ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ผมเป็นคนโรคจิต+ผมเปล่าโรคจิตนะ!+แฟนผมเป็นคนโรคจิตBYลูกหมู  (อ่าน 367265 ครั้ง)

playCardPlaYBoy

  • บุคคลทั่วไป
เอาเรื่องสนุกๆแบบมีหลายภาคต่อมาให้อ่านกัน ขอเจ้าของเขาแล้วคับ ยังงัยกะอ่านนะ หนุกๆไม่ต้องคิดมาก :laugh:
**********************************************************
เวลาบ่ายแก่ๆ รถแท็กซี่จอดลงหน้าคอนโดหรูในเมืองหลวงแห่งหนึ่ง ประตูเปิดพร้อมกับเรียวขาบางใต้กางเกงแสลคดำก้าวลงมา เด็กหนุ่มในชุดนักศึกษาตัวหลวมสีขาวใหม่เอี่ยมถูกระเบียบเป๊ะสะพายเป้ไว้ที่ บ่าข้างหนึ่งหมิ่นเหม่ จ่ายค่าโดยสารก่อนจะปิดประตู ในมือถือโทรศัพท์ไร้สายเครื่องเล็กตั้งใจฟังเสียงปลายทางก่อนพูดตอบลงไป

“ครับแม่ ไม่มีปัญหาครับ ครับ...อยู่ได้ครับ” มือที่ถือถุงกับข้าวยกขึ้นดันประตูกระจกบานใหญ่หน้าทางเข้าคอนโด

“แน่ใจเหรอลูก อยู่คนเดียวมันลำบากนะ ปอนด์ไม่เหงาเหรอ” เสียงคุณแม่ตอนนี้ฟังดูทรมานยิ่งกว่าลูกชายเสียอีก

“ผมอยู่ได้จริงๆครับ นี่ก็ย้ายมาตั้งเดือนแล้วก็ยังไม่มีปัญหาอะไรนี่นา”

“แล้วที่มหา’ลัยล่ะ เรียนหนักรึเปล่า กิจกรรมเยอะมั้ย” กำลังจะเดินเข้าส่วนในตึกเพื่อกดลิฟท์ แม่บ้านผู้คุมตึกก็โบกมือเรียกไว้ก่อน เด็กหนุ่มเดินไปยังเคาน์เตอร์ หนีบโทรศัพท์ไว้ระหว่างบ่ากับกกหูก่อนจะรับปากกาเซ็นชื่อลงในกระดาษ

“เบาลงแล้วครับ เพิ่งแข่งกีฬาเฟรชชี่จบไปเมื่อวานซืนเอง” พูดไปพลางมือก็รับกล่องพัสดุอีเอ็มเอสไปพลาง ยิ้มผงกหัวให้แม่บ้านก่อนจะถือกล่องกระดาษหันตัวเดินกลับไปกดลิฟท์รอ

“แต่ว่า พี่ๆเค้าคิดถึงลูกกันนะ เฮ้อ! แม่ละไม่เข้าใจเลย จะย้ายไปอยู่คนเดียวทำไมนะ อยู่บ้านสบายๆไม่ชอบ นี่เกิดป่วยขึ้นมาจะว่ายังไง...” ลอบถอนหายใจกับเสียงบ่นยาวเฟื้อยที่ได้ยินทุกครั้งที่โทรมา ยืนกระดิกขาฟังพร้อมตอบรับแกนๆได้สักพักเสียงกระดิ่งก็ดังเรียกร้องความสนใจ

“แม่ครับ ลิฟท์มาแล้ว วางสายก่อนนะครับ...ครับๆ คิดถึงครับ...ครับ...ไว้คุยกันนะครับ” พูดตัดบทนิ้วกดวางสายได้ก็เดินเข้าลิฟท์ไป


++++++++++++++++++++++++++++++


เสียงปิดประตูห้องเบาๆดังขึ้นพร้อมๆกับไฟสีส้มดวงกลางสว่างวาบเผยให้เห็นห้องชุดขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ทันสมัยสวยงาม

ปอนด์กวาดตามองสภาพห้องส่วนตัวอย่างภาคภูมิใจ

หลังจากรู้ว่าเอ็นทรานซ์ติดมหาวิทยาลัยชื่อดังที่หวังไว้ เขาก็ต่อสู้ต่อเสียงคัดค้านของมารดากับเหล่าพี่สาวที่หวงเขาเหมือนไข่ในหิน อย่างหัวชนฝาเพื่อให้ได้ออกมาอยู่ตัวคนเดียว

...ทำไมน่ะหรือ...

ปอนด์วางถุงอาหารลงบนเคาน์เตอร์หน้าครัว ก่อนเดินไปวางกระเป๋าเป้และกล่องพัสดุลงยังโต๊ะกระจกในห้องรับแขก คว้าผ้าขนหนูผืนเล็กพาดบ่าเดินเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าที่มันชุ่มจากการ ผ่านกิจกรรมมาทั้งวัน

กระจกบานใหญ่หน้าอ่างล้างหน้าปรากฏภาพเด็กหนุ่มรูปร่างบอบ บาง ดวงหน้ารูปไข่กับผิวขาวอมชมพูมีหยดน้ำเกาะประปราย คิ้วโก่งรับกับริมฝีปากแดงอิ่ม ผมดำซอยสั้นตามสมัยนิยม กำลังจ้องมองกลับมาด้วยนัยน์ตาสีดำสนิท ด้วยส่วนสูงที่ไม่มากเกินกว่า 165 ซม. ทำให้ปอนด์เป็นเด็กหนุ่มที่ดูน่ารักน่าเอ็นดู จนพี่สาวทั้งสามต้องคอยปกป้องจากปากเหยี่ยวปากกาทั้งตัวผู้และเมียมาตั้งแต่ เล็กจนโต

ล้างคราบไคลเช็ดหน้าตาจนสดชื่นแล้ว ร่างบางก็เดินกลับไปยังห้องรับแขก ยกกล่องอีเอ็มเอสขึ้นมองอย่างพึงพอใจ

...เท่านี้ ทุกอย่างก็พร้อม...

หนุ่มน้อยคิดพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก ตาเป็นประกาย ขาเรียวในกางเกงแสลคถูกระเบียบพาร่างก้าวเดินกลับไปยังห้องนอน ...พร้อมกับกล่องพัสดุปริศนา

ภายในห้องนอนถูกตกแต่งด้วยโทนสีครีม ลักษณะคล้ายโรงแรมหรู เตียงคิงไซส์หลังใหญ่น่านอนถูกตั้งตระหง่านอยู่กลางห้อง มุมห้องด้านหนึ่งมีจอพลาสมาขนาดใหญ่พร้อมเครื่องเสียงใหม่เอี่ยมจัด แต่งอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ข้างๆกันเป็นหน้าต่างกระจกโค้งบานใหญ่กินพื้นที่กว่าหนึ่งในสี่ของห้องนอน แสงที่ส่องเข้ามาโดยไร้ผ้าม่านบังทำให้ห้องดูสว่างตาแม้จะยังไม่ได้เปิดไฟ เมื่อมองออกไปจะเห็นวิวตึกสูงระฟ้าเรียงเป็นตับ การจราจรด้านล่างแน่นขนัดจากช่วงเวลาเร่งด่วน

หลังจากเปิดแอร์ไล่อากาศร้อนในห้องแล้ว ปอนด์ก็วางเจ้ากล่องพัสดุที่แกะเช็คสภาพแล้วไว้บนเตียงนุ่ม ตัวเองทิ้งตัวลงนั่งค้นสิ่งของบางอย่างที่เก็บไว้ใต้เตียง

ทั้งๆที่ห้องออกจะกว้าง ตู้เก็บของก็มี แล้วทำไมต้องเก็บใต้เตียง?

แน่นอนว่าเป็นของที่วางโชว์หราตามตู้ให้แม่บ้านเห็นไม่ได้ หรอก สิ่งที่ปอนด์เอาออกมาจากที่ซ่อนลับคือกล่องบรรจุแผ่นซีดีที่ไม่ได้พิมพ์หน้า แผ่น มีเพียงโค้ดอักษร 1 ตัวกับตัวเลขพ่วงท้ายอีก 2-3 ตัว จำนวนสิบกว่าแผ่น มือเรียวบรรจงวางแผ่นลงบนถาดรับของเครื่องเล่นดีวีดี ก่อนจะคว้ารีโมตก้าวเดินไปนอนรอดูอยู่บนเตียง

...นี่ล่ะ เหตุผลที่ปอนด์อยากออกจากบ้านมาอยู่คนเดียว...

สวรรค์ของเด็กหนุ่มที่หากอยู่บ้านที่มีสมาชิกมากมายขนาดนั้น คงไม่แคล้วล่มทั้งที่ยังไม่ทันเริ่ม จอดทั้งที่ยังไม่ทันแจว

...แต่มันไม่ใช่แค่นั้น...

จอทีวีแสดงภาพห้องนอนในโรงแรมสามดาว ถ่ายไล่ตั้งแต่ พื้นพรม ผ้าม่าน โคมไฟหัวเตียง มายังเตียงนอนที่ถูกปูด้วยผ้าปูที่นอนสีขาวตึงเรียบ เสียงหอบประสานดังแทรกเสียงเพลงที่เปิดคลอเบาๆ กล้องหันความสนใจไปถ่ายกิจกรรมที่กำลังร้อนแรงบนเตียงขณะนั้น...
 
...ชายหนุ่มกล้ามโตกับหนุ่มน้อยหน้าหวานกำลังระเริงรักร้อนแรงอย่างไร้อาการเขินอาย...

เหตุผลใหญ่เบ้อเร่อ มาแรงแซงทางโค้งเบียดเหตุผลแรกชนิดกระเด็นไม่เห็นฝุ่น

ปอนด์รู้ตัวมาตั้งแต่ตอนอยู่ชั้นมัธยมต้น ว่าตนเองมีรสนิยมไม่เหมือนคนปกติทั่วไป เป็นความลับที่ไม่ควรและต้องไม่ให้ใครรู้

แต่วัยหนุ่มอย่างนี้มันก็ต้องปลดปล่อยกันบ้าง...ครั้นจะหาคน รักมาช่วยปลดปล่อยน่ะหรือ ไม่ดีกว่า มันอันตรายเกินไป ความลับมันไม่มีในโลก ถ้าไม่อยากให้ความลับแตกจงเก็บเงียบไว้แต่คนเดียว คิดดังนั้น จึงเลือกที่จะมีมือขวาเป็นคู่รักแทน

เดือนกว่าๆที่ย้ายมาอยู่คนเดียว พัฒนาการในด้านนี้ก็พุ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด โลกลับหลังประตูต้องห้ามถูกบุกเบิก ข้อมูลถูกค้นคว้าอย่างละเอียด ทั้งหนังสืออย่างว่า บทความทางอินเตอร์เน็ต และอื่นๆอีกมากมายถูกศึกษาจนเข้าลึกถึงแก่น อุปกรณ์ประจำกายจากแค่มือขวาก็เริ่มเพิ่มขึ้นมาเริ่อยๆ

...แผ่นหนังช่วยบิวล์อารมณ์

...เจลใสกลิ่นสตอร์เบอรี่หอมหวานสำหรับหล่อลื่น

...และวันนี้ โลกใหม่จะเปิดกว้างอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยพัสดุส่งตรงจากแหล่งลับๆทางอินเตอร์เน็ต
********************************************************
เดี๋ยวมาต่อตอน2ให้นะ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-09-2010 16:28:10 โดย THIP »

อาจารย์..สีฟ้า

  • บุคคลทั่วไป
Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
«ตอบ #1 เมื่อ05-04-2008 22:24:12 »

เข้ามาให้กำลังใจเรื่องใหม่ครับ   :L2: :L2: :L2: :L2:

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
«ตอบ #2 เมื่อ05-04-2008 22:35:55 »

 :o อ๊ะเจออีกละมาก่อนเราได้ไง งง งง

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
«ตอบ #3 เมื่อ05-04-2008 22:40:36 »

สั่งอะไรมาเคอะ

เสื้อเล้าฯ หรอ 


แว้กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

มันเร้าใจตรงไหน อิอิ

playCardPlaYBoy

  • บุคคลทั่วไป
Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
«ตอบ #4 เมื่อ05-04-2008 22:41:28 »

กึง! กึง! กึง!

เสียงบอลกระทบพื้นไม้ดังสะท้อนในโรงยิมของมหาวิทยาลัย หญิงสาวสะคราญมากหน้าหลายตาไล่ตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสี่ กำลังยืนชิดติดขอบสนามอย่างลุ้นระทึก จุดรวมสายตาพร้อมใจกันพุ่งเป้าไปยังชายหนุ่มหล่อเหลารูปร่างกำยำในชุดเสื้อ กล้ามกางเกงขาสั้นพอดีตัว ต้นขา หัวเข่า ไล่ลงไปยังช่วงขายาวสมส่วนเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อกำลังย่อลงปรับสมดุลการทรง ตัวอย่างเชี่ยวชาญ เสียงรองเท้ากีฬารุ่นใหม่ล่าสุดเสียดสีกับพื้นสนามดังเอี๊ยดอ๊าดเพิ่มอรรถรส ในการชมกีฬาได้อย่างดี

พลใช้สายตาคมเฉียบมองลอดปอยผมที่เปียกชื้นตกระใบหน้าบดบัง สายตา หาลู่ทางในการเข้าคลุกวงในอย่างเยือกเย็น ก่อนจะเลี้ยงลูกหลบหลีกคู่ต่อสู้ ก้าวเท้าระยะยาวรวดเร็ว กระโดดยันพื้นขึ้นยัดลูกหนังสีส้มในมือลงแป้นที่สูงจากพื้นเมตรกว่าได้อย่าง แม่นยำ

ตึง!

ทันทีที่เท้าแตะพื้น เสียงกรีดร้องเอาใจช่วยจากข้างสนามก็ดังลั่นกลบเสียงหอบของเหล่านักกีฬา สาวใหญ่ใจกล้าถือขวดน้ำเย็นเฉียบเสียบหลอดดูดให้เรียบร้อย วิ่งเข้ามอบรางวัลจ่อหลอดถึงริมฝีปากบางที่ยกยิ้มอย่างพอใจในชัยชนะของทีม

“ขอบคุณครับ” เสียงทุ้มห้าวบาดใจกล่าวของคุณพร้อมกับมือใหญ่เลอะคราบดินอ้อมจับท้ายทอย หญิงสาว นาบริมฝีปากรื้นหยดน้ำเย็นๆลงกับหน้าผากมน

เสียงกรี๊ดอย่างอิจฉาริษยาดังขึ้นรอบกาย ตรงข้ามกับหญิงสาวผู้โชคดีที่อ่อนระทวยเป็นยางมะตอยติดดินไปแล้ว
 
“ไอ้พล! สุดยอด!!”  กลุ่มเพื่อนชายทั้งทีมเดียวกันและต่างทีม มะรุมมะตุ้มเข้ากอดคอชายหนุ่ม หัวเราะระรื่นกับความตื่นเต้นเร้าใจที่ได้รับจากเกมส์กีฬา บางคนกำหมัดแตะคางชายหนุ่มเบาๆเป็นเชิงหยอกล้อพร้อมกับพูดชมไม่หยุดปาก

พลคว้าผ้าขนหนูบนกระเป๋าที่วางนิ่งอยู่ตรงเก้าอี้ขอบสนาม ขึ้นเช็ดเหงื่อบนใบหน้าและตามร่างกาย จนผ้าผืนน้อยเปียกชื้นได้ที่ จึงกำผ้าออกแรงปาขึ้นสูงเกือบชนเพดาน

ผ้าเปียกชื้นค่อยๆแผ่สยายตกลงกลางวงล้อมของกลุ่มกองเชียร์ เสียงกรีดร้องโวยวายแสบหูดังอื้ออึงดังปะทุขึ้น สาวๆลืมตัวในการวางท่ากุลสตรี ลงมือจิกหัวก่ายคอกันแก่งแย่งผ้าขนหนูชิ้นเล็กที่มีค่ามหาศาลทันที

พลเดินออกจากโรงยิมอย่างไม่สนใจมหกรรมที่ตนเป็นผู้ก่อ มุ่งหน้าไปยังรถสปอร์ตคันงามที่จอดอวดโฉมอยู่ข้างโรงยิมอย่างเงียบๆ

“เฮ้ย! พล ไม่ไปกินกันหน่อยเหรอ?” เสียงเพื่อนชายชวนดื่มตามปกติ เรียกให้เงยหน้าจากการไขกุญแจขึ้นมอง

“โอกาสหน้าละกัน วันนี้มีธุระว่ะ” เขาตอบยิ้มๆก่อนจะเปิดประตูรถ เข้านั่งบนเบาะหนังแท้ชโลมน้ำมันจนลื่นมือ

“พี่พลค้า~ วันนี้เข้าชมรมรึเปล่า?” เสียงหญิงสาวจากชมรมหนังสือพิมพ์ตะโกนถามมาจากไกลๆ พลยกมือขึ้นโบกก่อนตะโกนตอบ

“วันหลังนะครับ คนดี” ก่อนจะสตาร์ทรถ เหยียบคันเร่ง พุ่งทะยานออกไปโดยมีกลุ่มหญิงสาววิ่งกรูออกมาจากประตูโรงยิมพร้อมโบกมือบ๊ายบาย


++++++++++++++++++++++++++++


รถยุโรปแรงสูงจอดสนิทยังที่จอดใต้คอนโดหรู พลในชุดกีฬาก้าวเดินอย่างมั่นใจ กดลิฟท์เพื่อขึ้นไปยังห้องของตนเอง

ระหว่างอยู่ในลิฟท์ ชายหนุ่มก็มองสำรวจตัวเองจากกระจกบานใหญ่ติดผนัง

หนุ่มตี๋หน้าขาวไรหนวดเขียวๆที่ผ่านการโกนยามเช้ามาอย่าง ประณีต ผมดำสนิทซอยยาวระต้นคอแกร่ง คิ้วเข้มตรงบ่งลักษณะนิสัยหวังอะไรต้องได้อย่างนั้น ดวงตาสีดำคมดุดันท้าทายที่เผาไหม้ผู้ถูกมองให้อ่อนยวบได้ในเสี้ยววินาที  ริมฝีปากบางเฉียบแย้มยิ้มอยู่เป็นนิจ ลูกกระเดือกบ่งความเป็นชายชาตรี ไหปลาร้าเป็นเส้นไล่ลงมาเห็นแผ่นอกอุดมด้วยกล้ามเนื้อแหวกลึกจนถึงขอบเสื้อ คอกว้าง ช่วงขายาวปราดเปรียวเต็มไปด้วยมัดกล้ามเหมือนสัตว์กินเนื้อที่พร้อมจะขย้ำ เหยื่อทันทีที่มีโอกาส

ไม่แปลกเลย ที่จะมีหญิงสาวมากหน้าหลายตาจ้องหาโอกาสจะเข้าใกล้ทำความสนิทสนมไม่เว้นแต่ละวัน

กลับจากการออกกำลังกายก็เป็นเวลาเย็นแล้ว ร่างสูงเปิดประตูเข้าไปในคอนโดหรู ห้องที่ตกแต่งอย่างมีสไตล์ จะน่าเสียดายไปนิดก็ไอ้สายไฟรกๆ คีย์บอร์ดกับจอคอมพิวเตอร์ 3 จอ ที่วางระเกะระกะอยู่บนพื้น ขาตั้งกล้องวีดีโอ กองกระดาษข้อมูลต่างๆปลิวว่อนทั่วห้องนั่นแหละ

แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับกึ่งๆสลัมอีเล็กทรอนิกส์ เพราะที่นี่เป็น ‘โลกส่วนตัว’ ของเขา…

หลังจากที่ออกจากบ้าน เปลี่ยนสถานภาพจากเด็กมัธยมมาเป็นเฟรชชี่สดๆร้อนๆ สิ่งที่แอบซ่อนมาเนิ่นนานก็เริ่มแหวกกลางทะลุปล้องออกมาโลดแล่นในห้องลับๆ ของพล ด้วยการสนับสนุนของมารดาที่เป็นนักข่าว จึงไม่ลำบากมากมายกับการหาอุปกรณ์สำหรับงานอดิเรกลับๆที่บอกใครไม่ได้นี้เลย

เริ่มจากลองฝีมือด้วยการแอบถ่ายดาวคณะต่างๆ เวลาหลุดๆ ช่วงแรกๆ ภาพที่แขวนตามผนังห้องจึงเป็นภาพสาวน้อยจิ้มลิ้มมากหน้าหลายตาในอิริยาบท นั่งลืมหนีบ ชุดชั้นในลายลูกไม้ที่เห็นวับๆแวมๆจากร่องเสื้อนักศึกษาไซส์เล็กกว่าตัวคุณ เธออยู่เบอร์สองเบอร์ เป็นอย่างนี้จนปีสอง พลเริ่มค้นพบโลกลี้ลับต่อยอด ภาพหญิงสาวทั้งหลายที่แขวนตามผนังจึงถูกโละทิ้งเปลี่ยนเป็นภาพหนุ่มน้อยหน้า ใส...ในห้องน้ำคณะแทน...
 
ไม่...การได้มาเพียงภาพนิ่งแสดงอิริยาบทต่างๆนั้น ไม่พอเยียวยาความต้องการของพลอีกต่อไป กล้องวีดีโอจิ๋วสำหรับสอดแนมจึงถูกสั่งตรงจากญี่ปุ่นถึงมือชายหนุ่มอย่าง ง่ายดาย

มันเป็นความท้าทายอย่างมาก การแอบถ่ายโดยไม่ให้เจ้าตัวรู้ตัว คอลเล็คชั่นที่มีจำนวนเพิ่งขึ้นมากมายถูกสะสมอยู่ในกล่องใต้เตียง รอวันถูกเบิกออกมาบำบัดความต้องการลับๆของพล
 
เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆจนเริ่มเฉยชา มันก็เหมือนคนติดยาที่ต้องการยาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พลเริ่มแสวงหาความตื่นเต้นใหม่ๆ

จวบจนวันรับน้องใหม่ วันปิดเทอมก่อนที่พลจะเริ่มขึ้นปี 3 สายตาก็ถูกหยุดอยู่ที่น้องใหม่ในกลุ่มคนหนึ่ง เด็กหนุ่มรูปร่างบอบบางผอมเพรียว เตี้ยกว่าเขาประมาณ 10-15 ซม. ผิวขาวใสในเครื่องแบบถูกระเบียบทุกกระเบียดนิ้ว ท่าทางน่าทะนุถนอม เพื่อนๆที่ทำกลุ่มรับน้องด้วยกันทั้งหญิงทั้งชายต่างแอบเล็งแอบจองไว้

นับแต่วันนั้นเขาก็ไม่เหลือสายตาไว้เสาะหาเหยื่อใหม่อื่นใด

เขาเพียรพยายามในการเสาะหาตัวตนของเด็กหนุ่มอย่างยิ่งยวด ทั้งการใช้ตำแหน่งรุ่นพี่ในชมรมหนังสือพิมพ์บังหน้า ทั้งการแอบลอบเข้าไปยังส่วนข้อมูลของมหาวิทยาลัย ตอนนี้ข้อมูลที่มีอยู่ครบถ้วนแล้ว เด็กหนุ่มชื่อปอนด์ ครอบครัวร่ำรวยพอสมควร อาศัยอยู่คนเดียวในคอนโดหรูใจกลางเมือง

ในวันที่พลรู้ที่อยู่ของรุ่นน้อง...จากการแอบขับรถตาม...เขาก็กระหยิ่มยิ้มย่อง รู้สึกว่ามันเป็นพรหมลิขิตซะเหลือเกิน

คอนโดที่ปอนด์อยู่ เป็นคอนโดที่ตั้งตระหง่านคู่กับคอนโดของเขาเอง แค่นี้ยังง่ายไม่พอ ห้องนอนของเด็กหนุ่มยังอยู่ตรงข้ามกับเขาพอดี ห้องที่มีหน้าต่างเป็นกระจกโค้งบานใหญ่ สามารถมองเข้าไปเห็นเกือบทั้งห้อง ห้องของปอนด์มีแม่บ้านมาทำความสะอาดวันเว้นวัน ทุกครั้งแม่บ้านจะเปิดม่านหนาในห้องนอนออกกว้างค้างไว้อย่างนั้น จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้ติดตามกิจวัตรประจำวันของร่างบาง แต่ก็น่าเสียดายที่บางวันผู้ถูกจับตามองก็ปิดม่านแน่นหนาจนมองข้างในไม่เห็น ซะงั้น เหมือนจะมีญาณวิเศษ รู้ตัวว่ากำลังถูกริดรอนสิทธิส่วนบุคคลอยู่ยังไงยังงั้น

กิจวัตรที่ไม่มีอะไรมากนักแต่คุ้มค่ากับการแอบดู เริ่มตั้งแต่กลับบ้านเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลอง กางเกงขาสั้นเต่อดูยั่วยวน นั่งอ่านหนังสือประมาณชั่วโมง ออกไปกินข้าวที่ห้องข้างๆ ดูข่าวภาคค่ำบนเตียงนอนด้วยท่านอนตะแคง หันหน้าเข้าหน้าต่างก็จะเห็นอกขาวๆจากเสื้อกล้ามหลวมโพรก หันหลังให้หน้าต่างยิ่งเด็ดดวง สะโพกกลมกลึงได้สัดส่วนกับขาเรียวยาวโผล่พ้นกางเกงนอนสั่นจุ๊ดจู๋ เห็นแล้วน่าจินตนาการถึงร่างบางนอนหมดแรงอยู่ใต้ร่างกายของเขาซะจริง พอตกดึกร่างที่เห็นในกล้องเลนส์ซูมซึ่งใช้ต่างกล้องส่องทางไกล ก็ได้เวลาเข้าอาบน้ำ เมื่ออาบน้ำเสร็จร่างขาวผ่องห่มผ้าเช็ดตัวหลวมๆไว้ที่สะโพกก็จะใช้ปากแดง อิ่มดื่มนมสดจากแก้วใสๆก่อนจะเลียปากล้างคราบนม

จากความสนใจเริ่มเป็นความหลงไหล เขาอยากเข้าไปทำความรู้จักสนิทสนมเหลือเกิน แต่จากการสังเกตมา 2 เดือน พบว่าปอนด์ไม่มีท่าทีจะสนใจใครเลย ทั้งๆที่คนที่ผ่านเข้ามาก็มีทั้งสาวสวยรุ่นเดียวกันทั้งแก่กว่า หรือชายหนุ่มรุ่นพี่เพื่อนเขาเองที่มีภาษีดีพอควรก็ตาม มันทำให้เขาหนักใจ แม้เขาจะมั่นใจในตัวเองมากว่าไม่มีสาวไหนกล้าปฏิเสธ แต่กับปอนด์เขาชักไม่แน่ใจซะแล้ว

สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้จึงเป็นแค่ การแอบมองปกป้องอยู่ห่างๆ สำรวจรสนิยมความชอบไปด้วยในตัว เมื่อไหร่ที่เขาจับจุดได้ว่าปอนด์ชอบอะไร เมื่อนั้นเขาก็จะลงมือปฏิบัติการจีบให้เด็กหนุ่มมาเป็นของเขาซะเลย

...อะไรที่เขาอยากได้ เขาก็ต้องคว้ามาให้ได้...


+++++++++++++++++++++++++++++++++++
เว็งคับ อ่านหนังสือสอบกรมศุลไม่เข้ากะบาลเลย  :serius2: o2

ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
«ตอบ #5 เมื่อ05-04-2008 22:41:56 »

อ่าเรื่องใหม่

playCardPlaYBoy

  • บุคคลทั่วไป
Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
«ตอบ #6 เมื่อ05-04-2008 22:42:39 »

-3-

วันนี้เป็นอีกวันที่พลได้กลับห้องเร็วหน่อย เนื่องจากชมรมหนังสือพิมพ์เพิ่งออกฉบับล่าสุดไปเมื่อวานซืน จึงมีเวลาให้ชายหนุ่มได้พักหายใจหายคอ ได้ทำงานอดิเรกที่ตนเองรักบ้าง

ชายหนุ่มคว้ากล้องประจำตัว เดินไปที่หน้าต่างห้อง หวังจะได้คอลเล็กชั่นมาเก็บไว้เพิ่มเติม

‘เหมาะเหม็ง วันนี้ไม่ได้ปิดม่าน’

มองๆไปพบเด็กหนุ่มกำลังก้มๆเงยๆ ควานหาของใต้เตียงคิงไซส์ ด้านบนมีกล่องอีเอ็มเอสปิดฝาหมิ่นเหม่วางรอการเปิดใช้งาน

‘วันนี้มาแปลกแฮะ ทำอะไรอยู่หืมม์ เด็กน้อย’

เป้าหมายดึงกล่องใบเล็กออกมาจากใต้เตียงได้แล้ว ข้างในเป็นแผ่นซีดี 10 กว่าแผ่น ร่างบางเดินกลับมานอนบนเตียงหลังจากแผ่นซีดีถูกป้อนเข้าเครื่องเล่น ในมือถือรีโมต รอแผ่นฉาย

‘อะฮ้า แผ่นใต้เตียง ...ร้ายไม่เบานี่’ คิดพลางกดโหมดกล้องเป็นบันทึกวีดีโอ วันนี้คงได้คอลเล็คชั่นดีเกินคาด

ดูไปได้สิบกว่านาที ร่างบางก็เอนตัวลงนอน มือขาวทั้งสองข้างปะป่ายทั่วหน้าอกตัวเอง บ่งว่าไฟอารมณ์เริ่มคุกรุ่นแล้ว

‘นั่นแหละ เด็กดี ยั่วยวนให้มากกว่านี้สิ’ มือหนาเลื้อยไปตามขอบกางเกงตัวเองบ้าง มีส่วนร่วมกับร่างที่เห็นในกล้อง

++++++++++++++++++++++++++++

กลับมาในห้องของปอนด์ หนุ่มน้อยไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามีผู้รู้เห็นในการกระทำลับๆของตน ไฟอารมณ์กำลังโหมกระหน่ำ สองมือที่เคล้นคลึงช่วงอกของตนเองเริ่มหมดความอดทน ละเรื่อยลงมาถึงขอบกางเกงแสล็ค นิ้วขาวปลดกระดุม รูดซิปลง ในเวลาไม่นานกางเกงก็ถูกรูดลง ทิ้งกองอยู่ที่ปลายเตียง เหลือเพียงท่อนขาขาวที่บิดไปมาด้วยความรัญจวน มือสั่นๆเริ่มทำหน้าที่ปลอบใจร่างกายตัวเอง

“อา…” เสียงแหบแห้งครางกระเส่า ความเร็วของมือเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สะโพกบางเด้งขึ้นรับตามท่วงทำนองบรรเลง ดวงตาหรี่ลงรื้นน้ำตาจนฉ่ำเยิ้ม ปากอิ่มแดงจัดเผยอขึ้นหอบรับออกซิเจนเข้าปอด ...ใกล้แล้ว อีกนิดเดียว

สวรรค์อยู่แค่เอื้อม หากร่างบางกลับอดกลั้นหยุดไว้ได้ทัน มือสั่นๆป่ายหาหลอดครีมในลิ้นชักข้างเตียง ชโลมนิ้วตัวเองแล้วละเลงที่ช่องทางด้านหลัง

+++++++++++++++++++++++++++++++

ดวงตาดำสนิทที่มองผ่านกล้องเบิกกว้าง เด็กน้อยไร้เดียงสาของเขากำลังจะทำอะไร!? ภาพที่เห็นคือภาพร่างบางในเสื้อเชิ้ตขาวยับปลดกระดุมทุกเม็ด เรียวขาเปลือยเปล่า นั่งยองๆอยู่บนเตียง แขนข้างหนึ่งเหยียดรองรับน้ำหนัก แขนอีกข้างอ้อมไปด้านหลังของตัวเอง มือที่เมื่อครู่ชโลมครีมบางอย่างไว้ กำลังส่งนิ้วสอดเข้าไปทางด้านหลัง ใบหน้าที่เคยขาวใสบัดนี้ซับสีเลือดจนแดงเรื่อ ตาปิดสนิท คิ้วบางขมวดน้อยๆ ริมฝีปากอิ่มกำลังเผยอหอบพร้อมลิ้นที่เลียริมฝีปากจนเปียกชุ่ม บ่งความพึงพอใจของเจ้าตัว จากท่าทางที่ร่างบางกำลังทำอยู่นั้น ทำให้เดาได้ไม่ยากเลยว่า ซีดีที่เด็กหนุ่มดูอยู่ ต้องไม่ใช่ซีดีอย่างว่าพื้นๆแน่ๆ

‘วันนี้ได้สุดยอดคอลเล็คชั่นแน่นอน เห็นเป็นเด็กดีถูกระเบียบ ไม่คิดว่าจะมีรสนิยมแบบนี้แฮะ’

...หากแต่สิ่งที่ชายหนุ่มเห็นเป็นกิจกรรมเพียงครึ่งทางเท่านั้น...

+++++++++++++++++++++++++++++++++++
 

อดทนเตรียมความพร้อมเสร็จสิ้น มั่นใจว่าจะไม่ทำให้เกิดบาดแผลแล้ว ปอนด์ก็แกะกล่องพัสดุที่เพิ่งส่งมาสดๆร้อนๆ แท่งซิลิโคนใหญ่ยาวพร้อมระบบปรับแรงสั่นได้แท่งแรกในชีวิตกำลังจะถูกแกะออก มาใช้งานจริง

มือสั่นๆชโลมครีมหล่อลื่นจนทั่วของเล่นใหม่ ก่อนจะค่อยๆสอดใส่อย่างเบามือ ขนาดของมันไม่ใช่เล็กๆเลย ด้วยความที่เพิ่งเคยสอดใส่สิ่งอื่นนอกจากนิ้วมือตัวเอง เด็กหนุ่มจึงรู้สึกอึดอัดแน่นจุกไปจนถึงช่องท้อง ขณะเดียวกันก็รู้สึกเสียวซ่าน ในใจจินตนาการถึงพระเอกที่กำลังระเริงลีลาอยู่ในจอทีวีเปลี่ยนใบหน้าเป็นชาย หนุ่มคนหนึ่งที่ฝังใจมาตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัย แทนที่ฝ่ายรับด้วยตนเอง

เมื่อสอดใส่แท่งหนานุ่มจนสุดแล้ว ก็เริ่มเปิดฟังก์ชั่นใช้งานซะที มือขาวคว้ารีโมตเปิดสวิตซ์สั่นสะเทือน

“อ๊า” กรีดร้องด้วยความเสียวซ่าน แขนที่ค้ำร่างกายอยู่เกิดอ่อนแรงกะทันหัน ส่งผลให้ร่างบางหงายผึ่งลงบนเตียงนุ่ม ศีรษะทุยๆสะบัดตามแรงอารมณ์ที่กระพือขึ้นสูง นอนบิดสะโพกด้วยความรัญจวนใจ มือขวาเริ่มทำหน้าที่ประจำ ขยับขึ้นลงทั้งที่ยังเปียกชุ่มไปด้วยครีมหล่อลื่นเย็นๆ ใช้เวลาไม่นานเลยในการที่จะเดินทางไปสู่สรวงสวรรค์

หยาดหยดขาวขุ่นระเบิดพร่างพรายบนผ้าปูที่นอนไหมเนื้อดี เพลิงอารมณ์ยังไม่สลาย มือบางยังทำหน้าที่รีดเค้นจนถึงหยดสุดท้ายแห่งชีวิต เจ้าของเตียงหลังใหญ่หอบหายใจเหมือนขาดอากาศมาสักสิบนาที ค่อยถอนเครื่องมือที่หมุนควงอยู่ออกอย่างเบามือ

ทันใดนั้นมือถือเครื่องจิ๋วก็แผดเสียงดังลั่น เรียกให้ร่างบางสะดุ้งโหยง มือที่กำลังดึงแท่งซิลิโคนออกพลันกระตุกกระชากออกโดยแรง ปอนด์นอนคว่ำหน้าบิดสะโพกด้วยความเสียวซ่านต่ออีกนาน กว่าจะตั้งตัวได้อีกครั้งก็ผ่านไป 2 มิสคอลล์แล้ว

เบอร์ที่โทรมาขัดเวลาสุขสม เป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นตาเลย

“สวัสดีครับ?”

“……….” ไม่มีเสียงคนพูด มีเพียงเสียงหายใจหนักๆเป็นพื้นหลัง

“จะพูดกับใครครับ?”

“……….”

“ถ้าไม่พูดผมจะวางแล้วนะ”

“...ปอนด์” เสียงที่ได้ยินทุ้มนุ่ม เซ็กซี่ ปนมากับเสียงหอบ ปอนด์ขมวดคิ้ว เสียงนี้เหมือนเคยได้ยินแต่นึกไม่ออกแฮะ

“ทำคนเดียวมีความสุขเหรอ?”

“อะไรนะครับ?” ถามกลับอย่างสงสัยไม่เข้าใจคำถาม เมื่อคิดได้ ขนคอจึงลุกซู่ หน้าร้อนผ่าว หันกลับไปทางหน้าต่างเพิ่งพบข้อผิดพลาดของตนเอง เขามัวแต่ตื่นเต้นกับของเล่นใหม่จนลืมปิดม่าน! ถึงนี่จะเป็นชั้น 23 ก็เถอะ แต่ตึกข้างๆก็สูงราวๆกัน นิ้วสั่นๆกดปิดโทรศัพท์ทันที ขาเรียวก้าวเร็วๆไปรูดม่านปิดหน้าต่างจนห้องมืดสนิทลงทันตา

ปลายสายเป็นใครกัน คนที่รู้จักเขา คนที่อาศัยอยู่ตึกข้างๆ จะใครก็ตามทำให้เขาตระหนักว่า เขาถูกซุ่มมองอยู่ จะเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่...

ซวย ซวยจริงๆ ทั้งๆที่เป็นวันแรกที่ใช้ของน่าอายแบบนี้ กลับต้องมาถูกคนอื่นแอบมองแบบนี้ รู้ถึงไหนคงมองหน้าใครไม่ติด เหงื่อเม็ดเป้งหยดลงลนพรมพร้อมความคิดวุ่นวายซ้ำไปซ้ำมา


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


‘ถึงซะแล้ว’ แค่ภาพหนุ่มน้อยในฝันกำลังเล่นปลอบใจตัวเองก็ทำให้พลไต่ระดับถึงจุดหมายได้ง่ายดาย

แค่ภาพยังขนาดนี้ ถ้าได้ยินเสียงด้วยคงสุดยอดเกินบรรยาย

ด้วยความหุนหันไม่ทันคิด มือใหญ่กดเบอร์ที่บันทึกไว้แต่ไม่เคยได้ใช้ในโทรศัพท์มือถือ โดยยังไม่ทันได้เปลี่ยนซิมการ์ด ลืมปกปิดตัวเองไปเสียสนิท สิ่งที่อยู่ในความคิดตอนนี้มีเพียงว่า เขาอยากได้ยินเสียงหอบหลังความสุขสมเพิ่งเลยผ่านของเด็กหนุ่มเหลือเกิน

“สวัสดีครับ” เจ้าตัวที่รับโทรศัพท์จะรู้รึเปล่านะ ว่าเสียงตัวเองตอนนี้มันเซ็กซี่แค่ไหน เสียงแหบปนหอบหน่อยๆ เจือแววตกใจนิดๆ ภาพน่าอายหลายนาทีก่อนผ่านเข้ามาในสมองอีกรอบ ประสาทเครียดเขม็งขดเป็นเกรียว ความร้อนจุกอยู่ที่ส่วนกลางของร่างกาย หากต้องอดกลั้นเอาไว้ เวลานี้เป็นเวลาที่เขาจะต้องสรรหาคำพูดดีๆให้เหยื่อตื่นตระหนกเล่นต่างหาก มันเป็นความตื่นเต้นเร้าใจอย่างหนึ่งในการให้เหยื่อรู้ว่ากำลังถูกเฝ้า มองอยู่โดยที่ไม่มีทางรู้ตัวผู้ล่าเลย

“ทำคนเดียวมีความสุขเหรอ?” หลังจากประโยคแห่งผู้ล่าถูกปล่อยออกมา สัญญาณก็ถูกตัดไปพร้อมกับผ้าม่านทึบแสงผืนใหญ่ที่ถูกรูดปิด กั้นห้องนอนของเหยื่อ ออกจากโลกภายนอก ปากบางเฉียบแสยะยิ้ม

...มันยังไม่จบแค่นี้แน่

+++++++++++++++++++++++++++++++

playCardPlaYBoy

  • บุคคลทั่วไป
Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
«ตอบ #7 เมื่อ05-04-2008 22:44:07 »

-4-

”ปอนด์ ยังไม่กลับบ้านเหรอ?”

เสียงถามอย่างประหลาดใจจากกลุ่มเพื่อน ปกติปอนด์อยู่ชมรมกลับบ้าน นานๆครั้งที่มีรายงานกลุ่มถึงจะมาปรากฏตัวที่โต๊ะใต้ตึกเรียนได้ ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงกว่าแล้ว ปอนด์ยังคงนั่งจุมปุ๊กอยู่ที่โต๊ะทั้งๆที่ไม่มีอะไรจะทำ

“ยังไม่อยากกลับน่ะ” ตอบตามที่ใจคิด แต่ละเหตุผลไว้ ...มีใครก็ไม่รู้คอยถ้ำมองอยู่ แค่นึกก็แหยงแล้ว ตอนนี้เขาเกิดอาการหวาดระแวงผู้ชาย ใช่ เสียงในมือถือเป็นผู้ชายร้อยเปอร์เซ็นต์ แถมเป็นคนที่รู้จักเขาซะด้วย ความระแวงทำให้รู้สึกผวาทุกครั้งที่มีคนมอง

หลังจากที่กดสายทิ้ง ปิดม่านจนแน่ใจว่าไม่มีทางมองเข้ามาในห้องได้แล้ว เด็กหนุ่มก็นั่งหน้าเครียดอยู่บนเตียงนานสองนาน ไม่นานเกินรอ โทรศัพท์เบอร์เดิมก็โทรเข้ามาใหม่ แน่นอนว่าร่างบางไม่ยอมรับสาย ผ่านไป 6 มิสคอลล์ต้นสายจึงเลิกพยายาม เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงเลิกล้มความคิดก่อกวนแล้วล่ะมั้ง

แต่มันไม่เป็นอย่างนั้น

สิ่งที่ส่งมาทางมือถือในเวลาถัดมา คือ คลิปวีดีโอของเขาเอง รูปของร่างขาวๆในห้องมืดๆ มองจากมุมไกลๆ หากเห็นหน้าชัดพอจะรู้ว่าเป็นใคร หมกมุ่นอยู่กับกิจกรรมน่าอายบนเตียงที่เจ้าตัวกำลังนั่งจ้องจอมือถืออยู่ตอน นี้ พร้อมข้อความที่ส่งมาด้วย

‘เปิดม่านซะและห้ามปิดอีกต่อไป ถ้าไม่อยากเห็นคลิปอยู่ในอินเตอร์เน็ต’

ด้วยเหตุนี้ ปอนด์จึงจำเป็นต้องเปิดม่านไว้ตลอดเวลาทั้งๆที่รู้ว่ามีคนเฝ้ามองอยู่ ความเครียดกำลังกัดกินจิตใจ ตอนนอนรู้สึกหวาดระแวงจนสะดุ้งอยู่หลายครั้ง รู้สึกว่าห้องที่กำลังอาศัยอยู่ไม่ใช่ห้องของตัวเองเสียแล้ว เด็กหนุ่มจึงถ่วงเวลากลับบ้านเท่าที่จะทำได้ ซึ่งการนั่งอยู่ที่โต๊ะคณะ มีเพื่อนๆคอยคุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยเปื่อยก็ช่วยลดความเครียดได้ดีที เดียว

ต่อไปนี้เขาจะทำอย่างไรดี จะหาตัวการแล้วทำข้อตกลงดีมั้ยนะ เจ้านักถ้ำมองคนนี้อาจจะแค่ต้องการเงินก็ได้ หรือจะย้ายบ้านหนีดี ไม่สิ ถ้าย้ายบ้านหนีมีหวัง คลิปฉาวได้เข้าไปโลดแล่นในโลกไร้พรมแดนแน่ๆ จะทำยังไงดี จะทำยังไงดี

คิดไม่ตก สุดท้ายคณะก็ไม่เหลือใครนอกจากภารโรงที่คอยปิดประตูห้องเรียน ...ต้องกลับบ้านจนได้

ทันทีที่ร่างบางเปิดประตูเข้าห้อง เปิดไฟจนสว่าง โทรศัพท์เครื่องจิ๋วก็แผดเสียงขึ้นมาอีก มองดูเบอร์บนหน้าจอ ก็พบว่าเป็นเบอร์เดียวกับเมื่อวาน แรงฮึดหวังว่าจะเจรจาได้ ทำให้ใจกล้าบังคับนิ้วสั่นๆกดปุ่มรับสายไป

“คุณต้องการอะไร ถ้าเป็นเงินล่ะก็ เราตกลงกันได้นะ” กรอกเสียงลงไปอย่างที่คิดว่าละมุนละม่อมที่สุดแล้ว

“วันนี้กลับดึกเชียวนะ ไม่อยากอยู่ในห้องขนาดนี้เชียว?” เป็นการตอบที่ไม่ตรงคำถามเอาเสียเลย เด็กหนุ่มถามคำถามเดิมซ้ำอีกครั้ง

“ฉันไม่ได้ต้องการเงินหรอกน่า ว่าแต่ เดินมาที่หน้าต่างห้องนอนหน่อยสิ อย่าคิดเถียงล่ะ ตอนนี้ฉันกำจุดอ่อนเธอเอาไว้อยู่นะ” เหมือนจะรู้ทัน ปลายสายจึงเอ่ยดักทางเอาไว้ก่อน ปอนด์หมดทางเลือก จำต้องเดินไปที่หน้าต่างห้องนอนแต่โดยดี

ทันใดนั้นนัยน์ตาสีดำกระจ่างก็เบิกกว้างขึ้นอย่างแปลกใจ ด้านหน้าของกระจกหน้าต่างบานใหญ่ มีโซฟาที่เดิมเคยหลบอยู่ที่มุมห้องวางตั้งอยู่ในทิศทางที่ให้ผู้นั่งหันหน้า ออกชมวิวเมืองยามค่ำคืน ยิ่งกว่านั้น กลางเบาะเนื้อผ้าสักหลาดน่านั่งยังมีกล่องห่อของขวัญใบย่อมวางแน่นิ่งอยู่ เด็กหนุ่มมั่นใจว่าไม่ใช่หนึ่งในพี่สาวของเขาเป็นคนเข้ามาจัดแน่ๆ ...ตัวการน่ะหรือ ก็คนที่สั่งคำสั่งด้วยเสียงนุ่มๆผ่านโทรศัพท์อยู่นี่ไง

“เปิดกล่องสิ เป็นของขวัญจากฉันเอง” ด้วยความสงสัย โดยไม่ต้องให้สั่งซ้ำ เด็กหนุ่มหนีบโทรศัพท์ไว้ที่ซอกคอ สองมือเอื้อมไปแกะกล่องปริศนา

ข้างในมีกางเกงขาสั้นสีดำเพียงตัวเดียว แต่...

เป็นกางเกงขาสั้นมากถึงมากที่สุด ตัดจากวัสดุที่น่าจะเป็นหนังเนื้อนุ่ม

“ใส่ให้ดูหน่อยสิ อย่าคิดขัดขืนเชียว แล้วก็ไม่ต้องไปไหน ใส่อยู่ข้างโซฟานี่ล่ะ หรืออยากจะยืนใส่บนโซฟาก็ไม่ขัดศรัทธานะ” กล่าวพร้อมเสียงหัวเราะหึตบท้าย ร่างบางยังคงถือกางเกงเจ้าปัญหาค้างอย่างลำบากใจ หลังจากปลายสายเอ่ยคำสั่งย้ำอีก 2 ครั้งพร้อมข่มขู่กลายๆ เด็กหนุ่มจึงจำต้องถอดชุดนักศึกษาออก เปลี่ยนเป็นกางเกงที่คนลึกลับส่งมาให้ ตามที่กะเอาไว้ กางเกงนี้สั้นมากจริงๆด้วย สั้นจนเห็นแก้มก้นทีเดียว ปอนด์หน้าร้อนฉ่า มือข้างที่ไม่ได้ถือโทรศัพท์มือถือพยายามปิดด้านหน้ากางเกง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เอาล่ะ เขาจะสั่งให้ทำอะไรต่อดีนะ พลคิดอย่างสนุกสนาน มุมปากยกยิ้มอย่างพึงใจ เขาพอใจจะดูตั้งแต่เด็กหนุ่มเริ่มถอดเสื้อผ้าชุดเดิม จนกระทั่งอยู่ในชุดที่เกือบเป็นชุดวันเกิด

ร่างบางอยู่ในกางเกงตัวจิ๋วที่เขาเลือกให้ ต้องทึ่งในสายตาตัวเองที่กะขนาดได้เหมาะเจาะซะจริงๆขนาดนี้ กางเกงหนังขาสั้นสีดำ ขับผิวขาวให้ดูขาวราวกับจะเปล่งแสงได้ ใบหน้าหวานใสกระอักกระอ่วน มือเล็กข้างที่ไม่ได้ถือโทรศัพท์เอื้อมมาปิดด้านหน้ากางเกงราวกับมันจะช่วย บังอะไรได้

แค่เห็นก็ทนไม่ไหวแล้ว

แน่นอน สิ่งที่เขาจะสั่งต่อไปคงไม่พ้น...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

กิจวัตรประจำวันน่าอายเริ่มขึ้นมาได้ 2 สัปดาห์แล้ว โดยที่เขาไม่มีทางหลีกเลี่ยงขัดขืนได้เลย ระหว่างนั้นปอนด์ก็คอยสอดส่องไปทั่ว ถามที่อยู่จากเพื่อนผู้ชายที่พอจะรู้จัก แน่นอนว่าถามอย่างอ้อมๆ ซึ่งต้องเค้นสมองในการหลอกถามพอควร อีกทั้งเบอร์โทรศัพท์มือถือที่เป็นเบาะแส เขาก็พยายามแอบจิ๊กมือถือเพื่อนกดหาเบอร์นี้ เผื่อจะเป็นคนรู้จักของใครสักคน แต่ก็คว้าน้ำเหลวตลอด การหาข้ออ้างขอดูมือถือคนอื่นนี่มันช่างยากซะจริง โดยเฉพาะเขาที่เป็นผู้ชายยิ่งแล้วใหญ่ เขาคิดว่านักถ้ำมองคนนี้ควรจะเป็นคนที่อายุมากกว่าเขา ถ้าเดาจากการสนทนาล่ะก็นะ เมื่อเป็นคนที่อายุมากกว่าเขา ก็น่าจะเป็นคนที่อยู่ในมหาวิทยาลัยนี่ล่ะ เพราะเขาไม่รู้จักคนอายุมากกว่าที่อื่นนี่นา

เวลาที่คนเราทำอะไรติดๆกันทุกวัน ก็จะเกิดความเคยชินขึ้นมา ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ปอนด์กลับบ้านตรงเวลาพร้อมกำมือถือไว้ในมือ มองหากล่องของขวัญลึกลับริมหน้าต่าง ของขวัญที่เพิ่มขึ้นจนที่ซ่อนประจำชักจะไม่มีที่ว่างเหลือ เจ้านักถ้ำมองคนนี้รวยนักหรือไงนะ เอาเงินมาผลาญเล่นกับของพรรค์นี้

เด็กหนุ่มคิดโดยลืมตัวไปว่า ตนเองก็เคยเอาเงินไปผลาญกับ ‘ของพรรค์นี้’ เหมือนกัน

การกลับห้องที่เหมือนไม่ใช่ห้องของตัวเองอีกต่อไป ทำให้ไม่มีสมาธิจะอ่านหนังสือเตรียมสอบครั้งแรกในชีวิตนักศึกษา เด็กหนุ่มจึงแก้ปัญหาโดยการนั่งอ่านหนังสือที่ห้องสมุดคณะจนลำบากลุงภารโรง ต้องมาไล่ทุกวัน เมื่อกลับถึงห้องก็เป็นเวลามืดค่ำแล้ว ทุกๆวันก็จะได้รับโทรศัพท์จากนักถ้ำมองคนเดิม สั่งให้ทำในเรื่องน่าอายแบบเดิมๆ เสียงที่ทุ้มนุ่มถูกส่งมาตามสัญญาณโทรศัพท์ ปลุกเร้าอารมณ์วาบหวามได้อย่างมีประสิทธิภาพ

...น่าแปลก เขารู้สึกว่ามันตื่นเต้นเหลือเกิน เวลาที่รู้ว่ามีคนจ้องมองอยู่...

++++++++++++++++++++++++++++++++++
เรื่องนี้น่าจะบอกว่าโรคจิตพอกานทั้งคู่นะ  :laugh: :laugh: :laugh:

playCardPlaYBoy

  • บุคคลทั่วไป
Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
«ตอบ #8 เมื่อ05-04-2008 22:46:11 »

-5-
“ที่นี่ล่ะ รอเราเดี๋ยวนะปอนด์” เด็กหนุ่มพยักหน้า ยืนรอเพื่อนสาวร่วมคณะวิ่งขึ้นบันไดชั้นสองไป ร่างบางมองกวาดสำรวจสถานที่ไปพลางๆ

ตึกกิจกรรม เป็นตึกที่รวมชมรมต่างๆเข้าไว้ด้วยกัน เป็นสถานที่ที่นักศึกษาผู้อุทิศชีวิตให้กับการทำกิจกรรมมาชุมนุมสุมหัวกันใน เวลาที่ว่างเว้นจากการเรียน ดังนั้นบริเวณบันไดขึ้นตึกที่ปอนด์กำลังยืนรอเพื่อนสาวอยู่จึงมีคนมากหน้า หลายตา ต่างคณะ ต่างชั้นปี เดินเข้าออกพลุกพล่านลายตา

“พี่พล วันนี้เข้าชมรมด้วยเหรอคะ นุชมารอให้พี่แนะนำภาพตั้งหลายวันแล้ว โทรไปสายก็ไม่ว่างตลอด” เสียงแหลมจี๊ดบาดหูจนเลือดซิบวิ่งกระแทกโสตประสาทของเด็กหนุ่มจนต้องหันไปดู ต้นเสียง ชื่อคุ้นหูเรียกภาพคนที่อยู่ในใจตั้งแต่วันรับน้องให้ร่างบางปวดใจเล่น หันไปมองตัวเป็นๆก็เห็นหญิงสาวผมยาวตรงในชุดนักศึกษา กำลังวิ่งเขย่งก้าวกระโดดด้วยรองเท้าส้นสูงหัวเข็มสามนิ้ว เมื่อถึงจุดหมาย มือก็เกาะเกี่ยวแขนชายหนุ่มตัวสูงหุ่นนักกล้ามราวกับชะนีกำลังเกาะกิ่งไม้

... ไม่ๆ ...เหมือนสัมภเวสีเกาะต้นงิ้วดีกว่า

พี่พล ชายหนุ่มผู้อยู่ในใจปอนด์ตั้งแต่วันรับน้อง ด้วยความอายจึงไม่เคยคุยกันตรงๆเลย ยกเว้นตอนที่ถามชื่อเพื่อเขียนลงไปบนป้ายชื่อรับน้อง สายตาเข้มๆ ที่มองตอนนั้นทำเด็กหนุ่มใจสั่น ภาพในอดีตเมื่อสองเดือนที่แล้วผ่านเข้ามาในสมอง พี่พลที่คอยกันเขาให้เวลาที่รุ่นพี่ในกลุ่มรับน้องพยายามเข้ามาจับโน่นจับ นี่ พี่พลที่เดินวนเวียนสะพายกล้องถ่ายรูปคอยจับภาพน้องเฟรชชี่ในกลุ่ม คอยส่งน้ำให้หลังจากที่หัดบูมมหาลัยกันจนคอแห้งคอแหบ ทุกกิริยาผ่านการแอบชำเลืองด้วยหางตาจากเด็กหนุ่มขี้อาย

คิดๆไปก็พาลให้ใจเหี่ยวลงเรื่อยๆ พี่พลที่ไม่ได้รับรู้ไอสีชมพูที่แผ่จากตัวเด็กหนุ่มขี้อายส่งไปให้ไม่เว้น นาทีเลย คอยแต่จะเทคแคร์รุ่นน้องผู้หญิง ซึ่งด้วยความหล่อ สุภาพ ใจดี ทำให้คะแนนความนิยมในตัวชายหนุ่มพุ่งสูงเสียดฟ้า มีสาวๆแวะเข้ามาคุยไม่ขาดสาย ทำให้ปอนด์ต้องเก็บใจช้ำๆกลับไปรักษาเยียวยาอยู่นาน ก็เขาเป็นผู้ชายนี่ แถมเป็นผู้ชายที่ไม่กล้าพอจะเปิดเผยความต้องการของตนเองเสียด้วย

หากแต่ ...พยายามอย่างไรก็ไม่สามารถลืมเลือนชายหนุ่มผู้พิชิตจิตใจไปได้ ทุกครั้งที่เด็กหนุ่มปลอบใจตัวเอง จึงมักจะมีหน้าขาวๆเข้มๆผุดขึ้นมาร่วมแจมเสมอ

จากที่ได้บังเอิญ...โอเคๆ...แอบฟังผู้หญิงเมาท์กันเรื่องพี่ พล ยิ่งทำให้ความหวังที่มีอยู่ริบหรี่มอดสนิทไม่เหลือเชื้อไฟ เหมือนโยนขี้เถ้าใต้ตระแกรงลงกลางมหาสมุทรอย่างไรอย่างนั้น พี่พลเป็นเพล์บอยตัวยง เทคผู้หญิงไม่เลือกหน้า ยิ่งกว่านั้นดูเหมือนจะมีตัวจริงในดวงใจอยู่แล้ว ดูได้จากการที่ยังไม่เคยมีใครได้เข้าไปในห้องส่วนตัวของชายหนุ่มเลย ทั้งๆที่พี่พลอาศัยอยู่คนเดียว คอนโดที่อยู่ก็ไม่ห่างจากมหาวิทยาลัยเท่าไรนัก

แต่ที่แน่ๆ ไม่เคยมีข่าวซุบซิบเกี่ยวกับรสนิยมแปลกๆของชายหนุ่มเลย ทำให้พอจะคิดได้ว่า พี่พลไม่ได้มีรสนิยมชอบไม่ป่าเดียวกันแน่นอน

“พอดีพี่เปลี่ยนเบอร์ใหม่น่ะครับ เมสเซจบอกคนที่พี่มีเบอร์ไปแล้ว แต่พี่ไม่มีเบอร์น้องนุช ขอโทษทีนะ เอาเบอร์มาสิ เดี๋ยวยิงไปให้”

เสียงทุ้มนุ่มเข้าหูทำให้ปอนด์ตัวแข็งเป็นหิน ปลายนิ้วเย็นเฉียบทั้งๆที่เหงื่อเม็ดใหญ่กำลังผุดขึ้นที่ขมับ

เสียงนี้มัน...

ทันใดนั้นมือนุ่มที่ตกแต่งเล็บสีสรรสวยงามก็วางหมับลงที่บ่าเด็กหนุ่ม ความที่ไม่ทันตั้งตัวทำให้สะดุ้งจนตัวโยน

“เป็นอะไรไปน่ะ ปอนด์ เห็นเหม่อๆตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว เรียกก็ไม่ตอบ”

สติสตังค่อยกลับมาอยู่ที่ความเป็นจริง ศีรษะทุยๆส่ายเบาๆ “พอดีเราคิดอะไรนิดหน่อยนะ โทษที ตุ๊ก”

เด็กสาวก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรมากนัก มือที่ถือสมุดอยู่ยื่นให้ปอนด์ “เอ้า สมุดเล็คเชอร์ ขอโทษนะ ทั้งๆที่คิดว่าจะคืนตั้งแต่กลางวันแล้ว ดันมาลืมไว้ที่ห้องชมรมซะได้”

“ไม่เป็นไร งั้นเราไปก่อนนะ” ตอบส่งๆเพราะในใจมีเรื่องหมกมุ่นจองที่อยู่ ขาพาออกเดินอ้อมบันไดไปด้านหลังตึกโดยพยายามไม่ให้อยู่ในสายตาของชายหนุ่ม ในใจคิดซ้ำไปซ้ำมา

เสียงนี้ ???

เปลี่ยนเบอร์ใหม่ ???

คอนโดแถวมหา’ลัย ???

++++++++++++++++++++++++++++++++

playCardPlaYBoy

  • บุคคลทั่วไป
Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
«ตอบ #9 เมื่อ05-04-2008 22:48:03 »

-6-

 “เฮ้อ...” หลังจากนั่งให้หนังสืออ่านในห้องสมุดมานานสองนาน นอกจากสามประโยควนไปวนมาไร้คำตอบแล้ว ก็ไม่มีความรู้เข้าหัวอีกเลย ร่างบางถอนหายใจเหนื่อยหน่าย เก็บกระเป๋ากลับบ้านทั้งที่ภารโรงเจ้าเก่ายังไม่ทันได้มาไล่

เขาควรจะพิสูจน์ความจริงมั้ยนะ สิ่งที่สงสัยอยู่มันไม่น่าเชื่อ พี่พลน่ะหรือจะเป็นนักถ้ำมองโรคจิตอย่างนั้น พี่พลที่ทั้งสุภาพ ตรงไปตรงมา พี่พลที่เป็นสุภาพบุรุษ เทคแคร์หญิงสาวไม่เลือกหน้า พี่พลที่เป็นที่รักของเพื่อนๆทั้งหญิงและชาย

...แม้จะเป็นสิ่งที่แค่ฟังมาจากคนอื่นก็เถอะ

คิดหมกมุ่นโดยไม่รู้ตัว ขาก้าวพาร่างบางเดินผ่านตึกแล้วตึกเล่า มุ่งหน้าไปประตูมหาวิทยาลัยด้วยความเคยชิน

จู่ๆฟ้าก็ร้องลั่นสะเทือนสะท้าน กระชากปอนด์ออกจากโลกส่วนตัว ยังไม่ทันได้ตั้งสติดี หยดน้ำเม็ดเป้งก็ตกกระทบหน้าที่แหงนมองฟ้าจนรู้สึกเจ็บ ทั้งๆที่จะถึงทางออกอยู่แล้วเชียว คิดอย่างหัวเสียพร้อมวิ่งกลับเข้ามหาวิทยาลัยหาที่หลบฝน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เขากำลังหงุดหงิด

ต้องมาคอยแนะนำการถ่ายรูปให้น้องที่ชมรม น้องที่ไม่รู้จักมารยาทไม่รู้จักปล่อยเขาสักที อุตสาห์ทำท่าจะกลับตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ว จะวีนใส่ก็กลัวภาพพจน์ที่ก่อร่างมานานแสนนานจะแปดเปื้อนหมด กว่าจะเลิกชมรมได้ท้องฟ้าก็เริ่มมืดซะแล้ว ถ้ากลับไปไม่ทันต้อนรับเหยื่อใครจะรับผิดชอบเนี่ย!

คิดอย่างหัวเสีย ขาก็เหยียบคันเร่งโดยไม่สนใจว่าเป็นถนนในมหาวิทยาลัย ...ใครจะสนกัน ก็ในเมื่อเย็นขนาดนี้แล้ว ไอ้บ้าที่ไหนมันจะยังเดินระรานอยู่ในถนนมหาวิทยาลัยอีกเล่า แถมฝนตกหนักอย่างนี้อีก ...โชคดีที่เขาแอบติดตั้งกล้องสอดแนม ส่งสัญญาณตรงเข้าจอคอมพิวเตอร์ที่ห้องแล้วนะ ไม่งั้นวันนี้คงชวดเพราะโดนฝนบัง ส่องไม่เห็นแน่ๆ

กำลังเพ่งมองถนนเผื่อชนหมาอยู่ดีๆ เด็กหนุ่มรูปร่างคุ้นตาก็พลันวิ่งปาดหน้ารถยุโรปแรงม้าสูง สัญชาตญาณสั่งให้เหยียบเบรคสุดแรงเกิด ใจเต้นกระเด็นกระดอนแทบหลุดออกมานอกอก เขามั่นใจว่าไม่ได้ชนแน่ๆ แต่เด็กหนุ่มก็ลงไปนั่งแหมะอยู่ที่พื้นถนนโดยไม่กลัวเปื้อนแล้ว

“เป็นอะไรรึเปล่า” ให้ตาย สงสัยจะตกใจมากจริงๆ ร่างบางที่นั่งกลางถนนถึงได้หน้าซีดไร้สีเลือด ปากสั่นตัวสั่นอย่างนี้ จิตใจส่วนดีกระซิบบอกให้รีบสำรวจอาการบาดเจ็บ ช่วยเหลือเด็กหนุ่มขึ้นมาซักที แต่...

ปากแดงสั่นหอบนิดๆ ดวงตาสีราตรีเบิกกว้างแสดงความแตกตื่น ผมดำสนิทเปียกลู่ระวงหน้ารูปไข่ หน้าขาวใสตัดกับแบ็คกราวน์มืดๆของวันฝนตก เสื้อเชิ้ตขาวตัวโคร่งเปียกลู่แผ่นอกบอบบาง มองทะลุเห็นถึงสีเนื้อด้านใน ภาพเทวดาน้อยใกล้เหลือเกิน ใกล้กว่าที่เคยเห็นในกล้องส่องทางไกลนัก ใกล้ในระยะที่มือเอื้อมถึง อยากสัมผัสเหลือเกิน...

กลืนน้ำลายจนลูกกระเดือกเคลื่อนขึ้นลง พยายามหักห้ามใจอยู่นาน กว่าจะเปล่งเสียงออกไปได้

“น้องครับ น้องปอนด์” เรียกกระตุ้นจนเด็กหนุ่มค่อยได้สติ ใบหน้าขาวซีดหันกลับมามองต้นเสียง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ความตกใจที่เกือบถูกชนเทียบความตกใจที่ได้เจอพี่พลไม่ติด ความคิดตบตีกันวุ่นวายไปหมด เขาจะทำยังไงดี

เขาไม่ควรแสดงความแตกตื่นออกไป

เขาควรจะเก็บอาการระแวงเอาไว้

ใช่ ต้องไม่ให้เจ้าตัวรู้ว่ากำลังถูกสงสัยอยู่

“ไม่เป็นไรครับ” จริงๆน่ะเป็น เรื่องตกใจมันเกิดขึ้นเร็วเหลือเกิน บวกกับพายุที่พัดกระหน่ำ ลมพัดจนหนาวเสียดผิว ตัวยังสั่นไม่หาย ขาก็หมดเรี่ยวแรงจะพยุงตัวขึ้นยืน

พี่พลยังคงจับแขนจับขาของเขาอยู่ คลำหาอาการบาดเจ็บ เมื่อไม่พบจึงค่อยมีสีหน้าเบาใจ ท่าทางจะรู้ว่าเขายืนไม่ไหว แขนแกร่งจึงช้อนตัวขึ้นอุ้ม กลิ่นโคโลญจ์จากร่างสูงตีเข้าจมูกให้รู้สึกอยากสูดไว้แล้วแอบอัดเก็บใส่ กระป๋องกลับไปสูดต่อที่ห้องซะจริง แอบซุกอกแมนๆซักนิดนึงเจ้าตัวคงไม่รู้หรอกนะ ไม่นานขาแข็งๆอุดมด้วยกล้ามเนื้อก็พาสองชีวิตเดินมาถึงรถ หย่อนเขาลงข้างที่นั่งคนขับ ง่ายดายเหมือนไม่มีน้ำหนักตัว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“น้องชื่อปอนด์ใช่มั้ยครับ? พี่ว่าเราเคยอยู่กลุ่มรับน้องของพี่นะ” หลังจากพาไปตรวจร่างกายที่คลีนิคใกล้มหาวิทยาลัย โดนปีศาจในเสื้อกาวน์จิ้มทะลวงยาคลายเครียดไปหนึ่งเข็ม ปอนด์ก็มานั่งจุมปุ๊กอยู่ข้างที่นั่งคนขับ คนขับล่ำๆที่ร่ำๆอาสาพาเขาไปส่งบ้าน

ท่าทางเหมือนพี่พลจะจำเขาได้แค่คลับคล้ายคลับคลาเอง ร่างบางเหลือบตามองใบหน้าด้านข้าง ไรหนวดเขียวๆบนหน้าขาวๆ ปากเม้มสนิท ตาจ้องมองถนนเบื้องหน้า

แต่เสียงทุ้มนี่ยิ่งฟังก็ยิ่งเหมือน

ลองคุยดูเดี๋ยวก็รู้ พยักหน้าตอบคำถามไป เงียบไปซักพักก็เปิดปากคุย “ไม่น่าลำบากพี่เลยครับ ที่จริงฝนหยุดแล้ว ผมกลับบ้านเองก็ได้”

“ไม่ได้หรอก พี่เกือบชนเรา พี่ก็ต้องรับผิดชอบเอาไปส่งให้ถึงบ้านสิ แถมเพิ่งฉีดยาคลายเครียดไปไม่ใช่หรือ เดี๋ยวก็หลับคาแท๊กซี่ โดนเอาไปขายไม่รู้เรื่องหรอก” พูดปนหัวเราะ

“แต่ต้องเสียเวลาขับรถอีก ทั้งๆที่มืดขนาดนี้แล้ว กว่าพี่จะถึงบ้านก็คงดึก” เอ่ยอย่างเกรงใจ

“ฮื้อ ลำบากอะไร บ้านพี่อยู่ใกล้ๆเราเอง”

“...บ้านพี่อยู่ไหนหรือครับ”

+++++++++++++++++++++++++++++++

ซวย! วันนี้เป็นวันซวย! คิดในใจพลางเม้มปากคิดที่อยู่ใหม่แก้สถานการณ์

ก็ว่าเสียวๆตั้งแต่ไปคลีนิคแล้ว เสียงในมือถือกับเสียงจริงมันจะต่างกันซักแค่ไหนเชียว แถมท่าทางน้องปอนด์ก็แอบมองอยู่หลายครั้ง โดนสงสัยชัวร์

“จะว่าไปก็ไกลเหมือนกันล่ะนะ แต่ขับรถเอาครึ่งชั่วโมงก็ถึง บ้านพี่อยู่แถว...น่ะ” เอาบ้านพ่อก็ได้ฟะ

‘เคยได้ยินคนคุยกันว่าอยู่คอนโดไม่ใช่หรือ ชื่อที่พูดมามันบ้านจัดสรรนี่นา’ มันคงดูโจ่งแจ้งเกินไปถ้าจะถามคำถามนี้ออกมา ความสงสัยเลยถูกพักไว้ในใจของเด็กหนุ่ม

หลังจากตอบคำถามนั้น ในรถก็เงียบสนิท มีเพียงเสียงเครื่องยนต์ครางต่ำๆกับแอร์เบาๆแทรกระหว่างพวกเขาเท่านั้น ต่างคนต่างจมอยู่ในความคิดของตัวเอง จวบจนรถขับมาถึงคอนโดหรู เด็กหนุ่มค่อยเงยหน้าสบตาขอบคุณตามมารยาท

“ขอบคุณนะครับ พี่พล” รีบเร่งลงจากรถให้เร็วที่สุด แต่ยังไม่ทันเปิดประตู มืออุ่นใหญ่ก็เอื้อมมาคว้าแขนไว้ได้ก่อน ดวงตาที่มองตรงมาทำเด็กหนุ่มแทบจะโยนความหวาดระแวงทั้งหมดทิ้งลงพื้นกระทืบ ซ้ำให้จมดิน แล้วหันกลับมาเสนอตัวเสนอใจให้ชายหนุ่มแทน

“อาบน้ำสระผมแล้วรีบนอนนะครับ จะได้ไม่เป็นหวัด แล้วก็...” อุ้งมือหนาใหญ่ยกขึ้นขยี้หัวทุยอย่างถือสิทธิ์

“…ราตรีสวัสดิ์ครับ”

ปุ้ง!

ลูกโป่งที่บรรจุด้วยริบบิ้นหลากสีผสมกระดาษสะท้อนแสงชิ้น เล็กมากมายกำลังแตกพร่างพรูกระจาย เทวดาตัวน้อยน่ารักหลายตนร่วมใจกันเป่าทรัมเปตบรรเลงเพลงสู่สรวงสวรรค์ แขนเล็กๆคล้องตระกร้าใบจิ๋วโปรยดอกไม้อย่างร่าเริง...ทั้งหมดนี้เป็นภาพที่ ผุดขึ้นในศีรษะน้อยๆใต้อุ้งมือใหญ่อบอุ่น พยักหน้าตอบกลับไปเหมือนตุ๊กตาเสียกบาล ยังไม่ทันสรรหาคำชึ้งๆมาพูดตอบชายหนุ่ม เจ้าม้าแรงสูงก็ควบออกจากหน้าคอนโดไปซะแล้ว

หลังจากไขกุญแจเข้าห้องได้ อาบน้ำจนเสร็จอย่างที่ใครบางคนสั่งไว้ หัวก็เริ่มโงนเงน ยาคลายเครียดคงออกฤทธิ์เต็มที่แล้วล่ะมั้ง คิดพลางล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างมีความสุข ความตื่นเต้นที่เจอในวันนี้ทำให้ลืมกิจวัตรประจำวันจากนักถ้ำมองไปเสียสนิท

++++++++++++++++++++++++++++++++++

เขาจะทำยังไงต่อดีนะ จะถอยออกมาไม่ให้ร่างบางจับพิรุธได้มากกว่านี้ หรือจะเดินหน้าสู้ตายดี ...คิดอย่างกลุ้มใจทั้งๆที่ความรู้สึกมันตอบออกมาชัดแจ้งอยู่แล้ว

นี่เป็นโอกาสที่จะได้ทำความรู้จักเด็กหนุ่มมากขึ้นแล้ว เขาอยากสัมผัสตัวเป็นๆ เนื้อนุ่มๆหอมๆอย่างที่ได้ลิ้มลองสัมผัสเพียงชั่วครู่ในวันนี้ เขาไม่ต้องการแค่การได้ยินเสียงครางกระเส่า ปลุกเร้าอารมณ์วาบหวามผ่านโทรศัพท์ เขาอยากให้ริมผีปากแดงๆนั้นช้ำด้วยฝีมือของเขา อยากให้เสียงครางกระเส่าดังชัดเจนจากปากที่แนบชิดใบหูของเขา เขาไม่ต้องการแค่การได้เห็นภาพจากจอคอมพิวเตอร์อีกต่อไป เขาอยากจ้องลงไปในดวงตาดำกระจ่างเหมือนท้องฟ้าไร้ดาว อยากให้ดวงตาน่าหลงไหลนั้นจัองตอบกลับมาเพื่อสื่อภาษาใจ

...เขาต้องการปอนด์ทั้งตัวและหัวใจ…

แต่เขาจะทำได้หรือ การได้ตัวจริงเสียงจริงมาอยู๋ใกล้ๆมันก็ดีอยู่หรอก แต่งานอดิเรกของเขาล่ะ จะเลิกได้หรือ เขาคงไม่สามารถสารภาพความจริงกับเด็กหนุ่มได้ หากเขาเลือกจะอยู่เคียงข้างอย่างปกติชนแล้ว นักถ้ำมองโรคจิตคนนี้ก็ควรจะหายไปจากโลก เขาจะต้องเลิกงานอดิเรกนี้ซะ งานอดิเรกที่เคยทำจนเป็นนิสัยมาทุกเมื่อเชื่อวัน เป็นเวลาเกือบสามปี หากเขาจะเลิกไป ก็คงเหมือนคนที่ขาดอากาศหายใจ เหมือนปลาที่ไม่มีลำธารให้ว่ายแหวก ...เขาจะเลิกได้จริงๆหรือ?

เหมือนกำลังยืนอยู่หน้าทางสองแพร่ง ไม่รู้ว่าจะก้าวขาเดินไปในทิศทางใดดี

...คงต้องปล่อยให้สถานการณ์นำไป

มือใหญ่กดเปิดจอคอมพิวเตอร์ แสดงมุมต่างๆของห้องหรูในคอนโดตึกข้างๆ เลือกฉากที่สามารถเห็นเตียงนอนได้ชัดเจนแล้วขยายใหญ่ขึ้น จอแสดงภาพเด็กหนุ่มหน้าหวาน กำลังนอนขดซุกหาไออุ่นจากผ้านวมผืนใหญ่ แสงไฟสีส้มจากโคมไฟข้างเตียงนอนขับให้ผิวหน้าดูเนียนสวยน่าลูบไล้

ปากบางคลี่ยิ้มอ่อนโยน

วันนี้จะยอมให้นอนสบายซักคืนก็แล้วกัน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++
จะโพสไตรภาคแรกให้จบก่อนเลยนะคับ สาธุให้ผลบุญที่ไม่ทำให้คนอ่านรอ จงทำให้ผมอ่านหนังสือสอบเข้ากะบาลทั้งหมดเถอะ :a2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
« ตอบ #9 เมื่อ: 05-04-2008 22:48:03 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






playCardPlaYBoy

  • บุคคลทั่วไป
Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
«ตอบ #10 เมื่อ05-04-2008 22:48:48 »

-7-
เวลาประมาณสี่โมงเย็น เป็นเวลาที่นักศึกษาส่วนใหญ่เลิกเรียน หนุ่มสาวในชุดนักศึกษาพรูกันออกมาจากห้องเรียนแต่ละห้องจนลานกว้างอัดแน่นไป ด้วยผู้คน บ้างก็จับกลุ่มนัดกันทานอาหารเย็น บ้างก็แยกย้ายกลับบ้าน คนที่มีกิจกรรมชมรมต่างก็มุ่งหน้าไปสู่ตึกกิจกรรมที่อยู่ห่างจากคณะไปพอ สมควร

ปอนด์กำลังเดินอยู่กับตุ๊ก เพื่อนสาวที่สนิทกันได้เพราะการเข้าร่วมมหกรรมแบ่งจดเล็คเชอร์ ขนาดจดสองคนคนละหัวข้อ ยังจดทีมือเป็นระวิง ไม่รู้ว่าอาจารย์จะปิ้งสไลด์ให้เป็นภาพเคลื่อนไหวไปทำไม สงสัยสะใจเวลาเห็นเด็กสอบตก

ตุ๊กเป็นผู้หญิงที่จัดว่าสวยทีเดียว ลักษณะท่าทางเรียบร้อยน่ารัก ผมยาวตรงเลยไปถึงกลางหลัง ทรวดทรงองค์เอวดูไม่ขัดตา เสื้อนักศึกษาก็แต่พอดีตัวดูดี ไม่ได้ตัวเล็กเกินไปจนน่าเกลียด จึงมีหนุ่มๆเข้ามาจีบไม่น้อยเลย แต่เธอก็ยังไม่มีท่าทีสนใจใครเป็นพิเศษ ผู้ชายที่คบได้สนิทใจก็มีแค่ปอนด์คนเดียว ดังนั้นทุกๆวันหลังเลิกเรียน จึงเห็นภาพของเด็กหนุ่มร่างบางเดินคู่กับสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มคุยกันอย่าง สนุกสนาน จนเพื่อนๆเอาไปล้อว่า เห็นทีมือเล็คเชอร์ความหวังเพื่อนๆทั้งสองคน จะได้เป็นฝั่งเป็นฝากันซะแล้ว

ปอนด์มักจะเดินไปส่งเพื่อนสาวที่ตึกกิจกรรมเสมอ ตุ๊กเป็นคนชอบทำกิจกรรมมาก นี่คงเป็นเหตุผลหนึ่งที่สาวน้อยไม่คิดจะหาแฟนมาผูกมัดอิสระของตนเอง

กำลังคุยกันเรื่องรายงานได้ครึ่งๆกลางๆ เสียงแตรรถยนต์ก็ดังขึ้นสั้นๆด้านหลังเรียกความสนใจของสองหนุ่มสาวให้ต้อง หันไปมอง เสียงแตรที่ได้ยินถูกส่งมาจากรถยุโรปคุ้นตาเด็กหนุ่ม ...รถที่เขาทำเบาะเปียกซกจากการนั่งแช่แหมะอยู่กลางถนนแล้วค่อยถูกหย่อนลงไป นั่งได้ครึ่งก้นด้วยความเกรงใจ เพ่งจุดสนใจเข้าไปที่ที่นั่งคนขับ ก็พบคนที่ทำให้ใจเต้นกระหน่ำ กลิ่นโคโลญจ์ยังติดตรึงใจอยู่ไม่หาย

กระจกรถเลื่อนลงพร้อมกับหน้าหล่อๆไรหนวดเขียวจางๆยื่นมาทักทาย

“น้องปอนด์ น้องตุ๊ก สวัสดีครับ ขอโทษที่รบกวนนะ แต่พี่อยากยืมตัวปอนด์ไปด้วยกันหน่อยน่ะ” เขาไม่ส่งสัยว่าทำไมชายหนุ่มถึงรู้จักเพื่อนสาวของเขาได้ ก็จะไม่รู้จักได้อย่างไร ในเมื่อชมรมที่ตุ๊กอยู่ มันก็ชมรมหนังสือพิมพ์ที่มีพี่พลเป็นคอยชี้แนะน้องๆนี่นา

ยืนลังเลอยู่ซักพัก เสียงแตรจากรถคันหลังที่ต่อแถวในถนนเลนส์เดียวของมหาวิทยาลัยก็ดังถี่ๆ 2-3 ที เหมือนจะเตือนว่า เฮ้ จอดแช่ไว้อย่างนี้ไม่สวยครับ! เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจวิ่งอ้อมรถกระโดดขึ้นข้างที่นั่งคนขับ พลันนึกขึ้นมาได้ว่ายังคุยเรื่องรายงานไม่เสร็จดี กระจกจึงถูกเลื่อนลงพร้อมชะโงกตัวออกนอกรถที่เริ่มเคลื่อนตัวอย่างน่าหวาด เสียว มือโบกหยอยๆ ตะโกนบอกลา “ไปก่อนนะ โทษทีที่ไม่ได้กินข้าวด้วย แล้วคืนนี้จะโทรไปหา”

นัยน์ตาดำเข้มลอบมองทางกระจกหลัง เห็นสาวน้อยน่ารักหน้าตายิ้มแย้มกำลังโบกมือลาเพื่อนหนุ่ม หล่อนมองตามรถจนสุดสายตา เส้นเลือดข้างขมับเต้นตุ้บ อารมณ์หึงหวงก่อเกิด เทวดาตัวน้อยของเขาช่างเนื้อหอมซะจริง หญิงชายไม่เว้นหน้าต่างก็เข้ามารุมล้อมเหมือนฝูงผึ้งรอโอกาสจะดูดชิมน้ำหวาน จากดอกไม้ล้ำค่าที่ตกลงมาจากสวรรค์

ไม่ได้ เขาต้องสงบสติอารมณ์ให้ดี พี่พลในมุมมองของปอนด์ต้องเป็นหนุ่มสุภาพ ใจดี

ปอนด์เหลือบมองหน้าคนขับเล็กน้อย เอ่ยถามอย่างสงสัย ความระแวงในใจยังไม่หายไป ให้ตาย นึกว่าวันนี้จะได้หาหลักฐานพิสูจน์แล้วเชียว “พี่พลมีธุระอะไรกับผมเหรอครับ”

“พี่อยากเลี้ยงข้าวเราซักมื้อน่ะครับ เป็นการขอโทษที่ทำให้เราตกใจเมื่อวานนี้ไง”

“ที่จริงไม่เห็นต้องลำบากพี่เลยครับ เมื่อวานก็อุตส่าห์พาไปหาหมอ แล้วยังไปส่งถึงบ้านอีก ผมต่างหากต้องเป็นฝ่ายขอโทษที่ทำให้ยุ่งยาก”

“พี่ไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องยุ่งยากอะไรเลย เราไม่จำเป็นต้องขอโทษอะไรพี่หรอก เอาเป็นว่า มื้อนี้พี่อยากเลี้ยงน้องกลุ่มที่บังเอิญได้เจอกันอีกครั้งก็แล้วกัน โอเคมั้ยครับ” ตอบพลางหันมายิ้มให้อย่างอ่อนโยน

ปอนด์จะทำอะไรได้ นอกจากยอมพยักหน้าตกลง

++++++++++++++++++++++++++++++

“ขอบคุณที่เลี้ยงข้าวนะครับ แถมยังพามาส่งอีก ลำบากพี่จริงๆ ทั้งๆที่ร้านอาหารอยู่แถวๆบ้านพี่แท้ๆ” ตอบขอบคุณหลังจากที่รถยุโรปจอดเทียบอยู่ที่ด้านข้างประตูคอนโดแล้ว

“ทำไมแก่เกรงใจอย่างนี้นะเรา เอาอย่างนี้ ถ้าเกรงใจมากนัก ไว้วันหลังเราเลี้ยงข้าวพี่คืนซักมื้อก็ได้ นะครับ” ตอบอย่างเอ็นดูพร้อมเอื้อมมือไปขยี้หัวทุยๆเล่น

“แล้วก็ มันอาจจะแปลก แต่...” เด็กหนุ่มมองตรงเข้าไปในดวงตาสีเข้มที่บ่งบอกอารมณ์อย่างไม่ปิดบัง

“พี่ชอบน้องปอนด์นะ ชอบมาตั้งแต่วันแรกที่เจอแล้ว จะมาเป็นแฟนพี่ได้รึเปล่า คือ...มันอาจจะเร็วไปสำหรับน้อง แต่พี่จะรอคำตอบนะครับ” ร่างบางรู้สึกลำคอตีบตัน พูดอะไรไม่ออกขึ้นมาดื้อๆ มือเล็กเปิดประตูรถ ก้าวออกมายืนอย่างคนที่กำลังหลงอยู่ในโลกแห่งความคิดของตนเอง

“แล้วพี่จะแวะไปหาที่คณะก็แล้วกันครับ”

++++++++++++++++++++++++++++++++

พี่พลชอบเขา! ในใจกำลังร่ำร้องอย่างยินดี ชายหนุ่มใจตรงกับเขา!

แต่อีกใจที่ยังระแวงสงสัยอยู่แย้งขึ้นมา

พี่พลกำลังแกล้งเขาเล่นหรือเปล่า ถ้าพี่พลเป็นนักถ้ำมองคนนั้นล่ะ นักถ้ำมองที่รู้รสนิยมของเขาอยู่แล้ว มันไม่ยากเลยถ้าจะล่อให้เขาติดบ่วงเกมที่นักถ้ำมองคนนั้นกำลังเล่นอยู่

มันมีเรื่องสงสัยอยู่ไม่คลาย...จำเป็นจะต้องพิสูจน์หาความจริง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 

“ใกล้รึยังล่ะ เร่งให้เร็วกว่านี้สิ” เสียงทุ้มนุ่ม ชวนให้กระหวัดไปนึกถึงหน้าขาวๆ ใกล้ๆ ของชายหนุ่ม คำขอเป็นแฟนที่เพิ่งได้ยินเมื่อตอนเย็นยังสะท้อนก้องอยู่ในใจ อุ้งมือใหญ่อุ่นที่วางบนศีรษะขยี้อย่างมันมือ

“อาาาาา...” ความปรารถนาระเบิดพร่างพราย ร่างบางหงายศีรษะจนเกือบจะชนกับพนักโซฟาที่นั่งอยู่ โซฟาที่ตั้งอยู่หน้ากระจกหน้าต่างดังเช่นวันที่มันเพิ่งถูกย้ายมา ด้านหน้าหันหาหน้าต่างบานใหญ่ราวต้องการให้ผู้นั่งได้ชมทิวทัศน์ยามราตรีของ เมืองที่เทบจะไม่หลับไหล หากความจริงแล้วสิ่งที่ถูกชมอยู่ก็คือร่างขาวที่นั่งอยู่บนมันนั่นล่ะ เด็กหนุ่มกำลังนั่งเอนๆอยู่ ขาข้างหนึ่งถูกยกขึ้นมาวางบนพนักวางมืออย่างหมิ่นเหม่ ในขณะที่อีกข้างยังจิกเกร็งพื้นพรมนุ่มด้านล่างจากอารมณ์ที่ยังค้างคาอยู่ ...ท่าทางที่ทำให้ผู้ได้ชมต้องเร่งลมหายใจหนักหน่วงเก็บกักอารมณ์ที่เจียนจะ ระเบิดออกมาเต็มที

ปอนด์ได้ยินเสียงหอบหายใจของตัวเองประสานกับเสียงหอบหนักๆ ของอีกฝ่าย คนคนนั้นกำลังมองดูเขาอยู่...เหมือนเชื้อไฟมอดๆที่ถูกน้ำมันราดลงไปให้โหม กระพือขึ้นมาอีก ร่างกายที่ยังไม่ทันหายเหนื่อยกลับร้อนผ่าว ขนอ่อนที่คอลุกชันขึ้นมา พร้อมกับความปรารถนาที่เริ่มต้นอีกครั้ง

“อยากทำอีกรอบงั้นหรือ” ยังไม่ทันที่เสียงทุ้มนุ่มปนหอบจะนำทาง มือขวาที่เลอะสัมผัสเหนียวเหนอะก็เริ่มทำหน้าที่อีกครั้ง ร่างกายที่เพิ่งปลดปล่อยยังไวสัมผัสจึงใช้เวลาเพียงครึ่งของปกติในการไปถึง จุดหมาย ร่างบางหอบหายใจหนักกว่าเดิม รู้สึกเหนื่อยจนสติแทบหลุดลอยออกจากร่างกาย

“หึ เด็กไม่ดี” เสียงตำหนิไม่จริงจังนักดังเข้าสติเลือนๆ ก่อนจะวูบไป พร้อมๆกับเจ้าของเสียงทุ้มที่ไต่ระดับขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุดแห่งความหฤหรรษ์

++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“คุณจะทำอย่างนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่ครับ” หลังจากรู้สึกตัว ร่างบางก็เริ่มเปิดประเด็น น้ำเสียงออกจะกล้าๆกลัวๆอยู่

“ทำไมล่ะ ไม่พอใจอะไร เมื่อกี้นี้เธอก็มีออกจะอารมณ์ร่วมอยู่นี่”

“ผมไม่ได้ต้องการให้มันเป็นอย่างนี้สักหน่อย ผมไม่ได้ต้องการทำท่าน่าอายให้ใครก็ไม่รู้นั่งดูทุกวี่ทุกวันนะ ผมอยากได้ชีวิตส่วนตัวกลับมาอย่างที่มันเคยเป็น” น้ำเสียงเคร่งเครียดถูกส่งออกจากโทรศัพท์มือถือในอุ้งมือหนา จอภาพแสดงหน้าตาไม่มีทางออกของเด็กหนุ่มไร้ทางสู้

“ผมทนไม่ได้ ถ้าจะต้องคอยปิดบังเรื่องน่ารังเกียจอย่างนี้กับคนที่ผม...รัก ถ้าเธอรู้ว่า...ผมสกปรกขนาดนี้ เธอจะต้องรังเกียจผมแน่ๆ …ผมขอร้องล่ะครับ”

‘เธอ?’

...ไม่ใช่ ‘เขา’ ?

เสียงที่เคยทุ้มนุ่ม กลับกลายเป็นเสียงเค้นลอดไรฟัน “เธอเป็นของฉัน ฉันเป็นคนเดียวในโลกนี้ที่รับเรื่องสกปรกน่ารังเกียจของเธอได้ ฉันเป็นคนเดียวที่รู้เบื้องหลังที่ถูกหลบซ่อนไว้ของเธอ อย่าคิดจะมีคนอื่นเชียว แล้วก็...ลองพาใครเข้ามาในห้องนี้สิ ฉันจะทำให้เธอเสียใจจนเจียนตายเลย”

++++++++++++++++++++++++++++++++++

ใครก็ไม่รู้กำลังจะขโมยเทวดาตัวน้อยของเขาไป ไม่ ...เขาไม่มีวันยอม เด็กคนนั้นเป็นของเขา! เป็นของเขามาตั้งนานแล้ว มีเขาเพียงคนเดียวที่ได้เห็นหน้ายามนอนหลับอย่างสงบใต้แสงส้มนวลของโคมไฟ ข้างเตียง เขาคนเดียวที่ได้เห็นเรื่องน่าอับอายของเด็กหนุ่ม เขาเท่านั้นที่สู้เสียเวลาอดกลั้น ฝึกฝนจนเด็กน้อยเริ่มมีเดียงสา ทั้งๆที่จะใจเย็นรอคำตอบไปเรื่อยๆได้แล้วเชียว

ทั้งๆที่ปอนด์น่าจะตอบตกลงเป็นแฟนกับเขาแท้ๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ Tetjinen

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
«ตอบ #11 เมื่อ05-04-2008 22:48:57 »

สนุกดีครับ  o2

playCardPlaYBoy

  • บุคคลทั่วไป
Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
«ตอบ #12 เมื่อ05-04-2008 22:50:03 »

หลังจากวันที่ชายหนุ่มพาไปทานอาหารได้สองวัน

เสียงกริ่งหน้าประตูห้องดังขึ้นเป็นครั้งที่สอง เหลือบมองนาฬิกา เข็มชี้ที่เวลาบ่ายสามโมงครึ่ง ร่างบางในชุดนอนกางเกงขายาวจึงค่อยยอมสะบัดผ้านวมลุกขึ้นจากเตียง หยีตามองตาแมวเห็นพี่พลในชุดนักศึกษาสบายๆ กำลังยืนหล่อรอประตูเปิด

“สวัสดีครับ พี่พล มีอะไรรึเปล่า?” เปิดประตูพลางทักทายออกไปด้วยเสียงล้าๆ

“พอดีผ่านมาเลยแวะมาหาน่ะครับ จะโทรมาบอกก่อนก็ไม่มีเบอร์ แต่คิดว่าน่าจะกลับจากมหาลัยแล้ว เลยลองเสี่ยงมาดู... ไม่คิดมาก่อนว่าจะเจอน้องปอนด์ไม่สบายอยู่อย่างนี้ เป็นยังไงบ้าง กินอะไรรึยัง แล้วยาล่ะ มีสำรองไว้รึเปล่าครับ” ถามรัวเหมือนไม่ต้องการคำตอบ หลังมือใหญ่ยกขึ้นแนบหน้าผากพลางถอนใจโล่งอก ท่าทางไข้จะไม่สูง

“ผมเพิ่งตื่นน่ะครับ ยังเพลียๆอยู่ ไม่ค่อยมีแรงเท่าไหร่ แต่เดี๋ยวก็คงดีขึ้น” ตอบพลางหลีกทางให้ร่างสูงก้าวเข้ามาในห้อง

จะดีขึ้นได้ยังไง ตั้งแต่เช้ายังไม่มีทั้งอาหารทั้งยาตกถึงท้องเลยนี่นา ชายหนุ่มคิดในใจ จะหลอกใครก็หลอกไปเถอะ หลอกเขาได้ที่ไหน ก็วีดีโอมันฟ้องอยู่ทนโท่ ภาพที่ร่างบางนอนแบ่บอยู่บนเตียงทั้งวันทำให้รู้สึกเป็นห่วงจับใจ ดีนะที่วันนี้เลิกเรียนเร็ว ไม่งั้นปอนด์คงอาการหนักขึ้นกว่านี้แน่ๆ

หลังจากกลับจากมหาวิทยาลัย ภาพบนจอคอมพิวเตอร์ก็ทำให้ชายหนุ่มแปลกใจ แรกเริ่มเดิมทีนึกสงสัยว่าทำไมปอนด์ถึงได้กลับห้องมานอนเร็วนัก พอย้อนเทปวีดีโอก็ได้คำตอบ เด็กหนุ่มไม่ได้กลับเร็ว ที่ถูกต้องคือไม่ได้ไปเรียนต่างหาก แถมทั้งวันนอกจากลุกไปเข้าห้องน้ำแล้วก็ไม่คิดจะลุกไปหาหยูกหายากินเลย แสดงว่าอาการน่าจะหนักทีเดียว คิดได้ก็รีบขับรถไปซุปเปอร์มาเก็ตที่ใกล้ที่สุด หาซื้อข้าวต้มสำเร็จรูปที่พอจะทำเป็น กับยาเม็ดลดไข้ จำนวนหนึ่งแล้วรีบบึ่งตรงมายังห้องเด็กหนุ่ม

“พี่จะทำข้าวต้มให้นะครับ แล้วค่อยกินยา น้องปอนด์ไปนอนรอก่อนเถอะ” ยึดครัวได้ก็ไล่ร่างบางเข้าห้องนอนไป สองมือค้นเครื่องครัว เตรียมห่อต้มข้าวต้มสำเร็จรูป อ่านวิธีทำด้านหลังซอง แล้วก็ลงมือทำอย่างทะมัดทะแมง

ผ่านไปเกือบสิบนาที ข้าวต้มหมูร้อนๆหอมๆในชามกระเบื้องขาวก็ถูกยกเสิร์ฟถึงเตียงคนป่วย

“ทานให้หมดชามนะครับ แล้วค่อยกินยา” ดวงตาดำกระจ่างมองสังเกตถาดที่วางชามข้าวต้มน่าทานไว้ ข้างๆกันมีถ้วยใบเล็กใส่ยาไว้สองเม็ด

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

พิรุธเห็นๆ ขึ้นมาถูกห้องได้ยังไง เขาไม่เคยบอกเบอร์ห้องให้ชายหนุ่มรู้ รปภ.ข้างล่างไม่มีทางบอกเบอร์ห้องของเขาแน่ ตอนทำอาหารก็เหมือนรู้ตำแหน่งที่วางของ แล้วยังอาหารกับยาที่เตรียมมาครบเซ็ตอีกล่ะ แค่มาเยี่ยมคนที่ไม่ได้คิดว่าจะป่วยไม่เห็นต้องเตรียมมาขนาดนี้เลยนี่นา เหมือนกับรู้อยู่เล้วว่าเขากำลังป่วย ไม่มียากิน แล้วก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยอย่างนั้นแหละ

ข้อทดสอบแรกทำให้มั่นใจมากกว่าเก่า คุ้มค่ากับที่ยอมโดดเรียน อดข้าวมาครึ่งค่อนวัน

ปักใจไปเกือบเต็มร้อย มีหลักฐานอีกนิดก็มัดตัวดิ้นไม่หลุดแล้ว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“ปอนด์ วันนี้ว่างรึเปล่า ช่วยอะไรเราหน่อยสิ” ตุ๊กพูดขึ้นมาระหว่างนั่งทานข้าวเย็นกับปอนด์ที่โรงอาหารรวมมหาวิทยาลัย ฝนที่ตั้งเค้าจะตกมาตั้งแต่บ่ายๆทำให้คนในโรงอาหารมีไม่มากนัก อากาศร้อนชื้นทำให้รู้สึกตัวเหนียวไปหมด

“ได้สิ มีอะไรล่ะ” เขาไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว ไหนๆวันนี้ตัวก็เหนียวเหนอะหนะ บรรยากาศก็อึมครึม จะให้นั่งอ่านหนังสือต่อก็คงไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่ ครั้นจะกลับบ้านก็ยังไม่อยากกลับ

“ก็ไม่มีอะไรมากหรอกจ้ะ เราอยากให้ปอนด์ช่วยเราคัดเอกสารในห้องชมรมไปทิ้งหน่อยน่ะ พอดีเอกสารใบสมัครมันเก็บรวมมาหลายปีแล้ว ชักมากจนไม่มีที่เก็บแล้วน่ะ ฝุ่นในห้องมันเลยเยอะชะมัด ทำความสะอาดก็ยาก ช่วงนี้มันใกล้สอบแล้วด้วยสมาชิกเลยไม่ค่อยมากันน่ะ ไม่รู้จะให้ใครช่วยจริงๆ เอาเป็นว่าเดี๋ยวทำเสร็จแล้วเราจะเลี้ยงไอติมตอบแทนแล้วกันนะจ๊ะ” สาวน้อยยิ้มจนตาหยี ในที่สุดก็มีคนช่วยแล้ว

“อือฮึ ...ใบสมัครเก่าๆหรือ” ปากแดงฉ่ำยิ้มน้อยๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++
 

“อันนี้เป็นของสองปีที่แล้ว ทิ้งทั้งกองเลยนะปอนด์” ร่างบางใช้เชือกฟางมัดกองกระดาษ แยกไว้ในส่วนเอกสารไม่ใช้แล้วตามที่เด็กสาวบอก มือพลิกกองกระดาษหาชื่อของชายหนุ่มในใบสมัคร ...ตอนนั้นควรจะอยู่ปี 1 สินะ

ทศพล ...พศพล ...ทศพล

“เจอแล้ว” ด้วยความดีใจ จึงเผลอพูดออกมา ถึงจะไม่ดังนัก แต่ก็พอได้ยินผ่านเสียงฝนเปาะแปะนอกอาคาร

“อะไรเหรอ” ตุ๊กหันมาถามอย่างสงสัย ทำเอาร่างบางสะดุ้ง รีบปิดกองกระดาษโดยยังไม่ลืมแอบใช้นิ้วคั่นไว้

“ไม่มีอะไรหรอก ร้องเพลงนิดหน่อยน่ะ” ว่าแล้วก็ทำท่าผูกเชือกฟางต่อไป ตุ๊กก็ไม่ได้ติดใจอะไร หันหน้ากลับแยกย้ายทำงานของตัวเองต่อ ร่างบางค่อยได้โอกาส ดึงกระดาษเก่าจนเหลืองออกมาจากกองแล้วพับใส่กระเป๋าเสื้อไว้ ทั้งๆที่อยากจะนั่งอ่านมันตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็กลัวเพื่อนสาวจะสงสัย ...ชิ

“พี่พล” เสียงของสาวน้อยทำเอาร่างบางสะดุ้งโหยงอีกครั้ง รีบหันกลับไปดูประตูทางเข้าห้องชมรม ...ก็ไม่มีใครนี่หว่า

“…ปอนด์รู้จักด้วยเหรอ” ปอนด์ถอนหายใจอย่างโล่งอก เฮ้อ หัวใจจะวาย

“เขาเป็นพี่บ้านตอนรับน้องกลุ่มเราน่ะ วันก่อนบังเอิญเห็นเราเดินอยู่ เลยพาไปเลี้ยงข้าว”

“สนิทกันเหรอ” ปอนด์เอี้ยวคอหันกลับไปมองหน้าตุ๊ก หน้าของเธอเรียบเฉยไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ ทำให้พอเดาได้ว่าเด็กสาวแค่ชวนคุยไปตามเรื่อง

“ก็ประมาณนั้น” ไม่อยากบอกว่าตอนรับน้องได้คุยกันแค่ประโยคเดียว ...เดี๋ยวจะต้องอธิบายอีกยาวเหยียด

“ไม่รู้พี่เค้าเป็นอะไร เราเจอพี่เค้าเมื่อเช้า ก็ทักไปตามปกติแหละ แต่พี่พลไม่มองหน้า ไม่คุยกับเราเลย ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่า ...เหมือนเค้าไม่ชอบหน้าเราน่ะ”

“คิดมากไปเองล่ะมั้ง พี่พลคงเครียดๆน่ะ ใกล้สอบแล้วนี่ คณะพี่เค้าก็เรียนยากซะด้วย เราว่าหลังสอบก็คงจะกลับมาเป็นพี่พลคนดีของน้องตุ๊กเองแหละ” กล่าวแซวไปตามเรื่อง แต่ในใจรู้สึกโหวงๆ ถ้าคาดไม่ผิด เขานั่นแหละเป็นต้นเหตุ

‘ผมทนไม่ได้ ถ้าจะต้องคอยปิดบังเรื่องน่ารังเกียจอย่างนี้กับคนที่ผม...รัก ถ้าเธอรู้ว่า...ผมสกปรกขนาดนี้ เธอจะต้องรังเกียจผมแน่ๆ …ผมขอร้องล่ะครับ’ เดาไม่ผิดก็ประโยคนี้แหละ ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าจะได้หลักฐานชิ้นงามอย่างนี้นี่นา ก็เลยเหวี่ยงแหหาพิรุธไปทั่ว

...ขอโทษนะเพื่อน แล้วจะเลี้ยงไอติมละกัน

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

หลังจากไปทานไอศครีมกับเด็กสาวแล้ว ฟ้าก็เริ่มมืด ฝนยังตกเปาะแปะอยู่ ปอนด์จึงตัดสินใจนั่งรถแท็กซี่กลับคอนโด ทันทีที่ขึ้นรถได้ มือบางก็ทำตามใจสั่งทันที กระดาษเหลืองกรอบขนาดเอสี่ถูกคลี่ออกมา ปากบางยิ้มนิดๆยามมองรูปถ่ายของพลตอนปีหนึ่ง ตอนนั้นชายหนุ่มยังดูเป็นเด็กหนุ่มที่ยังไม่โตเต็มที่อยู่เลย ทรงผมตัดแบบรองทรงตามระเบียบของเด็กมัธยมปลายเด๊ะ ดวงตาใสๆไม่รู้เรื่องโลกภายนอก เทียบกับตอนนี้ ดวงตาของชายหนุ่มบ่งบอกความคิดที่ลึกซึ้งของผู้ชายที่กำลังจะเรียนจบพร้อม ออกไปต่อสู้กับโลกภายนอกแล้วมากกว่า

นัยน์ตาสีนิลใต้แพขนตายาวไล่มองประวัติตั้งแต่ชื่อ วันเกิด ที่อยู่...คอนโดข้างๆเขา ห้อง 2418 เบอร์โทรศัพท์คุ้นตา ...เบอร์ที่โทรมาหาทุกวัน

ตอนนี้เขาแน่ใจแล้ว

พี่พลกับนักถ้ำมองคนนั้นเป็นคนเดียวกันร้อยเปอร์เซ็นต์

ใจหนึ่งก็รู้สึกโมโห ...คนที่ทำตัวเป็นคนโรคจิต คอยถ้ำมองเขาอยู่มานานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ริดรอนเสรีภาพส่วนบุคคล คอยแต่สั่งให้ทำเรื่องน่าอับอาย ข่มขู่แบล็คเมล์เขา ทำเอาเขาเสียสุขภาพจิต ประสาทกินไม่เป็นอันทำอะไรไปพักใหญ่ๆ

แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกดีใจ อย่างน้อยเขาก็อยู่ในสายตาของชายหนุ่ม คนที่เขาหลงรักตั้งแต่แรกเจอ คนที่ขอเขาเป็นแฟน คนที่อุตสาห์มาทำข้าวต้ม เอายามาให้เมื่อรู้ว่าเขาป่วย ความหวังที่เคยมอดดับไปถูกจุดประกายขึ้นมาใหม่อย่างที่ไม่คิดว่าจะดับลงได้ อีกต่อไป

แต่เขาจะทำยังไงดีล่ะ จะให้เดินเข้าไปบอกว่า พี่ครับ เลิกถ้ำมองผมเถอะ อยากมองก็มามองกันใกล้ๆเลยดีกว่า อย่างนี้น่ะเหรอ เขาทำไม่ได้หรอก

เขายังไม่อยากยกโทษให้กับพฤติกรรมจาบจ้วงที่โดนกระทำมานานเป็นเดือนหรอก ...ของอย่างนี้มันต้องเอาคืนบ้าง

ส่วนเรื่องที่บอกว่าชอบเขา มันจะเป็นเรื่องจริงหรือชายหนุ่มต้องการแกล้งเขาเล่นก็ตาม เขาจะได้รู้ในไม่ช้านี้แล้ว

การพนันครั้งนี้ เขาจะเป็นเจ้ามือเอง

++++++++++++++++++++++++++++++++++

playCardPlaYBoy

  • บุคคลทั่วไป
Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
«ตอบ #13 เมื่อ05-04-2008 22:51:39 »

“ขอโทษนะ ตุ๊ก วันนี้เราติดธุระน่ะ คงไปกินข้าวด้วยไม่ได้”

หลังลาเพื่อนสาวได้ก็ออกเดิน ไปตามถนนมหาวิทยาลัย มุ่งหน้าไปยังคณะที่ชายหนุ่มเรียนอยู่ จะเจอหรือเปล่าเขาก็ไม่รู้ ได้แต่หวังให้ชายหนุ่มบังเอิญเลิกเรียนเวลาเดียวกัน

“น้องปอนด์ครับ” ท่าทางจะไม่ต้องเสียแรงเฉียดไปถึงรั้วคณะแล้ว บังเอิญซะจริง หันไปตามเสียงทักไกลๆด้านหลังก็เห็นชายหนุ่มกำลังเดินเร็วๆข้ามทางแยกมาหา เขา

มาถึงไม่พูดพร่ำทำเพลง คว้าข้อมือหมับพร้อมลากออกเดิน “วันนี้ว่างแล้วใช่มั้ยครับ ไปทานข้าวกับพี่ก่อนได้มั้ย แล้วเดี๋ยวพาไปส่งบ้าน ใกล้สอบแล้วด้วยนี่ เอาเป็นว่าเดี๋ยวพี่ติววิชาคำนวณตอบแทนแล้วกันนะ จะได้ไม่โทษพี่ว่ากินเวลาอ่านหนังสือไง” พูดจบก็หันกลับมาโปรยยิ้มพิชิตใจปอนด์ที่เร่งฝีเท้าเดินตามต้อยๆ ให้ใจหวิวเล่น

ดีเลย เขาก็มีเรื่องอยากคุยอยู่เหมือนกัน

...เรื่องสำคัญซะด้วย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“เป็นอะไรรึเปล่าครับ น้องปอนด์ ทำไมวันนี้ดูซึมๆ ยังไม่หายป่วยดีเหรอ พี่ฝืนพาเรามารึเปล่า” หลังทานอาหารกับบทสนทนาสัพเพเหระแบบที่ชายหนุ่มถามสิบคำเด็กหนุ่มพึมพำตอบคำ จบลง พลก็หมดความอดทน

ไม่มีคำตอบจากปอนด์ที่นั่งก้มหน้าดูจานอาหารราวกับไม่เคยเห็นมาก่อน ริมฝีปากแดงเม้มแน่น ท่าทางเหมือนคนอมทุกข์เหลือเกิน

“หรือเรื่องที่พี่บอกชอบเรา วันก่อน ...พี่ทำให้น้องปอนด์หนักใจรึเปล่าครับ พี่ไม่ได้คิดจะบังคับนะ ถ้าเราไม่พร้อม พี่ก็รอได้ หรือถ้า...ไม่ชอบพี่จริงๆ พี่ยอมเป็นแค่พี่ชายก็ได้ อย่าทำท่าห่างเหินอย่างนี้สิครับ พี่เห็นแล้วไม่สบายใจ”

หัวใจร่างบางกระตุกวูบ ชายหนุ่มหยอดคำได้เก่งจริงๆ มิน่าล่ะสาวๆถึงได้ปลาบปลื้มกันนัก ถ้าหากไม่รู้มาก่อนว่าพี่พลเป็นนักถ้ำมองคนนั้นล่ะก็ ปอนด์คงจะหลงเชื่อหลงซาบซึ้งถึงความจริงใจโดยไม่มีข้อกังขาใดๆ

แต่ ตอนนี้เขาจะหลงไปกับคำหวานนี้ไม่ได้ ก้าวแรกของแผนการกำลังจะเริ่ม เขาจะทำให้มันพังทั้งที่ยังไม่ทันได้ลงมือเพียงเพราะมัวแต่ซาบซึ้งกับคำพูด ของชายหนุ่มไม่ได้

“ผม ชอบผู้หญิงอยู่คนนึงครับ” เปิดปากพูดออกมาอย่างเนือยๆ จุดรวมสายตายังอยู่ที่จานข้าวเหมือนเดิม ไม่มีทางได้เห็นหมัดของชายหนุ่มที่กำแน่นจนขึ้นเส้นเลือดอยู่ใต้โต๊ะทันที่ ประโยคแรกถูกกล่าวออกมา

“แต่ ...เธอรังเกียจผม ผม...มันสกปรก ผมทำเรื่องน่ารังเกียจ เธอยอมรับผมที่เป็นอย่างนี้ไม่ได้” พูดเสียงสั่นเครือ ไหล่บางตกลู่

“เรื่องที่น้องปอนด์ทำมันแย่ ขนาดทำให้คนคนหนึ่งต้องทำร้ายจิตใจน้องปอนด์เชียวเหรอ” ในใจกำลังลิงโลดทั้งๆที่คนตรงหน้ากำลังจมดิ่งในห้วงอารมณ์โศกสลด ...’เธอ’ ที่น้องปอนด์ชอบ จะเป็นใครก็ช่าง อย่างน้อยตอนนี้ คนคนนั้นก็หายไปจากชีวิตเด็กหนุ่มโดยที่เขาไม่ต้องลงมือเองแล้ว

“ผม...” เงียบไปนานเหมือนจะตัดสินใจว่าจะพูดดีหรือไม่ ฝ่ายนั่งฟังก็เฝ้ารออย่างใจเย็น

“ผม... ผม...” เสียงที่เปล่งออกมาเบาเหมือนพึมพำอยู่กับตัวเองมากกว่าจะพูดให้ชายหนุ่มได้ฟัง

“ผมทำเรื่องน่าอายให้ใครก็ ไม่รู้ดู ...ผม...ช่วยตัวเองให้เขาดู ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว ...มันเริ่มมาเกือบเดือนแล้ว เขาเป็นใครก็ไม่รู้ ผมไม่รู้จักเขา เขาแอบมองผมจากคอนโดข้างๆมานานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ จนกระทั่ง...เขาโทรมาหาผม เขาสั่งให้เปิดม่านไว้ สั่งให้ทำให้เขาดูทุกๆวัน ผมไม่รู้จะทำยังไงดี เขาอัดวีดีโอไว้ ขู่ว่าถ้าไม่ทำตามจะเอาไปโพสท์ในอินเตอร์เน็ต ผมทำทั้งๆที่ไม่เต็มใจทำ ผมกลัวเขา กลัวว่าเขาจะทำตามที่ขู่ไว้ กลัวคนอื่นที่รู้จักผมจะรู้ความจริง ผม...” พอพูดออกมาได้หนึ่งประโยค ที่เหลือก็พร่างพรูออกมาหมด เสียงที่เหมือนกับพึมพำกับตัวเองก็ค่อยดังขึ้น เหมือนได้ระบายสิ่งที่เก็บเงียบในใจมานานให้คนอื่นได้รู้ ร่างบางเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีดำรื้นน้ำภายใต้ขนตาหนาเพิ่งสบตาดำเข้มเป็นครั้งแรกของวัน

“พี่...พี่พลคงจะรังเกียจผม ผมมันสกปรก ไร้ทางสู้ ...พี่คงจะรังเกียจผมเหมือนกับที่...เธอ...รังเกียจผม” หยดน้ำไหลจากหางตา กลิ้งไปตามผิวโค้งของวงแก้มจนเห็นเป็นทาง บีบคั้นจิตใจของพลเหลือเกิน เขาเองที่เป็นคนทำ! เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าสิ่งที่เขาทำมันบีบคั้นปอนด์ถึงเพียงนี้ สิ่งที่ร่างบางเคยขอร้องเขาเป็นสิ่งที่ออกมาจากใจจริงๆ แต่เขากลับไม่สนใจจะฟัง เขาทำร้ายคนที่เขาชอบซะแล้ว แต่จะให้ทำอย่างไรล่ะ เขาจะบอกได้หรือ ว่าเขาเองที่เป็นคนแอบมองเด็กหนุ่ม เป็นคนสั่งให้ทำเรื่องอย่างนี้ เขาบอกไม่ได้ ปอนด์ไว้ใจเขาขนาดยอมบอกความลับอย่างนี้แล้ว เขาจะทำลายความเชื่อใจของเด็กหนุ่มได้เชียวหรือ

เขามีความหวังจะได้เด็กหนุ่มมาอยู่เคียงข้างทั้งตัวและหัวใจแล้วแท้ๆ เขาจะยอมให้เด็กหนุ่มรู้ความจริงเพื่อหนีจากเขาไปได้อย่างไร

“มันไม่ใช่ความผิดของน้อง ปอนด์เลย น้องปอนด์แค่ตกเป็นเหยื่ออารมณ์ของไอ้โรคจิตนั่นเท่านั้นเอง น้องปอนด์ไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย คนที่ผิดคือ...คนที่ทำเรื่องอย่างนี้ลงไปได้ต่างหากครับ ให้ตาย ช่างเป็นคนที่น่ารังเกียจจริงๆ คนจำพวกนี้ไม่ควรได้เงยหน้าอ้าปากอยู่บนโลกนี้ด้วยซ้ำ” ด่าไปก็วาบๆหลังไป ด่าตัวเองไม่ค่อยออกแฮะ แต่จะเรียกคะแนนทั้งที มันก็ต้องถึงลูกถึงคนกันหน่อย

ปอนด์เงยหน้าขึ้นมองผู้พูด ความกดดันเบาบางลงหลังจากได้ยินคำปลอบใจ “พี่พล ...ไม่รังเกียจผมหรือครับ”
 
“ถึงใครจะว่าเรา มองเราเป็นยังไง น้องปอนด์ก็คือน้องปอนด์นะครับ เป็นน้องปอนด์ที่พี่ชอบตั้งแต่แรกเห็น ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้คุย ตอนถามชื่อเราที่โต๊ะแจกป้ายชื่อ จำได้มั้ยครับ หลังจากนั้นพี่ก็ไม่กล้าเข้าไปทัก กลัวเราจะรู้แล้วรังเกียจพี่น่ะ กว่าจะทำใจกล้าหน้าด้านได้ก็เมื่อไม่กี่วันนี้เอง ทั้งๆที่จะรอให้เรารู้จักพี่มากกว่านี้สักหน่อยค่อยบอก แต่ปากเจ้ากรรมมันดันนำไปซะก่อนแล้ว” พูดกลั้วหัวเราในประโยคท้าย ปากบางคลี่ยิ้มอ่อนโยน ดวงตาที่มองหน้าเด็กหนุ่มเป็นประกายอบอุ่น อุ้งมือใหญ่ทั้งสองข้างตระกรองพวงแก้มใสอย่างเบามือ ราวกับกลัวว่าสมบัติล้ำค่าจะแหลกสลายไป

“พี่ชอบปอนด์นะ ถึงจะรู้เรื่องนี้แล้วพี่ก็ยังชอบปอนด์อยู่ มาเป็นแฟนพี่เถอะ ลืมผู้หญิงคนนั้นไปซะ คนที่รังเกียจน้องเพียงเพราะเหตุผลแค่นั้นน่ะ ไม่คู่ควรกับความรักที่น้องปอนด์มอบให้หรอกครับ เรื่องของพี่...มันอาจจะเร็วเกินไป น้องปอนด์อาจจะยังไม่ได้ชอบพี่ แต่ให้โอกาสพี่หน่อยเถอะ พี่เชื่อว่าพี่สามารถทำให้เราชอบพี่เหมือนที่พี่ชอบเราได้ ...นะครับ ให้โอกาสพี่ซักครั้ง”

ริมฝีปากแดงคลี่ยิ้มโล่งใจ น้ำตาไหลริน หากแต่เป็นน้ำตาแห่งความปลื้มปิติ แทนที่จะเป็นน้ำตาแห่งความกังวลเศร้าโศก

“ขอบคุณครับ พี่พล”

“ตกลงครับ” มือน้อยสองข้างยกขึ้นกุมมือชายหนุ่มที่ยังประคองหน้าเขาอยู่ให้แนบกระชับส่งไออุ่นมากกว่าเดิม

“ผมจะเป็นแฟนกับพี่”

+++++++++++++++++++++++++++++++++++

ในที่สุดก็ได้ปอนด์มาเป็นแฟน ไม่น่าเชื่อจริงๆ เขาเฝ้ารอโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดเด็กหนุ่มมานานแสนนาน เฝ้าหาทางสร้างมันมาตลอด กลับกลายเป็นตัวเขาอีกคนที่เป็นคนยื่นโอกาสทองมาให้อย่างง่ายดาย ถือเป็นกำไรมหาศาล แม้จะรู้ว่ามันผิด มันทำร้ายเด็กหนุ่มก็เถอะ แต่ก็ยังอดขอบคุณตัวเองที่ตัดสินใจโทรไปหาเด็กหนุ่มในวันนั้นไม่ได้

รอก่อนเถอะ ความหวังของน้องปอนด์จะเป็นจริงในไม่ช้า นักถ้ำมองจะค่อยๆหายไปจากชีวิต แทนที่ด้วยคนที่คอยเป็นห่วงเป็นใยคอยช่วยเหลืออยู่ใกล้ๆแทน

ใช่

นักถ้ำมองจะค่อยๆหายไป ...อย่างเงียบๆ

โดยที่ปอนด์ไม่มีทางได้รู้เลยว่า คนคนนั้นเป็นใคร

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

แผนขั้นแรกสำเร็จแล้ว บีบน้ำตาเรียกความสงสารได้เนียนมาก อยากให้รางวัลตัวเองจริงๆ ให้ตายเถอะ

ดวงตาสีนิลมองตามรถยุโรปที่ เคลื่อนตัวออกจากที่จอดข้างคอนโดไปอย่างช้าๆ คนขับเลื่อนกระจกยื่นหน้าออกมายิ้มลาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจากไป ร่างบางยิ้มตอบ โบกมือลาไปตามเรื่องตามราว

‘คนที่ผิดคือ...คนที่ทำ เรื่องอย่างนี้ลงไปได้ต่างหากครับ ให้ตาย ช่างเป็นคนที่น่ารังเกียจจริงๆ คนจำพวกนี้ไม่ควรได้เงยหน้าอ้าปากอยู่บนโลกนี้ด้วยซ้ำ’… อย่างนั้นเรอะ

ปากแดงฉ่ำคลี่ยิ้ม เป็นยิ้มที่เหมาะกับคำว่า ’แสยะ’ เป็นที่สุด

แล้วผมจะจำประโยคนี้ไว้

ผมจะทำให้พี่สารภาพออกมาให้ได้เลย ว่าตัวเองน่ารังเกียจขนาดไหน

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ครึ่งแล้วๆ เดี๋ยวอีกครึ่ง เอาไปให้หมด ชอบกะมีภาค2กะ3ตามมาน่า ไม่ชอบไม่เอามาลงละ  o12

playCardPlaYBoy

  • บุคคลทั่วไป
Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
«ตอบ #14 เมื่อ05-04-2008 22:52:36 »

-10-
ปอนด์คบกับพลมาได้ 2 สัปดาห์แล้ว เกือบทุกเย็นทั้งสองคนจะมีนัด เริ่มจากนั่งอ่านหนังสือที่ห้องสมุดกลางหลังเลิกเรียน หลังจากนั้นก็เดินทางไปร้านอาหารหาของอร่อยๆทาน คุยเรื่องสัพเพเหระระหว่างมื้อ พออิ่มหนำสำราญ ชายหนุ่มก็จะขับรถพาปอนด์มาส่งคอนโด เป็นอย่างนี้เหมือนๆกันทุกวัน เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขทีเดียว ทั้งสองคนได้รู้เรื่องของกันและกันมากขึ้น ได้รู้สิ่งที่ชอบสิ่งที่เกลียด หนังสือที่ชอบอ่าน หนังที่ชอบดู

มองจากภายนอก ทั้งสองคบกันอย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่มีการถูกเนื้อต้องตัวกันมากไปกว่าการขยี้หัวทุยเล่นอย่างมันมือของร่างสูง

พลต้องใช้ความพยายามในการอด ทนอดกลั้นอย่างมาก ฉากหน้าที่เขาปั้นแต่งขึ้น คือชายหนุ่มสุภาพบุรุษ ซึ่งก็คงไม่ทำกิริยามือไวใจเร็วให้เสียภาพพจน์ เขารอมาเป็นเวลาสองสัปดาห์แล้ว รอจนร่างบางเริ่มแสดงท่าทางสนิทใจกับเขามากขึ้นกว่าวันแรกที่เริ่มคบกัน

วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้าย ของทั้งคู่พอดี ความเครียดจากการอ่านหนังสือสอบถูกยกออกจากอก ไม่มีเรื่องเรียนให้กังวลอีกแล้ว อย่างน้อยก็ในเดือนสองเดือนนี้ เบียร์สดจำนวนไม่มากนักจึงถูกสั่งมาฉลองหลังอาหารเงียบๆกันสองคน

“ว่าแต่ น้องตุ๊กว่าอะไรหรือเปล่าครับ พี่พาน้องปอนด์มากินข้าวเกือบทุกวันอย่างนี้ น้องตุ๊กคงเหงาแย่”

“ตุ๊กเข้าใจดีครับ ตอนแรกผมไม่รู้จะบอกยังไงดีเหมือนกัน กำลังอ้ำๆอึ้งๆอยู่ กลายเป็นว่าตุ๊กเป็นคนพูดขึ้นมาเองเลย เค้าถามผมว่ามีแฟนแล้วใช่มั้ย เค้าเข้าใจดีว่าผมคงอยากมีเวลาส่วนตัวอยู่กับคนที่ผมชอบมากกว่าอยู่กับเค้า เค้าไม่ว่าอะไรเพราะยังไงเราก็เป็นเพื่อนกัน คงไม่ตัดขาดกันเพียงเพราะอีกฝ่ายไปมีแฟนแล้วเหลือเวลาให้กันน้อยลงหรอก เค้าว่าอย่างนี้น่ะครับ แต่เค้าเข้าใจว่าแฟนผมเป็นผู้หญิง ผมยังไม่กล้าบอกครับ พี่พลโกรธรึเปล่าที่ผมไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับใคร ...ที่ผมอยากให้เรื่องที่เราคบกันเป็นความลับน่ะครับ” เอ่ยอย่างกล้าๆกลัวๆพลางเหลือบตามองร่างสูง คิดไว้ว่าจะเห็นความไม่พอใจซ่อนอยู่ในใบหน้าหล่อเหลานั้น หากสิ่งที่เห็นเป็นเพียงแววตาที่ทอดมองมาอย่างอ่อนโยน

“ไม่เป็นไรหรอกครับ อย่าคิดมากเลย แค่รู้กันสองคนว่าเราเป็นอะไรกัน แค่นั้นก็พอแล้วล่ะครับ ใช่มั้ย หืมม์” มือใหญ่เอื้อมข้ามโต๊ะอาหารขยี้หัวทุยจนยุ่งอย่างเคยชิน เงยหน้ามองเข้าไปในดวงตาของร่างสูงก็พบความหวานหยาดเยิ้ม บ่งความต้องการเต็มที่ เรียกเลือดในร่างกายร่างบางให้ฉีดพุ่งไปยังใบหน้า ย้อมจนหน้าขาวๆเรื่อสีกุหลาบ แดงไปจนถึงใบหู ทนไม่ได้จนต้องหลบตา

“พี่พลดื่มเยอะไปแล้วครับ เดี๋ยวต้องขับรถกลับไม่ใช่เหรอ พอเถอะครับ”

“โอเคคร้าบ คุณแม่ ขออีกแก้วแล้วเรากลับกัน” เอ่ยติดตลกเรียกฝ่ามือเล็กให้ตีเผียะลงยังท่อนแขนแกร่งเบาๆ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++

รถจอดสนิทอยู่ที่ด้านข้างคอน โด ที่ประจำที่ชายหนุ่มจอดส่งร่างบาง แต่บรรยากาศในรถแตกต่างจากวันอื่นๆเล็กน้อย ด้วยความอดกลั้นของชายหนุ่มใกล้จะสิ้นสุดลงแล้วบวกกับเบียร์จำนวนที่ไม่มาก แต่ก็ไม่น้อยเรียกอารมณ์ให้พอครึ้มๆ

เขารอมาสองสัปดาห์แล้ว มันควรจะก้าวหน้าไปมากกว่าแค่การขยี้หัวเล่นได้แล้ว เขาอยากสัมผัสร่างบาง อยากกดจูบปากแดงฉ่ำลิ้มรสหวานหอมเหลือเกิน ร่างสูงโน้มตัวเข้าใกล้เป้าหมายโดยมีอารมณ์และแอลกอฮอลล์เป็นตัวผลักดัน

ใบหน้าห่างกันเพียงแค่คืบ ใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจแผ่วร้อนกระทบใบหน้า นัยน์ตาดำเข้มจ้องเข้าไปในดวงตาสีราตรีที่ถูกคลุมด้วยแพขนตาหนาของเด็กหนุ่ม

...ใกล้ขึ้น

...ใกล้ขึ้น

ริมฝีปากร่างใหญ่รู้สึกถึงสัมผัสอุ่น หากแต่...มันไม่ใช่ริมฝีปากแดงฉ่ำที่หมายตาไว้

กลับเป็นฝ่ามือที่เด็กหนุ่มยกขึ้นกั้นระหว่างปากได้ทัน ใบหน้าขาวถอยออกห่าง

“ขอโทษครับพี่พล คือ...ผมยังไม่พร้อมครับ ขอโทษจริงๆครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ” เอ่ยจบไม่รอช้า เปิดประตูรถก้าวหนีเข้าคอนโดด้วยสปีดเหรียญทองสี่คูณร้อยเมตร

‘ชิ เกือบแล้วเชียว อารมณ์ค้างเป็นบ้า!’ พลคิดอย่างหัวเสีย กัดกรามจนขึ้นเป็นสันนูน ระบายความหงุดหงิดด้วยการกำหมัดทุบพวงมาลัยรถจนเกิดเสียงดังปึ้ก! หากอารมณ์ที่ค้างคาอยู่ยังไม่หายไปง่ายๆ

‘เอาวะ ในเมื่อต่อหน้าไม่ได้ ใช้วิธีลับหลังระบายอารมณ์เอาก่อนก็ได้วะ’ รถยุโรปเร่งเครื่องเต็มที่ พร้อมทะยานสู่ที่หมายโดยเร็วที่สุด เกิดเสียงล้อบดถนนดังลั่นท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัดยามค่ำคืนเดือนมืด

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ไม่นานเกินรอ หลังจากที่เด็กหนุ่มวิ่งหนีขึ้นห้องมาได้สักสิบนาที โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เหลือบมองเบอร์ที่แสดงที่หน้าจอ เป็นเบอร์คุ้นเคยดังที่คาดไว้

หลังจากที่ทั้งสองตกลงคบกัน มา โทรศัพท์ที่โทรมาก็ลดความถี่ลง จากทุกวันกลายเป็นวันเว้นวัน ถึงจะยังบ่อยอยู่ แต่ก็ถือว่าน้อยลงกว่าเดิม ทั้งยังปรับเวลาดึกขึ้นตามเวลาที่เขากลับบ้านเสียด้วย แน่นอน ก็คนโทรยังกลับไม่ถึงบ้านเหมือนกันนี่นา

มือน้อยกดรับโทรศัพท์ “สวัสดีครับ”

“กลับดึกซะจริง ให้รอซะตั้งนาน” คุณกลับช้ากว่าผมอีก อย่าคิดว่าไม่รู้นะ นี่คงอัดอั้นเต็มที่ล่ะสิ ถึงได้ถึงห้องเร็วขนาดนี้ ใจคิดอย่างรู้ทัน แต่ปากกลับพูดออกไปอีกอย่าง

“ขอโทษ ผมก็มีเวลาส่วนตัวของผมเหมือนกัน ไม่ได้เอาแต่ถ้ำมองคนอื่นทั้งวันเหมือนใครบางคนนี่”

“หึ เดี๋ยวนี้ปากเก่งขึ้นแล้วนี่ ว่าแต่เรื่องอื่นเก่งขึ้นบ้างรึเปล่าล่ะ เริ่มได้เลย อย่าให้ฉันต้องรอนาน”

ปอนด์คว้าหูฟังบลูทูธที่ได้ เป็นของขวัญจากคนโรคจิตเหน็บใส่หูอย่างรู้งาน วางโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะข้างเตียงนอน ขณะที่ตัวเองยืนอยู่ที่กลางห้อง ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามีกล้องแอบถ่ายอยู่ในห้อง ถึงจะไม่ได้รู้ทุกตำแหน่งก็เถอะ ที่แน่ๆ หน้าต่างห้องนอน เตียงนอน กลางห้องนอน มุมทำอาหาร แล้วก็ห้องน้ำ มีกล้องติดอยู่ชัวร์ ยืนในตำแหน่งที่กล้องสามารถจับภาพได้ชัดเจน ดวงตามองจ้องไปทางที่ซ่อนกล้อง มือทั้งสองข้างเริ่มแกะกระดุมเสื้อนักศึกษาอย่างอ้อยอิ่ง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 

ช้า...ช้าเหลือเกินในความคิด ชายหนุ่ม นิ้วขาวที่ค่อยๆแกะกระดุมเสื้อทีละเม็ดๆกำลังทดสอบความอดทนของเขา อารมณ์ที่ค้างคาจากเมื่อกี้ยิ่งถูกทับถมกองพะเนินจนแทบเป็นบ้า

สายตาเด็กหนุ่มที่จ้องมองมา เห็นชัดเจนในจอมอนิเตอร์บ่งบอกว่า ที่ซ่อนของกล้องถูกเปิดเผยซะแล้ว แต่ใครจะสนล่ะ ตราบใดที่เด็กหนุ่มยังถูกผูกมัดด้วยวีดีโอน่าอายของตนเอง ถึงจะรู้ที่ซ่อนไปก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ดีซะอีก ภาพที่เห็นจะได้ชัดเจนถึงใจมากยิ่งขึ้น

‘หึ ยังไม่พร้อมงั้นรึ ทั้งๆที่ออกจะเจนจัดอย่างนี้’ จากการปลอบใจตัวเองตามที่สั่ง เดี๋ยวนี้ปอนด์ชักเริ่มมีท่าทางเป็นของตัวเอง เริ่มรู้ว่าสิ่งที่เขาจะสั่งต่อไปคืออะไร สนองอารมณ์ได้ทั้งคนที่เฝ้ามองอยู่ทั้งอารมณ์ตนเอง ปากบางยกยิ้มเยาะเย้ย ‘เอาน่า คงเล่นตัวได้ไม่นานหรอก ก็ตัวจริงออกจะเร่าร้อนอย่างนี้ ทำคนเดียวมันจะสนองตอบได้พอที่ไหน’

กระดุมเม็ดสุดท้ายถูกปลดออก ไปแล้ว หากเสื้อยังไม่ถูกถอดออก ยังคงค้างอย่างหมิ่นเหม่บนบ่าบาง เปิดให้เห็นสัดส่วนภายในทุกครั้งที่ขยับตัว นิ้วขาวหันมาให้ความสนใจกับกางเกงนักศึกษาแทน หัวเข็มขัดถูกคลายออก ปล่อยห้อยลงแกว่งไกวระสะโพกบาง กระดุมกางเกงถูกปลด ซิบถูกรูดลงเผยให้เห็นเนื้อผ้าภายในวับๆแวมๆ

ให้ตายสิ ทำไมวันนี้ถึงอ้อยอิ่งได้ขนาดนี้นะ แถมท่าทางยังดูยั่วยวนกว่าเก่าตั้งไม่รู้กี่เท่า เขาจะระเบิดอยู่แล้ว คิดพลางพูดรอดไรฟันกรอกใส่มือถือ

“เร็วๆหน่อยได้มั้ย ฉันไม่ได้มีเวลาให้เธอทั้งคืนนะ”

เสียงตอบกลับมาไม่หยี่หระซ้ำยังยั่วเย้า ช่างกวนอารมณ์เสียจริง “หึ อดทนหน่อยสิครับ ผมอุตส่าห์จะมอบคืนพิเศษให้คุณทั้งที”

กางเกงหลวมกว่าตัว ยามถูกคลายออกก็หล่นลงมากองกับพื้นตามแรงโน้มถ่วงโลก เผยให้เห็นขาขาวเรียวยาวที่ค่อยๆก้าวออกมาให้พ้นผ้าที่กองอยู่กับพื้นพรม เชิดหน้าขาวขึ้นจ้องไปทางที่กล้องถูกซ่อนอยู่ ดวงตาแฝงเพลิงอารมณ์เห็นได้ชัดผ่านทางหน้าจอมอน์นิเตอร์ ร่างบางหมุนตัวเดินไปทางเตียง ...ขึ้นที่นอนหลังใหญ่ในท่า...ให้ตาย! เขาจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว!

มือใหญ่กดเลือกให้หน้าจอแสดง ภาพจากมุมกล้องที่หันหน้าไปทางเตียงคิงไซส์ ภาพที่เห็นชัดเจนจากคุณภาพของกล้องราคาแพงเร่งลมหายใจชายหนุ่มให้แรงเร็ว ขึ้น

ปอนด์ขึ้นเตียงในท่ากึ่งคลาน แขนทั้งสองข้างวางลงน้ำหนักบนเตียง จากนั้นจึงยกเข่าขึ้นทีละข้าง โดยรวมภาพที่เห็นตอนนี้ก็ท่าคลานนั่นแหละ เป็นท่าคลานที่หันก้นมาทางจอพอดิบพอดี สะโพกเล็กยกขึ้นสูง ส่วนบนของลำตัวนาบไปกับเตียง เสี้อที่ถอดกระดุมหมดตกลู่ไปด้านหน้า เผยผิวหลังขาวเนียน สิ่งที่ขวางสายตาตอนนี้มีเพียงกางเกงในสีขาวตัวน้อยที่ยังไม่ได้ถอดเท่านั้น แต่ผ้าสีขาวบางมันจะกั้นอะไรได้ซักเท่าไหร่เชียว นิ้วโป้งสองข้างสอดลงในขอบกางเกงใน รั้งผ้าผืนน้อยให้ค่อยๆลาจากสะโพกกลมกลึงอย่างช้าๆ เผยให้เห็นแก้มก้นขาวเนียนเหมือนผิวเด็กแรกเกิด

โอย จะระเบิดแล้วโว้ย!

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ความช้านี้ไม่ได้ทรมานร่าง สูงแต่เพียงผู้เดียว ตัวเด็กหนุ่มเองก็แทบทนไม่ไหวแล้ว ความรู้สึกที่ต้องแสดงท่ายั่วยวนให้กล้องที่ส่งสัญญาณไปยัง ...คนที่เขาก็รู้ว่าใคร... มันทำให้ร่างกายร้อนผ่าวจนเหมือนจะจับไข้ อยากสัมผัสตัวเองเหลือเกิน

ร่างบางพลิกตัวนอนหงาย กางเกงในสีขาวตัวจิ๋วถูกรูดไปจนพ้นปลายเท้างุ้ม นิ้วที่คีบมันอยู่ปล่อยผ้าชิ้นน้อยหล่นปุลงบนขอบเตียง เหลือบมองของตัวเองก็รับรู้ได้ว่าอารมณ์ร่านกำลังปะทุขึ้นเต็มที่ ความปรารถนาแข็งขึงแดงก่ำ หยดน้ำไหลรินจนเปียกชื้นทั้งที่ยังไม่ได้แตะต้อง เด็กหนุ่มเปิดขาทั้งสองข้างออกกว้างเอื้อให้กล้องได้ถ่ายอย่างชัดเจนกับการ ปลุกเร้าส่วนหน้าของตนเอง มือน้อยกอบกุมความร้อนไว้แน่น ขยับขึ้นลงเป็นจังหวะ ความเร็วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเร่งไปสู่จุดหมาย มือซ้ายไม่ปล่อยว่างช่วยเคล้นคลึงถุงเนื้อนุ่มด้านหลังตามจังหวะที่มือขวานำ ก่อนจะหงายหลังกระตุกเกร็งปลดปล่อยออกมาจนหมดสิ้น

++++++++++++++++++++++++++++++++++

“อา...” เสียงแหบพร่าในโทรศัพท์ช่างเย้ายวนนัก มือใหญ่เร่งมือถึงจุดหมายพร้อมๆกับร่างขาวที่เห็นในจอมอนิเตอร์ ร่างขาวที่มือยังไม่หยุดเคลื่อนไหวเหมือนต้องการจะเค้นทุกหยาดหยดของอารมณ์ ให้ออกมาเปรอะเปื้อนอยู่บนหน้าท้องเนียนเรียบ

ยังไม่จบแค่นั้น ดวงตาสีเข้มเบิกกว้าง นึกแปลกใจ วันนี้ปอนด์ของเขาเป็นอะไรไป ทำไมถึงมีอารมณ์ร่วมได้ขนาดนี้ นิ้วเรียวขาวในจอมอนิเตอร์ละจากแก่นกาย ลูบไปตามหน้าท้องแบนราบ กวาดสัมผัสเหนียวเหนอะไว้ที่ปลายนิ้วแล้วค่อยๆจัดท่า เล่นกับด้านหลังของตนเองต่อ เสียงลมหายใจหนักๆสลับกับเสียงครางกระเส่ายามนิ้วตนเองเขี่ยโดนจุดกระสัน ดังลอดมาทางโทรศัพท์ ชายหนุ่มรู้สึกว่าแก่นกลางลำตัวปะทุขึ้นมาอีกรอบแล้ว

บ้าชิบ! เขาควรจะเป็นคนทำให้ร่างบางร้องครางออกมาแบบนี้ยามโดนทาบทับอยู่ใต้กายเขาต่างหาก!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++


หลังเสร็จกิจกรรมอันหนัก หน่วงรีดเร้นแรงกายไปจนหมดสิ้นแล้ว ปอนด์ก็ลงมือชำระล้างร่างกาย ล้างความรู้สึกเหนียวเหนอะออกจากตัวก่อนที่จะเข้านอนด้วยความอ่อนเพลีย

เสียงทุ้มหอบหนัก เสียงเคลื่อนไหวอีกฟากฝั่งของโทรศัพท์ บอกได้ดีว่าชายหนุ่มรู้สึกรุนแรงร่วมไปกับเขาด้วย เขาเป็นผู้ชายทำไมจะไม่รู้ เห็นภาพขนาดนี้แล้ว มีหรือจะไม่อยากแตะต้องของจริง แทนที่จะคอยมองผ่านจอมอนิเตอร์แล้วใช้มือขวาปลอบใจตัวเองแห้งเหี่ยวไปวันๆ

ปอนด์ยอมรับว่าเขาเองก็ต้องการให้ชายหนุ่มแตะต้องเขาโดยตรง

แต่

อดทนไว้ก่อน

...เขาจะทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเสียใจที่ตัดสินใจเป็นนักถ้ำมอง...ที่ได้แต่มองเชียวล่ะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++

sixty-3

  • บุคคลทั่วไป
Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
«ตอบ #15 เมื่อ05-04-2008 22:53:36 »

^
^
จิ้มซะเลย

โพสเร็วจัง
ตอนแรกเข้ามามีตอนเดียว
พอจะกดเม้นเพิ่มมาอีกพรึ่บเลย ตามอ่านไม่ทันเลย
จะตามอ่านให้ทันคร้าบ

 :laugh:
ชอบแนวนี้นิดๆแฮะ
หึๆ

playCardPlaYBoy

  • บุคคลทั่วไป
Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
«ตอบ #16 เมื่อ05-04-2008 22:53:56 »



เสียงเครื่องปรับอากาศในห้อง นอนครางต่ำ อากาศเย็นฉ่ำแบบนี้ ซุกหาผ้านวมอุ่นยามเช้าวันหยุดเป็นความรู้สึกที่เกินบรรยายจริงๆ ...ถ้าไม่ติดแสงแดดที่แยงตาจากกระจกหน้าต่างโค้งบานใหญ่เปิดม่านเต็มพิกัด ล่ะก็นะ

“อืม~~” พลิกตัวบิดขี้เกียจไปได้ยกหนึ่งก็คว้าโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาดูเวลา

‘เก้าโมงครึ่งงั้นเรอะ’ ในเมื่อตื่นแล้วก็คงข่มตานอนต่อไม่ได้แล้ว ลุกจากที่นอนเดินเข้าห้องน้ำอย่างงัวเงีย ‘สงสัยเมื่อคืนจะหนักไปหน่อย’ เมื่อคืน เขาปลดปล่อยไปหลายครั้ง จากอารมณ์ที่ไม่ยอมสงบง่ายๆ ทำให้เพลียต่อมาจนถึงวันนี้จนได้ โชคดีที่วันนี้เป็นวันเสาร์ ไม่ต้องไปเรียน แถมยังเป็นเสาร์ที่ว่างสุดๆเสียด้วย เพราะเพิ่งจะสอบเสร็จไปเมื่อวานนี้เอง

เข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว เสร็จ ก็เดินเข้าครัวหาของรองท้องที่กำลังครางโครกคราก เปิดตู้เย็นพบเพียงนมสดกล่องเดียว ...แถมบูดอีกต่างหาก...

โมโหหิว…

อารมณ์เสีย…

อยากแกล้งคน...

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เสียงนกในเมืองนี่มันน่ารำคาญจริงๆ ขนาดอยู่คอนโดตั้งชั้น 24 แล้วนะ ยังอุตสาห์ตามมาทำรังที่ระเบียงซะได้

พลขยับพลิกตัวอยู่บนเตียง หลังใหญ่อย่างหงุดหงิด วันนี้เป็นวันหยุด กะจะตื่นสายหน่อย หาอะไรกิน แล้วค่อยมานั่งดูหวานใจ เจ้านกพลัดถิ่นนี่ดันมารบกวนซะได้ คว้าโทรศัพท์มือถือจากหัวเตียงมามองเวลา

‘สิบเอ็ดโมง สายแล้วนี่หว่า ปอนด์ตื่นรึยังนะ’ ลุกขึ้นนั่งบนเตียงงัวเงียยังไม่ตื่นดีอยู่ซักพัก เกาหัวที่ยุ่งอยู่แล้วให้ยุ่งมากขึ้นอีก มองรอบห้องแบบคิดอะไรไม่ออกอีกสิบนาที ก่อนจะตัดสินใจเคลื่อนตัวออกจากเตียงหลังใหญ่ได้

ระหว่างรอคอมพิวเตอร์บู้ ตเครื่อง ก็เดินเขย่งก้าวกระโดดข้ามกองอุปกรณ์อีเล็คทรอนิกส์ที่วางระเกะระกะอยู่ตาม พื้นห้องเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว

เดินออกมาจากห้องน้ำได้เพียง ก้าวเดียวท้องก็เริ่มประท้วงโครก ‘ทำไงได้ คนมันวัยกำลังกินกำลังนอน’ คิดเข้าข้างตัวเองพลางเขย่งก้าวกระโดดกระย่องกระแย่งไปทางส่วนที่จัด เคาน์เตอร์กั้นไว้ใช้เป็นห้องครัว เป็นจุดเดียวที่ค่อยดูเป็น ‘บ้าน’ ขึ้นมาหน่อย เปิดตู้เย็นดูซักพัก ก้มลงค้นขนมปังแถวมาปอนด์หนึ่ง กับแซนวิชเสปรดในกระปุกแก้ว หาจานใส่ทากินอย่างตามมีตามเกิด

กินไปใจก็คิดถึงเรื่องเมื่อคืน

ปอนด์เร่าร้อนกว่าทุกวัน เขาไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอะไร

เบียร์รึ ก็ไม่น่าใช่ เขาว่าเขาดื่มน้อยแล้วนะ เด็กหนุ่มยังดื่มน้อยกว่าเขาอีก ประมาณแค่จิบสองจิบเองล่ะมั้ง ที่เหลือก็ปล่อยแก้วค้างไว้รอให้ยุงมาไข่...

หรือเพราะอารมณ์ค้างจากที่จะถูกเขาจูบ ร่างบางเป็นคนห้ามไว้เองนี่นา หรือกำลังเล่นตัวอยู่กันนะ

ยังไงก็ตาม หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนแล้ว พลรู้อย่างหนึ่งคือ เขาอยากสัมผัสผิวขาวเนียนนั้นจนทนไม่ไหวแล้ว จะทำอย่างไรดีล่ะ เหมือนร่างบางจะไม่ได้เดือดร้อนอะไรในด้านการระบายอารมณ์

ในเมื่อปอนด์มีที่พี่งพิง สำหรับระบายออก เขาก็จะต้องตัดที่แห่งนั้นของเด็กหนุ่มออกซะ ...คงจะต้องเลิกโทรหาอย่างเด็ดขาดซักที ต่อไปนี้ควรจะมีเพียง ‘พี่พล’ คนเดียวเท่านั้น เขาจะต้องทำให้เด็กหนุ่มไร้ทางออก จนต้องมาขอร้องเขาให้ได้เลย

ด้วยความคิดถึง หรือจะเป็นความเคยชินก็ตาม ยังไม่ทันกินแซนวิชหมดชิ้นดี ร่างสูงก็ลุกจากเก้าอี้ในครัว เดินเคี้ยวตุ้ยๆ กระโดดกระย่องกระแย่งโยงโย่โยงหยกไปยังจอมอนิเตอร์ คิ้วเข้มขมวดมุ่น เลือกกล้องตัวที่ส่องไปทางเตียงนอนหลังใหญ่ พบว่าเตียงถูกพับผ้าเก็บอย่างเรียบร้อยแล้ว ไม่มีวี่แววของร่างบางนอนซุกอยู่เลย เขาคงจะตื่นสายเกินไปจริงๆ เปิดมุมกล้องอื่นจนทั่วห้องก็ไม่พบเด็กหนุ่ม คาดว่าน่าจะออกไปข้างนอก

เซ็ง...

หงุดหงิด...

อยากระบาย...

อ๊ะๆ อย่าเพิ่ง ยังไม่ได้ไปถึงสองอารมณ์หลังดี จอมอนิเตอร์ก็แสดงภาพปอนด์เดินหิ้วถุงซุปเปอร์มาเก็ตใบใหญ่เปิดประตูเดินเข้ามาในห้อง

‘โธ่...ที่แท้ก็ไปของ’ ไม่รู้เป็นอะไร เพียงแค่ตื่นมาได้เห็นร่างบางในจอมอนิเตอร์ เขาก็รู้สึกชื่นใจพร้อมรับเช้าวันใหม่แล้ว (เที่ยงแล้วเฮีย)

ทำอย่างกับเป็นเด็กที่เพิ่งมีความรักอย่างนั้นแหละ

 สายตาจับจ้องไปที่ร่างเด็ก หนุ่มในห้องครัว อา วันนี้ใส่ชุดไปรเวท น่ารักจริงๆ เสื้อแขนกุดแบบที่ผู้ชายทั่วไปใส่คงอวดกล้ามดูน่าขยะแขยงในสายตาผู้ชายด้วย กัน เข้ากันเหมือนมันถูกตัดมาเพื่อเทวดาน้อยของเขายังไงยังงั้น แขนขาวที่โผล่พ้นวงแขนเสื้อออกมาผอมบางแต่ก็อุดมด้วยกล้ามเนื้อ ดูไม่เละเผละเหมือนเนื้อผู้หญิง ยามยกแขนขึ้นเก็บน้ำแข็งในช่องแช่แข็ง วงแขนเสื้อที่ดูจะใหญ่เกินตัวทำให้สามารถมองลอดเข้าไปเห็นผิวเนื้อใต้ร่มผ้า ได้เลาๆ ท่อนขาที่เขย่งให้สูงเพื่อเก็บของบนชั้นลอยถูกปกคลุมด้วยกางเกงยีนส์รัดรูป สี่ส่วน เผยบั้นท้ายกลมกลึงน่าขยำขยี้

นั่งมองปอนด์เก็บของจนเสร็จ เปลี่ยนเสื้อเป็นเสื้ออยู่บ้านตัวเก่ง ... เสื้อกล้ามหลวมๆกับกางเกงขาสั้นจุ๊ดจู๋ คลุมด้วยผ้ากันเปื้อนพลาสติกใสขลิบมุมด้วยสีแดงเลือดนกตัดกับผิวขาวผ่อง ทอดใส้กรอกไข่ดาวอยู่ในครัวไปขยับตัวขยับสะโพกร้องเพลงไปอย่างมีความสุข ...อา...อยากเห็นเวลาน้องปอนด์ใส่ผ้ากันเปื้อนอย่างเดียวจัง...

มองไปมองมาก็ชักรู้สึกแปลกๆ ก็ท่าทางที่เทวดาน้อยของเขากำลังกินข้าวเช้านี่มัน…

ใส้กรอกเวียนนาสีส้มชิ้นใหญ่ กำลังร้อนๆ ถูกส้อมจิ้มกลางชิ้นพอดิบพอดี ทามายองเนสที่ปลายด้านหนึ่งจนชุ่ม ลิ้นเล็กแดงชื้นโผล่พ้นปากฉ่ำออกมาไล้เลียมายองเนสที่โดนความร้อนจนละลาย เยิ้มเล่นตั้งแต่ปลายไล่ไปจนถึงส่วนกลางชิ้นที่ถูกส้อมจิ้มอยู่ เท่านั้นยังไม่พอ เลียเสร็จก็เริ่มอมปลายไว้ ดูดดันอยู่พักใหญ่ก่อนจะกัดกิน จนมายองเนสสีขาวขุ่นเปื้อนพวงแก้มใส

พลรู้สึกว่าชักกลืนน้ำลาย ลำบากเสียแล้ว แก่นกลางลำตัวมันเริ่มร้อนขึ้น ทั้งๆที่เมื่อวานก็ปลดปล่อยไปตั้งหลายรอบ นัยน์ตาถลนจ้องมองจอมอนิเตอร์ไม่กระพริบ มุมที่เห็นนี่...มันพอเหมาะเหมือนจงใจยั่วให้ดูยังไงก็ไม่รู้แฮะ

นิ้วมือมันแผล่บจากขนมปัง แผ่นทาเนยสด ปาดเช็ดคราบมายองเนสที่ติดอยู่บนแก้มอิ่ม ป้ายจนเห็นคราบมันๆผสมกับคราบขาวๆเป็นทางไล่จากพวงแก้มลงมาถึงปลายคาง เหลือบมองปลายนิ้วเห็นเปื้อนๆก็ไม่คิดมาก ลงมือดูดเลียทั้งนิ้วทั้งฝ่ามือตัวเองจนสะอาด ก่อนจะดึงกระดาษทิชชู่เช็ดซ้ำอีกที กินจนเสร็จฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีพลางยกจานไปล้าง

‘โอย อยากตาย’

ร่างสูงเหลือบมองของเหลวขาว ขุ่นในอุ้งมือตัวเอง เพียงแต่มันไม่ใช่มายองเนสเหมือนที่อยู่ที่ปลายนิ้วเด็กหนุ่ม และเขาก็ไม่มีอารมณ์พิศวาสอยากเลียของของตัวเองซะด้วย...

+++++++++++++++++++++++++++++++++++

เขาแน่ใจว่า’พี่พล’กำลังดู อยู่ ปอนด์คิดอย่างอารมณ์ดี สดใสจนอดฮัมเพลงหงุงหงิงในคอไม่ได้ เขามั่นใจเต็มร้อย...ก็เครื่องส่งสัญญาณกล้องมันกระพริบแว้บๆเข้าตา ทั้งๆที่เมื่อเช้ามันยังดับสนิทอยู่เลย

ไม่รู้ป่านนี้ พี่พลจะเป็นยังไงบ้างน้า

คว้าการ์ตูนอ่านบนเตียงอย่างอารมณ์ดี

เป็นวันหยุดที่มีความสุขจริงๆ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

playCardPlaYBoy

  • บุคคลทั่วไป
Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
«ตอบ #17 เมื่อ05-04-2008 22:55:43 »

ชีวิตยังคงเหมือนๆเดิมอยู่ ทุกวัน เช้าตื่นขึ้นมา แต่งตัวไปมหาวิทยาลัย จดเล็กเชอร์ยิก บ่ายแก่ๆเลิกเรียน นัดอ่านหนังสือที่หอสมุดกลางกับพี่พล เย็นหน่อยก็ไปทานอาหาร พอตกค่ำชายหนุ่มก็ขับรถมาส่งที่คอนโด จากวันที่ชายหนุ่มพยายามจูบเขา ผ่านมาสัปดาห์หนึ่งแล้ว ชายหนุ่มไม่มีท่าทีจะล่วงเกินเขาอีก สิ่งที่แตกต่างจากปกติไปมีเพียง

ไม่มีโทรศัพท์จากคนโรคจิตอีกเลยนับจากวันนั้น

หึ เขารู้ ว่าพี่พลต้องการให้นักถ้ำมองคนนี้หายไปอย่างเงียบๆ แล้วเรื่องทั้งหมดก็จะลงเอยด้วยดี ยังไงตอนนี้เขาสองคนก็เป็นแฟนกันแล้วนี่

ไม่มีทาง ตราบใดที่ยังไม่ได้ยินคำสารภาพบาปจากปากชายหนุ่มล่ะก็ เขาจะไม่มีวันยอมให้นักถ้ำมองหายไปอย่างไร้ความรับผิดชอบหรอก

++++++++++++++++++++++++++++++++++

รถจอดอยู่ที่ที่ประจำข้างคอน โด ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบของค่ำคืน ปอนด์ถอดเข็มขัดนิรภัย บอกลาพลเหมือนทุกๆวัน “ขอบคุณที่มาส่งนะครับพี่พล” แต่ชีวิตมันก็ต้องมีการก้าวหน้าบ้าง ร่างบางเอื้อมตัวเข้าใกล้ที่นั่งคนขับ ริมฝีปากแดงนุ่มประทับจุมพิตอุ่นละมุนลงบนแก้มสาก ถอยออกมาก้มหน้าอย่างเขินอาย “ราตรีสวัสดิ์ครับ” ว่าพลางเปิดประตูรถ แต่ชายหนุ่มเร็วกว่า คว้าแขนเล็กไว้ทัน วงหน้าใสหันกลับมามองสบสายตาปรารถนา

“น้องปอนด์ คือ…” เหมือนลิ้นจุกปาก มันพูดไม่ออก ปอนด์เอียงคอมองอย่างสงสัย

“คือ...ขอพี่...เอ่อ...จูบน้องปอนด์บ้างได้มั้ย แบบ...จูบที่ปากน่ะ”

“อย่าเพิ่งเลยครับพี่ ผมยังไม่พร้อม ขอโทษนะครับ”

“ไม่เป็นไรครับ แต่...เราก็คบกันมานานแล้ว จะชวนพี่ขึ้นไปนั่งดื่มน้ำชาบนห้องซักหน่อยได้มั้ยครับ” เอาเลย! ไม่ให้จูบ เราก็จะจับกดแทน

ปอนด์เงียบไปนาน ท่าทางอึกอักลำบากใจ “พี่พลจำเรื่องที่ผมเคยเล่าได้มั้ยครับ โรคจิตถ้ำมองคนนั้นน่ะ ...เขาเคยขู่ผมไว้ เขาบอกว่า ...ถ้าผมพาใครก็ตามขึ้นไปบนห้องล่ะก็ เขาจะทำให้ผมเสียใจจนตายเลยครับ ผมไม่กล้าให้พี่ขึ้นไปบนห้องครับ ผมขอโทษ”

อยากฆ่าตัวเองจริงๆ เขาเกือบลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าขู่อะไรเด็กหนุ่มไป

ไม่น่าเล้ย

ชายหนุ่มแสดงหน้าตาน่ากลัว ปล่อยรังสีอัมหิตออกมาเต็มที่จนร่างบางต้องรีบพูดต่อประโยค “ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากอยู่กับพี่พลตามลำพังนะครับ แต่ผมไม่กล้าจริงๆ เอางี้มั้ยครับ พาผมไปเที่ยวบ้านพี่พลดีกว่า ผมอยากลองไปหมู่บ้านจัดสรรนั้นดูซักครั้ง ได้ยินโฆษณาว่าทะเลสาบในหมู่บ้านตอนกลางคืนเค้าเปิดไฟสวยมากเลยใช่มั้ยครับ” พูดด้วยเสียงตื่นเต้น ดวงตาสีท้องฟ้ายามราตรีเป็นประกายเหมือนมีดาวกำลังส่องแสงวิบวับอยู่ภายใน

อยากฆ่าตัวเองอีกครั้ง จะพาไปได้ไงเล่า นั่นมันบ้านพ่อ! พูดใหม่ให้ถูกกว่าเดิม...บ้านอีหนูพ่อ!

เหงื่อซึมเต็มหลัง กระวนกระวายไม่รู้จะทำยังไงดี

ไม่น่าเล้ย

“ขอโทษนะครับน้องปอนด์ คือ ตอนนี้ไม่สะดวกจะพาไปน่ะครับ คือ ...”

“ไม่เป็นไรครับพี่พล ผมเข้าใจ พี่คงไม่อยากให้คนที่บ้านรู้เรื่องของผมเท่าไหร่หรอก ขนาดผู้หญิงที่พี่เคยคบยังไม่เห็นมีคนไหนเคยไปบ้านพี่เลย แล้วผู้ชายที่ไม่มีอะไรดีอย่างผม ...พี่จะพาไปทำไมให้เสียเวลา ผมขอโทษที่ขอไปโดยไม่ทันคิดนะครับ ลืมเรื่องนี้ไปซะเถอะ ...ราตรีสวัสดิ์ครับ”

ตะลึงจนไม่ทันได้คว้าแขนมา พูดอธิบายกันให้รู้เรื่อง พลมองตามหลังเด็กหนุ่มที่สะพายกระเป๋าวิ่งพลางยกแขนปาดหน้าไปพลางเข้าประตู คอนโดไป

เขาทำให้ปอนด์เจ็บอีกแล้ว

ไม่น่าเลย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ผ่านไปอีกสองวันโดยที่ไร้เสียงโทรศัพท์จากเบอร์มือถือที่คุ้นเคย ท่าทางนักถ้ำมองคงจะตัดสินใจหายไปจากชีวิตเขาจริงๆ

เรื่องอะไรจะยอม กะอีแค่สารภาพออกมานี่มันยากนักหรือไง แค่แสดงความจริงใจให้เห็นแค่นี้ก็ทำไม่ได้ ทั้งๆที่ปากพร่ำบอกว่าชอบแท้ๆ

นิ้วโป้งป้อนเบอร์ที่จำได้ติดใจลงโทรศัพท์เครื่องจิ๋ว รอสัญญาณให้อีกฟากฝั่งรับสาย

“โทรมาทำไม” เสียงห้วนดังขึ้นทันทีที่รับ

“ทำไมคุณไม่โทรมาหาเลยล่ะครับ”

“เฮอะ คิดถึงรึไง รู้ไว้ซะด้วยนะว่า ฉัน – เบื่อ – เธอ – แล้ว ต่อไปนี้ ฉันจะไม่โทรไปหาอีกแล้ว อยากไประบายออกที่ไหนก็ไป” เน้นย้ำเสียงทีละพยางค์กรอกใส่โทรศัพท์มือถือทำร้ายจิตใจคนฟัง

“เดี๋ยวก่อน” เสียงเด็กหนุ่มดังแทรกขึ้นมาก่อนจะตัดสายทัน “แต่คุณยังมองผมอยู่ไม่ใช่เหรอ ผมรู้นะ ตัวส่งสัญญาณกล้องมันยังทำงานอยู่เลย ทำไม นึกจะเบื่อก็ทิ้งกันง่ายๆอย่างนี้เหรอ ฟังเอาไว้เลยนะ ถ้าคุณไม่โทรมาผมก็ไม่ว่าหรอก เพราะ ผม-จะ-โทร-ไป-หา-เอง!”

“ก็ลองซี่ ลองโทรมาอีกครั้ง รับรอง เธอได้เห็นตัวเองเป็นดาราหน้ากล้องในอินเตอร์เน็ตแน่”

“คุณไม่ทำหรอก ผมมั่นใจ ...แล้วก็นะ ฟังเอาไว้ซะ ถ้าคุณไม่ยอมรับสายหรือทิ้งเบอร์นี้ไปล่ะก็ คุณได้เจอผมนั่งรออยู่ที่หน้าห้องคุณทุกวันแน่นอน ให้มันรู้ไปเลย ว่าคุณเป็นใครกัน!”

+++++++++++++++++++++++++++++++++

จะเอายังไงกับเขาฟะเนี่ย! อุตส่าห์หักห้ามใจไม่โทรไปแทบตาย วันๆได้แต่ดูหนังใบ้ผ่านจอมอนิเตอร์ ได้เห็นแต่ชีวิตประจำวันซ้ำๆซากๆ กลับบ้าน อ่านหนังสือ แล้วก็นอน ชีวิตประจำวันที่ไม่รู้แต่ก่อนพอใจดูไปได้ยังไง อุตส่าห์ปล่อยไปขนาดนี้แล้ว ก็ยังไม่ยอมจากไป แล้วเมื่อไหร่พลในโลกแห่งความเป็นจริงจะได้แตะต้องปอนด์ฟะ ขนาดจูบยังไม่ยอมให้ทำเลย ชิ ทีนักถ้ำมองละยอมให้ ถึงขนาดโทรมาหาอย่างนี้มันจะมากเกินไปแล้ว หึงตัวเองว้อยยยย!

แต่คิดสะระตะกับคำขู่ของเด็ก หนุ่มแล้วมัน....ให้ตายสิ! นั่งรอหน้าห้อง เขามั่นใจว่าปอนด์ทำตามปากพูดจริงๆแน่ แถมคำขู่ที่ใช้มาตั้งนานยังไม่ได้ผลซะอีก จะให้เด็กหนุ่มรู้ได้ยังไงเล่า ว่าชายหนุ่มสุภาพบุรุษแฟนตัวเอง เป็นนักถ้ำมองโรคจิตน่ะ!

“...โอเค เธอชนะ” พูดทั้งๆที่กัดฟันกรอด ไม่น่าโทรไปตั้งแต่แรกเลยตู

“เข้าใจก็ดีแล้ว พรุ่งนี้ผมจะโทรไปหา”

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
ยามกลางคืนที่ลานจอดรถข้างคอนโด รถดับเครื่องสนิทแล้ว แต่ยังไม่มีท่าทีว่าคนข้างในจะเปิดประตูออกมาเลย

“ปอนด์ เราคบกันมาก็เดือนกว่าๆแล้ว ระหว่างเราทำไมถึงไม่คืบหน้าเลย ปอนด็ไม่พร้อมเพราะอะไรเหรอครับ ปอนด์มีปัญหาอะไรรึเปล่า เราไม่ไว้ใจพี่ใช่มั้ย เราคิดว่าพี่ไม่จริงใจใช่มั้ย ...พี่ดูเป็นคนอย่างนั้นในสายตาปอนด์รึเปล่าครับ”

“แล้วพี่คิดว่าตัวพี่เองจริง ใจรึเปล่าล่ะครับ พี่คบกับผมเพราะต้องการอะไรครับ ต้องการจูบ ต้องการสัมผัสจับต้อง หรือต้องการความรักจากผม”

“...พี่จะต้องทำอะไรพิสูจน์ความจริงใจที่มีให้เราเชื่อล่ะ”

“ผมคิดว่าพี่พลรู้คำตอบอยู่ แล้วครับ วันนี้ขอบคุณมากนะครับ” เอ่ยพลางเอื้อมตัวไปยังที่นั่งคนขับ แนบริมฝีปากนุ่มลงกับแก้มของชายหนุ่มอย่างที่ได้ทำมาหลายวันแล้ว และเหมือนจะรู้ทัน เด็กหนุ่มถอยตัวออกได้เร็วเหลือเชื่อ ...เร็วกว่าที่แขนแกร่งจะยกขึ้นโอบรอบตัวกักขังอิสรภาพได้ทัน “ราตรีสวัสดิ์ครับ”

ประตูปิดลงแล้ว แต่คนที่อยู่ในรถยังจมอยู่กับความคิดของตนเองอยู่นานกว่าจะสตาร์ทเครื่องยนต็

…พี่พลรู้คำตอบอยู่แล้วครับ… คำตอบอะไรล่ะ

หรือว่า ...ปอนด์จะรู้ตัวจริงของนักถ้ำมองแล้ว

... จะรู้ได้ยังไงล่ะ

+++++++++++++++++++++++++++++++++

พลกลับถึงห้องพักได้ไม่นาน โทรศัพท์มือถือที่ทิ้งอยู่ในห้องนอนก็ดังขึ้น

...ปอนด์โทรมาหานักถ้ำมอง…

รับโทรศัพท์ เปิดจอมอนิเตอร์ ปรับหามุมของเด็กหนุ่มก็เจอตัวอยู่ที่ห้องน้ำ

โอย อยากร้องไห้ ตัวจริงแค่จูบยังไม่ได้ ทำไมนักถ้ำมองมันถึงได้ขนาดนี้วะ

ร่างขาวสว่างยืนหันหน้าเข้า หากล้องในห้องอาบน้ำ ทั้งตัวมีเพียงผ้าขนหนูผืนไม่ใหญ่นักเหน็บอยู่ที่เอวแบบจะหลุดมิหลุดแหล่ ฉากหลังเป็นอ่างอาบน้ำที่รองไว้จนเต็ม ผิวน้ำถูกปกคลุมไปด้วยฟองขาวฟอดพองฟูเต็มอ่าง

“ถูกใจฉากที่ผมจัดให้มั้ยครับ”

“ถูกใจสิ ถูกใจมาก” เค้นเสียงแทบไม่ออก ใช่ เขายอมรับตามตรงว่าฉากนี้มันถูกใจเขามาก ...ถ้าจะไม่ใช่ทำได้แค่มองล่ะก็นะ

“งั้นเหรอครับ ผมดีใจนะ ที่พอจะจับทางรสนิยมของคุณได้แล้ว อย่าชักช้าอยู่เลยครับ ผมจะทนไม่ไหวแล้ว ถอดกางเกงออกสิครับ หลับตาลงด้วย ผมจะใช้ปากให้” ทำตามที่ร่างบางสั่งทันที ตาดำเข้มหลับลงจินตนาการถึงปากแดงอิ่มอบอุ่นร้อนรุ่ม

“ผมจะเลียส่วนปลายแล้วนะครับ” มือหนาเคล้นคลึงส่วนปลายตนเองอย่างเสียวซ่าน ถึงฝ่ามือจะไม่ร้อนจัด แต่ก็พอกล้อมแกล้มไปได้

“อา มีอารมณ์แล้วสินะ แข็งแล้วนี่นา” ใช่ ตอนนี้อารมณ์มันพุ่งสูงเกินพิกัดแล้ว ทรมานเหลือเกิน ทำไมได้แต่ฟัง ทำไมไม่ได้ถูกสัมผัสโดยตรงนะ

“เอาล่ะ ต่อไปผมจะอมแล้วนะ ขยับให้เต็มที่เลยครับไม่ต้องเกรงใจ” มือใหญ่ขยับตามเสียงสั่ง ลมหายใจหอบหนัก ความต้องการมันรุนแรงจนแทบระเบิดออกมา จังหวะเร่งขึ้นเรื่อยๆไม่มีหยุด หูก็คอยฟังเสียงหอบของอีกฝั่งสัญญาณ

“อา~ ของคุณทั้งร้อนทั้งใหญ่จนเต็มปากผมเลย ใกล้ถึงแล้วใช่มั้ยครับ กระแทกเข้ามาแรงๆเลยครับ ปลดปล่อยเข้ามาในปากผมเลย” ความปรารถนาระเบิดออกอย่างรุนแรง ...ด้วยมือของเขาเอง เสียงปลายสายครางกระเส่าลากยาวเป็นเวลาเดียวกับที่เขาปลดปล่อย

“อืมม์ อย่าเพิ่งถอนออกนะครับ ขอผมดูดน้ำให้หมดก่อน เห็นรึเปล่า ผมกลืนลงไปไม่เหลือซักหยดเลย ร้อนคอไปหมดแล้ว” เสียงแหบพร่ายังพูดไม่หยุดเรียกอารมณ์ที่ยังไม่สงบดีให้พลุ่งพล่านขึ้นมา ใหม่

“เอาล่ะ...ลืมตาดูผมหน่อยซิ ครับ” เปลือกตาเปิดขึ้น มองปีศาจน้อยในจอมอนิเตอร์ที่ค่อยๆปล่อยผ้าเช็ดตัวเลื่อนหลุดระสะโพกขาว เนียนช้าๆ คราบความปรารถนาของเด็กหนุ่มเปรอะเปื้อนง่ามขาเพรียวทั้งสองข้าง

...แค่เห็น ...แค่ได้ยิน

...ทว่า…

...ไม่ได้สัมผัส ไม่ได้รับรู้ถึงอุณหภูมิที่แตกต่างเลยสักนิด

...ทรมานเหลือเกิน

คืนนั้นทั้งคืน เขาต้องทนกับภาพบาดตา ภาพที่เขาเคยชอบดู ท่าทางน่าอายของเด็กหนุ่มที่เขาเคยสั่งให้ทำด้วยความสนุกสนาน บัดนี้ เขาไม่จำเป็นต้องสั่ง ปอนด์ทำให้เขาเองทุกอย่าง แต่ความสนุกสนานมันกลับไม่เหลือแม้เศษเสี้ยว

และไม่ใช่คืนนั้นคืนเดียว ปีศาจน้อยของเขาไปเรียนรู้มาจากที่ไหนกันนะ วิธียั่วยวนไม่ซ้ำแบบให้ติดกับดักแสนหวานโดยไม่มีทางหลีกเลี่ยงนี้น่ะ

ตั้งใจจะทรมานเขาไปอีกนานแค่ไหนกัน

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 

“……”

“………”

“…………”

“ปอนด์”

“ครับ พี่พล?”

“พี่มีเรื่องจะสารภาพ”

“พี่...พี่เองแหละ ที่เป็นคน...แอบดูแอบถ่ายเรามาตลอด”

“…..”

“คุณเป็นใครกันครับ”

“ปอนด์ พี่รู้ว่าพี่ทำผิดแต่...”

“คุณไม่ใช่พี่พลของผมซัก หน่อย คนนี้ต่างหากพี่พลของผม” ทอดสายตามองไปด้านหลังเด็กหนุ่ม สิ่งที่เห็นคือ ...ตัวเขา? ทำไมล่ะ? ก็เขาอยู่ตรงนี้นี่นา แต่...ปฏิเสธไม่ได้ว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงนั้นคือตัวเขาแน่ๆ

“ใช่มั้ยครับ พี่พล พี่พลของผมน่ะ ไม่มีวันทำเรื่องน่ารังเกียจแบบนั้นได้หรอก” เด็กหนุ่มโอบแขนทั้งสองข้างรอบเอว...พี่พล อย่างรักใคร่ ร่างสูงนั้นโอบกลับดูแล้วเหมือนคู่รักที่จะไม่มีวันพรากจากกัน เขาจ้องตรงไปในดวงตาดำเข้มของ...พี่พล ดวงตาที่ฉายแววดูถูกเหยียดหยาม ปากบางยกเหยียดเยาะเย้ย

“ใช่แล้วครับน้องปอนด์...คน ที่ทำเรื่องอย่างนี้ลงไปได้ ช่างเป็นคนที่น่ารังเกียจจริงๆ คนจำพวกนี้ไม่ควรได้เงยหน้าอ้าปากอยู่บนโลกนี้ด้วยซ้ำ”

“อ้าาาาาาาากกกกกก!!!”

ดวงตาสีดำสนิทลืมผึง ปากร้องโวยวายอย่างไร้สติ ตัวเด้งขึ้นจากนอนเป็นนั่ง มือขวายกขึ้นเหมือนจะคว้า...อะไรซักอย่างที่หลุดลอยไปโดยไม่มีวันได้กลับคืน มา เหงื่อเม็ดเล็กไหลจากขมับกลิ้งตามโค้งใบหน้ารวมกันเป็นเม็ดใหญ่อยู่ที่ปลาย คางก่อนจะหยดลงบนผ้านวม

‘เขาฝันร้าย…อีกแล้ว’ ยังหายใจหอบไม่หาย อุ้งมือทั้งสองข้างถูกยกขึ้นกุมใบหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน

เขาจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว เขาอยากจบความสัมพันธ์งี่เง่านี้เหลือเกิน นักถ้ำมองคนนี้ไม่ควรจะมีอยู่ในโลกจริงอย่างที่เขาเคยประนาม

เขาเสียใจที่สร้างคนโรคจิตคนนี้ขึ้นมา

จากวันแรกที่เขาได้เจอปอนด์ ...วินาทีแรกที่ได้ยินเสียงร่าเริง วินาทีแรกที่เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าขาวใสกับดวงตากลมโตนั่น เขารู้ตัวทันทีว่า เขาหลงไหลเด็กหนุ่มมาก …มากเหลือเกิน

หลังจากวันที่เกิดอุบัติเหตุ เขามีโอกาสได้รู้จักพูดคุยกับปอนด์เป็นครั้งแรก การทานอาหารสองต่อสองมื้อแรกในวันถัดมา แม้เรื่องที่คุยจะเป็นเพียงเรื่องทั่วไปไม่มีอะไรสลักสำคัญ แต่มันก็ทำให้รู้สึก ...ชอบเด็กหนุ่มมากขึ้นกว่าเดิม

แล้วตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ที่คำว่า...ชอบ ถูกเปลี่ยนเป็น ...รัก

รัก ...รักมากจนกลัวจะสูญเสียไป

รัก ...รักมากจนไม่กล้าสารภาพความผิดใหญ่หลวงที่เคยก่อไว้กับเด็กหนุ่ม

รัก ...จนไม่รู้จะทำอย่างไรดี

...ตอนนี้เขากำลังถูกลงโทษ เมื่อไหร่ความทรมานนี้จะจบลงเสียทีนะ ถ้าเพียงแต่เขากล้าบอก ถ้าเพียงปอนด์จะไม่โกรธเกลียดเขา ไม่ไปจากเขา...

แต่

มันจะง่ายอย่างนั้นเชียวหรือ?

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 :o มีคนชอบแนวโรคจิตด้วย :oni3:จงกลับตัวเป็นคนดีของสังคมเตอะๆๆๆ

playCardPlaYBoy

  • บุคคลทั่วไป
Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
«ตอบ #18 เมื่อ05-04-2008 22:57:50 »

“…ปอนด์”

“…ปอนด์!”

“……”

“ปอนด์!!!”

เฮือก!

เด็กหนุ่มสะดุ้งโหยงกับเสียง ตะโกนดังคับห้องแล็บ มือซ้ายที่ถือถ้วยกระเบื้องปล่อยตกแตกดังเพล้ง เศษแก้วกับสารเคมีกระจายส่งกลิ่นฟุ้ง ห้องที่มีเสียงนักศึกษาคุยจุ๊กจิ๊กอยู่ตลอดเวลาพลันเงียบกริบ สายตาหันมามองต้นเสียงอย่างอยากรู้อยากเห็น เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ห้องทดลองเคมีจึงกลับสู่สภาพปกติ

“ตุ๊ก! เรียกดีๆ ก็ได้นี่นา เราตกใจหมด ดูสิ อุตส่าห์รอต้มตั้งนาน ต้องผสมใหม่อีกแล้วเนี่ย” หันไปเอาเรื่องกับเพื่อนสาวอย่างเซ็งๆ ทำไมแค่ผสมสารไม่กี่ซีซีมันถึงกินเวลาขนาดนี้นะ เดี๋ยวก็ใส่มากเกิน เดี๋ยวก็ใส่น้อยเกิน พอคิดว่าผสมถูกก็ดันไม่ยอมตกตะกอนซะงั้น

“ไม่ต้องมาโทษเราเลยปอนด์ เราเรียกนายตั้งหลายครั้งแล้วก็ไม่เห็นจะได้ยิน ถ้าไม่ตะโกนป่านนี้นายเอาสารเทลงอ่างน้ำไปแล้ว เถอะนะ เททิ้งกับทำตกมันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกน่า! มัวเหม่ออะไรก็ไม่รู้ ตั้งแต่ต้นชั่วโมงแล้ว”

“ขอโทษที พอดีเรามีเรื่องอะไรนิดหน่อยน่ะ” ว่าพลางหยิบถ้วยกระเบื้องใหม่ ตักสารปริมาณตามที่คู่มือบอก

“เกี่ยวกับแฟนเหรอ” มือที่กำลังตักสารเคมีกระตุกจนเกล็ดสีขาวในช้อนตวงหกพรวดลงถ้วยกระเบื้อง เด็กหนุ่มส่ายหัวพร้อมเทส่วนผสมทิ้งอ่างทิ้งของเสียก่อนจะลงมือตักสารจากขวด เริ่มผสมใหม่

“ก็นะ”

“ถามจริงเถอะปอนด์ การมีแฟนนี่มันทรมานขนาดนี้เลยเหรอ หน้าตาเหมือนคนนอนไม่พอมาเป็นอาทิตย์แล้ว เล็คเชอร์ก็จดเละจนอ่านไม่รู้เรื่อง เหมือนคนไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรซักอย่าง” นี่เขาดูแย่ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย

“ก็นะ” ตอบแกนๆไป คว้าขวดน้ำกลั่นเตรียมบีบใส่ถ้วยกระเบื้องบรรจุสารที่ผสมเสร็จถูกต้องตาม อัตราส่วน มีเพื่อนสาวที่ทำเล็บเสร็จตั้งนานแล้วนั่งหมุนเก้าอี้หมุนเล่นรออยู่ข้างๆ

“แฟนปอนด์น่ะ ...พี่พลรึเปล่า”

พรวด!!!

น้ำกลั่นในขวดถูกบีบจนพุ่งกระแทกถ้วยกระเบื้องใบจิ๋ว ปลิวกระเด็นทั้งถ้วยทั้งสารเคมี

“ตุ๊ก!!!” ในใจเด็กหนุ่มตอนนี้ไม่ได้มีเรื่องการทดลองที่ไม่มีวันทำเสร็จอยู่ในหัวแล้ว มันว้าวุ่นเหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่าแอบกินขนมในห้องเรียน ตุ๊กรู้ได้ยังไง รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่

“คิดว่าเราไม่รู้เหรอ อย่าดูถูกลางสังหรณ์ของผู้หญิงสิ” พูดเสร็จก็แย่งถ้วยกระเบื้องจากมือเด็กหนุ่มอย่างหมดความอดทนจะรอ ลงมือผสมให้เองเสร็จสรรพ

“ตุ๊ก ...ไม่รังเกียจเราเหรอ”

“ฮื้อ จะบ้าหรือไง นี่มันสมัยไหนแล้ว เราจะไปรังเกียจทำไม” ปากพูดไปมือบีบน้ำกลั่นคนสารไป ใช้เวลาเร็วไม่น่าเชื่อ เด็กหนุ่มรู้ตัวอีกที ถ้วยกระเบื้องก็ถูกยัดลงตู้ต้มสารเคมีแล้ว

“แล้วยังไงล่ะ ทะเลาะกันเหรอ” มือขาวตกแต่เล็บอย่างสวยงามตามสมัยนิยมพลิกใบรายงานผล ลงมือกรอกข้อมูลให้แทน

“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แค่...เรารู้สึกว่า...พี่เค้ามีความลับกับเราน่ะ... แล้ว...เราก็มีความลับกับพี่เค้าด้วย” เขาไม่รู้จะอธิบายยังไงดี ปมที่ทั้งเขาและพี่พลร่วมมือร่วมใจกันผูก เริ่มจากคนละด้านของเส้นด้าย ตอนนี้มันมาเจอกันตรงกลางในลักษณะพันกันยุ่งเหยิง แค่จะหาปลายด้ายมาแก้ปมยังหาไม่เจอ

“แล้วไง นายคาดหวังอะไรไว้ล่ะ”

“เรา ...อยากให้ระหว่างเราไม่มีความลับต่อกัน อยากให้คบกันแบบ...เป็นตัวตนที่แท้จริงน่ะ” ใช่ เขาเฝ้าอดทนทุกค่ำคืน เฝ้าทรมานทั้งชายหนุ่มทั้งตัวเอง ความสนุกตื่นเต้นที่รู้สึกในวันสองวันแรกมันหายไป แทนที่ด้วยความทรมาน อัดอั้นตันใจ เรื่องมันยุ่งเหยิงจนหาทางแก้ที่ดีที่สุดไม่ได้

ความรู้สึกมันแยกเป็นสองทาง ทางหนึ่งสั่งให้บอกพลไปตามตรง เคลียร์กันไปเลย เรื่องจะได้จบๆเสียที ถึงชายหนุ่มจะโกรธเขาก็ยอมรับได้ ก็เขาเป็นคนก่อเรื่องด้วยส่วนหนึ่งนี่นา แต่..ถ้าเขาบอกออกไปก่อน สิ่งที่เขาเฝ้าทำมาจะสูญเปล่าไปทันที ...ทั้งหมดจะหายวับไปกับอากาศ

เขาจะแพ้พนันครั้งนี้ เดิมพันที่เขาหวัง...ความจริงใจของชายหนุ่ม...เขาจะไม่มีวันได้มันมาตลอดไป


แต่อีกทางหนึ่งมันกระซิบบอก ให้รอ ...รอให้ชายหนุ่มสารภาพออกมา บอกให้เชื่อใจพี่พลของเขา สักวันพี่พลจะต้องมีความกล้าพอที่จะสารภาพสิ่งที่ทำทั้งหมดต่อหน้าเขา แล้วเขาจะยินดีมอบเดิมพันของเขาให้ชายหนุ่ม...หัวใจรักที่ปอนด์จะมอบให้โดย ไม่มีเงื่อนไข

...สักวัน

...เมื่อไหร่ล่ะ


 
“แล้วปอนด์ก็เลยอยากให้พี่พลเป็นฝ่ายบอกก่อนงั้นสิ อยากให้พี่พลแสดงความจริงใจให้เห็น ปอนด์กำลังทดสอบพี่พลอยู่ใช่มั้ย” ทึ่ง อึ้ง กับลางสังหรณ์ของผู้หญิงจริงๆ ตุ๊กพูดเหมือนกับว่าเข้ามานั่งอยู่ในใจเขายังไงยังงั้น

“...ก็นะ” ก้มหน้าตอบอ้อมแอ้ม

ตุ๊กส่งกระดาษรายงานที่เขียน เสร็จเรียบร้อยแล้วให้ปอนด์ เว้นไว้เพียงชื่อกับเลขที่ให้เด็กหนุ่มกรอกก่อนส่ง นัยน์ตากลมโตของสาวน้อยจ้องหน้าโทรมๆของเด็กหนุ่มเป๋ง

“แล้วปอนด์แสดงความจริงใจให้ พี่พลเห็นบ้างรึเปล่าล่ะ ปอนด์ยังไม่ปล่อยวางทิฐิที่มีเลย ปอนด์หวังแต่จะให้พี่พลเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาปอนด์เหรอ ทำไมไม่คิดจะพบกันครึ่งทางบ้างล่ะ ...คนจะรักกันน่ะ มันต้องปรับเข้าหากันทั้งสองฝ่ายนะปอนด์ ถ้าทำอย่างนั้นไม่ได้...ผลที่ออกมาก็รู้ๆกันอยู่”

“นี่เป็นคำเตือนของเพื่อนนะปอนด์ ...ระวังทุกอย่างมันจะสายเกินไป”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++


‘พบกันครึ่งทางอย่างนั้นรึ’

เขาคงจะถือทิฐิอย่างที่เด็ก สาวว่า เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน มัวแต่คิดเรื่องแพ้ชนะ โดยลืมไปว่า เรื่องของความรัก มันเกิดจากความร่วมแรงร่วมใจกันสรรค์สร้างขึ้นของคนสองคน ไม่ใช่การพนันขันแข่งแต่อย่างใด

‘จะต่อให้อีกหน่อยก็แล้วกัน’

++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ประตูห้องคอนโดถูกเปิดขึ้น

ห้องที่มีกลิ่นอายของเจ้าของ ...กลิ่นอายที่ผู้บุกรุกปรารถนาจะดอมดมอยู่แนบกายทั้งยามหลับและยามตื่น

ไม่มีวี่แววของเจ้าของห้อง

ปอนด์ออกไปเรียนแล้ว

...

.....

.......

เช้าวันนี้วิชาเรียนของพลถูก ยกเลิก จึงมีเวลานั่งดื่มกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่ห้องได้นานกว่าทุกวัน ด้วยความเคยชิน จอมอนิเตอร์ที่ต่อสัญญาณจากห้องของปอนด์ถูกเปิดขึ้น ปากบางยกยิ้มกับตัวเอง

รู้ก็รู้ว่าปอนด์ออกไปเรียนแล้ว ยังอุตส่าห์เปิดดูอีก แบบนี้มันหมกมุ่นเกินไปแล้ว

มือหนากดคีย์บอร์ดเลือกภาพ มุมกล้องที่แสดงส่วนต่างๆของห้อง ไล่ตั้งแต่หน้าประตู เคาน์เตอร์สำหรับทานอาหารที่แบ่งส่วนหนึ่งของห้องเป็นครัว ห้องโถงวางโซฟารับแขกชุดใหญ่ทั้งๆที่ไม่เคยมีแขกเข้ามาในห้อง มุมอ่างอาบน้ำให้ห้องน้ำ มุมหน้ากระจกชมวิวบานใหญ่ในห้องนอน ...ที่ที่เด็กหนุ่มถูกเขาสั่งให้นั่งบนโซฟาทำเรื่องน่าอายเป็นประจำ เตียงนอนหลังใหญ่ที่ชายหนุ่มหวังอยากนอนเคียงคู่กับเจ้าของเตียงทุกค่ำคืน

คิดๆไปก็หัวเราะกับตนเองอีก ครา แม้กระทั่งโต๊ะอ่านหนังสือ เขายังอุตส่าห์ติดกล้องเอาไว้เลย ช่วงเวลาที่ได้นั่งดูปอนด์ตั้งใจอ่านหนังสืออย่างขมักเขม้นยามค่ำคืนผ่าน เข้ามาในห้วงความคิด

มือหนากดเลือกมุมกล้องวนไปเรื่อยๆอย่างมันมือ ก่อนจะสะดุดอยู่ที่มุมอ่านหนังสือ

พลกดคีย์บอร์ดซูมภาพอย่างสงสัย

ภาพที่ผ่านการขยายสูงสุด ก็ถึงไม่ค่อยชัดแต่ก็พอมองเห็นรายละเอียด

กระดาษเอสี่สีเหลืองเก่าๆ ตกอยู่ที่พื้นข้างโต๊ะในสภาพที่ถูกพับกลาง กระดาษที่ดูคุ้นตาในความรู้สึกของชายหนุ่ม ...ใบสมัครอะไรซักอย่าง...สามารถเดาได้จากการที่มีภาพถ่ายขนาดหนึ่งนิ้วแปะ อยู่ที่มุมกระดาษ

ร่างสูงคว้ากระเป๋าเรียน ออกจากห้องตนเอง มุ่งหน้าสู่ห้องของเด็กหนุ่มเพื่อคลายความสงสัยทันที

.........

......

...
 
มือหนาที่ถือกระดาษสั่นโดยไม่ได้ตั้งใจ สายตาจับจ้องรูปภาพที่ติดอยู่บนมุมกระดาษเขม็ง

นี่มัน

รูปของเขาเอง รูปที่ถ่ายมาได้สองสามปีแล้ว ลายมือก็ของเขาเอง ต่างจากปัจจุบันตรงที่มันดูเรียบร้อยกว่า

...ใบสมัครเข้าชมรมหนังสือพิมพ์ ตอนที่พลอยู่ปีหนึ่ง…

ชายหนุ่มรู้สึกความเย็นเฉียบ มันไล่ไปตามไขสันหลัง ทั้งๆที่เหงื่อเม็ดใหญ่กำลังผุดขึ้นที่ขมับ ไล่มองรายละเอียดที่ตนเองเป็นคนกรอกในอดีต ที่อยู่ก็คอนโดที่เขาซ่องสุมในปัจจุบัน เบอร์โทรศัพท์ก็เบอร์ที่เขาใช้โทรหาเด็กหนุ่มในคราบของคนโรคจิต

ปอนด์รู้ตัวจริงของเขาแล้ว

ตั้งแต่เมื่อไหร่กันล่ะ

ตั้งแต่ที่เด็กหนุ่มเริ่มโทร หานักถ้ำมอง ตั้งแต่ตอนที่เด็กหนุ่มไม่ยอมให้เขาแตะต้อง หรือ...ตั้งแต่แรกที่เด็กหนุ่มตกลงคบกับเขากัน!!!

…‘พี่จะต้องทำอะไรพิสูจน์ความจริงใจที่มีให้เราเชื่อล่ะ’

…‘ผมคิดว่าพี่พลรู้คำตอบอยู่แล้วครับ’

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ค่ำคืนวนผ่านมาอีกครา พลขับรถมาส่งปอนด์หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จไม่ต่างจากวันอื่นๆ เพียงแต่วันนี้ ทั้งสองดูจะจมอยู่ในโลกส่วนตัวของตนเองมากกว่าที่จะคุยเรื่องสัพเพเหระกัน

“ราตรีสวัสดิ์ครับ พี่พล” ปอนด์ปลดล็อคเข็มขัดนิรภัย ยื่นหน้าแนบริมฝีปากกับแก้มสากเหมือนทุกวัน แต่วันนี้ดูจะอ้อยอิ่งจนเปิดช่องว่างให้อุ้งมืออุ่นใหญ่คว้าท่อนแขนบางไว้ ได้ทัน

“ราตรีสวัสดิ์ครับ น้องปอนด์” เด็กหนุ่มเพิ่งรู้ตัวว่าเสียท่า หลับตาปี๋ยามริมฝีปากบางเคลื่อนเข้ามาใกล้

หากแต่ผิดคาดเล็กน้อย ปากบางอุ่นแนบลงบนหน้าผากของเด็กหนุ่มแทนที่จะเป็นริมฝีปากแดงจัดที่เม้มคอย ปอนด์ลืมตาขึ้นมองหน้าพลอย่างแปลกใจ

“คือ...แค่นี้คงไม่ว่ากันนะครับ” ร่างสูงยิ้มแหะ

“ครับ” ตอบอ้อมแอ้มอย่างเขินๆ บรรยากาศเงียบกริบไปนาน กว่าชายหนุ่มจะพูดขึ้น

“พี่รักปอนด์นะครับ ...ปอนด์ชอบพี่บ้างรึเปล่า ..พี่ยังไม่เคยได้ยินเราพูดคำนั้นเลย บอกให้พี่ชื่นใจหน่อยได้ไหมครับ” ช่างเป็นน้ำเสียงที่เว้าวอนเหลือเกินในความคิดของเด็กหนุ่ม

“ผมก็รักพี่พลครับ” ยังไม่ทันสรรหาคำตอบ ปากก็นำหน้าความคิด ตอบตามความรู้สึกออกไปแล้ว ทันทีที่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป ใบหน้าขาวก็ร้อนผ่าว เลือดสูบฉีดรุนแรงจนผิวแดงเรื่อ ก้มหน้างุดเปิดประตูเตรียมหนี หากแต่เสียงชายหนุ่มที่ดังขึ้นทำให้หยุดชะงัก

“ปอนด์จำได้ไหมครับ ความจริงใจที่พี่จะพิสูจน์ให้เราเห็นน่ะ อีกไม่นานหรอกครับ รอพี่หน่อยนะคนดี”

+++++++++++++++++++++++++++++++++

‘ผมก็รักพี่พลครับ’

คำคำนี้คำเดียวเท่านั้น...ที่อยากได้ยิน

รออีกไม่นานหรอกครับน้องปอนด์ พี่จะจบเรื่องทั้งหมดเร็วๆนี้แหละ

ปากบางยกยิ้มกับตัวเองท่ามกลางความมืดยามค่ำคืน

+++++++++++++++++++++++++++++++++
โพสให้จบภาคแรกวันนี้เลยครับ แต่กั๊กตอนพิเศษไว้ก่อน ค่อยเอามาลงพร้อมภาค2นะครับ :laugh:

playCardPlaYBoy

  • บุคคลทั่วไป
Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
«ตอบ #19 เมื่อ05-04-2008 22:58:47 »

‘ปอนด์จำได้ไหมครับ ความจริงใจที่พี่จะพิสูจน์ให้เราเห็นน่ะ อีกไม่นานหรอกครับ รอพี่หน่อยนะคนดี’

 



 

….

 

……

 

...ใบสมัครหายไปแล้ว

 

...ใบสมัครชมรมหนังสือพิมพ์ของพี่พล ...ที่เขาจงใจทิ้งไว้ข้างโต๊ะหายไปแล้ว

 

ร่างบางถอนหายใจ ...จากที่เห็นทำให้ไม่แปลกใจกับคำพูดของชายหนุ่มเท่าไหร่นัก

 

พี่พลรู้ ว่าเขารู้ความจริงแล้ว โดยที่เขาตั้งใจบอกให้รู้เอง

 

การเดิมพันครั้งใหญ่กำลังจะจบลงแล้ว พี่พลจะทำอะไรต่อไปนะ จะโกรธแค้นที่โดนเขาหลอกลวง หรือพร้อมจะยอมให้อภัยเขากัน

 

เขาอยากเชื่อเต็มหัวใจ ว่าชายหนุ่มจะต้องให้อภัยเขา และแสดงความจริงใจที่เขาหวังมานานออกมาเสียที

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

ที่จอดรถข้างคอนโด ยังคงปรากฏรถยุโรปคันเดิมอยู่ ตั้งแต่เด็กหนุ่มเปิดประตูรถเดินเข้าคอนโดไป ก็ไม่มีวี่แววว่ารถคันนี้จะเคลื่อนไปไหนเลย

 

เจ้าของรถกำลังรอเวลา

 

เวลาที่เหมาะสม ที่เห็นได้จากกล้องทีวีเคลื่อนที่ที่รับสัญญาณโดยตรงจากห้องของเหยื่อชั้น 23

 

...เมื่อถึงตอนนั้น ทุกอย่างจะจบลง

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

ประตูห้องน้ำถูกเปิดขึ้น ไอน้ำร้อนพวยพุ่งออกมา เมื่อกระทบไอเย็นจัดของเครื่องปรับอากาศในห้องนอนก็พลันสลายหายไป ร่างเด็กหนุ่มผิวขาวใสก้าวออกมาในสภาพเพิ่งอาบน้ำเสร็จหมาดๆ ผมดำซอยสั้นตามสมัยเปียกลู่ระแก้มเนียน หยดน้ำกลิ้งไล่จากปลายผมระไปตามส่วนโค้งเว้าด้านหลังคอ แผ่นหลัง จนไปหยุดอยู่ที่บั้นท้ายที่ห่อหุ้มด้วยผ้าขนหนูหลวมๆ ก่อนจะซึมผ่านเนื้อผ้าไป

 

ปอนด์เดินผ่านห้องนอน มุ่งน่าไปยังห้องครัวตามปกติ เปิดตู้เย็นคว้าขวดนมสดเทใส่แก้วใสทรงสูง

 

ระหว่างดื่มนม ตาก็จ้องอ่านหนังสือพิมพ์ที่แม่บ้านวางไว้ให้บนเคาน์เตอร์ทานอาหาร นมอึกแล้วอึกเล่าผ่านไป เห็นภายนอกเพียงลูกกระเดือกบนคอระหงที่เคลื่อนขึ้นลงตามการกลืน

 

พลันเด็กหนุ่มรู้สึกหัวใจ เต้นแรงเร็ว...มันรวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว มือบางปล่อยแก้วนมสดโดยไม่ได้ตั้งใจ แก้วน้ำราคาแพงตกกระทบขอบโต๊ะก่อนจะกระเด็นกลิ้งบนพื้น ของเหลวสีขาวหกรดพื้นซึมลงบนเนื้อพรมเป็นด่างดวง หากเจ้าตัวหาได้สนใจไม่ มือบางทั้งสองข้างยกขึ้นกดหน้าอกซ้ายหนักๆ เหงื่อกาฬไหลพลั่กจากทั่วทุกแห่งบนร่างกายราวกับเพิ่งผ่านการออกกำลังกายแสน สาหัสมา

 

เกิดอะไรขึ้นกับเขา???

 

ปอนด์พยายามพาตัวเองไปให้ถึง ห้องนอน ช่วงเวลาเหมือนจะเป็นนิรันดร์ในความคิดของเด็กหนุ่ม ทั้งๆที่มันเพิ่งผ่านไปได้ไม่นานเท่านั้น ล้มลงนอนบนเตียงอย่างหมดแรง หอบหายใจถี่หนัก เหงื่อยังผุดออกจากร่างกายไม่หยุดหย่อน ทั่วทั้งตัวร้อนผะผ่าวเหมือนมีไฟสุมจากภายใน ร้อนแรงราวกับจะเผาไหม้ให้กลายเป็นจุณ

 

“…อะ” ทันใดนั้นความรู้สึกใหม่ก็ก่อเกิด มือที่กดหน้าอกซ้าย เหมือนไม่ใช่มือตัวเอง มันคลายจากท่ากำหมัดก่อนจะค่อยๆลูบไล้ลงบนแผ่นอกของตนเอง เมื่อสะดุดกับตุ่มไตเล็กทั้งสองข้าง ขนอ่อนที่ท้ายทอยก็ลุกชัน พร้อมกับปากสั่นๆที่เปิดออกเสียงครางกระเส่า

 

“อาาาาา”

 

ความยั้งคิดลดลงฮวบฮาบ มือทั้งสองบีบเคล้นเครื่องประดับชิ้นน้อยจนแดงช้ำ หากไม่สามารถบรรเทาความร้อนรุ่มของร่างกายไปได้ ความไวสัมผัสทั้งหมดดูเหมือนจะไปรวมอยู่ที่กึ่งกลางของร่างกาย

 

มือน้อยกอบกุมแก่นกายของตน เอง ข้างหนึ่งเริ่มเคล้นคลึงส่วนปลายอย่างหนักหน่วง อีกข้างขยับจับขึ้นลงตามสัญชาติญาณเรียกร้อง ปากแดงฉ่ำอ้าหอบหนัก เส้นไหมสีเงินไหลละมุมปากโดยเจ้าตัวไม่คิดจะสนใจ ใบหน้าที่เคยขาวใส บัดนี้แดงก่ำเหมือนลูกเชอรี่สด นัยน์ตาสีราตรีถูกเปลือกตาบางและขนตาเป็นแพหนาบดบังสิ้น

 

ระดับอารมณ์ไต่สูงขึ้น เรื่อยๆ ...เรื่อยๆ...จนกระทั่งระเบิดออกอย่างรุนแรง แผ่นหลังเด็กหนุ่มแอ่นโค้งตามห้วงอารมณ์ ปลดปล่อยหยาดหยดแปดเปื้อนหน้าท้องแบนราบจนหมดสิ้น ปากบางเปิดออกส่งเสียงครางยาวนาน

 

หากแต่ไฟที่ก่อขึ้นในร่างกายยังไม่จบลงง่ายๆ ความต้องการมันเกิดขึ้นโดยไร้จุดสิ้นสุด

 

ท่ามกลางอนุสติรางเลือน ร่างบางบอกตัวเองว่า เขาเสียท่าชายหนุ่มซะแล้ว

 

+++++++++++++++++++++++++++++++

 

ใจเย็นๆ รอให้ผลไม้สุกงอมเต็มที่ แล้วเขาก็จะได้อาหารเลิศรสจากแดนสวรรค์มาลิ้มลอง

 

พลบอกกับตัวเองแบบนั้น นัยน์ตาดำสนิทเปี่ยมด้วยห้วงอารมณ์หฤหรรษ์จับจ้องร่างบางในโทรทัศน์เคลื่อน ที่ เจ้าตัวอยู่ไม่ไกลจากต้นสัญญาณเลย...ห่างกันแค่เพียงประตูกั้นเท่านั้น

 

เด็กหนุ่มเป้าหมายปลดปล่อยไปสองครั้งแล้ว ตอนนี้คงจะเริ่มมีสติรับรู้มากขึ้น

 

ปากบางยกยิ้ม

 

ดูเหมือนแค่การแตะต้องตัวเอง นั้น ไม่ได้ทำให้เหยื่อของเขาพึงพอใจได้เลย ร่างขาวในจอทีวีตะกายหล่นจากเตียงหลังใหญ่ ก่อนจะบังคับแขนขาสั่นๆให้คลานไปข้างเตียง ดึงกล่องเก็บของลับออกมา

 

++++++++++++++++++++++++++++++++

 

ควบคุมมือสั่นเหนียวเหนอะให้ เปิดกล่องอย่างยากลำบาก เขาต้องการเติมเต็มตนเองเหลือเกิน ใจไพล่คิดถึงของเล่นที่เคยใช้เพียงครั้งเดียวตั้งแต่ซื้อมา...แท่งซิลิโคน ...คงจะพอบรรเทาไฟราคะให้มอดดับลงได้บ้าง

 

ทว่า เมื่อเปิดกล่องได้ ความผิดหวังก็ซัดสาดทับถมใส่

 

ของที่เขาซ่อนไว้ทั้งหมดหายไป!!!

 

มีเพียงอย่างเดียวที่ถูกวางราบอยู่ที่ก้นกล่อง...

 

พลันโทรศัพท์เครื่องจิ๋วบน หัวเตียงก็แผดเสียงดังลั่นกระชากเด็กหนุ่มสู่โลกแห่งความเป็นจริง เดาได้ไม่ยากเลยว่าผู้ที่โทรมาในเวลาเหมาะเหม็งขนาดนี้เป็นใคร

 

ลนลานตะกายตัวหยิบโทรศัพท์มาได้ก็กดรับทันที

 

“ถูกใจของขวัญที่ฉันให้มั้ย เด็กน้อย” เสียงทุ้มเยือกเย็นผ่านโสตประสาทตรงเข้าทิ่มแทงจิตใจเด็กหนุ่ม ...ไม่ใช่พี่พล…ชายหนุ่มวางบทบาทตัวเองไว้ที่นักถ้ำมองโรคจิต

 

ปอนด์อ้าปากหอบหายใจอยู่นาน กว่าจะข่มเสียงสั่นๆพูดออกไปได้ “คุณต้องการอะไร”

 

“เธอต่างหากล่ะ ต้องการอะไร หืมม์” ปลายเสียงพูดปนหัวเราะ “เอ้า แตะต้องตัวเองหน่อยสิ”

 

มือสั่นเลอะสัมผัสเหนียว เหนอะหนะก่อนหน้านี้ จับต้องตนเองอีกครั้ง เสียงแหบกระเส่าเปล่งออกมาทันทีที่รู้สึก “อ๊ะ___อ๊า___” ความไวสัมผัสขึ้นสู่ขีดสูงสุด เพียงแตะต้องเบาๆก็กระชากปอนด์ไปถึงจุดหมาย เขาปลดปล่อยเป็นครั้งที่สามแล้ว ...แต่อารมณ์ร้อนร่านไม่ได้ลดลงแม้เศษเสี้ยว

 

“ว่าไง ไม่พอใจใช่มั้ย ต้องการอะไรล่ะ ปอนด์” เสียงจากโทรศัพท์กดดันเขาเหลือเกิน

 

“...ผม...อ๊ะ...ปลดปล่อย...ทรมาณ...อา” เสียงเด็กหนุ่มฟังลนลานไม่ได้ศัพท์ เรียกรอยยิ้มจากปากบางให้เหยียดกว้างขึ้น

 

“อยากปลดปล่อยหรือ?”

 

“...ครับ”

 

“อยากให้ช่วย?”

 

“…ครับ” ทรมาณจนแทบสิ้นสติ เด็กหนุ่มสะอื้นเค้นคอตอบคำถามที่ถามมาอย่างใจเย็น

 

“พูดออกมาสิ”

 

“ผม...ผม ขอโทษ”

 

เสียงจุ๊ปากดังจากปลายสาย

 

“ไม่ใช่ๆ ให้โอกาสใหม่ เอ้าพูดออกมาเร็ว เด็กดี”

 

“ผม...ผม...”

 

“หืม?”

 

“___ช่วยผมด้วย” น้ำตาหยดกลิ้งจากดวงตาที่หลับแน่น

 

“ดีมาก ใช้ของที่อยู่ในกล่องสิ แล้วฉันจะให้รางวัล”

 

มือบางคว้าของที่อยู่ในกล่อง...แถบหนังปิดตาสีดำตัดเย็บอย่างประณีต...บรรจงคาดปิดตาตัวเองอย่างปวดร้าว

 

พี่พลไม่ต้องการให้เขาเห็นตัวจริง...จนถึงขนาดนี้แล้วยังไม่คิดจะบอกความจริง…ทั้งๆที่รู้ว่าเขารู้อยู่แล้วว่านักถ้ำมองเป็นใคร…

 

หยดน้ำใสซึมเล็ดออกจากแถบหนังปิดตา ไหลระไปตามใบหน้า บางส่วนแตะมุมปากเรียกความรู้สึกเค็มปร่าที่ปลายลิ้น

 

“เด็กดี”

 

ปอนด์สะดุ้งโหยงมือบางปล่อย โทรศัพท์หล่นกระทบพื้นพรมอย่างตกใจ เมื่อเสียงทุ้มที่ได้ยิน...มันถูกกระซิบอยู่ข้างหู หาได้ผ่านมาทางโทรศัพท์เหมือนเดิมไม่…เสียงทุ้มที่บอกราตรีสวัสดิ์เขาในรถ ทุกค่ำคืน

 

อุ้งมือหนาใหญ่วางบนศีรษะทุย เปียกชื้น นำให้เขาหันไปทางทิศทางที่ชายหนุ่มต้องการ...มืออุ่นที่เคยคุ้นเหลือเกิน มือที่คอยขยี้ศีรษะเขาเล่นอย่างสนุกสนาน

 

เมื่อนำมายังทิศทางที่ถูกใจ ปอนด์ก็รับรู้ได้ถึงไอร้อนที่แผ่ออกมา กลิ่นกามที่อยู่ด้านหน้าของตนเอง

 

“อ้าปาก”

 

นิ้วโป้งสอดเข้ามุมปากบังคับ ให้ปากแดงชื้นถูกอ้ากว้าง ความร้อนระอุถูกยัดเข้าปากน้อยอย่างไม่ทันตั้งตัว ด้วยความตกใจทำให้หัวทุยถอยหลังหนี หากแต่ไม่สามารถทำได้เนื่องจากมือใหญ่ที่คอยกดแนบจำกัดอิสรภาพ สิ่งที่อยู่ในปากทวีความร้อนมากกว่าเดิม ขนาดเพิ่มขึ้นจากแรงอารมณ์ของเจ้าของ

 

ด้วยความที่เคยเห็นแต่ในสื่อ ไม่เคยลงมือปฏิบัติจริง ทำให้ปอนด์ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป กลิ่นรัญจวนแรงจนแทบสำลัก น้ำลายไหลซึมเปรอะคางอย่างบังคับไม่อยู่ สิ่งที่อยู่ในปากค่อยๆเคลื่อนเข้าออกช้าๆ ก่อนจะเพิ่มความแรงขึ้นเรื่อยๆ อัดเข้ามาจนแสบไปหมดทั้งปากทั้งจมูก เสียงหอบรุนแรงดังมาจากด้านบนของเด็กหนุ่มบ่งว่าผู้บุกรุกใกล้ถึงจุดหมาย แล้ว

 

ของเหลวร้อนขมปร่าทะลักเข้า ลำคอโดยไม่ทันตั้งตัว จะถอยออกหนีก็ทำไม่ได้ อุ้งมือใหญ่บังคับให้รองรับทั้งหมดเข้าไป “กลืนเข้าไปสิ ให้เหมือนที่เธอเคยพูดไง” เด็กหนุ่มฝืนใจกลืนรสขมตามคำสั่ง ลูกกระเดือกเลื่อนขึ้นลงตามจังหวะการกลืน ความร้อนไล่จากปากลงไปถึงกระเพาะ ยังไม่ทันตั้งตัวดี ความแข็งแกร่งก็ถูกถอนออกจากปากรวดเร็ว ก่อนที่จะถูกหิ้วปีกให้ลุกจากพื้นโยนตัวลงบนเตียงหลังใหญ่

 

จากตาที่ถูกปิดสนิทเห็นเพียง ความดำมืด ปอนด์รู้สึกได้ถึงน้ำหนักข้างตัวที่กดลงบนเตียงสปริง แม้ไม่เคยมีประสบการณ์ตรงก็พอเดาได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป เขากำลังจะถูกข่มขืน! ความหวาดกลัวบดบังอารมณ์ร่านร้อนให้มอดดับชั่วขณะ ขาบางทั้งสองยันตัวหนีร่างใหญ่ข้างตัวอย่างไม่รู้ทิศทาง เขารู้เพียงว่าเขาต้องหนี!

 

ความหวังริบหรี่พังทลายเมื่อหลังเปลือยเปล่านาบชนกับหัวเตียง ...

 

ขาทั้งสองข้างถูกมือใหญ่ดึง รวบไว้ พอยกแขนปัดป่าย มืออีกข้างก็เข้าช่วงชิงอิสระทันที รู้สึกถึงน้ำหนักที่กดคร่อมตัวเขาไว้มิดชิด ไร้ทางหนีอีกต่อไป

 

ชายหนุ่มตรึงช่วงล่างเขาไว้ ด้วยน้ำหนักตัว มือที่ว่างงานก็เข้าเล้าโลมลูบไล้ไปเรื่อย ตั้งแต่ใบหน้าที่ถูกบดบังนัยน์ตาด้วยสายคาดหนัง ไล่ไปตามช่วงคอระหง ลงมาถึงแผ่นอกตึงแน่นมันวาวด้วยเม็ดเหงื่อ ปลายนิ้วบดขยี้ยอดอกรุนแรง อารมณ์ที่ถูกสะกดไว้พลุ่งพล่านขึ้นมาใหม่ ส่วนไวความรู้สึกแข็งขึงขึ้นสู้ปลายนิ้ว เจ้าของครางกระเส่ายาวนาน สติสัมปชัญญะหลุดลอยอย่างง่ายดาย

 

“อา~” เสียงถูกเปล่งออกจากกลีบปากแดงอิ่มเร่งอารมณ์ชายหนุ่มให้ไต่ระดับขึ้นสูง มือใหญ่ละจากยอดอก ลูบลงมาถึงหน้าท้องแบนราบอุดมด้วยกล้ามเนื้อพอเหมาะ ไล่ลงมาเรื่อยๆ ...เรื่อยๆ

 

“อ๊ะ...อ๊าาาาา” ทันทีที่อุ้งมือกำแก่นกายร้อนจัด หยาดชีวิตของร่างบางก็พร่างพรู เหนียวเหนอะมือใหญ่ หยดลงสู่หน้าท้อง เลอะซ้ำรอยเดิมที่ปลดปล่อยไว้ก่อนหน้านี้

 

ปอนด์หอบถี่อย่างเหน็ด เหนื่อย เขาปลดปล่อยเป็นครั้งที่สี่แล้ว ความอ่อนเพลียรุมเร้าร่างกายและจิตใจ หากเด็กหนุ่มรู้ดี พี่พลไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆแน่นอน

 

เรียวขาสองข้างถูกแยกออกเผยให้เห็นทุกซอกทุกมุม อารมณ์ที่เพิ่งถึงขีดสุดไปปะทุขึ้นมาอีกครา ดูเหมือนความต้องการจะไร้ที่สิ้นสุด

 

ร่างบางสะดุ้งเฮือก รู้สึกถึงนิ้วแกร่งวนเวียนอยู่ที่ช่องทางด้านหลัง สถานที่ที่ไม่เคยให้ใครแตะต้องมาก่อนนอกจากตนเอง ความรู้สึกในการถูกสัมผัสช่างต่างกับการปลอบใจตัวเองลิบลับ ขนอ่อนทั่วกายลุกชันอย่างห้ามไม่อยู่ นิ้วของชายหนุ่มวนเวียนไปมาเป็นวงกลม ไม่มีท่าทีจะทำอะไรต่อมากกว่านี้ เหมือนจะยั่วให้เขาตายทั้งเป็น

 

ปอนด์สะอื้นฮัก เว้าวอนอย่างไร้ทางสู้ “พี่...พี่พล...อ๊ะ...ช่วย...ช่วยผมด้วย...อ๊า” ฉับพลันนิ้วใหญ่ก็สอดทะลวงเข้าช่องทางที่ปิดสนิทไร้การเตรียมพร้อมเรียก เสียงกรีดร้องตกใจจากเด็กหนุ่ม เสียงหัวเราะเยือกดังอยู่ข้างหู “ใครกันหรือครับ พี่พลน่ะ?” จนถึงป่านนี้ ชายหนุ่มก็ยังไม่ยอมรับ น้ำตาไหลทะลักราวทำนบแตก แฉะเปื้อนสายหนังเลอะซึมออกมาจนนองใบหน้า

 

นิ้วแกร่งถูกถอนออกเพียงครี่ งก่อนจะสอดย้ำช่องทางเดิม กระตุ้นเร้าให้แผ่นหลังร่างบางแอ่นโค้งขึ้นจากเตียง แก่นกายด้านหน้าแข็งขึงร้อนผ่าวราวกับจะระเบิด นิ้วที่สองถูกสอดเข้าเพิ่มพร้อมสัมผัสเปียกลื่น เสียงเฉอะแฉะน่าอายดังประสานเสียงครางปนหอบในห้องนอนกว้าง

 

เมื่อเห็นว่าพร้อมดีแล้ว ขาทั้งสองข้างจึงถูกยกขึ้นพาดไหล่แกร่ง สะโพกลอยสูงขึ้นจากเตียง ความใหญ่ร้อนถูกจ่ออยู่ที่ช่องทางคับแคบก่อนจะค่อยๆสอดใส่สนองความต้องการ

 

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

“อา... พอ...พอแล้ว... ขอร้องล่ะครับ” ปอนด์ปลดปล่อยเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ รู้แค่เพียงเขาจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว แม้อารมณ์ปรารถนาจะไม่ยอมสงบลงง่ายๆ หากร่างกายมันถึงขีดจำกัดแล้ว เด็กหนุ่มทำได้เพียงสะอื้นอ้อนวอนขอความเมตตา

 

แต่ร่างที่กอดก่ายอยู่ด้าน หลังเขาไม่มีทีท่าจะหยุดมือเลย มือใหญ่ยังคงกระชับแก่นกายเด็กหนุ่มแน่น ขยับไปมาอย่างสนุกสนาน ความร้อนระอุที่กดอยู่ที่แผ่นหลังเขาแข็งขึงขึ้นอีกครา มือหนาเลื่อนมาจับที่สะโพกบาง ยกขึ้นจนลอยก่อนจะค่อยๆวางลงบนความใหญ่โตที่รออยู่ด้านล่าง


 

“ขยับเองเป็นรึเปล่า ปอนด์ แบบที่สอนเมื่อกี้ไง อา นั่นแหละ เด็กดี” ขยับอย่างอ่อนแรง ทรงตัวอยู่ได้ด้วยมือแกร่งทั้งสองข้างที่คอยพยุงตัวไว้ไม่ให้ล้มลง ร่างใหญ่ด้านหลังให้รางวัลโดยการสวนกระแทกอย่างแรง ช่องทางคับแน่นรับเอาความใหญ่โตเข้าไปจนสุดจังหวะเดียวกับที่เด็กหนุ่มกรีด ร้องขึ้น หากแต่เป็นเสียงกรีดร้องที่แหบแห้งเหมือนคนขาดน้ำในทะเลทราย ร่างที่อยู่ด้านหลังขยับรวดเร็วรุนแรง เด็กหนุ่มที่นั่งคร่อมบนตักโงนไปเงนมาก่อนจะถูกโยนลงบนเตียงให้อยู่ในท่า คลานสี่ขาทั้งที่ความร้อนยังคาอยู่ในช่องทางแคบ หนั่นเนื้อทั้งสองถูกมือใหญ่แยกออก เปิดช่องทางให้ถูกบุกรุกง่ายกว่าเดิม ชายหนุ่มละเลงเพลงรักอย่างไม่ยั้งมือ จังหวะถูกเร่งให้เร็วขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขีดสูงสุดก็ระเบิดพร่างพราย พร้อมๆกับสติที่ขาดหายไป...

 

+++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

นัยน์ตาดำกระตุกเบิกโพลงขึ้นอยากตกใจ เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดพรายตามไรผม ทั้งๆที่ห้องทั้งห้องเย็นเยียบด้วยเครื่องปรับอากาศ

 

ปอนด์ลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ตาบวมช้ำจากการร้องไห้หลายต่อหลายครั้ง คอเจ็บไปหมดจากการกรีดร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่า รู้สึกเมื่อยล้าไปหมดทั้งตัว สะโพกไร้เรี่ยวแรงจะขยับ มองสำรวจตัวเองพบว่าร่องรอยจากการร่วมรักเมื่อคืนปรากฏอยู่เต็มไปหมดเน้น หนักที่ส่วนอกและด้านในของขาอ่อน หากแต่ไม่มีสัมผัสเหนียวเหนอะเพียงสักนิด...ชายหนุ่มคงจะเช็ดตัวให้เขาหลัง จากสลบไป

 

แต่...เมื่อขยับขาก็รู้สึก ถึงอะไรบางอย่างกำลังไหลออกจากช่องทางด้านหลัง หน้าขาวแดงเรื่อร้อนผะผ่าวเมื่อก้มลงไปพบว่าเป็นของเหลวสีขาวขุ่นไหลนองจน เปื้อนผ้าปูที่นอนเนื้อดี

 

มองไปด้านข้างไม่พบใครที่หวังจะพบบนเตียงหลังใหญ่ ลองนาบมือลงบนพื้นเตียงหาไออุ่นทว่า...

 

...เย็น…

 

พลคงลุกไปนานแล้ว

 

เหลือบมองไปทางเครื่องส่งสัญญาณกล้อง ภาวนาให้ไม่เป็นอย่างที่คิด หากแต่มันก็เป็นไปแล้ว

 

เครื่องส่งสัญญาณถูกถอดออกไปแล้ว พร้อมๆกับกล้องในห้องนอน

 

ไม่เหลืออะไรไว้เลย ไม่มีหลักฐานว่าครั้งหนึ่งเขาเคยถูกเฝ้ามอง ถูกระรานด้วยเจ้าของกลัองเหล่านั้น

 

ร่างบางล้มนอนบนเตียง แขนบางทาบพาดปิดตาทั้งสองข้างไว้ ปล่อยให้น้ำตาไหลเงียบๆ หยดแล้วหยดเล่า จนเปียกชุ่มใบหน้า ...ทั้งๆที่คิดว่าเมื่อคืนร้องไห้จนไม่มีน้ำตาเหลือแล้วซะอีก

 

เขาแพ้พนัน...ที่หวังไว้ว่าชายหนุ่มพร้อมจะมอบความจริงใจที่มีให้แก่เขา

 

 

เขาถูกลงโทษ...ด้วยความผิดที่หลอกลวงกลั่นแกล้งชายหนุ่มมานาน

 

เขาผิดหวัง ที่คิดว่าชายหนุ่มพร้อมจะให้อภัยเขา..เหมือนที่เขาให้อภัย

 

‘พี่รักปอนด์นะครับ...ปอนด์ชอบพี่บ้างรึเปล่า...’

 

เสียงกระซิบแหบพร่า เบาจนแทบไม่ได้ยิน “ผม...รักพี่พลครับ”

 

++++++++++++++++++++++++++++++

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
« ตอบ #19 เมื่อ: 05-04-2008 22:58:47 »





playCardPlaYBoy

  • บุคคลทั่วไป
Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
«ตอบ #20 เมื่อ05-04-2008 23:00:33 »

...พี่พลไปแล้ว...

ร่างบางนอนขดอยู่บนเตียงมี ผ้านวมคลุมตัวหวังจะลืมโลกภายนอก ตัวสั่นสะอื้นอย่างอั้นไม่อยู่ ความผิดหวัง ความเศร้าถาโถมใส่ไม่บันยะบันยัง

...พี่พล...



พลันเด็กหนุ่มชะงักงัน ความอบอุ่นถูกกอดแนบจากด้านหลัง กอดทั้งๆที่ยังซุกตัวอยู่ในผ้านวม

ความอบอุ่นที่โหยหา...เรียกให้ร่างบางสะอื้นฮักมากกว่าเดิม เด็กหนุ่มหอบจนตัวโยน ส่งผลให้อ้อมกอดโอบกระชับมากขึ้นกว่าเดิม

“ร้องไห้ทำไมครับ” เสียงทุ้มเหมือนเมื่อคืนไม่ผิดเพี้ยน หากเต็มไปด้วยความอ่อนโยน

“ผม...ผม คิดว่าคุณ...” สะอื้นแรงจนไม่อาจกล่าวต่อไปจนเต็มประโยคได้ ชายหนุ่มจึงต่อให้แทน

“คิดว่าพี่ไม่อยู่แล้วเหรอ?” ร่างในผ้านวมพยักหน้าให้คนภายนอกรับรู้

“คิดว่าพี่โกรธ เกลียดปอนด์ คิดว่าพี่แก้แค้นปอนด์เหรอ” พยักหน้าอีกรอบพลางพยายามก่ายผ้านวมออกเพื่อเหลียวมองหน้าคนด้านหลัง แต่อ้อมกอดยังกระชับแน่นจนกระดิกไปไหนไม่ได้

เจ้าของอ้อมกอดทอดถอนใจ “…พี่จะทำอย่างนั้นได้ยังไง ในเมื่อพี่...รักเราขนาดนี้”

“แล้ว...ทำไม...เมื่อคืน” ความคิดยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแต่หัวใจเจ้ากรรมดันพองฟูเต็มที่เสียแล้ว

“พี่ขอโทษที่ทำรุนแรง ขอเป็นครั้งสุดท้าย...ครั้งสุดท้ายจริงๆครับ ขอให้เขาได้สมปรารถนา...แล้วคนคนนั้นก็จะหายไปจากชีวิตน้องปอนด์แล้ว ขอโทษที่ทำให้น้องปอนด์เสียใจ พี่ขอโทษ”

“…”

“โกรธพี่รึเปล่า?” เด็กหนุ่มพยักหน้า …แต่แม้จะโกรธ เขาให้อภัยได้...ก็เขาก็มีส่วนผิดนี่นา

“เกลียดพี่มั้ย?” ส่ายหน้ายิก

“ยกโทษให้พี่ได้มั้ย?” ไร้คำตอบ

“พี่ขอโทษจริงๆ จะไม่ยกโทษให้พี่เลยหรือครับ เราจะยังคบกันต่อไปใช่มั้ยครับ คนดี”

“….”

“…ว่าอะไรนะครับ” ร่างในผ้านวมส่งเสียงอู้อี้ เรียกให้ชายหนุ่มต้องแนบหูเข้าฟัง

“...สัญญา” เสียงอู้แค่พอฟังได้เป็นคำ กระตุ้นให้สมองทำงานหนัก

“อ๋อ~” เสียงทุ้มลากยาวเมื่อเข้าใจคำท้วง ปล่อยร่างที่ถูกพันธนาการไว้ในอ้อมกอดอย่างง่ายดาย พยุงตัวเด็กหนุ่มให้นั่งกอดเข่าพิงหัวเตียง มีผ้านวมคลุมโปงโผล่เพียงใบหน้าขาวเปรอะน้ำตาออกมามองโลกภายนอก นิ้วใหญ่บรรจงเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน

“โอเคครับ พี่จะสารภาพเดี๋ยวนี้แหละครับ” รวบรวมความกล้าอยู่พักใหญ่

“พี่เองแหละ...เป็นคนแอบเฝ้า มองเรามาตลอด พี่เองที่เป็นคนโทรหา...ให้เรา...เอ่อ...ให้ทำ...ง่า...อะนะ” เกาท้ายทอยแกรกๆ มองหน้าเด็กหนุ่มที่เริ่มแดงก่ำ ถอยตัวเตรียมซุกผ้านวมอีกรอบ หากแต่ชายหนุ่มไม่ยอมให้ทำอย่างนั้น มือใหญ่เอื้อมกุมใบหน้าเด็กหนุ่มก่อนที่จะฝังตัวหลบได้ทัน ตาจ้องตา เงียบอยู่นานสองนาน

“รังเกียจพี่รึเปล่า ที่พี่...เป็นคนโรคจิต” ส่ายหน้าแรงๆยกหนึ่ง จะรังเกียจได้ไง เขาออกจะ...ชอบ

“ทีนี้...ยกโทษให้พี่ได้รึ ยังครับ” ทนสายตาแน่วแน่จริงจังที่ส่งมาไม่ได้จนต้องหลบตา แทนที่คำถามด้วยคำถาม…สิ่งที่คาใจอยู่นานถูกถามออกมาโดยไม่ได้สนใจบรรยากาศ หวานฉ่ำ

“พี่พล...แอบดูคนอื่นนอกจากผมรึเปล่า”

“…”

“เอ่อ...ว่าไงดีล่ะ” จะว่าไปก็มีแฮะ กล้องที่ติดไว้ที่ห้องน้ำมหาวิทยาลัย นานจนเจ้าตัวยังลืม

“...ทิ้ง” เสียงอ้อมแอ้ม

“ครับ?”

“ทิ้งไปให้หมด เลิกถ้ำมอง ต่อไปนี้ มองแต่ผมคนเดียว ผ่านตาของพี่พล ไม่ต้องผ่านเครื่องมืออะไรทั้งนั้น...แค่นี้ทำได้มั้ยครับ?” นัยน์ตาดำใสมองตรงสบตาชายหนุ่มคาดคั้นเอาคำตอบ

“ได้ครับ ทีนี้ยกโทษให้พี่ได้รึยัง” ไม่มีปัญหา เขาตั้งใจจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะต้องแอบมองอยู่ห่างๆแล้วนี่นา

“รูปถ่าย เทปบันทึกทั้งหมด อุปกรณ์ที่มีอยู่ ทิ้งไปให้หมดด้วย” พลเหงื่อตกคิดหนัก ของอื่นๆน่ะช่างมันเถอะ...แล้วปอนด์คอลเลคชั่นของเขาล่ะ

เหมือนจะรู้ทัน เสียงใสเข้มๆกล่าวดักคอ “ไฟล์ของผมทั้งหมด รูปถ่าย เทปอัดเสียง ทิ้งไปให้หมดด้วย อย่าให้เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว เท่านี้ทำได้มั้ยครับ”

กัดฟันเค้นคอตอบยากเย็น “...ครับ ยกโทษให้พี่ได้รึยัง” คงไม่รวมถึงของเมื่อคืนหรอกน่า ขอเก็บไว้เป็นที่ระลึกซักอย่างเถอะ! พลหมายถึงเทปที่ตั้งอัดไว้เมื่อคืน อนุสรณ์ครั้งแรกของเขากับน้องปอนด์ ฉากที่บรรจงวัดมุมจัดท่าแบบเห็นชัดเห็นลึกไม่มีตกหล่น แถมยังอัพเกรดดีกรีความเร้าใจด้วยสายหนังปิดตา เพิ่มความเซ็กซี่ขึ้นเป็นกอง

“เทปเมื่อคืนด้วยนะครับ” อ่านใจได้หรือไงฟะเนี่ย!!!!

ความเสียดายล้นปรี่ ตอบไปน้ำตาตกในไป “...ครับ” ลาก่อนคอลเลคชั่นลูกพ่อ

“โอเคครับ” คำตอบที่เรียกให้พลต้องเงยหน้าขึ้นสบตาปอนด์ ใบหน้าที่ดูกระจ่างใสกว่าเดิมมากมาย นัยน์ตาดำทอความสุขประกาย “ผมยกโทษให้พี่”

ทันทีที่จบคำพลรวบร่างบางกอดแนบอกอย่างมีความสุข “ขอบคุณน้องปอนด์มากครับ ขอบคุณ พี่รักปอนด์ที่สุด”

...ใจพลันนึกขึ้นได้...ยัง เหลืออีกอย่างที่เขาหวังไว้...สิ่งที่เขายังไม่ได้ทำแม้ในคืนเร่าร้อนที่ ผ่านมา...สิ่งที่เขาไม่ทำ ถ้าเจ้าตัวไม่อณุญาต

ชายหนุ่มผลักร่างบางที่กำลังจะกอดตอบออกจนสุดแขน จ้องหน้างงๆของเด็กหนุ่มเป๋ง เอ่ยคำขอที่ถูกปฏิเสธมาหลายครั้งหลายครา

“ขอพี่...จูบปอนด์ได้มั้ยครับ แบบ...เอ่อ...จูบที่ปากน่ะ พร้อมรึยังครับ”

ริมฝีปากแดงอิ่มยิ้มกว้างยื่นหน้าประทับจุมพิตหอมหวานลงบนปากบาง...อ้อยอิ่ง...เนิ่นนาน…

……

….



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
THE END

<<แถม>>

“ว่าแต่เมื่อเช้าพี่พลไปไหน” ปอนด์เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่นั่งโอบเขาแนบอกกว้างอยู่บนเตียงหลังจาก กิจกรรมหนักหน่วงเริ่มบรรเลงต่อจากเช้าถึงบ่าย เพิ่งมีเวลาได้หายใจหายคอ

“หืม” เหมือนพลจะไม่ได้ตั้งใจฟังเท่าไรนัก ใจยังหมกมุ่นอยู่กับผิวเนียนใต้ฝ่ามือ จนเด็กหนุ่มต้องลงมือหยิกให้สะดุ้งแล้วถามซ้ำอีกครั้งหนึ่ง

“พี่ก็...ไปถอดกล้องในห้อง น้ำทิ้งไงครับ ตอนแรกก็เริ่มถอดในห้องนอนก่อน แต่เห็นเราไม่ตื่นซักที เลยว่าจะถอดไล่ไปเรื่อยๆจนกว่าจะตื่น กลับมาอีกทีก็เจอเด็กขี้แยนอนคลุมโปงร้องไห้แล้ว โอ๊ย” หัวทุยกระแทกขึ้นบนจนดันคางเขียวๆให้กัดลิ้นตัวเองอย่างแรง

“แล้วตอนนี้ถอดออกหมดรึยังครับ”

ลูบคางป้อยๆ ตอบคำถามแต่โดยดี “เหลืออีกแค่สองตัวจะเสร็จแล้ว ทำไมครับ นึกเสียดายใช่มั้ย พี่ติดให้ใหม่ก็ได้นะ” ตอบกวนทั้งๆที่รู้ว่าต้องเจ็บตัว สะบัดมือจากการถูกหยิกเร่าๆ ...เจ้าปีศาจน้อยของเขานี่พิษร้ายรอบตัวจริงๆแฮะ

“อีกสองตัวใช่มั้ยครับ ดีเลย ไปถอดออกให้หมดนะครับ ผมจะไปทำอาหาร ถ้าถอดไม่เสร็จก็ไม่ต้องกิน”

“คร้าบ~ เจ้านาย”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

>>แถมอีกนิด<<

ผ้าม่านผืนหนาหนักทึบแสงที่ ไม่ได้ปิดมานานนับเดือน วันนี้มันถูกรูดปิดหมดแล้ว ปิดจนไม่สามารถมองเห็นห้องนอนของเด็กหนุ่มที่เขานั่งมองมานานวันได้เลย

ทั้งๆที่มั่นใจแล้วแท้ๆ ว่าเด็กหนุ่มนิรนามคนนั้นตั้งใจทำให้เขาดู ...เขาเพียงคนเดียวเท่านั้น

เขาอุตส่าห์ลงทุนอดข้าวอดน้ำซื้อกล้องส่องทางไกลรุ่นใหม่ล่าสุดที่หน่วยสอดแนมใช้กัน...เพื่อจะได้มองได้เต็มตาแท้ๆเชียว

แต่เมื่อคืน ไอ้ผู้ชายบ้าที่ไหนก็ไม่รู้ดันบุกเข้ามาในห้องหนุ่มน้อยของเขาซะได้ แถมยังลงมือลวนลามเทวดาน้อยสุดที่รักของเขาซะอีก

.....

……

...แต่ดูๆไปมันก็ให้อารมณ์ดีเหมือนกัน

เช้านี้เขาเลยลงทุนหยุดงาน ลงมือสอดแนมราชการลับต่อไป

งอนง้อกันได้สักพัก บทรักก็บรรเลงต่อไปอีกหลายชั่วโมง

เขาอดข้าวเพื่อชาติ นั่งตาโปนถือกล้องส่องทางไกลจนรู้สึกว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายไปแล้ว

แล้วยังไง!!!

ตอนบ่ายแดดจัด ผ้าม่านที่ไม่ได้ปิดมานานก็ถูกรูดปิด

แถมเจ้าหนุ่มนั่นดูเหมือนจะรู้ตัวซะอีก...ผ้าม่านมันไม่ได้เปิดขึ้นอีกเลยนับแต่วันนั้น





แล้วต่อไปนี้เขาจะดูใครล่ะ!!??

แล้วกล้องส่องทางไกลราคาเฉียดแสนนี้ล่ะ!!??

เครียดโว้ยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++
จบละ :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
รอตอนพิเศาเอานะ ไอ้คนที่เพิ่งโผล่มาอ่ะ ภาค2บอกไว้ก่อนไปอ่านหนังสือสอบต่อละ :oni2:

playCardPlaYBoy

  • บุคคลทั่วไป
Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
«ตอบ #21 เมื่อ05-04-2008 23:04:09 »

ผมเป็นคนโรคจิต ตอนพิเศษ รัก...รักมากที่สุด :L2:
เอาตอนพิเศษมาให้เลย+ตอนที่1ของภาค2 o7แต่ทำยังงัยอ่ะเปลี่ยนหัวข้อเรื่องม่ะเป็นอ่ะ
**************************
เสียงหอบหายใจดังประสาน ไอร้อนจากอุณหภูมิกายแผ่กว้างทั่วห้องโล่ง เหงื่อชโลมร่างจนมันวาว บางส่วนรวมตัวเป็นหยดน้ำหยดใหญ่ไหลกลิ้งลงบนหนังสีดำสนิทจนเปียกชื้น

เคร้ง!

เสียงเหล็กดังกระทบจากการทำ กิจกรรมหนักหน่วงทำให้รู้สึกมีชีวิตชีวา ชายหนุ่มออกแรงต้นแขนมากกว่าเก่า สายตายังจับจ้องร่างบางที่เผยอปากรับออกซิเจน เขาดูออกว่าปอนด์กำลังเหนื่อยได้ที่ ร่างกายเด็กหนุ่มเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อไม่ต่างจากเขานัก แก้มขาวๆซับสีเลือดจนแดงเรื่อ ผมดำนุ่มสลวยเหมือนขนแมวเปียกระติดท้ายทอย หน้าอกขยับไหวตามจังหวะการหายใจ หลังแอ่นเต็มที่เพื่อผ่อนแรง ท่อนขาขาวเรียวได้สัดส่วนกำลังเหยียดเกร็งจนสั่นไหว กล้ามเนื้อท้องเครียดขมึงยามเจ้าของพยายามยกร่างกายส่วนบนต้านแรงโน้มถ่วง

“ฮ้า~” เสียงหวานน่าฟังดังขึ้นบ่งบอกว่าปอนด์ล้าจนถึงขีดสุดแล้ว เขาจึงหยุดมือผ่อนคลายร่างกายตัวเองบ้าง

ปอนด์คว้าผ้าขนหนูที่วางอยู่ ข้างกาย จับปลายผ้ายกขึ้นซับเหงื่อบริเวณใบหน้า หมุนเปิดฝาขวดน้ำแร่ที่เตรียมไว้ใกล้ตัวออกแนบปากแดงจนชิดขวดเพื่อรองรับ ความสดชื่นเย็นฉ่ำ

“ไหวรึเปล่าครับน้องปอนด์? ไม่ได้ออกแรงมากขนาดนี้มาตั้งนานแล้วนี่ อย่าหักโหมจนเกินไปนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไปเรียนไม่ไหวเอา” พลเคลื่อนตัวนั่งข้างร่างบาง จับปลายผ้าขนหนูที่พาดบนบ่าปอนด์อีกข้างขึ้นเช็ดเหงื่อตามต้นแขนให้ ตาทอดมองหน้าแดงๆของเด็กหนุ่มด้วยความเป็นห่วง

“ผมไม่เป็นไรหรอกครับ พี่พล” พวงแก้มร้อนผ่าวยามมองชายหนุ่มนำปลายผ้าผืนเดิมส่วนที่เพิ่งซับเหงื่อ จากร่างกายของเขาขึ้นแนบจมูกสูดดมกลิ่นเต็มปอด

“พี่พลต่อเลยก็ได้ครับ ไม่ต้องห่วงผมหรอก ซักพักคงจะดีขึ้น” เขารู้ ชายหนุ่มไม่ได้ใช้แรงมากขนาดนี้มานานแล้ว ช่วงหลังนี้เขาพรากเวลาของร่างสูงไปหมดกับการนั่งติวหนังสือที่ห้องสมุด มหาวิทยาลัย ร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อคงจะอยากใช้พลังงานให้เต็มที่สมกับที่ได้ปลด ปล่อยซักที

“แน่ใจเหรอ ท่าทางเรายังเหนื่อยมากอยู่เลยนะ พี่ไม่อยากล่วงหน้าไปคนเดียว” ถึงเขาจะอยากหักโหมให้สมอยาก แต่อีกใจก็นึกห่วงเด็กหนุ่ม ปอนด์บอบบางกว่าเขาเยอะ แค่ออกแรงนิดเดียวก็ไม่ไหวแล้ว ถ้าเป็นอะไรไปเขาคงรู้สึกผิดน่าดู...ก็เขาเป็นคนชวนนี่นา ถึงร่างบางจะยินยอมพร้อมใจด้วยก็เถอะ

“ไม่เป็นไรจริงๆครับ เห็นมั้ย ผมหอบน้อยลงตั้งเยอะแล้ว พี่พลเล่นต่อเลยเถอะครับ เดี๋ยวจะดึกเกินไป ยังไม่ได้กินข้าวเลยด้วย” เมื่อปอนด์ยืนยันอย่างนั้นจริงๆ เขาก็คงไม่ขัด ยันตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง รับขวดน้ำจากเด็กหนุ่มมากรอกดื่มไม่กี่อึกก็ส่งกลับคืน

“’งั้นพี่ไปก่อนนะ เดี๋ยวปอนด์ค่อยตามมาก็แล้วกัน”


 
 “ครับ” นัยน์ตาดำใต้ขนตาหนามองตามร่างสูงเต็มไปด้วยมัดกล้ามเดินไปยังเครื่องยกน้ำหนักเครื่องเก่า

เฮ้อ สงสัยเขาจะเอาแต่เรียนจริงๆ ซิทอัพแค่ไม่กี่ทีก็เหนื่อยหอบขนาดนี้ซะแล้ว ลำบากพี่พลต้องคอยเป็นห่วงอีก

แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าที่ได้มา อย่างน้อยพวกเขาสองคนก็จะได้มีประสบการณ์ร่วมกันในหลายๆเรื่อง สายตาเฝ้ามองชายหนุ่มไม่กระพริบ

ท่อนแขนใหญ่กับต้นแขนที่โผล่ พ้นขอบเสื้อกล้ามเว้าลึกคู่นี้แหละที่คอยตระคองกอดเขาแนบอกยามนอนเคียงข้าง อกแน่นตึงที่เขาชอบซุกหนีความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ท่อนขาแข็งแรงพร้อมจะเดินยามโอบอุ้มเขาเข้าห้องน้ำล้างคราบไคลจากกิจกรรมยาม ดึก ทั้งยังสะโพกหนาที่...

นึกไปนึกมาก็วกเข้าเรื่องนี้ อีกจนได้ นี่เขาหมกมุ่นมากเกินไปรึเปล่านะ หน้าขาวๆรู้สึกร้อนวาบทันทีที่จินตนาการถึงการใช้สะโพกแกร่งของชายหนุ่ม

...พอเถอะ ซิทอัพต่อดีกว่า...

++++++++++++++++++++++++++

“ปอนด์รึเปล่าน่ะ แปลกจังที่มาเจอกันที่นี่ได้ เพิ่งเคยมารึเปล่าเนี่ย” เสียงคุ้นหูเรียกความสนใจจากเด็กหนุ่ม ปอนด์หยุดซิทอัพชั่วคราว หมดแรงจนไม่อยากจะลุกนั่ง ตัวเอนลงนอนแผ่ตามทางลาดของเครื่องออกกำลังกาย สายตาเหลือบขึ้นมองชายหนุ่มที่ยืนค้ำหัวอยู่

“พี่โจ! บังเอิญจัง ไม่ได้เจอหน้าตั้งนาน เป็นไงบ้าง” ปอนด์ยิ้มกว้าง ทักทายชายหนุ่มนามโจอย่างสนิทสนม

“ก็สบายดี ตอนนี้ได้งานประจำแล้ว ปอนด์แหละ เป็นไงบ้าง ได้ข่าวว่าออกมาอยู่คนเดียว นึกยังไงขึ้นมาถึงแยกตัวออกจากกลุ่มพี่สาวได้ล่ะเนี่ย” โจนั่งยองๆให้ระดับสายตาใกล้เคียงกับเด็กหนุ่มพลางถามรัวเร็ว

“ก็นะ...อยากมีชีวิตส่วนตัวน่ะ” ตอบไปตามเรื่องตามราว...เรื่องอะไรจะบอกเหตุผลจริงๆ พี่พลรู้คนเดียวก็พอแล้ว

“แล้วนี่ผอมลงรึเปล่า ทำข้าวกินเองเป็นเหรอ เห็นคุณน้าบ่นเป็นห่วงอยู่บ่อยๆ” คำถามที่ทำให้ปอนด์นึกขึ้นได้ว่า เขาไม่ได้โทรหามารดากว่าครึ่งเดือนแล้ว

“ไม่มีปัญหาหรอกน่า ไม่ต้องเป็นห่วง” ปอนด์ตอบกลั้วหัวเราะ

“ไม่มีปัญหาอะไร” เสียงทุ้มเข้มๆเจือแววไม่พอใจดังอยู่เหนือศีรษะของคนทั้งคู่ คิ้วเข้มขมวดมุ่น ดวงตาดำมืดจ้องแขกไม่ได้รับเชิญเขม็ง

“...พี่พล” เด็กหนุ่มงงตั้งตัวไม่ติด พี่พลอารมณ์เสียอะไร? พลิกตัวขึ้นมาได้ยังไม่ทันเอ่ยปากถาม อุ้งมือใหญ่ก็ตรงเข้าคว้าข้อมือลากออกจากห้องออกกำลังกายโดยไม่ถามความเห็น

“เดี๋ยวสิพี่พล รีบอะไรขนาดนี้ ผมยังไม่ได้ลาพี่โจเลย!” ปอนด์กล่าวท้วงขณะที่พยายามวิ่งตามก้าวยาวๆของชายหนุ่ม

พลไม่ตอบคำถามลากเด็กหนุ่มไปยังห้องอาบน้ำที่แยกเป็นสัดส่วนมิดชิด ปิดประตูล็อคกลอนรวดเร็ว

สายตาดุดันทำเอาร่างบางสั่น เกรง ขาก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัวยิ่งเร่งอารมณ์ของร่างสูงให้เดือดดาลมากขึ้นกว่า เดิม สองมือจับบ่าบางยึดตรึงกับผนังห้องน้ำแน่น ปากบางตรงเข้าจู่โจมซอกคออย่างไม่ให้เด็กหนุ่มได้ตั้งตัว

“พี่พล!” ทั้งกลัวทั้งตกใจ นี่มันที่สาธารณะ ถ้าใครเกิดเข้ามาได้ยินเข้าล่ะ!
 
เหมือนพลจะอ่านใจได้ มือข้างหนึ่งจึงละจากบ่าบางหมุนเปิดก๊อกฝักบัวจนแรงสุด สายน้ำเย็นฉ่ำโปรยปรายทั่วห้อง เสียงน้ำกระทบพื้นดังพอจะกลบเสียงอุทานของร่างบางได้

ทั้งน้ำที่เย็นจนขนลุก ทั้งปากร้อนที่กำลังขบเม้มต้นคอสร้างความตระหนกให้ปอนด์ไม่น้อย มือหนาข้างหนึ่งสอดลึกใต้เสื้อยืดแขนสั้น ลูบไล้แผ่นอกเนียนลื่น เมื่อลากจนเจอยอดอกก็ลงมือหยอกเย้าเรียกเสียงอุทานให้ดังอยู่ที่ริมหู มือที่ยึดบ่าไว้ย้ายมาจับประสานอุ้งมือเล็กแนบกำแพง พลรู้สึกถึงแรงบีบตอบจากมือนุ่มให้สัญญาณว่าปอนด์ก็พร้อมแล้ว

ปากประกบปาก จุมพิตดูดดื่มยาวนาน ลิ้นของพลดุนดันเข้ารุกรานช่องปากร้อน หยอกได้ไม่นานปอนด์ก็สูญสิ้นความยั้งคิด ลิ้นเล็กดันสู้ ฟันหน้าขบลิ้นหนาเบาๆสร้างความสำราญให้แก่ผู้บุกรุก ปากประกบแน่นกว่าเดิม ดูดซับความหอมหวานของกันและกันอย่างตะกละตะกราม ฝ่ามือลูบไล้ทั่วร่างกายไม่มีใครยอมแพ้ใคร เพลิงปรารถนาโหมกระหน่ำรุนแรงจนแทบจะเผาใหม้ทั้งสองให้กลายเป็นจุณ

พลถอนริมฝีปากออกมองปากแดง ช้ำหอบน้อยๆ ใบหน้าของปอนด์แดงเรื่อ ผมที่โดนน้ำจนเปียกชุ่มตกระหน้าผากมน บางปอยยาวจนบังนัยน์ตาร้อนแรงของเด็กหนุ่มไว้ครึ่งๆ

ปีศาจน้อยของเขาหอมหวานจนอยากจะกลืนกินเข้าไปทั้งตัว

ภาพที่เห็นในห้องออกกำลังกาย เมื่อกี้ทำให้พลเดือดปุดด้วยความหวง ผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้นั่งยองๆคุยกับปอนด์ ใบหน้าห่างกันแค่ไม้บรรทัดวาง เด็กหนุ่มดูจะไม่รู้ตัวเลยว่าการนอนแผ่บนทางลาดอย่างนั้นมันทำให้ชายเสื้อ ยืดตกตามแรงโน้มถ่วงเปิดให้เห็นผิวขาวใสให้ชายอื่นได้เชยชม

ปอนด์เป็นของเขา! เขาอยากจะขังเด็กหนุ่มไว้ในโลกของตัวเอง ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์ได้ทอดตามองทั้งนั้น!!

“อ๊ะ!” เด็กหนุ่มรู้สึกถึงความแข็งขึงที่กดลงบนต้นขา ส่วนอ่อนไหวของเขาถูกจู่โจมจนร้อนผ่าว เขากำลังต้องการชายหนุ่มอย่างรุนแรง มือบางเกี่ยวกางเกงขาสั้นของพลออก เผยให้เห็นความเป็นชายตั้งตระหง่าน ขนาดใหญ่โตแม้จะครอบครองมาหลายครั้งแล้วก็ยังไม่ชินสักที ปอนด์กลืนน้ำลาย ใจนึกถึงความสุขสมที่ชายหนุ่มกำลังจะมอบให้เขา ลิ้นแดงเลียริมฝีปากช้ำของตนเองก่อนจะค่อยๆย่อเข่าลดตัวลงครอบครองความแข็ง แกร่งไว้ในปาก

...นับวันปีศาจน้อยของเขาจะ ยิ่งมากชั้นเชิงขึ้นทุกที...การยั่วเย้าหยอกล้อด้วยลิ้นนุ่ม การขบเบาๆให้ขนลุกตีให้อารมณ์ร่านร้อนกระเจิดกระเจิง มือใหญ่กดหัวทุยให้รับทั้งหมดของเขาเข้าไป สะโพกขยับเข้าออกโพรงปากร้อนโดยสัญชาติญาณดิบ เสียงครางอู้อี้ คิ้วเรียวที่ขมวดน้อยๆ อีกทั้งยังเปลือกตาที่ปิดสนิทเร่งให้เขาตะเกียกตะกายไปยังสรวงสวรรค์ เด็กหนุ่มถอนปากออกทันอย่างรู้จังหวะ ของเหลวขาวขุ่นฉีดรดเปรอะพวงแก้มก่อนจะไหลเป็นทางตามกระแสน้ำพัดพาของฝักบัว เหลือบมองความร้อนที่ยังไม่ได้ปลดปล่อยของเด็กหนุ่มก็เกิดความรู้สึกอยากทำ ให้ในอย่างเดียวกัน พลหิ้วปีกร่างบางให้ลุกขึ้นยืนพิงกำแพง ตนเองลงคุกเข่าหวังลิ้มรสความปรารถนาหอมหวาน

มือบางกลับขวางกลั้นปิดปาก ของเขาไว้ทัน เหลือบมองหน้าเจ้าของมือพบว่าปอนด์ก็กำลังทรมาณ ศีรษะทุยสะบัดไปมาอย่างอัดอั้น แต่กลับไม่ยอมให้เขาแตะต้อง

“ผม...อยากไปพร้อมพี่พล” ปอนด์แค่นเสียงปนหอบหายใจ เร่งเร้าให้แก่นกายใหญ่แข็งขึงขึ้นอีกครา

ร่างบอบบางถูกจับหันหลัง สองมือยันต้านกำแพง สะโพกถูกดึงให้ยื่นออกเตรียมรับความแข็งแกร่ง นิ้วใหญ่คว้านวนช่องทางคับแคบยังไม่ทันพร้อมดี เด็กหนุ่มก็หมดความอดทน

“เข้ามาซักที ผมต้องการพี่!” เร็วเท่าคำสั่ง ชายหนุ่มบรรจงเติมเต็มช่องทางอุ่นร้อนแผ่วเบา เสียงครางกระเส่าดังให้ได้ยินเพียงเล็กน้อยจากปากที่ถูกมือน้อยปิดกั้นไว้

มือใหญ่คว้าข้อมือบังคับให้ เปิดปากออกเสียงให้ได้ยินเต็มที่ เสียงอุทานตกใจดังสวนกับสะโพกแกร่งที่สอดเข้าบดขยี้ในคราวเดียว “ขอพี่ฟังเสียงชัดๆหน่อยนะครับ คนดี”

“แต่...” กล่าวอย่างลังเล ถ้าใครได้ยินเข้าล่ะ!?

“ไม่ต้องห่วงหรอก เสียงน้ำดังกลบได้หมดอยู่แล้ว” ปลอบใจจนเด็กหนุ่มคล้อยตามได้ก็เริ่มบรรเลงต่อ เสียงแหบพร่าร้องครางตามการขยับของร่างกาย สะโพกเล็กขยับสู้ จังหวะถูกเร่งขึ้นเรื่อยๆ ทั้งแรงทั้งเร็วจนเกินจะทานทน ปอนด์เงยหน้าแอ่นกายโค้ง เผยอปากเปล่งเสียงครางยาวนานก่อนทุกอย่างจะสิ้นสุดลง

++++++++++++++++++++++++++++++

“ตกลงบอกได้รึยังครับ ว่าอารมณ์เสียเรื่องอะไร” ระหว่างทำความสะอาดร่างกายเด็กหนุ่มก็ลองถามดู

“ก็...”

“ครับ?” ปอนด์ยื่นหน้าเข้าใกล้ ดวงตาใสแจ๋วจ้องมองรอคำตอบ

“หึงน่ะสิครับ” ว่าพลางขโมยจูบฉาบฉวย

“หึง?” คิดอยู่นานค่อยนึกได้ ปอนด์หัวเราะคิกก่อนเฉลย “นั่นพี่โจ ลูกพี่ลูกน้องครับ”

“จะใครก็ช่าง ยังไงก็หึงครับ” เอ่ยเหมือนเด็กน้อยเอาแต่ใจ แขนแกร่งโอบร่างบางกระชับไว้ในอ้อมอกแน่นอย่างหวงแหน

“ตามใจครับ หึงก็หึง” ปอนด์กอดร่างสูงใหญ่ตอบ หน้าซุกอกกว้างอย่างมีความสุข

เป็นครั้งแรกของเขาที่ได้ เห็นพี่พลหึง ให้ความรู้สึกจั๊กจี้ดีชะมัด เอาเถอะ ถึงจะแรงไปหน่อย แต่มันก็ทำให้รับรู้ได้ว่า...พี่พลรักเขา

“พี่พลครับ”

“ครับ?”

“ผมรักพี่นะ” พูดอู้อี้อยู่กับอกหนาอย่างเขินๆเรียกรอยยิ้มกว้างจากชายหนุ่ม

“ขอบคุณครับ รักมากที่สุดครับ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++
-END-

ออฟไลน์ duchess

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
Re: ผมเป็นคนโรคจิต By ลูกหมู
«ตอบ #22 เมื่อ05-04-2008 23:04:42 »

 :m23:

แหะๆ

ชอบแนวถูกคุกคามคับ

อิอิ +++

รอตอนต่อไปอยู่นะคับ

+++  o7

เป็นกำลังใจให้นะคับ

 :bye2:

playCardPlaYBoy

  • บุคคลทั่วไป
ผมเปล่าโรคจิตนะ! 1
.............................................
ลาก่อน...รักครั้งแรกที่ไม่รู้แม้แต่ชื่อเจ้าตัว

เทวดาน้อยจากไปแล้ว ความรักของเขาถูกกีดกันด้วยผ้าม่านผืนหนาเพียงผืนเดียว...ผ้าม่านที่เขาไม่มีสิทธิ์เปิด

เพื่อเตือนใจให้ระลึกถึงเทวดาน้อย ระลึกถึงคืนวันเก่าๆที่เขาเคยได้เฝ้ามองอยู่ห่างๆ...

สิ่งเดียวที่ทำได้...ครั้งแรกและครั้งสุดท้าย ที่เขาตัดสินใจจะทำ...

…สิ่งทิ้งทวนความทรงจำที่อุกอาจที่สุดในชีวิตของเขากำลังจะบังเกิด...

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ทางเดินในคอนโดหรูยามค่ำคืน เงียบสนิท ผู้คนต่างใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่ในห้องของตนเอง ประตูมากมายเรียงรายตามทาง ทุกบานถูกติดเลขห้องไว้ ส่วนมากจะมีป้ายชื่อเจ้าของห้องหรือตู้รับหนังสือพิมพ์แขวนรวมอยู่ด้วย มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่ว่างเปล่าไร้เครื่องหมายใดๆ บ่งบอกถึงจำนวนผู้อยู่อาศัยมากมายในที่พักกลางเมืองแห่งนี้

เสียงกระดิ่งลิฟท์ดังขึ้น ทำลายความเงียบสงัด คนที่อยู่ด้านในก้าวออกมาเมื่อถึงชั้นที่เป็นจุดหมาย ไม่นานประตูลิฟท์ก็ปิดลง ทิ้งให้ทางเดินไร้ซุ่มเสียงรบกวนดังเดิม

เสียงรองเท้าก้าวเป็นจังหวะเดินไปตามทางเดินสลัวที่มีเพียงหลอดไฟสีส้มให้แสงเป็นระยะห่างๆ

ตึก…ตึก…ตึก…

ทางเดินเงียบลงอีกครั้งเมื่อเดินมาถึงประตูเป้าหมาย

ห้องหมายเลข 2420 เหลือบมองด้านข้างประตูมีป้ายไม้แปะตัวอักษรภาษาอังกฤษทันสมัยสวยงามแขวนไว้

“CHAWANAN” ผู้อ่านสูดลมหายใจเข้าลึก สลักชื่อจำลึกในจิตใจ

ชื่อของเทวดาน้อยของเขา ในที่สุดก็ได้รู้เสียที แม้จะแค่ชื่อจริงเพียงอย่างเดียวก็เถอะ
ในสมองปรากฏภาพเด็กหนุ่มผิวขาวรูปร่างบอบบาง ผมตัดสั้นระต้นคอซอยเป็นทรงตามสมัยนิยม ดวงตาดำสนิทแฝงประกายแวววาว ปากแดงฉ่ำเผยอน้อยๆน่ามอง

ชวนันท์...ถึงเขาจะไม่รู้คำแปลของมัน แต่ก็รู้สึกว่าช่างเป็นชื่อที่มีจุดเด่นน่าจดจำเหมาะกับเด็กหนุ่มเหลือเกิน

พักความคิดชื่นชมชื่อไว้ก่อน...เวลามีจำกัด...เขาบอกตัวเองอย่างนั้นพลางเบนจุดสนใจไปยังสลักกุญแจหน้าห้อง

ทันทีที่เห็นชนิดของกุญแจ เขาก็ยิ้มอย่างย่ามใจ

...เป็นโอกาสที่พระเจ้าประทานให้เขาจริงๆ…

กุญแจที่เขาเป็นคนออกแบบระบบ ให้แก่บริษัทผลิตอุปกรณ์นิรภัยเอง…กุญแจที่ใช้ระบบปลดล็อคไฟฟ้า ใช้การ์ดบรรจุสัญญาณแม่เหล็กที่ออกแบบเฉพาะสำหรับเปิด ชายหนุ่มใช้เวลาในการจัดการปลดล็อคเพียงไม่กี่นาที ยิ่งล็อคลูกบิดยิ่งไม่ต้องพูดถึง บริษัทผลิตอุปกรณ์นิรภัยมีหรือจะหากุญแจผีไม่ได้ ปราการด่านสุดท้ายถูกเปิดออก ขาก้าวเข้าไปยังห้องที่ปิดไฟสนิท

จากการเฝ้าสังเกตมาระยะหนึ่ง เวลากลับห้องของเด็กหนุ่มดูจะดึกขึ้นเรื่อยๆ บางวันไม่กลับเลยก็มี อย่างวันนี้ ห้องที่เปิดเข้ามา ไม่มีความรู้สึกถึงกลิ่นอายของสิ่งมีชีวิตเลย

ขาพาก้าวไปยังตำแหน่งที่เป็น ห้องนอน ห้องที่มีหน้าต่างกระจกโค้งกินพื้นที่กว่าหนึ่งในสี่ของห้อง ภายในความมืด เตียงหลังใหญ่กลางห้องดำทะมึนดูน่าเกรงขาม โซฟาที่เคยตั้งอยู่หน้าหน้าต่างถูกย้ายออกไปแล้ว เครื่องเรือนดูจะแตกต่างจากที่เคยเห็นพอสมควรซึ่งก็คงจะเป็นเพราะไอ้เจ้า หนุ่มศัตรูหัวใจ คนที่เป็นตัวการปิดม่านความสุขของเขานั่นเอง

เขาเดินคลำทางไปเรื่อยๆ อาศัยแสงไฟทางด่วนที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้องลางๆเป็นเครื่องนำทาง ค่อยๆลากขาไปจนถึงมุมห้องข้างประตูห้องน้ำก็เจอตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ตั้ง ตระหง่านสูงถึงเพดานห้อง

...เป้าหมายของเขา

เป้าหมายเล็กๆน้อยๆที่อาจจะ ดูไร้สาระในสายตัวคนภายนอก แต่ใครมันจะเข้าใจ! ในเมื่อโอกาสที่จะนั่งมองเงียบๆในมุมที่ห่างไกลถูกตัดทิ้งไปแล้ว สิ่งที่เขาพอจะหามาทดแทนได้ก็คือสิ่งของแทนตัวของเทวดาน้อยรักแรกของเขา ซึ่งเขาก็เลือกเสื้อลำลองที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายของเจ้าของ...เสื้อกล้าม หลวมโพรกที่เห็นเด็กหนุ่มสวมใส่บ่อยๆนั่นเอง

เมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าดูก็พบ เสื้อเชิ้ตแขนยาวแขวนเรียงเป็นตับ กางเกงแสลคขายาวแขวนไว้อีกด้านหนึ่งอย่างเป็นระเบียบ เขานั่งคุกเข่าลงเปิดลิ้นชักส่วนที่ไว้สำหรับเก็บผ้าพับต่างๆ ชั้นบนสุดเป็นม้วนเน็คไทสิบกว่าม้วนวางเรียงเต็มเอี้ยด...แปลก เป็นนักศึกษาทำไมถึงมีเนคไทเยอะอย่างนี้ แต่ความลนลานทำให้ความสงสัยถูกปัดกระเด็นไป ปิดลิ้นชักบนเปิดชั้นกลางต่อไป เขาไม่พบสิ่งที่หมายตาไว้ แต่กองชั้นในที่วางยั่วตาอยู่ก็ทำให้อดหยิบติดมือเป็นของแถมไม่ได้ ปิดชั้นกลางเปิดชั้นล่าง พบถุงเท้าม้วนเป็นคู่ๆกลิ้งกลุกๆตามแรงเปิด

เมื่อไม่พบเจอเป้าหมายจึงหันเหความสนใจไปยังบานประตูอีกฟากของตู้เสื้อผ้า

ปึ้ง!!

มือที่เอื้อมกำลังจะจับที่เปิดตู้หยุดชะงัก ขนลุกเกรียว ความเย็นไล่วาบตามสันหลัง เหงื่อซึมตามข้อพับจนชุ่ม

เสียงกระแทกดังมาจากประตูบ่งว่าเจ้าของห้องน่าจะกลับมาแล้ว

เขาหันรีหันขวางอย่างลนลาน ขโมยจริงๆเจอเจ้าของบ้านยังหนีหางจุกตูด นี่เขาเป็นแค่มือสมัครเล่นมาเจออย่างนี้...แค่คิดว่าจะทำอย่างไรยังคิดไม่ ออกเลย เสียงเปิดกุญแจกริ๊กแกร๊กดังทิ่มแทงสติให้แตกกระเจิงมากกว่าเก่า

เลิกลั่กตัวสั่นพับอยู่ได้ ซักพักพลันเหลือบเห็นประตูห้องน้ำเปิดแง้มอยู่...อา...ทางสวรรค์ที่จะช่วย ต่อชีวิตน้อยๆของเขา ไม่รอช้ามือเข่าทำหน้าที่เลียนแบบสัตว์สี่ขาคลานอย่างรวดเร็วมุดเข้าหาทาง รอด

พอปิดประตูปุ๊บ ประตูห้องก็เปิดผ่างขึ้นพร้อมเสียงเข้มๆพูดบ่งอารมณ์หงุดหงิด

“ผมบอกคุณแล้วไง ว่าอย่าตามมาอีก นี่ถึงกับมานั่งรอข้างล่างเชียวเหรอ! มันจะมากไปหน่อยแล้วนะ!!” จากที่ได้ยิน ไม่น่าจะเป็นเสียงเทวดาน้อยของเขาหรอก น่าจะเป็นไอ้หนุ่มนั่นมากกว่า

เสียงแหลมปรี้ดปนสะอื้นดัง ตามไม่เว้นช่วง “พี่แน็ท!! ทำไมพูดกับปาอย่างนี้ล่ะคะ พี่แน็ทลืมเรื่องดีๆของเราไปหมดแล้วเหรอ ถึงได้ทิ้งกันได้ลงคออย่างนี้!?” ตามด้วยเสียงฉุดกระชาก เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้น ฟังดูวุ่นวายไปหมด

“เราเคยคุยกันแล้วนี่ ความสัมพันธ์ของเรามันก็แค่เพื่อนนอน ไม่มีอะไรมากกว่านั้น เงินก็เอาไปแล้ว กระเป๋านาฬิกาก็ซื้อให้แล้ว ยังจะเอาอะไรอีกเล่า! ไปหาคนใหม่ที่เขายินดีจะให้ซะจะดีกว่า อย่ามางี่เง่ารบกวนชีวิตคนอื่นอยู่อย่างนี้เลยน่า!!” อ๋า~ ไอ้หนุ่มนี่มันแอบมีนอกมีในนี่หว่า มีเพื่อนนอนซะด้วย แถมยังตามมาถึงห้องเทวดาน้อยของเขาอีก

“พี่แน๊ท!!” เสียงสาวเจ้าเพิ่มดีกรีความดังแถมโบนัสด้วยความถี่สูงปรี๊ดทะลุเพดานเสียง นี่ถ้าคนข้างห้องได้ยิน เค้าไม่คิดว่าไฟใหม้จนต้องเรียกรถหวอดับเพลิงมาสิบคันเรอะเนี่ย

“อย่ามาโวยวายติดสัตว์อยู่ ตรงนี้ มันรบกวนคนอื่นเขา ให้ตาย! หน้าตาก็ดี อีคิวต่ำฉิบหาย ไปให้พ้นก่อนที่ฉันจะเรียกตำรวจนะ! ไป!!” โอ้ แถมปากหมาพระราชทานซะอีกแน่ะ เทวดาน้อยของเขารักลงไปได้ยังไงผู้ชายอย่างนี้ เสียงประตูปิดดังปึ้งตามด้วยเสียงเคาะรัวกระหน่ำ ทุบอยู่ได้ไม่นานเดาว่าคงจะเจ็บมือแม่คุณเลยเปลี่ยนวีธี เสียงที่เดาว่าเป็นเล็บขูดบานประตูดังแกรกกราก แม่เจ้า! เสียวเล็บหัก!

นั่งข้างโถส้วมฟังอย่างเพลิด เพลินเหมือนได้ดูละครหลังข่าวจนลืมไปว่า...ตัวเองกำลังอยู่ในสถานการณ์ เตรียมขึ้นแท่นประหารหากโดนอีกฝ่ายพบเจอ

เงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหว ก็ไม่ค่อยจะได้ยินเสียงเพราะพื้นห้องมันปูพรม เสียงที่ได้ยินจึงเป็นเสียงกระแทกประตูตู้เย็นดังปังระบายอารมณ์ เสียงวางแก้วน้ำกระแทกโต๊ะ ...นั่นๆ เปิดประตูห้องนอนเข้ามาแล้วปิดตามดังลั่น แสงไฟสว่างวาบลอดผ่านร่องประตูห้องน้ำเข้ามา พลันนึกขึ้นได้ว่าอยู่ในอันตราย ตัวจึงเริ่มสั่นพรึ่บขึ้นมาอีกครา

ตาย! ตายแน่! ไอ้หนุ่มนี่มันซาดิสม์ซะด้วย ดูจากที่ทำกับเทวดาน้อยของเขาก็พอจะรู้ได้ เงาหัวจะหายก็วันนี้ล่ะวะ

เสียงประตูตู้เสื้อผ้าเปิด ปิดดังปัง เสียงเหล็กกระทบแก้วเดาว่าน่าจะเป็นหัวเข็มขัดถูกถอดโยนลงบนโต๊ะกระจก ตามด้วยแรงสั่นของฝีเท้าหนักๆเดินเข้ามาใกล้

เขาลนลานหาเครื่องป้องกัน ถังขยะข้างโถส้วมเป็นสิ่งใกล้ตัวอันดับแรกที่มือเอื้อมหยิบถึง ในถังขยะใบกลางว่างเปล่า มีเพียงสิ่งเดียวถูกทิ้งเหงาหงอยอยู่ก้นถัง เหลือบตามองลงไปได้ก็ตกใจตะลึง มือสั่นเอื้อมหยิบดูว่ามันใช่อย่างที่คิดรึเปล่า

จับปลายได้ อีกด้านก็คลี่ออกช้าๆตามแรงโน้มถ่วง ยางพลาสติกใสสีชมพูลักษณะเป็นถุงหุ้ม ช่วงกลางมีตุ่มหยักเรียงเป็นระเบียบ เบนจุดสนใจไปส่วนปลายถุง ความร้อนวาบก็ไล่ตามใบหน้าจนรู้สึกเหมือนควันจะพุ่งออกทางหู

นี่มัน...ถุงยางใช้แล้วนี่หว่า

ส่วนปลายยังมีของเหลวสีขาวคั่งอยู่เล็กน้อย บางส่วนแห้งติดเนื้อยางไปแล้ว

ด้วยความตะลึงตึ่งตึ๊ง มืออีกข้างจึงลืมออกแรงจับ ปล่อยให้ถังขยะอลูมิเนียมหล่นกระทบพื้นแกรนิตดังแกร๊งลั่นกระชากหัวใจให้ กระเด็นกระดอนออกมาทางปากเก็บกลับแทบไม่ทัน

ใจเต้นตึ๊กตั๊ก ขนลุกซู่ มือไม้สั่นพันกันไปมา นั่งรอผลกรรม อีกฝั่งของประตูห้องน้ำเงียบกริบไปได้ไม่นาน ลูกบิดประตูก็ถูกหมุนจากอีกฝั่งฟากช้าๆ แสงไฟภายนอกส่องสว่างเข้ามาจนแสบตาจนต้องก้มลงต่ำ เหลือบมองเจ้าของห้องอย่างกล้าๆกลัวๆ

สองเท้าโตๆน่ากลัวโดนกระทืบ ทีม้ามคงแตกกระจุย ไล่ขึ้นไปยังท่อนขาแข็งแรงใต้กางเกงแสลคสีดำ ซิบกับกระดุมกางเกงถูกปลดปล่อยกางเกงให้เกาะสะโพกตึงแน่นอย่างหมิ่นเหม่ เจ้าตัวคงกำลังจะเปลี่ยนเสื้อ ท่อนบนจึงไร้สิ่งห่อหุ้ม เผยให้เห็นกล้ามเนื้อท้องเป็นมัดนับได้แปดลูกพอดีไม่ขาดไม่เกิน ส่วนอกเกร็งเป็นแผง ไหปลาร้าแกร่งจนยุบเป็นแอ่ง ผิวใต้ร่มผ้าขาวกว่าส่วนท่อนแขนล่ำสันบ่งว่าเจ้าตัวน่าจะชอบออกกำลังกายกลาง แจ้ง ไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ...เรื่อยๆ ม่านตาเริ่มปรับตัวให้รับแสงได้ ใบหน้ามืดๆจากแสงสว่างด้านหลังทำให้ต้องเพ่งเก็บรายละเอียดอย่างช้าๆ

ดวงตาน้ำตาลเข้มของผู้บุกรุกเบิกกว้างอย่างตกตะลึง

ใบหน้าที่เห็นแม้ในสายตา ผู้ชายด้วยกันก็พูดได้เต็มปากว่าหล่อ หล่อแบบคมเข้มบ่งนิสัยดุๆ เถื่อนๆ ดวงตามืดมิดรับกับคิ้วเข้มพาดเฉียง จมูกโด่งเป็นสันจนน่าอิจฉา ปากเม้มเน่นๆเหมือนเจ้าของกำลังตกใจ

ที่สำคัญ

นี่มันไม่ใช่ไอ้หนุ่มคนนั้นนี่

ตะลึงจนลืมตัว มือยกขึ้นชี้เจ้าของห้องทั้งๆที่ยังมีถุงยางใช้แล้วห้อยหนีบต่องแต่งอยู่

“คุณ...ชวนันท์?” ร่างใหญ่ผงกหัวเบาๆนัยว่านั่นล่ะ ชื่อฉัน

เหงื่อไหลพลั่กเป็นน้ำตกไนแองการ่าหน้าน้ำหลาก

ซวย!!

เข้าผิดห้องนี่หว่า!!!

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 :a2: ไปอ่านหนังสือต่อจิงๆละ พรุ่งนี้มาต่อ ถ้ามีคนชอบ อิอิ ไม่แม้มไม่ต่อคับ :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ duchess

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
 :m1:

ชอบคับๆ

เอาภาค2มาต่อไวๆนะ

เอ้อ วิธีเปลี่ยนชื่อเรื่องนะคับ

ให้ดูตรงมุมขวาบนของนิยายอ่ะคับ

แร้วเลือก

Topic Subject นะ

แร้วก้อเข้าไปเปลี่ยนได้เรยคับ

เวลามาอัพเดทตอนใหม่ ก้อจะได้เขียนบอกเพิ่มได้นะคับ

+++

รอตอนต่อไป+เปนกำลังใจให้อยุ่นะคับ

+++

playCardPlaYBoy

  • บุคคลทั่วไป


“อย่ามาโวยวายติดสัตว์อยู่ ตรงนี้ มันรบกวนคนอื่นเขา ให้ตาย! หน้าตาก็ดี อีคิวต่ำฉิบหาย ไปให้พ้นก่อนที่ฉันจะเรียกตำรวจนะ! ไป!!” ตวาดอย่างหัวเสียพร้อมปิดประตูกระแทกใส่หน้าดังปังใหญ่ ยังไม่วายเคาะประตูตามหลังซะอีก เกลียดซะจริง ผู้หญิงอย่างนี้!

ชวนันท์เปิดตู้เย็นเทน้ำใส่แก้วกรอกอั้กๆลงคอรวด ความเย็นของน้ำไม่ช่วยทำให้อารมณ์เดือดๆเย็นลงเลยซักนิด
ขาก้าวยาวๆเร็วๆเดินเข้าห้องนอน ถอดชุดทำงานหวังอาบน้ำใหม่ให้สดชื่นเพื่อออกท่องเที่ยวยามราตรี คว้าผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ในตู้เสื้อผ้าขาเตะประตูตู้ปิดดังปังใหญ่ มือปลดหัวเข็มขัดดึงออกจากหูกางเกงรวดเร็ว โยนลงบนโต๊ะญี่ปุ่นกระจกอย่างไม่สนใจเสียงกระทบดังลั่น รูดเน็คไททิ้งแหมะบนเตียงหลังใหญ่ กระดุมเสื้อถูกปลดในลักษณะที่เหมือนกระชากออกมากกว่า เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนแขนยาวถูกโยนทับเน็คไทอย่างไม่แยแส

แกร๊ง!!!!

ระหว่างปลดกระดุมกางเกงรูด ซิปไปพลางเดินเข้าห้องน้ำไปพลางเสียงเหล็กกระทบหินจากห้องน้ำก็ดังกังวาน พร้อมเสียงสะท้อนอีกพักใหญ่ ชายหนุ่มสะดุ้งสุดตัวด้วยเสียงดังที่ไม่คาดว่าจะเกิดขึ้นได้

มีคนอยู่ในห้องของเขา

ขโมยหรือ?

อารมณ์ที่หงุดหงิดจากเรื่อง เก่าคุกรุ่นขึ้นอีกครั้ง หมัดขวาถูกชกปึ้กใส่อุ้งมือซ้ายนัยว่าเจ้าของอยากออกแรงเต็มปรี่ ดีเหมือนกัน เทควันโดที่อุตส่าห์เสียเงินเรียนมาตั้งแพงจะได้ใช้ประโยชน์ซะบ้าง! คิดพลางย่างสามขุมเตรียมจัดการเหยื่อดวงกุดที่บังอาจคิดสั้นบุกห้องของเขา ยามวิกาล

ลูกบิดถูกหมุนเปิดช้าๆเตรียมรับการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นได้จากด้านในห้องน้ำ

แสงสว่างจากไฟเพดานห้องนอนสาดเข้าในห้องน้ำมืดสนิทเป็นมุมกว้างขึ้นเรื่อยๆตามความกว้างของบานประตู

ชายหนุ่มผอมซีด ผมสั้นยุ่งยาวระต้นคอถูกโกรกเป็นสีน้ำตาลเข้ม แขนขายาวเก้งก้าง ดูคร่าวๆน่าจะเตี้ยกว่าเขาหน่อยเดียวซุกแหมะอยู่ข้างโถส้วม ก้มหน้าต่ำท่าทางเหมือนแสบตาจากแสงที่สว่างจ้าขึ้นรวดเร็วทำให้เขาเห็นหน้า ไม่ชัด ไหล่บางๆสั่นแรงจนสังเกตเห็นได้  ถังขยะสเตนเลสต้นเสียงดังลากใส้เมื่อครู่กลิ้งกลุกๆอยู่ด้านหน้า ท่าทางเจ้าหัวขโมยจะเริ่มปรับตาต่อแสงสว่างได้แล้ว จึงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างช้าๆ

นัยน์ตาดำมืดของชวนันท์เบิกกว้างขึ้น

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องเขา อย่างกล้าๆกลัวๆ คิ้วขมวดมุ่นครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ปากแดงอ้าๆหุบๆไม่รู้จะพูดอะไร ใบหน้าที่จัดว่าดูดีแต่ไม่อาจตัดสินได้ว่าหล่อหรือว่าสวยกันแน่ขาวซีดแบบคน ไม่เคยตากแดดค่อยๆเงยขึ้นรับแสงไฟที่สาดลอดบ่าของเขาเข้ามา

แต่สิ่งที่ทำให้เขาตะลึงที่สุดไม่ใช่เจ้าหัวขโมยรูปงามคนนี้หรอก เป็นสิ่งที่ร่างบางถืออยู่ต่างหาก

...มือซ้ายกำกางเกงในของเขา...ใช่...ของเขาชัวร์...ถึงจะพับไว้แต่ดูจากลายแพลมๆก็พอรู้...

ยังไม่ทันเอ่ยปากออกไป หัวขโมยจิตตกก็ยกมือขวาขึ้นชี้เขาก่อน...ทั้งๆที่มี...ถุงยางใช้แล้วของเขาเกี่ยวอยู่ในอุ้งมือ

“คุณ...ชวนันท์?”

อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก ทำได้แค่พยักหน้าตอบรับไป

++++++++++++++++++++++++++++

ทันทีที่รู้ว่าเข้าผิดห้อง สมองมันก็ปั่นป่วนไปหมด ในใจคิดหาทางรอดร้อยแปด แต่ทางที่คิดได้มันเล็กเท่ารูแมลงสาบ ยัดขาข้างนึงยังไม่เข้าเลยด้วยซ้ำ

เขาคุมสติ ลุกขึ้นยืนช้าๆพลางลอบมองกิริยาของอีกฝ่าย...ดีแค่ไหนแล้วที่ไม่เปิดประตูมา ปุ๊บกระโจนเข้าตุ้ยพุงกะทิปั๊บ...อย่างนี้มันน่าจะคุยกันรู้เรื่องได้สิ น่า...

“แฮ่มๆ” ไม่มีอะไร แค่กระแอมแก้เก้อ มือซ้ายยกขึ้นปิดปากโดยลืมไปว่ามันยังกำกางเกงในเจ้าของห้องอยู่ “ขอโทษครับ ผมเข้าห้องผิด...ขอตัวครับ” เอ่ยจบก็ทำตัวลีบเป็นปลาทูตากแห้งลอดช่องทางอันน้อยนิดผ่านกรอบประตูไป

เดินไปได้สามก้าวอุ้งมือมาร ก็ตะปบปั้บเข้าที่ไหล่ ขาก็พลันอ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงจะเดินต่อ คอเกิดแข็งขึ้นมาดื้อๆ กว่าจะหันไปมองเจ้าของกรงเล็บดับจิตได้ก็เสียพลังงานไปมหาศาล

ดวงตาดำสนิทใต้คิ้วเข้มๆวิบวับล้อแสงไฟอย่างกับจะยิงเลเซอร์ออกมาได้ เสียงสวดส่งวัญญาณวิ่งเข้ากระทบโสตประสาท “…เอาของของฉันคืนมา”

แง้...ขอโต้ดครับ กลัวแล้วคร้าบบ คืนแล้ว อย่าทำอะไรผมเล้ย

มือขวายื่นของข้ามบ่าตัวเองส่งคืนเจ้าของห้อง พอยื่นไปปุ๊บอุ้งมืออีกข้างก็ตวัดปั้ปเข้าที่ไหล่อีกข้างจนสะดุ้งโหยง

“ไม่ใช่อันนี้...อีกอัน...เอามา” แปลความหมาย...ถุงยางไม่เอา จะเอาอีกอัน

ไม่ใช่มือขวา เก๊าะต้องมือซ้าย

ใจก็อยากยื่นให้ แต่ความกลัวมันเข้าครอบงำร่างกายจนหมดแรง มือซ้ายปล่อยของที่กำมาตั้งนานออกซะดื้อๆ ตามองตามของที่ตกว่ามันเป็นกางเกงในหรือหัวของเขากันแน่

กางเกงในที่ตกลงพื้นตามแรงโน้มถ่วงช่างช้าเหลือเกินในความคิด มันเหมือนภาพสโลวโมชั่นที่ดูในหนังบ่อยๆเวลาถึงจุดไคลแม็กซ์ยังไงยังงั้น

หล่นลงเรื่อยๆ...เรื่อยๆ...

จากที่พับอยู่...ก็ค่อยๆคลี่ออกมา...

ตุ้บ! เหมือนได้ยินเสียงเอ็ฟเฟ็กซ์ผ้ากระทบพรมเบาๆ

กางเกงในบ็อกเซอร์บัดนี้มันวางแผ่อวดลวดลายอยู่บนพื้นพรมราวกับกำลังถูกจัดวางอยู่บนตู้โชว์หน้าร้านสรรพสินค้า

เนื้อผ้าเป็นสีขาวบริสุทธิ์ ตรงกลางด้านหลังพิมพ์ลายสีสดสวยรูปแมวน้อยสีขาวมีโบว์สีชมพูสดใสทัดหูข้าง หนึ่ง ใส่เอี๊ยมสีช็อคกิ้งพิงค์ถือร่มหันหลังให้ ฉากหลังวาดเป็นดอกไม้การ์ตูนหลากสีสัน  ใครที่เคยผ่านวัยเด็กมาคงเคยผ่านตาแม่ดาราสาวชื่อดังตัวนี้อยู่บ้าง...แม่ แมวน้อยคิตตี้

มันคงจะน่ารักน่าหยิกดีไม่หยอก ถ้าแปะอยู่บนก้นของเด็กหญิงผมแกละคิกขุอาโนเนะวัยสามขวบ

แต่...

เหลือบหันกลับไปมองอย่างไม่เชื่อตาตัวเอง

...โลกนี้ช่างลึกลับนัก...

+++++++++++++++++++++++++++++

ชวนันท์ตัวแข็งค้างทันทีที่ เจ้าผ้าผืนน้อยแผ่หราสู่สายตาชาวโลก นี่เป็นเรื่องน่าอายที่สุดในชีวิตลูกผู้ชายของเขา สิ่งที่เขาเก็บเงียบมานานถูกล่วงรู้โดยคนที่เขาเพิ่งเคยเห็นหน้าเมื่อห้า นาทีที่แล้ว

กัดฟันกรอดๆอุ้งมือบีบบ่าบางแน่น

...แก...ตาย...

//กักขังชั้นเถิดกักขังไป ฉันทำ...อะไรให้เธอหมองหม่น~!!!//

เสียงโทรศัพท์ริงโทนล้าสมัย แผดจ้าเรียกร้องความสนใจ วันนี้มันวันพระหรือไงวะ! หงุดหงิดงุ่นงานเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่ทิ้งกองกับกระเป๋าสตางค์ที่ปลาย เตียง มืออีกข้างกำไหล่หัวขโมยแน่นแบบชาตินี้เราจะไม่พรากจากกัน ตามองเบอร์โทรเข้า เส้นเลือดข้างขมับโป่งพองตามริ้วอารมณ์

ชื่อคนโทรเข้า...ปา...เกาะเขาแน่นไม่ปล่อยจริงๆ อีดอกนี่!

“มีอะไรอีกเล่า บอกแล้วไงว่าไปให้พ้น ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน!!” กดรับได้ก็กรอกเสียงไม่ฟังความเห็น

“พี่แน็ท~ พี่แน็ททำกับปาอย่างนี้ไม่ได้นะ! ปาไม่ยอม!! ฮือ~ พี่แน็ทเปิดให้ปาเข้าไปเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นปาจะจุดไฟเผามันหน้าประตูนี่แหละ!!”

ทำไมคนรอบตัวเขามันชิงหมาเกิดกันอย่างนี้ฟะ มือที่จิกบ่าหัวขโมยกำแน่นจนร่างบางร้องอุทานออกมาเบาๆเรียกร้องความสนใจให้หันควับไปมอง

“เอ่อ...ไม่มีอะไรครับ เชิญคุยต่อเถอะครับ แหะๆ” เจ้าหัวขโมยเอ่ยแหยๆอย่างกลัวตาย

ชวนันท์มองหน้าคนข้างกายได้ซักพักความคิดดีๆก็ผุดขึ้น...ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ยัยฮิสทีเรียหน้าห้องจะได้ถอยทัพไปซะที!!

ทันทีที่คิดได้อุ้งมือก็ เปลี่ยนจากจิกบ่าเป็นกุมมืออีกฝ่ายไว้ พาเดินลากหลุนๆไปยังประตูหน้าห้อง เปิดผลัวะก็เจอหญิงสาวรายเดิมบีบน้ำหูน้ำตานองหน้า มาสคาร่าละลายเยิ้มเป็นทางจนอยากเอาไปฝากลืมในบ้านผีสิงจริงๆ

“พี่แน็ท! พี่แน็ทยอมฟังปาแล้วใช่มั้ยคะ ปารักพี่แน็ทนะ พี่แน็ทอย่าทิ้งปาไปอย่างนี้นะคะ” สาวเจ้าเอาเสียงเข้าสู้ ลานสายตาโฟกัสเพียงชายหนุ่มเปลือยท่อนบนกับกางเกงที่ปลดซิบเกาะสะโพกจะหลุด มิหลุดแหล่

“...เอ่อ” เสียงใครก็ไม่รู้เรียกความสนใจให้หญิงสาวหันไปมอง ใครกัน ดูดีชะมัด! เอ๊ยไม่ใช่! ใครกัน มาอยู่ในห้องพี่แน็ทของเค้าได้ยังไง!

“ปา...ฟังนะ เลิกมายุ่งกับผมได้แล้ว ผมมีคนรักอยู่แล้ว ผมไม่มีตามองใครอีกต่อไปแล้ว เข้าใจไหม?” ชายหนุ่มตอบให้ราวกับจะรับรู้ความคิดของหญิงสาว

“ไม่จริงน่า...พี่แน็ท...คนรัก...แต่..แต่ว่าเขา...เขาเป็นผู้ชาย”

“ใช่ เขาเป็นผู้ชาย” พยักหน้าเห็นด้วย

“พี่แน็ท...พี่แน็ท...ป...เป็น...”

“ใช่...ผมเป็นเกย์” พูดจบไม่รอช้า ปากประกบปากหัวขโมยหนุ่มที่กำลังตกตะลึงอย่างเร่าร้อนเนิ่นนาน...

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 :laugh: :laugh: :laugh:ทายเอาไครจะเป็นพระไครเป็นนาง :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :oni2: :oni2: :oni2: :oni2:

devil_duel

  • บุคคลทั่วไป
ชอบเรื่องของคุณ ลูกหมู นี่จัง
พล็อตเค้าแรงดี อิอิ :o8:

playCardPlaYBoy

  • บุคคลทั่วไป


นี่มันอะไรกัน!?

ด้วยความมึนงงจึงไม่ได้รับ รู้เลยว่าสาวเปรี้ยวผู้น่าสงสารวิ่งหนีไปนานแล้ว พวกเขายังคงประกบปากมาราธอนอยู่ด้านหน้าประตู ร่างบางอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถขัดขืนได้ แขนแกร่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามข้างหนึ่งโอบรอบเอวเขาแน่น ดึงให้ส่วนสะโพกแนบสัมผัสกันและกัน อีกข้างเอื้อมมาด้านหลัง ฝ่ามือใหญ่จับหัวเขาไว้ไม่ให้หมุนหนีไปไหนได้

จากที่ประกบปากอยู่ได้ซักพัก ลิ้นอุ่นร้อนก็เริ่มจะรุกรานเข้ามาในปาก มันค่อยๆไล่เลียไปตามกลีบปากที่เม้มสนิทเรียกขนที่ท้ายทอยให้ลุกซู่ท้าทาย มือหนา เขาพยายามต้านเต็มที่ไม่ให้สิ่งแปลกปลอมมีชีวิตนี้บุกรุกเข้ามาได้ แต่ก็ไม่ได้ลำบากอีกฝ่ายซักเท่าไหร่ อุ้งมือหนาข้างที่โอบรอบเอวทำงานขันแข็ง ขยำขยี้บั้นท้ายเขาอย่างแรงก่อนจะไต่เลื้อยตามเป้ากางเกงมาทางด้านหน้า

“...ฮะ!!!” ด้วยความตกใจร่างบางจึงแง้มปากที่เม้มสนิทอุทานออกมาเบาๆ เปิดโอกาสให้ฝ่ายที่โดนบุกรุกที่อยู่อาศัยได้บุกรุกร่างกายแทน ลิ้นหนาอุ่นไล่ล่าลิ้นของอีกฝ่ายที่กำลังเตลิดหนี ไม่นานก็ต้องยอมจำนนปล่อยให้ถูกเลียลิ้มชิมรสชาดได้ ฟัน เหงือก กระพุ้งแก้มถูกดูดดุนอย่างชำนาญงานจนร่างกายไร้เรี่ยวแรง กลีบปากแดงที่เริ่มเปียกช้ำอ้าออกอย่างบังคับไม่อยู่ปล่อยให้น้ำใสๆเล็ดลอด ออกจากมุมปากไหลลงส่วนคางก่อนจะกลิ้งลงตามซอกคอสู่แอ่งไหปลาร้าใต้ร่มผ้า

มือผอมพยายามจับยึดข้อมือที่ กำลังบุกรุกสะโพกส่วนหน้าเต็มที่ แต่คนที่เอาแต่ทำงานในออฟฟิซมีหรือจะสู้แรงคนที่ฝึกร่างกายจนเต็มไปด้วยมัด กล้ามได้ นิ้วมือใหญ่กดส่วนเป้ากางเกงเรียกเสียงครางฮือเบาๆให้ได้ยิน หัวเข่าสั่นพั่บไร้เรี่ยวแรงจะพยุงตัวอีกต่อไป ปล่อยให้ร่างกายเลื่อนตกลงตามแรงโน้มถ่วง ส่วนปากจึงเลื่อนหลุดออกจากกันได้ในที่สุด

เขาคงจะล้มไปกองกับพื้นทาง เดินแล้วถ้าแขนแกร่งที่โอบรอบเอวไม่คว้าพยุงเอาไว้ ชวนันท์ลากผู้บุกรุกเข้าไปในห้องก่อนจะปิดประตู ผลักหลังร่างบางชนประตูส่วนตนเองคร่อมปิดทางหนีไว้แน่นหนา

ปากแดงช้ำที่เปียกชื้นจน สะท้อนแสงไฟเผยอหอบ ใบหน้าขาวซีดตอนนี้ซับสีเลือดจนแดงกล่ำ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเบิกกว้างจ้องมองอีกฝ่ายอย่างหวาดๆ ใบหน้าอยู่ใกล้กันจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่น กลิ่นเหงื่อผสมน้ำหอมผู้ชายของเจ้าของห้องโชยแตะจมูกจนรู้สึกสั่นไหว บรรยากาศในห้องเงียบสนิท มีเพียงเสียงหอบฮั่กประสานกับเสียงหายใจหนักๆของคนสองคน

พลั่ก!!! มือผอมกำหมัดแน่นตุ้ยท้องชวนันท์โดยไม่ทันตั้งตัว ร่างสูงงอตัว สองมือที่คร่อมผู้บุกรุกไว้ ย้ายมากุมที่ส่วนท้องของตนเอง ร่างบางได้โอกาสพลิกตัวลอดหนีได้ทันท่วงที

แต่แทนที่จะเปิดประตูหนี ดันหนีไปอยู่กลางห้องซะได้

อยากฆ่าตัวเองจริงว้อย!!

สายตาจับจ้องร่างกำยำที่ค่อยๆกลับมายืนตรงได้เหมือนเดิม อารมณ์คุกรุ่นยิ่งกว่าเก่าแผ่กระจายกดดันไปทั่วบริเวณ

อย่าเข้ามานะโว้ย ไอ้คิตตี้ พ่อกัดไม่เลือกจริงๆด้วย! แง่ง!! จูบแรกของตู!! กัดเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างเดือดดาล

ชวนันท์เลียริมฝีปากเปียก ชื้นที่ยังหลงเหลือกลิ่นอายของผู้บุกรุกอยู่จางๆ มองร่างผอมที่ตั้งท่าสู้เหย็งๆ แยกเขี้ยวยิงฟันอย่างหมาจนตรอกเขม็ง

“คุณไม่มีสิทธิ์ทำอย่างนี้กับผม!” ผู้บุกรุกเรียกร้องสิทธิมนุษยชน

“นายก็ไม่มีสิทธิ์บุกรุกห้องฉัน” ฉึก! คำพูดแปรเปลี่ยนเป็นลูกธนูวิ่งเข้าทิ่มแทงร่างบาง

“แต่...แต่ๆๆๆๆ...” นึกคำเถียงเจ๋งๆไม่ออกโว้ย!

“เอาเถอะ ถือว่าเจ๊ากันไป” ข้อแลกเปลี่ยนที่ทำให้เดือดปุด

“มันจะเจ๊าได้ยังไงวะ ไอ้บ้า!! นายไม่ได้เข้าห้องนี้เป็นครั้งแรกซักหน่อย!!” คำไถสีข้างแบบงงๆทำให้ชวนันท์ต้องเงียบไปพักหนึ่งก่อนยกมุมปากยิ้มหึ

“แปลว่าจูบแรกสินะ มิน่าล่ะ...หึ”

บรึ้ม!!! เพิ่งรู้ตัวว่าเสียท่าซะแล้ว  ใบหน้าร้อนแทบเดือด ไม่รู้ว่าเพราะความโกรธหรืออับอายกันแน่ ร่างบางรู้ตัวว่าหมดทางตอบโต้ เดินก้มหน้างุดๆเอาหัวเข้าดันกล้ามท้องแข็งปั๋งหวังหนีออกจากห้องบ้าๆนี่ซัก ที แต่กลับโดนท่อนแขนกำยำคว้าคอไว้ได้ก่อน

“ใครอนุญาตให้ไป เธอบุกรุกห้อง ขโมยของของฉัน แล้วจะหนีโดยไร้ความผิดรึไง มีคนแบบเธอเยอะๆตำรวจคงตกงานหมด”

“ปล่อยเซ่ ก็ไหนบอกว่าเจ๊ากันแล้วไง!” เงื้อมือขึ้นข่วนท่อนแขนแข็งๆที่ไม่มีท่าทางว่าจะระคายเคืองแม้แต่น้อย

“โง่หรือไง บอกว่าเจ๊ามันเรื่องบุกรุกเรื่องเดียว แล้วเรื่องขโมยของเล่า?”

“โธ่เว้ย ก็คืนไปแล้วไง ไอ้คิตตี้นรก!!” ปากมันไปก่อนความคิด ท่อนแขนที่เกี่ยวคออยู่รัดแน่นจนลิ้นจุกปาก มัดกล้ามลั่นเปรี๊ยะตามอารมณ์เจ้าของ

“จริงสินะ ต้องจัดการเรื่องนี้ด้วย เธอผิดเองนะ ขโมยอะไรไม่ขโมย”

อ๊าก!!! ผมผิดไปแล้ววววว!!!!

แขนล่ำเกี่ยวตวัดลากร่างบางเดินเข้าห้องนอน ถูกโยนลงบนเตียงหลังใหญ่จนกระเด้งดึ๋ง ทันทีที่ตั้งตัวได้ ปากก็ทำงานหาทางรอด

“คิดจะทำอะไรเนี่ย!!”

“’ง่ายนิดเดียว ก็สร้างเรื่องที่บอกใครไม่ได้ซะ อย่าง...ไง แบล็คเมล์น่ะ รู้จักมั้ย”

“ค...คุณ...เป็นเกย์เหรอเนี่ย ไปไกลๆนะ! อย่าเข้ามานะเฟ้ย! ไอ้โรคจิต!! ไอ้คิตตี้!! อี๋แหยะ!!” หม่าม้า ช่วยผมด้วย!

“พูดผิดรึเปล่า ฉันเป็นเกย์ก็จริง แต่โรคจิตน่ะมันนาย” ฉึก! ธนูลูกที่สองทิ่มหากจากลูกแรกแค่ห้ามิล

“ผม...ผมไม่ใช่โรคจิตนะ! ผมไม่ได้ตั้งใจจะเข้าห้องนี้ซักหน่อย คุณผิดเองนะที่มาอยู่ห้องมุมตึกแบบนี้น่ะ!” โทษมั่วไว้ก่อนพ่อสอนไว้

“ถึงเธอจะเข้าห้องถูกก็คงไป ขโมยกางเกงในคนอื่นอยู่ดี ยังไงเธอก็โรคจิตนั่นแหละ” ฉึก! โบราณว่ามีสองก็ต้องมีสาม ลูกที่สามพุ่งผ่าก้านลูกแรกแม่นราวจับวาง

ถ้าคิดว่าคนสองคนนอนคร่อมกัน อยู่บนเตียงเพื่อประชันฝีปากอย่างเดียวล่ะก็ มนุษย์คงสูญพันธุ์หมดโลกไปแล้ว ทันทีที่ร่างบางรู้สึกตัว กระดุมเสื้อทั้งแถบก็ถูกแกะออกหมดแล้ว มือหนากำลังวุ่นวายอยู่ที่เข็มขัดของเขา ชายหนุ่มดิ้นเต็มกำลังเหมือนกระต่ายน้อยชักดิ้นชักงออยู่ใต้กรงเล็บราชสีห์ เจ้าป่า

“อยู่นิ่งๆซักที ฉันไม่อยากรุนแรง!!”

พักเรื่องเข็มขัดไว้ก่อน บ่าบางถูกกดจมเตียง สองแขนยังไม่สิ้นฤทธิ์ปาดป่ายดิ้นรนไปทั่วทิศทาง

จ๊ากกกก!!!

สัมผัสเปียกร้อนที่คอทำให้ชะงักไปชั่วคราว

“หยุดน้า~ จั๊กจี้โว้ย!! หยุด ยู้ดดดดด!!!”

ทันใด แขนที่ก่ายไปมาก็ชนเข้ากับของแข็งที่ตั้งไว้บนโต๊ะข้างเตียง ไม่ต้องคิดมาก มือคว้าหมับประเคนเข้าที่ท้ายทอยร่างหนาด้านบนเต็มๆ

ปึ้ก!! แท่นทับกระดาษกระเด็นหล่นลงข้างเตียง

“โอ๊ย!!” เจ็บตัวเป็นครั้งที่สอง สองมือยกขึ้นกุมศีรษะกดระงับความปวด ผู้บุกรุกได้โอกาสแปลงสัญชาติเป็นงูเหลือมเลื้อยหนีลอดร่างกายใหญ่โตมายืน อยู่ท้ายเตียงได้

แชะ!!

กำลังมองอุ้งมือที่กุมศีรษะดูว่ามีเลือดติดมารึเปล่า เสียงชัตเตอร์ก็เรียกร้องความสนใจให้หันไปมองพร้อมกัดฟันกรอด

ร่างบางสภาพหัวหูยับเยิน เสื้อผ้าหลุดลุ่ยเห็นส่วนอกกับกางเกงในวับๆแวมๆกำลังยืนขาสั่นอยู่ท้ายเตียง มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์มือถือรุ่นกล้องสองล้านพิกเซลรัวชัตเตอร์ไม่ยั้ง

ชวนันท์ตั้งตัวได้ก็กระโดดผลุงเดินจังก้าเข้าหาเจ้าหัวขโมยมากฤทธิ์ที่ยังกดรัวอยู่

ฝ่ายหนึ่งเดิน ฝ่ายหนึ่งถอย เส้นทางโค้งไปโค้งมาจนหลังผู้บุกรุกชนประตูหน้าห้อง เหงื่อหยดแหมะทั่วตัว

“อ..อย่าเข้ามานะ! ไม่งั้น...ไม่งั้น...” พูดไม่ออกโชว์มันให้ดูซะเลย! ภาพที่อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือเป็นภาพชายหนุ่มร่างใหญ่เต็มไปด้วยมัด กล้าม ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือแต่กางเกงในบ็อกเซอร์ตัวเดียว ภาพแรกกำลังคลานสี่ขาอยู่บนเตียงหลังใหญ่โชว์บั้นท้ายเต็มจอ ภาพอื่นๆหันหน้าสู้กล้องโชว์สัดส่วนอุดมไปด้วยมัดกล้าม ช่วงอกเปียกเหงื่อจนมันวาวดูเซ็กซี่น่าหม่ำเป็นที่สุด...ถ้าไม่มองบ็อกเซอร์ ล่ะก็นะ

...หมอนี่เป็นแฟนพันธุ์แท้ซานรีโอ®แหงแซะ

บ็อกเซอร์พื้นสีฟ้าครามสดใส ด้านหลังมีลายหมาน้อยหูยาวสีขาวสะอาดในเอี๊ยมสีน้ำเงินนั่งตาแป๋วหันหน้า ทักทายผู้ชม มองยังไงก็โปชาโก้จังของคุณหนูทั่วโลกชัดๆ ด้านหน้าพิมพ์ลายฝ่าเท้าหมาขนาดพอเหมาะแปะอยู่ตรงกลางพอดิบพอดี

ชวนันท์ขบฟันกรอดจนแทบแหลก ละเอียด พูดเครียดๆลอดไรฟัน ฟังดูน่าหวาดกลัวว่าจะกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าขย้ำคุณยายจนเลือดสาดกระจาย เมื่อไหร่

“เธอ...เธอจะแบล็คเมล์ฉันหรือไง คิดว่าฉันจะกลัวเรอะ ฉันจับเธอได้ตรงนี้ ลบภาพทิ้งซะ ทุกอย่างก็จบแล้ว”

“ก็ลองดูมั้ยล่ะ ผมส่งภาพไปที่เมล์ส่วนตัวผมแล้ว ถึงจะแค่สองภาพแต่ก็ดูรู้ว่าเป็นใครล่ะน่า” ทึ่งในความเร็วของนิ้วมือกับระบบสื่อสารสมัยนี้จริงๆ พับผ่า

“แล้วก็นี่..” อีกมือล้วงกระเป๋าเสื้อเชิ้ตคีบบัตรแข็งโบกโชว์ “บัตรประชาชนใครก็ไม่รู้ แค่นี้ก็สืบหาที่ทำงานไม่ยากแล้วล่ะ สาวๆที่ทำงานคงจะอยากเห็นภาพโป๊ของพนักงานหุ่นล่ำในบริษัทกันน่าดู”

“หนอย...”

“เอาล่ะ ผมจะถือว่าเรื่องที่คุณจะปล้ำผมเจ๊ากับเรื่องนี้แล้วกัน” มือหนึ่งเอื้อมไปด้านหลัง ก่ายจนเจอลูกบิดประตู เปิดได้ช่องพอดีตัวก็ค่อยๆเลื้อยออกไป

“ราตรีสวัสดิ์นะครับ คุณชวนันท์” ไม่ลืมบอกลาเจ้าบ้านอย่างมีมารยาท ทิ้งให้คนที่อยู่ในห้องเดือดจนห้องแทบลุกเป็นทะเลเพลิง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ duchess

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
 :a2:

ว้าวๆ คู่ใหม่มาแร้ว

อิอิ +++

อาจารย์..สีฟ้า

  • บุคคลทั่วไป
โอ้  :laugh: :laugh: :laugh: ทำไมลงเยอะอย่างนี้เนี้ยะ ที่จริงวันละตอน สองตอน กำลังดีหนา

แต่เดี๋ยวจะทะยอยอ่าน  :a5: :a5: :a5: :a5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด