ตอนที่ ๗ รุ่งเช้าเอื้องผึ้งเป็นคนตื่นก่อน พวกเขานอนบนเตียงเดียวกันโดยมีหมอนข้างมากั้น ถึงกระนั้นเอื้องผึ้งก็ยังได้ยินเสียงกรนคร่อกของคนที่นอนอยู่ฝั่งตรงข้ามชัดเจน เพราะปากนั่นแท้ๆเลยเชียวที่ทำให้เอื้องผึ้งนอนไม่ค่อยจะหลับเพราะมัวแต่วาบหวิวอยู่กับเรื่องเมื่อคืน...
เอื้องผึ้งไปอาบน้ำและแต่งตัวใหม่ ซึ่งมันค่อนข้างใช้เวลาพอสมควร พอกลับเข้ามาที่เตียงเด็กหนุ่มก็เห็นคุณตำรวจใหญ่นั่งนิ่งหัวยุ่งเหยิงอยู่บนเตียง ก่อนจะหาวปากกว้างออกมาพร้อมยื่นสองมือมาทางเขา...
“มีอะไร...” เด็กหนุ่มถามเสียงออกขุ่น
“เมียหาย เลยตื่นเลย...” คำตอบกำกวมจึงได้รับมะเหงกไปทานแทนปาท่องโก๋เสียทีหนึ่ง
“ไปอาบน้ำไปคุณ...เดี๋ยวผมจะแฮคกล้องรอ...” เอื้องผึ้งบอกพร้อมโยนผ้าขนหนูให้ แต่คนโดนไล่ไปอาบน้ำกลับทำหน้างงงวยใส่แล้วมองตามร่างเพรียวที่อุ้ยอ้ายเพราะท้องโตๆไปเปิดตู้เสื้อผ้า ก่อนจะสอดตัวเองเข้าไปนั่งในนั้นได้อย่างพอดี
“เฮ้ย...เข้ามาซุ่มทำเอาไว้เมื่อไหร่เนี่ย...” นายตำรวจหนุ่มอุทานอย่างแปลกใจ ก่อนจะนั่งยองๆลงที่หน้าตู้ มองภายในตู้เสื้อผ้าที่ด้านบนก็มีเสื้อผ้าแขวนไว้ แต่ด้านล่างที่พื้นตู้ กลับมาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอะไรต่อมีอะไรอยู่เต็มไปหมด
“เมื่อคืนไงตอนคุณอาบน้ำ” เด็กหนุ่มตอบ มือก็ระรัวพิมพ์อะไรก็ไม่รู้ลงไปในหน้าต่างดำๆบนหน้าจอคอม วายุประเมินอายุของตัวคอมพิวเตอร์ด้านนอกแล้วคาดว่าไม่น่าจะต่ำกว่าห้าปี แต่ทำไมโปรแกรมบนเครื่องถึงล้ำสมัยและความเร็วของโปรแกรมถึงรันเร็วจี๋แบบนี้เนี่ย
“แล้วนี่กำลังจะทำอะไร...” วายุถาม ยอมรับว่าตัวเองนั่นโง่เทคโนโลยีเอามากๆ ที่ถนัดคือใช้งานเฉพาะเทคโนโลยีที่ตำรวจเขาต้องใช้กัน แต่อะไรแบบนี้นี่เขาบอกเลย...ไม่เคยคิดแม้แต่จะไปยุ่ง
“ก็กำลังเจาะเข้าไปที่ฐานข้อมูลของกล้องวงจรปิดของบ้านนี้ไง งานเสี่ยงไปหน่อย แต่ได้ผลกว่าเราสองคนจะเอากล้องจิ๋วไปติดเอง บ้านแบบนี้นี่นะ กล้องวงจรปิดคงไม่ต่ำกว่าสามสิบตัว ผมจะเจาะออกมาให้คุณดูทุกกล้องเลย...รอแป๊บ” พูดแล้วคนพูดก็แลบลิ้นออกมาคาบไว้ที่ปากน้อยๆ วายุเคยเห็นเด็กหนุ่มทำท่านี้มาก่อนตอนเวลากำลังหมกหมุ่นกับหน้าจอคอมหรืออะไรซักอย่าง...สงสัยคงเป็นท่าประจำ
“โห...ถึงจะอ้างว่าบ้านใหม่ แต่ทำไมถึงใช้ระบบกล้องธรรมดาเงี้ย...อ่ะ ได้แล้วคุณอยากดูมั้ย”
“เฮ้ย...เสร็จแล้วเหรอ ทำไมเร็วจัง” วายุเอ่ย นึกทึ่งกับความสามารถของคนตัวเล็ก มิน่าล่ะ พวกที่หน่วยถึงบอกว่ามีเอื้องผึ้งคนเดียวก็หายห่วง
“อือ...ตอนแรกนึกว่าจะยุ่งยากกว่านี้เสียอีก อ่ะนี่คุณดูนี่นะ...ถ้าคุณกดปุ่มนี้ มันจะโชว์ภาพกล้องที่ติดอยู่ชั้นสองทั้งหมด ส่วนปุ่มนี้คือขยายภาพ อยากเห็นกล้องไหนใหญ่ๆก็กดเลือกเอา ส่วนอันนี้คือปุ่มกดกลับไปที่เดิม...”
วายุฟังคนที่พล่ามสอนไปเรื่อยๆอย่างรู้สึกเพลิน ใบหน้าขยับเข้าไปหาคนอาบน้ำแล้วใกล้ขึ้นเรื่อยๆแบบไม่รู้ตัว พอเอื้องผึ้งหันมาอีกทีจึงเจอกับใบหน้ารกหนวดอยู่ห่างไปแค่คืบ และในจังหวะที่เด็กหนุ่มกำลังอึ้งงันและงงงวยกับภาพระยะประชิดนั่นเอง วายุก็แอบลอบโจมตีปากหวานไปได้อีกหนึ่งครั้ง
“เฮ้ยนี่!!”
“อ๊ะๆ เอามือลง...ถ้าตบผมไม่ทำแค่จูบจริงๆนะเอ้า”
“ก็เอาซี่ ถ้าคุณทำผมจะร้องให้คนช่วย”
“ใครมันจะมาช่วย เรื่องของผัวเมียไม่มีใครเขาอยากแส่หรอก” วายุเอ่ยอย่างเป็นต่อ พอใจนักกับใบหน้าแดงก่ำซับสีเลือดอย่างน่ารัก
“คนวิปริต...หน้าไม่อาย จูบมาได้ผู้ชายด้วยกันแท้ๆ” เอื้องผึ้งว่าพลางก็เอามือมาถูปากตัวเองพลาง แต่วายุก็บ่ยั่นตอกกลับแบบนิ่มๆ
“แต่คนที่หน้าแดง เขินอายเพราะโดนคนวิปริตจูบเอาเนี่ย...ต้องเรียกว่ายิ่งกว่าหน้าไม่อายใช่มั้ย”
จบคำคนโดนหาว่ายิ่งกว่าไม่อายก็ฟาดผั๊วะเข้ามาที่ปากนายตำรวจหนุ่ม วายุที่หลบไม่ทันเลยได้อานิสงส์ปากแตกเป็นเพื่อนเอื้องผึ้งที่ปากบวม
สรุปว่าเช้าวันนั้นเอื้องผึ้งก็โดนพี่แว๋วมองอย่างล้อเลียน ที่เห็นปากของพวกเขามีอันเป็นไปเหมือนกันทั้งคู่เรียบร้อย
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปไวเหมือนโกหก เอื้องผึ้งยังคงทำหน้าที่ดูแลงานจิปาถะเล็กๆน้อยๆควบตำแหน่งคนครัวทำอาหารตะวันตกให้คุณเจ้านายของบ้านไปด้วย ซึ่งเอื้องผึ้งก็ทำได้ดี จนได้รับความไว้วางใจให้เข้าไปเสิร์ฟอาหารในห้องนอนส่วนตัวของบรรดาเหล่าเจ้านายได้ในกรณีที่ถูกเรียกใช้ ซึ่งนั่นก็เป็นโอกาสดีที่เด็กหนุ่มใช้ในการติดตั้งเครื่องอัดเสียงขนาดจิ๋วไว้ในห้องที่ไม่มีกล้องวงจรปิด ซึ่งแน่นอนว่าทุกคำพูดที่ได้ยินและรับรู้นั้นจะถูกเก็บบันทึก และส่งไฟล์กลับไปให้ศูนย์บัญชาการตำรวจตรวจสอบอีกครั้งแบบวันต่อวัน
ส่วนวายุนั้นใช้โอกาสในการเป็นคนสวนตรวจสอบหาลู่ทางเข้าออกและที่ทางอาคารอื่นๆ พร้อมทั้งห้องลับหรืออะไรพวกนั้นที่จะมีประโยชน์ในการบุกเข้าจับกุมในอนาคต ทว่าจนแล้วจนรอดวายุก็ได้เพียงข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ส่วนข้อมูลเชิงลึกเช่นพวกวัน เวลา สถานที่ในการขนของนั้นวายุก็ยังไม่สามารถหาทางล่วงรู้ได้เสียที
วันหนึ่งขณะที่เอื้องผึ้งกำลังใช้กรรไกรตัดกิ่งกุหลาบทีปลูกไว้ในสวนเพื่อจะนำไปปักแจกัน ก็มีชายรูปร่างสูงใหญ่ประมาณสี่ห้าคนทำท่าเดินเข้ามาจะลวนลาม เด็กหนุ่มมองเห็นแล้วอยากจะตั๊นหน้าพวกมันนัก แต่ติดที่ว่าตอนนี้ตัวเองต้องแอ๊บเนียนเป็นผู้หญิงแถมท้องอีกต่างหาก เอื้อวผึ้งเลยได้แต่แหกปากเรียกหาความช่วยเหลือจากใครซักคนที่อาจจะผ่านมาก็ได้
“เฮ้ย! พวกมึงจะทำอะไรเมียกู!!! ปล่อยนะเว้ย!!!” จู่ๆเสียงสวรรค์ฟ้าประทานของพ่อเจ้าประคุณทูนหัววายุก็ดังเข้ามาใกล้ เอื้องผึ้งแทบน้ำตาไหลเมื่อได้เห็นสามีแค่ในนามกระโดดเข้ามาขวาง แล้วกระโดดถีบคนที่กำลังจะลวนลามเขาที่แก้มออกไปเสียไกล
“ไอ้หนุ่ม!! มึงคิดว่ามึงแน่มาจากไหนวะ! พวกกูน่ะบอดี้การ์ดของนายท่านใหญ่นะโว้ย...” หนึ่งในสี่ห้าคนที่ไม่โดนลูกถีบของวายุเอ่ยขึ้นพร้อมชี้หน้าคนกระโดดเข้ามาขวาง แต่วายุก็ตีบทแตกกระจุยคว้าร่างเมียที่เอามือกุมท้องร้องโอดโอยมาซ่อนไว้ข้างหลัง เอื้องผึ้งก็รับบทบาทเกาะแขนคนตัวโตกว่าพลางร้อง ‘ผัวจ๋า ช่วยด้วย’ เสียงกระเส่าปนสะอื้น
“มึงเป็นใคร ใหญ่มาจากไหนกูไม่สน...แต่ถ้าใครมาแหยมเมียกู กูไม่เอาไว้แน่...!” วายุประกาศกึกก้อง
สี่ห้าหนุ่มร่างใหญ่หักนิ้วมือดังกรอบแกรบ แถมเพิ่งอาการเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันกันใหญ่พลางพึมพำกันว่า ‘วอนเสียแล้วๆ’ ราวนักร้องประสานเสียง วายุสั่งเอื้องผึ้งให้ถอยไปไกลๆ ก่อนที่ตัวเองจะตั้งถ้ามวยวัดเตรียมพร้อม บอดี้การ์ดร่างใหญ่คนแรกกระโจนพุ่งเข้ามาต่อย วายุหลบพ้นได้อย่างง่ายดายพร้อมรับลูกเตะของคนที่สองไปด้วย คนที่สามยกขาขึ้นกะจะจระเข้ฟาดหางใส่เขา ทว่าวายุก็หลบมันพ้นพร้อมมอบหนุมานถวายแหวนให้ซ้ำอย่างสวยงามตามกระบวนท่าดั้งเดิมเป๊ะๆ คนที่ห้าเมื่อเห็นว่าเพื่อนทั้งสี่คนโดนวายุซัดเสียหมอบ ก็เริ่มนึกหาอาวุธอย่างอื่นเพื่อนำมาประหัตประหารแบบไร้จรรยาบรรณ มันคว้ามีดพกออกมาสบัดปลายเปิด แกว่งไปแกว่งมากะให้ชายหนุ่มที่ร่างสูงใหญ่หุ่นดีตรงหน้าหวาดกลัว ทว่าสายตาวายุกลับไม่มีท่าทางหวาดหวั่นแม้แต่นิด กลับเริ่มเป็นฝ่ายกระโจนเข้าหาเขาแบบไม่กลัวตายอีกต่างหาก
เอื้องผึ้งมองวายุที่ซัดกับชายหนุ่มห้าคนอย่างไม่กลัวเกรงแล้วก็แสร้งร้องหวีดวี๊ดว้ายออกไปตามเรื่อง ยิ่งพอวายุยื่นแขนไปให้ปลายมีดเฉี่ยวใส่เอาเล็กน้อยเด็กหนุ่มก็ยิ่งกรีดร้องเรียก ‘พี่ลม!!’ ดังลั่น และในขณะที่เด็กหนุ่มกำลังตัดสินใจว่าจะกระโดดเข้าไปร่วมตะลุมบอนด้วยดี หรือจะตะโกนบอกว่าตำรวจมาเหมือนในละครดี ก็มีเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด...
‘ปัง!’
พร้อมกับชายหนุ่มในชุดสูทสีดำสนิททั้งชุดคนหนึ่งที่เดินเข้ามาแล้วบอกว่า ‘บอสสั่งให้หยุด!’
เพียงเท่านั้น กลุ่มนักตะลุมบอนที่กำลังเมามันส์กับการแลกหมัดกันอยู่ถึงกับหยุดชะงัก หนุ่มบอดี้การ์ดทั้งสี่ห้าคนรีบลุกขึ้นยืนตัวตรง ตั้งแถวหน้ากระดานเอามือกุมเป้าก้มหน้าชิดอกแบบสลดๆตามเสต็ป เอื้องผึ้งจึงรีบวิ่งไปหาวายุแล้วประสานมือแข็งแรงเอาไว้แน่น
“มาทะเลาะกันในบ้านแบบนี้คิดว่าบอสจะชอบใจมั้ย” ชายในแว่นดำที่เป็นคนยุติเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทเอ่ยขึ้นมาเสียงเยียบเย็น เอื้องผึ้งมองแล้วท่าทางจะเป็นผู้มีอิทธิพลน่าดู เด็กหนุ่มแอบเอื้อมมือไปขยับกระดุมที่ติดอยู่เหนือบริเวณท้องที่โป่งนูนเพื่อให้จับภาพใบหน้าของผู้มาใหม่ชัดๆ กล้องขนาดจิ๋วที่มีการดัดแปลงเล็กน้อยเพื่อการใช้งานที่สะดวกและได้ประสิทธิภาพสูงสุดคงจะให้ภาพแบบชัดเจน คืนนี้เอื้องผึ้งจะได้เอาไว้ไปสืบดูอีกทีว่าไอ้หมอนี่มันเป็นใคร
“พวกผมขอโทษครับนายน้อย!!” ห้าเสียงตอบกลับพร้อมเพรียงและยืนสลดอยู่ที่เดิมเพียงแค่โดนเสียงดุ ชายในแว่นดำไม่พูดอะไรต่อนอกจากพยับเพยิดหน้าว่าให้ทั้งห้าคนนั้นตามเขากลับขึ้นไปบนตึก
เอื้องผึ้งพอเห็นว่ากลุ่มคนทั้งหมดเริ่มที่จะกระจายตัวออกไปแล้วจึงรีบเข้าไปประคองท่อนแขนใหญ่ของวายุขึ้นมาดูแผล เด็กหนุ่มช้อนตามองอีกฝ่ายแล้วถามเสียงเบาว่าเจ็บมั้ย แต่คนตัวใหญ่กลับส่ายหน้าให้ก่อนจะยิ้มให้บางเบา และในตอนที่เอื้องผึ้งกำลังจะประคองตัววายุกลับไปที่ห้อง เสียงของผู้ชายใส่แว่นดำที่ถูกเรียกว่า ‘นายน้อย’ ก็ดังขึ้น
“นายด้วย...ทำแผลเสร็จแล้วตามไปพบฉันที่ห้องบอส ฉันคิดว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน...”
------------------------------ - - - --- - -- - - -- - -
to be continue...
เปลี่ยนวันที่ให้แล้วนะจ๊ะ :katai2-1:แล้วเจอกันอีกทีปีหน้านะ จุ๊บุ