ตอนที่ 41
“ปลื้ม นี่น้องไปเชื่ออะไรกับครั้งสุดท้ายของคนอย่างมัน เดี๋ยวก็ต้องมีมาอีก ไม่ต้องไปหรอก ถ้ามันบอกจะย้ายที่เรียนเมื่อไหร่ค่อยไป -_-”
นั่นปะไร เสี่ยแกไม่ให้ไปจริงๆ แค่ผมเอ่ยปากว่าจะไปกินข้าวกับน้องรหัสหลังสอบเสร็จ ยังไม่ได้บอกสถานที่หรือเวลานัดที่แน่นอน เสี่ยโปรดก็โพล่งมาเลยว่า โนเวย์ =_=;
“มันจะโหดร้ายไปมั้ยเนี่ย ยังไงก็น้องรหัสผมนะ”
“น้องรหัสแล้วไง นี่ว่าที่แฟน จะฟังใคร -_-;”
ผมล่ะเครียดจริงๆ เป็นไปได้ก็ไม่อยากขัดใจพี่โปรดนะ แต่ก็รับปากกับทางนั้นไว้แล้ว ให้ทำไงเล่า พรุ่งนี้ก็สอบเสร็จแล้ว ส่วนพี่โปรดสอบเสร็จวันเดียวกันแต่เวลาไม่พร้อมกัน ผมสอบเสร็จบ่ายสอง แต่พี่โปรดสอบเสร็จหกโมงเย็น นัดเดย์ไว้สี่โมง ขอเลื่อนน้องก็ไม่ยอมเหมือนรู้ว่าพี่โปรดจะไปด้วยเลยไม่ยอมเปลี่ยนเวลา ผมกับพี่โปรดเลยตกลงกันไม่ได้อยู่นี่ไง เพราะถ้าผมไปพี่โปรดเขาจะไปด้วย แล้วถ้าพี่โปรดไม่ได้ไปด้วย ผมก็หมดสิทธิ์ไป (วกวนทำไม)
“เสี่ยยยยย”
“โนๆๆๆ ไม่ต้องมาอ้อน แล้วก็อยู่นิ่งๆ ด้วย ดิ้นดุ้กดิ้กไปมาอยู่ได้ มัดไม่ถนัดนะ -_-”
พี่โปรดผลักหัวผมเบาๆ มือก็พยายามมัดผมหน้าให้ หลังจากที่ผมเดินหาที่คาดผมทั่วห้องแล้วก็ไม่เจอ พี่โปรดเลยสละยางรัดถุงบัวลอยไข่หวานของเขาเอามามัดให้ แต่เอาจริงๆ นะ ไอ้ยางนี่มัดแน่นดีก็จริงแต่ตอนแกะออกนี่มันเจ็บแบบไม่ต้องแอคติ้งเองเลยอ่ะ
แต่ชอบ...เวลาเห็นหน้าพี่โปรดที่กำลังตั้งใจมัดผมให้ ถึงมือจะหนักไปบ้างแต่ก็ชอบมากเลยไม่อยากโวยวาย ยอมเจ็บ T_T
นั่งนิ่งๆ ให้พี่โปรดมัดผมหน้าให้จนเสร็จ เขามองผลงานตัวเองพลางอมยิ้มก่อนจะก้มลงมาจูบที่หน้าผากผมหนึ่งที
“เปิดเหม่งแล้วน่ารักว่ะ”
“อ๋อเหรอ -///-”
“ครับ ^^ อ่านหนังสือได้ละ สอบไม่ผ่านพี่เท็นของปลื้มได้กินหัวแน่”
“อย่าเอ่ยชื่อนั้นนนน”
ตอนนี้สำหรับผมชื่อพี่เท็นกลายเป็นคำต้องห้ามไปแล้ว กลัวว่าถ้ามีใครสักคนพูดชื่อเขาแล้วอีกสักพักเขาจะมาปรากฎตัวอยู่ตรงหน้า จริงๆ นะ เพราะตลอดหลายวันตั้งแต่เริ่มสอบไฟนอล เขาตามหลอกหลอนผมไม่หยุด เห็นผมว่างไม่ได้เลย ต้องจี้ให้อ่านข้อสอบที่เขาเก็งให้ นั่งกดดัน นั่งถาม ตอบไม่ได้ก็โดนดีดหู T_T เขาบอกว่าให้คุ้มค่ากับที่เขาถ่างตานอนดึกนั่งระลึกความทรงจำแล้วเขียนมันออกมาให้ผม ความจริงพี่เขาแค่จะเอาคืนที่พี่เมลจับไอ้เจคไปเป็นตัวประกันมากกว่า แล้วก็ไม่กล้าหือกับพี่เมลไงเลยมาทำร้ายผมเนี่ย
“พี่ไม่ไปติวกับเพื่อนจะดีเหรอ มานั่งอ่านกับผมจะรู้เรื่องป่ะเนี่ย”
พี่โปรดมาเก็บตัวอ่านหนังสือกับผมตั้งแต่ก่อนเริ่มสอบวิชาแรก ตื่นเช้ามาก็ไปสอบด้วยกัน เขาเก็บเสื้อผ้าใส่เป้มาอยู่ห้องผมนี่แหละครับ แต่เขาก็นอนที่โซฟานะ ไม่ได้มีสิทธิ์เข้าไปนอนในห้องนอนของผมแต่อย่างใด ความจริงก็ทำท่าอยากจะเข้าไปหลายครั้งเหมือนกัน แต่ผมบอกไว้แล้วว่าถ้าล้ำเส้นเข้ามาผมจะไล่กลับห้องทันที
“เออน่า สบายมาก”
“ให้มันจริงเถอะ”
พี่โปรดหันมายิ้ม ก่อนจะขยับเข้ามาจูบที่ริมฝีปากผมแค่ไม่กี่วินาทีก็ผละออกไป
“จริงครับ กำลังใจดีไง สมองแล่น”
“เออนะ ถนัดตลอดเรื่องแทะๆ เล็มๆ เนี่ย”
“มากกว่าแทะเล็มก็ถนัดนะ ^^”
“-///- รู้แล้ว”
“โห...จำได้ด้วย”
“อะไร จำอะไร พูดดีๆ”
“หึหึ”
“ไม่คุยแล้ว -*- โมโห”
ถึงอย่างนั้นพี่โปรดก็ไม่หยุดหัวเราะ ผมเลยเลิกสนใจเขาหันกลับมาสนใจตัวหนังสือของพี่เท็นที่ถ้าดูผ่านตาแล้วจะนึกหน้าหรือบุคลิกของคนเขียนไม่ออกเลย ตัวใหญ่ไก่เขี่ยแบบอ่านไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรประมาณนั้น ผมเลยต้องนั่งแกะเพื่อแปลอีกรอบ ลำบากนะไม่ใช่ไม่ลำบาก -O-;
นั่งอ่านหนังสือกันจนถึงสองทุ่ม ก็ต้องยอมรับความจริงว่าอ่านมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ผมเลยลุกขึ้น เดินไปหาผ้าเย็นในตู้เย็นเล็กมาสองผืน ยื่นให้คนที่นั่งอยู่กับพื้น หลังพิงโซฟา หน้าหล่อเหลาเงยขึ้นมองเพดาน แต่มือไม่ยอมขยับมารับของที่ผมยื่นให้ ก็เลยต้องบริการเขาหน่อย
“พี่ หิวยัง”
“อืม ลงไปหาอะไรกินกันเถอะ”
“แต่ดึกแล้วนะ จะดีเหรอ”
ผมก็ยังกลัวและระแวงอยู่บ้าง ต่อให้ช่วงนี้จะไม่มีจดหมายบ้าๆ นั่นกับโทรศัพท์แปลกๆ แล้วก็เถอะ แต่มันก็ยังไม่คลายความกังวลอยู่ดีเพราะผมยังไม่รู้ตัวคนทำ ไม่รู้ว่าเลิกคิดไปแล้วจริงๆ หรือกำลังรออะไรอยู่รึเปล่าถึงได้เงียบไปอย่างนี้
พี่โปรดบอกว่าน้องส้มกับน้องเดย์ไม่น่าไว้ใจ ให้ผมอยู่ให้ห่างไว้ น้องส้มผมยังพอเข้าใจ แต่น้องเดย์นี่...บอกตรงๆ ว่าไม่เข้าใจ =_=; พี่เท็นเลยตัดบทว่าเรื่องนี้ผมไม่ต้องยุ่ง ปล่อยให้พวกเขาจัดการกันเอง ให้ผมคอยระวังตัวก็พอ
“เออน่า อยู่กับพี่ใครจะกล้า”
ผมก็คิดงั้น ตีนเบอร์สี่สิบของพี่โปรดกระทืบใครเต็มแรงทีก็คงมีกระอั่กเลือดอ่ะ =O=;
“งั้นกินก๋วยเตี๋ยวกันนะ ผมอยากกิน”
“แต่พี่อยากกินคะน้าหมูกรอบ”
“-*- งั้นไปคนละร้าน”
“ไม่”
“เป่ายิ้งฉุบละกัน -*-”
“ปัญญาอ่อน”
แต่พอผมพูดยันยีเยา พี่โปรดก็เตรียมมือทันที =_=; ถามจริง พักนี้พี่ไหวป่ะ สติอ่ะ?
“ฉุบ!”
“เยสสสสสสสสสสสส!!”
ผมร้องอย่างดีใจก่อนจะชูค้อนส่ายไปมาตรงหน้าพี่โปรดที่ได้แต่ขมวดคิ้วมองหน้าผม
“น้องออกช้า เอาใหม่ดิ๊”
“พี่ออกก่อนทำไมอ่ะ”
“ไม่รู้เว้ย เป่าใหม่”
“โห้ย ขี้แพ้ชวนตี”
เอาเถอะ ตามใจเขาหน่อย เสี่ยเขาไม่อยากเสียหน้าแค่เพราะว่าเป่ายิงฉุบแพ้ผม หึหึ แต่เป่ากี่ทีก็แพ้ครับ เอาจริงๆ นี่เป็นอีกเรื่องที่พี่ไม่มีสกิลเลยใช่ป่ะ? เพราะมือเขาใหญ่ด้วยนั่นแหละถึงสังเกตเห็นง่ายหน่อย ยิ่งตอนนี้ผมใส่แว่นนะ เห็นชัดอย่างกะภาพสโลว์
“ปลื้มโกงพี่”
“ไม่ได้โกง พอเลยๆ ไปกินก๋วยเตี๋ยวซะดีๆ”
“เพราะรักหรอกถึงยอม”
“ไม่เกี่ยวกับรักเลย พี่แพ้ผมต่างหาก หาโอกาสหยอดตลอดเลยนะ ว่างๆ บอกพี่เท็นพาไปหยอดข้าวโพดช่วยป้าเนียมที่พะเยาดีมั้ยเนี่ย”
“-*- พะเยาอากาศดีพี่ก็อยากไป เคยไปตอนเข้าค่าย แต่ไปกับน้องเท็นพี่ไม่ไป”
“ฮ่าๆๆๆ ผมจะฟ้องพี่เท็น
“ฟ้องไปสิ น้องเท็นเขาเข้าใจ เขารู้อยู่แล้วว่าพี่อยากไปกับปลื้ม ^^”
“อ๋อออเหรอออออออ โอ้ยยยย”
พี่โปรดนี่ชอบดึงแก้มผมอยู่เรื่อย แรงเขาเขาก็คิดว่ามันเบาไง แต่คิดถึงขนาดตัวเขากับตัวผมสิ =_=; ดึงเบาๆ นั่นหมายถึงผมเจ็บระดับปานกลางเลยนะ
“นิสัยไม่ดี ไปไกลๆ ผมเลยนะ ห้ามมาอยู่ใกล้ผม”
“พี่ไม่อยู่จริงๆ แล้วปลื้มจะเหงา”
“ไม่มีทาง”
“ครับ รู้แล้วว่าน้องเก่ง ไม่มีพี่ก็อยู่ได้”
พี่โปรดกำลังยิ้ม แต่ผมไม่ชอบเลยที่เขาพูดแบบนี้ ผมสอดมือเข้าไปกอดแขนเขาไว้ พี่โปรดหัวเราะเบาๆ แล้วยกมือขึ้นลูบหัวผม
“ไม่ใช่ซะหน่อย อย่าพูดแบบนี้สิ ผมรู้สึกไม่ดีเลย”
“โอเค ไม่พูดแล้ว ไปกินก๋วยเตี่ยวกันเถอะ”
“ครับ”
.
.
.
“พี่ปลื้ม ทำไมล่ะครับ ก็เรานัดกันไว้แล้ว”
ผมส่งข้อความไปบอกยกเลิกนัดกับน้องเดย์ตั้งแต่บ่ายสามโมงแล้ว แต่เหมือนน้องไม่เข้าใจเอาซะเลยว่าผมพิมพ์บอกอะไรไป
“เสี่ยโปรดอีกแล้วเหรอครับ เขาไม่ยอมให้พี่ไปกินข้าวกับผม พี่ก็จะไม่ไปอย่างนั้นเหรอ ทำไมเป็นคนแบบนี้ล่ะครับ พี่นัดกับผมไว้แล้ว ทำไมถึงได้ยกเลิกง่ายๆ ความรู้สึกผมไม่มีความหมายอะไรเลยรึไง”
“ไปคุยกันที่อื่นเถอะครับ”
ผมจำเป็นต้องตัดบทแล้วรีบเดินนำเดย์ออกมาจากโรงอาหารคณะที่ตอนนี้มีคนมองตามมาไม่น้อยเลย เพราะเดย์ขึ้นเสียงใส่ด้วยความไม่พอใจและผมก็รู้สึกผิดจริงๆ ถึงได้อยากหาที่เงียบๆ คุย เพื่อจะได้ไม่มีใครเข้ามารบกวน
เดินมาจนถึงบ่อปลาของคณะเกษตรฯ เพราะเป็นที่ที่เดียวที่ผมคิดออก เดย์เดินตามมาเงียบๆ โดยไม่ปริปากคุยกับผมสักคำ จนเมื่อผมหยุดเดินและหันหน้ามาเผชิญกับน้องรหัสตัวเอง...เท่านั้น ปลายมีดแหลมคมก็อยู่ห่างจากคอแค่ไม่กี่มิลลิเมตร
“ไม่ต้องพูด ผมไม่อยากได้ยินเสียงคุณตอนนี้ มากับผม”
ไม่ได้พยักหน้าหรือเปล่งเสียงอะไรออกไป ผมนิ่งค้างอย่างคนที่ทำอะไรไม่ถูก เหงื่อเริ่มผุดพรายออกมากลางหลังด้วยความตกใจ สายตาเหลือบมองของมีคมแล้วก็อยากจะร้องตะโกนให้สุดเสียงเพื่อให้ใครสักคนได้ยินแต่ระยะห่างของมันกับผิวเนื้อตรงลำคอของผมก็ใกล้มากเหลือเกิน...ถ้าแค่ผมร้องออกไป มีดคมปลาบด้ามนี้คงแทงทะลุต้นคอของผมเป็นแน่
“มาครับพี่ปลื้ม เป็นเด็กดีอย่างที่พี่ชอบทำต่อหน้าเสี่ยโปรดสิครับ”
แค่รอยยิ้มพิกลที่ปรากฎให้เห็นก็ทำให้ใบหน้าของเดย์ต่างไปจากทุกที
ผมควรจะทำยังไง มือถือของผมอยู่ที่ไหน ทำไมเวลาสำคัญแบบนี้ผมกลับไม่มีมันติดตัว ทำไมผมมันเป็นไอ้บื้อที่ลืมของสำคัญในเวลาอย่างนี้ไปได้...มีอะไรที่พอทำได้บ้าง ถ้าผมวิ่งไปตอนนี้เดย์จะทำยังไง พอมีทางไหนที่จะทำให้ผมสู้กับคนตัวใหญ่กว่าผมได้บ้าง...
“ขึ้นไปครับพี่ปลื้ม ไม่มีพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยพี่หรอกครับ ไม่ต้องรอ แต่ถ้าอยากลองหนีเองก็ได้นะครับ ลูกน้องผมยิงปืนแม่น มีที่เก็บเสียงเตรียมมาด้วย ^^”
“ต้องการอะไร”
“ผมไม่จำเป็นต้องบอกพี่นี่ครับ”
“บ้าไปแล้วเหรอครับ”
คำถามของผมเรียกเอามือของเดย์บีบเข้าที่คาง ผมเจ็บเหมือนกรามกำลังจะแหลก แต่ก็ทำได้แค่อดทน
“ผมไม่ได้บ้า! ขึ้นรถ!”
ผมอยากจะยื้อเวลาให้นานกว่านี้ เพราะผมรู้ว่าถ้าขึ้นรถไปแล้วจะไม่มีใครรู้เลยว่าผมหายไปไหน ใครจะคิดว่าเดย์จะทำอะไรอย่างนี้...ไม่เลย...คงไม่มีใครคิด เพราะแม้แต่ผมก็ยังคิดไม่ถึง
ผมถูกพามาที่คอนโดแห่งหนึ่งแถวชานเมือง จำเส้นทางได้ว่ามายังไงเพราะเดย์ไม่ได้เอาผ้ามาผูกตาผมไว้ เหมือนจะมั่นใจเหลือเกินว่าผมคงไม่มีทางติดต่อขอความช่วยเหลือกับใครได้...หรือไม่...ก็มั่นใจว่าผมคงไม่รอดกลับไปพาตำรวจมาจับน้องได้แน่ๆ
“บอกเหตุผลกับผมได้มั้ยครับ ว่าทำไปทำไม”
สติเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับตอนนี้ ถึงผมจะยังไม่รู้ว่าชีวิตจะเป็นยังไงต่อ แต่อย่างน้อยก็ขอรู้เหตุผลที่น้องทำแบบนี้สักข้อก็ยังดี
“คนใกล้ตาย...จะรู้ไปทำไมล่ะครับ รู้ไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร”
แม้ว่าเดย์จะไม่ยอมบอกเหตุผล แต่เมื่อได้ย่างเท้าเข้ามาในอาณาเขตของห้องชุดชั้นบนสุดของคอนโดมิเนียมแห่งนี้ผมก็ได้รู้...
นี่มัน...คงไม่ใช่อย่างที่ผมคิดใช่ไหม
ห้องที่มองไปทางไหนก็เห็นพี่โปรดส่งยิ้มมาให้ ถูกพาเข้ามาในส่วนของห้องนอนก็ยิ่งไปกันใหญ่ ผนังด้านข้างทำวอลเปเปอร์เป็นรูปพี่โปรดตอนกำลังนั่งเหยียดขา สายตาจ้องมองอะไรสักอย่าง เสื้อที่ใส่คือตัวเดียวกับที่ใช้ไปออกค่ายเป็นประจำ รอยยิ้มที่แม้แต่มองด้านข้างก็ยังไม่อาจละสายตาได้ ...แล้วนั่นก็รูปขนาดเท่าตัวพี่โปรด วัดความสูงแล้วคงสูงเท่ากับพี่โปรดพอดิบพอดี ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม ข้าวของเครื่องใช้แทบทุกอย่างต้องมีรูปของพี่โปรดสกรีนติด เว้นแต่พรมเช็ดเท้าที่เป็นรูปผม เหมือนเป็นของแปลกปลอมในห้องนี้แต่ก็ผ่านการใช้งานมากที่สุดด้วย อีกมุมเป็นรูปผมที่ถูกกรีดด้วยคัตเตอร์จนมองไม่ออกว่าเป็นรูปใคร แต่ผมมองออกเพราะคนในรูปข้างๆ คือคุณเฟรน =_=;
ถ้าถามผมตอนนี้ว่ารู้สึกยังไง ตอบเลยว่าพูดไม่ออกบอกไม่ถูก เดย์ไม่ได้ชอบผมอย่างที่เข้าใจ ไม่ได้ตื้อเพราะอยากได้รับความรักจากผมอย่างที่ผมคิด แต่กลับเป็น...พี่โปรดต่างหากที่เดย์ต้องการ เหมือนมีใครสักคนต่อยเข้าที่ขมับผมแรงๆ จนมึน เรียบเรียงและจับต้นชนปลายไม่ถูก ผมไม่ได้รู้สึกเสียใจ เสียดายอะไรทั้งสิ้น แต่รู้สึกเหมือนกับว่านี่เป็นแค่มุกตลกที่มีคนแกล้งอำ เดี๋ยวก็คงมีใครสักคนออกมาแล้วบอกกับผมว่ามันเป็นเรื่องขำขัน
แต่รอจนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีใครนอกจากเดย์ที่ยืนชื่นชมกับรูปภาพขนาดเท่าตัวจริงของพี่โปรด ใบหน้าแนบชิดอยู่กับรูปนั้น ริมฝีปากพรมจูบไปทั่วใบหน้าของพี่โปรด ถึงจะเป็นรูปภาพแต่เห็นเดย์ทำอย่างนั้นแล้วผมก็รู้สึกไม่ดีจริงๆ และทำให้ความกลัวยิ่งเพิ่มขึ้นมาอีกเมื่อการกระทำของคนตรงหน้ายืนยันเหตุผลของเดย์ชัดแล้วว่า...ทำไปทำไม
“ดูสิครับพี่ปลื้ม...ดูเขาสิ” เดย์ยิ้มพลางผายมือออกกว้าง หมุนรอบตัวแล้วมองมาทางผมที่ถูกลูกน้องขนาดตัวเกือบสองเท่าของผมจับแขนไว้ทั้งสองข้าง
“มีใครยิ้มได้อย่างนี้บ้าง มีใครสมบูรณ์แบบได้อย่างนี้บ้าง! ไม่มีอีกแล้ว! ตั้งแต่ผมได้เจอเขา ผมก็คิดมาตลอดว่าเขาต้องไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาแน่ๆ มีตัวตนแต่ก็สัมผัสไม่ได้ มีอยู่จริงแต่ก็เอื้อมไปไม่ถึง ผมมีความสุขที่ได้คิดแบบนั้น มีความสุขทั้งๆ ที่บางทีก็เจ็บตรงนี้” เดย์ยกมือขึ้นทาบตรงอกซ้าย จ้องมองไปยังรอยยิ้มของพี่โปรดอย่างเลื่อนลอย ก่อนแววตาแข็งกร้าวจะจ้องเขม็งมาทางผม “ถึงอย่างนั้นมันก็คือความสุขของผม! แต่เพราะพี่ เพราะพี่ทำให้ทุกอย่างมันเพี้ยนไป”
ผมจ้องมองความผิดปกติตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา วิกลจริตผมรู้ว่าเป็นยังไงแต่ไม่เคยได้เห็นกับตา ครั้งนี้เป็นครั้งแรกและอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายของผม แต่...ผมก็บอกไม่ถูกจริงๆ ว่ารู้สึกยังไง สงสารหรือสมเพชเวทนาก็แยกไม่ออก
“พี่มาโปรดของผม เขาคือคนที่ไม่ว่าใครก็ห้ามแตะต้อง แล้วพี่ล่ะเป็นใคร ก้าวข้ามเส้นที่ผมขีดไว้ไปได้ยังไง ผมเฝ้าถามตัวเองอยู่ทุกวันว่าพี่มีอะไรดี ทำไมถึงได้สำคัญตัวเองนัก พี่มาโปรดควรแล้วเหรอที่จะต้องมีพี่ แต่คำตอบของผมก็มีแต่คำว่า ไม่ พี่น่ะ...ไม่จำเป็นต้องมีหรอก”
“ไม่ว่าเหตุผลของคุณคืออะไร คุณก็ไม่มีสิทธิ์มาตัดสินเรื่องของคนอื่น สำหรับเรื่องของผมกับพี่โปรดคุณก็คือคนนอก คนที่ไม่รู้อะไรเลยแล้วยังใช้สิทธิ์ทั้งๆ ที่ไม่มีสิทธิ์”
“ผมมี! ทำไมจะไม่มี! ในโลกนี้ไม่มีใครรักพี่มาโปรดได้เท่าผมอีกแล้ว!”
ผมอยากจะหัวเราะออกมาให้ดังๆ นี่เหรอคือคนที่รักพี่โปรด ผมเห็นแต่คนที่กำลังตะโกนบอกรักตัวเองอยู่ลั่นห้อง
“ผมไม่รู้หรอกนะว่าความรักของคุณมันมีมากขนาดไหน และก็ไม่อยากสนใจเอาความรักของผมไปแข่งกับคุณ แต่ที่ผมรู้...สุดท้ายแล้วคุณก็ไม่ได้ทำเพื่อคนที่คุณรักหรอก”
เพียะะะะะะ!!!!
ทั้งชาทั้งปวดที่แก้มแต่ผมก็ไม่ได้ปริปากร้องอะไรออกมา ผมเกลียดการทำตัวอ่อนแอต่อหน้าศัตรู เกลียดร่างกายที่ผอมและไร้แรงต่อสู้ของตัวเอง ถ้ามีแรงมากกว่านี้...ผมคงทำอะไรได้อย่างใจคิด อย่างเช่น ต่อยปากไอ้เหี้ยตรงหน้านี่สักหมัดสองหมัด แต่เพราะโดนล็อคแขนไว้เลยทำได้แค่คิด
“คุณมาทีหลัง คุณจะมารู้อะไรกับเรื่องของพวกผม เราเจออะไรกันมาบ้าง ต้องเจ็บปวดกันมาแค่ไหน คุณไม่รู้หรอก คุณเห็นแต่ความต้องการของตัวเองโดยไม่ยอมมองเลยว่าคนอื่นเขาก็ลำบากมามากไม่แพ้คุณ ทั้งๆ ที่พวกผมไม่เคยไปทำอะไรให้เลย ทำไมถึงทำแบบนี้ ผมเกลียดคุณจริงๆ ต่อให้ผมตาย ผมก็จะตามสาปแช่งคุณไปทุกๆ ชาติ”
ผมไม่ให้อภัยหรอก ผมไม่ได้โลกสวยขนาดจะเวทนาใคร อ้างความชอบของตัวเองแล้วทำร้ายคนอื่นได้งั้นเหรอ อ้างว่ารักพี่โปรดมากแล้วจะฆ่าผมได้งั้นเหรอ แล้วผมทำผิดอะไร ผมไม่เคยไปทำอะไรให้เขาเลย มีแต่เขาที่มาสร้างความรำคาญใจให้ มีแต่เขาที่คิดไปเองและกระทำเองอยู่ฝ่ายเดียว แล้วชีวิตทั้งชีวิตของผมต้องมาจบแค่ตรงนี้ แค่เพราะไอ้บ้าคนหนึ่ง ผมมีความฝันที่ยังไม่ได้ทำ มีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้พูดกับพี่โปรด แล้วคนรอบข้างผมพวกเขาจะต้องโศกเศร้าแค่ไหน ทั้งพ่อ แม่ พี่ยินดี พวกพี่ๆ เพื่อนๆ ของผม...
ผมเกลียดคนแบบนี้จริงๆ
โครม! โครม! โครม! ผลั่วะะะะะะะะ!
“เท็น นี่เรียกว่าบุกรุกแล้วนะ” เสียงพี่เมลดังมาแต่ไกล
“กูไม่ได้ทำ ไอ้พี่โปรดมันทำ อึ่ยยย ไอ้เหี้ยยย นี่ห้องเหี้ยไรวะเนี่ย มีแต่รูปเหี้ยเต็มไปหมด”
“ปลื้ม!! ปลื้มอยู่ไหน!”
ไม่รู้ทำไม แค่ได้ยินเสียงนี้ น้ำตาผมก็ค่อยๆ ไหลออกมา มันเหมือนกับว่า...ผมจะปลอดภัย ดีใจจนพูดไม่ออกเมื่อรู้ว่าพี่โปรดอยู่ใกล้ๆ
“พี่โปรด...” เสียงเดย์กระซิบเบาๆ
ไม่ทันที่ใครจะได้ขยับตัว ประตูห้องนอนก็ถูกพังโครมเข้ามา พี่โปรดยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าหล่อเหลาขึ้นสีแดงจางๆ ตาแดงก่ำ ดูโกรธจัดอย่างที่ผมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน
ผมร้องห้ามไม่ทันเมื่อพี่โปรดสาวเท้ายาวๆ ไปที่เดย์แล้วต่อยด้วยหมัดหนักๆ จนเดย์ล้มคว่ำไป คนที่จับตัวผมอยู่รีบเข้าไปช่วยพยุงเจ้านายทันที
“พี่....”
“ห้ามเรียกชื่อกู! อย่าแม้แต่จะพูดออกมา!” พี่โปรดชี้หน้าเดย์ ทำท่าจะกระทืบซ้ำอีกแต่ลูกน้องของเดย์ไหวตัวทัน กันเท้าของพี่โปรดไว้ก่อนจะลุกขึ้นมาเผชิญหน้า ความสูงที่ไล่เลี่ยกันทำให้ผมเดาไม่ออกเลยว่าใครเสียเปรียบใคร อยากเข้าไปห้ามพี่โปรด แล้วออกไปจากที่แห่งนี้กันเสียที แต่สถานการณ์เริ่มแย่แล้ว
“อย่าแตะพี่โปรด ฆ่าไอ้เหี้ยนั่น ฆ่าไอ้เหี้ยนั่น ใครขวางฆ่าให้หมด แต่ห้ามยุ่งกับพี่โปรด!!!” เสียงของเดย์แผดสูงขึ้น เริ่มหาสิ่งของใกล้มือขว้างออกมาสะเปะสะปะ พี่เท็นหลบได้เกือบทุกอย่าง โดนหนังสือเข้ากลางหลังบ้างแต่ก็ยังฝ่ามาหาผมที่หลบอยู่ข้างเตียง เพราะของบางอย่างที่เดย์ขว้างมาถ้าโดนเข้าไปก็มีสิทธิ์ดับได้เหมือนกัน พี่โปรดกำลังปล้ำกับคนที่ตัวสูงที่สุดอยู่อีกฟาก เป็นมวยถูกคู่ที่กินกันไม่ลง ล้มกันไม่ได้
ผลั่วะะะะะ! พลั่กกกก!
เห็นเลือดสดๆ ไหลออกจากขมับของพี่เมลแล้วผมก็ยิ่งใจเสีย พี่เท็นขบกรามตัวเองแน่น บีบแขนผมจนเจ็บ
“เท็น พาน้องออกไป! เดี๋ยวกูตามไป พวกมันมีปืนนะ! เร็วๆ”
“ก็รู้ว่าพวกมันมีปืนแล้วมึงจะโง่อยู่ทำไม ไปด้วยกันสิวะ ไอ้เหี้ย ข้างหลัง!”
ผลั่วะะะะะะ!
พี่เมลโดนปืนฟาดที่ศีรษะอย่างแรงจนล้มลงกับพื้น พี่เท็นปล่อยมือผมทันที ก่อนจะลากเก้าอี้ตัวใกล้ๆ ยกขึ้นฟาดไอ้ยักษ์นั่นแรงๆ เสียงดังพลั่กอย่างน่ากลัวดังขึ้น แต่เหมือนพี่เท็นสติแตกไปแล้ว เขาฟาดซ้ำๆ จนเก้าอี้ใช้การไม่ได้ เหลือแต่ขาเก้าอี้แต่ก็ยังใช้แค่ส่วนนั้นฟาดร่างที่ล้มไม่ได้สติไปแล้วซ้ำๆ ผมรีบเข้าไปหาพี่เมลที่พยายามลุกขึ้นมาด้วยท่าทางมึนๆ เลือดไหลอาบไปครึ่งหน้า
“ไอ้พวกนั้นเมื่อไหร่จะมา กูเกลียดการจราจรกรุงเทพ กว่าจะมาได้คงตายห่ากันไปหมดแล้ว ไอ้พี่โปรด คนนั้นมึงจัด อย่าให้มันมาล่อหัวกูข้างหลัง ส่วนมึงเข้ามาตัวๆ กับกูเลยไอ้เดย์ เข้ามา!”
ผมไม่อยากให้พี่เท็นทำอย่างนั้นเลย อยากให้เรื่องจบได้แล้ว ไม่อยากให้ใครเจ็บไปมากกว่านี้ ทำไมต้องมาเจ็บตัวเพราะความไร้สติของคนอื่นด้วย พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ...ทำไมต้องโดนแบบนี้ด้วย
ผมรีบใช้แขนเสื้อตัวเองเช็ดเลือดให้พี่เมลที่ตอนนี้เลือดยังไม่หยุดไหล มุมปากก็บวมช้ำ เพราะพี่ไม่ได้ถูกเลี้ยงดูมาเพื่อต่อสู้กับใคร ถึงได้มีสภาพแย่อย่างนี้
“อย่ามาขวางนะ! พวกแกจะมารู้อะไร คนอย่างพวกแก ตายไปให้หมด พวกตัวมาร ออกไปนะ!! อย่ามายุ่งกับโลกของผม พี่โปรด...พี่โปรดช่วยผมด้วย!”
มีดในมือที่สั่นเทานั้นทำให้ผมกลัว กลัวว่ามันจะไปโดนใครเข้า กลัวว่าคนที่กำลังร้องไห้จนขาดสตินั้นจะทำอะไรลงไปโดยไม่รู้ตัว ผมกลัวเหลือเกิน...กลัวว่าคนที่ผมรักทุกคนจะได้รับอันตราย
“พี่โปรด...ได้โปรดช่วยผมด้วย”
ผลั่วะะะะะะะ!
ลูกน้องอีกคนของเดย์ล้มคว่ำไปแล้ว ถึงอย่างนั้นสภาพพี่โปรดก็ดูย่ำแย่เต็มที ย่ำแย่จนผมอยากจะร้องไห้ มีเลือดไหลออกจากศีรษะไม่ต่างจากพี่เมล แต่ที่แย่กว่านั้น ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาของพี่โปรดกลับเต็มไปด้วยรอยช้ำ มุมปากมีเลือดไหลออกมาที่คิ้วก็ไม่ต่างกัน
“พี่โปรด...ไม่เอานะ กลับได้แล้วพี่ พอแล้ว” ผมร้องห้ามพี่โปรดที่กำลังจะก้าวเข้าไปใกล้เดย์ เขาไม่เห็นมีดปลายแหลมที่อีกฝ่ายถืออยู่เลยเหรอ ไม่เห็นเลยเหรอว่าอีกฝ่ายขาดสติไปแล้ว ทำไมถึงยังจะเข้าไปใกล้
“ไอ้พี่โปรด เห็นสภาพมันแล้วมึงยังจะตื้บมันลงเหรอวะ กูแม่งสมเพชมันว่ะ”
“ตีงูต้องตีให้ตาย กูไม่อยากจะคิดว่าถ้ามาช้ากว่านี้ ปลื้มจะเป็นยังไง ถ้ากูมาไม่ทัน มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
“พี่โปรด...”
“กูบอกว่าห้ามเรียกชื่อกู! กูขยะแขยง”
“ไม่แล้ว...ไม่เรียกแล้ว ผมขอโทษ อย่าโกรธผมนะ ผมรักพี่นะ อย่าโกรธผมเลย ผมขอโทษ”
ผมเบือนหน้ามองไปอีกทาง เพราะกลัวว่ามองแล้วจะเกิดความสงสารขึ้นมา เสียงที่อ้อนวอนขอความเห็นใจจากคนที่ตัวเองรัก ความเจ็บปวดที่มีอยู่เต็มในน้ำเสียง ความทุรนทุรายแบบนี้...คนๆ หนึ่งทนเข้าไปได้ยังไง...
“ผมขอโทษ อย่าเกลียดผมนะพี่ ผมขอโทษ”
“เดี๋ยวไอ้กิมคงพาตำรวจมาแล้ว ปล่อยไว้อย่างนี้เถอะ ไปหาอะไรมามัดมันไว้ก่อนละกัน เผื่อมันคลั่งอีก ปลื้ม ไปเอาผ้าชุบน้ำมาให้กูหน่อย กูจะปฐมพยาบาลให้ไอ้เมลก่อน ส่วนไอ้พี่โปรด มึงรอไป ลำดับความสำคัญของมึงอยู่สุดท้าย”
ผมเลยลุกขึ้น ปล่อยพี่เมลให้พี่เท็นดูไปพลางๆ กำลังจะเดินตัดห้องไปห้องน้ำที่คงมีผ้าขนหนูอยู่ก็ต้องชะงักเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นใครบางคนกำลังพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วและปะทะกับร่างผมเต็มๆ จนผมกระเด็นลงมากองกับพื้น เจ็บร้าวไปทั้งหลังเพราะกระแทกกับพื้นแข็งๆ เข้าอย่างแรง เลือดสีสดไหลลงมาเปรอะเสื้อไม่ขาดสาย ผมทำได้เพียงแต่นิ่งค้างอยู่อย่างนั้น ตาเบิกโพลงพร้อมกับเสียงที่หายไปชั่วขณะ ร้องตะโกนอะไรไม่ออก
กว่าจะหาเสียงของตัวเองเจอ...คนที่คร่อมอยู่ข้างบนตัวผมก็ส่งยิ้มเนือยๆ มาให้แล้ว
“ไม่...ไม่... พี่ทำอะไร... ไม่นะ ไม่...ต้องไม่ใช่แบบนี้” มือของผมสั่นจนควบคุมไม่ได้ ยื่นมือออกไป...สัมผัสที่ตรงไหน...มือก็เปรอะไปด้วยสีแดงสด กลิ่นคาวคละคลุ้งแทนที่กลิ่นน้ำหอมที่พี่โปรดใช้ประจำ
เสียงกรีดร้องของเดย์ดังขึ้นลั่นห้องตามด้วยเสียงของพี่เท็นที่พูดอะไรขึ้นมาสักอย่างแต่ผมไม่อาจรับรู้ได้ว่ากำลังพูดอะไร เหมือนเวลากำลังจะหยุดเดิน โลกกำลังจะหยุดหมุน ทุกอย่างนิ่งค้างอยู่แค่ตรงหน้า แค่รอยยิ้มของพี่โปรดที่ผมเห็น
“ร้องไห้ทำไม...พี่ไม่เป็นไร”
ทำไมถึงชอบโกหกผมนัก ทำไมถึงชอบยิ้มเหมือนไม่เป็นอะไร ทั้งๆ ที่เจ็บขนาดนี้ ทำไมพี่ต้องทำแบบนี้ด้วย
“พี่เท็น ผมขอร้อง...ช่วยพี่โปรดด้วย ช่วยพี่โปรดด้วย เลือดไหลไม่หยุดเลย พี่เท็น ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยพี่โปรดด้วย”
ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ ทำไมต้องเอาตัวมารับมีดแทนผม มันไม่เท่เลยนะ พี่ไม่เท่เลย ทำอย่างนี้ผมก็ไม่ให้คะแนนเพิ่มหรอก ไหนว่าจะรอไง ไหนว่ากำลังฝึกกีต้าร์จะเอามาเล่นให้ผมฟัง ไหนว่าอยากไปหาป้าเนียมด้วยกัน พี่ยังไม่ได้ทำเลยสักอย่าง...
เหมือนมีใครสักคนกำลังพยายามดึงมือผมออกจากพี่โปรด
“ปลื้ม ใจเย็นๆ ตั้งสติ รถพยาบาลกำลังมา ใจเย็นๆ ทุกอย่างจะเรียบร้อย ปล่อยพี่โปรดก่อนนะ พี่จะห้ามเลือดให้ก่อน ปลื้มชวนคุยอย่าให้พี่โปรดหลับก็พอ”
เพราะเป็นเสียงของพี่เท็น ผู้ชายที่เคยช่วยชีวิตผมไว้ ผมถึงวางใจปล่อยพี่โปรดให้กับเขา พี่โปรดดูเหนื่อยมาก แรงจะพูดก็แทบจะไม่มี พี่ดูเจ็บมากจริงๆ ผมไม่เคยเห็นพี่ในสภาพอย่างนี้เลย
“หายแล้วไปกินคะน้าหมูกรอบกันนะพี่ ปลื้มจะยอมเป่ายิงฉุบแพ้ก็ได้ อย่าเพิ่งหลับสิ คุยกับปลื้มก่อน”
ผมพยายามบังคับไม่ให้เสียงตัวเองสั่นแล้ว แต่ก็ไม่เป็นผล พี่โปรดแค่ยิ้มให้เท่านั้น บีบมือผมกลับมาเบาๆ
“ปลื้มจะไม่ดื้อแล้ว จะเชื่อฟังทุกอย่างเลย ฮืออออ ทำไมเลือดไม่หยุดเลย”
“พี่กดปากแผลไว้แล้ว ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”
ต่อให้พี่เท็นจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่สีหน้าของพี่เท็นก็ไม่ดีเลย เพราะมีดที่ถูกดึงออกไปทำให้ปากแผลที่ช่องท้องกว้างขึ้นกว่าเดิม มีดที่ตอนนี้เปื้อนไปด้วยเลือดและเดย์กำลังกอดไว้แน่นราวกับเป็นสิ่งล้ำค่า
“ปลื้ม...” เสียงของพี่โปรดแผ่วเบา ผมกุมมือเขาไว้แน่น พร้อมกับขยับเข้าไปใกล้
“เป็นเด็กดีนะ...”
“....”
“พี่ขอโทษ”
“....”
“ทำให้ร้องไห้...อีกแล้ว...พี่ขอโทษ...นะ”
“....”
“เด็กขี้แย เอาแต่ร้องไห้”
“....”
“แต่...ไม่เจ็บตรงไหนก็ดีแล้ว”
ทั้งๆ ที่เรา...ต่างก็ยิ้มให้กันได้แล้วแท้ๆ ทำไมถึงต้องเป็นอย่างนี้ หากย้อนเวลาไม่ได้ก็หยุดมันไว้ตรงนี้ก็ได้...หยุดแค่ตรงนี้ แค่ตรงที่ผมได้จับมือกับพี่โปรดไว้แบบนี้ก็พอ
..............................................................To be continue..................................................
เพราะรักมันร้าย
มาช้าจริงๆ รู้สึกผิดที่ทำให้ทุกคนต้องรอ แต่อ่านตอนนี้ทวนแล้วรู้สึกว่ามันยังลงไม่ได้ แต่สุดท้ายคือฟิลลิ่งมาแค่นี้ก็ต้องแค่นี้ ต่อให้ลงพรุ่งนี้ก็เท่านี้จริงๆ เอ้า อะไรของเอ็ง
ขอโทษที่มาช้าค่ะ รอกันข้ามวันเลยทีเดียว
เดย์เป็นตัวละครที่น่าสงสารนะ ไม่รู้สิ นางมาแค่ไม่เท่าไหร่ ก็ทำให้รู้สึกแบบ... 
ไม่ยืดเยื้อค่ะ เดี๋ยวรู้เลยว่าจะจบแบบไหน เพราะนี่มาถึงปากเหวแล้ว 
ตอนท้ายๆ คนเขียนร้องเพราะเผลอเปิดเพลงไปด้วย ซวย ที่มาช้าเพราะเงี้ย
ติดขัดยังไง อ่านแล้วไม่ได้อารมณ์แจ้งค่ะ จะปรับปรุงให้ดียิ่งๆ ขึ้น เพื่อความมีอรรถรสของทุกท่าน
ขอบคุณความคิดเห็นยาวๆ ทุกความคิดเห็น
ปล. มี #มาโปรด ในทวิตด้วย ทั้งคนเขียนติดเองและคนอื่นติด ดีใจจริงๆ ที่มีคนกล่าวถึง ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากๆที่อยู่ด้วยกันมาถึงขนาดนี้
รักและห่วงใย 