![:t3:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/anigif2.gif)
เพลานี้กระผมง่วงนอนเหลือเกินขอรับ
แต่อยากเอามาลงให้นายท่านได้อ่านกันก่อน
ด้วยวันรุ่งพรุ่งนี้กระผมเกรงจักมิมีเวลาพอ
ด้วยมีธุระจักต้องไปสะสางยังฝั่งพระนคร
(ไอ้หน่อยมันอยากดูหนัง...อิอิ)
ตอนหน้า.....
จักเป็นตอนอวสานแล้วนะขอรับ
มาร่วมด้วยช่วยกันกับกระผม
ส่ง"ขุนจำเริญแลไอ้ลอย"
ให้ถึงสวรรค์ชั้นเจ็ดกันเถิดขอรับ...คริคริ
![:m20:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/yoyo41.gif)
ทาสรัก....สมัครใจ....44
“คนเจ็บเพิ่งจักฟื้นตื่น
ไฉนใยมันหายวันหายคืน
หน้าตาฤาก็ออกจักชื่นบานไร้ทุกข์โศก
ระริกระรื่นจนแลดูขวางหูขวางตาข้ายิ่งนัก”
“คนดีกลับกลายซูบเซียวทรุดโทรม
ไร้เรี่ยวแรงราวป่วยไข้
สีหน้าสีตาอ่อนระโหยโรยแรง
คล้ายมิเป็นอันกินอันนอน
ตาลปัตรกลับกันไปเสียสิ้น
ข้าล่ะมิเข้าใจเอาเสียเลย”
คุณนายแฉล้มบ่นพึมพำ
คราแวะมาเยือนเรือนพระยาศรีพิพัฒน์
ไอ้ลอยคนซื่อมันแลดูสดชื่นรื่นรมย์อยู่ดีมีสุข
เพลาเช้ามันเข้าร่ำเรียนที่โรงเรียนกฎหมาย
เพลาบ่ายมุ่งตรงไปทำงานการยังกระทรวง
หน้าตาคมสันหมดจดเอิบอิ่มชวนมองมีน้ำนวล
กายกำยำล่ำสันครานุ่งห่มเยี่ยงเจ้าหน้าที่เสมียนตรา
เสริมสง่าราศีจับตามิใช่น้อย
ขุนจำเริญเสียอีก
แลดูกระปรกกระเปลี้ย แข้งขาอ่อนแรง
ลุกนั่งร้องโอดโอยเสียยิ่งกว่าคนเจ็บไข้ได้ป่วย
ผิวกายที่เคยผ่องพรรณ
มาบัดนี้มีร่องรอยเขียวช้ำเป็นจ้ำ
โดยจำเพาะซอกคอขาวเนียน
จ้ำเขียวกระจาย ประปรายมีให้เห็นอยู่เป็นนิจ
สายตาของผู้อาบน้ำร้อนมาก่อนเยี่ยงนางแฉล้มผู้นี้
มีฤาว่านางจักจับพิรุธมิได้
ขุนจำเริญมักเคืองขุ่นหน้าหงิกงอใส่ไอ้ลอยอยู่เป็นนิจ
กริยาค้อนควักเพลาหันมาสบตากันก็มีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง
ไอ้ลอยคนซื่อนั้นเล่ามันมิได้รู้เหนือรู้ใต้
เพียรพยายามส่งสายตาหยาดเยิ้มมากำนัล
ทำหน้าเป็นประจบประแจงมิเว้นวาย
“ขุนจำเริญหลานย่าเอ๋ย..
เจ้ากินอิ่มนอนหลับฤาไม่
ใยมิถนอมเนื้อตัวไว้ให้มากอีกสักหน่อยเล่า
เพิกเฉยละเลยเนื้อตัว
ปล่อยให้ไอ้ริ้นไรเลวร้ายมันไต่ตอม
ขบกัดกายหลานเสียจนขึ้นรอยเขียวเป็นจุดเป็นจ้ำ
ย่าล่ะเสียดายผิวนวลเนียนของเจ้านัก”
นางแฉล้มกล่าวเตือนสติขุนจำเริญหลานท่าน
มิให้ปล่อยกายใจให้ไอ้ลอยคนคิดมิซื่อมากนัก
สายตาคมกริบราวนกเหยี่ยวคราจ้องตะครุบเหยื่อของนางนั้น
ชำเลืองแลไปทางไอ้ลอยคนซื่อ
ราวจักตักเตือนให้รู้สำนึก
ทำเอาบุรุษหนุ่มทั้งสอง
เสียวสันหลังราววัวสันหลังหวะ
“ขอรับคุณย่าแฉล้ม หลานขอบ....”
มิทันที่ขุนจำเริญจักได้กล่าวจนจบถ้อยคำ
พระยาแลคุณหญิงศรีพิพัฒน์อีกทั้งคุณหนูแดง
ได้เดินอย่างเร่งรีบขึ้นมาจากบันไดหน้าเรือน
“กราบขออภัยให้กระผมด้วยเถิดขอรับคุณนายแฉล้ม
ด้วยตัวกระผมมิทันนึกรู้ว่าท่านจักมาเยือนถึงเรือนชาน”
เจ้าเรือนกล่าวทักทายแลยกมือไหว้นบนอบ
ภรรยาแลธิดาที่เดินตามหลัง
ต่างยกมือไหว้ทักทายหญิงชรา
เฉกเช่นเดียวกัน
“มิเป็นไรดอก
ก็ข้ามิได้บอกได้กล่าวล่วงหน้ามาก่อน
พวกเจ้าจักหยั่งรู้ได้เยี่ยงใดกัน
มีหูตาทิพย์กันฤาก็เปล่าทั้งเพ”
ผู้ที่อยู่บนเรือนใหญ่ในเพลานั้น
ต่างคนต่างลอบมองหน้ากันแล้วกลั้นยิ้มเอาไว้ในหน้า
ด้วยนึกขันคำกล่าวของนางแฉล้ม
ที่มักแฝงคำติเตียนเอาไว้
“ข้ามาวันนี้จักมาบอกกล่าวเล่าความถึงการทาบทาม
ให้พวกเจ้าบนเรือนนี้ได้รู้ตัวทำใจกันล่วงหน้า
อีกราวสองฤาสามวันลูกชายข้า...เจ้าพระยานิติธรรม
จักพาท่านท้าวในรั้ววังด้านในมาเจรจาสู่ขอแม่หนูแดง
ให้หลวงอรรถหลานชายคนเดียวของข้า
ท่านพระยาแลคุณหญิงศรีพิพัฒน์เจ้าจักว่าเยี่ยงไรกัน”
ในการนี้มิมีผู้ใดจักประหลาดใจมากนัก
ด้วยคาดเดากันได้
อันนับเนื่องมาจากการที่หลวงอรรถนั้น
ช่างสำแดงออกตัวโจ่งแจ้งเสียเหลือเกิน
ในอันที่จักใคร่ได้ใคร่มีคุณหนูแดงมาร่วมเรียงเคียงหมอน
หมั่นเทียวเช้าเทียวเย็น
เกี้ยวพาราสีป้อยอคำหวานอย่างสุดกำลัง
ข้างฝ่ายทางหลวงอรรถเองนั้น
มวลหมู่บุพการีญาติพี่น้องต่างพากันนึกนิยมยินดีแลโล่งอกใจ
ที่หลวงอรรถกลับลำคิดรักชอบสตรีเพศ
ด้วยแต่เดิมมานั้นมิได้คาดหวังว่า
คนอย่างหลวงอรรถผู้นี้
จักชมชอบสตรีสาวผู้ใดจนถึงขั้นใคร่ตบแต่ง
“ปลูกเรือนมันต้องตามใจผู้อยู่น่ะ
เคยได้ยินได้ฟังกันฤาไม่
ใครๆเขาก็รู้กันทั่วทั้งพระนคร
ว่าแต่ใจของหล่อนเล่าแม่แดง
คิดอ่านเยี่ยงไรกับหลานข้า
พ่ออรรถของข้าน่ะเป็นคนดีมีน้ำใจอารีอารอบ
กตัญญูรู้คุณบุพการี
จิตใจนั้นฤาก็เป็นใจที่หนักแน่นมั่นคง
หน้าที่การงานยศศักดิ์ก็มิน้อยหน้าผู้ใด”
คุณหนูแดงนั่งก้มหน้างุดอย่างกระดากอาย
แลเห็นเพียงใบหูบางที่ขึ้นสีแดงก่ำ
มือน้อยสองข้างกุมบิดบีบกันไปมาบนตัก
“อิฉันแล้วแต่คุณพ่อแลคุณแม่จักเห็นสมควรเจ้าค่ะ”
“บ๊ะ...เยี่ยงนี้นี่สิเขาจึงจักเรียกว่าเป็นผู้รู้คุณคน
กตัญญูต่อพ่อแม่ช่างน่าสรรเสริญเจริญพรนัก
มิเสียแรงที่พ่ออรรถของย่าคร่ำครวญหาเจ้าอยู่ทุกโมงยาม
จนพวกข้ารำคาญหูขวางตาวันละสี่ซ้าห้าหนเห็นจะได้”
นางแฉล้มเปลี่ยนคำเรียกขานตัวเสียโดยพลัน
คล้ายกลับหวั่นเกรงคุณหนูแดงจักเปลี่ยนใจ
“แล้วพระยาแลคุณหญิงเล่าเจ้าจักว่าเยี่ยงไร
ในเมื่อหลานแดงของย่าตกปากรับคำย่าคนนี้เสียแล้ว
พวกเจ้าเป็นดังลูกในอุทรของข้า
คงจักมิคิดขัดขวางฤาเห็นมิสมควรดอกนา
สินสอดทองหมั้นข้าวของข้าตระเตรียมไว้แล้วอย่างสมเกียรติ
ศรีสะใภ้ของหลานข้าจักได้รับแต่สิ่งดีเลิศทุกประการ”
นางแฉล้มมัดมือชกทันควร
มิเปิดโอกาสให้ผู้ใดได้คัดค้าน
“เอ่อ..กระผม...”
พระยาศรีพิพัฒน์จักพูดอันใด
มิมีผู้ใดจักได้รับฟังเสียแล้ว
“เป็นอันตกลงกันตามนี้ วันรุ่งพรุ่งนี้
ข้าจักให้ลูกข้าแลผู้จัดการงานมงคล
มาเจรจาว่ากันด้วยเรื่องสู่ขอตบแต่งโดยละเอียด
เพลานี้ข้าใคร่กลับไปเอนหลังที่เรือนข้าเสียหน่อย
ข้าไปล่ะ”
นางแฉล้มยิ้มย่องผ่องใส
คราเหตุการณ์ดำเนินไปตามความประสงค์ของตน
ก่อนจากยังมิวายกล่าวอวยตนทิ้งท้ายเอาไว้ว่า
“เป็นบุญวาสนาของพวกเจ้าบนเรือนนี้แล้วล่ะ
ที่จักได้ดองเป็นทองแผ่นเดียวกันกับพวกข้า
ยศศักดิ์สินทรัพย์ฤาก็เสมอกัน
จักพากันรุ่งเรืองต่อไปในภายหน้า"
"แม่แดงหลานย่าเอ๋ย
หลานเองก็จงเร่งตระเตรียมกายใจเสียให้พร้อม
เพลาถึงคราวงานจักได้มิมีอุปสรรคขัดข้อง
ย่าจักได้มีเหลนน้อยมาอุ้มชูเสียที..ฮะ..ฮะ”
เป็นอันว่าแม่สื่อแม่ชัก เถ้าแก่ นายหน้า
ที่หวังไหว้วานว่าจ้างให้มาเจรจาสู่ขอนั้น
คงมิมีความจำเป็นอันใดต้องใช้ในการนี้อีกแล้ว
ด้วยนางแฉล้มเธอเจรจาจัดแจงเองเสียสิ้น
*******************************************************
งานมงคลระหว่างหลวงอรรถแลคุณหนูแดงนั้น
จักเป็นที่โจษจันไปทั่วคลุ้งน้ำแลทั่วทั้งพระนคร
อีกนานนับสิบปีเป็นอย่างน้อย
ด้วยเป็นงานใหญ่โตเอิกเกริกสมกับที่เจ้าภาพฝ่ายชาย
เป็นถึงขุนนางผู้ใหญ่ลำดับชั้นเจ้าพระยาแลเศรษฐีนีย่านถนนตก
แขกเหรื่อนั้นเล่า ราวกับเป็นสถานที่ชุมนุมของข้าราชการใหญ่น้อย
มิมีผู้ใดที่จักมิได้อยู่ในที่แห่งนี้แม้นสักคนเดียว
นางแฉล้มยึดถือมงคลฤกษ์ในการนี้
ร่วมทำบุญทำทานเป็นการใหญ่โต
หวังให้กุศลผลบุญในเพลานี้
ได้สร้างเสริมบารมีต่อลูกหลานสืบไป
นางบริจาคทรัพย์ก้อนใหญ่แก่วัดวาอารามใหญ่น้อยทั่วทั้งพระนคร
เงินทองข้าวของอีกจำนวนมากได้ถูกนางแจกจ่ายให้ทานแก่ผู้ยากไร้
เสียงร่ำลือถึงความใจบุญสุนทานของนางในครั้งนี้
เป็นที่สรรเสริญแลโจษจันโดยทั่วกัน
คุณหนูแดงก้มหน้าก้มตาตลอดงานด้วยขวยเขิน
ด้วยหลวงอรรถที่นั่งอยู่เคียงข้างมาตลอดงาน
เฝ้าแต่จ้องมองเธอมิวางตา
หน้าตาหลวงอรรถนั้นยิ้มแย้มมิยอมหุบ
หากลุ่มหลงกันเยี่ยงนี้ตลอดกาล
คนทั้งคู่คงจักเป็นคู่ครองที่น่าอิจฉามากที่สุดในพระนคร
****************************************************
เสียงพระภิกษุท่านกล่าวสวด
อำนวยให้ศีลให้พรแก่คู่บ่าวสาว
กังวานก้องน่าเลื่อมใส
ขุนจำเริญแลไอ้ลอยนั่งอยู่เคียงข้างกัน
เยื้องไปทางด้านหลังของคู่บ่าวสาว
ต่างประนมมืออยู่กลางระหว่างอก
สีหน้ายิ้มแย้มผ่องใส
บรรยากาศรอบตัวของคนทั้งสอง
ห่อหุ้มไปด้วยความสุขอย่างแท้จริง
ครั้นถึงตอนกราบพระ
ทั้งสองก้มลงกราบโดยพร้อมเพรียงกัน
คราเงยหน้าขึ้นมาประสานสายตากัน
รอยยิ้มบริสุทธิ์จากส่วนลึกของจิตใจที่ออกมานั้น
กระจ่างใสบริสุทธิ์ยิ่งนัก
“ลอยจ๋า...ข้ามีความสุขเหลือเกิน”
ขุนจำเริญกระซิบบอกเสียงหวานใส
“ไอ้ลอยมันก็มีความสุขเฉกเช่นเดียวกันขอรับ
สุขของมันนั้น...
มาจากการที่ยอดรักของมันมีสุขขอรับ”
ไอ้ลอยกระซิบตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มแลอ่อนโยน
หากทว่าน้ำเสียงของมันนั้น....หนักแน่นแลมั่นคง
เฉกเช่นเดียวกับหัวใจรักของมัน
ที่มีต่อขุนจำเริญอันเป็นที่รักยิ่ง
![:mew1:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/mew1.gif)