เมียหลวง

ตอนที่ 9
“พี่ขอโทษทั้งสองคนนะ พี่ไม่รู้จริงๆ ว่าสมายด์รู้ได้ไงว่าพี่จะมาที่นี้”“พี่ไม่ต้องขอโทษผมหรอก คนที่ควรจะขอโทษนะคือยัยเด็กไม่รู้จักโตคนนี้ต่างหาก”
ผมได้แต่คิดในใจและ บอกปัดๆพี่ไนท์ไปว่าไม่ได้ติดใจกับเหตุการณ์ครั้งนี้ เพราะอย่างไง พี่ไนท์ก็จะยกเลิกการหมั้นครั้งนี้แล้ว แถมยังใจดีมากขนาดเสนอถอนหุ้นจากบริษัทของพ่อสมายด์ด้วย
หลังจากผมเก็บกวาดสถานที่เกิดเหตุเสร็จผมก็ไล่ยัยเค้กกับพี่ไนท์ให้พาเจ้าตัวเล็กกลับบ้าน เพราะจู่ๆผมก็อยากอยู่คนเดียว อยากทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น ทบทวนความสึกของตัวเอง อะไรหลายๆอย่างที่มันผ่านเข้ามาและผ่านออกไป
บางครั้งผมก็เหนื่อย เพราะทุกครั้งที่ส่องกระจก ผมก็พบเพียง ผู้ชายคนนึ่งที่มีร่องรอยของความเจ็บปวดจากแววตา
บางครั้งผมก็อยากจะยิ้ม แต่ทุกครั้งที่ผมจะยิ้ม กลับฉุกคิดถึงเรื่องราวในอนาคตที่มันเฝ้าเพียรกระซิบบอก ว่าผมกำลังจะหมดเวลาแล้ว
ผมพยายามหลายครั้งที่จะตัดใจจากความรักครั้งนี้ แต่ทุกครั้งที่คิดจะทำก็มักจะมีรอยยิ้มของผู้ชายคนนั้นเข้ามาเสมอ รอยยิ้มที่ทำให้ผมมีความสุข รอยยิ้มที่เป็นเหมือนคมมีดที่กรีดลงบนหัวใจที่บอบช้ำของผม
ทำไมนะ ? ทำไมผมต้องเป็นแบบนี้ด้วย ทำไมต้องยอม ยอมทั้งที่รู้ว่าไม่มีทางได้หัวใจเขากลับคืนมา แม้จะพยายามทำดีแค่ไหน สิ่งที่ได้กลับมาคือ ถ้อยคำถากถาง ด่าทอต่อว่า ว่าความรักของผมมันทุเรศ น่ารังเกียจ น่าขยะแขยง
เขาจะรู้บางไหมนะ ว่าผมก็เหนื่อยเป็น หมดเรี่ยวแรงที่จะก้าวเดิน
เขาจะรู้ไหมนะว่า ทุกคำพูดของเขา มันบั่นทอนจิตของผมมากแค่ไหน
ผมควรจะหยุดเดินแล้วใช่ไหม ?
มาถึงจุดนี้แล้ว
ผมทำได้เพียงแค่หลับตาแล้วยิ้มมุมปาก พึมพำออกมาเบาๆกับตัวเองว่า
“ไม่มีทาง”ผมลืมตามพลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดหาเบอร์ของคนสำคัญ รอสายไม่นานคนปลายสายก็รับ
“อยู่ไหน” ผมยิงคำถามโดยไม่ปล่อยให้คนปลายสายได้เอ่ยอะไรออกมา
(เอ่อ พี่เกมส์ใช่ไหมครับ) ไม่ใช่สมาทด์แล้วใครรับสาย ผมกับตอบคำถามแทนคำถามที่ติดอยู่ในหัว
“ใช่ครับ ผมเกมส์พูดสาย”ผมกับตอบคำถามแทนคำถามที่ติดอยู่ในหัว
(ผมต้านะพี่จำได้ไหม) ต้าเพื่อนสนิทของสมาร์ทสิน่ะ
“จำได้สิ แล้วสมาร์ทไปไหนล่ะน้องต้า”
(มันหลับนะพี่ คงจะตื่นสายๆอ่ะครับ เอ่อ..พี่ครับ อย่าหาว่าผมละลาบละล่วงเลยนะครับ มันกับพี่ทะเลาะกันหรือเปล่าครับ)
“ทำไมเหรอ สมาทด์เล่าอะไรให้เราฟังละ”
(เปล่าหรอกพี่เกมส์ แต่วันที่มาถึงหอผมอ่ะ มันก็เอาแต่กินเหล้า แล้วก็ร้องไห้เหมือนหมา ผมถามอะไรมันก็ไม่ตอบ ผมเห็นมันนั่งโทรหาสมายด์ด้วยนะพี่ แต่โทรเท่าไหร่สมายด์ก็ไม่รับสาย แถมมันยังอยู่ในสภาพแบบนี้มาจนจะอาทิตย์หนึ่งแล้วนะพี่)
“เป็นไปได้ขนาดนั้นเลยเหรอ”ผมพึมพำเสียงเบาหวิว งี่เง่า! โง่! ผมไม่รู้จะหาคำบรรยายใดๆกับอาการควายอกหักอย่างสมาร์ทว่าอะไรดี มันเกินคำบรรยายจริงๆให้ตายเถอะ
(ผมมีเรียนนะพี่ ผมคงดูแลมันไม่ได้ เดี๋ยวผมพามันไปส่งนะพี่เกมส์)
“ลำบากเราแย่เลยนะต้า ไว้คราวหน้าพี่จะเลี้ยงขอบคุณเรานะ”ผมพูดขอบคุณน้องต้าเสร็จแล้วกดตัดสายพลางลุกขึ้นไปจัดห้องของสมาร์ทให้เรียบร้อยก่อนที่เจ้าของห้องจะมาถึง
รอไม่นานน้องต้าก็มาถึง สภาพของทั้งสองคนดูทุลักทุเลเพราะต้าต้องแบกร่างของสมาร์ทที่เมาหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว ขึ้นไปชั้นบนโดยที่ผมได้แต่เดินตามเพราะขืนเข้าไปช่วยได้โดยทับแน่ๆเพราะแทนที่จะช่วยน้องต้าให้เร็วขึ้นจะทำให้ช้าลงเพราะผมไปเกะกะเสียเปล่า ผมเลยระเห็จตัวมายืนรอที่เตียงภายในห้องนอน
“ตัวมันหนักอย่างกับควายเลยพี่เกมส์” ควาย อ่ะน้องต้าคงหมายถึงสมาร์ทตัวหนักมาก เลยเอาไปเปรียบกับควาย ผมอยากจะกระซิบบอกน้องต้าจริงๆว่าไม่ใช่แค่ตัวหรอกนะที่เหมือนควายแต่สมองก็ด้วย
“นั้นสิ พี่ก็เคยพยายามจะแบกสมาร์ทนะ แต่ก็นะไม่ไหวเลย หนักจะตายชัก ฮ่าฮ่า” ผมหัวเราะกับบทสนทนาแปลกๆของผมกับน้องต้า ที่เหมือนผมสองคนจะหลอกด่าสมาร์ทตอนเมาหลับอย่างไงอย่างงั้นเลย
“พี่เกมส์นี้เวลาหัวเราะแล้วน่ารักจัง”ห๊ะ!
“เอ่อ ไม่หรอกพี่ว่าต้ารีบไปเรียนเถอะ เดี๋ยวทางนี้พี่ดูแลสมาร์ทเองไม่ต้องห่วงนะ”
ผมตัดบทพร้อมกลับเดินลงไปส่งน้องต้าที่หน้าบ้าน แต่เจ้าตัวกลับไม่ยอมขึ้นรถเอาแต่ยืนจ้องหน้าผม
“หน้าพี่มีอะไรติดอยู่เหรอครับน้องต้า”
“เอ่อเปล่าครับ ผมแค่จะบอกพี่ว่า สมาร์ทมันไม่เหลือใครแล้วนะครับพี่ นอกจากพี่แล้วก็คงไม่มีใครจะยอมมันได้เท่าพี่ ผมขอร้องละครับ ช่วยดูแลมันด้วยนะครับ ผมเป็นเพื่อนก็ช่วยอะไรมันไม่ได้มาก เช่นเรื่องหัวใจ ผมช่วยมันไม่ได้จริงๆ ไม่มีใครช่วยมันได้นอกจากพี่ พี่เกมส์ครับได้โปรดอย่าพึ่งท้อนะครับ ผมว่าตอนนี้สมาร์ทมันคงสับสน”
“พี่สัญญาอะไรกับเราไม่ได้หรอกนะต้า แต่พี่จะทำให้ดีที่สุดนะ”ผมโบกมือบ๊ายบายไล่หลังรถที่เคลื่อนตัวออกไปจากบ้าน แล้วพาตัวเองกลับเข้าไปในครัวเตรียมน้ำอุ่นไว้เช็ดตัวสมาร์ทก่อนที่เจ้าตัวจะตื่นแล้วมีเรื่องวุ่นวายตามมา
ผมบิดผ้าจนหมาดแล้วเช็ดลงไปแขนทั้งสองข้างของคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงอย่างเบามือ และไล้ลงมาจนถึงที่ข้อมือที่มีรอยแผลเป็นที่ผมเห็นที่ไรก็อดใจหายไม่ได้ ถ้าวันนั้นผมไม่เข้ามาเจอเสียก่อน ผมคงต้องเสียเขาไปตลอดกาลแน่ๆ
“อย่าทำอะไรโง่ๆแบบนั้นอีกนะ”
ผมก็คงได้แต่ภาวนาให้เหตุการณ์บ้าๆนั้นไม่เกิดขึ้นอีก เพราะสมาร์ทคงไม่โชคดีเหมือนคราวที่แล้วแน่ๆ คิดไปคิดมา ก็แปลกนะครับ ทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายโกหกก็ยังยอมที่จะเชื่อ ทั้งที่รู้ว่าตัวเองเป็นของตายแต่ก็ยังดิ้นรนให้อีกฝ่ายเห็นค่า เพราะทำอะไรไม่คิดแบบนนี้ไง นายถึงยังเจ็บแบบนี้
ผมมองใบหน้าที่กำลังเช็ดอย่างเบามือ สมาร์ทผอมลงไปมาก แก้มสองข้างนั้นตอบ แถมยังไม่โกนหนวนโกนเครา ปล่อยตัวแบบนี้ สาวๆที่ไหนเขาจะแล คงมีแต่ผมละมั่งครับที่จะมาคอยนั่งเฝ้านั่งดูแลเขา
“กินข้าวบ้างนะ อย่าเอาแต่กินเหล้า”
ผมเคยเตือนเขาบ่อยๆด้วยประโยคแบบนี้ แต่สมาร์ทก็ไม่เคยฟัง ทั้งที่ผมเตือนเพราะผมเป็นห่วง ทั้งที่ผมเตือนเพราะผมรัก เขากลับมองข้ามความห่วงใยของผม กลับตอบแทนผมด้วยคำพูดเสียดแทง
ผมค่อยพยุงตัวเขาขึ้นและจับเขาใส่เสื้อและกางเกงชุดใหม่ เพราะตัวเก่ามันเน่ามาก ผมกลัวว่าเขาจะคันถ้าผมไม่เปลี่ยนให้ พอเปลี่ยนเสร็จผมก็แทบจะหมดแรง สมาร์ทตัวใหญ่ทำให้ผมต้องออกแรงมากกว่าปกติ
หลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จผมก็เก็บอ่างน้ำและอุปกรณ์ต่างๆ ไปไว้ในห้องครัวแล้วขึ้นไปบนห้องเพื่อดูอาการของคนหลับอีกครั้งหนึ่ง สภาพตอนนอนหลับนี้สมาร์ทดูเด็กมากๆ แขนข้างหนึ่งก็กอดหมอนข้างขาก็ก่ายไปทั่วผมอยากจะหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระทึกจริงๆเลย
ผมยิ้มมุมปากก่อนที่จะทรุดตัวนั่งลงข้างๆเตียงพลางสอดมือลงไปใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ที่คลุมร่างกายของสมาร์ทไว้มิดชิดแล้วสอดมือผมเข้าไปกุมมือของสมาร์ทไว้
“ตื่นขึ้นมาแล้วอย่าก่อเรื่องล่ะ
ควายน้อย”
COME BACK!!!
กราบสวัสดี คนอ่านทุกท่านนนนนนน! ผมกลับมาแล้ววววววววว

คิดถึง สมาร์ท ไหมครับ

แต่ สมาร์ท คิดถึงทุกคนเลยนะ
