเราแยกจากกัน ฟังเขาร้องปรามเสียงสั่นในระยะประชิด ท่าทางจะเขินเอามากจริง ๆ
“..ยะ..หยุดก่อน...”
ผมเลิกคิ้ว ส่งสายตาออดอ้อน “หืม?”
“...เรียน...” วีพึมพำ พอเสมองไปทางอื่นแล้วก็เหมือนจะออกเสียงได้ชัดขึ้น “..วันนี้ฉันมีเทสต์”
“ไหวหรือ?”
“ไหว...ก็ถึกเหมือนนายนั่นแหละ”
ฟังแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้เลย ต่อให้จริงอย่างที่วีพูดก็เถอะ เขาเรียบร้อย แต่ไม่ได้ปวกเปียก ผมรู้อยู่แล้ว ถึงอย่างนั้นก็ยังห่วงอยู่ดี เขาจะทำตัวอ่อนแอแล้วพึ่งพาผมเยอะ ๆ บ้างไม่ได้หรือไงนะ
“หยุดเรียนไม่ได้” วีย้ำเหมือนล่วงรู้ความคิดผม “ต้องรีบไป..เดี๋ยวไม่ทันคาบเช้า..”
ผมถอนใจเฮือก แอบผิดหวังนิดหน่อย โครงการทำตัวเป็นน้องชาย...อืม...หรือคนรักผู้แสนดีด้วยการไปขอใบรับรองแพทย์แทนวีบ้างมีอันต้องพับเก็บ อดมาเอาความดีความชอบกับเขาเลย
“นายไหวจริง ๆ ใช่ไหม” ผมยังถามอีกอย่างย้ำคิดย้ำทำเผื่อเขาเปลี่ยนใจ แล้วยังรู้สึกผิดขึ้นมานิดหน่อยที่หักโหมทำเรื่องแบบนั้นกับเขาเสียเยอะหลังจากคุยกันรู้เรื่องเมื่อคืน “..ทำไมไม่บอกก่อนว่าวันนี้มีสอบล่ะ จะได้ไม่.....เอ้อ....ไม่ทำหลายรอบ...”
เท่านั้นเอง วีรีบก้มหน้างุด ขยับตัวเตรียมลุกจากเตียงอย่างจงใจหนีคำถาม จนเมื่อผ้าห่มร่วงลงจากเอวจึงได้ชะงัก จากนั้นก็หน้าแดงหนักกว่าเก่า หลังจากเห็นว่าท่อนล่างตัวเองไม่ได้สวมอะไรไว้เลย
“โทษทีนะ..”
ผมรีบคิดคำแก้ต่าง ตอนเห็นปากสั่นระริก และหน้าแดง ๆ เหมือนจะระเบิดของเขา ระหว่างนั้นก็พยายามเบนสายตาไปทางอื่น เพราะถ้ายังจ้องเขาในสภาพแบบนี้นาน ๆ คงได้จับวีกดลงกับเตียงอีกรอบแน่นอน
“..คือพอเช็ดตัวนายเสร็จ..คิดว่านอนอย่างนั้นอาจจะสบายกว่า เลยห่มผ้าให้เฉย ๆ”
“...อือ”
“ไม่ได้คิดอะไรลามกเลย”
“...”
“จริง ๆ นะ”
วีเหลือบมองผมแวบหนึ่ง แล้วรีบหลบตาโดยไม่พูดอะไร และให้ตายเถอะ หลังจากผมหลอกเขา รวมทั้งหลอกตัวเองมาเกือบทั้งชีวิต คราวนี้ก็เกิดรู้สึกผิดจนต้องยอมสารภาพออกมาจนได้
“....อ่า...ความจริงก็แอบคิดนิดนึงเหมือนกัน..”
ผมยกมือลูบท้ายทอยแก้เก้อ มองเขากล้า ๆ กลัว ๆ นึกสงสัยว่าจะโดนดุไหมนะ แต่วีกลับส่ายหน้าเบา ๆ พร้อมกับที่ใบหูกลายเป็นสีแดงจัดตามผิวหน้าไปเรียบร้อยแล้ว
“...ไม่เป็นไร..”
เขาพึมพำ เสียงแผ่วจนแทบไม่ได้ยิน ดึงเสื้อนอนตัวใหญ่ลงมาปิดข้างล่างไว้ เหลือบมองคอเสื้อเชิ้ตของผมที่แบะออกแล้วหลบสายตาอย่างมีพิรุธ จากนั้นรีบลุกจากเตียงเดินตุปัดตุเป๋ผ่านผมไป ได้ยินแว่ว ๆ ทิ้งท้ายด้วยคำพูดที่ไม่น่าเชื่อหู ก่อนเขาจะหายเข้าไปหลังประตูห้องน้ำ
“...ฉันก็คิดกับนายแบบนั้น...”“...”
วินาทีนั้นผมหน้าร้อนวาบเลยทีเดียว นึกสงสัยตัวเองขึ้นมาทันที ว่าทนอยู่ด้วยกันโดยไม่แตะต้องเขาเกินเลยกว่าพี่ชายมาได้อย่างไรจนป่านนี้ ที่ผ่านมาผมคิดว่าเป็นฝ่ายรักเขาข้างเดียวมาตลอด แต่ตอนนี้แอบหลงตัวเองขึ้นมานิดหน่อยแล้ว ว่าวีอาจรักผมมากกว่าที่เคยรู้ก็ได้...
ไม่สิ...หากลองใคร่ครวญดูดี ๆ เขารักผมมากอย่างไร้ข้อกังขาต่างหาก...ทำไมผมไม่สังเกตให้เร็วกว่านี้นะ...โง่กู่ไม่กลับจริง ๆ
ผมยกมือกุมอก ทรุดลงไปคู้ตัวอยู่บนเตียง ยังได้กลิ่นกายจาง ๆ และรู้สึกถึงอุณหภูมิจากตัวเขาที่ติดอยู่กับเครื่องนอน ความคิดเมื่อครู่ทำผมมีความสุขจนปวดหนึบในอกไปหมด
“...วีน่ารักโคตร..”
หลายนาทีที่ผมนอนจ้องหมอนของวี แล้วสุดท้ายก็บอกรักมันในฐานะตัวแทนเจ้าของด้วยรอยยิ้มเพ้อฝัน
“ฉันรักนายสุด ๆ เลย”
..ผมรักเขามากขึ้นกว่าที่เคยเป็น ยิ่งรู้ว่าเขาคิดเหมือนกันก็ยิ่งพร้อมจะทุ่มตัวเองไปทั้งหมดที่มี ต่อให้สายเลือดเดียวกันแล้วมันจะผิดบาปขนาดไหน แต่แค่วีรักผมอย่างนี้...ให้ตกนรกขุมไหนก็ไม่กลัวเลย..
เช้านั้นเราไปมหาวิทยาลัยด้วยกัน เพราะไม่ต้องไปลาหยุดให้ใครแล้วจึงรอไปพร้อมวีได้
ระหว่างทางผมคอยลอบมองวีเป็นระยะเผื่อเขาจะอ้อนบ้าง หรือบ่นเจ็บ...เมื่อย..เพลีย...อะไรเทือกนั้นออกมาสักหน่อย มันต้องเจ็บสิ...เจ็บแน่ละ ตอนแรกผมเห็นมีเลือดออกมาด้วยซ้ำ แต่วีไม่ปริปากบ่นสักคำ มีแต่ผมที่อยากจะอุ้มเขาไปส่งถึงหน้าคณะให้รู้แล้วรู้รอด
เราแยกกันตรงหน้าตึกคณะเขา เป็นผมเองที่ดื้อด้านจะตามมาให้ถึงที่สุด ทั้งที่ปกติเราเคยแยกกันก่อนถึงตรงนี้อีกไกลทีเดียว
เขาโบกมือ ยิ้มน้อย ๆ อย่างทุกที แต่วันนี้ยิ่งดูก็ยิ่งน่ารัก
“ตอนเย็นรออยู่นี่นะ”
“หืม?”
“เดี๋ยวมารับ”
วีเลิกคิ้ว แก้มขึ้นสีชมพูจาง ๆ พึมพำตอบผมเสียงเบา “..ไม่เป็นไร”
“อย่าไปไหน”
ผมสรุปให้แทน พูดเองเออเองน่ะถนัดนัก จากนั้นตัดใจรีบแยกตัวก่อนเขาจะได้เถียง จ้ำอ้าวกลับคณะตัวเองด้วยหน้าระรื่นไปตลอดทาง
เมื่อมาถึงตึกคณะก็เจอบาสอยู่แถวทางเข้าพอดี..อย่างกับรออยู่อย่างนั้นละ
แก้มอีกฝ่ายเป็นรอยช้ำสีม่วง หน้าบวมไปซีกหนึ่ง และผมนึกได้ว่าเมื่อวานต่อยมันไปแบบไม่ได้ยั้งมือเลย จะว่าไป..ข้อความที่หมอนั่นส่งมาคืนก่อน จะหมายความตามนั้นจริง ๆ หรือแค่ขู่ด้วยความโมโหก็น่าสงสัย
ทันทีที่เห็นการเคลื่อนไหวทางนี้ บาสหันมาพยักพเยิดกับผม และผมพยักหน้าตอบ เรานิ่งกันไปครู่หนึ่ง ขณะที่เพื่อนบางคนเริ่มมองพฤติกรรมแปลก ๆ นี้ด้วยความสงสัย
ผมตัดสินใจเดินต่อ อีกฝ่ายเดินตรงเข้ามาเช่นกัน เรามาหยุดอยู่ตรงบันไดขั้นล่างสุด มองหน้ากันอย่างคุมเชิงอีกอึดใจ
บาสยกกำปั้นขึ้นมา เลิกคิ้วให้ผมเป็นเชิงถาม
ผมมองมืออีกฝ่ายที่กำเป็นหมัด แล้วเงยมองหน้าบาสอีกที จากนั้นถอนหายใจยาว ยกมือขึ้นสองข้างในท่ามาตรฐานแสดงอาการยอมแพ้
ก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต
ผัวะ!ต่อให้หน้าเยิน แต่วีคงจะยังจำผมได้...
เอาน่า...อย่างน้อยผมก็ล้มสวยกว่าบาสเมื่อวาน...คิดว่านะ...
----------| S i n c e r e |----------
วินบอกให้ผมรอ...ซึ่งมันทั้งตลกและน่ารัก ทำเหมือนว่าผมทุพพลภาพจนกลับอพาร์ตเม้นต์เองไม่ได้ เกิดจะตัวติดกันขึ้นมาเชียว ทั้งที่เมื่อก่อนเราก็ไม่ได้กลับด้วยกันทุกวันเสียหน่อย
แต่ถึงจะตลก..ผมก็นั่งรอจริง ๆ นั่นละ
ผมเพิ่งเลิกเรียนได้ไม่นาน จะไปหาเขาที่คณะก็รู้สึกแปลก ๆ เพราะปกติไม่ค่อยได้ไป..และครั้งนี้ก็ไม่มีเหตุผลอะไรจะตอบเขาหากไปโผล่ที่นั่น วินคงยังไม่เสร็จงาน โดยเฉพาะที่ค้างอยู่ตั้งแต่สองสามวันก่อน ป่านนี้ไม่รู้ถึงไหน
แต่ไอ้ครั้นจะหนีกลับ ก็ดันถูกมัดมือชกไปก่อนแยกกันเมื่อเช้าว่าให้รอ ถ้าส่งข้อความหรือโทรไปบอกว่ากลับแล้ว เขาจะงอนผมไหมนะ
ผมคิดมากไป เรื่องนั้นรู้ดี แต่พอเกี่ยวกับวินแล้วก็อดคิดให้มันวุ่นวายไม่ได้
หลังจากนั่งกดมือถือเล่นอย่างไร้จุดหมายอยู่ตรงเก้าอี้ข้างตึกพักใหญ่ ตัดสินใจว่าจะรออีกสักห้านาทีค่อยโทรถามแล้วกัน ว่าเขาอยากให้ผมไปหาแทนไหม หรือว่าให้กลับก่อนได้เลย แต่ยังไม่ทันถึงเวลาที่ตกลงไว้กับตัวเอง ก็สังเกตเห็นบางคนที่ค่อนข้างคุ้นหน้า
ผู้หญิงที่ผมเพิ่งเห็นอยู่กับวินเมื่อวาน กำลังเดินตรงเข้ามาทางนี้..
พี่จูน?เธอมองมาทางผม จากนั้นก็สาวเท้าเร็วขึ้น
“วีหรือ?”
แวบแรกนั้น ผมเข้าใจว่าเธออาจเดินมาหาคนอื่นในบริเวณใกล้เคียง แต่พอได้ยินคำทักเช่นนั้นจึงรู้ว่าคิดผิด
“ครับ?”
“ใช่จริงด้วย คล้าย ๆ แต่ก็ไม่เหมือนนะ”
อีกคนที่เธอกำลังพูดถึงคือวิน...ผมรู้ได้โดยไม่ต้องฟังเธอเอ่ยชื่อ
“หมายถึง..”
“นายกับวินน่ะ”
“อ้อ” ผมแสร้งพยักหน้า ทำเหมือนเพิ่งเข้าใจ รอฟังเธอพูดต่อ
“พี่จูนนะคะ ปีสี่ ถา’ปัตย์”
“ครับ”
“เป็นแฟนกับวิน”ผมแทบสะอึก ไม่ทันได้ตั้งตัวว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้กะทันหัน
“...”
“เขาได้เล่าให้ฟังบ้างไหม?” เธอยิ้มละมุน “ดูเขาติดพี่ชายมากเลยนะ น่ารักจริง”
ผมเลิกคิ้ว ยืดตัวตรง พยายามตั้งสติดี ๆ รุ่นพี่ผู้หญิงคนนี้บอกว่าเป็นแฟนกับวิน แต่วินเคยบอกผมว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรกับพี่จูน...สองคนนี้ต้องมีใครสักคนโกหก...แต่ผมรู้ว่าวินไม่โกหกผม...
“ตายแล้ว ไม่ได้เล่าเลยหรือ” พี่จูนทำสีหน้าประหลาดใจ จากนั้นก็คลี่ยิ้มอีกครั้งอย่างน่ารัก “แต่ก็นั่นละ ช่วงนี้เราทะเลาะกัน พี่เป็นห่วงมาก บังเอิญผ่านมาเจอวีเข้าพอดี เลยอยากถามว่าเขาทำตัวแปลกไปบ้างไหม”
...วินไม่โกหกผม...ใช่ไหม..?“..ไม่นี่ครับ” ผมปฏิเสธเรียบ ๆ เก็บความสงสัยนั้นไว้ ส่งรอยยิ้มกลับไปให้เธอ “เขาก็ปกติดี พี่จูนหมายถึงผิดปกติแบบไหนหรือ”
พี่จูนหยักไหล่ ทำท่าครุ่นคิด จากนั้นค่อย ๆ พูดออกมาช้า ๆ พลางเหลือบตามองผมไปด้วย “ไม่รู้สิ...อย่าง...อารมณ์อ่อนไหวง่าย พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง หรือไปกินเหล้าจนเมาแอ๋..ประมาณนั้น”
ว่าจบก็หัวเราะเสียงเบา เหลือทิ้งไว้แต่ความสงสัยให้ผม เธอพูดอย่างกับอยู่ในเหตุการณ์ด้วยอย่างไรอย่างนั้น
“อ้อ...อีกอย่างหนึ่ง” พี่จูนกระซิบกระซาบ ทำท่ามองซ้ายมองขวาอย่างหวาดระแวง และเมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ใกล้พอจะได้ยินบทสนทนาระหว่างพวกเราก็เริ่มพูดต่อ “อันนี้พี่ขอถามนิดนะ ถึงจะฟังดูเสียมารยาทไปหน่อยก็เถอะ แต่สงสัยมากจริง ๆ วีอย่าโกรธพี่เลย...”
“ครับ?”
“...ตอนเลิกหรือมีเรื่องทะเลาะกับแฟนคนก่อน ๆ วินเคยประชดด้วยการ...เอ้อ...ไปทำท่าสนิทสนมกับผู้ชายคนอื่นบ้างไหม? พี่หมายถึง...ประมาณว่าทำประชดเรียกร้องความสนใจน่ะ”
“..ประชด?”
“ก็วินไม่ได้ชอบผู้ชายนี่!” เธอโอดครวญ แต่หลังจากนั้นก็เอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะ “แต่พอทะเลาะกันทีไร ก็ไปทำท่าสนิทสนมกับเพื่อน ๆ ผู้ชายประชดพี่ตลอด เลยสงสัยว่ากับแฟนเก่านี่ทำตัวเป็นเด็กอย่างนี้บ้างไหม..วีคงจะใกล้ชิดเขาที่สุดแล้ว พี่เลยมาแอบถาม..”
ผมพยายามเรียบเรียงความคิดในหัว แต่ทำได้ไม่ดีเลย งงกับเรื่องที่เธอบอกไปหมดแล้ว มันไม่เห็นเหมือนที่วินบอกผมสักนิด
“ไม่รู้สิครับ” ผมโคลงศีรษะ พยายามทำสีหน้าเป็นปกติ “..เขาไม่ค่อยเล่าเรื่องพวกนี้ให้ฟังเท่าไร”
“อ้าว” พี่จูนเลิกคิ้ว “นึกว่าคุยกันทุกเรื่องเสียอีก”
“...”
“ตกลงว่าไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นหรอกหรือ?”
แค่คำพูดธรรมดาแท้ ๆ ทำไมมันถึงได้เจ็บแปลบในใจจังนะ
“อา..แต่ก็โต ๆ กันแล้วนี่เนอะ ทุกคนก็ต้องมีเรื่องส่วนตัวที่ไม่อยากให้คนอื่นรู้เป็นธรรมดา ต่อให้เป็นกับพี่ชายฝาแฝดก็เถอะ”
ผมพยักหน้าเออออตามเธอไป แต่เนื้อหาไม่ค่อยเข้าหูเสียแล้ว ตกลงพี่จูนเป็นคนรักของวินจริงหรือ ถ้าอย่างนั้นเหตุการณ์ตลอดสองวันที่ผ่านเป็นแค่การประชดหรือว่าอะไร
“ไม่เป็นไร” อีกฝ่ายส่งรอยยิ้มอ่อนโยนมาให้ “..ขอโทษที่ถามเรื่องแปลก ๆ นะ พี่ก็ว่านิสัยแบบนี้ของเขาประหลาดอยู่ เลยมาถามวี แต่ถ้าไม่รู้ เดี๋ยวไว้พี่จะลองคุยกับวินเองก็ได้ ถามดี ๆ คงจะยอมบอก”
“ครับ”
“จริงเลยน้า!” เธอส่ายหน้า ยังคงเจื้อยแจ้วต่อด้วยเสียงหวาน ๆ “มันน่าอายไม่ใช่หรือ ไปทำอะไรอย่างนั้นกับผู้ชายด้วยกันน่ะ วีว่าไหม น้องชายนายนี่พิลึกคนจริงเลย”
ผมยืนนิ่งเป็นท่อนไม้ รู้สึกควรพูดอะไรออกไปบ้าง แต่ไม่รู้จะตอบสนองอย่างไรดี ในหัวตื้อไปหมด
ผมอยากเชื่อใจวิน ไม่อยากคิดมากเลย แต่มันก็เหมือนกับเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับเขา พอนึกถึงวินแล้วผมไม่เคยหยุดความคิดได้สักที
“นี่เย็นแล้ว พี่มีธุระต่อ คงต้องขอตัวก่อน”
“..อา”
“ไว้คุยกันใหม่นะ”
เธอตัดบท แล้วจากไปอย่างง่ายดายเหมือนกับตอนเดินเข้ามา
ผมโบกมือให้เธอ ผู้หญิงหน้าตาสะสวย ตัวเล็ก ๆ ดูน่าทะนุถนอม ในหัวผมนึกภาพไปแล้วว่าถ้าเธอยืนคู่กับวินก็คงเหมาะดี แล้วนี่ตกลงผมเป็นอะไรกับวินกันแน่นะ..
แผ่นหลังพี่จูนยังไปได้ไม่ไกลนัก ไม่ทันพ้นสายตาก็เห็นร่างสูง ๆ ของบาสเดินมาคว้าแขนเธอไว้ คุยอะไรกันที่ผมไม่ได้ยิน ก่อนจะพากันเดินไปทางอื่น เหลือผมนึกแค่นหัวเราะกับตัวเองว่าวันนี้เด็กสถาปัตย์มาทำอะไรกันแถวตึกวิศวะเยอะแยะ นัดกันหรือไง คิดถึงตรงนี้เกิดพาลขึ้นมาเสียอย่างนั้น แต่ก็เป็นความงี่เง่าของผมเองที่โทษใครไม่ได้เลย
จากเดิมที่ตั้งใจไว้ว่าจะรอสักห้านาทีแล้วค่อยติดต่อวิน แต่นี่เลยเวลาไปตั้งนานจนเย็นมากแล้ว ผมยังเอาแต่นั่งฟุ้งซ่านอยู่จุดเดิม ครุ่นคิดถึงคำพูดที่เพิ่งได้ยินจากปากพี่จูน ผู้หญิงซึ่งบอกว่าตัวเองเป็นแฟนของวิน
ผมฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ผ่อนลมหายใจยาวเหยียด บอกตัวเองว่าหยุดคิดมากได้แล้ว ผมไม่เคยคลางแคลงในคำพูดของวิน จะอย่างไรก็เชื่อใจเขาเสมอ ย้ำกับตัวเองว่าวินไม่โกหกผม กับคนที่อยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิต เทียบกับผู้หญิงที่เพิ่งเคยคุยกันครั้งแรก แล้วมาบอกอะไรคนละเรื่องกับที่วินบอก สมองด้านที่ใช้เหตุผลบอกผมว่าก็ต้องเชื่อวินมากกว่าแน่นอนอยู่แล้ว
ใช่..มันควรเป็นอย่างนั้น
มัน
ต้องเป็นอย่างนั้น
“....”
..แล้วความรู้สึกไม่มั่นคงที่กำลังเกิดขึ้นกับผมตอนนี้มันมาจากไหนกัน...
ผมกำอกเสื้อไว้ในมือแน่นจนมันยับไปหมด ไตร่ตรองซ้ำ ๆ ถามตัวเองว่าควรทำอย่างไร ระแวงเขาอย่างนี้ไม่ใช่เรื่องดีเลย ผมควรใช้เหตุผล ไม่ใช่ปล่อยอารมณ์นำความคิดไปเรื่อย...แต่อีกเสียงหนึ่งในหัวก็คอยกระซิบให้ฟุ้งซ่านไม่หยุด ตีกันจนยุ่งกับอีกความคิดที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายเหมือนคนบ้า
...ถ้าที่พี่จูนบอกเป็นเรื่องจริงล่ะ...?ไม่รู้สึกว่ามันน่าสงสัยบ้างหรือ? วินไม่เคยคบกับผู้ชายมาก่อน แต่เคยคบกับผู้หญิงเยอะแยะ เป็นไปได้อย่างไรที่จะหันมาสนใจผู้ชาย...แถมยังเป็นผู้ชายที่เป็นพี่น้องร่วมสายเลือดอีก คิดบ้างสิ...
...ไม่หรอก...ถึงเขาคบผู้หญิง แต่ก็ไม่ได้รักพวกเธอไม่ใช่หรือ...?
แล้วเลยเชื่อว่าเขารักนายงั้นสิ..?ผมขมวดคิ้ว กัดฟันแน่น บอกตัวเองว่าพอเถอะ อย่าคิดมากไปกว่านี้เลย ผมควรถามวิน และจะเชื่อวิน ไม่ว่าความจริงเป็นแบบไหน แต่ผมจะเลือกฟังสิ่งที่ออกจากปากเขาเท่านั้น ถ้าเขารักคนอื่น หรือที่ทำกับผมอย่างนั้นเพราะอยากประชดใครจริง ก็ขอให้ผมได้ยินจากเขาด้วยตัวเอง ไม่ใช่ผู้หญิงที่อยู่ ๆ โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้
...มันแย่ตรงที่ผมเคยทำใจได้แล้วครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้ แต่พอได้รับความหวังอย่างที่วินเพิ่งบอกว่ารักผมคืนก่อน ความคิดก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง หากคราวนี้มันกลายเป็นผมเข้าใจผิด ผมกลัวว่าจะยอมรับเรื่องแบบนั้นไม่ได้อีกแล้วจริง ๆ...
“...ไม่เอานะ...วิน...”“ไม่เอาอะไรหรือ?”
“!?”
ผมสะดุ้ง เงยขึ้นปุบปับจนเกือบกระแทกกับคางของวินที่ยื่นเข้ามาใกล้ แต่ตกใจจากเสียงที่จู่ ๆ ก็ดังขึ้นข้างหู ยังไม่เท่าตอนเห็นใบหน้าฟกช้ำไปเกือบครึ่งซีกของวิน ผมแทบลืมเรื่องที่กังวลเมื่อครู่ไปหมดสิ้นในวินาทีนั้น
“วิน!?”
เขาหัวเราะ จากนั้นก็ร้องโอยขึ้นมาเสียเอง แต่ยังมีแก่ใจมาตอบ “ครับ?”
“หน้านายไปโดนอะไรมา”
“มดกัด”
“ตอบดี ๆ สิ”
วินทำหน้าสลดนิดหน่อย ก่อนจะกลับมายิ้มร่าอีกครั้ง แม้ขยับปากได้ไม่เต็มที่นัก
“ใช้หนี้น่ะ”
“หนี้อะไร”
เขายักไหล่ พูดติดตลก “หนี้รักหนี้แค้นนิดหน่อย”
“วิน...”
“อ๋า..นายอย่าทำหน้างั้นสิ” วินครวญ “..น่ารักเกินไป..”
“วิน..” ผมร้องออกมาเสียงอ่อน “...ไปโดนอะไรมา ฉันเป็นห่วงจริง ๆ นะ”
เขายิ้มกริ่ม “ไม่เป็นไรหรอก”
แต่นั่นกลับทำผมยิ่งร้อนใจ
“ไม่ใช่ว่าเราคุยกันได้ทุกเรื่องหรอกหรือ?”
ผมพูดแค่นั้นแล้วก็ชะงัก เสียงพี่จูนที่เพิ่งได้ยินแทรกเข้ามาในความคิด
‘อ้าว นึกว่าคุยกันทุกเรื่องเสียอีก’“วีอย่าคิดมาก”
‘ตกลงว่าไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นหรอกหรือ?’เสียงของเธอในความทรงจำเมื่อครู่ดังซ้ำไปซ้ำมา ซึ่งนั่นไม่ดีเลย...ไม่ดีเอามาก ๆ
“...ว...”
“...”
“...วี!?”
ผมเบิกตากว้าง หลุดจากภวังค์ มองแก้มบวม ๆ ของวินที่ยื่นเข้ามาใกล้ ทำตาปริบ ๆ ใส่ผม
“นายเหม่ออะไรน่ะ ตกลงว่าได้ยินที่ฉันบอกหรือเปล่า”
“..หืม?”
“ไม่ได้ฟังจริงด้วย” เขาแสร้งทำท่าน้อยอกน้อยใจ จากนั้นก็ขยับเข้ามากระแซะ “ฉันบอกว่าโดนบาสต่อยมา เมื่อวานที่หมอนั่นขู่ทางแช็ต จำได้ไหม”
ผมพยักหน้าช้า ๆ นึกขึ้นได้ว่าเพิ่งเห็นบาสเดินมาคุยกับพี่จูนเมื่อครู่นี้เอง อ้าปากเตรียมจะถามเขา แต่ก็ตัดสินใจยั้งไว้ ตั้งใจว่ารอให้ถึงอพาร์ตเม้นต์ค่อยหาโอกาสเลียบเคียงถามไปทีละเรื่อง ระหว่างนี้จึงได้คุยอย่างอื่นไปก่อน
“นายบอกจะไปต่อยบาสอีกรอบไม่ใช่หรือ?”
“ก็นะ..” วินหัวเราะน้อย ๆ “มันไม่แฟร์ เมื่อวานฉันหึงจนต่อยมันแรงขนาดนั้น ให้เอาคืนนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก”
“..หึงหรือ?”
“หึงสิ” เขาตอบกลับมาทันควัน “อยู่ ๆ มาทำแบบนั้นกับนายได้ไง ฉันหวงของฉันมาตั้งนาน”
“เหรอ..”
“ฮื่อ” เขาหัวเราะอีก แต่เสียงเบาลงกว่าเก่าเหมือนจะเขินด้วย
วินก็น่ารักอย่างนี้ตลอด ผมพยายามหัวเราะไปกับเขา แต่ทำอย่างไรก็สลัดความไม่สบายใจนี้ไม่ได้เลย
“แล้ว..นายเจ็บมากหรือเปล่า”
“ไม่เท่าไหร่หรอก”
“ไปหาหมอกันไหม”
“วีจูบทีเดียวก็หายแล้ว”
“...”
เขาเหลือบมองมาทางผม อมยิ้มน้อย ๆ ขนาดแก้มบวมตุ่ยก็ยังทำทะเล้น “..ไม่ได้หรือ?”
“..ได้..”
“เฮ~”
ผมกระซิบ ขณะที่เราเดินมาจนถึงมุมอับสายตา “มากกว่านั้นก็ได้..”
“หือ?”
“...อะไรก็ได้ทั้งนั้น..”
วินดูงุนงงกับสิ่งที่ผมพูด และคงไม่ใช่แค่เขาที่ประหลาดใจ ผมก็ประหลาดใจตัวเองเช่นกัน เมื่อสองวันก่อนผมยังคิดอยู่เลยว่าจะยอมให้เขาคบกับใครก็ได้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว ความคิดพ่อพระนั่นก็แค่เรื่องหลอกตัวเอง แค่นึกภาพเขาจูบกับพี่จูนวันนั้นก็ทำผมเหมือนคนบ้า หากมันจะเกิดขึ้นอีกผมคงทนไม่ได้
ผมดึงคอเสื้อวินเข้าหาตัว โน้มใบหน้าเข้าไปใกล้
หลับตา...แล้วทาบริมฝีปากตัวเองลงบนมุมปากข้างที่ไม่มีแผลของเขา แช่ค้างไว้อย่างนั้น...เนิ่นนานจนวินเป็นฝ่ายขยับตัวก่อน เอ่ยชื่อผมออกมาด้วยน้ำเสียงแปลกใจ
“วี?”“..ฉันจูบนายกี่ครั้งก็ได้...นายจะทำอะไรกับฉันก็ได้...”
ผมรู้สึกสิ้นหวังกับตัวเองเอาจริง ๆ
“..แต่นายอย่าทิ้งฉันไปมีใครอื่นเลยนะ...”จะละเสียงอื่น เพียงสำเนียงตรงหน้า
ปล่อยใจลุ่มหลงกับถ้อยร้อยความ
โปรดมอมเมาฉันด้วยคำรัก แล้วทิ้งทั้งโลกให้สิ้นความหมาย
ในยามฟ้าสาง และหมอกมลาย
จะยังเหลือรัก..
จะยังเหลือเรา..
----------| S i n c e r e |----------
มาแล้วค่ะ หงึกกก ช้าเพราะมัวแต่วาดการ์ตูนแก๊ก ฮือ ผิดไปแล้ว
อัพครั้งหน้าเป็นคิวพี่เอกวสุ จากแมว หมา ดอกไม้ฯ ค่ะ 555
ปล. มีเรื่องแถม เป็นคู่่แปลกค่ะ พอดีมีแท็กในทวิตเตอร์อันนี้ >> #จะแต่งฟิคให้ตัวละครในเมนชั่นแรกจูบกับตัวละครในเมนชั่นที่สอง
เลยลองเล่นด้วย ทีนี้มีเมนชั่นมาสองคนแรกคือ เอมจิต และ คิมหันต์ (ตัวละครในซีรีส์เดียวกัน) เลยเกิดเป็นฟิกคู่ประหลาดสัั้น ๆ ไม่รู้จะแปะไหนดีเพราะไม่เข้ากับเรื่องไหนเลย เลยแปะลิ้งค์ละกันค่ะ (ฮา) ถ้าบางท่านเคยอ่าน รักติดดิน หรือเล่ห์รักฤดูร้อน แล้วยังจำสองคนนี้ได้ ไปอ่านขำ ๆ ได้นะคะ
[Oneshot] "ไฟ" (เอมจิต*คิมหันต์) >>
http://rainysnovel.tumblr.com/post/80670325560/one-shotกับอีกแท็กค่ะ ทวิตเตอร์เช่นกัน แต่เป็น #จะวาดคาแรกเตอร์ในเมนชั่นแรกจูบคาแรกเตอร์ในเมนชั่นถัดมา
หวยมาออกที่หมอไอซ์ (อาจจะยังไม่รู้จัก ตัวละครอีกคนในซีรีส์เดียวกันที่ยังไม่มีบทค่ะ) และน้องวี (จากเรื่องนี้เอง)
จึงเกิดเป็นภาพนี้ ดูขำ ๆ นะคะ ฮือออ มันเป็นการสุ่มตามแท็ก ไม่ได้เกิดขึ้นจริง (ไม่งั้นน้องวินอกแตกตาย 555)

พบกันตอนหน้าค่ะ ^o^ //กอดดดด
