ตอนที่ 15 ความทรงจำวันรุ่งขึ้น
ในยามเช้ารับรุ่งอรุณของวันใหม่ บนโต๊ะอาหารมีข้าวต้มกุ้งส่งกลิ่นหอมชวนให้ลองลิ้มชิมรสเตะจมูกของน้ำฟ้า ที่ตอนนี้ท้องได้ร้องออกมาจนคุณกิตติและตะวัน หัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู ส่วนใบข้าวนั้นยังคงหลับลึกเหมือนภายในจิตใจไม่อยากตื่นมาเจอกับความจริงอันโหดร้าย โดยไม่สนใจตะวันกับน้ำฟ้าเข้ามาปลุก ทั้งสองจึงลงมารับประทานอาหารเช้า แล้วไปในสวนเพื่อเก็บดอกไม้ไปให้ใบข้าวและหวังว่าใบข้าวจะรู้สึกสดชื่นขึ้น เมื่อเห็นดอกไม้ซักนิดก็ยังดี ในระหว่างนั้นก็มีเสียงบุคคลที่สามอันคุ้นเคยเอ่ยเรียกตะวัน
“ตะวัน” เจ้าของชื่อหันไปหาคนต้นเสียง ยิ้มด้วยความดีใจ “อ้าว พี่ภัทรมาที่นี่ได้ไงเนี่ย” ตะวันลุกขึ้นยืนเดินไปหานภัทรโดยมีน้ำฟ้ามองตะวันแล้วก้มหน้าแอบอยู่หลังตะวันที่ทำท่างง ๆ แต่ก็หันไปคุยกับนภัทรต่อ
“พี่เอางานมาให้ตะวันดูก่อนจะส่งลุงคมเดชนะ เผื่อว่าจะต้องแก้ไขอะไรเพิ่มเติม” พลางยื่นเอกสารให้ตะวันดูแล้วเดินไปยังโต๊ะหินอ่อน คุยเรื่องงานจนลืมน้ำฟ้าที่มองนภัทรโดยไม่ละสายตาจนคนถูกมองหันมาสบตาแล้วยิ้มให้ “โอ๊ะ ตะวันนายยังไม่ได้แนะนำใครบางคนให้พี่รู้จักหรือเปล่า ใช่คนนั้นป่ะ” ตะวันยิ้มส่ายหัว ดึงน้ำฟ้าให้มานั่งข้าง ๆ “น้ำฟ้านี่พี่นภัทรเป็นพี่และเพื่อนสนิทของกู พี่ภัทรนี่น้ำฟ้าเพื่อนซี้ผม”
“สวัสดีครับน้ำฟ้า พี่นภัทรนะครับหรือเรียกว่าพี่ภัทรเหมือนตะวันก็ได้” ยื่นมือไปหาน้ำฟ้าที่ตอนนี้หน้าแดงเอาหน้าซุกหลังตะวันแน่น(ทำไงดี ทำไงดี พี่เขาจะได้ยินเสียงหัวใจของเราหรือเปล่า) ส่วนตะวันพยายามผลักให้น้ำฟ้าออกจากตัวเองแต่ก็ไม่เป็นผลจนต้องจับมือน้ำฟ้ามาจับมือกับนภัทรที่มองน้ำฟ้าอย่างเจ้าเล่ห์ (นี่เหรอ คนที่ใบข้าวเล่าให้ฟัง ท่าทางไม่เหมือนอย่างที่คิดเลยแฮะ)
“ต ตะวัน เราขอตัวไปเอาน้ำก่อนนะ”น้ำฟ้าบอกเสร็จก็รีบเดินออกไป หยุดตรงเสาหน้าบ้านพลางมองนภัทรแล้วอมยิ้ม “หัวใจแทบจะหยุดเต้นซะแล้วเรา อ๊าก รักแรกพบเลยอ่ะ ”เอามือขยี้หัวตัวเองไปมา เดินหันกลับไปก็เจอคุณกิตติยืนอยู่ “โอ๊ะ คุณปู่ ฟ้าตกใจหมด”
“หึ หึ เดียวนี้หลานปู่ขวัญอ่อนกะเขาเหมือนกันนะ” เอามือลูบหัวน้ำฟ้า เดินไปห้องรับแขก โดยปล่อยให้น้ำฟ้าหน้าแดงกลัวว่าคุณกิตติจะได้ยินสิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่นี้ แต่ก็ส่ายหัว (ไม่มั้งคุณปู่อาจจะไม่ได้ยินก็ได้) จึงเดินไปยังห้องครัว
ในระหว่างนั้นใบข้าวตื่นขึ้นมาทานอาหารและยาเรียบร้อย จึงเดินไปยังสวนดอกไม้ อยากสูดอากาศให้เรื่องในหัวจะได้ปลอดโปร่งบ้าง แต่แล้วก็ต้องหยุดเดินมองคนที่เขาอยากเจอเป็นที่สุด “พี่ภัทร” น้ำตาค่อย ๆ ไหลออกมากับความรู้สึกทุกอย่างมันปลั่งพลูจนเก็บความเจ็บปวดนั้นไม่ไหว นภัทรคนที่รับฟังทุกเรื่องของเขา ค่อยดูแลหรือให้กำลังเมื่อยามเขาไม่มีใคร “ฮึก ฮึก พี่ภัทร” ปลายเท้าก้าวเร็วขึ้นไปยังนภัทร แต่ก็ถูกการ์ดของคุณกิตติรั้งตัวเอาไว้ “คุณท่านให้คุณหนูกลับห้องครับ” ใบข้าวเอามือตุบหลังการ์ดด้วยแรงที่มีทั้งหมด พยายามดิ้นให้หลุดจากการ์ดสุดกำลัง “ฮะ ฮือ ปล่อยกูก่อน กูจะไปหาพี่ภัทร ฮะ ฮือ ปล่อยกูซิแค่แปล๊บเดียวเอง”การ์ดทั้งสองมองหน้า จะปล่อยให้ใบข้าวลง แต่คุณกิตติเดินเข้ามาแล้วตบหน้าใบข้าวอย่างเต็มแรง
“เพี๊ยะ เงียบซะ” ใบข้าวนิ่งมองคุณกิตติด้วยสายตาเว้าวอน หวังว่าคุณกิตติจะใจดีกับเขาบ้าง “คุณตาให้ข้าวไปหาพี่ภัทรนะครับ แค่แป๊บเดียวก็ยังดี” คุณกิตติมองใบข้าว แล้วหันไปสั่งการ์ด “ฉันบอกให้เอาไปไว้ในห้องไง แล้วอย่าให้ออกมาเดินเพ่นพ่านอีก ฉันอายแขก เดียวมาเห็นสภาพโสโครกแบบนี้ แล้วจะคิดว่าทารุณหลานตัวเอง” การ์ดทั้งสองพยักหน้าตอบอุ้มใบข้าวไป “ฮึก คุณตา ฮือ ฮือ ”
“คุณปู่ พี่ใบข้าวเป็นอะไรเหรอ ทำไมร้องไห้แบบนั้น” น้ำฟ้าเดินถือน้ำออกจากครัวมา เห็นใบข้าวถูกอุ้มไปยังห้องนอน จึงรีบวิ่งไปถามคุณกิตติ
“เฮ้อ ใบข้าวนะซิ ดื้อ ไม่ยอมไปพักผ่อนตามที่หมอสั่ง ปู่ก็เลยให้พวกนั้นพาไปนอนนะ แล้วฟ้าจะเอาน้ำไปให้พี่เขาไม่ใช่เหรอไปซิ ” ฟ้านึกได้จึงพยักหน้าตอบ เดินไปหานภัทรและตะวัน คุยเรื่องแผนงานกันอย่างออกรส
“ปัง” เสียงปิดประตูล็อคไว้ด้านนอก โดยไม่สนใจเสียงตุบประตูร้องขอให้ปล่อยคนที่อยู่ภายในห้องออกไป “ฮะ ฮือ เปิดประตูซิ ฮึก กูจะออกไป ฮือ ฮือ ” มือกำลูกบิดแน่น อีกข้างตุบประตูหวังว่าป้าหรือคนอื่น ๆ จะมาเปิดประตูให้เขาออกไปได้ แต่ก็ไร้เสียงของคนภายนอก (จะทำอย่างไงดี ทนไม่ไหวแล้ว พี่ภัทรช่วยข้าวด้วย ช่วยข้าวออกไปจากที่นี่ ที่นี่มีแต่คนใจร้าย แม่ช่วยข้าว แม่ แม่)
ใบข้าวยิ่งเอามือตุบประตูหนักขึ้นเมื่อความจำเมื่อวัยเด็กที่เคยลืมไปแล้วนั้นหวนกลับคืนมาซ้อนทับเหมือนกับวันที่แม่เขาหนีไป ปล่อยไว้เพียงใบข้าววัย 4 ขวบ ที่พยายามเปิดประตูออกมา
“ฮึก แม่อยู่ไหน มะ แม่อยู่ไหน ฮือ ฮือ”มือพยายามไขว้คว้าหาทางออกทาง โดยไม่สนใจว่านิ้วมือเริ่มมีเลือดซึมออกมา “แม่เปิดให้ข้าวที ฮือ ฮือ” เสียงร้องไห้ของใบข้าวดังออกมา จนทุกคนภายในบ้างต่างร้อนรนอยากจะเข้าไปช่วยแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากเดินให้ห่างจากห้องของใบข้าวที่ตอนนี้ค่อย ๆ เงียบลงพร้อมกับร่างค่อย ๆ ทรุดตัวลงกับพื้น นอนกอดเข่าแล้วหลับไป
ส่วนนภัทรเมื่อคุยธุระเสร็จจึงเดินบอกลาคุณกิตติแล้วขับรถออกไป ตะวันและน้ำฟ้าจึงขอตัวคุณกิตติไปพักผ่อนรอไปส่งใบข้าวกับน้ำฟ้าที่โรงเรียน “ฟ้าไปห้องก่อนนะ ตะวันก็ช่วยพี่ใบข้าวเก็บของละกัน” ตะวันพยักหน้าเดินไปห้องใบข้าว แต่ก็เจอการ์ดขวางไว้ “คุณใบข้าวหลับอยู่ คุณท่านไม่อยากให้รบกวนการพักผ่อนของคุณหนูครับ”
ตะวันนิ่งมองการ์ดทั้งสอง “หลีกทางไปฉันจะมาช่วยใบข้าวจัดของ คุณกิตติทราบแล้ว” การ์ดพยักหน้าหลีกทางให้ตะวันเปิดประตูเข้าไป สิ่งที่เห็นทำให้ใจของเขาแทบจะหยุดเต้น กับคนตรงหน้านอนหายใจรวยรินกับตามตัวที่เต็มไปด้วยเลือด “ใบข้าว ทำใจดี ๆ เอาไว้นะ ใครก็ได้เรียกลุงหมอมาที” ตะวันกอดใบข้าวแน่นพลางอุ้มไปวางบนเตียง หลีกทางให้คุณหมอประจำตัวของคุณกิตติช่วยดูอาการ
เวลาต่อมา
ตะวันพยายามถามการ์ดและคนใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ไม่ได้รับคำตอบใด ๆ จึงไปถามจากคุณกิตติว่าไม่มีใครได้ยินเสียงร้องหรือเข้าไปดูอาการของใบข้าวเลยเหรอถึงปล่อยให้เป็นแบบนี้ ตะวันมองคุณกิตตินิ่ง เมื่อได้ยินว่าทุกคนบอกว่าไม่ได้ยินเสียงร้องหรืออะไรทั้งนั้น เพราะต้องไปทำงานของตัวเอง ส่วนการ์ดก็เพิ่งให้มายืนเมื่อ 5 นาทีที่แล้ว ตะวันได้ยินดังกล่าวนั้นจึงพยักหน้าตอบแล้วขอตัวกลับก่อน เพราะมีธุระด่วน
ระหว่างที่เดินออกไปป้ากลิ่นแอบเดินไปหาตะวันยื่นกระดาษใส่ไว้ในมือตะวันแล้วหลบไม่ให้ใครเห็น ตะวันจึงรีบขับรถออกไปโดยเร็ว เมื่อพ้นบ้านบดินศราลักษณ์ จึงหยุดรถ เปิดกระดาษอ่านข้อความที่ป้ากลิ่นให้ไว้
(คุณหนูถูกคุณท่านขังเอาไว้ ไม่ให้ออกมาพบคุณและคุณภัทร) มือค่อย ๆ กำกระดาษไว้แน่น เมื่อนึกถึงลุงหมอบอกกับเขาว่าใบข้าวร่างกายและจิตใจบอบช้ำมาก ช่วงนี้อย่าให้มีอะไรมากระทบจิตใจอีก ลุงกลัวว่า.... คุณใบข้าวจะทนไหวแล้ว.......) ตะวันส่ายหัวพลางเอามือตุบพวงมะลัยด้วยความโกรธที่เขาไม่สามารถช่วยอะไรใบข้าวได้เลย เขาจะทำอย่างไงดี อย่างน้อย ใช่ อย่างน้อยเขาต้องอะไรซักอย่าง “ใบข้าวรอกูก่อนนะ” เมื่อถึงบ้านจึงรีบเดินไปหาคนที่เขารักที่สุด “คุณพ่อ คุณแม่ ครับ ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย”
To Be Continued