ทาสรัก....สมัครใจ....18
ขุนจำเริญใคร่ตำหนิตนเองอย่างขึ้งโกรธ ด้วยประมาทเลินเล่อนัก
ครากลับจากถวายเพลพระอำพลที่วัด ด้วยอารามดีใจที่อุปสรรคมีทางแก้ไข
ขุนจำเริญมัวหลงแต่พร่ำคำมั่นแลคำหวาน มอบให้แก่กันนายบ่าว
ท่านมิได้แจงคำทำนายให้แจ่มชัดแจ้ง บอกกล่าวไอ้ลูกทาสเพียงความที่ว่า
ขุนจำเริญนายเงินของไอ้ลอย ตามคำทำนายของพระคุณท่านอำพลนั้นไซร้
จักมิมีดวงชะตาตบแต่ง งานมงคลกับสตรีผู้ใด
หากแต่มิได้แจกแจงแผนการในใจของตน
ในเพลานี้ ครามาร่วมสำรับบนเรือนใหญ่
จึงตระหนักว่าพลาดพลั้งหลงลืม
ไอ้ลอยคนซื่อเอ๋ย ป่านฉะนี้ จักคิดไกลไปมากโข
หยาดน้ำตาตกต้องหลังมือมัน แม้ไม่ท่วมท้น
หากจากใจบริสุทธิ์มิเคลือบแฝงของมัน คงแทบแดดิ้น
ขุนจำเริญเย็นเยียบในหัวอก พลันอยากเข้าไปตระกองกอดปลอบขวัญ
หากเพลานี้ยังมิสามารถกระทำตามใจคิด จำต้องกดข่มเอาไว้
“ขุนจำเริญลูกจักประสงค์เยี่ยงนั้นแน่ฤา คบหาดูใจกันก่อนหมั้นหมาย
แล้วเจ้าจักให้คำมั่นพ่อได้วางใจฤาไม่ ว่าเจ้าต้องการเวลานานเท่าใดกัน”
พระยาศรีพิพัฒน์แม้เริ่มขุ่นเคือง หากท่านฝืนระงับความไม่พอใจเอาไว้ได้
ด้วยมิอยากแตกหักกันกับขุนจำเริญเช่นคราก่อน
หากแต่ก็มิได้ปล่อยวาง ตามอำเภอใจบุตรชายเสียทีเดียว
“คุณพ่อขอรับ การเรียนรู้กันของคนต่างเรือน ต่างวงศ์สกุล
หากมีวาสนาต้องกันก็มิช้านานเท่าใดดอกขอรับ
คู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วกัน ชะตาวาสนาต้องกันแล้ว ย่อมนำพาไปสู่การหมั้นหมาย
หากแต่มิใช่คู่สร้าง นานวันจักหน่ายระอา ผู้ใดชักจูงก็มิเป็นผลขอรับ”
ขุนจำเริญเลือกเฟ้นคำตอบในทางสายกลางตอบบิดา
“คุณพี่เจ้าคะ ที่ลูกพูดก็มีส่วนเป็นจริงอยู่มากโขนะเจ้าคะ
เนื้อคู่ กระดูกคู่ จักมิคลาดแคล้วต่อกัน ต่อให้อยู่ห่างกันคนละขอบฟ้า
แต่ทว่าคนมิใช่คู่สม ใส่พานมาวางตรงหน้าก็มิมีใจคิดพิศวาส”
คุณหญิงศรีพิพัฒน์กล่าวกับพระยาสามี ด้วยสีหน้าอ่อนหวาน
พลันพระยาศรีพิพัฒน์หวนคิดถึงเพลาที่....
ท่านยังเป็นขุนนางหนุ่มน้อย วัยเดียวกันกับขุนจำเริญบุตรชาย
ครานั้นท่านประสานสบสายตากับคุณหญิงภรรยา ในวัยสาวรุ่น
สตรีงามบุตรีขุนนางชั้นผู้ใหญ่
พบหน้าเพียงคราเดียว.....
ท่านกลับบังเกิดความร้อนรุ่มในอก กินไม่ได้ นอนไม่หลับ
อ้อนวอนบิดามารดาให้มาทาบทามสู่ขอ สตรีที่แรกพบก็ต้องใจ
จวนจนสมปรารถนา มาถึงเพลานี้ ท่านมีบุตรสืบสกุลถึงสองคน
ยี่สิบห้าขวบปีพระยาศรีพิพัฒน์รักมั่นต่อคุณหญิงที่ท่านหลงรักเพียงผู้เดียว
มิมีนางเล็กนางน้อยให้คุณหญิงท่านช้ำใจ
ความรักแม้กาลผ่านไปมิจืดจาง กลับพันผูก มั่นคง ด้วยต่างก็มีใจรักแลภักดีต่อกัน
“ในเมื่อแม่เจ้าออกตัวสนับสนุนถือหางเจ้าเยี่ยงนี้ พ่อจักเชื่อเจ้าสักครา
หากแต่ขุนจำเริญเจ้าอย่าทำให้พ่อเจ้าเสียผู้ใหญ่
จักมองหน้าพระยาแม้นมนตรีมิสนิทใจ”
พระยาศรีพิพัฒน์ถอนหายใจ หากจำต้องผ่อนปรน
**********************************
นับแต่กลับจากเรือนใหญ่ ไอ้ลูกทาสคนซื่อมันมิแม้แต่จักมองหน้าขุนจำเริญ
หลังไหล่มันค้อมต่ำ นบนอบ ก้มหน้างุด แลขานรับท่านเพียงคำว่า
“ขอรับ ขุนจำเริญ”
คราแรกขุนจำเริญเพียรงอนง้อไอ้ทาสลอย
แสร้งทักถามชวนคุย หยิบยกตั้งแต่สิ่งละอันพันละน้อย
ตลอดจนสิ่งสำคัญใกล้ แลไกลตัว
หากเรื่องอันใดไอ้ลอยมันก็มิมีความเห็น
มันขานรับท่านเพียงประการเดียว
อีกหลบเลี่ยงมิขึ้นไปรับใช้บนเรือนแพ
มันเฝ้าถากถางหญ้า ออกแรงมิหยุดพัก
เหงื่อไหลไคลย้อยสะท้อนแดด
น้ำเหงื่ออาบเนื้อตัวหลังไหล่จนมันเลื่อม
ขุนจำเริญยืนมองมันอยู่เป็นนาน สำรับกับข้าวบนตั่งยังมิได้แตะต้อง
ครานั้นขุนจำเริญบังเกิดความอ่อนใจแกมหมั่นไส้มิน้อย
ที่ไอ้ลอยเพิกเฉยต่อท่าน
ขุนนางหนุ่มน้อยจึงใคร่เสแสร้งแกล้งไอ้ทาสลอยมัน
“ลอยเอ๋ย ก้างปลามากนักมันจักปักจักตำคอข้า
เอ็งจงเร่งมาแกะแยกเนื้อปลาใส่จานให้ข้าที”
ไอ้ลูกทาสจำเงยหน้าขึ้นมา แต่มิทัน
เห็นเพียงแผ่นหลังเพรียวบางของขุนจำเริญ ที่จงใจเดินนวยนาดเข้าเรือนไป
ไอ้ลอยมันละทิ้งงานตรงหน้า ด้วยความจำใจ
ไอ้ลูกทาสฉวยผ้าขาวม้าที่เคียนเอวออก เร่งเช็ดเนื้อตัวให้แห้ง
ล้างเท้าก้าวย่างขึ้นเรือนแพ แล้วคืบคลานขึ้นมาบนยกพื้น
มันทรุดตัวลงนั่งยอบตัว ชิดติดตั่ง
“ขอรับขุนจำเริญ”
ไอ้ลอยจุ่มมือลงชะล้าง ในขันเงินใบใหญ่
ขุนจำเริญยิ้มพรายอยู่ในหน้า ท่านรีบหยิบยื่นผ้าสะอาดให้มันเช็ดมือ
ไอ้ลูกทาสก้มหน้างุดลงจานปลา บรรจงแกะแซะเอาก้างออก
ครามันยื่นหวังส่งลงจานข้าว ขุนจำเริญกลับจับยึดมือมันเอาไว้
“ข้ามิมั่นใจในฝีมือเอ็งดอก เนื้อปลาคำนี้เอ็งจงกินให้ข้าดูที”
ไอ้ลอยเงยหน้าแล้วเม้มปากหนาแน่น ด้วยเห็นนายเงินกลั้นยิ้ม
ท่านจักหยอกเย้าไอ้ลูกทาสเช่นมันกระนั้นฤา
เจ็บช้ำแล้วยังจักต้องเป็นจำอวดกระมัง
“ขอรับขุนจำเริญ”
ไอ้ลอยข่มความน้อยใจ แล้วส่งชิ้นปลาเข้าปากมัน
“มีก้างปลาฤาไม่”
ขุนจำเริญถามมัน สายตาท่านอ่อนโยนนัก
หากแต่เพลานี้ความอ่อนโยนของท่านกลับกลาย
คล้ายหนามแหลมทิ่มแทงใจไอ้ลูกทาส
“ไม่มีก้างปลาแต่อย่างใดขอรับ”
ไอ้ลอยกลืนเนื้อปลาในปากลงคออย่างฝืดฝืน
มันก้มหน้าตอบคำ แล้วนิ่งอยู่
“มิมีก็ดีแล้ว ลอยจ๋าข้าใคร่อยากกินเนื้อปลานัก
เจ้าจักแกะเนื้อปลาหวานๆให้ข้าได้ลิ้มชิมรสฤาไม่”
ไอ้ลอยรีบเงยหน้าขึ้นมาด้วยประหลาดใจในน้ำคำของขุนจำเริญ
เจ้าชีวิตของมันกลับสะเทิ้นกาย หน้าแดงขวยอาย
กริยาแลคำเรียกขานใยต่างไป ใจท่านเพลานี้เป็นเยี่ยงไร
ไอ้ลอยใจสั่นไหว ดีฤาร้าย จริงฤาแสร้ง
มันบรรจงแกะเนื้อปลาอย่างพิถีพิถันละเอียดลออ
“เนื้อปลาได้แล้วขอรับ”
ไอ้ลอยยื่นเนื้อปลาชิ้นเขื่องปราศจากก้างส่งให้นายเงินที่นั่งมองอยู่
ขุนจำเริญกลับยกจานกระเบื้องเนื้อดีออกห่าง
“ป้อนส่งที่ปากข้าทีเถิดลอยเอ๋ย เนื้อปลาจากมือเจ้าจักโอชา
หวานหอมยิ่งกว่าอาหารทิพย์ใดที่ข้าได้เคยลิ้มรส”
ขุนจำเริญเผยอปางบางยื่นหน้าหวานมาใกล้
ไอ้ลอยมองนิ่ง อึ้งไปชั่วขณะแล้วกล่าวว่า
“มิเหมาะควรนะขอรับ ขุนจำเริญ ไอ้ลอยมันเป็นเพียงลูกทาสต่ำต้อย”
ไอ้ลอยเผลอค้อนควักด้วยน้อยใจ
จักกลั่นแกล้งเยี่ยงไร เท่าไหนจึ่งพอ
ขุนจำเริญขุ่นเคืองไอ้ลอยคนซื่อนัก ด้วยมิคาดว่ามันจักเล่นตัวมากเกินควร
หากขุนจำเริญกลับยิ้มแย้ม แล้วกล่าวว่า
“ช้าอยู่ใยลอยจ๋า ข้าหิวววว”
น้ำเสียงออดอ้อนอ่อนหวาน คล้ายคราร่วมเคียงนอนเตียงในห้องหับ
ไอ้ลอยกลั้นยิ้มอยู่ในหน้า หากยังแสร้งปั้นหน้าคมให้บึ้งตึง
พลันมือไอ้ลอยที่ยื่นส่งเนื้อปลามาป้อน กลับสั่นระริก
ขุนจำเริญอ้าปากบางรอรับ หากกลับงับทั้งเนื้อปลาแลปลายนิ้ว
ลิ้นน้อยซุกซนดูดดุนปลายนิ้วไอ้ลอยแรงๆ
ไอ้ลูกทาสเสียววูบเบาโหวงในช่องท้อง
“อ่าาา...เนื้อ...ปลา..หวานเหลือเกินลอยจ๋าาา”
ขุนจำเริญส่งเสียงอืออา พาให้หวั่นไหว
ไอ้ลอยใคร่จับตัวขุนจำเริญมานอนพาดตัก แล้วฟาดก้นกลม
ด้วยขุนจำเริญที่แสร้งทำเสียงกระเส่า ยังมิวายล้อเล่นมัน
ท่านแลบลิ้นน้อยออกเลียริมฝีปากบาง พร้อมทำตาปรือปรอย
“ลอยจ๋าาา ข้าร้อนใคร่ลงอาบน้ำที่ชายท่า”
ขุนจำเริญว่าแล้วมิพักรอ หากปลดกระดุมเสื้อออกจากรัง
เสื้อผ้าป่านเนื้อบางปลิวหลุดจากมือน้อย ตกลงบนพื้นเรือนแพ
หากเจ้าของเสื้อ โลดแล่นวิ่งลงตรงไปชายท่า
*****************************************************
เพลานี้ท้องฟ้าหมดแสงอาทิตย์ไปนานโข
ดาวแลเดือนแข่งกันส่องแสงกระจ่าง แพรวพราวแทนที่บนท้องฟ้า
ราวอัญมณีมีค่า ระยิบระยับ
“ลอยจ๋าาา ถูหลังให้ข้าที เร็วเข้า”
มือน้อยกวักเรียกไอ้ลูกทาส ยิ้มหวานเชิญชวน
ไอ้ลอยก้าวเท้าเดินไปยังชายน้ำ
เดินลุยน้ำลึกลงไปจากชายท่าเข้าหานายเงิน อย่างเลื่อนลอย
แสงจันทร์แสงดาวตกกระทบ อาบไล้ผิวขาวนวลลออ
เรืองรองในความสลัว หน้าหวานเงยหน้าท้าทาย
ใกล้ยิ่งกว่าใกล้ จึงได้มองเห็นขนเนื้อนวลเนียนสะท้านลุกชัน
ลมเอื่อยๆโชยมาไม่ขาดสาย กลิ่นกายหอมกรุ่นของคนตรงหน้า
คละเคล้ากลิ่นดอกแก้ว แยกแยะแทบมิออก หากล้วนแต่เย้ายวนใจ
ครั้นไอ้ลอยหยุดยืนอยู่อยู่ตรงหน้า
ขุนจำเริญวางฝ่ามือน้อยทั้งสองข้าง ทาบแผ่นอกแน่นหนั่นของไอ้ลูกทาส
ฝ่ามือบางรับรู้แรงสะท้อนในอกของไอ้ลอย
“ลอยจ๋า บึ้งตึงด้วยเรื่องอันใดกัน
เจ้ามิพูดคุยกับข้า มีเรื่องไรใยเมินเฉย”
ขุนจำเริญเงยหน้าฉะอ้อนถาม
“มิมีอันใดขอรับ ขุนจำเริญ ได้โปรดหันหลังมาเถิดขอรับ
ไอ้ลูกทาสต่ำต้อยจักขัดถูหลังรับใช้ท่านขอรับ”
เสียงนุ่มทุ้มเครือแผ่ว แฝงด้วยน้อยอกน้อยใจ
ไอ้ลอยว่าแล้วบรรจงแกะมือน้อยของนายเงิน ออกจากอกตน
“ก็ขัดถูไปสิ เรารอเจ้าอยู่”
ขุนจำเริญกลับโผเข้ากอดซบอกอุ่นแน่น เกลือกใบหน้าหวานไปมา
ไอ้ลอยกัดฟันกรอด มันข่มระงับอารมณ์หวามไหว ที่ปะทุขึ้นมา
ด้วยมันสำนึกได้ว่า.....
ระหว่างลูกทาสต่ำต้อยเช่นมัน กับขุนจำเริญนายเงิน
มีเพียงผ้านุ่งโจงผืนเก่าบางสีกรัก แก่นขนุนเข้ม
ซึ่งบัดนี้ชุ่มน้ำเปียกแนบลำตัวมัน
เพียงผ้าบางเนื้อชุ่มน้ำจักกีดกั้นอันใดได้ มีฤาไม่ก็มิแตกต่างกัน
ไอ้ลอยมองเหม่อออกไปในสายน้ำดำมืด มองไปไกลสุดสายตา
สองมือใหญ่ลูบไล้หลังนายเงินแผ่วเบาทะนุถนอม ด้วยสบู่หอม
หากในใจไอ้ลูกทาสตรอมตรมทุกข์ระทม
คราหวนคำนึงถึงคำพูดของขุนจำเริญแลพระยาศรีพิพัฒน์
ใจไอ้ลอยปวดแปลบคล้ายถูกเฉือนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ด้วยขุนจำเริญท่านตกลงปลงใจจักคบหา บุตรีพระยาแม้นมนตรี
ภาพสตรีสูงศักดิ์ ช่างงดงามทั้งรูปกายแลชาติกำเนิด ยังติดอยู่ในมโนสำนึกของมัน
ลูกทาสต่ำต้อยในเรือนท่านเช่นมัน ผู้ใดเลยจักมองเห็นตัวตน
อนิจจา เพลานี้ไอ้ลอยเป็นสุขคราได้ตระกองกอดแนบชิด
หากแต่บังเกิดความระทมทุกข์มาปะปน
กาลข้างหน้าหากขุนจำเริญมีคู่หมายตบแต่ง
ที่ข้างกายท่านมีสตรีสูงศักดิ์คู่ควร
ท่านจักยังเมตตาให้ไอ้ลอยได้รับใช้ใกล้ชิดอีกฤาไม่
ไอ้ลอยจักวางตัวต่ำต้อยของมันอยู่ที่ใดดี
ใจไอ้ลอยครุ่นคิดกังวล มิอยู่ด้วยกันกับกาย
สบู่หอมลื่นไหลหลุดมือ ตกลงไปในสายน้ำ
“ขุนจำเริญขอรับ ไอ้ลอยมันของมเก็บสบู่ก่อนขอรับ”
ไอ้ลอยแตะแผ่นหลังเนียนของคนในอ้อมอก
มันทำใจกล้าก้มลงจรดจมูกโด่งบนเส้นผมนิ่มหอม
“มิต้องดอกลอย ข้ามิอยากขัดถูกายแล้ว
ด้วยเพลานี้ลมแรงหนาวเย็นนัก ลอยเอ๋ยเจ้ากอดข้าที”
ขุนจำเริญเงยหน้าขึ้นมาบอก แล้วเขย่งเท้าขึ้นมา
ปากบางจูบแผ่วเบาลงตรงปลายคางบึกบึน
“ขุนจำเริญขอรับ ท่านจักทรมานไอ้ลอยไปใย
เพลานี้ไอ้ลอยมันเหมือนคนตายทั้งเป็นแล้วขอรับ”
ไอ้ลอยสุดทน มันกอดรัดขุนจำเริญแน่นแล้วร่ำไห้
เนื้อตัวของมันที่อุดมไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งแรง สั่นระริก
ขุนจำเริญตกตะลึงอึ้ง ด้วยมิคาดคิดว่าสิ่งที่ตนแสร้งทำ
จักส่งผลต่อดวงใจของไอ้ทาสผู้ซื่อสัตย์ ถึงเพียงนี้
“ลอยจ๋า นิ่งเสียเถิด ข้ามิควรหยอกเย้ากระเซ้าเจ้าถึงเพียงนี้
ลอยอย่าขุ่นเคืองนักเลย ข้าจักแจงความให้เจ้าฟังอย่างถ้วนถี่”
ขุนจำเริญดันตัวไอ้ลอยออกห่างเพียงน้อย
มือขาวบางเชยคางบึกบึนขึ้นมา แล้วเกลี่ยปลายนิ้วน้อย
เช็ดหยาดน้ำตาใสจากใบหน้าคมสันอย่างอ่อนโยน
กระซิบกระซาบปลอบขวัญไอ้ลูกทาสคนซื่อ
จวบจนไอ้ลอยมันหายน้อยใจ แลรับรู้แจ่มแจ้งในแผนการ
“ขุนจำเริญขอรับ น้ำในคลองเริ่มเย็นจัด กลับขึ้นเรือนแพกันเถิดขอรับ”
เสียงกระซิบหวานหูของไอ้ลอยดังอยู่ข้างหู
พลันขุนจำเริญขนลุกซู่
ไอ้ทาสลอยอ้าปากหนาขบเม้มแลดูดดุน ใบหูบางของท่าน
“อาาา เจ้าแกล้งข้าหรือไรกัน”
ขุนจำเริญกุมใบหูข้างนั้นแล้วต่อว่า
หากหน้าของท่านก้มงุดลงกับอกเปลือยของไอ้ลอย
“อาาา ขุนจำเริญขอรับ อย่าแกล้งไอ้ลอยเลยขอรับ”
ครานี้ไอ้ลอยเสียงกระเส่า ด้วยขุนจำเริญท่านบดเบียดกายเข้ามาแนบชิด
กายเปลือยของนายบ่าวมีเพียงผ้าโจงผืนบางกั้นไว้
แรงเสียดสี...
เสียงหายใจหอบดัง เสียงหัวใจเต้นระรัว....
“กลับขึ้นเรือนเถิดขอรับ ไอ้ลอยจักมีสิ่งอันทำให้ขุนจำเริญประหลาดใจขอรับ”
ไอ้ทาสลอยกระซิบเสียงพร่าเป็นครั้งสุดท้าย
ก่อนถือวิสาสะอุ้มขุนจำเริญ ขึ้นแนบอก
เดินตรงรี่ขึ้นจากชายน้ำ
ก้าวยาวๆขึ้นบันไดเรือนแพ
แสงจันทร์แสงดาวอาบไล้
ร่างบางเปลือยเปล่าในวงแขนแข็งแรง อิงแอบแนบอกอุ่น
ใบหน้าหวานก้มงุดลงอย่างเอียงอาย
ร่างกำยำสูงใหญ่ กล้ามเนื้อทุกมัดเกร็งเขม็ง
ไอ้ลอยกระชับอ้อมกอดรอบตัวเจ้าหัวใจ
หากภายใน ใคร่สำเร็จโทษ คนเจ้าเล่ห์
เห็นทีครานี้ไอ้ลอยจักได้ทบทวน
ตำรา”กามสูตร” เสียที
***************************************
ก่อนจักตามนายบ่าวเข้าห้องหับ ในเรือนแพ
ท่านใด ใคร่รับทานข้าวปลาแลอาหารสักสำรับฤาไม่ขอรับ
[attachment deleted by admin]