ถ้าให้รักก็อย่าร้าย ตอนที่ 28.5 “อีกนานไหมครับกว่าพี่ชินจะฟื้น”
“ไม่ต้องห่วงหรอกเดี๋ยวมันก็ฟื้นนะ” พี่โยเดินเข้ามายืนใกล้ผมที่นั่งอยู่ข้างเตียงคนป่วยก่อนว่าเสียงเบา
“แต่พี่ชินสลบไปนานแล้วนะครับ” แม้พี่โยจะยืนยันแต่ผมยังคงกังวลไม่เลิก ตั้งแต่มาถึงโรงพยาบาลจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้วพี่ชินยังไม่ยอมฟื้นขึ้นมาซักที
“หมอบอกว่ามันแค่เสียเลือดมากจากหัวที่แตกแล้วก็พักผ่อนไม่เพียงพอเลยสลบไปนานแค่นั่นเอง วีกลับไปผักผ่อนก่อนก็ได้เดี๋ยวพี่อยู่เฝ้ามันเอง ถ้ามันตื่นเมื่อไรพี่จะโทรบอก”
“ไม่ครับผมอยากเห็นพี่ชินฟื้นขึ้นมาด้วยตาตัวเอง พี่โยนั่นแหละ ไปพักผ่อนเถอะครับ”
“งั้นพี่ลงไปซื้ออะไรร้อนๆมาให้กินรองท้องก่อนแล้วกัน อยู่คนเดียวได้นะ”
“อยู่ได้ครับพี่โยไม่ต้องเป็นห่วง”
“เดี๋ยวพี่จะรีบกลับมานะ”
“ครับ” ผมตอบรับเสียงเบาก่อนพี่โยจะเดินออกจากห้อง
ความเงียบเข้าปกคลุมภายในห้องพักผู้ป่วยพิเศษอีกครั้ง ได้ยินเพียงเสียงหายใจของตัวเองกับเสียงทำงานของเครื่องปรับอากาศเบาๆ ผมนั่งมองพี่ชินที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่ตรงหน้า อากาศที่หนาวเย็นรอบตัวทำให้ผมรู้สึกหนาวมาถึงใจ ความหวาดกลัวเริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง กลัวว่าพี่ชินจะไม่ฟื้นขึ้นมา กลัวว่าพี่ชินจะหลับแบบนี้ไปอีกนาน
ผมจะไม่คิดมากถ้าไม่บังเอิญได้ยินพี่โยคุยกับหมอว่ากระเบื้องที่ตกใส่หัวพี่ชินอาจกระทบกระเทือนถึงสมองและมีผลข้างเคียงตามมา หมอบอกให้ทำใจเผื่อไว้ แต่พี่โยไม่ยอมบอกผมสักคำ ได้แต่บอกว่าพี่ชินไม่เป็นไรคงเพราะกลัวว่าผมจะคิดมากที่เป็นต้นเหตุให้พี่ชินเป็นแบบนี้
ถ้าผมไม่เอาตัวเองเข้าไปบังพี่โยแล้วรับหมัดจากพี่ชินเพื่อหวังจะให้ทั้งสองคนเลิกทะเลาะกัน ผมก็คงไม่เซไปชนนั่งร้านจนกระเบื้องที่ช่างยกขึ้นไปไว้ข้างบนเพื่อรอซ่อมหลังคาร่วงลงมาใส่พี่ชินแบบนั้น แล้วพี่ชินก็ยังเอาตัวเองมาบังผมไว้อีก ไม่ว่ายังไงก็หนีความจริงที่ผมเป็นสาเหตุให้พี่ชินต้องมานอนเจ็บอยู่แบบนี้ไม่ได้ ถ้าพี่ชินเป็นอะไรไปผมจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองเด็ดขาด
“พี่ชินพี่ได้ยินผมไหม ถ้าได้ยินพี่ตื่นขึ้นมาเถอะครับ ตื่นขึ้นมาหาผม ตื่นขึ้นมา อึก ผมรอพี่อยู่นะ พี่ต้องไม่เป็นอะไรนะ” ผมไล้มือไปตามแก้มตอบของพี่ชินที่ตอนนี้มันซีดจนเหมือนไม่มีเลือดสูบฉีด พร้อมกับน้ำตาที่แห้งไปนานเริ่มไหลอีกครั้ง
“พี่รู้ไหมผมมีอะไรจะพูดจะเล่าให้พี่ฟังเยอะแยะไปหมด พี่ตื่นขึ้นมาฟังผมนะ อึก ถ้าพี่หลับอยู่แบบนี้แล้วผมจะเล่าให้ใครฟัง
อึก....ล่ะ” ม่านน้ำตาที่ยังคงไหลทำให้ภาพตรงหน้าพร่าเลือนจนผมต้องซบหน้าลงบนแขนของผู้ชายที่ผมรัก
“อย่า.....”
“พี่ชิน!” ผมรีบผงกหัวขึ้นมองทันทีที่ได้ยินเสียงแว่วๆ ใช่ไหม...ใช่เสียงพี่ชินไหม
“อย่าร้อง” แล้วผมก็เห็นคนที่นอนหลับสนิทมาตลอดตอนนี้ลืมมามองผมแล้วครับ ดวงตาที่อ่อนแรงคู่นี้กำลังมองผมอยู่
“พี่ชินฟื้นแล้ว พี่ชินฟื้นแล้วใช่ไหม” เสียงถามรัวเร็ว ทั้งๆที่รู้ว่าพี่ชินฟื้นแล้วแต่ผมก็ยังย้ำถามเพื่อตอกย้ำให้ตัวเองแน่ใจว่านี่ผมไม่ได้เพียงแค่ฝันไป
“ร้องทำไม ไม่ร้องนะ เจ็บมากเหรอ.... พี่ขอโทษนะ” เสียงแหบแห้งที่พยายามเปล่งออกมาเหมือนคนไม่มีแรง พร้อมกับมือที่ยกขึ้นมาไล้นิ้วโป้งบนแก้มผมข้างที่โดนต่อย ทำให้ผมถึงกับน้ำตาร่วงอีกครั้ง
“ไม่เจ็บเลยครับ ไม่เจ็บเลยซักนิด ผมแค่ดีใจที่พี่ฟื้นแล้ว ต่อไปนี้พี่อย่าทำแบบนี้อีกนะครับ ถ้าพี่เป็นอะไรขึ้นมาแล้วผมจะอยู่ยังไง ผมอยู่ไม่ได้หรอกนะถ้าไม่มีพี่”
“ทำไมล่ะทำไมถึงอยู่ไม่ได้” หลังจากเงียบไป อยู่ๆพี่ชินก็ถามขึ้นมาเสียงเบาแทบ แต่มีรู้ว่าเพราะความเงียบจากบรรยากาศรอบๆหรืออะไรถึงทำให้ผมได้ยินชัดเจน
“เพราะผมรักพี่ไง ผมรักพี่ไม่ว่าตอนนี้หรือตอนไหนพี่เป็นคนเดียวที่ผมรัก และจะรักตลอดไปด้วยเพราะฉะนั้นพี่อย่าทิ้งผมไปนะครับ พี่ต้องอยู่กับผมถึงพี่จะไม่รักไม่ต้องการผมแต่ห้ามทิ้งผมไป” ผมว่าพร้อมเอื้อมแขนไปกอดพี่ชินที่ยังนอนอยู่
“พี่ก็รัก รักวี”
“พี่ชินๆ พี่ชินเป็นอะไร ตื่นขึ้นมาก่อน พี่ชิน” ความตื่นเต้นดีใจที่ได้ยินคำว่ารักจากปากพี่ชิน ต้องเปลี่ยนเป็นความตกใจทันทีที่เงยหน้าขึ้นมาแล้วพบว่าพี่ชินที่เพิ่งคุยกับผมตอนนี้ดวงตาปิดสนิทไปอีกครั้ง แม้ว่าผมจะพยามยามเรียกแต่ก็ไร้การตอบสนองใดๆ
พี่แค่หลับใช่ไหม
ไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม
ผมต้องตามหมอ ........
ใช่ตามหมอ ด่วนเลย
“พี่ชินกินอีกคำนะครับ พี่เพิ่งกินไปนิดเดียวเอง” ผมบอกพี่ชินที่ทำท่าจะไม่ยอมกินข้าวที่ผมป้อนให้ทั้งที่เพิ่งจะกินไปได้ไม่กี่คำ
“พี่อิ่มแล้ว”
“ถ้าพี่ไม่กินแล้วเมื่อไรพี่จะหายละครับ กินน้อยแบบนี้กินยาตามไปพี่จะแสบท้องนะ” ผมว่าก่อนยื่นช้อนที่ตักข้าวจนพูนไปตรงหน้าพี่ชินอีกครั้ง
หลังจากเมื่อคืนนี้ที่พี่ชินฟื้นขึ้นมาคุยกับผมแล้วสลบไปจนทำให้ผมแตกตื่นไปตามหมอให้วุ่น ปรากฏว่าพี่ชินแค่เพลียเพราะเสียเลือดมากเลยหลับไปอีกครั้ง พอเช้ามาอาการก็ดีขึ้น คุณหมอตรวจแล้วอาการปกติดีเลยอนุญาตให้กลับมาพักที่รีสอร์ทได้ แต่ต้องไปล้างแผลที่เย็บไว้เพราะหัวแตกเป็นทางยาว
ไม่รู้เพราะเพิ่งฟื้นขึ้นมาหรืออาการปวดแผลถึงทำให้ผมรู้สึกว่าพี่ชินไม่ค่อยสดชื่น ตั้งแต่กลับมารีสอร์ทพี่ชินก็เงียบ ผมถามคำก็ตอบคำ หรือไม่ก็เอาแต่นอนมองผมนิ่งๆจนผมอดแปลกใจไม่ได้
“พี่กินอีกคำเดียวแล้วพอเลยนะ”
“ครับ กินข้าวกินยาเสร็จแล้วผมจะเช็ดตัวให้นะครับ ” เสียงต่อรองนิ่งๆของพี่ชินทำให้ผมอดใจอ่อนไม่ได้
“วี.....”
“ครับ” อยู่ๆเสียงเรียกชื่อผมก็ดังขึ้นระหว่างที่กำลังเช็ดแขนให้พี่ชินเพลินๆ
“วีรักพี่จริงๆเหรอ” เสียงถามเบาเหมือนไม่แน่ใจดังขึ้นจากผู้ชายตรงหน้า ทำให้ผมละมือจากสิ่งที่กำลังทำอยู่แล้วหันมาจ้องตากับเจ้าของคำถามแทน
“จริงสิครับ อะไรทำให้พี่ชินคิดว่าผมไม่รักพี่เหรอ พี่รู้ไหมผมรักพี่มาตลอดไม่มีสักนาทีที่ผมจะไม่รัก หรือคิดเปลี่ยนใจไปรักคนอื่น”
“พี่คิดว่าตัวเองฝันไปซะอีก”
“ไม่ได้ฝันหรอกครับ” ผมยืนยันให้พี่ชินมั่นใจอีกครั้ง นี่สินะเรื่องที่ทำให้พี่ชินแปลกไป
“ไอ้ชินเป็นไงบ้าง กินข้าวรึยังวะ” ผมหันไปมองพี่โยที่เปิดประตูห้องพักเข้ามาถามอาการพี่ชินหลังจากปล่อยให้ผมดูแลมาเกือบทั้งวัน เพราะต้องออกไปทำกิจกรรมกับรุ่นน้อง
“กินแล้ว”
“อะไรวะ เนี่ยนะกินแล้วมึงกินให้มันมากกว่านี้หน่อย ข้าวสารมันคงไม่ขาดตลาดหรอก”
“กูไม่หิววะ”
“ไม่หิวมึงก็ต้องกิน หรือจะให้กูจับกรอกปาก คนป่วยเหี้ยอะไรดื้อฉิบหาย” ผมมองเพื่อนสองคนที่เมื่อวานทะเลาะต่อยตีกันเอาเป็นเอาตายแต่วันนี้กลับมาเป็นห่วงเป็นใยจนแทบจะป้อนข้าวให้กัน ไม่รู้ว่าไปดีกันตอนไหน แต่เห็นแบบนี้แล้วผมก็สบายใจกว่าตอนนี้ที่ทะเลาะกันเยอะเลย นี่แหละครับที่เขาเรียกว่าเพื่อนกันยังไงก็ตัดกันไม่ขาด
“วีกินข้าวรึยังครับ ไปกินข้าวก่อนก็ได้ ไอ้ชินเดี๋ยวพี่ดูมันเอง” พี่โยหันมาถามผมที่เดินเอาผ้าที่ใช้เช็ดตัวพี่ชินไปซักตากในห้องน้ำเสร็จพอดี
“แล้วพี่โยกินหรือยังครับ จะให้ผมตักมาให้ไหม”
“ไม่ต้อง พี่กินแล้ว วีไปเถอะ”
“งั้นผมขอไปกินข้าวแล้วจะรีบกลับมานะครับ พี่ชินอยากได้อะไรไหม เอาผลไม้หรือขนมหวานไหมครับ” ผมบอกพี่โยก่อนหันไปถามพี่ชินที่กำลังนั่งกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเพราะพี่โยตักข้าวในจานขึ้นทำท่าจะป้อน แต่พี่ชินเอามือกันไว้
“ไม่เอา รีบไปเถอะเดี๋ยวข้าวหมด” พี่ชินตอบก่อนบอกให้ผมรีบไป เพราะตอนนี้เป็นว่าเวลาอาหารเย็นถ้าออกไปช้าเดี๋ยวจะหมดซะก่อน
เมื่อพี่ชินไม่เอาอะไรผมเลยเดินออกมาจากห้องพักของพี่ชินกับพี่โยก่อนมองหาไอ้แบตกับลูกแพรไม่รู้พวกมันกินข้าวกันรึยัง
“ไอ้วี ๆ ทางนี้ พี่ชินเป็นไงบ้างวะอาการดีขึ้นรึยัง” เดินหาไม่นานก็มาเจอมันกำลังนั่งกินข้าวอยู่พอดี
“ก็ดีขึ้นแล้วนะ คงปวดแผลแต่ไม่มีอาการไข้แทรกซ้อน” ผมตอบไอ้แบตที่ถามทันทีที่ผมมาถึง ยังไม่ทันได้นั่งเลยครับ
“แล้วทำไมไม่กินข้าวเองวะ แค่หัวแตกไม่ได้เป็นง่อยทำไมมึงต้องป้อน กูสงสัยตั้งแต่เมื่อกลางวันแล้ว” ก็พี่ชินแม่งไม่ยอมกินข้าวกูเลยต้องป้อนไง ถ้าไม่ป้อนไม่บังคับก็ไม่ยอมกิน บอกแต่ว่าไม่หิว
“แล้วแฟนพี่ชินไปไหน ทำไมไม่มาป้อนล่ะ ทำไมต้องใช้วีด้วย” ลูกแพรที่นั่งฟังเงียบ ๆ ถามขึ้นบ้าง
“ไม่รู้เหมือนกัน” ผมชะงักไปนิดหนึ่งก่อนตอบแล้วเริ่มลงมือกินข้าวในจาน ไอ้แบตกับลูกแพรเห็นผมเงียบเลยหันไปสนใจข้าวของตัวเอง ก่อนจะชวนคุยเรื่องอื่น
“กินข้าวเสร็จแล้วมึงไปไหนต่อวะ”
“นั่นสิวีจะเข้าทำกิจกรรมไหม วันนี้มีบูมทะเลนะ” ลูกแพรถามผมต่อจากไอ้แบต
“คงไม่ได้เข้าหรอกแพร วีว่าเดี๋ยวจะกลับไปดูพี่ชินต่อ ไม่อยากปล่อยไว้คนเดียว”
“วีลูกแพรว่าปล่อยให้พี่น้ำเป็นคนดูแลพี่ชินดีไหม ยังไงเขาก็เป็นแฟนกัน ที่แพรบอกไม่ได้จะว่าอะไรวีนะ แต่แพรกลัวว่าวีจะเจ็บเหมือนที่ผ่านมา ยิ่งวีเอาตัวเองไปใกล้พี่ชินมากเท่าไรวีก็จะเจ็บมากเท่านั้น”
“แต่วีอยากดูแลพี่ชิน”
“แล้วพี่โยล่ะวี พี่โยจะคิดยังไงที่แฟนตัวเองไปคอยดูแลคนรักเก่า ตอนนี้วีเป็นแฟนพี่โยไม่ใช่เหรอ แล้วยังพี่น้ำอีกเดี๋ยวก็มาอาละวาดใส่วีอีก”
“วีเข้าใจที่แพรบอกนะ แต่วีเป็นคนทำให้พี่ชินเจ็บตัวอยู่แบบนี้ วีก็อยากจะดูแลพี่ชิน มันอาจจะเป็นข้ออ้างที่ดูงี่เง่า แต่มันก็เป็นเพียงข้ออ้างเดียวที่วีจะเข้าใกล้พี่ชินได้ในตอนนี้ วีไม่สามารถทนเห็นพี่ชินเจ็บโดยได้แต่ทนดูอยู่เฉย ๆ ขอให้วีได้ทำตามใจตัวเองเถอะนะ วีเชื่อว่าพี่โยจะต้องเข้าใจ” ผมบอกลูกแพรที่ช่วยเตือนสติ แต่ผมไม่สามารถทำตามคำแนะนำนี้ได้จริง ๆ ครับ ผมคงเป็นผู้ชายที่เลวมากในสายตาของใครต่อใคร แต่ผมก็ไม่สนใจทุกอย่างที่ทำลงไปก็เพียงเพราะคำว่า “รัก” คำเดียวเท่านั้น
“ถ้าวีตัดสินใจแบบนั้นและพร้อมจะยอมรับผลที่ตามมา แพรก็คงห้ามอะไรไม่ได้ แพรคงได้แต่เอาใจช่วยวีเท่านั้น”
“แค่นี้ก็มากเกินพอแล้ว วันไหนที่วีพลาดกลับมาอย่าลืมให้วียืมไหล่ซับน้ำตาก็แล้วกัน” ผมแกล้งว่าล้อๆ แต่ทุกคำผมพูดจริงจากใจ
“หวังว่าคงไม่มีวันนั้นหรอกนะ”
“สองคนนี้จะดึงซึ้งกันทำไมวะ ไหนว่าจะไปหาพี่ชินไม่ใช่เหรอ ไม่ไปแล้วไงวะ” ไอ้แบตว่าเสียงดังขึ้นมาก่อนถามต่อ
“นั่นดิลูกแพรนั่นแหละคนเปิดประเด็นเลย กูไปหาพี่ชินดีกว่าป่านนี้ไม่รู้พี่โยเอาข้าวกรอกปากไปรึยัง มึงจะไปด้วยไหม”
“ไปดิไปเยี่ยมพี่ชินก่อน เดี๋ยวค่อยไปทำกิจกรรมต่อ ลูกแพรไปไหม”
“ไปสิ ลูกแพรก็เป็นห่วงพี่ชินเหมือนกัน”
หลังจากตกลงกันได้ผมก็เอาจานข้าวไปเก็บก่อนเดินนำเพื่อนทั้งสองคนมายังบ้านพักของพี่ชิน
“กูรู้ว่ากูเป็นเพื่อนที่เหี้ยมากที่ไปรักแฟนเพื่อน แต่ในเมื่อกูรักไปแล้วจะให้กูทำยังไงวะ”
“มึงไม่ต้องมาถามกูหรอกว่าต้องทำยังไง มึงถามใจมึงเองเถอะว่ามันสมควรไหม” มือที่หมุนลูกบิดและกำลังจะดันประตูให้เปิดออกมีอันต้องชะงักเพราะเสียงที่ดังรอดออกมาจากภายใน
“แต่มึงก็รู้ว่ากูรักวี รักมานานก่อนที่มึงจะรักซะอีก” ผมได้ยินไม่ผิดใช่ไหม เสียงนั้นเป็นเสียงพี่ชิน เสียงพี่ชินที่กำลังบอกว่ารักผม จากที่คิดจะเดินออกเพื่อปล่อยให้พี่ชินกับพี่โยได้คุยกันแต่เพราะประโยคที่ได้ยินมันทำให้ใจผมเต้นแรง เหมือนมันพองโตจนคับอก พี่ชินบอกว่ารักผม พี่ชินยังรักผมอยู่ คำที่รอมานานรอพี่ชินที่มีสติครบสมบูรณ์ดี ไม่ใช่ครึ่งหลับครึ่งตื่นเหมือนที่ผ่านมา หัวใจที่พองโตมันคงทำให้เท้าของผมทำงานผิดปกติไปด้วย เพราะตอนนี้มันไม่ยอมขยับไปไหน
“แล้วไง ระยะเวลามันไม่ได้เป็นตัวกำหนดหรอกนะว่ามึงรักมาก่อนแล้วมึงต้องได้เป็นแฟนวี ตอนที่มึงมีโอกาสทำไมมึงถึงเลือกที่จะปล่อยมันไป แล้วตอนนี้ตอนที่กูกับน้องเป็นแฟนกัน มึงจะมาเรียกร้องอะไร”
“แต่วีบอกว่าวีรักกู”
“แล้วไง กูรู้ แต่กูไม่แคร์ ในเมื่อน้องเป็นแฟนกู ตอนนี้ถึงจะไม่รักแต่สักวันกูจะทำให้น้องรักกูให้ได้”
“กูมันเป็นเพื่อนที่เลว มึงจะเกลียด จะโกรธกูยังไงก็ได้ แต่กูขอร้องยกวีให้กูเถอะ กูอยู่ไม่ได้หรอกถ้าขาดวี สำหรับกูมึงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดที่กูคิดว่าชาตินี้คงหาที่ไหนอีกไม่ได้ มึงเป็นเพื่อนตายของกู ถ้ามึงเดือดร้อนไม่ว่ามึงต้องการอะไรหรืออยากได้อะไรกูก็ให้ได้ทั้งนั้น แต่กูขอเถอะแค่วี แค่วีคนเดียวที่กูให้ไม่ได้ มึงก็รู้ว่าน้องเป็นทุกอย่างของกู”
“มึงก็เป็นเพื่อนแท้ เพื่อนตายคนเดียวของกูเหมือนกัน แต่สำหรับน้องวีกูคงให้ไม่ได้ว่ะ”
“กูต้องทำยังไงมึงถึงจะยอม หรือต้องให้กูก้มหัวขอร้อง”
“ไม่นะพี่ชิน อึก..... พี่อย่าทำแบบนั้น ผมขอโทษผมผิดเอง ผมผิดคนเดียว อึก...ผมขอโทษ” ผมร้องห้ามพร้อมพุ่งตัวมากอดพี่ชินไว้ทันทีที่พี่ชินพูดจบ มาถึงตอนนี้ผมคงทนยืนฟังเฉยๆอีกไม่ได้ เพราะเรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะผมเองเพราะผมคนเดียว
“วีถอยไป เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของพี่กับไอ้ชิน”
“ผมไม่ถอย เพราะเรื่องนี้มันเกี่ยวกับผมด้วย ผมเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด”
“วีพี่ขอเคลียร์กับไอ้โยก่อนนะ ถึงวีจะบอกว่ารักพี่ แต่ตอนนี้วีเป็นแฟนไอ้โยที่เป็นเพื่อนพี่ ถึงเราจะรักกันแต่ถ้าพี่ต้องหักหลังเพื่อนแบบนี้ พี่กับวีคงไม่มีทางมีความสุขไปได้หรอก”
“ไม่ ผมไม่ได้......”
“แล้วมึงคิดเหรอว่าถ้ากูให้น้องวีกับมึงไปแล้วกูจะมีความสุข กูก็รักวีเหมือนกัน”
“กูรู้ว่ามึงรัก แต่กูเป็นเพื่อนมึง กูจะดูไม่ออกเหรอว่ามึงรักวีแบบไหน มึงไม่ได้รักวีแบบคนรักที่จะอยู่ด้วยกันไปชั่วชีวิตหรอก”
“มึงจะมารู้ดีกว่ากูได้ยังไง กูอาจจะรักน้อยจนเปลี่ยนใจได้วันนี้พรุ่งนี้ หรืออาจจะรักมากจนทำให้กูฆ่าใครก็ได้ที่คิดจะมาแย่งคนที่กูรักไปจากกูก็ได้”
“ไอ้โยกูเป็นเพื่อนมึงมากี่ปี ไม่ใช่ว่าเพิ่งเป็น มึงอย่าหลอกตัวเองเลยยิ่งมึงหลอกตัวเอง ตัวมึงเองจะยิ่งเป็นทุกข์ และไม่ใช่แค่มึงแต่วีและกูก็เป็นทุกข์ไม่ต่างจากมึงหรอก”
“ที่มึงพูดมาทั้งหมดเพราะต้องการให้กูยกน้องวีให้มึงใช่ไหม”
“กูอยากให้มึงยอมรับความจริง”
“หึ ถ้ามึงอยากได้วีมากนัก มึงลองก้มหัวขอร้องกูดูสิ ลองเป็นคนที่ต้องทำตามที่คนอื่นบงการดูบ้างเป็นไง มันไม่ได้มีความสุขหรอกนะ”
“ได้ แค่นี้ใช่ไหมที่มึงต้องการ”
“พี่ชินไม่นะ พี่อย่าทำแบบนั้น”
“เร็วสิช้าอยู่ทำไม”
“พี่โยผมขอร้องพอเถอะครับ ผมไม่อยากให้เป็นแบบนี้ ผมผิดไปแล้ว ผมขอโทษ ผมไม่ได้เป็นแฟนกับพี่โย ผมหลอกพี่ พี่ได้ยินไหมว่าผมหลอกพี่” ผมดึงพี่ชินที่กำลังจะทรุดตัวลงเพื่อก้มหัวให้พี่โย พร้อมรับสารภาพเสียงดัง ไม่ไหวแล้วครับ ผมทนเก็บมันไว้กับตัวไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
“นี่มันหมายความว่ายังไง” พี่ชินหันมาถามเสียงนิ่ง
“พี่ชินผมขอโทษ” ผมว่าเสียงเบาพร้อมเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อสามวันก่อนจะผ่านเข้าในความคิด
- สามวันก่อนหน้า -
“น้องวี! หายไปไหนมาพี่ไม่เคยเจอเลย”
“ผมก็ไม่ได้ไปไหนนี่ครับ แค่ไม่ค่อยได้อยู่มอ เรียนเสร็จผมก็กลับห้องเลย”
“รู้ไหมพี่เป็นห่วง ถามไอ้แบตมันก็ว่าวีสบายดี แต่พี่ว่าดูวีซูบไปเยอะเลยนะ”
“ผมสบายดีจริงๆพี่ไม่ต้องห่วง ว่าแต่เช็คชื่อเสร็จแล้วใช่ไหมครับผมจะได้ไปรอขึ้นรถ”
“เสร็จแล้วๆ ไอ้น็อตเช็คชื่อแทนกูหน่อย”
“อ้าวมึงจะไปไหน”
“เรื่องของกูมั่งได้ไหมวะ มึงว่างก็มาเช็คให้ก่อนเดี๋ยวกูมา วีๆ รอพี่ก่อน”
“มีอะไรเหรอครับ” ผมหันไปถามพี่โยอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นพี่โยที่เมื่อครู่นั่งเช็คชื่อวิ่งตามผมมาพร้อมเรียกเสียงดัง
“เกือบไม่ทันแล้วไหมล่ะ พี่มีเรื่องอยากจะคุยกับวีหน่อย”
“เรื่องอะไรเหรอครับ”
“เรื่องไอ้ชิน พี่ว่ามันยังรักวีอยู่นะ วีไม่ลองคุยกับมันอีกครั้งเหรอ”
“พี่โยเอาอะไรมาพูดครับ พี่ก็เห็นว่าพี่ชินมีแฟนแล้ว พี่โยเข้าใจผิดแล้วล่ะตอนนี้แม้แต่หางตาพี่ชินยังไม่อยากจะมองผมเลย”
“ไม่จริงหรอก พี่เป็นเพื่อนมันพี่ดูออกว่ามันไม่มีความสุขเลยตลอดสามเดือนที่ผ่านมา แล้วไอ้เรื่องเป็นแฟนกับน้ำพี่ก็ไม่อยากเชื่อ พี่ว่ายังไงมันก็ยังรักวีอยู่เชื่อพี่สิ”
“พี่โยอย่ามาพูดให้ผมมีความหวังเลยครับ ถึงจะเป็นจริงตามที่พี่ว่า แต่ยังไงตอนนี้พี่ชินก็เป็นแฟนกับพี่น้ำแล้ว รู้ไปก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงความจริงไปได้หรอกครับ”
“ได้สิ แค่วีร่วมมือกับพี่ พี่เชื่อว่าไอ้ชินมันยังรักวีอยู่ และพี่สามารถทำให้มันกลับมาหาวีอีกครั้งได้”
“พี่จะทำไปเพื่ออะไรครับ”
“เพื่อวีที่เป็นเหมือนน้องของพี่ พี่ไม่อยากเห็นวีตรอมใจอยู่แบบนี้ และ....เพื่อมันด้วยพี่ไม่อยากเห็นเพื่อนพี่เป็นเหมือนผีดิบเดินได้เหมือนทุกวันนี้เหมือนกัน พี่ไม่เข้าใจว่าคนที่ใจตรงกันสองคนทำไมต้องทำร้ายตัวเองและทำร้ายคนที่ตัวเองรักขนาดนี้ วีร่วมมือกับพี่นะ”
“ร่วมมือยังไงเหรอครับ”
“เป็นแฟนพี่”
“เป็นแฟนพี่” ผมทวนคำพี่โยอย่างตกใจ
“ใช่แค่วีเป็นแฟนพี่ก็พอ ที่เหลือพี่จัดการเอง”
“แต่”
“แค่เป็นแฟนหลอกๆ เท่านั้นพี่ไม่ได้ให้มาเป็นจริงๆ แต่เรื่องนี้ต้องรู้แค่เราสองคนนะให้คนอื่นรู้มากไม่ได้ เดี๋ยวเสียแผน แม้แต่เพื่อนสนิทวีก็ห้ามบอก ที่มันยอมปล่อยวีไปก็เพราะมันเข้าใจว่าวีรักพี่ตินณ์ แต่พี่ว่าถ้าไอ้ชินมันรู้ว่าวีเป็นแฟนพี่ ไม่นานหรอกไอ้ชินมันต้องทนไม่ได้แน่ๆ”
“ขอบคุณมากครับพี่โย แต่ผมไม่อยากโกหกความรู้สึกตัวเอง ไม่ว่าตอนนี้หรือตอนไหนผมก็ไม่เคยหยุดรักพี่ชินได้ แล้วผมไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถหลอกคนอื่นว่าเป็นแฟนกับพี่ได้ ยังไงก็ต้องโดนจับได้แน่ๆครับ”
“ไม่ลองดูก่อนจะรู้เหรอ มันก็ไม่ได้มีอะไรเสียหายนิ ถ้ามันไม่สำเร็จวีก็แค่บอกว่าเลิกกับพี่แล้ว อาจจะบอกว่าพี่นอกใจหรืออะไรก็ได้ แต่ถ้ามันสำเร็จวีจะได้มีความสุขกับไอ้ชินสักที”
“แล้วพี่น้ำล่ะครับ ตอนนี้พี่ชินเลือกพี่น้ำไปแล้ว ผมว่าปล่อยให้มันเป็นไปตามทางของมันเถอะครับ ผมคงมีวาสนากับพี่ชินมาแค่นี้ ถ้าผมยังมีวาสนาอยู่ซักวันผมกับพี่ชินคงได้เริ่มต้นกันใหม่เอง”
“แต่.......”
“ผมรู้ว่าพี่รักแล้วหวังดีกับผมและพี่ชินจริงๆ แต่ตอนนี้ใจผมมันยังไม่แข็งแรงพอที่จะไปบอกพี่ชินได้ว่าผมมีแฟนเป็นคนอื่นแล้ว แค่ผมคิดถึงสายตาหรือปฏิกิริยาที่จะเกิดขึ้นใจผมมันก็แทบสลายแล้วครับ พี่โยเข้าใจผมนะครับตอนนี้ผมไม่พร้อมเผชิญหน้ากับพี่ชินจริง ๆ”
“พี่จะไม่บังคับวี แต่พี่อยากให้วีเก็บไปคิดดู ถ้าเปลี่ยนใจแล้วอยากให้คำตอบพี่เมื่อไหร่ บอกพี่ได้ตลอดเลยนะ พี่พร้อมช่วยวีเสมอ” ผมมองเห็นรอยยิ้มของพี่โยที่ส่งให้ผมอย่างจริงใจ
“ขอบคุณครับพี่โย ขอบคุณที่เข้าใจผม”
----- โปรดติดตามตอนต่อไป -----
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ