Love Substitute ทดแทนรัก ep33 (จบแล้ว) 21/08/2019
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Love Substitute ทดแทนรัก ep33 (จบแล้ว) 21/08/2019  (อ่าน 14307 ครั้ง)

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep29 22/07/2019
«ตอบ #60 เมื่อ22-07-2019 21:47:41 »




ต่อจากด้านบน



จริงๆ แล้วกับข้าวที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะน่ะ ร่างโปร่งเป็นคนทำเองแหละ เมื่อเช้าเขาไปเดินตลาดสดมา พอนอนไม่หลับก็ไม่อยากนั่งอยู่เฉยๆ ทำนู่นทำนี่ไม่ได้พักจนป่านนี้ ดวงตาเรียวเหลือบมองนาฬิกา ใกล้จะแปดโมงครึ่งแล้ว ขาเรียวเดินเข้าห้องน้ำอาบน้ำเร็วๆ ก่อนจะเปลี่ยนชุดเป็นชุดนักศึกษาเตรียมไปมหาวิทยาลัย



พระรามเดินเข้าออกเปิดตู้เสื้อผ้าราวกับเป็นห้องของตัวเองไปแล้ว ร่างโปร่งนั่งขอบเตียงก่อนจะใส่ถุงเท้า จากนี้ไปเขาจะได้ใช้ชีวิตปกติ เรียนเสร็จแล้วก็กลับไปทำงานเหมือนเดิมได้สักที...ฝืนเดินนิดหน่อยก็ไม่น่าจะเป็นอะไรมาก ส่วนไข้นี่...อัดยาเข้าไปแล้วเดี๋ยวก็คงดีขึ้น



ไอติมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาไม่ค่อยดี...เพราะว่ารามอดทนไม่แสดงออกไป เทียบกับก่อนหน้านี้ที่เคยเป็นหนักมาแค่นี้เป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย อีกอย่างไม่อยากเอาอาการป่วยมาอ้างโน่นนี่ให้อีกฝ่ายเห็นใจ เขากลัวว่านอกจากจะไม่เห็นใจแล้วยังรำคาญมากขึ้นไปมากกว่าเดิมอีก



ส่วนเซ็กส์ระหว่างเราเมื่อคืน ก็แค่...ปล่อยผ่านไป ขนาดอีกฝ่ายยังจำไม่ได้ว่าทำอะไรลงไป เขาจะไปฝืนทำไม...หลังจากนี้ก็คงใช้ชีวิตไปวันๆ เรียนให้จบและทำงาน สักวันหนึ่งทั้งเขาทั้งติมก็จะเจอคนที่ใช่แล้วจากนั้นความสัมพันธ์ของเราก็จบเพียงเท่านี้



แกร๊ก



“อ้าว ติมจะไปไหน ไม่กินข้าวแล้วเหรอ” พระรามออกมาจากห้องนอนมองงุนงงเพราะข้าวกับกับข้าวไม่เห็นจะพร่องลงเลย แถมร่างสูงยังถือกระเป๋าในมือและกุญแจรถเหมือนจะเตรียมตัวไปมหาลัยแล้วยังไงยังงั้น



“แดกไม่ลง” เสียงทุ้มเอ่ยห้วน “มึงไปซื้อกับข้าวที่ไหนมา ห่วยแตกมาก”



“คะ คือ...”



“คราวหลังไม่ต้องซื้อมาแล้วนะร้านนี้ กูไม่กิน” ก่อนจะถามกลับมาเสียงสูง “แล้วมึงบอกว่ากินข้าวมาแล้ว นี่มึงทนไปได้ยังไง ห๊ะ”



“อืม...กะ ก็...” ริมฝีปากบางสั่นระริกอ้าออกก่อนจะขบกันแน่น ไม่รู้จะต้องพูดอะไร



ก็เพราะรามยังไม่ได้กินข้าวน่ะสิ ไอ้ที่บอกว่ากินแล้วน่ะโกหกเพราะเขากินไม่ลง ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนทำมันมีรสชาดยังไง เขาเสมองไปที่โต๊ะหลบตา แต่อีกฝ่ายหันหลังกำลังจะเดินออกไป ถึงไม่เห็นสีหน้าของเขาในตอนนี้ “นั่นสิโทษที คราวหน้าพี่จะไม่ซื้อร้านนี้แล้วล่ะ...”



ปัง!



เสียงปิดประตูดังแทรกก่อนที่แผ่นหลังกว้างจะหายลับไป ไม่รู้ว่าไอติมได้ฟังที่เขาพูดหรือเปล่า แต่ก็ดีแล้วล่ะ...



ดวงตาสีน้ำตาลเข้มฉ่ำวาวด้วยน้ำใสๆ คลอหน่วย เขาร้องไห้จนแสบตาไปหมดเพราะคำพูดแล้งน้ำใจของไอติม ถึงจะไม่ได้ซื้อมาจริงก็พูดดีกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือ...มันมีคำพูดให้เลือกใช้มาพูดตั้งเยอะแยะ



ร่างโปร่งเลื่อนเก้าอี้นั่งก่อนจะหยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวหนึ่งคำและซดน้ำซุปทั้งน้ำตานองหน้า



“เค็ม...ฮะๆ ไม่อร่อยจริงด้วย” พระรามพูดเสียงแผ่วเบาสะอึกสะอื้น ไม่รู้เค็มจากอะไร น้ำตานี่หรือเปล่า



เสียงหัวเราะแห้งๆ เจือเสียงร้องไห้ดังขึ้นในห้องกว้าง สงสัยเขาจะหนักน้ำปลาไปหน่อย แต่ถึงจะรู้ตัวมันก็คงสายเกินไปแล้ว พระรามคงไม่มีกำลังใจทำอีกแล้ว



ส่วนมื้อเย็นและมื้อต่อไปก็คงต้องซื้อกับข้าวมาแทน

   



********************* Love Substitute *********************





สองเดือนผ่านไปไว ชีวิตของพระรามวนเวียนอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เปลี่ยนไปหน่อยก็แค่ใจของเขาที่มันเริ่มไร้ชีวิตชีวา กับอาการไอแห้งที่มีบ่อยมากขึ้นทุกที ขนาดไม่ได้กลิ่นบุหรี่ก็ยังไอแห้งเกือบจะตลอดเวลา หลายสัปดาห์มานี้จึงต้องผันจากเด็กเสิร์ฟมาเป็นเด็กล้างจานแทน เพราะทั้งพี่เจ๋งและผู้จัดการหลายร้านบอกว่ามันเป็นภาพลักษณ์ไม่ดี



เขาเข้าใจ...เข้าใจเลยล่ะ



“แค่ก!” ใบหน้ามนซุกหน้ากับไหล่ไอโขลก กระพริบตาเชื่องช้าแสนเหนื่อยล้า เดี๋ยวจบนี่ก็ต้องกลับไปที่ห้อง ดีที่ช่วงนี้ไอติมไม่ค่อยยุ่งวุ่นวายกับเขามากเท่าไหร่นอกจากเรื่องบนเตียง ซึ่งมันก็เหมือนเดิม ร่างกายของเขาตอบสนองต่อสัมผัสของร่างสูงเป็นอย่างดี มันก็เลยจบลงด้วยดี...ตามมาด้วยอาการตัวร้อนรุมๆ ของเขาที่เกิดขึ้นทุกค่ำคืน



ยังไงสอบปลายภาคก็ผ่านไปแล้ว เพราะว่าเขาค่อนข้างเร่งอ่านหนังสือในตอนกลางคืนยามนอนไม่หลับ จึงสามารถทำข้อสอบได้อย่างที่ตั้งใจเอาไว้และคิดว่าเทอมหน้าน่าจะได้ทุนเรียนฟรีเหมือนเดิม



ส่วนเรื่องของอาจารย์วีระตอนนั้น เขาก็ตอบตกลงไปเรียบร้อยแล้ว...โดยที่ไม่มีใครรู้



“แค่กๆๆ” ยิ่งอากาศตอนช่วงเย็นก็ยิ่งไม่ค่อยสะอาด คนทำงานก็กลับบ้านกัน รถติดไฟแดงยาว ทั้งควันรถเผาขยะซ้ำยังมีคนยืนสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ ทำให้พระรามต้องเอาหน้ากากอนามัยขึ้นมาปิดแต่ก็ยังไม่ค่อยช่วยเท่าไหร่



ขาเรียวเดินมาหยุดที่ไฟแดงข้ามทางม้าลายเพื่อจะข้ามถนน ร่างโปร่งไอแรงตัวงอจนคนข้างๆ เริ่มหันมามอง แถมยังถอยห่างรังเกียจ เขาก็ไม่อยากจะเป็นแบบนี้ รำคาญเหมือนกันแต่มันบังคับให้หยุดไม่ได้



ร่างกายของเขา...มันรู้สึกแย่มาก



ข้ามถนนมาได้ พอเห็นม้านั่งเก่าๆ จึงทรุดลงนั่งตรงนั้นเพื่อนั่งพัก พระรามหายใจเฮือกติดขัด ทั้งฝุ่นทั้งควันในกรุงเทพฯมันเยอะเกินไปจนหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขนาดใช้ผ้าปิดปากช่วยแล้วก็ยังยากที่จะป้องกันไว้ได้หมด



ในอกเจ็บร้าวราน...อยากจะหยุดแล้ว เขาเหนื่อยเหลือเกิน



“แค่ก!!” ครั้งสุดท้ายที่อาการทุกอย่างหยุดลง พร้อมกับที่ร่างโปร่งรู้สึกเปียกชื้นที่ริมฝีปากและคาง จนต้องถอดผ้ากันเปื้อนออกมาดูแล้วก็ต้องตกใจจนหัวใจกระตุกหยุดเต้นไปวูบหนึ่ง จากนั้นมันก็เต้นรัวแรงด้วยความหวาดกลัว รู้สึกได้แค่ว่าหูมันอื้ออึงและร่างกายทั้งร่างสั่นระริกไม่หยุด



มือเรียวทั้งสองข้างกำสิ่งที่อยู่ในมือแน่นให้พ้นจากสายตา...ไม่อยากจะเห็น



สิ่งที่กังวล...ที่อยู่ในความคิดของเขามาตลอดมันปรากฏขึ้นมาชัดเจนแล้ว



หลักฐานก็คือรอยเลือดที่ติดอยู่บนผ้าปิดปากที่อยู่ในมือของเขาตอนนี้



“มะ ไม่นะ ไม่...ฮึก! ไม่เอาแบบนี้” คิ้วบางขมวดมุ่นบิดเบี้ยวเจ็บปวด เสียงทุ้มใสสั่นเจือร้องไห้สะอึกสะอื้น น้ำตาเม็ดโตร่วงเผาะหยดลงบนหลังมือ...ทั้งๆ ที่คนเดินผ่านไปมาส่งเสียงจอแจแต่กลับมีผู้ชายคนหนึ่งก้มหน้าร้องไห้ ไหล่ทั้งสองข้างห่อลู่ลงอย่างหนักใจ



นี่อาการของเขาถือว่าเป็นโรคร้ายแรงรึเปล่า...ต้องกินยาเพื่อรักษาเหรอ แต่ว่าเขาไม่ได้เป็นโรคเยอะแยะแบบมารดา สิ่งที่เป็นเหมือนกันและเห็นได้ชัดก็มีเพียงอาการไอจนเป็นเลือดเท่านั้น



ตกลงพระรามป่วยเป็นอะไรกันแน่



สุดท้ายแล้ว เขา...จะต้องตาย...เหมือนกับแม่ภาวดีใช่มั้ย



รามอยากจะปรึกษา...หรือพูดเรื่องนี้กับใครสักคน...และไม่รู้ทำไมในหัวของเขา คนๆ นั้นถึงต้องเป็นไอติม



ยะ...อย่างน้อยก็ให้ช่วยรับฟัง...



คิดได้ดังนั้นก็รีบหยิบมือถือขึ้นมาด้วยความสั่นเทา เลื่อนหาเบอร์และพอกำลังจะกดโทรออกก็ต้องชะงัก



แล้วถ้าร่างสูงไม่สนใจบอกกลับมาว่าตายไปซะก็ดี...หลังจากนั้นเขาต้องทำยังไงต่อนะ



“...อึก” ยิ่งคิดมาก น้ำตามันก็ไหลลงมาอีก แค่เรื่องนี้ก็กังวลจะตายอยู่แล้ว ทำไมถึงต้อง...ร่างโปร่งขยุ้มศีรษะราวกับปวดหัวคิดอะไรไม่ออก เขาจะต้องทำยังไงดี...ไม่รู้อะไรเลย



ถ้าหากลองปรึกษาหมอกฤษณะที่เป็นหมอประจำตัวของชะเอมดูล่ะ...แต่เขาก็ไม่มีเงินจ่ายค่าตรวจ ถ้าหากว่าต้องจ่ายค่ายาอีก...คงไม่ไหว



งั้นลองไปหา...พี่อิฐดูดีมั้ยนะ...รุ่นพี่คนนั้นใจดี คงไม่คิดเงินกับเขาหรอก



คิดได้ดังนั้นก็ค่อยๆ ลุกขึ้น หายใจเข้าลึกก่อนจะทำใจให้เย็น



ไม่เป็นไร...ไม่เป็นไรหรอก อาจจะไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรงอย่างที่คิดก็ได้



แล้วถ้าหากว่าเป็นโรคร้ายแรงล่ะ?



ไม่...ไม่...เลิกคิดเถอะ



แม้จะสะกดจิตให้ตัวเองเลิกคิดมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเหมือนทำให้คิดมากขึ้นเท่านั้น



นิ้วเรียวยกนวดขมับที่ปวดหนึบ รามเอาความคิดร้ายๆ ออกจากหัวไม่ได้เลย...ทั้งหวาดกลัว ทั้งกังวล



ถ้าหากมีคนที่คอยอยู่เคียงข้าง...คอยเอ่ยปลอบใจว่าไม่เป็นไร...มันคงจะดีกว่านี้



“แค่ก...แค่ก” มือหยิบผ้าปิดปากอันใหม่ที่สำรองเอาไว้ตลอดคาดหู คราวนี้คอยเอามือกั้นไว้อีกชั้นเพราะไม่อยากไอหนักจนเจ็บอีก ขาเรียวเดินเอื่อยเฉื่อยแม้จะมีจุดหมายปลายทางที่ต้องไป แต่ก็ไม่ได้รีบกลับเหมือนทุกวัน เพิ่งจะคิดได้ก็วันนี้เองว่าอยากจะใช้ชีวิตในแต่ละวันให้มันคุ้มค่า ดังนั้นมีอะไรที่เขายังไม่เคยเห็น ไม่เคยดู ก็ต้องเก็บเกี่ยวเอาไว้



พระรามแวะดูโน่นนี่ข้างทางตลอดกว่าจะมาถึงห้องก็ผ่านไปสองชั่วโมงกว่า...มาถึงช้ากว่าปกติเป็นชั่วโมงจนร่างสูงที่คราวนี้กลับมาถึงก่อนทำหน้าทะมึนทึงใส่ตั้งแต่เปิดประตูเข้ามา



“ติม?”



“ไปไหนมา” เสียงทุ้มดุ กับท่าทางกอดอกคาดคั้นเอาคำตอบทำให้ใบหน้ามนซีดเซียว



“พะ พี่...” พระรามค่อยๆ ถอดผ้าปิดปากออกเก็บเข้ากระเป๋า ก่อนจะเม้มปากแน่น อธิบายอึกอัก “พี่รู้สึกไม่ค่อยดีก็เลยค่อยๆ เดินกลับมา...ก็เลยช้า”



“ไม่รู้หรือไงว่ากูรอกินข้าวอยู่”



“พี่ขอโทษ แต่คราวหลังถ้าติมหิวก็กินเข้ามาก่อนเลยก็ได้นะ” เขาบอกอย่างรู้สึกผิด ถือถุงกับข้าวที่ซื้อมาเทใส่ชามและเอาไปอุ่น ซึ่งร่างสูงก็นั่งรออยู่ที่โต๊ะ ใบหน้าหล่อเหลาหงุดหงิดทำให้ขาเรียวต้องรีบเดิน ยังไม่ทันที่เขานั่งลงอีกฝ่ายก็ตักข้าวเข้าปากอย่างเอาเป็นเอาตาย...สงสัยจะโมโหหิว



ร่างโปร่งวางช้อนลงเบาๆ หลังจากจับได้ไม่ถึงนาที อาจจะเพราะกังวลเรื่องของตนจนกินไม่ลง เพียงแค่กินสองคำก็รู้สึกผะอืดผะอมอยากจะอ้วก แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่กล้าลุกไปไหน นั่งเงียบๆ แบบนั้นกระสับกระส่าย คิดแล้วคิดอีกก่อนจะเอ่ยเรียกชื่อคนตรงข้าม “ติม...”



ร่างสูงเงยหน้ามองแล้วเลิกคิ้ว



“ปกติ พี่อิฐเขาทำงานที่โรงพยาบาล...อยู่แล้วใช่มั้ย”



คนได้ยินคำถามขมวดคิ้วสงสัย แต่ก็ตอบ “ใช่”



ใบหน้ามนพยักช้าๆ “งั้น...พี่ขอเบอร์พี่อิฐหน่อยได้มั้ย”



คราวนี้มือใหญ่วางช้อนกระทบจาน “บอกมาก่อนสิว่าถามหาทำไม ถึงจะให้”



ทันทีที่ได้ยินคำพูดของไอติม ร่างโปร่งก็เม้มปากแน่น “ช่วงนี้ร่างกายพี่ไม่ค่อยดี...เลยอยากให้พี่อิฐลองตรวจดูหน่อยว่าเป็นอะไรรึเปล่า”



“ไม่ค่อยดี? ยังไง” คิ้วเข้มขมวดฉับถามต่อทันทีจนเขารู้สึกแปลกใจแต่ก็ดีใจไม่น้อยที่อีกฝ่ายยังเอ่ยถาม



“พี่...พี่ไอบ่อยมาก เจอควันเจอฝุ่นไม่ค่อยได้ ยิ่งกลิ่นบุหรี่...ถ้าดมเข้าไปก็จะไอไม่หยุด”



“...”



“แล้วเมื่อกี้...” คำพูดของเขามันค้างอยู่ที่ลำคอ พอจะพูดออกไปก็พูดไม่ออก ก่อนที่ริมฝีปากจะคลี่ยิ้ม “เปล่า...ไม่มีอะไร”



“แค่นี้?”



“ก็...อืม ประมาณนั้นแหละ แต่พี่กังวล เลยอยากวานพี่อิฐให้ช่วยตรวจดูหน่อย...”



“ไหนมึงบอกว่าแพ้กลิ่นควัน...นี่แพ้ฝุ่นด้วยเหรอ”



“อะ อืม ใช่” พระรามตอบตะกุกตะกักหลบตา “ก็คิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้น”



แล้วจากนั้นไอติมก็ดูเหมือนจะไม่สนใจอีก พระรามก็ได้แต่มองอีกฝ่ายก้มหน้าก้มตากินข้าวเงียบๆ เสียงช้อนส้อมกระทบจานข้าวเป็นพักๆ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มหลุบตาลงต่ำมองจานข้าวของตนที่ยังมีข้าวสีขาวสวยน่ากินกองอยู่เกินครึ่ง ท้องส่งเสียงร้องคร่ำครวญตอบรับกลิ่นหอมหวนแต่มันกลับกินไม่ลง



ภายในแววตานั้น...ขมุกขมัวด้วยความเศร้าใจ



ดีแล้ว...แบบนี้แหละ





ไม่บอกไป...น่าจะดีกว่า

   



********************* Love Substitute *********************

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep29 22/07/2019
«ตอบ #61 เมื่อ22-07-2019 21:48:25 »




ทดแทนรัก

ตอนที่ 29



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม





(“วันนี้คินจะออกจากโรงพยาบาลแล้วนะ”)



“จริงเหรอ” เสียงทุ้มใสเอ่ยอย่างดีใจก่อนจะแนบโทรศัพท์ติดหูเข้าไปอีกเมื่อเสียงจอแจรอบข้างดังจนแทบไม่ได้ยินปลายสายพูด แค่ได้ยินก็รู้สึกยินดีมาก ถ้าเป็นอย่างที่พูดจริงชะเอมคงจะดีใจจนยิ้มกว้างแน่



จะว่าไป นับแต่วันนั้นก็ผ่านมาตั้งสองเดือนแล้ว ร่างบางทำใจเรื่องของคินได้หรือยังนะ



ทันใดนั้นคนคิดก็ส่ายหน้ายิ้มอ่อน แววตาฉายความสงสารและเห็นใจ...ไม่หรอก มันคงจะไม่ง่ายขนาดนั้น...คงต้องใช้เวลากันอีกนาน



หลังจากที่คินเข้าโรงพยาบาล ทั้งคู่ก็ดร็อปเรียนไปเลย ไม่รู้จะเอายังไงกันต่อด้วย ต่างฝ่ายต่างเป็นห่วงซึ่งกันและกัน ชะเอมก็คงอยากจะดูแลอยู่เคียงข้างคนรักอยู่ตลอดเวลา ส่วนคินก็ห่วงอนาคตของชะเอมเพราะต้องหยุดเรียนเนื่องจากตัวเองเป็นสาเหตุ



เพราะงั้นรามก็เลยไม่ได้เจอกับชะเอมที่เคยเป็นนักศึกษาร่วมคณะอีกเลย พูดไปนั่นขนาดเพื่อนอย่างดินกับสินเจอหน้าก็ไม่ได้คุยมาก เพราะเขาก็ยุ่งตัวเป็นเกลียวไม่แพ้กัน



ต่างคนต่างก็ต้องดิ้นรน



(“อืม มึงจะไม่มาหาจริงดิ”)



“อา เดี๋ยวกูไปน่า”



(“ไอ้เดี๋ยวเนี่ย มันเมื่อไหร่ มาก็คงไม่เจอแล้วมั้ง พวกกูก็จะกลับกันแล้วด้วย”)



“เหอะน่า เดี๋ยวทำงานเสร็จแล้วรีบไปเลย” ร่างโปร่งที่กำลังนั่งรถเมล์อยู่พูดปด สายตามองออกไปนอกหน้าต่างที่เปิดกว้างให้ลมพัดเข้ามาก็เห็นทั้งรถยนต์รถจักรยานยนต์วิ่งฉิวพ่นควันดำโขมงจนต้องปิดจมูกหันหน้าหนี



("น้ำเสียงมึงเหมือนรับปากไปงั้นๆ เลย")



เสียงทุ้มใสกลั้วหัวเราะ "นี่มึงเห็นกูเป็นคนยังไงเนี่ย...ก็บอกแล้วไงว่ากูต้องทำงานน่ะ"



วันนี้เขาไม่ได้ไปทำงานอย่างที่ปากบอกกับดินหรอก จุดมุ่งหมายที่กำลังจะไปก็เป็นโรงพยาบาลที่คินนอนพักฟื้นอยู่ด้วย...แต่เขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปหาคินกับชะเอม เพราะรามก็มีธุระของรามเหมือนกัน



เพื่อไปพบใครบางคน



ปลายสายพ่นลมหายใจใส่ (“ทำงานอีกแล้ว นี่ลมหายใจของมึงจะมีแต่คำว่าทำงานหรือไงวะ หัดพูดว่ากินข้าวอยู่ นอนอยู่ ดูทีวีอยู่บ้างดิ กูจะได้สบายใจ”)



“ดิน มึงก็ชอบพูดเล่นอยู่เรื่อย” ร่างโปร่งหัวเราะแห้ง จะให้เขาเอาแต่กินนอนอย่างเดียวแล้วจะเอาข้าวที่ไหนกิน “เอาเป็นว่าเดี๋ยวกูไปหาแน่ๆ ล่ะ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทันหรือเปล่า”



(“...”)



“ดิน?”



(“ราม มึงรู้หรือเปล่าว่าช่วงนี้มึงแปลกๆ ไป”)



“หืม” คนฟังครางรับสงสัย “ยังไงวะ”



พยายามอย่างยากลำบากไม่ให้แสดงพิรุธออกไป



(“มึงทำตัวห่างเหิน เป็นอะไรไม่เคยบอก เหมือนกำลังจะไปที่ไหนสักแห่งโดยที่ไม่บอกเพื่อนอย่างพวกกูเลยว่ะ”)



มือเรียวยกขึ้นขยี้ตาก่อนที่น้ำบางอย่างมันจะไหล  “มึงคิดมากไปแล้ว ดิน ทั้งมึงทั้งสินเลย”



("...")



"..."



("...พวกกูรู้เรื่องของพ่อกับแม่มึงแล้วนะ")



"...อืม ขอโทษว่ะที่ไม่ได้บอก"



("แม่มึงเสียทั้งคน แถมยังเรื่องพ่อกับหนี้อีก มันย่ำแย่ถึงขนาดนั้นแล้ว ทำไมถึงยังปิดบังไว้อีกล่ะ กูไม่เข้าใจเลย")



ฟันขาวขบกัดปากล่างของตน



...ก็เพราะมันมีอีกหลายเรื่องน่ะสิที่พวกมึงไม่รู้...



จุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่ไม่รู้ว่าจะจบยังไง



"ตอนนี้กูก็โอเคแล้วไง กูอยู่คนเดียวสบายดี"



(“แล้วยังมีเรื่องของไอ้หมอนั่นอีก แต่ช่างหัวมันเหอะ สิ่งที่กูห่วงน่ะคือเรื่องของมึง กูรู้สึกได้จริงๆ ว่ามันเหมือนกับ...”)



“มันไม่มีอะไรทั้งนั้นล่ะน่า” ร่างโปร่งเอ่ยขัด



ไม่รู้ว่านั่น...เป็นคำพูดต่อเพื่อน...หรือต่อตนเอง



พยายามปลอบใจว่าสิ่งที่กำลังเผชิญ...ความจริงนั้นคงจะไม่มีอะไร



(“มึงก็รู้ว่ากูไม่เชื่อคำพูดที่ว่าไม่มีอะไรของมึง”)



“ที่มึงรู้สึกอาจจะเป็นเพราะกูจะไปเมืองนอกก็ได้” พระรามกลืนน้ำลายกล้ำกลืนบางอย่างที่จุกอก เสียงทุ้มใสพูดยานคางให้คนฟังสบายใจ



(“หืม มึงหมายถึงเรื่องทุนที่อาจารย์วีระเสนอมาน่ะเหรอวะ”)



“ก็เออดิ”



(“...ถ้ามันมีแค่นั้นกูก็สบายใจ เพราะสักวันหนึ่งมึงจะกลับมาอยู่แล้วใช่มั้ย”)



ไม่รู้ทำไมคำพูดเหล่านั้นเหมือนสื่อความหมายบางอย่างทำให้พระรามใจกระตุกวูบหนึ่ง



กลับมา...เหรอ



“...” ทั้งๆ ที่มันก็แค่คำถามง่ายๆ ที่เพื่อนอย่างไอ้ดินก็คงไม่ได้มีความหมายนัยแอบแฝงอะไร แต่คนฟังอย่างเขาไม่สามารถตอบได้จึงเลือกที่จะเงียบแทน พอเงยหน้าขึ้นจุดหมายของเขาก็อยู่ข้างหน้าแล้วจึงบอกปลายสาย ลุกขึ้นกดกริ่งบอกคนขับอย่างรีบร้อน “ดิน...แค่นี้ก่อนนะ เอาไว้ค่อยคุยกัน”



(“เออ ไว้กูจะโทรไป”)



ขาเรียวก้าวลงรถโดยสารขนาดใหญ่ก่อนที่มันจะแล่นออกไป ใบหน้ามนเงยมองตึกสีขาวขนาดใหญ่หลายตึกคุ้นตาก่อนจะล้วงมือถือขึ้นมากดเบอร์และโทรออก ดังไม่ถึงสองครั้งอีกฝ่ายก็รับ



“ฮัลโหล พี่อิฐครับ นี่ผมเอง...ราม”



(“ราม? มาถึงแล้วเหรอ”) ปลายสายเงียบไปก่อนจะได้ยินเสียงกุกกักและกระซิบกระซาบกลับมา (“รอสักครึ่งชั่วโมงได้ไหม พี่ยุ่งนิดหน่อย”)



“ดะ ได้ครับ” คิ้วบางขมวดลำบากใจ นี่เขามารบกวนเวลางานของอีกฝ่ายหรือเปล่านะ “หรือว่าถ้าวันนี้พี่ไม่ว่างแล้วผม...”



(“ไม่ๆ พี่ว่างๆ เอาเป็นว่าเดี๋ยวพี่โทรไปนะ รอก่อนอย่าเพิ่งกลับ”)



ติ๊ด!



จู่ๆ อีกฝ่ายก็พูดเร็วและตัดสายไปทำให้พระรามมองหน้าจอมือถืออย่างงุนงง ก่อนจะตัดสินใจนั่งรอแถวนั้นอย่างที่บอก ใบหน้ามนกวาดมองไปรอบ เวลาช่วงเช้าเกือบสายคนที่แวะเวียนเข้ามาก็ยังเยอะไม่เปลี่ยน



เขาไม่ได้มาโรงพยาบาลนานแล้ว...ก็ตั้งแต่แม่ตายไป จนป่านนี้รามยังคิดอยู่ตลอดว่าเป็นเพราะเรื่องของแม่ที่ทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับติมไม่ค่อยดี ติมจึงไม่ชอบหน้าเขา ไม่ว่าจะพูดอะไรคำพูดของเขาก็ไม่เคยเข้าหูร่างสูงเลย



ไม่กล้าถามว่าถ้าไม่มีเรื่องของแม่มาเกี่ยวข้อง ระหว่างเราจะดีกว่านี้มั้ย ติมจะชอบเขาบ้างรึเปล่า

เพราะรู้ว่ายังไงก็เป็นไปได้ยาก ร่างสูงชอบชะเอม และถ้าไม่มีภาวดี ก็คงจะไม่มีเขาที่เป็นอยู่ตอนนี้ และพระรามก็คงไม่มีวันที่จะได้พบกับไอติม



ไม่ว่าจะคิดยังไง...เราสองคนก็ไม่มีทางบรรจบกันได้



“ฮือ...ฮือ” เสียงร้องไห้ของคนข้างๆ ทำให้ร่างโปร่งที่กำลังเหม่อคิดอะไรอยู่ก้มมอง เป็นเด็กผู้ชายหน้าตาน่าเอ็นดูยกแขนขึ้นถูตาน้ำตาไหลพราก



“เป็นอะไรลูก หือ เป็นผู้ชายอย่าร้องไห้สิครับ”



“ผม ฮือ ก็ผมเจ็บนี่ฮะ ฮือ”



“แค่ฉีดยาเอง ดูซิ น้องไอยังไม่ร้องเลย” คนที่เหมือนจะเป็นมารดาของเด็กทั้งสองหันไปถามเด็กหญิงตัวน้อยที่ยืนมองพี่ชายนั่งร้องไห้ด้วยน้ำตารื้นไม่แพ้กัน “น้องไอเจ็บมั้ยคะ”



เด็กหญิงจับต้นแขนแล้วพยักหน้า ริมฝีปากเล็กแย้มยิ้มกว้างเห็นฟันหลอ “เจ็บค่ะ”



“แล้วทำไมน้องไอไม่ร้องคะ” คุณแม่ถามต่ออีก เพราะเธอก็คงดูออกว่าเด็กหญิงคงปวดแผลที่ฉีดยามาจนอยากจะร้องไห้แน่ๆ แต่ไอกลับตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเครือ



“ก็ถ้าไอร้องไห้ แล้วใครจะปลอบพี่เอ็มล่ะคะ”



...เป็นคำตอบที่น่าภูมิใจสำหรับคนที่ได้ฟัง...



เท่านั้นแหละ เด็กชายเอ็มก็ค่อยๆ หยุดร้องเปลี่ยนเป็นสะอึกสะอื้นกลั้นน้ำตาแทน หลังจากนั้นไม่นานก็หัวเราะออกมาได้



พระรามยิ้มกับภาพนั้น เป็นครอบครัวที่น่ารัก...มีความเป็นห่วงเป็นใยกัน



เห็นผู้หญิงที่ยิ้มให้เด็กทั้งสองคนแล้วภาพภาวดีมันซ้อนทับ...แม่บนสวรรค์จะรู้ไหมว่าเขาคิดถึงเธออยู่ตลอดเวลา



ยิ่งในครานี้ที่เขาตัวคนเดียวไม่เหลือใคร...ความคำนึงถึงยิ่งทวีคูณ



นั่งรอเพียงครึ่งชั่วโมงเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้งอย่างตรงเวลา



“ครับพี่อิฐ”



(“โทษทีราม ถามทางพยาบาลว่าห้องตรวจของพี่อยู่ไหนแล้วก็เดินมานะ มาถึงก็เปิดประตูเข้ามาได้เลย”)



“เอ่อ...”



ติ๊ด!



แล้วร่างโปร่งก็ต้องงงอีกครั้งเมื่อโดนวางสายใส่ จากนั้นพระรามเดินไปหาพยาบาลอย่างงงๆ ถามว่าห้องที่รุ่นพี่คนนั้นบอกอยู่ที่ไหน



ถ้าหากว่าพี่อิฐรีบร้อนขนาดนั้น เขามาวันอื่นดีกว่าไหม...อีกฝ่ายดูยุ่งเหลือเกิน



ขาคู่เรียวภายใต้กางเกงยีนส์ก็เดินมาถึงหน้าห้องที่บอก ป้ายชื่อหน้าห้องก็ยืนยันว่าเป็นชื่อของพี่อิฐ ขนาดอีกฝ่ายยังเรียนไม่จบยังมีห้องตรวจเป็นของตัวเองในโรงพยาบาลด้วยเหรอเนี่ย เก่งมาจากไหน



หารู้ไม่...โรงพยาบาลที่เจ้าตัวยืนอยู่ เจ้าของก็คือพ่อของอิฐและไอติมนั่นแหละ



ถึงอีกฝ่ายจะบอกว่าให้เข้าไปได้เลย แต่เขาก็ไม่กล้า ต้องยกมือเคาะตามมารยาทก่อนเผื่อว่าพี่เขากำลังทำธุระบางอย่างที่ไม่อยากให้คนนอกเข้าไปเห็น



ก๊อกๆ



“เข้ามาเลย” เสียงในห้องดังแทรกขึ้นมาทันที พระรามจึงค่อยๆ แง้มประตูเปิด



“ขออนุญาตครับ”



“มาๆ โทษทีนะพี่ติดงาน เฮ้อ กว่าจะเคลียร์เสร็จ” ดวงตาเรียวจับจ้องใบหน้าหล่อเหลาชื้นเหงื่อไม่ต่างจากน้องชายแต่รู้สึกให้ความอบอุ่นกว่ามาก พร้อมกับน้ำเสียงทุ้มนุ่มที่ทำให้พระรามรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ร่างโปร่งหย่อนตัวลงนั่งเก้าอี้ตรงโต๊ะพลางมองไปรอบห้องอย่างสนใจ...อันที่จริงก็ไม่ได้ต่างไปจากห้องตรวจทั่วๆ ไปที่เคยเห็น



“ขอบคุณนะครับ ทั้งๆ ที่ยุ่งมากแท้ๆ แต่กลับปลีกเวลาให้ผม” พระรามเอ่ยด้วยน้ำเสียงอึกอัก รู้สึกเกรงใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก



“ไม่มีปัญหา พี่ก็บอกเองว่าให้มาวันนี้”



เขาได้ยินจึงพยักหน้าเล็กน้อยและแย้มยิ้มบาง วันก่อนเขาโทรหาพี่อิฐบอกว่ามีเรื่องอยากปรึกษา อีกฝ่ายเลยบอกให้เขาเข้ามาหาได้ที่โรงพยาบาลวันนี้โดยไม่อิดออดเลยแม้แต่นิด เป็นคนที่ใจดีและน่านับถือ



“ว่าไง มีเรื่องอะไรเหรอ ที่บอกอยากจะปรึกษา” อิฐเดินถือแก้วน้ำมาและหย่อนตัวนั่งลงตรงข้าม คำถามที่ถามขึ้นมาทำให้เขาเม้มปาก ไม่รู้จะเริ่มอธิบายยังไงดี แต่ท่าทางนั้นทำให้ว่าที่หมอติดใจคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับน้องชายตนรึเปล่าอีกฝ่ายถึงดูลำบากใจที่จะพูด



“หรือว่าจะเป็นเรื่องไอติม นี่อย่าบอกนะว่าเจ้าน้องชายมันทำอะไรเรา” เสียงที่เคยอ่อนโยนเข้มขึ้นเล็กน้อย



“ปะ เปล่าครับ ไม่ใช่แบบนั้น” ใบหน้ามนส่ายหวือ “ไม่ใช่เรื่องของติมหรอกครับ”



“แล้วเรื่องอะไร" พระรามหลบตาวูบ พี่อิฐจะรู้ตัวมั้ยว่าเวลาตวัดสายตามองดุๆ มันเหมือนกับไอติมหรือแม่ภาวดีเปี๊ยบเลย "ว่าจะถามอยู่ ทำไมต้องใส่ผ้าปิดปากด้วยล่ะ นี่ไม่สบายอีกแล้วเหรอ”



“ปะ เปล่าครับ” พอโดนทักก็ค่อยๆ ถอดออกเก็บใส่กระเป๋าด้วยความเคยชิน พอเงยขึ้นสบดวงตาสีน้ำตาลอ่อนแล้วรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันใด “อันที่จริงผมจะมาปรึกษาพี่เรื่องนี้แหละครับ”



อิฐพยักหน้าช้าๆ เข้าโหมดจริงจัง “ว่ามาเลย”



ร่างโปร่งกลืนน้ำลาย “คือช่วงนี้ร่างกายของผม...มันแปลกๆ ครับ”



“หืม” อิฐขมวดคิ้ว มองใบหน้ามนตรงหน้าที่ขมวดคิ้วแน่นดูท่าทางกังวลใจมาก ก็เอ่ยถามคำถามที่ไม่ทำให้อีกฝ่ายอึดอัด “แปลกเหรอ...ยังไง ไหนลองอธิบายให้พี่ฟัง”



“คือ...ผม...สองเดือนก่อนหน้านี้ นานๆ ทีผมจะมีอาการไอแห้งซักที...เวลาได้กลิ่นบุหรี่หรือควันก็อาจจะไอหนักบ้าง แต่ช่วงนี้ผมเป็นหนักขึ้นมาก...ผมสูดกลิ่นควันหรือเจอฝุ่นไม่ได้เลย แค่เดินผ่านนิดหน่อยก็ไอจนเจ็บหน้าอกไปหมด ผ้าปิดปากที่เคยช่วยได้บ้างก็กันไม่อยู่แล้วด้วยครับ” พอเล่าออกไปแล้ว น้ำเสียงยิ่งสั่น น้ำตาก็รื้นขึ้นมาก่อนที่มันจะไหลลงผ่านแก้ม



"ช่วงแรกที่ไอผมก็คิดว่าแค่แพ้เฉยๆ แต่ว่า...อึก..." นิ้วเรียวจิกเข้าฝ่ามือจนเจ็บ ตรงตำแหน่งเดียวกับที่หยาดเลือดของตนเปรอะเปื้อน “ก่อนที่ผมจะโทรหาพี่ หลายวันก่อนก็ไอจนมีเลือดออกมาด้วย ผมกังวลมากเลย...ไม่รู้จริงๆ ว่าจะต้องทำยังไง”



“...”



“ผม ฮึก ผมเป็นอะไรเหรอครับ” ร่างโปร่งยกมือขึ้นขยุ้มผม ไม่อาจห้ามร่างกายไม่ให้สั่นหวาดกลัวได้เลย



แค่ใช้ชีวิตปกติเหมือนคนอื่นยังทำได้ยาก กังวลมากจนไม่รู้ต้องทำยังไงกับมันดี



“เราใจเย็นๆ ก่อนนะ ราม” อิฐรีบเอ่ยปลอบ ร่างโปร่งในเสื้อกาวน์สีขาวสะอาดผุดลุกขึ้นเดินอ้อมไปนั่งข้างๆ ก่อนจะเอื้อมจับไหล่ผอมให้หันมาเผชิญหน้า



พออิฐสบแววตาฉ่ำน้ำก็อดเห็นใจไม่ได้



มีมากที่คนเจ็บป่วยแล้วไม่รู้ว่าตนเป็นอะไรกระวนกระวายจนทำอะไรไม่ถูก แล้วตอนนี้พระรามก็กำลังเผชิญในสิ่งเดียวกัน “พ่อกับแม่ล่ะ บอกเรื่องนี้ไปหรือยัง เป็นถึงขนาดนี้แล้วทำไมวันนี้ไม่พามาด้วย จะได้รับรู้ไปพร้อมกัน”



ร่างโปร่งส่ายหน้าเบาๆ สะอึกสะอื้น มือยกขึ้นเช็ดแก้มเปียกชื้น “ฟืด...ผมไม่มีครับ ผมตัวคนเดียว”



อิฐเข้าใจในทันที คราวนี้เครียดกว่าเดิม สถานการณ์ครอบครัวของผู้ป่วยก็เหมือนกับของๆ แพทย์ผู้รักษา ส่วนมากอาการของผู้ป่วยส่วนใหญ่จะบรรเทาได้ถ้าหากมีครอบครัวช่วยรับรู้และคอยช่วยเหลือ ปรึกษาหาทางแก้ไข



ใบหน้าหล่อเครียดขึง การไอออกเป็นเลือดนั้นมีหลายสาเหตุมาก หากไม่ตรวจอย่างละเอียดก็ไม่อาจรู้ได้ว่าเป็นอะไร...แต่ด้วยความที่เขาเจอผู้ป่วยมาหลากหลายอาการ เขาก็พอจะเดาโรคที่พระรามน่าจะเป็นได้อยู่



คนเป็นแพทย์ลูบหลังพระรามที่ยังร้องไห้ด้วยความกังวลเบาๆ



ถ้าหากรุ่นน้องคนนี้ได้รับรู้ไป...จะรับได้หรือ



เพราะบางคนแค่รู้เรื่องก็ช็อคจนไม่มีสติรับรู้เรื่องอื่นอีก...กลายเป็นโรคซึมเศร้า...บางคนฆ่าตัวตายไปเลยก็มี เพราะหาทางออกในชีวิตไม่เจอ



อิฐถึงได้เครียดมากตอนที่ร่างโปร่งบอกว่าอยู่ตัวคนเดียว ถ้าหากอารมณ์อยู่ในจุดต่ำสุดแล้วใครกันเล่าจะมาอยู่เคียงข้างคอยให้กำลังใจ



“แล้วตอนนี้นายอยู่คนเดียวเหรอ”



“เปล่าครับ...” ใบหน้ามนก้มงุด มือเรียวยกขยี้ตา ก่อนจะสูดจมูกตอบเสียงเครือ “ผม...อยู่กับติมครับ”



“แล้วทำไมไม่ให้ติมมาด้วย” คำถามของอิฐทำให้พระรามส่ายหน้าอีกครั้งแรงกว่าเดิม



“ไม่ครับ...ผมก็แค่ไปอาศัยอยู่กับเขา เราไม่ได้เป็นอะไรกัน”



“...”



“เราไม่ได้เป็นแฟนกัน เขา...ไม่ได้รักผม” น้ำเสียงน้อยใจทำให้อิฐรู้ทันทีว่าคนตรงหน้าชอบน้องชายตน



แพทย์หนุ่มมองคนที่อายุน้อยกว่าสามปีสะอื้นอย่างกับเด็กแล้วถอนหายใจ



ทั้งๆ ที่ติมกับรามมีเซ็กส์กันหลายต่อหลายครั้ง แต่นั่นก็ความสัมพันธ์ทางกาย หัวใจทั้งสองดวงกลับแยกห่าง



‘พี่ ช่วยมาดูรามหน่อย ไม่สบายไข้ขึ้นหนัก’



‘พี่อิฐ ผมต้องทำยังไง...’



เสียงของน้องชายที่มักจะโทรมากวนทุกครั้งอย่างไม่เกรงใจในยามที่ใครบางคนป่วย...คนๆ นั้นก็คือพระราม



...เขาไม่ได้รักผม...



ความรู้สึกขัดแย้งในใจนี่มันอะไร



เขาก็ไม่รู้ว่าติมไปทำอะไรให้ร่างโปร่งรู้สึกแบบนั้น...แต่มันจะใช่แบบนั้นจริงเหรอ



“แล้วเราล่ะ รักติมหรือเปล่า”



ใบหน้ามนนิ่วหน้า “ความรักของผมมันไม่มีค่าอะไรสำหรับติมหรอกครับ”



“รามตอบไม่ตรงคำถาม” อิฐจับไหล่ผอมแล้วดันออกเพื่อสบตา “พี่ถามว่าเรารักน้องชายพี่หรือเปล่า”



ใบหน้าและแววตาสีน้ำตาลอ่อนของอิฐดุดันขึ้นจนน่ากลัวจนพระรามเม้มปากแน่นจนซีด “...รักครับ”



แต่พูดไปก็เท่านั้น พระรามไม่เข้าใจว่าทำไมอิฐถึงอยากฟังนัก ขนาดเจ้าตัวเองยังไม่อยากได้ยินเลย



อิฐที่จู่ๆ นิ่งไปเหมือนคิดอะไรบางอย่างทำให้ร่างโปร่งปาดน้ำตาครั้งแล้วครั้งเล่าจนใบหน้าชื้น ดวงตาแดงก่ำ



“แล้วสรุปอาการป่วยของผม...” พระรามเข้าเรื่องที่กังวลที่สุดในเวลานี้ “ผมเป็นอะไรครับพี่”



เรื่องของติมมันกลายเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกแล้ว



อีกฝ่ายอยู่เกินเอื้อม...เขาไม่สามารถเข้าถึงได้



ตอนนี้จึงสนใจตัวเองก่อน...แต่ก็มีทั้งความอยากรู้และไม่อยากรู้ว่าตัวเองป่วยเป็นอะไร



“เวลาไอผมทรมานมากเลย มันหยุดไม่ได้ แถมยัง...น่ารังเกียจสำหรับคนรอบข้าง ผมไม่อยากเป็นแบบนี้เลย”



"โอเค พี่พอเข้าใจแล้ว..." คนโตกว่ายกมือลูบหัวคนขี้กังวล แต่ทว่าอีกคนยังไม่หายมือสั่น



"นะ นี่ผมจะเป็นโรคร้ายแรงรึเปล่า"



"พี่เข้าใจ เราใจเย็นก่อน" อิฐตบไหล่ขัด ก่อนจะลุกขึ้นกลับไปนั่งที่เดิม หยิบปากกาและกระดาษสีขาวขึ้นมาจดขยุกขยิก “งั้นพี่ขอรายละเอียดก่อนนะ จะได้วิเคราะห์สาเหตุได้คร่าวๆ ...รามมีโรคประจำตัวหรือเปล่า พวกหอบหืดหรือเหนื่อยง่าย เคยเป็นมั้ย”





ต่อด้านล่าง

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep29 22/07/2019
«ตอบ #62 เมื่อ22-07-2019 21:48:51 »




ต่อจากด้านบน




พระรามนิ่งฟังก่อนจะส่ายหน้า “ผมไม่เคยเป็น...คิดว่าไม่มีครับ”



“อืม...ฟังจากที่เราเล่า อาการแบบนี้พี่คิดว่าน่าจะป่วยเป็นโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ...ไอเรื้อรัง” ใบหน้ามนขมวดคิ้ว ไม่เคยได้ยินชื่อโรคแบบนั้นมาก่อน ก่อนที่พี่อิฐจะถามขึ้นอีกครั้ง “แต่โรคนี้ส่วนใหญ่คนที่เป็นก็จะสูบบุหรี่หนัก รามเป็นคนสูบบุหรี่หรือเปล่า”



“ไม่ครับ” ใบหน้ามนส่ายหวือทันที...แค่จับเขายังไม่เคยเลยด้วยซ้ำ



“แล้วคนใกล้ตัวที่สูบบุหรี่ล่ะ มีมั้ย”



“ตอนที่พ่อยังอยู่สูบวันละหลายซองจนควันเต็มบ้านเลยครับ” คราวนี้พระรามเม้มปากตอบเสียงเบา "จะว่าไปช่วงนั้นผมก็เริ่มไอขึ้นมาจริงๆ"



ส่วนคนใกล้ตัวอีกคน...ก็ไอติม



แต่ร่างโปร่งไม่ได้พูดออกไป เดี๋ยวพี่ชายอย่างอิฐจะหาว่าเขาโทษน้องชายตัวเอง



อิฐเคาะหัวปากกาลงบนโต๊ะอย่างครุ่นคิด “ถ้ารามบอกพี่ว่าไม่มีโรคประจำตัวอะไรและไม่ได้เป็นคนสูบบุหรี่เอง ก็น่าจะมีแต่สิ่งภายนอกเท่านั้นที่จะทำให้ร่างกายเกิดอาการแบบนี้ และนั่นคือสาเหตุหลัก”



"..."



“พี่ไม่แน่ใจว่าภายในเราเป็นมากกว่านี้รึเปล่า เพราะนายบอกว่าไอมานานแล้วใช่มั้ย...ก่อนหน้านี้เคยไอมีเลือดอีกหรือเปล่า”



“ไม่ครับ แต่เคยไอจนอาเจียนอยู่ครั้งหนึ่ง”



อิฐถามไปจดขยุกขยิกลงบนกระดาษไปตอนที่เขาตอบ ก่อนจะขมวดคิ้วและพยักหน้าเป็นครั้งสุดท้าย “ต้องลองตรวจดูอย่างละเอียดอีกที ถึงจะพอบอกได้ว่าเป็นอะไร แต่นั่นพี่แค่สันนิษฐาน...ที่ตรวจเพื่อยืนยันสิ่งที่พี่คิดเท่านั้น”



คนฟังพยักหน้าด้วยความลำบากใจ



“แต่พี่ต้องขอบอกไว้ก่อนว่าโรคนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ต้องหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้อาการเป็นหนักและในขณะเดียวกันก็รักษาอย่างสม่ำเสมอให้ดีขึ้นเท่านั้น”



“...ผมต้องกินยาเหรอครับ...ถ้าหากต้องกินทุกเดือน ผม...ผมไม่มีเงินมากขนาดนั้น” ใบหน้ามนก้มงุด มือบนตักสั่นระริกกำชายเสื้อแน่น “ที่ผมมาปรึกษาพี่อิฐก็เพราะเหตุผลเดียวกันครับ...ผมขอโทษ”



คนฟังนิ่งไป เข้าใจเหตุผลนั้น...แต่ที่สงสัยคืออาศัยอยู่กับติมแต่ไม่ได้ใช้เงินมันเลยเหรอ...คนส่วนใหญ่ที่ได้นอนด้วยก็คิดจะเกาะน้องชายเขากินทั้งนั้น



เป็นคนดีกว่าที่คิด...หรือเรียกว่าซื่อดีล่ะ



“ไม่เป็นไร แค่นี้พี่ไม่เก็บเงินกับเราหรอก” อิฐพูดประกอบรอยยิ้ม



“ขอบคุณมากครับ” ริมฝีปากบางเริ่มยิ้มออก แต่แล้วก็ขมวดคิ้วด้วยความกังวลอีกครั้ง “แล้วอาการแบบนี้เป็นหนักมากๆ ผะ ผม...ผมจะตายหรือเปล่า ผมรู้สึกว่าตอนไอมันเจ็บข้างในอกมาก...”



"การไอแล้วสะเทือนแผ่นอกและหลังมันเป็นเรื่องปกติ เพราะว่ามันเกี่ยวข้องกับเรื่องทางเดินหายใจและปอด" อิฐอธิบาย “อย่างที่พี่บอกถ้าไม่ตรวจอย่างละเอียดดูว่าเป็นโรคอะไรกันแน่พี่ก็ไม่สามารถตอบได้นะ...แต่ถ้าเป็นไปตามที่พี่คิดเอาไว้ แม้สถิติคนตายจากโรคนี้ค่อนข้างน้อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี...ถ้าหากปล่อยทิ้งไว้ก็มีโอกาสเหมือนกัน”



ปกติหากเป็นคนอื่นเขาจะพูดซอฟท์กว่านี้ แต่นี่เห็นเป็นคนรู้จักและไม่อยากให้ร่างโปร่งคิดมองข้ามความอันตรายที่อาจเกิดขึ้น แต่คำพูดนั้นมันทำให้คนฟังหน้าซีดเซียว



“ไม่เป็นไร ถ้ามีอะไรผิดปกติ รามปรึกษาพี่ได้ตลอด แต่ตอนนี้พี่อยากแนะนำเป็นอย่างแรกคือตรวจโดยใช้เครื่องมือทางการแพทย์ของโรงพยาบาลก่อน”



พระรามพยักหน้าเบาๆ “แล้วถ้าผมไม่ตรวจ...”



“ไม่ได้ เราต้องรู้ว่าเป็นอะไร พี่จะได้แน่ใจและจะได้รักษาถูก”



คนฟังเม้มปากแน่น “แล้วมันต้องใช้เงินเท่าไหร่เหรอครับ”



อิฐรู้ว่าพระรามกำลังลำบากและเข้าใจความหมาย แต่ก็พูดออกไป “อย่างเราแค่เอกซเรย์ทรวงอกก็พอ ค่าใช้จ่ายราวๆ ห้าพัน”



อยากจะรู้ว่า...อีกฝ่ายจะทำยังไง ถ้าไม่มีทางออก...จะเข้าหาไอติมแล้วเรียกร้องความสนใจ...หรือว่า...



“ห้าพัน...” คนฟังฟังแล้วอึ้ง หนักใจขึ้นมาทันที จำนวนเงินนั้นแค่สองสัปดาห์ก็น่าจะหามาได้ทัน แต่นั่นก็ไม่ได้รวมถึงค่ารักษา...ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเขาเอาเม็ดเงินมารักษาตัวเอง แล้วเขาจะได้กินข้าวหรือเปล่า...แต่ถ้ามัวแต่ห่วงเรื่องอาหารการกิน...แล้วร่างกายของเขาล่ะ



รามเม้มปาก ขมวดคิ้วลำบากใจ ไม่ว่าจะทางไหน...มันก็ไม่ดีที่สุด



ทำไมแค่ตรวจอย่างเดียวมันถึงแพงอย่างนี้



“ถ้างั้นผมขอ...กลับไปคิดดูก่อนละกันครับ”



“ได้ แต่อย่าช้านักล่ะ รู้เร็วรักษาเร็วไว้ก่อนดีกว่า ยังไงช่วงนี้ก็เลี่ยงๆ สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกไม่ดีไปก่อนก็แล้วกัน”



ร่างโปร่งพยักหน้าเนือยๆ ก่อนจะไหว้และลุกขึ้น “วันนี้ขอบคุณพี่อิฐมากเลยครับ”



อิฐยิ้มอบอุ่น ส่ายหน้าว่าไม่เป็นไร มองตามแผ่นหลังที่กำลังจะออกจากห้องไป



“เอ่อ...” ว่าที่แพทย์หนุ่มเลิกคิ้วเมื่อรามหันกลับมาและเอ่ยตะกุกตะกัก “คือผมก็ไม่ได้แน่ใจว่าติมจะถามพี่อิฐมั้ย แต่ว่าถ้าเขาถาม พี่อย่าบอกเรื่องที่ผมเล่าวันนี้ให้เขาฟังได้มั้ยครับ”



คนฟังเลิกคิ้ว “เราบอกพี่ว่าไอติมเขาไม่ได้รักเราไม่ใช่เหรอ เพราะงั้นเขาคงไม่สนใจหรอกมั้ง”



รามยิ้มเจื่อนพยักหน้าเบา “ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีครับ”



“เราบอกพี่ได้มั้ยว่าทำไมถึงไม่อยากบอกติม”



ร่างโปร่งเกาแก้มก่อนจะหัวเราะแห้งออกมาด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย “ก็แค่เหตุผลเห็นแก่ตัวน่ะครับ...”



“บอกมาเถอะ พี่อยากรู้”



พระรามอ้าปากจะพูดก่อนจะยกมือปิดอย่างรวดเร็วไอค่อกแค่ก ริมฝีปากบางแห้งผากอ้าหอบหายใจเหนื่อยอ่อน “พี่อิฐคงไม่รู้ว่าติมเกลียดผมมากด้วยเหตุผลบางอย่าง ถ้าหากเขารู้ว่าผมป่วย...ผมแค่ไม่อยากได้ยินเขาพูดว่าสมน้ำหน้าหรืออะไรแบบนั้น” นี่ขนาดเพียงแค่นึกถึงใบหน้ามนก็นิ่วเจ็บปวดแทบขาดใจ “ผม...ไม่อยากร้องไห้เพราะติมอีกแล้วครับ”



“...”



“อีกอย่างตอนนี้ผมก็ไม่เหลือใครแล้ว ทั้งพ่อทั้งแม่ก็จากไปหมด”



“...”



“ถ้าหาก...ถ้าหากผมหายไป...มันก็คงจะดีกับเราสองคนมากกว่า” เสียงทุ้มใสตัดพ้อ



ถ้าหากเขาไม่มีทางเลือก...อาการป่วยนี้เขาอาจจะไม่ทำอะไรกับมัน แม้จะรู้ว่าเจ็บก็ต้องอดทน



...จนกว่าร่างกายมันจะทนไม่ไหว...



อิฐมองร่างโปร่งผ่ายผอมที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ น้ำตารื้นมองกลับมาแล้วก็อดพูดออกมาไม่ได้



“ราม พี่ไม่ได้เข้าข้างน้องชายของตัวเองหรอกนะ แต่ว่ารามกำลังเข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่า...ที่ว่าเกลียดอะไรนั่น...”



คำพูดที่เหมือนกับจะปล่อยให้ตัวเองตายนั่น...มันไม่ดีเลย อิฐชัดเจนแล้วว่ารามเป็นคนนิสัยยังไง แล้วถ้าเป็นแบบนั้นแสดงว่าไอติมคงจะไม่รู้เรื่องเหล่านี้แม้แต่นิด...ทั้งเรื่องอาการป่วยและสิ่งที่รามกำลังคิดจะทำ



“ไม่หรอกครับ...ไม่เลย” รามส่ายหน้าพูดขัดแผ่วเบา ทั้งใจที่บีบรัดกับความรู้สึกที่เจ็บปวด "ติมเขาเป็นคนพูดเอง..."



‘แต่ถ้ากูไม่อยากได้ ความรักของมึงมันก็ไม่มีค่า!!’



น้ำเสียงเกรี้ยวกราดและใบหน้าของติมตอนนั้น น้ำตาเม็ดโตก็ร่วงเผาะอย่างกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป



เขาไม่เคยลืม...และจะไม่มีวันลืม



‘ก็แค่รู้สึกผิด กูไม่ได้รู้สึกอะไรกับมึงทั้งนั้น’



“มันชัดเจนมากครับ”



ชัดเจน...จนไม่ว่าใครจะพูดยังไง เขาก็ปักใจไปแล้วว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ



ความรู้สึกดีๆ ของเขามันเปลี่ยนความเกลียดของไอติมไม่ได้เลย กลับกันมันยิ่งจะทวีคูณมากขึ้น...



ดวงตาเรียวช้อนมองใบหน้าหล่อเหลาและดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่ไม่แตกต่างจากน้องชาย...แววตาของแม่ภาวดีที่กำลังฉายความสงสารและเห็นใจ



ที่พี่อิฐดีกับเขาแบบนี้เพราะว่ายังไม่รู้หรือเปล่าว่าพระรามเป็นคนแย่งแม่ตัวเองไป...ถ้าหากรู้ แววตาที่เอ็นดูและสงสารจะเปลี่ยนเป็นเกลียดชังอีกหรือเปล่า?



พระรามขบปาก เขาไม่กล้าพูดออกไป...อย่างน้อยขอเว้นไว้อีกสักคนที่ยังใจดีกับเขา แม้อาจจะรู้ว่าถ้าพี่อิฐรู้เองภายหลังก็อาจจะเกลียดเขามากไม่ต่างจากติม



กว่าจะถึงตอนนั้นเขาอาจจะไม่อยู่แล้ว



อย่างน้อยก็ให้ช่วงเวลานี้มันดำเนินไปให้ยาวที่สุดก็พอ



ในห้องเงียบเชียบไม่มีใครพูดอะไรออกมา ทำให้พระรามก้มหัวขอบคุณเป็นครั้งสุดท้ายและเปิดประตูออกไป

 



 

********************* Love Substitute *********************

 







ขาคู่เรียวเดินออกจากห้องของอิฐไปพร้อมกับในหัวที่คิดอะไรมากมาย



ทั้งเรื่องของติม...และเรื่องของตัวเอง ถ้าหากเรากลับไปขยันทำงานเหมือนเดิมหาเงินมาตรวจและรักษาก็น่าจะได้อยู่



บอกตามตรงว่าลังเล...อยากรักษาไม่ให้ไอแห้งแบบนี้อีก มันเจ็บปวดทรมาน



แต่ถ้าหาก...ถ้าหากว่าเขา...



ไม่แน่ว่า...ความตายอาจจะทำให้สิ่งที่รู้สึกทั้งหมดทั้งมวลแบบนี้จบลงก็ได้ เขาจะได้ไม่ทรมานจากการเป็นแบบนี้ รวมถึงความรู้สึกของเขาที่มีต่อไอติมด้วย



เรื่องทุนไปเรียนต่อต่างประเทศรามก็ตอบตกลงอาจารย์วีระไปแล้ว จะให้ยกเลิกตอนนี้ก็ดูไม่ดี...เพราะงั้นปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้ไปก่อนแล้วกัน



ไม่มีใคร...ที่ล่วงรู้อนาคต



พระรามเหม่อลอย ไม่รู้เลยว่าเดินวนเวียนไปทางไหนของโรงพยาบาล ที่นี่มันใหญ่มากจนหลงทาง...จนบังเอิญมาเจอกับคินและชะเอมที่กำลังออกจากห้องพักฟื้นพอดี ราวกับเตรียมตัวกำลังจะกลับบ้าน ถึงเพิ่งจำได้ว่าดินโทรมาบอกเขาเมื่อเช้านี้เรื่องของทั้งคู่



"ราม!"



ดวงตากลมโตหันมาเจอเขาเข้าพอดี แววตาระยิบระยับฉายแววสดใสทำให้รามยิ้มรับเดินเข้าไปใกล้



"ไงเอม" ไม่ลืมสำรวจคินที่นั่งรถเข็นวีลแชร์ ก่อนจะยิ้มทักทายให้ร่างสูง ซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มตอบกลับมา



...แม้จะเดินไม่ได้แล้วแต่ก็ยังมีชีวิตอยู่...



"รามมาทำอะไรเหรอ" เสียงใสถาม อีกฝ่ายก็สำรวจร่างกายของเขาไม่ต่างกัน อาจจะเพราะล่าสุดที่เจอกันก่อนจะเกิดเรื่องวุ่นวายก็คือเขาบาดเจ็บแขนขาใช้การไม่ได้ ชะเอมยิ้มดีใจเมื่อเห็นพระรามหายดีแล้ว



แต่คนได้ยินคำถามเริ่มกลอกตาเลิ่กลั่กเล็กน้อย "ก็ได้ข่าวว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายเลยมาแสดงความยินดี"



จะให้รู้ว่าเขามาทำอะไรที่โรงพยาบาลไม่ได้



คินผงกหัวยิ้มบาง "ขอบใจ แล้วนายล่ะเป็นยังไงบ้าง"



พระรามชะงักมองตาคิน มันสื่อความหมาย ทำให้นึกถึงบทสนทนาที่ชายทะเลในวันนั้น



ร่างโปร่งที่ควรจะหลับอยู่บนเตียงนั่งกอดเข่าริมทะเลท่ามกลางความมืด มีเพียงแสงสลัวจากไฟของโรงแรมตึกใหญ่ที่ส่องให้เห็นว่ายังมีใครนั่งอยู่ตรงนี้ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มแสนว่างเปล่าไม่ทันได้รู้ว่ามีใครบางคนเดินเข้ามาหย่อนกายนั่งถัดไปเล็กน้อย ใบหน้ามนหันมอง



...คิน...



'กับเอมเป็นไงบ้าง' เสียงทุ้มใสเอ่ย เขาไม่เคยคุยกับคินเป็นการส่วนตัว แต่การมาเที่ยวครั้งนี้เหมือนเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ของพวกเราทั้งหมด ไม่รู้ทำไมคินถึงมานั่งข้างๆ และไม่รู้ทำไมอยู่ๆ พระรามถึงเอ่ยถามออกไป

   

คนฟังหัวเราะหึ 'ดี...ดีมาก แต่...' ร่างสูงเงียบไป เป็นพระรามที่ยิ้มออกมา...รู้ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร

   

'ถ้ามึงรู้แล้วก็คอยอยู่เคียงข้างเอมสิ เอมไม่เป็นอะไรหรอกน่า...ขนาดตอนที่ไม่มีมึงอยู่ข้างๆ ยังไม่เป็นอะไรเลย'

   

'...'

   

'เห็นแบบนั้นแต่เอมก็เข้มแข็งมากกว่าที่มึงคิด'

   

แม้จะไม่เห็นแต่ก็รู้ว่าคินยิ้มรับ เพราะคนที่รู้ดีที่สุดไม่ใช่ใคร ไม่ใช่เพื่อนอย่างเขาแต่เป็นคนรักอย่างคินต่างหาก

   

ดวงตาเรียวเหลือบมอง ใบหน้าคมหล่อเหลาเดือนคณะวิศวะกรรมศาสตร์เมื่อสามปีที่แล้วกำลังมองตรงไปนอกทะเลอันมืดมิด พร้อมรอยยิ้มอบอุ่นที่มุมปาก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้ตำแหน่งเดือน

   

แววตานั่น...แม้ชะเอมไม่ได้อยู่ข้างๆ แต่คินก็ยังนึกถึง ยืนยันด้วยดวงตาระยิบระยับฉายความสุขล้นและความเอ็นดูในร่างบางของคนรัก

   

ไม่ต่างจากตอนที่ติมนึกถึงชะเอมเลย...เป็นแววตาที่เขาอยากได้

   

'แล้วมึงล่ะเป็นยังไงบ้าง'

   

รามเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจที่จู่ๆ ร่างสูงชวนคุย 'มึงหมายถึง?'

   

'กับไอ้...ติมไง'

   

'อืม...' ร่างโปร่งครางซบหน้าลงกับเข่า ไม่ค่อยอยากตอบและไม่อยากให้เห็นสีหน้าตอนนี้ของเขา 'ก็ดี'

   

'แต่เสียงมึงไม่ค่อยดี'

   

พระรามเงยหน้ามอง ก่อนจะยิ้มเฝื่อน 'มึงก็รู้ดีอยู่แล้วว่าเพราะอะไร'

   

ไอติมชอบชะเอม

   

หลังจากนั้นระหว่างพวกเราสองคนก็มีแต่เสียงคลื่นซัดเข้าฝั่งดังซ่าๆ เป็นระยะ ก่อนที่ร่างสูงจะเอ่ยขึ้นมา

   

'กูคิดว่า...สักวันหนึ่ง...'

   

ความทรงจำที่ย้อนกลับมา ทำให้พระรามยิ้มเฝื่อน รอยยิ้มของเขาในตอนนี้คงจะไม่ต่างจากตอนนั้นสักเท่าไหร่ คำถามของคินเขาก็เงียบไม่ตอบ เท่านี้ก็คงทำให้ร่างสูงรู้แล้วว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไง

   

ความลับระหว่างเขากับคินที่ปิดบังเอาไว้ไม่ให้ใครรู้

   

"แค่ก...แค่ก!" รามปิดปากไอหนักสามสี่ครั้งก่อนจะหอบหายใจแรง

   

จู่ๆ มันก็เป็นขึ้นมาอีกแล้ว อีกทั้งยังต่อหน้าเพื่อนทั้งสอง

   

"ราม?" คนตัวเล็กขมวดคิ้ว เดินเข้ามาใกล้อย่างเป็นห่วง "เป็นอะไร ไม่สบายเหรอ"

   

"ไม่เป็นไร..." ร่างโปร่งรีบเอ่ย ยิ้มเก็บสีหน้าให้เหมือนเดิมเพื่อให้ทั้งคู่ที่มองอยู่ไม่สงสัยอะไรไปมากกว่านี้

   

"ไอติมล่ะ? ไม่ได้มาด้วยเหรอ..."

   

"นายได้เจอรักแท้ของนายแล้วนะเอม...ขอให้พวกนายทั้งคู่มีความสุข รักกันนานๆ" รามพูดอวยพรยิ้มๆ น้ำเสียงจริงใจ แต่ในนั้นมีความรีบร้อนอยู่

   

ต้องรีบไปแล้ว...ก่อนที่จะ...ทนไม่ไหว

   

แต่คำพูดนั้นเขาพูดจริงๆ ชะเอมที่ทนกับความทุกข์มานานได้พบกับความรักและความสุขอย่างแท้จริง แม้คนรักจะใช้ขาไม่ได้...แต่หัวใจทั้งคู่ก็ยังรักกัน...เป็นห่วงกัน...ได้อยู่เคียงข้างกัน

   

"ขอบใจนะราม" ชะเอมยิ้มกว้างรับจนแก้มขาวใสแดงเรื่อ

   

"ฉันก็ขอบใจมาก แล้วก็ขอให้นายมีความสุข" คินอวยพรกลับมาด้วยรอยยิ้มมีความสุขไม่ต่างกับร่างบาง แต่ความหมายของคำพูดสื่อต่อเนื่องมาจากวันที่คุยกันเมื่อนานมาแล้ว

   

พระรามโบกมือลาให้คนทั้งสองก่อนจะเดินออกมานอกโรงพยาบาล แดดสว่างจ้าทำให้ต้องยกแขนขึ้นบังตา

   

แม้แดดจะแรงแต่เขาก็ได้ยินเสียงทะเล...เสียงคลื่นสาดซัด...และเสียงทุ้มในความทรงจำ

   

'กูคิดว่า...สักวันหนึ่ง...ไอ้หมอนั่นมันคงจะรักมึงเอง...เชื่อกูสิ'

   

ใบหน้ามนเงยขึ้น ริมฝีปากบางยิ้มออกมา แต่น้ำตากลับไหลลงผ่านแก้มขาว

   

"อึก...!"

   

...ในชีวิตของเขา...มันไม่มี 'สักวันหนึ่ง' หรอก...

   

'ขอให้นายมีความสุข'

   

มีเพียงเขาที่รู้ดีกว่าใคร...ว่ามันไม่มีทางมีวันนั้น

   

ขาเรียวเดินออกมาจากที่แห่งนั้น ก้าวขึ้นรถและมองวิวทิวทัศน์ที่วิ่งผ่านไปเรื่อยๆ

   

'คินกับเอมดร็อปเรียนไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะกลับมาเรียนต่ออีกเมื่อไหร่'

   

ต่อจากนี้คงได้ใช้ชีวิตของตัวเองเหมือนเดิม...ทางเดินชีวิตของใครก็ต้องมีเป็นของตัวเอง

   

ไม่แน่ว่าการพบกันครั้งนี้ระหว่างเรา...อาจจะเป็นครั้งสุดท้าย

   



...ไม่มีใคร...ล่วงรู้อนาคต...

   





********************* Love Substitute *********************


ออฟไลน์ เข็มวินาที

  • Those who make the worst use of their time are the first to complain of its shortness
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep29 22/07/2019
«ตอบ #63 เมื่อ23-07-2019 03:15:07 »

ขอบคุณที่เอามาลงในเล้าเป็ดนะคะ ตามมาจากใน RAW ค่า ตอนนี้น้ำตาไหลพรากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ :กอด1:

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep33 (จบแล้ว) 21/08/2019
«ตอบ #64 เมื่อ21-08-2019 21:01:04 »

ทดแทนรัก

ตอนที่ 30



โปรดใช้วิจารณญาณและอย่าลืมเตรียมหมอนผ้าห่มทิชชู่เอาไว้ซับน้ำตาระหว่างการรับชม





“...บ้าแล้ว ไม่อยากจะเชื่อ” หนุ่มลูกครึ่งเอเชียยุโรปอุทานอ้าปากค้างทิ้งร่างบนโซฟาใหญ่ในห้องของคอนโดตัวเอง ข้างๆ เป็นเพื่อนสนิทที่ถือแก้วเหล้าซึ่งอ่านสีหน้าไม่ออก



แต่ก็พอจะรู้ว่ามีเรื่องค่อนข้างหนักใจ ไม่งั้นไม่มาหาถึงที่



"..."



"นี่มึงทำจริงเหรอ" ไอติมมองหน้าเพื่อนที่หันมาถามย้ำก็เดาะลิ้นใส่



“อืม ตามที่กูเล่าแหละ”



"มึงแม่ง...โคตรโง่" คนตัวสูงใหญ่กระแทกเสียงใส่ ยกแก้วกระดกเหล้าเข้าปากได้ยินเสียงน้ำแข็งกระทบแก้วดังก๊องแก๊ง แต่อีกคนเส้นเลือดที่ขมับปูดขึ้นเป็นรอยหยักทันทีที่ได้ยิน



"กูอุตส่าห์มาเล่าเพราะคิดว่าจะมาปรึกษามึงได้นะไอ้ธาร"



"มึงจะปรึกษาอะไรกูไม่ทราบ ในเมื่อมึงทำลงไปแล้ว" ดวงตาสีฟ้าเทาที่มักจะเป็นประกายตวัดมอง "มึงโง่ไม่พอ...ยังเลวชาติชั่ว"



"ไอ้เหี้ยธาร!!" เสียงทุ้มตวาดดัง หากเป็นคนอื่นคงกลัวหัวหดกับท่าทางน่ากลัวเช่นนี้ ทั้งร่างสูงที่ยืนกำหมัดแน่นและ ถลึงตามองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ



"เอาเลย ต่อยกูเลย ถ้าโมโหนัก" แต่ธารกลับนั่งนิ่งซดเหล้าราคาแพงดังอึกๆ ก่อนจะกระแทกแก้วลงบนโต๊ะ ยกขวดเทลงไปจนเต็มแก้วอีกครั้ง "ที่กูพูดคงแทงใจดำมึงสิ"



ร่างสูงนั่งลงที่เดิมอย่างแรงไม่กลัวโซฟาพังทั้งๆ ที่ไม่ใช่ของตน



"กูไม่เคยรู้ว่ามึงเป็นคนชอบเล่นกับความรู้สึกของคนอื่น"



"..." คนฟังไม่ตอบแต่หายใจฟึดฟัด



"มึงเกลียดราม"



"...ก็เคย..."



ร่างสูงใหญ่เสยผม "โว้ หมายถึงตอนนี้ดิ"



"..."



เป็นธารที่อารมณ์ขึ้นบ้าง "ถ้าไม่พูดกูจะไม่คุยกับมึงแล้วนะ" ยิ่งดื่มเหล้าอารมณ์มันยิ่งกรุ่นง่ายอยู่ด้วย



"ไม่ได้เกลียด" ติมตอบเสียงเรียบ สีหน้าไร้อารมณ์



"แล้วรักมั้ย" ดวงตาคมกริบตวัดขวับ ทำให้ธารเปลี่ยนคำ "อ่ะๆ ชอบมั้ยก็ได้"



"...อาจจะ"



ธารเงียบไปกับคำตอบถามคำตอบคำของเพื่อน ดวงตาสีฟ้าเทาจับจ้องนิ่ง ทำให้ไอติมจิ๊ปาก



"อะไรอีกล่ะ มีอะไรจะพูดก็พูดมา"



"นี่มึงมาขอปรึกษากูด้วยน้ำเสียงแบบนี้เหรอวะ"



"..."



"กูล่ะไม่เข้าใจมึงจริงๆ กับพี่เอมคนนั้นมึงยังพูดดีๆ ด้วยได้ แต่กับคนนี้ ทำไมถึงทำไม่ได้ล่ะวะ"



ไอติมนิ่งคิด อันที่จริงเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน...แต่กับพระรามพูดดีด้วยได้ไม่ถึงวัน แววตาเศร้ากับน้ำตามันทำให้เขาเกลียดมาก ไม่ชอบเห็นมัน



"หรือว่ามึงยังติดใจเรื่องของแม่"



"..."



สายธารปรายตามองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเพื่อนก่อนจะก้มลงมองน้ำมึนเมาในแก้วกับน้ำแข็งลอยตัว



"กูไม่ถามมึงแล้วก็ได้ มึงตอบกูมาแค่คำเดียว...ถ้ารามหายไป...มึงจะรู้สึกยังไง"



ดวงตาคมกริบเบิกกว้าง ไอติมหันขวับมองเพื่อนทันทีที่พูดจบ



ในใจรู้สึกหวิวไปชั่ววูบ...



"มึงพูดเหี้ยอะไร รามไม่มีทางหายไปจากกู" เสียงทุ้มที่เอ่ยอย่างมั่นใจทำให้อีกคนแค่นหัวเราะ



"ไม่มีอะไรที่แน่นอนหรอก ยิ่งจิตใจของคน ถ้าหากถูกทำร้ายมากเข้า มีหรือที่เขาจะไม่ไปหาคนที่จะทะนุถนอมหัวใจของตัวเองได้ดีกว่า?"



ร่างสูงที่นั่งฟังขบกรามเพียงนึกถึงร่างโปร่งอยู่ข้างกายคนอื่นที่ไม่ใช่เขา



"สักวันรามอาจจะหนีไปจากมึง...หรือถ้าไม่เป็นแบบนั้น สักวันก็อาจจะต้องตายเพราะคู่อริของมึงอย่างพวกไอ้ภูมิ"



"ไอ้ธาร...มึงหยุด..." คนฟังกัดฟันกรอดอย่างอดทน มือค่อยๆ กำแน่นอีกครั้ง หน้าแดงก่ำก่อนที่จะทนไม่ไหวเมื่อธารเอ่ยประโยคถัดมา



"เขาจะต้องตายเพราะมึงเป็นต้นเหตุ!"



"ไอ้เหี้ย หยุดพูด!! มึงหยุดพูดเดี๋ยวนี้!"



เพล้ง!



ติมที่ตัวเตี้ยกว่าเล็กน้อยลุกขึ้นขยุ้มคอเสื้อคนตัวโตด้วยมือทั้งสองข้าง ทำให้สายธารไม่ทันตั้งตัวเผลอปล่อยแก้วตกลงพื้นแตกกระจาย แต่กระนั้นคนโดนกระชากคอเสื้อกลับยิ้มกริ่มไม่มีความตกใจ พอดวงตาสีเทาสบมองดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่มีความกรุ่นโกรธเหมือนมีไฟแผดเผาอยู่ในนั้นแล้วอดหัวเราะเยาะไม่ได้ "หึ กูว่ากูได้คำตอบแล้วว่ะ"



"...ไอ้เวร" ติมสะบัดมือออกเมื่อเห็นว่าธารไม่ได้พูดอะไรยั่วโมโหอีก แถมดูเหมือนเพื่อนมันก็แค่อยากจะทดสอบบางอย่างกับเขามากกว่าด้วย



ร่างสูงทิ้งตัวลงกระแทกหลังกับพนักโซฟา

         

“มึงรู้รึเปล่า ว่ากูรู้สึกแปลกๆ ได้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว”

           

“ตอนไหน แปลกอะไร...อะไรแปลก”

           

“จำตอนที่คุยโทรศัพท์ได้ป่ะ ที่กูแซวว่ารามเป็นที่รักมึง”

         

“...”

           

“ที่มึงตะคอกกลับมาตอนนั้น มึงบอกกูหรือบอกตัวเอง...กูคิดในใจมาตลอด แต่ตอนนี้กูได้คำตอบที่ชัดเจน”

           

อาจจะเป็นตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว...ตอนที่เพื่อนมันกระทืบไอ้เหี้ยภูมิจนน่วมโทษฐานคิดจะข่มขืนร่างโปร่งคนนั้น ไม่รู้ว่าเหมือนกันว่าติมมันจะรู้มั้ยว่าความรู้สึกของมันเปลี่ยนไปไม่ใช่เพราะพี่ชะเอม แต่เป็นพระรามต่างหาก

   

"ความรู้สึกในใจของมึงชัดเจน เพราะงั้นเลิกหลอกตัวเองว่าชอบพี่เอมได้แล้ว”

   

“...”

   

“แล้วเรื่องรามน่ะ มึงหยุดทำร้ายเขาด้วยวิธีแบบนี้เถอะ ถ้าเป็นห่วงนัก...แทนที่จะปล่อยไป สู้เก็บเขาเอาไว้ข้างกายให้อยู่ในสายตาตลอดเวลามันไม่ดีกว่าเหรอ"

   

"..."

   

"แสดงออกกับรามเหมือนที่ทำกับพี่เอมบ้างไม่ได้เลยหรือไง...ทิฐิน่ะลดลงมั่งสิวะ"

   

ติมขมวดคิ้วพอนึกถึงหลายเรื่องที่ทำให้พระรามเสียน้ำตา เอ่ยถามในสิ่งที่คนฟังอยากหัวเราะดังๆ "แล้วถ้าทำแบบนั้น...มันจะทดแทนเรื่องเก่าๆ ได้เหรอ"

   

"โอ๊ย ไอติมผู้เชี่ยวชาญเรื่องบนเตียงครับ ทำไมเรื่องแค่นี้ถึงได้โง่ขนาดนี้" คนโดนด่าย้ำขมวดคิ้วเตรียมจะวีนแตก แต่กลับชะงักเมื่อนิ้วชี้ยาวจิ้มลงบนอก "อดีตมันจะสำคัญตรงไหน ความรู้สึกตอนนี้ต่างหากที่สำคัญที่สุด มึงก็แค่ต้องแสดงออกมา...ต้องเหมือนกับที่โมโหกูเมื่อกี้"

   

"..." ก็ไม่รู้ทำไมเวลาคุยกับรามมันถึงเก็บอารมณ์ไม่ได้ทุกครั้งไป

   

เป็นเพราะอีกฝ่ายดื้อดึงไม่ยอมทำตามที่เขาบอก

   

"ถ้ารู้ตัวว่าเป็นคนอารมณ์ร้อน มึงก็ต้องใจเย็นและลดทิฐิลงด้วย เพราะคนที่รักมึง เขามีแต่จะเจ็บปวดเพราะทุกการกระทำและคำพูดของมึงเอง กูไม่พูดตัวมึงก็คงจะรู้ดีที่สุด"

   

"..."

   

ธารเห็นเพื่อนเงียบไปจึงเดินออกมาเพื่อหยิบแก้วใบใหม่ ร่างสูงก้มหน้ายกนิ้วนวดคลึงที่ขมับ ก่อนจะหลับตา

   

'กูล่ะไม่เข้าใจมึงจริงๆ กับพี่เอมคนนั้นยังทำดีด้วยได้ แต่กับคนนี้ทำไมถึงทำไม่ได้ล่ะวะ...หรือว่ายังติดใจเรื่องของแม่'

   

เขายังไม่ลืม...เรื่องที่แม่จากไปเป็นเพราะราม

   

'ติม หยุดพูดแบบนั้นได้มั้ย เรื่องแม่พี่ขอโทษ'

   

เขาตั้งใจมาตั้งแต่ต้น เพราะอยากจะให้รู้สึกเจ็บบ้าง

   

...แล้วตอนนี้ล่ะพอใจรึยัง...

   

'พี่เจ็บขนาดนี้ พอใจนายรึยังติม'

   

หยาดน้ำตาและใบหน้ามนนิ่วหน้าเจ็บปวด

   

'พี่สามารถรักนายได้มากกว่าใคร!'

   

'ทำไม...ตอนนั้นถึงกอดพี่'

   

'ติม อย่าไป!'

   

'คนของมึงคนนี้หน้าจืดก็จริง แต่ร่างกายยั่วน้ำลายกูโคตรๆ เลยว่ะ คราวหน้าถ้าเจอก็ขอลองสักน้ำนะ ดูซิว่าจะเด็ดแค่ไหน' เสียงหัวเราะระรื่นสะท้อนในหูยามที่เจอพวกไอ้เวรภูมิในร้านเหล้ามันทำให้อยากจะแจกตีนหลายๆ ที

   

'ก็แค่...รู้สึกผิด'

   

'กูไม่ได้รู้สึกอะไรกับมึงทั้งนั้น'

   

คำพูดเลวๆ ที่พูดออกไปเพราะอยากให้ไปให้ไกล แม้จะโทษตัวเองที่ไปลากร่างโปร่งกลับมาตั้งแต่แรก...แต่ทำไมพอกลับมาพระรามกลับยังอยู่ในห้อง...ไม่ไปไหน

   

พอยิ่งเมา...แค่เห็นร่างโปร่งมันก็ยิ่งอยาก

   

'อะ อา พี่เอม...ผมรักพี่'

   

ริมฝีปากบางสีชืดนั่นยามครางเรียกชื่อเขามันยิ่งทำให้น่าจูบ...ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกแบบนี้

   

'ติม ฮึก พี่มีชื่อนะ...พี่ชื่อ...'

   

เพียงคิดง่ายๆ ว่าถ้าหากมีอะไรกันแล้วเรียกชื่อคนอื่น...รามจะรีบเก็บของไปเหมือนคราวนั้นที่ลากนิลมานอนบนเตียงในห้อง

   

ทว่าตื่นเช้ามา...ก็ยังเห็นร่างโปร่งอยู่เหมือนเดิม ยิ้มให้เหมือนเดิม

   

'มึงไปซื้อกับข้าวที่ไหนมา ห่วยแตกมาก แดกไม่ลง' ทั้งๆ ที่รู้ว่ารามเป็นคนทำก็ยังพูดทำร้ายจิตใจครั้งแล้วครั้งเล่า...จนแววตาเศร้าสร้อยนั้นค่อยๆ ว่างเปล่า...ใบหน้ามนประดับรอยยิ้มจืดเจื่อนทุกครั้งที่คุยกับเขา

   

ผ่านไปหลายวัน...หลายวันจนนานนับเดือนสองเดือน พระรามก็ยังไม่ไปไหน บทสนทนาระหว่างเราสองคนน้อยลงทุกวัน แต่อีกฝ่ายยังคงซื้อกับข้าวติดมือมาให้ทานสม่ำเสมอโดยไม่ขอเงินเขาแม้แต่บาทเดียว...แม้เขาจะรู้ดีว่าร่างโปร่งกลับไปทำงานอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้เอ่ยห้ามอะไร

   

และเมื่อไม่กี่วันก่อน จู่ๆ รามก็เอ่ยบทสนทนาขึ้นมา

   

'ช่วงนี้ร่างกายพี่ไม่ค่อยดีเลย พี่ไอบ่อยมาก แล้วก็ยัง...’ ริมฝีปากบางอ้าค้างก่อนจะเปลี่ยนเป็นแย้มรอยยิ้มโศกเศร้า ‘ไม่มีอะไร’

   

จากนั้นเขาก็ทำเป็นกินข้าวโดยไม่สนใจ ทั้งๆ ที่เหลือบตามองร่างโปร่งอยู่ตลอดเวลา

   

ตอนนั้น...รามจะพูดอะไร...เรื่องสำคัญที่เกี่ยวกับตัวเองใช่รึเปล่า

   

'ถ้ารามหายไป มึงจะรู้สึกยังไง'

   

'มีเบอร์พี่อิฐมั้ย พี่อยากปรึกษาอะไรนิดหน่อย'

   

พรึ่บ!

   

ไอติมลืมตาโพลงผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ก้าวเดินออกจากห้องทำให้ธารตะโกนออกมาอย่างงงๆ

   

"อ้าว เฮ้ย! ไปไหนวะ..."



           



รถสปอร์ตคันหรูแล่นออกมาจากคอนโดของเพื่อนสนิทได้สักพักแล้ว แต่จุดมุ่งหมายของเขาไม่ใช่ห้องพักของตัวเอง แต่เป็นโรงพยาบาลของพี่ชายต่างหาก

   

‘มีเบอร์พี่อิฐมั้ย พี่อยากปรึกษาอะไรนิดหน่อย’

   

ในยามที่เขาให้เบอร์ไป...

   

‘ขอบคุณนะติม’ เสียงทุ้มใสที่พูดกับเขา และรอยยิ้มนั่น...มันดูเศร้ามาก ไม่ใช่แค่เพราะเรื่องของเขา มันมีอะไรที่มากกว่านั้น...

   

‘ไหนบอกว่าแพ้แค่กลิ่นควันไง...นี่ฝุ่นด้วยเหรอ’

   

‘อะ อื้ม ก็...ประมาณนั้นแหละ’

   

เพียงแค่นึกถึงเท้าก็เหยียบคันเร่งให้พุ่งเร็วอีก แม้เข็มความเร็วของรถสปอร์ตพุ่งแตะร้อยยี่สิบ...ร้อยสามสิบ...เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็ยังไม่ทันใจเขา ซ้ำยังเจอติดไฟแดงรถติดยาว จนต้องล้วงมือถือขึ้นมาโทรออก

   

(“ว่าไง คงไม่หาเรื่องเดือดร้อนมาให้พี่อีกหรอกนะ”)

   

“รามไปหาพี่รึเปล่า” ร่างสูงเปิดเข้าประเด็นทันทีไม่สนใจคำทักทายแกมเหน็บแนม พอไฟจราจรเปลี่ยนเป็นเขียว เท้าก็เหยียบคันเร่ง สายตามองไปรอบด้านอย่างระมัดระวังมากกว่าเดิมเพราะแบ่งสมาธิครึ่งหนึ่งเพื่อคุยโทรศัพท์ ใช้มือข้างเดียวสาวพวงมาลัยขับรถปาดซ้ายปาดขวาแบบไม่เดือดร้อน ซ้ำยังทำได้ดีกว่าคนขับสองมือด้วยซ้ำ

   

(“อ้อ...ใช่ มาตั้งแต่วันก่อนแล้ว เพิ่งจะคิดได้เลยโทรมาหรือไง”) ปลายสายกรอกเสียงมาทำให้คิ้วเข้มขมวดฉับ

   

“พี่อิฐอย่ากวนได้ไหมวะ” เสียงทุ้มพูดห้วนไม่สบอารมณ์ คำลงท้ายที่รู้ว่าเริ่มโมโหไม่ทำให้อีกฝ่ายกลัวแต่กลับหัวเราะออกมาทันทีอย่างอารมณ์ดี “เขาพูดอะไรบ้าง ไปหาพี่ทำไม ป่วยเหรอ”

   

(“อืม จะบอกดีหรือเปล่า...รามวานพี่อย่าบอกนายซะด้วยสิ”) อยากจะตลกขบขันกับคำถามที่เอ่ยออกมารัว แต่อิฐทำเสียงยานคางราวกับจะกวนอารมณ์อีกครั้ง คราวนี้ติมไม่สนใจ คำพูดนั้นต่างหากที่ทำให้ดวงตาคมกริบเบิกกว้างก่อนจะหรี่ลง

   

รามบอกพี่อิฐว่าไม่ให้บอกเขางั้นเหรอ?

   

“หมายความว่าไง”

   

(“ก็ตามนั้นนั่นแหละติม”)

   

“พี่บอกผมมาว่าตกลงรามเป็นอะไร” มือใหญ่วางโทรศัพท์ไว้ที่คอนโซลก่อนจะเชื่อมต่อกับรถยนต์คุยแบบไม่ต้องถือโทรศัพท์ ตั้งสมาธิกับการขับรถเพื่อให้ได้ไปถึงจุดหมายปลายทางที่ปลายสายอยู่เร็วที่สุด "เขาป่วยเป็นอะไร"

   

'พี่รู้สึกไม่ค่อยดีเลย ช่วงนี้ไอบ่อยมาก...'

   

"รามบอกว่าช่วงนี้ไอบ่อยๆ ...สรุปคือไม่ได้แพ้ฝุ่นหรือควันเหรอ"

   

("แล้วทำไมแกไม่ไปถามเจ้าตัวเองล่ะ")

   

"ถ้ารู้ว่าถามแล้วไม่บอกแล้วผมจะไปถามทำไม!?"

   

ปลายสายครางในลำคอ ("แล้วทำไมเขาถึงไม่บอกแกล่ะ...รามไม่บอกหรือแกไม่เคยรับฟังกันแน่")

   

"พี่อิฐ!" เสียงทุ้มตะโกน มือใหญ่ทั้งสองข้างบีบพวงมาลัยจนเส้นเลือดปูด

   

("พี่ก็ไม่รู้นะว่าทำไมรามถึงบอกเอาไว้ว่าห้ามบอกแก แต่พี่ว่าสาเหตุมันก็มาจากแกนั่นแหละติม...")

   

"..."

   

("เขาบอกว่าแกเกลียดเขา ที่ไม่บอกเรื่องนี้ก็คิดว่าเพราะยังไงแกก็ไม่สนใจ...แล้วกลัวแกจะว่าสมน้ำหน้า")

   

ยิ่งฟังมากเท่าไหร่ ความกรุ่นโกรธมันยิ่งทวีคูณ...

   

("พี่ยังไม่ได้ตรวจรามหรอก เลยยังไม่รู้แน่ชัดว่าเป็นโรคอะไร")

   

"แล้วทำไมพี่ไม่ตรวจเล่า" คนที่ถามอยากรู้ใจจะขาดแต่กลับได้คำตอบที่ไม่อยากได้ มือใหญ่ตบพวงมาลัยดังลั่นเมื่อไฟจราจรเปลี่ยนเป็นไฟแดงอีกแล้วจนต้องเหยียบเบรคดังเอี๊ยดลั่นถนน อะไรๆ ก็ไม่สบอารมณ์ไปหมด

   

("นี่สรุปว่าแกชอบรามใช่มั้ย อาการแบบนี้พี่ไม่เคยเห็นแกเป็นกับใคร")

   

"แล้วถ้าชอบไม่ชอบ มันเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย ตกลงว่าทำไมพี่ไม่ตรวจว่ารามเป็นอะไร!?" เขาไม่ชอบคนกวนประสาท แล้วยิ่งตอนที่อยากรู้คำตอบแต่อีกฝ่ายกลับพูดวกไปวนมามันยิ่งทำให้อารมณ์พุ่งสูงอย่างง่ายดาย

   

("นี่ แกใจเย็นก่อนสิติม ที่พี่ไม่ตรวจเพราะพระรามไม่มีเงินจ่ายค่าตรวจ มันต้องใช้เครื่องเอ็กซเรย์")

   

"โรงพยาบาลก็เป็นของเราพี่จะเดือดร้อนอะไรกับแค่เอ็กซเรย์"

   

("พี่ไม่ใช่พ่อสักหน่อย") อิฐพยายามจะบอกว่าเขาไม่ใช่เจ้าของอยู่ๆ จะมาตัดสินใจเอาเองไม่ได้...ไม่ใช่ว่าอยากจะทำอะไรก็ทำได้

   

ไอติมนี่ยังเด็กจริงๆ คิดอะไรไร้เหตุไร้ผล...ยิ่งตอนโมโหนี่ก็เอาแต่ใจสุดๆ

   

คนฟังพ่นลมออกจมูก "งั้นเดี๋ยวผมจ่ายให้"

   

("เงินแกก็คือเงินพ่อหรือเปล่าฮึ") อิฐพูดขัดพลางกลั้วหัวเราะ ก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าน้องชายจะพูดแบบนี้ ("แกคิดเหรอว่าทำแบบนั้นแล้วรามจะยอม เขาบอกพี่เองว่าที่เขามาหาพี่เพราะไม่มีเงินไปหาหมอ ถ้าหากเขาคิดจะเอาเงินแกคงเอาไปนานแล้ว")

   

"..."

   

("แปลกดีนะ คู่นอนคนอื่นไม่เห็นเป็นแบบนี้")

   

ใช่น่ะสิ ก็เพราะร่างโปร่งดื้อดึงแบบนี้มันยิ่งทำให้เขาโมโหเข้าไปใหญ่

   

("ที่พี่ถามแกว่าชอบรามรึเปล่า มันเป็นเรื่องสำคัญ เพราะอาการป่วยของเขาตอนนี้ จากที่รามเล่าให้พี่ฟังค่อนข้างน่าเป็นห่วง พ่อกับแม่ก็ไม่มี ยิ่งตัวคนเดียว อยู่คนเดียวมันก็ยิ่งคิดมากนะ ผู้ป่วยส่วนใหญ่อาการทรุดลงอย่างรวดเร็วเพราะอาการทางจิตใจนี่แหละ") อิฐเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพูดออกมา ("เพราะงั้นถ้าแกชอบเขาล่ะก็สนใจความรู้สึกเขาหน่อย")

   

"..."

   

("จริงๆ แล้วพ่อก็มีเรื่องอยากจะคุยกับแกอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าแกจะต้องมีเรื่องไปจัดการก่อน")

   

"..."

   

("พี่ไม่มีอะไรจะพูดมากกว่านี้แล้ว ที่เหลือก็ลองกล่อมให้รามเขามาตรวจดูก็แล้วกัน จะได้รู้ว่าเป็นอะไรและหาทางรักษาได้ทัน")

   

พออิฐพูดจบไอติมก็กดวางสายและทันทีที่ไฟเขียวรถก็พุ่งทะยานออกไป

   

เส้นทางและจุดหมายเปลี่ยนเป็นคอนโด



   



ตึกๆๆๆๆๆ!!

   

“เฮ้ย อย่าหนีนะเว้ย!”

   

บ้าจริง...จะตามทันแล้ว!

   

“แฮ่ก แฮ่ก...แฮ่ก...” ร่างโปร่งหอบหายใจแรงก่อนที่จะรีบอุดปากเมื่อเสียงฝีเท้าหลายคู่ใกล้เข้ามาในซอยที่เขากำลังนั่งขดตัวหลบอยู่ข้างกองไม้ผุพังกองใหญ่

   

“มันไปไหนแล้ว!? ไอ้เวรนั่น...ทางนั้น ตามไป!” พระรามหลับตาปี๋เกร็งตัวเมื่อเสียงตะโกนอยู่ใกล้มากเหมือนอยู่เหนือหัวเขานี่เอง

   

ถ้าหากโดนเจอล่ะก็ชีวิตเขาจบเห่แน่

   

‘นั่นมันราม คนของไอ้เหี้ยติมนี่หว่า!? พวกมึง...จับมันมา!’ ก่อนหน้านี้เขากำลังจะเดินกลับห้อง แต่เพราะดันบังเอิญไปเจอกับเหล่าคนที่เดินผ่านหน้าไป แต่พอมันจำหน้าเขาได้ก็รีบหันกลับมาพูดเสียงดังลั่น 'จับมันให้ได้ เพื่อแก้แค้นให้คุณภูมิที่ถูกไอ้เหี้ยติมมันกระทืบจนเสียโฉม!'

   

ตอนแรกยังจำไม่ได้ว่าเป็นใครแต่เพียงแค่ได้ยินชื่อของภูมิคนที่เคยคิดจะข่มขืนเขา ใบหน้ามนพลันซีดเผือด ขาคู่เรียวทำงานอัตโนมัติทันที วิ่งเข้าออกตรอกซอกซอยมืดๆ ไร้ผู้คน หนีหัวซุกหัวซุนจนมาหลบอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้...พระรามอุดปากแน่นแทบจะไม่ให้เสียงหายใจเล็ดลอดออกมา นึกหวาดกลัวไปไกลว่าถ้าหากถูกเจอตัวจะโดนทำอะไร...จะกระทืบเขา...หรือจับไปให้ลูกพี่ของพวกมันกระทำชำเราร่างกายของเขา

   

ต่อด้านล่าง

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep33 (จบแล้ว) 21/08/2019
«ตอบ #65 เมื่อ21-08-2019 21:01:31 »



ต่อจากด้านบน



ที่เขาต้องมาเจอแบบนี้ก็เพราะไอติม...นี่คือสิ่งที่ติมอยากให้เขาเจอ...เลือกที่จะปกป้องเอมออกจากวงโคจรอันโหดร้าย โดยที่ไม่ว่าเขาจะเป็นอะไรก็ช่าง

   

หยาดน้ำตาค่อยๆ ไหลริน เจือเสียงสะอื้นในความมืดมิด ไม่รู้เหมือนกันว่าร่างโปร่งนั่งขดตัวรออยู่ตรงซอกนั้นนานกี่นาที อาจจะเป็นชั่วโมงเพราะอยากให้แน่ใจว่าถ้าเดินออกไปจะไม่ถูกใครเห็นเข้า

   

ร่างโปร่งขยี้ตาแรงๆ ตัดสินใจค่อยๆ ลุกขึ้นและวิ่งหนีออกมาจากตรงนั้นโดยไม่ลืมมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง

   

ในที่สุดพระรามก็กลับมาถึงห้องพักจนได้

   

“แฮ่ก...” ร่างโปร่งยืนพิงกำแพงหายใจหอบสั่นอยู่หน้าประตู นอกจากจะเรื่องไอแล้ว เขายังหายใจลำบาก...หายใจตื้น...เหนื่อยง่าย มันมาเกือบทุกอย่าง...ทรมานมาก

   

ทั้งหมดเป็นปัญหาเกี่ยวกับเรื่องทางเดินหายใจอย่างที่พี่อิฐบอกทั้งนั้น

   

แกร๊ก...

   

พรึ่บ!

   

"อ๊ะ!" ทันทีที่เปิดประตูเข้าห้องมา ร่างโปร่งก็ถูกกระชากต้นแขนจนตัวปลิวด้วยแรงมหาศาล ในห้องมืดจนมองแทบไม่เห็นอะไร แต่แววตาวาววับ ทำให้รู้ว่าเป็นใคร "ติม...ปะ ปล่อย โอ๊ย เจ็บ..."

   

อีกฝ่ายบีบแขนเขาแรงเกินไปจนต้องร้องออกมา เพียงแวบเดียวที่มือนั้นคลายออกเล็กน้อยก่อนจะโดนลากเข้าห้องนอนทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เปิดไฟ แล้วตัวเขาก็ปลิวลงเตียงตามด้วยร่างสูงที่เข้ามาคร่อมทาบทับ ทำให้ดิ้นหนีไม่ได้อีกตามเคย

   

แม้กระนั้นพระรามก็ยังดิ้นขลุกขลัก ให้มือใหญ่ตามจับไหล่และพลิกกลับมานอนที่เดิม ได้ยินแต่เสียงสวบสาบระหว่างผิวกายกับผ้าปู และเสียงของร่างโปร่งที่ประท้วงแผ่วเบาโดยที่ไม่ได้รับการสนใจ

   

อีกฝ่ายโกรธอะไรมาอีกแล้ว...แล้วทำไมเขาถึงต้องโดนแบบนี้อยู่เรื่อยเลย

   

"ติมเป็นอะไร โกรธอะไร...ฮึก! พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย..." แขนผอมพยายามดันตัวเองลุกขึ้นแต่ก็ถูกกดให้แผ่นหลังติดเตียงเหมือนเดิม เสียงทุ้มใสสั่นเครือน้ำตารื้นด้วยความน้อยใจ ยิ่งเจอพวกนักเลงไล่กวดมาก็หวาดกลัวจะตายอยู่แล้ว ทำไมกลับมายังต้องมาเจออะไรแบบนี้อีก

   

ร่างสูงตรึงแขนผอมทั้งสองข้างไว้เหนือหัวก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาจะก้มลงซุกไซ้ซอกคอขาว จมูกโด่งและริมฝีปากร้อนพรมจูบแผ่วเบา ก่อนจะขบกัดและเลียซ้ำจนเจ็บแสบ

   

"อึ๊ก!"

   

ยิ่งทำมากเท่าไหร่ แรงขัดขืนยิ่งน้อยลงทุกที จนกลายเป็นโอนอ่อน เปิดช่องว่างให้อีกฝ่ายซุกไซ้ได้เต็มที่และเริ่มครางอืออาวาบหวิวกับสัมผัสแผ่วเบาเหมือนขนนก ร่างโปร่งนอนหมดแรงทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เริ่มทำอะไร...ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าร่างกายของตนเสื้อผ้าหลุดลุ่ยเปิดเปลือยตั้งแต่เมื่อไหร่

   

จนกระทั่งอีกฝ่ายผละออก คุกเข่ามองต่ำลงมาปลดเสื้อโชว์กล้ามเนื้อน่าหลงใหลและก้มลงมาบดเบียดร่างกายอีกครั้ง

   

วันนี้ก็จะเป็นอีกวันที่เขาต้องคอยปรนเปรออารมณ์อยากของไอติม...มันก็เหมือนทุกๆ วันที่เขาเป็นแค่คู่นอนคนหนึ่ง

   

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองใบหน้าของคนที่รักลดต่ำลงมาเรื่อยๆ และในที่สุดก็แนบชิดไร้ช่องว่าง

   

ดวงตาเรียวเบิกกว้างก่อนจะค่อยๆ ปรือหลับลงรับสัมผัสที่ลื่นไหลกวาดต้อนเข้ามาในช่องปาก เสียงน้ำลายชื้นแฉะดังน่าอายแต่ไม่อาจต้านทานความต้องการ

   

จมูกเล็กได้กลิ่นเหล้าโชยออกจากลมหายใจของไอติม ซ้ำยังรสชาดที่ติดอยู่ที่ปลายลิ้นนี่...

   

ติมเมามาอีกแล้ว...ไม่แคล้วอีกฝ่ายคงคิดว่าเขาเป็นใครอีกคน

   

'อะ อา พี่...พี่ชะเอม'

   

วันนี้เขาจะต้องโดนอีกแล้ว

   

'พี่เอม ผมรักพี่'

   

ต้องเจอแบบนั้นอีกแล้ว

   

'ถ้าพี่ชอบผม ผมจะไม่ทำให้พี่ร้องไห้เลย'

   

"อือ...ฮ่า...จุ๊บ...จุ๊บ!" เสียงใสครางเครือจนอดกระหวัดเกี่ยวลิ้นตอบรุนแรงไม่ได้...เป็นจูบที่รู้สึกดีเหลือเกิน

   

แต่แล้วทำไม...ทำไมน้ำตามันถึงไหลออกมาไม่หยุดเลย

   

ทำไมหัวใจของเขาถึงได้เจ็บ

   

ทำไม...ทำไม

   

ขาเรียวไร้เรี่ยวแรงถูกจับให้อ้ากว้าง สัมผัสเปียกชื้นที่ดุนดันด้านหลังที่ขมิบระรัวราวกับรู้ว่าจะต้องเจออะไร

   

"อะ...ฮะ!?" แก่นกายร้อนผ่าวสอดใส่เข้าช่องทางนุ่มที่เปิดกว้างรับก่อนจะตอดแน่นตุ้บเมื่อเข้าไปจนสุดโคน หน้าขาแกร่งแนบชิดสะโพกเล็กที่สั่นระริกก่อนจะถอนออกและกระแทกกลับลงไปจนร่างกายผอมสั่นไหวพร้อมๆ กับเตียงลั่นเอี๊ยดอ๊าด "อื๊อ อ๊า"

   

ร่างกายผ่ายผอมขาวซีดอยู่ภายใต้สายตาคมกริบทุกอากัปกิริยา ขาเรียวอ้ากว้างกับเสียงร้องครวญครางในยามที่ตัวตนแข็งขึงแทรกลึกเข้าไปทุกครั้งยิ่งทำให้คนมองกลืนน้ำลายและทำรุนแรงขึ้นทุกขณะ

   

ร่างสูงเท้าข้อศอกข้างศีรษะทุย โน้มคร่อมกายผอมก่อนจะส่งสะโพกหยัดกายเข้าลึกจนพระรามหวีดร้องลั่น มือเรียวกอดก่ายแขนแกร่งแผ่นหลังกว้าง นิ้วจิกข่วนปาดป่ายไปทั่วจนเป็นรอยแดงยาว

   

"อ๊ะ ฮ๊า!! ตะ ติม...อ๊ะ ฮะ อ๊าๆ!" ใบหน้ามนเกลือกกับผ้าปูที่ตนจิกจนยับย่น เสียวซ่านจนไม่รู้จะระบายออกมายังไงนอกจากครางดังไม่เป็นภาษา สุดท้ายไม่รู้ว่าร่างสูงรำคาญหรืออย่างไรจับคางเล็กให้หันมาและประกบปากปิดกั้นเสียงนั้นซะ แต่ไม่หยุดขยับสะโพกจนลิ้นเล็กในปากสั่นระริก "อือ! ฮืม...จุ๊บ ฮึก"

   

อยากจะครางก็ครางไม่ได้เพราะโดนล็อคคางไว้แน่น "ฮ่า...แฮ่ก อุ๊บ!" ริมฝีปากหยักร้อนระอุละออกไปแค่แวบเดียวยังไม่ทันหอบหายใจก็ประกบลงมาอีก...ครั้งแล้วครั้งเล่า

   

แขนผ่ายผอมโอบรอบคอแกร่ง เอียงศีรษะเกี่ยวลิ้นจูบตอบอย่างที่ต้องการ รู้สึกดีจนอยากร้องไห้...ร่างกายสุขสมเหลือคณา แต่รู้ดีว่าในเวลานี้อีกฝ่ายไม่ได้เห็นเขาเป็นพระราม

   

ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้ติมถึงเงียบไม่พูดอะไรเลย...แต่มันคงดีกว่าให้อีกฝ่ายครางเรียกชื่อชะเอมตอนที่กำลังมีเซ็กส์กับเขา

   

...ได้แค่นี้ก็ดีที่สุดแล้ว...

   

พระรามครางเสียงสูงเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อร่างแกร่งปลดปล่อยน้ำอุ่นเข้าเต็มช่องทาง กว่าติมจะเสร็จสมอารมณ์อยาก เขาก็ทะลักทลายไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง...ร่างโปร่งพลิกกายตะแคงข้างหอบหายใจเข้าปอด

   

ทันทีที่ร่างสูงถอนกายออกไปและเดินเข้าห้องน้ำ อีกฝ่ายเสร็จเพียงครั้งเดียวแต่เขาเหนื่อยมากกว่าทุกครั้ง "แฮ่ก...แค่กๆ"

   

ตาเรียวปรือกระพริบช้าๆ มองอะไรไม่เห็นสักอย่างในความมืด ก่อนที่มือเรียวจะปาดป่ายหาผ้าห่มเพื่อคลุมกายให้ความอบอุ่น

   

"แค่ก...!" คนตัวผอมไร้ไขมันขดตัวเข้าหากันและกอดตัวเองแน่นเมื่อผ้าห่มไม่ได้ช่วยเขามากนัก

   

อีกไม่นาน...ร่างโปร่งจะมีไข้...พระรามตัวรุมรู้สึกหนาวสั่นอย่างนี้ทุกคืน อาจเป็นเพราะผลพวงจากอาการป่วยน่ารำคาญเหล่านี้ก็เป็นได้

   

'มาตรวจแล้วจะได้รู้ว่าเป็นอะไรจะได้รักษาทัน'

   

'ตรวจเอ็กซเรย์ทรวงอก ค่าใช้จ่ายประมาณห้าพันบาท'

   

เขาจะเอายังไงดี...คิดไม่ตกมาตลอดตั้งแต่วันที่คุยกับพี่อิฐ

   

ไม่อยากกู้เงินเพื่อมารักษา เขาไม่อยากเป็นหนี้เหมือนกับที่พ่อเป็น...จนสุดท้ายก็โดนยึดบ้านหลังสำคัญไป

   

ทำงานหาเงินอย่างนี้ไปเรื่อยไม่มีสิ้นสุด...ชีวิตของเขาจะต้องขึ้นอยู่กับเม็ดยาพวกนั้นเหมือนกับแม่ภาวดีจริงๆ เหรอ

   

เขาเหนื่อยมากเลย บนโลกที่ไม่มีใครคอยอยู่เคียงข้างหรือให้กำลังใจ

   

อยากจะหยุดมันแล้ว...ทุกสิ่งทุกอย่าง...ทั้งการกระทำของเขา...และชีวิตด้วย

   

คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ความคิดก็เหมือนจะล่องลอยไป แต่ไม่ทันได้ลงลึกสู่นิทราก็รู้สึกได้ว่าผ้าห่มที่คลุมกายให้ความอบอุ่นหายไป ดวงตาเรียวปรือมองก็ไม่มีใครนอกจากไอติม

   

"ติม? มีอะไร...พี่ง่วง" มือเรียวเอื้อมออกคิดคว้าผ้าห่มคืนแต่อีกฝ่ายกลับไม่ให้ "ขอผ้าห่มหน่อย แค่ก พี่หนาว...ติม"

   

"มาคุยกันก่อน"

   

"คุย...คุยอะไร" พระรามง่วงมากแต่ก็ต้องหยัดกายลุกขึ้นนั่งอ่อนแรง ผิวกายกระทบแอร์เย็นๆ จนขนลุกหนาวสั่น...ตอนนี้ร่างกายเขาก็ยังคงเปลือยเปล่าไม่ได้สวมอะไรทับ

   

"มึงไปหาพี่อิฐที่โรงพยาบาลเป็นอะไร บอกกูมาเดี๋ยวนี้"

   

"พะ พี่บอกแล้วว่าแค่ปรึกษานิดหน่อย..."

   

"มึงป่วยหนัก แต่ไม่ยอมให้ตรวจใช่มั้ย"

   

"ติมรู้..." คำพูดของติมทำให้ดวงตาเรียวเบิกกว้าง ดวงตาเรียวสั่นไหวหลุบลงไม่กล้าสบ

   

"พี่อิฐบอกสิ กูถึงจะได้รู้"

   

ทำไมพี่อิฐถึง...?

   

ทั้งๆ ที่เขาบอกว่าอย่าบอกติมแท้ๆ

   

ดวงตาเรียวกลอกล่อกแล่กหาทาง "คุยพรุ่งนี้ได้ไหม..."

   

"ไม่ได้!" ไอติมกระชากข้อมือของคนที่กำลังคิดจะถอยหนี

   

พอโดนตวาดใจดวงน้อยก็ตกลงตาตุ่ม น้ำตารื้นขึ้นตอบเสียงตะกุกตะกักสั่นเครือ

   

"แล้วติมจะสนใจทำไม พี่จะตรวจหรือไม่ตรวจ ฮึก ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับนายนี่” คำพูดของพระรามทำให้ดวงตาคมกริบประกายวาวโรจน์ เผลอบีบแขนในมือจนอีกฝ่ายร้องโอดครวญ “เจ็บ”

   

'สักวันเขาจะไปจากมึง...ไปหาคนที่ดีกว่า'

   

'รู้ว่าตัวเองใจร้อนก็เย็นลงหน่อยดิวะ ทิฐิน่ะหัดลดลงซะบ้าง'

   

แล้วมึงดู...ไอ้ธาร กับคำตอบแบบนี้จะไม่ให้กูโมโหได้ยังไง!?

   

"จะไม่เกี่ยวได้ยังไง! มึงเป็นของกู...ทั้งร่างกาย รวมถึงหัวใจด้วย"

   

ใช่ มันควรเป็นแบบนั้น...แล้วมันก็จะเป็นแบบนั้นตลอดไป!

   

"ไม่เอา...ปล่อยพี่นะ...!" นิ้วเรียวพยายามแงะมือแกร่งออกจากแขนผอมที่รุมอุ่น ดวงตาเรียวสั่นไหวรุนแรง คำพูดนั่นมันอะไรกัน...เขาเป็นของติมอะไรกัน อย่าพูดเหมือนเป็นสิ่งไร้ค่าที่อยากจะเก็บไว้ก็เก็บ ไม่อยากได้ก็ทิ้งได้มั้ย

   

"อย่าดิ้นสิวะ"

   

"พี่ไม่ได้เป็นของนาย!! ปล่อย!!"

   

เสียงทุ้มใสตวาดดัง ร่างเปลือยเปล่ายุดยื้อไร้เรี่ยวแรง...ไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ภายใต้แรงมหาศาลของร่างสูง จึงเปลี่ยนจากแงะมาจิกมือนั้นแทน

   

บอกว่าเขาเป็นของอีกฝ่าย...แต่หัวใจของไอติมล่ะ...มันไม่ได้เป็นของเขานี่

   

"พี่ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว..." ร่างโปร่งพูดแผ่วเบา ตัดพ้อน้อยใจ แต่ไอติมกัดฟันกรอด

   

...คำพูดราวกับจะจากไปนั่น...

   

"จะหนีไปหาผู้ชายคนอื่นหรือไง คราวนี้จะเกาะใครกินอีกล่ะ" มันก็แค่คำพูดที่ห้ามไม่ให้พระรามไป ด้วยอารมณ์โมโห แต่คนฟังชาตั้งแต่หัวจรดเท้า

   

คราวนี้จะไปเกาะใครกิน...น้ำตาเม็ดโตร่วงหล่นไม่ขาดสาย สะอึกสะอื้นแรงเมื่อได้ยินคำดูถูก ทุกวันนี้เขาแทบจะไม่ได้ขออะไรจากอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ เงินเขาก็หามาใช้เอง ซื้อของเอง...มีเพียงที่อยู่อาศัยนี่เท่านั้นที่เขาจะกลับมานอน

   

แบบนี้เรียกว่าเกาะอีกฝ่ายกินงั้นหรือ

   

"ถ้ามึงไม่มีเงิน เดี๋ยวกูจะให้เงินไปตรวจ...เท่าไหร่ล่ะ"

   

"ไม่เอา! ฮือ..." ได้ยินแล้วพระรามปฏิเสธทันทีทั้งน้ำตา คำพูดที่ออกจากปากไอติม ไม่ต่างจากเขาเป็นพวกขายตัว นอนอ้าขาให้เอาแล้วก็ใช้เงินฟาดหัว

   

แล้วถ้าพระรามรับเงินไป...แบบนี้ต่างหากที่เรียกว่าเกาะอีกฝ่ายกิน

   

เขาไม่ใช่คนแบบนั้น!

   

"พี่ไม่ตรวจ! แล้วพี่จะไปตายที่ไหนก็เรื่องของพี่!"

   

เพียะ!

   

ใบหน้ามนสะบัดแรง แรงจนร่างเบาหวิวล้มลงกระแทกเตียงนุ่ม ใบหน้าด้านขวาชา ความรู้สึกต่อมาคือเจ็บแสบ ดวงตาเรียวเบิกกว้างมองร่างสูงที่หอบหายใจแรง...

   

ไม่อยากจะเชื่อ...ไอติมตบหน้าเขา

   

เป็นครั้งแรก...อีกฝ่ายทำร้ายร่างกายของเขา

   

"ห้ามพูดว่าตายอีก!" เสียงทุ้มตวาดดังแต่ไม่เข้าโสตประสาทของร่างโปร่งอีกต่อไปแล้ว

   

พระรามขดตัวแน่นราวกับจะปกป้องตัวเอง แต่ไม่เลย ก็แค่รู้สึกว่าโลกใบนี้เขาไม่เหลือใครอีกแล้วก็เท่านั้น

   

มือเรียวยกจับแก้มขาวที่เป็นรอยฝ่ามือแดง มุมปากแสบเหมือนแผลในปากแตกได้เลือดแต่ก็ไม่ได้คิดสนใจ...มันเจ็บแสบไม่ต่างจากโดนพูดทำร้ายจิตใจสาดใส่

   

พระรามไม่อยากอยู่แล้ว...ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว

   

"ฮึก...ฮึก"

   

เพราะเขาไม่ได้น่าทะนุถนอมอย่างชะเอม...อีกฝ่ายก็เลยลงไม้ลงมือกับเขาได้อย่างไม่ลังเล

   

ถ้าหากเขาตายไป...มันคงดีกว่านี้

   

เสียงร้องไห้ดังคร่ำครวญไม่ปิดบังใครอีกคนที่ยังอึ้งกับการกระทำของตัวเอง ดวงตาคมกริบเบิกกว้างไม่แพ้กัน สติที่ขาดผึงเผลอลงมือทำร้าย...ก็แค่อยากจะให้หยุดพูดคำๆ นั้น

   

พี่จะไปตายที่ไหนก็เรื่องของพี่!

   

'รู้ว่าตัวเองอารมณ์ร้อน ก็ใจเย็นลงหน่อย'

   

...มันไม่ทันแล้ว...

   

'คนที่รักมึง ก็มีแต่จะเสียใจกับคำพูดและการกระทำทุกๆ อย่างของมึงเท่านั้นแหละ'

   

ไอติมทำให้พระรามเสียน้ำตาครั้งแล้วครั้งเล่า

   

'มึงก็แค่ลดทิฐิลง...กับพี่เอมมึงยังทำดีด้วยได้ แล้วทำไมกับคนนี้ถึงจะทำไม่ได้ล่ะวะ'

   

'ถ้าแกชอบเขาล่ะก็สนใจความรู้สึกเขาหน่อย'

   

"ราม..."

   

ร่างสูงคลานขึ้นเตียงเข้าไปใกล้และเรียกชื่อ ซึ่งคนได้ยินถึงกับสะดุ้งเฮือกขดตัวแน่นกว่าเดิม ยกมือบังใบหน้าตนราวกับกลัวว่าเขาจะทำร้ายอีกครั้ง ใบหน้าที่เคยขาวกลับแดงเป็นรอยนิ้วมือ แสงจันทร์สาดส่องเห็นหยาดน้ำตากับดวงตาสีน้ำตาลเข้มสั่นไหวหวาดกลัว

   

เพียงแค่ทำร้ายหนึ่งครั้ง...จิตใจที่เปราะบางก็ถูกทำลายลงไปแล้ว

   

"ตะ ติม พี่ขอโทษ ยะ ฮึก! อย่าทำพี่เลยนะ" เสียงทุ้มใสสั่นเครือขอความเห็นใจ รีบรุดลุกขึ้นคลานหนีเมื่อไอติมเข้าใกล้มากขึ้น มือใหญ่รีบคว้าข้อเท้าผอมเอาไว้ก่อนที่ร่างโปร่งจะหนีพ้นเตียง เพียงแค่แตะลงบนผิวกายรุมอุ่น พระรามก็สะบัดอย่างแรง "เฮือก! ไม่เอา! ปล่อย พี่เจ็บ...!"

   

"ราม อย่าดิ้น" คราวนี้ไอติมไม่ได้จับออกแรงอะไรเลย ก็แค่ทำให้พระรามหนีไปไม่ได้เท่านั้น แต่ร่างโปร่งก็ดิ้นพล่านทั้งกายเปลือยเปล่าแบบนั้นเหมือนเขาเป็นคนร้ายยังไงยังงั้น

   

ดวงตาคมกริบสะท้อนความเจ็บปวด ร่างสูงคว้าร่างผอมเข้ามากอดแนบอกแกร่งแน่น แขนแกร่งโอบรัดเอวบางไม่ให้ดิ้นหนี และมือใหญ่อีกข้างก็จับศีรษะทุยให้ซบตรงซอกคอพลางลูบแผ่วเบา

   

"ผมไม่ทำอะไรแล้ว ราม...ขอโทษ...ขอโทษนะ"

   

คราวนี้...ไอติมเห็นเขาเป็นใครอีกล่ะ

   

ถ้าใจดีแบบนี้...แสดงว่าเขาเป็นชะเอมสินะ

   

"ราม ผมขอโทษ...ขอโทษ"

   

"ฮึก...!" น้ำตาใสไหลไม่ขาดสาย ใบหน้ามนซบลงกับไหล่แกร่งสะอึกสะอื้นจนแผ่นหลังบางสะท้อนแรง แขนผอมยอมกอดตอบ

   

ทั้งๆ ที่ไอติมเรียกชื่อเขาอย่างเต็มปาก ได้ยินเต็มสองหู แต่หัวใจกลับไม่เชื่อ...เพราะมันไม่มีทางเลยที่พระรามจะได้รับความอ่อนโยนแบบนี้

   

...ไม่มีทาง...

   

ไม่รู้แล้วว่าตอนนี้ตัวตนของเขาอยู่ที่ไหน...มันอาจจะล่องลอยหายไปตั้งนานแล้ว...ตั้งแต่วันนั้น...วันที่ติมเรียกเขาว่าเอมนั่น

   

จนกระทั่งเสียงสะอื้นในห้องค่อยๆ จางลง ไอติมดันร่างกายอุ่นของพระรามออก ยกมือลูบแก้มและถามด้วยเสียงเบาราวกับรู้สึกผิด

   

"เจ็บมั้ย"

   

"..." ดวงตาแดงช้ำสะท้อนความว่างเปล่า แต่ริมฝีปากบางกลับยิ้มออกมา "...พี่...พี่ไม่เป็นไร..."

   

"ผมขอโทษ"

   

สรรพนามที่เปลี่ยนไปนี้ก็ด้วย น้ำเสียงที่ใช้กับเขา...เขาคือชะเอม

   

"พี่ไม่เป็นไร...หายเจ็บแล้ว" พระรามยิ้มบางเอ่ยคำโกหก มุมปากเขายังคงเจ็บแสบแทบพูดไม่ได้แต่ก็ยกมือลูบใบหน้าหล่อเหลาปลอบใจคนที่มีดวงตาฉายความเจ็บปวด "นายไม่ต้องขอโทษแล้วนะ"

   

เขาคือ...ชะเอม

   

ริมฝีปากหยักเริ่มยิ้มออกมาได้เมื่อพระรามไม่ดิ้นหนีตนแล้ว ซ้ำยังยิ้มให้...คำขอโทษของเขาคงจะทันเวลาสินะ

   

เมื่อบรรยากาศดีขึ้นแล้ว ประสาทสัมผัสเริ่มทำงาน คิ้วเข้มขมวดแน่นเมื่อสัมผัสได้ถึงผิวกายนุ่มลื่นนี้มันร้อนรุมๆ "รามไม่สบาย..."

   

"พี่ไม่เป็นไร" เสียงทุ้มใสพูดขัดขึ้นทันใด ก่อนจะขยับตัวเล็กน้อยราวกับจะบอกให้ปล่อยตนไป "ติมปล่อย...พี่จะไปใส่เสื้อ"

   

"จูบก่อน"

   

พระรามชะงัก ปกติอีกฝ่ายจะทำอะไรไม่เคยขออนุญาตสักครั้ง แต่แล้วก็เข้าใจ...เพราะเขาไม่ใช่พระรามไง

   

ไม่งั้นอีกฝ่ายคงไม่ขอจูบ...จูบที่รักษาไว้ให้คนที่ชอบเท่านั้น

   

ใบหน้าขึ้นสีแดงเรื่อเมื่อจ้องแววตาคมกริบ ดวงตาเรียวหลุบลงก่อนจะเอ่ยท้วงแผ่วเบา "อย่าเลย พี่รู้สึกไม่ค่อยดี...เดี๋ยวนายจะติดไข้ไปด้วยนะ"

   

"ถ้าจะติดคงติดไปนานแล้ว ทำอะไรๆ มากกว่าจูบไปตั้งเยอะแล้วนี่"

   

"...งั้นครั้งเดียวได้มั้ย...นะ"

   

คนฟังไม่ตอบรับคำอ้อนวอนนั้น มือใหญ่ประคองท้ายทอยเล็กเข้าใกล้ ดวงตาสองคู่สบกันค่อยๆ ปรือปิด ก่อนที่กลีบปากจบประกบเข้าหากัน ลิ้นร้อนสอดตวัด...แลกลิ้นชิมน้ำลายดังจ๊วบจ๊าบ หยอกเย้าจนเร่าร้อน

   

บรรยากาศในห้องกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง และไอติมก็ดันพระรามให้นอนหงาย ถกกางเกงจนความร้อนผ่าวดีดผึง จับแก่นกายใหญ่สอดเข้าช่องทางนุ่มลื่นที่ยังคงมีน้ำของเขาอยู่เต็ม เสียงทุ้มใสหวีดร้องดังให้คนหื่นกระหายเลียปากและขยับกระแทกอย่างเอาแต่ใจ

   

มือเรียวยกขึ้นจิกทึ้งผ้าปูที่นอนข้างศีรษะอย่างเสียวซ่าน แผลมุมปากที่เจ็บไม่อาจต้านทานความรู้สึกด้านล่างที่แทงลึกเข้ามาจนต้องอ้าปากกว้างคราง

   

ความนุ่มอุ่นที่ร้อนกว่าเดิมยิ่งรู้สึกดี ทำให้ร่างสูงส่งแรงขับเคลื่อนจนตัวพระรามไถลเกือบหลุดเตียง ร่างกายทั้งสองกอดเกี่ยวเปลี่ยนท่า ทะลักทลายครั้งแล้วครั้งเล่า...จนเกือบรุ่งสาง

   

โดยที่ไอติมปล่อยให้สิ่งที่อยากจะพูดให้ล่องลอยไปในยามปลดปล่อยครั้งสุดท้ายก่อนที่ร่างโปร่งจะสลบไป ร่างสูงจับคนตัวอุ่นให้มานอนดีๆ และห่มผ้าคลุมกายผอมบางให้แผ่วเบา

   

นิ้วยาวเกลี่ยหน้าม้าที่ปรกหน้าผากมนออกก่อนจะล้มตัวนอนตะแคงข้างๆ กัน ดวงตาคมกริบจ้องมองใบหน้ามนกับขอบตาแดงช้ำที่ผ่านการร้องไห้มาหลายคราเพราะตน

   

'ลองกล่อมให้พระรามมาตรวจดู ถ้ารู้ว่าเป็นอะไรแล้วจะได้รักษาทัน'

   

ไม่เป็นไร...เดี๋ยวตื่นมาค่อยว่ากันอีกทีก็ได้

   

'พี่จะไปตายที่ไหนมันก็เรื่องของพี่!'

   

'ผู้ป่วยส่วนใหญ่อาการทรุดลงอย่างรวดเร็วเพราะอาการทางจิตใจนี่แหละ'

   

...จะไม่ยอม...ให้ตายหรอก...

   

ซึ่งในตอนนั้นไอติมไม่รู้เลย...ว่ามันไม่ทันแล้ว



.

.

.

   

...ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว...





********************* Love Substitute *********************

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep33 (จบแล้ว) 21/08/2019
«ตอบ #66 เมื่อ21-08-2019 21:03:07 »

ทดแทนรัก

ตอนที่ 31



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม





พระรามนอนได้ไม่ถึงชั่วโมงก็ต้องตื่นขึ้นมาเพราะความรู้สึกแปลกๆ ในร่างกาย



ดวงตาเรียวปรือมองคนข้างกายที่นอนตะแคงข้างหันเข้าหา แขนแกร่งพาดก่ายร่างกายของเขา ใบหน้าหล่อเหลาหลับพริ้มทำให้ร่างโปร่งต้องยกแขนอีกฝ่ายเบาๆ ท่าทางจะง่วงมากไอติมจึงไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่นิด



"แค่ก..." ในลำคอแห้งผาก พระรามยกมือขึ้นปิดปากไอแห้งแผ่วเบา ก่อนที่ริมฝีปากบางจะอ้างับอากาศเพื่อหายใจเมื่อรู้สึกว่าจมูกไม่สามารถเอาออกซิเจนเข้าปอดได้เพียงพอ



ลมหายใจของเขา...มันมีเสียงประหลาด...ดังวี้ด...วี้ดแผ่วเบาตามจังหวะการหายใจ ดีที่มันเบามากจนถ้าไม่ตั้งใจฟังก็อาจจะไม่ได้ยิน



...มันคืออะไร...



จู่ๆ ร่างกายของตนมันก็สั่น แขนผอมยกขึ้นกอดไม่ใช่เพราะหนาว แต่เพื่อปลอบประโลม...เพราะความไม่รู้จึงหวาดกลัว



'มาตรวจนะ จะได้รู้ว่าเป็นอะไร'



'ถ้าไม่มีเงินเดี๋ยวกูให้...เท่าไหร่ล่ะ'



หยาดน้ำตาที่เพิ่งหยุดได้ไม่นานไหลรินอีกครั้งจนขอบตาแสบไปหมด น้ำใสหยดลงบนแขน ไหลซึมสู่เตียง เสียงสะอึกสะอื้นกลั้นในลำคอเพราะไม่อยากให้คนนอนหลับได้ยิน







"รับอะไรดีจ๊ะ"



"ผมขอ...ข้าวต้มหมูใส่ไข่สองฟองสาม...อืม สองชุดครับ"



ครึ่งชั่วโมงถัดมาหลังจากตื่น พระรามออกมาด้านนอก โดยอาบน้ำชำระร่างกายจนสะอาดเรียบร้อยแล้ว ไม่ลืมนำผ้าปิดปากมาใส่ด้วย อาการป่วยไข้ขึ้นของเขา...มันขึ้นๆ ลงๆ ตอนกลางคืนมักจะชอบตัวรุมๆ แต่พอตื่นเช้ามาก็ดีขึ้น...เป็นแบบนี้ทุกวัน



ทั้งๆ ที่เหนื่อยเพลียมากแต่ร่างโปร่งกลับไม่มีความง่วงงุนเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่าเพลียจากกิจกรรมบนเตียงหรือเพลียจากอาการป่วยสะสมบ้าๆ บอๆ ของตัวเองกันแน่



มือเรียวรับถุงข้าวต้มที่ต่อคิวนานหลายนาทีก่อนจะยื่นจำนวนเงินพอดิบพอดีไปให้ เขามาซื้อหลายครั้งแล้วจึงรู้ว่าข้าวต้มของที่นี่ราคาเท่าไหร่



ร้านนี้เป็นร้านติดอันดับที่ไอติมชอบกินมากที่สุด เขามาซื้อให้ทุกเช้าในตลาดที่ห่างจากคอนโดสองกิโลเมตร...ไกลแต่เดินมาเรื่อยๆ ก็ไม่เหนื่อย อากาศตอนเช้าในวันหยุดไร้รถยนต์บนถนนทำให้เขารู้สึกดีมาก หลังจากได้ของ ขาคู่เรียวก็เดินมาเรื่อยๆ ซึ่งไม่นึกว่าเลยว่าจะได้เจอกับ...



"อ้าว หวัดดี ราม"



"เอม...สวัสดีครับ" พระรามเรียกชื่อคนตรงหน้าเสียงเบา ก่อนจะยกมือไหว้คนที่เดินมาพร้อมกับร่างบาง...ผู้ปกครองของชะเอม ศักดิ์เป็นพ่อบุญธรรม เป็นพ่อแท้ๆ ของคิน ชื่อเกษมศักดิ์ อนันต์โภคทรัพย์ ประธานบริษัทชื่อดังที่ทำธุรกิจเติบโตได้กำไรหลักหลายล้านต่อปี...ทั้งคู่สวมชุดที่ดูมีราคาล่อตาพวกขโมย ไม่น่าเชื่อว่าจะมาเดินตลาดแถวนี้ได้



"สวัสดี เพื่อนคนนี้ลุงเคยเจอมั้ย" คนแก่รับไหว้ ก่อนจะหันไปถามลูกชายสุดที่รักเสียงอ่อน



"อ่า น่าจะเคยเจอครับ ที่โรงพยาบาล" ชะเอมยิ้มแหย ไม่แน่ใจเหมือนกันเพราะช่วงนั้นเกินเรื่องวุ่นๆ มากมาย จำเหตุการณ์ไม่ค่อยได้



"ผมชื่อรามครับ เป็นเพื่อนที่อยู่คณะเดียวกับชะเอม เคยเจอกับ...คุณลุงแค่แวบเดียว เห็นยุ่งๆ กันอยู่ผมก็ไม่กล้าเข้าไปทัก"



"อ๋อ" เกษมศักดิ์พยักหน้าแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ชะเอมมองซ้ายมองขวาลังเลเหมือนอยากจะคุยกับเพื่อน แต่ก็ไม่อยากรบกวนเกษมศักดิ์ ท่านประธานเหมือนจะรับรู้ความกังวลนั้น "งั้นเดี๋ยวลุงไปรอที่รถก่อนก็แล้วกัน อย่าช้านะ จะได้รีบกลับไปก่อนเจ้าคินตื่น"



ชะเอมยิ้มกว้างพยักหน้าหงึกหงัก "ครับคุณลุง"



หลังเกษมศักดิ์เดินไป ชะเอมก็เข้ามาใกล้ประชิด จ้องมองตรงริมฝีปากของเขา ทำให้ต้องยกมือขึ้นจับพบว่ามันคือหน้ากากอนามัย



"รามเป็นอะไร ไม่สบายเหรอ"



"อืม นิดหน่อยนะ"



"ทำไมเจอกันกี่ครั้งรามก็ไม่สบายตลอดเลย" เสียงใสเป็นห่วงจริงใจ พลางยกมือขึ้นทาบทับหน้าผากเพื่อน อาจจะรุมๆ นิดหน่อย...แต่ก็ดีขึ้นกว่าเมื่อคืนแล้ว



พระรามเกาหัวหัวเราะ โล่งใจที่ตนใส่ผ้าปิดปากมาเพราะแผลมุมปากมันเริ่มบวมและแห้งกรัง เจ็บยิ่งกว่าเมื่อวานอีก ถ้าชะเอมเห็นคงเป็นห่วงหนักมากกว่านี้แน่ "ผอมลงอีกแล้ว รามได้กินข้าวบ้างมั้ย"



"กินอยู่แล้ว...แต่อาจจะกินน้อยมันเลยขุนไม่ขึ้นน่ะ" พูดจบก็หัวเราะเสียงแห้งปิดท้าย



"งั้นก็กินเยอะหน่อยสิ ตอนนี้เราน่าจะอ้วนกว่ารามแล้วนะ" เจ้าคนตัวบางยกแขนผอมขึ้นเบ่งกล้าม แล้วก็หลุดขำตาปิดเพราะมันไม่มีออกมาเลยแม้แต่นิด



"แปลกใจที่นายมาเดินตลาดที่นี่นะ" ร่างโปร่งมองรอยยิ้มสดใสที่ทำให้โลกสดใสก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย



"พอดีว่าแถวนี้ใกล้บ้านใหญ่...หมายถึงบ้านจริงๆ ที่ไม่ใช่คอนโดของคินน่ะ พวกเราย้ายมาอยู่ที่บ้านเพราะจะได้มีคนดูแลคินได้ทั่วถึงมากกว่า" ในยามที่พูดถึงคนรัก ดวงตากลมโตก็เปล่งประกายความสุขล้นจนคนมองอดยิ้มตามไม่ได้



ใครที่ได้ความรักจากเอมคงเป็นคนที่โชคดีที่สุด...คินคือคนๆ นั้น



"เหรอ..."



"แล้วรามล่ะ มาซื้อ...ข้าวต้มเหรอ น่ากินจัง" ร่างบางกวาดมองสะดุดที่ถุงในมือของเพื่อนแล้วเอ่ยทักอย่างสนอกสนใจ พระรามยกถุงขึ้นมาในระดับสายตาและโฆษณาชวนชิม



"อร่อยนะร้านนี้ เรากินบ่อย อยากลองซื้อให้คินกินดูบ้างไหม...ร้านอยู่ตรงสุดหัวมุมโน่นแน่ะ แต่คนเยอะหน่อยนะ รอนาน"



เจ้าตัวพยักหน้าหงึกหงักรับคำ "เหรอๆ ถ้างั้นเอาไว้คราวหน้าเราจะมาซื้อนะ ตอนนี้คุณลุงคงรอนานแล้วล่ะ" คำพูดของชะเอมไม่ได้รับปากไปเฉยๆ ในน้ำเสียงจริงใจเหมือนกับว่าครั้งหน้าจะมาซื้อจริงๆ ตามคำแนะนำของเขา



"อืม รีบกลับเถอะ เดี๋ยวเราเดินไปส่ง"



"จะดีเหรอ"



"อืม ยังไงก็จะกลับอยู่แล้วด้วย" เสียงทุ้มใสพูดเบา พลางคิดไปถึงใครอีกคนที่ยังนอนคลุมโปงอยู่...ไม่รู้ว่าติมจะตื่นหรือยัง



"ใช่เหรอวะ ฮ่าๆ"



"ก็ไอ้เวรนี่อ่ะดิ มันบอกว่าน้องนิลคนน่ารักไปยั่วพี่ภูมิ หุ่นนี่แซ่บไม่แพ้ผู้หญิงเลยนะเว้ย กูยังอยากกระแทกสักที"



"ระวังเป็นเอดส์นะ เห็นแบบนั้นกูว่าใช่ย่อย คงอ้าขาให้ใครเอาไปทั่วแหละว่ะ"



กึก!



ชื่อเสียงเรียงนามที่กลุ่มคนที่กำลังเดินตรงมาพูดมันช่างคุ้นหู ขาเรียวหยุดชะงักเพียงชั่วครู่แต่ก็เดินต่ออย่างไม่ให้มีพิรุธ รู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้นทุกขณะและเหงื่อก็ซึม ใบหน้ามนก้มต่ำ...ไม่เป็นไร วันนี้เขาใส่ผ้าปิดปากมาด้วย พวกมันคงจำไม่ได้หรอก



ยิ่งเสียงคุยนั้นผ่านด้านข้างไปหัวใจยิ่งเต้นแรง มือเรียวรีบโอบแผ่นหลังผอมบางของคนข้างกาย และก้าวให้เดินไปเร็วขึ้น แม้ชะเอมจะสีหน้างุนงงเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร



พอกลุ่มคนประมาณห้าคนเดินผ่านไป พระรามก็พรูลมหายใจโล่งอก



"อ๊ะ เดี๋ยวครับ!" ดวงตาเรียวเบิกกว้างเมื่อชะเอมตะโกนเรียกคนกลุ่มนั้น ร่างบางก้มหยิบบางอย่างบนพื้นและหันหลังพร้อมยื่นสิ่งที่ว่าให้ "เอ่อ ทำเงินตกรึเปล่าครับ"



โดยที่ร่างโปร่งยืนนิ่งตัวแข็งหน้าซีดเซียวอยู่เหมือนเดิม...ความดีของชะเอมมาทำงานอะไรตอนนี้!?



"เฮ้ยนั่นของกู" ชายคนหนึ่งพูดขึ้นทันใด แต่คนอื่นกลับยกพวกเดินมาเป็นกลุ่มพร้อมสีหน้าหาเรื่องทำเอาใบหน้าหวานเลิกลั่ก



"ขโมยเหรอวะ"



"ปะ เปล่าครับ...พอดีเห็นมันตกอยู่บนพื้นตอนพวกคุณเดินผ่านก็เลยเก็บให้..." เสียงใสว่าตะกุกตะกัก แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายที่ไม่ใช่เจ้าของเงินจะไม่เชื่อ ดูเดือนร้อนยิ่งกว่าเพื่อนตัวเอง ล้วงกระเป๋าก้าวสองก้าวยื่นหน้าเข้าประชิดและตะโกนเสียดังจนคนรอบตลาดหันมามอง



"หา!? ว่าไรนะ!"



"เฮ้ยใจเย็นเว้ย" อีกคนเข้ามากระชากไหล่



"มึงอย่าขัดกูดิ นี่กูกำลังช่วยสอบสวนความจริงให้มึงอยู่"



"ไม่ได้ขัด แต่แทนที่จะไปหาเรื่อง ดูหน้าก่อน นี่มันลูกคุณหนูชัดๆ ...น่ารักแบบนี้น่าจะเอาไปทำอย่างอื่นดีกว่ามั้ง"



ไอ้คนหน้าขึงขังคลายคิ้ว พอมองดีๆ ใบหน้าขาวใสแม้จะเป็นผู้ชายแต่หน้าหวานชะมัด "เออก็จริง"



"เอ่อคือ..."



หลายคนพากันกลืนน้ำลายสอเสียงดัง ไม่สนใจเสียงใสที่อึกอักเริ่มรู้สึกแย่ พระรามกลืนน้ำลายก่อนจะกัดฟันกรอด



ขวับ!



"เฮ้ย อะไรวะ ไอ้ตาตี่นี่" คนยื่นหน้าเข้าใกล้ชะเอมผงะถอยหลังเมื่อจู่ๆ ก็มีคนมาแทรกกลาง



แขนผอมรีบดันเพื่อนที่ทำอะไรไม่ถูกให้หลบด้านหลังก่อนจะประจันหน้ากับพวกนักเลงแทน "นี่เพื่อนกู อย่ามาเสือก...เอาเงินแล้วไสหัวไปซะ"



ตอนแรกก็ว่าจะไม่ยุ่ง แต่ดูเหมือนไอ้พวกนี้มันชักลามปามเพื่อนของเขาเกินกว่าที่ควร ชะเอมก็ซื่อๆ ไม่รู้หรอกว่าไอ้พวกนี้มันพูดจริงหรือเล่น แต่จะเป็นแบบไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้น



ถ้าหากไอติมรู้ว่าพวกนี้ยุ่งกับชะเอมล่ะก็...คงไม่ตายดีแน่



"กูว่ามึงนั่นแหละที่เสือก กูกำลังคุยกับคนสวยอยู่ คนหน้าจืดอย่างมึงก็หลีกไป!"



"มึงนี่ชอบใจร้อนอยู่เรื่อยเลยนะ...แต่เรื่องนี้กูเห็นด้วยว่ะ มึงมาเสือกอะไรด้วยวะ"



"เอม เดี๋ยวเราให้สัญญาณแล้ววิ่งเลยนะ" ในขณะที่พวกมันยังจำเขาไม่ได้...ใบหน้ามนหันข้างแล้วพูดกระซิบเสียงเบาผ่านผ้าปิดปากที่คิดว่าน่าจะได้ยินกันแค่สองคน



"เอ๊ะ" แต่ชะเอมทำหน้างงไม่เข้าใจ



"เดี๋ยวเพื่อน กูว่าไอ้นี่มันหน้าคุ้นๆ นะ"



"ใส่ผ้าปิดปากแบบนี้แล้วมันก็คุ้นหมดแหละ หน้าโหลๆ แบบเนี้ย"



"เฮ้ย มึง...ไอ้หน้าจืดนี่มันแฟนเหี้ยติมนี่!?" แต่แล้วคนอยู่ข้างหลังสุดตะโกนขึ้นมาให้เพื่อนหันขวับมองก่อนจะกลับมาจ้องหน้าพระรามที่หน้าซีดเบิกตากว้าง



มันจำเขาได้!



"เอม วิ่ง!" ร่างโปร่งตะโกนลั่น คว้าข้อมือผอมและออกวิ่งไม่เหลียวหลังทันที เขาไม่มีเวลาจะมาถามว่าวิ่งไหวมั้ยแล้ว ขอเพียงให้อีกฝ่ายรอดจากตรงนี้ส่งไปถึงรถของคุณเกษมศักดิ์ก็พอ



ขาคู่เรียวสองคู่สับขาวิ่งเป็นพัลวัน ชะเอมเริ่มออกอาการหอบหายใจแม้จะวิ่งมาได้ไม่ถึงสองร้อยเมตร



จะทำยังไง...จะทำยังไงดี



"ว้าย! อะไรน่ะ!?"



"ขอโทษครับ!" เสียงทุ้มใสตะโกนขอโทษเมื่อวิ่งเฉี่ยวผู้หญิงท่านหนึ่ง ร่างบางสองร่างแหวกฝูงชนที่ยืนประปรายจนแตกฮือ



ถ้าหากจะวิ่งไปแบบนี้มันจะกลายเป็นเป้าทั้งคู่...สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเขาหรือเอม...จะไม่มีใครที่รอดไปได้เลยสักคน



ดวงตาเรียวเหลือบมองด้านหลังมือบางข้างหนึ่งยังถูกเขาจูงเอาไว้ไม่ปล่อย ส่วนอีกข้างเริ่มยกจับตำแหน่งอกข้างซ้าย...หน้าซีดและเหงื่อผุดซึม



"โว้ย! หยุดเดี๋ยวนี้นะเว้ย วันนี้มึงไม่รอดแน่ไอ้หน้าจืด!!"



"ถ้าพวกเราจับตัวมึงกับคนสวยไปได้ พี่ภูมิจะต้องดีใจมากแน่ๆ!"



"ใช่ๆ!!"



ริมฝีปากบางเม้มแน่นกับเสียงตะโกนเฮโลที่ฝ่ามา พวกมันทำอย่างกับกำลังเล่นเกมวิ่งไล่จับสนุกสนาน แต่พระรามหน้าเครียดขึง ชะเอมคงไม่เข้าใจสถานการณ์อะไร ต้องมาถูกบังคับให้ทำในเรื่องที่ไม่ถนัดอย่างการวิ่ง "แค่ก...แค่ก!" หนำซ้ำร่างกายของเขาก็ไม่เอื้ออำนวย ถอดผ้าปิดปากที่เริ่มเปรอะเลือดและขยำทิ้งข้างทาง



...ทำไมต้องเป็นเอาตอนนี้ด้วยนะ...



ดวงตาสีน้ำตาลเข้มฉายแววกังวลใจ เหลือบมองคนตัวบางเป็นระยะซึ่งไม่ผิดจากที่คาด...อีกฝ่ายอาการแย่ลงทุกขณะเพราะโรคหัวใจที่เป็นอยู่



ร่างโปร่งกัดปากตนจนเลือดซิบและตัดสินใจ พวกเขาจะวิ่งต่อไปแบบนี้ไม่ได้แล้ว ต้องทำอะไรสักอย่าง



ขอเพียง...ขอเพียงให้ชะเอมปลอดภัย



ครืด ครืด



โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงสั่นระริกอย่างถูกเวลา มือเรียวรีบล้วงขึ้นมาดูและเป็นใครบางคนอย่างที่คิด



...ไอติม...



พระรามสาบานได้ว่าไม่เคยรู้สึกใจชื้นเท่านี้มาก่อน ทั้งดีใจ...และเสียใจ



ริมฝีปากบางแย้มยิ้มออกมาได้ สายตาพลันเห็นซอกตึกด้านข้าง พระรามจึงรีบดึงชะเอมเข้าซอยนั้นทันที



"แฮ่ก...แฮ่ก...ราม...นี่เราหนีอะไรกันเหรอ" ชะเอมถามเจือหอบ ไม่เข้าใจสักนิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทำไมถึงต้องวิ่งหนีด้วย แล้วคนพวกนั้นมันอะไร



"อย่าเพิ่งพูดอะไร รีบมานี่ก่อน" ยังได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงโวยวายอยู่เลย มือเรียวลากคนตัวเตี้ยกว่าเล็กน้อยที่หอบหนักและดูเลิ่กลั่กกับซอยสกปรกเหมือนไม่เคยเห็น



"นี่...แฮ่ก...ยะ ยังต้องวิ่งต่ออีกเหรอ" ชะเอมถามพลางกุมอกแน่น ในนั้นมันช่างบีบรัดและเต้นระรัว ร่างบางเกร็งขืนตัวพยายามยืนนิ่งเพื่อผ่อนลมหายใจซึ่งรามก็เห็นใจ



...แต่เราจะยังหยุดอยู่ตรงนี้ไม่ได้...



"อดทนอีกหน่อยนะเอม" พอเดินเข้ามาลึกอีกนิดมีทางแยกซ้ายและขวา ใบหน้ามนมองสำรวจ ก่อนจะยัดโทรศัพท์ที่ยังสั่นดิกของตนใส่มือบาง ชะเอมมองมันอย่างงุนงง



"ถ้าหากเราอยู่กันสองคน ไม่มีทางที่จะหนีพวกมันทันแน่...เอม เอามือถือนี่ไปแล้วบอกให้ติมมาช่วย หมอนั่นจะต้องมาช่วยนายในทันทีแน่"



ดวงตากลมโตส่งแววสับสน เสียงใสรีบถาม "แล้วรามล่ะ"



"ไม่เป็นไร...เราไม่เป็นไรหรอก" คนปลอบยกมือขึ้นลูบหัวเพื่อนตัวบาง สายตาหลุบลงมองหน้าจอมือถือที่สั่นมีสายเรียกเข้าไม่หยุดแล้วฝืนยิ้ม



'มันไม่ใช่คนสำคัญห่าเหวอะไรทั้งนั้น! ที่กูทำทั้งหมดนี้เพราะไม่อยากให้พี่เอมเป็นอันตรายต่างหาก!!'



ขอเพียง...ให้นายปลอดภัย



...ตัวเขาจะเป็นยังไงก็ช่าง...



"เอมไปทางนั้น ตรงไปน่าจะมีทางออก" นิ้วเรียวชี้ไปทางแยกขวามือ "ส่วนเราจะไปทางนี้เอง ไม่ต้องห่วง เราไม่ให้ไอ้พวกนั้นไล่ตามนายไปเด็ดขาด"



"ไม่เอานะราม" ใบหน้าหวานส่ายไปมาน้ำตาคลอ เพราะรู้แล้วว่าพระรามกำลังคิดจะทำอะไร เขาไม่เห็นด้วยที่เพื่อนจะเอาตัวเองเป็นเหยื่อล่อ พวกนักเลงพวกนั้น...ถ้าหากเขาไม่ไปยุ่งตั้งแต่แรก มันคงไม่เป็นแบบนี้



ตึกๆๆ!



"อยู่ไหนวะ!?"



"แถวๆ นี้แหละ หาให้ทั่ว!"



"รีบไป...เร็ว!" พระรามรีบผลักให้ชะเอมวิ่งหันหลังไป ซึ่งดวงตากลมมีน้ำตารื้นออกมาคลอหน่วย



"เฮ้ย มันอยู่นั่น!" เสียงตะโกนที่ต้นซอยทำให้ชะเอมสะดุ้งรีบซอยเท้าเร็วขึ้นอีก



"ราม!"



"อย่าหันกลับมา!" เขาตะคอกใส่คนที่หันมามองลังเล นั่นทำให้ชะเอมค่อยๆ วิ่งออกไป



"ราม! เดี๋ยวเราจะรีบตามคนมาช่วยนะ!!" เสียงใสตะโกนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่แผ่นหลังบางจะค่อยๆ เล็กลง ร่างโปร่งหยุดยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ได้ไปอีกทางตามที่บอก...เพียงเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครเล็ดลอดตามชะเอมไป



ริมฝีปากบางยิ้มเจื่อน พร้อมดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่อ่อนแสงลง



...เท่านี้ก็พอ...ขอแค่นายปลอดภัย...



พี่ทำดีแล้วใช่มั้ยติม



พระรามถอยเล็กน้อยจากรังสีคุกคามจากคนทั้งห้า "มึงกล้ามากเลยนะที่หยุดรอพวกกู"



"กูบอกแล้วไงว่าอย่าเสือกยุ่งกับเพื่อนของกู"



"หึๆ กูว่ามึงคิดผิดแล้วล่ะที่คิดเอาตัวเองมาล่อพวกกูเพื่อให้เพื่อนมึงหนีไป"



ดวงตาเรียวเบิกกว้าง หน้าซีดเผือด "พวกมึง...หมายความว่ายังไง"



"ก็หมายความว่าถึงพวกกูจะไม่ได้คนสวยไปเชยชิมแต่ก็ได้มึงที่เป็นเป้าอันดับหนึ่งของคุณภูมิอยู่ดีไงล่ะวะ" คนพูดแสยะยิ้มก่อนจะพยักหน้าให้อีกสามคนที่หัวเราะหึๆ ไม่ต่างกันก้าวล้ำหน้าเข้าหาร่างโปร่งที่หันซ้ายหันขวาหาทางหนีแต่ไม่ทันแล้ว "เฮ้ยพวกมึง จับมัน!"





********************* Love Substitute *********************



   

"จิ๊! ทำไมไม่รับสักทีวะ!"

   

ร่างสูงที่ลุกจากเตียง อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว นั่งรอแล้วรออีกพระรามก็ไม่กลับมาเสียที จนต้องโทรตาม นี่ก็โทรเป็นสิบสายแล้ว แต่เสียงรอสายที่ดังอยู่นานหลายครา มันยิ่งทำให้ไอติมหงุดหงิดหนักมากขึ้น

   

...ในใจรู้สึกเต้นรัวผิดปกติ...

   

ระหว่างที่ถือเครื่องมือสื่อสารแนบหูฟังเสียงรอสายต่อไป ขายาวก็เดินเข้าห้องนอนเปิดตู้เสื้อผ้า...ทั้งเสื้อทั้งกางเกงยังอยู่ครบ



แล้วร่างโปร่งไปไหน?

   

แกร๊ก!

   

มือใหญ่ปล่อยประตูตู้เสื้อผ้ากระแทกดังปังทันทีที่ได้ยินเสียงคนรับสาย "ฮัลโหล ราม นี่มัวไปไหน ทำอะไรอยู่ ทำไมไม่กลับมาสักที!” เสียงทุ้มพลันตวาดถามอีกฝั่งอย่างโมโห ไม่ให้พระรามได้ทันพูดอะไร ก็เพราะร่างโปร่งชอบทำอะไรให้เขาใจหายอยู่เรื่อยแบบนี้ ไม่ให้อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เหมือนมีเมนส์มาอย่างกับผู้หญิงแบบนี้ได้ไง

   

("ฮะ ฮัล- แฮ่ก...แฮ่ก!")

   

แต่เสียงที่ตอบกลับ ไม่ใช่เสียงทุ้มใสของคนที่อยากฟัง ดวงตาคมกริบหรี่ลง "นั่นใคร!?"

   

("ตะ ติม...พี่เอง ชะ...ชะเอม") เสียงใสที่ตอบกลับมายังเจือหอบหายใจไม่หาย ไอติมลดท่าทีลง อารมณ์โมโหเหมือนจะต่ำลงเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่คลายความกังวล

   

"ครับ พี่เอม แล้วรามล่ะ ทำไม..."

   

("พี่ พี่ขอโทษ ติม ฮึก ช่วยรามด้วย...พี่ขอโทษ") เสียงใสสั่นเครือเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ดวงตาคมกริบเบิกกว้างตกใจ ทั้งคำพูดและเสียงร้องไห้สะอื้นยิ่งตอกย้ำในสิ่งที่รู้สึก

   

ราม!

   

ขายาวไม่รอคอยรีบวิ่งออกจากห้องแล้วกรอกเสียงตามสาย "พี่เอม ใจเย็นๆ เกิดอะไรขึ้น แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน"

   

("พะ พี่อยู่แถวๆ ...")

           

รถสปอร์ตพุ่งออกจากคอนโดทันทีและร่างสูงก็ติดต่อสายไปหาใครอีกคนด้วยความร้อนรน



   



แกร๊ง...

   

เสียงเหล็กกระทบพื้นในโกดังร้างแห่งหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะเฮฮาของกลุ่มชายฉกรรจ์เหมือนกำลังเล่นสนุกกับอะไรบางอย่าง

   

ผัวะ! ตุ้บ!

   

"ฮ่าๆ มีกระสอบทรายเป็นคนนี่ก็สนุกไม่เบาว่ะ!"

   

คนรอบข้างนั่งบนถังน้ำมันสังกะสีเป่าปากตบมือแซว "เอาให้หนำใจไปเลยเว้ย นานๆ ทีมาสักคน"

   

"แค้นไอ้เหี้ยติมนักแม่งชอบอวดดี เอานี่ไปกินอีกที!" คนพูดเหวี่ยงเตะเข้าสีข้างของคนยืนโงนเงนจนล้มคว่ำไปรอบ

   

พลั่ก!

   

"อึก...แค่ก!" ร่างโปร่งผอมนอนขดตัวจับท้อง สำลักเลือดและน้ำบางอย่างออกมาเลอะเทอะ เสื้อผ้าคลุกฝุ่นทั่วตัว ตามตัวถลอกปอกเปิกไปหมด แต่ใบหน้าไม่มีรอยเลือดหรือรอยช้ำแม้แต่นิด

   

'จะทำยังไงก็ตามสบาย แต่อย่าเล่นหน้ามัน เดี๋ยวเละแล้วกูเอาไม่ลง'

   

เพราะหัวหน้าของพวกมันสั่งเอาไว้...ไอ้คนชื่อภูมินั่น

   

พระรามกัดฟันกรอดค่อยๆ ดันตัวของตนลุกขึ้น ทั้งๆ ที่ขาสั่นแทบลุกไม่ไหว แต่แล้วก็ล้มลงไปนอนอีกครั้งกลางพื้นที่เต็มไปด้วยฝุ่น

   

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มปรือมอง เสียงหัวเราะเยาะรอบข้างเริ่มอื้ออึงไม่เข้าหู แต่ริมฝีปากบางดันยกยิ้มออกมา ไม่รู้ทำไม...อาจจะเพราะสมเพชตัวเองอยู่ล่ะมั้ง

   

ในใจของเขานั้นแสนว่างเปล่า ไม่มีกำลังใจ ไม่ได้หวังว่าใครคนนั้นจะมาช่วย ก็เพราะคนสำคัญตัวจริงปลอดภัยแล้ว...ตัวปลอมอย่างเขาก็คงต้องนอนรอความตายเพราะถูกพวกนี้ซ้อมจนสาแก่ใจ

   

"เฮ้ย มันหัวเราะว่ะ...ไอ้เวรนี่แม่ง กวนประสาทเหมือนเหี้ยติมไม่มีผิด" คนมองสบถและถุยน้ำลายถมพื้น เหวี่ยงขาหวดฝ่าเท้าเข้าที่หน้าท้องแบนอย่างไม่ปราณีจนคนตัวเบาไถลไปไกลสำลักไอค่อกแค่ก

   

ข้อเท้าเล็กข้างหนึ่งหนักหน่วงเพราะถูกกุญแจโซ่เหล็กเส้นใหญ่กอบกุมเอาไว้ ราวกับจะไม่ให้หนีไปไหนได้ มีคนล้อมรอบเกือบยี่สิบคนแบบนี้ถึงจะไม่ถูกล่ามเอาไว้เขาก็หนีไปไหนไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ

   

แต่ถึงกระนั้น...รอยยิ้มบางนั้นก็ยังไม่หายไป จนคนมองกัดฟันกรอดเตรียมจะหวดเข้าอีกรอบแต่ถูกเบรคเอาไว้ก่อน

   

"เดี๋ยว หยุดก่อน กูขอจัดการเอง" อีกคนเดินเข้ามาดันไหล่คนง้างขาออกไป พระรามหอบหายใจแรง ปรือตามองภาพตรงหน้าที่แสนพร่ามัว ร่างสูงกำยำกล้ามล่ำบึ้กอยู่ในคลองสายตา ในมือใหญ่ถือท่อนเหล็กขนาดกลางความยาวพอดีเอาไว้แน่น เสียงฝีเท้ากระทบพื้นดังเป็นจังหวะก้องในโกดังร้าง ก่อนจะหยุดยืนอยู่ตรงหน้า

   

แกร๊ง!

   

"คนอวดดีอย่างมึงต้องเจอกู" คนพูดกระแทกท่อนเหล็กกับพื้นเหมือนทดสอบความแข็ง แววตาที่มองต่ำลงมาไม่ต่างกับมองแมลงตัวหนึ่ง

   

"เฮ้ยๆๆ ไอ้พจ มึงจะทำอะไร" คนรอบด้านเริ่มฮือฮามองหน้ากันเลิ่กลั่กเมื่อเห็นท่าทางของคนชื่อ 'พจ' ที่ดูคุกคามมากผิดปกติ

   

"ก็พวกมึงมัวแต่เล่น กูเห็นแล้วคันไม้คันมืออยากตีมันให้ตายคาที่" และจะต้องเล่นงานที่หัวเท่านั้นมันถึงจะตายสนิท!

   

"อย่านะเว้ย เดี๋ยวคุณภูมิก็ด่ามึงตายห่า เผลอๆ ไม่ด่าอย่างเดียว โดนซ้อมหนักด้วยนะเว้ย"

   

ต่อด้านล่าง

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep33 (จบแล้ว) 21/08/2019
«ตอบ #67 เมื่อ21-08-2019 21:03:52 »


ต่อจากด้านบน


คนฟังหัวเราะหยัน "คิดว่ากูกลัวเหรอ นี่กูกำลังทำเพื่อคุณภูมิต่างหาก แก้แค้นให้กับเขาที่โดนไอ้เหี้ยติมกระทืบจนต้องไปศัลยกรรมจมูกมาอีกรอบไงล่ะ" พจพูดจบก่อนจะง้างมันขึ้นเหนือหัวด้วยแขนสองข้าง หวดลงมาด้วยแรงทั้งหมดที่มี...เป้าหมายคือศีรษะเล็กที่นอนนิ่งอยู่กับพื้นไม่ขยับ

   

"เฮ้ย!!" หลายคนยกแขนขึ้นบังตา ไม่อยากมองภาพสยดสยองอย่างหัวสมองบุบหรือแตกเละเทะเลือดกระจาย...เพราะรู้ดีว่าคนอย่างไอ้พจมันไม่เคยออมแรงให้ใคร

   

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองก่อนจะค่อยๆ หลับตาลง ทั้งๆ ที่ควรจะกลัว...แต่ตอนนี้ใจกลับสงบ ได้ยินเสียงท่อนเหล็กดังแหวกฝ่าลมเข้ามาใกล้มากขึ้นทุกวินาที

   

เขา...กำลังจะตาย

   

...แม่ครับ...

   

...ไอติม...พี่...

   

"มึงจะทำอะไร ไอ้พจ"

   

ทุกสิ่งที่วุ่นวายพลันเงียบสงบ ท่อนเหล็กหยุดชะงักห่างจากใบหน้ามนเพียงแค่คืบเดียว พจจิ๊ปากไม่เดือดเนื้อร้อนใจซ้ำยังโยนสิ่งที่อยู่ในมือไปไกลจนเกิดเสียงดัง เดินล้วงกระเป๋าเดินไปอีกทาง

   

ภูมิเดินเข้ามาพร้อมกับร่างเล็กอ้อนแอ้นเกาะแขนแกร่ง แต่สายตากลมโตที่เคยใสกลับคลั่งแค้นเมื่อเห็นพระรามนอนโทรมอยู่กลางพื้น แสงแดดสาดส่องผ่านหลังคาเห็นใบหน้ามนชัดเจน

   

ไอ้เวรหน้าจืด!!

   

"นิล ปล่อยแปป" เมื่อเดินมาหยุดตรงหน้าพระราม ร่างสูงก็บอกคนข้างกาย เจ้าตัวพองแก้มงอแงเล็กน้อยแต่ก็ยอมปล่อย ขายาวเดินเข้าใกล้ตัวประกันชั้นหนึ่งก่อนจะย่อตัวลงนั่งยองๆ มองใกล้ "กูบอกว่าตามสบายก็เล่นซะหนักเลยนะพวกมึง"

   

"นี่ภูมิจับตัวมันมาทำไมน่ะ" เสียงใสถามสะบัด

   

"รู้จักเหรอ" ภูมิเลิกคิ้วถามเมื่อใบหน้าน่ารักออกอาการบิดเบี้ยวอย่างประหลาด พ่นลมหายใจฟึดฟัด

   

"ก็ใช่อยู่หรอก"

   

"หืม โลกกลมชะมัด" เสียงทุ้มหัวเราะหึ ก่อนจะยกมือตบข้างแก้มคนปรือตาเหมือนจะหลับ เจ็บช้ำทั่วทั้งกาย "เฮ้ย ตายยัง"

   

"..."

   

"มึงยังตายไม่ได้นะเว้ย กูยังต้องให้มึงล่อไอ้เหี้ยติมมาชดใช้ที่ทำจมูกกูหัก" พอพูดแล้วยิ่งแค้น ฟันขบกัดเสียดสีจนได้ยินเสียงเสียดโสตประสาท แต่ร่างโปร่งที่นอนจมกองเลือดของตนนิ่งเงียบไม่ตอบรับอะไร ภูมิก็ถอนหายใจ "เห็นสภาพมึงแล้วเอาไม่ลงว่ะ แบบนี้คงเจ็บจะตายมากกว่ามีอารมณ์เสียว"

   

"นี่ภูมิจับมันมาเพื่อจะเอามันเหรอ?" เสียงใสถามเล็ดไรฟัน ดวงตากลมโตตวัดมองสบกับดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่เปิดขึ้นมาพอดี

   

คนได้ยินลูบคาง ยิ้มกริ่ม "อืม...ก็ก่อนหน้านี้เคยลูบผิวมันไปที เป้างี้ตุงเลย...มิน่าไอ้ติมมันถึงติดใจ เห็นหน้าจืดแบบนี้ แต่ผิวเนี๊ยนเนียน หึหึ" ซ้ำยังหัวเราะในลำคอเอ่ยคำต่อมาให้นิลกำหมัดแน่นแค้นทวีคูณ "เผลอๆ ผิวเนียนกว่านายอีกนะนิล"

   

"ไม่ได้นะ นิลไม่ยอมหรอก" นิลเอียงศีรษะซบแขนแกร่ง พูดออเซาะประหนึ่งเมียหลวงพูดกับผัวเพราะไม่อยากยอมให้เมียน้อยเข้าบ้านใหญ่ "ภูมิต้องสนใจแต่นิลคนเดียวสิ ถ้าเมื่อกี้ยังไม่พอใจเดี๋ยวนิล 'ทำ' ให้อีกก็ได้นะ ให้เอาทั้งคืนเลยดีไหม" ร่างเล็กรีบเสนอตัวพลางถูไถแก้มเบาๆ ช้อนตามองด้วยท่าทางที่ผู้ชายจะต้องสยบทุกราย ไม่เว้นผู้ชายข้างๆ เขาตอนนี้

   

แต่ในใจแสดงออกตรงกันข้าม

   

ไอ้หน้าจืดเนี่ยนะ มันมีดีอะไร!? ใครๆ ก็สนใจแต่มัน! กับคู่นอนคนใหม่ที่เขากำลังป้อได้ที่ สุดท้ายก็สนใจไอ้หน้าจืดๆ จนๆ!

   

ทั้งไอติม...ทั้งไอ้ภูมิ...มีแต่คนตาบอด!

   

"เอาน่า สภาพเหมือนจะตายอยู่แล้ว ไม่ไปเอาตูดให้เสียเวลาหรอกน่า"

   

"แค่ก...!" เสียงไอดังขัดทุกการเคลื่อนไหวและความคิดของใครบางคน พระรามเจ็บร้าว เพียงแค่ไอครั้งเดียวก็เหมือนมีใครเอาค้อนมาทุบ ซี่โครงของเขา...มันเจ็บมาก

   

เจ็บจนอยากตาย...เพื่อจะได้ไม่ต้องเจ็บอีก

   

"จะฆ่า...ก็ฆ่า...เลยสิ" เสียงทุ้มใสแหบโหยดังขึ้นพร้อมกับดวงตาเรียวที่ช้อนมอง...แรงจะพยุงตัวลุกขึ้นยังไม่มี แค่เค้นเสียงออกมาก็เจ็บมาก แต่เพราะคำพูดของภูมิ...มันทำให้เขาต้องฝืนพูด

   

'กูต้องล่อไอ้เหี้ยติมมาชดใช้ที่ทำจมูกของกูหัก'

   

ภูมิตาโตอึ้ง ก่อนจะระเบิดหัวเราะลั่นและตบหน้าขาดังฉาด ลูกน้องคนอื่นหัวเราะตามจนเสียงหัวเราะดังครืนเป็นลูกคลื่น คนที่ไม่อยู่ในอารมณ์คงจะมีแต่พระรามกับนิลที่ดวงตาเหมือนมีไฟลุก หลังจากนั้นไม่นานร่างสูงตรงหน้าก็หุบยิ้มเปลี่ยนสีหน้าเป็นบึ้งตึงและตะโกนหน้าแดงก่ำ "อวดดีจริงๆ! อวดดีเหมือนกับไอ้เวรติมไม่มีผิด!"

   

"..."

   

"ถ้ามึงอยากตายนักเดี๋ยวกูจะสนองให้ แต่ต้องรอให้ผัวมึงมาที่นี่ก่อนล่ะนะ...แล้วกูจะทำการเชือดไก่ให้ลิงดู"

   

"ภูมิ นิลขอฆ่ามันเองได้มั้ย เกลียดหน้าจืดๆ ของมันมานานแล้ว" มือบางยกขึ้นลูบอกแกร่งคนข้างกายอย่างเอาใจ น้ำเสียงใสรื่นหู แต่คำพูดและแววตาเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นเหลือล้น...แค้นมันที่ทำให้เป้าหมายอันดับหนึ่งของเขาหลุดมือไป ทั้งๆ ที่ถ้าไม่มีมัน ติมจะหันมามองเขาแท้ๆ

   

ตั้งแต่วันนั้นที่ติมบีบคอของเขาเพราะจะเอาคืนให้มัน เขาก็รู้ทันทีว่าไอ้พระรามเด็กเสิร์ฟแสนจนและหน้าจืดคนนี้เป็นคนสำคัญอย่างที่ไอติมบอกจริงๆ หลังจากนั้นเขาก็หาทางแก้แค้นมาโดยตลอด แล้วก็มาเจอกับภูมิที่เป็นคู่อริของไอติม ยิ่งอีกฝ่ายถูกไอติมอัดเละมาเพราะพระรามเหมือนเขาแล้วมันยิ่งง่าย...ยั่วยุเป่าหู...ปรนเปรอเอาใจทุกวันๆ จากคนที่เคยกลัวผู้นำคู่อริอย่างไอติม กลับมาผงาดก้าวร้าวอีกครั้ง จนในที่สุดก็มีวันนี้ที่จับตัวมันมาได้

   

โอกาสมาถึงแล้ว เขาจะไม่ปล่อยให้มันหลุดมือไปได้อีกเด็ดขาด...เขาจะฆ่ามันต่อหน้าไอติม ให้ใบหน้าหล่อเหลาที่เขาหลงรักหัวปักหัวปำรู้ซะว่าไอ้หน้าจืดนี่มันเปรียบเทียบอะไรกับเขาไม่ได้แม้แต่นิด

   

"ได้สิ" ภูมิยิ้มและยกขึ้นลูบไหล่กลมกลึง ทำให้นิลยิ้มรับลิงโลด เห็นมั้ยล่ะ ผู้ชายคนนี้ยังตกหลุมเสน่ห์ของเขาอย่างจัง...ก็มีแต่ติมนั่นแหละที่ขายอ้อยตั้งนานแล้วยังไม่สนใจ...ไอ้คนโง่

   

"ขอบคุณนะครับ" คนตัวเล็กเขย่งขึ้นกดจมูกข้างแก้ม ไม่สนใจบรรยากาศรอบด้าน

   

"ไม่ว่า...จะทำยังไง ติม...ก็ แฮ่ก ไม่มาที่นี่หรอก" คำพูดนั้นมีความตัดพ้อในน้ำเสียง แต่คนฟังอย่างภูมิกลับมองว่ายิ่งว่าอวดเก่ง หมายความว่าไอติมจะฉลาดพอที่จะไม่มาติดกับงั้นสิ!?

   

"มันจะไม่มาได้ไง!? มันบอกว่ามึงเป็นคนสำคัญ วันนั้นแค่กูลูบตัวมึงนิดหน่อยก็โดนกระทืบจนดั้งหักเลยเห็นมั้ย!!"

   

"อึก!" ศีรษะทุยถูกจิกผมรั้งขึ้นให้จ้องตาคมที่มีความแค้นคลั่งสุมอยู่

   

"มาดูซิว่าถ้ากูฆ่ามึงซะ กูจะได้เห็นเจ้าเสือตัวนั้นร้องไห้หรือเปล่า" มือใหญ่ปล่อยผมพระรามที่นอนขดตัวไอโขลก ก่อนจะลุกขึ้นยืดเต็มความสูงและควักมีดที่เหน็บอยู่ที่กางเกงด้านหลังส่งให้นิล

   

"อ่ะ จะทำยังไงตามใจนิลเลย แต่ขอให้รอไอติมมาก่อน" ร่างเล็กรับมีดคมวาววับมาไว้ในมือก่อนจะยกมันขึ้นส่องใบมีดที่สะท้อนชัดราวกับกระจก ปรากฏดวงตากลมโตฉายแววชอบใจและรอยยิ้มเหยียดหยันฉายชัด ลับหลังร่างสูงที่เดินไปนิลยกตัวขึ้นคร่อมร่างโปร่งที่นอนตะแคงและถูกพลิกให้นอนหงาย ก่อนจะเงื้อสิ่งที่อยู่ในมือขึ้นเหนือหัว

   

ฉึก!!

   

ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก แม้แต่พระรามเองก็ยังไม่ทันได้ร้องอะไรนอกจาก...

   

"อะ...อ๊ากกก!!" เสียงทุ้มใสกรีดร้องดังจนทุกสายตาที่ชะล่าใจหันมามอง ภูมิหันขวับมองตาเหลือกโตก่อนจะตะโกนลั่น

   

"นิลทำอะไร!? บอกว่าให้รอก่อนไม่ใช่เหรอ!"

   

"ก็แค่..." ร่างเล็กตอบไม่มองหน้า ก่อนจะกดมีดลงอีกจนพระรามดิ้นพล่าน "ทดสอบความคม"

   

"อ๊ากกก!!!" ยิ่งร่างโปร่งกรีดร้องด้วยความทรมานมากเท่าไหร่ยิ่งเรียกรอยยิ้มสะใจของนิลได้มากขึ้นเท่านั้น พระรามกระตุกเกร็งตัวแน่น จะดิ้นหนีก็ไม่ได้ ขาถูกล่ามเอาไว้ ลำตัวก็ถูกทับ...แรงจะผลักคนตรงหน้าออกไปเขายังไม่มี หูได้ยินแต่เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของตัวเองดังก้องและความเจ็บที่เสียดขึ้นก้านสมองจนแทบจะกัดลิ้นตัวเอง

   

นี่เขา...เขาไปทำอะไรให้

   

ทำไมเขาต้องมาเจอเรื่องแบบนี้

   

เจ็บ...เขาเจ็บยิ่งกว่าถูกซ้อมเมื่อถูกอาวุธอันตรายกดลงบนต้นแขนข้างซ้ายจนคมมีดจมมิด

   

เจ็บจนน้ำตาไหล

   

เจ็บจนแทบสิ้นสติ

   

"นิล พอแล้ว! เดี๋ยวมันก็ตายก่อนที่ไอ้ติมมันจะมาหรอก"

   

เพียงแค่ได้ยินชื่อ สติก็เหมือนจะกลับมา...

   

ติมจะมา...เหรอ

   

"ติ...ม..."

   

พระรามนั้น...ช่างโง่เง่า ตัวเขาเคยด่าทอต่อว่าเหล่าคนที่มีความรัก...คนที่ทำเพื่อความรักซึ่งมันไม่เคยมีอยู่จริง...เหลวไหล...โกหกทั้งเพ

   

แต่ตอนนี้...เขากำลังแลกชีวิต...เพื่อความรัก...เพื่อคนที่เขารัก...เพื่อคนที่ไม่เคยเห็นตัวตนของรามเลยสักครั้ง...เพื่อคนที่ไม่เคยเห็นค่าของความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กัน

   

...เพื่อไอติม...

   

"ไม่ต้องคร่ำครวญเรียกหาผัว เดี๋ยวกูจะสนองให้...หมั่นไส้มึงมานานแล้ว" ร่างของพระรามกระตุกเฮือก เมื่อมีดที่ปักอยู่ถูกถอนออกไปอย่างเร็ว เลือดสีแดงฉานไหลนองเต็มพื้นจนเสื้อเปียกเป็นดวง มือขวาสั่นระริกยกขึ้นไร้เรี่ยวแรงกดแผลฉกรรจ์ที่เปิดกว้าง ปวดแสบปวดร้อนเหลือคณา หน้าเผือดขาวเหมือนคนจะเป็นลมเพราะขาดเลือดมาก "คนอย่างมึงมันมีอะไรดี!?"

   

"อะ ฮั่ก..." คนที่แทบจะไร้สติส่ายหน้าเหงื่อชุ่ม หอบหายใจหนักหน่วงร้องครวญครางน้ำตาไหล ไม่ได้ตอบอะไรออกไปยิ่งกระตุ้นอารมณ์หมั่นไส้มากยิ่งขึ้น

   

ในคราที่ร่างเล็กเงื้อมือขึ้นหวังจะปักลงที่แขนอีกข้าง ทันใดนั้นเสียงด้านนอกโกดังก็โหวกเหวกโวยวายให้การกระทำทั้งหมดของคนในโกดังหยุดชะงักและเงี่ยหูฟัง เสียงหนึ่งที่แทรกเข้ามานั่นคือ...เสียงของคนเฝ้า เสียงทะเลาะ เสียงเนื้อหวดเนื้อและเสียงปืน!

   

โครม!

   

ไม่ทันถึงสองนาทีที่เสียงนั้นเกิดขึ้นและจบลง ต่อมาประตูโกดังที่ขึ้นสนิมจะพังแหล่มิพังแหล่ก็ล้มครืนลงมาเพราะใครบางคนใช้เท้ายัน ใบหน้าหล่อเหลาที่ปรากฏพร้อมกับดวงตาคมกริบที่กวาดมองและหยุดลงที่ร่างโปร่งนอนคลุกฝุ่นอยู่กับพื้น...และเลือด!

   

"ราม!!" เสียงทุ้มตะโกนดังราวกับสัตว์ป่าคำราม แต่พระรามไม่มีทีท่าว่าจะได้ยิน ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นมันทำให้ประสาทสัมผัสทุกอย่างอื้ออึงไปหมด

   

"กูกำลังรอมึงอยู่เลย ไอติม เป็นไงบ้าง เซอร์ไพรส์มั้ย!" ภูมิทำใจดีสู้เสือทั้งหน้าซีด พูดด้วยน้ำเสียงเหมือนคนอยู่เหนือกว่า แน่สิ...ตอนนี้เขาก็เหนือกว่าจริงๆ อย่างที่พูด...ติมมันไม่กล้าทำอะไรหรอกถ้าเขายังมีตัวประกันอยู่ “พวกมึงกล้ามากนะที่มากันแค่สองคน อวดดีทั้งผัวทั้งเมีย!”

   

"ไอ้เหี้ยภูมิ! ไอ้หมาลอบกัด!" ไอติมเตรียมพุ่งตัวเข้าไปแต่ถูกรั้งไว้ก่อนโดยเพื่อนสนิทที่อยู่ข้างกาย ธารส่ายหน้าให้ใจเย็น แต่ใจเขาช่างร้อนรนเพราะพระรามหน้าซีดปานนั้น เลือดนั่นก็คงจะเป็นของราม ไม่รู้ว่าอาการจะเป็นยังไงบ้าง! ไอติมกัดฟันกรอด “มึงนี่มันชั่วไม่มีวันจบสิ้นจริงๆ!”

   

"ก็คนอย่างมึงมันชอบอวดเก่ง ปากดี คราวนี้เป็นไงล่ะ รู้สึกยังไงบ้าง คนของมึงกำลังจะตาย...ถ้ากูสั่งคำเดียว คนของกูก็เตรียมปักมีดเข้าหัวใจเมียมึงทันที!"

   

"ไอ้เลวเอ๊ย!!!" ไอติมเพิ่งสังเกตเห็นร่างเล็กคุ้นตาที่กำลังนั่งคร่อมร่างโปร่งที่ยกมือขึ้นกุมแขนที่อาบเลือด ในมือถือมีดเปื้อนเลือดสีแดงฉานไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครเป็นคนทำราม "นิล มึงแค้นกูมากก็มาทำกับกูสิ! อย่าทำราม!"

   

"ไม่!" เจ้าของชื่อตวัดมองแสยะยิ้มตอบชัดเจน นัยน์ตามีแววอิจฉาริษยา เพราะคำที่เอ่ยออกมามันเต็มไปด้วยความห่วงใยไอ้หมอนี่ "ทำไม...ทำไมติมต้องเลือกมัน ไอ้หน้าจืดนี่มีอะไรดีกว่านิล นิลไม่เห็นเข้าใจเลย!"

   

"..."

   

"รู้มั้ย...ยิ่งติมทำแบบนี้นิลยิ่งแค้นมัน ยิ่งติมทำดีกับมัน นิลยิ่งแค้น! ยิ่งติมปกป้องมันนิลยิ่งอยากทำให้มันเจ็บ!!" มือเล็กเงื้อมีดขึ้นเหนือหัว ทั้งๆ ที่พระรามไม่มีแรงจะต่อต้านแล้วก็ยังไม่สะใจ...ต้องให้สาสมกับที่เขาต้องรู้สึกที่โดนติมบีบคอจนเกือบตายในวันนั้น!

   

"อย่านะ!!!" เสียงทุ้มตวาดกร้าวให้อีกคนชะงัก ปลายมีดอยู่ห่างจากร่างโปร่งไม่ถึงนิ้ว ดวงตาคมกริบฉ่ำวาวด้วยน้ำบางอย่าง หมัดกำแน่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ร่างสูงตัวสั่นระริกด้วยอารมณ์โกรธ...โกรธแค้นพวกมันทุกคน รวมถึงตัวเอง

   

ที่รามเป็นแบบนี้ก็เพราะเขา รามต้องมาเจ็บ...ต้องมาเจ็บเกือบตายแบบนี้เพราะเขา

   

"ราม...รามอดทนไว้ก่อนนะ ผมกำลังจะไปช่วย...!" ไอติมพยายามตะโกนเรียกร้องแต่ร่างโปร่งไม่ตอบหรือส่งเสียงกลับมา ดูคล้ายกับคนจะหมดสติ ใบหน้ามนซีดเซียวลมหายใจแผ่วอ่อนจนน่ากังวล เลือดคงไหลมากจนร่างกายไร้เรี่ยวแรง นี่ยังไม่นับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น

   

ถ้าหากปล่อยไว้แบบนี้นานๆ มีหวังเสียเลือดจนตายแน่

   

...ต้องรีบทำอะไรสักอย่าง...

   

"ฮ่าๆ!" เสียงหัวเราะเย้ยหยันของภูมิดังขัดขึ้น ให้ดวงตาคมกริบตวัดมอง "สะใจชิบหายเห็นมึงเป็นแบบนี้ จากเสือกลายร่างเป็นแมวเชื่องๆ"



"..."

   

"เจ็บใจมั้ยล่ะที่คนสำคัญของมึงต้องมาเป็นแบบนี้เพราะตัวมึงเอง!"

   

"มึงต้องการอะไร...ไอ้ภูมิ" คนพูดขี้เกียจจะเสวนา ยิ่งนานยิ่งเป็นอันตรายต่อพระราม ดวงตาคมกริบเหลือบมองเพื่อนข้างกายที่ยืนนิ่งเงียบแต่สายตาลอบมองไปรอบด้านอย่างสำรวจ

   

แม้จะขัดใจ...แต่เขาต้องรอสินะ

   

"มึงถามว่ากูต้องการอะไรเหรอ เฮ้ย พวกมึง!" ภูมิพยักเพยิดเรียกลูกน้องราวสิบกว่าคนที่ถืออาวุธครบมือให้เดินเข้ามาบริเวณกลางโกดัง "พวกนี้กับมึงคนเดียวด้วยมือเปล่า ไอติม กล้ารึเปล่าล่ะ"

   

ไอติมหัวเราะหึ พวกนักเลงอย่างไอ้ภูมิเป็นคนที่ทุเรศที่สุดเท่าที่เคยเจอ เอาเปรียบทุกอย่างได้ก็เอา จับคนเป็นตัวประกัน ซ้ำยังเล่นหมาหมู่ แต่เขาไม่ได้กลัว...ก็แค่จะเอาคืนมันให้สาสม

   

ขายาวก้าวออกไปประจันหน้าและพวกลูกน้องของภูมิก็ก้าวล้อมเป็นวงกลมทันทีปิดทางหนี

   

"ถ้าพวกมึงแพ้ คืนคนของกูมาแล้วไสหัวไป" ไอติมว่า ก่อนจะมองไปรอบๆ

   

"ส่วนถ้ามึงแพ้ ไอติม มึงต้องปาดคอให้พวกกูดู ส่วนคนของมึง กูจะคอย 'ดูแล' เป็นอย่างดี" ภูมิพูดพร้อมเลียปากหื่นกระหาย รู้ได้เลยว่าคำว่าดูแลคงไม่พ้นเรื่องบนเตียง

   

ฟังยังไงก็ไม่คุ้มแม้แต่นิด แต่ใบหน้าหล่อเหลากลับนิ่งเรียบ ไม่แสดงอารมณ์ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงสงบ "ได้"

   

มือสองข้างสะบัดวอร์มคล้ายจะไปออกกำลังกายมากกว่าต่อยคน บิดคอซ้ายขวาและกวักมือยั่วอารมณ์ "พวกมึงก็เข้ามาได้แล้ว เสียเวลา"

   

หลังจากนั้นกลุ่มคนก็กรูเข้าตะลุมบอนด้วยมีดและไม้หน้าสามพัลวัน แต่คนกว่าสิบคนทำอะไรไอติมไม่ได้แม้แต่นิด ซ้ำยังค่อยๆ ถูกสอยร่วงไปทีละคนๆ

   

ส่วนร่างโปร่งที่นอนหน้าซีดอยู่สติค่อยๆ กลับมา แม้ความเจ็บปวดยังคงอยู่แต่ก็เริ่มรับรู้เสียงวุ่นวายรอบด้าน

   

"ตะ...ติม" เสียงทุ้มใสหอบแผ่วเรียกชื่อ ทำให้นิลที่มองลีลาการต่อสู้ของร่างสูงอยู่ละสายตามอง ดวงตาสีน้ำตาลปรือมองคนที่อยู่ตรงนั้น

   

ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่...แต่อีกฝ่ายก็มาช่วยเขา...

   

'ราม! เดี๋ยวเราจะรีบตามคนมาช่วยนะ!!'

   

น้ำตารื้นขึ้นมาเมื่อเสียงใสของร่างบางดังขึ้นในความทรงจำ

   

ต่อด้านล่าง

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep33 (จบแล้ว) 21/08/2019
«ตอบ #68 เมื่อ21-08-2019 21:04:14 »



ต่อจากด้านบน


อา...ติมแค่มาช่วยเพราะว่าเป็นคำขอของชะเอมแน่เลย

   

...เขาควรจะดีใจสิ...ใช่มั้ย...

   

แต่ก่อนจะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น ดวงตาเรียวเบิกกว้างเมื่อร่างสูงกำลังถูกใครบางคนลอบทำร้ายด้านหลัง

   

"ติม...ติม ระวัง! อุ๊บ...อื้อ..." ใบหน้ามนขืนออกจากฝ่ามือเล็กที่ตะปบปากเขาแน่นอย่างไร้เรี่ยวแรง แต่สายตายังคงมองเป็นห่วงไอติมที่เหมือนจะได้ยินเสียงของเขาเลยหลบรอดมาได้อย่างหวุดหวิด

   

"ราม!"

   

"อื้อ!" พระรามส่งเสียงผ่านลำคอ พยายามส่ายหน้าบอกว่าอย่าละสายตาจากสิ่งรอบด้านที่พร้อมจะทำร้ายร่างสูงอยู่ตลอดเวลา แต่ใบหน้ามนก็ถูกกระชากกลับมาจึงต้องละสายตาจากดวงตาคมกริบโดยร่างเล็กที่ครานี้เหมือนจะแรงเยอะกว่าเขามาก

   

ดวงตากลมโตที่เคยใสน่ารัก บัดนี้กลับเต็มไปด้วยความแค้นที่รุนแรง รามเหลือบมองมือเล็กที่กำมีดแน่น ใบมีดที่ยังเปรอะเปื้อนเลือดของเขาเองค่อยๆ ชูขึ้นสูงอีกครั้ง

   

"มึงนี่มันน่ารำคาญ...รกหูรกตาที่สุด!"

   

"ราม! ...โธ่เว้ย!!" ร่างสูงตวาดลั่น พยายามหลบเลี่ยงทั้งหมัดทั้งเท้าซ้ำยังอาวุธมากมายที่โถมเข้าใส่ ไม่มีช่องว่างให้เข้าไปหา ร่างโปร่งได้แต่นอนรับชะตากรรมสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น "มึงอย่าทำนะนิล ไม่งั้นกูจะฆ่ามึง ได้ยินมั้ย!"

   

ในชั่ววินาทีที่คมมีดกำลังจะเข้าเนื้อบริเวณท้อง ดวงตาเรียวเบิกกว้าง ความเจ็บปวดแล่นจี๊ดขึ้นมาอีกครั้ง เจ็บยิ่งกว่าที่แขน เสียดขึ้นสมองให้พระรามร้องในลำคอลั่น

   

"อื้อ!!!"

   

ฟุ่บ! โพละ!

   

เสียงบางอย่างวิ่งผ่านอากาศแค่เสี้ยววินาที ก่อนที่ร่างเล็กที่มีดวงตาอาฆาตแค้นจะร่วงหล่นกระแทกกับพื้นเสียงดัง ทุกคนในโกดังที่กำลังโหวกเหวกโวยวายหยุดชะงักเงียบงัน ภูมิมองตาค้างเมื่อดวงตากลมโตเหลือกมองมาทางเขาอย่างน่าสยดสยอง ใบหน้าน่ารักบัดนี้เต็มไปด้วยเลือดเพราะรูบนหน้าผาก เลือดไหลเจิ่งนองผสมปนเปกับเลือดของพระรามจนแยกไม่ออกว่าเป็นของใคร

   

นิลตายแล้ว แบบไม่ทันรู้ตัวว่าตัวเองตายด้วยซ้ำ

   

"เชี่ย!" ร่างสูงสบถลั่นหันหลังวิ่งหนีจุกตูดทิ้งลูกน้องทันทีเพราะรู้แล้วว่าไอติมมันไม่ได้มาแค่สองคนที่เห็น มันมีมือปืนลอบซุ่มอยู่ด้วย!

   

"อย่าให้หนีไปได้แม้แต่คนเดียว!" ธารตะโกนสั่งการด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ เงามืดด้านนอกที่เคลื่อนไหวผ่านหน้าต่างทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว แต่ละคนยังยืนเลิ่กลั่กเมื่อเห็นหัวหน้าวิ่งหนีไปแต่ยังไม่ทันพ้นโกดังก็ถูกธารขวางทางถือปืนจ่อศีรษะไม่ให้วิ่งหนีไว้เสียก่อน บางคนเริ่มโวยวายเหมือนยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

   

ไอติมใช้ช่วงเวลานั้นรีบวิ่งเข้าไปหาพระราม ขายาวชะงักยืนแข็งค้างก่อนจะค่อยๆ ย่อตัวลงเข้าใกล้คนนอนนิ่ง ใบหน้าหล่อเหลานิ่งอึ้ง ทำอะไรไม่ถูก

   

มีดเล่มนั้นปักมิดเข้าที่หน้าท้องของร่างโปร่งไปแล้ว

   

"ราม...ราม!" ไอติมช้อนมือสีซีดเบาหวิวขึ้นมากอบกุม ตะโกนเรียกเสียงดังทั้งๆ ที่ใบหน้ามนอยู่ใกล้เพียงแค่นี้ พระรามก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง เปลือกตาปิดสนิท เลือดสีแดงไหลออกจากปากแผลไม่หยุด

   

นี่เขา...มาช้าไปเหรอ

   

ไม่ทันเหรอ

   

ในความคิดอันสิ้นหวัง ไอติมค่อยๆ ยื่นมือสั่นระริกอังเหนือจมูกเล็ก...แม้จะสัมผัสได้แผ่วเบาแต่ก็ยังคงมีลมหายใจอยู่!

   

ร่างสูงช้อนร่างโปร่งขึ้นอุ้มทันที เดินผ่านความวุ่นวายที่เขายกให้ธารเป็นคนจัดการทั้งหมด ไม่สนใจอีกแล้วว่าคู่อริจะเป็นยังไง เพียงสิ่งเดียวที่เขานึกได้ในตอนนี้คือพระรามห้ามตายเด็ดขาด

   

ห้ามตายโดยที่ยังไม่ได้ฟัง...คำๆ นั้นจากปากของเขา

   

บรื้น!

   

รถสปอร์ตวิ่งบนถนนด้วยความเร็วที่เรียกได้ว่าพุ่งทะยาน ภายในมีกลิ่นคาวเลือดส่งกลิ่นคละคลุ้ง ยิ่งทำให้ใจไม่ดี มือใหญ่กอบกุมมือเรียวที่เย็นชืดขึ้นทุกขณะเพื่อให้ความอบอุ่น

   

'ถ้ารามหายไป...มึงจะรู้สึกยังไง'

   

‘สักวันรามอาจจะหนีไปจากมึง...หรือถ้าไม่เป็นแบบนั้น สักวันก็อาจจะต้องตายเพราะคู่อริของมึงอย่างพวกไอ้ภูมิ...เขาจะต้องตายเพราะมึงเป็นต้นเหตุ!’

   

นี่เขา...นี่เขาทำอะไรลงไป

   

'พี่เจ็บครั้งนี้ พอใจติมรึยัง'

   

"ราม ทำใจดีๆ ไว้นะ จะถึงโรงพยาบาลแล้ว" คนพูดเสียงสั่นเครือ คนที่หมดสติคงไม่ได้ยินแต่ก็อยากจะพูด เผื่อว่าร่างโปร่งจะตอบกลับมา

   

ร่างสูงไม่เคยร้องไห้ให้กับใครนอกจากเรื่องของแม่ แต่ตอนนี้ภาพตรงหน้าเริ่มพร่ามัวเมื่อนึกถึงเรื่องเก่าๆ ที่ติมเคยร้ายและเลวกับพระรามเอาไว้มาก แต่ถึงกระนั้น...

   

'พี่รักติม'

   

รามก็ไม่เคยเกลียดเขา

   

"ต..." เสียงทุ้มใสเล็กลอดออกจากลำคอทำให้ดวงตาคมกริบเบิกกว้างหันมามอง แต่ก็ไม่ประมาทในการขับรถด้วยมือข้างเดียว เปลือกตาสีขาวเปิดปรือขึ้นอย่างอ่อนแรง รู้สึกผิวกายตนเย็นเฉียบ...หนาว...แต่ตรงแผลที่โดนแทงร้อนผะผ่าว

   

ใบหน้าหล่อเหลาอยู่ใกล้เพียงนี้...แต่สมองของพระรามพร่าเลือน เหมือนตัวเองกำลังจะล่องลอยไปไกลแสนไกล

   

"ราม..! อดทนไว้...อย่าเพิ่งหลับ ผมกำลังจะพาไปโรงพยาบาล...กำลังจะถึงแล้ว" ติมส่งเสียงและกุมมือแน่นขึ้นอีกเพื่อให้พระรามไม่เคลิ้มหลับไป ถ้าอีกฝ่ายหลับไปทั้งๆ แบบนี้ ไม่มีใครการันตีว่าร่างโปร่งจะลืมตาขึ้นมาอีก

   

"ติม..." พระรามไม่ได้ฟัง แต่กลับฝืนพูดออกไปทั้งที่ลำคอแห้งผาก มือเรียวขยับเล็กน้อย ออกแรงเพื่อกุมตอบฝ่ามือใหญ่ เขาอยากจะ...พูดสิ่งที่ติดอยู่ในใจ "พี่...ย...คุยกั...บ...นาย"

   

รู้สึกเหมือนสติกำลังจะล่องลอยไป...สิ่งที่ทำให้รั้งอยู่ได้คือสิ่งที่ต้องพูดออกไปแต่ยังไม่ได้พูด

   

...ความปรารถนาครั้งสุดท้าย...

   

ในระหว่างที่กำลังมีสติอยู่นี่...ไม่อยากติดค้าง...แล้วจากไปทั้งๆ แบบนี้

   

"แต่...!" ไอติมส่งสายตาไม่เห็นด้วย อีกนิดเดียวก็จะโรงพยาบาลแล้ว ถ้าหากส่งถึงมือหมอ จากนั้นจะคุยกันเมื่อไหร่ก็ได้

   

"ขอ...ร้อ...ง" เพียงกระพริบตาน้ำตาก็ไหลหยดเป็นสายอาบแก้มที่เปื้อนเลือดและหยดลงบนเบาะ

   

...ได้โปรดอย่าขัดสิ่งที่เขาต้องการในวาระสุดท้ายเลย...

   

เท่านั้นเองไอติมก็ตวัดพวงมาลัยจอดลงข้างทาง ไม่อยากจะขัดใจ...เท่าที่จำได้เขาไม่เคยตามใจพระรามเลยสักครั้ง

   

"ขอบคุณ" พระรามยิ้มอ่อนแรง ดวงตาเรียวกระพริบเชื่องช้า ภาพข้างหน้าช่างพร่ามัวเพราะงั้นเหมือนตาจะฝาดเลยว่าเห็นไอติมร้องไห้

   

...ร้องไห้ทำไม...

   

"รามจะพูดอะไร" มือใหญ่ยกขึ้นกอบกุมทั้งสองข้าง พยายามมองดวงตาสีน้ำตาลเข้มอ่อนแสง ในใจของเขาอยากจะบึ่งรถไปซะเดี๋ยวนี้ แต่คำพูดต่อมาทำเอาไอติมน้ำตาร่วงเผาะอย่างง่ายดาย

   

"...พี่...ขอโทษ"

   

"ขอโทษ...ขอโทษทำไม ผมต่างหากที่ต้องขอโทษ...ราม..." ใบหน้าหล่อเหลาส่ายไปมาดวงตาที่เคยดุดันฉายแววเจ็บปวดล้น ทั้งๆ ที่เขาเลวขนาดนี้ยังมีเรื่องอะไรที่รามจะต้องมาขอโทษอีก

   

พี่คิดมา...ตลอดเลย

   

สิ่งที่ทำให้นายเกลียดพี่...มีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว

   

"เรื่องของแม่ พี่ขอโทษ" มือเรียวกุมมือใหญ่ตอบแผ่วเบา "นายอย่าเกลียด...พี่อีกเลย...นะ"

   

เพราะว่าสายตาเกลียดชังของนาย ทำให้พี่เจ็บ

   

ถ้าหากว่า...ไม่มีเรื่องของแม่และชะเอม นายจะชอบพี่บ้างหรือเปล่า

   

ถ้าหากว่า...พี่กับนายได้เจอกันในสถานการณ์อื่น...มันคงจะดีกว่านี้มั้ย

   

"ได้โปรด อย่าเกลียดพี่..."

   

ความปรารถนาของพี่...ขอเพียงแค่นี้ ถ้าไม่รักก็อย่าเกลียดกัน

   

อีกไม่นานพี่จะได้ไปหาแม่แล้ว...และนี่คือสิ่งที่นายต้องการมาตลอดใช่หรือไม่

   

“พี่ได้ยิน...วันนั้น...” มือเรียวสั่นระริกค่อยๆ ยกขึ้นให้มือใหญ่เข้ากอบกุม “นายคุยโทรศัพท์”

   

ดวงตาคมกริบเบิกกว้างทันทีที่ได้ฟัง “ราม”

   

'มันไม่ใช่คนสำคัญหรืออะไรของกูทั้งนั้น กูแค่อยากให้พี่เอมไม่เป็นอันตรายต่างหาก!'

   

“พี่รู้อยู่แล้ว...รู้ดี...ว่าไม่เคย...เป็นคนสำคัญของนาย”

   

ติมอยากให้พี่ตายไปให้พ้นๆ หน้า...ใช่หรือเปล่า

   

“แต่ว่าพี่...ดีใจ”

   

ดีใจ...ที่ได้อยู่ด้วยกัน...ได้หัวเราะ...และร้องไห้

   

“ที่ผ่านมา...ขอบคุณ” เสียงทุ้มใสแผ่วเบาลงทุกขณะ ราวกับรู้ว่าเป็นครั้งสุดท้ายที่จะเอื้อนเอ่ย น้ำตามันก็ไหลลงมา “ขอบคุณ”



"ไม่ใช่นะราม...ผมไม่ได้เกลียดนะ ผมรักรามต่างหาก..." ไอติมรีบพูด แต่ดวงตานั้นไม่สะท้อนสิ่งใดอีกแล้ว หูก็ไม่ได้ยินอะไร เหลือเพียงสัมผัสที่รู้สึกได้คือน้ำตาที่ไหลหยดลงฝ่ามือขาวหยดแล้วหยดเล่า ไม่ได้รู้สึกว่ารถคันนี้ออกตัวแล่นไปรวดเร็วเพียงใด ร่างสูงพยายามปาดน้ำตาออกแต่มือข้างซ้ายกลับกุมมือเรียวไม่ยอมปล่อย แม้ร่างโปร่งจะนิ่งไปแล้ว แต่สติสุดท้ายยังคงเหลือ

   

นายร้องไห้ทำไมติม...เสียใจเรื่องอะไร

   

ถ้าหากเป็นห่วงเรื่องของชะเอมล่ะก็...ตอนนี้ร่างบางก็ปลอดภัยแล้วนี่นา

   

'ถ้าน้องไอร้องไห้แล้วใครจะปลอบพี่เอ็มล่ะคะ' ไม่รู้ทำไมเสียงของเด็กสาวที่เขาเคยเจอที่โรงพยาบาลมันถึงดังขึ้นมา อาจเป็นเพราะเห็นน้ำตาของร่างสูง

   

ใช่...ใช่แล้ว ครั้งสุดท้ายนี้ พี่จะไม่ร้องไห้เพราะว่านายกำลังร้องไห้

   

พี่จะขอ...อวยพรให้นายเจอความสุข เจอคนที่นายชอบ...และชอบนาย

   

"อย่าร้องไห้เลย...ติม" เสียงทุ้มใสแหบโหย พยายามยิ้มออกมาทั้งที่ตาปิดสนิท อยากจะปลอบคนที่กำลังเสียใจ ไม่ได้รู้ตัวว่าถูกอุ้มขึ้นแนบอกและนอนแนบลงกับเตียงเข็น

   

สติสุดท้ายที่เหลืออยู่นี้...ร่างโปร่งก็ยังนึกถึงแค่คนๆ เดียว

   

"ตอนนี้เอมปลอดภัยแล้วนะ...พี่ปกป้อง...คนที่นายรักเอาไว้ได้นะ"

   

พระรามปกป้องหัวใจของไอติมไว้ได้...โดยแลกกับชีวิตของตัวเอง

   

พี่ทำดีแล้วใช่มั้ย

   

เพราะงั้นชมพี่ว่าเก่งทีสิ...ลูบหัวพี่...ยิ้มให้พี่...ใจดีกับพี่บ้าง

   

...นะติม...

   

เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่...หัวใจของพี่

   

"พี่รักนาย"

   

.

.

.



ก็มีแค่นายคนเดียวนะ





********************* Love Substitute *********************

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep33 (จบแล้ว) 21/08/2019
«ตอบ #69 เมื่อ21-08-2019 21:05:30 »



ทดแทนรัก

ตอนที่ 32



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



   

เพียะ!!

   

ใบหน้าหล่อเหลาหันไปด้านหนึ่งเมื่อถูกบิดาบังเกิดเกล้าสะบัดหลังมือใส่ โดยที่พี่ชายยืนนิ่งอยู่เฉยๆ ข้างกาย คราวนี้เขาไม่ได้เอ่ยห้ามอะไรเลย เพราะคราวนี้น้องชายทำเกินไปแล้วจริงๆ

   

เรื่องมันเลยเถิดมาถึงขนาดนี้

   

ไอติมก็นิ่งเงียบกว่าที่คาด เพราะอะไรน่ะเหรอ แค่เห็นดวงตาคมกริบฉายแววสำนึกผิดนั่นก็พอจะรู้แล้วว่าเจ้าตัวก็ไม่ได้คิดว่าจะให้สิ่งนี้เกิดขึ้น

   

แต่ถึงอย่างไรมันก็สายเกินไป เพราะอิสระเกือบทำให้คนๆ หนึ่งตายไปแล้ว

 

   



หลายชั่วโมงก่อน

   

ติ๊ด...ติ๊ด...

   

ร่างสูงยืนมองพระรามที่กำลังนอนซมอยู่ในห้องผ่าตัดของโรงพยาบาลชื่อดังเพื่อดูอาการ อาการโคม่า บาดเจ็บสาหัส เนื้อตัวบอบช้ำ กระดูกซี่โครงร้าว มีแผลฉกรรจ์ถูกแทงด้วยของมีคมสองจุดที่ต้นแขนและบริเวณหน้าท้อง ดีที่ไม่โดนอวัยวะสำคัญแต่กว่าจะมาถึงก็เสียเลือดมาก หนำซ้ำที่โรงพยาบาลนี้ยังไม่มีกรุ๊ปเลือดเดียวกันกับพระรามสำรองเอาไว้ด้วย

   

...กรุ๊ปเลือดที่หายากที่สุด...

   

“แบบนี้แย่แน่” อิฐพูดด้วยน้ำเสียงกังวล

   

“หมายความว่ายังไง พี่อิฐ”

   

“กรุ๊ปเลือดแบบเดียวกันกับของรามมันไม่มีสำรองเอาไว้”

   

“เลือดกรุ๊ปอะไร ผมสามารถหาให้ได้ตอนนี้เลย” ไอติมพูดด้วยความร้อนรน ควักโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเตรียมโทร ถึงพ่อจะว่าเขาเกเรอย่างไร แต่คนพวกนั้นก็คบหาเพื่อช่วยเหลือกันในยามยากลำบากได้ แต่ร่างสูงต้องชะงักเมื่อพี่ชายเอ่ยขัด

   

“มันไม่ง่ายขนาดนั้นสิ เลือดของพระรามเป็นประเภท RH Negative ซึ่งหายากมากๆ ตั้งแต่พี่ทำงานมายังหาผู้ป่วยเลือดประเภทนี้ได้แค่ไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซนต์...ไม่อยากจะเชื่อเลย” อิฐหลุดมาดที่เคยรักษาเอาไว้ ทั้งสบถทั้งขยี้หัวหงุดหงิดเพราะความไม่ได้ดั่งใจ

   

ท่าทางแบบนั้นทำให้คนฟังใจหายวูบ ทั้งตัวชาดิกจะพูดก็พูดไม่ออก “แล้ว...แบบนี้...” หาเสียงตัวเองแทบไม่เจอ

   

“ถ้าหากไม่มีเลือดเราคงต้องทำใจเอาไว้”

   

ทำไมถึงต้องเป็นตอนนี้...สถานการณ์แบบนี้ด้วย

   

พี่รักติม

   

“หมายความว่ารามจะต้องตายงั้นเหรอ!? ผมไม่ยอมหรอกนะ!!” ไอติมตวาดลั่น มองอิฐด้วยความพร่ามัว ไหนบอกว่าคนเป็นหมอสามารถรักษาผู้ป่วยได้ไม่ใช่เหรอ แล้วแบบนี้มันจะไปมีความหมายอะไร

   

ร่างโปร่งที่นอนอยู่บนเตียงผ่าตัดไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดียังไง โดยที่เขาทำอะไรไม่ได้เลย

   

...เพิ่งจะมารู้ตอนที่สายเกินไปว่าขาดไม่ได้...

   

พี่รักติม

   

ไม่ยอม...เขาไม่ยอมเสียรามไปหรอก!

   

“แล้วแกจะให้พี่ทำยังไง!? พี่เป็นหมอนะไม่ใช่พระเจ้า แล้วที่รามเป็นแบบนี้มันก็เพราะแกไม่ใช่เหรอติม!” คำพูดของพี่ชายทำให้หัวใจกระตุก ตอกย้ำคำพูดของเพื่อนที่เคยเอ่ยเตือนกัน

   

สักวันรามจะต้องตายเพราะมึงเป็นต้นเหตุ!

   

“อิฐ...พ่อบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าเป็นแพทย์ต้องทำใจให้เย็น” เสียงหนึ่งแทรกบทสนทนาที่กำลังจะกลายเป็นทะเลาะกันมากกว่าคุยระหว่างพี่น้อง ปรากฏร่างของอรรถสิทธิ์ที่กำลังเดินตรงมา เพราะได้ยินว่ามี ‘ใครบางคน’ อยู่ในห้องฉุกเฉิน ลูกชายทั้งสองมองพ่อด้วยสายตาที่แตกต่างกัน

   

“ครับ ขอโทษครับพ่อ” น้ำเสียงทุ้มกับร่างโปร่งที่ค่อยๆ ก้มหน้าลงเพราะรู้สึกผิด คำสั่งสอนของบิดาที่เต็มไปด้วยเหตุและผลมักทำให้เขาคิดได้เสมอ “พี่ขอโทษนะติม ไม่ได้คิดจะโทษแกแบบนั้น”

   

ไอติมไม่ตอบอะไรเพราะรู้ดีว่าที่พี่อิฐพูด...มันก็เป็นความจริง

   

“ติม” ร่างสูงเงยหน้าสบดวงตาคมคนละสีแต่ใบหน้าคลับคล้าย “ไม่ว่าแกจะยังโกรธพ่ออะไรยังไงเกี่ยวกับเรื่องของภา พ่อไม่สน...ถ้าแกยังอยากจะช่วยคนที่ชื่อพระรามคนนั้นก็ตอบพ่อมาตามตรง”

   

“...”

   

“แกรู้สึกยังไงกับเขา...กับคนที่แม่แกยอมทิ้งชีวิตและครอบครัวของเราไปเพื่ออยู่ด้วยจนสิ้นใจนั่น”

   

ใบหน้าหล่อเหลาแค่นยิ้มสมเพช “พ่อรู้เหรอ”

   

ชีวิตของเขาไม่เคยไม่อยู่ในสายตาของพ่อเลยแม้แต่วินาทีเดียว

   

“มีเรื่องอะไรที่พ่อไม่รู้บ้างล่ะ เรื่องที่เกี่ยวกับภาและแก ทุกสิ่งทุกอย่าง คิดจะปิดบังพ่อไปถึงไหนกัน...ถ้าไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แกก็ไม่เคยคิดจะขอความช่วยเหลือจากพ่อบังเกิดเกล้าเลยสักนิดใช่ไหม”



ติมจับใจความได้แค่เรื่องที่กังวล ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเริ่มมีประกายความหวัง “พ่อพูดแบบนี้หมายความว่า...พ่อช่วยรามได้เหรอ”

   

“ได้ไม่ได้ก็ตอบคำถามพ่อมาก่อนสิ”

   

“ผม...” ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนวูบไหว ถ้าหากคำตอบนี้จะช่วยชีวิตของพระรามได้

   

อย่าเกลียดพี่เลยนะ

   

เขาก็จะบอกออกไป

   

“ผมชอบเขา...ผมชอบราม”

   

พี่ปกป้องคนที่นายรักเอาไว้ได้นะ

   

ได้โปรดเถอะ ให้เขาได้มีโอกาสอธิบาย...ไม่อยากให้เข้าใจผิดแล้วจากกันไปแบบนี้

   

กี่ครั้งกี่หนที่ทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดว่าตนเป็นตัวแทนของชะเอม ทั้งๆ ที่จริงแล้วมันไม่ใช่

   

“รัก? กับคนที่แย่งแม่แกไปน่ะเหรอ” เสียงของพ่อดังขึ้นอีกครั้ง ร่างสูงเผลอเกร็งมือกำหมัดแน่นจนสั่นระริก

   

“ไม่ใช่...”

   

เรื่องของแม่...เขาไม่มีวันลืม

   

ความผิดไม่ใช่ของแม่หรือราม อาจจะเป็นเขาเองที่ไม่เคยคิดจะปล่อยวาง ทางเลือกที่แม่เดินมันคือการตัดสินใจของเธอ...แต่เขาก็แค่รับไม่ได้ที่จะต้องเสียแม่อันเป็นที่รักไป

   

“รามไม่ผิด นั่นเป็นสิ่งที่แม่ตัดสินใจต่างหาก”

   

อรรถสิทธิ์ยิ้มมุมปาก...ดูเหมือนว่าจะเริ่มเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างแล้วสินะ

   

“จะยังไงก็ช่างเถอะ พ่อบอกจะช่วยราม...จะช่วยยังไงก็พี่อิฐบอกว่าไม่มีเลือดสำรอง” ติมถามด้วยความร้อนรน สิ่งที่เป็นห่วงในตอนนี้มากกว่าสิ่งใดคือคนที่กำลังปางตาย ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายไม่รู้จะไปทางไหน

   

“กรุ๊ปเลือดของพระรามหายากก็จริง จะไปประกาศหาคนที่มีกรุ๊ปเลือดแบบนี้ทั่วเมืองก็อาจจะไม่มีเลยสักคน” คำพูดที่เหมือนจะสิ้นหวัง ทำให้ไอติมกัดฟันกรอด “แต่ถ้าเป็นพ่อแท้ๆ ล่ะก็ ยังไงก็คงให้เลือดกับลูกได้อยู่แล้ว จริงไหม”

   

“พ่อหมายความว่า...” ดวงตาคมเบิกกว้าง เห็นรอยยิ้มมุมปากของอรรถสิทธิ์ยกขึ้นอีกครั้ง

   

“หลังจากนี้แกต้องขอบคุณพ่อกับอิฐให้มากๆ ล่ะรู้ไว้ซะ”

 

   

ไอติมค่อยๆ เงยหน้ามองอรรถสิทธิ์ที่มีแววตาเจ็บปวด เพราะว่าทำร้ายลูกชายที่เลี้ยงมาด้วยตัวเอง

   

ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยแดงของฝ่ามือใหญ่ที่แก้มข้างซ้าย แต่ร่างสูงไม่โกรธเลยแม้แต่นิด ก็เพราะว่าพ่อเป็นคนช่วยชีวิตรามเอาไว้...ชีวิตของคนสำคัญที่เขาเกือบทำหลุดลอยไป

   

"แกคงรู้ตัวดี...ว่าที่เขาเป็นแบบนี้เพราะใคร" อรรถสิทธิ์เสมองร่างโปร่งที่ใบหน้ายังคงซีดเซียว แม้จะผ่านการผ่าตัดมาหลายชั่วโมงแล้ว แต่พระรามก็ยังนอนนิ่ง “นี่พ่อแค่ลงโทษแกแค่นิดหน่อยเท่านั้น โทษฐานไปเกเรหาเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง แถมยังทำให้คนอื่นเดือดร้อนอีก”

   

แค่โดนตบแค่นี้ ถือว่ายังน้อยไปด้วยซ้ำ

   

ไอติมเงียบเพราะรู้ดี ก่อนจะเอ่ยถามในสิ่งที่สงสัย "พ่อ...หา 'เขา' เจอได้ยังไง"

   

"แกคิดว่าพ่อจะไม่คอยดูหรือติดตามคนที่เกี่ยวข้องกับภาเลยหรือไง"

   

"แล้วทำไม...ทั้งๆ ที่รู้มาตลอดแล้วทำไมถึงไม่พาแม่กลับมาบ้านล่ะ" ไอติมถามอย่างไม่เข้าใจ "พ่อไม่รักแม่แล้วเหรอ"

   

"พูดบ้าๆน่า...พ่อน่ะรักภาที่สุด เธอเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดเท่าที่เคยเจอในชีวิตและในชาตินี้พ่อจะขอรักเธอคนเดียว" แววตาของคนพูดหม่นลง "พ่อรู้ว่าเธอเป็นคนจิตใจดีงามแค่ไหน เพราะฉะนั้นตอนที่รู้ว่าเธอมาขอพ่อ...ออกจากบ้านนี้เพื่อไปดูแลเด็กคนหนึ่ง พ่อรู้ว่าพ่อจะต้องขัดเธอไม่ได้ เพราะแววตาของภาบอกกับพ่อว่ายังไงเธอก็จะต้องไป"

   

"..."

   

"สิ่งที่เธอแลกทั้งหมดก็เพื่อชีวิตของเด็กคนนี้" อรรถสิทธิ์ปัดหน้าม้าที่เริ่มยาวปรกหน้าซีดเซียวของคนป่วยออกไปแล้วยิ้ม "ถึงภาจะจากไปแต่ก็ยังฝากให้ลูกดูแลเขาต่อ"

   

เห็นมั้ยว่าเนตรนภาเป็นคนดีมากขนาดไหน...อย่าพูดไปเลย เขาก็ไม่รู้จะบรรยายตัวเองยังไงที่ยอมให้ภรรยาที่รักจากตนไปแบบนั้น เขาเจ็บปวดยิ่งกว่าใคร ที่ปล่อยเธอไป...ที่ปล่อยเธอตายไป

   

ใครว่าไม่รัก...รักมาก

   

ใครว่าไม่เจ็บ...เจ็บมาก

   

...แต่เขายังมีลูกชายทั้งสองที่ยังต้องดูแลเอาใจใส่...ต้องยืนขึ้นและต่อสู้...

   

"เรื่องนพกร พ่อแค่ส่งคนติดตามเขาเอาไว้แค่นั้น พอเกิดเรื่องก็คิดว่าจะต้องได้ใช้งานเลยพามา...ถ้าหากไม่มีเขา คนของแกก็คงตายไปแล้ว แต่พ่อไม่ได้จะบอกให้ขอบคุณหรอกนะ เพราะทางนั้นก็เรียกร้องเงินมาเยอะพอดู"

   

"ไอ้เวรนั่น...เรียกเงินจากพ่อเพราะให้เลือดลูกตัวเองเนี่ยนะ"

   

"แต่ถ้าไม่เป็นแบบนั้น รามจะต้องตายนะ"

   

"..."

   

“เงินสองล้านคงมีค่ามากกว่าชีวิตของคนสำคัญใช่มั้ยล่ะ”

   

ดวงตาคมกริบหรี่ลง นึกถึงคำฝากฝังของแม่ในวาระสุดท้าย

   

'ไม่ได้นะ คุณนพกรน่ะ...!'

   

เขาเข้าใจแล้วว่าความเป็นห่วงของแม่ในตอนนั้นคืออะไร สิ่งที่แม่พยายามจะบอก...ที่แม่ออกจากบ้านเพราะต้องการให้พระรามเติบโตมามีชีวิตที่ไม่ตกต่ำเพราะพ่อเฮงซวยอย่างนพกร

   

...เนตรนภาเป็นผู้หญิงที่ประเสริฐที่สุด...

   

และตลอดมาที่เขาเข้าใจคนตรงหน้าผิดไปอย่างมหันต์

   

'คนที่ไม่เคยรั้งแม้ไว้อย่างพ่อ ไม่ต้องมาพูดเลย!'

   

โดยที่อรรถสิทธิ์ไม่เคยแก้ตัวอะไร...ยอมรับความโกรธของลูกชายเอาแต่ใจอย่างเขาอย่างเต็มใจ

   

"พ่อ ผม..."

   

"หึหึ จะขอโทษหรือขอบคุณล่ะ" อรรถสิทธิ์ยิ้มขำ เขาน่ะไม่เคยรู้สึกโกรธหรือกล่าวโทษลูกชายเลยสักครั้ง ซ้ำยังรู้สึกชื่นใจที่ไอติมเริ่มโอนอ่อนและรู้สึกรักคนอื่นได้แล้ว

   

"ผมอยากจะขอโทษ...เรื่องที่พูดไม่ดีเกี่ยวกับแม่แล้วก็ขอบคุณ...ที่ช่วยรามด้วยครับ"

   

อิฐหลุดหัวเราะออกมากับคำพูดคำจาไพเราะผิดหูผิดตา ทำให้ติมมองตาขวาง

   

"มองพี่แบบนั้นได้ไง แกก็ต้องขอบคุณพี่เหมือนกันนะ"

   

น้องชายตัวโตอึกอักเพราะรู้ดีว่าเรื่องของราม ไม่มีใครมีบุญคุณเท่ากับพี่ชายอีกแล้ว ร่างสูงเกาต้นคอและพูดเสียงแผ่วเบา "...ขอบคุณครับพี่"

   

อรรถกับอิฐมองหน้ากันแล้วก็หลุดหัวเราะ

   

...ทั้งหมดนี้ต้องขอขอบคุณพระรามที่ทำให้ไอติมเปลี่ยนไป...

   

ไม่เคยคิดว่าวันนี้จะได้มีจริงๆ วันที่ครอบครัวตรานาคเรศมีเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขแบบนี้

   

ราวกับมีสายลมพัดผ่าน ทั้งๆ ที่ทั้งห้องเป็นห้องปิดแท้ๆ แต่เสียงหัวเราะแว่วหวานอีกหนึ่งเสียงก็ลอยมากับสายลมนั้นให้อรรถเบิกตากว้าง

   

"ภา...!" พอมองตาม เสียงหัวเราะนั้นก็แผ่วเบาลง ซ้ำพอหันมองลูกชายก็ดูเหมือนจะไม่มีใครได้ยินเลย

   

"พ่อ?" อิฐมองตามสายตาของบิดาที่มองเพดานแล้วทำหน้างง ไม่เห็นจะมีอะไร

   

"...เปล่า...ไม่มีอะไร..." คนเป็นพ่อพึมพำ

   

ภา...หรือว่านี่คือสิ่งที่เธอตั้งใจให้มันเกิดขึ้น...ให้ไอติมได้จากลาและพบพาน...ได้รักกับพระราม...และกลายเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต

   

"ไอติม หลังจากนี้พ่อขอสั่งห้ามไม่ให้ไปทำตัวเหลวไหลแล้ว แกต้องมาช่วยพ่อทำงานชดใช้สิ่งที่พ่อต้องจ่ายไป...เพื่อช่วยชีวิตคนรักของแก" คำพูดจริงจังของพ่อทำให้ติมเสมองคนบนเตียงและตอบอย่างไม่ลังเล

   

"ครับ พ่อ"

   

เขาไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปฏิเสธอีกแล้ว

 



   

"ราม!"

   

"ดิน พยาบาลเขาเตือนแล้วว่าห้ามส่งเสียงดังไง"

   

"ก็กูเป็นห่วง..."

   

"เป็นห่วงเงียบๆ ก็ได้ไหมฮึ"

   

"มึงชอบขัดกูตลอด"

   

ร่างบางไม่สนใจคำเถียงของเพื่อน รีบเดินเข้ามาเกาะข้างเตียงดูพระรามที่ยังคงนอนหลับพริ้ม

   

"ราม...อาการหนักเลย" ดวงตากลมโตมองเพื่อนที่มีแต่ผ้าพันแผลกับผ้าก๊อซสีขาวแล้วน้ำตารื้นอย่างสงสาร "เราขอโทษนะ...ราม"

   

"..."

   

"รามต้องเจ็บขนาดนี้ เพราะช่วยเราแท้ๆ ..." เสียงใสสั่นเครือ น้ำตาที่กลั้นเอาไว้หยดลงเผาะๆ

   

ไอติมที่นั่งมองอยู่ก็ยิ้มฝืดเฝื่อน ไม่มีอะไรจะปลอบ มือใหญ่ช้อนมือขาวซีดขึ้นกอบกุม

   

ที่เห็นด้วยตายังไม่หนักเท่าใต้ร่มผ้า...ถ้าหากรามฟื้นขึ้นมาก็น่าจะยังขยับตัวไม่ได้ไปอีกพักใหญ่...แต่อย่างน้อยเขาก็อยากเห็นร่างโปร่งลืมตามามากกว่าที่จะหลับไปแบบนี้

   

"มันเป็นแบบนี้ได้ไง กูจำได้ว่าวันๆ เอาแต่ทำงาน...ไม่เคยมีอริที่ไหน" ดินก็อดเจ็บแทนเพื่อนไม่ได้ "เว้นแต่จะเป็นเรื่องของมึง"

   

คนถูกกล่าวหาค่อยๆ ยืนขึ้นขณะที่ชะเอมปาดน้ำตามองเลิ่กลั่กพร้อมเบะปาก "ทะ ทุกคน อย่าทะเลาะกันเลยนะ...เป็นความผิดเราเอง"

   

ทั้งห้องเงียบไปเพราะชะเอมร้องไห้สะอึกสะอื้น โทษตัวเองไม่หยุด

   

"เราไม่รู้ว่าคนพวกนั้นเป็นใคร ถ้าหากว่าเราไม่ไปยุ่ง..."

   

"ไม่หรอกครับ พี่เอม นี่ความผิดของผมเอง อย่างที่...พี่เขาบอกนั่นแหละ" ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะว่าเป็นเขาเองที่ลากรามเข้ามาตั้งแต่แรก เพราะจุดประสงค์เลวๆ ของเขา...ทำให้รามเจ็บตัวเกือบปางตาย

   

อย่าเกลียดพี่เลยนะ...พี่ปกป้องคนที่นายรักเอาไว้ได้นะ ติม

   

...ซ้ำยังเจ็บหัวใจ...ไม่จบไม่สิ้น...

   

"รามถูกพวกอริผมจับตัวไป ตอนนี้ถึงจะปลอดภัยแล้ว แต่ต้องนอนอยู่ที่โรงพยาบาลอีกหลายวันจนกว่าแผลจะหายสนิท" นิ้วยาวลูบมือขาวเนียนทะนุถนอมอย่างที่ไม่เคยทำกับใคร "พี่อิฐบอกว่าหลังจากออกมาจากห้องผ่าตัดไม่กี่ชั่วโมง ยานอนหลับจะหมดฤทธิ์ คนป่วยควรจะรู้สึกตัว...แต่นี่ก็ผ่านมาตั้งวันนึงแล้ว รามยังไม่ลืมตาเลยสักครั้ง"

   

"..."

   

ไอติมยกมือขึ้นแนบริมฝีปากลงกับหลังมือเย็นชืด

   

ได้โปรด...ตื่นขึ้นมาซักทีเถอะ

   

เพื่อนอย่างดินแทนที่จะโมโหกลับนิ่งเงียบจนสินแปลกใจ เหตุการณ์นี้ซ้ำรอยอีกครั้งแล้ว เหมือนกับที่คินกับชะเอมเคยเจอ แล้วสภาพของชะเอมกับพระรามเลวร้ายไม่ต่างกัน

   

คนสุดท้ายที่เจ็บปวดที่สุด...ไม่พ้นใคร



นึกแล้วแค้นนัก จริงๆ แล้วดินอยากจะให้มันสำนึกผิดยิ่งกว่านี้ ทำไมต้องทำให้เรื่องร้ายๆ มันเกิดขึ้นอยู่เรื่อย...คนพวกนี้ควรจะได้เรียนรู้กับคำว่าสายเกินไปซะบ้าง...แต่เขาก็ไม่อยากจะแช่งเพื่อนตัวเอง ได้แต่ภาวนาให้เพื่อนหายดีในเร็ววัน

   

ดินถอนหายใจยาว พึมพำด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด “พวกกูก็ผิดด้วยเหมือนกัน ทั้งๆ ที่รู้ทั้งรู้ว่ามันเจ็บแค่ไหน แต่ก็ไม่พามันมาจากมึง”

   

คนที่เลว...ก็ไม่ได้มีแค่คนตรงหน้า

   

“เอาน่า อย่าโทษตัวเอง” สินตบไหล่และโอบคนข้างกายเข้ามากระชับ “รามมันก็ตัดสินใจให้เป็นแบบนี้ด้วย ไม่มีใครผิดหรอก”

   

“...”

   

"พวกเรากลับกันก่อนดีมั้ย ส่งเสียงโหวกเหวกมันจะรบกวนคนป่วยนะ" สินเสนอ ทำให้ดินพยักหน้าเบาๆ

   

"งั้นเดี๋ยวเรามาหาใหม่นะ" ชะเอมบอกลา เขาจะต้องมาขอบคุณรามที่ช่วยเขาเอาไว้ คุณลุงกับคินก็อยากจะขอบคุณเหมือนกัน...ที่ช่วยคนสำคัญของพวกเขาเอาไว้ "หายไวๆ นะราม"

   

ไอติมยิ้มตอบใบหน้าน่ารัก ก่อนที่ร่างผอมจะเดินตามเพื่อนไป ไม่ลืมปิดประตูให้ก่อนที่ห้องจะกลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง

   

"เพื่อนมาเยี่ยมขนาดนี้แล้ว รีบตื่นขึ้นมาได้แล้วนะราม" ไอติมฟุบหน้าลงกับฟูก น้ำตาที่รื้นขึ้นไหลลงซึมไปอย่างรวดเร็ว

   

ได้โปรด...อย่าให้รอนานไปมากกว่านี้

   

ตื่นขึ้นมา...ฟังคำแก้ตัวของผม คำขอโทษของผม

   

แล้วก็ความรู้สึกของผมด้วย

 

   



"นี่ก็ผ่านมาตั้งหลายวันแล้ว ทำไมรามยังไม่ฟื้นอีกล่ะ!?" ว่าที่แพทย์ได้ยินคำถามแล้วก็ขมวดคิ้ว อันที่จริงเขาก็สงสัยอยู่เหมือนกัน บาดแผลตามตัวค่อยๆ สมานกันอย่างต่อเนื่องแล้วดีขึ้นเรื่อยๆ แต่สิ่งที่ผิดปกติคือเจ้าตัวไม่รู้สึกตัวเลย ทั้งๆ ที่ผ่านไปนับสัปดาห์แล้วหลังจากเข้ามานอนในโรงพยาบาล

   

"สมองไม่ได้ถูกกระทบกระเทือนรุนแรง บาดแผลก็ค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ...หรือเป็นเพราะสภาพจิตใจ" อิฐกุมคางพึมพำ ก็เคยเรียนมาอยู่บ้างเหมือนกันที่สภาพจิตใจของผู้ป่วยก็เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ร่างกายหายอย่างรวดเร็ว แต่ตรงกันข้ามถึงแม้ร่างกายจะหายดีแล้วแต่จิตใจยังป่วยอยู่ก็ไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้ คลับคล้ายกับนอนหลับไป...เหมือนเจ้าชายนิทรา

   

"พี่หมายถึง..."

   

"พี่คิดว่ารามอาจจะไม่อยากตื่นขึ้นมาเพราะจิตสำนึกสั่งเอาไว้...ล่ะมั้ง" พอเห็นน้องทำหน้าไม่เข้าใจ ก็รีบพูดต่อ "หมายความว่า...อืม ถ้าพูดตรงๆ คือความเป็นจริงมันไม่อยากเผชิญเลยขออยู่ในโลกแห่งความฝันดีกว่า...ทั้งหมดนี้ก็แค่สันนิษฐานน่ะ เพราะพี่ก็ไม่เคยเจอเคสแบบนี้เหมือนกัน"

   

"..."

   

'ติมเกลียดผมมากครับ'

   

อิฐเหลือบมองน้องชายที่ยืนนิ่ง แม้จะรู้ดีว่าพูดไปก็ยิ่งทำให้อีกฝ่ายรู้สึกผิด แต่เขาก็คิดว่าสิ่งที่คาดเดามันค่อนข้างเป็นไปได้สูง

   

"หรือไม่...จิตสำนึกสุดท้ายก่อนจะดับลงไป เจ้าตัวคงคิดว่าตัวเองตายไปแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้นพระรามอาจจะต้องเป็นเจ้าชายนิทรา...ไม่ตื่นขึ้นมาอีก"

   

ร่างสูงที่ยืนฟังนิ่งอึ้ง เบิกตาค้าง ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ

   

"เหอะ พี่อิฐต้องล้อเล่นแน่ๆ"

   

...มันไม่จริงหรอก...

   

"ติม..."

   

"พี่อิฐเป็นหมอทำไมถึงพูดแบบนั้น"

   

...เรื่องบ้าๆ แบบนั้น...

   

"นายต้องทำใจเอาไว้นะ เผื่อ..."

   

"ไม่มีทางหรอก รามรักผม! เขาจะต้องไม่ทิ้งผมไป!"

   

'พระรามอาจจะต้องเป็นเจ้าชายนิทรา...ไม่ตื่นขึ้นมาอีก'

   

หมายความว่า...

   

'พี่ขอ...หอมแก้มนายบ้างได้ไหม'

   

รอยยิ้มนั่น...เขาจะไม่มีวันได้เห็นอีกแล้ว

   

'อย่าเกลียดพี่เลยนะ'

   

เขาจะไม่มีวันได้ขอโทษในสิ่งที่ทำผิดอีกแล้ว

   

'พี่รักติม'

   

จะไม่มีวัน...ได้ฟังคำว่ารักจากริมฝีปากนั่นอีกแล้ว...อย่างนั้นใช่ไหม

   

"ติม" ใบหน้าของพี่ชายนิ่วเจ็บปวด น้องชายของเขาหมดสภาพอย่างแท้จริง ร่างสูงคุกเข่าข้างเตียงและซบหน้าร้องไห้ มือทั้งสองทึ้งผ้าปูแน่นราวกับอดทนอดกลั้น

   

ไม่แม้แต่จะให้โอกาสเขาได้ชดใช้ความผิด

   

นี่คือบทลงโทษของคนเห็นแก่ตัว

   

จงเสียใจและสำนึกผิดไปจนตาย โทษฐานทำร้ายหัวใจดวงหนึ่งจนบอบช้ำไม่อาจเยียวยา

   

ขาเรียวเดินเข้าไปใกล้และโอบไหล่กว้างที่สั่นระริกเข้ากระชับ "ติม ไม่เป็นไรหรอก พี่แค่สันนิษฐาน พระรามไม่เป็นไรหรอกน่า..."

   

"..."

   

"ไม่เป็นไร" ปลอบด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยมั่นใจ เพราะเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

   

แต่เพียงแค่ภาวนาด้วยความเห็นใจ

   

'ติมเขาเกลียดผม'

   

เพราะแบบนั้นงั้นหรือ นายถึงไม่ยอมตื่นมา

   

แต่ถ้าหากนายเห็นสภาพของติมที่เป็นแบบนี้แล้วนายจะยกโทษให้น้องชายพี่มั้ย

   

...พระราม...

 

   



ต่อด้านล่าง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep33 (จบแล้ว) 21/08/2019
« ตอบ #69 เมื่อ: 21-08-2019 21:05:30 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep33 (จบแล้ว) 21/08/2019
«ตอบ #70 เมื่อ21-08-2019 21:06:02 »



ต่อจากด้านบน


"...ม"

   

"ราม..."

   

"ราม ตื่นสิลูก"

   

"อือ..." ร่างโปร่งนอนบิดกายหนีเสียงปลุกบวกกับแรงเขย่า แต่พอนึกอะไรได้ก็ลืมตาโพลงสะบัดผ้าห่มลุกขึ้นนั่งหน้าตั้ง "แม่? แม่เหรอ!?"

   

ภาพตรงหน้าคือภาวดีที่นั่งอมยิ้มกับหัวกระเซิงของลูกชาย แต่หัวสมองของพระรามในตอนนี้ตื้อตึงงุนงงปรับไม่ถูก มึนงงทั้งความทรงจำและร่างกายที่อ่อนเพลียอ่อนล้า นี่เขาไปทำอะไรมา?

   

เขาจำอะไรไม่ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น

   

...เหมือนตื่นขึ้นมาจากความว่างเปล่า...

   

"เอ้า ไม่ใช่แม่แล้วจะเป็นใครกันล่ะหือ ลูกคนนี้ เมื่อวานทำงานมาเสียดึกล่ะสิ ปลุกกี่ทีก็ไม่ยอมตื่น...นี่จะได้เวลาเรียนแล้วหรือเปล่า แบบนี้จะเดินทางทันเหรอจ๊ะ"

   

“...”

   

เพียะ!

   

มารดาตีเพียะเข้าที่ต้นแขนลูกชายที่เหม่อมองใบหน้าเธอเหมือนยังเมาขี้ตา “ยัง ยังเบลออยู่อีก ได้ฟังที่แม่พูดมั้ยเนี่ย”

   

ดวงตาเรียวกระพริบปริบ "อะไรนะครับ? เรียน?" ร่างผอมกับใบหน้าสวยของภาวดีที่กำลังยิ้มมาให้ นิ้วเรียวชี้ไปที่นาฬิกาแขวนอยู่ผนังห้องเก่าๆ แล้วสมองที่กำลังเบลอๆ กับตาก็เบิกโพลง "จริงด้วย!"

   

ร่างโปร่งผุดลุกขึ้นวิ่งเข้าห้องน้ำแทบไม่ทันด้วยหัวยุ่งเหยิง ได้ยินเสียงใสหัวเราะตามหลังมาให้ชื่นใจ

   

แสดงว่าทั้งหมดนั่น...เขาฝันไปเหรอ...รู้สึกว่ามันเป็นฝันที่ยาวนานมาก

   

ฝันว่าแม่ภาวดีตายไป ...ได้เจอกับคนๆ หนึ่งที่เขารัก...แล้วก็ฝันว่าตัวเขาเองก็โดนใครก็ไม่รู้ใช้มีดแทงจนตายเหมือนกัน

   

บ้าจริงๆ เลยนะ...ฝันแบบนั้นน่ะ...

   

"แม่ครับผมไปก่อนนะ"

   

"อ้าว ไม่กินข้าวก่อนเหรอ"



คิ้วบางขมวดลำบากใจ "มันไม่ทันแล้วครับ เดี๋ยวสาย"

   

"จ้ะ นักเรียนทุนดีเด่น เดินทางดีๆ นะลูก" ภาวดีเอ่ยแซว เดินมาส่งพระรามที่แต่งชุดนักศึกษาเรียบร้อยแล้วที่หน้าประตูบ้าน พร้อมยื่นกล่องข้าวเตรียมเอาไว้ให้ "นี่แม่ห่อเอาไว้ให้ รู้ว่าลูกคงเหนื่อยมาก ขอบคุณที่ทำงานหนักเพื่อแม่มาตลอดนะ"

   

"ครับ รักแม่นะ" จมูกเล็กกดข้างแก้มเย็น และสูดดมกลิ่นกายหอมเป็นเอกลักษณ์ให้ชื่นใจ

   

"แม่ก็รักลูกจ้ะ" ใบหน้ามนหันข้างให้ภาวดีหอมกลับ เธอจับหน้าหอมอีกข้างหนึ่งดังฟอดเหมือนสมัยเด็ก พระรามรู้สึกหัวใจพองโต คล้ายเติมแรงที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานให้หายเป็นปลิดทิ้ง

   

...มีความสุขที่สุด...

   

ร่างโปร่งกึ่งเดินกึ่งวิ่งด้วยใบหน้าแย้มยิ้มออกจากบ้าน ไม่ว่าจะเดินด้วยระยะทางที่ไกลสักแค่ไหนก็ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยสักนิดเพราะใจที่เป็นสุข

   

...แต่ทำไมบางที่ในส่วนลึกของหัวใจกลับวูบโหวงอย่างประหลาด...

   

"ไอ้ราม ทำไมวันนี้ห่อข้าวมากินวะ แหมๆ น่าอิจฉา" ดินแซว

   

ร่างโปร่งเกาแก้มเขินๆ กับคำนั้น เปิดข้าวกล่องอย่างไม่อายใคร ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่าโตจนป่านนี้แล้วยังเอากล่องข้าวแพ็คจากที่บ้านมากิน

   

...ใครจะคิดยังไงก็ช่าง...

   

"เฮ้ยอย่าแย่งดิ้" พระรามยกกล่องหนีส้อมที่จะจิ้มของโปรดของเขาไปกิน

   

"ทำไมอ่ะ ขอชิมมั่งสิ กับข้าวฝีมือคุณแม่มึงอะ"

   

"ดิน มึงหิวก็มาเอาของกู" สินนั่งข้างๆ ยื่นจานมาให้ตรงหน้าแต่เจ้าตัวไม่สน "ไปแย่งไอ้รามกินเดี๋ยวมันก็ไม่โต"

   

"หมั่นไส้ไง เห็นทำหน้ามีความสุขก็อยากลองชิมว่ามันอร่อยขนาดไหน ยิ้มแป้นขนาดนี้"

   

"มึงนี่มันนิสัยโคตรแย่" เสียงทุ้มใสแขวะ

   

"แหม อย่าชมๆ ฮ่าๆ" เจ้าตัวหัวเราะดังลูบท้ายทอยไม่สะทกสะท้าน ก่อนจะไม่สนใจและหันไปกระหนุงกระหนิงกับผัว(?)เช่นเดิม โดยมีสินเท้าคางมองยิ้มมุมปาก

   

ร่างโปร่งมองภาพนั้นอย่างโล่งอกโล่งใจ สิ่งที่เผชิญอยู่นี้คือความจริง...ไม่ใช่ความฝัน

   

เขามีเพื่อนสองคนที่สนิทมากตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยมาคือดินกับสิน กับร่างบางผู้น่ารักที่ชื่อว่าชะเอมที่รู้จักกันไม่นาน

   

แล้ว...เขาลืมอะไร

   

แปะ...

   

"อะ...?"

   

เปาะแปะๆๆ

   

"เฮ้ย!" จู่ๆ วิวทิวทัศน์ก็เปลี่ยนไป จากโรงอาหารที่มีผู้คนจอแจก็เป็นป้ายรถเมล์ที่เขามายืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ที่ซวยกว่านั้นคือฝนดันตกลงมา!

   

"นี่มันอะไรกันเนี่ย..." พระรามพึมพำอย่างไม่เข้าใจ ใช้ผ้าที่พกมาเช็ดตามตัวเพื่อไม่ให้มีหยดน้ำเกาะ พลางกระพือเสื้อนักศึกษาตัวบางไม่ให้แนบเนื้อจนน่าเกลียด ถ้าไม่สบายภายหลังจะซวยเอา นี่เขายังต้องไปทำงานต่ออีก...

   

เขาจะไปทำงาน? นี่เขากำลังจะไปทำงานงั้นเหรอ?

   

"...จำไม่เห็นได้..." เจ้าตัวพึมพำเบาๆ ในหัวงุนงงไม่หาย ดวงตาเรียวจ้องมองหยาดฝนที่ตกกระทบพื้นถนน จนกระทั่งตกหนักจนมองภาพข้างหน้าไม่เห็น ขาคู่เรียวก้าวถอยหลังเล็กน้อยเมื่อฝนเริ่มสาดหนักแต่ก็ถอยไม่ได้มากเพราะว่าคนมาหลบที่ป้ายรถเมล์มากเหมือนกัน

   

พลั่ก!

   

"โอ๊ะ..." ร่างโปร่งเซเล็กน้อยเมื่อถูกชน พระรามเกือบจะไถลออกไปนอกกันสาดแล้ว แต่ก็ถูกรั้งข้อศอกเอาไว้ทันท่วงที

   

"ขอโทษ..."

   

"มะ ไม่เป็นไร" เสียงทุ้มใสตอบหอบสั่น เพียงแค่ได้ยินเสียงทุ้มพร่าของคนไม่รู้จัก ก้อนเนื้อในอกพลันกระตุกเล็กน้อยและสั่นระรัว...ไม่รู้ทำไม ก่อนที่มือร้อนผ่าวนั้นจะละออกไป ดวงตาสีน้ำตาลคนละเฉดสบกัน

   

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มหลุบลงหลบซ่อน เขาไม่รู้จักจริงๆ นั่นแหละ...ก็ถ้าเคยเห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดารานี่เพียงครั้งหนึ่งแล้วคงไม่มีทางลืม

   

ขายาวก้าวขึ้นรถเมล์ที่จอดตรงหน้า ริมฝีปากบางอ้าออกพลันจะเรียกแต่ก็ต้องรีบหุบ

   

ทำไมวันนี้ถึงได้นั่งรถโดยสารล่ะ? แล้วรถสปอร์ตไปไหน?

   

ใบหน้ามนขมวดคิ้วมุ่นแปลกใจอีกครั้ง

   

แล้วเขารู้ได้ไงว่าอีกฝ่ายขับรถสปอร์ตล่ะ ทั้งๆ ที่ไม่รู้จัก...ทั้งที่เมื่อกี้คือครั้งแรกที่ได้เจอ

   

ก่อนที่รถเมล์จะแล่นออกไป ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนหันมาสบอีกครั้งผ่านหน้าต่างที่เปิดเอาไว้ ครานี้หัวใจเต้นรัวแรงจนแทบจะระเบิด สูบฉีดให้ใบหน้าร้อนผ่าวท่ามกลางสายฝนเย็นฉ่ำ

   

...นั่นมันอะไรกันน่ะ...

   

"พี่เจ๋ง เหล้าปั่นสองที่ครับ โต๊ะสี่!"

   

"โอเค! ห้านาที!"

   

ร่างโปร่งในชุดพนักงานเสิร์ฟร้านเหล้าชื่อว่า 'ปล่อย' เดินใจเหม่อลอยเหมือนยังติดอยู่ในเสน่ห์ของดวงตาคมกริบที่เพิ่งสบมองมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้ คนเมื่อกี้...ใครกันนะ ทั้งคุ้นหน้า คุ้นเสียง...ทั้งๆ ที่พระรามมั่นใจว่าไม่เคยเจอมาก่อนแน่ๆ

   

หรือว่าจะเป็นคนในชาติที่แล้ว...เขาระลึกชาติได้

   

...บ้ากันไปใหญ่...

   

ใบหน้ามนส่ายรัว มันจะเป็นไปได้ยังไง

   

"น้องสาวจ๋า ก้นสวยจังเลย" เสียงเมายานคางของใครบางคนดังขึ้นแทรกเสียงเพลงกระหึ่ม ดวงตาสีน้ำตาลเข้มปรายมอง เมื่อวางของที่ลูกค้าสั่งที่โต๊ะสี่เรียบร้อยแล้วก็ค่อยๆ ถอยห่างออกมาจากที่ตรงนั้นราวกับนกรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อไป "สนใจให้พี่กระแทกมั้ยจ๊ะ"

   

สาวก้นสวยสะบัดผมยาวสยายเปิดไหล่ก่อนจะปรายตามองและเบะปาก "ไปหาอีตัวเถอะค่ะ"

   

เท่านั้นแหละหายนะก็บังเกิด...พระรามมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างคุ้นเคย ไม่ใช่คุ้นเคยเพราะเจอบ่อยๆ ...แต่คุ้นเคยเพราะประโยคแบบนี้...สถานการณ์แบบนี้เขาเคยเจอมาแล้วครั้งหนึ่ง

   

เพล้ง! ผัวะ!

   

พลั่ก!

   

"อ๊ะ..." ร่างโปร่งเซแท่ดไปด้านหน้าแต่ทรงตัวเอาไว้ทันก่อนจะหันมาพบกันกับใบหน้าหล่อเหลาดุดันที่เข้าไปตะลุมบอนกับวงเมื่อกี้ด้วย คนที่พระรามเจอที่ป้ายรถเมล์

   

ร่างสูงปาดมุมปากและถมเลือดลงพื้น "ไปไกลๆ เดี๋ยวก็โดนลูกหลงหรอก"

   

ใช่แล้ว...คนๆ นี้ชื่อ 'ไอติม'

   

เขาจำได้แล้ว...!

   

พลันทุกอย่างดับมืด แต่เสียงทุ้มดังก้องเสียดหูจนต้องยกมือขึ้นปิด

   

"อยากมาทำงานกับกูมั้ย ได้เงินดีกว่าเยอะ"

   

"แต่ผมอยากให้รามกิน"

   

"ต่อไปนี้ผมจะดูแลรามตามที่แม่บอก"

   

"คนสำคัญของกูเอง ชื่อราม"

   

"มันไม่ใช่สุดที่รักหรืออะไรสำหรับกูทั้งนั้น! ที่กูทำไปทั้งหมดนี่ก็เพราะไม่อยากให้พี่เอมเป็นอันตรายต่างหาก!!"

   

"อึก..." ไม่เอา...ไม่อยากฟังแล้ว

   

ได้โปรด หยุดที!

   

เขาลืมไปได้ยังไง...ไม่มีวันลืมความเจ็บปวดนี้

   

"แต่ถ้ากูไม่ต้องการ ความรู้สึกของมึงก็ไม่มีค่า!"

   

ถ้าหาก...

   

"อย่ามายัดเยียดความรู้สึกของมึงให้กู เพราะมันจะยิ่งทำให้มึงน่าสมเพช"

   

"ผมขอโทษนะ ขอโทษ...ราม"

   

"คนอย่างมึงมีดีอะไร!?"

   

ถ้าหากเขากับติมไม่ได้มาเจอกัน...

   

เสียงกรีดร้องกับกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งต้องยกมือขึ้นปิดจมูกปิดตากับภาพสยดสยองของตน

   

"อย่าเกลียดพี่เลยนะ พี่ขอโทษ" คำสั่งเสียสุดท้ายก่อนที่สติจะดับลง

   

...และคำบอกรัก...

   

"พี่รักนาย"

   

อา...เขาตายไปแล้ว...เขาตายไปแล้ว

   

แขนสองข้างทิ้งลงข้างตัวพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงอาบแก้ม ความทรงจำอันแสนเจ็บปวด ที่ไม่ว่าจะนึกกี่ร้อยกี่พันครั้ง เขาก็ต้องร้องไห้แบบนี้เป็นล้านๆ ครั้งไม่รู้จบ...

   

พระรามตายแล้ว นี่คือสิ่งที่ควรจะเป็น...เขาไม่ควรจะมีชีวิตอยู่ตั้งแต่แรก

   

"หนูชื่ออะไรจ๊ะ"

   

ถ้าหากเขาไม่ไปเจอกับเธอ

   

"มึงเป็นคนทำให้แม่ของกูตาย ไอ้พระราม!"

   

ความแค้นและความเกลียดชังของไอติมคงไม่มากมายถึงเพียงนั้น...มันมากมายจนเขารับไม่ไหวอีกแล้ว

   

"ผมขอโทษ ผมขอโทษครับแม่...ขอโทษครับ" ร่างโปร่งทรุดลงคุกเข่า ร้องไห้เสียงดังโหยหวนในความมืด ในห้วงแห่งความตายนี้เขาจะต้องโศกเศร้าไม่รู้จบเช่นเดิมหรือ

   

"ร้องไห้ทำไมจ๊ะ ราม โอ๋เอ๋" เสียงใสดังขึ้นในความมืด ให้น้ำตาที่ไหลหยุดชะงัก ใบหน้ามนหันขวับมองที่มา แล้วบางสิ่งบางอย่างก็ปรากฏขึ้นมาเป็นรูปร่าง

   

นั่นมัน...ภาวดีกับเขาสมัยเด็ก

   

ร่างเล็กของหญิงสาวอุ้มเด็กชายตัวผอมขึ้นแนบอก ดวงตาโตฉ่ำน้ำกับแก้มเล็กน่าหมั่นเขี้ยวทำให้จมูกเล็กต้องกดหอมซ้ายขวาจนคนร้องไห้โยเยน้ำตาแห้งผาก "คนดีของแม่ ไหนเล่าให้ฟังหน่อยว่าร้องไห้ทำไมกันน้า"

   

พระรามค่อยๆ เช็ดน้ำตาและลุกขึ้นยืน น้ำตาค่อยๆ แห้งเผือด ไม่รู้ทำไมทั้งๆ ที่แม่เอ่ยปลอบเด็กชายแต่เขาก็รู้สึกเหมือนโดนปลอบไปด้วย

   

...ริมฝีปากแย้มยิ้มบาง...

   

ปากเล็กเบะออก เสียงเล็กตอบเครือเจือสะอื้น "พะ เพื่อนล้อผมฮะแม่"

   

คนฟังเลิกคิ้วก่อนจะยิ้มมุมปากขำ "ล้อว่าอะไรเอ่ย"

   

"บอกว่าผมไม่เหมือนแม่ ถูกเก็บมาเลี้ยงฮะ"

   

คำพูดซื่อของเด็กชายรามทำให้ภาวดีเงียบไป ที่ร้องไห้ไม่ใช่เพราะเถียงเพื่อนไม่ได้ แต่เพราะว่ามันคือความจริง...แม้จะยังเด็กแต่พระรามรู้และเข้าใจมาตลอด

   

ก็แค่น้อยใจ...อยากให้มารดาคนนี้เป็นมารดาของตนจริงๆ

   

"ใครจะพูดอะไรก็ให้เขาพูดไปสิลูก ไม่เหมือนแล้วยังไง เราสองคนก็ยังเป็นแม่ลูกกันอยู่ดีนะ"

   

พระรามเงียบไปก่อนจะพยักหน้า สักพักหนึ่งช้อนหน้ามองและถามคำถามพาซื่ออีกครั้ง "แม่ฮะ ทำไมแม่ถึงมาที่นี่ แล้ว...แล้วลูกชายจริงๆ ของแม่ล่ะ เขาอยู่ที่ไหน"

   

"หืม...ลูกชายของแม่ก็อยู่ที่นี่แล้วไง" ภาวดียิ้มบางก้มลงหอมแก้มอีกหลายฟอดและตอบเลี่ยงหลอกล่อ เด็กคนนี้ฉลาดมากจนบางทีคำถามที่ถามออกมาก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร หลายคราที่เธอตอบตอบแบบนี้เพื่อให้พระรามลืมความเป็นจริง...ให้เด็กน้อยเข้าใจว่าเธอมาที่นี่เพราะรักนพกร...เพราะภาวดีไม่อยากให้รามโทษตัวเอง

   

"..." คำตอบของแม่ทำให้ใบหน้าเล็กยู่เล็กน้อย ก่อนที่จะถูกมือเล็กทั้งสองข้างจับให้หันมอง

   

"ลูกฟังแม่นะราม ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แม่อยากให้ลูกรู้เอาไว้ว่าแม่รักและภูมิใจในตัวลูกเสมอ"

   

พระรามกระพริบตาและพยักหน้า "ฮะ"

   

"ถ้าหากวันใดวันหนึ่งลูกเติบโตขึ้นและพบเจอคนในโชคชะตา แม่อยากให้ลูกรักคนๆ นั้นจากหัวใจ ถ้าหากเป็นลูกล่ะก็จะต้องทำให้ 'เขา' รักลูกได้เหมือนกันแน่นอน"

   

พระรามสะดุ้งเฮือกเมื่อครานี้แม่ไม่ได้พูดกับเด็กคนนั้น ไม่ใช่เขาในสมัยเด็ก แต่เป็นเขาที่ยืนมองอยู่ตรงนี้ต่างหาก...ยืนยันด้วยดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่จ้องมองมา

   

"แม่ครับ?" แม่เห็นผมด้วยเหรอ...?

   

"เพราะฉะนั้นตอนนี้ลูกก็ 'ตื่น' ได้แล้ว...กลับไปซะ แม้จะเจ็บปวดจากความเป็นจริงจนอยากจะหนียังไง แต่ที่นี่ยังไม่ใช่ที่ๆ ลูกควรมาอยู่"

   

"..."

   

"กลับไปซะ...กลับไป"

 

 

   



"นี่ก็ผ่านมาตั้งสองสัปดาห์แล้วนะพ่อ ดูลูกชายสิ จะเป็นซอมบี้อยู่แล้ว ข้าวปลาไม่ยอมกิน"

   

"ใช่มันคนเดียวซะที่ไหน พระรามก็เหมือนกันไม่ใช่เรอะ ไม่ตื่นขึ้นมารับสารอาหารจนต้องให้อาหารทางสายยางแบบเนี้ย...จะโทษก็โทษเจ้าติมน้องแกเถอะ"

   

ทั้งสองคนขมวดคิ้วมองอย่างลำบากใจไป ลูกชายคนเล็กของครอบครัวตรานาคเรศ ร่างสูงนอนฟุบหน้าไม่ห่างกายพระรามนานเกิดสิบนาที กินข้าวนับคำได้ นี่ยังดีที่ยังอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าบ้างไม่งั้นในห้องผู้ป่วยวีไอพีแห่งนี้คงจะไม่อนามัยอีกต่อไป

   

ดวงตาคมกริบของบิดาอ่อนแสง ตั้งแต่มารดาออกจากบ้านไป ติมก็ไม่เคยร้องไห้หรืออ่อนข้อให้กับใคร ไม่เคยเลย...นี่เป็นครั้งแรกนับหลายสิบปี คนที่ทำให้ไอติมเป็นแบบนี้คือพระราม ลูกชายอีกคนของเนตรนภา จากความเกลียดแค้นแสนชังเปลี่ยนเป็นรักสุดหัวใจ

   

...นี่ไม่ใช่โชคชะตา แต่เกิดขึ้นจากความตั้งใจของผู้หญิงคนหนึ่ง...

   

เฮือก!

   

จู่ๆ คนที่นอนฟุบหน้าก็เด้งตัวขึ้นอย่างเร็วจนคนมองอย่างอรรถกับอิฐต้องสะดุ้ง

   

"เป็นอะไรของแก ติม" อิฐถามพลางลูบอก ขนาดเขายังใจหายวาบ แล้วพ่อที่แก่กว่าจะไม่หัวใจวายตายเลยหรือ ทำอะไรปุบปับเสียเหลือคนหนุ่มนี่

   

ดวงตาคมกริบเบิกกว้าง คำของพี่ชายในสายเลือดไม่เข้าหู ชะโงกหน้ามองใบหน้าของราม แต่เปลือกตาบางยังนิ่งไม่ไหวติง เมื่อกี้เขารู้สึกว่ามือเรียวที่เขากุมอยู่เริ่มขยับ...แม้จะเล็กน้อยแต่ไม่ได้รู้สึกไปเองแน่นอน!

   

"พ่อ! พี่! ราม...รามขยับตัวแล้ว"

   

ตลอดสองสัปดาห์ที่แผลตามร่างกายผอมเริ่มดีขึ้น แต่สติยังไม่กลับคืน เพื่อนทุกคนสิ้นหวังและรับไม่ได้อย่างแรง โดยเฉพาะไอติมที่หดหู่จนไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่พอได้ยินว่าพระรามขยับแล้วความหวังก็เริ่มส่องประกายในแววตา

   

ไอติมรีบผละออกห่างให้อรรถสิทธิ์เดินเข้ามาสำรวจ มือกรำเชี่ยวชาญในวงการแพทย์จับนู่นแตะนี่ เปิดเปลือกตาบางออกและส่องไฟลงไปเช็ครูม่านตา ก่อนจะแหวกเสื้อแนบเครื่องมือกับอกฟังเสียงหัวใจ

   

"ยังไม่ได้สติ"

   

"แต่เมื่อกี้มือของรามขยับนิดหนึ่ง...ผมรู้สึกได้จริงๆ"

   

"อาจจะเป็นปฏิกิริยาของสภาพร่างกายน่ะ" พอเห็นลูกชายคนเล็กทำหน้าผิดหวัง อรรถก็รีบพูดต่ออย่างให้กำลังใจ "แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีความหวัง"

   

"..."

   

"นี่เป็นสัญญาณที่ดี"

 

   



ต่อด้านล่าง

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep33 (จบแล้ว) 21/08/2019
«ตอบ #71 เมื่อ21-08-2019 21:06:28 »




ต่อจากด้านบน


"ยังไม่ฟื้นเลยเหรอวะ"

   

"..."

   

"เรื่องพวกไอ้ภูมิกับนิล..."

   

"เดี๋ยวกูจ่ายเงินทีหลัง มึงจัดการเรียบร้อยดีใช่มั้ย"

   

"นายจ้างสั่งมายังไง กูไม่เคยบิดพลิ้วอยู่แล้ว"

   

"ขอบใจ" ไอติมพูดอ่อนแรง ดวงตาคมกริบแห้งผากไร้ชีวิตชีวา "อย่าลืมปิดเรื่องนี้ไว้ให้ด้วยนะ"

   

"มึงนี่เปลี่ยนไปอย่างกับคนละคนเลยว่ะ รู้ตัวมั้ย" ธารเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นมาอีก "เพื่อนกูไม่เคยอ่อนแอขนาดนี้"

   

คนฟังนิ่งงัน ไม่หือไม่อือ

   

"มึงจะทำยังไงต่อ ถ้ารามไม่..."

   

พูดยังไม่ทันจบคนที่เคยนั่งนิ่งก็หันขวับตาดุ "รามต้องฟื้น มึงอย่ามาพูดพล่อยๆ ...ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วก็กลับไปเลย"

   

"แหม ได้ทีไล่เลย...กูแค่เป็นห่วงนะเว้ย พ่อกับพี่มึงเห็นสภาพแบบนี้ก็ต้องเป็นห่วงเหมือนกัน"

   

ไอติมมีท่าทีอ่อนลงเมื่อได้ยินคำว่าพ่อกับพี่ เปลือกตาปิดลงก่อนจะยกมือขึ้นกอบกุมมือเรียวเหมือนที่เคยทำ ทำแบบนี้เพราะถ้าหากรามรู้สึกตัว...เขาจะได้รู้เป็นคนแรก ดวงตาคมกริบมองใบหน้ามนซีดเซียวที่หายใจแผ่วอ่อน

   

"รามยังไม่ฟังคำขอโทษจากกูเลย...เขายัง...เข้าใจกูผิดอยู่..."

   

ต้องบอกความรู้สึกของตัวเองออกไป...ไม่งั้นเขาไม่ยอมหรอก

   

ผมไม่ยอมหรอกนะ ราม

   

ในห้องมีแต่ความเงียบงัน จนธารถอนหายใจและกำลังจะก้าวออกจากห้องเพื่อให้ความเป็นส่วนตัวกับคนทั้งสอง แต่แล้วเสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้ร่างสูงตื่นตัวขึ้นทันที ธารหันขวับตาโตเช่นกัน เพราะมันเป็นเสียงจากคนที่ไม่คาดคิด

   

"อะ อือ..."

   

"!!!"



ไอติมกดปุ่มเรียกพยาบาลทันใด ก่อนที่ธารจะบอกเสียงดังและรีบวิ่งออกจากห้อง "เดี๋ยวกูเรียกพี่อิฐให้!"

   

"ราม...ราม!" ไอติมเบิกตากว้าง น้ำตารื้นขึ้นมาทันใดด้วยความยินดี ก่อนที่มันจะไหลอาบหน้าและหยดลงบนผ้าปู...ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาเป็นได้ถึงขนาดนี้

   

"แค่ก...จะ"

   

"...ราม"

   

"เจ็บ..." คนป่วยขมวดคิ้วนิ่วหน้าก่อนจะไอแห้งตามมาจนกระเทือนแผลที่ท้อง "แค่ก! แค่ก...ฮือ เจ็บ"

   

คำโอดครวญบวกน้ำตาไหลซึมทำให้ร่างสูงบีบมือเรียวแน่น เอ่ยปลอบซึ่งไม่รู้จะเข้าหูคนเจ็บหรือเปล่า "อดทนหน่อยนะ ผมเรียกพยาบาลให้แล้ว"

   

เพียงไม่นานความวุ่นวายก็เกิดขึ้นและสงบลงพร้อมกับพระรามที่หลับลงไปอีกครั้งด้วยฤทธิ์ยาที่อิฐฉีดให้กับร่างโปร่ง พยาบาลพากันกรูออกไปนอกห้องและร่างสูงค่อยๆ ก้าวเข้ามานั่งที่เดิม มองเปลือกตาบางที่หลับพริ้ม

   

ไอติมยังไม่ทันได้คุยกับพระรามเลย แต่ความรู้สึกข้างในก็แตกต่างกันมาก ครั้งนี้เขาแค่รอให้อีกฝ่ายตื่นจากการนอนหลับธรรมดา การรอคอยแค่เพียงแปปเดียวมันไม่นานเลยถ้าเทียบกับสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ยิ่งไปกว่านั้น...ร่างโปร่งอาจจะรอคอยมานานยิ่งกว่าเขาหลายเท่าตัวนัก

   

รอยยิ้มแรกเริ่มปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา มือใหญ่ช้อนมือที่อุ่นขึ้นเล็กน้อยในความรู้สึกกระชับไว้เหมือนเดิม

   

"ราม..."

   

สิ่งที่เขาอยากจะพูด...อยากให้อีกฝ่ายได้ยินแล้ว

 

   



เหนื่อย...เจ็บ...เจ็บมาก

   

ความนึกคิดสิ่งแรกในทันทีที่รู้สึกตัวคือโอดครวญ แพขนตาขยับหลุกหลิกเปิดปรือขึ้นมองไปรอบๆ

   

...มืด...

   

"แค่ก..." ลำคอแห้งผากจนต้องไอออกมา แต่ทันใดนั้นก็เกร็งตัวเพราะเจ็บที่หน้าท้องอย่างมาก พอยกมือขึ้นก็เจ็บแขนอีกต่อหนึ่ง น้ำตาแทบไหล...เขาไม่เคยเจ็บตัวหนักขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ดีที่แขนข้างถนัดยังใช้การได้จึงยกขึ้นเช็ดหน้าเปียกชื้น จมูกเล็กสูดน้ำมูกฟึดฟัด "ฮึก...ฮึก!"

   

...ในห้องไม่มีใครเลย...

   

ก่อนหน้านี้ที่ได้ยินเสียงเหมือนเป็นห่วงของไอติมนั่นเขาฝันอีกแล้วเหรอ...ในหัวสมองมึนงง พระรามเริ่มไม่รู้แล้วว่าสิ่งไหนเป็นความจริงหรือความฝัน

   

'ที่นี่ไม่ใช่ที่ๆ ลูกควรอยู่...กลับไป...'

   

"ราม ตื่นแล้วเหรอ" น้ำเสียงทุ้มเอ่ยอย่างร้อนรน ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องและได้ยินเสียงร้องไห้ รีบวางถุงที่ปลีกตัวออกไปซื้อเพียงไม่ถึงสิบนาทีลงบนโต๊ะ และเดินเข้าไปใกล้เตียงผู้ป่วย “เป็นอะไร เจ็บตรงไหน”

   

"เจ็บท้อง..."

   

ดวงตาคมกริบสะท้อนเจ็บปวด "แผลยังไม่หาย ทนหน่อยนะ" ไม่ลืมกระชับมือบางแน่นประกอบคำพูด แต่ผู้ป่วยส่ายหน้าน้ำตาคลอ ออกอาการงอแง

   

"แต่พี่ไอแล้วพี่เจ็บ..."

   

"ไม่เอาแล้วไม่ร้องครับ เดี๋ยวผมเรียกพี่อิฐให้นะ..." ร่างสูงลูบหัวทุยเบาๆ หนึ่งครั้งก่อนจะลุกเดินไปนอกห้อง แต่ถูกรั้งไว้ก่อนด้วยเสียงเรียกแผ่วเบา

   

"ติม"

   

"หือ" ดวงตาคมสีน้ำตาลอ่อนหันสบตาเรียวของพระราม ทำให้ร่างสูงเดินกลับมานั่งเก้าอี้ข้างเตียงเช่นเดิม ความอบอุ่นเข้ากอบกุมฝ่ามือผอมที่วางแนบเตียงขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่านับไม่ถ้วนในยามอีกฝ่ายยังหลับใหลไม่ได้สติ



"ติม..." เสียงทุ้มใสเรียกอีกครั้ง สัมผัสอบอุ่นและอ่อนโยน...ฝันอีกหรือ

   

"ครับ"

   

แค่คำๆ เดียว...ให้คนฟังกระพริบตาถี่รัว ดวงตาสีน้ำตาลเข้มฉ่ำน้ำวาววับ สูดจมูกฟึดฟัด

   

"นายไม่เกลียดพี่แล้ว...ใช่มั้ย"

   

หลักฐานของคำตอบคือรอยยิ้มที่ได้กลับมา ใบหน้าหล่อเหลากำลังยิ้มให้เขา และฝ่ามือที่กอบกุมแน่นขึ้น

   

แต่เขาอยากได้ยิน...อยากได้ยิน แต่ก็ไม่อยากโลภมาก ถ้าหาก...ถ้าหากกลับไปเป็นแบบเดิมอีก เขาไม่อยากเจ็บ

   

แค่นี้ก็พอ แค่ไม่เกลียดแต่ไม่ต้องรัก...แค่นี้ก็ได้

   

"ขอบคุณนะ" ริมฝีปากบางแย้มยิ้มกลับ น้ำตาร่วงจากหางตาหยดซึมใส่ผ้าปูที่นอน

   

'ถ้าหากเป็นลูกล่ะก็จะต้องทำให้ 'เขา' รักลูกได้เหมือนกันแน่นอน'

   

...แม่ครับ...คนตรงหน้านี้ไม่ใช่คนในโชคชะตาของผมหรอก...เพราะเขาไม่ได้รักผม...

   

"รามรู้มั้ยว่านอนมาตลอดไม่ตื่นเลย...สองสัปดาห์"

   

"เหรอ" คนตอบรู้สึกแปลกใจ เขารู้สึกเหมือนฝันแค่เพียงแปปเดียว จากนั้นก็ตื่นขึ้นพร้อมกับรู้สึกเจ็บ พระรามพยายามสำรวจร่างกายตัวเองแม้จะลุกขึ้นนั่งเองไม่ได้ แต่พอถูกมือใหญ่กระชับแน่นจึงเรียกความสนใจอีกครั้ง

   

ดวงตาทั้งสองคู่สบกัน ใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้วอย่างรู้สึกผิด ก่อนจะเอ่ยออกมาแผ่วเบา "...ผมขอโทษ..."

   

"ติม?"

   

"ขอโทษ...ขอโทษจริงๆ สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง"

   

ดวงตาเรียวเบิกกว้าง ไม่อยากจะเชื่อ...ว่าจะได้ยินคำนี้

   

"ขอโทษที่ทำให้รามเจ็บมาตลอด...ขอโทษที่ปล่อยให้ไอ้พวกนั้นมันทำอะไรตามอำเภอใจ”

   

“อืม พี่รู้อยู่แล้วว่านายทำไปเพื่อปกป้องเอม” ใบหน้ามนส่ายช้าๆ ยิ้มอย่างเข้าใจ...เข้าใจตั้งแต่วันนั้นแล้ว

   

“ไม่ใช่นะ ราม ผมขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิดเรื่องพี่ชะเอม"

   

"เข้าใจผิด? เรื่องของเอม?"

   

"คือผม จริงๆ แล้วไม่ได้ชอบพี่เอมตั้งนานแล้ว แต่เรื่องวันนั้นที่ผม..."

   

"เรื่องวันนั้น?" พระรามแทรก ลมหายใจเริ่มหอบถี่ หัวใจเต้นรัว ภาพด้านหน้าสั่นไหว “นายจะพูดอะไรติม พี่ไม่เข้าใจ”

   

นี่เขากำลังจะต้องฟังความจริงเรื่องอะไรอีก

   

เรื่องวันนั้น...ที่ไอติมไม่ต้องพูดเพิ่มเติมความทรงจำมันก็ผุดมาเอง

   

'อะ อา พี่เอม ผมรักพี่'

   

'อย่าร้องไห้เลย ถ้าหากพี่ชอบผม ผมจะไม่ทำให้พี่ร้องไห้'

   

เขาเจ็บขนาดไหน ตัดพ้อและท้อแท้ขนาดไหน

   

"นายทำแบบนั้น อึก! ...ทำแบบนั้นทำไม?"

   

"...ราม ผมมีเหตุผลนะ..."

   

"เห็นพี่เป็นคนไม่มีหัวใจเหรอ!?" เสียงทุ้มใสตะโกนดัง พระรามน้ำตารื้นพยายามดิ้นหนีถอยห่างคนที่เข้ามาใกล้ ใบหน้ามนส่ายไปมาอย่างไม่อยากเชื่อ

   

ทั้งๆ ที่เขาเจ็บแทบตาย...แต่อีกฝ่ายกลับบอกว่าทำไปเพราะมีเหตุผล...เหตุผลอะไรล่ะ นอกจากจะไม่แคร์กัน

   

"ราม ผม..."

   

"อย่ามาจับนะ!" ร่างโปร่งถดตัวสะดุ้งเฮือกเมื่อกระเทือนแผล แต่พอแขนแกร่งยื่นเข้ามาคล้ายจะช่วยเหลือมือเรียวก็ต้องปัดออก เจ็บแผลจนต้องกัดปาก แต่ก็ต้องทน

   

"พี่รู้อยู่แล้วว่านายเกลียดพี่มาก แต่พี่ก็เคยคิดว่าพี่จะทำให้นายรู้สึกชอบพี่ได้...แต่วันนั้น...วันที่นายเรียกชื่อของเอม มันทำให้พี่รู้ว่าไม่มีวันที่จะได้เป็นคนสำคัญของนาย"

   

น้ำตาของเขามันไม่เคยมีค่าหรือความหมายสำหรับติม...คำว่ารักก็ด้วย

   

"รู้อย่างนี้ ฮึก! ...รู้อย่างนี้พี่ไม่ตื่นมาซะก็ดีหรอก!"

   

ถ้าหากจะต้องตื่นขึ้นมาและรู้ความจริงแบบนี้ เขาไม่อยากฟัง!

   

ไอติมใจกระตุกกับน้ำตาและคำพูดตัดพ้อน้อยใจ ทั้งหมดนั่น...ที่พระรามกำลังแสดงออกอยู่ก็เป็นเพราะเขา

   

"ราม อย่าพูดแบบนั้น..."

   

“ออกไปเลยนะ ออกไป!!”

   

“...”

   

“ฮือ...ฮือ!”

   

"เธอไม่ควรพูดแบบนั้นนะ พระราม"

   

คนทั้งสองที่อยู่ในบรรยากาศไม่สู้ดีสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆ มีเสียงของคนแปลกหน้าดังขึ้น พระรามรีบปาดน้ำตา สูดจมูกเสียงดังเก็บอาการสะอึกสะอื้น แววตาส่งความงุนงงออกมาเมื่อไม่รู้จักว่าคนตรงหน้าเป็นใคร คนที่เดินเยื้องตามหลังมาคือพี่อิฐ

   

"พ่อ" เสียงทุ้มเรียกชื่อคนตรงหน้าทำให้ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้าง

   

...พ่อเหรอ...

   

งั้นก็แสดงว่า...เป็น 'สามี' ของแม่

   

พระรามรีบพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง แต่มันเจ็บท้องจนไม่สามารถลุกขึ้นได้ คนเห็นรีบเอ่ยห้ามทันที

   

"ไม่ต้องลุกหรอก เดี๋ยวแผลเปิดจะยุ่งเอานะ"

   

"คะ ครับ..." ปากว่าแต่ยังไม่หยุดพยายามดันตัวเองขึ้น "โอ๊ย..."

   

"ดื้อจริงๆ เลย ก็บอกว่าไม่เป็นไรไง...นอนลงเถอะ" อรรถสิทธิ์เดินเข้ามาใกล้เตียง พูดเสียงอ่อน มองดูร่างโปร่งผอมซูบคนนี้แล้ว...ยิ่งสบตา เขายิ่งเข้าใจขึ้นมาอย่างประหลาดว่าทำไมภาถึงได้ตัดสินใจทำแบบนั้น

   

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มสั่นไหวสบมองเพียงชั่ววูบก่อนจะหลบ ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าด้วยซ้ำ เพราะว่าเขาเป็นคนทำให้คนรักของอีกฝ่าย 'ตาย'

   

"ฟื้นแล้วเป็นยังไงบ้าง"



พระรามก้มหน้าตอบเสียงเบา “เจ็บแผลครับ”

   

"อืม แน่ล่ะ แผลเธอสาหัสมาก กว่าจะหายสนิทก็น่าจะเป็นเดือน"

   

"..."

   

"เธอรู้ใช่มั้ยว่าอาเป็นใคร"

   

คำถามที่ทำให้พระรามพยักหน้าระรัวน้ำตารื้นและหลุดสะอื้นออกมาอย่างกลั้นไม่ไหว

   

"ระ เรื่องของแม่...เรื่องคุณเนตรนภา ผม...ผมขอโทษครับ..." พระรามยกมือไหว้ ใบหน้ามนก้มต่ำ น้ำตาหยดหนึ่งไหลผ่านแก้มซีดก่อนจะตามด้วยหยดต่อมาไม่ขาดสาย "ฟืด...ผมต้องขอโทษจริงๆ"

   

เสียงร้องไห้และคำขอโทษที่ออกมาจากหัวใจและความรู้สึกผิด ทำให้คนฟังอย่างไอติมนิ่วหน้าอย่างเจ็บปวด ทั้งๆ ที่พระรามก็รักแม่ไม่ต่างกัน แต่ในตอนนั้นเขากลับ...โทษอีกฝ่ายอยู่เพียงข้างเดียว

   

'มึงเป็นคนทำให้แม่ของกูตาย ไอ้พระราม!'

   

แล้วแบบนี้พระรามจะยังให้อภัยกับเขาไหม

   

"ราม เธอไม่จำเป็นต้องขอโทษเลย" อรรถยืนมองคนที่ยกมือไหว้เขาปะหลกๆ "นี่คือความตั้งใจของภาเอง"

   

"อึก...แต่ แต่ผม...!"

   

พระรามส่ายหน้า...ได้โปรด อย่าดีกับเขา อย่าอ่อนโยนกับเขา...มันยิ่งทำให้รู้สึกผิดต่อคนตรงหน้าทวีคูณมากยิ่งขึ้น

   

"อาคิดว่าภาคงอยากให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไป เขาคงไม่ดีใจที่เธอพูดแบบนั้นออกมาซักเท่าไหร่ อาก็เหมือนกัน"

   

‘รู้อย่างนี้ไม่ตื่นมาซะก็ดีหรอก’

   

"อาอยากให้เธอเติบโตให้สมภาคภูมิที่ภาได้ชุบเลี้ยงเธอมาอย่างเต็มที่นะ เขาจะได้มองดูเธออย่างมีความสุขอยู่บนสวรรค์"

   

ร่างโปร่งปล่อยโฮออกมาเสียงดังอย่างทนไม่ไหว แม้อรรถสิทธิ์จะไม่ได้รับคำตอบที่ชื่นใจ แต่เขาก็ยิ้มออกมาได้

   

...ไม่ต้องคอยเป็นห่วงอีกต่อไปแล้วนะภา เด็กคนนี้เติบโตพอที่จะยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเองแล้ว เพราะงั้นก็หลับให้สบายเถอะ...

   

ไอติมหน้าหมอง มองพระรามที่ร้องไห้อย่างสะเทือนใจแต่เขาไม่มีสิทธิ์เข้าไปปลอบ ซ้ำยังเพิ่งจะโดนปฏิเสธแถมไล่ตะเพิดมาอีกด้วย

   

อรรถมองลูกชายคนเล็กแล้วถอนใจ ก่อนจะเรียกให้อิฐเข้ามาตรวจร่างกายคนป่วยที่ร้องไห้อย่างหมดแรง

   

"รามนอนลงนะ ไม่ต้องนั่งแล้วเดี๋ยวแผลเปิด" อิฐพูดเสียงอ่อน คนที่สะอื้นเหมือนเด็กก็พยักหน้าฮักๆ ค่อยๆ เอนตัวนอนลงทุลักทุเล พอไอติมกุลีกุจอลุกขึ้นจะช่วยเจ้าตัวกลับปฏิเสธและถอยหนี แต่ร่างโปร่งยอมให้อิฐประคองอย่างไม่อิดออด

   

หมอใหญ่ของโรงพยาบาลมองแล้วหัวเราะร่วน "ส่วนเรื่องของไอติม อาก็แล้วแต่รามนะ จะไม่ยกโทษให้ก็ได้ไม่ต้องเกรงใจอา เพราะมันก็ทำเรามาเยอะเหมือนกัน"

   

"พ่อ" เสียงทุ้มเอ่ยขัดก่อนจิ๊ปาก ดูสิ คนกำลังง้อ(?)...แค่นี้ก็ยิ่งลำบากอยู่แล้วเพราะความผิดที่ทำมันเยอะซะจนนับไม่ถ้วน แต่นี่บิดากำลังจะทำให้เรื่องมันยากขึ้นไปอีก

   

รามกระพริบตาปริบ ก่อนจะหน้าแดงเรื่อ เพราะคำพูดของอรรถสิทธิ์ที่ดูเหมือนจะรู้เรื่องของเขากับติมไม่น้อย แต่พอดวงตาเรียวสบตาคมเพียงชั่วครู่ก็เบนออก

   

ไอติมผุดลุกขึ้น เดินเข้าไปหาคนล้วงกระเป๋าเสื้อกาวน์ที่ยืนยิ้มระรื่น ก่อนที่ลูกชายจะแยกเขี้ยวพูดเสียงเบาให้ได้ยินกันแค่สองคน "นี่ไม่คิดจะให้กำลังใจกันเลยใช่มั้ย"

   

"เอ้า ถ้าเขายกโทษให้แกง่ายๆ มันก็ไม่แฟร์สิ"

   

ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนหม่นแสง กัดฟันจนกรามปูด...ก็รู้อยู่หรอก

   

"ถ้ารู้จักง้อ ก็รุกเข้าใส่ซะเลยสิ ถ้าพระรามยังรักแก ยังไงซะเดี๋ยวก็ใจอ่อน...แล้วอย่าทำผิดซ้ำอีกล่ะ" คนกรำวัยป้องปากกระซิบกระซาบให้คำแนะนำ ยกมือขึ้นตบไหล่กว้าง มุมปากยกยิ้มกริ่มเมื่อมองข้ามไหล่ติมไปใบหน้ามนกำลังมองมาทางนี้พอดี ทุกการกระทำอยู่ในสายตาของพระรามโดยที่ไอติมที่ยืนหันหลังให้มองไม่เห็น "พ่อเป็นกำลังใจให้น่า"

   

ไอติมนิ่งไปก่อนจะค่อยๆ คลายคิ้วที่ขมวดแน่น  "ครับพ่อ"

   

ก็ไม่ใช่ว่าอรรถสิทธิ์ไม่อยากเห็นรอยยิ้มของลูกชายสักหน่อย แต่ต่อจากนี้ไปมันก็ขึ้นอยู่กับตัวแกเองแล้วล่ะนะ...ติม





********************* Love Substitute *********************

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep33 (จบแล้ว) 21/08/2019
«ตอบ #72 เมื่อ21-08-2019 21:08:07 »



ทดแทนรัก

ตอนที่ 33



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



   

"อ่ะ ราม"

   

"ติม พี่กินเองได้"

   

"ไม่ได้ เป็นแผลอยู่ห้ามขยับเกินความจำเป็น"

   

"..."

   

พระรามขมวดคิ้วมุ่นมองคนที่อยู่ข้างกายเขาไม่ห่าง ดวงตาสีน้ำตาลจดจ้องช้อนที่จ่ออยู่ไม่ไกล เป็นข้าวต้มที่ไอติมซื้อมาให้เขาทาน เพราะว่าร่างโปร่งยังไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลอีกพักใหญ่เนื่องจากบาดแผลสาหัสตามตัว

   

เขาได้พูดคุยกับพี่อิฐและอาอรรถและได้รับการตรวจทุกวัน ผลของการตรวจคือดีขึ้น แต่ที่ไม่ดีก็คือ...คนตรงหน้านี่แหละที่เขาไม่เข้าใจมากที่สุด

   

'ผมมีเหตุผล'

   

อีกฝ่ายไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติมก็จริง การกระทำที่ชัดเจน แต่ความรู้สึกของร่างสูงล่ะ? ความจริงคืออะไร?

   

ริมฝีปากบางอ้างับข้าวต้มอุ่นหอมกรุ่นอย่างจำใจ ก่อนจะเคี้ยวมันและกลืนลงไป พอช้อนยื่นมาอีกใบหน้ามนก็เลี่ยงหน้าออก

   

"ติม...บอกพี่มาเถอะ ติมทำแบบนี้ทำไม"

   

ร่างสูงฟังเงียบ ยังยื่นช้อนเข้ามาใกล้ราวกับเมินคำของพระราม

   

"คราวนี้จะทำอะไรอีก" ดวงตาเรียวคลอน้ำตาหน่วย "ถ้าติมไม่ได้คิดอะไรกับพี่ ก็อย่าทำแบบนี้เลยนะ...พี่ไม่โกรธนายแล้วก็ได้"

   

"..."

   

"พี่ไม่อยากร้องไห้เพราะนายอีกแล้ว" พระรามร้องไห้บ่อยมากและครั้งนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่ไม่อยากแต่ความรู้สึกจุกอกมันทำให้เขากลั้นไว้ไม่ได้

   

ไอติมไม่เคยรู้ว่าเขาทรมานแค่ไหน รู้สึกมีความสุขแล้วก็เจ็บไปพร้อมกัน หัวปั่นกับการกระทำและคำพูดที่ไม่แน่นอน

   

เขาจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว

   

"ราม..." ร่างสูงรีบวางชามข้าวต้มที่ร่างโปร่งไม่ค่อยมีอารมณ์จะกินเพราะตัวเขาเอง

   

ไอติมรีบช้อนมือเรียว ซึ่งเจ้าตัวสะบัดออกอย่างเร็วเหมือนไม่อยากให้จับ แต่ไม่ทันมือปลาหมึกเหนียวหนึบที่รีบจับไว้แน่น "ราม...รามฟังผมนะ..."

   

พอหนีไม่ได้ริมฝีปากบางก็เม้มแน่น สะอื้นฮัก กลั้นน้ำตาไม่อยู่

   

ครั้นจะอ้าปากพูดอะไร พระรามก็ไม่อยากฟัง

   

แบบนี้จะให้เขาทำอะไรได้ นอกจากแสดงให้เห็น

   

แน่นอนติมไม่คิดจะบ่นหรอก ทำอะไรต่อมิอะไรให้รามเจ็บมาตั้งมาก แค่นี้เรื่องเล็ก

   

ไม่เคยมีใครทำให้ติมกระวนกระวายมากเท่านี้อีกแล้ว

   

"ฮึก...ฮึก" ตอนนี้พระรามไม่ต่างจากผู้หญิงขี้แยที่ไม่ว่าจะได้ยินอะไร ถูกกระทำแบบไหนก็ร้องไห้น้ำตาแตก ใบหน้ามนส่ายระรัว มืออีกข้างยกขึ้นปิดหู รู้ดีว่าไม่มีทางกั้นเสียงจากภายนอกได้แต่ตอนนี้เขาไม่อยากจะฟังอะไรทั้งนั้น

   

ปากถามหาคำตอบจากร่างสูง แต่การกระทำกลับแสดงตรงข้าม

   

แต่แล้วแพขนตาที่ชื้นน้ำตาก็ต้องเบิกกว้างเมื่อริมฝีปากถูกผนึกแน่น ใบหน้าหล่อขาวใสอยู่ในระยะใกล้จนพร่าเบลอ ดวงตาคมกริบที่จ้องลึกเข้ามาค่อยๆ ถอนออกไปพร้อมกับสัมผัสที่จากหายแต่ทันใดนั้นมือใหญ่ก็เข้าช้อนประคองท้ายทอยเล็กและประทับลงมาอีกครั้ง ห้ามไม่ได้เลยต้องปรือเปลือกตาลง

   

สัมผัสนุ่มอุ่นแนบลงแผ่วเบา...ครั้งที่หนึ่ง...ครั้งที่สอง...ครั้งที่สาม...ไม่มีการสอดลิ้น...แต่หัวใจกลับเต้นแรงยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

   

ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าริมฝีปากหยักถอนออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้สึกตัวอีกทีคือฝ่ามือกว้างทั้งสองที่แนบแก้มและนิ้วยาวปาดน้ำตาที่ไหลลงมาจากขอบตา

   

"ผมชอบรามนะ" เสียงทุ้มเอ่ยเชื่องช้า หนักแน่น จนก้อนเนื้อในอกกระตุกรุนแรง ดวงตาฉ่ำน้ำเบิกกว้าง พระรามแทบหาเสียงไม่เจอ

   

"ตะ ติม นายพูดอะไร..."

   

"ราม...ผมไม่รู้จะพูดหรืออธิบายยังไงดี เพราะมันไม่ต่างจากคำแก้ตัว"

   

"..."

   

"ถ้าหากว่ารามพร้อมจะฟังตอนไหนผมจะเล่าให้ฟัง แต่อย่าพูดว่าผมไม่ได้ชอบรามได้มั้ย...มันไม่ใช่ความจริงเลย"

   

"ตะ แต่นายบอก...ว่าชอบเอม วันนั้นที่นาย...แล้ว”

   

"..."

   

"...อึก! พะ พี่ไม่ใช่เอมนะ"

   

ได้โปรด มองเขาให้ชัดๆ เขาไม่ใช่ร่างบางคนนั้น...ไม่ใช่

   

พี่ชื่อ ‘พระราม’ นะ

   

คำพูดมันพรั่งพรูออกมามากมายจนพระรามไม่สามารถเรียบเรียงได้ แต่คนฟังเข้าใจดี

   

"...ราม วันนั้นน่ะ..."

   

"พี่รู้ว่านายรักเอม...แล้วพี่ก็คิดแบบนั้นมาตลอด สิ่งที่นายทำทั้งหมดเหตุผลคือเอม ที่ไปช่วยพี่ครั้งนี้ก็เพราะว่าเอมบอกให้มา..."

   

"ไม่ใช่! ...ไม่ใช่..." เสียงทุ้มขัดทันทีที่ได้ยิน เมื่อพระรามเข้าใจผิดไปไกล จุดประสงค์แรกของติมที่เขาจงใจทำ มันทำร้ายจิตใจของร่างโปร่งจนแหลกสลาย

   

ไอติมกำหมัดแน่น แสดงความจริงใจออกไป ไม่มีทางที่รามจะไม่ใจอ่อน...ที่รามตัดพ้อแบบนี้เพราะว่าร่างโปร่งยังคงรักเขาอยู่

   

ติมผ่อนลมหายใจ หัวสมองคิดหาคำพูดอย่างใจเย็น

   

"ราม ฟังผม...ผมผิดเองที่ทำให้รามคิดแบบนั้น แต่ว่าคำว่าชอบของผมมันมันคือเรื่องจริงนะ"

   

"..."

   

"ตอนนี้ยังไม่ต้องเชื่อก็ได้ แต่ขอให้ผมพิสูจน์..."

   

ร่างโปร่งก้มหน้าสูดน้ำมูกฟืดฟาด น้ำตาร่วงเผาะ ดีใจที่ได้ยินคำว่าชอบออกจากปากของติมถึงสองครั้ง แต่แล้วใครบอกกันล่ะว่ามันจะยั่งยืน

   

...พิสูจน์เหรอ...

   

"แล้วถ้ามันไม่ใช่...ถ้าพิสูจน์แล้วมันไม่ใช่ล่ะ?” คนถามสะอื้นทั้งน้ำตา

   

คำว่ารักของนาย...ถ้าหากกลับไปคิดใหม่แล้วบอกว่าแค่คิดไปเอง...หรือรู้สึกผิดล่ะ

   

"พี่ไม่อยาก...เจ็บแล้วนะ"

   

ถ้าสุดท้ายแล้วพระรามไม่ใช่คนในโชคชาตาของไอติม เขาจะต้องตกสู่วังวนเดิมงั้นหรือ

   

เขาทนรับแบบเดิมไม่ไหวแล้ว

   

ไอติมเงียบไป รู้สึกท้อใจขึ้นมา เขาเข้าใจแล้วว่าเวลาปรารถนาสิ่งใดแล้วไม่ได้มันมารู้สึกยังไง

   

ไม่รู้จะต้องทำยังไงแล้ว หัวใจของพระรามเจ็บมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเข็ดหลาบ

   

'ติม อย่าเพิ่งไป!'

   

'พี่สามารถรักนายได้มากกว่าใคร!'

   

...ความหวังของเขาช่างริบหรี่...

   

'พี่รักติม พี่แค่อยากให้นาย...มองพี่บ้าง'

   

พระรามที่เคยสู้เพราะความรัก แม้จะเจ็บปวดหลายครั้งเพราะถูกเขาปฏิเสธ แต่ก็ยังสู้...แล้วเขาเจอแค่นี้ จะยอมแพ้ได้ยังไง

   

"ตอนที่เห็นรามเจ็บ ผมรู้สึกใจเหมือนจะขาด" ร่างสูงจับมือเรียวแบทาบทับที่อกกว้างข้างซ้าย "คำพูดของรามในตอนนั้น ทำให้ผมร้องไห้..."

   

"..."

   

"ตอนที่รามหลับไปก็เหมือนกัน ผมนึกว่ารามจะไม่ตื่นขึ้นมาฟังคำขอโทษจากผมแล้ว" ยอมรับเลยว่าตอนนั้นมีแต่ความเสียใจและรู้สึกผิดมากมาย "ถ้าหากว่ารามไม่ตื่นขึ้นมาแล้วจากไปโดยทิ้งคำพูดนั้นไว้..."

   

'พี่รักนาย'

   

"ผมคงจะรู้สึกผิดไปจนตาย"

   

พระรามน้ำตารื้นเมื่อเห็นไอติมร้องไห้ แม้จะแค่น้ำตาเพียงหยดเดียว แต่มันก็ทำให้คนมองเจ็บปวดได้เหมือนกัน

   

"ผมไม่เคยร้องไห้ให้กับใครเลย นอกจากแม่แล้วก็มีรามคนเดียว"

   

พระรามยกมือขึ้นปาดน้ำตาให้ติมบ้าง ก่อนที่มือใหญ่จะเข้ากอบกุมไม่ให้ห่าง มือบางแนบข้างแก้มอยู่แบบนั้นจนพระรามต้องหลุบตาแก้มแดงเพราะเขินอายเสียเอง

   

...ก็ติมไม่เคยมองกันแบบนั้น...

   

“ผมรู้ดีว่าจะให้รามยกโทษง่ายๆ มันคงเป็นไปไม่ได้ แต่ว่า...รามจะให้โอกาสผมได้มั้ย”

   

"...ติม"

   

"ได้มั้ยราม...ให้โอกาสผมเถอะนะ" เสียงทุ้มเอ่ยต่อทันใดเมื่อเห็นร่างโปร่งเริ่มโอนอ่อน

   

รามเป็นคนใจง่าย...รักคนง่ายๆ และยกโทษให้คนผิดได้อย่างง่ายดาย คำอ้อนของอีกฝ่ายมันทำให้อยากจะพยักหน้ารับไป แต่...

   

"พี่ไม่อยากให้โอกาสนายเลย"

   

คำพูดของพระรามทำให้ใจของติมตกลงไปที่ตาตุ่ม

   

"ติมรู้ใช่มั้ยว่าเป็นเพราะอะไร?"

   

ร่างสูงก้มหน้าต่ำและตอบแผ่วเบา "...ผมรู้"

   

บรรยากาศในห้องเงียบสงัดจนไอติมใจแป้ว

   

“นายมันคิดเอาแต่ได้ เอาแต่ใจ...ไม่เคยนึกถึงพี่เลย พี่เจ็บและเสียใจมากแค่ไหน นายรู้บ้างไหม” คนที่เคยกระทำเขาอย่างเอาแต่ใจแต่ตอนนี้ผิดกันลิบลับ ก้มหน้ารับคำด่าทอแต่โดยดี...อย่าคิดว่าพระรามจะใจอ่อนง่ายๆ

   

“...”

   

“พี่ให้โอกาสนายก็ได้”

   

เสียงทุ้มใสพูดทำให้ริมฝีปากหยักยิ้มกว้าง ดวงตาคมกริบประกาย

   

“แต่พี่ก็จะให้โอกาสตัวเองด้วย” พระรามพูดต่อ ดวงหน้ามนยิ้มอ่อน เพราะเขาไม่อยากจะตกจากที่สูงอีก...และคราวหน้าคงไม่รอดตายเหมือนครั้งนี้

   

คนฟังขมวดคิ้วฉับทันที “ยังไง”

   

“พี่จะให้โอกาสนายพิสูจน์คำว่ารัก...แต่พี่ยังไม่ยกโทษให้นายหรอกนะ”

   

“อืม”

   

“เงื่อนไขของพี่คือ...เราจะต้องห่างกันสองปี หลังจากเรียนจบปริญญาตรี พี่คิดเอาไว้แล้วว่าจะไปเรียนต่อโทที่อเมริกา” เขาคิดเรื่องนี้อย่างจริงจังและที่เอ่ยครั้งนี้ก็ไม่คิดล้อเล่น ดูเหมือนว่าติมจะรู้เลยเบิกตากว้างตกใจไม่น้อย

   

“ที่พี่บอกว่าให้โอกาสตัวพี่เอง ก็คือให้ติมได้ลองทบทวนความรู้สึกตัวเองไปด้วย ถ้าผ่านไปสองปีแล้วยังยืนยันว่าคิดเหมือนเดิม...พี่จะยอมรับคำว่ารักของนาย”

   

“...”

   

“แต่ถ้าหากว่าติมคิดได้ว่าไม่ได้รักพี่ พี่จะปล่อยนายไป...เราสองคนจะเป็นอิสระซึ่งกันและกัน” พระรามยิ้มบาง น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงเปื้อนแก้ม “พี่จะไม่ฟูมฟายหรือร้องไห้เพื่อให้นายกลับมา”

   

หมายความว่าสองปีที่ระยะห่างแสนไกลคนละซีกโลกนั้นเป็นการให้โอกาสตัวเองได้ทำใจ...กับความผิดหวัง

   

“โอเคมั้ย”

   

สีหน้าของติมออกอาการลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด

   

การเดิมพันครั้งนี้...อยู่ที่ตัวเขา

   

“ผม...”

   

“นายลองกลับไปคิดดูก่อนก็ได้ จะขอโอกาสแล้วยึดติดอยู่กับพี่...หรืออยากจะไปหาคนอื่นเหมือนอย่างที่เคยทำ...ตัดสินใจได้แล้วค่อยกลับมาให้คำตอบก็ได้” พระรามใจดีมากแค่ไหน ไอติมจะรับรู้บ้างหรือยัง

   

รักมากแค่ไหน...จะรับรู้บ้างหรือยัง

   

“มันไม่มีทางเลือกอื่นเลยเหรอ”

   

ใบหน้ามนส่ายช้าๆ ตอบเสียงแผ่ว “นี่เป็นทางเลือกเดียวที่จะทำให้เราสองคนรู้ถึงความรู้สึกตัวเอง ถ้าหากนายไม่อยากได้โอกาสแล้ว...”

   

“ผมโอเค...โอเคก็ได้” เสียงทุ้มพูดตัดบท ยกมือขึ้นกุมหัวอย่างหมดทาง รู้สึกเหมือนจะเห็นอนาคตอยู่รำไรว่าเขาจะต้องยอมแพ้พระรามทุกทางเลย

   

ริมฝีปากบางแย้มยิ้ม ยกมือขึ้นลูบศีรษะนุ่มก่อนจะไล้ลงใบหน้าหล่อเหลา...นี่คือลูกชายของแม่...คนที่เขารัก

   

“ตัดสินใจแล้วนะ”

   

“อืม”

   

“โอเค ต่อไปนี้พี่จะให้โอกาสได้นายพิสูจน์ จนกว่าพี่จะจบตรี...และอีกสองปีหลังจากนั้นเราค่อยว่ากันอีกที”

   

“ครับ" เสียงทุ้มรับคำอย่างว่าง่าย แต่ใครจะทำใจได้ง่ายๆ อย่างปากพูด

   

สองปีเชียวนะ...พระรามยกข้ออ้างนี้มาลงโทษเขาได้อย่างสาสมจริงๆ

   

มือสองคู่ต่างขนาดกอบกุมกันท่ามกลางความเงียบ ก่อนที่ใบหน้าจะแดงเรื่อเมื่อจู่ๆ ร่างสูงก็เอ่ยขออะไรแปลกๆ

   

"ติม?"

   

"นะครับ..." ใบหูเล็กแดงก่ำเมื่ออีกฝ่ายพูดครับกับเขา

   

"ปกติไม่เคยขอเลยแท้ๆ จะมาขออะไรตอนนี้..." เสียงทุ้มใสแผ่วเบาลงทุกขณะเมื่อดวงตาคมกริบเข้ามาใกล้ เปลือกตาสีขาวปรือปิด ก่อนที่ความนุ่มอุ่นจะเข้าประทับให้ขนลุกเกรียว

   

...ครั้งแรกที่ได้จูบกับไอติมในฐานะ 'พระราม'...

   

สัมผัสเปียกชื้นเพราะน้ำตาทำให้ร่างสูงผละออก ซึ่งรามก็ยกมือเช็ดทันที แต่ไม่ทันแล้ว

   

"ราม ร้องไห้ทำไม"

   

"เปล่า" ใบหน้ามนส่ายหนี แต่ก็ถูกจับคางให้หันมาสบตา ให้รู้ว่าขอบตาแดงฉ่ำน้ำมันซ่อนไม่มิด

   

"อย่าโกหกผมสิ"

   

พระรามสูดจมูกฟึดฟัด "มะ ไม่มีอะไรจริงๆ ...พี่แค่คิดเรื่องเก่าๆ จู่ๆ น้ำตามันก็ไหลออกมาเอง"

   

"..."

   

“แค่จำได้ว่า นายจะจูบกับคนที่ชอบ...แล้วพี่ก็เห็นนายจูบกับเอม...ที่ห้างหน้าโรงหนัง พี่รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่านายชอบชะเอมมาก...แต่ก็ชัดเจนตอนที่เห็นนั่นแหละ”

   

“...”

   

“พี่คิดแบบนั้นมาตลอดเลย ขนาดตอนที่นายบอกชอบพี่ พี่ยังไม่อยากเชื่อ...หรือคิดว่าเป็นฝันด้วยซ้ำ...หรือก็กำลังคิดว่านายกำลังหลอกพี่อยู่...”

   

“...”

   

“พี่ไม่เคยแน่ใจในความรู้สึกที่นายมีต่อพี่ มันชัดเจนแค่ความเกลียดชัง...มีแค่ความรู้สึกนั้นที่พี่คิดว่าเป็นของจริง”

   

ทั้งๆ ที่มาขอโอกาสกับเขา แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าไม่ใช่

   

“พอจูบกับนาย พี่ก็คิดว่านายเห็นพี่เป็นตัวแทนของเอม...ประมาณนั้นน่ะ ฮะๆ" ร่างโปร่งพยายามหัวเราะ แต่น้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุด สภาพน่าสงสารที่คนมองเจ็บช้ำหัวใจ

   

"ผมขอโทษ ราม" ไม่มีคำใดที่สามารถแทนความรู้สึกของเขาได้มากกว่านี้ มือใหญ่กอบกุม "แต่ตอนนั้นผมไม่ได้จูบพี่เอมนะ"

   

"...แต่พี่เห็น..."

   

"นั่นผมแค่หอมแก้ม...แต่ผมก็ต้องขอโทษด้วยที่ทำแบบนั้น" ไอติมรู้สึกผิดและลุแก่โทษ “คนที่ผมจูบด้วยมีแค่รามคนเดียว รู้ตัวรึเปล่า”

   

ดวงตาฉ่ำน้ำอึ้งก่อนจะหลุดหัวเราะแผ่วเบา “จริงเหรอ”

   

หมายความว่าเขาเข้าใจผิดไปเอง หัวใจดวงน้อยค่อยๆ พองโตขึ้นเมื่อรู้ว่าริมฝีปากของอีกฝ่าย...ยังเป็นของเขาคนเดียว

   

ไม่รู้ทำไมพระรามถึงได้เชื่อคำของอีกฝ่ายอย่างง่ายดาย อาจเพราะไอติมอุตส่าห์ลดตัวมาขอโทษเขา...ซ้ำยังทำเสียงอ้อนวอนครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

   

"ดีใจ...พี่ดีใจที่พี่เข้าใจผิด มันไม่ใช่ความจริง" พระรามแย้มรอยยิ้มกว้าง ไม่เคยรู้สึกดีใจมากเท่านี้มาก่อนเลย



ตึกตัก...ตึกตัก

   

ดวงตาคมกริบเบิกกว้าง หัวใจของไอติมกระตุกและเต้นถี่รัวอย่างกับกลอง ใบหน้าคมร้อนผ่าวเพียงเห็นรอยยิ้มสดใส ก่อนที่ริมฝีปากหยักจะยิ้มออกมาบ้าง

   

รอยยิ้มที่เขาหลงรักแต่แรกเห็น

   

ชะเอมอาจจะเป็นคนในอุดมคติ แต่ตัวจริงในชีวิตของเขาต้องเป็นคนตรงหน้านี้เท่านั้น

   

...พระรามคนเดียว...

   

ใบหน้าหล่อเหลาและยิ้มอบอุ่นทำให้พระรามค่อยๆ หุบยิ้ม ก่อนที่พวงแก้มจะแดงเรื่อ...นั่นคือสิ่งที่เขาใฝ่หามาตลอด

   

ดวงตาและรอยยิ้มที่เขาอยากได้

   

"ติม...พี่ชอบติมมากนะ" ร่างโปร่งเอ่ยคำหวานด้วยใบหน้าร้อนผ่าว เขาชอบติม...ไม่ว่ายังไงเขาก็อยากจะบอก...ตลอดมาที่ถูกปฏิเสธเจ็บมามาก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าไอติมจะเข้าใจความรู้สึกและเริ่มมองเห็นตัวตนของเขาแล้ว

   

พระรามปรือตาอีกครั้งเมื่อริมฝีปากร้อนผ่าวยื่นเข้าใกล้ ร่างโปร่งเผยอปากให้อีกฝ่ายได้เชยชิมและสอดลิ้นเข้ามา

   

"อึก...อือ" ดวงตาเรียวหลับปี๋สะดุ้งเฮือกทุกครั้งที่ไอติมกวาดลิ้นไปตรงที่ไม่คาดคิด ลิ้นเล็กหลบหลีกเพราะสู้ไม่ไหว มันเสียววูบวาบเมื่อถูกเสียดสี แต่สุดท้ายพระรามก็ถูกดันให้นอนราบและกวาดต้อนจนต้องยอมจำนน "ดะ จุ๊บ เดี๋ยว...ฮื่อ ติม...อื้อ"

   

ไอติมยอมผละออกเพียงเสี้ยววิก่อนจะประกบแนบแน่นใหม่อีกครั้ง เสียงแลกน้ำลายกับเสียงหอบหายใจแรงผ่านจมูกเนื่องจากร่างสูงเริ่มมีอารมณ์ แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรมากไปกว่าการตะโบมจูบรุนแรงให้สาสม มือเรียวกำคอเสื้อร่างสูงแน่นเพราะหายใจไม่ออก

   

"อื้อ! ฟู่...ฮ่า...อุ๊บ" แต่พอได้อ้าปากหายใจก็ถูกเอาแต่ใจอีกหลายๆ ครั้ง เมื่อปรือตาฉ่ำมองก็ต้องหลับลงอีกครั้งเมื่อดวงตาคมกริบวาววับด้วยความต้องการบางอย่าง

   

ไม่...ไม่ไหว เขา...ข้างล่างมัน...

   

"ฮ่ะ! แฮ่ก...ติม พี่เจ็บปาก ไม่เอาแล้ว ฮือ..." ริมฝีปากบางอ้ากว้างหอบหายใจเหนื่อยอ่อน ใบหน้ามนหันหนีเมื่อริมฝีปากร้อนตามติดไม่ให้เข้าได้พัก จนสุดท้ายงูเห่าก็ฉกได้เพียงมุมปากและข้างแก้ม ก่อนที่จมูกโด่งจะคลอเคลียสูดดมความหอมที่แก้มและซอกคอจนคนใต้ร่างเขินไม่รู้จะเขินยังไง

   

"นี่ถ้ารามไม่เจ็บอยู่ คงโดนผมปล้ำคาเตียงผู้ป่วยไปแล้วนะ" เสียงทุ้มแหบพร่าก่อนจะฉกลงมาแนบริมฝีปากอีกครั้งก่อนจะผละออกยิ้มเจ้าเล่ห์

   

คนฟังเม้มปากควันออกหู...คนอะไรหื่นกามที่สุด

   

เปลือกตาบางปรือจะปิดอีกครั้ง ใบหน้าหล่อเหลาเลื่อนเข้าใกล้และ...เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้น

   

"จะเจ็บหรือไม่เจ็บก็ห้ามทำอะไรในโรงพยาบาลของพ่อทั้งนั้นแหละ ไอ้ลูกชายนี่"

   

พระรามสะดุ้งเฮือกรีบผลักร่างสูงออกไปอย่างแรง หน้าแดงก่ำเป็นมะเขือเทศ เมื่อในห้องไม่ได้มีแค่เขากับติม

   

"พ่อ/คุณอา! พี่อิฐ!?" ดวงตาเรียวเบิกสองเท่าเมื่อด้านหลังของอรรถสิทธิ์มีรุ่นพี่หน้าหล่อยืนโบกไม้โบกมือพลางยิ้มล้อ ร่างโปร่งเกร็งตัวมองซ้ายมองขวาหาทางหนีความอายที่แทบแทรกแผ่นดินแต่เขาเจ็บตัวเกินกว่าจะลุกขึ้นด้วยซ้ำ ก่อนจะส่งสายตาคาดโทษ โยนความผิดให้ร่างสูงเพียงหนึ่งเดียว

   

ทั้งหมดก็เพราะติมนั่นแหละ!

   

"ทำอะไรทะลึ่งตึงตัง นี่ถ้าพยาบาลมาเห็นเข้าจะทำยังไงห๊า!?"

   

คนผิดทำหูทวนลมไม่สำนึก ซ้ำยังจิ๊ปากไม่พอใจ "เข้ามาไม่รู้จักเวลา ขัดอารมณ์เป็นบ้า"

   

"บ่นพึมพำอะไร" เจ้าของโรงพยาบาลเดินเข้าไปเขกหัวร่างสูงอย่างไม่ปราณีดังโป๊กอย่างกับลงโทษเด็กซนๆ จนไอติมต้องมือจับศีรษะที่โดนกำปั้นกระแทกหน้าบึ้งตึง

   

"พ่อทำอะไรเนี่ย!?"

   

"สั่งสอนไอ้เด็กไม่รู้จักกาลเทศะ พ่อจะมาตรวจร่างกายพระราม แกออกไปข้างนอกเลยไป๊!"

   

ไอติมแยกเขี้ยวขู่ฟ่อๆ "เรื่องดิ!"

   

"เกะกะ!"

   

"ห้องก็ตั้งกว้าง จะเกะกะอะไรนักหนาวะ!?"

   

"เกะกะลูกตาพ่อน่ะสิ แหม คืนดีกันยังไม่ทันไร จะขืนใจเขาอีกแล้วหรือไงห๊ะ ไอ้เจ้าหมอนี่!" อรรถเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างหมั่นไส้ วันก่อนไอติมมันยังเรียกพ่อครับๆ น่ารักน่าชัง...แต่ตอนนี้ไอติมมันคงฟื้นคืนชีพแล้ว ถึงได้ปีกกล้าขาแข็งพูดหยาบคายกับพ่อบังเกิดเกล้า

   

"อาอรรถ!" พระรามแหวหน้าแดง พูดอะไร...ขืนใจอะไรกัน!?

   

"ขืนใจที่ไหน ถ้าพ่อดูอยู่ก็น่าจะเห็นว่ารามยอมผม"

   

ฟังคำพูดอันไร้ยางอายของติมแล้วใบหน้าขาวร้อนผ่าวและแดงจัด ถ้าเอาหม้อต้มมาวางน่าจะเดือดได้ในทันที

   

หลังจากนั้นความวุ่นวายในห้องผู้ป่วยวีไอพีจึงบังเกิด อิฐที่ยืนมองก็ถอนหายใจและเดินเข้ามาตรวจร่างกายของรามแทนบิดา ปล่อยให้สองพ่อลูกคู่นี้นี่รักกันปานจะกลืนกินเถียงคอเป็นเอ็นกันไป เสียงแว้ดๆ เสียดเข้าหูจนต้องยกมือขึ้นปิด สงสัยคราวหน้ามาต้องพกที่อุดหูมาด้วยซะแล้ว

   

"หึ..." แต่อย่างน้อยภาพตรงหน้าก็ดีกว่าบรรยากาศหดหู่ก่อนหน้านี้เป็นไหนๆ





   

"วู้ววว!!"

   

ซ่า!!

   

"โอ๊ย...ไอ้ห่าดิน อย่าสาดแรง มันเข้าจมูกกูแล้ว!" ร่างโปร่งตวาดพลางสำลักไอค่อกแค่ก ความเค็มที่เข้าจมูกและปากมันเค็มปะแล่มจนต้องแลบลิ้นถมน้ำลายออกมาเพราะไม่อยากกลืนลงคอ

   

"ไอ้รามนี่ เดี๋ยวนี้มีผัวแล้วปากเสียเหรอ เอาไปอีกที"

   

พระรามรีบหันหลังหลบทันทีที่เพื่อนสุดที่รัก(?)สาดน้ำทะเลเข้าให้เต็มหน้า ตัวมันก็ไม่ใช่เล็กๆ กวาดน้ำมาทีอย่างกับรถถังฉีดน้ำ

   

"เหวอ!" เสียงทุ้มใสร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ ร่างของตนลอยจากผิวน้ำ พระรามดิ้นขลุกขลักเมื่อตั้งสติได้ "โอ๊ย พวกมึงทำอะไรเนี่ย ปล่อย...!"

   

ก่อนที่จะร้องเหวอหลุดมาดมากกว่าเดิมเมื่อโดนสินกับดินที่จับขาและแขนเหวี่ยงเหมือนเปล "เฮ้ยๆๆ อย่า!" ก่อนที่ตัวจะลอยขึ้นหางตาเห็นชะเอมปิดปากหัวเราะอยู่ไม่ไกล...นี่วางแผนกันมาใช่มั้ย!?

   

ตูม!

   

น้ำใสแตกกระจายเมื่อวัตถุหนักราวห้าสิบกระทบผิวน้ำและจมลงไป เพียงไม่นานสิ่งนั้นก็แหวกน้ำโผล่หัวขึ้นมาทำหน้าขึงขัง "พวก...มึง...หยุดเดี๋ยวนี้นะ! ชะเอมมานี่เลย รู้หรอกว่าเป็นคนต้นคิด!"

   

"หนีเร็ว! ฮ่าๆๆ" ร่างบางวิ่งในทะเลทุลักทุเลหนีไป

   

เนื่องจากชะเอมว่ายน้ำไม่เป็น พวกเราเลยได้แต่

   

"เดี๋ยว...แค่กๆ!" พระรามไอโขลกเพราะน้ำทะเลเมื่อกี้ แต่นอกจากนี้มีอาการอื่นเข้ามาแทรกด้วย...ไอจนตัวโยน จนหอบเหนื่อยแล้วก็ค่อยๆ เดินมาทิ้งตัวลงบนพื้นทรายอย่างหมดแรง "แฮ่ก..."

   

"รามไหวมั้ย" เสียงใสถามให้พระรามเงยหน้ามอง ชะเอมเดินเข้ามานั่งข้างๆ ใกล้ๆ กันก็มีดินกับสินมองด้วยสายตาเป็นห่วง

   

"อืม ขอพักแปป" ใบหน้ามนพยักน้อยๆ ก่อนจะยิ้มขำเมื่อเห็นใบหน้าหวานงอง้ำน้ำตาคลอเหมือนหมาหงอย "อย่าทำหน้าเหมือนเราป่วยจะตายอย่างนั้นสิ พักหน่อยเดี๋ยวก็หายแล้ว"

   

“ไอ้โรค...ของมึงเนี่ย ทำยังไงถึงจะดีขึ้นอ่ะ”

   

“พี่อิฐบอกว่าให้พักผ่อนเยอะๆ กินยาตามที่สั่ง แล้วก็หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้อาการแย่ลงน่ะ”

   

“สิ่งที่ทำให้อาการแย่ลง?”

   

“ก็พวกควันรถ ควันบุหรี่ ฝุ่นหรืออะไรพวกนั้น”

   

“โห ยากนะนั่น”

   

“ใช่ เวลาเดินทางออกนอกถนนกูก็ต้องใส่หน้ากากตลอด” พระรามตอบก่อนแผ่ตัวลงนอนกับทราย เหม่อมองท้องฟ้าไร้เมฆปกคลุม

   

ใช่...มันไม่ลำบากเท่าไหร่หรอก ก็แค่นี้เอง

   

‘ราม เรื่องโรคของเราน่ะ รู้แน่ชัดแล้วนะว่าเป็นอะไร’

   

‘เราเคยมีโรคประจำตัวคือหอบหืดนะ อาจจะเป็นไม่หนักมากเลยไม่รู้ตัว กับไอเรื้อรังที่พี่เคยบอกไว้ ไม่ร้ายแรงแต่ห้ามละเลย’

   

‘รู้แล้วก็รักษานะ ถ้าอยากกลับมาใช้ชีวิตเหมือนปกติ...พี่จะจ่ายยาให้ ส่วนคำแนะนำอื่นๆ เราต้องระวังและดูแลตัวเอง’

   

เพื่อชีวิตประจำวันที่สามารถใช้ได้อย่างปกติสุขเหมือนคนอื่นๆ

   

“ติมก็ช่วยดูแลด้วย ไม่ต้องห่วงหรอก”

   

“แต่ที่มึงเป็นอย่างนี้ก็เพราะมันไม่ใช่เรอะ ถ้าไม่ดูแลสิกูจะเขกกบาลมันให้”

   

ต่อด้านล่าง

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep33 (จบแล้ว) 21/08/2019
«ตอบ #73 เมื่อ21-08-2019 21:08:33 »




ต่อจากด้านบน


“อย่าโทษติมเลย ถ้าจะผิดก็ผิดทั้งคู่นั่นแหละ”

   

“เออๆๆ เกลียดจริงพวกห่วงผัวเนี่ย”

   

ไม่ใช่แค่ราม แต่เหมือนชะเอมจะโดนหางเลขไปด้วย จึงหน้าแดงก่ำกันทั้งคู่

   

"เอม...มาพักกินน้ำหน่อยมั้ย" เสียงทุ้มเรียกแต่ไกล แต่ก็ทำให้เจ้าของชื่อได้ยินหันขวับ ร่างสูงนั่งพักอยู่ริมชายหาดบนรถเข็น ข้างๆ ก็เป็นเกษมศักดิ์ที่มาพักผ่อนด้วย

   

"คิน" ดวงตากลมโตประกายทันใด ทำหูตั้งสะบัดหางกลมดิกๆ เป็นกระต่ายเจอเจ้าของ(?) ก่อนจะลุกขึ้นเดินไป ทิ้งเพื่อนทั้งสามเอาไว้

   

“นั่นไง คนห่วงผัวรายแรกเลย” ดินทิ้งคำพูดคล้อยหลังชะเอม ทำให้เจ้าตัวหันมาย่นจมูกใส่อย่างน่ารัก คนที่เหลือก็หัวเราะร่วน

   

“แล้วมึงล่ะ ไม่ห่วงกูบ้างเหรอ” สินเอื้อมมือกอดเอวเปลือยเปล่าของดินเอาไว้แน่นหนึบ “กูก็ผัวมึงนะ”

   

“อะ ไอ้เวร...ไปไกลๆ เลย” ดินแงะมือปลาหมึกออกก่อนจะเดินหนี แน่นอนสินก็เดินตามไป

   

“เขินได้น่ารักดีนะมึง”

   

“ไม่ได้เขินว้อย”

   

“แล้วทำไมหน้าแดง”

   

“นี่มันแสงอาทิตย์”

   

“ดวงจันทร์จะขึ้นอยู่แล้ว มึงนี่อ้างไม่เข้าท่า เขินก็บอกเหอะน่า...”

   

คำพูดที่แว่วตามมาทำให้คนที่ถูกทิ้งไว้อยู่คนเดียวหัวเราะขำ

   

“เฮ้อ...”

   

เพื่อนๆ ต่างก็มีความสุขกัน...เขาก็มีความสุข

   

ก่อนที่ด้านหลังจะมีใครบางคนเดินเข้ามาใกล้ เท้าใหญ่เหยียบย่ำทรายจนยุบลงเป็นรอยตามน้ำหนักกว่าเจ็ดสิบกิโลกรัม และหย่อนตัวลงนั่งข้างร่างโปร่งที่เปียกชื้นทั้งตัว

   

ใบหน้ามนหันข้าง พอเห็นว่าเป็นใครก็รีบลุกขึ้นนั่ง “ติม”

   

"ตัวเปียก...นั่งตากลมนานๆ มันไม่ดี เดี๋ยวก็ไม่สบายอีกหรอก" ดวงตาคมกริบสบกลับ "ผมเป็นห่วงนะ"

   

“ก็มาทะเลทั้งที...คราวที่แล้วมายังไม่ได้เล่นเลยนะ พี่ขอเล่นนิดเดียวเอง”

   

“หึ” ไอติมหัวเราะ ยกยิ้มมุมปาก “รามโตกว่าตั้งสองปี แต่ทำตัวเป็นเด็กๆ”

   

“พี่โตกว่าแล้วทำไมนายไม่เรียกพี่ว่าพี่ล่ะ”

   

“ก็ผมไม่ได้อยากให้เป็นพี่” แขนแกร่งตวัดร่างโปร่งขึ้นอุ้มจนพระรามที่ไม่ได้ตั้งตัวร้องเหวอเสียงดัง “อยากให้เป็นเมียมากกว่า”

   

“อ๊ะ ตะ ติม...จะพาพี่ไปไหน” เสียงทุ้มใสถามอย่างแตกตื่น แขนผอมรีบโอบกอดลำคอแน่นเพราะกลัวตก เขาเป็นผู้ชายแท้ๆ แต่อีกฝ่ายกลับอุ้มอย่างไม่สะทกสะท้านหรือทำท่าหมดแรงเลย ไม่หนักเหรอเนี่ย?

   

“กลับห้องสิ”

   

“อ้าว แต่พี่ยังเล่นน้ำไม่เสร็จ!” คนโตกว่าแต่ทำตัวเด็กร้องโวยวาย ดวงตาเรียวมองกลับไปที่ชายทะเลที่เพิ่งลงได้ไม่ถึงสองชั่วโมง

   

ดวงตาคมกริบมองใบหน้ามนที่พะว้าพะวงเหมือนเด็กอยากได้ของเล่นแล้วแม่ไม้ให้ซื้อ ริมฝีปากหยักยิ้มเอ็นดู “พรุ่งนี้ค่อยมาเล่นก็ได้ เดี๋ยวผมมาเล่นด้วย ตอนนี้รีบไปอาบน้ำก่อน ลมพัดแบบนี้เดี๋ยวไข้จับ”

   

ได้ยินคำเป็นห่วงดวงตาสีน้ำตาลเข้มก็หลุบลง ไม่อยากตอบรับ แต่จมูกเล็กขยับยุกยิก “ฮะ ฮัดชิ่ว! ขะ ขอโทษที” พระรามเอ่ยขอโทษตะกุกตะกักก่อนจะปิดปากจามอีกสองสามครั้งติดกัน

   

“เห็นมั้ย” ไอติมแซวล้อคนดื้อ แขนแกร่งกระชับคนที่เริ่มตัวสั่นหนาวในอ้อมกอดเข้ามาอีกเพื่อให้ความอบอุ่น

   

“...ก็ได้” ปากบางยู่ตอบเสียงเบาอย่างไม่เต็มใจ

   

มันน่าจูบลงโทษนัก

   

   

   

"รามมานั่งนี่ เดี๋ยวผมเช็ดหัวให้" ไม่พูดเปล่า ร่างสูงลากพระรามที่เพิ่งเปิดประตูออกจากห้องน้ำมานั่งตรงหว่างขาที่ปลายเตียง ร่างโปร่งผมยาวขึ้นมาก ผมสีดำเปียกชื้นระต้นคอขาวผ่อง ชวนให้แนบริมฝีปากร้อนลงทำร่องรอยที่เคยมีแต่จางหายไปแล้ว

   

ร่างโปร่งผอมมาก ผิวที่เคยขาวเหลืองตอนนี้กลายเป็นซีดจนสว่าง กรอบหน้ามนที่ปรกด้วยผมยาวทำให้ดูน่ารักขึ้นหลายเท่านับจากครั้งแรกที่เคยเจอ ยิ่งยามแย้มยิ้ม...รอยยิ้มนั้นทำให้เขารู้สึกหวง...อยากจะขังอีกฝ่ายเอาไว้ ไม่อยากให้ใครมองเลยแม้แต่คนเดียว

   

'ติม...พี่มีอะไรจะบอก' จู่ๆ เขาก็นึกถึงเสียงของพี่ชายตน 'เรื่องของรามน่ะ...'

   

"ติม?"

   

เสียงเรียกและใบหน้ามนที่หันมามองทำให้ไอติมหลุดจากภวังค์ มือใหญ่จับผ้าขนหนูนุ่มซับผมจากต้นคอ จับมันขึ้นและขยี้เบาๆ จนหัวทุยโคลงเคลง ผ่านไปสักพักเส้นผมก็เริ่มหมาด จึงพาดผ้าไว้บนลาดไหล่บางเช่นเดิม

   

"..."

   

ไอติมยังไม่ได้อาบน้ำเพราะเขาไม่ได้ลงไปเล่นน้ำเหมือนกับราม จึงนั่งอยู่เช่นนั้น แขนแกร่งเอื้อมกอดรอบตัวคนผอม ที่เขาได้ 'กอด' ทุกวันเป็นประจำ

   

ความเงียบที่เกิดขึ้นระหว่างเราไม่ได้ทำให้เขาอึดอัด พระรามเองก็เช่นกัน หนำซ้ำยังรู้สึกได้ถึงเสียงหัวใจที่ค่อยๆ เต้นดังขึ้นเรื่อยๆ จากแผ่นอกบาง...มันสะท้อนดังเหมือนกลองตอนงานกีฬาของมหาลัยไม่มีผิด

   

"ติม" พระรามเรียกชื่ออีกฝ่ายแผ่วเบาเรียกความสนใจ "ตอนนี้พี่เหมือนกับฝันอยู่เลย"

   

คนฟังพูดกลั้วหัวเราะ "ยังไง? รามไม่ได้หลับสักหน่อย"

   

มือเรียวลูบไล้แขนแกร่งที่อบอุ่นแผ่วเบา "ติมใจดีกับพี่แบบนี้ พี่ดีใจมาก" พระรามว่าแล้วยิ้มอีกครั้ง ยิ้มน่ารัก...มีลักยิ้มตรงโหนกแก้มเป็นรอยขีดเหมือนหนวดแมว ติมไม่เคยเห็นใครยิ้มแบบนี้มาก่อน

   

"เป็นแบบนี้แล้วชอบมั้ย"

   

แมวตัวขาวพยักหน้ายิ้มเขิน "ชอบมาก" ใบหน้ามนเงยมอง ก่อนจะกดจมูกลงข้างแก้มขาวของไอติม "พี่ชอบนาย"

   

การกระทำออดอ้อนที่ทำให้ไอติมหมันเขี้ยว มือร้อนสองข้างจับขาเรียวแหกกว้างพาดตัก และจู่โจมลูบไล้กลางกายจนร่างโปร่งต้องบิดเร้า

   

"อื๊อ ฮึก ติม..." มือเล็กจิกข้อมือแกร่งแน่นเมื่ออีกฝ่ายล้วงเข้าไปในกางเกงควักส่วนลับขึ้นมารูดรั้ง เค้นหนักสลับเบา "ไม่เอา เดี๋ยวมัน อ๊ะ เลอะ พี่เพิ่งจะ...อาบน้ำมานะ"

   

"งั้นก็ถอดให้หมด" พูดแล้วก็ถกกางเกงรวมถึงชั้นในออกทันทีให้ท่อนล่างเปลือยเปล่า "แค่นี้ก็ไม่เลอะแล้ว"

   

"ฮือ..." ยิ่งอีกฝ่ายเร่งมือ ใบหน้ามนยิ่งส่ายบนอกกว้าง ขาเรียวที่พยายามหุบเข้าก็ถูกจับให้อ้ากว้างอีกครั้ง "ฮะ! อืม..."

   

ใบหน้าหล่อเหลาที่จ้องตาเรียวฉ่ำปรือในระยะประชิดก็อดไม่ได้ที่จะก้มลงป้อนจูบเร่าร้อน มือใหญ่บีบเค้นหนักเร่งความเร็ว ริมฝีปากร้อนชื้นละออกมาเพื่อพรมจูบซอกคอ เม้มขบ กัดเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ

   

พระรามครางเครือ บิดตัววาบหวิว ปรือสบกับดวงตาสีอ่อน น้ำตาคลอหน่วยเมื่อรู้สึกดีอย่างไม่อาจต้านทาน

   

"ติม...พี่ไม่ไหว" ริมฝีปากบางอ้ากว้างหอบอากาศเข้าปอดจนน้ำลายไหลลงมุมปาก

   

"ปล่อยเลย...ไม่ต้องอดทน"

   

"อ๊ะ...อ๊ะ!!" น้ำสีขาวขุ่นฉีดพ่นเต็มฝ่ามือใหญ่ ทิ้งตัวหมดแรง หอบหายใจและอ้าขากว้างตั้งชันกับขอบเตียงอย่างไม่อาย น้ำตาที่ขังอยู่ตรงขอบไหลอาบแก้ม ก่อนที่ไอติมยกคนตัวเบาขึ้นมานั่งทับลูกชายที่พองตัวปูดโปนผ่านเนื้อผ้า โยกตัวเสียดสีกับร่องก้นขาวเนียนรุนแรง

   

"ฮื้อ! ฮึก!" พระรามกัดปากเกร็งตัว ไม่ได้เสียวเหมือนโดนสอดแทรก แต่มันก็ดีจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ออกเลย

   

"อา...อา รามโยกหน่อย" ไอติมบอกเสียงพร่าจับเอวผอมแน่นและออกแรงกดถูไถจนเป้าใหญ่เริ่มเปียกชื้น ลูกชายยิ่งพยศแข็งตัวดันผ้าบางออกมาแทบปริแตก แม้จะไม่ได้เรียกว่าเซ็กส์เต็มตัว แต่ทำแบบนี้ก็เร่าร้อนได้เหมือนกัน

   

"อื๊อ ฮื้อ เสียว...ฮึก!" สะโพกแกร่งยกบดเบียดจนแผ่นหลังบางหยัดเกร็ง ขาเรียวหนีบเข้าหากันปวดมวนท้องน้อยอย่างแรง พระรามพยายามกลั้นเสียงให้มากที่สุด เพราะบ้านพักแถวนี้มันติดกันมากกว่าครั้งก่อน แถมผนังก็ไม่ได้หนาอะไรมากด้วย

   

ชั้นในเปียกชื้นถูกถกลงเพราะร่างสูงเริ่มทนไม่ไหว ก่อนที่พระรามจะสะดุ้งเฮือกเมื่อแก่นกายใหญ่สอดเข้าที่ขาหนีบก่อนจะขยับกระแทกจนเนื้อกระทบกันดังลั่น "อื๊อ!! อื๊อ!!!"

   

เอี๊ยดๆๆ!

   

แก่นกายเสียดสีพวงไข่จนกลางกายพระรามตั้งโด่อย่างรวดเร็ว ร่างกายผอมงองุ้ม เสียวซ่านจนทนไม่ไหว ก่อนจะหงายเงิบนอนทับร่างกายแกร่งเมื่อร่างสูงดึงให้นอนลงและกอดเกี่ยวแน่น สะโพกแกร่งขับเคลื่อนไม่หยุดจนสะโพกเล็กลอยหวือและตกลงกระทบตามแรงโน้มถ่วง "ซี้ด หนีบขาแน่นๆ นะราม ผมจะใส่เต็มแรงแล้ว"

   

เสียงครางสองโทนเคล้าคลอเหมือนดนตรีบรรเลงยิ่งทำให้อารมณ์พุ่งทะยาน มือเรียวจิกทึ้งผ้าปูรวมถึงข่วนแขนแกร่งยาวจนเป็นรอยแดง ในยามที่ความเสียวเข้าจู่โจมระรัวด้านล่าง ทั้งลึกทั้งยาว แถมยังรุนแรง

   

"เฮือก! ติม...ติม~! อ๊ะๆๆ อ๊า!" อะไรที่คิดจะกลั้นเอาไว้ก็ทนไม่ไหว เสียงครางทุ้มใส่หวีดสูงก่อนจะทะลักทลาย น้ำขาวขุ่นพุ่งเปรอะเปื้อนท้องและแผ่นอกบางก่อนจะถูกจับหันไปรับจูบแลกน้ำลายอีกครั้ง

   

"ฟุฮ่า! แฮ่ก...แฮ่ก..." พระรามหอบหายใจหนักหน่วง ทั้งเหนื่อยทั้งเพลียแต่ก็มีความสุขมาก เปลือกตาบางปรือปิด ในขณะที่กำลังจะตกสู่นิทรา ก็เหมือนมีใครยกให้ตนลอยขึ้นจากพื้นเตียง แล้วร่างโปร่งก็ต้องถูกอุ้มไปอาบน้ำอีกหลายๆ ครั้งในห้องน้ำ...เพราะความไม่พอของใครบางคน

   

“อ๊ะ อ๊า...ติม ฮึก เสียงพี่”

   

“บ้านหลังนี้มีแค่เราสองคน รามไม่ต้องกลั้น ครางดังๆ อา...ซี้ด ตอดชิบ”

   

ปั่บๆๆ!

   

“ฮึก มะ มาแล้ว...แตก แตกแล้ว! อ๊า!”

   

ไม่จบไม่สิ้น



   

"แค่ก...แค่ก..." คนหลับไอค่อกแค่กแผ่วเบา แต่ไม่รู้สึกตัวตื่น คิ้วบางที่ขมวดมุ่นทำให้ไอติมเครียด ยกมือขึ้นลูบแก้มและทาบหน้าผากมนร้อนรุม...ถึงเวลาเช็ดตัวแล้ว

   

'รามป่วยอยู่นะ โรคก็ไม่ได้น่าเป็นห่วงมาก แต่ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้...อาการของโรคที่มักเกิดขึ้นคือไอแห้งอยู่ตลอดเวลา ตกกลางคืนอาจจะไข้ขึ้น หนักหน่อยก็ไอเป็นเลือด เจ้าตัวเคยเป็นมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ไม่รู้จะเกิดขึ้นอีกรึเปล่า'

   

...ไอเป็นเลือด...

   

ทำไม เขาถึงไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน...มันเกิดขึ้นตอนไหน

   

‘เขาไม่บอกเพราะไม่อยากให้แกสมน้ำหน้าเขาไง จำไม่ได้เหรอ’

   

อา...

   

'รามป่วยเป็นอะไรพี่อิฐ'

   

'รามป่วยเป็นโรคไอเรื้อรัง พี่แปลกใจมากๆ คนที่ไม่ได้สูบบุหรี่ทำไมถึงได้เป็นขนาดนี้ รามเคยบอกพี่ว่าพ่อเป็นคนสูบบุหรี่หนัก แต่มันจะเป็นได้ถึงขนาดนี้เชียวเหรอ...'

   

'ติม พี่ไม่ค่อยชอบกลิ่นควันเลย...'

   

ในยามที่พระรามดมกลิ่นควันบุหรี่ที่เขาพ่นใส่จนอ้วกในห้องน้ำนั่น...ตอนที่อีกฝ่ายอยู่กับเขา เขาไม่เคยคิดเอะใจ คิดแต่เพียงว่าเรียกร้องความสนใจ และสำออย...เพียงแค่นั้น

   

เขาเป็นคนทำให้รามต้องป่วยแบบนี้...แต่รามก็ไม่เคยโทษเขาสักครั้ง...ไม่เคยบอกว่าสาเหตุอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้รามป่วยนั่นก็คือเขา

   

'พี่ดีใจมากเลย ที่นายใจดีกับพี่...เหมือนกำลังฝันอยู่เลย' ใบหน้าและรอยยิ้มที่มีความสุข

   

อา...

   

ร่างสูงค่อยๆ ไล้ผ้าขนหนูตามแขนและตัว ไม่ว่าร่างโปร่งจะถูกเอาแต่ใจ ถูกตักตวงจนเหนื่อยเพลียก็ไม่เคยบ่น ถ้าหากเอากระจกมาส่องใบหน้าของติมตอนนี้ คงจะเห็นน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเงียบๆ

   

ทั้งเสียใจทั้งเจ็บปวดที่เห็นคนที่รักนอนไม่สบายทุกวัน พระรามยังคงฝันร้ายถึงเรื่องเก่าๆ ละเมอพึมพำในสิ่งที่ไอติมไม่เคยรู้มาก่อน

   

“ฮือ เจ็บ...เจ็บ”

   

แล้วจากนั้นก็ค่อยๆ เงียบลงไปเอง ต้องกอดต้องปลอบนานแค่ไหนก็แล้วแต่วัน...หากพระรามนอนอยู่คนเดียว ไม่รู้ว่าจะพ้นจากฝันร้ายได้เมื่อไหร่

   

‘ถ้าผ่านไปสองปีแล้วยังยืนยันว่าคิดเหมือนเดิม...พี่จะยอมรับคำว่ารักของนาย แต่ถ้าหากว่าติมคิดได้ว่าไม่ได้รักพี่ พี่จะปล่อยนายไป...เราสองคนจะเป็นอิสระซึ่งกันและกัน’

   

อีกฝ่ายใจแข็งแค่ไหน ที่ยอมรับปากและให้โอกาสกับเขา

   

‘พี่จะไม่ฟูมฟายหรือร้องไห้เพื่อให้นายกลับมา’

   

ร่างโปร่งเตรียมใจที่จะผิดหวัง แต่น้ำตาและความเจ็บปวดแทบขาดใจในแววตาทำให้เขารู้เลยว่าพระรามคงทนไม่ได้อีกแน่ถ้าหากกลับไปเป็นเหมือนเดิม

   

ร่างสูงล้มตัวลงนอนข้างกายคนป่วยที่ไอค่อกแค่กอย่างไม่รังเกียจ ลูบหัวปัดหน้าม้าและโน้มลงจูบหน้าผากชื้นเหงื่อด้วยความรัก

   

ไอติมจะขอสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำให้พระรามเจ็บอีก...และจะรอจนกว่าอีกฝ่ายจะกลับมารับฟังคำว่ารักของเขาอีกครั้ง...อย่างเต็มใจ

   

   



********************* Love Substitute *********************

   

   



แสงสว่างของวันใหม่สาดส่องเข้ามาในบ้านพัก ร่างสูงที่นอนเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงดิ้นหนีเล็กน้อยเมื่อมันสว่างแยงตา แขนปาดป่ายหาร่างกายนุ่มอุ่นที่มักกอดเวลานอน กลับพบแต่ความเย็นลื่นของผ้าปู

           

“ราม?” เสียงทุ้มเอ่ยงัวเงีย ผงกหัวหรี่ตาขึ้นมอง พระรามไม่อยู่อีกแล้ว แม้จะนอนป่วยตัวร้อนตอนกลางคืน แต่มักจะตื่นเช้า...เป็นแบบนี้ประจำ

         

ยังเช้าตรู่อยู่เลย

           

ถ้าอยู่ในห้องที่คอนโด ก็จะได้กลิ่นของอาหารลอยเข้ามาเพราะพระรามจะเตรียมเอาไว้ให้ แต่ตอนนี้มาเที่ยวต่างจังหวัดอยู่ ไอติมจึงไม่อาจคาดเดาว่าเจ้าตัวไปไหน

           

ร่างสูงค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง เกาหัวและเดินเข้าห้องน้ำ ออกมาอีกทีตัวหอมฉุย ออกจากบ้านพักไม่ลืมล็อคประตู

           

อยู่นี่นี่เอง

           

แผ่นหลังบางคุ้นตา สวมเสื้อฮาวายตัวบาง นั่งกอดเข่ามองวิวอยู่ริมหาดทราย เสียงคลื่นซ่าๆ พัดเข้าฝั่งกับลมเย็นสบายยามเช้าไร้แดด ทำให้ร่างสูงหยักยิ้มเดินเข้าไปใกล้และหย่อนตัวนั่งข้างๆ ซ้อนทับกับเมื่อวานเปี๊ยบ

           

“ทำไมไม่ปลุกผมล่ะ”

           

“นายกำลังหลับสบาย พี่เลยไม่อยากกวน” ร่างโปร่งยิ้มกับคำทักทายยามเช้า สายตายังไม่ละออกจากทิวทัศน์ด้านหน้า “พี่รู้ว่านายนอนดึกเพราะพี่ ขอบคุณมากนะ”

         

“รามไม่จำเป็นต้องขอบคุณเลย ผมเป็นคนทำให้รามเป็นแบบนี้...รามก็รู้ดี” แขนแกร่งโอบร่างโปร่งให้เข้ามาใกล้ จมูกโด่งหอมหัวทุยอย่างรักใคร่

           

เสียงคลื่นสาดซัดดังซู่ซ่าเป็นจังหวะ ดวงตาสองคู่มองออกไปสุดขอบฟ้า...พระอาทิตย์กำลังจะขึ้น

           

“ติมรู้มั้ย ว่าพี่เคยคิดว่าอยากตายอยู่หลายครั้ง” ร่างสูงหันมองเสี้ยวหน้าขาวที่ยังคงมองออกไปนอกทะเล พระรามนั่งชันเข่าเอนพิงอกเขาเล็กน้อย รอยยิ้มบางที่พยายามฝืนพูดมันช่างเจ็บปวด “พี่ทั้งป่วย...ไม่เหลือใคร...ไม่มีปัญญารักษาอาการที่เป็นอยู่”

           

มันหนักขึ้น...หนักขึ้นจนแบกรับไม่ไหว

   

“พี่ทั้งกลัวทั้งกังวล...ไม่รู้แล้วว่าจะทำยังไงดี พอไอหนักจนเป็นเลือดก็คิดว่าสักวันหนึ่งอาจจะต้องตายเหมือนแม่แน่ๆ” เสียงทุ้มใสหลุดหัวเราะแผ่วเบา ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่เรื่องตลกซักนิด “คนที่พี่อยากปรึกษาที่สุดคือนาย แต่ว่าไม่รู้ทำไม นายอยู่ใกล้พี่แค่นี้ แต่กลับเหมือนอยู่ไกลมาก สุดท้ายพี่เลยไม่บอกใคร”

   

ไอติมรับฟังทุกคำพูดที่แฝงไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เจ็บปวดจนคนฟังก็รู้สึกไม่ต่างกัน อ้อมแขนแกร่งกระชับคนตัวผอมเข้ามาใกล้ขึ้นอีก...อยากจะปลอบว่าตอนนี้เขากำลังรับฟังอีกฝ่ายอยู่นะ

   

ตอนนี้พระรามไม่ได้อยู่คนเดียวแล้ว

   

“ที่พี่ไม่แน่ใจ...ลังเลเรื่องความรู้สึกของติม ก็เพราะพี่เคยมีความสุข...แล้วก็เหมือนถูกทำให้ตกนรก...หลายครั้ง” ร่างโปร่งตัวสั่นระริก ความรู้สึกที่ทำให้หลงระเริงกับความเป็นคนสำคัญแต่มันไม่ใช่นั้นเป็นยังไง...พระรามเจอมากับตัว...เข็ดหลาบ “แล้วพอนายมาบอกรักพี่หลังจากที่ฟื้นขึ้นมา ก็แค่กลัว...กลัวจริงๆ”

   

กลัวจะถูกถีบตกเหว...เหวลึกที่มีแต่ความมืด หาจุดสิ้นสุดไม่เจอ

   

“พี่ขอโทษ” น้ำตาคลอหน่วยขังที่ขอบตาก่อนจะรื้นไหล...คำขอโทษที่เอ่ยออกมา...ก็เพราะตนรู้สึกเหมือนกักขังไอติมเอาไว้ สองปีหลังจากนี้...สองปีที่เห็นแก่ตัว เขาก็แค่...

   

“รามไม่จำเป็นต้องขอโทษ” ใบหน้ามนเงยมองคนพูด มือใหญ่จับข้างแก้มและคอยเช็ดน้ำตาให้ กับรอยยิ้มอ่อนโยนที่ส่งมา “รามทำแบบนี้ถูกต้องแล้ว”

   

“ติม”

   

“หากไม่มั่นใจ...ผมจะทำให้มั่นใจ” ร่างสูงจับท้ายทอยเล็กให้เข้ามาซบอก ไล้นิ้วที่ปอยผมและลูบศีรษะทุยเบาๆ “ก่อนหน้านี้ผมแค่หลอกตัวเองว่าผมไม่ได้ชอบพี่ ผมก็แค่...มีทิฐิ ผมแค่ติดใจเรื่องของแม่”

   

“...”

   

“ผมไม่มีวัน...รักคนที่ขโมยแม่ไป” ใช่...เขาคิดแบบนั้นมาตลอด “แต่รามทำให้ผมหลงรักมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งรอยยิ้ม...และความรักที่รามมีให้ผม”

   

“...”

   

“ผมมันบ้าเอง...ที่ปล่อยให้เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้น” กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งยังคงติดตรึง...ยังคงจำความรู้สึกตอนที่ตัวเองกำลังจะบ้าคลั่งได้เลย ณ วินาทีที่นิลขึ้นคร่อมและใช้มีดนั้นจ้วงแทงเข้าที่ร่างกายนี้ “กว่าจะรู้ตัวว่ารักราม...มันก็เกือบสายเกนไป”

   

ขอบคุณ...ขอบคุณที่พระรามตื่นขึ้นมา

   

ทั้งสองฝ่ายกอดกันแบบนั้นโดยที่ร่างสูงโอบกอดเอวผอมโยกไปโยกมาเหมือนปลอบเด็กน้อยที่ร้องไห้โยเย พระรามหลุดหัวเราะออกมา พร้อมสูดจมูกฟึดฟัด พอได้คุยแล้วก็สบายใจขึ้นมากมาย

   

จมูกเล็กกดข้างแก้มอีกฝ่ายกลับ “เหนื่อยมั้ย” หมายถึงต้องมานั่งดูแลคนป่วยอย่างเขา

           

ร่างสูงคว้ามือเรียวเข้ามากอบกุม ตอบหนักแน่น “ไม่เหนื่อยแม้แต่นิด”

           

“เสือใหญ่หมดท่าแล้ว ใหญ่กับเล็กมาเห็นจะว่ายังไงนะ” พระรามแก้มแดงเรื่อ กลั้วหัวเราะแซวคนตัวสูง

           

“ก็ให้แค่คนนี้คนเดียวแหละ”

           

“พี่จะคอยดู” ร่างโปร่งเบะปาก พ่นลมออกจมูกดังฮึ อดไม่ได้ที่จะยกขึ้นบีบจมูกโด่งนั่นอย่างหมั่นไส้ “ว่าสองปีถัดไปจะยังพูดเหมือนเดิมมั้ย”

         

 พูดไปเค้นแรงหนักขึ้นจนร่างสูงโอดครวญ “โอ๊ยๆๆ”

           

“ฮ่าๆ”

           

“ได้เลย จะเล่นแบบนี้ใช่มั้ย” ไอติมคว้าอีกคนเข้ามากอดแน่น ลงมือจี้เอวผอมจนพระรามดิ้นพล่าน

           

“โอ๊ยๆ ฮ่าๆๆ ยอมแล้ว...พี่ยอมแล้ว” คนบ้าจี้หัวเราะจนเจ็บท้องแต่ดูเหมือนร่างสูงจะไม่ปราณี รู้ตัวอีกทีก็ถูกอุ้มช้อนใต้สะโพกตัวลอยเหมือนอุ้มเด็กอนุบาล พระรามร้องเหวอเมื่อขายาวเดินเข้าทะเล

         

“ไม่เอาน่า ติม อย่าแกล้งพี่” เสียงทุ้มใสเริ่มสั่นเมื่อเริ่มเข้ามาลึก ไม่ใช่ว่าเขาว่ายน้ำไม่เป็น แต่ว่ายน้ำไม่แข็ง แขนผอมเกร็งกอดไหล่กว้างแน่นไม่ปล่อย

           

แต่สุดท้ายไปไม่ลึกเท่าไหร่ ไอติมก็หยุดนิ่งอยู่แบบนั้นและค่อยๆ ลดตัวพระรามลงให้ใบหน้าตรงกัน “ทำแบบนี้ รามจะได้หนีไปไหนไม่ได้ไง”

           

ริมฝีปากหยักจู่โจมทันใด โดยที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวคิดว่าหนีไปไหนไม่ได้หมายความว่าอย่างไร ลิ้นร้อนก็แทรกเข้ามากวาดต้อนให้เหนื่อยหอบ คลื่นที่สาดซัดให้ทั้งสองเคลื่อนไหวไปตามแรงน้ำไม่อาจห้ามความรู้สึกรักหมดใจของทั้งสองได้ มือเรียวเกาะเกี่ยวไหล่แกร่ง เอียงคอรับการฉกจูบรุนแรงไม่อาจถอยหนี

         

“แฮ่ก...อือ...อืม”

           

แค่ลิ้นก็ทำให้เสียววูบวาบไปทั้งกาย ยิ่งกายแกร่งบดเบียดเข้ามาก็ยิ่งทำให้สะดุ้งเฮือกๆ จนในที่สุดร่างสูงก็ยอมผละออก แต่ไม่หยุดคลอเคลีย

           

“แค่นี้พี่ก็ไปไหนไม่รอดแล้วนะ” น้ำเสียงทุ้มใสเจือหอบสั่น จมูกโด่งยังไล้ข้างแก้ม จังหวะการหายใจทำให้รู้เลยว่าไอติมยังไม่พอ “แค่ลีลาของนายพี่ก็ไปไหนไม่รอดแล้ว”

           

ไอติมยิ้มร้ายเจ้าเล่ห์ “บอกแล้วไงว่าคนสำส่อนอย่างผมจะทำให้รามติดใจได้”

         

 แก้มขาวแดงปลั่ง ปรือตารับจูบเค็มเพราะน้ำทะเล แลกน้ำลายจนอ่อนแรง “ติม พี่ไม่ไหวแล้ว”

           

ถ้าจะทำอะไรแบบนี้ ก็ไปทำบนเตียงได้ไหม “กลางแจ้งแบบนี้ มันน่าอายนะ”

           

“ไม่เห็นเป็นไรเลย ไม่มีใครตื่นเช้าเท่ารามอีกแล้ว” ดวงตาคมกริบจ้องมองทั่วใบหน้าขาวใส ดวงตาเรียวตี่ที่เขาเคยว่าหน้าจืด แต่ตอนนี้กลับทำให้เขาชอบมาก ริมฝีปากบางนี่ด้วย

           

“มองอะไรเล่า” พระรามอุบอิบ หยุดลวนลามเขาทางสายตาเสียที

   

“หึหึ ก็แค่กำลังคิดว่าทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณแม่...ที่ทำให้เราสองคนมาเจอกัน”

           

“ติม”

           

“ขอบคุณที่ทำให้ผมเจอราม...”

           

รามยิ้มกว้าง ดีใจที่สุดในชีวิต ติมกำลังขอบคุณที่ได้เจอเขา...นี่แปลว่ายินดีใช่หรือไม่

           

“พี่ก็ดีใจที่ได้เจอติม”

           

รอยยิ้มน่ารักของราม เป็นของเขาเพียงคนเดียว

           

จังหวะของหัวใจทั้งสองคน เต้นตรงกันแล้ว

         

“ถ้างั้นแสดงความดีใจให้ดูหน่อยสิ” งูเห่าเจ้าเล่ห์พูดตักตวงอีกครั้ง ยื่นริมฝีปากเข้าใกล้แต่ไม่ละลาบละล้วง ร่างโปร่งหน้าแดงเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร

         

แน่นอนว่าใครจะไปขัดได้ ก็ต้องมอบให้อยู่แล้ว...ทั้งกายและใจเลย

           

“เฮ้ยๆๆ! ไอ้สองคนนั้น จะทำอะไรแต่เช้าตรู่วะนะ เล่นเสียวกันในน้ำเหรอ!?” พระรามหันขวับตาโต หน้าร้อนผะผ่าว    นั่นไง ไม่ทันขาดคำ มีคนเห็นเข้าแล้ว! ซ้ำยังเป็นไอ้ดินด้วย...ดินรู้โลกรู้!

           

คนหน้าด้านหัวเราะขำในลำคอเหมือนรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

           

นี่ตั้งใจสินะ! ฮึ่ม!!

           

“ติม ปล่อยพี่” ร่างโปร่งบอกร้อนรน ผลักไหล่กว้างใบหูแดงก่ำ

           

“เดี๋ยวจมนะ”

           

“งั้นก็เอาพี่ขึ้นฝั่งสิ!”

           

“ขึ้นฝั่งแล้วไม่อายเพื่อนเหรอ ตรงนี้แข็งแล้วนี่”

           

“ก็เพราะใครกันเล่า ปล่อยพี่เลยนะ! ไอ้คนบ้า หื่นกาม!” กำปั้นเล็กทุบตุ้บตั้บบนไหล่แกร่งทั้งสองข้างแต่ไอติมไม่สะทกสะท้าน ซ้ำยังหัวเราะร่าเสียอีก

           

มือใหญ่เคลื่อนไหวใต้น้ำล้วงผลุบเข้ากางเกงและกอบกุมแก่นกายให้ร่างโปร่งกัดปากตัวงอ “อ๊ะ ฮือ” คนหื่นกามมันเอาอีกแล้ว

           

“เอาออกก่อนนะแล้วค่อยขึ้น” แน่นอนว่าไม่ได้ขึ้นไปไหน ไปต่อบนเตียงไง ไอติมเลียปากแผล่บ วันนี้มีแพลนแล้ว แมวตัวนี้เสร็จเขาแน่

           

มือทั้งสองข้างจิกเกร็ง กอดคอซบไหล่ พระรามลืมสิ้นทุกสิ่งอย่าง สะโพกเล็กโยกรับความรู้สึกดี จากเอ่ยห้ามเปลี่ยนเป็นครางดังให้เสียงคลื่นของทะเลกลืนกิน

           

เขาจะไปห้ามได้ยังไงเล่า...ไม่เคยห้ามได้อยู่แล้ว

           

ปล่อยตัวปล่อยใจให้แค่เพียงคนเดียว

   

รักนายที่สุด ไอติมของพี่





-THE END-





********************* Love Substitute *********************

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep33 (จบแล้ว) 21/08/2019
«ตอบ #74 เมื่อ21-08-2019 21:10:15 »


สปอยล์ตอนพิเศษที่มีแต่ในเล่มเท่านั้น
ทั้งหมด 7 ตอน

Special EP 1

ฝันร้าย



"ราม วันนี้เดี๋ยวพี่ไปส่งนะ"



"เอ๊ะ ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวติม..."



"อ่า วันนี้ติมอาจจะไม่มานะ" รุ่นพี่เกาหน้าทำหน้าลำบากใจ คำพูดนั้นทำให้พระรามล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาดู ไม่เห็นมีข้อความหรือสายโทรเข้ามาเลย



"พี่อิฐรู้ได้ยังไงครับ" เสียงทุ้มใสสงสัยมาก ทำให้คนตอบอึกอักอีกครั้ง เวลาตอบก็ไม่มองหน้าหรือสบตา



"ติมเขาคงต้องไปหา...อ่า ไปทำธุระกับพ่อน่ะ"



"เหรอครับ" พระรามพยักหน้าไม่ได้คิดมากอะไร แม้จะติดสงสัยเรื่องคำพูดอ้ำๆ อึ้งๆ มาก แต่ร่างโปร่งก็ก้มหยิบกระเป๋าแล้วกำลังจะออกจากห้องทำงานของอิฐ "งั้นเดี๋ยวผมกลับเองก็ได้ จะได้ไม่ลำบากพี่อิฐ"



เพราะจำได้ว่าบ้านกับคอนโดของติมมันอยู่คนละทางกันเลย ติมเคยเล่าให้ฟัง...เขาไม่เคยไปหรอก



"ไม่ๆ ไม่ลำบากเลย เดี๋ยวพี่จะไปส่งนะ"



ใบหน้ามนหันมองแล้วขมวดคิ้ว "วันนี้พี่อิฐแปลกจังครับ"



คนโดนว่าแปลก กลอกตาล่อกแล่กแทบไปไม่ถูก "อ่า ก็ติมมันฝากให้พี่ไปส่ง ถ้าพี่ไม่ไปพี่โดนด่ายับสิ"



นี่เขาแสดงพิรุธมากไปเหรอ



พระรามหัวเราะน้อยๆ นี่พี่อิฐจะเป็นเชื่อฟังน้องชายมากเกินไปรึเปล่า "ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวผมบอกเขาเอง ไปนะครับ"



"เฮ้ย เดี๋ยวสิ...ตายๆ ตายแน่...ราม รอพี่ด้วย!"



เสียงเรียกชื่อแว่วออกมาจากในห้อง ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าก้องทางเดิน



"อย่าไปทางนั้น..." คนเป็นหมอที่เพิ่งถอดเสื้อกาวน์แขวนไว้ในห้องรีบวิ่งออกมาตามแต่ร่างโปร่งยืนอยู่ตรงนั้น ดูไปไม่ได้ยืนรอเขา แต่ยืนมองอะไรสักอย่างตาค้าง



ไอติมกำลังเปิดประตูรถให้กับหญิงสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง เสื้อผ้าหน้าผมเหมาะสมและสะสวยจนผู้ชายหลายคนมองตาม ซึ่งเธอก็ยิ้มหัวเราะไหว้ขอบคุณก่อนจะก้าวขึ้นรถไป ร่างสูงหันกลับมาคุยกับอรรถสิทธิ์ที่ยืนอยู่ไม่ห่างสักพัก ก่อนจะเดินอ้อมไปเปิดประตูรถขึ้นนั่งประจำที่ รถสปอร์ตแล่นออกไปแต่ใครบางคนยังมองตาม



'เดี๋ยวพี่ไปส่ง'



ทุกคนต่างกีดกันเขา...ทั้งอาอรรถ ทั้งพี่อิฐ อยากให้ติมไปส่งผู้หญิงคนนั้น คนที่กำลังจะมาเป็นคู่หมั้นของติม คนที่กำลังจะมาเป็นครอบครัวเดียวกัน...ที่ไม่ใช่เขา



อยากจะให้เขาเลิกยุ่งกับติมทำไมไม่บอกกันตรงๆ ...ไล่กันตรงๆ ยังจะง่ายเสียกว่าให้ใครมาแทนที่เขา



'ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง'



ถึงจะรู้แบบนั้น แต่ทำไมถึงเจ็บเหลือเกิน



นี่เขายังเชื่อใจติมได้ใช่มั้ย



‘ให้โอกาสผมเถอะนะ’



โอกาสที่ไอติมขอเขา...ยังอยากได้อยู่ใช่มั้ย



มือยกขึ้นจับที่หน้าอก น้ำบางอย่างที่หยดใส่มือและแขนทำให้รู้ว่าตัวเองกำลังร้องไห้



...เจ็บ...เจ็บ...



ความจริงกับความฝัน...ไม่ว่าจะโลกไหนเขาก็ไม่มีวันได้มีความสุข







Special EP 2

แฟน รัก หวง



"มาแล้วครับ โซดาสาม น้ำแข็งเปล่าสาม ขอโทษที่ให้รอนาน"



"รอไม่นานเลยครับ" เดือนตอบยิ้มแป้น ซ้ำยังช่วยเอาของบนถาดลงวางบนโต๊ะผิดหน้าที่ลูกค้าจนพนักงานชายกระพริบตาปริบ เผลอสัมผัสมือเรียวที่ขาวเนียนเล็กน้อยและส่งสายตาอย่างสื่อความหมาย



"อ๊ะ..." แต่แน่นอนคนอย่างร่างโปร่งที่ไม่คิดว่าจะมีใครมาสนใจตนไม่รู้เรื่องแม้แต่นิด กลับก้มหัวขอโทษขอโพยกลับคืนเมื่อคิดว่าตนเป็นคนสัมผัสมืออีกฝ่ายเสียเอง



หมับ!



"เดี๋ยว"



ครั้นกำลังจะหันหลังเดินออกไปทำหน้าที่ต่อเพราะคืนนี้ยังอีกยาวไกล กลับโดนจับมือไว้แน่น...คราวนี้เดือนจงใจอย่างแรง ซ้ำยังยึดกุมมือเรียวเอาไว้ไม่ให้พนักงานเสิร์ฟยื้อกลับ



"เอ่อ คือ...ช่วยปล่อยมือผมด้วยครับ"



"เดี๋ยวสิ พี่แค่อยากให้น้องนั่งดื่มกับพวกพี่หน่อย...ได้มั้ยครับ" เขาว่ากันว่าพูดเพราะๆ แล้วส่งสายตาอ้อนนี่มักจะเสร็จทุกราย แต่อีกฝ่ายส่งสายตางุนงง ขมวดคิ้วกลับมาแทน



"น้อง...?" ริมฝีปากบางพึมพำเบา ก่อนจะแย้มยิ้ม "ผมทำงานอยู่ คงไม่ได้หรอก"



"งั้นไม่เป็นไร ขอเบอร์มือถือของน้องหน่อยได้ไหม" เดือนไม่ยอมแพ้ ถูกปฏิเสธมาก็รุกต่ออย่างรวดเร็ว ซ้ำยังได้ยินเพื่อนพึมพำตามหลังมาว่าหน้าด้านชิบหาย



คำนั้นเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เดือนรักษายิ้มเอาไว้ได้...เขาถือคติด้านได้อายอดเฟ้ย



"ไม่ได้" เสียงทุ้มตอบ กลับไม่ใช่เสียงของร่างโปร่ง แต่มันดังขึ้นจากด้านหลังแทน ปรากฏร่างสูงที่ทำหน้าเครียดขึงน่ากลัว ดวงตาเรียวเบิกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเซเมื่อถูกแขนแกร่งโอบเอวบางและดึงให้ห่างจากเดือนจนข้อมือหลุดออกจากการกอบกุม



"เฮ้ย นี่นายเป็นใคร...!" เดือนส่งเสียงเตรียมหาเรื่องแต่พอเห็นชัดว่าเป็นใครก็ตาถลน "พี่ไอติม!?"



สงสัยเกียรติศักดิ์เรียงนามจะโด่งดังทั่วมหาลัย ทันทีที่เดือนเรียกชื่อ เพื่อนที่นั่งร่วมโต๊ะหลายสิบคนก็หันขวับ ลุกขึ้นก้มหัวทักทายเสียงดังระงม



"เออ กูเอง" ไอติมตอบเสียงเรียบ กระชับคนในอ้อมกอดแน่นขึ้น ดวงตาคมกริบไร้ความปราณี



"นี่พี่...กับ...เอ่อ..." เดือนกลืนน้ำลาย มองสลับกับร่างโปร่งที่เกาแก้มยิ้มแห้งแต่ไม่ขัดขืนอ้อมอกกว้างเหมือนกับตอนที่เขาจับมือสักนิด



"นี่แฟนกู ชื่อพระราม...แล้วเขาก็เป็นพี่มึงด้วย อยู่อักษรปีสี่ ไม่ใช่น้องหรือเด็กมัธยมอะไรที่พวกมึงนินทาทั้งนั้น"



ทั้งเดือนและเพื่อนอีกสองคนหน้าซีดทันใด...ดันซวยเพราะคนได้ยินคือพี่ติมสุดโหดซะนี่!



"ขอโทษครับ!"



"คราวหลังจะพูดอะไร ก็อย่าล่วงเกินนัก เพราะเดี๋ยวพวกมึงจะได้ชิมรสตีนกู"



"ขอโทษคร้าบ!!"





Special EP 3

พระรามกับของมึนเมา

   

"ไม่เคยดื่มไม่ใช่เหรอ"



"เคยแล้ว ไม่อร่อย" ใบหน้ามนส่ายอีก ยิ่งหันหน้าหนีแก้วบรรจุสีน้ำอำพันที่เข้าใกล้ ก็เมื่อก่อนตอนที่ดินกับสินชอบชวนไปครั้งแรกๆ นั่นน่ะ เพียงแค่จิบเท่านั้นเขาก็เข็ดเลย...กินเข้าไปได้ไง ขมคอจะตาย



"งั้นก็สั่งน้ำผลไม้ที่มีแอลกอฮอล์ผสมหน่อยๆ ก็ได้"



ดวงตาเรียวโตขึ้นเล็กน้อยอย่างสนใจ "มีเหรอ"

   

“อืม ลองมั้ย”

   

“ก็ได้”

   

ร่างสูงไม่รอช้า ยกมือเรียกพนักงานสั่งเครื่องดื่มไป ไม่นานก็นำมาเสิร์ฟ เป็นแก้วบรรจุน้ำสีสวยน่ากินมากกว่าเหล้าสีเหลืองเป็นไหนๆ

   

จมูกเล็กดมฟุดฟิด ก่อนจะอมยิ้ม "หอม"

   

"กินสิ ถ้าชอบเดี๋ยวสั่งอีก"

   

"แพงไหมน่ะ"

   

"ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกน่า" ไอติมนวดคลึงเอวผอม เสียงทุ้มกระซิบพร่า มองริมฝีปากบางจรดริมแก้วและน้ำสีสวยค่อยๆ ไหลเข้าลำคอ...แม้แอลกอฮอล์จะไม่เยอะ แต่เขาก็อยากเห็นว่าพระรามตอนเมาเป็นยังไง

   

ราวกับที่นี้มีอยู่กันสองคน

   

"อื้ม หอม อร่อยดี" พระรามเลียปากถูกใจ ยกขึ้นจิบแล้วจิบอีกจนหมดแก้ว อร่อยจนไม่อยากจะเชื่อว่ามีแอลกอฮอล์ผสมอยู่

   

ไอติมก็ทำหน้าที่ดีเหลือเกิน สั่งแก้วแล้วแก้วเล่ามาให้ทันทีที่หมด หลังจากนั้นทั้งโต๊ะก็ดื่มด่ำกับบรรยากาศจนกระทั่งร่างโปร่งเริ่มออกอาการที่แก้วที่สี่

   

โดยเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซนต์

   

"ไหวมั้ยราม" ร่างสูงหลุดหัวเราะ แปลกใจมากที่คนในอ้อมแขนโงนเงน...ไม่รู้มาก่อนว่าร่างโปร่งจะคออ่อนขนาดนี้

   

"อื้ม...ครับ" ใบหน้ามนพยักหงึกหงัก

   

"เมาแล้วนะ" ใบหน้าหล่อเหลากระซิบชิดใกล้ ดวงตาประกายเอ็นดูขำจนสาวๆ ในอ้อมกอดคนบนโต๊ะมองอิจฉา เจ้าตัวส่ายหน้าจนตัวสั่น มือจับแก้วไม่นิ่งจนต้องช่วยประคองเอามาวางบนโต๊ะ

   

"เหะๆ ไม่เมานะ" แมวเกาแก้มหัวเราะ ปากเล็กขมุบขมิบใกล้ใบหน้าคม ได้กลิ่นลมหายใจเจือจางกลิ่นผลไม้หอมจนติมอยากจะลอง 'ชิม' บ้างเลย

   

"ไม่เมาเหรอเนี่ย"

   

"ก็บอกว่า อึ๊ก! ...ไม่มาวไงครับ" เจ้าตัวปฏิเสธเสียงแข็งหน้าบึ้งตึง คนทั้งโต๊ะหัวเราะจนติมเพิ่งรู้สึกตัวว่าไม่ได้อยู่กันสองคน คนที่อายุมากสุดแต่ดูเหมือนจะคออ่อนที่สุด รู้สึกหัวหมุนติ้วจนนั่งไม่ตรง พิงอกแกร่งทั้งกาย ร่างสูงก็โอบกอดอย่างเต็มใจ ซ้ำยังเลิกดื่มทันทีที่เห็นพระรามเป็นแบบนี้ เดี๋ยวจะไม่มีใครดูแลใครกันพอดี

   

ดูท่าทางเจ้าตัวก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเมาง่ายเสียยิ่งกว่าอะไร ดื่มน้ำผลไม้ที่ผสมเพียงน้อยนิดแค่สามแก้วก็พูดไม่รู้เรื่องแล้ว

   

“ไม่เอาครับ รามเมาแล้ว” แขนยาวจับแก้วสีสวยออกห่างเมื่อพระรามจะจับคว้าขึ้นมาดื่มอีก ไอติมยืดสุดแขน คนในแขนก็คว้าตาม จมูกเล็กหอมเข้าข้างแก้มหลายต่อหลายครั้งเพราะเสียการทรงตัว...งูเห่าได้ฉวยโอกาสอย่างเต็มที่

   

“พี่เอาอีก ยังไม่เมา ฮือ...” ร่างโปร่งยู่ปากเมื่อคนรักไม่ตามใจก่อนจะพูดเสียงอ้อน “นะนะ อร่อย...อีกนิดนะครับ”

   

“แก้วนี้พอแล้วนะ”

   

พระรามยิ้มรับพร้อมหัวเราะแหะๆ ไม่ตอบอะไร แปลว่าไม่ตกลง

   

“งั้นไม่ต้องกิน”



“แก้วนี้ๆ” เสียงทุ้มใสตอบทันใด ร่างสูงถอนใจยอมยื่นให้แต่โดยดี มือเรียวสองข้างประคองแนบแน่นจิบน้ำหอมหวานเข้าปากทีละนิดราวกับกลัวจะหมดด้วยหน้าแดงตาปรือ





Special EP 4

แมวยั่ว Part I แมวเหมียว

   

"เซ็กส์ทอย" ไอติมพูดทวน เลิกคิ้วมองหน้าเพื่อนสนิทที่อยู่ๆ มากระซิบเสนอของให้เขาเพราะมันบอกว่าจะไปญี่ปุ่น "ยาปลุก?"

   

"เออ ลองป่ะ"

   

"ไม่เห็นจำเป็น" ร่างสูงพูดไม่ยี่หระ กระดกแก้วเหล้าซดน้ำสีอำพันให้ไหลลงลำคอ ไม่จำเป็นต้องใช้ของพวกนั้น พระรามก็อยากได้ของเขาตลอดเวลาอยู่แล้ว

   

"กูรู้ว่ามึงลีลาดี แต่นี่เพื่อสร้างอารมณ์ไง เฮ้ย...สนใจหน่อยดิเว้ย" ธารลากคอเขาไปฟังและกระซิบอีก "ได้ยินว่ามีของเล่นเหมือนหางแมวด้วยนะเว้ยแบบคล้ายๆ ดิลโด้สอดเข้าไปตรงนั้น หูแมว มือแมว ไม่อยากได้เหรอวะ อยากเห็นพระรามใส่เปล่า"

   

ไอ้เพื่อนเวรโฆษณาอย่างกับเป็นเซลล์ขายของยังไงยังงั้น ถึงขยันบอกข้อดีชวนเขาซื้อจังเลย

   

หางแมวเหรอ

   

ในหัวจินตนาการไปไกล ร่างขาวเปลือยเปล่าสวมหูแมวกับหางแมว คลานมาหาเขาแล้วร้องเหมียวๆ เวลาหิวนม

   

"เฮ้ย กำเดาไหล" ธารโวย ทำเอาเขาต้องปาดจมูก "ไอ้ห่าเอ๊ย ออกหน้าออกตามาก บอกไม่สนใจแต่ก็นึกภาพเหมือนกันนี่หว่าไอ้หื่น"

   

"เออ มึงไปซื้อมา เอาอย่างอื่นมาด้วย" ไอติมว่าเสียงนิ่ง เริ่มสนใจขึ้นมาซะงั้น

   

"ยาปลุกด้วยป่ะ แค่นิดเดียวก็ร้องขอตลอดคืนเลยนะเว้ย"

   

เขานิ่งคิดและพยักหน้า "เอามาด้วย"

   

"จัดไป" ธารรับคำ เห็นเพื่อนเก๊กนิ่งแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้...มันทำเหมือนของที่เขาเสนอไม่ค่อยน่าสนใจ

   

"แล้วของ...จะได้เมื่อไหร่" แต่พอมันถามออกมาแบบนั้นออกมาสายธารก็ระเบิดหัวเราะทันที



แหม ที่แท้ก็อยากเห็นแมวเหมียวเหมือนกันนี่หว่า...ไอ้คนหลงเมียเอ๊ย





Special EP 5

แมวยั่ว Part II ครั้งแรกกับผู้หญิง



"ติม ติมครับ" เสียงทุ้มใสร้องเรียก ชัดเจนในโสตประสาท คนหลับแกล้งหลับกัดฟันอดทน ความนุ่มอุ่นที่โอบกอดร่างกายเขาแล้วค่อยๆ พยุงจนถึงเตียงนอนในห้อง พอรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายจะผละออก แขนแกร่งก็รีบตวัดกายบางเข้ากอด พลันลืมตาไร้ความเมาและความง่วงงุนให้คนในอ้อมแขนตาโต

   

"ติม ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่"

   

"ตื่นนานแล้ว" จมูกโด่งหอมฟอดแก้มขาวซ้ายขวาและไล้ลงซอกคอขบเม้มจนพระรามวาบหวิวร้องอืออา...ขาดมาเป็นอาทิตย์ใช่ว่าเจ้าตัวไม่ต้องการ ที่ทำไปทั้งหมดแค่อยากลงโทษคนหื่นกามก็แค่นั้นเอง

   

"นี่แกล้งพี่อีกแล้วเหรอ"

   

"ไม่ได้แกล้ง ก็แค่อยากอ้อนเมีย...ได้มั้ยล่ะครับ"



คนเป็นเมียแก้มแดง "พูดจาทะลึ่ง" ทุบอกหนาดังปั้ก

   

"พี่โกรธนะ"

   

"ไหนบอกไม่ได้โกรธไง"

   

ใบหูเล็กแดงก่ำ นี่แสดงว่าได้ยินหมดเลยใช่ไหม "ตอนนี้โกรธแล้ว"

   

"แล้วทำยังไงถึงจะหาย" ร่างสูงตวัดคนตัวเบาให้นอนหงายแล้วคร่อมทับ จับขาเรียวอ้าออกและแทรกกายเข้าตรงกลางแทน "ง้อแบบเดิมแล้วจะหายมั้ย"

   

"มะ ไม่หาย อ๊ะ...อือ คนเอาแต่ใจ"

   

"ก็รามไม่รู้ว่าผมรู้สึกดีแค่ไหน ตอนเข้าไปข้างใน"

   

"..."

   

ในหัวคนหื่นกามหมุนเร็วจี๋ ทำอย่างไรเขาถึงจะได้อีกฝ่ายในวันนี้ ไม่อยากจะผลัดมันไปอีกแล้ว เขาทนไม่ไหวแล้ว "อยากรู้มั้ยว่าเวลาเป็นฝ่ายทำรู้สึกยังไง หืม รามอยากรู้มั้ย" จมูกโด่งไล้ซอกคอ ถามจู่โจมคนอ่อนแรง

   

"มะ ไม่รู้"

   

"แล้วอยากรู้มั้ย" ดวงตาสีน้ำตาลเข้มสั่นไหวรุนแรง เม้มปากแน่น "ถ้ารามรู้แล้วจะเข้าใจผม"

   

"..."

   

"ผมมีวิธี"



   

"ติม ไม่เอาแบบนี้ ฮือ พี่อาย" ร่างโปร่งตัวขาวจั๊วะเปลือยกายล่อนจ้อนบนเตียงใหญ่ ถูกจับให้หันเข้ากับตุ๊กตายางที่มีเพียงแค่ส่วนล่างคือก้น ทำได้เหมือนจริงมาก นุ่มนิ่มเหมือนคนจริงๆ เพียงแค่อุณหภูมิเย็นชืดที่ไม่เหมือนผิวกายของมนุษย์เท่านั้น

   

'ผมแค่อยากให้รู้ว่าเวลาเข้าไปรู้สึกยังไง ดีแค่ไหน รามจะได้ไม่ห้ามผมอีกไง ไม่รู้หรือว่าผมเก็บกดขนาดไหนที่ไม่ได้มีเซ็กส์กับรามตั้งหนึ่งอาทิตย์'



หื่นกามที่สุด!

   

"เอาเถอะน่า ลองดู ผมอยากเห็นด้วย" ร่างสูงคุกเข่าซ้อนหลัง จับขาเรียวที่หุบเข้าแหกกว้าง บีบแก้มก้นเล็กแรงๆ ก่อนจะอ้อมไปด้านหน้ารูดรั้งแก่นกายเล็กพร้อมรบ "แข็งแล้วนี่ สอดเข้าไปเลย"

   

"ฮึก...ไม่เอา ไม่เอา" พระรามส่ายหน้าน้ำตาคลอ แต่กลับไม่อาจต้านทานเสียงทุ้มกระซิบข้างหูและการชักนำของร่างกาย มือใหญ่จัดแจงให้ร่างโปร่งคุกเข่าคร่อมและจับแก่นกายเล็กจ่อที่ปากทางของตุ๊กตายาง

   

"สอดเข้าไปสิ เร็ว" ริมฝีปากคมหยักยิ้มกระซิบข้างหูเล็กอีกครั้ง เป่าหูให้ต้องมนต์ สะโพกเล็กดันแก่นกายตนสอดเข้าช่องแคบ ทันใดนั้นก็เกร็งร่างสูดปากเสียงดัง

   

"เสียวล่ะสิ ดีใช่มั้ย...เข้าไปให้สุดเลย แล้วขยับสะโพก แบบนั้น...แบบนั้นแหละ" ไอติมยิ้มร้าย มองก้นขาวขยับตามคำสั่ง เสียงทุ้มใสครางเครือร้องว่าเสียวๆ เหม่อลอย พระรามใช้ศอกค้ำเตียงขยับสะโพกกระแทกเข้าออก ยิ่งเสียวส่วนปลายยิ่งโยกแรงและจิกทึ้งผ้าปูทนไม่ไหว

   

"อ๊ะ อ๊า...!"

   

ความรู้สึกหฤหรรษ์แบบใหม่ที่ไม่เคยได้รับมาก่อนทำให้ในหูอื้ออึง คิดอะไรไม่ออก ทั้งๆ ที่รู้ว่ามีใครจ้องมองอยู่แต่ก็หยุดขยับสะโพกไม่ได้เลย อยากเข้าไปลึกๆ ที่ๆ แน่นที่สุด ตอดรัดที่สุด ทำให้เขารู้สึกดีที่สุด

   

"รู้สึกดีใช่มั้ย ราม" มัจจุราชตัวร้ายกระซิบข้างหู ทำให้พระรามเงยหน้ามองเหม่อลอย หอบหายใจแฮ่กๆ รุนแรง แต่สะโพกยังขยับบดแก่นกายตนเข้าร่องแคบ

   

"อื้ม อือ...ดี ซี้ด" ศีรษะทุยพยักระรัวสูดปาก ยิ่งสบดวงตาคมกริบ ยิ่งทำให้รู้สึกวาบหวิว ใบหน้ามนยื่นเข้าใกล้ ก่อนที่ริมฝีปากบางจะอ้าออก ยื่นลิ้นแดงวอนขอริมฝีปากหยักที่อยากได้ "จูบพี่หน่อย...นะครับ พี่ไม่ไหว อื้อ..."



"ยั่วนักนะ"





Special EP 6

จากลา รอคอย



"ยินดีด้วยสำหรับบัณฑิตทุกท่าน..."

   

"มา ติม มาถ่ายรูปกันนะ" อยากจะบันทึกความทรงจำในเวลานี้กับคนสำคัญเพียงคนเดียวที่ยังเหลืออยู่ เสียงทุ้มใสชวนไอติมที่พยักหน้ารับทันที

   

"กำลังจะบอกเลย" ใบหน้าหล่อเหลายิ้ม ควักมือถือขึ้นมา ส่งช่อดอกไม้ให้รามถือประดับ ทั้งคู่ขยับเข้ามาใหล้กัน แขนแกร่งโอบไหล่บางแนบชิดจนแก้มใสแดงเรื่อ พระรามมองกล้องและยิ้มกว้าง หัวใจพองโตด้วยความสุข ก่อนที่ร่างสูงจะนับ "หนึ่ง สอง...จุ๊บ!"

   

ภาพที่ได้ออกมาคือเดือนคณะนิติศาสตร์หอมแก้มพระรามที่ทำตาโตตกใจได้น่ารักที่สุด

   

"คนหน้าไม่อาย" มือเรียวยกขึ้นลูบแก้มเบาๆ ก้มหน้างุดซ่อนหนังหน้าที่ร้อนผ่าวเหมือนใครเอาเหล็กรอนมาแนบ แอบกลอกตามองรอบข้างแต่ก็ถอนหายใจโล่งอกเมื่อไม่มีใครสังเกต

   

คนโดนว่าหัวเราะในลำคอ มองภาพในมือถือตนและอมยิ้ม...ชอบมาก

   

"เดี๋ยวผมจะไปอัดรูปนี้ใส่กรอปวางไว้ในห้องนอนของเรา"

   

"..."

   

"เวลารามไม่อยู่ ผมจะได้มองภาพนี้และนึกถึงเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน"

   

"ติม" ใบหน้ามนบิดเบี้ยว น้ำตาคลอหน่วย

   

"ผมจะรอรามกลับมานะ...อีกสองปี"

   

ทั้งสองคนโผเข้าหาและโอบกอดกันแนบแน่น ร่างสูงก้มลงสูดดมกลิ่นหอมที่ลาดไหล่บาง ความทรงจำที่ผ่านมาในอดีตแม้เพียงไม่นานแต่ก็มีคุณค่าและเป็นบทเรียนอย่างดี

   

พระรามคนนี้ที่รักเขา เสียใจและเจ็บปวด ร้องไห้ตัดพ้อ...มีความสุขด้วยรอยยิ้ม ทั้งหมดของการกระทำมีเหตุผลเพียงข้อเดียวคือตัวเขา

   

และตอนนี้อีกฝ่ายไม่เหลือใครอีกแล้ว

   

"ผมจะไม่มีวันทำให้พี่ร้องไห้อีก...ไม่มีวัน"



พระรามจะต้องเสียน้ำตาอีกครั้ง จะต้องมีเพียงเรื่องเดียวคือตอนที่เขาตายจากโลกนี้ไป



.

.

   

"ได้เวลาแล้วไม่ใช่เหรอ" สินพูดขึ้นทำให้พระรามที่มองร่างสูงตาละห้อยยกนาฬิกาขึ้นดู

   

"จริงด้วย" เสียงทุ้มใสว่าอย่างแผ่วเบา

   

...ถึงเวลาแล้ว...

   

ผู้คนรอบข้างค่อยๆ ทยอยกันขึ้นเครื่อง ราวกับภาพสโลวโมชั่น เดินผ่านร่างโปร่งที่ยังยืนนิ่ง ดวงตาสีน้ำตาลสองเฉดสบกันแบบนั้นไม่พูดอะไร จนเพื่อนๆ ต่างมองหน้ากันและโบกมือลาเพื่อให้ความเป็นส่วนตัว

   

"ติม พี่...พี่ไปแล้วนะ" เสียงทุ้มใสพยายามเค้นออกมาอย่างยากลำบาก กลืนน้ำลายกลั้นน้ำตาสุดฤทธิ์ เมื่อคืนคิดว่าร้องมาจนพอแล้ว แต่เวลานี้กลับรู้เลยว่ามันไม่พอ "รักษาตัวด้วยนะ ฝากสวัสดีอาอรรถกับพี่อิฐด้วย ขอให้ทั้งคู่ร่างกายแข็งแรง"

   

แม้จะเคยเอ่ยขอบคุณไปแล้วเพราะทั้งคู่ก็เป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเขาขึ้นมาจากความตาย แต่พระรามก็ยังคงติดหนี้ครอบครัวนี้อย่างมากมายนัก...ครอบครัวของแม่

   

ร่างโปร่งอึกอัก เขาไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว เมื่อคืนก็พูดออกไปหมดแล้ว...ฟันขาวขบกัดริมฝีปากปากก่อนจะค่อยๆ ฝืนหมุนตัวหันหลังอย่างยากลำบาก ลากกระเป๋าเดินทางมาเรื่อยๆ ...เรื่อยๆ โดยไม่มีเสียงเรียกรั้งเอาไว้

   

เมื่อคืนก็คุยกันมากพอแล้วนี่ กอดกัน จูบกัน มันควรจะพอเพียงเท่านี้

   

"นี่ครับ" พระรามยื่นตั๋วให้ตรวจ ก้มหน้างุดกลัวพนักงานจะเห็นน้ำตาที่คลอหน่วย

   

"เรียบร้อยค่ะ"

   

"ขอบคุณครับ" มือเรียวกระชับที่จับกระเป๋าในมือแน่น ใบหน้ามนมองตรงไปข้างหน้า

   

...อย่าหันกลับไปมองเชียว...



"ราม"

   

ขาเรียวชะงัก ทั้งๆ ที่เสียงทุ้มไม่ได้ดัง เสียงด้านนอกก็จอแจ แต่เขากลับได้ยินชัดเจน

   

"ไม่ต้องร้องไห้"

   

หัวใจบีบอัด น้ำตาที่กลั้นไว้ร่วงหล่น

   

"ห่างกันแค่ซีกโลกเอง คิดถึงก็โทรมาหา ทนไม่ไหวเดี๋ยวผมบินไปก็ได้"

   

"ฮึก..."

   

"ยังไงหัวใจเราก็ยังอยู่ใกล้กันเสมอ"

   

ทนฟังไม่ไหวอีกต่อไป พระรามเดินกลับออกไปไม่ฟังเสียงห้ามของคนยืนเฝ้าประตู ร่างโปร่งโผเข้ากอดเป็นครั้งสุดท้าย แขนแกร่งอ้าตอบรับอย่างเต็มใจ

   

"พี่รักนาย"

   

"ผมก็รักพี่"

   

บอกรักกันและกัน

   

ไม่รู้ว่าทั้งสองกอดกันนานเท่าไหร่ จนเสียงประกาศดังเป็นครั้งสุดท้าย พระรามจึงยอมผละจาก เดินหันหลังไปคราวนี้ไม่เหลียวกลับมาอีก แต่แตกต่างจากก่อนหน้าเพราะใบหน้าของทั้งคู่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

   

เพราะรู้ดีว่านี่ไม่ใช่การจากลาตลอดไป



สองปีหลังจากนี้เราจะได้เจอกัน









Special EP 7

เราสองคน

   

สวบ...

   

ทันทีที่มาถึงห้อง ขายาวก็เดินมาทิ้งตัวนั่งที่โซฟา หัวพิงพนัก ดวงตาเหม่อมองออกนอกหน้าต่างซึ่งท้องฟ้าดำมืดสุดลูกหูลูกตา ดวงจันทร์ส่องสว่างกระทบใบหน้าขาวใส แต่กลับไม่มีดวงดาวสักดวง

   

"เมี้ยว" เสียงร้องของแมวไม่ได้ทำให้เจ้าของห้องสนใจเท่าที่ควร ช่วงนี้ทั้งมันทั้งเขาต่างคนต่างปลอบซึ่งกันและกัน เพราะว่าคิดถึงใครอีกคนไม่ต่างกัน

   

"อุริ" ไอติมเรียกชื่อ เจ้าแมวตัวเท่าฝ่ามือเลยกระโดดแผล็วขึ้นบนตักและเดินเหยียบย่ำมาที่อกแกร่งโดยน้ำหนักเบาหวิวทำให้ติมแทบไม่รู้สึก ลิ้นแมวเลียที่ปลายให้รู้สึกเปียกชื้น จนร่างสูงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงใครบางคน

   

'เดี๋ยวช่วงปิดเทอม ผมไปหานะ'

   

'ไม่ต้องหรอก พี่ยุ่งมาก นายรอพี่กลับไปนะ อีกไม่กี่เดือนเอง'

   

"เมื่อไหร่จะกลับมาซักทีนะ"

   

เสียงทุ้มพร่ำเพ้อ รู้ว่ายังไงพระรามก็ไม่ได้ยิน...

   

'ว่าไงนะ ไหนบอกจะกลับอาทิตย์นี้ไง'

   

'พี่ต้องขอโทษจริงๆ มีเรื่องต้องจัดการนิดหน่อย...'

   

"จะปล่อยให้ผมรอไปถึงเมื่อไหร่"

   

แขนแกร่งยกขึ้นปิดดวงตาที่พร่ามัว...หรือว่ามีแค่เขาที่คิดถึงร่างโปร่งจนจะเป็นบ้าอยู่คนเดียวกันนะ

   

"ราม"

   

อีกแค่หนึ่งสัปดาห์...นับเวลาถอยหลังแบบนี้ไม่เคยหยุดตั้งแต่สองปีที่แล้ว ไม่รู้เลยหรือว่าคนรอแทบขาดใจ

   

...ได้โปรดอย่าให้ผมรอนานไปมากกว่านี้เลย...

   



"เฮ...!"

   

สองปีผ่านไปเหมือนจะไวแต่ก็ช้ามากสำหรับการรอคอย คล้ายกับภาพซ้อนทับ เมื่อสองปีที่แล้วเขาได้เข้ามายินดีและถ่ายรูปกับพระรามที่กลายเป็นบัณฑิต แต่ว่าปีนี้กลับกัน



ทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวันที่เขาเรียนจบ แต่กลับไม่มีอารมณ์จะยินดี

   

ขายาวเดินเลี่ยงออกมาไกล ออกมาจากชุมชนจอแจ ร่างสูงถอดชุดครุยบัณฑิตออกพาดแขน เดินขึ้นตึกมาชั้นสูงสุดที่เป็นดาดฟ้ากว้างกั้นด้วยรั้วสูง หากปีนแล้วตกลงไปสามารถฆ่าตัวตายได้เลย

   

เบื่อหน่าย...อยากกลับคอนโดแล้ว แต่ตอนบ่ายก็มีพิธี ไม่รู้จะไปไหน อยากอยู่คนเดียวเงียบๆ

   

ขนาดอยู่ตรงนี้ยังได้ยินเสียงหัวเราะของความยินดีจากด้านล่างไปทั่ว ก็แน่ล่ะ นักศึกษาเรียนจบ พ่อแม่พี่น้องเพื่อนๆ ก็อยากจะมายินดีเป็นธรรมดา แน่นอนว่าแม้เรื่องครอบครัวเขาจะมีพร้อม แต่ก็ติดงานกันทั้งคู่ ก็เลยไม่ได้มาด้วย

   

มือใหญ่กำเหล็กดัดแน่นจนมันสีกันดังเอี๊ยดเสียดหู "ฮ่า..."

   

ไม่ได้น้อยใจอะไร...ก็แค่...อยากเห็นรอยยิ้มน่ารักนั้นในวันนี้

   

'ยินดีด้วยที่เรียนจบ ตั้งแต่วันนี้ก็เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วสิ'

   

อยากได้ยินเสียงหัวเราะและคำยินดี

   

'พี่รักติม'

   

อยากได้ยินคำว่ารักอีกครั้ง..อีกหลายๆ ครั้ง

   

'รอพี่ด้วยนะ'

   

แล้วไหนบอกว่าให้ผมรอ

   

'อีกแค่ไม่กี่วันเอง'

   

แล้วไหนบอกว่าจะกลับมาไง

   

'พี่ต้องขอโทษจริงๆ'

   

"ถ้าหากนี่เป็นบทลงโทษล่ะก็ ผมเข็ดแล้วนะ"

   

'ถ้าหากนายรอพี่ไม่ได้ บอกพี่ก่อนนะ พี่จะได้ไม่ต้องกลับมา...'



การกระทำของเขายังไม่ชัดเจนพออีกหรือ...ต้องทำยังไงถึงจะได้รับการยกโทษ







+++++++++++++++


สนใจรูปเล่มติดต่อได้ที่ page FB : H.Rui Novels
อีบุ๊คก็มีนะคะ meb,ookbee สามารถเสิร์ชชื่อเรื่องได้เลยค่ะ ^^

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep33 (จบแล้ว) 21/08/2019
«ตอบ #75 เมื่อ27-08-2019 23:33:06 »

 :3123: :pig4: :3123:

ออฟไลน์ Geawgard

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep33 (จบแล้ว) 21/08/2019
«ตอบ #76 เมื่อ21-09-2019 09:17:08 »

จบเเล้วว สงสารพี่พระรามคนดีมากกโดนหนักเหลือเกินเเต่อึดมากเช่นเดียวกันส่วนนังติมอยากให้โดนเอาคืนเยอะๆเลยเเต่ไม่เป็นไรเห็นเค้ารักกันเราก้อชุ่มชื่นหัวใจ แล้วก็ขอบคุนคนแต่งนะคะที่เขียนนิยายสนุกๆให้เราได้อ่าน :pig4: o13

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep33 (จบแล้ว) 21/08/2019
«ตอบ #77 เมื่อ16-04-2020 08:51:54 »

 :pig4:

ออฟไลน์ Musashi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-13
Re: Love Substitute ทดแทนรัก ep10 22/03/2019
«ตอบ #78 เมื่อ28-04-2022 04:55:43 »

 
'แล้วพ่อติดหนี้เสี่ยอยู่เท่าไหร่'



'...สองล้าน'
 
เสี่ยที่ไหนโง่จัง ให้คนไม่มีงานทำ หลักทรัพย์ก็ไม่มียืมเงินตั้ง2ล้าน บ้าไปแล้ว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด