กราบขอบพระคุณงาม ๆ อีกครั้งซักครั้ง สำหรับผู้ติดตามอ่าน และผู้ที่ คอมเม้นต์ให้
เขียนไปถ้าไม่มีคนอ่านเลย ก็ไม่รู้จะเขียนไปทำไม ขอแค่ซักคนอ่านก็มีกำลังใจเขียนต่อแล้วจ้า
อ่า เลิกดราม่า ไม่ใช่ทางถนัด กลับมา ๆ
ตอนนี้ไม่มีอะไรมาก สบาย ๆ (ใครสบาย?)
ส่วนเรื่องแก้แค้นน้องตาต้องให้พี่ทินเป็นคนตอบค่ะ (เอาตอบหน่อยพี่ทิน)
"ตอนแรกผมวางแผนชั่ว ๆ ไว้เพียบเลยครับ
แต่พอมองหน้าน้องน้ำ
น้องปลอดภัยดี และคงไม่หวนกลับไปเจอตระกูลนี้อีก
บวกกับผม ก็มีน้องสาว และที่สำคัญผมเป็นสุภาพบุรุษนะครับ
ไม่รังแกผู้หญิงอยู่แล้ว (แต่พี่ค่ะ ตอนแรกบอกว่าคิดแผนชั่ว
ไว้เพียบไม่ใช่เหรอค่ะ
) แค่คิดครับ แต่จากนั้นไม่นาน ผมได้ยินว่านายเอนก รีบส่งตัวลูกสาวไปต่างประเทศ ก็ไม่รู้จะรีบร้อน
ไปใหนเนอะ? ส่วนตัวคนพ่อก็ไม่ได้มาโวยวายอะไร คงเพราะกลัวทางเราจะเอาเรื่องเลยทำเป็นเงียบ ๆ ไป"
ได้ฟังแล้วนะค่ะ ก็สุดแต่เวรกรรมของน้องตาล่ะกัน ทางนี้เขาบอกอโหสิให้ค่ะ
*******************************************************
แผนที่ 15 ค่ำคืนนี้ มีเพียงเราเดินกันออกมาถึงรถที่เช่าเอาไว้ใช้ในภูเก็ต ระหว่างทางพี่ทินนิ่งเงียบไม่พูดอะไรเลยซักคำ เขาพยายาม จะสอบถามเรื่องราว
“พี่ทินครับ มีเรื่องอะไรกับคุณอันดาเหรอครับ?” ท่าทางที่คุณอันดาทรุดลงกับพื้น มันต้องมีเรื่องไม่ธรรมดาแน่
“หือ ไม่มีอะไรหรอกครับน้องน้ำ มันเป็นเรื่องทางธุรกิจครับ เอ่อว่าแต่หิวยัง เพื่อนพี่แนะนำร้านอาหารอร่อย ๆ เราไปหาอะไรกินกันดีกว่านะ” ไม่อยากให้น้องต้องเป็นกังวล เพราะคิดว่าพวกตระกูลนี้ คงไม่กล้าโผล่เข้ามาใกล้ ๆ พวกเขาอีกแล้ว
“........ครับ” เปลี่ยนเรื่องทันทีเลยนะพี่ทิน แต่ก็ไม่อยากเซ้าซี้เพราะถ้าเป็นเรื่องที่บอกผมได้พี่เค้าคงไม่ปิดบังผมหรอก ถึงจะคาใจก็เถอะ
วาทินลอบมองหน้าร่างบาง ระหว่างขับรถไปร้านอาหารในเมือง
ต้องถือว่าเขาโชคดี ที่อันดาหลงเชื่อเรื่อง ซีดี ....
ใช่ครับ ผมไม่มีหลักฐานอะไรเลย ซีดีนั้นก็เป็นแค่ซีดีเปล่า ที่ผมซื้อมาจากร้านค้าในโรงพยาบาล คิดอยู่เหมือนกันว่าถ้าต้องเปิดซีดี จริง ๆ ก็คงต้องหาเรื่องแก้ตัวกันไป สบายครับ ผมมันลื่นปลาไหลเรียกพ่ออยู่แล้ว ฮะๆๆๆ
หลังเสร็จจากอาหารมื้อเที่ยง ทั้งสองก็กลับโรงแรม แต่เป็นโรงแรมใหม่ โดยวาทินให้เหตุผลว่า ต้องการเปลี่ยนบรรยากาศ เพราะโรงแรมนี้มีหาดส่วนตัวแยกต่างหาก
ตอนแรกก็ว่าจะเข้าห้องพัก แต่พอเห็นห้องนันทนาการ ซึ่งมีโต๊ะสนุ๊กเกอร์ ตั้งอยู่ พี่ทินก็ออกอาการอยากแข่งกันขึ้นมา เราเลยขลุกอยู่ที่โต๊ะสนุ๊ก จนถึงเวลาอาหารค่ำ
พี่ทินและผมเปลี่ยนเป็นชุดลำลอง แล้วไปทานอาหารค่ำกันที่ห้องอาหาร ที่จัดให้มีที่นั่งบนหาดทราย
“ดื่มให้กับอะไรดีครับน้ำ” พี่ทินยกแก้วไวน์ขึ้น แล้วยิ้มให้อย่างน่ามอง ภายใต้แสงจันทร์ แสงเทียน ทำให้พี่ทินยิ่งดูหล่อเหลา รอยยิ้มกระชากใจ ผมคิดว่าผู้หญิงคนใหนได้เห็น คงต้องระลายแน่ ...ไม่แน่ว่าคงผู้ชายด้วย(มั้ง) ถามว่าผมละลายมั๊ย ยังหรอกครับ แค่ร้อนวูบวาบ
“ดื่มให้กับ..ความระทึกใจของทริปนี้ดีมั๊ยครับ จนตอนนี้ผมยังตื่นเต้นอยู่เลยครับ” น้องน้ำยิ้มให้อย่างน่ารัก พร้อมทั้งยกแก้วไวน์มาชนกับผม ขนาดพูดเรื่องความเป็นตายของชีวิตตัวเอง ยังยิ้มได้ ถึงจะดูบอบบาง แต่ลึก ๆ แล้ว น้องเค้าเป็นคนเข้มแข็งน่าดู
“ไว้กลับไป เราไปเที่ยวใหนกันอีกดีมั๊ยครับ”
“ดีครับพี่ ผมยังอยากไปอีกหลาย ๆ ที่ ผมว่าที่เที่ยวในเมืองไทย น่าไปมากๆ เลยครับ”
“เทียบกับต่างประเทศมันก็ไม่เท่าไหร่ไม่ใช่เหรอ”
“ฮะ ๆ ไม่หรอกครับ ทุก ๆ แห่งในโลก ล้วนแต่มีเอกลักษณ์ เทียบกันคงไม่ได้ แต่ยังไงในฐานะคนไทย ผมก็คิดว่าเที่ยวไทยให้ครบก่อนดีกว่า ที่จะคิดไปเที่ยวต่างประเทศ” ยิ่งนานวันที่ได้รู้จัก ผมยิ่งรักน้องคนนี้ น่ารัก เป็นคนดี คิดดี จิตใจดี แย่แล้ว..................ผมคงหลงรักน้องมากจนมองไม่เห็นข้อเสียของน้องเลย (เป็นเอามาก)
“น่าเสียดายผมต้องเข้าโรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อวาน จนเช้าวันนี้ เลยไม่ได้ไปเที่ยวใหนกันเลย” นั่นซิ ไม่งั้นตามโปรแกรมแล้ว วันนี้ จะได้ไปเที่ยวตามเกาะต่าง ๆ รอบ ๆ เกาะภูเก็ต แล้วก็ไปดูโชว์สารพัด ทั้ง งู ลิง ช้าง และ นางโชว์ พี่ทินบอกจะพาไปขับรถแข่ง ด้วย เสียดายจริง ๆ อ้อแต่บันจี้จัมพ์นี่ ผมขอผ่านครับ หวาดเสียว
“ฮะๆๆๆ ครั้งนี้เรามาทำงาน ไว้คราวหน้า พี่จะพามาเที่ยวจริง ๆ จะพาตะลุยให้ทั่วเกาะเลย รวมทั้งเกาะน้อยใหญ่ บริเวณใกล้เคียงด้วย”
“ดีเลยครับ พี่ต้องเลี้ยงดูปูเสื่อผมตลอดทริปเลยน่ะ สบายล่ะเรา มีเจ้ามือแล้ว” เที่ยวสบายจังตังค์อยู่ครบ ฮะๆๆๆ
“ให้พี่เลี้ยงดูเราตลอดชีวิตเลยก็ได้นะ” เข้าทางพี่ล่ะ ไม่เลี้ยงดูปูเสื่อล่ะคนระดับพี่ จะเลี้ยงดูปูบนเตียงเลย
ได้ยินพี่ชายตรงหน้าพูดขึ้นมา ก็ทำให้เขาต้องหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที อายจนอยากจะหลบสายตาที่มองมา แต่ก็ไม่สามารถจะละสายตาจากดวงหน้าคมเข้มนั่นได้ วาทินเองก็จ้องมองดวงหน้าหวานแดงระเรื่อ ไม่วางตา จนรู้สึกอยากจะจูบคนน่ารักตรงหน้า แต่ก็ต้องห้ามใจเพราะมันยังไม่ถึงเวลา
บทสนทนาที่น่าขัดเขินผ่านไปแล้ว แต่ใจของผมก็ยังคงเต้นแรงไม่หยุด พี่ทินชวนไปเดินเล่นที่ชายหาด ไม่เอาล่ะ พาลจะคิดถึงเมื่อคืนก่อนที่หาดป่าตอง แต่การตัดสินใจกลับเข้าห้องพัก ผมว่าผมคิดผิดยิ่งกว่าอีก
ห้องนี้เป็นห้องสวีทครับ ตอนมาเปลี่ยนเสื้อไม่ได้เข้าไปดูในห้องนอนเลยไม่รู้ ว่ามีแค่เตียงเดียว
ตอนนี้ผมนั่งอยู่คนเดียว พี่เค้าอาบน้ำอยู่ครับ ผมอาบน้ำแล้ว และเหมือนเดิม ผม แต่งตัวเสร็จออกมาจากห้องน้ำเลย ระหว่างรอพี่ทินอาบน้าผมก็เปิดทีวีดูไปพลาง ๆ แต่เชื่อเถอะครับ ไม่มีอะไรเข้าหัวผมเลย นอกจากเสียงหัวใจที่เต้นแรงของผมเอง
เอาไงดี ๆๆ.. ผมจะรีบ ๆ แกล้งหลับไปก่อนดีกว่ามั๊ย ....เอ่อ ไอเดียนี้ก็ดีนะ แกล้ง ๆ หลับไปจะได้ไม่ต้องรับมือกับบรรยากาศชวนเสียว ๆ นี้
ว่าแต่ผมจะนอนข้างใหนดี ไม่รู้พี่ทินเค้าอยากนอนด้านใหน....................... เฮ้ย!!! มันใช่เวลาที่ผมต้องมาห่วงเรื่องใครจะนอนข้างใหนเหรอ
ขณะที่กำลังตัดสินใจเลือกข้าง ก็ได้ยินเสียงน้ำหยุดไหล ผมว่าพี่ทินอาบน้ำเสร็จแล้วล่ะ ตอนนี้ผมไม่อยากมองหุ่นเซ็กซี่หลังอาบน้ำเสร็จใหม่ ๆ ของพี่ทินหรอก แค่นี้ก็หัวใจเต้นแรงจะแย่แล้ว ถ้ายังต้องทนมองพี่ทิน ผมคงหัวใจเต้นแรงจนหัวใจวายตายแน่
ไม่มีเวลาคิดอะไรมาก รีบล้มตัวลงนอนฝั่งด้านหน้าต่าง หันหลังให้อีกด้าน ดึงผ้านวมสีขาวเนื้อหนานุ่ม คลุมมาจนถึงคอ แล้วก็แกล้งหลับ
“น้ำครับ น้ำ.......อ้าว...หลับซะแล้ว” คงจะเพลีย เพราะพึ่งออกจากโรงพยาบาล แทนที่จะกลับมาพักผ่อน ดันพากันตะลอน ๆ ทั้งวัน
ชายหนุ่ม เช็ดผมที่เปียกด้วยผ้าขนหนูผืนเล็ก พลาง เดินมาทางหน้าต่าง เพื่อมองหน้าตอนหลับของคนน่ารักของเขา
“หลับฝันดีนะครับ คนดี” บอกราตรีสวัสดิ์ พร้อมทั้งโน้มหน้าเข้าไปหอมแก้มใส ของคนน่ารัก
เอ๊ะ ไหง คนหลับแล้ว แก้มขึ้นสีระเรื่อเชียว
“หึ ๆ ว้าแย่จังเล่นมาหลับต่อหน้าต่อตาพี่อย่างนี้ ถ้าโดนลักหลับจะมาว่าพี่ไม่ได้นะ” ว่าครับ พี่อย่าทำบ้า ๆ นะ ผมไม่ได้หลับจริงซะหน่อย
เตียงด้านหลังที่ยวบลงไป บ่งบอกว่าอีกคนขึ้นมาบนเตียงแล้ว ธาราก็ได้แต่นอนตัวเกร็งอยู่ครู่ใหญ่ แต่ก็เห็นเงียบ ๆ ไปก็คิดว่าพี่เขาคงหลับไปแล้ว ดีครับพี่ นอน ๆ กันซะที (ผมหมายถึงต่างคนต่างนอนนะครับ อย่าคิดลึก)
ชายหนุ่มรู้ล่ะว่า คนน่ารักของเขายังไม่ได้หลับ เท้าคางตะแคงมองดู เห็นนอนตัวเกร็งซะขนาดนั้น ก็ยิ่งนึกขำแกมเอ็นดู น้องคงรู้ตัวแล้วว่าผม รู้สึกอย่างไรกับเขา และที่น้องหวั่นไหวกับผม ก็เป็นสัญญาณที่ดี ค่อย ๆ รักพี่นะครับ พี่รอได้
แต่คืนนี้...การได้นอนใกล้ ๆ คนที่เรารักนี่ มันไม่ง่ายเหมือนที่ผมคิดในตอนแรกเลย กลิ่นหอม ๆ จากผิวกาย อีกทั้งอุณหภูมิของอีกฝ่าย เหมือนจะทำให้ผม....ร้อนขึ้น
เฮ้อ ข้างหลังนิ่งๆ ไปแล้ว พี่เค้าคงหลับไปแล้วแน่ ๆ...... ดีครับ ผมก็เริ่มง่วงแล้ว เปลือกตาที่หนัก ๆ กำลังจะปิดลง ก็ต้องเบิกตากว้างเพราะมีมือคนข้างหลังยื่นมาโอบเอว
หว๊า อะไรอ่ะ อยู่ ๆ พี่ทินก็เอามือมากอดเอวผม แล้วดึงผมเข้าไปจนหลังชนกับอกแกร่งของพี่เค้า จะดิ้นก็ไม่ได้ผมแกล้งหลับนี่นา อ๊ายยย ทำไงดีว้า
อึ๊ย อ๊ะ พี่อย่าไซร้ท้ายทอยผมเด๊ะ มันเสียวนะ
เฮ้ย แล้วพี่จะสอดมือเข้ามาในเสื้อผมทำม๊ายยยย
อ๊ายยยย อย่าลูบ !!!!!!!!!!! มันเสียวววววววววววววว
“โอ๊ยยยยยย ทนไม่ไหวแล้วนะ” ตะโกนออกมาสุดเสียงก่อนที่จะขืนตัวออก แล้วเด้งตัวออกมายืนข้างเตียง หายใจหอบเหนื่อย หน้าคงแดงเถือกแน่ๆ เลย ผมทำตาดุจ้องหน้าพี่ทิน แต่พี่เค้าไม่ได้มีท่าทีสะทกสะท้านอะไรเลย ซ้ำยังหัวเราะตัวงอ เอาหน้าซุกไปกับหมอน......พี่เค้าแกล้งผม
“ฮะ ๆ ๆ อะไรกัน ลุกขึ้นมาทำไม ไม่หลับต่อล่ะ” แน๋ะ ยังขำไม่เลิก ไอ้พี่บ้า
“พี่อย่าเล่นอะไรบ้า ๆ นะ ถ้าพี่ทำอีกผมจะไปเปิดห้องใหม่” คว้าหมอนมากอดไว้ รู้สึกว่ามีอะไรในมือมันดูอุ่นใจดี
“เล่นอะไร เรานั่นแหล่ะ ทำไมต้องแกล้งหลับด้วย” ต้องทำเป็นขำกลบเกลื่อน อารมณ์ดิบ ที่กำลังก่อตัวขึ้น เกือบไปแล้วครับ ดีว่าน้องมันโวยซะก่อน ถ้ายังทำเป็นหลับ ผมคงหยุดตัวเองไม่ได้แน่
“.........” เงียบซิครับ จะให้ผมบอกพี่เค้าเหรอ ว่าที่แกล้งหลับเพราะว่าผมกลัวพี่เค้าจะทำอะไรผม
“อ่ะ ๆ ไม่เล่นแล้ว มานอนดี ๆ มา”
“......” ผมยังลังเล พี่เค้าล้มตัวนอน เอามือตบบนที่นอนข้าง ๆ เป็นการเรียก ยิ้มทั้ง ๆ ที่หลับตา ผมไม่มีทางเลือก จึงลงนั่งบนที่นอนเอาขาสอดเข้าไปในผ้าห่ม ผมนอนห่างจากพี่ทินจนเกือบจะสุดขอบเตียง ลอบมองพี่ทิน หน้าด้านข้าง จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากสีซีด แย้มนิด ๆ แต่ก็เห็นยังหลับตาอยุ่ ณ ตอนนี้ผมคิดว่าผมเริ่มคิดอะไรแปลก ๆ กับพี่ทินแล้วล่ะ
แต่ผมคงไม่สามารถรักพี่เค้าได้ เพราะผมยังมีเมย์ ถึงเธอจะโทรมาขอเลิก แต่เรามีอะไรกันแล้ว ผมคงไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบนี้ได้
“ยังไม่หลับอีกเหรอครับน้ำ”
“...ใกล้แล้วครับ” ตกใจนิดหน่อย นึกว่าพี่เค้าหลับไปแล้ว หันไปมองก็เห็นพี่ทินตะแคงนอนหันมามองผม
“ถ้ายังไม่ง่วง...เราหากิจกรรมทำกันดีมั๊ยครับ” สายตาพี่กรุ้มกริ่ม มากครับ
“พี่หยุดเลยนะ อย่าได้แม้แต่คิด ฮึ”
“อะไร พี่แค่จะชวนไปที่บาร์ หรือคาราโอเกะ นะ เราคิดว่าพี่ชวนไปทำอะไร” แกล้งผมอีกล่ะ ไม่ต้องมาทำเป็นชวนไปบาร์ ไปคาราโอเกะ ผมรู้ล่ะว่าพี่คิดอะไร ดูทำตาเข้าซิ
“.....”
“ฮะ ๆ ๆ นี่ขนาดเล่น ๆ ยังขวัญผวา ถ้าเจอของจริงไม่แย่เหรอ”
“พี่อย่าพูดอะไรเลยครับ มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ” สำนึกลึก ๆ ผมรู้ว่าผมยังมีสิ่งที่ผมต้องรับผิดชอบอยู่ ไม่ว่าผมจะรู้สึกอะไรหรือไม่กับพี่ทิน แต่เมย์จะเป็นคนเดียวที่ผมจะแต่งงานด้วย
“ทำไมครับ ทำไมจะเป็นไปไม่ได้?
“เมื่อผมทำงานจนสามารถขอวันลาหยุดได้....ผมจะไปหาเมย์ครับ”
กึก
วาทินได้ยินชื่อที่ไม่คาดมาก่อน ว่าจะยังไม่จบ น้ำรักผู้หญิงคนนี้มากกว่าที่เขาคิด
“ผมตัดสินใจที่จะคุยกับเธออีกครั้งครับ ผมคิดว่ายังไง ๆ เราคงยังไม่ขาดกันหรอกครับ ก็เรารักกันมาตั้ง 5 ปีแล้ว” เหมือนผมพยายามเตือนตัวเอง
เจ็บร้าวในอกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่อยากเชื่อเลย เขากำลังจะเสียน้ำไปเหรอ? ไม่อยากได้ยินอะไรอีกเลย วาทินค่อย ๆหลับตาลง “ผู้หญิงที่ไม่เห็นค่าของน้ำ น้ำยังจะไปง้อเค้าอีกเหรอ”
“........ผม ...ยังไงผมก็รักเธอ” มันไม่ใช่เรื่องเธอเห็นค่าผมหรือเปล่า แต่เป็นเรื่องที่ผมต้องรับผิดชอบเธอ
เป็นอีกคำที่น้องทำให้ผมเจ็บแปร๊บที่หน้าอกด้านซ้าย เขาต้องเสียน้ำให้ผู้หญิงยะโสนั่นจริง ๆ เหรอ
ไม่ได้ล่ะ สงสัยคงต้องเริ่มดำเนินแผนการได้แล้วล่ะ บอกแล้วว่าคนอย่างวาทิน ไม่ยอมถอดใจง่าย ๆ หรอก ถ้าจะเอา ต้องเอาให้ได้