"Can I...?" (แคน ไอ...?) Special Part [06.07.15] P.19
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: "Can I...?" (แคน ไอ...?) Special Part [06.07.15] P.19  (อ่าน 248961 ครั้ง)

ออฟไลน์ wi_OoO_wi

  • payaaa payaaa padazz taa
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-1
พระรอง มาแว้ววววววววววววววว  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ยินดีต้อนรับเจ้าค้าาา  :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ pornumpai-ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
 :a5: :a5: :a5:

จัดให้หนักและจัดให้เต็ม!!!  เอาคืนโลดดดด

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เห้อออ ส่องแววอีกแล้ววว

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
อีพี่แมนเมื่อไรจะทำตามดีดีกับน้องนัทบ้าง
จะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนครบ 3 เดือน แล้วก็เลิกกันหรือเปล่า
ถ้าเป็นอย่างนั้น นัทก็น่าสงสารแย่กว่าจะครบ 3 เดือน คงบอบช้ำทั้งกายและใจน่าดู

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ถึงตอนนี้ก็ยังเจ็บกับเพื่อนกลุ่มนี้อยู่ดี ยิ่งตอนที่แชร์พูดถึงเกตุการณ์ครั้งนันด้วยแล้วยิ่งอยากร้องไห้ด้วยความสงสารนัท นัททำผิดอะไรอยู่ดีๆก็มาเป็นของพนันขันต่อด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
ไอพี่แมน ไม่เห็นจะทำตัวดีขึ้นเลย
ฝากบอกคนแต่งให้ปลดจากตำแหน่งพระเอกซะเลย

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
เฮ้อออออออออ

ออฟไลน์ oilzii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
แชร์สำนึกแล้ว

แต่อิแม้นศรียังอีก :z6:

ออฟไลน์ ๐๐ตะวัน๐๐

  • ๐๐๐ลูกตาล๐๐๐
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
อิพี่แมนคู่แข่งโผล่มาแล้วน่ะ ทำตัวดีๆ หน่อย

เดียวโดนแย่งไปจะรู้สึก :m16:

ออฟไลน์ pae666

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 506
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
Special Part : Late Valentine's Day.







Valentine’s Day
เอกสารที่วางกองเต็มโต๊ะทำให้ณัฐวีร์มองอย่างไม่รู้จะหยิบเอางานไหนขึ้นมาก่อนดี การทำงานอยู่คนเดียวเป็นเวลาเกือบสองอาทิตย์ ทำให้งานของอีกคนเทมาที่เขาแบบหมดหน้าตัก นี่ยังเหลือเวลาที่ต้องทำงานของฝ่ายนั้นอีกตั้ง 4 วัน ณัฐวีร์ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองจะน็อคไปก่อนหรือเปล่า

พี่แมนเดินทางไปสิงคโปร์ตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม ที่นั่นโรงแรมในเครือกำลังจะเปิดดำเนินการ ทำให้ผู้บริหารระดับสูงทั้งคุณมนธิชาที่เป็นประธานบริษัท และรองประธานบริษัทต้องบินไปเปิดงานในวันนี้ ส่วนผู้จัดการทั่วไปอย่างคุณมกร ต้องเดินทางไปประสานงานที่นั่นตั้งแต่ก่อนเปิดงาน และตรวจสอบความเรียบร้อยหลังเปิดงาน

ดังนั้น ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปอย่างณัฐวีร์ จึงต้องมานั่งรับงานของผู้จัดการทั่วไปทำเองทั้งหมด แต่ด้วยความที่ยังมือใหม่ จึงอาจจะตัดสินใจช้า  หรือยังไม่รู้เทคนิคในการทำงานดีพอ งานที่ได้รับต่อมาจึงดำเนินไปอย่างล่าช้า ขนาดว่าเพิ่มเวลาทำงาน แบกกลับไปทำบ้าน งานเหล่านั้นก็ยังไม่ลดน้อยลง มีเข้ามาให้ปวดหัวได้ทุกวัน

ณัฐวีร์ยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มรวดเดียวก่อนจะหยิบงานชิ้นบนสุดที่ปะหน้าว่าด่วนมาทำก่อน
เวลาเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว เสียงพลิกหน้ากระดาษไปมา เสียงกดเครื่องคอมพิวเตอร์ และเสียงเครื่องคิดเลขฟีดกระดาษ กลายเป็นเสียงที่ทำลายความเงียบของห้องทำงานที่มีโต๊ะสองตัวแต่นั่งทำงานอยู่คนเดียว
แม้จะเปิดประตูห้องทำงานไว้ และอีกห้องก็เปิดประตูไว้เพื่อจะได้มองเห็นกัน แต่ชั้นนี้ทั้งชั้น..เหลือเขานั่งทำงานอยู่คนเดียว.. อ้อ มีแม่บ้านอีกคน กับบางทีก็มีเลขาเดินเอางานมาให้บ้าง มาเอางานไปบ้าง ถือว่าเงียบและทำให้เขามีสมาธิดี เพราะถ้าเขาอยากได้อะไรแค่ยกหูโทรศัพท์กริ้งเดียวก็ได้แล้ว

“เฮ้อ....”
เสียงถอนหายใจยืดยาวที่ดังขึ้นทำให้คนที่นั่งอยู่เพียงลำพังถึงกับสะดุ้ง ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองไปทางประตู แต่กลับไม่มีใครอยู่ตรงนั้น

“ใครน่ะ?..” ความเงียบคือคำตอบทำให้หัวคิ้วขมวดมุ่นขึ้นทันที “ถามว่าใคร?!”

“เสียงแข็งจังครับท่านรอง”
คำพูดนั้นดังขึ้นพร้อมกับช่อดอกไม้ใหญ่ช่อโตโผล่พรวดเข้ามาในกรอบประตู แล้วชายหนุ่มคนหนึ่งก็ก้าวออกมาเอาช่อดอกไม้นั่นบังตั้งแต่ส่วนใบหน้าไปจนถึงไหล่กว้างและช่วงอก

“ก็เล่นมาเงียบๆ นี่ครับ..” ณัฐวีร์เอ่ยด้วยรอยยิ้มบางๆ “นี่จะซื้อมาให้สาวที่ไหนครับพี่แชร์”

“เปล่าเลย..” คนพูดลดดอกไม้ลงโดยระวังไม่ให้ยอดของมันไปเกี่ยวกรอบประตูหัก “อันนี้ของนัทแหละ..”

“เอ๋..ของนัทเหรอ?” เจ้าของช่อดอกไม้รีบกุลีกุจอลุกมารับดอกไม้ไปทันที “ช่อใหญ่มากเลยพี่ไม่น่าต้องเสียตังค์...”

“อ่านการ์ดด้วยนะ..” แชร์พยักพเยิดไปยังการ์ดที่ถูกผูกติดอยู่กับช่อทำให้ณัฐวีร์ต้องวางช่อดอกไม้ลงบนโต๊ะที่ว่างอยู่ ..ก็โต๊ะของมกรนั่นแหละ
ณัฐวีร์คลี่การ์ดมาอ่านแล้วถึงได้ยิ้มออกอีกรอบ..

“เอาล่ะ อ่านการ์ดแล้วคราวนี้ก็ไปทานข้าวกลางวันกับพี่ได้แล้ว อย่าอ่านนาน พี่หิว..”
ณัฐวีร์หันกลับมาย่นจมูกให้พร้อมกับเสียงหัวเราะ มือขาวปลดเอาการ์ดออกจากตัวช่อแล้วบอกขอตัวเรียกแม่บ้านมาเอาดอกไม้ไปจัดใส่แจกัน เขาเปิดลิ้นชักพร้อมกับหยิบสมุดเล่มหนึ่งออกมาแล้วสอดการ์ดเข้าไว้ในนั้น

มื้ออาหารกลางวันเป็นร้านอาหารใกล้ตึกที่ทำงาน มีเมนูคู่รักซึ่งถูกจัดขึ้นเป็นพิเศษสำหรับวันแห่งความรักนี้ด้วย แต่เพราะมากันสองคน ผู้ชายทั้งคู่ สองหนุ่มจึงเลือกเอาอาหารง่ายๆไม่ใช่เมนูพิเศษนั้น

“เสียดาย อยากกินข้าวห่อไข่วาดหัวใจสองดวง” แชร์เอ่ยบอกขณะเก็บเงินทอนเข้ากระเป๋า

“พี่ก็สั่งกลับไปทานที่บ้านสิครับ” ณัฐวีร์หัวเราะเบาๆ “ขอบคุณนะครับพี่แชร์ วันนี้อร่อยมากเลย ดอกไม้ก็หอมมาก ขึ้นไปกลิ่นคงอวลเต็มห้อง”

“หวังว่าดอกไม้จะยังอยู่ถึงวันที่ไอ้แมนมันกลับมานะ มันจะได้เห็นว่าพี่น่ะทำคะแนนไปมากขนาดไหน”
คนฟังถึงกับหน้าแดงไปเลยทีเดียว “คะนงคะแนนอะไรกันครับ..พี่ก็พูดไปเรื่อย ไปทำงานกันดีกว่าครับ เจ้าของบริษัทมานั่งเล่นอยู่แบบนี้เดี๋ยวงานก็ไม่เดินหรอกครับ”

“บริษัทเล็กๆไหนเลยจะเทียบเท่ากลุ่มบริษัทของไอ้แมนมัน”

“โธ่ อย่าพูดแบบนั้นสิครับ...บริษัทตัวเองสร้างมากับมือ รายได้หลักร้อยล้าน ไม่ใช่ง่ายๆนะครับพี่แชร์”
ทั้งคู่เดินคุยเรื่องงานและเรื่องสัพเพเหระกันไปขณะกลับมายังออฟฟิศ และณัฐวีร์ยังเดินไปส่งแชร์ที่รถด้วย

“วันนี้ขอบคุณที่ไปทานข้าวกับพี่นะ”

“พี่แชร์นั่นแหละครับ อุตส่าห์ฝ่ารถติดมาถึงนี่..ขอบคุณนะครับ”
และโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว แชร์ก็ดึงเอาร่างเล็กกว่าเข้ามากอดไว้พร้อมกับลูบแผ่นหลังนั้นเบาๆ

“ผอมจังเรา อย่าลืมทานข้าวให้ตรงเวลาด้วย ไอ้แมนกลับมาเมื่อไหร่พี่จะด่ามันหนักๆโทษฐานให้น้องทำงานคนเดียว”
คนถูกกอดยิ้มแล้วค่อยๆถอยตัวออกมา “งานนี่ครับ ยังไงก็ต้องทำ รับรองน่านัทไม่ลืมทานข้าวแน่ๆ”

“อ้อ..เกือบลืม พี่ยังมีอีกอย่างให้นัท” แชร์ปล่อยมือออกจากร่างนั้นแล้วตรงไปเปิดประตูรถด้านข้างคนขับหยิบเอากล่องของขวัญกล่องหนึ่งออกมา “สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะ”

ชายหนุ่มยื่นมือไปรับไว้ “ขอบคุณครับ ไม่น่าต้องลำบากเลย”

“ไม่หรอกน่านิดหน่อยเอง บริษัทพี่หลักร้อยล้านเลยนะ..” คนพูดหัวเราะอย่างอารมณ์ดีทำให้ณัฐวีร์พาลหัวเราะตามไปด้วย
คำลาถูกเอ่ยออกมา ณัฐวีร์ยืนส่งรถคันนั้นจนลับตาแล้วถือกล่องของขวัญขึ้นมายังห้องทำงาน ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก กลิ่นหอมจางๆของดอกไม้ก็อวลเข้าจมูก.. ดอกกุหลาบสีขาวช่อโตถูกจัดเข้าใส่แจกันแล้วแน่ๆ

ณัฐวีร์เดินฮัมเพลงกลับมาที่โต๊ะทำงาน เขาวางกล่องของขวัญลงบนโต๊ะที่กองเอกสารไว้เต็มไปหมดแล้วจึงปรายตามองกุหลาบขาวในแจกันสวยที่ถูกนำไปวางประดับไว้ที่มุมหนึ่งของห้อง ชายหนุ่มย่นจมูกใส่มัน แต่ยังคงฮัมเพลงในคอขณะที่มือขาวปลดเอาโบว์ของกล่องออก

เมื่อเปิดฝากล่องที่ได้มาจากพี่แชร์ ก็จะพบดอกกุหลาบสีชมพูอยู่ในนั้น หนึ่งดอกถ้วน ..เป็นอย่างนี้ทุกปี
การ์ดง่ายๆที่พี่แชร์เขียนด้วยลายมือตัวเองก็มักจะบอกว่า “จะรักและดูแลกันตลอดไป”

ณัฐวีร์ยิ้มให้กับมุกเดิมๆ ของผู้ชายคนนี้ เขาปิดฝากล่องแล้วบรรจงผูกโบว์ไว้แบบเดิม เอากล่องนั้นวางแอบไว้ข้างๆโต๊ะทำงานไม่ให้เอกสารหรืออะไรไปโดน เดี๋ยวตอนเย็นก็ค่อยเอากลับไปที่คอนโด
แล้วชายหนุ่มก็เปิดลิ้นชักเอาสมุดที่เสียบการ์ดไว้ออกมา ดึงการ์ดใบล่าสุดที่ได้รับมาเปิดอ่าน
การ์ดนั้นข้างในเป็นรูปถ่ายที่อัดมาแล้วนำมาแปะใส่การ์ด เพราะคนเขียนตัวจริงคงส่งลายมือจริงๆ มาไม่ได้..

“ทานข้าวทานยาพักผ่อนเยอะๆ แล้วเดี๋ยวกลับไปจะเอาช็อคโกแลตไปฝาก..แมน”

ลายมือประหลาดๆ ตวัดไปมาอ่านยากเพราะคนเขียนรีบร้อนและเอาแต่ใจ ทำให้ณัฐวีร์อมยิ้มและอ่านมันอยู่สองรอบก่อนจะพับเก็บใส่สมุดไว้
สมุดเล่มนั้นมักอยู่ในลิ้นชักนี้เสมอ.. เป็นสมุดที่ใครคนหนึ่งมอบให้พร้อมกับคำบอกที่ว่า “ช่วยรับมันไว้ด้วย.. เอาไว้เก็บทุกอย่างของพี่..แล้ววันหนึ่งพี่จะกลับมาถามนัทอีกที.. ว่านัทจะสามารถรับความรู้สึกทั้งหมดของพี่ไว้ได้หรือไม่”
และตั้งแต่นั้น ทุกอย่างก็ถูกรวบรวมไว้ในสมุดเล่มนี้..

ณัฐวีร์เก็บสมุดลงลิ้นชัก สูดลมหายใจเอากลิ่นกุหลาบเข้าไปลึกๆแล้วก็ลากเอางานมานั่งทำด้วยรอยยิ้ม..
ไว้นัทจะรอช็อคโกแลตหลังวาเลนไทน์นะครับ...พี่แมน









เลทวาเลนไทน์ไปนิดนึงเอง...

End.


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) Special Part : Late Valentine's Day (up 18.02.14)
« ตอบ #189 เมื่อ: 18-02-2014 16:48:07 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ pae666

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 506
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
ลงตอนพิเศษช้า สมกับ Late Valentine's จริงๆ  :sad4: อย่าโกรธเค้าน๊าาา าาา

ไม่คืนนี้ก็พรุ่งนี้ จะลงให้อีก 2 ตอนนะคะ เดี๋ยวจะไม่ทันเวปของคนแต่ง #นำหน้าเราไปละ!!  :katai1:

ตอนพิเศษตอนนี้ ให้พี่แชร์ทำคะแนนแซงหน้าอิพี่แม้นศรีไปก่อนนะคะ 5555

รักคนอ่านนะค๊าบบบบ  :katai3:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ทำไมเราไม่เคลียร์ 555555

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
ตอนพิเศษชวนพิศวงมากค่ะ o22
แบบจะเป็นรักเราสามคนไรงี้หรือเปล่าเนี่ย :katai1:
แต่ก็ดูหวานๆดีนะคะ  :o8:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ตอนพิเศษชวนงง

ออฟไลน์ Fellina

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 413
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
ชอบแชร์แต่เชียร์พี่แมน เอาดิ5555

ออฟไลน์ ๐๐ตะวัน๐๐

  • ๐๐๐ลูกตาล๐๐๐
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
เราสับสนอ่ะ คืออะไรยังไง  :serius2:

ออฟไลน์ pae666

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 506
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอนที่ 16 (up 19.02.14)
«ตอบ #196 เมื่อ19-02-2014 13:54:14 »

ตอนที่ 16





ตัวเขาเปียกตั้งแต่ศีรษะยันง่ามเท้า..
ขอโทษเถอะ..ถ้าจะเล่นน้ำสงกรานต์กันขนาดนี้.. คนอย่างณัฐวีร์ก็หนาวเป็นนะเฟ้ย
เด็กหนุ่มบ่นพึมอยู่ในใจ ลมโชยมาพร้อมน้ำเย็นเจี้ยบสาดโครมเข้ามาอีกถัง คนอื่นมีถัง แต่เขามีขวดน้ำเจาะรู ไม่มีปืนฉีดกระบอกใหญ่ๆยิงได้ไกลๆอย่างใครเขา แถมพอจะปลีกไปเล่นน้ำกับสาวๆสักหน่อยก็โดนมือแข็งๆเอื้อมมาเหนี่ยว ตามมาด้วยเสียงเขียวๆ

“มึงจะไปไหน!”
เอ้า..ไอ้หมาบ้า.. มาเล่นน้ำสงกรานต์ เดินให้คนอื่นสาดอย่างไร้ศักดิ์ศรี มีอาวุธแค่ขวดน้ำเจาะรู แล้วนี่ยังไม่ให้ไปสู้กะคนอื่นอีก คือ กูพลาดมาเดินเที่ยวกะพวกมึงใช่ไหมเนี่ย

ณัฐวีร์กร่นด่าอยู่ในใจ แต่ใบหน้านั้นนิ่งเฉยและสุดท้ายก็ได้แต่เดินตามคนกลุ่มนั้นไปเงียบ
พวกเขามากัน 4 คน จึงแบ่งกันเดินเป็นสองคนสองแถว คนที่ไม่มาก็คือป้อด เพราะเจ้าของห้องขอพักอยู่ห้องด้วยอาการแฮ้งค์หนัก เล่นกินเหล้ากันมาสามวันติดๆแล้ว เพิ่งจะได้ออกมาเล่นสงกรานต์แบบจริงๆจังๆ ตั้งแต่บ่ายยันเย็นก็วันที่ 15 นี่เอง นอกนั้นก็กินเบียร์อยู่ห้องมั่ง ไปผับมั่งตามเรื่องตามราว กินดึก ตื่นบ่าย เย็นถอน แล้วมันก็เข้าวงจรเดิม จนเมื่อวานนี้เองที่แชร์บ่นหนักๆว่าอยากเล่นน้ำแล้ว พวกเขาจึงกินกันพอประมาณ เข้านอนแต่หัววัน คือประมาณตีสองตีสาม.. เพื่อสะสมพลังงานออกสู้รบกับชาวเชียงใหม่ในวันนี้

ตอนนี้พวกเขากำลังเดินอยู่ในบริเวณประตูท่าแพ ได้ข่าวว่ามีปาร์ตี้โฟมอยู่แถวนี้ด้วย สาวๆคงเยอะ ซึ่งความคิดนี้ก็ไม่ใช่จากใคร จากคุณมกรนั่นแหละ
ฝ่ายนั้นเดินอยู่ข้างขวาของณัฐวีร์ มีปืนฉีดน้ำกระบอกใหญ่ เล็งยิงสาวน้อยหุ่นดีที่เดินสวนทางกันมาเป็นระยะ แต่พอเขาจะหันไปเล่นกับใครมั่ง ก็ได้แต่ทำตาเขียวเข้าใส่ แบบนี้ความสนุกก็หายหมดกันพอดี
เด็กหนุ่มตัวเล็กๆแกรนๆ หน้าขาววอก และตายิบหยีไม่ได้เป็นที่สนใจของสาวที่ไหนอยู่แล้วยิ่งมาเดินกับไอ้ตัวสูง หล่อล่ำแบบนี้ก็ยิ่งถูกสะกดให้อยู่แค่เป็นเงาเท่านั้น จะดีหน่อยก็ตรงที่มีคนแวะเวียนมารดน้ำเย็นบ้างบางจังหวะ อย่างตอนนี้ที่มกรหันไปเล่นน้ำกับสาวๆ กลุ่มใหญ่ เรียกว่าโดนดึงตัวไปไกล ณัฐวีร์ก็เลยว่างเหลียวซ้ายแลขวาหาเหยื่อเล่นด้วย

“ก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ ครับก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ”
เสียงร้องห้าวๆ ดังมาแต่ไกล แล้วน้ำเย็นเจี๊ยบก็ราดลงมาบนตัวณัฐวีร์จนกายสะท้านจะหันไปบีบน้ำใส่ก็ไม่ทันแล้ว วิ่งไปโน่นแล้ว

“ฮ่าๆ ยังไงเนี่ยเราจะสู้เขาไหวเหรอ บอกให้ซื้อปืนก็ไม่เอา” แชร์ย้อนกลับมายืนหัวเราะอยู่ใกล้ๆ

“ไม่เอาล่ะครับ ผมไม่รู้จะเอาไปทำอะไรต่อ ซื้อมาก็ต้องทิ้ง เปลืองเงิน”

“ก็ทิ้งไว้นี่แหละ..ไว้เล่นปีหน้าด้วยกันอีกก็ได้”
ฟังประโยคนั้นแล้วณัฐวีร์ก็ได้แต่ยิ้มบางๆแล้วหันไปมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเหมือนจะไม่แยแสใดๆในโลก

“พี่คิดว่าปีหน้าจะได้เจอผมอีกเหรอครับ..”
คนฟังถึงกับนิ่งไป แชร์แทบกัดลิ้นตัวเอง ทั้งที่ก็รู้อยู่ว่าเหตุการณ์ระหว่างกันมันคืออะไร ยังจะมีหน้าไปพูดแบบนั้นอีก
ชายหนุ่มยื่นมือเข้าไปจับข้อมืออีกฝ่ายไว้ “พี่..ขอโทษ ไม่น่าพนันกันด้วยเรื่องแบบนั้น”

ณัฐวีร์ส่ายหน้าทันที ดวงตาของเขามองไปทางอื่นริมฝีปากยังยิ้มบางๆ “ช่างเถอะพี่.. เดี๋ยวมันก็ผ่านไป.. เดี๋ยวผมก็ตื่น อีกแค่เดือนนิดๆ ผมก็ไม่ต้องมายุ่งกับพวกพี่อีกแล้ว”
จบประโยคนั้นณัฐวีร์บิดมือออกจากมืออีกฝ่าย เขายิ้มให้แชร์ ทำให้คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นตัวแข็งทื่อ.. เด็กนี่ไม่คิดจะต่อว่าเขาเลยด้วยซ้ำ ทั้งที่เขาเป็นคนเริ่มเรื่องเหล่านี้ขึ้นเอง พาความฉิบหายมาสู่เด็กคนนี้เอง ถึงจะไม่ได้ทำทารุณจิตใจเองกับมือ แต่ก็ถือว่ามีส่วนรู้เห็น

เขานั่นแหละที่ผิด..

“ไปเหอะพี่ ยืนเฉยๆหนาวโคตรเลย ไอ้ห่านั่นเอาก๊วยเตี๋ยวร้อนๆบ้านมันมาจากไหนนะ ..ว่าจะไปหามาสาดหมาบ้าแถวนี้บ้าง” ประโยคหลังนั้นคนพูดบ่นเบาๆแล้วหันเดินทันที

“เดี๋ยว ระวัง!!..” แชร์ร้องเรียกเพราะมีฝรั่งเมาตัวโตกำลังเซมา แต่เสียงอย่างเดียวก็รั้งไว้ไม่ทัน ณัฐวีร์ถูกชนเข้าจังๆ
เด็กหนุ่มร้องด้วยความตกใจ เขาไม่ได้เจ็บตัวเพราะฝรั่งคนนั้นค่อนข้างลงพุง ตัวจึงนิ่มใช้ได้ แต่เพราะโดนชนและมีน้ำอยู่บนถนน ทำให้เขาลื่นรองเท้าตัวเองเซแถ่ดๆเกือบจะล้มก้นจ้ำเบ้าอยู่แล้ว ก็พอดีที่มีแชร์ยื่นมือเข้ามารวบตัวเขาไว้ได้

“ขอบคุณพี่..” ณัฐวีร์บอกแล้วถอยตัวออกมา ทว่าอีกฝ่ายกลับจับต้นแขนเขาไว้มั่น

“พี่สัญญา.. จากนี้พี่จะดูแลนัทเอง จะไม่ยอมให้ไอ้แมนมันทำร้ายนัทอีก จะดูแลตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกัน และถ้ามีอะไร โทรหาพี่ได้เลย พี่รู้จักไอ้แมนดี พี่จัดการมันได้ ถ้าหนักหนาให้โทรหาพี่ เข้าใจใช่ไหม”
ณัฐวีร์มองอีกฝ่ายด้วงสายตาว่างเปล่าเหมือนเดิม เขายิ้มบางๆให้กับอีกฝ่ายแล้วจึงพูดว่า “ไปเล่นน้ำกันเหอะ”

“คุยอะไรกันอยู่วะ..” มกรคงหันมาเห็นจึงได้เดินมาหาและถามคำถามนั้นขึ้น ดวงตาคมปราดมองมือของเพื่อนบนต้นแขน แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ปล่อย

“น้องจะล้ม ไอ้หรั่งนั่นมันชน”
แชร์พยักหน้าไปยังฝรั่งขี้นกที่ยังเซเป๋ไปได้ไม่ไกล คือเดินไปสามถอยกลับมาสอง ก็เลยยังไปไหนไม่ไกลจริงๆ

“แล้วไอ้ปังตอล่ะ”

“ขอกลับไปนอน มันบอกแฮงค์”

“อืม..งั้นเราจะเอาไง” คนตัวโตยื่นปืนฉีดน้ำมาให้ณัฐวีร์ “มึงถือให้กูหน่อย”

เพราะปืนกระบอกใหญ่ทำให้แชร์ต้องลดมือที่จับต้นแขนณัฐวีร์ลง เด็กหนุ่มจะได้รับมาถือได้อย่างถนัด และเป็นจังหวะเดียวกับที่มกรก้าวแทรกกลางเดินคุยกับแชร์ไปด้วย
ส่วนณัฐวีร์ พอได้อาวุธเขาก็เริ่มเล่นน้ำอีกครั้ง.. คราวนี้ล่ะมึ้ง!

“จะกลับหรือจะยังไงล่ะไอ้แมน จะได้โทรเรียกรถ คงอยู่ไม่ไกลหรอกมั้ง”

“ไอ้ปังตอไม่ได้เอารถกลับเหรอ”

“เออว่ะ มันคงเรียกรถพากลับ หรือพวกเราจะเล่นน้ำกันอยู่แถวนี้ก่อน”

“หิวไหม..?”

“กูไม่หิวนะ”

“ไม่ได้ถามมึง..ว่าไง หิวไหม?”
ณัฐวีร์เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย คนถามไม่ได้มองมาทางเขา สายตาทอดมองไปยังพื้นที่ด้านหน้า.. ถ้าจะถามกันแบบนี้ ไม่ต้องถามก็ได้มั้ง ..แต่ถ้าเขาไม่ตอบก็อาจเป็นเรื่องอีก

“เฉยๆ ครับ”

“แต่กูหิว.. ไปกินข้าวกัน”
ณัฐวีร์ทอดสายตามองไปด้านหน้าด้วยความรู้สึกว่างเปล่า.. ก็ถ้าไม่คิดจะฟังคำตอบ ..แล้วจะถามทำไม
ทว่า ไหล่ข้างหนึ่งที่หนักอึ้ง ดึงเขากลับมาสนใจคนข้างๆอีกครั้ง มือร้อนที่วางลงบนไหล่ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย อากาศเย็นหลังฝนตกรวมกับน้ำเย็นที่โดนราดลงมา มือนั้นจึงช่วยทำให้อุ่นขึ้นตอนที่อีกฝ่ายดึงเขาให้ไปเดินเบียดกันบนถนนที่คนพลุกพล่านสายนี้



***




หลังจากมื้ออาหาร พวกเขาก็ออกจากร้านแล้วตกลงกันว่าจะไปปาร์ตี้โฟมด้วยกัน..
จริงๆณัฐวีร์ไม่อยากไปต่อแล้วเพราะเขารู้สึกไม่สนุก การที่มากันน้อยแถมยังไม่ได้รับความสนใจจากสาวๆอีก ก็เลยยิ่งรู้สึกแตกต่าง สองคนที่เขามาด้วยนั่นเดินไปไหนก็มีแต่คนฉีดน้ำใส่ มีสาวยิ้มให้ด้วยเพราะทั้งสองคนหน้าตาดี และสูงกว่าเขามาก
ส่วนเขานั้น แรกๆที่เดินอยู่ริมนอกโดยมีมกรขั้นกลางไว้ก็พอจะมีคนมาเล่นน้ำด้วยบ้าง แต่พอโดนย้ายที่ให้มาเดินตรงกลาง มีขวาเป็นมกร ซ้ายเป็นแชร์.. โลกก็มืดไป.. ไม่มีอะไรให้สนุกสนานอีกแล้วสงกรานต์ปีนี้

“เฮ้ยคนเยอะว่ะ”
พอเดินมาจนถึงคลังยาท่าแพพวกเขาก็เห็นคนแน่นขนัดตรงที่มีเครื่องทำโฟมไหลฟองฟอดสีขาวออกมา

“โฟมน้อยว่ะ..”

“นั่นดิ..”

“สู้ที่ฮาร์ดร็อคไม่ได้”

“เชี่ย อันนั้นมันเสียเงิน มึงจะเอาไปเทียบกันทำไม”

“งั้นตรงเซ็นทรัลเวิล์ดก็ยังเยอะกว่า ฟรีเหมือนกัน”
ผู้ชายตัวโตสองคนยืนบ่นว่าไม่ฟิน แต่กับณัฐวีร์นั้นเจ้าตัวตื่นตาตื่นใจมาก และอยากกระโจนเข้าไปเล่นเดี๋ยวนี้เลย

“ไปเหอะ..กลับไปกินเหล้าดีกว่า”

“ห๊ะ!” ณัฐวีร์ร้องอย่างเสียดาย อุตส่าห์มาถึงที่เขาก็อยากเล่นสักนิดก็ยังดี ใครจะบ่นไม่ฟินก็ช่างแต่อยากเล่นอ่ะ

“ทำไม?..อยากเข้าไปเล่นหรือไง?”

“ก็มาแล้ว ไม่เล่นกันเหรอครับ”

“จะฝ่าคนเข้าไปได้ไหมล่ะ..”

“ผมเล่นแค่ข้างนอกนี่ก็ได้ แค่แตะๆสักสิบนาที” เด็กหนุ่มใช้มือชี้วงนอกที่มีโฟมลอยออกมานิดหน่อย

“ไม่เอา..เดี๋ยวกลับจากนี่แล้วพาไปเล่นที่ฮาร์ดร็อค..”
ณัฐวีร์ลดมือลงทันที..ถ้าพูดแบบนี้ก็ไม่จำเป็นต้องคุยกันอีก เขาไม่ได้ขอให้ลงไปเล่นด้วยกัน และก็ไม่ได้บอกว่าจะลุยเข้าไปเล่นไกล กำหนดเวลาเลิกเล่นให้แล้วด้วย ทำไมยังต้องห้ามล่ะ..
อ้อ.. ช่วงสามเดือนนี้ชีวิตไม่ใช่ของเขาสินะ..

“ไอ้แมน น้องมันจะเล่นก็ให้มันเล่นนิดหน่อยเป็นไรวะ..ยังไงเราก็ต้องรอรถมารับอยู่ดี”

“ก็ฟองมันน้อย แล้วมึงดูคนอย่างเยอะเล่นไปก็ไม่สนุก”

“น้องคงอยากลอง..เอาน่า นัทไปเลย” แชร์เป็นคนดันหลังให้ไป

“ไอ้แชร์ มึงให้ท้ายมันเหรอ อยากไปเล่นกับมันหรือไง”

“เปล่า เดี๋ยวกูอยู่กับมึงตรงนี้แหละ สิบนาทีเต็มที่เลยนัท” ชายหนุ่มพยักหน้าให้คนที่ยังลังเลไม่ก้าวไป แต่พอเห็นมกรเม้มปากแน่นยกมือกอดอกเมินหน้าเชิดเริ่ดคางยื่นจมูกยาวไปอีกด้านหนึ่ง ณัฐวีร์ก็ยิ้มกว้างวิ่งไปทันที

คนไม่เคยเล่น อยากลองแตะๆ ดูสักหน่อยจะมาทำเป็นหงุดหงิดทำไมก็ไม่รู้
เสียงเพลงจากบูธดีเจดังกระหึ่ม สาวๆกรี้ดลั่นเมื่อฟองระลอกใหม่พ่นออกมาจากปล่องผลิต เด็กๆ ที่ไปยืนรออยู่ใต้โฟมนั้นปล่อยให้โฟมท่วมหัวท่วมหูแล้วตีมือให้มันลอยฟ่องไปทั่ว ณัฐวีร์เองแม้จะอยู่รอบนอกแต่ก็มีติ่งโฟมลอยออกมาก้อนใหญ่พอควร ขาก็เหยียบถูกฟองที่เรี่ยราดอยู่กับพื้น อย่างสนุกสนานอยู่คนเดียว

“เจอกันอีกแล้วนะครับ..นัท”
เสียงเอ่ยทักทำให้เด็กหนุ่มหันขวับไปทันที

“พี่..มังกี้”
ผมเปียกลู่โนแว๊กซ์แบบนี้แทบจำเค้าความหล่อไม่ได้เลย

“ชื่อโมครับน้อง.. แหม เปลี่ยนชื่อให้พี่แบบนี้ติดใจอะไรพี่ครับ”
ณัฐวีร์หัวเราะเบาๆ ไม่ยอมบอกว่าการตั้งชื่อให้ไม่ใช่เพราะติดใจหรอก บางทีคนเราเวลาเจอตัวอะไรอยู่ข้างทางก็ตั้งชื่อให้ไปทั่วได้นะ

“มาคนเดียวเหรอ..”

“เปล่าครับ มากับเพื่อน..แต่พวกนั้นเขาไม่อยากเล่นเลยยืนรออยู่ตรงโน้น” เด็กหนุ่มชี้มือไปด้านหลังพร้อมกับเหลือบมาตรงจุดเดิมที่เขาจากมา

แชร์เป็นคนที่ยืนกอดอกทำหน้าเครียดมองตรงมาทางนี้ ส่วนอีกคน กำลังคุยกับสาวหน้าคุ้นตาอยู่ตรงนั้น พอเห็นภาพแบบนั้นณัฐวีร์ก็เลยได้แต่ขมวดคิ้วหมับ..เออ เนอะ น่าหงุดหงิดไหมล่ะ คนหล่อนี่มันดึงดูดสาวๆง่ายจริง
แต่..ใครหว่า..? ณัฐวีร์รู้สึกคุ้นหน้าสาวเจ้าเหลือเกิน จึงจ้องมอง แต่พอนึกไม่ออกก็ยักไหล่แล้วหันกลับมาเล่นโฟมที่อยากเล่นต่อ ความหงุดหงิดที่ยังติดอยู่ในใจ เอามันมาโยนใส่ในมือที่ไล่ตีโฟมนี่ล่ะวะ
ขณะที่คนข้างๆกันพึมพำออกมา “แกว..มันไปทำอะไรตรงนั้นล่ะนั่น..”
คนฟังถึงกับหันไปมองหน้าทันที

“อ๋อ น้องสาวพี่น่ะ นั่นยืนอยู่กับเพื่อนนัทหรือเปล่า”
คนถูกถามพยักหน้าตอบ..เขาจำได้แล้วว่าหญิงสาวคนนั้นเป็นใคร เธอคือแกลที่เจอที่มังกี้ผับนั่นเอง วันนั้นก็เป็นวันที่เขาเจอพี่มังกี้..เอ่อ พี่โมครั้งแรกเหมือนกัน

พอหันไปมองอีกหนถึงได้เห็นว่าแชร์กวักมือเรียกให้กลับได้แล้ว และทำไม้ทำมือเหมือนจะถึงเวลา 10 นาทีที่ขอไว้แล้ว ทำให้ณัฐวีร์ตีโฟมที่ลอยอยู่เหนือหัวจนแตกอย่างหงุดหงิด ก่อนจะหันเดินกลับไปหาคนกลุ่มนั้นอย่างหมดสนุกสุดๆ
เขาไม่รู้ว่าพี่โมจะตามมาหรือไม่ รู้แต่ตอนนี้เขามายืนหน้าบูดอยู่ข้างพี่แชร์ เรียกว่าอยู่ให้ห่างสองคนหนุ่มสาวนั่นให้มากที่สุดแล้วกัน

“พี่โม มาทำไรเนี่ย” หญิงสาวร้องทักเมื่อพี่ชายเดินเข้ามาใกล้ในระยะสายตาที่เธอจะสามารถให้ความสนใจได้

“มาด้วยกันทำเป็นถาม... ว่าแต่เราเถอะจะไม่แนะนำหน่อยหรือไง” ชายหนุ่มบุ้ยใบ้ไปทางมกร คนที่น้องตนเองกำลังยืนคุยอย่างออกรส

“พี่แมนคะ นี่พี่ชายแกลค่ะ ชื่อพี่โม”
มกรก็ยังคงเป็นมกร เขายืนกอดอก ยิ้มให้น้อยๆ ดวงตาคมคู่นั้นเหลือบมองมาทางณัฐวีร์แล้วเสกลับไปหาหญิงสาวเหมือนเดิม
ท่าทางหยิ่งแบบนั้นทำให้คนมองรู้สึกขึ้นมาเล็กน้อยเหมือนกัน แต่เพราะยังอยู่ต่อหน้าณัฐวีร์ เขาถึงยังสามารถวางท่าอยู่ได้

“พี่โม นี่คนที่เจอกันที่มังกี้ไง ที่แกลเล่าให้ฟังน่ะ.. แกลชวนพี่แมนไปดื่มกันตรงร้านเราด้วย ..กำลังจะไปกันพอดี พี่โมจะไปร้านเลยไหม”

“ก็ไปได้” ชายหนุ่มเองก็คงดีดลูกคิดแล้วว่าถ้าไอ้ตัวสูงนี่ไป คนที่ยืนอยู่ตรงนี้ทั้งหมดก็ต้องไปด้วย

“งั้นไปกันเถอะค่ะ” หญิงสาวหันมาพยักหน้ายิ้มให้ แล้วพี่น้องก็ออกเดินก้าวนำก่อน มือของหญิงสาวยื่นมารอคล้ายกับจะขอจับมือของมกร แต่อีกฝ่ายยังไม่ละมือออกจากการกอดอก ทำให้เธอรีบดึงมือกลับไปทันที ไม่รอให้พี่ชายหันมาเห็น
ชายหนุ่มหงุดหงิดคนทั้งโลก..!

ให้มันได้อย่างนี้สิ ผู้หญิงที่คาดว่าจะสามารถทำให้เขารู้สึกสนุกขึ้นมาได้บ้าง ดันเกี่ยวเนื่องเป็นน้องไอ้ตัวที่ทำให้เขาหมดสนุกไปได้เยอะ..เซ็งจริงๆ

มกรรอให้แชร์และณัฐวีร์เดินนำขึ้นไปก่อน ตัวเขาปิดท้าย ครั้นพอเดินกันไปได้เพียงครู่ชายหนุ่มก็คลายมือจากการกอดอกไปกระชากแขนเล็กของคนที่อยู่ด้านหน้าให้หันกลับมา แล้วขบฟันแน่นอย่างโกรธจัด

“กูเห็นนะว่ามึงทำอะไร.. กูบอกให้กลับไม่รีบกลับ อยากจะอยู่อ่อยผู้ชาย จะไปเล่นโฟม! เหอะ แล้วไง..ผู้ชายเดินตามตูดกลับมา สะใจล่ะสิ.. กลับไปเมื่อไหร่มึงโดนดีแน่”
ณัฐวีร์ขมวดคิ้วอย่างเบื่อหน่าย เขาพยายามรั้งแขนตัวเองออกเพราะไม่อยากจะตอบโต้อะไรด้วยวาจา ทว่าก็เหมือนอีกฝ่ายจะหงุดหงิดไม่แพ้กัน ถึงไม่ยอมปล่อยมือจากแขนเขาง่ายๆ

“พี่เองก็มีคนอื่นมายืนคุยด้วยไม่ใช่หรือไง..ถ้าผมไม่อยู่ตอนนี้ก็คงไปไหนๆกันแล้ว”

“ไอ้นัท!” เสียงตวัดอย่างโกรธเกรี้ยวมาพร้อมกับแรงมือที่หนักข้อขึ้น

“เฮ่ยๆ พวกมึง.. จะทำอะไรก็เกรงใจสายตาคนเขาหน่อย” แชร์เป็นคนร้องเตือนสติ ทำให้เมื่อทั้งคู่ละสายตาจากกันมองไปทางข้างหน้า จึงได้เห็นว่าสองพี่น้องก็หันกลับมามองพวกเขาเป็นตาเดียวอย่างที่แชร์ร้องเตือน







****
TBC

ออฟไลน์ pae666

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 506
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
ไม่ต้อง งง กับตอน Late Valentine's นะคะ เพราะเราก็ งง เหมือนกัน 555555 #ไปถามคนแต่งเอาน๊าาา าา #อินี่หนีตล๊อด

ใครแอบไปอ่านตอนใหม่แล้วบ้าง ในเพจลงล่วงหน้าเล้าไปละ T0T 

แม้นศรีก็ยังคงเป็นแม้นศรีนะคะ  :katai1:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอนที่ 16 (up 19.02.14)
«ตอบ #198 เมื่อ19-02-2014 17:45:25 »

วุ้ยอินังพี่แมน เดี๋ยวก็มาเป็นแม่ยกพี่แชร์ซะหรอก เชอะะะะ

ออฟไลน์ wi_OoO_wi

  • payaaa payaaa padazz taa
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-1
Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอนที่ 16 (up 19.02.14)
«ตอบ #199 เมื่อ19-02-2014 18:53:38 »

ถ้าชีวิตจริงนะ

นัทเล่นชู้กะพี่เเชร์ไปเเล้วววว

 :hao6: :hao6: :hao6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอนที่ 16 (up 19.02.14)
« ตอบ #199 เมื่อ: 19-02-2014 18:53:38 »





ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอนที่ 16 (up 19.02.14)
«ตอบ #200 เมื่อ19-02-2014 19:46:00 »

อยากให้อิพี่แมนสยบแทบเท้านัทจังเลย ณ จุดนี้หมั่นไส้อิพี่แมนมากกกก :fire:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอนที่ 16 (up 19.02.14)
«ตอบ #201 เมื่อ19-02-2014 20:28:42 »

 :เฮ้อ: เมื่อไรจะหลุดพ้นกลุ่มนี้แล้วหายหน้าไปนานๆเลยนัท สงสารอะ

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอนที่ 16 (up 19.02.14)
«ตอบ #202 เมื่อ19-02-2014 22:41:47 »

ต้องคอยลองรับอารมณ์แบบนี้กว่าจะครบกำหนดไมเกรนขึ้นกันพอดี

ออฟไลน์ pae666

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 506
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอนที่ 16 (up 19.02.14)
«ตอบ #203 เมื่อ03-03-2014 09:22:34 »

ตอนที่ 17





ร้านที่ถูกพามานั่งเป็นร้านอาหารที่มีโต๊ะไม้วางอยู่ในบริเวณพื้นที่กว้าง มีลูกค้านั่งอยู่เกือบเต็ม ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นที่เข้ามาพักรบ ทานอาหารก่อนออกไปเล่นน้ำช่วงเย็นต่อ
สำหรับเจ้าของร้านและเพื่อนฝูง มียกพื้นเป็นชั้นลอยขึ้นไปหนึ่งชั้น สามารถเดินขึ้นไปได้เลยโดยผ่านป้ายห้ามขึ้นก่อนได้รับอนุญาตไป
บนนั้น มีกลุ่มเพื่อนของเจ้าของร้านนั่งกินดื่มกันอยู่แล้วพอพี่น้องขึ้นไปถึงเสียงทักจากเพื่อนก็ดังขึ้น
“อะไรวะ ออกไปเดินเล่นแป๊บเดียว ได้พรรคพวกเพิ่มมาอีกแล้วเรอะ” เสียงหัวเราะดังขึ้นเหมือนเป็นการตอบรับคนเมาที่ร้องถามด้วยความหวงเหล้า
ตรงนั้นมีคนอยู่เกือบสิบคนได้ มีทั้งผู้หญิงและผู้ชายล้อมวงอาหาร บ้างก็ตัวเปียกน้ำหยดติ๋งๆ แต่บางคนก็ตัวแห้ง
“เงียบๆไปเลยพวกมึง..” โมจัดโต๊ะแยกให้ และหันไปพูดโดยตรงกับณัฐวีร์เท่านั้น “นั่งโต๊ะนี้ก็ได้ครับ”
ทั้งหมดทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ไม้มีพนัก ก่อนจะมองเจ้าของร้านสั่งอาหารและเหล้าเบียร์มาให้อย่างไม่หวงของ
ร้านนี้เป็นร้านอาหารพื้นเมืองที่ขายอาหารตามสั่งและสุราด้วยในตัว ส่วนใหญ่ขายอาหารกลางวัน และขายเบียร์กลางคืน ประมาณสักห้าทุ่มเที่ยงคืนถึงจะปิดร้าน แล้วมาเปิดอีกทีตอน 11 โมงเช้า สองคนพี่น้องไม่ได้บริหารร้านเอง แต่เป็นพ่อแม่ที่คอยดูแลให้
แต่จะเรียกว่าไม่ช่วยงานเลยก็ไม่ใช่ เพราะมีสองคนพี่น้องนี้แหละ ร้านถึงมีลูกค้าเป็นวัยรุ่นเข้าๆออกๆร้านแบบหัวกระไดไม่เคยแห้ง
เนื่องจากเป็นอาหารพื้นเมือง ร้านอาหารจึงเป็นแบบเปิดโล่งสบาย แต่หากมีใครต้องการแอร์เย็นๆ ด้านในที่ชั้นหนึ่งก็จะมีห้องแอร์ด้วย แค่จุคนได้ไม่มากนักเท่านั้น
“ดื่มน้ำให้หายเหนื่อยกันก่อนนะ อาหารคงต้องรอสักครู่เดี๋ยวก็จะตามมาค่ะ” แกวเป็นคนเอ่ยปากขึ้นก่อน เธอนั่งอยู่ข้างมกรและรินเบียร์วุ้นให้ชายหนุ่มอย่างชำนาญ
ด้วยความที่ตำแหน่งนั่งของหญิงสาวอยู่ในทิศตะวันตัก เลยต้องตักน้ำท่าแจกทุกคน เธอนั่งข้างมกร ขณะที่ฝั่งตรงข้ามคือแชร์ที่นั่งคู่ณัฐวีร์ และถัดจากณัฐวีร์ไปก็คือโม
“นัทล่ะ อยากดื่มเบียร์หรือน้ำอะไรดี”
“ไม่เอาครับ..” เด็กหนุ่มรีบส่ายหัวทันที “ผมขอแค่โค้กก็พอแล้ว ไม่อยากดื่มเบียร์”
“ได้เลย โค้กแก้ว เบียร์ให้พี่แก้วนะมันแกว”
“ว้าย! พี่โม เรียกแกลก็พอ ไม่เอามันแกว”
“ชื่อพ่อชื่อแม่ตั้งให้ ทำเป็นรังเกียจ..” พี่ชายล้อน้องสาวอย่างสนุก “นัทดูมันนะ พ่อตั้งชื่อมันว่ามันแกว จะได้คล้องกับพี่ที่ชื่อแตงโม แต่มันดันไม่ชอบ.. พอมาชอบเป็นนางแบบถ่ายรูปมันเลยเปลี่ยนชื่อตัวเองเป็นแกลอรี่ซะเลยน่าหมั่นไส้”
ณัฐวีร์ฟังแล้วก็หัวเราะตาม งั้นที่เขาฟังก็ไม่ผิดสิ คืนนั้นหญิงสาวออกสำเนียงเน้นคำมากเขาก็ยังว่าทำไมต้องเน้นขนาดนั้นที่แท้มีปมอยู่ในใจนี่เอง
แต่เธอก็น่ารักสมกับการชอบเป็นนางแบบถูกถ่ายรูปล่ะนะ
“เดี๋ยวผมขอเข้าห้องน้ำหน่อยนะครับ เล่นโฟมเมื่อกี้ยังไม่ได้ล้างมือดีๆเลย”
“ห้องน้ำอยู่ข้างในเดี๋ยวพี่พาไป” เจ้าของร้านที่นั่งอยู่ข้างกันรีบขันอาสา
“ไปด้วย..” แชร์เป็นคนเอ่ย แต่มกรน่ะลุกไปแล้ว “มึงจะไปด้วยเหรอแมน”
ร่างสูงที่ก้าวพ้นเก้าอี้หันมาพยักหน้าให้เพื่อน ดวงตานั้นหลุบลงต่ำเหลือบมองณัฐวีร์อย่างคาดโทษ แต่เด็กหนุ่มกลับไม่ทันได้เห็นสีหน้าและสายตาคู่นั้น เพราะกำลังถูกฝ่ายเจ้าบ้านชวนคุยไปตลอดทางที่นำเข้าไปด้านในร้าน
ประตูกระจกเลื่อนเปิดออกทำให้ไอเย็นพัดพุ่งเข้าหาร่างที่ต่างก็เปียกปอน คนตัวโตๆคงไม่เป็นไร แต่กับคนตัวผอมๆแกรนๆอย่างณัฐวีร์ก็คงมีผลกระทบทันที
“ฮัดชิ้ว!”
เด็กหนุ่มจามฟุดฟิดอยู่สองสามครั้ง ทำให้ทั้งคนที่เดินนำและเดินตามต่างมองณัฐวีร์เป็นตาเดียว
“ไหวไหม?” แชร์เอ่ยถาม มองปลายจมูกแดงๆนั่นแล้วพลันนึกไปว่าแค่จามนิดหน่อยก็หน้าแดงไปหมดแล้ว แบบนี้ถ้าทำให้เขินคงแดงไปทั้งตัว
แต่แล้วชายหนุ่มก็ส่ายหน้าหวือ.. เพราะดันไปคิดถึงภาพตอนที่อีกฝ่ายเปลี่ยนเสื้อขึ้นมา..
เป็นเอามากแหะไอ้แชร์..
“ไหวพี่ เดี๋ยวเข้าห้องน้ำเสร็จออกไปอยู่อากาศข้างนอกก็สบาย” ณัฐวีร์หันมายิ้มให้ ยังรู้สึกถึงหยดน้ำที่ไหลจากศีรษะหยดลงข้างแก้มอยู่เลย
“เปลี่ยนเสื้อหน่อยไหม เอาเสื้อพี่ไปก่อนก็ได้” โมเอ่ยขึ้นบ้าง “แต่เสื้อตัวเล็กของพี่ส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อเชิ้ตนะ..เอางี้ เดินตรงไปนี่ก็ห้องน้ำแล้ว เข้าไปกันก่อนเลย เดี๋ยวพี่ไปหยิบเสื้อในออฟฟิศมาให้”
“เดี๋ยวครับ..ไม่รบกวนดีกว่าพี่”
“อย่าคิดมากๆ” เสียงนั้นห่างออกไปเพราะเจ้าตัวแล่นไปหยิบของไม่ฟังใครเสียแล้ว
จะเหลือก็แค่สามคนที่ยืนอยู่ด้วยกันตรงนั้น มกรอาจจะเป็นพวกไม่ใส่ใจอะไรเลยนอกจากตัวเอง..ทว่าพอมาถึงเวลานี้เขากลับวางเฉยไม่ใส่ใจไม่ได้อีกต่อไป
ความรู้สึกข้างในที่ระอุร้อนนี้คืออะไร? เขาหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้.. และตอนนี้ก็ยังไม่ใช่เวลาหาคำตอบด้วย!
ตั้งแต่ตรงปาร์ตี้โฟม เขาเห็นณัฐวีร์ยืนเล่นโฟมอยู่ลำพังก็ไม่อยากจะสนใจหรอก แต่ดวงตากลับไม่สามารถละออกจากเด็กหนุ่มนั่นได้ โตขนาดนั้นยังชอบเล่นอะไรเป็นเด็กๆไปได้ เขาคิดแล้วเกือบจะยิ้มออกมา ทว่าเมื่อแกลเข้ามาทัก ละสายตาไปชั่วไม่ถึงห้าวินาที หันกลับไปอีกทีไอ้เด็กเวรก็เข้าไปคุยกับใครอีกแล้ว มันเหมือนจะคุยกันอย่างสนุกเสียด้วย
เขาแทบไม่ได้ฟังที่หญิงสาวเอ่ยคุยและชวนเลยด้วยซ้ำ พยักหน้ารับไปเรื่อย ประมาณถ้าถูกถามว่ามียา หรือเคยฆ่าคนไหมก็พยักรับไปนั่นแหละ
ความโมโหทำให้เขายืนกอดอกกำหมัดแน่น ยิ่งมารู้ว่าสองคนนี้เป็นพี่น้องกัน และต้องพาเอาทุกคนมาที่ร้านเพราะไอ้อาการพยักหน้าหงึกหงักไปเรื่อยของเขานั่น ทำให้เขายิ่งโมโหมากขึ้น
แล้วดูสายตามัน..เด็กนั่นมันเหมือนจะอยากท้าทายเขา .. มันหันไปยิ้มให้ไอ้ตัวพี่ คุยเล่นกัน..แล้วก็นั่งข้างกัน..นี่เพราะเขาทำได้มันก็เลยทำมั่งแบบนั้นสินะ
มันไม่รู้ชะตากรรมตัวเองเสียแล้ว!
นี่พอมาถึงร้านมันยังจะไปรับเสื้อมาใส่อีก แบบนี้ก็ไม่ต้องเสวนากันล่ะ
“กลับ!” เสียงประกาศกร้าวดังขึ้น มือใหญ่คว้าเข้าที่ข้อมือของณัฐวีร์แล้วดึงจนเป็นกระชากให้เดินตาม
“พี่แมน..” เด็กหนุ่มร้องประท้วง แต่อีกฝ่ายกลับหันมาขมึงตากร้าวจนเขาต้องปิดปากเงียบไปเอง มือที่ถูกจับกระชากเจ็บจนร้าวทำให้ต้องเดินตามออกมา
ก็คนที่ตอบตกลงว่าจะมามันคือพี่แมนเอง แล้วทำไมต้องมาโกรธกันด้วยล่ะ หรือเพราะเขาตามมาก็เลยโกรธ เด็กหนุ่มคิดอย่างไม่เข้าใจ เขาเหลียวไปมองแชร์ที่เดินตามมา..ฝ่ายนั้นเดินตามมาเงียบๆ และเหมือนจะหน้าตึงๆเหมือนกัน คือพูดง่ายๆว่าเห็นดีเห็นงามที่จะรีบออกจากร้านนี้เช่นกัน
เฮ้อ..จะไปหวังอะไรกับคนที่เขาเป็นเพื่อนกัน.. บอกจะช่วยดูแล นี่ก็เจ็บจะแย่ทำไมไม่เห็นห้ามเพื่อนเลยล่ะ
ณัฐวีร์หันกลับมามองทาง พวกเขากำลังจะพ้นประตูกระจกออกไปอยู่แล้ว ตอนที่โมกลับเข้ามาพอดี
“อ้าว นั่นจะไปไหนกันน่ะ”
ทั้งสามคนต่างเงียบ มีเพียงสายตาของมกรที่มองมาหาแชร์ให้เป็นคนจัดการเสีย ในขณะที่ชายหนุ่มลากเอาณัฐวีร์ออกไปจนได้
ข้างในจะอธิบายอย่างไรกันก็สุดจะเดา ณัฐวีร์ถูกลากผ่านโต๊ะที่ตัวเองนั่ง แม้ว่าแกลจะร้องถามแต่คนลากก็ยังนิ่งไม่ตอบความ เพียงครู่เดียวพวกเขาก็มายืนรออยู่ที่หน้าร้าน โดยที่แชร์ โม และแกลเดินตามกันออกมา
“ขอบคุณมากนะครับ..” แชร์เป็นคนเอ่ยขึ้น “น้องไม่สบายเลยต้องรีบพากลับ เดี๋ยวจะอาการแย่ไปกันใหญ่”
“ให้ผมไปส่งดีกว่า” โมยังพยายาม
“ไม่เป็นไร ผมมีรถที่จ้างไว้ นี่โทรเรียกแล้วล่ะ”
พี่น้องทั้งคู่ต่างมองไปมาอย่างไม่เข้าใจ สุดท้ายเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังจะผละจากไปจริงๆ โมก็เลยพูดขึ้น “นัทดูแลตัวเองดีๆนะ มีอะไรก็โทรหาพี่ได้ นี่นามบัตรพี่ แล้วก็นี่เสื้อ คลุมตัวไปสักหน่อยจะได้ไม่โดนลม”
ฝ่ายนั้นยื่นเอาเสื้อเชิ้ตสีฟ้าเรียบๆพร้อมนามบัตรมาให้ ทว่าแรงบีบที่ข้อมือของณัฐวีร์ทำให้เด็กหนุ่มไม่กล้ายื่นมือไปรับ เขาเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของมือที่บีบแขนจนเขาเจ็บ แล้วก็ได้แต่ก้มหน้าลงอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี
เมื่อเห็นสุญญากาศเกิดขึ้น แชร์จึงยื่นมือไปรับมาเสียเอง “ขอบคุณแทนน้องด้วยนะครับ พวกผมขอตัวก่อนล่ะ”
แล้วมกรก็ลากเอาร่างของณัฐวีร์ออกมา พร้อมทั้งแชร์ที่เดินตาม ทุกอย่างเกือบจะไปได้ด้วยดี แต่เสียงที่ไล่หลังมาก็ทำให้พังทลายลงอย่างไม่เป็นท่า
“ถ้ามีแล้วดูแลไม่ได้ ให้ผมดูแลให้ไหมครับ..”
เสียงความอดทนที่ขาดผึงดังลั่นโสตประสาท มือใหญ่นั่นปล่อยข้อมือเล็กออกแล้วโผนไปหาคนพูดทั้งตัวชนิดที่แชร์ก็รั้งไว้ไม่ทัน
“พี่แมน!” เสียงร้องเรียกอย่างตกใจของณัฐวีร์ ดังประสานไปกับเสียงกรีดร้องของแกล
กำปั้นหนักที่ง้างไปถูกบล็อกไว้ได้ด้วยแขนของอีกฝ่าย ซึ่งทางนั้นเองก็คงตั้งรับไว้เหมือนกันจึงส่งหมัดกลับมากระทบเข้าที่โหนกแก้มจังๆจนเซถลา
แชร์พยายามเข้าไปห้ามมกร แต่ดูเหมือนจะเลือดเข้าตาและเจ็บใจที่โดนหมัดไปก่อนทั้งที่เป็นคนเปิดเอง ชายหนุ่มสะบัดเพื่อนพร้อมกับถลาเข้าหาอีกครั้ง คราวนี้เขาตั้งหลักมั่นแล้วเตรียมพร้อมเต็มที่ เมื่อครู่ประมาทไปนิด
แลกหมัดกันไปคนละตุ้บสองตุ้บสายตาก็พลันเห็นว่าเพื่อนของฝั่งนั้นลงมาจากชั้นลอยยืนเป็นแบ็คเต็มพื้นที่ ทว่า ก็ไม่ได้จะทำให้มกรหยุดชะงักเพราะความเกรงกลัวเจ้าถิ่นแต่อย่างใด ตรงกันข้าม เขากลับยิ่งบ้าดีเดือดหนักขึ้น
อาศัยว่าตัวสูงช่วงยาวกว่า มกรจึงยกเท้าขึ้นทั้งเตะและถีบอีกฝ่ายจนล้มลุกคลุกคลานไปเหมือนกัน
วัดพื้นกันไปคนละครั้งสองครั้ง แต่ก็ยังไม่มีใครเพลี่ยงพล้ำ จนเมื่อมกรเตะตัดขาอีกฝ่ายให้เข่าทรุด แล้วใช้จังหวะนั้นโผตัวขึ้นคร่อมง้างหมัดชกลงบนใบหน้าที่เริ่มจะมีเลือดอาบ
“เฮ้ย! พอแล้วไอ้แมน!” พอทางนี้ขยับเข้าไปรั้งตัวเพื่อน ทางโน้นก็กรูกันเข้ามากันเพื่อนตัวเองเช่นกัน
ถือว่าใจนักเลงพอกันใช้ได้ ไม่หมาหมู่แบบนี้ค่อยต่อยกันสนุกหน่อย
“ของๆกู.. ถ้ากูไม่ให้ใครก็แตะไม่ได้!” มกรถ่มน้ำลายผสมเลือดทิ้งลงพื้นพร้อมกับประกาศก้อง
“ถ้าเป็นของมึงจริงก็ดูแลเขาหน่อย เขาไม่ใช่สิ่งของที่มึงจะเที่ยวทิ้งขว้างนะ กูเห็นตั้งแต่ที่มังกี้แล้ว มึงอยู่กับน้องกูแล้วปล่อยให้เขาออกมานั่งตากยุงอยู่ข้างนอก ตัวเขาเล็กแค่นี้มึงก็ให้เขาลงมาแบกเหล้าแบกน้ำแข็งขึ้นไปให้แดก มึงอย่ามาปฏิเสธว่าเขาอาสาหน่อยเลย เขาคงไม่ได้อาสาลงมาคนเดียวทุกวันหรอกมั้ง กูเห็นเขาลงมาเซเว่น ส่วนพวกมึงก็นั่งแดกไปสิ..มึงรู้ไหม บางครั้งเขาต้องวางของลงกับพื้นเพราะถือไม่ไหว ตอนแรกกูก็สงสัยว่าทำไม นี่กูเพิ่งเห็นว่ามีแผลที่แขนเขาวันนี้เอง..กูถึงได้เข้าใจ..พวกมึงมันเหี้ย.. แล้ววันนี้..มึงก็ยังเกี้ยวน้องกู! ไอ้สัตว์! ถ้ามึงหวงของนักมึงก็ดูแลของๆมึงให้ดีสิ นี่มึงเล่นไปยุ่งกับคนอื่นไม่สนใจใยดีทิ้งๆขว้างๆ แล้วจะมาโทษกูได้ยังไง..ก็มึงนั่นแหละเปิดทางให้กูเอง!”
คนฟังต่างอึ้งกันไปเป็นแถบ เท่ากับว่าโมได้เห็นสภาพของณัฐวีร์มาหลายหนและเฝ้ามองมาตลอด 
ส่วนตัวต้นเรื่องได้แต่ยืนตัวสั่น ภาพการทะเลาะวิวาททำให้เขานึกไปถึงสภาพในรถที่ถูกล็อคข้อมือไว้วันนั้น พลันความโหดร้ายที่พยายามจะลืมก็ผุดขึ้นมาอีกหน เด็กหนุ่มมองมือที่สั่นเทาของตนเอง แขนที่ยังมีรอยแผลเป็นจากการผ่าตัดต่อรอยร้าวของกระดูกทำให้เขาหน้าซีดเผือดลง หัวใจนั้นถูกบีบให้เจ็บปวดจนเด็กหนุ่มสุดจะทน เขาปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาเงียบๆ แล้วหันหลังเดินหนีเหตุการณ์นั้นไปทันที.. และไม่อยากจะรับรู้อะไรอีกแล้ว
แชร์ที่ยืนล็อคแขนเพื่อนตัวเองพยายามลากให้คู่กรณีออกห่างจากกัน แต่ก็ยากเอาการเพราะเวลาเพื่อนของเขาโมโหขึ้นมา มักจะขาดสติจนทำอะไรเกินเลยเสมอ
ก็ดูเอาเถอะ คนปกติที่ไหนเห็นทางโน้นพวกมากกว่าก็ยังจะพุ่งเข้าไปหาเขาอยู่ได้
ต่างฝ่ายต่างยืนจ้องตากันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่แล้วเสียงร้องบอกว่าตำรวจมาก็ทำให้ทั้งคู่ต้องผละออกจากกันไปโดยปริยาย
มกรไม่เคยกลัวตำรวจ แต่เขาเบื่อจะต้องไปให้ปากคำ ส่วนฝั่งนั้นเองก็คนค้าขาย ไม่อยากเสียเวลาไปเหมือนกัน ต่างฝ่ายจึงต่างแยกกันวิ่งไปคนละทิศ โดยมีแชร์มองหาณัฐวีร์ไปตลอดทาง
“นัทไปไหนวะไอ้แมน..”
“ไม่รู้! อย่าให้กูเจอตัวนะ จะอัดแม่งให้ร่วงเลย!”
“น้องมันไม่ได้ทำอะไรเลยนะมึงจะไปอัดมันทำไม”
“หาเรื่องมาให้กูทั้งนั้น!” มกรยกมือขึ้นปาดเลือดบนหน้าตัวเองออกแล้ววิ่งเลี้ยวเข้าไปตามที่เพื่อนดึง
พวกเขาสองคนยืนหอบกันอยู่ชั่วครู่ เห็นว่าตำรวจไม่ได้วิ่งตามมาทางนี้แล้วจึงยกโทรศัพท์ขึ้นมาโทรเรียกรถและนัดสถานที่รับ
“กูจะลองออกไปเดินหาน้องมันอีกที มึงรออยู่นี่แหละออกไปทั้งหน้าเยินๆแบบนี้เจอตำรวจก็จบกัน”
หลายนาทีต่อมา แชร์กลับมาพร้อมกับความล้มเหลว พวกเขาจึงตัดสินใจกันว่าให้กลับไปที่คอนโดก่อนเพราะณัฐวีร์เองอาจหลงกันแล้วกลับไปที่พักแล้วก็เป็นได้
แต่จนมืดค่ำเกือบจะห้าทุ่มแล้วณัฐวีร์ก็ยังไม่กลับมา โทรศัพท์ก็ไม่ยอมรับสายทำให้ทั้งสามคนเริ่มจะต้องมาจับเข่าคุยกัน
“เอายังไงล่ะทีนี้ จะแยกกันออกตามไหม?”
“ไม่เห็นต้องไปตามมันเลย ถ้ามันไม่อยากกลับมาก็ปล่อยมันไปสิ” มกรนอนไม่ขยับเขยื้อนอยู่บนโซฟาตาก็จ้องโทรทัศน์แล้วหัวเราะไปกับมุกตลกที่ตัวเองไม่เคยคิดจะขำ
“ปล่อยมันไปเหอะวะ เราไปกันเองดีกว่า” ป้อดเสนอแนะและได้รับการตอบสนองจากเพื่อน พวกเขาเรียกรถมาสองคัน แบ่งกันไปตามหา แชร์ไปคนเดียวลำพัง ส่วนป้อดกับปังตอไปด้วยกัน
“มึงแน่ใจนะว่าจะไม่ไปด้วย” แชร์หันไปถามคนที่ยังนอนมองโทรทัศน์อย่างสบายอารมณ์
“กูจะไปทำไมให้เหนื่อย..เดี๋ยวมันก็กลับมาเอง”
“ถ้าน้องมันกลับมาก็โทรบอกพวกกูด้วยแล้วกัน จะได้ไม่ต้องห่วงกันมาก ดีเหมือนกันมึงอยู่ทางนี้เฝ้าบ้านไว้ มึงเองก็พักเสียด้วยแล้วกัน”
“เออๆ” ชายหนุ่มโบกไม้โบกมือแล้วหัวเราะร่วนกับมุกในโทรทัศน์ เอาถาดตีหัวกันมันขำตรงไหนวะ แต่หัวเราะไปก่อนแล้วกัน..
ครั้นพอประตูปิดลง สิ่งที่เขาทำก็คือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วต่อสายหาคนของพ่อทันที
ถ้าคิดว่าหนีกูพ้น...ก็รอชาติหน้าเถอะไอ้นัท!







(มีต่อ)

ออฟไลน์ pae666

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 506
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอนที่ 16 (up 19.02.14)
«ตอบ #204 เมื่อ03-03-2014 09:23:57 »

ตอนที่ 18







เบื้องหน้าเป็นผืนน้ำ ด้านหลังเป็นถนนที่มีรถวิ่งผ่านไปมาไม่ได้หยุด ณัฐวีร์นั่งอยู่ตรงนี้มาเกือบสามชั่วโมงแล้ว เพราะไม่รู้จะเดินไปไหนดี เขายังไม่อยากกลับไปที่คอนโด เพราะถ้ากลับไปก็ไม่รู้จะเจออะไร เขายังไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับคนเหล่านั้น..
ที่สำคัญ ..กับมกร
การถูกคาดโทษไว้ทำให้เขาไม่สามารถเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อกลับไปได้ เขาอาจถูกทำร้าย อาจถูกข่มขืนอีกครั้ง ถ้ามากไปกว่านี้เขาอาจรับไม่ไหวอีกแล้ว เขาพยายามประคับประคองให้ตัวเองอยู่ได้อย่างมีความสุขที่สุดในช่วง 3 เดือน แต่อีกฝ่ายไม่ให้ความร่วมมือด้วยเลย
เด็กหนุ่มก้มมองข้อมือตัวเองที่เป็นสีม่วงคล้ำ นี่คือการแสดงความรุนแรงอีกครั้งจนเขาทนไม่ไหวอีกแล้ว
“แม่..แม่จ๋า”
ณัฐวีร์กระซิบเรียกด้วยเสียงอันแผ่วเบา เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูหลายครั้ง อยากโทรหาแม่ แต่โทรไม่ได้หรอก แม่จะต้องเป็นห่วงเขามากแน่ๆเขาจะเอาปัญหาของตัวเองไปให้แม่ทุกข์ใจไม่ได้ จะโทรหาป๊า ก็โทรไม่ได้อีก เพราะถ้าป๊ารู้เรื่อง ป๊าต้องโมโหมากแน่ๆ อาจกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตจนครอบครัวของเขาต้องเดือดร้อนเพราะความบ้าของไอ้หมานั่น
เด็กหนุ่มถอนหายใจ เขาเลื่อนรายชื่อในโทรศัพท์ไปสะดุดชื่อเพื่อนคนหนึ่งเข้า.. เธอเป็นเพื่อนตั้งแต่เด็กของเขาเอง
“ฮัลโหล..แพรว นอนยัง?”
“ยังหรอก..มาส์กหน้าอยู่ แดดวันสงกรานต์ที่กทม.มันสุดๆเลยนะแก.. นี่มีอะไรหรือเปล่ายะ ไปเล่นสงกรานต์เชียงใหม่หลายวันไม่โทรหาเพื่อนเลยน้า..”
เสียงแซวนั้นทำให้เด็กหนุ่มยิ้มบางๆออกมา “ไม่มีอะไร คิดถึงว่ะ”
“หูย จะคิดถึงอะไรชั้น เดี๋ยวสามีแกก็มาแหกอกอิแพรวกันพอดี”
“ไม่ใช่สามี.. ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น..” ณัฐวีร์ถอนหายใจยาวออกมาอย่างอึดอัดในหัวอก
“เฮ้ย เป็นอะไรวะ.. แล้วนี่อยู่ที่ไหน”
ณัฐวีร์เงยหน้าขึ้นมองไปทั่ว แต่ก็บอกไม่ได้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน “กูก็ไม่รู้ว่ะ..”
“อยู่คนเดียวหรือเปล่า?” เสียงนั้นฟังดูจริงจังมากขึ้นเมื่อจับเค้าความรู้สึกของเพื่อนได้
“อยู่คนเดียว และอยากกลับบ้านมากๆเลยว่ะ”
“อ้าว แล้วที่รักมึงไปไหนเสียล่ะ”
“เขาไม่ใช่แพรว.. ไม่ใช่” เด็กหนุ่มส่ายหน้าและพูดปฏิเสธอย่างไร้เรี่ยวแรง “มีเรื่องมากมายที่กูคงบอกมึงไม่ได้หมด แต่กูบอกมึงได้ว่าเขาไม่ใช่ที่รักของกู ไม่เคยเป็น เราไม่เคยรักกัน”
“เอ้า อะไรของมึงเนี่ย ไม่เคยรักกันแล้วไปคบกันทำไมล่ะ”
“กู..มีเหตุผลว่ะแพรว..มันจำเป็นต้องเป็นแบบนี้ ..แต่อีกเดี๋ยวมันก็จะดีขึ้นแล้วล่ะมึง..”
เสียงรถจอดพรืดที่ด้านหลัง ทำให้ณัฐวีร์เหลียวไปมอง แล้วก็พบว่าเป็นรถตู้ที่พวกเขาจ้างเอาไว้
“สงสัยต้องวางแล้วล่ะ ไว้เรากลับไปจะโทรหาใหม่นะ” เด็กหนุ่มรีบตัดสายทั้งที่เพื่อนยังส่งเสียงปรามอยู่ไกลๆ ร่างทั้งร่างของเขาเกร็งและลุกขึ้นยืนอย่างเตรียมพร้อม.. ถ้าจะต้องวิ่งหนี.. เขาก็เตรียมจะวิ่งทันทีที่มีคนลงจากรถตู้คันนั้น
ประตูรถเปิดออก แชร์ก้าวลงมาทำให้ณัฐวีร์รู้สึกผ่อนคลายอาการเกร็งลงทันที ดวงตาของเด็กหนุ่มสอดส่ายว่ายังจะมีใครตามลงมาอีกไหม แต่ก็ไม่เห็น
“มาคนเดียวหรือครับ..”
แชร์ขมวดคิ้วให้กับประโยคแรกนั้นทันที “มาคนเดียว คนอื่นเขากระจายกันไปหาตัวเรานั่นแหละ.. ตอนนั้นมันวุ่นๆคงเดินหลงกันใช่ไหมละ ทำไมไม่กลับไปที่คอนโด”
“ผมไม่อยากกลับไปตอนนี้.. ปล่อยผมไว้ที่นี่ได้ไหม พรุ่งนี้พอเช้าผมค่อยกลับ”
“ไม่ได้สิ เราจะมานั่งอยู่ข้างนอกแบบนี้ทั้งคืนได้ยังไง”
“ผมขอร้องล่ะพี่..” เด็กหนุ่มยกมือไหว้ “ให้ผมอยู่แบบนี้เถอะ ถ้าเข้าไปเจอเขาผมก็เจ็บตัวอีก”
“ไม่หรอก พี่ไม่ปล่อยไอ้แมนทำอะไรเราแน่ๆ” แชร์เดินเข้าไปหาพร้อมกับยื่นมือให้ “นะ เชื่อพี่”
เด็กหนุ่มมองมือที่ยื่นมาสลับกับใบหน้าของอีกฝ่ายที่ยิ้มให้ ใจหนึ่งก็ไม่อยากจะเชื่อ อีกใจหนึ่งก็ล้าเกินกว่าจะฝืนอีกต่อไป ตอนนี้เขาอยากพัก อยากมีใครสักคนให้สามารถพูดคุยทุกอย่างได้ ไม่อยากต้องแบกรับเรื่องราวทั้งหมดไว้คนเดียวอีกต่อไปแล้ว
“ผมไม่อยากกลับไปตอนนี้.. ไม่รู้จะโดนอะไรอีก ถ้าพี่สงสารผมบ้าง หาที่นอนให้ผมได้ไหม สักคืนก็ยังดี พรุ่งนี้พอกลับไปพี่แมนเขาคงเย็นลงบ้าง”
“อย่าเลย หน้าเทศกาลแบบนี้ห้องพักหายาก.. ด้วยความจริงใจนะนัท ยิ่งปล่อยให้ยืดเยื้อแบบนี้ไอ้แมนมันจะยิ่งคลั่ง กลับไปหามัน พูดกับมันดีๆ นัทเคยทำได้ไม่ใช่หรือ นัทเคยทำให้มันอ่อนลงมาได้”
“แต่ผม..ไม่มั่นใจว่าคราวนี้ผมจะทำได้” ภาพความรุนแรงเมื่อตอนเย็นทำให้เขาคิดถึงวันนั้นขึ้นมาอีกครั้ง วันที่เขาเจ็บเจียนตายทั้งกายและใจ
“ไม่เป็นไร พวกพี่ก็อยู่ พี่รู้จักมันดี เอางี้นะ พี่จะให้ป้อดกับปังตอกลับไปดูลาดเลาก่อนดีไหม ไปล็อคมันไว้ก่อน แล้วรอให้สองคนนั้นโทรมาเราค่อยเข้าไปพร้อมกัน”
ณัฐวีร์กัดริมฝีปากอย่างใช้ความคิด “พี่จะไม่ปล่อยให้ผมถูกเขาทำร้ายอีกนะ”
“ไม่ๆ สัญญา ถ้านัทไม่สบายใจพี่จะย้ายที่นอนให้นัทเอง เดี๋ยวพี่ไปนอนกับมันก็ได้ แล้วพรุ่งนี้เราค่อยคุยกัน แค่ยอมกลับไปด้วยกันตอนนี้นะ ..เวลาแบบนี้ไม่อยากให้มานั่งอยู่คนเดียว มันอันตรายเกินไป”
“พี่สัญญานะ..” ณัฐวีร์ยังร้องหาสัญญาจากอีกฝ่าย
“สัญญาสิ..” ว่าแล้วเจ้าตัวก็ควักมือถือออกมาเพื่อโทรนัดแนะกับเพื่อนของตนเอง พร้อมกับบอกให้เข้าไปเคลียร์ทางเอาไว้ด้วย
ถึงจะไม่อยากเชื่อถือ.. แต่ถ้าจะนับไปแล้ว แชร์คือคนที่แสดงความห่วงใยเขามากที่สุดในหมู่สี่คนนั่น และแชร์ก็เป็นเพื่อนของไอ้หมาบ้า.. ดังนั้น หากจะต้องการใครสักคนเพื่อปกป้องตัวเอง ในถิ่นที่ตัวเองไม่รู้จักมันมาก่อน.. ณัฐวีร์ก็ต้องหาทางเลือกที่จะเสี่ยงน้อยที่สุด คือต้องเชื่อในตัวแชร์นี่แหละ..
เหมือนคนตกน้ำ.. ขอนไม้ให้ผุแค่ไหนลอยมา เขาก็ต้องเกาะไว้..
“เรียบร้อย..มาเถอะ มาด้วยกัน” ชายหนุ่มพยายามยื่นมือไปหา แต่อีกฝ่ายเหมือนไม่พร้อมจะยื่นมือมา เขาจึงเดินเข้าไปใกล้แล้วโอบร่างเล็กๆนั่นไว้
ณัฐวีร์ผอมมาก ไหล่ที่จับมีแต่กระดูกแทบไม่มีกล้าม แตกต่างจากเด็กที่เป็นลูกเจ้าของร้านอาหารทั่วไป ดวงตาเรียวหยีคู่นั้นบ่งบอกเชื้อสายจีนที่ได้มาจากทางพ่อ และมันมักแสดงความรู้สึกสนุกสนาน รื่นรมย์อยู่เสมอ.. แต่ก็แปลกที่มันไม่ค่อยแสดงความปวดร้าวให้เห็นเลย
จะว่าณัฐวีร์สมยอมที่จะให้เกิดการคบหากันก็คงไม่ใช่ เด็กนี่ต่อต้านตั้งแต่เริ่มแรก ที่โรงพยาบาลก็เหมือนตกกระไดพลอยโจน ต้องฝืนใจทำอย่างเสียไม่ได้เพราะไอ้แมนมันก็เคยเล่าเองว่ามันขู่เด็กนี่ยังไง ดังนั้น หากเป็นเขาที่ต้องมาเจอสถานการณ์บีบคั้นหัวใจแบบนี้ เขาก็น่าจะต้องแสดงความเศร้าหมองออกมาทางดวงตาให้ใครได้เห็นบ้าง
แต่นี่กลับไม่เห็นเลย สิ่งที่แชร์จับได้จากดวงตาคู่นั้น..ก็คือความว่างเปล่าสำหรับณัฐวีร์ เด็กนั่นมองความปวดร้าวทุกอย่างเป็นเสมือนคนนอกที่มองดูความเจ็บปวดนั้น.. เขาปล่อยให้ความเจ็บปวดผ่านพ้นไป แล้วหาเอาความสุขที่อยู่ใกล้ๆตัวมาทำให้ตนมีที่ยืน.. ละเลยความทุกข์เสาะหาแต่ความสุข เพราะคงหวังไว้ว่าอีกเพียงไม่เท่าไหร่จะปลดเปลื้องความทุกข์นั้นแล้ว
ซึ่งถ้าอธิษฐานได้จริง เขาก็อยากจะขอให้เวลาจุดจบนั้นมาถึงในวันนี้เสียเลย.. ณัฐวีร์.. คนที่ยืนอยู่ตรงนี้จะได้เลิกเศร้าเสียใจกับเรื่องที่เขาตัดสินใจลงไป
บอกตามตรงว่าเขารู้สึกติดใจเด็กคนนี้..แต่ไม่ใช่เพราะหน้าตา.. ใบหน้าขาวๆเนียนๆประกอบกับริมฝีปากสีชมพูจัด ไม่ได้ดูโดดเด่นอะไรนัก พูดง่ายๆว่าดูบ้านๆมากถ้ามาเทียบกับพวกเขาทั้งสี่คน แต่ณัฐวีร์กลับมีอะไรบางอย่างที่คนอย่างเขาเห็นแล้วรู้สึกว่า..เด็กนี่มีอะไรน่าค้นหา..
เขามักเห็นความเฉลียวฉลาด ทันคน และความใจดีอยู่ข้างในของณัฐวีร์ และคงเป็นเสน่ห์อีกอย่างที่ทำให้เขาไม่สามารถวางตาจากเด็กนี่ได้ คอยแต่จะมองหา.. บางทีรูปร่างก็ไม่ได้บ่งบอกว่าคนๆนั้นจะทำให้เราติดตาตรึงใจมากแค่ไหน แต่ข้างในของคนๆนั้นต่างหากที่มักกวักมือเรียกให้เราอยากอยู่ใกล้ๆเสมอ
เขาก้าวพาณัฐวีร์ใกล้รถตู้มากขึ้น แต่แล้วความเปลี่ยนแปลงก็เกิดอย่างพลิกสถานการณ์ไปแบบฉับพลัน
รถมอเตอร์ไซด์ตำรวจจอดจ่อท้ายรถตู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ทว่าคนที่ก้าวออกมาบนฟุตบาท ก็ทำให้ทุกอย่างพังทลายลงอย่างน่ากระทืบทิ้งที่สุด
“ดีเลยไอ้แชร์ มึงจับตัวมันไว้นะ!” ชายหนุ่มชี้หน้าณัฐวีร์แล้วเดินรี่เข้ามาหาทำให้เด็กหนุ่มที่สงบลงแล้วบิดตัวหนีและมองหน้าแชร์อย่างรู้สึกเหมือนตนเองกำลังถูกหักหลัง
“ทำไมพี่ทำแบบนี้กับผม!!” ณัฐวีร์ตะโกนพร้อมกับดิ้นรนเพื่อจะหนีให้พ้นแขนที่โอบกอดยึดร่างเขาไว้แน่น
“มึงหยุดเลยไอ้แมนหยุด! นัทไม่มีอะไร ไม่ต้องตกใจพี่จัดการเอง นัท..นัท!!”
ช้าไปเสียแล้ว..เสียงล้อรถบดถนนดังลั่น เสียงโครมใหญ่ของวัตถุชนกันดังสนั่นหวั่นไหวและตามมาด้วยเสียงเอ็ดอึงของผู้อยู่ในเหตุการณ์ทุกคน
“นัท!!”
แชร์ถลาเข้าไปหาร่างที่โชกเลือดทันที ร่างนั้นนอนนิ่งไม่ไหวติง เลือดสีสดกำลังทะลักออกจากบาดแผลในส่วนต่างๆจนเริ่มกระจายไปทั่วพื้นถนน ..เขาพยายามจะไม่ขยับร่างนั้นเพราะหากขยับผิดท่าอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ ชายหนุ่มล้วงมือหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อโทรเรียกรถพยาบาล แต่ตำรวจที่มากับมกรมีสติดีกว่า เขาดำเนินการให้แล้วเรียบร้อย รวมทั้งเรื่องกันการจราจรด้วย
ว่าแชร์ทำอะไรไม่ถูกแล้ว มกรยิ่งทำตัวไม่ถูกยิ่งกว่า
ชายหนุ่มค่อยๆเดินเข้ามาด้วยใบหน้าซีดเผือด..เลือดที่อาบอยู่บนร่างแน่นิ่งทำให้ภาพความทรงจำสมัยก่อนผุดขึ้น.. นี่เขาต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้อีกแล้วหรือ?.. ต้องมีคนจากเขาไปแบบนี้อีกแล้วหรือ?
ภาพความทรงจำครั้งเก่าเมื่อสามปีก่อนย้อนกลับมา.. ร่างของหญิงสาวที่เขารัก...ชุ่มโชกไปด้วยเลือด เธอประชดเขาด้วยการกระโดดลงมาจากบันไดชั้นบน..โดยไม่รู้เลยว่ามีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในท้องของเธอ เลือดสีข้นอาบไปทั่วขาขาว ร่างที่นอนหอบหายใจรวยรินรอรถพยาบาลมีมกรนั่งกอดเข่าอยู่เฝ้าเป็นเพื่อนไม่ห่างไปไหน
เขาไม่กล้าแตะเธอ เพราะถ้าแตะจะรู้ว่าตัวเธอเย็นเฉียบจากอาการเสียเลือด..และเธอก็หมดสติไปแล้ว
เขาไม่กล้าขยับเธอ..เพราะเธอมีเลือดออกมาก เขาไม่รู้ว่าถ้าขยับร่างนั้นกระดูกที่หักอาจส่งผลกับอวัยวะภายในได้
เขาคิดว่าเลือดที่ออกมาเป็นเลือดจากการแตกหักเสียหายของอวัยวะประเภทกระดูก.. ทว่าเมื่อมารู้ภายหลังว่าสิ่งที่สูญเสียไปคือลูกที่กำลังจะถือกำเนิด มกรก็คลั่งอาละวาดหนักขึ้นมาทันที
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รักเด็ก..แต่ก้อนเลือดนั้นคือลูกของเขา..เด็กที่กำลังจะเกิดจากเลือดเนื้อของเขา!
ตอนนั้น เขาเพิ่งขึ้นปีสองได้ไม่นาน เหตุการณ์นั้นจึงเป็นผลให้เขาต้องหยุดเรียนบินไปพักสมองที่ต่างประเทศเกือบหนึ่งปีเต็ม ไม่ใช่เพราะแค่ได้เห็นภาพของหญิงสาวที่รักเกือบเอาชีวิตไม่รอด ไม่ใช่เพราะแค่พี่ชายของเธอตามมาหาเรื่องถึงมหาวิทยาลัย แต่เพราะเขาได้สูญเสียเลือดเนื้อของตัวเอง..เพราะการกระทำของตัวเอง..
แล้ว..มันกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งกับณัฐวีร์
เขาไม่เคยตระหนักเลยว่าตัวเองทำอะไรไว้ทำไมคนรักจึงต้องประชดเขาด้วยการพยายามกระโดดลงจากบันไดมา เขาไม่เคยรู้ว่าทำไมณัฐวีร์ถึงต้องหนีจนถูกรถชนอาการสาหัสขนาดนี้ เขาไม่เคยรู้ว่าการทำดีกับใครสักคนมันจะส่งผลดีให้เขาได้อย่างไร เขารู้เพียงเมื่อต้องการให้ใครสักคนมาอยู่ใกล้ๆ ให้ความสนใจเขาตลอดเวลา เขาต้องเรียกร้องมันมาด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามี เงิน อำนาจ พละกำลัง..และการบีบบังคับ
ก็ใครๆชอบให้เขาทำเลวกันนักไม่ใช่หรือ ใครๆไม่ชอบให้เขาเป็นคนดีนี่นา พอมีเหล้า มียา มีผู้หญิง เพื่อนๆก็รายล้อม พอมีเงิน มีอำนาจ สามารถทำเรื่องสนุกๆแกล้งคน พนันกับชีวิตคนได้ ก็เห็นหัวเราะกันร่วน ชอบกันไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมล่ะ ทำไมสองคนนี้ถึงต้องทิ้งเขาด้วยการพรากเอาชีวิตตัวเอง ..ชีวิตลูกของเขาจากไป
มกรทรุดตัวลงคุกเข่าข้างร่างแน่นิ่งไม่ไหวติง เลือดที่กระเซ็นเปื้อนไปบนพื้นถนนไม่ทำให้เขาถอยห่าง ชายหนุ่มค่อยๆเอื้อมมือที่สั่นเทาไปแตะต้องร่างนั้น เบาเสียยิ่งกว่าเบา ..เขากลัวการบุบสลายและแตกละเอียดย่อยยับไป
“นัท..” เขากลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกเหมือนจะทำอะไรไม่ถูก “นัท..ไม่เป็นอะไรใช่ไหม ลุกขึ้นมาคุยกับพี่สิ นัท..”
คราวนี้มือลูบไปตามแขนที่ชุ่มเลือด จนถึงมือของเด็กหนุ่ม
“ไอ้แมน มึงอย่าขยับตัวน้อง”
เสียงเตือนนั้นไม่เข้าไปสู่โสตประสาทการรับรู้ มกรค่อยๆจับมือน้อยนั่นขึ้นมาประคองไว้
“นัท..พูดกับพี่หน่อยสิ อย่าทำแบบนี้เลยนะ นัท” ชายหนุ่มคลานเข้าใกล้ เอามือเปื้อนเลือดของอีกฝ่ายทาบไว้ที่แก้มตัวเอง “อย่าจากกันไปแบบนี้ ไม่เอานะ.. ไม่เอาแล้วนะ”
น้ำตาเม็ดหนึ่งร่วงลงมาล้างเลือดที่เปื้อนมือณัฐวีร์ ทว่า น้ำตาแค่นั้นล้างคราบเลือดยังไงก็ไม่สะอาดพอ
มันเคยบอกว่าอยากให้เขาทำดีๆกับมัน.. แต่เขาก็ไม่เคยตกปากสัญญาใดๆเลย มันพูดเองเออเองคนเดียว.. แต่วันนี้..เขาจะทำ..
“นัท...กลับมาเถอะนะ พี่สัญญาจะทำตัวดีกับนัท ..พี่ขอโทษ” ชายหนุ่มสะอื้นเรียกชื่อแล้วทำท่าจะโผเข้ากอดร่างนั้นเอาไว้ ดีที่แชร์คอยกันไม่ให้ขยับร่างของเด็กหนุ่มมากไปกว่านี้ เขาจึงได้แค่นั่งอยู่ข้างร่างนั้น เฝ้ามองร่างของคน ‘ใกล้ชิด’ นอนจมกองเลือดเป็นครั้งที่สอง








***



(มีต่อ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-03-2014 09:27:52 โดย pae666 »

ออฟไลน์ pae666

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 506
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอนที่ 16 (up 19.02.14)
«ตอบ #205 เมื่อ03-03-2014 09:29:04 »


ตอนที่ 19 End



.
.
.
.
.
.
.

กลิ่นน้ำยาทำความสะอาดฉุนกึ้กรอดเข้ามาในประสาทรับรู้ ทำให้คิ้วขมวดมุ่นจนรู้สึกเจ็บไปทั้งใบหน้า
เขาเป็นอะไร?
ณัฐวีร์ค่อยๆลืมตาขึ้นแล้วจึงเห็นว่าเพดานสีขาวที่ไม่คุ้นเคยลอยเด่นอยู่ตรงหน้า ร่างกายของเขาชาด้านจากความเจ็บปวดจนไม่สามารถขยับได้ กระทั่งใบหน้า จมูกและโหนกแก้ม เขาก็ยังรู้สึกได้ถึงบาดแผลและผ้าพันแผล ดูเหมือนตาเขาจะลืมได้แค่ข้างเดียวด้วย ข้างไหนนะ?.. อ้อ ข้างซ้าย เพราะข้างขวามีผ้าพันแผลปิดอยู่ แล้วพอลองบังคับขยับก็ไม่ไหวอยู่ดี มันเจ็บมากจนไม่อยากไปฝืนมัน
เสียงเรียกชื่ออย่างอ่อนโยน พร้อมกับมือนุ่มๆที่ลูบอยู่ตรงแขนซ้ายทำให้เด็กหนุ่มเหลือบไปมอง
“เป็นยังไง เป็นยังไงบ้างลูก”
แม่จ๋า อย่าร้องไห้สิ.. ณัฐวีร์อยากพูดปลอบ แต่คอเขาแห้งผากเกินกว่าจะพูดออกมาเป็นคำ
แม่คงเห็นอาการ จึงเอาแก้วน้ำพร้อมหลอดมาจ่อให้ตรงปาก เด็กหนุ่มจิบน้ำได้แค่อึกสองอึกแม่ก็เอาออกไป คงไม่อยากให้รับเข้าไปเยอะๆทั้งที่อาจจะยังไม่พร้อม
“แม่จ๋า..” เด็กหนุ่มหาเสียงตัวเองได้แล้ว “นัทอยู่ไหน”
“โรงพยาบาลจ้ะ.. นัทถูกรถชน”
“รถชน..” เจ้าตัวพึมพำ “นัทเจ็บนิดหน่อยเองแม่ อย่าร้องไห้เลย”
“ใช่ลูก เจ็บนิดเดียวเดี๋ยวก็หายนะ” ณฐกาปลอบลูกชายคนเดียวก่อนจะโน้มหน้าลงไปหอมแก้มซ้ายที่ไม่บาดเจ็บนั่น
ณัฐวีร์ถูกรถชนซีกขวาแรงมากทำให้ลอยไปไกลถึงสามช่วงรถ นอกจากกระดูกใบหน้าและช่วงตัวจะแตกไปเกือบทุกส่วนแล้ว อวัยวะภายในยังเกือบรักษาให้กลับคืนมาไม่ได้ เขาสลบอยู่เกือบอาทิตย์ เข้าห้องผ่าตัดไปตั้งหลายหน เลือดไม่พอจนต้องสั่งด่วนจากกรุงเทพเลยด้วยซ้ำ หนักหนาขนาดว่าพ่อของมกรต้องส่งทีมแพทย์บินด่วนขึ้นมาที่เชียงใหม่ทันทีพร้อมมารดาของเด็กหนุ่มนั่นแหละ
“เจ็บหน้านิดเดียว สงสัยหน้าจะหนักสิครับ” เด็กหนุ่มพยายามปรือตาขึ้นมองมารดา
“นิดเดียวเองจ้ะ.. เดี๋ยวศัลยกรรมก็หล่อแล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอกแม่ เด็กผู้ชายหน้าตาไม่ต้องไปสนใจมากก็ได้” เด็กหนุ่มยังปลอบมารดาอย่างนึกตลก
จังหวะนั้นเป็นจังหวะเดียวกับที่แพทย์และพยาบาลที่คุณณฐกากดเรียกเข้ามาตรวจพอดี ทำให้ในห้องมีคนอยู่มากมาย
ณัฐวีร์ถูกจับวัดไข้ วัดความดัน และเพิ่มยาลงไปในสายน้ำเกลือ ทว่า ก็มีบุรุษพยาบาลกลุ่มหนึ่งที่ยืนอยู่เฉยๆไม่ได้เข้ามาช่วยอะไร เด็กหนุ่มต้องตอบคำถามแพทย์หลายอย่าง แต่ก็จบด้วยเวลาอันสั้นเพราะหมอต้องการให้เขาพักผ่อนให้ได้มากที่สุด แล้วหมอก็ออกไปจากห้องพร้อมพยาบาล ทิ้งไว้แต่กลุ่มบุรุษพยาบาลกลุ่มนั้น
ยาที่ให้คงเป็นมอร์ฟีน เขาจะได้ไม่ปวดแผลมากนัก เด็กหนุ่มพยายามฝืนยิ้มให้แม่ “เดี๋ยวนัทหลับไปอีกทีตื่นมาอยากกินไข่เจียวหมูสับของแม่นะ..”
“ได้สินัท.. นอนให้หายแล้วแม่จะทำของอร่อยให้กินเยอะๆเลย” เธอกระซิบบอกลูกชายพลางลูบใบหน้านั้นเบาๆ
“แล้วพวกนั้นเขายืนรออะไรเหรอแม่.. ทำไมไม่ตามหมอออกไป” เด็กหนุ่มปรายตามองบุรุษพยาบาลที่ยืนเรียงกันอยู่สี่คน บางคนก็ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว บางคนก็ใส่เสื้อยืด
“เขามาช่วยดูนัทไง” คุณณฐกาขมวดคิ้วมองลูกชายอย่างสงสัย
“อ้อ ดีๆ เวลานัทปวดฉี่พี่บุรุษพยาบาลพวกนี้จะได้พานัทเข้าห้องน้ำได้ แม่พาไปไม่ไหวหรอก ..ดีจัง ที่นี่ให้บุรุษพยาบาลมาเฝ้าตั้งสี่คน” เด็กหนุ่มพึมพำก่อนจะม่อยหลับร่วงไป
เกิดคำถามขึ้นมากมายในใจของผู้ฟังทั้งห้าคนในห้องนั้น คุณณฐกาเหลือบมองไปยังบุรุษพยาบาลทั้งสี่คน ฝ่ายนั้นก็เหมือนจะเบิกตาอย่างตื่นตกใจไม่แพ้กัน
“หรือน้องมันจะความจำเสื่อมวะ..ไอ้แมน”
คนถูกถามหันมองหน้าเพื่อน “จำกูไม่ได้เหรอ..”
“เออสิ.. สงสัยไม่อยากจะจำมึงแล้วมั้ง” แชร์ตอบพร้อมกับยักไหล่ แต่กลายเป็นว่านั่นทำให้มกรเกิดอาการปริวิตกขึ้นอย่างหนัก
“ทำไมจำกูไม่ได้แล้วล่ะ.. อย่าเมินกูสิ อย่าทิ้งกูไปอีกคน..” ชายหนุ่มทำท่าจะตรงเข้าไปที่เตียงคนเจ็บ เพื่อนจึงรีบมารั้งเอาไว้ “ปล่อยกูเถอะ ปล่อยให้กูไปหานัท นัท..นัทจำพี่แมนได้ไหม.. นัท!”
“ไอ้แมน เฮ้ย ไอ้แมน!”
เสียงร้องก้องทำให้พยาบาลวิ่งเข้ามากันเต็มห้อง ภาพของชายหนุ่มซึ่งถูกเพื่อนชายอีกสามคนช่วยกันฉุดรั้งไว้ไม่ให้ทะยานไปหาคนบนเตียง ทำให้ต้องเรียกรปภ.มาลากตัวออกไป
น้ำตาหยดหนึ่งของมกรร่วงอยู่บนพื้น มันถูกเหยียบย่ำด้วยใครหลายคนจนคนบนเตียงก็ไม่อาจเห็นร่องรอย



.
.
.
.
.
.


End.


ออฟไลน์ pae666

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 506
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอนที่ 16 (up 19.02.14)
«ตอบ #206 เมื่อ03-03-2014 09:31:31 »

สวัสดีค่ะ

ในที่สุดก็มาถึงตอนสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดของเรื่องค่ะ ใครสงสารแม้นศรีบ้างไม๊เนี่ย 5555 #ขอหัวเราะสองที

ก็จบไปแล้วนะคะกับตอนแรกของเรื่อง Can I...  ยังไงก็ฝากติดตามตอนต่อไปในตอนที่2 ของเรื่องนะคะ  :katai3:

ไว้เจอกันใหม่นะ อาจจะตั้งกระทู้ใหม่หรือต่อในนี้นะคะ #จะได้ไม่เปลือง ฮี่ๆๆ

ออฟไลน์ pornumpai-ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอนที่ 17-19 End [up 030314]
«ตอบ #207 เมื่อ03-03-2014 11:14:53 »

 o22 o22

ง่ะ จบแล้ว!!!!

มีภาค 2 ใช่ป่ะ รออออออ

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอนที่ 17-19 End [up 030314]
«ตอบ #208 เมื่อ03-03-2014 15:07:37 »

ไอแมน ไม่น่าสงสารเลยซักนิด
น้องนัทเกือบตายได้มาแค่น้ำตาแหม่ะเดียว
ไม่นับที่เจ็บตัวเจ็บใจก่อนนี้อีกมากมาย
ภาคสองขอเอาคืนหนักๆ ถ้าไม่เจียนตาย คนอ่านไม่ยอมให้เป็นพระเอกต่อหรอกนะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: "Can I...?" (แคน ไอ...?) ตอนที่ 17-19 End [up 030314]
«ตอบ #209 เมื่อ03-03-2014 15:12:25 »

ตกใจตอนเห็นคำว่า  The end
นั่งอ่านนั่งร้องไห้สงสารนัทสุดๆจนเพื่อนว่าไอ้นี่มันบ้าแน่ๆเลยนั่งจับโทรศัพท์แล้วก็ร้องไห้
เป็นอย่างนี้ดีแล้วลืมๆเหตุการณ์รวมทั้งคนพวกนั่นให้หมดอย่าไปจำมัน ให้จมอยู่กับความผิดบาปนั้นนาน (เจ็บแค้นแทนนัทอย่างแรง)

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด