“แต่ผมชอบเวลาคุณใส่แว่นมากกว่านะ”
ชนกานต์ย่นจมูกแล้วหันหนีไปทางอื่น จะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านต่อเพื่อตัดบทสนทนา ปวีร์ก็เลื่อนแก้วน้ำผลไม้มาให้
“ดื่มซะหน่อยสิครับ”
“น้ำอะไรน่ะ? น้ำส้ม?”
ชนกานต์มองดูสีส้มของมันแล้วก็ไม่รู้ว่าคือน้ำอะไรกันแน่ เพราะมันสีเข้มกว่าน้ำส้ม
“น้ำผลไม้รวมน่ะครับ” ชนกานต์รับมาจิบชิมรสชาติ พอเห็นว่ารสชาติใช้ได้ก็ดื่มไปอีกอึกใหญ่ก่อนวาง
“ใช้ได้ไหมครับ?”
“อืม ชุ่มคอดี”
แค่คำชมสั้นๆก็ทำให้ปวีร์ยิ้มกริ่มได้อีกครั้ง ชนกานต์นึกหมั่นไส้แต่ก็ไม่เห็นประโยชน์ที่จะไปขัดคอให้หงุดหงิดใจกันตอนนี้
หงุดหงิดใจไปก็เป็นผลเสียต่อเจ้าตัวเล็กเสียเปล่าๆ
ชนกานต์พยายามคิดอย่างนั้น แต่ก็ปล่อยวางได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็เกิดความหงุดหงิดขึ้นมาจนได้
“โอ้ย! หยุดพูดซะทีเหอะ! น่ารำคาญ!”
ชนกานต์ร้องออกมาอย่างเหลืออด เพราะปวีร์เอาแต่พูดในสิ่งที่กำลังอ่านออกมาให้ฟัง
“ที่ผมพูดมันก็เป็นประโยชน์ทั้งนั้นนะครับ คุณควรฟังไว้นะ”
“ฉันอ่านเองได้! นายมาพูดเสียงหึ่งๆ อยู่นี่ฉันไม่มีสมาธิอ่าน กลับคอนโดนายไปเลยไป”
ชนกานต์บ่นก่อนโยนหนังสือลงกับโซฟา ลุกขึ้นบิดขี้เกียจไปมาแล้วเดินไปยังโต๊ะทำงานแต่ปวีร์เดินมาขวางไว้ก่อน
“จะทำงานใช่ไหมครับ? โปรเจคก็เพิ่งเสร็จไป ผมว่าคุณเอาเวลามาพักผ่อนดีกว่านะ”
ชนกานต์ย่นหน้าใส่ หงุดหงิดใจที่ปวีร์เข้ามาจู้จี้
“ฉันคงได้พักผ่อนแน่...ถ้าไม่มีนายเข้ามาวุ่นวาย”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ อืม...นี่ก็เพิ่งจะเที่ยงเอง ออกไปดูหนังกันไหมครับ?”
ชนกานต์ถึงขั้นยืนทำตาปริบๆกับการเปลี่ยนอารมณ์กะทันหันของปวีร์ที่เข้ามาลากแขนเขาให้ไปเตรียมตัวออกไปห้างสรรพสินค้ากัน
“นายนี่มัน....” ชนกานต์ได้แต่ส่ายหน้าไปมา แล้วยอมปล่อยเลยตามเลยออกมาห้างกับปวีร์โดยที่อดสังหรณ์ใจไม่ได้ว่าจะมาชวนกันทะเลาะต่อข้างนอกหรือเปล่า
“ดูเรื่องอะไรกันดีล่ะ?”
ชนกานต์ที่เดินลากขามาหยุดยืนข้างกันยักไหล่ มองดูโปรแกรมภาพยนตร์แล้วก็ไม่นึกอยากดูเรื่องอะไรเป็นพิเศษ ปวีร์เลยจัดการชี้ไปที่หนังรักโรแมนติกเรื่องหนึ่ง
“งั้นดูเรื่องนี้กันนะครับ” ชนกานต์เหล่มองแล้วยักไหล่อีกรอบ
“ตามใจนายก็แล้วกัน” บอกแล้วชนกานต์ก็หยิบเอามือถือมากดดูการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นวันนี้ ปวีร์หันมาเห็นก็ดึงเอามือถือไปกดปิดแล้วใส่กระเป๋ากางเกงของตัวเองไป
“ไปซื้อตั๋วกันครับ” ปวีร์ทำไม่รู้ไม่ชี้ดึงมือชนกานต์ไปยังช่องขายตั๋วอัตโนมัติ ชนกานต์กระชากมือกลับก็ไม่ยอมปล่อย คนถูกลากมือไปเลยตีหน้าบึ้งคล้ายคนที่อยากจะว้ากใส่ใครสักคน
ชนกานต์ยืนหน้าบึ้งจนกระทั่งปวีร์ซื้อตั๋วเสร็จ เห็นเวลายังเหลืออีกเป็นสิบนาที ปวีร์จึงชวนแกมบังคับให้ไปเดินเล่นฆ่าเวลา แต่ยังไม่ทันจะก้าวพ้นเขตของโรงหนัง ใครบางคนก็ปรี่เดินเข้ามาขวางหน้าไว้
“หัวหน้าวีร์กับหัวหน้ากานต์จริงๆด้วย แหมมม ตะกี้เห็บแวบๆที่ช่องขายตั๋ว ออยก็นึกว่าตาฝาดไปเสียอีก มาด้วยกันได้ไงคะเนี่ย”
หญิงสาวทำหน้าอัศจรรย์ใจ ชนกานต์มองหน้าเธอแวบแรกแล้วก็รู้สึกไม่คุ้นก่อนที่จะนึกออกว่าแม่สาวคนนี้คือพนักงานที่ปวีร์เล่นรักด้วยในห้องเก็บเอกสาร
เส้นอารมณ์ของชนกานต์ถูกดึงให้ตึงขึ้นทันที
“ก็แค่บังเอิญน่ะ”
เสียงห้วนบ่งบอกอารมณ์ชัดเจน แต่ดูเหมือนหญิงสาวจะไม่ใส่ใจกับชนกานต์ เพราะเธอหันไปยิ้มฉอเลาะให้กับปวีร์
“ไม่ได้เจอกันเลยนะคะตั้งแต่ออยย้ายไปทำที่แผนกอื่น คิดถึงจังเลยค่ะ”
เธอชม้ายตาใส่ปวีร์ที่วางสีหน้าลำบากเพราะรู้สึกตัวแล้วว่าชนกานต์กำลังไม่พอใจหญิงสาว ปวีร์รู้ทันทีว่าเป็นเพราะอะไร
“แผนกที่ย้ายไปดีไหม?”
ปวีร์แสร้งถามไปตามมารยาทพลางนึกหาทางชิ่งจากเธอ หางตาเห็นชนกานต์ทำท่าเหม็นเบื่อก็รู้ว่าคะแนนตัวเองติดลบเพิ่มเข้าไปอีก
“ก็ดีค่ะ แต่หัวหน้าดุ๊ดุ...เหมือนหัวหน้ากานต์เลย อ้อ..หัวหน้ากานต์สบายดีนะคะ ได้ข่าวว่าเมื่อคืนเกือบถูกโรคจิตปล้ำในห้องน้ำร้านอาหารหรอคะ? แต่ดูเหมือนไม่เป็นอะไรมากสินะคะ วันนี้ถึงออกมาดูหนังได้”
ชนกานต์ชักกรุ่นกับการพูดและน้ำเสียงของแม่คนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ พูดมาได้ว่าเขาคงไม่เป็นอะไรมากทั้งที่ใส่เฝือกให้เห็นอยู่ทนโท่แบบนี้
“ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร” ชนกานต์พูดเสียงเรียบคล้ายไม่แคร์ แต่แววตาหลังแว่นดูขุ่นเขียว
ปวีร์รีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
“ออยก็มาดูหนังเหมือนกันหรอ?”
“ค่ะ อยู่บ้านเซ็งๆเลยออกมาหาหนังดู ว่าแต่ดูเรื่องไหนกันหรอคะ อุ้ย! เรื่องนี้ออยเองก็อยากดูอยู่พอดี ที่นั่งติดกับพวกหัวหน้าจะว่างไหมหนอ ออยจะได้มีเพื่อนดู”
ชนกานต์นึกหมั่นไส้หญิงสาวไม่น้อย ปากทำถามแต่กลับชะโงกหน้ามามองตั๋วหนังในมือของปวีร์แล้วพูดทอดสะพานแบบนี้ แต่มองหน้าคนที่ลากเขามาดูหนังแล้วก็นึกหมั่นไส้กว่า
“อย่างนั้นคุณก็ไปดูกับหัวหน้าวีร์เลยสิครับ หนังแนวนี้ผมไม่ชอบดูอยู่แล้ว” ชนกานต์ดึงตั๋วจากมือปวีร์มาส่งให้เธอแล้วฉีกยิ้มให้ก่อนหันไปยิ้มหวานแบบเคลือบยาพิษให้ปวีร์
“ทีนี้คุณก็มีเพื่อนดูแล้วนะ ผมไปล่ะ”
“เดี๋ยวสิ!”
ปวีร์จะหันไปรั้งชนกานต์ไว้ก็ไม่ทัน เพราะชนกานต์เล่นเดินดุ่มๆหนีไปทันที ส่วนตัวเขานั้นถูกแม่สาวอรณีปราดเข้ามาล็อกแขนเอาไว้
“แหม..ดีใจจังเลยค่ะที่ได้ดูหนังกับหัวหน้าวีร์”
“ขอโทษนะ แต่ผมไม่อยากดูแล้วล่ะ”
ปวีร์ตัดบทด้วยความเหนื่อยหน่าย เขาคว้าแขนผู้ชายคนหนึ่งที่เดินผ่านมา ผู้ชายคนนั้นตกใจเล็กน้อยที่ถูกดึงแขนไว้
“ขอโทษนะครับ พอดีคุณผู้หญิงคนนี้อยากดูหนังกับคุณน่ะครับ”
ปวีร์จัดการยัดมือของอรณีและตั๋วหนังของตัวเองให้กับผู้ชายคนนั้นแล้วรีบเดินตามชนกานต์ไปทันที ไม่สนใจอรณีที่ส่งเสียงเรียกไล่หลังมา
“หัวหน้า! เดี๋ยวสิคะหัวหน้า!!”
ปวีร์เดินตามชนกานต์มาจนลงบันไดเลื่อนมาชั้นล่าง เห็นหลังชนกานต์ไวๆก็คิดจะรีบเดินไปหา แต่ก็นึกเปลี่ยนใจเดินตามไล่หลังไปห่างๆเพราะอยากรู้ว่าชนกานต์จะไปทำอะไรบ้าง
ฝ่ายคนที่ถูกเดินตามนั้นไม่รู้ตัวเลยสักนิด ชนกานต์กะใช้โอกาสที่ได้มาห้างนี้ไปเดินดูซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่จึงเดินมุ่งหน้าไปยังโซนเสื้อผ้า ปวีร์เดินตามไปเรื่อยๆ แอบอมยิ้มเมื่อเห็นชนกานต์ช่วยแม่ลูกอ่อนคนหนึ่งเอารถเข็นเด็กลงบันไดเลื่อนแล้วก็ก้มลงไปยิ้มกับเด็กน้อยในรถเข็น เป็นรอยยิ้มน่ารักที่แทบไม่มีโอกาสได้เห็น
ระหว่างทางที่ลงไปยังชั้นขายเสื้อผ้าผู้ชาย ชนกานต์ก็สะดุดตากับโซนเสื้อผ้าเด็กที่อยู่เหนือชั้นจุดหมาย ชนกานต์ลงจากบันไดเลื่อนแล้วจึงเดินเข้าไปดู มุมปากยกยิ้มมองดูเสื้อผ้าเด็กอ่อนที่อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าก็คงต้องเลือกซื้อหาเอาไว้ให้เจ้าตัวเล็กในท้อง
ปวีร์ที่เดินตามมาเห็นเข้าก็ถึงขั้นยิ้มจนแก้มปริ เดินเข้าไปหาแบบเนียนๆ
“ตัวนี้น่ารักนะครับ” เสื้อตัวเล็กสีฟ้าที่ปลายนิ้วของชนกานต์แตะอยู่ถูกหยิบขึ้นมา ชนกานต์หันขวับไปมองเจ้าของมือก่อนสะบัดหน้าหนี ใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นบึ้งตึง
“ตามฉันมาทำไม? นายอยากดูหนังไม่ใช่หรือไงกัน?”
“ผมไม่ได้อยากดูหนังครับ ผมแค่อยากใช้เวลากับคุณเท่านั้น”
ปวีร์บอกแล้วยิ้มให้ จับมือชนกานต์ไว้ข้างหนึ่งไม่ให้ชนกานต์เดินหนี ส่วนอีกมือก็เลือกดูเสื้อสำหรับเด็กแรกเกิด ชนกานต์เม้มปากแน่น พวงแก้มร้อนจัด พยายามดึงมือออกแต่ปวีร์จับไว้แน่น
“ปล่อยนะ!”
ชนกานต์ถลึงตาใส่คนเจ้าเล่ห์ ตั้งใจจะผลักปวีร์ออกไปแรงๆแต่ติดที่พนักงานขายเดินเข้ามาหาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมบริการ
“คุณพ่อคุณแม่จะมาดูเสื้อให้คุณลูกหรอคะ?”
ชนกานต์อยากจะกัดลิ้นตาย ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงมองเป็นอย่างนั้นได้ ถึงมันจะเป็นความจริงก็เถอะ
“ครับ ช่วยแนะนำหน่อยสิครับ” ปวีร์รีบตอบเธออย่างกระตือรือร้นจนชนกานต์นึกหมั่นไส้
“คุณหนูเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายคะ? แล้วอายุเท่าไหร่แล้วเอ่ย?”
“ยังไม่ทราบเลยครับ ยังอยู่ในท้องอยู่เลย”
ปวีร์พูดแล้วชี้นิ้วมาที่ท้องของชนกานต์ทำเอาชนกานต์รู้สึกอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี
“แหม...เป็นคุณพ่อคุณแม่ที่ใจร้อนจังเลยนะคะเนี่ย”
พนักงานขายเอ่ยแซวแล้วหัวเราะคิกคักก่อนแนะนำว่าเป็นเด็กอ่อนแรกเกิดจะใช้สีอะไรก็ได้ตามแต่ที่คนเป็นพ่อกับแม่ชอบ
ชนกานต์ยืนฟังไปก็นึกอยากหายตัวไปจากตรงนี้
แต่ติดที่พนักงานขายดูจะชอบอกชอบใจคิดว่าเขากับปวีร์เป็นคุณพ่อคุณแม่ที่รักใคร่กันมากนี่สิที่ทำเอาชนกานต์ก้าวหนีไม่ออก
“บ้าชะมัด!”
ชนกานต์สบถออกมาหลังจากที่หลุดพ้นจากพนักงานขายเสื้อผ้าเด็กที่ทำหน้าที่พรีเซ้นส์การขายของเธอได้ดีเยี่ยมมากจนปวีร์ควักเงินซื้อเสื้อผ้าเด็กอ่อนมาหลายชุด ไม่นับรวมของอย่างอื่นอีกถุงใหญ่
“ยังไงเราก็ต้องซื้ออยู่แล้วนี่ครับ ซื้อตอนนี้ก็ไม่เห็นเสียหายนี่นา แถมยังได้ลดยี่สิบเปอร์เซ็นต์ด้วย คุ้มจะตาย”
ปวีร์พูดอย่างอารมณ์ดี ชนกานต์เองก็ขี้เกียจจะเถียง เพราะที่ปวีร์พูดมาก็ถูก ตอนนี้ทางห้างจัดโปรโมชั่นลดราคาอยู่ด้วย ซื้อตอนนี้มันก็คุ้มกว่าจริงๆอย่างที่ว่า
“ชริ!” ชนกานต์ทำเสียงขึ้นจมูกใส่ หงุดหงิดจนลืมจุดประสงค์ที่จะไปซื้อเสื้อผ้าของตัวเองเสียสนิทใจ
“หิวหรือยังครับ?” ปวีร์พลิกดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือแล้วเอ่ยถาม ชนกานต์รู้สึกเริ่มหิวแต่ก็ไม่อยากนั่งทานอะไรกับปวีร์อีก
“หิว แต่ฉันไม่กินกับนายหรอกนะ”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ...พ่อแม่ลูกได้กินกันพร้อมกันแบบนี้ดีออก” ชนกานต์หน้าร้อนอีกครั้งกับคำพูดของปวีร์ ยังไม่ทันจะพูดอะไร เสียงท้องร้องก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน
โครก~~
“ท่าทางเจ้าตัวเล็กจะหิวแล้วนะครับ ไปหาอะไรกินกันเถอะ”
ปวีร์ยิ้มขำแล้วถือวิสาสะจูงมือชนกานต์ที่เดินขืนตัวไปทางร้านอาหารที่อยู่ชั้นล่าง ชนกานต์ยอมตามไปโดยที่บ่นไปด้วยตลอดทาง
กว่าจะกลับถึงห้องก็เล่นเอาพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ชนกานต์นึกหงุดหงิดใจกับรอยยิ้มกริ่มที่ไม่รู้ว่าอารมณ์ดีอะไรหนักหนาของปวีร์ พอไขประตูเข้าห้องได้ก็เดินกระแทกเท้าเข้าไป
“นายกลับไปได้แล้วไป...อ๊ะ!?”
ชนกานต์ชะงักปากที่เอ่ยไล่เพราะถูกรวบกอดไว้จากทางด้านหลังทันทีที่ปวีร์วางถุงข้าวของที่ซื้อมาได้
“ปล่อย!” บอกเสียงดังแล้วเอาศอกดันคนกอดให้ออกห่าง แต่ปวีร์ยังกอดไว้แน่น
“วันนี้ผมดีใจมากเลยนะ” เสียงทุ้มกระซิบที่ข้างหู เพราะถูกกอดจากด้านหลังจึงไม่เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของปวีร์
“เห!? อะไรของนายกัน?”
“ดีใจที่คุณหึงผมน่ะครับ”
ปวีร์บอกแล้วคลายอ้อมแขนก่อนฉกจูบที่แก้มใส ชนกานต์รีบผลักแล้วยกมือเช็ดแก้มตัวเอง ทำหน้าบึ้งใส่
“อย่ามโนไปหน่อยเลย ใครหึงนายกัน!”
ชนกานต์โวยวาย สองแก้มขึ้นสีแดงจัดลามไปจนถึงใบหู ปวีร์หัวเราะขำพลางโยกตัวหนีถุงเสื้อผ้าของเจ้าตัวเล็กที่ชนกานต์ก้มลงไปหยิบมาเขวี้ยงใส่
“หึงก็ยอมรับสิครับว่าหึง ไม่เห็นต้องปากหนักไปเลย” ปวีร์ยังแหย่ชนกานต์อย่างมีความสุข
ภาพตอนที่ชนกานต์เดินหนีเขาตอนที่อรณีเข้ามาเจ๊าะแจ๊ะยังคงติดตาอยู่ นึกถึงแล้วก็หัวใจพองโตชอบกล
“ฉัน-ไม่-ได้-หึง!”
ชนกานต์เค้นเสียงพูดทีละคำพร้อมถลึงตาใส่แต่ก็ไม่อาจลบรอยยิ้มกริ่มไปจากใบหน้าของปวีร์ได้
“เชื่อดีไหมน้า~~”
“ไม่เชื่อก็ตามใจ! กลับไปได้แล้วไป!”
ชนกานต์ออกปากไล่อีกหน ปวีร์หัวเราะแล้วยอมล่าถอยไปใส่รองเท้าที่หน้าประตู
“กลับก็ได้ครับ ถ้านอนแล้วรู้สึกเหงาอยากมีคนกอดก็โทรตามได้นะครับ ดึกแค่ไหนก็จะบึ่งรถมาหา”
ชนกานต์ทำปากด่าไปให้ปวีร์อ่านก่อนแบมือทวงกุญแจห้องเมื่อนึกขึ้นได้
“เอากุญแจห้องฉันมาด้วย”
“ไม่ล่ะครับ เดี๋ยวคุณไม่ยอมให้ผมเข้าห้องอีก อ่อ..เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมมารับนะครับ แขนคุณแบบนี้คงจับรถไม่ได้จริงไหม?”
“ตามใจ!”
ชนกานต์กระแทกเสียง ใบหน้ายังคงบึ้งตึงอยู่ ปวีร์ยิ้มมุมปากแล้วชะโงกมาหอมแก้มอีกฟอด ชนกานต์เงื้อมือจะต่อยแต่ไม่ทันเพราะปวีร์เผ่นไปที่ประตูทันทีหลังจากขโมยหอมแก้มไป
“ไปก่อนนะครับ อย่าลืมนอนฝันถึงผมนะครับ”
ปวีร์ว่าแล้วเปิดประตูห้องออกไป ทิ้งให้ชนกานต์ยืนหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่ถูกขโมยหอมแก้มไปเสียหลายที
“ใครจะนอนฝันถึงนายกันปวีร์!”
ชนกานต์ย่นจมูกใส่ประตูก่อนจะหันกลับเข้ามาในห้อง เห็นเสื้อผ้าเด็กที่หล่นออกจากถุงที่ขว้างใส่ปวีร์แล้วก็อดไม่ได้ที่จะก้มลงเก็บ มุมปากยกยิ้มเมื่อมองเสื้อของเจ้าตัวเล็กที่ยังอยู่ในท้อง
“อีกไม่นานก็ได้ใส่แล้วเนอะ”
ชนกานต์ลูบท้องตัวเองแผ่วเบา ความผูกพันกับลูกในท้องกำลังเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆโดยที่ไม่รู้ตัว
เช้าวันถัดมา ปวีร์มาหาชนกานต์ตั้งแต่ก่อนเจ็ดโมง เปิดประตูเข้าห้องมาได้ก็จัดการเอาถุงโจ๊กไปวางที่โต๊ะก่อนเดินไปทางห้องนอน ปวีร์เปิดประตูเข้าไป เห็นชนกานต์ยังคงนอนอยู่ก็ยิ้มมุมปาก เดินเข้าไปทรุดนั่งลงข้างๆ มองดูใบหน้าของคนหลับอยู่แล้วก็ยังไม่อยากปลุก
“อืมม...” ชนกานต์ครางเบาๆแล้วพลิกตัวตะแคงข้าง มือที่กำเสื้อตัวเล็กโผล่ให้เห็นเพราะผ้าห่มเลื่อนลงไป ปวีร์ตาโตก่อนหัวเราะเบาๆ
“คุณนี่น่ารักจัง” ปวีร์พูดเสียงแผ่ว ก้มลงจูบแก้มคนที่แอบเอาเสื้อของเจ้าตัวเล็กมานอนด้วย
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
“เฮ้ย!”
ชนกานต์ที่งัวเงียพอเห็นหน้าปวีร์อยู่ในระยะประชิดก็ตกใจสะดุ้ง ฟาดมือเข้าใส่แก้มปวีร์ทันที
เพี๊ยะ!
“โอ๊ย!” ปวีร์ร้องแล้วเอามือขึ้นลูบแก้ม สันมือของชนกานต์ฟาดเข้าโหนกแก้มพอดิบพอดี
“เจ็บนะครับ”
“สมน้ำหน้า อยากเข้ามาเงียบๆเองช่วยไม่ได้” ชนกานต์บอก สะใจที่เห็นรอยแดงบนใบหน้าหล่อๆของอีกฝ่าย
“ก็ผมอยากจูบอรุณสวัสดิ์คุณนี่ครับ” ชนกานต์ทำหน้าแหวะใส่
“ทีหลังไม่ต้องเลยนะ แล้วนี่อะไรกัน? ยังไม่เจ็ดโมงเลย”
ชนกานต์หันมองเวลาแล้วก็ทำหน้าบูดใส่ที่คนที่มาปลุกแต่เช้า ปวีร์ยิ้มๆก่อนเดินไปหยิบเอาถุงกันน้ำเข้าเฝือกมา
“จะทำอะไรน่ะ?” ชนกานต์ตวาดใส่ปวีร์ที่ตลบผ้าห่มขึ้น
“ดูก็น่าจะรู้นี่ครับ ผมจะใส่ถุงกันน้ำให้ คุณจะได้ไปอาบน้ำไง”
“ฉันใส่เองได้น่ะ!” ชนกานต์ว่าแล้วเอื้อมมือมาจะดึงถุงในมือของปวีร์ แต่ปวีร์เลื่อนมือหนี
“ผมทำให้ สะดวกกว่านะครับ”
“ชิ!” ชนกานต์สะบัดหน้าใส่ ปวีร์หันไปจัดการสวมถุงกันน้ำให้ ไม่นานก็เสร็จ
“เดินระวังๆนะครับ”
ปวีร์เตือนคนที่ลุกขึ้นจากเตียง ชนกานต์เบ้หน้าก่อนเดินเข้าห้องน้ำไป ยิ่งนานวันก็ยิ่งเห็นชนกานต์เผลอแสดงอารมณ์เหมือนเด็กต่างจากภาพลักษณ์ปกติที่ชอบทำเก๊กหยิ่ง ปวีร์ยิ้มขำอารมณ์ดี
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ชนกานต์ก็ได้กลิ่นหอมฉุยมาจากด้านนอก ปวีร์กำลังรินนมใส่แก้วมาวางไว้ให้ ชนกานต์เดินลากขาไปนั่ง
“ทีหลังไม่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ก็ได้นะ มันน่ารำคาญ”
ชนกานต์บอกตรงๆตามที่รู้สึก คนอื่นอาจมองว่ามันโรแมนติก แต่ไม่ใช่กับเขา การที่ปวีร์เข้ามาก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวแบบนี้มันน่ารำคาญสำหรับคนที่รักสันโดษอย่างเขา
“แต่ผมอยากทำให้คุณกับลูกนี่ครับ”
ชนกานต์นิ่งไป มองหน้าคนที่ส่งยิ้มมาให้อย่างไม่เข้าใจนักว่าปวีร์กำลังคิดอะไรอยู่แน่ ระแวงว่าปวีร์กำลังวางแผนอะไรอยู่ ถึงได้มาทำดีใส่กันแบบนี้
“ยังไง...ฉันก็ไม่ไว้ใจนายอยู่ดี แล้วก็ยังเกลียดนายมากด้วย”
“ผมก็ไม่ได้หวังให้คุณมารักมาชอบผมนี่ครับ”
ปวีร์ตอบกลับ เสียงคล้ายไม่แยแส หากแววตากลับมีอะไรบางอย่างซุกซ่อนอยู่ แต่ชนกานต์ก็ไม่คิดที่จะใส่ใจ
บางที...คำว่า ‘รัก’ มันคงเป็นเรื่องยาก...
สำหรับพวกเขา ‘สองคน’
-TBC-
สวัสดีค่า ตอนใหม่นี้ดีเลย์หน่อยเพราะเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นซอมบี้เก็บตัวทำเล่มส่งโรงพิมพ์สำหรับวางขายในงานตลาดฟิคไปค่ะ เรื่องคุณปวีร์กับหัวหน้ากานต์นี่เรียกได้ว่าเลยเส้นเดดไลน์ของโรงพิมพ์เลยด้วยซ้ำตอนที่ส่งเข้าไป เกรงใจพี่ที่โรงพิมพ์สุดๆ
วันนี้เสร็จงานแล้วเลยเอาตอนใหม่มาแปะด้วยความคิดถึง และอยากบอกว่า...มันเหลืออีกแค่2ตอนจะจบแล้วล่ะ
คิดแล้วก็แอบเหงาเหมือนกันนะคะถ้าจบไป ยังไงอย่าลืมติดตามอ่านเรื่องอื่นของเขาบ้างนะ
ป.ล.ใครไปงานตลาดฟิค แวะมาทักทายกันบ้างนะคะ