พิมพ์หน้านี้ - : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: Thuaphu.H ที่ 07-01-2014 12:34:43

หัวข้อ: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Thuaphu.H ที่ 07-01-2014 12:34:43
(http://img856.imageshack.us/img856/6505/l1x.gif)


อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)


--------------------------------------------------------------------------------------------------------

: คำชี้แจง :

บุคคล สถานที่ และเหตุการณ์ เป็นเรื่องที่ "แต่ง" ขึ้น ไม่มีอยู่จริง
โปรดใช้วิจารณญาณในการ "จิ้น" พอประมาณ


--------------------------------------------------------------------------------------------------------

: ผลงานในเล้าของถั่ว :

: รักมัน..ก็ต้องเอาคืน :  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39462.0)
: กูไม่ได้ชอบมึง อย่ามามั่ว ! :  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39611.0)
: เกย์ป้ายแดง : (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39806.0)
: ผมไม่ ‘เล็ก’ นะครับ : (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40115.0)
: BOY MEET BOY : (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39569.msg2508945#msg2508945)
: ก็แค่คิดถึงเธอ : (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40372.0)
: มันหลอกให้ผมเป็น.. ‘เกย์’ : (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40501.0)
: รักมัน..บอกไม่ได้ : (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40608.0)
: แฟนผมเป็น 'โอตาคุ' : (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40661.0)
: เรื่องเล่าของผมกับตุ๊กตายาง : (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41186.0)

--------------------------------------------------------------------------------------------------------

(http://img199.imageshack.us/img199/6426/b18.gif) (https://www.facebook.com/mametheseries)

--------------------------------------------------------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 01 : พี่ร้านหนังสือ (เรียกแขก) 07/01
เริ่มหัวข้อโดย: Thuaphu.H ที่ 07-01-2014 12:38:54
: เพ้อที่ 01 : พี่ร้านหนังสือ


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
   

อืม... จะถามถึงเรื่องพี่เมี่ยงที่เฝ้าร้านหนังสือการ์ตูนร้านนั้นน่ะเหรอ ?

ผมก็อธิบายไม่ถูกนะ

แต่ก็จะลองให้ข้อมูลดูละกัน เผื่อคิดอยากจะจีบพี่เค้า

ถ้าถามผมว่าพี่เมี่ยงเป็นคนยังไงนั้น .. คงต้องบอกว่าเป็นคนที่....

แปลก

ใช่ครับ เขาแปลก

พี่เมี่ยงเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดัง ที่ชอบแอบมาทำงานพิเศษที่ร้านเช่าหนังสือการ์ตูนแถวบ้านผมเมื่อประมาณเดือนก่อน แถมคณะที่พี่เมี่ยงเรียนนั้นคือคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาแอนิเมชั่นและเกม ผมว่าพี่เค้าก็เลือกสิ่งที่เรียนได้ใกล้เคียงกับงานพิเศษที่เขาทำดี แต่ดูเหมือนเขาจะรักงานพิเศษมากกว่าที่จะไปเรียนนี่สิ อ้อ ผมไม่ได้คิดเองนะ เพราะพี่เมี่ยงแกบอกมาแบบนั้นจริง ๆ

พี่เมี่ยงเป็นผู้ชายที่หน้าตาบอกได้ว่าค่อนข้างที่จะ “เรียกแขก” อยู่พอตัว ปกติ ที่ร้านหนังสือแห่งนี้จะไม่ยอมรับพนักพาร์ทไทม์เข้ามากันง่าย ๆ ซ้ำเคยรับแต่ผู้หญิง พี่เมี่ยงจึงเป็นผู้ชายคนแรกที่ได้มาทำงานพาร์ทไทม์ที่นี่และยังเป็นผู้ชายเต็มตัวอีกด้วย เวลาพี่เมี่ยงเฝ้าร้านทีไร ผมก็รู้สึกได้เลยว่า คนในร้านจะเยอะเป็นพิเศษ ส่วนใหญ่ก็มักถามเกี่ยวกับหนังสือ และพี่เมี่ยงก็มักตอบด้วยรอยยิ้มทุกครั้ง

พี่เมี่ยงเป็นคนอัธยาศัยดี รู้เรื่องงานที่ทำ หรือเป็นเพราะพี่เมี่ยงชอบการ์ตูนด้วยก็ไม่รู้ ผมเคยลองภูมิเค้าอยู่ครั้งสองครั้ง และพี่เมี่ยงก็จะตอบกลับมาอย่างฉะฉานเสมอ

พี่เมี่ยงไม่เคยทำท่าทีรำคาญ หรือไม่พอใจลูกค้าเลย หากมีปัญหา พี่เมี่ยงก็สามารถจัดการได้ทุกครั้ง

สงสัยใช่ไหมล่ะครับว่าตรงไหนที่ว่าแปลก ?

ไม่หรอก

แปลกจริง ๆ ผมเคยเจอกับตัวมาแล้ว

ตอนแรกผมคิดว่าพี่เมี่ยงเป็นผู้ชายที่ชอบอ่านมังงะ ดูอนิเมคนหนึ่งเท่านั้น .. ก็แค่ทำเป็นงานอดิเรกน่ะ

แต่นั่นก็แค่เปลือกนอก

ภายใต้หน้ากากที่ยิ้มแย้มที่แท้จริงของพี่เมี่ยงนั้น... ผมเองก็เพิ่งได้สัมผัสมาเมื่อไม่นานมานี้

โอเคครับ เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง







วันนั้นเป็นวันที่ผมขอลาป่วย ไม่สบาย เนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงวันหนึ่งแทบจะเป็นสี่ฤดู .... อ้างไปงั้นครับ จริง ๆ เพราะผมมัวแต่นอนหลับเปิดพุงให้แอร์มันกลบจนตื่นมาหวัดกิน ปวดหัว น้ำมูกไหลเองต่างหาก

“เออ ไหน ๆ แม่ก็ให้หยุดอยู่บ้านแล้ว เอาการ์ตูนไปคืนให้กูหน่อยดิ”

ตั้งโอ๋ น้องชายฝาแฝดของผมเอ่ยบอก พลางโยนการ์ตูนญี่ปุ่นโยนใส่ตัวผมสองสามเล่ม

จำได้ว่าสองสามเล่มนี้มันเช่ามาได้สองสามวันแล้ว ...

“เฮ้ย ค่าปรับอ่ะ” ผมท้วง

แต่ไอ้ตั้งโอ๋ไม่รออยู่ให้ผมท้วง เพราะมันรีบวิ่งลงไปข้างล่าง และออกจากบ้านไปโรงเรียนทันที

ให้ตายเหอะ เงินผมอีกแล้วเหรอวะ ?

ขอผมแนะนำตัวก่อน .. ผมชื่อต้นหอม หรือไอ้ต้น ปกติทุกคนมักเรียกต้น เพราะเรียกหอมมันแปลก ๆ ก็ผมเป็นผู้ชาย ชื่อหอมแบบนั้นมันตุ๊ดมาก ผมเลยตั้งกฎว่าห้ามเรียก ถ้าไม่อยากปากแตก

อืม.. ผมควรเปลี่ยนประโยคใหม่ ไม่ใช่ ‘ปกติทุกคนมักเรียก’ แต่เป็น ‘ปกติผมให้ทุกคนเค้าเรียก’ แบบนั้นจะดีกว่า

ผมอยู่ม.หก โรงเรียนสหศึกษาแถวบ้าน การเรียนไม่ได้ดีเด่อะไรมากมาย ปานกลาง แต่ทุกคนมักผิดคาดกับลุคเด็กเนิร์ดของผม .. ผมเป็นผู้ชายใส่แว่น ทั้งที่สายตาก็ไม่ได้แย่อะไร ออกจะปกติหรือดีเกินไปด้วยซ้ำ ผมสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้โดยไม่ต้องพึ่งเลนส์ แต่ .. สาเหตุที่ผมต้องใส่แว่นนั้นก็คือ..

ผมต้องการให้คนแยกแยะผมให้ออกระหว่างผม กับน้องชายฝาแฝด

เกิดมาเป็นลูกแฝดก็เงี้ย ลำบากใจ ความหล่อก็ต้องหารครึ่งกับไอ้โอ๋มัน แย่มาก

หลังจากที่โอ๋มันไปโรงเรียน มันก็ทิ้งให้ผมนอนอยู่ที่บ้านอีกสักพัก แม่ผมก็เข้ามาปลุกให้ตื่นขึ้นมากินข้าวกินยา จากนั้นผมก็นอนต่อเพราะฤกธิ์ของยาอีกสักหน่อย

ตื่นขึ้นมาอีกทีก็สิบเอ็ดโมง

ในหัวยังคงมึน ๆ คล้ายกับไปวิ่งวนที่ไหนมา แต่ด้วยร่างกายนอนเต็มอิ่มแล้วผมจึงไม่ฝืนแผ่ตัวนินบนเตียงอีกต่อไป จึงลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงไปข้างล่าง

ข้างนอกบ้านแดดเปรี้ยงมาก .. ทั้งที่ยังไม่ถึงเที่ยง แม่ผมกำลังนั่งถักนิตติ้ง เมื่อเห็นผมก็เงยหน้าขึ้นมาทัก

“จะไปไหนน่ะ”

“เอาหนังสือไปคืนให้ไอ้โอ๋มันอ่ะแม่” ผมตอบพลางชูหนังสือการ์ตูนของไอ้น้องชายฝาแฝดเจ้าปัญหาขึ้นมา

แม่เลยพยักหน้าตกลงและบอกให้ผมเอาร่มไปด้วย

ร้านเช่าการ์ตูนนั้นอยู่ติดกับถนนใหญ่หน้าปากซอย บ้านผมห่างจากร้านประมาณห้าร้อยเมตรแบบเท่าที่คำนวณได้ด้วยเท่าเปล่าและสมองน้อย ๆ ของผม มันไม่ใกล้ และก็ไม่ไกลมาก คนเป็นหวัดสามารถเดินไปได้ คิดซะว่าเป็นการออกกำลังกาย

ร่มที่แม่ให้พกนั้นเป็นสีดำสนิทจนผมนึกเวียนหัว เอาสีที่ดูดความร้อนมาแบบนี้ .. คิดได้ไง ?

ผมเป็นลูกค้าที่เข้า ๆ ออก ๆ ร้านเช่าการ์ตูนนี้เป็นประจำ ร้านนี้เปิดมาหกเจ็ดปีแล้ว ผมเองก็ซี้กับเจ้าของร้านดี เป็นคุณลุงหัวสมัยใหม่ที่ชื่นชอบการ์ตูนนั่นแหละ เขาเปิดร้านที่นี่ด้วยใจรัก ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการค้าใด ๆ ดังนั้น สิ่งที่เขาให้ลูกค้านั้นจึงเป็นสิ่งที่ลูกค้าพึงพอใจ อัตราการเช่า ราคาเช่า หรือแม้กระทั่งจำนวนวันที่ให้เช่านั้น ต้องบอกว่ามันกินใจผม รวมทั้งเด็ก ๆ และวัยรุ่น คุณป้าแถว ๆ นั้นเต็ม ๆ

เมื่อก่อนสมาชิกทุกคนเป็นแบบระบบถือบัตร และถ่ายรูป ผมเลยใช้หน้าไอ้โอ๋และชื่อมันทั้งหมด แต่เดี๋ยวนี้อัพเกรดเป็นระบบสแกนนิ้ว ซึ่งผมก็ต้องแยกบัตรออกมาอีกที ถึงจะเป็นฝาแฝด แต่ลายมือไม่ได้แฝดตามไปด้วย พี่เจ้าของร้านแกก็ขอโทษขอโพยผมใหญ่ว่าทำให้ไม่สะดวก แถมยังลดค่าสมาชิกให้ตั้งครึ่งหนึ่ง ผมก็ไม่มีปัญหาอะไร ก็ดี เวลาโดนทวงหนังสือมาก็จะได้ทวงถูกคน เพราะผมเป็นคนมีวินัยการเช่ายืมมาก ส่วนไอ้โอ๋.... เป็นพวกชอบหมกน่ะ เงินค่าปรับมันแต่ละครั้งนั้นรวมกันจนแทบจะซื้อหนังสือได้ทั้งร้านแล้ว

ร้านเปิดสิบโมง ตามเวลา พนักงานประจำจะเป็นคนมาเปิดก่อน และพวกพาร์ทไทม์จะมาตอนเย็น เท่าที่เห็น ร้านนี้มีพนักงานทั้งหมดสองคน คือพี่ที่เป็นคนเฝ้าร้านประจำชื่อพี่อาย ส่วนอีกคนก็พี่เมี่ยง

เวลาเกือบเที่ยงแบบนี้ผมไม่คิดว่าจะเจอพี่เมี่ยง

แต่ท่าทางวันนั้นจะเป็นวันที่แปลกประหลาด

เพราะมันทำให้ผมได้พบกับอีกด้านหนึ่งของพี่เมี่ยงที่ผมไม่เคยเห็น









ร้านเปิดตามปกติ ข้างหน้าจะเป็นประตูกระจกเลื่อน ซึ่งจะเห็นด้านในและด้านนอกออกหมดทุกอย่าง ผมเห็นเงาคนไหว ๆ อยู่ด้านหลังร้าน เคาท์เตอร์เช่ายืมไม่มีคนนั่งอยู่ แสดงว่ากำลังเก็บหนังสือ หรือไม่ก็กำลังทำความสะอาด พนักงานที่นี่เค้าขยันมาก เค้าเน้นเรื่องความสะอาดเป็นหลัก ฝุ่นไม่มีสักนิดเลยที่ชั้นหนังสือ ต่อให้เล่มนั้นจะไม่มีคนหยิบเช่ามานนับปีแล้วก็ตาม

พอเปิดเข้าไปในร้าน ผมก็ต้องหยุดชะงัก เพราะเสียงเพลงนั้นดังตะลึงตึงตึงมาก คล้ายกับร้านการ์ตูนได้ถูกเนรมิตรกลายเป็นดิสโก้เธคชั่วคราวหากแต่ขาดแสงไฟวับ ๆ แวม ๆ เท่านั้น

ผมยืนนิ่งค้าง เสียงเพลงเข้าโสตประสาท ก่อนจะปิดประตูตามหลัง ... โมบายกระดิ่งหน้าร้านไม่ได้ช่วยร้องเตือนแต่อย่างใด ซ้ำยังถูกกลบเสียงจนหมด

ว่าแต่... เพลงที่เปิดนี้มัน....

เป็นเพลงประกอบอนิเม

เมื่อนานมาแล้วแหละ เรื่อง โรซาริโอ้ แวมไพร์ เรื่องนี้.. ดักแก่พอตัวเลย

ผมนึกว่าเป็นพี่อายหญิงสวยพนักงานประจำร้านเป็นคนเปิดซะอีก

แต่พี่อายเค้าเป็นคอนิยายผู้ใหญ่ การ์ตูนก็อ่านแต่ของบงกช ไม่เคยอ่านพวกสยามหรือวิบูลย์กิจเลย ยิ่งลักพิมพ์ไม่ต้องพูดถึง... แถมเรื่องโรซาริโอ้นี้ นั้น ไม่ใช่เรื่องที่ถูกซื้อลิขสิทธิ์เข้าไทย น้อยคนนักที่จะรู้จัก ถ้าไม่ได้ติดตามวงการอนิเมจริง ๆ ก็จะไม่รู้ว่าเรื่องนี้ได้ถูกตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์นอกกฎหมาย กล่าวคือ ถูกละเมิดลิขสิทธิ์นั่นเอง

ผมขมวดคิ้ว....

ถ้าไม่ใช่พี่อาย งั้นก็ต้องเป็น....

ในขณะที่ผมกำลังคิดถึงคนต้นเหตุนั้น

จู่ ๆ เสียงทุ้ม นุ่ม ลึก ที่มักได้ยินเวลาตอบคำถามกับลูกค้าในร้านเสมอนั้นก็ดังขึ้น...

"จู ลู จู ลู จู ลู ปา ปา ยา~~"

หา !?

เสียงดังมาจากตรงชั้นหนังสือสุดริมข้างในของร้าน ผมเดินตามไปหาต้นเสียง

"ดิสโก้ เลดี้ ดิสโก้ เลดี้ ดีฟ อีโมช่อง ดีฟ อีโมช่อง"

ออกเสียงตรงตามคำร้องญี่ปุ่นเป๊ะ

แล้ว.. ทุกอย่างก็เปิดเผย

"สวีทตี้ดาร์ลิ้ง โอโดริมาโช่ว ฮาจิเครุ บิวตี้เลดี้ ~~  อุมาเรคาวัตเตะ อามาอิยูเมะ~ โซตโตะ ............อิโระโดริตาอิ โน"

พี่เมี่ยง.. คนหล่อ คนดี ขวัญใจประชาชน กำลังยืน... เช็ดตู้หนังสือ

เช็ดธรรมดาผมคงไม่ว่า

แต่.....

ดันมีท่าเต้นประกอบ !!

ผมยืนอ้าปากค้างมองพี่เมี่ยงกำลังร้องตามเพลงที่เปิดและขยับยักย้ายเต้นไปมา หากฟังแบบนี้คงจะคิดว่าเหมือนตุ๊ด แต่ขอบอกว่าไม่ใช่ครับ .. พี่เมี่ยงดูแมน และดูแฮนซั่มกว่านั้น ห่างไกลจากคำว่ากะเทยไปหลายขุม ผมไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่อากัปกริยาท่าทางของพี่เมี่ยงนั้นแกเหมือนพวกผู้ชายข้างล่างเวทีที่เวลาไปดูคอนเสิร์ตของ AKB48 หรือ มอร์นิ่งมุซุเมะ หรือ....มิคุ

คำนิยามของพี่เมี่ยงสั้น ๆ ง่าย ๆ ณ เวลานี้คือ...





‘โอตาคุ’




ให้คำอื่นไม่ได้แล้วจริง ๆ


นั่นคือการค้นพบตัวตนของพี่เมี่ยงของผมในฐานะโอตาคุครั้งแรก บอกตามตรง จนถึงปัจจุบันนี้ผมยังแทบจะไม่เชื่อว่าพี่เมี่ยงแกเป็นโอตาคุ เพราะลักษณะทางกายภาพข้างนอกนั้นห่างไกลจากคำนี้มาก รู้ไหมครับว่าเขานิยามให้กับพวกโอตาคุว่ายังไง ?

ลักษณะของโอตาคุในความเข้าใจของคนทั่วไป คือ อ้วน ผมเผ้ารุงรัง ใส่แว่น และใช้เวลาส่วนใหญ่ฝันลมๆ แล้งๆ ถึงตัวละครหญิงในการ์ตูน

นอกเหนือจากมียังมี ซกมก ชอบเก็บตัว กีดกันตัวเองจากสังคมปัจจุบัน ดูไม่ค่อยสมประกอบ ฯลฯ

ซึ่ง.. การแสดงออกของพี่เมี่ยงนั้น มันเกินลิมิตของคำว่า “ชื่นชอบ” มันเกินคำว่า “มาเนีย” ไปแล้ว ถึงขั้นร้องเพลงแล้วเต้นตามเนี่ย มันออกจะเกินแฟนคลับไปสักหน่อย

ผมว่าอาการนั้นเรียกว่า ‘คลั่งไคล้’ เลยล่ะ

ผมจำได้ว่าหลังจากที่ยืนดูพี่เมี่ยงแกเต้น และเช็ดตู้เสร็จแล้ว จากนั้นเสียงเพลงก็เงียบลง เหมือนจะมีคนโทรเข้า และเพลงที่เปิดนี้เป็นเพลงที่เปิดจากมือถือเชื่อมต่อกับลำโพงของร้าน พี่เมี่ยงแกสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นผมยืนมอง แต่สีหน้าพี่เมี่ยงแกนิ่งมาก นิ่งจนแบบทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ภาพที่ผมเห็นนั้นเป็นภาพลวงตา

พี่เมี่ยงวางอุปกรณ์เช็ดตู้ทุกอย่างลงแล้วเดินออกมาหาโทรศัพท์ที่กำลังแผดร้องเสียงเรียกเข้าดังลั่น

ระหว่างที่เดินสวนออกมานั้น พี่เมี่ยงก็กระซิบที่ข้างหูผมเบา ๆ

บอกว่า...

“ลืมสิ่งที่เห็นเมื่อกี้ไปซะ .. ถ้าไม่อยากถูกตัดลิ้น”

“......”

เฮ้ย !

เดี๋ยวสิครับพี่ ! !

บทจะยันเดเระก็ยันกันซึ่ง ๆ แบบนี้เลยเรอะ !?

และที่สำคัญ นี่มันไม่ใช่คาแรกเตอร์ของผู้ชายที่เค้าควรมีกันนะครับพี่ !





TO BE CONTINUED....



ถั่ว : ... นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายตบมุกนะครับ บอกเลย
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 01 : พี่ร้านหนังสือ (เรียกแขก) 07/01
เริ่มหัวข้อโดย: creator ที่ 07-01-2014 12:51:26
เจิมเรื่องใหมมมมมมมมมม่ อิ้ รออัพอยู่เลยย  :mc4:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 01 : พี่ร้านหนังสือ (เรียกแขก) 07/01
เริ่มหัวข้อโดย: Arancia ที่ 07-01-2014 13:02:05


น่าสนใจมาก ฮ่าๆๆๆ
ฮา อะชอบ

คุณถั่วเปิดเรื่องใหม่อีกแล้วววววว
ยังไงก็รออ่านฮับ
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 01 : พี่ร้านหนังสือ (เรียกแขก) 07/01
เริ่มหัวข้อโดย: Anch ที่ 07-01-2014 13:26:58
   :laugh: :laugh: ชอบๆ น่าสนุก พี่เมี่ยงมาแนวนี้เลยเหรอ
แต่คงไม่ถึงขั้นแต่งคอสเพลย์หรอกใช่มั้ย
บังคับให้ต้มหอมใส่แทนดีกว่าเนอะ
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 01 : พี่ร้านหนังสือ (เรียกแขก) 07/01
เริ่มหัวข้อโดย: KR_karath ที่ 07-01-2014 14:08:58
ต้อนรับเรื่องใหม่ของคุณถั่ว :katai2-1:
ป.ล.ตั้งโอ๋กับต้นหอมนี่คุ้นๆนะ
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 01 : พี่ร้านหนังสือ (เรียกแขก) 07/01
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 07-01-2014 14:44:45
ตัดลิ้นเลยหรอคะ


กำลังจินตนาการหน้าตาและถ้าทางพี่เมี่ยงอยู่

ฮิฮิ

หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 01 : พี่ร้านหนังสือ (เรียกแขก) 07/01
เริ่มหัวข้อโดย: PORSE ที่ 07-01-2014 14:47:47
เอิ่ม ม ม ม พี่เมี่ยง  :hao7: :hao7:
ไม่เอาเรื่องสั้นได้มั้ย ขอแบบยาวๆนะคุณถั่ว  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 01 : พี่ร้านหนังสือ (เรียกแขก) 07/01
เริ่มหัวข้อโดย: CelestialBeing ที่ 07-01-2014 15:38:49
โดนตัดลิ้นนี่คุ้นๆน้องปูหรือป่าว55+
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 01 : พี่ร้านหนังสือ (เรียกแขก) 07/01
เริ่มหัวข้อโดย: loveyous ที่ 07-01-2014 15:44:03
อารมณ์ประมาณมาเฟียชอบกินเค้กยังไงยังงั้น
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 01 : พี่ร้านหนังสือ (เรียกแขก) 07/01
เริ่มหัวข้อโดย: raluf ที่ 07-01-2014 15:49:56
ตอนแรกก็ฮาแล้ว พี่เมี่ยงเมื่อกี้ยังแบ๊วอยู่เลยไหงมาโหดซะได้ล่ะคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 01 : พี่ร้านหนังสือ (เรียกแขก) 07/01
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 07-01-2014 16:10:42
 :a11: :a11: :a11: :a11:

:a3: :a3: :a3: :a3:

:a14: :a14: :a14: :a14:  หน้าพี่เมี่ยงตอนเชิด ๆๆๆ   
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 01 : พี่ร้านหนังสือ (เรียกแขก) 07/01
เริ่มหัวข้อโดย: Aomampapeln ที่ 07-01-2014 17:52:10
พี่เมี่ยงทำให้ได้รู้ว่า"โลกนี้อยู่ยากจิงๆ"สุภาพบุรุษในคาบซาตานชัดๆเลย
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 01 : พี่ร้านหนังสือ07/01
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 07-01-2014 18:13:52
 :laugh: ฮาดีอ่ะ
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 01 : พี่ร้านหนังสือ (เรียกแขก) 07/01
เริ่มหัวข้อโดย: happy-jigsaw ที่ 07-01-2014 19:06:14
ต้นหอมจะมีคู่แล้ววววว  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 01 : พี่ร้านหนังสือ (เรียกแขก) 07/01
เริ่มหัวข้อโดย: lolitar ที่ 07-01-2014 19:33:03
  :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 01 : พี่ร้านหนังสือ (เรียกแขก) 07/01
เริ่มหัวข้อโดย: DeLiNo ที่ 07-01-2014 20:16:26
 คุณถั่วมาอีกเรื่องแล้วติดตามมมมม   :katai3:  :katai3:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 01 : พี่ร้านหนังสือ (เรียกแขก) 07/01
เริ่มหัวข้อโดย: nuper ที่ 07-01-2014 20:26:29
น่าสนจังค่ะ เรื่องนี้ พี่เมี่ยงแกเป็นยันแทนซึนเหรอคะ หะหะ
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 01 : พี่ร้านหนังสือ (เรียกแขก) 07/01
เริ่มหัวข้อโดย: hibatsumoe ที่ 07-01-2014 20:53:04
ขอสมัครติดตามพี่เมี่ยงอีกคนนะคะ ><
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 01 : พี่ร้านหนังสือ (เรียกแขก) 07/01
เริ่มหัวข้อโดย: fangkao ที่ 07-01-2014 21:19:48
พี่เมี่ยง= โอตาคุ 555 นึกภาพ มาดแมนน อบอุ่นเอาไว้ เพล้ง!!!! กลายเป็นโกโก้ครั้นซ์ มาต่ออีกนะถั่ว ^^
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 01 : พี่ร้านหนังสือ (เรียกแขก) 07/01
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 08-01-2014 00:44:14
มีการบอกว่าหน้าตาเรียกแขกด้วยนะ อิอิ  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 01 : พี่ร้านหนังสือ (เรียกแขก) 07/01
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 08-01-2014 01:08:43
เอ่อ...พี่เมี่ยง ไหวป่ะคะ 555

คุณถั่วเปิดเรื่องใหม่ เย้ๆ
รอตอนต่อไปค่ะ  ^^
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 02 : พ่อหนุ่มมาโซ [08 มกราคม 2556]
เริ่มหัวข้อโดย: Thuaphu.H ที่ 08-01-2014 11:57:44
: เพ้อที่ 02 : พ่อหนุ่มมาโซ

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
   

อะไรกันครับ..

คราวก่อนเพิ่งถามว่าพี่เมี่ยงเป็นคนแบบไหนกับผมอยู่แท้ ๆ

แล้วทำไมคราวนี้ถึงมาถามว่าทำไมผมถึงชอบพี่เมี่ยงได้ล่ะ?

หา ?

เพราะว่าผมเป็นแฟนพี่เมี่ยงงั้นเหรอ ? ...

เอ่อ.. ก็ไม่ปฏิเสธหรอก

แต่จู่ ๆ จะให้บอกเลยมันก็กระไรอยู่ใช่ไหมล่ะ ? ของแบบนี้มันต้องลำดับเรื่องราว....

....ไม่จำเป็นงั้นเหรอ ?

คุณจะบอกว่าไทม์ไลน์ไม่เป็นปัญหาสำหรับเรื่องนี้งั้นเหรอ ?

เข้าใจอะไรผิดแล้ว

ก็พี่เมี่ยงน่ะ ...

เป็นคนที่หลุดโลก และหลุดกาลเวลาได้น่าสะพรึงกลัวสุด ๆ เลยเนี่ยสิ เพราะงั้น หากเล่าไม่ลำดับกันแล้ว ผมไม่รับประกันหรอกนะว่าคุณจะเข้าใจในตัวผู้ชายคนนี้ได้ .. อย่าว่าแต่คุณ จนป่านนี้บางทีผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเลย เอาเถอะ แต่อย่างน้อย ๆ ขอผมเล่าตามระยะเวลาความเหมาะสมละกัน เผื่อคุณจะได้บอกและช่วยแนะนำเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้ บางที คุณอาจจะเข้าพี่เมี่ยงมากกว่าผมก็ได้







เอาล่ะ กลับมาที่เรื่องของวันนั้นกันต่อ





หลังจากประโยคที่ขู่ตัดลิ้นของพี่เมี่ยงนั้นก็ทำเอาผมผวาไปพักนึง

ผมรีบวางหนังสือให้พี่เค้าบนเคาท์เตอร์และรีบหยิบร่มกลับบ้านอย่างรวดเร็ว รู้สึกคำพูดนั้นซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัว ผมเกิดอาการเหม่อลอยบนตามฟุตบาท เมื่อมาถึงบ้านผมรีบถอดรองเท้า และขึ้นห้องเข้านอนอย่างรวดเร็ว

ผมห่มผ้าบนเตียงนอนทั้งที่หอบแดกอยู่บนเตียง อากาศค่อนข้างร้อน แต่ไข้ผมกำลังขึ้นสูง หน้าร้อนผ่าว รู้สึกได้

แต่สิ่งที่รู้สึกได้ยิ่งกว่านั้นคือ...

ผมกำลังใจเต้นระรัว

เต้นดังมาก

เต้นจนหูอื้อ

เต้นเหมือนกับว่ามันจะทะลุออกมาข้างนอก

ผมจึงต้องสงบใจ

สงบนิ่ง

และพยายามข่มใจให้สงบอย่างรวดเร็วที่สุด

ให้ตายสิครับ ...

รู้สึกตื่นเต้นเป็นบ้า !!







ผมว่าบางทีอาการตอนนั้นอาจจะเป็นอาการของคน ‘ตกหลุมรัก’ แต่... ไม่ได้ตกหลุมรักเพราะหน้าตา อัธยาศัยที่ดี ตรงข้าม ผมกลับตกหลุมรักด้วยถ้อยคำที่ประสงค์ร้ายด้วยซ้ำ ใบหน้าที่นิ่งเนียนกับแววตาที่ดุดันของพี่เมี่ยงนั้นทำให้ผมรู้สึกเกร็ง ๆ อยู่บ้าง

แต่... มันกลับเร้าใจพิลึก

เฮ้ย !? นี่ผม.. มีรสนิยมแบบนี้งั้นเรอะ !? ซ้ำยังเป็นผู้ชายอีกด้วย ! !

โอเค .. ตอนนั้นผมคิดว่าเป็นเพราะพิษไข้ อารมณ์เหมือนทฤษฏีสะพานแขวนแบบรีเวิร์ส สถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน สถานการณ์ที่เฉียดตาย สถานการณ์ที่ใกล้เป็นฝ่ายถูกกระทำ ......

....แย่ว่ะ พูดออกมาเท่าไหร่ ยิ่งรู้สึกว่ามันเหมือนจะหลุดโลกไปทุกที

แต่เอางี้ เอาเป็นว่า ผม...

รู้สึกแปลก ๆ กับพี่เมี่ยง

ไม่รู้จะแง่ดีหรือแง่ร้าย

แต่ผมคิดว่า ผมรู้สึกติดใจพี่เมี่ยงมาก ถึงมากที่สุด

ก็ประมาณนี้








ผมไม่ได้เข้าไปเฉียดในร้านเช่าหนังสือนั้นอีกเลยหลังจากที่วิ่งหนีกลับบ้านมาหูตั้งวันนั้น ผมไล่ให้ไอ้โอ๋มันไปจ่ายค่าปรับเอง ท่าทางมันจะผิดคาด เพราะร้อยวันพันปีผมไม่เคยคืนหนังสือแล้วชิ่งมาแบบนี้ ปกติจะจ่ายค่าปรับให้มันด้วยซ้ำ พี่ที่ดีไง แต่อย่าลืมว่าฝาแฝด อายุเท่ากัน เกิดหลังกูไม่กี่นาที จะมาเอาเปรียบไม่ได้ บางทีผมก็ต้องรักษาสิทธิบ้าง จะมาถูกลิดรอนสิทธิไปก็ใช่ที่ แบบนั้นมันไม่ประชาธิปไตย ...  โทษทีครับ

สุดท้ายผมเลยนอนพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านจนกว่าจะหายดี ซึ่งยอมรับว่า ตลอดเวลาวันสองวันที่นอนซมนั้น ..

ผมคิดถึงพี่เมี่ยง

คิดถึงสุด ๆ ซะด้วยสิ

แค่โดนขู่ตัดลิ้นแค่นั้นทำเอาผมเพ้อขนาดนี้ พี่เมี่ยงเป็นผู้ชายแบบไหนกันเนี่ย ไม่ธรรมดาแล้ว แอบไปทำคุณไสยหรือเปล่าวะ สงสัยจริง แต่ก็ไม่น่าทำกับผู้ชายด้วยกันหรอกมั้ง ...?  ทำกับผู้หญิงสวย ๆ น่ารัก  ๆ โน่น

แล้วผมก็ตัดสินใจว่า.. ผมควรจะไปหาพี่เมี่ยงอีกสักครั้ง

ไปเพื่อยืนยันความรู้สึก

ว่าจริง ๆ แล้ว ผมคิดไปเอง รู้สึกไปเอง และ.... ตื่นเต้นไปเอง








ดังนั้นหลังเลิกเรียน ผมจึงไม่กลับบ้าน แต่ตรงดิ่งไปร้านเช่าการ์ตูนกับตั้งโอ๋มัน

เป็นวันศุกร์น่ะครับ ไอ้โอ๋มันจะมีธรรมเนียมว่าชอบเช่าหนังสือในวันศุกร์ เพราะมันจะอ่านวันเสาร์อาทิตย์ได้ตามสะดวกใจ แต่ก็นั่นแหละ เช่าเยอะ ๆ สุดท้ายแม่งก็บานปลายเพราะค่าปรับอยู่ดี แต่มันก็บอกว่าขี้เกียจเดินไปเดินมา ไม่ใช่ใกล้ ๆ เช่าไปทีเดียวนั่นแหละดีแล้ว ..ก็เรื่องของมัน

ผมลองไล่ทบทวนตารางเวลาเฝ้าร้านของพี่เมี่ยง ก็มักจะเป็นเย็นศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์ครับ ส่วนวันธรรมดานั้นมักเป็นช่วงเย็น มาบ้างไม่มาบ้างแล้วแต่ความว่างมั้ง ผมก็ไม่เคยถามพี่อายสักครั้ง เพราะงั้นวันนี้ผมจึงมั่นใจ เย็นวันศุกร์ ผมจะได้เจอพี่เมี่ยง

ได้เจอจริง ๆ นั่นแหละ

รู้สึกประหม่าเล็กน้อย เรื่องวันนั้นยังคงจำติดตาผมอยู่ คำพูดนั้นยังติดหู .. เสียงทุ้มนุ้มลึก แต่เต็มไปด้วยความอาฆาตนั้นมันทำให้ผมรู้สึกกระสับกระส่ายอยากเจอเร็ว ๆ

ประตูโลกใหม่กำลังรอผมอยู่ .... บางทีผมอาจจะเป็นมาโซคิสจริง ๆ ก็ได้

พี่เมี่ยงนั่งอยู่บนเคาท์เตอร์เช่ายืม พร้อมด้วยลูกค้าหญิงอีกสองสามคน เป็นเด็กม.ต้น กำลังชวนพี่เมี่ยงคุยกันสนุกสนาน พี่เมี่ยงเองก็ยิ้มแย้มอย่างเป็นกันเอง เป็นใบหน้าเดิม ๆ ที่ได้เห็นยามปกติ ... ผมรู้สึกดีใจเล็กน้อย ที่ผมน่าจะเป็นคนเดียวที่ได้เห็นมุมนั้นและโหมดดาร์กของพี่แก

เมื่อผมเปิดประตู และเสียงเซรามิกกระทบกันตรงประตูนั้นพี่เมี่ยงก็หันมามอง

เราได้สบตากัน

อย่างมีความหมาย

แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา

ผมกับโอ๋วางกระเป๋าลงบนชั้นด้านหน้า ก่อนจะเบี่ยงตัวเข้าไปในร้าน หลังจากที่วางหนังสือที่จะคืนลงบนเคาท์เตอร์ สายตาของเหล่าเด็กม.ต้นนั้นหันมามองพวกผมเล็กน้อย ก่อนจะสะบัดหนีไปสนใจพี่เมี่ยงต่อ ... เข้าใจ คนหล่อกว่าย่อมได้รับการดึงดูดมากกว่า อย่างผมกับไอ้ตั้งโอ๋มีดีก็แค่ตรงที่ความเป็นฝาแฝดนี่แหละ ถึงผมจะใส่แว่นจนดูกลายเป็นเด็กเนิร์ดไปด้วยก็เถอะ

ผมแยกตัวกับตั้งโอ๋ตามหาหนังสือของผม โอ๋กับผมรสนิยมการอ่านเราคล้ายกัน การ์ตูนให้เช่าเดี๋ยวนี้ก็มีไม่กี่แนวปะครับ ? มีการ์ตูนจีน บู้กำลังภายใน การ์ตูนญี่ปุ่นก็แยกออกเป็นการ์ตูนผู้หญิงกับการ์ตูนผู้ชาย นิยายรักวัยรุ่น นิยายผู้ใหญ่ พ็อกเกตบุ๊คส์แล้วก็นิตยสาร โอ๋จะชอบอ่านการ์ตูนกับนิยายจีนด้วย ซึ่งต่างจากผมที่ชอบอ่านแต่การ์ตูนญี่ปุ่นมากกว่า ผมอ่านได้ทั้งหญิงชาย ถึงจะเน้นชายเป็นหลักก็เถอะ แต่เวลาเช่าการ์ตูนผู้หญิงทีไร มักโดนพี่อายแซวทุกที ..ให้ตายสิ

เสียงพูดคุยตรงหน้าเคาท์เตอร์หยุดลง และเสียงฝีเท้า...เป็นเสียงสลิปเปอร์ครูดกับพื้นหินอ่อนน่ะครับ ผมจำเสียงนี้ได้ และคนที่ใส่สลิปเปอร์ในร้านนั้นก็มีคนเดียว คือพนักงาน

พี่เมี่ยงเดินเข้ามาทางชั้นหนังสือที่ผมยืนอยู่ราวกับจงใจ ผมแสร้งทำเป็นไม่เห็นไม่รู้สึกตัว เมื่อแน่ใจว่าพี่เมี่ยงมายืนข้าง ๆ แล้วผมจึงหันไปมอง

ในมือพี่เมี่ยงมีหนังสือหนึ่งตั้งประมาณสิบกว่าเล่มอยู่ สงสัยคงมาเก็บหนังสือเข้าชั้น

“ขอทางหน่อยได้ไหมครับ” พี่เมี่ยงถามและยิ้มอย่างเป็นกันเอง

ตอนนี้กำลังใส่หน้ากาก

ผมสังเกตว่าชั้นตรงหน้าของผมนั้นหนังสือมันแหว่งไปเยอะ เลยเบี่ยงตัวให้ พี่เมี่ยงหยิบมันใส่ชั้นอย่างรวดเร็วก่อนจะยิ้มกว้างขอบคุณ

แต่พี่เมี่ยงก็ยังไม่เดินไปไหน

เขาจ้องมองผม

เขาจำผมได้

เรื่องไม่กี่วันก่อน

“ชื่ออะไรนะเรา เห็นบ่อย ๆ ผมจำไม่ได้สักที” กลวิธีเทคนิคจำชื่อลูกค้าหรือยังไง ผมไม่รู้ รู้แต่ว่า ...

พี่เมี่ยงกำลังคุกคามผมอยู่เบา ๆ

“ต้นหอมครับ”

พี่เมี่ยงพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะสาวเท้าเข้ามาใกล้ ผมกลัวว่าจะโดนเหยียบเท้า ระแวงไว้ก่อน เลยถอยหลังเล็กน้อย แต่เมื่อถอยแล้วพี่เมี่ยงก็ก้าวเข้ามาใกล้อีก ผมก็ถอยอีก

ความสูงของพี่เมี่ยงนั้นค่อนข้างไล่เลี่ยกับผม .. ครับ พี่เมี่ยงเค้าเตี้ยกว่าผมเล็กน้อย ช่วยไม่ได้ ผมมันสูง แต่สำหรับผู้ชายอายุยี่สิบแบบพี่เมี่ยงสูงแค่นี้ก็ถือว่าเตี้ยไป ก็... เตี้ยกว่าผมที่เป็นเด็กม.หกน่ะ สำหรับผม ยังไงก็ถือว่าเตี้ยนะ

แต่จะพูดคำว่าเตี้ยบ่อย ๆ ไม่ได้ ผมรู้สึกว่ามันจะเป็นคำต้องห้าม

ตอนนี้ผมกำลังหลังชิดติดชั้นหนังสือผมลึกสุดของร้าน มีชั้นหนังสืออื่น ๆ บดบังเอาไว้ หากไม่สังเกตดี ๆ มองจากข้างนอกก็คงจะมองไม่เห็น แต่มันมีกระจกสะท้อน เอาไว้ดูพวกขโมยอะไรก็ว่าไป แต่เวลานี้ พวกเด็กม.ต้นพวกนั้นกลับกันหมดแล้ว ในร้านกำลังเงียบเพราะเป็นเวลาเพิ่งเลิกเรียนกัน คนทำงานยังไม่มา ซ้ำเป็นวันศุกร์ .. เพราะฉะนั้นในร้านจึงมีแต่ผม ไอ้โอ๋และพี่เมี่ยง

โอ๋มันกำลังหมกมุ่นกับการเลือกหนังสือของมัน

ส่วนผมกำลังถูกพี่เมี่ยงประชิดใกล้ตัว

“ผมปิดร้านสี่ทุ่ม” ....เรื่องนั้นพอรู้อยู่ครับ

ผมมองพี่เมี่ยงอย่างไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่

จนกระทั่งพี่แกเปิดปากบอกอีกว่า

“...ช่วยมาตอนนั้นด้วยนะครับ”

หา?

“อะไรนะครับ”

“สายตาไม่ดีแล้วยังจะหูตึงอีกเหรอ” โอ้...ร้ายกาจ

ผมเหงื่อตกมองพี่เมี่ยงด้วยอารมณ์ที่อธิบายไม่ถูก สายตานั้น.. เรียบเฉียบ สีหน้าพี่เมี่ยงในตอนนั้นเริ่มกลับมา ริมฝีปากหุบยิ้ม มันบางเฉียบเป็นเส้นตรง ซึ่งผมเดาอารมณ์ของพี่แกตอนนี้ไม่ได้เลย

“อย่าตัดสินคนสายตาแย่ด้วยการใส่แว่นตาสิครับ”

“ใส่เพื่อเทรนด์งั้นเหรอ” พี่เมี่ยงเดา “งั้นก็แสดงว่าตาถั่วอยู่ดี ที่เลือกกรอบแว่นห่วย ๆ แบบนี้มาประดับบนใบหน้า”

ร้ายแรงกว่าเดิม....

แพ้หมดรูป

แล้วพี่เมี่ยงก็ลดเป็นเสียงกระซิบให้ได้ยินกันสองคน

ซึ่งเป็นประโยคที่ทำให้ผมรู้สึกใจเต้นรุนแรงมากกว่าเดิม

“..จะถือว่าโมเอะแล้วกัน ยังไงแล้ว สี่ทุ่ม ช่วยโผล่หัวมาด้วย .. เรามีเรื่องต้องคุย .. ไม่สิ เรามีเรื่องจะต้องมาตัดสินกันให้รุ้แล้วรู้รอด”

“อย่าพูดเหมือนว่าเป็นการ์ตูนต่อสู้ที่ต้องตัดสินกันในตอบจบแบบนั้นสิครับ!”

“งั้นเหรอ ไม่ได้เหรอ”

“เอ่อ...ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้”

“งั้นตกลงตามนั้น ถ้ามาสาย.. ทุก 1 วินาที คือ 1 เข็มที่ทิ่มแทง”

แม่เจ้าเว้ยยยย !! จะโหดร้ายไปไหนครับพี่ !? นี่กะประทุษร้ายผมแต่แรกอยู่แล้วนี่หว่า!?

ผมพยักหน้าหงึกหงัก.. คือ ปฏิเสธไม่ได้แล้วไง ขืนปฏิเสธสิ ผมว่าอาจจะยิ่งกว่าโดนเข็มทิ่ม บางครั้งอาจจะเจอปังตอ หรืออาจจะเจอไม้หน้าสามมาดักหน้าบ้านก็ได้ พี่เมี่ยงคงหาบ้านผมได้ไม่ยาก เพราะข้อมูลในระบบสมาชิกนั้นคงโชว์ขึ้นหมดแล้ว

น่ากลัว.. น่ากลัวเกินไปแล้ว

ผมเคยคิดมาตลอดว่าสาวยันนั้นคงเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นเร้าใจพิลึก แบบว่า รักต้องฆ่า รักต้องหัวแบะ รักต้องเชือด รักต้องชำแหละอะไรแบบนั้น

แต่ใครจะไปคิดว่า...

หนุ่มยัน...

แม่งเร้าใจกว่าอีกว่ะ !

เฮ้ย !.... นี่ผมติดใจพี่เมี่ยงเข้าแล้วจริง ๆ งั้นเหรอ ?

นี่ผมเป็นมาโซจริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย !?





TO BE CONTINUED..........




ถั่ว : ... เอาตรง ๆ ผมก็ไม่เคยเห็นหนุ่มยันนะ ? .. (ฮา) จะลองดูครับ น่าจะคล้าย ๆ กับสาวยันละมั้ง ? แต่ลายพี่เมี่ยงแกยังไม่ค่อยออกเท่าไหร่ ผมว่ามาเต็มสตรีมเมื่อไหร่คง..หนักกว่านี้

ขอบอกว่า เรื่องนี้  ต้นหอม x พี่เมี่ยง นะครับ รุ่นพี่โดนเด็กกินครับ (ฮา)

ปล. เรื่องตัดลิ้นไม่ได้มาจากบาเกะครับ มันเป็นมุกผมคิดขึ้นสด แต่เท่าที่จำได้ ... น้องปูไม่เคยขู่ตัดลิ้นเจ้าหงอนนะ ? ..อย่างมากสุดตอนแรกที่ได้คุย ก็แค่แม็กซ์เย็บกระพุงแก้มกับคัดเตอร์จ่อไว้ในปากเท่านั้นเอง (คงเรียกเท่านั้นไม่ได้สินะ เพราะไอ้หงอนมันเจ็บตัว)

ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์และบวกเป็ด และการติดตามครับผมมม
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 02 : พ่อหนุ่มมาโซ
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 08-01-2014 12:41:15
 :mew1:

โดนเด็กกิน :z1:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 02 : พ่อหนุ่มมาโซ [08 มกราคม 2556]
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 08-01-2014 13:10:44
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 02 : พ่อหนุ่มมาโซ [08 มกราคม 2556]
เริ่มหัวข้อโดย: Anch ที่ 08-01-2014 13:10:49
555  ตอนแรกคิดว่า พี่เมี่ยง×ต้นหอมซะอีก แล้วใครจะเป็นผู้กุมอำนาจละเนี้ย
ยกแรกน้องต้นโดนรุก  รอลุ้นๆ สี่ทุ่มจะเกิดอะไรขึ้น

หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 02 : พ่อหนุ่มมาโซ [08 มกราคม 2556]
เริ่มหัวข้อโดย: CelestialBeing ที่ 08-01-2014 13:34:54
จิงๆก้อยังดูไม่จบเหมือนกันครับเพราะเหมือนมันต้องใช้พลังในการตีความ

แต่จำได้ว่าฉากแรกน้องปูก้อกระซวกปากพระเอกแล้วมันติดตาครับ เลยนึกถึงขึ้นมา
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 02 : พ่อหนุ่มมาโซ [08 มกราคม 2556]
เริ่มหัวข้อโดย: Aomampapeln ที่ 08-01-2014 14:07:47
คืนนี้จะเกิดไรขึ้นนะ :impress2:
เรื่องนี้เมะสายMเคะสายSอืมๆน่าจะใช่ :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 02 : พ่อหนุ่มมาโซ [08 มกราคม 2556]
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 08-01-2014 17:13:34
อิอิ รอดูสี่ทุ่ม ฮ่าาา
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 02 : พ่อหนุ่มมาโซ [08 มกราคม 2556]
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 08-01-2014 18:43:30
โอวววว ไม่เคยอ่านเรื่องที่พระเอกนายเอกเป็นแบบนี้เลยค่ะ
แบบว่า น่าจะมีเรื่องฮาๆมากมายเกิดขึ้น ชอบค่ะชอบ

ตกลง คืนนี้สี่ทุ่ม ใช่ป่ะคุณถั่ว อิอิ
ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไป(สี่ทุ่ม รึ?) 555
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 02 : พ่อหนุ่มมาโซ [08 มกราคม 2556]
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 08-01-2014 20:24:46
4ทุ่มจ้า  รอๆ
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 02 : พ่อหนุ่มมาโซ [08 มกราคม 2556]
เริ่มหัวข้อโดย: kururu ที่ 08-01-2014 20:28:17
ชอบนิยายตบมุก รอตอนต่อไป เห็นภาพเป็นการ์ตูนเลย
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 02 : พ่อหนุ่มมาโซ [08 มกราคม 2556]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 08-01-2014 20:39:28
โอะผิดคาดแฮะคิดว่า หอมจะถูกกินซะอีก แต่พี่เมี่ยงก็ดูราชินีดีนะตอนนี้ ฮิฮิ  คุณถั่วเป็นโอตาคุหรือเปล่าคะ
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 02 : พ่อหนุ่มมาโซ [08 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: fangkao ที่ 09-01-2014 07:40:05
รอเข็มจิ้มๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ หึหึหึ อยากเห็นฉากนี้ อร๊ายยยยย รึว่าเราเป็นมาโซเองเนี่ย ต้นหอมเอาใจช่วยให้มาให้ทันนะแจ้ 5555
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 02 : พ่อหนุ่มมาโซ [08 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 09-01-2014 10:54:38
รอค่ะ ชอบแนวนี้นะ หึหึ
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 02 : พ่อหนุ่มมาโซ [08 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: nuper ที่ 09-01-2014 13:48:19
คุณถั่ว ต้นหอมเป็นมาโซชิมะคะ เหอๆๆ ชอบพี่เมี่ยงเป็นหนุ่มยันค่าาาา
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 03 : หลังสี่ทุ่ม [09 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Thuaphu.H ที่ 09-01-2014 19:05:23
: เพ้อที่ 03 : หลังสี่ทุ่ม

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
   

ผมพยายามแอบย่องเบาออกจากบ้านโดยไม่ให้ใครรู้...

แต่มันก็ยากนะพูดถึง

บ้านทาวเฮาส์สองชั้น กับคนในบ้านอีก 4 ชีวิต (ไม่รวมผม)

จะหลบหลีกนั้นมันยาก ต้องใช้สกิลดริฟท์สุดชีวิต

พ่อกับตั้งโอ๋ยังไม่นอน นั่งดูบอลกันอยู่ เมื่อเห็นผม คนที่สงสัยเป็นคนแรกคือไอ้ตั้งโอ๋

“อ้าว ต้น ไปไหน” มันจะถามแบบนี้ก็ไม่แปลก เพราะสภาพผมนั้นยังอยู่ในชุดนักเรียนเต็มยศอยู่เลย ก็อยากอาบน้ำนะ แต่คิดว่าสุดท้ายก็กลับมาอาบอีกรอบอยู่ดี ก็เลยปล่อยเลยตามเลย ไว้ออกไปทั้งแบบนี้ค่อยกลับไปก็ได้ ช่วงนี้ไม่มีกฏเคอร์ฟิวอะไร เด็กผู้ชายม.ปลายในชุดนักเรียนจะเตร็ดเตร่ข้างนอกแถวบ้านไม่น่าเป็นปัญหา

เพราะปัญหาน่าจะอยู่ที่บ้านก่อนนี่แหละ

“ไปเซเว่น” ... อ้างได้ที่สุดคือแค่นี้

พ่อหันมามอง แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรก่อนจะพยักหน้าหงึก ๆ แล้วหยิบแบงค์สีแดงให้

บอกว่า

“ฝากซื้อเอ็มเขียวให้พ่อซองนึง” ..... โดนใช้ซะงั้น

ส่วนไอ้โอ๋ พอเห็นพ่อฝากซื้อของด้วยก็ได้ใจ รีบบอกสมทบว่า

“ซื้อคิทแคทให้กูหน่อยดิ อยากกินช็อคโกแลต”

ผมแบมือ

มันทำหน้าหมางงใส่

“อะไรของมึงวะต้น”

“ยังมีหน้ามาถาม เงินล่ะเงิน ? ..กูไม่ออกให้มึงหรอกนะ” ไอ้น้องเวร .. คำหลังไม่ได้ด่า แต่ก่นด่าอยู่ในใจ

โอ๋ยักไหล่ไม่สะทกสะท้าน

“ก็เงินพ่อไปดิ เหลืออยู่แล้ว” .... เวรจริง

ผมก็ขี้เกียจไปเค้นเอากับมัน จะสี่ทุ่มแล้ว ผมควรไปตรงเวลา เพราะผมไม่แน่ใจว่า ไอ้เข็มจิ้มทุก ๆ หนึ่งวินาทีนั้นพี่เมี่ยงแกพูดจริงหรือพูดเล่น แต่หน้าแบบนั้น นิ่งแบบนั้น มันชวนให้ผมรู้สึกว่า พี่แกเอาจริงว่ะ

จากนั้นผมก็เดินออกจากบ้าน สมองลืมของที่พ่อฝากซื้อชั่วขณะ ก่อนจะรีบใส่เกียร์หมาวิ่งออกจากบ้านตรงไปยังร้านหนังสือการ์ตูน








เมื่อไปถึง ไฟหน้าร้านยังคงเปิดอยู่ แต่ประตูบานพับถูกลดลงมาไว้ครึ่งหนึ่ง เตรียมตัวที่จะปิดร้านแล้ว พี่เมี่ยงจะเป็นคนดูแลร้านในช่วงเย็นจนถึงร้านปิด เป็นแบบนี้ประจำ แต่ผมไม่เคยมาช่วงร้านปิดสักที ส่วนมากก็แวะมาตอนหลังเลิกเรียน เพราะงั้นแล้ว การที่จะมาตรงนี้สี่ทุ่มจึงเป็นครั้งแรกของผม

ผมลอดตัวเข้าไปใต้บานพับนั้น เห็นสลิปเปอร์ของพี่เมี่ยงไหว ๆ กำลังเดินไปเดินมา เมื่อมุดเข้าไปทั้งตัวเข้าไปในร้านแล้วก็พบว่าพี่เมี่ยงกำลังเดินเก็บหนังสือเข้าชั้น พร้อมกับเปิดเพลงคลอเบา ๆ

เป็นเพลงอนิเมที่คุ้นเคย ผมเองก็ไม่ค่อยได้ดูอนิเมเท่าไหร่หรอก แต่ก็มักดูเรื่องที่ติดใจ ดัง ๆ ที่เค้าพูดถึงกัน บางทีก็เลือกดูตามอารมณ์ เพราะคนที่เสพติดเยอะจริง ๆ คือไอ้โอ๋มากกว่า ถามมัน มันรู้ทุกเรื่อง รู้ทุกอย่าง มีครั้งหนึ่งผมกับมันเคยทะเลาะเรื่องกันดั้มจนต่อยกัน เรื่องของเรื่องผมน่ะชอบวิงก์ แต่ไอ้โอ๋มันอวยดับเบิลโอ แล้วก็มาเทียบกันว่าใครเจ๋งกว่า ถกกันไปถกกันมา สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการใช้กำลัง

เมื่อเห็นผมเข้ามา พี่เมี่ยงก็หยุดยืนมองผมเล็กน้อย ก่อนจะปรายสายตาไปดูนาฬิกาที่ติดพนังร้าน

“รอดตัวไปนะ” เขาเอ่ยบอกผมเบา ๆ ก่อนจะหันหน้าไปเก็บหนังสือเข้าชั้นต่อ

ท่าทางลูกค้าก่อนหน้านี้จะมากันเยอะ เพราะดูจากกองหนังสือที่ต้องเก็บเข้าชั้นนั้นมีหลายกอง ผมเองก็ไม่รู้จะทำอะไร เลยคิดว่าช่วยพี่เมี่ยงเก็บหนังสือก็น่าจะดี

ผมเป็นลูกค้าร้านนี้มานานตั้งแต่ร้านเปิด ค่อนข้างจะรู้ว่าหนังสือเล่มไหน เรื่องไหน อยู่ล็อกไหนของชั้นบ้าง พี่เมี่ยงเองก็แอบมองผมนิดหน่อย แต่ก็ไม่พูดอะไร ผมก็ช่วยพี่เมี่ยงเก็บหนังสือเข้าชั้น

จนกระทั่งสี่ทุ่มนิด ๆ หนังสือทุกเล่มก็เก็บเข้าชั้นได้เรียบร้อยแล้ว

จากนั้นพี่เมี่ยงก็เดินไปที่ประตู และปิดบานพับทั้งหมดเข้าหากันจากด้านใน

แล้วปิดไฟในร้าน

ผมสะดุ้งโหยง

“อ...เอ่อพี่เมี่ยงครับ”

แสงไฟจากร้านค้าหน้าร้านนั้นส่องเข้ามาเพียงเล็กน้อย คือ หน้าร้านการ์ตูนนี้จะเป็นฟุตบาทที่เต็มไปด้วยร้านก๋วยเตี๋ยวเอย ร้านยำ ร้านนั่นนี่ที่เกี่ยวกับของกิน พวกเขาจะเปิดร้านกันตอนเย็น และปิดร้านอีกทีก็คือตีหนึ่ง ซึ่งจะอารมณ์คล้าย ๆ กับร้านข้าวต้มโต้รุ่งน่ะครับ เต็มทั้งสองริมฟุตบาท เพราะงั้นไม่แปลกใจทำไมร้านหนังสือการ์ตูนถึงมาตั้งอยู่ตรงนี้ได้ เพราะมันเป็นย่านที่คนเดินจับจ่ายใช้สอยกันเยอะ

ผมได้ยินเสียงฝีเท้าพี่เมี่ยงที่มาใกล้ เขามายืนตรงหน้าผม จากนั้นก็แขนผมไว้

“ไปคุยกันข้างใน” พี่เมี่ยงบอกพลางดึงแขนผมออกเดินเข้าไปในร้าน

ได้ยินเสียงเปิดประตู เสียงเปิดไฟ

และมันก็ปรากฏขึ้น

ข้างในสุดของร้านที่ไม่เคยเปิดออก เป็นประตูที่ปิดตายไว้ตลอดเวลา ผมก็พอรู้ว่ามันจะเป็นเบื้องหลังของร้าน เอาไว้เก็บพวกสต๊อกหนังสือ อุปกรณ์นั่นนี่อะไรก็ว่าไป

แต่ผิดคาดนิดหน่อยที่มันมีเตียงนอนด้วยแฮะ

พี่เมี่ยงปิดประตูตามหลังก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็น

ผมขออธิบายคร่าว ๆ ให้ฟังก่อนนะครับว่า ร้านหนังสือร้านนี้ เป็นตึกแถวสองชั้นที่มีอยู่หลายคูหาติดกัน แต่ร้านนี้เปิดใช้บริการแค่เพียงชั้นเดียว ชั้นบนผมไม่รู้ว่ามีไว้ทำไม แต่อาจจะเอาไว้เพื่อเก็บของอะไรแบบนี้ก็ได้ เลยไม่ได้สนใจ และเมื่อเข้ามาในร้านนั้น ตรงสุดปลายทางในสุดของร้าน จะมีประตูบานนึงถูกปิดไว้อยู่ ซึ่งผมมาทีไรก็ไม่เคยเห็นมันเปิด แอบสงสัยข้างในนิดหน่อยน่ะ แต่ก็ไม่เคยคิดจะสอดรู้สอดเห็นอะไรหรอก

วันนี้พี่เมี่ยงได้พาผมเข้ามาข้างในแล้ว ในนั้นก็กว้างสักประมาณครึ่งร้านด้านนอก มีตู้เย็น ห้องน้ำ ขึ้นบันไดไปชั้นสอง โต๊ะทานข้าว ตู้กับข้าว ชั้นวางจาน ช้อน ส้อม แก้วน้ำ อะไรก็ว่าไป เตียงนอน และชั้นหนังสือที่เป็นสต๊อกอีกสองสามชั้น ถัดกันไปนั้นก็คืออุปกรณ์ต่าง  ๆ ในการห่อปกหนังสือ เช่น แม็กซ์ขนาดใหญ่ ค้อน สว่าน แป้นไม้ ลวด นั่นนี่ และหิ้งพระ ที่มีตู้ชั้นข้างล่างไว้อุปกรณ์จำพวก ยาฉีดกันยุง กระป๋องน้ำมันไว้หยอดประตูกันสนิมขึ้น หรือยากำจัดปลวก

ผมรู้สึกแปลกใหม่เล็กน้อย ..

“พี่เมี่ยงนอนที่นี่เหรอครับ” อดไม่ได้ที่จะถาม

แต่พี่เมี่ยงกลับบอกว่า

“หุบปาก ยังไม่ได้อนุญาตให้พูด”

โหดจริงครับพ่อคุณ

สักพักพี่เมี่ยงก็หันกลับมาพร้อมกับแก้วน้ำใส ข้างในเป็นน้ำสีแดง ผมลองยกขึ้นมาดม ปรากฏว่าเป็นกลิ่นน้ำแดงของเฮลบลูบอย ..

ต้อนรับผมด้วยน้ำเปล่าก็ได้นะครับพี่ เกรงใจ

“เอาไว้เวลามีสีทำนองนี้ติดตัวไปจะอ้างได้ว่ามันไม่ใช่เลือด”

นี่กะพามาให้เสียเลือดเลยเหรอครับ !?

ผมอ้าปากค้างให้กับความโหดร้ายของพี่เมี่ยง จากนั้นพี่เมี่ยงก็เตะเก้าอี้ตัวเล็ก ๆ มาให้ผมนั่ง แล้วเจ้าตัวก็ลากเก้าอี้มานั่งลงตรงข้ามผมเช่นกัน แต่เป็นตัวที่ใหญ่กว่า สูงกว่า....

พี่เมี่ยงทอดสายตาลงมามองผม

ใบหน้าของพี่เมี่ยงนิ่งสนิท อารมณ์แบบเดิม ๆ กลับมา ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่

“มาเล่นตอบคำถามกันดีกว่า” พี่เมี่ยงบอกเสียงเรียบ

“ตอบคำถาม...เหรอครับ?” ผมทวนคำ

พี่เมี่ยงพยักหน้ายืนยัน “ใช่ ..ผลัดกันถามคนละสามข้อ ทั้งหมดมีสามคำถาม”

“แบบนี้มันจะเรียกว่าผลัดกันถามได้ยังไงครับ !?” .. เล่นเอาคำถามทั้งหมดไปมีอยู่เลยนี่หว่า

“แล้วผมจะเป็นคนถามก่อน”

“ขอค้านครับ !”

“เปล่าประโยชน์น่า”

“มันเคยมีประโยชน์ด้วยเหรอครับ”

พี่เมี่ยงจิ๊ปากขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะเปลี่ยนท่านั่งเป็นไขว้ห้าง แล้วจ้องผมไม่วางตา

“เป็นเด็กเป็นเล็ก ริเถียงผู้ใหญ่ได้ยังไง”

“ผู้ใหญ่ต่างหาก เอาเปรียบเด็กได้ยังไงกันครับ”

“เถียงคำไม่ตกฟาก”

“เค้าเรียกว่าอธิบายต่างหาก”

ก็ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ผมต่อปากต่อคำกับพี่เมี่ยงได้ถึงขนาดนี้ จริงอยู่ว่าพี่แกน่ากลัว แต่เอาเข้าจริง ๆ ก็ยังไม่เคยแสดงท่าทางจะทำร้ายผมสักครั้ง มีแต่คำขู่ ...

คิดว่านะ...

“มาตกลงกันดีไหม .. ไม่สิ มาตกลงกันเถอะ.. มา..ตกลงกัน...ดีกว่า ..... อืม...” พี่เมี่ยงทำนิ่ง กลอกตาไปมาอย่างใช้ความคิด

แล้วก็จบลงด้วยประโยคที่ว่า

“มาตกลงกันซะ”

บังคับกันชัด ๆ

“ตกลงเรื่องอะไรครับ”

“ช่วยลืมสิ่งที่เห็นวันนั้นไปที”

“ถ้าเรื่องนั้น.....”

“จะช่วยโดยการใช้ไม้หน้าสามเบา ๆ ฟาดที่ท้ายทอย คงไม่ยากเกินไปหรอกใช่ไหม”

“ใครจะไปทำได้ครับ !?”

“อ้าว ก็แค่ตีเบา ๆ เอง”

“แค่อุปกรณ์ก็ไม่เบาแล้วนะครับพี่ ! !”

ไม่ได้ ผมต้องทักท้วง ถ้าหากทำจริงขึ้นมา ผมนี่แหละจะตายห่าเอา

เกิดความเงียบสักพัก พี่เมี่ยงก็ยื่นมือมาให้ผม

โดยชูนิ้วก้อยขึ้นมา

ผมงง

โคตรงงเลย

“อะไรครับ”

“เกี่ยวก้อย สัญญา ว่าจะไม่เอาเรื่องที่เห็นวันนั้นไปบอกกับใคร”

ดูธรรมดากว่าที่คิด ...

ผมยกมือเกี่ยวก้อยพี่เมี่ยงอย่างหลวม ๆ แบบกล้า ๆ กลัว ๆ .. ไม่ใช่อะไร กลัวว่าเกี่ยวไป จะมั่นใจได้ไงว่าพี่เมี่ยงจะไม่หักนิ้วก้อยผมกลางคัน

มือพี่เมี่ยงนุ่มกว่าที่คิด

มือผู้ชายจริงหรือเปล่าวะ?

เราสบตากัน

“ชื่อ.. ต้นหอมสินะ”

“ครับ”

“เป็นแฟนกัน”

หา ?

“อ..อะไรนะครับ”

“อย่าให้พูดซ้ำสอง มาเป็นแฟนกัน” น้ำเสียงนั้นเรียบเฉย .. นิ่ง ... สยบทุกความเคลื่อนไหว ไม่มีเสียงใด  ๆเล็ดลอดมาจากระหว่างเราสองคน แม้กระทั่งเสียงลมหายใจ เสียงใจเต้น หรือเสียงเสื้อผ้าที่เสียดสีกับผิวหนัง

เงียบจนผมขนลุก

แต่ผมก็ยังคงไม่เชื่อหูตัวเอง

“ว่าอะไรนะครับ..พี่เมี่ยง”

“ถ้าให้พูดอีกครั้ง สงสัยต้องใช้สว่านเจาะหู” .. พูดเรื่องโหดร้ายมาหน้าตาเฉยอีกแล้ว !

โอเค ผมควรเงียบปากสนิท แล้วลองคิดดู

หากพูดออกมาแบบนี้ คงตีความได้อย่างเดียวแล้วว่า พี่เมี่ยงเป็น....

“ผมไม่ใช่เกย์”

ชิงพูดออกมาก่อนซะงั้น

“เดี๋ยวสิครับพี่เมี่ยง ถ้าพี่เมี่ยงไม่ใช่เกย์แล้วมาขอเป็นแฟนกับผม......” ทำไม

“ใครเค้าขอ ? ..ไม่ได้ขอ แต่ต้องมาเป็นเลยต่างหาก” ... เผด็จการฉิบ เป็นญาติฮิตเลอร์เหรอครับ ?

เอาไงดีเนี่ย ? โคตรเหนือความคาดหมาย

“..เอ่อ.. เอาจริงเหรอครับ”

“หรือมีปัญหา”

“กะ...ก็เปล่าครับ” ..จริง ๆ แล้วโคตรมีปัญหาสุด ๆ เลยต่างหาก

ผมก็เป็นผู้ชายไง ไม่ใช่เกย์ ..

ก็ยอมรับว่าใจเต้นกับพี่เมี่ยงบ้าง ...

ก็บ้าง....

บ้าง....

เฮ้อ... ไม่บ้างละ เพราะตอนนี้แม่งก็ยังใจเต้นอยู่ ยิ่งประโยคที่บอกว่า ‘มาเป็นแฟนกันซะ’ เนี่ย มันได้ใจผมไปเลยเต็ม ๆ

แล้วผมก็รู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าว .. อย่างไม่ทราบสาเหตุ .. แต่เพิ่งจะมาเขินอายกันตอนนี้ ช้าไปมั้ย ?

“...” พี่เมี่ยงมองผม

ทำตัวไม่ถูกเลยแฮะ

ผมยกมือขึ้นเหนือหัวเล็กน้อย คล้ายกับขอยกมือถามอาจารย์หน้าชั้น

พี่เมี่ยงหรี่ตาเล็กน้อย เงียบแบบนี้แสดงว่าเปิดโอกาส

“คือ.. ทำไมถึงเป็นผมล่ะครับ หมายถึง.. ทำไมต้องให้ผมเป็นแฟนพี่เมี่ยงด้วยล่ะครับ ผมก็สัญญาแล้วว่าจะไม่บอกเรื่องที่เห็นวันนั้นกับใคร ร..หรือว่าพี่เมี่ยงจะลงโทษอะไรผมอีกหรือเปล่า..”

จริง ๆ มันก็ไม่ใช่ความผิดผมนะพูดถึง แต่ไม่รู้ทำไม เวลานี้ถึงต้องเอาความผิดเข้าตัวไว้ก่อน

พี่เมี่ยงยกมือกอดอกอย่างไว้ท่า

แล้วตอบด้วยคำตอบที่ทำให้ผมรู้สึกอึ้ง

มันเป็นเหตุผลที่หาได้ตามนิยาย มังงะ อนิเม รักทั่วไป

ซึ่งผมก็ไม่คิดว่าจะมันจะเอามาใช้ได้ในชีวิตจริง

ไม่สิ

ไม่คิดว่าจะได้ยินมันจริง ๆ

“เพราะคนเป็นแฟนกันมันสามารถอยู่ด้วยกันได้มากกว่า .. ต้องคอยจับตาดูเป็นพิเศษ ผมยังไม่ไว้ใจ แล้วก็อย่าคิดว่าจะหนีไปได้ง่าย ๆ มันไม่ใช่แค่รับปากว่าจะไม่พูดแล้วจบหรอกนะ”

ให้ตายเหอะครับ

นี่ผมกำลังเจอคนอันตรายของจริงแล้วใช่ไหมเนี่ย ?

แต่เดี๋ยวก่อนนะ...

ทำไม..

ผมถึงรู้สึกวูบวาบแบบนี้ล่ะ !?




TO BE CONTINUED......


ถั่ว : เอ่อ... คุณเบนครับ ผมไม่ได้เป็นโอตาคุนะครับ ได้โปรดอย่าเข้าใจกันผิด TT
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 03 : หลังสี่ทุ่ม [09 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Anch ที่ 09-01-2014 19:36:43
 :laugh:ความคิดพี่เมี่ยงสุดยอดมาก
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 03 : หลังสี่ทุ่ม [09 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: DeLiNo ที่ 09-01-2014 19:44:25
มาแย้วววว ใจเต้นๆ ต้นหอม ^^ โดนแน่ๆ    :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 03 : หลังสี่ทุ่ม [09 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: cherilnatcha ที่ 09-01-2014 19:48:42
ไม่ได้เข้าเล้ามานาน
เข้ามาเจอเรื่องนี้ ดีใจ ฟฟฟฟฟห
คุณถั่วเป็นโอตาคุสินะคะ
รู้ลึกชริงๆ 55555
อ่านแล้วรู้สึกอยากออกไปร้านการ์ตูนแถวบ้านที่ต้องแวะทุกเย็น5555
ที่แรกคิดว่า จะได้กินเด็ก แต่เด็กกินนี่ น่ารักกกกกก
พี่เมี่ยงเหมือนป็นทั้งยัน ทั้งเคะราชินีเลยคะ
ซึนด้วยป่ะคะ กรี้ดดดด เอาใจไปเรื่องนี้ย
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 03 : หลังสี่ทุ่ม [09 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: lolitar ที่ 09-01-2014 19:57:58
 :o8: :o8: พี่เมี่ยงเท่มากกกกกกกกกกก

หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 03 : หลังสี่ทุ่ม [09 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: kururu ที่ 09-01-2014 20:13:22
คุณถั่ว ชอบแบบนี้ เอาอีกๆ :katai2-1: คุณถั่ว บอกไม่ได้เป็น แต่เข้าใจในโอตาคุดีจริงๆ :katai3:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 03 : หลังสี่ทุ่ม [09 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Aomampapeln ที่ 09-01-2014 21:45:46
พี่เมี่ยงนี่มาแนวเดียวกะทิมเลยอ่ะแต่พี่เมี่ยงโหดกว่าเยอะ!!แบบนี้บังคับกันชัดๆเลยแต่ดูเหมือนต้นก็จะยอมโดนบังคับซะด้วยหุหุ
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 03 : หลังสี่ทุ่ม [09 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: fangkao ที่ 10-01-2014 07:53:49
พี่เมี่ยงนี่ออร่า ราชินีเคะ(ป่าวนะ) ออกเลย 555 สง่ามาก ต้นหอมเอ๊ย มีแส้กับเทียนยังเนี่ย กร๊ากกกก รอลุ้นต่อไปจร้า
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 03 : หลังสี่ทุ่ม [09 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 10-01-2014 09:46:41

เรามึนกับพี่เมี่ยงอ่ะ...ตรรกะพี่แกหลุดโลกไปไหนแล้ว

ดาวนาเม็ก???   :m28:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 03 : หลังสี่ทุ่ม [09 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 10-01-2014 14:00:03
พี่เมี่ยงเป็นบุคคลที่คาดไม่ถึงจริงๆ
ต้นหอมเอ๊ย เอ็งไม่รอดแน่ เหอๆๆ

ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไป  ^^
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 03 : หลังสี่ทุ่ม [09 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 10-01-2014 14:34:02
อ่าวหรอคะ เพราะเห็นมีศัพท์เฉพาะเยอะ 5555 เบนก็คิดว่าใช่ซะอีก หรือว่าใครๆเค้าก็รู้กัน ฮ่าๆๆๆๆ

หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 03 : หลังสี่ทุ่ม [09 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 10-01-2014 15:15:36
มันคือวิธีขอเป้นแฟนทางอ้อมใช่มั้ยพี่เมี่ยงงงงง
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 03 : หลังสี่ทุ่ม [09 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 14-01-2014 22:08:42
คิดถึงความแปลกของพี่เมี่ยงแล้วเจ้าค่ะ
คิดถึงคุณถั่วด้วยยยยยยยยย  :ling1:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 03 : หลังสี่ทุ่ม [09 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 15-01-2014 11:56:53
อืม..... สรุปว่าพี่เมี่ยงนี่อยู่สาย s เป็นเคะราชินี
ส่วนต้นหอมนี่อยู่สาย m เป็นเมะสามัญชนสินะ

หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 03 : หลังสี่ทุ่ม [09 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: akashita ที่ 17-01-2014 12:46:09
อืม..... สรุปว่าพี่เมี่ยงนี่อยู่สาย s เป็นเคะราชินี
ส่วนต้นหอมนี่อยู่สาย m เป็นเมะสามัญชนสินะ



เห็นด้วยอย่างที่สุดเลยค่ะ 55555+
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 03 : หลังสี่ทุ่ม [09 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Rose_Apple ที่ 18-01-2014 16:37:36
อ๊อกกกกกกกก ชอบพี่เมี่ยงง่ะ 55555. รีบมาต่อไวๆนะค้า  กำลังสนุกเลย  :man1:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 03 : หลังสี่ทุ่ม [09 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: nuper ที่ 18-01-2014 17:58:26
ทำไมรุ้สึกว่าพี่แกติสแบบโอตาคุจังค่ะ แบบจะซึนหรือยันดี เอ เหมือนๆ ราชินีอะ ว่าแต่ใครกดใครค่ะ ต้นหอมถ้าจะกดพี่แกไม่อยุ่นะคะ
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 03 : หลังสี่ทุ่ม [09 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 20-01-2014 14:35:11
สนุกอ่ะ สนุกจังเลยยยยย >///<  :z1:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 03 : หลังสี่ทุ่ม [09 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 22-01-2014 11:01:48
อืม..... สรุปว่าพี่เมี่ยงนี่อยู่สาย s เป็นเคะราชินี
ส่วนต้นหอมนี่อยู่สาย m เป็นเมะสามัญชนสินะ




555 เค้าชอบเม้นนี้อ่ะ ตรงจายยยยยย  ^^
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 04 : แฟนผม [30 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Thuaphu.H ที่ 30-01-2014 13:19:21
: เพ้อที่ 04 : แฟนผม

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
   

จากตอนที่แล้ว (ไม่ขอเล่าย้อน ผมก็ขี้เกียจเป็น)

จนถึงตอนนี้

ผมก็ได้เป็นแฟนพี่เมี่ยงแล้วล่ะครับ

ก็นะ ..ไม่รู้จะปฏิเสธไปทำไม ขืนปฏิเสธ มีหวัง โดนเชือด อาจจะไม่จบแค่เชือด คงจะมีอะไรที่รุนแรงและโหดร้ายทารุณกว่า อย่าลืมว่าอีกฝ่ายคือพี่เมี่ยงคนนั้นนะครับ คนที่ขู่จะตัดลิ้นผมได้หน้าตาเฉยนั้นน่ะ

คิดแล้วก็ปวดตับปวดไต

แต่สุดท้ายไอ้ต้นหอมก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเค้าแล้วล่ะครับ







ก่อนหน้านั้นก็ใช่ว่าผมจะไม่เคยมีแฟนนะ ? .. ก็เคยมีบ้าง คบกันนานไหม นานสุดก็คงจะเดือนนึงมั้ง อันนี้นานที่สุดละ ...โดยที่ผมเป็นคนขอบอกเลิกกับเธอคนนั้นก่อน สาเหตุน่ะเหรอ ? .. ของแบบนั้นไม่มีหรอกครับ ก็อยากเลิก ก็ไม่รู้จะคบไปทำไม ไม่ใช่ว่าหล่อเลือกได้นะ แต่ผมคิดว่ามันไม่ค่อยมีความจำเป็นต่อชีวิตเท่าไหร่น่ะ อายุแค่นี้ ผมว่าเอาตัวเองให้รอดก่อนดีกว่าครับก่อนจะไปดูแลผู้หญิง ซ้ำ.. ผมยังแบมือขอเงินพ่อแม่อยู่เลยนะ

ถามว่าไม่อยากรู้อยากลองบ้างเหรอ ?

ก็แหม.. ผมก็เป็นเด็กผู้ชายสุขภาพดีคนหนึ่งนะครับ อยากลองบ้างเป็นธรรมดา ก็เคยลองแล้วล่ะครับ ใช้ได้อยู่ ก็กับคนที่คบกันนานหนึ่งเดือนนั่นแหละ แต่พอได้กันเสร็จผมก็ขอเลิกกับเขาน่ะ จะบอกว่าผมเลวก็ว่ามาเถอะนะ เพราะไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว อืม...ก็ประมาณว่า คบกันมาจนถึงจุด ๆ หนึ่งที่จะมีอะไรกันได้ พอมีเสร็จผมก็มานั่งคิดน่ะว่า เราคบกันไปเพื่ออะไร ? เป็นแฟนกัน อยู่ด้วยกัน หยอดคำหวานให้กัน แล้วก็นอนด้วยกัน ..ผมว่ามันก็แค่นั้นอ่ะ

เลยเลิก ...

และฝ่ายหญิงก็ราวีผมสักพักใหญ่ ๆ โชคดีที่ผมอยู่โรงเรียนชายล้วน เธออยู่โรงเรียนสหศึกษาที่ไกลออกไป เมื่อก่อนผมไปแถวโรงเรียนเธอบ่อยไง เลยได้เจอกัน แต่ถึงจะตามมาสักแค่ไหน คนมันไม่คิดจะคบต่อมันก็ไม่อยากคบครับ ตอนนั้นต้องขอบคุณไอ้คิวเพื่อนสนิทผมกับไอ้โอมัน ที่ช่วยไปไกล่เกลี่ยให้

จากเหตุการณ์นั้นผมก็เลยสรุปให้กับตัวเองคร่าว ๆ ว่า

ผมคงไม่ได้ชอบแฟนที่ผมชอบเท่าไหร่ คบไปก็เพื่ออยากรู้อยากลองอย่างที่ว่า เห็นคนอื่นเค้ามีแฟนกันก็เลยอยากรู้น่ะครับว่ามันจะให้ความรู้สึกยังไง ผลสุดท้าย ก็เลยเป็นอย่างที่เห็น

จากนั้นผมก็ไม่มีแฟนอีกเลย

จนกระทั่งมาเจอพี่เมี่ยงนี่แหละ

คนที่ทำให้ผมใจเต้นได้เป็นคนแรก คนที่ทำให้ผมรู้สึกแปลกใจได้ทุกเมื่อ

และเป็นคนที่ผมรู้สึกได้ว่า ...

คนนี้ มีอะไรที่น่าดึงดูดสำหรับผมสุด ๆ

ผมก็เลยคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหากผมจะคบกับเค้า ที่สำคัญ จะได้เป็นการพิสูจน์ด้วยครับว่าแท้ที่จริงแล้วผมคิดยังไงกับพี่เมี่ยงกันแน่ แล้วอาการใจเต้นที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะอะไร

น่าสนใจ

เลยต้องทำแบบนี้

แต่ก็นั่นแหละครับ พี่เมี่ยงคนนั้น .... จนถึงทุกวันนี้ ก็ยังทำให้ผมรู้สึกเอ็กไซติ้งได้ทุกเมื่อ ทุกที่ ทุกเวลาที่เจอกัน ไม่เพียงเท่านั้น ...

พี่เมี่ยงแกแอบร้อนแรงนะครับ บอกเลย








หลังจากตกลงเป็นแฟนพี่เมี่ยงวันนั้น ผมก็กลับบ้านอย่างดึก เพราะต้องมาตกลงกฎเหล็กห้าข้อที่พี่เมี่ยงสร้างขึ้นมา และต้องเอ่ยปากรับรู้ เซ็นยินยอม ...ครับ แม่งมาเป็นใบเซ็นสัญญามาเลย ประทับตราครุฑด้วย ครีเอทไปไหน อารมณ์เหมือนหนังสือราชการ ที่ขัดขืนแม่งจะมีโทษ จำ ปรับ อะไรแบบนั้น แต่กฎนี้มันเป็นของพี่เมี่ยงไง ผมว่าบทลงโทษมันไม่แค่จำ ปรับ หรอก ไม่สิ ... จำ ปรับมันยังเป็นอะไรที่เด็กน้อยไปเลย หากจะคิดถึงบทลงโทษที่พี่เมี่ยงจะใช้กับผมขึ้นมาจริง ๆ น่ะนะ

กฎการเป็นแฟนของพี่เมี่ยงมีดังนี้ครับ

1   ต้องมาหาที่ร้านทุกวัน หากวันไหนพี่เมี่ยงหยุดผมต้องถ่อไปหาพี่เมี่ยงที่มหาลัย (โชคดีที่ว่าโรงเรียนผมอยู่ไม่ไกลจากมหาลัยพี่เมี่ยงมากนัก) ถ้าไปหาที่มหาลัยไม่เจอก็ต้องไปหาที่หอพัก และอยู่ด้วยกันจนถึงสี่ทุ่ม หรือก็คือตามเวลาที่ร้านปิดครับ กฎข้อนี้ผมยังไม่รู้เลยนะว่าจะคุยกับที่บ้านยังไงหากจะดึกดื่นแบบนี้ แต่กฎมันไม่จบลงแค่นั้นครับ เมื่อพี่เมี่ยงบอกต่อว่า หากเป็นวันหยุดที่ไม่ได้ไปทำงาน ก็ควรคิดวางแผนไปเที่ยวมา เรียกง่าย ๆ ว่าไปเดทด้วยกันนั่นแหละโดยค่าใช้จ่ายต้องออกกันคนละครึ่ง เพราะพี่เมี่ยงให้เหตุผลว่า ถึงจะทำงานพิเศษแต่ก็ต้องแบมือขอเงินพ่อแม่อยู่ ยังหากเงินด้วยตัวเองไม่ได้ ... ก็มีเหตุผลดีครับ

2   ต้องโทรมาหาทุก ๆ เช้าและก่อนนอน เช้าคือโทรไปปลุก ก่อนนอนก็ต้องบอกฝันดี กฎข้อนี้ทำได้ง่ายมาก แต่มันไม่ง่ายเมื่อพี่เมี่ยงบอกว่า ต้องโทรมาให้ตรงเวลา และทุกวัน หากวันไหนลืม ก็เตรียมตัวโดนตัดนิ้วได้เลย


3   บอกที่บ้านซะว่าเป็นเกย์ จะได้ไม่เป็นภาระภายหลัง ... ข้อนี้ทำไม่ยาก เอาจริง ๆ นะ พี่ชายคนโตบ้านผมก็เป็นไปแล้วหนึ่งหน่อ ไม่เห็นพ่อแม่ว่าอะไร ไอ้โอ๋นี่.. เหมือนจะสนใจเด็กม.ต้นอยู่หนึ่งคน โรงเรียนผมมันชายล้วนครับ ก็น่าจะมีซัมธิงรองกัน แต่อย่างว่า พ่อแม่ผมเค้าไม่ซิเรียสหากลูกจะเป็นเกย์ เป็นพ่อแม่หัวสมัยใหม่ครับ แต่ก็ไม่แน่ใจนะว่าหากลูกชายจะยินยอมพร้อมใจเป็นเกย์กันหมดทั้งบ้านแบบนี้แล้ว แม่จะไม่เป็นลมเอา

4   โดนทำอะไรก็ห้ามต่อต้าน ฮิตเลอร์กลับชาติมันเกิดชัด ๆ ครับพี่เมี่ยงน่ะ ข้อนี้เด็ดขาดและชัดเจนมาก สายตาของพี่เมี่ยงตอนบอกข้อนี้มันวิ้งวับอย่างมองไม่ถูก และคล้ายถูกโลมเลียด้วยสายตาแปลก ๆ ไอ้ผมรึก็รู้สึกสะดุ้งสะเทือนเล็กน้อย ... ก็ได้แต่หวังว่าพี่เมี่ยงจะไม่ทำอะไรที่เป็นผลกระทบไปถึงความเจ็บปวด ความเป็น ความตาย


5   ข้อนี้สำคัญสุดครับ ทำเป็นตัวอักษรใหญ่ หนา และประทับด้วยดอกจันหลาย ๆ ดอก .. นั่นก็คือ  ****ห้ามนอกใจเด็ดขาด**** เหมือนพี่เมี่ยงจะซีเรียสข้อนี้เป็นพิเศษ บอกว่าหากกระทำการใด ๆ ที่เป็นเหมือนการนอกใจ เช่น เหล่สาว คุยกับสาว หรือหยอกล้อกันแล้วล่ะก็ .... บทลงโทษคือประหารตัดหัวเสียบประจานครับ
 
ได้ยินแล้วก็ขนลุก โดยเฉพาะบทลงโทษข้อสุดท้าย แต่สีหน้าพี่แกจริงจังจนปฏิเสธไม่ออก ใบหน้านิ่ง ๆ ที่ดูดี ดูหล่อเหลาแบบนั้น กลับพูดเรื่องตัดหัวเสียบประจานออกมาได้หน้าตาเฉย ...

แบบนี้สินะ ที่เขาเรียกว่ารู้หน้าแต่ไม่รู้ใจ

แต่หลังจากกฎห้าข้อนั้น พี่เมี่ยงก็ตบท้ายด้วยประโยคที่สุดแสนจะเร้าใจให้ผมฟังว่า

“ถ้าทำได้ดีหมดโดยไม่มีขาดตกบกพร่องล่ะก็ จะมีรางวัลให้เป็นปลอกคอ”

ชักน่าสนใจนิด ๆ

แต่.. ไม่สิ ! ผมจะมาดีใจกับปลอกคอได้ยังไงกัน !?

มันต้องมีเชือกจูงด้วยถึงจะถูก ! ! !






เฮ้ ผมไม่ได้เป็น M นะ อย่าเข้าใจผิดล่ะ





วันต่อมา นับเป็นวันแรกของการเป็นแฟนกันระหว่างผมกับพี่เมี่ยง เวลาที่พี่เมี่ยงบอกให้โทรตอนเช้าคือเจ็ดโมง เพราะพี่เมี่ยงมีเรียนแปดโมงตรงทุกวัน เลยอยากให้ผมช่วยโทรไปปลุก เนื่องจากหอพักอยู่ใกล้มหาลัย ตื่นก่อนหนึ่งชั่วโมงจึงเป็นอะไรที่ค่อนข้างเหลือเฟือ

“ฮัลโหลครับ...” เสียงพี่เมี่ยงงัวเงียมาจากปลายสาย

เมื่อวานแลกเบอร์กันเอาไว้แล้วล่ะครับ แต่กว่าจะได้ ผมต้องคุกเข่าอ้อนวอนร้องขอกันสุดชีวิต ดูเหมือนพี่เมี่ยงจะชอบนะที่ผมทำแบบนั้น ผมก็เต็มใจทำด้วยดี เวลาเห็นพี่เมี่ยงยิ้มแบบเหยียด ๆ แล้วมันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

“เอ่อ... สวัสดีครับพี่เมี่ยง ตื่นหรือยังครับ”

ได้ยินเสียงขยับตัวจากปลายสาย ลำโพงจะดีเกินไปแล้ว

“ใครเค้าจะมานั่งรอโทรศัพท์คนที่จะโทรมาปลุกกันล่ะ” เออ ก็จริง

ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ

ตอนนี้ผมกำลังเดินออกจากบ้านพร้อมตั้งโอ๋เพื่อไปโรงเรียน บ้านผมอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนมาก เลยเดินไปได้สบาย แต่ถ้าวันไหนรีบ ๆ ก็จะนั่งวินมอเตอร์ไซค์ไป แต่วันนี้ผมต้องโทรไปหาพี่เมี่ยง เลยเลือกที่จะเดินไปโรงเรียนแบบชิว ๆ ส่วนตั้งโอ๋ก็เดินอ่านการ์ตูนของมัน

“ครับ งั้นก็... ตื่นได้แล้วนะครับ ผมโทรมาปลุกแล้ว”

“อือ ขอบใจ”

แล้วผมก็ได้ยินสัญญาณตัดเสียง

! ! ! ! ! !

ผมยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาดู

สัญญาณโทรศัพท์ก็เต็ม ... ระบบก็ใช้แบบรายเดือน ตัดปัญหาเรื่องเงินหมดไปได้เลย ผมยืนขมวดคิ้วมองปลายสายที่ถูกวางไป ก่อนจะกดโทรหาอีกครั้ง

ปรากฏว่าพี่เมี่ยงตัดสายผมทิ้งเฉยเลยว่ะครับ ! !

ผมกดโทรไปอีกรอบ

ตัดทิ้ง

กดโทรอีก

ก็ตัดทิ้งอีก ! !

เฮ้ย .. ! นี่มันเกิดอะไรขึ้น !?

ผมหันไปมองตั้งโอ๋ที่กำลังสลับขาเดินบนฟุตบาทด้วยสเต็ปที่ดีเยี่ยม ตามันมองหนังสือนะ แต่แม่งหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้หมดเลยว่ะ มึงจะเมพไปไหนวะโอ๋ ?

“..โอ๋”

“ว่า?”

“การที่มึงโทรไปปลุกใครแล้วเค้าตัดสายมึงทิ้งเนี่ย หมายความว่าไงวะ” ลองถามดู เผื่อมันคิดต่าง หรือมีความเห็นอย่างอื่น

ตั้งโอ๋มันทำหน้านึกสักพักก่อนจะตอบอย่างรวดเร็วว่า

“ตื่นแล้ว ไม่ก็หลับต่อ”

คิดเหมือนกูเด๊ะ

แล้วอย่างพี่เมี่ยงจะเป็นแบบไหนล่ะ ?

“โอ๋”

“อะไรของมึงอีกวะต้น”

“ถ้าวันนี้กูเข้าโรงเรียนสาย จะเป็นอะไรไหม”

มันยักไหล่ “ไม่มั้ง ทำไมอ่ะ ? จะโดดเรียนไปไหน ว่าแต่มึงโทรไปหาใครเนี่ยเมื่อกี้ แฟนมึงเหรอ” คือ ไอ้ตั้งโอ๋มันไม่รู้ครับว่าผมมีสถานะโสด ซิง หรือมีแฟนแล้ว แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้ผมก็มีแฟนแบบจับฉ่ายเลยทำให้มันคิดว่าผมค่อนข้างที่จะไม่ค่อยว่างตลอดเวลา เรื่องพี่เมี่ยงยังไม่ได้บอกใครครับ เพราะเมื่อคืนก็กลับดึกมากแล้ว กะว่าหากมีโอกาส วันนี้อาจจะบอก ไม่ก็ยกยอดไปวันหยุดเลย

“เออ แฟนกู โทรไปปลุกแล้วตัดสาย” ...คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้แล้วล่ะนอกจากตัดสาย

“เฮ้ย นี่มันก็เจ็ดโมงแล้ว ถ้ายังไม่ตื่นก็ไปโรงเรียนสายนะเว้ย”

“เปล่า พี่เค้าเรียนแปดโมง ตื่นเจ็ดโมงก็ทัน อยู่หอ”

“เหยดดดดดด นี่มึงมีแฟนแก่แล้วเหรอวะต้น” ยังจะมาแซวกู

ผมเลยตอบเออแบบส่ง ๆ ให้มันไป ไอ้โอ๋ก็ตาลุกวาวเลยครับทีนี้ มันซักไซ้ไล่เลียงผมใหญ่ว่าแฟนผมเป็นใคร คือปกติผมมักจะคบกับคนอายุน้อยกว่าไง เหมือนไม่เคยบอกสินะครับว่าช่วงหลัง ๆ มานี้ผมมีแฟนเป็นเด็กม.ต้นหมดเลย และคนที่มีอะไรกันก็อยู่ม.ต้นด้วยน่ะ ม.สามแล้ว แต่กับเด็กม.หนึ่งผมก็เคยคบนะ ตอนนั้นผมอยู่ม.สี่ ก็โดนไอ้โอ๋มันหาว่าผมกินหญ้าอ่อนตลอดแหละ

แต่คราวนี้กินหญ้าแก่บ้างครับ พี่เมี่ยงอายุมากกว่าผมสองปี เรียนปีสามแล้ว เห็นเจ้าตัวบอกมาแบบนั้น

ก็ไม่รู้ว่าจะอร่อยขนาดไหนน่ะนะ

แต่ผมตอบอะไรไอ้โอ๋มันไม่ได้มากหรอกครับ และยังไม่บอกด้วยว่าเป็นพี่ที่ร้านเช่าหนังสือการ์ตูน ว่าจะบอกมันเย็นนี้แหละ พี่เมี่ยงมาทำงานด้วยน่ะ เลยกะจะแนะนำไปพร้อมกันก่อนจะบอกที่บ้าน เอาให้เซอร์ไพร์ส

“วันนี้เป็นเวรทำความสะอาดของกู ถ้ากูไปสาย ไอ้ม่อนมันจะสับกบาลกูเอา มึงช่วยไปทำแทนกูหน่อยได้ไหม แล้วก็ฝากโทรลากไอ้เชี่ยคิวไปทำเวรด้วย” เพราะไอ้คิวมันชอบไปโรงเรียนสาย เลยมาทำเวรสาย บางวันแม่งก็ไม่มาซะอย่างนั้น

ม่อนคือหัวหน้าเวรวันของผม ก็เป็นหัวหน้าห้องด้วย เข้มงวดสุด ๆ ไฝว์กับไอ้คิวบ่อย ๆ คนเข้มงวดกับคนเอ้อระเหยก็แบบนี้แหละครับ แต่ดูพวกมันทะเลาะกันก็สนุกดี

“เออ ก็ได้ ถ้ามึงรับปากว่าจะพาแฟนมึงมาเปิดตัว”

“กูพามึงไปหาเค้าเย็นนี้เลยเอ้า ตกลงมะ”

โอ๋ตาเบิกกว้าง ก่อนจะยิ้มที่มุมปาก สมใจแม่ง

“ได้ ห้ามคืนคำนะเว้ย”

“เออ” ไม่คืน แต่ถ้ามึงเห็นแฟนกูแล้วก็อย่าหันหลังกลับแล้วกัน

ผมเลยฝากให้ตั้งโอ๋มันไปส่งการบ้านให้ผมด้วยตอนเช้า ฝากทำเวร คือถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็คงกลับไปโรงเรียนได้แบบทันเฉียดฉิว โรงเรียนกับมหาลัยของผมกับพี่เมี่ยงไม่ไกลกันมาก นั่งวินไปก็ถึง ส่วนหอพักก็อยู่ใกล้ ๆ เห็นแบบนี้พี่เมี่ยงแกก็รอบคอบบอกชื่อหอและห้องให้เรียบร้อยแล้วนะครับ

ผมเลยโบกวินมอเตอร์ไซค์ไปหอพักพี่เมี่ยง พี่วินก็ทำหน้างง ๆ วินประจำผมไง ปกติจะเรียกไปโรงเรียน แต่นี่เรียกไปหอพักมหาลัยใกล้ ๆ เลยทำให้ดูจะมึนกันเล็กน้อย

วันแรกก็ถูกทดสอบให้ทำหน้าที่แฟนที่ดีซะแล้ว ...

เอาตรง ๆ ผมก็ยังไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลยนะเนี่ย







หอพี่เมี่ยงอยู่ซอยข้าง ๆ กับมหาวิทยาลัย เป็นซอยที่นักศึกษาอยู่กันเยอะ แต่พี่วินเค้าไม่ค่อยได้มาแถวนี้ ชื่อหอก็ไม่คุ้น ผมเองก็ไม่เคยเหยียบย่าง เลยต้องถามคนรู้จักแถวนั้น และกว่าจะมาถึงหน้าหอก็ใช้เวลาปาไปเกือบยี่สิบนาที เงินหกสิบบาทปลิวไปจากกระเป๋าตังค์ผมอย่างง่ายดาย ค่าขนมได้วันละร้อยเองนะครับ แบบนี้จะกลับไปยังไงเนี่ย ??

เมื่ออยู่ข้างล่างหอ โคตรโชคร้าย มันเป็นระบบคีย์การ์ด คือ ถ้าไม่มีการ์ดเข้าไม่ได้น่ะ ผมเลยยืนหน้าเอ๋ออยู่หน้าประตูก่อนจะตัดสินใจโทรศัพท์หาพี่เมี่ยงอีกครั้ง

มีนักศึกษาสองสามคนอยู่ข้างล่าง น่าจะเป็นหอพักรวม มีทั้งหญิงและชาย พวกเขามองผมเป็นสายตาเดียว ไม่แปลกหรอกครับ ก็เด็กนักเรียนชุดม.ปลายยืนจังก้าอยู่หน้าหอพักนักศึกษามหาวิทยาลัยเนี่ย ไม่ใช่ภาพแปลกก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว

ผมรอสายนานมากจนกระทั่งโดนตัด

ผมกดโทรอีกครั้ง ประจวบเหมาะกับที่คนด้านในหอพักเค้าออกมาพอดี ผมจึงใช้โอกาสนี้แทรกตัวเข้าไปด้านในตัวอาคาร และเริ่มมองหาชั้น

รอสายจนตัดไปอีกรอบ

ห้องที่พี่เมี่ยงอยู่คือ 211 อยู่ชั้นสอง ผมรีบขึ้นบันไดอย่างรวดเร็ว และมองหาห้อง

มันอยู่ด้านในสุดตรงทางเดิน ผมสังเกตรองเท้าข้างหน้า ก็คุ้นอยู่นะรองเท้าเนี่ย .. แต่นักศึกษาเค้าใส่รองเท้าเหมือนกันหมดปะวะครับ ? ... มันฟันธงไม่ได้ว่าใช่ของพี่เมี่ยงหรือเปล่า อันที่จริงผมก็แอบกังวลนะว่ามาถูกที่ไหม แต่ก็หน้าด้านมาขนาดนี้แล้วต้องลองสักตั้งล่ะ

ผมโทรหาพี่เมี่ยงอีกครั้ง

คราวนี้รับด้วย

“ฮัลโหลครับ......”

เสียงยังงัวเงียอยู่เว้ยเฮ้ย ! ! !

“พี่เมี่ยงเปิดประตูหน่อยครับ”

“????” .... ไร้ซึ่งเสียง แต่รู้ว่าสงสัย

“พี่เมี่ยงครับ”

“กุญแจอยู่ในรองเท้าหน้าประตู ค้นดูเอาละกัน ... มึงมาทำไมแต่เช้าวะไอ้เชี่ยเอิร์ธ กูจะนอน”

เอิร์ธ ??? ใครวะ ???

แต่ไม่สนละ ผมนั่งลงเขย่ารองเท้าที่วางกันเรียงรายหน้าห้อง แล้วก็มีคู่หนึ่งที่ได้ยินเหมือนมีอะไรอยู่ข้างใน พอคว่ำออกมาก็พบกับกุญแจหนึ่งดอก

มีจริง ๆ ด้วยว่ะ .....

ซีคิวริตี้ห้องพี่เมี่ยงนี่มันยังไงอยู่นะ ?

ผมไขกุญแจเข้าไปในห้อง

รู้ไหม ว่าผมเจออะไร ?

ห้องสี่เหลี่ยมจัตุรัส โล่งกว่าที่คิด เพดานสีฟ้าอ่อน เตียงอยู่ตรงริมประตู มีห้องน้ำ และระเบียงยื่นออกไปข้างนอก เฟอร์นิเจอร์ข้างในมีตู้เสื้อผ้า ชั้นหนังสือ โต๊ะอ่านหนังสือ และทีวี

ส่วนนอกนั้นที่เหลือ .....

โปสเตอร์เกมและการ์ตูนเต็มห้องไปหมดเลยครับ ! ! !

ผมหันไปมองบนเตียงที่มีพี่เมี่ยงนอนอยู่คนเดียว ใบหน้าพริ้มหลับอย่างเป็นสุขสุด ๆ โดยที่มือกำลังกำโทรศัพท์มือถือเอาไว้อยู่ พี่เมี่ยงอยู่ในเสื้อยืด กางเกงขาสั้นและนอนกอดหมอนข้าง

แต่หมอนข้างที่พี่เมี่ยงกอดนั้นเป็น...

หมอนข้างรูปการ์ตูนเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิดจะชื่อ.....

“อือออออ” พี่เมี่ยงพลิกตัวนอนโดยกอดหมอนข้างไว้แน่น ผมรีบปิดประตูแล้วส่งตัวเองเข้ามาข้างใน ลงกลอนให้เสร็จสรรพ

ว่าแต่คนเข้ามาขนาดนี้พี่เมี่ยงก็ยังไม่รู้สึกตัวอีกเหรอ !?

“พี่เมี่ยงครับ” ลองเรียกดู

“......” แต่ไม่ตอบ

“พี่เมี่ยง”

“......”

ผมเลยวางกระเป๋าลงที่พื้นแล้วเข้าไปนั่งใกล้ ๆ เตียงพี่เมี่ยงเป็นเตียงหกฟุตเอาไว้สำหรับนอนสองคน มาถึงตรงนี้ผมก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าพี่เมี่ยงไม่มีรูมเมทหรือ ? แต่ก็ไม่ทันละ มาถึงขนาดนี้จะมาเกรงใจรูมเมทพี่เมี่ยงก็ช้าไป

ผมเลยเขย่าตัวพี่เมี่ยงเล็กน้อย

“พี่เมี่ยงครับ”

ได้ผล พี่เมี่ยงปรือตาขึ้นมาเล็กน้อย ขมวดคิ้วหน่อย ๆ

“หนวกหูสัส”

แล้วก็ลงไปนอนต่อ ......

และในวินาทีนั้นเองที่ผมได้รู้ซึ้งแล้วว่า..

พี่เมี่ยง ... แม่งโคตรขี้เซาเลยว่ะครับ ! !

“พี่เมี่ยงไม่ไปมหาลัยเหรอครับ”

“......”

“พี่เมี่ยงครับ”

“......”

“พี่เมี่ยง เดี๋ยวสายนะครับ”

“โอยยย หนวกหู ถ้าไม่หยุดพูดกูจะตัดลิ้นมึงเดี๋ยวนี้แหละ !” มีของขึ้นด้วย

เหลือบมองนาฬิกา เจ็ดโมงครึ่งแล้ว

และดูท่าทางจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นผม เพราะปฏิกิริยามันนิ่งเกินไป

เกิดความเงียบในห้อง ผมลุกขึ้นไปนั่งขัดสมาธิบนเตียงมองพี่เมี่ยงที่กำลังหลับ ลมหายใจกระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะ ใบหน้ามีความสุขนั้นหายไป เหลือแต่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดถึงแม้จะกอดหมอนข้างสุดโมเอะไว้ก็เถอะ ตัวละครตัวนี้เป็นเด็กหญิงวัยประถมครับ ..ความจริงอันน่าสะพรึงกลัวของพี่เมี่ยงนั้นอยู่ที่ลายหมอนอันนี้

เป็นลายเด็กผู้หญิงประถมไม่พอหรอกครับ ... เพราะลายนั้นมันค่อนข้าง 18+ ด้วยเนี่ยสิ

บอกไม่ยากเลยว่าพี่เมี่ยงเป็นโลลิค่อน ตัวจริงเสียงจริงเลยด้วย

มิน่า.. ถึงได้มาคบกับผมโดยไม่ตะขิดตะขวงใจ .. บางทีนอกจากโลลิค่อนแล้ว ตอนนี้พี่เมี่ยงแกก็เป็นโชตะค่อนด้วยนะครับ ถึงผมมันจะเลยวัยที่จะเรียกว่าโชตะแล้วก็เถอะ แต่อายุน้อยกว่าสองสามปีแบบนี้ มันก็น่าคิด แถมมหาลัยกับมัธยมนั้นหากไม่นับปีก็นับว่าดูห่างกันมากอยู่

ใจเต้นอีกละ ...

ใบหน้าพี่เมี่ยงตอนหลับก่อนหน้านี้ขอบอกว่าน่ารักดีครับ ก็พี่เมี่ยงดูดี หล่อ

ผมเลยลองก้มหน้าลงไปใกล้ ๆ

แล้วลองกระซิบที่ข้างหูดูว่า

“พี่เมี่ยงครับ ถ้าไม่ตื่น เดี๋ยวต้นหอมแก้มนะ”

ก็คิดว่าไม่น่าจะได้ยิน และไม่น่าจะได้ผลด้วย

แต่พี่เมี่ยงกลับปรือตาตื่นขึ้นมา แล้วหันมามองผมที่กำลังยื่นหน้าเข้าไปใกล้ หน้าเราจะห่างกันไม่กี่เซน

ผมยิ้ม

แต่พี่เมี่ยงกลับขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม

“อ้าว .. ต้นเองเรอะ”

ว่าแล้ว จำไม่ได้

“ครับพี่”

“มาทำไมแต่เช้า ไม่ไปโรงเรียนรึไง”

“ก็ผมมาปลุกพี่อ่ะครับ เห็นกดวางสายไปเลยกลัวว่ายังไม่ตื่นและกลัวเข้าห้องเรียนสาย” ออกแนวเป็นห่วงอย่างจริงจัง

แต่ประโยคต่อไปของพี่เมี่ยงนี่สิ

“เมื่อกี้ไอ้เชี่ยเอิร์ธโทรมาบอกแล้วว่าอาจารย์ไม่เข้า กลับไปได้แล้ว จะนอนต่อ”

ไล่กันแบบซึ่ง ๆ หน้า แถมหลับตานอนต่ออีกต่างหาก

ท่าทางไม่สนใจใยดีนี่คืออะไร ..

เดี๋ยวสิครับพี่ !

ผมเป็นแฟนพี่นะครับ ! !

ช่วยสนใจผมหน่อยสิ ! !



TO BE CONTINUED.........

หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 04 : แฟนผม [30 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 30-01-2014 15:30:25
 :z13:
 :z13:
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 04 : แฟนผม [30 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: lolitar ที่ 30-01-2014 15:51:17
เมี่ยงลูกสนใจน้องหน่อยสิ :hao7: :hao7:

เดี๋ยวน้องต้นก็งอนหลอกนะ :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 04 : แฟนผม [30 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Feuy_qty ที่ 30-01-2014 16:15:00
อยากจะบอกน้องถั่วแว่~~~
พี่อ่านเรื่องนีั้ถึงตอน3 แล้วนะ แต่พี่ไม่สามารถเม้นได้ เลยทำการดองไว้ *โดนน้องถั่วตื้บ*
เอาตรงๆ นะ ตอนนั้นแบบ งงกะศัพท์เทคนิคทางการ์ตูนอยู่นิดหน่อย(?)
อ่านแล้วมันไม่เข้าหัว มันเฉยๆ ยังไงไม่รู้ เนื้อเรื่องถามว่าสนุกมั๊ย ก็งานน้องถั่วนะ บอกเลยไม่เคยไม่สนุก (ป่าวอวยนะ)
แต่พออ่านไปเจอไอ่ศัพท์ที่ว่า อารมณ์มันชะงักๆ อันนี้ก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน
ชาวบ้านคนอื่นเค้าไม่เป็นกันสินะ ดูจะมีแต่พี่ที่มีปัญหากับเรื่องนี้ ก็ไม่รู้จะทำไงอ่านได้แต่เม้นไม่ได้ T T

เค้าขอโทษษษษ~
 
ตอน4 ยังไม่ได้อ่านนะ แค่อัดอั้นอยากมาบอก ไม่รู้ว่าอ่านแล้วจะยังมีอาการเดิมมั๊ย
เอาไว้อ่านแล้วจะมาดิทบอกอาการอีกทีนะ

 :mew2:

หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 04 : แฟนผม [30 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 30-01-2014 16:56:16
ฮาตรงปลอกคอนี่ละ ต้นจะเป็นหมาเลยสินะ555
แต่พี่เมี่ยง นอนแบบนี้....ต้นจัดเลย 5555
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 04 : แฟนผม [30 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Aomampapeln ที่ 30-01-2014 17:03:58
พี่เมี่ยงนี่เกิดมาเพื่อเป็นสายSจิงๆชอบทำให้ต้นกังวลชอบอ่ะ55
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 04 : แฟนผม [30 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 30-01-2014 18:27:00
อิพี่เมี่ยงมันจะขี้เซาไปแล้วนะๆๆๆๆๆๆๆๆ
เด๋วให้น้องต้นหอมปล้ำซะเลยนิ โฮะๆๆๆ

ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไป ^^
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 04 : แฟนผม [30 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Rose_Apple ที่ 30-01-2014 18:44:50
แอร๊ยยยยยยยยยยย รอต่อค่าาาาาาาา  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 04 : แฟนผม [30 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: +HaNeul+ ที่ 30-01-2014 19:20:09
เมี่ยงสนใจน้องหน่อยยยยยยยยยยยยยยยยย   :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 04 : แฟนผม [30 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 31-01-2014 06:38:40

พี่เมี่ยงกับคนชื่อเอิร์ธนี่มันชักยังไง  :m28: หรือเราจะคิดมากเกิน  :m21:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 04 : แฟนผม [30 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 31-01-2014 10:16:57
อะไรของเค้าว่ะพี่ ตื่นๆๆๆๆๆ
น้องมันมาเนี่ย สนใจมันหน่อย
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 04 : แฟนผม [30 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Gene-Y ที่ 31-01-2014 14:24:55
s เอาแต่ใจ  o18 :o8:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 04 : แฟนผม [30 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: nuper ที่ 31-01-2014 15:44:36
เหอๆๆ อยากรุ้จังค่ะ ว่าใครกดใคร ต้นหอมจะกดพี่เมี่ยงได้ไหมน้ออออ
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 04 : แฟนผม [30 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 31-01-2014 16:07:41
ต้นอุตสามานะพี่เมี่ยง
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 04 : แฟนผม [30 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 01-02-2014 14:19:02
เมี่ยงเป็นแบร่บ เคะราชินีป่ะ เอ่ะอะขู่เอ่ะอ่ะฆ่า 555  :hao7:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 04 : แฟนผม [30 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Allure-Q ที่ 01-02-2014 17:24:13
พลาดเรื่องนี้ไปได้ไงเนี่ย? อ่านเรื่องพี่เมี่ยงแล้วนึกถึงเฮย์โจว(ฮา)
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 04 : แฟนผม [30 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 28-02-2014 20:05:58
แวะมาบอกว่า "คิดถึง" เฉยๆ ^^
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 04 : แฟนผม [30 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Ra poo ที่ 28-02-2014 22:33:29
รอค่า  :mew1:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 04 : แฟนผม [30 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Pnomsod ที่ 07-03-2014 01:18:39
รออออออ

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 04 : แฟนผม [30 มกราคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 20-03-2014 01:06:29
คุณถั่วอย่าลืมเรื่องนี้นะค๊าาาาาาาา  T__T
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 05 : โรคจิต [20 มีนาคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Thuaphu.H ที่ 20-03-2014 12:33:28
: เพ้อที่ 05 : โรคจิต

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

   
จากความเดิมตอนที่แล้ว ... ผมขี้เกียจเล่า เอาเป็นว่า ย้อนกลับไปอ่านแล้วกันนะครับ

คือตอนนี้ พี่ผมอยู่ในห้องพี่เมี่ยง โดยที่พี่เมี่ยงไม่ได้สนใจใยดีผมเลย แถมยังไล่กลับไปอีกต่างหาก ผมแฟนพี่ทั้งคนนะครับ ถึงจะ...เอ่อ .. ตกลงคบแบบมึน ๆ ไปหน่อยก็เถอะ แต่ก็แฟนพี่นะครับ ... สนใจกันหน่อย

โอเค ผมจะหน้าด้าน

ผมล็อกประตูห้อง แล้วหย่อนตัวลงนั่งบนเตียง มองพี่เมี่ยงที่กำลังนอนหลับ

อย่าคิดว่าผมจะทำมิดีมิร้ายพี่เมี่ยงแบบนั้นครับ ... ขอร้อง อย่าเข้าใจพฤติกรรมและสันดานผมผิดแบบนั้น

ก็แค่นั่งเฝ้าเอง

แต่พอเห็นคนหลับ มันก็เหมือนโรคติดต่อ ผมง่วงตาม นั่งหาวหวอด

จากนั้น ก็ผล็อยหลับ ลงไปข้าง ๆ






ผมสะดุ้งตื่นเมื่อรู้สึกเจ็บตรงบริเวณแก้ม

ปรือตาขึ้นมามองก็ต้องตกใจเมื่อเห็นหน้าพี่เมี่ยงที่กำลังหัวฟู หน้าตาเบลอ ๆ คล้ายตื่นนอนกำลังนั่งจ้องผมลงมาจากข้างบน ผมกระพริบตาปริบ ๆ สองสามทีแล้วใช้เวลาประมาณ 1.5324 วินาทีในการรำลึกความคิดกับสภาพของตัวเองปัจจุบัน

ผมเอื้อมมือขึ้นมาจับแก้มบริเวณที่เจ็บ ก็คลำมาเจอมือของพี่เมี่ยงพอดี

สรุปว่าโดนพี่เมี่ยงบีบแก้มครับ

“บอกให้กลับไป ทำไมยังจะอยู่อีก” พี่เมี่ยงถามผมเสียงเรียบ ใบหน้านิ่ง ๆ แต่อารมณ์กำลังคุกคาม

ผมเหงื่อตกเล็กน้อย พยายามยิ้มรับ

“...ก็ผมเป็นห่วงน่ะครับ”

“ผมบรรลุนิติภาวะแล้ว ห่วงตัวเองดีกว่ามั้ง นี่อะไร” พี่เมี่ยงปรายสายตามองชุดนักเรียนของผม “โดดเรียนมาหรือไง”

ไม่รู้จะแก้ตัวยังไง เพราะมันคือความจริง

ผมไม่ตอบ แต่พี่เมี่ยงก็คงจะรู้คำตอบอยู่แล้ว

จนในที่สุดพี่เมี่ยงก็เอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า

“โดดเรียนมานี่เตรียมใจแล้วใช่ไหม”

ครับ ? เตรียมใจ ?

ผมเลิกคิ้วทำหน้าสงสัยออกไป

บอกตามตรง ทันทีที่ทำแบบนั้น ผมก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลก ๆ รอบตัวพี่เมี่ยงแกทันทีเลยครับ มันเป็นบรรยากาศที่ต่างจากการคุกคาม... ถึงมันจะไม่รุนแรงเท่าเมื่อกี้ แต่มันก็ทำให้ผมถึงกับเสียวสันหลังวาบ สัญชาตญาณกำลังบอกผมว่า ตอนนี้ผม ไอ้ต้น กำลังไม่ปลอดภัย

พี่เมี่ยงมองหน้าผมอย่างขอคำตอบ

ไม่รู้จะตอบยังไง

เลยตอบไปเป็น...

จ๊อกกกกกกกกกกกกกกก~~~~~

เสียงท้องร้องของผมเองครับ

น่าอับอาย..

พี่เมี่ยงลดบรรยากาศความน่าเกรงขามลง แล้วมองตาปริบ ๆ จากนั้นจึงลุกขึ้นออกจากเตียง เปิดตู้เสื้อผ้า แล้วก็โยนเสื้อกับกางเกงมาให้ผมที่กำลังลุกขึ้นนั่งตามหนึ่งชุด

“เปลี่ยนซะ ถ้าวันนี้คิดจะโดดเรียนก็อย่าโดดด้วยชุดนักเรียน” พี่เมี่ยงบอกแบบนั้น ก่อนจะหยิบผ้าขนหนูแล้วเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ

ผมได้แต่มองตามหลังพี่เมี่ยงไปแบบงง ๆ

หมายความว่าพี่เมี่ยงกำลังอนุญาตให้ผมโดดเรียนแล้วใช่ไหม ?

รู้สึกดีใจแปลก ๆ

แต่ก็ดีใจได้ไม่นาน เมื่อกี่เมี่ยงชะโงกหน้าออกมาจากห้องน้ำบอกว่า

“อย่าได้ใจไป ผมลงโทษคุณแน่ เรื่องที่โดดเรียนน่ะ”

พูดจบ พี่เมี่ยงก็ปิดประตูห้องน้ำดังปัง

ปล่อยให้ผมใจเต้นตึกตักอยู่คนเดียว

พี่เมี่ยงบอกจะลงโทษผมด้วยล่ะ .... จะลงโทษผม จะทำอะไรนะ .. จะรุนแรงแค่ไหน จะเป็นแนวไหนนะ การลงโทษของพี่เมี่ยงคงไม่ใช่เรื่องเด็กน้อยอย่างการสกินชิพหอมแก้ม จูบ อะไรแบบนั้นหรอก การลงโทษของพี่เมี่ยงมันต้องเป็นอะไรที่เร้าใจกว่านั้น โดนหยิก โดนตี โดนบีบ หรืออาจจะโดนขู่ฆ่าก็ได้

อ๋า.. แค่คิดก็รู้สึกอดใจรอไม่ไหวเชียวล่ะครับ

...อ๊ะ !? ... ไม่ได้ ๆ ผมไม่ใช่เอ็ม จะมาเคลิ้มกับเรื่องแบบนี้ไม่ได้สิ !






ห้องของพี่เมี่ยงอย่างที่เคยได้บอกไปว่า มีเครื่องใช้ที่จำเป็น แต่พวกที่ไม่จำเป็นนี่เยอะกว่า ฝาผนัง แม้กระทั่งเพดานก็ติดไปด้วยโปสเตอร์จากอนิเม และเกม มีระเบียงยื่นออกไป พี่แกคงไม่ได้สนใจสายตาของคนฝั่งตรงข้ามเลยสักนิด มีรสนิยมไม่แคร์โลกสุด ๆ ยิ่งหมอนข้างนี่ทำให้ผมถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ ดูจากรสนิยมโปสเตอร์กับหมอนข้างแล้ว มันทำให้ผมฟันธงได้ไม่ยากว่าพี่เมี่ยง

เป็นโลลิค่อน

เมื่อพลิกดูหมอนข้างผมถึงกับชะงักมือ..

ด้านที่เห็นตอนแรกก็เป็นเด็กผู้หญิงน่ารักอยู่หรอกครับ แต่พอพลิกอีกด้านนี่... ก็เด็กผู้หญิงคนเดิม แต่....

ไม่ใส่เสื้อผ้า

18+ ชัด ๆ ! !

นี่พี่เมี่ยงมีของแบบนี้ไว้ครอบครองงั้นเรอะ !? .. พรากผู้เยาว์ ! ผิดกฎหมายแล้วครับ !

จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำ

“ยังไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าอีก”

อ๊ะ... ลืมตัว เผลอสำรวจห้องพี่เมี่ยงไปซะได้

พี่เมี่ยงปรายสายตาไปหมอนข้างที่ผมพลิกด้านอีโรติกขึ้นมา ใบหน้าของพี่เมี่ยงนิ่งเฉย ก่อนจะบอกว่า

“หืม.. ต้นมีรสนิยมแบบนี้เองเหรอ”

“ไม่ใช่นะครับ!?” แล้วอีกอย่างนี่มันหมอนข้างพี่เมี่ยงต่างหาก !

“ดูรูปโป๊ของเด็กหญิงสองมิติแล้วช่วยตัวเองไปด้วยแบบนี้บ่งบอกความเป็นโรคจิคได้ถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์เลยนะ”

ผมยังไม่ทันทำอะไรเลยคร้าบบบ ! นี่พี่เมี่ยงเห็นผมเป็นคนแบบไหนเนี่ย

“ด...เดี๋ยวก่อนสิครับ”

“อนุญาตให้พาโทโมกะเข้าห้องน้ำไปด้วยละกัน จะเปลี่ยนเสื้อผ้า หรือจะ fap ไปด้วยไม่ว่า แต่อย่าทำเลอะหมอนข้างผมก็พอ เพราะขี้เกียจเอาไปซัก ยิ่งซัก โทโมกะยิ่งซีด”

ครับ .. ตัวละครที่อยู่ในหมอนข้างของพี่เมี่ยงชื่อโทโมกะ เป็นตัวละครหลักที่มาจากอนิเมและไลท์โนเวลที่มีชื่อเล่นเรียกกันว่าบาสโลลิ เป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กประถมผู้หญิงทั้งห้าคนเล่นบาส และมีโค้ชเป็นเด็กผู้ชายมัธยมปลาย ก็ฮาเร็มโลลิ (เด็กอายุต่ำกว่าอายุ 15 ปี) ดี ๆ นี่เองแหละครับ

แต่พี่เมี่ยงไม่ฟังผมเลย...

“ผมไม่สนโลลิหรอกครับ” ผมเอ่ยขัด

พี่เมี่ยงเลิกคิ้วมองเล็กน้อย

“อ้อ เหรอ”

“ผมสนใจโอจิต่างหาก”

พยายามยิ้ม แต่พี่เมี่ยงไม่ยิ้มตาม

ไม่แสดงสีหน้าใด ๆ ออกมาทั้งนั้น

“โรคจิตเหมือนกันนะ”

ไหงกลายไปเป็นโรคจิตได้ละเนี่ย !? .. แค่ชอบโอจิ (คนอายุมากกว่า) เท่านั้นเองนะ !

“ของแก่ ๆ มันจะไปสู้ของสดใหม่ได้ยังไงกัน เจ้าพลาดแล้วล่ะต้น อะไรที่มันเสี่ยงคุกเสี่ยงตารางน่ะ มันยิ่งเร้าใจ แต่ต้นคงไม่เข้าใจสินะ เพราะยังไงพวกโอจิค่อนก็เห็นความเหนียวของหนังแล้วตื่นตาตื่นใจอยู่ดี”

ร้ายกาจมาก ขอโทษโอจิค่อนทั่วทั้งประเทศเดี๋ยวนี้เลยนะครับ !

อีกอย่าง โอจิที่ผมหมายถึงคือพี่เมี่ยงต่างหาก ! สำหรับผมพี่เมี่ยงคือโอจิของผมนะ !

ไม่รู้จะเถียงให้ได้อะไรขึ้นมาครับ เพราะยังไงก็ไม่มีทางชนะแน่ ๆ แล้วอีกอย่าง ผมก็รู้สึกได้ว่า ยิ่งเถียง จะยิ่งเข้าตัว เหมือนจะกลายเป็นไอ้โรคจิตสำหรับพี่เมี่ยงไปซะแล้ว

ผมเดินเข้าห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

ก็ยังไม่วาย

“อ้าว ไม่พาโทโมกะไปปู้ยี้ปู้ยำในห้องน้ำแล้วเหรอ”

ใครจะไปทำครับ !?

เสื้อผ้าที่พี่เมี่ยงให้มา เป็นเสื้อยืด กับกางเกงขาสั้น ได้กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่ม และกลิ่นของพี่เมี่ยงด้วยครับ ผมยกเสื้อและกางเกงของพี่เมี่ยงขึ้นมาดม .. กลิ่นมันน่าติดใจจริง ๆ นะ

และในขณะนั้นเอง ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดผลัวะออก

“เออต้น .. จะกินอะไร....ปะ....”

พี่เมี่ยงมองผมแล้วหยุดค้างไว้แค่นั้น

แล้วมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า

ด...เดี๋ยวก่อนครับ สายตาเอือมแบบนั้นคืออะไร !?

ผมรีบลดเสื้อของพี่เมี่ยงลงแล้วซ่อนมันไว้ที่หลัง .. คือ ..ทำไปตามสัญชาตญาณ เพราะตอนนี้ มันไม่ทันแล้วไง หลักฐานคาตาว่าผมกำลังยืนดมเสื้อผ้าของพี่เมี่ยงอยู่ ..

ก็แค่...ชอบกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มเองครับ....

พี่เมี่ยงหรี่ตาลงมองเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยวาจาและน้ำเสียงที่โคตรเหน็บแนม .. ชนิดที่ว่าเจ็บช้ำถึงทรวง

“.....โรคจิต”

พูดแค่นั้น พี่เมี่ยงก็ปิดประตูห้องน้ำดังปัง ปล่อยให้ผมนิ่งค้าง

ม..ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ !

อย่าเพิ่งเข้าใจผิดครับ !

อีกอย่าง แฟนที่ดมเสื้อผ้าของแฟน ไม่เห็นจะแปลกเลยไม่ใช่เหรอ !?

เฮ้ย .. !? ไม่ใช่สิ...

ผมต้องควรแก้ตัวก่อนว่า..

ผมไม่ใช่โรคจิตนะครับ ! ! !




TO BE CONTINUED............

หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 05 : โรคจิต [20 มีนาคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 20-03-2014 12:49:09
จงนับ คำว่าโรคจิต ทั้งหมดของตอนนี้ 555555
เอิ๊กส์ๆ
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 05 : โรคจิต [20 มีนาคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 20-03-2014 13:31:57

โรคจิต โรคจิต โรคจิต

นายมันโรคจิต  โอจิสายเอ็ม  นายต้นหอม  :laugh:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 05 : โรคจิต [20 มีนาคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Anch ที่ 20-03-2014 14:05:03
พี่เมี่ยงจะลงโทษน้องต้นยังไงล่ะเนี้ย หุหุ
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 05 : โรคจิต [20 มีนาคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 20-03-2014 14:20:35
เป็นมาโซโอจิค่อนแล้วไง?



กร๊ากกกกกกกกกกกก น่าสงสารไงไม่รู้แฮะ
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 05 : โรคจิต [20 มีนาคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: กำแพงเมืองจีน ที่ 20-03-2014 15:56:15
มาแล้วๆ

ขอบคุณที่มาอัพนะค่ะ

+1 เน้อ  รอตอนต่อไปจ้าาา
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 05 : โรคจิต [20 มีนาคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: daboo ที่ 20-03-2014 17:01:23
ผมยังชอบดมเกงในของภรรยาผมเลย   ๕๕๕ 


ยิ่งใส่แล้ว ยิ่งหอม 
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 05 : โรคจิต [20 มีนาคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 20-03-2014 17:39:40
รอการปะทะของคู่นี้ ใครจะจิตกว่ากัน
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 05 : โรคจิต [20 มีนาคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 20-03-2014 17:53:53
คำก็โรคจิต สองคำก็โรคจิต
เดะก็โรคจิตจริงๆเสียหรอก กินผู้ใหญ่น่ะ วัวอ่อนกินหญ้าแก่ หึหึ
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 05 : โรคจิต [20 มีนาคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Serioz ที่ 20-03-2014 18:13:00
พี่เมี่ยงจะลงโทษน้องแบบไหนอ่ะตื่นเต้น
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 05 : โรคจิต [20 มีนาคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 20-03-2014 19:43:20
เอ่อ เค้าว่าคนที่จิตกว่าน่าจะเป็นพี่เมี่ยงนะ -_-;;
ไอ้ต้นเอ๊ยยยย ชีวิตแกจะเป็นไงต่อเนี่ย จะเร้าใจไปหนายยยย

ขอบคุณนะคะ คุณถั่วมาต่อเรื่องนี้แล้ว เย้ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 05 : โรคจิต [20 มีนาคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Rose_Apple ที่ 20-03-2014 19:52:35
อะฮ่าๆๆๆๆๆ ชอบอ่ะ

ตรง "ร้ายกาจมาก ขอโทษโอจิค่อนทั่วทั้งประเทศเดี๋ยวนี้เลยนะครับ !"
แบบ แอบเชียร์ต้นอยู่ในใจ เฮ้ยยย เอาเลยยย ต้นนนนน ใส่เลย ใส่มันเลยย ขอโทษเหล่าโอจิค่อนเดี๋ยวนะเลยนะ!! พวกเอ็งไม่มีทางรู้หรอกว่าลุงพฤกษ์แกเร้าใจแค่ไหน! (แอบทำตาเป็นประกาย) ไอ่พวกโลลิค่อนน่ะหลบไปปป

ตอนจบตอนพี่เมี่ยงก็น่ารักอีกละ 55555 เอ็งไม่น่าเลยต้นนน ไม่น่าเลยยย ฮ่าาาา

รอตอนต่อไปฮับ
(วันนี้พี่มาอัปทุกเรื่องจริงๆ 555)

หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 05 : โรคจิต [20 มีนาคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: butter.juliet ที่ 20-03-2014 21:11:50
เพิ่งมีโอกาสเข้ามาอ่าน คือไม่ค่อยเข้าใจอะนิมงอะนิเมะอะไรเท่าไหร่ค่ะ แต่ชอบต้นหอม อรั๊งงงงงงง  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 05 : โรคจิต [20 มีนาคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: saruttaya ที่ 20-03-2014 22:18:01
โรคจิต 555 :laugh:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 05 : โรคจิต [20 มีนาคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 20-03-2014 22:44:50
ฮือออออ ถูกใจตอนนี้  :jul3: 
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 05 : โรคจิต [20 มีนาคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: +HaNeul+ ที่ 20-03-2014 23:42:31
ช่ายยดมของแฟนมันโรคจิตตรงไหนนน

เรายังชอบดมตัวเพื่อนเราเลย ดมๆหอมๆมันตรงหัวไหล่แขนมั่งไรเง้

เราก็โรคจิตดิ๊๊

ม่ายยย มาตราฐานของพี่เมี่ยงมันมะช่ายยยยยยยยยยย

แง่ง !!  พี่เมี่ยงเปิดประตูมานี่เป๊ะกับจังหวะมาก  ><
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 05 : โรคจิต [20 มีนาคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshinesunrise ที่ 24-03-2014 19:47:03
เป็นเรื่องที่เหมือนจะโมเอะ แต่ออกแนว มาโซ เล็กๆ ฮ่าๆๆๆๆๆ ติดตามค่า
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 05 : โรคจิต [20 มีนาคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Raccoooon ที่ 25-03-2014 21:29:52
โอ่ยยย ฮาต้นนน ขำต้นนน
ตลกพี่เมี่ยงงงงง
ตลกคุณถั่ว555555555555555555555555555555555
อ่านแล้วบันเทิงใจดีค่ะ ตลกๆๆๆ มาต่อนะคะะ
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 05 : โรคจิต [20 มีนาคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 25-03-2014 23:46:51
ฮาทั้งต้นและพี่เมี่ยง


 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 05 : โรคจิต [20 มีนาคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Ra poo ที่ 26-03-2014 00:11:20
ตลก 55555555555 :really2:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 05 : โรคจิต [20 มีนาคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 26-03-2014 15:18:56
เป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก แหวกแนวดี
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 05 : โรคจิต [20 มีนาคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: naamsomm ที่ 27-03-2014 08:16:46
อ่านแล้วสนุกมาก
เมี่ยงทำไมเป็นคนแบบนี้  5555555
ต้นหอมเถียงยังไงก็ไม่ทัน
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 05 : โรคจิต [20 มีนาคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: murmurr ที่ 29-03-2014 22:05:29
อ่านเรื่องเอิร์ธกับพี่ตังแล้ว เมี่ยงดูเป็นเพื่อนที่ดีและพึ่งพาได้ของเอิร์ธ
ทำไมพออ่านเรื่องนี้แล้วเมี่ยงกลายเป็นคนแบบนี้ล่ะคะ 555555555
ดูจิตๆแต่ก็แอบน่ารักด้วย สงสารก็แต่ต้นหอม(หรือบางทีต้นหอมอาจจะชอบ -.-)
เรื่องนี้ต้นหอมดูโตเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเมี่ยงเยอะเลย น่ารักมากๆค่ะ
เป็นกำลังใจให้คุณถั่วพลูในการแต่งนิยายต่อนะคะ
พึ่งเคยเข้ามาอ่านไม่กี่เรื่อง จะพยายามติดตามให้ทันค่ะ (:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 05 : โรคจิต [20 มีนาคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: junsoolovely ที่ 30-03-2014 21:32:15
"โรคจิต"
คำนี้คำเดียวคงเจ็บถึงทรวงในเลยสินะต้นหอม 5555555
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 05 : โรคจิต [20 มีนาคม 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 02-04-2014 08:00:12
กรี๊ดร้ายกาจจจ

โอจิค่อนไม่ดีตรงไหนคะ คุณลุงทำอะไรเปิ่นๆน่ะออกจะน่ารักกก /โอจิค่อนร้อนตัว..

หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 06 : เตรียมบทลงโทษ [02 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Thuaphu.H ที่ 02-04-2014 16:05:33
: เพ้อที่ 06 : เตรียมบทลงโทษ

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
   

ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองของพี่เมี่ยง แล้วก็ยืนเขินอยู่คนเดียว ไม่ใช่อะไร ลองจิ้นดูสิครับ เสื้อผ้าพวกนี้น่ะ ถึงจะผ่านการซักมาแล้วก็เถอะ แต่มันก็เคยแนบเนื้อของพี่เมี่ยงมาก่อนเชียวนะ แล้วถ้ามันเคยสัมผัสกับผิวหนังของพี่เมี่ยงแล้วมาสัมผัสกับผิวของผมแบบนี้..ไม่เท่ากับว่า... ผมกับพี่เมี่ยงกำลังกอดกันอยู่เหรอ..??

ให้ตายสิ .. มโนไปเรื่อย แถมเขินเองอีกต่างหาก บ้าจริง

จากนั้นผมก็จัดการแขวนชุดนักเรียนของตัวเองไว้กับไม้แขวนเสื้อ แขวนไว้ในห้องน้ำ ล้วงหยิบมือถือส่งข้อความไปบอกไอ้โอ๋ว่า ‘ไม่ต้องตามหา อยู่กับแฟน’ ไม่นานนักมันก็ตอบกลับมาเป็นรูปอีโมที่ทำหน้าหื่น ๆ เล่นทำผมนึกอยากหื่นตามมันไปด้วย ด้วยความเป็นแฝดมั้งครับ บางทีก็คิดอะไรได้จัญไรพอกัน

เมื่อเสร็จหมดแล้วผมก็เปิดประตูห้องน้ำออก

แล้วก็พบ... อืม.....

พี่เมี่ยงกำลังรื้ออะไรบางอย่างมาจากตู้เสื้อผ้า สีสันค่อนข้างแสบตา เป็นเนื้อผ้าชั้นดี ก็มีทั้งชุดนักเรียนกะลาสี ชุดนางพยาบาลสีชมพู (มีหมวกด้วย) ชุดเมด (พร้อมถุงน่อง) แล้วก็ชุดพละกางเกงบลูมเมอร์ ...

ผมรู้สึกได้ถึงความอันตรายบางอย่างที่กำลังแผ่เข้ามาปกคลุม

เมื่อเห็นผม พี่เมี่ยงก็หันมามองเหมือนไอ้ชุดที่เกลื่อนบนที่นอนนั้นเป็นเรื่องที่แสนจะปกติ

“น...นั่นอะไรครับ” ผมลองถาม เผื่อพี่เมี่ยงแกอาจจะอยากดึงออกมาเล่น

“ผมสั่งข้าวไปแล้ว เดี๋ยวเค้ามาส่ง เปลี่ยนใจน่ะ ไม่ลงไปละ เอาเป็นว่า ..วันนี้ต้นมาเป็นของเล่นให้ผมวันนึงแล้วกัน ลงโทษที่โดดเรียน”

น้ำเสียงเรียบ ใบหน้านิ่ง ๆ แต่กลับพูดเรื่องที่ทำร้ายจิตใจเด็กหนุ่มวัยกำดัดแบบผมออกมาได้หน้าตาเฉย

ของเล่นงั้นเหรอครับ !?

ผมเผลอก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว แล้วปราดสายตามองไปที่ชุดจำนวนมากมายบนที่นอน ท่าทางจะเก็บไว้อย่างดี ว่าแต่... พกชุดแบบนี้ไว้ในห้องแบบนี้ไม่เป็นไรเหรอครับ ?

ไม่สิ ก่อนไปคิดถึงเรื่องนั้น .. ควรบอกให้พี่เมี่ยงเก็บมันไปก่อนดีไหม ?

พี่เมี่ยงปิดตู้เสื้อผ้า เขายิ้มมาให้ผม เป็นรอยยิ้มหวานแบบการค้าที่มักเห็นได้ตอนแวะไปร้านหนังสือ

ไม่น่าไว้วางใจสุด ๆ

“ต้นครับ”

“ค....ครับ?”

“มานี่หน่อย” พี่เมี่ยงเรียกพร้อมกวักมือ

ผมเดินไปอย่างประหม่า พยายามไม่คิดอะไรที่เป็นแง่ร้าย บางที.. พี่เมี่ยงแกอาจจะเอาออกมาปัดฝุ่น ไม่เกี่ยวอะไรกับผม ไม่เกี่ยว

แต่มันก็สงบใจลงไม่ได้ว่ะ ไม่รู้ทำไม

ผมเดินเข้าไปใกล้พี่แก แล้วพี่เมี่ยงก็ดึงแขนผมให้นั่งลงข้างกัน จากนั้นก็ชี้นิ้วไปยังชุดพวกนั้น

พร้อมกับเอ่ยเบา ๆ ข้างหูผมว่า

“บทลงโทษแบบใจดี วันนี้ให้ต้นเลือกเอาตามใจชอบหนึ่งชุด อยากใส่ชุดไหนบอกหน่อยได้เลยครับ ไม่ต้องเกรงใจ”

ทำไมไม่แทงหวยให้ถูกแบบนี้บ้างฟระ !?

ผมกรีดร้องในใจ

น้ำเสียงของพี่เมี่ยงฟังดูก็ยั่วยวนอยู่หรอก แต่เนื้อหานี่สิ .....

ผมกลืนน้ำลายลงคอ หันไปมองพี่เมี่ยงที่กำลังส่งยิ้ม .. ซึ่งไม่หวานเยิ้มเหมือนทุกที

แต่กลับเป็นรอยยิ้มของการบังคับ แฝงไปด้วยออร่าทะมึนที่บอกว่าหากผมปฏิเสธหรือคิดชิ่งหนีล่ะก็มันไม่จบง่าย ๆ

แบบนี้ให้ผมโดนตัดลิ้นยังจะสบายใจกว่าเลยครับ...

“ม...ไม่มีชุดพ่อบ้านเหรอครับ” ผมถาม รู้เลยว่าเสียงกำลังสั่น

พี่เมี่ยงส่ายหัวแล้วจุ๊ปากเบา ๆ

เขาเอานิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากผม

“พูดอะไรแบบนั้น ชุดนักเรียนกะลาสีนี่สุดยอดแล้วนะ ถ้าต้นใส่ผมต้องหลงต้นมากขึ้นแน่ ๆ ก็ต้นน่ารักซะแบบนี้ แค่คิดผมยังอดจินตนาการไม่ได้เลยว่าจะห้ามใจไม่ให้ทำอะไรต้นได้หรือเปล่า อืม...ไม่สิ ถ้าต้นใส่ขึ้นมาผมอาจจะยอมให้ต้นทำอะไร อะไรผมก็ได้นะ”

พ...พี่เมี่ยงกำลังเปลี่ยนโหมด !? .....

จะบอกว่าเป็นโหมดพี่สาวเจ้าเล่ห์ หรือโหมดจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ดีล่ะ ? ..นี่กำลังหลอกล่อผมอยู่ชัด ๆ แถมของล่อก็คือการที่ได้ทำอะไรพี่เมี่ยงอีกต่างหากด้วย !

แย่ละ ผมชักใจสั่น

ของแลกเปลี่ยนมันล่อตาล่อใจเหลือเกิน

“ที่บอกว่าทำอะไรก็ได้นี่คือ....” ถามเพื่อความแน่ใจ

“อะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ”

พี่เมี่ยงช้อนตาขึ้นมามอง แล้วขยับตัวเข้ามาแนบชิดติดผม แววตาและน้ำเสียงที่อ้อนสุด ๆ ...

ย้ากกกกกกกกก ! !

ไอ้ต้นกำลังตบะแตกครับ ! ...

ไม่ได้การละ พี่เมี่ยงโหมดนี้น่ารักเกินไปแล้ว .. ผมหวั่นไหว ใจสั่น อยากจะ ...อยากจะ....

แต่เดี๋ยวก่อน !

ชุดนักเรียนกะลาสี .. ผมต้องเป็นคนใส่มัน เงื่อนไขคือเจ้านี่

ผมหันไปมองชุดนักเรียนคอปกกะลาสี ที่เป็นสีน้ำเงินแดงสลับกันอยู่บนเตียง เสื้อสีขาว ปกสีน้ำเงิน แถบแดง โบผูคอเป็นสีแดง และกระโปรงเป็นสีกรมท่า สั้นเหนือเข่าแน่ ๆ ผมยืนยัน ไม่พอ ดันมีถุงน่องสีดำไว้ให้ใส่อีกต่างหาก จะพร้อมสรรพไปไหนครับ ไม่สิ.. ผมได้ยินมาว่าชุดพวกนี้น่ะชุดนึงนี่ก็เป็นสองสามพัน พี่เมี่ยงมีเยอะขนาดนี้ ปกติซื้อไว้ให้ใครใส่กัน ?

เหมือนพี่เมี่ยงจะอ่านใจผมได้ เขาตอบขึ้นมาลอย ๆ ว่า

“ชุดพวกนี้ผมเก็บเงินซื้อให้แฟนใส่น่ะ”

“แฟน?”

“ก็พวกแฟนเก่าที่เป็นผู้หญิงกันยังไงล่ะ” พี่เมี่ยงตอบเสียงเรียบ

ไม่ลังเลที่จะพูดถึงแฟนเก่าแม้แต่น้อยเลยแฮะ แต่ก็เอาเถอะ ไม่มีสิถึงจะแปลก เพราะหน้าตาแบบพี่เมี่ยงนี่หาแฟนได้ไม่ยากอยู่แล้ว อยู่เฉย ๆ แทบจะมีแต่คนวิ่งหาด้วยซ้ำ ความนิยมในร้านหนังสือก็ไม่ระดับธรรมดาซะด้วย

มันทำให้ผมคิดว่าเวลาอยู่กับแฟนเก่า พี่เมี่ยงเป็นยังไงนะ ?

จะเป็นเหมือนกับผมแบบนี้หรือเปล่า

เอ๊ะ ... นี่ผมระแวงเหรอ ? ไม่นะ.. ? หึงเหรอ ? ก็อดีตไปแล้วนี่นา ...

ก็แค่สงสัย

ไม่รู้ทำไมถึงสงสัย

“แล้ว...”

“ยังไม่เคยมีใครใส่ ไม่กล้าพอที่จะใส่ บอกว่าโรคจิตบ้าง บอกว่าพวกไม่ปกติบ้าง สุดท้ายก็เลิกกัน” พี่เมี่ยงตอบพลางยักไหล่

ผมมองเขา

แล้วกับผม ..?

“..แต่ต้นเป็นคนแรกที่ผมไม่ต้องมากังวลว่าจะเปิดเผยสิ่งที่ตัวเองเป็นได้เมื่อไหร่ ไม่ต้องมากังวลว่าอีกฝ่ายจะรับได้หรือไม่ หรือง่าย ๆ ก็คือ ต้นเป็นคนที่ทำให้ผมเป็นตัวของตัวเอง ไม่ปิดบัง ไม่ต้องเสแสร้ง แบบนี้ละมั้ง?”

ถึงจะเป็นประโยคที่แสดงถึงความไม่แน่ใจ แต่กลับทำให้ผมหัวใจพองโตขึ้นมาอย่างประหลาด

จนเผลอยิ้ม

“ขอบคุณครับ” 

รู้สึกโชคดีขึ้นมาที่บังเอิญไปเจอพี่เมี่ยงร้องเล่นเต้นรำในวันนั้น

ถึงเรื่องมันจะผ่านไปไม่นาน แต่ตอนนี้ผมโดนดาเมจจากพี่เมี่ยงเข้าไปเต็ม ๆ

บางทีตอนนี้..

ผมคงจะชอบพี่เมี่ยงเข้าให้แล้ว

เขาเป็นคนแรก ที่ทำให้ผมละสายตาไม่ได้ แล้วก็เป็นคนแรกที่ทำให้ผมใจเต้น แถมยังมีอะไรเซอร์ไพรส์ผมได้ตลอดเวลา

“เพราะงั้น...” พี่เมี่ยงเอ่ย “ต้นช่วยใส่ให้ผมลงโทษหน่อยนะ”

คราวนี้พี่เมี่ยงอ้อนแบบของจริง ไม่ได้แกล้งทำ ไม่ได้เสแสร้ง บ่งบอกว่าอยากให้ผมใส่มาก รู้สึกเหงื่อตกเล็กน้อยครับ เพราะเกิดมาไม่เคยคิดจะใส่กระโปรงเลยสักนิด แม้แต่ครั้งเดียวก็ไม่เคยคิด พี่เมี่ยงหยิบกระโปรงขึ้นมาแล้วชูให้ผมดู

เฮ้อ..... ช่วยไม่ได้นะ

“ใส่แล้วอยู่ในห้องนะครับ ให้ผมออกไปข้างนอกไม่เอานะ”

พี่เมี่ยงพยักหน้ารัว ๆ  “อื้ม สัญญาเลย”

บทจะน่ารักก็น่ารักขึ้นมาซะอย่างนั้น

จนอดไม่ได้ที่จะ

ผมเอื้อมมือไปจับหน้าพี่เมี่ยงเอาไว้

ก่อนใส่ ขอรางวัลสักหน่อยเหอะ

ขอสาบานว่า เกิดมา ผมไม่เคยมีความคิดที่จะจูบผู้ชายเลยครับ แต่พี่เมี่ยงเป็นคนแรกที่ทำให้ผมรู้สึกอยากจะทำอย่างนั้น โอเค ผมมันเด็กแก่แดดที่เสียจูบแรกไปตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว แต่ถึงยังไง ถ้านับในฐานะผู้ชายด้วยกัน ต้องบอกว่าพี่เมี่ยงคือจูบแรกของผม

ก็พยายามจะจูบพี่เมี่ยงแกอยู่หรอกครับ

แต่...

“ยังไม่ใส่ชุดแต่จะมาจูบกันแบบนี้ โลภมากไปหน่อยหรือเปล่า?”

น้ำเสียงเรียบนิ่ง ใบหน้าเดิม ๆ ของพี่เมี่ยงกลับมา ผมเลยแห้วไปตามระเบียบ

สุดท้ายเลยต้องจำใจ อดทนยอมใส่ชุดนักเรียนกะลาสีก่อน เพื่อที่จะได้เอารางวัล ทำอะไรพี่เมี่ยงก็ได้นี่ ขอยอมรับอย่างไม่อายปากเลยว่าผมคิดไปถึงสวรรค์ชั้นเจ็ดแล้วครับ พาลนึกกังวลว่าพี่เมี่ยงจะเตรียมถุงยาง เตรียมเจลหล่อลื่นไว้ให้ผมด้วยไหม..

คิดแค่นั้นไอ้ต้นก็มีอารมณ์หื่นกามมานิด ๆ แล้ว...

บางที ...

ผมอาจจะเป็นโรคจิตจริง ๆ แบบที่พี่เมี่ยงว่าก็ได้



เหนื่อยใจตัวเองเหมือนกันครับ

อยากได้พี่เมี่ยงเร็ว ๆ สักที ชักอดใจไม่ไหวยังไงไม่รู้




อืม... แล้วก็ เผื่อจำไม่ได้ ผมกับพี่เมี่ยงเพิ่งเป็นแฟนกันหนึ่งวันเองนะครับ




TO BE CONTINUED........

ถั่ว : เรื่องนี้ ... แลจะไม่ได้เป็นเรื่องสั้นแล้วยังไงชอบกลครับ เรื่องดำเนินไปช้ามาก (ในแง่ของเวลา)

คิดเห็นยังไงกันบ้างครับ ? อยากให้เป็นเรื่องสั้นหรือเรื่องยาวกันครับ ?

 อีกอย่างเรื่องนี้มันจะมีศัพท์เฉพาะด้วย กลัวอ่านแล้วไม่เข้าใจ (เหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งทีทำให้คนไม่ค่อยนิยมอ่านกันด้วย) แต่ผมก็ขี้เกียจทำสารานุกรมไว้นะ อยากรู้ศัพท์ตัวไหนรบกวนหาในกูเกิ้ลครับ 55555

ศึกของ โลลิค่อนกับโอจิค่อนมันยังไม่จบลงแค่นี้ 55555555 ให้ได้ไฝว์กันอีกเยอะ สงครามแฟนอวยอีก น้องสาวพี่สาว รสนิยมต่าง ๆ ของต้นกับเมี่ยงค่อนข้างต่างกัน มีให้ได้ถกกันอีกเยอะครับ ตอนนี้ก็โมเมนต์แบบนี้ไปก่อน ไว้เป็นแฟนกันสักพัก มันจะเริ่มไปอีกทางนึง 5555

ยังไงก็บอกความคิดเห็นกันมาได้นะครับ อยากรู้เหมือนกันว่าชอบเรื่องนี้กันไหม ส่วนตัวผมชอบคู่นี้มากกว่าตังเอิร์ธอีก 5555555 (สารภาพกันซื่อๆ)

ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์และบวกเป็ดครับ
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 06 : เตรียมบทลงโทษ [02 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: LiqueuR ที่ 02-04-2014 16:29:49
ช้า แต่ก็รอด้ายยย

เรื่องยาวเถอะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 06 : เตรียมบทลงโทษ [02 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Rose_Apple ที่ 02-04-2014 17:18:22
เย้วววว มาแล้ววววว

ปกติเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องเรื่อยๆยาวๆอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ ยังไงก็ตามอยู่เสมอนะ ส่วนเรื่องคำศัพท์อะไรพวกนั้นก็เข้าใจค่ะ ไม่ได้มีปัญหาอะไร ว่าแต่... เรื่องนี้นี้มันเป็นสงครามโอจิค่อนกะโลลิค่อนจริงๆเหรอ!!                      เราสัญญานะว่าเราจะอยู่ข้างโอจิค่อน ก็แหม พี่เมี่ยงน่ารักซะขนาดนี้ อรั่กกกก

รอตอนต่อไปฮัฟฟฟ
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 06 : เตรียมบทลงโทษ [02 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: sunshinesunrise ที่ 02-04-2014 17:21:53
เด็กแก่แดด... กำลังนึกภาพว่า อืม... ต้น แกเป็นรุก แกสูงกว่าพี่เมี่ยง แกต้องมีขนหน้าแข้ง แกคงไม่ใช่คนตัวเล็ก แกจะใส่กระโปรง.....อืม...... พี่เมี่ยงแกฟินได้ลงเรอะะะะะะะะ  :katai1: :mew5:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 06 : เตรียมบทลงโทษ [02 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: somuch ที่ 02-04-2014 17:22:35
ชอบคู่นี้มากกกกกกกกกกกกกก :o8: :o8: :o8:
 ย อยากอ่านอีกอ่ะค่ะ ฮาน้องมากกกกกก ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ
แต่พี่เมี่ยงชนะเลิศค่ะ!
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 06 : เตรียมบทลงโทษ [02 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 02-04-2014 17:35:41
ศัพท์ไม่เป็นปัญหา นิยมแน่ๆแค่ขึ้นชื่อคนแต่ง.... เข้าพรรคโลจิค่อนมีมั๊ย... เลือกไม่ถูก! ตุ๊กตายางก็ต่อไวๆนะ ตามหมดเลย
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 06 : เตรียมบทลงโทษ [02 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 02-04-2014 18:30:56
อืมมมมมมมม  ใส่เสร็จก้อให้เมี่ยวใส่เป็นเพื่อน แล้วก็จับเผด็จศึกซะ ฟินซะเจ้าต้น 555
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 06 : เตรียมบทลงโทษ [02 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Minerva ที่ 02-04-2014 19:21:17
เจอโอตาคุแล้ว!! (ฮา)
เพิ่งรู้ว่าในTBLแอบมีเหล่าผู้ชื่นชอบการ์ตูนด้วย
รู้จักRosario+Vampireด้วย สุดยอดฮาเร็มมอนเตอร์เกิร์ล
รู้สึกดีใจที่เจอพวก (ฮา)

ชอบน้องต้นหอมจัง เรียกเนกิคุงได้รึเปล่านี่ ดูน่ารักดี
คาดว่าน้องต้องเป็นมาโซแน่ๆ มาโซสายโอจิคอน (หัวเราะ)

พี่เมี่ยงก็น่ารัก กำลังคิดถึงมนุษย์หนุ่มลุงหน้าสวยที่เซ็กซี่ๆ (แฮ่กๆ)

จะติดตามตอนต่อไปค่า~~~
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 06 : เตรียมบทลงโทษ [02 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 02-04-2014 20:02:30
 :pig4:
เด๋วมาอ่านนะค๊าบบบบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 06 : เตรียมบทลงโทษ [02 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Serioz ที่ 02-04-2014 20:04:10
พี่เมี่ยงขี้แกล้งจริงๆนะเออ ><
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 06 : เตรียมบทลงโทษ [02 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: ap08572290 ที่ 02-04-2014 21:29:06
ชอบอะ ไม่เคยเจอแนวนี้อะ lol
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 06 : เตรียมบทลงโทษ [02 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 02-04-2014 22:36:52
ถึงไม่ค่อยรู้คำศัพท์แต่ก็เข้าใจไม่ยากค่ะ
น้องต้นฝันไปไกลแล้ว พี่เมี่ยงจะยอมง่าย ๆ เลยเหรอ
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 06 : เตรียมบทลงโทษ [02 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: raluf ที่ 02-04-2014 22:51:03
ก๊ากกกกก ต้นกลายเป็นตุ๊กตาที่น่ารักของพี่เมี่ยงซะแล้ว
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 06 : เตรียมบทลงโทษ [02 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 03-04-2014 00:08:22

เรื่องยาวไปโลด~   :z13:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 06 : เตรียมบทลงโทษ [02 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Ra poo ที่ 03-04-2014 00:33:14
ชอบเรื่องนี้ค่าาาาาาาาา อ่านรู้เรื่องไม่ต้องถามป๋ากู๋

เราว่าศัทพ์ไม่ยากเลย ถ้าอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นบ่อยๆ แฮ่กๆๆๆๆ

 :hao6:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 06 : เตรียมบทลงโทษ [02 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 03-04-2014 11:01:48
รอดูต่อนะคะว่าใส่แล้วพี่เมียงจะให้ทำอะไร :hao6:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 06 : เตรียมบทลงโทษ [02 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: +HaNeul+ ที่ 03-04-2014 16:08:10
กรี๊ดด พี่เมี่ยงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 06 : เตรียมบทลงโทษ [02 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Feporchz ที่ 11-04-2014 22:08:35
นึกสภาพถึงผู้ชายเเมนๆใส่ชุดกระโปรง โอ้ววววววว 5555
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 06 : เตรียมบทลงโทษ [02 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 11-04-2014 22:20:31
เอ๊ะๆๆ ตอนแรกเหมือนถูกบังคับเป็นแฟนพี่เมี่ยง ไป ๆ มา ๆ นี่มันเกินเต็มใจแล้วนะ 5555
พี่เมี่ยงต้องมีอะไรให้แปลกใจอีกเยอะแน่เลย ต้นตกเป็นเหยื่อไม่รู้ตัวแล้วบอกให้ 
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 06 : เตรียมบทลงโทษ [02 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 13-04-2014 23:14:40
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด  ฟินอ่ะ อยากอ่านต่อที่สุดเลยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 06 : เตรียมบทลงโทษ [02 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: may5658 ที่ 14-04-2014 01:14:32
 :ling1:ชอบเรื่องนี้มากอะ ส่วนตัวก็รู้ศัทพ์พวกนี้มาบ้างอ่านเข้าใจอยู่ เนื้อเรื่องการดำเนินก็ดี ชอบมากๆๆๆเลย
แต่ถ้าคนแต่งอยากให้เป็นเรื่องสั้น.. ก็ต้องแล้วแต่อ่ะ อยากอ่านต่อเร็วจัง :ling2:
 :hao4:แอบชอบเรื่องนี้มากกว่าคุณหมอด้วยแหละ
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 06 : เตรียมบทลงโทษ [02 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 14-04-2014 22:55:26
กร๊ากๆๆๆๆๆ  มีลางสังหรณ์ว่าน้องต้นจะ "ฝันค้าง" นะคะ โฮะๆๆๆ

รอตอนต่อไปค๊าบบบบ  ^^
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 06 : เตรียมบทลงโทษ [02 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 17-04-2014 18:52:01
โธ่ ใส่ชุดสาวน้อย แต่จับกด...อืม..ภาพแปลกใหม่555
เพิ่งมาอ่าน (ช้าไปหน่อย??)
งานนี้พี่เมี่ยงจะผิดสัญญาไหมนะ ตอนต่อไปจะเป็นอย่างไร
ลุ้นจริงๆว่าน้องต้นจะได้ทำอะไรไหมนะ
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Thuaphu.H ที่ 17-04-2014 20:25:58
: เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์

   

ผมกลับเข้ามาในห้องน้ำห้องของพี่เมี่ยงอีกครั้ง แล้วก็ยืนพิจารณาชุดที่พี่เมี่ยงให้มา พลางถอนหายใจ

ชุดนักเรียนปกกะลาสี ...

พี่เมี่ยงบอกว่าวันนี้ใจดี ไม่ต้องใส่ถุงน่องก็ได้ เสี่ยงต่อการฉีกขาด จึงให้ผมใส่แต่ชุดนักเรียนหญิงก็พอ

ผมก็ไม่รู้ว่าพี่เมี่ยงมีต่อมรับรู้ความน่ารักผิดเพี้ยนหรือเปล่า คิดดูนะครับ ผม หัวเกรียน ใส่แว่น หน้าตาบ้าน ๆ ตัวสูง ๆ หุ่นก็ไม่สมส่วน ค่อนไปทางผอมด้วยซ้ำ เวลาอยู่กับไอ้โอ๋ทีแม่งยังกับตะเกียบผีคู่น่ะ เพราะโอ๋มันสูงเท่ากัน ดีอย่างเดียวคือแค่ผิวขาวเหลือง แฟนเก่าเคยบอกว่าผิวเนียน เหมือนผิวเด็กทารกน่ะครับ

โชคดีที่เป็นคนไม่ค่อยมีขน ... หมายถึงขนหน้าแข้ง ขนรักแร้น่ะ ได้มาจากพ่อครับ พ่อก็ไม่ค่อยมี ยิ่งพี่ชายคนโตของพวกผมยิ่งไม่มีใหญ่ ก็แอบกลัวเหมือนกันครับว่าแก่ไป จะหัวล้านหรือเปล่า หรือไม่เกี่ยวกัน ?

“ต้น ข้าวมาแล้วนะ รีบ ๆ หน่อย”

เสียงพี่เมี่ยงดังเข้ามาข้างใน ผมกลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อก

ยืนทำใจอยู่สองสามนาที

สุดท้ายจึงถอดแว่นวางทิ้งไว้ ถอดเสื้อผ้าของพี่เมี่ยงออก รู้สึกเสียดาย ได้ใส่ไม่กี่นาทีต้องถอดออกซะงั้น แล้วก็หยิบกระโปรง ...สั้นขนาดนี้ เรียกมินิสเกิร์ตเหอะ ขึ้นมาใส่ รู้สึกกระดากใจตัวเองมากครับ .. เหมือนตัวเองกลายเป็นตาแก่โรคจิตไปเลย

ผมรีบใส่กระโปรงด้วยความเร็วแสง รู้สึกโล่งบริเวณหว่างขาแปลก ๆ ไม่คุ้นเคย .. มันยิ่งกว่าตอนใส่กางเกงในตัวเดียวเดินรอบบ้าน (ผมกับไอ้โอ๋เคยทำกันครับ ตอนนั้นโดนแม่ด่าฉิบหายว่าอนาจาร) จากนั้นก็หยิบเสื้อที่พี่เมี่ยงผูกโบว์ไว้ให้แล้วขึ้นมาใส่

แอบส่องในกระจก ....

.... กะเทยควายชัด ๆ

ผมเคยบอกไปแล้วสินะ ว่าสายตาผมน่ะปกติ แว่นที่ใส่ ไม่มีเลนส์ ดังนั้นผมจึงมองเห็นอะไรได้ชัดปกติ หรือบางทีผมควรถ่ายรูปเก็บไว้แล้วเอาไปให้เด็กไอ้โอ๋มันดู ? ... คือ หน้าผมกับโอ๋เหมือนกันมากไง ถ้าผมเอาไปให้ เด็กมันจะต้องเข้าใจผิดว่าเป็นไอ้ตั้งโอ๋แน่ ๆ สนุกเลยทีนี้

ก็ไม่แน่ว่ะ ... ไอ้ไทด์ (ชื่อเด็กไอ้โอ๋มัน) อาจจะชอบก็ได้ ... สองคนนี้แม่งเป็นแฟนกัน (ถึงมันจะไม่เคยเอ่ยปากมาก็เถอะ) ก็เหมือน.... เป็นคู่แค้นกันแต่ชาติปางก่อน ..หืม? เรื่องสมัยเด็ก ๆ น่ะครับ อยากรู้เหรอ ? ยาวนะ ?

ก็ประมาณว่า... เมื่อสมัยสักสิบขวบ ผมกับตั้งโอ๋ป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลน่ะครับ และทีนี้ก็ไปนอนในห้องคนไข้รวม ก็มีเด็กอยู่หลายคนแหละ แต่พวกผมติดใจไอ้ไทด์ที่สุด มันเป็นหัดเยอรมันที่ลายไปทั้งตัว ผมชอบแกล้งมัน ตอนนั้นมันสี่ขวบเองมั้ง ? แกล้งชนิดแบบ แกล้งจนร้องไห้น่ะ ส่วนใหญ่ผมเป็นคนที่แกล้งนะ แต่ไอ้โอ๋โดนรับเคราะห์ เพราะตอนนั้นไทด์มันแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร แต่มันจำได้ฝังใจว่าคนที่แกล้งมันคือคนหน้าตาประมาณนี้ พอโตมาเข้าโรงเรียนเดียวกัน ไทด์มันก็ดื้อดึงมากขึ้น โอ๋มันเลยเคือง พยายามทำให้ไทด์ยอมมัน ก็นั่นแหละ ไป ๆ มา ๆ ก็เลยชักติดใจ กลายเป็นไปชอบกันตอนไหนก็ไม่รู้

ผมเลยเฉย ๆ กับเรื่องรักร่วมเพศน่ะ เพราะแฝดผมก็เป็นไปแล้วคนนึง พี่ชายคนโต ก็เหมือนจะเป็น นับประสาอะไรกับคนอย่างผม เหมือนโดนเสี้ยมมารุ่นต่อรุ่น จะไม่เป็นก็คงดูแตกแยก

อ๊ะ .. นอกเรื่องไปไกลแล้วครับ กลับมาเรื่องชุดนักเรียนใหม่ของผมก่อน

พอสวมใส่เสร็จ ผมก็เปิดประตูห้องน้ำอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ

พี่เมี่ยงนั่งบนเตียง ไขว่ห้าง กระดิกเท้า มองผม

“ใช้ได้นี่” ว่ามาแบบนั้น

ผมนี่ถึงกับเลิกคิ้วสูง

ใช้ได้ ...??

“พี่เมี่ยงครับ”

“ว่า?”

“ใช้ได้นี่คือ....?”

“ก็ต้นดูน่ารักดี อ้อ เมื่อกี้ที่บอกว่าข้าวมาส่งแล้วโกหกนะ คนเยอะ รออีกสักพักแล้วกัน”

นั่นไง ...

ผมถอนหายใจ กำลังจะเดินไปนั่งข้าง ๆ พี่เมี่ยง แต่แล้วพี่แกก็โบกมือห้าม

“เดี๋ยว”

“ครับ?”

“ยืนอยู่ตรงนั้นก่อน ห้ามขยับ”

พูดจบ พี่เมี่ยงก็ไปยกมือถือขึ้นมาส่อง ผมรู้ได้เลยทันทีว่าพี่เมี่ยงกำลังจะทำในสิ่งที่ผมนึกอยากทำให้ไอ้โอ๋มันเมื่อกี้

ผมรีบเข้าไปจับมือพี่เมี่ยงไว้

“ไม่ถ่ายได้ไหมครับ” พยายามขอร้อง

แต่พี่เมี่ยงกับทำสายตานิ่ง

“ไม่ได้ ต้นอุตส่าห์แต่งทั้งที ผมจะเสียมารยาทด้วยการไม่ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกได้ยังไง” ช่วยเสียมารยาทใส่ด้วยเถอะครับ ขอร้อง

สายตาพี่เมี่ยงนั้นแน่วแน่มาก จนผมไม่อยากกล้าปฏิเสธ

จึงบอกแค่ว่า

“งั้น.. รูปเดียวพอนะครับ”

“ได้ จะตั้งไว้เป็นหน้าจอมือถือ”

“ช่วยถ่ายไปเยอะ ๆ เลยครับ ! ขออย่างเดียวอย่าเอาไปโชว์ให้ใครเห็นก็พอ ! !”

ไม่ไหวแล้วคน ๆ นี้ กระบวนความคิดและรสนิยมเหนือคาดไว้อย่างสิ้นเชิง ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกย่ำยี

แต่ถึงอย่างนั้นก็แอบ... ปลื้มใจอยู่เล็ก ๆ

ผมนี่มันน่าสมเพชชะมัด..

พอพี่เมี่ยงถ่ายรูปตอนยืนผมหนำใจแล้ว ..ยัง ครับ ยัง ยังไม่หมดแค่นั้นหรอก พี่เมี่ยงเรียกให้ผมไปนั่งบนโซฟา แล้วพี่แกก็หยิบมือถือมาถ่ายอีก จัดท่าทางให้ด้วย รู้สึกยังกับถ่ายแบบ ได้ยินเสียงกดชัดเตอร์จากมือถือแต่ละครั้งมันทำให้ผมรู้สึกใจสั่นไหว สายตาที่พี่เมี่ยงมองผมมานั้น ทำให้ผมรู้สึกไหววูบแปลก ๆ

พี่เมี่ยงบอกว่าให้ทำอะไรก็ได้นี่นะ

ให้ทำอะไรก็ได้ ...

ให้ทำอะไรก็ได้

หลังจากถ่ายเสร็จแล้ว รู้สึกตัวอีกทีผมก็นอนแผ่อยู่บนเตียง ด้วยท่าทางเหมือนสาวน้อย ชายเสื้อเลิกขึ้นให้เห็นสะดือ ชายกระโปรงโผล่พ้นให้เห็นต้นขาจนรู้สึกโหวง ผมกระพริบจ้องมองหน้าพี่เมี่ยงตาปริบ เขาวางมือถือไว้ข้างตัว จากนั้นก็ใช้แขนทั้งสองข้างวางขนาบตัวผมเอาไว้ ก้มมองลงมา ด้วยใบหน้าที่นิ่งเงียบ

ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาสักพัก

“ต้น....”

น้ำเสียงของพี่เมี่ยงนั้นฟังอย่างมีความหมาย เขาไม่ยิ้ม แต่รับรู้ได้ถึงความจริงจัง

ผมดันร่างของตัวเองด้วยข้อศอก ให้ใบหน้าใกล้กับพี่เมี่ยง

บรรยากาศเป็นใจ เป็นใจสุด ๆ

“...พี่เมี่ยง”

ผมเอื้อมมือไปประคองหน้าอีกฝ่ายไว้ ฝ่ามือผมมันใหญ่ ครอบครองใบหน้าพี่เมี่ยงได้เกือบครึ่ง ไม่มีปฏิริยาต่อต้าน

เราสองคนจ้องตากัน

ผมพยายามยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีก

ใกล้อีก ...

จนกระทั่ง

“...ขอโทษนะ ลืมซื้อวิกให้”

สิ้นเสียงผมเบิกตากว้าง พี่เมี่ยงยังคงมองผมนิ่ง ๆ ถึงจะบอกว่าขอโทษ แต่สีหน้าไม่ได้สำนึกผิดแม้แต่น้อย

ผมชะงัก

“ครับ ?”

“จริง ๆ ผมชอบผู้หญิงผมยาวมากกว่าน่ะ พอต้นใส่แบบนี้แล้วเลยรู้สึกว่ามันขาดอะไรไป แต่ไม่เป็นไร เก็บไว้เป็นคอลเลคชั่นที่หนึ่งละกัน คราวหน้าชุดเมดคงต้องใส่วิกเพื่อความโมเอะแล้วล่ะ”

ผมคิ้วกระตุกจ้องมองคนตรงหน้า

ยังจะมีคราวหน้าอีกเรอะครับ !?

หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ ก็ได้เวลาทวงของรางวัล ที่พี่เมี่ยงบอกว่าจะให้

แต่ยังไม่ได้อ้าปากพูดอะไร พี่เมี่ยงก็โพล่งขึ้นมาว่า

“เข้าใจแล้ว”

หา ?

“เข้าใจ ? อะไรน่ะครับ”

พี่เมี่ยงนั่งกดมือถือยิก ๆ อยู่บนปลายเตียง ผมคลานเข้าไปหาแอบมองหน้าจอมือถือพี่เมี่ยงจากข้างหลัง เขากำลังนั่งคัดรูปแยกรูป สร้างโฟลเดอร์ใหม่ โชคดีที่ทำเป็นโฟลเดอร์ลับ แต่ชื่อโฟลเดอร์นั้นมันทำให้ผมนึกอยากค้านอะไรออกไป

‘คอลเลคชั่นสุดพิเศษของต้นหอม’

มันไม่ใช่ของผม ของพี่เมี่ยงต่างหาก ใครมาเห็นก็หาว่าผมเป็นโรคจิตกันพอดี

ผมนึกถึงคุณตาที่ญี่ปุ่นคนหนึ่งที่เขาชอบแต่งคอสเพลย์ชุดนักเรียนโมเอะ จำชื่อไม่ได้แล้ว เคยเห็นผ่าน ๆ ผมคิดไปถึงว่าผมเอง ก็คงใกล้เคียงกับคุณตาคนนั้นเต็มที ... ไม่มีใครว่าอะไรแกหรอก ตรงกันข้าม ทุกคนกลับมองว่าแกคอสเพลย์ด้วยใจรัก เป็นคนดัง ที่กล้าทำแล้วกล้าเผยแพร่รสนิยมของตัวเองให้สังคมได้รับรู้ แต่มันก็เหมือนดาบสองคนนะครับ คนที่เห็นด้วย มันก็มี และคนที่ก่นด่าคุณตาแก มันก็มีเหมือนกัน

เมื่อขยับมองใกล้มากเข้า ผมก็เผลอเอาคางไปเกยไหล่พี่เมี่ยงเอาไว้

“จะอ้อน?”

น้ำเสียงนิ่ง เรียบ สยบความเคลื่อนไหว

ผมส่ายหน้า

“เปล่าครับ แค่อยากเห็นว่าพี่เมี่ยงจัดการกับรูปพวกนั้นยังไง”

“เหรอ” เขายักไหล่ “กำลังคิดอยู่ว่าถ้าอ้อน ก็จะให้อ้อนแท้ ๆ”

โห ... ไม่บอกให้เร็วกว่านี้ล่ะครับ !?

ผมหน้ายู่อย่างเสียดาย แต่ช่างเถอะ ได้สกินชิพพี่เมี่ยงด้วยคางแบบนี้มันก็ไม่เลวเหมือนกัน ดูเหมือนจะไม่โดนขู่ฆ่า หรือขู่ประทุษร้ายใด ๆ พี่เมี่ยงยังคงจัดการกับรูปในมือถือต่อไปเงียบ ๆ โดยไม่ไล่ผมให้พ้นจากสายตา

เมื่อความเงียบดำเนินไปจนสิ้นสุด พี่เมี่ยงปิดการกระทำเก็บเกี่ยวรูปนั้นลง แล้วเปิดแอพลิเคชั่นใหม่ขึ้นมาที่ชื่อว่าเฟซบุ๊คส์

จริงสิ ผมยังไม่มีโชเชียลเน็ตเวิร์คของพี่เมี่ยงแม้แต่อันเดียว

“พี่เมี่ยงครับ”

“ว่า?”

“ช่วยแอดผมหน่อยได้ไหม เรายังไม่ได้เป็นเพื่อนกันเลย”

“แค่เพื่อน?”

ผมเลิกคิ้วกับคำถามนั้นเล็กน้อย ก็ในหมากมันบอกว่าแอดเฟรนด์นี่ครับ อีกอย่าง...

“...ก็ผมไม่รู้ว่าแอดเป็นแฟนมันปุ่มไหนนี่”

เสี่ยวไหม .. โคตรเสี่ยว แต่มันคือความจริง

พี่เมี่ยงเงียบสักพัก หน้าจอชื่อเฟซเขาเป็นชื่อภาษาญี่ปุ่น ที่เหมือนจะตั้งชื่อใหม่เอาเอง ก็เหมือนกับการเล่นเว็บบอร์ดด้วยนามแฝงนั่นแหละครับ แต่ของผมลงชื่อจริงกับชื่อเล่นเอาไว้ เพราะหากไม่ทำ เดี๋ยวมีคนเข้าใจผิดว่าผมเป็นตั้งโอ๋อีก

“ชื่อเฟซ?”

“Tinn Toninw ครับ”

พี่เมี่ยงกดปุ่มค้นหา ไม่นานนักก็ปรากฏเป็นหน้าจอเฟซของผม รู้สึกแอบเขินแปลก ๆ เพราะเฟซนี้แอดกันเฉพาะหมู่เพื่อน

พี่เมี่ยงกดแอดทันที

“เดี๋ยวรับแล้วมาคบกันนะครับ” ผมบอก

พี่เมี่ยงหันมา ด้วยสีหน้านิ่ง ๆ

“ไว้จะแท็กรูปที่ถ่ายวันนี้ที่หน้าวอลล์ให้”

“เป็นแค่เพื่อนก็ได้ครับ ! !”

น่ากลัวเกินไปแล้วคน ๆ นี้ คิดจะประจานกันซึ่ง ๆ หน้าเลยเรอะ !?

ก็อยากแสดงความเป็นแฟนกันบนโลกอินเตอร์เนตบ้างก็ยังดีนี่นะ เรื่องที่ผมคบกับพี่เมี่ยงยังไม่มีใครรู้ซะด้วย ผมก็ไม่มายด์หรอกนะหากจะประกาศบอกใครต่อใครว่าผมมีแฟนเป็นผู้ชาย ดูจากพี่เมี่ยงเองก็คงไม่แคร์สายตาคนรอบข้างเหมือนกัน

แต่ไม่รู้ทำไม พี่เมี่ยงถึงได้ไม่อยากแสดงออกว่าคบกับผม ?

เพราะเพิ่งเป็นแฟนกันมั้ง ? .. อีกอย่าง หากลองคิดดี ๆ ก็แค่คบกันปิดปากซะด้วย มีแต่ผมที่ใจเต้นกับพี่แก ก็ไม่รู้ว่าพี่เมี่ยงจะคิดเหมือนกับผมไหม

แอบชอบแฟนตัวเอง ... สมการนี้มันแปลก ๆ ไปรึเปล่านะ ?

เฮ้อ... รำพึงรำพันยังกับสาวน้อยเลยว่ะผม

ในระหว่างนั้นพี่เมี่ยงก็เช็คหน้านิวฟีดไปเรื่อยเปื่อย เขาไม่ได้ปิดบังกับผมว่าเฟซของเขานั้นเป็นยังไง ก็ตามคาดแหละครับ กดไลค์เพจการ์ตูนล้วน ๆ คล้ายกับเอาไว้เช็คข่าวคราวความเคลื่อนไหว เหมือนที่ผมกดไลค์เพจเกมเอาไว้เหมือนกัน

จากนั้นพี่เมี่ยงก็จิ้มขึ้นสเตตัสใหม่

เขาพิมพ์อย่างรวดเร็วกับประโยคที่ได้ใจความว่า

‘วันนี้เข้าใจแล้ว ว่าทำไมผู้ชายบางคนถึงได้ชอบสาวดุ้นกันนัก’

ผมหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

พอจะเข้าใจสถานะของตัวเองตอนนี้ดีครับ

ผมคือสาวดุ้น .. ผู้ชายที่แต่งหญิง โดยที่ไม่ใช่กะเทย ยังคงมีความรู้สึกความเป็นผู้ชายอยู่ เพียงแต่ภายนอกเท่านั้นที่แสดงว่าเป็นผู้หญิง ถึงรูปร่างผมมันจะไม่ได้อ้อนแอ้นเหมือนในการ์ตูนก็เถอะ แต่ลักษณะแบบนี้ไม่ผิดแน่

ผมลองใจกล้าใช้แขนข้างนึงโอบเอวพี่เมี่ยงเอาไว้

แล้วกระซิบข้างหูเขาว่า

“พี่เมี่ยงครับ ... รางวัลของผม”

พี่เมี่ยงหันมา ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยเหมือนเดิม เขาวางมือถือลงข้างตัว ก่อนจะผลักผมให้นอนลงบนเตียง เมื่อหลังสัมผัสกับที่นอน พี่เมี่ยงก็เข้ามาขึ้นคร่อมผมเอาไว้อย่างรวดเร็ว

เราสบตากัน จนผมใจเต้นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“เด็กแก่แดด” พี่เมี่ยงเอ่ยแบบนั้น ผมนึกยิ้มขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

เป็นคำด่าที่ทำให้ผมรู้สึกดีชะมัด

พี่เมี่ยงตอนอยู่ข้างบนออนท็อปนี่ให้ความรู้สึกตื่นเต้นเหมือนกัน อยากเห็น เมื่อไหร่จะถึงตอนนั้น เอ๊ะ หรือตอนนี้ผมจะทำได้แล้ว ?

ก็ให้ทำอะไรพี่เมี่ยงก็ได้นี่ ?

ผมผุดลุกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะจับไหล่พี่เมี่ยงไว้แล้วค่อย ๆ เป็นฝ่ายดัน พลิกสลับตำแหน่ง ให้เขานอนอยู่ข้างล่าง

ได้ยินมาว่า การกำหนดสถานะจำเป็นจะต้องเริ่มทำกันตั้งแต่แรก พี่เมี่ยงจับผมกดลงสองรอบแล้ว ไม่ได้ ผมต้องประกาศให้ตัวเองเห็นว่า ผมนี่แหละที่จะเป็นฝ่ายอยู่ข้างบน ไม่ใช่พี่เมี่ยง

เขาทำตามอย่างว่าง่าย เงยหน้าสบตาผมปริบ ๆ และทันทีที่ร่างของพี่เมี่ยงอยู่ใต้ตัวผม เขาก็ยกแขนขึ้นมาดึงโบว์ที่ผูกกับคอเสื้อออกให้

ผมเลื่อนใบหน้าลงต่ำ จมูกเราห่างประมาณหนึ่งเซน

ผมพริ้มตาหลับ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ก่อนอื่นก็อยากลองชิมความหวาน

ในขณะที่ริมฝีปากกำลังจะแตะกับกลีบปากพี่เมี่ยงนั้น

*ก๊อก ก๊อก ก๊อก*

ผมลืมตาขึ้น พบว่าอีกไม่กี่มิลผมจะได้จูบพี่เมี่ยงแล้ว เขายังคงทำหน้านิ่งราวกับเสียงเคาะประตูไม่เกิดขึ้น

แต่อีกนิดเดียว ....

อีกนิดเดียวเท่านั้น

ผมไม่สนใจเสียงเคาะประตูนั่น แล้วก็ยื่นหน้าเข้าไปอีก

และทันทีที่ริมฝีปากของเราแตะกันนั่นเอง...

*ผลัวะ* !

“ข้าวมาส่งแล้วทำไมไม่ยอมเปิดประตูออกมารับ?”

เสียงเปิดประตู พร้อมด้วยน้ำเสียงของบุคคลที่สามเอ่ยชึ้น ผมสะดุ้งตัวลอยรีบผละจูบอย่างรวดเร็ว พี่เมี่ยงไม่มีท่าทีลุกลนต่อการปรากฏตัวของคนนอกเท่าไหร่ (ไม่สิ คนนอกน่าจะเป็นผมมากกว่า) ผมเหลียวหลังหันไปมอง ก็พบกับคนสองคน

คนหนึ่ง เป็นผู้ชาย ดูดี สูงโปร่ง เขาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนพับครึ่ง กางเกงสแล็กสีดำ ใบหน้าหล่อเหลา

ส่วนอีกคน เป็นผู้หญิง สวมเสื้อกันเปื้อนสีเหลืองยี่ห้องซีอิ้วดัง ในมือมีกล่องข้าวอยู่สองกล่อง

ทั้งคู่มองผมด้วยสีหน้าแบบอึ้ง ๆ

ผมก็อึ้ง  ! !

ผู้หญิงที่สวมผ้ากันเปื้อนเธอแขวนถุงข้าวไว้ที่ลูกบิดแล้วบอกว่า

“ด...เดี๋ยวพี่ให้ป้าแกคิดเงินทีหลังนะ” พูดจบ ก็หันหลังกลับแล้ววิ่งลงบันได

ส่วนผู้ชายอีกคนก็

“เอ่อ.. ขอโทษที่มารบกวนเวลารสนิยมส่วนตัว”

พูดจบพี่แกก็ปิดประตูใส่หน้าพวกผมเฉยเลย ! !

ผมก้มมองพี่เมี่ยงที่ยังคงตีสีหน้าไร้อารมณ์ เรียบนิ่ง เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แต่ผมนี่สิ ใบ้แดกไปแล้ว ...

มันคงจะเป็นเรื่องที่หาไม่ยาก ที่ผู้ชายจะจูบกันบนเตียง

แต่....

ต้องไม่ใช่ตอนพี่ผมกำลังใส่ชุดปกกะลาสีแบบนี้ ! ! ! ! !

อ้ากกกกกกกกกกกกกกก ! ! ! !

ผมกรีดร้องโหยหวนอยู่ในใจ ลุกขึ้นนั่งแล้วน้ำตาจะไหล ..

หมดกัน ..

เป็นเจ้าบ่าวใครไม่ได้แล้ว ...

พี่เมี่ยงลุกขึ้นนั่งบ้าง เขามองออกไปที่ประตูด้วยสีหน้านิ่ง ๆ ก่อนจะหันมามองผมแล้วยิ้มให้

เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นพี่เมี่ยงยิ้ม

แต่... ไม่ใช่สถานการณ์แบบนี้ได้ไหมครับ !?

“คิดถูกจริง ๆ ที่ไม่ล็อกประตูเอาไว้”

หา ? นี่จงใจเรอะ !?

ผมอ้าปากค้างมองพี่เมี่ยงที่กำลังทำสีหน้าสนุก ก่อนจะหันมามองตาปริบ

เขาขยับมาใกล้ผม แล้วบอกว่า

“ต้นทำหน้าจะร้องไห้แบบนี้มันน่ารักจริง ๆ นั่นแหละ”

พี่เมี่ยงว่าแบบนั้น พูดจบ เขาก็ขยับมาใกล้อีก จะถามว่าโกรธเขาไหม ... ไม่เลยครับ ผมไม่มีอารมณ์นั้นอยู่ เพียงแต่กำลังช็อค กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ มีคนเห็นผมสภาพโรคจิตแบบนั้น รู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังวิปริต ชอบแต่งหญิงขึ้นคร่อมชาวบ้าน

ผมหน้าเบ้

แล้วทุกอย่างมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

ผมรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่างที่หยุ่นตรงริมฝีปาก มันเปียกชื้น มีเสียงที่ประท้วงในลำคอให้ได้ยินใกล้ ๆ แล้วผมก็ได้เห็นใบหน้าพี่เมี่ยงเต็มสองตา

เขากำลังจูบผม

แล้วก็ผละจูบอย่างรวดเร็ว

พี่เมี่ยงเลียริมฝีปากแล้วยิ้มกริ่ม จู่ ๆ ความร้อนก็ปะทุขึ้นใบหน้าอีกครั้ง หัวใจเต้นโครมครามราวกับจะระเบิดออกมาข้างนอก ผมยกมือจับใบหน้าพี่เมี่ยงเอาไว้

ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม

“พี่เมี่ยง ... ผมขออีกรอบได้ไหม..?”

“ไม่ให้” ปฏิเสธอย่างรวดเร็ว

พี่เมี่ยงกลับมาทำหน้านิ่งเหมือนเดิม เขาเอื้อมมือบิดประตูแล้วเปิดมันออก

ผู้ชายคนนั้นยังคงยืนอยู่ตรงนั้น

นี่คิดจะรอพวกผมทำอะไรกันเสร็จเลยเหรอครับ !?

ดูจากวัยแล้ว ไม่น่าจะเป็นเพื่อนพี่เมี่ยง เพราะดูมีอายุมากกว่านั้น น่าจะสัก ยี่สิบห้ายี่สิบหก เมื่อเขาเห็นพี่เมี่ยง เขาก็เอื้อมมือมาขยี้หัวพี่เมี่ยงเบา ๆ ก่อนจะหันมามองผมแล้วยิ้มให้แปลก ๆ

“สอนเสร็จแล้วเหรอพี่ตัง?”

พี่เมี่ยงทัก เขาพยักหน้า ก่อนจะเอ่ยคุยกับผมว่า

“ไง แฟนเมี่ยงเหรอเรา?”

ไม่แสดงความต่อต้านสักนิด แถมยังรับรู้สถานการณ์ รีเรชั่นชิพของพวกผมดีอีกด้วย

ว่าแต่เขาเป็นใคร ?

ทำไมผมถึงรู้สึกความไม่น่าไว้วางใจจากเขาคนนี้กันล่ะ ?

เอ๊ะ ?... หรือว่าผมคิดไปเอง ??

ไม่หรอกน่า...

ไม่หรอกมั้ง ..??

เขายิ้มแล้วมองผมอย่างมีความหมาย แต่ไม่เอ่ยอะไรออกมา จนผมรู้สึกตัวว่า...

“ขอไปเปลี่ยนชุดก่อนนะครับ”

พูดจบผมก็รีบลุกขึ้นไปห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ในเวลานี้หากพี่เมี่ยงจะห้ามผมก็คงไม่ฟัง เพราะมันนอกเหนือจากที่ตกลงกันไว้

ไม่รู้ว่าข้างนอกเขาคุยอะไรกัน แต่ทันทีที่ปิดประตูห้องน้ำลง ผมก็จมอยู่กับความคิด

ความรู้สึกที่ริมฝีปากพี่เมี่ยงสัมผัสมานั้นยังคิดอยู่ที่ปาก

ผมแลบลิ้นเลียมัน

ความหวานยังคงติดอยู่

รู้สึกติดใจ ..

แย่ละ

พี่เมี่ยงกำลังจะทำให้ผมเสพติดเขาซะแล้วสิ



TO BE CONTINUED.....
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 17-04-2014 20:43:55
พี่เมี่ยงแซ่บเวอร์อะ   :hao6:
รังแกต้นแล้วตบรางวัลให้ ต้นก็ยอมตลอดสิ 
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: kururu ที่ 17-04-2014 20:54:32
เอาอีกๆ ต้นหอมน่าสงสารจัง ทำไมเป็นฝ่ายโดนกระทำได้ขนาดนี้น้าาาา
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Anch ที่ 17-04-2014 21:05:08
 :laugh: อยากเห็นรูปน้องต้นตอนแต่งคอสเพลย์อ่ะ
ว่าแต่ถ้าจะให้พี่เมี่ยงแต่งนี่ จะเหมาะกับชุดไหนหว่า
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: raviiib❁ ที่ 17-04-2014 21:15:06
พี่เมี่ยงรุกหรือรับคะ?5555555555555555555
อ่านละจิกหมอนยิๆ :-[
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 17-04-2014 22:23:34
พี่เมี่ยงคะถ้าจะกรุณาหนูขอแชร์รูปต้นหอมด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Rose_Apple ที่ 17-04-2014 23:19:23
เรียกได้ว่า...เป็นซีนที่รอคอย!!!! 5555555555
โอ้ยยย ชอบมากก จะรอลุ้นตำแหน่งต่อไป ใครนะที่จะได้อยู่ข้างบน เอร้ววว :katai2-1:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Rose_Apple ที่ 17-04-2014 23:24:59
:laugh: อยากเห็นรูปน้องต้นตอนแต่งคอสเพลย์อ่ะ
ว่าแต่ถ้าจะให้พี่เมี่ยงแต่งนี่ จะเหมาะกับชุดไหนหว่า

อ้ากกกก บวกเป็ดให้รัวๆเลยค่ะ อยากเห็นพี่เมี่ยงแต่งบ้าง!!!
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: hembetaro ที่ 18-04-2014 01:34:03

ต้นหอมเจ้าเมะทาส  :laugh:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Ra poo ที่ 18-04-2014 01:40:50
สงสารต้นนะเนี่ย แต่อยากเห็นง่ะ :hao7:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: sbeam14 ที่ 18-04-2014 02:50:17
คือนี้ถือเป็นเม้นในรอบปีเลยนะ เล่นในโทสับขี้เกียฯเม้น
แต่เรื่องนี้เปิดไล่อ่านรวดเดียวยันตอนปัจจุบัน คือไม่เม้นไม่ได้!!!~~~~
อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว~~~~~~

 คือพี่เมี่ยงราชินีมาก คือชอบ อยากให้พี่เมี่ยงใส่ชุดนางพยาบาลบ้าง
ต้นหนูโดนข่มเหงมาเยอะแล้วต่อไปใช้อำนาจsบ้างจิๆ
อยากให้มีโมเม้นแบบต้นโกรธพี่เมี่ยง แล้วพี่เมี่ยงมาง้อมาอ้อนบ้างอ่า
อารมณ์โลิค่อนครอบงำเราจริงๆ คือส่วนตัวเราก็เป็นแบบนี้ไงเลยอินจัด ฮอลล~~~

อยากอ่านโมเม้นพี่เมี่ยง อ้อน เซ้กซี่ ยั่วอยากให้โดนน้องต้นเผด็จศึกแล้วจริงๆให้ดิ้นตาย
นี้คือรอตอนต่อไป มโนเนื้อเรื่องเองจนรวนหมดแล้วเนี่ย

อยากให้ตอนนึ่งๆมาอัพ อัพเยอะๆกว่านี้หน่อยง่า แบบมันอ่านยาวไม่จุใจเลย

เม้นเยอะขออภัยด้วยนาส~~~

หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 18-04-2014 07:55:28
ฮาาา ต้นอะ โดนแกล้งแต่ก็ยอมเขาตลอดนะ
5555555
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: LiqueuR ที่ 18-04-2014 10:35:21
โถ๊ะ

เมี่ยงนี่ช่างเจ้าเล่ห์เจงๆ

 :ruready
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Serioz ที่ 18-04-2014 11:22:10
พี่เมี่ยงกับพี่ตังนิสัยพอกันเลยอ่ะ55555
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 18-04-2014 12:17:10
สงสารเมะของเราจริงๆเลย5555
พี่ตังเข้าใจหรอกว่าไม่มีอะไรแน่ แต่อาจจะเอาไปใช้กับน้องเอิร์ธก็ได้นะเนี่ยอุอุ
งานนี้เหมือนน้องต้นจะได้กำไร? หรือขาดทุนนะ เพราะมีคนเห็นแบบนี้
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 18-04-2014 12:17:45
โถววว น้องต้นหอมอาการแย่แล้ว
พี่เมี่ยงก็ช่างเจ้าเล่ห์เสียนี่กระไร หุหุ

ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไป ^^
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 18-04-2014 15:17:43
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 18-04-2014 16:10:21
โถถถถ น้องต้นเอ้ยยยย
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: mapreaw ที่ 18-04-2014 23:11:19
โอจิค่อนสายs กับโลลิค่อนสายm หุหุ :hao6:  ต้นหอมคงต้องรับใช้ราชินีไปอีกแสนนาน
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Feporchz ที่ 19-04-2014 15:15:48
ต้นเป็นเมะที่น่าสงสารที่สุด 555555
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: poisongodx ที่ 19-04-2014 16:49:59
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Ryu_Chise ที่ 20-04-2014 02:46:33
ติดตามครับ >O< ชอบมากกกกกกกกกกกกก เพ้อจริงๆ

ตกลงใคร เคะ ใครเมะ 555

ดูแล้วเดายากจริงๆ

รอตอนต่อไป อย่าใจจดใจจ่อครับ >////<   :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Littlesir ที่ 28-04-2014 20:44:24
เพิ่งมาอ่านคับ
รสนิยมพี่เมี่ยงนี่สุดยอดอ่ะ
อ่านๆไปเหมือนอ่านการ์ตูนโรคจิตไงก็ไม่รู้ 55555
แต่ผมก็คงไม่ต่าง ถึงอ่านมาได้
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 29-04-2014 12:51:31
ก็อยากเห็นพี่เมี่ยงแต่งนะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: taltal020441 ที่ 30-04-2014 02:32:20
เข้ามารอหนุ่มยันกับหนุ่มมาโซ :katai5:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 02-05-2014 01:51:53
แอบมาดูคอสเพลย์ชุดต่อปายยยยยย
อยากเห็นชุดเมดใส่หูแมว แอร๊ยยยย ><
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 04-05-2014 23:19:13
 :m20: เมี่ยงนี่จะเอาฮาไปไหนอ่ะ 
ฮาแลลหน้าตาเฉยด้วยนะ  :oni1:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 13-07-2014 15:45:19
อ่านพี่ตังแล้วก็ตามมาอ่านเมี่ยง ค้างทั้งคู่เลยยยยย :o8:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: nonbungsanovii ที่ 19-08-2014 18:03:07
 :katai1:คิดถึงพี่เมี่ยง
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Littlesir ที่ 09-10-2014 21:02:39
พี่เมี่ยงหายอะ เค้ายังรออยู่น๊าาา :katai5:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: hinago ที่ 14-10-2014 21:18:47
พี่เมี่ยงงงงงงงงงงง!!!!!!
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 04-11-2014 15:44:47
งื้ออออออ ยังไม่มาเลยยยยย  :sad4:   :katai1:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: black sakura ที่ 06-11-2014 10:42:04
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้
นี่มันต้นหนึ่งในสมาคมกลัวเมียนี่
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: R.michi ที่ 06-11-2014 13:03:50
ตามมาจากพี่ตัง คือลูกหลานบ้านนี้เค้าออกจิตๆกันทุกคนใช่ม้ายยยยยยย รีบมาต่อ รอ!
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 06-11-2014 13:58:17
โอ๊ยชอบเรื่องนี้มากเจ้าค่า 555555555555 เราก็เป็นหนึ่งในโอตาคุเหมือนกันไง แต่คนละสายกับทั้งพี่เมี่ยงทั้งน้องต้นเลย
เราเป็นสาวฟุค่ะ (ฟุโจชิ) เลยเน้นดูอนิเมะสายกีฬา(ปู้ชายเยอะดี - .... -) กับแนว BL ไปเลย (พวก Junjou/ Sakaiichi/ Love Stage)
แต่ศัพท์ก็มีเหมือนๆกันค่ะเลยอ่านรู้เรื่องแบบถ่องแท้ (แม้จะไม่รู้จักตัวการ์ตูนเลยซักตัวก็ตาม /ฮา)
อันที่จริงไปญี่ปุ่นคราวนี้ก็กะไปสอยหมอนข้างเฮย์โจวเอโร่ยๆมาเหมือนกันค่ะ //แอร้ก //โดนคิล ถถถถถถ
รอมาต่ออยู่นะคะ ชอบบบบบบบ แบบน่ารักมากเลยค่ะ อ่านไปขำไป เคะสายราชินีกับเมะสายทาสจริงจริ๊ง >_______<

เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์นะคะ สู้ๆค่า ~ <3
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 02-12-2014 19:49:38
สะกิดๆถั่วพู มายัง T_T
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 11-12-2014 10:30:47
มาบอกว่ายังรออยู่นะค่าเมื่อไหร่จะมาน๊อ   :mew2:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 06-01-2015 16:56:42
 :L2: สวัสดีปีใหม่ค่า  :L2:

ว่าแต่..........ยังไม่อัพเลยอ่า รออยู่น๊า  :mew2:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: บลาบลานุ๊ก ที่ 13-01-2015 21:24:50
 :ling1: รออยู่นะ...ตัล ล๊ากกกกกกกกก  :ling1:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 18-02-2015 09:33:44
ยังรอคอยอย่างมีความหวังนะคะ   :m5:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 29-03-2015 15:56:27
เง้อ ไม่มาต่อเหรอคะ? กระซิกๆ
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 29-03-2015 22:30:42
มาต่อด้วย
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 16-04-2015 09:59:38
 :o8:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: ploylove1910 ที่ 18-04-2015 13:00:37
ชอบบบบบบบบบ แลดูน่ารักแบบแปลกๆ5555
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: มาโซซายตี้ ที่ 09-05-2015 15:31:17
ชอบๆๆๆ น้องหอม มาโซแอบใจเต้นอยากโดนลงโทษ อิอิอิ
สองคนนี้เคมีเข้ากันสุดๆๆๆแล้ว ที่อ่านนิยายของถั่วมา 4 เรื่อง
อ่านไปแอบตึกตักตามน้องหอม
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 12-05-2015 23:58:54
น้องต้นนี่น่าจะเปนรับมากกว่ามั้ง :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 19-06-2015 21:00:27
พี่เมี่ยงราชินี!!

 :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 23-07-2015 09:54:22
น่ารักดีครับ อย่าลืมมาต่อนะครับ
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥♥ดอกช่อบานสะพรั่ง♥♥ ที่ 06-09-2015 16:29:17
นั่งรอ นอนรอ รอคอย  :katai3:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: José_Gil ที่ 07-11-2015 15:36:44
โอ้ย ชอบบบบบ
มาต่อเถอะค่ะ พลีสสส
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 04-04-2016 19:37:27
 :a5:
.
.
.
.
ว่าแต่ เมี่ยงกับพี่ชายนิสัยเหมือนกันเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: zzcors ที่ 16-05-2017 16:57:56
มาต่อเหอะะะะะะะ ขอสารบัญด้วยจะดีมากกกกกกก  :ling1: :katai1:
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 17-10-2018 23:40:01
โอ้ยยย น่ารัก อยากอ่านอีก
หัวข้อ: Re: : เรื่องสั้น : แฟนผมเป็น ‘โอตาคุ’ : เพ้อที่ 07 : คอสเพลย์ [17 เมษายน 2557]
เริ่มหัวข้อโดย: lostinthelight ที่ 23-12-2018 01:28:04
สงสารต้นหอม55555555555