ขอขอบคุณทุกคอมเม้นท์และคำแนะนำครับผม
เอ....มาม่าในสมัยลูกทาส ไม่น่าจะมีนะครับ
เอาเป็นว่า ไม่มีมาม่า แต่มี "ต้มยำกุ้งน้ำข้น" มาเสิร์ฟก็แล้วกันครับผม
เตรียมน้ำแก้วโตๆไว้ดับความเผ็ดร้อนกันนะครับ

ทาสรัก....สมัครใจ....15
เสียงกรอบแกรบใบไม้แห้ง เสียงฝีเท้าก้าวย่าง เสียงอกใจเต้นรัว
เสียงใดจักกังวานแว่วหวาน ไพเราะเสนาะหู ก็มิอาจตัดสินได้
ไอ้ทาสลอยมันมาเฝ้ารอขุนจำเริญอยู่หน้าเรือนแพ เป็นนาน
วาดฝันในจินตนาการ สุขนัก หากได้แนบชิดสนิท ลึกล้ำซ้ำอีก
ครานี้เห็นทีไอ้ลอยจักเป็นผู้ชี้ช่อง ชักนำขุนจำเริญเสียกระมัง
ครั้นเห็นนายเงินเดินลิ่วตรงมา มันกระวีกระวาดจักต้อนรับ
“ไอ้ลอย...กลับไปกระท่อมของเอ็งเสียก่อน
แล้วข้าจักให้คนไปตามในภายหลัง”
ขุนจำเริญสั่งความมันแต่มิมองหน้า
หน้าคมสันของไอ้ลูกทาสงงงัน คิ้วหนาเข้มขมวดเข้าหากัน ด้วยมิคาดคิด
ก่อนจาก หน้าเรือนใหญ่ ท่านยังขวยเขินหน้าแดงกล่ำ
สายตาค้อนควัก จนไอ้ลอยสุขล้น
มาบัดนี้ ไอ้ลอยใจหายนัก ใจคอหวาดหวั่น บังเกิดเรื่องร้ายหรือไร
สีหน้าขุนจำเริญเศร้าสร้อย โศกตรมเสียเหลือเกิน
ใครกันบังอาจทำให้ท่านขุนขุ่นข้อง หมองศรี
อ้าปากจักไถ่ถาม
ขุนจำเริญเดินก้มหน้ากลับเข้าเรือนแพเสียก่อน
ไอ้ลอยเร่งรุดติดตาม แต่มิทันการ
ประตูเรือนแพกระแทกปิดลั่นดาล เสียงก้อง
ไอ้ลอยใจคอไม่ใคร่ดี เขม่นตาทั้งซ้ายขวา
ลางดีหรือลางร้าย มันมิอยากรู้
มันเพียงใคร่อาจเอื้อม สวมกอดปลอบขวัญเจ้าชีวิตของมัน
ไอ้ลูกทาสมันอยากเอ่ยคำ ปลุกปลอบขุนจำเริญเสียเหลือเกิน
“แม้นไอ้ลอยมันโง่เง่า มิมีความรู้ อีกปัญญามันด้อยนัก
จักขานไขปัญหาให้ท่านเยี่ยงไรก็มิได้
แต่อกกำยำของมัน หากท่านปรารถนาที่พักพิง
มันจักเป็นอกอุ่น ปราการด่านหน้าคุ้มครองท่านจากทุกข์โศก
มันจักอยู่เคียงข้าง จวบจนขุนจำเริญผ่านพ้น ฝ่าฟันสิ่งเลวร้ายทั้งปวง”
อนิจจา เสียงพร่ำรำพันในอกของไอ้ลอย มิไปถึงหูท่าน
หากเสียงสะอื้นของนายเงินที่เล็ดรอดออกมาจากเรือนแพ ให้ได้ยิน
กลับดังกังวานอยู่ข้างหูของไอ้ลูกทาส

ค่ำคืนนั้นขุนจำเริญมิยอมเปิดประตูเรือนแพ
ข้าวปลาอาหารมิตกถึงท้อง ท่านเก็บตัวเงียบอยู่ลำพัง
ไอ้ลอยร้อนใจนัก
นับแต่ท่านลั่นดาลประตู
มันมิห่างไปไหน เดินวนเวียนในรั้วรอบเรือนแพ
เฝ้าขบคิดแก้ไข คิดเยี่ยงไรก็จนหนทาง มองมิเห็นทางออก
จักปรึกษาผู้ใดได้ในเพลานี้ ร้อนรุ่มกลัดกลุ้มใจ
ด้วยความในของนายท่าน มิบังควรนำออกเปิดเผยสู่ภายนอก
พลาดพลั้งอาจเสียหายใหญ่โต
การมิรู้แจ้งกับต้นเรื่อง จักทำประการใดดีหนอ
หากวิสัยมนุษย์ทุกผู้นาม คราสุขสมมิคิด คะนึงหา
จวบจนคับขัน ทางตัน บุพการีคือที่พึ่ง
ไอ้ลอยเดินลิ่วตัวปลิวกลับกระท่อม
นางน้อมนั่งเจียนหมากอยู่หน้ากระท่อม
เห็นลูกชายเดินมา นางรีบเอ่ยทักถามไถ่
“ลอยเอ๋ย เย็นย่ำอาทิตย์คล้อยต่ำ ข้าวปลาตกถึงท้องเอ็งบ้างหรือยัง
แกงบอนอุ่นร้อนตั้งอยู่บนเตา แม่จักตักมาให้เอ็งได้ลิ้มรสมือ”
“ข้ายังมิหิวดอกแม่ เพลานี้ข้าร้อนรุ่มกลุ้มใจ ใคร่ให้แม่ช่วย”
ไอ้ลอยมองซ้ายขวา เห็นปลอดคน มันจึงกล่าวความคับใจออกมา
นางน้อมนั่งฟังเรื่องราวจากปากลูกชาย แล้วนั่งนิ่งอยู่เป็นนาน
ขบคิดว่าแก้ไขอย่างไรจึงควร
นางน้อมถอนหายใจแล้วสอนสั่ง
“ลอยเอ๋ย เอ็งเป็นข้าทาสในเรือนท่าน จักทำเยี่ยงไรก็เป็นการมิควร
เอ็งจงรั้งรออยู่ มิควรปริปากแต่อย่างใด
สู้อดทนรับใช้ใกล้ชิดอย่าร้างไกล
สมเหมาะจำเพาะแก่กาลเวลา
เพลาขุนจำเริญท่านทบทวน ใคร่ครวญแล้ว จักคลี่คลาย
เอ็งจงรับใช้ใกล้ตัวท่าน สงบปากเก็บคำอย่าให้เล็ดรอด”

***********************************
เช้ามืดอากาศเย็นชื้น น้ำค้างพร่างพรมลงเกาะยอดหญ้า
แสงตะวันยังมิโผล่พ้นขอบฟ้า
บานประตูเรือนแพเปิดออกช้าๆ
ขุนจำเริญยืนพิงนิ่งอยู่ มิก้าวเท้าออกมานอกเรือน
สายตาเหม่อลอย มองไปไกลสุดสายตา
ไอ้ลูกทาสมันนั่งจ้องมองบานประตูคอยท่าน มาตลอดคืน
มันใจชื้น เร่งเดินเข้าไปใกล้ ทรุดตัวลงนั่งหมอบตรงหน้าธรณีประตู
“ขุนจำเริญขอรับ”
มันพูดได้เพียงแค่นั้น นายท่านกล่าวกลับมาว่า
“ลอยเอ๋ย ใยเอ็งดื้อดึงนัก จักตากน้ำค้างทรมานไปเพื่อสิ่งใด
ข้าสั่งเอ็งกลับกระท่อมมิใช่ฤา หรือเอ็งเห็นข้าเมตตา จักกล้าขัดคำข้า
ฉวยเอ็งจับไข้ ล้มหมอนนอนเสื่อ ผู้ใดจักรับใช้ใกล้ชิดตัวข้าเล่า”
ขุนจำเริญขอบตาบวมแลแดงช้ำ สีหน้าสีตาราวมิได้หลับตาลงตลอดคืน
รอยยิ้มฝืดฝืนที่ท่านส่งมา......
ไอ้ลอยใยพลันเจ็บลึกลงไปในก้นบึ้ง
“ไอ้ลอยมิอาจจากเรือนแพไปไหนขอรับ ด้วยเจ้าชีวิตของมันมิมีสุข
สิ่งใดการใดไอ้ลอยมันแบ่งเบารับใช้
ขอขุนจำเริญได้โปรดเมตตาบอกมันเอาบุญด้วยเถิดขอรับ”
บรรยากาศยามเช้าตรู่ ควรคู่สู่สดชื่น รื่นรมย์
หากเรือนแพเพลานี้ เศร้าหมอง เมินหมาง
นายท่านมิปริปากสิ่งใด เก็บงำความนัยไว้เพียงลำพัง
ขุนจำเริญเข้าไปอาบน้ำชำระกายที่เรือนแพ ด้านหลัง
ห้องน้อยคอยท่า จัดสรรครบครัน ตุ่มน้ำใสเย็นเต็มล้น
สบู่หอม เครื่องใช้ น้ำอบน้ำปรุง มิตกหล่น
หากน้อยครั้งท่านจักได้มาใช้สอยห้องน้อยหลังเรือน
ท่านชมชอบชายท่า เริงร่า เอ้อระเหย เชยชื่น
ไอ้ลอยยกสำรับจัดเตรียมอาหารบนตั่งใต้ชายคาชานเรือน
มันลากเลื่อนตั่งไม้ตั้งมิดชิด มิให้ละอองน้ำค้างตกต้องตัวท่าน
ข้าวต้มเม็ดสวยสีขาวนวล กุ้งสีแดงตัวอวบอ้วนลอยหน้าหอมฉุย ร้อนกรุ่น
บรรจุอยู่ในชามโคมใบใหญ่ปิดฝา รอคอยขุนจำเริญท่าน
เสร็จสรรพมินิ่งเฉย
ไอ้ลอยเก็บรวบผ้าผ่อนนุ่งแล้วแต่วันวาน
ใส่ตะกร้าตระเตรียมซักฟอก
กลิ่นหอมจางจากกายท่านฝังในเนื้อผ้า
ไอ้ลอยสุดหักห้ามใจ มันสูดดอมดม ชื่นหัวใจหาใดเทียม
ประหลาดนัก ห่างท่านเพียงชั่วครู่ชั่วยามมันให้อาลัยอาวรณ์
ราวหัวใจหลีกลี้หนีห่างหลุดร่วงหาย จากกายหยาบ
คราได้รับใช้ใกล้ชิด คล้ายดวงจิตกลับคืน บริบูรณ์
สัมผัสจับเจอะภาพถ่ายในกระเป๋าเสื้อขุนนาง ราชประแตน
ไอ้ลูกทาสเพ่งดูสาวสวยสูงศักดิ์ในแผ่นภาพ…..
“เหมือนรูปร่างนางเขียนไม่เพี้ยนผิด
ยิ่งเพ่งพิศผิวฉวีไม่มีสอง
กำดัดงามทรามสงวนนวลละออง
ดูผุดผ่องพิศไปใจรัญจวน”
(บทชมโฉมนางละเวงวัณฬา ๑)
ไอ้ลอยปวดแปลบแสบร้อน ใจหวิวจวนเจียนขาด
ลมหายใจขาดห้วง หูอื้ออึง
นับแต่ลืมตามาดูโลก ทุกข์โศกยากเข็ญที่พ้นผ่าน
หนักหนาสาหัส นับครั้งมิถ้วน
หากเปรียบเปรยมิได้สักเสี้ยวกระผีก ในครานี้
รวดร้าวปริ่มว่าจะขาดใจ
ใครหนอแหวกทรวงควักดวงใจของไอ้ลอยเสียสิ้น
น้ำตาไหลตกท่วมท้นอยู่ในอก กัดข่มใจแทบไม่ไหว
เสียงกุกกัก เตือนสติไอ้ทาสลอย
เก็บงำกลับคืนลงตะกร้า ยกวางอิงแอบแนบเสา
“ข้าหิวนักลอยเอ๋ย เอ็งตระเตรียมสิ่งใดไว้ให้ข้า”
ขุนจำเริญทรุดกายลงนั่ง หน้านวลใสผ่อง
ราวฟ้าสูงกับดินต่ำ
ไอ้ลูกทาส อกไหม้ไส้ขม หน้าชื่นอกระทม
“แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์
มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด
ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน”
กลอนสุนทรภู่ บางตอนจาก "พระอภัยมณี" (ตอน พระฤาษีสอนสุดสาคร)
*****************************************************
“ขุนจำเริญลูกท่านมีคู่หมายแล้วนะแม่น้อม”
นางลำเจียกนางทาสคราวแม่ อายุอานามใกล้เคียงนางน้อม
กระเดียดกระจาดผักผ่านมา แวะเสวนากับนางน้อม
จำเพาะคราเดียวกับไอ้ลอยลูกชายนางเดินกลับมาที่กระท่อม
ด้วยเพลานี้เสร็จสิ้นงานบนเรือนแพ
ขุนจำเริญเพลานี้ มานะงานราชการ จนแทบมิได้หยอกเย้ากระเซ้ามัน
"ไก่หงอยหมาเหงา" เหมาะควรกับไอ้ลอยยิ่งนัก
“เอ็งสู่รู้เรื่องขุนจำเริญมาได้เยี่ยงไร นินทานายท่านจักมิมีที่ซุกหัว”
นางน้อมมินึกนิยมการติฉินนินทา
หากแต่ครานี้ เป็นเรื่องใกล้ตัว
ด้วยไอ้ลอยลูกนางรับใช้ใกล้ชิดท่าน นางจำทนรับฟัง
คู่หมายขุนจำเริญ มิพ้นคนในภาพ
ไอ้ลอยใจกระตุกวาบ เบาโหวง กุมอกจับไว้
เสียงนางลำเจียกพร่ำพรรณนา
ราวมีดคมกรีดทิ่มแทงดวงใจของไอ้ลอย
“คุณแป้งร่ำ บุตรีพระยาแม้นมนตรี สหายพระยาศรีพิพัฒน์
เสียงร่ำลือหนาหู จวนดองเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้ว
งานมงคลนี้ พวกเราเหล่าทาสจักได้เห็นเป็นบุญตา
เบี้ยทานงานแต่งมิใช่น้อย มิได้การข้าจักป่าวร้อง”
มิทันห้าม นางลำเจียกโลดแล่นไปสมาคมสมทบทางโรงครัว
ครานี้มิต้องคาดเดา
ข่าวคาวกระฉ่อนอาณาบริเวณเป็นแน่แท้

****************************************
ขออภัยที่มาสั้นนะครับ เวลาว่างอาทิตย์นี้น้อยจริงไรจริง
พรุ่งนี้ขอลาพักไปเติมความหวานสักหน่อย
มาลงยาวๆวันอาทิตย์ครับผม

ภาพแรก....ลอยเอ๋ย เพลาเช้าขัาจำต้องรับใช้งานราชการที่กระทรวง
ภาพที่สอง....ลอยเอ๋ย เพลาดึกข้าจะกรำงาน(รับ)ที่เรือนแพ
ภาพที่สาม....ลอยเอ๋ย เจ้ามิควรวิตกเกินควร เพลาหน้าข้าจักมาประเคน "ต้มยำรวมมิตร" อีกสักชามโคม
[attachment deleted by admin]