ผู้กองที่รัก ตอน 11
“น้องซัน น้องซันครับ น้องซันเป็นอะไรหรือเปล่า” เสียงทุ้มเอ่ยถามพร้อมกับแรงเขย่าที่ไม่แรงนักจากผู้กองหนุ่ม
“เปล่าครับ ผมแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ”
“ลุงว่าน้องซันแทนตัวเองเหมือนตอนเด็ก ดูน่ารักกว่าตั้งเยอะนะ ” คุณลุงตัวโตว่า ก่อนจะโดนคนรักเอ็ดเบาๆ
“จะได้ยังไงกัน ตอนนั้นน้องซันเพิ่งจะอนุบาล ตอนนี้โตเป็นหนุ่มแล้วจะให้แทนตัวเองเหมือนตอนเด็กๆได้ยังไง ใช่ไหมครับ”
เด็กหนุ่มคนเดียวในห้องได้แต่ยิ้มให้ เพราะจริงๆแล้วเวลาอยู่ที่อยู่ที่บ้านหรือกับครอบครัวเขาก็ยังแทนตัวว่าน้องซัน เสมอ นอกจากจะอยู่ข้างนอกเท่านั้นเขาถึงจะแทนตัวเองว่าผม
“แล้วนี่ ทานข้าวกันมาหรือยังลูก” ชัชเอ่ยถามลูกชาย
“เรียบร้อยแล้วครับ ผมกะจะพาน้องไปเที่ยวด้วยก็เลยทานมาตั้งแต่เช้าแล้วครับ”
“หือ เที่ยว เราเนี่ยนะไปเที่ยว” ชัชถามอย่างแปลกใจ มันแปลกมากที่ผู้กองธาร์ณจะไปเที่ยวในเวลาราชการแบบนี้ปกติเคยคิดจะหยุดซะที่ไหนล่ะขนาดลาพักร้อยยังไม่เคยลาเลย ไม่รู้ว่าได้เชื้อบ้างานมาจากใคร
“โถ่พ่อชัช ผมก็อยากจะผ่อนคลายเหมือนคนอื่นเขาบ้างนะครับ” ร่างสูงบอก
“เหอะ อย่างเราเนี่ยนะไปเที่ยว บอกพ่อมาตามตรงว่าตอนนี้กำลังทำอะไรกันอยู่” รบเอ่ยถามลูกชายเสียงเครียดเพราะไม่บ่อยนักที่ลูกชายสุดที่รักจะโทรให้เขาเข้ากรุงเทพแถมยังให้พันโรงแรมแทนที่จะไปที่บ้าน สัญชาตญาณในตัวเขสมันบอกว่าตอนนี้
ลูกชายกำลังมีปัญหาใหญ่ทีเดียวล่ะ
“ก็อย่างที่พ่อรู้ว่าตอนนี้ผมกำลังตามสืบคดี มิสเตอร์ลีอยู่ แล้วมันก็บังเอิญที่หมอนั่นเข้าใจผิดว่าน้องซันเป็นแฟนผม ก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลยน่ะครับ แต่ผมคิดว่ามันคงไม่ง่ายขนาดนั้นเพราะเท่าที่ดู มิสเตอร์ลีให้คนตามผมทุกฝีก้าว” ชายหนุ่มบอกเสียงเครียด
“เอาเถอะ แล้วพ่อจะช่วยดูอีกแรงแต่ตอนนี้ตามน้ำไปก่อนเป็นดีที่สุด” บอกพลางตบไหล่ลูกชายเบาๆ ถ้าให้เดามันคงไม่มีแค่เรื่องคดีเรื่องเดียวแน่ ลางสังหรณ์ของเขามันบอกว่าลูกชายคนเก่งกำลังกังวลหรือไม่มั่นใจอะไรบางอย่างและมันก็คงมีสาเหตุมาจากลูกชายของเจ้าน้องตัวแสบของเขาแน่นอน
“ขอบคุณครับ เดี๋ยวผมต้องไปแล้วนะครับ ดูแลตัวเองกันด้วยนะครับอย่าออกไปลาดตระเวนถ้าไม่จำเป็น แก่แล้วอยู่เฝ้าสถานีบ้างก็ได้นะพ่อ” ลูกชายตัวสูงเอ่ยแชว
“เจ้าลูกคนนี้ จะไปไหนก็ไปเลยไป พ่อจะได้มีเวลาสวีทกันสองคน” นักรบบอกก่อนจะโบกมือไล่สูงชายตัวสูง ธาร์ณหัวเราะร่วนก่อนจะยกมือไว้ลาพร้อมกับร่างโปร่งที่นั่งอยู่ข้างๆ
“เป็นอะไรหรือเปล่า พี่เห็นเงียบมาตั้งนานแล้ว” เมื่อเข้ามาในรถผู้กองหนุ่มเอ่ยถามเด็กดื้อทันทีเพราะทนท่าทางที่เอาแค่ขมวดคิ้วของอีกฝ่ายไม่ไหว
“เปล่าครับ”
“อย่ามาโกหกตำรวจ เราก็รู้ว่าพี่เรียนจิตวิทยามา” ร่างสูงบอกอย่างจับผิด ก่อนที่คนอายุน้อยกว่าจะเป็นฝ่ายถามขึ้น
“ตอนเด็กๆเราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าครับ”
“ทำไมถามพี่แบบนั้นล่ะครับ” ร่างสูงถามออกไปแม้ในใจจะอยากตะโกนไชโย แค่ไหนก็ตาม
“ผมรู้สึกว่า เราสองคนต้องเคยเจอกันมาก่อนแน่ๆ ตอนที่ผมยังเด็กมากๆ ใช่ไหมครับ” เด็กหนุ่มบอกก่อนจะมองอีกคนอย่างหาคำ
ตอบ
“น้องซันคิดว่ายังไงล่ะ” ร่างสูงถาม
“นี่คุณผมถามเพราะอยากให้คุณตอบนะ ไม่ได้ให้ถามกลับ” เด็กหนุ่มแหวลั่นเมื่อดูเหมือนว่าอีกคนจะยังกวนเขาไม่เลิกทั้งที่เขาร้อนใจอยากรู้คำตอบจะแย่อยู่แล้ว
“เด็กนิสัยไม่ดี ตะคอกผู้ใหญ่แบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ”
“เหอะ” ร่างโปร่งแค่นสูงก่อนจะยกมือขึ้นกอดอกอย่างไม่พอใจ แต่คนตรงหน้ากลับยิ้มกว้างไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี แมวน้อยของเขาก็น่ารักที่สุดเวลาที่งอนเนี่ยแหล่ะ
“อ้าว งอนซะแล้ว”
“ใครงอน”
“ก็เด็กแถวนี้ไงที่งอน อย่างอนน่า เดี๋ยวพี่พาไปกินไอติม” ผู้กองหนุ่มบอก
“ผมไม่ใช่เด็กเล็กๆนะ”
“อ้าวจะไปรู้เหรอ นึกว่าสิบขวบซะอีก”
“ชิ”
ธาร์ณหัวเราร่วนเมื่อเห็นว่าแมวน้อยกำลังขู่เขาด้วยการแยกเขี้ยวใส่แต่มันไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิดออกจะน่ารัก เสียด้วยซ้ำ เอ๊ะ วันนี้เขา พูดคำว่า น่ารักมากี่รอบแล้วนะ
“พี่ไม่แกล้งแล้วก็ได้ หันมาคุยกันดีๆดีกว่าครับ”
“น้องซัน” ชายหนุ่มเรียกเด็กดื้ออีกรอบ
“พี่ก็บอกมาเร็วๆสิว่าตกลงเราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า”
“แล้วน้องซันคิดว่ายังไงล่ะครับ”
“ก็คงเคยมั้ง” เด็กหนุมตอบไม่เต็มเสียงนักเพราะแม้จะคับคล้ายคับคลาว่าเคยเจอกัน แต่ตอนนี้เขาเด็กมากหน้าตาของพี่ชายตัวสูง
ในความทรงจำจึงไม่ชัดเจนนัก
“เด็กน้อยเอ้ย ความจำสั้นจริงๆ นะเราน่ะ พี่คิดว่าเราจะจำพี่ไม่ได้ซะแล้ว ฮ่าๆๆ” ผู้กองหนุ่มหัวเราะร่วนก่อนจะขยี้ผมอีกคนอย่างหมั่นเขี้ยว
“อย่าเล่นหัวสิ ก็นั่นตอนหกขวบนะ ถ้าจำได้ทันทีก็เทพเกินไปแล้ว” อีกคนบ่นอุบ
“เราเนี่ยน๊า เถียงพี่ได้ตลอดจริงๆ ว่าแต่พร้อมไปเที่ยวหรือยังครับ”
“อืม พร้อมแล้วก็ได้” เด็กหนุ่มบอกอย่างร่าเริง แม้ว่าจะยังเคืองๆคนตัวสูงอยู่บ้างแต่ก็ดีใจอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะที่ได้เจอกับพี่ชายตัวสูงแล้ว แม้เขาจะจำได้แค่ว่า ตอนเด็กๆพี่ชายใจดีกับเขามากชอบซื้อขนมมาให้เขาตลอด แต่เขาก็คงวางใจฝาก น้องสาวไว้กับคนๆนี้ได้ เพราะพี่ชายใจดีคงไม่ทำให้น้องซายน์ต้องเสียใจ
แต่ทำไม พอคิดว่าคนๆนี้กำลังจีบน้องสาวตัวเองอยู่มันถึงรู้สึกไม่ชอบแบบนี้นะ ไม่ชอบเลย ไม่อยากให้ใครมาแย่งพี่ชายใจดีไปเลย
“น้องซันครับ ถึงแล้วลงได้” เด็กหนุ่มเงยหน้ามองตึกสูงตรงหน้าก่อนจะถอนใจ เนี่ยนะมาเที่ยว
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ”
“ที่บอกจะพามาเที่ยว พามาห้างเนี่ยนะครับ”
“เอาน่า ก็วันนี้พี่ไม่ว่างออกต่างจังหวัดนิครับ มาเที่ยวห้างเนี่ยแหล่ะดีแล้ว อย่าลืมสิว่าเราโดนคนของมิสเตอร์ลีตามอยู่ ถ้าเกิดออกนอกเส้นทางไปมันจะอันตรายนะครับ” ร่างสูงบอกก่อนที่เด็กหนุ่มจะระบายลมหายใจออกอย่างแรง
“เหอะ ก็ได้ครับ”
ซันบอกก่อนจะเดินลงจากรถทันที นี่เขาเป็นอะไร ทำไมต้องรู้สึกน้อยใจด้วย ทำไมต้องรู้สึกไม่ดีที่คนตัวสูงต้องการพาเขามาเที่ยวเพราะเรื่องคดี ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนเสนอตัวแท้ๆ กลับรู้สึกอึดอัดและไม่ชอบใจเลย
“น้องซันเดี๋ยวสิครับ ทำไมเดินเร็วจัง” ธาร์ณที่วิ่งตามมาเอ่ยถาม
“เปล่าครับ”
“ไม่หรอกมั้ง มีอะไรทำไมไม่บอกพี่ล่ะครับ ทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยรู้ไหม” อีกคนเอ็ด
“เหอะ”
ร่างโปร่งเดินเข้าห้างอย่างน้อยใจ ทำไม กัน ทำไมคนที่เจอกันแค่ไม่กี่ครั้งถึงมีอิทธิพลกับเขามากขนาดนี้
“น้องซันครับ เป็นอะไรหรือเปล่า ไม่สบายตรงไหน ทำไมหน้าบึ้งแบบนั้นล่ะ”
“ไม่ต้องเนียนมาก็ได้ครับ คนที่มันตามมามันไม่ได้จับตาดูเราทุกฝีก้าวขนาดนั้นหรอก”
“หึ” ร่างสูงอมยิ้มก่อนจะวางมือหนาลงบนกลุ่มผมนุ่ม
“น้อยใจอยู่ใช่ไหมเนี่ย ตัวเล็ก อย่าเพิ่งน้อยใจสิ ตอนนี้ไปกินไอติมกันก่อนแล้วเดี๋ยวถึงบ้านเราค่อยคุยกันดีไหมครับ” ธาร์ณบอกเด็กดื้อ
“ก็ได้ครับ”
แม้ว่าวันนี้จะเป็น เดท ที่ไม่ค่อยมีสีสันเท่าไหร่เพราะอีกฝ่ายเอาแต่หน้าบึ้งแต่สำหรับผู้กองหนุ่มแล้ว การไปเที่ยววันนี้ถือเป็นชุดเริ่มต้นที่ดีทีเดียว คิดไม่ผิดจริงๆที่พาเจ้าเด็กดื้อไปหาพ่อเพราะดูเหมือนว่า แมวน้อยของเขาจะเริ่มจำเขาได้แล้ว
“เมื่อไหร่จะหายหน้าบึ้งเนี่ย” ธาร์ณเอ่ยถามคนที่นั่งหน้างออยู่บนโซฟา
“ไม่ได้หน้าบึ้งสักหน่อย” เสียงห้วนตอบกลับมา ซันกำลังจะเป็นบ้า บ้าเพราะไม่รู้จะจัดการความรู้สึกของตัวเองยังไง เขาไม่ใช่คน
แบบนี้สักหน่อย แต่ทำไมเวลาที่อยู่กับ ไอ้พี่ธาร์ณ ทีไรเขากลายเป็นมนุษย์เอาแต่ใจทุกทีเลยนะ ทำไมต้องอยากให้ง้อ ทำไมต้องอยากให้เอาใจ ทำไมล่ะ
“เหอะ บอกเด็กสามขวบยังไม่เชื่อเลยครับ ไหนบอกพี่มาสิว่า เป็นอะไร”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้เป็น ไม่ต้องมายุ่งหรอกน่า”
“ไม่ยุ่งได้ยังไงครับ ตอนนี้เราเป็นแฟนกันนะ”
“ชิ”
“นี่อย่างอนน่า มีอะไรก็พูดมาเร็วเด็กดื้อ หน้าบึ้งแบบนี้เดี๋ยวไม่น่ารักนะ”
“อย่าทำแบบนี้นะพี่ธาร์ณ เราไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆสักหน่อย แล้วที่สำคัญในห้องนี้ก็ไม่ได้มีพวกของมิสเตอร์ลีอะไรนั่นแล้วด้วย!!” เด็กหนุ่มตะคอกอย่างเหลืออด ทำไมแค่ไม่กี่วัน เขาถึงเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้ คนๆนี้ทำอะไรเขากันแน่
“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ”
“ก็มันเรื่องจริงไม่ใช่หรือไง!! ”
“หึหึ เด็กน้อย นอกจากจะความจำสั้นแล้วความรู้สึกยังช้าอีกนะครับ”
“ไอ้พี่….เอ๊ะ!!!” เด็กหนุ่มที่กำลังจะอ้าปากด่าต้องเปลี่ยนเป็นอ้าปากค้างเมื่อคนตัวสูงกอดเขาโดยที่ไม่ทันตั้งตัว
“เฮ้อ เห็นทีถ้าปล่อยให้เรารู้เองชาตินี้พี่มีหวังกินแห้วแน่ๆเลย”
“จะพูดอะไรกันแน่”
“ฟังนะครับ จริงอยู่ที่ตอนนี้เราเป็นแฟนกันเพราะความจำเป็น แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่า อนาคตเราจะเป็นแฟนกันจริงๆไม่ได้นิ จริงไหม”
“พะ……พี่พูดอะไร” เด็กหนุ่มถามตะกุกตะกักเมื่อสมองที่เคยคิดเร็วเสมอกำลังประมวลผลช้าลง
“พี่ไม่ใช่เด็กแล้วนะ น้องซันเรื่องแบบนี้พี่ไม่พูดเล่นหรอก”
“แต่พี่ชอบ ซายน์” อีกคนถามเสียงแผ่ว
“ฮ่าๆๆ พี่เคยบอกตอนไหนครับ ว่าพี่ชอบน้องซายน์” เสียงทุ้มกระซิบถาม
“ก็ตอนเจอกันครั้งแรกไง”
“พี่ก็แค่บอกว่า น้องสาวน่ารักดี ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าพี่จะจีบใคร คิดเองเออเองตลอดนะเราน่ะ รู้ไหมว่าจริงๆแล้วพี่ชอบใคร”
“ใครจะไปรู้” เด็กหนุ่มตอบเสียงเบา แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกันที่ยอมให้อีกฝ่ายกอดอย่างง่ายดายทั้งๆที่ถ้าเป็นคนอื่นมันคงได้หยอดน้ำเกลือไปแล้ว
“ก็ตอนนี้พี่กอดใครอยู่พี่ก็ชอบคนนั้นแหล่ะ”“พะ พี่..”
“มันอาจจะดูเร็วไปหน่อยที่เจอกันไม่กี่ครั้งแล้วพี่มาพูดแบบนี้ แต่ว่าพี่รอเรามาสิบปีแล้วนะ รอให้เราโตพอจะเข้าใจอะไรๆได้ โตพอที่จะเข้าใจว่าพี่ชายตัวโตไม่ได้อยากได้น้องชายตัวเล็กเป็นแค่น้องชาย”
“พี่ธาร์ณ” ซันเบิกตาโพลงเมื่อฟังคนตัวสูงพูดจบ เขาก็บอกไม่ได้ว่าตอนนี้รู้สึกอะไร รู้แค่ว่าหัวใจมันเต้นเร็วมาก มากจนแทบจะหลุดออกมา
“ให้โอกาสพี่ได้ไหม เรามาเป็นแฟนกันจริงๆไหมครับ”
“ผม….อื๊อ” ร่างโปร่งเบิตาโพลงเมื่อริมฝีปากของคนตรงหน้าทาบทับลงมา สัมผัสที่ร้อนแรงกำลังทำให้เด็กหนุ่มไม่มีแรงต้านเรียวลิ้นร้อนค่อยๆเลาะเล็มไปตามแนวฟันพร้อมๆมือหนาลากไล้เข้าไปในเสื้อยืดตัวบางยิ่งทำให้เด็กหนุ่มร้อนไปทั้ง ทำไมเขาไม่ผลักออกทำไมถึงยอมให้คนอีกคนสัมผัส หรือว่า เขาเองก็ชอบพี่ธาร์ณเหมือนกัน
“ไม่ปฏิเสธแปลว่ายอมคบกับพี่แล้วใช่ไหมครับ” ร่างสูงเอ่ยถามหลังจากที่จูบแสนหวานนั้นสิ้นสุดลง
“ไม่ตอบแบบว่าตกลงนะครับ” ฟอด ร่างสูงพูดเองเออเองก่อนจะกดจมูกลงบนแก้มใส ใจจริงก็อยากจะสานต่อกิจกรรมให้มันจบนะ แต่ด้วยจรรยาบรรณของตำรวจทำให้เขาทำไม่ได้ ใครใช้ให้เขาเป็นตำรวจที่เคร่งครัดขนาดนี้กันนะ
...............................TBC...................................

มันรักกันง่ายดีนะนิ ฮ่าๆๆๆ
กำลังคิดว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องสั้นขนาดยาวหรือเรื่องยาวขนาดสั้น กันแน่นะ
