ป ฐ ม บ ท ¬• จ้ า ว ธ า ร า
-๑๑-
สัมผัสอ้อมกอดอุ่น ริมฝีปากที่ยังมีรสเลือดคละคลุ้งและรสเค็มของน้ำตา เด็กหนุ่มทิ้งกายลงในอ้อมแขนนั้น ปล่อยให้สัมผัสของอีกคนทำให้ทุกอย่างหายไป ไม่เว้นแม้กระทั่งเปลวเพลิงโลกันต์ที่เผาไหม้เงาไม้จนราบเป็นหน้ากลอง
ไม่นานชายหนุ่มก็ละออกไป ดวงตาทั้งสองข้างมีหยดน้ำตาไหลอาบคละเคล้าไปด้วยฝุ่นเถ้าสีดำ แต่สองมือน้อยไม่ยอมปล่อยให้อีกคนไปไหน ร่างโปร่งยังคงเหนี่ยวรั้งอีกคนเอาไว้อย่างสุดกำลัง
อ้ายพี่แสนตา…ข้ารักท่าน
ข้ารักท่าน… ข้ารักท่าน…
ข้า….. “….วัง พันวัง”
…
“น้องพันวัง” หลังเปลือกตาคือภาพดำมืดกับเปลวเพลิงสีส้มที่ลุกโชนไปทั่วทุกหนแห่งดั่งภาพหลอน ยามลืมตาขึ้นอีกครั้งกลับเป็นความสว่างไสวจนแสบตา เปลือกตาสีเข้มหลุบลงอีกครั้งหนึ่ง..หัวคิ้วขมวดขยับไปมา ก่อนจะค่อยปรือขึ้นเพื่อรับแสงตะวันนั้นใหม่อีกคราด้วยจับสัมผัสได้
ความรู้สึกปวดร้าวแล่นปราดวิ่งพล่านไปทั่วร่างกายจนไม่กล้าแม้จะขยับตัวลุกขึ้นนั่ง เขาหรี่ตาลง ผ่อนลมหายใจอ่อนเพื่อมองหาเจ้าของเสียงทุ้มที่พร่ำเรียกชื่อเขาอยู่จนถึงเมื่อครู่
“จ้าวพี่..โคจร…?” เจ้าของนามยิ้มกว้างรับ ดวงหน้าคมมีร่องรอยความโล่งใจอยู่เต็มเปี่ยม ก่อนก้มลงมาประทับจูบปลอบที่หน้าผากเสียหนึ่งที
“เป็นเช่นไรบ้าง? เจ็บตรงไหนอยู่รึเปล่า?”
เด็กหนุ่มโคลงศีรษะช้าๆ ดวงตายังไม่ชินกับแสงสว่างนัก “ที่นี่…?”
“เรือนของเจ้า” อีกฝ่ายตอบ “พิจิตร”
…พิจิตร? ร่างโปร่งหอบหายใจแรงขึ้นเรื่อยๆ ภาพความทรงจำอันเลวร้ายหวนย้อนกลับมาอย่างช้าๆในสมอง และเขาแทบจะจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ได้เลย กระนั้นสัมผัสอุ่นที่ยังติดอยู่ที่ผิวกาย กับเสียงกรีดร้องที่ดังอยู่ในสมองก็ทำให้อะไรๆมันชัดเจนขึ้นมาได้โดยง่าย
นอกจากเรื่องเรือนที่อโยธยาโดนโจมตีจนมอดไหม้ เปลวไฟลุกท่วมไปทั่วทุกแผ่นไม้ กลิ่นคาวและเลือดที่ไหลซึมขึ้นมาตามผิวน้ำ ขบวนเรือของฝ่ายตรงข้ามที่มาเพิ่มเรื่อยๆไม่หยุดหย่อน…
...เขาจำไม่ได้ว่าตัวเองมาถึงที่นี่ได้ยังไงด้วยซ้ำ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น…
เด็กหนุ่มเม้มปาก กลืนน้ำตาที่เกือบจะหยดนั้นลงไปเสีย
“ข้า…หลับไปแค่ไหนรึ?”
เสียงตอบที่แสนแหบแห้ง ลำคอเจ็บแปลบจนเหมือนจะแตกออกได้
“เพิ่งเช้าวันที่สองเท่านั้น” จ้าวหนุ่มตอบ มือใหญ่เกลี่ยลูบที่ข้างแก้ม “เจ้าสิรอตรงนี้ก่อน ข้าจักไปตามอ้ายแม่พิกุลมาดูอาการ”
“..ขอรับ”
“พร้อมสำรับข้าวต้มสักมื้อ…เจ้าคงหิวสินะ”
“ขอบพระคุณขอรับ…จ้าวพี่โคจร”
อีกคนมองหน้าเขานิ่ง มือใหญ่ลูบที่หน้าผากลงมาถึงข้างแก้ม
“เจ้าปลอดภัยแล้ว..” คำพูดนั้นเอ่ยปลอบ ก่อนร่างสูงจะดันตัวลุกขึ้น
“อยู่ที่นี่…เจ้าจะปลอดภัย พันวัง” เจ้าของนามกลั้นใจอยู่นาน…จนกระทั่งอีกคนออกไปสักพักน้ำตาหยดหนึ่งถึงได้ไหลอาบแก้ม เขาค่อยๆยกมือที่ถลอกปอกเปิกเป็นรอยไหม้ทั้งสองข้างของตัวเองขึ้นมาดู ถึงเขาจะไม่สามารถหาคำตอบของบาดแผลกว่าครึ่งหนึ่งของร่างกายได้
แต่สองมือข้างนี้…เขาจำได้… ยามที่อ้ายพี่แสนตาถอดรูปกายดำลงน้ำ แปลงร่างเป็นจ้าวกุมภาขนาดมหึมา…ยอมให้ร่างกายใหญ่โตที่เปี่ยมไปด้วยบาดแผลนั่นเป็นเป้านิ่งให้โรมรันฟันแทง ทั้งหอกดาบอาวุธอาคมมากมากที่ทิ่มเข้าผิวหนังที่เคยแข็งแกร่ง แต่อ่อนแอลงเพียงแค่ในคราวนั้น…เรียกให้หยาดเลือดข้นซึมไหล หากจ้าวหนุ่มกลับกลั้นเสียงกรีดร้องไว้ไม่อ้อนวอนขอความเห็นใจ
…เป็นเหยื่อ…ให้จระเข้น้อยใหญ่มีเวลามากพอจะหนีไป… เท่าที่เขาจำได้ แน่นอนว่าตัวเองอยู่ข้างกายจ้าวไม่ได้หลบไปไหน หากแต่เสาเอกต้นหนึ่งที่ถูกเพลิงไหม้ไม่หมดลมเอนลงมาทับกาย….นั่นกลับเป็นภาพสุดท้ายที่เขาเห็น
และตัวเองที่มาอยู่ที่พิจิตรนี่…ก็ดูราวกับว่าจะบอกอะไรได้มากมายแล้ว…
“อ้ายพี่แสนตา…” เขาสะอื้นไห้จนตัวโยน รู้สึกเจ็บแปลบไปทั่วทั้งร่าง..ไม่ว่าจะเป็นฝ่าเท้าสองข้าง แผ่นหลัง ลำคอ นิ้วมือ มวนท้อง หว่างขา หรือแม้กระทั่ง…หัวใจ
“อ้ายพี่แสนตา…อ้ายพี่แสนตา…” พันวังไม่รู้ว่าร้องไห้หนักขนาดนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ เขาร้องจนเสียงแหบ ร้องจนราวกับว่าน้ำทุกหยดในร่างกายได้ถูกใช้ไป
ร่างโปร่งนอนคุดคู้มุดตัวอยู่ในผ้าห่ม กดมือทั้งสองข้างที่ยังปวดแปลบลงที่กลางอก เฝ้าฟังเสียงหัวใจตัวเองกรีดร้องด้วยความทรมาน
…..ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น…..
...ดวงใจข้า…จะไม่หวนคืนสู่ห้วงธารา… ….เพียงท่าน…เท่านั้น= = = = = = = = = =
พิธีศพของจ้าวแสนตาถูกจัดขึ้นอย่างสมเกียรติ
รวมไปถึงสหัส ทองดี และจระเข้ตัวอื่นๆที่ต่อสู้ศึกนั้นอย่างกล้าหาญ
ไม่มีศพ..ไม่มีร่างกายกลับมา เพียงแค่บวงสรวงสักการะพระแม่คงคาเหมือนเช่นพิธีปกติ และปล่อยให้ทุกอย่างไหลไปกับสายน้ำ ทั้งข้าวของเครื่องใช้ ดอกไม้ธูปเทียน รวมไปถึงความทรงจำทั้งหลายเหล่านั้น…ทิ้งอดีตทุกอย่างลงให้กลายเป็นเพียงภาพเลือนราง
เรือนที่พิจิตรไม่ได้จัดงานศพบ่อยนัก..จึงเป็นภาพที่ไม่ได้ชินตาเท่าไหร่ พอคิดเช่นนั้นแล้วจ้าวโคจรก็นึกเสียใจทุกครั้งที่ไม่ได้ไปช่วยเหลือเพื่อนรักด้วยตนเอง
เคราะห์ร้ายครั้งนั้นทำให้พิธีไว้ทุกข์เงียบงัน
..และความเศร้าก็ดูราวกับจะสามารถยืดเยื้อยาวนานไปได้นับปี
จระเข้ที่รอดจากอโยธยาก็ไม่ได้มากมายนัก และทั้งหมดยังคงอยู่ในสภาวะฟื้นตัว บางคนไม่อาจมีร่างกายที่สมบูรณ์เหมือนเดิมได้อีก..
….เช่นกัน
พันวังก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น… มันคือความเงียบ…ที่เงียบอยู่นานมากพอจะทำให้เสียงลมดูน่ากลัวขึ้นมาได้ ระยะห่างระหว่างพันวังกับอ้ายแม่พิกุลมีเพียงสายลมคั่น ดวงตาสีอำพันกลมโตไม่ได้รับรู้ถึงอะไรมากนัก กลับกันกับอีกคน…ที่ดูวิตกกังวลมากกว่า
ก่อนเขาจะเบือนสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง แล้วรำพึงรำพัน
“จริงหรือขอรับ…?” น้ำเสียงนั้นบอกไม่ได้ว่าคนพูดกำลังรู้สึกอย่างไร และคู่สนทนาก็ไม่อยากตอกย้ำ เลยทำเพียงพยักหน้ากลับไป
แต่สิ่งที่เด็กหนุ่มต้องการไม่ใช่ความเงียบ เขาเม้มปาก แล้วถามย้ำอีกครั้ง
“…ข้า…ไม่สามารถมี ‘ลูก’ ได้…อย่างนั้นหรือขอรับ?” “..บาดแผลที่ช่วงท้องเจ้านั้นสาหัสนัก” หญิงชราเอ่ย “ถ้าพิจตามที่เจ้าเล่า ไอ้เสาสุมเพลิงนั่นสร้งบาดแผลให้เจ้าไม่น้อย…กระนั้นจงมองโลกในแง่บวกไว้เสีย ช้าเร็วเจ้าก็ต้องทำหมัน มิเช่นนั้นต้องเผชิญกับฤดูผสมพันธุ์ที่แสนทรมานในทุกช่วงปี”
“อ่า…” พันวังพยักหน้าช้าๆ “จริงดั่งที่ท่านว่า…”
“ปัญหาของเจ้าคงไม่ได้มีเพียงแค่นั้นเป็นแน่ จากนี้คงลำบากนัก เจ้าสิต้องเข็มแข็งไว้”
คนฟังยิ้มน้อยๆ “วางใจเถอะอ้ายแม่พิกุล นั่นหาใช่สิ่งที่ข้ากังวลไม่”
“เด็กเอ๋ย…มาทางนี้สิ”
แขนผอมอ่อนแรงกางออก เรียกให้อีกคนเข้ามาแล้วลูบหลังปลอบ
ด้วยกับคนตรงหน้าที่เห็นกันมาตั้งแต่ตีนเท่าหอย แม้จะไม่ใช่คนร่าเริงมีอารมณ์ขันตลอดเวลา แต่พันวังก็เป็นเด็กดีมาก คอยปรนนิบัติรับใช้ท่านจ้าวมาตั้งแต่ยังไม่รู้ภาษา แต่ก็มิเคยเห็นเศร้าซึมเช่นในตอนนี้ และแม่เฒ่าก็รู้เหตุผลข้อนั้นดี…
…จ้าวแสนตา… เพราะว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กดีมากมาตลอด ซึ่งครั้งหนึ่งได้ทำตามสิ่งที่ตัวเองปรารถนาอย่างแท้จริง…เพียงครั้งเดียว นั่นคือตอนที่ทุกตัวจะเดินทางกลับจากอโยธยา และเจ้าตัวกลับพูดขึ้นมาว่า ‘ไม่’
“ความรู้สึกนั้นเป็นเช่นไรรึ..” รอยยิ้มอ่อนทาบอยู่ที่ใบหน้า
“…ที่พวกมนุษย์เรียกว่า ‘ความรัก’ น่ะ” เด็กหนุ่มยิ้มออกมาได้สำเร็จ แล้วร้องหวือ “อ้ายแม่พิกุล!”
“เอ้า เจ้าจะเขินกระไรเล่า…ชาวเราน้อยคนนักจะได้รู้จักกับความรู้สึกเช่นนั้นนะ”
พันวังหลุบตาคิดตาม สิ่งที่อีกคนพูดมานั้นเป็นความจริงทุกประการ…เพราะเขาเองก็เพิ่งเข้าใจเรื่องนั้นได้เพียงไม่นานเท่านั้น เวลาเพียงไม่นาน…ที่จบลงอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับอายุขัยเป็นร้อยปี
“อบอุ่น…” เขาเอ่ยต่อ…เสียงเบา
“…และหอมหวานมากขอรับ…” “รู้สึกดีใช่รึไม่?”
“ขอรับ” พันวังพยักหน้า หลุบตาลงเล็กน้อย “แต่ข้ากลับ..ทุกข์มากเหลือเกิน..”
มือหุ้มกระดูกค่อยบรรจงลูบปลอบอีกคนช้าๆ “เจ้าเป็นเด็กเข้มแข็ง…พันวัง”
“ข้าไม่อยากเข้มแข็งอีกแล้ว…”
“เด็กโง่”
“ข้าสงสัยนัก….”
เขาหลับตาลง รำพึงรำพัน…น่าแปลกใจที่ไม่มีน้ำตาออกมา
“เหตุใดสวรรค์ถึงให้เราเกิดมา เหตุใดจึงให้เราเผชิญความโศกาเช่นนี้…เราเป็นเพียงจระเข้ เรา…เราไม่ได้อยากมีความรู้สึกเฉกเช่นนี้มิใช่รึ? เพียงแหวกว่ายตามลำน้ำ ปกป้องพระแม่คงคา และสืบเผ่าพันธุ์ต่อไปเพียงแค่นั้นก็เพียงพอแล้วมิใช่รึ?”
“พันวัง….”
“เจ็บเหลือเกิน…อ้ายแม่พิกุล ข้าสิเจ็บเหลือเกิน”
เด็กหนุ่มซบหน้าลงกับไหล่ผอมแห้งของอีกคน เขาควรจะร้องไห้..แต่ไม่เลย เพียงเพราะน้ำตาเหล่านั้นได้เหือดแห้งไปหมดแล้ว
“ใยมนุษย์…จึงโหดร้ายเช่นนี้…?” มันคือช่วงว่างให้สายลมอ่อนๆพัดผ่านมา
เด็กหนุ่มรู้ดีว่าคำถามนั้นคงไม่ได้คำตอบ และมันคือข้อสงสัย…ว่าทำไมพวกเขาตองมีร่างแปลงที่เสมือนมนุษย์เช่นนี้ด้วย ทำไมจ้าวรำไพถึงใช้ลูกแก้ววิเศษพวกนี้แปลงร่างเป็นมนุษย์…เป็น…สิ่งมีชีวิตที่โหดร้ายเช่นนั้นด้วย
..เพียงเพราะอยากเป็นมนุษย์
..เพียงเพราะอยากสัมผัสความรู้สึกที่ทรมานเช่นนั้นอย่างนั้นรึ..? ในทุกๆวันที่เขาทำได้เพียงนอนพักอยู่บนเตียง เขาเฝ้าคิดถึงใบหน้าของชายอันเป็นที่รักซ้ำแล้วซ้ำเล่า เฝ้าหาเหตุผลที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น ทั้งความโหดเหี้ยมของมนุษย์ที่มองพวกเราเป็นสิ่งมีชีวิตอันตรายมาตลอด
…แต่เราก็มองพวกเขาไม่ต่างกัน… จระเข้และหมออาคมรบรากันมานาน…นานมากพอที่จะเรียกว่าสงครามยืดเยื้อ ไม่ว่าจะสูญเสียไปมากมายเท่าไหร่ ไม่มีฝ่ายใดฝ่ายนึงยอมลดราวาศอกต่อกัน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และจะเป็นเช่นนี้จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะหมดไป
แม้ว่าฝ่ายเราจะเพลี่ยงพล้ำด้วยจำนวนคน แต่ก็จัดว่าสูสีมาตลอดด้วยสายเลือดของ ‘จ้าว’ ที่เข้มแข็ง พลังที่แข็งแกร่ง และสมรภูมิในน้ำที่ได้เปรียบนัก…
แต่จ้าวแสนตากลับอ่อนแอ
…เพียงแค่ในวาระนั้น… ....คมดาบเดียวที่แทงหัวใจของจ้าวได้…. อ้ายแม่พิกุลยังคงกอดปลอบเด็กหนุ่มต่อไปด้วยคิดว่าอีกคนคงกำลังหลั่งน้ำตาอยู่ หาได้รู้ไม่ว่าในดวงตาสีอำพันคู่นั้นมีเพียงเค้าลางของความแค้นที่กลบความโศกเสียใจไปเสียสิ้น
“เจ้ายังมีชีวิตอยู่…”
หญิงชรากล่าวเสียงเครือนัก
“มิใช่ว่าข้าจักไม่เข้าใจเจ้า ชั่วดีเช่นไรเจ้าก็ต้องเดินหน้าต่อไป”
“ขอรับ” พันวังพยักหน้าช้าๆ “ข้า…ต้องเดินหน้าต่อไป”
จากนี้อีกสักกี่สิบกี่ร้อยปี…
…ความแค้นนี้…ข้าต้องสะสางมันให้สำเร็จ… …....ไม่ว่าจะมนุษย์ แม่หญิงบุหลัน
หรือกระทั่ง…จ้าวพี่โคจรจบภาค
ปฐมบท จ้าวธารา
====================
อย่าลืมติดตามเนื้อเรื่องหลักกันต่อนะคะ ไอ้พี่วันจะมาแว้วแอ้วแอ้ววววว

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ค่ะ
ozakaoxygenz*
