- 3 -“คุณกำลังขู่..ผม” ผักตบกดเสียงต่ำ ถามกลับด้วยสีหน้านิ่งตึง
“เราหาได้ข่มขู่เจ้าไม่ เราหมายความเช่นนั้น แม้นเจ้าจักเป็นผู้ถือครองเทพมหาธาตุ เราใช่เกรงกลัวอันใด
หากเจ้าขืนยโสถึงกับใช้เวทย์มนต์ในห้องเสวย เบื้องพระพักตร์เสด็จพ่อเสด็จแม่ รวมทั้งเชื้อพระวงศ์และบรรดาขุนนางอำมาตย์
ให้ตกพระทัยเช่นนี้แล้ว เราไม่กำราบเจ้าย่อมมิใช่วายุภักษ์แห่งไตรคาน” องค์ยุพราชหนุ่มดำรัสสวนด้วยเสียงห้าวกระด้าง
สายพระเนตรคมกล้าแทบทิ่มทะลวงร่างของผักตบด้วยซ้ำ
“คุณจะทำยังไงหืม..ถ้าหากไม่กลัวคนพวกนี้เป็นอันตรายก็ลองดู ผมไม่รู้คุณพูดถึงอะไร
ถ้ารู้ผมมีเวทย์มนต์..ก็ขอให้รับรู้ไว้เสียเลย ผมได้ดึงวิญญาณพวกคุณมาไว้ในกล่องวิเศษของผมแล้ว
ถ้าใครอยากลองดีผมจะทำให้ดวงวิญญาณดับสลาย ถึงตอนนั้นมาว่าผมใจร้ายไม่ได้นะครับท่าน”
พูดจบผักตบหันส่วนที่เป็นหน้าจอของกล้อง เปิดรูปที่ถ่ายภาพทุกคนเอาไว้ ยื่นให้องค์ชายวายุภักษ์ดูด้วยตัวเอง
โดยมีคนที่ได้ยินแอบชะโงกดูตามด้วย แล้วก็พากันตกใจหน้าซีดเผือดไปอีกรอบ เมื่อเห็นตัวเองอยู่ในนั้น
“โอ้!!!..เขาได้กักขังดวงวิญญาณพวกเราแล้ว” เสียงอึงอลดังตามกันเป็นพรวน
ต่างโอดครวญต่อชะตากรรมที่ได้รับ โดยที่องค์ชายวายุภักษ์ถึงกับขบสันกรามเกร็ง
เพื่อระงับโทสะของพระองค์ที่กำลังปะทุขึ้นต่อเนื่อง ไม่เคยมีใครบังอาจต่อรองกับพระองค์มาก่อน
แต่ไม่กล้าบุ่มบ่ามผลีผลาม แสดงฤทธานุภาพของวายุกับผักตบ เมื่อพระองค์ประจักษ์ด้วยเนตร
เห็นพระพักตร์เสด็จพ่อ เสด็จแม่ รวมทั้งบรรดาเชื้อพระวงศ์ ขุนนางอำมาตย์อยู่ในกล่องวิเศษตามคำเอ่ยอ้าง
ไม่ได้กล่าววาจาเท็จแต่อย่างใด
“เจ้าต้องการสิ่งใด ถึงได้กักขังดวงวิญญาณพระญาติเราในกล่องวิเศษของเจ้า จงแจ้งต่อเรามา”
องค์ยุพราชถอนพระทัยควบคุมวรองค์ไม่ให้โทสะเข้าครอบงำ ใช้สติปัญญาแก้ไขปัญหา
“เอาเป็นว่าผมรับปากจะไม่ทำลายดวงวิญญาณใคร แต่คุณต้องให้แม่มาพักที่ห้องผม ห้ามแยกเราสองแม่ลูก
จัดน้ำให้ผมกับแม่อาบเช้าเย็นเป็นประจำทุกวัน นอกเหนือจากนี้ยังคิดไม่ออก ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมผมจะบอกคุณเอง”
ผักตบยื่นเงื่อนไขแลกเปลี่ยนไป ผู้คนที่ได้ฟังต่างซุบซิบสีหน้าเคร่งเครียดกันใหญ่ แต่ไม่มีใครกล้าปริปากขัด
แม้แต่การมองผักตบตรงๆ ยังไม่มีใครกล้า ได้แต่แอบชำเลืองอย่างขลาดๆ มีไม่กี่คนที่กล้าจ้อง เหนือหัวอนิละ
พระเชษฐา พระมเหสี องค์หญิงศศิธร มหาโหรานอกจากนี้แล้วไม่มีใครกล้าเลย
“ได้..เราจักจัดการตามที่ขอ”
รับสั่งขององค์ชายเป็นสิทธิขาดที่ไม่มีใครกล้าแย้ง แม้หลายคนแสดงสีหน้าลำบากใจกับคำขอก็เถอะ
“วายุภักษ์..ข้าใคร่ทักทายกับผู้ถือครองมหาธาตุอัคคีสักประโยค ไหว้วานศิษย์ข้าแนะนำด้วยเถิด”
มหาโหราผู้เฒ่าที่นั่งนิ่ง หัวขาวโพลนมวยเกล้าทรงพุ่มสูง เอ่ยกับศิษย์เอกที่มีศักดิ์เป็นถึงยุพราชแห่งไตรคาน
ให้ตนได้สนทนากับผักตบ
“ขอรับ..อาจารย์” องค์ชายผินพักตร์รับคำพระอาจารย์ ค่อยหันกลับมาจ้องผักตบที่ยังคงยืนสง่าไม่กริ่งเกรง
พระองค์เองยังแอบชื่นชมในความห้าวหาญ สายพระเนตรลอบสำรวจผักตบอย่างพินิจพิจารณา
อดเปรยในพระทัยไม่ได้ ‘บุรุษหนุ่มผู้นี้ ช่างสง่างามหาผู้ใดเสมอเหมือนได้ยากยิ่งในผืนแผ่นดินนี้
มาพร้อมความสามารถและพรสวรรค์ หากแม้นย้ายข้างเป็นศัตรูแล้วไซร้ เห็นทีเราคงลำบากอีกหลายส่วน’
“เจ้าผู้มีนามว่า ‘ผักตบ’ เราใคร่แนะนำท่านอาจารย์ให้เจ้าได้รู้จัก ท่านผู้นี้คือมหาโหราแห่งไตรคาน
พระอาจารย์ของเรา” องค์ชายรับหน้าที่แนะนำสองคนให้ทำความรู้จักกัน
“สวัสดีครับ..ท่านมหาโหรา ผมผักตบยินดีที่ได้รู้จัก” ผักตบยกมือกระพุ่มไหว้อย่างนอบน้อม
แต่บรรดาผู้คนพากันตะลึงลานมองตาค้างกับกิริยาที่ผักตบแสดงให้เห็น
“ช่างงดงามน่าเลื่อมใสยิ่งในสายตาเรา มิคาดว่าเจ้าจักอ่อนน้อมถ่อมตน
ถึงกับวันทาผู้ที่เพิ่งพบหน้าประดุจเทพจากแดนสรวง” คำกล่าวชมจากปากของมหาโหราผู้เฒ่า
กลับรับการผงกศีรษะจากผู้คนที่นั่งโดยรอบโต๊ะกว่าสี่สิบชีวิต ให้เห็นพ้องต้องตามไปด้วย
การที่บุคคลหนึ่งประกบฝ่ามือสิบนิ้วกระพุ่มไหว้นั้น ย่อมทำเพื่อการบูชาสักการะเทพไท้เทวา
หาได้กระทำต่อมนุษย์ด้วยกันแต่อย่างใด เมื่อผักตบแสดงสิ่งนี้ต่อมหาโหราผู้เฒ่า
เสมือนยกให้ชายชราเป็นเทพที่เคารพบูชาควรค่าแก่การกราบไหว้ ถือเป็นความปิติยินดีในใจมหาโหราเป็นอย่างมาก
ที่ได้รับเกียรติสูงสุดนี้ จึงได้เอ่ยวาจากล่าวชื่นชมจากใจ
“เจ้ารู้จักพระอาจารย์เราแล้ว ควรได้รู้จักเสด็จพ่อ เสด็จแม่ รวมทั้งพระญาติเชื้อพระวงศ์ของเราด้วย..ท่านผู้นี้คือ..บลาๆๆ”
จากนั้นองค์ชายได้ทำหน้าที่แนะนำเหนือหัว พระมเหสี พระปิตุลา องค์หญิงศศิธรพระคู่หมั้น
รวมถึงเชื้อพระวงศ์ และขุนนางอำมาตย์อย่างรวบรัดไม่เสียเวลานัก
ผักตบไม่ลืมกระพุ่มมือไหว้แทบทุกคน ยกเว้นองค์หญิงศศิธรที่เขารู้ว่าอ่อนวัยกว่าพอสมควร
จึงได้แต่ส่งยิ้มไมตรีให้ องค์หญิงถึงกับพักตร์ซับสีโลหิต เมื่อสบสายตาคมเข้มและรอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์
แม้นพระองค์จะทรงเตือนพระสติแย้งในพระทัย ‘บุรุษผู้นี้ช่างหล่อฉกาจนัก แม้นยังห่างเจ้าพี่วายุภักษ์อยู่ครึ่งก้าว
แต่มิอาจนับได้ว่าไม่น่ามอง ตรงข้ามมิควรมองให้หัวใจสั่นคลอนเป็นดีสุด’ ถึงจะทรงบอกวรองค์เช่นนั้น
แต่มิวายที่จะพระทัยเต้นถี่แรง เมื่อสบเนตรเข้าอย่างจังกับดวงตาคมเข้มของผักตบ..
การแนะนำทักทายเป็นไปในบรรยากาศสมานฉันท์กว่าแรกเริ่ม เมื่อผักตบนอบน้อมยกมือไหว้แทบทุกคน
พลอยให้พวกเขารู้สึกตัวพองในอกฟูฟ่องที่ได้รับการเทิดทูน ยกย่องประดุจเทวาจากหนุ่มแปลกหน้า
อย่างที่บอกธรรมเนียมที่นี่ อาศัยการค้อมศีรษะแสดงการเคารพ ถ้าเป็นผู้หญิงก็ยอบกายต่ำถอนสายบัว
การประนมมือไหว้ล้วนใช้กับเทพเทวาเท่านั้น จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะดีใจในการแสดงออกของผักตบ
เช่นนี้การกักวิญญาณพวกเขาในกล่องวิเศษ คงไม่คิดร้ายทำลายเป็นแน่แท้แล้ว
“บุรุษผู้มาจากแดนไกล ผู้ถือครองเทพมหาธาตุอัคคี เราใคร่ขอให้เจ้าปลดปล่อยวิญญาณพวกเรา
จากกล่องวิเศษของเจ้าได้หรือไม่ ในฐานะที่เจ้าแสดงความเคารพพวกเราดุจเทพเทวาแล้ว
คงไม่ลำบากกระไรในการปลดปล่อยวิญญาณของพวกเรากระมัง” องค์เหนือหัวทรงตรัสกับผักตบด้วยพระองค์เอง
“ในเมื่อฝ่าบาทอุตส่าห์ขอร้อง ตกลงผมปล่อยก็ได้” พูดจบชูกล้องหันส่วนที่เป็นหน้าจอ
ซึ่งมีรูปของทุกคนขึ้นให้เห็น เอื้อมนิ้วไปที่เมนูลบภาพ โดยสายตากวาดมองไปทั่ว
มีทำปากขมุบขมิบแล้วกดปุ่มลบภาพหายไปในพริบตา
“ฮือออ!!” เสียงฮือดังขึ้นพร้อมกัน ก่อนจะตามด้วยเสียงถอนหายใจโล่งเป็นแถว
เมื่อเห็นความว่างเปล่าบนหน้าจอกล้องถ่ายรูป
ทุกอย่างที่ผักตบแสดง สร้างความขบขันให้กับแม่เล็ก จนต้องนั่งจิกนิ้วลงหน้าขาสะกดกลั้นไม่ให้ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
อาการหน้าดำหน้าแดงแอบมีน้ำตาเล็ดอย่างทรมาน ที่ต้องมาทนกลั้นอยู่แบบนี้
“แม่..เป็นไงบ้าง หลับสบายไหมลำบากหรือเปล่า” ผักตบกับแม่เพิ่งมีโอกาสทักทายกัน
หลังลูกชายเดินมานั่งลงข้างๆ บนเก้าอี้ที่เว้นว่างไว้ ไม่ต้องเดาให้เสียเวลาที่ตรงนี้เตรียมไว้ให้เขา
“อืมสบายดี คึคึ!..แกนะแกไอ้ตบ คิดได้..คึคึ!” แม่ทักตอบอาการไหล่สั่น ยังมีหลุดหัวเราะต่ำในคออย่างทรมาน
เมื่อเห็นหน้าลูกอยู่ใกล้ๆ ผักตบจึงได้แต่ยกยิ้มให้ไป
“เอาน่า..เราต้องหาวิธีเอาตัวรอดปลอดภัย ดีกว่าไม่มีหลักประกันมาต่อรองนะแม่” เจอคำพูดลูกชายเข้า
คนเป็นแม่ได้แต่พยักหน้าเห็นด้วยอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ก่อนจะได้โอกาสสำรวจเครื่องแต่งกายของกันและกัน
แม่เล็กสวมใส่ส่าหรีสีม่วงอ่อน ดูงดงามอ่อนหวานไปอีกแบบเชียว
สีหน้าบ่งบอกไม่ลำบากอะไร เหมือนแม่จะปรับตัวได้เร็วพอสมควร
จากนั้นผู้เป็นประธานในพิธีองค์เหนือหัวอนิละ ก็กล่าวเชิญแขกผู้ที่ได้รับเชิญร่วมเสวยพระกระยาหารเช้า
ต้อนรับอาคันตุกะคนสำคัญลงมือเสวยพระกระยาหารร่วมกับพระองค์ พร้อมกับถือโอกาสซักถามผักตบสลับกับแม่เล็กไปด้วย
คำถามล้วนเป็นกันเอง ถึงแม้ผักตบจะพูดตอบโต้ด้วยภาษากลางธรรมดา พระองค์ก็เข้าพระทัยได้ไม่ยุ่งยากต้องแปลความอีก
ส่วนใหญ่ถามที่มาที่ไปของสองแม่ลูก สุดท้ายก็ไม่รู้ประเทศไทยอยู่ส่วนไหนของแผ่นดิน
กรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวงตั้งที่ไหนอยู่ดี
เพราะพวกเขาไม่รู้ว่ามีเมืองแบบนี้อยู่ ก่อนผักตบจะกลับเป็นฝ่ายซักถามพระองค์ในสิ่งที่ต้องการข้อมูล
เกี่ยวแผ่นดินที่หลงเข้ามา จนเริ่มประมวลได้ว่า พวกเขาหลงยุคแน่แล้ว ทั้งวันเดือนปี..พศ.
ล้วนไม่มีปรากฏในประวัติศาสตร์มาก่อน ทุกการสนทนาของพวกเขาได้รับความสนใจจากผู้คนร่วมโต๊ะ
หน้าแปลกที่องค์ชายวายุภักษ์ ผู้ที่ผักตบคิดว่าจะชวนเขาคุยมากที่สุด กลับนั่งนิ่งวางตัวเฉยไปเสียนี่
ผักตบรู้สึกตงิดใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ทำไมพอเจ้าชายคนนี้วางเฉยใส่ตนแล้ว ไม่ยักรู้สึกดีอย่างที่ควรจะเป็น
แต่ก็แกล้งเนียนทำไม่สนอีกฝ่ายเช่นกัน ระหว่างสองหนุ่มจึงเป็นเพียงการลอบชำเลืองหยั่งเชิงกันแทน
ไม่มีใครเอ่ยคำพูดต่อกันจนเสร็จสิ้นภารกิจมื้อเช้า...หลังจากนี้มหาโหราผู้เฒ่า ซึ่งรับหน้าที่ตรวจฤกษ์ดูยาม
ตามตำราในการมาถึงของผักตบกับแม่เล็ก เป็นคนเอ่ยเชิญสองแม่ลูกไปที่ห้องรับรองพิเศษ
งานนี้นอกจากเชื้อพระวงศ์สำคัญ เหนือหัว พระมเหสี พระเชษฐา องค์หญิงศศิธร องค์ชายวายุภักษ์
กลกะลาองครักษ์คู่กายแล้ว ไม่มีรับสั่งให้ผู้ใดเข้าร่วมแม้แต่น้อย เป็นเรื่องสำคัญที่เหนือหัวให้มหาโหราไขความลับของผักตบ
ตามที่พวกเขาได้รู้จากนางกำนัลบุปผา ราตรี ที่ส่งให้ไปปรนนิบัติ ได้ถวายรายงานว่า ผักตบมีปานรูปไฟตรงราวนมด้านซ้าย
บ่งบอกเป็นผู้ถือครองเทพมหาธาตุอัคคี สำคัญคือเทพมหาธาตุแห่งแผ่นดินใยไปจุติยังดินแดนที่พวกเขาไม่รู้จัก
และหวนคืนมาด้วยชะตาลิขิตใดของสรวงสวรรค์ ทุกคนต่างต้องการไขปริศนา เพื่อหาคำตอบที่ยังคลุมเครืออยู่นี้...?
ก่อนอื่นขอสวัสดีปีใหม่ย้อนหลังไป 2 วัน และขอโทษขออภัยที่ผิดนัดอัพนิยายเมื่อวานนี้
เราไปถือศีลอยู่ที่วัด พร้อมกับสวดมนต์ข้ามปี กลับมาไข้กินไม่สบายหนักพอสมควร
กว่าจะฟื้นมาอัพให้ได้ก็บ่ายแก่วันนี้แหละจร้า หวังว่าจะเข้าใจกันเนอะ มิได้มุสาแต่อย่างใดไม่
อ้อ..ลืมบอกไป เอาบุญมาฝากทุกคน ขอให้เจริญยศ เจริญลาภ พร้อมสมบูรณ์ด้วย สุขะ พละ วรรณะ
ตลอดปี 2557 สมหวังในสิ่งปรารถนาทุกท่านเทอญ...จร้าาาาา...
เจอกันตอนหน้าวันจันทร์นะคะ ขอให้มีความสุขทุกคน ขอบคุณทุกกำลังใจเช่นเคย