ตอนที่ 25
หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จ ปอมได้ขับรถพาพวกเราไปยังที่พัก ซึ่งผมเดาเอาไว้ตั้งแต่ทีแรกแล้วว่าน่าจะเป็นบ้านของครอบครัวพี่ปั๊ม ทว่าพอไปถึงจุดหมายผมกลับไม่แน่ใจเมื่อได้พบกับสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่บนเนื้อที่กว้างขวางซึ่งดูหรูหราราวกับวังของคุณชายหากแต่สถานที่แห่งนี้มันมีกลิ่นอายของความคลาสสิกเข้ากับชนบทมากกว่า
ผมกวาดสายตามองตัวบ้านด้วยความประหลาดใจ บ้านหลังนี้มีสองชั้น มีขนาดกว้างขวางเหมือนกับบ้านของเศรษฐีในละครหลังข่าว การตกแต่งดูหรูหรา สวนหย่อมหน้าบ้านกว้างขวาง รั้วบ้านเป็นอิฐที่ถูกฉาบด้วยปูนและทาสีครีมอ่อน ๆ ทับอีกชั้น และมีโคมไฟประดับล้อมรอบอยู่บนนั้น
“พี่ปั๊ม” ผมเดินไปกระซิบเบา ๆ ที่ข้างใบหู “บ้านพี่จริงเหรอครับ ทำไมมันใหญ่โตมโหฬารอย่างงี้ล่ะ”
ไม่ใช่ว่าผมต้องการจะดูถูกพี่ปั๊ม หากแต่ก่อนหน้านี่พี่ปั๊มเคยเล่าให้ฟังว่าครอบครัวของเขานั้นยากจน บ้านที่แม่ฮ่องสอนเป็นบ้านไม้เก่า ๆ สองชั้น และเพราะพ่อกับแม่ไม่มีเงินเลี้ยง พี่ปั๊มจึงต้องดั้นด้นไปหางานทำในเมืองหลวงเพราะเลี้ยงชีพตัวเองและไม่อยากเป็นภาระของพ่อแม่ ทว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้าในยามนี้มันขัดกับสิ่งที่พี่ปั๊มเคยพูดไปเสียทุกอย่าง
“ไว้เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง ยกของไปเก็บก่อนดีกว่า” พี่ปั๊มหันมากระซิบ ผมพยักหน้ารับ ทว่าพอจะเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าของตัวเองก็พบว่ามันถูกใครบางคนหิ้วและเดินนำลิ่ว ๆ ไปหยุดอยู่หน้าประตูบ้านก่อนแล้ว
“ปอม” ผมตะโกนเรียก ก่อนจะรีบวิ่งตามไป “นั่นกระเป๋าของผมนะ”
“กระเป๋าของข้าว อ่อใช่ครับ ผมเห็นโด้หิ้วกระเป๋าของตัวเองแล้ว ส่วนกระเป๋าใบเล็ก ๆ สีน้ำตาลอีกใบจำได้ว่าเป็นของปั๊ม ก็เลยเดาเอาไว้อยู่แล้วว่าใบนี้น่าจะเป็นของข้าว”
“ก็เออสิครับ ของผม แล้วนายจะหิ้วไปทำไม ส่งมานี่มา” พอผมจะแย่งกลับ ไอ้คนเจ้าเล่ห์ก็ดันเหวี่ยงแขนข้างที่หิ้วกระเป๋าหลบแถมยังยักคิ้วท้าทายราวกับต้องการจะบอกว่าถ้าแน่จริงก็แย่งให้ได้สิ ...แต่เสียใจด้วย เพราะผมไม่ใช่ของเล่นที่จะต้องเดินไปตามเกมของใครอีกแล้ว เพราะฉะนั้นผมจึงไม่ยอมเล่นอะไรบ้า ๆ บอ ๆ นี่เด็ดขาด
“งั้นตามสบายละกัน” เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน มาถึงก็มีพลขับขับรถไปรับแถมยังบริการถือกระเป๋าขึ้นห้องให้อีก
“ดีมากเด็กดื้อ” หมอนั่นยักคิ้วให้ผมอีกแล้ว แถมฉายาแปลกประหลาดที่เรียกผมว่า ‘เด็กดื้อ’ มันคืออะไรกัน ตั้งใจจะกวนประสาทกันใช่ไหม แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้โต้ตอบอะไร พี่ปั๊มที่เดินตามมาก็ขัดขึ้น
“มีอะไรกัน” น้ำเสียงของพี่ปั๊มขรึมกว่าปกติ
“ก็...” ผมกำลังจะฟ้อง แต่ก็โดนปอมขัดเสียก่อน
“ก็... ไม่มีอะไรครับ จะยกกระเป๋าข้าวขึ้นไปไว้บนห้องให้น่ะครับ ส่งของพี่ปั๊มมาสิเดี๋ยวผมเอาไปเก็บให้ด้วย”
พี่ปั๊มส่งกระเป๋าไปให้น้องชายอย่างไม่ติดใจอะไรก่อนจะหันไปสั่งโด้ “ส่วนของมึงหิ้วตามไอ้ปอมขึ้นไปบนห้องเอง”
“ตลอดเลยนะพี่ปั๊ม” โด้แยกเขี้ยวใส่ แต่ท้ายที่สุดก็ยอมเดินตามปอมเข้าไปในบ้านแล้วเอากระเป๋าไปเก็บแต่โดยดี ก่อนที่หลังจากนั้นพี่ปั๊มจะเดินนำผมเข้าไปในตัวบ้านแล้วเลี้ยวเข้าไปยังห้องโถงกว้างอย่างคุ้นเคยซึ่งมีโซฟาหรูหราตัวใหญ่ตั้งอยู่
ผมกวาดสายตามองรอบ ๆ บ้านอีกครั้ง แม้จะไม่ได้หรูหราเท่ากับวังของคุณชาย ทว่าทั้งตัวบ้านและสิ่งของเครื่องใช้ภายในก็หรูหราเกินกว่าที่ชาตินี้ทั้งชาติผมจะสามารถเก็บเงินสร้างบ้านและซื้อของใช้แบบนี้ได้แน่ ๆ ต่อให้มีผมสิบคนช่วยกันเก็บตังค์ก็ยังยากเลยที่จะสามารถสร้างบ้านแบบนี้ได้
“นั่งดิข้าว” พี่ปั๊มสั่งซึ่งเขาได้นั่งอยู่บนโซฟาตัวยาวก่อนแล้ว
ผมนั่งลงที่โซฟาตัวเล็กซึ่งอยู่ติดกันกับโซฟยาวอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ไม่รู้ว่าพี่ปั๊มตั้งใจจะแกล้งอะไรผมหรือเปล่า บางทีนี่อาจจะไม่ใช่บ้านของพี่ปั๊มก็ได้ แต่พอมองการกระทำของพี่ปั๊มมันกลับทำให้ผมคิดว่าที่นี่น่าจะเป็นบ้านของเขาจริง ๆ เพราะไม่มีท่าทีประหม่าแสดงออกมาให้เห็นเลยสักนิด ราวกับมีความคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้เป็นอย่างดี
“ไม่ใช่” เสียงของพี่ปั๊มดังขึ้นอีกครั้ง ผมทำขมวดคิ้วด้วยความฉงนก่อนที่พี่ปั๊มจะใช้มือตบที่นั่งข้าง ๆ พี่ปั๊มเสียงดังแล้วพูดต่อ “มานั่งตรงนี้ ข้าง ๆ กู”
“ทำไม” ปกติผมไม่ใช่คนขี้สงสัย ทว่าหลายวันมานี้มีเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นกับผมมากมายไหนจะเรื่องของคุณชาย แล้วยังจะเรื่องบ้านและเรื่องครอบครัวของพี่ปั๊มอีก ซึ่งผมก็ไม่รู้ตัวเองเลยว่ากลายเป็นคนขี้ระแวงไปตั้งแต่เมื่อไร
“มาเหอะน่า” พี่ปั๊มพยักหน้าหงึก ๆ เห็นดังนั้นผมจึงทำตามคำสั่งแต่โดยดี
ในตอนนี้เราสองคนนั่งติดกัน ทันใดนั้นแขนข้างหนึ่งของพี่ปั๊มก็ยกขึ้นมาโอบไหล่ ผมสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจ เพราะอยู่ ๆ คำพูดของปอมก็ลอยเข้ามาในหัว คำพูดที่บอกว่าพี่ปั๊มเป็นเกย์...
ผมไม่ได้สะดุ้งเพราะรู้รังเกียจเลยพี่ปั๊ม ไม่มีสิทธิ์คิดอย่างนั้นเสียด้วยซ้ำ เพราะถ้าพี่ปั๊มเป็นเช่นที่ปอมกล่าวหาจริง นั่นก็ไม่ได้ต่างกับผมเลยสักนิด
ผมมีความรู้สึกที่ดีกับเพศเดียวกัน โดยเฉพาะกับคุณชาย... เด็กหนุ่มเอาแต่ใจคนนั้นทำให้ผมหวั่นไหวทุกครั้งที่อยู่ใกล้กัน ทว่านอกจากคุณชาย ก็ยังไม่มีใครที่ทำให้ผมมีความรู้สึกพิเศษ ๆ แบบนั้นได้อีก ...ไม่แน่ว่าผมอาจจะกลับใจไปชอบผู้หญิงก็เป็นได้
“มึงอย่าไปฟังไอ้ปอมมันมากนะ ไม่ว่ามันจะพูดอะไรก็อย่าไปเชื่อมันล่ะ ไอ้นี่มันขี้แกล้ง” พี่ปั๊มเอ่ยขึ้นเหมือนรู้เรื่องราวที่ผมคุยกับปอม “มึงน้องกู กูรักมึงแบบน้อง ไม่ผิดใช่ไหมที่กูจะคิดแบบนี้”
พี่ปั๊มตบบ่าผม โดยที่ผมไม่รู้เลยว่านี่เป็นการให้กำลังใจ หรือต้องการให้ผมเชื่อใจในสิ่งที่พี่ปั๊มพูดออกมา หรืออาจจะมีนัยยะอื่น ๆ แฝงอยู่ก็เป็นได้ แต่พอได้ยินดังนั้น ผมก็รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
“ครับพี่”
“แล้วก็เรื่องบ้าน” คราวนี้พี่ปั๊มเลื่อนแขนออกจากไหล่ผมก่อนจะนั่งเอนหลังให้พิงกับโซฟาด้วยท่วงท่าที่ผ่อนคลาย“กูขอโทษที่โกหกมึงมาตลอด”
“โกหก?” ผมทวนคำแล้วหันไปจ้องพี่ปั๊มเขม็ง ไม่ใช่ว่าผมรู้สึกโกรธล่วงหน้าแต่ผมสนใจว่าสิ่งที่พี่ปั๊มจะพูดในประโยคถัดไปมันคืออะไร
“ใช่ กูขอโทษที่กูโกหก ทั้งเรื่องบ้านและเรื่องครอบครัวที่กูเคยบอกว่ากูยากจน มึงไม่โกรธกูใช่ไหม”
ผมส่ายศีรษะแทนคำตอบ ผมจะโกรธพี่ชายของผมได้อย่างไร มันเทียบไม่ได้เลยสักนิดกับความสัมพันธ์ดี ๆ ของเราสองคนที่เกิดขึ้นมาตลอดระยะเวลาหลายปี
ผมจ้องตาพี่ปั๊มอย่างเข้าใจ แต่ผมไม่รู้จะพูดอะไรออกไปจริง ๆ มีคำถามมากมายผุดขึ้นในหัวสมองหากแต่ผมไม่ต้องการที่จะเซ้าซี้ออกไป รอให้พี่ปั๊มเป็นคนเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมาเองดีกว่า
“มึงอย่าเงียบดิวะ” พูดจบก็ยื่นมือมาวางไว้ที่ต้นขาของผม ผมสะดุ้งเล็กน้อย
“ก็รอให้พี่เล่าอยู่”
“มึงอยากรู้อะไรล่ะ ถามกูสิ กูไม่รู้จะเริ่มยังไงดี”
คราวนี้ผมยกแขนขึ้นไปพาดบ่าของพี่ปั๊มบ้าง น่าแปลกที่ครั้งนี้หัวใจของผมมันรู้สึกหวิว ๆ แปลก ๆ มันไม่ใช่อาการขัดเขินหากแต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันเหมือนมีความรู้สึกอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกแปลกไปเล็กน้อย
เพราะพี่ปั๊มเป็นคนรวยอย่างนั้นหรือผมถึงรู้สึกแปลกไป หรือเพราะคำพูดของปอมที่กล่าวหาพี่ปั๊มเลยทำให้ผมรู้สึกหวาดระแวง หรือบางทีอาจเป็นเพราะพี่ปั๊มโกหกเรื่องราวของครอบครัวมาตลอดเลยทำให้ผมรู้สึกไม่อยากจะเชื่อใจ
ใช่!... ผมอาจจะรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ แต่ถึงอย่างไรพี่ปั๊มก็คือพี่ชาย... พี่ชายที่แสนดีของผม พี่ชายที่คอยปลอบใจและดูแลผมมาตลอดเวลาที่ผมทำงานอยู่ปั๊มน้ำมัน
“ทำไมพี่ต้องโกหก” ไม่รู้ว่าน้ำเสียงของผมมันเคร่งขรึมเกินไปหรืออย่างไรพี่ปั๊มถึงมีหน้าเสียเล็กน้อยกับคำถามของผม หรืออาจเป็นเพราะคำพูดของผมมันฟังดูรุนแรงเกินไป แต่ผมไม่ได้โกรธพี่ปั๊มเลยสักนิด ไม่ได้ประชดด้วย
“กูไม่ได้ตั้งใจ” พี่ปั๊มตอบเสียงเบา “ไม่โกรธกูนะข้าว”
“ไม่ครับ ไม่เลยสักนิด”
“แล้วทำไมตอนพูดต้องหลบหน้ากูด้วย”
“หลบอะไร” ผมปฏิเสธทันควันพร้อมกับหันหน้าไปมองพี่ปั๊มทันที ‘พี่ปั๊มเป็นเกย์’ อยู่ ๆ ข้อครหาของปอมก็ดังขึ้นในหัวของผมอีกครั้ง มันดังวนไปวนมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนผมต้องจ้องตาพี่ปั๊มด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้... แววตาคู่นั้นช่างเรียวสวยและดูอบอุ่นกว่าทุกครั้งที่เคยเห็น ทว่าภายใต้ความอบอุ่นกลับแฝงไปด้วยความรู้สึกผิดที่แสดงออกชัดเจน
ผมไม่ได้โกรธพี่ปั๊มจริง ๆ นะ แต่ทำไมการแสดงออกและคำพูดของผมมันถึงตรงข้ามกับความคิดข้อนี้ไปได้ ผมไม่เข้าใจตัวเองจริง ๆ “นี่ไงผมจ้องหน้า ผมมองตาพี่แล้วไง พี่จะเล่าอะไรก็เล่ามา”
“เอ่อ... กู...” คราวนี้เป็นฝ่ายพี่ปั๊มเสียเองที่ก้มหน้าหลบสายตา “กูมีเหตุผลนะที่กูต้องโกหกมึงและโกหกทุก ๆ คน รอให้กูพร้อมก่อนนะ เดี๋ยวกูจะเล่าให้มึงฟังทั้งหมด กูสัญญา”
“นี่พี่ยังไม่พร้อมอีกเหรอครับ” ผมสวนกลับไป รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่เรื่องราวทุกอย่างมันชัดเจนถึงเพียงนี้ แต่พี่ปั๊มยังเลือกที่จะเก็บเหตุผลเอาไว้ไม่ยอมเล่าให้ผมฟัง “เมื่อไหร่ล่ะครับถึงจะพร้อมอีกหนึ่งวัน หนึ่งเดือน หรือหนึ่งปี หรือสิบปี หรือถ้าพี่ลำบากใจขนาดนั้นก็ไม่ต้องเล่าให้ผมฟังก็ได้นะครับ ผมไม่ได้โกรธพี่เลย ไม่เลยสักนิด”
“ไอ้ข้าว!!!” พี่ปั๊มขึ้นเสียง “มึงอย่าย้ำได้ไหมว่ามึงไม่โกรธกู การแสดงออกของมึงมันไม่ใช่เลยสักนิด มึงโกรธกู มึงผิดหวังในตัวกู กูรู้... กูขอโทษ เอาไว้กูพร้อมกูจะเล่าให้มึงฟังทั้งหมด มึงรอกูหน่อยนะ เรื่องบางเรื่องมันยากเกินกว่าที่จะอธิบายให้ใครฟังได้ มันต้องใช้เวลา มึงเข้าใจใช่ไหม”
“อืม” ผมพยักหน้า “ผมเข้าใจ”
พูดจบก็ลุกขึ้นทันที ผมเข้าใจความรู้สึกของพี่ปั๊มดี เพราะคนเราล้วนมีที่มาที่แตกต่างกัน มีประสบการณ์ในโลกกว้างที่ไม่เหมือนกัน ผมไม่รู้หรอกนะว่าที่ผ่านมาพี่ปั๊มต้องเจอกับอะไรบ้าง มันคงเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสเกินกว่าที่จะทำใจได้ เพราะไม่เช่นนั้นพี่ปั๊มคงไม่เลือกที่จะทิ้งความสุขสบายจากการเป็นคุณหนูให้กลายไปเป็นเด็กปั๊มธรรมดา ๆ ยากจนคนหนึ่งหรอก แต่ถึงอย่างไรผมก็อดน้อยใจไม่ได้จริง ๆ ที่พี่ปั๊มไม่เชื่อใจในความสัมพันธ์ของเรา
...ใช่แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นมันก็แค่ความน้อยใจไม่ใช่ความโกรธเคือง
“เอาเถอะ ผมจะไม่เซ้าซี้พี่ ถ้าพี่สบายใจเมื่อไหร่ค่อยเล่าให้ผมฟังก็ได้” ท้ายที่สุดผมก็เลือกที่จะสลัดความผิดหวังทิ้งไป ผมหันไปสบตาพี่ปั๊มอีกครั้ง มือข้างที่โอบไหล่ถูกยกขึ้นมาขยี้ศีรษะของพี่ปั๊มอย่างเอ็นดู “ผมขอโทษ”
คนร่างเล็กทิ้งศีรษะมาซบที่ไหล่ของผม ไม่รู้ว่าเราสองคนปล่อยให้เวลาผ่านไปนานเท่าไร เพราะเราไม่ได้พูดอะไรกันอีก มือของผมยังคงลูบศีรษะของพี่ชายอยู่อย่างนั้น อยากรู้เหลือเกินว่าเหตุผลที่ทำให้พี่ปั๊มต้องโกหกทุกคนในปั๊มมันคืออะไร แต่ผมก็คงทำได้แค่รอ... รอเวลาที่พี่ชายคนนี้จะสบายใจแล้วเล่าเรื่องทุกอย่างให้ผมฟัง
ระหว่างที่ความเงียบกำลังครอบงำ สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นร่างของใครบางคนบนบันไดชั้นบนสุด สายตาของเขาแน่นิ่งไม่ไหวติง เขาจ้องผมเขม็งก่อนที่จะแสยะยิ้มออกมา มันเป็นรอยยิ้มที่สื่อถึงความรู้สึกประหลาดยากเกินคาดเดา แต่มั่นใจได้เลยว่ามันไม่ใช่รอยยิ้มที่แสดงออกในทางที่ดีแน่นอน
‘ปอมกำลังคิดอะไรอยู่นะ’ สิ้นเสียงความคิด ปอมก็วกกลับขึ้นไปบนชั้นสอง เขาเลือกที่จะปล่อยให้ผมกับพี่ปั๊มอยู่ในห้องรับแขกสองคนต่อไป ทั้งที่ความเป็นจริงนั้นเขาสามารถเดินลงมาขัดขวางความใกล้ชิดของเราสองคนก็ได้
เด็กหนุ่มคนนั้นช่างพิลึกคนยิ่งนัก ปากก็บอกไม่ต้องการให้พี่ชายมีรสนิยมทางเพศกับเพศเดียวกัน แต่ก็เลือกที่จะปล่อยให้ผมกับพี่ปั๊มนั่งแนบชิดกันต่อไป แท้จริงแล้วความต้องการของเขามันคืออะไรกันแน่
จบตอนครับ.....
รออีกนิดนะครับ สำหรับใครที่คิดถึงคุณชาย
ให้คนที่ทิ้งข้าวไปอย่างไม่ใยดีได้รู้รสชาติของความโดดเดี่ยวไปก่อน แฮ่ๆ