ตอน พิเศษ "กีฬาสี"
“สวัสดีครับน้องๆ นี้พี่นุนะครับ เป็นประธานสีส้ม วิทย์วิโรจน์ นะครับ”
ทุกคนก็ต่างมอง พี่ ม.6 ที่ตัวสูง แถมขาวออร่า หัวทองแล้วยังดัดฟันสีชมพู ที่กำลังพูดแล้วบอกตัวเองว่าเป็นประธานสีอย่างตั่งใจ มันเป็นธรรมดาของ เด็ก .1 ที่จะกลัวพี่ๆม.6
ทุกปีจะมีกีฬาสี เด็กม.1 ต้องขึ้นแสตนเชียร์ โรงเรียนของเรามี 4 สี ม่วง เขียว ฟ้า แล้วก็ ส้ม ในการคัดสีก็เอา รหัสเป็นจำตัวไปทำการ บวก ลบ คูณ หาร แล้วก็จะเหลือเศษ ก็จะรู้สีของแต่ละคน
การที่ต้องมานั่งซ้อมเชียร์เป็นอะไรที่เรา เด็กม.1 ไม่อยากทำ ต้องกลับบ้านเย็นแถมบางวันก็ฝนตก แล้วพี่ก็ชอบดุอีกด้วย
“น้องครับฟังพี่หน่อยครับ จะคุยกันให้ได้อะไรขึ้นมา ถ้าน้องคุย 6โมง น้องยังไม่ได้กลับ พี่ไม่ตลกนะครับน้อง”
พี่นุเป็นประธานสี ที่ตาเล็กมาก หรือที่เรียกว่า ตาตี๋ แล้วก็ยังขาวมาก มีแต่คนรุมกรี้ด แต่สำหรับเรากับเพื่อนเราไม่ชอบ เราเบื่อพี่นุ
“เหนื่อยกันยังครับน้อง ไม่เป็นนะครับน้องๆ ร้องเพลงนี้ได้พี่ก็ปล่อยแล้วครับ สู้นะครับ พี่เป็นกำลังใจให้”
เรามองพี่ ผู้ชายที่ใส่แว่นตา หน้าตาเด็กเรียน พูดจาสุภาพแถมยังใจดี กันอย่างขอบคุณ พี่คนนี้ ก็คือพี่เกมส์ พี่เกมส์เขาเป็นรองประธานสี แถมเก่งหลายอย่าง ใจเย็นมาก แถมยิ้มทีน่ะ ใจละลายเลย
“ปลอบกันเข้าไป โอ๋กันเข้าไป แค่ซ้อมแค่นี้ น้องยังทำกันไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าจะเรียนจบเลย”
พี่นุก็ยังคงเป็นพี่นุ ดุแถมชอบออกคำสั่งเสมอต้นเสมอปลาย
เราซ้อมเชียร์กันทุกวัน เหนื่อยทั่งเรียนเหนื่อยทั่งซ้อม ทำไมเด็ก ม.1 อย่างเรากับเพื่อนต้องกลับบ้านเย็นๆ บางวันเปียกฝน ไม่สบายกันเป็นแถวๆ เพื่ออะไรแบบนี้ด้วย เสียเวลาเรียนมาก
ยิ่งใกล้วันวันจริงเข้าเท่าไร
ความคิดของพวกเราก็เริ่มเปลี่ยนไปมากเท่านั้น
“น้องๆครับวันนี้พวกเราจะซ้อมขึ้นแสตนจริงกันนะครับ ตั่งใจนะครับน้องๆ ถ้าทำได้ดี พี่จะให้เราทำแค่รอบเดียว”
พี่นุประธานสี ที่ดูยังไงก็เหมือนนักเลงมากกว่าของสีส้มเรา ยืนถือโทรโข่งตะโกนสั่งพวกเรา พี่แกใส่ชุดนักเรียนไม่เรียบร้อยหลุดลุยยังกับไปฟัดกับอะไรมา แตกต่างกับพี่เกมส์รองประธานราวกับฟ้ากับเหว พี่เกมส์แต่งตัวเรียบร้อยแล้วยังพูดกับน้อง
อย่างสุภาพ นี้เทวดาชัดๆ
“นี้เหรอครับดีที่สุดของพวกน้องๆแล้ว เพลงมาร์ชโรงเรียน น้องยังร้องไม่พร้อมกัน จะเอาอะไรไปสู้กับสีอื่นครับ ถ้ายังเป็นแบบนี้ พรุ่งนี้ไม่ต้องมากันนะครับ อายสีอื่นเขาครับน้อง”
พี่นุตะโกนว่าพวกเราหลังพวกเรา ร้องเพลงสุดท้ายจบ พี่เขาโยนพูเชียร์ทิ้งแล้วเดินออกจากสมานฟุตบอลไป ทำให้พี่เกมส์ต้องวิ่งมาพูดปลอบใจพวกเรากันยกใหญ่
“อย่าไปคิดมากเลยครับน้องๆ พี่นุเขาก็ปากเสียอย่างนี้ล่ะครับ พี่เขา อยากให้น้องร้องเพลงให้พร้อมกันมากกว่านี้ อย่าโกรธพี่นุเลยนะครับ”
พวกเราโกรธพี่นุที่ว่าพวกเรา ทั่งที่เราก็ร้องเพลงกันพร้อมแล้ว แถมยังเสียงดังอีก ยังโดนพี่เขาดุ แล้วต่อว่าอีก พี่นุไม่น่ามาเป็นประธานเลย ไม่เห็นพี่เขาจะทำอะไรสักอย่างนอกจากสั่งๆ แล้วก็ว่าๆ
พวกเราเกลียดพี่นุ
วันนี้เป็นวันกีฬาสีประจำโรงเรียนเราแล้ว เป็นวันที่พวกเราหลายๆคนรอคอย เราก็เหมือนกันที่รอให้กีฬาสีบ้าๆนี้จบไป เราอยากกลับบ้านเร็วๆสักที
พวกเราทุกคนขึ้นไปเตรียมตัวกันบนแสตนประที่ประจำของแต่ละคน อุปกรณ์ของพวกเราแต่ละ มีพู่เชียร์ ถุงกระดาษที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ปลอกแขน สีส้ม หมวกสีดำ ถุงมือสีขาว คนล่ะหนึ่งคู่
พี่สตาฟทุกคนจะใส่เสื้อห้องที่แต่ละห้องทำขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ประจำห้อง แต่วันนี้พวกพี่สตาฟสีส้มกับไม่ร่าเริงเหมือนกับพวกพี่สตาฟสีอื่นๆ พี่เกมส์ดูเครียดกว่าปกติ พี่เขาดูเหมือนคนไม่มีแรง แล้วก็อดนอน แถมเดินยังเซๆ ที่แปลกไปกว่านั้น พี่นุไม่ได้อยู่ที่แสตนทั่งที่พี่เขาเป็นประธานสี เราอยากรู้จริงๆว่าให้คนที่ไม่มีความรับผิดชอบอย่างพี่นุมาเป็นประธานสีได้อย่าไง วันนี้เป็นจริงพี่เขายังไม่อยู่เลย
ก่อนแข่งพี่สตาฟสีม่วงก็เดินมาแล้วพูด ประมาณว่า บอกความจริงน้องๆมันไปเถอะ รู้ตอนไหนมันก็เหมือนกัน พี่สตาฟทุกคนปรึกษาอะไรกันสักอย่างก่อนที่จะให้พี่เกมส์ขึ้นมาพูด พวกเรานั่งฟังพี่เขาอย่างตั่งใจ
“น้องๆครับ พี่มีข่าวร้าย กับข่าวดีมาบอกน้องๆนะครับ พี่จะให้น้องๆเลือกนะครับว่าจะฟังข่าวร้ายหรือข่าวดีก่อน”
พวกเราก็ต่างเลือกที่จะฟังข่าวร้ายก่อน
“น้องๆ พี่นุประธานสีของพวกนะ จำได้ไหมเมื่อวานพี่นุเขาดุพวกเรา พี่นุเขาไม่ได้คิดอะไรหรอนะครับ เขาแค่อยากให้พวกเราสู้แล้วก็พร้อมให้มากกว่านี้ หลังจากที่พวกเรากลับบ้านกันพี่นุกับพวกพี่ก็ยังช่วยแต่งแสตนกันจนดึก แถมพี่นุยังเป็นห่วงว่าตอนแข่งพวกน้องๆจะไม่มีขนมกินกัน พี่นุก็ออกไปหาซื้อขนมทั่งที่มันก็ดึกมากแล้ว พี่นุ..”
อยู่ๆพี่เกมส์ก็หยุดพูดไป
พวกพี่สตาฟเข้ามากอดพี่เกมส์แล้วพูดปลอบต่างๆนาจนพี่เกมส์ดีขึ้น
“พี่นุของพวกเราประสบอุบัติเหตุนะครับน้องๆ แต่ข่าวดี ของพวกเราก็คือพี่นุไม่เป็นอะไรมาก แค่ขาหักถึงพี่นุจะมาไม่ได้แต่พี่นุเขาก็อยากจะบอกอะไรพวกน้องๆนะครับ”
พี่เกมส์รับโทรศัพท์จากพวกพี่สตาฟแล้วกดเปิดสปีกเกอร์โฟน แล้วจอกับไมค์
“น้องๆ ตั่งใจแข่งนะครับ ไม่ใช่ทำเพื่อใคร ทำเพื่อตัวของน้องๆเอง ถึงวันนี้พี่จะไปดูน้องแข่งไม่ได้ แต่พี่ก็เชื่อว่าน้องๆของพี่ เก่ง ทำให้ดีที่สุดนะครับน้องๆ พี่ขอโทษที่วันนี้พี่ไปดูไม่ได้ พวกพี่ทุกคนรักน้องๆ นะครับ”
คำพูดของพี่นุทำให้เราร้องไห้ แค่ได้รู้ว่าพี่เขาเกิดอุบัติเหตุเพราะพวกเรามันก็รู้สึกแย่พอแล้ว แต่ไม่คิดว่าผู้ชายอย่างพี่นุจะทำเพื่อรุ่นน้องที่ไม่สนิทสนมอะไรกันมากมายได้มากขนาดนี้
“ถึงวันนี้ประธานของเราไม่อยู่ แต่พี่จะเป็นคนคอยดูแลน้องๆทุกคนแทนพี่นุเองนะครับ”
พวกเราหยุดร้องไห้ได้สักพัก การแข่งก็เริ่มขึ้น
พี่เกมส์ มีอาการแปลกๆ เดินเซแล้วก็ เอามือกดขมับอยู่ตลอดเวลา พี่สตาฟเพื่อนของพี่เกมส์ก็พูดกันเสียงดัง
“เกมสืกูขอล่ะ มึงไปกินข้าวเถอะ พวกกูกินกันหมดแล้ว มึงไม่ต้องห่วงน้องๆ มึงห่วงตัวมึงเองมั่งเถอะ”
แต่พี่เกมส์ก์เลือกที่จะยืนตีกลองต่อไป พอดีไปได้สักพักพี่เกมส์ถูกหามไปนอนข้งๆแสตน เพราะเมื่อคืน พี่เกมส์ต้องทำแสตนแทนพี่นุ แถมพี่สตาฟทุกคนก็ยังไม่ได้นอนเลยต้องแต่เมื่อวาน
“ถ้าไอ้นุมันรู้ว่าไอ้เกมส์ ทำขนาดนี้ มันคงเล่นพวกเราแน่ๆเลยว่ะ”
พี่สตาฟคนนึ่งพูดขึ้นหลังให้ครูห้องพยาบาลมาตรวจพี่เกมส์
การแข่งขันจบลงด้วยผลที่สีของเราได้ที่ 3 พวกพี่สตาฟสีทุกคนไม่โกรธน้องๆกับกอดปลอบพวกเราด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พวกพี่ๆจะพูดกับพวกเราให้พวกเราสู้ๆ แล้วถ้าเจอพวกพี่ๆในโรงเรียนก็ให้เข้าไปทักกันได้ เพราะพวกเราก็ถือเป็นน้องของพี่ๆคนหนึ่ง
การแข่งขันกีฬาสีจบไปแล้ว แต่มิตรภาพของพี่น้องร่วมสีก็เพิ่งจะเริ่มต้น หรือต้นกล้าของหัวใจกำลังเติบโต จะทุกข์ จะสุข หรือจะเศร้าอยู่ที่เราเลือกจะมอง
สุขสันต์วันปีใหม่ 2557
ขอให้คนอ่านมีแต่ความสุขนะครับให้วันปีใหม่ ผมมาอวยพรล่วงหน้านะครับ
ขอบคุณ ที่อ่านนิยายของผมนะครับ
หวังว่าคนอ่านจะอยู่กับผมไปนานนนนน
ป.ล ตอนพิเศษ เป็นเรื่องของพี่เกมส์ ตอนมัธยมนะครับ อาจอ่านแล้วแปลกๆ ก็ขออภัยนะครับ มันอาจไม่เกี่ยวกับวันปีใหม่
แต่เมื่อมันครบ 1ปี ผมก็มักจะนั่งนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องที่ผมประทับใจ เช่นเรื่องของ พี่นุกับพี่เกมส์