[เรื่องสั้นสนองนี๊ด] Demon Love พันธะสัญญาแห่งปีศาจ : #9 : 17/4/58 UP!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้นสนองนี๊ด] Demon Love พันธะสัญญาแห่งปีศาจ : #9 : 17/4/58 UP!!  (อ่าน 28423 ครั้ง)

ออฟไลน์ cocoaharry

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
    • cocoaharry_Demmy Chan_Otaku Y Girl
ชีวาแอบขึ้นไปนอนบนเตียงแบบนี้ เดี๋ยวพระไวยก็โกรธหรอก

ออฟไลน์ p.spring

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 282
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
วิธีเสพไลฟ์ มันคือะไร จะใช่............ :haun4: :haun4: :haun4:   หรือเปล่า

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
อิปีศาจ เนียนนะ 555
ชีวา  รีบจับพระไวยทำภรรยาเร็วๆนะ หุหุ

ออฟไลน์ sukaz

  • I Will Love You Unconditionally
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
อร๊ายยยยยยย ฟินเวอร์

 :o8: :-[ :-[ :o8: :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ Kamidere

  • บรรยายมันออกมา ทุกสิ่งที่อยู่ในใจ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2

ขออภัยมากค่ะสำหรับบทนี้ที่ช้า  :hao4: กว่าฟ้าจะเสร็จภาระกิจสอบและโปรเจคต์ทั้งหลาย ปาไปเกือบๆเดือนเลย ตอนนี้ป่วยอยู่นิดหน่อยค่ะ เป็นไซนัสอักเสบ คุณหมอนัดวันอาทิตย์นี้ พรุ่งนี้เป็นรายการสอบสุดท้ายแล้ว ฟ้าหวังว่าจะผ่านมันไปได้นะ  :katai1:

ขออานิสงค์ผลบุญทุกประการจากความสุขของคุณคนอ่านทั้งหลาย จงสำเร็จแก่ข้าพเจ้าในวันสอบพรุ่งนี้ด้วยเถิด  :กอด1:





_____________________________________________________________________________________________





CHAPTER 6 : จูบ?????









เปลือกตาพระไวยขยับหยุกหยิกเพราะแสงโคมไฟที่ส่องกระทบเปลือกตา

นาฬิกายังไม่ดัง แต่พระไวยก็จำได้ว่าต้องไปเรียนแต่เช้า เพราะวันนี้มีคาบเรียนสำคัญ


แต่ไอ้แสงไฟที่แยงตาอยู่นี่มันอะไร...


พระไวยตัดสินใจจะลุกมาโวยวาย เพราะแสงไฟที่พยายามทะลุตาเขามันทำให้การนอนอันสงบสุขต้องจบลง
เขาตะเกียกตะกายต่อต้านร่างกายที่ยังอ่อนเปลี้ยลุกขึ้นจากหมอน แล้วขยี้ตาหนหนึ่ง ก่อนจะตะโกนออกไปสุดเสียง


“ใครมาเปิดไฟทำซากแต่เช้าน่ะหา! คนจะนอน!”


แม้จะพูดออกไปแล้ว แต่แสงไฟที่ยังแยงตาอยู่กญังไม่ดับลงเสียที
ผีตัวไหนตนไหนมันอยากจะมีเรื่องกับพระไวยแต่เช้าวะ...





“ไอ้พวกผีบ้า! มากวนอะไร... เฮ้ย!”


ชีวาหันมองใครอีกคนที่นั่งอ้าปากค้างแข็งกับเตียงด้วยอาการเฉยๆ ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ เมื่อเห็นน้ำลายอีกฝ่ายกำลังยืดลงกับมุมปาก

พระไวยยังอยู่ในความรู้สึกช็อก จากสิ่งที่ตัวเองเห็นบนร่างกายชีวา ก่อนที่จะเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ เมื่อใบหน้าหล่อคมเคลื่อนเข้าใกล้ จนได้กลิ่นลมหายใจหอมสะอาด

ยังไม่ทันจะเปล่งเสียงให้หลุดพ้นลำคอ สติก็แทบจะหลุดเพราะลิ้นและริมฝีปากนุ่มๆที่แนบเข้ามาประกบ แล้วค่อยๆไล้เลียดูดดุนขอบเยื่อบอบบางแผ่วเบา




ช็อก!


เฮือก!!!!!


หัวใจพระไวยกระตุกเฮือก ก่อนที่จะเกร็งไปทั้งตัว ความร้อนแล่นริ้วขึ้นสู่สมองจนปวดจี๊ดไปหมด



ชีวาหลับตา ละเลียดความนุ่มนวลไปบนเนื้ออ่อนช้าๆ ก่อนจะค่อยๆดูดซับน้ำสีใสที่ริมมุมปากพระไวยเข้าสู่ริมฝีปากตัวเอง

อืม...ฮ่า... หวาน แล้วผิวยังหอมจางๆ

น่ากินเสียไม่มี...



ขบเยื่อนิ่มชวนดูดดื่มไปได้ไม่เท่าไหร่ ลิ้นก็ค่อยๆแทรกสู่พื้นที่ด้านในช้าๆ แล้วบรรจงกระหวัดรัดรึงลิ้นของอีกฝ่ายทีละน้อยแต่เน้นหนักหน่วง ดึงดูดลมหายใจและสติให้เลือนหายไปอย่างช่ำชอง พร้อมดูดซับน้ำสีใสรวมทั้งเนื้อนุ่มอ่อนละมุนอย่างคนอดอยากที่เพิ่งได้พบเจอแหล่งน้ำ

ฝ่ามือหนาประคองท้ายทอย ให้แหงนเงยรับรสชาติความหวานกระสันรัญจวนอย่างไม่อาจดิ้นหนี วงแขนแข็งแรงกอดกระหวัดรอบเนื้อตัวพระไวยแน่นราวกับงู นิ้วมือลากเลื้อยแผ่วเบาไปทั่วผิวบอบบาง จนคนถูกสัมผัสสั่นสะท้านขนลุกเกรียว ขยับเข้าหาอกอุ่นราวกับต้องการการปกป้อง


สติพระไวยถูกพรากให้ห่างหายเลอะเลือนเพราะสัมผัสผะแผ่วแต่อ่อนโยนรัญจวนเกินห้ามใจ


ชั่วขณะหนึ่งก็รู้ว่าต้องผละห่าง ต้องดิ้นหนีจากการรุกราน ทว่าความหอมหวานและวาบหวามที่แม้ฉาบไล้เป็นเครื่องล่อลวงไว้เพียงบางเบา กลับเป็นราวขนมชั้นดีที่ค่อยๆดึงดูดให้คนลิ้มลองต้องขยับเข้าหาอย่างไม่อาจทานทนได้ไหว เพราะสัมผัสอุ่นละมุนแต่เสียวซ่านมันเรียกหาดุจเสียงกระซิบจากปีศาจ


อยากได้มากกว่านี้...

อยากให้สัมผัสมากกว่านี้

อยากให้ขยับเข้ามาหามากกว่านี้

อยากจมหายไปในความสุขซ่านกระสันนี้

ต้องการ... และอยากให้ทำมากยิ่งกว่านี้




 สายพลังงานสีทองกระจ่างค่อยกระจายตัวรอบพระไวยช้าๆ มันเพิ่มจำนวนมากขึ้นเมื่อการจูบทวีความร้อนแรง และอารมณ์พระไวยพลุ่งพล่านด้วยความร้อนเร่าในดวงจิต

แสงสุกใสเริ่มเคลื่อนเป็นเส้นใยบางเบาเข้าสู่ตัวของชีวาทีละน้อย แต่ต่อเนื่องไม่มีหลุด มันเกี่ยวพันกับสายโซ่เส้นใหญ่อย่างแนบสนิทแล้วค่อยๆแปรสภาพให้จางหาย เผยผิวตึงแน่นกระชับของชีวาให้เห็นอย่างหมดจด ความขาวและสดชื่นของผิวกายราวกับจะได้รับการบำรุงจากพลังงานนั้น

จูบร้อนแรงผ่อนลงเป็นอ่อนโยนนุ่มนวล แล้วจึงค่อยผละห่างจากริมฝีปากนุ่มนิ่ม



พระไวยยังอยู่ในอาการเบลอเหมือนคนละเมอ สายตาเลื่อนลอยจ้องตรงไปในความหล่อเหลางดงามปานเทพบุตรตรงหน้า

เหมือนผู้ชายคนนี้... จะหล่อขึ้นกว่าเดิมที่เห็นหรือเปล่านะ



ชีวาขยับยิ้ม เมื่อเห็นว่าพระไวยยังมองหน้าตนไม่วางอยู่อย่างนั้น

ไลฟ์ที่ได้รับจากคู่สัญญาคนนี้ แม้เป็นครั้งแรก แต่กลับทรงพลังเสียจนเยียวยาความวัยเยาว์ให้เขาได้อีกด้วย ไม่ใช่แค่เสริมพลังชีวิตหรือรักษาอาการอ่อนแรงอย่างที่แล้วมา
ใบหน้าของชีวากระจ่างใส ดวงตาเป็นประกายคมกล้า กลับไปหล่อเหลางดงามยิ่งกว่าเมื่อสมัยที่อยู่มิติเดิม พลังมหาศาลหมุนเวียนอยู่ภายในร่างอย่างไม่สิ้นสุด

พระไวยไม่ธรรมดาจริงๆเสียด้วย



มองใบหน้าใสกระจ่างอ่อนละมุน ที่เขารู้ดีว่าจะคงความน่ารักน่าสัมผัสอย่างนี้ไปอีกนานเท่านาน ชีวาก็อดไม่ได้ที่จะก้มไปยังแก้มนิ่มที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆราวดอกไม้


...กดจมูกลงไปคลอเคลียกลิ่นละมุนละไมชวนมึนเมาประสาทสัมผัส...




“ไม่รีบ...ระวังจะสายเอานะเจ้า”
เสียงทุ้มเอ่ยอย่างหยอกเย้าข้างใบหู



พระไวยที่ยังตกอยู่ในภวังค์มึนๆงงๆขยับตัวกระตุก

เฮ้ย... เขามีเรียนเช้านี้นี่หว่า! แล้วยังมาทำอะไรอยู่ตรงนี้เนี่ย!


เรื่องเมื่อกี้เหมือนจะเลือนหายเพราะสมองถูกรีเซ็ตใหม่ชั่วคราว พระไวยกระโดดผลุงลงจากเตียง รอดจากการกระแทกผู้ชายตัวโตอีกคนไปอย่างหวุดหวิด

วิ่งไปเกือบถึงข้าวของอาบน้ำแล้วก็หยุดชะงัก
สายตาของพระไวยมองกลับไปยังคนที่นอนเอกเขนกอย่างงุนงง



เมื่อกี้? มันอะไรนะ...



จูบ?????


...


...


...



เฮ้ย!!! จูบ!!!!!!!!



วงหน้าขาวใสของพระไวยขึ้นสีแดงระเรื่อทันทีเมื่อเข้าใจแล้วว่าทำไมตนเองจึงได้มีความรู้สึกเบลอๆเมื่อครู่นี้

กลายเป็นว่าจากความเขินและตกใจ ความโกรธก็ยิ่งพุ่งพวยมากไปอีกเมื่อชีวาส่งยิ้มหล่อๆมาให้แบบจงใจจะล้อเลียน พร้อมกับขยับนิ้วชี้สัมผัสริมฝีปากเบาๆ



จุ๊บ...





“อ้ากกกกกก ไอ้ปีศาจบ้า!!!!!”




ตุบ ตุบ ตุบ!




“โอ๊ย!! เบาๆสิเจ้า! ข้าเจ็บนะ! เจ้ามาตีข้าทำไมเนี่ย!”

“อย่างแกตายไปได้เลยยิ่งดี!!!!”

“ถ้าข้าตายเจ้าก็ตายไปด้วยนะ!!!”

“โธ่เว้ย!!!! นี่แหน่ะๆๆๆๆ ตายซะ! อ้ากกกกกกกก”










+++++++++++++++++++++++++++++ DEMON LOVE ++++++++++++++++++++++++++








พระเพื่อนกำลังวางกับข้าวลงกับพื้นไม้ขัดมันสะอาดตอนที่น้องชายตัวแสบเดินตึงตังขึ้นบันไดมา พร้อมกับหนุ่มหล่ออีกคนหนึ่งใส่ชุดนักศึกษาที่ได้แค่ตามแบบจ๋อยๆ แต่ก็ยังมีรอยยิ้มในดวงตา แม้ใบหน้าจะดูฟกช้ำไปบ้าง

พระเพื่อนเลือกเอาใจใส่คนที่เหมือนจะเจ็บก่อน


“นั่นไปทำอะไรมาน่ะชีวา ทำไมหน้าถึงได้เป็นอย่างนั้น”


เมื่อได้ยินพี่สาวพูด น้องชายคนถามก็ตวัดสายตาฉับ ราวกับจะเปล่งรังสีพิฆาตทีเดียวถ้าทำได้ พระไวยนั่งลงเรียบร้อยกับพื้น แล้วจึงเอ่ยปากกับพี่สาวเสียเอง “มันใช่น้องใช่นุ่งพี่เสียแล้วรึไง ถึงต้องไปสนใจว่าจะเจ็บหรือจะป่วย”

พระเพื่อนขมวดคิ้วไม่ชอบใจ “พูดจาอะไรน่ะไอ้ไวย ถึงก่อนหน้านี้ไม่ใช่ แต่ตอนนี้กับอนาคตมันก็ใช่อยู่แล้วนี่” พระเพื่อนว่า “แกเองก็ต้องอยู่กับชีวาไปจนวันตายเหมือนกัน ลืมแล้วหรอ”


พระไวยออกอาการขัดใจ แม้จะรู้อยู่ว่าที่พี่สาวพูดเป็นความจริงที่ตนไม่อาจหลีกเลี่ยง

ใช่ว่าเขาตั้งใจจะมีสัญญาบ้าบอนั่นกับเจ้าตัวประหาดนี่ที่ไหน ทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นเพราะความบังเอิญหรอก



เหมือนพระเพื่อนจะอ่านความคิดน้องชายได้ เจ้าตัวเลื่อนโถข้าวให้อีกฝ่ายช้าๆ พร้อมกับพูดขึ้นมา



“ทำไมแกไม่ลองมองเรื่องที่คิดว่าร้าย ให้กลายเป็นเรื่องดีดูบ้าง”

พระไวยเลิกคิ้ว แล้วถามพี่สาวกลับไปงงๆ “พี่พูดเรื่องอะไรน่ะ”

คนถูกถามทำหน้าเหมือนเหม็นอะไรสักอย่าง ใจรู้สึกอยากเอาทัพพีฟาดหน้าน้องชายนัก ไม่รู้มันโง่จริงหรือแกล้งโง่ให้พี่ขายขี้หน้าหนุ่มหล่อ

“ก็เรื่องที่แกกำลังคิดว่า มีชีวาอยู่ด้วยมันเป็นเรื่องแย่ๆไงล่ะ” พระเพื่อนตอบเสียงดัง ทำหน้ายู่ยี่ “มองมุมอื่นบ้างเหอะวะไอ้ไวย เหรียญมันไม่ได้มีด้านเดียวนี่หว่า”

พระไวยเริ่มไม่ค่อยเจริญอาหารนัก เมื่อเสียงบ่นของพระเพื่อนตามมาก่อกวนสมองเป็นชุด
“ฉันก็ไม่ว่าอะไรนี่พี่ แค่คิดเฉยๆหรอกน่า”

“เออ!” พระเพื่อนตะคอกกลับ “ความคิดนี่แหละตัวดีนัก ไม่งั้นฉันจะคิดมากจนอยากฆ่าตัวตายมั้ย”

“พี่อย่าบ่นนักเลยน่า...” พระไวยบอกอุบอิบ “ฉันรู้แล้วหรอก อีกอย่าง ตอนนี้พี่ก็ยังไม่ตาย อย่าพูดเรื่องตายให้เป็นลางเลย”

“พูดหรือไม่พูดสุดท้ายฉันก็ตายนั่นแหละวะ” พี่สาวบอกน้อง รู้ทั้งรู้ว่าพระไวยกำลังจะเปลี่ยนเรื่อง ไม่ให้ตนเองบ่นว่าต่อความยาวสาวความยืดไปได้ แต่ก็อ่อนใจเมื่อเห็นหน้าใสๆนั่นจืดเจื่อน



ทว่า... พ่อคุณชีวาก็เป็นพระเอกขี่ม้าขาวทุกสถานการณ์


“แต่มันก็เป็นความสบายใจอย่างหนึ่งไม่ใช่หรือพระเพื่อน” คนหล่อบอกเสียงใส ตักข้าวกินอย่างอิ่มเอมในรสมือของแม่ครัวสาวปริญญาโท “ข้าเคยได้ยินคำพูดที่ว่า... ความคิดคือการสะกดจิตอย่างหนึ่ง เหมือนคนที่พยายามบอกตัวเองว่าไม่สบาย สุดท้ายก็ไม่สบายจริงๆ เพราะสะกดจิตใจตัวเองซ้ำซาก เจ้าก็อย่าพูดถึงเรื่องตายบ่อยๆเลย แม้แต่ข้าเองก็ไม่สบายใจ”


พระเพื่อนหน้าซีดสลับแดง เสหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม

เออวะ... ไม่พูดเรื่องตายแล้วก็ได้







“คุณพระไวยเจ้าคะ...”





พระไวยถือช้อนค้าง สายตาเหลือบไปยังทิศที่ตนคิดว่าได้ยินเสียงเรียกนั่น


“ใครมาเรียกแกล่ะ” พระเพื่อนพึมพำถามน้อง ใจก็รู้อยู่แล้วว่าอะไรๆที่มันลี้ลับท่าทางจะมีธุระกับน้องตัวแสบ

พระเพื่อนกับพระสังข์เคยเป็นคนมีสัมผัสพิเศษแบบพระไวยเหมือนกัน แต่พอโตขึ้น ใช้ชีวิตอยู่ในกลุ่มมนุษย์จนบางทีก็ลืมเลือนเรื่องเหนือธรรมชาติ ทำให้ความสามารถที่เคยมีมันค่อยๆจางหายไป

ทุกวันนี้พระเพื่อนได้ยินเพียงเสียง แต่มองไม่เห็นเหมือนเคย พระสังข์พี่ชายยิ่งแล้วใหญ่ รายนั้นมีแค่ความรู้สึกเฉยๆ มองไม่เห็นและไม่ได้ยิน

ทั้งดีและไม่ดีในตัว พระเพื่อนยอมรับว่ารู้สึกเสียดายความพิเศษของตัวเองมาก แต่เมื่อมันผ่านไปแล้ว ก็ได้แต่ให้มันผ่านไป ยึดติดก็เจ็บปวดเสียเท่านั้น

พระเพื่อนไม่อยากหาเรื่องฆ่าตัวตายอีก...




พระไวยวางช้อน เหลือบมองสีหน้านิ่งเฉยของพี่สาว

เขารู้ว่าพระเพื่อนได้ยินเสียงนั่น แม้เจ้าหล่อนจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวเรื่องผีๆสางๆนานแล้วก็ตาม
พระไวยลุกขึ้นจากพื้นกระดาน ส่งสายตาเป็นเชิงบอกให้คนตัวโตอยู่เฉยๆ แล้วเดินตรงไปยังหน้าต่าง



ชัดแล้ว ผู้หญิงผมยาว ลอยมาตัวออกเขียวๆอย่างนี้ เป็นใครไม่ได้นอกเสียจาก...




“พี่ตานี...”









___________________________________________________________________________________________

TO BE CON

มันแอบสั้นนะ  :mew2: แต่เค้าอยากเก็บเอาไว้ตอนหน้าง่าาาาาาาา  :hao7: :z3:









ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
ตานีมาทำอะไรกันนะ
ส่วนพระเพื่อนนี่เคยคิดฆ่าตัวตายด้วย ต้องมีอดีตไม่ดีแน่ๆ
แต่ตอนนี้ฟินก่อน อิปีศาจหื่น จุ๊บแล้วก็ต้องเอาพระไวยไปทำเมียด้วยเลยนะ 55

ออฟไลน์ Maytbb

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4

ออฟไลน์ RELAXED

  • ทำไงได้ก็ Y มันเรียกร้อง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 449
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0

ออฟไลน์ saruttaya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 926
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-6

หมูกระต่าย

  • บุคคลทั่วไป
มาแล้ว :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:


คิดถึงมากกกกกกกกก :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:


เขาจูบกันแล้ว :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fastation

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
โอ๊ะโอ ไอ้วิธีการเอาไลฟ์นี่มันเจ๋งจริงๆ >.,<
รออ่านต่อเน้อ

ออฟไลน์ cowinsend

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 463
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
อั๊ยย่ะ จุ๊บกันแล้วล่ะ ฟินนนนนน

ออฟไลน์ sukaz

  • I Will Love You Unconditionally
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3

ออฟไลน์ pachth

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5
น่ารักจังเลย
รอตอนต่อไปนะ

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ตอนแรกเริ่มจากจูบตอนหลังก็...อะคึอะคึ

@Lucifer_Prince@

  • บุคคลทั่วไป
รอกันต่อไปคัฟผม  ^^

ออฟไลน์ Kamidere

  • บรรยายมันออกมา ทุกสิ่งที่อยู่ในใจ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2



CHAPTER 7 : คนดี?? งั้นหรอ??








“พี่ตานี”



พระไวยส่งเสียงเรียกออกมาทางหน้าต่าง เมื่อเห็นหญิงสาวที่มีผิวกายสีเขียวอ่อนลอยอยู่กลางอากาศ นางตานีเมียงมองกล้าๆกลัว จนกระทั่งคุณพระไวยของนางเดินตรงมาหา นางจึงยิ้มขึ้นได้

“คุณพระไวย ปลอดภัยดีใช่ฤาไม่จ้ะ”



คนหล่อเห็นผีเกาแก้มเล็กน้อย เอียงคอมมองอีกฝ่ายอย่างสงสัย
นางตานีมาหาเขาถึงบ้านทำไม?



พระไวยพยักหน้าตอบรับ “ฉันสบายดีพี่ แล้วพี่ล่ะ เมื่อวานพี่ถูกพลังซัดจนกลับเข้าต้นกล้วยเลยไม่ใช่หรอ”

นางตานียิ้มแหยๆ แอบลูบเนื้อลูบตัวเบาๆด้วยความขยาด “จ้ะ แต่ไม่เป็นอันใดมากแล้ว ข้าเป็นห่วงคุณพระไวยมากกว่า พอฟื้นจึงได้เร่งมาหา”



เออ... มีผีเป็นห่วงนี่มันดีรึเปล่าวะ?



พระไวยส่งยิ้มไปให้ “ขอบใจนะพี่ ฉันสบายดีแล้วล่ะ พี่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ กลับไปพักเถอะ”

“จ้ะ... เอ่อ... แล้วตัวประหลาดเล่าคุณพระไวย ข้าพบท่านเจ้าที่ ท่านว่ามันได้ไปเสียจากต้นโพธิ์แล้ว ทว่าบัดนี้ได้อาศัยใบบุญคุณพระไวยแทน จริงรึไม่จ้ะ” นางตานีถาม แกล้งเมินคำเชิญให้กลับของพระไวย



พระไวยอ้ำอึ้ง ใจก็นึกรู้เหมือนกันว่านางตานีคงจะถามเรื่องนี้จนได้ แต่ก็ไม่เข้าใจว่านางจะห่วงกังวลอะไรนัก กับอีแค่ตัวประหลาด เพราะอย่างไรเสีย เขาก็พาชีวาออกมาพ้นเขตของพวกผีๆแล้วนี่



“อ๋อ” พระไวยเกาหัวแกรกๆ “ก็จริงนั่นแหละพี่ตานี”



นางตานีเบิกตาโตเท่าไข่ห่านด้วยความตกใจ นางลูบอกด้วยความหวาดหวั่นและห่วงบุคคลเบื้องหน้าสุดกำลัง

เออ... ถ้าส่งประกวดออสการ์ นางตานีก็ได้รางวัลออสการ์ล่ะ ผีอะไร แอ็คติ้งดีจริงๆ



“คุณพระ! นี่... นี่แน่แท้แล้วรึนั่น อกอีแป้นจะแตก!” ผีสาวร้องซะจนพระไวยแอบคิดว่า มันเว่อเกินไปหน่อย

“คุณพระไวยเจ้าคะ เหตุใดจึงได้นำตัวประหลาดนั่นเข้ามาอยู่ในครัวเรือนเล่าเจ้าคะ อันตรายนัก!”



คนฟังถอนหายใจหนักหน่วง เหลียวมองอีกสองคนด้านหลังที่นั่งกินข้าวกันเงียบๆ ด้วยความอึดอัดเล็กน้อย
ก็รู้แหละว่าอันตราย แต่จะให้ทำยังไง ในเมื่อคิดไล่มันออกไปก็ไม่ทัน ขืนไล่ไปตอนนี้ คนที่จะเดือดร้อนจริงๆก็คือเขาเอง



“เอ่อ... ไม่เป็นไรหรอกพี่ คือ ตอนนี้เขาทำอะไรใครไม่ได้แล้วล่ะ ประมาณว่า หมดพลังอะไรทำนองนั้นน่ะ” พระไวยแถเต็มสีข้าง



ก็ไม่ได้อยากปิดหรอกนะ ถ้าไม่ติดว่าเรื่องของชีวาออกจะแปลกเกินกว่าที่ใครจะเข้าใจได้อยู่สักหน่อยนี่สิ ดีไม่ดี จะพาลเข้าใจว่าเขาหลอกลวงไปอีก

แต่ว่าแถเลือดท่วมขนาดนี้ มันจะผิดศีลมั้ยเนี่ย



“จ้ะ??” นางตานีงง

เอ... ตัวประหลาดเยี่ยงนั้นมีการสิ้นพลังได้เสียด้วยรึไร นางไม่เคยพบเคยเห็น



“นั่นล่ะ” พระไวยรีบตัดบท “เอาเป็นว่า ตอนนี้เขาไม่มีอันตรายหรอกนะ พี่ก็กลับไปบอกให้ท่านเจ้าที่กับผีๆตัวอื่นรู้ด้วยละกัน ฉันสายแล้ว ต้องรีบไปเรียนก่อนน่ะพี่”

พูดจบ พระไวยไม่ยอมให้นางตานีได้สอบถามอะไรอีก เขาดึงตัวเองกลับเข้าไปในเรือน ฉวยช้อนมาตักข้าวกินคำใหญ่ไปได้สองสามคำจนเต็มแก้ม วางจานเอาไว้แล้วเดินลิ่วๆไปประตูทางเชื่อมเรือน



นางตานีมองคุณพระไวยของนาง ที่เร่งรีบเดินกลับเรือนชั้นในด้วยความงุนงง นางคิดว่าจะได้ซักถามเรื่องราวอื่นๆให้มากกว่านี้เสียหน่อย  แต่คุณพระก็มิได้อยู่ต่อความกับนาง  ราวกับจงใจปิดโอกาสไม่ให้นางสงสัยอะไรมากกว่านี้


ผีสาวมองจนพระไวยจนลับตา ก่อนจะรู้สึกถึงกระแสกดดันแรงกล้าบางอย่างที่จงใจส่งมาถึงนาง

เป็นดวงตาสีดำสนิทล้ำลึกที่มองสบอยู่ก่อนแล้ว มันเปล่งประกายล้อแสงแดดจนราวกับจะเปลี่ยนเป็นสีทองในบางจังหวะ แต่แทนที่นางจะเห็นว่ามันสวยงดงามน่ามอง นางกลับคิดว่ามันมีเปลวไฟร้อนแรงโชติช่วงซ่อนเร้นอยู่ในนั้น

บุรุษรูปงามกำลังมองตรงมาที่นาง พร้อมกับเปิดเผยความไม่พอใจในดวงตาอย่างไม่ปิดบัง!



และนางตานีเชื่อ ว่าเขามองเห็นนางจริงๆ!



นางตานีขนลุกซู่ ทั้งที่ตนเองก็เป็นเพียงวิญญาณ ไม่น่าจะมีความรู้สึกพรรค์นั้น แต่จะเป็นอุปาทานหรืออะไรก็ช่าง นางคิดว่าตนเองได้สร้างความไม่พอใจบางประการให้ชายผู้นั้นเสียแล้ว

แต่อะไรล่ะ? ที่ทำให้เขาไม่พอใจ

นางตานีไม่กล้าถาม


ที่นอกเหนือไปจากนั้น คือเขาเป็นใคร? แล้วมองเห็นนางได้อย่างไร?

ผีสาวแทบจะทนต่อกระแสกดดันรุนแรงที่แผ่ออกมาเรื่อยๆไม่ไหว ไม่น่าเชื่อว่าทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีที่คุณพระไวยของนางหายลับจากเรือนไป

ดูราวกับชายผู้นั้นมิต้องการให้คุณพระไวยของนางรู้เห็น...





“ไปสู่ที่ของเจ้าซะ ไม่ต้องสอดรู้เรื่องของข้า ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือนเจ้า!”





เสียงทุ้มหนักแน่นดังขึ้นในหัวนางตานี พร้อมกับแรงอัดที่บีบรอบตัวจนนางตานีคิดว่า ตนเหมือนคนกำลังจะจมน้ำ


แต่นางตายไปแล้ว กายเนื้อของนางไม่มี นางไม่อาจจมน้ำได้


ทว่า... มันก็ทำให้นึกถึงตอนที่มีชีวิตอยู่ ตอนที่นางถูกบีบคอจนหายใจไม่ออก แล้วตายที่ใต้ต้นกล้วยตานี

ผีสาวทรุดกลางอากาศ เหลือบมองบุรุษงามปานเทพสร้างอีกครั้งด้วยความหวาดผวาปนของร้อง นางอ้าปาก พยายามจะเปล่งเสียง แต่แม้กระทั่งคิดคำที่จะพูด นางก็นึกสิ่งใดไม่ออก ได้แต่โหยหวนราวสัตว์บาดเจ็บอยู่ภายใน โดยไม่อาจกรีดร้อง

นางเลือนหายวับไป เมื่อสภาพบรรยากาศกดดันแปรเปลี่ยนเป็นแสงสีฟ้าใส แล้วพุ่งเข้าหานางเหมือนเข็มพิษนับพันเล่ม



นางตานีกลับคืนต้นตานี...








สอดรู้ดีนัก...




ชีวาเบนสายตาจากหน้าต่าง มายังจานข้าวที่พร่องไปเกือบครึ่ง เสมือนเมื่อครู่นี้ไม่มีอะไร
เสมือนหนึ่งเขาไม่ได้ทำ ‘อะไร’

มือขวาตักข้าวใส่ปากไม่เร่งร้อน แม้รู้ดีว่าพระไวยน่าจะไปเก็บของที่ห้อง และคงจะวิ่งมาตามเขาในไม่กี่นาทีข้างหน้า แน่นอนว่าเขาจะถูกบ่นว่าช้าอีกตามเคย แต่ชีวาก็หาได้สนใจ เพราะสุดท้าย พี่สาวพระไวยก็จะบอกให้รอเขาก่อนอยู่ดี



“เล่นแรงไปหน่อยมั้งเมื่อกี้”

พระเพื่อนวางมือจากจานข้าวที่กินอิ่มแล้ว แต่มองอีกฝ่ายด้วยสายตารู้เท่าทัน
หล่อนได้ยินหมดนั่นแหละ สิ่งที่ชีวาสื่อออกไปทางดวงจิต
แม้กระทั่งแรงกดดันมหาศาลราวกับจะฆ่าให้ตาย หล่อนก็รู้สึกได้

ชีวาสบสายตารู้ทันของพระเพื่อนนิ่งๆ เขาเพียงแค่ไหวไหล่แบบไม่ยี่หระ
ถ้าพี่สาวของพระไวยจะรู้ ก็ไม่เห็นแปลกตรงไหน
ลองหล่อนไม่รู้สิ นั่นแหละแปลก...



“นางสอดรู้เกินไป” ชีวาบอกเรียบๆ “ข้าไม่ชอบให้คนอื่นมายุ่งวุ่นวายเรื่องของข้า”

พระเพื่อนเลิกคิ้ว มองชีวาแบบไม่ชอบใจนัก “แล้วฉันนับเป็นคนอื่นรึเปล่า” หล่อนถาม

“เจ้าไม่ใช่คนอื่น” เขาพูด “แต่ก็ใช่ว่าข้าจะยอมให้เจ้ามายุ่งเรื่องของข้า”

“กล้าพูดแบบนั้นกับฉัน... แค่เพราะนายคิดว่าตัวเองแก่กว่าใครอย่างนั้นรึไง” พระเพื่อนว่า “ยังไงฉันก็เป็นพี่สาวไอ้พระไวย เรื่องที่จะไม่ให้ฉันยุ่งเลยคงเป็นไปไม่ได้”

ชีวากลืนข้าวลงคอ “แล้วยังไง...” เขาลากเสียงกวนประสาท “เจ้านึกว่าข้าจะสนใจ?”

“หมายความว่านายไม่แคร์ความรู้สึกไอ้ไวย?” พระเพื่อนจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง “ถ้าหากฉันไปทำให้นายไม่พอใจ นายก็จะทำกับฉันเหมือนนางตานีนั่น...?”


คราวนี้ คนฟังเพียงแค่ยิ้มที่อ่านความหมายไม่ออก

แต่พระเพื่อนหรี่ตามองด้วยความสงสัย และไม่ไว้ใจอย่างเปิดเผย
“นาย... นอกเหนือจากที่เล่าให้พวกเราฟัง นายคงจะมีเรื่องปิดไว้อีกสินะ”


ชีวาไม่ตอบ
เขาเพียงวางจานข้าวที่กินหมดแล้วรวมกับจานของพระไวย เก็บหลบมุมไว้ด้านข้าง ใบหน้ายังยิ้มแย้มเช่นเดิม ทว่า... พระเพื่อนก็ไม่เข้าใจความหมายของรอยยิ้มนั้น

คนหล่อลุกขึ้นจากพื้นกระดาน เมื่อแว่วยินเสียงพระไวยวิ่งจากเรือนตัวเองมาทางนี้

ไม่นานนัก หัวยุ่งๆของพระไวยก็โผล่เข้ามาทางประตูทางเชื่อมเรือน



“อิ่มรึยัง สายเกือบสิบนาทีแล้วนะเว้ย วันนี้ยังต้องนั่งรถเมล์อีก” พระไวยบอกหน้าคว่ำ ค้อนปะหลับปะเหลือกใส่ชีวาไม่หยุด

ไม่รู้ทำไมถึงได้หงุดหงิดนักเวลาเห็นหน้าหมอนี่...
เมื่อวานก็ใจแกว่ง วันนี้ก็หงุดหงิดแบบไร้สาเหตุ

ท่าทางพระไวยจะเป็นเอามาก...



“เรียบร้อยแล้วล่ะ” ชีวาตอบรับ

“เสร็จแล้วก็ตามลงมา” คนฟังบ่นเสียงดัง หน้ามุ่ย แล้วผลุบหายลงไปทางบันได



ชีวาหันกลับมามองพระเพื่อนที่นั่งเงียบอยู่



เมื่อมองลึกเข้าไปในดวงตาสีดำสนิทนั่น
เป็นครั้งแรก... ที่พระเพื่อนรู้สึกจริงๆตามคำของน้องชาย


ผู้ชายตรงหน้าหล่อน... ไม่ใช่มนุษย์


ออร่าหรือพลังงานบางอย่างที่พระเพื่อนรู้สึกได้จากตัวชีวา มันเข้มข้น ลึกล้ำ ให้สัมผัสของความโบราณ แต่ก็ทรงอำนาจและแข็งแกร่งจนหล่อนต้องยอมสยบ

หากทุกสิ่งที่ชีวาบอกพระไวยเป็นความจริง
มันก็จะต้องมีความจริง ‘มากกว่านั้น’ อยู่เบื้องหลังเทพบุตรคนนี้

มีอะไรบางอย่างที่ทำให้พระเพื่อนรู้สึกว่า หากชีวาเปิดเผยมัน คนเดียวที่จะได้รับรู้คงไม่พ้นน้องชายของหล่อนเอง



และนั่น... อาจจะทำให้บางสิ่งที่ผูกพันพวกเขาเข้าไว้ด้วยกัน ลึกซึ้งแน่นหนาจนแยกไม่ออก



มันเป็นเรื่องดี หรือไม่ดีกันแน่?





“วางใจเถอะ พระเพื่อน” ในห้วงความคิดที่สับสนไปมา พระเพื่อนจับได้ถึงความหนักแน่นจริงใจจากชีวา ทั้งๆที่คำพูดของเขามันแผ่วเบา จนเหมือนจะเป็นอุปาทานของหล่อนเองมากกว่า



“ถึงข้าจะไม่ใช่คนดี... ในความหมายของพวกมนุษย์ แต่ข้าก็ไม่เคยคิดร้ายกับพระไวย” เขาบอกประโยคต่อมา เมื่อดินไปถึงประตูลงเรือน

พูดอย่างมั่นใจ... ทั้งที่ไม่ได้หันมามองคนฟัง
หรือเพราะในสายตาของเขา ไม่ได้มองเห็นคนฟังเลยกันแน่



“ความจริงอย่างหนึ่งที่เจ้าเชื่อข้าได้ คือข้าจะปกป้องน้องเจ้าด้วยทุกสิ่งที่ข้ามี”

แล้วพ่อเทพบุตรนั่นก็เดินลงจากเรือนไป ทิ้งไว้เพียงคำพูดที่ลอยตามลมมาเข้าหูพระเพื่อน



ไม่รู้เพราะอะไรดลใจ พระเพื่อนถึงได้ยอมเชื่อคำพูดนั้น ยอมไว้ใจเจ้าตัวประหลาดนี่ ทั้งๆที่เขายังปกปิดอะไรอีกหลายอย่าง
ไม่เข้าใจ... พระเพื่อนไม่เข้าใจตัวเองเลย


พระเพื่อนแค่นหัวเราะจากลำคอ ส่ายหน้าเบาๆ แล้วหลับตาลง หวังขจัดความฟุ้งซ่านให้พ้นดวงจิตอันยุ่งเหยิง เรียกความสงบคืนสู่สติ


ฉันจะยอมเชื่อดูก็ได้ ...ชีวา...









+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++








ชายหนุ่มหน้ามนพอทนได้ นั่งหลับน้ำลายยืดพิงเสาอยู่ใต้อาคาร มือก็กอดกระเป๋าตัวเองไว้แน่นราวกับมันเป็นหีบสมบัติ

ซีอีโอมานั่งรอเพื่อนรักอย่างพระไวยตั้งแต่ไก่โห่ รอจนรากงอกเป็นน้ำลาย สุดท้ายทนความง่วงปนเมาค้างไม่ไหว เลยสลบเหมือดอย่างหมดสภาพ

เพราะเสียงพูดคุยจอแจที่เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ซีอีโอจึงสะดุ้งตื่นได้ในที่สุด พร้อมกับแว่นกันแดดที่เลื่อนลงมาตรงจมูก

ชายหนุ่มถอดแว่น เกาจมูก แล้วใช้มือปาดคราบน้ำลายเย็นๆแฉะๆออกจากมุมปาก จากนั้นก็ทำหน้ายี้ขยะแขยงน้ำลายตัวเองได้น่าตบ พร้อมกับเอามือไปเช็ดที่กางเกงแทนซะ

ซีอีโอกระแอมเรียกความมั่นใจให้ตนเองใหม่ สวมแว่นเรย์แบนสีดำซึ่งคิดว่าเท่สุดๆแล้วเข้าเบ้าตา เปิดๆค้นๆกระเป๋าย่ามเพื่อหาบางสิ่ง ล้วงกระจกบานเล็กขึ้นมาส่องเช็คความมั่นใจ ฉีกยิ้มกว้างๆหาเศษผักที่อาจติดฟัน เสยผมขึ้นไปจนเห็นหน้าผาก แล้วลงความเห็นว่าตอนนี้เขาหล่อลากไส้เอามากๆ



“คนอะไรวะหล่อจริง” ซีอีโอพึมพำเบาๆ ยักคิ้วข้างซ้ายอย่างเท่ เก็บกระจกเข้ากระเป๋าเหมือนเดิม จากนั้นจึงเริ่มสอดส่องดูชาวบ้านที่ผ่านไปมาแบบสบายอารมณ์

เอ๊ะ? แล้วเขามานั่งทำซากอะไรตรงนี้วะ?

ซีอีโอเริ่มงง ก่อนจะปิ๊งขึ้นได้ว่า วันนี้อุตส่าห์ตื่นแต่ไก่โห่ฟ้ายังไม่ทันสางมหาวิทยาลัยเพิ่งเปิด เพื่อมารอไอ้เพื่อนเลิฟอย่างพระไวยนั่นเอง

ว่าแล้วก็ดึงโทรศัพท์ออกจากกางเกงที่รัดแน่นฟิตเปรี๊ยะ ต่อสายตรงโทรหาสายสืบประจำตัวทันที



(ฮัลโหลตรู๊ดๆ โทรมาแต่เช้าป่านนี้เพื่ออะไรวะครับเพื่อน?)

“เช้าบ้านมึงสิไอ้แทน นี่มันจะเจ็ดโมงครึ่งแล้วนะเว้ย”

(เออ นั่นแหละ บ้านกูยังเช้าอยู่ จนกว่าจะเคารพธงชาติ)

“สัดจริง” ซีอีโอ หรือโอโม่ด่าเพื่อนแบบไม่จริงจัง “แล้วแปดโมงวันนี้จะเข้าเรียนมั้ยวะมึงน่ะ”

(เข้าสิครับไอ้ท่านประธานใหญ่)

“เข้า? แต่มึงยังมาไม่ถึงมอเนี่ยนะ”

(เออน่า เดี๋ยวกูก็ถึงเองแหละ)


“กูจะพึ่งมึงได้มั้ยเนี่ย...” ซีอีโอถึงกับกุมขมับ “แล้วไอ้ไวยมันออกจากบ้านรึยัง”


(หา? ไอ้ไวยอ่ะหรอ กูไม่รู้ว่ะ เมื่อคืนกูไม่ได้กลับบ้าน)

“อ้าว” ซีอีโอร้อง หน้าตาเหรอหรา “แล้วมึงนอนไหนเมื่อคืน”

(คอนโดกู)

“ได้เด็กไปกกล่ะสิมึง”

(เงียบน่ะไอ้โอ เดี๋ยวกูจะถึงมอแล้ว จะมองหาไอ้ไวยให้ละกัน แค่นี้นะครับมึง จุ๊บๆ)



“อ้าวเฮ้ย เหี้ยแทน แทน!”



“วะ... วางสายเฉยเลยไอ้นี่..” ซีอีโอรำพึงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ส่ายหน้าปลงๆให้สมาร์ทโฟน แล้วยัดมันกลับเข้ากระเป๋าอยากยากลำบาก เพราะกางเกงแน่นเกิน

ชายหนุ่มลุกขึ้นจากพื้น สะพายย่ามเข้าหัวไหล่ ตัดใจว่างานนี้คงจะต้องไปตามหาเพื่อนซี้เอาเอง เพราะโทรศัพท์พระไวยเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ซีอีโอกลัวว่าสัญญาณโทรศัพท์ที่โคตรแรงของเขา จะไปทำให้มือถือเครื่องบอบบางใกล้ลงโลงของพระไวยพังซะก่อน



เดินจากใต้ตึกคณะเศรษฐศาสตร์มาเรื่อยๆพร้อมมองซ้ายมองขวา ซีอีโอก็ได้เจอแต่คนที่เขายังไม่อยากเจอเยอะแยะ

แฟนเก่าเอย กิ๊กเก่าเอย สาวๆต่างคณะขาเรียวยาวน่ามองทั้งหลายเอย

แต่อันหลังได้เจอก็ชุ่มชื่นหัวใจหนุ่มโสดดี
โอ๊ย... ชีวิตเด็กมหาลัยนี่มันแซ่บจริงๆ



แต่มันก็คงจะดีกว่านี้น่ะนะ... ถ้าไม่มีสิ่งไม่พึงประสงค์อย่างเช่น...



“หวัดครับน้องโอโม่”



อืม... ถอยกลับไปใต้ตึกคณะตอนนี้ทันมั้ย?





ซีอีโอหยุดเดิน ถอนหายใจแบบโคตรรำคาญคนเรียก ก่อนจะปั้นหน้าฉีกยิ้มเต็มที่แล้วหันกลับไป



“ผมชื่อซีอีโอครับ สวัสดีครับพี่นัท”

“โธ่ เรียกเต็มยาวไปนะครับ โอโม่นี่แหละน่ารักดี”

“ผมอยากหล่อมากกว่าครับ”

“แต่พี่ชอบคนน่ารักนี่ครับ”

“บังเอิญว่าผมไม่ใช่เกย์ คงจะน่ารักไม่ได้หรอกครับ”

“น้องโอโม่ตลกดีนะครับ”

“เอ่อ... ครับ”



อ้าก!

ช่วยดูหน่อยว่า หนังหน้ากูตลกไปกับมึงมั้ย? ไอ้พี่นัท!



ซีอีโอกำลังด่ารุ่นพี่ต่างคณะในใจไฟแลบ

นัท หรือนวพล เป็นรุ่นพี่ปีสองคณะวิศวะ ที่ชอบมาหยอดขนมจีบเขาบ่อยๆจนน่ารำคาญ หยอดได้หยอดดี แรงไม่มีตก หยอดตั้งแต่วันรับน้องวันแรกยันวันนี้

ไม่ดูหน้าเขามั่งเล้ย ว่าเต็มใจจะให้มึงหยอดรึเปล่า

เกิดมาหล่อมันก็เพลียเหมือนกันนะเนี่ย



“แล้วนี่พี่นัทมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ” ซีอีโอถาม

เอาวะ.. ถ้าแค่หยอดอย่างเดียวก็คงพอจะทำตัวเป็นรุ่นน้องที่ดีให้ได้อยู่
ถ้ามันไม่หยอดมากเกินไปจนรำคาญน่ะนะ



“ถ้าไม่มีธุระพี่ก็มาหาไม่ได้หรอครับ”

...นั่นไง จีบกูอีกละ...

ไม่มีธุระแล้วมึงจะมาหากูทำเตี่ยมึงรึไงเล่า!



“ก็ใช่สิครับ” คราวนี้เริ่มเหนื่อยที่จะปั้นหน้าฉีกยิ้ม “กับคนอื่นน่ะ ไม่มีธุระผมก็ไม่คุยต่อด้วยหรอกครับ เสียเวลาชัดๆ”



แรงได้อีกเนอะ...



“โห... นี่พี่เป็นคนอื่นหรอครับน้องโอโม่”

“ซีอีโอครับ”

“นั่นแหละครับ ตกลงว่าพี่เป็นคนอื่นสำหรับน้องหรอครับเนี่ย” นัทยิ้มไปพูดไป ตกลงมันรู้มั้ยว่าเขาด่ามันทางอ้อม?



เหอะ... น่าเบื่อว่ะ คนอะไรหม้อได้หม้อดี

ตาบอดรึไงว่าเขาไม่ได้คล้อยตามไปด้วยเลยเนี่ย!



“ครับ พี่เป็นคนอื่นสำหรับผม” ท่าทีซีอีโอบอกชัดว่าเริ่มรำคาญ ที่สำคัญ เขาเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องนี่มาหลายนาทีแล้วด้วย “ถ้าพี่ไม่มีธุระล่ะก็ผมขอตัวก่อนนะครับ มีนัดกับเพื่อน”

“อ้าว เดี๋ยวก่อนสิครับน้องโอโม่”

“ซีอีโอครับ”



แล้วซีอีโอก็รีบเดินออกมาเฉยๆนั่นแหละ ไม่รอให้อีกฝ่ายท้วงหรือเรียกได้หรอก

ขืนยืนต่อก็มีหวังอ้วกแตกอยู่ตรงนั้นน่ะสิ เรื่องอะไรล่ะ เขาไม่ใช่เกย์เสียหน่อย จะได้ทนให้ผู้ชายมาขายขนมจีบใส่

ไม่เอาล่ะ ขนลุกจะตายห่า ไอ้พี่บ้านั่นมันหาผู้หญิงมาคั่วไม่ได้แล้วหรอวะ? ถึงต้องมายุ่งกับคนหล่อหน้าตาดี แมนเต็มร้อยแบบซีอีโอเนี่ย


เหอะ ไปหาพระไวยดีกว่า คนแบบมึงอย่าหวังว่าจะงาบกูได้เล้ย ไอ้พี่นัท!













TO BE CON...
_____________________________________________________________________________________________






มาตัดฉึบจบตอนที่น้องโอโม่แบบงงๆ  :laugh:

ไม่มีอะไรมากค่ะ แค่ซีอีโอเป็นตัวประกอบที่ชอบมากจนต้องเลื่อนให้มารับบทเป็นตัวจริงเล็กๆน้อยๆ จริงๆก็อยากเชียร์ให้ท่านประธานแกมีผัว(?) อยู่เหมือนกัน แต่ต้องรอดูว่าบทมันเปิดโอกาสให่พ่อซีอีโอคนงามได้เล่นเรื่องของตัวเองมั่งมั้ย ตอนนี้ก็หลบมุมให้ชีวาเขาก่อนละกัน  :katai3:

ดูเหมือนเราจะเริ่มเห็นด้านมืดในตัวชีวามั่งแล้ว(?) แหงล่ะ พระเอกของฟ้าไม่ว่าจะออกมาเป็นตัวอัลไล มันก็แอบซ่อนความเลวนิดๆไว้อยู่ดี 55555  :hao6:

แต่ปริศนาในตัวชีวายังมีอีกเยอะ ไม่รู้พ่อคุณจะเก็บอมเอาไว้ทำไม รู้มั้ยว่าคนอ่านอยากอ่านมากๆแล้วตอนนี้(?)
เอาเป็นว่า ตอนหน้าเราอาจจะได้ไขปริศนาของชีวาเพิ่มมาอีกนิดนึง ว่าฮีเป็นใครกันแน่? ตามที่พระเพื่อนสังเกตว่าเขามี "ความจริง" ซ้อนอยู่หลังความจริงเข้าไปอีก

อัพตามสัญญาแล้วนะคะ ตอนหน้าคาดว่าอีกพักนึงแหละกว่าจะได้เจอกันใหม่ ยังไงก็ขอบคุณทุกเม้นทุกกำลังใจจริงๆค่ะ  :pig4: :pig4:



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-03-2014 09:20:23 โดย kamidere »

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
บาดเจ็บสุดเรื่องนี้นี่ผีตานีป่ะเนี่ย ฮ่าๆๆ
แอบดาร์คนะชีวา

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5

ออฟไลน์ pasallatel

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
โห......หายไปนานเลยนะคะ
เรื่องนี้เราจำได้ว่าอ่านนานมากแล้ว ข้ามปีเลย
ดีใจค่ะที่กลับมาแล้ว มาต่ออีกนะคะ ปริศนายังมีอยู่

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






หมูกระต่าย

  • บุคคลทั่วไป

@Lucifer_Prince@

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ sukaz

  • I Will Love You Unconditionally
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3

ออฟไลน์ นาวา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ Kamidere

  • บรรยายมันออกมา ทุกสิ่งที่อยู่ในใจ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2


ฟ้ามาแจ้งข่าวกับคนอ่านทุกคนนะคะ

คุณตาของฟ้าเพิ่งเสียชีวิตเมื่อหัวค่ำวันนี้ วันที่ 4-4-2557 ฟ้าคิดว่าคงจะวุ่นวายกับงานที่วัดสองสามอาทิตย์ ต้องขอเลื่อนนิยายไปก่อนอย่างไม่มีกำหนดนะคะ ขอโทษด้วยค่ะ




ออฟไลน์ pasallatel

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เสียใจด้วยนะคะ เรื่องคุณตา
ส่วนเรื่องนิยายจะมาเมื่อไหร่ก็ไม่เป็นไรค่ะ
รอได้ค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ zazoi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 970
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-1

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
เสียใจด้วยนะคะ

จัดการธุระให้เรียบร้อยเถอะค่ะ คนอ่านรอได้  :L2:

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ โชกุน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ชอบๆๆนิยายแนวนี้นานๆมีที คุณพระไวยน่ารักซะ!!!

ออฟไลน์ rinia

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด