: เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]  (อ่าน 52775 ครั้ง)

ออฟไลน์ Sirada_T

  • We Will [Luk] You!!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0

ออฟไลน์ kururu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-3
ชอบนิยายตบมุก รอตอนต่อไป เห็นภาพเป็นการ์ตูนเลย

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
โอะผิดคาดแฮะคิดว่า หอมจะถูกกินซะอีก แต่พี่เมี่ยงก็ดูราชินีดีนะตอนนี้ ฮิฮิ  คุณถั่วเป็นโอตาคุหรือเปล่าคะ

ออฟไลน์ fangkao

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
รอเข็มจิ้มๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ หึหึหึ อยากเห็นฉากนี้ อร๊ายยยยย รึว่าเราเป็นมาโซเองเนี่ย ต้นหอมเอาใจช่วยให้มาให้ทันนะแจ้ 5555

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

nuper

  • บุคคลทั่วไป
คุณถั่ว ต้นหอมเป็นมาโซชิมะคะ เหอๆๆ ชอบพี่เมี่ยงเป็นหนุ่มยันค่าาาา

ออฟไลน์ Thuaphu.H

  • MASTER LUCK F
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +436/-2
    • https://www.facebook.com/Thua.TheSeries/?ref=bookmarks
: เพ้อที่ 03 : หลังสี่ทุ่ม

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
   

ผมพยายามแอบย่องเบาออกจากบ้านโดยไม่ให้ใครรู้...

แต่มันก็ยากนะพูดถึง

บ้านทาวเฮาส์สองชั้น กับคนในบ้านอีก 4 ชีวิต (ไม่รวมผม)

จะหลบหลีกนั้นมันยาก ต้องใช้สกิลดริฟท์สุดชีวิต

พ่อกับตั้งโอ๋ยังไม่นอน นั่งดูบอลกันอยู่ เมื่อเห็นผม คนที่สงสัยเป็นคนแรกคือไอ้ตั้งโอ๋

“อ้าว ต้น ไปไหน” มันจะถามแบบนี้ก็ไม่แปลก เพราะสภาพผมนั้นยังอยู่ในชุดนักเรียนเต็มยศอยู่เลย ก็อยากอาบน้ำนะ แต่คิดว่าสุดท้ายก็กลับมาอาบอีกรอบอยู่ดี ก็เลยปล่อยเลยตามเลย ไว้ออกไปทั้งแบบนี้ค่อยกลับไปก็ได้ ช่วงนี้ไม่มีกฏเคอร์ฟิวอะไร เด็กผู้ชายม.ปลายในชุดนักเรียนจะเตร็ดเตร่ข้างนอกแถวบ้านไม่น่าเป็นปัญหา

เพราะปัญหาน่าจะอยู่ที่บ้านก่อนนี่แหละ

“ไปเซเว่น” ... อ้างได้ที่สุดคือแค่นี้

พ่อหันมามอง แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรก่อนจะพยักหน้าหงึก ๆ แล้วหยิบแบงค์สีแดงให้

บอกว่า

“ฝากซื้อเอ็มเขียวให้พ่อซองนึง” ..... โดนใช้ซะงั้น

ส่วนไอ้โอ๋ พอเห็นพ่อฝากซื้อของด้วยก็ได้ใจ รีบบอกสมทบว่า

“ซื้อคิทแคทให้กูหน่อยดิ อยากกินช็อคโกแลต”

ผมแบมือ

มันทำหน้าหมางงใส่

“อะไรของมึงวะต้น”

“ยังมีหน้ามาถาม เงินล่ะเงิน ? ..กูไม่ออกให้มึงหรอกนะ” ไอ้น้องเวร .. คำหลังไม่ได้ด่า แต่ก่นด่าอยู่ในใจ

โอ๋ยักไหล่ไม่สะทกสะท้าน

“ก็เงินพ่อไปดิ เหลืออยู่แล้ว” .... เวรจริง

ผมก็ขี้เกียจไปเค้นเอากับมัน จะสี่ทุ่มแล้ว ผมควรไปตรงเวลา เพราะผมไม่แน่ใจว่า ไอ้เข็มจิ้มทุก ๆ หนึ่งวินาทีนั้นพี่เมี่ยงแกพูดจริงหรือพูดเล่น แต่หน้าแบบนั้น นิ่งแบบนั้น มันชวนให้ผมรู้สึกว่า พี่แกเอาจริงว่ะ

จากนั้นผมก็เดินออกจากบ้าน สมองลืมของที่พ่อฝากซื้อชั่วขณะ ก่อนจะรีบใส่เกียร์หมาวิ่งออกจากบ้านตรงไปยังร้านหนังสือการ์ตูน








เมื่อไปถึง ไฟหน้าร้านยังคงเปิดอยู่ แต่ประตูบานพับถูกลดลงมาไว้ครึ่งหนึ่ง เตรียมตัวที่จะปิดร้านแล้ว พี่เมี่ยงจะเป็นคนดูแลร้านในช่วงเย็นจนถึงร้านปิด เป็นแบบนี้ประจำ แต่ผมไม่เคยมาช่วงร้านปิดสักที ส่วนมากก็แวะมาตอนหลังเลิกเรียน เพราะงั้นแล้ว การที่จะมาตรงนี้สี่ทุ่มจึงเป็นครั้งแรกของผม

ผมลอดตัวเข้าไปใต้บานพับนั้น เห็นสลิปเปอร์ของพี่เมี่ยงไหว ๆ กำลังเดินไปเดินมา เมื่อมุดเข้าไปทั้งตัวเข้าไปในร้านแล้วก็พบว่าพี่เมี่ยงกำลังเดินเก็บหนังสือเข้าชั้น พร้อมกับเปิดเพลงคลอเบา ๆ

เป็นเพลงอนิเมที่คุ้นเคย ผมเองก็ไม่ค่อยได้ดูอนิเมเท่าไหร่หรอก แต่ก็มักดูเรื่องที่ติดใจ ดัง ๆ ที่เค้าพูดถึงกัน บางทีก็เลือกดูตามอารมณ์ เพราะคนที่เสพติดเยอะจริง ๆ คือไอ้โอ๋มากกว่า ถามมัน มันรู้ทุกเรื่อง รู้ทุกอย่าง มีครั้งหนึ่งผมกับมันเคยทะเลาะเรื่องกันดั้มจนต่อยกัน เรื่องของเรื่องผมน่ะชอบวิงก์ แต่ไอ้โอ๋มันอวยดับเบิลโอ แล้วก็มาเทียบกันว่าใครเจ๋งกว่า ถกกันไปถกกันมา สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการใช้กำลัง

เมื่อเห็นผมเข้ามา พี่เมี่ยงก็หยุดยืนมองผมเล็กน้อย ก่อนจะปรายสายตาไปดูนาฬิกาที่ติดพนังร้าน

“รอดตัวไปนะ” เขาเอ่ยบอกผมเบา ๆ ก่อนจะหันหน้าไปเก็บหนังสือเข้าชั้นต่อ

ท่าทางลูกค้าก่อนหน้านี้จะมากันเยอะ เพราะดูจากกองหนังสือที่ต้องเก็บเข้าชั้นนั้นมีหลายกอง ผมเองก็ไม่รู้จะทำอะไร เลยคิดว่าช่วยพี่เมี่ยงเก็บหนังสือก็น่าจะดี

ผมเป็นลูกค้าร้านนี้มานานตั้งแต่ร้านเปิด ค่อนข้างจะรู้ว่าหนังสือเล่มไหน เรื่องไหน อยู่ล็อกไหนของชั้นบ้าง พี่เมี่ยงเองก็แอบมองผมนิดหน่อย แต่ก็ไม่พูดอะไร ผมก็ช่วยพี่เมี่ยงเก็บหนังสือเข้าชั้น

จนกระทั่งสี่ทุ่มนิด ๆ หนังสือทุกเล่มก็เก็บเข้าชั้นได้เรียบร้อยแล้ว

จากนั้นพี่เมี่ยงก็เดินไปที่ประตู และปิดบานพับทั้งหมดเข้าหากันจากด้านใน

แล้วปิดไฟในร้าน

ผมสะดุ้งโหยง

“อ...เอ่อพี่เมี่ยงครับ”

แสงไฟจากร้านค้าหน้าร้านนั้นส่องเข้ามาเพียงเล็กน้อย คือ หน้าร้านการ์ตูนนี้จะเป็นฟุตบาทที่เต็มไปด้วยร้านก๋วยเตี๋ยวเอย ร้านยำ ร้านนั่นนี่ที่เกี่ยวกับของกิน พวกเขาจะเปิดร้านกันตอนเย็น และปิดร้านอีกทีก็คือตีหนึ่ง ซึ่งจะอารมณ์คล้าย ๆ กับร้านข้าวต้มโต้รุ่งน่ะครับ เต็มทั้งสองริมฟุตบาท เพราะงั้นไม่แปลกใจทำไมร้านหนังสือการ์ตูนถึงมาตั้งอยู่ตรงนี้ได้ เพราะมันเป็นย่านที่คนเดินจับจ่ายใช้สอยกันเยอะ

ผมได้ยินเสียงฝีเท้าพี่เมี่ยงที่มาใกล้ เขามายืนตรงหน้าผม จากนั้นก็แขนผมไว้

“ไปคุยกันข้างใน” พี่เมี่ยงบอกพลางดึงแขนผมออกเดินเข้าไปในร้าน

ได้ยินเสียงเปิดประตู เสียงเปิดไฟ

และมันก็ปรากฏขึ้น

ข้างในสุดของร้านที่ไม่เคยเปิดออก เป็นประตูที่ปิดตายไว้ตลอดเวลา ผมก็พอรู้ว่ามันจะเป็นเบื้องหลังของร้าน เอาไว้เก็บพวกสต๊อกหนังสือ อุปกรณ์นั่นนี่อะไรก็ว่าไป

แต่ผิดคาดนิดหน่อยที่มันมีเตียงนอนด้วยแฮะ

พี่เมี่ยงปิดประตูตามหลังก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็น

ผมขออธิบายคร่าว ๆ ให้ฟังก่อนนะครับว่า ร้านหนังสือร้านนี้ เป็นตึกแถวสองชั้นที่มีอยู่หลายคูหาติดกัน แต่ร้านนี้เปิดใช้บริการแค่เพียงชั้นเดียว ชั้นบนผมไม่รู้ว่ามีไว้ทำไม แต่อาจจะเอาไว้เพื่อเก็บของอะไรแบบนี้ก็ได้ เลยไม่ได้สนใจ และเมื่อเข้ามาในร้านนั้น ตรงสุดปลายทางในสุดของร้าน จะมีประตูบานนึงถูกปิดไว้อยู่ ซึ่งผมมาทีไรก็ไม่เคยเห็นมันเปิด แอบสงสัยข้างในนิดหน่อยน่ะ แต่ก็ไม่เคยคิดจะสอดรู้สอดเห็นอะไรหรอก

วันนี้พี่เมี่ยงได้พาผมเข้ามาข้างในแล้ว ในนั้นก็กว้างสักประมาณครึ่งร้านด้านนอก มีตู้เย็น ห้องน้ำ ขึ้นบันไดไปชั้นสอง โต๊ะทานข้าว ตู้กับข้าว ชั้นวางจาน ช้อน ส้อม แก้วน้ำ อะไรก็ว่าไป เตียงนอน และชั้นหนังสือที่เป็นสต๊อกอีกสองสามชั้น ถัดกันไปนั้นก็คืออุปกรณ์ต่าง  ๆ ในการห่อปกหนังสือ เช่น แม็กซ์ขนาดใหญ่ ค้อน สว่าน แป้นไม้ ลวด นั่นนี่ และหิ้งพระ ที่มีตู้ชั้นข้างล่างไว้อุปกรณ์จำพวก ยาฉีดกันยุง กระป๋องน้ำมันไว้หยอดประตูกันสนิมขึ้น หรือยากำจัดปลวก

ผมรู้สึกแปลกใหม่เล็กน้อย ..

“พี่เมี่ยงนอนที่นี่เหรอครับ” อดไม่ได้ที่จะถาม

แต่พี่เมี่ยงกลับบอกว่า

“หุบปาก ยังไม่ได้อนุญาตให้พูด”

โหดจริงครับพ่อคุณ

สักพักพี่เมี่ยงก็หันกลับมาพร้อมกับแก้วน้ำใส ข้างในเป็นน้ำสีแดง ผมลองยกขึ้นมาดม ปรากฏว่าเป็นกลิ่นน้ำแดงของเฮลบลูบอย ..

ต้อนรับผมด้วยน้ำเปล่าก็ได้นะครับพี่ เกรงใจ

“เอาไว้เวลามีสีทำนองนี้ติดตัวไปจะอ้างได้ว่ามันไม่ใช่เลือด”

นี่กะพามาให้เสียเลือดเลยเหรอครับ !?

ผมอ้าปากค้างให้กับความโหดร้ายของพี่เมี่ยง จากนั้นพี่เมี่ยงก็เตะเก้าอี้ตัวเล็ก ๆ มาให้ผมนั่ง แล้วเจ้าตัวก็ลากเก้าอี้มานั่งลงตรงข้ามผมเช่นกัน แต่เป็นตัวที่ใหญ่กว่า สูงกว่า....

พี่เมี่ยงทอดสายตาลงมามองผม

ใบหน้าของพี่เมี่ยงนิ่งสนิท อารมณ์แบบเดิม ๆ กลับมา ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่

“มาเล่นตอบคำถามกันดีกว่า” พี่เมี่ยงบอกเสียงเรียบ

“ตอบคำถาม...เหรอครับ?” ผมทวนคำ

พี่เมี่ยงพยักหน้ายืนยัน “ใช่ ..ผลัดกันถามคนละสามข้อ ทั้งหมดมีสามคำถาม”

“แบบนี้มันจะเรียกว่าผลัดกันถามได้ยังไงครับ !?” .. เล่นเอาคำถามทั้งหมดไปมีอยู่เลยนี่หว่า

“แล้วผมจะเป็นคนถามก่อน”

“ขอค้านครับ !”

“เปล่าประโยชน์น่า”

“มันเคยมีประโยชน์ด้วยเหรอครับ”

พี่เมี่ยงจิ๊ปากขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะเปลี่ยนท่านั่งเป็นไขว้ห้าง แล้วจ้องผมไม่วางตา

“เป็นเด็กเป็นเล็ก ริเถียงผู้ใหญ่ได้ยังไง”

“ผู้ใหญ่ต่างหาก เอาเปรียบเด็กได้ยังไงกันครับ”

“เถียงคำไม่ตกฟาก”

“เค้าเรียกว่าอธิบายต่างหาก”

ก็ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ผมต่อปากต่อคำกับพี่เมี่ยงได้ถึงขนาดนี้ จริงอยู่ว่าพี่แกน่ากลัว แต่เอาเข้าจริง ๆ ก็ยังไม่เคยแสดงท่าทางจะทำร้ายผมสักครั้ง มีแต่คำขู่ ...

คิดว่านะ...

“มาตกลงกันดีไหม .. ไม่สิ มาตกลงกันเถอะ.. มา..ตกลงกัน...ดีกว่า ..... อืม...” พี่เมี่ยงทำนิ่ง กลอกตาไปมาอย่างใช้ความคิด

แล้วก็จบลงด้วยประโยคที่ว่า

“มาตกลงกันซะ”

บังคับกันชัด ๆ

“ตกลงเรื่องอะไรครับ”

“ช่วยลืมสิ่งที่เห็นวันนั้นไปที”

“ถ้าเรื่องนั้น.....”

“จะช่วยโดยการใช้ไม้หน้าสามเบา ๆ ฟาดที่ท้ายทอย คงไม่ยากเกินไปหรอกใช่ไหม”

“ใครจะไปทำได้ครับ !?”

“อ้าว ก็แค่ตีเบา ๆ เอง”

“แค่อุปกรณ์ก็ไม่เบาแล้วนะครับพี่ ! !”

ไม่ได้ ผมต้องทักท้วง ถ้าหากทำจริงขึ้นมา ผมนี่แหละจะตายห่าเอา

เกิดความเงียบสักพัก พี่เมี่ยงก็ยื่นมือมาให้ผม

โดยชูนิ้วก้อยขึ้นมา

ผมงง

โคตรงงเลย

“อะไรครับ”

“เกี่ยวก้อย สัญญา ว่าจะไม่เอาเรื่องที่เห็นวันนั้นไปบอกกับใคร”

ดูธรรมดากว่าที่คิด ...

ผมยกมือเกี่ยวก้อยพี่เมี่ยงอย่างหลวม ๆ แบบกล้า ๆ กลัว ๆ .. ไม่ใช่อะไร กลัวว่าเกี่ยวไป จะมั่นใจได้ไงว่าพี่เมี่ยงจะไม่หักนิ้วก้อยผมกลางคัน

มือพี่เมี่ยงนุ่มกว่าที่คิด

มือผู้ชายจริงหรือเปล่าวะ?

เราสบตากัน

“ชื่อ.. ต้นหอมสินะ”

“ครับ”

“เป็นแฟนกัน”

หา ?

“อ..อะไรนะครับ”

“อย่าให้พูดซ้ำสอง มาเป็นแฟนกัน” น้ำเสียงนั้นเรียบเฉย .. นิ่ง ... สยบทุกความเคลื่อนไหว ไม่มีเสียงใด  ๆเล็ดลอดมาจากระหว่างเราสองคน แม้กระทั่งเสียงลมหายใจ เสียงใจเต้น หรือเสียงเสื้อผ้าที่เสียดสีกับผิวหนัง

เงียบจนผมขนลุก

แต่ผมก็ยังคงไม่เชื่อหูตัวเอง

“ว่าอะไรนะครับ..พี่เมี่ยง”

“ถ้าให้พูดอีกครั้ง สงสัยต้องใช้สว่านเจาะหู” .. พูดเรื่องโหดร้ายมาหน้าตาเฉยอีกแล้ว !

โอเค ผมควรเงียบปากสนิท แล้วลองคิดดู

หากพูดออกมาแบบนี้ คงตีความได้อย่างเดียวแล้วว่า พี่เมี่ยงเป็น....

“ผมไม่ใช่เกย์”

ชิงพูดออกมาก่อนซะงั้น

“เดี๋ยวสิครับพี่เมี่ยง ถ้าพี่เมี่ยงไม่ใช่เกย์แล้วมาขอเป็นแฟนกับผม......” ทำไม

“ใครเค้าขอ ? ..ไม่ได้ขอ แต่ต้องมาเป็นเลยต่างหาก” ... เผด็จการฉิบ เป็นญาติฮิตเลอร์เหรอครับ ?

เอาไงดีเนี่ย ? โคตรเหนือความคาดหมาย

“..เอ่อ.. เอาจริงเหรอครับ”

“หรือมีปัญหา”

“กะ...ก็เปล่าครับ” ..จริง ๆ แล้วโคตรมีปัญหาสุด ๆ เลยต่างหาก

ผมก็เป็นผู้ชายไง ไม่ใช่เกย์ ..

ก็ยอมรับว่าใจเต้นกับพี่เมี่ยงบ้าง ...

ก็บ้าง....

บ้าง....

เฮ้อ... ไม่บ้างละ เพราะตอนนี้แม่งก็ยังใจเต้นอยู่ ยิ่งประโยคที่บอกว่า ‘มาเป็นแฟนกันซะ’ เนี่ย มันได้ใจผมไปเลยเต็ม ๆ

แล้วผมก็รู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าว .. อย่างไม่ทราบสาเหตุ .. แต่เพิ่งจะมาเขินอายกันตอนนี้ ช้าไปมั้ย ?

“...” พี่เมี่ยงมองผม

ทำตัวไม่ถูกเลยแฮะ

ผมยกมือขึ้นเหนือหัวเล็กน้อย คล้ายกับขอยกมือถามอาจารย์หน้าชั้น

พี่เมี่ยงหรี่ตาเล็กน้อย เงียบแบบนี้แสดงว่าเปิดโอกาส

“คือ.. ทำไมถึงเป็นผมล่ะครับ หมายถึง.. ทำไมต้องให้ผมเป็นแฟนพี่เมี่ยงด้วยล่ะครับ ผมก็สัญญาแล้วว่าจะไม่บอกเรื่องที่เห็นวันนั้นกับใคร ร..หรือว่าพี่เมี่ยงจะลงโทษอะไรผมอีกหรือเปล่า..”

จริง ๆ มันก็ไม่ใช่ความผิดผมนะพูดถึง แต่ไม่รู้ทำไม เวลานี้ถึงต้องเอาความผิดเข้าตัวไว้ก่อน

พี่เมี่ยงยกมือกอดอกอย่างไว้ท่า

แล้วตอบด้วยคำตอบที่ทำให้ผมรู้สึกอึ้ง

มันเป็นเหตุผลที่หาได้ตามนิยาย มังงะ อนิเม รักทั่วไป

ซึ่งผมก็ไม่คิดว่าจะมันจะเอามาใช้ได้ในชีวิตจริง

ไม่สิ

ไม่คิดว่าจะได้ยินมันจริง ๆ

“เพราะคนเป็นแฟนกันมันสามารถอยู่ด้วยกันได้มากกว่า .. ต้องคอยจับตาดูเป็นพิเศษ ผมยังไม่ไว้ใจ แล้วก็อย่าคิดว่าจะหนีไปได้ง่าย ๆ มันไม่ใช่แค่รับปากว่าจะไม่พูดแล้วจบหรอกนะ”

ให้ตายเหอะครับ

นี่ผมกำลังเจอคนอันตรายของจริงแล้วใช่ไหมเนี่ย ?

แต่เดี๋ยวก่อนนะ...

ทำไม..

ผมถึงรู้สึกวูบวาบแบบนี้ล่ะ !?




TO BE CONTINUED......


ถั่ว : เอ่อ... คุณเบนครับ ผมไม่ได้เป็นโอตาคุนะครับ ได้โปรดอย่าเข้าใจกันผิด TT
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-03-2014 08:29:49 โดย ถั่วพลู »

Anch

  • บุคคลทั่วไป
 :laugh:ความคิดพี่เมี่ยงสุดยอดมาก

DeLiNo

  • บุคคลทั่วไป
มาแย้วววว ใจเต้นๆ ต้นหอม ^^ โดนแน่ๆ    :mc4: :mc4:

ออฟไลน์ cherilnatcha

  • การเดินทางของความคิด. ชาร์ลี (c)
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
ไม่ได้เข้าเล้ามานาน
เข้ามาเจอเรื่องนี้ ดีใจ ฟฟฟฟฟห
คุณถั่วเป็นโอตาคุสินะคะ
รู้ลึกชริงๆ 55555
อ่านแล้วรู้สึกอยากออกไปร้านการ์ตูนแถวบ้านที่ต้องแวะทุกเย็น5555
ที่แรกคิดว่า จะได้กินเด็ก แต่เด็กกินนี่ น่ารักกกกกก
พี่เมี่ยงเหมือนป็นทั้งยัน ทั้งเคะราชินีเลยคะ
ซึนด้วยป่ะคะ กรี้ดดดด เอาใจไปเรื่องนี้ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lolitar

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
 :o8: :o8: พี่เมี่ยงเท่มากกกกกกกกกกก


ออฟไลน์ kururu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-3
คุณถั่ว ชอบแบบนี้ เอาอีกๆ :katai2-1: คุณถั่ว บอกไม่ได้เป็น แต่เข้าใจในโอตาคุดีจริงๆ :katai3:

ออฟไลน์ Aomampapeln

  • แมวเหมียว เมี๊ยว เมี๊ยว~
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
พี่เมี่ยงนี่มาแนวเดียวกะทิมเลยอ่ะแต่พี่เมี่ยงโหดกว่าเยอะ!!แบบนี้บังคับกันชัดๆเลยแต่ดูเหมือนต้นก็จะยอมโดนบังคับซะด้วยหุหุ

ออฟไลน์ fangkao

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
พี่เมี่ยงนี่ออร่า ราชินีเคะ(ป่าวนะ) ออกเลย 555 สง่ามาก ต้นหอมเอ๊ย มีแส้กับเทียนยังเนี่ย กร๊ากกกก รอลุ้นต่อไปจร้า

ออฟไลน์ hembetaro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1

เรามึนกับพี่เมี่ยงอ่ะ...ตรรกะพี่แกหลุดโลกไปไหนแล้ว

ดาวนาเม็ก???   :m28:

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
พี่เมี่ยงเป็นบุคคลที่คาดไม่ถึงจริงๆ
ต้นหอมเอ๊ย เอ็งไม่รอดแน่ เหอๆๆ

ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไป  ^^

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
อ่าวหรอคะ เพราะเห็นมีศัพท์เฉพาะเยอะ 5555 เบนก็คิดว่าใช่ซะอีก หรือว่าใครๆเค้าก็รู้กัน ฮ่าๆๆๆๆ


ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
มันคือวิธีขอเป้นแฟนทางอ้อมใช่มั้ยพี่เมี่ยงงงงง

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
คิดถึงความแปลกของพี่เมี่ยงแล้วเจ้าค่ะ
คิดถึงคุณถั่วด้วยยยยยยยยย  :ling1:

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
อืม..... สรุปว่าพี่เมี่ยงนี่อยู่สาย s เป็นเคะราชินี
ส่วนต้นหอมนี่อยู่สาย m เป็นเมะสามัญชนสินะ


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ akashita

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อืม..... สรุปว่าพี่เมี่ยงนี่อยู่สาย s เป็นเคะราชินี
ส่วนต้นหอมนี่อยู่สาย m เป็นเมะสามัญชนสินะ



เห็นด้วยอย่างที่สุดเลยค่ะ 55555+

ออฟไลน์ Rose_Apple

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อ๊อกกกกกกกก ชอบพี่เมี่ยงง่ะ 55555. รีบมาต่อไวๆนะค้า  กำลังสนุกเลย  :man1:

nuper

  • บุคคลทั่วไป
ทำไมรุ้สึกว่าพี่แกติสแบบโอตาคุจังค่ะ แบบจะซึนหรือยันดี เอ เหมือนๆ ราชินีอะ ว่าแต่ใครกดใครค่ะ ต้นหอมถ้าจะกดพี่แกไม่อยุ่นะคะ

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
สนุกอ่ะ สนุกจังเลยยยยย >///<  :z1:

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
อืม..... สรุปว่าพี่เมี่ยงนี่อยู่สาย s เป็นเคะราชินี
ส่วนต้นหอมนี่อยู่สาย m เป็นเมะสามัญชนสินะ




555 เค้าชอบเม้นนี้อ่ะ ตรงจายยยยยย  ^^

ออฟไลน์ Thuaphu.H

  • MASTER LUCK F
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +436/-2
    • https://www.facebook.com/Thua.TheSeries/?ref=bookmarks
: เพ้อที่ 04 : แฟนผม

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
   

จากตอนที่แล้ว (ไม่ขอเล่าย้อน ผมก็ขี้เกียจเป็น)

จนถึงตอนนี้

ผมก็ได้เป็นแฟนพี่เมี่ยงแล้วล่ะครับ

ก็นะ ..ไม่รู้จะปฏิเสธไปทำไม ขืนปฏิเสธ มีหวัง โดนเชือด อาจจะไม่จบแค่เชือด คงจะมีอะไรที่รุนแรงและโหดร้ายทารุณกว่า อย่าลืมว่าอีกฝ่ายคือพี่เมี่ยงคนนั้นนะครับ คนที่ขู่จะตัดลิ้นผมได้หน้าตาเฉยนั้นน่ะ

คิดแล้วก็ปวดตับปวดไต

แต่สุดท้ายไอ้ต้นหอมก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเค้าแล้วล่ะครับ







ก่อนหน้านั้นก็ใช่ว่าผมจะไม่เคยมีแฟนนะ ? .. ก็เคยมีบ้าง คบกันนานไหม นานสุดก็คงจะเดือนนึงมั้ง อันนี้นานที่สุดละ ...โดยที่ผมเป็นคนขอบอกเลิกกับเธอคนนั้นก่อน สาเหตุน่ะเหรอ ? .. ของแบบนั้นไม่มีหรอกครับ ก็อยากเลิก ก็ไม่รู้จะคบไปทำไม ไม่ใช่ว่าหล่อเลือกได้นะ แต่ผมคิดว่ามันไม่ค่อยมีความจำเป็นต่อชีวิตเท่าไหร่น่ะ อายุแค่นี้ ผมว่าเอาตัวเองให้รอดก่อนดีกว่าครับก่อนจะไปดูแลผู้หญิง ซ้ำ.. ผมยังแบมือขอเงินพ่อแม่อยู่เลยนะ

ถามว่าไม่อยากรู้อยากลองบ้างเหรอ ?

ก็แหม.. ผมก็เป็นเด็กผู้ชายสุขภาพดีคนหนึ่งนะครับ อยากลองบ้างเป็นธรรมดา ก็เคยลองแล้วล่ะครับ ใช้ได้อยู่ ก็กับคนที่คบกันนานหนึ่งเดือนนั่นแหละ แต่พอได้กันเสร็จผมก็ขอเลิกกับเขาน่ะ จะบอกว่าผมเลวก็ว่ามาเถอะนะ เพราะไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว อืม...ก็ประมาณว่า คบกันมาจนถึงจุด ๆ หนึ่งที่จะมีอะไรกันได้ พอมีเสร็จผมก็มานั่งคิดน่ะว่า เราคบกันไปเพื่ออะไร ? เป็นแฟนกัน อยู่ด้วยกัน หยอดคำหวานให้กัน แล้วก็นอนด้วยกัน ..ผมว่ามันก็แค่นั้นอ่ะ

เลยเลิก ...

และฝ่ายหญิงก็ราวีผมสักพักใหญ่ ๆ โชคดีที่ผมอยู่โรงเรียนชายล้วน เธออยู่โรงเรียนสหศึกษาที่ไกลออกไป เมื่อก่อนผมไปแถวโรงเรียนเธอบ่อยไง เลยได้เจอกัน แต่ถึงจะตามมาสักแค่ไหน คนมันไม่คิดจะคบต่อมันก็ไม่อยากคบครับ ตอนนั้นต้องขอบคุณไอ้คิวเพื่อนสนิทผมกับไอ้โอมัน ที่ช่วยไปไกล่เกลี่ยให้

จากเหตุการณ์นั้นผมก็เลยสรุปให้กับตัวเองคร่าว ๆ ว่า

ผมคงไม่ได้ชอบแฟนที่ผมชอบเท่าไหร่ คบไปก็เพื่ออยากรู้อยากลองอย่างที่ว่า เห็นคนอื่นเค้ามีแฟนกันก็เลยอยากรู้น่ะครับว่ามันจะให้ความรู้สึกยังไง ผลสุดท้าย ก็เลยเป็นอย่างที่เห็น

จากนั้นผมก็ไม่มีแฟนอีกเลย

จนกระทั่งมาเจอพี่เมี่ยงนี่แหละ

คนที่ทำให้ผมใจเต้นได้เป็นคนแรก คนที่ทำให้ผมรู้สึกแปลกใจได้ทุกเมื่อ

และเป็นคนที่ผมรู้สึกได้ว่า ...

คนนี้ มีอะไรที่น่าดึงดูดสำหรับผมสุด ๆ

ผมก็เลยคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหากผมจะคบกับเค้า ที่สำคัญ จะได้เป็นการพิสูจน์ด้วยครับว่าแท้ที่จริงแล้วผมคิดยังไงกับพี่เมี่ยงกันแน่ แล้วอาการใจเต้นที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะอะไร

น่าสนใจ

เลยต้องทำแบบนี้

แต่ก็นั่นแหละครับ พี่เมี่ยงคนนั้น .... จนถึงทุกวันนี้ ก็ยังทำให้ผมรู้สึกเอ็กไซติ้งได้ทุกเมื่อ ทุกที่ ทุกเวลาที่เจอกัน ไม่เพียงเท่านั้น ...

พี่เมี่ยงแกแอบร้อนแรงนะครับ บอกเลย








หลังจากตกลงเป็นแฟนพี่เมี่ยงวันนั้น ผมก็กลับบ้านอย่างดึก เพราะต้องมาตกลงกฎเหล็กห้าข้อที่พี่เมี่ยงสร้างขึ้นมา และต้องเอ่ยปากรับรู้ เซ็นยินยอม ...ครับ แม่งมาเป็นใบเซ็นสัญญามาเลย ประทับตราครุฑด้วย ครีเอทไปไหน อารมณ์เหมือนหนังสือราชการ ที่ขัดขืนแม่งจะมีโทษ จำ ปรับ อะไรแบบนั้น แต่กฎนี้มันเป็นของพี่เมี่ยงไง ผมว่าบทลงโทษมันไม่แค่จำ ปรับ หรอก ไม่สิ ... จำ ปรับมันยังเป็นอะไรที่เด็กน้อยไปเลย หากจะคิดถึงบทลงโทษที่พี่เมี่ยงจะใช้กับผมขึ้นมาจริง ๆ น่ะนะ

กฎการเป็นแฟนของพี่เมี่ยงมีดังนี้ครับ

1   ต้องมาหาที่ร้านทุกวัน หากวันไหนพี่เมี่ยงหยุดผมต้องถ่อไปหาพี่เมี่ยงที่มหาลัย (โชคดีที่ว่าโรงเรียนผมอยู่ไม่ไกลจากมหาลัยพี่เมี่ยงมากนัก) ถ้าไปหาที่มหาลัยไม่เจอก็ต้องไปหาที่หอพัก และอยู่ด้วยกันจนถึงสี่ทุ่ม หรือก็คือตามเวลาที่ร้านปิดครับ กฎข้อนี้ผมยังไม่รู้เลยนะว่าจะคุยกับที่บ้านยังไงหากจะดึกดื่นแบบนี้ แต่กฎมันไม่จบลงแค่นั้นครับ เมื่อพี่เมี่ยงบอกต่อว่า หากเป็นวันหยุดที่ไม่ได้ไปทำงาน ก็ควรคิดวางแผนไปเที่ยวมา เรียกง่าย ๆ ว่าไปเดทด้วยกันนั่นแหละโดยค่าใช้จ่ายต้องออกกันคนละครึ่ง เพราะพี่เมี่ยงให้เหตุผลว่า ถึงจะทำงานพิเศษแต่ก็ต้องแบมือขอเงินพ่อแม่อยู่ ยังหากเงินด้วยตัวเองไม่ได้ ... ก็มีเหตุผลดีครับ

2   ต้องโทรมาหาทุก ๆ เช้าและก่อนนอน เช้าคือโทรไปปลุก ก่อนนอนก็ต้องบอกฝันดี กฎข้อนี้ทำได้ง่ายมาก แต่มันไม่ง่ายเมื่อพี่เมี่ยงบอกว่า ต้องโทรมาให้ตรงเวลา และทุกวัน หากวันไหนลืม ก็เตรียมตัวโดนตัดนิ้วได้เลย


3   บอกที่บ้านซะว่าเป็นเกย์ จะได้ไม่เป็นภาระภายหลัง ... ข้อนี้ทำไม่ยาก เอาจริง ๆ นะ พี่ชายคนโตบ้านผมก็เป็นไปแล้วหนึ่งหน่อ ไม่เห็นพ่อแม่ว่าอะไร ไอ้โอ๋นี่.. เหมือนจะสนใจเด็กม.ต้นอยู่หนึ่งคน โรงเรียนผมมันชายล้วนครับ ก็น่าจะมีซัมธิงรองกัน แต่อย่างว่า พ่อแม่ผมเค้าไม่ซิเรียสหากลูกจะเป็นเกย์ เป็นพ่อแม่หัวสมัยใหม่ครับ แต่ก็ไม่แน่ใจนะว่าหากลูกชายจะยินยอมพร้อมใจเป็นเกย์กันหมดทั้งบ้านแบบนี้แล้ว แม่จะไม่เป็นลมเอา

4   โดนทำอะไรก็ห้ามต่อต้าน ฮิตเลอร์กลับชาติมันเกิดชัด ๆ ครับพี่เมี่ยงน่ะ ข้อนี้เด็ดขาดและชัดเจนมาก สายตาของพี่เมี่ยงตอนบอกข้อนี้มันวิ้งวับอย่างมองไม่ถูก และคล้ายถูกโลมเลียด้วยสายตาแปลก ๆ ไอ้ผมรึก็รู้สึกสะดุ้งสะเทือนเล็กน้อย ... ก็ได้แต่หวังว่าพี่เมี่ยงจะไม่ทำอะไรที่เป็นผลกระทบไปถึงความเจ็บปวด ความเป็น ความตาย


5   ข้อนี้สำคัญสุดครับ ทำเป็นตัวอักษรใหญ่ หนา และประทับด้วยดอกจันหลาย ๆ ดอก .. นั่นก็คือ  ****ห้ามนอกใจเด็ดขาด**** เหมือนพี่เมี่ยงจะซีเรียสข้อนี้เป็นพิเศษ บอกว่าหากกระทำการใด ๆ ที่เป็นเหมือนการนอกใจ เช่น เหล่สาว คุยกับสาว หรือหยอกล้อกันแล้วล่ะก็ .... บทลงโทษคือประหารตัดหัวเสียบประจานครับ
 
ได้ยินแล้วก็ขนลุก โดยเฉพาะบทลงโทษข้อสุดท้าย แต่สีหน้าพี่แกจริงจังจนปฏิเสธไม่ออก ใบหน้านิ่ง ๆ ที่ดูดี ดูหล่อเหลาแบบนั้น กลับพูดเรื่องตัดหัวเสียบประจานออกมาได้หน้าตาเฉย ...

แบบนี้สินะ ที่เขาเรียกว่ารู้หน้าแต่ไม่รู้ใจ

แต่หลังจากกฎห้าข้อนั้น พี่เมี่ยงก็ตบท้ายด้วยประโยคที่สุดแสนจะเร้าใจให้ผมฟังว่า

“ถ้าทำได้ดีหมดโดยไม่มีขาดตกบกพร่องล่ะก็ จะมีรางวัลให้เป็นปลอกคอ”

ชักน่าสนใจนิด ๆ

แต่.. ไม่สิ ! ผมจะมาดีใจกับปลอกคอได้ยังไงกัน !?

มันต้องมีเชือกจูงด้วยถึงจะถูก ! ! !






เฮ้ ผมไม่ได้เป็น M นะ อย่าเข้าใจผิดล่ะ





วันต่อมา นับเป็นวันแรกของการเป็นแฟนกันระหว่างผมกับพี่เมี่ยง เวลาที่พี่เมี่ยงบอกให้โทรตอนเช้าคือเจ็ดโมง เพราะพี่เมี่ยงมีเรียนแปดโมงตรงทุกวัน เลยอยากให้ผมช่วยโทรไปปลุก เนื่องจากหอพักอยู่ใกล้มหาลัย ตื่นก่อนหนึ่งชั่วโมงจึงเป็นอะไรที่ค่อนข้างเหลือเฟือ

“ฮัลโหลครับ...” เสียงพี่เมี่ยงงัวเงียมาจากปลายสาย

เมื่อวานแลกเบอร์กันเอาไว้แล้วล่ะครับ แต่กว่าจะได้ ผมต้องคุกเข่าอ้อนวอนร้องขอกันสุดชีวิต ดูเหมือนพี่เมี่ยงจะชอบนะที่ผมทำแบบนั้น ผมก็เต็มใจทำด้วยดี เวลาเห็นพี่เมี่ยงยิ้มแบบเหยียด ๆ แล้วมันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

“เอ่อ... สวัสดีครับพี่เมี่ยง ตื่นหรือยังครับ”

ได้ยินเสียงขยับตัวจากปลายสาย ลำโพงจะดีเกินไปแล้ว

“ใครเค้าจะมานั่งรอโทรศัพท์คนที่จะโทรมาปลุกกันล่ะ” เออ ก็จริง

ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ

ตอนนี้ผมกำลังเดินออกจากบ้านพร้อมตั้งโอ๋เพื่อไปโรงเรียน บ้านผมอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนมาก เลยเดินไปได้สบาย แต่ถ้าวันไหนรีบ ๆ ก็จะนั่งวินมอเตอร์ไซค์ไป แต่วันนี้ผมต้องโทรไปหาพี่เมี่ยง เลยเลือกที่จะเดินไปโรงเรียนแบบชิว ๆ ส่วนตั้งโอ๋ก็เดินอ่านการ์ตูนของมัน

“ครับ งั้นก็... ตื่นได้แล้วนะครับ ผมโทรมาปลุกแล้ว”

“อือ ขอบใจ”

แล้วผมก็ได้ยินสัญญาณตัดเสียง

! ! ! ! ! !

ผมยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาดู

สัญญาณโทรศัพท์ก็เต็ม ... ระบบก็ใช้แบบรายเดือน ตัดปัญหาเรื่องเงินหมดไปได้เลย ผมยืนขมวดคิ้วมองปลายสายที่ถูกวางไป ก่อนจะกดโทรหาอีกครั้ง

ปรากฏว่าพี่เมี่ยงตัดสายผมทิ้งเฉยเลยว่ะครับ ! !

ผมกดโทรไปอีกรอบ

ตัดทิ้ง

กดโทรอีก

ก็ตัดทิ้งอีก ! !

เฮ้ย .. ! นี่มันเกิดอะไรขึ้น !?

ผมหันไปมองตั้งโอ๋ที่กำลังสลับขาเดินบนฟุตบาทด้วยสเต็ปที่ดีเยี่ยม ตามันมองหนังสือนะ แต่แม่งหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้หมดเลยว่ะ มึงจะเมพไปไหนวะโอ๋ ?

“..โอ๋”

“ว่า?”

“การที่มึงโทรไปปลุกใครแล้วเค้าตัดสายมึงทิ้งเนี่ย หมายความว่าไงวะ” ลองถามดู เผื่อมันคิดต่าง หรือมีความเห็นอย่างอื่น

ตั้งโอ๋มันทำหน้านึกสักพักก่อนจะตอบอย่างรวดเร็วว่า

“ตื่นแล้ว ไม่ก็หลับต่อ”

คิดเหมือนกูเด๊ะ

แล้วอย่างพี่เมี่ยงจะเป็นแบบไหนล่ะ ?

“โอ๋”

“อะไรของมึงอีกวะต้น”

“ถ้าวันนี้กูเข้าโรงเรียนสาย จะเป็นอะไรไหม”

มันยักไหล่ “ไม่มั้ง ทำไมอ่ะ ? จะโดดเรียนไปไหน ว่าแต่มึงโทรไปหาใครเนี่ยเมื่อกี้ แฟนมึงเหรอ” คือ ไอ้ตั้งโอ๋มันไม่รู้ครับว่าผมมีสถานะโสด ซิง หรือมีแฟนแล้ว แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้ผมก็มีแฟนแบบจับฉ่ายเลยทำให้มันคิดว่าผมค่อนข้างที่จะไม่ค่อยว่างตลอดเวลา เรื่องพี่เมี่ยงยังไม่ได้บอกใครครับ เพราะเมื่อคืนก็กลับดึกมากแล้ว กะว่าหากมีโอกาส วันนี้อาจจะบอก ไม่ก็ยกยอดไปวันหยุดเลย

“เออ แฟนกู โทรไปปลุกแล้วตัดสาย” ...คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้แล้วล่ะนอกจากตัดสาย

“เฮ้ย นี่มันก็เจ็ดโมงแล้ว ถ้ายังไม่ตื่นก็ไปโรงเรียนสายนะเว้ย”

“เปล่า พี่เค้าเรียนแปดโมง ตื่นเจ็ดโมงก็ทัน อยู่หอ”

“เหยดดดดดด นี่มึงมีแฟนแก่แล้วเหรอวะต้น” ยังจะมาแซวกู

ผมเลยตอบเออแบบส่ง ๆ ให้มันไป ไอ้โอ๋ก็ตาลุกวาวเลยครับทีนี้ มันซักไซ้ไล่เลียงผมใหญ่ว่าแฟนผมเป็นใคร คือปกติผมมักจะคบกับคนอายุน้อยกว่าไง เหมือนไม่เคยบอกสินะครับว่าช่วงหลัง ๆ มานี้ผมมีแฟนเป็นเด็กม.ต้นหมดเลย และคนที่มีอะไรกันก็อยู่ม.ต้นด้วยน่ะ ม.สามแล้ว แต่กับเด็กม.หนึ่งผมก็เคยคบนะ ตอนนั้นผมอยู่ม.สี่ ก็โดนไอ้โอ๋มันหาว่าผมกินหญ้าอ่อนตลอดแหละ

แต่คราวนี้กินหญ้าแก่บ้างครับ พี่เมี่ยงอายุมากกว่าผมสองปี เรียนปีสามแล้ว เห็นเจ้าตัวบอกมาแบบนั้น

ก็ไม่รู้ว่าจะอร่อยขนาดไหนน่ะนะ

แต่ผมตอบอะไรไอ้โอ๋มันไม่ได้มากหรอกครับ และยังไม่บอกด้วยว่าเป็นพี่ที่ร้านเช่าหนังสือการ์ตูน ว่าจะบอกมันเย็นนี้แหละ พี่เมี่ยงมาทำงานด้วยน่ะ เลยกะจะแนะนำไปพร้อมกันก่อนจะบอกที่บ้าน เอาให้เซอร์ไพร์ส

“วันนี้เป็นเวรทำความสะอาดของกู ถ้ากูไปสาย ไอ้ม่อนมันจะสับกบาลกูเอา มึงช่วยไปทำแทนกูหน่อยได้ไหม แล้วก็ฝากโทรลากไอ้เชี่ยคิวไปทำเวรด้วย” เพราะไอ้คิวมันชอบไปโรงเรียนสาย เลยมาทำเวรสาย บางวันแม่งก็ไม่มาซะอย่างนั้น

ม่อนคือหัวหน้าเวรวันของผม ก็เป็นหัวหน้าห้องด้วย เข้มงวดสุด ๆ ไฝว์กับไอ้คิวบ่อย ๆ คนเข้มงวดกับคนเอ้อระเหยก็แบบนี้แหละครับ แต่ดูพวกมันทะเลาะกันก็สนุกดี

“เออ ก็ได้ ถ้ามึงรับปากว่าจะพาแฟนมึงมาเปิดตัว”

“กูพามึงไปหาเค้าเย็นนี้เลยเอ้า ตกลงมะ”

โอ๋ตาเบิกกว้าง ก่อนจะยิ้มที่มุมปาก สมใจแม่ง

“ได้ ห้ามคืนคำนะเว้ย”

“เออ” ไม่คืน แต่ถ้ามึงเห็นแฟนกูแล้วก็อย่าหันหลังกลับแล้วกัน

ผมเลยฝากให้ตั้งโอ๋มันไปส่งการบ้านให้ผมด้วยตอนเช้า ฝากทำเวร คือถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็คงกลับไปโรงเรียนได้แบบทันเฉียดฉิว โรงเรียนกับมหาลัยของผมกับพี่เมี่ยงไม่ไกลกันมาก นั่งวินไปก็ถึง ส่วนหอพักก็อยู่ใกล้ ๆ เห็นแบบนี้พี่เมี่ยงแกก็รอบคอบบอกชื่อหอและห้องให้เรียบร้อยแล้วนะครับ

ผมเลยโบกวินมอเตอร์ไซค์ไปหอพักพี่เมี่ยง พี่วินก็ทำหน้างง ๆ วินประจำผมไง ปกติจะเรียกไปโรงเรียน แต่นี่เรียกไปหอพักมหาลัยใกล้ ๆ เลยทำให้ดูจะมึนกันเล็กน้อย

วันแรกก็ถูกทดสอบให้ทำหน้าที่แฟนที่ดีซะแล้ว ...

เอาตรง ๆ ผมก็ยังไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลยนะเนี่ย







หอพี่เมี่ยงอยู่ซอยข้าง ๆ กับมหาวิทยาลัย เป็นซอยที่นักศึกษาอยู่กันเยอะ แต่พี่วินเค้าไม่ค่อยได้มาแถวนี้ ชื่อหอก็ไม่คุ้น ผมเองก็ไม่เคยเหยียบย่าง เลยต้องถามคนรู้จักแถวนั้น และกว่าจะมาถึงหน้าหอก็ใช้เวลาปาไปเกือบยี่สิบนาที เงินหกสิบบาทปลิวไปจากกระเป๋าตังค์ผมอย่างง่ายดาย ค่าขนมได้วันละร้อยเองนะครับ แบบนี้จะกลับไปยังไงเนี่ย ??

เมื่ออยู่ข้างล่างหอ โคตรโชคร้าย มันเป็นระบบคีย์การ์ด คือ ถ้าไม่มีการ์ดเข้าไม่ได้น่ะ ผมเลยยืนหน้าเอ๋ออยู่หน้าประตูก่อนจะตัดสินใจโทรศัพท์หาพี่เมี่ยงอีกครั้ง

มีนักศึกษาสองสามคนอยู่ข้างล่าง น่าจะเป็นหอพักรวม มีทั้งหญิงและชาย พวกเขามองผมเป็นสายตาเดียว ไม่แปลกหรอกครับ ก็เด็กนักเรียนชุดม.ปลายยืนจังก้าอยู่หน้าหอพักนักศึกษามหาวิทยาลัยเนี่ย ไม่ใช่ภาพแปลกก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว

ผมรอสายนานมากจนกระทั่งโดนตัด

ผมกดโทรอีกครั้ง ประจวบเหมาะกับที่คนด้านในหอพักเค้าออกมาพอดี ผมจึงใช้โอกาสนี้แทรกตัวเข้าไปด้านในตัวอาคาร และเริ่มมองหาชั้น

รอสายจนตัดไปอีกรอบ

ห้องที่พี่เมี่ยงอยู่คือ 211 อยู่ชั้นสอง ผมรีบขึ้นบันไดอย่างรวดเร็ว และมองหาห้อง

มันอยู่ด้านในสุดตรงทางเดิน ผมสังเกตรองเท้าข้างหน้า ก็คุ้นอยู่นะรองเท้าเนี่ย .. แต่นักศึกษาเค้าใส่รองเท้าเหมือนกันหมดปะวะครับ ? ... มันฟันธงไม่ได้ว่าใช่ของพี่เมี่ยงหรือเปล่า อันที่จริงผมก็แอบกังวลนะว่ามาถูกที่ไหม แต่ก็หน้าด้านมาขนาดนี้แล้วต้องลองสักตั้งล่ะ

ผมโทรหาพี่เมี่ยงอีกครั้ง

คราวนี้รับด้วย

“ฮัลโหลครับ......”

เสียงยังงัวเงียอยู่เว้ยเฮ้ย ! ! !

“พี่เมี่ยงเปิดประตูหน่อยครับ”

“????” .... ไร้ซึ่งเสียง แต่รู้ว่าสงสัย

“พี่เมี่ยงครับ”

“กุญแจอยู่ในรองเท้าหน้าประตู ค้นดูเอาละกัน ... มึงมาทำไมแต่เช้าวะไอ้เชี่ยเอิร์ธ กูจะนอน”

เอิร์ธ ??? ใครวะ ???

แต่ไม่สนละ ผมนั่งลงเขย่ารองเท้าที่วางกันเรียงรายหน้าห้อง แล้วก็มีคู่หนึ่งที่ได้ยินเหมือนมีอะไรอยู่ข้างใน พอคว่ำออกมาก็พบกับกุญแจหนึ่งดอก

มีจริง ๆ ด้วยว่ะ .....

ซีคิวริตี้ห้องพี่เมี่ยงนี่มันยังไงอยู่นะ ?

ผมไขกุญแจเข้าไปในห้อง

รู้ไหม ว่าผมเจออะไร ?

ห้องสี่เหลี่ยมจัตุรัส โล่งกว่าที่คิด เพดานสีฟ้าอ่อน เตียงอยู่ตรงริมประตู มีห้องน้ำ และระเบียงยื่นออกไปข้างนอก เฟอร์นิเจอร์ข้างในมีตู้เสื้อผ้า ชั้นหนังสือ โต๊ะอ่านหนังสือ และทีวี

ส่วนนอกนั้นที่เหลือ .....

โปสเตอร์เกมและการ์ตูนเต็มห้องไปหมดเลยครับ ! ! !

ผมหันไปมองบนเตียงที่มีพี่เมี่ยงนอนอยู่คนเดียว ใบหน้าพริ้มหลับอย่างเป็นสุขสุด ๆ โดยที่มือกำลังกำโทรศัพท์มือถือเอาไว้อยู่ พี่เมี่ยงอยู่ในเสื้อยืด กางเกงขาสั้นและนอนกอดหมอนข้าง

แต่หมอนข้างที่พี่เมี่ยงกอดนั้นเป็น...

หมอนข้างรูปการ์ตูนเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิดจะชื่อ.....

“อือออออ” พี่เมี่ยงพลิกตัวนอนโดยกอดหมอนข้างไว้แน่น ผมรีบปิดประตูแล้วส่งตัวเองเข้ามาข้างใน ลงกลอนให้เสร็จสรรพ

ว่าแต่คนเข้ามาขนาดนี้พี่เมี่ยงก็ยังไม่รู้สึกตัวอีกเหรอ !?

“พี่เมี่ยงครับ” ลองเรียกดู

“......” แต่ไม่ตอบ

“พี่เมี่ยง”

“......”

ผมเลยวางกระเป๋าลงที่พื้นแล้วเข้าไปนั่งใกล้ ๆ เตียงพี่เมี่ยงเป็นเตียงหกฟุตเอาไว้สำหรับนอนสองคน มาถึงตรงนี้ผมก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าพี่เมี่ยงไม่มีรูมเมทหรือ ? แต่ก็ไม่ทันละ มาถึงขนาดนี้จะมาเกรงใจรูมเมทพี่เมี่ยงก็ช้าไป

ผมเลยเขย่าตัวพี่เมี่ยงเล็กน้อย

“พี่เมี่ยงครับ”

ได้ผล พี่เมี่ยงปรือตาขึ้นมาเล็กน้อย ขมวดคิ้วหน่อย ๆ

“หนวกหูสัส”

แล้วก็ลงไปนอนต่อ ......

และในวินาทีนั้นเองที่ผมได้รู้ซึ้งแล้วว่า..

พี่เมี่ยง ... แม่งโคตรขี้เซาเลยว่ะครับ ! !

“พี่เมี่ยงไม่ไปมหาลัยเหรอครับ”

“......”

“พี่เมี่ยงครับ”

“......”

“พี่เมี่ยง เดี๋ยวสายนะครับ”

“โอยยย หนวกหู ถ้าไม่หยุดพูดกูจะตัดลิ้นมึงเดี๋ยวนี้แหละ !” มีของขึ้นด้วย

เหลือบมองนาฬิกา เจ็ดโมงครึ่งแล้ว

และดูท่าทางจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นผม เพราะปฏิกิริยามันนิ่งเกินไป

เกิดความเงียบในห้อง ผมลุกขึ้นไปนั่งขัดสมาธิบนเตียงมองพี่เมี่ยงที่กำลังหลับ ลมหายใจกระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะ ใบหน้ามีความสุขนั้นหายไป เหลือแต่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดถึงแม้จะกอดหมอนข้างสุดโมเอะไว้ก็เถอะ ตัวละครตัวนี้เป็นเด็กหญิงวัยประถมครับ ..ความจริงอันน่าสะพรึงกลัวของพี่เมี่ยงนั้นอยู่ที่ลายหมอนอันนี้

เป็นลายเด็กผู้หญิงประถมไม่พอหรอกครับ ... เพราะลายนั้นมันค่อนข้าง 18+ ด้วยเนี่ยสิ

บอกไม่ยากเลยว่าพี่เมี่ยงเป็นโลลิค่อน ตัวจริงเสียงจริงเลยด้วย

มิน่า.. ถึงได้มาคบกับผมโดยไม่ตะขิดตะขวงใจ .. บางทีนอกจากโลลิค่อนแล้ว ตอนนี้พี่เมี่ยงแกก็เป็นโชตะค่อนด้วยนะครับ ถึงผมมันจะเลยวัยที่จะเรียกว่าโชตะแล้วก็เถอะ แต่อายุน้อยกว่าสองสามปีแบบนี้ มันก็น่าคิด แถมมหาลัยกับมัธยมนั้นหากไม่นับปีก็นับว่าดูห่างกันมากอยู่

ใจเต้นอีกละ ...

ใบหน้าพี่เมี่ยงตอนหลับก่อนหน้านี้ขอบอกว่าน่ารักดีครับ ก็พี่เมี่ยงดูดี หล่อ

ผมเลยลองก้มหน้าลงไปใกล้ ๆ

แล้วลองกระซิบที่ข้างหูดูว่า

“พี่เมี่ยงครับ ถ้าไม่ตื่น เดี๋ยวต้นหอมแก้มนะ”

ก็คิดว่าไม่น่าจะได้ยิน และไม่น่าจะได้ผลด้วย

แต่พี่เมี่ยงกลับปรือตาตื่นขึ้นมา แล้วหันมามองผมที่กำลังยื่นหน้าเข้าไปใกล้ หน้าเราจะห่างกันไม่กี่เซน

ผมยิ้ม

แต่พี่เมี่ยงกลับขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม

“อ้าว .. ต้นเองเรอะ”

ว่าแล้ว จำไม่ได้

“ครับพี่”

“มาทำไมแต่เช้า ไม่ไปโรงเรียนรึไง”

“ก็ผมมาปลุกพี่อ่ะครับ เห็นกดวางสายไปเลยกลัวว่ายังไม่ตื่นและกลัวเข้าห้องเรียนสาย” ออกแนวเป็นห่วงอย่างจริงจัง

แต่ประโยคต่อไปของพี่เมี่ยงนี่สิ

“เมื่อกี้ไอ้เชี่ยเอิร์ธโทรมาบอกแล้วว่าอาจารย์ไม่เข้า กลับไปได้แล้ว จะนอนต่อ”

ไล่กันแบบซึ่ง ๆ หน้า แถมหลับตานอนต่ออีกต่างหาก

ท่าทางไม่สนใจใยดีนี่คืออะไร ..

เดี๋ยวสิครับพี่ !

ผมเป็นแฟนพี่นะครับ ! !

ช่วยสนใจผมหน่อยสิ ! !



TO BE CONTINUED.........


ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ lolitar

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
เมี่ยงลูกสนใจน้องหน่อยสิ :hao7: :hao7:

เดี๋ยวน้องต้นก็งอนหลอกนะ :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ Feuy_qty

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
อยากจะบอกน้องถั่วแว่~~~
พี่อ่านเรื่องนีั้ถึงตอน3 แล้วนะ แต่พี่ไม่สามารถเม้นได้ เลยทำการดองไว้ *โดนน้องถั่วตื้บ*
เอาตรงๆ นะ ตอนนั้นแบบ งงกะศัพท์เทคนิคทางการ์ตูนอยู่นิดหน่อย(?)
อ่านแล้วมันไม่เข้าหัว มันเฉยๆ ยังไงไม่รู้ เนื้อเรื่องถามว่าสนุกมั๊ย ก็งานน้องถั่วนะ บอกเลยไม่เคยไม่สนุก (ป่าวอวยนะ)
แต่พออ่านไปเจอไอ่ศัพท์ที่ว่า อารมณ์มันชะงักๆ อันนี้ก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน
ชาวบ้านคนอื่นเค้าไม่เป็นกันสินะ ดูจะมีแต่พี่ที่มีปัญหากับเรื่องนี้ ก็ไม่รู้จะทำไงอ่านได้แต่เม้นไม่ได้ T T

เค้าขอโทษษษษ~
 
ตอน4 ยังไม่ได้อ่านนะ แค่อัดอั้นอยากมาบอก ไม่รู้ว่าอ่านแล้วจะยังมีอาการเดิมมั๊ย
เอาไว้อ่านแล้วจะมาดิทบอกอาการอีกทีนะ

 :mew2:


ออฟไลน์ Lonelyนู๋โรนลี่

  • ฉุด กระชาก ลากถู พาเข้า.....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
ฮาตรงปลอกคอนี่ละ ต้นจะเป็นหมาเลยสินะ555
แต่พี่เมี่ยง นอนแบบนี้....ต้นจัดเลย 5555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด