ตอนที่ 17“อาาาาาาาาา...พอ..พอแล้วปลื้มมมม ขึ้นมา” ผมเลื่อนใบหน้าจากกลางลำตัวไปประกบปากกับคนที่นั่งพิงหลังกับหัวเตียงทันที เสียงครางเมื่อกี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน พี่โปรดสุดหล่อของผมนั่นเอง ผมแค่ทำการรีดน้ำยามเช้าให้ก็เท่านั้น เป็นรางวัลที่ช่วงนี้ทำตัวดี
พี่โปรดหลับตาพริ้มรับจูบผมที่ในปากยังมีกลิ่นคาวน้ำรักซึ่งทำให้มัวเมาได้ง่ายยิ่งกว่าดื่มเหล้าชั้นดี การสอดใส่ไม่ใช่ทางเลือกเดียวที่จะพาไปถึงสวรรค์หรอกครับ สำหรับผมแล้วผมถนัดใช้ปากกับลิ้นตัวเองให้คนรักของผมเขามีความสุขมากกว่า
“เก่งขึ้นทุกวัน ใครสั่งใครสอน” พี่โปรดถามเสียงพร่า ปากก็ยังไล่วนอยู่กับซอกคอผมไม่หยุดแถมยังไซ้ต่ำลงมาเรื่อยๆ
“ไม่ใช่โปรดหรอก ^^”
พี่โปรดหยุดชะงักก่อนจะ “โอ้ยยยยยยยยย กัดทำไม”
กัดแรงขนาดนี้ผมจะไม่สงสัยเลยถ้าหัวนมผมหลุดติดปากพี่โปรดไป
“ปากดี”
“ก็รู้ว่าพูดเล่น”
“ไม่รู้”
“อย่ามามึน ตัวติดกันอยู่ทุกวัน จะให้ไปมีใครที่ไหน”
“เชื่อได้เหรอ เบอร์โทรเข้ามีแต่เบอร์แปลก พี่ไม่พูดไม่ใช่ว่าพี่ตาบอด”
“ของตัวเองก็เยอะ อย่ามาๆ”
“เขาโทรมาขายประกัน”
“ของปลื้มเขาก็ติดต่อมาให้ไปทำบัตรเครดิต ^^”
ผมกับพี่โปรดหัวเราะออกมาพร้อมกัน ที่จริงก็ต่างคนต่างรู้ว่ามันเป็นยังไงเพราะแลกมือถือกันใช้จนทั้งเพื่อนผมและเพื่อนพี่โปรดบ่นกันใหญ่ที่โทรหาแล้วกลับไม่ได้คุยกับเจ้าของเครื่อง ยิ่งคุณเปรมนี่ยิ่งกวนตีนพี่โปรด โทรเข้าเครื่องผมวันละสามเวลาอย่างที่ผมสงสัยจริงๆว่าแม่งไปออกค่ายแล้วทำไมมีเวลามากวนตีนชาวบ้านเขา พี่โปรดโกรธอย่างกะภูเขาไฟระเบิด และในที่สุดคุณเปรมโดนขู่ตัดเงินไปสามพันรวมทั้งเงินที่ยืมพี่โปรดไปก็คิดดอกเบี้ย
“เมื่อไหร่จะพาไปทะเล” ผมถามอย่างแอบหวังอยู่นิดๆ ว่าจะได้ไป ถามคราวก่อนก็บอกว่าสงกรานต์ แต่เอาเข้าจริงพี่โปรดได้หยุดแค่สามวัน นอกนั้นต้องติวต้องอ่านหนังสือไปมหาลัยแทบทุกวันเตรียมสอบใบอะไรก็ไม่รู้ของเขาสงกรานต์เลยกร่อยเหมือนทุกปีที่ผ่านมาซึ่งผมก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร สู้อากาศร้อนไม่ไหวก็นอนหลบแดดอยู่ในคอนโดฯดีกว่า ส่วนพวกคุณเปรมไปออกค่ายครับ วิดวะอาสาพัฒนาชนบทนั่นแหละ ค่ายหนึ่งเดือนที่ผมอยากไป คุณเฟรนโทรมาคุยกับผมบ่อยๆ ส่วนมากถามถึงไอ้เจ้ยที่ตอนนี้อยู่ในความดูแลของคุณติ๊ก คุณเฟรนเล่าอีกว่าอากาศดีมากกกก ชาวบ้านเป็นกันเอง อาหารอร่อย ได้เก็บสตรอเบอร์รี่ด้วยอีกต่างหากไอโฟนผมแทบลุกเป็นไฟด้วยความอิจฉา
“เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น”
“ไม่มีกำหนดว่างั้นเถอะ”ผมกัดจมูกพี่โปรดอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะลดตัวลงต่ำรับแก่นกายที่ตั้งชันอย่างท้าทาย พี่โปรดซี๊ดปากตลอดเวลาที่ผมเคลื่อนตัวลงต่ำจนมิดลำ
“ก็ไม่อย่างนั้นซะทีเดียว อืมมม..ม..ม จูบหน่อย”
ผมก้มลงจูบพี่โปรดตามคำขอ ในขณะที่ช่วงล่างก็ขยับขึ้นลงช้าๆ ผมไม่รีบร้อนเพราะอยากทรมานคนเล่นแต่ตัวผมเองก็ทรมานนิดๆ เหมือนกัน
พี่โปรดยิ้มแยกเขี้ยวตอนที่ผมวนสะโพกไม่ยอมขยับ เกือบนาทีที่ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำเต็มไปด้วยความต้องการ ริมฝีปากสวยเปล่งเสียงครางต่ำ ซี๊ดปากเป็นระยะ
“ชอบมั้ยครับ” ผมยิ้มใส่ตาคู่สวยของพี่โปรด มือก็คลึงเล่นอยู่บริเวณยอดอก แทนคำตอบสะโพกผมถูกจับไว้ด้วยมือทั้งสองข้างของพี่โปรดที่ตอนนี้ยกตัวผมลอยจนช่วงล่างแทบหลุดออกจากกัน ก่อนจะกดลงจนมิดลำอย่างรวดเร็ว ผมร้องแทบไม่ออกเพราะทั้งเสียวทั้งจุก หัวใจเหมือนหล่นหายไปที่ไหนสักที่ตอนพี่โปรดทำซ้ำๆ อย่างนี้หลายๆ ครั้ง ผมกอดคอพี่โปรดไว้แน่นในขณะที่จังหวะการขยับเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา บางครั้งก็ทั้งแรงและเร็วจนได้ยินเสียงเนื้อกระทบกัน แต่บางครั้งกลับเชื่องช้าอ้อยอิ่งอย่างน่าโมโห จนในที่สุดก็รัวเร็วทำเอาหายใจแทบไม่ทัน และแทบหยุดหายใจเมื่อรู้สึกกระตุกสั่นไปทั้งร่างแล้วคนที่อยู่เบื้องล่างก็กระตุกพลางกระแทกเน้นหนักอีกสามสี่ครั้ง เสียงครางต่ำดังขึ้นบอกให้รู้ว่าเจ้าของเสียงเพิ่งพอใจสุดๆ เมื่อไม่กี่นาทีก่อนตามด้วยเสียงหอบหายใจเหมือนไปวิ่งมาสักห้ากิโลเมตร
ผมกระแอมไอให้เสียงกลับมาเป็นปกติ ก่อนจะยกตัวออกแล้วล้มตัวนอนคว่ำหน้า รู้สึกถึงน้ำรักที่เริ่มไหลลงมาตามขาแต่ผมไม่ได้สนใจ ผมจุกไปทั้งช่องท้องเลยตอนนี้ “เล่นแรงไปแล้วนะพี่”
“ความผิดใครล่ะ” เสียงพี่โปรดยังคงแหบพร่า เหงื่อผุดพรายอยู่บนหน้าผากเหนือคิ้วเข้ม แต่ริมฝีปากก็ยังคลี่ยิ้มน่ามอง “เจ็บเหรอ”
“ทั้งเจ็บทั้งจุก”
“เดี๋ยวพี่ไปเอาถุงน้ำร้อนมาให้”
“อือ หิวน้ำด้วยพี่ แฟนต้ากระป๋องเล็กอยู่ในตู้เย็นเล็กอ่ะ”
“ห้ามกินน้ำอัดลมก่อนกินข้าว”
“งั้นเอาชาเขียว”
“น้ำเปล่า โอเค?”
ในเมื่อตอนนี้ผมยังไม่มีแรงขยับตัวไปไหนได้ เลยต้องตอบพี่โปรดไปว่า “จัดมาตามนั้นครับพี่”
สักพักพี่โปรดก็กลับมาพร้อมกับถุงน้ำร้อนและน้ำแร่หนึ่งขวด ผมค่อยๆ พยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งเพื่อจะได้ดื่มน้ำได้สะดวก พี่โปรดที่ตอนนี้มีแค่ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่พันรอบเอวไว้กำลังโทรหาแม่บ้านให้ขึ้นมาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนและทำความสะอาดห้อง
“แม่บ้านจะขึ้นมาตอนเก้าโมง ตอนนี้เราไปอาบน้ำกันก่อน ปลื้มไหวมั้ย”
“เดินไม่ไหว กระดูกเชิงกรานคงใช้การไม่ได้ไปแล้วมั้งพี่”
“เกินจริงไปมั้ยไอ้เด็กบ้า”
“คงไม่ใช่แค่กระดูก แต่ตับม้ามไตคงแตกไปเพราะแรงกระแทกแปดริกเตอร์ของพี่นั่นแหละ”
พี่โปรดส่ายหน้ากับคำพูดเกินจริงของผม ก่อนจะเข้ามาอุ้มผมเหมือนอุ้มเด็กสามขวบ มือผมโอบรอบคอพี่โปรดไว้โดยอัตโนมัติ ขณะที่ขาโอบแน่นอยู่กับเอวของพี่เขา เพราะขืนผมร่วงลงพื้นตอนนี้ผมมั่นใจว่าผมจะไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนได้อีกหลายวันเลยล่ะครับ - - พี่โปรดอาบน้ำให้ผม ช่วยแต่งตัวให้แล้วอุ้มผมมาวางที่โซฟาห้องนั่งเล่นพร้อมกับวางถุงน้ำร้อนที่อุ่นกำลังพอดีไว้บนหน้าท้อง
“เดี๋ยวก็หาย” พี่โปรดจูบหน้าผากผมเบาๆ “หลับรอก็ได้ พี่อาบน้ำเสร็จจะมาปลุก”
“แล้วข้าวอ่ะ จะกินไร”
“คุณแม่จะให้แม่บ้านเอามาให้”
“คุณแม่กลับมาแล้วเหรอครับ”
“มาถึงตอนตีห้า เย็นนี้ต้องไปทานข้าวที่บ้านใหญ่ โอเค?”
“อือ โปรดไปอาบน้ำเถอะไป เดี๋ยวแม่บ้านมาเห็นจะใจแตก”
“ใจแตกเหมือนปลื้มเหรอ ^^”
“เออ ปลื้มมันไม่ดีหรอก”
ผมล่ะไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงถึงต้องรุมแย่งผู้ชายปากร้ายคนนี้ด้วยนะ มีดีตรงไหนครับพวกคุณ -*-
ระหว่างที่พี่โปรดอาบน้ำ แม่บ้านก็เข้ามาทำความสะอาด ผมนอนเล่นเฟซที่ไม่ได้เข้าเล่นมาได้สักพัก มีคำขอเพิ่มเพื่อนเพิ่มขึ้นมาจากเดิมอีกร้อยกว่าคน ผมเลือกรับแอดเฉพาะพี่นิ้งกับมิ้มที่ให้เฟซไปตอนเจอกันที่งานเลี้ยงของไอ้เจ้ยเท่านั้น นอกนั้นอีกสองพันกว่าคนผมไม่ได้สนใจ ก่อนที่จะเลื่อนไปดูกล่องข้อความหรือการแจ้งเตือนอื่นๆ ผมก็สะดุดตากับคำขอที่มาจากคนที่กำลังอาบน้ำ ผมกดรับโดยไม่ต้องใช้เวลาตัดสินใจนานเพราะจนถึงตอนนี้คำถามที่ผมถามพี่โปรดแล้วได้คำตอบเป็นเพียงยิ้มหล่อๆอย่างน่าหมั่นไส้นั่นได้หายไปแล้ว มีเพียงแค่คำตอบที่ปรากฎอยู่บนฟีดข่าวที่มีคนกระหน่ำกดไลค์ด้วยยอดไลค์ที่พุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว และคอมเม้นที่ขึ้นหนึ่งคอมเม้นต่อวินาทีเลยก็ว่าได้
เพียงเพราะ Married with HerePro@Dยังไงล่ะ ^^
พี่นิ้งที่ออนอยู่พอดี พิมพ์คำว่ากรี๊ดมาทางช่องแชทตามด้วย ดอเด็กอีกยาวเหยียดเพื่อบอกให้รู้ว่าเธออยากกรี๊ดสุดเสียงใส่หน้าผม ก่อนจะบอกผมว่าผมเป็นตัวการทำให้ผู้หญิงช็อคและเสียน้ำตากันค่อนประเทศถึงผมจะรู้ว่าพี่โปรดมีคนชื่นชอบเยอะก็เถอะ แต่คงจะไม่เยอะเท่าที่พี่นิ้งบอกผมหรอกครับ -_-
ผมกดไลค์เพลงกว่าจะบอกรักของพี่บอยพีชเมกเกอร์ที่พี่โปรดแท็กชื่อผมลงไปพร้อมข้อความว่า ‘@BE_PLEASED ฉันไปทำอะไรผิดร้ายแรงหรือเธอ -*-’ โพสในช่วงที่ทะเลาะกัน ซึ่งผมไม่คิดว่าพี่โปรดจะกล้า แต่ก็เป็นเวลาที่หายออกไปกินเหล้าพอดี คงได้ความกล้าจากน้ำเมาแหละครับ ผมเลยเม้นต่อจากคอมเม้นคนอื่นๆว่า ‘เพ้อเจ้อใหญ่แล้วครับมาโปรด ^^’ แล้วจากนั้นโพสนี้ก็เป็นประเด็นให้คนมาคอมเม้นมากดไลค์ต่อ -_-
สักพักพี่โปรดก็เดินหล่อออกมาด้วยชุดแสนธรรมดาเสื้อยืดกางเกงบอล ในมือถือไอโฟนมาด้วย นิ้วโป้งเลื่อนขึ้นลงเหมือนดูอะไรสักอย่าง ก่อนจะนั่งลงบนพื้นพิงหลังกับโซฟาที่ผมนอนประคบร้อนอยู่
“ใครเพ้อเจ้อห้ะไอ้ตัวแสบ” พี่โปรดหันมาถามก่อนจะเขกหัวผมหนึ่งที
“คนตัวโตแถวๆ นี้” ผมคลำหัวตัวเองอย่างเบามือพลางแลบลิ้นใส่แผ่นหลังพี่โปรดที่น่าซบแม้เจ้าของจะน่าถีบมากก็ตาม
“ดีขึ้นยัง”
“ทรุดลงตอนโดนพี่เขกหัวอ่ะ”
“ไม่เกี่ยวกันเลยครับน้องปลื้ม -_-”
พี่โปรดเลิกสนใจผมแล้วเปิดทีวีดูสารคดีงูที่ชอบ ไม่รู้ว่าช่องนี้มันไม่ฉายอย่างอื่นบ้างหรือไง - - ผมมองใบหน้าด้านข้างของพี่โปรด ไล่ตั้งแต่ปลายคาง ริมฝีปาก จมูกโด่ง จรดตาคู่สวย แล้วรู้สึกหัวใจพองโตอย่างบอกไม่ถูก ผมอาจจะหลงรูปอยู่มาก แต่มีใครบ้างล่ะครับที่เห็นพี่โปรดแล้วจะละสายตาจากไปได้ ...ผมแน่ใจว่าไม่มี แล้วคนๆ นี้ เขามองเห็นอะไรในตัวผมนะ ผมมีดีให้พี่โปรดได้ภูมิใจบ้างรึเปล่า? ผมคิดมาได้สักพักแล้วว่าถ้าวันใดวันหนึ่งพี่โปรดขอเลิกกับผม ผมก็จะไม่รั้งเขาไว้ ไม่รู้สิครับ...แต่ผมคิดว่าพี่โปรดน่าจะได้เจอคนที่ดีกว่าผม เหมาะสมกับพี่โปรดมากกว่าที่ผมเป็น
“ขึ้นสเตตัสในเฟซอย่างนี้ดีแล้วเหรอครับพี่” ผมถามในขณะที่ตาก็ยังไล่อ่านคอมเม้นที่ตอนนี้มีมากเป็นร้อยสองร้อยกว่าแล้ว
“ไม่เห็นเป็นไร” พี่โปรดยักไหล่สบายๆ “เผื่อพวกที่ไม่รู้มันจะได้เลิกตามจีบปลื้ม”
“โฮะ หน้าอย่างปลื้มจะมีใครมาจีบ กลัวก็แต่เรตติ้งพี่จะตก อีกอย่างปลื้มไม่อยากให้ใครมองว่าพี่เป็นเกย์”
“ถ้าคิดมากอย่างนี้แล้วจะรับคำขอทำไม” พี่โปรดหันหน้ามาขมวดคิ้วใส่ผม “มันไม่เกี่ยวว่าใครจะคิดยังไง นี่เป็นเรื่องของเราสองคน โอเค?”
“อือ แต่พี่ไม่อายเหรอที่คบกับปลื้ม”
พี่โปรดเขกหัวผมสองทีติดกันแถมยังดึงแก้มผมจนยืด “เลิกคิดมากได้แล้ว”
“อือ รู้แล้วน่า ชอบเล่นเจ็บๆ อยู่เรื่อย”
“ไม่เจ็บจะพูดรู้เรื่องเหรอ เดี๋ยวก็คิดนั่นคิดนี่เอามาทะเลาะกันอีก”
ผมอมยิ้มมองพี่โปรดที่คิ้วเข้มๆ นั่นยังคงขมวดเข้าหากัน ก่อนจะยกมือข้างหนึ่งไปลูบที่แก้มพี่โปรดเบาๆ “ปลื้มมีแต่ตัวนะพี่แถมหน้าตาก็ไม่ดี พี่โปรดแน่ใจแล้วจริงๆ นะ”
“เออ”
“ดีจัง...รักพี่โปรดที่สุดเลย ^^”
“ไอ้เด็กบ้า”
นานๆ ทีพี่โปรดจะได้มีเวลาให้ผม เราเลยใช้เวลาอยู่ในห้องพูดคุยกัน ทานข้าวที่แม่บ้านของบ้านพี่โปรดเอามาให้ อิ่มแล้วก็มานอนเล่นที่โซฟา ดูสารคดีที่พี่โปรดชอบจนถึงเย็น ผมก็ดูเป็นเพื่อนบ้างหลับบ้างตามประสาคนไม่ชอบสัตว์ไม่มีเท้า
“เบื่อมั้ย อยากไปเที่ยวไหนรึเปล่า” ถ้าจะให้ตอบจริงๆ ผมก็เบื่อ หลายวันมานี้ผมไม่ได้ออกไปไหนเลย อยู่คนเดียวในห้องรอพี่โปรดกลับมาก็เท่านั้น แต่จะให้ผมตอบออกไปทั้งๆ ที่พี่โปรดเพิ่งจะได้พักหลังจากเหนื่อยมาหลายวันผมก็ทำไม่ได้
“ไม่อ่ะ แล้วพี่สอบเป็นไงบ้าง”
“ก็โอเค”
“ผ่านชัวร์?”
“แน่นอน” ดูท่าทางมั่นใจมากขนาดนั้นก็คงไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว
“งั้นพี่ก็ว่างแล้วใช่ป่ะ”
พี่โปรดมองหน้าผม ก่อนจะตอบด้วยสีหน้ากังวลใจว่า “เอ่อ พี่ลืมบอก พี่ต้องไปออกค่าย เป็นค่ายเตรียมความพร้อมให้รุ่นน้อง เพื่อนพี่ขอมา... ปฏิเสธไม่ได้...”
“อ๋อ...ครับ ไปกี่วันอ่ะพี่ น่าสนุก” ผมเก็บซ่อนความผิดหวังไว้ลึกๆ
“สามวันสองคืน ปลื้ม... คือ พี่อาจจะไม่มีเวลาให้ แต่ไม่ใช่ว่าพี่ไม่คิดถึงความรู้สึกปลื้มนะ ยิ่งถ้าพี่ขึ้นปีสี่ พี่อาจจะไม่มีเวลาอยู่กับปลื้มมากกว่านี้ ปลื้มเข้าใจพี่ได้มั้ย”
“ปลื้มเข้าใจ พี่โปรดไม่ต้องกังวลหรอก พี่โปรดทำสิ่งที่พี่โปรดชอบได้เต็มที่ ปลื้มเป็นกำลังใจให้ ^^”
“ห้ามเปลี่ยนไป แล้วก็ห้ามคิดว่าพี่ไม่รักปลื้ม โอเคมั้ย”
“ครับๆ กังวลกับเรื่องแค่นี้ไม่สมกับเป็นเสี่ยโปรดเลย มาๆ กอดปลอบๆ”
พี่โปรดเข้ามาในอ้อมกอดผมเหมือนเด็กๆ ผมเลยได้ทีลูบผมนิ่มๆ ของพี่โปรดเล่น - - ผมโกหกตัวเองไม่ได้หรอกว่าผมไม่เหงา บางทีผมก็คิดว่าถ้าตอนนี้ผมไปออกค่ายกับเพื่อนๆ ผมคงสนุก ผมคงได้หัวเราะเสียงดังๆ ได้ประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากเมืองกรุง
เย็นวันนั้นพวกเราไปกินข้าวกันที่บ้านใหญ่ คุณแม่ทำอาหารไว้เต็มโต๊ะ เอาใจใส่ลูกชายสุดที่รักแบบเว่อๆ เช่นทุกครั้ง ส่วนผมก็คุยเรื่องงานสัปดาห์หนังสือกับคุณป๋าที่จะมีขึ้นต้นเดือนหน้า นัดแนะกันเรียบร้อยว่าจะไปด้วยกัน อย่างน้อยผมก็ยังหาอะไรทำฆ่าเวลาระหว่างที่พี่โปรดไม่อยู่ได้บ้าง
.
.
.
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า เกือบทุกวันที่ผมมาขลุกเลี้ยงไอ้เจ้ยอยู่กับคุณติ๊ก ไอ้เจ้ยกลายเป็นตัวปัญหาสำหรับพวกผมเลยครับ มันชอบวิ่งพล่านไปนั่นไปนี่ มีครั้งหนึ่งมันหายไป ผมกับคุณติ๊กวุ่นตามหามันทั่วบ้าน เพราะนึกหน้าคุณเฟรนออกเลยว่าถ้ากลับมาแล้วพบว่าไอ้เจ้ยกลายเป็นศพ ผมกับคุณติ๊กได้หายสาบสูญไปจากโลกใบนี้แน่ ได้ยินเสียงร้องของมันผมก็ยิ่งใจไม่ดี ในที่สุดก็เจอมันร้องอู้ดๆ ขาติดอยู่กับตะแกรงระบายน้ำ ถึงกับกลายเป็นเรื่องใหญ่ต้องเรียกหน่วยกู้ภัยมาช่วย ตัดตะแกรงออกได้คุณติ๊กก็รีบพามันไปหาสัตวแพทย์เพราะมันร้องไม่หยุด ผมห่วงมันนะแต่ก็ห่วงชีวิตตัวเองมากกว่า คุณเฟรนยิ่งโมโหร้ายไม่เหมือนชาวบ้านเขา
“ขอให้มันหายทันทีเถอะ” คุณติ๊กพูดด้วยสีหน้าไม่สบายใจ มองดูขาหลังที่พันผ้าของไอ้เจ้ยแล้วถอนหายใจ ผ่านมาสามวันมันก็ค่อยๆ ดีขึ้นแหละครับ (ตามที่สัตวแพทย์บอก) แต่ถ้ามันยอมอยู่นิ่งๆ ก็คงหายไปแล้ว
“ผมว่าเราโทรไปบอกคุณเฟรนก่อนดีมั้ยครับ ตอนเขากลับมาจะได้ไม่ตกใจมาก ผมว่าไอ้เจ้ยมันหายไม่ทันสองวันหรอก”
“เข้าท่านะ งั้นมึงโทร”
“เฮ้ย! ได้ไง ผมไม่โทรหรอก คุณติ๊กต้องโทรสิครับ รายงานไปด้วยว่าบ้านปลอดภัยดี ไม่มีขโมย”
คุณติ๊กเขามานอนที่บ้านคุณกิมเพราะที่คอนโดคุณติ๊กเอาไอ้เจ้ยไปอยู่ด้วยไม่ได้ ผู้ชายหน้าดุเลยจำใจมาพำนักอยู่ที่นี่ คุณเฟรนกับคุณกิมเลยเบาใจที่ไม่ต้องไปฝากบ้านกับตำรวจ เพราะฝากบ้านไว้กับคุณติ๊กปลอดภัยมากกว่าครับ แค่เห็นหน้าเขาโจรก็ไม่กล้าขึ้นบ้านแล้ว
“กูไม่รู้จะเริ่มเล่ายังไง ไอ้เฟรนแม่งต้องด่ากูจนหูชาแน่” คุณติ๊กทำเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจ “มึงแหละโทร”
“ไม่ได้ ผมรอโทรศัพท์จากพี่โปรดอยู่ คุณติ๊กแหละโทร”
“ไอ้ห่า เห็นผัวดีกว่ากู”
“ไม่น่าเอาตัวเองมาเปรียบนะครับเนี่ย ไม่ฉลาดๆ”
“กวนตีนไอ้ปลื้ม กูโทรก็ได้วะ”
ผมคอยจับไอ้เจ้ยไว้ในขณะที่คุณติ๊กยกโนเกียลูเมี่ยขึ้นตรงหน้า ทำท่าเหมือนเพ่งสมาธิให้เกิดปาฏิหาริย์อะไรสักอย่าง
ตื๊ดดดดดดดดด...ตื๊ดดดดดดดด...ตื๊ดดดดดดดดด...ตื๊ดดดดดดดดดด
“ว่าไงมึง” เสียงที่ดังลอดลำโพงโทรศัพท์เป็นเสียงของคุณกิม ไอ้เจ้ยหูกระดิกเมื่อได้ยินเสียงพ่อมัน นอกจากเสียงคุณกิมแล้วยังมีเสียงตอกตะปู เสียงโครมครามเหมือนมีใครโยนอะไรสักอย่างลงพื้น เสียงคนตะโกนคุยกัน และอีกสารพัดเสียงที่มันดังจนน่ารำคาญ
“เอ่อ เอออออออ มึงทำไรอยู่วะ”
“กูกำลังซ่อมเก้าอี้อยู่ ไอ้เฟรนไปช่วยชาวบ้านเก็บสตรอเบอร์รี่ มันเอามือถือไว้ที่กูเพราะที่ไร่ไม่มีสัญญาณ”
“อ้อ ดีเลยๆ” คุณติ๊กมีสีหน้าโล่งใจขึ้น ผมก็โล่งตาม เพราะยังไงฝากให้คุณกิมบอกน่าจะดีกว่า
“ไอ้ปลื้ม งั้นมึงบอกมันละกัน” โยนมาทางผมจนได้
“มีอะไรวะ รีบๆ คุย กูจะรีบทำงานต่อ”
คุณติ๊กส่งซิกให้ผม ผมเลยต้องเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับไอ้เจ้ยให้คุณกิมฟัง คุณกิมตกใจนิดหน่อยแต่พอรู้ว่ามันไม่เป็นอะไรมากน้ำเสียงก็ดีขึ้น
“เออ กูจะบอกไอ้เฟรนให้ มันคงเข้าใจแหละ ไอ้เจ้ยมันดื้อจะตาย มันรู้จักลูกมันดี มันไม่โกรธหรอก ขอบใจพวกมึงมาก ไว้อีกสองวันเจอกัน กูจะเอาสตรอเบอร์รี่ไปฝาก”
สายตัดไปท่ามกลางความโล่งใจของทั้งผมและคุณติ๊ก ไอ้เจ้ยร้องอู้ดอย่างน่าสงสาร มันคงคิดถึงพ่อแม่มัน ใครว่าหมูไม่มีความรู้สึกนี่ผมเถียงเลย มันซึมนะไอ้เจ้ยน่ะ อาหารไม่ค่อยกิน ดีหน่อยที่มันกินนมอยู่บ้าง
“แค่นี้ก็เรียบร้อย แล้วเมื่อไหร่เสี่ยจะกลับ ไปนานนะครั้งนี้” คุณติ๊กถามถึงพี่โปรดที่ไปออกค่ายอีกแล้ว เป็นค่ายเหี้ยไรไม่รู้ครับสี่คืนห้าวัน ผมไม่รู้รายละเอียดเพราะไม่ได้ถาม ไม่ประสงค์จะอยากรู้เท่าไหร่
“ไม่รู้สิครับ ถ้ากลับมาคงรู้เอง”
“นี่ไม่ได้ทะเลาะกับเสี่ยหรอกนะ”
“ไม่ครับ ก็คุยกันปกติ”
“แต่หน้ามึงตอนพูดถึงเสี่ยนี่ปกติมากกกกก” ผมทำหน้ายังไงผมก็ไม่รู้ แต่คงไม่ได้ยิ้มอยู่หรอกครับ ผมแน่ใจ
“ต่อให้ผมพยายามจะเข้าใจ แต่ผมหลอกตัวเองได้ไม่นานหรอกครับคุณติ๊ก ผมอยากให้เขามีเวลาให้ผมบ้าง” นี่เป็นครั้งแรกที่ผมพูดปัญหาของตัวเองให้เพื่อนฟัง “ผมรอโทรศัพท์เขามาสามวันแล้ว แต่ก็รอเก้อ”
“เสี่ยคงกำลังยุ่ง มึงก็รู้ ไปค่ายมันไม่มีเวลาว่างอะไรขนาดนั้นหรอก ดูอย่างพวกไอ้เปรมดิ นานๆ โทรกลับมาที”
“แต่คุณเฟรนก็โทรมาถามเรื่องไอ้เจ้ยแทบทุกวัน”
“เสี่ยกับไอ้เฟรนความบ้ามันต่างกันนะ มึงใจเย็นๆ นะปลื้ม อย่าเก็บเอาเรื่องนี้ไปทะเลาะกับเสี่ยเลย เพราะเวลามึงทะเลาะกับเสี่ยทีไร กูเห็นมึงซึมอย่างกะโลกจะแตกทุกที”
“ผมไม่อยากทะเลาะกับเขาหรอกครับ ผมรู้ว่าโชคดีขนาดไหนแล้วที่เขาเลือกผมทั้งๆ ที่มีแต่คนบอกเขาว่าผมไม่มีอะไรดีเลย ผมเป็นผู้ชาย แถมยังจน เกาะเขากิน”
ความคิดนี้วนเวียนอยู่ในหัวผมมาหลายวันตั้งแต่สเตตัสนั้นแพร่ออกไป ผมพยายามไม่สนใจ แต่ก็ทำไม่ได้อย่างที่คิด มันลบความมั่นใจที่พี่โปรดให้ผมไปจนหมด หลายคนเม้นในเฟซพี่โปรดอย่างใจร้ายบอกว่าพี่เขาตาบอดที่คบกับผม ผู้หญิงบางคนโทรเข้ามาที่ห้องแล้วบอกให้ผมเลิกกับพี่โปรด เลิกเกาะเขากินได้แล้ว บอกว่าผมทำให้ชีวิตของพี่โปรดตกต่ำ เขาต้องเป็นในสิ่งที่สังคมไม่ยอมรับก็เพราะผม ซึ่งมันไม่ได้เกินจริงเลย...
คุณติ๊กมองผมอย่างอึ้งๆ ในขณะที่ไอ้เจ้ยร้องอู้ดๆ อยู่บนตักผม มันจะเข้าใจที่ผมพูดรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ผมคิดว่ามันกำลังปลอบใจผมอยู่ เป็นนานกว่าคุณติ๊กจะพูดขึ้นทำลายความเงียบ เขาพูดเสียงเข้มเหมือนจะเตือนสติผมว่า
“มึงมีสิวะ ทำไมจะไม่มี มึงชอบดูถูกตัวเองอย่างนี้ตลอดเลยรึไง ปลื้ม...ถ้ามึงคิดไม่ได้ มึงก็ลองคิดถึงเสี่ยสิวะ คนที่เขาเลือกมึงเขามีพร้อมทุกอย่าง เขาเหนือกว่าทุกคนที่ดูถูกมึง เขาไม่ได้โง่ มึงก็รู้ แล้วเขาเลือกมึงทำไม...นั่นไม่ใช่ว่าเขารักมึงหรอกเหรอ เสี่ยเขาระดับไหนแล้ว เขามองไม่พลาดหรอก มั่นใจในตัวเองหน่อยสิวะ”
“อู้ด อู้ด”
“นั่นไง ไอ้เจ้ยยังเห็นด้วยเลย”
ผมรู้สึกรักไอ้เจ้ยขึ้นมาก็วันนี้นี่เอง ตาแป๋วๆ ของมันถ้าเพ่งดีๆ ก็น่าเอ็นดูมากกว่าน่าหมั่นไส้ ความจริงมันก็ไม่ได้ดื้อเท่าไหร่เลยนะครับเนี่ย ^_^
.......................................................To be continue...........................................
มีฉาก xxx บ่อยจัง? ว่าจะไม่มีแล้วนะ แต่มันแบบ...ยังไงดี บอกไม่ถูกอ่ะ
รู้สึกว่ามันจำเป็นนิดๆ นะ ก่อนจะก้าวเข้าสู่กลียุค
ปล. สำหรับคุณ iforgive ที่สงสัยในเรื่อง
เสี่ยแกไหวนะ แต่เป็นเฉพาะตอนเมาหรืออยากมากๆ ไรงั้น 
ตอนนี้ก็ไม่มีไรมากค่ะ แค่นั่นนิดนี่หน่อย ตามประสาคนคบกัน นี่ไม่เชื่อหรอกนะว่าคบกันแล้วมีแต่หวานอ่ะ แต่ถ้าไม่มีเลยก็ไม่รู้จะคบกันไปทำไม 
*ย้ำอีกทีว่ารายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ก็อย่ามองข้าม เพราะถ้าเกิดมีอะไรโผล่ขึ้นมาจะได้ไม่งงกันไงล่ะคะ *ยิ้ม* 
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณผู้สนับสนุนขาประจำของเรา คอมเม้นทุกคอมเม้นที่เป็นแรงบันดาลใจให้มาลงเนื้อเรื่องต่อ ขอบคุณค่ะ 