- รักชาชา - A kiss from milk tea : ตอนพิเศษ - Lost Star #2 : page 46 : 30/08/15
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - รักชาชา - A kiss from milk tea : ตอนพิเศษ - Lost Star #2 : page 46 : 30/08/15  (อ่าน 628415 ครั้ง)

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
Re: - รักชาชา - A kiss from milk tea : intro : 040214
«ตอบ #30 เมื่อ05-02-2014 16:46:01 »

เคยชื่อคนแต่งก็รีบเข้ามาเลยค้าาา
ติดตามนะคะ

ออฟไลน์ kyliewonderland

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +565/-4
Re: - รักชาชา - A kiss from milk tea : intro : 040214
«ตอบ #31 เมื่อ05-02-2014 17:46:07 »





ตอนที่ 1: ความรู้สึกของวันนี้






ลมหนาวปีนี้มาเร็วกว่าทุกที แถมมาอย่างถึงอกถึงใจเสียด้วย นักศึกษามากมายงัดเสื้อหนาวตัวใหม่มาอวดกันเต็มไปหมดหลังจากไม่เคยมีโอกาสได้อวดมาเป็นเวลาหลายปี แน่นอนว่าคนอย่างผมเองก็เป็นหนึ่งในคนเกือบทั้งหมดที่ยินดีปรีดาไปกับหน้าหนาว แม้ว่ามันจะทำให้เกิดแรงดึงดูดมหาศาลระหว่างผมกับเตียงนอนก็ตามที

การได้นอนกอดร่างกายอุ่นๆบนเตียงนอนหลังจากคืนอันแสนเร่าร้อนจบลงมันเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจ ผมรู้สึกแบบนั้นเสมอๆเวลาได้หลับนอนกับใครสักคนที่เรารู้สึกรักเขาอย่างแท้จริง แต่กระนั้น...เมื่อเป็นแค่รักข้างเดียว มันก็ทำให้หัวใจอบอุ่นได้แค่ชั่วคราว ผมรู้ดีว่าผมมีชีวิตเหมือนแมวจรจัด ชีวิตแหลกเหลวแบบที่เอากับใครก็ได้ นอนกับใครก็ได้ ผมชอบคนง่าย หลงรักง่ายๆกับแค่เขาทำดีกับผม มันเกิดขึ้นหลังจากความรักครั้งแล้วครั้งเล่าพังลง ดวงตาที่เคยอ่อนโยนก็แข็งกร้าวมากขึ้น ครั้นพอมีใครสักคนเข้ามาทำให้ชีวิตดูมีค่ามากขึ้น คนๆนั้นก็พร้อมจะจากไปตลอดเวลา คล้ายจับต้องไม่ได้ เช่นเดียวกับตอนนี้...

ผมตื่นขึ้นมาตอนที่นาฬิกาที่ผมตั้งไว้เมื่อคืนดังขึ้น ระเบียงกว้างของคอนโดใจกลางเมืองทอดแสงแดดทะลุเข้ามาในห้อง แสงแดดที่สาดเข้ามาทำเอาต้องหยีตาสู่ ผมสะบัดหัวไปมาเบาๆสองสามทีไล่ความง่วงงุน ก่อนคว้าผ้าห่มมาคลุมร่างเปลือยเอาไว้แล้วนั่งชันเข่า ทอดสายตามองใครบางคนที่ยืนชงกาแฟอยู่ แผ่นหลังนั่นที่ผมกอดรัดเอาไว้เกือบทั้งคืน


“อาจารย์ตื่นเช้า" ผมส่งเสียงร้องทักออกไป คนที่ถูกทักเงยหน้าขึ้นมานิดหน่อย ใบหน้าคมได้รูปแบบนั้นทำให้ผมนึกชอบใจเขาตั้งแต่แวบแรกที่เห็นในคลาส อาจารย์กฤตฎ์ตัดผมรองทรงดูสะอาดสะอ้าน ใบหน้าคมมีเคราบ้างประปรายตามประสาครูสอนวิชาสาขาออกแบบที่มีหัวใจรักศิลปะอย่างสุดซึ้ง อาจารย์สูงเกือบร้อยแปดสิบ มีมัดกล้ามขึ้นพองามแบบที่ผู้ชายสุขภาพดีวัยสามสิบต้นๆ เขาชอบสวมเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์เสมอในการยืนสอนหน้าคลาส
“มีสอนคลาสเช้า" กฤตฎ์ หรือ อาจารย์ ตามที่ผมเรียกบอกเรียบๆ "เราก็กลับไปได้แล้ว" เขาบอกเช่นนั้น แบบนี้เสมอแหละ เขาเย็นชาในบางครั้ง แต่ผมก็ชอบเขาจริงๆ
“อืม" ผมไม่รั้นที่จะออดอ้อนอยู่ต่อ ผมไม่ใช่คนประเภทนั้นเท่าไหร่นัก แน่นอนว่าผมโตพอที่จะแยกแยะว่าอะไรควรและไม่ควร แน่นอนไปกว่านั้นคือ...ผมชอบความสัมพันธ์แบบผู้ใหญ่ของเรา

ผมลุกจากเตียงทั้งยังเปลือยเปล่า ไม่ต้องเขินอายเพราะนอนด้วยกันมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ผมเป็นมนุษย์ที่บูชาความรัก แม้ไม่ได้หน้ามืดตามัว แต่ก็ทำให้ชอบคนง่ายอย่างน่าตกใจ ผมชอบทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต และไม่แน่ใจนักว่านั่นหมายความว่าใจง่ายหรือเปล่า ผมใช้ชีวิตเสเพลอยู่สองสามปีจนเจอกฤตฎ์ กฤตฎ์คือคนที่ผมคิดว่าเขาเข้ามาเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตของผม เขาเป็นอาจารย์ที่สอนผมอย่างใจเย็นทั้งๆที่ผมใจร้อน เขาปกป้องผมตอนที่ผมมีเรื่องกับอาจารย์คณะอักษรฯ และช่วยให้ผมผ่านวิชานอกคณะมาได้ เราชอบอะไรหลายๆอย่างคล้ายกัน นั่นทำให้เขากลายเป็นคนที่ผมไปไหนมาไหนด้วยบ่อยๆ และสุดท้ายเขาก็กลายเป็นที่คนที่ผมจะรัก จริงจัง และไม่ยอมให้หายไปไหน...

ผมลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าลวกๆ ร่างกายของผมมีมัดกล้ามบ้างพองามเหมือนหุ่นของผู้ชายทั่วไป สูงราวร้อยเจ็ดสิบห้าตามมาตรฐาน หรืออาจจะมากกว่านั้นราวสองสามเซ็นต์ ผมเป็นผู้ชายปกติธรรมดา มีเพื่อนเป็นกลุ่มผู้ชายธรรมดาๆ กลิ่นเหล้า เมายาบ้างตามวาระโอกาส แต่ผมเป็นผู้ชาย...ที่ชอบผู้ชาย...รู้ตัวดีมาตั้งแต่ประถมแล้วด้วยซ้ำ


“เออ...น้ำชา...” เสียงกฤตฎ์เรียกผมที่กำลังเดินออกจากห้องเอาไว้
“อะไร?”
“อย่ามาที่นี่สักพักนะ"
ผมขมวดคิ้ว ชะงักขาที่จะก้าวออกไป "ทำไม?” ผมถาม โชคร้ายนักที่ผมค่อนข้างเซนส์ดี เดาได้เลยว่าสิ่งที่จะพูดต่อไปแม่งไม่ใช่เรื่องดีแน่


กฤตฎ์อาจจะไม่ตอบก็ได้กับคำถามของผม เขาหลุบสายตามองพื้นเล็กน้อยก่อนถอนหายใจ แล้วเงยหน้าขึ้นจ้องหน้าผมเหมือนเดิม เราห่างกันราวครึ่งห้อง แต่นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าเราไกลกันมาก...ไกลเหลือเกิน ผมนึกขอบคุณที่กฤตฎ์รู้ดีว่าการไม่ตอบคำถามของผมมันจะทำให้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่แฟร์กับผมเลยสักนิด และนั่นเท่ากับดูถูกความรู้สึกของผมที่มีให้กับเขา

เขาหมุนตัวหันหลังไปสักพัก ผมเองก็ยืนนิ่งรอคำตอบของเขาราวกับโดนแช่แข็ง

สุดท้ายกฤตฎ์หมุนตัวมาเผชิญหน้ากับผม เขาจ้องดวงตาสีเข้มของผมนิ่งๆ



“ฉันคิดว่าเราควรจบเรื่องพวกนี้ได้แล้ว" เขาบอกในที่สุด วินาทีนั้นผมเหมือนเตรียมใจไว้แล้วเมื่อนาทีที่แล้ว แต่สุดท้ายก็รู้ตัวเองดีว่าผมไม่ได้เตรียมใจเลยสักนิด



“ฉันกำลังคิดเรื่องแต่งงาน แล้วเราก็คงแต่งงานกันไม่ได้ เข้าใจใช่ไหม?”


เขาจ้องหน้าผมอย่างจริงจัง

ไม่...ผมไม่เข้าใจ หัวใจผมเต้นแรงขึ้น แล้วผมก็รู้สึกร้อนวูบที่หัวตา ก่อนที่จะร้องไห้ออกมา ผมพยายามถามเขากลับไป แต่พอถามอะไรออกไป ก็ได้รับเพียงแค่ความเงียบกลับมา...ผมคิดว่านี่คือความสัมพันธ์ที่จริงจัง ผมไม่เคยรู้สึกมีชีวิตได้มากขนาดนี้จนกระทั่งพบกฤตฎ์ ความสัมพันธ์ของพวกเราคาบเกี่ยวอยู่บนเส้นศีลธรรมที่ใครก็ไม่รู้นิยามขึ้นมา แต่ผมก็รู้ว่าพวกเรารู้สึกดีไปกับมันมากๆ และผมก็คิดว่า นี่จะเป็นความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดในชีวิต และอาจจะเป็นความรักครั้งสุดท้าย

แต่ผมคงอ่อนหัดเกินไป ที่ตกหลุมพรางของอาจารย์นี่เข้าไปเต็มเปา ไม่เคยนึกถึงความมั่นคง แม้กระทั่งอนาคต และไม่เคยคิดถึงวันที่เขาจะจากไป ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็ระมัดระวังตัวมาตลอด 



“ฉันชอบนายนะน้ำชา ชอบมาก แต่นายก็รู้...” กฤตฎ์พยายามสรรหาเหตุผลมากมายมาบอกผม แต่ก็นั่นแหละ ผมไม่อยากฟังตั้งแต่เขาบอกเลิกแล้ว
“เงียบเถอะ" ผมบอกเขาสั้นๆ และกฤตฎ์ก็ไม่พูดอะไรต่อจริงๆ ผมจ้องหน้าเขาเป็นครั้งสุดท้าย ผมรักเขา แต่ก็รักตัวเองเกินกว่าจะฟูมฟาย และเขาก็รักตัวเองมากกว่าจะเดินมารั้งผมเอาไว้...เพราะเขาปล่อยให้ผมเดินออกมาจากห้องของเขา โดยที่เขาไม่ทำอะไรเลยสักนิด










ผมมีคลาสเรียนตอนเก้าโมงเช้า ตอนนี้เจ็ดโมงเท่านั้น และผมก็ไม่มีที่ไป กลับบ้านในสภาพนี้ก็ไม่ได้ สุดท้ายผมจึงเรียกแท็กซี่เพื่อไปคอนโดไอ้เป๊ก ที่พึ่งสุดท้ายสำหรับผมในตอนนั้น ผมโทรหามันให้ลงมารับตอนเจ็ดโมงเช้า ผมไม่ได้ร้องไห้ ทั้งๆที่ความรู้สึกมันจุกอกไปหมดและตลอดทางที่นั่งแท็กซี่มา ผมก็แทบไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น

ไอ้เป๊กเดินลงมาที่ล๊อบบี้พร้อมกับไอ้กาย ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทผม ผมไม่ได้พูดอะไรและผมกับเป๊กก็แค่มองหน้ากัน ไอ้เป๊กกับไอ้กายอยู่ในสภาพซักแห้ง เสื้อเชิ้ตกับบ๊อกเซอร์เน่าๆของเมื่อวาน มันคงกำลังเร่งเผางานอยู่แน่ๆ งานของผมเองยังไม่ถึงครึ่งเลย ช่างแม่งเหอะ...ก็งานวิชากฤตฎ์นั่นแหละ


“เป็นเชี่ยไรทำไมมาแต่เช้า?” ไอ้กายคงเห็นว่าผมมาผิดเวลา มันเลยหัวเข้ามาเล่นหัวแบบปกติ แต่ผมกลับยิ้มไม่ออกทั้งๆที่อยากยิ้มให้มันจะตาย "เฮ้ย เป็นไรวะ?” เหมือนมันจะเห็นสภาพที่แท้จริงของผมในที่สุด
“กู...เลิกกับกฤษฎ์แล้ว" ผมบอกพวกมันเบาๆ แต่แน่ใจว่าพวกมันได้ยิน เพราะมันต่างก็ไม่พูดอะไรโต้ตอบกลับมา

ไอ้เป๊กมองหน้าผม มันเป็นเพื่อนที่รู้ใจผมที่สุด...แม้ว่ามันจะไม่ค่อยแสดงความรู้สึกอะไรใดๆ และพูดในเรื่องที่จำเป็นเท่านั้น ผมก็ยังเห็นแววตาห่วงใยของมัน และแน่นอนว่าผมนึกขอบคุณนิสัยของมัน มันคงแน่ใจได้ว่าการซ้ำเติมผมเป็นเรื่องไม่จำเป็น มันจึงไม่ทำอะไรแบบนั้นออกมา

“กูว่าแล้ว" มันว่า ไอ้กายเองก็นิ่งไป ก่อนค่อยๆคลายมือที่รัดผมเอาไว้ ทั้งๆที่ปกติไอ้กายแม่งเป็นผู้ชายที่เหมือนเมากัญชาตลอดเวลาด้วยซ้ำ มันยังแทบไม่กล้าพูดอะไรออกมา
“มึง...โอเคใช่ไหม?” กายถาม ผมจ้องตามัน มันดูเป็นห่วงผมอย่างเห็นได้ชัด นั่นทำให้ผมน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“กูก็อยากโกหกนะ แต่กูไม่โอเคจริงๆว่ะ ไม่โอเคชิบหายเลย"

ผมพูด แล้วน้ำตามากมายก็พรั่งพรูออกมา ไอ้กายกอดผมไว้แน่น แต่มันไม่เคยช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นได้เลยสักนิด




ผมร้องไห้ตลอดทางที่ขึ้นมาบนห้องของไอ้เป๊ก ไอ้ปอมถูกโทรตามมาตอนแปดโมงเช้า มันมาพร้อมกับโจ๊กและน้ำเต้าหู้ร้อนๆแต่ผมไม่หิว เรามีคลาสเช้าแต่ผมยับเยินเกินกว่าที่จะไป หลังจากเลทคลาสมาเกือบครึ่งชั่วโมง ไอ้เป๊กกับกายที่มีเรียนเช้าจึงตัดสินใจไปเรียน ทิ้งไอ้ปอมอยู่เป็นเพื่อนผม ผมหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ พอตื่นขึ้นมาก็พบว่า ทุกคนหายไปหมด เหลือแค่ไอ้เป๊กที่นั่งทำโมเดลของมันอยู่ที่พื้นปลายเตียงเท่านั้น

ผมโงหัวที่ปวดตุบๆขึ้นจากหมอน ดูมันที่เงยหน้าขึ้นมาเมื่อเห็นว่าผมตื่นแล้ว


“เป็นไงมึง?” มันถาม ผมได้แต่ส่ายหัว
“ปวดหัว"
“เดี๋ยวกูเอายาให้ กูซื้อข้าวมาให้แล้ว โทษทีว่ะกูรีบเลยซื้อแค่ข้าวกล่องเซเว่นมาให้" มันว่า ใช้ตีนเขี่ยขวดน้ำตรงมุมห้องมาใกล้ตัวแล้วโยนส่งให้ผม "แดกได้ป่ะ"
“เออได้" ผมตอบมันก่อนถอนหายใจ
“กูบอกมึงแล้วนะ...” เป๊กมันมองผมเงียบๆ ผมพยักหน้ารับ
“พวกมึงเตือนกูหลายครั้งแล้ว" ผมพึมพำเบาๆด้วยเสียงแหบแห้ง "กูแม่งโง่เองที่ไม่เชื่อพวกมึง"
“มึงก็ไม่เคยเชื่อพวกกู อกหักมากี่ครั้งแล้วก็ไม่จำ" มันซ้ำเติม "บางครั้งคนเราแม่งก็เชื่อตัวเองมากกว่าคนอื่นเสมอแหละ มันก็เป็นสิ่งที่ดี" ไอ้เป๊กว่าเรียบๆ
“แต่คราวนี้แม่งไม่ดีว่ะ ไม่ใช่ไม่ดีเฉยๆ แต่เหี้ยเลย"
“ก็มึงไม่ได้รักใครจริงจังมานานแล้วไง มันก็เจ็บแบบนี้แหละ" ไอ้เป๊กบอก
“ทำเหมือนมึงรักใครเป็น" ผมแค่นยิ้มใส่มัน ไอ้เป๊กแม่งทำเป็นพูดดี คนอย่างมันน่ะ รักคนยากที่สุดในโลกแล้ว
“กูเป็นคนนะเห้ย" มันว่า เหลือบตามองผมนิดหน่อย
“เป๊ก...” ผมเรียกมันเบาๆ
“อะไร"
“กี่โมงแล้ว" ผมถาม หัวใจแม่งไม่ได้แข็งแรงไปกว่าเดิมเท่าไหร่นัก แต่ผมไม่อยากให้เป๊กมันเป็นห่วงไปมากกว่านี้
“สี่โมง"
“ไปแดกเหล้ากัน กูรู้ว่าเหล้าแม่งไม่ได้ช่วยอะไร แต่ตอนนี้กูทุกข์จะตายห่าอยู่แล้วว่ะ"




แน่นอนว่าความรักผุผังของผมก็ได้จบลงที่ร้านเหล้าหลังมอกับบรรดาเพื่อนๆเด็ก'ถาปัตย์ ผู้ซึ่งต่างคนก็ต่างมีโปรเจ็กต์เร่งเผาส่งภายในวันสองวันนี้ แต่แน่นอน การเรียนไม่เคยทำให้กิจกรรมอบายมุขของพวกผมเสีย ร้านเหล้าหลังมอผู้ซึ่งเจ้าของร้าน ซึ่งเป็นรุ่นพี่สถาปัตย์ของผมสักสิบรุ่นอย่าง พี่โอ ได้เรียกให้มันดูดีว่า บาร์ แอนด์ แกลลอรี จึงเป็นสถานที่นัดพบของพวกเราในค่ำคืนนี้ จริงๆแล้วเพื่อนที่ผมสนิทที่สุดก็มีแค่เป๊ก กาย แล้วก็ไอ้ปอม แต่คณะสถา'ปัตย์แม่งก็เล็กนิดเดียว ดังนั้นผมจึงมีเพื่อนสนิทในภาคสถาปัตยกรรมอีกนิดหน่อย พวกมันไม่ได้รู้เรื่องของผมกับกฤตำ์หรอก แต่พวกมันก็พร้อมที่จะเมาตลอดเวลา เพราะเพียงแค่ผมแตะตัวหนังสือบนหน้าจอโทรศัพท์ระบายความอัดอั้นในใจสั้นๆว่า 'วันนี้กูไม่โอเคเท่าไหร่ว่ะ' กับ 'ร้านพี่โอ คืนนี้' เพื่อนๆผู้ซึ่งมีความพร้อมจะตับแข็งตายตลอดเวลา ก็พร้อมใจกันตบตีนเข้ามาร่วมเมาหัวราน้ำในคืนนี้ทันที

ร้าน  โอละพ่อ บาร์ แอนด์ แกลลอรี ของเฮียโอ ถูกเรียกว่าเป็นร้านเหล้าแหล่งซ่องสุมของชาวเด็กสถาปัตย์มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพราะพิกัดจุดที่เดินทะลุทางลับช่องกำแพงหลังคณะมาเพียงไม่ถึงร้อยก้าว กับเจ้าของร้านที่วันไหนขอเบอร์สาวได้ก็มักจะแจกโปรโมชั่นเละเทะ ทำให้เด็กสถาปัตย์รุ่นแล้วรุ่นเล่า ต่างเรียกร้านของพี่โอว่าบ้านหลังที่สอง จริงๆตัวร้านก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย เป็นร้านที่ฉาบผนังด้วยปูนเปลือย ใช้เก้าอี้ไม้และโต๊ะไม้ทั้งร้าน ร้านพี่โอมีที่นั่งบนชั้นหนึ่ง ชั้นสอง และวางโต๊ะเลยออกมาริมถนน เวทีปูนยกขึ้นสำหรับวงดนตรีสด (ทั้งหมดนี้คือพี่โอรีโนเวทร้านใหม่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา) ร้านของพี่โอผ่านกองอ้วกมากองแล้วกองเล่า เป็นสถานที่ที่เด็กสถาปัตย์ทั้งนั่งเผางาน ระบายความอัดอั้นต่อโปรเจ็กต์ รวมถึงเฉลิมฉลองการผ่านโปรเจ็กต์ที่ยิ่งใหญ่กว่าฉลองเรียนจบ(ของคณะอื่น)

ไอ้เป๊กยอมรับปากทั้งๆที่รู้ดีว่ามันอาจจะต้องนั่งเผางานไปอีกสองคืนติดโดยไม่ได้นอน มันปล่อยให้ผมจมจ่อมอยู่กับตัวเองจนถึงสองทุ่มกว่า ก่อนจะพาผมมาถึงร้านตอนเกือบสามทุ่มด้วยดูคาติคันสีแดงเพลิงของมัน คอนโดไอ้เป๊กอยู่ใจกลางเมืองตามประสาคอนโดคนรวย ห่างจากคณะเพียงสองถนน ตอนนี้ผมไหวแล้ว...อย่างน้อยก็อยากจะโกหกว่าตัวเองเข้มแข็งทั้งๆที่ตาบวมไปทั้งคู่

เมื่อมาถึงที่ร้าน ไอ้กายกับไอ้ปอมที่เผางานอยู่ที่คณะตลอดบ่ายก็มาถึงแล้วพร้อมด้วยเพื่อนในภาคของผมอีกเกือบสิบ ผมกับเป๊กเรียนภาควิชาสถาปัตยกรรม ส่วนไอ้กายเรียนออกแบบภายใน ในขณะที่ปอมเรียนภูมิสถาปัตย์ แต่ด้วยความที่แต่ละปีมีนักศึกษาเพียงร้อยสี่สิบกว่าคนเท่านั้น จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่รู้จักกันทั้งหมด และยิ่งมีห้องเชียร์ที่โหดเสียยิ่งกว่าอะไร ดังนั้นผมจึงยอมรับจริงๆว่ามันสนิทกันเกือบทั้งรุ่น แม้ว่าจะแยกภาคตอนปีสอง แต่สุดท้ายก็มาช่วยกันเผางานวินาทีสุดท้ายเสมอไม่ว่าจะภาคไหนก็ตาม

ผมทักทายพี่โอที่ดูยุ่งๆนิดหน่อย ก่อนยิ้มรับคำทักทายของบรรดาเพื่อนๆที่กินนอนมาด้วยกันตลอดสามปี ผ่านขุมนรกมาด้วยกันไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ก่อนที่จะนั่งลงที่เก้าอี้ว่าง ไอ้ถั่วกำลังยกเบียร์หลอดใหม่มาเปลี่ยน มันเป็นผู้ชายหัวกระเซิงๆหน้าตี๋ผิวขาวซีด และตาตกตลอดเวลาเหมือนคนง่วงนอน จริงๆมันไม่ได้ชื่อถั่วครับ มันชื่อไอ้บาส แต่พ่อมันชื่อถั่ว เป็นปกติที่ชายฉกรรจ์จะด่าพ่อล้อแม่เพื่อนกันอยู่แล้ว มันเลยชื่อถั่วมาตั้งแต่มอปลายยันมหาวิทยาลัย


“เฮ้ยว่าไงมึง ค*ยไม่แข็งเหรอวะถึงได้เครียด" พอหย่อนก้น ไอ้เวรอั้มแม่งก็ใส่ทันที ผมรับแก้วมาจากไอ้ถั่วที่กำลังบริการแจกจ่ายน้ำเมาก่อนเหยียดปาก
“ไอ้สัด"
“ฮ่าๆๆๆๆ" มันหัวเราะอารมณ์ดี "มึงชวนก็ดีละ แม่งขึ้นโมเดลรอบนี้กูโคตรเครียดเลยว่ะ" มันว่า ผมพยักหน้าเซ็งๆเพราะคนที่ควรเครียดกว่าคือกู งานแม่งยังไม่ถึงครึ่งดีเลย แต่ไอ้อั้มก็ควรจะเครียดแหละ เพราะถ้าแม่งส่งชิ้นนี้ไม่ทัน ได้แดกเอฟแล้วลงไปเรียนใหม่กับน้องแน่

ผมซัดเบียร์หมดแก้วรวดเดียวก่อนส่งให้ไอ้ถั่วที่นั่งใกล้หลอดสุดเติมใหม่ มันมองหน้าผมก่อนเบิกตาแล้วอ้าปากด่า

“ไอ้เชี่ยคุณน้ำชาคร้าบ มึงจะรีบแดกหาพ่องเหรอ จะรีบเมาไปไหนแสรดดด"
“เออน่าเรื่องของกู เติมมา" ไอ้ถั่วบ่นพึมพำห่าเหวไรอีกนิดหน่อยก่อนกดเติมเบียร์ให้ผมตามที่ขอ ผมไม่รีรอที่จะซัดแอลกอฮอล์แก้วที่สองลงคออย่างรวดเร็ว

พอหมดก็ต้องพัก เพราะความเย็นแล่นปราดเข้าก้านสมองจี๊ด ผมวางแก้วลง เหลือบสายตามองเห็นไอ้ปอมที่มองผมอย่างเป็นห่วง

"ไหวนะมึง?” มันถาม ผมพยักหน้าเบาๆ



เสียงดนตรีจากวงดนตรีสดดังขึ้น หลังจากผ่านไปเกือบชั่วโมงทั้งโต๊ะก็เริ่มได้ที่ ผมนั่งอยู่ข้างไอ้กาย ขนาบอีกด้านด้วยไอ้ปอม ภาพแม่งเริ่มซ้อนกันแล้ว ผมรู้ตัวดีว่าอีกไม่นานผมได้เมาเละเทะแน่ แต่ก็ยังดึงดันที่จะดื่มต่อไป เสียงเฮฮาของเพื่อนๆไม่เข้าหูเลยสักนิด ผมเม้มปากแน่นเมื่อดนตรีสดบนเวทีดำเนินมาถึงท่อนฮุคของเพลง



อยากจะลืม
ลืมว่าใจยังคงคิดถึงเธออยู่เสมอ
ลืมว่าใจยังคงละเมอถึงเธอคนนี้
ลืมทุกอย่างในหัวใจ
ขอเพียงนับจากนี้ไป
อย่าได้พบได้เจอ อย่าได้เพ้อถึงเธอก็พอ...



ทุกครั้งที่มีการเลิกรา ความเจ็บปวดก็มักจะแปรผันกับความผูกพันที่มีเสมอ ผมชอบคนง่ายแต่ต่อให้เลิกผมก็แค่เจ็บและจะไม่ฟูมฟาย ผมอกหักบ่อยจนชินแล้ว แถมปลงได้ไปเสียทุกครั้ง ผมเป็นคนเก่ง เป็นคนเข้มแข็ง เป็นคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรี หยิ่งพอที่จะไม่ยอมเสียน้ำตากับอะไรง่ายๆ เพื่อน คนรอบข้าง รุ่นน้อง อาจารย์เกือบทุกคน รู้จักผมในฐานะนายพิชชา คนที่มีความมั่นใจในตัวเองที่สุด แต่กฤษฎ์ทำพังหมดทุกอย่าง กฤษฎ์ทำให้ผมร้องได้ เสียน้ำตาอีกครั้งนับตั้งแต่แฟนคนแรก...

เพื่อนๆแม่งก็เมากันพอสมควรแล้ว เพราะพากันกอดคอแหกปากร้องเพลงกันอย่างพร้อมเพรียง แต่ต่อให้เมากันแค่ไหน ผมก็ไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าพวกมันเลยสักนิด จังหวะที่กำลังจะลุกขึ้นแล้วเดินหนีไป เสียงของใครบางคนก็ดังแทรกเสียงเพลงเข้ามาพอดี



“เฮ่้ยไอ้กาย!” คนที่เรียกเป็นผู้ชายตัวสูงเกือบหนึ่งร้อยเก้าสิบ ตัดสกินเฮดแบบไม่ต้องห่วงหนังหน้า ใบหน้าตี๋ๆแต่คมนั่นมีหนวดเครานิดหน่อยดูเถื่อนๆเซอร์ๆ มันสวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์สีซีด สวมรองเท้าคอนเวิร์สสีเหลืองมัสตาร์ด มันหล่อ มันเป็นสเป็คผม และที่สำคัญ...มันมีบุคลิกที่เหมือนกฤษฎ์มาก...


พอไอ้กายหันไป มันก็เดินถือแก้วเข้ามาชนกับเพื่อนผมทันที ผมรู้สึกคุ้นๆหน้ามันนิดหน่อย


“เฮ้ยโฟล์ค มึงมาเหยียบถิ่นกูได้ไงวะ" ไอ้กายร้องทัก ก่อนยกแก้วขึ้นชนกับคนชื่อโฟล์ค ผมจ้องหน้ามันนิดหน่อยก่อนเริ่มเข้าใจว่าที่ผมคุ้นหน้ามันเพราะมันคือเพื่อนสนิทสมัยเรียนมัธยมของไอ้กาย และมันก็คือ โฟล์ค นิเทศฯ ที่สาวๆคณะผมกรี๊ดกร๊าดเวลาที่รูปของมันได้ไปลงเพจ Cute Boy ของมหา'ลัย
“ไม่มีป้ายแปะห้ามกูเข้านี่" มันหัวเราะนิดหน่อยก่อนตอบเพื่อนผม ไอ้กายยกมือเตรียมโบก แต่โฟล์คโยกหัวหลบทัน จังหวะนั้นเองที่มันหันมาสบตากับผม...

ผมนิ่งไปสักพัก ก่อนที่มันจะยกยิ้มมุมปากทำให้ผมต้องเบือนหน้าหนี ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ผมคงเล่นด้วยไปกับมัน แต่ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะทำอะไรทั้งสิ้น

“โน่น" โฟล์คพยักเพยิดไปยังโต๊ะที่อยู่เยื้องๆผม ผมเหลือบไปมองก่อนพบว่าเป็นรุ่นน้องที่คณะ มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งส่งยิ้มกลับมาให้เมื่อโฟล์คมันบิดรอยยิ้มส่งไป
“เห้ยนี่มึงยังไม่เลิกเป็นไบอีกเหรอวะ" ไอ้กายถาม
“ไอ้สัด เป็นไบนะว้อยไม่ได้เป็นสิว ที่จะทายาแล้วหาย" มันทำท่าจะเล่นงานไอ้กายอีกรอบ "นั่นน้องคณะมึง"
“เออ กูรู้ครับสัด น้องภาคกูด้วย" คณะผมเล็กนิดเดียวอย่างที่บอก เด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม หน้าขาว ปากแดง โกรกสีผมสีอ่อนนั่น ดูก็รู้ว่าเกย์ชัวร์ "น้องเพชรนี่หว่า นี่มึงทำท่าไหนวะ มาคุยกับน้องมันได้ ได้ข่าวแม่งเลือกมากนะนั่น"
“ก็ท่าปกติอ่ะครับเพื่อน เสร็จเหมือนกัน" มันว่าก่อนไหวไหล่อย่างภาคภูมิใจ
“พ่อมึงตาย มึงนี่ยังกวนส้นตีนไม่เปลี่ยนเลยนะไอ้เหี้ย" ไอ้กายเองถึงด่ายับแต่ก็หัวเราะชอบใจ
“เออ กูเจอเพชรตอนช่วยงานของมหา'ลัยว่ะ น้องมันมาเล่นหนังสั้นที่ใช้โปรโมทงานรับบริจาคเลือดให้กู" ปากมันพูด แต่มันก็จ้องผมไม่วางตา แต่เพราะตอนนี้ผมไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะเล่นด้วยได้ เลยชักจะรำคาญมันนิดๆ
“ว้าวๆๆๆๆ เออเอาเหอะสัด คบให้ได้นานๆหน่อยนะครับเพื่อน" ไอ้กายแซว โฟล์คมันได้แต่หัวเราะไปเรื่อยเปื่อยเพราะแม่งคงทำไม่ได้หรอก ดูท่าทางก็น่าจะขึ้นชื่อลือชาเรื่องพวกนี้พอตัว "เออ แล้วไอ้แยมอ่ะมึง"
“ไปทำข่าว แม่งฝึกงานเพิ่มอีกที่แล้ว ไม่มีเวลาให้กูเลยสัด"
“น้อยใจเป็นตุ๊ดเลยนะมึง" ไอ้กายว่า แล้วมันก็เหลือบมามองผมที่นั่งอยู่ข้างๆมัน ตามสายตาของโฟล์คที่จ้องผมไม่วางตา "เออโฟล์ค นี่เพื่อนกู น้ำชา" มันแนะนำ ผมเลยหยิบแก้วเบียร์ขึ้นมาอย่างเสียมิได้
“หวัดดี" ผมบอกด้วยน้ำเสียงเอื่อยๆ
“โฟล์ค เพื่อนเก่าไอ้กายมัน" มันแนะนำแล้วยื่นแก้วมาชนกับผม แววตามันยังคงพราวระยับตอนที่เรามองหน้ากันชั่วครู่
“ไอ้ปอมไปเข้าห้องน้ำกับไอ้เป๊กมั้ง ไว้เดี๋ยวกูบอกพวกมันว่ามึงมา" กายบอก โฟล์คพยักหน้ารับเบาๆ ไอ้กายเป็นพวกชอบเตะบอลกับเพื่อนเก่า บางครั้งมันก็ลากปอมกับเป๊กไปด้วย ไม่แปลกที่พวกมันจะรู้จักกัน แต่ผมไม่ใช่ผู้ชายที่ชอบฟุตบอล ไม่ดู ไม่เชียร์ห่าอะไรทั้งนั้น เคยแวะไปที่สนามแปปๆ และไม่เคยเจอโฟล์คมาก่อน

โฟล์คเดินกลับไปที่โต๊ะ มิวายเหลือบมองผมอีกครั้ง ผมชักจะเกลียดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของมันตงิดๆ ผมไม่อยากจะพูดเหมือนหลงตัวเอง แต่เรื่องหน้าตาหรือรูปร่างเป็นเรื่องที่ผมค่อนข้างมั่นใจ มันสมองก็ด้วย แน่นอนว่าถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงเดินตามมันไปแล้ว แต่ตอนนี้ไม่มีอารมณ์ และผมมีกฏเหล็กของตัวเองอย่างหนึ่งคือจะไม่ยุ่งกับเพื่อนหรือเพื่อนของเพื่อนเด็ดขาด เสียเพื่อนหรือทำให้เพื่อนมีปัญหากันแม่งไม่เคยคุ้มกับกับความเงี่ยนชั่ววูบ


พอมันกลับไป ผมก็นั่งดื่มเบียร์ไปเงียบๆคนเดียว อารมณ์ยังแย่อยู่มากจนไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น ผมเอนกายลงพิงขอบโต๊ะ หันหน้าออกไปด้านนอกถนน โต๊ะอยู่ริมถนนพอดี ผมนั่งรับลมโกรกไปเงียบๆ แต่ตลอดเวลาก็ยังรู้ตัวกับสายตาของโฟล์คที่จ้องมองมา

ผมถอนหายใจเบาๆทำเป็นไม่สนใจ แต่เพราะพิกัดของโต๊ะมันและความแคบของร้าน สายตาก็เหลือบไปเห็นมันจนได้ มันนั่งโอบไหล่น้องเพชรจนแทบเป็นคนๆเดียวกัน ไซร้ซอกคอจนแทบได้เสียกันอยู่หน้าร้านแล้ว แต่สายตาของมันยังคงจ้องมองมาที่ผมไม่ลดละ

ผมกระแทกแก้วกับโต๊ะอย่างหงุดหงิดหน่อยๆ พอดีกับที่ไอ้สองตัวนั่นเดินกลับมาพอดี ผมเลยขยับตัวลุกขึ้นให้พวกมันนั่งแทน แอลกอฮอล์แม่งก็มาทำงานได้ดีทันทีที่กูลุกขึ้นยืน ผมยกมือค้ำกับเสาไฟฟ้าแถวนั้นก่อนพยายามตั้งสติ


“ไหวป่ะมึง กลับไปนอนไหม?” ไอ้ปอมหันมาถาม ปกติวันที่กินเหล้าหนักๆ ถ้าไม่กลับไปเปิดห้องนอนกันที่คณะ พวกผมก็จะกลับไปนอนตายกันที่ห้องของเสี่ยเป๊ก
“ไหว กูไปเข้าห้องน้ำก่อน ขอบุหรี่ตัวดิ" ผมแบมือ ไอ้ปอมก็ส่งให้พร้อมกับไฟแช็ค ผมเดินเลาะไปตามช่องว่างระหว่างโต๊ะแต่ละตัวก่อนทะลุออกไปยังหลังร้านที่เป็นส่วนของห้องน้ำและห้องครัว มีประตูหลังสำหรับทะลุไปยังซอยเล็กๆที่เชื่อมถนนใหญ่ บริเวณห้องน้ำกับห้องครัวของร้านพี่โอเป็นบริเวณเอาท์ดอร์ คืออยู่นอกตัวอาคาร ปลูกต้นไม้ใหญ่ไว้ให้ความร่มรื่นสองต้น กับไม้พุ่มอีกนิดหน่อย รสนิยมเจ้าของร้านทั้งหมด


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-02-2014 18:01:50 โดย kyliewonderland »

ออฟไลน์ kyliewonderland

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +565/-4
Re: - รักชาชา - A kiss from milk tea : intro : 040214
«ตอบ #32 เมื่อ05-02-2014 17:46:28 »

ผมหย่อนตัวนั่งบนขอบปูนพลางจุดบุหรี่ขึ้นดูด ยกโทรศัพท์ขึ้นส่งข้อความไปบอกแม่ว่าผมคงไม่กลับคืนนี้ ซึ่งแม่ผมคงไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เพราะต้องคอยดูแลลูกชายวัยเจ็ดขวบจนแทบไม่มีเวลา แม่ผมแต่งงานใหม่กับนักธุรกิจชาวออสเตรเลีย พวกเขาเจอกันบนเครื่องบินตอนที่แม่ผมยังทำหน้าที่เป็นแอร์โอสเตสอยู่ แน่นอนว่าเขาคือพ่อใหม่ที่เอาใจใส่ผมดีมาโดยตลอด ไม่มีอะไรที่ผมอยากได้แล้วจะไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ช่วงเวลาที่ผมถูกแม่ปล่อยปละละเลยและต้องอยู่คนเดียวมาตั้งแต่เด็ก ทำให้ผมไม่คุ้นชินกับการมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ ช่องว่างของผมกับน้ำมนต์ น้องชายวัยเจ็ดขวบก็มีมากเกินไป บางทีผมเองก็รู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกิน นั่นอาจจะทำให้ผมทำตัวเหมือนนกปีกหักและพยายามถอยห่างออกมาแบบทุกวันนี้

บ้านผม ซึ่งจริงๆแล้วคือคอนโดใจกลางเมืองนั้น ไม่ได้ไกลจากมหา'ลัยเท่าไหร่นัก สิบห้านาทีบนรถไฟฟ้าและต่อมอเตอร์ไซค์อีกสิบห้าบาทเพื่อมาคณะในทุกๆวันไม่ใช่เรื่องลำบาก แต่บางทีผมก็ยินดีที่จะไปซุกหัวนอนกับไอ้เป๊กเสียมากกว่า เป๊กมันเป็นลูกชาย สส. ใหญ่ของเชียงใหม่ มันเข้ามาเรียนกรุงเทพฯตั้งแต่มัธยมโดยอาศัยอยู่กับพี่ชายมันซึ่งก็คือพี่ท็อป พอเข้ามหา'ลัยได้ปีเดียว พ่อมันก็ซื้อคอนโดใกล้ๆมหา'ลัยให้ เพราะบ้านที่มันอยู่กับพี่ท็อปมาก่อนหน้านี้ไกลจากมหาวิทยาลัยเกินไป แถมยังต้องนั่งเผางานดึกๆดื่นๆบ่อยๆ ให้ขับรถมาเรียนทุกวันมันก็ไม่ไหว เป๊กเป็นผู้ชายติสท์ของแท้ พูดน้อยต่อยหนัก ตัวสูง เรียนดี บ้านรวย มีเสน่ห์ และหล่อมาก แต่มันหล่อน่ากลัว แต่น่ากลัวแค่ไหนแม่งก็ยังหล่อจนสาวๆกรี๊ดกันคอแทบแตกทุกที มีอยู่ช่วงมันไปทำงานนายแบบ ฮ็อตเสียยิ่งกว่าฮ็อต แต่มันก็ยืนยันว่ามันชอบงานออกแบบมากกว่า

ส่วนไอ้กายกับปอมก็เป็นมนุษย์ไป-กลับทั้งคู่ บ้านมันอยู่ฝั่งธนฯทั้งคู่เช่นกัน และพวกมันมีโครงการจะซื้อคอนโดห้องติดกันตั้งแต่ตอนปีหนึ่ง ปัจจุบันนี้ปีสาม ก็ไม่มีวี่แววความคืบหน้าของโครงการแต่อย่างใด พวกมันก็ยังคงใช้ห้องไอ้เป๊กเป็นแหล่งกบดานเป็นประจำเช่นเดียวกับผมในวันที่ต้องเผางานถึงเช้าและต้องซักแห้งใส่ชุดเดิมไปเรียนต่อ โดยมีชีวิตตลอดทั้งวันนั้นด้วยกระทิงแดง

ผมจ้องมองควันบุหรี่ที่ลอยอ้อยอิ่งขึ้นไปบนฟ้าพลางถอนหายใจออกมา อากาศหนาวจะแย่แล้ว ภูมิต้านทานความหนาวของผมต่ำลงหลังจากที่กรุงเทพฯไม่ได้สัมผัสอากาศหนาวมาแรมปี ยิ่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ยิ่งรู้สึกได้ถึงไอน้ำเย็นๆ

ผมดูดบุหรี่เข้าปอดอีกครั้ง ยังไม่ทันที่จะปล่อยควันออกมา ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อบุหรี่ที่คาปากอยู่นั่นถูกใครบางคนดึงออกไปอย่างไม่ทันตั้งตัว ผมมองมวนบุหรี่ที่ถูกขยี้ติดกับพื้น ก่อนเหลือบสายตามองไอ้คนที่บังอาจมาขัดขวางเวลาส่วนตัวของผม...

ไอ้โฟล์ค


“อะไรของมึ...”
“นั่งด้วย"


มันไม่ยอมให้ผมพูดจบ ไม่พูดอะไรสักคำ มันแค่หย่อนตัวลงนั่งข้างๆผมบนขอบปูน แล้วดึงซองบุหรี่ออกมา ผมมองการกระทำที่ไม่ค่อยเข้าใจนั้นนิดหน่อย ก่อนดึงบุหรี่ของไอ้ปอมออกมาอีกมวน ยังไม่ทันจะดึงออกมาได้สำเร็จ ไอ้คนกวนตีนข้างตัวก็ดันกลับเข้าไป


“ไม่ต้องสูบ" มันว่า ผมเริ่มคิ้วกระตุก
“เฮ้ย อะไรของมึง มายุ่งอะไรกับกูเนี่ย" ผมมันพวกมนุษย์ประจำเดือนมาผิดปกติอยู่แล้ว การเหวี่ยงหรืออารมณ์เสียตลอดเวลาสำหรับผมมันเลยไม่แปลกสักนิด ผมไม่แคร์มัน ดึงบุหรี่ออกมาคาบ เตรียมจะจุดไฟ แต่ดูเหมือนมันจะเร็วกว่า

วินาทีถัดมาทำเอาผมเป็นบ้า เมื่อมันดึงบุหรี่ออกจากปากแล้วปิดปากมันด้วยปากผมแทน กลิ่ยบุหรี่ขมๆในปากมันผสมกับกลิ่นมิ้นท์ทำเอาผมสมองตื้อ มันไล่ต้อนผมจนจนมุมก่อนใช้ลิ้นเลาะริมฝีปากผมให้เปิดออก มันดูดปากผมเสียจนเราแทบหลอมรวมกัน ลิ้นของมันไล้ไปตามโพรงปาก จูบของมันร้ายกาจและรุนแรงแบบที่ทำเอาผมแทบจะแข้งขาอ่อนทั้งๆที่เจนสนามเสียออกขนาดนี้

เสียงประตูไม้ครึ่งบานที่กั้นพื้นที่หลังร้านกับในร้านถูกเปิดอออก ผมผลักมันออก และดูเหมือนว่ามันจะทำตาละห้อยใส่ผมในวินาทีนั้น แต่มันคงไม่สำนึกเหี้ยอะไรเท่าไหร่ เพราะในวินาทีถัดมา มันก็ดึงมือผมแทรกตัวทะลุพวกลังเครื่องดื่มหลังร้านออกมายังซอยด้านข้าง อากาศหนาวกับมืออุ่นๆของมันทำให้ผมชักสับสนในสิ่งที่กำลังทำ


“สูบบุหรี่แล้วปากดำ" มันบอกขณะลากผมไม่หยุด ทั้งๆที่ผมพยายามจะขัดขืน แต่ขาก็ก้าวตามมันไปอย่างไร้สาเหตุ
“มึงก็สูบไอ้สัด" ผมด่ากลับ
“แต่ปากมึงแดงซะขนาดนี้ อย่าสูบเลย" ไอ้เหี้ย นี่มึงเอามาตรไหนมาวัดวะว่าคนนี้ห้ามสูบ คนนี้สูบได้ ไอ้เหี้ย

ไม่ทันตั้งตัวอีกแล้ว...มันกระชากประตูรถบีเอ็มZ4ของมันที่จอดริมถนนออกก่อนดันผมขึ้นไปในนั้น ผมเตรียมกระชากออกแต่มันกลับผลักประตูอีกด้านเอาไว้

“นั่งไปเฉยๆ อย่าดื้อ" ไอ้เหี้ย นี่กูดื้อเมื่อไหร่ แล้วอย่าพูดเหมือนกูเป็นเด็กได้ไหม

ผมเปิดประตูออกอีกครั้ง แต่คราวนี้แรงมหาศาลจากด้านหลังกระชากปิด ผมหันไป พบว่าโฟล์คมันขึ้นมานั่งที่คนขับตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

“มึงปล่อยกูสิวะ นี่จะพากูไปไหนเนี่ย?” ผมถาม ขมวดคิ้วแน่น
“ไม่รู้ แต่มึงน่ารักดี อยากคุยด้วย"
“ก็เหี้ยและ แล้วน้องเพชรมึงอ่ะ" ผมย้อนถาม มันลูบปลายคางตัวเองนิดหน่อย ก่อนตอบคำถามได้ทุเรศถึงขั้นสุด
“เลิกแล้ว มึงน่ารักกว่า" ไอ้สัด คนนะไม่ใช่หมาหรือตุ๊กตามึงจะได้มาตัดสินเลือกจากว่าใครน่ารักกว่ากัน

ผมเองไม่ใช่ไม่ชิน...มีคนตั้งเยอะแยะชมว่าหล่อ น่ารัก และอีกมากมาย แต่มันไม่ใช่กรณีไอ้เหี้ยโฟล์คนี่

“เฮ้ยโฟล์ค" ผมรู้สึกว่าการพูดจาแบบสถุลหยาบคาบคงใช้กับมันไม่ได้ ผมจึงเริ่มทำตัวสุภาพกับมัน
“อะไร?” มันหันกลับมาจ้องตาผม ดวงตามันพราวระยับ ผมไม่อยากจะยอมรับนักหรอก แต่ใบหน้ามัน แม้ในความมืดสลัวๆแบบนี้ก็ยังดูดี
“กูอาจจะเคยมั่วนะ แต่ตอนนี้กูไม่ กูมีกฏคือกูจะไม่ยุ่งกับเพื่อน หรือเพื่อนของเพื่อน ที่สำคัญคือกูไม่พร้อมว่ะ กูเพิ่งเลิกมา มึงเก็ทไหม?” ผมร่ายยาว แต่พอเงยหน้าขึ้นมาอีกที มันเหมือนไม่ได้ฟังอะไรทั้งนั้น "โฟล์ค มึงเข้าใจยังเนี่ย เข้าใจก็ปล่อยกูล...”

มันไม่ปล่อยแน่ๆ ผมน่าจะรู้ เพราะทันทีที่ผมบอกจะลง มันก็ยื่นริมฝีปากมาทาบทับอีกครั้ง มันดันผมชิดกับประตู ตะโบมจูบเหมือนอดอยากมาจากไหน มันเหมือนสัตว์ป่าหิวกระหาย ผมรู้แค่นั้นจริงๆ

ลิ้นร้อนของมันทำให้ผมแทบคลั่ง ไม่กี่คนที่ทำให้ผมเป็นได้แบบนี้ นอกจากมัน ก็มีกฤษฎ์...

ไอ้สัด กฤษฎ์อีกแล้ว


ผมไม่รู้ผมปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเมื่อไหร่ แต่รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่โฟล์คมันเอื้อมมือมาเช็ดให้ ผมเบือนหน้าหนีทันที โฟล์คมันเป็นคนในแบบที่ผมชอบ แต่ตอนนี้ผมไม่พร้อมที่จะสานต่ออะไรไปกับมันทั้งนั้น ไม่ว่าจะระยะสั้นๆหรือระยะยาวก็ตามที บอกตรงๆว่าผมเริ่มไม่เชื่อในความสัมพันธ์ทุกประเภทแล้ว


“ไปโรงแรมแล้วกัน"
“ไอ้สัด!” ผมด่ามันทันที มันยกยิ้มที่มุมปากอย่างพออกพอใจเมื่อเห็นผมขึ้นแบบนั้น
“กูล้อเล่น ไปห้องกู"
“กูบอกแล้วไงว่าไม่ไป
“งั้นมึงควรจะขัดขืนมากกว่านี้" มันว่า พร้อมกับตบเกียร์ไปที่ตัวดีแล้วกระชากตัวออกไปแทบจะทันที









คอนโดของมันอยู่ในละแวกมหา'ลัย อยู่คนละฝั่งของมหา'ลัยกับคอนโดไอ้เป๊ก ก็ควรจะเป็นแบบนั้นเพราะคณะของมันกับคณะของผมมันอยู่คนละฝั่งถนนกัน...

ผมนั่งเงียบๆไปตลอดทางที่มันพาผมมา เพราะตลอดช่วงแรกที่ผมดึงดันจะลง มันก็ไม่ยอมปล่อยลงสักที ที่สำคัญคือผมรักตัวเองนะ แต่ก็คงไม่ได้รักขนาดที่จะหลับนอนกับคนที่เพิ่งรู้จักกันไม่ได้ จะว่าไปผมเองก็ไม่ได้รักตัวเองมากมายแบบที่ไอ้เป๊กบอกนั่นแหละ เพราะผมคิดว่าคราวนี้ก็เช่นกัน...ที่ผมจะยอมนอนกับโฟล์คสักครั้ง จากนั้นมันคงเลิกตอแยกับผมสักที

คอนโดมันเป็นคอนโดใหม่ ระบบจอดรถจึงไฮเทคสุดๆด้วยรางเลื่อนยกรถขึ้นไปจอดบนชั้นที่พักอาศัย ตลอดเวลานั่นก็เหมือนกันที่ผมแทบไม่พูดอะไรกับมันสักนิด

พอรถจอดสนิท มันก็ลากผมลงจากรถทันที คอนโดมันอยู่ชั้นค่อนข้างสูง อากาศที่ลานจอดรถเลยหนาวพอสมควร มันแสกนบัตรที่ประตูทางเข้าตึก แล้วพาผมเข้าไปตามทางเดิน ห้องมันอยู่ด้านในสุดของตัวตึก มันแตะบัตร เปิดประตูออก โยนผมเข้าไปข้างในเช่นเดียวกับเท็กซ์บุ้คส์ในมือของมัน


“ไอ้เชี่ย เจ็บ" ผมว่าเมื่อมันผลักเข้าไปด้านในห้อง ก่อนที่มันจะตามเข้ามาแล้วเปิดไฟ ผมเงยหน้าขึ้นมาก่อนหันไปด่ามันแทบจะทันที "นี่มึงเอากล้องมาตั้งเชี่ยไรไว้ตรงนี้วะ ถ้ากูชนล้มกูไม่รับผิดชอบนะสัด"

ไอ้โฟล์คมันเหยียดยิ้มออกมาอย่างกวนตีนสุดๆ มันเปิดตู้เย็น หยิบไฮเนเก้นขวดเล็กออกมาสองขวด มันโยนให้ผมขวดนึง ผมเองก็มึนมากแล้วจากที่ร้าน แถมแม่งต้องมามึนสุดขีดกับมันด้วย จึงได้แต่รับมาวางไว้ข้างตัว


“อยู่คนเดียวเหรอวะ?” ผมเอ่ยปากถาม ห้องมันใหญ่กว่าห้องเป๊ก ห้องเป๊กว่าใหญ่แล้วนะ แต่ห้องไอ้เชี่ยนี่เหมือนจะหาจุดสิ้นสุดของผนังไม่ได้ ก็เกินไป...ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ แต่ใหญ่จริง ห้องของมันเป็นสี่เหลี่ยมโล่ง ไม่ได้กั้นด้วยกำแพงอะไร มีครัวกั้นด้วยเคาน์เตอร์ปูนเปลือยอยู่ติดกับทางเข้าและห้องน้ำ ห้องนั่งเล่นกลางห้อง มีโต๊ะทำงาน ตู้ใส่โมเดลเหี้ยไรของมันไม่รู้ และรกเหี้ยๆด้วยชีทเรียน แผ่นซีดี และเสื้อผ้าที่กองเต็มไปหมด มันมีเตียงนอนเป็นฟูกหนานุ่มอยู่ริมหน้าต่าง สภาพเละเทะเช่นกัน ห้องชุดของมันดูเหมือนจะมีชั้นสองด้วย เป็นบันไดวนขึ้นไป แต่เตียงนอนอยู่ชั้นล่าง แสดงว่ามันไม่ได้ข้างบนเป็นห้องนอน


“ข้างบนเป็นห้องอะไร?” ผมถาม มันเหลือบตามองนิดหน่อย ก่อนมองตามผม
“ห้องทำงาน ขึ้นไปดูได้" มันว่า "ห้องกูใหญ่สุดในชั้น กูอยากได้ห้องที่มีหน้าต่างบานกว้างๆ"
“แล้วมึงนอนตรงไหน"
“โน่นอ่ะ" เดาไม่ผิด แม่งทำตัวอย่างกับโฮมเลส ห้องนอนแม่งเขาก็มีให้ดีๆ เอาฟูกมาปูนอนเองเฉย "จริงๆข้างบนเป็นห้องนอน แต่หน้าต่างแม่งเล็กไป กูไม่ชอบ กูชอบตื่นมากับแดด ผนังกูก็ทุบออกหมด ให้ห้องแม่งเชื่อมกันหมดแบบนี้ดีแล้ว กว้างดี"
“เออ เรื่องของมึง"
“หึ" มันเสยะยิ้มแบบที่ชอบทำ พอดูดีๆแบบไฟสว่างๆ มันก็หล่อมากจริงๆแบบที่เดาไว้ไม่ผิด มันตัดสกินเฮดก็จริง แต่แม่งก็ยังหล่อมากๆอยู่ดี แถมยังเจาะหูด้วย มันเป็นแบบที่ผมชอบ ห้องมันก็เหมือนกัน ผมชอบห้องแบบนี้ ห้องของมันเป็นสิ่งเดียวที่ยืนยันว่ามันไม่เหมือนกฤษฎ์ กฤษฎ์เป็นสถาปนิก ห้องของเขาเลยถูกตกแต่งอย่างเป็นแบบแผน ในแบบที่เขาชอบ จะรกก็ต่อเมื่อทำงาน จากนั้นก็เก็บกวาด ส่วนห้องไอ้โฟล์คนั้น ไม่น่าจะเคยสัมผัสกับคำว่าระเบียบแน่นอน

“มานี่ดิ้" มันเรียกผม ในขณะที่มันไปนั่งที่ขอบเตียงเรียบร้อยแล้ว ผ้าปูที่นอนของมันเป็นสีเทา ผ้าห่มก็เช่นกัน

ผมยังตรึงขาตัวเองไว้ จนกระทั่งมันเอื้อมมือไปที่หัวเตียง เปิดไฟสีส้มสลัวๆแทนไฟสีขาวจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ และเรียกผมอีกที

“มานี่" มันกดเสียงให้เข้มขึ้น ผมเลยยอมเดินไปหามัน
“มีเชี่ยไร"
“เปล่า มานั่งด้วยกันเฉยๆ" มันว่า คำตอบที่ทำเอาผมอยากเตะมันสุดๆไปเลย
“ไอ้สัด"
“เรามาคบกันไหมมึง?” มันถาม ทำเอาผมสะดุ้ง
“เชี่ยไรของมึงเนี่ย" ผมถาม มองหน้ามันมาเป็นอะไรไป "มึงเมาเหรอวะ"
“เปล่า" มันปัดมือผมออก "กูชอบมึงว่ะ จริงๆกูฟังเรื่องมึงมาจากไอ้กายหลายรอบแล้ว เจอตัวจริงกูก็ยังชอบ"
“มึงตลกหรือเปล่า?” ผมหรี่ตามองมัน
“นิดหน่อย" มันบอกทำเอาผมอยากต่อยมันสุดๆ "ขำๆน่าน้ำชา รอดก็รอด ไม่รอดก็เลิก ง่ายจะตายไป" มันไหวไหล่
“ไอ้เหี้ย คบกันของมึงนี่คือเป็นแฟน?”
“เออ" มันพยักหน้ารับเสียด้วย
“ไอ้สัด เป็นแฟนกันไม่ได้เล่นขายขนมนะ นึกจะคบก็คบ เลิกก็เลิก พ่อมึง" ผมด่ายับ มันยังไม่ตอบโต้อะไร
“ถึงแค่ปีใหม่ก็ได้ แล้วก็เลิก"
“สัด"
“กูพูดจริง กูไม่ไปเอาใครก็ได้ระหว่างที่คบกับมึง แต่มึงก็ด้วย"
“นี่กูยังไม่ได้ตกลงอะไรทั้งนั้น มึงเลิกเพ้อเจ้อก่อน โอ้ย!!!” ไม่ทันพูดจบประโยคอีกแล้ว มันก็พลิกตัวผมลงนอนกับฟูกมันทันที มันไม่เสียเวลาให้ผมดิ้นประท้วงห่าไรทั้งนั้น มันจูบผม ก่อนฟัดซอกคอแรงๆจนผมตัวอ่อน แน่นอนว่าผมไม่ใช่ผู้หญิงที่จะมาสะดีดสะดิ้งไม่ยอม แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะไม่ได้รู้ว่าแม่งต้องการอะไรจากกูกันแน่

“เดี๋ยว! เดี๋ยวไอ้เหี้ยโฟล์ค มึงหยุด! แล้วฟังกูแปปนึงได้ไหมสัด!” ผมผลักหัวมันที่กำลังซุกอยุ่ที่หน้าอกของผม มันยอมเงยหน้าขึ้นมาในที่สุด
“อะไร?” มันถาม กวนตีนเหี้ยๆ
“มึงจะเอาอะไรจากกู จะเอากันแล้วจบกันคืนนี้แบบนั้นเหรอ กูบอกก่อนนะกูไม่ค่อยมีอารมณ์" ผมว่าไปตรงๆ แต่มันกลับจ้องหน้าผมแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ไว้ค่อยคุยกันก็ได้"
“เชี่ยโฟล์ค อื้อ...”     
“อะไรอีกวะ”
“มึงมีถุงยางใช่ไหม?”
“เออ"

มันคงรำคาญผมเต็มทน เพราะหลังจากนั้นมันก็ไม่ยอมให้ผมพูดอะไรอีกเลย มันเล่นผมเสียจนอ่อนไปทั้งตัว น่าแปลกที่มันรู้จุดอ่อนแทบทุกจุดของผม แต่ไม่...บางทีทุกจุดที่มันแตะนั่นแหละ ที่ทำให้ผมรู้สึกมากขนาดนี้ 

มันกัดทึ้งหัวนมของผม มือก็ลอกคราบผมไปด้วย แต่อย่าคิดว่ามึงเก่งฝ่ายเดียว เพราะไม่นานนักผมก็ลอกคราบจนมันเปลือยเปล่า เราเบียดตัวเข้ามากัน เนื้อตัวอุ่นๆทำให้ผมนึกถึงใครบางคน ที่เมื่อคืนยังกอดกันอยู่เลยด้วยซ้ำ

โฟล์คเล่นงานผมจนผมหลุดร้องน่าอายให้มันยิ้มล้อเลียน ผมทำให้มัน ก่อนที่มันจะดึงผมให้หันนอนคว่ำ โก้งโค้ง...สัมผัสนิ้วมือกับเจลเย็นๆที่ช่องทางด้านหลังทำเอาผมสะดุ้งเฮือก ผมมองผ่านร่างกายของผม เห็นมันกำลังสวมถุงยางอย่างรวดเร็วและช่ำชอง จากนั้นไม่นานผมก็ต้องหลับตาแน่น เมื่อตัวตนของมันค่อยๆแทรกเข้ามาในร่างกายผม


“อื้อ...เชี่ยโฟล์ค เบา...เบาก่อน"
“เจ็บเหรอ?” มันถาม แต่ไม่ได้เป็นห่วง ไม่เลยสักนิด เพราะมันยังคงแกล้งผมด้วยการกัดที่ใบหูอยู่เลย แถมยังดันเข้ามามากกว่าเดิมเสียอีก
“เออสิวะ มึงไม่ได้เล็กๆนะเว้ย อ๊ะ...ไอ้เชี่ย กูบอกแล้วว่า...อื้อออออ" มันคงรำคาญผมเต็มทน เพราะแม้ว่าผมจะพยายามห้ามมันแค่ไหน มันก็ยังคงค่อยๆเสยสะโพกพาน้องชายมันที่ใหญ่โตจนน่ากลัวเข้ามาในร่างกายผมอยู่ดี ผมเกลือกกลิ้งใบหน้ากับผ้าปูที่นอนของมัน อ้าปากหอบจนแทบทรุด "หมด...หมดยังวะ"

มันไม่ตอบ แต่ถอนสะโพกออกแล้วกระทุ้งกลับเข้ามาเต็มแรงจนผมทรุดหมอบไปกับเตียง แต่มันไม่ยอมให้ผมหยุด มันใช้มือช้อนสะโพกของผมขึ้น กระแทกกลับเข้าหาครั้งแล้วครั้งเล่า บางครั้งก็แกล้งผมด้วยการทำช้าๆเสียจนแทบขาดใจ มันไม่เคยผ่อนแรงเลยสักครั้ง หัวใจผมเต้นแรงเมื่อสัมผัสได้ถึงเรี่ยวแรงราวกับสัตว์ป่าของมัน จนกระทั่งมันทำให้ผมทนไม่ไหวอีกต่อไป


“อ๊ะ...อื้อ...โฟล์ค กูไม่ไหวแล้ว มึงพอ...อื้ออออ"
“ปล่อยออกมา"
“เดี๋ยว...เดี๋ยวมันเลอะ อึก...เชี่ยโฟล์ค!”
“ปล่อยออกมาเถอะน่ะ" มันกระซิบ เสียงแหบทุ้มของมันกับกลิ่นกายของมันทำเอาผมทนไม่ไหวเข้าจริงๆ ผมปลดปล่อยออกมาทุกหยาดหยดลงบนเตียงของมัน เช่นเดียวกับมันที่เร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆจนผมหัวคลอน และทุกอย่างก็ค่อยๆสงบลงเช่นเดียวกับมันที่นิ่งแช่ค้างไว้ในตัวผม...





ผมนอนนิ่งอยู่บนเตียงของมันระหว่างที่มันเข้าไปล้างตัว หมดแรงและไม่อยากลุกไปไหนเลยสักนิด ผมม้วนปลายผมของตัวเองไปมา ผมยักศกยาวเท่าบ่า ย้อมสีน้ำชาตามชื่อของผม ผมไม่อยากปฏิเสธหรอกนะ แต่ผมน่ะ ตอนเด็กๆหน้าตาจิ้มลิ้มอย่างกับเด็กผู้หญิงเลยด้วยซ้ำ

สักพักผมก็พลิกตัวกลับมาเมื่อเจ้าของห้องเดินเข้ามาคร่อมตัวผมไว้แล้วบดจูบผมอีกครั้ง ผมถอนหายใจแรงๆพลางผลักมันออก

“ตอนมึงทำเนี่ย มึงแม่งตั้งใจจะเอากูตายเลยใช่ไหม?” ผมถามอย่างเอาเรื่อง มันหัวเราะนิดหน่อยก่อนปาผ้าขนหนูใส่ผม
“มึงบอกไม่มีอารมณ์ ครางจนกูนี่แหละเกิดอารมณ์แทน"
“ไอ้สัด"
“ฮ่าๆๆๆ" มันหัวเราะ เวลายิ้มแม่งน่ารักดีนะ มีเขี้ยวเล็กๆด้วย "ชา"
“อะไร?”
“ตกลงคบกับกูนะ" มันเอ่ยถามเรียบๆ พลางเช็ดหัวมันไปด้วย ผมพลิกตัวนอนก่ายหน้าผากก่อนถอนหายใจออกมา
“มึงบ้าป่ะวะ มาขอคบกูที่เพิ่งเคยเจอกัน"
“มึงนั่นแหละบ้า คนเราแม่งจะชอบใครสักคน จะหนึ่งวัน หรือหนึ่งปี ยังไงก็ชอบ"
“......”
“จริงๆกูก็ไม่ได้อยากมีแฟนอะไรมากมาย" มันว่า "ห้องนี้กูก็ไม่เคยพาใครมานอนด้วย" มันเหลือบมองหน้าผม
“แล้วขอกูเป็นแฟนทำเหี้ยไร?”
“ไม่รู้ดิ มึงมันน่าแกล้งดี" มันว่าอย่างกวนตีน
“สัดเอ้ย"
“คบกันถึงแค่ปีใหม่ก็ได้...พอปีใหม่ ก็ค่อยเลิก" มันว่านิ่งๆ
“โฟล์ค กูกับมึงก็โตๆแล้วนะ แล้วนี่มันก็ไม่ใช่เล่นพ่อแม่ลูกนะสัด" ผมด่าไป
“แล้วมึงจะทำเป็นเรื่องยากทำไมวะ อีกสองอาทิตย์ก็ปีใหม่แล้ว ถึงตอนนั้น ถ้ามึงไม่ชอบกูอยู่ดี ก็แค่เลิก กูก็อาจจะไม่ชอบมึงแล้วก็ได้"
“ง่ายขนาดนั้น?”
“เวลามีใครสักคนอยู่ข้างๆแม่งก็พิเศษดีออกนะมึง กูหมายถึงแบบที่ไม่ใช่คู่นอนทั่วไป แล้วใครก็ให้กูไม่ได้ เพชรก็ให้กูไม่ได้หรอก มีแต่มึงนี่แหละ กูมองหน้าแล้วก็รู้เลยว่ะ"
“รู้อะไร?”
“รู้ว่ามึงจะอยู่ข้างๆกูได้ไง แล้วมึงก็ต้องการกูอยู่ข้างๆ"
“มึงพูดเองเออเอง" ผมยกมือก่ายหน้าผาก แต่จริงๆแค่ต้องการปิดตาตัวเองไม่ให้แสดงความรู้สึกออกไปเท่านั้นเอง ผมเองก็รู้สึกเหมือนว่าการได้มีใครอยู่ข้างๆมันดีแค่ไหน
“อย่างน้อยมึงก็ควรจะลองพิสูจน์ดู ว่าถ้ามีกูแล้ว มึงจะมีความสุข"
“เพราะอะไร?”
“เพราะมึงมันน่าดูแลไง ชอบทำให้เป็นห่วง" มันว่า ผมรู้สึกว่าริมฝีปากก็กำลังจะทรยศยิ้มออกมา แต่สุดท้ายผมก็หุบมันลง
“ไม่จริง"
“ไอ้กายบอกว่ามึงชอบทำให้เป็นห่วง แต่มึงคงไม่อยากให้พวกมันเป็นห่วงมากใช่ไหมล่ะ"
“แล้ว?”
“ก็มาทำให้กูเป็นห่วงแล้วกัน อยากได้อะไรก็แค่อ้อน"
“ไอ้สัด กูไม่ใช่คนขี้อ้อน พ่อมึง! แล้วก็ไม่ใช่เด็กเสี่ยด้วยสัด” ผมไม่อยากจะด่า แต่ก็ไม่รู้ทำไมที่ความเอาแต่ใจของโฟล์คมันทำให้ผมแทบจะใจอ่อน
“ชา...” มันเรียกชื่อผม น้ำเสียงมันเหมือนจะออดอ้อน แล้วผมก็ถอนหายใจ ลังเลอยู่ในใจ ก็จริงอย่างที่มันพูด...ในขณะที่กำลังจะพูดอะไรออกไปสักอย่าง โทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น เป็นสัญญาณว่ามีคนส่งข้อความทางแอพลิเคชั่นไลน์เข้ามา

"กูหยิบให้" มันว่า ผมพยักหน้า สักพักมือถือก็ยื่นมาตรงหน้า
“ขอบคุณ"
“กฤษฎ์นี่ใคร แฟนมึงเหรอ?” มันหรี่ตามองผม ผมมองตามัน จริงๆก็ไม่ได้มีอะไรต้องปิด ยิ่งกับมันที่กำลังกวนตีนขอผมเป็นแฟนด้วยแล้ว...
“เปล่าไม่ใช่...” ผมว่า ลังเลว่าจะเปิดเข้าไปดีหรือไม่ กับคำถามสั้นๆบนหน้าจอนั่นที่ว่า 'ชาอยู่ไหน?'
“แล้วใคร?”
“คนที่กูชอบ...ชอบเขามากที่สุด แต่แม่งคงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว" ผมว่าเบาๆก่อนพลิกตัวหนี มันจ้องหน้าผม ท่าทางจะปะติดปะต่อเรื่องได้ทั้งหมดแล้ว ผมถอนหายใจเบาๆเมื่อมันเอื้อมมือมาดึงโทรศัพท์ไป
“เรายังคุยเรื่องของเราไม่จบ"
“กูว่า...เราเป็นเพื่อนกันได้นะ จะเซ็กส์เฟรนด์ก็ได้กูให้มึงเลือก แต่...”
“เอางี้ กูจะเดารหัส ถ้ากูเดารหัสถูก กูจะตอบเขาไปว่า มึงมีแฟนแล้ว แล้วมึง...ก็มาเป็นแฟนกู" มันว่า ผมรีบพลิกตัวกลับมา "ถ้าไม่ถูก กูจะหายไปจากมึงเอง"
“โฟล์ค มึงจะบ้าเหรอ?”
“หรือมึงไม่กล้า...” มันถาม พลางยิ้มท้าทาย ผมได้แต่เม้มปากแน่น "กูจะเดาแค่หนึ่งครั้ง ถือว่ามึงให้โอกาสกูหนึ่งครั้ง"
“......”
“เอาไง?”

ผมเม้่มปาก จ้องตามันนิ่ง มันเองก็จ้องหน้าผมกลับ แกว่งไอโฟนของผมในมือไปมา...



“ก็ได้...”



ผมตอบไปในที่สุด สุดท้ายต่อให้มันพูดดียังไง เราก็ต่างต้องการแค่เซ็กส์อยู่ดี

แน่นอนมันปลดล็อคได้อย่างที่มันท้าทายเอาไว้ ผมไม่อยากจะเชื่อสายตา แต่ก็ยอมรับ...และเตรียมพร้อมใช้ชีวิตกับสัตว์ป่าเอาใจยากอย่างไอ้โฟล์คในที่สุด





 14วันก่อนตกหลุมรัก.









tbc. 


ตอนที่1มาเล้ว ยาวเชียว555
ขอบคุณสำหรับการตอบรับในตอนที่แล้วนะจ๊ะ
ส่วนน้องมิไม่ลืมแน่ สิ้นสัปดาห์นี้ได้เจอกัน เพราะไม่มีสต็อคไว้เลย

สำหรับตัวละครเรื่องนี้อาจจะเยอะหน่อย แต่ว่าตอนนี้ยังโผล่มาไม่เยอะ ไม่ค่อยมีบทบาทนัก
ที่ตัวละครเยอะเพราะว่าเราตั้งใจจะแต่งเรื่องของหลายๆคู่ตามที่เคยเปรยเอาไว้น่ะค่ะ

มีตัวละครไหนใครคุ้นเคยกันบ้างไหมคะ? 555

เฉลยให้ก็ได้ 'เป๊ก' ค่ะ

ถ้าใครได้อ่านล่ารักฯ จะสะดุดชื่อบ้างเนอะ (น้องชายของ ท็อป แทนไท แฟนตะวันเพื่อนมิถุนา)

ซึ่งเป๊กเนี่ย จะมีบทบาทยิ่งใหญ่ต่อไปในเรื่องใหม่ ก็ขอให้ติดตามกัน (ถ้ามี)

ฝากคอมเม้นท์กันด้วยนะคะ ส่วนตอนที่สอง ก็ไม่พรุ่งนี้ก็มะรืนนะจ๊ะ ลงได้ถึงตอนที่4 เพราะหลังจากตอนที่4ก็หมดสต็อคแล้ว มีแต่พล็อตที่ร่างเอาไว้คร่าวๆในกระดาษจ้า

ออฟไลน์ ๐๐ตะวัน๐๐

  • ๐๐๐ลูกตาล๐๐๐
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
น่าสนใจมากค่ะ ติดตาม ๆ

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Plot เจ๋งเป้งอีกแล้ว
เดินเรื่องฉับไว แค่หนึ่งตอนก็มีเรื่องราวมากมาย
ชอบจังครับ

kslave

  • บุคคลทั่วไป
พี่โฟลคดูท่าจะรักจริงหวังแต่ง

ออฟไลน์ เด็กหญิง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 204
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
สนุกมาก :z3: :z3:
ชอบคาแรคเตอร์ตัวละครในเรื่องมากค่ะ
แต่ละคนชัดเจน จำง่ายมากๆ เท่ด้วย :hao6:

ชอบโฟล์คจริงๆอ่ะ เป็นผู้ชายในแบบที่ชอบเลย
อยากทำอะไรก็ทำ ไม่ค่อยไปคิดอะไรมากมาย กวนตีน แบดบอยนิดๆ
อิจฉาน้ำชา  :o8: :o8: :o8:


รอดูว่าจะรักกันยังไงค่ะ 5555

คนแต่งเก่งมาก  o13 คนละแนวกับล่ารักฯเลย แถมยังสนุกมากๆ
ไม่มีมือตกเลย ชอบ  :hao5:
จะรอตอนต่อไปนะคะ :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ IIIA

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1
น้ำชาน่าสงสารอ่าาา  :sad4:

โฟล์คแกจะไม่ทำร้ายน้ำชาใช่ไหม  :katai5:

ออฟไลน์ EverGreen™

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-1
โฟล์คแอบชอบชามานานแล้วรึไงนะ
เหมือนจะเป็นอย่างนั้น
เราว่าคู่นี้น่ารักดีอะ
14วันก่อนตกหลุมรัก  :-[

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
อ้างถึง
14วันก่อนตกหลุมรัก.

อร๊ายยยย :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lalitalx

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-3
เตรียมกรี๊ด เป๊ก อิอิ  :katai2-1: :katai2-1:
อั๊ยยะ ฟังแล้วใจชื้นจะได้อ่านนิยายคุณไคลี่อีกหลายเรื่อง  :hao6: 55555555
ชอบคำว่าสัตว์ป่าเอาใจยาก 55555 น้ำชารับมือยากแน่ อิอิ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ติดตาม ตามติดต่อไป

ออฟไลน์ pemiko2012

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ถ้าชาไม่ดอาเราขอนะ 55555
ชอบโฟล์คอ่ะะะะ :katai2-1:

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
โง่ยยย ยังไม่อิ่มเลย อยากอ่านสัก 3 บท  :katai1: งืออ โฟล์คมัยน่ารักกะน้ำชาจังอ่ะ

ออฟไลน์ Arancia

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 463
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-2
กรี๊ดดด ติดตาม น่าอ่านต่อมาก รอคะรอ

เชียร์โฟล์คๆๆ

ออฟไลน์ NOoTuNE

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +317/-15
ชอบมากกกกกกกกกก


14 วันก่อนตกหลุมรัก


คนไม่รัก เค้าไม่มาเสนอตัวดูแลหรอกนะน้องชา

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7

ออฟไลน์ full69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-2
ติดตามตามติดต่อไป

ออฟไลน์ appattap

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เป็นกำลังใจให้ น้ำชาาาา น๊าา
 :L2: :L2:

ออฟไลน์ Moose

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
สนุกมากกกกก ชอบบบบบบ ><

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Maytbb

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
เป็นแฟนแล้วต้องดูแลน้ำชาให้ดีๆนะ   :กอด1:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
โฟล์คดูจะจริงจังมากนะ ถึงจะทำเป็นเล่นก็เหอะ
อยากอ่านเรื่องของพี่เป๊กด้วยจ้า

ออฟไลน์ qq_oo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +143/-4

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
14 วันก่อนตกหลุมรัก


ชอบอ่าาาาาาาาาา
มาต่อเร็วเร็วนะ

ออฟไลน์ บ๊ายบายโพ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
มาจีบเค้าก่อนแบบนี้ พอน้ำชาตกหลุมรักแล้วห้ามทิ้งนะโฟล์ค  :katai2-1:

ออฟไลน์ PoPuAr

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
น้ำชา ชื่อน่ารักอะ
โฟล์คเท่มากกกกกกกกกกกกกกก
แค่ตอนแรกก็ฟินละ รอตอนหน้าค่ะ

ออฟไลน์ bennnyyy

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 791
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
โฟล์ครุกเร็วมาก :laugh:

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ครึ่งเดือน จะว่าน้อยก็น้อย จะว่านานก็นาน

ออฟไลน์ Mancha KHIRI

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
อย่าจีบเล่นๆ นะโฟล์ค ไม่อย่างนั้น....  :beat:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
14วันกับการตกหลุมรัก น่าลุ้นจริงๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด