[novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที  (อ่าน 274488 ครั้ง)

นัทนที

  • บุคคลทั่วไป
โพสมาถึงภาค 2 แล้วเหรอครับเนี้ย  ขอโทษนะครับที่เพิ่งได้มีโอกาสเข้ามาทักทาย

ตกลงคุณปลายยอดไผ่ กับ คุณ Blueboyhub เป็นคนเดียวกันหรือเปล่าครับ เพราะเห็นคนที่ไปขอผมที่บอร์ดปาล์มเป็นคุณBlueboyhub แต่คนโพสกลับเป็นคุณปลายยอดไผ่ เลยงงนิดๆ

แต่ยังไงก็ขอบคุณนะครับ ที่ช่วยนำเรื่องราวของผมมาโพสต่อ มีคนอ่านเยอะ คนเขียนก็ย่อมดีใจเป็นธรรมดา

และขอบคุณคนอ่านทุกคนด้วยคับที่สนใจเรื่องนี้ (เข้ามาปุ๊บ เห็นยอดคนวิว 2000 กว่านี่แอบตกใจ แอบปลื้มเหมือนกันคับ ไม่รู้ว่าคนอ่านเยอะ หรือคนน้อยแต่คลิกกันถี่ก็ไม่รู้ 555)

ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งนะครับ แล้วหวังว่าทุกคนจะได้รับความสุขจากนิยายเรื่องนี้

แล้วจะพยายามเข้ามาบ่อยๆนะครับ แต่คงไม่แสดงตัวเพราะอยากให้ทุกคน comment กันเต็มที่

ถ้าไม่สะใจ อยากเม้นต์แรง ผมเปิดสายไว้ให้ที่ b_nutnateeอย่าแสดงเมลบนบอร์ด.com นะครับ

แต่ผมขอเฉพาะเนื้อหาที่เกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้นะครับ  เรื่องอื่นไม่อาวววว

ขอบคุณครับ




Aki_Kaze

  • บุคคลทั่วไป
0.0 พี่นัทนที กี๊สๆๆๆ :piglove2:

kirati69

  • บุคคลทั่วไป
อ่ะ ตัวจิงไม่อิงนิยายใช่มั้ยเนี้ย  แถมทิ้งเมลไว้ด้วย

เสร็จเราล่ะ อิอิ  :monkeylove2:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
นัทนที  แค่เข้ามาผมกับเพื่อนๆก็ดีจายแล้วหล่ะครับ  :myeye:   อิอิ ใครว่าบีไว้ก็แก้ตัวกันเอาเองเน้อ คิกคิก  :kikkik:
blueboyhub กับ ปลายยอดไผ่คนเดียวกันครับ ปกติผมอยากใช้ปลายยอดไผ่มากกว่า  แต่พักหลังนี่มีเรื่องต้องใช้ฟังก์ชั่น admin เยอะเลยขี้เกียจ log in ใหม่บ่อยๆ เน็ตผมช้าๆด้วย เอิก้ๆ ได้เมลหล่ะ หุหุ เรื่องนิยายผมเข้าจายหมดล่ะ อยากคุยเรื่องอื่นมากกว่า คิกคิก  :3043:

shell  คนที่ดูร้ายที่สุด กลับเป็นคนที่เจ็บที่สุด ความจริงแห่งชีวิต  :monkeycry2:

FlukeHub  เอิ้กๆ เด่วอาจจะชอบบาสก็ได้  :kikkik:  แต่ปอนด์เท่าที่เห็นปอนด์ก็มั่นคงตลอดมาใช่ไหมครับ  :yeb:

หมูพูห์  ผมก็เคยคิดนะ แต่ผมคาดว่าเขาจะไม่หันมองเลยนะสิ  :monkeysad2:

][GobGab][  ขนาดนั้นงี้ต้องแวะไปเยี่ยมต้องบ้างหล่ะ เผื่อได้ข่าวดีๆ  :love2:

มูมู่น้อย  นึกว่าจะชอบกรู เมิง ซะอีก เอิ้กๆ  :pigha2:

kirati69 ข้อดีของการที่เขาไม่เคยหันมามองเราเลย คือทำให้เราแอบมองเขาไปได้เรื่อยๆ  :monkeysad:
ชอบจัง ฟังแล้วเจ็บปวดดี เรานี่โรคจิตป่าวเนี่ย

Aki_Kaze  Yาย_โO  อ่าวขอลายเซ็นไว้นะ เอิ้กๆ  :yeb:

******************************************************************************
กุมภาพันธ์ ของปีเตอร์ คอป
[wma=300,50]http://f1.podcast.blog.webs-tv.net/upload2/new/e/e/a/eead8016b7c106b9153ec8acc1bbecfb.mp3[/wma]
**********************************************************************************



.............ขอให้รักเรานั้น....นิรันดร ภาค 2….....( 4 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

“พร้อมจะไปกันหรือยัง เตรียมตัวดีแล้วนะ”

บาสหันมาถามผมหลังจากที่เราทานอาหารเช้าด้วยกันเสร็จ

“นี่...แค่จะไปเดินดูบ้านเอง ถามยังกะจะไปเดินป่า”

ผมแซวบาสออกไปเมื่อเห็นท่าทีจริงจังของเขา เพราะวันนี้บาสรับปากว่าจะอาสาเป็นไกด์พาผมไปเดินดูรอบๆตัวบ้าน

“ก็นั่นแหละ บางทีบีอาจจะได้เจออะไรที่ไม่คาดฝันในบ้านหลังนี้ก็ได้”

“เหรอ เช่นอะไรบ้างล่ะ เสือ สิงโต หรือว่าจระเข้”

“ไม่ใช่หรอก มันน่ากลัวกว่านั้นอีกนะ อะไรบางอย่างที่เรียกว่า.........ผี…ไงล่ะ”

บาสจงใจเน้นคำว่า “ผี” จนทำให้ผมถึงกับสะดุ้ง

“บ้า...บ้านนี้มีผีด้วยเหรอ”

“ใครจะไปรู้ล่ะ ระหว่างที่บีเดินอยู่อาจจะมีใครเดินตามแล้วก็พูดว่า...บีบีบีบีบีบีบีบีบี มามามามามามามา อยู่อยู่อยู่อยู่อยู่ ด้วยยยยยยยยยย กานนนนนนนน เถอะเถอะเถอะเถอะเถอะ นะนะนะนะนะนะนะ”

บาสแกล้งพูดยานคางเหมือนเสียงของวิญญาณจนทำให้ผมขนลุก แล้วต้องหันไปตวาดเขาในทันที

“บ้า อย่ามาเล่นอย่างนี้นะ”

“ทำไม บีกลัวผีเหรอ”

“ไม่กลัวหรอก ผีมีจริงซะที่ไหน”

ผมแสร้งทำเป็นปฏิเสธในขณะที่สายตาเริ่มกวาดมองไปรอบบ้านอย่างไม่ไว้ใจ

“แต่ยังไงบาสว่าระวังไว้บ้างดีกว่า บีอย่าลืมสิบ้านหลังนี้มีอายุเกือบร้อยปีแล้วน๊า คิดดูสิว่ามีคนตายในบ้านนี้มาแล้วกี่คน”

คำพูดของบาสยิ่งทำให้ผมขวัญเสียจนขยับเข้าไปใกล้ๆเขาอย่างไม่รู้ตัว

“บาสล้อเล่นน่า อย่ากลัวไปเลย ยังไงก็มีบาสอยู่ทั้งคน”

“มีบาสอยู่ แล้วยังไงล่ะ บาสเป็นหมอผีหรือไง”

“ก็บอกแล้วไงล่ะ ว่าบาสล้อเล่น ถ้ามีผีจริงๆ บีคงโดนไปตั้งแต่คืนแรกที่มาค้างที่นี่แล้ว ไปกันเถอะ”

คำพูดของบาสเริ่มทำให้ผมใจชื่นขึ้นมาบ้าง ผมจึงค่อยๆ สลัดความคิดฟุ้งว่านออกไป แล้วเข็นรถเข็นของบาสออกมาจากห้องครัว

“เริ่มที่ห้องนอนของบีก่อนแล้วกัน ก็เป็นห้องสำหรับแขกที่มาพักนั่นแหละ แต่จริงๆแล้วก็ไม่ค่อยมีใครมาหรอก ส่วนห้องนอนของบาส เมื่อก่อนเคยเป็นห้องของคุณยาย พอท่านเสียก็เลยปิดตายมาพักนึง แล้วพอบาสมาประสบอุบัติเหตุ คุณแม่ก็เลยย้ายบาสลงมานอนข้างล่าง ส่วนห้องครัวนั่นบีก็คงเห็นจนชินแล้วมั้ง จริงๆแล้วถ้าบีเปิดประตูด้านหลังห้องครัวออกไปมันจะมีส่วนที่เป็นครัวไทยด้วยนะ แต่คุณแม่เขาไม่ค่อยได้ใช้ก็เลยปิดมันไว้อย่างนั้นแหละ ส่วนตู้เก็บของโบราณพวกนี้ก็เป็นของสะสมมาตั้งแต่ยุคคุณทวดแล้วล่ะ แม่เขาหวงนักหวงหนาถึงไม่ยอมจ้างคนใช้ไงล่ะ กลัวว่าจะมาขโมยของๆท่าน”

“อืม คนรวยนี่ก็คิดเหมือนๆกันเลยนะ”

“อะไรนะ”

บาสถามขึ้นมาด้วยความสงสัยเมื่อได้ยินผมพูดขึ้นมาลอยๆ

“อ๋อ ก็พี่ปอนด์ไง บาสจำพี่ปอนด์ได้ป่าว บ้านเขาก็รวยมากเลยนะ แต่ไม่ยักจะจ้างคนใช้ เห็นบอกว่ากลัวของโดนขโมยเหมือนกัน”

“นี่ บียังติดต่อกับไอ้พี่ปอนด์อยู่เหรอ”

บาสถามออกมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

“ใช่ ตอนนี้พี่ปอนด์เขากลายเป็นหนุ่มนักเรียนนอกไปแล้วนะ กำลังเรียนดนตรีอยู่ที่อังกฤษ สงสัยคงจะเนื้อหอมเหมือนเดิม”

“แล้วบีกับเขา....เอ่อ....”

บาสมีท่าทีอ้ำอึ้งเหมือนจะถามอะไรผมบางอย่าง

“บีกับเขาทำไม”

“เอ่อ....คือ เขายังตามจีบบีอยู่เหรอ”

“นี่ ผู้ชายเพอร์เฟกต์อย่างพี่ปอนด์ จะมาสนใจอะไรกับคนอย่างบี เราก็เป็นแค่พี่น้องกันนั่นแหละ”

ผมแกล้งตอบบาสไปอย่างนั้น ทั้งๆ ที่ความจริง ก่อนที่พี่ปอนด์จะไปอังกฤษ เขาก็มาตามจีบผมอยู่พักนึงอย่างพี่บาสว่าจริงๆนั่นแหละ

“เหรอ ค่อยยังชั่วหน่อย”

บาสเปรยออกมาเบาๆ

“บาสว่าไงนะ”

ผมถามเมื่อได้ยินบาสพูดอะไรบางอย่างออกมาแต่ผมได้ยินไม่ถนัด

“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก ขึ้นไปชั้น 2 กันเถอะ”

“เดี๋ยวสิบาส”

“มีอะไรอีกล่ะ”

“แล้วห้องนั้นล่ะบาส บาสไม่เห็นพูดถึงเลย”

ผมชี้ไปให้บาสดูห้องอีกห้องหนึ่งที่มีกุญแจปิดตายมาตั้งแต่วันแรกที่ผมมาถึง

“ห้องนั่นเหรอ ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก ไปกันเถอะ”

บาสตอบมาด้วยท่าทีมีพิรุธ ทำให้ผมยิ่งเกิดความสงสัยใคร่รู้

“แต่บีว่ามันน่าสนใจนี่ ตกลงมันห้องอะไรเหรอ”

“อยากรู้จริงๆ อ่ะ”

“ใช่” ผมตอบอย่างหนักแน่น

“งั้น ก็ได้ มันเป็นห้องอาถรรพ์น่ะ ถ้าบีลองเอาหูไปแนบที่ประตู บีจะได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง”

“เว่อร์น่ะ”

“อ้าว ไม่เชื่อก็ลองทำดูสิ ถ้าใจกล้าพออ่ะนะ”

“กล้าสิ ทำไมจะไม่กล้า”

แม้จะรู้สึกกลัวอยู่ไม่น้อย แต่ผมก็ตัดสินใจก้าวเดินออกไป แล้วเอาหูไปแนบไว้กับประตูห้องปิดตายห้องนี้ด้วยความระทึก จนสักพักผมก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังแว่วมาแต่ไกล เสียงนี้ทั้งเบาและแหบพร่าจนทำให้ผมถึงกับขนลุก

“บีบีบีบีบีบีบีบีบีบีบีบีบีบีบีบีบีบีบี มามามามามามามามามามา อยู่อยู่อยู่อยู่อยู่ ด้วยยยยยยยย..............”

ทันทีที่ได้ยินเสียงนี้ชัดเจนผมก็ทั้งตกใจ ทั้งกลัวจนตัวสั่นจนต้องถอยหลังกลับออกมา

ในจังหวะนั้นเองที่ผมเริ่มเอะใจแล้วหันกลับไปมองบาสจนเห็นได้ว่าแท้ที่จริงแล้วเสียงที่น่าพรั่นพรึงนี้มาจากบาสที่กำลังแกล้งทำเสียงเลียนแบบผีอยู่ด้วยใบหน้าที่ขำขันผมเป็นอย่างยิ่ง

“บาส......”

ผมตวาดใส่เขาอย่างเหลืออดแล้วก็เดินเข้าไปทุบเขาที่ไหล่อย่างแรง

“โอ๊ย บาสเจ็บนะ”

“สมแล้วนี่ ทำอะไรบ้าๆ เนี้ย บีใจหายหมดเลยรู้มั้ย”

“อ้าว ก็ไหนว่าไม่กลัวผีไง”

“ไม่ต้องมาพูดดีหรอก มาลองโดนเองบ้างซิ บีหัวใจแทบวายเน่ะ”

“น่า อย่าโกรธนะ บาสแค่ล้อเล่นเอง อย่าไปสนใจห้องนี้เลย ขึ้นไปชั้น 2 เถอะ”

พูดจบบาสก็หัวเราะออกมาเบาๆอย่างห้ามไม่ได้แล้วก็เข็นรถไปรอผมที่บันได

ส่วนผมก็ได้แต่เดินตามเขาไปด้วยสีหน้างอนๆ แม้ในใจจะยังสงสัยอยู่ว่าห้องนี้มีอะไรกันแน่ แล้วทำไมบาสถึงพยายามที่จะให้ผมเลิกสนใจมันให้ได้

เมื่อผมตามบาสมาทัน ผมก็เห็นเขาพยายามลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเลเพื่อจะเดินขึ้นไปชั้น 2

“บาส....บีว่าไม่ต้องก็ได้นะ”

“ไม่เป็นหรอก บาสสัญญาแล้วนี่ว่าจะพาบีเดินดูให้ทั่วบ้าน บาสไม่อยากผิดคำสัญญากับใครโดยเฉพาะกับบี”

“งั้นก็...ตามใจบาสแล้วกัน”

พูดจบผมก็เดินไปคว้าแขนบาสมาคล้องคอผมไว้เพื่อให้เขาทรงตัวได้มั่งคงขึ้น

“บาสกอดบีไว้แน่นๆ นะ จะได้ไม่ล้ม”

“ไม่ต้องห่วงหรอก บาสจะกอดบีไว้ไม่ปล่อยเลย แล้วถ้าบีไม่ว่า...บาสคงขอกอดบีไปอย่างนี้.....ตลอดชีวิต”

เมื่อบาสพูดจบ ผมก็ได้แต่ยิ้มให้เขาอย่างเขินๆ จากนั้นก็พยายามพยุงตัวเขาเดินขึ้นบันไดไปทีละขั้นๆ อย่างทุกลักทุเลโดยในขณะที่ขึ้นบันไดไปนั้นผมก็อดคิดไม่ได้ว่า...

บางทีเส้นทางความรักของผมกับบาสก็คงจะทุลักทุเลเหมือนกับการขึ้นบันไดของเราในตอนนี้

ถ้าเราไม่ประคองกันไว้ให้มั่นและเชื่อใจในกันและกัน มันก็คงไม่มีวันไปถึงจุดหมาย แต่ผมก็ยังไม่แน่ใจตัวเองอยู่ดีว่าผมพร้อมจะเดินไปในเส้นทางนี้ร่วมกับบาสหรือยัง

เมื่อขึ้นไปถึงชั้น 2 บาสก็พาผมไปดูห้องต่างๆ ซึ่งก็มีทั้งห้องนอนของบาส ห้องนอนของคุณแม่ ห้องพระ รวมทั้งระเบียงบนชั้น 2 ที่อยู่ด้านหลังของตัวบ้านซึ่งทำให้ผมได้เห็นชัดๆว่าบ้านของบาสอยู่ติดกับคลองบางกอกน้อยด้วย

เมื่อมองผ่านสวนหลังบ้าน และศาลาริมน้ำออกไป ผมก็ได้เห็นวิถีชีวิตริมคลองของผู้คนที่นี่ซึ่งมาทำกิจกรรมต่างๆอยู่ริมน้ำ ทั้งซักผ้า ขายของ นั่งพูดคุย ซึ่งภาพทั้งหมดนี้เป็นภาพที่ผมไม่คุ้นเคยเลย แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกได้ว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านที่น่าอยู่จริงๆ

หลังจากบาสพาผมดูบ้านบนชั้น 2 จนทั่วแล้ว เราก็ลงมาทานอาหารเที่ยงด้วยกันก่อนที่ผมจะให้บาสไปหลับพักผ่อน แล้วพอช่วงบ่ายแก่ๆ ผมกับบาสก็เริ่มออกมาเดินเล่นรอบๆ ตัวบ้านกันใหม่

บาสค่อยๆ พาผมเดินดูสวนหน้าบ้านที่ได้จัดแต่งไว้อย่างดี แล้วยังคอยแนะนำไม้มงคลต่างๆที่ปลูกไว้ทั่วบ้าน อาทิ ต้นมะยม ต้นวาสนา ต้นชัยพฤกษ์ และต้นไม้แปลกๆอีกมากที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน เช่น ใบเงินใบทองใบนาค ว่านมหาลาภ และ ต้นพุทธรักษา

จากนั้นบาสก็พาผมไปหลังบ้านซึ่งสิ่งแรกที่สะดุดตาผมแทบจะในทันทีก็คือศาลาริมน้ำที่สวยเสียจนผมอดเปรยกับบาสไม่ได้ว่า

“สวยจังเลยบาส วันหลังเรามากินข้าวกันที่ศาลานี้บ้างดีมั้ย”

“ตามใจบีซิ บาสยังไงก็ได้”

“บ้านบาสสวย แล้วก็น่าอยู่มากจริงๆนะ มีอะไรให้ดู ให้ทำตั้งเยอะเยะไปหมดเลย”

“ถ้ายังงั้นบีก็ย้ายมาอยู่แบบถาวรเลยสิ แม่บาสไม่ว่าหรอก”

บาสพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ผมไม่แน่ใจว่านี่คือคำเชิญชวนหรือคำขอร้อง

“ไม่เอาอ่ะ บีคงเกรงใจแย่เลย แล้วอีกอย่างบีไม่อยากมาเป็นคนรับใช้ใครด้วย เดี๋ยวต้องคอยทำกับข้าว เดี๋ยวต้องคอยทำความสะอาดบ้าน ไหนยังต้องคอยเอาใจคุณผู้ชายของบ้านอีก บีไม่เอาด้วยหรอก”

ผมแกล้งพูดประชด

“แล้วใครบอกว่าบาสจะให้บีเข้ามาอยู่ในฐานะคนใช้ล่ะ ถ้าบาสหายดีแล้ว บาสจะไม่ให้บีต้องทำอะไรเลย บาสขอแค่มีให้มีบีมาอยู่ใกล้ๆ ก็พอ”

เป็นอีกครั้งที่บาสทำให้ผมได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ด้วยความเขินก่อนที่จะพยายามกวาดตาไปมองทางอื่น จนกระทั่งผมหันไปเห็นสิ่งๆหนึ่งที่รั้วริมคลองซึ่งของสิ่งนั้นทำให้ผมถึงกับหน้าถอดสีในทันที

ในเวลานั้นเองที่ผมรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังได้ยินเสียงบางอย่างที่ลอยมาตามลมว่า

“ทีม-รัก-บี-นะ”

ผมไม่รู้ว่าผมหยุดยืนนิ่งด้วยความหดหู่อย่างนี้อยู่นานเท่าไหร่ เพราะเมื่อรู้ตัวอีกทีบาสก็พยายามเรียกผมให้คืนสติด้วยเสียงอันดัง

“บี บี ได้ยินหรือเปล่า”

“หา อะไรนะ บาสว่าไงนะ”

“บาสถามว่าบีใจลอยไปไหนเนี้ย เป็นอะไรหรือเปล่า”

“อ๋อ ปละ ปละ เปล่า ไม่มีอะไรหรอก”

“ทำไม สนใจมันเหรอ นั่นน่ะ เขาเรียกว่า.."ดอกราตรี"
ตอนกลางวันอย่างนี้มันดูไม่ค่อยสวยหรอก ถ้าบีไม่กลัวผีเดี๋ยวคืนนี้บาสจะพาออกมาดูอีกที รับรองบีจะแปลกใจ”

“เอ่อ ไม่เป็นไรหรอกบาส บีไม่อยากดูหรอก”

“อ่ะ กลัวผีอ่ะดิ”

“ปล่าว บาส บีว่าเราเข้าบ้านกันเถอะ”

“บี.....บีไม่เป็นไรแน่นะ”

“บีไม่เป็นไรจริงๆ เข้าบ้านกันเถอะบาส”

พูดจบผมก็ค่อยๆ ประคองบาสเดินกลับเข้าไปในบ้าน จนหลังจากที่เราทานอาหารมื้อเย็นเสร็จแล้วผมก็ขอตัวกลับเข้ามาในห้องแล้วก็เริ่มปล่อยน้ำตาที่กลั้นเอาไว้ตั้งแต่ช่วงบ่ายออกมาอย่างเหลืออด

ก่อนหน้าที่จะมาอยู่กับบาส ผมเคยคิดว่าผมน่าจะลืมทีมไปได้แล้วอย่างถาวร แต่ในความเป็นจริง ผมยังคงเจ็บปวดทุกครั้งที่นึกถึงเขา โดยเฉพาะเมื่อผมได้มาเห็นดอกราตรีเมื่อตอนบ่าย มันยิ่งย้ำเตือนให้ผมรู้สึกได้ว่าผมไม่อาจลืมทีมได้เลย

เป็นเวลานานเท่านานที่ผมยังคงร้องไห้ให้กับความรักในอดีตจนกระทั่งผมรู้สึกปวดแสบปวดร้อนไปทั้งเบ้าตา ผมจึงพยายามปาดน้ำตาแล้วหยิบบันทึกที่บาสมอบให้ผมเมื่อตอนทานข้าวขึ้นมาอย่างมีความหวัง

เป็นความหวังที่ว่า...ถ้าหากจะมีอะไรสักอย่างที่จะมาช่วยให้ผมลืมทีมได้ ผมก็หวังว่าสิ่งนั้นจะเป็นบันทึกของบาสนี่ล่ะ

------------------------------------------------

25 กรกฎาคม 2539

วันนี้เป็นวันที่ผมเพิ่งกลับมาจากการเข้าค่ายลูกเสือ

ก่อนหน้าที่ผมจะได้ไปเข้าค่ายครั้งนี้ ผมเคยได้แต่นับวันเวลาคอยเพื่อให้การเข้าค่ายลูกเสือครั้งนี้มาถึงเร็วๆ

แต่วันนี้เป็นวันที่ผมได้รู้ว่าผมไม่ควรไปร่วมเข้าค่ายลูกเสือครั้งนี้เลย

หลายวันก่อน..ทันทีที่ผมรู้ว่าผมได้อยู่หมู่เดียวกับบี ผมก็รู้สึกดีใจมากอย่างบอกไม่ถูกเพราะมันหมายถึงว่าผมจะมีโอกาสอยู่ใกล้ชิดบีมากขึ้น

ในวันแรกที่ผมมาถึงค่าย....ผมจึงได้พยายามจะทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ คอยช่วยเหลือบีในทุกสิ่งอย่างที่ผมสามารถทำได้เพื่อลบล้างภาพเก่าๆ ที่บีเคยมองผมว่าผมเป็นคนลามก

แต่ดูเหมือนบีจะไม่ยอมเชื่อใจผมเลย เขาพยายามปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือของผมในทุกๆครั้ง

ยังไงก็ดี....ผมพยายามที่จะไม่เสียกำลังใจ แล้วบอกกับตัวเองว่าผมต้องทำความดีเพื่อเอาชนะใจบีให้ได้

แต่ในคืนนั้นเองที่ผมกลับได้รับรู้ความจริงที่น่าตกใจที่สุดในชีวิต

เมื่อไอ้ทีม เพื่อนสนิทของผมได้มาสารภาพกับผมว่ามันชอบเพื่อนผู้ชายด้วยกันคนหนึ่ง และคนๆนั้นคือ.....บี

ผมฟังความจริงจากปากของมันอย่างไม่เชื่อหู ผมไม่เคยคิดเลยว่าผู้ชายรูปหล่อหน้าตาดีที่ผู้หญิงทั้งโรงเรียนแอบฝันถึงอย่างมันจะมาชอบผู้ชายด้วยกัน

ที่สำคัญ ทำไมคนๆนั้นต้องเป็น.....บี

มันพยายามขอร้องให้ผมช่วยเหลือมัน ด้วยการขอไปนอนค้างกับผมที่ห้องเพราะมันอยากไปนอนเฝ้าบีใกล้ๆ

จะเป็นเพราะความตกใจหรืออะไรก็แล้วแต่ ผมก็ได้ตอบตกลงไปอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองได้ตอบมันไปอย่างนั้น

ผมพยายามปลอบใจตัวเองว่าในที่สุดแล้ว...บีอาจจะไม่ชอบไอ้ทีมมันก็ได้ ทั้งๆที่ผมก็รู้อยู่แก่ใจดีว่า

...จะมีผู้หญิง หรือเกย์คนไหนในโรงเรียนนี้ที่จะปฏิเสธผู้ชายที่ทั้งหล่อ เล่นกีฬาเก่ง แถมยังเรียนดีแบบไอ้ทีมได้

ยิ่งพวกเราเดินมาถึงห้องนอน ผมก็ยิ่งไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็นเมื่อไอ้ทีมค่อยๆ เดินตรงไปที่บีแล้วก็ไปหนุนหัวนอนอยู่ตรงปลายเท้าของบีพอดิบพอดี

เมื่อเห็นพฤติกรรมนั้นของไอ้ทีม ผมถึงได้รู้ว่ามันหลงรักบีมากแค่ไหน

เพราะภาพของผู้ชายที่ยอมทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองด้วยการเอาหัวไปหนุนนอนอยู่ที่ปลายเท้าของคนรักอย่างศิโรราบราวกับตัวเองเป็นทาสผู้ต้อยต่ำนั้น มันชัดเจนยิ่งกว่าคำพูดว่า “รัก” มากมายนัก

ในคืนนั้น...ท่ามกลางความมืด ผมได้แต่นอนร้องไห้อยู่คนเดียวอย่างเจ็บปวด แล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้น ผมคงจะโทษใครไม่ได้เลย

ถ้าจะโทษก็ต้องโทษ..... “ความขี้ขลาด” ....ของตัวเอง

ผมซึ่งแอบหลงรักบีมาตั้งแต่แรกเห็น และได้เฝ้าติดตามดูบีมาตลอด กลับไม่เคยกล้าแม้แต่จะปริปากบอกความในใจกับใคร

ขณะที่ไอ้ทีมกลับกล้าที่จะสารภาพกับผมอย่างตรงไปตรงมาว่ามันรักบีโดยไม่กลัวว่าผมอาจจะนำเรื่องนี้ไปพูดให้มันเสียหาย

คนขี้ขลาดอย่างผมไม่ควรค่าที่จะได้รับความรักจากใครเลยจริงๆ

แต่ถึงยังไงผมก็อดภาวนาอ้อนวอนขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ว่าในวันพรุ่งนี้ ผมขอโอกาสเพียงสักครั้ง......ครั้งเดียวเท่านั้นที่จะทำให้ผมได้อยู่กับบีแค่ 2 ต่อ 2

ถ้าโอกาสนั้นมาถึงผมก็จะเดินเข้าไปบอกบีตรงๆว่า.....ผมรักเขา….อย่างไม่ลังเล

และแล้วในวันรุ่งขึ้นดูเหมือนพรที่ผมขอไว้จะเป็นจริง เมื่ออยู่ดีๆ บีก็เกิดไม่สบายแล้วก็ขอตัวหลบไปพักผ่อนที่ในสวนป่า

แต่สันดานคนขี้ขลาดอย่างผม มันก็ยังคงขี้ขลาดอยู่วันยังค่ำ เพราะแม้ผมจะได้รับการหยิบยื่นโอกาสมาให้ตรงหน้าแล้ว แต่ขาทั้ง 2 ข้างของผมกลับไม่ยอมขยับ

อยู่ดีๆ ผมก็กลัวว่าถ้าผมถูกบีปฏิเสธล่ะ ถ้าผมบอกความจริงไปแล้วทำให้บีไม่ยอมพูดกับผมอีกเลยล่ะ ผมจะทำยังไง

ในช่วงเวลานั้น...ความกลัวต่างๆนานา มันผุดขึ้นมาในหัวจนทำให้ผมไม่กล้าเดินตามบีไป

จนกระทั่ง......

ไอ้ทีมได้เดินตัดหน้าผมเข้าไปในสวนป่า ผมถึงได้รู้ว่าโอกาสของผมได้ผ่านไปแล้ว

ผมยื่นนิ่งอย่างชิงชังตัวเองด้วยสารพัดคำด่าที่พอจะสรรหามาตำหนิตัวเองได้ จนเมื่อรู้สึกราวกับว่าอกของผมมันกำลังจะระเบิดออกมาผมจึงตัดสินใจวิ่งตามคนทั้งคู่ไป

แต่ทันทีที่ผมได้เห็นคนทั้งคู่ในสวนป่า ผมก็ได้แต่ยืนนิ่งด้วยความรู้สึกราวกับว่า.....โลกทั้งโลกกำลังพังทลายลงตรงหน้า พร้อมๆ กับความรู้สึกเจ็บปวดจนเกินคำบรรยาย

ในเวลานั้นเอง......ที่ภาพของบีที่กำลังอยู่ภายในอ้อมกอดของไอ้ทีมได้เตือนสติให้ผมรู้ว่า

...........ผมได้เสียบีให้ไอ้ทีมมันไปแล้ว..จริงๆ............

---------------------------------------------------------


ออฟไลน์ GoneOn

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
คุณนัทนที ค่ะ เขียนเรื่องได้ปวดหัวใจมากเลยคะ  :monkeycry2:

คุณบลูน๊า ปล่อยให้รอตั้งนาน  :pigangry2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
อ่านบันทึกบาสแล้วเศร้าใจ  :monkeysad:

แต่ว่านะบาส ถึงบาสจะใจกล้าบอกไปตอนนั้น บีก็คงไม่สนใจหรอก  :try2: ภาคแรกบีอคติกับบาสเหลือเกินนี่

ไม่รู้สินะ คิดว่าถึงบาสจะกล้าบอกตอนนั้น บาสก็คงเสียบีให้ทีมไปอยู่ดี  :monkeysad:

เพราะตอนที่บาสบอกรักบีในสวนสาธารณะ ขนาดตอนนั้นบีรู้สึกดีกับบาสมากขึ้นแล้ว ก็ยังคิดว่าบาสมาหลอกฟันเลยนี่

ยังไงก็ลุ้นบาสอยู่นะ สู้เขา  :yeb:

ปล. เพิ่งรู้ว่าคุณ blueboyhub กับคุณปลายยอดไผ่ เป็นคนเดียวกัน  :myeye: เมื่อก่อนได้แต่สงสัยแต่ไม่กล้าถาม

ยังไงก็ขอบคุณที่เอานิยายดีๆ มาให้อ่านกันค่ะ

moopai

  • บุคคลทั่วไป
 :serius2: :sad5: :try2:
อยากเริ่มเชียร์บาสบ้างแล้วอ่ะ
บางทีรักคนที่เค้ารักเราดีกว่าเนาะ :yeb:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
อยู่นอกสายตา ของเธอตั้งไกล....


เศร้าจัง :monkeysad2:


เฮ้อ  :serius3:


พูห์ :undecided:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-11-2006 17:31:13 โดย หมูพูห์ »

Tantalum

  • บุคคลทั่วไป
  :-[เห็นด้วยกับคุณ moopai คับ รักคนที่เค้ารักเราดีกว่าคับ

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
รักเขาข้างเดียวนี่มันเศร้าจริงเฟ้ยยยย   คิดเหมือน Shell แหละ  ถึงบาสบอกเค้าก็ไม่หันมามองอยู่ดีหรอก  สายตาบีไม่เคยมองบาสอยู่แล้วนี่นา  คิดแล้วเศร้า  แต่โชคชะตาก็ยังมาทำให้บาสให้บอกความในใจกับบีอีกครั้ง  ครั้งนี้ดูเหมาะเจาะลงตัว  แต่ละคนก็โตขึ้น  ก็น่าจะดีขึ้นนา  ยิ่งโตก็ยิ่งมองเห็นอะไรมากขึ้นแหละ  รักคนที่เขารักเราดีกว่าจริง ๆ แต่ถ้าได้ทั้งคู่ เค้าอาจจะรักเราก่อน แล้วเรารักเขาทีหลังด้วยก็ดีนา  อิอิ  เริ่มเชียร์บาสแระ  :monkeylove2:

ต่อเลยเรย์    ให้ไว ให้ไว  อยากอ่านละ   :yeb:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






FlukeHub

  • บุคคลทั่วไป
เหอๆๆ..บาส  น่าสงสารจริงๆ

แต่ผมไม่เปลี่ยนใจจากปอนด์หรอกนะครับคุณบลู

ผมไม่ชอบผู้ชายผมยาวจริงๆ



ปล...น่าอิจฉาบีจังมีแต่คนรุมรัก

Aki_Kaze

  • บุคคลทั่วไป
ภาคสอง ยอดเยี่ยมก่าภาคแรกอีกงิ

ทั้งซึ้งทั้งเศร้า เคล้ากันไป งิงง

between

  • บุคคลทั่วไป
เมื่อไหร่จะมาหว่า :confuse:
ง่วงแล้วอ่ะ :monkeysad2:

kirati69

  • บุคคลทั่วไป
หัวใจสลาย เมื่อเธอเดินไปกับเขา 

ว่าแล้วน้ำตาก็หยดแหมะ :monkeycry2:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
GoneOn  between  :3063: รอเพื่อนๆเม้นอ่ะครับ กัวอ่านกันไม่ทัน
ขอบคุณนะครับที่ยังตามให้กำลังใจผมอยู่    :impress:

shell บางทีคนเราก็อาจมองข้ามสิ่งดีๆไป  :3129:

moopai  อืมปัญหาโลกแตกสำหรับผมเลยครับ ถ้าสองคนจูนตรงกันได้คงดีที่สุด   :seng2ped:

หมูพูห์  กระทบหัวใจเราๆกันหลายคน  :monkeysad2:

Tantalum  แล้วอาจทำร้ายคนที่เขารักเรา จะดีหรือครับ  :monkeysad:

มูมู่น้อย  พูดแล้วนึกถึงเรื่องอดีต เจอคนดีกว่าเราดันไม่เลือกเขา สุดท้ายก็ได้รับแต่ความช้ำจาย จะโทดอะไรได้ก็หัวใจมันบอกให้ทำแบบนั้น ต่อให้ย้อนเวลาได้ก็เลือกเขาอยู่ดี

FlukeHub  คิกคิก ผมดูคนที่หัวใจ แต่ถ้าตรงเสป็คด้วยก็ยิ่งดี  :kikkik:

Aki_Kaze  ถ้าพระเจ้ามีจริง โปรดช่วยเหลือคนที่รักจริงสักครั้งเถิด  :impress:

kirati69  เคยเห็นภาพที่เราไม่อยากมองไหม แม้บอกตัวเองว่าไม่เป็นไร แต่มันเจ็บเข้าไปลึกๆที่หัวใจจริงๆ ไม่ได้รู้สึกไปเอง  :impress3:

******************************************************************************



.............ขอให้รักเรานั้น....นิรันดร ภาค 2….....( 5 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

เช้าวันนี้ผมตื่นขึ้นมาด้วยอารมณ์ที่ไม่แจ่มใสนักเพราะบันทึกของบาสเมื่อวานได้ทำให้ผมกลับไปนึกถึงเหตุการณ์ที่ค่ายลูกเสืออีกครั้งจนนอนไม่หลับมาทั้งคืน

แม้เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นมาเนิ่นนานแล้วแต่ผมก็ยังจำภาพทุกภาพ คำพูดทุกคำได้ราวกับมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้นี่เอง

ผมยังจำได้ดีอย่างไม่มีวันลืมถึงภาพของทีมที่ยืนร้องไห้กอดผมไว้แน่นในสวนป่า จากนั้นเขาก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า

“ทีมทำอะไรผิด ทำไมบีถึงต้องทรมานทีมแบบนี้......จะให้ทีมต้องเจ็บปวดอีกแค่ไหน บีถึงจะพอใจ..... บอกทีมมาสิ ..บอกมา......จะให้ทีมทำยังไงกับบีดี….”

เมื่อนึกถึงคำพูดนี้ของทีมอีกครั้ง น้ำตาอุ่นๆ ของผมก็ไหลลงมาอาบแก้มอย่างสุดจะห้าม ในขณะที่อดถามตัวเองไม่ได้ว่า...ทีมเขาจะรู้หรือไม่ว่าในที่สุดแล้ว ตัวเขาเองต่างหากที่เป็นฝ่ายทำให้ผมต้องเจ็บปวดและทุกข์ทนทรมานราวกับตกนรกทั้งเป็น

นอกจากความเศร้าโศกเสียใจกับเรื่องของทีมแล้ว หลังจากอ่านบันทึกจบ อีกความรู้สึกที่เกิดขึ้นมาไล่เลี่ยกันก็คือความรู้สึก “สงสาร”

ผมสงสารความรักของบาสที่ต้องอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ รวมทั้งอดคิดไม่ได้ว่าเขาจะต้องเจ็บปวดทรมานแค่ไหนที่ได้แต่มองผมกับทีมแสดงความรักต่อกัน

ในตอนนั้นแม้จะมีหลายครั้งที่ผมสงสัย และไม่เข้าใจพฤติกรรมหลายๆอย่างของบาส แต่เรื่องที่ว่าเขาจะทำสิ่งต่างๆมากมายเหล่านี้เพราะเขารักผมนั้นเป็นสิ่งที่ผมไม่มีวันจะคาดคิดถึงเลย

เมื่อก่อน..ผมเคยคิดว่าทั้งทีมและบาสต่างมีนิสัยคล้ายๆกัน พวกเขาจึงมาเป็นเพื่อนสนิทกันได้ ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว....มันกลับไม่ใช่เลย

ทีมเป็นผู้ชายที่โผงผาง ใจร้อน และปากตรงกับใจ ไม่ว่าเขาจะคิดหรืออยากได้อะไร เขาก็จะพูดออกมาตรงๆอย่างไม่อ้อมค้อม

ในขณะที่บาส แม้ภายนอกเขาจะเสแสร้งแกล้งทำว่าตัวเองเป็นคนลามก กักขฬะและก้าวร้าวเหมือนทีม แต่วันนี้ผมได้รู้แล้วว่า...จริงๆ แล้วบาสเป็นผู้ชายที่อ่อนโยน ละเอียดอ่อน และเก็บซ่อนความรู้สึกของตนเองไว้อย่างมิดชิด

ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชาย 2 คนที่มีนิสัยต่างกันสุดขั้วอย่างนี้จะมาหลงรักคนๆ เดียวกันอย่างผมได้

ในเช้าวันนั้นผมเอาแต่คิดฟุ้งซ่านไปถึงเรื่องราวรักสามเส้าระหว่างผม ทีม และ บาส จนเหลือบไปเห็นนาฬิกาว่านี่เป็นเวลาสายมากแล้ว ผมจึงรีบไปอาบน้ำ แต่งตัว แล้วออกมาจากห้องเพื่อเดินตรงไปที่ห้องครัวจนพบว่าบาสออกมานั่งรอผมอยู่ก่อนแล้ว

“อ้าวตื่นแล้วหรือคับ คุณดอกไม้สุดสวย”

บาสแซวผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ดอกไม้อะไร”

“อ้าว....ก็ดอกคุณนายตื่นสายไง”

“บ้า นี่กะมีเรื่องกันตั้งแต่เช้าเลยใช่มั้ย”

“อย่าทำหน้าดุอย่างนั้นได้มั้ย บาสล้อบีเล่นน่า อย่าคิดมากซิ แล้วที่จริง บีไม่ต้องตื่นเช้าๆมาทำอะไรให้บาสกินก็ได้นะ บาสหาอะไรง่ายๆทานเองก็ได้ บีจะได้นอนต่ออีกหน่อยไง นอนน้อยๆเดี๋ยวหน้าโทรมแล้วจะไม่น่ารักน๊า”

บาสยังแซวผมต่ออย่างอารมณ์ดี

“ไม่ต้องมาทำพูดดีหรอกพ่อคนขี้ขลาด”

“อะไรนะ บีว่าใครขี้ขลาดนะ”

“อ้าว ก็ในบันทึกน่ะ ใครกันล่ะที่เรียกตัวเองว่า....คนขี้ขลาด”

“บี ไหนว่าเราจะไม่พูดถึงบันทึกกันไง”

“รู้แล้วน่า บีก็แค่ล้อเล่นเหมือนกัน เอ่อ เรารีบหาอะไรทานกันดีกว่า เดี๋ยวบาสจะไปทำกายภาพบำบัดไม่ทัน อืมมม เอาไข่กวนแล้วกันนะ ทำง่ายและเร็วดี”

“ได้สิ ขอให้บีเป็นคนทำ บาสก็กินได้หมดแหละ”

ผมมองบาสอย่างยิ้มๆ แล้วก็หันไปทำไข่กวนมาทานเป็นมื้อเช้า และหลังจากที่เราทั้งคู่ทานมื้อเช้าเสร็จ ผมก็พาบาสไปโรงพยาบาลเพื่อทำกายภาพบำบัดตามที่หมอได้นัดไว้

เมื่อมาถึงโรงพยาบาลผมก็พบว่า..แม้จะเป็นเวลาเช้าแต่ที่โรงพยาบาลศิริราชแห่งนี้ก็ยังมีผู้ป่วยมาเข้าคิวรอรับการรักษาอย่างหนาแน่นเช่นเคย และในขณะที่ผมค่อยๆ พาบาสเดินฝ่าผู้คนที่เดินไปมาอย่างขวักไขว่ไปห้องทำกายภาพบำบัดนั่นเองที่ผมได้ยินเสียงหนึ่งที่เรียกชื่อผมออกมาด้วยเสียงอันดังจนทำให้ผมต้องหันกลับไปมองยังต้นเสียงทันที

“พี่หมอ...”

ผมอุทานออกมาอย่างดีใจเมื่อเห็นใบหน้าของเจ้าของเสียงที่เรียกผมเมื่อครู่อย่างเต็มตา

“นี่...พี่มีชื่อนะ ยังเรียกพี่หมออยู่ได้”

ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งในชุดกาวน์แซวผมอย่างอารมณ์ดี

“ก็แหม...บีชินเรียกพี่แบบนี้นี่นา”

“เหรอ แต่พี่ฟังแล้วปวดใจนี่ มันทำให้พี่อดนึกถึงวันเก่าๆ ของเราไม่ได้ เพราะคงมีบีคนเดียวมั้งที่เรียกพี่ว่า........พี่หมอ”

“เอ่อ....พี่หมอ..ยังไม่หายโกรธบีเหรอ”

ผมพูดออกมาด้วยความรู้สึกสำนึกผิด

“ถ้าพี่ยังโกรธ พี่จะมาทักบีแบบนี้ทำไม พี่ลืมไปแล้วล่ะ อย่าคิดมากเลย แล้วบีมาทำอะไรเนี้ย ไม่สบายหรือเปล่า ให้พี่ตรวจให้มั้ย”

“ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวก็ตรวจผิดตรวจถูกเหมือนคราวก่อนอีก”

“นี่...เลิกแซวพี่เรื่องนี้สักทีได้มั้ย จะจำไปจนตายเลยหรือไง”

“ก็จำไว้แซวพี่หมออย่างนี้ไงล่ะ แล้วพี่หมอล่ะมาทำอะไรที่นี่ บีได้ข่าวว่าพี่ไปใช้ทุนอยู่ที่เชียงใหม่ไม่ใช่เหรอ”

“ใช่ แต่ตอนนี้พี่มาต่อโทที่ศิริราชไงก็เลยต้องมาลงวอร์ดตรวจคนไข้ด้วย”

“เหรอ งั้นก็น่าสงสารคนป่วยที่นี่เนาะ”

“ยัง...ยังไม่เลิก”

“ฮะ แฮ่ม”

เสียงกระแอมไอของบาสที่ดังขึ้นมาอย่างจงใจได้เตือนสติให้ผมรู้ว่าผมเอาแต่คุยกับพี่หมอด้วยความดีใจจนลืมไปว่ายังมีบาสนั่งอยู่ตรงนี้ด้วย

“บีลืมแนะนำไปเลย ....พี่หมอ นี่บาสคับ เป็นเพื่อนบีตั้งแต่มัธยม ส่วนบาส นี่ก็พี่หมอ เอ่อ ไม่ใช่สิ เขาชื่อ พี่ปิง นะ เป็นรุ่นพี่ของบีที่ธรรมศาสตร์”

“หวัดดีคับ”

บาสทักทายพี่หมอด้วยน้ำเสียงห้วนๆ และสีหน้าที่ไม่เป็นมิตรนัก

“สวัสดีครับ”

พี่หมอทักทายบาสกลับสั้นๆแล้วก็หันมาถามผมว่า

“แล้วเพื่อนบีเป็นอะไรมากหรือเปล่า”

“อ๋อ ไม่เป็นไรมากหรอกคับ กระดูกข้อเท้าร้าวน่ะ ก็เลยต้องมาออกกายภาพบำบัด”

ในนาทีนั้นเองเมื่อผมพูดถึงคำว่ากายภาพบำบัด ผมจึงนึกได้ว่านี่มันเลยเวลานัดไปแล้ว

“ตายจริง นี่มันเลยเวลานัดแล้วนี่ งั้นเดี๋ยวบีกลับมาคุยได้มั้ยคับ บีคงต้องพาเพื่อนไปส่งก่อน”

“ได้สิ เดี๋ยวพี่รออยู่ตรงนี้แหละ”

“อ้าว แล้วพี่หมอไม่ต้องไปทำงานเหรอ”

“ถึงมี พี่ก็คงยอมโดดงานแหละ เพราะยังไงบีก็สำคัญกว่าอยู่แล้ว”

“พี่หมอ.!!!”

“พี่ล้อเล่นน่า พาเพื่อนไปส่งเถอะ”

“คับ งั้นเดี๋ยวบีมานะ”

พูดจบผมก็ค่อยๆ เข็นบาสเดินไปยังห้องทำกายภาพบำบัดโดยตลอดเวลานั้น บาสเอาแต่นั่งเงียบ ไม่คุยอะไรกับผมเลย

เมื่อมาถึงห้องผมก็รีบเดินเข้าไปขอโทษเจ้าหน้าที่ซึ่งจะเป็นคนช่วยบาสในการทำกายภาพบำบัดที่พวกเรามาถึงช้ากว่ากำหนด จากนั้นผมก็ฝากให้เขาดูแลบาสด้วยแล้วก็เดินออกมา แต่ในเวลานั้นเองที่บาสได้เรียกผมไว้

“เดี๋ยว....บี”

“มีอะไรเหรอ”

“เอ่อ..คือ...เอ่อ...ช่างมันเถอะ ไม่มีอะไรหรอก บีไปเถอะ”

“แน่ใจนะ ว่าไม่มีอะไรจะพูดกับบี”

“มะ มะ ไม่มี”

ผมมองท่าทีตะกุกตะกัก อมพะนำของบาสอย่างหงุดหงิดแล้วก็ตัดสินใจหันหลังเดินออกไป แต่เมื่อเดินไปได้สัก 2 – 3 ก้าว ผมก็เริ่มรู้สึกทนพฤติกรรมนี้ของบาสต่อไปไม่ไหว ผมจึงตัดสินใจหันกลับไปพูดกับเขาอีกครั้งด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง

“บาส คราวหลังบาสมีอะไรจะพูดกับบี บาสก็พูดมาตรงๆเถอะ เพราะวันข้างหน้า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น บาสจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจหรือต้องมาด่าตัวเองว่าเป็น “คนขี้ขลาด” อีก”

พูดจบผมก็รีบเดินออกไปจากห้องอย่างหงุดหงิดแต่ในเวลานั้นเองที่เสียงของบาสได้ทำให้ผมต้องหยุดอยู่กับที่

“อย่าไปเลยนะบี อยู่กับบาสนะ บาสไม่ชอบขี้หน้าผู้ชายคนนั้นเลย เวลาบีคุยอยู่กับมัน บาสเป็นอะไรก็ไม่รู้ มันปวดใจสุดๆ ทุกครั้งที่เห็นแววตาที่มันมองบี มันทำให้บาสรู้สึกกลัว บาสกลัวว่ามันจะมาแย่งบีไปจากบาส บาสไม่อยากเสียบีไปให้ใครอีก เพราะฉะนั้น...

..............บีอย่าไปเลยนะ..............”


-----------------------------------





















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2007 19:50:37 โดย b|ueBoYhUb »

ออฟไลน์ GoneOn

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
เอ.... คราวนี้ไม่ได้จบด้วยบันทึกของบาสนี่ 

แสดงว่าจะมาต่อให้เลยป่าวอ่ะ คุณบลู   :confuse:

Tantalum

  • บุคคลทั่วไป
 :serius2:ไม่จริง ๆๆๆๆๆ ทำไมทำกับบาสแบบนี้ เหอะเหอะ เอาเหอะ ยังไงก็จะรอดูต่อไป

moopai

  • บุคคลทั่วไป
อ้าว  :serius2: :serius2: :sad5: :oค้างครับ ค้างเลย
รีบมาต่อเร็วนะจะรอทั้งคืนเลยยยยยยย :3129: :monkeysad:

rarmz

  • บุคคลทั่วไป
อ๊ากกก แอบอ่านมา 2 วัน
ทำไมมันเศร้าอย่างนี้ล่ะคับ???


 :sad5:


จะรออ่านตอนะคับ


คุณบลูสู้ๆ สู้ตาย!


 :yeb:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
มีพี่หมอมาอีกคน  บีนี่ทำไมเสน่ห์แรงปานน้านนนน  แรงโครต ๆ  บาสเริ่มมีคู่แข่งอีกแล้วเหรอเนี่ย  สงสารจัง  :impress3:

รออ่านต่อเหมือนเดิม  ให้ไวนา  :yeb:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






FlukeHub

  • บุคคลทั่วไป
บาส..น่าสงสารอ่ะ

บีก้อนะ  อะไรจะเสน่ห์แรงปานนั้น

ว่าแต่ปิงเนี่ย... 

ใช่ปิงที่เปงเพื่อนโอ๊ตกลับชาติมาเกิดป่าว  <<...นอกเรื่องแล้วผม



ปล..เมื่อไหร่ปอนด์จะโผล่มาเนี่ย

ปลล. อยากอ่านบันทึกของบาสอ่ะ

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
พี่หมอ  :pigscare2: ใครนะ  :serius2: แล้วมาทามม้าย  :serius2:  :serius2:

คนเขากำลังจะไปได้ดีอยู่แล้วเชียว  :sad5: ยังอุตส่าห์มีคู่แข่งอีก ฮึ่ม  :try2:

บาสสู้ ๆ  :like2:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
ค้างคาดีเจงๆ บลู :untrust:


มาต่อให้ไวไวเลย


พูห์ :seng2ped:

kirati69

  • บุคคลทั่วไป
ปกติเป็นคนไม่ค่อยเชื่อโชคชะตา

แต่อ่านเรื่องนี้แล้วให้ได้คิดว่าโชคชะตาบางทีก็เล่นแผลงๆ

คนไม่เจอกันตั้งนาน อยู่ดีๆ โผล่มาทำไม ??? เฮ้อ เส้ากันต่อปายยย  :monkeycry2:

between

  • บุคคลทั่วไป
 :monkeysad2:
         อ่านภาคหนึ่งรวดเดียจบเรย
                พี่ๆว่า  อะแฮ่ม!!!!!!!!!!!!
                           เค้าจามีเคลียร์รึป่าว
เรื่องที่  ทำไม ทีมถึงทิ้ง  บี อ่ะ
       คนที่รักกานมากขนาดนั้น แค่ระยะเวลาแป๊บๆ
               ทิ้งกันได้เนี่ย
 ขอยอมแพ้หง่ะ......0fegdbo(ใจดำเกิน)
  ตอนนี้ผมยังอินอยู่เลย
                               ESP.....เชียร์บาสมาตั้งแต่ต้นเรยคับ วู้

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
GoneOn  Tantalum  moopai  หมูพูห์  ขอโทษนะครับเมื่อวานเข้าเล้าไม่ได้เลย ผมใช้เน็ตของทรูอ่ะ ไม่รู้ทำไม
ที่ทำงานใช้ tot ยังเข้าได้เลย มาโพสให้แล้วนะครับ  :impress:

Rrmz`,,  แอบทำไม อย่าไปแอบรักใครหล่ะ  :myeye:

มูมู่น้อย ระวังน้าเลือกมากจะเป็นอย่างบี ไม่เห็นคนที่รักเรามากอยู่ตรงหน้านี่เอง  :3043:

FlukeHub  อย่าพูดถึงปิงน้า พูดแล้วน้ำตาจะร่วง หือหือ เพื่อนๆสงสัยก็ลองไปอ่านบ้านพักอลเวงภาค2 นะครับ
ยอดเยี่ยมเช่นเดียวกัน  :impress3:

shell  เอิ้กๆ

kirati69  เมื่อฟ้าแกล้ง ผมก็ยืนฝืนชะตา  :impress3:

between  อ่าเหมือนผมเลยเชียร์บาสมาตั้งแต่แรก ไม่รู้ทำมาย  :monkeysad:



******************************************************************************
กุมภาพันธ์ ของปีเตอร์ คอป
[wma=300,50]http://f1.podcast.blog.webs-tv.net/upload2/new/e/e/a/eead8016b7c106b9153ec8acc1bbecfb.mp3[/wma]
**********************************************************************************
............ขอให้รักเรานั้น....นิรันดร ภาค 2….....( 6 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

หลังสิ้นเสียงของบาส ผมก็หันกลับไปมองเขาด้วยสายตาตกตะลึงกับสิ่งที่เขาพูดออกมา เพราะผมไม่คิดมาก่อนว่าสิ่งที่เขาอยากจะพูดกับผมคือสิ่งที่ผมเพิ่งได้ยินผ่านหูไปเมื่อครู่

“อย่าไปเลยนะ อยู่เป็นเพื่อนบาสที่นี่นะบี”

บาสพูดย้ำกับผมอีกครั้ง

“บาส....บีแค่ไปคุยกับเขาแป๊บเดียวเอง แล้วบีกับพี่หมอก็ไม่มีวันจะมีอะไรกันอย่างที่บาสคิดหรอก สบายใจเถอะนะ”

แม้ผมจะพูดออกไปอย่างนั้นแต่บาสก็ยังมีสีหน้าไม่มั่นใจนัก จนผมต้องถามเขาว่า

“บาสไม่เชื่อใจบีเหรอ”

“เชื่อสิ บาสเชื่อบีเสมอล่ะ ตกลง บีไปเถอะ ยังไงบาสก็รอบีมาตลอดอยู่แล้วนี่ หากต้องรออีกหน่อย มันจะเป็นไรไป”

หลังบาสพูดจบผมก็ได้แต่มองเขาด้วยความตื้นตัน ก่อนจะตอบบาสกลับไปว่า

“ขอบคุณนะบาส ขอบคุณมาก”

คำพูดขอบคุณที่ผมบอกบาสไปเมื่อครู่ไม่ได้เป็นคำขอบคุณต่อการที่เขายอมเชื่อใจผม หรือยอมให้ผมไปคุยกับพี่หมอ

หากแต่...นั่นคือคำขอบคุณที่ผมมอบให้กับ “ความรักอันมั่นคงที่เขามีให้ผมเสมอมา” ต่างหาก

เมื่อผมออกมาด้านนอก ผมก็พบว่าพี่หมอยังคงยืนรอผมอยู่ที่เดิมด้วยท่าทีกระวนกระวาย และเมื่อเขาเห็นผมเขาก็รีบเดินเข้ามาหาผมด้วยความดีใจก่อนที่จะพาผมไปคุยกันที่ร้านอาหารในโรงพยาบาล

“นึกว่าบีจะไม่ออกมาพบพี่แล้วเสียอีก”

“ทำไมล่ะ ก็บีบอกพี่ไว้แล้วนี่”

“ไม่รู้สิ พี่รู้สึกเหมือนกับว่าเพื่อนบีคนนั้นเขาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่เห็นบีคุยกับพี่”

“แล้วทำไมเขาจะต้องคิดอย่างนั้นด้วยล่ะ”

ผมแกล้งถามไปอย่างงั้นทั้งๆที่ในใจก็รู้ดีว่าสิ่งที่พี่หมอคิดนั้นถูกต้องที่สุด

“ไม่รู้สิ พี่อาจจะคิดไปเอง”

“ใช่ พี่หมอน่ะชอบคิดอะไรไปเอง อย่างคิดว่าบีเป็นไข้หวัดธรรมดาอย่างเงี้ย”

“นี่ ต้องให้พี่ทำไงเนี้ย บีถึงจะลืมเรื่องนั้นไปได้”

“ไม่มีทางหรอก จ้างให้บีก็ไม่มีทางลืม”

ผมตอบกลับไปอย่างยิ้มๆ

“แล้วเรื่องที่พี่คิดไปเองเรื่องอื่นล่ะ บีลืมไปหรือยัง”

“เช่นเรื่องอะไรล่ะ”

“ก็เช่นเรื่องที่พี่เคยคิดไปเองว่า.........บีรักพี่”

คำพูดของพี่หมอประโยคนี้ทำให้ผมถึงกับหน้าถอดสี พลันอดคิดถึงเรื่องราวนับตั้งแต่วันแรกที่ผมเจอกับพี่หมอไม่ได้


“ตกลงว่าคงเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดาน่ะครับ เดี๋ยวออกไปรอรับยาด้านนอกแล้วกัน”

“คับ ขอบคุณคับ”

ผมตอบกลับไปโดยอดแอบมองหมอหนุ่มหน้าตาดีที่เพิ่งตรวจโรคผมเสร็จไปเมื่อครู่ไม่ได้ แต่เมื่อเห็นเขาเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเขียนใบสั่งยา ผมก็เลยตัดสินใจเดินออกไปรอจ่ายเงินและรอรับยาที่บริเวณโถงโรงพยาบาลด้านหน้า

ผมนั่งคอยไปอีกสักระยะ ผมก็ได้ยินเสียงประกาศเรียกชื่อผมแต่ทว่าเสียงนั้นกลับเป็นเสียงประกาศจากส่วนกลางของโรงพยาบาล ไม่ได้มาจากห้องชำระเงิน

“คุณปิติรัตน์ พิสิทธิ์อาชีวะกุล....กรุณามาที่ห้องตรวจ 2 ด้วยค่ะ….”

เมื่อได้ยินเสียงประกาศในครั้งแรกผมก็ยังคงนั่งอยู่อย่างลังเลเพราะไม่แน่ใจว่าชื่อที่ประกาศนั้นใช่ชื่อผมหรือไม่ จนกระทั่งผมได้ยินเสียงประกาศซ้ำเป็นครั้งที่ 2

“คุณปิติรัตน์ พิสิทธิ์อาชีวะกุล....กรุณามาที่ห้องตรวจ 2 ด้วยค่ะ….”

เมื่อมั่นใจว่าเขากำลังประกาศเรียกชื่อผมแน่ ผมจึงลุกขึ้นยืนอย่างงงๆ แล้วก็เดินไปห้องตรวจอีกครั้งอย่างสงสัยว่าผมต้องกลับไปที่ห้องตรวจอีกทำไม

“เชิญนั่ง”

เสียงของหมอสูงอายุคนหนึ่งบอกผมด้วยน้ำเสียงออกคำสั่งเมื่อผมเดินเข้าไปในห้องตรวจ ที่มีหมอหนุ่มหน้าตี๋คนเมื่อกี้ยืนอยู่ในห้องด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม

“ช่วยอ้าปากกว้างๆ หน่อยนะครับ”

พูดจบเขาก็ค่อยๆเอาเหล็กบางๆมากดลิ้นผมเอาไว้แล้วนำไฟฉายมาส่องดูข้างใน

“นี่ไง คุณเห็นหรือเปล่าว่าคอเขาแดงมาก มีบวมตรงนี้ด้วย เห็นมั้ย”

“เห็นครับ”

“แล้วเนี้ยดูสิ เสมหะก็มี คุณจะบอกว่าเขาเป็นไข้หวัดธรรมดาได้ยังไง ลองดูสิ เห็นหรือเปล่า มันเป็นอาการไข้ที่เกิดจากคออักเสบ”

“ครับ”

หมอหนุ่มคนนั้นชะเง้อมองมาในคอของผมแล้วก็พยักหน้าแสดงความเห็นด้วย

“แล้วคุณได้ซักประวัติคนไข้หรือเปล่าว่าเขามีอาการยังไง เจ็บคอมั้ย ปวดหัวหรือเปล่า”

“เอ่อ ไม่ได้ถามครับ”

“ใช้ไม่ได้เลยคุณ มันเป็นกฎข้อแรกของหมอนะที่จะต้องซักประวัติคนไข้ให้ดีก่อนตรวจ แล้วเชื้อ.......”

เมื่อหมอสูงอายุคนนั้นเริ่มใช้ศัพท์เทคนิคทางการแพทย์ ผมก็เริ่มฟังไม่รู้เรื่องแล้วว่าเขากำลังคุยอะไรกัน อีกอย่างผมก็กำลังรู้สึกเมื่อยปากอย่างมากที่หมอยังให้ผมอ้าปากค้างเติ่งไว้อย่างนั้น ในขณะที่เขาได้แต่พร่ำสอนลูกศิษย์ถึงการวินิจฉัยโรคหัวข้อแล้วหัวข้อเล่า จนผมอดรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้เมื่อรู้ว่าตัวเองได้กลายเป็นหุ่นทดลองมีชีวิตให้กับนักศึกษาแพทย์ไปแล้ว

“โอเค ครับ ขอบคุณมาก เดี๋ยวคุณกลับไปรอรับยาที่เดิมแล้วกัน”

เสียงสวรรค์ที่ดังขึ้นทำให้ผมรีบหุบปากลงอย่างดีใจ

“ขอบคุณครับ ”

ผมตอบขอบคุณหมอผู้ใหญ่ท่านนั้นไปแบบห้วนๆ แล้วก็เดินออกไปจากห้องในทันทีโดยแอบมองเห็นหมอหนุ่มหน้าตาดีคนนั้นหันมามองผมด้วยสายตาสำนึกผิด

หลังจากรับยาจากโรงพยาบาลแล้ว ผมก็รีบกลับไปยังหอพักนักศึกษามหาวิทยาลัยในศูนย์รังสิต พลางอดหงุดหงิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้

ก่อนหน้านี้...ผมเคยได้ยินมาบ้างแล้วถึงกิตติศัพท์ของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์คลองหลวงแห่งนี้ที่มักจะใช้นักศึกษาเป็นหนูทดลองให้นักศึกษาแพทย์ได้ใช้เรียนรู้ แต่ผมก็ไม่เคยคิดว่าจะมาเจอกับตัวเอง

เมื่อมาถึงหอพัก ผมก็รีบทานยาแล้วหลับยาวเลยไปจนถึงตอนเย็นก่อนที่จะต้องตื่นขึ้นด้วยความงัวเงียเมื่อเพื่อนร่วมห้องมาปลุกผม

“บี มีคนมาหามึงแน่ะ”

เพื่อนร่วมห้องคนนี้บอกผมด้วยภาษาพ่อขุนที่เรามักจะคุยกันเป็นประจำ ดังเช่นเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งเพราะมันเองก็ไม่รู้ว่าผมเป็นเกย์

“ใครอ่ะ”

ผมถามไปอย่างงัวเงีย

“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ดูจากเสื้อที่ใส่ น่าจะเป็นเด็กแพทย์ว่ะ”

“เด็กแพทย์เหรอ ??? ”

ผมถามกลับไปอย่างงงๆ เพราะเท่าที่จำได้ ผมไม่เคยมีเพื่อนหรือคนรู้จักเรียนแพทย์ในธรรมศาสตร์เลย

“มึงเลิกสงสัยได้แล้ว เขารออยู่ข้างล่างแน่ะ”

ผมลุกขึ้นอย่างงๆ แล้วเดินไปล้างหน้าล้างตา ก่อนที่จะเดินลงไปชั้นล่างจนเห็นหนุ่มขาวตี๋ใส่แว่นคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงม้าหินอ่อนใต้หอพัก และทันทีที่เห็นหน้าเขาชัดๆ ผมก็เป็นฝ่ายทักเขาขึ้นมาทันที

“อ๋อ พี่หมอที่ตรวจผิดนี่เอง นึกว่าใคร”

ผมพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงประชดประชัน

“เอ่อ ครับ พี่มาขอโทษ”

“มาขอโทษ หรือมาดูให้แน่ใจว่าคนไข้ตายไปหรือยัง”

ผมยังไม่ยอมเลิกรา

“พี่มาขอโทษจริงๆ นะครับ พี่เสียใจ”

เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของรุ่นพี่คนนั้น ผมจึงเปลี่ยนน้ำเสียงในทันที

“ช่างมันเถอะ อย่างน้อยพี่ก็ไม่ได้จ่ายยาผิดนี่ เอ่อ แล้วพี่รู้ได้ไง ว่าบีอยู่นี่”

“ก็ในทะเบียนคนไข้ไงคับ แต่พี่เพิ่งรู้นี่ล่ะว่าน้องชื่อบี ส่วนพี่ชื่อปิงนะคับ ตอนนี้เรียนแพทย์ปี 4 แล้ว”

“คับ แล้วมีอะไรอีกมั้ย.”

ผมถามแล้วมองหน้าเขาอย่างหยั่งเชิงว่านอกจากมาขอโทษแล้วเขามีอะไรจะพูดอีกหรือเปล่าเพราะหากเขาเสร็จธุระแล้ว ผมจะได้ขึ้นไปนอนต่อ

“เอ่อ แล้วเป็นไงบ้างครับ เริ่มดีขึ้นหรือยัง”

“ไม่รู้สิ มันเพลียๆ แล้วก็ง่วงมาก”

“งั้นพี่ไม่รบกวนดีกว่า ไว้พี่มาเยี่ยมใหม่ น้องบีกลับขึ้นไปนอนต่อเถอะ”

“พี่ไม่ต้องมาแล้วก็ได้คับ ก็บียกโทษให้แล้วไง ไม่ต้องรู้สึกผิดขนาดนั้นหรอก”

“ไม่เป็นไรครับ พี่ทำแล้วสบายใจ งั้นวันหลังพี่มาใหม่นะ”

พูดจบพี่หมอก็เดินกลับออกไป และหลังจากวันนั้นพี่หมอก็แวะมาหาผมทุกวัน คอยซื้อน้ำ ซื้อขนมมาเยี่ยมไข้ผมไม่ได้ขาด จนแม้กระทั่งผมหายดีแล้วเขาก็ยังแวะเวียนมาหาผมสม่ำเสมอ แถมยังเริ่มแสดงออกอย่างเปิดเผยว่าเขาไม่ได้คิดกับผมเพียงแค่รุ่นพี่รุ่นน้อง หรือหมอกับคนไข้ธรรมดาเสียแล้ว

ในตอนนั้นเองผมก็ต้องยอมรับว่าเมื่อต้องมาใช้ชีวิตเป็นนักศึกษาน้องใหม่ที่ต้องจากบ้านมาไกลถึงมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต มันก็มีหลายครั้ง หลายคราที่ผมอดรู้สึกเหงาไม่ได้ ทำให้ผมเริ่มมีใจให้กับพี่หมอแล้วก็ลองตัดสินใจลองคบกับเขาดู

เผื่อถ้าผมโชคดี พี่หมอคนนี้อาจจะทำให้ผมลืมทีมได้

หลังจากนั้นแม้เราทั้งคู่ต่างไม่เคยเอ่ยปากว่าเราเป็นแฟนกัน แต่โดยพฤติกรรมแล้วมันก็ไม่สามารถมองเป็นอื่นได้ เพราะผมใช้เวลาอยู่กับพี่หมอมากกว่าบรรดาเพื่อนๆของผมเสียอีก เราทั้งคู่ต่างไปดูหนังด้วยกัน ทานข้าวด้วยกัน ไปออกกำลังกาย ไปว่ายน้ำ หรือแม้กระทั่งไปอ่านหนังสือสอบ จนดึกๆดื่นๆ ด้วยกัน

ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่เราคบกัน ผมได้รับการดูแลเอาใจใส่จากพี่หมอเป็นอย่างมาก อายุที่เขามีมากกว่าผมถึง 4 ปีทำให้เขาคอยดูแลและให้ความรักกับผมเหมือนเขาเป็นทั้งเพื่อน แฟน และพี่ชาย จนผมอดคิดไม่ได้ว่าผมคงจะเริ่มต้นใหม่กับผู้ชายคนนี้ได้จริงๆ

แต่แล้วในวันหนึ่ง...พี่หมอได้มาหาผมที่หอพักเหมือนเช่นเคยแล้วก็ชวนผมออกไปขี่จักรยานเล่นกันภายในมหาวิทยาลัย

เขาขี่จักรยานโดยมีผมซ้อนท้ายไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุดจอดนิ่งอยู่ที่ทางขึ้น.. “เนินวิศวะ” ซึ่งเป็นเนินลาดชันที่ยกสูงขึ้นไปยังลานหน้าทางเข้าตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์

เด็กธรรมศาสตร์ที่มาเรียนที่ศูนย์รังสิตทุกคนต่างรู้ดีว่า “เนินวิศวะ” แห่งนี้เป็นที่ๆ นักศึกษาที่เป็นคู่รักกันมักจะมาใช้เป็นสถานที่ทดสอบความรักของตน โดยฝ่ายชายจะต้องขี่จักรยานนำพาฝ่ายหญิงข้ามเนินวิศวะที่สูงชันนี้ไปให้ได้โดยที่เท้าของทั้งคู่จะต้องไม่เตะพื้นแม้แต่ครั้งเดียว

เป็นความเชื่อที่เล่าสืบต่อกันมาว่า...หากคู่รักคู่ใดที่ไม่สามารถขี่จักรยานผ่านเนินวิศวะนี้ไปได้ แสดงว่าคู่รักคู่นั้นก็หาใช่คู่แท้และจะมีเหตุให้ต้องเลิกรากันไปในอนาคต

ผมไม่รู้ว่าเรื่องเล่านี้จะเป็นความจริงหรือไม่แต่ก็อดขำไม่ได้ที่เห็นคนที่อยู่ในสายวิทยาศาสตร์อย่าง.. “พี่หมอ” ..ดูจะเชื่อถือเรื่องเล่าในมหาวิทยาลัยนี้อย่างเอาจริงเอาจัง

“บี...พร้อมหรือยัง”

“พร้อมอะไรล่ะ”

“ก็พี่จะขี่พาบีข้ามเนินวิศวะไง อุตส่าห์ไปฟิตมาตั้งหลายวัน อย่าลืมนะ ยังไงบีก็ห้ามเอาเท้าเตะพื้นนะ”

“ไม่เอาอ่ะ บีไม่เอาด้วยหรอก”

“เหอะน่า เราทำได้แน่”

พูดจบพี่หมอก็บอกให้ผมเตรียมพร้อมแล้วเขาก็เริ่มนับ 1 ถึง 3 และก็ออกตัวขึ้นเนินวิศวะไป ส่วนผมก็ได้แต่พยายามทำตัวนิ่งและทำตัวให้เบาที่สุด

เมื่อครู่ก่อนที่พี่หมอจะเริ่มขี่จักรยานขึ้นมา ผมรู้สึกได้ว่าการขี่ขึ้นเนินวิศวะนี้ไม่น่าจะใช่เรื่องยากเลย แต่เมื่อลองขี่ขึ้นมาจริงๆแล้ว ผมกลับพบว่าเนินวิศวะนี้ มันสูงชันกว่าที่ผมคิดเอาไว้มาก รวมทั้งการพยายามทรงตัวโดยไม่ให้เท้าเตะพื้นนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยากทีเดียว

ในตอนนั้นเองที่ผมอดชื่นชมคนที่เป็นตัวต้นคิดในการใช้เนินวิศวะเป็นสถานที่ทดสอบความรักไม่ได้ เพราะการที่จะขี่ข้ามพ้นเนินแห่งนี้ไปให้ได้จะต้องอาศัยกำลังกายและกำลังใจอย่างมากจากฝ่ายชาย และการช่วยทรงตัวอย่างพร้อมเพรียงจากฝ่ายหญิง นั่นหมายถึงว่าในระยะเวลาสั้นๆ คนต้องคู่ต้องทำงานประสานกันอย่างเป็นใจเดียวเพื่อจะพาความรักของพวกเขาข้ามเนินสูงชันนี้ไปให้ได้

แต่น่าเสียดายที่ขณะที่คู่ของผมกับพี่หมอเหลืออีกเพียงไม่กี่เซ็นติเมตรก็จะถึงจุดหมาย อยู่ดีๆ พี่หมอก็เสียหลักจนเราทั้งคู่ล้มลง

“บี เป็นอะไรหรือเปล่า”

พี่หมอรีบถามผมด้วยความเป็นห่วง

“เปล่า บีไม่เป็นอะไรหรอก พี่หมอล่ะ”

“พี่ก็ไม่เป็นไร งั้นเรามาลองกันใหม่นะบี”

“อย่าเลยพี่หมอ”

“ทำไมละ”

“บีแค่.....บีเหนื่อยน่ะ แล้วคืนนี้ บีมีรายงานต้องทำด้วย”

ผมแกล้งตอบไปอย่างนั้นทั้งๆที่ภายในใจผมกำลังรู้สึกไม่สบายใจเลย แล้วผมก็รู้ดีว่าต่อให้ลองอีกครั้งมันก็ไม่มีวันสำเร็จเพราะแค่ขี่ขึ้นมาให้ได้อย่างเมื่อครู่ พี่หมอก็คงใช้แรงไปแทบหมดแล้ว

“เหรอ งั้นพรุ่งนี้เรามาลองกันใหม่ก็ได้”

จริงๆผมอยากจะบอกเขาว่าผมไม่อยากมาทดสอบอีก แต่เมื่อเห็นท่าทีมุ่งมั่นของพี่หมอ ผมก็เลยไม่อยากทัดทานทั้งๆที่ผมรู้ดีว่าการทดสอบนี้จะทำได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น และเราก็เสียโอกาสนั้นไปแล้ว

ในคืนนั้นหลังจากที่พี่หมอมาส่งผมที่หอแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเย็นทำให้ผมได้กลับมาคิดถึงเรื่องของพี่หมอกับผมอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก

ผมไม่ได้เชื่อถือเรื่องเล่าของเนินวิศวะอะไรนั่นหรอก เพียงแต่เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ผมได้นึกถึงคำว่า “เลิกกัน”
เป็นครั้งแรก รวมทั้งอดถามตัวเองไม่ได้ว่า...ผมรักพี่หมอจริงหรือเปล่า

ยิ่งคิดผมก็ยิ่งไม่แน่ใจเพราะในตอนนี้ผมรู้ดีว่าผู้ชายที่ผมรักอยู่เต็มอกยังคงเป็น... “ทีม” แล้วความรู้สึกที่ผมมีกับพี่หมอล่ะ มันคืออะไร

มันอาจจะไม่ใช่ความรัก ผมอาจจะแค่เหงา แล้วก็ชื่นชอบการเอาอกเอาใจใส่ที่พี่หมอมีให้จนมันทำให้ผมหลงคิดไปเองว่า...ผมรักเขา

นอกจากนั้นเมื่อได้คิดถึงคำว่า “เลิกกัน” ในใจของผมก็เกิดความกลัวขึ้นมาอย่างประหลาด

ประสบการณ์ที่เลวร้ายในอดีตได้ทำให้ผมเข็ดขยาดกับคำๆนี้เหลือเกิน

อุปาทานหรือความกลัวนี้ได้ทำให้ผมหาเหตุผลต่างๆนานาที่ทำให้ผมเชื่อได้ว่าในที่สุดแล้วผมกับพี่หมอก็ต้องเลิกกัน อาทิ พี่หมอเองเป็นหนุ่มตี๋หน้าตาดีแถมยังมีดีกรีเป็นถึงแพทย์ก็ย่อมมีทางเลือกให้เขามากมาย นอกจากนั้นตอนนี้เขาก็เรียนปี 4 แล้ว อีกเพียงไม่กี่ปีเขาก็ต้องเรียนจบไปก่อนผมและคงต้องไปใช้ทุนอยู่ต่างจังหวัด ผมจะรักษาความรักของเราไว้ได้ยังไงในเมื่อต้องอยู่ไกลกันขนาดนั้น

ยังไงๆผมกับพี่หมอคงต้องเลิกกันแน่ๆ แล้วถ้าวันนั้นมาถึงจริงๆ ผมจะเป็นยังไง

ผมยังไม่พร้อมจะเสียใจเป็นครั้งที่ 2 หากผมโดนทิ้งอีกครั้ง ผมคงเอาตัวรอดเหมือนที่แล้วมาไม่ได้แน่

ในคืนนั้นเองที่ความกลัวนี้ได้ทำให้ผมได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่จะยุติความสัมพันธ์ของผมกับพี่หมอลง

ดังนั้นในช่วงเย็นวันต่อมา เมื่อพี่หมอมารับผมเพื่อจะขี่จักรยานไปที่เนินวิศวะอีกครั้ง ผมก็รีบปฏิเสธอย่างแข็งขัน

“ทำไมล่ะ บีไม่ชอบเหรอ”

“ไม่ใช่หรอก บีแค่คิดว่าเราอาจจะ.....”

“อาจจะอะไร”

“เราอาจจะไม่เหมาะจะเป็นแฟนกันก็ได้ เรามาเป็นพี่น้องกันได้มั้ย”

“เกิดอะไรขึ้นเหรอบี เพราะเรื่องเมื่อวานเหรอ”

“ไม่ใช่หรอกพี่หมอ แต่บีแค่...บี.....”

“ทำไมล่ะ บีไม่ได้รักพี่เหรอ ”

“ใช่ บีไม่ได้รักพี่”

ผมตัดสินใจตอบไปตรงๆ

“อะไรนะ แล้วที่ผ่านมาล่ะ ถ้าบีไม่ได้รักพี่ แล้วเรื่องที่ผ่านมาของเรามันหมายความว่าอะไร พี่แค่ฝันไปอย่างงั้นเหรอ”

“พี่หมอ บีขอโทษ แต่บีมีคนที่บีรักอยู่แล้ว”

สิ่งที่ผมบอกพี่หมอไปไม่ใช่คำโกหกเพราะผมมีคนที่ผมรักอยู่แล้วจริงๆ เพียงแต่เขาคนนั้นได้เลิกรักผมไปแล้ว

“บี...มี..คนรัก...อยู่แล้วเหรอ”

“ใช่ บีรักเขามาตลอด แม้กระทั่งตอนที่บีอยู่กับพี่หมอ บีก็ยังรักเขาอยู่ บีถึงเป็นแฟนกับพี่หมอไม่ได้”

หลังผมพูดจบ พี่หมอก็ได้แต่มองผมด้วยสายตาที่ปวดร้าว ก่อนที่จะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า

“ทำไมบี ทำไมบีใจร้ายกับพี่อย่างนี้”

หลังจากผมตัดความสัมพันธ์กับพี่หมอไปในวันนั้น เขาก็ไม่เคยมาหาผมอีกเลย ผมได้ยินมาว่าเขาเสียใจมากจนถึงกับลาเรียนไปพักใหญ่ แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังพยายามใจแข็งไม่ไปเจอเขา โดยคิดเอาเองว่าการที่เขาไม่ได้เจอผมนั่นแหละจะเป็นวิธีที่ทำให้เขาทำใจได้เร็วที่สุด

เป็นเวลาหลายปีที่เขาได้หายไปจากชีวิตของผมจนผมคิดว่าเราคงไม่ได้เจอกันอีก...จนกระทั่งวันนี้

“บี ใจลอยไปไหนอีกแล้ว”

“เปล่า บีแค่คิดถึงเรื่องเก่าๆ บีคงทำเลวกับพี่ไว้มาก”

“ไม่หรอก เรื่องความรักเนี้ย ใครจะไปบังคับหัวใจได้ พี่ไม่โทษบีหรอก แล้วตกลงเพื่อนบีคนนั้นเป็นแค่เพื่อนจริงหรือเปล่า”

“แค่เพื่อนจริงๆคับ ทำไมเหรอ”

“เปล่า พี่ก็แค่กลัวว่าเดี๋ยวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ถ้าบีรักเขาไม่ได้ก็อย่าไปให้ความหวังเขาล่ะ ไม่งั้นมันเจ็บปวดสุดๆเลยนะ”

ในคืนนั้นหลังจากที่ผมพาบาสกลับมาที่บ้านแล้ว ผมก็เก็บเอาคำพูดของพี่หมอเมื่อตอนเช้ามาคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ถ้าบีรักเขาไม่ได้ก็อย่าไปให้ความหวังเขาล่ะ ไม่งั้นมันเจ็บปวดสุดๆเลยนะ”

คำพูดนี้ของพี่หมอได้ทำให้ผมกลับมาถามใจตัวเองเป็นครั้งแรกว่าผมรู้สึกยังไงกับบาส

ผมยอมรับว่าช่วงหลายวันที่ผ่านมา โดยเฉพาะเมื่อได้รับรู้ความจริงจากบันทึกของบาส มันได้เริ่มทำให้ผมมีใจให้กับผู้ชายคนนี้เสียแล้ว

แต่แล้วทีมล่ะ....ผมยังรักทีมหรือเปล่า


ในทันทีโดยไม่ต้องคิดแม้แต่น้อย ผมก็บอกตัวเองได้ว่า.....ผมยังคงรักทีมสุดหัวใจ

ผมยังคิดถึงอ้อมกอดที่อบอุ่นของเขา ผมคิดถึงไหล่กว้างคู่นั้นที่ผมมักจะใช้พักพิงอิงแอบในยามเหนื่อยอ่อน ผมคิดถึงน้ำเสียงออกคำสั่งเวลาที่ผมไม่ยอมตามใจ ผมคิดถึงแววตาหึงหวงเวลาที่ผมไปไหนมาไหนกับชายอื่น ผมคิดถึงเสียงตวาดอย่างฉุนเฉียวเวลาผมทำอะไรขัดใจ ผมคิดถึงคำพูดหวานหูที่เขามีให้ผมเสมอ ผมคิดถึงรอยจูบละมุนที่แก้มที่เขามักจะแอบทำเวลาผมเผลอ

ผมยังคงคิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเขา

ผมยังเราเขามาก ผมยังรักทีมมากจริงๆ

ในตอนนั้นเองที่ผมเริ่มคิดได้ว่าความรู้สึกที่ผมมีต่อบาส มันอาจจะไม่ใช่.... “ความรัก” ...แต่มันคงเป็นเพียงแค่...... “ความสงสาร”

หากผมจะทำดีกับบาสต่อไป เขาก็คงหนีไม่พ้นที่จะต้องมีชะตากรรมเดียวกับ....พี่หมอ

ผมจึงได้แต่บอกตัวเองอย่างแน่วแน่ว่า

“บาสต้องทนทุกข์ทรมานเพราะผมมามากพอแล้ว เขาไม่ควรจะต้องเจ็บปวดเพราะผมอีก เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะยังไง

.......ผมก็ต้องทำให้บาส.....เลิกรักผม...ให้ได้…….”

-----------------------------------------

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-11-2006 05:12:23 โดย b|ue B[o]Y hUb »

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
โอยยย  บีจะทำให้คนอ่านปวดใจอีกแร้ว   ไม่เอาอะ  เมื่อไหร่บีจะเริ่มเปิดใจซะทีน้า  กว่าจะรู้ตัวว่ารักบาสก็มาสายเกินรู้ตัวรึเปล่า  ฮือ ฮือ  :impress3:

อยากอ่านต่อจังเลย  เรย์จ๋า   :impress:  แต่รอพรุ่งนี้ก็ได้  รู้ว่าเรย์จาเอามาลงวันละตอน  หุหุ

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
พรุ่งนี้ ก็สายที่จะรักกัน

ถ้าไม่ทำตามหัวใจ ถ้าไม่ยอมเจ็บ

แล้วเมื่อไหร่จะได้พบกับความรักที่แท้จริง


เฮ้อ...เศร้าอีกแล้น :monkeysad:


พูห์ :impress:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
บีจะทำอาร้าย  :sad5: อย่าทำเลยน้า  :serius2:  :serius2:  :serius2:

ถึงบาสจะทรมาน แต่ลึก ๆ แล้ว บาสคงมีความสุขอยู่บ้างละน่า  :monkeysad:

ขอร้องละนะ  :monkeysad: ไอ้ที่คิด ๆ ไว้นะ อย่าทำเลย  :monkeysad:  :monkeysad:

สงสารบาส  :monkeysad2:

FlukeHub

  • บุคคลทั่วไป
บีเนี่ย..เหมือนหนีความจริงเลยเนอะ

คนเราใช้ชีวิตอยู่กับอดีตตลอดไปม่ได้หรอกนะครับ

ถ้าไม่ลองก้าวไปข้างหน้า ก็ไม่มีวันมีอนาคตที่ดีได้หรอก

แหะๆๆ  ผมไม่ได้ตั้งใจพูดถึงปิงนะครับคุณบลู

แค่เห็นชื่อเหมือนกันเฉยๆ... :monkeysad:

เปงกะลังใจให้บีต่อไปครับ



ปล. ปอนด์ไม่โผล่มาแล้วจริงๆเหรอเนี่ย  :impress3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด