มึงน่ะเมียกู ตอนที่ 12- Part Poj -
“อ้าว!!! มาได้ไงวะ” เสียงไอ้นาวร้องทักไอ้ฟิกซ์ครับ หลังจากกินสเต็กเสร็จพวกผมก็กลับเข้ามาในงาน ไอ้ตินณ์ก็แยกไปทำงานของมันที่บูธ พวกผมเลยเดินแยกออกมาถ่ายรูปในงานเรื่อยๆ พอดีเจอไอ้ฟิกซ์มันมากับแม่ครับโครตบังเอิญ
“อ้าว เฮ้ยพวกมึงมาไม่บอกกูเลยนะ” เอาอีกแล้วไอ้ฟิกซ์ว่าผมอีกคนแล้วครับ
“กูลืม วันนั้นชวนไอ้นาวแล้วว่าจะชวนมึงต่อแต่กูลืมว่ะ โทษที” ผมอธิบายเหมือนที่อธิบายไอ้มายด์อีกครั้ง
“เออๆ แล้วมานานยังวะ”ไอ้ฟิกซ์ถามต่อครับ
“เพิ่งมาไม่นานว่ะ เดินดูได้ 2 บูธเอง” ไอ้นาวเป็นคนตอบที่ไอ้ฟิกซ์ถาม
“ เอองั้นกูไปเดินด้วย กูมาดูรถกับแม่ว่าจะจองให้น้องซักคัน” ไอ้ฟิกซ์พูดก่อนเดินไปหาแม่มันพอแม่มันหันมามอง พวกผมก็สวัสดีท่านพร้อมกันแล้วยืนรอไอ้ฟิกซ์ต่อ มันคุยกับแม่ไม่นานก็เดินมารวมกลุ่มกับพวกผมครับ
“แม่มึงไม่ว่าเหรอวะที่มึงไม่ไปเดินกับท่าน”ไอ้มายด์ถามครับ
“ไม่ว่าหรอกแม่กูมากับเพื่อนด้วยแต่เมื่อกี้เพื่อนแม่ไปเข้าห้องน้ำ ดูไปก่อนแล้วเอามาเทียบราคาพรุ่งนี้ค่อยจอง เสียดายกูไม่ได้เอากล้องมาด้วยว่ะ แจ่มๆทั้งนั้น” ไอ้ฟิกซ์บ่นต่อครับ
“รถหรือคนวะ” ผมถามมันดูครับ แต่คิดว่ารู้คำตอบ
“อ้าวมึงนี่ถามแปลกก็ต้องคนอยู่แล้วสิวะ”กูว่าล่ะทำไมซื้อหวยไม่ถูกแบบนี้วะ ลืมไปกูไม่เคยซื้อ
“มึงๆวันนี้กูจะเจอออฟฟี่ แม็กซิมไหมวะ”ไอ้นาวเป็นเจ้าของคำถามนี้ครับ
“ใครวะ” ไอ้มายด์ไม่รู้จักครับ เชยมากมึงไม่รู้จัก
“เชี้ยนี่ไม่รู้จักได้ไง เขาเป็นพริตตี้ที่สวยและดังมากนะมึง” ไอ้นาวบอกทางสว่างให้ไอ้มายด์ครับ
“กูว่าอยู่บูธไอ้ตินณ์ว่ะ แต่คิวเขาออกโชว์ไปแล้วเมื่อเช้า และออกอีกทีบ่ายสาม”ผมบอกไอ้นาวครับ
“ไอ้เชี้ยพรต มึงนี่ไว้ใจไม่ได้นะ เห็นเงียบๆข้อมูลเพียบเลยนะมึง” ไอ้นาวมันว่าผมครับ ไอ้สองคนนั้นก็ฟังเพลินเลยนะเก็บข้อมูลอยู่แน่ๆ
“สัส!!!” เวลาไม่รู้จะพูดอะไร ผมจะพูดคำนี้เสมอครับเหมือนเป็นคำติดปากไปแล้ว
“เราไปถ่ายรูปบูธอื่นกันก่อนไหม แล้วค่อยไปบูธพี่ตินณ์” ไอ้มายด์เสนอขึ้นมาครับ
“เออๆไปสิ” ผมว่า แล้วเราก็เดินถ่ายรูปพร้อมดูรถกันจนเหนื่อย ผมถ่ายทั้งคนทั้งรถครับมีแต่รูปสวยๆ พอเหนื่อยพวกผมเลยมานั่งร้านโดนัท ที่เค้ามีอยู่ในอิมแพคคนไม่เยอะเหมือนโต๊ะที่เค้าจัดไว้ให้ด้านนอก
“เฮ่อ!!! ได้นั่งซะทีกูเดินจนขาจะหลุด” ไอ้นาวบ่นคนแรก
“กูก็หิวน้ำ มีแต่รถเจ๋งๆว่ะดูเพลินเลยกู แต่ราคาก็สูงอยู่” ไอ้ฟิกซ์มันบ่นบ้างครับ พอเรานั่งพักจนหายเหนื่อยดูเวลาก็บ่ายสามกว่าแล้วเลยจะไปที่บูธไอ้ตินณ์ครับ
“ไอ้พรตมึงไม่ซื้อน้ำ หรือขนมไปฝากพี่ตินณ์หน่อยวะ” ไอ้เชี้ยนาวครับ มันหันมาถามผม
“... ไม่” ผมคิดซักพักแล้วตอบ เพราะที่บูธมันต้องมีของกินอยู่แล้วผมจะต้องซื้อไปให้มันทำไม
“ทำไมต้องเป็นไอ้พรตซื้อให้ด้วยวะแล้วทำไมมึงไม่ซื้อเอง มึงเป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนเก่าแถมสนิทกว่าไอ้พรตอีก” ไอ้ฟิกซ์ถามไอ้นาวเป็นชุดเลยครับ
“มึงรู้ได้ไงว่ากูสนิทมากกว่าไอ้พรต อาจจะไม่ใช่ก็ได้นะ” ไอ้นาวมันว่าพร้อมยักคิ้วกวนตีนให้ผม
“เออ กูก็สงสัยตั้งแต่ร้านสเต็กแล้ว ว่าจะถามแต่พี่เค้าอยู่ด้วยกูเลยยังไม่ได้ถาม ดูพี่ตินณ์เขาห่วงมึงจังเลยนะแถมสั่งนั่นนี่มึงอยู่คนเดียว มึงเองก็ยอมพี่เขาปกติเคยยอมใครที่ไหน” ไอ้มายด์ได้ทีพูดยาวเลยนะมึง
ผมหันไปมองหน้าไอ้นาวคนเปิดประเด็นครับ อยากเข้าไปตบหัวมันสักทีแรงๆเอาให้หัวทิ่มแม่งเลย โทษฐานที่ทำให้ผมตกอยู่ในสถานะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่แบบนี้ มันถึงเวลาที่ผมต้องยอมรับความจริงแล้วเหรอวะ
“ก็พี่น้องที่รู้จักกันเหมือนพวกมึงแหละ” ผมบอกออกไปครับ
“หราาา.........” ไอ้เชี้ยนาว มึงพูดแล้วทำหน้าอ้อนตีนกูมาก เดี๋ยวกูรอดไปได้มึงตายคนแรก ผมคาดโทษไอ้นาวไว้ก่อนครับ
“คิดว่าพวกกูเชื่อไหม” ไอ้ฟิกซ์ถามเสียงนิ่งเลยครับ
“กูสังเกตมาซักพักแล้วมึงไม่ค่อยไปไหนกับพวกกู แถมห้องก็ไม่ค่อยอยู่อีก” ไอ้มายด์มันว่าครับ ปกติพวกมันจะไปหาผมที่ห้องบ่อยๆ แต่ช่วงนี้ผมไม่อยู่พวกมันเลยไม่ได้ไปเลยเอามาเป็นประเด็นจับผิดผมซะงั้น
“ เออกูก็สังเกต ไม่ขับรถมาเรียนเองด้วยนะกูเคยเห็นนั่งรถไปกับพี่ตินณ์ด้วย” ไอ้ฟิกซ์มันเริ่มกดดันผมครับ คือตอนนี้กูเป็นผู้ร้ายโดนสอบปากคำเหรอวะ บรรยากาศโดยรอบดูอึดอัดจนผมอย่างชิ่งหนีซะดื้อๆเลยครับ
“เออๆ อะไรกันนักหนาวะพวกมึงนี่ กูไม่ได้ฆ่าใครตายไม่ต้องมาสอบปากคำกู” ผมว่าพวกมันเสียงไม่จริงจังนัก
“มึงไม่ได้ฆ่าแต่มึงต้องคายความลับที่พวกกูอยากรู้”ไอ้ฟิกซ์ยังคงกดดันผมไม่เลิกครับ
“เออวันนี้กูต้องรู้ให้ได้ ไอ้เชี้ยนาวรู้แม่งก็ไม่ยอมบอกให้พวกกูมาถามมึงเองน่าเจ็บใจนัก”ร่วมกดดันโดยไอ้มายด์คู่หูมันครับ
“แล้วพวกมึงคิดว่าเป็นอะไรกันล่ะ” กูถ่วงเวลาไว้ก่อนเผื่อรอด
“ไม่รู้ถ้ารู้จะถามมึงเหรอแต่ต้องไม่ใช่แค่พี่น้องแน่ๆ บอกมาซะดีๆกูไม่อยากเดา” ไอ้ฟิกซ์มันตอบคนแรกครับ
“กูว่าพี่ตินณ์จีบมึงแน่ๆ แต่กูไม่รู้ว่าเป็นแฟนกันรึยัง” ไอ้มายด์เดาครับ แต่มึงจะเดาเก่งไปไหม
“เออ” ผมตอบมันครับไม่บอกตอนนี้แม่งก็กดดันจนต้องบอกอยู่ดี
“เอออะไร” ไอ้ฟิกซ์ยังไล่บี้ไม่เลิก
“ก็เอออย่างที่ไอ้มายด์คิดนั่นแหละ” ผมตอบมันอีกครั้ง
“ห๊ะ!!! จริงดิ กูแค่เดาเล่นๆ” ไอ้เชี้ยมายด์ เดาเล่นของมึงนะจะตรงไปไหมวะ
“โถ่!!!เพื่อนกู โตเป็นสาวจนมีผัวได้แล้วเหรอวะนี่”
“ไอ้เชี้ยฟิกซ์ กูไม่ได้เป็นเมีย” ไอ้เชี้ยฟิกซ์มันว่าแล้วทำหน้ากวนตีนสุดๆ ผมต้องพยายามห้ามใจไม่ให้เอาตีนไปใกล้ปากมัน ไม่งั้นผมคงได้มีเรื่องกับหมาในปากมันแน่ๆครับ
“มึงอย่าบอกนะว่ามึงเป็นผัวพี่ตินณ์” ไอ้นาวถามผมพร้อมทำหน้าตกใจ
“เออ!!” ผมกระแทกเสียงตอบมันไปครับตัดรำคาญพวกชอบเสือก
“พระเจ้า กูไม่อยากจะเชื่อพี่ตินณ์น่ะนะเมียมึง” ไอ้มายด์ถามอีกครั้งครับพร้อมทำหน้าไม่เชื่อที่ผมพูด
“เออ ทำไมหน้าอย่างกูเป็นผัวไม่ได้ไงวะอย่าถามมาก ไปๆไปดูพริตตี้ของพวกมึงได้แล้ว” ผมตอบพวกมันแล้วรีบหันเหความสนใจทันทีไม่งั้นมันก็เซ้าซี้ไม่เลิกครับ
“กูไม่อยากจะเชื่อ” ไอ้นาวยังคงรำพึงรำพันไปเรื่อย
“พวกกูก็ไม่อยากจะเชื่อว่ามึงจะเป็นไปได้ เห็นเปลี่ยนสาวเป็นว่าเล่น บอกตรงๆตัวจริงมึงทำพวกกูช็อคเลยว่ะ” ไอ้มายด์มันหันกลับมาบอกผมครับ
“กูเองก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่ามันจะเป็นแฟนกู แล้วมึงรับได้ไหมถ้าไม่ได้ก็เรื่องของมึง กูพอใจซะอย่าง” ผมพูดไปแต่ใจก็กลัวมันรับไม่ได้ครับ แต่ผมคิดว่าถ้าจะเป็นเพื่อนกันมันคงต้องรับผมได้แหละ
“ถึงกูจะเพิ่งมาเป็นเพื่อนมึงหลังจากไอ้นาว แต่กูก็เพื่อนแท้นะเว้ยเรื่องแค่นี้ไม่ทำให้กูรังเกียจเพื่อนหรอก” ไอ้มายด์มันว่าคำพูดที่แสดงถึงความจริงใจทำให้ผมยิ้มกลับไปให้มัน
“กูก็ไม่เคยคิดทิ้งเพื่อนเพราะเรื่องแค่นี้ว่ะ” ไอ้ฟิกซ์มันหันมาพูดกับผมบ้างครับ
ส่วนไอ้นาวไม่ต้องพูดเพราะมันเป็นเพื่อนสนิทผมมาตั้งแต่อนุบาลบ้านใกล้กัน แต่ช่วงม.ปลายผมไปเรียนต่างประเทศเลยแยกกัน มาเจออีกทีตอนเข้ามหาลัย ผมกับมันรู้ใจกันดี และถือได้ว่าเป็นเพื่อนตายกันเลยทีเดียวถึงมันจะรับไม่ได้ยังไงมันก็ต้องรับให้ได้ เพราะมันต้องเป็นเพื่อนผมไปจนตายผมไม่มีทางให้มันเลิกเป็นเพื่อนกับผมเพราะเรื่องแบบนี้หรอกครับ
“ เออ ขอบใจพวกมึงมาก” ผมว่าแล้วตบบ่ามันคนละทีก่อนเดินนำไปที่บูธไอ้ตินณ์
“เพ่ตินณ์” ไอ้นาวเรียกไอ้ตินณ์ทันทีที่เดินมาถึง มันกำลังนั่งคุยกับพริตตี้ของบูธอยู่ครับ อย่างสวยอ่ะ เล่นเอากูอิจฉาเลยได้ทำงานกับคนสวยๆ
“มีไรวะ” ไอ้ตินณ์หันมาถามไอ้นาว พริตตี้คนนั้นก็ลุกไปทำงานของตัวเอง
“ผมมีไรถามพี่หน่อย แต่พี่ต้องตอบผมตามความจริงนะครับ” ไอ้นาวมันว่าครับ
“เออ มีไรว่ามา” ไอ้ตินณ์ตอบไอ้นาวเสียงติดรำคาญ
“พี่เป็นเมียไอ้พรตเหรอ” พอไอ้นาวถามเสร็จไอ้ตินณ์ที่กำลังหยิบน้ำขึ้นมาดื่มถึงกับสำลักน้ำเลยครับ พวกผมก็ตกใจไม่คิดว่าไอ้นาวมันจะกล้าถามไอ้ตินณ์ตรงๆแบบนั้น ซวยแล้วกู
“มันบอกมึงอย่างนั้นเหรอ” ไอ้ตินณ์ถามไอ้นาวกลับแต่ตาหันมามองผม ผมก็จ้องมันกลับครับ
“ก็งั้นดิพี่ไม่งั้นผมจะมาถามเหรอ” ไอ้นาวตอบพร้อมทำหน้ากวนตีนมาทางผม ผมว่ามันรู้แต่แกล้งกวนตีนจะให้ผมอาย
“ถ้ามันว่างั้นก็ตามนั้น” ไอ้ตินณ์ตอบไอ้นาวแต่คำตอบมันผมคาดไม่ถึงจริงๆครับ ผมนึกว่ามันจะปฏิเสธ
“จริงดิพี่ ไม่อยากจะเชื่อว่าพี่จะยอมให้ไอ้พรตกด” ไอ้นาวมันพูดเหมือนไม่เชื่อ
“แล้วใครบอกว่ากูยอมให้มันกด” ไอ้ตินณ์ถามขึ้นมาเสียงนิ่งเลยครับ
“อ้าว ก็พี่บอกว่าเป็นเมียมันเมื่อกี้ไง” ไอ้นาวถามกลับงงๆ
“ก็มันยากเป็นผัวกูก็ยอมแล้วไง แต่เป็นผัวที่ต้องยอมให้เมียอย่างกูกดนะ หึหึ” พูดเสร็จแม่งหัวเราะกวนตีนด้วยนะมัน
“สัส!!!” ผมด่ามันเสร็จก็เดินหนีออกมาเลย หมั่นไส้มันครับมาดูพริตตี้ดีกว่า
“สรุปอย่างนี้ พี่ก็เป็นผัวมันนั่นแหละ แม่ง! เล่นซะพวกผมงงเลย เกือบเชื่อแล้วนะ” ยังได้ยินเสียงไอ้นาวบ่นมาแว่วๆครับ
“ไอ้เชี้ยพรตหลอกพวกกูนะเดี๋ยวมึงจะโดน” ไอ้ฟิกซ์มันเดินตามมาว่าครับ
“ช่วยไม่ได้ ฟายกันเอง” หึหึ ผมว่าเสร็จเดินหนีไปถ่ายรูปต่อเลยครับ
ถ่ายรูปไปก็มองไอ้ตินณ์มันทำงานไปด้วยครับ มีแต่สาวๆเดินเข้ามาถามข้อมูลแล้วก็จองรถกับมัน หน้าตามันดีเลยเป็นที่ดึงดูด แต่น้อยกว่าผมหน่อยนึง พอผมถ่ายรูปที่บูธมันเสร็จก็ตกลงกันว่าจะไปเดินดูบูธอื่นต่อครับ งานยังอีกยาว
……………………………………………………
“กูจะไป” ผมบอกไอ้ตินณ์อีกครั้งครับ
“เออๆ กูสั่งงานเสร็จแล้ว กูไปด้วย” มันหันมาตอบผมอย่าตัดปัญหา
ตอนนี้ทุ่มกว่าๆแล้ว ผมกับเพื่อนกลับมาที่บูธมันนานแล้วและตอนนี้พวกผมก็อยากไปดูหน้าอิมแพคที่ตรงลานจอดรถ จะมีเอารถมาโชว์เครื่องเสียง แล้วสาวๆขึ้นไปเต้นบนหลังคารถน่ะครับ ไม่เห็นจะมีอะไรแต่ไอ้ตินณ์ไม่ให้ผมไป ผมเลยบ่นจนมันรำคาญ สุดท้ายให้ผมไปแต่ตัวมันจะไปด้วย เซ็งเลยผม แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ไปครับ
“ เฮ้ยๆ แจ่มกว่าข้างในอีกว่ะ” เสียงไอ้นาวครับ
“ เครื่องเสียงอย่างแน่น” ไอ้ฟิกซ์ผู้สมทบมันพูดพร้อมทำหน้าหื่น ผมว่าไม่ใช่เครื่องเสียงแน่นอนที่มันว่าแน่น
“กูว่างานนี้เม็มกล้องกูเต็มว่ะ” ไอ้มายด์เอาด้วยครับ
“กูอยากถ่ายใกล้กว่านี้” อันนี้ผมเอง ตรงนี้ถ่ายรูปแล้วมุมมันไม่สวยครับต้องเข้าไปใกล้กว่านี้ถึงจะเจ๋ง
“ไม่ต้องเข้าไปคนเยอะ ซูมเอาดิ” เสียงผู้ปกครองผมเองครับตรงนี้คนเยอะมาก ยิ่งดึกคนยิ่งเยอะขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เริ่มเดินเบียดกันแล้วครับ
“กูว่ากลับเถอะไม่หิวข้าวกันรึไง” มันถามขึ้นมาหลังจากเดินกันได้ซักพัก
“หิวแต่มึงเลิก 3 ทุ่มไม่ใช่รึไง” ผมตอบแล้วถามมันต่อครับ
“เดี๋ยวให้พี่เชษฐ์ดูแทน อีกไม่นานเอง” พี่เชษฐ์เป็นเลขาพ่อมันครับ พ่อมันมีเลขาหลายคนดูแลงานคนละส่วน แต่พี่เชษฐ์จะเป็นคนดูแลเรื่องโชว์รูมรถยนต์
“เออ งั้นกลับ” ผมตอบมันพร้อมกับเรียกเพื่อนให้กลับ มันบ่นกันนิดหน่อยว่ายังถ่ายไม่จุใจ แต่มันก็หิวเหมือนกัน กินตั้งแต่บ่ายจนจะสามทุ่มแล้วยังไม่ได้กินข้าวเย็นอีก
“เฮ้ย!เดินดีๆดิวะ” ผมตกใจเลยเสียงดังครับ มีคนเดินมาชนกล้องผมเกือบตก แต่ไม่ขอโทษซักคำ แถมยังเดินหัวเราะกับเพื่อนอีก
“อ้าว!น้องพูดดีๆสิครับ หน้าตาก็ดีเดินชนพี่แล้วยังมาว่าพี่อีก” มันยังมีหน้ามาว่าผมชนอีกครับ
“พี่เดินมาชนเพื่อนผมชัดๆ” ไอ้มายด์มันเริ่มทนไม่ได้แล้วครับ
“มีหลักฐานไหมล่ะน้อง” ไอ้คนที่ชนผมมันถามกลับมาน้ำเสียงและหน้าตาหาเรื่องมาก
“หลักฐานไม่มี แต่แค่ขอโทษผมก็จบ” ผมพูดไปบ้างครับ
“ถ้าอยากให้พี่ขอโทษน้องก็ต้องไปเดินเที่ยวเป็นเพื่อนพี่ก่อน” พอมันพูดเสร็จเอื้อมมือมาจะคว้าแขนผมครับ
“เอาตีนผมไปแทนได้ไหมครับ” ไอ้ตินณ์ครับ มันดึงผมไปยืนหลบข้างหลัง แล้วจับมือผู้ชายคนที่เดินชนกล้องผมแล้วบิดเอาไปไพล่หลังทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากเลยครับ แต่ถึงมันไม่ช่วยผมก็เอาตัวรอดได้
“ปล่อยกู มึงยุ่งอะไรด้วยวะ” มันยังไม่หมดฤทธิ์ครับ
“กูจะไม่ยุ่งกับมึงเลยถ้ามึงจะไม่มายุ่งกับคนของกู ขอโทษซะก่อนที่แขนมึงจะหัก” ไอ้ตินณ์พูดเสียงดังมากครับ ไอ้นั่นก็หันหน้าไปมองเพื่อนมันอย่างขอความช่วยเหลือแต่เพื่อนมันไม่ช่วยเพราะเห็นว่ากลุ่มผมมีคนเยอะกว่า ตอนหาเรื่องคงยังไม่เห็นว่ากลุ่มผมมี 5 คน มันมีแค่ 3 คน
“ว่าไง” ไอ้ตินณ์มันเร่งพร้อมบิดแขนแรงขึ้น
“โอ๊ย!!! เออ ขอโทษกูเดินชนเอง” มันร้องเสียงหลงก่อนว่าครับ
“ก็แค่นี้ ทีหลังทำผิดก็รู้จักขอโทษบ้าง ไม่ใช่เห็นว่าตัวใหญ่กว่าแล้วโยนความผิดให้คนอื่น” ไอ้ตินณ์มันปล่อยมือพร้อมกับว่ามันไป เสร็จแล้วก็แยกย้าย
ช่วงที่ผมหันตัวกลับไปมองมันอีกครั้งเพื่อจำหน้ามันไว้ แต่ดันเห็นมันกำลังจะเอาไม้จากที่ไหนไม่รู้มาตีหัวไอ้ตินณ์จากทางด้านหลัง ไวกว่าความคิดผมผลักไอ้ตินณ์ออกแล้วยกขาเตะมัน พร้อมชกไปอีกทีเต็มแรงมันลงไปกองกับพื้น กำลังจะกระทืบซ้ำ แต่ไอ้ตินณ์จับผมไว้แล้วมันก็กระชากไอ้นั่นขึ้นมาจากพื้น
“สอนไม่จำนะมึง คนลอบกัดมักไม่ตายดี” มันว่าเสร็จก็เอาเข่ากระทุ้งท้องอย่างแรง ไอ้นั่นตาเหลือกเลยครับ แล้วมันก็ปล่อยมือ ไอ้นั่นลงไปกองกับพื้นเลยครับ
“เตือนเพื่อนมึงบ้างนะ อย่าให้กูกับเพื่อนเห็นหน้าอีก ไม่งั้นกูไม่รับรองว่ากูจะใจดีทุกครั้งที่เจอ” ไอ้ตินณ์พูดจบก็เดินมาดึงมือผมออกจากตรงนั้น เห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของงานเดินมาพอดีครับ เรื่องจบเมื่อไหร่มาถึงทุกที เหมือนในละครเลย
“กูบอกแล้วไม่ให้มา งานฝั่งนี้คนหมาๆมันเยอะ” ไอ้แก่เริ่มบ่นอีกแล้วครับ
“เออ!!! เลิกบ่น กูหิวข้าว” ได้ยินแล้วหงุดหงิดครับ
“ครับๆ กำลังจะพาไปทานครับ” มันตอบหน้ากวนมาก
“กินข้าวที่ไหนดีวะ” หันไปถามไอ้พวกที่เหลือครับ
“เอาใกล้ๆเลยได้ป่ะ กูไม่อยากไปกินแถวห้องว่ะไกล กูลงแดงตายพอดี” ไอ้นาวมันว่าครับ
“งั้นไปกินร้านข้างทางแถวนี้แล้วกันไวดี” ไอ้ฟิกซ์เสนอครับ
“อืม งั้นไปกันเลย มึงขับตามมานะ ไอ้ฟิกซ์ไปกับกูไหม” ผมหันไปบอกไอ้นาวครับพร้อมถามไอ้ฟิกซ์ต่อ
“กูไปกับไอ้นาวดีกว่าว่ะ รถมึงคงมดเยอะ ข้าวมันยังใหม่อยู่”
“เชี้ย กวนตีนกูนะมึง” ทั้งคำพูดและหน้าตาน่าโดนตีนผมมากครับ
หลังจากกินข้าวเสร็จก็แยกย้าย ไอ้นาวไปส่งทั้งไอ้ฟิกซ์และไอ้มายด์
สรุปวันนี้ผมได้รูปมาเพียบ ว่าจะล้างแล้วเอามาแปะให้เต็มห้องนอนมันเลย จะได้มีสิ่งสวยๆงามๆบันเทิงใจผมบ้าง แถมได้กวนไอ้ตินณ์ด้วย หึหึ
--------- To Be Con. ----------[/color]
เอาเด็กเฮียตินณ์มาส่งให้ตามนัดหมายคร่า
ดึกไปนิด แต่รู้ว่ามีคนรอ อิอิ
อ่านจบแล้วนอนหลับฝันดีนะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ