"Can I...?" (แคน ไอ...?) Special Part [06.07.15] P.19
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: "Can I...?" (แคน ไอ...?) Special Part [06.07.15] P.19  (อ่าน 248947 ครั้ง)

ออฟไลน์ pae666

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 506
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
มาต่อแล้วจ้าาาา าาา หายเฮดไปหลายวัน คึคึคึ

มาดูว่าน้องนัทจะรอดหรือไม่!!




----------------


ตอนที่ 5




นาฬิกาบอกเวลาเกือบจะสามทุ่มแล้ว ณัฐวีร์ยืนมองเจ้าของห้องกรอกยาแก้ปวดลงปากและกำลังดื่มน้ำตาม พออีกฝ่ายทำท่าจะ

วางแก้วลงเขาจึงรับแก้วนั้นไว้แล้วจะนำมันไปวางที่โต๊ะทำงานไม่ห่างไปนัก

“เดี๋ยว วางนี่ก็ได้” มกรเรียกไว้พร้อมกับดึงมืออีกฝ่ายให้หันกลับมา เขาปลดแก้วออกจากมือนั้นก่อนจะเอ่ยให้อีกฝ่ายนั่งลงข้างๆ
กัน

ณัฐวีร์เองก็ทรุดตัวลงตามแรงดึง และเมื่อตัวตนอยู่ในระดับเสมอกัน ดวงตาจึงมองกันได้ถนัดมากขึ้น

ต่างฝ่ายต่างเงียบได้แต่มองกันไปมา

สำหรับมกรแล้ว.. แผนการของเขานั้นเปลี่ยนสลับไปสลับมาอยู่ในหัวระหว่างเริ่มต้นอย่างอ่อนโยน.. หรือรุกฆาตทันที เพราะตอนนี้

ที่ดึงณัฐวีร์ไว้ไม่ให้ไปตรงโต๊ะทำงานก็เพราะตรงนั้นเขาเปิดคอมไว้แล้วเรียบร้อย และหันกล้องมาทางนี้แล้วด้วย

การจะทำให้เด็กคนนี้เป็นของเขานั้นแค่กำลังกายก็สามารถทำให้ยอมสยบกับเขาได้ไม่ยาก ทั้งตัว ทั้งความสูงก็ผิดกัน.. แต่แบบ

นั้นมันเสียชั้นเชิง.. มันเหมือนเขาหมดท่า หมดทางที่จะหว่านล้อมให้ใครสักคนมีอะไรด้วย ทั้งที่เขาเคยภาคภูมิในเสน่ห์ของ

ตนเองมาตลอด ไม่เคยมีใครปฏิเสธถ้าเขาเอ่ยปาก

ทั้งเงิน ทั้งอำนาจ รูปลักษณ์ภายนอก.. ใครๆก็อยากยอมนอนอยู่ใต้ร่างของเขาทั้งนั้น

การที่เขาจะข่มเหงใครจึงเป็นเรื่องสุดท้ายที่เขาคิดจะกระทำ ถ้าเข้าตาจนจริงๆค่อยเลือกทางนั้นก็แล้วกัน..

จริงอยู่ว่า สำหรับณัฐวีร์แล้วเขาเลือกจะใช้วิธีนั้น.. แต่หลังจากได้อยู่กันลำพัง เขากลับเริ่มโลเล.. ณัฐวีร์ดูแล.. เอาใจใส่ และโอน

อ่อนตามความต้องการของเขาแทบทุกอย่าง.. ถ้าเขาเริ่มด้วยความอ่อนโยน เด็กนี่อาจตอบสนองเขาขึ้นมาในทางที่ดีก็เป็นได้ เขา

อาจไม่ต้องเสียแรง และเสียท่าอะไรเลย

ส่วนทางด้านณัฐวีร์ เด็กหนุ่มมีแต่ความสับสน.. ก่อนหน้านี้เขาคิดอยู่ว่าตนเองนั้นอาจเป็นที่รักของใครสักคน ทำให้คนๆนั้นดูแลเขา

มาอย่างดีตลอดอาทิตย์ แต่อาจเพราะเขาทำอะไรไม่ถูกใจมกร เขาจึงโดนทำร้ายร่างกาย.. ต่อมาเมื่อความจริงเปิดเผยว่ามีอะไร

สักอย่างซ่อนอยู่.. เขาก็รู้สึกเจ็บร้าวในอก ความผูกพันที่ก่อตัวขึ้นช้าๆมาตลอดอาทิตย์ทำให้เขารู้ตัวว่าสิ่งที่ตนได้รับรู้มานั้นทำให้

หัวใจบีบรัดเสียยิ่งกว่าอีกฝ่ายไม่รักกันเสียด้วยซ้ำ

มันคือรักจอมปลอมที่มีขึ้นด้วยเงื่อนไขอะไรสักอย่างที่เขาเองก็ยังไม่รู้.. ซึ่งหนทางที่จะรู้และเจ็บตัวน้อยที่สุด.. เขาเลือกโอนอ่อน

ผ่อนตาม อยากให้ทำอะไรก็ทำ อยากให้ดูแลยังไงก็จะดูแล..

แต่..เมื่อต้องมานั่งจ้องตากับคนที่ทำให้หัวใจปวดร้าว.. เด็กหนุ่มก็ทนอยู่ได้เพียงไม่นาน..

เขาเสหลบตาและบอกตนเองว่าต้องทน ใจเย็นไว้.. สติเท่านั้นที่จะพาเขารอดออกไปจากที่นี่ได้.. ทั้งอาวุธ ทั้งกำลังที่อีกฝ่ายมี

เหนือกว่า จะให้อีกฝ่ายมีโอกาสทำร้ายเขาไม่ได้เด็ดขาด

“พี่แมนมีอะไรจะบอกผมหรือเปล่าครับ”

คำพูดของเด็กหนุ่มหมายไปถึงเรื่องที่เขาค้างคาใจ แต่กลายเป็นว่าคนฟังตีความว่าณัฐวีร์กำลังน้อยใจและเรียกร้องหาความรักและ

คำขอโทษจากการกระทำเมื่อเย็นของเขา

ซึ่งหากตีความเช่นนั้น ก็จะสามารถสรุปได้ว่า ณัฐวีร์อาจมีใจให้เขา และ..เรื่องต่อจากนั้นก็ไม่น่าจะยากสำหรับเขาแล้ว ชายหนุ่ม

นึกกระหยิ่มอยู่ในใจ.. พลางตีหน้าสลดรวบเอามือเล็กที่ตนดึงไว้ขึ้นมากอบกุมแน่น

“ต้องมีอยู่แล้วล่ะ.. นัทเองก็ต้องฟังพี่ให้ดีๆนะครับ”

เด็กหนุ่มถึงกับสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจในท่าทีนั้น.. ต้องเป็นแผน..ต้องมีแผนอะไรอีกแน่ๆ

“เรื่องเมื่อเย็นพี่ขอโทษ.. พี่ไม่น่าทำรุนแรงกับนัทเลย.. พี่ผิดเอง..” ชายหนุ่มจับมือเล็กขึ้นมา “ยกโทษให้พี่นะคราวหน้าพี่ไม่กล้า

ทำอีกแล้ว”

แล้วริมฝีปากอุ่นของมกรก็สัมผัสลงบนหลังมือนั้น

ณัฐวีร์รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังดูละครโรงใหญ่ เรื่องที่ต่างต้องชิงไหวชิงพริบกัน ต้องอ่านเกมให้ออกว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหน และ

เราควรต้องตั้งรับอย่างไร.. รู้สึกเหมือนเขาจะอยู่ในเกมแก้ปัญหาที่มีซีนนาริโอสับไปสับมา ไม่ใช่แค่ปลูกผักเลี้ยงหมูไปวันๆเลย

ฝ่ายนั้นอาจทำดีกับเขาเพื่อหวังให้เขาช่วยงานอะไรก็เป็นได้.. พูดดีเพื่อผูกเขาไว้ใช้ ให้ความหวังเขา พาเขามาเห็นบ้านโอ่โถง

เพื่อให้เขารู้สึกว่าตัวเองก็จะทำเงินได้เยอะแบบนี้

เรื่องอาวุธอาจจะไม่ใช่.. เพราะเด็กอายุแบบเขา อยู่ในโรงเรียนมัธยมอย่างนี้ อาจเป็นสายส่งยาที่ดีเพื่อกระจายเข้าสู่โรงเรียนของ

เขาเอง  ซึ่งถ้าเป็นอย่างที่เขาคาดเดาไป.. หากอีกฝ่ายบอกให้เขาทำจริงๆ เขาอาจจะต้องรับปากไว้ก่อน.. พอรอดออกจากห้องนี้

ไปได้ค่อยหาทางแก้ไขกันอีกที

เอาล่ะ ในเมื่อเล่นมาแบบนี้เขาก็คงต้องเดินเกมไปแบบนี้

“จริงๆผมก็แค่ตกใจไม่ได้เจ็บตัวอะไรมากหรอกครับ..” เด็กหนุ่มยิ้มให้ก่อนจะค่อยๆดึงมือออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย.. ให้

เล่นเกมกันยังไงเขาก็ไม่อยากเปลืองเนื้อเปลืองตัวก่อนที่จะรู้ว่าภารกิจที่อีกฝ่ายจะให้ทำมันคืออะไรกันแน่..

แค่เปลืองใจไปนี่ก็เยอะพอแล้ว..

“ทำท่าแบบนี้แสดงว่ายังไม่ยกโทษให้พี่” มกรกระเถิบตัวมาเบียดอีกฝ่ายทันทีทำให้เด็กหนุ่มตั้งท่าจะถอยหนีไปอีกคำรบ ติดตรง

ที่มือของอีกฝ่ายโอบมาเกาะไหล่ไว้ไม่ยอมให้ถอยหนี

“อะ เอ่อ.. ไม่ครับ ไม่ใช่..” ณัฐวีร์ขืนร่างกายตัวเกร็งเลยทีเดียว แบบนี้ต่อให้มีสติดีแค่ไหนก็ไม่รู้จะทำยังไงได้เหมือนกัน จะขัดขืน

ก็กลัวอีกฝ่ายจะรู้ว่าเขามีความคิดจะไม่ยอมร่วมมือด้วย

“ถ้ายกโทษให้พี่แล้วก็แสดงให้พี่เห็นหน่อยสิ..”

ณัฐวีร์ฟังประโยคนั้นอย่างงงๆ จะให้แสดงยังไง?

“ขอพี่นะครับ..”

ยิ่งฟังประโยคถัดมายิ่งงง เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาอย่างสงสัย ซึ่งนั่นเป็นจังหวะเดียวกับที่มีเงาดำเคลื่อนตัวทาบทับลงมา

สัมผัสลมหายใจอุ่นร้อนที่รินรดปลายจมูกทำให้ณัฐวีร์รู้สึกจั๊กจี้ แต่สัมผัสเปียกชื้นที่แลบเลียแผ่วผิวตรงริมฝีปากทำให้ร่างทั้งร่าง

ไหวเยือกและขนลุกเกรียวอย่างที่ไม่ทันได้รู้สึกตัวมาก่อน

เขา..กำลังถูกจูบงั้นหรือ?

คำถามนั้นถูกตั้งขึ้นในใจ ทว่า..ไม่ต้องรอคำตอบจากใครเพราะการกระทำของอีกฝ่ายบอกเขาอยู่แล้ว

ยิ่งเมื่ออ้อมแขนอีกฝ่ายกระชับร่างของเขามากขึ้น กดริมฝีปากย้ำหนัก พลิกปลายลิ้นกระตุ้นเร้าให้เขาตอบสนอง ณัฐวีร์ก็ยิ่งหูอื้อ

ตาลายไปกับความรู้สึกหวามหวานที่จู่โจมมาไม่ทันให้ตั้งตัว.. เด็กหนุ่มกำเสื้อของอีกฝ่ายไว้แน่นด้วยความตกใจกับสัมผัสที่ไม่เคย

รู้จัก และเริ่มได้ยินเสียงหัวใจและเสียงหอบหายใจของตนเองดังสนั่นหวั่นไหวคับหู

จริงอยู่ว่าเขาเป็นผู้ชายวัยรุ่นที่เคยช่วยตัวเองเพื่อปลดปล่อยตามธรรมชาติ เขาเคยรับรู้เรื่องต่างๆจากการศึกษาเองด้วยแผ่นที่ได้

จากพวกเพื่อน แต่การสัมผัสจากประสบการณ์จริง.. จูบ.. นี่คือครั้งแรก

และมันทำให้เขาหายใจไม่ออก ไม่รู้จะทำอย่างไร ความกลัวการถูกทำร้าย ความอ่อนล้ามาตลอดทั้งวันทำให้ออกซิเจนเหมือนจะ

ขาดและสติคล้ายจะดับวูบไปชั่วขณะ

มือเล็กสั่นที่เกาะแขนเขาแน่นค่อยๆคลายออก มันเลื่อนตกลงไปช้าๆเหมือนเจ้าตัวไร้การควบคุม ร่างเล็กที่กอดไว้ไม่แข็งทื่อเป็น

ท่อนไม้อีก แต่มันกลับอ่อนปวกเปียกอยู่ในอ้อมแขน ริมฝีปากนั้นไม่ขยับขยุกขยิกอีกต่อไป

เฮ้ย!

มกรผละออกจากร่างเล็กเพื่อจะพบว่าสติของอีกฝ่ายหลุดออกจากร่างไปแล้ว..

นี่เป็นครั้งแรกที่พบว่าการจูบกับใครสักคน เขาสามารถดูดวิญญาณของคนๆนั้นออกจากร่างได้ด้วย

“เฮ้..นี่.. นัท” ชายหนุ่มร้องเรียกพร้อมเขย่าร่างเล็กที่เขาปล่อยให้ทอดกายลงกับพื้นเตียง แต่ดูเหมือนร่างนั้นจะไร้การตอบสนอง

มกรหัวใจเต้นแรงขึ้นมาทันที ...ไม่ใช่ว่าจะมาตายในห้องเขานะเว้ย! มันเป็นโรคหัวใจหรือเปล่าเนี่ย?

ไม่รอช้า ชายหนุ่มรีบจับชีพจรนับตามการเรียนรู้ที่เคยผ่านมา ภาวะหายใจที่เฝ้าสังเกตก็สม่ำเสมอดี ใบหน้านั้นถึงจะซีดขาว แต่ก็

ไม่ได้เขียวคล้ำเหมือนคนใกล้จะเกิดภาวะจากโลกนี้ไป ทำให้ชายหนุ่มเบาใจได้เล็กน้อยว่าการเต้นของหัวใจนั้นอยู่ในสถานการณ์
ปกติ

แต่ที่หมดสติไปนี่อาจเพราะณัฐวีร์มีอาการขาดออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง หรืออาจจะตกใจ อ่อนล้า จะด้วยเหตุผลบ้าบออะไรก็แล้ว

แต่.. ทว่ามันทำให้เขาเดือดร้อนโว้ย!

ชายหนุ่มสบถอย่างโมโหก่อนจะรีบโผไปที่ผ้าขนหนูผืนเล็กของตัวเอง วิ่งเข้าห้องน้ำเอาผ้าชุบน้ำ ภาชนะที่จะใช้รองน้ำก็ไม่มี

ต้องลงไปเอาข้างล่างซึ่งก็คงไม่ทันใจเขา ดังนั้นตอนนี้เอาแค่นี้ไปก่อนแล้วกัน

ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินออกจากห้องน้ำเพื่อจะพบว่าร่างของณัฐวีร์..หายไปจากเตียงเสียแล้ว

“สัตว์! หลอกกู”

มกรวิ่งไปตามทางลงสู่ชั้นล่าง และพบว่าณัฐวีร์กำลังอยู่ตรงบริเวณหัวบันไดพอดี

“หยุด!” ชายหนุ่มตวาดก้องทำให้ร่างนั้นสะดุ้งเฮือก

ณัฐวีร์หันหน้ามามองอย่างหวาดผวา ขาเขาสั่นทำให้วิ่งได้ช้า ยิ่งมาถึงช่วงบันไดที่ไม่คุ้นเคยแบบนี้เขายิ่งกลัวจะก้าวพลาด และยิ่ง

เห็นร่างสูงทะมึนวิ่งเข้ามาหา เด็กหนุ่มยิ่งผวาจนตัวเกร็ง

“พี่ครับ พี่ อย่าทำอะไรผมเลย!” เด็กหนุ่มทรุดตัวลงกับพื้นยกมือขึ้นไหว้ทันที “ผม..กลัวแล้ว”

เสียงช่วงท้ายนั้นสั่นเครือ ดวงตาของเด็กหนุ่มที่มองเงยขึ้นมาแดงก่ำ และวาววาบไปด้วยน้ำหล่อเลี้ยงที่เรียกว่าน้ำตา

หากแต่..มกรไม่ใช่คนที่เห็นความสิโรราบเป็นเรื่องควรยอมอ่อนข้อให้

ชายหนุ่มวิ่งเข้าถึงตัวก็กระชากแขนอีกฝ่าย แล้วเงื้อมือขึ้นตบซ้ำไปที่แผลเดิมจนร่างเล็กกว่าเซเอียงไปตามแรงตบนั้น

เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังก้องขึ้นอีกครั้งเมื่อมกรกระชากแขนเล็กลากมาตามพื้น

“โอ้ย! ปล่อยกู!!” ณัฐวีร์ร้องลั่นพร้อมกับใช้มือข้างที่เหลือพยายามแกะมือหนาที่จับกุมเขาเอาไว้

“มึงกับกู..ไม่มีการต่อรองใดๆอีก ไอ้สัตว์ กูดีๆไม่มีใครชอบ.. ให้กูเลวถึงจะพอใจกันใช่ไหม!”

มกรตะคอกเสียงดังสนั่น.. และมันเป็นเสียงที่ลอดเข้าไปในคอมด้วย

...



“เฮ้ย กูว่าท่าไม่ดีว่ะ..” ป้อดเอ่ยขึ้นเมื่อแชร์หันมามองหน้า

“กูก็ห่วง ฉิบหายถ้ามัน...” แล้วคนพูดก็ละประโยคนั้นไว้ให้อีกฝ่ายเข้าใจไปเองว่า..ใช้แล้ว.. ถ้ามันทำเหมือนเมื่อก่อนล่ะ

“ไปเหอะมึง ไปดูมันกัน”

แชร์พยักหน้ารับ “มึงไปแต่งตัว กูจะไปตามไอ้ปัง”

ทั้งสามคนรีบเร่งออกจากคอนโดของแชร์มาสู่ถนนยามดึกของแถบพักอาศัยที่หรูหราที่สุดในกรุงเทพ ใช้เวลาออกมาถึงคอนโด

ของมกรเป็นเวลาไม่เกินกว่ายี่สิบนาที

ด้วยความที่พวกเขามาที่นี่บ่อยถึงบ่อยมาก รปภ.ของตึกจึงเปิดให้เข้าไปด้านในโดยไม่จำเป็นต้องโชว์บัตรใดๆ และเพราะพ่อของ

มกรเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในกรม ทำให้รู้จักกับบริษัทของรปภ.นี้อย่างดีเช่นกัน

ทั้งสามคนมุ่งตรงสู่ชั้นที่ 30 และเมื่อไปถึงหน้าห้องพักก็ช่วยกันเคาะประตูเป็นการใหญ่

“ไอ้แมน! เปิดประตูเว้ย พวกกูเอง!”

ทั้งป้อดและปังตอเองก็เคาะประตูเสียงดังสนั่นด้วยเช่นกัน รอกันอยู่ชั่วอึดใจแต่ภายในก็ยังไม่มีเสียงของการเคลื่อนไหวใดๆเลย

“เอาไงดีวะแชร์ กูว่ามันไม่ธรรมดาแล้ว.. ให้ใครมาเปิดห้องให้ดีไหม?”

คนถูกถามพยักหน้ารับในขณะที่มือก็ยังเคาะประตูไปด้วย

“ไอ้แมน มึงเปิดประตูก่อนได้มั้ยเนี่ย.. เหี้ยเอ้ย กูไม่น่าไปท้ามันเลย ป้อดมึงลงไปบอกพี่ยามให้ที”

เจ้าของชื่อตอบรับและวิ่งออกไป ส่วนสองคนที่เหลือก็กระหน่ำเคาะประตูกันอย่างหนักใจ

ขณะที่ป้อดยังรอลิฟต์ ประตูของห้องพักนั้นก็เปิดออกช้าๆ

ร่างสูงของเจ้าของห้องอยู่ในชุดเปลือยอก บริเวณท้องมีรอยแดงช้ำซึ่งคาดว่าอีกไม่นานมันจะเขียวจนม่วง..เบื้องล่างพันไว้ด้วยผ้า

ขนหนูสีขาวผืนใหญ่..ที่บางส่วนบนผืนผ้ามีรอยเลือดสีแดงสดเปรอะเปื้อน

“ไอ้แมน..” เสียงร้องของปังตอทำให้เพื่อนอีกสองคนที่อยู่บริเวณประตูนั้นหน้าซีดเผือดไปตามๆกัน

“มึงทำอะไรน้องมันวะ” แชร์ถามด้วยเสียงเบาหวิว ดวงตาของเจ้าของห้องที่มองกลับมานั้นเต็มไปด้วยความหวั่นไหว

“กู...ไม่รู้”

“ไอ้เหี้ยเอ้ย..” แชร์ร้องด่าตัวเองมากกว่าจะด่าเพื่อน ถ้าเขาไม่คิดทำเรื่องนี้ขึ้นมา สถานการณ์แบบนี้คงไม่เกิดขึ้น

ชายหนุ่มผลักประตูก้าวเข้าไปก่อน แล้วเพื่อนที่เหลือก็กรูกันเข้ามา

ชั้นล่างไม่มีอะไรผิดสังเกต ไม่มีการแตกหักเสียหายของข้าวของ ทุกคนจึงมุ่งขึ้นไปชั้นบนที่เป็นส่วนของห้องนอน

เมื่อก้าวพ้นหัวบันไดขึ้นไปรอยเลือดหย่อมหนึ่งก็ทำให้ทุกคนชะงัก เดินตามรอยเลือดไปทางห้องนอน ประตูห้องที่เปิดแง้มไว้

ทำให้ไม่มีใครกล้าผลักเข้าไป ปังตอหันกลับไปมองไอ้เจ้าของห้องที่เดินตามขึ้นมาห่างๆ เห็นท่าทางมันแล้วเขาก็ได้แต่ถอน

หายใจ.. เหตุการณ์ในอดีตทำให้มกรเป็นแบบนี้หรือไร?

“อย่ามัวแต่รีรอสิวะ” ป้อดพูดก่อนจะเป็นคนแรกที่เปิดประตูเข้าไปก่อน

ห้องนั้นมีแสงไปแค่ตรงบริเวณหัวเตียง มันเป็นแสงจากโคมไฟสีเหลืองนวลที่ไม่ได้สว่างอะไรมากนัก แต่ก็ทำให้คนที่เข้ามาใหม่

ทั้งสามคนเห็นรายละเอียดบริเวณเตียงได้ไม่ยากนัก

เสื้อผ้าขาดวิ่นตกกระจัดกระจายอยู่โดยรอบ บางส่วนเห็นว่าเป็นของไอ้เจ้าของห้องแน่ๆ บางส่วนที่แปลกตาไปจึงไม่ต้องเดาว่า

เป็นของใคร

ร่างที่คว่ำหน้าอยู่บนเตียงนั้นถูกคลุมไว้ด้วยผ้าห่มหนาสีขาวสะอ้าน ผิวเนื้อของร่างบนเตียงนั้นขาวจัดจนเกือบจะกลืนไปกับผ้าห่ม

เกือบจะเป็นการนอนหลับธรรมดาแล้วหากว่าคนมาใหม่จะไม่เห็นใบหน้าที่ผินมาทางแสง..และพบว่ามันบวมเป่ง เขียวจนม่วง มือ

ที่เห็นว่าวางไว้เฉยๆแต่เมื่อก้าวเข้าใกล้จะพบว่ามันกำผ้าปูที่นอนแน่นจนเกร็งแข็ง ช่วงไหล่ที่โผล่พ้นผ้าปูขึ้นมาแดงช้ำ มีรอยมือ

และรอยฟันกระจายอยู่ และถ้าดูกันไม่ผิด ขอบของผ้าห่มนั้นมีรอยเลือดอยู่ด้วย

น่าจะเป็นรอยเลือดจากมือไอ้คนที่ดึงผ้าห่มมาปิดร่างเล็กนี้ไว้นั่นแหละ

แชร์เป็นคนแรกที่กล้าก้าวเข้าไปหาร่างน้อยนั่น เขาค่อยๆเปิดผ้าห่มขึ้นเพื่อจะเห็นสภาพร่างที่แทบจะเรียกได้ว่าแหลกเหลว ทั้งตัว

นั้นมีร่องรอยของการถูกทำร้ายด้วยมือและปาก เบื้องล่างมีรอยเลือดติดค้างอยู่ตรงต้นขาซึ่งเป็นรอยแดงสด ขาสองข้างที่อ้าออก

จากกันทำให้เห็นว่าบริเวณข้างใต้มีรอยด่างของคราบแห่งความสุขสม และอีกหลายประการที่เห็นได้ว่าร่างนี้ผ่านความรุนแรงใดมา
บ้าง

แต่ที่สุดแสนจะทนสำหรับเพื่อนทั้งสาม.. แขนข้างขวาที่บิดเบี้ยวผิดรูปวางพาดอยู่อีกด้าน

“ไอ้แมน!!”

เสียงตวาดของเพื่อนพร้อมกับสายตาที่หันกลับมาเขม่นมองทำให้เจ้าของชื่อสะดุ้งเฮือกด้วยความรู้สำนึก..

ชายหนุ่มตัวสั่นถอยหลังไปพิงอยู่กับขอบประตู เห็นแบบนั้นก็ไม่มีใครอยากต่อว่ามันอีก แชร์ถอนหายใจเฮือกยาวก่อนจะเป็นผู้

ออกคำสั่งเสียเอง

“ป้อด มึงพามันไปแต่งตัวเดี๋ยวต้องพามันสองคนไปหาหมอเดี๋ยวนี้เลย.. มึงไอ้ต่อ ไปหาผ้าขนหนู เสื้อเชิ้ตไอ้เหี้ยแมนก็ได้มาสอง

ตัว หาไม้ยาวๆ หรืออะไรก็ได้แข็งๆแบนๆ ยาวประมาณศอกมาให้กูสองอัน กูจะทำเฝือกชั่วคราวให้เด็กนี่ ไปเลยเร็ว”

แล้วต่างก็แยกย้ายไปทำงานที่ตัวเองได้รับมอบหมาย แชร์นั้นเอาผ้าขนหนูที่ตกอยู่หน้าเตียงเขาไปชุบน้ำออกมาเช็ดหน้าเช็ดตัว

และรอยเลือดให้กับร่างที่แน่นิ่งอยู่บนเตียง ก่อนจะรีบไปหาเสื้อผ้าที่คิดว่าใส่ง่ายที่สุดให้แก่เด็กหนุ่ม ก็เสื้อผ้าไอ้คนที่ทำน้องเนี่ย

แหละ ตัวใหญ่ ใส่ง่าย

ไม่นานจากนั้นทุกอย่างและทุกคนก็มาพร้อมกันที่เตียง แชร์จัดการเอาทัพพีไม้ที่ต่อไปเอามาจากครัวทำเป็นเฝือกชั่วคราว ใช้เชิ้ต

ของเจ้าของห้องเป็นตัวพันประคองไว้ เขาใส่เสื้อผ้าให้ร่างกระปลกกระเปลี้ยนั่น แล้วพลิกเอาร่างนั้นขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนโดยมีต่อ

ช่วยประคองแขนอีกแรงหนึ่ง

“อือ..” ณัฐวีร์ร้องครางด้วยความเจ็บปวด หัวคิ้วขมวดเข้าหากันมุ่น ร่างของเขาถูกยกขึ้นมาพักบนตักของแชร์เพื่อจัดท่าทาง

สุดท้ายก่อนจะอุ้มลงไปด้านล่าง

ศีรษะเล็กเอนซบลงมาที่ไหล่กว้างโดยไม่ได้ตั้งใจทว่ากิริยาเช่นนั้นทำให้แชร์ต้องก้มมองใบหน้าเจ็บปวดของเด็กหนุ่มในอ้อมแขน

ความรู้สึกผิดที่ตนเองเป็นต้นเหตุของเรื่องทำให้เขายกมือของตัวเองขึ้นจับศีรษะนั้นเป็นการปลอบโยน

“ไอ้แมน..เอารถมึงออก รถมึงใหญ่กว่ารถกูน้องจะได้นอนสบาย”

เจ้าของห้องพยักหน้ารับรีบไปหยิบกุญแจรถแล้วยื่นให้ป้อด

“กู..ไม่กล้าขับมึงขับให้กูที” 

ใบหน้าซีดเผือดของเพื่อนทำให้ป้อดรับกุญแจรถมาอย่างสงสาร

เมื่อส่งกุญแจรถให้เพื่อนไปแล้ว มกรก็หันกลับไปหาคนที่กำลังพยุงตัวลุกขึ้นจากเตียงพร้อมร่างเล็กในอ้อมแขน

“ให้กูอุ้มเอง..” มกรเอ่ยออกมาขณะมองร่างเล็กที่แน่นิ่ง

แต่ครั้นพอเขาจะก้าวเข้าไปรับ แชร์ก็ถอยหลัง “ตอนนี้ ..มึงไม่ไหวหรอก”

ต่างคนต่างมองหน้ากันไปมา ดวงตาของมกรเริ่มฉายแววเอาเรื่อง “กูเป็นคนทำ กูรับผิดชอบได้”

“กูเป็นต้นเหตุ กูก็ต้องรับผิดชอบน้องมันเหมือนกัน”

กลายเป็นศึกต่อตากันระหว่างเพื่อนที่ทำให้คนกลางอย่างปังตอที่ยืนจับแขนคนเจ็บประคองไว้ต้องมาหย่าศึกให้

“พวกมึงจะเถียงกันทำไมวะ ใครอุ้มก็เหมือนกัน รีบไปเหอะ เดี๋ยวน้องมันก็เดี้ยงหนักกว่านี้หรอก เลือดมันออกอีกแล้วนะเว้ย”

เบื้องล่างเห็นเลือดซึมแดงเป็นวงอยู่ตรงกางเกงทำให้คนที่มัวแต่ถกเถียงกันต้องเลิกราทันที แชร์ประคองร่างเล็กลงบันไดมาอย่าง

ทุลักทุเลเพราะมีมกรคอยช่วยดันประคองร่างเล็กเอาไว้จากด้านล่าง แค่มีไอ้ปังตอคนเดียวคอยประคองแขนก็วุ่นวายกับบันไดกัน
จะแย่แล้ว

เกือบห้านาทีกว่าจะเคลื่อนย้ายคนป่วยจากชั้นบนลงมาชั้นล่าง แล้วก็เป็นไอ้ป้อดที่พูดขึ้นว่า

“กูไม่เข้าใจ..ถ้าจะห่วงตกบันไดกันซะขนาดนี้ ทำไมพวกมึงไม่เอาน้องมันใส่ผ้าห่มแล้วช่วยกันแบกลงมาคนละมุมวะ..”

คนฟังทั้งสามหันไปมองมันเป็นตาเดียว เล่นเอาคนพูดเริ่มปาดเหงื่อ “คือกูแนะนำไง..การลำเลียงคนเจ็บมันก็ต้องมีเปลใช่ป่ะล่ะ”

“มึงไม่พูดตอนพวกกูไปถึงโรงพยาบาลแล้วล่ะไอ้สัตว์ กูตกใจกูก็ลืมไปบ้าง” แชร์ร้องด่าแล้วรอให้ไอ้คนต้นคิดมันวิ่งขึ้นไปเอา

ผ้าห่มสีขาวบนเตียงลงมา แล้วจึงเริ่มลำเลียงคนป่วยลงไปที่ลานจอดรถอีกครั้ง

รปภ.ที่เห็นการลำเลียงคนเจ็บจากกล้องวงจรปิดต่างมายืนรอกันอยู่ที่หน้าลิฟต์และลานจอดรถ กลายเป็นการขนย้ายที่เอิกเกริก

มากอีกครั้งหนึ่ง

พอมาถึงรถปัญหาก็เกิดขึ้นอีก

“กูนั่งหลังเอง”

“มึงไปนั่งหน้าเหอะไอ้แมน ตัวใหญ่อย่างมึงมานั่งเบียดกับกูน้องมันจะนอนยังไง ให้ไอ้ต่อนั่งหลังกับกู”

“งั้นมึงก็ไปนั่งหน้าสิไอ้แชร์ เด็กนี่เดี๋ยวกูดูเอง”

“ไม่เป็นไร กูอุ้มน้องมันไว้ได้”

“แต่นี่เมียกู..”

คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นเกือบสิบชีวิตต่างชะงักงันไปกับคำพูดประโยคนั้น

“ห่านี่.. มึงถามน้องมันก่อนไหม..” คนที่ทุ่มเถียงกันมาตั้งแต่ข้างบนหลุดสบถออกมาพร้อมกับหัวเราะ ทำให้บริเวณนั้นคลาย

ความเครียดลงได้เยอะ

“ไอ้ต่อมึงไปนั่งหน้า กูกับไอ้แชร์จะนั่งหลังเอง”

เมื่อตกลงกันได้ชายหนุ่มสี่คนจึงค่อยๆปล่อยร่างในห่อผ้าห่มลงกับพื้น ปังตอไปขยับเบาะหน้าข้างคนขับให้เลื่อนขึ้นเพื่อมีพื้นที่

ข้างหลังพอสำหรับสองร่างที่จะนั่งอยู่ด้วยกัน

มกรนั้นช้อนร่างเล็กขึ้นในวงแขนรอให้แชร์เปิดประตูให้เขาจึงค่อยไถลร่างเข้าไปนั่งด้านหลังและพาดเอาขาของร่างเล็กขึ้นบน

เบาะ มือก็จับศีรษะนั้นให้ซุกซบอยู่กับซอกคอตนเองขณะรอเพื่อนทุกคนขึ้นรถ และมุ่งตรงไปยังโรงพยาบาลเอกชนที่ใกล้ที่สุด



...




TBC




ไม่รอดสินะ.......
 :katai1: :katai1: :katai1: 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-11-2013 09:43:37 โดย pae666 »

ออฟไลน์ Palmpalm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
สงสารน้องจัง
ร่างกายไม่นานก็หาย แต่ใจนี่สิคงอยาก

ออฟไลน์ pornumpai-ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
 :ling1: :ling1: :ling1:

ค้างงงงงง ต่อด่วน!!!!!!

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เลวมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ...
นัท อย่าให้อภัยกันง่ายๆนะ ต้องทำให้รู้สำนึกทุกคนเลย :katai1:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
โอ้ยยยย สงสารน้อง
สำนึกผิดตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วมั้งหนุ่มๆ

ออฟไลน์ panari

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
พระเอกเลวได้ใจ พี่แชร์จะเป็นเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดป่ะเนี่ย

ออฟไลน์ แป้งข้าวหมาก

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
โห...ไอ้เควี่ย  สงสารน้องจังต้องมาเจอคนแบบนี้
 :beat:

ออฟไลน์ cho_co_late

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
หรือแชร์จะเป็นพระเอกตัวจริง แมนโหดร้ายไป
รับไม่ได้  :katai1:
สงสารนัทอ่ะ น่วมไปทั้งตัว
เหตุการณ์นี้ส่งผลยาวแน่ๆ เฮ้อ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ wi_OoO_wi

  • payaaa payaaa padazz taa
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-1
 :m4: :m4: :m4:

เป๊ะมากกกกกกกกกกกก ในความเลวและเข้าข้างตัวเองสูง

ต่อไปจากนี้ปลายรองเท้าน้องนัทผู้เป็นที่รักยิ่งคงไม่ได้เห็นง่ายๆเเล้วสินะ :a9: :a9:

รอตอนต่อไปจ้าาาาาา มันค้างนะ  :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
เออะ สงสารเด็ก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
พระเอกโครตตตตตตตตตเลวววววว สงสารน้อง TT

ออฟไลน์ pae666

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 506
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
ขอบคุณสำหรับทุกๆ comment นะคะ  :hao5:

คนแต่งฝากมาบอกว่า  อย่าสงสารเด็ก.. ถ้าถึงเวลาเอาคืนก็แสบไม่น้อยกว่ากันหรอก  #รออ่านไปพร้อมๆกันนะคะ  :katai4:

มาอ่านตอนใหม่เลยดีกว่าค่ะ ..สุขสันต์วันลอยกระทงนะคะ  :katai3:  :katai3:

=========


ตอนที่ 6

ยามเช้าคืบคลานเข้าเยือน อาการปวดรุมพร้อมไข้ร้อนทำให้เด็กหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงคนป่วยห้องพิเศษขยับตัวไป

มาอย่างกระสับกระส่าย ยาที่ฉีดเข้าไปในสายน้ำเกลืออาจจะออกฤทธิ์ดี แต่คนเจ็บ ยังไงก็ยังเป็นคนเจ็บ ดีแค่ไหนก็ยังเป็นคนเจ็บ

ที่ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด

มกรนั่งอยู่ที่ข้างเตียงนั้น.. เขารู้ว่าเขาทำอะไรลงไป..แต่เขาห้ามตัวเองไม่ได้ เขาห้ามการกระทำรุนแรงที่เกิดขึ้นไม่ได้ รู้ตัวว่าผิด

สิ่งที่ทำไปไม่เหมาะควร แต่ทำไปแล้วมันสะใจ มันได้รับการปลดปล่อย มันสบายใจมากขึ้น ไม่ปวดหัวหรือมวนท้อง ช่วงเวลานั้น

เป็นช่วงเวลาที่เขาแทบจะจำไม่ได้ว่าตนรู้สึกอย่างไร รู้แต่ว่าทำเท่าที่อยากทำ
เพื่อความสะใจของตนเอง..

แต่เมื่อเช้าวันใหม่มาถึง เมื่อสำนึกรู้ผิดชอบกลับมา.. เขาถึงได้รู้ว่าตนนั้นรุนแรงกับเด็กนี่เพียงใด

ในห้องผู้ป่วยนั้นเพื่อนของเขากระจายตัวอยู่ด้านหลัง บางคนหลับนกไปแล้ว บางคนก็อยู่ในโหมดสะลึมสะลือเต็มที่ ..แต่ยังไม่มี

ใครโทรบอกที่บ้านเขาเลยสักคน

เขารู้..ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ และอีกไม่ช้า ที่บ้านเขาก็จะรู้จากปากคำของหัวหน้ารปภ.ที่พ่อเขาสั่งให้คอยดูแล จริงๆป่านนี้ก็อาจรู้

แล้วด้วยซ้ำ แค่..ยังไม่มา..เท่านั้นเอง

มกรคิดอย่างเศร้าใจ.. ตั้งแต่สมัยอดีต งานโรงเรียนที่เขาได้แสดง หรือกิจกรรมที่โรงเรียนจัดให้มีผู้ปกครองมาดู.. ไม่เคยมีใครมาดู

นอกจากเลขาของแม่ที่นำเงินบริจาคมากให้โรงเรียน หรือตำรวจหญิงใต้บังคับบัญชาพ่อถือของจากพ่อมาให้

ตอนจบการศึกษา ไม่เคยมีผู้ปกครองมาปัจฉิมนิเทศด้วย ตอนสอบเข้าเรียนไม่มีพ่อแม่มานั่งเฝ้า ตอน..ที่ทำดี.. ไม่เคยมีครอบครัว
มาสนใจ

หากแต่เมื่อถูกเรียกผู้ปกครองด้วยเหตุทะเลาะวิวาท มีเรื่องขึ้นโรงพัก หรือเพราะเขาไปทำระยำตำบอนอะไรสักอย่าง.. เขาจึงได้

เห็นหน้าพ่อหรือแม่ของตนเอง บางทีเรื่องใหญ่มากๆก็จะเห็นหน้าทั้งคู่พร้อมกัน..

มันจึงเป็นเรื่องที่ว่า.. “กูทำดีไม่ชอบกันใช่ไหม.. ต้องให้กูเลวถึงจะชอบใจกันสินะ..”

มกรมองใบหน้าของคนบนเตียงอย่างนึกสงสาร..เด็กนี่ทำให้เขานึกถึงอดีตที่เคยมีเรื่องใหญ่มากจนเขาต้องระเห็จไปอยู่ต่าง

ประเทศตลอดช่วงซัมเมอร์... ดวงตาของมันคล้ายกับแววตาของคนๆนั้น.. แม้ว่าจะคนละเพศแต่ก็คล้ายคลึงกันมาก

ตาที่มีทั้งความหวาดกลัว และความเคียดแค้น

คงโกรธเขามากสินะ.. โกรธเขามากแน่ๆ เหมือนผู้หญิงคนนั้นที่ตื่นขึ้นมาแล้วกรีดร้องใส่เขาอย่างหวาดผวา.. แม้จะพบกันแค่หน

เดียวหลังจากนั้น แต่ดวงตาของเธอก็ยังจดจำอยู่ในส่วนลึกของจิตใจนี้
แกร้ก!

เสียงประตูห้องถูกเปิดออก เวลานั้นเกือบจะหกโมงเช้าแล้ว เป็นพยาบาลที่เดินนำเข้ามาก่อนพร้อมอุปกรณ์ต่างๆ และตามมา
ด้วย..เลขาของแม่

หญิงสาวคนนั้นเดินเข้ามาเมียงมองที่เตียงคนป่วยแล้วบอกให้รับทราบว่าแม่ของเขาจะตามมาในอีกชั่วโมงข้างหน้า และเรื่องค่า

รักษาเธอได้ดำเนินการติดต่อกับโรงพยาบาลไว้เรียบร้อยแล้ว

แบบนี้ก็เท่ากับว่า..พ่อคงได้รับการติดต่อจากทางคอนโด และบอกแม่ให้แม่มาจัดการก่อน พ่อคงติดภารกิจอยู่ที่ไหนแน่ๆ

“ขอโทษนะคะคุณแมน.. ไม่ทราบว่าทางบ้านของน้องได้ทราบเรื่องหรือยัง..”

นั่นเป็นคำถามที่ทำให้มกรเรียกสติจากความรู้สึกน้อยใจบิดาขึ้นมาได้.. นั่นสิ เขายังไม่ได้ให้ณัฐวีร์ติดต่อที่บ้านไปตั้งแต่เย็นวาน

ป่านนี้ทางนั้นคงร้อนใจแย่แล้ว เด็กนี่ไม่ได้มีครอบครัวแบบเขานี่นา

“ยังไม่ได้ติดต่อ..จัดการให้หน่อยแล้วกัน”

เขาบอกชื่อจริงและนามสกุลของณัฐวีร์ให้แก่เลขาของแม่ เธอจึงออกไปจัดการ ซึ่งเรื่องแบบนี้ถ้าประสานไปทางพ่อเขาก็คงไม่มี

ปัญหาในการติดต่อครอบครัวเด็กนี่หรอก

ซึ่งก็เป็นไปตามที่ชายหนุ่มคาดว่า.. แถมครอบครัวเด็กนี่มาก่อนครอบครัวเขาเสียด้วยซ้ำ

“นัท..นัท..”

หญิงวัยกลางคนที่ปรี่เขาไปที่เตียงร้องไห้ตาบวมแดงมาก่อนอยู่แล้ว ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเธอคงจะรอการติดต่อจากลูกชายทั้งคืนไม่

ได้หลับได้นอนแน่ๆ

ส่วนผู้ชายที่มาด้วยกันน่าจะเป็นบิดาของณัฐวีร์ เขามองคนที่อยู่ในห้องนั้นทุกคนก่อนจะมาหยุดที่มกร การมองพินิจแบบนั้นทำให้

คนถูกมองกลืนน้ำลายอย่างลำบาก ก่อนจะยกมือไหว้

“สวัสดีครับคุณอา”

ฝ่ายนั้นไม่ได้ยกมือรับไหว้ทันที ดวงตาจ้องเขม็ง ชายร่างท้วมผิวขาวจัดความสูงไม่มากนักเดินตรงเข้ามาหามกร กลุ่มเพื่อนที่ตื่น

ตั้งแต่เลขาของแม่เข้ามาแล้วจึงขยับตัวเช่นกัน

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมนัทมันเจ็บหนักแบบนี้”

พ่อของณัฐวีร์เปิดปากถามเป็นเรื่องแรก ดวงตานั้นจ้องเขม็งไปยังมกรชนิดล็อคเป้าหมายว่าไอ้หมอนี่แน่ๆ

“ผม..มีเรื่องกับน้อง”

คิ้วของคุณพ่อขมวดหมับขึ้นมาทันที “มีเรื่องอะไรกันจนแขนหักแบบนี้”

ชายหนุ่มอึกอักไม่รู้จะพูดอธิบายอย่างไรดี จะให้บอกพ่อแม่เขาตรงๆว่าผมข่มขืนลูกพ่อครับ..มันก็ดูจะห้าวหาญเกินไป

“แล้วนี่หมอมาตรวจหรือยัง ฉันต้องการคุยกับหมอ”

มกรได้แต่ส่ายหน้า ใช้สายตามองไปยังพยาบาลเพียงคนเดียวของห้องที่ตรวจเช็กความดันและวัดไข้คนป่วยอยู่

“เดี๋ยวอีกสักชั่วโมงคุณหมอคงจะเข้ามาตรวจค่ะ”

“แต่ผมต้องการรู้ก่อน มีใครบอกได้บ้างว่าอาการของลูกผมเป็นยังไง.. ถ้าจะต้องแจ้งความผมจะได้รีบไปดำเนินการเสียเลย”

คนฟังทั้งกลุ่มยืนมองหน้ากันไปมาทันที ความเงียบปกคลุมไปทั่วห้องมีเพียงเสียงเรียกชื่อลูกชายเบาๆของคุณแม่ณัฐวีร์

“ว่าอย่างไรคุณพยาบาล มีใครที่ผมพอจะสอบถามอาการลูกชายได้บ้าง”

นางพยาบาลพยักหน้าตอบรับ “งั้นเชิญทางด้านนี้ค่ะ จะให้พบคุณหมอก่อนเวลาตรวจ”

“เธอจะไปด้วยกันไหม?..” เขาหันไปถามภรรยา

“คุณไปเถอะ ฉันจะอยู่กับลูก ไม่รู้จะตื่นมาเมื่อไหร่” คนเป็นแม่ไม่ได้หันกลับมามองสามี เธอจับมือลูกชายเอาไว้และมองใบหน้า

ของเด็กหนุ่มอย่างรอคอย

ความเงียบเข้าปกคลุมทั้งห้องอีกหน มกรขยับถอยมารวมกลุ่มกับเพื่อนของเขาปล่อยให้แม่ลูกดูแลกันเอง

ซึ่งไม่นานจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อเด็กหนุ่มขึ้นเบาๆ

“นัท..นัทรู้สึกตัวแล้วหรือลูก”

ประโยคนั้นทำให้ทุกคนผวาไปยืนอยู่เบื้องหลังของหญิงวัยกลางคนทันที จะมีก็แต่มกรเท่านั้นที่ยังไม่กล้าไปยืนใกล้ๆ

เขายอมรับว่ากลัว... กลัวว่าถ้าณัฐวีร์เห็นเขา อาจจะร้องขึ้นด้วยความหวาดกลัวก็เป็นได้.. เหมือนอย่างเด็กคนนั้น

ดวงตาหรี่เล็กค่อยๆกะพริบปรือขึ้น จังหวะแรกเหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้ว่าตนอยู่ในสถานที่ใด ดวงตานั้นลอยคว้างเลื่อนไปมา จวบจน

มารดาเรียกอีกครั้ง ดวงตาเจ้าของชื่อจึงเลื่อนมาข้างเตียง

“แม่...” เสียงเรียกนั้นแหบพร่าเหมือนว่าเจ้าของเสียงผ่านการใช้เสียงมาอย่างหนักในค่ำคืนที่ผ่านมา เขาเอียงใบหน้าไถไปกับ

ฝ่ามือของแม่โดยลืมไปว่าแก้มซ้ายของตัวเองมีรอยฟกช้ำจากการถูกทำร้าย

“อูย..” เด็กหนุ่มครางเบาๆ ไม่ได้เจ็บอะไรมากที่ข้างแก้ม แต่กลับรู้สึกปวดหนึบที่แขนขวามากกว่า.. เขาหันไปมองแขนที่อยู่ใน

เฝือกสีขาวของตัวเองแล้วเบ้หน้าทันที

ภาพความรุนแรงเมื่อคืนหลั่งไหลเข้ามาในความทรงจำ เขาไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองต้องมาเจอกับเรื่องโหดร้ายอย่างนี้ ทั้งถูกซ้อม

ทั้งถูกข่มขืน... จากผู้ชายด้วยกัน.. เขาภาวนาให้มันเป็นฝันร้าย อยากให้ลืมตาขึ้นมาแล้วทุกอย่างกลับสู่ปกติ ห้องที่นอนอยู่คือ

ห้องเดิมของเขา ชุดที่สวมใส่เป็นชุดนอนที่แม่ซื้อให้ และแทนที่จะเห็นแม่ร้องไห้ ขอเป็นแม่กำลังโมโหที่เขาตื่นสายอยู่ก็ได้

คำภาวนานั้นชะงักเมื่อความรู้สึกบางอย่างบอกกับณัฐวีร์ว่า..สิ่งที่เขาร้องขอไม่อาจเป็นจริง..สะโพกเขาปวดร้าวลึก ร่างกายเขายัง
อุทธรณ์

น้ำตาจากความรู้สึกเจ็บช้ำค่อยๆรื้นขึ้นที่ขอบตาปิดสนิท โพรงจมูกแสบร้อนและรู้สึกลำคอตีบตันจนต้องปล่อยลมหายใจหนักหน่วง
ออกมา

“ฮึก..”

เด็กหนุ่มไม่ได้กลั้นเสียง พอๆกับไม่ได้กลั้นน้ำตา เขาปล่อยให้มันไหลลงมาช้าๆอาบข้างแก้ม

“นัทเจ็บตรงไหน ร้องไห้ทำไม.. ไม่เป็นไรนะ แม่ไม่ว่านัทหรอกที่ไปซนจนแขนหักมาแบบนี้” แม่ยังคงปลอบโยนร่างที่สั่นสะท้าน

เธอลูบศีรษะลูกชายเบาๆ “อีกเดี๋ยวก็หายนะลูกนะ”

ครับแม่...แผลพวกนี้อีกเดี๋ยวก็หาย.. แต่แผลใจของนัท..ไม่รู้อีกกี่ปีมันถึงจะหาย

ณัฐวีร์ฝืนลืมตาขึ้นมามองมารดา เขายิ้มให้ร่างที่พร่าเบลอนั้นรอให้แม่เช็ดน้ำตาให้แล้วจึงเปิดเปลือกตาที่มองภาพทุกอย่างชัดเจน
ขึ้นอีกครั้ง..

คราวนี้..ภาพกลับโฟกัสไปที่ด้านหลัง.. ยังร่างที่อยู่ห่างที่สุดของคนใจร้าย..

มกรตัวแข็งทื่อ ท่าทีที่อีกฝ่ายแสดงให้มารดาเห็นนั้นบอกให้เขารับรู้ว่าเจ้าตัวเจ็บปวดขนาดไหนกับการกระทำที่ผ่านมาเมื่อคืนนี้..

ยิ่งพอดวงตาคู่นั้นแลมาสบกัน เขายิ่งทำตัวไม่ถูก

จะกรีดร้องตวาดไล่เขาออกไปไหม

จะเขวี้ยงปาข้าวของใส่เขาไหม

จะแสดงความโกรธเกลียดใส่เขาไหม

ทุกการคาดเดาของมกรเป็นไปด้วยความหวาดกลัว

ทว่า.. ณัฐวีร์นั้นทำเพียงเบือนหน้าหนี.. ดวงตาฉายไว้เพียงความว่างเปล่า.. ราวกับคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ไม่มีตัวตนอีกต่อไป..

มกรไม่คาดคิดว่าจะได้รับท่าทีแบบนี้เป็นการตอบรับ เขาจึงยิ่งกว่าโดนตบหน้า..

ถ้าโกรธกันเกลียดกันแล้วแสดงท่าทีออกมาว่าโกรธเกลียดยังดีเสียกว่าแสดงออกว่าเขาไม่มีตัวตนแบบนี้..

ทำดีไม่มีใครชอบ ..เขาจึงเลือกจะทำเลวเพื่อให้มีคนสนใจ

แต่เด็กคนนี้.. ขนาดทำเลวใส่ก็ยังไร้ตัวตน ไม่มีค่าอะไรเลยในสายตานั้น..

มกรขมวดคิ้วมุ่น.. เคยทำดีให้ก็ไม่สนใจ.. ทำเลวไปก็ไม่สนใจอีก แล้วมันต้องทำอย่างไรกันเล่า เขาต้องทำอย่างไรให้อีกฝ่ายหัน

มามอง หันมาเห็นว่าเขาก็มีตัวตน

ชายหนุ่มขยับตัวเดินเข้าไปใกล้และทันได้เห็นว่าดวงตาของณัฐวีร์นั้นไหววูบขึ้นมาเล็กน้อย..

อ่า.. ต้องเข้ามาอยู่ใกล้ๆกันสินะถึงจะรู้ว่าเขาก็มีตัวตนอยู่ตรงนี้

ยังไม่ทันที่มกรจะเอ่ยอะไรออกไป ประตูห้องพักคนป่วยก็ถูกเปิดเข้ามาโดยไม่มีการเคาะ

คนที่ยืนอยู่ตรงทางเข้านั้นคือมารดาของมกร พวกเพื่อนๆของเขาจึงหันไปไหว้โดยพร้อมเพรียง

“สวัสดีพวกเธอ.. แมน.. นี่พากันไปหาเรื่องอะไรมาอีกล่ะ” แม่ของมกรเอ่ยทักหลังจากรับไหว้แล้ว

ซึ่งขณะนั้นเองที่มารดาของณัฐวีร์ก็หันมามองคนมาใหม่เช่นกัน..

ต่างฝ่ายต่างมองกันอย่างคนคุ้นเคย.. คล้ายจะคุ้นหน้าเหมือนว่าจะเคยเจอกันมาก่อน

“พี่มน..?” มารดาของณัฐวีร์เอ่ยชื่อนั้นออกมาก่อน

“..ณฐกา? ..นี่พี่มนจำไก่แทบไม่ได้เลยนะเนี่ย เธออวบขึ้นจนผิดหูผิดตา” มนธิชาร้องด้วยความยินดี เธอเดินเข้าไปหาในขณะที่

ร่างซึ่งนั่งอยู่ก็ลุกขึ้นมาเช่นกัน หญิงทั้งสองคนต่างสวมกอดกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“พี่มนทักเสียไก่ไม่กล้ากอดแรงเลย ..ดีใจจังค่ะ ไม่ได้เจอพี่มนมานานแล้วตั้งแต่พี่ไปเรียนอังกฤษโน่น”

“พี่ก็ดีใจเหมือนกัน อยากเจอพวกน้องๆ แต่พอกลับมาก็วุ่นๆเรื่องธุรกิจ คือพี่ต้องรับกิจการที่บ้านต่อน่ะก็เลยไม่ค่อยได้ติดต่อใคร
มากนัก เป็นสิบปีแล้วสินะเนี่ย”

“ใช่ค่ะพี่.. ไก่เคยได้ยินข่าวพี่มนจากพวกรุ่นพี่อยู่บ้าง แต่ไม่มีโอกาสได้เจอตัวกันเลย”

“พี่เองก็ไม่คิดว่าเราจะได้มาเจอกันในสถานการณ์แบบนี้นะคะ.. ว่าแต่เด็กคนนี้ลูกน้องไก่หรือคะ”

ณฐกายิ้มรับ “ใช่ค่ะ มาเจอกันสภาพดูไม่ได้จริงๆด้วยค่ะ”

พวกหนุ่มๆนั้นมองการทักทายของหญิงสองคนพลางลอบกลืนน้ำลายกันเป็นแถวๆ ต่างก็นึกไปว่า.. ซวยแล้วมึงไอ้แมน..พวกแม่ๆ

เขารู้จักกัน แถมดูเหมือนจะเป็นน้องรักกันเสียด้วยถึงขั้นจำชื่อจริงกันได้แบบนี้

“เอาล่ะ.. ใครก็ได้ เล่าให้แม่ฟังหน่อยว่าทำอะไรน้อง.. น้องถึงได้แขนหักแบบนี้”

แชร์ ป้อด ต่อ มองหน้ากันไปมา ต่างก็รู้อยู่ในใจว่าไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้ดีเท่าไอ้แมน.. พวกเขาไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ มีก็แต่

ไอ้แมนนั่นแหละที่อยู่ในเหตุการณ์สดจนเลือดท่วมจอเมื่อคืนนี้

มกรนั้นตั้งแต่แม่เดินเข้ามาในห้องเขาก็นิ่งขึงไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าแม่ของตนเองจะมีท่าทางแบบใด.. สายตาของเขายังคงจ้อง

มองไปยังณัฐวีร์ไม่วางตา แต่เด็กคนนั้นหรือจะสนใจอะไรเขา มันนอนเบิกตาอย่างตกตะลึงที่เห็นว่าแม่มันกับแม่เขาลุกขึ้นทักทาย

กันอย่างคนคุ้นเคย.. ดูหน้ามันสิ..ขาวซีดหนักกว่าผ้าปูที่นอนโรงพยาบาลเสียอีก

“ว่ายังไงแมน.. นี่ไม่ตอบแม่หน่อยหรือไง”

ชายหนุ่มหันมามองแม่ตนเองก่อนจะยักไหล่แล้วก้าวกลับไปทิ้งตัวลงบนโซฟาไม่ตอบอะไร

ทุกคนทางฝั่งนี้รู้ดีอยู่แล้วถึงปฏิกิริยาของมกรที่มีต่อผู้ปกครอง แต่ทางฝั่งโน้นไม่เคยรู้มาก่อน จึงทำท่าเหมือนจะตกใจกันทั้งแม่ทั้ง

ลูกที่เห็นอาการต่อต้านผู้ปกครองตัวเอง

“ให้มันได้อย่างนี้สิ..แล้วเราสามคนล่ะ..รู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น”

คราวนี้กลายเป็นการไล่เบี้ยเอากับเพื่อนลูก ที่ต่างคนต่างก็เลิ่กลั่กไปมา

“เอ่อ..” กลายเป็นว่าคนที่อยู่บนเตียงคนป่วยส่งเสียงออกมาเสียเอง ทุกคนจึงหันไปหาต้นเสียงกันโดยพร้อมเพรียง ไม่เว้นแม้แต่
มกร

“ไม่มีอะไรครับ.. เราเล่นกันแล้วผมพลาดล้มแขนก็เลยหัก”

ประโยคอธิบายสั้นๆของณัฐวีร์ทำให้แบ่งความคิดคนฟังออกเป็นหลายฝั่งหลายฝ่าย พวกที่รู้เหตุการณ์ก็ได้แต่สงสัยว่าทำไมเด็ก

หนุ่มจึงพูดเช่นนั้น พวกผู้ใหญ่ก็สงสัยว่าเด็กหนุ่มพูดจริงหรือไม่ แต่ที่ทำหน้ายุ่งเหยิงที่สุดเห็นจะเป็นมกรเอง .. เขาไม่เข้าใจว่า

ทำไมณัฐวีร์ถึงพูดแบบนั้นออกมา

“จะไม่มีอะไรได้ยังไง!...” เสียงตวาดกัมปนาทดังมาจากทางประตู คราวนี้เป็นเสียงผู้ชายที่แสนจะคุ้นหูเหลือเกินสำหรับมกร
พ่อ..?

ชายหนุ่มยังนั่งอยู่ในท่าเดิม แต่เมินมองไปทางอื่นเหมือนไม่อยากจะสนใจใดๆในโลกนี้อีก ที่ตวาดมาแบบนี้ก็คงเพราะรู้แล้วว่า

เรื่องราวทั้งหมดมันเป็นยังไงแน่ๆ

บิดาของเขาเป็นถึงผู้ช่วยผบ. ว่างเดินสายมาหาแบบนี้ก็เพราะความเลวของเขานี่แหละ

“ไป.. ไปคุยกันข้างนอก”

พ่อของมกร พล.ต.ท.ลักษณ์เดินเข้ามาดึงไหล่ลูกชาย ส่วนพ่อของณัฐวีร์ คุณวีรชาติก็เดินเข้ามาด้วยใบหน้าถมึงทึงไม่แตกต่าง
กัน

นี่ก็คงรู้เรื่องแล้วเหมือนกัน..ถึงทำท่าจะฉีกเขาออกเป็นชิ้นๆอย่างนี้ เผลอๆอาจไปฟังมาพร้อมกันล่ะมั้ง

“อ้าว..แล้วพวกเราล่ะคุณ” คุณมนธิชาเป็นคนเอ่ยถาม

“คุณอยู่ที่นี่กันก่อน..เดี๋ยวจัดการไอ้ตัวแสบแล้วจะเข้ามาหาข้อตกลงกับผู้ปกครองเด็กอีกที”

“มีอะไรก็พูดกันตรงนี้เลยเถอะค่ะคุณวี” คราวนี้เป็นคุณณฐกาเอ่ยขึ้นบ้าง “อย่างน้อยลูกเราก็อยู่ตรงนี้ ใครผิดใครถูกก็ว่ากันไป
เลย”

“ก็เพราะลูกเราอยู่น่ะสิ..ถึงต้องออกไปคุยกันข้างนอก”

“ป๊า..” เสียงเรียกบิดาของณัฐวีร์สั่นเครือ เด็กหนุ่มเหมือนจะร้องไห้ออกมาอีกแล้ว

“นัทไม่ต้องร้อง ป๊าจัดการเอง..”

“ถ้างั้นไก่ไปด้วย”

คนเป็นพ่อส่ายหน้า “ไก่อยู่กับลูกเถอะ.. เรื่องนี้พวกผู้ชายเขาจัดการกันได้”

ณฐกาลังเล เธอเป็นภรรยาที่ตามใจสามี แต่ก็รักลูก อยากไปด้วยแต่พอเห็นสามีขึงขัง และลูกไม่มีใครดูแล เธอก็อยากอยู่ดูแล

“เอาแบบนี้ พวกคุณไปกันแค่ผู้ชายเราแม่ๆก็ไม่สบายใจ.. มีอะไรฉันไปรับรู้เอง น้องไก่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพี่มนไปแทนให้.. รับรอง
ว่าพี่ไม่เข้าข้างลูกผัวตัวเองแน่”

ทั้งคุณลักษณ์และคุณวีรชาติที่เห็นสองภรรยาเรียกกันอย่างสนิทสนมก็มองอย่างสงสัยทันที

“นี่คุณรู้จักกันหรือ?..” คุณลักษณ์เอ่ยถามและได้คำตอบอธิบายความสัมพันธ์อย่างกระจ่างแจ้ง

สรุปได้ว่าตอนนี้คุณพ่อคุณแม่รู้จักกันแล้ว และคุณมนธิชากำลังจะตามสองพ่อและหนึ่งลูกออกไปคุยกันข้างนอก

แต่เพราะจังหวะนั้นเองที่จู่ๆณัฐวีร์เกิดสะดุดลมหายใจตัวเองจนสำลักไอโขลกขึ้นมา คนทั้งกลุ่มจึงชะงักและหันไปมอง

คุณณฐการีบเข้าไปดูลูกชาย ส่วนคุณมนธิชาก็สะกิดลูกตัวเองเช่นกัน “เอาน้ำไปให้น้องสิแมน”

จังหวะแรกชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นเขาที่จะต้องเอาน้ำดื่มไปให้ แต่พอมองไปเห็นสายตาของมารดาก็บอกให้รู้ว่า..เขา

ต้องรับผิดชอบการกระทำต่างๆที่เกิดขึ้น ไม่ใช่วางมือไม่สนใจอะไรเลยแบบนี้

แม่ของเขาเป็นคนที่ตัดสินใจได้เด็ดขาดและละเอียดอ่อนเสมอ

มกรเดินไปหยิบขวดน้ำและเดินไปที่เตียงคนป่วยทันที ความรู้สึกผิดมันแล่นขึ้นมาเมื่อเห็นอีกฝ่ายไอจนหน้าดำหน้าแดง แต่แล้ว

คนป่วยกลับทำให้ความสำนึกนั้นลดน้อยด้อยลงจนกลายเป็นความโมโหเข้ามาแทนที่ เมื่อเด็กหนุ่มมองไปที่มารดาตัวเอง

“แม่..”

ดวงตาเล็กตี่คู่นั้นไม่หันมองไปที่มกรเลยทำให้ชายหนุ่มเข้าใจได้ทันทีว่าเขานั้นถูกเมินโดยสมบูรณ์แบบแล้ว

เมินกันได้..แต่อย่านึกว่าจะเมินตลอดไปได้

ชายหนุ่มนึกเข่นเขี้ยวอยู่ในใจ ก่อนจะยื่นขวดน้ำให้คุณณฐการับไป เขาหันหลังเดินออกจากห้องนั้นไปก่อนทันที ตามไปด้วย

ผู้ใหญ่อีกสามคน ในห้องจึงเหลือแค่กลุ่มเพื่อนของมกรกับคนป่วยและมารดา

เวลาแห่งการพูดคุยนั้นผ่านไปอย่างเชื่องช้า.. ณัฐวีร์รู้สึกกังวลจนต้องชำเลืองมองประตูเข้าห้องผู้ป่วยบ่อยมาก พ่อต้องรู้เรื่องของ

เขาแล้วแน่ๆ และตอนนี้พวกผู้ใหญ่ก็คงรู้เรื่องแล้วเช่นกัน.. เขาจะทำอย่างไรดี ถ้าพ่อทำอย่างที่พ่อบอก แจ้งความจนต้องขึ้นโรง

ขึ้นศาล..เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ถูกผู้ชายด้วยกันข่มขืน..มีแต่จะอายกับอาย ถ้ามีเรื่องเป็นข่าวพ่อกับแม่ก็ต้องมีผลกระทบไป

ด้วย นักข่าวไร้จรรยาบรรณอาจลงชื่อบิดามารดาของเขา แล้วพวกชอบขุดคุ้ยตามเน็ทก็จะเริ่มทำงาน ข่าวของเขาอาจถูกแชร์ไป

ทั่ว ได้โดนหัวเราะเยาะเย้ยโดยพวกนักเลงคีย์บอร์ดกันอย่างสนุกปาก และร้านอาหารของที่บ้านอาจถึงขั้นไม่สามารถขายต่อไป

ได้หากเจอพวกเกรียนเข้ามาเยาะหยามถึงในร้าน

เด็กหนุ่มฟุ้งซ่านอยู่คนเดียว หัวคิ้วนั้นขมวดมุ่นเข้าหากัน มีแต่เรื่องที่เขาคิดไม่ตกเต็มไปหมด.. ณัฐวีร์ได้แต่ภาวนาให้เรื่องราว

ต่างๆมันผ่านไปด้วยดี เขาไม่อยากให้มันต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่โตกว่านี้ แค่หมอและพยาบาลที่รู้เรื่อง พ่อ แม่ และเพื่อนของ

มกรที่รู้เห็น.. มันก็ทำให้เขาอายจนไม่อยากจะสู้หน้าแล้ว

เสียงประตูเปิดเข้ามาทำให้ทุกคนที่นั่งเงียบอยู่ด้วยกันผวาเฮือก..คุณหมอมาตรวจไข้นั่นเอง

จากคำบอกเล่าของแพทย์ เขามีอาการไม่น่าห่วงมากนักเพียงแต่ต้องรักษาความสะอาดบาดแผล และต้องระวังแขนที่ยังเข้าเฝือก

แล้วหมอก็ออกไป แต่หลังจากหมอออกไปนี่สิที่ณัฐวีร์ทำหน้าไม่ถูกเมื่อมารดามองอย่างสงสัย

เพราะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่แพทย์ต้องตรวจแผลตรงด้านหลังของเขา ซึ่งต้องปิดม่านกันสายตาคนอื่น แม่จะขอเข้ามาดูด้วยว่าเขาเป็น

แผลที่ไหนอีกบ้าง เพราะคาดว่าเดี๋ยวแม่ต้องเป็นคนดูแลทำความสะอาดแผลตรงส่วนนั้นให้ แต่ณัฐวีร์ปฏิเสธเสียงแข็ง เขาไม่

ต้องการให้แม่ได้เห็นร่องรอยนั้น ไม่ว่าจะส่วนใดบนตัวก็ตาม

ดังนั้นเมื่อหมอออกไปจากห้องแล้ว ความอึมครึมจึงเกิดขึ้น แม่หันไปมองหน้ากลุ่มเพื่อนเป็นระยะคล้ายจะถามอะไร ซึ่งทำให้คน

เหล่านั้นทำตัวไม่ถูกไปเหมือนกัน

และก่อนที่อะไรมันจะดูแย่ไปกว่านี้ คนที่ออกไปด้านนอกก็กลับเข้ามา มกรที่รั้งท้ายหันไปปิดประตู.. ครั้นเมื่อหันกลับมาใครๆก็

เห็นว่าชายคนนั้นมีแผลสดใหม่บนใบหน้าหนึ่งแผล..

มันเป็นแผนที่อยู่บนแก้มข้างขวา ทำให้เห็นได้ชัดว่าเป็นแผนใหม่ต่างจากแผลถูกต่อยเดิมบนแก้มข้างซ้าย

แก้มซ้ายนั่นพวกไอ้เอต่อยเพราะมันถนัดขวา แต่แผลใหม่ด้านขวา.. สงสัยจะโดนคนถนัดซ้ายสอยมา..ซึ่งคนที่ถนัดซ้ายไม่ใช่ใคร

นอกจากคุณวีรชาติ พ่อของณัฐวีร์..

“คุณคะ..” ณฐการีบลุกขึ้นไปหาสามีทันที ความร้อนใจของเธอมีมาตั้งแต่คุณหมอออกจากห้องไปแล้ว ยิ่งเห็นว่ากลุ่มคนที่ออกไป

กลับมาด้วยใบหน้าเหมือนจะเคลียร์กันแล้วเรียบร้อย เธอก็ยิ่งอยากรู้..

“เดี๋ยวเราออกไปคุยกันข้างนอก..” คุณวีรชาติบอกภรรยาขณะมองมกรเดินเข้าไปที่เตียงคนไข้แทนที่ณฐกา

“เอาล่ะ.. พวกเราก็ออกจากห้องกันไปได้แล้ว ปล่อยให้เขาสองคนคุยกันเอง เคลียร์ให้ลงตัวนะไอ้แมน อย่าทำอะไรน้องด้วย”

“ครับพ่อ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับคำให้คุณลักษณ์พร้อมรอยยิ้มบางๆ “ผมคุยไม่นานแค่ห้านาที รับรองครับ”

“นัท.. พวกพ่ออยู่หน้าห้องนี่มีอะไรก็ร้องเรียกแล้วกัน”

ดวงตาของคุณวีรชาตินั้นเต็มไปด้วยความสับสน แต่ก็ยังแข็งแกร่งสมกับที่เป็นเสาหลักให้ครอบครัวเช่นเดิม

ว่าแล้วพวกผู้ใหญ่ก็ลากเอาเพื่อนๆของมกรออกไปจากห้องด้วยกัน ทิ้งให้เด็กหนุ่มที่กำลังงุนงงอยู่เพียงลำพังกับชายที่มีใบหน้า
ยิ้มแย้มแถมจับมือเขาไว้เบาๆด้วย

“แม่..แม่ครับ”

เด็กหนุ่มร้องเรียก แต่เหมือนว่าพ่อของเขาจะไม่ได้ปล่อยให้แม่หันมาหาเขาอีก พอประตูปิดลง มกรก็ปล่อยมือจากเขาแล้วทรุดตัว
ลงนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียง

“นะ..นี่มันอะไร..” ณัฐวีร์ร้องอย่างหวาดผวา เขาถอยตัวหนีแต่ด้วยความเจ็บเพราะหมอเพิ่งล้างแผลไปเมื่อครู่เขาจึงขยับได้ไม่
ไกลเกินคืบ

มกรนั้นยักไหล่เบาๆ รอยยิ้มบางๆเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นยิ้มเหี้ยม

“มึงต้องไปอยู่กับกูตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล”

คนฟังเบิกตากว้างขึ้นทันที “อะ..อะไรนะ”

“กูบอกพ่อมึงว่ากูรักมึงมาก เรารักกันมาก แล้วกูก็อยากเอามึงทำเมีย เมื่อคืนกูเลยทำกับมึงครั้งแรก กูใหญ่ไปหน่อย รุนแรงไปนิด

มึงก็เลยเจ็บ พอเจ็บก็เลยงอแงจะเข้าห้องน้ำคนเดียว แล้วมึงก็เลยลื่นในห้องน้ำแขนหัก..”

คนฟังได้แต่อ้าปากค้าง

“ตอนนี้มึงกำลังงอนกู ไม่อยากให้กูเข้าใกล้.. แต่กูขอโอกาสจากพ่อมึงเลยได้มาหนึ่งหมัดเนี่ย.. เจ็บดี กูเกือบสวนไปแล้ว ดีที่ว่ากู

ยังพอระงับอารมณ์ได้ อย่างว่าจะทำงานใหญ่ก็ต้องใจเย็นๆ นี่กูก็ขอคุยกับมึงก่อนที่เขาจะพูดอะไร..ไม่สิ.. ก่อนที่มึงจะพูดอะไร

มากกว่า” แล้วคนพูดก็หัวเราะร่วน

“ผมจะบอกป๊า!” ณัฐวีร์เอ่ยเสียงหนักๆ

“เอาสิ..” ชายหนุ่มยิ้มกว้าง แต่โดยทันทีนั้นเขาก็โผเข้าหาเด็กหนุ่ม

“อื้อ!” แก้มถูกบีบด้วยมือใหญ่ที่ไม่นำพาว่าแก้มซ้ายของณัฐวีร์จะมีแผลอะไรอยู่บ้าง

“แต่หลังจากมึงบอกพ่อมึงแล้ว กูสาบานว่ากูจะทำให้ชีวิตมึงและครอบครัวมึงทั้งชีวิตไม่เป็นสุขอีกเลย..มึงก็รู้ว่ากูทำได้.. พ่อกูเป็น

ตำรวจ กูยิงใครสักคนพิการกูก็ไม่ติดคุกหรอก เริ่มจากใครล่ะ พ่อมึงดีไหม .. ต่อยกูแรงใช้ได้ ฝังตะกั่วเข้าไปที่ขาสักข้างกูว่าพ่อมึง

ก็คงเจ็บพอๆกับกูโดนต่อยล่ะมั้ง”

ใบหน้าคนป่วยซีดลงกว่าเดิม ดวงตานั้นเหลือกค้างอย่างตื่นตกใจกับความคิดของอีกฝ่าย มือที่มีสายน้ำเกลือโยงไว้และกำลัง

ดิ้นรนแกะมือใหญ่หนาถึงกับต้องหยุดชะงักลง

“เอาล่ะ..เราเหมือนจะมีเวลาคุยด้วยกันน้อยมาก เขาให้ไว้แค่ห้านาที คงกลัวกูจะปล้ำมึงในโรงพยาบาลมั้ง  ..ช่างเถอะ..เอาเป็น

ว่ากูอยากให้มึงเข้าใจ ทำตัวว่าง่าย ไม่งอแง.. สิ่งที่กูพูดไปหวังว่ามึงจะเข้าใจ.. ไม่ต้องห่วงกูจะดูแลมึงอย่างดีเลยเชียวไอ้นัท”

ชายหนุ่มปล่อยมือออกจากหน้าขาวซีดแล้วยิ้มให้.. “ทำตัวเป็นเด็กดีนะณัฐวีร์”




(ต่อด้านล่าง)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-11-2013 14:05:39 โดย pae666 »

ออฟไลน์ pae666

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 506
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1



เด็กหนุ่มปิดตาลงช้าๆ ปากที่สั่นระริกร้องถามออกมา “พี่ทำแบบนี้ทำไม ผมไปทำอะไรให้ เรื่องเมื่อคืนผมจะไม่เอาเรื่อง จะบอก

ป๊าว่าไม่ให้เอาเรื่องด้วย ปล่อยผมไปเถอะ พี่จะต่อยผมคืนอีกก็ได้ แต่อย่าทำอะไรป๊ากับครอบครัวผมเลย”

“งั้นมึงก็แค่ทำตามที่กูบอกไง อยู่นิ่งๆไว้”

“อย่าเลย..” ณัฐวีร์เอ่ยออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ สุดท้ายน้ำตาแห่งความอัดอั้นของเด็กหนุ่มก็หลั่งรินออกมาช้าๆ “อย่าทำกับผม

แบบนี้เลย ผมทำอะไรผิด”

“หึ หึ หึ... ผิดที่มึงเมินกูไงไอ้นัท.. คนอย่างกูไม่ใช่มึงจะมาเมินกันได้ง่ายๆ”

“ผมขอโทษ ..ให้ผมกราบก็ได้ อย่าทำแบบนี้เลย” เด็กหนุ่มพยายามยกมือตัวเองที่ยังเข้าเฝือกมา แต่มันถูกพันธนาการไว้จึงไม่

สามารถประกบเข้ากับมือซ้ายได้ เขาจึงเอื้อมมือไปจับข้อมือหนาไว้เพื่อเป็นการยึดอีกฝ่าย และอ้อนวอนขอ

“มึงฟังกูนะ.. มีทางเดียวที่มึงและครอบครัวจะปลอดภัย..” ชายหนุ่มแสยะยิ้มเหี้ยม “มึง..ต้องไปอยู่กับกูที่คอนโด.. ที่ๆมึงถูก

ข่มขืนนั่นแหละไอ้นัท”

ปลายนิ้วแข็งจิ้มลงมาที่หน้าผากก่อนที่ชายหนุ่มจะดึงมึงตนเองออกจากมืออีกฝ่าย

“ไม่เอาน่า อยู่กับกูไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอก.. กูจะดูแลมึงอย่างดีเลยไอ้นัท.. กูรับรอง” มกรยิ้มกว้างพร้อมกับปาดมือเช็ดน้ำตาให้

คนบนเตียง “อ้อ เดี๋ยวกูจะไปเรียกพ่อแม่มึงเข้ามา ป่านนี้พวกผู้ใหญ่เขาคงคุยกันเสร็จแล้ว.. ดีนะเมื่อกี้แม่กูตามออกไปด้วยเลย

คุยกันง่ายหน่อย ถ้าแม่กูไม่ออกไปด้วยกูก็ไม่รู้จะเอาตัวมึงไปกับกูได้ยังไงเหมือนกัน..อ้อ ถ้ามึงตุกติกไม่ยอมไปอยู่กับกูที่คอน

โด.. กูจะลงไปเอาปืนที่รถขึ้นมายิงพ่องซะบนเนี้ย สิ้นเรื่องสิ้นราว”

“ไม่.. ไม่..” เด็กหนุ่มส่ายหน้า น้ำตายังไหลอย่างน่าสงสาร

“งั้นก็ทำตามที่กูบอก”

มกรเช็ดหน้าให้อีกฝ่ายลวกๆก่อนจะก้มลงจูบที่หน้าผากนั้นเบาๆ “ไม่เอาน่าที่รัก.. เดี๋ยวมึงก็จะได้ไปอยู่กับกูแล้ว กูรับรองมึงจะ

เมินกูไม่ได้แบบเมื่อกี้อีกแน่ๆ”

ร่างสูงเดินผิวปากเบาๆไปที่ประตู เขาเปิดให้คนที่รออยู่ข้างนอกเข้ามาด้านในและบอกกับคนเหล่านั้นว่าตกลงกับณัฐวีร์เรียบร้อย
แล้ว

คุณณฐกานั้นมีความเป็นแม่สูงมาก เธอไม่ได้หยุดฟังการบอกเล่าของชายหนุ่มแต่เดินเลยเข้าไปหาลูกชายที่นอนหลับตานิ่งสะกด

ความรู้สึกอยากร้องไห้อยู่บนเตียง

“นัท..มีอะไรทำไมไม่บอกแม่” เธอลูบศีรษะลูกชายเบาๆ แต่เพียงแค่นั้นก็ทำให้น้ำตาของณัฐวีร์ไหลออกมาอีกแล้ว

“นัทขอโทษครับ.. นัทขอโทษ” เด็กหนุ่มไม่รู้จะพูดอะไรให้ดีไปกว่านั้น.. ความจริงมันจุกอยู่ในอก ก้อนสะอื้นมันกลั้นเสียงอยู่ใน

คอ.. อย่างดีเขาก็แค่บอกได้เพียงว่า.. ลูกของแม่คนนี้หาเรื่องเดือดร้อนมาให้แม่มาให้ครอบครัว โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าเขาจะแก้ไข
มันได้อย่างไร

“แล้วนี่คุยกันรู้เรื่องแล้วใช่ไหม” คุณลักษณ์เอ่ยถามลูกชาย

“รู้เรื่องแล้วครับ.. นัทจะไปอยู่กับผมที่คอนโด”

คราวนี้มีเสียงฮือฮาจากกลุ่มเพื่อนของมกรดังขึ้น แต่พวกผู้ใหญ่ต่างมองหน้ากันคล้ายจะโล่งอก

ณัฐวีร์มองมารดาด้วยแววตาหมดหนทาง ดวงตานั้นฉ่ำชื้นไปด้วยหยาดน้ำ

“ไม่..” เสียงปฏิเสธมาพร้อมกับแรงส่ายหน้าช้าๆเหมือนว่าจะหมดแรง มือน้อยสั่นระริกจับมือที่เย็นพอกันของมารดาแน่น

“ไม่เอาน่านัท อย่างอแงสิครับ” มกรหัวเราะแผ่วเบาแล้วเดินเข้าไปยืนใกล้ๆแม่ลูกคู่นั้น เขามองจ้องลึกเข้าไปในดวงตาที่เต็มไป

ด้วยหยาดน้ำตา “ถ้านัทจะมาหาป๊ากับแม่เดี๋ยวพี่ก็พามาได้”

“ผม.. ฮึก..” เด็กหนุ่มสะอื้นจนตัวโยน แรงกดดันจากดวงตาคู่นั้น ความจริงที่เขาต้องเผชิญในเรื่องที่เขาไม่สามารถปกป้อง

ครอบครัวได้.. ดวงตาคู่เรียวมองเลยไปยังบิดาของมกร.. ภายใต้เครื่องแบบตำรวจ..เขาพึ่งพาคนๆนี้ไม่ได้ และคนๆนี้อาจเป็นภัย

คุกคามครอบครัวเขาในภายหลังด้วยซ้ำ ลูกใครๆก็รัก ถ้าให้เลือกว่าจะต้องเข้าข้างใคร พ่อก็ต้องเข้าข้างลูก

เขามองไปที่บิดาตนเอง.. ความจริงทุกอย่างเขาก็บอกป๊าไม่ได้เหมือนกัน จะให้ป๊าต้องมาเจ็บปวดไม่ได้ ถ้าคำขู่ของมกรเป็น

ความจริง เขาจะถูกชายหนุ่มตรงหน้านี้คุกคามไปตลอดชีวิต เขาจะเสี่ยงให้ป๊ามาเป็นคนพิการไม่ได้ แม่จ๋า..แม่จะเสียใจแค่ไหน

กันถ้าครอบครัวต้องล่มสลาย กิจการต้องพังลงเพราะความดื้อดึงเห็นแก่ตัวของเขาเพียงคนเดียว

ณัฐวีร์สะดุ้งเฮือกเมื่อมือซ้ายของตนเองถูกปล่อยออกจากมือแม่แล้วตกไปอยู่ในมือมาร..

มกรรวบเอามือคู่นั้นไว้บีบมันเบาๆ “ไม่งอแงนะครับ เราคุยกันแล้วนี่นา..ไปอยู่กับพี่นะ..”

ประโยคสุดท้ายเขาบีบมือนั้นหนักจนเด็กหนุ่มหน้าเสีย.. ณัฐวีร์หลับตาลงปล่อยให้น้ำตาไหลลงข้างแก้ม..

จะเป็นอย่างไรถ้าเขายังดันทุรังอยู่แบบนี้ ขนาดต่อหน้าแม่ มันยังกล้าดึงมือของเขาไป และทำให้เขาเจ็บ ถ้าเขายังต่อต้านมัน มี

หวังมันคงทำตามที่พูดแน่ๆ
แต่..

ณัฐวีร์สะอื้นแรง เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นมองเห็นใบหน้าคมคายนั้นจ้องที่เขาเขม็ง..

ก็ได้..นี่คือการดิ้นรนหนสุดท้ายของเขา..

“ผม..อยากอยู่ที่บ้าน..” แล้วณัฐวีร์ก็หลับตาลง “ให้ผมหายดีก่อนแล้วผมจะไปอยู่กับพี่แมนนะครับ..ใกล้สอบแล้วด้วย แขนข้าง

ขวามาหักแบบนี้ผมคงดูแลพี่แมนไม่สะดวกแน่ๆ พี่เองก็คงต้องอ่านหนังสือ ผมไม่อยากไปเป็นภาระ.. ให้ผมหายดีก่อนนะ ผมจะ
ไปอยู่ด้วย..”

“แต่ว่า..”

“นะครับ.. พี่แมนไม่สงสารผมเหรอ เป็นแบบนี้ผมคงลุกลำบาก ห้องน้ำพี่ก็ลื่นมาก เกิดผมไปหกล้มแข้งขาหักไปอีกผมคงเป็นคน

พิการที่พี่ไม่รับเลี้ยงแน่ๆเลย ผมอยู่ที่บ้านไม่ได้ไปไหน จะมาหาก็มาได้เสมอ” เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นมองแล้วฝืนยิ้มด้วยปากที่สั่น

ระริก “รักผม..ก็ตามใจผมหน่อยเป็นไรครับ”

ช่างต่อรองนัก.. มกรเข่นเขี้ยวทั้งยิ้มหวาน

“ตามใจน้องหน่อยแล้วกัน เจ็บแบบนี้คงอยากอยู่บ้านตัวเองมากกว่า คอนโดมันไม่สะดวก เดี๋ยวถอดเฝือกแล้วเราค่อยรับน้องมา

อยู่ที่คอนโดด้วยกัน” คุณมนธิชาบอกกับลูกชาย

เมื่อครู่ตอนที่ทราบความจริงเรื่องบุตรชายของเธอมีคนรักเป็นเพศเดียวกัน เธอก็รู้สึกงุนงงไปแล้ว แต่เพราะเธอได้เผชิญความ

เปลี่ยนแปลงในธุรกิจมามากมายจึงทำให้ยอมรับข้อมูลและการเปลี่ยนแปลงได้ง่ายมาก การตัดสินใจอย่างปัจจุบันทันด่วนเป็น

เรื่องที่นักธุรกิจต้องมี เธอจึงได้แต่บอกให้ลูกชายเลือกว่าจะทำอย่างไรต่อไป

แล้วลูกชายของเธอก็เลือกการใช้ชีวิตอยู่กับคนรัก ผลมันจึงออกมาเป็นอย่างนี้ เธอให้อิสระกับลูกเสมอ ลูกอยากได้แบบไหนเธอ

ก็ให้ได้ ลูกอยากได้อะไรเธอก็จัดหา

“เอาเป็นว่าหมดเรื่องแล้วฉันไปก่อนล่ะคุณลักษณ์ พี่มนไปก่อนนะคะน้องไก่ พี่ได้เบอร์น้องจากคุณวีแล้ว เดี๋ยวบ่ายๆจะโทรหานะ

นี่พี่เลื่อนประชุมมาเป็นชั่วโมงแล้วขอไปเคลียร์งานก่อน..อ้อ นี่เบอร์โทรพี่ ถ้ามีอะไรด่วนโทรหาพี่นะไม่ต้องเกรงใจ”

สองคุณแม่สวมกอดกันพลางเอ่ยคำลา ส่วนบิดาของมกรก็ดูเหมือนจะแยกไปพร้อมกัน

“เรื่องค่าใช้จ่ายไม่ต้องห่วงนะครับ.. ทางผมดูแลให้เอง” นั่นเป็นประโยคสุดท้ายก่อนคุณลักษณ์จะปิดประตูออกไปจากห้อง

คุณวีรชาติมองบุตรชายตนเองแล้วเดินเข้าไปลูบหัวเบาๆ การไต่ถามอะไรให้ลูกชายลำบากใจต่อหน้านอื่นนั้นถือเป็นเรื่องที่ไม่

ฉลาดเลย คุณวีรชาติรู้ ท่านจึงเอ่ยว่า “งั้นเดี๋ยวป๊ากลับไปเอาของมานอนเฝ้าไข้นัทแล้วกัน”

“นัทอยู่ได้” เด็กหนุ่มรีบบอกแต่บิดาส่ายหน้า

“จะเข้าห้องน้ำห้องท่ามันลำบาก แม่เขาดูแลเราไม่ไหวหรอก”

เหตุผลนั้นทำให้ณัฐวีร์ยอมพยักหน้ารับ

“แล้วให้ไก่กลับไปด้วยไหม?”

“ไก่อยู่ดูลูกก็ได้ เผื่อนัทมันจะเอาอะไร”

มกรจึงรีบพูดขึ้นมาทันที “ไม่เป็นไรครับ ผมดูน้องให้เอง”

ประโยคนั้นเล่นเอาคนฟังถึงกับมองหน้ากันเลยทีเดียว เมื่อครู่เจ้าตัวยังทำเหมือนวางเฉยเรื่องการเฝ้าไข้อยู่เลย ไม่เห็นได้

ออกปากสักคำว่าจะอยู่เฝ้าให้ ถึงแม้จะมีนางพยาบาลพิเศษที่จ้างมา แต่ยังไงก็ควรมีคนที่จะต้องอยู่ด้วยกับคนป่วยถึงจะถูก

ครั้นพอมีคนเสนอมาแบบนี้คุณณฐกาจึงเอ่ยถาม “เธอ..เอ่อ..ไม่มีเรียนหรือไง”

“ไม่มีครับ..” คนถูกถามรีบตอบไปทันที ให้ผู้ใหญ่กลับไปให้หมดก่อน เดี๋ยวจะได้มีเคลียร์ “ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมดูแลได้”

ณัฐวีร์ทำท่าจะเอ่ยปากพูด แต่ก็ต้องเงียบเสียงลงเมื่อสายตาของมกรหันมามองนิ่งๆ บางทีเด็กหนุ่มเองก็คงต้องโอนอ่อนผ่อนตาม

บ้าง ขวางน้ำเชี่ยวมากๆก็มีแต่จะเสีย

“แม่ไปเถอะครับ..นัทอยู่ได้..”

คำพูดประโยคนั้นจึงกลายเป็นการอนุญาตและเปิดโอกาสให้มกรได้หย่อนตัวนั่งลงบนเตียงคนป่วยพร้อมทั้งใช้มือบีบคางบังคับ

หน้าของณัฐวีร์ให้หันไปหาทันทีที่ผู้ปกครองของเด็กหนุ่มออกไปจากห้อง

“มึงนึกว่ามึงเก่งนักหรือไง ห๊ะ!”

“ผมไม่ได้เก่ง..” ณัฐวีร์พูดออกไปเสียงเบา.. อย่างไรเสียเขาก็ยังเป็นเด็กวัยรุ่นทั่วไปที่ทำยังไงก็ยังไม่ได้มีความคิดความอ่านรอบ

ตัวเหมือนผู้ใหญ่หรอก การแก้ปัญหาของเขาทำได้ก็แค่โอนอ่อนผ่อนตาและหาทางอยู่รอดให้ได้โดยไม่ให้ใครเดือดร้อนเท่านั้น
เอง

“หรือมึงนึกว่ามึงจะหนีกูได้ ไปอยู่บ้านมึงกูก็จะตามไปหาที่บ้าน.. ไปนอนบ้านมึง ไปพามึงออกมาจากกระดองของมึง”

“แล้วแต่พี่เถอะครับ! อย่างน้อยถ้าผมจะต้องไปอยู่ที่คอนโดนั่นจริงๆ ผมก็อยากให้ตัวเองพร้อม ถ้าต้องไปทั้งที่พิการแขนไปข้าง
หนึ่งผมก็ยังไม่อยากไป”

“มึงจะสู้กูหรือไง มึงคิดว่าแรงมึงจะพอสู้กูเหรอ ห๊า!” ชายหนุ่มบีบมือข้างดีที่มีเข็มน้ำเกลือเจาะไว้จนเลือดทะลักเข้าไปในสายน้ำ
เกลือ

พอเห็นแบบนั้นแชร์ก็เลยรีบออกหน้าทันที “เฮ้ยๆ ไอ้แมน น้องมันเจ็บอยู่นะ”

“มึงไม่ต้องยุ่งไอ้แชร์ ..เด็กเหี้ยนี่ถ้าไม่เอาให้อยู่มือแม่งคงหลงระเริงคิดว่ากูอ่อนให้มันแน่ๆ ..มึงรู้ไว้เลยนะ ที่กูไปจีบมึงน่ะ กูทำ

เพราะพนันกันไว้ กูไม่ได้พิศวาสอะไรมึงเลย”

ความจริงที่ได้รู้ทำให้ใจเจ็บดีพิลึก แต่ณัฐวีร์น่ะถอนตัวมาได้ระดับหนึ่งแล้ว เพราะฉะนั้นให้รู้ตอนนี้น่ะดีแล้ว เขาต้องขอบคุณจริงๆที่

บอก เขาจะได้ถอนตัวถอนใจทั้งหมดได้ทัน

“และที่กูจะพามึงไปอยู่ด้วย ก็อย่าหวังว่ามึงจะไปนั่งชูคออยู่ในบ้านกูได้.. กูจะทำให้มึงรู้ว่าเวลาที่อยู่กับกูน่ะ มึงต้องสนใจแค่กู
เท่านั้น”


“พี่ป่วยไปแล้วหรือไง เรียกร้องความสนใจเป็นเด็ก”

“ไอ้เหี้ย!” มกรด่าเสียงลั่นพร้อมกับเงื้อมือขึ้นสูงหวังจะฟาดเด็กหนุ่มให้หายแค้น แต่มือนั้นกลับถูกยึดไว้ด้วยมือของเพื่อนตัวเอง

“ไอ้แมน..พอได้แล้ว! มึงทำเกินไปแล้วนะเว้ย เด็กมันก็ยอมทุกอย่างแล้วมึงจะเอาอะไรกับมันอีก” แชร์รีบพูดเตือนสติ “น้องเองก็

เหมือนกัน นอนป่วยอยู่ก็อย่าปากดีนัก ถ้ามันเอาจริงขึ้นมาพวกพี่ก็ล่ามมันไว้ไม่อยู่นะ”

“สัตว์แชร์ กูไม่ใช่หมานะ” มกรดึงมือออกจากมือเพื่อนแล้วผุดลุกออกจากเตียงเดินหนีไปทิ้งตัวลงบนโซฟา

“มึงก็เหมือนหมาบ้าอยู่เนี่ยไอ้แมน” แชร์เองก็เดินมาทิ้งตัวนั่งอยู่ด้วยกัน ปล่อยให้เพื่อนอีกสองคนนั่งหน้าเจื่อนอยู่ที่โซฟาห่าง
ออกไป

“น่า.. มึงก็รอดูมันไป แขนหักเดี๋ยวอีกสักเดือนก็หาย ค่อยลากมันไปปู้ยี่ปู้ยำก็ได้ ใจเย็นๆ”

“กูจะเล่นแม่งทั้งที่แขนหักๆเนี่ยแหละ.. กูจะใช้อภิสิทธิ์ของคำว่าแฟน เข้าไปเหยียบบ้านมัน นอนกับมัน ให้มันรู้ไปว่ามันหนีกูไม่
ได้”

“เออ มึงมันเก่ง กูจะคอยดู กูถือว่ากูมีส่วนรู้เห็นและเป็นต้นเหตุให้น้องมันเป็นแบบนี้.. กูจะตามดูมัน ตามดูมึงด้วยไม่ให้มึงทำอะไร
รุนแรง”

“ห่า..” มกรหัวเราะร่วน “มึงเห็นกูเป็นอะไรเนี่ย”

“ตอนนี้มึงเหมือนหมาบ้า..” คนพูดหัวเราะตอบเช่นกัน “ส่วนไอ้เด็กนั่นบ้ากว่าที่กล้าต่อล้อต่อเถียงกับมึง.. โคตรนับถือมันเลย เป็น

กูโดนแบบนี้มึงบอกยังไงกูก็ว่าตามนั้นแล้ว เด็กอะไร”

“เด็กเชี่ยไง” แล้วสองคนเพื่อนรักก็หัวเราะกันร่วนมองไปยังร่างคนป่วยบนเตียง

หลังเสียงหัวเราะยาวของคนทั้งคู่ มกรแค่นยิ้มเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มเบือนหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างแทนที่จะมองเพดานนิ่งๆ

แล้วเขาก็พูดเสียงดังขึ้นว่า “นี่ถ้าหน้าตามันดีหน่อย แล้วมึงเกิดเหงาๆนะเว้ย กูจะให้มึงกินมันแก้เซ็ง”

หลังประโยคนั้น มือเล็กบนเตียงค่อยๆกำผ้าปูเตียงแน่นด้วยความเจ็บยอกในใจ ซึ่งสร้างความสะใจเล็กๆให้กับมกรจนยิ้มกว้าง

“เหี้ยแมน มึงนี่มันชั่วจริงๆว่ะ กูสนใจผู้ชายที่ไหนล่ะ”

“แล้วเสือกเลือกมันมาให้กูทำเหี้ยอะไร”

“ก็กูคิดว่าจะได้แดกเงินมึงง่ายๆไง นี่อะไรวะ เงื่อนไขแรกมึงก็เรียบร้อยไปแล้ว เงื่อนไขสองอีกเดือนนึง เงื่อนไขสามอีกสามเดือน

มึงวางแผนไว้ใช่ไหมเนี่ยถึงจะพาน้องมันไปอยู่ด้วยกันเนี่ย”

“สัตว์.. รู้ทัน..เตรียมจ่ายเงินได้เลยมึงอ่ะ”

แล้วเสียงหัวเราะร่วนของเพื่อนรักก็ดังมาเป็นระยะๆ

สามเดือน... สามเดือนงั้นหรือ? ถ้าต้องทนใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้ชายโรคจิตคนนี้ไปสามเดือนเขาจะไหวไหม.. ณัฐวีร์ถามตัวเอง

ก่อนจะได้คำตอบว่า.. ต้องไหว.. ต้องอยู่ให้ได้ สามเดือนเท่านั้น แล้วฝันร้ายนี้ก็จะผ่านไป



...
TBC




เจอกันตอนหน้าค่ะ  :mew1:

ออฟไลน์ pornumpai-ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
 :hao5: :hao5: :hao5:

สงสารนัทอ่าาาา  หนุกดีชอบๆๆๆๆๆ

มาต่อไวๆ น้าาาาาา  รออ่านยุ  มันค้าง!!!!!!

 :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
ชีวิตต้องสู้นะลูก อย่าเอาแต่ยอมค่ะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ยังยืนยันคำเดิมอยู่ เลว

sunshinesunrise

  • บุคคลทั่วไป
เราว่า... มกร กับเพื่อนๆทุกคน.. ควรได้รับการบำบัดจากจิตแพทย์.... ด่วนๆ

ออฟไลน์ Damon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
ชอบค่ะ ต้องรอดูกรตกม้าตาย เห็นเชื่องมาหลายรายแล้ว ร้ายแบบนี้

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
อ่านแล้วหดหู่มาก นิสัยโคดแย่
ทั้งมกรและเพื่อน เพื่อนเหมือนจะดี
แต่สุดท้ายก็เอาสนุก เห้อออ
นึกภาพไม่ออกว่าน้องจะแก้เผ็ดได้ยังไง
เพราะคนอย่าง มกร ไม่น่าจะรักหรือยอมใครง่ายๆแน่

ออฟไลน์ Paracetamol

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-2
เลวจริงๆว่ะ
ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ wi_OoO_wi

  • payaaa payaaa padazz taa
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-1
ยาวค้าาาาาาา  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

อั๊ยย้ะ พ่อแมนแกโหดอ้ะ  :m4:

แกล้งเด็กไปเลย คะแนนสงสารจะได้เยอะๆ :m12: :m12:

ออฟไลน์ pae666

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 506
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
หายไปนานอาทิตย์นึง คิดถึงกันบ้างรึเปล่า  :mew1:

แมนนี่เลวววววว จริงๆค่ะขอบอก อ่านไปอ่านมาแล้วอยากทำร้ายร่างกายนังแมนจริงๆ (ชื่อไม่เข้ากะตัวเลย ชิ..)  :katai1:

ลุยตอนใหม่กันเลยค่ะ  :katai4:

=========================

ตอนที่ 7



มันเป็นความเข้าใจผิดอย่างมหันต์ที่คิดว่าอยู่บ้านตัวเองแล้วจะรอดพ้นการติดตามของมกร

หนึ่งอาทิตย์หลังออกจากโรงพยาบาล สถานที่ที่ณัฐวีร์ไปมากที่สุดคือโรงเรียน เพราะมันเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการสอบ ตอนไป

เรียนคุณวีรชาติเป็นคนไปส่ง แต่ขากลับมีคนไปรับกลับ คนๆนั้นจะอยู่ที่บ้าน ทานมื้อเย็นจนดึกแล้วจึงกลับคอนโดตัวเอง

มีคนบอกว่า ยิ่งเกลียดอะไร ก็จะได้เจอแบบนั้นบ่อยถึงบ่อยมาก ตอนนี้ณัฐวีร์เกือบจะเชื่อแบบนั้นแล้ว เพราะนี่เจอกันทุกวันเลย

“กลับบ้านใช่ไหม”

นั่นเป็นคำเอ่ยเหมือนถามลอยๆเมื่อเขาก้าวขึ้นมานั่งบนรถโดยไร้การช่วยเหลือ มือซ้ายข้างดีค่อยๆดึงสายเบลท์มาอย่างทุลักทุเล
เสียบเข้ากับที่ล็อคพร้อมกับตอบคำถาม

“วันนี้ต้องไปซื้อหนังสือที่ศูนย์หนังสือจุฬาครับ”

“แล้วทำไมไม่บอกกูก่อน”

เด็กหนุ่มเมินออกไปนอกหนาต่าง “อาจารย์เพิ่งสั่งครับ บอกว่าให้ลองอ่านศัพท์ในหนังสือดู”

“จะออกข้อสอบสินะ..”

“สงสัยจะเป็นแบบนั้นครับ”
เสียงพ่นลมหายใจดังหึจากคนขับแล้วรถก็เคลื่อนออก

“ผมเคยบอกแล้วว่าถ้าพี่ไม่สะดวกไม่ต้องมาก็ได้ ผมไปกับเพื่อนได้”

“กูก็บอกแล้วว่าถ้ากูจะมา มึงก็ห้ามกูไม่ได้”
ชายหนุ่มหมุนพวงมาลัยนำรถออกสู่ถนนใหญ่ คันเร่งถูกลงน้ำหนักมากขึ้นเพื่อให้รถพุ่งทะยานไปตามถนนว่างโล่ง โรงเรียนหลายโรงเรียนเริ่มเข้าสู่ช่วงสอบ บางที่เริ่มปิดเรียนแล้วอีกทั้งนี่ก็เป็นเวลาบ่ายกว่าๆเท่านั้นไม่ใช่เวลาเลิกงาน ถนนจึงยังโล่งอยู่ค่อนข้างมาก

“ผมไม่อยากให้พี่ลำบาก..”

“มึงอย่ามาโกหกหน่อยเลย มึงก็แค่ไม่อยากเจอกูเท่านั้นหรอก”
ณัฐวีร์หลบตามองออกไปนอกรถ.. ก็จริง ไม่ได้อยากเจอเป็นอันดับแรก แต่ก็ไม่อยากให้ลำบากด้วย เพราะถ้ามกรลำบาก ตัวเขาเองก็จะลำบากมากกว่าเป็นสองเท่า

อย่างเมื่อสามวันก่อน แทนที่เขาจะได้พักสบายๆ มกรกลับลากเขาออกไปดูหนังด้วยกัน ปฏิเสธก็ไม่ได้  แล้วดูสภาพสิ แขนก็ไม่ดี กินยาเข้าไปก็ง่วงอยากนอน อ่านหนังสือดึกพอมาเจอแอร์เย็นๆมันก็ง่วง สุดท้ายกลายเป็นเขานั่งหลับโงกไปมาจนหนังจบ
แล้วก็กลับบ้านมาด้วยกัน ส่งเขาลงแล้วตัวเองก็ขับรถกลับคอนโด.. ลำบากไหมล่ะ

ภายในรถมีเสียงเพลงเปิดอยู่เบาๆ เพียงไม่นานรถยุโรปคันใหญ่ก็เลี้ยวชะลอลงที่หน้าศูนย์หนังสือ
“ลงไปซื้อ รีบซื้อด้วยกูขี้เกียจวนหาที่จอด ซื้อเสร็จแล้วโทรมาจะวนมารับตรงนี้”
ณัฐวีร์รีบลงจากรถแล้วเดินเข้าไปซื้อหนังสือ เขาไม่รอให้เสียเวลารีบเอารายการไปส่งให้เจ้าหน้าที่ทันที อยากจะเอ้อระเหยดูหนังสืออยู่หรอกแต่ทางที่ดีการให้ฝ่ายนั้นรอ..เป็นอะไรที่ไม่ฉลาดเลย

ไม่นานเขาก็โทรไปหา พอเจ้าตัวขับรถมาถึงเขาก็ต้องใช้มือที่ถือถุงหนังสือนั่นเปิดประตูแล้วพาตัวเข้าไปในรถอย่างทุลักทุเลอีกครั้ง..

ไม่มีเสียงพูดคุยกันในรถ มีแต่เสียงเพลงดังเบาๆ ไปตลอดทางจนถึงที่จอดรถด้านหลังร้านอาหารของครอบครัว ณัฐวีร์พยายามใช้แขนเดียวเก็บหนังสือเข้ากระเป๋าเป้ ปลดล็อคเบลท์ เปิดประตูเพื่อจะออกไปพบว่าคนขับรถลงไปยืนรอกดรีโมทล็อครถอยู่โน่นแล้ว

“เร็วหน่อยไม่ได้หรือไง..กูปวดหัว” ชายหนุ่มร้องอย่างหงุดหงิด
ณัฐวีร์จึงรีบก้าวไปหา เขาน่ะขี้เกียจจะพูดว่า “แล้วจะมาทำไม” เพราะพอพูดไปเดี๋ยวก็สวนกลับมาอีก เด็กหนุ่มเลยเลือกที่จะเงียบไว้ดีกว่า

“เอาเป้มา”
พอเดินเข้าไปใกล้ เจ้าตัวก็พูดเหมือนทุกวัน.. ปฏิบัติการเอาหน้า เริ่มด้วยกันทำตัวแมนสมชื่อ.. แต่เขาชักอยากจะเรียกมันว่าแม้นศรีตามเพื่อน.. เป็นผู้ชายที่ขี้บ่นที่สุดในโลกหล้า.. ขี้บ่นกว่าแม่ไก่อีก บ่นได้ทุกเรื่อง บ่นได้ตลอด หยาบคายทั้งตอนอยู่หลังพวงมาลัยและอยู่ต่อหน้าคนอื่น (ยกเว้นอยู่ต่อหน้าพ่อแม่เขานะ ทำตัวเรียบร้อยเป็นผ้าพับเลยล่ะ)
เด็กหนุ่มยื่นเป้ไปให้แล้วเดินตามพลางทำสีหน้าเหม็นเบื่อเมื่อเห็นว่ามีคนงานยื่นหน้าออกมายิ้มทักทายแล้วคงผลุบเข้าไปรายงานแม่ที่อยู่ตรงเค้าเตอร์เก็บเงิน

“กลับมาแล้วเหรอนัท..” แม่ร้องทักพร้อมกับรับไหว้มกร เธอยิ้มให้พลางมองหน้าชายหนุ่มอย่างพินิจ “เป็นอะไรหรือเปล่าแมน.. ทำไมหน้ายุ่งอย่างนั้นล่ะ”
แม่..กลายเป็นแม่ของนายมกรไปด้วยแล้ว แต่ป๊ายังเป็นป๊าของเขาคนเดียว...

“ผมปวดหัวครับ..” ฝ่ายนั้นตอบพร้อมกับวางกระเป๋าเป้ไว้หลังเค้าเตอร์เก็บเงิน

“ไม่สบายหรือเปล่า” คุณณฐกายื่นมือมาจับแขนลูกชายคนใหม่เป็นการวัดไข้

“น่าจะเพราะอากาศร้อนไมเกรนเลยขึ้นน่ะครับแม่”

“แบบนี้ก็แย่สิ แล้วยังอุตส่าห์ไปรับนัทมาอีก ทีหลังไม่ไหวก็บอกแม่ได้นะ จะได้ให้ป๊าไปรับน้อง”
ชายหนุ่มยิ้มบางๆ “ไม่เป็นไรครับ ผมไปรับไหว คุณวีคงยุ่งเรื่องร้าน”
เห็นไหม ป๊ายังเป็นป๊าของณัฐวีร์อย่างเต็มภาคภูมิ
คุณณฐกายิ้มให้ “ปวดหัวก็ให้นัทพาขึ้นไปนอนข้างบนแล้วกันนะ”

“ยาอยู่ในตู้ชั้นสอง”
ณัฐวีร์ทำตาปริบๆ มองคนพูดลอยๆ ที่นั่งอยู่หลังเครื่องเก็บเงิน.. ป๊ายังเป็นป๊าของเขาคนเดียว..ใช่ไหม?..
คุณณฐกามองสามีแล้วยิ้ม.. การเปิดใจให้กับคนรักเพศเดียวกันของลูกเป็นเรื่องยากทำใจ แต่สามีเธอกำลังพยายามอย่างเต็มที่ มันเป็นข้อตกลงระหว่างเธอและสามี..
จริงอยู่ว่าคุณวีรชาติโกรธที่ลูกเขยทำให้ลูกชายต้องเข้าโรงพยาบาล แต่การที่ลูกชายพาคนรักเข้าบ้านมาทุกวัน ก็เป็นการแสดงออกได้ว่าสองคนเขารักกันจริงๆ มันจึงเป็นเรื่องที่ต้องทำใจ ใช่แต่จะมาตั้งแง่ไม่ยอมรับกัน..
ซึ่งถ้าทั้งสองคนได้รู้ว่าลูกชายถูกข่มขู่อะไรมาบ้าง.. มีหวังคงมีคนลมจับและมีใครได้นองเลือดแน่ๆ

“ไปพักข้างบนกันเถอะลูก นัทพาพี่เขาไปนอนไป๊ เอายาแก้ปวดให้พี่เขาสองเม็ดนะ พักสักชั่วโมงน่าจะดีขึ้น.. แล้วอยากทานอะไรกันเย็นนี้..แม่จะทำไว้ให้”

“อะไรก็ได้ครับ..แม่ทำอะไรก็อร่อย..”
เป็นคำตอบของลูกคนใหม่ที่ณัฐวีร์ได้ฟังแล้วต้องยกมุมปากหึ!
ไม่รู้มันเป็นอะไร ติดใจอาหารฝีมือแม่เขาชนิดว่าติดหนึบ เข้าบ้านมามันจะนั่งคุยกับแม่เขาเป็นอันดับแรก คุยกันตลอด จนบางทีคนที่นั่งอยู่ด้วยอย่างเขารู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน
เรื่องที่คุยก็ไม่มีอะไรมาก ดินฟ้าอากาศ การเรียน เพื่อน เรื่องรถติด นกขี้ใส่รถ เจอหมาวิ่งตัดหน้ารถมันยังขุดมาเล่าเลย แม่ก็พลอยผสมโรงคุยเล่นไปกับมันด้วย

“แมนเขาคุยสนุกนะ ถึงว่าทำไมนัทไปชอบพี่เขา”
ตอนแม่พูดประโยคนั้น เขาเองก็ยิ้มตอบไปเพลียๆ เหมือนกัน
เวลาพวกเขาอยู่ด้วยกันสามคนพ่อแม่ลูก แม่จะเป็นคนหาเรื่องมาเล่าให้ฟังเสมอ ส่วนป๊ากับเขาจะเป็นคนนั่งฟัง มีแจมบ้างเป็นระยะๆ คราวนี้พอมีมกรเข้ามาเพิ่มอีกหนึ่งคน แถมเป็นพวกพูดเยอะพูดเก่ง คุณแม่ก็เลยมีความสุข ส่วนเขาพ่อลูกก็ได้เป็นผู้รับฟังที่ดีต่อไป

ณัฐวีร์เดินนำขึ้นมาบนห้องตัวเอง ถึงจะมาที่นี่หลายวันแล้ว แต่มกรไม่เคยได้ขึ้นมาบนห้องนี้เลย เพราะส่วนใหญ่ก็คุยกันด้านล่าง ดูโทรทัศน์กันที่ชั้นสองเป็นหลัก
ห้องของณัฐวีร์ก็เป็นห้องรกๆ ของเด็กผู้ชายทั่วไป ดีหน่อยก็ตรงที่มีแม่คอยให้คนงานมาช่วยดูแลเก็บปัดกวาดให้มันสะอาด แต่แค่วันเดียวมันก็รกได้

และเพราะเป็นห้องของเด็กผู้ชาย.. ของส่วนใหญ่จึงเป็นการ์ตูน เกม เครื่องคอมพิวเตอร์ และโปสเตอร์นักฟุตบอล เตียงก็เป็นเตียงขนาดนอนคนเดียว
เมื่อเปิดประตูเข้าห้องไป ภาพที่มกรเห็นคือเตียงเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ข้างข้างหน้าต่าง ห้องสีฟ้าที่รกเต็มไปด้วยโมเดล แปะโปสเตอร์นักฟุตบอลเกลื่อนไปหมด ดูแล้วต่างจากห้องพักของเขาอย่างหน้ามือเป็นหลัง...

“นั่งบนเตียงก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวผมเอาน้ำให้”
เด็กหนุ่มชี้ไปที่เตียงพร้อมกับยื่นซองยาให้ เขาผลุบหายออกไปจากห้องครู่เดียวก็มีขวดน้ำถือติดมือมา

“พี่ไม่ได้เป็นไข้น่าจะดื่มน้ำเย็นนิดหน่อยได้..นี่ครับ”
ณัฐวีร์ส่งมาให้ทั้งขวด เขาคิดว่ามือเจ็บแบบนี้คงไม่ต้องถึงกับใช้ปากเปิดให้หรอกมั้ง.. แต่ก็โดนแม้นศรีบ่นจนได้

“ทำไมไม่เอาน้ำเทใส่แก้วมาเลย น้ำนั่นก็ได้”
แล้วเจ้าตัวก็ชี้ไปที่เหยือกน้ำตรงหัวเตียงที่เจ้าของห้องมักจะมีไว้เพื่อดื่มแก้กระหายยามดึก มันเป็นน้ำที่ถูกเปลี่ยนไว้ทุกวัน แต่ใครจะไปรู้ว่าคุณชายอย่างนี้จะดื่มน้ำในห้องเขาได้ อุตส่าห์เดินไปหยิบน้ำจากตู้เย็นมาให้ โดนบ่นอีกจนได้
เขาไม่ต่อล้อต่อเถียง แค่เดินไปนั่งลงที่โต๊ะคอมแล้วเปิดมันเท่านั้น ได้ยินเสียงจากด้านหลังเป็นการแกะพลาสติกหัวขวดแล้วบิด คงกำลังกินยาแหงๆ อึดใจต่อมาก็มีเสียงเอนกายลงนอน
รออยู่ครู่หนึ่ง เสียงผ้าที่เสียดสีกันก็ยังไม่หยุดลง เขาอุตส่าห์นั่งอยู่รอให้หลับแล้วค่อยแว่บไป นี่ก็ยังไม่ยอมนอนเสียที

“จะเล่นคอมทำไมไฟมันแยงตา..”
หือ?.. ณัฐวีร์ขมวดคิ้วอย่างงุนงง เพิ่งจะบ่ายสี่โมงเย็น คอมก็เปิดอยู่ไกลมากจะเอาอะไรไปแยงตา.. แต่ก็ขี้เกียจเถียงอีก ปิดไปก็แล้วกัน

“ครับ..เดี๋ยวปิดให้” เด็กหนุ่มก้มลงปิดคอมพิวเตอร์ “งั้นผมไปอ่านหนังสือข้างล่างนะครับพี่จะได้นอนสบายๆ”

“อ่านหนังสือมึงเปิดเพลงหรือไง อ่านเงียบๆก็นั่งอ่านมันในห้องเนี่ย นั่งที่โต๊ะนั่นก็ได้”
ณัฐวีร์หันหลังให้ทันที คนอะไรวะเอาแต่ใจไปสามโลกสี่โลกแล้ว ไม่เคยพบเคยเห็น นี่ถ้าไม่ใช่เพราะต้องอดทนแค่สามเดือน ไม่อยากให้ที่บ้านเดือดร้อนล่ะก็ เขาคงได้มีเถียงกลับไปบ้างแน่ๆ
หลายวันมานี้ ถึงอีกฝ่ายจะเอาแต่ใจอยู่บ้าง หากแต่ก็ยังอยู่ในระดับที่เขารับได้..ทำให้เด็กหนุ่มไม่ได้โต้แย้งหรือต่อต้าน แต่เขาก็คิดไว้เหมือนกันว่าถ้าอีกฝ่ายเริ่มเอาแต่ตัวเองเป็นใหญ่มากขึ้น ออกคำสั่งบีบบังคับกัน เช่น เรื่องให้ไปนอนกับคนอื่น เขา..คงทนไม่ได้และน่าจะมีการตอบโต้อะไรไปบางอย่างแน่ๆ
ซึ่งเมื่อเหตุการณ์มันยังมาไม่ถึง เขาก็ยังไม่รู้ว่าจะตอบโต้วิธีใดดี
เด็กหนุ่มรู้สึกได้ว่าแสงที่สว่างอยู่เมื่อครู่มืดทะมึนลง เขาจึงเงยหน้าขึ้นเพื่อจะเห็นว่ามีใครบางคนมายืนบังแสงอยู่ที่ด้านหลังเขานี่เอง

“น่ารำคาญว่ะ”

ห๊ะ?.. ณัฐวีร์ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
ไปทำอะไรให้รำคาญอีกวะเนี่ย
เด็กหนุ่มก้มหน้าลงอย่างหงุดหงิด แต่แล้วร่างทั้งร่างก็ถูกดึงให้ลุกขึ้นทันที “เดี๋ยวๆ อะไรกันครับ”

“มึงมันน่ารำคาญ..”

“ผมไปทำอะไรให้เนี่ย”

“ทำให้กูหงุดหงิดจนนอนไม่ได้..” ชายหนุ่มลากร่างเล็กให้เดินตามมา “เพราะฉะนั้น.. มึงมานอนกับกูเนี่ยแหละ”

“เดี๋ยวนะ!”
ยังไม่ทันที่ณัฐวีร์จะได้ทันเอ่ยโต้เถียงอะไร เด็กหนุ่มก็ถูกคนที่แข็งแรงกว่าดันให้นอนลงบนเตียง โดยมีร่างของอีกฝ่ายตามเข้ามาประกบหลังและอ้อมกอดเอวไว้ทันที

“พี่แมน..นี่! พี่แมน”
มือข้างที่เจ็บขยับไม่ถนัด ส่วนมือข้างไม่เจ็บก็ไร้แรงจะดึงเอาแขนหนักอึ้งนั่นออกจากตัว พอใช้เสียงเรียกหนักเข้า อีกฝ่ายก็ครางอือออจิ๊ปากอย่างรำคาญพลางเบียดตัวเข้าหาร่างเล็กกว่าจนเด็กหนุ่มต้องย่นคอหนีลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดอยู่ตรงใบหู

“อย่าเรื่องเยอะ กูจะนอน..”

“แต่ผมไม่ได้อยากนอน” ณัฐวีร์เริ่มออกเสียง

“ก็กูอยาก.. หรือมึงจะให้กูทำอย่างอื่น” ว่าแล้วมกรก็กระชับแขนกับเอวของคนเบื้องหน้า กดสะโพกตนเองเน้นเข้าหาอีกฝ่ายจนเจ้าตัวแข็งทื่อนิ่งไปทันที
เห็นท่าทางแบบนั้นมกรก็หัวเราะร่วน ชายหนุ่มมีความสุขกับการได้กลั่นแกล้งอีกฝ่ายเล็กๆน้อยๆแล้วจึงขยับศีรษะให้นอนได้สบายมากขึ้นก่อนจะปล่อยตัวให้ดำดิ่งลงสู่นิทรา

ณัฐวีร์เองเมื่อเห็นอีกฝ่ายค่อยๆทอดจังหวะหายใจสม่ำเสมอไปแล้วก็รู้สึกเบาใจ.. อากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้ห้องนั้นเย็นอยู่ในระดับที่ต้องห่มผ้าห่ม แต่พอมีคนตัวร้อนๆมานอนซ้อนหลังบังแอร์ให้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องใช้ผ้าห่มเลย กลับรู้สึกสบายดีเสียด้วยซ้ำ

จริงๆ เขาเองก็ไม่ได้ง่วง ไม่ได้อยากนอน แต่เพราะต้องมาถูกล็อคตัวอยู่แบบนี้การนอนหลับตาเสียก็ดูจะเป็นทางที่ดีกว่านอนตัวเกร็งลืมตาโพลงเป็นไหนๆ



...
TBC





...บับบาย เจอกันอาทิตย์หน้าค่ะ  :ruready

ออฟไลน์ pornumpai-ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
 :z3: :z3: :z3: :z3:


อ๊ากกกกกกกก  จะรอออออออออ

มาต่อเร็วๆ น้าาาาาาาา

ออฟไลน์ krit24

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
สงสารน้องอ่ะ กลุ่มนี้มันร้ายเกินไปแล้วนะ โรคจิตจริงๆพระเอกของเรา

ออฟไลน์ wi_OoO_wi

  • payaaa payaaa padazz taa
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-1
หายไปนานนนนนนนนนนนนนนนน  :hao5: :hao5:

ไม่รู้ว่าแมนศรีจะมาแบบไหน ช่วงนี้เป็นระยะพักตัวสินะ ยังไม่เลวมาก  :hao3: :hao3:

รอตอนตอไปนะ  :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Damon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
คือแบบ... อยากอ่านต่ออ่า

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
อิแม้นศรีเอาแต่ใจตัวเองที่สุดในสามโลกจริงๆ

ออฟไลน์ matame

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 706
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-1
อ่านแล้วนึกถึงพี่วุฒิเลยอ่ะ
แต่ตอนนี้แอบหวานนะ

ออฟไลน์ cakecoke

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
นึกถึงอีพี่วุฒ เหมือนกันรายนั้นเลี้ยงเมียด้วยลำแข้ง :z3:

ออฟไลน์ pae666

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 506
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
ขอโทษด้วยค่ะที่หายไปนานเลยยย ยยยยย  พอดียุ่งๆ กับการประมูลของในเล้าอยู่  :katai4:  :katai4:
อากาศตอนนี้ในกรุงเทพฯ ดีมากๆ อยากอยู่บนเตียงนุ่นๆจัง  :katai5:

วันนี้เอาตอนใหม่มาลงให้แล้วค่ะ  ไปกันเลยยยยย






===============


ตอนที่ 8

หลังจากวันนั้นมา ณัฐวีร์ก็ง่วนอยู่กับการสอบเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งทางฝ่ายมกรเองก็เป็นเหมือนกัน ดังนั้นเวลาที่พวกเขาว่างตรงกัน พวกเขาจึงมักยึดโต๊ะคนละมุม นั่งอ่านหนังสือของตัวเอง
วันไหนที่ณัฐวีร์มีสอบ แล้วมกรไม่มี เขาจะเอาหนังสือไปนั่งอ่านในรถรอให้อีกฝ่ายสอบเสร็จลงมาหาแล้วจึงกลับบ้านไปด้วยกัน แต่กลับกัน หากมกรมีสอบแต่ณัฐวีร์ไม่มี มกรก็จะแค่ไปสอบแล้วขับรถกลับมาหาณัฐวีร์ที่บ้าน หากก็เป็นอันรู้กันว่า..เขาไม่ได้มาหาณัฐวีร์โดยตรงหรอก..ก็แค่แวะมาหาอะไรกิน คุยกับคุณณฐกา แล้วก็กลับคอนโดตัวเองเท่านั้น
ส่วนวันไหนที่ณัฐวีร์ต้องไปหาหมอ ถ้ามกรไม่ว่างคุณวีรชาติก็จะเป็นคนพาลูกชายไปเอง.. แต่ถ้าว่างตรงกันเมื่อไหร่ก็ค่อยไปด้วยกัน..ซึ่งก็เป็นอีหรอบเดิม ณัฐวีร์ต้องลงไปหาหมอเอง ดำเนินเรื่องเอง ไปนั่งรอคนเดียว โดยที่อีกฝ่ายก็แค่นั่งรออยู่ที่ร้านกาแฟข้างล่าง ถึงเวลาก็เดินไปจ่ายเงินให้แล้วพากลับบ้านเท่านั้น
จะว่าไปก็ถือว่าเป็นการดีแก่ณัฐวีร์ไม่น้อย.. ถ้าต่อจากนี้พวกเขายังทิ้งระยะห่างแบบนี้กันไว้ได้ อีกสักสองเดือนต่อจากนี้เขาก็น่าจะยังพอทนได้ไม่ถึงกับขาดใจตายไปเสียก่อน..
ถ้าต้องย้ายเข้าไปอยู่คอนโดของมกร โดยที่ฝ่ายนั้นไม่ได้สนใจการเป็นอยู่ของเขา คือปล่อยทิ้งๆขว้างๆจะอยู่มุมไหนก็เรื่องของเขาแบบนี้.. มันก็เหมือนได้ออกไปเข้าเที่ยวนอนโรงแรมหรูๆเหมือนกัน คอนโดนั้นถ้าไม่ไปคิดถึงห้องชั้นบนเสีย มันก็หรูดูดีใช้ได้เลยทีเดียว นอนโซฟาสองเดือนก็ยังรู้สึกดีเลย จะเอาเกมไปต่อจอใหญ่ๆเล่นให้หนำใจ
“เดี๋ยวอีกอาทิตย์นึงนัทก็จะเอาเฝือกออกแล้วใช่ไหมลูก”
คุณณฐกาถามลูกชาย ขณะที่เจ้าตัวกำลังเก็บหนังสือลงกระเป๋า
“ครับ.. หมอนัดวันพุธ”
มารดาพยักหน้ารับ “สอบเสร็จวันอังคาร เอาเฝือกออกวันพุธแล้วจะไปอยู่คอนโดพี่เขาวันไหน..”
คำถามนั้นทำให้เด็กหนุ่มชะงักกึก เงยหน้าขึ้นมองแม่ตัวเอง สายตาแลเลยไปที่ป๊า เห็นป๊าจ้องคอมคิดเงินให้ลูกค้าไม่วางตา ส่วนไอ้คนต้นเรื่องนั้นนั่งทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่ไม่ห่างไปนี่เอง
“นัทยังไม่ได้คิดเลย” เด็กหนุ่มทำหน้ายุ่ง รวบเอาของลงกระเป๋าผ้าแล้วเดินหนีขึ้นชั้นบนทันที
ปกติพอทานอาหารเย็นเสร็จ มกรก็จะอยู่นั่งเล่นอีกสักพักแล้วกลับบ้าน ส่วนณัฐวีร์ บางทีก็เดินออกไปส่งตามคำบอกของแม่บ้าง แต่เดินออกไปไม่เคยทัน ส่วนใหญ่ก็แค่ยืนส่งๆไปเท่านั้น
บางทีก็ไม่ได้ไปส่ง ขึ้นข้างบนเลย.. เหมือนครั้งนี้ที่ชิ่งหนีขึ้นมา ซึ่งมกรก็จะกลับไปเองเป็นอันหมดเรื่องราวในวันนั้น
ทว่าวันนี้กลับไม่ใช่แบบนั้น.. เพราะพอณัฐวีร์เดินหนีขึ้นข้างบน อีกอึดใจมกรก็เดินตามมาทันกันที่หน้าประตูห้อง
“มึงจะเดินหนีทำไม”
ชายหนุ่มเปิดฉากขึ้นก่อน เขาดันร่างเล็กกว่าเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูล็อคไว้
“ก็ผมไม่มีอะไรจะคุยแล้ว” เจ้าของห้องพูดแล้วเดินเอากระเป๋าไปวางไว้ที่โต๊ะ
แต่ยังไม่ทันที่ก้นกระเป๋าจะแตะโต๊ะ แขนของเด็กหนุ่มก็ถูกกระชากให้หันกลับมาพบใบหน้าถมึงทึงของอีกฝ่าย
“แต่กูยังมีเรื่องต้องคุย มึงมันวอนหาเรื่อง”
“ผมไม่ได้วอนหาเรื่อง ผมพูดอย่างที่ผมคิด”
“แต่บางเรื่องที่มึงคิดมึงพูด มันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอกนะ” มกรบีบแขนเล็กแน่น น้ำเสียงนั้นคุกคามเต็มที่ “ถอดเฝือกแล้วมึงต้องไปอยู่กับกู”
“พี่จะเอาผมไปอยู่ด้วยทำไม! พี่ก็เห็นว่าวันๆผมก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับพี่เลย เป็นภาระให้พี่เสียด้วยซ้ำ”
“เพราะมึงยังอยู่ที่นี่ไง มึงถึงไม่มีประโยชน์กับกู”
คำพูดประโยคนั้นทำให้ดวงตาเรียวเล็กของณัฐวีร์ฉายความไม่เข้าใจ “พี่หมายความว่ายังไง”
พูดแบบนี้ทำให้เขานึกไปถึงเรื่องที่อีกฝ่ายคุยกับแชร์..ถ้าเอาเขาไปอยู่ที่โน่น เขาจะต้องไปนอนกับคนอื่นด้วยงั้นหรือ? นั่นคือประโยชน์ของเขาหรือเปล่า?
ความคิดนั้นทำให้ณัฐวีร์ปวดร้าวในอกราวกับมีมือที่มองไม่เห็นขยำบีบ
“เลือกวันซะ กูจะมารับไปอยู่ด้วย”
ณัฐวีร์ฟังแล้วก็ถอนใจ “ผมไม่ไปได้ไหม”
“มึงไม่มีสิทธิ์ต่อรอง.. หรือมึงอยากให้กูต้องทำเลวๆให้ครอบครัวมึงเดือดร้อน.. ตอนดีๆไม่ชอบใช่ไหม”
เด็กหนุ่มนิ่งงันไป ระยะหลังการข่มขู่แบบนี้ไม่ได้ยินมานานแล้ว ประโยชน์ที่จะได้จากตัวเขานอกจากเรื่องนั้นมันจะมีอะไรอีกล่ะ วันๆที่ได้เจอหน้ากันมาตลอดสามสี่อาทิตย์นี้ แทบจะคุยกันนับคำได้ นั่งอยู่ด้วยกันก็มีแต่จะอึดอัด
ความเป็นไปได้จากเรื่องของพี่แชร์ ยิ่งคิดก็ยิ่งมีสูงมาก.. คนที่ไม่ได้มีความรู้สึกดีๆให้กัน ถ้าจะต้องเอาเข้ามาอยู่ด้วยในชีวิต ก็มีแต่เรื่องผลประโยชน์เท่านั้น
“พี่อยากให้ไปเมื่อไหร่พี่ก็บอกมาแล้วกันครับ คอนโดก็คอนโดพี่ จะให้ผมเสนอเองผมก็เกรงใจ”
พูดแล้วณัฐวีร์ก็ดึงแขนตนเองออกจากมืออีกฝ่ายแล้ววางกระเป๋าลงบนโต๊ะ.. เถียงไปก็เปล่าประโยชน์
“ถอดเฝือกเมื่อไหร่ก็ไปเมื่อนั้น”
“วันรุ่งขึ้นเลยเหรอ?”
“วันนั้นเลย..”
“เป็นบ้าไปแล้วหรือไง” ณัฐวีร์บ่นอย่างหงุดหงิด ถอดเฝือกออกก็อยากอยู่สบายๆสักพักนี่เขาต้องไปนอนโซฟาที่คอนโดเลยเหรอเนี่ย
“กูไม่ได้เป็นบ้า.. แต่กูเป็นผัวมึง!”
ความโมโหที่แผ่คลื่นเข้าใส่ทำให้ณัฐวีร์รีบหันไปมองทันที แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว ร่างสูงที่ยื่นมือใหญ่เข้ามาหาจับร่างของเขาลากไปยังเตียงนอน
“พี่แมน! พี่!!..”
ภาพความทรงจำเมื่อเกือบเดือนที่ผ่านมาแล่นวาบเข้ามาในหัว ครั้งนั้นเขาขัดขืนถึงได้มีเฝือกติดแขนอยู่อย่างนี้ แต่ครั้งนี้ถึงแม้จะมีบทเรียนแล้วหากเขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะดิ้นรนขัดขืน
มันเป็นเรื่องที่ทำใจลำบากในการจะมีความสัมพันธ์กับคนที่เห็นแค่เขาเป็นที่รองรับอารมณ์เท่านั้น ไม่ใช่..คนรัก..
ไม่ได้ทำกันเพราะรัก..
เด็กหนุ่มยอกแสลงใจเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ร่างอีกฝ่ายที่ทาบทับลงมาทำให้เขาหวาดหวั่นและดิ้นรนอีกครั้ง แต่ด้วยรูปกายที่เล็กกว่าจึงไม่สามารถดิ้นหนีไปไหนได้
ใบหน้าคมคาย จมูกได้รูปเริ่มซุกไซ้ลงมาที่ซอกคอ แม้จะเอียงตัวหนีและใช้มือที่ดีอยู่ปัดป้อง ทว่าแค่พอถูกมือฝ่ายนั้นกดข้อมือแน่นลงกับพื้นเตียง ณัฐวีร์ก็ไร้ทางหนีเสียแล้ว
“เจ็บนะพี่แมน!” เด็กหนุ่มร้องประท้วงพร้อมกับดิ้นขลุกขลัก
หัวใจเต้นโครมครามเมื่ออีกฝ่ายผงกศีรษะขึ้นมองใบหน้าใกล้ๆ
ดวงตาคมเข้มคู่นั้นเหมือนจะฉายแสงอะไรบางอย่างที่ณัฐวีร์ไม่เข้าใจอยู่เพียงแว่บหนึ่งก่อนจะเลือนหายไป
แล้วเสียงเบาๆก็เอ่ยถามขึ้น “มึงอยากเจ็บตัวอีกหรือไง”
ณัฐวีร์เองก็ส่ายหน้า
“ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็ไม่ต้องดิ้น”
“แต่ผมไม่ได้อยาก.. เราไม่ได้..”
“เดี๋ยวกูทำให้อยากเอง แต่ถ้ามึงยังต่อต้านกู มึงไม่ต้องอยากกูก็จัดให้ได้” ดวงตาของมกรจ้องเขม็ง “แบบคราวนั้น..”
“...”
ความกลัวทำให้ณัฐวีร์ไม่ได้ตอบอะไร ความรู้สึกร้าวลึกราวกับร่างถูกฉีกแยกออกเป็นสองส่วนเหมือนที่เคยได้รับทำให้เขาไม่อยากจะรู้จักมันอีกครั้ง.. เซ็กส์ที่มีความสุข..นอกจากจะทำกับคนรักแล้วเขาก็อยากเรียนรู้อย่างไม่ต้องเจ็บปวดด้วย
ความที่อีกฝ่ายนิ่งไม่ตอบรับและมองมาอย่างเฉยเมยทำให้มกรอดที่จะหงุดหงิดไม่ได้ เขายอมรับว่าตัวเองมีความสุขดีตลอดช่วงสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมา การมีครอบครัวมีคนคอยถามว่าทานข้าวหรือยัง อร่อยไหม อยากกินอะไร มีคนหายาให้เวลาป่วยไข้ และมีคนอีกคนให้คิดถึง ต้องวางแผนว่าจะต้องไปรับกี่โมง ไปหากี่โมง มันทำให้ทุกวันของเขาดูมีความหมาย ดีกว่าอยู่อย่างโดดเดี่ยวไม่มีใคร
กลุ่มเพื่อนน่ะ ก็ห่วงใยเขาดี แต่เพื่อนก็แค่คนที่อยู่ด้วยคุยด้วยได้บางเวลา ทว่าครอบครัวคือสิ่งที่มกรอยากมี
และพอได้มี.. ก็ได้แต่คิดว่าจะทำยังไงให้มีไปตลอด..
เขาไม่อยากจะยอมรับว่าชอบและติดใจการมีครอบครัว เพราะเขารู้ว่าสักวันทุกอย่างที่เห็นอยู่ตอนนี้จะต้องเลือนหายไป.. ดังนั้น การยื้อไว้ให้นานที่สุดจึงเป็นเรื่องที่เขาน่าจะทำ
ทว่า..เรื่องที่มีเงื่อนไขค้ำคอกันไว้.. ก็ยกเลิกไม่ได้ เขาจะไม่ยอมเสียหน้าเด็ดขาด ดังนั้นภายในเดือนนึงเขาต้องเอาไอ้เด็กนี่ให้อยู่หมัด ต้องพามันไปอยู่ที่คอนโดด้วยกันให้ได้
ชายหนุ่มยิ้มบางๆให้คนที่นอนอยู่ด้านล่าง “มึงก็เลือกเอาแล้วกันว่าจะเจ็บตัวหรือจะยังไง”
มือหนาบีบข้อมือบางแน่นขึ้น ใบหน้าขาวสะอาดของณัฐวีร์เริ่มแดงก่ำ จะด้วยความเจ็บจากการกระทำของอีกฝ่าย หรือจะด้วยอายในความคิดของตนเองก็สุดแท้แต่จะคาดเดาได้
เด็กหนุ่มปิดตาลงช้าๆ ถ้าต้องเป็นของคนอื่น สู้เขาเป็นของคนๆเดียวไม่ดีกว่าหรือ ถ้าต้องถูกทำร้ายอย่างนั้น สู้ทำดีกับคนๆเดียวเพื่ออยู่รอดไม่ได้หรือไง
ณัฐวีร์ลืมตาขึ้นอย่างตัดสินใจได้.. เขาใช้เวลาคิดเรื่องนี้มาตลอดตั้งแต่รู้เรื่องของแชร์และคิดว่าหากเหตุการณ์ไม่ดีขึ้น และเขาต้องไปอยู่ที่คอนโดจริงๆ ..เขาก็คงต้องเลือกทางนี้
 “พี่แมน..หลอกผมหน่อยไม่ได้เหรอ หลอกผมสักนิดว่าเรากำลังรักกัน อย่าให้ผมรู้สึกสมเพชตัวเองไปมากกว่านี้เลย.. ผมเป็นอะไรสำหรับพี่ก็ไม่รู้ พี่นึกจะทำดีด้วยพี่ก็ทำ พี่นึกจะทำร้ายพี่ก็ทำ ผมก็เป็นคนนะพี่..อยากให้ผมทำอะไรผมก็ทำให้ได้ แต่ช่วยพูดดีๆกับผมหน่อย.. เวลาสามเดือนของเรามันไม่นานไม่ใช่เหรอ”
“อะไรของมึง?”
“ผมกำลังทำข้อตกลงกับพี่ไง ถ้าอยากให้ผมไปอยู่ที่คอนโดด้วย.. ผมก็จะไป ไปวันที่พี่บอกเลยก็ได้.. อยากจะมีอะไรกับผม ก็..มีได้” ท้ายประโยคเสียงเบาเล็กน้อยด้วยความเขินอายตัวเอง “แต่ขอร้อง อย่ารุนแรงกับผม อย่าทำผมเจ็บ พูดด้วยดีๆ”
ณัฐวีร์ดึงมือตัวเองออกจากการเกาะกุม คราวนี้อีกฝ่ายยอมปล่อยแต่โดยดี หากก็ยังใช้น้ำหนักตัวทับร่างของเด็กหนุ่มไว้กันหนี
มือที่ได้รับการปลดปล่อยจากพันธนาการค่อยๆเคลื่อนเข้าหาใบหน้าคมเข้มของอีกฝ่าย
“และถ้าเลือกได้.. ตลอดสามเดือนนี้ ผมอยากเป็นของพี่คนเดียว..ให้ผมเป็นของพี่คนเดียวนะครับ”
เด็กหนุ่มโน้มเอาใบหน้านั้นลงมา ริมฝีปากสีชมพูสดได้รูปเปิดรับริมฝีปากสีเข้มอุ่นร้อนของมกร เสียงหัวใจเต้นโครมครามดังจนเหมือนมีใครเอากลองมาตีใกล้ๆหู.. มันเป็นเสียงที่ดังกลบความคิดทุกอย่างที่คนสองคนจะสามารถคิดออกตอนนี้ได้..
มีก็เพียงเสียงกระซิบแผ่วเบาเมื่อผละริมฝีปากและปลายลิ้นออกจากกัน
“ปิดไฟนะครับ..ปิดไฟให้นัทนะครับ พี่แมน”
คนถูกขอไม่เอ่ยอะไร..เพียงแค่ผละลุกขึ้นมาปิดไฟให้เท่านั้น


...
TBC.



 :hao5:  :hao5:  :hao5:


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด