[เรื่องสั้นสนองนี๊ด] Demon Love พันธะสัญญาแห่งปีศาจ : #9 : 17/4/58 UP!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้นสนองนี๊ด] Demon Love พันธะสัญญาแห่งปีศาจ : #9 : 17/4/58 UP!!  (อ่าน 28406 ครั้ง)

ออฟไลน์ Kamidere

  • บรรยายมันออกมา ทุกสิ่งที่อยู่ในใจ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2

CHAPTER 8 : ห้ะ!!! ชีวาเป็นเจ้าชาย????? [สั้นๆเล็กๆจืดๆครึ่งแรก]






บนดาดฟ้าของตึกสูงใหญ่ เด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนมองการจราจรอันคับคั่งด้วยสายตาเรียบเฉย จนคล้ายจะไร้ความรู้สึก
เส้นผมสีทองสว่างตัดสั้นปลิวระข้างแก้ม


“อากาศโลกมนุษย์มีแต่มลพิษ นับวันก็แย่ลงเรื่อยๆ กลับไปที่วังดีกว่าเจ้าชาย” เด็กหนุ่มตัวเล็กกว่าเปรยอย่างรำคาญใจมาจากข้างหลัง เขามีผิวที่ขาวละเอียดตัดกับรอยสักสีน้ำเงินสดใต้ตาซ้าย รูปร่างบอบบางอ้อนแอ้นเสมือนผู้หญิง

“ข้าต้องพาพี่ชีวากลับไปด้วย ไม่อย่างนั้นพิธีอภิเษกจะเริ่มขึ้นไม่ได้” ‘เจ้าชายอาโร’ รำพึงเบาๆ แต่ดวงตายังมองทุกสิ่งด้วยความเรียบเฉยเช่นเดิม

“ถึงขนาดนี้แล้ว เจ้าชายจะไปสนเรื่องการสืบทอดสายเลือดอะไรนั่นอีกทำไม” เด็กหนุ่มคนข้างหลังโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง กระทืบเท้าเร่าๆแบบไม่พอใจ

“เขาแสดงออกเต็มที่ว่าไม่ต้องการรับเจ้าชายเป็นราชินี ยอมหนีมาอยู่โลกมนุษย์นานนับสิบปี แล้วทำไมเจ้าชายจะต้องสนใจคนไร้สัจจะพรรค์นั้นด้วย ข้าไม่เข้าใจ”


‘จีด้า’ บอกกับเจ้านายของตนเองด้วยความหงุดหงิด เขาเป็นราชเลขาของเจ้าชายอาโรตั้งแต่เด็ก และติดตามเจ้านายที่รักมายังโลกมนุษย์แสนโสมมนี่เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนพูดอะไรไป เจ้าชายตัวดีก็เอาแต่ดื้อด้าน ยืนยันคำเดิมว่าจะไม่กลับวัง จนกว่าจะพา ‘เจ้าชายชีวา’ กลับไปด้วยได้

เหอะ ไม่อยากจะบอกเลยจริงๆว่า เจ้าชายชีวาน่ะนอกจากจะเก่งกาจแล้ว เรื่องชอบแหกกฎทำอะไรตามใจตนเองนี่เป็นที่หนึ่งล่ะ เท่าที่เขาเห็น นอกจากราชาองค์ก่อนแล้วก็ไม่มีใครที่เจ้าชายชีวายอมเชื่อฟังสักคน ลองมาขัดใจว่าที่รัชทายาทเอาสิ งานนี้ไม่เละก็คงไม่ใช่เจ้าชายชีวาแล้ว

บอกเจ้านายก็หลายรอบอยู่ แต่เจ้าชายอาโรก็ไม่ยอมฟังกันบ้างเลย ไม่เจอจริงกับตัวคงไม่ซึ้งสินะ



“ข้าเกิดมาต้องเป็นราชินี หน้าที่นั้นถูกกำหนดไว้ก่อนจะเกิดเสียอีก พี่ชีวาก็เหมือนกัน ดังนั้นข้าไม่ทำหน้าของตนเองไม่ได้” เจ้าชายอาโรบอกเลขาคนสนิท ที่เป็นทั้งเพื่อนเล่นและคนรับใช้ผู้ภักดี

“ทีเจ้าชายชีวายังไม่เห็นทำหน้าที่เลย เอาเปรียบนัก ในเมื่อเขาไม่ทำได้ ท่านก็ไม่ต้องทำได้เหมือนกัน” จีด้ายังเถียงไม่ลดละ

“ใครจะทำไม่ทำข้าไม่รู้” เจ้าชายอาโรพูด “แต่หากข้าไม่ทำ แล้วข้าดีกว่าคนที่เจ้าด่าพวกนั้นตรงไหน”


จีด้าลอบกลืนน้ำลายขมๆลงลำคอ เมื่อถูกยอกย้อนด้วยคำพูดเช่นนั้น ก่อนจะตอบเจ้านายออกไปอ้อมแอ้ม


“ข้าไม่ได้หมายถึงเจ้าชายเสียหน่อย...”



เจ้าชายอาโรแสร้งทำเป็นว่าไม่ได้ยินคำพูดนั้น

อาโรเป็นเจ้าชาย ที่เกิดจากราชากับราชินี แต่ไม่มีสิทธิ์เป็นราชา เพราะการสืบทอดสายเลือดของราชวงศ์ต้องเป็นสายเลือดบริสุทธิ์จากบรรพบุรุษ

และการจะมีสายเลือดราชาอันเป็นสีน้ำเงินเข้มได้ ก็ต้องเกิดจากการแต่งงานกันเองในบรรดาพี่น้อง



ราชาองค์แรก มีน้องชายหนึ่งคน และมีน้องสาวต่างแม่อีกหนึ่ง... น้องสาวคนนี้มีแม่เป็นคนต่างเผ่า นางมาจากคนละสายตระกูล แต่แต่งงานกับพ่อของราชาเพื่อการรวมอาณาจักร

แต่เดิมที พ่อแม่ของราชากับน้องชายอยู่ในตระกูล‘เดมอน’ เมื่อแต่งงานกัน ลูกๆจึงมีเลือดบริสุทธิ์ ตระกูลเดมอนไม่แต่งงานกับคนนอก พวกเขามีลูกทีหลายๆคน ไม่เคยห้ามปรามเรื่องการรักกันของพี่น้อง หรือเรื่องรักเพศเดียวกัน เพราะไม่ว่าจะเพศไหน คนของตระกูลเดมอนก็สามารถมีลูกได้ มันเป็นอำนาจวิเศษที่สืบผ่านสายเลือดอันบริสุทธิ์


ทุกอย่างต่างออกไปเมื่อเริ่มรวมอาณาจักร พ่อราชาต้องแต่งงานกับสตรีจากอีกตระกูล เพื่อสร้างรากฐานบ้านเมืองให้มั่นคง ผู้หญิงคนนั้นเรียกร้องสิทธิ์การเป็นภรรยาเอก รวมทั้งให้ลูกของนางเป็นราชินีรุ่นต่อไป เพราะนางไม่พอใจที่ลูกของนางไม่สามารถเป็นราชาได้ เนื่องจากสายเลือดไม่บริสุทธิ์

แม่ราชายินยอมตามคำเรียกร้อง ทั้งที่นางเป็นคนในตระกูล แต่งงานมาก่อนและลูกชายจะได้เป็นปฐมราชา แต่กระนั้น นางประกาศว่า แม้นางยอมให้ราชินีแต่ละรุ่นเป็นคนนอกตระกูลได้ ทว่าลูกของราชินีจะไม่มีวันขึ้นเป็นกษัตริย์

แม่ราชานำความเจ็บแค้นมาลงที่ทายาทรุ่นหลัง นางสาปพวกเขา เพื่อสั่งสอนพวกเขาว่า การแย่งชิงในสิ่งที่เป็นของผู้อื่นอย่างชอบธรรม จะได้รับความขมขื่นยาวนานตราบจนวิญญาณแตกดับ ผู้ใดขัดขืนคำประกาศ ผู้นั้นจักพบความทุกข์ทรมานแสนสาหัส


ราชาองค์แรกจึงต้องแต่งงานกับน้องสาวต่างแม่ และตั้งนางขึ้นเป็นราชินี แต่ว่า ผู้ซึ่งเป็นที่รักและให้กำเนิดรัชทายาท กลับเป็นน้องชายร่วมสายเลือดของราชานั่นเอง เขาได้รับตำแหน่งสูงสุดในกองทัพ เป็นผู้ที่กุมอำนาจกึ่งหนึ่งรองลงจากราชา ทุกคนรู้ดีว่าน้องชายนั่นแหละที่เป็น ‘ตัวจริง’ ไม่ใช่ราชินีหุ่นเชิดนั่น

ราชินีมีลูกชายหนึ่งคน เขามีผมสีทองสว่างอันเป็นเอกลักษณ์แห่งเผ่าพันธุ์ของแม่ราชินี ต่างจากบรรดาลูกๆของพระอนุชา ซึ่งสายเลือดบริสุทธิ์ เด็กๆเหล่านั้นมีผมสีดำสนิทเปล่งประกาย และพรั่งพร้อมด้วยพละกำลังอันมหาศาล ทั้งมีสติปัญญาเฉียบแหลม

น้องชายราชามีลูกชายสามคน และลูกสาวสองคน

แน่นอนว่า ลูกชายคนโตของเขาคือราชาคนต่อไป ส่วนอีกสี่คนที่เหลือ ก็แล้วแต่ว่า รัชทายาทจะรักชอบใครคนไหน
 ในแต่ละรุ่นที่เลยผ่าน ลูกของราชินีก็ยังเป็นราชินี ราชินีที่ไร้อำนาจ ลูกของพระอนุชาหรือพระขนิษฐา ก็เป็นราชาที่มีสายโลหิตอันเข้มข้น เป็นผู้กุมอำนาจแท้จริงแห่งวังหลวง ซึ่งทุกคนยำเกรง



มากระทั่งรุ่นของเจ้าชายอาโร กับเจ้าชายชีวา

เจ้าชายชีวาเป็นลูกของราชาองค์ก่อนกับน้องชาย เขาไม่มีพี่น้องที่มีเลือดบริสุทธิ์เสมอกัน ขณะนั้น เจ้าชายอาโรก็เป็นลูกของอดีตราชินีองค์ก่อน

แทบทุกคนในโลกของเจ้าชายอาโรจับตามองการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้...


หรือราชาองค์ต่อไปจะเป็นราชาเลือดผสม?


แต่ชีวาปฏิเสธการแต่งงานกับน้องชายต่างแม่อย่างชัดเจน ถึงกับหนีมายังโลกมนุษย์ ทำให้ทุกคนหัวหมุนตามหากันให้วุ่นวาย
เพราะอะไรจึงไม่ทำตามประเพณี การหาทายาทเลือดบริสุทธิ์สักคนจากตระกูลเดมอนก็ทำได้ง่ายๆอยู่แล้ว ทั้งนี้ทั้งนั้น เจ้าชายอาโรก็ได้แต่สงสัย




_____________________________________________________________________________________________




ชีวานั่งเหม่อบนรถเมล์ ข้างๆกันคือพระไวยที่หลับตานิ่งราวกับเจ้าตัวกำลังนอน ชีวาไม่รู้หรอกว่าพระไวยหลับหรือเปล่า ตอนนี้เขาได้แต่ทำตามสิ่งที่พระไวยบอกให้ทำเท่านั้น เนื่องจากไม่รู้เลยว่าเจ้าตัวมีชีวิตประจำวันอย่างไร นึกกลัวหน่อยๆว่าจะทำหน้าที่ของตนเองได้ไม่ดีหรือเปล่า


ตั้งแต่เกิดมาเป็นพันปี เขาก็เพิ่งจะมีโซ่พันธนาการเป็นครั้งแรกนี่แหละ


ชีวิตของชีวาเหมือนจะเรียบง่าย แต่มันก็เต็มไปด้วยความเครียดและน่าเบื่อสุดประมาณ




เขาเกิดเป็นเจ้าชาย เป็นลูกชายคนเดียวของราชา รัชทายาทผู้จะต้องสืบทอดบัลลังก์ เมื่อย่างเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น แม่ของชีวาก็เสียไปเพราะสุขภาพที่อ่อนแอตั้งแต่เขาคลอด พ่อของเขาไม่ยอมแต่งงานใหม่ ดังนั้น ชีวาจึงถูกเคี่ยวเข็ญในเรื่องต่างๆและถูกจับตามองเสมอ

เรื่องยุ่งยากก็คือ เมื่อถึงเวลาที่ต้องรับช่วงต่อจากพ่อ เขาต้องแต่งงานกับน้องชายต่างแม่ ที่ชื่อ ‘อาโร’ เพราะมันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของตระกูล ที่จะให้ลูกของราชินีองค์ก่อนเป็นราชินีรุ่นต่อไป

แต่ทุกคนรู้ดี ว่ามันคือ ‘คำสาป’ ที่สาปส่งทายาททั้งชั่วโคตรของราชินีองค์แรกต่างหาก



ชีวาไม่มีความคิดอยากแต่งงานกับอาโรเลย เขาเห็นน้องคนนี้ตั้งแต่เจ้าตัวยังเล็กมาก อาโรเป็นเด็กที่ค่อนข้างเงียบ ไม่สุงสิงกับคนอื่นๆ ที่น่าเศร้าก็คือ แม่ของอาโรไม่เคยเป็นที่รักของพ่อ อาโรเกิดจากการแต่งงานตามประเพณีของทั้งคู่ และดูเหมือนว่า ท่านพ่อเองจะไม่ได้รักลูกคนนี้อย่างออกหน้าออกตามากนัก ถ้าเทียบกับเขา

ชีวาไม่ต้องการให้อาโรมีชีวิตแบบนั้น และยิ่งไม่ต้องการให้ลูกของตนเป็นแบบเดียวกับอาโร เขารู้ว่าไม่เคยคิดกับอาโรเป็นอื่นเลยนอกจากน้องชาย ที่ไม่ค่อยจะสนิทกันมากเท่าไหร่...



เมื่อถึงช่วงหนึ่งที่เขารู้ว่าตนเองโตพอที่จะหนีจากพ่อไปใช้ชีวิตเองได้แล้ว ชีวาก็หนีออกจากวัง การหลบหนีครั้งนั้นเอง ทำให้เขาได้รู้จักชายหนุ่มคนหนึ่งในตรอกเล็กๆของตลาดมืด เจ้านั่นมีชื่อว่า ‘อาร์ดี’ (R-D)

อาร์ดีในร่างมนุษย์นั้นหล่อเหลามาก แต่เขาก็ดูลึกลับและมีกลิ่นมนุษย์เจือปนจนยากที่จะเชื่อใจ ไม่รู้ว่าเป็นความผิดพลาดหรือเปล่า ที่ชีวาบังเอิญหลงทางจนไปเจอหมอนั่น

อาร์ดีรู้ว่าเขากำลังหนี หาทางหนีจากอะไรสักอย่างและดูเหมือนจะจนตรอก ไม่มีที่ไป เจ้าตัวจึงแนะนำให้เขาเปิดมิติกาลเวลา แล้วเดินทางมายังโลกมนุษย์

ชีวายอมรับเลยว่าตกใจมาก โลกมนุษย์เป็นมิติแห่งสุดท้ายที่เขาคิดจะไป

แต่อาร์ดีไม่ได้คิดแบบเดียวกัน



เจ้านั่นเล่าเรื่องของ ‘ดวงจิตศักดิ์สิทธิ์’ ให้เขาฟัง บอกเขาว่านั่นคือสิ่งที่เผ่าพันธุ์ของเราโหยหายมาตลอดกาลเวลาอันยาวนาน

จะบอกว่าชีวารู้จักเรื่องนั้นดีก็อาจจะใกล้เคียง เพราะพวกกลุ่มแรกที่เดินทางไปโลกมนุษย์ตามคัมภีร์โบราณบ้าๆนั่น ว่าไปแล้ว ก็คือคนในตระกูลของเขาเอง เรื่องนี้มีอยู่ในบันทึกที่ลับที่สุด ซึ่งชีวาบังเอิญไปเจอมันในซอกหลืบของหอสมุดในวัง

ไม่มีใครรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาบ้าง แต่พอไม่มีการติดต่อกลับมาตลอดหลายร้อยปี ความหวังว่าจะได้พบ ‘ดวงจิตศักดิ์สิทธิ์’ ก็ถูกกลบฝัง พร้อมๆกับการเชื่อว่าพวกเขาสลายไปแล้วในมิติอื่น

ชีวาไม่ได้ติดตามเรื่องนี้นัก แต่ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะต้องได้มีอันมาเยือนมิติประหลาดแห่งนี้เสียเอง!



อาร์ดีแทบจะถีบเขาลงไปในมิติกาลเวลา ตอนที่ชีวาส่ายหัวดิกไม่ยอมไป หมอนั่นหัวฟัดหัวเหวี่ยงใหญ่ที่เกลี้ยกล่อมเขาไม่ได้

ชีวาเริ่มรู้สึกว่ามันมีอะไรประหลาด ที่จู่ๆเขาก็ถูกคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกมาบีบบังคับให้เดินทางไปมิติอื่น ซึ่งดูเหมือนจะมีความเสี่ยงว่า ไปแล้วจะไม่มีวันได้กลับมา

เขาเริ่มต้นเค้นคออาร์ดีบ้าง หมอนั่นอึกอักอยู่พักใหญ่ ก่อนจะยอมสารภาพมาว่า เจ้าตัวไม่ต้องการให้เขาแต่งงานกับอาโร

ชีวาช็อกไป เขาหวาดระแวงมากที่อาร์ดีรู้ถึงตัวจริงของเขา ซัดพลังใส่กันอยู่นานถึงได้เปิดปากว่า อาร์ดีก็คือคนหนึ่งในตระกูลเขาเอง และเป็นหนึ่งในพวกที่เดินทางไปโลกมนุษย์มาแล้ว



อาร์ดีแอบกลับมาดูความเป็นอยู่ครอบครัวเมื่อตอนที่อาโรยังเด็ก และเกิดชอบพออาโรขึ้นมา พอรู้ว่าเขาต้องแต่งงานกับอาโร ก็เลยมาแอบสังเกตเขาอยู่บ่อยๆ จนรู้ว่าชีวาหนีออกจากวัง เลยอยากช่วยให้หนีไปโลกมนุษย์

ชีวาจำได้ว่าแทบจะฆ่าอาร์ดีทิ้งเลยตอนนั้น

แต่ไปๆมาๆ เขาก็ดันตกลงปลงใจยอมเปิดมิติมาโลกมนุษย์จนได้

ฝีปากเจ้ามังกรนั่น อันตรายจริงๆ




แต่ก็นะ... ถ้าไม่ได้อาร์ดี ชีวิตนี้ชีวาคงไม่ได้เจอ ‘โซ่พันธนาการ’ อย่างพระไวยแน่ๆ








 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:


กลับมาทั้งที ได้มาแค่เนี้ย!!!!!! โหยยย อยากตบกะโหลกตัวเองจริงๆ
แต่นั่นแหละค่ะ เรื่องนี้บอกชัดแล้วว่า 'ดอง' ลงไห เพียงแต่มันมักจะมีฟีลให้เขียนได้เรื่อยๆ ก็เลยจะเจอพระไวยกับชีวาบ่อยหน่อย ส่วนหลวงน้อยก็รอกันต่อปายยยย

ฟ้าแอบตกใจที่เก็นว่าสองแฝดกระทู้หายไปแล้ว หรือโดนลบ??? ซึ่งถ้าโดนลบนี่จะไม่แปลกใจเลย เพราะดองไว้นานมากจนเกือบลืมว่าเขียนอะไรไปบ้าง ปมมันซับซ้อนจนคนเขียนเองยังงง หาทางแก้ปมไม่เจอก็มี

แต่ตอนล่าสุดของสองแฝดก็คลอดออกมาแล้วล่ะค่ะ ทว่าเมื่อมันไม่สามารถลงได้ ฟ้าก็จะขอเก็บไว้ก่อน พอเขียนจบทั้งเรื่องเมื่อไหร่ค่อยลงทีเดียวเลยละกัน เดี๋ยวต้องไปนั่งอ่านทวนว่าจะแก้ตรงไหนบ้าง ซึ่งสองแฝดก็ใกล้จบแล้วจริงๆค่ะ มันเดินมาได้ครึ่งทางพอดีเมื่อฟ้าเขียนบทล่าสุด ซึ่งเป็นตอนที่ 15

สำหรับพระไวยและชีวาในตอนนี้ พระไวยยังหลับอยู่ค่ะ ดังนั้นปล่อยให้ชีวาแกโชว์หล่อๆบ้างเหอะ หลังจากแกบทโคตรน้อยมาหลายตอนละ อาจจะระเหยกลายเป็นไปเสียก่อนถ้าไม่รีบเขียนออกมา

เรื่องนี้บอกไว้ว่าฮาๆคลายเครียด แต่มันก็ต้องมีปมบ้างเล็กน้อยนิดหน่อยค่ะ เพื่อความสนุกและตื่นเต้น(?) แต่แน่นอนว่าไม่มากมายอะไรค่ะ แค่มาเป็นน้ำจิ้มเฉยๆ ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป พระเอกเราเก่งค่ะ ไม่มีใครทำอะไรเฮียแกได้อยู่แล้ว 555555


อีกครึ่งหลังจะมาเมื่อไหร่? มาเมื่อพร้อมค่ะทุกท่านที่รัก ตอนนี้ขอบคุณและ สวัสดีวันเปิดเทอมค่ะ (ฟ้าไปเรียนพรุ่งนี้ค่ะ)

ออฟไลน์ Cockroach

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ฮือๆๆ ไม่ต้องดองนานก็ได้นะขอรับ กินเค็มมากๆไม่ดีต่อสุขภาพนะเดี๋ยวโรคไตถามหาหรอก อยากอ่านตอนต่อไปแล้วQAQ

ออฟไลน์ pasallatel

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
กว่าจะมาแต่ละตอน
คิดถึงจนเกือบจะลืมไปแล้วนะคะ555+

ออฟไลน์ em1979

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
ยังดองอยู่ในไหหรอ

ออฟไลน์ Kamidere

  • บรรยายมันออกมา ทุกสิ่งที่อยู่ในใจ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2






CHAPTER 8 : ห้ะ!!! ชีวาเป็นเจ้าชาย????? [FULL VERSION]








บนดาดฟ้าของตึกสูงใหญ่ เด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนมองการจราจรอันคับคั่งด้วยสายตาเรียบเฉย จนคล้ายจะไร้ความรู้สึก
เส้นผมสีทองสว่างตัดสั้นปลิวระข้างแก้ม


“อากาศโลกมนุษย์มีแต่มลพิษ นับวันก็แย่ลงเรื่อยๆ กลับไปที่วังดีกว่าเจ้าชาย” เด็กหนุ่มตัวเล็กกว่าเปรยอย่างรำคาญใจมาจากข้างหลัง เขามีผิวที่ขาวละเอียดตัดกับรอยสักสีน้ำเงินสดใต้ตาซ้าย รูปร่างบอบบางอ้อนแอ้นเสมือนผู้หญิง

“ข้าต้องพาพี่ชีวากลับไปด้วย ไม่อย่างนั้นพิธีอภิเษกจะเริ่มขึ้นไม่ได้” ‘เจ้าชายอาโร’ รำพึงเบาๆ แต่ดวงตายังมองทุกสิ่งด้วยความเรียบเฉยเช่นเดิม

“ถึงขนาดนี้แล้ว เจ้าชายจะไปสนเรื่องการสืบทอดสายเลือดอะไรนั่นอีกทำไม” เด็กหนุ่มคนข้างหลังโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง กระทืบเท้าเร่าๆแบบไม่พอใจ

“เขาแสดงออกเต็มที่ว่าไม่ต้องการรับเจ้าชายเป็นราชินี ยอมหนีมาอยู่โลกมนุษย์นานนับสิบปี แล้วทำไมเจ้าชายจะต้องสนใจคนไร้สัจจะพรรค์นั้นด้วย ข้าไม่เข้าใจ”


‘จีด้า’ บอกกับเจ้านายของตนเองด้วยความหงุดหงิด เขาเป็นราชเลขาของเจ้าชายอาโรตั้งแต่เด็ก และติดตามเจ้านายที่รักมายังโลกมนุษย์แสนโสมมนี่เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนพูดอะไรไป เจ้าชายตัวดีก็เอาแต่ดื้อด้าน ยืนยันคำเดิมว่าจะไม่กลับวัง จนกว่าจะพา ‘เจ้าชายชีวา’ กลับไปด้วยได้

เหอะ ไม่อยากจะบอกเลยจริงๆว่า เจ้าชายชีวาน่ะนอกจากจะเก่งกาจแล้ว เรื่องชอบแหกกฎทำอะไรตามใจตนเองนี่เป็นที่หนึ่งล่ะ เท่าที่เขาเห็น นอกจากราชาองค์ก่อนแล้วก็ไม่มีใครที่เจ้าชายชีวายอมเชื่อฟังสักคน ลองมาขัดใจว่าที่รัชทายาทเอาสิ งานนี้ไม่เละก็คงไม่ใช่เจ้าชายชีวาแล้ว
บอกเจ้านายก็หลายรอบอยู่ แต่เจ้าชายอาโรก็ไม่ยอมฟังกันบ้างเลย ไม่เจอจริงกับตัวคงไม่ซึ้งสินะ

“ข้าเกิดมาต้องเป็นราชินี หน้าที่นั้นถูกกำหนดไว้ก่อนจะเกิดเสียอีก พี่ชีวาก็เหมือนกัน ดังนั้นข้าไม่ทำหน้าของตนเองไม่ได้” เจ้าชายอาโรบอกเลขาคนสนิท ที่เป็นทั้งเพื่อนเล่นและคนรับใช้ผู้ภักดี

“ทีเจ้าชายชีวายังไม่เห็นทำหน้าที่เลย เอาเปรียบนัก ในเมื่อเขาไม่ทำได้ ท่านก็ไม่ต้องทำได้เหมือนกัน” จีด้ายังเถียงไม่ลดละ

“ใครจะทำไม่ทำข้าไม่รู้” เจ้าชายอาโรพูด “แต่หากข้าไม่ทำ แล้วข้าดีกว่าคนที่เจ้าด่าพวกนั้นตรงไหน”


จีด้าลอบกลืนน้ำลายขมๆลงลำคอ เมื่อถูกยอกย้อนด้วยคำพูดเช่นนั้น ก่อนจะตอบเจ้านายออกไปอ้อมแอ้ม
“ข้าไม่ได้หมายถึงเจ้าชายเสียหน่อย...”


เจ้าชายอาโรแสร้งทำเป็นว่าไม่ได้ยินคำพูดนั้น

อาโรเป็นเจ้าชาย ที่เกิดจากราชากับราชินี แต่ไม่มีสิทธิ์เป็นราชา เพราะการสืบทอดสายเลือดของราชวงศ์ต้องเป็นสายเลือดบริสุทธิ์จากบรรพบุรุษ

และการจะมีสายเลือดราชาอันเป็นสีน้ำเงินเข้มได้ ก็ต้องเกิดจากการแต่งงานกันเองในบรรดาพี่น้อง



ราชาองค์แรก มีน้องชายหนึ่งคน และมีน้องสาวต่างแม่อีกหนึ่ง... น้องสาวคนนี้มีแม่เป็นคนต่างเผ่า นางมาจากคนละสายตระกูล แต่แต่งงานกับพ่อของราชาเพื่อการรวมอาณาจักร

แต่เดิมที พ่อแม่ของราชากับน้องชายอยู่ในตระกูล‘เดมอน’ เมื่อแต่งงานกัน ลูกๆจึงมีเลือดบริสุทธิ์ ตระกูลเดมอนไม่แต่งงานกับคนนอก พวกเขามีลูกทีหลายๆคน ไม่เคยห้ามปรามเรื่องการรักกันของพี่น้อง หรือเรื่องรักเพศเดียวกัน เพราะไม่ว่าจะเพศไหน คนของตระกูลเดมอนก็สามารถมีลูกได้ มันเป็นอำนาจวิเศษที่สืบผ่านสายเลือดอันบริสุทธิ์

ทุกอย่างต่างออกไปเมื่อเริ่มรวมอาณาจักร พ่อราชาต้องแต่งงานกับสตรีจากอีกตระกูล เพื่อสร้างรากฐานบ้านเมืองให้มั่นคง ผู้หญิงคนนั้นเรียกร้องสิทธิ์การเป็นภรรยาเอก รวมทั้งให้ลูกของนางเป็นราชินีรุ่นต่อไป เพราะนางไม่พอใจที่ลูกของนางไม่สามารถเป็นราชาได้ เนื่องจากสายเลือดไม่บริสุทธิ์

แม่ราชายินยอมตามคำเรียกร้อง ทั้งที่นางเป็นคนในตระกูล แต่งงานมาก่อนและลูกชายจะได้เป็นปฐมราชา แต่กระนั้น นางประกาศว่า แม้นางยอมให้ราชินีแต่ละรุ่นเป็นคนนอกตระกูลได้ ทว่าลูกของราชินีจะไม่มีวันขึ้นเป็นกษัตริย์

แม่ราชานำความเจ็บแค้นมาลงที่ทายาทรุ่นหลัง นางสาปพวกเขา เพื่อสั่งสอนพวกเขาว่า การแย่งชิงในสิ่งที่เป็นของผู้อื่นอย่างชอบธรรม จะได้รับความขมขื่นยาวนานตราบจนวิญญาณแตกดับ ผู้ใดขัดขืนคำประกาศ ผู้นั้นจักพบความทุกข์ทรมานแสนสาหัส

ราชาองค์แรกจึงต้องแต่งงานกับน้องสาวต่างแม่ และตั้งนางขึ้นเป็นราชินี แต่ว่า ผู้ซึ่งเป็นที่รักและให้กำเนิดรัชทายาท กลับเป็นน้องชายร่วมสายเลือดของราชานั่นเอง เขาได้รับตำแหน่งสูงสุดในกองทัพ เป็นผู้ที่กุมอำนาจกึ่งหนึ่งรองลงจากราชา ทุกคนรู้ดีว่าน้องชายนั่นแหละที่เป็น ‘ตัวจริง’ ไม่ใช่ราชินีหุ่นเชิดนั่น

ราชินีมีลูกชายหนึ่งคน เขามีผมสีทองสว่างอันเป็นเอกลักษณ์แห่งเผ่าพันธุ์ของแม่ราชินี ต่างจากบรรดาลูกๆของพระอนุชา ซึ่งสายเลือดบริสุทธิ์ เด็กๆเหล่านั้นมีผมสีดำสนิทเปล่งประกาย และพรั่งพร้อมด้วยพละกำลังอันมหาศาล ทั้งมีสติปัญญาเฉียบแหลม


น้องชายราชามีลูกชายสามคน และลูกสาวสองคน

แน่นอนว่า ลูกชายคนโตของเขาคือราชาคนต่อไป ส่วนอีกสี่คนที่เหลือ ก็แล้วแต่ว่า รัชทายาทจะรักชอบใครคนไหน

 ในแต่ละรุ่นที่เลยผ่าน ลูกของราชินีก็ยังเป็นราชินี ราชินีที่ไร้อำนาจ ลูกของพระอนุชาหรือพระขนิษฐา ก็เป็นราชาที่มีสายโลหิตอันเข้มข้น เป็นผู้กุมอำนาจแท้จริงแห่งวังหลวง ซึ่งทุกคนยำเกรง

มากระทั่งรุ่นของเจ้าชายอาโร กับเจ้าชายชีวา


เจ้าชายชีวาเป็นลูกของราชาองค์ก่อนกับน้องชาย เขาไม่มีพี่น้องที่มีเลือดบริสุทธิ์เสมอกัน ขณะนั้น เจ้าชายอาโรก็เป็นลูกของอดีตราชินีองค์ก่อน

แทบทุกคนในโลกของเจ้าชายอาโรจับตามองการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้...


หรือราชาองค์ต่อไปจะเป็นราชาเลือดผสม?


แต่ชีวาปฏิเสธการแต่งงานกับน้องชายต่างแม่อย่างชัดเจน ถึงกับหนีมายังโลกมนุษย์ ทำให้ทุกคนหัวหมุนตามหากันให้วุ่นวาย
เพราะอะไรจึงไม่ทำตามประเพณี การหาทายาทเลือดบริสุทธิ์สักคนจากตระกูลเดมอนก็ทำได้ง่ายๆอยู่แล้ว ทั้งนี้ทั้งนั้น เจ้าชายอาโรก็ได้แต่สงสัย







_________________________________________________________________________________________________







ชีวานั่งเหม่อบนรถเมล์ ข้างๆกันคือพระไวยที่หลับตานิ่งราวกับเจ้าตัวกำลังนอน ชีวาไม่รู้หรอกว่าพระไวยหลับหรือเปล่า ตอนนี้เขาได้แต่ทำตามสิ่งที่พระไวยบอกให้ทำเท่านั้น เนื่องจากไม่รู้เลยว่าเจ้าตัวมีชีวิตประจำวันอย่างไร นึกกลัวหน่อยๆว่าจะทำหน้าที่ของตนเองได้ไม่ดีหรือเปล่า

ตั้งแต่เกิดมาเป็นพันปี เขาก็เพิ่งจะมีโซ่พันธนาการเป็นครั้งแรกนี่แหละ



ชีวิตของชีวาเหมือนจะเรียบง่าย แต่มันก็เต็มไปด้วยความเครียดและน่าเบื่อสุดประมาณ

เขาเกิดเป็นเจ้าชาย เป็นลูกชายคนเดียวของราชา รัชทายาทผู้จะต้องสืบทอดบัลลังก์ เมื่อย่างเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น แม่ของชีวาก็เสียไปเพราะสุขภาพที่อ่อนแอตั้งแต่เขาคลอด พ่อของเขาไม่ยอมแต่งงานใหม่ ดังนั้น ชีวาจึงถูกเคี่ยวเข็ญในเรื่องต่างๆและถูกจับตามองเสมอ

เรื่องยุ่งยากก็คือ เมื่อถึงเวลาที่ต้องรับช่วงต่อจากพ่อ เขาต้องแต่งงานกับน้องชายต่างแม่ ที่ชื่อ ‘อาโร’ เพราะมันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของตระกูล ที่จะให้ลูกของราชินีองค์ก่อนเป็นราชินีรุ่นต่อไป

แต่ทุกคนรู้ดี ว่ามันคือ ‘คำสาป’ ที่สาปส่งทายาททั้งชั่วโคตรของราชินีองค์แรกต่างหาก

ชีวาไม่มีความคิดอยากแต่งงานกับอาโรเลย เขาเห็นน้องคนนี้ตั้งแต่เจ้าตัวยังเล็กมาก อาโรเป็นเด็กที่ค่อนข้างเงียบ ไม่สุงสิงกับคนอื่นๆ ที่น่าเศร้าก็คือ แม่ของอาโรไม่เคยเป็นที่รักของพ่อ อาโรเกิดจากการแต่งงานตามประเพณีของทั้งคู่ และดูเหมือนว่า ท่านพ่อเองจะไม่ได้รักลูกคนนี้อย่างออกหน้าออกตามากนัก ถ้าเทียบกับเขา

ชีวาไม่ต้องการให้อาโรมีชีวิตแบบนั้น และยิ่งไม่ต้องการให้ลูกของตนเป็นแบบเดียวกับอาโร เขารู้ว่าไม่เคยคิดกับอาโรเป็นอื่นเลยนอกจากน้องชาย ที่ไม่ค่อยจะสนิทกันมากเท่าไหร่...




เมื่อถึงช่วงหนึ่งที่เขารู้ว่าตนเองโตพอที่จะหนีจากพ่อไปใช้ชีวิตเองได้แล้ว ชีวาก็หนีออกจากวัง การหลบหนีครั้งนั้นเอง ทำให้เขาได้รู้จักชายหนุ่มคนหนึ่งในตรอกเล็กๆของตลาดมืด เจ้านั่นมีชื่อว่า ‘อาร์ดี’ (R-D)

อาร์ดีในร่างมนุษย์นั้นหล่อเหลามาก แต่เขาก็ดูลึกลับและมีกลิ่นมนุษย์เจือปนจนยากที่จะเชื่อใจ ไม่รู้ว่าเป็นความผิดพลาดหรือเปล่า ที่ชีวาบังเอิญหลงทางจนไปเจอหมอนั่น จนถึงตอนนี้เขาก็ยังสงสัยอยู่ ว่ามันคือเรื่องบังเอิญ หรืออาร์ดีจงใจ

อาร์ดีรู้ว่าเขากำลังหนี หาทางหนีจากอะไรสักอย่างและดูเหมือนจะจนตรอก ไม่มีที่ไป เจ้าตัวจึงแนะนำให้เขาเปิดมิติกาลเวลา แล้วเดินทางมายังโลกมนุษย์

ชีวายอมรับเลยว่าตกใจมาก โลกมนุษย์เป็นมิติแห่งสุดท้ายที่เขาคิดจะไป


แต่อาร์ดีไม่ได้คิดแบบเดียวกัน



เจ้านั่นเล่าเรื่องของ ‘ดวงจิตศักดิ์สิทธิ์’ ให้เขาฟัง บอกเขาว่านั่นคือสิ่งที่เผ่าพันธุ์ของเราโหยหายมาตลอดกาลเวลาอันยาวนาน
จะบอกว่าชีวารู้จักเรื่องนั้นดีก็อาจจะใกล้เคียง เพราะพวกกลุ่มแรกที่เดินทางไปโลกมนุษย์ตามคัมภีร์โบราณบ้าๆนั่น ว่าไปแล้ว ก็คือคนในตระกูลของเขาเอง เรื่องนี้มีอยู่ในบันทึกที่ลับที่สุด ซึ่งชีวาบังเอิญไปเจอมันในซอกหลืบของหอสมุดในวัง

ไม่มีใครรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาบ้าง แต่พอไม่มีการติดต่อกลับมาตลอดหลายร้อยปี ความหวังว่าจะได้พบ ‘ดวงจิตศักดิ์สิทธิ์’ ก็ถูกกลบฝัง พร้อมๆกับการเชื่อว่าพวกเขาสลายไปแล้วในมิติอื่น

ชีวาไม่ได้ติดตามเรื่องนี้นัก แต่ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะต้องได้มีอันมาเยือนมิติประหลาดแห่งนี้เสียเอง!


อาร์ดีแทบจะถีบเขาลงไปในมิติกาลเวลา ตอนที่ชีวาส่ายหัวดิกไม่ยอมไป หมอนั่นหัวฟัดหัวเหวี่ยงใหญ่ที่เกลี้ยกล่อมเขาไม่ได้
ชีวาเริ่มรู้สึกว่ามันมีอะไรประหลาด ที่จู่ๆเขาก็ถูกคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกมาบีบบังคับให้เดินทางไปมิติอื่น ซึ่งดูเหมือนจะมีความเสี่ยงว่า ไปแล้วจะไม่มีวันได้กลับมา

เขาเริ่มต้นเค้นคออาร์ดีบ้าง หมอนั่นอึกอักอยู่พักใหญ่ ก่อนจะยอมสารภาพมาว่า เจ้าตัวไม่ต้องการให้เขาแต่งงานกับอาโร

ชีวาช็อกไป เขาหวาดระแวงมากที่อาร์ดีรู้ถึงตัวจริงของเขา ซัดพลังใส่กันอยู่นานถึงได้เปิดปากว่า อาร์ดีก็คือคนหนึ่งในตระกูลเขาเอง และเป็นหนึ่งในพวกที่เดินทางไปโลกมนุษย์มาแล้ว

อาร์ดีแอบกลับมาดูความเป็นอยู่ครอบครัวเมื่อตอนที่อาโรยังเด็ก และเกิดชอบพออาโรขึ้นมา พอรู้ว่าเขาต้องแต่งงานกับอาโร ก็เลยมาแอบสังเกตเขาอยู่บ่อยๆ จนรู้ว่าชีวาหนีออกจากวัง เลยอยากช่วยให้หนีไปโลกมนุษย์

ชีวาจำได้ว่าแทบจะฆ่าอาร์ดีทิ้งเลยตอนนั้น


แต่ไปๆมาๆ เขาก็ดันตกลงปลงใจยอมเปิดมิติมาโลกมนุษย์จนได้

ฝีปากเจ้ามังกรนั่น อันตรายจริงๆ



แต่ก็นะ... ถ้าไม่ได้อาร์ดี ชีวิตนี้ชีวาคงไม่ได้เจอ ‘โซ่พันธนาการ’ อย่างพระไวยแน่ๆ








_______________________________________________________________________________________________









“เฮ้อ…”

พระไวยถึงกับถอนหายใจอย่างเป็นสุข เมื่อได้นั่งลงที่โต๊ะหินแกรนิตหน้าคณะ เจ้าตัววางหัวลงกับท่อนแขนแล้วหลับตาลง ความเหนื่อยสะสมในหลายๆเรื่องตั้งแต่เมื่อวานทำให้เขารู้สึกว่าพักผ่อนไม่พอ ที่สำคัญคือมอเตอร์ไซค์ลูกรักดันมาเสีย พระไวยจึงต้องออกมาต่อรถลงเรืออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งๆที่บ้านไม่ได้ไกลจากมหาวิทยาลัยเท่าไหร่เลย

ให้ตาย... หรือชีวิตของเขาจะเข้าสู่ช่วงดวงจู๋กู่ไม่กลับแบบที่แม่หมอคนนั้นเคยบอกจริงๆ?



“เจ้าเรียนคณะอะไร” ชีวาเอ่ยถามเสียงเรียบ เมื่อรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยกับสายตาของผู้คนรอบข้าง

พระไวยเปิดตาขึ้นข้างหนึ่ง แล้วก็หลับตาลงต่อ ขยับตัวเพียงเล็กน้อยให้สบาย

“เศรษฐศาสตร์”


ชีวาจับปกเสื้อตัวเองเบาๆ หางตาเหลือบไปด้านข้าง เมื่อรับรู้ถึงสายตาซึ่งจับจ้องตนเองไม่วาง

เขาเกลียดมัน... เกลียดมนุษย์และทุกผู้ทุกนามที่คอยแต่มองเขา ราวกับเขาเป็นอาหาร
จับจด... ต้องการ... หลงใหลแต่เพียงรูปรสภายนอก...
คิดอยู่เพียงเท่านั้น ...โดยไม่คำนึงถึงความต้องการของใครเลย

ชีวาเกลียดมันที่สุด...



“ตอนนี้เจ็ดโมงสี่สิบนาที ฉันเริ่มเรียนตอนเจ็ดโมงห้าสิบ นายจะไปเข้าห้องน้ำหรือหาอะไรกินก่อนก็ได้ ฉันรออยู่นี่แหละ”
เสียงพระไวยกระชากชีวาให้กลับมาสู่ความจริงตรงหน้าอีกครั้ง

“แล้วเจ้าล่ะ”

“หือ” พระไวยส่งเสียงในลำคอ “ฉันทำไม”

“ก็... เจ้าไม่ไปเข้าห้องน้ำ หรือหาอะไรกินบ้างหรือ”


พระไวยอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ทั้งๆที่ข้างในใจของเขาก็รู้สึกเหมือนโดนตอกย้ำด้วยอะไรสักอย่างที่มองไม่เห็น

“นี่ล้อกันเล่นหรือเปล่า นายก็เห็นว่าฉันไม่มีเงิน”



ยุคสมัยของพระไวยคือยุคที่เงินหมายถึงอำนาจ ทุกสิ่งอย่างง่ายดายเพียงกระดิกนิ้ว ถ้ามี ‘เงิน’

ผู้คนรอบกายคล้ายจะออกมาจากพิมพ์เดียวกันมากขึ้นทุกที พวกเขาหิวเงิน แข่งกันกินแข่งกันเดิน พยายามทุกทางให้ตนเองได้อยู่แนวหน้า แสวงหาสิ่งที่เรียกว่าความร่ำรวยเพื่อตอบสนองจิตใจอันโหยหา

คนอยากได้ก็ต้องพยายาม คนมีอยู่แล้วก็เอาแต่ใช้

ส่วนคนที่ไม่เคยมี และไม่คิดอยากมีเช่นพระไวย ก็เสมือนเงาในกลุ่มคนเหล่านั้น

เคยคิดอยู่เหมือนกันว่า ชีวิตทุกวันนี้ที่มีอยู่ก็พอดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องแข่งขันหรือตะเกียกตะกายให้เกินความจำเป็น ให้เหมือนคนอื่นๆก็ได้


แต่บางทีมันก็ขมขื่น... เมื่อพระไวยมองเห็นในสิ่งที่เพื่อนมี แต่ตนเองไม่มี


“เงินฉันมีไม่มากพอจะไปซื้อของกินเล่นพวกนั้นหรอก นี่ก็ห่อข้าวที่เหลือเมื่อเช้ามาไง มีแค่ค่ารถเมล์เท่านั้นแหละ” พระไวยบอกชีวา ก้มหน้าลงซบกับท่อนแขน หลบสายตาอับอายปนขมขื่นของตนเองไว้กับความมืด

“แต่นายคงจะมีเงินติดตัวมานะ ไม่ใช่ว่ามีแต่ตัวเปล่าๆใช่มั้ย” คราวนี้ต้องเงยหน้าขึ้นมาใหม่เพื่อถามอีกฝ่าย พระไวยลืมไปสนิทเลยว่าหมอนี่ไม่ใช่มนุษย์ แล้วตัวเขาเองไปเจอมันได้อย่างไร

“อ๋อ เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องห่วงหรอก ข้ามี” ชีวารีบบอก



พระไวยพยักหน้าหงึกหงัก แล้วฟุบลงนอนต่อ เป็นอันว่าเขาหายห่วงเรื่องเงินเรื่องทองของหมอนี่ไปได้สินะ ที่จริงก็ดีเหมือนกัน พระไวยจะได้ไม่ต้องเจียดเงินที่มีอยู่เพียงน้อยนิดไปให้อีกฝ่ายใช้ เพราะแค่ลำพังตัวเขา พระไวยก็แทบจะเอาไม่รอดเลย ช่วงนี้ยิ่งช็อตๆอยู่เพราะพี่สาวเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ท่าทางว่าเขาคงจะฝืดเคืองเรื่องเงินทองไปอีกพักใหญ่


‘แต่ก็ไม่เป็นไร’ พระไวยนึก ‘เอาข้าวมากินจากบ้านเสียก็สิ้นเรื่อง’


พระไวยเป็นคนเลี้ยงง่าย กินง่ายอยู่ง่าย ขยันทำงาน เถ้าแก่ที่ร้านเซเว่นที่พระไวยเคยไปทำพาร์ทไทม์ยังบอกอยู่บ่อยๆเลยว่า เขาขยันดีมาก แกชอบ เถ้าแก่ชอบคนตั้งใจและขยันทำงาน เพราะมันหมายถึงว่าเราไม่งอมือรอเท้าอยู่เฉยๆรอชะตากรรม เถ้าแก่ชอบพูดว่าคนต่างหากที่ลิขิตชีวิตตน ไม่ใช่ใคร หรืออะไรอย่างอื่นเลย ซึ่งพระไวยก็ว่าแปลกดี ที่เถ้าแก่แกไม่เชื่อเรื่องบุญพาโชคชะตากลั่นแกล้งนั่น

แต่บางทีสำหรับบางคน เช่นพระไวยเป็นต้น โชคชะตามันเหมือนกับความสามารถในเรื่องต่างๆ มันมีอยู่จริง ความสามารถบางอย่างก็ได้มาเพราะต้องได้ ไม่ใช่ได้มาเพราะการฝึกฝน และส่วนใหญ่น่ะนะ ใช่เลย มันมีผลต่อทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตด้วย


‘โชคชะตา’ ไม่อยากบอกว่าพระไวยเกลียดคำนี้มากที่สุดของมากที่สุด ของมากมากมากที่สุด










“พระไวย”

พระไวยที่กำลังเคลิ้มๆได้ยินเสียงเรียกทุ้มๆอยู่ข้างหู ก็ลืมตาขึ้น ก่อนจะพบกับแซนวิชชิ้นใหญ่เบิ้มหอมกรุ่นน่ากินลอยอยู่ตรงหน้า นึกรู้เลยว่ามันต้องมาจากร้านขายอาหารเช้าหน้ามหาวิทยาลัยที่คนเยอะ โคตรแพง และอร่อยมากร้านนั้นแน่ๆ

เขาถึงกับกลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อก จมูกก็สูดกลิ่นหอมๆของเนื้อหมูทอดใต้แผ่นขนมปังโฮลวีตกับผักสดฟุดฟิด



“เอ่อ... มีอะไร” พระไวยถามชีวาทั้งๆที่ตายังจ้องมองแต่แซนวิชชิ้นนั้น ยอมรับเลยว่าท้องมันเหมือนจะร้องอยู่เบาๆ แม้เขาจะกินข้าวเช้าจนอิ่มไปแล้วก็เหอะนะ

ใจมันไม่อาจต้านทานของกินดีๆยั่วน้ำลายที่แทบไม่เคยลิ้มรสได้เลย


“นี่ไง เจ้ากินเสียสิ ข้าซื้อมาให้” ชีวาบอก มือหนึ่งก็ถือแซนวิชแบบเดียวกันไว้ ปากเคี้ยวหงุบหงับ

พระไวยเบี่ยงหน้าออกห่างของกิน แล้วมองคนซื้อมาให้แบบสงสัย

“ซื้อมาให้?”

ชีวาพยักหน้ารับ แล้วยื่นแซนวิชมาใกล้หน้าพระไวยขึ้นอีก “เจ้ารับไปเสียทีสิ ข้าเมื่อยมือแล้วนะ ไม่อยากยืนแล้วด้วย”

“เอ่อ... อื้ม” พระไวยจำต้องรับแซนวิชจากมืออีกฝ่ายมาอย่างเสียไม่ได้ ถึงแม้ใจเขาจะร้องตะโกนว่า ‘อยากกิน!’ มากแค่ไหน

ชีวานั่งลงกับม้าหิน แล้วก้มหน้าก้มตากินต่อไปแบบสบายใจเสียน่าหมันไส้ ไม่ได้สนเลยว่ากำลังถูกพระไวยมองด้วยสายตาแบบไหน หากตาพระไวยเป็นเลเซอร์ คาดว่าชีวาคงกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วแน่ๆ

“นี่” พระไวยเริ่มเรียกร้องความสนใจ ขณะเดียวกัน ก็พยายามไม่สนเสียงของปีศาจในใจที่ตะโกนว่า ‘กินเลย!’ อยู่เรื่อยๆ “นายซื้อมาให้ฉันทำไม ฉันกินข้าวเช้าไปแล้วนะ อีกอย่างร้านนี้ก็โคตรแพ--”

เสียงท่อนท้ายของพระไวยหายไป เพราะอีกฝ่ายโบกนิ้วเป็นเชิงห้าม

ชีวากระเดือกแซนวิชคำสุดท้ายลงคอ ก่อนเปิดขวดน้ำที่ซื้อมาแล้วดื่ม


“เจ้าช่วยเงียบแล้วกินมันเสียที ไม่ต้องบอกข้าหรอกว่ามันแพง นั่นเงินข้า – ข้าเป็นคนจ่าย แพงหรือไม่ข้าตัดสินใจเอง หน้าที่ของเจ้าคือกินเข้าไปซะ เจ้าผอมกะหร่องขนาดนั้น ลมพัดทีเดียวก็แทบจะปลิวอยู่แล้ว กอดทีนึงก็กลัวกระดูกจะหัก...” ท้ายประโยค ชีวาเหมือนจะรำพึงกับตนเองเบาๆ

พระไวยอ้าปากค้างพะงาบๆกับคนพูดที่ดูจะยาวเหยียดที่สุดของชีวา อึ้งไปเหมือนกันเมื่ออีกฝ่ายบ่นเขาชุดใหญ่แบบนั้น ไม่คิดว่าตัวประหลาดนี่จะทำตัวเป็นมนุษย์ปกติธรรมดาได้ด้วย...

สุดท้ายพระไวยก็พ่ายแพ้ให้กับเสียงเอ็ดตะโรของปีศาจในใจ เขาบรรจงกัดงั่มลงไปบนเนื้อขนมปังอุ่นๆหอมกรุ่น รับรู้ได้ถึงรสชาติของเนื้อหมูที่นุ่มลิ้นและผักสดกรอบๆในปาก

อา.... เขาไม่ได้กินอะไรดีๆแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ





“พระไวย” ระหว่างที่กำลังละเลียดอยู่กับรสชาติของเนื้อหมูและขนมปัง ชีวาก็เอ่ยถามพระไวยออกไปด้วยท่าทีลังเล

“หือ? ว่ายังไง” พระไวยหลับหูหลับตาตอบ เพราะยังสนใจอยู่กับมะเขือเทศที่ติดฟัน

ชีวายกมือลูบคางเบาๆ “เจ้า... มีอะไรที่อยากได้มากๆ มากๆที่สุดในชีวิตเลยบ้างมั้ย”


พระไวยยังคงเคี้ยวผักต่อไปแบบมีความสุข แต่หัวคิ้วก็ขมวดเพราะคิดตามไปด้วย

“อืม... รถสปอร์ตละมั้งนะ” พระไวยว่า แอบสงสัยว่าไอ้ตัวประหลาดนี่จะถามทำไม

“ถามทำไม”

ชีวากระแอมไอไปเรื่อยกลบเกลื่อน “อ้อ... เปล่าหรอก ไม่มีอะไร” แล้วเขาก็ทำเป็นชมนกชมไม้

พระไวยหรี่ตามอง แต่เมื่อไม่เห็นสิ่งผิดปกติก็คร้านจะใส่ใจ หันไปเคี้ยวแซนวิชของตัวเองต่อแทน




ชีวาเหลือบมองอีกฝ่ายทางหางตา จนเมื่อแน่ใจว่าพระไวยไม่ได้สนใจตัวเองแล้ว เขาก็แอบยกยิ้มมุมปาก



รถสปอร์ตงั้นหรอ...











___________________________________________________________________________________________

TO BE CON...








« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-07-2014 20:29:28 โดย KAMI »

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
มานิดเดียวเองอ่ะยังไม่จุใจเลย
ว่าแต่ถามไปเนี่ยคุณพี่ชีวาจะซื้อให้หรือเจ้าคะ?

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน
เป็นเรื่องที่สนุกแปลกจริงๆ

ออฟไลน์ jamlovenami

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 639
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เฮ้ยยยย ถามไมอ่ะ

จะซื้อให้พระไวยหรือไงจ๊ะชีวา (พอออกเสียงชีวา แล้วชอบนึกถึง ชีฟา ทุกที ไม่รู้โฆณาเตารีดรึเปล่าจำไม่ได้)

เราชอบชีวานะ แบบดูร้ายกับคนอื่นได้ง่ายๆ แต่กับพระไวยจะเป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่ง

ที่พร้อมจะเป็นคนดีเพื่อคนที่รัก ว๊ายยย ฟินนนน

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
มาตามด้วยคนนะ
ชอบชีวาอะ คือนางพร้อมที่จะร้ายกับทุกๆคน แต่นางก็รักและซื่อสัตย์กับคนๆเดียว ชอบอะ เลิฟเบยย

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
อย่าบอกนะคะว่าจะซื้อรถให้ เจ๊ว่าซื้อตู้เย็นแล้วคอยเติมของให้เต็มตลอดน่าจะเข้าท่ากว่านะคะชีวัน.....

ดีใจจังงงง มาต่อแล้วว รอตอนต่อไปน้าา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ yaoisamasang

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-3
    • https://www.facebook.com/pages/Yaoi-Sama/463499467036395?ref=hl
ตกถังข้าวสวยแล้วพระไวย

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
โชคดีหีือโชคร้ายเนี้ยพระไวย  ได้เจ้าชายแต่โดนคนตาม - -

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4

ออฟไลน์ ทิวสนที

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
รออ่านจนจะลืมแล้วนะเนี่ย :katai4:

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
สนุกดีครับชอบ ๆๆๆๆ เมื่อไหร่มาต่อครับ รอนะครับ

ออฟไลน์ Nbear

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เมื่อไรจะมาต่อน้าาาา รออยู่

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0


หลงเข้ามา

แต่เหมือนจะหาทางออกไม่เจอ

เมื่อไหร่จะมาอีกนะ

ปูเสื่อรอ


ออฟไลน์ NoteZapZa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-4
ติดไจ พระไวย สะแล้วสิ
....มาต่อเร็วๆๆนะค่ะ

ออฟไลน์ Allure-Q

  • Just the way you are
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
โอยย  แม่ยกฟินค่ะงานนี้ //ปูเสื่อรอ

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Kamidere

  • บรรยายมันออกมา ทุกสิ่งที่อยู่ในใจ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
CHAPTER 9 : วาจานั้น... สำคัญไฉน?








ต่อไปคือรายการกรี๊ดสนั่น... โอเค งั้นขอพระไวยอยู่เงียบๆได้ไหม กรุณาหยุดทำร้ายร่างกายกระผมได้แล้วไอ้ซีอีโอ!



“อ้ากกก!!! ไอ้ไวย! มึงมีเพื่อนหล่อกระชากแมนขนาดนี้ทำไมไม่รีบบอกกู้วววววว~ ปล่อยให้กูแอ๊บแมนอยู่ได้ตั้งนานน่ะหา!”
 
ไม่ด่าพระไวยอย่างเดียว ไอ้คุณซีอีโอเอามือมาทุบหลังเขาอั้กๆๆ จนพระไวยแทบจะพ่นของเก่าที่เพิ่งกินไปเมื่อไม่กี่นาทีนี้ออกมาแบบปัจจุบันทันด่วน แต่ไม่ได้ๆ เขาต้องรีบอุดปากเอาไว้ อดทนต่อแรงทุบโคตรพ่อโคตรแม่ของซีอีโอให้มากที่สุด พระไวยเสียดายของอร่อยแพงๆที่ชีวาอุตส่าห์ซื้อมาให้ เขาไม่ได้มีโอกาสกินอะไรแบบนั้นบ่อยหรอกนะเว้ย!

“ไอ้... อุบ! ซี... อั้ก! อี... อุก!... โอ... โอ้ก!” พระไวยแทบพูดออกมาไม่เป็นคำ เพราะไอ้คุณซีอีโอยังไม่หยุดทุบหลังเขาเลย มือพระไวยพยายามจะดันคนข้างหลังออกไป เพราะรู้สึกถึงแรงเคลื่อนตัวในกระเพาะได้ชัดเจน ขืนปล่อยให้เพื่อนทุบหลังอั้กๆแบบนี้ต่อ มีหวังพระไวยขย้อนของเก่าออกหมดไส้หมดพุงแน่

แต่ไอ้คุณซีอีโอ กรุณาช่วยหยุดฟังคุณเพื่อนอย่างกระผมบ้างได้มั้ย!



“มึงนะมึง!” ซีอีโอถลึงตามองเพื่อน มือยังตบนั่นทุบนี่พระไวยไม่หยุด “จำไว้เลย! คราวหน้ามีสาวสวยที่ไหนในสต็อกกูจะไม่บอกมึงแน่!”

พระไวยหลบมืออีกฝ่ายพลันวัน อยากจะบอกเหลือเกินว่าที่ผ่านมาคุณมึงก็กินเรียบเองหมด ไม่เคยจะเหลือเผื่อแผ่มาให้พระไวยหรอก!

“หยุดนะเว้ย! ถ้ามึงทุบอีกรอบกูอ้วกใส่หน้ามึงแน่ไอ้โอ!” พระไวยตะโกนเสียงอย่างเหลืออด

ซีอีโอชะงักมือค้าง ก่อนจะเบือนหน้าไปมองชีวาที่จ้องพวกเขาสองคนอย่างอึ้งๆด้วยความเร็วแสง แล้วหลบกลับมาสงบเสงี่ยมชนิดที่เสือชีตาร์ยังอาย

โอเค... ที่หยุดนี่เพราะเห็นว่าไอ้หล่อมองอยู่ใช่มั้ยล่ะ ไม่ได้เป็นห่วงหรอกว่าพระไวยจะขย้อนของเก่ามาใส่หน้ามันน่ะ! ช่างเป็นเพื่อนที่น่ารักและห่วงใยเพื่อนอะไรเช่นนี้!



พระไวยหายใจเข้าลึกๆ พยายามกดอะไรต่อมิอะไรที่กินเมื่อเช้าให้กลับคืนสู่กระบวนการย่อย เขาเสียดายสิ่งที่กินมา ยุคนี้ข้าวยากหมากแพงจะตาย แล้วตังค์ในกระเป๋าก็มีไม่ถึงหกสิบเสียด้วย...



“ขอร้องเลยนะไอ้คุณโอ... กูเพิ่งกินข้าวเช้ามา ช่วยเก็บไอ้ท่าทางเขินอายทำลายล้างของมึงไปเสียทีเถอะ มึงเขินทีไรกูเจ็บตัวตลอด ไม่ถงไม่ถามสุขภาพกูซักคำ” พระไวยบ่นเหนื่อยๆ รู้สึกหน้ามืดวิงเวียนคล้ายจะเป็นลม

“มึง! ...เอ่อ... ก็... กู...” แล้วซีอีโอก็เอานิ้วชี้จิ้มๆกัน แต่พระไวยเห็นว่าหางตามันน่ะเหลือบมองไปที่ชีวาอย่างเดียวเลย
ช่วยสนใจกันบ้างก็ดีนะซีอีโอ...

“อะไร ก็อะไรของมึงหะ” พระไวยบ่น “แล้วเมื่อไหร่จะเลิกทำตัวเหมือนตุ๊ดสาวแตก กูรู้ว่ามึงแมน เลิกทำตาเล็กตาน้อยใส่เพื่อนกูได้แล้ว”

“อะไรวะเนี่ยมึง” ซีอีโอทำหน้างอ “กูบอกมึงตอนไหนว่ากูแมน?”

พระไวยหรี่ตา “อย่ามาตอแหลใส่กูไอ้สัด” เขาสบถด่าคำหยาบอย่างไม่สบอารมณ์ขึ้นมาเฉยๆ เมื่อเห็นว่าเพื่อนตัวดียังสะดีดสะดิ้งไม่หยุด แถมชีวายังจ้องมองซีอีโอแบบแปลกๆ “กูรำคาญว่ะ อย่าให้กูเห็นเชียวนะว่ามึงไปลัลล้ากับพี่นัท กูรู้ว่าเขาตามจีบมึงต้อยๆอยู่”

“สัด...” ซีอีโอกัดฟันพูด รู้สึกได้ถึงขนแขนของตนเองที่ลุกชันเมื่อพูดถึงรุ่นพี่คนนั้นที่ตนเพิ่งดิ้นหนีมาสำเร็จ “อย่าพูดถึงเขาสิวะ”

“หึ ทีอย่างนี้ล่ะทำเป็นกลัว” พระไวยเยาะเย้ยเพื่อนเล็กน้อย แล้วหันกลับไปสบตาคนหล่อกระชากแมนที่นั่งเงียบตั้งแต่เพื่อนตัวแสบของพระไวยโผล่มา

“นี่เพื่อนฉันเอง ชื่อซีอีโอ เรียกมันโอเฉยๆก็ได้ ตะกี้มันแกล้งนายน่ะ ขอโทษแทนมันด้วย” พระไวยบอก เขาล่ะกลัวจริงๆว่าชีวาจะแตกตื่นกับอาการสาวแตกของเพื่อนเขา อันที่จริงซีอีโอไม่ได้เป็นตุ๊ดตุ้งติ้งแบบที่แสดงออกไปหรอก มันแค่หมันไส้คนหล่อกว่าตัวเอง ก็เลยแสดงการต่อต้านด้วยวิธีแปลกๆก็เท่านั้น

แต่พระไวยก็งงอยู่... ว่านี่คือการต่อต้านแล้วหรอ?



“เอ่อ...” ชีวากลอกตาไปมาระหว่างเพื่อนรักทั้งสอง โดยเฉพาะซีอีโอที่กำลังลงมือแคะขี้มูก แล้วพยายามฉีกยิ้มเกร็งๆตื่นๆ “สวัสดี...”

ซีอีโอทำหน้าตาประหนึ่งว่าได้เห็นขาอ่อนเอ็มม่า วัตสัน

“โอ้!! เสียงหล่ออะไรอย่างนี้!”

พระไวยอยากตบเพื่อนให้แดดิ้นยิ่งนัก... รู้สึกว่าตนเองแทบจะมองหน้าชีวาไม่ได้

“พอทีไอ้โอ นี่ชีวาเพื่อนกู” เขาหันไปกระชากชายเสื้อเพื่อนหนุ่มไวไฟ “เงียบซะมึง” ท่อนท้ายเขาปรามเสียงหนักใกล้หู

ซีอีโอกลอกตาขึ้นข้างบน “ขัดขวางกูจริง” แล้วเบะปาก “หยอกนิดหยอกหน่อยก็ไม่ได้ กูเอ็นดูเพื่อนมึงหรอกน่า”

พระไวยส่ายหน้า ไม่ค่อยอยากเชื่อหรอกว่าซีอีโอหมายความตามนั้น ปกติไอ้นี่พูดอะไรเขาต้องคอยแปลไทยให้กลายเป็นภาษามนุษย์อีกรอบอยู่เสมอนั่นแหละ



“เอ่อ... เดี๋ยวนะ” จู่ๆชีวาที่นั่งเงียบมานานก็ส่งเสียงออกมาเบาๆ

ซีอีโอทำตาวิ้งๆเป็นประกาย ก่อนจะพยักหน้าขึ้นลงรัวๆจนพระไวยต้องจับหน้าเอาไว้ แต่เจ้าตัวก็ยังส่งเสียงอู้อี้ออกมาได้ “อ้า อัง ไอ”

ชีวาเลือกเมินซีอีโอไป แล้วสบตากับอีกคนหนึ่งที่น่าจะเป็นผู้เป็นคนมากกว่า

“สายมาเกือบยี่สิบนาทีแล้ว ไม่ขึ้นเรียนกันหรอ?”



เหมือนใครมากดปุ่มหยุดวีดีโอ เพราะสองหนุ่มเพื่อนซี้หยุดชะงักกันนิ่งราวกับโดนหยุดเวลา พระไวยเบิกตาค้าง ส่วนซีอีโอก็ทำจมูกบานเข้าบานออกแบบคนพยายามจะหายใจ

ชีวานั่งงง ใจจริงอยากจะเอานิ้วไปจิ้มๆดูอยู่เหมือนกันว่าสองคนนั้นทำไมจู่ๆก็แข็งค้าง แต่อีกใจเขาก็กลัวว่าอาจจะทำให้สองคนนั้นสลายไปกับอากาศ

แต่ก่อนที่ชีวาจะได้ทันตัดสินใจว่าจะจิ้มดีรึไม่ พระไวยกับซีอีโอก็มองหน้ากันพรึบด้วยความเร็วปานแสง  แล้วจากนั้นก็กวาดทุกสิ่งทุกอย่างบนโต๊ะตะเกียกตะกายกันลนลานราวกับถูกน้ำร้อนลวก

ชีวามองตามงงๆ จะอ้าปากถามอะไรก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะสองคนนั้นโกยอ้าวไปก่อน

ชายหนุ่มส่ายหน้าเบาๆ พร้อมขมวดคิ้ว



มนุษย์นี่ก็แปลกจริง...






-DEMON LOVE CHAPTER 9-






บรรยากาศในห้องเรียนแปลกประหลาดพิกลสุดๆในสายตาพระไวย อันที่จริงเขาก็รู้สาเหตุอยู่แหละ ตัวการก็ไม่ใช่ใคร นอกจาก...



“นี่นายจะทำให้บรรยากาศในห้องมัน... เป็นแบบนี้ไปถึงไหน” ผมกระซิบใส่หูมัน

ชีวายักไหล่ “ก็... ข้าก็ไม่ได้ทำอะไรนี่”



ผมแทบจะซัดหน้าหล่อๆนั่นให้พัง ไม่ได้ทำอะไรกับผีน่ะสิ ตอนนี้สายตาทุกคู่ในห้องบรรยายขนาดกลางมองมาที่มันแค่คนเดียวจนหมด บางคนก็หันไปซุบซิบจับกลุ่มคุยกัน ชี้มือชี้ไม้ไปตามเรื่องจนผมอึดอัด

ผมเกลียดการตกเป็นเป้าสายตา โดยเฉพาะในทางไม่ดีแบบนี้



แต่ดูเหมือนเพื่อนสนิทที่นั่งข้างๆจะไม่เห็นด้วย



“มึงจะว่ามันทำไม” ซีอีโอพูดพลางเคี้ยวขนมหนุบหนับ เสียงล้วงถุงขนมของมันดังกรอบแกรบ “เกิดมาหล่อมันก็แย่หน่อยแบบนี้ล่ะเนอะชีวาเนอะ”

พระไวยตีไหล่เพื่อนรัก “เชิญมึงคนเดียวเหอะ” พระไวยบอกตาเขียว “ถ้ามันหล่อแล้วทำกูลำบากไปด้วยแบบนี้ล่ะก็ ไม่เอาหรอก กูยอมให้มันเป็นคนขี้เหร่เสียยังจะดีกว่า”

“อย่าเชียวนะมึง” ซีอีโอรีบขัดคอทันทีทันใด “เหลือคนหน้าตาดีให้เป็นไอดอลเป็นราศีแก่กูบ้าง กูจะได้มีกำลังใจทำหล่อต่อไป”

“อย่างมึงเนี่ยนะ” พระไวยทำหน้าแบบไม่เชื่ออย่างสุดขีด “พอเหอะ ขืนยังพูดเรื่องความหล่อของมึงต่อไป กูคงไม่มีใจจะเรียนแล้ววันนี้”

“เหอะ” ซีอีโอทำปากขมุบขมิบ ส่งสายตาอาฆาตให้เพื่อน ก่อนจะรื้อสายหูฟังขึ้นมาเสียบหู นั่งลอยละล่องในโลกเสียงเพลงโดยไม่สนใจเสียงใคร



“เจ้าว่าแย่จริงหรือ” ชีวาถามขึ้นเบาๆหลังจากเงียบเสียงไปนาน และอยู่ในอาการครุ่นคิด

“อะไร” พระไวยหันไปหา ขมวดคิ้วยุ่ง “พูดมาให้ครบๆก็ไม่ได้”

ชีวาถอนหายใจยาว สายตามองตรงไปยังหน้าห้อง “รูปลักษณ์ข้าเป็นแบบนี้ เจ้าว่ามันแย่จริงหรือ”

“ก็...” พระไวยกลอกตา “บ้าง”

คนฟังเหลือบตามอง “ยังไง”

“มันวุ่นวาย” พระไวยบอกพร้อมโบกมือไปมาในอากาศ “คนหน้าตาดีก็เหมือนขี้ มีแต่แมลงวันคอยบินตอม แล้วแมลงวันน่ะก็โคตรน่ารำคาญเลย”

“ขี้?” ชีวาดูอึ้งๆ “ขนาดนั้น?”

“ใช่สิ” พระไวยกอดอกพร้อมพยักหน้าขึงขัง “เชื่อเถอะ อีกไม่นานก็จะมีคนเข้ามารุมทึ้งนาย อย่างกับแมลงวันเลยล่ะ แล้วพอฉันต้องไปไหนมาไหนกับนาย ฉันก็โดนลูกหลงด้วยแน่ๆ ต้นเหตุก็มาจากหน้าตาของนายนั่นแหละ”

“แต่หากมีคนมาชื่นชม เจ้าคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ดีหรือยังไง”

“ไม่แน่นอน” พระไวยยืนยัน “ถ้าชื่นชมแบบกำลังดี มันก็โอเค แต่ฉันว่าแบบของนายนี่ ไม่เรียกว่ากำลังพอดีชัวร์ๆ”



“วันนี้พอแค่นี้ค่ะ เลิกคลาสได้” เสียงอาจารย์สาวใหญ่วัยสามสิบเกือบสี่สิบเปรียบเสมือนเสียงสวรรค์ของเหล่านักศึกษาอย่างแท้จริง หลายคนที่ฟุบไปกับโต๊ะตลอดคาบสะดุ้งตื่นขึ้นมาเหมือนโดนไฟช็อต น้ำหลายไหลย้อยเป็นคราบกันไปเป็นแถบ

“มึงไปกินซูชิหน้ามอกับกูไหม” ซีอีโอถามขึ้นระหว่างโกยบรรดาถุงขนม “เห็นว่าวันนี้ลด 50% วันสุดท้ายแล้ว”

“เหลือสองร้อยกว่าบาทเนี่ยนะมึงว่าลดแล้ว” พระไวยกลอกตา “ไม่ล่ะ กูไปกินข้าวโรงอาหารคณะดีกว่า”

“โหยยยย มึงงงง” ซีอีโอกรีดร้องพร้อมดิ้นกระแด่วๆ “กินข้าวกะกูหน่อยเหอะ วันนี้ไอ้แทนก็ไม่มาทั้งๆที่บอกกับกูดิบดีว่าจะเข้าคลาส กูอยากกินซูชิ มึงไปกับชีวาอย่างนี้แล้วกูจะกินข้าวกับครายยยยย”

พระไวยโบกเหม่งเพื่อนรักดังแผละ “ทำตัวเป็นเด็กไปได้นะมึงนี่”

“พระไวย” ชีวาเรียกคนข้างตัวพร้อมสะกิดเบาๆ

“หือ? ว่าไง” พระไวยหันมามองตอบ

ตัวประหลาดรูปหล่อหันหน้ามาหา แต่แอบชี้นิ้วไปด้านหลังตัวเอง “พวกนั้นเขามองอะไรกัน”

“หือ” พระไวยขมวดคิ้วอย่างสงสัยตาม แล้วชะโงกหน้าออกไปด้านข้างคนตัวโตเพื่อจะมองให้ถนัด จากนั้นก็ต้องเบิกตากว้างพร้อมร้องลั่น “ชิบหายแล้ว!”

ซีอีโอที่ยังก้มงุดๆเก็บซองขนมลงถุงขยะถามเสียงห้วน “เป็นอะไรอีกล่ะมึง”

“มึงดูนั่น” พระไวยกระชากตัวเพื่อนรักขึ้นมามอง แล้วชี้มือชี้ไม้ “หายนะมาเยือนกูแล้วไหมล่ะ”

สิ่งที่ตาของซีอีโอมองเห็นนั่นคือ ฝูงชนกลุ่มย่อมๆที่กำลังปีนบันไดห้องบรรยายขึ้นมาอย่างทุลักทุเล ทั้งเก้งกวางสาวน้อยสาวใหญ่ เสียงกรี๊ดกร๊าดดังไม่ขาดสาย บางคนถึงกับยอมกระแทกเพื่อนคนอื่นไม่ให้ล้ำหน้าไปก่อนตนก็มี

ซีอีโอคนหล่อ(ไม่มาก)หันมาสบตาเพื่อนรักแล้วกลืนน้ำลาย “หรือว่า..?” เจ้าตัวเหล่มองชีวา แล้วมองฝูงชน “คงไม่ใช่...?”

พระไวยไม่รอให้ซีอีโอถามจบ และไม่รอให้ชีวาหันกลับไปมองอะไรทั้งสิ้น เจ้าตัวคว้าแขนเพื่อนกับชีวาไว้คนละข้างแล้วรีบลากออกไปเดินลงบันอีกฝั่งหนึ่งทันที

“เดี๋ยวก่อนสิมึง!” ซีอีโอร้องเสียงหลง “โว้ววว ใจเย็นๆ เดี๋ยวกูหน้าแหกไม่หล่อมึงจะปั้มลูกที่ไหนไปคืนม้ากู!”

พระไวยยังคงกระชากลากถูกทั้งสองหน้าตั้ง พลางเหลือมมองฝูงคนคลั่ง(?)ที่ไล่ตามมาติดๆ “หรือมึงจะให้กูทิ้งไว้ตรงนี้!”

“บ้าหรอ!” ซีอีโอแอบหันมองเพื่อนๆผู้คลั่งไคล้คนหล่อ(?) “กูยังไม่อยากโดนทึ้ง”

“งั้นก็ช่วยกูลากชีวามาเร็วๆ” พระไวยบอก เหงื่อเริ่มโทรมหน้า รู้สึกว่าตัวเองคิดผิดชัดๆที่ลากเจ้าตัวประหลาดนี่มาด้วยโดยไม่ได้จัดการอะไรกับหน้าตาหล่อเหลาของมันที่แสนจะดึงดูดปัญหาเลย “บ้าจริง! กูลืมให้มันทำตัวขี้เหร่ก่อนออกจากบ้าน”

ชีวาวิ่งตามมนุษย์ทั้งสองคนไปอย่างสงสัย แม้เรี่ยวแรงจะยังไม่หมดและสามารถวิ่งนำหน้าสองคนนี้ได้สบาย แต่ด้วยความที่ไม่รู้เลยว่าพระไวยฉุดกระชากลากถูเขาไปทำไป เจ้าตัวก็เลยเหมือนจะชะลอจังหวะนิดหน่อย

“พวกเจ้าสองคน นี่วิ่งหนีอะไรกัน” ชีวาร้องถาม “ข้างงไปหมดแล้ว”

“ไอ้โอ มึงรีบวิ่งเข้าสิวะ” พระไวยตะโกนบอกเมื่อกำลังวิ่งลงบันไดพลางซอยเท้ายิกๆ “เดี๋ยวพวกนั้นก็ตามมาทึ้งหัวเอาหรอก”

“พระไวย” ชีวาครางเสียงต่ำอย่างเริ่มหงุดหงิด เขาขืนแรงเอาไว้ “อย่าเมินข้า”

พระไวยจิ๊ปากด้วยไม่สบอารมณ์ เขาหันมามองค้อน “สาวๆพวกนั้นจะเข้ามารุมทึ้งนายเหมือนแมลงวันตอมขี้ที่ฉันเล่าไง แต่พวกฉันไม่ใช่ขี้ ฉันรำคาญคนพวกนั้น ถ้านายกับฉันต้องตัวติดกันไปตลอด นายก็ต้องเชื่อฟังที่ฉันบอก ทีนี้ก็รีบวิ่งได้แล้ว!”

ชีวาส่ายหน้าอ่อนอกอ่อนใจ “อยากให้ออกจากห้องเร็วๆใช่ไหม” ชีวาถามเมื่อพวกเขาใกล้จะถึงประตู และเหล่าผู้คนที่วิ่งตามมาก็จวนตัวเต็มที

“เออ!”

“ได้”


วืด


“เหวอออออ” พระไวยร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆก็พบว่าตัวเองกำลังลอยขึ้นไปในอากาศและไม่นานนักก็ตกอยู่ภายใต้อ้อมแขนแข็งแรงที่ช้อนอุ้มเขาไว้เต็มตัว ชีวาเร่งฝีเท้าขึ้นทันทีที่แน่ใจว่าพระไวยจะไม่ตกลงไป สำหรับ ‘ตัวประหลาด’ อย่างเขาแล้ว ความเร็วของมนุษย์กับของเขานั้นแตกต่างกันเสียจนแทบไม่เห็นฝุ่น ชีวาเหมือนจะแว่วได้ยินเสียงร้องเรียกของซีอีโอลอยตามมาจากข้างหลังเมื่อเขาเบี่ยงตัวหลบพ้นประตูห้อง และเสียงตะโกนของพระไวยก็เหมือนจะหายลับไปกับความเร็วของอากาศที่ไหลผ่านตัว



พวกเขาหลุดออกจากตึกคณะภายในไม่กี่วินาที






-DEMON LOVER CHAPTER 9-






พระไวยไม่แน่ใจว่าจะอารมณ์เสียดี หรือจะดีใจกันแน่ดี

ใช่ ใช่ มันโอเคมาก มากๆเลยที่หลุดพ้นจากฝูงคนที่มารุมตอมชีวาหึ่งเหมือนแมลงวันได้ แต่ว่า เขาก็ไม่ได้หมายความว่าต้องใช้วิธีนี้นี่

ถ้าบอกว่าไอ้ตัวประหลาดมันเหาะออกมาจากห้อง พระไวยก็เชื่อสนิทใจ



“นายไม่น่าทำอย่างนั้น” พระไวยกุมหัวตัวเองอย่างอ่อนแรง “ชาวบ้านชาวช่องเขาได้สงสัยกันพอดีสิว่าทำไมนายถึงได้ออกมาจากตึกคณะเร็วขนาดนั้น อยากให้คนเขาสนใจมากนักรึไงวะ” พระไวยมีน้ำโห

“ก็เจ้าออกคำสั่งเอง” พระไวยตอบง่ายๆแบบไม่รู้เรื่องรู้ราว

“ตอนไหน” พระไวยถามเอาเรื่อง หน้าตาก็หาเรื่องอีกฝ่ายไปด้วย “ฉันไปออกคำสั่งนายตอนไหนไม่ทราบหา”

“ก็ข้าถามเจ้าว่า ‘อยากให้ออกจากห้องเร็วๆใช่รึเปล่า’ ” คนหล่อพยายามชี้แจง “เจ้าก็บอกว่า ‘เออ’ ข้าก็แค่ทำตามที่เจ้าสั่งเองนะ”

โอย... พระไวยอยากจะร้องไห้ “อ ไอ่... ไอ่... ว้อย! ไอ้บ้า! ไอ้ตัวประหลาดนี่! กูจะทำยังไงกับมึงดีวะเนี่ย!”

“อย่าโวยวายสิ” ชีวารีมปรามพลางมองรอบข้าง “เดี๋ยวพวกนั้นได้ยินเสียงเจ้าก็แห่กันมาอีกหรอก”

“เออ!” พระไวยคำราม ถลึงตาใส่ “มาสิ! มาเลย! แห่กันมาให้หมดไอ้พวกแมลงวัน! แล้วมึงก็จะจับกูเหาะอย่างเมื่อกี้อีกใช่มั้ย! ดีเลย! ให้เค้ารู้กันทั้งเมืองเลยสิว่ามึงเป็นตัวประหลาด! จับมึงไปทดลอง! ทีนี้ชีวิตกูก็จะได้สงบสุขซักทีใช่มั้ยล่ะ! ดีล่ะสิมึงน่ะ!!!”

“พระไวย!”

“ทำไม! ทำไม! มึงจะทำไมกู!” พระไวยชี้หน้าด่าอย่างเหลืออดเมื่อรู้สึกว่าฟางเส้นสุดท้ายที่ขึงความอดทนของเขาเอาไว้ขาดสะบั้น ชีวาไม่ได้เข้าใจอะไรเลย ไอ้บ้านี่ไม่ได้เข้าใจเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างถ้าหากมีคนรู้เรื่องของมันขึ้นมา

“...” ริมฝีปากบางเฉียบของชีวาเม้มแน่นเป็นอาการสะกดกลั้น เขามองดูอีกฝ่ายที่ถูกคลื่นโทสะครอบงำอย่างเงียบเชียบ และแม้จะรู้สึกแย่กับคำสบถด่าทั้งหลายที่พระไวยโยนใส่ราวคมมีด แต่สำนึกสติก็ทำให้จำใจนั่งฟังคำด่าทอเหล่านั้นต่อไป

“...” พระไวยหายใจเข้าหอบแรง หน้าตาแดงก่ำด้วยความโมโห แต่เมื่อระบายใส่อีกคนจนพอใจและอารมณ์เย็นขึ้นแล้ว ก็ต้องรู้สึกชะงักเมื่อนึกขึ้นได้ว่าได้พูดจาอะไรออกไปบ้าง สีหน้านิ่งขึงแต่เก็บความขุ่นมัวของชีวาดึงสติคืนสู่ตัวเองโดยไม่ตั้งใจ รับรู้ว่าสิ่งที่พูดออกไปเมื่อกี้รุนแรงมากจนแม้แต่คนที่ดูใจเย็นมาตลอดอย่างชีวาก็ถึงขั้นต้องเอาขันติเข้าข่ม



คำพูด เมื่อหลุดออกจากปากแล้วเรียกคืนไม่ได้ ดังนั้นคำพูดจึงเป็นนายคน



และพระไวยก็เพิ่งใช้คำพูด ‘ทำร้าย’ คนมาหมาดๆ...





“ข.. ขอโทษ” คำด่าเสียงดังลั่น แต่คำขออภัยกลับเบาราวนุ่น “เมื่อกี้... โมโห...”

แต่คนฟังกลับถอนหายใจ หลบตา แล้วตัดบท “ช่างเถอะ” ชีวาว่า “แล้วก็แล้วไป...”

“แต่ – “ พระไวยจะทักท้วง แต่คนฟังก็ส่ายหน้าปฏิเสธเสียจนคนขอโทษใจแป้ว “ฉัน...”

“เจ้าไม่รู้ ไม่รู้ก็ไม่ผิด” ชีวาเอ่ยเบาๆโดยไม่ยอมสบตา “เจ้าเป็นโซ่พันธนาการของข้า คำพูดของเจ้า คำขอของเจ้า เป็นสิ่งที่ข้าต้องทำตาม ไม่อาจปฏิเสธได้”

พระไวยเบิกตากว้าง “ว่าอะไร..นะ”

“เจ้าสามารถสั่งให้ข้าทำอะไรให้ก็ได้” ชีวาบอกพร้อมถอนหายใจเนิบๆ “ข้าทำให้เจ้าได้ทุกอย่าง บันดาลให้เจ้าได้ทุกสิ่ง เพียงแต่เจ้าขอมาเท่านั้น ยกเว้นเรื่องเดียว คือให้ข้าตาย”

“ง งั้น ที่นายบอกมาเมื่อกี้เรื่องในห้องก็...”

“ใช่” ชีวาพยักหน้ารับ “คำขอของเจ้า ถูกต้องแล้ว”



พระไวยถึงกับพูดอะไรไม่ออก

ก็นี่มันเขาผิดเต็มเปาทุกกระทงเลยนี่!



“ช่างมันเถอะ” ชีวาสังเกตเห็นความเสียใจในแววตาอีกฝ่าย และเลือกจะเมินผ่านไป ปล่อยให้ความขุ่นมัวของตัวเองสลายไปกับคำพูด “ตอนนี้ก็คงกลับเข้าไปเรียนไม่ได้แล้ว ไปที่อื่นกันจะดีกว่า”

“ดะ... เดี่ยว” พระไวยร้องเรียกเมื่อถูกอีกคนจับมือให้เดินตามกันไป เขามองรอบตัวเลิ่กลั่ก “จะไปไหน”

“ไม่รู้” ชีวาตอบ เงยหน้ามองท้องฟ้าสีครามที่ปุยเมฆลอยเอื่อยอ้อยอิ่ง “แต่เดี๋ยวก็รู้”

“จะบ้าหรอ” พระไวยประท้วง “พูดจางงไปงง...มะ-- เฮ้ย!”

ท้ายเสียงพระไวยขาดห้วงก่อนอุทานลั่น เขาเบิกตากว้างเมื่อมองเห็น ‘วัตถุสีแดง’ ขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้า

“นี่มัน...” เสียงพระไวยล่องลอยไปเรียบร้อยพร้อมๆกับดวงตาที่หลุดโฟกัส “เฟอร์รารี... เฟอร์รารี่จริงด้วย...”

“ใช่” ชีวายื่นหน้าไปกระซิบตอบข้างหูเบาๆ “สปอร์ตคาร์ไง...”



พระไวยกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น

เขาสำนึกแล้ว ว่าคำพูดเป็น ‘นาย’ ของชีวิตมากขนาดไหน!









-END OF DEMON LOVE CHAPTER 9-




TO BE CONTINUE...

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ Kamidere

  • บรรยายมันออกมา ทุกสิ่งที่อยู่ในใจ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
TALK :

หายตัวไปน้านนานกว่าจะมาต่อ ขออภัยคนอ่านด้วยจ้า  :hao7:
มัวแต่ไปเขียน golden apple อยู่ ทางนี้ก็เลยดองนานหน่อย
พระไวยเป็นเรื่องสั้นที่ทำท่าจะยาว(?) แต่ก็คงไม่เยอะจนเกินไปแน่
นี่เข้าตอนที่ 9 แล้ว ชีวิตสองหน่อนี่ยังไม่ไปไหนเลย (ฮ่า)



HISY : ซื้อไม่ซื้อไม่รู้เนอะ รู้แต่ว่างานนี้พระไวยตาโตละจ้า

insomniac : เป็นคนชอบเขียนอะไรแปลกๆ  o18

jamlovenami : ฟินเหมือนกัน  :o8:

Zelsy : ขอบคุณที่ตามค่า :mew1:

Min*Jee : แหม่ พี่น้องบ้านนี้เขาขาดแคลนของในตู้เย็นจริงๆแหละ ฮ่าๆๆ

yaoisamasang : อย่าเพิ่งข้าวสวยสิคะ ข้าวสารยังไม่กลายเป็นข้าวสุกเลยนิ

Inwoสูs : พระไวยมันก็ว่าตัวมันโชคร้ายอ่ะนะ

cher7343 : มาแล้วค่าาา

ทิวสนที : ถ้าลืมกลับไปอ่านตอนแรกใหม่กัน

KKKwanGGG : มาต่อให้แล้วค่าาา

Nbear : มาแล้วจ้าาาา

Ice_Iris : หลงเข้ามาแล้วก็หลงอยู่ด้วยกันนานๆนะ อย่าเพิ่งหาทางออกเจอเลย  :mew3:

NoteZapZa : จะพยายามเข็นพระไวยมาต่อให้ค่าาา

Allure-Q : คนเขียนก็ฟินจ้าาา

แฟนตาเซีย :  :กอด1:



ขอบคุณทุกคอมเม้นและการรอคอยค่ะ  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
พระไวยสติแตกเฉยเลยงานนี้ โถ่ :hao7:

ออฟไลน์ เอฟเอฟ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1

ออฟไลน์ mint_852

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 734
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
รีบมาต่อเร็วๆนะคะ
กำลังสนุกเลย
อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว
รออยู่นะจ๊ะ

ออฟไลน์ Phak

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
อยากบอกว่าชอบ ด้วยความที่เราเป็นคนที่ชอบเรื่องแฟนตาซีอยู่แล้ว ก็ยิ่งชอบไปใหญ่ ยังไงก็รออยู่นะครับ ^^

ออฟไลน์ Bb nale

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
จะติดตามนะ รู้สึกชอบชีวา ฮีเป็นคน(?)ดีที่พระไวยควรจารึก 555

ออฟไลน์ NoteZapZa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-4
 o13  นี้สินะ สามีที่ดีในอนาคต!!  555 จะรอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ Sohso

  • You are my precious thing And I will always love you.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1372
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-3

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด