Part 25
อากาศเย็น ๆ กับข้าวต้มร้อน ๆ ทำให้รู้สึกอุ่นขึ้นมา....หันไปมองคนที่กำลังตักกับข้าวมาวางใส่จานให้คนที่นั่งข้างผมเป็นระยะ ๆ.....ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย กับกริยาเกินงามของน้องสาวร่วมนามสกุล บางครั้งก็อยากจะถามให้รู้เรื่องรู้ราวไปเลยว่า...เมื่อไหร่จะเลิกโง่และเลิกทำตัวน่าสมเพชซักที
“ ข้าวต้มไม่อร่อยเหรอซอ”
“ ก็เลี่ยนนิด ๆ ครับ...” ผมพูดแล้วปรายตามองหญิงสาวที่ส่งสายตามามองผมเมื่อพี่โอถามขึ้น...
“ พี่ซอมีเรียนกี่โมงคะ แล้วทำไมยังไม่ไป”
“ พี่ทานข้าวอยู่ครับ ทำไมเหรอ พี่อยู่มันขวางหูขวางตาเธอมากรึไง” ตอนแรกก็ว่าจะนิ่ง ๆ แต่บางครั้งมันก็อดทนไม่ได้....รู้สึกว่าตัวเองอารมณ์แรงขึ้นเรื่อย ๆ
“ ซูกัสไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะคะ”
“ แล้วหนูไม่ไปเรียนรึไง”
“ คือหนูมีเรียนสิบโมงค่ะคุณพ่อ” ซูกัสหน้าเจื่อนลง เมื่อคุณพ่อถามขึ้น...ผมถอนหายใจก่อนจะดื่มน้ำเมื่อเห็นว่าพี่พิงอิ่มแล้ว...
“ อิ่มแล้วเหรอ...เย็นนี้กลับมาแล้วไปทานข้าวข้างนอกกันคุณพ่อเลี้ยง..”
“จริงเหรอครับคุณพ่อ ซอเกรงใจจังเลย”
“ ฮ่าๆๆ แต่หน้าตาไม่ได้บอกอย่างที่พูดนะซอ”
“ พี่พิงอ่ะ...ครับพี่โอแล้วซอกับพี่พิงจะรีบกลับ....เนื่องในโอกาสอะไรครับ...” ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร ก่อนจะอ้อมไปกอดคุณพ่อที่นั่งยิ้มอยู่.....อีกฝ่ายยกมือขั้นมาลูบหัวผมเบาๆ
“ เปล่าหรอกโอกาสพิเศษของคนส่วนใหญ่.. พ่อเห็นซอเบื่อ ๆ แล้วพิงก็พึ่งจะหายดี ออกไปทานข้าวเอาบรรยากาศกันซักหน่อยดี
ไหม..”
“ ดีครับ “ กอดคุณพ่อแน่นขึ้น ก่อนจะปล่อยแล้วเดินอ้อมไปหลังซูกัสที่นั่งหน้าตึงอยู่ คงรู้สึกสินะว่าตัวเอง...เป็นส่วนเกิน..เพราะ
ไม่มีใครเอ่ยชวนและให้ความสนใจเธอเลย...
“.................” .....ลากมือผ่านพนักพิงเก้าอี้ซูกัสอย่างเล่น ๆ ก่อนจะหยุดตรงพี่โอ วาดแขนกอดคอคนที่หันมายิ้มให้ผมก่อนจะก้มลงไปกระซิบที่ข้างใบหูพี่โออย่างแผ่วเบา....จนคนที่นั่งข้างๆ หันมองด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างไม่ปิด...
“ รับทราบครับ”
“ พี่ซอคะ ทำอะไรคะ น่าเกลียดเกินไปรึเปล่า คุณพ่อก็นั่งอยู่ด้วย...แล้วพี่โอก็เป็นแฟนซูกัส..” ดูเหมือนว่าเส้นความอดทนของเธอจะบางเกินไป เพราะแค่พี่โอหันขึ้นมาพูดรับปากคำที่ผมกระซิบ เธอก็ถึงกับพูดขึ้นมาเหมือนคนไร้สติ....ผมแค่ยักไหล่ ก่อนจะพยักหน้าให้พี่พิงว่าพร้อมแล้ว...พี่โอกับคุณพ่อลุกจากโต๊ะอาหารออกมาส่งผมที่หน้าบ้าน...
“ ซอไปนะครับคุณพ่อ..”
“..ดูแลกันดี ๆ นะพิง...”
“ ครับเจ้าสัว “ พี่พิงรับปากคุณพ่อที่ถูกผมกอดเอวหนาไว้หลวม ๆ
“ อย่าซนนะรู้ไหม”
“ ซอไม่ซนซักหน่อย...ซอซนเหรอครับคุณพ่อ...” หันไปทำหน้าอ้อน ๆ ใส่คนสูงอายุหลังจากที่พี่โอพูดขึ้นมาเหมือนผมเป็นเด็ก...
“ไม่เลย ใครว่าลูกพ่อ...แกไม่ใช่หรือไงไอ้เสือที่สอนน้องให้ซน..” คุณพ่อพูดขณะที่เดินไปที่รถที่ถูกขับมาจอดเทียบหน้าบ้าน...ก่อนที่พี่พิงจะขึ้นไปนั่งแทนที่คนขับรถที่ขับออกมาให้..
“ คุณพ่อก็...ซอมีเชื้อซนอยู่แล้วต่างหาก “
“...งั้นเย็นนี้ค่อยเจอกัน...ซอไปเรียนก่อนนะครับ...” ปล่อยเอวคุณพ่อ ก่อนจะยกมือขึ้นโบกมือให้ทั้งสองคน...แล้วขึ้นไปนั่งข้างคนขับ...ยกยิ้มเมื่อนึกถึงคำที่ตัวเองแอบไปกระซิบที่หูพี่โอ...เป็นไปได้...อารมณ์ชั่ววูบแน่ ๆ
...อย่า...คิด...นอก...ใจ..นะ..ครับ...
........................................
........................................
“ พี่พิง...ต้องทำรายงานบทนี้ควบรึเปล่า...”
“ ใช่ครับ ควบสองบทเลย...ถ้าไม่ควบมันไม่จะไม่ต่อเนื่อง...”
“ อืม...งั้นเราก็ต้องรีบหาข้อมูลก่อน ที่ห้องสมุดไหมครับ “
“ ไปสิ “ ผมกับพี่พิงเดินเข้าห้องสมุดของทางมหาวิทยาลัยฯ หลังจากที่เรียนเสร็จในตอนบ่าย...ไปหาข้อมูลอีกหน่อยแล้วค่อยกลับบ้าน...หลังจากได้หนังสือมาคนละสองเล่มก็นั่งหาข้อมูลกันเงียบ ๆ เพราะพวกเรามีเวลากันไม่มาก...พี่พิงดูเหมือนว่าจะจับถูกจุดเพราะเคยเรียนผ่านมาแล้ว...แต่ผมแค่ปรึกษานิด ๆ หน่อย ๆ ที่เหลือก็พยายามเอง....
“...นั่งด้วยสิ...”
“.....................” ..เงยหน้ามองคนที่เลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งลง โดยไม่รอให้พวกผมอนุญาต...ส่วนพี่พิงยังนิ่งและไม่ได้เงยหน้ามามองคนมาใหม่ด้วยซ้ำ...
“...นั่งได้ไหมครับคุณหนู...”
“...................” ไม่ตอบแค่จ้องหน้าคนที่ผมเคยไปหาถึงคณะ...แต่วันนี้มาแพ็คคู่...แต่มาแบบสงบ ๆ เพราะอาจารย์บรรณารักษ์จ้องอยู่...จะมาหาเรื่องอะไรอีก...
“...ไปกินข้าวกัน...”
“ ไม่ว่าง “
“ แต่เมื่อวานคุณไม่ได้เข้าไปหาผมนะ “
“ ก็บอกว่าไม่ว่าง...นี่คุณพาน้องชายคุณออกไปไกล ๆ ได้ไหม พวกผมกำลังทำงานกันอยู่ “
“ ผมตามใจน้องชายผม...คุณหนูทำอะไรครับ..”
“.................” ไม่ตอบคำถามของช้างแดงคนพี่...นั่งนิ่งพลิกหนังสือหาข้อมูลต่อไป...แต่ในหัวใจมันกำลังประมวลข้อมูลที่ได้รับ
จากคำพูดคุยของพี่พิงกับช้างแดงคนน้อง...ยังไงกัน...พวกนี้มาแปลก...
“ ถ้าพวกคุณไม่ไป พวกผมก็จะไปเอง ยืมไปดูที่บ้านดีกว่าซอ ไปเถอะ”
“ ดีเลย พวกผมก็จะไปแล้ว”
สรุปว่าตอนนี้เด็กวิศวะโขลงใหญ่กำลังเดินตามพวกผมสองคนออกจากห้องสมุด...ผมล่ะหวาด ๆ ว่ามันจะทำอะไรรึเปล่า...แต่ท่าทางสบายๆ นั่นทำให้รู้สึกหมั่นไส้มากกว่า...นักศึกษาที่อยู่แถว ๆ นั้นหันมองกันหมด...และก็แปลก..ที่พี่พิงก็ไม่ได้ดูเครียดหรือระแวงอะไร...
...ผมพลาดอะไรไปรึเปล่า....
“ พี่พิงครับ พวกนั้นมัน..”
“ ช่างเถอะ...ไม่ต้องไปสนใจ” รีบเดินตามแรงฉุดที่มือให้เดินเร็วขึ้น...ไม่วายหันไปมองพวกที่เดินตามต้อย ๆ อย่างเงียบๆ
“ มีอะไรกันเหรอครับ มีอะไรจะพูดรึเปล่า!!”
“.....................” พวกที่เดินตามหยุดกึกอยู่กับที่ เมื่อผมเริ่มอึดอัดเลยหยุดเดินแล้วหันไปถาม...ไม่ชอบเลยที่จะปล่อยให้ผ่านโดยที่ผมไม่รู้สาเหตุ มันน่ารำคาญ...
“ ผมตามจีบพี่ชายคุณหนูอยู่ครับ”
“ ซออย่าไปฟัง!..ไม่มีอะไรทำกันรึไง!!เลิกตามได้แล้ว..”
“....................”
ตอนนี้หน้าผมเหมือนเห็นคนมีสองหัว...ตาเบิกกว้าง และไม่เชื่อหูตัวเอง...เมื่อช้างแดงคนน้องพูดออกมาเต็มปากจนเพื่อน ๆ โห่รับกันยกใหญ่...แล้วที่ผมคิดว่ามองไม่ผิดคือ พี่พิงหน้าแดง...แล้วรีบฉุดมือผมออกมา...
“ พี่พิงครับ “
“ คิดซะว่าไม่เห็น ไม่ได้ยินอะไรนะครับ..”
“ คะ ครับ” รับปากไปงั้น...ทั้งที่พี่พิงก็รู้ว่าผมคงทำอย่างนั้นไม่ได้ เห็นเต็มสองตา ได้ยินเต็มสองหู....ไอ้พี่โฟน...จะจีบพี่พิง....
...ผมมีเรื่องต้องคุยกับพี่โอ....
เย็นวันนั้นสถานที่ดินเนอร์ของพวกเราผิดคาด และรู้สึกเหมือนโดนคุณพ่อกับพี่โอหลอกนิด ๆ เพราะสถานที่ก็คือ...บนเรือสำราญขนาดใหญ่...ที่ล่องอยู่ในแม่น้ำสายกว้าง...แต่ทันทีที่มาถึงก็รู้สึกว่าบรรยากาศมันแปลก ๆ เพราะคนที่เดินขึ้นเรือล้วนแต่ดูน่าเกรงขามและมีบรรดาการ์ดเดินตามทั้งนั้น.. โต๊ะอาหารภายในเรือที่จัดอย่างหรูหรา ถูกจองจนเต็มทุกโต๊ะ คุณพ่อเดินนำเข้าไป... ตามด้วยผมกับพี่โอ...ซูกัสที่เกาะแขนพี่โอแน่น... และตบท้ายด้วยพี่พิง พี่ชัชและการ์ดคุณพ่ออีกสองคน....ทันทีที่ถึงส่วนของโต๊ะอาหาร...ผมก็ยิ่งเริ่มเข้าใจว่ามันคืองานอะไร...
...ด้านซ้ายคือ ตระกูลนักการเมืองดัง...
...ด้านขวา คือเจ้าของธุรกิจที่มีอิทธิพลที่สุด...
...ที่เห็นเยื้องถัดไป...คือ...ตระกูลปุญไพรคชสาร ที่ตอนนี้สองพี่น้องนั่นก็กำลังมองมาที่กลุ่มพวกผม....ที่ดูเหมือนว่าจะมาสาย...
...และสิ่งที่ทำให้ผมยิ้มออกคือ...ติดกับโต๊ะพวกเราที่กำลังถูกบริกรนำไปถึงคือ...ตระกูล ราชสีห์เกริกไกร...
ถึงแม้จะมีมอง ๆ กันบ้าง แต่ดูเหมือนว่าทุกโต๊ะยังไม่มีการทักทายอย่างเป็นทางการ ยังแค่พูดคุยกันบนโต๊ะอาหารของตัวเอง และเริ่มลงมือทานอาหารกันแล้ว...ผมมองคุณพ่อที่มีท่าทีสบาย ๆ ส่งยิ้มให้ผมเหมือนกับจะเข้าใจว่าผมกำลังงง...ว่ามันคืองานอะไร...เสียงดนตรีบรรเลงยังดังแว่วหวาน ขับกล่อมอยู่ตลอดเวลา...
“ คุณพ่อครับ ซอขอไปหาพวกพี่ ๆ ได้ไหม”
“ อ้อ ไปสิ” พยักหน้ารับก่อนจะลุกขึ้น...เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงโต๊ะของพวกพี่ที่มีผู้ชายคนนั้นนั่งอยู่....ผมเลือกที่จะโค้งให้พอเป็นพิธี
แล้วมองผ่าน ก่อนจะยิ้มให้ทั้งสามคนที่เงยหน้ามายิ้มต้อนรับและเลื่อนเก้าอี้ที่ว่างไว้รอ...
“ พี่โซ..”
“ มาด้วยเหรอเรา...ไม่นึกว่าเจ้าสัวจะพาออกงานนะเนี่ย” นั่งลงได้ก็กอดพี่โซก่อน ที่เหลือก็ยื่นมือมาขยี้หัวผมเล่น...หันไปอีกทีซูกัสก็เดินตามมาและนั่งลงข้าง ๆ เจ้าสัวศรันย์ ดูเธอจะอารมณ์ไม่ดี .....เพราะงานนี้ก็ไม่มีใครชวน เธอขอมาเอง......
“ คุณพ่อคะ ซูกัสเบื่อจังเลยค่ะ”
“ เบื่ออะไรของเราฮะ อยากไปอยู่นั่นก็ให้ไปอยู่แล้ว จะเอาอะไรอีก!”
“ เอาน่า แกอย่าดุน้องสิ” ผู้ชายคนนั้นออกรับแทนกันทันทีเมื่อพี่โซเริ่มเอ็ดน้องสาวตัวเองที่เดินมาทำหน้ามุ่ยก่อนจะบ่นว่าเบื่อ ผมทำเป็นไม่สนใจควักโทรศัพท์ขึ้นมาเอียงหน้าเข้าหาพี่ไซน์ที่นั่งข้างกัน ก่อนจะกดถ่าย...
“ ก็มีบางคนน่ะสิคะ น่าจะอิจฉาซูกัส...เกาะติดพี่โอตลอดเลย...ไม่มีใครมีเวลาให้ซูกัสเลย..”
“ อย่างนี้ได้ยังไง เอาลูกพ่อไปอย่างนั้นและมาปล่อยปะละเลย พ่อจะไปคุยกับไอ้ผู้นำนั่น”
“ จะดีเหรอครับคุณพ่อ...คนที่ยัดเยียดซูกัสเข้าไปคือพวกคุณ...จะไปเรียกร้องเอาอะไร..”
“ ไม่ใช่เรื่องของแก อย่ามายุ่ง!!” เสียงคุณพ่อดังขึ้นถึงแม้เสียงดนตรีจะกลบ... แต่ก็ดังพอที่จะให้คนอื่นหันมามอง...ผมก็แค่พูดความจริง...
“ ที่ซอพูดก็ถูกนะครับ...เท่าที่ดูแล้ว...เขาไม่ได้ต้อนรับซูกัสเลย...ผมไม่ได้ว่าไม่เข้าข้างน้องนะ..เพราะทางเราเสียหาย...แต่เรา
ควรจะมีศักดิ์ศรีพอที่จะให้เขาเป็นฝ่ายเข้ามารับผิดชอบ...ไม่ใช่ใส่พานให้เขาไปแบบนั้น..”
“ พี่โซจะปล่อยให้เขาทำมิดีมิร้ายน้องสาวหน้าตาเฉยเหรอคะ” ดูเหมือนว่าซูกัสจะเริ่มไม่พอใจพี่ชาย เลยเหวขึ้นมาพร้อมสีหน้าบึ้งตึง...
“ เขาทำเราจริง ๆ ไหมล่ะ”
“ พี่โซ!!!”
“ ซอขอตัวนะครับ “ พวกพี่พยักหน้ารับ ผมรีบลุกขึ้นเพราะบรรยากาศบนโต๊ะเริ่มไม่ดี...ไม่สนใจสองพ่อลูกที่นั่งหน้าไม่รับแขก
เจ้าสัวศรันย์จ้องผมเขม็ง ความเคียดแค้นชิงชังแผ่ซ่านออกมาจนรู้สึกได้...
หลังจากนั้นก็เริ่มมีการทักทายกันเมื่อมีการเปิดแชมเปญและไวน์ เพื่อเลี้ยงฉลอง..ผมกับพี่พิงพากันขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือที่ถูกตบแต่งด้วยไฟแสงสี มีโต๊ะ เก้าอี้ ไว้ให้นั่ง...และมีเครื่องดื่มไว้บริการ...เรือขนาดใหญ่ทำให้มีเนื้อที่ส่วนตัวพอสมควร...บนดาดฟ้าเรือมีคนขึ้นมานั่งประปรายเพราะตอนนี้คงอยู่ด้านล่างกันหมด....
“ แสงไฟตอนกลางคืนสวยจัง”
“ นั่นน่ะสิ บนนี้สงบกว่าข้างล่างตั้งเยอะ ทำไมคนเราชอบพาตัวเองเข้าไปอยู่ในที่ที่มันวุ่นวายด้วยนะ”
“ หึ บางทีก็ไม่ได้อยากจะเข้าไปหรอกครับ เหตุการณ์มันบังคับ” ผมหันไปยิ้มให้คนที่พูดไขข้อข้องใจ...ก่อนจะเงียบและสูดกลิ่นไอยามค่ำคืน ต่างคนต่างปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปกับความมืดมิดที่แผ่ปกคลุม แต่ก็ยังถูกแต่งแต้มด้วยแสงไฟหลากหลายริม
แม่น้ำสายใหญ่แห่งนี้...
ตืดๆ ตืด ๆ
“............................”
“ ใครส่งมานะ ทำไมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างนั้น “
“ ไม่มีซักหน่อย...ข้อความให้เติมเงินต่างหาก”
“...จริงเปล่า...”
“..ซอ...”
“ ฮ่าๆๆ ไม่ล้อ ๆ แล้ว...พี่ชายซอเสน่ห์แรงจะตาย ซอก็หวงเป็นธรรมดา กลัวใครจะมาจีบไปซะก่อน..”
“ ถ้าไม่เลิกพี่จะจับโยนลงน้ำแล้วนะ”
“ ..โหดที่สุด... เลิกก็เลิก ..” พี่พิงถลึงตาใส่ผมที่ทำหน้ายู่... หลังจากที่ตั้งหน้าตั้งตาล้อเลียนเรื่องที่เปิดอ่านข้อความโทรศัพท์ กดดูตอนแรกก็เห็นทำหน้านิ่วคิ้วขมวด แต่ไหงอ่านไปอ่านมาถึงได้ระบายยิ้มน้อย ๆ ออกมา....ข้อความให้เติมเงินมันน่ายิ้มตรง
ไหน...และได้ข่าวว่า...พี่พิงใช้รายเดือน...
“..มีความสุขกันดีไหมคะทั้งสองคน กระหนุ๋งกระหนิ๋งน่ารักจัง... พี่โอคะ เราไปทางนู้นกันดีกว่า...อย่าไปขัดจังหวะเขาเลยค่ะ..”
“ พี่อยากอยู่ตรงนี้ครับ “ หันมองด้านหลังก็เห็นซูกัสเกาะแขนพี่โอขึ้นมา โดยมีพี่ชัชเดินตามหลัง...ผมหันหลังยกแขนเท้าราวเรือก่อนจะยกยิ้มให้พี่โอที่แกะมือซูกัสออก...
“ ทำไมพี่โอถึงทำเหินห่างกับซูกัสล่ะคะ ..ทั้งที่เมื่อคืนนี้เราออกจะหวาน...”
“.....................” ผมจ้องตาคนที่พยายามพูดแล้วเข้ามานัวเนียพี่โอ...สายตาเย้ยหยันส่งมาให้ผมอย่างเต็มที่...ก็แค่ยิ้มตอบแล้วนึกครึ้มใจขึ้นมา...จนอยากจะหัวเราะใส่หน้าสวยใสนั่นซะให้สะใจ...เมื่อคืนนี้...ก็เหมือนหลายคืนที่ผ่านมา...มิน่าเธอถึงทำตัวติดกับพี่โออย่างออกหน้าออกตาขนาดนี้...เรื่องคิดไปเอง เธอก็คงจะเก่งใช่เล่น...
“ พี่อึดอัดน่ะ ไม่ชอบให้ใครเกาะ...ซูกัสไปนั่งพักตรงนั้นเถอะ เห็นบ่นว่าเหนื่อยไม่ใช่เหรอ”
“ พี่โอพาซูกัสไปสิคะ”
“ พี่โอครับ ดาวสวยจัง”
“ จริงด้วย สวยจัง” ..หันหน้าออกนอกเรือ ก่อนจะแสร้งเงยหน้ามองฟ้า...ไม่นานแขนแข็งแรงก็โอบกอดรอบเอวผมไว้...กลิ่นกายคุ้นเคยทำให้ผมหันมายิ้มให้คนที่ทำตัวน่ารัก....ไม่วายหันไปมองคนที่ยืนตัวสั่นอยู่ด้านหลังผมกับพี่โอ พี่พิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็อมยิ้มกับสิ่งที่ผมทำ...
“ พี่ซอ!! “
“ ................ “
เพี๊ยะ!!
“ พี่โอ!!” ทุกคนบนเรือหันมามองกันหมด...พวกผมยืนอึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น...เสียงเรียกของซูกัสทำให้ผมตัดสินใจหันมาหาเธอ...แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือเธอตั้งใจฟาดฝ่ามือลงมาที่หน้าผม แต่คนที่ไวกว่าคือพี่โอที่เลื่อนตัวมารับฝ่ามือแทนผม ด้วยระดับความสูงทำให้ฝ่ามือเรียวประทะปลายคาง แต่เสียงก็ดังจนรู้ว่าต้องเจ็บ...ถ้าฝ่ามือนั่นถูกหน้าผมก็คงจะเจ็บมากเหมือนกัน...
“ พี่โอคะ ซูกัสมะ...”
“ ไม่ได้ตั้งใจ...จะพูดอย่างนี้ใช่ไหม...”
“ ชะ ใช่ค่ะ..” เธอดูรนรานอย่างน่าสมเพช เพื่อร่างสูงยืนตระหง่านบังผมไว้...
“.. ซูกัสทำอะไร...”
“..ซูกัสจะตบพี่ซอ!..” สีหน้าเธอเคร่งเขม็งเมื่อมองมาที่ผม...ซูกัสตะเบ็งเสียงออกมาเสียงดัง...จนเธอเซ...
“..พี่ชัชพาเธอไปสงบสติอารมณ์ทางนั้นเถอะครับ..”
“..พี่โอคะ..พี่โอต้องเข้าข้างซูกัส...โอ๊ย!!..”
“ ซูกัส! เป็นอะไร..”
“..โอ๊ย!! เจ็บ!!..” ...ผมรีบวิ่งเข้าไปประคองซูกัสที่ทรุดตัวลง... มือเรียวขาวกุมหน้าท้อง สีหน้าเหยเกเหมือนกับกำลังทรมาน
อย่างที่สุด...
“ บอกสิว่าเป็นอะไร เจ็บตรงไหน!!”
“ ฮึก ฮืออ ซูกัส ปวดท้อง!! ฮึก ฮือออ!!”
“ ...ซูกัส...” ...ผมอุทานอย่างแผ่วเบา เมื่อผมเห็นบางอย่างกำลังเลอะชุดประโปรงสีขาวของเธอ...เลือด...
“ พี่ชัชตาม พวกพี่ของซอไปที่ห้องพยาบาล!!” ผมหลีกทางให้พี่โอที่ย่อตัวลงอุ้มร่างของซูกัสขึ้นก่อนจะพาลงจากดาดฟ้า บริกรบนดาดฟ้ารีบทำนำไปที่ห้องพยาบาล .. ภายในเรือ...และรีบแจ้งทางกัปตันเรือให้เอาเรือเล็กออกทันที......เจ้าสัวศรันย์และพี่โซเป็นคนลงเรือไปกับซูกัส...หลังจากที่หมอบนเรือพยาบาลเบื้องต้นและวินิจฉัยแล้วคร่าว ๆ
“ ซอ..” พี่โอกระชับมือผมไว้แน่น หลังจากที่ทุกอย่างสงบลงเหมือนเดิม...
...แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือ......มือผมสั่น...ใจผมสั่น....รู้สึกเหมือนตัวเอง...เป็นคนบาป...ผมใช่ไหม...ที่เป็นคนทำร้าย...ชีวิตที่กำลังจะเกิดมา....
/ ...เธอตั้งครรภ์ครับ แล้วตอนนี้ก็ ..ห้าสิบ ห้าสิบ... เพราะอายุครรภ์อ่อนมาก...คงได้รับความกระทบกระเทือน เพราะเธอเองอาจจะไม่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์..ตอนนี้ต้องรอผลตรวจของทางโรงพยาบาลครับ แต่ผมก็ต้องบอกว่าทำใจเผื่อไว้ด้วยนะครับ สำหรับพ่อเด็ก...../