ตอนที่ 39
'แก ไอ้ตัวซวย ไอ้วิปริต เลิกยุ่งกับมาโปรดซะ!!!'
'ไปตายซะ! ฉันเกลียดแก'
'อย่าเอามือสกปรกของแกมาโดนตัวเขานะ แกมันตัวน่ารังเกียจ ไปตายซะ!'
ผมรู้สึกไม่ดีจริงๆ มันแย่เอามากๆ ที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ผมได้รับจดหมายน่ารังเกียจพวกนี้มาได้สักอาทิตย์หนึ่งแล้ว ส่งมาทุกวัน มีเข้ามาเรื่อยๆ ฝากเพื่อนมาให้บ้าง เอามาสอดไว้ใต้ที่ปัดน้ำฝนรถของผมบ้าง ส่งไปให้ที่คอนโดบ้าง ไม่ดีเลยถ้าต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ผมไม่รู้ว่าใครทำ แต่มันรู้สึกแย่มากจริงๆ
จดหมายทุกฉบับเขียนด้วยหมึกสีแดง บางครั้งก็สีคล้ำเหมือนสีเลือด ผมพยายามไม่สนใจ แต่ก็อดคิดมากไม่ได้ ทำไมถึงต้องเป็นแบบนี้ด้วยนะ
“ปลื้ม กลับกับพี่ วันนี้พี่ไปส่ง” พี่โปรดที่ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่ตอนไหนเรียกผมให้หลุดจากภวังค์ เขาเดินเข้ามาใกล้ ขยำกระดาษในมือผมทิ้งด้วยสีหน้าที่ระงับโทสะไว้แทบไม่อยู่
“ไม่เป็นไร พี่จัดการเอง กำลังสืบหาตัวคนทำอยู่”
“พี่...”
“ครับ”
“ผมกลัว”
ผมยอมรับจริงๆ ว่ากลัว เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ คนที่ทำเหมือนจะรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับผม ที่อยู่ของผม เบอร์โทรของผม ร้านประจำที่ผมชอบไป แม้แต่เรื่องของคนรอบข้างผม ก็ยังอยู่ในสายตาของคนๆ นั้น ตอนแรกๆ ผมก็ไม่กังวลเท่าไหร่ แต่พอนานวันเข้า เนื้อหาในจดหมายยิ่งแรงขึ้น เหมือนกับว่าเจ้าของกำลังนับถอยหลังขีดความอดทนของตัวเองไปทุกที
'อย่ามายุ่งกับเขา! ฉันเตือนแกแล้ว! แกมันไอ้วิปริต ถ้าทำให้ฉันเห็นอีกฉันจะฆ่าแก!'
“ไม่ต้องกลัว ไปหาอะไรกินแล้วค่อยกลับคอนโด โอเคมั้ย”
“ครับ”
พี่โปรดลูบหัวผมก่อนจะก้มลงมาจูบที่หน้าผากหนึ่งที เขายิ้มให้แล้วยื่นมือมาตรงหน้าเพื่อขอกุญแจรถ ผมส่งกุญแจรถให้แล้วก็เดินอ้อมเพื่อจะขึ้นรถอีกฝั่ง แต่เดินไปแค่ไม่กี่ก้าว พี่โปรดก็รีบเข้ามาโอบตัวผมไว้ ก่อนเสียงดัง
ปึก! จะดังขึ้นตามมา
“ใครวะ!” พี่โปรดตะโกนออกไปเสียงดัง แค่เขากอดผมไว้ตัวผมก็ถูกบังเอาไว้จนมิด เขากำลังจะผละออกไปเพื่อวิ่งตามใครสักคนที่หายเข้าไปในเงามืด เพราะลานจอดรถของคณะผมมีไฟบางดวงที่เสีย ทำให้บริเวณบางส่วนค่อนข้างมืด แต่ผมไม่อยากให้เขาไปไหน ไม่รู้ว่าเป็นใครแล้วจะทำอันตรายอะไรอีกรึเปล่า นี่มันก็ทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว ไม่อยากให้พี่โปรดไปเสี่ยง
“ปลื้ม อยู่นี่ก่อน มีคนขว้างก้อนหินมา พี่จะตามไปดู”
“ไม่ต้องไปหรอก พี่โปรดเจ็บตรงไหน มันขว้างมาโดนตรงไหน”
“ที่หลังน่ะ ไม่เจ็บมากหรอก”
“ให้ผมดูหน่อย”
“ไว้ก่อนก็ได้ งั้นกลับกันเถอะนะ”
“อือ”
เป็นอย่างนี้ไม่ดีเลย ถ้าต้องเกิดเรื่องแบบนี้ไปเรื่อยๆ คนรอบข้างผมก็ต้องพลอยซวยกันหมด แต่จะให้ผมเลิกยุ่งกับพี่โปรด...ผมก็ทำไม่ได้ มันไม่มีเหตุผลเลยที่จะต้องทำตามคำสั่งของคนๆ นั้น ผมผิดตรงไหนที่อยากจะอยู่ใกล้ๆ พี่โปรดบ้าง คนๆ นั้นมีสิทธิ์อะไรมาตัดสินเรื่องของเรา ผมยอมรับว่าเกลียดมากจริงๆ เกลียดทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าเป็นใคร และต่อให้มาขอโทษ ผมก็จะไม่ให้อภัยแน่ ผมแจ้งความไว้แล้ว เอาจดหมายบ้าๆ นั่นให้ตำรวจเก็บไว้เป็นหลักฐานด้วย ต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุดครับ เพราะชีวิตผมเริ่มกระวนกระวายก็เพราะมัน
“ปลื้ม...พี่ขอโทษ ที่ต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะพี่”
“พี่ก็แค่หล่อเกินไป ไม่ผิดอะไรเลยครับ ไม่ต้องขอโทษผมหรอก”
พี่โปรดพยักหน้าแล้วก็ตั้งใจขับรถต่อไป แต่ยังไงก็เหมือนกับว่าเขายังคงรู้สึกผิดอยู่ ผมเลยยื่นมือไปกุมมือเขาไว้
“อย่าโทษตัวเองเพราะคนอื่นเลยครับ มันไม่ใช่ความผิดของพี่เลยสักนิด เชื่อผมนะ แค่พี่ปกป้องผมไว้...ก็ดีมากแล้วล่ะ”
“ครับ”
“แต่ก็อย่าทำอะไรเกินตัวนะครับ ผมเป็นห่วง”
ก็ไม่รู้จะฟังรึเปล่า แต่ดูว่าเขาก็ไม่ยอมเหมือนกัน เขาโกรธมากทีเดียว ถ้ารู้ตัวคนทำก็ได้แต่หวังว่าพี่โปรดจะไม่ฆ่าคนตายล่ะนะ -O-;
“แวะโลตัสก็ได้ ซื้อของไปทำกินกันดีกว่า”
“หืม ปลื้มทำเป็น?”
“แน่นอน”
“เฮ้ย จริงดิ?”
“จริงครับ โหยย นี่พี่แปลกใจอะไรเนี่ย ผมไม่ได้ทำเป็นแต่ต้มมาม่าแล้วนะ”
“บ๊ะ แม่ศรีเรือน ไว้จะให้แม่ไปขอนะ”
“ฮ่าๆ เว่อละๆ บอกมาเลยว่าอยากกินอะไร”
“หูฉลาม!”
“-_- เสี่ยเคยขับรถอยู่ดีๆ แล้ววูบป่ะ”
“หึหึ โหดว่ะ งั้นเอาแค่ไข่เจียวกับต้มจืดเต้าหู้หมูสับก็พอละ”
“จัดไป”
“เพิ่มไข่ตุ๋นทรงเครื่องด้วยได้ป่ะ”
“ได้อยู่แล้ว แต่กว่าจะได้กินก็นานเหมือนกันนะ”
“ไม่เป็นไร รอได้ ว่าแต่จะไปทำที่ไหน?”
“คอนโดผมไง”
“แหนะ เด็กใจแตก จะพาพี่ขึ้นคอนโดเหรอ”
“เออ ไม่ขึ้นก็ได้นะ นั่งรอที่ล็อบบี้ เอามั้ยครับ”
“ขึ้นจ่ะขึ้น”
ดูทำหน้าระริกระรี้ใหญ่ คงเพิ่งรู้ตัวว่าเป็นครั้งแรกที่จะได้ขึ้นห้องผมล่ะมั้ง เพราะที่ผ่านมาเฮียแกก็เตร็ดเตร่อยู่ที่ล็อบบี้กับร้านกาแฟมาตลอดนั่นแหละ
อีกไม่กี่นาทีต่อมาพี่โปรดก็พาผมมาซื้อของที่โลตัส ก็ซื้อพวกของสดที่ต้องใช้ทำเมนูรีเควสของเสี่ยเขาล่ะครับ คนที่ไม่เคยมาซื้อของทำกับข้าวอย่างพี่โปรดก็พยายามช่วยนะ แต่เป็นการช่วยที่ทำให้ผมเหนื่อยกว่าเดิมมากกว่า
“พี่โปรด เอาผลไม้ป่ะ แล้วไม่ต้องหยิบผักชีออกจากรถเข็นเลยนะ ยังไงก็ต้องใส่ เข้าใจไหม”
พี่โปรดชะงักมือที่กำลังหยิบผักที่เขาไม่ชอบออกไปเป็นรอบที่สาม หลังจากที่ผมเอาใส่กลับเข้าไปใหม่
“ก็พี่ไม่กิน ไม่ชอบ มันเหม็น”
“พี่ไม่กินผมกินเอง”
“-*- ขัดใจตลอด”
“มานี่ได้แล้ว มาเลือกผลไม้เลย จะกินอะไร”
“เอาแตงโม ส้มด้วย แล้วก็องุ่นแดง ชมพู่”
“=_=; มาช่วยกันสิ ห้ามยืนชี้นิ้วสั่ง”
“ครับแม่”
“จริงๆ เลยผู้ชายคนนี้”
กว่าจะซื้อของเสร็จก็ปาไปเกือบสามทุ่มแล้ว ดึกไปนะ นี่ถ้ากินที่ร้านคงอิ่มไปแล้วป่ะครับ =_=; แต่พี่โปรดก็ไม่ได้บ่นอะไร ช่วงอาทิตย์นี้เขาไม่ต้องราวน์วอร์ดครับ จะมีอีกทีก็ช่วงเดือนพฤศจิกายนเรื่อยไปจนข้ามปี แถมยังมีเข้าเวรด้วย คงจะไม่ว่างมาเตร็ดเตร่กับผมแบบนี้แล้ว ช่วงนี้เขาเลยมาขลุกอยู่กับผมบ่อยๆ แต่ก็ใช่ว่าจะเรียนน้อยลงหรอก เขาก็เรียนหนักไปตามปกติของเขา อาทิตย์หน้าก็จะเริ่มสอบไฟนอลแล้ว เราเลยต้องหาเวลาให้กันสักหน่อยก่อนจะแยกกันไปทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์
พาขึ้นห้องมาพี่โปรดก็เดินสำรวจนั่นสำรวจนี่ไปทั่ว ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นห้องชุดในคอนโดหรอกนะ เพราะที่ที่เขาอยู่หรูกว่านี้หลายเท่า แต่จะถามเหตุผลก็กลัวจะไปขัดรอยยิ้มหล่อๆ นั้นเข้า ผมเลยเดินมาที่ครัวอย่างเงียบๆ
กริ๊งงงงงงงง กริ๊งงงงงงงงงง กริ๊งงงงงงงงงงง !!
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ผมชะงักมือที่กำลังถือมีดอยู่ทันที จำได้ว่าถอดสายออกไปแล้ว เพราะเดี๋ยวนี้มักมีโทรศัพท์แปลกๆ โทรเข้ามา ผมเลยตัดปัญหาถอดสายออก แต่คงจะเป็นแม่บ้านที่แม่ส่งมาทำความสะอาดห้องให้เป็นคนใส่มันกลับไปตามเดิม
“พี่โปรด รับโทรศัพท์ให้ด้วย” ผมตะโกนบอกไป ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังอยู่อีกสักพักก็เงียบไป
ผมทำกับข้าวต่อไปสักพักพี่โปรดก็เดินมาหา
“ใครโทรมาอ่ะพี่”
“โทรผิด”
แต่หน้านิ่งๆ ของพี่โปรดทำให้ผมรู้ว่าไม่ได้โทรผิดหรอก คงเป็นโทรศัพท์ที่โทรมาสาปแช่งอีกตามเคย
“อืม แล้วพรุ่งนี้พี่ว่างมั้ยอ่ะ พี่เท็นกับพี่เมลบอกว่าให้พาพี่ไปร้านพี่เจ๋งด้วย”
“กี่โมง”
“สามทุ่ม”
“ว่าง”
“โอเค งั้นพรุ่งนี้สามทุ่มนะ พี่โปรดมารับผมด้วยนะครับ”
“อือ แล้วมีไรให้ช่วยมั้ย”
“ก็มีนะ มาช่วยสับหมูหน่อย”
“โอเค”
ผมเตรียมเขียง มีด และเนื้อหมูไว้ให้พี่โปรดที่คงจะทำการสับหมูเป็นครั้งแรก เขาก็ทำอาหารเป็นบ้างนะ ไม่ใช่ไม่เป็น แต่ก็ทำได้แค่ของกินง่ายๆ แค่เอาน้ำร้อนใส่มาม่าก็เลิศมากแล้วล่ะสำหรับพี่โปรดอ่ะ
.
.
.
ผมกับพี่โปรดมาถึงร้านพี่เจ๋งตอนสามทุ่มนิดๆ โทรหาพี่เมลเขาก็บอกว่าให้เข้าไปที่ร้านได้เลย เขานั่งอยู่ที่โต๊ะประจำ พอผมไปถึงก็พบว่าจำนวนคนมีมากกว่าปกติที่ถ้าผมมากินเหล้ากับพี่เมลพี่เท็นเมื่อไหร่ จะมีก็แค่พี่กัสกับพี่ฟิวแล้วก็พี่มายด์เท่านั้นที่มาด้วย แต่จำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นมานี่เล่นเอาแปลกใจเหมือนกัน
แล้วคนที่ผมไม่คิดว่าจะเจอ...เขาก็มานั่งอยู่ที่นี่ด้วย
“พี่ๆ สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้พี่ๆ ทุกคนแล้วพี่เมลก็เรียกให้ไปนั่งข้างๆ เขาซึ่งเว้นที่ว่างไว้สองที่
พวกพี่ๆ รับไหว้ จากนั้นก็ยกมือไหว้พี่โปรดกัน
“ปลื้ม นี่เพื่อนๆ พี่ คนนี้ชื่อเต๋อ ถัดมาก็คิม แม็ค เต้ ลิน แต้ม แล้วก็เขต พวกมึง นี่น้องปลื้มญาติกู กับพี่มาโปรด” พี่เมลเป็นคนแนะนำ
“สวัสดีครับน้องปลื้ม น่ารักจังเลย โชคร้ายหน่อยนะครับที่เป็นญาติกับไอ้เมล ฮ่าๆๆ แล้วก็สวัสดีอีกครั้งครับพี่ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ มาครับๆ ชนแก้วกับผมหน่อย” พี่เต๋อที่ดูจะยิ้มง่ายใจกว้างหันมาส่งแก้วให้พี่โปรดที่ก็รับไว้โดยไม่อิดออดอะไร เหมือนจะรู้จักกันมาก่อนแล้ว แต่ก็ไม่แปลกล่ะมั้งครับ ก็พี่โปรดเคยควงกับเพื่อนพี่เต๋ออยู่พักหนึ่ง เพื่อนพี่เต๋อที่ก็นั่งน่ารักอยู่ใกล้ๆ มีพี่เต้โอบไหล่ไว้ไม่ห่าง
“หล่อระดับตำนานที่มีแต่ผู้หญิงต้องการสินะครับเนี่ย บอกเคล็ดลับผมบ้างครับ ผมโสดมาจะครบห้าปีแล้ว นี๊ดซั่มวัน เอ้ยยย ซัมวันมากๆ อ่ะ” พี่แต้มทำหน้าทะเล้นส่งคำถามข้ามโต๊ะมา
พี่โปรดหัวเราะเบาๆ ก่อนจะให้คำตอบอย่างโคตรน่าหมั่นไส้ว่า “หล่อระดับตำนานคงไม่จริงล่ะมั้ง เพราะถ้าจริงก็คงไม่ต้องรอปาฏิหาริย์อย่างนี้หรอกว่ะ”
“เพราะงั้นมันถึงได้มีคนกล่าวไว้ไงครับพี่ว่าแค่หน้าหล่อไม่พอ ใจต้องหล่อด้วย หึหึ” พี่เต้พูดขึ้นมาบ้าง ผมเห็นความหมั่นไส้ปรากฎทั่วบนใบหน้าของพี่เขาเลย
ผมเลิกสนใจบทสนทนาของคนอื่น ก่อนจะหันมาหาพี่เมลที่ที่นั่งข้างตัวเขายังคงว่างอยู่
“พี่เท็นไปไหนครับ”
“แทงสนุ๊กอยู่ข้างบน”
“อ๋อ” ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะสะกิดพี่โปรดที่มัวแต่ชนแก้วกับพี่เต๋อพี่ลินอยู่ให้หันมา “พี่โปรด นี่พี่เมล ลูกพี่ลูกน้องผม”
“หืม?”
“ลูกพี่ลูกน้อง ได้ยินป่ะ หรือเมา”
“ได้ยินน่า สวัสดีครับ”
“ครับ สวัสดีครับพี่ ได้ยินปลื้มพูดถึงบ่อยๆ แต่เพิ่งได้เจอตัวจริงวันนี้เอง ไม่ค่อยเหมือนอย่างที่คิดไว้เลยนะครับ ฮ่าๆ”
“เอ...ปลื้มไปพูดถึงพี่ไว้ยังไงล่ะเนี่ย”
ผมไม่ได้พูดถึงบ่อยๆ สักหน่อย ก็แค่เล่าให้พี่เมลฟังเฉยๆ
“ไม่ได้พูดเรื่องแย่ๆ หรอกครับ ไม่ต้องห่วง ว่าแต่พี่รู้เรื่องจดหมายที่น้องได้รับบ้างรึเปล่า”
“รู้”
“ผมพาน้องไปแจ้งความไว้แล้ว คิดว่ามันคงดีกว่าที่จะไม่ทำอะไรเลย”
“ดีแล้วล่ะ ทางพี่ก็ตามหาตัวอยู่เหมือนกันว่าใครเป็นคนทำ แต่ก็ไม่มีเวลาว่างมานั่งจับตาดูทั้งวัน ตอนนี้เลยยังไม่ได้เรื่องอะไร แต่พี่สั่งลูกน้องเฝ้าไว้แล้ว คงไม่มีปัญหา”
ลูกน้องที่ว่าก็คือพ่อบ้านคนสนิทของพี่โปรด คอยจัดการเรื่องทุกอย่างให้ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเงินกู้ ผับเปิดใหม่ที่ร่วมหุ้นกับพี่เทพ หรือความต้องการอะไรก็ตามของมาโปรด เขาทำได้หมดครับ แล้วก็มีอีกสองสามคนที่อยู่ใต้คำสั่งของพ่อบ้านอีกที อืม...คิดๆ ไปแล้วอย่างพี่โปรดนี่ประมาทไม่ได้นะครับสำหรับคนที่เป็นศัตรู บทเขาจะโหดขึ้นมาก็ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมเลยเหมือนกัน เลยไม่ค่อยมีใครกล้าเบี้ยวไม่จ่ายเงินสักคน =_=;
“อืม...ก็ดีครับ ปลื้มจะได้ปลอดภัย เท็นเท็น มานี่!!!! น้องพาแฟนมาแหนะ รีบๆ มา มัวแต่ไปสีผู้หญิงอยู่ได้ มึงนี่มันน่าถีบจริงๆ”
แฟนอะไรอ่ะ ยังไม่ได้ตกลงกันเลยนะ =O=;
พี่เท็นเดินทำหน้าเซ็งมาแต่ไกล เพราะสนิทกับเจ้าของร้านจนเหมือนจะเป็นเจ้าของร้านซะเอง พวกพี่ๆ ถึงได้ทำตัวตามสบายกันเหมือนกับนั่งกินเหล้าอยู่ที่บ้านก็ไม่ปาน
“สีเหี้ยไร ไอ้พี่เจ๋งใช้กูเอาเบียร์ไปเสิร์ฟโต๊ะเขา ไอ้พี่ห่านั่นก็เห็นลูกค้าเป็นเด็กในร้านไปได้ กูล่ะเซ็ง เออ แล้วไหนวะ คนที่ทำมึงอกหัก”
แอบเห็นพี่โปรดอ้าปากค้างนิดๆ กับคำพูดของพี่เท็น แต่สุดท้ายก็ปรับสีหน้าเป็นปกติได้
“คนนี้ป่ะ สวัสดีครับคุณ มาโปรดนี่ใช่คนที่เคยควงกับไอ้แม็คป่ะครับ”
“ใช่ครับ” พี่โปรดตอบกลับไป พี่เท็นแค่ยักไหล่นิดๆ อย่างไม่สนใจสายตาของเพื่อนร่วมโต๊ะและแรงสะกิดจากพี่เมลเลย
“ที่ไอ้ปลื้มอกหักนี่เพราะคุณมาชอบเพื่อนผมเหรอครับ?”
“พี่เท็น...”
“มึงเงียบ”
ผมหุบปากฉับไปทันทีเพราะดวงตาเจ้าเล่ห์ที่เหมือนตัวโกงของพี่เขามองปราดมา
“กูแค่สงสัย จะตอบก็ได้ไม่ตอบก็ได้ ไม่ได้ว่า แต่กูค้างคาใจก็ต้องถาม เพราะมันเกี่ยวกับเพื่อนและน้องกู ไม่อยากให้เหล้าคืนนี้กร่อย โอเคกับเหตุผลของผมมั้ยครับคุณ”
“พอรับได้” พี่โปรดพยักหน้าแล้วดื่มเหล้าเข้าไปอีกอึกใหญ่ “มันมีเหตุผลหลายๆ อย่างที่จะพูดตรงนี้ก็คงไม่ดี แต่ที่ปลื้มต้องเสียใจก็เพราะผมแน่นอน ส่วนเรื่องของน้องแม็ค สำหรับผมแล้วไม่มีอะไร มันเป็นความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น”
“ค่อนข้างเคลียร์ครับ ชนแก้ว”
เพราะพี่เท็นเป็นคนแบบนี้ ผมถึงชอบเขา ปากร้ายแต่ก็ใจดี บางทีเหมือนไม่แคร์ใครเลย แต่จริงๆ เขาก็แคร์ในแบบของเขา ผมรู้ว่าเขามองออกว่าผมกำลังอึดอัดใจที่เห็นพี่แม็คนั่งอยู่ที่นี่ เพราะพี่โปรดไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ให้ฟังเลย มันก็เป็นความค้างคาใจเล็กๆ ที่อยากรู้ว่าสรุปแล้วพี่โปรดกับพี่แม็คมีอะไรกันจริงๆ หรือเปล่า แต่ผมก็ยังไม่กล้าถามสักที เพราะกลัวคำตอบมากเหลือเกิน กลัวว่ามันจะไม่ใช่แค่เรื่องเข้าใจผิด กลัวว่าที่เขายอมทำตามคุณเปรมก็เป็นเพราะลึกๆ แล้วเขาก็ชอบพี่แม็คอยู่จริงๆ กลัวทั้งๆ ที่เรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว
ผมรู้เหตุผลที่เขาทำ...แต่ก็ไม่ทั้งหมด เลยได้แต่ค้างคาใจมาตลอด เรื่องที่เกิดขึ้น ผมไม่ได้โกรธใคร และพร้อมจะให้อภัยหากมีคนขอโทษ แต่มันก็ยังมีแผลเป็นในใจเมื่อนึกย้อนไปถึงความเจ็บปวดที่ได้เจอ เพราะมันเป็นของจริง ผมถึงได้รู้สึกแย่ทุกครั้งที่ความทรงจำพวกนั้นแว๊บเข้ามาในหัว แต่เดี๋ยวนี้มันก็ค่อยๆ จางลงไปแล้ว ผมไม่ได้ไม่ให้อภัยพี่โปรด ก็แค่ที่ผ่านมาผมยังไม่พร้อม ยังไม่แน่ใจ และยังต้องการความชัดเจนให้มากขึ้น
แต่ตอนนี้...มันก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป เพราะสิ่งที่เขาคอยทำให้ ทำให้ผมรู้สึกว่า...อยากที่จะเริ่มต้นใหม่กับเขา อยากที่จะรู้จักผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ ให้มากขึ้น ได้เห็นทุกมุมของเขา ไม่ว่าจะสุขหรือจะทุกข์ ก็อยากจะได้รับรู้ไปพร้อมๆ กัน
“เพื่อนเต้ครับ ถ้ามึงยังโง่อยู่ ระวังเหี้ยเต๋อจะหาผัวให้ไอ้แม็คอีกรอบนะครับมึง” พี่เท็นว่าพลางยิ้มมุมปาก ก่อนจะหันไปชนแก้วกับพี่เต๋อที่พยักหน้ารับหลายที
“ขอบใจในความหวังดีที่กูไม่ต้องการนะครับพวกมึง เมียกู กูดูแลเองครับ ไม่ต้องให้พวกมึงเหนื่อยหาใครมาให้ แสรดดดดด”
“เอ้า! ปรบมือครับทุกคน เพื่อนเต้ของเราถือกำเนิดเป็นสปีชีส์มนุษย์โลกแล้วครับ หลังจากเขางอกไปอยู่ดาวบัฟตั้งนาน” พี่เท็นชูแก้วขึ้นสูง พวกพี่ๆ เขาก็ปรบมือกันไป ไม่เว้นแม้แต่พี่โปรดที่ก็ร่วมไปกับเขาด้วย
“ว่าแต่ดาวบัฟนี่คือไรวะ? นาซ่าแม่งเจอดาวอีกแล้วไง?” พี่เขตทำหน้างงๆ ถาม
“โถะ ไอ้เขตตี้ ชีวีมึงจะซีเรียสไปป่ะวะ ดาวบัฟมันก็คือดาวบัฟฟาโล่ไง มีเหี้ยเต้เป็นประมุข ประชากรดาวก็หน้าเหมือนมันหมดนั่นแหละ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” พี่ลินว่าพลางหัวเราะเสียงดังลั่น ก่อนจะโดนพี่เต้ชูนิ้วกลางให้แล้วถีบขาไปหลายที
“ปากดีนักนะมึง กูจะยุให้ไอ้กัสมีเมียแม่ง”
“เช็ดดดด! พูดงี้ถีบปากเหี้ยเต๋อเลยดีกว่า”
“อย่าไปยุ่งกับมัน ให้แม่งเก็บปากไว้อ้อนเมียมันเถอะ ตอนงานแต่งล่ะทำหน้าจะเป็นจะตาย แต่หลังๆ มานี่กูชวนไปไหนก็บอกเกรงใจเมียตลอด ถุยยยย” พี่คิมว่าแล้วก็หันมาชนแก้วกับพี่โปรดที่ตอนนี้นั่งสบายๆ เอนหลังพิงโซฟาไปเรียบร้อยแล้ว
ในร้านพี่เจ๋งนี่โต๊ะพวกผมจัดได้ว่ามีประชากรร่วมโต๊ะมากที่สุดครับ เลยเสียงดังกันมากหน่อย ยิ่งดึกทุกคนก็เริ่มไม่สนใจคนอื่นแล้ว ก็สนุกกันตามสไตล์ของแต่ละคน พี่เท็นกับพี่เมลนี่ก็คุยกันอยู่สองคน ไม่รู้ว่าปรึกษาเรื่องอะไรกัน ส่วนพี่โปรดก็นั่งฟังพี่เต๋อพูดมาสักพักแล้ว
“ผมไม่ค่อยคึกเลยว่ะพี่ เห็นแล้วหมดอารมณ์ มันผิดปกติรึเปล่าวสำหรับผู้ชายวัยจ๊าบอย่างผมเนี่ย”
“ไม่รู้ดิวะ กูก็ไม่เคยเป็น มึงลองหาอะไรมาโด๊บบ้างสิ เผื่อจะดีขึ้น”
“ผมลองแล้วนะ ก็ยังไม่อยากทำอยู่ดี แต่ดูหนังโป๊มันก็ขึ้นปกติอ่ะ”
“กูว่าปัญหาอยู่ที่เมียมึงแล้วว่ะ”
“ผมก็ว่างั้น แต่ก็ไม่อยากจะคิด”
“แล้วหนังที่มึงดูนี่แนวไหน แจ่มป่ะวะ แบ่งกูมั่ง”
แค่เรียนก็จะตายอยู่ละ พี่จะเอาเวลาที่ไหนไปดูครับ -_-
“ก็ไอ้เท็นให้ผมยืมมา แจ่มๆ ทั้งนั้นพี่ ขาวๆ ตี๋ๆ”
“-_- มันไม่ใช่ต้องขาวต้องหมวยเหรอ”
“อ้าว ผมไม่ได้บอกเหรอว่าเป็นหนังเกย์”
เห็นหน้าพี่โปรดแดกจุดไปผมก็ต้องแอบกลั้นหัวเราะ พี่เต๋อแกทำหน้าเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาจนผมอดคิดไม่ได้ว่าเพราะพี่แกอยู่กับพี่เท็นมากไปรึเปล่า ถึงได้คิดอะไรแหวกแนวอย่างนี้ ไม่ต้องสงสัยแล้วล่ะครับว่าทำไมกับผู้หญิงพี่ถึงไม่คึก =_=
“น้องปลื้ม เติมน้ำแข็งให้พี่เต๋อหน่อยครับ” พี่เต๋อยื่นแก้วมาให้ผม ผมเลยคีบน้ำแข็งใส่แก้วให้เขาไป
“ขอบคุณคร้าบบบ ตัวกะเปี๊ยกเดียว น่ารักน่าฟัดจริงๆ”
“แหะๆ”
ผมนั่งมองพวกพี่ๆ เขาคุยกันไปสักพัก ก็ขอตัวมาห้องน้ำ กินไปไม่กี่แก้วแต่ก็มึนๆ เหมือนกัน พี่โปรดเดินมาเป็นเพื่อนด้วย แต่ตอนนี้คนรอต่อคิวเข้าห้องน้ำเยอะ ผมกับพี่โปรดเลยหลบออกมาสูดอากาศตรงบริเวณที่สูบบุหรี่ก่อน ซึ่งตอนนี้ไม่มีคนอยู่เลยและบรรยากาศก็ดีมาก
“ปลื้ม”
“ครับ”
“อยากรู้เรื่องแม็คมั้ย”
จู่ๆ พี่โปรดก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา ผมมองตาเขา ก่อนจะพยักหน้า
“ครับ”
“ก็อย่างที่พี่บอกไปแล้วว่าไม่มีอะไร ช่วงนั้นไอ้เต๋อมันมาขอให้พี่ช่วยควงน้องแม็คให้ไอ่เต้เห็นก็แค่นั้น”
“พี่แม็คกับพี่เต้นี่เขาเป็นแฟนกันเหรอ”
“ตอนนี้น่าจะเป็นแล้วมั้ง แต่ตอนที่มาขอให้พี่ช่วยก็คาราคาซังกันอยู่”
“อือ”
พี่โปรดจับมือผมขึ้นไปแนบที่แก้มตัวเอง ก่อนเสียงทุ้มน่าฟังจะดังขึ้นว่า “เป็นความจริงที่พี่ทำให้ปลื้มเสียใจ แต่ก็มีอีกอย่างที่เป็นความจริง...คือ...พี่ไม่เคยนอกใจปลื้มเลย”
“อือ”
“พูดมากกว่าคำว่าอือได้มั้ย”
ผมมองหน้าพี่โปรดอีกครั้ง พิจารณาจนถี่ถ้วนว่าผู้ชายตรงหน้า ตอนนี้เขากำลังทำสีหน้าแบบไหน รอยยิ้มของเขาจริงใจแค่ไหน แล้วผมก็รู้...ว่านี่แหละคือ..มาโปรด คนที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ทำให้ผมหัวใจเต้นแรงได้ทุกที ไม่ใช่ใครอื่นเลย
“จูบผมหน่อย”
ไม่ต้องรอให้พูดเป็นครั้งที่สอง ริมฝีปากของพี่โปรดก็แนบสนิทอยู่กับริมฝีปากผม แค่เพียงปลายลิ้นที่สัมผัสกันผมก็สั่นไปทั้งตัว เพราะมันนานมากแล้วที่เราไม่ได้สัมผัสกันอย่างนี้ ผมไม่รู้ว่าพี่โปรดรู้สึกดีแค่ไหน แต่สำหรับผมแล้ว...มันรู้สึก...ดีสุดๆ ไปเลย
ก่อนจะผละริมฝีปากออก ผมดูดริมฝีปากล่างของพี่โปรดเบาๆ แล้วเลื่อนลงจูบที่ปลายคางของเขา พี่โปรดยิ้มเล็กน้อย ก้มลงหอมแก้มผม เลื่อนริมฝีปากไปที่บริเวณซอกคอ รู้สึกถึงแรงงับและดูดเล็กน้อยแต่ผมก็ไม่ได้ท้วงอะไร
“พี่โปรด...” ผมเรียกชื่อเขาเบาๆ เขาเลื่อนริมฝีปากขึ้นมาจูบริมฝีปากผมอีกครั้งแล้วผละออกไป ก่อนที่มือเรียวยาวจะลูบหัวผม
“เด็กดีของพี่”
“รอผมอีกหน่อยนะครับ”
“อืม...นานเท่าไหร่ก็จะรอ”
วันนี้ผมดีใจ...ที่เรายิ้มให้กันได้อย่างคนที่มีความรู้สึกดีและปรารถนาดีต่อกัน ถึงเรื่องที่เราต่างก็ทำร้ายกันผมจะไม่อยากให้เกิดขึ้นนัก แต่ก็ขอบคุณที่มันทำให้เราได้เห็นข้อผิดพลาดของตัวเองและจะไม่กลับไปทำผิดซ้ำสองอีก
“กลับเข้าข้างในกันเถอะ น้ำค้างลงแล้ว”
“ครับ”
จังหวะที่กำลังจะหันกลับเข้าร้าน หางตาผมก็เหลือบไปเห็นน้องส้มยืนหลบมุมมองมาด้วยสายตาที่ทำให้ผมค่อนข้างไม่สบายใจ น้องยืนอยู่ในที่อับแสงเลยไม่เห็นชัดนัก แต่ดวงตาที่โปนออกมาและจ้องเขม็งมานั้นผมเห็นได้ชัดเลยทีเดียว รวมทั้งนิ้วที่ชี้มาที่ผมและยกขึ้นปาดคอตัวเองด้วย...
มันอะไรกันนะ...จะตามรังควานผมไปถึงไหนผู้หญิงคนนี้ แล้วทำไมถึงตามมาร้านนี้ได้...ทั้งๆ ที่ผมก็มาที่นี่ออกบ่อยแต่ไม่เห็นเธอเลย
“พี่ น้องรหัสพี่ช่วงนี้เขาทำตัวแปลกๆ ป่ะ”
“หมายถึงผู้หญิงคนนั้นน่ะเหรอ”
“ครับ”
“อืม ก็ไม่มั้ง พี่ไม่รู้อ่ะ ไม่ได้สนใจ”
“อ๋อ”
“มีอะไรรึเปล่า เขามารบกวนอะไรปลื้ม”
“อ่า..เปล่าหรอกครับ ผมแค่คิดว่าเขาเป็นคนส่งจดหมายมารึเปล่า”
“อืมมม น่าคิด แต่เขาก็ดูไม่ใช่คนโรคจิตอะไรนะ ไว้พี่เช็คอีกที ไม่ต้องห่วง พี่ไม่ปล่อยให้ใครมาทำอะไรปลื้มหรอก”
“อื้อ”
“แวะห้องน้ำก่อนป่ะ คนคงเริ่มน้อยละ”
“ครับ”
ผมเลิกสนใจกับสายตาที่จ้องเขม็งมา แล้วเดินตามพี่โปรดกลับเข้าไปข้างใน
ได้แต่หวังว่า...คงไม่ใช่...อย่างที่ผมคิด
............................................To be continue...............................................
เรามาค่ะ เรามาาาาาาาาาาาา 
คิดว่าจะกลับมาไม่ทันเลยบอกไว้ว่าอาจจะไม่มา แต่ก็ทัน อิอิ
คิดว่าหลายๆ คนคงรู้ว่าใครคือเจ้าของจดหมาย 
ปล. ใครอยากมโนหน้าใครก็ได้เลยค่าาาา เต็มที่ ไม่ขัดขวางจินตนาการ อิอิ
ปล2. ขอบคุณเพลงเพราะๆ ที่โพสในคอมเม้นค่ะ และขอบคุณความคิดเห็นยาวๆ ทุกๆ ความคิดเห็น
ปล3. เราก้าวไปพร้อมๆ กันแล้วนะคะ
มีสารบัญละนะ อย่าลืมดู
ปล4. เราไทม์สคิปกันบ่อยมาก แต่ก็ไม่ได้ข้ามรายละเอียดสำคัญอะไรนะคะ เพราะช่วงที่ไทม์เขาก็มุ้งมิ้งกันอยู่สองคน ก็ละไว้แค่นั้น ฮ่าๆๆ
สุดท้าย...คุณรักเรา เราก็รักคุณ 
ไว้เรื่องนี้จบแล้วจะตามไปเก็บเท็นเท็นนะคะ รอกันอีกหน่อยค่ะ ไม่นาน

แก้คำผิด รังควานค่ะ ไม่ใช่รังควาญ คนเขียนพิมพ์ผิด อยากกรีดร้อง