
ขอขอบคุณทุกคอมเม้นท์และคำแนะนำครับผม

*************************************
ทาสรัก....สมัครใจ....16
ขุนจำเริญเพลานี้หน้าชื่น หากภายในอกตรอมตรมขมไหม้
ท่านมิใคร่ยิ้มหัวพูดจาเสวนากับผู้ใด เก็บเนื้อเก็บตัวเงียบเชียบในห้องหับ
จักก้าวย่างผ่านพ้นลงจากเรือนแพ ต่อเมื่อถึงเพลา ราชการงานกระทรวง
สำรับกับข้าวแทบมิแหว่งพร่อง กินเล็มน้อยนิดราวแมวดม
รูปกายอรชรบอบบางสะโอดสะอง บัดนี้ซูบผอมผิดตามิน่าชม
ใจขุนจำเริญลอยห่างตัว มิใยดีผู้คนรอบกาย
หมกมุ่นครุ่นคิด เหม่อลอยเศร้าซึม
ไอ้ลูกทาสมันสรรหาข้าวปลาอาหาร อีกคาวหวานผลหมากรากไม้
นำมาประเคนมากมายหลากหลายสีสัน ล้วนแล้วแต่น่าลิ้มลอง
นางคนครัวบรรจงประดิดประดอยสุดฝีมือ
แต่ละขั้นแต่ละตอน ยุ่งยากซับซ้อน เสียเวลามิน้อย
คุณหญิงศรีพิพัฒน์ท่านเสาะหายาหม้อ ต้มสะอาดสะอ้านตามวิธี
กำชับจัดส่งตรงมาถึงเรือนแพ หวังบำรุงเพิ่มพูนกำลังกาย
คุณหนูแดงนั้นเล่า มินิ่งเฉย พลิกตำราคาวหวานโบราณว่า
จัดปรุงสุกใหม่หอมหวนควันโขมง ตบแต่งประดับประดาลานตา
วิตกกังวลโกลาหล เอิกเกริกทั่วกัน ทั้งนายบ่าว
อนิจจา ดิ้นรนแก้ไขไปใย มิถูกทาง
ต้นตอมูลเหตุมิใช่กาย ใจแล้วไซร้ป่วยไข้ไม่เยียวยา
ครานั้นคุณหญิงศรีพิพัฒน์ร้อนในอก ด้วยขุนจำเริญทรุดโทรมแลผ่ายผอม
ชีวิตมี แต่ไร้ซึ่งชีวา กริยาประหนึ่งหุ่นฟางกลางทุ่งข้าว
อีกพระยาศรีพิพัฒน์ กลับเพิกเฉยมิอนาทร ทุกข์ร้อน
หัวอกแม่หวาดวิตก กลัวประสบการสูญเสีย
“คุณพี่เจ้าขา มิเดือดเนื้อร้อนใจบ้างหรือไรเจ้าคะ
เพลานี้ขุนจำเริญหม่นหมอง มองนองทุกข์
คุณพี่แลลูกมิเจรจาพาที เมินกันเยี่ยงนี้
จักสายเกินการนะเจ้าคะ”
คุณหญิงศรีพิพัฒน์ควักค้อนสามีจนอ่อนอก
เจ้าเรือนผู้เป็นใหญ่มิวิตก ผิดแปลกประหลาดนัก
นับแต่วันบอกกล่าว เรื่องราวสาวคู่หมาย
พระยาศรีพิพัฒน์ถกเถียงเสียงดังกับบุตรชาย
จนบัดนี้ล่วงเลยมาหลายเพลา
บุตรบิดายังมิหันเข้าหา พูดจากัน
ทิฐินั้นเล่า เสมอกัน มิมีผู้ใดอ่อนผ่อนปรน
พระยาศรีพิพัฒน์เงียบขรึม พูดเพียงน้อยกินเพียงนิดมิผิดกัน
หากนับเนื่องนานวัน จักเกินการแก้ไข
เรือนใหญ่เงียบเหงา ซบเซา ขุนจำเริญมิกรายมาใกล้
เรือนแพลั่นดาลปิดเงียบ สรรพเสียงสรรพสิ่ง สงบนิ่ง
“คุณหญิงเอ๋ย พี่หวังขุนจำเริญเติบใหญ่ได้ดี มิเคยลำเลิกบุญคุณ
สิ่งใดเหมาะ สิ่งใดสม ดั้นด้นเสาหะมาเปรอปรนจักใคร่ได้สิ่งใด มิเคยขัด
ใคร่ข้ามน้ำข้ามทะเลไปร่ำเรียนเมืองฝรั่ง พี่สนับสนุน จุนเจือ มีตกหล่น
อีกทั้งบุตรีพระยาแม้นมนตรีสหายพี่ มีอันใดอ่อนด้อยน่ากังขา”
พระยาศรีพิพัฒน์ทอดถอนใจ แล้วคำนึงถึงเหตุการณ์ในครานั้น
****************************************
เพลาเย็นขุนจำเริญกลับจากราชการงานกระทรวง
แวะเยือนเรือนใหญ่ หน้าตายิ้มแย้มเปี่ยมสุข
นานโข ที่มิเห็นบุตรชาย ผ่อนคลาย เบิกบานสำราญใจ
ขุนจำเริญยกมือบางไหว้สา พระยาศรีพิพัฒน์แลคุณหญิง
ที่นั่งพักผ่อนจิบชาบนยกพื้นของหอนั่ง เรือนใหญ่
บิดาท่านนั่งเอนกายอยู่บนฟูกปู
เครื่องเชี่ยนหมาก น้ำชาจีน ขันน้ำพานรอง วางประดับอยู่ครบครัน
คุณหญิงศรีพิพัฒน์ นั่งจัดหมากพลูอยู่ข้างสามี
คุณหนูแดงนั่งพับเพียบอยู่เคียงชิด ติดมารดา
ยิ้มหวาน ยกมือน้อยวันทาขุนจำเริญ
จิบชาจีนอุ่นจัด ตัดรสหวานขนมไทย
บนเรือนใหญ่อบอวลด้วยความรัก หยอกเย้ายิ้มสรวลกันคึกคัก
นายเงินท่านรักใคร่กลมเกลียว ถ้อยคำถนอมน้ำใจหวานหู
ประสงค์แต่สิ่งดี มีไว้ให้แก่กัน
จวบจน....
“คุณหญิงน้องพี่ เจ้าจดจำพระยาแม้นมนตรีสหายพี่ได้หรือไม่”
พระยาศรีพิพัฒน์กล่าวขึ้นมา ในคราหนึ่ง
“น้องจดจำได้แม่นยำเจ้าค่ะคุณพี่ มีเรื่องราวอันใดฤาเจ้าคะ”
คุณหญิงศรีพิพัฒน์ยิ้มแย้ม ตอบกลับ
ขุนจำเริญบังเกิดความกระวนกระวายขึ้นภายใน
ลางสังหรณ์ว่า จักเกี่ยวข้องพันผูกมาถึงตน
มิผิดดังสังหรณ์ ด้วยพระยาศรีพิพัฒน์ส่งสายตามาสบ ประสาน
แล้วท่านล้วงหยิบแผ่นภาพบานฉาย
จากกระเป๋าเสื้อผ้าป่านคอกลมที่สวมใส่
หยิบยื่นแผ่นภาพในมือท่านส่งให้ภรรยา
“ผู้ใดกันเจ้าคะคุณพี่ น้องมิคุ้นตา”
คุณหญิงศรีพิพัฒน์เพ่งพิศดู แล้วเงยหน้าถามไถ่พระยาผู้สามี
คุณหนูแดงใคร่รู้ ขยับเข้าไปชิด ชะโงกมองดูภาพถ่าย
“งามเหลือเกินเจ้าค่ะคุณพ่อเจ้าขา สตรีท่านนี้เป็นผู้ใดกันเจ้าคะ”
พระยาศรีพิพัฒน์ยกยิ้มถูกใจ สบสายตาขุนจำเริญแล้วกล่าวว่า
“แม่แป้งร่ำ บุตรีคนเดียวของพระยาแม้นมนตรี สหายพ่อ
สตรีผู้งดงามทั้งกายใจ กริยามารยาทเยี่ยงชาววัง มิผิดเพี้ยน
งานบ้านการเรือนมิมีที่ติ พ่อพึงใจนัก
หากผู้ใดมีบุญพาวาสนาส่งเป็นคู่ครอง
แม่แป้งร่ำจักเป็นแม่ศรีเรือน เสริมส่งบารมีสามี
พ่อตรองดูแล้วน่าริษยายิ่งนัก
ขุนจำเริญเจ้าเห็นด้วยกันกับพ่อหรือไม่
บุตรีพระยาสหายพ่อผู้นี้ เป็นเยี่ยงไรบ้าง”
พระยาศรีพิพัฒน์พยักหน้าให้คุณแดงส่งภาพให้ขุนจำเริญ
ครานั้นขุนจำเริญสีหน้ามิสู้ดี ซีดเซียว ตระหนกตกใจ
ท่านยื่นมือบางสั่นระริกรับกระดาษภาพถ่าย มาถือไว้
พระยาศรีพิพัฒน์หลงผิด คิดว่าบุตรชายประหม่าอายแลขวยเขิน
จึ่งหันไปแย้มยิ้มดีใจกับคุณหญิงภรรยาท่าน
คาดหวังจักสัมฤทธิ์ผล สมตั้งใจ
ขุนจำเริญแทบมิชายตาดูสตรีงามในภาพ
กัดริมฝีปาก เพียรพยายามรวบรวมสติที่แตกกระเจิง
“คุณพ่อขอรับ เพลานี้ลูกยังมิคิดถึงเรื่องอื่นใด
ด้วยลูกนี้ กังวลกับราชการงานเมืองล้นมือ
สู้อุตส่าห์ร่ำเรียนฝึกฝนค้นคว้ามาจากเมืองฝรั่ง
ขอคุณพ่อได้โปรดอนุญาตให้ลูกได้รับใช้แผ่นดินเกิด
ให้สมกับที่ลูกตั้งหวังไว้ด้วยเถิดขอรับ
การมีคู่ครองยังมิสายหากรั้งรอ ต่อไปในภายหน้า
ลูกมิอยากเสียสมาธิ เสียการงานขอรับ
ขอคุณพ่อได้โปรดเข้าใจแลเมตตาลูกคนนี้ ด้วยเถิดขอรับ”
ขุนจำเริญมิเคยเอ่ยคำยาวเหยียดเยี่ยงนี้
สีหน้าเคร่งเครียดเห็นได้ชัดถนัดตา
ครั้นได้ยินคำตัดรอนมิใยดี สตรีบุตรีสหายชั้นพระยา
พระยาศรีพิพัฒน์บังเกิดโทสะจริต
ด้วยหมายมั่นสตรีผู้นี้ ให้มาเป็นศรีสะใภ้ ประดับบุญบารมีของตน
พระยาศรีพิพัฒน์สู้ทนอดกลั้น กล่าวกลับไปว่า
“พ่อของเจ้าแลพระยาแม้นมนตรี มีสายสัมพันธ์อันดีต่อกันมาช้านาน
บัดนี้สมควรแก่เพลาเจรจาสู่ขอบุตรีท่าน มาเป็นแม่ศรีเรือนของเจ้า
เจ้าประจักษ์แก่ตาแล้ว แม่แป้งร่ำ สวยสมกันกับเจ้านะขุนจำเริญ
เจ้าจักต้องร่วมหอลงโลง ครองคู่เป็นแผ่นทองเดียวกัน ดังคำข้า”
พระยาศรีพิพัฒน์บีบบังคับ อีกกำชับบุตรชาย
ขุนจำเริญนั่งก้มหน้านิ่งอยู่ สองมือบีบกดกันจนแน่น
จักทำเยี่ยงไรจึงหลุดพ้น
ด้วยรู้วิสัยบิดาท่าน หากตกลงปลงใจในการใดแล้วไซร้
ยากนักจักกลับกลาย เปลี่ยนใจ
ฝืนข่มน้ำตามิให้ไหลหยด สงบเงียบนิ่งเฉย
คุณแดงให้เวทนาเห็นใจคุณพี่เธอยิ่งนัก
จึงกล่าวกับพระยาศรีพิพัฒน์ว่า
“คุณพ่อเจ้าขา สุภาษิตโบราณท่านว่าไว้
ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ตามใจผู้นอน มิใช่หรือเจ้าคะ
หากคุณพี่....”
“หยุดนะแม่แดง มิใช่กงการอันใดของหล่อน
เป็นเด็กเล็กมิต้องสำแดงความคิด”
พระยาศรีพิพัฒน์ตวาดบุตรีเสียงดัง
คุณแดงหน้าเสีย รีบก้มหน้าหลบไปด้านหลังมารดา
“คุณพ่อขอรับ ลูกมิได้มีใจผูกสมัครรักใคร่กับสตรีในภาพ
เหตุไฉนลูกจำต้องร่วมหอห้องกับหล่อนเล่าขอรับ”
ขุนจำเริญเงยหน้าเศร้าขึ้นมา หากครากล่าวจบกลับก้มหน้างุดตามเดิม
“คุณพี่เจ้าคะ น้องว่า หากข่มเขาโคขืนให้กลืนหญ้า
จักมิเป็นผลดีนะเจ้าคะ คุณพี่ลองตรองดูอีกสักครา จักเหมาะควร
ด้วยเพลานี้มิคิดไปทิศทางเดียวกันทั้งสองฝ่าย
พูดจาต่อไปจักทำ ขุ่นข้องหมองใจกันนะเจ้าคะ”
พระยาศรีพิพัฒน์หน้าบึ้งมิพอใจ
“นิ่งเฉยเสียเถิดคุณหญิง พี่ตัดสินใจแล้ว มิเปลี่ยนแปลง
คำพูดนั้นออกไปแล้ว หากผิดคำจักเสียหน้าตา ชื่อเสียงมัวหมอง
สหายจักตำหนิติฉินกันไปทั่วกระทรวง พี่รับมิได้”
“นี่คุณพ่อตกลงรับคำเป็นมั่นเหมาะ โดยมิพักถามไถ่ลูกเลยหรือขอรับ”
ขุนจำเริญเงยหน้าขึ้นมา จ้องบิดาอย่างมิเกรงกลัว
ผิดหวัง เสียใจ มิคิดว่าพระยาศรีพิพัฒน์จักหักหาญ รวบรัดเยี่ยงนี้
“แล้วใยพ่อต้องรอฟังคำเจ้าเล่า สิ่งใดดีสิ่งใดควร พ่อก็มิอยากรั้งรอ
จะช้าอยู่ใย สตรีงามพร้อมเยี่ยงนี้มิมีดาษดื่น
เจ้าจงเชื่อคำพ่อเถิด ขุนจำเริญ
ในภายภาคหน้าพ่อตาเจ้าจักเป็นแรงสนับสนุนตำแหน่งเจ้า ให้ก้าวหน้ามั่นคง”
พระยาศรีพิพัฒน์มิละความพยายาม ด้วยหวังดี
ประสาบิดา หยิบฉวยสิ่งที่คาดว่าดีว่าเหมาะควร
รวบรัดตัดความ ตกลงปลงใจแทนที่บุตร
“คุณพ่อขอรับ ตำแหน่งอันได้มาด้วยมิใช่ความมานะพยายาม
ลูกมิเคยนึกนิยมยินดี มิมีอันใดจักให้ภาคภูมิใจขอรับ”
ขุนจำเริญตอบกลับบิดาด้วยเสียงห้วนกระด้าง ด้วยคิดเห็นต่างกัน
“เพี๊ยะ”
พระยาศรีพิพัฒน์ยกฝ่ามือใหญ่ขึ้น
ตบหน้าหวานของขุนจำเริญ อย่างแรง
เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้า มิทันจางหาย
เสียงร้อนรนของคุณหนูแดงตามมา
“ช่วยด้วยเจ้าค่ะ ช่วยคุณแม่ด้วยเจ้าค่ะคุณพ่อ
คุณแม่ท่านเป็นลมไปเสียแล้ว”
คราเมื่อเห็นพระยาศรีพิพัฒน์ปรี่เข้ามาตระกองกอดคุณหญิง
คุณหนูแดงรีบเข้ามากระซิบข้างหูขุนจำเริญว่า
“คุณพี่เจ้าคะ เร่งกลับเรือนแพเถิดเจ้าค่ะ คุณแม่มิได้เป็นลม”
ขุนจำเริญเร่งเดินจากเรือนใหญ่มา ด้วยความกลัดกลุ้ม
ครั้นเหลือบเห็นไอ้ทาสลอยชะเง้อหา ที่หน้าเรือนแพ
ท่านรีบเก็บภาพที่เผลอถือติดมือมา ลงกระเป๋าเสื้อราชปะแตน
**********************************************
“ไอ้ลอย...ปิดงับประตูให้ถ้วนที่ แล้วตามข้ามาที่ห้องนอน”
ขุนจำเริญสั่งความแล้วจึ่งเดินหายเข้าไปในห้องท่าน
ไอ้ลูกทาสใจพองโต ด้วยยินดี
ขุนจำเริญมิเรียกขานมันให้รับใช้ในห้องท่านมาหลายเพลา
นับเนื่องจากคราวันที่ท่านหน้าเศร้ากลับมาจากเรือนใหญ่
“ลอยเอ๋ย หยิบหนังสือบนโต๊ะมาอ่านให้ข้าฟังที”
ขุนจำเริญพูดทั้งหลับตา เพลานี้ท่านนอนนิ่งอยู่บนเตียง
“ขอรับ ขุนจำเริญ”
ไอ้ลอยมองหนังสือบนโต๊ะมีมากมายหลายเล่ม
“ขุนจำเริญขอรับ ท่านต้องการให้ไอ้ลอยรับใช้ท่าน ด้วยหนังสือเล่มใดขอรับ”
“ลอยเอ๋ย เจ้าอยากอ่านเล่มใดเรื่องใด
สุดแท้แต่เจ้า ข้ามิมีความเห็น”
ขุนจำเริญยังหลับตา คราท่านพูดกับมัน
“ถึงม้วยดินสิ้นฟ้า มหาสมุทร
ไม่สิ้นสุดความรัก สมัครสมาน
แม้เกิดในใต้ฟ้า สุธาธาร
ขอพบพานพิศวาส ไม่คลาดคลา”
“แม้เนื้อเย็นเป็นห้วง มหรรณพ
พี่ขอพบศรีสวัสดิ์ เป็นมัจฉา
แม้เป็นบัวตัวพี่ เป็นภุมรา
เชยผกาโกสุม ประทุมทอง”
“แม้เป็นถ้ำอำไพ ใคร่เป็นหงส์
จะร่อนลงสิงสู่เ ป็นคู่สอง
ขอติดตามทรามสงวน นวลละออง
เป็นคู่ครองพิศวาส ทุกชาติไป”
กลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก "พระอภัยมณี"
(ตอน พระอภัยมณีเกี้ยวนางละเวง)
กลอนแปดจากริมฝีปากหนาของไอ้ลูกทาส
กระตุ้นเตือนขุนจำเริญ ถึงคราลาจากกัน
เพลานั้นขุนจำเริญแง้มผ้าม่านรถม้า
มองไปยังบริเวณสวนที่เพิ่งละมา
ไอ้ลูกทาสคนซื่อ
นั่งหมอบก้มหน้าแลหัวของมันต่ำจรดพื้น
สองมือหนาหยาบกร้านวางพนมกับพสุธา เหนือหัว
“ดับตะเกียงเสียเถิด แล้วขึ้นมานอนบนเตียงข้า”
ขุนจำเริญกล่าวคำ แล้วผินหลังให้
น้ำตาไหลพรากอาบหน้า
ไอ้ลอยมิอยากเชื่อหูของมัน
ดีใจนัก ด้วยมันนอนเฝ้าหน้าห้องนอนท่านมาหลายเพลา
นับจากคราที่ขุนจำเริญเดินหน้าหมองกลับจากเรือนใหญ่
ไอ้ทาสลอยเร่งดับตะเกียง แล้วทรุดตัวลงนั่งริมเตียง
“ขุนจำเริญขอรับ”
ไอ้ลอยเอนกายลงนอนแนบข้าง
ขุนจำเริญพลิกตัวกลับมาหา น้ำตานองหน้า
แสงจันทร์ตกกระทบใบหน้าเศร้าของนายเงิน
“ขุนจำเริญยอดดวงใจของไอ้ลอย ได้โปรดบอกไอ้ลอยเถิดขอรับ
ว่าเพลานี้เจ้าหัวใจของมันทุกข์โศกด้วยเรื่องอันใดขอรับ
ใจไอ้ลอยมันจักขาด แทบทนมิไหว
ยามเห็นดวงใจของมันร่ำไห้ อกใจมันแทบขาดขอรับ”
ไอ้ลอยบรรจงซับหยาดน้ำตาของขุนจำเริญ ด้วยจูบของมัน
“ลอย ลอยเอ๋ย ลอยของข้า”
ขุนจำเริญกล่าวได้เพียงนี้ ก็โผเข้าซบสะอื้นกับแผ่นอกกำยำ
*************************************
ครั้นรับรู้เรื่องราวทุกสิ่งอย่าง
ไอ้ลอยสะท้อนใจนัก
มิอาจปกปักรักษาเจ้าดวงใจของมัน
ไอ้ลอยเฝ้าปลอบประโลมขุนจำเริญเนิ่นนาน
จวบจนเดือนดาวคล้อยต่ำ
คลายทุกข์โศกจึ่งหยอกเย้า กระเซ้ากัน
แม้นไอ้ลอยมิอาจแก้ไขด้วยด้อยปัญญา
หากมันกลับทำให้ท่านหลงลืมความเศร้าไปชั่วครู่
“ลอยเอ๋ย...เอ็งอ่านเขียนเป็นเยี่ยงไรแล้ว
ข้ามิเห็นเอ็งไปร่ำเรียนกับพระคุณท่านอำพลมาช้านาน
ตั้งแต่ครั้งข้ากลับมาจากเมืองฝรั่ง”
ขุนจำเริญเงยหน้าหวานขึ้นมา จากซุกซบอกไอ้ลอย
“พระคุณท่านเมตตาสั่งสอนไอ้ลอยจวบจน อ่านเขียนคล่องแล้วขอรับ
มิมีอันใดถ่ายทอดได้อีก เว้นแต่ไอ้ลอยจักบวชเรียนทางธรรมขอรับ”
พลันขุนจำเริญให้คิดสะกิดใจ
นายเงินยกยิ้มสว่างใส จูบแก้มไอ้ลูกทาสซ้ายขวา
“ขุนจำเริญขอรับ มีอันใดให้ท่านครึ้มใจหรือขอรับ
ท่านจึงได้ให้ทานรางวัลไอ้ลอยเยี่ยงนี้”
ไอ้ทาสลอยยิ้มแก้มปริ คราเห็นดวงใจของมันคลายเศร้า
“วันรุ่งพรุ่งนี้เถิดไอ้ลอยเอ๋ย ข้าจักมีหนทางแก้ไข”
ว่าแล้วขุนจำเริญโถมกายเข้ากอดรัดไอ้ลูกทาส
เสียงหัวเราะชื่นมื่นกลับคืนสู่เรือนแพอีกครา

*************************************
วันนี้กลับถึงบ้านทรายทองเร็วครับ อากาศร้อนจริงไรจริง
เลยเถลไถล....มาลงให้ก่อนนอนครับ
หลับฝันดีกันทุกคนครับผม

(จากภาพ)
พลันขุนจำเริญงงงัน จักหาแม่ศรีเรือนให้ลูกฤาขอรับ
ลูกนี้(ขอ)รับ รุกมิเป็น....ขอรับ(อย่างเดียว) คริ คริ
[attachment deleted by admin]