CHAPTER 8
“ถอย” วันนี้วันพฤหัสแล้ว พรุ่งนี้เป็นวันเกิดของคุณปฐพี แต่พวกเราตกลงว่าจะไปทะเลกันในเช้าวันเสาร์และกลับในเย็นวันอาทิตย์แทน ด้วยความที่ไม่ใช่ช่วงเทศกาลพวกผมเลยไม่ได้กังวลอะไรมาก
...แต่ผมหงุดหงิดอยู่อย่างนิดหน่อย
ก็ไอ้พี่เลี้ยงเด็กนั่นแหละ
‘ถ้าคุณเพชรไม่อยากให้ไป... ผมไม่ไปก็ได้นะครับ’
เมื่อวันก่อนมันเดินมาบอกกับผมแบบนั้น ดูเหมือนจะรู้ดีว่าผมหงุดหงิดกับการที่มีพี่เลี้ยงเด็กมาร่วมทริปด้วย พูดตามตรงคือมันก็ไม่ได้แย่ แต่ผมไม่ค่อยอยากจะใกล้ชิดกับเขามากเท่าไหร่ ฟ้าครามเองก็คงจะรับรู้ถึงการแสดงออกในส่วนนี้
‘แล้วแต่คุณ ผมไม่ได้ห้าม’ ผมจำได้ว่าตัวเองตอบไปแบบนั้น ‘จริงๆ คุณไปมันก็ไม่ได้แย่หรอก ถือว่าไปดูแลพระพายด้วย’ พูดไปตามเรื่อง แต่ดูเหมือนจะเป็นการเปิดทางให้เจ้าฟ้าครามมากไปนิด
‘ผมไปได้จริงๆ เหรอ’
เทวดาเงยหน้าขึ้นมาถามผมอย่างตื่นเต้นเหมือนกับเด็กๆ... มองดูแล้วไม่ค่อยต่างจากพระพายเท่าไหร่
ผมไม่รู้ว่าไอ้ที่ทำให้เจ้าเด็กนี่ตาเป็นประกายคือการเป็นเที่ยว หรือการไปเที่ยวที่มีผมอยู่ด้วย
...พูดแล้วดูหลงตัวเองเป็นบ้า แต่เชื่อเถอะว่าผมคิดแบบนั้นจริงๆ ‘ถ้าผมบอกว่าไปไม่ได้คุณจะไม่ไปเหรอ’ ผมถามอย่างกวนตีนเล็กน้อย
ฟ้าครามกลายเป็นหมาหงอยในทันที ผมเห็นภาพว่าหูเขากำลังลู่หางตกโดยอัตโนมัติ ‘ถ้าคุณเพชรไม่อยากให้ไป...’ เขาว่าเสียงอ่อย
ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ ‘คุณเลือกเองละกัน ไหนๆ คุณปฐพีก็ชวนแล้วนี่’
ตอนแรกผมคิดว่าเขาอยากจะไปกันแบบครอบครัว แต่พอลดาไม่ไปด้วย ภาพพิมพ์เองก็คงไม่ไปด้วย เด็กแบบนั้นคงจะให้เขาดูแลคนเดียวลำบาก คราวนี้มันเลยลามมาถึงขั้นชวนผมทั้งที่เราไม่ได้สนิทกัน ชวนกระทั่งฟ้าคราม... จะมีใครไปด้วยอีกสองสามคน ณ จุดนี้ผมก็ไม่แปลกใจหรอก
แต่จู่ๆ พระพายก็โผล่หน้าออกมาจากหัวบันได เมื่อกี้ผมให้แกไปอาบน้ำก่อนลงมาทานข้าว
‘พี่ฟ้าจะไม่ไปเหรอคะ!’ …หลานมา เอาละครับ ปัญหาใหญ่
ผมกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอและหันไปมองเจ้าพี่เลี้ยงเด็กเป็นเชิงว่าให้เขาจัดการอธิบายให้หลานฟังเอง ฟ้าครามจึงเรียกหลานมานั่งกินข้าวด้วยกันก่อน
‘พี่ฟ้ายังไม่รู้เลยค่ะว่าจะไปมั้ย’
‘ทำไมพี่ฟ้าไม่รู้ล่ะคะ! พี่ฟ้าไปกับพระพายซิ พระพายจะได้มีคนเล่นน้ำด้วย!’ หลานตอบอย่างร่าเริง ดูแกจะเฝ้ารอการไปเที่ยวครั้งนี้มาก
ฟ้าครามเงยหน้าขึ้นมามองผมนิดหน่อย ผมพ่นลมหายใจและปัดมือเป็นเชิงว่าตามใจเขาเลย
‘พี่ฟ้าไม่ไปดีกว่าค่ะ’
...คำตอบนั้นทำให้ผมรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย
‘ทำไมล่ะค้า!’ พระพายโวยเสียงดัง เริ่มทำท่าจะงอแง ‘พี่ฟ้าไม่อยากไปกับพระพายเหรอคะ น้าเพชรก็ไปนะ คุณพ่อก็ไป ทำไมพี่ฟ้าไม่ไปล่ะคะ’ แกถามอย่างสงสัย ทำหน้าบู้แต่ยังไม่ได้แหกปากร้องไห้แต่อย่างใด
‘เอ่อ...’ ฟ้าครามเองก็ตอบคำถามหลานไม่ถูกเหมือนกัน
พอเห็นพี่เลี้ยงตัวเองไม่ตอบหลานก็หันมาถามผมเสียงอ่อน
‘น้าเพชรคะ พี่ฟ้าไปไม่ได้เหรอคะ’ …อึก ไม่นะ ใจอ่อน อย่ามองน้าแบบนั้น! ผมกลืนน้ำลายอึกหนึ่งเบาๆ ไม่รู้จะเอ่ยปากตอบยังไงดี จนพระพายเอ่ยถามย้ำอีกครั้งหนึ่ง
‘ไปไม่ได้จริงๆ เหรอคะ...’
เสียงอ่อย หน้าหงอย ทำท่าเหมือนจะร้องไห้
ยอมแพ้เลยครับ
‘ฟ้าคราม... ไปด้วยกันเถอะ’ ผมแทบจะร้องขอให้เจ้าเด็กยิ้มเทวดานั้นไปร่วมทริปครั้งนี้ด้วยน้ำตานองหน้าด้วยซ้ำ
เป็นอันว่าหลานสาวแสนน่ารักและพี่เลี้ยงเด็กที่ทำตัวเหมือนเด็กก็เงยหน้าขึ้นมาสบตาผมแวววับจนผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพ่อลูกสองตงิดๆ
เย็นวันนี้ผมมีรถมารับเหมือนเคย
ฟ้าครามไม่เคยมารับผมคนเดียวแต่จะหิ้วพระพายมาด้วย ผมไม่รู้ว่าหลานอยากมาหาผมเองหรือว่าโดนฟ้าครามลากมากันแน่ คิดๆ แล้วว่าจะเป็นอย่างแรก... ผมนี่คิดอะไรเข้าข้างตัวเองไม่เบา
“คุณเพชรครับ วันนี้รีบกลับมั้ย”
“หือ?” ผมเงยหน้าขึ้นมาเมื่อเขาถามหลังจากผมขึ้นรถได้ไม่นาน “ก็ไม่ละมั้ง... ทำไมเหรอ”
“ผมยังไม่ได้ซื้อของขวัญให้พ่อของพระพายเลยครับ ตั้งใจว่าจะไปซื้อที่ห้าง ไหนๆ ก็ผ่านทางแล้ว แวะหน่อยได้รึเปล่า” เขาถามอย่างสุภาพ
“ก็เอาสิ” ...อันที่จริงผมก็ยังไม่ได้ซื้อเหมือนกัน นี่ผมเพิ่งนึกขึ้นมาได้เลยนะ
ผมไม่ได้ใส่ใจอะไรในการซื้อของขวัญมาก เรียกได้ว่าจะซื้อเป็นมารยาทเท่านั้น คงจะต้องหาของที่มีราคาหน่อยแต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจว่าเขาจะชอบหรือไม่ชอบ จะใช้หรือไม่ใช้อยู่แล้ว
ลงท้ายที่ฟ้าครามตกลงว่าพวกเราจะทานอาหารในห้างที่อยู่ระหว่างทางกลับบ้านของเรา
...เอ๊ะ ทางกลับบ้านของเขาเหรอ เอาใหม่ๆ ทางกลับบ้าน ‘ของผม’ ต่างหาก ให้ตายสิ ความเคยชินที่ดูเนียนๆ ของหมอนี่น่ากลัวจริงๆ
“หิวยังคะ” ผมเอ่ยถามหลานขณะเราลงรถมาด้วยกัน “อยากกินอะไรเอ่ย”
“อะไรก็ได้ค่า” หลานตอบอย่างว่าง่าย
ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่พอลงรถมาเดินดูร้านอาหารในห้างกันพวกผมก็ให้พระพายเป็นคนตัดสินใจอยู่ดี รอบนี้หลานอยากทานอาหารฝรั่ง พวกผมก็ไม่ขัดข้องแต่อย่างใด
“คุณเพชรซื้อของให้คุณปฐพีแล้วรึยังครับ” ฟ้าครามเอ่ยถามหลังจากเราสั่งอาหารเสร็จ
ผมส่ายหน้า “ยัง เพิ่งนึกขึ้นได้เหมือนกัน”
“อ๋อ...” เขาพยักหน้าอย่างเขาใจ “ตอนนี้คุณปฐพีอายุเท่าไหร่แล้วนะ น่าจะ... สามสิบ?”
“สามสิบสามไม่ก็สามสิบสี่น่ะ”
เขาอายุเท่าพี่เพลงที่ห่างจากผมสี่ปี แต่ผมไม่รู้ว่าเขาแก่เดือนกว่าหรืออ่อนเดือนกว่ากันแน่ ถ้านับกันตอนนี้พี่สาวผมจะต้องสามสิบสาม... หมายถึงถ้าเธอยังมีชีวิต
“หน้าเขายังเด็ก”
“อือ”
“คุณเพชรอายุเท่าไหร่เหรอครับ”
“จะสามสิบแล้ว” ผมตอบไปตามจริง “ตอนนี้ยี่สิบเก้า”
“เห... คุณดูเหมือนยี่สิบต้นๆ เอง” เขาทำหน้าแปลกใจเล็กน้อย จะว่าไปเราไม่เคยคุยกันเรื่องอายุเลย
“ยอไปเถอะ” ผมกลอกตาไปมา “ผมเริ่มแก่แล้ว” ...แต่อันที่จริงสำหรับผู้ชาย ขึ้นเลขสามนี่เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น
“น้าเพชรไม่แก่หรอกค่า” พระพายพูดแทรกขึ้นมา
ผมหัวเราะเบาๆ และหันไปหอมแก้มหลานที่นั่งข้างๆ ตัวเองหนึ่งทีด้วยความหมั่นเขี้ยว
“แล้วพระพายอายุเท่าไหร่คะ” เรื่องนี้ผมเคยบอกไปแล้วแหละแต่เจ้าฟ้าครามก็ชวนหลานคุยไปงั้น ผมว่าเขามีทักษะในการเข้ากับเด็กได้ดีนะ คงเป็นเพราะบ้านเขามีเด็กๆ ตามที่เขาบอกนั่นแหละ
“พระพายอายุสิบขวบค่า”
“หือ สี่ขวบนะ ไม่ใช่สิบขวบ” ผมรีบแก้พลางยีหัวแกเบาๆ “สิบขวบที่ไหนตัวแค่นี้”
“แฮ่...” หลานยิ้มกว้าง “พระพายสี่ขวบค่า” แกชูมือเป็นเลขสี่เสียด้วย
ฟ้าครามพยักหน้าแล้วทำท่าเหมือนกับเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้ “จริงสิครับ ปกติวัยนี้น่าจะห้าขวบกันแล้วไม่ใช่เหรอ”
“พระพายเรียนเร็วนิดหน่อยน่ะ” ผมตอบไปตามที่รู้ “แต่แกก็ตามเพื่อนๆ ทันนะ”
“ก็พระพายหัวไว เก่งด้วยนะครับ วันก่อนผมซื้อจิ๊กซอว์มาต่อกับแก เล่นเร็วเลยแหละ”
...เห ผมไม่รู้นะว่าพวกเขาซื้อมาต่อกันด้วย อันที่จริงผมเองก็ใส่ใจในส่วนนี้ค่อนข้างน้อยนั่นแหละ จะว่าไปแล้ววัยนี้เป็นวัยที่เรียนรู้เร็ว ถ้าผมลองให้แกเรียนพิเศษพวกกิจกรรมอะไรแบบนี้จะดีมั้ยนะ คงต้องลองปรึกษาคุณปฐพีดู
“แล้วพระพายเกิดวันที่เท่าไหร่คะ” ฟ้าครามถามหลานอีกที
“เกิดวันที่ 16 มิถุนาค่า”
พี่เลี้ยงเด็กยิ้มก่อนถามต่อ “แล้วน้าเพชรเกิดวันที่เท่าไหร่คะ” รอบนี้เงยหน้ามามองผมอย่างไม่มีปิดบัง
หลานนิ่งไปชั่วครู่ก่อนที่จะตอบเสียงอ่อย “...พระพายไม่รู้ค่า”
“ว่าไงครับ คุณเพชรเกิดวันไหนเอ่ย” พอหลานให้คำตอบไม่ได้ก็เงยหน้าขึ้นมามองผมอย่างโคตรเท่ประหนึ่งถ่ายนิตยาสาร
แต่ขอโทษ คือกูไม่ใช่ตากล้องไง... “29 เมษา” ผมตอบอย่างไม่นึกจะปิดบังอะไร “คุณล่ะ”
“ของผมวันวาเลนไทน์~” ฟ้าครามตอบเสียงระรื่น ผมพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้
คำตอบของเขาไม่ใช่อะไรที่ผมแปลกใจเท่าไหร่ การเกิดในวันเทศกาลไม่ใช่เรื่องดี ลองคิดดูนะ สมมุติคุณเกิดวันวาเลนไทน์แล้วเกิดแพ้เกสรดอกไม้อย่างงี้ก็คงจะฮาฉิบหายเลยถูกมั้ย
“เขาว่าคนเกิดวันวาเลนไทน์มักไร้รัก คุณเพชรว่าจริงมั้ย” อีกฝ่ายก็ชวนคุยไปเรื่อยเปื่อย
ผมเลิกคิ้ว “ไม่รู้สิ แต่คุณก็น่าจะมีผู้หญิงมาชอบเยอะนะ” ว่าพลางยกน้ำขึ้นมาจิบอย่างไม่ใส่ใจอะไร
“ถ้ามีผู้หญิงมาชอบเยอะแต่ผมเป็นเกย์มันก็ไร้ความหมายไม่ใช่เหรอ” พรวด!
“แค่กๆๆๆ”
น้ำที่ดื่มๆ อยู่นี่แทบจะเล็ดออกมาจากปาก ยกมือขึ้นมาปิดแทบจะไม่ทันอยู่แล้ว สำลักเลย... ประกาศตัวชัดมาก ชัดจนน่ากลัว
ฟ้าครามทำท่าตกใจ “เป็นอะไรรึเปล่าครับ”
“ปะ เปล่า”
ผมวางแก้วน้ำและหยิบกระดาษทิชชูขึ้นมาเช็ดเสื้อตัวเองที่เปื้อนเล็กน้อย ไม่ได้เป็นรอยด่างจนน่าเกลียด นี่ดีอยู่ว่าดื่มน้ำไม่ได้ดื่มชา... ไม่ดื่มแม่งล่ะ เดี๋ยวพูดอะไรให้สำลักขึ้นมาอีก
“คุณเพชรสำลักเลยเหรอ” เขาอมยิ้มนิดหน่อย “ผมแค่เปรียบเทียบเฉยๆ” ก่อนที่จะลอยหน้าลอยตาพูดเหมือนกับไม่มีอะไร
ผมรู้สึกถึงคำว่าการปีนเกลียวก็วันนี้ เขาไม่ได้ปีนเกลียวจนน่าเกลียดแต่เล่นเหมือนกับผมเป็นเพื่อน มันทำให้ผมหงุดหงิดในระดับหนึ่ง อันที่จริงน่าจะเรียกว่าไม่พอใจ แต่โดยรวมแล้วเขาก็สุภาพดี เพียงแค่บางทีชอบหยอกผมเล่นมากไปเท่านั้น
...นี่กูแก่เกินหรือไร หรือว่าคนสมัยนี้เขาชอบเล่นมุกแบบนี้? ผมพยายามหลอกตัวเองว่าเราไม่ทันเด็กไทยปัจจุบัน หรือบางทีการที่ผมไปอยู่ต่างประเทศมานานอาจจะทำให้ผมห่างหายจากนิสัยขี้เล่นกวนตีนแบบนี้ของคนไทย... อย่ามองผมอย่างงั้นสิ ผมกำลังหลอกตัวเอง!
ผมเหลือบมองพระพาย ตอนนี้ดูเหมือนหลานจะไม่ได้สนใจอะไรพวกผมมากเพราะกำลังเล่นมือถือของผมอยู่ ปกติผมจะไม่ให้พระพายเล่นเกมมากเท่าไหร่ แต่ก็ให้เล่นเป็นบางครั้งบางคราว ส่วนใหญ่เกมในมือถือผมก็มีแต่พวกเกมที่พอใช้พัฒนาสมองได้นั่นแหละ
“แน่ใจเหรอว่าไม่ใช่” พอเห็นว่าหลานไม่สนใจผมจริงๆ ผมก็เอ่ยปากถาม
อีกฝ่ายเลิกคิ้ว “หมายถึง?”
“แน่ใจเหรอว่าคุณไม่ใช่เกย์” สิ้นคำถามผมก็มีความเงียบเข้าปกคลุมนิดหน่อยระหว่างเรา มันเป็นความเงียบที่ทำให้ผมรู้สึกผิดที่เอ่ยถามออกไป แต่บอกแล้วว่าผมไม่ใช่คนที่ไม่ทันคน ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีผู้ชายมาชอบนะ มีบ้าง แต่ตอนนั้นเป็นผู้ชายเอเชียน่ารักๆ และไม่แสดงออกเท่านี้ไง กว่าผมจะรู้ก็ตอนไอ้ธามมันบอกผมนู่น
แต่นี่ไม่เหมือนกันนะ ผู้ชายตรงหน้าผมนี่คือสูงกว่าผม หล่อ หน้าเข้ม... บอกตรงๆ ว่าสยองกว่าคนญี่ปุ่นผิวขาวๆ หน้าตาหน้ารักคนนั้นเยอะ
ฟ้าครามนิ่งไปชั่วครู่ก่อนที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ และเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ
“คุณเพชรรังเกียจมั้ยล่ะครับ”
“ผมมีเพื่อนเป็นเกย์หลายคน เลสเบี้ยนก็มี... ไม่ถือเท่าไหร่” ผมพูดไปตามจริงก่อนที่จะเงยหน้าสบตาเขาอย่างจริงจัง “แต่ผมก็ไม่ใช่หรอกนะ”
“ผมรู้ครับ”
เขายิ้มออกมาบางๆ แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ
อาหารถูกยกมาเสิร์ฟพอดี ผมจัดการเก็บมือถือให้หลานนั่งทานข้าวก่อนที่จะตักอาหารเข้าปากตัวเอง ได้แต่ก้มหน้ากินเพราะไม่กล้าเงยหน้าเลย ตรงหน้าผมคือไอ้เด็กนักศึกษาที่มองผมด้วยแววตาวาววับน่ากลัวเหมือนกำลังจะตะครุบเหยื่อ
เลยได้แต่หวังว่าผมจะไม่ใช่เหยื่อของเขา
หลังจากนั้นพวกเราก็ไปเดินซื้อของขวัญให้คุณปฐพีกัน มันเร็วมากจนผมแอบนึกสงสารพ่อพระพายเล็กน้อย ไม่มีใครใส่ใจเขาเลยจริงๆ ผมซื้อเนกไทสองเส้น ส่วนฟ้าครามดันซื้อเสื้อสูทกับกางเกง ราคาไม่แพงมาหรอกเพราะซื้อจากของที่กำลังลดราคาอยู่ แต่พอเป็นของแบรนด์มันก็ทำให้หลายๆ อย่างดูดีขึ้นมาได้ เรียกได้ว่าเป็นวิธีเดียวกับที่ผมซื้อของให้เจ้านายที่ไทย ตอนอยู่เมืองนอกเมืองนาไม่ต้องมาทำอะไรแบบนี้หรอกนะ แค่บอกว่าสุขสันต์วันเกิดเจ้าของวันเกิดก็ดีใจแล้ว คงมีแต่ไทยนี่แหละที่ยิ่งอายุมากขึ้น ยิ่งต้องซื้อของแพงมากขึ้นเพราะต้องอาศัยอยู่ในสังคมน่ะ
กว่าจะได้กลับบ้านก็ตั้งเกือบสองทุ่ม ระหว่างทางพระพายเลยไปเฝ้าพระอินทร์ก่อนใคร
“หลานหลับแล้วเหรอ” ผมเอ่ยขึ้นมาเบาๆ ขณะรถติดไฟแดง ด้วยความที่นั่งด้านหลังเลยเพิ่งจะสังเกต
“คงเหนื่อยน่ะครับ ปกติเขาก็ไม่ใช่คนเล่นอะไรเท่าไหร่”
“อือ” ที่เจ้าพี่เลี้ยงเด็กพูดก็ถูก พระพายดูไม่ค่อยชอบออกข้างนอกเท่าไหร่ เวลาไปที่ไหนกลับมาแล้วก็จะนอนหลับแบบนี้แหละ
“คุณเพชรครับ”
“หือ”
“รังเกียจเกย์เหรอ”
คำถามที่ไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้ผมเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่จะขมวดคิ้ว “ผมบอกว่าผมไม่ได้รังเกียจ” จำได้ว่าตัวเองพูดกับเขาไปแล้วนะ
“แต่คุณเพชรทำท่ารังเกียจผม” คำพูดของเขาเล่นเอาผมพูดอะไรไม่ถูกเลย คือจะอธิบายยังไงดีวะ ไม่ได้รังเกียจแต่ก็ไม่ชอบที่เขามาทำตัวหยอกผมเล่นไปมา มันไม่สนุกหรอกนะ... ไม่สนุกเลยจริงๆ
ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ “ถ้าคุณไม่ได้คิดจะทำอะไรกับผมก็คงไม่รังเกียจหรอก”
“...” อีกคนเงียบไปชั่วครู่ เป็นช่วงเดียวกันกับที่สัญญาณไฟจารจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวเขาจึงกลับไปใส่ใจกับการขับรถบนท้องถนนอีกครั้งหนึ่งโดยไม่ได้ตอบอะไรผม
อา ผมพูดตรงไปรึเปล่านะ คงไม่หรอก ไม่นานก็มาถึงบ้านของผมโดยไม่มีคำพูดใดๆ ผมลงมาจากรถก่อนที่จะเปิดประตูข้างหน้า อุ้มพระพายลงมาโดยไม่ปลุกแกเพราะไม่อยากให้แกตื่น เดี๋ยวปล่อยให้นอนไปสักพักแล้วค่อยปลุกจะดีกว่า ผมรบกวนให้เขาช่วยเปิดประตูบ้านให้แล้วพาหลานไปนอนบนโซฟา
“งั้นผมกลับก่อนนะครับ”
“โอเค” ผมตอบกลับโดยไม่ได้หันไปมองเขา
“คุณเพชรครับ” เจ้าพี่เลี้ยงเด็กยังเรียกผมจากด้านหลังจนผมต้องหันไปอย่างอดไม่ได้
“อะไรอีก” ...แต่พอผมหันไป กลายเป็นผมที่อึ้งเอง
ฟ้าครามยืนข้างหลังผม ยืนแบบซ้อนหลังที่เรียกว่าใกล้มาก ด้วยความที่ส่วนสูงของเราใกล้กันทำให้หน้าของเราใกล้กันด้วย ใกล้จนผมเผลอผงะถอยจนหลังติดโซฟาเลยด้วยซ้ำ
“รู้ตัวแล้วเหรอครับ”
“อะไร” ผมพยายามทำเสียงแข็ง
“ที่ผมพยายามจะ ‘จีบ’ คุณเพชร”
แม้ในใจอยากจะตะโกนว่าใครแม่งจะไม่รู้วะ มึงเล่นหยอดกูทุกครั้งที่มีโอกาสขนาดนั้น แต่ปากของผมกลับพูดไม่ออก
...ณ จุดนี้ คือมึงถอยไปก่อนได้มั้ย! ---------------------------------------------------
สวัสดีเดือนกุมภาพันธ์ 
พอดีว่าไม่ใช่คนจีนค่ะแต่ขอให้มีความสุขมากๆ ในเทศกาลตรุษจีนนะคะ <3
เดือนนี้มีวันเกิดฟ้าครามและมีวันเกิดนิวด้วยค่ะ โฮะๆๆๆ
วันเกิดฟ้าครามนี่เหมาะกับวันวาเลนไทน์มาก ไม่รู้ว่าทำไม ?
งานยังคงเยอะอย่างต่อเนื่องจนสต็อกนิยายเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ...
ไฟท์ติ้งค่ะ!
เม้นเป็นกำลังใจให้หน่อยนะตะเอง <3
ปล. มีคนเอาน้าเพชรไปแนะนำด้วย ขอบคุณมากนะคะ ปลื้มปริ่มมาก โฮวววว [/color]