“นี่ผมเป็นนักสืบนะคุณไม่ใช่มือปืน ทำไมถึงให้ผมทำอะไรแบบนี้”เสียงทุ้มบอกว่าเป็นผู้ชายโวยวายอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล แต่ก็ดังพอจะฟังรู้ว่ากำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่
“ชั้นเป็นนายจ้าง สั่งอะไรแกก็ต้องทำ ยังไงแกก็ทำลงไปแล้วจะมาบ่นตอนนี้มันไม่สายไปหรือไง”เสียงผู้หญิงอีกคนแว๊ดกลับเสียงดัง
“พี่พอเถอะ เดี๋ยวข้างบ้านก็ได้ยินได้ซวยกันหมดพอดี”ชายอีกคนพูดออกมาเสียงเบาที่สุดเกรงกลัวสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้
อดุลย์กระพริบตาถี่ปรับสายตากับความมืดที่รายล้อมอยู่รอบตัว ความปวดหนึบที่ใบหน้าด้านขวากับที่หลังคอทำให้ระลึกถึงเหตุการณ์น่ากลัวที่พึ่งผ่านมา
ตอนกำลังเดินกลับจากบ้านของทานตะวันที่อยู่ในหมู่บ้านจัดสรรขนาดกลาง รถของหญิงสาวน่ากลัวที่เคยทำร้ายตัวเองก็มาจอดเทียบเคียงพร้อมกันตะโกนเรียกอดุลย์เสียงดังอย่างโกรธเกลียด
ถึงจะรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยแต่อดุลย์ก็หนีออกไปจากตรงนั้นไม่ทัน ในขณะที่กำลังก้าวเท้าจะถอยหลังหันตัวกลับก็โดนกระชากเข้าที่คอเสื้อจนรั้งคอขาวของตัวเอง คนที่เป็นคนดึงเป็นผู้ชายดูมีอายุคนหนึ่งที่เขาเคยเห็นหน้าตาอยู่บ้าง ถ้าจำไม่ผิดเป็นผู้บริหารระดับล่างในส่วนของโรงแรม ได้คลุกคลีกับพนักงานธรรมดาอย่างเขาบ้างแต่ไม่เคยได้คุยกันส่วนตัว
การิน...
ดวงตาโตเบิกกว้างเมื่อเห็นคนที่จับตัวเองไว้ หางตาเห็นผู้หญิงหน้าตาขึงโกรธก้าวเท้าลงมาจากรถ ดวงตาของอดุลย์สบเข้ากับดวงตาของนลินที่มีแค่ความเกลียดชังคนตรงหน้า
ไม่ทันทีได้พูดอะไรก็โดนมือเรียวสวยของอีกฝ่ายกระทบที่หน้าอย่างแรงจนรู้สึกเหมือนหัวจะหลุดจากตัว ตาเบลอมองไม่ชัดและไม่ทันได้ตั้งตัวก็โดนทุบอีกครั้งที่หลังศรีษะก่อนที่สติจะดับวูบไปทันที
อดุลย์นึกถึงเรื่องที่พึ่งเกิด กระพริบถี่ๆอีกครั้งก่อนจะหันหน้าไปมามองสิ่งรอบตัวทันทีที่สายตาพอจะชินกับความมืด
รอบตัวเขาตอนนี้เป็นห้องรับแขกเล็กๆธรรมดาๆของบ้านหลังหนึ่ง มีโซฟาตัวใหญ่ที่เขานอนสลบอยู่ข้างๆและทีวีเครื่องใหญ่ตั้งอยู่ตรงข้าม ข้างกันเป็นโทรศัพท์บ้านที่ตั้งอยู่
ราวกับเห็นทางออก อดุลย์พยายามขยับตัวไปที่โทรศัพท์แต่ก็ยากลำบาก
“...อ๊ะ...โอ้ย”ร้องครางเสียงเบา เมื่อความเจ็บปราดเข้ามาทันทีที่ขยับตัว แถมยังขยับตัวไม่ได้ถนัดด้วยถูกเชือกไนลอนมัดมือไว้ แล้วจากสติที่พอนึกออกว่าถูกทำร้ายสองทีก็คงจะไม่ใช่ เพราะรู้สึกเจ็บปวดตามตัวไปหมด ไม่รู้ว่าหลังจากเขาสลบถูกมือถูกเท้าอีกฝ่ายไปมากขนาดไหน
อดุลย์พยายามคลานตัวเองไปเบาๆเรื่อยๆ จนมาถึงที่ที่หมาย ก่อนจะกัดฝันทนความเจ็บช่วงท้องยกเท้าที่เป็นอิสระหนีบที่หูโทรศัพท์แล้วยกขึ้นจนสำเร็จ ก่อนที่จะเริ่มเกร็งเท้าของตัวเองกดเลขหมายที่จำได้ขึ้นใจ แล้วกลับตัวนอนราบกับพื้นเอาหูแนบหูฟังโทรศัพท์ฟังสัญญาณรอสาย
ปึ่ง ปึ่ง
เสียงฝีเท้าของคนเดินดูเหมือนจะใกล้เข้ามาจนน่ากังวล เหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผากนวลเพราะความกลัว เสียงรอสายจากปลายสายยังคงดังอยู่อย่างต่อเนื่อง
“รับสิตะวัน...ช่วยพ่อด้วย...”พึมพร่ำในลำคอ ภาวนาให้ลูกชายรับโทรศัพท์เบอร์แปลกเบอร์นี้เสียที
“มันจะตื่นหรือยัง”เสียงหญิงสาวสวยแต่น่ากลัวในความคิดของอดุลย์ดังอยู่หลังกำแพงที่กั้นห้องที่เขาอยู่ไว้ ร่างบางสะดุ้งตัวโยนเมื่อได้ยินเสียง ตัดสินใจใช้เท้ากดโทรออกอีกหนึ่งรอบแล้วคลานกลับไปที่ที่ตัวเองอยู่ในตอนแรก
พอดีกับแสงไฟที่เปิดพรึ่บ ห้องสว่างจ้าทันทีจนต้องหรี่ตา
“แก!!”เหมือนเป็นคนที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ ทันทีที่เห็นหน้าของอดุลย์หญิงสาวคนเดียวก็แทบจะวิ่งเข้ามาทำร้ายคนที่ถูกมัดอีกครั้ง อดุลย์เห็นท่าทีของนลินก็งอตัวทำตัวคุดคู้กลัวจะโดนทำร้าย พร้อมร้องโอดโอยเนื่องจากความบอกช้ำจากแผลเก่า
คนที่เข้ามาใหม่มีสามคน สองคนคือคนที่เขาเห็นก่อนที่หมดสติส่วนอีกคนเป็นผู้ชายอายุไม่มากเท่าไร แต่ดูน่ากลัวที่สุดคงเป็นเพราะรูปร่างที่ใหญ่กว่าทุกคน มือของผู้ชายคนนั้นก็แทบจะเท่าใบลาน ถ้าโดนฟาดทีเดียวเขาคงแย่ ขนาดมือของนลินยังทำให้เขาถึงกับสลบถ้าโดนมือคู่นั้นเขาคงรอดยากแน่
“พี่!! คุมสติหน่อย แค่นี้มันก็ปางตายแล้ว”การินตะโกนบอกพี่สาวท่ามกลางสีหน้าเหนื่อยหน่ายของผู้ชายอีกคน
“ตายซิดี ตายไปเลย!!”ความโกรธเกรี้ยวของคนตรงหน้าทำเอาขนลุกเกรียว ไม่แม้แต่อดุลย์แต่การินผู้เป็นน้องยังรู้สึกกลัว พี่สาวของเขาดูผิดปรกติมากขึ้นไปทุกทีตั้งแต่รู้เรื่องราวว่ารพี...สามีของพี่มีลูกชายแท้ๆอายุสิบห้าโผล่ออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้
แถมภาพข่าวเมื่อกลางวันที่เธอคงดูออกว่าชายหนุ่มในรูปเป็นใครยิ่งโกรธแค้นหนักขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว
“มันเป็นใคร กล้าดียังไง แกเห็นมันแกเห็นซันในรูปมั้ย มีความสุขแบบนั้นกับมันเนี่ยนะ!! ชั้นไม่ยอม!!”การินอยากตอบพี่สาวใจแทบขาดว่าเอาตาส่วนไหนบอกว่ารพีในรูปมีความสุข เพราะรูปมองยังไงก็เห็นแค่เสี้ยวหน้าของรพีเท่านั้น
“พอแล้วน่าพี่!!”การินตวาดอย่างเหลืออด ผลักพี่สาวร่างบางไปล้มจุกอยู่ที่โซฟาแต่คนพี่ไม่วายใช้เท้าพยายามทำร้ายอดุลย์อยู่ดี
“พวกคุณต้องการอะไร...จับผมมาทำไม”อดุลย์ถามแทรกเสียงสั่น แอบเงยหน้าลอบมองหน้าทุกคนให้ได้มากที่สุดๆทั้งๆที่กลัวจนตัวสั่นแต่พยายามจะหาทางรอดให้ได้
“หุบปาก!! ทำไมแกนี่ชอบแส่จริงนะ!! คราวก่อนชั้นน่าจะตบให้ตายๆไปซะ ถ้ารู้ว่าแกคือคนของซันชั้นไม่ปล่อยแกไว้แน่!!”หญิงสาวนึกเกลียดชัง คราวก่อนที่เจอกันนึกว่าเป็นคนใช้ธรรมดา ใครจะไปนึกไปฝันว่าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของตัวเองจะไปยุ่งกับของผิดแปลกแบบนี้
“ผมไม่ยุ่งหละ ไม่ใช่เรื่องของผมแท้ๆ คราวหลังถ้าไม่เกี่ยวกับเรื่องสืบข่าวไม่ต้องเรียกหาผม แต่ผมว่าอย่าได้มีคราวหน้าดีกว่า”ผู้ชายตัวใหญ่สุดในห้องเอ่ยปากแล้วเดินออกไป ทิ้งให้นลินแหกปากโวยวายเรียกให้กลับมาอย่างอารมเสีย
เห็นแบบนั้นก็ทำให้อดุลย์ลอบถอนหายใจทิ้งออกมาแบบโล่งใจ ในใจเขากลัวผู้ชายคนนั้นมากที่สุดรองจากนลิน
“โอ้ยยย พี่เงียบทีเถอะ ชั้นไม่อยากให้ข้างบ้านมันด่า”
“สรุปพวกคุณจับผมมาทำไม ทำแบบนี้มันผิดกฎหมายนะ”อดุลย์เริ่มใจกล้าที่จะพูดขู่กลับ
“เฮอะ!! กฎหมายอะไรจะมาช่วยแกได้อีตุ๊ด!!”
“พ...พอเถอะพี่”การินห้ามเสียงสั่นขึ้นเล็กน้อย พอโดนอดุลย์พูดขู่ถึงตำรวจก็เกิดอาการเกิดขึ้นมา การินเป็นพวกขี้กลัวและค่อนข้างจะไม่ชอบทำอะไรให้ตัวเดือดร้อน แต่ที่ทำทุกอย่างลงไปก็เพราะพี่สาวเป็นคนสั่ง พี่สาวที่มีพระคุณกับเขามากที่สุดการินเลยปฏิเสธไม่ได้แม้ไม่อยากจะทำก็ตามที
“ที่จริงพวกเราอยากจะคุยกับนายดีๆ...ต...แต่ขอโทษนะที่พี่สาวชั้นทำร้ายนาย นายอย่าเอาเรื่องพวกชั้นเลยนะ”ว่าอย่างเห็นแก่ตัวท่ามกลางเสียงโวยวายของนลินที่ถูกน้องชายกดไหล่ให้นั่งอยู่เฉยๆ
“ค..คุยอะไร...ผมไม่มีอะไรต้องคุยกับพวกคุณ”
“นายกับคุณรพีเป็นอะไรกัน”สิ้นคำถามของการินทำให้อดุลย์นิ่งไป พอคิดตามคำถามก็เกิดความว่างเปล่าในหัว เขาก็คิดเพียงแต่ว่าเขาเป็นเพียงคนอาศัย แต่สาเหตุที่โดนจับมาเพราะรูปบ้าๆใบนั้น พยายามคิดหาคำตอบที่ดีที่สุดแต่ก็คิดไม่ออก
“ตอบซิ!! ตอบ!!”
“เห้ยพี่อย่า!!”การินตะโกนร้องห้ามเสียงดังเมื่อเห็นในมือเรียวของพี่สาวกำแจกันเซรามิคใบย่อมไว้ในมือ หมายจะขว้างใส่คนที่อึกอักไม่ยอมตอบคำถามที่ต้องการจะรู้
“...ผม...เป็น...เป็นเมีย...ผมเป็นเมียคุณรพี!!!”อดุลย์โพล่งตอบไปเสียดังกว่าที่เคย พลางจ้องมองกลับด้วยสายตาที่เหนือกว่าอีกฝ่ายราวยั่วยุ รอยยิ้มที่เคยแต่เผยยิ้มหวานบัดนี้มีแค่ยิ้มเพียงมุมปากด้วยสายมาพร้อมกับเสียงหัวเราะเยาะในลำคอ
“แกกกกกกกกกก!!!”ราวกับเส้นด้ายที่ขึงแน่นขาดผึงในทันที นลินตวาดเสียงดังก่อนจะเกิดเสียงเพล้ง!! การินหลับตาปี๋กลัวเหตุการณ์ตรงหน้า แต่ก็ไม่ลืมโผเข้าไปกอดรัดควบคุมตัวของพี่สาวให้อยู่กับที
ผ่านไปไม่กี่วินาทีการินตัดสินใจลืมตามองแล้วหันไปที่คนถูกทำร้ายก่อนจะถอนหายใจโล่งอกที่เศษแจกันแตกอยู่ใกล้ๆอดุลย์ โชคดีที่นลินเขวี้ยงพลาด ไม่อย่างนั้นจากคดีเล็กๆคงกลายเป็นคดีฆาตกรรม
อนาคตเขาคงย่อยยับแน่ๆ...
“ฮึก...ฮึก..ฮือ...กาน แก...แกดูมันบอกชั้น...ฮึก...มันบอกมันเป็นเมียซัน...ฮึก แปลว่า...ฮึกตลอดมา..ฮึก ที่เขาไม่เคยรักชั้นเพราะเขาไม่ชอบผู้หญิงเหรอกาน...ฮึก...ฮืออออ”จากเสียงแว๊ดโวยวายแปรเปลี่ยนเป็นเสียงสะอื้นอย่างน่าสงสาร หญิงสาวร้องไห้น้ำตาไหลรินจนหน้าขาวเปรอะเปื้อนด้วยสีดำของเครื่องสำอางที่ทาไว้ใต้ตา แต่เจ้าของใบหน้าก็ไม่ได้สนใจ เอาแต่ร้องไห้ปานจะขาดใจ ซบลงที่อกแบนราบของน้องชาย
การินไล่ลูบผมยาวของพี่สาวด้วยความเห็นใจ เขาไม่รู้หรอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างพี่กับสามีเป็นยังไง แต่ช่วงแรกที่แต่งงานพี่ดูมีความสุข ก่อนที่แทบจะเหมือนคนบ้าคลั่งรักอย่างทุกวันนี้
อดุลย์ไม่ได้มีเวลามามองหรือสนใจคนที่ร้องไห้เป็นเผาเต่า เมื่อครู่ที่แกล้งกวนอารมณ์ของนลินเพราะเห็นอาวุธในมือของนลิน ใช้ความโกรธของอีกฝ่ายให้เป็นประโยชน์แล้วค่อยเสี่ยงดวงเอาว่าจะหลบแจกันนั้นได้หรือเปล่า และเหมือนโชคเข้าข้างอดุลย์แทบไม่ต้องหลบเพราะนลินปามามั่วๆ
เขาค่อยๆขยับมือที่ถูกมัดไขว้หลังไปหยิบเศษแก้วใกล้ๆตัว ปากบางขบกัดกลั้นไม่ให้เสียงของความเจ็บหลุดรอดเมื่อนิ้วบางถูกจิ้มด้วยเศษคมที่มองไม่เห็น แต่ก็กลั้นใจหยิบเศษแตกที่ทิ่มนิ้วมากำไว้ทั้งมือ
เชือกที่ถูกมัดไว้ค่อยๆหลุดไปทีละเส้นทีละเส้นจนมือบางเป็นอิสระ ตาโตสอดส่ายรอจังหวะดีๆที่จะวิ่งหนี แต่ความจุกเสียดที่ท้องก็เหมือนไม่เป็นใจ ขยับตัวแค่เพียงนิดหน่อยก็ร้าวถึงกระดูก
“เขาหลอกชั้น...เขาหลอกชั้นมาเป็นสิบปี...ฮึก..ฮือ...ทำไมกาน..ฮึก..ทำไมซันถึงมีเมียเป็นผู้ชาย..ฮือ”นลินยังคงพูดเพ้อถึงเรื่องอดีตที่ตรึงใจ ยิ่งคิดว่าถูกหลอกยิ่งร้องไห้ คำพูดกับรอยยิ้มเหยียดหยามของอดุลย์เมื่อครู่ยังคงไม่จางหายจากความทรงจำ
“เพราะเขาเป็นเกย์ไง นี่คุณไม่รู้เหรอ น่าสงสารจังเลยนะ”คำพูดเหมือนฝืนที่โยนเข้ากองไฟพร้อมกับกระพือลมพัดเข้าไปอีกรอบ นลินหันขวับไปที่คนพูด ใบหน้าน่าหมั่นไส้ที่ไม่น่าจะได้เห็นจากผู้ชายปรกติยิ่งตอกย้ำคำพูดของอีกฝ่ายได้อย่างดี
“อยู่กันมาตั้งนาน ไม่รู้เหรอว่าผัวของคุณเขาเอาผู้ชายไปทั่วนั้นแหละ คุณมันก็แค่ผู้หญิงโง่ๆที่ถูกหลอก น่าสมเพชนะต้องมาถูกเกย์หลอกมาแต่งงานเพื่อบังหน้า คุณรพีคงเห็นว่าคุณมันน่าโง่หลอกง่ายเลยใช้คุณให้เป็นประโยชน์ซินะ”เมื่อเลือกจะเริ่มโกหกคำโตแต่แรกก็ต้องโกหกไปให้ถึงที่สุด ใบหน้าที่เขาเองก็ไม่เคยคิดว่าจะทำได้ก็ทำ เสียงหัวเราะที่เคยไม่ชอบเพราะเป็นเสียงหัวเราะเวลามีคนมาเหยียดเรื่องเพศของเขาแต่ตอนนี้เขากลับทำมันอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
“หุบปาก!!! หุบปากนะ!!!”นลินโวยวายเสียดังสะบัดตัวจนน้องชายที่นั่งข้างๆกระเด็นออกจากโซฟา
“หึ...รับความจริงไม่ได้เหรอ...เอาเถอะไหนๆก็ไหนๆแล้วผมจะบอกให้เอาบุญอีกอย่าง”อดุลย์ว่าเสียงเย็น นึกในใจขออโหสิกรรมในสิ่งที่จะพูดออกไปต่อจากนี้ เขาไม่ได้ตั้งใจจะใส่ร้ายใครจริงๆ
“...น้องชายคุณน่ะ ก็เป็นเมียผัวของคุณ คุณไม่รู้จริงๆเหรอ เขารู้กันทั้งบริษัทแล้วนะ!!”
••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
กริ๊งงง กริ๊งงง
“สวัสดีค่ะ บ้านเรืองรัตนโยดมค่ะ”
“พี่ป่าน”เสียงปลายสายพูดขึ้นมาทำให้คนที่รับโทรศัพท์เบิกตาโตกว้างก่อนจะตะโกนลั่นบ้าน
“คุณหนูตะวัน!!”คนที่นั่งอยู่แถวนั้นหันมามองคนที่รับโทรศัพท์ แม้เวลาจะดึกดื่นเกือบจะเข้าวันใหม่เข้าไปทุกทีแค่ไหนก็ตาม แต่คนในบ้านยังคงรวมตัวกันอยู่ในบ้านหลังใหญ่
“ตะวันหรือ ตะวันหรือป่าน”เสียงร้อนล้นของศูรที่ผุดลุกขึ้นทันทีเดินจ้ำเข้ามาหาสาวใช้ที่พยักหน้าตอบ
“ตะวัน! ปู่เองนะ”
“...ครับ...”ตะวันรับเสียงอ่อยได้ยินเสียงอีกฝ่ายที่แสดงความห่วงใยก็รู้สึกแย่กับตัวเอง
“ตะวันอยู่ไหน ปลอดภัยดีหรือเปล่า”ศูรถามขณะเดียวกับร่างสูงของรพีเดินมาเทียบเคียงข้างๆ รอรู้เรื่องราวของตะวันด้วยอีกคน
“ตะวันอยู่บ้านเพื่อนครับ...พ่อ...พ่อปิงปองอยู่มั้ยครับ ตะวันขอคุยกับพ่อหน่อย”เพราะโทรไปไม่มีคนรับ ตะวันเลยโทรเข้ามาที่บ้านแทน
“อดุลย์ยังไม่กลับมาเลย เขาออกไปตามตะวันอยู่ข้างนอก”คิ้วเข้มของเด็กชายเลิกขึ้น
“ก็ตอนหัวค่ำพ่อมาหาตะวันแล้วก็กลับไปนานแล้วนะครับ”
“อ้าว...แล้วอดุลย์หายไปไหน”รพีหายใจสะดุดเมื่อบทสนทนามีชื่อของคนที่ตัวเองก็คอยชะเง้อมองว่าเมื่อไรจะเดินเข้ามาในบ้านตลอด แล้วในบทสนทนาดูเหมือนว่าคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไร รพีเลยขอคุยกับตะวันเองศูรจึงยกหูโทรศัพท์ให้
“ตะวัน...”
“...ครับพ่อ”
“อยู่ไหน...ทำไมทำตัวแบบนี้ มีอะไรทำไมไม่มาคุยกันให้เรียบร้อย หนีไปแบบนี้เดือดร้อนกันไปทั่วไม่รู้เหรอ”เสียงเข้มดุลูกชาย ตะวันรับคำเสียงหง่อยแม้จะไม่รู้สึกผิดกับรพีมากนักแต่ก็ไม่อยากเถียงเพราะเขาทำเรื่องวุ่นวายเองจริงๆ
“เดี๋ยวผมกลับพรุ่งนี้ครับ...ถ้าพ่อปิงปองมาให้โทรกลับหาตะวันด้วยนะครับ”
“...เขาออกไปตั้งแต่กลางวัน ยังไม่ติดต่อมาเลย”รพีบอกเสียงเครียด นึกถึงตอนที่ทะเลาะกันแล้วก็ขัดใจปนน้อยใจอีกฝ่ายจนได้แต่รอทั้งคนพ่อและคนลูกอยู่แบบนี้ไม่ยอมโทรหาตามให้กลับ
“ก็พ่อเขามาผมที่นี่แล้วตั้งแต่หัวค่ำ น่าจะถึงที่บ้านนานแล้วนะครับ”
“โทรหาไม่ติด?”
“ครับ...พ่อไม่รับ”รพีเริ่มตงิดในใจ เรื่องราวเริ่มไม่น่าไว้ใจขึ้นมาทันที
“เขากลับบ้านเดิมหรือเปล่า โทรไปหรือยัง”
“ที่บ้านเก่าไม่มีโทรศัพท์แล้วครับ...เดี๋ยวนะครับพ่อมีเบอร์แปลกโทรมาสองแล้วรอบอาจแล้วจะเป็นพ่อปิงปอง”ปลายสายว่าแบบนั้นก่อนจะกดพักสายให้เขาได้ยินเสียงดนตรีที่คงจะมีเจตนาให้ฟังฆ่าเวลาระหว่างรอ แต่ใช้ไม่ได้กับรพีตอนนี้
ร่างสูงรู้สึกเป็นกังวลมากอย่างไม่รู้สาเหตุ อดุลย์จะโกรธเขามากจนไม่อยากกลับบ้านหลังนี้หรือเปล่า...แล้วถ้าเป็นแบบนั้น ถ้าอดุลย์ออกจากบ้านหลังนี้ไปจริงๆ
คำขู่...
คำขู่ที่เขาเคยขู่กับอดุลย์ไว้...เขาจะทำได้อย่างที่เคยเอ่ยปากหรือเปล่า ตอนนี้...เขาจะทำร้ายอดุลแบบนั้นได้อีกหรือเปล่า
รพีเองก็ยังไม่รู้เลย
คิดอะไรเพลินๆกดเสียงติ๊ดดังขึ้นในหู ร่างสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะสะดุ้งแรงขึ้นเมื่อปลายสายตะโกนเข้ามาด้วยน้ำเสียงร้อนลน
“พ่อ!! พ่อครับ ช่วยด้วย ช่วยพ่อปิงปองด้วย!! มีเบอร์โทรเข้ามา มีเสียงเหมือนพ่อโดนทำร้าย!! ช่วยพ่อด้วย ช่วยพ่อของตะวันด้วย!!”