ตอนที่ 22ภูธิป “ตายแล้ว!! เกิดอะไรขึ้น ทำไมนนถึงต้องแบกน้องเบสเข้าบ้านมาแบบนี้ล่ะลูก”
“โธ่ แม่ครับยังไม่มีใครตายสักหน่อย เบสข้อเท้าพลิก ผมไม่อยากให้เดิน เลยแบกเข้าบ้านมาแบบนี้แหละ...อึ๊บ! เบสนั่งตรงนี้ก่อนนะ”
หลังจากที่ผมถูกหย่อนลงจากแผ่นหลังเจ้าของน้ำเสียงทุ้มแฝงแววห่วงใยจนมานั่งดีๆได้แล้ว ผมจึงพยักหน้าให้นนก่อนรีบยกมือไหว้แม่อรที่หันมาทางผมพอดี หลังจากท่านขว้างค้อนวงใหญ่ให้ลูกชายคนเล็ก ที่มีอาการปากดีกล้าตอบโต้คุณแม่ด้วยสีหน้ายียวน แถมนนยังไม่มีอาการสะทกสะท้านกับปฏิกิริยาของท่านสักนิด เพราะนนทำเพียงแค่นั่งลงบนพื้นต่อหน้าผม พร้อมฉีกยิ้มตาพราวใส่ผมและแม่อร
“ไหว้พระเถอะลูก เรื่องเป็นยังไงครับน้องเบส แล้วดูสิ มาทั้งชุดซ้อมกีฬาทั้งคู่เลย” แม่อรไม่ได้พูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความห่วงใยเท่านั้น แต่ท่านนั่งลงข้างๆผม พร้อมลูบหัวลูบหลังและใช้สายตาอ่อนโยนสำรวจร่างกายผมจนทั่ว ก่อนหยุดสายตาไว้ที่ข้อเท้าของผมข้างที่พันผ้ายืดไว้
เพียงผมได้เห็นท่าทางของแม่อรเท่านั้น ในอกของผมถึงกลับอุ่นวาบ ด้วยสัมผัสถึงความรักความเมตตาของแม่อรที่มีต่อลูกนอกไส้อย่างผมคนนี้ ผมจึงคว้ามือท่านมากุมไว้ ทำให้สายตาคู่อ่อนโยนเบือนกลับมาสบตากับผมอีกครั้ง และผมก็ไม่แปลกใจเลย ว่าทำไมนนถึงมีความมั่นใจ ที่จะแสดงออกถึงความรักความห่วงใยออกมาได้อย่างไม่ขัดเขิน คงเพราะได้ต้นแบบที่ดีอย่างแม่อรนั่นเอง โดยเฉพาะแววตาอ่อนโยนแฝงความอ่อนหวาน และรอยยิ้มอบอุ่นที่ผมเห็นจากแม่อรตอนนี้
“แม่อรไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ตอนนี้เบสไม่เป็นอะไรแล้ว วันนี้เบสแค่ซ้อมบาสแต่ไม่ทันระวัง ข้อเท้าเลยพลิกจนซ้นขึ้นมา แต่พักแค่วันสองวันก็คงหายแล้วครับ” ผมส่งยิ้มให้แม่อรเป็นการปิดท้าย แต่ดูท่าท่านจะถูกใจในคำตอบของผม เพราะท่านถึงกลับระบายยิ้มกว้างขวาง ก่อนคว้าตัวผมเข้าไปกอด และมีพึมพำถูกใจที่ผมแทนตัวเองด้วยชื่อกับท่าน
สัมผัสแรกทำเอาผมชะงัก แต่ก็ยอมโอนอ่อนด้วยการซบใบหน้าลงกับบ่าอุ่นๆพร้อมรอยยิ้ม และคล้องแขนไว้กับรอบเอวของแม่อร ตอนนี้ผมรู้สึกอบอุ่นและได้รับความรัก ไม่ต่างจากอ้อมกอดแม่ของตัวเองสักนิด
“โห แม่ลำเอียงอ่ะ กอดเบสแต่ไม่ยอมกอดนน” หากฟังแค่คำพูดอย่างเดียวล่ะก็ ผมคงคิดว่าเจ้าของน้ำเสียงตัดพ้อนี้มันคงกำลังน้อยใจเป็นแน่
ถ้าผมจะไม่ได้เห็นสีหน้าปลาบปลื้มของนนเข้าซะก่อน บวกเข้ากับแววตายินดีที่ได้สบ ทำเอาผมเผลอจ้องดวงตาแสนจริงใจคู่นั้นอยู่นาน
“ไอ้ตัวแสบทำเป็นพูดดี มานี่มะ มาให้แม่กอดสิลูก” ไม่ทันขาดคำของแม่อร นนก็โผเข้าสู่อ้อมกอดของท่านอีกคน จนเราสามคนนั่งกอดกันกลม
ไอ้ตัวแสบของแม่อรก็ไม่ทิ้งลาย ขณะที่ตัวเองซบอกแม่ด้วยท่าทางออดอ้อนนั้น แต่มันยังมีหน้ามาแอบส่งสายตากรุ้มกริ่มให้ผม แถมด้วยการลูบแขนลูบแผ่นหลังผมไปด้วย
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมสามคนแม่ลูกถึงมากอดกันกลมอยู่ตรงนี้” ผมค่อยๆเงยหน้าและผละจากอ้อมกอดอบอุ่น เพื่อยกมือไหว้ทำความเคารพพ่อพล ด้วยท่านกำลังยืนเอามือไพล่หลัง และมองมาทางพวกเราพร้อมรอยยิ้มอันอบอุ่น
“คิกๆ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เราแค่กอดกันประสาแม่กับลูกชาย” คุณแม่ตอบคู่ชีวิตอย่างพ่อพล ด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ส่วนผมก็ได้แต่ขยับตัวเปลี่ยนที่ จากการช่วยเหลือของลูกชายเจ้าของบ้าน เพื่อให้พ่อพลได้นั่งเคียงข้างแม่อร ซึ่งนายนนก็แสนดีไม่เพียงแค่ช่วยพยุงผมเท่านั้น ยังถือโอกาสแต๊ะอั๋งผมด้วยการนวดขาข้างที่ไม่เจ็บให้ด้วย และยังมีหน้ามายกยิ้มยักคิ้วอย่างทะเล้นให้กันอีก จนพ่อพลที่นั่งโอบไหล่แม่อรถึงกลับเอ่ยปากแซวลูกชายตัวเอง
“กับแฟนนี่เอาใจใหญ่เชียวนะเจ้านน ทีกับพ่อนี่ไม่เคยเลย ใช่มั้ยคุณอร” สิ้นคำถามของพ่อพล แม่อรก็ได้แต่หัวเราะคิกคักพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนหันมาจ้องผมด้วยสายตาล้อเลียน
ผมจึงพยายามชักขาข้างนั้นออกมา แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือเลย เพราะนนยังคงเกาะขาผมไว้แน่น มีส่ายหน้าปฏิเสธว่าไม่ยอมปล่อยอีกด้วย ผมจึงต้องปรามด้วยการเรียกชื่อไอ้ตัวแสบประจำบ้าน แต่นนก็ไม่สำนึกเช่นเคย เพราะดันทำหน้าบูดยื่นปากเข้าใส่ผมและพ่อแม่ตัวเอง
“พ่อครับ ผมก็ต้องเอาใจแฟนผมให้มากๆหน่อยสิ นี่ขนาดดูแลและทำให้ขนาดนี้นะ คำว่ารักว่าชอบ ผมยังไม่เคยได้ยินเลย...หึ!” ไอ้ดำตูดหมึกยังมีหน้าทำงอนใส่ผมอีกแน่ะ!!
นี่ถ้าผมได้ยินแต่เสียง ไม่ได้เห็นดวงตาวิบวับหยอกเย้าคู่นี้ล่ะก็ ผมคงได้โกรธไอ้ดำตูดหมึกนี่ไปแล้ว เพราะถ้าไม่รักไม่ชอบจริง ผมคงไม่ยอมจนถึงทุกวันนี้หรอก แต่ที่นนพูดออกมาแบบนั้น คงมีเจตนาอ้อนพ่อแม่ของตัวเองให้เห็นใจมากกว่า และผลของการอ้อนของลูกชายคนเล็กก็คือ ‘ความเห็นอกเห็นใจจากบุพการี!?’ ซะเมื่อไหร่ แต่เป็น...
“งอนไปเถอะเจ้านน ระวังเถอะ! น้องเบสของแม่จะเบื่อเอา พาลไปมีสาวอื่น”
“แม่ครับ! ทำไมพูดทำร้ายจิตใจผมแบบนี้ แล้วพ่อจะหัวเราะเยาะผมทำไม...เบส~ เบสคงไม่เบื่อนนอย่างที่แม่พูดใช่มั้ย” ไม่ใช่แค่น้ำเสียงที่ส่งมาออดอ้อนเท่านั้นนะครับ แต่ยังมีท่าทางประกอบ อย่างการเข้ามากอดขาและวางคางบนหน้าตักผม พร้อมเงยหน้าส่งสายตาละห้อยหาเข้าสำทับมาอีกด้วย
ผมจึงได้แต่หลุดหัวเราะกับท่าทางของแฟนตัวดำ ที่ทำท่าเหมือนหมาน้อยกำลังออดอ้อนเจ้าของ ซึ่งดูยังไงก็ขัดกับรูปร่างหน้าตาของเจ้าตัวนัก แต่ผมก็ไม่คิดจะตอบอะไรออกไป พูดจาไม่เข้าเรื่องดีนักปล่อยให้หงอยอยู่แบบนี้นี่แหละดีแล้ว
หลังจากเสียงหัวเราะของพ่อแม่และผมหายไป พ่อพลก็ถามหาสาเหตุถึงอาการของผมอีกครั้ง ผมก็ได้แต่เล่าให้ท่านฟัง ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสนามบาส ซึ่งท่านเองก็ได้เอ่ยเตือนให้ผมระวังตัวให้มากขึ้นด้วยความห่วงใย ก่อนถามถึงอาการบาดเจ็บของผม ที่ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าอาการเจ็บแปลบๆ ยามลงน้ำหนักไปยังเท้าข้างที่พลิก และจบด้วยการที่ผมขอค้างบ้านชลาสินธุ์ในช่วงสามวันต่อจากนี้
“เบสไม่ต้องขอพ่อหรอกลูก ต่อไปนี้อยากมาค้างเมื่อไหร่ก็ตามแต่ใจเลย ไม่ต้องเกรงใจ เพราะพ่อนับเบสเป็นหนึ่งในลูกชายของบ้านนี้แล้ว อีกอย่างคุณผกาก็ไว้ใจทางชลาสินธุ์ให้ดูแลลูกชายคนเดียวระหว่างที่ไม่อยู่บ้านด้วย พ่อกับแม่ยินดีต้อนรับเบสทุกเมื่อ แถมโปรฯพิเศษให้อีกข้อ ถ้าเจ้านนมันทำนิสัยเสียใส่เราเมื่อไหร่ ให้มาบอกพ่อกับแม่ได้เลย เดี๋ยวพ่อให้พี่ชนะหักเงินเดือนเป็นการลงโทษเอง ฮ่าๆ”
“โธ่!! พ่อคร้าบ ผมไม่ทำตัวแบบนั้นใส่แฟนผมหรอก ผมกลัวโดนตัดเงินเดือน เอ๊ย! ไม่ใช่นะเบส เหตุผลจริงๆคือนนไม่คิดจะทำเบสเสียใจอยู่แล้วน้า~ นนออกจะรักเบสเนอะ ครึๆ” ผมได้แต่ส่ายหน้าให้กับความเจ้าเล่ห์ของตัวต้นเหตุที่แท้จริง ที่ทำให้ผมเจ็บตัวอยู่แบบนี้
ในความเป็นจริงผมสมควรจะโกรธนนบ้าง ที่เป็นต้นเหตุให้ผมต้องมาเจ็บตัว แต่เพราะผมรู้ว่าสาเหตุไม่ได้เกิดจากนนทั้งหมด ด้วย ณ เวลานั้นเราต่างร่วมด้วยช่วยกัน แต่ช่วยไม่ได้ที่ความเสียหายจะเกิดแต่กับผม ดังนั้นผมจึงไม่คิดจะโทษนน แต่อดรู้สึกแปลกใจปนชื่นชมในตัวนนขึ้นมาไม่ได้ ยามที่นนเอ่ยขอโทษผมด้วยท่าทางสำนึกผิด แถมด้วยอาการเงื่องหงอยผิดตาเมื่อช่วงเย็น
ผมจึงดูเหมือนคนใจง่าย เมื่อผมยอมทำตามใจไอ้ดำตูดหมึก อย่างการมานอนค้างบ้านชลาสินธุ์เป็นเวลาสามวัน เมื่อได้รู้ข่าวยามกลับถึงบ้านว่า แม่ผกาขอเวลาไปหาแรงบันดาลใจในการเขียนนิยายที่ต่างจังหวัด แต่ดีหน่อยที่ครั้งนี้แม่เอาโทรศัพท์ไปด้วย แถมยังมีอาวิสุทธิ์ตามไปคอยดูแล ทำให้ลูกชายอย่างผมไม่ต้องคอยเป็นกังวล ว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายๆเหมือนที่ผ่านมา
“นน เบส ไปอาบน้ำก่อนเถอะลูก เดี๋ยวพอพี่ชนะกับพี่กานต์มาถึง แม่จะให้เด็กไปตามลงมาทานข้าวเย็น”
เมื่อผมกับนนตอบรับประโยคคำสั่งกลายๆของแม่อรแล้ว นนก็ทำท่าจะเข้ามาแบกผมขึ้นหลัง ซึ่งผมก็ปฏิเสธทันที ด้วยเขินต่อสายตารู้เท่าทันของพ่อพลและแม่อร แต่ลูกชายตัวแสบของท่านที่เห็นหงอๆกับผมเมื่อครู่ มันดันกดเสียงเรียกชื่อผมเสียงเข้ม แถมสายตาที่ใช้มองผมก็ออกแนวกดดันแน่วแน่ อ่านได้ว่าไอ้ดำตูดหมึกไม่ยอมให้ผมปฏิเสธ ผมจึงทำเพียงยื่นแขนเข้ากอดลำคอหนาจากด้านหลัง และปล่อยให้มันรั้งท่อนขาแนบเข้ากับข้างตัว
“เดี๋ยวผมขอตัวพาเบสไปอาบน้ำก่อนนะครับ” นนเอ่ยเสียงทุ้มนุ่มกับพ่อแม่ ซึ่งท่านทั้งคู่ก็ได้แต่พยักหน้าและส่งยิ้มให้ด้วยแววตาเข้าอกเข้าใจ ก่อนจะเผื่อแผ่รอยยิ้มอบอุ่นมายังผมด้วย
ผมทำเพียงส่งยิ้มเกรงใจไปให้ท่านทั้งคู่และเสหลบตา ก่อนจะเป็นฝ่ายยอมจำนน ด้วยการวางคางลงกับไหล่หนา และปล่อยให้ไอ้ดำตูดหมึกขี้บังคับได้แบกตัวเองขึ้นห้อง ซึ่งผมอดยอมรับถึงความแข็งแรงของรองกัปตันรักบี้คนนี้ไม่ได้จริงๆ ด้วยนนนั้นแบกผมมาตั้งแต่ห้องพยาบาลจนถึงขณะนี้ได้อย่างมั่นคง โดยไม่แสดงอาการเมื่อยหรือล้าให้เห็นสักนิด ไอ้เรื่องดีใจและภูมิใจนั้นมีอยู่แล้วครับ ที่คนรักดูแลและแสดงออกถึงความเป็นห่วงกันให้เห็นมากขนาดนี้ แต่เรื่องความหมั่นไส้มันก็มีไม่น้อย ที่มันขึ้นเสียงใส่ผมต่อหน้าพ่อพลและแม่อร แต่บอกก่อนผมไม่ได้งอนไอ้ดำตูดหมึกขี้บังคับคนนี้นะ
“เบส นนถอดเสื้อผ้าให้นะ จะได้อาบน้ำ...เบส งอนนนเหรอ อย่างอนเลยนะ นนก็แค่เป็นห่วงไม่อยากให้แฟนของนนนอนปวดข้อเท้าคืนนี้”
ผมเบือนหน้าจากก๊อกน้ำที่ถูกเปิดน้ำลงอ่างทิ้งไว้ เพื่อหันมาสบตาคนที่กล่าวหาว่าผมกำลังงอนเจ้าตัว สีหน้าแววตาที่ผมเห็นจากนน ทำเอาความหมั่นไส้ในใจค่อยๆเจือจางลง เพราะนนแสดงออกชัดว่ากำลังกังวลกับอาการไม่ยอมพูดจาของผมอยู่ ด้วยตั้งแต่เข้าห้องมา แม้นนจะชวนคุยยังไง ผมก็ไม่ยอมปริปากคุยด้วยสักคำ แต่พอได้เห็นใบหน้าของนนชัดๆ ผมก็ใจอ่อนยอมคุยด้วยในที่สุด
“ไม่ได้งอน นนออกไปเถอะ เบสจัดการตัวเองได้” ผมพูดออกไปด้วยเสียงราบเรียบ ซึ่งในใจไม่ได้อะไรแล้วครับ แต่จะให้ผมมาพูดจี๋จ๋าด้วย ทั้งๆที่เมื่อครู่ยังใช้ความเงียบกดดันเจ้าตัวอยู่แท้ๆได้อย่างไรกัน
คำพูดของผมคงสร้างความเข้าใจผิดให้อีกฝ่ายเข้าแล้วล่ะครับ เพราะนนยังคงยืนก้มหน้านิดๆ เพื่อพยายามสบตากับผมที่นั่งอยู่บนฝาชักโครก และไม่ยอมขยับไปไหน ผมเองที่ไม่อยากพูดอะไรไปมากกว่านั้น จึงเบือนหน้าหนีและพยายามยืนขึ้นด้วยตัวเอง อย่างการเกาะขอบอ่างล้างหน้า แต่แล้วผมก็ต้องหลุดเสียงตกใจออกมา เมื่ออยู่ๆตัวผมก็ลอยขึ้นจากพื้น แต่จากฝีมือใครผมคงไม่ต้องบอก ก่อนคนอุ้มและคนถูกอุ้มจะมานั่งแช่น้ำในอ่าง ทั้งๆที่มีเสื้อผ้าครบชุด
“นน! ทำไมถึงเล่นอะไรแบบนี้ครับ!” จากที่เฉยๆตอนนี้ผมเริ่มโมโหไอ้เด็กเอาแต่ใจคนนี้แล้วครับ จึงเผลอตะคอกเจ้าตัวซะลั่นห้องน้ำ
ผลก็คือเด็กในร่างชายหนุ่มสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะคลายท่อนแขนที่โอบรอบตัวผมลง พร้อมด้วยอาการคอตกหางหดหูลู่ ไม่เหลือมาดไอ้ดำตูดหมึกขี้บังคับก่อนหน้าให้เห็นสักนิด เหลือก็แต่ลูกหมาถูกทิ้ง ผมได้เห็นแบบนี้แล้วก็ได้แต่ปลดปลงกับคนสองบุคลิก และได้แต่กุมขมับพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่ แต่แล้วผมต้องรีบหันกลับมาให้ความสนใจ ไอ้ตัวการก่อกวนหัวใจตรงหน้าคนนี้อีกครั้ง จากน้ำเสียงออดอ่อยที่ดังขึ้น
“นนขอโทษที่ขึ้นเสียงใส่เบส แต่อย่าโกรธนนเลยนะครับ ให้นนดูแลเบสเถอะนะ” ใครได้มาเห็นมาได้ยินรองกัปตันรักบี้แสนเถื่อนออดอ้อนตอนนี้เข้าล่ะก็ เชื่อได้ว่าต้องใจอ่อนเหมือนผมตอนนี้แน่ๆ
“เอาเถอะ เบสไม่ได้โกรธนน แค่ไม่พอใจที่โดนเสียงดังใส่ต่อหน้าพ่อพลแม่อร ท่านจะคิดยังไงกับเบส ในเมื่อท่านฝากเบสให้ดูแลนน แต่คนดูแลกลับดูอ่อนแอไม่ได้เรื่องในสายตาท่านแบบนั้น” เรื่องนี้แม่อรเป็นคนพูดกับผมด้วยตัวเองเมื่ออาทิตย์ก่อน ตอนที่ผมตามนนมาบ้านชลาสินธุ์ เพื่อให้นนเก็บเสื้อผ้าและขอท่านทั้งคู่ไปค้างบ้านผม
“เบสอย่าคิดแบบนั้น คนเป็นแฟนกัน สมควรที่ต่างฝ่ายต่างดูแลกันและกัน ไม่ใช่รอรับการดูแลอยู่ฝ่ายเดียว และคนที่เป็นคนดูแลก็ไม่จำเป็นต้องแข็งแกร่งตลอดเวลานี่ครับ นนเชื่อว่าพ่อกับแม่ไม่ได้คิดว่าเบสอ่อนแอแน่ๆ ท่านน่าจะถูกใจมากกว่าที่เห็นนนดูแลเบสอย่างดี เบสอย่าคิดมากเลยน้า~”
“อืม เบสเข้าใจแล้วครับ นนออกไปได้แล้ว” อย่าหาว่าผมใจร้ายเลย พอเคลียร์กันเสร็จก็ออกปากไล่อะไรแบบนั้น แต่ขืนช้ามั่วแต่อ้อยอิ่งให้เจ้าของแววตากรุ้มกริ่มได้จ้องหน้าอยู่แบบนี้ล่ะก็ มีหวังได้ซ้ำรอยเดิมกับคืนก่อนอย่างแน่นอน
ผมดันออกตัวช้าไป เมื่อหมาป่าเจ้าเล่ห์ที่กลับคืนร่างแล้ว รั้งชายเสื้อเปียกๆของผมขึ้นและถอดออกรวดเดียวพร้อมกันสองตัว แถมด้วยมันยังใช้สายตากรุ้มกริ่มสำรวจไปทั่วเนื้อตัวผม แต่ยังดีที่มือไม้ยังไม่มาป้วนเปี้ยนให้ผมยิ่งทำอะไรไม่ถูกไปกว่าเดิม แต่ประโยคคำพูดเบาๆที่หลุดออกมาอย่างไม่ตั้งใจของนน ทำเอาผมไปไม่เป็นได้แต่นั่งอึ้ง
“ว้าว! ดูดีชะมัด ฝีมือกูนี่ก็ใช้ได้นี่หว่า มิน่าเบสถึงแต่งตัวแบบนี้...สุดหล่อของไอ้นน~”
ไอ้ประโยคพวกนี้มันอะไรครับ ฟังเผินๆเหมือนคนโรคจิตที่กำลังพร่ำเพ้อถึงเหยื่อที่เล็งไว้เลย แถมสายตาหลงใหลได้ปลื้มที่กวาดไปทั่วแผ่นอกเปลือยเปล่าของผม ที่มีแต่รอยคิสมาร์กแดงเป็นจ้ำๆไปทั่ว ซึ่งก็มาจากฝีมือเจ้าตัวนั่นแหละ ที่ทำให้วันนี้ผมต้องใส่เสื้อยืดข้างใน เพื่ออำพรางสายตาเหล่าทโมนทั้งหลาย แต่อะไรก็ไม่เท่าน้ำเสียงเพ้อๆ ยามที่มันเอ่ยแสดงความเป็นเจ้าของผมหรอก แถมตาลอยๆที่เงยขึ้นมาสบตากับผมอีกล่ะ ทำเอาขนทั่วตัวผมแข่งกันลุกพรึบพรับ
“เบส...สุดหล่อของนน~” เสียงเบาหวิวมาพร้อมมือสั่นๆที่ยื่นมาตรงหน้าผมอย่างช้าๆ ผมถึงกลับเอนตัวหนีเพราะเริ่มขยาดกับพฤติกรรมแปลกๆของแฟนตัวเอง
“เอื๊อก!” เสียงกลืนน้ำลายดังลั่นห้องน้ำ ทำให้ผมละสายตาจากปลายนิ้วสั่นๆที่ห่างจากแก้มผมไม่มาก ไปยังใบหน้าเจ้าของเสียง และใบหน้าที่ได้เห็นทำเอาผมตกตะลึง
เมื่อผิวหน้าที่ว่าคล้ำอยู่แล้ว กลับแลดูคล้ำจนเกือบดำเพราะแรงสูบฉีดของเลือดที่มาเลี้ยงผิวหน้า แต่จากแววตาสั่นไหวที่แสดงออกถึงความหลงใหลยามผมได้สบขณะนี้ ผมจึงรู้ว่าผิวหน้าคล้ำๆนั้นไม่ได้แปลว่าเจ้าของมันกำลังเขินอาย แต่เป็นเพราะกำลังอดกลั้นกับบางสิ่งมากกว่า ซึ่งยืนยันได้ด้วยริมฝีปากหนาที่ถูกขบไว้จนแน่น เดาได้ว่าหากปล่อยให้เป็นอิสระ มันคงสั่นระริกไม่ต่างจากปลายนิ้วเย็นๆที่แตะยังผิวแก้มผมตอนนี้หรอก
หลังจากหายตกตะลึง ผมกลับรู้สึกขบขันในอาการตรงหน้าของไอ้ดำตูดหมึก ที่มองยังไงก็รู้ว่ามันอยากเข้ามาขย้ำผมจะแย่แล้ว แต่ก็ยังพยายามอดทนต่อต้านจิตใจส่วนลึกนั้นไว้ คิดมาถึงตรงหน้าผมถึงกลับระบายยิ้มบางเบาออกไปอย่างไม่รู้ตัว ด้วยนึกระอาปนเอ็นดูในตัวคนรักขึ้นมา
การกระทำของผมคงเป็นตัวทำลายความอดกลั้นเฮือกสุดท้ายของนนเข้า เพราะหลังจากที่ผมหลุดยิ้ม นนถึงกลับเบิกตาโตและอึ้งไปสักพัก ก่อนยกมือประกบเข้ากับแก้มผมทั้งสองข้างจนผมสะดุ้ง พร้อมไถลตัวเข้ามาแทรกกลางระหว่างขาผมอย่างรวดเร็ว จนผมได้ยินเสียงน้ำกระฉอกลงพื้นกระเบื้องอย่างต่อเนื่อง
“เบสตั้งใจยั่วนนใช่มั้ย ยั่วกันเหรอ” ยังไม่ทันที่ผมจะปฏิเสธข้อกล่าวหา ไอ้คนที่มันกล่าวหาผมด้วยเสียงลอดไรฟัน ก็ประกบปากบดจูบกับผมอย่างไม่ให้ตั้งตัว
ความร้อนแรงของจูบค่อยแปรเปลี่ยนเป็นความอ่อนหวานในพริบตา ทำเอาผมแทบปรับตัวไม่ทัน แต่ไม่ว่าจะถูกชักนำไปทางไหน ร่างกายไม่รักดีกลับยินยอมพร้อมใจตามการชักนำนั้น อย่างการโอนอ่อนเปิดปากให้ลิ้นร้ายได้ดูดกลืนความหวานไปทั่วโพรงปาก หรือแม้แต่การเปิดทางให้จมูกโด่งซุกไซ้สูดกลิ่นไปทั่วลำคอและลาดไหล่ ที่ร้ายกว่านั้นคือการหยัดเหยียดแผ่นอกเข้าหาริมฝีปากร้อนและปลายนิ้วร้ายกาจ ที่กำลังปรนเปรอสร้างความเสียวสะท้านยังยอดอกทั้งคู่ สุดท้ายผมก็ต้องครางเครืออย่างถูกใจ เมื่อจุดศูนย์รวมความรู้สึกถูกรวบเข้าหาแก่นกายร้อนของคนชักนำ
“อ่าๆๆ นน...ขยับเถอะ เบส...อึดอัด นะครับนน~” ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองจะส่งเสียงออดอ้อนได้ขนาดนี้ แต่อารมณ์รักที่ถูกชักพามาเกือบถึงปลายทาง คงเป็นตัวกระตุ้นชั้นดีให้ผมร้องขออย่างไม่อายปาก แถมด้วยการแตะจูบเข้ายังมุมปากที่กำลังยกยิ้มยินดีของไอ้คนเจ้าเล่ห์อีกด้วย
“ได้เลยครับสุดหล่อของนน แต่เราต้องช่วยกันนะครับ” สิ้นเสียงนุ่มๆปลอบประโลมนั้น ข้อมือข้างหนึ่งของผมที่กำลังคล้องต้นคอหนาไว้ก็ถูกรั้งลงต่ำ ก่อนฝ่ามือข้างเดียวกันจะถูกนำไปให้รวบความแข็งขืนของเราทั้งคู่ไว้ ผมจึงเข้าใจความหมายของสิ่งที่นนพูด
หลังจากนั้นเราต่างพร้อมใจกันมอบความสุขให้แก่กันและกัน พร้อมจูบหวานๆที่ต่างบรรจงส่งมอบให้อีกฝ่าย และแต่งแต้มกระแสความร้อนตามผิวกายไปยังจุดกระตุ้นอารมณ์ด้วยปลายนิ้ว สุดท้ายเราทั้งคู่ก็ถึงจุดหมายแห่งความสุข ผมถึงกลับครางหวิวกับซอกคอชื้นๆ และกอดรัดร่างหนาไว้จนแน่น ส่วนนนเองก็ครางกระหึ่ม ก่อนผมจะรู้สึกถึงความอุ่นร้อนที่แผ่กระจายไปตามผิวน้ำรอบกายเราทั้งคู่
ผมปล่อยให้นนจัดการรีดพิษรักของเราไป ส่วนตัวเองก็ได้แต่ซวนซบเข้ากับไหล่กว้าง สูดกลิ่นเหงื่อจางๆจากซอกคอหนา ดื่มด่ำกับความรู้สึกซาบซ่าที่ไหวระริกไปกับผิวกาย
“รักนะ นนรักเบส...สุดหล่อของนน” ผมกระตุกยิ้มกับคำรักที่ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ก่อนจะลูบมือผ่านแผ่นหลังกว้างไปมาอย่างช้าๆ จะว่าเป็นการตอบรับคำรักในแบบฉบับของผมก็ได้ ซึ่งผมว่านนเองก็น่าจะรู้ตัว ว่าผมเองก็รักมันไม่น้อยไปกว่าที่มันรักผมหรอก
ยืนยันได้จากการที่ผมได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มหู พร้อมสัมผัสหยุ่นชื้นที่ข้างแก้มไล่ไปยังหลังคอ และหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้นเนิ่นนาน ผมรอจนลมหายใจของเราทั้งคู่กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง จึงเปลี่ยนมาเร่งให้นนได้ลุกออกไป เพื่อผมจะได้รีบอาบน้ำ ด้วยเราเสียเวลานัวเนียกันไปไม่น้อย เพราะใกล้ได้เวลาที่พี่ชนะและพี่กานต์จะกลับมาแล้ว แต่ไอ้ดำตูดหมึกมันกลับไม่ยอมทำตามที่ผมบอก ด้วยนนนั้นเงยหน้ามาทำหน้าระรื่นใส่ผม ก่อนจะออกปากว่าจะอาบน้ำแต่งตัวให้ผมเอง และจากสายตามุ่งมั่นดื้อดึงตรงหน้า ทำให้ผมจำใจยอมให้นนได้ทำตามที่พูด จนถึงขั้นอุ้มขึ้นจากอ่างมาเช็ดตัว และจับผมแต่งตัวให้อย่างกับตุ๊กตา ก่อนนนจะมายืนกอดอกเอามือลูบปาก พร้อมยิ้มยิงฟันขาวเจิดจ้าใส่ตาผมด้วยความภูมิใจ
“เบสของนนหล่อไม่มีใครเกิน”
ผมก็ได้แต่พยักหน้ายิ้มๆอย่างปลงตก ให้กับอาการหลงใหลได้ปลื้มในรูปลักษณ์ของผมแบบเว่อร์ๆ จากแฟนสุดถึกที่หื่นไม่มีใครเกินคนนี้ คิดในแง่ดีว่าอย่างน้อยให้มันหลงผมจนโงหัวไม่ขึ้นอยู่แบบนี้ ดีกว่าที่ปล่อยให้ไปชายตาแลสาวสวยหรือหนุ่มน้อยที่ไหนให้ผมปวดหัวล่ะนะ
....................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะชื่อตอน “เพ้อ” เหมาะกับชนนนตอนนี้จริงๆเนอะ หลงเมียไม่ลืมหูลืมตาจริงๆ
และดูเมียรูปหล่อจะถูกใจในอาการนี้ไม่น้อยด้วย ผัวเมียคู่นี้เป็นเอามาก 555
แต่เห็นเพ้อๆแบบนี้ ไอ้ดำตูดหมึกของสุดหล่อก็พึ่งพาได้ใช่ม้า ดูแลเมียดีเกิ้น!
น่าอิจฉา(เบส) เอ๊ย! น่าหมั่นไส้

ตอนหน้ามาเจอกันวันอาทิตย์นะคะ ไม่มีอะไรสปอร์ยตามอ่านเองดีกว่าน้า
เดี๋ยวได้อิจฉาสุดหล่อจนตาร้อนไปซะก่อน

+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์ ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
