บทที่ 10 แล้วเธอก็เดินจากไป ปล่อยให้วันเวลาดี ๆเป็นเพียงแค่ฝุ่นผง...
เจ็บโมงสี่สิบนาที
วันนี้ผมมาตรวจครรถ์ครับ เพราะคาดว่าคนน่าจะเยอะผมเลยมารอคิวก่อน จริง ๆแล้วผมไม่จำเป็นต้องเข้าคิวเลย หมอดินสามารถ
ทำให้ผมเดินเข้าไปตรวจทันทีเลยก็ได้ แต่ผมไม่อยากใช้สิทธิ์นั้นเพราะผมเกรงใจคนอื่น คิวผมเพื่อพบหมอดินเป็นคิวที่ 16 ขนาด
มาเช้าขนาดนี้ ยังต้องรออีกตั้ง 16 คนเลยนะ สงสัยจังว่าคนแรก ๆ เขามารอตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ
แปล็บ! อยู่ดี ๆก็รู้สึกเจ็บนิด ๆที่หน้าท้อง ผมยกมือลูบแผ่นท้องเบาๆ ก่อนจะรู้สึกถึงแรงน้อย ๆที่มากระทบอีกครั้ง
โอ๊ะ... หรือว่านี่คือการทักทายของหนูครับลูก ผมถามคนในท้อง นี่คืออาการที่ลูกดิ้นใช่ไหมนะ พลันความรู้สึกยินดีท่วมท้นในใจ
ของผม มันเป็นความสุขที่บอกไม่ถูก อิ่มเอม ตื้นตันยังไงไม่รู้ แค่เขาถีบท้องผมเบาๆ .... ลูกจ๋า อารมณ์ดีหรอครับ ทักทายแม่
หรอครับลูก.....
คุยกับลูกเพลินจนลืมดูเวลา พอสังเกตุดูนาฬิกาอีกทีเข็มสั้นก็ชึ้ไปที่เลยแปด เข็มยาวชี้ไปเลขสี่ซะแล้ว ผมมองไปรอบ ๆ ตัวก่อน
จะยิ้มให้ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ ท้องเธอใหญ่มากเลยน่าจะใกล้คลอดแล้วล่ะ
"มาเช้าจังเลยนะคะ" เธอเปิดประโยคสนทนา
"เช้าขนาดนี้คนก็ยังเยอะเลยเนอะ" ผมตอบเธอ หน้าตาเธอดูมีความสุขจังเลย
"ใช่ อย่างนี้แหละ โรงพยาบาลจังหวัด คนก็เยอะแบบนี้แหละ นี่มาคนเดียวหรอ" เธอถาม
"อืม มาคนเดียวน่ะ" ผมตอบยิ้มให้บางๆ ยกมือลูบท้องอย่างลืมตัว
"เอ่อ ขอโทษนะที่ถามเรื่องส่วนตัว" เธอเหมือนเพิ่งรู้สึกว่าถามคำถามที่ไม่ควรถามกับผมซะแล้ว ผมส่ายหัวยิ้มให้เธอบางๆ
ก่อนจะเลิกสนใจเธอเมื่อสามีของเธอเดินเข้ามา นั่งข้างๆเธอ คุยหยอกล้อกับเด็กในท้อง มือของทั้งคู่ประสานกันวางไว้บนหน้าตัก
ผมลอบมองคู่สามีภรรยาธรรมดา ๆ คู่นี้ด้วยความรู้สึกบรรยายไม่ถูก นี่สินะ ความรู้สึกของครอบครัว ผมสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของ
ความรัก ความอบอุ่น ....
.
..
...
มาคนเดียวหรอคะ? ครับผมมาคนเดียวผมไม่เคยรู้ว่าครอบครัวจริงๆ เป็นยังไง ครอบครัวที่มีพ่อเป็นเสาหลัก คอยดูแล คอยช่วยพยุงยามอ่อนแอ มีแม่คอยเติมความอ่อน
หวานในสิ่งต่าง ๆ มีลูกที่เป็นความงดงามของชีวิตพ่อและแม่
ลูกครับ... แม่อาจไม่มีครอบครัวที่ครบให้หนู แต่เราจะอยู่กันให้ได้นะลูก สักวันหนึ่งถ้าแม่เข้มแข็งกว่านี้ แม่จะไม่คิดถึงเขาอีก
วันนี้ที่แม่มาตรวจ หมอดินบอกหนูแข็งแรงดี แต่น้ำหนักตัวแม่ยังน้อยไปหน่อย คงต้องกินเยอะกว่านี้ บางครั้งแม่ก็รู้สึกอ้างว้าง
เหมือนมันว่างเปล่าไปหมด ไม่มีคนรัก ไม่เป็นที่ต้องการ ไม่ถูกเลือก.... แต่พอหนูดิ้น แม่ก็กลับมามีความรักอีกครั้ง รักหนูนะลูก
รักพ่อของหนูด้วย เราต้องอยู่กันให้ได้ ไม่มีมืออีกคู่ที่คอยช่วยก็ไม่เป็นไร ผมได้แต่ย้ำซ้ำ ๆ กับตัวเอง คงเพราะเหตุการณ์เมื่อเช้า
เลยทำให้คิดมาก หรืออารมณ์แปรปรวนของคนท้องก็ไม่แน่ใจนัก ที่ผมยังคิดถึงพี่เออาจเป็นเพราะเรายังมีห่วงต่อกันอยู่ ผมอุ้ม
ท้องลูกของเขา ตัดยังไงก็คงเขาไม่ขาด หวังเพียงแต่ว่าเวลา จะนำพาทุกอย่างให้ผ่านไป เมื่อความเจ็บปวดบรรเทาลง
ความสงบคงรออยู่ที่ปลายทาง...
เวลาผ่านไปอีกหนึ่งเดือน...
พี่เอเงียบหายไปจากชีวิตของผม เหมือนไม่เคยมีเรื่องระหว่างเราเกิดขึ้น
นาน... นานจนผมเริ่มชินกับการมีชีวิตคนเดียว บางทีอดีตก็เป็นเหมือนเงา อาจเคยหอมหวาน แต่ทว่าก็ไม่ได้มีอยู่จริงในตอนนี้
เพราะช่วงเวลาหนึ่งมีผลแค่ตอนนั้น ไม่ได้มีอะไรสืบเนื่องมาจนถึงวันนี้ สิ่งเดียวที่อาจทำให้ผมนึกถึงเขาขึ้นมาได้
คือความเจ็บนิด ๆ ตึงหน่อยๆ เวลาเจ้าตัวน้อยอยากจะเกเรบ้างก็เท่านั้น ความรักของพี่เออาจไม่มีอยู่จริง แต่เรื่องของผมกับเขา
นั้นเกิดขึ้นจริง มีพยานเป็นหนูน้อยที่ทำให้ผมกลายสภาพเป็นคนอ้วน หน้าท้องใหญ่ เดินเหินลำบาก เรี่ยวแรงไม่ค่อยมี เหน็บชา
ที่เท้าบางเวลา แต่แค่ผมมีเขาผมก็ไม่ต้องการสิ่งอื่นอีกเลย ผมรักเด็กคนนี้มากขนาดที่ยังไม่เคยเห็นหน้า ผมจะใช้ชีวิตวันต่อไปๆ
กับเขา ให้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขา มอบความรักความอบอุ่น และผมจะเป็นเกราะป้องกันเขาจากอันตรายต่างๆ
แม่รักหนูนะครับ รักสุดหัวใจ....
"จ๊ะเอ๋ มีนนนนน ฉันมาแล้วว ขอดูหลานฉันหน่อยสิ แล้วนี่กินไรยัง กินนมบ้างไหม ดูแลตัวเองดีรึเปล่า เดี๋ยวหลานฉันไม่สูง
ไม่หล่อ ไม่สวย ไม่เฟี้ยวน้าา" เสียงใสๆ ดังขึ้นปลุกผมจากภวังค์ความคิด ผมหันไปเจอเจ้าของใบหน้าขาวใส หมวยๆ
ของชมพู่ เพื่อนสนิทอีกคนของผม เธอยิ้มจนตาที่ไม่ค่อยจะมีอยู่แล้วกลายเป็นเส้นตรง ไม่ได้เจอกันนานมาก
ส่วนใหญ่ได้แต่โทรคุยกันเท่านั้น
"ชมพู่ ! มาได้ไง ดินพามาหรอ แล้วว่างแล้วหรอ" ผมเรียกชมพู่ด้วยความดีใจ ก่อนจะถามเป็นชุดๆ
"อ้าวแน่นอนสิคะว่าที่คุณแม่ อย่างฉันเนี่ยแค่กระดิกนิ้ว ผู้ชายก็วิ่งตามละนะ รู้ไหมหล่อน ฉันสบายดีมาก และเป็นห่วงมีนมาก"
บางทีก็หมั้นไส้ในท่าทางการจีบปากจีบคอพูดของมันนะครับ แต่ว่าดีใจจังที่มันมาหา มีหลายเรื่องที่อยากบอกมัน
อยากคุย อยากแชร์ ผมมองมันด้วยความรู้สึกทั้งหมดนี้และรับรู้ว่ามันเข้าใจสายตาผมเป็นอย่างดี
"ดูทำหน้าเข้า ฉันเข้าใจนะว่าฉันสวยและนิสัยดีมาก มานี่มะ มาให้เจ๊กอดหน่อยเร็ว" ชมพู่มองหน้าผม
ก่อนจะพูดและดึงผมเข้าไปกอด ผมกอดตอบด้วยความคิดถึง แต่กอดแน่นมากไม่ได้ มันติดพุง ฮาาาา
"ฉันคิดถึงเธอจัง" ผมกอดเธอแน่นเท่าที่ร่างกายจะเอื้ออำนวย
"ยังขี้แงเหมือนเดิม ฉันลาออกจากงานล่ะ ว่าจะมาให้คนแถวนี้เลี้ยง จะมาอยู่ด้วยจนกว่าจะคลอดเลยนะ" ชมพู่พูดพลางผละออก
จากอ้อมกอด และเปลี่ยนมากุมมือผมไว้แทน
"จริงนะ อยู่ด้วยจริงๆนะ" ผมถามย้ำด้วยความดีใจ ดีจังนะลูกมีน้าชมพู่มาอยุ่เป็นเพื่อนแม่แล้ว
ก่อนที่จะคุยอะไรกันต่อก็มีเสียงหนึ่งดังขัดขึ้นมา
"จริงครับมีน ชมพู่เขาอยากดูแลมีนน่ะ" ดินที่เพิ่งเดินเข้าบ้านมาเอ่ยขึ้น
"แล้วดินอนุญาตให้ชมพู่อยู่กับเราจริงๆนะดินนน" ผมถามดินซ้ำอีกรอบเพิ่มความมั่นใจ
"ไม่ต้องรอให้ดินอนุญาตหรอกมีน ชมพู่ฟังดินซะที่ไหนล่ะ บอกให้ออกจากงานมาตั้งนานล่ะ เมียคนเดียวดินเลี้ยงได้ก็ไม่ยอม
จนมีเรื่องมีนนี่แหละ เจ้าตัวเลยยอมกลับมาอยู่บ้านบ้าง" ดินตอบคำถามผม พลางยิ้มอย่างเอ็นดูเมื่อเรื่องความบ้างานของชมพู่
"แหม๋ ตัวเองก็ เค้าอยากทำงานจะได้ไม่เป็นภาระตัวเองไงงงง แล้วนี่ก็กลับมาให้คุณหมอดินเลี้ยงแล้วไงคะ" ชมพู่เดินไป
กอดแขนสามีตัวเอง พลางซบทำเสียงออดอ้อน ดินไม่ตอบอะไรเพียงแต่ยิ้มรับด้วยความรัก
"ดีจังที่มีนมีเพื่อนที่ดีแบบนี้ ขอบคุณนะที่ไม่เคยทิ้งมีนเลย" เสียงผมสั่นเครือไปด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ คงเป็นเพราะฮอร์โมน
คนท้องที่ทำให้ผมร้องไห้ง่ายๆ แบบนี้
"โอ๋ๆ มาๆ หลานคนเดียวฉันเลี้ยงได้ พวกเรารักมีนนะ" ชมพู่เดินมากอดผมไว้ข้างหนึ่ง ดินเดินมาลูบหัวผมไว้อีกข้างหนึ่ง
ผมอดไม่ได้จริงๆ ที่จะร้องไห้ ร้องและร้อง ร้องจนเหนื่อยและหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ครบ 100% แล้วนะคะ มิยูกิมาต่อให้แล้วนะคะ